KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56  (อ่าน 76767 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
« เมื่อ15-02-2013 21:47:08 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-08-2013 20:34:01 โดย KOKURO »

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #1 เมื่อ15-02-2013 21:52:04 »

ขอโทษนะครับที่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ เพราะผมเปลี่ยนหัวกระทู้เก่าไม่ได้น่ะครับ อัพเดทชื่อตอนไม่ได้เลย
ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 แล้วครับ  ส่วนตอนที่ 2 อยู่ในลิงค์ข้างล่างนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36708.0

...
KOUSOKU 3

“...จัง...คัตจัง...”

เสียงที่ค่อนข้างจะคุ้นหูของใครบางคนลอยแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล  ปลุกจิตสำนึกที่กำลังหลับใหลได้ที่ให้ค่อย ๆ  ฟื้นคืนมา  ดวงตาคมค่อย ๆ  ปรือขึ้นช้า ๆ   แล้วก็ต้องหลับลงพร้อมกับขมวดคิ้ว  แสงไฟนีออนกลางห้องมันจัดจ้าเกินกว่าดวงตาจะปรับสภาพได้ทัน

“คัตจัง...รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ย?”  เสียงนั้นถามขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ดวงตาคมค่อย ๆ  หรี่ปรือขึ้นมอง  ใครบางคนกำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงกังวล  คัตซึฮิโกะใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่...ใบหน้าค่อนข้างหวานน่ารัก  ริมฝีปากอิ่มย้อย  ดวงตาที่ฉายแววดื้อดึงเสมอ ๆ   ผมสีน้ำตาลทองที่ดูยุ่ง ๆ  ...

“นัตสึ...?”  คัตซึฮิโกะเรียกชื่อคนที่เป็นเหมือนน้องชายของเขา

“ก็ฉันน่ะสิ  พี่เห็นเป็นใครรึไง?”  นัตสึทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ

คัตซึฮิโกะหลับตาลงอีกครั้ง...เป็นนัตสึจริง ๆ  ด้วย...แต่ถ้านัตสึอยู่ที่นี่...แล้วเขาล่ะ?  เซย์ริวไปไหนแล้ว?

“พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า?  วันนี้ฉันแวะไปที่ทำงานพี่แล้วเขาบอกว่าพี่ไม่ได้ไปทำงาน  แถมไม่ได้ลาด้วย  ไม่สบายเหรอ?”  นัตสึถามพลางแตะหลังมือลงกับหน้าผากคัตซึฮิโกะ  “อืม...มีไข้นี่”

“นิดหน่อยน่ะ”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วพยายามลุกขึ้นนั่ง  แต่ก็เวียนหัวจนลุกไม่ไหว  ทิ้งตัวทรุดลงกับเตียง

นัตสึรีบประคองพี่ชายเอาไว้  “คัตจัง!?”

“อะ...ไม่...ฉันไม่เป็นไร”  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ  พยุงตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง  ผ้าห่มเลื่อนหลุดลงจากร่าง  เผยให้เห็นท่อนบนที่เต็มไปด้วยรอยแดงช้ำ

“เมื่อคืนหนักไปหน่อยเหรอ  พี่?”  น้ำเสียงทะเล้น ๆ  ถามมาเบา ๆ

“หนัก?”  ชายหนุ่มหันไปมองหน้าน้องชายอย่างไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้น

“ก็...”  นัตสึยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ชี้ให้ดูร่องรอยที่ปรากฏอยู่บนผิวขาว  “เล่นกันถึงขนาดเป็นไข้นี่...ไม่ธรรมดาเลยแฮะพี่เรา”

คัตซึฮิโกะก้มลงมองรอยแดงช้ำเหล่านั้นแล้วก็หน้าแดงซ่าน  เขาไม่คิดว่ามันจะมากมายและชัดเจนขนาดนั้น  โดยไม่ต้องคิด  ชายหนุ่มคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดทันที

“จะอายตอนนี้ก็สายไปแล้วพี่  เห็นหมดแล้ว”  เจ้าเด็กหัวยุ่งยังคงยิ้มล้อเลียน  คัตซึฮิโกะไม่ตอบอะไรนอกจากตีหน้ายุ่ง  “ว่าแต่...สาวคนนั้นของพี่นี่แรงสูงไม่เบาเลยน้า  มีผู้หญิงซักกี่คนกันที่จะทิ้งรอยไว้บนตัวผู้ชายเยอะขนาดนี้”

คัตซึฮิโกะก้มหน้านิ่ง  ‘…ก็ไม่ใช่ผู้หญิงน่ะสิ…’  เขาได้แต่พูดกับตัวเองในใจ  แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องอธิบาย  ปล่อยให้นัตสึเข้าใจไปแบบนั้นน่ะดีแล้ว

“แต่ถึงขนาดไม่สบายเนี่ย มันก็เกินไปนิดนะพี่  ทีหลังทำอะไรก็อย่าหักโหมนักสิ”  นัตสึยังคงล้อไม่เลิก

คัตซึฮิโกะเอื้อมมือไปผลักหน้าเจ้าคนพูดมากเบา ๆ   “ฉันเป็นไข้ของฉันอยู่แล้ว”

“โห...งั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย  นี่ขนาดเป็นไข้อยู่ก็ยังอุตส่าห์ทำเรื่องพรรค์นี้ได้”  เด็กหนุ่มทำหน้าทึ่งจัด

“หุบปากได้แล้ว  นัตสึ”  น้ำเสียงนั้นกระชากห้วนขึ้นมาทันที...เขาไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกแล้ว

พอเห็นพี่ชายตั้งท่าอารมณ์เสีย  นัตสึก็เลยเงียบแล้วยักไหล่ตามนิสัย  โดยปกติแล้วคัตซึฮิโกะจะไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขานักหรอก  คราวนี้คงเป็นเพราะไม่สบายด้วยหละมั้ง  เลยหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ  เขาเองก็ไม่อยากให้คัตซึฮิโกะอารมณ์ไม่ดีด้วย  เขาชอบให้พี่ชายเขายิ้มมากกว่า

“ว่าแต่...พี่ได้กินอะไรรึยัง?  แล้วยา...”  นัตสึเหลียวมองไปรอบ ๆ  ห้องที่ไม่มีร่องรอยอาหารการกินอะไรเลย

“ยาหมดนานแล้วหละ”

“หมด?...แล้วไอ้ที่ตั้งอยู่นี่ล่ะ?”  เด็กหนุ่มหยิบแผงยาลดไข้แก้อักเสบที่วางอยู่ใกล้ ๆ  หมอนขึ้นมา  มันมีร่องรอยว่าถูกแกะกินไปแล้วสองเม็ด

คัตซึฮิโกะมองแผงยานั้นอย่างงง ๆ   เขาไม่ได้เป็นคนไปซื้อมาแน่  ก็เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นัตสึเรียกนี่เอง  ถ้าอย่างนั้น...

‘…เป็นไปได้เหรอ?...เขาน่ะเหรอจะไปซื้อยามาให้…’

ชายหนุ่มหลับตาแล้วพยายามนึกทบทวนความทรงจำ...ในระหว่างที่เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอันยาวนาน  มีอยู่จังหวะหนึ่งที่มีบางอย่างล่วงล้ำลำคอเข้ามา  เขาจำได้ว่าตัวเองสำลักนิดหน่อยแล้วก็ขัดขืนไม่ยอมกินอะไรบางอย่างนั่น  แล้วก็มีเสียงใครบางคนตวาดเอาเบา ๆ  ก่อนที่หยาดน้ำชุ่มเย็นจะไหลพามันลงลำคอไป...ถ้ามันเป็นความจริง  ที่เขาโดนจับกรอกยาก็คงเป็นตอนนั้นแหละ

คัตซึฮิโกะถอนใจหนัก ๆ   จะว่าไปอาการเขาก็ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้านี้มาก  เพียงแต่ยังร้าวระบมไปหมดทั้งตัว  แต่ถ้าได้นอนพักมาก ๆ  พรุ่งนี้ก็คงไปทำงานได้

“พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่มั้ย?  งั้นเดี๋ยวฉันแสดงฝีมือเอง”  นัตสึยิ้มแล้วรีบกุลีกุจอลุกไปที่ครัว

“เอาของที่กินได้นะ  นัตสึ”  คัตซึฮิโกะบอกตามหลังไป

เด็กหนุ่มโผล่หน้ามามองพร้อมกับทำหน้ายุ่ง  “พี่ก็รู้นี่ว่าฉันทำอาหารไม่เก่งเท่าพี่อ้ะ”

“ก็ถึงได้บอกไงว่าเอาของที่กินได้”

“เออ  รับรองน่ะว่ากินได้”  เจ้าตัวยุ่งทำเสียงขุ่น ๆ  แล้วผลุบหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง

ราว ๆ  ครึ่งชั่วโมง  ข้าวต้มหอมกรุ่นก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าคนป่วย  หน้าตามันไม่น่ากินโดยสิ้นเชิง  แต่ด้วยความที่คนทำนั่งทำหน้าภูมิอกภูมิใจอยู่ข้างเตียงก็ทำให้คัตซึฮิโกะอดตักข้าวเข้าปากไม่ได้  แต่แล้วก็ต้องทำหน้าเหยเก...ไม่หรอก  รสชาติมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย  เพียงแต่ข้าวต้มร้อน ๆ  ของนัตสึมันแตะไปถูกแผลในปากเข้า  แสบจนน้ำตาแทบร่วง...แต่สีหน้าคนกินก็พอจะทำให้คนทำหน้าเสียได้

“รสชาติมันห่วยขนาดนั้นเลยเหรอพี่?”  นัตสึถามพลางยิ้มแหย ๆ

“อา...ไม่หรอก  เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ตักอีกคำ...คราวนี้รู้แล้วว่าต้องเป่าก่อนกิน

“โล่งอก...ฉันนึกว่ามันแย่เสียจนพี่ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ซะอีก”  เด็กหนุ่มถอนใจ

ผู้เป็นพี่ชายเอื้อมมือไปลูบผมยุ่ง ๆ  นั้นอย่างเอ็นดู  “แล้วนายไม่กินเหรอ?”

“อืม...ไม่หละ  เดี๋ยวกลับไปกินพร้อมกับที่บ้านดีกว่า  วันไหนไม่กินข้าวที่บ้านโดยไม่บอกล่วงหน้านะเหมือนระเบิดลงกลางบ้านเลย  คุณแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกที”  พูดแล้วก็ทำปากยื่นอย่างขัดใจ...แต่สีหน้าดูมีความสุข

“เข้ากับที่บ้านได้แล้วใช่มั้ย?”  คัตซึฮิโกะถามอย่างห่วงใย...เขายังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่นัตสึย้ายไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์  เจ้าตัวยุ่งงอแงมาหาแทบทุกวันพร้อมกับบ่นว่าไม่อยากอยู่ที่บ้านนั้น

“อืม...ดีแล้วหละ  แหม...มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะพี่”

“งั้นก็ดีแล้ว”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้  เรื่องหนึ่งที่คัตซึฮิโกะคอยเป็นห่วงมาตลอดก็คือ  ความสัมพันธ์ของนัตสึกับครอบครัวอุปถัมภ์...นัตสึกับเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ  กันหรอก  แต่เติบโตมาด้วยกันที่บ้านเด็กกำพร้า  คัตซึฮิโกะจำไม่ได้หรอกว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า  แต่ที่จำได้มาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ  ในวันที่เขาอายุได้  5  ขวบ  คุณครูใหญ่อุ้มเด็กมาคนหนึ่ง  แล้วก็บอกว่าต่อไปนี้เด็กคนนี้จะมาเป็นน้องของเขาอีกคน  เด็กคนนั้นก็คือนัตสึ...

นัตสึติดคัตซึฮิโกะมากตั้งแต่เด็ก  ดังนั้นคัตซึฮิโกะก็เลยต้องทำตัวเป็นพี่ชายให้กับเจ้าตัวยุ่งมาตลอด  เพราะเป็นเด็กรุ่นแรก ๆ  ของบ้านเด็กกำพร้า  เมื่อโตขึ้น  คัตซึฮิโกะก็ต้องช่วยพวกคุณครูดูแลน้อง ๆ   เขามีน้องในความรับผิดชอบอยู่  4  คน  แต่คนที่เอาแต่เกาะติดเขาแจก็มีแต่นัตสึเท่านั้น  เขาต้องคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ  ให้น้องแทบทุกเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน  เรื่องการบ้าน  หรือแม้แต่เรื่องทะเลาะกับคนอื่น  ซึ่งเรื่องหลังสุดนี้นัตสึหามาให้เขาได้แทบทุกวัน

คัตซึฮิโกะไม่เคยรู้สึกลำบากใจกับการที่ต้องทำตัวเป็นพี่ชาย  บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าดีเสียอีก  โดยเฉพาะในเวลาเหงา ๆ   นัตสึมักจะเป็นเพื่อนแก้เหงาได้เป็นอย่างดี  หรือในบางทีที่นัตสึนอนไม่หลับ  ก็จะหอบหมอนกับผ้าห่มมานอนด้วย  เรียกได้ว่าต่างก็คอยค้ำจุนซึ่งกันและกันเรื่อยมา

สำหรับพวกเด็ก ๆ  ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า  วันที่ทุกคนต่างก็รอคอยกันมากที่สุดก็คือวันอาทิตย์  ซึ่งเป็นวันที่พ่อแม่อุปถัมภ์จะมารับออกไปเที่ยว  นัตสึและคัตซึฮิโกะเองก็เช่นกัน  ต่างก็มีพ่อแม่อุปถัมภ์ด้วยกันทั้งคู่  แต่ต่อมาไม่นานนักพ่ออุปถัมภ์ของคัตซึฮิโกะก็เสียชีวิตลง  คุณแม่ที่เหลืออยู่ตามลำพังคนเดียวจึงไม่สามารถอุปถัมภ์คัตซึฮิโกะต่อได้...แม้จะรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย  แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเหลือน้องชายอยู่คนหนึ่ง  จนกระทั่งนัตสึอายุได้  13  ปี  พ่อแม่อุปถัมภ์ก็ต้องการรับนัตสึไปเป็นบุตรบุญธรรม  ในตอนแรกนัตสึดีใจมาก...มากเสียจนคัตซึฮิโกะอดอิจฉาไม่ได้  แต่พอใกล้ถึงวันที่ต้องไปอยู่กับครอบครัวจริง ๆ  แล้ว  นัตสึเอาแต่งอแงและเกาะติดอยู่กับเขาตลอดเวลา  เจ้าตัวเล็กคงใจหายที่อยู่ ๆ  จะต้องจากที่ที่อยู่มาตลอดชีวิตและคนที่คอยดูแลไปอย่างกะทันหัน

‘…พี่ไม่ได้ไปไหนนี่นัตสึ  พี่จะคอยดูนายอยู่ตรงนี้แหละ  เหงาเมื่อไรก็มาหาได้นี่  บ้านก็อยู่แค่นี้เอง…’

เพราะอย่างนี้นัตสึจึงจากไปอยู่กับครอบครัวใหม่  แต่กลับมางอแงกับคัตซึฮิโกะแทบทุกวัน  ด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับการมีคนคอยเข้มงวดและกำลังจะเป็นวัยรุ่นก็เลยทำให้อยู่ได้ลำบากหน่อย  ในตอนนั้นคัตซึฮิโกะเองก็ยังคงอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าโดยช่วยพวกคุณครูคอยดูแลเด็ก ๆ  หลังกลับจากโรงเรียน  เขาออกมาอยู่คนเดียวตอนที่สอบชิงทุนเข้ามหาวิทยาลัยได้  และก็อยู่คนเดียวมาจนถึงตอนนี้  โดยที่นัตสึก็ยังคงมาหาอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขาด

พอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว  คัตซึฮิโกะก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

“หือ?  ขำอะไรเหรอ  คัตจัง?”  เสียงของนัตสึดึงเอาความนึกคิดที่ล่องลอยไปไกลให้กลับมา

“อะ...ก็นึกถึงตอนนายเด็ก ๆ  แล้วขำดี”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ยิ้มนิด ๆ

นัตสึทำแก้มป่อง  “มันเรื่องอะไรมาขำฉันล่ะ?”

ผู้เป็นพี่ชายไม่ตอบอะไรนอกจากขยี้ผมยุ่ง ๆ  เบา ๆ  พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน  นัตสึยิ้มกับภาพตรงหน้า  คัตซึฮิโกะมักจะยิ้มแบบนี้ให้เขาเสมอ  เป็นพี่ชายที่อ่อนโยนและไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่าเมื่อไร

นัตสึคอยดูแลจนกระทั่งคัตซึฮิโกะกินข้าวกินยาเรียบร้อย  แล้วก็ดึงดันที่จะเช็ดตัวให้คัตซึฮิโกะให้ได้  จนในที่สุดคนเป็นพี่ก็ต้องยอมให้กับความดื้อของน้องชาย  ที่นัตสึติดใจอยู่ก็คือ  ทำไมพี่ชายเขาถึงเข้านอนทั้งที่ไม่ได้สวมอะไรเลย  จะว่าทำเรื่องอย่างว่าหนักจนหลับไปทั้งอย่างนั้นก็ใช่ที่  ตอนที่ผู้หญิงจะออกจากห้องไปจะไม่เรียกกันบ้างเลยหรือ

“อ๊ะ!  ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย  ฉันต้องกลับแล้วหละพี่  เดี๋ยวคุณแม่จะรอกินข้าวนาน”  นัตสึบอกกับคัตซึฮิโกะเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบ  3  ทุ่ม

“อืม...ไปเถอะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  พรุ่งนี้ฉันคงไปทำงานได้แหละ”  คัตซึฮิโกะบอกพร้อมกับพยายามลุกจากเตียง

“อ๊ะ ๆ  ๆ   ไม่ต้องลุกเลย  นอนไปเลยนะ  ไม่ต้องไปส่งหรอก  ฉันกลับเองได้”  เด็กหนุ่มรีบกดพี่ชายให้กลับลงไปนอน  “พี่น่ะพักให้มาก ๆ  เถอะ  เห็นพี่ไม่สบายทีไรเป็นเรื่องใหญ่ทุกที”

“แค่ไปส่งที่หน้าประตูนี่นะ”

“นั่นแหละ  อ๊ะ!  จริงสิ  ที่ฉันมาเนี่ยเพราะเป็นห่วงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าหละ”

“ข่าวอะไร?”

“ไม่ได้อ่านเหรอ?  เมื่อคืนวานมีคนถูกแทงตายอยู่ใกล้ ๆ  แมนชั่นของพี่นี่แหละ  ดูเหมือนจะโดนปล้นชิงทรัพย์น่ะ  ตำรวจยังจับตัวฆาตกรไม่ได้เลย  ฉันก็เลยเป็นห่วง  รีบมาดูพี่เนี่ย”  นัตสึเล่าให้ฟัง

หากชายหนุ่มเบิกตากว้าง...มีคนถูกแทงตาย...ยังจับฆาตกรไม่ได้...  คำพูดของใครบางคนวาบขึ้นมาในจิตสำนึก

‘…ถ้าฉันจะบอกว่า  ฉันเพิ่งแทงคนตายมาล่ะ  แกจะว่ายังไง?...’

ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ซ่านลงไปตั้งแต่ผมจรดปลายเท้า  มันอาจจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ  สำหรับผู้ชายคนนั้น  แค่สิ่งที่ทำกับเขาก็พอจะยืนยันได้แล้วว่านิสัยของคน ๆ  นั้นเป็นอย่างไร  มันคงไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเซย์ริวจะฆ่าใครสักคน

“คัตจัง  เป็นอะไรรึเปล่า  ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ?”  ไม่พูดเปล่ามือยังเอื้อมมาแตะหน้าผากอย่างร้อนรน

คัตซึฮิโกะเพิ่งได้สติจากสัมผัสนั้น  “อะ...เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไร”

นัตสึขมวดคิ้ว  จ้องมองพี่ชายอย่างไม่วางใจ  “เอาไงเนี่ย  ท่าทางไม่ดีเลย  ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย  เดี๋ยวฉันโทรไปบอกที่บ้านเอง”

“ไม่ต้องหรอก  นัตสึ  ฉันแค่คิดว่าข่าวที่นายเล่าให้ฟังมันน่ากลัวนะ  ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย  ก็เลยรู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะ”  คัตซึฮิโกะรีบกลบเกลื่อน

นัตสึขมวดคิ้วมากขึ้นอีก  “เหรอ...แต่จะว่าไปแล้วนะ  ฉันว่าแถว ๆ  นี้น่ะมันน่าจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ออกจะตายไป  มืดก็มืด  เปลี่ยวก็เปลี่ยว  ฉันว่าที่มันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นนี่แหละ  แปลก”

“ถ้าอย่างนั้น  นายรีบกลับดีกว่า  นี่ก็ดึกแล้วด้วย”  คัตซึฮิโกะรีบตัดบท  อยู่ ๆ  เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าหากเซย์ริวย้อนกลับมาแล้วพบนัตสึเข้า  มันคงไม่ดีแน่

“อืม...เอางั้นก็ได้  พี่อยู่ได้นะ  นอนให้มาก ๆ  ล่ะ”  บทจะว่าง่าย  นัตสึก็ว่าง่ายอย่างเหลือเชื่อ

“ไม่เป็นไรหรอก  ไปเถอะ  ฝากสวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะ”  ชายหนุ่มบอกพลางฝืนยิ้ม

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #2 เมื่อ15-02-2013 21:54:48 »

“อื้ม  งั้นฉันไปนะพี่  แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก”  เด็กหนุ่มบอกแล้วก็คว้าเสื้อโค้ทกับกระเป๋าออกจากห้องไป

พอเหลืออยู่คนเดียว  เรื่องกังวลมากมายก็กลับมาให้คิด...ผู้ชายคนนั้น...เซย์ริว...เป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ   ถ้าหากว่าคดีฆ่าคนตายนั่นเป็นฝีมือของเขาจริง  ก็หมายความว่าหลังจากก่อคดีเสร็จก็มาดักอยู่แถว ๆ  ห้องของเขาแล้วเขาเองที่เป็นคนช่วยทำแผลให้กับเจ้าฆาตกรนั่น...ช่วย...เพื่อให้มันแว้งกลับมาทำร้ายเขา

คัตซึฮิโกะกุมขมับแล้วทอดถอนใจ  คิดไม่ตกว่าชีวิตของเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไร  ถ้าหากเซย์ริวยังไม่หนำใจก็คงย้อนกลับมาอีกแน่...จะให้ย้ายที่อยู่หนีไป  ในระยะเวลาสั้น ๆ  จะหาห้องพักที่ไหนที่ดีเท่าที่นี่ได้...แต่ถ้าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป  แล้วถ้าวันไหนที่เซย์ริวมาเจอนัตสึเข้า...จะเกิดอะไรขึ้นกับนัตสึหรือเปล่า...

ความเป็นห่วงกังวลเริ่มย้ายไปจับที่น้องชาย  กลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะไปเกิดขึ้นกับนัตสึด้วย...ทั้งกลัว ทั้งเป็นกังวล...คัตซึฮิโกะกอดตัวเองแน่น  รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...ทำไม่ได้แม้แต่จะปกป้องตัวเอง และที่เจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือรู้ดีกว่าเมื่อเช้าตัวเองเสียท่าไปมากแค่ไหน  ถึงขนาดเป็นคนออกปากให้มันคนนั้นปลดเปลื้องความใคร่ให้

กำปั้นกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง  ดวงตาคมเป็นประกายวาบ...ไม่...มันจะต้องไม่มีครั้งต่อไป...มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว!!

//////////


“นี่มันอะไร  หา!  ซาโนะ!  ผมสั่งให้คุณไปทำต้นแบบขนาด  9  x  15  มา  แล้วนี่มันอะไร ทำไมไม้มันถึงไม่พอได้!?  คุณทำอะไรของคุณ  หา!?”  เสียงเกรี้ยวกราดตะโกนคับห้อง

ไม่มีคำโต้แย้งใด ๆ  จากคัตซึฮิโกะ  เขามั่นใจแล้วว่าเขาทำต้นแบบถูกต้องตามที่นายสั่งทุกประการ  แต่งานที่ออกมากลับพบว่าเหลือช่องว่างระหว่างไม้และลวดลายในชิ้นงานถึงชิ้นละครึ่งเซนติเมตร  นั่นทำให้ไม้ไม่พอและเสียหายทั้งชุด

“ทีนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง?  ไหนว่ามาซิ!?”  ผู้มีอำนาจมากกว่ายังคงอารมณ์เสีย

ยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะพูดอะไร  รองหัวหน้าฝ่ายผลิตก็พาพนักงานอีกคนเข้ามาในห้อง  คัตซึฮิโกะหันไปมอง  นั่นเป็นหัวหน้าฝ่ายตัดไม้ที่เขาได้อธิบายงานให้ฟังก่อนที่จะผลิตงานชุดนี้ออกมา

“ขอโทษครับ  เราหาตัวคนทำผิดเจอแล้วครับ  ฝ่ายตัดไม้นี่เพิ่งสารภาพว่าวัดขนาดไม้ผิดไปชิ้นละครึ่งเซนติเมตรครับ”  รองหัวหน้าฝ่ายผลิตพูดขึ้น

“อ้าว  ฝีมือคุณเองเหรอ?  ไหนว่ามาซิ  คุณจะรับผิดชอบยังไง  ผลงานชุดนี้เสียหายทั้งชุดนะ”  หัวหน้าฝ่ายผลิตหันไปเล่นงานผู้กระทำผิดตัวจริงทันที  เหมือนกับลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้นี้เพิ่งได้พูดประโยคนี้กับคัตซึฮิโกะ  “ส่วนคุณ  ซาโนะ  ออกไปได้แล้ว”

ไม่มีคำขอโทษแม้แต่คำเดียวกับการเล่นงานผิดคน  แต่คัตซึฮิโกะก็ชินเสียแล้ว  หัวหน้าของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ชายหนุ่มถอนใจนิด ๆ  แล้วก็เดินออกจากห้องไป

“ไงวะ  ซาโนะ  โดนซะอ่วมไปเลยสิ”  เพื่อนร่วมงานทักขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะเดินกลับมาที่แผนก

“ก็นิดหน่อย”  คัตซึฮิโกะบอกพร้อมกับยิ้มนิด ๆ  ตามนิสัย

“แล้วทำไมไม่เถียงไปว้า  ว่าไอ้ฝ่ายตัดไม้มันเป็นคนตัดผิดน่ะ  นายก็รู้นี่หว่าว่าแบบของนายน่ะออกมาถูกต้องเสมออยู่แล้ว”

“ช่างมันเถอะ  เถียงไปก็เป็นเรื่องเปล่า ๆ   คราวก่อนที่ขาดงานไปโดยไม่ได้มีใบลายังเป็นชนักปักหลังฉันอยู่เลย”  คัตซึฮิโกะพูดถึงเรื่องคราวก่อนที่เขาโดนด่ากระจายยิ่งกว่านี้อีก

“นายก็เป็นซะอย่างนี้แหละ  จะผิดจะถูกอะไรก็ไม่พูดออกไปบ้างหรอก  เอาแต่เงียบ  คนอื่นมันก็ได้ใจสิวะ”  เพื่อนร่วมงานติ

“ช่างมันเถอะน่า  ไปทำงานกันดีกว่า”  คัตซึฮิโกะพูดยิ้ม ๆ   เขามักจะหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับใครอย่างนี้เสมอ  ซึ่งนั่นทำให้มีทั้งคนรักและคนที่พยายามเหยียบเขาเอาไว้

เวลาผ่านมาร่วม  2  อาทิตย์แล้ว  เซย์ริวไม่ได้เข้ามาระรานชีวิตของเขาอีก  จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง  ร่างกายของคัตซึฮิโกะกลับเป็นปกติในเวลาไม่นาน  หลังจากที่ได้พักเต็มที่ในวันนั้นแล้ว  เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็สามารถมาทำงานได้แม้จะยังมีไข้ต่ำ ๆ  นิดหน่อย  นัตสึแวะมาหาเขาทุกวันหลังเสร็จจากงานพิเศษ  บางวันที่เลิกเรียนเร็วและไม่ต้องทำงานก็ถึงกับมารอหน้าที่ทำงาน  จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าพี่ชายของตัวเองจะไม่เป็นอะไรอีกนั่นแหละ  ถึงได้กลับไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ  ตามปกติได้

“ไว้เจอกันนะ”  คัตซึฮิโกะบอกลาเพื่อนร่วมงานเมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ   เขาไม่ได้มีธุระรีบร้อนอะไรในวันนี้  ออกจะสบายด้วยซ้ำที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ที่ไม่ต้องทำงาน  เขาแวะซูเปอร์มาเก็ตซื้อเสบียงนิดหน่อย  ปกติแล้วเขามักจะทำอาหารกินเองเสมอเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย  ในขณะที่เดินออกจากซูเปอร์มาเก็ตนั่นเอง  รถตำรวจและรถพยาบาลหลายคันกำลังวิ่งวุ่นอยู่บนถนน  มีผู้คนยืนดูอยู่ที่ริมถนนเต็มไปหมด  คัตซึฮิโกะชะเง้อมองตามรถตำรวจที่วิ่งไปจอดอยู่ตรงซอยเล็ก ๆ  ใกล้ ๆ  แถวนั้น  กำลังคิดว่าจะถามใครสักคนว่าเกิดอะไรขึ้น  ก็พอดีได้ยินคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคุยกัน

“น่ากลัวเป็นบ้าเลย  เมื่อกี้ฉันเห็นคนที่วิ่งออกมาจากซอยนั่นมีเลือดด้วย”

“เอ๋...วิวาทกันเหรอ?”

“ใช่...ตีกันอีกแล้วหละมั้ง  ดูท่าจะมีคนเจ็บซะด้วยสิ  นั่นไง  โดนหามมาขึ้นรถพยาบาลแล้ว”

คัตซึฮิโกะมองออกไปเห็นบุรุษพยาบาลกำลังใช้เปลยกคนเจ็บขึ้นรถ  ร่างนั้นเลือดอาบไปทั้งตัว  ชายหนุ่มเบ้หน้าด้วยความเสียวไส้  เดี๋ยวนี้มีเหตุวิวาทกันทีไรเป็นต้องถึงเลือดถึงเนื้อทุกที  เขาเบือนหน้าออกจากภาพที่ให้ความรู้สึกไม่ดีแล้วตรงกลับบ้าน

เสื้อทำงานถูกวางพาดไว้กับพนักเก้าอี้  หม้อน้ำในครัวกำลังเดือดพล่านส่งกลิ่นหอมหวน  ซุปผักใส่หมูเป็นเมนูง่าย ๆ  ที่คัตซึฮิโกะเลือกให้ตัวเองในวันนี้  เคี่ยวต่ออีกสักนิดรอให้ข้าวสุกก็กินได้พอดี  เสียงเคาะประตูดังขึ้นตอนที่ชายหนุ่มกำลังวางอุปกรณ์ทำอาหารใช้แล้วลงในอ่างล้างจาน

“นัตสึหละมั้ง”

คัตซึฮิโกะปิดเตาไฟฟ้าแล้วเดินไปเปิดประตู  ก่อนที่จะตะลึงงันไปด้วยความตกใจ  คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่น้องชายของเขา  ร่างสูงในเสื้อโค้ทสีดำยืนค้ำกรอบประตูอยู่ตรงหน้า  ดวงตาคมกริบและรอยยิ้มน่ากลัวยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ซะ...เซย์ริว!?”

“หวัดดี  คาซึโกะ...ไม่เจอกันนานนะ”  ร่างสูงพูดพลางแสยะยิ้ม

“คะ...คุณมาที่นี่ทำไม?”  น้ำเสียงสั่นพร่าโดยไม่ได้ตั้งใจ  ถอยหลังกรูดด้วยสัญชาตญาณ

“มาหาแกนี่ต้องมีธุระด้วยงั้นเหรอ?”  เมื่อเจ้าของห้องถอยไปเหมือนจะเปิดทางให้  เซย์ริวจึงถือวิสาสะเข้าไปในห้อง

คัตซึฮิโกะถอยกลับเข้าไปในครัว  แต่ผู้รุกรานไม่ได้ตามเข้ามา  เพียงแต่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“ทำมื้อเย็นกินเหรอ?  งั้นฉันก็มาได้จังหวะเหมาะสินะ”  ร่างสูงพูดยิ้ม ๆ  ด้วยน้ำเสียงราวกับพูดกับเพื่อนสนิท

หากคัตซึฮิโกะไม่ไว้ใจ  เขายังยืนพิงประตูครัวอยู่อย่างนั้น  อย่างน้อยในครัวก็มีมีด  ถ้าเซย์ริวคิดจะทำอะไรเขาอีกหละก็เขาก็พร้อมที่จะป้องกันตัวเอง  ดวงตาคู่สวยเหลือบมองร่างสูงอย่างหวาดระแวง  นึกอยู่ในใจว่าดีแล้วที่วันนี้นัตสึไม่ได้มาที่นี่

“มองด้วยสายตาอย่างนั้นหมายความว่าไง?”  น้ำเสียงห้วน ๆ  พูดขึ้นเบา ๆ

“คุณมาที่นี่...ต้องการอะไรกันแน่?”  คัตซึฮิโกะถาม  สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความหวาดกลัวและหวาดระแวงชัด

“ถามอะไรอย่างนั้น  ถ้าฉันบอกว่าต้องการแก  แกจะว่าไง  หือ?”  เซย์ริวย้อนถามด้วยน้ำเสียงล้อเล่น  แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้น้ำเสียงนั้นมีความคิดอะไรแฝงอยู่  ด้วยคำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะมีท่าทีระวังตัวมากขึ้น  ร่างสูงระบายลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ  “ทำตาแบบนั้น  ฉันถือว่าเป็นสายตาเชิญชวนนะ  คาซึโกะ”

“เชิญชวนบ้าอะไรของคุณ!  กลับไปได้แล้ว!”  ร่างเพรียวขึ้นเสียง  รู้สึกฉุนกับคำพูดของผู้บุกรุกอย่างไม่มีสาเหตุ

“กล้าดีนะ  คาซึโกะ  นี่แกกล้าไล่ฉันเชียวเหรอ?”  ประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาเหมือนงูคู่นั้น

“แล้วทำไมจะต้องไม่กล้า  ที่นี่ห้องผม  คุณออกไปได้แล้ว!”

พริบตาเดียวที่ร่างสูงลุกจากเก้าอี้มาอยู่ตรงหน้า  โดยไม่ทันได้ตั้งตัว  เซย์ริวจับคัตซึฮิโกะกระแทกกับผนังห้องเต็มแรง  มือแข็งกดตรึงร่างนั้นเอาไว้แน่น

“กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนั้น  หือ?  กล้าดียังไง?”  น้ำเสียงที่เค้นรอดไรฟันออกมาเต็มไปด้วยความฉุนเฉียวที่พยายามสะกดเอาไว้ไม่ให้ตะโกนออกมา

ประกายตาคู่นั้นทำให้คัตซึฮิโกะเย็นสันหลังวาบ  อีกครั้งที่เขารู้สึกราวกับเป็นเหยื่อถูกสะกดด้วยตางู  ขยับตัวแทบไม่ได้ด้วยความหวาดกลัว  ในสมองเริ่มคิดถึงสิ่งต่าง ๆ  ที่อาจจะตามมา  สภาพการณ์แบบนี้มันฟ้องว่าเซย์ริวพร้อมที่จะทำร้ายเขาแน่ ๆ

แต่ร่างสูงกลับผ่อนแรงลง  อาการกดตรึงกลายเป็นจับยึด  เขาก้มหน้าลงแล้วหอบหนัก ๆ   คัตซึฮิโกะรับรู้ได้ถึงอาการผิดปกตินั้น  สีหน้าของเซย์ริวเหมือนกับกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง  เหงื่อไหลย้อยลงมาตามข้างขมับทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็น  ใบหน้าซีดเผือด  แล้วก็มีอาการซวนเซเหมือนจะทรุดลง

“เฮ้ย!  คุณ!”  คัตซึฮิโกะรั้งร่างนั้นเอาไว้โดยอัตโนมัติ  แต่เซย์ริวกลับปัดมือนั้นออก

“อย่ามายุ่ง”  น้ำเสียงกระซิบแห้งเหือด

“เป็นอะไรไป?”

“บอกว่าอย่ามายุ่ง  ไม่เข้าใจหรือไง?”  ร่างสูงตวาดเบา ๆ  แล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงกับเก้าอี้อย่างล้าแรง  มือใหญ่กดตรงสีข้างแน่น

คัตซึฮิโกะเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ   ไม่มีทางทีหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย  “เป็นอะไรไป  ให้ผมดูหน่อยซิ”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #3 เมื่อ15-02-2013 21:57:55 »

“เลิกใจดีไม่เข้าเรื่องเสียทีน่า  คราวที่แล้วไม่เข็ดหรือไง?”  เซย์ริวตวาดอย่างถือดี  ดวงตาเป็นประกายแรงกล้าเหมือนจะขู่ว่าถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้เขาจะทำอย่างที่เคยทำแน่ ๆ

แต่คัตซึฮิโกะกวาดตาสำรวจร่างสูงจนทั่ว  สภาพร่างกายแบบนี้อย่าว่าแต่ทำร้ายเขาเลย  แค่ยืนขึ้นก็ดูจะฝืนเกินไปแล้ว  แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับมือที่ยกขึ้นมากดอยู่ตรงสีข้าง  ตอนนี้มันมีรอยเลือดซึมเลอะออกมาตามง่ามนิ้ว

“บาดเจ็บเหรอ?  ให้ผมดูหน่อย”

“ไม่...ต้องยุ่ง...”  พูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องหลับตากัดฟันแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด

“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก  ให้ผมดูแผลหน่อย  นะ”  หางเสียงอ่อนโยน  พยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมลงให้

ร่างสูงนิ่งเงียบ  โดยไม่รอคำตอบ  คัตซึฮิโกะถือเอาอาการนั้นเป็นการอนุญาต  เขาปลดกระดุมเสื้อโค้ทและแหวกสาบเสื้อออก  เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งพันแน่นอยู่ตรงชายโครง  ตรงด้านสีข้างมีเลือดไหลซึมออกมาจนชุ่มและไหลเลอะลงไปตามร่างกาย  คัตซึฮิโกะกลืนน้ำลาย  แผลมันใหญ่เกินกว่าเขาจะทำอะไรให้ได้แล้ว

“ไปโรงพยาบาลเถอะ”  ร่างเพรียวสรุปสั้น ๆ

“ไม่!”  เสียงห้าวสวนกลับมาทันควัน

“แผลนี่มันใหญ่มากนะ  เลือดก็ออกมากด้วย  ปล่อยไว้อย่างนี้ต้องแย่แน่ ๆ ”

“ไม่ถึงตายหรอกน่ะ”

“ตายแน่!  ไม่เกินชั่วโมงนี่แหละ  คุณต้องเสียเลือดตายแน่ ๆ   เชื่อผม  ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”  พูดไม่พูดเปล่ายังออกแรงดึงให้ร่างสูงลุกขึ้น

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!”  เซย์ริวสะบัดแขนออกโดยแรงแล้วผลักคัตซึฮิโกะออกห่าง  “แกนี่มันเป็นยังไงวะ  ใจดีไม่เข้าเรื่องไปซะทุกอย่าง  คิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระรึไง?  ไอ้คนสร้างแผลนี้มันก็ตายไปแล้วโว้ย  แต่มันเอาฉันไปด้วยไม่ได้หรอก!”

“ยังไงก็ช่าง  คุณต้องไปโรงพยาบาล”  คัตซึฮิโกะไม่ยอมแพ้

“ไอ้...อยากโดนอย่างคราวก่อนอีกรึไง  หา!?”  ร่างสูงตรงเข้าไปผลักคัตซึฮิโกะกดลงพื้น  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อสันมือของอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่ตรงสีข้างเต็มแรง  เป็นครั้งแรกที่เซย์ริวทรุดฮวบลงตรงหน้าคัตซึฮิโกะ

“คำก็ขู่  สองคำก็ขู่  คิดว่าผมต้องกลัวคุณทุกครั้งรึไง?  ผมน่ะ  ไม่ใช่พ่อพระหรอกนะ  เพียงแต่ทนเห็นสภาพจะตายไม่ตายแหล่ของคุณไม่ได้เท่านั้นแหละ  แล้วขืนมาตายในห้องผมก็เป็นเรื่องกันพอดี  ถ้าอยากจะตายขนาดนั้นก็ไปตายที่อื่น  ไม่งั้นก็ไปโรงพยาบาลกับผม  เดี๋ยวนี้เลย!”  เป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะตวาดกร้าว

เซย์ริวนอนมองหน้าร่างเพรียวอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  ก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วหลับตาลง  “จะให้ฉันไปโรงพยาบาลเนี่ยนะ...ไปให้ตำรวจมันจับเอาเรอะ”

“งั้นหมอที่ไหนก็ได้  ผมจะพาไป”  พูดแล้วก็ประคองร่างสูงให้ลุกขึ้น

“แกนี่มัน...ฉันน่าจะฆ่าแกซะตั้งแต่คราวก่อน”  ร่างสูงทอดถอนใจ

“ช้าไปแล้ว  เรื่องนั้นไว้ค่อยทำคราวหน้าก็ได้  ตอนนี้คุณต้องไปหาหมอก่อน  อย่ามาตายในห้องของผม”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ  ประคับประคองร่างที่แค่จะทรงตัวยังลำบากพาเดินเลาะไปตามซอยเล็ก ๆ  มืด ๆ  ตามที่เซย์ริวบอกทาง  ร่างสูงเองก็ทนทายาดทีเดียว  เขาไม่ปริปากสักคำเรื่องแผล  จนกระทั่งมาถึงหน้าตึกเล็ก ๆ  ที่ดูซอมซ่อและสกปรกจนไม่น่าจะเป็นร้านหมอ  แต่คัตซึฮิโกะก็พอจะเข้าใจ  โรงพยาบาลเถื่อนที่ไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

“คนไข้ฉุกเฉินครับ!”  คัตซึฮิโกะตะโกนเมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน

ชายวัยกลางคนที่ผมเริ่มจะเป็นสีเทาแล้วโผล่หน้าออกมามอง  ร่างสูงที่ต้องอาศัยคนอื่นทรงตัวยกมือขึ้นทักทาย

“ไง  หมอมาสะ...เจอกันอีกแล้ว”

คนเป็นหมอมองหน้าคนไข้แล้วก็ถอนใจนิด ๆ   “นั่งรอตรงนั้นแหละ  เสร็จรายนี้แล้วจะจัดการให้”

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง  “เอ๊ะ!  แต่แผลเขาสาหัสมากนะครับ”

“มันไม่ตายง่ายหรอก  ไอ้นี่น่ะขาประจำ  นั่งตรงนั้นแหละ  เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”  พูดแค่นั้นแล้วมาซาฮิเดะก็กลับเข้าห้องไป

เซย์ริวทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเสียอย่างนั้น  หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย  ตอนนี้เลือดจากบาดแผลไหลออกมาจนเสื้อยืดที่พันเอาไว้เอาไม่อยู่เปียกชุ่มเสื้อโค้ทที่ใส่จนเลอะมาถึงคัตซึฮิโกะด้วย

ร่างเพรียวได้แต่นั่งลงข้าง ๆ  อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้อีก  ลมหายใจของเซย์ริวยังสม่ำเสมอแม้จะปนมากับอาการหอบด้วย  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอถึงพูดราวกับว่าอาการของเซย์ริวเป็นเรื่องเล็ก  แผลขนาดนี้ถ้าหากเกิดขึ้นกับเขาคงตายเสียตั้งแต่ที่ห้องแล้ว  ไม่นานนัก  มาซาฮิเดะก็ออกมาจากห้อง

“ไง...คราวนี้ไปตีกับใครเขามาอีกล่ะ?”

ร่างสูงปรือตาขึ้นมอง  ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ดังไปกว่ากระซิบ  “ไอ้อัตสึชิน่ะสิ”

“แล้วเป็นไง”  มาซาฮิเดะถามต่อพร้อมกับเปิดเสื้อโค้ทออกดูแผล

“ตายไปแล้วมั้ง...โดนมีดเข้าไปมิดด้ามแบบนั้น”  เซย์ริวตอบแล้วก็นิ่วหน้าเมื่อมาซาฮิเดะแกะเสื้อที่พันไว้ออกดูแผล

“แล้วตัวเองก็จะตายตามมัน  งั้นสิ”

“เรื่องแน่ะ...”  ทั้งที่อ่อนแรงลงเต็มที  แต่น้ำเสียงนั้นยังมีแววอหังการ

“ช้ากว่านี้อีกหน่อยก็ตายแล้ว”  คนเป็นหมอสรุปแล้วก็หันมาหาคัตซึฮิโกะ  “ช่วยพามันไปที่ห้องตรวจหน่อยสิ”

“อะ...ครับ”

มาซาฮิเดะกับคัตซึฮิโกะช่วยกันพยุงเซย์ริวไปที่ห้องตรวจแล้ววางลงบนเตียง  ห้องนี้ดูสมกับเป็นโรงพยาบาลขัดกับภายนอกลิบลับ  สะอาดสะอ้าน  กรุ่นไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อ  มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน  ชนิดที่ทำการผ่าตัดใหญ่ได้ทีเดียว  คัตซึฮิโกะมองไปรอบ ๆ  ห้องอย่างทึ่ง ๆ

มาซาฮิเดะเช็คแผลของเซย์ริวโดยละเอียดแล้วหยิบยามาหลอดหนึ่งดูดเข้าเข็ม  “คราวนี้แกจ่ายฉันอานแน่ ๆ  เซย์ริว”

“เดี๋ยวหามาจ่ายให้น่า  คราวก่อนยังจ่ายครบแล้วเลย”

“ใช่...แล้วแผลก็ยังไม่ได้ตัดไหม  แล้วก็มีแผลใหม่มาให้ทำ  แกนี่มันขยันมีเรื่องจริง ๆ ”  หมอพูดพลางฉีดยาเข้าที่ใกล้ ๆ  แผล

“เพราะหาเงินมาจ่ายหมอนั่นแหละ...เลยต้องไปจี้เขาเอา  ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้นั่นมันเป็นพวกเดียวกับไอ้อัตสึชิ...”

คัตซึฮิโกะฟังบทสนทนานั้นแล้วได้แต่นิ่งเงียบ  นี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน  มือของเซย์ริวคงเปื้อนเลือดมานักต่อนักแล้ว  ไม่แปลกเลยที่จะทำเรื่องอย่างนั้นกับเขาได้อย่างหน้าตาเฉย  ที่เขาเห็นรถตำรวจกับรถพยาบาลวิ่งกันขวักไขว่ก่อนที่จะกลับเข้าบ้านคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซย์ริวกระมัง

มาซาฮิเดะใช้เวลาตกแต่งและเย็บแผลไม่นาน  การทำงานของเขาเป็นมืออาชีพมาก ๆ   หรือไม่ก็ได้ทำแผลทำนองนี้บ่อย ๆ   ยาอีกเข็มหนึ่งถูกฉีดให้เซย์ริว

“เอ้า  ทีนี้ก็นอนซะ  หลับยาวเลยได้ยิ่งดี”

ดวงตาคมที่ล้าแรงลงเรื่อย ๆ  เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากข้างเตียงมากนัก  สายตาที่ส่งมามีความหมายบางอย่างที่คัตซึฮิโกะแปลไม่ออก  แล้วเซย์ริวก็หลับตาลง

“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก  ไอ้หมอนี่มันอึดยังกับแรด  โดนเข้าไปแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก”  มาซาฮิเดะบอกพลางยื่นเสื้อยืดตัวหนึ่งให้  “เปลี่ยนเสื้อซะสิ  ออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็แตกตื่นกันใหญ่”

“เอ่อ...ขอบคุณครับ”  คัตซึฮิโกะรับเสื้อมาเปลี่ยนอย่างว่าง่าย

“เธอคงไม่ใช่เพื่อนของเซย์ริวหรอก  จริงมั้ย?”

“ครับ”

“แล้วเป็นอะไรกับมันถึงได้พามันมาถึงที่นี่?”

คัตซึฮิโกะได้แต่นิ่งเงียบกับคำถามนั้น  นั่นสิ...เขาเป็นอะไรกับเซย์ริวล่ะ?...ไม่ใช่เพื่อนแน่ ๆ   แต่จะบอกว่าเป็นคนรู้จักก็ไม่เต็มปากนัก...ที่จริงแล้ว  เขาเป็นแค่  ‘เหยื่อ’  รายหนึ่งของเซย์ริวก็เท่านั้นเอง...

“เรื่องนั้น...ไม่รู้สิครับ  ผมแค่ทนดูไม่ได้เท่านั้นเอง”

“แล้วไปเจอมันที่ไหนล่ะ?”  มาซาฮิเดะถามเหมือนชวนคุยไปเรื่อย ๆ

“ที่ห้อง...”

“เธอเป็นเหยื่ออีกรายของมันงั้นสินะ”  คนเป็นหมอสรุปตรงประเด็นแทงใจดำคัตซึฮิโกะพอดิบพอดี

“ทำไม...คุณรู้...?”

“เหยื่อของมันไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นนี่  ฉันรู้จักหมอนี่มานานจนแทบจะเป็นลูกฉันได้เลยหละ  หมอนี่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ  ได้เพราะไปรีดไถเหยื่อที่สะสมเอาไว้นั่นแหละ  มีทั้งเหยื่อที่โดนขู่กรรโชก  โดนแบล็กเมล์  หรือโดนข่มขืน  มันก็ไปตามบ้านคนพวกนั้นแล้วไถเงินมาใช้  หรือถ้าหาไม่ได้ก็ไปเที่ยวปล้นจี้เขาไปเรื่อยนั่นแหละ”  มาซาฮิเดะพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา  “เธอนี่ก็แปลกนะ  ทั้งที่เป็นเหยื่อ  แต่กลับใจดีพามันมาหาฉันได้...เตือนนิดหนึ่งนะ  ย้ายบ้านไปซะ ไปให้พ้นจากเซย์ริว  ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี  คนอย่างมันไม่รู้บุญคุณคนหรอก”

“แล้วทีกับคุณ...”  คัตซึฮิโกะแย้ง  คำบอกเล่าของมาซาฮิเดะทำให้เขาเย็นยะเยือกไปทั้งตัว

“กับฉันน่ะคนละเรื่องกัน  คนพวกนี้จำเป็นต้องอาศัยฉันเป็นพิเศษ  ไม่มีใครกล้าทำอะไรฉันหรอก”

นั่นเป็นคำพูดของคนที่อยู่ในโลกแบบนี้มานาน  คัตซึฮิโกะได้แต่พยักหน้ารับ  แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นทางออกตามที่มาซาฮิเดะแนะนำ  มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเขา...และอีกใจหนึ่ง  เขาค่อนข้างไม่เชื่อว่าเซย์ริวจะไม่รู้จักบุญคุณขนาดนั้น  สิ่งที่เขาทำวันนี้ถือได้ว่าเป็นการช่วยชีวิตเซย์ริวทางอ้อม  อย่างน้อยที่สุด  เซย์ริวก็อาจจะไม่โผล่หน้ามารบกวนเขาอีก

คัตซึฮิโกะพาตัวกลับมาถึงห้อง  ทิ้งตัวลงบนเตียง  ไม่มีกระใจจะกินมื้อเย็นที่ทำเอาไว้  เขาก้าวเข้าไปในโลกอีกด้านที่ไม่เคยรู้จักเสียแล้ว  โลกมืดที่เต็มไปด้วยอันตราย  ชายหนุ่มจินตนาการไม่ออกถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนั้น  แค่ที่เห็นเซย์ริวกับหมอมาซาฮิเดะมันก็เป็นตัวอย่างที่พอจะรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกินความเข้าใจของเขา

“พอเถอะ...”  คัตซึฮิโกะบอกกับตัวเอง  “ยังไงซะ...ก็จะไม่มีครั้งที่สองอีกแล้วหละ  เราจะไม่ก้าวเข้าไปในโลกแบบนั้นอีกแล้ว”
//////////

TBC.

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #4 เมื่อ16-02-2013 08:51:50 »

เอิ๊ว...หลุดมาหน้าสองแล้ว
ขออนุญาตตบมันกลับไปหน้าหนึ่งครับ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #5 เมื่อ18-02-2013 09:31:21 »

แบ็คแฮนด์ท็อปสปิน!!
ตบให้เด้งกลับไปหน้าแรก ยอดอ่านขนาดนี้จะอยู่หน้าสามได้ไงฟะ!!

ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #6 เมื่อ18-02-2013 11:30:47 »

แต่งได้ดีมากเลยค่ะ อินไปกับเรื่องเลย
คัตสึน่ารักจริงๆ เซย์ริวก็ทำกับคัตสึดีๆหน่อยสิ
โดนช่วยไว้แบบนี้จะยังทำอะไรแย่อีกรึเปล่าเนี่ย(ทำชัวร์5555)
สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #7 เมื่อ18-02-2013 12:50:00 »

ในที่สุดก็มีคนคอมเม้นต์แล้ว...ดีใจ แหะๆ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #8 เมื่อ18-02-2013 18:18:35 »

มัวแต่รอกระทู้เก่า :z3:
โหดนักนะ เดี๋ยวก็ติดใจหนุ่มใจดีคนนี้หรอก  o18
ตอนนี้ชอบหนุ่มน้อยคนนี้จัง "นัตสึ" อ้าว!  :laugh:

ออฟไลน์ davina

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-0
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #9 เมื่อ20-02-2013 23:33:41 »

คัตสึจังใจดีเกินไปแล้ว เซย์ริวทำขนาดนั้นยังพาไปหาหมออีก :(
เซย์ริวมันก็ได้ใจสิ
ปล. แอบหมั่นไส้พระเอกทุกคนของคุณ Hakuro 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
« ตอบ #9 เมื่อ: 20-02-2013 23:33:41 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #10 เมื่อ21-02-2013 00:43:58 »

เซย์ริวนี่ยังไง 55555555555555555
อึดขนาดนี้ น่าจับเย็บมือเย็บปากจริงๆ
เชียร์คัตสึฮิโกะขาดใจ

ออฟไลน์ parn11

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-2
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #11 เมื่อ21-02-2013 01:35:05 »

สนุกมากค่าา

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #12 เมื่อ21-02-2013 05:34:16 »

สนุกมากกกๆๆ   SM รึเปล่าคะ :laugh:
เซริว มีปมอะไรหรือเปล่าทำไมถึงทำตัวไม่ดี
 รู้ว่้าคัตสึฮิโกะ เป็นคนดีทำไมถึงอยากทำลาย
แล้วความรักของคนทั้งคู่จะเดินไปทางไหน 
โอ๊ยยย!!! ต่อมอยากรู้ทำงานหนักมากเลย :serius2:
รอติดตามนะค่ะ   :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
«ตอบ #13 เมื่อ21-02-2013 10:56:28 »

สนุกมากเลยอ่ะค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #14 เมื่อ22-02-2013 09:11:51 »

KOUSOKU # 4

ราว ๆ   2  อาทิตย์หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับเซย์ริว  ฮิโรกิก็ต้องมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถว ๆ  โรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะ  จะว่ามาเยี่ยมเพื่อนก็ไม่เชิง  เพราะเมื่อวันก่อนก็มาเยี่ยมไปครั้งหนึ่งแล้ว  ที่มาวันนี้เพราะเซย์ริวบอกให้มาพาหนีออกจากโรงพยาบาลต่างหาก

“ขืนนอนที่นี่ต่อ  ฉันมิต้องไปปล้นธนาคารเอาเงินมาจ่ายหมอแกเหรอ?  เพิ่งจ่ายของเก่าหมดไปเมื่อก่อนมานอนนี่เอง”  เซย์ริวอธิบายเหตุผลที่ต้องการออกจากโรงพยาบาลก่อนเวลาอันควรให้ฮิโรกิฟัง

ที่จริงมันก็น่าเห็นใจอยู่  เพราะในแต่ละเดือนเซย์ริวต้องเอาเงินมาจมอยู่กับค่ารักษาแผลไม่น้อย...แต่ก็นั่นแหละ  ใครใช้ให้มันไปขยันมีเรื่องเจ็บตัวล่ะ...  ฮิโรกิคิดแบบนั้นแล้วก็ค่อย ๆ  ย่องเข้าไปในโรงพยาบาล  กะว่าจะไม่ให้เจอหน้าหมอมาซาฮิเดะ  เพราะถ้าหมอมาเจอเข้าแล้วมารู้ทีหลังว่าเซย์ริวหายไป  เขานั่นแหละที่จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด

แต่หลังจากที่โผล่หน้าเข้าไปดูก็พบแค่มาซาฮิเดะกำลังเป็นฟืนเป็นไฟอยู่กับเตียงว่าง ๆ  เตียงหนึ่ง...ดูเหมือนเพื่อนเขาจะหนีออกไปก่อนที่เขาจะมาถึงเสียแล้ว  ฮิโรกิเลยรีบหลบออกมาก่อนที่คุณหมอจะหันมาเห็นเข้าแล้วโวยวายเอากับเขา

ร่างบางลากเท้าไปเรื่อย ๆ   ไม่ได้มีจุดหมายอะไรในวันนี้  แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก็เลยเดินไปจนถึงห้องพักของเซย์ริว  แต่ประตูห้องล็อกเอาไว้ แสดงว่าเจ้าของห้องไม่อยู่

“มันไปไหนของมันน้อ...แผลขนาดนั้นไม่น่าออกไปไหนเลยนี่หว่า...หรือว่าจะไปที่ห้องเรา?”

คิดแบบนั้นแล้วฮิโรกิก็กลับไปที่ห้อง  เดินไปก็คิดไปว่า  ถ้าหากเขาไม่พบเซย์ริวที่ห้องแล้วจะทำอย่างไรดี...คนเจ็บขนาดนั้นจะไปไหนได้...หรือจะไปที่บ้านเหยื่อบางรายที่เลยไป...แล้วไอ้บ้านเหยื่อของมันพวกนั้นมันอยู่ที่ไหนกันโว้ย...ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย  ฮิโรกิสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวแล้วก็รีบเดิน

มือเรียวจับลูกบิดประตูบิด  หมายใจว่ามันจะเปิดออกง่าย ๆ  เหมือนเคย แต่...

‘กึก’

“เฮ้ย...”  มันล็อก...ฮิโรกิมองประตูห้องตัวเองอย่างงง ๆ   ก็ตอนที่เขาออกไปจิอากิยังอยู่บ้านอยู่เลย...สงสัยจะออกไปข้างนอกหละมั้ง  แต่ถ้าล็อกห้องเอาไว้แสดงว่าคงออกไปนาน

เจ้าตัวเล็กควานไปตรงขอบประตูด้านบน  ที่ซึ่งเขากับจิอากิมักจะใช้เป็นที่เก็บกุญแจเสมอ  แต่วันนี้มันไม่อยู่ที่นั่น  ฮิโรกิขมวดคิ้วนิดหนึ่ง  ‘…ยัยจิอากิเล่นกูอีกแล้ว…’

แทบจะทุกครั้งที่จิอากิออกจากบ้านแล้วมักจะเผลอเอากุญแจห้องออกไปด้วยทั้ง ๆ  ที่ไปคนละทีกับฮิโรกิ  แล้วก็ทำให้ฮิโรกิที่กลับมาถึงก่อนไม่สามารถเข้าห้องได้  จนในที่สุดเขาก็ปั๊มกุญแจอีกชุดหนึ่ง  แต่กุญแจของเขามันหายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและยังไม่ได้ทำใหม่  เขาก็กำชับคนรักนักหนาแล้วว่าห้ามเอากุญแจไปด้วย  ซึ่งเธอก็รับปากโดยดี...แล้วนี่อะไร...แต่ก็คิดอยู่ว่าบางทีเซย์ริวอาจจะอยู่ในห้องก็ได้  ร่างบางเคาะประตูหนัก ๆ  แล้วรอฟังเสียงจากในห้อง...เงียบ...เขาเคาะประตูอีกครั้ง...ยังคงไม่มีเสียงใด ๆ   จากเคาะเริ่มกลายเป็นทุบ  ฮิโรกิเดือดปุด ๆ  อยู่ในใจ

‘…ยัยจิอากิมันไปไหนของมันโว้ย...แล้วไอ้เซย์มันหายไปไหน...แล้วทำไมเราต้องมายืนทุบประตูห้องตัวเองด้วยเนี่ย...นี่มันห้องของเรานะโว้ย  ยัยจิอากิน่ะเป็นแค่คนอาศัย...แล้วมันเรื่องอะไรถึงเอากุญแจห้องไปวะ...’

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห  เผลอลืมตัวถีบประตูโครมเข้าให้  ได้ผล...ประตูเปิดผางออกทันตาเห็น

“ก็แค่นี้แหละ!”  บ่นกระฟัดกระเฟียดแล้วก็เข้าห้องไป  ก่อนที่จะคิดขึ้นมาได้...แล้วใครจะออกเงินซ่อมประตู...

ฮิโรกิส่ายหน้า...ช่างมันก่อน  ตอนนี้คิดก่อนดีกว่าว่าเซย์ริวอยู่ที่ไหน  ไปเจ็บแผลอยู่กลางทางหรือเปล่า...คิดแล้วก็อดห่วงไม่ได้  ทั้ง ๆ  ที่รู้ว่าเพื่อนตัวเองอึดยังกับอะไรดี  เขาตัดสินใจออกจากบ้านอีกครั้ง  พยายามนึกถึงทุกเส้นทางจากโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะมาห้องเขาและห้องของเซย์ริว  เขาคงต้องเดินอีกหลายกิโลเมตรกว่าจะหาตัวเซย์ริวเจอ...หมายความว่า  ถ้าเซย์ริวอยู่บนเส้นทางพวกนั้นน่ะนะ...

ร่างบางเดินเลาะไปตามซอกซอยเปลี่ยว ๆ  อย่างชำนาญทาง  เขาอยู่แถวนี้มานานจนไม่มีใครกล้าหาเรื่องแม้แต่ในที่ลับตาคนแบบนี้  ส่วนหนึ่งเขาก็ยอมรับหรอกว่าเป็นเพราะอิทธิพลของเซย์ริว  บางที  ถ้าหากว่าเซย์ริวเป็นอะไรไป  เขาอาจจะโดนเล่นงานได้ง่าย ๆ  ก็ได้...คิดแล้วก็ถอนใจนิด ๆ   ที่เซย์ริวหายไปแบบนี้นี่เป็นเพราะ  ‘เป็นอะไรไป’  หรือเปล่า?...ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง  ฮิโรกิรีบเร่งฝีเท้าไปตามเส้นทางต่าง ๆ  อย่างรวดเร็ว

ตะวันแทบจะลับฟ้าอยู่แล้ว  ฮิโรกิลากขาไปตามซอกซอยอย่างเหนื่อยอ่อน  เท่าที่คำนวณดูในหัวก็คงเดินมาไม่ต่ำกว่า  10  กิโลเมตร...แต่ก็ยังหาเซย์ริวไม่พบ...แถมยังไม่เจอจิอากิอีกด้วย  จากความเป็นห่วงก็กลายเป็นความแค้น  และชักจะเดือดปุด ๆ  หนักขึ้นตามระยะทางที่เดินมา

“พ่อมึง!!  ไปตายโหงตายห่าอยู่ที่ไหนวะ!!!?”

ถังขยะตรงปากซอยแห่งหนึ่งกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายให้ฮิโรกิระบายอารมณ์  โดนถีบล้มกระจายอยู่บนพื้น ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน  เจ้าตัวเล็กเหลือบมองตาขวาง

“มองอะไร!?”  เสียงเล็กตวาดแหว  ทำเอาคนที่กำลังมองอยู่รีบเมินหน้าไปคนละทิศละทาง  “คนยิ่งกำลังอารมณ์เสียอยู่ด้วย...เดี๋ยวพ่อก็ด่าซะหรอก...”

บ่นงึมงำอยู่กับตัวเองเป็นครู่  ฮิโรกิก็เดินหงุดหงิดไปตามถนน  มุ่งหน้ากลับห้องพัก...ถ้าเจอจิอากิจะลากกลับไปเล่นงานซะให้เข็ด...ไม่เจอก็แล้วไป...

ฮิโรกิเดินหงุดหงิดไปตามทางเท้า  อากาศเริ่มขมุกขมัวลงทุกขณะ

‘…บางทีคืนนี้ฝนอาจจะตกก็ได้นะ…’  ร่างเล็กคิดแล้วก็รีบสาวเท้าตรงกลับห้อง  แต่ด้วยความที่ใจยังมัวแต่คิดถึงเพื่อนกับแฟนเลยทำให้ไม่สนใจจะมองทาง  จนกระทั่งปะทะเข้ากับใครคนหนึ่ง

“เจ็บนะ!  ดูทางหน่อยเซ่!”  ฮิโรกิโวยวายอย่างฉุนเฉียว  ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นความผิดของตัวเอง

“อะ...ขอโทษ”  เจอเข้าแบบนี้อีกฝ่ายก็เลยต้องขอโทษอย่างเสียมิได้  แต่เมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้าชัด ๆ   น้ำเสียงและวิธีการพูดก็เปลี่ยนไป  “เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

ฮิโรกิเงยหน้ามองคู่กรณี  ดวงตาคมยังฉายแววเอาเรื่องโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาแบบนั้นทำเอาฝ่ายตรงข้ามใจเต้น  แต่พอเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่เปลี่ยนกะทันหันร่างเล็กก็เข้าใจ  จะว่าไปเขาก็คุ้นชินกับอาการแสดงออกแบบนี้ดี...คนจำพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในทางทำมาหากินของเขา...มือเล็กปัดเสยปอยผมสีอ่อนออกจากใบหน้า

“ไม่เป็นไรครับ”  พูดไม่พูดเปล่า  หากยังทิ้งสายตากินนัย

ท่าทีแบบนั้น  ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่าถูกหว่านเสน่ห์  ร่างสูงกลืนน้ำลาย  เขาค่อนข้างแน่ใจในตัวคนตรงหน้า  แต่ก็ถามสักนิดหน่อยเพื่อมารยาทและความชัวร์

“เอ่อ...เธอ...”  ชายหนุ่มลดเสียงลงจนเป็นกระซิบ  “...ขายหรือเปล่า?”

ฮิโรกิลอบมอง  ‘เหยื่อ’  อย่างพิจารณา  ร่างสูง...แต่งตัวดีดูมีรสนิยม  ใช้เครื่องประดับแบรนด์เนมหลายชิ้น ท่าทางเจ้าสำอางไม่น้อย...บางที  หมอนี่อาจจะทำให้หายเบื่อได้ก็ได้...คิดแล้วก็พยักหน้าแทนคำตอบ

“ให้เท่าไรล่ะ?”

หลังจากต่อรองราคากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มก็พาฮิโรกิไปที่โรงแรมเล็ก ๆ  แห่งหนึ่งแถวนั้น  ฮิโรกิเรียกราคาไม่มาก...เพราะรู้อยู่แล้วว่าคน ๆ  นี้จะต้องจ่ายแพงกว่าที่เขาเรียกหลายเท่านัก


พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นมามองแขกแล้วก็จำร่างเล็กได้  แต่ก็เฉยเสีย  การทำงานแบบนี้ย่อมเห็นหน้ากันจนแทบจะเรียกได้ว่าคุ้นเคย  บางวันเจอกันหลายรอบด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มร่างเล็กนี้มักจะทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นประจำ  แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินขึ้นห้องไป  พนักงานหนุ่มก็เห็นเจ้าตัวเล็กแอบหันมาขยิบตาให้...เพียงเท่านี้ก็เป็นอันรู้กันว่าคืนนี้เขาจะได้ส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากแน่นอน...

ราว ๆ   1  ชั่วโมงให้หลัง  ฮิโรกิก็เดินผิวปากลงบันไดมาอย่างสบายอารมณ์  พอเดินผ่านเคานท์เตอร์  เขาก็วางเงินให้พนักงาน  5000  เยน

“คนนี้กระเป๋าหนักสิท่า”  พนักงานต้อนรับทักขึ้น

ฮิโรกิเพียงแค่ยิ้มแล้วควักสร้อยแหวนนาฬิกาที่รูดมาจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้ดู  พนักงานหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า...นี่แหละ  อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น  ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูนิ่ง ๆ  จะร้ายกาจปานนี้...แต่ยังไม่ทันที่ฮิโรกิจะออกจากโรงแรม  ใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้น

“อ้าว!  ฮิโรกิจัง!?”

“ยัยจิอากิ!”  พูดแค่นั้นแล้วก็ตรงปรี่เข้าไปหา  “มานี่เลย!  ยัยบ้านี่  ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าห้ามเอากุญแจบ้านติดตัวมา  ฉันเข้าบ้านไม่ได้!”

“ก็ฉันลืมนี่นา  แล้วก็ไม่คิดว่าจะออกมานานด้วย”  จิอากิหน้าง้ำ

“อ้อ...ไม่ออกมานาน...ฉันรออยู่ที่ห้องเป็นชั่วโมง ๆ   ออกมาเดินตั้งแต่บ่ายยันค่ำ  นี่มันไม่นานของเธอเรอะ!?  แล้วมานอนให้เขากกอยู่นี่หมายความว่าไง!?”

“ก็มันบังเอิญนี่!  แล้วคนนี้ก็กระเป๋าหนักด้วย  เขาให้เยอะฉันก็มาน่ะสิ”  หญิงสาวเถียง  “ทีเธอยังมาเลยไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นมันเรื่องของฉัน!”

“นี่มันก็เรื่องของฉันเหมือนกันนี่!”

ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายจนกลายเป็นผัวเมียตีกันกลางล็อบบี้ พ่อหนุ่มหนักงานก็ไหวตัวทันออกมาห้ามทัพไว้ก่อน

“เอาน่า...ทั้งสองคนน่ะ ใจเย็น ๆ นะ” คู่กรณีทั้งสองหันมามองตาขวาง ทำเอาคนกลางผู้หวังดีกลืนน้ำลายเอื๊อก พยายามทำใจดีสู้เสือ “ไหน ๆ ก็ได้มาคนละไม่น้อยแล้ว จะมาทะเลาะกันทำไมล่ะ ไปหาอะไรกินกันให้สบายใจดีว่าไป๊ มาชักช้าอยู่อย่างนี้เดี๋ยวพวกที่แอ้งแม้งอยู่ข้างบนก็ลงมาเอาเรื่องได้หรอก”

จิอากิหันขวับมามองหน้าฮิโรกิ “นี่เธอมอมยาอีกแล้วเหรอ?”

ฮิโรกิยักไหล่ “หรือเธอจะให้ฉันนอนกับมันล่ะ?”

หญิงสาวทำตาโตแต่ก็ไม่ว่าอะไรนอกจากทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรบางอย่างกับตัวเอง...มีผู้หญิงที่ไหนอยากให้แฟนตัวเองไปนอนกับผู้ชายล่ะ...ฮิโรกิเมินหน้าหนีแล้วถอนใจอย่างฉิว ๆ

“เฮอะ! ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว...เอากุญแจบ้านมา”

จิอากิส่งกุญแจให้อย่างเสียมิได้ “เอาไปปั๊มซะล่ะ จะได้ไม่ต้องมาว่าอะไรฉันอีก”

“รู้แล้วน่ะ!” เจ้าตัวเล็กย่นจมูกใส่ ก่อนที่จะยิ้มออกมา “ไปดื่มฉลองกันหน่อยมั้ย?”

“เชอะ! เปลี่ยนอารมณ์เร็วเชียวนะ” จิอากิอดกระเง้ากระงอดตามแบบสาวน้อยทั่วไปไม่ได้ แต่พอเห็นคนรักยิ้มอย่างเอาอกเอาใจก็อดใจอ่อนไม่ได้ “เธอต้องเลี้ยงด้วย”

“เอางั้นก็ได้”

ฮิโรกิยักไหล่แล้วก็โอบเอวแฟนสาวพาเดินออกไปจากโรงแรมท่ามกลางความโล่งใจของพนักงานที่อยู่ตรงนั้น...ก็พอจะรู้กันอยู่หรอกว่าคู่นี้เปลี่ยนอารมณ์กันง่าย แต่มีหลายครั้งแล้วที่มันไม่ได้จบสวยแบบนี้...

สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันไปยังร้านประจำ...ในตอนนั้นฮิโรกิลืมไปแล้วว่า ทำไมตัวเองถึงออกมาเดินนอกบ้านจนถึงป่านนี้...
//////////

คัตซึฮิโกะเดินออกจากที่ทำงานอย่างสบายอกสบายใจ วันนี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ เจ้านายงี่เง่าออกปากชมผลงานที่เขาออกแบบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่ แถมโบนัสก็ออกพร้อม ๆ กับเงินเดือน นัตสึก็ส่งข้อความมาบอกว่าสอบได้ท็อปวิชาที่เขาติวให้ เพื่อนก็มาบอกว่าแฟนท้องแล้ว...วันนี้รู้สึกจะมีเรื่องน่ายินดีเต็มไปหมด

ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้า...มันก็ยังคงมืดมิดเหมือนเคย แสงไฟนีออนยังคงสว่างสดใสกลบแสงดาว แต่วันนี้คัตซึฮิโกะกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เขาสาวเท้าไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน พลางนึกไปว่าจะเอาเงินพิเศษที่ได้มาไปซื้อซีดีที่อยากได้ดีหรือไม่ หรือว่าจะเอาไปซื้อเสื้อตัวสวยที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อนดี เดินไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป แวะเข้าซุปเปอร์เจ้าประจำซื้ออะไรไปทำฉลองความสุขเกินขนาดเสียหน่อย

แต่ทั้งเนื้อทั้งผักที่ซื้อมาก็มีอันต้องลงไปกองกับพื้นหน้าห้อง...ตอนที่คัตซึฮิโกะเดินขึ้นแมนชั่นมานั้นไฟทั้งระเบียงมืดสนิท มันไม่มีทางเป็นเพราะหลอดเสียพร้อม ๆ กันอยู่แล้ว...แต่เท่าที่เห็นด้วยตาก็บอกได้ว่ามันเสีย เพราะทุกหลอดแตกละเอียด ทำให้เขาต้องคลำทางมืด ๆ ไปจนถึงห้อง และตอนที่กำลังพยายามไขกุญแจเข้าห้องนั้น มือของใครคนหนึ่งก็คว้าหมับเข้าที่ข้อเท้า

“เฮ้ย!!!!”

นอกจากจะกระตุกเท้ากลับด้วยสัญชาตญาณแล้วยังเตะออกไปเต็มแรงอีกด้วย สิ่งที่ตามมาหลังจากที่เตะเท้าออกไปแล้วคือเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด คัตซึฮิโกะสะดุ้งเฮือก เสียงนั้นดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก

“...ใจร้ายนะ คาซึโกะ...”

เพียงเท่านั้น ข้าวของในมือทั้งหมดก็ร่วงลงไปกองกับพื้น...ต้นเหตุของฝันร้ายกลับมาอีกแล้ว กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกแล้ว! ทั้งที่มองอะไรไม่เห็นแม้แต่นิด แต่คัตซึฮิโกะก็ถอยหลังกะให้พ้นจากระยะเอื้อมมือถึงของคนที่อยู่ในเงามืด

“คะ...คุณ...คุณมาที่นี่ได้ไงน่ะ?” ดูจากระยะเวลากับบาดแผลแล้ว เซย์ริวควรจะยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่า

“แล้ว...มาไม่ได้รึไง?” แม้ในความมืดที่มองไม่เห็นกันและกัน น้ำเสียงนั้นยังแสดงความคุกคาม

“ก็...ก็...” คัตซึฮิโกะหาคำพูดไม่ได้

“อึ๊ก!”

“เอ๊ะ! เป็นอะไรไป คุณ?” คัตซึฮิโกะอุทานด้วยความตกใจ เสียงนั้นบอกความเจ็บปวดชัด

“...แผล...” เซย์ริวเค้นเสียงจากคออย่างยากเย็น

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #15 เมื่อ22-02-2013 09:16:48 »

“เดี๋ยวนะ...เดี๋ยวเข้าไปดูในห้อง” คัตซึฮิโกะรีบไขกุญแจอย่างร้อนรน

ร่างสูงเอนกายพิงคัตซึฮิโกะอย่างล้าแรง ไอร้อนจากผิวกายสัมผัสผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์ไปถึงอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้คัตซึฮิโกะพยายามเปิดห้องให้เร็วที่สุดท่ามกลางความมืด

“ลุกไหวมั้ย?” คัตซึฮิโกะโอบประคองร่างสูงให้ยืนขึ้นเมื่อเปิดห้องได้สำเร็จ

เซย์ริวกัดฟันลุกขึ้นยืนช้า ๆ  ค่อย ๆ พาตัวเองเดินตามคัตซึฮิโกะเข้าไปในห้อง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ทั้งที่ผิวกายร้อนผ่าว แต่สัมผัสที่รู้จากเสื้อผ้านั้นเย็นเฉียบ

“อยู่หน้าห้องนานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”

“ก็นานพอที่ยาแก้ปวดจะหมดฤทธิ์ได้” เซย์ริวบอกพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ  ใบหน้าซีดเผือด

“บ้าจริง! ทำอะไรอย่างนี้?” คัตซึฮิโกะรีบรองน้ำอุ่นมาแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบเช็ดหน้าให้

ร่างสูงถอนใจแล้วหลับตาลง ปล่อยให้คัตซึฮิโกะถอดเสื้อออกและเช็ดตัวให้ เลือดซึมไหลออกมาจากบาดแผลนิดหน่อย แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้มันอักเสบจนจับไข้

“คุณออกมาจากโรงพยาบาลทำไมเนี่ย? แผลคุณยังไม่สนิทดีเลยนะ” คัตซึฮิโกะต่อว่าในขณะที่ค่อย ๆ ลอกผ้าปิดแผลออกเพื่อทำแผลให้

“ไม่เคยอยู่จนแผลหายอยู่แล้ว” เซย์ริวตอบทั้งยังหลับตา

“แต่แผลนี้มันเทียบกับแผลที่แขนคุณไม่ได้หรอกนะ!” คัตซึฮิโกะขึ้นเสียง รู้สึกหมั่นไส้กับอาการถือดีของแขกจำใจรับเชิญคนนี้เต็มที “บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะตายที่ไหนก็ไป แต่อย่ามาตายที่ห้องผม”

เซย์ริวปรือตาขึ้นมอง...ดวงตาคมสวยไม่ได้มองหน้าเขา หากกำลังจับจ้องอยู่ที่บาดแผลที่กำลังเยียวยาอยู่ คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ ด้วยท่าทีขัดใจ แต่นิ้วเรียวที่ขยับคล่องแคล่วไม่ได้ทำให้เจ็บแผลเลยแม้แต่น้อย...ผู้ชายคนนี้เป็นอย่างนี้เสมอ ทั้งที่ทำเรื่องเลวร้ายแสนสาหัสให้ แต่ก็ยังคงมีความอาทรให้เสมอ...ช่างเป็นคนที่แตกต่างกับเขาราวกับเป็นคนละหน้าของเหรียญ

คัตซึฮิโกะละสายตาจากแผลไปมองหน้าคนเจ็บแล้วก็ต้องสะดุ้งด้วยสายตาที่จับจ้องมาก่อนอยู่แล้ว ชายหนุ่มรีบหลบตา พยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดที่เขาเพิ่งรู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เอง

“ไฟ...ไฟที่ระเบียง ฝีมือคุณใช่มั้ย?”

“ใช่”

“ทำทำไม?”

“ถ้ามีใครมาเจอ...จะว่าไง?” น้ำเสียงเรียบเฉย จ้องมองคัตซึฮิโกะด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไร “ที่นี่ไม่มืดพอให้ซ่อนตัวได้นาน ๆ หรอกนะ”

“ก็เลยจัดการไฟทั้งระเบียงเนี่ยนะ คุณจะสร้างความเดือดร้อนไปถึงไหน?” คัตซึฮิโกะหันมามองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ดวงตาฉายแววชิงชังบาง ๆ

เซย์ริวมองตอบด้วยแววตาเฉยเมยแต่ก็ไม่พูดอะไร เขาไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าใครจะเดือดร้อนเพราะเขาแค่ไหน ไอ้เรื่องโดนขุดบรรพบุรุษขึ้นมาประณามนั้นเป็นเรื่องธรรมดา การโดนมองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ก็เป็นสิ่งที่คุ้นเคย เพียงแต่แววตาที่บอกความชิงชังชัดเจนจากคนตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก...เวลาเพียงแค่เดือนเดียวนับจากการพบกันครั้งแรก สายตาที่จ้องมองเขาของคน ๆ นี้เปลี่ยนไป จากแววตาที่หวาดหวั่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แปรเปลี่ยนมาเป็นความอาทรห่วงใย และตอนนี้ก็กลับถ่ายทอดความชิงชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง...ดู ๆ ไปมันก็น่าสนุกดี ใครจะไปรู้ว่าในวินาทีต่อไปคัตซึฮิโกะจะมองเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนอีก ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ

“ขำอะไร?” คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ

“ไม่เกี่ยวกับแกหรอก” เซย์ริวตอบทั้งยังยิ้มน้อย ๆ

คัตซึฮิโกะมีสีหน้าขัดใจนิดหน่อยแล้วก็หันไปสนใจกับแผลต่อ ด้วยอุปกรณ์เท่าที่มีเขาบรรจงทำแผลให้เซย์ริวอย่างประณีต เบามือ จนกระทั่งใช้ผ้าก็อชปิดทับเป็นที่เรียบร้อย กล่องยาถูกนำไปวางไว้บนชั้นตรงที่เดิมของมัน แล้วชายหนุ่มก็เปิดลิ้นชักใส่เสื้อผ้าใต้เตียง หยิบชุดนอนเนื้อหนายื่นให้เซย์ริว

“เปลี่ยนเสื้อซะ อากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นอะไรมากกว่านี้”

“แกนี่แปลกนะ คาซึโกะ” เซย์ริวรับเสื้อมาสวม

“แปลกยังไง?”

“แกทำเหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าฉันทำอะไรไว้กับแก”

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง...ความจริงเขาก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน เรื่องที่เซย์ริวทำเอาไว้กับเขามันลืมกันไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ๆ  และเขาก็ไม่คิดจะให้อภัยด้วย แต่เขาก็กลับให้ความช่วยเหลือคน ๆ นี้ทุกครั้งที่พบว่ากำลังลำบาก ทั้งที่จะเอาไปปล่อยให้ตายที่ไหนก็ได้แต่ก็พาไปส่งที่โรงพยาบาล...บางที เขาคงเป็นคนใจอ่อนเกินไป

“ผมไม่ลืมหรอก ไม่มีวันลืมด้วย” คัตซึฮิโกะตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ แล้วก็ผละไปที่ครัว

ร่างสูงเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบ ๆ  แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน หลับตาลงพร้อมกับคิดว่าจะหลับซักงีบ...หูแว่วยินเสียงอุปกรณ์ทำครัวกระทบกันเบา ๆ เป็นครั้งคราว ไม่นานนักกลิ่นหอมน่ากินของอาหารก็ลอยมารบกวนจมูก...เซย์ริวรู้สึกเหมือนกับตัวเองฝันไป บรรยากาศที่เงียบสงบจนรู้สึกสบายใจแบบนี้ เขาไม่เคยสัมผัสมานานแล้ว แม้แต่ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะก็ไม่ได้สงบอย่างนี้ เพราะในบางวัน เตียงข้าง ๆ ก็เป็นพวกคู่อริของเขา แต่มันเป็นกฎของสังคมของเขา...จะไม่มีใครมีเรื่องกันในโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความรู้สึกที่มีศัตรูอยู่ใกล้ ๆ มันก็ไม่ชวนให้สบายใจขึ้นมาหรอก ข่าวคราวที่ได้ยินจากฮิโรกิก็คือ อัตสึชิคู่อริของเขายังไม่ตาย แต่อาการสาหัสมาก เพิ่งได้สติเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง และคงต้องนอนโรงพยาบาลหลายเดือน แล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหรือเปล่า บางทีหลังจากนี้อาจจะต้องเข้าซังเตไปเลยก็ได้...แต่ที่เซย์ริวคิดหนักก็คือ เรื่องนี้มันจะซัดทอดมาถึงตัวเขาหรือเปล่า ตำรวจต้องเก็บรอยนิ้วมือของเขาได้อยู่แล้ว เพราะเขาปักมีดเอาไว้บนร่างของหมอนั่น คนอย่างอัตสึชิคงไม่คิดจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระอยู่ได้ถ้าหากตัวเองต้องถูกจองจำ เขาคงต้องหาที่ซ่อนที่ปลอดภัยพอ หรือไม่ก็ต้องย้ายที่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเรื่องมันจะเงียบไป…

“คุณ ตื่นมากินอะไรก่อน” คัตซึฮิโกะเขย่าปลุกคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเบา ๆ

เซย์ริวลืมตาขึ้นอย่างมึนงง...ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน...โรงพยาบาล...หรือที่ห้อง...จนกระทั่งเห็นหน้าคนปลุกชัด ๆ ถึงได้นึกออก เขาค่อย ๆ ยันตัวขึ้นนั่งช้า ๆ

“กินข้าวซะก่อน จะได้กินยา แล้วทีนี้อยากจะนอนก็นอน” เจ้าของห้องว่าพลางยื่นถาดใส่ชามข้าวต้มหอมกรุ่นมาให้ตรงหน้า

เซย์ริวมองอาหารตรงหน้าแล้วก็เบ้ปาก มันดูน่ากินมาก ๆ ในสายตาเขา แต่ร่างกายของเขาตอนนี้มันไม่นึกอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว พิษไข้มันทำให้เห็นอะไรก็อยากจะแหวะไปเสียหมด

“ฉันไม่หิว”

“หิวไม่หิวก็ต้องกิน” คัตซึฮิโกะพูดด้วยเสียงจริงจัง

“ฉัน...ไม่ชอบไก่”

“ชอบไม่ชอบก็ต้องกิน อย่ามาเรื่องมาก มีให้กินแค่นี้”

เซย์ริวมองหน้าคัตซึฮิโกะด้วยความรู้สึกขัดใจอย่างแรง นี่ถ้าร่างกายเขาสมบูรณ์หละก็ ไอ้หมอนี่ไม่มีทางได้มานั่งเจ้ากี้เจ้าการกับเขาอย่างนี้แน่ มันคงต้องได้เจ็บตัวไปแล้ว

“ไม่ต้องมามองผมอย่างนั้น ถ้าคุณไม่กิน ผมจะไปตามหมอมาเอาคุณกลับโรงพยาบาล”

เซย์ริวถอนใจ...ให้กลับไปนอนโรงพยาบาลอีกตอนนี้ สู้ไปนอนในคุกดีกว่า เพราะกว่าจะหาเงินมาจ่ายหมอแกได้แต่ละครั้งต้องใช้เวลาหาเป็นเดือน ๆ  ในที่สุด เขาก็ตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเสียมิได้ แต่แล้วก็ต้องนิ่งไปเมื่อได้ลิ้มรส เขาลอบมองหน้าคัตซึฮิโกะพร้อมกับคิดในใจ...หมอนี่ทำอาหารเก่งขนาดนี้เชียวหรือ?

คัตซึฮิโกะเห็นร่างสูงยอมกินข้าวตามที่เขาบอกแกมข่มขู่แล้วก็ยิ้มนิด ๆ  เดินไปหยิบชามข้าวของตัวเองมากินบ้าง ที่จริงคืนนี้เขากะจะทำมื้อใหญ่ฉลองเรื่องน่ายินดีของวันนี้เสียหน่อย แต่พอเห็นหน้าเซย์ริวแล้วก็หมดอารมณ์ทำ...บางทีเขาอาจะใช้ความโชคดีของวันนี้ไปหมดแล้วก็ได้ ถึงได้ต้องมาเจอเจ้าอาชญากรคนนี้อีกครั้ง

“ทำไมของฉันเป็นข้าวต้ม?” เสียงห้าวถามขึ้น

คัตซึฮิโกะเลิกคิ้วนิด ๆ กับคำถามนั้น “ก็คุณไม่สบาย”

“แล้วทำไมของแกถึงเป็นหมูทอด?”

“ก็ผมชอบ” ว่าแล้วก็คีบหมูทอดชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ  ทำหน้าตามีความสุขกับอาหารฝีมือตัวเองอย่างสุด ๆ

เซย์ริวบอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่คิดไปเอง...ไอ้หมอนี่กำลังกินหมูทอดเย้ยเขาอยู่เห็น ๆ


ยาลดไข้แก้อักเสบสองเม็ดถูกกลืนลงคอพร้อมกับโดนกรอกน้ำตามอีกหลายอึกใหญ่ ด้วยเหตุผลของคัตซึฮิโกะที่ว่า กินยาแล้วต้องกินน้ำตามมาก ๆ  ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่เซย์ริวรู้สึกเสียหน้าและไร้ทางต่อสู้ยังไงพิกล นอกจากหมอมาซาฮิเดะแล้วยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้เพราะใครมาก่อน แล้วมันเพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงได้พาตัวเองมาที่นี่ ตอนที่ปีนออกมาจากโรงพยาบาล เขาคิดจะกลับไปที่ห้อง แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าบางทีอาจจะมีตำรวจป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ตอนไปถึงห้องของฮิโรกิก็พบว่ามันล็อกและไม่มีใครอยู่ในห้อง...เขารู้ว่าฮิโรกิคงไปหาเขา แต่จิอากิไปไหนนี่ไม่รู้ ความจริงเขาคิดจะรอจนฮิโรกิมาแล้วออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน แต่พอดีได้ยินว่าหมอมาซาฮิเดะจะฉีดยาอะไรให้เขาอีกสักเข็ม เขาก็เลยต้องหาทางเอาตัวรอดก่อนที่ค่ารักษามันจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะยาเข็มนั้น

หลังจากที่นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มเจ้าของห้องก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เรือนผมสีดำเปียกลู่ปรกระใบหน้าคมเข้ม ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่ายังมีหยาดน้ำเกาะพราว...เหมือนกับที่เซย์ริวได้เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ คัตซึฮิโกะไม่ได้ดูอ่อนแอและขี้แพ้อย่างตอนนั้น

ร่างสูงแอบคิดอยู่ในใจ ถ้าวันที่พวกเขาพบกันครั้งแรก คัตซึฮิโกะให้ความรู้สึกแบบตอนนี้หละก็ มันคงไม่ได้จบลงที่การข่มขืน...แต่คงจบลงที่ใครสักคนจะต้องตายด้วยน้ำมือของอีกฝ่ายแน่ ๆ ...เขายอมรับว่าคัตซึฮิโกะดูดีกว่าเดิม แต่นั่นมันไม่ถูกใจเขา ‘เหยื่อ’ มันควรจะเชื่อง ๆ และเลี้ยงได้ง่าย ๆ

“คุณจะนอนก่อนก็ได้นะ” คัตซึฮิโกะบอกเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

“แล้วแกล่ะ?”

“ผมจะทำอะไรต่ออีกนิดหน่อย”

เซย์ริวพยักหน้ารับรู้แล้วก็หลับตาลง คัตซึฮิโกะเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาปิดไฟกลางห้องแล้วเปิดโคมไฟบนโต๊ะ หยิบกระดาษกับดินสอขึ้นมานั่งวาดภาพ ในเวลาว่าง ๆ ตอนกลางคืน เขามักจะเขียนรูปอยู่เสมอ


ตอนที่คัตซึฮิโกะวางมือจากดินสอก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว เขาบิดตัวอย่างเมื่อยขบ เลยเวลาที่ควรจะเข้านอนมานานแล้ว ทุกครั้งที่เขียนรูปเขามักจะลืมเวลาอย่างนี้เสมอ เขามองภาพวาดตรงหน้าแล้วยิ้มนิด ๆ  ภาพร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้คงลงสีได้
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ไปเปิดลิ้นชักใต้เตียงค้นหาเครื่องนอนสำรองอย่างเงียบ ๆ

“จะนอนพื้นเหรอ?” เสียงห้าวดังขึ้นในความมืดสลัวเบา ๆ

“นอนไม่หลับเหรอ?”

“เปล่า...เพิ่งตื่น” แล้วร่างสูงก็ขยับตัวเข้าไปชิดผนัง “นอนบนเตียงก็ได้ อากาศเย็นนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก คุณนอนไปเถอะ”

“หึ...ฉันไม่ทำอะไรแกหรอกน่า”

คำพูดนั้นดูยั่วเย้าอยู่ในที หากคัตซึฮิโกะหน้าแดงซ่าน จะให้เชื่อใจได้ยังไงกับคน ๆ นี้ เซย์ริวก็เหมือนงูพิษ ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็ต้องระวังตัวให้มากที่สุด

“คุณนอนเถอะ ผมนอนที่พื้นแหละดีแล้ว” คัตซึฮิโกะยืนยันความคิดเดิม

“คาซึโกะ...” น้ำเสียงนั้นทอดอ่อนละมุน หากในห้องสว่างกว่านั้นอีกนิดหน่อย เซย์ริวจะได้เห็นแววหวั่นไหวในดวงตาคมของเจ้าของชื่อ “มานอนนี่เถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”

มือใหญ่ตบลงเบา ๆ ที่ข้างตัว ขยับเปิดพื้นที่ให้อีกฝ่ายมากขึ้น คัตซึฮิโกะทอดถอนใจนิด ๆ ...เขาคงเป็นคนใจอ่อนเกินไปจริง ๆ ด้วยสินะ แต่เอาเถอะ...ถ้าเซย์ริวคิดจะทำอะไรไม่ดีขึ้นมา เขาคงป้องกันตัวเองได้

คัตซึฮิโกะวางหมอนลงกับเตียง เดินไปปิดโคมไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงนอน เซย์ริวตวัดผ้านวมที่ตัวเองห่มอยู่ห่มคลุมให้ ไอตัวของคนที่นอนอยู่ก่อนแล้วทำให้ผ้าผืนนั้นอุ่นสบาย ร่างสูงหันหลังให้ คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับตัวเอง...ในคืนที่อากาศเย็น ๆ แบบนี้ มีคนมานอนด้วยก็อุ่นดีเหมือนกัน...เขาพลิกตัวหันหลังให้เซย์ริวเช่นกัน

“ราตรีสวัสดิ์”

ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาระบายลมหายใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง
//////////

ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าร่างกายอุ่นสบายกว่าเคย ไออุ่นบางอย่างแนบลงกับแผ่นหลังอย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มขยับตัวนิด ๆ ...ผ้านวมคืนนี้อุ่นจัง...แล้วความคิดก็หลุดลอยไปอีก...บางที...เขาอาจจะวูบหลับไปอีกครั้งก็ได้ ไออุ่นนั้นราวกับค่อย ๆ ครอบคลุมลูบไล้ไปทั่วร่างของเขาช้า ๆ  แผ่วเบา...รู้สึกเบาหวิวราวกับไม่มีร่างกาย และก็รู้สึกสบายจนไม่อยากตื่น แต่ประสาทสัมผัสเริ่มบอกกับตัวเองว่าไออุ่นนั้นค่อย ๆ รุกล้ำเข้ามาครอบครองร่างกายของเขามากขึ้น

ดวงตาคู่สวยปรือขึ้น คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ในวงแขนของใครอีกคน...ในครั้งแรกเขานึกไม่ออกว่าใคร จำไม่ได้ด้วยว่าตอนนี้ตัวเองนอนอยู่ที่ไหนกันแน่...หรือนัตสึจะแวะมานอนด้วย...ในสมองที่มึนตื้อ ร่างกายค่อย ๆ รับรู้ได้ทีละน้อย...มืออุ่นร้อน ใหญ่และหยาบเกินกว่าจะเป็นมือของนัตสึ

“อือ...ใคร...?” คัตซึฮิโกะขยับตัวนิด ๆ  หากอ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้กระชับแน่น

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #16 เมื่อ22-02-2013 09:19:57 »

ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับแนบลงกับซอกคอ คัตซึฮิโกะเกร็งตัววาบ แรงขบเม้มทำให้หัวใจหวิวสั่น จากที่สติกำลังจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมกลับล่องลอยออกไปอีก จนกระทั่งอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกแล้วตวัดลิ้นเลียตรงจุดที่ประทับรอยเอาไว้เบา ๆ  ชายหนุ่มจึงได้สติ

“เซย์ริว...?”

“หือม์...?”

“จะทำอะไรน่ะ?” น้ำเสียงเริ่มมีอาการประหม่า มือเรียวไขว่คว้าเปะปะหมายจะหยุดยั้งการกระทำที่เริ่มซุกซนของคนที่ขนาบชิดอยู่ทางด้านหลัง

“อย่าดื้อซี่...” เสียงกระซิบมีแววยั่วเย้า

“ไม่...อะไรกัน...หยุดนะ...” คัตซึฮิโกะพยายามจะหยุดอีกฝ่ายให้ได้ แต่เพราะไม่ระวังตัวจนตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งเต็มที่ การขัดขืนจึงยากเย็น

“แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่เสียหายอะไรหรอก” เรียวลิ้นกระหวัดเลียหยอกใบหูนิ่ม

“อ๊ะ! ไม่...นิดเดียวอะไรของคุณ หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะ” แม้แทบจะไม่มีแสงสว่าง แต่คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดงซ่านไปหมด และยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างแปลก ๆ เมื่อมือใหญ่ควานต่ำลงไปจนถึงขอบกางเกงนอน

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็โดนแผลฉันหรอก”

คำขู่นั้นได้ผล คัตซึฮิโกะหยุดอาการดิ้นรนทันที พร้อมกับรู้สึกลำบากใจอย่างแรง...ทำยังไงเขาถึงจะหนีคน ๆ นี้พ้นโดยที่ไม่ทำให้ต้องเจ็บตัวนะ

ยังไม่ทันจะได้คำตอบกับตัวเอง มืออุ่นร้อนก็ควานเข้าไปในกางเกงนอน ขยับลูบไล้อย่างเชี่ยวชาญ ทำเอาคนถูกรุกรานสะดุ้งวาบ ตะปบคว้ามือนั้นเอาไว้ แต่ก็ช้าเกินไป...เซย์ริวสัมผัสจุดอ่อนไหวแล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา

“อ๊ะ! อย่า...” คัตซึฮิโกะเกร็งไปทั้งตัว

“อยู่นิ่ง ๆ นะ” คำกระซิบนั้นเป่าพ่นลมหายใจอุ่นรดรินอยู่ข้างหู จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามไรผมนิ่ม ก่อนจะไล้ริมฝีปากระลงมาประทับรอยจูบที่ซอกคออีกครั้ง มือขวาค่อย ๆ สัมผัสแตะต้องร่างของคัตซึฮิโกะอย่างอ่อนโยน ส่วนอีกมือก็ค่อย ๆ สอดเข้าไปในเสื้อนอน ลูบไล้ไปตามผิวเนียนลื่นมือช้า ๆ

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พยายามกลั้นเสียงร้องด้วยความหวามไหวในอารมณ์ รู้ดีว่าต้องปฏิเสธไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะเลยเถิดไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ มือที่พยายามจะหยุดยั้งร่างสูงกลายเป็นเกาะยึดเอาไว้ด้วยความสับสนลึก ๆ

เซย์ริวขยับมืออย่างชำนาญเชิง ปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่ายให้รุ่มร้อน รู้สึกพึงพอใจกับปฏิกิริยาของคนในอ้อมกอด ยิ่งคัตซึฮิโกะรู้สึกลำบากใจ เขาก็ยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้นเท่านั้น มือที่ลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลี่ยนมาปลดกระดุมเสื้อออก ก่อนจะใช้ฟันงับดึงคอเสื้อด้านหลังให้เลื่อนลง เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวที่ดูนวลเนียนอยู่ในความมืดสลัว ปลายลิ้นอุ่นตวัดลิ้มรสแผ่วเบา ลอบสูดกลิ่นกายหอมละมุน จูบประทับร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของประปราย

ร่างเพรียวกระตุกเกร็งทุกครั้งที่ถูกสัมผัส ไม่ว่าเบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือตรงจุดอ่อนไหว หมดหนทางปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ได้แต่ปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะการชักจูงของผู้รุกราน ขยับตัวเข้ากับจังหวะการชักพานั้นอย่างไม่รู้ตัว ผวาตัวแอ่นอกรับสัมผัสที่ขยี้ลงมาตรงส่วนปลายยอด

“อึก...อือ...” ในที่สุด คัตซึฮิโกะก็ไม่อาจกลั้นเสียงครางได้ เขาถอนมือที่ปิดปากออกแล้วกัดนิ้วตัวเองข่มความกระสันอยากเอาไว้

“อีกสิ...คาซึโกะ...ให้ฉันได้ฟังเสียงแกชัด ๆ ” พูดพลางขยับปลายนิ้วสะกิดส่วนปลายยอดที่ตอนนี้มีหยาดน้ำลื่น ๆ หลั่งออกมาจนชุ่ม

“อ๊ะ! อา...เซย์...เซย์ริว...พอ...” เสียงหวานกระซิบกระเส่า หอบถี่ด้วยความรัญจวนใจที่ได้รับ

ร่างสูงขบเม้มไปตามลาดไหล่ ซึ่งสะดุ้งไหวทุกครั้งที่แนบริมฝีปากลงไป สองมือช่วยกันปรนเปรอให้กับคนในอ้อมกอดไม่ยั้ง ยิ่งคัตซึฮิโกะส่งเสียงครวญคราง เซย์ริวยิ่งเร่งมือหนัก ยิ่งมีอาการผวาเกร็ง มืออุ่นร้อนก็ยิ่งกอบกำแน่นขึ้น

“ไม่...เซย์ริว...ไม่ไหว...พอแล้ว...” คำอ้อนวอนขาดห้วงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นทุกขณะ

“จะไปแล้วเหรอ?” มือที่ครอบครองอยู่ดึงจังหวะให้เนิบช้าลง

“อือ...จะ...จะไม่ไหวแล้ว...อา...” มือเรียวขยุ้มหมอนแน่น เกร็งไปทั้งตัวด้วยที่สุดของอารมณ์กำลังจะมาถึง

“หึ...” รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขยับมือนวดคลึงช้า ๆ  แกล้งไม่ให้อีกฝ่ายได้ตามที่ต้องการ

“อา...เซย์ริว...อย่า...อย่าทำแบบนี้สิ ผม...อา...” คัตซึฮิโกะซุกหน้าเกลือกกับหมอน มือเรียวจิกแขนแกร่งกระตุ้นให้กระทำต่อให้ แต่อีกฝ่ายยังแกล้งเฉย

“ขอร้องสิ คาซึโกะ...ขอร้องฉันก่อน” ร่างสูงขยับตัวคร่อมทับคนที่หมดทางขัดขืนไว้แล้วไซ้จมูกไปตามแก้ม

“ขอ...ขอร้อง?”

“ใช่...ขอร้องฉัน ด้วยปากของแกไง” พูดพลางริมฝีปากอุ่นร้อนก็เข้าคลอเคล้ากับริมฝีปากนิ่ม

คัตซึฮิโกะรู้ดีกว่าเขาต้องทำอย่างไร ริมฝีปากเผยอออกและตวัดปลายลิ้นไล้เลียริมฝีปากของอีกฝ่าย ขบเม้มดูดดุนเชิญชวนให้ลิ้มรสเขาให้เต็มที่ ชายหนุ่มจูบเร่งเร้า ยั่วยวนอย่างไม่อายเพื่อให้เซย์ริวทำตามที่เขาต้องการ ในตอนนี้ อารมณ์และความต้องการอยู่เหนือเหตุผลและสามัญสำนึกเสียแล้ว อ้อมแขนตวัดโอบรอบคอร่างสูง ลูบไล้เปะปะไปตามแผ่นหลังกว้าง พยายามเรียกร้องให้ตอบสนองจูบของเขา

เซย์ริวยิ้มละไมในสีหน้า การยั่วยวนที่ดูไม่ช่ำชองนั้นมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จูบที่เรียกร้องทำให้อยากตอบสนองและอยากแกล้งในขณะเดียวกัน เขาเผยอปากตอบรับลิ้นอุ่นนุ่มแล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปควานหารสชาติหวานแปลกจากปากของร่างเพรียว ไล้เลียดูดกลืนราวกับปรารถนาจะกลืนกินร่างทั้งร่างนั้นเข้าไป ขยับมือเร่งเร้ากระตุ้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้แตกซ่าน

ร่างเพรียวเกร็งร่างแอ่นรับจังหวะที่เร่าร้อนนั้น ริมฝีปากที่ถูกบดคลึงทำให้ไม่สามารถร้องออกมาได้ นอกจากส่งเสียงครางเครือด้วยความวาบหวามอยู่ในลำคอ เอวบางขยับรับจังหวะของมือใหญ่ลงตัว และภายใต้การชักพาเพียงอีกไม่กี่ครั้ง คัตซึฮิโกะก็ผวาขึ้นสุดตัว แอ่นเกร็งร่างปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นให้พรั่งพรูออกมาจนชุ่มมือที่ครอบครองเขาอยู่

เซย์ริวตวัดลิ้นไล้เลียเป็นจังหวะสุดท้ายเมื่อร่างในอ้อมแขนหยุดอาการเกร็งกระตุกก่อนที่จะถอนริมฝีปากออก

“อึก...ฮ่า...” คัตซึฮิโกะหอบหนัก ๆ  หลับตาพริ้ม ใบหน้าเนียนแดงซ่านจากกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ริมฝีปากร้อนไล้ไปตามหน้าผากชื้นเหงื่อของคัตซึฮิโกะช้า ๆ  “คาซึโกะ...”

“หือ?...” เสียงครางตอบรับแสดงถึงสติที่ยังคง

“ทำให้ฉันบ้างสิ”

“เอ๋?”

ดวงตาที่หลับพริ้มลืมพรึ่บขึ้นทันที แล้วก็ต้องรีบหลบต่ำเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่จ้องมองมาอยู่ก่อน

“ไม่ได้เหรอ?”

“อะ...เอ่อ...มัน...” คัตซึฮิโกะรู้สึกตะขิดตะขวงในใจ

“แค่ใช้มือเท่านั้นแหละ...เหมือนที่ฉันทำเมื่อกี้ไง ได้มั้ย?”

คัตซึฮิโกะเหลือบตาขึ้นมองหน้าร่างสูงแล้วก็หลบตาอีก แต่ไม่ได้พูดอะไร เซย์ริวจึงถือเอาอาการนั้นเป็นการตอบรับ มือที่ยังเลอะของเหลวขุ่นข้นเลื่อนขึ้นมาจับมือเรียวไว้แล้วพาลงไปสัมผัสกับร่างของเขา...มันตื่นตัวอยู่ในกางเกงผ้าเนื้อบาง และดูเหมือนจะตื่นตัวมากขึ้นเมื่อสัมผัสเข้ากับมือที่สั่นน้อย ๆ ของอีกฝ่าย

คัตซึฮิโกะรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดทั้งที่เพิ่งเสร็จสมไปเมื่อครู่นี้เอง มือที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำของเขาให้ความรู้สึกแปลกประหลาด มือนั้นกุมมือของเขาเอาไว้แล้วนำมันไปแตะต้องร่างที่แข็งขึงราวกับท่อนไม้ ชายหนุ่มจับต้องมันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ...นอกจากร่างของตัวเองที่สัมผัสตอนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองแล้ว เขาไม่เคยสัมผัสของใครมาก่อน...มือเรียวสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เขาก้มหน้าซุกกับแผ่นอกกว้างซ่อนใบหน้าจากการจ้องมอง

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ กับอาการประหม่านั้น มือที่ขลาดกลัวเพิ่มความตื่นเต้นให้เขามากขึ้นจนแทบทนไม่ได้ เขาเบียดท่อนล่างเข้าหาแล้วใช้มือค่อย ๆ สอนให้คัตซึฮิโกะขยับอย่างที่เขาต้องการ

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ กอบกุมแก่นกายรุ่มร้อนมากขึ้น ทุกครั้งที่ขยับนิ้วเปลี่ยนการสัมผัสหรือลงน้ำหนักสัมผัสมากขึ้น เขาได้ยินเสียงถอนใจด้วยความหฤหรรษ์ของร่างสูง เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างประหลาด จนกล้าที่จะ ‘เล่น’ กับส่วนกลางกายนั้นมากขึ้น...จนในที่สุด สัมผัสจากมือของเขาก็นำมาซึ่งเสียงครางเบา ๆ  คัตซึฮิโกะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง...มันไม่ได้ต่างอะไรกับเสียงของเขาเมื่อครู่นี้เลย ถ้าเขาสามารถพาคน ๆ นี้ไปจนถึงจุดสุดยอดได้ ก็หมายความว่าครั้งนี้เขาทั้งสองคนเสมอกัน...มือเรียวขยับเร่งเร้าหนักหน่วงขึ้น ในขณะที่มือใหญ่กุมมือนั้นไว้หลวม ๆ  ปล่อยให้ชายหนุ่มแสดงฝีมือเต็มที่ เอวแกร่งเริ่มขยับไหวตามแรงกระตุ้น จังหวะที่เนิบช้าค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้น

“อึก...อืม...” ร่างสูงซบหน้าลงกับผมนิ่ม ครางเบา ๆ ในลำคออย่างพึงใจ กอดรัดร่างในอ้อมแขนแนบแน่น

ร่างเพรียวยิ่งเร่งมือหนักขึ้น จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงอาการกระตุกเกร็งของต้นขาที่เบียดชิดกับขาของเขา มือที่กุมมือเขาไว้เกาะเกร็งแน่น ขยับเร่งมือของเขาให้ได้ดังใจ ลมหายใจหอบถี่ดังอยู่ข้างหูคัตซึฮิโกะไม่ขาดระยะ จนกระทั่งในที่สุด...

“อะ...คาซึโกะ...อึก...อา...” ร่างสูงปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดในมือเรียว ก่อนที่จะซบลงกับหมอน ถอนใจหอบหนัก ๆ  แล้วก็นิ่งไปเหมือนผล็อยหลับ

คัตซึฮิโกะลืมตาอยู่ในความมืดพักหนึ่ง ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มือของเขายังกอบกุมร่างของเซย์ริวเอาไว้หลวม ๆ  โดยมีมือใหญ่กุมมือของเขาเอาไว้อีกที หยาดน้ำขุ่นเหนียวในมือตอนนี้ปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร คัตซึฮิโกะคิดจะถอนมือออกแล้วไปล้างให้สะอาด แต่ก็รู้สึกราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบ จนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกดวงจากแผ่นอกที่ซุกซบอยู่ เสียงนั้นเนิบช้า เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คัตซึฮิโกะถอนใจนิด ๆ  เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก และในที่สุดก็ผล็อยหลับไป

แต่ทันทีที่ร่างเพรียวเคลิ้มหลับ ดวงตาอีกคู่ก็ลืมขึ้น เซย์ริวจ้องมองคนที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ...สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้แสดงให้รู้ว่าคัตซึฮิโกะเร่าร้อนและพร้อมจะตอบสนองเขามากเพียงใด หากกระตุ้นให้ถูกจุด คน ๆ นี้จะสามารถมอบความหฤหรรษ์ให้จนอิ่มเอม...อย่างเช่นในครั้งนี้ การทำให้คิดว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยการนำเขาไปสู่จุดสุดยอดของอารมณ์ กระตุ้นให้คัตซึฮิโกะพยายามงัดเทคนิคทั้งหมดที่มีมาปรนเปรอให้เขาจนเต็มอิ่ม...ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเอง...ยังมีเวลาอีกนานที่จะสนุกกับของเล่นชิ้นนี้ ของเล่นที่น่าสนใจที่ยังสอนอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่าง ของเล่นที่สามารถบังคับขืนใจเอาได้ ของเล่นที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้อย่างที่ไม่ได้รับมานาน...ทั้งหมดของคน ๆ นี้จะต้องเป็นของเขา

“หลับให้สบายนะ คาซึโกะ...ของเล่นของฉัน...”


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #17 เมื่อ22-02-2013 14:39:41 »

อย่ารุนแรงกับคาซึโกะนักเลยนะเซย์ริว
ใครจะไปรู้ คาซึโกะอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างๆ นายก็ได้นะะะ

สนุกค่ะ อ่านกี่ครั้งก็สะเทือนใจ
เสียใจที่เราไม่ได้สั่งรวมเล่มไว้ ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยได้แต่อ่านออนไลน์เท่านั้น
ไม่ทราบว่ายังเหลือ หรือมีรีปริ๊นท์ไหมคะ เราอยากเสียเงิน 5555555

รักคนแต่ง แต่งโดนใจเราทุกเรื่องเลย

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #18 เมื่อ22-02-2013 16:05:44 »

ชอบคาซึฮิโกะมากๆเลย เป็นคนดีจริงๆ :กอด1:

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #19 เมื่อ22-02-2013 17:39:11 »

เซย์ริว...
โหดจริงแฮะะะะะ :3

จะอยู่แบบสงบ(?)แบบนี้ไปได้อีกซักกี่น้ำนะะะ

:pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
« ตอบ #19 เมื่อ: 22-02-2013 17:39:11 »





ออฟไลน์ blanchet

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #20 เมื่อ22-02-2013 17:49:20 »

แง้ววว ซะงั้น เซย์ริวนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด
คัตสึใจอ่อนเกินไปแล้วนะ
สู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #21 เมื่อ22-02-2013 20:14:33 »

อย่ารุนแรงกับคาซึโกะนักเลยนะเซย์ริว
ใครจะไปรู้ คาซึโกะอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างๆ นายก็ได้นะะะ

สนุกค่ะ อ่านกี่ครั้งก็สะเทือนใจ
เสียใจที่เราไม่ได้สั่งรวมเล่มไว้ ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยได้แต่อ่านออนไลน์เท่านั้น
ไม่ทราบว่ายังเหลือ หรือมีรีปริ๊นท์ไหมคะ เราอยากเสียเงิน 5555555

รักคนแต่ง แต่งโดนใจเราทุกเรื่องเลย

ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #22 เมื่อ22-02-2013 20:24:06 »

ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ

ขอรายละเอียดด้วยคนค่ะ ไม่รู้จักเมลล์อ่ะ :impress:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-03-2013 05:09:11 โดย pudson »

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #23 เมื่อ23-02-2013 12:19:28 »

อ่ะ โพสต์ต่อได้แล้ว ดีใจด้วย  :กอด1:

Black Orlov

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #24 เมื่อ23-02-2013 13:41:00 »

SMกระจาย คาซึโกะดันไปถูกใจฆาตกรซะนี่
วิเคราะห์ดูแล้วไม่น่าจะจบแบบมีความสุขเลยนะ
เพราะประวัติอาชญากรรมของเซย์ริวนี่แหละ

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #25 เมื่อ24-02-2013 13:11:31 »

ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ

ส่งเมล์ไปแล้วค่ะ รอๆ

ออฟไลน์ maminmeaw

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #26 เมื่อ24-02-2013 18:16:52 »

โอ๊ะๆ เค้าติดแล้วอ่ะ เรื่องสนุกมากคะ รอตอนต่อไปนะคะ
อยากรู้ว่าเซย์ริวจะแพ้ใจตัวเองตอนไหนกันน๊า
เปลี่ยนจาก "ของเล่นของฉัน" เป็น "ของรักของฉัน"
คาซึโกะสู้ๆ คนแต่งสู้ๆ  :L2:

Black Orlov

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
«ตอบ #27 เมื่อ25-02-2013 16:00:49 »

อัพนะๆ  :call:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #28 เมื่อ01-03-2013 10:19:29 »

KOUSOKU # 5

“เฮ้ ซาโนะ เป็นอะไรรึเปล่า สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เพื่อนร่วมงานทักขึ้นในวันหนึ่งในขณะที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

“หือ? ไม่หนิ...ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” คัตซึฮิโกะบอกพลางยกมือขึ้นลูบหน้า...อุณหภูมิก็ปกติดี ไม่ได้เป็นไข้อะไรเสียหน่อย

“อืม...ท่าทางนายดูเพลีย ๆ ชอบกล นอนไม่พอรึไง” คนช่างสังเกตพูดพลางชี้ตรงใต้ตาตัวเองเพื่อบอกว่าขอบตาของอีกฝ่ายนั้นคล้ำมากแล้ว

คัตซึฮิโกะหันไปมองกระจกที่อยู่ใกล้ ๆ ...มันก็คล้ำจริง ๆ เสียด้วยสิ...ชายหนุ่มถอนใจอย่างเหนื่อย ๆ แล้วยกมือขึ้นเกาหัว

“ก็นิดหน่อยน่ะ”

“ถ้าไงพักผ่อนให้มาก ๆ ดีกว่านะ ถ้าเผื่อเป็นอะไรไปจะแย่” เพื่อนร่วมงานเตือนด้วยความเป็นห่วง

“อื้ม”

“งั้นไปก่อนนะ ถ้าอาการไม่ดีก็กินยาเสียด้วยล่ะ”

คัตซึฮิโกะโบกมือตอบพร้อมกับยิ้มนิด ๆ  แต่เมื่อลับร่างเพื่อนไปแล้ว ชายหนุ่มก็หุบยิ้มแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ เขารู้สึกมาหลายวันแล้วหละว่าตัวเองพักผ่อนไม่พอ และก็ดูท่าจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหลายวันเลยทีเดียว...สาเหตุน่ะหรือ...ก็ไอ้คนที่มาอาศัยนอนรักษาตัวที่ห้องเขาน่ะสิ คืนไหนเกิดอารมณ์ขึ้นมาเป็นต้องหลอกล่อลวนลามจนเขาต้องตื่นกลางดึกอยู่เรื่อย อย่างเมื่อคืนนี้ก็...

คิดมาถึงตอนนี้แล้วคัตซึฮิโกะก็หน้าแดงแปร๊ด เอามือทุบหัวตัวเองไปทีหนึ่ง

“คิดบ้าอะไรเนี่ย!? ทำไมจะต้องไปคิดถึงหมอนั่นด้วยฟะ?” แต่สมองกลับไม่ยอมหยุดตามคำสั่ง เขายังคิดนั่นคิดนี่เลยเถิดไปเรื่อย ๆ  “ว้าก!!! พอแล้ว!! เลิกคิดได้แล้ว! กลับบ้าน ๆ  ๆ ”

ร่างเพรียวโวยวายกับตัวเองแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป โดยไม่ทันสังเกตว่าหัวหน้าของเขาค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากห้องทำงาน มองลูกน้องด้วยสายตาสงสัยแกมสงสาร

“สงสัยเราจะด่ามันหนักไปหน่อยแฮะ...คราวหน้าคราวหลังต้องหัดชมเจ้าซาโนะบ้างแล้วมั้ง ปล่อยไว้อย่างงี้มีหวังเป็นบ้าก่อนวัยอันควรแน่ ๆ ”
//////////

“กลับมาแล้ว”

คำทักทายตอนเข้าบ้านกลายเป็นคำพูดติดปากไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ คัตซึฮิโกะไม่เคยต้องพูดคำนี้มานานนับตั้งแต่ออกมาอยู่คนเดียว แต่สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้มันกลายเป็นคำที่จำเป็นไปเสียแล้ว เพราะว่าทุก ๆ วัน จะต้องมีคนคอยอยู่ที่ห้องเสมอ

“อื้อ” คำตอบรับสั้นง่าย แต่ไร้มารยาท

คัตซึฮิโกะได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง ต่อให้เขาพูดเพราะให้ตายยังไง คน ๆ นี้ก็คงไม่มีทางพูดดี ๆ กับเขาแน่ ๆ  ดูจากสรรพนามที่ใช้แทนตัวเถอะ เซย์ริวเรียกเขาว่า “แก” ทุกคำ...แต่ก็ช่างมัน ที่เขาแทนตัวว่า “คุณ” กับ “ผม” ก็ไม่ใช่เพราะความสุภาพหรืออะไร เพียงแค่อยากให้มันดูห่างเหินอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ  และคัตซึฮิโกะยังมั่นใจอีกด้วยว่า ระหว่างเขากับเซย์ริวแล้ว มันจะไม่มีทางใกล้ชิดกันมากไปกว่านี้...เด็ดขาด!

คัตซึฮิโกะวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ ถอดเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอออก...อากาศเย็นลงมากในช่วงหลายวันมานี้ เขายอมรับกับตัวเองว่า ในช่วงที่อากาศเป็นแบบนี้ การมีคนนอนข้าง ๆ เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็อุ่นสบาย...ถ้าไม่นับรวมเรื่องลามกที่เกิดขึ้นแทบจะคืนเว้นคืนแล้วหละก็นะ...ชายหนุ่มถอนใจกับความคิดของตัวเองเฮือกใหญ่ แล้วก็เดินไปที่ครัว แต่เสียงห้าวจากคนนี่นั่งอ่านหนังสือบนเตียงหยุดยั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

“ฉันซื้อแฮมเบอร์เกอร์มาน่ะ กินมั้ย?”

“ออกไปข้างนอกมาเหรอ?”

“อื้อ”

“ไปทำอะไร?”

“ไม่เกี่ยวกับแก จะกินหรือไม่กิน” เซย์ริวตัดบทง่าย ๆ

คัตซึฮิโกะทอดถอนใจ เขาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้...แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกชินชา เพราะเซย์ริวไม่เคยทำความเดือดร้อนอะไรให้ นอกจากเรื่องอาหารการกินที่หมดเปลืองมากขึ้น...แต่นั่นก็ไม่เท่าไร ถ้าเทียบกับเรื่อง...

คัตซึฮิโกะเอาหัวโขกกำแพงปั้กใหญ่...ชักสะท้อนใจกับความคิดของตัวเองที่นับวันจะหนีไม่พ้นเรื่องอย่างว่า เซย์ริวเงยหน้าขึ้นมองอาการแปลก ๆ ของเจ้าของห้องแล้วหัวเราะเบา ๆ

“เป็นอะไร? บ้าแล้วเหรอ?”

คัตซึฮิโกะขมุบขมิบปาก “บ้าเพราะคุณนั่นแหละ”

“หือ? อะไรนะ?”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก มื้อเย็นเอาเป็นแฮมเบอร์เกอร์นั่นก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทำ” ร่างเพรียวเสพูดเรื่องอื่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ติดใจอะไร

ร่างสูงย้ายตัวเองลงมานั่งที่พื้นตรงข้างเตียง แล้วต่างคนต่างก็แกะห่อแฮมเบอร์เกอร์ออกมาละเลงซอสตามใจชอบแล้วก็กินกันไปเงียบ ๆ  เซย์ริวยังคงให้ความสนใจกับหนังสือในมือ คัตซึฮิโกะเองก็หยิบหนังสือออกมาอ่านบ้าง มันช่างเป็นบรรยากาศเงียบสงบที่แปลกประหลาด

“อ๋า” คัตซึฮิโกะร้องขึ้นเมื่อซอสที่ใส่ไว้ในแฮมเบอร์เกอร์ไหลย้อยออกมาเลอะมือและริมฝีปาก เขาเปลี่ยนมือที่ถือแฮมเบอร์เกอร์แล้วพยายามปาดเช็ดให้สะอาด แต่การถือด้วยมือที่ไม่ถนัดทำให้มายองเนสไหลเยิ้มออกมาด้วย ทีนี้ก็กลายเป็นว่าเลอะหมดทั้งสองมือ

ชายหนุ่มถอนใจเซ็ง ๆ  กินแฮมเบอร์เกอร์ทีไรเป็นต้องเลอะเทอะอย่างนี้ทุกที ท่าทางเขาจะคุ้นกับการกินด้วยตะเกียบมากกว่า เรียวลิ้นตวัดเลียซอสและมายองเนสที่เปื้อนมืออยู่ ป้ายส่วนที่เลอะริมฝีปากออกอย่างไม่ใส่ใจนัก ไล้เลียจนสะอาดโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นกระตุ้นความรู้สึกของคนมองเพียงใด

มือใหญ่คว้าดึงมือที่ยังเปื้อนเข้าหาตัว คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก่อนที่จะตั้งตัว ลิ้นอุ่นร้อนก็ตวัดลงกับนิ้วของเขา ไล้เลียดูดดุนไปจนถึงง่ามนิ้ว

“ทะ...ทำบ้าอะไรน่ะ?” คัตซึฮิโกะร้องด้วยความตกใจและพยายามดึงมือกลับ แต่มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กกลับยึดมือของเขาเอาไว้แน่น

“เฉย ๆ สิ เลอะหมดแล้ว” พูดพลางก็ส่งนิ้วกลางของอีกฝ่ายเข้าปากกระหวัดลิ้นเลียสลับกับดูดกลืน

“อย่า! ผมทำเองได้” ร่างเพรียวพยายามปฏิเสธ รู้สึกร้อนวาบไปทั้งใบหน้า ประหม่าอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ แล้วลากปลายลิ้นเลียตั้งแต่โคนนิ้วขึ้นมาจนถึงปลาย ขบริมฝีปากดูดเม้มเบา ๆ อย่างยั่วเย้า เพียงเท่านั้นคัตซึฮิโกะก็เกร็งวาบไปทั้งตัว ใบหน้าคมชะโงกเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจ ชายหนุ่มหลับตาแน่น เพราะรู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น...มันไม่เคยจบแค่นี้...ริมฝีปากอุ่นนุ่มประทับลงที่หน้าผากมน และเล็มลงมาตามสันจมูกโด่งได้รูป จนกระทั่งถึงริมฝีปากที่เม้มแน่น แตะลิ้นร้อนเลียแผ่วเบาเหมือนพยายามจะชักชวนให้มาสนุกด้วยกัน แต่มือเรียวผลักไหล่หนาออกห่างตัว

“พอ...พอเถอะ...ไม่เอา...” คัตซึฮิโกะพยายามห้าม

แต่เมื่อขยับปากเอื้อนเอ่ย ปลายลิ้นนุ่มที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ฉวยโอกาสแทรกตัวเข้าไปกวาดควานกระหวัดพัวพันกับลิ้นของอีกฝ่าย ตวัดรัดล่อหลอกให้เคลิบเคลิ้มตาม มือที่ผลักไสเริ่มเปลี่ยนเป็นเกาะยึดขยุ้มไหล่เสื้อตัวหนาเอาไว้แน่นด้วยความหวั่นไหวที่เกิดขึ้น แล้วมือข้างที่ถูกเกาะกุมอยู่ก็ถูกนำขึ้นมาแทรกตรงกลางระหว่างริมฝีปากทั้งสอง ร่างสูงเริ่มไล้เลียนิ้วเรียวอีกครั้ง ส่งมันเข้าปากดูดกลืนทีละนิ้วบ้าง สองนิ้วบ้าง เล่นเอาคนที่กำลังหวั่นไหวอยู่แล้วสะท้านไปทั้งร่าง

เซย์ริวค่อย ๆ ขยับตัวพาคนตัวเล็กกว่าไปนั่งพิงเตียงนอน ดวงตาที่มีแววหวาดหวั่นฉาบอยู่ค่อย ๆ ปรือขึ้นมองการกระทำของคนตรงหน้าแล้วก็หลบตาอย่างรวดเร็วเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่มองอย่างยั่วเย้าเหมือนเคย

“เอาหละ...สะอาดแล้ว” ลิ้นร้อนตวัดเลียเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนริมฝีปากออกปล่อยให้มือข้างนั้นเป็นอิสระ

“บ้า...” ใบหน้าเนียนแดงซ่าน ขมุบขมิบปากต่อว่างึมงำอยู่ในลำคอ

“แกว่าฉันเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธ “ทำไม?...อายงั้นเหรอ?”

คำถามไม่ได้ต้องการคำตอบนอกเสียจากอยากยั่วยุอารมณ์คนที่อายเสียจนไม่ยอมสบตา ริมฝีปากหยักเม้มแน่น คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ  สองแก้มยังแดงระเรื่อ ดวงตาคู่สวยเสมองไปทางอื่นที่ไม่ต้องมองหน้าคนช่างแกล้ง แต่อาการอย่างนั้นยิ่งทำให้นึกอยากรังแกมากขึ้น เซย์ริวรู้ดีว่าเขากระตุ้นอารมณ์ชายหนุ่มไปได้เกือบครึ่งทางแล้ว หากลงมือต่ออีกนิดหน่อย คัตซึฮิโกะก็จะหนีไปไหนไม่รอด

“ยังจะอายอะไรอีก...ฉันเห็นหมดแล้วหละ” ริมฝีปากจูบไซ้ไปตามใบหน้า เคล้าคลอไปทั่ว

คัตซึฮิโกะตวัดสายตาค้อนเข้าให้วงใหญ่กับคำพูดนั้น แล้วก็ได้เห็นแววสนุกปรากฏชัดอยู่ในดวงตาที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ ชายหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที มันหลายครั้งเกินไปแล้วที่เขาเผลอตัวยอมให้เจ้าวายร้ายนี่ฉวยโอกาสล่วงเกินเขา มือเรียวผลักยันใบหน้าที่คลอเคลียอยู่ออกห่างตัว

“มากไปแล้วนะ!” คัตซึฮิโกะตวาดเอาพร้อมกับสะบัดมือฟาดเข้าที่แก้มของร่างสูง

เซย์ริวงงไปเล็กน้อยที่อยู่ ๆ สัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ในมือก็แว้งกัดเข้าให้ ดวงตาคมเป็นประกายวาบขึ้นทันที เขาหันกลับมามองคนตรงหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คนที่เคยเชื่องกับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ยอมให้กลับมาแว้งเขาได้เป็นครั้งที่สอง! มือแกร่งขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่ายแน่นแล้วตบเต็มแรง

“กล้าเหรอ คาซึโกะ! แกกล้าหือกับฉันงั้นเหรอ!?”

คัตซึฮิโกะหน้าชาไปทั้งแถบ ยังไม่ทันจะยกมือขึ้นแตะแก้มที่บอบช้ำ มือใหญ่ก็กระหน่ำฟาดลงมาอีก ร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว เซย์ริวไม่เคยรุนแรงกับเขามานานแล้ว

“ไม่! อย่า!” ชายหนุ่มพยายามขอร้องและปัดป้อง

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
«ตอบ #29 เมื่อ01-03-2013 10:23:30 »

หากคนกำลังโกรธได้ที่ไม่สนใจ สองมือคว้าลำคอเพรียวบางขยุ้มแน่น กดบีบราวกับต้องการฆ่าคนตรงหน้าเสียให้ตาย คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งร่าง พยายามแกะมือที่เกร็งแน่นอยู่ที่ลำคอออก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไร

ริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาบดเม้มกับปากที่เผยอหอบหาอากาศหายใจ สอดลิ้นเข้าไปกระหวัดพัวพันดุดัน ขบกัดริมฝีปากนุ่มเป็นบางครั้งเมื่อไม่ได้ดั่งใจจนได้เลือด

แค่โดนทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจพออยู่แล้ว ยิ่งขาดอากาศหายใจ คัตซึฮิโกะยิ่งหวาดกลัวเป็นสองเท่า สองมือพยายามขยุ้มไหล่เสื้อดึงทึ้งให้ปล่อย พยายามเตะถีบเพื่อช่วยตัวเองให้รอด แต่เมื่อไม่เป็นผลก็ได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคออย่างไม่ยินยอม แล้วในที่สุดก็เริ่มหมดแรงลงทีละน้อย ดวงตาหรี่ปรือชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตามองคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน

สีหน้าท่าทางแบบนั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของร่างสูงให้พลุ่งพล่าน มือที่ขยุ้มเกร็งรอบคอแน่นค่อย ๆ ผ่อนแรงออก หากริมฝีปากยังบดเม้มรุนแรง ลิ้มรสหวานแปลกปนกลิ่นเลือดจาง ๆ  นั่นยิ่งทำให้ปีศาจร้ายในร่างเริงโรจน์ แก่นกายแกร่งตื่นตัวขึ้นตามสัญชาตญาณ ปรารถนาที่จะครอบครองคนตรงหน้านี้โดยเร็ว หากอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายทำให้ไม่สามารถกระทำได้อย่างใจ ยิ่งทำให้หงุดหงิด นึกอยากจะทำร้ายร่างเพรียวในเงื้อมมือให้เจ็บหนัก แต่ก็คิดได้ว่าหากทำแบบนั้นก็จะไม่สามารถหาความหฤหรรษ์ได้อีก จึงพยายามข่มใจเอาไว้ สอดมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายแล้วลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก สะกิดหยอกส่วนปลายยอดจนแข็งขึง ขณะที่ริมฝีปากยังเคล้าคลอไม่ห่างจากริมฝีปากที่เพิ่งปล่อยให้เป็นอิสระ

ร่างเพรียวอ้าปากหอบหายใจ แทบจะสำลักอากาศ ทันทีที่ร่างสูงปล่อยมือออก ส่งเสียงครางกระเส่าเมื่อถูกโลมเล้าไปตามเรือนร่าง เผลอตัวแอ่นอกรับสัมผัสจากมือหยาบร้อนที่สะกิดกระตุ้นหยอกเย้ายอดอก

ฟันเรียบขบงับปลดกระดุมเสื้อออกช้า ๆ จนกระทั่งสาบเสื้อแหวกออกเผยให้เห็นแผ่นอกเนียนขาวที่ยังมีร่องรอยจากคืนก่อนหลงเหลือยู่จาง ๆ  เรียวลิ้นไล้เลียไปตวัดชิมรสชาติตุ่มไตสีแดงเรื่อ ขบกัดดูดดุนราวกับเป็นลูกอมหอมหวาน สอดมือล้วงลึกเข้าไปในกางเกงยีนส์สัมผัสกระตุ้นแก่นกายที่ค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นอย่างเร่งเร้า พยายามระงับความปรารถนาที่แทบทนไม่ได้เอาไว้อย่างเต็มที่

คัตซึฮิโกะบิดกายเร่าด้วยความทรมาน ร่างกายตอบสนองกับทุกสัมผัสของร่างสูง หากจิตใจกลับไม่ยินยอม ขบริมฝีปากกลั้นเสียงครางเครือด้วยความหวามไหว ไม่ต้องการให้ฝ่ายรุกรานรู้ว่าเขาพึงพอใจกับการกระทำเหล่านั้นมากเพียงใจ หากจังหวะการกระตุ้นที่เร่งเร้าเร่าร้อนก็ทำให้เผลอตัวไปตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้น

“อะ...อา...” เสียงหวานครางแผ่วเมื่อมืออุ่นร้อนงัดเทคนิคออกมาปรนเปรอให้เต็มที่

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ อย่างได้ใจ แม้จะไม่ต้องเตรียมให้พร้อมกว่านี้ แต่คัตซึฮิโกะก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธเขาได้อีกแล้ว เขาขยับยกสะโพกบางขึ้นเพื่อดึงกางเกงยีนส์ลง ซึ่งคนที่กำลังค้างคาได้ที่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

เมื่อกางเกงยีนส์พ้นร่างไป เผยให้เห็นท่อนล่างเปลือยเปล่าขาวนวล ร่างสูงก็แทบจะห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ร่างบอบบางตรงหว่างขาตื่นตัวแข็งขืนระริกไหวด้วยความปรารถนา เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองอย่างไม่เก็บความรู้สึก เรียวขาขาวเนียนก็ขยับชิดเข้าหากัน พยายามปิดป้องให้พ้นจากสายตาที่ดูเป็นอันตราย ดวงตาคู่สวยที่เปียกชื้นหลุบลงต่ำ ก้มหน้าซ่อนใบหน้าแดงเรื่อด้วยความสะท้านอาย

ร่างที่เกือบเปลือยกระตุ้นความกระสันอยากอย่างรุนแรง เซย์ริวไม่คิดถึงขั้นตอนใด ๆ อีกแล้ว เขาจับร่างเพรียวให้หันไปหาเตียงนอนที่อยู่ด้านหลัง คุกเข่าให้ท่อนบนก่ายเกยอยู่บนเตียง คนโดนรุกไล่เอี้ยวตัวหันมามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ก็โดนมือใหญ่กดศีรษะให้หันกลับไป ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปตรงระหว่างขาทั้งสองข้างของคัตซึฮิโกะ ใช้เข่าดันเบียดให้สองขานั้นแยกกว้างออกจนกลายเป็นท่วงท่าที่เปิดเผยช่องทางด้านหลังให้เห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะก้มหน้าซุกกับที่นอนด้วยความเขินอาย เรียวนิ้วค่อย ๆ ลองสอดดันเข้าไปในช่องทางคับแคบช้า ๆ ...เหมือนกับครั้งแรกที่ได้สัมผัส ช่องทางที่ไม่ได้รับการตระเตรียมอะไรฝืดคับและบีบรัดแน่น ผนังอ่อนนุ่มตอดตุบรัดนิ้วที่รุกล้ำเข้าไปเป็นจังหวะ มันควรจะถูกเตรียมพร้อมมากกว่านี้ แต่เซย์ริวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาถอนนิ้วออกแล้วรูดซิปกางเกงตัวเองออก ปลดปล่อยความแข็งขืนให้เป็นอิสระ จรดจ่อลงกับช่องทางแล้วดันตัวเข้าไปช้า ๆ

คัตซึฮิโกะผวาขึ้นสุดตัว เจ็บเสียดที่สะโพกร้าวรานไปจนถึงโคนขา ท่อนเนื้อเปลือยเปล่ากำลังคืบคลานเข้ามาในร่างของเขาโดยที่ไม่มีสารหล่อลื่นใด ๆ ช่วย มันฝืดฝืนคับแน่นจนต้องกรีดร้องออกมา

“อ๊า...เซย์ริว...อย่า! ผมเจ็บ...ไม่เอาแล้ว!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อส่วนปลายของสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

อาชญากรหนุ่มกลั้นใจนิดหนึ่งหยุดการเคลื่อนไหวแล้วเอื้อมมือไปตะปบปิดปากที่กำลังส่งเสียงคร่ำครวญพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปกวาดควาน

“ถ้าเจ็บนักจะกัดมันก็ได้นะ หรือถ้าเสียวจนทนไม่ได้จะดูดมันเล่นไปก่อนก็ได้” เสียงทุ้มกระซิบหนัก ๆ ปนมากับเสียงหอบกระเส่าแล้วก็เคลื่อนตัวรุกคืบต่อไป

“อึก...อือ...” หยาดน้ำตาไหลพรากจากความเจ็บปวดที่แล่นปราดขึ้นมาจากเบื้องล่างที่ถูกรุกราน ฟันเรียบขบกัดนิ้วที่อยู่ในปากเพื่อระบายอารมณ์ สองมือขยุ้มดึงผ้าปูที่นอนแน่นแทบจะจิกทึ้งให้ขาดคามือ พยายามแยกขาออกเพื่อเปิดช่องทางให้กว้างขึ้น แต่ขนาดที่ใหญ่โตของสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาทำให้ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะพยายามทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น

เป็นเวลานานแล้วที่ช่องทางนี้ไม่ได้ถูกล่วงล้ำ แล้วจู่ ๆ สิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวดสุดชีวิตก็กลับมาแทรกกายเข้ารุกรานโดยไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับครั้งแรกนั้นไม่มีผิด! คัตซึฮิโกะหลับตาแน่น พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บมากเกินไปนัก

แล้วแก่นกายแกร่งก็เคลื่อนเข้ามาจนสุดทาง ร่างสูงถอนใจพรู เขาพยายามหน่วงให้ช้าที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนคนที่ซุกหน้าอยู่กับที่นอนจะเจ็บจนสะอื้นไม่หยุด อาการแปลบปลาบที่นิ้วอันเกิดจากการถูกขบกัดบอกเขาได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มขยับกายทาบทับแล้วเริ่มต้นขยับบั้นเอวเข้าหาเบา ๆ  หากร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว

“อึ๊ก...อือ...”

สอดเข้า...ดึงออก...แล้วสอดเข้าหาอีก...เซย์ริวพยายามทำจังหวะเริ่มให้ช้า ๆ ทั้งที่ตัวเองแทบจะทานความกระหายอยากไม่ได้อยู่แล้ว แต่เซ็กส์ที่อีกฝ่ายยินยอมด้วยนั้นสร้างความบันเทิงให้มากกว่าการข่มขืนหลายเท่านัก มือข้างที่ว่างอยู่ลูบไล้ไปตามก้อนเนื้อนุ่มมือที่บั้นท้ายกลมกลึง ลูบคลำล้วงไปทักทายหยอกล้อกับร่างที่ยังตื่นตัวอยู่ กระตุ้นให้เกิดอารมณ์กระสันอีกครั้งแล้วก็เคลื่อนไปสัมผัสที่อื่นเพื่อปลุกเร้าต่อไป จนกระทั่งนิ้วที่อยู่ในปากอุ่นรับรู้ได้ถึงอาการดูดกลืนราวกับหิวกระหาย คัตซึฮิโกะดูดนิ้วของเขาหนักหน่วงทุกครั้งที่มือแตะไปถูกจุดไวสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นโคนขา ท้องน้อย และจุดอ่อนไหวกลางลำตัว ในขณะเดียวกัน ช่องทางที่เขารุกล้ำอยู่ก็ชุ่มชื้นมากขึ้นจนการสอดใส่เป็นไปได้ง่ายกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงเร่งจังหวะให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

สะโพกกลมยกขึ้นรับการสวนกระแทกเข้าหาอย่างเข้าจังหวะ มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ ช่องทางของเขาเปิดรับความเร่าร้อนให้สอดแทรกเข้ามาสะดวกมากขึ้น ไฟราคะคุโชนขึ้นอย่างเกินจะรั้งเอาไว้ ตวัดลิ้นไล้เลียดูดดื่มเรียวนิ้วราวกับเป็นไอศกรีมอันหอมหวาน และนิ้วนั้นก็ขยับหยอกล้อไปมาไม่หยุด หลอกล่อให้ตวัดลิ้นไล่จับเป็นที่เพลิดเพลิน เอวคอดเริ่มขยับไหวตามจังหวะชักนำของร่างสูง อุ้งมืออุ่นร้อนที่เข้าครอบครองท่อนเนื้อตรงหว่างขาของเขาขยับชักรูดนำพาให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง ร้อนวาบตรงช่องทางทุกครั้งที่ถูกเสียดสี รู้สึกดีกับการถูกรุกรานมากขึ้นเรื่อย ๆ  หากยังมีสติอยู่ คัตซึฮิโกะคงนึกเกลียดตัวเองตอนนี้ยิ่งนัก แต่ในตอนนี้ เขาแทบไม่หลงเหลือความเป็นตัวเองอีกแล้ว สิ่งเดียวที่สมองรับรู้ก็คือปรารถนาจะไปให้ถึงที่สุดของสายธารแห่งอารมณ์ ที่ไหนก็ได้ที่เซย์ริวจะนำพาเขาไป ขอเพียงให้เขาสุขสมจนถึงขีดสุดเป็นพอ

เซย์ริวเองก็เช่นกัน เขาแทบจะพาตัวเองไปจนถึงสุดทางตั้งแต่เห็นสภาพกึ่งเปลือยของคัตซึฮิโกะ ที่ยังสามารถรั้งมาได้จนถึงตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังปลกใจ บางที เขาอาจจะติดใจในรสชาติของการสมยอมแล้วก็เป็นได้ ใช่แล้ว...ทั้งการตอบสนองของเรียวขาที่แยกออกรับ ทั้งเสียงครางครวญที่เต็มไปด้วยความสุขสม ทั้งเรียวลิ้นที่ดูดดุนยั่วเย้า รวมไปถึงการตอดรัดของช่องทางที่รับเข้ากับจังหวะของเขา ทุกอย่างช่างสมบูรณ์แบบ มันสร้างความอิ่มเอมให้กับเขามากมายเกินกว่าจะอธิบายได้ แล้วก็แปลก...ที่เขาไม่เคยอิ่มเอมกับใครเท่ากับชายหนุ่มที่เขากำลังครอบครองอยู่มาก่อน

“อ๊ะ...อ๊า...เซย์...ไม่ไหว...จะไม่ไหวแล้ว...” คัตซึฮิโกะครางกระเส่า แทบจะตวัดลิ้นไล้เลียนิ้วที่ยังคงหยอกล้ออยู่ไม่ไหว

แก่นกายรุมร้อนแทรกสอดลึก ถาโถมกายเข้าหาอย่างไม่ออมแรง ขยับมือฉุดรั้งให้กระสันอยากถึงที่สุด หากไม่ได้ซบร่างก่ายเกยอยู่กับที่นอน คัตซึฮิโกะคงทรุดลงไปกองกับพื้นนานแล้ว ด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกกระทำทำให้แทบจะทานอารมณ์เร่าร้อนของอีกฝ่ายไม่ได้ และตอนนี้...ที่สุดของทุกอย่างเดินทางมาจนถึงตรงหน้าแล้ว ทั้งที่สมองพร่าเลือนจนไม่รับรู้สิ่งรอบกาย แต่คัตซึฮิโกะกลับรับรู้ได้ถึงทุกจังหวะของการสอดกายที่กระชั้นถี่ขึ้นทุกขณะ รับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่ขยับชักพาเขาให้กระเจิดกระเจิงไป รับรู้ได้แม้กระทั่งลมหายใจหอบถี่ของคนที่กำลังตักตวงและปรนเปรอความสุขให้เขาไปพร้อม ๆ กัน ช่องทางคับแคบตอดรัดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

“อะ...เซย์...ริว...อ๊า...”

ร่างเพรียวกรีดเสียงครางหวาน ผวากายเยือก ปลดปล่อยหยาดน้ำข้นเหนียวให้หลั่งเลอะมือที่กอบกำอยู่และฉีดพ่นไปเปรอะผ้าปูที่นอน เกือบจะพร้อม ๆ กันกับที่เซย์ริวก็หลั่งหยาดแห่งอารมณ์เข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะจนเต็มปรี่

ร่างสูงทรุดซบลงกับแผ่นหลังที่สะท้านน้อย ๆ ด้วยแรงหอบหายใจ สูดกลิ่นอายยั่วเย้าของฮอร์โมนที่ยังตกค้างอยู่ นิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งจึงได้ถอนตัวออก หยาดน้ำขุ่นข้นไหลซึมออกมาเปรอะเลอะซอกขาขาวเนียนที่สั่นระริก คัตซึฮิโกะยังซบนิ่งอยู่กับที่นอน เซย์ริวมองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ...คัตซึฮิโกะคงไม่กล้าดื้อกับเขาไปอีกนาน

ไม่ใช่แค่เพียงการทำร้ายเพื่อลงโทษไม่ให้ดื้อดึง แต่เขายังป้อนความหอมหวานของความสัมพันธ์ทางกายเพื่อให้ติดใจจนไม่สามารถขัดใจเขาได้ ความหอมหวานนี้ก็เช่นเดียวกับยาเสพติด แม้ได้ลองเพียงครั้งก็ติดไปจนตาย และตอนนี้...คัตซึฮิโกะเองก็เริ่มเสพติดมันแล้ว

เรียวลิ้นตวัดเลียทำความสะอาดตรงที่หยาดอารมณ์ของเขาไหลออกมาเปรอะเปื้อน คัตซึฮิโกะผวาเฮือก

“อย่า!”

“แค่ทำความสะอาดน่า” ว่าพลางก็ไล้ลิ้นเลียส่วนอื่นต่อไป

“ผม...ผมทำเองได้” ร่างเพรียวขยับจะลุกหนี หากท่อนล่างร้าวรานไปหมดจนแทบเคลื่อนตัวไม่ได้

“ทำได้แน่เหรอ? แกลุกไปอาบน้ำไหวรึไง?” ดวงตาคมเป็นประกายล้อเลียน

คัตซึฮิโกะหน้าแดงซ่านไปถึงคอ มันจะลุกไหวได้ยังไงเล่า...เล่นกับเขาเสียหนักขนาดนี้ แถมก่อนหน้านี้ยังทำร้ายเขาอีกด้วย ชายหนุ่มลูบคลำลำคอ มันยังเจ็บร้าวไปหมด ที่แก้มก็ยังแสบร้อน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อครู่นี้เองที่เขาลืมอาการเหล่านี้ไปเสียสิ้น คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับมือตัวเอง ทอดถอนใจอย่างอ่อนล้า...ทำไมเขาถึงหนีไปจากคน ๆ นี้ไม่ได้นะ...ทำไมเขาถึงกำจัดคน ๆ นี้ไปจากชีวิตของเขาไม่ได้เสียที

เซย์ริวมองดูเจ้าของห้องด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่ในใจกลับนึกสนุก คัตซึฮิโกะคงยังไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังหลงติดเข้ามาในกับดักของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ  ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งติดแน่น เหมือนกับแมลงที่ติดอยู่บนใยแมงมุม...ใช่แล้ว...ยิ่งเห็นคัตซึฮิโกะดิ้นรนหนีให้พ้นจากเขาเท่าไร ก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น และของเล่นแบบนี้จะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีกเมื่อทำให้ติดใยของเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนหมดหนทางดิ้นรน...แค่คิดว่าเมื่อถึงวันนั้นแล้วคัตซึฮิโกะจะเป็นเช่นไร ชายหนุ่มก็รู้สึกสนุกจนแทบทนไม่ได้ เขาเลี่ยงไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาให้คัตซึฮิโกะเช็ดตัว...อย่างน้อย ตอนนี้ก็เลี้ยงให้เชื่องไปก่อน ถึงตอนที่เบื่อแล้วค่อยทำลายทิ้งก็ยังทัน...

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด