KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56  (อ่าน 76765 ครั้ง)

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #30 เมื่อ01-03-2013 15:08:24 »

โอยย เจ็บแทน เซย์ริวยังเห็นคัตสึเป็นแค่ของเล่นอยู่เลย
จะอยู่กับคัตสึแบบดีๆได้มั้ยเนี่ย นึกว่าจะไม่รุนแรงแล้ว
สุดท้ายเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้คัตสึโดนทำร้ายอีกจนได้ :o12:
ยังไงก็ตามแต่งได้ดีจริงๆค่ะ^^

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #31 เมื่อ01-03-2013 15:41:01 »

 :jul1: :jul1: :jul1:
เซย์ริวเริ่มหลงของเล่นชิ้นนี้แล้วใช่มั้ย...(คิดเข้าข้างคาซึ)  :กอด1:

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #32 เมื่อ01-03-2013 18:50:22 »

สุดๆอ่า! เรื่องนี้...แบบว่า...ทำเอาหน้าร้อนไปหมด 555 รอตอนต่อไปค่าา

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #33 เมื่อ01-03-2013 22:02:13 »

ใครกันแน่จะติดกับดัก :angry2:
เดี๋ยวจะหลงเขาจนทำอะไรไม่ถูก :laugh:

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #34 เมื่อ02-03-2013 00:30:05 »

ร้ยกาจเสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ :3

:pig4:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #35 เมื่อ02-03-2013 08:07:26 »

เดี๋ยวก็กลายเป็นคนติดของเล่นซะเองหรอก  :z2:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #36 เมื่อ15-03-2013 11:00:16 »

ขอโทษนะครับ พอดีอาทิตย์ที่แล้วติดภารกิจเลยไม่ได้เอามาลง
ต่อเลยนะครับ

KOUSOKU # 6

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ยังขดตัวซุกอยู่บนที่นอนโงหัวขึ้นมาแล้วเหลือบมองนาฬิกา เพิ่งจะ 11 โมงเช้าเท่านั้น ยังเช้ามากทีเดียวสำหรับคนที่นอนตอน 6 โมงอย่างเขา

“หนวกหูจริง...ใครฟะ?” ฮิโรกิโผเผไปที่ประตูอย่างเสียมิได้ และคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ทำให้เขางงหนักขึ้นไปอีก

“อรุณสวัสดิ์ ฮิโรกิ” ร่างสูงยิ้มกว้างแบบยียวนเหมือนที่เคยได้เห็นอยู่เสมอ

“เซย์ริว!!!?” ฮิโรกิร้องลั่นยังกับโดนผีหลอก “นี่แกไปตายโหงตายห่าที่ไหนมาเป็นเดือนเนี่ย?”

“โห...ให้พรฉันแต่เช้าเลยนะแก แกทักเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ๆ แบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย?” เซย์ริวทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วถือวิสาสะเดินเข้าห้องไป

“แกคนเดียวเท่านั้นแหละ” ฮิโรกิว่าแล้วก็เดินตามเข้ามาในห้อง “ว่าแต่ แกหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

“โอ้...เป็นคำที่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปากแก” ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางเหลียวไปรอบ ๆ  “จิอากิล่ะ?”

“ดูสภาพห้องก็น่าจะรู้นี่ ไม่อยู่หรอก ออกไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาให้เพื่อน

เซย์ริวมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง...ก็น่าจะไม่อยู่หรอก สภาพห้องของฮิโรกิตอนนี้ราวกับเพิ่งโดนระเบิดลงเมื่อไม่นานมานี้เอง ข้าวของแทบทุกชิ้นโดนกวาดลงจากชั้นกระจายไปทั่วห้อง ยังไม่นับรวมจานชามบางส่วนที่แตกอยู่บนพื้นด้วย ทั้งห้องตอนนี้ที่ดูจะเหลือรอดปลอดภัยมาก็มีเพียงแต่ตู้เย็นกับบริเวณที่นอนเท่านั้น...แต่ก็หมายความว่า ฮิโรกิแค่ปัด ๆ ชิ้นส่วนที่อยู่บนที่นอนออกเพื่อให้นอนได้เท่านั้น

“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะเนี่ย?”

“ก็เรื่องงี่เง่าตามเคยนั่นแหละ หล่อนอยากได้กระเป๋าใบใหม่ที่ราคา 3 หมื่นกว่าเยน ฉันก็เลยทำเป็นไม่สนใจ บอกให้หล่อนหาเงินมาซื้อเอาเอง...ก็แค่นั้น” ฮิโรกิบอกแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วซุกเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง

“อยากได้กระเป๋า? ปกติจิอากิไม่ค่อยอยากได้อะไรพวกนี้เท่าไรนี่” ร่างสูงยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม

“เห็นบอกว่าวันเกิด”

กระป๋องที่ยังมีเบียร์อยู่ร่วมครึ่งลอยมาโดนหัวฮิโรกิอย่างจัง

“เจ็บน้า...” เจ้าตัวเล็กโวยวาย “มันเรื่องอะไรเอากระป๋องปาหัวฉันเนี่ย ไอ้เพื่อนทรพี!”

“ก็แกมันงี่เง่านี่หว่า ของแค่นี้ซื้อให้หล่อนวันเกิดไม่ได้รึไง?” เซย์ริวเทศน์เข้าให้

“ก็ฉันไม่มีเงินนี่หว่า ไว้มีแล้วค่อยซื้อให้ไม่ได้รึไง ถ้าจะมาเทศน์ฉันแต่เช้าแบบนี้นะ แกไปซื้อให้หล่อนเองเลยเด่ะ” ฮิโรกิเถียงฉอด ๆ พร้อมกับยกมือคลำหัวป้อย

“แกนี่น้า...นั่นมันเมียแกนะ แล้วนี่หายไปทั้งคืนเนี่ยไม่เป็นห่วงมั่งเลยเรอะ?”

“ต้องห่วงอะไรล่ะ หล่อนก็ไปอย่างนี้บ่อย ๆ  บางทีอาจจะได้แขกสักคนก็ได้มั้ง” หางเสียงตวัดอย่างเคือง ๆ  “ว่าแต่แกเถอะ ดูจะเป็นห่วงเป็นใยเมียฉันเหลือเกินนะ”

“คิดมาก! ถึงฉันจะคิดเคลมเมียแกบ้างก็เถอะนะ แต่ฉันไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นหรอก เพียงแต่เห็นพวกแกทะเลาะกันบ่อย ๆ แล้วมันเบื่อก็เท่านั้นแหละ”

“ประโยคแรกมันแปลก ๆ นะ เซย์...” คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ แล้วก็คลายออก “ช่างเถอะ...ชีวิตของพวกฉันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“อืม...ฉันรู้”

“ว่าแต่แกหายไปไหนมาเป็นเดือน?”

“ไปกบดานน่ะสิ”

“ที่ไหน?”

“บ้านเหยื่อรายล่าสุด” เซย์ริวบอกพร้อมกับยิ้มเย็น

ฮิโรกิขมวดคิ้ว “เหยื่อ...อีกแล้วเหรอ? นี่แกมีเหยื่อกี่รายกันแน่เนี่ย?”

“ไม่รู้สิ ไม่เคยนับ...บางคนก็ดูเหมือนจะฆ่าตัวตายไปบ้างแล้วด้วย ก็เลยไม่รู้ว่ามีเท่าไรกันแน่” เซย์ริวตอบราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“เดี๋ยวคนนี้ก็ฆ่าตัวตายอีก” ฮิโรกิส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ

“ไม่หรอก...หมอนี่ยังทำให้ฉันสนุกได้อีกเยอะ” ประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาคมพร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัวที่แม้แต่ฮิโรกิยังเสียวสันหลัง

“สะ...สนุกเรื่องอะไร?”

“ทุกเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง”

ร่างเล็กเบิกตากว้าง ดึงตัวขึ้นจากที่นอนทันที “ผู้หญิงคนใหม่เหรอ?”

“เปล่า...ผู้ชายน่ะ” ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ  “พอพูดเรื่องบนเตียงขึ้นมานี่หูตาสว่างเลยนะแก กะจะแจมอีกหละสิ”

“ก็คนก่อนของแกมันสนุกมาก ๆ เลยนี่หว่า...ก็เลยติดใจ...ฮะ ๆ ” ฮิโรกิหัวเราะเบา ๆ พลางเกาหัวแก้เขิน

“คนนั้นมันผู้หญิง แต่คนนี้น่ะ ผู้ชายนะ”

“แกก็รู้ว่าฉันไม่เกี่ยง ขอให้สนุกเป็นใช้ได้น่า...ว่าแต่ คนก่อนนั่นเป็นไงบ้างแล้ว พูดขึ้นมาแล้วฉันก็ชักอยากแล้วสิ” เจ้าตัวเล็กตาวาวทันที

“ไม่รู้สิแฮะ ฉันก็ไม่ได้แวะไปอีกเลยตั้งแต่คราวนั้นนั่นแหละ”

“งั้นวันนี้เราไปกันมั้ย?”

“แกนี่น้า...” เซย์ริวส่ายหน้านิด ๆ แล้วถอนใจ แต่ท่าทางดูสนุกไปด้วย “ก็ดี...ฉันเองก็กำลังว่าจะหาเงินไปให้หมอมาสะพอดีเลย ยัยนั่นคงมีเงินอยู่บ้างหรอก”

“อา...ฉันก็มีของเล่นที่อยากเอามาทดลองเหมือนกัน” ฮิโรกิรีบกระวีกระวาดไปค้นของในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า

“ของเล่น?”

“ช่าย...” ว่าแล้วก็ดึงซองสีขาวขุ่น ๆ มาให้ดู “ได้มาจากเพื่อนน่ะ แต่ยังไม่เคยลองเลย อยากรู้ว่ามันจะสนุกแค่ไหน”

“ยา...ปลุกงั้นเหรอ?”

ฮิโรกิไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ

//////////

เซย์ริวหยิบกางเกงยีนส์ที่ถอดกองไว้กับพื้นมาสวมแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งควานหาเงินออกมานับ ในขณะที่ฮิโรกิยังนั่งจุดบุหรี่สูบอยู่บนเตียงโดยมีร่างของหญิงเคราะห์ร้ายนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้าง ๆ

“7 หมื่นเยน...ยังไม่พอหรอก ต้องได้ซักแสนเยนถึงจะพอ” เซย์ริวบ่นแล้วก็ยัดเงินทั้งหมดใส่กระเป๋ากางเกง

“ก็เจ็บหนักมาขนาดนั้น แถมยังหนีออกจากโรงบาลก่อนเวลาอันควรอีก หมอแกชาร์จเพิ่มแหง ๆ ” ฮิโรกิพูดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา “ว่าแต่...ไอ้คนที่แกไปอยู่ด้วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะ รักษาแผลแกซะเนี้ยบเลย เกือบหายดีแล้วสิเนี่ย”

“ใช่...นั่นแกจะทำอะไรน่ะ?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนกำลังเล็งมือถือไปตามส่วนต่าง ๆ ของหญิงสาว

“ถ่ายรูปไว้ไง หล่อนจะได้ไม่กล้าไปบอกใคร”

“อืม...รอบคอบดีนะ”

“ฉันไม่อยากเดือดร้อนเพราะความสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะเฟ้ย” ว่าพลางฮิโรกิก็จับหญิงสาวโพสต์ท่าน่าอายต่าง ๆ แล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้โดยที่เธอไม่มีโอกาสขัดขืนได้

“ยาเม็ดเดียว เล่นซะเสร็จไป 6 ครั้ง...ยามันไม่แรงไปหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวที่นอนระทดระทวยอย่างเฉยเมย

“ฉันว่าหล่อนไม่คุ้นมากกว่า ไว้ว่าง ๆ ฉันว่าจะลองกะจิอากิดู บางทีคนที่คุ้นกับเรื่องพวกนี้น่าจะอึดมากกว่านี้นะ” ฮิโรกิเก็บโทรศัพท์แล้วแต่งตัวบ้าง

“ถ้ากับผู้ชายจะเป็นยังไงนะ?”

“แกจะเอาไปเล่นกับคนใหม่ของแกเหรอ?”

“น่าลองเหมือนกันนะ ปฏิกิริยาตอนที่ยาออกฤทธิ์น่ะสนุกเป็นบ้าเลย ขนาดยัยนี่ดูหงิม ๆ อย่างนี้ พอถึงตอนนั้นอะไรก็ยอมทำทั้งนั้น...ถ้าเป็นหมอนั่นคงสนุกดีพิลึก”

“ดูท่าทางแกจะติดใจเหยื่อรายใหม่นี่น่าดูเลยนะ เมื่อไรจะให้ฉันไปแจมได้บ้างล่ะ?” ฮิโรกิถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“ยังหรอก ฮิโรกิ ยังไม่ถึงเวลา” เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ  แต่แววตาแฝงความพึงพอใจบางอย่างเมื่อนึกถึงใครบางคนที่กำลังหลงวนเวียนอยู่ในกับดักของเขา

“งั้น...แบ่งยาไปสักเม็ดมั้ย? เอาไปลองเล่นดู ได้ผลยังไงก็มาบอกฉันด้วย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ากับผู้ชายจะเป็นยังไง” เจ้าตัวเล็กเริ่มมีสีหน้าสนุกตามไปด้วย

ร่างสูงรับยาเม็ดนั้นมาใส่กระเป๋าเอาไว้

“เอาหละ...พี่สาว ขอบคุณมากนะที่ช่วยให้สนุกขนาดนี้ แล้วก็...อย่าเสือกไปแจ้งตำรวจเชียวล่ะ ไม่งั้นรูปนี่ไม่อยู่แค่ในมือถือนี่แน่” ฮิโรกิทิ้งคำขู่สุดท้ายเอาไว้ก่อนที่จะพากันจากมาโดยทิ้งเจ้าของห้องเอาไว้อย่างนั้นอย่างไม่ใส่ใจ

//////////

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ร่างเพรียวที่เพิ่งกลับเข้าห้องยังไม่ได้แขวนเสื้อโค้ทดีรีบหมุนตัวกลับไปที่ประตูทิ้งเสื้อโค้ทให้พาดอยู่กับเก้าอี้อย่างนั้น

“ใครครับ?”   

“ฉันเอง” เสียงทุ้มห้วนสั้นที่ฟังคุ้นหูตอบกลับมา

คัตซึฮิโกะเปิดประตูห้องให้ ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวเดิมที่เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรก ทั้งที่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมากแล้ว แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับใครเขาเลย

“กลับมาแล้วเหรอ?” คัตซึฮิโกะถามขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หากแววตาเฉยเมย เซย์ริวไม่เคยมีคำตอบใด ๆ สำหรับการทักทายประจำวันอยู่แล้ว

“กลับมาแล้ว”

คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง รอยยิ้มจาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่โหดร้ายอยู่เสมอดูอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิ้วมือเรียวยาวค่อย ๆ เกลี่ยเข้าที่ข้างแก้มแผ่วเบา

“ทำไม? ทำหน้ายังกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ”

“เปล่า...คือ...” คัตซึฮิโกะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาที่ใบหน้า เผลอใจคิดไปว่าบางทีเซย์ริวอาจจะเป็นคนใจดี ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ความจริง

เซย์ริวก้าวตามเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดล็อกประตู “หอมจังนะ ทำมื้อเย็นอยู่เหรอ?”

“อะ...อื้อ” เจอสิ่งเกินคาดเข้าแบบนี้ก็เล่นเอาคัตซึฮิโกะพูดไม่ออกเหมือนกัน ชายหนุ่มรีบผละเข้าไปที่ครัวแล้วแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับของที่ทอดอยู่ในกะทะที่ตั้งเตาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่กลับเข้ามาทันที

“หือ? หมูทอดงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ข้างแก้ม

คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปมองคนที่เข้ามาประชิดด้านหลังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว...และเพราะอย่างนั้น ร่างสูงจึงฉวยโอกาสประกบริมฝีปากอุ่นแนบลงบนริมฝีปากที่กำลังเผยอจะพูดอะไรบางอย่าง แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวคอดรั้งเข้าหาตัวแน่น ในขณะที่อีกมือเชยคางขึ้นเพื่อจะได้จุมพิตได้ถนัด เรียวลิ้นแทรกสอดเข้าไปเกี่ยวกวัดกับลิ้นนุ่มที่ยังไม่ยอมตอบสนองเพราะความตกใจ โลมเร้าพัวพันอยู่เป็นครู่คนตัวเล็กกว่าถึงได้เริ่มตอบสนองจูบนั้นทีละน้อย ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มลงปล่อยให้ปลายลิ้นหยอกเอินกันอย่างดื่มด่ำ หากไม่ใช่เพราะคิดไปเอง คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าจุมพิตของวันนี้หวานละมุนกว่าทุกวัน

น้ำมันในกะทะแตกตัวเสียงดัง เรียกสติที่กำลังล่องลอยไปในบรรยากาศอ่อนหวานให้กลับคืนมา คัตซึฮิโกะถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับผลักร่างสูงออกห่าง ชั่ววินาทีที่สบตากันนั้น ร่างเพรียวเห็นแววเสียดายฉาบแฝงอยู่ในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม คัตซึฮิโกะยกหลังมือขึ้นแตะริมฝีปากแล้วก้มหน้าหลบตา แสร้งหันไปใช้ตะเกียบคู่ยาวคีบเขี่ยชิ้นหมูทอดในกะทะ

“ออก...ออกไปก่อนเถอะ ผมจะทำกับข้าวต่อ” คัตซึฮิโกะบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่ยอมสบตา

รอยยิ้มระบายขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง เขาทำท่าจะผละออกไป แต่แล้วก็หันกลับมาดึงร่างเพรียวให้หันกลับมาหาแล้วประกบจูบเร่าร้อนอีกครั้ง คัตซึฮิโกะดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน แล้วก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งหลุดลงคอไป แล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ถอนปากออก

“อะ...อะไรน่ะ...เมื่อกี้?” คัตซึฮิโกะระล่ำระลักถาม ใบหน้าแดงไปจนถึงคอเพราะโดนขโมยจูบแบบไม่ทันรู้ตัวถึงสองครั้งติดกัน

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ  ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์พราวระยับ “ขนมน่ะ”

พูดเพียงเท่านั้นแล้วร่างสูงก็เดินออกจากครัวไป ทิ้งให้คัตซึฮิโกะยืนเอามือลูบหน้าตัวเองหมายจะให้อารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่เข้าทาง...แต่ดูท่าจะยากเสียแล้ว...

ชิ้นหมูชุบแป้งทอดที่เพิ่งสุกได้ที่ถูกจัดวางลงในจานพร้อมกับถ้วยน้ำจิ้มเล็ก ๆ  ตั้งแต่เซย์ริวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขาก็ดูเหมือนข้าวของบางอย่างในห้องจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็จานชาม แก้วน้ำและแปรงสีฟัน คัตซึฮิโกะถอนใจแล้วก็ยิ้มนิด ๆ  นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจคนอื่น ดูเหมือนเซย์ริวจะเป็นคนแรกที่ได้กินข้าวรสมือเขานอกจากนัตสึ บางทีคัตซึฮิโกะก็รู้สึกว่ามันมีความสุขดีเหมือนกันที่ได้ดูแลคนอื่นอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเขาต้องดูแลน้อง ๆ ในบ้านมาตั้งแต่เด็กก็ได้เลยติดเป็นนิสัย

การอยู่ร่วมกันเซย์ริวก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร พวกเขาแค่เจอหน้ากันตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือบางทีก็ไม่ได้เจอ เพราะเซย์ริวออกไปข้างนอก ส่วนตอนเช้านั้น ถึงแม้เซย์ริวจะอยู่ในห้องแต่ก็เหมือนไม่ได้เจอกัน เพราะตอนที่เขาออกไปทำงานนั้น เซย์ริวยังไม่ตื่น

คัตซึฮิโกะปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปขณะที่จัดอาหารให้เรียบร้อย แต่แล้วหัวใจก็กระตุกวูบขึ้นมากะทันหัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้าอก...เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? หัวใจเต้นแรงไม่หยุดจนแทบไม่เป็นจังหวะ คัตซึฮิโกะวางมือจากอาหารตรงหน้าแล้วขยุ้มอกเสื้อแน่น ความรุ่มร้อนแปลก ๆ แล่นวูบวาบไปทั้งร่าง ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

ก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สายหนังเส้นหนาก็ตวัดพันเข้าที่รอบคอขาว คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัวและพยายามดิ้น หากเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงสวมปลอกคอหนังให้เขาสำเร็จ

“ทะ...ทำอะไรของคุณน่ะ?” มือเรียวพยายามแกะปลอกคอที่รัดรอบคอแน่นออก

เซย์ริวไม่ตอบ แต่คว้ามือคัตซึฮิโกะจับยึดเอาไว้แน่น พยายามจะขโมยจูบอีกครั้งหากอีกฝ่ายใช้มือข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ปัดป้อง วงแขนแกร่งจึงโอบรั้งร่างเพรียวให้เข้ามาแนบชิดแล้วกอดตรึงเอาไว้อย่างนั้น ไม่สนใจกับอาการทุบตีผลักไสของคนในอ้อมกอด รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งคนที่ดิ้นรนหมดเรี่ยวแรงไปเอง คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับอกกว้าง มือเรียวจับยึดไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก กายสั่นสะท้าน ในขณะที่อุณหภูมิในร่างกายดูเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด

“คุณ...คุณทำอะไร...ผม...?”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่” จมูกโด่งได้รูปซุกไซ้ลงไปที่ซอกคอ สูดกลิ่นกายที่เจือกลิ่นเหงื่อกรุ่นจาง...เป็นความจริงทีเดียวที่เขาว่ากันว่า กลิ่นเหงื่อสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

“ไม่...คุณ...” คัตซึฮิโกะพยายามหนีให้พ้นจากอ้อมแขนที่พันธนาการเขาเอาไว้ แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
“ปล่อย...ปล่อยผมนะ”

“แกกำลังต้องการให้ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” นิ้วเรียวช้อนเชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับริมฝีปากพรมจูบไปตามใบหน้าที่ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงเรื่อ

“ต้องการอะไร...ผมไม่...” คัตซึฮิโกะหาคำพูดไม่ถูก รู้สึกว่าตอนนี้ในหัวกำลังถูกสีขาวโพลนกลืนกินเข้าไปทีละน้อย

“แกกำลังอยากให้ฉันกอด คาซึโกะ...” ริมฝีปากอุ่นคลอเคล้าอยู่ไม่ห่างแก้มเนียน บดคลึงแนบลงบนริมฝีปากร้อนที่แดงจัดจนเป็นสีเชอร์รี่

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #37 เมื่อ15-03-2013 11:03:58 »

ไออุ่นร้อนวาบจากจุดที่โดนสัมผัสแผ่ซ่านไปทั้งร่าง ทั้งที่เป็นเพียงแค่การสัมผัสแต่เพียงภายนอก ร่างเพรียวแอ่นสะโพกเข้าหาตามแรงรั้งของวงแขนอย่างว่าง่าย มือเรียวเกาะยึดไหล่กว้างแน่น ขาทั้งสองข้างสั่นจนแทบจะไร้แรงยืน ได้แต่ทิ้งตัวพิงร่างสูงปล่อยให้อ้อมแขนแกร่งโอบประคองร่างของตัวเองเอาไว้

มือใหญ่เริ่มไต่ซุกซนไปตามแผ่นหลัง ลูบไล้แผ่วเบาไปทั่ว มืออีกข้างปล่อยมือเรียวที่ยึดเอาไว้ให้เป็นอิสระแล้วค่อย ๆ เลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีดำของร่างเพรียวออกช้า ๆ  สอดมือเข้าไปสัมผัสผิวเนียนเรียบบนแผ่นอก ส่งปลายนิ้วเย็นสะกิดส่วนไวสัมผัสตรงปลายยอด

คัตซึฮิโกะเกร็งผวากับสัมผัสนั้น เกือบจะสำลักลมหายใจ เรียวเล็บจิกยึดเสื้อตัวหนาของร่างสูงแน่น หวามไหวไปกับสัมผัสที่ได้รับ เผยอริมฝีปากหอบน้อย ๆ  เปิดโอกาสให้เรียวลิ้นเข้ามาค้นหาความหอมหวานได้โดยไม่มีการขัดขืน ตอบสนองความเร่าร้อนที่เข้าเร่งรัดพัวพันแต่โดยดี และยิ่งเร่งเร้ามากขึ้นเท่าไร ลิ้นร้อนก็ยิ่งตอบสนองแรงกระตุ้นมากขึ้นเท่านั้น ยอดอกสีสวยแข็งขึงเป็นไตเมื่อปลายนิ้วบดขยี้เป็นระยะ สะโพกบางแอ่นผวาเข้าหาอีกฝ่ายเมื่อมือแกร่งเคล้นคลึงบั้นท้ายนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์

เซย์ริวเลื่อนมือมาปลดเข็มขัดของคนในอ้อมกอดก่อนที่จะรูดซิปกางเกงลง แล้วสอดมือเข้าไปลูบไล้จุดอ่อนไหวที่สุดอย่างนุ่มนวล แม้จะสัมผัสได้ไม่ถนัดนัก แต่ความรู้สึกที่เขาแตะต้องลงไปนั้นบอกได้ชัดว่าคัตซึฮิโกะกำลังเกิดอารมณ์มากเพียงใด ร่างสูงยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจแล้วถอนริมฝีปากออกพร้อมกับคลายวงแขน

คัตซึฮิโกะทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นพิงผนังห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง หอบหนัก ๆ ราวกับวิ่งมานับพันไมล์ ใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาเลื่อนลอย ร่างกายสั่นระริก...แค่จูบ ไม่น่าจะทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ มันต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับเขาแน่ ๆ ...แต่ในสมองที่ขาวโพลนตอนนี้ไม่สามารถคิดอะไรออกได้อีกแล้ว จนกระทั่งร่างสูงนั่งลงตรงหน้า

“ยาออกฤทธิ์ดีใช่มั้ยล่ะ คาซึโกะ?”

คำถามพร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยันทำให้คัตซึฮิโกะคิดขึ้นมาได้นิดหนึ่ง

“ยา...หรือว่า...”

“ขนมเมื่อกี้นี้อร่อยดีใช่มั้ย คาซึโกะ?” เซย์ริวถามแล้วก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ประกบริมฝีปากบดขยี้ลงจนริมฝีปากนิ่มแดงช้ำ...คัตซึฮิโกะหนีเขาไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...

//////////

ร่างขาวเพรียวเปลือยเปล่านั่งกายสั่นสะท้านอยู่บนเตียง มีสายโซ่เส้นไม่ใหญ่นักล่ามโยงจากปลอกคอหนังไปยังโครงเหล็กที่ปลายเตียง ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากอิ่มช้ำ ดวงตาเลื่อนลอย และ...แก่นกายอ่อนไหวกำลังตื่นตัวเต็มที่!

เซย์ริวเอนกายพิงหมอนที่หัวเตียงจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพออกพอใจ ดวงตาที่มองมาที่เขาเหม่อลอยแทบจะไร้สติสัมปชัญญะ ลมหายใจหอบถี่ ท่าทางจะระงับความปรารถนาเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว...มือใหญ่แตะลงที่ข้างแก้ม ยังผลให้คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว รอยยิ้มที่ค่อย ๆ สยายกว้างขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงเกือบจะมีแววเอ็นดูกับปฏิกิริยานั้นด้วยซ้ำ ดวงตาที่เลื่อนลอยไหวระริกค่อย ๆ เลื่อนมาจับที่ใบหน้าของเซย์ริว มือสั่นเทาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมากุมมือที่จับแก้มเอาไว้ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในร่าง

ร่างสูงยิ้มเย็น “อยากเหรอ คาซึโกะ?”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากสีเชอร์รี่นอกจากอาการพยักหน้ารับ

“งั้นก็...ทำให้ฉันสนุกหน่อยสิ” ดวงตาคมฉายแววตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะพูด “เล่นกับตัวเองให้ฉันดูหน่อย”

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง ดูเหมือนจะได้สติขึ้นมากับคำสั่งน่าอายนั้น เขาจ้องหน้าเซย์ริวแล้วหลบตาอย่างลังเลใจ ยกมือขึ้นปิดปากแล้วหลับตาแน่น พยายามต่อต้านไฟราคะที่ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ

“คาซึโกะ...ทำสิ” เสียงห้าวนุ่มกระซิบที่ข้างหู

แม้จะพยายามฝืนเอาไว้ แต่คำพูดนั้นราวกับการสะกดจิต มือเรียวเลื่อนลงไปหาร่างที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ของตัวเอง สัมผัสลูบไล้แล้วเกาะกุมมันเบา ๆ  ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งอยากทำและไม่อยากทำในเวลาเดียวกัน แต่พอแตะต้องแล้วก็หยุดไม่ได้...คัตซึฮิโกะก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองแน่น เริ่มต้นขยับมือรูดแก่นเนื้ออุ่นร้อนด้วยจังหวะเนิบช้า

“อะ...อา...” เพียงแค่เริ่มต้นร่างเพรียวก็ไม่สามารถทานอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตัวเองได้ มือที่ปิดปากตัวเองไว้กลับไปจิกยึดผ้าปูที่นอนแน่นแล้วส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่คิดจะปิดกั้นอีก

มืออุ่นร้อนลงน้ำหนักเกาะกุมแก่นกายแน่น ขยับเร่งจังหวะกระชั้น ส่งเสียงครางเครือปนหอบเบา ๆ ไปกับความรัญจวนที่ตนเองเป็นคนกระทำ รู้สึกอับอายที่ต้องมาทำเรื่องที่ควรจะเป็นความลับต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแล้ว ดวงตาคมที่มองมายิ่งเร้าอารมณ์ให้หวามไหวหนักขึ้น แต่หลายครั้งที่รู้ตัวว่าไม่อาจละสายตาจากคนที่กำลังจ้องมองอยู่ได้ และยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองอยู่...คัตซึฮิโกะก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้นทุกขณะ

“ให้ฉันได้เห็นชัด ๆ หน่อยซิ” เซย์ริวแตะมือลงบนต้นขาขาวแล้วจับร่างเพรียวเปลี่ยนท่วงท่า จากนั่งคุกเข่าให้เป็นนั่งลงกับเตียงแล้วชันเข่าขึ้น แยกขาออกโดยหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขา

“อ๊ะ!”

คัตซึฮิโกะหน้าแดงก่ำเมื่อต้องอยู่ในท่าที่ดูเปิดเผยยิ่งกว่าเก่า มือเรียวชะงักการกระทำทันที หลบตาร่างสูงแล้วพยายามสะกดกลั้นความต้องการอีกครั้ง

“ทำต่อสิ คาซึโกะ” ไม่พูดเปล่ายังใช้มือเข้าไปช่วยกระตุ้นซ้ำให้อีกครั้ง

เพียงแค่นั้นคัตซึฮิโกะก็คิดอะไรไม่ออก เขาปล่อยให้มือของตัวเองขยับไปตามความต้องการของร่างกาย ไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนที่แปลกประหลาดซึ่งปะทุรุนแรงอยู่ในร่าง หากไม่ได้ปลดปล่อยในตอนนี้ เขาคงแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยความอัดอั้น
เซย์ริวจ้องมองแท่งเนื้อในอุ้งมือนั้นถูกขยับรูดเร้าแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ส่วนปลายของมันที่เป็นสีแดงจัดเริ่มมีหยาดน้ำใส ๆ หลั่งรินออกมาจนชุ่มมือที่เกาะกุมอยู่ หนังหุ้มส่วนปลายยอดขยับตามจังหวะการชักรูดของมือ มันห่อหุ้มและเปิดออกราวกับผลไม้เปลือกบางที่ถูกปลิ้นเนื้อในออกมา ร่างสูงนึกอยากลิ้มรสเนื้อผลไม้สีแดงนั้น...แต่ยังก่อน...ยังไม่ใช่ตอนนี้ เขายังมีเวลาสนุกกับคัตซึฮิโกะอีกนานนัก

มือแกร่งจับข้อเท้าของร่างเพรียวขยับแยกกว้างออกอีก จ้องมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างพึงใจ คัตซึฮิโกะไม่เหลือความประหม่าอายอีกแล้ว เขาขยับจัดท่าตามที่ร่างสูงต้องการ ในขณะที่ยังไม่ยอมละมือจากกิจกรรมอันสร้างความหฤหรรษ์ให้ ดวงตาที่เอ่อชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาทอดสายตาหวานเชื่อมไปยังคนที่เฝ้ามองการกระทำของเขาอยู่ สีหน้าหื่นกระหายของเซย์ริวกระตุ้นอารมณ์เขาอย่างมาก เขารู้...ว่าเซย์ริวก็กำลังปรารถนาที่จะลิ้มลองเขา ปรารถนาที่จะครอบครองเขา...และรู้อีกด้วยว่าร่างสูงกำลังอดกลั้นอยู่...เรียวขาขาวแยกออกอีก จงใจยกสะโพกขึ้นเปิดเผยช่องทางเร้นลับให้ปรากฏต่อสายตาของอีกฝ่าย เรียกร้องด้วยการกระทำให้เข้ามาครอบครองและมอบความสุขให้กับเขา

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ  “ยั่วให้มันมากกว่านี้อีก คาซึโกะ...ทำให้ฉันอยากเข้าไปในตัวแกให้มากกว่านี้”

คัตซึฮิโกะส่งสายตาที่ฉายแววสิ้นหวังไปที่เซย์ริว...ตอนนี้เขาคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว ปลายทางของอารมณ์กำลังรออยู่ตรงหน้า เพียงขยับมืออีกแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็จะสามารถปลดปล่อยความค้างคาทั้งหมดให้ออกมาได้...มืออุ่นร้อนเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้น สะโพกบางแอ่นขยับตามจังหวะของมือ ริมฝีปากเผยอหอบส่งเสียงครางระงมแทบไม่เป็นภาษา เริ่มเกร็งร่างสะท้านเป็นระยะ แล้วในที่สุดก็ปลดปล่อยทุกสิ่งออกมา

“อ๊ะ...อ๊า...” คัตซึฮิโกะกรีดเสียงร้องเมื่อถึงขีดสุด

หยาดน้ำขุ่นเหนียวฉีดพ่นออกมารุนแรงเต็มกลั้น มันหลั่งเลอะไปจนถึงแผ่นอกของคนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง

“อะ...ฮ่า...” ร่างเพรียวถอนใจเยือก ท้าวมือลงด้านหลังแล้วทิ้งตัวกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง คลายอุ้งมือที่เกาะกุมแก่นกายอยู่ให้ประคองเอาไว้เพียงหลวม ๆ

เซย์ริวตกใจนิดหน่อยกับการถึงสวรรค์อย่างค่อนข้างรุนแรงของคัตซึฮิโกะ แต่แล้วก็ยิ้มกว้าง ใช้นิ้วปาดหยาดน้ำนั้นขึ้นมาลิ้มรสก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้ร่างเพรียวที่นั่งหอบหนัก ๆ อยู่ สิ่งที่คัตซึฮิโกะปลดปล่อยออกมาเปรอะเลอะผ้าปูที่นอนด้วย

“เยอะจังนะ...กลั้นมานานหละสิ”

เซย์ริวใช้มือปาดเก็บน้ำขุ่นข้นขึ้นมาแล้วลูบไล้มันลงไปบนแผ่นอกบางที่ยังสะท้านด้วยแรงหอบ เคล้นคลึงแผ่นอกแล้วบดขยี้ยอดอกสีชมพูที่ยังแข็งเป็นไตอย่างสนุกมือ รั้งเอวบางเข้าหาตัวแล้วประกบจูบเร่าร้อน ค่อย ๆ พาขยับมาที่กลางเตียงจนโซ่ที่ล่ามเอาไว้ตึง

“อ๊ะ...ฮึก...” คัตซึฮิโกะสำลักนิดหน่อยเมื่อปลอกคอหนังรัดแน่นตามแรงดึง มือเรียวเกาะยึดแขนแกร่งแน่น จิกเล็บกดลงเบา ๆ ระบายอารมณ์หวั่นไหว

“เมื่อกี้ยั่วได้ไม่เลวนะ คาซึโกะ...แต่มันยังไม่ถึงใจฉันน่ะ” เซย์ริวพูดขึ้นขณะที่ไล้ริมฝีปากลงไปตามซอกคอขาวที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นฮอร์โมนที่กระตุ้นอารมณ์ใคร่ให้พลุ่งพล่าน ฟันเรียบขบหยอกไปตามผิวขาวลื่น

“อือ...” คัตซึฮิโกะสะดุ้งผวา แอ่นกายรับสัมผัสหยอกเย้า แต่ทุกครั้งที่ขยับตัว ปลอกคอหนังก็รัดแน่น

“เพราะยังทำให้ฉันอยากเข้าไปในตัวแกไม่ได้...งั้นก็...ทำให้ฉันรู้สึกดีมากกว่านี้อีกหน่อยซิ” ร่างสูงขยับตัวเข้าไปใกล้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์

สายตาที่มองตอบมามีแววฉงน...เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองนิดหน่อย เขาลืมไปว่าคัตซึฮิโกะค่อนข้างจะไม่เดียงสากับเซ็กส์แบบที่เขาชอบ เขาลูบไล้ริมฝีปากสีเรื่อแล้วค่อย ๆ กดใบหน้าของร่างเพรียวเข้าหาแผ่นอกของตัวเอง

“จูบซิ” เซย์ริวเริ่มออกคำสั่ง

คัตซึฮิโกะค่อนข้างจะไม่มั่นใจกับคำสั่งนั้น แต่กลิ่นอายของคนตรงหน้าช่างยั่วยวนเหลือเกินในความรู้สึก ริมฝีปากสั่นระริกจึงประทับแนบลงไปบนแผ่นอกหนา

“ทำแบบที่ฉันเคยทำให้แกน่ะ ใช้ลิ้นด้วยสิ”

ร่างเพรียวค่อย ๆ จูบเล็มไปตามผิวที่มีรอยแผลเป็นกระจายอยู่ บางแผลใหญ่และดูน่ากลัว เขาไม่เคยสังเกตรอยแผลพวกนี้มาก่อนเลย...ไม่สิ...เขาไม่เคยได้เห็นมันชัด ๆ แบบนี้ต่างหาก เขาเริ่มใช้ลิ้นไล้เลียไปตามรอยแผลเหล่านั้น และดูเหมือนว่าเจ้าของรอยแผลจะพึงพอใจกับสิ่งที่เขากระทำ...เขารู้ได้จากเสียงถอนใจอย่างหฤหรรษ์...เสียงนั้นราวกับคำชม เสียงที่ทำให้เขารู้สึกราวกับมีอำนาจเหนือกว่าเซย์ริว

“อืม...ดี...” มือใหญ่ค่อย ๆ กดศีรษะที่กำลังซุกไซ้อยู่แถวแผ่นอกของเขาให้เคลื่อนต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องที่เป็นลอนกล้าม

เรียวลิ้นตวัดเลียร่องสะดือแล้วจูบซ้ำเบา ๆ  ร่างสูงผวาเล็กน้อยกับการกระทำนั้น...คัตซึฮิโกะทำได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก เขาใช้ปลายเท้าเตะปัดมือเรียวไม่ให้ไปเล่นสนุกกับตัวเองอีก

“อย่าทำอย่างนั้น คาซึโกะ...ฉันให้แกเล่นกับตัวเองไปแล้ว ตอนนี้ใช้แต่ปากของแกก็พอ ถ้าแกใช้มือทำอะไรอีก ฉันจะจับแกมัดแล้วนะ” คำหยอกแกมข่มขู่ได้ผล คัตซึฮิโกะพยายามไล้เลียไล่จากหน้าท้องราบลงต่ำไปอีก ฟันเรียบขบงับซิปกางเกงอย่างเงอะงะ

“ลำบากใช่มั้ย?” เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  แล้วเอาปลายเท้าเขี่ยหยอกแก่นกายที่เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง

“อะ...อือ...ลำบาก...” ร่างเพรียวผวาสะดุ้งเป็นระยะจากการกระตุ้นของร่างสูง

เรียวนิ้วเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงให้ “ทำทั้งอย่างนั้นแหละ...อืม...ลิ้นของแกก็ให้ความรู้สึกดีนะ”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ รูดซิปกางเกงลงด้วยปาก ใต้เนื้อผ้าหนานั้นไม่มีชั้นในขวางเอาไว้ เขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นสิ่งสงวนที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้มันเป็นอิสระจากพันธนาการแล้วและกำลังแข็งขึงได้ที่

“ทักทายมันหน่อยสิ คาซึโกะ” เซย์ริวบอกพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ  ท่าทางที่ดูออกจะตื่นกลัวของคัตซึฮิโกะกระตุ้นเขามากขึ้นอีก

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ก้มลงไปใช้ริมฝีปากแตะต้องส่วนปลายยอดของแก่นกายแกร่งอย่างประหม่า มันชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำลื่น ๆ เช่นเดียวกับของเขาเมื่อครู่นี้ เรียวลิ้นตวัดลิ้มรสชาติหยาดน้ำนั้นทีละน้อยก่อนที่จะกล้าเล่นกับมันมากขึ้นจนถึงขั้นค่อย ๆ ดูดกลืนส่วนปลายเข้าไปทีละนิดละหน่อย

“อืม...ดี...เก่งนี่...อีกนิดสิ” ร่างสูงยิ้มอย่างพึงพอใจ ใช้มือขยุ้มผมนุ่มดึงแล้วกดศีรษะที่กำลังซุกอยู่ตรงเบื้องล่างลงเบา ๆ  เป็นสัญญาณให้ปรนเปรอให้เขามากขึ้นอีก

ร่างเพรียวค่อย ๆ ดูดกลืนแท่งเนื้อนั้นลึกลงไปในโพรงปากร้อน ไล้ลิ้นชิมรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน เขารู้อยู่แล้วว่าขนาดของเซย์ริวนั้นไม่เล็กเลย และตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันคับเต็มปากจนหายใจลำบาก แต่ในที่สุดเขาก็รับมันเข้าไปได้จนสุดความยาว คัตซึฮิโกะกลั้นหายใจอยู่ชั่วครู่ ปรับร่างกายและเปิดลำคอเพื่อรับแก่นกายร้อนได้ง่ายขึ้นแล้วจึงขยับลิ้นดูดดุนหนัก ๆ พร้อมกับขยับปากรูดเร้า

เซย์ริวถอนใจเยือก...ทั้งที่ดูไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมการใช้ปากและลิ้นถึงได้ดูช่ำชองนักนะ...ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ต้องใช้ปากปรนเปรอให้คนอื่น แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บเพราะพลาดไปโดนฟันเข้าแม้แต่นิดเดียว...รอยยิ้มกว้างแบบที่เขามักจะยิ้มเสมอเวลาพบของถูกใจค่อย ๆ สยายขึ้นบนใบหน้า ของเล่นชิ้นนี้วิเศษที่สุดที่เขาเคยพบมาเลยทีเดียว...มือใหญ่ค่อย ๆ ดึงให้ร่างเพรียวถอนปากออก

“ถอยออกไปก่อนซิ”

คัตซึฮิโกะส่งสายตาสงสัยแต่ก็ยอมถอยออกแต่โดยดี เซย์ริวถอดกางเกงของตัวเองออกแล้วโยนลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดี กลับไปนั่งพิงหมอนที่หัวเตียงแล้วหันมาหาคัตซึฮิโกะ

“ทำต่อสิ คาซึโกะ”

ร่างเพรียวไม่รอช้า เขากำลังเพลิดเพลินกับรสชาติแปลกประหลาดของร่างสูงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จะด้วยฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ช่าง เขาไม่สนอีกแล้ว เขาสนแต่เพียงแก่นกายแกร่งตรงหน้าเท่านั้น...ริมฝีปากโน้มลงไปหมายจะดูดกลืนแท่งเนื้อร้อน แต่ทว่าสายโซ่ที่เซย์ริวล่ามเอาไว้ไม่ยาวพอที่จะทำให้เขาไปถึงสิ่งที่หมายตาได้

“อ๊ะ...” คัตซึฮิโกะพยายามดึงโซ่นั้น แต่ปลอกคอก็รัดแน่นขึ้น

เซย์ริวยิ้มยั่วเย้า เขากำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งคนที่อารมณ์ค้างได้ที่ “มาสิ...”

แก่นกายนั้นยั่วยวนอยู่แค่ปลายจมูก แต่คัตซึฮิโกะไม่อาจไปถึงได้ เขาจ้องมองมันอย่างกระหายอยาก รสชาติที่ยังค้างคาอยู่ในปากผลักดันให้เขาปรารถนาในมันมากขึ้น ร่างเพรียวเสไปขบงับผิวตรงต้นขาด้านใน

“เฮ้...ให้มันตรงจุดหน่อยสิ” ร่างสูงขยับเข้ามาหาแล้วเอาส่วนกลางกายถูไถแก้มเนียนเบา ๆ

ริมฝีปากที่หิวกระหายหันไปขบจูบแก่นเนื้อร้อนนั้นทันที ดูดกลืนไล้เลียราวกับเป็นไอศครีมหวานหอม ดวงตาคมจ้องมองแก่นกายของตัวเองเคลื่อนไหวเข้าออกโพรงปากร้อนนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น สัมผัสของลิ้นร้อนและผนังอุ่นนุ่มในปากนั้นกระตุ้นเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ร่างสูงกำลังลังเลนิดหน่อยเมื่อคิดว่าจะปล่อยให้ตัวเองเสร็จสมไปเลยหรือข่มกลั้นเอาไว้เพื่อรอกระทำเต็มรูปแบบเลยดี บาดแผลของเขาเริ่มเข้าที่แล้วก็จริงแต่มันก็ยังไม่ถึงกับปิดสนิท แต่ความหฤหรรษ์ที่ได้รับก็เกินจะหักห้ามใจ...

“คาซึโกะ...คราวนี้ใช้มือด้วยสิ” เซย์ริวบอกเสียงกระเส่า

มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเกาะกุมแก่นกายรุ่มร้อนแล้วจับขยับรูดเหมือนที่ทำกับตัวเองเมื่อครู่  พร้อมกันกับที่ปากและลิ้นยังดูดกลืนไล้เลียไม่หยุด เสียงการดูดเลียที่ราวกับการกินอมยิ้มนั้นเป็นสำเนียงประหลาดที่เร้าอารมณ์รุนแรง คัตซึฮิโกะกระทำกับส่วนกลางกายนั้นราวกับมันเป็นอาหารรสโอชา เขาถอนริมฝีปากออกแล้วไล้เลียมันตลอดความยาวจนไปจบที่ส่วนปลายยอด ดูดดุนแล้วกลืนกลับเข้าไปในส่วนลึกอีกครั้ง

เซย์ริวถอนใจอย่างเสียวสยิว รสชาติที่คัตซึฮิโกะปรนเปรอให้นั้นวิเศษเกินบรรยาย หญิงสาวเมื่อกลางวันนี้แทบไม่ได้ครึ่งของคนตรงหน้า ทั้งที่ยากระตุ้นก็ตัวเดียวกัน คำสั่งให้กระทำก็เหมือนกัน ๆ กัน แต่คัตซึฮิโกะกลับเร้าอารมณ์ดิบของเขาได้ดีกว่ากันหลายเท่า...หรือว่าโดยแก่นแท้แล้ว คัตซึฮิโกะเร่าร้อนราวกับไฟ หากเพียงแต่ไม่เคยได้ปลดปล่อยความเร่าร้อนนั้นให้ออกมาจากใต้หน้ากากที่สงบเยือกเย็นราวกับสายน้ำ...ฤทธิ์ยาของค่ำคืนนี้แรงพอที่จะปลดปล่อยสิ่งที่ถูกซุกซ่อนไว้ให้ออกมาจนหมด ปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบเถื่อนให้ตอบสนองกันและกันอย่างเต็มที่

แก่นเนื้อแข็งขึงเริ่มกระตุกเต้นตุบรุนแรงอยู่ในปาก นั่นทำให้คัตซึฮิโกะรู้ว่าที่สุดของอารมณ์กำลังเดินทางมาถึงร่างสูง เขากลั้นใจดูดดุนแท่งเนื้อนั้นหนัก ๆ พร้อมกับใช้มือขยับชักรูดเร่งเร้า

หลังจากการกระตุ้นเพียงไม่กี่จังหวะ ร่างสูงก็เกร็งกายสะท้าน ปลดปล่อยพลังอันอัดแน่นให้พรั่งพรูออกมาในปากที่ยังครอบครองร่างของเขาอยู่

“อุ๊บ...แค่ก ๆ ...” คัตซึฮิโกะสำลักกระอักกระไอด้วยไม่ทันตั้งตัว เขากลืนหยาดน้ำรสชาติประหลาดนั้นลงไปได้เพียงบางส่วน และปล่อยให้บางส่วนไหลเลอะออกจากริมฝีปาก

“เสียของจริง ๆ  คาซึโกะ” ร่างสูงรั้งตัวคัตซึฮิโกะขึ้นมาประกบจูบเร่าร้อน กวาดลิ้นเลียเก็บสิ่งที่คัตซึฮิโกะไม่ได้กลืนเข้าไปมาป้อนให้

ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ ในหัวสมองว่างเปล่า ได้แต่ตอบรับจูบนั้นอย่างว่าง่าย รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกผลักให้ล้มตัวนอนลงกับที่นอนโดยมีร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน

“เมื่อกี้ทำได้เยี่ยมมาก จะให้รางวัลนะ...ฉันไม่ได้ทำแบบนี้ให้แกมานานแล้ว จริงมั้ย?”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #38 เมื่อ15-03-2013 11:06:51 »

แล้วปากอุ่นร้อนก็ครอบลงรับแก่นกายที่ตื่นตัวอีกครั้งเข้าไป คัตซึฮิโกะผวายกสะโพกเข้าหาร่างสูงอย่างลืมตัว ส่งเสียงกรีดร้องเบา ๆ ด้วยความกระสันเสียว มือแกร่งสอดเข้าประคองสะโพกกลมแล้วยกขึ้น ขยับจัดท่าให้เรียวขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดอยู่บนบ่า แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าพาให้ร่างกายท่อนล่างของคัตซึฮิโกะยกลอยขึ้นจากที่นอน

“ฮะ...อา...” มือเรียวจิกขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น บิดกายเร่าด้วยสัมผัสนั้นกระตุ้นเร้าตรงจุดพอดี

ไม่เพียงแต่ดูดกลืนและไล้เลีย หากเรียวลิ้นยังรุกรานลงไปจนถึงจุดที่ต่ำกว่า ซอกซอนดุนดันเข้าไปในช่องทางเร้นลับแล้ววกกลับมาให้ความสนใจกับท่อนเนื้อที่แข็งขึงเพราะฤทธิ์ยาอีกครั้ง เล้าโลมเนิ่นนานจนซอกขาขาวนั้นเปียกชุ่ม เสียงครางหวานยังดังระงมเป็นระยะโดยเฉพาะเมื่อโดนกระตุ้นจุดอ่อนไหวที่ไวสัมผัสที่สุด สะโพกบางบิดส่ายเมื่อช่องทางด้านหลังโดนแตะต้องด้วยลิ้นร้อน

“อา...ตรงนั้น...ตรงนั้นมัน...” ร่ำร้องเพียงเท่านั้นแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นเสียงที่เกิดจากความกระสันเสียวสุดขอบไม่ให้เล็ดลอดออกมามากกว่านั้น มืออีกข้างจิกเล็บลงกับหน้าขาของร่างสูงเพื่อระบายอารมณ์

“ตรงนี้เหรอ คาซึโกะ?” มือแกร่งขยับยกเรียวขาขาวข้างหนึ่งดันขึ้นไปจนแนบอก เผยให้เห็นช่องทางที่เป็นสีระเรื่อชัดเจนอยู่ตรงหน้า นิ้วกร้านแตะลงและค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องทางนั้น

ร่างเพรียวกระตุกเกร็งขึ้นทั้งตัว “อ๊ะ! อ๊า...อือ...”

“อย่างนี้เหรอ ชอบใช่มั้ย?” น้ำเสียงปนหอบที่เอ่ยถามฟังดูเซ็กซี่ เรียวนิ้วขยับหมุนควานคลึงไปทั่ว ด้วยความที่มันชุ่มชื้นอยู่แล้วจึงไม่ยากต่อการสอดเข้าไปเท่าไรนัก

กล้ามเนื้อต้นขาเกร็งกระตุก คัตซึฮิโกะได้แต่กรีดเสียงร้องครางไปกับความทรมานที่แสนหฤหรรษ์ นิ้วของเซย์ริวค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง แล้วก็ขยับกวาดควานไปในร่างของเขาราวกับสิ่งมีชีวิต ผนังอ่อนนุ่มภายในโดนสัมผัสไม่หยุดหย่อน นิ้วทั้งสองขยับเคลื่อนไหวเหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่างในร่างขาวเนียนที่ไร้หนทางต่อต้าน  ทดลองสะกิดเขี่ยหยอกไปตามจุดต่าง ๆ ภายในทีละส่วน ในขณะที่ปากและลิ้นก็ยังคงช่วยกันกระตุ้นจุดอ่อนไหวที่ด้านหน้าให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

“อะ...ฮึก!” ร่างบางกระตุกวาบพร้อมกับช่องทางที่โดนรุกล้ำอยู่ตอดรัดแน่นเมื่อเรียวนิ้วสะกิดไปโดนจุดหนึ่งเข้า

เซย์ริวยิ้มอย่างพึงพอใจ “อ้อ...ตรงนี้สินะ”

นิ้วกร้านทดลองสะกิดจุดนั้นซ้ำอีกครั้ง ดวงตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตาเบิกกว้าง รู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต สะบัดศีรษะแหงนเงยไปด้านหลัง กระตุกร่างเกร็งรัดนิ้วทั้งสองอีกครั้ง และยิ่งเกร็งสะท้านอยู่นานเมื่อนิ้วนั้นบดคลึงอยู่ตรงจุดนั้นเป็นครู่ แก่นกายเกร็งสั่นระริก หลั่งหยาดน้ำให้รินรดออกมาจนเปรอะท้องน้อย ลิ้นร้อนลากเลียมาจนสุดความยาว ครอบปากลงดูดกลืนหนัก ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ร่างสูงก็ส่งคัตซึฮิโกะขึ้นสวรรค์ไปอย่างง่ายดาย

ร่างสูงถอนปากออกแล้วปาดเช็ดหยาดแห่งอารมณ์ออกด้วยหลังมือ แกล้งสะกิดจุดเร้านั้นอีกครั้ง ร่างเพรียวยังคงผวาขึ้นทั้งตัวพร้อมกับส่งเสียงครางเครือ

“จุดที่ทำให้แกรู้สึกดีที่สุดอยู่ตรงนี้สินะ ดีแล้ว...” เซย์ริวเอ่ยประโยคสุดท้ายเหมือนจะบอกกับตัวเอง

เมื่อนิ้วทั้งสองถูกถอนออกจากร่าง สะโพกบางก็หล่นลงกับเตียงอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง คัตซึฮิโกะทอดกายนอนหายใจรวยริน เหนื่อยหนักยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ  เขาถึงจุดสุดยอดถึงสองครั้งติด ๆ กัน มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คงเป็นเพราะฤทธิ์ยานั่น...

เซย์ริวมองดูร่างที่นอนนิ่งแล้วยิ้มนิด ๆ กับตัวเอง สภาพของคัตซึฮิโกะในตอนนี้ดูเย้ายวนเหลือจะกล่าว ผมสีดำที่เริ่มยาวสยายเคลียอยู่บนผิวสีขาวเนียนซึ่งถูกขับให้เด่นชัดขึ้นด้วยผ้าปูที่นอนสีเข้ม หน้าท้องและแผ่นอกเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดแห่งอารมณ์ที่เขาเอาไปป้ายไว้ ริมฝีปากสีเชอร์รี่เผยอหอบน้อย ๆ ยังมีรอยคราบน้ำที่ทำเลอะเทอะเอาไว้เช่นกัน สองแก้มแดงระเรื่อ ดวงตาเหม่อลอยหรี่ปรือราวกับพร้อมจะหลับ หากจุดไวสัมผัสตรงหว่างขาและซอกขาขาวเนียนเปียกชุ่มยังดูพร้อมที่จะประกอบกามกิจต่อไป ดวงตาคมตวัดมองปลอกคอหนังและสายโซ่...คน ๆ นี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยยาจนสูญเสียความเป็นตัวเองแบบเมื่อครู่นี้

ร่างสูงโน้มตัวลงไปประทับรอยจูบที่โคนขา “จะให้เวลาพักหน่อย จากนี้ไปจะเป็นของจริงนะ คาซึโกะ”

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า คัตซึฮิโกะพยายามต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่ปะทุขึ้นมาเป็นระลอก มันราวกับคลื่นความร้อนที่กระจายตัวไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายตามจังหวะหัวใจเต้น กระตุ้นเร้าอารมณ์ให้กระหายอยากในกามรส ปรารถนาที่จะปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากร่างกายนี้ เขาพยายามสะกดมันเอาไว้ เมื่อได้สติแล้ว เขาไม่ต้องการถลำลึกลงไปมากกว่านี้...แต่แล้วคลื่นความร้อนเหล่านั้นก็ไหลไปรวมกันที่จุดกลางลำตัว เต้นตุบเป็นจังหวะแปลกประหลาดนอกเหนือไปจากจังหวะของหัวใจ คัตซึฮิโกะปรือตาขึ้นมอง

อาชญากรหนุ่มกำลังซุกใบหน้าลงตรงหว่างขาของร่างเพรียว ขบจูบหยอกเย้าแก่นกายบอบบางให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีก ก่อนที่จะไล้เลยลงจนถึงช่องทางด้านหลังแล้วดุนดันด้วยปลายลิ้น

“อึก...อา...” คัตซึฮิโกะพยายามจะทักท้วง แต่คำว่า ‘อย่า’ กลับไม่ยอมออกมา มีเพียงเสียงครางเท่านั้นที่ค่อย ๆ ดังขึ้นตามอารมณ์ที่คุโชน

แล้วสัมผัสลื่นเย็นก็อาบไล้ลงตรงช่องทางนั้น โลชั่นจำนวนไม่น้อยถูกเทลงเพื่อช่วยในการสอดใส่ นิ้วกลางของร่างสูงสอดเข้าไปในช่องทางเร้นลับจนถึงโคนในครั้งเดียว ขยับชักเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า...มือหนึ่งกระตุ้นด้านหน้า อีกมือหนึ่งส่งนิ้วเข้าสอดควานด้านหลัง ส่วนปากและลิ้นก็ค่อยไล้เลียช่วยเป็นระยะ...เซย์ริวขยับนิ้วควานหาจุดเร้าเมื่อครู่อยู่สักพัก แล้วก็ค้นพบได้โดยไม่ยากเมื่อร่างเพรียวเกร็งกระตุกพร้อมกับครางเสียงหวาน เขาเฝ้าวนเวียนกระตุ้นมันซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งคัตซึฮิโกะตื่นตัวพร้อมเต็มที่

เซย์ริวถอนนิ้วออกแล้วเทโลชั่นลงบนฝ่ามือ อาบไล้แก่นกายแกร่งของตัวเองจนชุ่ม ดึงรั้งสะโพกบางขึ้นมาก่ายเกยกับท่อนล่างของเขา จรดจ่อท่อนเนื้อแนบเข้ากับช่องทางที่เตรียมความพร้อมเอาไว้ดีแล้ว สอดดันเข้าไปอย่างเนิบช้า

“อ๊า...เซย์...เซย์ริว...” คัตซึฮิโกะกรีดร้องเมื่อร่างอันแข็งแกร่งคืบคลานเข้ามาในร่าง มือเรียวจิกเล็บลงกับหน้าขาของร่างสูง มันไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ เลย ตรงกันข้าม ความที่ถูกตระเตรียมจนเต็มที่แล้วทำให้เขาสามารถรับเซย์ริวได้ดีกว่าทุกครั้ง และยิ่งทวีความซ่านเสียวมากขึ้นอีกด้วย

ร่างสูงทอดสายตามองช่องทางคับแคบที่ขยายตัวออกเพื่อรับร่างของเขาเข้าไป มันเป็นภาพที่เร้าอารมณ์อย่างรุนแรง ความพึงพอใจที่ได้เป็นผู้รุกรานครอบครองแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาโน้มร่างลงประกบริมฝีปากจูบร่างเพรียวอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นพัวพันกับลิ้นนุ่มที่ยินดีตอบสนองอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งแทรกกายเข้าไปสุดทาง

“อ๊า...อือ...แน่นจัง...” คัตซึฮิโกะครางกระเส่าปนหอบ รู้สึกวูบวาบไปทั้งร่าง

“อืม...อย่าเกร็งก็แล้วกัน” ร่างสูงถอนใจหนัก ๆ แล้วเริ่มขยับกายทีละน้อย

“อะ...อา...” เรียวขาขาวสั่นระริก ช่องทางร้อนวาบเมื่อถูกเสียดสีทั้งเข้าและออก โอบเรียวแขนเข้าที่รอบคอของผู้รุกราน

เซย์ริวทนดึงจังหวะให้หน่วงช้าอยู่ได้ไม่นานนัก ความปรารถนามันเร่งเร้าเขาเสียจนแทบทนไม่ได้ เสียงครางกระเส่าด้วยความกระสันดังอยู่ข้างหู กระตุ้นความอยากให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น แก่นเนื้อถูกดึงออกจนเกือบหลุดออกมาแล้วก็กระทั้นกายแทรกสอดกลับเข้าไปใหม่...ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งก็สามารถเรียกเสียงหวีดครางของคนที่อยู่ข้างใต้ได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างพึงใจในรสกามที่ได้ลิ้มลอง แต่ละครั้งรสชาติของมันไม่เหมือนกันเลย ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำกับคน ๆ เดียวกัน...ทั้งอ่อนหวาน ขลาดกลัว และเย้ายวน...คัตซึฮิโกะช่างเป็นของเล่นที่พิเศษจริง ๆ

ริมฝีปากขบดูดยอดอกสีเรื่อหนัก ๆ  ทำให้แผ่นอกบางสะท้านเยือก มือเรียวขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลดึงเบา ๆ หมายจะห้าม เพราะเพียงแค่การรุกรานเบื้องล่างก็ทำให้เสียวสะท้านจนจะขาดใจอยู่แล้ว แต่ร่างสูงไม่ยอมหยุด ฟันเรียบขบงับหยอกเบา ๆ จนร่างเพรียวต้องโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น จังหวะการรุกเร้ารุนแรงมากขึ้น เสียงเนื้อเสียดสีและกระทบกันดังไปในความเงียบของห้องเล็ก ๆ นั้น ปะปนไปกับเสียงหอบหายใจที่แยกไม่ออกว่าเป็นของใคร เป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับรสรักของเซย์ริว...จะเป็นเพราะโลชั่นที่ชโลมเอาไว้หรือเพราะฤทธิ์ยาเขาไม่สนอีกแล้ว...ชายหนุ่มรู้เพียงว่าเขาสามารถรับและตอบสนองร่างสูงได้ดีกว่าทุกครั้ง

เซย์ริวดึงกายออกห่างแล้วค้างนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองอย่างสงสัย ร่างสูงมองหน้าคัตซึฮิโกะแล้วยิ้มน้อย ๆ ...ดวงตาคู่นั้นช่างเว้าวอน...เขาโอบแผ่นหลังแล้วดึงร่างเพรียวให้ลุกขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาของเขา

การถูกเปลี่ยนท่วงท่ากะทันหันทำให้คัตซึฮิโกะร้องออกมาด้วยความตกใจ ตอนนี้เขากำลังโดนบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่โดยที่ร่างของเซย์ริวยังค้างคาอยู่ข้างใน

“อะ...อะไร...” ร่างเพรียวเกาะยึดไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี...ไม่สิ...ในสติอันเลือนราง เขาคิดว่าเขารู้...แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอย่างที่คิด ผู้หญิงของเขาบางคนก็เคยเล่นท่านี้กับเขา

“ยังต้องให้บอกอีกเหรอ คาซึโกะ...” น้ำเสียงเอ่ยถามยั่วเย้า “ขยับเข้าสิ ทำอย่างที่แกชอบเลย”

คัตซึฮิโกะมองหน้าเซย์ริวด้วยแววตาหวั่นไหว...ถ้าแบบนี้แล้ว เขาจะกลายเป็น ‘ผู้หญิง’ ของเซย์ริวไปจริง ๆ หรือเปล่า...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะยาที่กินเข้าไปเท่านั้นไม่ใช่หรือ...แต่ว่า เซย์ริวคิดแบบเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรือเปล่า...ร่างเพรียวไม่กล้าตัดสินใจขยับตัวจนกระทั่งแก่นกายที่ยังค้างคาอยู่ขยับสวนเข้ามาในร่างเบา ๆ

“อ๊ะ...อือ...”

มือแกร่งเข้าเกาะกุมสะโพกบางไว้หลวม ๆ แล้วกดลงเข้าหาตัว คัตซึฮิโกะส่งเสียงครางเครือเมื่อคร่อมทับลงไปจนนั่งแนบกับหน้าขาของร่างสูง โอบรอบคออีกฝ่ายแน่น กายสั่นสะท้าน จุกแน่นขึ้นมาที่ท้องน้อย รู้สึกราวกับว่าแก่นกายนั้นเข้ามาในร่างของเขาลึกกว่าที่เคย มือใหญ่ค่อย ๆ ประคองสะโพกแล้วจับให้ขยับขึ้นลง

“ทำแบบนี้ไง คาซึโกะ ไม่ยากไม่ใช่เหรอ?”

“อะ...อา...อา...”

ในที่สุด คัตซึฮิโกะก็ต้านทานการเรียกร้องของร่างกายไม่ได้ เขาขยับโยกกายขึ้นลงเป็นจังหวะ...สุดทางบ้าง ไม่สุดทางบ้าง แต่ก็รู้สึกพึงพอใจที่ได้ควบคุมเกมเอง เซย์ริวเองก็ค่อย ๆ เอนตัวลงพิงหมอน ปล่อยให้ร่างเพรียวเล่นสนุกเองตามใจชอบ คัตซึฮิโกะวางมือลงกับหน้าท้องของร่างสูงแล้วเริ่มเร่งจังหวะรุนแรงมากขึ้น แม้ปลอกคอจะรัดแน่นอยู่บ้างด้วยถูกดึงมาที่กลางเตียงจนโซ่ตึง แต่การได้รับอากาศน้อยลงทำให้สมองพร่าเลือน หลงลืมความมีเหตุผลอะไรหลายอย่างที่จะมาขัดขวางความสนุกในกิจกรรมนี้ไปได้มาก ดวงตาปรอยปรือ เผยอริมฝีปากหอบ...แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยั่วยวน...

เซย์ริวจ้องมองเรือนร่างขาวเนียนบิดเร่าราวกับกำลังเต้นรำอยู่บนร่างของเขา มือใหญ่ลูบไล้สะกิดหยอกยอดอกที่แข็งขึงเล่น แต่ยังผลให้ช่องทางตอดรัดวูบ ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ กับตัวเอง ไม่ว่าจุดไหน ๆ บนร่างของคัตซึฮิโกะก็เหมือนสวิตช์ที่เมื่อแตะต้องลงไปจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สองมือเข้าเคล้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มตรงสะโพกแล้วแหวกออกเพื่อเปิดช่องทางให้สามารถรุกล้ำเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้น เอวแกร่งขยับสวนจังหวะที่กระแทกลงมา...มันโดนจุดเร้าของร่างเพรียวเข้าอย่างถนัดถนี่

“อ๊ะ! อ๊า!!!!” คัตซึฮิโกะร้องเสียงหลง ชะงักจังหวะไปชั่วครู่ ช่องทางบีบรัดตอดตุบส่งผลถึงร่างสูงด้วย

“อึก...ฮื่อ...” เซย์ริวกัดฟันไม่ยอมปล่อยให้สวรรค์ล่มเพราะแรงตอดรัดรุนแรงนั้น เขาเอื้อมมือไปปัดเสยปอยผมที่ระลงมาปรกใบหน้าเนียนให้พ้นตา แล้วก็อ่านได้จากสีหน้าของคัตซึฮิโกะว่าคงไม่สามารถทำต่อได้อีกแล้ว ในตอนนี้ ถ้าขยับผิดจังหวะสักเพียงนิดเดียวคัตซึฮิโกะจะต้องพาทั้งเขาและตัวเองไปถึงจุดสุดยอดแน่นอน...แต่ร่างสูงยังไม่ต้องการเช่นนั้น

ชายหนุ่มขยับคนตัวเล็กกว่าให้ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งมืออุ่นร้อนเข้ากอบกุมแก่นกายที่ทำท่าเหมือนพร้อมจะปลดปล่อยอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ออกมาได้ทุกเมื่อ เขาจับมันขยับชักรูดเพียงไม่กี่ครั้งร่างเพรียวก็ผวาเยือกส่งเสียงกรีดร้อง ฉีดพ่นหยาดน้ำขุ่นเหนียวให้หลั่งออกมาเลอะหน้าท้องตัวเองและอีกฝ่าย ช่องทางรุ่มร้อนกระตุกตอดรัดตามจังหวะการปลดปล่อยบอกให้รู้ว่าถึงจุดสุขสม แต่ร่างสูงไม่พอเพียงเท่านั้น เขาจับคัตซึฮิโกะพลิกกดลงกับที่นอนแล้วรุกเร้ากระชั้น

“อ๊า!!!! เซย์...อย่า...”

เซย์ริวไม่สนใจเสียงกรีดร้องนั้น เขากำลังกระสันอยากอย่างสุดขีด เอวแกร่งขยับกระแทกกระทั้นหนักหน่วงราวกับต้องการบดขยี้คนตรงหน้าให้แหลกราน เขาอดกลั้นมานานมากแล้ว ตอนนี้เขาต้องการตักตวงความสนุกที่เขาคาดหวังว่ายาที่เอามาใช้จะให้เขาได้ ริมฝีปากร้อนขบซอกคอขาวเพื่อระบายอารมณ์พลางขยับตัวกระทั้นหนัก ๆ  ช่องทางที่กำลังรุกเร้าอยู่บีบรัดแน่นจนเสียววาบไปถึงปลายเท้า แม้แต่ตัวเองก็รู้ว่าอีกไม่นานเขาก็จะไปถึงจุดที่คัตซึฮิโกะเพิ่งไปถึงเมื่อครู่นี้

ร่างเพรียวส่งเสียงร้องระงมไม่ขาดปาก เขาถูกรั้งให้มาไกลเกินกว่าขีดจำกัดแล้ว แต่ความเร่าร้อนบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ในร่าง เรียวขาขาวตวัดรัดรอบเอวแกร่ง ยิ่งเปิดทางให้ร่างสูงกระทำได้ถนัดมากขึ้น...แทรกกายเข้าลึกมากขึ้น สองแขนยกขึ้นโอบกอดผู้รุกรานแนบแน่น จิกเล็บกรีดลงกับแผ่นหลังกว้าง ประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างตื่นตัว ได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่ที่รดรินอยู่ข้างหู รู้สึกถึงมืออุ่นร้อนที่รั้งสะโพกของเขาไว้แล้วสวนกายรุนแรง รับรู้ได้ถึงแก่นกายรุมร้อนที่รุกเร้าอยู่ในร่าง...แล้วอ้อมแขนแกร่งก็กอดรัดร่างข้างใต้ไว้แน่น ส่งกายกระแทกเข้าหาหนัก ๆ เป็นจังหวะสุดท้าย กดสะโพกบางเข้าหาตัวแนบแน่น

“เซย์...จะไม่ไหว...” เรียวขาที่โอบรอบเอวหนากระตุกเกร็งอีกครั้ง ส่งแรงบีบรัดหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง

“คาซึโกะ...คาซึโกะ...อึ่ก...ฮ่า...”

ขาดคำ ร่างสูงก็เกร็งร่างกระตุกเข้าหาร่างเพรียวที่ครอบครองอยู่ ฉีดพ่นหยาดน้ำอุ่นร้อนเข้าไปในร่างนั้นจนเต็มปรี่สมความปรารถนา เกร็งกระตุกอยู่สามสี่ครั้งจึงได้ทรุดตัวลงซบกับคนที่แน่นิ่งไป

เซย์ริวซบนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง รู้สึกมึนงงราวกับตื่นจากฝัน เขาค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นแล้วถอนกายออก จ้องมองคนตรงหน้าแล้วลูบแก้มเกลี่ยเส้นผมที่ระอยู่ออก

“หมดสติเลยเรอะ...ก็น่าอยู่หรอกนะ”

รอยยิ้มบางคลี่ขึ้นมาบนใบหน้า เซย์ริวก้มลงจูบแก้มเนียนเบา ๆ  หากขนตาที่ปิดพริ้มกระพริบไหวแล้วดวงตาคู่สวยก็ค่อย ๆ ปรือขึ้น

“มีความสุขจนวูบเลยเหรอ?” ร่างสูงถามพร้อมกับรอยยิ้ม

คัตซึฮิโกะพยายามจะตอบ แต่ในหัวก็ขาวโพลนไปหมด เขายกมือขึ้นแตะปลอกคอ แต่มือใหญ่ก็จับมือของเขาออกแล้วช่วยปลดให้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลงอีก สัมผัสแผ่ว ๆ บางอย่างแตะลงที่ข้างแก้ม

“นอนซะ...เดี๋ยวฉันจัดการให้”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าน้อย ๆ  เขาไม่เคยเหนื่อยหนักขนาดนี้มาก่อน และทันทีที่รับคำนั้นแล้ว เขาก็หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #39 เมื่อ15-03-2013 17:36:38 »

เลือดไหลหมดตัวแน่เลย :jul1: :jul1: :jul1:
คัตซึฮิโกะ ทำให้เซย์ริวหลงให้ได้นะ
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
« ตอบ #39 เมื่อ: 15-03-2013 17:36:38 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #40 เมื่อ15-03-2013 20:24:08 »

เลือดจะหมดตัวแล้ว :jul1:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
«ตอบ #41 เมื่อ15-03-2013 20:56:09 »

จำได้ว่าตอนเขียนบทนี้ก็เกือบเสียเลือดตายเหมือนกันครับ...

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
«ตอบ #42 เมื่อ22-03-2013 20:49:30 »

อาทิตย์หน้าไม่อยู่บ้านนะครับ งดลงหนึ่งครั้ง แหะๆ

KOUSOKU # 7

อากาศเย็นลอยมากระทบผิวกายแผ่วเบา คัตซึฮิโกะขยับซุกกายอยู่ในผ้าห่มนวม หากมีมือแกร่ง ๆ โอบกระชับให้ขยับไปแนบกับไออุ่น

“หือ?” คัตซึฮิโกะครางในลำคออย่างสงสัยนิดหนึ่งแล้วปรือตาขึ้นมอง

“ตื่นแล้วเหรอ?” เจ้าของอกอุ่นกว้างที่ร่างเพรียวกำลังหนุนนอนอยู่ทักขึ้น

“เซย์ริว...!?” คัตซึฮิโกะผงะออกจากอกที่ซบอิงอยู่โดยอัตโนมัติ แต่อ้อมแขนแกร่งรั้งเอวบางไว้แน่น

“ทำหน้าเหมือนเห็นผีอีกแล้ว แกเป็นฉันเป็นอะไร หือ?” เซย์ริวถามพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ  แตะริมฝีปากลงที่หน้าผากมนเบา ๆ  ลอบสูดกลิ่นกายกรุ่นไปตามผิวนุ่ม มือก็ไต่ดะลงไปตามแผ่นหลังและบั้นท้ายกลม

“อ๊ะ! อย่านะ!!” คัตซึฮิโกะดิ้นรนผลักไสร่างสูงให้ห่างตัว

“อะไรกัน เมื่อคืนแกยังชอบที่ฉันทำแบบนี้ให้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” เรียวนิ้วสอดลูบเข้าไปในซอกเนื้อนุ่มแกล้งแตะลงกับช่องทางที่ยังเปียกชื้นอยู่เบา ๆ

คนตัวเล็กกว่าหน้าแดงซ่าน เขาจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดี...จำได้ทุกอย่าง ทั้งคำพูด การกระทำ รสสัมผัสของร่างสูง...จำได้แม้กระทั่งความต้องการที่ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ของตัวเองที่ผลักดันให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้น...เขารู้ว่ามันเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่โดนบังคับให้กิน แต่เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะว่า เขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องน่าอายเหล่านั้น

“ไม่...ไม่เอา” คัตซึฮิโกะขยับตัวดิ้นหนี แต่ยิ่งทำแบบนั้นดวงตาคมที่จับจ้องอยู่ก็ฉายแววสนุกมากขึ้น ชายหนุ่มกัดริมฝีปากจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ทำไมต่อหน้าคน ๆ นี้เขาถึงได้กลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยนะ

เซย์ริวยกยิ้มที่มุมปาก แกล้งดันปลายนิ้วให้แทรกตัวเข้าไปในช่องทางเร้นลับ ร่างเพรียวสะดุ้ง

“บอกว่าอย่าไงเล่า!!” กำปั้นทุบพลั่กลงกับอกกว้างหนัก ๆ

“อย่าอะไรล่ะ? เซ็กส์มันก็เหมือนกับเหล้านั่นแหละ กินมาก ๆ ก็เมา เมื่อคืนแกเมาจนหลับ นี่ก็ทำท่าว่าจะแฮ้งค์ ก็ควรจะต้องกินถอนหละนะ” นิ้วกร้านขยับดุนดันเข้าไปอีก

“ทฤษฎีบ้าอะไรของคุณ ปล่อยผมนะ!”

“วันนี้วันเสาร์ แกไม่ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ? เรามาสนุกกันอีกดีกว่านะ” ว่าพลางใบหน้าที่เริ่มครึ้มไปด้วยเคราสาก ๆ ก็ซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว เล่นเอาคนที่ไม่ยินยอมอยู่แล้วถึงกับผวา

แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นราวกับสัญญาณช่วยชีวิต ร่างสูงชะงักการกระทำ ในขณะที่คัตซึฮิโกะรีบตะเกียกตะกายไปรับโทรศัพท์โดยไม่ทันสังเกตว่าอ้อมแขนแกร่งยอมคลายออกแต่โดยดี อันที่จริงเซย์ริวเพียงแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงจังนัก

“โมชิ  โมชิ…อ้าว ว่าไง...อะไรนะ?...เฮ้ย! เดี๋ยว นัตสึ!…” เสียงจากปลายสายตัดไปดื้อ ๆ  คัตซึฮิโกะหันมามองร่างสูงที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงตาเหลือกลาน

“ลุก! ลุกเดี๋ยวนี้ แล้วใส่เสื้อผ้าด้วย!” ร่างเพรียวตรงเข้าไปลากแขนเซย์ริวลงจากเตียง

“เฮ้ย! อะไร? เบาโว้ย แผลฉัน!” คนโดนลากถูลู่ถูกังโวยวาย แต่เจ้าของห้องไม่สนใจ ผลักร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับยัดเสื้อผ้าใส่มือให้

“แต่งตัวให้เรียบร้อยในห้านาที แล้วรีบออกมา” คัตซึฮิโกะสั่งเสร็จสรรพ

เซย์ริวถอนใจเฮือก ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องอะไร แต่อยู่ ๆ ก็โดน “ของเล่น” สั่งเอา ๆ นี่มันก็เคืองไม่น้อยอยู่เหมือนกัน “เฮอะ! ช่างมันเถอะ โดนเรียกไปทำงานด่วนหละมั้ง”

ร่างสูงยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จดีก็มีอันโดนทุบประตูเร่ง “เสร็จรึยังล่ะ คุณ? ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”

“ปัดโธ่!” เซย์ริวบ่นอย่างหัวเสียแล้วรีบแต่งตัว พอเปิดประตูออกมาก็พบร่างเพรียวยืนรออยู่หน้าห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน

“ช้าจัง เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดีหรอก” คัตซึฮิโกะบ่นแล้วก็รีบผลุบเข้าห้องน้ำไปและออกมาในเวลาไม่ถึงสามนาที

“แกเข้าไปทำอะไรกันแน่เนี่ย?” เซย์ริวมองอย่างอึ้ง ๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ชื้นกับเสียงน้ำเมื่อครู่นี้เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าหมอนี่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“อาบน้ำน่ะสิ” ร่างเพรียวตอบพลางจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “เอาหละ คุณออกไปได้แล้ว เดี๋ยวน้องผมจะมาหา”

“น้อง?”

คัตซึฮิโกะแทบจะตบปากตัวเอง เขาไม่น่าเผลอตัวบอกให้เจ้าคนอันตรายนี่รู้เลยว่าเขามีน้องอยู่ด้วย ถ้าเผื่อว่าหมอนี่คิดจะทำอะไรนัตสึขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง...แต่ตอนนี้เขาได้แต่เก็บอาการไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย

“อื้อ น้องชาย จะมารับไปเที่ยว”

“อ้อ...มิน่าล่ะ ถึงได้เร่งนัก กลัวน้องชายมาเจอตอนอยู่กับผู้ชายนี่เอง” หางเสียงมีแววเย้ยหยัน

คัตซึฮิโกะกำหมัดแน่น ใบหน้าแดงซ่าน...นั่นเป็นอีกจุดหนึ่งที่เขาลืมนึกไป ถ้านัตสึเข้ามาเจอภาพเมื่อครู่นี้ นัตสึจะว่ายังไง...ชายหนุ่มนิ่งเงียบแล้วก้มหน้าหลบตาร่างสูง

“อ๊ะ...เอาเถอะ เห็นแก่ความสนุกเมื่อคืนนี้ ฉันไปก็ได้” ร่างสูงยักไหล่อย่างว่าง่าย คัตซึฮิโกะมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เซย์ริวยกมุมปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย “ไว้เจอกัน”

คัตซึฮิโกะมองตามคนที่เดินออกประตูไป รู้สึกงุนงงนิดหน่อยแต่ก็โล่งใจ...ถ้ายังไง อย่าให้เซย์ริวได้เจอกับนัตสึเป็นดีที่สุด...


เด็กหนุ่มเดินฮัมเพลงอย่างร่าเริงเข้าซอยเปลี่ยว ๆ อันเป็นที่ตั้งของแมนชั่นของพี่ชายมา ไม่เคยใส่ใจกับความน่ากลัวของซอยนี้ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะได้เงินค่าทำงานพิเศษมาเมื่อวาน วันนี้กะว่าจะซื้ออะไรให้คัตซึฮิโกะเสียหน่อย...ยังไม่ถึงวันเกิดคัตซึฮิโกะหรอก แต่ก็อยากจะซื้อให้ กะจะทำอะไรเซอร์ไพรส์พี่ชายเสียหน่อย

นัตสึเดินเข้าแมนชั่นแล้วตรงไปที่ห้องของคัตซึฮิโกะ ในทางเดินแคบ ๆ นั้นเขาเดินสวนกับร่างสูง ๆ แล้วก็ชนกันนิดหน่อย

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มออกปาก

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรได้แต่เดินผ่านไปเฉย ๆ  นัตสึหันไปมองตามแล้วขมวดคิ้วนิด ๆ ...เอาเถอะ ถึงจะไม่ได้คำขอโทษแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แล้ววันนี้เขาก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดให้หงุดหงิด

เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องพักของพี่ชาย แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้เป็นพี่ชายเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางค่อนข้างรีบร้อน

“อ้าว...มาแล้วเหรอ นัตสึ”

“อื้อ มาแล้วครับ” นัตสึพูดยิ้ม ๆ  “วันนี้ไปฮาราจูกุกันนะ”

“อืม...เอาสิ อยากได้อะไรเหรอ?”

“เสื้อตัวใหม่” นัตสึแกล้งว่า “กางเกงตัวใหม่ รองเท้าคู่ใหม่ หมวกใบใหม่ แล้วก็...”

“พอแล้ว ๆ  เอาเป็นว่าอยากไปเดินเล่นว่างั้นเถอะ” คัตซึฮิโกะยกมือห้ามก่อนที่นัตสึจะพล่ามอะไรมากไปกว่านั้น

“นั่นแหละ ใช่เลย”

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ” เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้นัตสึต้องหันไปมอง หากคัตซึฮิโกะหน้าถอดสี

เซย์ริวยืนท้าวกรอบประตูอยู่ด้านหลังนัตสึพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตรที่คัตซึฮิโกะดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าแสร้งทำ หากนัตสึไม่รู้ และร่างสูงเองก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะรู้หรือไม่

“ฉันมาขัดจังหวะสินะ คาซึโกะ กำลังจะไปไหนกันเหรอ?”

สรรพนามที่ใช้เรียกดูสนิทสนมจนนัตสึแปลกใจ เขาไม่เคยได้ยินเพื่อนคนไหนของคัตซึฮิโกะเรียกคัตซึฮิโกะด้วยชื่อนี้มาก่อน และมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เรียกคัตซึฮิโกะว่าคัตจัง...อารมณ์หงุดหงิดบางอย่างแล่นริ้วขึ้นมาในใจ

“คัตจัง เพื่อนพี่เหรอ?” นัตสึถามคัตซึฮิโกะอย่างไม่เกรงใจคนที่ยืนอยู่ด้วย

คัตซึฮิโกะกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่อยู่ในคออย่างยากเย็น พยายามปั้นหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างจงใจก็ตอบให้แทน

“ใช่ เพื่อนสนิทด้วยนะ ใช่มั้ย คาซึโกะ?”

คนถูกถามได้แต่ยิ้มกร่อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ นัตสึขมวดคิ้วนิด ๆ  รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

“ไปกันรึยังล่ะ คัตจัง?” เด็กหนุ่มถามขึ้นเพื่อตัดบท เขาไม่อยากเห็นเจ้าคนตัวสูงนี่อยู่ใกล้ ๆ พี่ชายเขาอีกแล้ว

“อะ...อื้อ เดี๋ยวเอากุญแจบ้านก่อนนะ” คัตซึฮิโกะผลุบหายเข้าไปในห้อง

“จะไปไหนกันเหรอ?” เซย์ริวแกล้งถามขึ้น

“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่” นัตสึตอบเสียงขุ่น

“อะไรกัน? ถามหน่อยก็ไม่ได้เหรอ ทำท่าไม่เป็นมิตรเลยนะ ไม่เห็นเหมือนคาซึโกะเลย” ร่างสูงยังแกล้งยั่วต่อไปอีก

นัตสึกัดริมฝีปาก...มันจะเหมือนกันได้ยังไงเล่า ในเมื่อเขากับคัตซึฮิโกะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันเสียหน่อย...เด็กหนุ่มนึกอยากจะต่อยหน้าเจ้าโย่งนี่สักเปรี้ยงทั้งที่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหงุดหงิดมากขนาดนี้ เรื่องที่หมอนี่เรียกพี่ชายเขาอย่างสนิทสนมนั่นไม่ใช่ปัญหานักหรอก แต่เพราะมันยั่วไม่เลิกนี่เองถึงได้หงุดหงิดหนักขึ้นทุกที

“อ้ะ...มาแล้ว ไปกันรึยังล่ะ?” คัตซึฮิโกะกลับออกมาทันเวลาพอดีก่อนที่เซย์ริวจะโดนต่อยหน้าโดยไม่มีเหตุผล

“อื้อ ไปกันเถอะ” นัตสึลากแขนพี่ชายทันที

“เดี๋ยว ๆ  ๆ  ล็อกบ้านก่อน” คัตซึฮิโกะล็อกกุญแจบ้านอย่างเร่งรีบ พอจะเข้าใจความรู้สึกของนัตสึอยู่บ้าง ที่ท่าทางหงุดหงิดอย่างนี้คงเพราะโดนเซย์ริวแกล้งอะไรเอาแน่ ๆ

นัตสึกึ่งเดินกึ่งลากพี่ชายไปยังสถานีรถไฟโดยมีร่างสูงเดินตามมาห่าง ๆ

“เพื่อนพี่จะไปด้วยรึไงเนี่ย?” เจ้าเด็กหัวยุ่งกระซิบถามพี่ชาย

“ไม่หรอก...มั้ง...”

“ฉันไม่ชอบหน้าหมอนั่นเลย กวนโอ๊ยยังไงก็ไม่รู้” นัตสึบอกพลางบุ้ยปากไปทางคนที่เดินอยู่ข้างหลัง

“พูดจาดี ๆ หน่อย นัตสึ” คัตซึฮิโกะดุด้วยเสียงเข้ม ๆ  กลัวว่าเซย์ริวจะได้ยินเข้า...แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาก็เดาไม่ออก

“ฮึ!” เด็กหนุ่มทำเสียงขึ้นจมูกแล้วก็หันไปขว้างค้อนวงโตให้ร่างสูง เล่นเอาเซย์ริวอดแอบหัวเราะไม่ได้

‘…ไอ้เด็กนี่ก็น่าสนุกดีแฮะ...’


ฮาราจูกุแหล่งแฟชั่นวัยรุ่นที่มีร้านหลายรูปแบบให้เลือกเดินได้ตามใจชอบ ถ้าเป็นวันปกติ นัตสึจะเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างแฮปปี้เต็มที่ แต่วันนี้...เด็กหนุ่มเดินทำหน้าเหมือนกับอมบอระเพ็ดเอาไว้ในปาก ไอ้เสื้อผ้าที่ถูกใจน่ะก็มีหรอก แล้วก็ซื้อมาแล้วหลายตัว แต่ไอ้หมอโย่งที่เดินตามประกบพี่ชายเขาไม่ห่างนี่สิ...มันน่าโมโหนัก! ทั้ง ๆ ที่วันนี้วางแผนมาอย่างดีแล้วว่าจะมาเที่ยวกับคัตซึฮิโกะสองคน แต่ก็มีอันต้องเสียแผนเพราะไอ้หมอนั่นคนเดียว นัตสึคิดอย่างหงุดหงิดใจแล้วก็หันไปมองสองคนที่เดินตามมาข้างหลัง ทันได้เห็นเซย์ริวโอบไหล่คัตซึฮิโกะแล้วชี้ให้ดูร้านเครื่องประดับที่อยู่ใกล้ ๆ

ปรอทความอดทนในหัวนัตสึพุ่งขึ้นจนแทบชนเพดาน...ไอ้ท่าทางสนิทสนมกันเกินเหตุนั่นมันหมายความว่ายังไง…แค่เขาไม่ได้แวะมาหาไม่เท่าไร คัตซึฮิโกะจะสนิทกับหมอนี่มากขนาดนี้เชียวเหรอ แม้แต่เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน คัตซึฮิโกะยังไม่สนิทด้วยขนาดนี้เลย...เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าพรวด ๆ เดินกลับไปหาพี่ชายตัวเอง

“ชอบเครื่องเงินร้านนี้เหรอ คัตจัง?” จงใจถามเสียงดังเพื่อดึงความสนใจ สายตาคมกริบจ้องเป๋งไปที่มือใหญ่ที่ยังวางอยู่บนไหล่คัตซึฮิโกะ...แน่นอนว่าเจ้าของมือก็รู้ตัว แต่แกล้งโอบไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น

“เอ้อ...ก็...ชอบ” ทำไมคัตซึฮิโกะจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนที่มาด้วย...ไม่สิ บรรยากาศชวนอึดอัดนั่นมันแผ่ออกมาจากนัตสึต่างหาก...ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้น...กำลังสนุกอย่างเห็นได้ชัด

“ที่ร้านตรงโน้นสวยกว่านะ ฉันมาซื้อบ่อย ๆ  มีแบบแปลก ๆ สวย ๆ กว่าที่ร้านนี้เยอะเลย” พูดแล้วก็ลากคัตซึฮิโกะไปยังร้านที่บอกเอาดื้อ ๆ

เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง...น้องชายขี้หวงกับพี่ชายขี้กังวลนี่ทำให้เขาสนุกจริง ๆ ...คิดแล้วก็เดินตามทั้งคู่ไปอย่างไม่รีบร้อน
ภายในร้านเล็ก ๆ นั้นมีตู้ใส่เครื่องประดับเงินตั้งอยู่มากมายให้เลือกดูได้ตามอัธยาศัย แยกเป็นตู้ใส่แหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และเครื่องประดับอื่น ๆ  พี่น้องสองคนตอนนี้แยกกันดูของอยู่คนละมุมร้าน ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่หน้าตู้ใส่สร้อยข้อมือ และโดยไม่ต้องหันหน้ามามอง...

“เลิกแกล้งนัตสึเสียทีสิ” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่นดังขึ้นทันทีที่ผู้ที่เดินตามเข้ามามายืนอยู่ข้างหลัง

“หวงเหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบไม่ผิดกันถามกลับ แล้วก็ก้มลงดูของที่วางอยู่ในตู้

“เปล่า แต่ผมไม่อยากให้นัตสึหงุดหงิด”

“ก็ไอ้เด็กนั่นมันน่าสนุกดี” เซย์ริวตอบพลางหัวเราะเบา ๆ  ก่อนจะพูดกับพนักงานร้าน “ขอดูสร้อยเส้นนี้หน่อย”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
«ตอบ #43 เมื่อ22-03-2013 20:53:33 »

พนักงานหยิบสร้อยข้อมือเส้นที่ร่างสูงชี้ออกมาให้ดู ชายหนุ่มทดลองทาบสร้อยเส้นนั้นลงกับข้อมือ แล้วยิ้มนิด ๆ อย่างที่ทำทุกครั้งที่พบของถูกใจ คัตซึฮิโกะเหลือบมองคนที่ยืนข้าง ๆ กับสร้อยที่เลือก...ก็แค่สร้อยที่เหมือนโซ่เส้นแบน ๆ ธรรมดา ๆ  ไม่ได้มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษ แต่เส้นค่อนข้างหนาและดูจะมีน้ำหนักพอสมควร ก็ดูสมกับราคาดี

เซย์ริวล้วงมือไปคลำเงินในกระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วก็ชะงักไป...นี่เป็นเงินที่เขาหามาเพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หมอมาซาฮิเดะ ไม่ใช่เงินที่จะเอามาใช้ซื้อของอะไรแบบนี้ให้ตัวเอง...ถ้าในชีวิตเขาจะมีเรื่องที่ไม่ผิดสัญญาบ้างหละก็ เรื่องเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลนี่แหละที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด...ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ แล้วปล่อยมือจากเงิน ถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งคืนให้พนักงาน

“ไม่เอาเหรอ?” คัตซึฮิโกะถามขึ้น สีหน้าแบบที่เห็นครั้งแรกนั้นบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าร่างสูงถูกใจสร้อยเส้นนั้นมากแค่ไหน การอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งทำให้เขาพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับกิริยาการแสดงออกของเซย์ริวมากขึ้น

“เอาไว้ก่อน ตอนนี้ไม่มีเงิน” เซย์ริวตอบพลางยักไหล่...ของราคาแค่ไม่กี่หมื่นเยนนี่จะมาเอาเมื่อไรก็ได้ ถ้ามันยังไม่ถูกขายไปน่ะนะ...ตอนนี้ต้องเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาก่อน...นี่ยังขาดอยู่อีกสามหมื่นด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความที่บางครั้งจะแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าชัดเจน ทำให้คนตัวเล็กกว่ารู้ได้จากสีหน้านั้นว่าร่างสูงกำลังพยายามตัดใจมากแค่ไหน ถึงปากจะบอกว่าเอาไว้ก่อน แต่ก็ยังจับจ้องสร้อยเส้นนั้นไม่วางตา

คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับสีหน้าที่เหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแล้วก็บอกกับพนักงานร้าน “ผมขอสร้อยเส้นเมื่อกี้นะครับ”

เซย์ริวหันขวับมามองหน้าคัตซึฮิโกะเขม็ง

“อะไรล่ะ? ผมก็ชอบเหมือนกันนี่” คัตซึฮิโกะพูดหน้าตาเฉยพลางควักเงินส่งให้พนักงานด้วย

ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินหนีไป คัตซึฮิโกะหัวเราะเบา ๆ  สะใจนิด ๆ กับการเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ  แล้วก็หันไปตามเสียงเรียกของน้องชาย

“คัตจัง เอามือมาหน่อยซิ” นัตสึบอก

“หือ?” คัตซึฮิโกะเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ อย่างสงสัย แต่ก็ส่งมือให้แต่โดยดี

แหวนเงินเรียบวงใหญ่หนาถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวาแล้วรูดลงมาจนถึงโคนนิ้ว

“เยส! ขนาดพอดีเลย นี่แสดงว่าฉันยังจำขนาดนิ้วพี่ได้แม่น” นัตสึพูดอย่างยินดี “ชอบมั้ย?”

คัตซึฮิโกะมองแหวนในมือ ดูผาด ๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าใส่ครบทั้ง 4 นิ้วมันน่าจะกลายเป็นสนับมือไปโดยปริยาย แต่พอเห็นสีหน้าที่กำลังรอลุ้นคำตอบจากเขาแล้วก็อดพยักหน้าไม่ได้

“ชอบสิ ถ้านายจะซื้อให้ฉันชอบทั้งนั้นแหละ”

“บ้า! พูดงี้อีกแล้วนะ เดี๋ยวคราวหลังจะเอาคืนให้เข็ดเลย...ว่าแต่ พี่ชอบจริง ๆ หรือเปล่า? ไม่ชอบเปลี่ยนวงใหม่ก็ได้นะ” นัตสึถามย้ำอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าพี่ชายเขามักจะไม่ปฏิเสธอะไรที่มีคนให้มา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม

“ชอบสิ นายชอบใช่มั้ยล่ะ ถึงได้เลือกมาให้ฉันน่ะ” มือเรียวขยี้ลงบนผมยุ่ง ๆ อย่างเอ็นดู

“เย้! งั้นเดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ” ว่าแล้วก็เผ่นแผล็วไปที่เคานท์เตอร์จ่ายเงินอย่างว่องไว พอดีกับที่พนักงานอีกคนเดินเอาของที่จ่ายเงินและใส่ห่อเรียบร้อยแล้วมาให้คัตซึฮิโกะ

“ของได้แล้วครับ”

“อะ...ขอบคุณครับ”

คัตซึฮิโกะรับของมาแล้วก็เหลียวมองไปรอบ ๆ ร้าน แต่ไม่พบเซย์ริว ชายหนุ่มเดินออกมานอกร้าน ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดวูบผ่าเปลวแดดระยับมาทำให้หนาวสะท้านได้นั้น ร่างสูงที่คัตซึฮิโกะมองหากำลังยืนเหม่อมองเสื้ออยู่ที่หน้าร้านใกล้ ๆ นั้น

‘…งอนหละสิ…’ คัตซึฮิโกะคิดอย่างขำ ๆ  ‘…คนอะไร ดุก็ดุ เถื่อนก็เถื่อน แต่ดันงอนที่มีคนซื้อของตัดหน้า…’

คิดแบบนั้นแล้วชายหนุ่มก็หยิบสร้อยข้อมือออกจากห่อก่อนที่จะเดินเข้าไปหาคนที่ยืนเหม่ออยู่

“สนใจเสื้อร้านนี้เหรอ?” ร่างเพรียวแกล้งถามขึ้น

เซย์ริวหันมามองด้วยสายตาเย็นชา “เปล่า”

ตอบสั้น ๆ แล้วก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่คัตซึฮิโกะคว้ามือใหญ่เอาไว้ทัน “เฮ้! จะไปไหนล่ะ ทีเมื่อกี้หละเดินตามผมกับนัตสึไม่ห่างเลยนะ”

“ไม่เกี่ยวกับแก” น้ำเสียงกระชากห้วน

คัตซึฮิโกะมองแผ่นหลังกว้างแล้วก็ยิ้ม...อาการแบบนี้น่ะงอนจริง ๆ ด้วย มือเรียวตวัดสร้อยข้อมือที่ซื้อมาพันรอบข้อมือแกร่งให้ สัมผัสเย็น ๆ ทำให้คนที่กำลังงอนได้ที่หันกลับมามอง พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ดวงตาคมก็เบิกกว้าง

“อะไรของแกน่ะ?”

“ซื้อให้”

เซย์ริวมองคนตรงหน้าอย่างงง ๆ  “ซื้อให้? เพื่ออะไร?”

“ก็เห็นว่าอยากได้แต่ไม่มีปัญญาซื้อ ก็เลยซื้อให้” คัตซึฮิโกะตอบพร้อมกับยิ้มนิด ๆ

เซย์ริวจ้องหน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างค้นหาบางอย่างที่น่าจะซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าและแววตาซื่อ ๆ นั้น แต่ก็ไม่พบอะไร...เขาถอนใจเฮือกใหญ่

“ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ  แกทำแบบนี้เพื่ออะไร? กับคนที่ทำลายแกสารพัดวิธี...กับคนที่ทำอย่างนั้นกับแกเมื่อคืนนี้...แกทำไปเพื่ออะไร? จะใจดีก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถอะ”

ร่างเพรียวยักไหล่ “ก็อย่างที่คุณว่า ผมมันคนใจดี เพราะงั้นก็รับ ๆ ไปเถอะ”

“แกทำเหมือนกับลืมเรื่องที่ฉันทำกับแกไปแล้ว”

“คุณพูดแบบนั้นเป็นครั้งที่สองแล้วนะ...” หางเสียงแผ่วลง หากประโยคต่อมาหนักแน่น “จำเอาไว้เลยว่าผมไม่มีวันลืมแน่ ไม่ลืมเด็ดขาด”

ดวงตาที่เงยขึ้นจ้องหน้าร่างสูงไม่มีแววขลาดกลัวหรือหวั่นไหวเลย นั่นเป็นแววตาอีกแบบที่เซย์ริวได้เห็น...คัตซึฮิโกะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจริง ๆ  ทั้งที่เมื่อไม่เกินชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ยังคอยเหลือบมามองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เหมือนกับกลัวว่าเขาจะทำอะไรตัวเองและน้องชายอย่างนั้น...แต่ตอนนี้...ความเด็ดเดี่ยวมั่นคงที่แสดงออกนี่คืออะไรกันนะ...ทำไมถึงได้เป็นคนที่มีความแปรปรวนมากขนาดนี้นะ...

ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ  “แกนี่...เหลือเกินจริง ๆ นะ...น่าสนุกจริง ๆ ”

“เลิกพูดแบบนั้นเสียที ผมไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ

“ถ้าไม่ใช่...แล้วแกเป็นอะไรกับฉัน คาซึโกะ?”

คำย้อนถามเรียบ ๆ ทำเอาคัตซึฮิโกะนิ่งอึ้ง...เขาไม่เคยตอบตัวเองได้เลยว่า ระหว่างเขากับเซย์ริวแล้ว มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่...เขายอมรับว่า การมีเซย์ริวอยู่ในชีวิตทำให้เขาหนักใจและเข้าขั้นทรมานจนอยากจะตายไปให้พ้น ๆ ในบางครั้ง...แต่...อีกบางหน เขาก็ยอมรับกับตัวเองว่า การมีเซย์ริวอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขาอุ่นใจอย่างประหลาด...เหมือนเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่เพื่อน...ใกล้ชิดกันมากกว่าคนรู้จัก แต่ก็ไม่ใช่เพื่อน...เป็นคนที่ควรเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้เกลียดถึงขนาดอยากฆ่าให้ตาย...พวกเขาเป็นอะไรของกันและกันกันแน่...หรือว่ามันถูกต้องแล้ว ที่เซย์ริวบอกว่าเขาเป็น...ของเล่น...

ความหวั่นไหวปรากฏขึ้นในแววตาคู่สวยอีกครั้ง...และนั่นทำให้เซย์ริวยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ออกมาก็ไม่บอก รออยู่ตั้งนานแน่ะ” เสียงของนัตสึดึงคัตซึฮิโกะกลับมาจากห้วงแห่งความคิด

“อะ...เอ่อ ขอโทษ” คัตซึฮิโกะหันไปขอโทษโดยอัตโนมัติ

“ต้องเลี้ยงเครปด้วย” นัตสึแกล้งทำแก้มป่อง

“เรื่องแค่นี้ต้องให้เลี้ยงด้วยเหรอ?”

“ไม่รู้หละ ต้องเลี้ยงด้วย”

“กินของหวานมากอ้วนนะ” ที่พูดแทรกขึ้นมาคือเซย์ริว เล่นเอานัตสึเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาหันไปจ้องร่างสูงเขม็ง ความไม่พอใจฉายชัดในแววตาอย่างไม่ปิดบัง

เห็นปฏิกิริยาอย่างนั้น ร่างสูงก็ยิ้มแล้วก้มลงไปกระซิบกับคัตซึฮิโกะเบา ๆ  “ก็ดูน้องแกสิ...น่าสนุกจริง ๆ นะ”

“นินทาอะไรน่ะ!?” นัตสึโวยทันที

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ห้ามทัพทั้งน้องชายและคนที่มาด้วย “พอ! พอได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ”

“ก็...”

“หยุดเลย นัตสึถ้านายยังอยากให้ฉันเลี้ยงเครป”

“อึก...” เจ้าตัวแสบมุ่ยหน้าแต่ก็ยอมสงบปากสงบคำโดยดี

คราวนี้เซย์ริวหัวเราะเต็มที่ ทำเอาคนที่กำลังพื้นเสียยิ่งโกรธหนัก เด็กหนุ่มเดินกระแทกส้นเท้าปึง ๆ ไปทางอื่น คัตซึฮิโกะมองตามแล้วก็ทอดถอนใจ

“ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกแกล้งนัตสึเสียที”

“ก็มันสนุกดีนี่...เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปแล้ว” เซย์ริวบอกทั้งที่ยังหัวเราะไปด้วย

“จะไปไหน?”

“แถว ๆ นี้แหละ...” สายตาคมเหลือบไปเห็นเจ้าเด็กหัวยุ่งยังแอบหันมามองอย่างหวาดระแวง แผนการชั่วร้ายก็จุดขึ้นมาในหัวทันที “อ้อ แล้วก็...”

มือแกร่งโอบรั้งไหล่บางเข้ามาแนบชิดแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของคัตซึฮิโกะอย่างรวดเร็ว “ไปหละนะ”

พูดแค่นั้นแล้วร่างสูงก็ก้าวยาว ๆ เดินหายไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นัตสึจะวิ่งกลับมาถึงตัวพี่ชาย

“ไอ้บ้านั่นมันทำอะไรพี่น่ะ!!?” นัตสึโวยวายใส่คัตซึฮิโกะที่ยังยืนเหวออยู่ “มันเป็นเกย์รึไงเนี่ย? มันจ้องจะงาบพี่เหรอ?”

นัตสึโวยวายเสียงดังจนคัตซึฮิโกะต้องตะครุบปากเอาไว้ “จะบ้าเหรอ? เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดหมดหรอก...เพราะนายเป็นแบบนี้น่ะสิ หมอนั่นถึงได้แกล้งไม่เลิก”

“หมายความว่าไง?” นัตสึเสียงอ่อยลงเมื่อถูกดุอีกครั้ง

“หมายความว่า หมอนั่นเห็นนายขี้โมโห ขี้โวยวาย แล้วก็ตั้งท่าหวงฉันสารพัดน่ะสิ ถึงได้แกล้งเอา ๆ  ยิ่งนายมีปฏิกิริยาเขาก็ยิ่งสนุก รู้มั้ย? หมอนั่นยิ่งเป็นคนขี้แกล้งอยู่ด้วย” คัตซึฮิโกะเอ็ดเข้าให้อีก “โตแล้วนะ นายน่ะ ไม่ใช่เด็กแล้ว”

เด็กหนุ่มทำหน้าสลด...วันนี้โดนดุสองรอบติด ๆ กันแล้ว...ถึงรอบแรกจะดูไม่เหมือนดุเท่าไรนัก แต่เขาก็รู้ดีกว่าพี่ชายอารมณ์ไม่ดีไปเรียบร้อยแล้ว...ทั้งหมดเพราะไอ้หมอนั่นนั่นแหละ...

คัตซึฮิโกะเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ “เอ้า สำนึกผิดแล้วรึยัง?”

“อื้อ”

“โอเค ถ้าทำตัวเป็นเด็กดีจะเลี้ยงมื้อเย็น”

“จริงเหรอ?” นัตสึทำตาลุก “แล้วเครปล่ะ?”

ผู้เป็นพี่ชายส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “เมื่อกี้ทำให้ฉันโมโห...เพราะงั้น นายนั่นแหละที่ต้องเลี้ยง”

“ไหงงั้นล่ะ?”

“ก็งั้นแหละ...เอ้า! ไปร้านเครป เดี๋ยวนี้เลย” คัตซึฮิโกะว่าพลางรุนหลังน้องชายไปทางร้านเครปเจ้าอร่อยโดยไม่สนใจเสียงอิดออดของคนที่โดนบังคับเป็นเจ้ามือ


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
«ตอบ #44 เมื่อ22-03-2013 22:26:36 »

อ่านแล้วหวั่นไหว นัตจังก็น่าแกล้งอ่ะแหละ เอ่อ..นัตจัง :impress2:
อุ้ย! ผิดคู่ :-[

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
«ตอบ #45 เมื่อ22-03-2013 22:48:59 »

นัตสึน่ารักจัง...อยากให้น้องมีคู่อ่ะ :impress2:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #46 เมื่อ29-03-2013 09:41:08 »

ถึงจะมีคอมเม้นต์แค่ตอนละ 2 เม้นต์แล้วเด้งหายไปหน้า 3 เราก็จะลงต่อไป วะฮะฮ่า

KOUSOKU 08

ร่างสูงเดินลากเท้าไปเรื่อยเปื่อยตามซอกซอยที่คุ้นเคย กำลังคิดว่าจะไปหาฮิโรกิเพื่อรายงานผลการใช้ยาเสียหน่อย รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คัตซึฮิโกะช่างน่ารักและได้ดั่งใจดีเหลือเกิน ยาที่ได้มาใช้นี่ไม่ธรรมดาเลย…ภาพและเสียงของร่างขาวเพรียวยังตรึงอยู่ในสมอง...สีหน้า แววตา ริมฝีปาก...แม้ไม่ตั้งใจก็ยั่วเย้า...เซย์ริวเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ  รีบสาวเท้ามุ่งไปยังห้องพักของเพื่อนโดยเร็ว นึกสนุกที่จะได้คุยกันถึงเรื่องนี้...และบางทีฮิโรกิเองก็อาจจะเอายานั่นไปลองกับจิอากิแล้วก็ได้ แต่พอเลี้ยวตรงหัวมุมตรอกเล็ก ๆ

พลั่ก!!!!

“โอ๊ย! ใครวะ? แม่ง...มึงอยากตายรึไง?” ร่างสูงโวยวายขึ้นทันที ยกมือกุมหน้าผากที่กระแทกค่อนข้างแรง คว้ามีดสปริงตามสัญชาตญาณ

“อ้าว! ไอ้เซย์ริว!”

เสียงทักคุ้นหูทำให้เซย์ริวลืมโมโห มือที่ล้วงไปคว้ามีดสปริงในกระเป๋าเสื้อโค้ทชะงักไว้แค่นั้น ลืมตาขึ้นมองคู่กรณีชัด ๆ

“อ้าว...แกเองเหรอ เคียว?” พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักก็ค่อยใจเย็นลงหน่อย

“เออ...โทษทีว่ะ กำลังรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ดูทาง” คนถูกเรียกว่าเคียวยกมือคลำหน้าผากป้อย ๆ  ท่าทางเจ็บไม่แพ้กัน พอดีว่าความสูงของทั้งสองคนใกล้เคียงกัน หน้าผากก็เลยกระแทกกันได้พอดี ถ้าชนกับคนตัวเล็กกว่าหน่อยคงไม่เจ็บเท่านี้

“ไม่เป็นไร” เซย์ริวบอกง่าย ๆ  เคียวเป็นเพื่อนที่อยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็รู้จักกันพอสมควร อย่างน้อยก็เป็นมิตรกันว่าอย่างนั้นเถอะ

“ว่าแต่แกเห็นไอ้เร็นมั้ย?” เคียวถามด้วยน้ำเสียงที่ออกจะฉุนเฉียว

“ไม่หนิ ทำไมเหรอ?” ร่างสูงสังเกตว่าเพื่อนท่าทางอารมณ์ไม่ดี บางทีคงมีเรื่องอะไรกับเจ้าตัวเล็กที่พูดถึงหละมั้ง

เร็นเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่มีดีกรีความยั่วยวนสูงที่สุดเท่าที่เซย์ริวเคยรู้จักมา ยิ่งกว่าฮิโรกิหรือผู้หญิงคนไหน ๆ  เป็นตัวอันตรายคนหนึ่งในโลกด้านมืดของพวกเขา เร็นทำงานพิเศษสองสามอย่างตามบาร์ที่มีเต้นโชว์บนเวที...ประเภทรูดเสานั่นแหละ และนอกจากนั้นก็ยังรับจ๊อบพิเศษให้ตัวเองด้วยการ “ป้ายยา” เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปวัน ๆ อีกด้วย แต่ที่ทำให้เซย์ริวยอมรับว่าเร็นร้ายกาจนักก็คือ...เร็นเป็นอาจารย์สอนเรื่องเรื่องพวกนี้ให้ฮิโรกิ!

“ก็แม่ง...เล่นกันเองซะได้ เมื่อคืนแม่งบอกว่าเหงา อยากทำเรื่องอย่างว่า แล้วก็ไปที่ห้องฉัน...แล้วพอเช้ามาเนี่ย แม่งกวาดเงินเก็บฉันไปหมดบ้านเลย” เคียวระบายด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น

เซย์ริวสะดุ้งเล็กน้อย...กับเพื่อนกลุ่มเดียวกันเองนี่ก็ยังทำได้ลงนะ “แกโดนป้ายยาเหรอ?”

“งั้นมั้ง...หลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง เสร็จกันตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย” เคียวสารภาพหน้าจ๋อย ๆ ...ท่าทางเสียฟอร์มไม่น้อย

เซย์ริวเผลอกลืนน้ำลาย ออกจะเสียว ๆ เล็กน้อย ดูเหมือนภาพในอดีตจะตามมาหลอกหลอนยังไงชอบกล “แต่ฉันไม่เห็นมันหรอกนะ โทษที”

“เออ ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันหาเองก็ได้...อย่าให้เจอตัวนะมึง...มึงตายแน่...” ประโยคหลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเองแล้วก็เดินจากไป

เซย์ริวส่ายหัวเล็กน้อย ออกจะปลง ๆ นิดหน่อยกับวิถีชีวิตของพวกเขา ก็มีบ้างหรอกนะ...บางทีเขาก็ปล้นพวกกันเองบ้าง แต่กับเพื่อนที่นับเป็นเพื่อนสนิทอย่างฮิโรกินี่เขาไม่เคยทำแม้แต่ครั้งเดียว จะว่าไปตอนรู้จักกันใหม่ ๆ  เขาก็เคยปล้นเคียวไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน...ร่างสูงยักไหล่แล้วก็ยิ้มก่อนที่จะเดินต่อไป

ชายหนุ่มเคาะประตูห้องเพื่อนหนัก ๆ  ไม่ต้องรอนานนัก เสียงตะโกนตอบก็ดังสวนออกมาจากในห้อง

“เปิดเลย ไม่ได้ล็อก”

เซย์ริวเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ในห้องกับฮิโรกิด้วย

“ไง ไม่เจอกันนานนะ เซย์ริว” ร่างเล็กร้องทัก

“ไง เร็น” คนโดนทักทักตอบพลางทำหน้าเซ็ง ๆ ...ถ้าเป็นไปได้เขาไม่ค่อยอยากเจอหน้าเร็นเท่าไรนักหรอก...ไม่ใช่ไม่ชอบหน้า เพียงแต่เขามีเหตุผลนิดหน่อยที่ไม่อยากเจอ

“นี่ ยาที่ให้ไปเป็นไง เมื่อคืนสนุกมั้ย?” ฮิโรกิถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“เยี่ยมเลย หมอนั่นเสร็จไป 3 รอบ...แต่ฉันเองก็พีคแทบตายเหมือนกัน” เซย์ริวพูดยิ้ม ๆ

“โห...ขนาดผู้ชายยังตั้ง 3 รอบเลยแฮะ...ไม่เลว ๆ ” เจ้าตัวแสบพึมพำกับตัวเองพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด

“ยาอะไรเหรอ?” เร็นถามขึ้นหลังจากฟังอยู่สักพัก

“ยาปลุกน่ะ” คนตอบคือฮิโรกิ

“อ๋อ...ไอ้ที่ฉันให้นายไปนั่นน่ะเหรอ?” เร็นเบิกตาโตพร้อมกับเอากำปั้นทุบลงกับฝ่ามือ “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันใช้กับผู้ชายได้ด้วย”

“ใช้ได้ผลดีด้วย” ร่างสูงบอกแล้วก็เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาเปิด “ว่าแต่แกเป็นคนหามาเหรอ เร็น?”

“อืม...ราคาแพงด้วยนะ หาซื้อยากด้วย นี่เห็นเป็นฮิโรกิหรอกนะถึงได้ให้ฟรี ๆ ไปตั้ง 3 เม็ดน่ะ” เจ้าตัวเล็กบอกพร้อมกับทำตาเป็นประกายระยับ แอบช้อนสายตามองร่างสูงอย่างเจ้าเล่ห์

“ไอ้ตัวอันตรายเอ๊ย...” เซย์ริวทอดถอนใจเบา ๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม

“แกก็อันตรายเหมือนกันแหละ เซย์ริว” เร็นเถียง ยังคงมองร่าสูงด้วยสายตาเป็นประกายแปลก ที่ทำให้เซย์ริวเสียวสันหลังแบบที่ไม่เคยเป็น

“เออ มันใช้กับผู้หญิงได้ดีเกินไปนะ เมื่อวานเอาไปลองกับเหยื่อของเซย์ดู หล่อนแย่ไปเลย” ฮิโรกิหันไปบอกเจ้าของยา

“เหรอ? คงงั้นแหละ รู้สึกว่าเขาจะเอาไว้สำหรับเวลาเล่นเซ็กส์หมู่น่ะ” คำพูดเฉยชานั้นเล่นเอาเซย์ริวแทบสำลักเบียร์

“แกนี่! พูดเรื่องอย่างนี้ได้หน้าตาเฉยเลยนะ” ร่างสูงเอ็ดเอา

“แล้วไง? มันเป็นเรื่องของวิชาชีพเฟ้ย ฉันต้องใช้ของพวกนี้หากินก็ต้องศึกษามันให้ดี จะได้ไม่ไปโดนกับตัวเองเข้า” เร็นทำสีหน้าจริงจัง

“นั่นสินะ...ฉันเห็นด้วยกับเร็นนะ เซย์” ฮิโรกิสนับสนุน

“เออ...เข้าข้างกันเข้าไป” เซย์ริวบ่นอุบอิบแล้วก็ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ ไอ้เคียวตามหาแกอยู่แน่ะ เร็น”

“เคียวจัง...อ๋อ...เรื่องที่เสียท่าฉันเมื่อคืนหละสิ” ร่างเล็กยิ้มกว้างแล้วก็ยักไหล่ด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

“แม้แต่พวกกันเองก็ไม่เว้นนะแก” มือใหญ่แกว่งกระป๋องเบียร์ไปมา ส่ายหน้าอย่างระอาใจ...ดีใจนิด ๆ ที่ฮิโรกิไม่เป็นแบบนี้

“มันเป็นกฎของพวกเราอยู่แล้วนี่ เซย์ริว มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องระวังตัวกันเอง ไม่ให้เสียรู้ใคร เคียวจังอยากพลาดเองนี่ จะมาโกรธฉันไม่ได้หรอกนะ” เร็นบอก

“เอ้อ...มันก็ใช่...” ร่างสูงเถียงไม่ออก มันจริงอย่างที่เร็นว่า...เพราะอย่างพวกเร็นหรือฮิโรกินั้นไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งพอจะสู้รบตบมือกับใครได้ การจะเอาชนะคนอย่างพวกเขาได้ก็คือใช้วิธีการอย่างที่เร็นทำกับเคียวนั่นแหละ “แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่น่าทำกับเพื่อนในกลุ่มไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เกี่ยวนี่ ฉันต้องการเงินด่วน ฉันก็ทำกับใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ แถมถ้าจะให้พูดตรง ๆ แล้ว เคียวจังน่ะได้ฟันฉันด้วยซ้ำไป...ก็ถือเป็นการจ่ายค่าตัวนิ” เร็นยักไหล่แล้วหันไปพยักพเยิดกับฮิโรกิ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่เคียวจังก็เงินเก็บไม่น้อยเหมือนกันน้า...ไม่เหมือนกับใครบางคนแถวนี้หรอก”

เจ้าตัวเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วสบตาร่างสูง ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกแล้วก็หลบตา...เรื่องที่เร็นพูดมันเป็นชนักปักหลังเขามานานแล้ว...และเพราะอย่างนี้แหละเขาถึงได้ไม่อยากเจอหน้าเร็นนัก...แต่ฮิโรกิที่ไม่รู้เรื่องทำหน้าเหวอ มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

“อะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เจ้าตัวเล็กวายร้ายมองปฏิกิริยาของเซย์ริวแล้วก็นึกสนุก คันปากอยากจะเล่าความลับอะไรบางอย่างที่เซย์ริวไม่เคยบอกใครให้ฮิโรกิฟัง แต่สายตาดุ ๆ ของร่างสูงก็ปรามเอาไว้

“เอ้อ...เรื่องของเซย์ริวน่ะ ฮิโรกิ แต่ฉันเล่าไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันสัญญาเอาไว้แล้ว...จริงมะ...เซย์?” หางเสียงจงใจหยอดหวานยั่วยวน แต่ร่างสูงนึกอยากจะหวดเจ้าตัวเล็กนี้ด้วยเท้าสักพลั่ก

“เฮ้! เรื่องอะไรกันล่ะ? มีเรื่องของแกที่ฉันไม่รู้ด้วยเหรอ?” ฮิโรกิหันมาถามเซย์ริว ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างนึกสนุก

“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ฮิโรกิ ไม่งั้นแกเจ็บตัวแน่” เซย์ริวมองด้วยสายตาเฉียบขาดทำเอาเพื่อนตัวเล็กเสียวสันหลัง

“แค่...แค่นี้ต้องดุด้วยเหรอ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้” ฮิโรกิสะบัดหน้าหนีอย่างเคือง ๆ ...นึกอยู่ในใจว่ามันคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขากับเซย์ริวจะพบกัน เขาถึงได้ไม่รู้ เพราะปกติแล้วเขารู้เรื่องของเซย์ริวแทบทั้งหมด เรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดก็ยังได้

เซย์ริวไม่พูดอะไรอีกเพียงแต่รู้ว่าเร็นกำลังมองเขาด้วยสายตาของผู้ชนะ รอยยิ้มยียวนนั้นทำให้นึกโมโหและรู้สึกว่าถูกยั่วยวนไปพร้อมกัน...เพราะสายตาแบบนี้สิน่า ที่ทำให้เขาเสียท่าในที่สุด...แม้เรื่องมันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นรอยเปื้อนรอยเดียวที่ไม่มีวันล้างออกได้ ถึงจะรู้ว่าเร็นจะไม่เอาเรื่องนั้นไปพูดกับใครแต่เขาก็อดรู้สึกสมเพทตัวเองไม่ได้

“มันเป็นเรื่องของอาชีพ เซย์ริว ถ้าแกคิดจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้ต่อไปก็เรียนรู้เอาไว้ซะ” เร็นบอกกับเขาในตอนนั้น

“แต่แกก็ไม่ควรทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ!?” เขาตวาดด้วยความโมโห นึกอยากจะฆ่าร่างบางตรงหน้าให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้น

“มันไม่เกี่ยวกันซะหน่อย เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ จากนี้ไปแกก็ระวังตัวให้มากก็แล้วกัน” เร็นบอกพร้อมจุดบุหรี่สูบอย่างไม่ใส่ใจ

“ไอ้เร็น!!!!”

“แล้วก็นะ...” ร่างเล็กยกมือชี้หน้าเขาพร้อมบุหรี่ในมือ “แกจะเอาไปบอกกับใครก็ได้ว่าแกได้ฟันฉันแล้ว...แกเป็นคนแรกในหมู่พวกเราที่ได้ฟันฉันด้วย แต่ฉันก็จะบอกกับคนอื่น ๆ เหมือนกันว่าแกโดนฉันป้ายยาแล้วกวาดสมบัติมาหมดบ้าน โอเค?”

เซย์ริวนิ่งอึ้งไปกับคำพูดนั้น เขาจ้องหน้าร่างเล็กราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ก็จากมาโดยไม่ได้ทำอะไร และนับตั้งแต่นั้นมาเขาก็พยายามที่จะไม่เจอหน้าเร็น...พอเวลาผ่านไป เขาก็ได้เรียนรู้ว่ามันถูกแล้วที่เร็นบอก คนที่เสียท่าคือคนผิดเองที่ไม่ระวังตัว ไม่ใช่กฎที่ใช้เฉพาะกับคนที่ทำอาชีพอย่างเร็น แต่รวมไปถึงคนอย่างพวกเขาเองด้วย...คนที่ถูกปล้นมันผิดเองที่ทำให้โดนปล้นได้

“คิดอะไรอยู่เหรอ เซย์ริว?” เสียงของเร็นทำให้สติของร่างสูงกลับคืนมา

“นิดหน่อย” เซย์ริวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย “แต่ท่าทางไอ้เคียวมันเคืองแกมากเลยนะ”

“ก็นิดหน่อยมั้ง เมื่อสองเดือนก่อนก็โดนไปทีนึงแล้ว ฮะ ๆ  ๆ  เคียวจังนี่ไม่ระวังตัวเลย โดนซ้ำแล้วซ้ำอีก” เร็นหัวเราะร่วน

“นายนี่ร้ายชะมัดเลยนะ เร็น กับพวกกันเองก็เอา” ฮิโรกิว่า แต่ดูจากท่าทางแล้วก็รู้ได้ว่าเขาแค่เย้าอีกฝ่ายเล่น ไม่ได้ตั้งใจว่าจริงจังอะไรนัก

“นายลองทำดูบ้างสิ ฮิโรกิ บางทีเซย์ริวอาจจะทำให้นายได้เงินมากกว่าพวกโง่ ๆ ที่มาทักนายที่ถนนอีกนะ” เจ้าตัวแสบว่าพลางหัวเราะ

“เดี๋ยวก็ตายหรอก” ร่างสูงทำเสียงดุ ๆ พร้อมกับมองทั้งสองคนที่ทำท่าสนุกสนานด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ล้อเล่นน่า อย่าจริงจังนักสิ เซย์ ใครจะไปทำกับแกลงวะ แค่นึกว่าจะต้องถูกแกกอดฉันก็สยองไปถึงท้องน้อยแล้ว” ฮิโรกิโบกมือไปมา

เร็นเลิกคิ้ว “พูดอะไรอย่างนั้น ฮิโรกิ เซย์ริวน่ะเก่งเรื่องอย่างนี้ออกนะ ฉันว่านายถึงใจแน่”

“ไม่ ๆ  ๆ  ถึงไม่ถึงฉันก็ไม่เอา ขืนหลวมตัวให้มันกอดมีหวังกระดูกกระเดี้ยวฉันหักเป็นท่อน ๆ แน่” ร่างบางทำหน้าสยอง

“ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้นา...” เร็นยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ลอง! ให้ตายก็ไม่ลองหรอก นายก็รู้นี่ เร็น ว่าฉันไม่ได้ขายตัว แล้วอีกอย่างฉันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนนานแล้วด้วย” ฮิโรกิเถียงด้วยท่าทางจริงจัง

“แฟนก็ส่วนแฟนสิ งานก็ส่วนงาน เรื่องสนุกก็อีกเรื่องนึง” เร็นเลคเชอร์แนวคิดหลุดโลกให้ฟัง “แต่ฉันว่าเซย์ริวเจ๋งดีออกน้า...

ฮิโรกิขมวดคิ้ว ”เจ๋ง? หมายความว่าไง?...นายเคยนอนกับเซย์แล้วงั้นเหรอ เร็น?”

“หนนึง สุดยอดไปเลย เนอะ เซย์...” ดวงตากลมโตปรายขึ้นช้อนมองร่างสูง ยิ้มบาง ๆ แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบา ๆ

การแสดงออกโจ่งแจ้งแบบนั้นทำไมฮิโรกิจะไม่เห็น เร็นกำลังยั่วยวนเพื่อนของเขาอย่างไม่ปิดบัง...เป็นเขาคงทำไม่ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนของเร็นก็ตาม ถ้าเป็นคนรู้จักเขาคงไม่สามารถยั่วยวนแบบนี้ได้แน่

“ก็แค่ครั้งเดียว” เซย์ริวพูดอย่างเฉยเมย แต่สีหน้าและแววตาดูจะแฝงความโกรธเอาไว้

“เย็นชาเป็นบ้า” เร็นย่นจมูกแล้วก็ยิ้มยียวน “สอนเพื่อนนายดี ๆ หน่อยสิ ฮิโรกิ หมอนี่ชักจะเย็นชาเกินมนุษย์ไปหน่อยแล้วนะ เห็นว่าเพิ่งแทงไอ้อัตสึชิปางตายด้วยใช่มั้ย?”

“เออ” คำตอบสั้นห้วน บ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่น ๆ ในใจได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนเร็นจะไม่สนใจ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #47 เมื่อ29-03-2013 09:44:09 »

“เฮ้ น่าหมั่นไส้ชะมัด ท่าทางของแกน่ะ” เจ้าตัวแสบโวยขึ้นเบา ๆ  “เอาเหอะ! ฉันไม่อยู่รกหูรกตาแกแล้วก็ได้”
ว่าแล้วเร็นก็ลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมของตัวเอง “ฉันไปก่อนนะ ฮิโรกิ”

“อื้อ แล้วเจอกัน”

เร็นยิ้มแล้วเดินไปที่ประตูห้อง ส่งยิ้มมีเลศนัยให้เซย์ริวพร้อมกับพูดว่า “ไอ้ยาอีกเม็ดทีเหลืออยู่น่ะ นายน่าจะเอามาลองกับผู้ชายที่เป็นฝ่ายรุกดูนะ ฮิโรกิ เขาอาจจะทำให้นายสุขเจียนตายเลยก็ได้”

พูดแล้วก็รีบวิ่งแวบออกจากห้องไปก่อนที่ขายาว ๆ ของคู่กรณีจะยื่นมาประเคนเท้าเข้าให้ เซย์ริวขยับฮึดฮัดด้วยความขัดเคืองในขณะที่ฮิโรกินั่งหัวเราะเบา ๆ  เขาเพิ่งเคยเห็นเพื่อนคนนี้โดนไล่ต้อนจนมุมแบบนี้เป็นครั้งแรก เร็นนี่อันตรายจริง ๆ เสียด้วย

“เอ้า! หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวก็ปล้ำจริง ๆ เสียหรอก” เซย์ริวหันมาพาล

“เอ๊อ...เรื่องแน่ะ โมโหเร็นก็ไปปล้ำเร็นสิ ฉันไม่เกี่ยวซะหน่อย” ฮิโรกิโวย “เอาน่า...อย่าอารมณ์เสียนักเลย มาเล่าให้ฉันฟังดีกว่าว่าเมื่อคืนเป็นไงมั่ง”

ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกข้าง ๆ ฮิโรกิ “จิอากิไปไหนล่ะ?”

“เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง เห็นว่านัดเพื่อนเอาไว้ พอเธอออกไปไม่นานเร็นก็มา” ร่างเล็กอธิบาย

“อาฮะ...” เซย์ริวพยักหน้ารับรู้แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ ๆ  “เมื่อคืนสุดยอดมากเลย ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ยอมสารพัด เป็นตุ๊กตาดี ๆ นี่เอง”

“เหมือนหล่อนคนนั้นป่ะ?”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ แต่บอกตัวเองอยู่ในใจ...เด็ดยิ่งกว่าหล่อนคนนั้นหลายเท่านัก...แต่แม้ไม่มีคำพูดอะไร หากสายตาที่เป็นประกายขึ้นมาก็บอกฮิโรกิได้

“นี่...มีของดีแล้วไม่แบ่งกันบ้างนะ” ร่างบางหรี่ตามอง

“บอกแล้วไงว่ายังไม่ถึงเวลา ฉันคงต้องฝึกของเล่นของฉันอีกนิดหน่อยถึงจะรับแกกับฉันพร้อม ๆ กันสองคนได้” เซย์ริวบอกพลางขยี้ผมนุ่ม ๆ ของเพื่อนรัก

“อ้าว...นึกว่าจะยกให้ฉันเล่นสักครั้ง”

“บ้าสิ ฉันไม่ยอมปล่อยให้แกปู้ยี่ปู้ยำของ ๆ ฉันโดยที่ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอกนะ” เซย์ริวบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว

“เด่อเอ๊ย...งก” เสียงบ่นอุบอิบเป็นเหตุให้โดนมือใหญ่ ๆ ตบหัวเข้าให้เบา ๆ  “เจ็บน้า...”

แล้วตาเรียวก็เหลือบไปเห็นสายสร้อยที่ข้อมือของเพื่อนเข้า...โดยปกติแล้วเซย์ริวไม่ค่อยใส่เครื่องประดับอะไรเท่าไรนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามันออกจะเกะกะเวลาไปมีเรื่องกับคนอื่น...แต่คราวนี้ สายสร้อยสีเงินเส้นค่อนข้างใหญ่พาดชัดอยู่บนข้อมือซ้ายที่ดูแข็งแกร่ง...เซย์ริวเพิ่งใส่แน่ ๆ  เพราะเมื่อวานนี้ยังไม่มี

“อะไรเหรอ?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นคนนั่งข้าง ๆ เงียบไป

“สร้อยนั่นน่ะ” ฮิโรกิพยักพเยิดไปทางมือซ้ายของเซย์ริว “เพิ่งซื้อเหรอ? ไหนว่าไม่มีเงินไง”

“หือ? อ้อ...ไม่ได้ซื้อเองหรอก หมอนั่นซื้อให้น่ะ”

“เอ๋...หมอนั่น...เหยื่อของแกนั่นน่ะเหรอ? บ้าน่า” โดยปกติแล้วคนดี ๆ ที่ไหนจะซื้อของให้คนที่ทำร้ายกาจกับตัวเองสารพัดบ้าง แล้วยิ่งเมื่อคืนนี้โดนทำราวกับเป็นตุ๊กตาแบบนั้น...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

“มันคงบ้าจริง ๆ แหละ แต่ปกติมันก็แปลก ๆ อยู่แล้ว” เซย์ริวพูดพลางทอดสายตามองออกนอกหน้าต่างไปไกลอย่างไม่มีจุดหมาย

“เออ...พิลึก...แต่ก็เหมาะกับแกดีนะ แล้วก็ซื้อให้ในวันนี้พอดีหรือเปล่า?”

“ใช่ เพิ่งซื้อให้เมื่อกี้นี้ ทำไมเหรอ?”

“อืม...แกลืมไปแล้วจริง ๆ ด้วย วันนี้วันเกิดแกไง” ฮิโรกิบอกพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

ร่างสูงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ...เขาลืมไปแล้วจริง ๆ ด้วย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องวันเกิดมาเป็นปี ๆ แล้ว จะรู้ว่าถึงวันเกิดของตัวเองก็ต่อเมื่อฮิโรกิเป็นคนบอกเสียทุกครั้งไป ก่อนที่จะพบกับฮิโรกิเขาไม่เคยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย

“ของขวัญวันเกิดเชียวนะเนี่ย...อะไรจะดีขนาดนี้  เหยื่อที่ให้ของขวัญคนที่ข่มขืนตัวเอง” น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กออกไปทางกระแนะกระแหน “อยากได้เหยื่ออย่างนี้บ้างซักคนจังแฮะ ไอ้ที่แบบ โดนฉันป้ายยา 5 ครั้ง 7 ครั้งแล้วก็ยังซื้อโค้ทหนังตัวที่อยากได้ให้ อะไรเงี้ย”

“พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” เซย์ริวส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ  “ว่าแต่...ฉันจำได้ว่าวันเกิดฉันไม่ใช่หน้าหนาวแน่ ๆ นะ ฮิโรกิ แกมั่วแล้ว”

“อา...ใช่ วันเกิดแกน่ะหน้าร้อน แต่แกเคยบอกฉันเองนะว่า วันนี้เป็นวันที่แกออกจากบ้านมาเริ่มชีวิตใหม่ ก็เลยรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันเกิดไง ไอ้ฉันก็เลยจำได้แค่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดแก ส่วนไอ้วันเกิดจริง ๆ ของแกน่ะฉันไม่ได้จำมาตั้งแต่แรกแล้ว จำได้แค่ว่าเป็นหน้าร้อนเท่านั้นแหละ” ฮิโรกิอธิบายพลางไปค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักเก็บของ “แล้วที่ผ่านมาตั้งหลายปีน่ะ ฉันฉลองให้แกหน้าหนาวทุกครั้งแหละ แกไม่เคยเฉลียวใจบ้างเลยรึไง?”

“อ้อ...งั้นเรอะ” เซย์ริวพูดเบา ๆ ...เขายังจำได้ดี วันที่หนาวจนปวดไปถึงกระดูกวันนั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันที่เขาออกจากบ้านมาพร้อมกับท่อนไม้ที่มีร่องรอยไฟไหม้...ตอนนั้นถ้าไม่ได้หมอมาซาฮิเดะช่วยเอาไว้ก็คงจะตายไปแล้ว

“เอ้า นี่! ของขวัญวันเกิดจากฉัน” ฮิโรกิโยนซองกระดาษสีน้ำตาลให้

“อะไร?” ร่างสูงรับมาอย่างงง ๆ  น้ำหนักของในมือไม่น้อยเลยทีเดียว

“เปิดดูเอาเอง ถูกใจแกแน่ ๆ ” ฮิโรกิยิ้มแล้วก็เปิดตู้เย็นเอาเบียร์ออกมาดื่มบ้าง

เซย์ริวเปิดห่อของในมือแล้วก็เบิกตากว้าง...ธนบัตรใบละหมื่นเยนจำนวนไม่น้อยมัดรวมกันเป็นปึกนอนสงบนิ่งอยู่ในซองนั้น...

“แกไปเอามาจากไหนเนี่ย?” ร่างสูงถามเสียงดัง “อย่าบอกนะว่าเงินเก็บของแก”

“บ้าน่ะ! ใครจะบ้าเอาเงินเก็บตัวเองมาให้คนอื่นง่าย ๆ  แกก็รู้ว่าคนอย่างพวกเราน่ะเรื่องจะเก็บเงินมันยากแค่ไหน นี่ฉันเอามาจากบ้านไอ้อัตสึชิมันโว้ย”

“บ้านไอ้อัตสึชิ?” ชายหนุ่มทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหู

“ใช่...ฉันเห็นว่าไหน ๆ มันก็โดนซิวเข้าตะรางไปแล้ว มันคงไม่ได้ใช้เงินแล้วหละ ก็เลยไปเอามาให้แกเนี่ย จะได้เอาไว้จ่ายค่าหมอซะ แล้วที่เหลือจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจแก...เงินไม่น้อยนะนั่นน่ะ ไอ้อัตสึชิเก็บเงินเก่งเป็นบ้า” เจ้าตัวเล็กบอกแล้วก็จุดบุหรี่สูบ แต่ก็ทำไฟแช็กร่วงลงจากมือ

“อ๊ะ!”

“ฮิโรกิ เป็นอะไรไป?” เซย์ริวหันไปมอง

ฮิโรกิยืนกุมแขนขวาของตัวเองแล้วหันมายิ้มเจื่อน ๆ เหมือนเด็กที่พยายามปกปิดความผิดบางอย่าง เขาส่ายหน้าน้อย ๆ

“ไม่มีอะไรหรอก”

แต่เพราะรู้ว่าฮิโรกิโกหกได้ห่วยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ร่างสูงปราดเข้าไปคว้าแขนที่ยังถูกกุมแน่นเอาไว้ เพียงแค่จับเบา ๆ ฮิโรกิก็ร้องลั่น

“โอ๊ย!!!!”

“ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง ไหนดูซิ โดนอะไรมา?”

หากร่างเล็กสะบัดแขนออก แล้วตวาดเสียงแข็ง “บอกว่าไม่เป็นไรไงเล่า!”

“ถ้ามันไม่เป็นไรแล้วร้องทำไม? เอาแขนมาดู!” เซย์ริวคว้าแขนนั้นอีกครั้ง และเมื่อฮิโรกิขัดขืนเขาก็ออกแรงบีบหนัก ๆ

“โอ๊ย!!!!”

เพราะเจ็บเยอะทำให้ฮิโรกิไม่กล้าดื้ออีก มือแกร่งดึงแขนเสื้อของร่างบางขึ้นมาจนถึงข้อศอก แขนท่อนล่างนั้นพันผ้าพันแผลเอาไว้แน่นหนาและมีเลือดซึมออกมา ซึ่งคงเกิดขึ้นตอนที่โดนบีบ เซย์ริวกัดฟันกรอด

“ใคร?”

“เอ๋?...” น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ฮิโรกิเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ดวงตาคมเหมือนงูฉายแววเหี้ยมโหดจนเขาสะท้านไปทั้งร่าง “ไม่...เซย์...”

“ใครทำแกแบบนี้!!!?” เซย์ริวตวาดเสียงดัง ฮิโรกิสะดุ้งเฮือก ตกใจจนไม่อาจตั้งสติตอบออกไปได้ ในชั่วขณะที่นิ่งอึ้งไป ดูเหมือนว่าความโกรธของเซย์ริวจะยิ่งเพิ่มขึ้น  “ฉันถามว่า ใครเป็นคนทำแก!!?”

“เซย์! ใจเย็น ๆ ...ไม่...ไม่มีใครทำ! ฉัน...ฉันล้มแล้วโดนเหล็กบาดเมื่อเช้านี้”

“เหล็กบ้านแกบาดได้แบบนี้! แกคิดจะตบตาฉันที่ใช้มีดมาตลอดชีวิตรึไง? ใครแทงแก!!?” มือแข็งราวกับคีมเหล็กยิ่งบีบแน่น

“เจ็บ! เซย์...ฉันเจ็บ! ปล่อยนะ...ปล่อย!!!!” ฮิโรกิเริ่มกรีดร้อง พยายามผลักร่างสูงให้ห่างจากตัวแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดประตูก็เปิดออกทันเวลา!!

“เซย์! จะบ้าเหรอ ปล่อยฮิโรกินะ!!” เสียงแหลมเล็กหวีดขึ้นท่ามกลางความสับสนนั้น มือเรียวกระชากไหล่หนาแล้วดึงสุดแรง

อาจจะเพราะเซย์ริวชะงักไปเพราะเสียงของหญิงสาวทำให้เธอสามารถดึงเขาออกจากฮิโรกิได้อย่างง่ายดาย ฮิโรกิทรุดลงไปกองกับพื้นกุมแขนตัวเองไว้แน่น ตัวสั่นสะท้าน

จิอากิถลาเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วงแล้วหันมาแหวเอากับร่างสูง “ทำอะไรของเธอน่ะ? ฮิโรกิเขาเจ็บอยู่ไม่รู้รึไง?”

เซย์ริวนิ่งเงียบไป จิอากิเลยว่าต่อ “เขาโดนไอ้พวกของอัตสึชิมันแทงเอาตอนที่เข้าไปเอาเงินที่บ้านมันมาน่ะ เขาเอามาให้เธอนะ! แล้วเธอทำอะไรเขา!!?”

“พอแล้ว จิอากิ...” ฮิโรกิดึงแขนแฟนสาว “ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเซย์โกรธเรื่องอะไร”

“พวกไอ้อัตสึชิใช่มั้ย...?” เสียงไม่ดังกว่ากระซิบรอดไรฟันออกมา

“ไม่นะ เซย์...แผลแกยังไม่หายดี อย่าไปมีเรื่องเด็ดขาด แล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะฉันทำตัวเอง แกไม่ต้องเดือดร้อนก็ได้”

เซย์ริวสบตาที่ฉายแววอ่อนแรงแต่ดูมุ่งมั่นของฮิโรกิแล้วกวาดตามองรอบ ๆ ห้อง เครื่องปฐมพยาบาลที่จิอากิซื้อมาหล่นกระจายเกลื่อนเมื่อเธอเข้ามาห้ามเขา ชายหนุ่มกัดฟันแน่น...ใครก็ตามที่ทำกับฮิโรกิอย่างนี้มันต้องเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่า!

“จิอากิ พาฮิโรกิไปหาหมอมาสะซะ...ฉันมีธุระต้องสะสางนิดหน่อย” ร่างสูงบอกแล้วก็เดินออกจากห้องไป

“ไม่! เซย์! กลับมานะ ฉันไม่ได้ไปเอาเงินมาเพื่อให้แกไปเจ็บตัวเพิ่มนะ! เซย์!!!!”

อาชญากรหนุ่มไม่ฟังเสียงร้องห้ามนั้น มีดสปริงคู่มือหลุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาเตรียมพร้อมอยู่ในมือราวกับดีใจที่จะได้ดื่มเลือดอีกครั้ง เขาสาวเท้ายาว ๆ ไปตามซอกแคบ ๆ  ฟ้าเบื้องบนดูขมุกขมัวลงจนน่ากลัว ทั้งที่เมื่อเช้าอากาศยังแจ่มใสอยู่ เมฆดำแผ่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับรับรู้อารมณ์ของคนที่เดินอยู่เบื้องล่าง...บางที...ในหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวการตายของใครสักคนก็ได้...
//////////

“โอ๊ย!!!! เบา ๆ สิ หมอ! ผมเจ็บนะ!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นโรงพยาบาลเถื่อนของหมอมาซาฮิเดะ

“เบาแล้วเนี่ย! แกก็อย่าดิ้นเซ่! มันเย็บยากรู้มั้ย?” คนเป็นหมอดุเอาด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน แล้วส่งสายตาบอกให้บุรุษพยาบาลล็อกตัวเจ้าหนุ่มขี้โวยวายเอาไว้แน่น ๆ  แล้วก็ลงมือเย็บเข็มต่อไป

“เจ็บ!!!! เบา ๆ หน่อย!!!!” คนโดนเย็บโวยไม่เลิก “ทำไมไม่ทาหรือฉีดยาชาให้ก่อนเล่า!! มันเจ็บนะเนี่ย!!!!”

“จะฉีดให้เปลืองยาไปทำไม ไอ้เซย์มันไม่เห็นบ่นซักคำเวลาโดนเย็บน่ะ” หมอมาซาฮิเดะยังตั้งหน้าตั้งตาเย็บต่อไป แผลของเจ้าตัวเล็กนี่ไม่เล็กเลย ยาวเกือบตลอดแขนท่อนล่าง เป็นรอยโดนกรีดด้วยมีดในลักษณะที่เจ้าตัวพยายามยกมือขึ้นมาป้องกันตัว ส่วนใหญ่แล้วฮิโรกิมารักษาตัวเพราะไม่สบายหรือเมายามามากกว่า ไอ้ที่จะเป็นแผลใหญ่โตขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรก

“นั่นมันเซย์ ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้อึดเป็นแรดอย่างมันนี่!!” เจ็บทั้งเจ็บแต่ฮิโรกิยังเถียงฉอด ๆ

“หยุดเถียงได้แล้วน่า ฮิโรกิ เดี๋ยวเลือดก็ออกไม่หยุดหรอก” จิอากิพยายามปลอบด้วยความเป็นห่วง

“ก็มันเจ็บนี่! เธอไม่โดนเย็บมั่งไม่รู้หรอก” เจ้าตัวแสบพาล

“ก็นั่นสิ...แล้วนึกยังไงถึงเลียนแบบไอ้เซย์มันล่ะ อยากรู้เหรอว่าเวลาโดนเย็บมันเจ็บยังไง?” มาซาฮิเดะผูกปมด้ายเข็มสุดท้ายแล้วใส่ยาก่อนที่จะค่อย ๆ พันผ้าพันแผลให้

“ไม่ใช่อย่างนั้นน่า หมอ...ใครจะไปอยากเจ็บตัว แค่พลาดไปหน่อยเดียวเอง” ฮิโรกิบ่นอุบอิบ

“โดนใครเขาทำมาล่ะ?”

“พวกไอ้อัตสึชิ...”

“อ้อ...เรอะ แล้วเซย์ริวไปไหน?” มาซาฮิเดะถามต่อ

“เอ้อ...ไป...ไปหาไอ้พวกนั้น...” ฮิโรกิตอบแล้วก้มหน้านิ่ง

“งั้นเดี๋ยวคงได้เย็บแผลอีกราย” คุณหมอถอนใจหนัก ๆ แล้วหันไปหยิบหลอดยาพร้อมกับเข็มฉีดยา “เอ้า! ฉีดยากันบาดทะยักเข็มนึงก่อน”

“หา! ต้องฉีดยาด้วยเหรอ?” แค่นี้ยังเจ็บไม่พออีกหรือไงเนี่ย...เจ้าตัวเล็กครวญอยู่ในใจ

“ต้องฉีดสิ ฉีดคราวนี้คราวหน้าก็ไม่ต้องฉีดไปอีกหลายเดือน” มาซาฮิเดะว่าพลางดูดยาจากหลอด

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #48 เมื่อ29-03-2013 09:46:40 »

“ไม่มีครั้งหน้าแล้ว!”

“มีไม่มีก็ต้องฉีด เอ้า! เอาแขนมา”

“ไม่เอา! ไม่ต้องฉีดก็ได้ แผลแค่นี้เอง”

“ต้องฉีด...จับมันไว้แน่น ๆ  อย่าให้มันดื้อมากกว่านี้นะ” ประโยคหลังคนเป็นหมอหันไปบอกบุรุษพยาบาล ซึ่งก็ทำตามคำสั่งด้วยการเดินไปล็อกแขนทั้งสองข้างของฮิโรกิอีกครั้งหนึ่งแต่โดยดี

“เฮ้! ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่ หมอ”

“ก็เธอดื้อนี่หว่า”

ฮิโรกิทำหน้าเบ้ เขาเกลียดการฉีดยา การกินยา และการหาหมอเป็นที่สุด ถ้าไม่ใช่เรื่องปางตายแล้วเขาจะไม่มีวันเหยียบเข้ามาในโรงพยาบาลของมาซาฮิเดะในฐานะคนป่วยเด็ดขาด ตอนที่ปลายเข็มแหลมแทงเข้ามาในเนื้อ ร่างบางถึงกับสะดุ้ง กัดริมฝีปากแน่น...ที่จริงมาซาฮิเดะก็นับว่ามือเบาที่สุดในบรรดาหมอที่เขาเคยเจอมาแล้ว แต่ก็อดกลัวเข็มไม่ได้...ไม่รู้เซย์ริวทนให้หมอฉีดยาได้ไงบ่อย ๆ  ไหนจะเรื่องเย็บแผลอีกล่ะ เขาเห็นทีไรต้องรู้สึกลมออกหูเหมือนจะเป็นลมทุกที

“เอ้า! เสร็จ!” หมอมาซาฮิเดะตบหนัก ๆ ลงไปตรงที่เพิ่งฉีดยา ทำเอาฮิโรกิสะดุ้งสุดตัว

“มันเจ็บนะ หมอ!” ดวงตาเรียวค้อนควักเข้าให้วงใหญ่

“นิดหน่อยน่า ฮิโรกิก็...จะได้ไม่ติดเชื้อไง” จิอากิพยายามปลอบ เธอรู้ดีกว่าคนรักของเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร เวลาที่ต้องกินยาตามหมอสั่งทีไร เหมือนจะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงทุกที

“แต่มันเจ็บ!” ฮิโรกิยังคงโวยวายไม่เลิก

ทันใดนั้น ประตูห้องตรวจก็ถูกกระชากเปิดออกเต็มแรงจนทุกคนในห้องสะดุ้งสุดตัว ร่างสูงยืนท้าวกรอบประตูด้วยท่าทางก้าวร้าว แม้จะใส่เสื้อโค้ทสีดำแต่คนมองก็รับรู้ได้ว่าบนพื้นสีดำนั้นเปรอะไปด้วยเลือดจำนวนมาก ทั้งสองมือก็แดงฉานไปด้วยเลือดที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเป็นเลือดของใคร ดวงตาคมที่มองจ้องเข้ามาในห้องดูเย็นชา ดุดันเสียจนจิอากิเผลอถอยกรูด แม้แต่ฮิโรกิยังเสียวสันหลัง มือแกร่งกระชากดึงคอเสื้อของคนที่นอนกองอยู่กับพื้นลากโยนเข้ามาในห้อง ร่างโชกเลือดนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับกรีดร้อง

“มันรึเปล่า?” น้ำเสียงถามราบเรียบ ตรงกันข้ามกับแววตาที่ดูราวกับพร้อมจะฆ่าใครก็ได้ทุกเมื่อ

“มะ...ไม่นะ...เซย์...” ร่างบางถึงกับปากคอสั่น เขาไม่ได้เห็นเซย์ริวโกรธมากขนาดนี้มานานแล้ว...และเจ้าคนที่นอนอยู่นี่ก็คง...ไม่มีลมหายใจแล้ว

“มัน...รึเปล่า...” เสียงเน้นย้ำบ่งบอกถึงความขุ่นมัวที่เริ่มแล่นริ้วขึ้นมาในใจ

ฮิโรกิรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขารู้ตั้งแต่เห็นทีแรกแล้วว่าคนที่เซย์ริวเอาตัวมาคือคนเดียวกับที่ทำร้ายเขา

“ชะ...ใช่...รู้ได้ไง?”

“มันเป็นคนเดียวที่ใช้มีด แล้วมันก็ดูถูกแก...” พูดพลางก็ทอดสายตามองคนที่กองอยู่แทบเท้า มุมปากยกขึ้นเกือบจะยิ้มด้วยซ้ำ สีหน้าแบบนั้นทำเอาฮิโรกิเย็นวาบไปจนถึงปลายเส้นผม

“เฮ่อ...ให้ตายเถอะ ก่อเรื่องอีกแล้วนะ” มาซาฮิเดะลุกจากเก้าอี้เข้ามาทำท่าจะตรวจดูคนที่เซย์ริวลากมา “แล้วอย่าเอาขยะเผาไม่ได้มาทิ้งที่นี่ได้มั้ย นี่ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะนะ”

“แต่มันเป็นที่เดียวที่ทิ้งศพได้”

มาซาฮิเดะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วแตะไปตามจุดชีพจรของร่างที่แน่นิ่ง

“ไม่ต้องตรวจแล้วหละหมอ มันตายตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะลากมาแล้ว”

มาซาฮิเดะไม่ได้ตอบอะไร เขาพลิกร่างนั้นให้นอนหงายขึ้น เสื้อผ้าด้านหน้าของศพเต็มไปด้วยเลือด และเมื่อหันออกไปมองนอกห้องก็พบว่ามีรอยเลือดลากมาเป็นแนวยาว จิอากิยกมือขึ้นปิดหน้าพลางหวีดร้อง ผู้เป็นหมอไม่ได้สนใจ เขาลงมือตรวจร่างนั้นต่อไป มีแผลที่ใบหน้าอย่างน้อย 5 แผล เมื่อเปิดเสื้อดูก็พบว่าที่หน้าท้องมีแผลฉกรรจ์ ตามร่างกายยังมีแผลที่เกิดจากของมีคมอีกหลายแผล แต่สาเหตุที่ทำให้ตายก็คือ รอยแผลขนาดใหญ่ที่ลากปาดลำคอจนหลอดลมขาดสะบั้น...เซย์ริวยังลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดเหมือนอย่างเคย

“รับรองได้ว่าอวัยวะภายในปลอดภัยหมด หมอจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ฉันไม่คิดเงิน” ร่างสูงหยิบสำลีใช้แล้วขึ้นมาเช็ดมีด “แต่ฉันขอจ่ายค่ารักษาของฮิโรกิกับของฉันด้วยไอ้หมอนี่แล้วกัน แล้วส่วนที่หมอจะได้เพิ่มจากการขายอวัยวะของมัน ก็แบ่งบางส่วนเอาไว้เป็นค่ารักษาของฉันคราวหน้า โอเคมั้ย?”

มาซาฮิเดะยิ้มนิด ๆ  “หัวการค้าดีเหมือนกันนี่”

“เพราะหมอสอนมานั่นแหละ” มือหยาบกดสวิตช์มีดสปริงแล้วเก็บลงกระเป๋า

“เอางั้นก็ได้...แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว เดี๋ยวแกจะเที่ยวล่าคนเอามาจ่ายแทนค่ารักษาอีก” หมอมาสะของเซย์ริวรีบบอกเอาไว้ก่อน เพราะเขารู้ดีกว่าเรื่องหาศพนั้นเซย์ริวถนัดกว่าหาเงินหลายเท่านัก

“ชิ! ดันรู้ทันซะได้” เซย์ริวบ่นอุบอิบ

“ไม่รู้ทันแล้วจะหากินกับพวกแกได้เรอะ? ว่าแต่ มีแผลกลับมาหรือเปล่า?” หมอหันกลับมาถามพลางบุ้ยใบ้ให้บุรุษพยาบาลเอาร่างไร้ชีวิตนั้นไปเก็บไว้ในห้องเย็นเพื่อรอการชำแหละชิ้นส่วนไปขาย

“ไม่มีหรอก ระดับไอ้พวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” พูดพลางก็ยักไหล่อย่างอวดดี เหลือบสายตาไปมองคนตัวเล็กที่ยังนั่งนิ่งนอกจากอาการประหม่าเล็กน้อยในตอนแรกแล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรให้เห็นอีก ต่างจากจิอากิที่ออกอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย? เย็บไปกี่เข็ม?” ในน้ำเสียงนั้นมีความอาทรเจืออยู่...เบาบางจนแทบจะไม่รู้สึก...แต่ฮิโรกิเข้าใจดี เซย์ริวเอ็นดูเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ยี่สิบเข็ม”

“ปวดตายห่าเลย”

“อย่าขู่ได้มั้ย” ดวงตาเรียวสวยค้อนเข้าให้

จริงอยู่ที่เขาอาจจะตกใจมากที่เห็นเซย์ริวลากเอาร่างไร้วิญญาณของคนที่ทำร้ายเขาเข้ามาในห้อง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงขั้นเอาชีวิตกัน แต่เขาลืมคิดไป...อาจเพราะเขาไม่ได้เห็นมานานแล้วก็ได้...เซย์ริวที่กำลังโกรธถึงขีดสุดนั้น ใครก็มาห้ามไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ตายจะไม่มีการหยุด หลายปีแล้วที่เซย์ริวไม่เคยมีเรื่องถึงขนาดเอาชีวิตกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน...ลึก ๆ แล้ว ฮิโรกิรู้สึกดีใจนิด ๆ  เพราะการที่เซย์ริวทำถึงขนาดนี้เพื่อเขา มันแสดงว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับเซย์ริวมากทีเดียว

“เรียบร้อยก็กลับได้...อ้อ หมอมาสะ ขอยาแก้ปวดด้วย” ประโยคสุดท้ายหันไปบอกกับมาซาฮิเดะ

คุณหมอผู้อาวุโสกว่าไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยักคิ้วแล้วจัดยาให้ตามคำขอ แถมยาแก้อักเสบให้ด้วย ซึ่งเรื่องยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนี้ ถ้าสำหรับเซย์ริวแล้วไม่จำเป็นเลย

“แล้วแผลเก่าของเธอเป็นไงบ้าง?” มาซาฮิเดะถามคนไข้เจ้าประจำ

“หายแล้วมั้ง มีเซ็กส์ได้แล้วนี่” คำตอบหน้าตาเฉยทำเอาหมอขมวดคิ้ว

“มันไม่เกี่ยวกันไม่ใช่เรอะ? ไหน มาดูก่อนซิ”

เซย์ริวนั่งลงที่เก้าอี้ตรวจแล้วถอดเสื้อให้หมอดูอย่างว่าง่าย บาดแผลอยู่ในขั้นดีเยี่ยมและเรียกได้ว่าปิดสนิทแล้ว ถ้าไม่ไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนรุนแรงก็คงไม่เปิดออกมาอีก ดังนั้น คนเป็นหมอก็เลยตัดสินใจตัดไหมเสีย

“ได้คนดูแลดีหละสิ”

“นิดหน่อยน่ะ”

“เหยื่อคนใหม่?”

“ใช่” ร่างสูงตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่อากาศภายนอกยังคงครึ้มไปด้วยเมฆฝน แต่ก็ยังไม่ตกลงมาเป็นหยดน้ำเสียที กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปตามก้อนเมฆดำเป็นประกายวูบวาบ...ภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งที่เยือกเย็นราวกับสายน้ำแต่รุนแรงเร่าร้อนราวกับสายฟ้าซ้อนทับภาพนั้นขึ้นมาทันที...รอยยิ้มนั้นสยายกว้างขึ้น

“ไอ้หมอนั่นต้องบ้าแน่ ๆ ” มาซาฮิเดะพูดขึ้นเบา ๆ  ร่างกายของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าได้รับการดูแลดีแค่ไหน ร่างกายที่เคยผอมไปบ้างบัดนี้เต็มไปด้วยมัดกล้ามและเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่ใช่ร่างกายของคนอดมื้อกินมื้ออย่างเคย...เขารู้แล้วว่าเหยื่อรายใหม่คนนั้นควรจะเป็นใคร...เขายังจำชายหนุ่มที่ประคับประคองเซย์ริวมาหาเขาจนเสื้อชุ่มโชกไปด้วยเลือดได้ติดตา เขาเตือนไปแล้วว่าให้ถอยห่างจากเซย์ริวซะ แต่ถ้าไม่เชื่อกันเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้

“จะว่างั้นก็ไม่ผิดหรอกหมอ แต่มันก็เป็นผลดีกับฉัน”

มาซาฮิเดะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เซย์ริวไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่วันที่ได้พบกัน เป็นคนที่พยายามตักตวงทุกอย่างจากคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง มีเพียงฮิโรกิเท่านั้นที่แตกต่าง...แต่ก็แค่แตกต่างนิดหน่อย ถ้าเซย์ริวจะมีความใยดีแบบเดียวกับที่มีให้ฮิโรกิให้กับคนอื่นบ้างอีกสักคนก็คงจะดีกว่านี้

“เอ้า! เรียบร้อย อย่าให้แผลมันเปิดล่ะ” พูดพลางก็ตบหนัก ๆ ที่แผลเหมือนกับที่ทำกับฮิโรกิเมื่อครู่ แต่ร่างสูงไม่สะดุ้งสะเทือน

“ขอบคุณมากหมอ ไว้แล้วจะมารบกวนใหม่”

“ไม่มาบ่อย ๆ แหละดี”

เซย์ริวจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วหันไปหาฮิโรกิกับจิอากิ หญิงสาวหลบเข้าหลังแฟนหนุ่มทันทีที่สบตากัน ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แล้วก็นึกได้

“กลัวเหรอ?”

“กะ...กลัวสิ ใครจะบ้าไม่กลัวล่ะ” เสียงใสสั่นน้อย ๆ

ร่างสูงทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูก “เถียงได้ขนาดนี้แปลว่าไม่กลัวแล้ว”

“บ้า”

“กลับบ้านกันเถอะน่า” เซย์ริวเอ่ยชวนเหมือนหลอกล่อเด็ก “เดี๋ยวซื้อเบียร์ไปกินกันด้วย ดีมั้ย?”

“ดี” คนตอบคือฮิโรกิ ตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที

“ฮิโรกิ...เธอห้ามกินเหล้าอย่างน้อยอาทิตย์นึงนะ” มาซาฮิเดะขัดขึ้นเล่นเอาเจ้าตัวเล็กหน้าหงิกทันที “หรืออยากจะให้แผลมันเป็นหนองก็ตามสะดวก”

“เชอะ! ไม่กินก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่เลย” ฮิโรกิบ่นงึมงำ จนจิอากิกับเซย์ริวอดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะอะไรเล่า! กลับกันได้แล้ว”

ว่าแล้วก็เดินงอนตุปัดตุป่องออกไปจากห้องตรวจจนแฟนสาวต้องวิ่งตามออกไปง้อ เซย์ริวยักไหล่แล้วก็โค้งให้มาซาฮิเดะนิดหนึ่งก่อนที่จะตามออกไปอีกคน

เมื่อห้องตรวจว่างเปล่า มาซาฮิเดะก็ยิ้มนิด ๆ กับตัวเองก่อนที่จะหยิบถุงมือยางมาสวมแล้วตรงไปที่ห้องเย็น...ศพที่เซย์ริวหามาให้นี้จะทำเงินให้เขามากพอที่จะเป็นค่ารักษาให้ทั้งเซย์ริวและฮิโรกิไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #49 เมื่อ29-03-2013 12:40:43 »

โหดแท้ เซย์ริว
ว่าแต่ทำไมมีแต่คนว่าคัตซึว่าบ้านะะ 555555 แต่ก็เป็นคนดีเกินไปนิดจริงๆแหละะ

:pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
« ตอบ #49 เมื่อ: 29-03-2013 12:40:43 »





ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #50 เมื่อ29-03-2013 18:29:15 »

ตอนนี้เลือดท่วมจริงๆ เลือดจากการโดนปาดซะด้วย :katai1:
แต่ตอนนี้เหยื่อน้อยๆไม่ได้ออก ไม่มีบทซะงั้น  :katai4:

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #51 เมื่อ29-03-2013 19:27:26 »

เซริว โหดมากกก  o22 แต่ท่าจะแพ้ทางเร็น
จริงอย่างที่หมอพูดถ้าเซย์ริวจะมีความใยดีแบบเดียวกับที่มีให้ฮิโรกิให้กับคาซึโกะอีกสักคนก็คงดี
สร้อยที่คาซึโกะซื้อให้ จะทำให้เซริวเปลี่ยนไปบ้างไหม :hao5:
ถึงจะมีคอมเม้นต์แค่ตอนละ 2 เม้นต์แล้วเด้งหายไปหน้า 3 เราก็จะลงต่อไป วะฮะฮ่า
ยังเม้นเหมือนเดิม โหวด บวก เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:

รัตติกาล

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #52 เมื่อ30-03-2013 13:01:18 »

มาขอติดตามอีกฮับ
 :mew1:

ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #53 เมื่อ02-04-2013 22:00:41 »

เลือดไหลๆ เช็ดๆ ฮึ่บ! สนุกค่ะ  o13


ห้ามเลือดต่อ  :jul1:  :jul1:  :jul1:

ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #54 เมื่อ03-04-2013 19:42:37 »

 o22

เรื่องนี้ใช้เลือดเปลืองไปไหมมม

 :heaven สาธุ ไปสุขคติเถอะ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #55 เมื่อ03-04-2013 20:59:03 »

มาหรือยังน้อออ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #56 เมื่อ05-04-2013 09:45:14 »

สวัสดีวันศุกร์ครับ
มาต่อเลยแล้วกันนะครับ
อ้อ...อาทิตย์หน้าไม่อยู่นะครับ งดลงหนึ่งครั้ง เจอกันหลังสงกรานต์นะครับ

...

KOUSOKU 09

หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย อากาศเย็นจัดมาหลายวันแล้ว มือเรียวกระชับเสื้อโค้ทตัวหนาเข้ากับตัว ลมหายใจออกมาเป็นควันขาว ไอเย็นแทรกเข้าไปในร่างจนต้องขยับผ้าพันคอขึ้นมาบังจมูกเอาไว้ รู้สึกหนาวสะท้านแบบนี้มาหลายวันแล้ว บางทีไข้หวัดอาจจะเล่นงานเขาเข้าแล้วก็ได้

‘...ไม่ใช่หรอก...’

ชายหนุ่มคิด...เขาลองวัดไข้ให้ตัวเองดูหลายครั้งแล้ว อุณหภูมิไม่ผิดปกติอะไร อาการครั่นเนื้อครั่นตัวก็ไม่มี ไม่ไอไม่จาม...ไม่เป็นหวัดแน่นอน...เพียงแต่...บางครั้ง ในยามค่ำคืนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ที่นอนมันช่างเย็นเยียบ เหมือนไออุ่นบางอย่างที่เขาเริ่มคุ้นเคยได้หายไป...พร้อมกับหิมะที่เริ่มโปรยปราย

สองมือสั่นสะท้านขึ้นมาทันที...เขาไม่ควรจะไปคิดถึงใครคนนั้นเลยนี่นา คนที่ทำอะไรร้ายกาจเอาไว้กับเขาสารพัด แถมพอใจดีซื้อของให้หน่อยก็หายหัวไปเลย...ดวงตาคมหรี่วูบลง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างขัดใจ

‘…พอแล้ว! เลิกคิดได้แล้ว...หมอนั่นไม่มายุ่งกับชีวิตเราก็ดีแล้วไง คงได้ของที่อยากได้ไปแล้วก็เลยไปเสียที...ทีนี้เราจะได้อยู่อย่างสบายใจหละ…’

ใจหนึ่งพร่ำบอกับตัวเองอย่างนั้น แต่อีกใจกลับรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นของความเปลี่ยวเหงา ร่างเพรียวสะบัดหัวแรง ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ปุยหิมะที่เกาะอยู่บนเส้นผมปลิวกระจาย เขายืนเซื่องอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ

“ฮะ...ฮัด...เช้ย!!!!”

จามเสร็จก็สะท้านเยือกไปทั้งตัว พระเจ้า...นี่โดนหวัดเล่นงานจริง ๆ หรือนี่? ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตรงไปที่มินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุดทันที เครื่องดื่มอุ่น ๆ สักแก้วอาจจะหยุดอาการเริ่มต้นของหวัดได้

นมร้อนถูกยกขึ้นจิบเรื่อย ๆ  ในขณะที่ในถุงพลาสติกในมือก็มีนมขวดใหญ่ที่ซื้อกลับไปอุ่นกินที่บ้านพร้อมกับของสดนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีแรงทำอะไรหรือเปล่า เพราะในขณะที่กำลังรีบจ้ำกลับห้องพักอยู่นี้ไข้ก็ขึ้นไม่หยุด เขากำลังลุ้นอยู่ว่าเขาจะวูบก่อนหรือว่าจะถึงบ้านก่อน

ประตูห้องเช่าเล็ก ๆ ปิดโครมลงทันทีที่เจ้าของห้องเข้ามาในห้องด้วยอาการถลา เขาเกือบจะมาไม่ถึงห้องอยู่แล้ว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่เปิดประตูห้องได้ ภาพตรงหน้าก็ดับมืดไปหมด...สองมือพยายามท้าวพื้นยันตัวอย่างล้าแรง ไม่ใช่แค่ไข้หวัดแน่...เขารู้ว่าเมื่อกลางวันเขาไม่ได้กินข้าว เมื่อเช้าก็ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียว ที่ยังวิ่งกลับมาจนถึงบ้านก่อนจะเป็นลมไปที่ไหนได้นี่ก็บุญนักหนาแล้ว

ในที่สุดชายหนุ่มก็หมอบขดอยู่ตรงหน้าประตูห้อง กะว่าพอมีเรี่ยวแรงสักหน่อยแล้วจะไปนอนบนเตียงให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ต้องตรงนี้หละนะ...ในห้องที่ยังไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ไม่ต่างอะไรกับข้างนอก ร่างเพรียวกระชับเสื้อโค้ทแล้วขดตัวมากขึ้น ในหัวมันอื้ออึงและพร่ามัว รู้แค่ว่าตอนนี้ลมหายใจร้อนผ่าวและหิมะที่เกาะมาตามเสื้อผ้าและเส้นผมกำลังเริ่มละลายทำให้ร่างกายของเขาชื้น เขาควรจะถอดเสื้อเปียก ๆ นี่ออกก่อนที่มันจะทำให้เขาเป็นปอดบวม แต่ร่างกายไม่มีแรงเลย ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ หลับพริ้มลงช้า ๆ ...ตอนนี้คงได้แต่เฝ้ารอให้มีแรงมากขึ้นแล้วค่อยลุกไปจัดการกับตัวเอง ผิวกายสะท้านน้อย ๆ ...ใจเริ่มกระหวัดคิดถึงไออุ่นของใครบางคน...

“เฮ้ย! บ้าอะไรเนี่ย มานอนทำบ้าอะไรอยู่หน้าประตูวะ?”

เสียงเอะอะดังขึ้นดึงให้สติที่กำลังจะหลุดลอยให้กลับเข้าร่าง ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองใครบางคนที่ไม่เพียงแต่จะบุกรุกเข้ามาในห้องหากยังใช้เท้าเขี่ยเขาอีกด้วย!...

“อย่า...ให้มันมาก...นักนะ เซย์ริว!!!!”

เสียงเข่นเขี้ยวอย่างเต็มแค้นดังลอดริมฝีปากออกมาจนได้ โกรธสุดขีดขึ้นมาทันที หากอีกฝ่ายยิ้มเหยียด ๆ

“ยังไม่ตายนี่หว่า แล้วบ้าอะไรมานอนอยู่ตรงนี้?”

“ผมเป็นไข้...” คัตซึฮิโกะกัดฟันกรอด ตอนนี้อย่าว่าแต่ลุกขึ้นเลย แค่ภาพของร่างสูงตรงหน้าก็พร่าเลือนเต็มทน

“เป็นไข้แล้วทำไมไม่ไปนอนบนเตียง”

“ผมลุก...ไม่ขึ้น...” ร่างเพรียวตอบตามตรง

เซย์ริวถอนใจเฮือกใหญ่ “ทำไมฉันต้องมาเจอแกตอนกำลังเป็นไข้ได้ที่ทุกทีเลยนะ”

คำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะคิดขึ้นมาได้...ตอนที่เขาเป็นไข้ หมดหนทางช่วยตัวเอง...ผู้ชายคนนี้ก็ยัง...!! ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอย ชายหนุ่มบอกกับตัวเองแล้วพยายามกัดฟันฝืนพยุงตัวลุกขึ้น

เซย์ริวกอดอกยืนมองคนอวดเก่งอยู่เฉย ๆ  อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ ที่พูดไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอเห็นคนที่นอนแบ่บอยู่ลุกขึ้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ก็พอจะนึกสาเหตุออกอยู่บ้าง

โลกไหววูบวาบไปหมด เท้าค่อย ๆ ก้าวลากไปข้างหน้าอย่างยากเย็น ทีละก้าว...ทีละก้าว...จากหน้าประตูห้องถึงเตียงนอนนั้นเดินแค่ 3 ก้าวก็ถึง แต่วันนี้คัตซึฮิโกะรู้สึกว่ามันไกลแสนไกลราวกับว่าจะไม่มีวันไปถึงได้...ภาพตรงหน้าดับวูบลงอีกครั้งพร้อมกับที่ขาสองข้างเกี่ยวสะดุดกันเอง แต่ก่อนที่ร่างเพรียวจะล้มไปฟาดกับอะไรเข้า มือแกร่งก็ฉุดรั้งเอาไว้ทัน

“ให้ตาย...ทำไมแกถึงได้มากเรื่องอย่างนี้นะ?” ร่างสูงค่อย ๆ ประคองเจ้าของห้องไปนั่งที่เตียงแล้วจัดการถอดเสื้อโค้ทให้

“อย่า...” ทั้งที่พร้อมจะวูบทุกเมื่อ แต่มือเรียวก็ปัดมือที่แกะกระดุมเสื้อออกอย่างระแวง

“ทำบ้าอะไร? อยู่นิ่ง ๆ สิ”

“ผม...ถอดเองได้...”

“ถอดเองหรือฉันถอดก็มีค่าเท่ากัน ถ้าฉันจะทำหละก็นะ...แต่ตอนนี้อยู่เฉย ๆ  อย่าให้ฉันโมโห” คำบอกแกมขู่ได้ผล คัตซึฮิโกะนั่งนิ่งให้ร่างสูงถอดเสื้อโค้ทเปียกชื้นออกจากตัวเอาไปแขวนไว้ข้างประตูห้องน้ำ

สวิตช์ฮีทเตอร์ถูกเปิดขึ้น ไออุ่นพลุ่งออกมาจากเครื่องทำความร้อนเก่า ๆ ทำให้อุณหภูมิในห้องดีขึ้น ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกนำมาเช็ดซับเส้นผมที่ชื้นเพราะหิมะ สเว็ตเตอร์ตัวหลวมสวมทับให้อีกชั้นก่อนที่ร่างเพรียวจะถูกผลักลงนอนกับเตียง ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไร ผ้านวมหนาก็ถูกดึงขึ้นมาคลุมจนถึงคอ ดวงตาคู่สวยยังปรอยปรืออย่างหวาดระแวง ผ้าชุบน้ำถูก-โปะ-ลงมาบนหน้าผากคลุมลงมาจนถึงเปลือกตาร้อน

“นอนไป ฉันไม่ทำอะไรหรอก” ร่างสูงบอกด้วยเสียงห้วน ๆ  “ตอนเริ่มเป็นน่ะ นอนเยอะ ๆ ก็หายแล้ว”

คัตซึฮิโกะยังไม่ไว้ใจเสียทีเดียว แต่ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้เซย์ริวข่มขืนเขาตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงต่อต้านอะไรหรอก ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง แว่วเสียงพูดบางอย่างเหมือนลอยมาจากที่ไกลแสนไกล

“แม่ง...เรื่องมากชิบ...หายเร็ว ๆ ล่ะ...เสียเที่ยวชะมัด”
//////////

ในตอนที่กำลังหลับสนิทได้ที่ มืออุ่น ๆ ของใครบางคนก็แตะลงที่ข้างแก้มแล้วเคลื่อนไปอังตรงซอกคอ คัตซึฮิโกะขยับตัวนิด ๆ อย่างรำคาญ เขากำลังหลับสบายจนไม่อยากจะตื่น แต่มือนั้นไม่หยุดแค่นั้น กลับจับไหล่บางเขย่าปลุก ตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ตัว

“เฮ้ย ตื่นก่อน กินอะไรก่อนแล้วค่อยนอนต่อ”

“อือ...ผมไม่หิว...” คัตซึฮิโกะครางแล้วพลิกตัวซุกหน้ากับผ้านวม

“ลุกเซ่ะ หิวไม่หิวก็ต้องกิน” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความหงุดหงิดเล็ก ๆ

“ไม่เอา...ไม่กิน” คนไม่สบายยังดื้อดึง โบกมือปัดป่ายเหมือนจะไล่คนมารบกวนให้ไปพ้น ๆ

“แกจะลุกมากินดี ๆ หรือจะให้ฉันป้อน...” ถ้าประโยคมันจบแค่นี้คัตซึฮิโกะคงยังนอนต่อไป แต่คำพูดสั้น ๆ ที่ตามหลังมาทำให้ต้องตะกายลุกจากเตียงแทบไม่ทัน “...ด้วยปากฉัน?”

ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งทำหน้าผะอืดผะอมกับคำพูดอันตรายต่อร่างกายของคนเฝ้าไข้ไม่ได้รับเชิญ การได้หลับไปครู่ใหญ่ ๆ ทำให้อาการมึนหัวค่อยยังชั่วขึ้น ซุปข้าวโพดสำเร็จรูปหอมกรุ่นถูกยื่นมาตรงหน้า ถึงจะไม่นึกอยากกินอะไรเลย แต่ดูเหมือนร่างกายจะอุทธรณ์กับการไม่ได้รับอาหารเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอดวันเสียแล้ว น้ำย่อยในท้องลั่นขึ้นมาเบา ๆ ทำให้ต้องยื่นมือไปรับถ้วยซุปมาตักใส่ปากอย่างเสียมิได้

ที่ข้างเตียง ร่างสูงกำลังนั่งจัดการกับบะหมี่ถ้วยสำเร็จรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ และถึงแม้ว่าจะรอให้บะหมี่สุกนาน 3 นาทีแล้วก็ตาม แต่เซย์ริวก็ยังกินเสร็จก่อนคนป่วยที่ได้ซุปไปก่อนอยู่ดี ดวงตาคมเหลือบมองคนบนเตียงที่ยังค่อย ๆ ตักซุปใส่ปากราวกับมันกำลังเดือดเป็นลาวาแล้วก็บ่นเบา ๆ

“ซุปถ้วยแค่เนี้ย...กินเป็นชาติ”

ดวงตาคู่สวยค้อนควับเข้าให้ ก่อนที่จะขูดช้อนกับก้นถ้วยตักซุปเข้าปากเป็นคำสุดท้ายพอดี แล้วก็ส่งถ้วยคืนให้โดยไม่พูดอะไร
ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย เพราะคาดว่าน่าจะได้รับคำตอบอะไรที่ยียวนพอกันจากอีกฝ่าย แต่คัตซึฮิโกะกลับเงียบแล้วก็ขยับตัวไปชิดผนัง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตั้งท่าจะนอนเสียต่ออย่างนั้น

‘…ท่าจะเพลียจริงแฮะ ไม่ปากเสียก็ได้...แต่...’

“เฮ้ย! ลุกมากินยาก่อน”

คัตซึฮิโกะตลบผ้าห่มมาทำหน้ามุ่ยใส่ แต่ก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างว่าง่าย ร่างสูงยัดยาใส่มือให้ 3 เม็ด ซึ่งคนรับมาทำหน้าเบ้ แต่พออีกฝ่ายส่งน้ำแก้วใหญ่ให้ก็ยอมกินยาแต่โดยดี แม้จะฝืดฝืนไปบ้างด้วยยามันหลายเม็ดแต่ในที่สุดมันก็ลงคอไปจนหมด

เซย์ริวรับแก้วน้ำคืนมาวางไว้บนโต๊ะเล็กข้าง ๆ หัวเตียง “ถ้าไงแกอย่าเพิ่งนอนตอนนี้ดีกว่า เดี๋ยวไอ้ที่กินเข้าไปไหลออกปากจะแย่เอา”

ทั้งนี้พูดมาจากประสบการณ์การเฝ้าไข้ที่เลวร้ายที่สุดเมื่อตอนที่ฮิโรกิป่วยหนักขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นพวกเขายังไม่รู้จักกับจิอากิเลยด้วยซ้ำและคนที่ต้องดูแลฮิโรกิในตอนนั้นก็คือเขา...ณ วินาทีนี้...นึกยังไงไม่รู้ เซย์ริวรู้สึกอยากเล่าเรื่องตอนนั้นออกมา

“ฉันเคยเฝ้าไข้เพื่อนน่ะ ที่โรง’ บาล ตอนนั้นป่วยหนักเลย”

คัตซึฮิโกะนิ่งฟัง...นี่เป็นครั้งแรกที่เซย์ริวพูดถึงเรื่องของตัวเอง

“วันนั้นมันพอจะรู้ตัวแล้วหละ แต่ก็ไม่ค่อยอยากตื่น ไม่รู้ว่าหมอให้ยานอนหลับมันรึเปล่า แต่ฉันก็ปลุกมันขึ้นมากินข้าวที่พยาบาลเอามาให้ มันก็กินนะ แล้วก็กินยากินน้ำตาม เสร็จแล้วมันก็นอน...ฉันก็ไม่คิดอะไร...พักเดียว ออกมาหมดเลย ทั้งข้าวทั้งยา แถมตัวมันเองก็ทำท่าเหมือนจะสำลักอ้วกตัวเองตาย โกลาหลกันแทบแย่ ต้องมานั่งล้างนั่งเช็ดให้มัน...อี๋...” เล่าไปพลางก็ทำหน้าผะอืดผะอมไป

คนที่เอาแต่เงียบฟังมาพักใหญ่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง “เอ้อ...พอเถอะ...ผม...ชักอยากอ้วกขึ้นมาบ้างแล้ว”

“อย่านะโว้ย! ฉันจะไม่เช็ดอ้วกใครอีกแล้วนอกจากอ้วกตัวเอง”

“ถ้าคุณไม่พูดอีก...ผมก็จะไม่อ้วก...” คัตซึฮิโกะพูดพลางทำหน้าเหยเก

“เออ...ฉันไม่พูดแล้ว แค่จะบอกว่ากินแล้วนอนมันจะอ้วกเอาได้ เพราะงั้น...แกห้ามอ้วกเด็ดขาด!” เซย์ริวย้ำเสียงหนักแน่น

“ถ้าคุณพูดเรื่องนี้อีกที ผมอ้วกแน่...” คนตัวเล็กกว่าบ่นงึมงำ...แล้วก็นั่งหน้าม่อย

ร่างสูงไม่พูดอะไรอีก หันหน้าเข้าโต๊ะเขียนหนังสือแล้วถือวิสาสะค้นหนังสือบางเล่มออกมาดู...เขาค่อนข้างจะต่างกับคนพวกเดียวกันตรงที่ชอบอ่านหนังสือนี่แหละ...นิ้วเรียวดึงหนังสือออกมาเปิดดูทีละเล่ม เปิดอ่านบ้าง เปิดผ่านบ้าง แล้วก็ดึงเอาสมุดปกสีดำแข็ง ๆ เล่มหนึ่งออกมา...ดูหน้าปกก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่หนังสือ อาจจะเป็นไดอารี่ของคัตซึฮิโกะ แต่เซย์ริวก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็ต้องนิ่งไป...สมุดสเก็ตช์

ในสมุดเล่มนั้นมีภาพมากมาย มีทั้งภาพเหมือน ภาพการ์ตูน ภาพกราฟิค...ดูเหมือนคัตซึฮิโกะจะใส่อะไรที่ตัวเองสนใจลงไปในนั้น มีรูปของเจ้าเด็กผมทองกวนโอ๊ยคนนั้นหลายรูป ในอากัปกิริยาต่าง ๆ กัน...น้องชายสุดที่รักหละสินะ...เซย์ริวยักไหล่นิด ๆ  ยกริมฝีปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม ไล่เปิดภาพในสมุดเล่มนั้นดูไปเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงภาพสุดท้าย...

ภาพสเก็ตช์ด้วยดินสอเป็นรูปใครบางคนกำลังนอนขดอยู่บนเตียง ในภาพนั้นไม่ได้วาดให้เห็นหน้าคนที่นอนอยู่ นอกจากหัวที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาเท่านั้น แต่ท่าทางจะกำลังหลับสบาย...เซย์ริวหรี่ตามองนิดหน่อย มันจะแปลกตรงไหนล่ะถ้าเขาจะบอกว่าเขารู้จักคนในรูปนั้น แม้จะไม่ได้เห็นหน้าก็ตาม...ก็เตียงนอนเล็ก ๆ เตียงนั้นมันตั้งอยู่ข้างหลังเขานี่เอง ต่างกันแต่คนที่นอนอยู่ตอนนี้เท่านั้น...นั่นเป็นภาพวาดของเขา...

ร่างสูงเหลียวไปมองคนที่วาดรูปนี้ แล้วก็พบว่าร่างเพรียวบางนั้นนั่งพิงหัวเตียงม่อยหลับไปเสียแล้ว...ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ปอยผมร่วงลงมาปรกใบหน้า ดวงตาคมสวยพริ้มสนิท ท่าทางจะหลับสบายไม่แพ้คนในรูปวาดนั้นทีเดียว...

เซย์ริวเผลอยิ้มบาง ๆ  ปิดสมุดสเก็ตช์ลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ วงแขนแกร่งค่อย ๆ ประคองร่างนั้นขึ้นจากหมอนที่นั่งพิงอยู่ คัตซึฮิโกะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อโดนรบกวนการนอน แต่เมื่อรู้สึกถึงไออุ่นก็เบียดซุกตัวเข้าหาราวกับแมว มือใหญ่ดึงหมอนลงวางกับเตียงแล้วค่อย ๆ วางร่างเพรียวลงนอน เกลี่ยเส้นผมสีดำนุ่มมือออกจากใบหน้า...น่าแปลก ที่ครั้งนี้อาชญากรหนุ่มไม่ได้คิดอะไรกับคนตรงหน้าในเรื่องเกี่ยวกับความใคร่เลย...ก็คงเช่นเดียวกับตอนที่คัตซึฮิโกะเอาแต่นั่งสเก็ตช์ภาพเขาโดยที่ไม่ได้คิดจะแจ้งความหรือเอาคืนอะไรกระมัง

คนป่วยขยับซุกขดตัวกับผ้าห่ม ลมหายใจยังสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เซย์ริวลูบผมนิ่มแล้วเหลือบมองนาฬิกา ยังไม่ดึกมากนัก แต่ท่าทางสบายของคนใต้ผ้าห่มก็ทำให้อยากนอนขึ้นมาตะหงิด ๆ

ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจเก็บสมุดสเก็ตช์เล่มนั้นเข้าที่...โดยที่ยังทิ้งหนังสือเล่มอื่นกองเอาไว้บนโต๊ะ...แล้วก็ปิดไฟห้อง ปีนขึ้นเตียงพร้อมกับสะบัดชายผ้าห่มอีกด้านมาคลุมร่าง พลิกตัวเข้าหาคนที่นอนขดอยู่ชิดผนัง มือแกร่งเอื้อมโอบกระชับร่างนั้นเข้าหาตัว...ดูเหมือนคนในอ้อมกอดจะเริ่มชินกับไออุ่นของเขาแล้ว จึงได้ขยับตัวเข้ามาหา

ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ ...ในห้องนี้...โลกทั้งโลกสงบ เย็น...ไม่ว่าเมื่อไร เซย์ริวก็รู้สึกเช่นนี้เสมอ นอกเสียจากวันที่กอดเจ้าของห้องนี้เอาไว้ในอ้อมแขน ในวันเช่นนั้น...เพลิงปรารถนาจะแผดเผาให้เร่าร้อนราวกับจะมอดไหม้...แต่สำหรับค่ำคืนนี้ ไฟแห่งความใคร่มันมอดดับไปเสียเมื่อไรก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ได้กอดคน ๆ นี้เอาไว้ในอกก็เพียงพอแล้ว

ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนในฤดูหนาว...จังหวะของหัวใจเต้นส่งผ่านมาทางแผ่นหลังบางที่แนบชิดอยู่กับอก รู้สึกชัดจนแทบจะได้ยินเสียง...ทำไมคน ๆ นี้ถึงได้อ่อนโยนนัก...แล้วทำไมถึงได้เข้มแข็ง...แล้วทำไม...ถึงได้แสดงออกราวกับไร้เมฆหมอกบดบัง...อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป...
//////////

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #57 เมื่อ05-04-2013 09:49:01 »

“ไง ฮิโรกิ หายเจ็บแขนรึยัง?” ร่างสูง ๆ เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้ย!!!!” เจ้าของห้องร้องเสียงหลงพร้อมกับเผ่นมาถีบผู้มาเยือนออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูใส่หน้า “จะเข้ามาก็เคาะประตูก่อนสิเฟ้ย!!!!”

เซย์ริวยืนทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่หน้าห้อง...อะไรที่ไม่ตั้งใจจะเห็นก็ได้เห็นไปเต็ม ๆ แล้ว...ใครจะไปคิดว่าฮิโรกิจะทำอะไรโดยไม่ได้ล็อกห้อง เสียงหญิงสาวโวยวายดังลอดออกมา ตามมาด้วยเสียงดุอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่จะมีเสียง “เพี๊ยะ” ดังสนั่น แล้วเจ้าตัวเล็กก็ค่อย ๆ แง้มประตูมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งที่แก้มซ้ายเป็นรอยแดงเถือก

“ยืนทำโง่อะไรอยู่ล่ะ เข้ามาเด่ะ” ฮิโรกิบอกเสียงขุ่น ๆ

แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินเข้าไป จิอากิก็เดินกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปแถมยังผลักอกเขาเสียอีกด้วย เซย์ริวมองตามแล้วส่ายหน้านิด ๆ  คืนนี้คงมีรายการวีนกันห้องแตกแน่

“เข้ามาซะทีสิเฟ้ย!” เจ้าตัวเล็กเสียงเขียว

“โทษทีว่ะ ไม่ได้กะมาขัดจังหวะ” เซย์ริวยักไหล่

“ไม่ใช่แค่ขัดจังหวะด้วย รู้มั้ย ฉันต้องรอเวลานี้มานานแค่ไหน ฉันถึงจะได้เล่นไอ้ของที่ฉันอยากเล่น...แล้วแก...แกมาทำทุกอย่างพังหมดเลย!” ฮิโรกิกระฟัดกระเฟียด

“แล้วทำไมไม่ล็อกประตูวะ?”

“ก็ประตูมันเสีย” คำตอบงึมงำอยู่ในลำคอ...เขาเองที่เป็นคนถีบประตูจนพัง และป่านนี้ก็ยังไม่ได้ซ่อม

“เรอะ...ว่าแต่...อะไรวะที่แกรอจะเล่นมาตั้งนานน่ะ?” ร่างสูงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปโอบรอบคอคนตัวเล็กกว่า

ฮิโรกิถอนใจเฮือก...ลองแบบนี้แล้วไม่มีทางปฏิเสธเซย์ริวได้หรอก ถึงจะบ่ายเบี่ยงยังไงก็จะต้องโดนคาดคั้นให้ต้องบอกจนได้...ชายหนุ่มเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบอะไรบางอย่างที่เขาเพิ่งจับมันโยนเข้าไปเมื่อกี้นี้ออกมา แล้วโยนมันให้เซย์ริวซึ่งรับได้อย่างฉิวเฉียด

ของเล่นของฮิโรกิคือแท่งซิลิโคนแข็งที่หล่อเป็นรูปอวัยวะเพศชาย ตรงส่วนโคนมีสายไฟเชื่อมต่อออกมายังส่วนที่เป็นสวิตช์ปรับระดับลูกเล่นของเครื่อง ประเมินด้วยสายตาและมือแล้วขนาดของมันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแก่นกายของคนที่ถือมันไว้ในมือเลยทีเดียว และที่สำคัญ...มันยังมีคราบลื่น ๆ เคลือบอยู่บาง ๆ  บอกชัดว่าเพิ่งผ่านการใช้งานมาเมื่อครู่นี้เอง

‘...มิน่า...จิอากิถึงได้โกรธนัก กำลังเพลินสิท่า...’

“กำลังสนุกอยู่หละสิ...มันใช้ยังไงเนี่ย?” ร่างสูงแกล้งถามขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดที่ทำให้ใครบางคนต้องอารมณ์ค้าง

“แกรู้อยู่แล้ว...ไม่ต้องมาแกล้งถามเลย” ฮิโรกิยังคงอารมณ์ไม่ดี เพราะเขาเองก็ยังค้างคาอยู่เช่นกัน

“ซื้อมาจากไหน?” เซย์ริวยังคงถามต่อไปอย่างไม่ใส่ใจกับอารมณ์หงุดหงิดของเพื่อน

“ไปถามเร็นดูไป๊!” ร่างบางกระชากเสียงแล้วก็ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

ร่างสูงเหลือบตามองเพื่อนตัวเล็กที่ยังคงพาลอยู่ “ถ้าอารมณ์ค้างขนาดนั้นจะมาเล่นกับฉันก็ได้นะ”

ฮิโรกิค้อนขวับเข้าให้ “จะบ้ารึไง? ใครจะไปอยากเล่นกับแก?”

“ฉันว่าฉันทำได้ดีกว่าไอ้ของเล่นนี่นะ” ไม่พูดเปล่า ดวงตาคมยังฉายแววอันตรายแบบที่นาน ๆ ทีฮิโรกิจะได้เห็นสักครั้ง และมันเป็นแววตาแบบที่ฮิโรกิไม่เคยชอบเลยสักนิด

“อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ”

เซย์ริวถอนใจอย่างขำ ๆ  ดูเหมือนว่าไม่ว่าเมื่อไรฮิโรกิก็จะไม่ชินกับมุขนี้ของเขาเสียที “ล้อเล่นน่า...”

“ล้อเล่นบ้าอะไร...สายตาแกมันเอาจริงชัด ๆ ” ร่างบางขยับไปยืนห่าง ๆ

“หึ! ช่างเถอะ...งั้นฉันเอาไอ้นี่ไปละกัน” ร่างสูงว่าพลางเดาะของเล่นในมือเล่น

“เฮ้ย! นั่นมันของฉันนะ”

“ไง ๆ คืนนี้แกก็ไม่ได้ใช้หรอกน่า จิอากิยังโกรธแกอยู่เลย”

“ฉันจะเอามันไว้คืนดีกับหล่อนโว้ย”

“แล้วหล่อนจะกลับมาให้แกคืนดีเหรอ? งอนออกไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“ไอ้...ก็เพราะแกนั่นแหละ เอาคืนมาโว้ย!!!” ฮิโรกิเตะพลั่กเข้าที่หน้าแข้งของเพื่อนตัวแสบ

“โอ๊ย! เจ็บนะ เล่นแรงเรอะ” เซย์ริวทิ้งของในมือแล้วกุมหน้าแข้ง

“ไปหาซื้อเอาเองเลย...เงินแกก็มีแล้ว แหล่งขายแกก็รู้อยู่แล้ว...อย่า_เสือก_มายุ่งกับของของฉันตอนที่ฉันกำลังโมโห” ฮิโรกิเค้นเสียงหนักแน่น ทำเอาเซย์ริวหน้าเสียไปเหมือนกัน...นาน ๆ  ฮิโรกิจะโกรธเขาสักทีหนึ่ง

“เออ...ไปก็ได้ อุตส่าห์มาดูว่าหายเจ็บหายไข้รึยัง ทำกันได้นะ” ร่างสูงบ่นอุบอิบ

“อย่างแกไม่ต้องมาก็ได้โว้ย!”

“อ้อ...เดี๋ยวนี้พูดอย่างนี้นะ ไว้มีเรื่องคราวหน้าอย่ามาร้องให้ช่วยเลย”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยิ้มกว้างแบบที่แทบจะไม่มีใครเคยเห็น นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากคนที่ยืนหน้ามู่ทู่อยู่แรง ๆ  แล้วก็เดินหัวเราะจากไปโดยไม่สนใจกับเสียงด่าที่ตามมาข้างหลัง
//////////

เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกงานดังขึ้น เหล่าพนักงานระดับล่างรีบเผ่นออกจากโรงงานไปเพื่อหาที่นั่งเหมาะบนรถรับ – ส่งของบริษัท ทั้งที่มันก็มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคนอยู่แล้ว ในขณะที่พนักงานระดับกลางก็ค่อย ๆ ทยอยเก็บของแล้วร่ำลาเพื่อนร่วมงาน

คัตซึฮิโกะเก็บข้าวของลงกระเป๋าพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ อยู่ในคอ เขาเพิ่งหายไข้ไม่นานนัก ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าอาการดีขึ้นเร็วหรืออะไรหรอก เพียงแต่เขาไม่อยากนอนให้เซย์ริวกรอกซุปสำเร็จรูปนานกว่านั้นต่างหาก สองวันที่หมอนั่นมาเฝ้าไข้ เขาได้กินแต่ซุปสำเร็จรูปตลอด 6 มื้อ จนในที่สุดก็จำเป็นต้องฝืนสังขารลุกขึ้นมาทำอะไรกินเองจนได้ และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ฟื้นไข้เร็วกว่านอนเฉย ๆ ให้คนเฝ้าไข้คอย...บริการ...ด้วย แต่พอเห็นเขาลุกได้แล้วเซย์ริวก็หายไปเสียเฉย ๆ  พอพยายามจะเก็บกวาดบ้านก็พบว่าที่ถังขยะในครัวเต็มไปด้วยซองซุปสำเร็จรูปและซากบะหมี่ถ้วย แค่นั้นคัตซึฮิโกะก็เข้าใจแล้วว่าเซย์ริวไม่ได้แกล้งหรือประชดเขา...แต่ทำอะไรไม่เป็นจริง ๆ  ยังอุตส่าห์มีน้ำใจหายาให้กินด้วยก็เป็นบุญนักแล้ว

ชายหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นไหล่แล้วยืดตัวบิดขี้เกียจบรรเทาความเมื่อยขบ เริ่มครุ่นคิดถึงเมนูมื้อเย็น หลังจากไม่ค่อยได้กินอะไรมาหลายวันก็เริ่มอยากหาอะไรอร่อย ๆ กิน บางที...วันนี้ไปหาอะไรนอกบ้านกินก็ดูเข้าท่าดี คิดอย่างนั้นแล้วก็ผิวปากหวือ เดินออกมาจากที่ทำงานด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ

เหล่าพนักงานเริ่มบางตาลงบ้างแล้ว ที่จริงเขาจงใจถ่วงเวลาออกจากที่ทำงานให้ช้าหน่อยเพราะขี้เกียจมาเจอคนเยอะ ๆ นี่แหละ หิมะเกร็ดเล็ก ๆ โรยตัวลงมาบาง ๆ  ช่วงนี้หิมะตกน้อยลงแล้ว อากาศก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ อุ่นขึ้น

“ท่าทางอารมณ์ดีนะ” เสียงต่ำ ๆ ห้าว ๆ ที่คุ้นหูทักขึ้น ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร

“กำลังจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว” คัตซึฮิโกะตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองและไม่หยุดเดินด้วย

“เพราะฉันเหรอ?” เสียงที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ตัวบอกว่าคนทักกำลังเดินตามมาข้างหลัง

“ใช่” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ

“หึ! เลิกพูดมากแล้วมาด้วยกันหน่อยซิ” หางเสียงกระชากห้วนเชิงข่มขู่

คัตซึฮิโกะหันมามองหน้าคนพูด ดวงตาคมหรี่ลงอย่างระแวง เผลอก้าวถอยหลังไปนิดหน่อยด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว
ร่างสูงเห็นอาการอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ  ทั้งที่เมื่อกี้ยังปากเก่งอวดดีอยู่แท้ ๆ  แต่พอขู่เข้าหน่อย ความกลัวก็ฉายออกทางแววตาทันที...คัตซึฮิโกะช่างเป็นคนที่น่าสนุกจริง ๆ

“ไปไหน?” ทั้งที่พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ยังไม่วายแสดงออกชัดจนอีกฝ่ายสังเกตได้

“ไม่ต้องถามไม่ได้รึไง?” ไม่ว่าเปล่า แต่มือแกร่งก็คว้าข้อมือคนที่ยังยืนลังเลอยู่ลากให้เดินตามไปอย่างไม่สนใจเสียงทักท้วง

คัตซึฮิโกะสะบัดมือก็แล้ว บิดข้อมือก็แล้ว แต่มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กก็ยังยึดข้อมือของเขาไว้มั่น จนในที่สุดก็ต้องเลยตามเลย ปล่อยให้เซย์ริวลากไปตามแต่ใจต้องการ


ประตูเลื่อนหน้าร้านถูกกระชากเปิดออก คำทักทายของพนักงานดังขึ้นเกือบจะพร้อมกับเสียงประตู

“สวัสดีคร้าบ~”

ร่างสูงกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านอย่างรวดเร็วแล้วลากคนตัวเล็กกว่าเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะขนาด 2 คนที่ตั้งชิดผนังด้านหนึ่ง คัตซึฮิโกะลงนั่งทั้งที่ยังงง ๆ อยู่

“ชาชูเมน 2 ที่ เพิ่มเนื้อด้วย” เซย์ริวหันไปสั่งอาหารให้เสร็จสรรพ

คัตซึฮิโกะถอนใจเฮือกใหญ่ “ไอ้ที่บอกให้มาด้วยกันนี่คือข้าวเย็นหรอกเหรอ?”

“เออ”

“ไปร่ำรวยมาจากไหน ถึงได้จะเลี้ยงผมน่ะ” คัตซึฮิโกะถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ

“วันนี้ดักปล้นมาได้ 3 รายน่ะ” คนเป็นเจ้ามือตอบหน้าตาเฉย

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พนักงานก็นำชาชูเมนมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ชายหนุ่มรอจนพนักงานเดินจากไปก่อนจึงพูดขึ้น

“งั้นขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ผมคงไม่รับหรอกนะ”

ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะหักตะเกียบ จ้องคนตรงหน้าพลางขมวดคิ้วนิด ๆ  “ทำไม?”

“เพราะผมไม่อยากรับของโจร” คำตอบเรียบเฉยเย็นชา

ดวงตาคมเริ่มฉายแววแข็งกร้าว “หมายความว่าไง?”

“หมายความว่า ผมไม่ต้องการให้คุณเอาเงินสกปรกที่ไปปล้นเขามา มาเลี้ยงผมน่ะสิ” ว่าแล้วร่างเพรียวก็ลุกขึ้นยืน

“คาซึโกะ...” หางเสียงทอดเนิบ แต่แฝงแววดุดันเอาไว้ “อย่าเรื่องมาก...กินซะ”

“ไม่” คัตซึฮิโกะตอบด้วยเสียงกร้าวต่ำ เดินหนีออกจากโต๊ะไป

เซย์ริวมองตามร่างนั้น พยายามอย่างยิ่งที่จะใจเย็น...แต่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนอย่างเขา ร่างสูงควักเงินจากกระเป๋าวางกระแทกลงบนโต๊ะ โดยที่ไม่ได้แตะอาหารแม้แต่คำเดียว ก้าวยาว ๆ ตามร่างที่เดินลับตาไปก่อนอย่างไม่ใส่ใจกับสายตาคนอื่นที่มองมา

ไม่ห่างจากหน้าร้านมากนักที่เซย์ริวตามคัตซึฮิโกะจนทัน มือใหญ่ขยุ้มจับไหล่เล็กกระชากให้หันกลับมาหา มืออีกข้างเงื้อง่าเหมือนตั้งใจจะหวดลงมาเต็มแรง ร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว ก้มหน้าหลับตาแน่น เกร็งตัวเหมือนจะรอรับมือที่คิดจะหวดลงมา...แต่ก็ไม่มี...

ตอนที่คิดจะลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า อ้อมแขนแกร่งก็กอดรวบแล้วปล้ำจูบดุดัน

“อื๊อ!!!!” คัตซึฮิโกะพยายามกระชากตัวออกจากอ้อมกอดแล้วเบือนหน้าหนี...หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไง...

หากจูบที่ก้าวร้าวไม่ยอมลดละ ในที่สุดร่างเพรียวก็ถูกผลักดันไปจนติดกำแพง มือใหญ่สางไล้ผมสีดำนุ่มมือ ขยุ้มดึงจนต้องแหงนเงย เคล้าคลอริมฝีปากก่อนที่จะถอนออก ดวงตาดุดันจ้องมองคนตรงหน้าราวกับจะสะกดให้แข็งเป็นหิน

“ดูเหมือนฉันจะใจดีกับแกมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง...”

คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าเหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านกลางหลังทั้งที่อากาศเย็นจัด เขารู้ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขาเป็นการยั่วยุเซย์ริวไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เซย์ริวเลี้ยงเขาด้วยเงินที่ปล้นคนอื่นมา เขาเชื่อว่าเขาทำถูกแล้ว...ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ริมฝีปากเม้มแน่นแสดงถึงการตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

ปฏิกิริยาโต้ตอบแปลกไปกว่าที่คิด ทำให้ร่างสูงชะงักไป หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างหลากใจ ความไม่พอใจผุดขึ้นมาเป็นริ้ว...เขาเกลียดคัตซึฮิโกะที่เป็นแบบนี้ คัตซึฮิโกะของเขาจะต้องว่าง่าย ๆ และเกรงกลัวเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่มาทำสายตาก้าวร้าวใส่เขาแบบนี้!

มือใหญ่ตบเปรี้ยงลงบนใบหน้าของร่างเพรียวจนแก้มด้านซ้ายชาไปทั้งแถบ รู้สึกได้ถึงรสเลือดจาง ๆ ในปาก มือใหญ่ขยุ้มคว้าข้อมือของคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นเสียจนคัตซึฮิโกะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว คัตซึฮิโกะไม่เข้าใจอาการของร่างสูงเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นฮิโรกิจะรู้ดี เมื่อไรที่เซย์ริวไม่พูดอะไรนอกจากดวงตาวาวราวกับมีถ่านเพลิงคุอยู่ภายใน...นั่นหมายถึงร่างสูงกำลังโกรธถึงขีดสุด

“เจ็บ...” มือแกร่งเกร็งแน่นจนคัตซึฮิโกะอุทธรณ์ออกมา

แต่เซย์ริวก็ไม่ได้ปล่อยมือนั้นแถมยังกระชากลากร่างเพรียวให้เดินตามไป

“เซย์...เดี๋ยว ผมเจ็บนะ ปล่อย...” คัตซึฮิโกะร้องบอก รู้ดีว่าไม่ต้องหวังจะสะบัดมือนั้นให้หลุด แค่ข้อมือมันยังไม่แหลกรานคามือใหญ่ก็นับว่าโชคดีนักแล้ว
//////////

ท่ามกลางความสลัวรัวรางจากแสงไฟนีออนจากภายนอก สาดเข้าจับผิวขาวเนียนของร่างเปลือยเปล่าที่ถูกพันธนาการเอาไว้บนเก้าอี้ เชือกไนลอนเส้นเล็กตวัดรัดร่างเพรียวยึดไว้กับพนักเก้าอี้แน่น มัดโยงไปยังเชือกที่พันรอบข้อมือและวกกลับมารัดลำคอขาวดึงรั้งบังคับให้แหงนเงยเล็กน้อย สองขาถูกยกขึ้นมามัดข้อเท้าไว้กับที่วางแขน ทำให้สะโพกเลื่อนต่ำ และด้วยท่วงท่านั้นทำให้ช่องทางลับเผยสู่สายตาใครก็ตามที่จับจ้องอยู่ชัดเจน

ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปยังปุยหิมะที่ยังโปรยละอองบาง ๆ  หากเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพราวเต็มใบหน้าที่ซับสีเลือดจนแดงระเรื่อและชื้นไปทั้งเรือนร่าง ไม่ใช่เพราะฮีทเตอร์ที่ถูกเร่งจนร้อนหรอก แต่เพราะยาเม็ดเล็ก ๆ ที่ถูกบังคับให้ต้องกลืนลงไปเมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงที่แล้วต่างหาก


เซย์ริวฉุดกระชากบังคับให้คัตซึฮิโกะต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาจนถึงห้อง เหวี่ยงร่างเล็กกว่าลงกับพื้นห้องอย่างไม่ใส่ใจ ปิดล็อกประตูอย่างใจเย็น แต่พอคัตซึฮิโกะเริ่มจะโวยวาย มือใหญ่ก็กระหน่ำทุบตีไม่นับ กระทั่งได้ยินเสียงร้องขอชีวิตจากอีกฝ่ายนั่นแหละ ร่างสูงถึงได้หยุด ร่างเพรียวนอนสั่นสะท้านอยู่บนพื้น ใบหน้าไม่ได้รับบาดแผลมากนักเพราะมือที่ยกขึ้นมาปิดป้อง แต่เมื่อกระชากดึงเสื้อโค้ทและเสื้อเชิ้ตตัวในออกจึงเห็นรอยฟกช้ำตามลำตัวจำนวนมาก หยาดน้ำใส ๆ กลบดวงตาที่เคยจ้องมองคนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างก้าวร้าวแล้วไหลรินอาบใบหน้า ริมฝีปากอิ่มจูบซับหยาดน้ำตาแผ่วเบาแต่ไม่ได้มีความอ่อนโยนแฝงอยู่แม้แต่น้อย

เซย์ริวปล่อยคัตซึฮิโกะเอาไว้อย่างนั้นแล้วเดินออกไป เชือกไนลอนเส้นเล็กถูกซื้อมาจากร้านค้าใกล้ ๆ  ร่างเพรียวเบิกตากว้างเมื่อรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เขาพยายามจะพาตัวเองหนีไปให้พ้นแม้ว่าจะต้องกระโดดลงจากระเบียงห้อง แต่ร่างสูงรวบตัวเขาเอาไว้ได้และปล้ำจูบดุดัน ในตอนนั้นเองที่คัตซึฮิโกะรู้ว่าโดนบังคับให้กินยาแบบนั้นเข้าไปอีก จูบที่ก้าวร้าวเนิ่นนานค่อย ๆ อ่อนหวานมากขึ้น แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่การล่อลวงให้เคลิบเคลิ้มตาม มือเล็กพยายามผลักไสแต่ก็ทำได้ไม่นานนัก อาการบาดเจ็บทำให้เขาล้าแรง และฤทธิ์ยาที่ทวีขึ้นทุกนาทีทำให้เขาต่อต้านไม่ได้

รู้ตัวอีกทีเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าและค่อย ๆ ถูกพันธนาการไว้กับเก้าอี้ ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนและกรีดร้อง แต่ผ้าเช็ดหน้าผืนย่อมก็ยัดเข้ามาในปากและปิดทับริมฝีปากด้วยผ้าเช็ดหน้าอีกผืน ไร้หนทางดิ้นรนโดยสิ้นเชิง น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินอีกครั้ง...เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันดีขึ้นแล้วเสียอีก แต่ไม่ใช่...มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เซย์ริวไม่เคยมองเขามากไปกว่าของเล่น...


เสียงฝักบัวในห้องน้ำเงียบลง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของร่างสูงที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาที่เหม่อลอยค่อย ๆ เลื่อนกลับมาจับที่ใบหน้าของคนตรงหน้า...โหดร้าย เลวทราม ราวกับไม่ใช่ใบหน้าของมนุษย์...คัตซึฮิโกะหรี่ตาลงอย่างเคียดแค้น เซย์ริวใจเย็นขนาดที่ว่าพอจับเขามัดเอาไว้แล้วก็จัดเตรียมสิ่งที่ต้องการจะใช้ไว้บนโต๊ะและเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ เห็นเขาเป็นของตาย...เป็นของเล่นที่จะหนีไปไหนไม่ได้อีก

เซย์ริวเอื้อมมือมาใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดคราบรอยน้ำตาให้ ก่อนที่จะผละไปจุดเทียนไขแท่งยาว แสงสว่างสีเหลืองส้มสาดกระทบเรือนร่างขาวเพรียวให้กลายเป็นสีอมแดงราวกับรูปหล่อทองแดง ร่างสูงมองภาพที่งดงามนั้นอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเบบี้ออยล์ในขวดก็ถูกเทราดลงตรงช่องทางลับ มือใหญ่ชโลมมันจนทั่ว สะกิดปลายนิ้วถูไถปากทางเข้าจนร่างเพรียวสั่นระริก อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นหนักอยู่แล้วด้วยฤทธิ์ยาโหมขึ้นราวกับเพลิงที่แผดเผา สองขาเกร็งสะท้านเมื่อนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำมันค่อย ๆ แทรกเข้ามาในร่าง ดวงตาคมหลับแน่น หายใจหอบกระเส่า แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่ฤทธิ์ยาที่ออกฤทธิ์มาสักครู่แล้วทำให้ความต้องการพลุ่งพล่าน

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
«ตอบ #58 เมื่อ05-04-2013 09:52:57 »

เซย์ริวคุกเข่าลงตรงหว่างขาเรียว เพื่อจะได้เห็นจุดที่เขากำลังรุกรานชัด ๆ  เทียนถูกยกเข้ามาใกล้เพื่อให้แสงสว่าง น้ำตาเทียนหยดหนึ่งหยดลงต้องกับโคนขาขาว คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว ขี้ผึ้งร้อนจัดกระทบเนื้ออ่อนอย่างจังทำให้แสบร้อนกว่าที่เคย แรงเกร็งจากหน้าขาทำให้ช่องทางตอดรัดนิ้วที่สอดคาอยู่ในร่าง เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  จงใจสะบัดน้ำตาเทียนลงกับต้นขาอีกข้าง

“อื๊อ!!” เสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดดังลอดผ้าเช็ดหน้าออกมา พร้อมกับที่ช่องทางนั้นบีบรัดนิ้วเรียวอีกครั้ง

“นี่เป็นการลงโทษที่แกถือดีกับฉัน” เรียวนิ้วสอดเข้าไปอีกหนึ่ง

“อือ...อืม...” คัตซึฮิโกะปรือตาขึ้นมองคนโหดร้ายตรงหน้า

“จำเอาไว้ คาซึโกะ...แกเป็นของเล่น” เทียนถูกนำไปตั้งไว้บนโต๊ะ นิ้วทั้งสองเริ่มขยับเข้าออก “ของเล่นก็ควรจะเชื่อฟังเจ้าของ ไม่ใช่อวดดื้อถือดีด้วย”

‘…ฉันไม่ใช่ของเล่น!!...’ คัตซึฮิโกะกรีดร้องอยู่ในใจ แต่ยิ่งนิ้วเรียวขยับเร็วขึ้นมากเท่าไรความต้องการก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนคิดอะไรแทบไม่ออก รู้สึกราวกับถูกสะกดจิตด้วยคำพูดของร่างสูง ในวินาทีที่เซย์ริวประทับริมฝีปากลงขบเม้มโคนขาขาว คัตซึฮิโกะเผลอคิดไปว่า...เขากำลังกลายเป็นตุ๊กตาให้ร่างสูงเล่นสนุกได้ทุกอย่างจริง ๆ ...

นิ้วเรียวถูกถอนออก ดวงตาคู่สวยไหวระริก ร่างสูงยืดตัวขึ้นจูบเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ซุกไซ้ลงมาตามซอกคอขาว สูดกลิ่นกายที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นโคโลญน์เจือด้วยกลิ่นเหงื่อจาง ๆ  ริมฝีปากเลื่อนต่ำลงมาจนสามารถตวัดปลายลิ้นหยอกล้อยอดอกสีสวยได้ เพียงแค่แตะต้องเบา ๆ มันก็แข็งขึง เซย์ริวยิ้มนิด ๆ แล้วหันไปดูดดุนหยอกล้อกับอีกข้าง อกบางที่สะท้านไหวเรียกเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ จากร่างสูงได้เป็นอย่างดี

หลังจากเล่นสนุกกับร่างกายที่ไม่สามารถขัดขืนได้จนพอใจแล้ว เซย์ริวก็ถอยห่างออกมา ร่างเพรียวยังคงอยู่ในท่าน่าอายภายใต้แสงเทียน เบบี้ออยล์ที่ชโลมไว้ยังชุ่มขนาดหยดลงพื้น คัตซึฮิโกะนั่งนิ่งไม่ขยับ มีเพียงลมหายใจสะท้านและแววตาหวานเชื่อมด้วยความต้องการเท่านั้นที่บ่งบอกว่าร่างนั้นมิใช่ตุ๊กตา

เซย์ริวหยิบเอากล่องอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท แล้วหยิบเอาแท่งซิลิโคนรูปเครื่องเพศที่แข็งแต่ยืดหยุ่นออกมา ความหวาดหวั่นสาดเข้าจับแววตาที่ไหวระริกทันที คัตซึฮิโกะส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอม

“อย่ากลัวเลยน่า คาซึโกะ” ร่างสูงค่อย ๆ ชโลมเบบี้ออยล์ลงบนแท่งซิลิโคนนั้นจนเปียกชุ่ม “ฉันเลือกขนาดเล็กหน่อย เพื่อที่แกจะได้ไม่ฝืนเกินไปนัก”

เครื่องเพศเทียมถูกนำมาจรดจ่อที่ช่องทาง คัตซึฮิโกะส่งเสียงด้วยหวาดกลัว

“ไม่มีอะไรน่า คาซึโกะ...ฉันว่าเดี๋ยวแกจะชอบมันด้วยซ้ำ” เซย์ริวพูดเรียบ ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ดุนดันแท่งซิลิโคนเข้าไป

การสอดใส่เป็นไปอย่างยากลำบากเมื่อฝ่ายรับไม่ยอมเปิดเส้นทางให้ แต่ด้วยเบบี้ออยล์จำนวนมากที่ชโลมเอาไว้ทั้งที่ช่องทางและบนอุปกรณ์ทำให้มันเคลื่อนลึกเข้าไปในที่สุด มือใหญ่เคล้นคลึงต้นขาขาวเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้ ไล้เลียขบจูบเป็นครั้งคราวเพื่อหลอกล่อให้ลืมสิ่งที่กำลังรุกล้ำลึกเข้าไปมากขึ้นทุกขณะ

ในที่สุดมันก็เข้าไปลึกมากพอที่เซย์ริวต้องการ เทปกาวเหนียวถูกนำมาตรึงเครื่องเพศเทียมเอาไว้กับก้อนเนื้อนุ่มตรงโคนขา คัตซึฮิโกะสั่นระริกไปทั้งร่าง หอบสั่นกระเส่า รู้สึกถึงความเสียวแปลก ๆ ที่วูบวาบขึ้นมาจากจุดอ่อนไหว แก่นกายค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เดี๋ยวแกจะสนุก คาซึโกะ...สนุกโดยไม่ต้องเหนื่อยเลยหละ”

ร่างสูงเริ่มโลมเล้าร่างกายที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออีกครั้ง ความต้องการที่พลุ่งพล่านทำให้คัตซึฮิโกะขยับร่างกายรับทุกสัมผัสที่ประทับลงมา รอยฟกช้ำที่เกิดจากการทำร้ายค่อย ๆ ถูกแต้มเติมด้วยรอยจูบ ราวกับว่าเซย์ริวกำลังแต่งแต้มสีสันลงบนผลงานศิลปะ การกระทำที่ปนเปกันระหว่างการข่มขืนกับการโอ้โลมที่แสนหวานทำให้ร่างเพรียวหวั่นไหว มือแกร่งลูบคลำลงไปจนถึงแท่งซิลิโคนที่ฝังอยู่ในร่าง ควานหาสวิตช์แล้วกดให้มันทำงาน

แท่งซิลิโคนนุ่มแต่หยาบค่อย ๆ เคลื่อนไหวและสั่นสะเทือน มันขยับเสียดสีผนังอ่อนนุ่มภายในแผ่วเบา สองขาของร่างเพรียวกระตุกเกร็งรับ

“อึก...อือ...” คัตซึฮิโกะครางหวานออกมาอย่างสุดทน เขาตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ชอบสินะ” เซย์ริวพูดยิ้ม ๆ  จูบเบา ๆ ที่แก่นกายของร่างเพรียวแล้วถอยออกมา

เบียร์ในตู้เย็นถูกนำมาเปิด ร่างสูงนั่งลงที่เตียงแล้วมองคนที่ถูกพันธนาการเอาไว้กับเก้าอี้อย่างใจเย็น ร่างนั้นบิดเร่าอยู่พักหนึ่งแล้วก็นิ่งไป

‘…คงจะเริ่มชินแล้วสินะ…’

มือใหญ่เอื้อมไปกดสวิตช์อีกครั้ง คราวนี้เครื่องเพศเทียมสั่นและเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้น คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว บิดร่างไปมาด้วยความกระสันเสียว ส่งเสียงครางเครืออย่างวาบหวามในอารมณ์

“อืม...ฮื่อ...” สำเนียงแว่วหวานปลุกอารมณ์ดิบให้ปะทุขึ้นเป็นระยะ รอยยิ้มน้อย ๆ ที่พึงพอใจเริ่มระบายขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง

เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนเรือนร่างสะท้อนแสงเทียนเป็นประกาย ดวงตาหวานหยาดเยิ้มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง ร่างกายบิดเร่าราวกับกำลังเริงระบำ ต้องการให้ร่างสูงพาเขาไปให้พ้นจากวังวนที่แสนทรมานนี้เสียที เรียวขาขาวเริ่มเกร็งสะท้าน ช่องทางคับแคบเริ่มตอดรัดแท่งซิลิโคนที่ยังเคลื่อนไหวและสั่นอยู่ในร่าง คัตซึฮิโกะรู้ดีว่าที่สุดของอารมณ์กำลังจะมาถึงและเขาต้องการที่จะปลดเปลื้องทุกอย่างเดี๋ยวนี้

“ฮึก...อือ...อือ...อื๊อ!!...”

หยาดน้ำขาวขุ่นถูกฉีดพ่นออกมาจากแก่นกาย หยาดเลอะไปทั้งแผ่นอก ร่างเพรียวกระตุกเกร็งหลายครั้งก่อนที่จะสงบลง

เซย์ริวยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้ายแล้วลุกไปนั่งตรงหว่างขาของคัตซึฮิโกะอีกครั้ง เครื่องเพศเทียมยังคงทำงานอยู่ กล้ามเนื้อรอบ ๆ ช่องทางนั้นยังคงกระตุกเป็นระยะ ปลายลิ้นตวัดไล้เลียไปบนเรือนร่าง เก็บกลืนทำความสะอาดหยาดแห่งอารมณ์ที่ร่างเพรียวเพิ่งทำเลอะเทอะให้ แต่นั่นกลับทำให้ท่อนเนื้อนุ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี เขาขบงับและจูบเลียมันอย่างมันเขี้ยว สองมือยึดเอวบางและลูบไล้ไปตามเรือนร่าง แกะหยดน้ำตาเทียนออกจากโคนขาให้ ดูดดุนกลืนกินร่างอันอ่อนไหวนั้นราวกับเป็นขนมหวาน

ทั้งการกระทำของร่างสูงและแท่งซิลิโคนที่ยังกระตุ้นอยู่ภายใน ทำให้คัตซึฮิโกะเกิดความต้องการขึ้นอีกครั้ง ด้วยเชือกที่รั้งลำคอเอาไว้ทำให้ไม่อาจก้มลงไปดูได้ว่าเซย์ริวกำลังทำอะไรกับเขาบ้าง เมื่อมองไม่เห็น...ก็ยิ่งตื่นเต้น สะโพกบางเริ่มขยับเข้ารับจังหวะการเล้าโลมด้วยความต้องการของตัวเอง เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเซย์ริวกลับทำให้เขาพึงพอใจอย่างประหลาด คัตซึฮิโกะรู้ตัวดีว่าได้หลงเข้ามาในวังวนแห่งปรารถนาที่เซย์ริวสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทั้งที่รู้...ความต้องการในตัวร่างสูงก็ทำให้เขาปฏิเสธที่จะหนีให้พ้นจากมัน เขายอมรับว่าทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น เขาได้รับความสุขจากมันมากมายจนถอนตัวไม่ขึ้น และในบางครั้ง...ท่ามกลางความเจ็บปวด เขาก็รู้สึกได้ถึงความหวามไหวในอารมณ์แบบที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ต้องการเป็นของเล่น แต่ในห้วงเวลาแห่งความปรารถนาเช่นนี้ คัตซึฮิโกะยินยอมมอบกายเป็นตุ๊กตาให้เซย์ริวได้เล่นสนุกเสียทุกครั้งไป และยังค่อย ๆ เรียนรู้อีกด้วยว่า ยิ่งทำให้เซย์ริวพอใจมากเท่าไร เขาก็จะได้รับการปรนเปรอมากขึ้นเท่านั้น

เทปกาวถูกดึงออกทีละแผ่น ร่างเพรียวรับรู้ได้ว่าแท่งซิลิโคนในร่างกายค่อย ๆ เคลื่อนตัวออก

“อือ...” ช่องทางเกร็งรัดเครื่องเพศเทียมนั้นโดยอัตโนมัติ

แต่ด้วยความชุ่มชื่นที่ชโลมเอาไว้มากมาย ทันทีที่เทปกาวแผ่นสุดท้ายถูกดึงออก ของเล่นชิ้นนั้นก็เลื่อนหลุดจากร่างของคัตซึฮิโกะหล่นลงพื้นตามมาด้วยหยาดน้ำมันใส ๆ ที่ไหลย้อยออกมา ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งและกระสันเสียวในคราวเดียวกัน

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ แล้วเลื่อนตัวขึ้นประกบเอวเข้าที่ช่องทางที่ยังเปิดรับอยู่ สอดแก่นกายแกร่งเข้าไปช้า ๆ  คัตซึฮิโกะผวาเล็กน้อยด้วยแก่นกายนั้นมีขนาดใหญ่กว่าของเล่นเมื่อครู่ ระหว่างที่ค่อย ๆ เคลื่อนกายลึกเข้าไป เชือกที่พันธนาการร่างเพรียวไว้ก็ถูกปลดออกทีละเส้น เหลือเพียงเชือกที่ข้อเท้าและเส้นที่มัดโยงลำคอและข้อมือ

“เดี๋ยวฉันจะปล่อยขาแก อย่าดิ้น เข้าใจมั้ย?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าแทนคำตอบรับ เมื่อทั้งสองขาเป็นอิสระเขาก็พยายามจะขยับกาย

“บอกว่าอย่าไงเล่า” เสียงห้าวปรามแล้วสอดสองแขนแกร่งเข้าใต้ข้อพับ ขยับอุ้มร่างเพรียวขึ้นจากเก้าอี้เปลี่ยนเป็นท่ายืนในคราวเดียว คัตซึฮิโกะผวาเยือกขึ้นทั้งร่าง...เซย์ริวแข็งแรงขนาดอุ้มเขาขึ้นได้เชียวหรือ...ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อตั้งท่าได้แล้ว เซย์ริวก็จับร่างที่อุ้มอยู่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ

“อื๊อ...อืม...อืม...” คัตซึฮิโกะร้องคราง ท่วงท่านี้ทำให้แก่นกายรุมร้อนแทรกเข้ามาลึกกว่าที่เคย ใบหน้าซบเกลือกลงกับไหล่หนา

“อืม...เยี่ยม...” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

เซย์ริวค่อย ๆ วางร่างเพรียวลงกับเตียง ถอนกายออกช้า ๆ แล้วแก้ผ้าเช็ดหน้าที่ปิดปากคัตซึฮิโกะก่อนที่จะดึงผืนที่อยู่ในปากออก ชายหนุ่มถอนในเยือกเมื่อหายใจได้สะดวก แต่ก็ได้ไม่นานนักเมื่อจุมพิตเร่าร้อนฉกวูบลงมาประกบอย่างหิวโหย เรียวลิ้นตวัดตอบสนองเกือบไม่ทันใจ ร่างสูงเร่งเร้าเอาแต่ใจจนคัตซึฮิโกะตามจังหวะแทบไม่ทัน ลิ้นนุ่มกระหวัดแลกสัมผัสกันรวดเร็ว ก่อนที่จะค่อย ๆ ผ่อนผันและอ่อนหวานขึ้นทีละน้อย ริมฝีปากล่างของคัตซึฮิโกะถูกขบเม้มหยอกเย้าก่อนที่ร่างสูงจะถอนริมฝีปากออก

ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองคนตรงหน้า แววตาที่มองตอบมาไม่ได้มีแววโกรธเคืองอยู่แล้ว ในตอนนี้มันมีแต่ความโหยหาต้องการในตัวของเขา คัตซึฮิโกะเองก็ยังคั่งค้าง สะโพกบางยกขึ้นเสียดสีกับโคนขาแกร่ง คิ้วเรียวยกขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่ร่างสูงจะยิ้ม

“อยากได้อีกเหรอ?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าอย่างเขินอาย เขาต้องการทั้งหมดของเซย์ริว...ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาบังคับให้เป็นเหมือนคราวก่อน แต่เขายินยอมพร้อมใจเอง เขากำลังเพลิดเพลินกับกามรสที่ได้รับ

“ถ้างั้น...ออกไปข้างนอก...” เสียงห้าวทุ้มกระซิบข้างหูอย่างเจ้าเล่ห์

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็พบว่าร่างสูงกำลังส่งรอยยิ้มล้อเลียนมาให้ ใบหน้าเนียนแดงซ่าน อายจนต้องหลบตา

“ไม่งั้น ฉันไม่ทำต่อให้นะ” เซย์ริวบอกอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“แต่...เดี๋ยวใคร...มาเห็นเข้า”

“ช่างมันสิ มองมาจากที่มืด ๆ ใครมันจะจำได้” คำนั้นเอาแต่ใจ

คราวนี้ไม่รอคำตอบ ร่างสูงดึงคัตซึฮิโกะให้ลุกขึ้นแล้วเปิดประตูระเบียงออกไปข้างนอก ลมหนาวพัดกรูเข้ามาพร้อมกับเกร็ดหิมะบาง ๆ  ร่างเพรียวสะท้านเยือก แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะไม่รู้สึกอะไร เขาจับคัตซึฮิโกะให้หันหน้าออกไปทางลูกกรงระเบียง เตะแยกขาทั้งสองออกเบา ๆ แล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง

“เซย์ริว...ที่นี่มัน...หนาว” คัตซึฮิโกะอุทธรณ์ แต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกหนาวเท่าที่ควรจะเป็น

“ถ้าแกร่วมมือดี เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” พูดจบก็รวบยกสะโพกบางขึ้นแล้วสอดกายเข้าไป

“อ๊า...” เสียงหวานครางเครือ แต่แล้วก็ต้องรีบขบริมฝีปากตัวเองแน่น เมื่อรู้สึกแล้วว่ารอบกายไม่ได้มืดอย่างที่เซย์ริวบอกไว้

ห้องของคัตซึฮิโกะอยู่ชั้น 3 เบื้องล่างลงไปเป็นซอยเล็ก ๆ ที่มีคนเดินผ่านไปมาเป็นประจำ เพราะละแวกนั้นมีร้านเหล้าอยู่หลายร้าน ทางขวาไม่ห่างออกไปนักมีเสาไฟอยู่ แม้จะมีไฟแค่ดวงเดียวแต่ก็นับว่าสว่างเพียงพอให้ใครก็ตามที่แหงนหน้ามองขึ้นมาจะเห็นเขาได้ชัดเจน

เสียงฝีเท้าเบื้องล่างแว่วมา คัตซึฮิโกะกัดฟันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แต่ร่างสูงเหมือนจะรู้ ปลายนิ้วสากกร้านขยี้คลึงลงกับยอดอกแล้วบีบเบา ๆ

“อ๊ะ...อ๊า...” คัตซึฮิโกะเผลอส่งเสียงออกมาเบา ๆ

เสียงฝีเท้าเบื้องล่างเงียบลง คัตซึฮิโกะเกร็งไปทั้งตัว กลัวว่าคนที่เดินมาจะแหงนหน้าขึ้นมาเห็นเข้า แต่เมื่อเสียงฝีเท้านั้นดังห่างออกไป ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงอย่างโล่งใจ

“เกือบไปแล้วนะ” เสียงกระซิบยั่วดังขึ้นเบื้องหลัง

“อย่า...อย่าทำแบบนี้สิ” ร่างเพรียวกระซิบตอบให้เบาที่สุด

“หึ...” ร่างสูงขยับกระทั้นหนักหน่วงอย่างไม่มีอารัมภบท

“ฮึก...อ๊ะ!” คัตซึฮิโกะพยายามกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้เต็มที่ หากความเสียวแปลบปลาบที่แผ่ลามมาจากสะโพกก็ทำให้อดส่งเสียงออกมาเบา ๆ ไม่ได้

เชือกเส้นสุดท้ายถูกปลดออก ทันทีที่เป็นอิสระ คัตซึฮิโกะรีบตะครุบปิดปากตัวเองเอาไว้ เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง เร่งจังหวะรัวกระชั้นขึ้นจนร่างเพรียวต้องเกาะยึดลูกกรงระเบียงเอาไว้เป็นหลัก เขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อรับการสอดกายให้ถนัดขึ้น

อารมณ์โหมกระพือเร่าร้อนมากขึ้นทุกขณะ ที่เบื้องล่าง ยังคงมีผู้คนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ ยิ่งได้ยินเสียงคนคุยกัน คัตซึฮิโกะก็ยิ่งกลัวว่าใครจะเห็นพวกเขาเข้า แต่ท่ามกลางความกลัวนั้นชายหนุ่มกลับรู้สึกตื่นเต้น และยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งมีอารมณ์

ตรงช่องทางคับแคบเสียดร้อนราวกับมีไฟแผดเผา แก่นกายด้านหน้าขมึงเกร็งเครียด คัตซึฮิโกะเกร็งมือปิดปากตัวเองแน่น เซย์ริวยังคงถาโถมเข้าใส่เขาอย่างไม่บันยะบันยัง ในที่สุดก็ดึงเขาให้ยืดกายขึ้น มือหนึ่งกดรั้งหน้าขาให้สะโพกเบียดแนบชิด บดวนเคล้นคลึงและกระชั้นจังหวะรุนแรง แล้วเลื่อนจับแก่นกายที่แข็งขึงเต็มที่ขยับรูดให้

“อึก...ฮะ!” คัตซึฮิโกะเกร็งกายสะท้าน เขากำลังจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง

แต่ก่อนที่จะปลดปล่อยอารมณ์ออกมา เสียงคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องล่าง ร่างเพรียวสะท้านเกร็ง เขากำลังจะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ถ้าปล่อยออกมาหละก็...ไปโดนคนข้างล่างเข้าไม่รู้ด้วยนะ” เสียงกระเส่ากระซิบขู่ เขากำลังมีความสุขกับอาการเกร็งรัดของคัตซึฮิโกะอย่างมาก ยิ่งขบงับริมฝีปากเข้าที่ติ่งหูคัตซึฮิโกะก็ยิ่งตอดรัดเพิ่มความเพลิดเพลินให้เขามากขึ้น มืออุ่นร้อนยังกระชากจังหวะให้แก่นกายของอีกฝ่ายไม่หยุด จนหยาดน้ำเหนียวไหลเปรอะเต็มมือ แต่ร่างเพรียวก็ยังพยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ได้ปลดปล่อยออกมา

“อือ...อือ...” คัตซึฮิโกะเกร็งเสียวไปหมดทั้งร่าง เขามาถึงขีดสุดแล้ว ต่อให้จะต้องโดนใครเห็นเข้าเขาก็ไม่สนใจแล้ว

ช่องทางด้านหลังตอดรัดแก่นกายแกร่งที่แทรกตัวอยู่ในร่างรุนแรง ด้านหน้าฉีดพ่นหยาดน้ำขุ่นข้นออกมาเต็มที่ ปล่อยให้มันหลั่งรดลงไปที่ถนนเบื้องล่าง เกือบจะพร้อมกับที่ร่างสูงก็ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดให้พวยพุ่งเข้าสู่ภายในของร่างเพรียว ทั้งสองเกร็งร่างสะท้านและกระตุกอยู่สามสี่ครั้ง อ้อมแขนแกร่งโอบกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แผ่วเบา หยาดอารมณ์ของร่างสูงหลั่งรินเลอะซอกขาขาว

เสียงพูดคุยกันดังห่างออกไปเรื่อย ๆ  เซย์ริวยิ้มนิด ๆ

“เส้นยาแดงผ่าแปดเลยนะ คาซึโกะ”

“บ้า...” คัตซึฮิโกะกระซิบตอบอย่างล้าแรง ซบพิงร่างสูงที่ค่อย ๆ ถอนตัวออกช้า ๆ

“เป็นไง ตื่นเต้นดีใช่มั้ย?”

คัตซึฮิโกะก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เซย์ริวก็ช้อนร่างของเขาขึ้นแล้วพากลับเข้าไปในห้อง

“ที่นี่หนาว เดี๋ยวไข้กลับ ไปทำตัวให้อุ่นซะ”

คืนนั้นทั้งคืน คัตซึฮิโกะแทบไม่ได้นอน การ “ทำตัวให้อุ่น” ของเซย์ริวมันหนักหนากว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก พวกเขากอดรัดกันเกือบตลอดเวลา ครวญครางด้วยอิ่มเอมในความใคร่ จนกระทั่งม่อยหลับไปตอนเกือบจะรุ่งสาง



(โปรดติดตามตอนต่อไป...หลังสงกรานต์ครับ)

ปล. มาย้อนอ่านแบบนี้...ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นหื่นอะไรนักหนา เขียนอะไรลงไปนักเนี่ย

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
«ตอบ #59 เมื่อ05-04-2013 12:18:18 »

อ่านรวดเดียว เซย์โหดแท้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด