ไม่เจอกันตั้งสองอาทิตย์ คิดถึงผมมั้ยครับ?
ไม่สินะครับ งั้นคิดถึงเซย์ริวกับคัตสึฮิโกะมั้ยครับ?
คิดถึงใช่มั้ยครับ?
งั้นต่อเลยนะครับ
KOUSOKU 10
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงนาฬิกาในห้องที่ร่างสูงกำลังนอนอยู่เป็นแน่ แต่ความเก่าของห้องเช่าทำให้ผนังห้องไม่สามารถเก็บเสียงใด ๆ ได้เท่าไรนัก นาฬิกายังส่งเสียงดังรบกวนชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทนไม่ได้ เซย์ริวลุกขึ้นไปถีบฝาห้องเต็มแรง
“เฮ้ย! นาฬิกามันปลุกนานแล้วนะโว้ย ถ้าจะไม่ตื่นก็อย่าเสือกตั้งให้มันปลุกสิโว้ย! แม่งเอ๊ย!” เสียงตะโกนของชายหนุ่มดังไปทั้งอพาร์ทเม้นต์โทรม ๆ ยังผลให้เสียงนาฬิกาเงียบลงโดยพลัน
“เออ ก็แค่นั้นแหละ รำคาญชิบหาย” เซย์ริวบ่นแล้วก็เดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนที่เดิม
“ตะโกนอะไรแต่เช้าน่ะ เซย์ริว? หนวกหูจังเลย” เสียงใส ๆ ที่ยังง่วงงุนดังขึ้น แล้วหญิงสาวก็ตลบผ้าห่มขึ้นโงหัวขึ้นจากที่นอน
“ไอ้นาฬิกาห้องข้าง ๆ น่ะสิ รำคาญชะมัด” ร่างสูงบอกพลางพลิกตัวไปซบหน้าซุกลงกับอกอวบ พร้อมกับแขนแกร่งที่พาดลงกับเอวคอด
“ฉันชินแล้วหละ มันก็ดังแบบนี้ทุกวันแหละ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อจมูกโด่งเสียดสีกับร่องอก
“แต่ฉันไม่ชินนี่หว่า ไอ้ฮิโรกิมันทนได้ยังไงนะ”
“ฮิโรกิไม่เคยรู้เรื่องหรอก เธอก็รู้นี่ว่าเช้า ๆ เขาจะหลับเป็นตายเสมอน่ะ” จิอากิบอกพลางลูบไล้ผมสีน้ำตาลยาวหนา
“ว่าแต่...มันไม่กลับบ้านมา 2 วันแล้วนะ ไม่เป็นห่วงมันบ้างเหรอ?”
“จะไปห่วงทำไม บางทีเขาก็แบบนี้แหละ ยิ่งเวลาทะเลาะกันแบบนี้ บางทีหายไปทั้งอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ” สาวน้อยพูดอย่างเฉยชา
"ไม่กลัวมันจะไปมีคนใหม่บ้างเหรอ?” อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างบางมาชิด ไล้ริมฝีปากไปตามก้อนเนื้ออวบนุ่มตรงทรวงอกของหญิงสาว
“เชอะ! ไม่สนหรอก ถึงตอนนั้นฉันก็มีคนใหม่บ้างสิ จะไปง้อทำไม” จิอากิแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสของร่างสูงอย่างนึกสนุก “อืม...ว่าแต่ คนใหม่ที่ว่าจะเป็นเธอดีมั้ยนะ เซย์?”
“ไม่ดีหรอก เป็นเจ้าฮิโรกิแหละดีแล้ว อยู่กับฉันเธอลำบากแน่” ริมฝีปากซุกซนเริ่มไต่ไปเรื่อย จนถึงยอดอกสีชมพู
“เธอเอาแต่ปฏิเสธฉันเสมอเลยนะ” สาวน้อยตัดพ้อนิด ๆ รู้สึกสยิวเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นตวัดลงกับยอดปทุมถัน “ไม่ถูกใจฉันเหรอ หรือเพราะฉันเป็นแฟนของเพื่อนสนิท?”
“ทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือ เธอไม่ใช่สเป็กฉัน” ชายหนุ่มขบงับหยอกล้อจนยอดอกนั้นแข็งเป็นไต
“แต่ฉันถูกใจเธอนะ เท่ห์ก็เท่ห์ แถมยังเก่งเรื่องอย่างว่าด้วย” จิอากิขยับตัวเข้าหาอย่างต้องการ ซึ่งร่างสูงก็สนองให้
“ฉันเป็นได้แค่คนที่เธออยากได้ตอนที่เจ้าฮิโรกิไม่อยู่เท่านั้นแหละ” มือแกร่งขยุ้มก้อนเนื้อนุ่มที่บั้นท้าย เคล้นคลึงปลุกเร้าจนหญิงสาวสั่นสะท้าน
ผิวกายนุ่มเบียดเข้าหากล้ามเนื้อแกร่งของชายหนุ่มด้วยหวามในอารมณ์ใคร่ ซึ่งร่างสูงก็ต้อนรับหล่อนด้วยสัมผัสของมือและริมฝีปาก การกระทำที่ช่ำชองชักพาให้สาวน้อยหลงเข้าไปติดอยู่ในวังวนแห่งความปรารถนาได้ไม่ยากนัก แม้ว่าหล่อนจะมีอาชีพที่จะต้องนอนกับผู้ชายบ่อย ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนที่หล่อนพึงใจ อารมณ์จึงโหมกระพือร้อนแรงกว่าเคย แม้เมื่อคืนนี้จะได้รับการเติมเต็มความต้องการจนอิ่มเอมไปแล้ว แต่เมื่อถูกปลุกเร้าหล่อนก็ยินดีจะสนองและตอบรับชายหนุ่มตรงหน้า
นับจากค่ำคืนที่อัดแน่นไปด้วยความปรารถนานั้นเวลาผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เซย์ริวไม่ได้ไปหาคัตซึฮิโกะอีกเลยนับแต่นั้น มีเรื่องยุ่ง ๆ หลายอย่างที่เขาต้องการสะสางเสียให้เรียบร้อย เรื่องค่ารักษาที่ติดค้างหมอมาซาฮิเดะเอาไว้ไม่มีแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเอาศพของเจ้าคนเคราะห์ร้ายไปทิ้งไว้ให้ ครั้งล่าสุดที่แวะไปหาเพื่อตัดไหมที่เย็บแผลที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทออก เขาพบว่ามีอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายชิ้น...ถึงหมอมาซาฮิเดะจะเป็นคนค่อนข้างหน้าเลือดและหาเงินด้วยวิธีที่ไม่ค่อยสะอาดนัก แต่เงินสกปรกเหล่านั้นก็ถูกนำมาซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รักษาชีวิตเหล่าผู้คนในเงามืดทุกครั้ง นั่นทำให้เขาเป็นที่เคารพและยำเกรงของพวกวายร้ายเหล่านี้ตลอดมา
เรื่องที่เซย์ริวต้องสะสางจริง ๆ นั้น คือเรื่องที่อาจจะติดตามมาจากการที่เขาแทงอัตสึชิปางตาย เขาไม่ต้องการให้ตำรวจหรือใครก็ตามสืบสาวเรื่องมาจนถึงตัวเขา การข่มขู่ไม่ใช่วิธีการที่เขาเลือก เพราะคนที่ถูกข่มขู่อาจจะหวาดกลัวหรือเคียดแค้นจนนำเรื่องของเขาไปบอกกับตำรวจได้ วิธีที่ดีที่สุดของเขาก็คือหาทางปิดปากอัตสึชิเสีย
โชคดีของร่างสูงที่อัตสึชิบาดเจ็บหนักมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล การลักลอบเข้าไปในโรงพยาบาลง่ายกว่าการเข้าไปในคุก ถึงโรงพยาบาลนั้นจะเป็นโรงพยาบาลตำรวจก็ตาม แต่ถึงกระนั้นความเสี่ยงก็มีสูง เขาจำเป็นจะต้องวางแผนให้รัดกุมเรียบร้อยที่สุด เพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐานใด ๆ ที่จะมัดตัวเขาได้
ลูกน้องของอัตสึชิคนหนึ่งถูกเลือกเป็นเครื่องมือสำหรับแผนการครั้งนี้ มันคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเซย์ริวมากขนาดที่คนไม่คุ้นเคยจะจำผิดคนได้ เซย์ริวยืมมือฮิโรกินิดหน่อยในการหลอกล่อมอมยามันแล้วจัดการตามแผน ครั้งแรกที่เขาบอกเล่าถึงแผนการนี้ให้ฮิโรกิรู้...เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในแววตาคู่สวย ความหวาดหวั่นที่ฮิโรกิมีต่อเขาไม่เคยเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพียงแต่มันถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน เมื่อไรที่ฮิโรกิรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขา มันก็จะปรากฏออกมาให้เห็นผ่านทางตาคู่นั้น...เงื่อนไขของเครื่องมือในแผนครั้งนี้คือจะต้องไม่มีลิ้นที่จะพูดกับใครได้ ฮิโรกิไม่กล้าพอที่จะเล่นตามบทบาทที่เซย์ริววางไว้ให้ เขาไม่สามารถจูบและกัดลิ้นมันคนนั้นให้ขาดได้!
ร่างสูงจึงต้องใช้กำลังนิดหน่อยในการตัดลิ้นของมันให้ขาด ณ วินาทีนั้น เป็นครั้งแรกที่ฮิโรกิหลับตาแล้วเบือนหน้าหนีจากสิ่งที่เขากระทำ ไม่มีเสียงร้องจากคนที่กำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา นอกจากอาการกระตุกเล็กน้อย เซย์ริวลงมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย เท่านั้นยังไม่พอ มีดปลายแหลมยังถูกแทงเข้าไปในร่างนั้นแล้วดึงออก คราวนี้ฮิโรกิถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก หลับตาแน่น ทำท่าเหมือนจะอาเจียน เพียงแค่จับไหล่เบา ๆ ยังสะดุ้งสุดตัว
“ไม่เป็นไรแล้ว จบแล้วหละ แกไม่ต้องทำอะไรแล้ว ขอบใจมาก”
“ทำไม...ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้?” ร่างบางถามเสียงสั่น
“เพื่อให้ฉันอยู่รอดไง”
ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าของร่างสูงอย่างรวดร้าวนิด ๆ แต่แล้วก็พยักหน้า...เป็นสัญญาณว่าฮิโรกิยอมรับเหตุผลและการกระทำของเขา
“พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จบแล้วหละ แล้วจะพาไปเลี้ยง”
ถ้าเป็นเวลาปกติ เซย์ริวคงขยี้ผมนุ่ม ๆ นั้นเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่คราวนี้มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงเดินเข้าไปประคองร่างที่หายใจรวยรินแล้วรีบพาไปโรงพยาบาล
ที่โรงพยาบาล เซย์ริวแสดงละครนิดหน่อย ว่าน้องชายเขาโดนทำร้ายมาบาดเจ็บสาหัส ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีใครสงสัยแม้แต่คนเดียว หมอและพยาบาลเวรรีบนำตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเข้าห้องฉุกเฉิน ข่าวร้ายถูกนำมาบอกกับเซย์ริวว่า น้องชายของเขาคงไม่สามารถพูดได้อีกเนื่องจากลิ้นถูกตัดขาด แต่แผลที่ช่องท้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ร่างสูงพยักหน้ารับด้วยความเศร้าสร้อยพลางนึกในใจว่ามันถูกต้องแล้วที่มันคนนั้นจะพูดไม่ได้อีก เพราะเขาต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น
เมื่ออาการปลอดภัยดีแล้ว ‘น้องชายของเซย์ริว’ ก็ถูกย้ายไปไว้ที่ห้องคนไข้ในธรรมดา เซย์ริวเสียเวลานั่งเฝ้าตลอดคืนนั้นพร้อมกับพยายามเดินสำรวจโรงพยาบาลเพื่อหาห้องที่อัตสึชิรักษาตัวอยู่ เขาสืบล่วงหน้ามาแล้วว่าอัตสึชิพักอยู่ในห้องพิเศษรวมสำหรับผู้ต้องคดี แล้วเขาก็หาพบ ที่หน้าห้องนั้นมีตำรวจนั่งเฝ้าหน้าห้องอยู่ 2 คน ไม่ยากที่เขาจะเข้าไป
วันต่อมา เครื่องมือของร่างสูงยังไม่ได้สติเพราะยาที่ฮิโรกิให้มาใช้เพิ่มถ้าไม่ต้องการให้ตื่นขึ้นมา จนตกดึก...แผนการก็เริ่มต้นขึ้น
ตำรวจ 2 นายที่หน้าห้องพิเศษรวมเห็นเพียงแค่มีร่างสูง ๆ ในชุดของโรงพยาบาลเดินกระโพลกกระเพลกเข้ามาหาจนถึงหน้าห้อง เมื่อพยายามสอบถามก็โดนน็อกไปโดยแทบจะยังไม่ทันจดจำใบหน้าของผู้บุกรุก เช้าวันรุ่งขึ้น มีผู้พบศพของคนไข้ที่เพิ่งเข้ารักษาตัวเมื่อคืนวานนอนฟุบอยู่ข้างเตียงในห้องพิเศษรวม สาเหตุการตายคือการเสียเลือดมากจากแผลที่เย็บเอาไว้ตรงช่องท้องฉีกขาด จากการตรวจสอบพบรอยเลือดหยดเป็นระยะจากห้องผู้ป่วยรวมมาจนถึงข้างเตียง พร้อมกันนั้นคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงก็เสียชีวิตเนื่องจากมีดปลายแหลมที่ปักอยู่บนอกจนเกือบมิดด้าม บนด้ามมีดเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของผู้ตายที่นอนอยู่ข้างเตียง ซึ่งมีดนั้นเป็นมีดแบบเดียวกับที่ทำให้คนไข้ต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานานอันมีสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาท
ตำรวจสืบหาสาเหตุแล้วสรุปความได้ว่า ผู้ตายทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะของแก๊งค์อาชญากรรม โดยที่ผู้ตายคนแรก คือ อัตสึชิ เป็นหัวหน้าของแก๊งค์นั้นและผู้ตายอีกคนเป็นลูกน้องในแก๊งค์ ซึ่งอาจเกิดการขัดแย้งบางประการทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้นทำให้อัตสึชิบาดเจ็บสาหัสจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ต่อมาฝ่ายที่เป็นลูกน้องได้เข้ารักษาตัวเนื่องจากถูกทำร้ายจนลิ้นขาดและมีบาดแผลโดนแทง ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือของลูกน้องคนอื่น ๆ ของอัตสึชิ ผู้ตายคนที่สองได้หาทางแก้แค้นด้วยการฆ่าอัตสึชิที่อาการดีขึ้นมากแล้วโดยแลกกับชีวิตของตัวเองที่จะต้องกลายเป็นคนพิการแม้จะรักษาตัวหาย แต่เนื่องจากบาดแผลที่เย็บเอาไว้ได้เปิดออกระหว่างทางที่เดินมาจนถึงห้องพิเศษรวม และผู้ตายคนที่สองยังได้ออกแรงเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าห้องจนหมดสติทั้งสองนาย ซึ่งทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น เนื่องจากตรวจพบว่ารอยเลือดจากหน้าห้องรวมไปถึงเตียงคนไข้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เมื่อทำการฆาตกรรมอัตสึชิแล้วจึงเสียเลือดมากจนเสียชีวิตในที่สุด ในห้องพักของผู้ตายคนที่สองพบร่องรอยการรื้อค้น แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรหายไปบ้าง สรุปคดีความได้ว่าเป็นการแก้แค้นกันระหว่างสมาชิกแก๊งค์อาชญากรรม เพียงแต่...ไม่มีใครหาตัวผู้ที่อ้างตัวเป็นพี่ชายของผู้ตายพบ
เสร็จจากเรื่องครั้งนั้น เซย์ริวพาฮิโรกิไปเลี้ยงขอบคุณก่อนที่จะหลบหน้าผู้คนสักพักหนึ่งจนกระทั่งคดีฆ่ากันในโรงพยาบาลเงียบไป เมื่อคืนนี้เขามาหาฮิโรกิอีกครั้ง แล้วก็พบว่าฮิโรกิกับจิอากิทะเลาะกันอีกแล้ว และตอนที่เขามาถึงจิอากิกำลังเมามายได้ที่ ส่วนฮิโรกิออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเป็นแบบนี้ฮิโรกิจะไม่กลับมาทั้งคืน
ขณะที่ปลอบโยนหญิงสาวที่ร้องไห้อย่างหนัก การกระทำของจิอากิและฤทธิ์แอลกอฮอล์ช่วยปลุกอารมณ์ดิบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คืนนี้ฮิโรกิไม่อยู่ ท่ามกลางแสงสลัวจิอากิดูสวยน่ารักกว่าเคย และด้วยร้างจากเรื่องอย่างว่าระยะหนึ่ง ความต้องการจึงปะทุขึ้น ชายหนุ่มกอดรัดร่างเล็กบอบบางไว้นับครั้งไม่ถ้วน ปริ่มสุขกันไปหลายหนจนเกือบเช้า กระทั่งถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก...
“อะ...อ๊า...เซย์...เซย์ริว อ๊า!!!!” เสียงหวานใสกรีดก้องเมื่อเดินทางมาถึงจุดสุดยอด
ร่างสูงกดกายเข้าหาเป็นจังหวะสุดท้ายแล้วปลดปล่อยความปรารถนาให้พวยพุ่ง ทั้งสองเกร็งนิ่งเข้าหากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายชายจะถอนกายออก
เสียงลูกบิดห้องดังขึ้น เซย์ริวหันขวับไปทันที...ร่างเล็กเพรียวยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับถูกภาพตรงหน้าสะกดให้กลายเป็นหิน ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น รวดร้าว
เซย์ริวรู้ดีว่าเขาไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น สภาพในตอนนี้มันฟ้องชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จิอากิดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายด้วยสีหน้าปั้นยาก ฮิโรกิกำมือแน่นแล้วกลับหลังหันวิ่งออกจากห้องไป ร่างสูงคว้ากางเกงมาสวมได้ก็วิ่งตามออกไปทันที
“ฮิโรกิ! ฮิโรกิ! ฟังก่อน!!”
“ไม่ฟัง! ไอ้...ไอ้ระยำ! แก...ไอ้คนฉวยโอกาส!!” ร่างเล็กตะโกนด่า หันกลับมามองด้วยสายตาแค้นเคือง
มือแกร่งคว้าได้ต้นแขนของฮิโรกิ ดึงกลับมากดไว้กับกำแพง “ฟังก่อนเซ่!”
“ฟังบ้าอะไร! แกจะพูดอะไร! แกจะบอกให้ฉันฟังรึไงว่าแฟนฉันรสชาติดีแค่ไหน หรือหล่อนร้องครางยังไงแกตอนที่แกอยู่ในตัวหล่อน! หรือแกจะบอกเหตุผลว่าทำไมแกถึงฟันแฟนของฉัน!” ดวงตาที่มองมาเกรี้ยวกราด สีหน้าบอกชัดว่าไม่ยอมลงให้แน่ ๆ
“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรแกก็ต้องฟัง!” ร่างสูงไม่ยอมแพ้ “เออ! ฉันฟันแฟนแก กอดแฟนแกมาทั้งคืนเลยด้วย!”
“ไอ้ระยำเอ๊ย! มึงตีท้ายครัวกู! ไอ้...” กำปั้นลุ่น ๆ หวดเข้าหาใบหน้าของร่างสูงแต่ถูกปัดเอาไว้ได้
“เออ! กูตีท้ายครัวมึง! แล้วไง? มึงอยากทะเลาะกันแล้วออกจากบ้านไปทำหอกอะไรล่ะ! แล้วทำยังกับว่ากูเป็นคนแรกที่นอนกับเมียมึงงั้นนี่!”
“ไอ้...” ฮิโรกิเริ่มหาคำมาด่าไม่ถูก เพราะสิ่งที่เซย์ริวพูดมาเป็นเรื่องจริง “แต่ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนทำกับกูแบบนี้!!”
“พ่อมึงสิ! มึงไม่รู้รึไงว่าเพื่อนมึงน่ะซื้อเมียมึงไปกี่คนแล้ว ไอ้ควาย!”
เสียงทะเลาะกันลั่น ๆ ทำให้ผู้คนในซอยชะโงกหน้าออกมาแอบดู
“มองทำเหี้ยอะไร ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันรึไง!?” สองหนุ่มหันไปด่าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เล่นเอาคนที่โผล่หน้าออกมาดูรีบผลุบกลับเข้าไปอย่างกลัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองคือเซย์ริวกับฮิโรกิ