KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56  (อ่าน 76766 ครั้ง)

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #90 เมื่อ03-05-2013 21:43:44 »

เด็กหนุ่มใช้ชีวิตอย่างโชกโชน เขาเปลี่ยนวิธีการหากินโดยหาเหยื่อที่หมายตาไว้แล้วข่มขู่ บังคับ รีดไถเพื่อเลี้ยงชีวิตเป็นหลัก นอกนั้นก็ปล้นจี้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ  เหยื่อส่วนมากของเขามักจะเป็นเด็กหนุ่มหรือหญิงสาวที่ท่าทางมีเงินให้เขาไม่ขาดมือและอยู่ตามลำพัง  ใครที่น่าพึงใจเขาก็จะมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย ไม่เกี่ยงว่าชายหรือหญิง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเดียวในวงการที่ไม่เคยซื้อบริการจากมิตรที่เป็นโสเภณี เพราะมีของเล่นของตัวเองอยู่แล้ว เหยื่อของเขานั้น มีบางคนที่ทนรับสภาพไม่ได้ฆ่าตัวตายไปก็มี บางคนย้ายบ้านหนี ใครที่ทำใจทนได้ก็เป็นแหล่งเงินแหล่งทองให้เขาต่อไป แต่เขาก็ไม่เคยไว้ใจใครจนถึงขนาดนอนค้างด้วย


เวลาผ่านไปหลายปี จนชื่อของเซย์ริวแพร่ไปในสังคมของพวกเขาด้วยการเป็นตัวอันตรายอันดับต้น ๆ  ในปีที่เขาอายุ 20 เขาได้พบ “เพื่อน” คนแรกและคนเดียวในชีวิต

คืนวันนั้นฝนตกพร่ำ ๆ มาตั้งแต่เย็น แต่ความยะเยือกของสายฝนไม่ได้ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งลดความร้อนแรงในใจลงได้เลย คนกลุ่มนั้นกำลังโรมรันพันตูกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้ออยู่ในซอกตึกมืด ๆ แห่งหนึ่ง...ถ้าจะพูดตามตรงก็คือกำลังรุมกินโต๊ะใครคนหนึ่งอยู่ในสัดส่วน 6 ต่อ 1 แต่ดูแล้วก็รู้สึกว่าฝ่าย 6 คนกำลังเสียเปรียบ ด้วยตอนนี้มีหลายคนเลือดสาดไปตาม ๆ กันจากปลายมีดของชายหนุ่มร่างสูง

“อ๊าก!!!! ไอ้เซย์ริว มึง...ตากู!!” ใครคนหนึ่งในกลุ่มร้องลั่นเมื่อมีดของเซย์ริวเสียบเข้าที่ตาขวาพอดิบพอดี

การกระทำนั้นทำให้ทั้งกลุ่มระส่ำระสาย ในที่สุดก็ตัดสินใจผละถอยออกไปเพื่อความปลอดภัยของเพื่อน

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” หลังจากฝากแค้นไว้ด้วยประโยคสุดคลาสสิคแล้วก็ประคับประคองพากันหนีไป

เซย์ริวยืนพิงกำแพง ในมือยังกำมีดแน่น ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะที่ศีรษะนั้นแตกเป็นแผลใหญ่จนเลือดไหลอาบหน้า พอแน่ใจว่าคู่กรณีไปกันหมดแล้ว ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเสียงกุกกักที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวก็ดึงประสาททั้งหมดของเขาให้ตื่นตัวขึ้นอีก

“ใคร!?” ชายหนุ่มตะคอกพลางหันปลายมีดไปทางต้นเสียง

เด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น จากเสื้อผ้าที่สวมอยู่บอกให้รู้ว่าเป็นเด็กมัธยมปลาย เขาเปียกชื้นไปทั้งตัวไม่น้อยไปกว่าเซย์ริว

“เอ้อ...ฉัน...ไม่ได้มาร้ายนะ แค่...อยู่แถว ๆ นี้ก่อนพวกนายจะตีกัน”

เซย์ริวหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจอีกครั้ง แล้วลดมีดลง หลับตาเหมือนไม่สนใจใครคนนั้น

“นายเก่งจังนะ พวกนั้นตั้ง 6 คนยังสู้ได้”

ร่างสูงยังคงหลับตานิ่งเหมือนไม่ได้ยิน

“ไปหาหมอดีกว่ามั้ย เลือดนายออกเยอะมากเลยนะ”

ดวงตาคมลืมขึ้นด้วยความรำคาญ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเข้ามานั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

“อะไรของแกเนี่ย ไปให้พ้นไป!” เซย์ริวตวาด

“แต่นายเจ็บเยอะนี่”

“แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” ชายหนุ่มบอกพลางลุกขึ้นแล้วตั้งท่าจะเดินหนี

“เฮ้! แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”

เซย์ริวหยุดเดินแล้วปรายตามองเด็กหนุ่ม “ถ้าอยากตายอย่างสงบก็อย่ามายุ่งกับฉัน”

พูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป โดยที่ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตามตื๊อเขา

ในระยะเวลาต่อมา เซย์ริวมักจะได้พบกับเด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นบ่อย ๆ  ราวกับว่าเด็กคนนั้นรู้ดีว่าเขาชอบไปแถวไหนบ้าง เมื่อพบกันเด็กหนุ่มจะเข้ามาทักทายทันทีและเดินตามชวนพูดคุยไปเรื่อย แรก ๆ เซย์ริวก็ทำนิ่งเสีย จนรำคาญเข้าขั้นก็ออกปากไล่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงเดินตามเพื่อชวนคุยทุกครั้งที่พบ แม้กระทั่งโดนขู่ฆ่าก็ยังไม่ลดละ

“ไอ้...มึงจะเอายังไงกับกูวะ?” เซย์ริวทนไม่ได้ในที่สุด

“ก็ไม่ได้เอายังไง ฉันบอกนายไปแล้วนี่ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายอ้ะ” เด็กหนุ่มบอกอย่างเฉยเมย

“เป็นเพื่อนกับฉัน? แกบ้าหรือว่าเมาวะ ไอ้เปี๊ยก”

“เฮ้! ฉันไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนะ ฉันชื่อโทโนมุระ ฮิโรกิ จำเอาไว้ด้วย!”

ในที่สุด เซย์ริวก็ยอมให้เด็กหนุ่มนิสัยประหลาดนั่นเสียคนหนึ่ง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่พบกัน ฮิโรกิกับเซย์ริวก็เป็นปาท่องโก๋ ทั้งสองคนไปไหน ๆ ด้วยกัน พูดคุยกัน ทำอะไร ๆ ด้วยกัน ยกเว้นเวลามีเรื่องที่เซย์ริวจะกันฮิโรกิไว้อีกทางหนึ่งไม่ให้โดนลูกหลง เพราะถึงแม้ว่าจะใกล้ชิดกับเขามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็ใช่ว่าฮิโรกิจะทำทุกอย่างได้เหมือนเขา ซึ่งดูเหมือนฮิโรกิจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรอยู่เป็นภาระให้เซย์ริวเวลามีเรื่องเพราะครั้งหนึ่งที่เขายืนละล้าละลังอยู่จนเกือบโดนเล่นงาน เซย์ริวมาช่วยไว้ทันก็จริงแต่ก็ถึงกับได้แผลใหญ่ หลังจากนั้นมาเซย์ริวก็ไม่เคยต้องห่วงว่าฮิโรกิจะโดนลูกหลงอีกเลย เพราะทันทีที่มีเรื่องกัน กว่าฮิโรกิจะโผล่มาให้เห็นอีกทีก็หลังจากเรื่องมันจบไปแล้วอย่างน้อยก็ 10 นาที

“แกไม่ไปโรงเรียนหรือไงวะ?” เซย์ริวถามขึ้นเมื่อฮิโรกิมาขลุกอยู่กับเขาบ่อยขึ้น และบางทีก็มาอยู่ที่ห้องเขาตลอดวัน...ในชุดนักเรียน

“ขี้เกียจเรียน ไม่รู้จะเรียนไปทำไม” ฮิโรกิตอบพลางเอนหลังพิงหมอนแข็ง ๆ อ่านการ์ตูนที่แวะซื้อก่อนเข้ามาหาเซย์ริว

“แล้วแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านมาทำซากอะไรทุกวันวะ?”

“ตบตาพ่อแม่ไง เขาจะได้นึกว่าฉันไปเรียนทุกวัน”

“ไม่กลัวเขารู้เหรอ?”

“อ๋อ เขาต้องรู้แน่หละ เดี๋ยวก็มีจดหมายจากโรงเรียนไปเองแหละ” ฮิโรกิบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะปิดการ์ตูนแล้วส่งให้เซย์ริว ร่างสูงนั้นอ่านออกเขียนได้เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ “หมอมาสะ” เคี่ยวเข็ญมา

ร่างบางหลับตาลงโดยมีเพื่อนตัวโย่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ  เขาขดซุกเหมือนจะหลับไปเลย แต่ปากก็พูดออกมาว่า

“เซย์ พ่อแม่ฉันจะหย่ากัน”

เซย์ริวไม่แม้แต่จะชะงักหนังสือในมือ เสียงห้าวต่ำเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ  “แล้วไง?”

“ฉันควรไปอยู่กับใคร?”

“แกต้องเป็นคนเลือก ไม่ใช่ฉัน”

“อือ นั่นสินะ”

ฮิโรกิหายหน้าไปสองสามวัน แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง ประตูห้องของเซย์ริวก็ถูกทุบรัวจนเจ้าของห้องต้องสะดุ้งตื่น เขากระชากประตูห้องเปิดออกด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นสภาพคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว คำผรุสวาทใด ๆ ที่คิดจะพ่นออกไปก็ถูกหยุดไว้แค่ริมฝีปาก

ฮิโรกิอยู่ในชุดนอนมอมแมมไปทั้งตัว ในมือมีกระเป๋าใบใหญ่ใบหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรเลยแม้แต่รองเท้า ริมฝีปากแตกและมีรอยช้ำบนใบหน้า หากไอ้ตัวเล็กก็ยังยิ้ม

“ให้ฉันอยู่ด้วยคนนะ เซย์”

“เกิดอะไรขึ้นกับแก?” ร่างสูงยังดูงง ๆ กับสภาพผู้มาเยือน

“ฉันหนีออกจากบ้านแล้ว ฉันเลือกที่อยู่กับนาย”

“แล้วแผลนั่น?”

“โดนพ่อเล่นงานเอาน่ะ จดหมายจากโรงเรียนไปถึงบ้านเมื่อเย็นก็เลยเป็นเรื่อง”

คิ้วเรียวขมวดมุ่น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “เข้ามาก่อน”

ฮิโรกิเข้ามาในห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ นั้นอย่างอ่อนระโหย เอาเท้ากวาดขยะที่รกอยู่บนพื้นห้องออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ฟูก

“รอดมาถึงนี้ได้นะ สภาพแบบนี้น่าจะโดนดักฉุดไปข่มขืนเรียงคิวตั้งแต่ปากซอยแล้ว”

“ฉันก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ทางเปิดว่ะ แย่ตรงตกต้นไม้ตอนปีนออกมาจากห้องนี่แหละ” ร่างบางหันมายิ้ม แต่ชั่วประเดี๋ยวก็หลบตาร่างสูงแล้วมองเหม่อ “ให้ฉันอยู่ด้วยนะ เซย์ ฉันไม่มีที่ไปแล้ว”

“ไม่” เซย์ริวตอบอย่างรวดเร็วชนิดไม่ต้องคิด

“ทำไมอ้ะ!?”

“ที่นี่มันอันตรายเกินไป คนอย่างแกไม่เหมาะกับที่นี่หรอก” ที่นี่ในความหมายของเซย์ริวคือสังคมด้านมืดที่เขาใช้ชีวิตอยู่

“ฉันอยู่ได้ เซย์ ฉันรับรองว่าจะไม่เป็นภาระของนายแน่ ฉันจะทำงานหาเงินเอง ใช้ชีวิตเอง” ฮิโรกิบอกด้วยท่าทางกระตือรือร้น “อ้อ! ฉันเอาสมุดธนาคารมาด้วยนะ มีเงินเก็บเยอะเหมือนกัน แบ่งให้นายด้วยก็ได้ ไม่เดือดร้อนแน่”

“บอกว่าไม่ก็คือไม่” เซย์ริวยังคงเย็นชาใส่

“แต่ว่า ฉัน...” ฮิโรกิลุกขึ้นดึงเสื้อร่างสูง ดวงตาเรียวทอดมองเว้าวอน

ลำแข้งแข็งหนาเตะอัดเข้าที่หน้าท้องของร่างบางจนกระเด็นไปกระแทกผนังห้องแล้วทรุดลงคู้ตัวงอ เซย์ริวตามมาใช้เท้าเขี่ยให้พลิกหงายแล้วเหยียบซ้ำ

“แค่นี้ก็หมอบแล้วหรือไง? นี่เหรอที่บอกว่าอยู่ที่นี่ได้น่ะ คิดว่ามีเงินแล้วแกจะทำได้ทุกอย่างเหรอ ไอ้เปี๊ยก อย่างแกน่ะ มีแต่จะโดนปล้นเงินแล้วส่งขายซ่องเท่านั้นแหละโว้ย!” ร่างสูงเหลือบมองฮิโรกิด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนที่จะอยู่ที่นี่ได้ ถ้าไม่แกร่งอย่างฉันก็ต้องเจ้าเล่ห์อย่างไอ้เร็น ไก่อ่อนอย่างแกอยู่ไปก็ตายเปล่า อย่าเสือกคิดว่าตัวเองแน่เพราะมีเงิน กลับบ้านแกไปซะ ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับ”

“แต่...แต่ฉัน...”

“ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ได้เพราะมีฉัน แล้วถ้าสักวันมันไม่มีขึ้นมา แกก็เป็นแค่เหยื่อเท่านั้นเอง” ร่างสูงยังคงพูดเรียบ ๆ

หากร่างบางสะอื้น “แต่...ฉันไม่มีที่ไปแล้วนี่...”

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #91 เมื่อ03-05-2013 21:45:58 »

เซย์ริวไม่พูดอะไรอีก เขาเลี่ยงไปนั่งอีกมุมหนึ่งของห้อง ปล่อยให้ฮิโรกินอนร้องไห้อยู่อย่างนั้น

วันต่อมา ยังไม่มีใครออกมาจากห้อง ทั้งที่เจ้าของห้องและผู้มาเยือนต่างก็ตื่นนานแล้ว แต่ด้วยความที่เพลียทั้งกายและใจทำให้ฮิโรกิยังคงนอนขดอยู่บนฟูกโดยที่เซย์ริวก็ไม่ได้สนใจอะไร...จนกระทั่งตกบ่าย...

“เฮ้ย ลุก” เซย์ริวเรียกฮิโรกิพลางใช้เท้าเขี่ย

ไอ้ตัวเล็กยังคงขดนิ่งอยู่ในผ้าห่ม มีเพียงเสียงงึมงำลอดออกมา “จะไปไหนเล่า”

“ส่งแกกลับบ้าน” ร่างสูงตอบเรียบ ๆ

คราวนี้โปงผ้าห่มเงียบสนิท จนเซย์ริวหมดความอดทน กระเป๋าใบใหญ่ของฮิโรกิเลยลอยไปกระทบตรงส่วนที่น่าจะเป็นหัวของคนที่นอนอยู่อย่างจัง

“โอ๊ย!! เจ็บนะ!” ฮิโรกิเปิดโปงผ้าห่มขึ้นมาโวยวาย

“ฉันบอกให้ลุกขึ้นมา” เซย์ริวบอกด้วยน้ำเสียงเครียด ๆ พร้อมกับโยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้ “เปลี่ยนชุดซะ...เดี๋ยวนี้”

สิ้นคำสั่งนั้น ฮิโรกิขยุ้มเสื้อที่เซย์ริวโยนให้แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ระคนเจ็บแค้น แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อสายตาคมกริบมองมาอย่างจะบอกว่าถ้ายังดื้ออีกคราวนี้เจ็บตัวจริง ๆ แน่

แม้จะไม่อยากกลับบ้านแม้แต่น้อย แต่ฮิโรกิก็ไม่มีทางเลือก เซย์ริวไม่ยินดีต้อนรับเขา และเขาก็รู้ตัวดีว่าถ้าเซย์ริวไม่ต้อนรับเขา โลกด้านมืดแห่งนี้ก็ไม่มีที่ให้เขายืน เซย์ริวพูดถูกทุกอย่าง...ถ้าไม่มีเซย์ริว เขาก็เป็นแค่เหยื่อของคนที่นี่เท่านั้นเอง...มือเล็ก ๆ ฉวยกระเป๋าของตัวเองขึ้น

“ฉันจะไปส่งที่บ้าน จะได้แน่ใจว่าแกถึงบ้านจริง ๆ  ไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนอีก” ร่างสูงบอก

ฮิโรกิก้มหน้านิ่ง เม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ได้แต่เดินตามหลังเซย์ริวออกจากห้องไป

ตลอดทางที่เดินไปตามถนน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว เซย์ริวไม่ได้หันมามองคนข้างหลังแต่ก็รู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายังเดินตามมา ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เซย์ริวจำจังหวะฝีเท้าของฮิโรกิได้ เขามักจะคอยฟังเสียงฝีเท้าของใครต่อใครที่มาเดินตามหลังเขา เผื่อว่าบางครั้งเจ้าของฝีเท้านั้นจะคิดไม่ดีกับเขา...ฮิโรกิมักจะเดินตามหลังเขาอยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้ฮิโรกิมาเดินตามทางที่เขาเคยเดินผ่านมา ฮิโรกิเป็นแค่เด็กธรรมดา...ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องลงมาแปดเปื้อนอยู่ในโลกแห่งนี้

ฮิโรกิเดินไปชนแผ่นหลังกว้างเข้าเต็มรักเมื่อคนเดินนำหน้าหยุดกะทันหัน แต่ยังไม่ทันจะได้โวยวายอะไร ร่างสูงก็กวาดมือขึ้นกันด้านหน้าให้แบบระวังภัย...เมื่อมองข้ามไหล่เซย์ริวไป ฮิโรกิถึงได้เห็นกลุ่มคน 5 – 6 คนกำลังยืนดักทางพวกเขาอยู่

“ไงวะ เซย์ริว ไม่เจอกันนานนะ คราวก่อนทำพวกกูไว้แสบมากนะมึง” หนึ่งในพวกนั้นพูดขึ้น ตาขวาของมันยังมีผ้าปิดอยู่...คนที่เซย์ริวมีเรื่องด้วยในวันที่ได้พบกับฮิโรกิ!!

“ฮิโรกิ...หนีเร็ว” เซย์ริวบอกกับฮิโรกิ

“ตะ...แต่...” ฮิโรกิยังลังเล

“บอกให้ไปไงเล่า!” เซย์ริวเกือบจะตะคอก

แล้วฮิโรกิก็รู้สาเหตุที่เซย์ริวไล่เขาหนี พวกนั้นไม่ได้มากันแต่ 5 – 6 คนอย่างที่เห็น แต่ทยอยเข้ามาสมทบกันอีกเป็นสิบคน...เซย์ริวไม่มีทางรับมือพวกนี้โดยปกป้องเขาไปด้วยได้แน่ ๆ ...ร่างบางหันหลังวิ่งทันทีโดยมีเสียงการวิวาทตามมาข้างหลัง

หลังจากที่วิ่งหนีมาจนคิดว่าปลอดภัยแล้ว ฮิโรกิหลบมุมหอบเหนื่อยอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วก็คิดขึ้นมาได้...เซย์ริวจะรับมือพวกนั้นได้ยังไงไหว คนมากขนาดนั้น...

‘…แล้วนายทำอะไรได้รึไงเล่า…’ เสียงในใจบอกกับตัวเอง

‘…แต่เซย์ริวจะไม่ไหวเอานะ…’ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

‘…นายทำอะไรไม่ได้หรอก นายเป็นแค่คนธรรมดาเองนะ…’   

‘…แล้วจะให้ปล่อยเซย์ริวเอาไว้หรือไง...ถ้า...ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้...จะอยู่ที่นี่ได้ยังไง…’

เพียงเท่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรต่อไปอีก ฮิโรกิรีบวิ่งกลับไปหาเซย์ริวอย่างไม่คิดชีวิต

ในซอกตึกมืด ๆ  เสียงการต่อสู้กันยังดังออกมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วย ฮิโรกิวิ่งกลับมาถึงทันได้เห็นเซย์ริวทรุดลงไปกองกับพื้นพอดีแม้จะยังมีสติพอจะป้องกันตัวเองได้บ้างแต่ร่างก็อาบไปด้วยเลือด แต่ถ้าปล่อยเอาไว้อย่างนั้นจะต้องแย่แน่ ๆ ...เร็วกว่าความคิด ร่างบางหยิบฉวยได้ท่อเหล็กที่บังเอิญวางพิงอยู่หน้าร้านใกล้ ๆ ตรงนั้นวิ่งเข้าไปในซอกตึกนั่นทันที

เสียงเหล็กกระทบเนื้อดังสนั่นจนคนที่กำลังเมามันกับการรุมกินโต๊ะต้องหันมามอง คนหนึ่งในกลุ่มล้มทั้งยืนด้วยฤทธิ์ของท่อเหล็กที่ฟาดเข้าตรงศีรษะโดยไม่ทันตั้งตัว และในพริบตานั้นเอง ท่อเหล็กก็กระหน่ำลงบนไหล่ของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและตกใจดังขึ้น...ฮิโรกิไม่ยอมหยุดแม้ชั่วลมหายใจ เขาเหวี่ยงท่อเหล็กหวดซ้ายหวดขวาไล่ตีคนที่รุมทำร้ายเพื่อนของเขาจนแตกกระเจิง ต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน...ใครที่โดนเข้าจุดสำคัญก็ทรุดฮวบลงโดยแทบไม่ได้ร้อง ใครที่โดนไม่จังนักก็ได้แต่วิ่งหลบหนี จนพวกนั้นกระจายกันหนีไปหมดแล้ว ฮิโรกิที่กำลังบ้าเลือดได้ที่ก็ไม่หยุด เขาขยับจะวิ่งตาม หากอ้อมแขนแกร่งที่อาบเลือดคว้าร่างบางมากอดไว้แน่น

“พอแล้ว...ฮิโรกิ...พอแล้ว” เป็นเซย์ริวที่ระล่ำระลักเรียกสติ

ร่างบางชะงักตัวแข็ง สองมือยังกำท่อเหล็กเกร็งแน่น ลมหายใจหอบถี่ มือและใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้เคราะห์ร้ายที่กระเซ็นมาโดน

“พอแล้ว...ฉันไม่เป็นไรแล้ว พวกมันไปแล้ว” ร่างสูงกอดเพื่อนตัวเล็กแน่น

มือเรียวปล่อยท่อเหล็กลงกระทบพื้น แล้วเริ่มหัวเราะเบา ๆ  “ฮะ...ฮะ ๆ  ๆ  เห็นมั้ย เซย์ ฉันไล่พวกมันไปหมดแล้ว ฉันฟาดพวกมันด้วย ฮะ ๆ  ๆ ”

“ฮิโรกิ ใจเย็นไว้...”

“ฮะ ๆ  ๆ  ฉันทำได้แล้วนะ ฉันทำแบบนายได้แล้ว ฉันอยู่กับนายได้แล้วใช่มั้ย เซย์ริว...ฮะ...ฮะ ๆ ...” ทั้งที่ยังหัวเราะหากน้ำตาไหลพราก...อะไรบางอย่างในใจไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว

“ฮิโรกิ...” เซย์ริวกอดฮิโรกิไว้แน่น จนกระทั่งเสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้...ฮิโรกิไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกแล้ว


จากวันนั้นมา ฮิโรกิก็มาอาศัยอยู่ที่ห้องของเซย์ริวเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ แต่ดูเหมือนฮิโรกิจะปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน เซย์ริวก็พบว่าเพื่อนตัวเล็กของเขามีเงินติดกระเป๋าเป็นฟ่อน

“ไปเอามาจากไหนวะ?”

“อ่า...เหยื่อน่ะสิ” ฮิโรกิบอกแล้วก็ยิ้มจนตาหยี

“เหยื่อ?...แกเนี่ยนะ ล่าเหยื่อได้แล้ว” เซย์ริวมองเพื่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง

“ล่าได้แล้วดิ มีครูดีก็เงี้ยแหละ” ไอ้ตัวเล็กยังพูดพลางหัวเราะคิก

“ครู? แกให้ใครสอนอะไรให้วะ?” ร่างสูงยังงงอย่างจริง ๆ จัง ๆ

“แหม...ก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ น่า” ฮิโรกิบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่บอกไม่ได้หรอก มันเป็นความลับทางวิชาชีพ”

“อ้อ งั้นเรอะ” เซย์ริวพูดแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก

“อ้าว แล้วกัน...ทำท่าให้มันสนใจมากกว่านี้หน่อยเซ่” ฮิโรกิว่าแล้วก็โดดเกาะหลังเพื่อนรัก

“เฮ้ย! เล่นอะไรวะ หนักโว้ย!” เซย์ริวทำเป็นโวยวาย...ฮิโรกิตัวนิดเดียว ไม่ได้หนักเลยสักนิด “ฉันจะไปสนใจอะไรล่ะ ก็แกบอกว่ามันเป็นความลับทางวิชาชีพนิ”

“แหม...ก็แบบ...เทคนิค...วิธีการอะไรงี้ไง” เจ้าตัวเล็กกระซิบเสียงหวานที่ข้างหูร่างสูง...และนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เซย์ริวได้ยิน...


ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าด้วยความมึนงง...เมื่อคืนเขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไร...แล้วอาการมึนหัววิงเวียนแทบอ้วกนี่เล่า...เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มนี่นา เกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ตื่นแล้วเหรอ เซย์?” เสียงฮิโรกิดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวโผล่หน้ามาจากห้องน้ำ

“ฮิโรกิ...นี่แก...” เซย์ริวขยับจะลุกขึ้นนั่ง ฮิโรกิรีบเข้ามาช่วยประคองทันที

“อา...ขอโทษด้วยนะ ยาเมื่อคืนมันแรงไปหน่อยน่ะ”

“ยา...แรง...?” ร่างสูงยังคงมึน

“ยา...เอ้อ...ยาป้ายของฉันน่ะ” ฮิโรกิบอกพลางยิ้มแห้ง ๆ

“ยาป้าย?”

“ง่า...ใช่ พอดีได้ยาตัวใหม่มา เมื่อคืนเลยเล่นกับนายดูไง ทีนี้มันแรงใช่ม้า...นายวูบไปเลย ขอโทษน้า” ไอ้ตัวเล็กยกมือไหว้ปะหลก ๆ

“ยาป้าย...นี่แก...!?” เซย์ริวเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาจะหันไปยึดเทคนิคด้านนี้หากิน

“ก็...เอ้อ...นายบอกเองนี่นาว่าอย่างฉันน่ะทำแบบนายไม่ได้ ฉันก็เลยลองไปถามคนอื่น ๆ ดูว่าฉันพอจะทำอะไรได้บ้างน่ะสิ” ฮิโรกิยังคงทำหน้าเหมือนเก้อเขิน

“แล้ว...ใครแนะนำ?”

“ง่า...เร็น” ฮิโรกิทำหน้าจ๋อย ๆ  เขารู้ว่าแม้เซย์ริวกับเร็นจะเป็นมิตรกัน แต่ก็ดูจะไม่ถูกกันเท่าไรนัก

เซย์ริวยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที...เขานึกไม่ถึงเลยว่าฮิโรกิจะเลือกไอ้ตัวอันตรายที่สุดมาเป็นครู แม้จะฟันธงได้เลยว่าหลักสูตรของเร็นมั่นคงแน่นอนเพียงไหน แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่วันยันค่ำ

“เอ้อ...ฉัน...ทำไม่ดีเหรอ?” ฮิโรกิช้อนตาขึ้นมองเหมือนเด็กที่กำลังจะถูกดุ

“เปล่า...แกหาวิธีใช้ชีวิตที่เหมาะกับแกแล้ว ฉันจะว่าอะไรแกได้” นิ้วเรียวยังกดนวดแถวขมับไล่อาการมึนงงจากฤทธิ์ยา

“ไม่โกรธนะ” ฮิโรกิทำหน้าดีใจเหมือนเด็ก ๆ

“ไม่หรอก ถ้าแกไม่เล่นแบบนี้อีก” ร่างสูงพูดยิ้ม ๆ ...แต่วันนั้นเขาต้องมึนกับฤทธิ์ยาไปทั้งวัน


หลังจากนั้นฮิโรกิก็ใช้วิชาที่ค่อย ๆ เรียนรู้ทำมาหากินจนเริ่มจะมีเงินเก็บมากกว่าเซย์ริว แต่เมื่อฝ่ายใดลำบากขึ้นมาต่างก็ช่วยเหลือจุนเจือกันไป อย่างแย่ที่สุดที่ช่วยกันไม่ได้เลยก็แค่บากหน้าไปขอข้าวที่โรงพยาบาลของหมอมาสะกินประทังชีวิต จนเมื่อฮิโรกิเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงได้แยกออกไปหาห้องเช่าของตัวเองซึ่งก็ไม่ไกลจากห้องของเซย์ริวมากนัก ถึงตอนนี้ฮิโรกิเองก็เริ่มมีชื่อเสียงในโลกด้านมืดแห่งนี้แล้ว ในฐานะนักรูดทรัพย์อันดับสองรองจากเร็น ที่สำคัญคือไม่เคยพลาดท่าเสียตัวให้ใครเลย...ใครที่คิดว่าตัวเองแน่หมายจะแอ้มฮิโรกิให้ได้มีอันโดนรูดหมดตัวไปตาม ๆ กันหลายคนแล้ว จนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยอีก แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก ฮิโรกิก็ได้จิอากิเป็นแฟนซึ่งก็ยังคบกันอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนตัวเซย์ริวเองนั้น แม้จะอยู่อย่างสุขสบายตามสภาพ แต่ลึก ๆ แล้วบางครั้งเขาก็เฝ้ามองหาที่พักพิงที่จะสามารถหลับลงได้อย่างอุ่นใจสักแห่ง กับใครสักคนที่สามารถวางใจได้เช่นเดียวกับฮิโรกิ

//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ bvan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #92 เมื่อ03-05-2013 22:48:39 »

 :z2:รอ ร้อ รอ

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #93 เมื่อ03-05-2013 23:39:51 »

ชีวิตต้องสู้มากก!! แต่ละคน  :katai1: :katai1: :katai1:4

เฮ้อออ~~
 :hao5:

 :pig4:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #94 เมื่อ04-05-2013 02:14:58 »




    คู่นี้นี่คบกันมานานจริงๆแฮะ




ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #95 เมื่อ04-05-2013 10:51:06 »

โห กว่าจะเป็นเซย์ริวทุกวันนี้สินะ  :hao5:

ออฟไลน์ LiPzTicK*

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #96 เมื่อ04-05-2013 15:13:56 »

ถึงเซย์ริวจะใจร้าย แต่ก็ชอบเซย์ริวมากกก
ยิ่งอ่านยิ่งชอบบ ><

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #97 เมื่อ04-05-2013 15:33:46 »

อยากเห็นฮิโรกิโดนแอ้มแฮะ 55

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #98 เมื่อ05-05-2013 11:28:34 »

ความสัมพันธ์แปลกๆ ระหว่างเซย์ริวกับฮิโรกิ ที่เชื่อมโยงและผูกพันเข้าด้วยกัน :hao5:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
«ตอบ #99 เมื่อ05-05-2013 22:22:33 »

สร้างเลยๆ รีบสร้างครอบครัวเลยน่าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-05-2013 22:22:33 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #100 เมื่อ10-05-2013 21:02:09 »

KOUSOKU 12

คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากที่คิดอยู่นานถึงได้นึกออกว่าตัวเองยังอยู่ที่โรงพยาบาล มือเรียวยกขึ้นปิดตาแล้วระบายลมหายใจหนัก ๆ  เขาหลับสนิทไปนานมากเพราะฤทธิ์ยาที่มาซาฮิเดะฉีดให้ แต่ยังรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

ยังไม่ทันที่ประสาทสัมผัสจะรับรู้โลกภายนอกได้ดีนัก มือใหญ่ ๆ ของใครบางคนก็จับมือที่คัตซึฮิโกะยกขึ้นมาปิดตาออกแล้ววางผ้าขนหนูหมาด ๆ ลงบนหน้าผาก

“นอนต่อไปก่อนก็ได้ เมื่อคืนนี้แกมีไข้สูง”

เสียงห้าวทุ้มนั้นคัตซึฮิโกะจำได้ดี เขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับรู้ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกไม่สบายตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

การได้พักทั้งกายทั้งใจเป็นเวลานานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงบลงบ้าง ถึงตอนนี้เขาคงไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีก แต่ความรู้สึกในวินาทีที่ลงมีดกรีดข้อมือตัวเองนั้นเป็นความรู้สึกที่ลืมไม่ลงทีเดียว คัตซึฮิโกะขยับมือไปกุมข้อมือที่พันผ้าพันแผลเบา ๆ ...จากนี้ไปจะมีวันที่เขาต้องทำเรื่องแบบนี้ซ้ำอีกหรือเปล่านะ คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงนี่จะผลักดันเขาให้ไปถึงจุดนั้นอีกหรือเปล่า เพราะเซย์ริวเคยพูดเอาไว้เองว่าจะ “ทำลาย” เขา...ครั้งนี้ไม่สำเร็จ แต่ใครจะบอกได้ว่าครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร...

คิดมาได้ถึงตรงนี้ คัตซึฮิโกะก็ชะงักไปนิดหนึ่ง...ไม่ใช่ไม่สำเร็จ แต่เซย์ริวเองต่างหากที่ขัดขวางและยื้อเขาคืนมาจากความตาย...ทำไมกัน ในเมื่อเป็นคนที่ต้องการทำลายชีวิตของเขาแท้ ๆ ...

ร่างเพรียวเปิดผ้าขนหนูที่ปิดตาตัวเองออก...เซย์ริวยังคงฟุบหลับอยู่ข้างเตียงของเขาเช่นเคย แถมยังหลับสนิทเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรทั้งสิ้น ใบหน้ายามหลับของอาชญากรหนุ่มดูอ่อนเยาว์ ไม่เหมือนคนกร้านโลกที่ผ่านความเป็นความตายมาอย่างโชกโชนเลย...คัตซึฮิโกะได้แต่มองเซย์ริวอยู่เงียบ ๆ  เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรกับเซย์ริวกันแน่ สิ่งที่เซย์ริวและเพื่อนทำกับเขามันให้เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ  แต่ถึงตอนนี้แล้ว...ทั้งการให้เลือดและการเฝ้าไข้อย่างอดทน มันทำให้ความเคียดแค้นและความสิ้นหวังบางอย่างในใจของชายหนุ่มเบาบางลง...แต่ไม่ถึงกับหายไปทั้งหมด เขายอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ

“ตื่นแล้วเหรอ” มาซาฮิเดะทักขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้อง

คนป่วยหันไปมองแล้วขมุบขมิบปากเป็นเชิงตอบรับ หากไม่ได้แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายอะไรในสีหน้า ดวงตาที่ทอดเหม่อยังมีแววโศก

“ตรวจร่างกายนิดนะ เมื่อคืนอยู่ ๆ เธอก็มีไข้สูง คิดว่าเลือดไม่เข้ากันเสียอีก” คุณหมอแตะข้อมือชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาเพื่อตรวจชีพจร “แต่ถ้าเลือดเข้ากันไม่ได้ก็ไม่น่ามีอาการแบบนี้ คิดว่าคงเป็นไข้อย่างเดียวหละนะ”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบอะไรนอกจากอยู่นิ่ง ๆ ให้มาซาฮิเดะตรวจอาการจนเรียบร้อย ร่างกายของเขายังอ่อนเพลียอยู่มากและไม่นึกอยากอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นมื้อเช้าที่บุรุษพยาบาลยกมาให้จึงถูกแตะต้องไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

“กินให้มันมากกว่านั้นหน่อยสิ แกยังป่วยอยู่นะ” คนที่ยังนั่งเอาหัววางกับเตียงพูดขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะวางช้อนลงและเตรียมจะกินยา

“ไม่หิว” คำตอบเรียบ สั้น และแผ่วเบา ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

“จะหิวหรือไม่หิวก็น่าจะกินให้มากกว่านี้” เซย์ริวยกหัวขึ้นจากเตียงคนไข้ “หรือจะให้ฉันป้อน?”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบอะไร ทั้งที่โดยปกติแล้วเขาจะต้องมีปฏิกิริยาเดือดร้อนกับคำพูดแฝงนัยเช่นนั้นของเซย์ริวไปแล้ว แต่วันนี้ดวงตาคู่สวยกลับเฉยเมยและซึมเซา มือเรียวหยิบยาเม็ดเล็กใส่ปากตามด้วยน้ำจนหมดแก้ว เลื่อนถาดอาหารออกห่างตัว

ร่างสูงขมวดคิ้ว “ข้าวไม่พร่องไปเลยนะ แกไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือไง?”

คนตัวเล็กกว่ายังคงเงียบ เขามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูนอกไปจากผนังตึกเก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ข้างโรงพยาบาล ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดใด ๆ ของเซย์ริวทั้งสิ้น

เซย์ริวเองก็ชักจะฉุนขึ้นมานิดหน่อยกับอาการของคนป่วย แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะโวยวายลงไม้ลงมือด้วยการเก็บถาดอาหารเช้านั้นออกไปให้บุรุษพยาบาล เขาหงุดหงิดกับท่าทีของคัตซึฮิโกะมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว...ก่อนที่คัตซึฮิโกะจะพยายามฆ่าตัวตายเสียอีก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคัตซึฮิโกะถึงต้องร้องไห้และออกอาการรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาและฮิโรกิทำมากมายขนาดนั้น ในเมื่อต่างก็สนุกด้วยกันแท้ ๆ ...ทั้งเสียงร้องคราง ทั้งเรือนร่างที่บิดเร่า...จะบอกเขาหรือว่าคัตซึฮิโกะไม่ได้มีความสุขไปด้วย แล้วทำไมต้องร้องไห้...ทำไมต้องฆ่าตัวตาย?

ร่างสูงกลับเข้าไปในห้องคนไข้อีกครั้ง คัตซึฮิโกะยังคงนั่งเอนกายพิงหมอนที่วางตั้งกับหัวเตียงและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เซย์ริวกลับเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง

ทันทีที่ร่างสูงเข้ามาอยู่ในสายตา คัตซึฮิโกะก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

เซย์ริวขมวดคิ้ว อารมณ์กรุ่น ๆ ที่คุอยู่ในอกบัดนี้ฉุนขาดแล้ว มือใหญ่จับใบหน้าเรียวบังคับให้หันกลับมามองเขา

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย คาซึโกะ ฉันไปทำอะไรให้แก หา?”

คัตซึฮิโกะทอดมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงความรวดร้าว ริมฝีปากหยักเม้มนิ่งอยู่ชั่วครู่จึงได้หลบตา ยกมือขึ้นปัดมือของเซย์ริวเบา ๆ

“ไม่หรอก คุณไม่ได้ทำอะไรเลย...ไม่ได้ทำแม้แต่นิดเดียว” น้ำเสียงนั้นเรียบ แต่เน้นคำมากเสียจนคนฟังเข้าใจได้ว่าเป็นการประชด

“อ้อ...ไม่ได้ทำอะไรให้ แล้วทำไมแกต้องทำเหมือนกับว่าฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่น่ามองด้วยวะ?” เซย์ริวพูดเสียงเครียด

”ก็แค่ไม่อยากมอง...” คำตอบนั้นยิ่งทำให้คนกำลังหงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งโกรธหนักขึ้น

“ไม่อยากมอง...ดี! งั้นก็ไม่ต้องมอง!” ร่างสูงตะคอกเสียงกร้าว

หากเพียงขาดคำ ร่างเพรียวก็ถูกกระชากเข้าสู่อ้อมแขนแกร่ง ตามมาด้วยริมฝีปากที่ประกบแนบแน่น บดเม้มอย่างเอาแต่ใจ คัตซึฮิโกะดิ้นรนพลางส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ ริมฝีปากเม้มแน่นไม่ยอมให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาได้ สองมือก็ผลักไสและทุบตีไม่หยุด แต่เจ้าของอ้อมแขนไม่สะเทือน ยังคงกอดล็อคร่างบางไว้แน่น มือใหญ่ออกแรงบีบต้นแขนของคัตซึฮิโกะจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดดิ้นรนจนเริ่มหมดแรงไปเองแล้ว เซย์ริวก็อาศัยจังหวะนั้นกดคัตซึฮิโกะลงกับเตียงแล้วก้าวขึ้นไปคร่อมทับเอาไว้

“ปล่อยนะ! ปล่อยผมนะ!!” คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้า

“ไม่ปล่อย! จนกว่าเราจะพูดกันรู้เรื่อง”

“พูดบ้าอะไร! ผมไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณ!”

“แกไม่มีแต่ฉันมี! แกเป็นบ้าอะไรของแก  ทำไมอยู่ ๆ ก็ต้องร้องห่มร้องไห้ อาละวาด ฆ่าตัวตายขึ้นมา! แกเป็นอะไรของแก ฉันไม่เข้าใจเลย!” ร่างสูงระบายอารมณ์ที่เก็บเอาไว้หลายวันออกมาหมดในประโยคเดียว

คัตซึฮิโกะจ้องหน้าเซย์ริวแล้วก็หรี่ตาด้วยความเจ็บปวด “คุณไม่รู้จริง ๆ หรือคุณแกล้งโง่?...คุณทำอะไรไว้กับผมนัก จะบอกว่าคุณไม่รู้อย่างงั้นเหรอ? คุณไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอว่าไอ้เรื่องที่คุณทำมันเลวร้ายแค่ไหน?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง แกไม่พูดอะไรสักคำ แล้วอยู่ ๆ ก็ร้องไห้อาละวาดโวยวาย แล้วก็พยายามฆ่าตัวตาย แกรู้มั้ยว่าถ้าฉันกลับไปไม่ทันแกจะเป็นยังไง ป่านนี้แกตายไปแล้ว!”

“ก็แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายไปเลยเล่า! คุณพาผมกลับมาทำไม!?” คัตซึฮิโกะแผดเสียงจนแหบแห้ง น้ำตาที่แห้งไปแล้วไหลรินออกมาอีก

“ฉันพาแกกลับมาก็เพราะ...” น้ำเสียงนั้นหายไปในลำคอ เซย์ริวไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนั้นได้ในวินาทีนั้น

“คุณพาผมกลับมาเพราะผมเป็นของเล่นของคุณ ใช่มั้ย? คุณจะบอกผมอย่างนี้ใช่มั้ย?” พูดแล้วคัตซึฮิโกะก็สะอื้นฮัก

ร่างสูงเม้มปากนิ่ง...เอาอีกแล้ว คัตซึฮิโกะร้องไห้อีกแล้ว มันเรื่องอะไรกันนักหนา...

“ไม่ใช่...ฉัน...” เซย์ริวค่อย ๆ คลายมือที่กดร่างเพรียวออก เขาจ้องมองคนที่กำลังร้องไห้อยู่ใต้ร่างของเขาแล้วก็หรี่ตาลง ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายของน้ำตานี้ได้เสียที

อย่างไม่ทันรู้ตัว...มือใหญ่ปาดเช็ดน้ำตาให้คัตซึฮิโกะอย่างแผ่วเบา

“คัตซึฮิโกะ...” เสียงนั้นอ่อนโยนนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากเจ้าของชื่อนั้นยังคงเอาแต่สะอื้นไห้

“ฟังนะ จะยังไงก็แล้วแต่ นับจากวันนี้ไป แกเป็นของฉัน...แกเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับฉันเพียงคนเดียวในโลกนี้ เพราะงั้น...ฉันจะไม่ยอมให้แกตาย...ไม่มีวันยอม...”

คัตซึฮิโกะมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา ...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก... เซย์ริวพูดอย่างนั้นหรือ? เขาฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า...คำ ๆ เดียวที่อยากได้ยินมาตลอดชีวิตนั้น ออกมาจากปากเซย์ริวอย่างนั้นหรือ?

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วสะอื้นหนักกว่าเก่า...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องหาคำพูดสวยหรูมาสั่นคลอนจิตใจของเขาแบบนี้ ทั้งที่พอทำให้เขาหวั่นไหวได้แล้ว ก็ทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นทุกครั้ง...แล้วทำไมคำพูดนี้จะต้องออกมาจากปากของเซย์ริวด้วย

“ทำไมแกถึงต้องร้องไห้ด้วยล่ะ คาซึโกะ?”

ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงสะอื้นรุนแรง ร่างเล็ก ๆ นั้นสั่นเทาไปทั้งตัว เซย์ริวไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เขาค่อย ๆ ปีนลงจากเตียง จ้องมองคัตซึฮิโกะนิ่ง ๆ เช่นนั้นอยู่ชั่วครู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด...เขาทำอะไรผิดอีกแล้วอย่างนั้นหรือ

มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกลงกับฝ่ามือ ...ไม่เข้าใจ... เขาไม่เข้าใจคัตซึฮิโกะเลย มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย ทำไมอยู่ ๆ คัตซึฮิโกะถึงได้สติแตกไปเฉย ๆ แบบนี้ ทำไมเรื่องที่เคยทำได้เป็นปกติถึงได้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย แค่มีฮิโรกิมาเพิ่มอีกคนหนึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ ทำไม...ทำไม...และทำไม...

ยิ่งคิดร่างสูงก็ยิ่งพลุ่งพล่าน  เขาหันไปเตะถังขยะที่วางอยู่ใกล้ ๆ เตียงจนกระเด็นแต่มันก็ไม่ช่วยให้อารมณ์อะไรบางอย่างในใจผ่อนคลายลงไปได้ เก้าอี้เฝ้าไข้จึงเป็นเป้าหมายต่อไป มือใหญ่ฉวยมันขึ้นแล้วเหวี่ยงมันออกไปทางหน้าต่างทันที

เสียงอาละวาดทำลายข้าวของของเซย์ริวทำให้คัตซึฮิโกะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของตัวเองมิดชิด แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างว่าเซย์ริวอาจจะเข้ามาทำร้ายเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ในวินาทีนั้นยังมีเรื่องอื่นรบกวนจิตใจเขามากกว่าเรื่องนี้

“คนที่มีสายเลือดเดียวกัน” คือคนอารมณ์ร้ายที่กำลังอาละวาดอยู่ในตอนนี้...คนที่เฝ้าตามหาและรอคอยมาตลอดชีวิตคือคนใจร้ายคนนี้...แม้จะอยากให้มันเป็นฝันร้าย แต่มันก็คือความจริง!

และความจริงอีกอย่างที่คัตซึฮิโกะรับไม่ได้ก็คือ ถึงแม้จะเกลียดแค้นชิงชังมากแค่ไหน แต่คำพูดที่เซย์ริวพูดออกมานั้นมันทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความยินดีอย่างที่สุด...เขายอมรับความรู้สึกนี้ของตัวเองไม่ได้!


ในตอนที่ทุกอย่างรอบตัวสงบลงจนเหลือแต่เสียงสะอื้นเบา ๆ ของตัวเอง สมองของคัตซึฮิโกะก็มึนชาจนคิดอะไรแทบไม่ออก โปงผ้าห่มค่อย ๆ ถูกดึงออกเบา ๆ  มือแข็ง ๆ ของใครบางคนค่อย ๆ ดึงมือของเขาออกอย่างนุ่มนวล

“ซาโนะคุง ไม่เป็นไรแล้วนะ ไอ้ตัวขี้โวยวายมันออกไปแล้ว” น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับบีบมือของคัตซึฮิโกะเบา ๆ

คัตซึฮิโกะพยักหน้าน้อย ๆ ให้มาซาฮิเดะแต่ยังขดซุกนิ่งอยู่บนเตียง คุณหมอกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัวแล้วก็ถอนใจ

“เจ้าบ้านั่นนับวันก็ยิ่งอารมณ์รุนแรงแฮะ แต่จะพูดไปแล้วมันก็เป็นนิสัยติดตัวหละนะ...มันทำร้ายเธออีกหรือเปล่า?”

ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาร้องไห้มากเสียจนคอแห้งไปหมด และเหมือนรู้ใจ...มาซาฮิเดะรินน้ำแก้วใหญ่มายื่นให้ตรงหน้า

“ดื่มเสียหน่อย ร้องไห้มากขนาดนี้เธอคงต้องการน้ำนะ”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่งแล้วรับแก้วน้ำจากมือของคุณหมอ เขาค่อย ๆ จิบช้า ๆ  หยาดน้ำชุ่มเย็นหลังจากการร้องไห้อย่างหนักทำให้รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

มาซาฮิเดะนั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องนั้น ปล่อยให้คัตซึฮิโกะนั่งปรับอารมณ์ไปเงียบ ๆ ...คัตซึฮิโกะในตอนนี้ก็คล้าย ๆ กับเซย์ริวในวัยเด็ก กำลังสับสนในตัวเองอยู่มาก และความสับสนเช่นนั้นคนอื่นจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลยนอกจากเจ้าตัวจะจัดการเอาเอง วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้อยู่เงียบ ๆ ไปจนกว่าจะเรียบร้อย แล้วอะไรที่อยากจะพูดอยากจะเล่าก็จะออกมาเองในตอนนั้น

“หมอครับ...” เสียงแผ่ว ๆ ดังขึ้นในที่สุด

“ว่าไง?”

“เขาบอกว่าผม...” ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจด้วยความลังเล “ผม...เป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับเขาเพียงคนเดียวในโลก”

มาซาฮิเดะพยักหน้ารับรู้

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #101 เมื่อ10-05-2013 21:05:35 »

“สำหรับผม...มันก็เหมือนกัน แต่...” คัตซึฮิโกะหลับตาลงเหมือนจะข่มความเจ็บปวดบางอย่างก่อนที่จะพูดประโยคต่อมา “แต่ทำไมต้องเป็นเขาด้วย...ผม...ผมเกลียดเขา”

มาซาฮิเดะถอนใจพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ให้ “คนเราน่ะนะ ซาโนะคุง เราเลือกคนที่มีสายเลือดเดียวกับเราไม่ได้หรอก มันเป็นสิ่งที่โชคชะตากำหนดเอาไว้ตั้งแต่เกิดแล้วว่าคน ๆ นั้นหรือคนพวกนั้นจะเป็นใคร ถ้าเธอบอกว่าเธอเกลียดเซย์ริว ไม่ต้องการให้เขาเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเธอ ฉันขอถามเธอนิดหนึ่ง เธอเป็นเด็กกำพร้าใช่มั้ย...ถ้าเธอได้พบพ่อแม่ที่ทอดทิ้งเธอในตอนนี้ เธอจะรู้สึกยังไงกับพวกเขาล่ะ?”

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไปในทันที มือเรียวที่กำผ้าห่มไว้เกร็งแน่น...เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย เรื่องพ่อกับแม่ไม่อยู่ในหัวของเขามานานมากแล้ว แม้แต่เรื่องพ่อแม่อุปถัมภ์ก็ไม่เคยมี แล้วอยู่ ๆ มาเจอคำถามแบบนี้...

สิ่งที่จำได้เพียงเลือนรางคือเมื่อนานมาแล้ว อาจารย์ใหญ่ของสถานสงเคราะห์เคยบอกกับเขาว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่รู้ว่าใครคือพ่อกับแม่ที่แท้จริง ทั้งที่จำไม่ได้ว่าถูกทอดทิ้ง แต่ลึก ๆ ในใจยังมีบางอย่างจดจำความรู้สึกที่ถูกทิ้งในตอนนั้นได้...ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวอย่างรุนแรงจะเกาะกินหัวใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ตามลำพัง ในตอนที่ออกจากสถานสงเคราะห์มาอยู่คนเดียว มันเล่นงานเขาอย่างหนักจนแทบบ้า กว่าจะปรับตัวให้เคยชินกับมันได้ก็กินเวลาเป็นปี แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกโหยหาใครสักคนในค่ำคืนอันเงียบสงัดก็ยังไม่เคยจางหายไปแม้จนบัดนี้...ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะคนที่ไม่รับผิดชอบสองคนที่ให้กำเนิดเขาขึ้นมา

“ก็ต้องเกลียดสิ!” คัตซึฮิโกะกระแทกเสียง “คนพวกนั้นทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้นี่!”

หมอมาสะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคัตซึฮิโกะแล้วก็ยิ้ม ๆ  อย่างน้อยนี่ก็อาจจะเป็นการแสดงอารมณ์โกรธที่ออกมาจากเบื้องลึกในใจแท้ ๆ เป็นครั้งแรกของชายหนุ่มก็เป็นได้...มันก็ดูดีกว่าการร้องไห้หละนะ

“แล้วพวกเขาไม่ใช่คนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเธอหรอกเหรอ?”

หัวใจของร่างเพรียวกระตุกวาบ...เขาเกลียดพ่อแม่ที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขา...แล้วก็เกลียดเซย์ริวด้วย! ความจริงที่น่าตกใจนี้เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนจนกระทั่งถูกถามขึ้นมาในตอนนี้

“เซย์ริวเองก็เกลียดพ่อกับแม่ของตัวเอง บางที...พวกเธออาจจะเป็นคนที่เหมือนกันเอามาก ๆ ก็ได้นะ”

“ผมไม่เหมือนหมอนั่นนะ!”

“ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนิสัยและการกระทำหรอกนะ ฉันกำลังพูดถึงจิตใจของพวกเธอต่างหาก...” มาซาฮิเดะลุกจากโต๊ะแล้วเดินมายืนข้างเตียง “แม้ว่าภายนอกจะดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ลึก ๆ ลงไปในใจแล้ว พวกเธอเหมือนกันมากนะ ซาโนะคุง...พวกเธอเกลียดคนที่มีสายเลือดเดียวกับตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน...ก็โหยหาคนพวกนั้นด้วยเช่นกัน”

“แต่ต้องไม่ใช่หมอนั่น! ไม่ใช่เซย์ริว!!”

“เป็นฉันแล้วไม่ดีตรงไหน หา!?”

เสียงห้าวดังขึ้นตรงหน้าประตู คัตซึฮิโกะตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองไปมองแล้วเมินไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรดีสักอย่างนั่นแหละ!” หางเสียงตวัดด้วยความฉุนเฉียว

ร่างสูงก้าวฉับ ๆ เข้ามายืนข้างเตียงอย่างรวดเร็ว มือใหญ่คว้าต้นแขนของคัตซึฮิโกะไว้แน่น “ฉันไม่สนใจหรอกนะเฟ้ย ว่าแกจะคิดยังไง แต่จำใส่กะโหลกเอาไว้! แกเป็นของฉัน มีสายเลือดเดียวกับฉัน จำเอาไว้!!”

สายยางสำหรับรัดแขนคนไข้สะบัดฟาดมือเซย์ริวเพี๊ยะ ร่างสูงชักมือออกจากการเกาะกุมทันที ส่งสายตาขุ่นเขียวให้มาซาฮิเดะ...ไม่ว่าเมื่อไร่หมอมาสะก็ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กเสมอ

“อย่ามาเอะอะโวยวายได้ไหม ไอ้ตัวแสบ แค่นี้ซาโนะคุงเขาก็เหนื่อยเพราะแกจะแย่อยู่แล้ว ออกไปสงบจิตสงบใจข้างนอกไป หรือไปหาไล่กระทืบใครสักคนสองคนให้มันเข้าโรง‘ บาลซะ ฉันจะได้มีรายได้เพิ่ม” มาซาฮิเดะบอกเสียงเรียบ ๆ  ใบหน้านั้นเกือบจะยิ้มด้วยซ้ำ

ดวงตาคมตวัดค้อนขวับ ก่อนจะเดินกระแทกส้นปึงปังออกจากห้องไป

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดหูตัวเองแล้วสะบัดหน้าเหมือนจะไล่ถ้อยคำเหล่านั้นของเซย์ริวออกไปให้พ้นจากสมอง น้ำตาที่เพิ่งจะแห้งไปพาลจะไหลออกมาอีก

“ไม่เอา...ไม่ใช่แบบนี้...ผม...ผม...”

“มันเป็นโชคชะตานะ ซาโนะคุง จะชอบหรือจะเกลียดมันก็ต้องเจออยู่ดี นึกเสียว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกเถอะ” มาซาฮิเดะจับศีรษะคัตซึฮิโกะเขย่าเบา ๆ

คำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบไป แล้วหลังจากวันนั้นเขาก็แทบไม่ได้พูดอะไรกับใครอีก เอาแต่ครุ่นคิดอยู่ในใจคนเดียว

“อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก”...ใช่ มีอยู่หลายครั้งที่เขารู้สึกแบบนั้นเวลาที่มีเซย์ริวอยู่ในห้องด้วย ร่างสูงที่ดูเหมือนจะเกะกะขวางทางไปหมดแต่ก็ทำให้ห้องเล็ก ๆ ของเขาไม่ได้ดูกว้างขวางอ้างว้างเหมือนกับที่เคยรู้สึก เพราะอย่างน้อยก็มีคนอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว แต่ก็รู้ว่าเซย์ริวอยู่ตรงนั้น แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรร่วมกันเลย แต่ก็อยู่ตรงนั้น...หากคัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ใส่ใจกับการคงอยู่ของร่างสูง จนเมื่อวันที่เซย์ริวหายตัวไป วันนั้นเองที่เขารู้สึกตัวว่าการมีตัวตนอยู่ของเซย์ริวมีความหมายกับเขามากเพียงใด...
//////////

อีกสองวันให้หลังคัตซึฮิโกะก็แข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ มาซาฮิเดะได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นเซย์ริวทำตัวเป็นพี่เลี้ยงตัวใหญ่กลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาให้คัตซึฮิโกะเปลี่ยน ในขณะที่คัตซึฮิโกะยังคงนิ่งเงียบจนเกือบจะเย็นชา แต่คนที่สูงวัยกว่าก็ดูออก ว่าชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกต่อต้านเซย์ริวมากเท่าที่เคยเป็น แม้จะยังนิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนหรือรังเกียจเมื่อถูกแตะต้อง...แล้วก็ไม่ได้ร้องไห้อีก

“ขอบคุณที่คอยดูแลมาตลอดนะครับ” คัตซึฮิโกะโค้งให้มาซาฮิเดะอย่างสุภาพ

แต่ก่อนที่มาซาฮิเดะจะพูดอะไร เซย์ริวก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ต้องไปขอบคุณแกหรอก ค่ารักษาของหมอนี่เท่าไหร่ล่ะ?”

คัตซึฮิโกะทำตาเขียวกับความไร้มารยาทของเซย์ริว แต่มาซาฮิเดะยิ้มกว้าง “รู้ทันดีนี่ เซย์”

“ฉันอยู่กับหมอมากี่ปีแล้วล่ะ” ร่างสูงยอกย้อน

“รู้ก็ดีแล้ว ค่ารักษาทั้งหมดก็ 3 ล้าน 8 แสน รวมค่ายาอีก 2 แสน ก็พอดี 4 ล้าน...แกจะจ่ายให้หรือเปล่าล่ะ?” ประโยคสุดท้ายถามพร้อมกับกลั้วหัวเราะไปด้วยเมื่อเห็นว่าคัตซึฮิโกะหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด

“ใครจะไปมีปัญญา มันอยากหาเรื่องเจ็บตัวเอง ใครทำใครจ่ายเองก็แล้วกัน ลำพังค่ารักษาของฉันเองก็หามาเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว” เซย์ริวปัดความรับผิดชอบทันที

“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ซาโนะคุง ผ่อนได้น่ะ” หมอมาสะบอกยิ้ม ๆ  แต่คัตซึฮิโกะยิ่งหน้าซีดหนัก

“แต่...ผมมีเงินเก็บแค่...3 แสน...” นั่นคือทั้งหมดในชีวิตของเขาแล้ว

“ก็บอกแล้วไงว่าผ่อนได้ เอาน่ะ...เดี๋ยวฉันจะบังคับให้ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอทำร้ายตัวเองมันช่วยผ่อนให้ด้วยแล้วกัน เซย์ริวน่ะหาเงินเก่งนะ” มาซาฮิเดะบอกพร้อมกับรอยยิ้มของปีศาจ

ครั้งนี้เซย์ริวก็หน้าซีดไปด้วย ค่ารักษาส่วนของเขากับฮิโรกิเพิ่งได้รับการยกเว้นเพราะหาศพมาให้หมอมาสะชำแหละได้ กำลังโล่งใจได้ที่ ก็ต้องมาช่วยค่ารักษาของคัตซึฮิโกะอีกงั้นรึ...จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ลองหมอมาสะพูดแบบนี้แปลว่าเอาจริงแน่หละ

ชายหนุ่มทั้งสองเดินกลับบ้านด้วยกันด้วยท่าทางซีดเซียวพอ ๆ กัน แต่ถึงจะพูดว่าเดินกลับบ้านด้วยกันก็ตาม คัตซึฮิโกะก็พยายามทิ้งระยะห่างจากเซย์ริวพอสมควร ฝ่ายเซย์ริวเองนั้นคันไม้คันมืออยากจะเข้าไปกระชากตัวร่างเพรียวให้มาเดินใกล้ ๆ  แต่ติดอยู่ตรงคำพูดของหมอมาสะที่พูดเอาไว้วันก่อน...


วันนั้นเขาโดนหมอมาสะเรียกไป “อบรม” เสียยกใหญ่เกี่ยวกับเรื่องคัตซึฮิโกะ โดยปกติแล้วเขาไปมีเรื่องมีราวกับใคร จะไปฆ่าไปแกงกับใคร มาซาฮิเดะไม่เคยว่าอะไรสักคำ เพิ่งมีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำตัวเป็น “ผู้ปกครองเต็มขั้น” เรียกเขามาอบรมแบบนี้

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย” มาซาฮิเดะดักคอเมื่อร่างสูงเริ่มทำหน้าหงิกด้วยความขัดใจที่ต้องมานั่งรอฟังคำเทศนาในห้องทำงานของหมอ “ฉันรู้ว่ามันพิลึกที่อยู่ ๆ ก็เรียกแกมาคุยด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ก็นั่นแหละ...ทั้งนี้ก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น”

“หมอตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่น่ะ กับแค่เรื่องที่ไอ้หมอนั่นพยายามฆ่าตัวตายนี่มันทำให้ฉันต้องโดนหมอเทศน์เชียวเหรอ?” เซย์ริวยิ่งหน้าหงิกหนักเข้าไปอีก “เหยื่อของฉันมันฆ่าตัวตายไปตั้งหลายคนแล้ว หมอก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ แล้วทำไมหมอจะต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของไอ้หมอนั่นด้วย”

“เพราะถ้าเขาตาย แกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตไงล่ะ” มาซาฮิเดะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

เซย์ริวเงียบ ไม่ได้เถียงอะไร...แต่ถึงแม้จะเถียงก็แค่เถียงอยู่ในใจ

“ซาโนะคุงบอบบางกว่าที่แกคิดนะ”

“ตรงไหน? หมอนั่นน่ะนะบอบบาง มันเป็นเหยื่อคนเดียวที่กล้าด่าฉัน กล้าเล่นงานฉัน กล้าหาเรื่องฉัน แล้วตรงไหนของมันที่หมอบอกว่าบอบบาง?” เซย์ริวขึ้นเสียง แต่แล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อรู้สึกถึงสายตาบางอย่างจากหมอมาสะ

“แล้วก็เป็นคนเดียวที่ร้องไห้เมื่อเห็นว่าแกปลอดภัยกลับมาหาเขาหลังจากหายหน้าไปหลายเดือนด้วย ใช่มั้ยล่ะ?” คนเป็นหมอยังคงพูดเรียบ ๆ

ร่างสูงนิ่งไป แล้วแกล้งเสมองไปทางอื่น

“เซย์ริว...จะไม่ลองเก็บเขาไว้เผื่อบ้างเหรอ?”

“เผื่ออะไร?”

“เผื่อว่าคนเดียวในชีวิตของแกจะหาไม่ได้ง่าย ๆ น่ะสิ”

แล้วหลังจากนั้นหมอมาสะก็เริ่มต้นเทศนายาวเหยียด...ยาวที่สุดนับตั้งแต่เซย์ริวรู้จักหมอมาสะมา  สรุปโดยรวมคือว่าด้วยเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ดี ๆ กับคัตซึฮิโกะล้วน ๆ  และจบท้าย...ที่ถึงจะไม่ได้บอกอย่างชัดเจน แต่ก็มีความหมายอ้อม ๆ ว่า เขาควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับตัวเองให้เข้ากับคัตซึฮิโกะ...แม้สักน้อยก็ยังดี

“ทำไมฉันต้องเป็นคนปรับด้วยล่ะ ในเมื่อมันเองก็รับทุกอย่างที่ฉันเป็นได้มาตลอดแล้วนี่” ถึงตรงนี้เซย์ริวชักจะออกอาการเหลืออดอยากจะชกหน้าหมอสักเปรี้ยงแล้ว

“ก็ไม่ใช่ว่ารับได้ทั้งหมดหรอกนะ...เพียงแค่ว่าซาโนะคุงเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกยังไงกับแกเท่านั้นแหละ”

“รู้สึก?”

“เออ เขาน่ะ แค่เห็นแกเป็นตัวแทนหรือเครื่องมือในการแสดงออกในสิ่งที่เขาไม่มีวันเป็นได้ยังไงล่ะ” คำตอบของมาซาฮิเดะราวกับตีเข้าแสกหน้าของชายหนุ่มอย่างจัง “เขาก็แค่...อยากรู้ว่าแกจะทำอะไรได้ถึงแค่ไหนเท่านั้นแหละ”

เซย์ริวเม้มปากแน่น ...ความรู้สึกราวกับโดนดูถูกนี่มันคืออะไร...

ชายหนุ่มแทบไม่ได้ฟังว่ามาซาฮิเดะพูดอะไรต่อจากนั้นบ้าง หรือถ้าจะฟังก็รางเลือนเหลือเกิน...

“...แต่ว่านะ เซย์ริว ถ้าเทวดาจะต้องกลายเป็นปีศาจ...มันก็น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ?”


ร่างสูงมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อคัตซึฮิโกะไขกุญแจเปิดห้อง คนตัวเล็กกว่าไม่พูดอะไรนอกจากถอดรองเท้าอย่างชุ่ย ๆ พร้อมกับเสื้อโค้ท ก่อนที่จะขยุ้มเสื้อนั้นโยนกองไว้กับเก้าอี้ แล้วตรงไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วทำท่าเหมือนจะหลับไปเสียเดี๋ยวนั้น ซึ่งทั้งหมดนั้นผิดวิสัยคัตซึฮิโกะที่มักจะจัดการกับของของตัวเองอย่างเป็นระเบียบอย่างยิ่ง

เซย์ริวมองคนตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ ดูท่าทางคัตซึฮิโกะยังออกจะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตอยู่ไม่น้อยถึงได้ปล่อยปละละเลยตัวเองมากแบบนี้ แล้วห้องนี้ก็ไม่ได้ทำความสะอาดมาอย่างน้อยก็อาทิตย์หนึ่งแล้ว บนเตียงก็มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด คัตซึฮิโกะก็ยังนอนลงไปได้

“ไปอาบน้ำก่อนสิ”

หากคัตซึฮิโกะยังคงนอนนิ่งราวกับไม่รับรู้โลกภายนอก ถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน เหนื่อยจนไม่อยากจะคิดจะทำอะไรอีกต่อไป ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล เขามีเรื่องให้คิดมากมายเกินไป ในตอนนี้เขาอยากจะพักและวางเรื่องทั้งหมดลงเสียที บนเตียงที่คุ้นเคยในห้องของเขาเองนี่แหละ

ร่างสูงทอดสายตามองชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ท่าทีของคัตซึฮิโกะช่างกวนประสาทเขาดีเหลือเกิน แต่สีหน้าที่อ่อนระโหยก็ทำให้เขาไม่อยากจะรบกวนในตอนนี้ คิดแบบนั้นเขาจึงปล่อยให้คัตซึฮิโกะนอนไปตามต้องการและคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้ เริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศก็ยังเย็นอยู่มาก

เสร็จจากคัตซึฮิโกะแล้ว เซย์ริวก็เดินไปรอบ ๆ ห้อง หยิบนั่นจับนี่ไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าเอาเสื้อโค้ทที่คัตซึฮิโกะขยุ้มกองไว้บนเก้าอี้ไปแขวนให้เข้าที่เข้าทาง...หลังจากมาสิงอยู่ในห้องของคัตซึฮิโกะนาน ๆ เข้า เขาก็เริ่มจะทำตัวให้เป็นระเบียบขึ้นมา – บ้าง – แต่เรื่องที่จะให้เขาลงมือทำความสะอาดห้องนั้น...ฝันไป ดังนั้น เมื่อไม่มีอะไรจะทำจริง ๆ แล้ว เซย์ริวก็ออกจากห้องไป
//////////

อากาศเย็นเฉียบที่สัมผัสปลายเท้าทำให้คัตซึฮิโกะต้องดึงเท้าทั้งสองข้างเข้ามาซุกใต้ผ้าห่ม แต่พอจะขยับตัวให้อยู่ในท่าที่อุ่นสบายกว่านั้นกลับทำไม่ได้ ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือขึ้นเล็กน้อยด้วยอาการงัวเงีย กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นไปทั่วโปงผ้าห่มที่เขาซุกตัวอยู่...แต่เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้ดื่มก่อนนอนนี่นา มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาแล้วค่อยปรับโฟกัสภาพตรงหน้าช้า ๆ

ดวงหน้าคมของคนใจร้ายอยู่ห่างไปไม่ถึงฝ่ามือ ดวงตาที่มักจะมีแววดุดันปิดสนิทและลมหายใจก็สม่ำเสมอบอกว่าเจ้าของดวงตากำลังหลับลึก หากอ้อมแขนแกร่งกลับกอดก่ายร่างเพรียวเอาไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพอรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดขยับตัว ร่างสูงก็กระชับอ้อมแขนรั้งให้คนตัวเล็กกว่าขยับเข้าไปแนบชิดมากขึ้น

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นยันอกกว้างไว้ทันที

“อะ...เฮ้ ปล่อยผมนะ”

แต่พอขยับตัวอ้อมแขนนั้นกลับรั้งแน่นเข้า แถมจมูกโด่งยังแนบลงกับหน้าผากพร้อมกับมือใหญ่ที่ลูบไล้เส้นผมอย่างแผ่วเบาเหมือนจะกล่อมให้นอนต่อ

ไม่ว่าร่างสูงจะทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่แค่นั้นคัตซึฮิโกะก็ไม่คิดจะดื้อดึงอะไรอีก นอนนิ่ง ๆ อยู่ในโปงผ้าอบอุ่น พลางกระหวัดคิดไปถึงคำพูดของเซย์ริว

‘…แกเป็นของฉัน...แกเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับฉันเพียงคนเดียวในโลกนี้ เพราะงั้น...ฉันจะไม่ยอมให้แกตาย...’

เซย์ริวเปลี่ยนค่าของเขาจาก “ของเล่น” มาเป็น “คน” แล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเปลี่ยนไปอีก แต่เขาจะยอมยกโทษให้คนที่กดดันเขาจนคิดฆ่าตัวตายได้จริง ๆ หรือ เขาไม่มั่นใจเลยว่ามันจะเป็นแบบนั้น...ไม่สิ เขาไม่มีวันยกโทษให้เซย์ริวแน่ ๆ  แต่มันจะเป็นยังไงต่อไปกันแน่นะ

คัตซึฮิโกะถอนใจยาวแล้วหลับตาลง...ตอนนี้พอก่อนดีกว่า เลิกคิดเสียก่อน ปล่อยให้เวลาเป็นคนจัดการทุกอย่างดีกว่า เขาแค่ใช้ชีวิตของเขาไปเรื่อย ๆ  ยังมีเรื่องให้คิดมากกว่าเรื่องของเซย์ริว อย่างไรเสียเซย์ริวก็กลับมาอยู่กับเขาแล้ว...

ชายหนุ่มผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าความคิดสุดท้ายของตนคืออะไร



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #102 เมื่อ11-05-2013 05:27:46 »

อ่านรวบยอด หน่วง หน่วง หน่วง อยากให้เทวดากลายเป็นมารร้ายจอมยั่ว เอาให้เซย์ริวหัวปั่นเลย

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #103 เมื่อ11-05-2013 12:21:27 »

เห็นด้วยๆ อยากให้เซย์ริวโดนเอาคืนมั่งอ่ะ หมั่นไส้ๆๆๆ เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองซะที

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #104 เมื่อ11-05-2013 14:37:14 »

คิดถึงเรื่องนี้ เพิ่งเห็นจริงๆว่าลงเล้าเป็ดด้วย แวะมาอ่านอีกที

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #105 เมื่อ11-05-2013 15:01:35 »

เฮ้อออออ... มันเครียด บรรยากาศระหว่างสองคนนี้เหมือนมีเมฆหมอกคลุมอยู่
เซย์ริวถ้าไม่เคลียร์ตัวเองระวังจะเสียเค้าไปนะ

pudson

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #106 เมื่อ13-05-2013 03:03:29 »

หวังว่าเซย์ริว จะเริ่มดีกับคัตสึโกะบ้างนะ :katai5:

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #107 เมื่อ13-05-2013 14:18:41 »




     เริ่มรู้ตัวและปรับตัวเข้าหากันทีละนิดแล้วสิ
     คุณหมอนี่เยี่ยมจริงๆเลย รักษาได้มากกว่าโรคซะด้วย




ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #108 เมื่อ13-05-2013 18:06:32 »

ขอให้เซย์มีพัฒนาการที่ดีด้วยเถอะนะะ
สงสารคัตสึมากกก!!

:pig4:

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #109 เมื่อ13-05-2013 19:59:55 »

อยากเห็นเซย์ริวดิ้น :ling1:
ทำเขาไว้เยอะ ก็น่าจะลองโดนเองบ้างเนอะ :katai4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
« ตอบ #109 เมื่อ: 13-05-2013 19:59:55 »





ออฟไลน์ SiLent_GRean

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
«ตอบ #110 เมื่อ13-05-2013 22:38:30 »

อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นเบาๆ  :hao7:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #111 เมื่อ17-05-2013 19:48:00 »

สวัสดีวันศุกร์ครับ แล้วก็สวัสดีวันพระด้วย (ลงนิยายวันพระมาหลายรอบแล้วนะเนี่ย)

KOUSOKU 14

เซย์ริวรู้สึกตัวตื่นเมื่อคนในอ้อมแขนลุกขึ้นจากเตียง เสียงอาบน้ำบอกให้รู้ว่ายามเช้ามาเยือนแล้ว เขาพลิกตัวไปดูนาฬิกาปลุกที่วางอยู่ตรงหัวเตียง...ยังเช้าอยู่มาก แต่ก็เป็นเวลาตื่นปกติของคัตซึฮิโกะ ร่างสูงหลับตาลงอีกครั้งและคิดจะหลับตา แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้...คัตซึฮิโกะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แล้วจะไปทำงานอย่างงั้นหรือ

“แกจะไปไหนแต่เช้าน่ะ?” เซย์ริวถามทั้งยังหลับตา เมื่อคัตซึฮิโกะกำลังแต่งตัว

“ไปที่ทำงาน” เสื้อยืดตัวหนาถูกเลือกมาสวมเข้าชุดกับกางเกงยีนส์

“แกเพิ่งหายป่วย จะไปทำงานแล้วเหรอ?”

“เปล่า” ผ้ารัดข้อมือสีดำอันใหญ่สวมลงกับมือข้างซ้ายเพื่อปกปิดรอยแผลที่ยังมีผ้าพันแผลปิดทับอยู่

“อ้าว แล้วแกจะไปทำไม?” ร่างสูงพลิกตัวมาถาม

“ไปให้เขาไล่ออก” คัตซึฮิโกะตอบพลางหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอากาศอุ่นขึ้นจนไม่ต้องใช้เสื้อโค้ทแล้ว “ผมหยุดงานโดยไม่ลาตั้งเกือบอาทิตย์ เขายังเอาไว้ก็แปลกหละ”

น้ำเสียงที่พูดเรื่องเหล่านั้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทำให้เซย์ริวรู้สึกแปลกใจ เป็นอีกครั้งที่คัตซึฮิโกะดูเข้มแข็งจนน่าประหลาด เขาลอบมองร่างเพรียว...สีหน้าของคัตซึฮิโกะดูเย็นชากว่าเคย แต่ก็คุ้นตา...วินาทีนั้น เซย์ริวรู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองสมัยวัยรุ่นในกระจก...ตัวเขาที่ไม่คิดจะสนใจใครอีกแล้วนอกจากตัวเอง

“ไปนะ” คัตซึฮิโกะบอกกับคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วก็หยิบกระเป๋าออกจากห้องไป

เซย์ริวนอนลืมตาอยู่ในความเงียบ คัตซึฮิโกะกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นคนแบบเขา...เป็นคนเย็นชาที่ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้นนอกจากตัวเองอย่างนั้นหรือ นั่นไม่ใช่คัตซึฮิโกะแล้ว...คัตซึฮิโกะที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้ คัตซึฮิโกะคนที่ซื้อสร้อยข้อมือให้เขาไม่ใช่คนแบบนี้

‘…แต่ว่านะ เซย์ริว ถ้าเทวดาจะต้องกลายเป็นปีศาจ...มันก็น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ...’

เซย์ริวตวัดผ้าห่มออกจากร่างแล้วรีบลุกจากเตียงทันที


เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังขึ้นในห้องหัวหน้าฝ่าย โดยปกติแล้วก็เป็นเสียงที่พนักงานในฝ่ายได้ยินกันจนชินชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังโดนเอ็ดนั้นเป็นใคร หัวหน้าฝ่ายชอบหาเรื่องคัตซึฮิโกะที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครเขาอยู่แล้ว...แต่ครั้งนี้คนในฝ่ายต่างก็ให้ความสนใจ พยายามทำงานในมือโดยเอาหูฟังเสียงที่ดังออกมาจากห้องนั้นด้วย เพราะอยู่ ๆ คัตซึฮิโกะที่หายหน้าไปหลายวันโดยไม่มีใบลาและไม่มีใครตามหาตัวพบกลับโผล่เข้าออฟฟิศมาในชุดลำลองโดยมีถุงใส่เครื่องแบบมาด้วย และตรงเข้าไปในห้องหัวหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรกับใคร แล้วก็มีเสียงบ้งเบ้งดังออกมาจากห้องนั้น

เวลาผ่านไปราว ๆ  20 นาที เสียงนั้นก็เงียบลง แล้วคัตซึฮิโกะก็เดินออกมาจากห้อง

“ซาโนะ เป็นอะไรหรือเปล่า? หัวหน้าด่าเรื่องอะไรน่ะ?” เพื่อนร่วมงานที่สนิทกับคัตซึฮิโกะที่สุดรีบเดินเข้ามาหา

“ไม่มีอะไรหรอก เขาไล่ฉันออกน่ะ” คัตซึฮิโกะตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

“ไล่ออก!? เฮ้ย มันเรื่องอะไรกันล่ะ?”

ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ คัตซึฮิโกะเป็นคนที่ทำงานได้โดยไม่มีที่ติมาตลอด ไม่เคยมาสาย อาจจะเคยหยุดงานโดยไม่มีใบลาบ้างแต่นั่นก็เพราะป่วยฉุกเฉิน โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นพนักงานชั้นดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เพียงครั้งนี้เท่านั้นที่หายไปหลายวันโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่อยู่ ๆ ก็กลับมาเพื่อโดนไล่ออกนั้น...มันก็น่าคิดทีเดียว

“ก็ฉันหยุดงานไปโดยไม่มีใบลาตั้งหลายวัน ก็ไม่แปลกหรอก ฉันก็ทำใจไว้แล้ว” คัตซึฮิโกะยักไหล่แล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีเพื่อนคนนั้นวิ่งตามออกไปด้วย

“แต่นายป่วยใช่มั้ย? บอกเขาได้นี่ อธิบายได้ไม่ใช่เหรอ?”

“หัวหน้าเขาไม่เคยฟังฉันอยู่แล้วนี่นา”

“แต่ว่า...” เพื่อนร่วมงานคว้ามือชายหนุ่มไว้ได้ ปลายเสื้อแขนยาวถูกดึงรั้งและผ้ารัดข้อมือหลุดเลื่อนตามแรงดึงเผยให้เห็นบาดแผลที่ปกปิดเอาไว้ คนที่จับยึดมือนั้นไว้ถึงกับผงะ “ซาโนะ! นี่นาย...”

คัตซึฮิโกะดึงมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างนุ่มนวลแล้วขยับผ้ารัดข้อมือให้เข้าที่ “ปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ”

“ไม่นิดแล้ว นี่นาย...พยายามฆ่าตัวตาย...?”

“อื้ม ใช่ เลยต้องหยุดงานไปรักษาตัวหลายวัน” คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ยิ้มนิด ๆ ให้กับเพื่อน “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่ฉันก็คิดเอาไว้นานแล้วว่าฉันคงไม่เหมาะกับงานที่นี่จริง ๆ ก็ได้”

“ซาโนะ...นี่นายมีปัญหาขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมไม่บอก...”

“ช่างเถอะ ฉันผ่านมันมาได้แล้วหละ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณนะ” คัตซึฮิโกะพูดแล้วก็โอบกอดเพื่อนร่วมงานไว้เบา ๆ  “ไว้ถ้าเจอกันอีก อย่าลืมชวนไปดื่มล่ะ”

“อะ...อืม...” คนถูกกอดทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดตอบแล้วตบไหล่คัตซึฮิโกะเบา ๆ  “ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่คอยปลอบหลังจากโดนด่ามาทุกครั้งก็ช่วยได้เยอะแล้วหละ” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง “งั้น...ไปหละนะ”

ผู้เป็นเพื่อนได้แต่โบกมือให้ คัตซึฮิโกะหันหลังจากมาโดยไม่หันกลับไปมองอีก...ตอนนี้คงต้องหางานใหม่เป็นอันดับแรกสินะ...
ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูใหญ่ของที่ทำงาน คัตซึฮิโกะก็ชะงักเท้า คนที่ยืนรอเขาอยู่ตรงหน้าประตูนั้นคือร่างสูงที่เขาไม่เคยเห็นออกมาจากห้องในช่วงเช้าของวันเลย

“โดนไล่ออกแล้ว?” คำถามนั้นราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

“ใช่”

“ต้องหางานทำสินะ”

“อืม...ต้องหาเงินไปจ่ายค่ารักษานี่” คัตซึฮิโกะบอกพลางเดินเข้าไปใกล้

“ฉันว่าฉันเจองานที่เหมาะกับแกตอนเดินมาที่นี่นะ” เซย์ริวเดินเคียงข้างไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้คนบางตาลงไปกว่าตอนชั่วโมงเร่งด่วนมากแล้ว

“งาน?”

“อืม งานที่น่าจะทำให้แกเป็นตัวของตัวเอง...ไม่ใช่แบบนี้” ประโยคหลังแทบจะไม่หลุดออกมาจากลำคอ...เซย์ริวไม่อยากคิดหรอกว่าเขาใจหายมากแค่ไหนที่รู้สึกขึ้นมาว่าคัตซึฮิโกะกำลังจะกลายเป็นคนแบบเดียวกับเขา

ทั้งสองเดินไปด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนกระทั่งเซย์ริวไปหยุดยืนตรงหน้าป้ายประกาศหาคนทำงานที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ในตอนแรกคัตซึฮิโกะไม่ทันได้รู้สึกด้วยซ้ำว่านั่นเป็นร้านอะไรจนกระทั่งเซย์ริวหยุดเดิน

“นี่นะ งาน?” คัตซึฮิโกะถามเบา ๆ เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วพบแต่ต้นไม้และดอกไม้

“ใช่ เหมาะกับแกมากด้วย” ร่างสูงไม่พูดเปล่า ยังคว้ามือคัตซึฮิโกะให้เดินตามเข้าไปในร้านที่เพิ่งจะเปิดเมื่อสักครู่นี้

“พนักงานร้านขายดอกไม้เนี่ยนะ!?”

“ใช่ เหมาะกับแกมากกว่าไอ้งานที่เดิมนั่นอีก”

ยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะพูดอะไรต่อ เสียงของเจ้าของร้านก็ทักทายขึ้น

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?”

“พาเพื่อนมาสมัครงานครับ” คนตอบคือเซย์ริว โดยที่คนโดนยัดเยียดงานให้ได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้างอยู่ข้าง ๆ

“อ้าว ตายจริง เป็นชายหนุ่มเหรอจ๊ะเนี่ย ป้าคิดว่าคนแรกที่จะมาสมัครจะเป็นสาว ๆ ซะอีก” คุณป้าเจ้าของร้านท่าทางใจดีและอ่อนโยนพูดอย่างอารมณ์ดี

“อื้ม...งั้น ฝากหมอนี่ด้วยนะครับ” พูดแล้วเซย์ริวก็จับหัวคัตซึฮิโกะกดลงบังคับให้โค้งเสียอย่างงั้น

“แล้วไม่สมัครเสียทั้งคู่เลยล่ะจ๊ะ?”

“ผมมีงานอยู่แล้วครับ ส่วนไอ้หมอนี่ว่างงานเมื่อกี้นี้พอดี”

“อ้อ งั้นเหรอจ๊ะ?” คุณป้ายิ้มแล้วก็มองคัตซึฮิโกะที่ยังยืนปั้นหน้าไม่ถูกอย่างเอ็นดู “ชื่ออะไรล่ะเรา?”

“เอ้อ...ซาโนะ คัตซึฮิโกะครับ” คัตซึฮิโกะบอกพลางโค้งให้นิด ๆ

“ซาโนะคุงสินะ ยินดีต้อนรับจ้ะ แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไรล่ะ?”

“วันนี้เลยก็ได้ครับ มันจะได้ไม่ต้องกลับไปฟุ้งซ่านที่บ้าน” เซย์ริวดักขึ้นมาก่อน คัตซึฮิโกะหันขวับไปจ้องหน้าร่างสูงทันที เล่นเอาเจ้าของร้านหัวเราะคิก

“ยังไม่พร้อมก็กลับไปเตรียมตัวก่อนก็ได้จ้ะ ป้าไม่รีบหรอก”

“อ่ะ...เอ้อ งั้น...พรุ่งนี้นะครับ ผมเริ่มงานได้พรุ่งนี้เลย วันนี้ขอผมกลับไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” คัตซึฮิโกะบอกอย่างสุภาพ

“ได้จ้ะ ได้ทุกเมื่อแหละ ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ” คุณป้าค้อมหัวให้นิดหน่อย

“ทางนี้ต่างหากครับที่ต้องฝากตัว” คัตซึฮิโกะรีบบอกแล้วโค้งให้อย่างต่ำ “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”


คัตซึฮิโกะเดินตามเซย์ริวกลับบ้านด้วยอาการตัวเบาหวิว  การโดนไล่ออกอย่างกะทันหันและการได้งานแบบสายฟ้าแลบทำให้ตั้งตัวแทบไม่ทัน...พนักงานร้านดอกไม้อย่างงั้นหรือ...ที่จริงเขาก็เดินผ่านร้านนั้นทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลาหลายปี  แต่เขาแทบจะไม่เคยสังเกตอะไร ๆ  ในร้านนั้นเลย  แม้ว่าดอกไม้จะเบ่งบานสวยแค่ไหนเขาก็แทบจะไม่เคยเห็น  แต่วันนี้ตอนที่ก้าวเข้าร้านไป  เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสดชื่นอิ่มเอมใจที่ไม่เคยได้สัมผัสมานานแสนนานแล้ว  หัวใจรู้สึกเป็นสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...ดังนั้น  แม้จะเป็นงานที่เซย์ริวยัดเยียดให้แต่เขาก็ตกลงใจทันทีว่าจะทำงานที่ร้านนั้น แม้รายได้อาจจะไม่มากนัก  แต่ความสุขบางอย่างที่สัมผัสได้น่าจะมีค่ามากกว่าเงินที่จะได้รับ

“คุณ  ผมจะแวะซื้อของก่อน”  คัตซึฮิโกะเรียกชายหนุ่มที่ยังเดินนำหน้าด้วยอาการจ้ำอ้าวเหมือนกลัวบ้านหาย

“ซื้ออะไรอีกล่ะ?”  เซย์ริวหันมามองด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ   เขายังนอนได้ไม่เต็มตาเลย

“ของกินน่ะสิ  ในตู้เย็นคงไม่มีอะไรเหลือแล้ว”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังร้านที่อยู่ใกล้ ๆ  แถวนั้น

ร่างสูงยักไหล่  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเดินตามไปอย่างปลง ๆ

คัตซึฮิโกะซื้ออาหารไม่มากนักเช่นเคย  ตอนนี้เขาจำเป็นต้องประหยัดเงินพอควรทีเดียว  เงินเดือนที่ได้รับจากบริษัทเมื่อเดือนที่แล้วยังพอมีเหลืออยู่บ้าง  แต่กว่าจะได้เงินชดเชยและเงินพิเศษจากร้านดอกไม้ก็หมายถึงว่าต้องรอถึงเดือนหน้า  ระหว่างนี้คงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายให้มากขึ้น...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เขาต้องหาเงินไปจ่ายค่ารักษาให้หมอมาซาฮิเดะด้วย!

มือใหญ่ฉวยถุงใส่เนื้อและผักจากมือคัตซึฮิโกะทำให้ชายหนุ่มหันไปมองด้วยความแปลกใจ

“ยังเจ็บแผลอยู่ไม่ใช่เรอะ  ถือของหนัก ๆ  แบบนี้ไหวหรือไง”

คำถามนั้นทำให้คัตซึฮิโกะนึกขึ้นมาได้  เขามักจะถือของด้วยมือซ้ายเสมอเพื่อใช้มือขวาที่ถนัดทำอย่างอื่นแทน  เมื่อกี้นี้ตอนที่ถือถุงใส่ของ  แผลตรงข้อมือมันตึงขึ้นมาทันที  แผลนั้นยังไม่หาย  เขาต้องทำความสะอาดแผลทุกวันและระวังไม่ให้มันโดนน้ำ  มาซาฮิเดะนัดให้เขาไปตัดไหมปลายอาทิตย์หน้า...ไม่อยากจะเชื่อว่าเซย์ริวสังเกตเห็นเรื่องแบบนี้ด้วย...คัตซึฮิโกะพยักหน้าตอบรับความหวังดีนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงบ้าน

ห้องเล็ก ๆ  ของชายหนุ่มมอมแมมจริง ๆ  ด้วย  เมื่อวานตอนที่กลับมาถึงคัตซึฮิโกะเหนื่อยเสียจนไม่คิดอยากจะสนใจอะไรอีก  แต่พอตั้งสติได้ในวันนี้แล้ว  เขารู้ทันทีว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือ...ทำความสะอาดห้อง

“ก่อนทำความสะอาด  ทำมื้อเช้าก่อนได้ไหม?”  เซย์ริวท้วงขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะคว้าไม้ปัดขนไก่

“มีกาแฟสำเร็จรูปบนชั้นนี่  ขนมปังก็ซื้อมาเมื่อกี้  ต้มน้ำแล้วชงดื่มเอาเองแล้วกัน”  คัตซึฮิโกะตอบแบบไม่ใส่ใจ

“แต่ฉันอยากกินข้าว”  เซย์ริวยังดื้อดึง

“ออกไปที่ร้านปากซอยสิ”  เจ้าของห้องยังคงไม่ใส่ใจเช่นเคย  แถมยังลงมือทำความสะอาดห้องเสียด้วย

เมื่อเห็นว่าเรียกร้องไปก็ไม่ได้ผล  เซย์ริวก็ไปจัดการเสียบปลั๊กกระติกต้มน้ำไฟฟ้าแล้วจัดแจงหามื้อเช้ากินเอง  ปล่อยให้คัตซึฮิโกะจัดแจงทำความสะอาดห้องไปตามลำพัง

คัตซึฮิโกะออกจะเพลิดเพลินกับการทำความสะอาดห้องครั้งนี้มากทีเดียว  โดยปกติเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากวาดถูพื้น  แต่วันนี้เขาถือโอกาสที่ว่าง ๆ  อยู่จัดข้าวของเสียใหม่ด้วยเลย  หนังสือหลายเล่มถูกดึงออกมาจากชั้น  และหลายเล่มถูกเปิดอ่าน  เช็ดจนสะอาดแล้วก็เอาเก็บเข้าที่เดิม  ข้าวของในห้องมีไม่มากเท่าไรนัก  ที่จริงใช้เวลาไม่นานก็จะเก็บหนังสือในชั้นและบนโต๊ะเสร็จ  แต่พอได้หยิบออกมาแล้วก็อดที่จะเปิดอ่านไม่ได้  คัตซึฮิโกะพลิกดูหนังสือในมือทีละเล่ม  บางเรื่องเขาก็ลืมเนื้อเรื่องไปบ้างแล้วก็เลยเปิดอ่านเสียนิดหน่อย  กว่าจะรู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหนก็เมื่อตอนที่ร่างสูงยื่นถ้วยกาแฟมาให้ตรงหน้า

“จะบ่ายสองแล้วนะ  ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

“เอ๊ะ  จะบ่ายสองแล้วเหรอ?”  คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ

“อีก 15 นาทีก็บ่ายสองแล้ว  เก็บเสร็จหรือยัง  ฉันจะได้นอน”  เซย์ริวบอกพลางขยับถ้วยกาแฟเป็นเชิงบอกให้รับไปจากมือ

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #112 เมื่อ17-05-2013 19:52:30 »

“อ๊ะ  แย่จริง  นี่ผมลืมเวลาไปเลย”  คัตซึฮิโกะรับถ้วยกาแฟจากมือเซย์ริวมาวางไว้ใกล้ตัวแล้วเก็บหนังสือทุกเล่มเข้าชั้น

“อืม  กาแฟเย็นหมดแล้ว”  พูดแล้วเซย์ริวก็หันไปรวบ ๆ  ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนบนเตียงออก  แล้วก็หอบผ้านวมออกไปตากที่ระเบียง  ตบ ๆ  ให้ฝุ่นกระจายก่อนที่จะกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

“เฮ้  ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลย”

“ฉันจะนอน”  ร่างสูงบอกห้วน ๆ  แล้วก็พลิกตัวเข้าหาผนัง  “ฉันเอาไอ้ผ้าเลอะฝุ่นออกไปข้างนอกแล้ว  นอนได้”

คัตซึฮิโกะกอดอกมองคนที่รีบชิงหลับไปก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรแล้วก็ส่ายหน้า  อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว  ผ้าห่มคงไม่จำเป็นสำหรับคนที่ด้านทนไปหมดทุกอย่างอย่างเซย์ริวเท่าไรนัก  ชายหนุ่มดื่มกาแฟที่เย็นแล้วจนหมดถ้วยแล้วลงมือทำความสะอาดห้องต่อจนเสร็จ

คัตซึฮิโกะใช้เวลาว่างตลอดบ่ายนั้นหยิบหนังสือเล่มโปรดที่ไม่ได้อ่านมานานแล้วขึ้นมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น  เขาไม่ได้มีเวลาว่างและรู้สึกมีความสุขกับการอ่านหนังสืออย่างนี้มานานแล้ว  ตั้งแต่เริ่มทำงานในบริษัทเดิมเขายอมรับว่าชีวิตค่อนข้างเคร่งเครียดมากทีเดียว  แถมเมื่อได้มาพบกับเซย์ริว...ชีวิตก็ยิ่งเครียดยกกำลังสอง

จนเย็นย่ำแล้ว  คัตซึฮิโกะถึงได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ  เขาหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง...เซย์ริวยังหลับอย่างสบายอารมณ์  โดยปกติแล้วเซย์ริวจะตื่นมาใช้ชีวิตก็ราว ๆ  เที่ยงถึงบ่าย  วันนี้ก็ไม่รู้นึกยังไงถึงได้ตื่นเช้าแล้วตามเขาไปถึงที่ทำงาน...คิด ๆ  แล้วคัตซึฮิโกะก็นึกขึ้นมาได้  มื้อเช้าควบเที่ยงที่กินกันไปนั้นคงจะเรียกได้ว่าไม่ได้กิน  มิน่าเล่า  ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกหิวซ่กเลยทีเดียว  ถ้าอย่างงั้น...เตรียมมื้อเย็นเลยดีกว่า...

ตอนที่เซย์ริวสะลึมสะลือโงหัวขึ้นมาจากหมอนก็เป็นตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว  กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารกรุ่นไปทั้งห้อง  คัตซึฮิโกะคงกำลังเตรียมมื้อเย็นหละมั้ง  ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่คัตซึฮิโกะโผล่หน้าออกมาจากในครัว

“อ้าว  ตื่นแล้วเหรอ  กำลังว่าจะปลุก”

“จะปลุกทำไม”

“ข้าวเย็นเสร็จแล้ว”  คัตซึฮิโกะตอบสั้น ๆ  แล้วก็หายกลับเข้าไปในครัวก่อนที่จะยกข้ามชามใหญ่สองชามออกมาส่งให้เซย์ริวชามหนึ่ง

“ทำไมมันมีแต่ผักวะ?”  ร่างสูงโวยเมื่อพบว่าสิ่งที่ควรจะเป็นข้าวหน้าหมูทอด  กลายเป็นข้าวหน้าผัดผักรวมมิตรแถมเศษวิญญาณหมูทอดสองชิ้น

“ก็ผมมันจนนี่  เดือนนี้ก็ต้องประหยัดด้วย  ถ้าอยากกินนักก็ออกค่าอาหารมาสิ”  คัตซึฮิโกะบอกห้วน ๆ  พลางคีบผักและข้าวเข้าปาก

เซย์ริวไม่ได้เถียงหรือพูดอะไรอีก  เขานั่งเขี่ยผักในชามดูเผื่อว่าจะเจอวิญญาณหมูทอดอีกสักชิ้นแต่ก็ไม่พบอะไร  เลยต้องจำใจกินข้าวไปจนหมด

มื้อเย็นผ่านไปอย่างราบคาบเรียบร้อย  คัตซึฮิโกะเก็บเอาชามข้าวทั้งสองไปล้าง  ซึ่งมันออกจะยากนิดหน่อยที่ต้องล้างจานโดยไม่ให้แผลที่ข้อมือโดนน้ำ  แต่ชายหนุ่มก็ล้างจานเสร็จจนได้และแผลก็โดนน้ำจนได้  แต่ถ้ารีบเช็ดให้แห้งก็คงไม่เป็นไร  เพราะอย่างไรเสีย  ตอนอาบน้ำเขาก็คงจะต้องทุลักทุเลและทำแผลโดนน้ำมากกว่านี้แน่ ๆ

คืนนี้เซย์ริวไม่ได้เตรียมตัวออกจากห้องไปอย่างเคย  เขานั่ง ๆ  นอน ๆ  อยู่ในห้องพร้อมกับหนังสือที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่คัตซึฮิโกะจัดห้อง

ส่วนตัวคัตซึฮิโกะนั้น  หลังจากอาบน้ำและทำแผลให้ตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว  เขาก็นั่งที่โต๊ะหนังสือเพื่ออ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ต่อไป  จนเวลาล่วงไปเกือบเที่ยงคืน  คัตซึฮิโกะถึงได้ปิดหนังสือแล้วบิดขี้เกียจ...ถึงเวลาที่เขาต้องเข้านอนเสียที  แม้ว่างานที่ร้านขายดอกไม้จะเข้างานช้ากว่างานที่เดิมร่วมชั่วโมง  แต่เขาก็ไม่อยากจะไปสายในวันแรกของการทำงาน

ชายหนุ่มปีนขึ้นเตียงทางปลายเตียงเพราะเซย์ริวนั่งขวางอยู่ตรงข้างเตียง  เขายึดที่ด้านติดผนังตามกติกาที่มีร่วมกันโดยไม่ต้องบอกกันของพวกเขาว่าใครนอนก่อนต้องนอนด้านใน  คัตซึฮิโกะขดตัวเข้าใต้ผ้าห่มที่มีกลิ่นแดดอ่อน ๆ  และอุ่นสบายแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว


ไออุ่นใต้ผ้าห่มอุ่นขึ้นเมื่อมีใครอีกคนขึ้นมานอนเบียดจากทางด้านหลัง  คัตซึฮิโกะขยับตัวเข้าหาผนังนิด ๆ  เป็นการเพิ่มพื้นที่ให้อีกฝ่าย  หากอีกฝ่ายนั้นกลับขยับตามชิดเข้ามา  แขนแกร่งโอบรั้งร่างเพรียวให้เข้าหาตัว  คัตซึฮิโกะพยายามฝืนตัวเอาไว้

“ปล่อยนะ”  ชายหนุ่มกระซิบแผ่วในความมืด

แต่ไม่มีเสียงตอบใด ๆ  จากคนที่ถือวิสาสะนอกจากอาการดึงรั้งที่มากขึ้นของอ้อมแขนนั้น

“ปล่อย...ผมไม่ใช่หมอนข้าง...”  คัตซึฮิโกะพยายามดึงมือนั้นออก

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”  เสียงห้าวกระซิบตอบใกล้หู

“รู้แล้วก็ปล่อย”

“ไม่...”  คำตอบยียวนอยู่ในที  “เพราะฉันอยากกอดแก”

คัตซึฮิโกะรู้สึกชาวูบไปทั้งหน้า  คำว่ากอดของเซย์ริวไม่ใช่แค่การนอนกอดเป็นหมอนข้างแน่ ๆ   ชายหนุ่มเริ่มดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด

“ไม่  ปล่อยผมนะ”

“ฉันก็บอกแล้วไงว่า...ไม่...”  ไม่เพียงแต่พูด  หากร่างสูงค่อย ๆ  สอดมือเข้าในทางชายเสื้อของคนในอ้อมแขน

คัตซึฮิโกะผวาเยือก  ปลายนิ้วเย็น ๆ  นั้นทำให้เขาคิดถึงสัมผัสที่ชวนรังเกียจในวันนั้น...วันที่ชายคนนี้กับเพื่อนทำกับเขาราวกับไม่ใช่คน

“ไม่!!  อย่านะ!”  คัตซึฮิโกะสะบัดตัวดิ้น

“อะไรเล่า  ว่าง่าย ๆ  หน่อยเซ่  ฉันอุตส่าห์อดทนมาตั้งหลายวันแล้วนะ”  ถ้อยคำนั้นบอกความเอาแต่ใจตัวเองชัด

ร่างสูงฉวยโอกาสที่คัตซึฮิโกะยังขยับได้ไม่ถนัดนักลุกขึ้นก้าวคร่อมไว้ทั้งตัว  มือแกร่งกดไหล่บางตรึงไว้กับเตียง  ริมฝีปากฉกวูบลงสู่ปากนุ่มที่เผยอหมายจะโวยวายมากกว่านั้น  ปลายลิ้นนุ่มรุกรานทันทีที่มีโอกาส  ลิ้มชิมรสหวานล้ำที่อดมาเสียหลายวัน

คัตซึฮิโกะได้แต่ดิ้นรนพลางส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอ  จูบที่ไม่เคยเต็มใจรับ...ผู้ชายที่รู้สึกอยู่เต็มอกว่ายังชิงชัง...ทำไมเขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อคน ๆ  นี้อยู่เสมอ  สองมือผลักไสและทุบตี  หากก็แทบไม่มีผลอะไรกับร่างสูง  อีกฝ่ายแค่ออกแรงจับยึดและกดเอาไว้  เขาก็แทบหมดทางสู้

“ฮึก...ไม่...”  คัตซึฮิโกะผวารับอากาศหายใจเมื่อริมฝีปากร้อนผละออกไปจูบไซ้แถวซอกคอ  มือข้างหนึ่งที่เป็นอิสระเพราะร่างสูงปล่อยไปเพื่อถลกเสื้อให้เปิดสูงยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างไว้เต็มกำลัง

“เป็นเด็กดีหน่อยสิ  คาซึโกะ  ฉันไม่ได้จะฆ่าแกเสียหน่อย  ไม่ใช่ว่าไม่เคยไม่ใช่เรอะ”  เซย์ริวยังคงพยายามหยุดการดิ้นรนของร่างเพรียว  ก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงกับยอดอกสีเข้มแล้วขบเม้มมันจนแข็งเป็นตุ่มไต  ...การขัดขืนแบบนี้ก็เร้าอารมณ์ดีเหมือนกัน...

หากคัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว  กล้ามเนื้อทั้งร่างกระตุกเกร็ง  ความหวาดกลัวบางอย่างพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ...เขาไม่อยากจะต้องเจ็บปวดอย่างวันนั้นอีกแล้ว  วันที่เจ็บปวดทั้งร่างกาย...ทั้งจิตใจ...

“อ๊า!!!!”  ร่างเพรียวบางกรีดร้องเสียงหลง  สะดุ้งตัวขึ้นทั้งร่าง  ทำให้เซย์ริวชะงักทันที

“คาซึโกะ!?”

“ไม่!! อย่า!!!!”  คัตซึฮิโกะยังคงกรีดร้อง  ยกมือข้างที่ยังเป็นอิสระขึ้นปิดหน้า  เนื้อตัวสั่นสะท้าน

“คาซึโกะ!  เป็นอะไรไป?”  เซย์ริวรีบปล่อยมือจากการจับยึดเอาไว้

เมื่อขยับได้ดังใจ  คัตซึฮิโกะก็พลิกตัวลงซุกหน้ากับหมอน  ยกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน

“คาซึโกะ?”  ร่างสูงพยายามดึงมือเรียวเบา ๆ   แต่แค่แตะต้องคัตซึฮิโกะก็สะดุ้งทั้งตัวเหมือนตกใจสุดขีดพร้อมกับกรีดร้องโวยวายด้วยอาการราวกับคนเสียสติ

“อย่า!!  ไม่เอา!!  อย่าทำผม!  อย่า!!!!”

เซย์ริวตะลึงงัน  เขาไม่ได้คิดจะทำให้คัตซึฮิโกะหวาดกลัวถึงขนาดนี้  เขาเพียงแค่อยากจะลิ้มรสความสุขสมที่ร่างบางเคยมีให้เขาเท่านั้น  แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยินยอม  การใช้กำลังนิดหน่อยจึงเกิดขึ้น...แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับคัตซึฮิโกะแม้แต่นิดเดียว  แล้วทำไมต้องร้องไห้หวาดกลัวถึงขนาดนั้น

ร่างสูงรวบคนตัวเล็กกว่าขึ้นจากเตียงมากอดไว้กับอก  การทำเช่นนี้อาจจะยิ่งทำให้คัตซึฮิโกะตกใจมากกว่าเดิม  แต่เขาคิดได้เพียงเท่านี้  คัตซึฮิโกะจะกรีดร้องหรือโวยวายยังไงก็ช่าง  อย่างน้อยก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา  เขาจะไม่ปล่อยให้เตลิดไปไหนได้
นานทีเดียว  กว่าคัตซึฮิโกะที่เอาแต่ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้านจะสงบลง  เขาสะอื้นเบา ๆ  อยู่ในอ้อมกอดของเซย์ริวซึ่งไม่ได้ทำอะไรเขามากไปกว่านั้นอีกเลย  จนกระทั่งตัวหยุดสั่น  ร่างสูงจึงวางเขาลงนอนกับเตียง

คัตซึฮิโกะแทบไม่อยากลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า  เขาหวาดกลัวเซย์ริวออกมาจากส่วนลึกของจิตใจจริง ๆ   ไม่ใช่ความกลัวที่เคยเกิดขึ้นเพราะถูกทำร้ายร่างกายจนต้องยอมสยบให้เหมือนแต่ก่อน  แต่เป็นความกลัวอีกอย่างหนึ่ง...

...กลัวที่จะถูกทำลายหัวใจจนแหลกรานอีกครั้ง...

ถ้าจะต้องรับรู้ว่าจะถูกอาชญากรหนุ่มคนนี้ทำลายความรู้สึกอีกครั้ง  คราวนี้เขาคงทนไม่ได้อีกแล้ว  และไม่ว่าถ้อยคำใดก็คงไม่สามารถรั้งเขาเอาไว้บนโลกใบนี้ได้...มันเจ็บปวดเกินไป...

มือใหญ่เกาะกุมมือซ้ายของคัตซึฮิโกะอย่างนุ่มนวล  แต่คนที่ยังหวั่นไหวก็สะดุ้ง  นิ้วเรียวยาวแต่หยาบกร้านนั้นค่อย ๆ  ลูบไล้หลังมือนั้นอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะประคองมือนั้นขึ้นมาแล้วจูบลงกับรอยแผลที่ข้อมืออย่างแผ่วเบา

คราวนี้คัตซึฮิโกะกระตุกวาบไปทั้งร่าง  ความอุ่นซ่านบางอย่างแผ่ออกจากรอยจูบนั้นแล่นปลาบไปทั้งตัว  ชายหนุ่มค่อย ๆ  ปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ  ดวงตาคมที่มองตอบมาฉายแววประหลาดบางอย่างอยู่ในแสงสลัวจากแสงไฟภายนอก  เป็นแววตาที่ทำให้คัตซึฮิโกะรู้สึกไหววูบในอก  หากร่างสูงไม่พูดอะไรนอกจากจูบซ้ำลงอีกครั้ง

“อะ...อา...”  คัตซึฮิโกะครางออกมาเบา ๆ   มิใช่เจ็บปวดที่บาดแผล...แต่เป็นหัวใจต่างหากที่เสียวแปลบอย่างบอกไม่ถูก

มือใหญ่อีกข้างใช้นิ้วโป้งปาดไล้คราบน้ำตาออกจากใบหน้าให้แผ่วเบา  ก่อนที่จะเอนตัวลงนอนข้าง ๆ  แล้วเอื้อมมือไปโอบกอดเอาไว้

“ไม่เป็นไร  ฉันไม่ทำอะไรแกแล้ว  นอนซะ”  ผ้าห่มหนาถูกตวัดขึ้นคลุมทั้งสองร่าง

คัตซึฮิโกะรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าพร่าเลือนราวกับความฝัน  แล้วหยาดน้ำตาก็หยดลงอีกครั้ง  ชายหนุ่มสะอื้นเบา ๆ  อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น  เขาถามตัวเอง...ถ้าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา...ถ้าเซย์ริวไม่พาเพื่อนมาที่ห้องในวันนั้น...เขาจะสามารถบอกกับตัวเองได้ชัดเจนหรือเปล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจ  ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของอ้อมกอดนี้...เขาจะรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนหรือเปล่า

...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก...

มีเพียงคำพูดนี้เท่านั้นที่บ่งบอกถึงความผูกพันที่ชัดเจนแน่นอน  และมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้ในโลกใบนี้...คำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่เขาควรจะชิงชัง...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ออฟไลน์ Fellina

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 413
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #113 เมื่อ17-05-2013 21:12:07 »

ชอบตอนนี้ที่สุดแล้วว ในบรรดาทุกตอนที่อ่านมา
แบบว่า...ได้อารมณ์แปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
สู้ๆค่ะ รออ่านนะคะ หวังว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสำหรับทั้งคู่ :)

ออฟไลน์ Mookkun

  • magKapleVE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 637
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
    • Consensual free relationships
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #114 เมื่อ17-05-2013 23:24:16 »

โอ้ววววว
อ่านเสร็จ สงสารคัตสึก็สงสาร แต่มันก็น่ะนะะ อบอุ่น แปลกๆ

เฮ้ออ ดีจังเซย์ริวใจดีขึ้น(และหวังว่าจะดีเช่นนี้ตลอดไป)

:pig4:

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #115 เมื่อ18-05-2013 01:59:18 »

อ่านแล้วน้ำตาซึม สงสารคาซึโกะ
อย่าทำร้ายกันอีกเลยนะเซย์ริว ดูแลคนที่มีสายเลือดเดีวกันให้ดีกว่านี้อีกสักหน่อยเถอะนะ
ไม่งั้นมันคงเศร้าแย่

sunshadow

  • บุคคลทั่วไป
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #116 เมื่อ18-05-2013 06:28:33 »





     กระซิกๆ อย่างน้อยก็ยังมีสติ พอคุยกันรู้เรื่องละนะ
     ถ้าอ่อนโยนให้อย่างนี้ต่อก็คงค่อยๆปรับตัวได้ละใช่ไหม
     แต่ร้านดอกไม้งั้นเหรอ ก็เหมาะกะคาซึโกะจริงๆนั่นแหละ




ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #117 เมื่อ18-05-2013 12:01:28 »

เซย์ริวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเยอะเลย อ่านตอนนี้แล้วชอบจัง ดีใจที่เซย์ริวรู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้าง ไม่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
«ตอบ #118 เมื่อ18-05-2013 19:14:45 »

ตอนนี้มันอบอุ่นสุดๆแล้วล่ะ :laugh:
ตอนนี้ยังยับยั้งอารมณ์ไว้ได้ แต่ไม่รู้ว่าตอนหน้าจะทำได้อีกหรือเปล่า
 :เฮ้อ:

ออฟไลน์ KOKURO

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 331
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-2
Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
«ตอบ #119 เมื่อ24-05-2013 21:49:00 »

สวัสดีวันศุกร์  สวัสดีวันพระครับ
วันพระใหญ่เลยทีเดียว...

KOUSOKU 15

การทำงานที่ร้านดอกไม้ของคัตซึฮิโกะเป็นไปได้สวย  การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติทุกวันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก  พวกเพื่อนร่วมงานเก่าที่เดินผ่านหน้าร้านมักจะแวะทักทายเขาตอนเลิกงานเสมอ  มีบ้างที่ชวนไปดื่ม  แต่ตอนนี้คัตซึฮิโกะต้องการเก็บเงินทั้งหมดเอาไว้ใช้อย่างคุ้มค่าก่อนที่จะได้รับเงินชดเชยแหละเงินเดือนจากที่ทำงานใหม่

แต่กับเซย์ริวแล้ว  หลังจากค่ำคืนนั้นมา  ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิม  เซย์ริวไม่ได้แตะต้องเขาอีกแม้แต่น้อย  นอกเสียจากนอนกอดบ้างในบางคืน  และมีอีกบางคืนที่เซย์ริวออกจากห้องไปแล้วไม่กลับมาจนกระทั่งเช้า  แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่เคยถามไถ่อะไร  เซย์ริวจะไปทำอะไรที่ไหนมันไม่ใช่ธุระของเขา  ชีวิตของพวกเขามันอยู่คนละโลกกันมาตั้งแต่แรกแล้ว  และถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่เคยคิดจะเหยียบเข้าไปในโลกของเซย์ริวอีก  ตรงที่ของเขามันลำบากมากพอแล้ว  เขาไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวให้มากกว่านี้  แต่หลายครั้งที่ความอาทรบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากดวงตาคมก็ทำให้จิตใจต้องหวั่นไหว  เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด  คัตซึฮิโกะไม่เคยคิดจะยกโทษให้  และเซย์ริวเองก็ไม่เคยขอโทษ

“ยินดีต้อนรับครับ...”  คัตซึฮิโกะเอ่ยทักทายเมื่อกระดิ่งที่หน้าประตูร้านดังขึ้นเบา ๆ   แต่แล้วอารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา  “อ้าว  มาทำไม?”

“เขาทักทายลูกค้ากันแบบนี้เรอะ?”  ร่างสูงในชุดเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางสีม่วงเข้มกับกางเกงยีนส์พูดพลางปัดกระดาษที่ห้อยปลายกระดิ่งออกให้พ้นหัว

“อย่างคุณคงไม่ใช่ลูกค้าหละมั้ง”  คัตซึฮิโกะเมินหนีไปยกกระถางดอกไม้ลงจากชั้นวางเพื่อเตรียมเก็บร้าน

“ลูกค้าสิจ๊ะ  พูดแบบนั้นมันไม่ดีนะ  ซาโนะคุง”  คุณป้าเจ้าของร้านเดินออกมาจากด้านในหลังจากที่เอาช่อดอกลิลลี่ไปเสียบในโหลแก้วเรียบร้อยแล้ว

“แต่หมอนี่มัน...”  คัตซึฮิโกะแย้ง

“คนไหนที่เข้ามาในร้านก็ลูกค้าทั้งนั้นแหละจ้ะ”  คุณป้าบอกอย่างอารมณ์ดี  “รับอะไรดีจ๊ะ?”

เซย์ริวหันไปหลิ่วตาให้คัตซึฮิโกะเป็นเชิงเยาะเย้ยเสียทีหนึ่ง  ซึ่งเป็นผลให้อีกฝ่ายจ้องหน้าตาเขียวปั้ด

“เอา...ลิลลี่สีขาวนั่นดอกนึงละกัน”  ร่างสูงว่าพลางชี้ไปที่ช่อดอกลิลลี่ที่คุณป้าเพิ่งเอาไปเสียบในโหลแก้ว

“เอาแค่ดอกเดียวเหรอ?”

“ครับ  แล้วก็...ผูกโบว์ให้ด้วยละกัน  เอาโบว์สี...”  เซย์ริวนิ่งคิดไปนิดหนึ่งแล้วก็หันไปมองคัตซึฮิโกะหัวจรดเท้า

“มองอะไรเล่า?”  ร่างเพรียวแหวเอาลั่น ๆ  พลางกระแทกกระถางต้นไม้ลงกับโต๊ะ

“ซาโนะคุงจ๊ะ”  แม้จะยิ้ม  แต่คุณป้าก็เขม้นมองเป็นเชิงปราม

คัตซึฮิโกะได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างขัดใจ  ยิ่งทำให้คนที่  ‘มีคนหนุนหลัง’  ปิดปากหัวเราะ

“ตกลงเอาริบบิ้นสีอะไรดีจ๊ะ?”

“สีเงินแล้วกัน”  เซย์ริวบอกทั้งยังหัวเราะเบา ๆ

ในระหว่างที่คุณป้าจัดการตกแต่งดอกไม้ให้ตามที่ร่างสูงต้องการ  อาชญากรหนุ่มก็เตร่ไปดูต้นไม้ในร้าน  โดยไม่ลืมที่จะไปวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ  คัตซึฮิโกะเป็นการยั่วโมโห

“ไปตรงอื่นไม่ได้หรือไงเล่า”  คนตัวเล็กกว่าแค่นเสียงถามเบา ๆ

“ฉันอยากดูตรงไหนฉันก็ดู  ผิดหรือไง?”

“ไม่ผิดหรอก  แต่มันเกะกะผม”  ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวนิด ๆ    ทำให้จับกระถางพลาดเกือบหลุดมือ  หากมือใหญ่ ๆ  ช่วยประคองไว้ทัน

“ระวังหน่อยสิ”  ยังมีหน้ามาดุเสียอีก

คัตซึฮิโกะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินออกไปเก็บกระถางต้นไม้ที่หน้าร้านเข้ามาวางตามพื้นในร้านอย่างเป็นระเบียบ  จนเกือบจะเสร็จหมด  ก็พอดีกับที่คุณป้าแต่งดอกไม้ให้เซย์ริวเรียบร้อย

“เสร็จแล้วจ้ะ”  หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับ”  พูดพร้อมรับดอกไม้มาแล้วก็ควักเงินให้  ก่อนที่จะเดินออกจากร้าน

“จะเอาไปให้ใครล่ะนั่น?”  คัตซึฮิโกะอดปากไม่ได้

“ให้ฮิโรกิมั้ง”  ร่างสูงพูดขึ้นลอย ๆ   แต่ยังผลให้คนฟังหน้าชาวูบ...คัตซึฮิโกะจำฮิโรกิได้ดี...  “ฉันจะเอาไปให้คนที่ฉันอยากให้  แล้วจะเอาไปให้ใครก็เรื่องของฉัน  ไม่เกี่ยวกับแก”

แล้วเซย์ริวก็เดินออกจากร้านไป

“หนอย...ไอ้...”  คัตซึฮิโกะขมุบขมิบปากด่า  แล้วก็ตัดปัญหาด้วยการรีบเก็บต้นไม้เข้าร้านเร็ว ๆ

“เอาหละ  วันนี้เรียบร้อยแล้วจ้ะ  ซาโนะคุง”  คุณป้าบอกอย่างอารมณ์ดีพลางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน  ในขณะที่คัตซึฮิโกะดึงเอาประตูเหล็กลงมาปิดหน้าร้าน

“ครับผม”  คัตซึฮิโกะรับคำแล้วก็คล้องแม่กุญแจประตูจากด้านใน

ชายหนุ่มกับคุณป้าเช็คดูความเรียบร้อยแล้วก็ออกจากร้านทางด้านหลังร้านซึ่งเป็นประตูหลังบ้านของคุณป้า  คัตซึฮิโกะโค้งให้เจ้าของร้านอย่างงาม

“ขอบคุณมากครับ”

“เหนื่อยหน่อยนะจ๊ะ”  คุณป้ายิ้มหวานให้  “อ้อ  เอานี่ไปทานด้วยสิ  ป้าทำไว้เมื่อกลางวันแน่ะ”

คัตซึฮิโกะรับกล่องใส่โครกเกะมาจากคุณป้าพร้อมกับยิ้มหน้าบาน  วันนี้เขาไม่ต้องทำมื้อเย็นแล้ว  ชายหนุ่มโค้งให้คุณป้าอีกครั้ง  “ขอบคุณมาก ๆ  เลยครับ  คุณป้า”

“ไม่เป็นไรจ้ะ  แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ครับผม  กลับก่อนนะครับ”

คัตซึฮิโกะเดินฮัมเพลงจากมาพร้อมกับกอดกล่องโครกเกะอุ่น ๆ  ไว้แน่น  ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว  อากาศเริ่มอุ่นสบายมากขึ้น  อีกไม่นานต้นไม้ดอกไม้จะผลิใบงดงามเหมือนกับต้นไม้ในร้านของเขาที่ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดช่วงฤดูหนาว...แต่แล้วเสียงเพลงก็หยุดลง

ร่างสูง ๆ  ที่ยืนอยู่แถวหน้าสถานีรถไฟทำให้คัตซึฮิโกะชะงักเท้า  เซย์ริวหันมายิ้มนิด ๆ   ในมือยังมีดอกลิลลี่สีขาวอยู่

“เลิกงานแล้วรึ?”

“ถ้าไม่เลิกแล้วจะเห็นมั้ยล่ะ?”  คำตอบยอกย้อน

หากคนฟังไม่ได้สนใจ  “ดี  ฉันมารับ”

“ไปไหน?”

“วันนี้นัดใครไว้ล่ะ?”

“นัด?”  คัตซึฮิโกะต้องใช้เวลานึกอยู่พักหนึ่ง  “อ๋อ...หมอมาซาฮิเดะ”

“ใช่  ต้องไปตัดไหม  ฉันเลยมารับ”  เซย์ริวบอกเรียบ ๆ

“มารับทำไม  ผมไปเองได้”

“เมื่อกี้ยังทำท่าว่าลืม  เอาหละ  ไปกันเถอะ”  พูดไม่พูดเปล่ายังคว้ามือเรียวพาเดินฉับ ๆ   ทะลุซอยโน้นออกซอยนี้อย่างคนชำนาญทาง  แต่ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ

“นี่  จะพาเดินทำไมน่ะ  ขึ้นรถไฟสถานีเดียวเดินจากที่นั่นใกล้กว่าตั้งเยอะ”  คัตซึฮิโกะโวยคนที่เดินนำหน้าซึ่งลากเขาให้ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตาม

“ไหนบอกว่าต้องประหยัดไง  ทางนี้น่ะจากห้องแกถือว่าใกล้ที่สุดแล้ว  ตอนเช้าปลอดภัยสุด  แต่ตอนเย็นถ้าไม่ได้มากับฉันก็ห้ามมา”  ร่างสูงบรรยายพร้อมออกกฎเสร็จสรรพ  “ถ้าออกจากบ้านตามเวลาปกติของแกก็ถึงที่ทำงานช้ากว่ารถไฟแค่  15  นาทีเท่านั้นแหละ  แถมไม่ต้องไปเบียดใครให้ลำบากด้วย”

คัตซึฮิโกะทำหน้างอ  มันก็มีเหตุมีผลดีทุกอย่างในการจะประหยัดเงิน  แต่ทำไมพอคนพูดเป็นเซย์ริวแล้วต้องไม่พอใจก็ไม่รู้แฮะ  ชายหนุ่มเลยได้แต่เดินตามร่างสูงไปจนกระทั่งถึงตรอกซอยที่คุ้น ๆ  ตา

แล้วไม่นานนัก  โรงพยาบาลเก่า ๆ  โทรม ๆ  ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า  คัตซึฮิโกะชักไม่ค่อยอยากจะเข้าไปเพราะยังไม่มีเงินมาจ่ายให้มาซาฮิเดะแม้แต่นิดเดียว  เงินเก็บที่มีอยู่ต้องเอาไว้ใช้จ่ายยามลำบาก  ซึ่งก็หมายถึงตอนนี้ด้วย  แต่เซย์ริวไม่ได้สนใจ  เขาพาคัตซึฮิโกะเดินเข้าทันที

โชคดีที่มาซาฮิเดะกำลังว่างอยู่พอดี  คุณหมอนั่งเอาขาพาดโต๊ะอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์  พอร่างโย่ง ๆ  ของคนที่เก็บมาเลี้ยงก้าวเข้ามาในห้องก็ลดหนังสือลง

“ไง  วันนี้ต้องเย็บตรงไหน?”  คำทักทายนั้นเป็นเรื่องปกติ

“ฉันเปล่า  แต่เอาคนมาให้หมอตัดไหม”  เซย์ริวบอกหน้าตาเฉย  แล้วก็ดึงแขนคัตซึฮิโกะให้เข้ามาในห้อง

“เอ้อ...สวัสดีครับ”  คัตซึฮิโกะโค้งให้มาซาฮิเดะอย่างสุภาพ

“อ้อ  ว่าไง  ไหนมาดูแผลซิ”  คุณหมอเก็บหนังสือลงแล้วเรียกมานั่งใกล้ ๆ

คัตซึฮิโกะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะหมอแล้วถอดผ้ารัดข้อมือที่ใช้ปิดบังแผลออก  มาซาฮิเดะเบ้หน้านิดหน่อย  การทำแบบนั้นจะทำให้แผลอับชื้นได้  เขาลอกผ้าปิดแผลออกแล้วตรวจดูอย่างละเอียด

“นี่เอาผ้ายืดนั่นรัดไว้ทุกวันเลยเหรอ?”

“เอ้อ...ครับ  ต้องทำงาน  ผมไม่อยากให้ใครถาม”  คัตซึฮิโกะให้เหตุผล

มาซาฮิเดะพยักหน้ารับรู้  “อืม...แต่ก็ดูแลแผลได้ดี  แผลแห้งแล้วก็ปิดสนิทดีแล้ว  งั้นก็ตัดไหมได้”

คัตซึฮิโกะได้แต่นั่งเงียบ ๆ  รอระหว่างที่หมอมาสะลุกไปเตรียมอุปกรณ์ตัดไหม  อันได้แก่มีดโกนคม ๆ  อันหนึ่งและแหนบสำหรับดึงเส้นด้าย

มาซาฮิเดะค่อย ๆ  สะกิดคมมีดโกนลงกับด้ายอย่างเบามือ  “ถึงจะตัดไหมแล้วก็ต้องระวังต่อไปอีกหน่อยนะ  ถ้าข้างในยังไม่สนิทจริงแผลจะฉีกอีกได้”

“ครับ”  คัตซึฮิโกะรับคำโดยดี  แล้วก็รู้สึกเสียวแปล๊บที่ข้อมือเมื่อด้ายถูกดึงผ่านผิวหนัง

“ถ้ายังไงก็เอาพลาสเตอร์ปิดแผลไว้ก่อนก็ได้  แล้วสวมผ้ายืดนั่นอีกที  แผลจะได้ไม่อบมาก”  คนเป็นหมอสอน  “เอ้า  เรียบร้อย...แต่ยังไงก็ต้องมีรอยแผลเป็นหละนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”  คัตซึฮิโกะลูบบาดแผลของตนเบา ๆ   “แผลแค่นี้เอง”

“แต่ก็เห็นชัดนะ  ไม่มีวิธีทำให้มันจางลงกว่านี้เหรอหมอ?”  คนถามคือเซย์ริวที่ยืนเงียบอยู่นานนับตั้งแต่ส่งคัตซึฮิโกะเข้าห้องมา

“ก็ต้องใช้เวลาหน่อย  เอาพวกยาลบรอยแผลเป็นทาบ่อย ๆ  ก็คงช่วยได้บ้างหละนะ”  มาซาฮิเดะปิดพลาสเตอร์ทับแผลแถมให้

“งั้นขอยาด้วยสิ”  ร่างสูงยังเจ้ากี้เจ้าการ

“ยาของฉันมันแพง  แกก็รู้  ไปซื้อที่ร้านขายยาข้างนอกไป”  มาซาฮิเดะตัดบท

เรื่องราคาของยาทำให้คัตซึฮิโกะนั่งตัวลีบ  “เอ้อ...ผม...ผมยังไม่มีเงินมาจ่ายให้หมอเลยครับ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก  ค่อย ๆ  ผ่อนไป  ฉันมีเวลารอเธอได้ทั้งชีวิต”  หมอมาสะกล่าวเรื่อย ๆ   “หรือถ้าฉันจะตายก่อน  โทชิก็ยังอยู่  จ่ายที่มันก็ได้”

“พูดอะไรแบบนั้น  หมอบอกจะอยู่สองร้อยปีไม่ใช่เรอะ?”  เสียงห้าวแทรกขึ้นมาห้วน ๆ

“ก็เผื่อไว้ก่อน  ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  พรุ่งนี้ฉันอาจจะกินข้าวแล้วสำลักข้าวตายก็ได้”  มาซาฮิเดะบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“คนอย่างหมอน่ะนะจะตายวันตายพรุ่ง  อย่าพูดให้ขำเลย”  เซย์ริวว่าพลางทำเสียงขึ้นจมูก

“เอาเถอะ ๆ   ถ้าแกยังไม่อยากให้ฉันตายก็อย่าหาเรื่องปวดกบาลมาให้ฉันบ่อยนักก็แล้วกัน  ลำพังแค่เพ่งสมาธิเย็บแผลให้แกปีนึง ๆ  นี่สายตาฉันก็แย่ลงไปอักโขแล้ว”  หมอมาสะทำเสียงเบื่อ ๆ   แต่คนฟังก็รู้ว่าหมอไม่ได้บ่นจริงจังอะไร

“ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น”  เซย์ริวงึมงำกับตัวเองเบา ๆ   แต่คนเป็นหมอกลับหูดีได้ยินเข้าเสียอีก

“ถ้าไม่อยากฟังฉันบ่นก็ไสหัวกลับไปได้แล้ว  เห็นหน้าแกนาน ๆ  แล้วคันไม้คันมืออยากจะเย็บปากหรือฉีดยาให้เป็นง่อยเสียจริง ๆ ”

คราวนี้ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วเดินกระแทกปึงปังไปโดยไม่พูดอะไร  คัตซึฮิโกะได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยน ๆ   ถึงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร  แต่ก็อดหวาดเสียวไม่ได้กับการปะทะคารมกัน  เพราะไม่รู้ว่าเซย์ริวจะอาละวาดขึ้นมาเมื่อไร  แต่ดูเหมือนว่ากับหมอมาซาฮิเดะแล้วจะเป็นคนเดียวที่เซย์ริวไม่กล้าหือด้วย

“เอ้อ...งั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”

“อ้อ  ตามสบาย  อย่าลืมดูแลแผลจนกว่าจะหายดีด้วยล่ะ  ถ้ามันผิดปกติอะไรขึ้นมาก็มาหาฉันนะ  ถ้าหากฉันลืมผ้าก็อซเอาไว้ในข้อมือเธอจะผ่าออกให้แบบไม่คิดตังค์”  มาซาฮิเดะพูดพร้อมกับยิ้มเรื่อย ๆ

“ถ้าเป็นแบบนั้น...ผมว่าล้างหนี้ทั้งหมดของผมน่าจะดีกว่านะครับ”  คัตซึฮิโกะหัวเราะแห้ง ๆ  แล้วก็โค้งให้  “ลาหละครับ”

คัตซึฮิโกะเดินออกจากห้องตรวจมาที่โถงเงียบ ๆ   ไม่รู้ว่าคนขี้โมโหไปปึงปังที่ไหนแล้ว  แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ  เซย์ริวเอาตัวรอดได้ทุกที่อยู่แล้ว...คนพรรค์นั้นจะฆ่าคนอีกสักกี่คนก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรขึ้นมาหรอก

หากแล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูง ๆ  ที่ตัวเองกำลังคิดนินทาอยู่ในใจยืนรออยู่หน้าโรงพยาบาล  สีหน้ายังคงบอกบุญไม่รับอยู่อย่างนั้น  คัตซึฮิโกะไม่นึกอยากจะเข้าใกล้เซย์ริวตอนนี้หรอก  เพราะใครจะรู้ว่าวินาทีต่อไปใบหน้าบึ้ง ๆ  นั้นจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนแล้วเซย์ริวจะทำอะไรต่อ  แต่แม้คัตซึฮิโกะจะไม่ยอมเข้าใกล้  เซย์ริวก็ก้าวยาว ๆ  เข้ามาหา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด