Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Because you're my love. (UP! Special4 P.5) [10/02/2014]<< END ย้ายได้เลยค่ะ  (อ่าน 67884 ครั้ง)

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2014 19:23:03 โดย bjinkn »

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 1) [04/03/2013]
«ตอบ #1 เมื่อ04-03-2013 12:56:44 »

สวัสดีค่ะ   แนะนำตัวนิดนึง  ชื่อ  แคนตาลูป  หรือเรียกว่า แคน ก็ได้ค่ะ

เห็นบอร์ดนี้มาก็นาน แต่เพิ่งสมัครยูสเป็นตัวเป็นตนก็คร่าวนี้เอง  หากมีอะไรผิดพลาด บอกได้เลยนะคะ

นิยายเรื่องนี้  เราแต่งลงในเด็กดี  เลยจะเอามาลงที่นี่ด้วย   

และเนื่องจากนี่เป็นเรื่องแรกที่แต่ง และยังไม่ได้รีไรท์ใหม่  หากภาษาไม่สวย บรรยายไม่ดี ก็ขอโทษด้วยนะคะ  :monkeysad:

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

คำเตือน

1.นิยายเรื่องนี้ แต่งด้วยอารมณ์และจินตนาการล้วนๆ  ดังนั้นโปรดอย่าถามหาหลักความเป็นจริงของมนุษย์จากนิยายเรื่องนี้เลย
2.นิยายเรื่องนี้ มีอีโมติค่อนเยอะพอสมควร เพราะช่วงที่แต่ง กำลังติดนิยายแจ่มใสพอดี  หากทำให้เกิดความรำคาญก็ขออภัย ไว้รีไรท์ใหม่ จะลบออกค่ะ
3.คนเขียนโรคจิต ชอบทรมาณตัวละครนิดหน่อย อย่าถือสา
4.หากเคยอ่านนิยายเรื่องนี้จากในเด็กดีแล้ว ก็อ่านใหม่ได้ โพสติติงแนะนำใหม่ได้ค่ะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 1 เพื่อน...




“เวรแล้วไง”
 
เสียงรื้อค้นกระเป๋านักเรียนเหมือนคว้านหาอะไรบางอย่างดังแต่ก็ยังหาไม่เจอสักที
 
“เอ้า”
 
“ขอบใจนะ ไผ่ นายเนี่ย รู้ใจฉันจังเลย ^^”
 
ผมส่งปากกาให้เซนเพื่อนสนิทของผม  เราทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาล  สาเหตุเพราะพ่อและแม่ของผมทำงานจนแทบจะไม่มีเวลาดูแล  มีแต่เซนซึ่งอยู่ข้างบ้านผมนี่แหละที่เป็นเพื่อนเล่น  อีกทั้งพวกเรายังอยู่โรงเรียนละห้องเดียวกันมาตลอด  (แน่นอนว่าคนเขียนต้องการเช่นนั้น)  เลยทำให้สนิทกันมากกว่าเดิม
 
“ว่าแต่นายพกมาสองเล่มอีกแล้วเหรอ”
 
“ก็เพราะฉันรู้น่ะสิว่านายจะลืม”
 
“เหอๆ”
 
และเพราะด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตลอด  ผมเลยรู้ว่าเซนนั้นเป็นพวกขี้ลืม(อุปกรณ์การเรียน)  ลืมได้ลืมดีตั้งแต่ดินสอ ยางลบจนไปถึงหนังสือเรียน (วันๆกระเป๋าแกใส่อะไรมามั่งฟระ - -*)  ผมซึ่งนั่งใกล้เซนจึงต้องให้ยืมมาตลอด จนขึ้นชั้นมัธยมต้นผมจึงตัดสินใจว่าต่อจากนี้ไปผมจะพกของพวกนี้ไว้อย่างล่ะสองชิ้น  อ้อ  ยกเว้นหนังสือเรียนนะไม่งั้นกระเป๋าผมคงจะหนักหลายกิโล -*-
 
“นายพกมาแบบนี้ทุกวันไม่หนักบ้างรึไง”
 
ดูมันถาม... - -*
 
“ก็จนกว่านายจะเอาเจ้าพวกนี้มานั่นล่ะ”
 
“ง่า...เค้าขอโต๊ด =_=   ต่อไปเค้าจามะลืมแย้ว อย่างอนเค้าน้า~”
 
“พอเลย  เลิกทำเสียงบ้าๆแบบนั้นสักทีเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะคิดว่านายเป็นกระเทยถึก”
 
“= O =”
 
“เอ๊ะ รึว่านายเป็นจริงๆ?”
 
“เฮ้ย จะบ้าเรอะ  ไผ่ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วนา  ฉันไม่ใช่กระเทยยยยยยย”
 
“คร้าบ คร้าบ ไม่เป็นน่ะดีแล้วเพราะถึงเป็น  ก็คงไม่มีใครเค้าเอากระเทยแรงควายแบบนายแน่ๆ”
 
“อ้ากกกกกกกก  เจ้าไผ่ มาให้เซนสุดหล่อคนนี้ลงทัณฑ์ซะดีๆ”
 
ว่าแล้วเซนก็เอาแขนมาล็อคคอพร้อมกับเอามือมายีหัวผม  ไม่นะ  อย่าเข้ามาใกล้ขนาดนี้นะ  ไม่งั้น...
 
ตึกตัก  ตึกตัก  ตึกตัก
 
แย่ล่ะ  เสียงหัวใจผมเต้นแรงเหลือเกินขืนปล่อยไว้ยั่งนี้เซนต้องสงสัยแน่  ผมรวบรวมกำลังผลักเซนออกไปพร้อมกับถอยห่าง
 
“อ่ะ  โทษทีนะไผ่  สงสัยฉันคงจะแกล้งนายมาก...เป็นไรป่าวเนี่ย  หน้านายดูแดงๆนะ”
 
“เอ่อ...ปล่าว  ไม่มีอะไร  ก็แค่นายทำเอาฉันหายใจไม่ออกน่ะ”
 
“งั้นเหรอ  โทษนะ”
 
“ไม่เป็นไร  อาจารย์ใกล้เข้าแล้ว  นั่งเถอะ”
 
ผมนั่งลงที่เก้าอี้และกำลังสงบใจ...ทั้งหมดเป็นเพราะเซนทำบ้าๆ  ผมเลยต้องลำบากแบบนี้ไง  ตอนนี้ผมคงไม่สามารถหยอกล้อกับเซนแบบเมื่อกี้ได้อีกแล้ว  หัวใจผมเต้นแรงทุกครั้งที่เซนอยู่ใกล้ๆผม  ตอนนี้ผมคิดกับเพื่อนสนิทอย่างเซนแตกต่างไปจากเมื่อก่อน  และผมเองก็ไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้ใจตัวเองเหมือนในละครน้ำเน่าหลังข่าว  ผม...ชอบเซน  แน่นอนว่าเป็นการแอบชอบข้างเดียว  ผมรู้ว่าเซนยังไม่มีแฟนแต่ผมก็ไม่รู้ว่าเซนชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย  ถ้าหากผมบอกกับเซน  และเซนไม่ได้คิดแบบนั้นกับผม  นั่นเท่ากับว่าความสัมพันธ์ของพวกเราจะต้องพังทลายลงทันที  และคงเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก  ผมกลัวที่จะเป็นแบบนั้น  จึงเก็บความรู้สึกพวกนั้นไว้  รักษาความสัมพันธ์เช่นนั้นตลอดไป  เพราะว่าพวกเรา....เป็นเพื่อนกัน
...
 
คาบเรียนที่หน้าเบื่อของวันนี้จบลงแล้ว  ผมกับเซนเตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้าน
 
“เซน”
 
“หือ  อะไรเหรอ?”
 
“นายคิดรึยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน”
 
“ยังอ่ะ  จะรีบคิดไปไหนกันยังอีกตั้งปี พวกเราเพิ่ง ม.5 เองนา”
 
“นายนี่ไม่ทุกข์ไม่ร้อนเลยวุ้ย”
 
“เอาน่ะ  นายเก่งนี่  ไงๆก็คงผ่านสบายๆอยู่แล้ว อย่าเพิ่งเครียดเลยเดี๋ยวหน้าตาน่ารักของนายจะแก่เร็วซะก่อนนา >v<”
 
“- -*”
 
“อ่าว  ไมทำหน้างั้นอ่ะ”
 
“ชมว่าน่ารักนี่....ควรจะดีใจดีไหมเนี่ย”
 
“ฮ่าๆ  ก็หน้านายกับทรงผมแบบนี้  เหมือนพวกนักร้องเกาหลีที่สาวๆเขากรี๊ดกันนี่หว่า  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นายเป็นคนเกาหลีนะ  คงจะอัปลักษณ์แน่ๆ”
 
“ขอบใจ - -*”
 
“หน้าบูดอีกแล้ว  น่ากัวอ่า >O<”
 
“ช่างเถอะ - -  รีบกลับบ้านดีกว่าเดี๋ยวฉันไปทำงานพิเศษสาย”
 
“งานล้างจานอ่ะเหรอ”
 
“อืม”
 
“นายจะทำทำไมเนี่ย  ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
 
“ก็แค่อยู่ว่างๆแล้วมันเบื่อนี่นา”
 
“ถึงงั้นก็เถอะ  หางานอื่นที่มันเข้าท่ากว่านี้หน่อยดิ =_=”
 
“อยู่แค่ ม.5 มีสิทธิ์เลือกงานเรอะ”
 
“ =_=”
 
เมื่อก่อนครอบครัวของผมอยู่ในฐานะค่อนข้างยากจน  ถึงแม้แม่จะเป็นคนเกาหลีแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินมากมาย
 
‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่”
 
นั่นเป็นประโยคที่ผมได้ยินทุกครั้งที่เจอหน้าพ่อกับแม่  ซึ่งไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่  เพราะต้องออกไปทำงานตอนเช้าก่อนที่ผมจะตื่นและกลับดึกทุกวันๆ  วันหยุดก็ยังทำงานเพื่อเก็บเงิน  ตอนนี้ฐานะครอบครัวของผมเริ่มดีขึ้น  แต่ถึงอย่างนั้นพวกท่านก็ยังทำงานหนักกันต่อไป  ทุกเช้าจะมีเงินค่าขนมวางไว้บนโต๊ะ  ผมเองก็อยากช่วยที่บ้านโดยการใช้จ่ายอย่างประหยัด เงินพวกนั้นจึงใช้จ่ายแค่ค่าข้าวเท่านั้น  และผมเองก็ทำงานตอนเช้ามืดเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์  (อันนี้เซนไม่รู้)  และตอนเย็นคืองานล้างจานอยู่หลังร้านอาหาร  เพื่อที่จะสะสมเงินเอาไว้เผื่อตอนฉุกเฉิน  ตอนนี้ในบัญชีของผมมียอดฝากอยู่มากถึงหกหลักแล้ว  และอีกเรื่องที่ผมต้องทำเพื่อไม่ได้พ่อกับแม่ที่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันต้องวิตกกังวลคือเรื่องการเรียนของผม  ผมพยายามเรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆและได้ทุนเรียน พ่อกับแม่จะได้ไม่ต้องมากลุ้มใจเรื่องค่าเทอม
 
“ให้ฉันไปส่งถึงที่ทำงานป่าว”
 
“ไม่เป็นไร  นายเข้าบ้านเถอะ”
 
“เหรอ  ถ้างั้นกลับถึงบ้านแล้วตะโกนเรียกด้วยนา ^^”
 
“เพื่อ?”
 
“ว่าจะให้ช่วยการบ้านหน่อยนะ >,,<”
 
“- - …ก็ได้”
 
“เย้ >.<  แล้วเจอกันน้า”
 
เซนวิ่งเข้าบ้านไปอย่างหน้าระรื่น  เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่า  การกระทำของเขาทำให้ผมต้องเจ็บปวดขนาดไหน  เพราะว่า เซน คือเพื่อนของผม


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 1) [04/03/2013]
«ตอบ #2 เมื่อ04-03-2013 16:55:09 »

อีโมฯเยอะจริง ๆ

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 2) [04/03/2013]
«ตอบ #3 เมื่อ04-03-2013 17:35:12 »

ตอนที่ 2 เจ้าบ้าเซน


เมื่อเปิดประตูบ้านเข้ามาจะพบกันภาพที่เห็นจนชินตา  ภายในบ้านมืดสนิทปราศจากแสงไฟนีออน  ไร้ซึ่งเสียงใดๆนอกจากเสียงเข็มนาฬิกา  ผมอยู่และเติบโตมากับสภาพบ้านแบบนี้  หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่เป็นหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆที่อยู่ใกล้กับโคเรียทาวน์ (พ่อเจอกับแม่คงเพราะแบบนี้ละมั้ง)  ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปทำงานพิเศษที่ร้านอาหารในโคเรียทาวน์  ที่จริงงานล้างจานน่ะผมเลิกไปนานแล้วเพราะเจ้าของล้างให้ผมเป็นพนักงานเสริฟซึ่งรายได้ดีกว่าเพราะรูปร่างหน้าตา - -*   
 
“อ่าว  วันนี้มาเร็วนะไผ่”
 
เถ้าแก่ร้านอาหารรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์เอ๋ยทักเมื่อผมเข้ามาในร้าน
 
“วันนี้เลิกเร็วน่ะครับ  อ้อ เถ้าแก่ครับ”
 
“ว่าไง”
 
“วันนี้ขอผมเลิกงานเร็วสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ”
 
“ทำไมเหรอ”
 
“ช่วงนี้ใกล้ปิดเทอมแล้วเลยตั้งใจว่าจะติวหนังสือกับเพื่อนน่ะครับ”
 
“อืม  เอาอย่างนี้แล้วกันตั้งแต่วันนี้จนกว่าจะสอบเสร็จ  อนุญาตให้ไผ่เลิกงานก่อนได้ครึ่งชั่วโมงแล้วกัน”
 
“จะดีเหรอครับเถ้าแก่”
 
“ดีสิ  ตั้งใจอ่านหนังสอบสอบจะได้ทำงานดีๆ  อนุญาตให้ไผ่คนเดียวเพราะเห็นเป็นคนขยันหรอกนะ “
 
“ขอบคุณครับ”
               
“ชักอิจฉาพ่อแม่ของไผ่แล้วสิที่มีลูกดีๆแบบนี้ ^^”
 
“อ่าว  พูดงี้ได้ไงอ่ะ  พ่อ”  เสียงคุ้นหูดังขึ้น  ปรากฏร่างสูงโปรงของลูกชายเถ้าแก่ที่เปิดประตูร้านเข้ามาได้ยินเข้าพอดี
 
“กลับมาแล้วเหรอ แทมิน”
 
“ถ้าไม่กลับมาแล้วพ่อจะเห็นผมเรอะไง”
 
“เอ๊ะ  ไอ้นี่กวนบาทาจริงจะไปไหนก็ไปเลยไป”
 
“ไม่เอาผมจะอยู่กับไผ่...เนอะ”
 
มือของพี่แทมินวางบนไหล่ของผมแล้วหันมาขอความเห็น
 
“...”
 
“เนอะ!”  แทมินทำเสียงสูงกว่าเดิม
 
“อะ..อืม”
 
“ฮะๆๆ  ได้ยินยังพ่อ”
 
พี่แทมิน  รึก็คือ  ยู  แทมิน  เป็นลูกชายคนเดียวของเถ้าแก่  ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่มหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร  รู้สึกว่าจะอยู่ชั้นปีที่  2  คณะศิลปะศาสตร์  เอกภาษาเกาหลี  ผมกับพี่แทมิน  (ถึงอีกฝ่ายอยากจะให้ผมเรียกเขาว่า  ฮยอง  ก็เถอะ  =_=)
 
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม  งั้นไปทำงานเถอะ”
 
“ครับ”
 
ว่าแล้วเถ้าแก่  (ที่ดูเหมือนคนจีนมากกว่าคนเกาหลี)  ก็เดินกลับไปนั่งที่เคาเตอร์  ส่วนผมเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเป็นชุดพนักงานจากนั้นจึงเริ่มทำงานเสริฟอาหารให้แขกภายในร้าน
 
“เห็นว่าวันนี้ไผ่จะกลับก่อนใช่ไหม  มีอะไรรึป่าว”  พี่แทมินเปิดบทสนทนา
 
“ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วครับก็เลยตั้งใจว่าจะติวหนังสือกับเซน”
 
“ให้ฮยองช่วยมะ”
 
“ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่อยากรบกวนพี่แทมิน”
 
“รบกวนอะไรกัน  ไผ่ก็น้องชายคนนึงเลยนา  เพราะงั้นไม่คิดอย่างนั้นแน่นอน”
 
“แต่ว่า...”
 
“ไม่มีต่งและไม่มีแต่  รู้ไหมว่าเกรงใจมากเกินไปมันไม่ดี”
 
“แต่...”
 
“หยุด”
 
“....”
 
“เป็นอันตกลงนะ  ติวกันเมื่อไหร่ก็บอกล่ะเดี๋ยวจะช่วย  แต่วันนี้บังเอิญฮยองมีงานเพราะงั้นขอบาย  T^T”
 
“ครับ”
 
“อีกอย่างนะ  อย่าไปเข้าใกล้เจ้าเซนมากนักล่ะ”
 
“ทำไมล่ะครับ”
 
“ก็....หวงไง  หวงน่ะ  แบบที่พี่ชายหวงน้องชายนั่นแหล่ะ  ใช่ๆมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ”
 
“?????????”
 
ตั้งแต่ผมเกิดมามันมีแต่คำว่า  พี่ชายหวงน้องสาวไม่ใช่เรอะ
 
...
 
ผมได้เลิกงานก่อนครึ่งชั่วโมงตามที่ขอเถ้าแก่ไว้แล้วปั่นจักรยานกลับบ้าน  ผมนำรถจักรยานจอดไว้บ้านและเผลอมองหน้าต่างของบ้านเข้า  ภายในบ้านยังคงมืดสนิทซึ่งนั่นหมายความว่าวันนี้พ่อกับแม่ก็คงกลับดึกตามปกติ  ผมเดินไปยั่งบ้านหลังถัดไปซึ่งก็คือบ้านของเซนแล้วกดกริ้งเพื่อเรียกให้เขามาเปิดประตู  ไม่นานเซนก็มาเปิดประตูด้วยใบหน้าชื่นบ้าน
 
“กำลังรออยู่พอดีเลย^^”
 
“ทำการบ้านได้กี่ข้อแล้วล่ะ”
 
“^^”  ยิ้มเป็นคำตอบ
 
“- -“
 
“^^”  และยังคงยิ้มต่อไป...
 
“- -*”
 
“เอ่อ.....ยังไม่ได้สักข้อเลยอ่ะ  ขอโต้ด  >O<”
 
“เฮ้อ.....ช่างเถอะ  เดี๋ยวสอนให้แล้วกัน”
 
“กำลังรอให้นายพูดคำนี้อยู่เลย ^^”
 
ผมขึ้นไปยังห้องนอนของเซนเพื่อสอนการบ้าน
 
“รอแปปนะเด๋วไปยกขนมมาก่อน”
 
ว่าแล้วเซนก็ออกไปนอกห้องเพื่อนำขนมมากินในระหว่างที่ผมสอนเขา  ตอนนี้เซนอยู่บ้านคนเดียวเพราะพ่อกับแม่ของเซนได้รางวัลชิงโชคไปเที่ยวเชียงใหม่จาก MK  มันเท่ากับว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่กับเซนแค่สองต่อสอง....
 
“มาแล้ว  มาแล้ว”
 
“รีบๆมานั่งสิ  แล้วก็อย่าเพิ่งแกะขนมล่ะเดี๋ยวไม่มีสมาธิ”
 
“ง่า...สักห่อจิ >v<”
 
“ไม่ได้”
 
“T()T”
 
“....อ่ะๆ ก็ได้”
 
“ฮา  เพราะแบบนี้ไงถึงได้ชอบนายอ่ะ”
 
“เอ่ะ”
 
“อ่าว เป็นไรไปอ่ะ”
 
“ตะกี้เซนว่าไงนะ”
 
“ฉันบอกว่า  เพราะแบบนี้ไงถึงได้ชอบนาย”
 
แย่ล่ะ  ตอนนี้หน้าผมต้องแดงแน่ๆ  ทำไงดี  เซนบอกว่าชอบผมงั้นเรอะ  แล้วทำไมต้องยืนหน้ามาใกล้ๆผมอีก  จะทำอะไรน่ะ
 
“นายหน้าแดงนะไผ่  นี่อย่าบอกว่านายกำลังเขินที่ฉันบอกว่าชอบนายน่ะ”
 
“>\\\<”
 
“ฮ่าๆ  แล้วจะเขินทำไมเนี่ย  ฉันชอบนายแบบเพื่อนนะเฟ้ย”
 
“หา  O_o”
 
“อย่าบอกนะว่านายคิดลึก”
 
ฉึก!!  ช่างเป็นคำพูดที่แทงใจจริงๆ T^T  คำตอบคือถูกต้องนะคร้าบบบบบบบบบ
 
เซนยังคงขำต่อไป  ให้ตายเถอะมันกำลังจะทำให้ผมเป็นโรคหัวใจ
 
“ขำอะไรนักหนา  ถ้ายังไม่เลิกหัวเราะล่ะก็  ฉันกลับล่ะ”
 
ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นจากที่นั่งแต่เซนจับแขนผมเอาไว้
 
“เฮ้ย  ใจเย็นดิ  ล้อเล่นนิดเดียวเอง   จะไม่นอกเรื่องแล้วนั่งเถอะ ^^”
 
“- -*”
 
...
 
หลังจากสอนการบ้านให้เซนเสร็จก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว  ผมเดินกลับบ้านและพบว่าบ้านของผมยังคงมืดเหมือนเดิม  ผมอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน  แต่ไม่ว่าจะพลิกไปพลิกมายังไงผมก็นอนไม่หลับ....เป็นเพราะเจ้าบ้าเซนแท้ๆ  ดันทำบ้าๆเมื้อกี้นี้  - -*  และเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ผมจึงพยายามคิดเรื่องอื่น  เรื่องอื่น  เรื่องอื่น......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบไปอีกตอนแล้วค่า

จากที่แคนอ่านเรื่องของคนอื่นๆดู  แคนว่าเรื่องของแคนดูแปลกไปเลย   ที่แปลกคือ คำแทนตัว  เพราะเรื่องนี้โคตรจะพูดสุภาพเลยค่ะ   เรื่องอื่น มึง กู กันใหญ่.....อันนี้มาแปลก  ฉัน นาย.....  มันช่างดูผู้หญิ๊งผู้หญิง เนอะ   :impress3:

อย่างที่บอกในคำเตือนค่ะ เนื่องจากเป็นเรื่องแรก และได้รับอิทธิพลจากแจ่มใสพอสมควรทีเดียว ในช่วงที่แต่ง  ไว้เรื่องต่อๆไป คงต้องปรับปรุงเรื่อง สรรพนามให้ดูสมจริงและมีมิติมากขึ้นซะเเล้ว

สุดท้าย รักคนอ่านทุกคนค่ะ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-03-2013 17:40:02 โดย bjinkn »

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 3) [04/03/2013]
«ตอบ #4 เมื่อ04-03-2013 19:37:29 »

ตอนที่ 3  การเอาแต่ใจครั้งแรกและ....ครั้งสุดท้าย  ของเด็กน้อย



‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่’
 
อา...ผมรู้อยู่แล้วล่ะ  ว่าที่พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักมาตลอดก็เพื่อครอบครัวของเรา  ถึงแม้ว่าผมจะเหงาที่พวกท่านแทบจะไม่มีเวลาให้แต่ไม่เป็นไรหรอก  ผมเข้าใจดี
 
‘วันนี้  ก็ไม่อยู่อีกแล้ว’
 
เด็กชายตัววัยเพียง 5 ขวบออกมาจากห้องทั้งชุดนอน  เขาหันซ้ายหันขวาและเดินทั่วบ้านแต่ไม่พบใครสักคน  วันนี้เป็นอีกเช่นเคยที่เขาต้องอยู่คนเดียว  มีเพียงอาหารที่ถูกทำเสร็จเรียบร้อยแล้ววางไว้บนโต๊ะเท่านั้น
 
เด็กชายอาบน้ำแต่งตัวด้วยตนเอง  และทานอาหารเช้าเพียงลำพังซึ่งนั่นกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว  แต่สำหรับใครหลายคน  อาจจะทำไม่เป็นแม้กระทั่งแต่งตัว  อาจจะต้องให้แม่ช่วยจัดการให้
 
จักรยานคันน้อยถูกเข็นออกมาจากในบ้านเพื่อเตรียมขี่ไปโรงเรียน  ในขนาดที่ข้างบ้านมีเด็กรุ่นเดียวกันกำลังจะขึ้นรถไปโรงเรียนเช่นกัน
 
“จะไปโรงเรียนเหรอจ๊ะไผ่”
 
น้าภา  ซึ่งอาศัยอยู่ข้างบ้านเอ๋ยทักขนาดที่ตนกำลังจะขึ้นรถเพื่อขับไปส่งลูกชาย
 
“คับ”
 
“ขึ้นมาสิจ๊ะ  เดี๋ยวน้าไปส่งนะ”
 
“แต่ว่าขากลับ....”
 
ไผ่มองจักรยานของเขาและทำหน้าซึมเล็กน้อย
 
“ขากลับก็กลับกับน้าไง  ไปเถอะจ๊ะ  เดี๋ยวสายนะ”
 
น้าภายิ้มให้ไผ่พร้อมเปิดประตูรถให้  ด้วยความที่กลัวว่าจะทำให้น้าภาลำบากใจไผ่จึงยอมขึ้นรถแต่โดยดี
 
“อ๊ะ ไผ่  หวัดดี”
 
เซน  ลูกชายของน้าภาเอ๋ยทักไผ่เสียงแจ๋ว
 
“หวัดดี”
 
“คุณแม่  วันนี้เราจะไปโรงเรียนกับไผ่เหรอคับ”
 
น้าภาหันมาสบตากับเซนก่อนที่จะหันกลับไปสตาร์ทรถ
 
“ใช่แล้ว  ดีใจไหมเอ๋ยเจ้าตัวแสบ”
 
“ดีใจค้าบบบบบ”
 
“นั่งดีๆสิเซน  ดูไผ่เขาเป็นตัวอย่างสิ  นั่งเรียบร้อยเชียว”
 
 “คุณแม่  วันนี้เซนอยากกินไข่เจียว”
 
“จ้าๆ  กลับจากโรงเรียนแล้วแม่จะทำให้กินนะ”
 
“เย้  ไข่เจียวๆ”
 
ภาพของครอบครัวที่แสนอบอุ่นนั้นทำให้ไผ่น้อยแอบอิจฉาอยู่ในใจ  อยากให้พ่อกับแม่มาส่งเขาที่โรงเรียนบ้างจัง
 
รถของของน้าภาจอดที่หน้าโรงเรียนอนุบาล  และหอมแก้มไผ่ก่อนจะขับรถออกไป  ดีจังเลยนะ...
 
“ไปกันเถอะไผ่”
 
เซนยืนมือมาจับมือไผ่แล้วเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยกัน
 
ช่วงพักกลางวันพวกเด็กๆได้ออกมาวิ่งเล็กในสนามของโรงเรียน  บ้างก็เล่นชิงช้า  บ้างก็วิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน  มีเพียงไผ่เท่านั้นที่เอาแต่นั่งใต้ต้นไม้ไม่ออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
 
“ไผ่”
 
เสียงเรียกของเซนที่ดังขึ้นข้างตัวทำให้ไผ่ล่ะสายตาจากท้องฟ้าหันมาสบตา
 
“ทำอะไรอยู่เหรอ  บนนู้นมันมีอะไรอ่ะ *-*”
 
เซนนั่งลงข้างไผ่และเงยหน้ามองท้องฟ้าเช่นเดียวกันที่ไผ่ทำเมื่อครู่
 
“เมฆ”
 
“?”
 
“นั่งมองเมฆ”
 
“มันสนุกเหรอ”
 
“ไม่สนุกเลย”
 
“’ง่ะ...แล้วมองมันทำไมอ่ะ =_=”
 
ไผ่เงยหน้าไปมองเมฆอีกครั้ง
 
“มันเพลินดี”
 
“ถ้างั้น  เอามั่ง”
 
“เซนไม่ไปเล่นกับคนอื่นๆเหรอ”
 
“เบื่อแล้ว  อยู่กับไผ่สนุกกว่าเยอะ”
 
“.....”
 
“ฉันพูดจริงนะ  คนอื่นๆอ่ะ  น่าเบื่อเอาแต่ใจจะเล่นนู่นนี่  ไม่ฟังฉันบ้างเลยว่าฉันอยากจะเล่นอะไร”
 
“แล้วอยู่กับฉันมันสนุกตรงไหนล่ะ”
 
“อย่างแรกอยู่กับไผ่แล้วไม่น่าเบื่อ  อย่างที่สองเพราะฉันอยากอยู่กับไผ่”
 
“ทำไมล่ะ”
 
“เออ นั่นสิ >O<”
 
บางที  จากจุดเล็กๆที่ดูไม่มีตรงไหนชวนให้ประทับใจนั่น  อาจจะเป็นต้นกำเนิดของรู้สึกที่ไผ่มีให้ต่อเซนในอนาคตก็ได้
...
 
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในบ้าน  ทุกอย่างยังคงอยู่ในความมืด  ยังไม่มีกลับมานอกจากไผ่  และวันนี้เป็นวันที่ไผ่ตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่รอพ่อกับแม่...
 
3 ทุ่ม...4 ทุ่ม...5 ทุ่ม...เที่ยงคืน...  ไผ่พยายามไม่ให้ตัวเองหลับและบอกกับตัวอีกว่า  อีกไม่นานหรอก  อีกแปบพ่อกับแม่ก็จะกลับมาแล้ว...และแล้วเข็มสั่นก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ที่เลขหนึ่ง  พร้อมๆกับเสียงเปิดประตูบ้าน  ไผ่หันขวับมาทางประตูบ้านและรีบวิ่งมากอดผู้เป็นมารดา
 
“คุณแม่  คุณแม่กลับมาแล้ว”
 
“ผ..ไผ่”
 
“คุณพ่อล่ะคับ  คุณพ่อกลับมารึยัง”
 
“นี่ไผ่รอแม่กับพ่องั้นเหรอ...”
 
“คับ”
 
ไผ่ยิ้มรับเมื่อผู้เป็นมารดาถาม  ไม่นานพ่อของไผ่ก็เปิดประตูตามเข้ามา
 
“คุณพ่อ!”
 
ไผ่ผละออกจากแม่แล้ววิ่งไปกอดพ่อ
 
“ไผ่  นี่ลูก  ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
 
“ไผ่มารอพ่อกับแม่ไง”
 
“ทำไมถึงทำแบบนี้!”
 
แม่ขึ้นเสียงด้วยท่าทางโมโห  ทำให้ไผ่ถึงกับตกใจรีบผละตัวออกจากพ่อ
 
“นี่มันดึกมากแล้วนะไผ่  ทำไมถึงยังไม่นอนอีก  อย่าทำให้แม่ต้องกังวลไปมากกว่านี้เลย”
 
น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากขอบตาของไผ่  นี่เขาทำผิดมากนักหรือไง
 
“พอเถอะคุณ  ลูกร้องแล้วนะ”
 
พ่อรีบเข้ามาอุ้มไผ่  ส่วนแม่ได้แต่เอามือกุมขมับ
 
“วันนี้ไผ่มีอะไรรึปล่าวคับ  ถึงได้มาคอยพ่อกับแม่แบบนี้  หือ?”
 
“ผม..ฮือ...ผมคิดถึงคุณพ่อคุณ..ฮึก..แม่   ผมแค่อยากบอกกับแม่ว่าพรุ่งนี้ผมอยากกินอะไร..ฮือ ฮือ..”
 
การที่เขาคิดถึงพ่อกับแม่มันผิดเหรอ  การที่เขาบอกว่าเขาต้องการอะไร  มันผิดมากนักหรือไง  เพียงเพราะเรื่องนี้  คุณแม่ถึงต้องกังวลอย่างนั้นเหรอ....ถ้าหากเป็นเช่นนั้น  เขาจะไม่ทำอีก  จะไม่ทำอะไรที่ต้องให้มากังวลอีก  ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม....
 
“แม่ขอโทษนะไผ่  วันนี้แม่เหนื่อยมาก  ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่ ไม่ร้องนะคับคนเก่ง  พรุ่งนี้ไผ่อยากกินอะไรคับแม่จะทำให้”
 
“ผม..ฮือ...อยากกินแกงจืดวุ้นเส้น..”
 
“ได้เลยคับ  พอไผ่ตื่นมาไผ่จะเห็นแกงจืดวุ้นเส้นฝีมือแม่นะคับ  เพราะฉะนั้นหยุดร้องแล้วเข้านอนซะนะ  เดี๋ยวแม่จะไปอยู่เป็นเพื่อนจนไผ่หลับนะ...”
 
แม่จูงไผ่เข้าห้องนอน  ห้องนอนที่มีแต่เพียงเตียงของไผ่เพราะแยกห้องกันน้อง  คืนนั้นแม่ได้ร้องเพลงกล่อมจนไผ่นอนหลับ  นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ยินเสียงเพลงกล่อมของแม่  และคิดว่าต่อไปคงไม่ยินอีกแล้ว  ต่อจากนี้  ไม่ว่าจะงานประชุมผู้ปกครอง  งานกีฬาสี  วันมอบตัว  หรือแม้กระทั้งของที่ชอบ  ของที่ต้องการ ไม่ว่าอะไรก็ตาม  ไผ่จะไม่รบกวนคุณพ่อกับคุณแม่อีกแล้ว  ผมจะหามาด้วยตนเอง  ไผ่จะทำด้วยตนเอง...... ‘ที่พ่อกับแม่พยายามทำงานหนักก็เพื่อครอบครัวของเรานะไผ่’.....นั่นอาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ไผ่เอาแต่ใจ...

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 4) [04/03/2013]
«ตอบ #5 เมื่อ04-03-2013 21:25:24 »

ตอนที่ 4 บุคคลที่อยู่ในบ้าน



ผมหวังให้วันนี้เป็นวันธรรมดาอีกวันหนึ่ง  ปิดเทอมที่น่าเบื่อมีแต่กิจวัตรเดิมๆ  ตื่นเช้า  ติวข้อสอบเข้ามหาวิทลัยกับเซน  ทำงานพิเศษ  กลับบ้าน  และเข้านอน  ถ้าหากมันเป็นได้แบบนั้นคงจะดีน่ะสิ...
...
 
“ให้ตายสิ”  เสียงแบบนี้แสดงว่า....
 
“เอ้า”
 
ผมยื่นยางลบให้เจ้าเพื่อนจอมขี้ลืมของผมซึ่งชอบลืมนู่นลืมนี่เป็นประจำ  ขนาดวันสอบปลายภาคยังลืมได้อีก  เชื่อเลย...- -
 
“ขอบใจนะไผ่  ^^”
 
“อืม”
 
“อ๊ะ...”
 
“เอ้า”
 
ผมยื่นปากกา  ดินสอ  รวมทั้งกบเหลาให้อีก  ไอ้อาการแบบนี้แสดงว่ามันลืมทั้งเซ็ต - -*
 
“เหอๆ  โทษทีๆ ^^”
 
“=_=”
 
“อย่าทำหน้าแบบนั้นดิ  เดี๋ยวก็ทำข้อสอบไม่ได้กันพอดี”
 
“เกี่ยวเรอะ”
 
“=O=”
 
การสอบปลายภาคเรียนชั้น ม.5  ผ่านมาได้ สี่วันแล้ว  และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายก่อนปิดเทอมใหญ่  เจ้าบ้าเซนลืมชุดเครื่องเขียนติดกันตลอกทั้งสี่วันนั้นแล้วผมเองก็ต้องยื่นให้มันทุกครั้ง  (รึมันจงใจฟระ)  ปิดเทอมนี้จะเอาไงดีนะ  มันอาจจะเป็นเหมือนทุกครั้ง  รึว่าจะหางานพิเศษทำเพิ่มดี....
 
“ไผ่”
 
เซนเรียกผมหลังจากเดินออกมาจากห้องสอบ
 
“ให้ตายสิ  นายทำข้อสอบเสร็จเร็วชะมัด  ไม่คอยกับบ้างเลย”
 
“ก็ไม่ได้นั่งใจลอยเหมือนเซนนี่นา  คิดถึงสาวที่ไหนล่ะ”
 
“ไม่มีเฟ้ย  เอาไว้มีเมื่อไหร่จะพามาแนะนำกับนายคนแรกเลย”
 
“......อืม”
 
“ปิดเทอมแล้ว  เย้”
 
“แล้วไง”
 
“ไปเที่ยวกันเอาป่าว”
 
“ฉันทำงาน”
 
“=O=”
 
เซนจ๋อยลงถนัดตา  ทำไงได้ผมต้องเก็บเงินนี่นา
 
“เฮ้ย นานๆที  ไปเปิดหูเปิดตาซะบ้างสิ นายน่ะ”
 
เซนยังไม่ละความพยายาม
 
“แล้วจะคิดดู  ฉันไปทำงานพิเศษก่อนนะ”
 
“อืม”
 
ไปเที่ยวงั้นเหรอ...นานๆทีก็ดีเหมือนกันนะ  ไว้กลับจากงานพิเศษแล้วค่อยบอกเซนก็แล้วกัน  ผมตรงไปที่ทำงานโดยไม่แวะกลับเข้าบ้าน  เพราะยังไงก็คงเหมือนเดิม  ไม่มีใครอยู่ต้อนผมสักหน่อย
 
“ไผ่~”
 
เสียงเรียกชื่อผมพร้อมเอาแขนมาโอบไหล่  การกระทำแบบนี้มีเพียงพี่แทมินเท่านั้นล่ะ
 
“มีอะไรรึครับพี่แทมิน”
 
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฮยอง”
 
“พี่แทมิน...=_=”
 
“=_=”
 
“แปลกจังวันนี้พี่อยู่ร้านรึครับ”
 
“อ่าว  พูดงี้หมายความว่าไง  นี่มันบ้านฮยองนา”
 
“ก็เห็นทุกทีพี่จะกลับช้านี่นา”
 
“วันนี้ไม่มีงานน่ะ  ว่าแต่ไผ่เถอะ  สอบเสร็จแล้วเหรอ”
 
“ครับ”
 
“เป็นไงบ้างข้อสอบง่ายล่ะสิ”
 
“ก็พอได้ครับ”
 
“แล้วไผ่อยากสอบเข้าที่ไหนล่ะ”
 
มาแล้วไงคำถามโลกแตก  (สำหรับนักเรียนที่กำลังจะขึ้นและศึกษาอยู่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก)
 
“ไม่รู้ครับ”
 
“นี่อย่าบอกนะว่าจะเข้าที่เดียวกับเจ้าเซนน่ะ”
 
ถูกต้องนะคร้าบบบบบ  พี่แทมินเดาถูกแล้วล่ะ  ผมจะเข้าที่เดียวกับเซน  แต่ตอนนี้เซนมันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเข้าที่ไหนผมเลยตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะเข้าที่ไหน
 
“เฮ้อ”
 
พี่แทมินถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
 
“ไผ่...ไผ่ตอบตามที่ต้องการนะ  ไผ่อยากเรียนอะไรก็ตอบไปตามนั้นล่ะ”
 
ตามที่เราต้องการงั้นเหรอ....นั้นสินะ
 
“...มหิดลครับ”
 
“ก็แค่นั้นล่ะ  ฮยองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอกนะ  แต่ว่า  อนาคตน่ะมันเป็นของเราจะไปรอเพื่อนน่ะมันไม่ได้หรอกนะ”
 
เรื่องนั้นผมรู้อยู่แล้วล่ะ  เพียงแต่ว่าผมน่ะ  อยากจะอยู่เคียงข้างเซนเท่านั้นเอง  เคียงข้างในฐานะ...เพื่อนสนิท
 
“แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี้ยว่าไผ่จะเรียนหมอ  จะมารักษาโรคหัวใจของฮยองใช่ป่าว^^”
 
“...ผมอยากเป็นหมอเด็กครับ - -^”
 
“ง่า...หน้าแตกซะแว้ว  ช่วยเย็บหน้าให้หน่อยจิ  หมอไผ่จ๋า  >O<”
 
“- -^”
 
“ฮ่าๆๆๆ  แกล้งไผ่นี่สนุกจังเลย”
 
“-*-“
 
จริงอย่างที่พี่แทมินพูด  พี่แทมินชอบแกล้งผม  อาจจะเป็นเพราะพี่แทมินเป็นลูกคนเดียวล่ะมั้ง  เลยอยากได้น้องชาย (ตานี่  ทีความรู้สึกตัวเองล่ะรู้ดี ของคนอื่นล่ะโง่เชียว : คนเขียน)
 
“โอเคๆ ฮยองไม่แกล้งแล้ว  ไปทำงานเถอะ”
 
“...- -*”
 
...
 
“ผมกลับก่อนนะครับเถ้าแก่”
 
“กลับดีๆนะไผ่”
 
ผมยกมือไหว้เถ้าแก่ก่อนเดินออกจากร้าน  วันนี้ผมเหนื่อยกว่าทุกวันอาจจะเป็นเพราะว่าลูกค้าในร้านเยอะกว่าปกติก็ได้  อยากรีบกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วนอนเหลือเกิน  แต่ว่าเมือก้าวขามาถึงหน้าบ้านผมต้องหยุดชะงัก  ผมขยี้ตาตัวเองแล้วมองไปอีกครั้ง  ไฟ!  มีแสงไฟอยู่ในบ้าน!!  ขโมยงั้นเรอะ   ไม่สิ  นั่นมันรถพ่อกับแม่!  พ่อกับแม่กลับมาแล้ว  บนใบหน้าของผมปรากฏรอยยิ้ม  กลับมาแล้ว  พ่อกับแม่ผมกลับมาแล้ว
 
กรึก
 
เอ๊ะ  ล็อกงั้นเรอะ  เคอะประตูก็ได้ฟระ
 
ก้อก ก้อก ก้อก
 
“ครับ”
 
เอ๋  เสียงใครกันน่ะ
 
ประตูถูกเปิดออก  และนั่นทำให้ผมต้องช็อก  คนที่เปิดประตูออกมา  ไม่ใช่คุณพ่อ  ไม่ใช่คุณแม่  แต่เป็นคนที่ผมไม่รู้จัก  คุณเป็นใครกัน  เข้ามาทำอะไรในบ้านของผม  แล้วทำไม...ทำไมคุณถึงมีหน้าตาเหมือนผม!!


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ลงติดกัน 4 ตอนอย่างรวดเร็ว   เม้นสักนิด ติชมแนะนำกันหน่อยน้าค้า :monkeysad:

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 5) [05/03/2013]
«ตอบ #6 เมื่อ05-03-2013 13:09:12 »

ตอนที่ 5  ทิว



สมมุติว่า  วันหนึ่งเมื่อคุณกลับบ้านและพบว่าบุคคลผู้ซึ่งมาเปิดประตูให้คุณ  หน้าตาเหมือนคุณทุกประการ  คุณจะคิดเช่นไร

 

ก.  ปิดประตูใส่หน้าคนๆนั้น

ข.  ใส่เกียหมาแล้วโกย

ค.  ดีใจและคิดในแง่ดีว่าเป็นพี่น้องที่พลัดพรากจากกัน

ง.  จ้องหน้าคนๆนั้นด้วยความอึ้ง...

 

ผมคิดว่าบางทีคุณอาจจะมีช้อยที่ดีกว่าที่ผมเสนอ   แต่ตัวผมในตอนนี้บอกตรงๆผมไม่รู้จะทำยังไงดีนอกจากยืนงงกับบุคคลตรงหน้า

 

“คุณ...เป็นใคร..”

 

ผมเอ๋ยปากถามหลังจากที่ผมจ้องเขาอยู่นาน

 

“ไผ่..นายคือไผ่ใช่ไหม”

 

เขารู้จักผมงั้นเรอะ  แล้วทำไมผมถึงไม่รู้จักเขาล่ะ  เขาคนนั้นไม่รอให้ผมตอบแถมยังจับข้อมือและลากผมเข้าไปในบ้าน

 

“คุณพ่อ  คุณแม่  ไผ่  ไผ่กลับมาแล้วครับ”

 

เอ๋  คุณพ่อ?  คุณแม่?  อย่าบอกนะว่า...

 

“กลับมาแล้วเหรอไผ่  ทำไมกลับมาช้าจังล่ะลูก”

 

แม่...อะไรกันตอนนี้ผมงงไปหมดแล้วนะ  คนๆนี้เป็นใคร  และทำไมถึงได้เรียกแม่ว่า  ‘คุณแม่’  อย่าให้ผมต้องเดานะว่าไอ้สถานการณ์แบบนี้มันหมายความว่ายังไง  ต่อให้โง่แค่ไหนก็คิดได้อย่างเดียวว่า......

 

“พ่อครับ  แม่ครับ  นี่มันอะไรกัน  คนๆนี้คือ...”

 

“จริงสิ  เพิ่งจะเคยพบกันครั้งแรกสินะ  ไผ่  คนนี้คือ  ทิว  พี่ชายฝาแฝดของลูกไง”

 

“หา?”

 

นั่นไง  เหมือนที่ผมคิดเอาไง  นี่ชีวิตผมเริ่มจะเหมือนนิยายน้ำเน่าในทีวีเข้าไปทุกทีแล้วสิ

 

“อะไรกัน  พ่อกับแม่ล้อผมเล่นใช่ไหม  ทำไมผมถึงไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีพี่น้องด้วย”

 

“ฟังนะไผ่”

 

พ่อหันมามองหน้าผมด้วยท่าทีสงบ  ต่างจากแม่ซึ่งตอนนี้ดูจะดีอกดีใจซะเหลือเกิน

 

“ไผ่ก็รู้สินะว่าฐานะทางครอบครัวของเราไม่ดี  เพราะฉะนั้นการจะเลี้ยงทารกแฝดถึงสองคนน่ะ  มันเป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นพวกพ่อเลยตัดสินใจนำทิวไปฝากไว้ให้คุณย่าของพวกลูกช่วยดูแล”

 

“สวัสดีไผ่  ในที่สุดพวกเราก็ได้พบกันสักทีนะ”

 

คนชื่อทิวกล่าวกับผม  นี่หมายความว่าเขารู้อยู่แล้วงั้นเรอะ

 

“พี่อยากเจอไผ่มาตั้งนานแล้วล่ะ  ดีใจจริงๆ”

 

ตอนนี้ผมทำตัวไม่ถูกแล้วล่ะ  ทุกอย่างมันสับสนไปหมดแล้ว  ผมควรจะเสียใจรึดีใจ ดีล่ะ  แม่ลุกขึ้นเดินไปที่ครัวแล้วหยิบเอาอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ  ด้วยรอยยิ้มที่ดูสุขใจซะเหลือเกิน...

 

“เอาล่ะๆมากินข้าวกันเถอะ  ในที่สุดพวกเราก็ได้อยู่กันพร้อมหน้าสักที  วันนี้แม่ทำแต่ของที่ทิวชอบทั้งนั้นเลยนะ”

 

“จริงรึครับ  ว้าวน่ากินทั้งนั้นเลย  ไผ่มานั่งเร็วสิ  เดียวกับข้าวเย็นหมดนะ”

 

ขอบที่...คนชื่อทิวชอบ  งั้นเรอะ

 

“แม่ครับ...”

 

“มีอะไรรึไผ่  รีบๆมานั่งเข้าสิลูก”

 

“....แม่รู้ด้วยรึครับว่าคนๆนั้น  เขาชอบอะไร”

 

“แหม  เรื่องแค่นี้เองทำไมแม่จะไม่รู้ล่ะจ๊ะ”

 

“พี่กับคุณแม่โทรคุยกันประจำเลยล่ะ  พี่ชอบบอกคุณแม่น่ะว่า  พี่ชอบอะไร  อยากให้แม่ทำให้กิน”  คนชื่อทิวเสริม

 

โทรคุยกันบ้างล่ะ....เรื่องแค่นี้เองบ้างล่ะ...

 

“แม่ครับ...แม่รู้รึป่าวว่าผมชอบกินอะไร...”

 

“เอ๋...อะไรกันล่ะไผ่จู่ๆมาถามแบบนี้น่ะ”

 

“ตอบผมมาสิครับว่ารู้รึป่าว”

 

“ไผ่ไม่เคยบอกแม่  แล้วแม่จะรู้ได้ยังไงกัน”

 

“ผมขอถามหน่อยเถอะ  ว่าพวกเราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”

 

แม่เริ่มนึก  แต่ผมคิดว่าพวกเขาคงคิดไม่ออกหรอก....

 

“แม่รู้ไหมครับว่าตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว....รู้ไหมว่าผมกลับบ้านกี่โมงแล้วรู้ไหมว่าที่ผ่านมาผมเหงาแค่ไหน!!”

 

“ไผ่..”

 

“แม่เคยบอกผมไหมครับว่าแม่มีมือถือแล้ว  แม่เคยให้เบอร์กับผมไหม...”

 

“เอ่อ...”

 

“แล้วมาบอกว่า  ผมไม่เคยบอกแม่งั้นเรอะครับ....”

 

ผมไม่อยากยืนฟังคำแก้ตัวของพวกเขาอีกแล้ว  ผมจึงรีบเดินตรงไปยังห้องของตัวเอง  ล็อคประตูและลงกลอนไว้เพราะไม่อยากให้ใครได้เห็นน้ำตาของผม  รวมถึงคนที่ชื่อ  ทิวด้วย

 

ก้อกๆ

 

“ไผ่   ไผ่อย่าทำแบบนี้นะ เปิดประตูให้พี่เข้าไปหน่อยสิ ไผ่”

 

พอซะที....

 

“ไผ่  เปิดประตูเถอะ”

 

หยุดสักที!

 

ผมนำสองมือแนบปิดหูไว้  ตอนนี้ผมไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น  ผมเหนื่อยเกินกว่าจะรับรู้เรื่องบ้าๆพวกนี้....เซน  ตอนนี้ผมอยากเจอเซนเหลือเกน...ผมลุกจากเตียง  และเปิดหน้าต่างออก  ห้องของผมกับเซนอยู่ตรงข้ามกัน  จึงมีบ่อยครั้งที่พวกเราจะตะโกนคุยกัน

 

“เซน  หลับรึยัง  เซน”

 

ไม่นาน  หน้าต่างบานนั้นก็เปิดออก  เซนในชุดนอนออกมายิ้มทักทายผมเหมือนทุกครั้ง  ดีจังเพียงเท่านี้ผมก็สบายใจขึ้นแล้วล่ะ

 

“ว่าไงไผ่”

 

“คือ...เรื่องไปเที่ยวน่ะ”

 

“อื่อ  ตกลงว่าไงล่ะ”

 

“ฉันไป”

 

“เจ๋งเลย  ไว้ไปไหนเราค่อยตกลงกันนะ  โอป่าว”

 

“อืม”

 

“นายเป็นอะไรรึป่าว  ดูซึมๆนะนั่น  จริงสิ  พวกคุณลุงคุณป้ากับมาแล้วสินะ”

 

“ใช่”

 

“ดีใจด้วยนะเฟ้ย  ที่วันนี้พวกท่านกลับมาเร็ว”

 

“........”

 

“เป็นไรรึป่าวน่ะ”

 

“เซน  คืนนี้...ขอฉันนอนที่บ้านนายได้ไหม...”

 

“หือ?  มันก็ได้อ่ะนะ  แต่ว่าจะดีเหรอ  คุณลุงกับคุณป้าอุตส่าห์กลับมาทั้งที”

 

ผมเงียบเพราะไม่มีคำตอบและไม่คิดอยากจะตอบด้วย  และเซนเองก็คงจะเข้าใจจึงไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น

 

“ให้ฉันเดินไปหานายป่าว  รึจะให้ฉันนอนห้องนาย”

 

“มะ..ไม่ต้องหรอก”

 

ผมไม่ต้องการให้เซนเจอกับทิว  ผมไม่อยากให้เซนรู้จักกับทิวหรอก

 

“อืม...เดียวฉันจะไปรอนายข้างล่างนา”

 

ผมเดินออกจากห้องพบว่าคนชื่อทิวนั่งเหมือนกับว่ารอผมอยู่หน้าห้อง  เมื่อเขาเห็นผมดูเขาจะดีใจมากที่ในที่สุดผมยอมเปิดประตู

 

“ไผ่..”

 

ผมเดินผ่านเขาไป  และพยายามทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน  แน่นอนว่าทิวคงจะรู้ตัวจึงรีบคว้ามือผมไว้

 

“ปล่อย”

 

“ไม่  ไผ่จะออกไปไหนน่ะนี่มันดึกแล้วนะ”

 

“คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับผมเพราะฉะนั้นปล่อย”

 

“ไม่  พี่เป็นพี่ชายของไผ่  ทำไมถึงจะไม่มีสิทธิ์”

 

“แต่ผมไม่ยอมรับคุณ  และไม่ต้องการพี่ชายอย่างคุณด้วย  ปล่อยผมสักที”

 

ผมสะบัดมือเขาออกไปเต็มแรง  ให้ตายสิแรงเยอะชะมัด  จากการที่เรายืนคุยกันเมื่อครู่นี้ทำให้ผมได้สังเกตรูปร่างของคนชื่อ  ทิว  อย่างเต็มตาครั้งแรก  ถึงแม้ว่าเขาจะเหมือนผมมากแต่ก็ยังมีส่วนต่างกันเล็กน้อยนั่นคือ  คนชื่อทิวจะมีสีผิวที่คล้ำกว่าผมนิดหน่อยและรูปร่างดูกำยำกว่าผมเล็กน้อย  มองดูแล้วเหมือนคนที่ผ่านการทำงานตากแดดตากลมมาอย่างนั้นแหล่ะ

 

“เดี๋ยวสิไผ่  ไผ่จะไปไหนน่ะ”

 

เสียงโวยวายของคนชื่อทิว  ทำให้พ่อกับแม่  (ที่ตอนนี้ผมแทบจะไม่อยากเรียกแบบนั้นอีกแล้ว)  ตามมาดูด้วยความสงสัย  แน่นอนว่าผมไม่อยู่ให้พวกเขาถามหรอก  ผมรีบวิ่งออกจากบ้านและเข้าไปในบ้านของเซนอย่างรวดเร็ว  เพื่อไม่ให้พวกเขาเห็นว่าผมไปไหน

 

“เป็นไรน่ะไผ่  นี่นายวิ่งมารึไง”

 

เซนมองหน้าผมอย่างงงๆ

 

“อืม  ประมาณนั้นล่ะ”

 

“เฮ้ย  นายจะบ้าป่าวฟะ  บ้านเราก็อยู่ติดกันนะเว้ย”

 

“อย่าพูดมากน่า  เหนื่อยชิบ  ของอาบน้ำบ้านนายหน่อยนะ”

 

“เชิญตามสบาย”

 

“อ้อ  ขอยืมผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนด้วยล่ะ”

 

“คร้าบๆ”

 

ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ  และเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านตั้งแต่ผมลงไป  เผื่อว่าสายน้ำจะช่วยชะพาความเหนื่อยล้าของผมให้หายไปได้บ้าง  จากนี้ไปผมควรทำยังไงดี....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 5) [05/03/2013]
«ตอบ #7 เมื่อ05-03-2013 17:56:42 »

ตอนที่  6 เมื่อทั้งสองได้พบกัน  (Zen talk)


วันนี้ไผ่เป็นอะไรไปนะทำไมถึงต้องวิ่งมาที่บ้านผมด้วย  ทั้งๆที่บ้านเราก็อยู่ติดกัน  อีกทั้งยังมาค้างบ้านของผมอีก  คุณลุงคุณป้านานๆจะกลับมาสักที (ที่จิงกลับมาทุกวันน่ะล่ะแต่มันดึกมากแล้ว)

 

“ขอบใจที่ให้ยืมชุดนอนนะ”

 

ไผ่เข้ามาในห้องนอนของผมพร้อมชุดนอนลายหมีพู  (แน่นอนว่าชุดนอนนั่นเป็นของผม  =_=)

 
“ไผ่  นี่นายสระผมตอนกลางคืนเนี้ยนะ”

 

ผมเอ่ยถามในขณะที่ไผ่ใช้ผ้าขนหนูขยี้ผม ที่เปียกชุ่ม

 

“อืม”

 
“ไม่ได้นะเว้ย  เดี๋ยวรังแคก็กินหัวพอดี  ใครเขาสระผมตอนกลางคืนเล่า”

 

“มีเยอะแยะไป - -^  ยังไงก็ช่างฉันเถอะ”

 

“ชิ  คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง”

 

“...ขอบใจนะที่เป็นหวง”

 

ถ้าผมไม่ได้ตาฝาด  ผมกำลังเห็นว่าตาของไผ่ดูแดงๆเหมือนเพิ่งร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ  เกิดอะไรขึ้นกันนะ 

 

“เดี๋ยวนายนอนบนเตียงแล้วกัน  ฉันนอนข้างล่างเอง”

 
“ไม่ได้  นายเป็นเจ้าของห้องนะ”

 

“เอาน่า  วันนี้ฉันยกเตียงให้วันนึง  แต่ต่อไปไม่ให้แล้วนะเฟ้ย  สำนึกซะ  ฮ่าๆ”

 

“- -^”

 

“เพราะเห็นนายดูซึมๆหรอกนะ  เอาล่ะๆนอนกันเถอะ”

 

“....อืม”

 

ผมลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วนอน

 

แต่ว่า....

 



 



 

นอนไม่หลับเว้ยยยยยยยยยยยย

 

ให้ตายสินี่มันผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้วฟะ  จะเช้ารึยังเนี้ย -*-

 

ฮือ..

 

เสียงสะอื้นของคนบนเตียงทำเอาผมแปลกใจ  นี่เขากำลังร้องไห้อยู่อย่างนั้นเหรอ  เสียงสะอื้นที่แผ่วเบานั่นแสดงว่าเขาพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บกดอารมเศร้าเอาไว้  นี่ถ้าผมนอนหลับไปก็คงไม่มีวันได้รับรู้แน่ๆ

 

ไผ่  เป็นคนที่ฉลาดและเรียนเก่งมากๆ  เก็บความรู้สึกเก่ง  ไม่ว่าจะรู้สึกยังไงกับใคร  เกลียดรึชอบอะไร  ก็ไม่เคยแสดงออกให้ใครเห็น  เพราะฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะรู้ไผ่ชอบอะไรและเกลียดอะไร  บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไผ่ไม่ค่อยมีเพื่อน  แต่ผมรู้ดี  ว่าไผ่น่ะเป็นคนยังไง   แต่ว่า...มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ  อะไรที่ทำให้ไผ่คนนั้นเป็นแบบนี้  แล้วผมจะทำอะไรให้เขาได้บ้างไหม..........

 

...

 

แสงแดดในยามเช้าส่องลงมายังหน้าผม  มันทำให้ผมต้องตื่น  เซ็งวุ้ย  =_=  เมื่อผมหันไปที่เตียง  ไผ่ก็ไม่อยู่ซะแล้ว  ไปก็ไม่บอกสักคำ  ให้ตายสิ....  บางทีอาจจะกลับบ้านไปแล้วล่ะมั้ง  ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกจากบ้านไปหากิน....  ข้าวเช้าน่ะ  ....

 

เมื่อประตูบ้านไป  ผมเห็นยังมีรถจอดอยู่ในบ้านของไผ่  แปลกจัง  คุณลุงคุณป้าอยู่บ้านและไผ่ยืนรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน......จอร์จ....ไผ่กำลังรดน้ำต้นไม้.......ร้อยวันพันปี  นายไผ่คนนั้นน่ะเรอะจะหันมาสนใจต้นไม้

 

“โหว  วันนี้ท่าลูกเห็บจะตกวะ  ไผ่รดน้ำต้นไม้”

 

ไผ่เงยหน้าจากต้นไม้มามองหน้าผมแล้วยิ้มหวานๆให้หนึ่งที  เฮ้ยยยยยยยยย   อะไรวะเนี้ย

 

“คุณเป็นเพื่อนกับไผ่สินะครับ”

 

หา?

 

งงครับพี่น้อง  ไผ่เป็นอะไรไปเนี้ย!!

 

“อ่ะ  จริงสิ  ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย  ผมชื่อ ทิว  เป็นพี่ชายของไผ่”

 

“ว่าไงนะ  พี่ชาย....เฮ้ย  ล้อเล่นอะไรของนายวะเนี้ย”

 

คนที่อ้างตัวเองว่าพี่ชายของไผ่เดินเข้ามาใกล้ๆผม  ทำให้ผมได้เห็นความแตกต่างกันเล็กน้อยของเขาและไผ่  รึว่าเขาจะเป็นอย่างที่พูดจริงๆ  แต่ว่าไผ่ไม่มีพี่น้องที่ไหนนี่หว่าแล้วจู่ๆก็พี่ชายโผล่มาเนี้ยนะ

 

“เอ่อ  ผมว่าตอนนี้ผมกำลังสับสนนะครับเนี้ย”

 

งงครับ  ผมงง!!

 

“งงก็ไม่แปลกหรอก  เพราะผมไม่เคยมาที่เลยสักครั้ง”

 

“แล้วเรื่องมันเป็นไงมาไงกันเนี้ย”

 

“คุณพ่อคุณแม่ฝากผมให้คุณย่าเลี้ยงน่ะครับ  ผมว่าคุณน่าจะรู้เรื่องฐานะทางบ้านของครอบครัวผม”

 

“นี่แสดงว่าไผ่ไม่รู้เรื่องนี้สินะ”

 

“ครับ  จนกระทั่งเพิ่งมารู้เมื่อคืนนี้”

 

มิน่าล่ะ  ไผ่ถึงได้....

 
“แล้วคุณ...”

 

“เรียกผมว่าทิวเถอะครับ”

 

“อ่า..ผม  เซน ครับ”

 

“เอ่อ  เซน  เมื่อคืนนี้ไผ่  ไปหาคุณรึเปล่า”

 

“อืม....”

 

ดูเหมือนว่า  ทิวจะดูดีใจที่ได้ยินผมตอบแบบนี้

 
“ดีจัง  เมื่อคืนไผ่ออกจากบ้านโดยไม่พูดอะไรเลย  คุณพ่อกับคุณแม่แล้วก็ผมออกไปตามแต่ก็ไม่เจอตัว  แล้วนี่ไผ่ยังอยู่กับเซนสินะ”

 

“เปล่า  ไผ่ออกไปไหนแล้วไม่รู้  ผมนึกว่าไผ่กลับบ้านแล้วซะอีก”

 

“เอ๋...แล้วนี่ไผ่ไปไหนล่ะ  คุณพอจะรู้บ้างไหมว่าไผ่ไปไหน”

 

“ไม่รู้หรอก”

 

“ผมคิดว่า  ผมกับไผ่ต้องคุยกัน  ไผ่ยังไม่ยอมรับว่าผมเป็นพี่ชายเลย”

 

จ๊อก~

 

เวร....ท้องเจ้ากรรมดันร้องซะได้

 

“ฮ่าๆๆๆ  เซนคงจะหิวมากสินะ  เข้ามาในบ้านผมสิครับ  มากินข้าวกัน  ป่านนี้คุณแม่คงทำกับข้าวเสร็จแล้ว”

 

“เอ่อ  ไม่เป็นไร  ผมว่าจะออกไปซื้อข้าว...”

 

ว่าแล้วทิวก็มาจับมือผมลากเข้าบ้านซะงั้น  รู้ตัวอีกทีผมก็เข้ามาอยู่ในบ้านเขาซะแล้ว

 

“ทิวเหรอ  มากินข้าวได้แล้วลูก....นั่นใครน่ะ”

 

คุณป้าเอ๋ยทักเมื่อเห็นหน้าผม

 
“ผมเซนที่อยู่ข้างบ้านไงครับ  คุณป้า”

 

“เซน...อ้อ  เซนลูกของน้องภาใช่ไหมจ๊ะ”

 

“ครับ”

 

“ตายจริง  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี้ย”

 

ทิวยังคงลากผมมายังโต๊ะกินข้าว

 

“แขบๆฮิดต่ะ เด๋วกับข้าวเย็นหมด”

 
“?????   แขบ..ฮิคต่ะ ??????”

 

ทิวทำหน้าเอ๋อไปหลังจากที่ผมทวนคำที่ฟังไม่รู้เรื่องของเขา

 

“อ่ะ  ขอโทษที  ที่แหลง  เอ๊ย  พูดใต้ออกมาน่ะ  แบบว่ามันยังไม่ชิน  >///<”

 

“แล้วไอ้คำว่า แขบ  นี่คือ...”

 

“แปลว่า  เร็วๆ น่ะ^^”

 

“อ้อ  ว่าแต่ทิวจะย้ายมาอยู่ที่นี่สินะ”

 
“เปล่าหรอก  แค่ช่วงปิดเทอมน่ะ  เปิดเทอมก็ต้องกลับไปเรียนที่นู่น”

 

“อืม”

 

แปลกจัง  ถึงจะเป็นฝาแฝดกัน  แต่เขาไม่เหมือนกับไผ่  รึเป็นเพราะการเลี้ยงดูกันนะ  ผมถึงได้รู้สึกว่า  ทิวนั้น  ให้ความรู้สึกที่ดีเมื่ออยู่ด้วยและได้พูดคุย  สัมผัสได้ถึงความจริงใจและเปิดเผยซึ่งแตกต่างกับไผ่ที่มักจะไม่แสดงความรู้สึกและเก็บมันเอาไว้.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++===


ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 6) [05/03/2013]
«ตอบ #8 เมื่อ05-03-2013 17:58:06 »

มาอ่านเรื่องนี้ให้ร้องไห้อีกรอบ ฮืออออออออออออออ ยังจำได้เลยว่าร้องจนไม่รู้จะร้องยังไง

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 6) [05/03/2013]
«ตอบ #9 เมื่อ05-03-2013 18:31:56 »

อยากร้องไห้แทนไผ่ กลัวไผ่จะยิ่งแย่ที่เห็นเซน สนิทกับทิว  :z3: :z3: :monkeysad: :monkeysad:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Because you're my love. (ตอนที่ 6) [05/03/2013]
« ตอบ #9 เมื่อ: 05-03-2013 18:31:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 7) [05/03/2013]
«ตอบ #10 เมื่อ05-03-2013 19:14:14 »

ตอนที่ 7 ก็แค่...คนอ่อนแอคนหนึ่ง



ผมออกจากบ้านของเซนตั้งแต่เวลาตี 4  เพื่อไปทำงานพิเศษช่วงเช้านั่นคือ  ส่งหนังสือพิมพ์  โดยไม่ลืมที่จะเข้าไปอ่านน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้าน  โชคดีที่ทุกคนหลับกันหมดเพราะผมคงไม่พร้อมที่จะพบหน้าพวกเขาเป็นแน่

 

ภายหลังจากงานส่งหนังสือพิมพ์แล้ว  ตอนนี้ผมไม่รู้จะไปไหนดี  ไม่อยากกลับบ้านและไม่อยากรบกวนเซน  ผมไปบ้านของพี่แทมิน  แน่นอนว่าตอนเช้าๆแบบนี้  คนที่ตื่นคงมีแต่เถ้าแก่  และผมก็เดาไม่ผิด  เถ้าแก่ออกมาเตรียมตัวตักบาตรและที่ผมคาดไม่ถึงคือ  พี่แทมินเองก็ออกมาตักบาตรด้วยเช่นกัน

 

“อ้าวนั่น  ไผ่ใช่ไหมนั่นน่ะ”

 

เถ้าแก่เอ่ยทัก  ทำให้พี่แทมินที่กำลังเตรียมเก็บของเข้าบ้านหันควับ

 

“มาแต่เช้าเลยน้า  มาหาฮยองรึเปล่า  ^^”

 

“- -^”

 

ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี  ถ้าจะบอกพวกเขาว่า  วันนี้ขอผมอยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลางานได้ไหมครับ  มันคงจะพิลึกน่าดู

 
“เป็นอะไรรึเปล่าไผ่  สีหน้าดูไม่ดีเลย”

 

พี่แทมินกล่าวด้วยสีหน้าเป็นห่วง  ตอนนี้หน้าของผมเป็นแบบนั้นเหรอ  พี่ถึงได้ดูออก

 

“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยน่ะครับ”

 
“มีอะไรที่ฮยองพอจะช่วยได้บ้างไหม”

 

ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบ  ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกผิดนิดๆแล้วสิที่ทำให้พี่แทมินต้องเป็นห่วงผม

 
“เอ่อ  ผมว่า..ผมกลับบ้านดีกว่า”

 
เพราะไม่รู้จะทำตัวอย่างไร  ผมจึงหันหลังแล้ววิ่งออกจากที่ตรงนั้นไป  บางทีผมควรกลับบ้านเพื่อรับความจริงที่เกิดขึ้น  และยอมรับมัน....

 
เมื่อมาถึงหน้าบ้านและกำลังยืนมือออกไปจับลูกบิดประตู  เสียงคุยกันอย่างสนุกสนานดังออกมาจากในบ้าน  และถ้าหากผมฟังไม่ผิดนั่นหนึ่งในเสียงสนทนานั้นคือเสียงของเซน....

 

ผมรีบเปิดประตูเข้าไปทำที  เห็นเซนกับคนชื่อทิวกำลัยคุยกันอย่างสนุกสนาน  สิ่งที่ผมกลัวได้เป็นจริงแล้ว...เซนเป็นคนที่สนิทสนมกับผู้อื่นได้ง่ายตรงกันข้ามกับผม  คนที่ชื่อทิวเองก็เช่นกัน  ถึงแม้จะคุยกันแค่ไม่กี่คำแต่ผมก็รู้ได้ถึงลักษณะนิสัยโดยรวมของเขา  เดาได้ไม่ยากว่าถ้าสองคนนั้นได้พบปะพูดคุยกันคงจะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว  สิ่งผมกำลังกลัว...

 
“อ้าว  ไผ่  เฮ้ย  ออกไปไหนมา  ที่บ้านเขาเป็นห่วงนายกันใหญ่เลยนะ”

 

เซนร้องทักเมื่อเห็นผมยืนอยู่หน้าห้องรับแขก

 
เป็นห่วงงั้นเหรอ  เห็นคุยกันสนุกสนานแบบนั้นเนี้ยนะ


“ไผ่  หิวรึเปล่า  กินข้าวรึยัง”

 

คนชื่อทิวเดินมาจับมือของผม  แน่นอนว่าผมปัดมันออก  ไม่ใช่เพราะรังเกียจ  แต่เป็นความรู้สึกไม่พอใจบุคคลตรงหน้า

 

“ใจเย็นๆดิ  นี่พี่ชายนายนะ”

 
เซนเดินเข้ามาพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจที่เห็นผมทำกิริยาแบบนั้นกับคนชื่อทิว  อะไรกัน  เจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง  นายถึงกลับเข้าข้างคนชื่อทิวแล้วงั้นรึ

 
“ไม่...เขาไม่ใช่พี่ชายฉัน  ฉันไม่มีพี่!  ได้ยินไหม  ฉันไม่มีพี่น้องที่ไหนทั้งนั้น!”

 

“เงียบๆแล้วฟังทิวบ้างสิ!”

 
เซนไม่ใช่คนใจเย็นพอที่จะอดทนต่อการกระทำของผมที่มีต่อคนชื่อทิวได้  ตอนนี้นาย.....ไม่เข้าข้างฉันเหมือนทุกๆครั้งแล้วสินะ

 

“ไผ่  พี่และคุณพ่อคุณแม่  เป็นห่วงไผ่กันมากเลยนะที่อยู่ๆไผ่ก็ออกจากบ้าน”

 

“แล้วยังไง”

 

“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”

 
“ผมจำเป็นต้องทำตามที่คุณบอกอย่างนั้นเหรอ”

 
“ไผ่....”

 

“ผมว่าเราต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า  คุณก็อยู่ส่วนคุณ  ผมก็อยู่ส่วนผม  ไม่จำเป็นต้องก้าวก่ายกัน  ตกลงไหม”

 

“นี่นายจะบ้ารึไงไผ่!”  อีกแล้ว...เซนออกรับแทนคนชื่อทิว...

 

“เซน  นี่เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน  นายไม่ต้องยุ่ง”

 

ผมหันมาสบตาของคนชื่อทิว  ตอนนี้ผมพยายามทำสีหน้าเป็นปกติที่สุด

 

“ขอตัวก่อน”

 

“เดี๋ยวไผ่  นายจะไปไหนอีก”

 

“กลับห้อง”

 
“ไม่ได้  พวกนายต้องคุยกันให้รู้เรื่องสิ  ปล่อยไว้แบบนี้แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที”

 

“ฉันไม่อยากรับรู้  และไม่อยากเข้าใจอะไรทั้งนั้นล่ะ”

 

“มีเหตุผลหน่อยสิ  ทำตัวแบบนี้  เหมือนไม่ใช่นายเลยนะ”

 

เซน...ตัวตนของฉันน่ะไม่ใช่อย่างที่นายเห็นหรอกนะ...ไม่ว่าจะเป็นไผ่คนที่อยู่ในโรงเรียน  ไผ่ที่ทำงานพิเศษ  หรือไผ่คนที่นายรู้จัก  ไม่ว่าจะเป็นไผ่คนไหน  ฉันมันก็แค่คนที่ต้องหาหน้ากากสวมเพื่อปิดบังความอ่อนแอของตัวเองเท่านั้น

 

“ไม่ใช่ฉัน?  นายรู้เรอะว่าฉันเป็นคนยังไง  นายคิดอยู่ใช่ไหมว่านายรู้จักและเข้าใจฉัน  ถ้าหากเป็นแบบนั้น....นายจะไม่มีวันทำแบบเมื่อกี้...”

 

“ไผ่”

 

“ให้ฉันอยู่คนเดียวสักพักเถอะ”

 

คนชื่อทิวหันมาจับไหล่ของเซน  ทำให้เซนหลีกทางให้ผม  แต่ตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ในบ้านนี้หรอก  ไม่อยากได้ยินเสียงของพวกเขาทั้งสองพูดคุยกัน  ผมจึงเลือกเดินหันหลังให้พวกเขาแล้วก้าวออกจากบ้าน

 

ผมจะไปที่ไหนดี...ผมไม่มีที่ไป  ไม่อยากกลับบ้าน  อยู่กับเซนก็ไม่ได้แล้ว  ไม่กล้าไปรบกวนพวกเถ้าแก่ด้วย...จะทำยังไงดีนะ   ตอนนี้...ผมรู้สึกเหมือนกับว่า  ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...

 

น้ำตาพลันไหลออกมาเมื่อคิดเช่นนั้น  สิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจของผมมาตลอดก็คือเซน  ถึงพ่อกับแม่จะไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร  ถึงจะเหงายังไงก็ช่าง  แค่เพียงมีนายคอยยิ้มอยู่ข้างๆแม้ในฐานะเพื่อน  มันก็ทำให้ผมสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง  แต่ว่า...แม้แต่เซนก็....

 

“ไผ่”

 

เสียงเรียกของบุคคลตรงหน้าทำให้ผมหลุดจากภวังน์

 

...พี่แทมิน

 

“ร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไรไผ่”

 

“ทำไม  พี่ถึงมาอยู่ที่นี่...”

 

“ฮยองเป็นห่วงไผ่เลยตามมาดู  พอเห็นไผ่เดินเข้าบ้านไปแล้วฮยองจึงกลับ...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงเดินกลับมาที่นี่อีก  มันเหมือนกับ...สังหรณ์น่ะ”

 

“ผม.....”

 

“ป่ะ  ไปบ้านฮยอง อยู่ที่บ้านจนกว่าไผ่จะสบายใจ”

 

“แต่ว่า...”

 

“ถ้าคิดว่าเป็นการรบกวนล่ะก็  เลิกคิดซะ  ทั้งพ่อและฮยองต่างก็เห็นไผ่เป็นคนในครอบครัว  เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่ารบกวน  ไปกันเถอะ”

 

พี่แทมินคว้ามือผม แล้วเดินจูงมือผมไปยังบ้านของตน  โดยไม่แคร์สายตาของชาวบ้านว่าการที่ผู้ชายสองคนเดินจูงมือกันพวกเขาจะคิดเช่นไร


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบไปอีกตอน   ดีใจค่ะ ที่มีคนมาเม้นให้

@iamnan   เรื่องอีโมเยอะ  อันนี้ต้องขอโทษจริงๆค่ะ หากทำให้เสียอารมณ์ในการอ่าน 

@pooinfinity  เอ๋  แสดงว่าเคยอ่านเรื่องนี้จากในเด็กดีใช่ไหมคะเนี่ย  อ่านเรื่องแยกของเซนรึยังคะ  อย่าเพิ่งทวงแคนนะ  แคนกำลังอยู่ในช่วงดองเรื่องนั้นอยู่พอดี (โดนโบก)

@nunnan  งั้นเตรียมทิชชู่ไว้เลยค่ะ  เพราะดูจากกระแสเม้นจากในเด็กดีแล้ว.... :m15:

ปล. ตามกฏ บอกห้ามสนทนาพูดคุยกับคนอื่น ให้ตอบในเม้นเดียว   แคนตอบแบบนี้ไม่ผิดใช่ไหมคะเนี่ย  :z13:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 7) [05/03/2013]
«ตอบ #11 เมื่อ05-03-2013 19:41:12 »

จริงๆด้วยยย  :monkeysad: :monkeysad:

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
«ตอบ #12 เมื่อ05-03-2013 20:17:38 »

ตอนที่ 8  อยากเป็นมากกว่านั้น  (Taemin  talk)




การที่ไผ่มาหาผมกับพ่อในตอนเช้า  นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก  เพราะนอกจากเวลางานแล้ว  ไผ่ไม่เคยรบกวนพวกผมเลยสักครั้ง  ถึงเวลาจะเห็นเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งก็ตามแต่ไผ่ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม

 

“วันนี้ไผ่ดูแปลกๆนะ  ว่าไหม”

 

พ่อพูดถูก  ผมเองก็คิดแบบนั้น  เช้าวันนี้ไม่รู้ผมนึกอะไรถึงได้ตื่นมาตักบาตรกับพ่อทั้งๆที่ปกติช่วงเวลานี้ผมควรนอนอยู่ที่เตียง

 

“เอาเถอะ  รีบๆเก็บของเข้าบ้านกันดีกว่า”

 

พวกผมเริ่มเก็บของกันต่อ  มือยังคงง่วนอยู่กับของพวกนั้นแต่ใจผมกลับคิดถึงภาพของไผ่เมื่อกี้  สีหน้าที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่  กับรอยบวมแดงใต้ตานั่นเหมือนกับผ่านการร้องไห้มาอย่างนั้นล่ะ

 

“นี่  พ่อ”

 

“ว่าไง”

 

“ผมเป็นห่วงไผ่”

 

“ตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว  ไม่ต้องห่วงหรอกน่ะ”

 
“ผมว่าผมตามไปดูดีกว่า”

 

“อ่ะๆ  ตามใจ  ไปเถอะ  พ่อเองก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน  การที่เขามาหาตอนเช้าแบบนี้ อาจจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ได้”

 

“งั้นเดี๋ยวผมมานะ”

 

ว่าแล้วผมก็รีบวางของที่กำลังขนอยู่แล้ววิ่งตามไผ่ไปทันที  เส้นทางไปบ้านของไผ่  ผมจำได้ขึ้นใจเพราะมีบ่อยครั้งที่ผมมักจะแอบตามไผ่กลับบ้าน  แต่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ  ผมไม่ใช่คนโรคจิตหรือสโตกเกอร์  แต่ผมเห็นว่าดึกแล้วและอันตรายด้วย  ผมเคยถามไผ่ว่าจะให้ผมมาส่งไหมอยู่บ่อยครั้งแต่ไผ่ก็ปฏิเสธเสียทุกครั้งโดยบอกผมว่า  ไม่อยากรบกวน - -^  ไม่ได้เป็นการรบกวนเลยสักนิด  ผมเต็มใจต่างหากล่ะ

 

ไผ่เข้าบ้านไปแล้ว  บางทีผมอาจจะคิดมากไปก็ได้  ผมจึงหันหลังเพื่อเดินกลับบ้าน  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าหนทางกลับบ้านมันไกลอย่างนี้  ความรู้สึกแปลกๆที่ร่ำร้องภายในใจของผมเหมือนกับมันจะว่าให้ผมกลับไป  กลับไปหาไผ่อีกครั้ง  และบางทีผมควรเชื่อความรู้สึกของตนเอง  ผมจึงได้ได้หันหลังกลับไปอีกครั้ง

 
ภาพของไผ่ที่วิ่งออกมาจากบ้านแล้วค่อยผ่อนแรงลงเรื่อยๆจนนิ่งอยู่ตรงนั้น  น้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมา จากดวงตาที่มักจะเรียบเชยเสมอนั้น  ช่างเสียดแทงใจของผมยิ่งนัก

 

ภาพเหล่านั้นดึงดูดให้ผมก้าวขาเดินไปหาเขา  และเอ่ยชื่อของเขา....

 

“ไผ่”

               

ใบหน้าเปื้อนน้ำตาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม  อะไรทำให้ไผ่ต้องกลายเป็นแบบนี้กันนะ...

 

“ร้องไห้ทำไม  ใครทำอะไรไผ่”

 

“ทำไม  พี่ถึงมาอยู่ที่นี่...”

 

“ฮยองเป็นห่วงไผ่เลยตามมาดู  พอเห็นไผ่เดินเข้าบ้านไปแล้วฮยองจึงกลับ...แต่ก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงเดินกลับมาที่นี่อีก  มันเหมือนกับ...สังหรณ์น่ะ”

 

สังหรณ์แปลกๆนั่นคืออะไร  ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน....

 

“ผม.....”

 

ไม่อยากให้ไผ่ต้องเป็นแบบนี้  ไม่อยากเห็นไผ่ต้องร้องไห้  ผมน่ะอยากเห็นรอยยิ้มของไผ่มากกว่า

 

“ป่ะ  ไปบ้านฮยอง อยู่ที่บ้านจนกว่าไผ่จะสบายใจ”

 

พูดออกไปซะแล้วสิ

 

“แต่ว่า...”

 

“ถ้าคิดว่าเป็นการรบกวนล่ะก็  เลิกคิดซะ  ทั้งพ่อและฮยองต่างก็เห็นไผ่เป็นคนในครอบครัว  เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่ารบกวน  ไปกันเถอะ”

 

ผมไม่เห็นว่ามันจะเป็นการรบกวนเลยสักนิดและไม่เคยคิดด้วย  เพราะฉะนั้น...อย่าคิดแบบนั้นเลยนะ

 

ผมคว้ามือของไผ่แล้วพาเขาเดินมายังบ้านของผม  ตลอดทางมีคนบางกลุ่มมองพวกผมแล้วหันไปซุบซิบนินทา  มันแปลกมากนักรึไงฟะที่ผู้ชายสองคนจะเดินจูงมือกันเนี่ย  แต่ช่างมันเถอะ   ไม่ว่าใครเขาจะคิดยังไงผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว  ผมสนใจแค่การทำให้ไผ่หายเศร้าเท่านั้นเอง

 

“พี่แทมิน  ปล่อยมือผมเถอะครับ  คนมองกันใหญ่แล้ว”

 

“ไม่  ไม่เห็นต้องไปแคร์เลย”

 

“......”

 

ถึงบ้านแล้ว  ผมพาไผ่ขึ้นไปยังห้องของผม  พ่อเองก็ไม่ขัดอะไรคงจะเข้าใจล่ะมั้ง

 

“ไผ่  ฮยองถามอะไรไผ่หน่อยได้ไหม”

 

“อะไรครับ”

 

“ไผ่อยากกลับบ้านรึเปล่า”

 

“.....”

 

“ว่าไงล่ะ”

 

“...ไม่...ครับ”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่นี่แหล่ะ”

 

“เอ๋!”

 

“หรือว่าไผ่มีที่ที่จะไปอยู่แล้ว”

 

“....ไม่มีครับ”

 

“งั้นก็อยู่ที่นี”

 

“คือผม....ไม่อยาก...”

 

“รบกวน  สินะ”

 

“ครับ”

 

“เมื่อกี้ก็บอกไปแล้วนะ  ว่าเลิกคิดซะ...หรือว่าไผ่จะไปอยู่กับเซน......”

 

“ไม่ครับ”

 

“ตกลงอย่างที่พูดก็แล้วกัน  ส่วนพ่อเดี๋ยวฮยองพูดให้เอง”

 

พ่อไม่ได้ว่าอะไรที่ผมเสนอให้ไผ่อยู่ที่บ้าน  ช่วงปิดเทอมนี้  ลูกค้าที่บ้านก็เยอะ  ดีซะอีกที่ไผ่มาอยู่ช่วยแบบนี้  พ่อว่างั้นล่ะ

 

เนื่องจากบ้านของผมมีแค่สองห้องนอนคือห้องผมกับพ่อ  ดังนั้นไผ่จึงต้องนอนกับผม...เสร็จโจร  เอ๊ย  ไม่ใช่  -*-

 

“ไผ่”

 

“ครับ”

 

“จะโกรธไหม  ถ้าฮยองจะถามว่าเรื่องที่ไผ่กำลังเป็นทุกข์อยู่ตอนนี้คือเรื่องอะไร”

 

“............”

 

“ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร”

 

“...ถ้าหากว่า.....”

 

“......”

 

“ถ้าหากว่า  วันหนึ่ง  คนที่เปิดประตูบ้านให้พี่  คือฝาแฝดของพี่  คนที่พี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีตัวตน  พี่จะ

ทำยังไงครับ”

 

“.....นี่อย่าบอกนะว่า...”

 

ไผ่ไม่ตอบอะไรได้แต่ก้มหน้าโดยไม่สบตากับผม  และผมคงไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก  จนกว่าพี่จะทำใจยอมรับปัญหาตอนนี้ได้.......

 

“แล้วเซนล่ะ”

 

ผมเงยหน้ามาสบตากับผม  เหมือนอยากจะร้องไห้  แต่แล้วเขาก็ก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

 

“เซนเขาไม่เข้าข้างผมอีกแล้ว....   ตอนนี้ผมดูเหมือนเป็นคนผิดในสายตาของเขา.......”

 

อา...เซนมีอิทธิพลต่อไผ่  เรื่องนั้นผมรู้ดี...ผมที่เฝ้ามองไผ่มาตลอด  ทำไมเรื่องแค่นี้จะไม่รู้

 

ไผ่ชอบเซน...

 

เซน....ศัตรูหัวใจที่ผมไม่มีวันชนะ

 

เพราะสำหรับไผ่แล้ว 

 

ผมเป็นได้แค่....พี่ชาย

 

แต่ว่า.......

 

ผมไม่ยอมแพ้หรอก....

 

จะไม่ยอมเป็นแค่พี่ชาย.....

 

ผมอยากเป็นมากกว่านั้น...

 

“ไผ่”

 

“ครับ?”

 

“ต่อจากนี้ไป...ห้ามเรียกว่าพี่แทมินอีกนะ”

 

“เอ๋”

 

“ให้เรียกแค่  แทมิน  เข้าใจไหม”

 

“หมายความว่ายังไงครับ”

 

“แล้วฉันก็จะไม่แทนตัวเองว่าฮยองอีกแล้ว”

 

“.....”

 

“ชอบนะ”

 

ไผ่ทำตาโตใส่ผม  ให้ตายสิ  น่ารักชะมัด

 

“ฉันชอบไผ่....”

 

หากไม่ลองพยายามดู  จะไปรู้ได้ยังไงว่าชนะรึไม่ชนะ

 

เพราะฉะนั้น  ถึงตอนนี้ไผ่อาจจะปฏิเสธ

 

แต่ไม่เป็นไร

 

ผมจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด

 

จนกว่า...จะได้หัวใจ...ของนายมา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
«ตอบ #13 เมื่อ05-03-2013 20:56:54 »

โอ้ยยย ตอนนี้ขอเชียร์แทมินสุดใจ ไผ่เปิดใจหน่อยนะ
รุกเข้าไปลูก เดี๋ยวไผ่ต้องใจอ่อนแน่ :impress2:
เซนเหมืือนไม่รู้จักไผ่อ่ะทั้งที่ไผ่ใส่ใจเซนมากก
สู้ๆนะคะ

mach201

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
«ตอบ #14 เมื่อ06-03-2013 00:45:53 »

อ่านตอนล่าสุดโบกธงเชียร์พี่แทมินดีกว่า
มันน่าน้อยใจแทนไผ่นัก
ทั้งเซนทั้งพ่อแม่ อยู่ใกล้แต่กลับดูเหมือนไม่ใส่ใจไผ่เลย

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
«ตอบ #15 เมื่อ06-03-2013 01:38:27 »

อ่านแล้วตอนแรกไม่ชอบเซน :fire: :fire: แต่สุดท้ายเซนก็น่าสงสารรที่สุดด  :monkeysad: :monkeysad: อย่าลืมไปลงต่อน่ะะ
อิอิ

3BⅠt$.

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 8) [05/03/2013]
«ตอบ #16 เมื่อ06-03-2013 03:45:27 »

เอ๋ เพิ่งมาอ่าน เห็นบอกว่ามีลงใน เด็กดี
ตามไปอ่านอย่างเงียบๆ...

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 9) [06/03/2013]
«ตอบ #17 เมื่อ06-03-2013 15:03:44 »

ตอนที่ 9  เกลียด...




“ฉันชอบไผ่....”

 

พี่แทมินพูดอะไรออกมา   พี่บอกว่าชอบผมอย่างนั้นเหรอ...

 

“ผมไม่ขำนะ  ถ้าพี่จะแกล้งผมเหมือนทุกครั้งล่ะก็  เลิกเถอะ”

 

“ฉันไม่ได้แกล้ง  ฉันไม่อยากเป็นแค่พี่ชาย  เพราะฉันชอบไผ่”

 

“....ผมว่าผมควรกลับบ้าน”

 

“ไหนไผ่บอกว่าไม่อยากกลับไง”

 

“การที่ผมหนีออกมา  มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น”

 

“...ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ  แต่ว่าไม่ต้องฝืนนะ  ทนไม่ไหว  ไม่รู้จะทำยังไง  อย่าลืมว่าไผ่ยังมีฉัน  มีพ่อของฉัน  พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน  เข้าใจไหม”

 

“...ครับ”

 

“แล้วก็เรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อกี๊ฉันพูดจริง  ส่วนคำตอบ...มันไม่จำเป็น  ขอแค่ไผ่ให้ฉันอยู่ข้างๆเท่านั้นก็พอ”

 

“ผม...กลับนะครับ”

 

“ฉันไปส่ง”

 

“เอ่อ...”

 
“หยุด  ห้ามปฏิเสธ  ห้ามบอกว่าไม่อยากรบกวน  ฉันเต็มใจ”

 

สับสนไปหมดแล้ว  วันนี้มันวันอะไรกัน  ไหนจะเรื่องที่บ้าน  ไหนจะพี่แทมิน  เหนื่อยจัง.....

 

พี่แทมินเดินจับมือผมกลับบ้าน  ไม่ว่าผมจะปฏิเสธยังไง  เขาก็ไม่สนใจ  ยังจับมือผมต่อ  ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ  กลับรู้สึกอบอุ่นซะด้วยซ้ำ  แต่ว่า  จู่ๆมาบอว่าชอบแบบนี้  บอกตรงๆ...ผมทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ

 

ถึงบ้านของผมแล้ว  พี่แทมินยืนส่งจนผมเข้าไปในบ้านเขาจึงกลับ  เซนยังคงอยู่ในบ้านของผม  พ่อกับแม่รวมทั้งคนชื่อทิวด้วย  ตั้งแต่คนชื่อทิวอยู่ที่นี่  พ่อกับแม่ยังไม่ออกไปทำงานเลย

 

“ไผ่  กลับมาแล้วเหรอ”

 

คนชื่อทิวเอ่ยทันทีที่เห็นผม

 

“ใจเย็นลงบ้างรึยัง”

 

เซน  ช่วงที่ผมออกจากบ้าน  นายก็ยังคงพูดคุยอยู่กับคนชื่อทิวสินะ

 

“ผมคิดว่า  เราควรจะคุยกันจริงๆสักทีนะ”

 

“อืม..พี่ก็ว่าอย่างนั้นล่ะ  คุณพ่อ  คุณแม่  ไผ่กลับมาแล้วครับ”

 

พ่อกับแม่เดินเข้ามาในห้องรับแขก  ภาพบ้านที่ว่างเปล่ามาตลอดในสายตาผม  ตอนนี้มันดูวุ่นวายเหลือเกิน

 

“พ่อกับแม่มีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะครับ  ผมพร้อมจะฟังแล้ว  รวมทั้งคุณด้วย”

 

พ่อเข้ามานั่งข้างๆผม  ไม่รู้ทำไม  ผมถึงรู้สึกว่า พ่อกับแม่ที่ปกติแทบไม่ได้เจอหน้ากัน  จากที่ดูห่างๆกันอยู่แล้ว  ตอนนี้กลับรู้สึกห่างกันมากกว่าเดิม

 

“ไผ่  พ่อกับแม่เคยบอกไผ่ใช่ไหมว่า  ที่ทำก็เพื่อครอบครัวของเรา”

 

“ครับ”

 

“พ่อกับแม่  พยายามทำงาน  ทำโอที  เพิ่มให้ได้โบนัส  และมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง  และตอนนี้  ที่พ่อกับแม่พยายามมาตลอด  มันก็ประสบผลแล้ว  พ่อกับแม่ได้เลื่อนตำแหน่ง  เป็นตำแหน่งที่สูงขึ้น  เงินเดือนก็เยอะขึ้น  เพื่อทำให้ครอบครัวของเราสมบูรณ์  เพื่อที่ครอบครัวของเราจะได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า  มีพ่อ  มีแม่  และมีไผ่กับทิว  ครบทั้งสี่คน”

 

อา...ผมไม่รู้จะพูดอะไร  ที่พ่อกับแม่ทำมาทั้งหมดก็เพื่อครอบครัวของเรา  คำพูดที่ได้ยินกรอกหูมาตั้งแต่เด็ก  ที่แท้  มันไม่ได้หมายถึงแค่เราสามคน  แต่เป็นเราสี่คน  รวมคนที่ชื่อทิว......

 

“แล้วที่พ่อกับแม่รับทิวมาอยู่ด้วยนั้นก็หมายความว่าตอนนี้พวกเรามีทุกอย่างครบแล้ว  ความพร้อม  และเวลาที่จะคอยดูแลลูก  ไผ่  ลูกเข้าใจใช่ไหม”

 

ไม่เลย..ผมไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด!!

 

“ครับ ผมเข้าใจ...”

 

ผมต้องพูดต่างจากความความคิด  ไม่อยากให้เรื่องมันต้องยุ่งไปมากกว่านี้  แค่นี้ผมก็แทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว...

 

“แหม  เข้าใจก็ดีแล้ว ^^”

 

เซนยิ้มดีใจที่เห็นว่าผมดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง

 

“เอางี้แล้วกันนะ ไผ่  เรื่องที่เราตกลงกันว่าจะไปเที่ยวตอนปิดเทอมอ่ะ  ชวนทิวไปด้วยก็แล้วกัน”

 

อะไรนะ...นี่นายจะชวนคนชื่อทิวไปด้วยอย่างนั้นเหรอ

 

“ว่าไง  ทิว  นายอยู่นี่ถึงแค่ก่อนเปิดเทอมสินะ  อยากไปไหนล่ะ”

 

“นั่นสินะ  ที่ไหนก็ได้  ฉันไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวที่ไหนอยู่แล้ว”

 

“ถ้างั้น  เอาเป็น ว่า  ฉันจะพานายทัวร์กรุงเทพก็แล้วกัน  งั้นพรุ่งนี้เราไปเดินสยามกัน  โอเปล่า”

 

“อืม  น่าสนุกนะ”

 

พวกเขาทั้งสองคนตกลงกันเสร็จสรรพ  จนผมแทบจะไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร  หมดสิ้นแล้วความหวังที่จะได้อยู่กับเซนแค่สองคน  แต่กลับมีคนชื่อทิวเข้ามายุ่งด้วย...

 

“เอาล่ะ  เห็นทีฉันต้องกลับบ้านแล้ว  ไผ่  มานี่เดี๋ยวดิ  มีไรจะพูดด้วย”

 

“อ่ะ อืม”

 

ผมตามเซนออกไปถึงหน้าบ้านแล้วเซนก็เอาแขนมาเกี่ยวคอผมเหมือนทุกครั้ง

 

“ไผ่  คืองี้นะ”

 

“อะไรล่ะ”

 

“ฉันว่า  ฉันชอบทิวว่ะ”

 

“.....!!”

 

“แบบว่าปิ๊งอ่ะ  ถูกชะตาชิบ  ให้ตายสิ  ตูเป็นโฮโมเรอะวะเนี้ย”

 

ผมหูฝาดไปใช่ไหม  เซน  บอกสิว่าฉันฟังผิด.....

 

“ไผ่  เป็นพ่อสื่อให้หน่อยสิ  ได้เปล่า”

 

“ทำไม...ต้องเป็นฉัน”

 

“เอ้า  ก็พวกนายเป็นพี่น้องกันนิ  พูดง่ายอยู่แล้ว”

 

“ไม่”

 

“อ่าวเฮ้ย  แค่นี้ช่วยเพื่อนไม่ได้เหรอไง”

 

“ฉันไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก...นายพยายามเอาเองก็แล้วกัน”

 

“หูย  เออก็ได้ๆ  ทำเองก็ได้วะ”

 

“หมดธุระแล้วใช่ไหม  ฉันกลับได้รึยัง”

 

“อาๆ  หมดแล้ว  ไปเถอะ”

 

ไม่รอช้า  ผมรีบกลับเข้าบ้านทันที  เซน  นายชอบคนชื่อทิวงั้นเหรอ  ทั้งๆที่เจอกันวันแรกเนี้ยนะ  แล้วผมล่ะ  ผมเองก็ชอบเซนเหมือนกันนะ  ทำไม...ทำไมต้องเป็นทิว.....ทำไมถึงไม่เป็นผม...ทำไม!

 

“เซนเขาคุยอะไรรึไผ่”

 

“.....”

 

“เอ...ชักสงสัยแล้วสิ  พอจะบอกให้พี่ฟังได้ไหม”

 

“ถึงผมจะเข้าใจแล้วก็เถอะ...แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับคุณเป็นพี่ชายหรอกนะ”

 

พูดเสร็จ  ผมจึงรีบเดินขึ้นห้อง  โดยไม่อยู่ให้คนชื่อทิวได้สักถามอะไรไปมากกว่านี้  เมื่อเข้าห้องผมแทบทรุดลงกับพื้น  เซนชอบคนชื่อทิว....เจ็บเหลือเกิน  ในอกผมมันเจ็บไปหมด  ตั้งแต่เด็ก  หัวใจของผมมีแต่เซน  ถึงแม้เซนอาจจะไม่ได้ชอบผมก็ไม่เป็นไร  ขอแค่ได้อยู่เคียงข้างในฐานะเพื่อนก็ได้  ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแต่ผมกลับทนไม่ได้  ที่เซนชอบคนชื่อทิว  ในขณะที่ผมยังคงเป็นได้แค่เพื่อน....นายจะชอบใคร  ผมคงไม่เสียใจขนาดนี้หรอกนะ  มันเหมือนกับว่าคนชื่อทิวนั้นเกิดมาเพื่อแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผมเลย

 

เกลียด....ผมเกลียดคนชื่อทิว...

 

เกลียดที่สุด!!



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

@nunnan  ทิชชู่พอไหมคะนั่น

@blanchet  แทมินไม่ถอยอยู่แล้วค่ะ มีแต่จะรุกเอาๆอ่ะสิ  สุดท้ายขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

@mach201  สงสัยเพราะอยู่ใกล้เกินไปล่ะมั้งคะ เลยมองข้ามไปซะงั้น

@nunnan  อ้าว  นี่ตามไปอ่านต่อในเด็กดีรึคะ  งั้น อย่าลืมมาเม้นในนี้ต่อนะคะ  :-[

@3BⅠt$.  ตามไปอ่านแล้ว อย่าลืมเม้นให้กำลังใจเราด้วยนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 9) [06/03/2013]
«ตอบ #18 เมื่อ06-03-2013 17:22:37 »

โอ๊ะๆๆ มาแล้วจ่ะ รออ่านอยู่ น่ะ  :monkeysad: :monkeysad:

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 10) [06/03/2013]
«ตอบ #19 เมื่อ06-03-2013 19:32:49 »

ตอนที่ 10   การรอคอยของเด็กน้อย (Tiew talk)



“ถึงผมจะเข้าใจแล้วก็เถอะ...แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมรับคุณเป็นพี่ชายหรอกนะ”

 

เมื่อพูดเสร็จ  ไผ่ก็เดินเข้าห้องไป  ไผ่เขาไม่ยอมรับผม  ผมจะทำอย่างไรดีนะให้เขายอมรับผมในฐานะพี่ชาย

 

คงมีแค่ผมเท่านั้นล่ะมั้งที่ดีใจเมื่อจะได้เจอกับน้องชายที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลยสักครั้ง  และคงมีแต่ผมเท่านั้นที่เฝ้าคอยนับวันมาตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับน้องชายเพียงคนเดียวของผม....

 

...

 

“ไอ้เด็กม่ายพ่อม่ายแม่มาแล้วเว้ย  หนีเร็วๆ”

 

กลุ่มเด็กชายตัวดำในชุดนักเรียนประถมอาศัยอยู่ในจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศพูดด้วยภาษาท้องถิ่นแล้วพากันวิ่งหนี  ‘เด็กน้อยคนหนึ่ง’ ด้วยสีหน้าเย้ยหยั่น  ทำให้เด็กชายต้องตะโกนถามกลุ่มเด็กเหล่านั้น

 

“จะหนีไซ  ให้กุเล่นด้วยคนต่ะ”

 

            เด็กชายเดินเข้ามาใกล้กลุ่มเด็กๆ

 

“ม่ายเอา  ไอ้ทิวมันม่ายพ่อม่ายแม่  พวกกุไม่เล่นด้วยหรอก”

 

เชื่อว่าเด็กประถมหลายๆคนมี พฤติกรรมแบบนี้  รังเกียจคนที่แปลกกว่าตนเอง  ไม่เข้าพวกกับตนเอง  เหมือนกับเป็นกระแสนิยมหากมีคนเริ่มสักคน  เด็กคนอื่นๆจะคล้อยตามและพากันรังเกียจตามกันไปด้วย

 

เด็กน้อยทิวแบะปากด้วยความไม่พอใจแล้วหยิบก่อนหินขนาดพอดีมือขว้างไปยังกลุ่มเด็กเหล่านั้นหลายต่อหลายก้อนทำให้กลุ่มเด็กชายพากันวิ่งหนีกระเจิง

 

“ไอ้ทิวพ่อแม่ไม่สั่งสอนเว้ย  อ้อ ลืมไป  มันม่ายพ่อม่ายแม่นี่หว่า  ฮ่าๆๆ”

 

แล้วเสียงหัวเราะก็พากันดังขึ้นเรื่อยๆ  ทำให้ทิวเริ่มหมดความอดทน  วิ่งเข้าไปชกกับเด็กคนที่พูดแบบนั้นทันที  แล้วเหตุการณ์ก็จบลงด้วยผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ละแวกนั้นเข้ามาห้ามปราม

 

เรื่องเข้าถึงหูย่าของทิวที่นั่งตำน้ำพริกอยู่ในบ้าน  เมื่อมีคนวิ่งมาบอกว่าหลานของตนมีเรื่องชกต่อยจนหัวร้านข้างแตก

 

เมื่อมาถึงบ้านของเด็กที่มีเหตุชกกับทิวแล้วก็พบว่าแม่ของเด็กชายคนนั้นกำลังเอาก้านมะยมตีไปยังขาของทิวจนเป็นลายทาง

 

“อีศรี!!  มึงจะทำอะไรหลานกุ”

 

ย่ารีบวิ่งเข้ามาดึงก้านมะยมออกจากมือของคนที่หล่อนเรียกว่าศรี  แล้วโอบกอดทิวที่ยืนร้องไห้ตัวสั่นด้วยความเจ็บ

 

“ป้าก็ดูหลานของป้าสิ  ดูที่มันชกลูกฉันจนหน้าตายับเยินแบบนี้  แล้วป้าจะไม่ให้ฉันลงโทษมันรึไง”

 

“แต่มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้  หลานของกุ  กุสอนมันมาเองกับมือ  ถ้าลูกมึงไม่พูดหมาๆก่อน  มันไม่ทำพันนี้หรอก  ว่าไง  ไอ้บอล  มึงบอกมาสิว่ามึงทำพรือให้ไอ้ทิวมันโกรธ”

 

เด็กชายบอลทำสายตาหลุกหลิกแบบเด็กที่พยายามจะโกหกผู้ใหญ่

 

“ผมเปล่านะ  แค่ไม่ยอมให้เล่นด้วย  มันก็ต่อยผมแล้ว”

 

“ไม่จริง”

 

ทิวแย้ง  มันไม่เป็นอย่างที่บอลพูด  ย่าไม่เคยสอนให้เขาเป็นคนไร้เหตุผลแบบนั้น

 

“ไอ้บอล  ไอ้บอลมันหาว่าผมม่ายพ่อม่ายแม่  พ่อแม่ไม่สั่งสอน”

 

“จริงรึ  ไอ้บอล”

 

ย่าขึ้นเสียงกับบอลที่ตอนนี้ได้แต่ก้มหน้าเงียบตามประสาเด็กหัดโกหก

 

“บอล  ที่ไอ้ทิวแหลง  จริงม้าย  บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ”

 

“จะ..จริงครับ”

 

ศรีหน้าซีดเมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากของลูกชาย  หล่อนได้เคียนตีทิวไปโดนไม่สอบถามถึงที่มาที่ไปให้ชัดเจนทำให้รู้สึกอับอายไม่กล้าสู้หน้าย่าของทิว

 

“ทีนี้มึงก็รู้แล้วสินะ  ไป ไอ้ทิว  กลับบ้านเถอะ”

 

ย่าเดินนำทิวกลับบ้าน  บ้านไม้ชั้นเดียวที่มีเพียงสองคนย่าหลาน  เมื่อมาถึงหน้าบ้าน  ย่าหยิบก้านไม้มะยมแต่ขนาดเล็กกว่าที่ศรีใช้  แล้วเรียกให้ทิวมายืนใกล้ๆ

 

“ไอ้ทิว  มึงมายืนนี้”

 

“จะตีผมเหรอ”

 

“เออ  กุไม่เคยสอนให้มึงแก้ไขปัญหาด้วยกำลัง  กุเลยต้องตีมึง”

 

เสียงเคียนตีดังขึ้นอีกครั้ง  ย่าไม่ได้ตีไปที่ขาเหมือนศรีแต่ตีไปยังก้น  ตรงที่มีเนื้อเยอะที่สุดเพื่อที่หลานจะได้ไม่เจ็บมากแม้กระนั้น  น้ำตาของทิวก็ยังคงไหลด้วยความเจ็บตัวและเจ็บใจ....

 

“แม่เฒ่า..”

 

“....”

 

“พ่อแม่ของผมไปไหน....พวกเขาตายแล้วเหรอ”

 

“ฟังย่านะทิว พ่อกับแม่ของทิว ยังไม่ตาย”

 

“แล้วพวกท่านไปไหน...ทำไมถึงไม่อยู่กับผม รึว่าพวกเขาไม่รักผมแล้ว”

 

น้ำตาของเด็กน้อยไหลอีกครั้ง  พ่อกับแม่ที่เขาไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้า  ไม่เคยพบเลยสักครั้ง  พวกเขาทำอะไรกันอยู่ถึงปล่อยให้ตนตอนทนต่อคำสบประมาทของพวกเด็กๆแถวนี้ด้วย

 

“พวกเขากำลังทำงานอย่างหนัก เก็บเงินเพื่อจะรับมึงไปอยู่ไง เด็กโง่”

 

“แล้วต่อไดเขาจะมารับผมล่ะครับ”

 

“ย่าเองก็ไม่รู้แต่ว่า  ภาพของแม่มึงตอนที่ร้องห่มร้องไห้เมื่อเอามึงมาฝากเอาไว้  มันทำให้ย่าได้รู้  ว่าพวกเขารักมึงแค่ไหน  เพราะฉะนั้นจำคำของย่าเอาไว้นะ  ไม่ว่าใครจะแหลงพันพรือ  มึงก็ไม่ต้องไปสนใจ  มึงไม่ได้ม่ายพ่อม่ายแม่เหมือนที่พวกมันแหลง  แล้วก็ห้ามใช้กำลังแก้ไขปัญหา  จงอดทนแล้วพยายามแก้ไขด้วยสติและปัญญา  เข้าใจที่ย่าพูดใช่ไหม”

 

“ครับ  ผมเข้าใจแล้ว  ต่อไปไม่ว่าใครจะแหลงยังไง  ผมจะอดทน  เพราะผมไม่ได้เป็นอย่างที่พวกมันพูด”

 

ย่าลูบหัวของทิวอย่างอ่อนโยน  หลานชายของเขาช่างเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายเหลือเกิน  ว่าแล้วก็อดคิดถึงหลานของคนของเธอไม่ได้  ไม่รู้ว่าป่านนี้ไผ่จะเป็นอย่างไรบ้าง  ถึงแม้จะไม่เคยพบหน้ากันแต่  เพราะเป็นฝาแฝดด้วยใบหน้าที่เหมือนกันทำให้เธอคิดว่า  ไผ่เองก็คงรูปร่างหน้าตาเหมือนทิวในตอนนี้  แต่ว่าสิ่งที่เธอหนักใจคือเจ้าลูกชายและเมียของมัน  ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงไผ่ได้ไหม  จะมีเวลาอบรมสั่งสอนเหมือนที่เธอสอนทิวรึเปล่า  ทิวเองก็ยังไม่รู้ว่าตนเองมีน้องชายฝาแฝด  บ้างทีมันอาจจะยังไม่พร้อมที่ทิวจะรับรู้เรื่องนี้ก็ได้  รอให้โตกว่านี้อีกหน่อยก็แล้วกัน

 

หลายวันผ่านไป  ทิวกำลังเดินกลับจากโรงเรียน  พวกเด็กกลุ่มเดิมเมื่อเห็นทิวเดินผ่าน  ก็ทำการล้อเขาอีกเช่นเคย

 

“เด็กม่ายพ่อ  ม่ายแม่เดินมาแล้วเว้ย ฮ่าๆๆ”

 

“ไอ้เด็กกำพร้า  ไอ้เด็กกำพร้า”

 

เสียงล้อเลียนของพวกเขายังคงดังต่อไปเรื่อยๆ  แต่นั่นไม่ทำให้ทิวต้องโมโหเหมือนอย่างเมื่อก่อน  เขามีพ่อ มีแม่  ไม่ใช่อย่างที่พวกนั้นพูด  เขาจึงไม่เก็บเอามาคิดและใส่ใจอีกแล้ว

 

“ตอง  แขบๆฮิดต่ะ  เดี๋ยวไปไม่ทันรถกันพอดี”

 

เด็กชายคนหนึ่งหันหน้ามามองน้องสาวที่ตัวเล็กกว่าวิ่งตามเขาต้อยๆ

 

“พี่เต้ย  ขี่หลังหน่อย  ตองเหนื่อยแล้ว”

 

เด็กหญิงทำท่าอ้อนพี่ชาย  ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มน่ารัก

 

“อ่ะ  ก็ได้ๆ  เอ้าขึ้นมา”

 

พี่ชายผู้ใจอ่อนนั่งลงให้น้องสาวกระโดดขึ้นขี่หลัง  แล้วพาวิ่งเหยาะๆ  อย่างน่ารัก  ดูแล้วน่าอิจฉากัน  ทิวคิดเช่นนั้น  แล้วก็เดินกลับบ้านต่อ

 

“พี่จอมๆ  วันนี้สอนผมเตะบอลทีต่ะ”

 

เด็กชายวัยใกล้เคียงกับเขา  เดินถือลูกบอล  วิ่งไปหาเด็กมัธยมต้นที่หน้าคล้ายๆกับตน  คาดว่าอาจจะเป็นพี่ชายล่ะมั้ง 

 

“ได้อยู่แล้ว  แต่กลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวแม่ด่าเอา”

 

“คร้าบบบบบ”

 

การมีพี่น้องนี่ดีจังนะ  อยากมีบ้างจังเลย  เมื่อคิดได้ดังนั้นทิวจึงรีบวิ่งกลับบ้านไปหาย่าของเขา

 

“แม่เฒ่าๆ”

 

“อะไรของมึง  วิ่งหนีอะไรมารึไง  ดูสิเหงื่อเต็มเลย”

 

เด็กชายไม่สนคำถามของผู้เป็นย่า  กลับรีบวิ่งเข้าไปหา

 

“แม่เฒ่า  ผมมีพี่น้องม้าย”

 

“อะไรนะ”

 

“ผมอยากมีน้อง  พี่ก็ได้  ผมมีม้าย”

 

“อะไรทำให้มึงคิดเรื่องนี้”

 

“ผมแลแล้วมันอบอุ่นดีนะ  รู้สึกอิจฉาเด็กแถวนี้ที่มีพี่มีน้องกัน”

 

บางที...นี่อาจถึงเวลาที่ควรจะบอกได้แล้วล่ะมั้ง  หล่อนคิดเช่นนั้น

 

“มีสิ”

 

“จริงรึครับ  แล้วเป็นพี่ชาย รึว่าน้องชาย  เอ๊ะ  รึว่าพี่สาวกับน้องสาว”

 

“น้องชายของมึง  ชื่อไผ่  เป็นฝาแฝดของมึง”

 

“น้องชาย!  ผมมีน้องชาย  เป็นฝาแฝดของผมด้วย  เย้!  เอ๊ะ  ว่าแต่ฝาแฝดนี่คืออะไรรึแม่เฒ่า”

 

“ฝาแฝดก็คือ  คนที่เกิดมาพร้อมกับเราและมีหน้าตาเหมือนเราไง  เหมือน  อีแมวกับอีเหมียวเพื่อนมึงไง”

 

“อ้อ  นั่นคือฝาแฝดเหรอ  แม่เฒ่า  ผมอยากเจอไผ่  อยากเห็นไผ่จัง”

 

“อีกไม่นานหรอก  พ่อกับแม่มึงต้องมารับมึงไปอยู่ด้วยแน่ๆ  ถึงตอนนี้มึงก็จะได้เจอกับไผ่  ตอนนี้มึงก็ไปส่องกระจกดูหน้าตัวเองก่อนก็แล้วกัน  เพราะหน้าตาไผ่ก็เหมือนกับมึงนั่นแหล่ะ”

 

ทิวรีบวิ่งไปส่องกระจกที่ตั้งอยู่ข้างทีวีทันที

 

“แหม  น้องชายเรานี่  หล่อเหมือนเราเลย  ฮ่ะๆๆ”

 

ภาพน่ารักน่าเอ็นดูของทิวทำให้คนเป็นย่าอดอมยิ้มไม่ดี  นึกดีใจที่ทิวไม่ได้รู้สึกรังเกียจน้องชายของเขา  และเธอเองก็ได้แต่เฝ้าภาวนาให้ถึงวันที่พวกเขาจะได้พบกับเร็วๆ  หลานของเธอจะได้มีความสุข

 

วันเวลาผ่านไป  ทิวขึ้นเรียนชั้นมัธยมต้น  เมื่อกลับมาถึงบ้านทิวก็ได้พบกับสิ่งที่เขาเฝ้ารอมาตลอด  ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็เถอะ

 

“แม่เฒ่า  นี่  รถใครครับ”

 

ทิวชี้ไปยังรถเก๋งที่จอดอยู่หน้าบ้านของเขา  มันไม่ใช่รถของคนแถวบ้านเขาแน่ๆ  แล้วมันเป็นของใครกัน

 

ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งเดินออกมาจากกบ้านของเขา  เมื่อทั้งสองได้พบทิวแล้วหันมามองหน้ากัน  ฝ่ายชายหันไปมองมารดาของตนเพื่อต้องการคำยืนยัน  และเมื่อหล่อนพยักหน้า  พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทิวทันที

 

“ทิว  ทิวจริงๆรึลูก  นี่แม่นะ  แม่ของทิวไง”

 

“แม่...งั้นเหรอ”

 

ฝ่ายหญิงพยักหน้าตอบ  ถ้าอย่างนั้น  ผู้ชายคนนี้ก็คือ...

 

“คุณ...พ่อ”

 

“ใช่ลูก  พ่อของลูกไง”

 

“คุณพ่อ...คุณแม่”

 

คำที่เขาไม่มีโอกาสได้เอ่ยตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้  ในที่สุดก็ได้เอ่ยมันเสียที  คุณพ่อ  คุณแม่  เขาได้เจอพ่อแม่ของเขาแล้ว  ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...

 

“ไผ่ล่ะ  ไผ่มาด้วยใช่ไหมครับ”

 

“ไผ่  เขาไม่ได้มาด้วยหรอกลูก  ไผ่เขาต้องเรียนหนังสือนี่นา”

 

รอยยิ้มของทิวหายไปเล็กน้อย  แต่ก็ไม่เป็นไร  ในเมื่อตอนนี้เขาเจอคุณพ่อและคุณแม่  คงอีกไม่นานที่เขาจะได้เจอไผ่

 

ทั้งสามคนพ่อแม่ลูก  พูดคุยกันอย่างสนุกสนานและแสนคิดถึง  พ่อแม่ถามถึงสารทุกข์สุขดิบของลูกชายและทิวเองก็ถามถึงพวกเขา  พ่อเล่าให้ฟังว่าตอนนี้การงานเริ่มเข้ารูปเข้ารอยคาดว่าอีกไม่กี่ปี  คงจะสามารถรับเขาไปอยู่ด้วยได้อีกครั้ง  และที่พวกเขามาในวันนี้ก็เพราะมีของสำคัญจะมามอบให้

 

“อะไรรึครับ  ของที่จะให้ผมน่ะ”

 

มือถือกล่องของขวัญสีแดงผูกด้วยโบสีเหลือง  ขนาดไม่ใหญ่นักส่งให้ทิว

 

“ของขวัญวันเกิดของลูกไง  วันนี้วันเกิดลูกไม่ใช่เหรอ  แล้วที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็ไม่เคยให้อะไรลูกเลยด้วย”

 

ทิวยืนมือมารับของขวัญนั่นไว้ความรู้สึกยินดีถาโถมเข้ามาในจิตใจ  นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่เขาได้รับจากพ่อและแม่  และหลังจากวันนั้น  ทุกปี  พ่อกับแม่จะมาหาเขาและนำของขวัญวันเกิดมาให้ทุกครั้ง  ได้พบปะพูดคุยกันให้หายคิดถึง  และทิวมักนึกเสมอว่า  เวลาที่เขาจะได้พบกับไผ่ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว

 

และแล้วความปรารถนาของทิวก็สำเร็จผลเมื่อวันที่พ่อแม่ของเขามารับไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพในช่วงปิดเทอมขึ้นชั้นม.6  ของเขา  ในที่สุดเขาก็จะได้เจอไผ่  น้องชายที่เขาอยากเจอมาตลอด

 

รถมาจอดอยู่ที่หน้าบ้าน  ภายในบ้านมืดสนิท  แสดงให้เห็นว่าไม่มีบุคคลใดอยู่ในบ้าน

 

“แปลกจัง  นี่ก็น่าจะได้เวลาที่ไผ่จะกลับมาจากโรงเรียนแล้วนี่นา”

 

แม่เอ่ยถามพ่อเมื่อไขกุญแจเข้าไปในบ้าน  ทิวหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอไผ่  แต่ไม่เป็นไร  ตอนนี้เขาได้เข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว  อีกไม่นานก็จะได้เจอกันแล้ว...

 

ภายในบ้ายดูเรียบร้อยสะอาดตาเหลือเกิน  ทิวเดินสำรวจรอบบ้าน  ทุกอย่างดูปกติยกเว้นสิ่งเดียวที่เขารู้สึกติดใจ  รูปถ่าย...  ในบ้านหลังนี้  เขาไม่เห็นรูปถ่ายของน้องชายเขาเลยสักใบ  มีแต่รูปสมัยก่อนของพ่อกับแม่เขาเท่านั้น  เมื่อทิวเดินขึ้นมาชั้นสองของบ้าน  เปิดประตูบ้านหนึ่งออก  พบกับเตียงขนาดใหญ่  เดาได้ไม่อยากว่านี่คือห้องนอนของพ่อกับแม่  ถ้าอย่างนั้น  อีกประตูหนึ่งก็ต้องเป็น...

 

ประตูถูกแง้มออก  เผยให้เห็นห้องขนาดไม่กว้างเกินไปและแคบเกินไป  ห้องที่สะอาดเรียบร้อยและโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือเรียนเต็มไปหมด  ทำให้เขารู้ว่าน้องชายของเขาเป็นคนที่มีระเบียบและขยันเรียนแค่ไหน  แต่ว่า  ในห้องนี้ก็เหมือนกับห้องอื่นๆในบ้าน...ไม่มีรูปถ่ายของไผ่เลยสักใบ  น้องชายเขาไม่ชอบถ่ายรูปอย่างนั้นเหรอ

 

“ทิว  ลงมาข้างหน่อยหน่อยลูก”

 

เสียงแม่ดังมาจากชั้นหนึ่ง  ทิวจึงออกจาห้องของไผ่แล้วลงไปยังชั้นล่างตามที่แม่เขาเรียก

 

“มีอะไรครับคุณแม่”

 

“อยู่ข้างนี้นี่แหล่ะ  ขึ้นไปทำอะไรชั้นบน”

 

“ผมก็...สำรวจบ้านไงครับ”

 

“อีกเดี๋ยวกับข้าวก็เสร็จแล้วไม่ต้องขึ้นไปแล้วนะลูก”

 

“ครับ”

 

ก้อก  ก้อก ก้อก

 

เสียงเคอะประตูดังขึ้น  ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของทิวก็คือ  ไผ่กลับมาแล้ว

 

“เดี๋ยวผมไปเปิดให้เอง”

 

ทิววิ่งมายังหน้าประตู  ยืนมือไปจับลูกบิดและผลักมันออกเผื่อเปิดประตูให้กับไผ่  น้องชายที่เขาเฝ้ารอวันที่จะพบมาตลอด  ไผ่...น้องชายฝาแฝดของเขา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Because you're my love. (ตอนที่ 10) [06/03/2013]
« ตอบ #19 เมื่อ: 06-03-2013 19:32:49 »





bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 11) [06/03/2013]
«ตอบ #20 เมื่อ06-03-2013 22:12:25 »

ตอนที่ 11  สิ่งที่รออยู่ในวันพรุ่งนี้




“สวัสดีครับครับเถ้าแก่”

 

ผมเอ่ยทักเถ้าแก่ตามปกติเมื่อมาถึงที่ทำงาน

 

“หวัดดี ไผ่”

 

“สวัสดีครับ  พี่แทมิน”

 

พี่แทมินทักผมทันทีที่เห็นผม  ตั้งแต่ที่เขาบอกว่าชอบผมไปเมื่อเช้า  จนถึงตอนนี้ผมยังไม่กล้ามองหน้าเขาเลย

 

“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกว่าพี่”

 

“แต่ว่า  ผมแปลกๆนี่ครับที่อยู่ๆจะให้เรื่องแบบนี้”

 

“...ตามใจ  เอาตามที่ไผ่สะดวกก็แล้วกัน  ว่าแต่เรื่องที่บ้านเป็นบ้าง”

 

“ก็  ดีขึ้นแล้วครับ”

 

“งั้นก็ดีแล้ว ^^”

 

หลังเลิกงาน  พี่แทมินก็เดินจูงมือผมมาส่งที่บ้านอีกแล้ว  ต่อให้ผมปฏิเสธยังไงพี่เขาก็ไม่สนใจเลย =_=

 

“พี่ไม่ต้องมาส่งผมก็ได้นะครับ”

 

“ไม่ได้  ฉันเป็นห่วง   กลางดึกแบบนี้มาเดินคนเดียวได้ยังไง”

 

“ตอนกลับพี่ก็ต้องเดินกลับคนเดียวเหมือนกัน”

 

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

 

“ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ”

 

พี่แทมินหยุดเดินเอาดื้อๆ  นี่ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่านะ

 

“ตะกี้ไผ่พูดว่าไงนะ”

 

“ผมบอกว่า  ผมก็เป็นห่วงพี่เหมือนกันนะ”

 

“ดีใจจัง  ไผ่เป็นห่วงฉันด้วย ^^”

 

“- -^”

 

“เอ้าเดินกันต่อเถอะ”

 

แม้พี่แทมินจะเดินนำหน้าผมอยู่ก็เถอะ  แต่ผมก็รู้เลยว่าพี่แทมินต้องเดินอมยิ้มหน้าแดงอยู่แน่ๆ  ทำไมน่ะเหรอ....ก็เพราะว่า  หูของพี่แทมินแดงขึ้นยังไงล่ะ  กับคำพูดของผมแค่นั้นมันทำให้พี่ดีใจขนาดเชียวเหรอ...

 

“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ”

 

“ไม่เป็นไร  เข้าบ้านได้แล้ว”

 
“พี่เองก็...เดินกลับดีๆนะครับ”

 

“อืม ^^”

 

ตอนนี้บ้านของผมไม่ได้มืดสนิทเหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว  พ่อกับแม่ของผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืดและกลับตอนดึก  เพราะพวกเขาทั้งสองได้สิ่งที่ปรารถนามาแล้ว  นั้นคือ...ครอบครัว

 

“กลับมาแล้วเหรอไผ่”

 

คนชื่อทิวเดินออกมาต้อนรับผมอีกแล้ว  หมอนี่มันว่างนักหรือไงถึงได้ออกมาต้อนรับการกลับมาของผมตลอดเลย

 
“หิวรึเปล่า  กินข้าวรึยัง”

 

“...พ่อแม่ล่ะ”

 

“เข้านอนกันหมดแล้ว”

 

“แล้วคุณล่ะ  ทำไมถึงยังไม่นอนอีกอีก  นี่เกือบจะเที่ยงคืนแล้วนะ”

 

“ก็รอไผ่ไง”

 

รอผม...อย่างนั้นเหรอ  ทำไมคนอย่างคุณต้องมารอผมด้วย  ขนาดคนเป็นพ่อเป็นแม่ของผมยังไม่รอผมเลย  ผมเลี่ยงที่จะไม่พูดอะไรแล้วเดินไปยังห้องครัว  และสิ่งที่พบก็คือ....ไม่มีข้าวและกับข้าวเหลือเลยสักอย่าง

 

“ไผ่หิวไหม  เดี๋ยวพี่หุงข้าวให้”

 

“ไม่เป็นไร  ผมไม่หิว”

 

“ไม่ได้นะ  คนเราจะไม่กินข้าวได้ยังไง”

 

“...คุณทำแบบนี้ทำไม”

 
“ถามแปลกๆ  ก็เพราะพี่เป็นพี่ของไผ่ไงล่ะ”

 

“พอเถอะ  ผมไปนอนดีกว่า”

 

คนๆนี้  บางทีเขาอาจจะเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดไว้ก็ได้....

 

วันรุ่งขึ้น  วันที่ผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น  นั้นคือการที่ผม  เซน  และคนชื่อทิว  ไปสยามด้วยกัน  หากผมไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนสนิทคนนั้น  ก็คงดี  เพราะอะไรน่ะเหรอ.....ก็เพราะว่า  พวกเขาทั้งสองคนเดินคุยกันอย่างสนิทสนิมจนผมคิดว่าพวกเขาคงจะลืมไปแล้วว่ามีผมมาด้วยยังไงล่ะ  เซนพาคนชื่อทิวเข้าร้านนั้นร้านนี้โดยที่ผมได้แต่เดินตามหลังพวกเขา  นี่ถ้าหากผมหายไปหรือเดินไปทางอื่นพวกเขาก็คงไม่รู้ตัวแน่ๆ  เซนที่เอาแต่แนะนำสิ่งต่างๆกับคนชื่อทิวที่ดูจะสนุกสนานและสนอกสนใจในสิ่งที่เซนพูด...บางที  ผมไม่ควรจะมาซะด้วยซ้ำ

 

ผ่านหน้าร้านนาฬิกา  ผมก็ชนเข้ากับคนที่เดินออกมาจากร้าน  ผมแทบเซล้มไม่ใช่เพราะชนกันอย่างแรงแต่เป็นเพราะผมมัวแต่คิดนู่นคิดนี้อยู่ล่ะมั้ง

 

“ขอโทษนะครับเป็นอะไรรึ.....ไผ่”

 

“พี่แทมิน”

 

คนที่ชนผมเมื่อกี้คือพี่แทมินนั่นเอง

 

“ไผ่มาทำอะไรทีนี่”
 

“ผมก็มาเดินเที่ยวสยามไงครับ  แล้วพี่ล่ะมาเดินเที่ยวเหมือนกันรึครับ”

 

“อ้อ  คือฉันมาซื้อของนิดหน่อยน่ะ  แล้วนี่ไผ่มากับใครล่ะ  เซนเหรอ”

 

“ครับ  แต่ผมคิดว่าผมคงหลงกับเขาแล้วล่ะครับ”

 

เพราะพวกเขาเอาแต่คุยกันจนไม่สนใจผมเลยน่ะสิ

 

“ถ้าอย่างนั้นไปตามหาเขากัน”

 

“ไม่ต้องหรอกครับ  ผมว่าผมกลับบ้านดีกว่า”

 

อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์  แล้วผมจะอยู่ต่อทำไม...

 

“ถ้าอย่างนั้น  ไปกับฉันไหม  ไปเดินดูของกัน^^”

 

“แต่ผมคิดว่า…”

               

“เป็นอันตกลงนะ”

 

พี่แทมินไม่รอให้ผมพูดแย้ง  แล้วจับมือผมเดิน  ตั้งแต่พี่แทมินบอกชอบผม  พี่เขามักจะจับมือผมตลอดถึงมันจะอบอุ่นดีก็เถอะ  แต่ว่ามันก็รู้สึกแปลกๆอยู่ดี

 

“ไผ่  รู้ไหมพรุ่งนี้วันอะไร”

 

“ครับ....วันจันทร์ครับ”

 

“ฮะๆ  นั่นก็ใช่  แต่มันไม่ใช่คำตอบที่ฉันต้องการ  ตอบใหม่สิ”

 

“วันที่  5 มีนาคมครับ”

 

“=_=”

 

“ไม่ใช่เหรอครับ”

 

“มันก็ใช่อ่ะนะ  แต่มันก็ยังไม่ใช่อยู่ดี  ตอบใหม่อีกครั้งสิ”

 

“....ผมไม่ทราบหรอกครับ”

 

พี่แทมินถอนหายใจเฮือกใหญ่  วันพรุ่งนี้มันมีอะไรสำคัญงั้นเหรอ  รึว่าจะเป็นวันเกิดของพี่แทมิน

 

“งั้นไม่เป็นไร  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้มาที่ร้านเร็วก็แล้วกัน^^”

 

“...ครับ”

 

“อ้อ  พรุ่งนี้ห้ามลาหยุดเชียวนะ”

 

“ทำไมผมต้องลาหยุดด้วยล่ะครับ”

 

“ฮ่าๆ  ช่างมันแถอะเอาเป็นว่าทำตามที่บอกก็แล้วกัน”

           

 
พี่แทมินมาส่งผมที่บ้าน  ภายในบ้านไม่มีใครอยู่  นี่แสดงว่าเซนกับคนชื่อทิวยังไม่กลับมาสินะ

 

ว่าแต่พรุ่งนี้มันวันอะไรกันแน่นะ...ผมเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดตู้เย็นจะดื่มน้ำดับกระหายแล้วพลันเหลือบไปเห็นกล่องที่คาดว่าน่าจะเป็นกล่องขนมเค้กอยู่ในนั้น  พลาสติกบางใสหน้ากล่องทำให้พอมองเห็นตัวอักษรบนหน้าเค้กก้อนนั้น

 

‘Happy birth Day’

 

นี่คือเค้กวันเกิด...วันที่ 5 มีนาคม...

 

จริงด้วย  วันเกิดของผมนี่นา  พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผม  ถ้าอย่างนั้นเค้กก้อนนี้ก็....

 

รอมยิ้มผุดขึ้นมา  นี่คงเป็นเค้กวันเกิดก้อนแรกในชีวิตของผม  เพราะพ่อกับแม่เอาแต่ทำงานไม่เคยอยู่ในวันเกิดของผมเลย  ไม่มีเค้ก  ไม่มีของขวัญ  เซนเองก็มีเพียงแค่คำอวยพรที่บางปีเขาก็ลืมอวยพรให้

 

ตอนนี้ผมเริ่มคิดในแง่ดีขึ้นมาบ้าง  บางที่ที่คนชื่อทิวกับเซนไปสยามก็เพื่อหาซื้อของขวัญวันเกิดในผมอยู่ก็ได้และไม่ให้ผมรู้ก็เลยทำไม่สนใจผม

 

ดีใจเหลือเกิน  อยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังเลย


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 11) [06/03/2013]
«ตอบ #21 เมื่อ06-03-2013 22:29:09 »

ไผ่  :m15: :monkeysad:

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
«ตอบ #22 เมื่อ06-03-2013 23:00:01 »

ตอนที่ 12  เค้ก...ของขวัญ...และ...



รุ่งเช้าที่ผมรอคอยได้มาถึงแล้ว  เมื่อคืนผมตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ  แต่ผมไม่แสดงอาการนี้ให้ใครเห็นหรอกนะ  ก็เพราะหลังจากที่ผมกลับจากทำงานพิเศษที่บ้านพี่แทมินแล้วผมก็รีบเข้าห้องเลยน่ะสิ

 

ผมลุกขึ้นอาบน้ำและลงไปรับประทานอาหารเช้าตามปกติ  ผมมองดูพอกับแม่แล้วพวกเขาก็ปกติดีไม่มีพิรุธอะไรให้ผมจับได้เลย  เนียนกันจริงๆ  แต่ว่าช่างเถอะ  ผมเองก็ไม่ได้อยากจะจับผิดอะไรมากนักหรอก  ไม่นานคนที่ชื่อทิวก็เดินลงมาจากห้อง

 

“ตื่นเช้าจังนะไผ่ ^^”

 

ผมไม่ตอบคนชื่อทิวและไม่มีทีท่าว่าจะสนใจด้วย

 

“ไผ่รู้ไหม  วันนี้วันอะไร”

 
แน่นอนผมรู้  แต่ผมไม่พูดก็เท่านั้น   ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุกอย่างดูจะเริ่มคล้ายครอบครัวขึ้นมาบ้างในสายตาของบุคคลภายนอก  สำหรับผมแล้วมันช่างดูเหมือนภาพลวงตาเหลือเกิน  ถึงจะดูเหมือนอบอุ่นแต่ผมไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลยสักนิด  แต่ว่าตอนนี้ผมควรจะเปิดรับสิ่งอื่นๆให้มากขึ้น  พยายามยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่  และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมัน

 

ผมชักอยากรู้ซะแล้วสิว่าพวกเขาจะจัดงานวันเกิดให้ผมแบบไหน  จะเหมือนในละครอะไรพวกนี้รึเปล่านะ  ที่เซอร์ไพรซ์วันเกิดกันโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้  ความรู้สึกที่ได้เป่าเค้กนี่เป็นยังไงกันนะ...

 

                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

หรือว่าผมจะเข้าใจผิดไปกันนะ  ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็หลายชั่วโมงแล้ว  อีกไม่นานจะถึงเวลาทำงานพิเศษของผมแล้วด้วย  แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักอย่าง  พ่อกับแม่ก็ออกไปทำงานปกติหรือว่าพวกเขาจะรอให้ผมทำงานเสร็จก่อน  แบบนั้นมันคงดึกเกินไปแล้ว

 

“กลับมาแล้วจ้า”

 

พ่อเปิดประตูเข้ามาในบ้านพร้อมกับแม่  ถึงแม้ว่าภาพแบบนี้มันจะดำเนินมาหลายวันแล้วแต่ผมก็ยังไม่ชินตาเสียที

               

“รู้ใช่ไหมเอ๋ย  ว่าวันนี้วันอะไร”

 

แม่วางกระเป๋าและถอดเสื้อนอกออกแล้วเดินไปที่ครัว  ส่วนคุณพ่อก็เดินมาปิดไฟในห้องรับแขกที่ผมกับคนชื่อทิวอยู่  มันเริ่มจะเหมือนกับสิ่งที่ผมคิดซะแล้วสิ

 

ท่ามกลางความมืดมีแสงสีส้มจากเทียนส่องสว่างมาจากห้องครัว  ใช่แล้ว  แม่เดินออกมาพร้อมกับเค้กวันเกิด

 

 แต่...เพราะแสงสลัวๆของเทียนรึเปล่านะที่ทำให้ผมเห็นข้อความบนหน้าเค้กเป็นแบบนั้น.....

 

‘Happy birth Day’

 

‘Tiew’

 

เค้กนี่ไม่ใช่ของผมงั้นเหรอ  เค้กนี่เป็นของคนชื่อทิว....เหมือนผมจะลืมไปแล้วว่าคนชื่อทิวนั้นเป็นฝาแฝดของผม  หากนี่เป็นวันเกิดของผมนั่นก็หมายความว่าเป็นวันเกิดของเขาด้วยเช่นกัน

 
แม่เดินถือเค้กตรงมาที่คนชื่อทิวที่ยืนอยู่ข้างๆผมแล้วยืนเค้กให้

 
“เป่าสิ ทิว”

 

คนชื่อทิวหันมาสบตากับผมด้วยสีหน้าลำบากใจ  เขาคงรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผมเช่นกัน  แต่เค้กนั่นกลับมีชื่อของเขาเพียงคนเดียว...แค่ชื่อของเขาเท่านั้น

 

“เอ่อ คุณแม่ครับ  เค้กนี่..”

 

“รีบเป่าเข้าสิลูกเดี๋ยวน้ำตาเทียนก็หยดลงเค้กหรอก”

 

คนชื่อทิวพยายามจะปฏิเสธแต่แม่คะยั้นคะยอให้เขาเป่าท่าเดียวทำให้คนชื่อทิวจำใจต้องเป่าเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

 

ทันทีที่แสงเทียนบนเค้กดับลงแสงไฟนีออนก็เปิดขึ้น  ของขวัญสองกล่องจากพ่อและแม่ถูกยื่นให้ทิว

 

“เอ่อ  คุณพ่อคุณแม่ครับ  เค้ก..มีแค่ก้อนเดียวรึครับ”

 

“ก็ก้อนเดียวน่ะสิจ๊ะ  รึว่าลูกอยากกินสองก้อน”

 

แม่ตอบด้วยอย่างยิ้มๆพลางนึกขำลูกชายที่ถามอะไรแปลกๆ

 

“แล้ว...ของขวัญพวกนี้  ของผมรึครับ”

 

“ถ้าไม่ใช่ของลูกแล้วมันจะเป็นของใครกันล่ะ”

 

พ่อตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆเช่นกัน

 

ตอนนี้ใจของผมมันเจ็บไปหมดแล้ว  ปากผมหนัก..หนักเสียจนพูดอะไรไม่ออกสักคำเดียว  สิ่งที่พอจะทำได้ตอนนี้ก็คือพยายามสกัดกลั้นหยดน้ำที่มันกำลังจะไหลออกมาอย่างยากลำบาก...

 

นี่พ่อกับแม่....ลืมผมไปแล้วอย่างนั้นเหรอ

 

“อะไรกันลูก  ทุกปีพ่อกับแม่ก็ฉลองให้ลูกแบบนี้  ทำไมปีนี้มาถามอะไรแปลกๆ”

 

พ่อยังคงยิ้มขำกับคำถามของคนชื่อทิว

 

ทุกปี?  เมื่อกี๊พ่อพูดว่าทุกปี  ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม  พ่อกับแม่ฉลองวันเกิดกับทิว...แล้วผมล่ะ  ที่ผ่านมา...ที่พวกเขาไม่เคยอยู่ในวันเกิดเกิดของผมเลยก็เพราะอยู่กับทิว?

 

ก้อก  ก้อก ก้อก

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ไม่นานคนเคาะก็ถือวิสาสะเปิดเข้ามาเอง  เซนนั่นเอง  เขามาพร้อมกับกล่องของขวัญใบเล็กๆในมือ

 

เซนเดินเข้ามาทางผมกับคนชื่อทิว ด้วยรอยยิ้มแสนคุ้นเคยแล้วยื่นกล่องนั้นมาตรงหน้าผมกับคนชื่อทิว ได้โปรด  ได้โปรดบอกทีว่าของขวัญกล่องนั้นเป็นของใครกันแน่  ของผมหรือว่า....

 

“ สุขสันต์วันเกิดนะ   ทิว”

 

แปล๊บ

 

ไม่ไหวแล้ว  เจ็บไปหมดแล้ว  เจ็บเหลือเกิน  ผมต้องรีบออกไปจากที่นี่   ก่อนที่น้ำตาที่กลั้นเอาไว้วันจะไหลออกมา  แต่ว่าไม่ทันที่ผมจะก้าวออก  มือของคนชื่อทิวก็คว้าผมเอาไว้พร้อมบีบแน่นเหมือนจะเดาใจผมออก

 

“ปล่อย”

 

“ไม่นะไผ่  พี่ว่ามันต้องมีการเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”

 

“เลิกทำตัวเป็นห่วงกันแบบนี้สักที  บอกให้ปล่อย!!”

 

ผมสะบัดมือออกจากเขา

 

“ทำอะไรของลูกน่ะไผ่  ทำแบบนี้กับพี่เขาได้ยังไงวันนี้วันเกิดเขานะ”

 

แม่กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่พอใจที่ผมกระทำไปเมื่อครู่  ลืมไปหมดสิ้นแล้วสินะ  ทั้งพ่อ  แม่  หรือแม้แต่คนที่ผมรักมาตลอด   เซน...นายลืมไปแล้วสินะ  ลืมการมีอยู่ของผม....

 
“ครับ  ผมรู้...ผมรู้ว่าวันนี้วันเกิดของเขา  ผมรู้ว่าเค้กนั่นเป็นของเขา  รู้ว่าของขวัญสองกล่องนั่นเป็นของเขาและรู้ว่า...ของขวัญในมือเซนก็เป็นของเขา”

 

ผมที่เคยเก็บความรู้สึกได้ดีมาโดยตลอด  ไม่มีใครเคยรู้ว่าผมคิดอะไรยังไง  แต่ว่าตอนนี้  ผมเก็บมันไว้ไม่ไหวแล้ว

 

“ใจร้ายเหลือเกินนะครับ  นี่พ่อกับแม่ไปฉลองวันเกิดให้เขาโดยไม่ชวนผมเลยสักคำ  ทั้งๆที่ไปหาทุกปีอยู่แล้ว..มันยังไม่พออีกเหรอครับ  ถึงขั้นมาจัดฉลองกันที่นี่อีก  มันจะไม่มากเกินไปหน่อยรึไงครับ”

 

“เอ๊ะ นี่ไผ่พูดอะไรกัน  ทิวเขาไม่เคยมาที่บ้านของเรา  แล้วการจัดฉลองวันเกิดที่นี่กับที่นั่นมันไม่เหมือนกันด้วย  มันมากเกินไปตรงไหนรึไผ่  ไหนลองบอกแม่มาสิ”

 

“ผมพูดถึงขนาดนี้แล้ว  พ่อกับแม่...ไม่สิ  พวกคุณยังไม่รู้อะไรอีกล่ะก็  คงไม่มีประโยชน์อะไรที่ผมจะพูดแล้วล่ะครับ”

 

ผมฝืนยิ้มให้กับบุคคลทั้งสองที่บัดนี้  ผมไม่คิดจะเรียกพวกเขาว่า  พ่อและแม่...อีกแล้ว  พ่อแม่ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย  พ่อแม่ที่ไม่เคยสนใจอะไรผมเลย  ถึงมีก็เหมือนไม่มี  เพราะฉะนั้นก็อย่ามีมันเลยเสียดีกว่า...

 

“แต่ผมอยากจะถามอย่างหนึ่งนะ  ว่าพวกคุณเคยคิดบ้างไหม  แม้ครั้งเดียวก็ยังดี.....เคยรักผม...บ้างไหม”

 

สิ้นคำถามนั้น  พวกเขาได้แต่นิ่งเงียบ  และผมเองก็ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานนัก  ผมจึงรีบเดินไปยังประตูเพื่อออกไปทำงานพิเศษเสียที  แต่แล้วเซนกลับดักหน้าผมเอาไว้

 

“พูดอะไรของนายน่ะไผ่  คุณลุงคุณป้าเขาเสียใจมากนะ”

 

“แล้วฉันล่ะ....”

 

พอทีเถอะ  ได้โปรดปล่อยให้ผมออกไป  ถ้าขืนอยู่ที่นี่นานกว่านี้...ผมคง

               

“....”

 

“ถ้าแม้แต่นายที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของฉัน  ยังไม่เข้าใจฉันล่ะก็  พวกเราก็เลิกคบกันไปเลยดีกว่า!!”

 

ไม่รอให้เซนพูดแย้ง  ไม่รอให้เซนมารั้งตัวผมเอาไว้  ผมรีบวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้นพร้อมๆกับหยดน้ำตาที่ตอนนี้กลั้นเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว  ความฝันของผมพังทลายไม่มีเหลือ  ไม่มีเค้ก  ไม่มีของขวัญ  ไม่มีแม้คำอวยพรของเซน  ผมนี้ผมรู้สึกได้อย่างเดียวเท่านั้น....อยากตาย

 

แต่ถึงความรู้สึกนั้นจะเพิ่มพูนสักเท่านั้น  ผมก็คงไม่คิดฆ่าตัวตายแน่ๆ  ผมไม่ใช่คนโง่ที่จะทำเช่นนั้นเพื่อประชดชีวิตหรือเรียกร้องความสนใจ  ตอนนี้ถึงสิ่งเพ้อฝันเหล่านั้นจะไม่มีก็ไม่เห็นเป็นไร...ก็ ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมาเหล่านั้นผมไม่เคยมีนี่นา  ไม่จำเป็นหรอก  ไม่ต้องรับรู้ว่ามันเป็นอย่างไร  อยู่ในแบบที่เคยอยู่มาตลอดนั่นล่ะ  ถึงจะไม่เจ็บปวดแบบเมื่อกี๊

 

ผมเช็ดน้ำตาจนแน่ใจว่ามันจะไม่ไหลอีกแล้วผมจึงตัดสินใจเปิดประตูร้านของเถ้าแก่เพื่อเริ่มงานพิเศษเหมือนทุกวัน  แต่สิ่งที่พบนั้นมีเพียงความมืด

 

“หลอดไฟเสียรึไงนะ  แย่จัง”

 

ผมเดินเข้าไปในร้านเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บแต่แล้วกลับมีมือลึกลับมาปิดตาผมเอาไว้ซะอย่างนั้น

 

“ใครน่ะ!  ปล่อยด้วยนะ  พี่แทมินงั้นเหรอ  พี่แทมินใช่ไหม”

 

ผมไม่สงสัยใครเลยนอกจากพี่แทมินเพราะเขาเป็นคนเดียวที่เล่นพิเรนทร์แบบนี้กับผม  แต่ไร้ซึ่งคำตอบจากเจ้าของมือลึกลับ  มันทำให้ผมถึงกับลังเล  ปกติถ้าผมทายถูกเขาจะปล่อยมือทำทีแต่นี่ยังปิดตาผมไว้เหมือนเดิมและไม่พูดอะไรเลยสักคำ

 

ตอนนี้ผมรู้สึกถึงไอร้อนๆของอะไรบางอย่างเคลื่อนเข้ามาใกล้ๆผมและความสงสัยของผมก็กระจ่างเมื่อมือลึกลับนั้นค่อยๆคลายออก  เผยให้เห็นแสงเทียนซึ่งเป็นที่มาของไอร้อนปักอยู่บนเค้กขนาดไม่ใหญ่เกินไปและไม่เล็กเกินไปพร้อมกับข้อความบนเค้กที่ผมเห็นแล้วถึงกับน้ำตาไหลอีกครั้ง

 

‘Happy birth Day’

 

‘Pai’

 

“แหมๆ  นั่นใช่ใน้ำตาของความยินดีรึเปล่าเอ๋ย”

 

เสียงอันคุ้นเคยทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง  บุคคลที่ยื่นถือเค้กอยู่ตรงหน้าผม  พี่แทมิน  ถ้าอย่างนั้นคนที่ปิดตาของผมเอาไว้ก็คือ...ผมหันหน้าไปมองทันที  และคนนั้นก็คือ เถ้าแก่

 

“เป่าเทียนสิไผ่  อ้อ  อย่าลืมหลับตา อฐิษฐานของพรก่อนนะ^^”

 

ผมหลับตาตามที่พี่แทมินบอก  ส่วนเรื่องอฐิษฐานนั้น....ผมอยากจะขอให้เรื่องราวแย่ๆที่เกิดขึ้นกับผมในตอนนี้จบสิ้นกันไปสักที  ผมอยากพบกับความสุขเสียที  หลังจากนั้นผมก็เป่าเทียน  แสงไฟถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  พร้อมกับถุงใบเล็กๆที่ผมรู้สึกคุ้นๆตาในมือของพี่แทมิน

 

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์  นะไผ่  หวังว่าคงจะถูกใจของขวัญชิ้นนี้นะ”

 

ถุงใบนั้นถูกยื่นให้ผม  ผมเปิดถุงนั้นออกและหยิบของข้างในออกมา  มันคือนาฬิกาข้อมือสายเหล็ก  พี่แทมินหยิบเอานาฬิกานั่นจากมือผมแล้วสั่งให้ผมยืนมือขวาออกมา  ทันทีที่ผมยืนมือไปพี่แทมินก็บรรจงใส่นาฬิกาเรือนนั้นให้ผม  พร้อมมองผมอย่างอารมณ์ดีเช่นเคย

 

“ฉันเห็นไผ่ไม่มีนาฬิกา  เวลาจะดูเวลาก็คงไม่สะดวกใช่ไหมล่ะ  ถึงจะไม่มีราคาอะไรมากมายแต่นี่ตั้งใจเลือกสุดๆเลยนะ^^”

 

น้ำตาที่ไหลเพียงเล็กน้อยตอนนี้มันมาจากไหนมากมายก็ไม่รู้  ทำเอาพี่แทมินตกใจจนทำอะไรไม่ถูกไปเลย

 

“ชอบครับ  ผมชอบมันมากๆเลย”

 

“แค่ไผ่ชอบมัน ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ^^”

 

เป็นแบบนี้เองเหรอ  ความรู้สึกยินดีและตื้นตันจนแถบเก็บน้ำตาแห่งความดีใจเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้เห็นเค้กที่ปักเทียนจุดไฟสว่าง  ความรู้สึกตื่นเต้นและอยากรู้ว่าสิ่งของข้างในของขวัญเป็นอย่างไร  ตอนนี้ผมได้รู้จักมันแล้ว....

 

“ตอนแรกนึกว่าความจะแตกซะแล้วสิตอนที่เจอกับไผ่ที่สยาม”

 

ว่าแล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า  ผมชนกับพี่แทมินที่หน้าร้านขายนาฬิกา

 

“ว่าแต่ว่าพี่แทมินรู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม”

 

“ฉันรู้ทุกเรื่องของไผ่อยู่แล้ว  ฮ่าๆๆๆๆ”

 

“- -^”

 

“ล้อเล่นน่า  ในใบสมัครงานยังไงล่ะ  เด็กโง่  ^O^

 

เถ้าแก่เดินเข้ามาใกล้ๆผมหลังจากที่ฟังพี่แทมินอวยพรผมมาพอแล้ว

 

“ขอให้มีความสุขตลอดปีนะไผ่”

 

“ขอบคุณครับเถ้าแก่”

 

“นี่นา  ร้อยวันพันปี  มันไม่เคยจัดการอวยพรวันเกิดให้ใครเลยนา  แม้แต่พ่อมันยังไม่เคยเลย ไผ่เป็นคนแรกนะ”

 

หลังจากเถ้าแก่พูดแบบนั้นผมก็สังเกตเห็นว่าพี่แทมินหน้าแดงเล็กน้อย

 

ตอนนี้ผมมีความสุขที่สุขเลย  ที่ยังมีคนที่ไม่ลืมตัวตนและการมีอยู่ของผม  ผมจะไม่มีวันลืมเด็ดขาดว่านี่เป็นเค้กก้อนแรกในชีวิต  ไม่ลืมว่านาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญชิ้นแรกในชีวิต  และจะไม่ลืมความห่วงใยและเอาใจใสของเถ้าแก่และพี่แทมินที่มีต่อผม.....

 

“นี่พ่อ”

 

พี่แทมินเอ่ยเรียกเถ้าแก่

 
“อะไร”

 

“หันหลังแปปสิ”

 

“ทำไมฉันต้องหันหลังด้วยวะ - -^”

 

“เถอะนะ  แปปเดียวเอง”

 
“อ่ะๆก็ได้”

 

ว่าแล้วเถ้าแก่ก็หันหลังตามที่พี่แทมินบอก  ส่วนผมที่มัวแต่สนใจของขวัญชิ้นแรกอยู่นั้น  ไม่ได้เอ่ะใจหรอกว่าพี่แทมินทำแบบนั้นทำไม

 

“ไผ่”

 

พี่แทมินเรียกทำให้ผมละจากนาฬิกาเงยหน้ามาสบตากับพี่แทมิน  ทันได้นั้น  ริมฝีปากหนาของพี่แทมินก็กระกบเข้ากับริมฝีปากของผม.....

 

ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก  ส่วนพี่แทมินได้ถอดออกจากริมฝีปากของผมแล้วกระซิบคำๆหนึ่งข้างๆหูของผม

 

“ฉันรักไผ่นะ...”

 

หน้าของผมแดงขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้ผมกำลังเขินสุดๆ!!

 

“จะหันกลับได้รึยัง”

 

เถ้าแก่เริ่มเสียอารมณ์

 
“ได้แล้ว  พ่อ”

 

เถ้าหันกลับมา  ส่วนพี่แทมินดูจะอารมณ์ดีมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  พร้อมกับลงมากระซิบข้างหูผมอีกครั้ง

 

“ปากของไผ่นิ่มจัง  คราวหน้าของจูบอีกได้ไหม”

 

ยามเมื่อผมหันมาสบตากับพี่แทมิน  ผมก็ได้รับรู้ถึงตัวตนอีกคนหนึ่งของพี่แทมินที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน  ดูเหมือนเป็นคนเจ้าเล่ห์และหื่นๆยังไงไม่รู้  แตกต่างจากพี่แทมินที่ดูใจดีและขี้แกล้งเป็นประจำคนนั้นจังเลย  แต่ว่าทำไมกันนะ  ผมถึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจจูบของเขาเลย.....

 

                +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

หลังจากที่ไผ่ออกไป  ทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบ  และแล้วเพื่อไม่ให้บรรยากาศดูจะตึงเครียดไปมากกว่านี้

 

“พ่อว่า  เรามาตัดเค้กกินกันดีกว่านะ”

 
“ผมกินไม่ลงหรอกครับคุณพ่อ”

 

ทิวแย้งขึ้นมาทันที

 

“ไม่เอาน่าทิว  วันนี้วันเกิดของลูกนะ”

 

แม่เข้าไปจับแขนของทิวเอาไว้

 

“เจ้าไผ่มันโกรธอะไรของมันนะ”

 

เซนว่าพลางเกาหัวแกรกๆอย่างไม่เข้าใจในตัวเพื่อนสนิทของเขา  ถึงขั้นบอกว่าจะเลิกคบนี่  ถ้าจะเขาโกรธมากจริงๆ

 

“ผมรู้ครับว่าวันนี้เป็นวันเกิดของผม  แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือคุณพ่อกับคุณแม่ต่างหาก  เซนก็เหมือนกัน”

 

ได้ยินทิวกล่าวดังนั้น  พ่อกับแม่ถึงกลับทำหน้างงรวมทั้งเซนเองก็เช่นกัน
 

“นี่อย่าบอกนะครับว่าทุกคนลืมไปแล้ว”

 

ทิวพยายามพูดเตือนสติแต่ดูเหมือนจะไม่มีใครนึกออก

 

“ผมกับไผ่เป็นฝาแฝดกันนะครับ!!”

 

ทิวเริ่มเสียงดังด้วยความโมโหและเริ่มหมดความอดทน

 
“วันนี้เป็นวันเกิดของผม  นั่นหมายความว่าเป็นวันเกิดของไผ่ด้วยเหมือนกันนะครับ!!”

 
สิ้นเสียงเหมือนพ่อกับแม่จะนึกออกแล้ว  ต่างพากันหน้าเสียและไม่รู้จะทำอย่างไรที่พวกเขาลืมวันเกิดของลูกตัวเอง  เซนเองก็เช่นกัน  เขาลืมวันเกิดของเพื่อนสนิทไปทั้งๆที่ไผ่ไม่เคยลืมวันเกิดของเขาเลยสักครั้ง

 

“ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  พวกคุณพ่อมาหาผมในวันเกิดทุกปีเพื่ออวยพรและให้ของขวัญ  แล้วไผ่ล่ะครับ  วันเกิดของผมก็คือวันเกิดของไผ่  แต่นี่กลับไม่มีใครอยู่กับไผ่เลยอย่างนั้นเหรอครับ  นี่อย่าบอกนะครับว่าพวกคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยจัดงานวันเกิดให้ไผ่เลยสักครั้ง”

 

ไร้คำตอบจากผู้เป็นแม่  ทิวจึงหันไปมองพ่อเพื่อหาคำตอบและแล้วพ่อของเขาก็พยักหน้ายอมรับ

 

“ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่แปลกหรอกครับที่ไผ่จะโกรธ  คุณพ่อคุณแม่ลืมวันเกิดของลูกตัวเอง  ลืมวันเกิดของไผ่แต่ไม่ลืมวันเกิดของผม  ไผ่เขาจะเสียใจขนาดไหนกันครับ!!”

 

“แต่...แต่แม่...”

 

“พอเถอะครับ  ตอนนี้ผมเริ่มจะหงุดหงิดแล้ว  หยุดพูดเถอะครับ...ขอผมอยู่คนเดียวเงียบๆสักพักเถอะนะครับ”

 

ไม่มีใครขัดใจทิวทั้งสิ้น  เซนกลับบ้าน  พ่อกับแม่ขึ้นไปชั้นสอง  ปล่อยให้ทิวอยู่คนเดียวอย่างที่ตัวเขาต้องการ

 

ไผ่ไม่ชอบเขา  เขารู้ดีอยู่แล้ว  และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ไผ่ยอมรับ  แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าไผ่เกลียดเขามากกว่าเดิมเสียอีก  และไผ่คงเข้าใจว่าเขาเป็นต้นเหตุของทุกๆอย่าง  จะทำยังไงดี......ไผ่ถึงยอมรับเขาได้กันนะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
«ตอบ #23 เมื่อ06-03-2013 23:05:03 »

 :m15: สงสารไผ่อะ

ออฟไลน์ w1234

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 626
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
«ตอบ #24 เมื่อ07-03-2013 01:37:27 »

สงสารไผ่ :m15:

mach201

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
«ตอบ #25 เมื่อ07-03-2013 02:23:02 »

โอย จะร้องไห้ พ่อแม่รักลำเอียงแย่ที่สุด
เซนเป็นเพื่อนไผ่จริงๆรึเปล่า
สงสารไผ่ที่สุด ทิวก็พยายามเข้าซักวันไผ่คงเข้าใจ

MangoBlue

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 12) [06/03/2013]
«ตอบ #26 เมื่อ07-03-2013 05:15:48 »

แย่มากๆลืมไเ้ยังไงวันเกิดลูกทั้งคน แย่ๆสุดๆ เซนด้วยเป็นเพื่อนประสาอะไรห่วยแตกมาก ไผ่หายๆไปจากคนพวกนี้สะทีเถอะ สงสารมาก อยู่กับพี่แทมินยังดีกว่าเยอะเลย

bjinkn

  • บุคคลทั่วไป
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
«ตอบ #27 เมื่อ07-03-2013 17:50:40 »

ตอนที่ 13 ของขวัญจากพี่ชาย




“กลับมาแล้วเหรอไผ่”
 
คนชื่อทิวเอ่ยทันทีที่เห็นผมกลับเข้าบ้านหลังจากกลับจากที่ทำงานพิเศษ  แน่นอนว่าผมไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย
 
“ไผ่  คือพี่มีของจะให้  รับไว้สิ”
 
กล่องของขวัญผูกริบบิ้นอย่างน่ารักถูกยื่นให้  เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
 
“พี่ซื้อเมื่อตอนเดินสยามน่ะ  ที่จริงกะว่าจะให้ไผ่ตั้งแต่เมื่อเย็นแต่ก็เกิดเรื่องขึ้นซะก่อน”
 
ผมไม่ตอบอะไรเขา  เพราะผมไม่คิดจะคุยกับเขา  ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมาทำดีกับผมด้วย  ทั้งๆที่เขาได้รับความรักจากคนที่ผมเคยเรียกพวกเขาว่าพ่อและแม่  มันยังไม่พออีกหรือไง  ทำไมถึงต้องมายุ่งกับเขาอีก
 
“ถ้าไผ่ไม่อยากได้  อย่างน้อยก็ช่วยรับเอาไว้  แล้วไผ่จะเอาไปทิ้งทีหลังก็ได้  พี่ไม่ว่าไผ่หรอก”
 
ว่าแล้วเขาก็เอากล่องของขวัญใบนั้นใส่ในมือของผม  พร้อมยิ้มน้อยๆให้ผมก่อนเดินจากไป  ตั้งแต่คนชื่อทิวมาอยู่ที่นี้  เขามักจะมานั่งคอยการกลับมาของผมทุกครั้ง  ในขนาดที่บุคคลทั้งสองคนนั้นไม่เคยคอยผมเลย
 
ผมมองกล่องของขวัญใบเล็กๆใบนั้น  รับเอาไว้มันจะดีเหรอ  แต่ถ้าทิ้งไปถึงแม้จะเกลียดคนให้ยังไงมันก็คงจะไม่ดี  เมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงแกะกระดาษและริบบิ้นออก  และแกะกล่องกระดาษออกอีกชั้น   สิ้งที่อยู่ภายในก็คือ หุ่นปูนปาสเตอร์รูปเด็กผู้ชายหน้าตาเหมือนกันสองตัวกำลังจับมือกัน  พร้อมกับโน๊ตหนึงแผ่น
 
‘บางทีไผ่อาจจะไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้  แต่พี่ไม่รู้จริงๆว่าไผ่ชอบอะไร
 
แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากให้ไผ่รับมันเอาไว้  และได้แต่หวังว่าสักวัน
 
พวกเราคงเข้าใจและผูกพันกันเหมือนตุ๊กตานี่
 
สุขสันต์วันเกิด  ของให้มีความสุขมากๆนะ’
               
ผมไม่รู้หรอกว่าผมกับทิวจะมีวันที่เป็นเหมือนตุ๊กตาพวกนั้นได้ไหม  หรืออาจจะไม่มีวันเลยก็ได้   ของสิ่งนี้ถูกนำมาไว้ในห้องนอนของผมและถูกเก็บไว้ในกล่อง  ผมคิดว่าผมคงไม่หยิบมันขึ้นมาดูอีกแน่
 
รุ่งเช้าของวันถัดมา  ขนาดที่ผมเอาแต่นั่งมองเมฆเหมือนที่เคยชอบทำเมื่อครั้งเป็นเด็ก  เซนที่ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเรายังคงเป็นเพื่อนกันอยู่รึเปล่า  เดินเข้ามาทัก

“หวัดดีไผ่  ทำไรอยู่”
 
“ดูเมฆ”
 
 “เมื่อวานนี้ขอโทษนะ  ฉันเนี่ยไม่น่าลืมเลย  ขอโทษจริงๆ”
 
“ช่างมันเถอะ  ฉันชินแล้ว”
 
ผมไม่ได้พูดเพื่อประชดเซนหรอกนะ  แต่ผมชินแล้วจริงๆ
 
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ  วันนี้เราไปดรีมเวิลกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง^^”
 
“แต่ว่าฉัน...”
 
“เถอะน่า  ไปเถอะ  ตกลงแล้วนะ^^”
 
นิสัยชอบคิดเอาเองแบบนี้นี่แหล่ะที่ผมมักตามเขาไม่ทัน
 
“ชวนทิวไปด้วยเนอะ  ไปกันหลายๆคนจะได้สนุก”
 
ว่าแล้วเซนก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที  แบบนี้มันคงไม่ต่างอะไรกับตอนไปสยามหรอก  ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับส่วนเกินอีกแน่ๆ  ไม่เอาหรอก  ถ้าหากต้องเป็นแบบนั้นสู้ไม่ไปซะยังจะดีกว่า  หรือถ้าหากต้องไปแล้วก็คงต้องชวนคนอื่นไปด้วย
 
“เอาล่ะ  ไปกันเถอะ”
 
เซนออกมาอย่างหน้าระรื่น  นี่แสดงว่าคนชื่อทิวคงตกลงไปด้วยแน่ๆ
               
“เซน  ฉันขอชวนอีกคนไปด้วยได้ไหม”
 
“อ่าว  อีกคนหรอก  ไปกันสามคนก็ได้นี่นา”
 
“นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไปกันหลายคนสนุกน่ะ”
 
“อ่ะ  อืม  แล้วแต่นายก็แล้วกัน”
 
“ถ้าอย่างนั้น  เด๋วฉันไปถามเขาดูก่อนก็แล้วกัน  รออยู่ที่นี่นะ”
 
คนอีกคนที่ผมจะชวนไปด้วย  ไม่รู้ว่าเขาจะว่างไปหรือเปล่านะ  ผมเดินมาถึงที่ทำงานพิเศษเห็นเถ้าแก่กำลังกวาดขยะอยู่หน้าบ้าน
 
“สวัสดีครับเถ้าแก่”

“หวัดดีๆ  มาหาแต่เช้ามีอะไรหรือ  ไผ่”
 
“พี่แทมินอยู่ไหมครับ”
 
“อยู่ข้างใน  เข้าไปสิ”
 
“ขอบคุณครับ”
 
ผมเดินเข้าไปในบ้านของเถ้าแก่และเห็นพี่แทมินกำลังจัดของในร้านอยู่
 
“พี่แทมิน”
 
พี่แทมินเงยหน้ามามองผม  จากหน้าเรียบเฉยตอนจัดของเปลี่ยนเป็นยิ้มเบิกบานทันที
 
“อ้าวไผ่ มาหาฉันแต่เช้า  คิดถึงฉันใช่ม้า~”
 
“เอ่อ...แบบว่า - -^”
 
“เอ๊ะ  หรือว่าติดใจรสจูบไปเมื่อวาน”
 
อีกแล้ว สายตาขี้เล่นเปลี่ยนมาเป็นสายตาที่เจ้าเล่ห์คู่นั้นจับจ้องมาที่ผมอีกแล้ว  สายตานั่นมันทำให้ผมไม่กล้าที่จะมองหน้าพี่แทมินตรงๆได้  ผมจึงเลือกที่จะหันข้างเพื่อมองไปทางอื่น
 
“เอ่อ  ผมจะชวนพี่  ไปเที่ยวดรีมเวิลน่ะครับ”
 
“ไปสิ!  ไปๆ”
 
สายตาเจ้าเล่ห์หายไปแล้ว  สีหน้าดีใจเหมือนที่เคยเห็นทุกๆครั้งกลับคืนมา  ผมว่า  ผมชอบแบบนี้มากกว่าเมื่อกี๊อีกนะ
 
“ไปกันสองคนใช่มะ^^”
 
“เปล่าครับ  ไปกันสี่คน”
 
“สี่?  หนึ่งในนั้นคงมีเซนด้วยล่ะสิ - -^”
 
“ใช่ครับ”
 
พี่แทมินดูจะไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเซนไปด้วย  แต่ก็ยังถามถึงคนอีกคน
 
“อีกคนก็คือ  พี่ชายฝาแฝดของผมครับ”
 
“อ้อ  คนที่ไผ่เคยพูดถึงสินะ  เอาล่ะ  ไปกันเถอะเดี๋ยวพวกนั้นคอยนานแย่”
 
พี่แทมินจับมือผมเหมือนทุกครั้งที่ไปส่งผมที่บ้าน  ถ้าหากเซนเห็นว่าพี่แทมินจับมือผมแบบนี้เขาจะคิดยังไงมั่งนะ  จะหึงผมบ้างไหม  แต่ว่าผมก็ได้แค่คิด  เพราะเซนเขาชอบคนชื่อทิว  ไม่ได้ชอบผม
 
“นี่นายจะชวนพี่แทมินได้ด้วยเนี้ยนะ”
 
เซนเอ่ยเมื่อเห็นผมกับพี่แทมิน
 
“ทำไม  ฉันไปไม่ได้รึไง”
 
“ก็ผมกลัวนี่ครับผมคนแก่จะหัวใจวายตายไปซะก่อน”
 
“- -^”
 
พี่แทมินกับเซนนั้นไม่ค่อยถูกกัน  ตอนที่ผมมาสมัครงานใหม่ๆ  เซนตามไปส่งผมบ้างบางครั้ง  เซนบอกว่าเขาไม่ชอบพี่แทมินเพราะรู้สึกว่าพี่แทมินมักมองผมด้วยสายตาแปลกๆ  แต่ผมไม่คิดอย่างที่เซนคิดหรอก
 
“สวัสดีครับ  ผมชื่อทิวครับ  เป็นพี่ชายของไผ่”
 
ทิวกล่าวแนะนำตัวกับพี่แทมิน  ในใจของผมลึกๆผมกลัวนะ  ผมกลัวว่าบางทีพี่แทมินอาจจะเป็นเหมือนเซน  กลัวว่าแม้แต่พี่แทมินจะลืมตัวตนของผมเหมือนกับที่เซนลืม
 
“ฉันแทมิน  เป็นลูกชายของร้านที่ไผ่ไปทำงานพิเศษน่ะ  ว่าแต่หน้าตาเหมือนกับเปี้ยบเลยนะ”
 
“ก็พวกผมเป็นฝาแฝดกันนี่ครับ”
 
“ยังไงฉันก็คิดว่าไผ่น่ารักกว่านายเยอะ”
 
ว่าแล้วพี่แทมินก็คว้ามือของผมไปจับไว้เหมือนเดิม  พี่แทมินไม่ๆได้เป็นอย่างที่ผมคิดไว้  เขายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป...
 
พวกผมนั่งรถโดยสารจนมาถึงที่ดรีมเวิล  บอกกันตามตรงเลยนะว่าผมไม่เคยมาดรีมเวิลเลยสักครั้ง  และดูจากท่าทางที่ตื่นเต้นของคนชื่อทิวแล้วคาดว่าเขาเองก็คงไม่เคยมาเช่นกัน (เอ่อ...คนแต่งก็ไม่เคยมาน้า T [] T  หากเขียนผิดเพี้ยนไปจากความจริงก็ขออภัย)  เซนนำพวกผมไปเล่นเครื่องต่างๆมากมายไม่เว้นแม้แต่บ้านผีสิง!!  พี่แทมินจับมือของผมตลอดไม่ปล่อยเลย  พอผมเอ่ยปากถาม  เขาก็ตอบว่า  คนเยอะกลัวผมจะผลัดหลง -*-
 
พวกผมเล่นเครื่องเล่นเกือบทุกชนิดจนกระทั่งถึงเวลาที่ควรจะกลับบ้านเสียที  เซนจึงเสนอให้เล่นชิงช้าสวรรค์ก่อนกลับ  โดยแบ่งเป็นคู่  และแน่นอนว่าเซนรีบจับคู่กับคนชื่อทิวทันที  ซึ่งตรงนั้นมันทำให้ผมไม่ค่อยพอใจเท่าไร  ดูเหมือนคนชื่อทิวจะสังเกตเห็น  เขาจึงพยายามพูดเพื่อให้เซนนั่งกับผม  แต่จนแล้วจนรอดเซนก็ไม่ยอม  ลงท้ายคนชื่อทิวก็ต้องนั่งกับเซนจนได้....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้ มีการกล่าวถึงดรีมเวิด์ล ซึ่งอย่างที่รู้ๆกันว่า ที่นั่น...ไม่มีชิงช้าสวรรค์......(ก็แคนไม่เคยไปนี่นาาาาาา)

เอาเถอะ  ในคำเตือนก็บอกไว้เเล้วว่าอย่าถามหาหลักการความเป็นจริงจากเรื่องนี้  ไว้รีไรท์ใหม่ ค่อยแก้เป็น ซานโตรินี พาร์คที่ ชะอำแทนดีกว่า มีชิงช้าสวรรค์ด้วย


@nunnan  แคนจะลงให้ เฉลี่ยวันนึง 2-4 ตอน ตามความสะดวกนะคะ เพราะเรื่องนี้แคนแต่งจบไปนานเเล้วค่ะ (แต่ยังไม่รีไรท์ใหม่สักทีสิน่า)

@nunnan ไผ่ มักจะโดนแคนกลั่นแกล้ง :laugh:

@KARMI  ถ้าไผ่ยังซวยแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ แคนจะโดนรุมทีนไหมเนี่ย???

@w1234  ไผ่ยังซวยได้อีกค่ะ รอลุ้นต่อไป

@mach201  อารมณ์พ่อแม่ลำเอียง เกิดความความโรคจิตอยากรังแกตัวละครล้วนๆ ชีวิตจริงคงไม่มีแบบนี้หรอก(มั้ง)คะ ส่วนเซน มีเหตุผลที่เป็นแบบนี้นะคะ  รอตอนต่อๆไป

@MangoBlue จะดีเรอะคะ  แทมินหื่น(?) นะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2013 17:54:51 โดย bjinkn »

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
«ตอบ #28 เมื่อ07-03-2013 18:32:27 »

 o18 ก็ไม่แน่นะคะคุณคนเขียน  :z10:

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ pooinfinity

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-3
Re: Because you're my love. (ตอนที่ 13) [06/03/2013]
«ตอบ #29 เมื่อ07-03-2013 21:29:37 »

เรื่องแยกของเซน เอาตรงๆนะ ยังไม่กล้าเริ่มอ่าน จากที่จบในเรื่องนี้ คือจะร้องไห้เอา

ยอมรับว่ามันเป็นกฎแห่งกรรมนะ แต่คือสงสารเซนอ่ะ ฮือออออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด