สวัสดีศุกร์แรกของเดือนครับ
โอ๊ะ เดือนนี้มีหยุดยาวด้วยนี่นา...
(ดีใจไปงั้นเอง ทำงานอิสะอย่างนี้ วันหยุดสำคัญเสียที่ไหน)
KOUSOKU 20
“จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ตัวไอ้คนที่มันแทงผมอีกเรอะ คุณตำรวจ!” เสียงโวยวายจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพิเศษของโรงพยาบาลดังลั่น ๆ ไปทั้งห้อง
“เอ้อ...ข้อมูลที่เรามีมันน้อยเกินไปครับ ก็เลยยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่พบ” ฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตอบอ้อมแอ้ม
“ชิ! ผู้กระทำผิด อย่างมันน่ะเรียกฆาตกรแล้ว” คนเจ็บยังไม่เลิกหงุดหงิด “มันฆ่าบอดี้การ์ดมือดีของผมไปสองคนนะ คุณตำรวจ แล้วยังแทงผมเจ็บปางตายขนาดนี้ด้วย นี่ถ้าไอ้พวกลูกน้องของผมมันไปไม่ทัน ป่านนี้ผมไม่มาอยู่ตรงนี้แล้ว ไอ้บ้ามันนั่นเป็นตัวอันตราย ถ้ามันไปลงมือทำอะไรใครอีกจะว่าไง พวกคุณมันทำงานกันยังไง ป่านนี้ถึงยังจับตัวมันไม่ได้!!”
นายตำรวจระดับสารวัตรได้แต่ยืนเงียบ เขารู้สึกลำบากใจในการเผชิญหน้ากับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้เช่นกัน แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเบื้องบนสั่งการลงมาที่เขาให้จัดการเรื่องคดีของคนผู้นี้ให้เรียบร้อย
คิตะโนะ โยสึดะ เป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้ เขามีธุรกิจมากมายอยู่ในมือ ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย และทั้งที่ทางตำรวจก็รู้ดีเรื่องธุรกิจบางอย่างของคิตะโนะ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เส้นสายด้านนักการเมืองเรียกได้ว่าเส้นก๋วยจั๊บ มีข่าวลือกันว่าเขารู้จักสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ หากแม้ผู้ชายคนนี้จะต้องการเป็นใหญ่ทางสายการเมืองหรือในด้านธุรกิจก็คงเป็นได้ แต่ด้วยนิสัยและบุคลิกบางอย่างในตัวเอง ทำให้คิตะโนะเลือกที่จะทำตัวเป็นมาเฟียอยู่แค่ในย่านนี้เท่านั้น
เรื่องนิสัยเสียของคิตะโนะที่ทำให้เขาไม่อาจขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมากกว่านี้เป็นที่รู้กันดีในวงการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเพศ เขาเป็นผู้มักมากในกามารมณ์ เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า ถ้าถูกใจใครก็จะฉุดคร่ามาเสพสมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่ รสนิยมทางเพศของคิตะโนะเรียกได้ว่าวิปริต เขาชื่นชอบการใช้ความรุนแรงและการลงมือทรมานคู่นอนด้วยวิธีสารพัด และเมื่อเชยชิมจนเป็นที่พอใจแล้ว คน ๆ นั้นมักจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ที่สำคัญ...คิตะโนะโปรดปรานเด็กผู้ชาย
“ผมจะไม่ให้เวลาคุณอีกแล้วนะ คุณตำรวจ” คิตะโนะข่มขู่ “ผมให้เวลาคุณมามากพอแล้ว อีกไม่กี่วันผมจะได้ออกจากโรงพยาบาล ถ้าถึงวันนั้นแล้วคดีนี้ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน อนาคตของคุณดับแน่”
นายตำรวจลอบถอนใจอย่างอึดอัด เขารู้ว่าคิตะโนะไม่ได้ขู่...มันสามารถทำได้จริง ไม่ใช่แค่ทำลายอาชีพการงานของเขาเท่านั้น แต่มันยังสามารถทำลายได้กระทั่งชีวิตและครอบครัวของเขาเลยทีเดียว
“ผมจะรีบจัดการให้ครับ”
“ดี ผมหวังว่าจะได้เห็นหน้าไอ้ฆาตกรนั่น...ไม่สิ ผมหวังว่าจะได้เห็นไอ้ฆาตกรนั่นมันเป็นศพก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาลนะ” เจ้าเสี่ยใหญ่พูดพลางยกยิ้มที่มุมปาก
สารวัตรไอดะโค้งให้คิตะโนะตามมารยาทแล้วรีบเดินออกจากห้อง เขารู้สึกสะอิดสะเอียนกับรอยยิ้มนั้นเต็มทน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะระเบิดสมองไอ้อ้วนนั้นเสียยิ่งกว่าคนที่มันเรียกกว่าฆาตกร ติดแค่ว่าในห้องนั้นมีลูกน้องฝีมือดีของมันเฝ้าอยู่ถึง 5 คน
“ชิ...ยังมีหน้ามาเรียกคนอื่นว่าฆาตกร ไม่มองดูตัวเองบ้างเลย” สารวัตรไอดะเข่นเขี้ยวแล้วควักแผ่นกระดาษยับ ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นภาพสเก็ตช์ของผู้ต้องหาในคดีนี้ รูปหน้าค่อนข้างเรียวยาว ผมสีน้ำตาล และแววตาดุดัน...ท่านสารวัตรคุ้นตาชายหนุ่มในภาพเป็นอย่างดี เมื่อสมัยยังรุ่น ๆ ชายหนุ่มคนนี้เคยเดินขึ้น ๆ ลง ๆ สถานีตำรวจเป็นประจำจากคดีทะเลาะวิวาทและลักทรัพย์ ถือเป็นเจ้าวายร้ายประจำถิ่นนี้ แต่เขาไม่ได้เห็นหน้าเจ้าหมอนี่มาหลายปีแล้ว แม้จะคิดว่ามันคงเที่ยวก่อคดีไปเรื่อย ๆ แต่ด้วยความช่ำชองในการเอาตัวรอดที่เพิ่มขึ้นตามวัยทำให้มันรอดมือเขาไปได้ทุกครั้ง คดีลูกสมุนแก๊งวายร้ายที่ฆ่ากันเองในโรงพยาบาลเมื่อปลายปีก่อน เขาคิดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ แต่ไม่หลักฐานใด ๆ สาวไปถึงตัวมันได้ จนทุกวันนี้มันก็ยังลอยนวลอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้จมูกเขานี่เอง...เจ้าเซย์ริว!
นายตำรวจขยับกระดาษในมือยกขึ้นส่องกับแสงไฟเล็กน้อย เซย์ริวไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรให้สาวไปถึงตัวเองได้ แล้วทำไมคดีนี้ถึงได้กระทำการโจ่งแจ้งนัก...ไม่ได้มีการวางแผน ไม่อาจควบคุมสถานการณ์...มันปล่อยให้เหยื่อที่เห็นหน้ามันรอดตายมาได้ เซย์ริวทำพลาดครั้งใหญ่ทีเดียว
เมื่อครั้งที่ตำรวจสเก็ตช์ภาพผู้ต้องหาจากคำให้การของคิตะโนะ แค่เห็นแวบแรกสารวัตรไอดะก็จำได้ทันทีว่าคนในภาพคือใคร และรู้ด้วยว่าจะไปควานหาตัวได้ที่ไหน เขามุ่งไปหามาซาฮิเดะ...เจ้าหมอเถื่อนในโลกมืดที่เป็นเหมือนผู้ปกครองของเซย์ริว เขาคุ้นเคยกับมาซาฮิเดะมานาน แม้จะไม่เป็นการส่วนตัวและไม่เป็นมิตรต่อกันเท่าไรนัก แต่หลายครั้งที่คนในโลกของมาซาฮิเดะไปก่อคดีใหญ่โต มาซาฮิเดะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเขาได้เสมอโดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิด ทั้งนี้เพราะมาซาฮิเดะถือว่าใครลงมือทำอะไร คน ๆ นั้นก็ต้องหาทางปกป้องตัวเองจากผลของการกระทำนั้นด้วยมือของตัวเอง...อาจเพราะถูกคนแบบนี้เลี้ยงดูมา เซย์ริวจึงได้ปกป้องตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้
“คุณก็รู้ว่าเซย์ริวไม่ได้อยู่กับผมมาหลายปีแล้ว” มาซาฮิเดะพูดในวันนั้น
“ใช่ แต่คุณคงรู้ใช่มั้ยว่าเจ้านั่นอยู่ที่ไหน”
“ไอดะ...ไอ้หมอนั่นมันไปทำความผิดอะไรไว้ คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ” หมอเถื่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วถามพร้อมรอยยิ้ม มันดูเหมือนรอยยิ้มเรื่อย ๆ ที่ไม่มีอะไร แต่สารวัตรไอดะก็ไม่เคยชอบมัน
“เฮ่อ...คุณต้องรู้ให้ได้ทุกคดีใช่มั้ย มาซาฮิเดะ” ไอดะยอมจำนน มาซาฮิเดะจะต้องได้รู้ข้อมูลมากพอจึงจะยอมแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ตำรวจ สารวัตรหยิบภาพสเก็ตช์ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“มันไปแทงขาใหญ่เข้า แล้วแทงดันไม่ตาย แถมยังฆ่ามือดีของเขาไปอีกสอง...ตอนนี้ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของเจ้าลูกชายคุณไว้ในมือแล้ว”
“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่ามันไม่ใช่ลูกชายผม” มาซาฮิเดะยังยิ้มเรื่อย ๆ แต่ไอดะก็สังเกตเห็นร่องรอยความกังวลที่ปรากฏขึ้นบาง ๆ “มันแทงใครเข้าเรอะ?”
“คิตะโนะ โยสึดะ”
“อย่างงั้นเลย...” แน่นอนว่ามาซาฮิเดะย่อมรู้จักชื่อเสียงของคิตะโนะเป็นอย่างดี
“คุณคิดเหมือนผมใช่มั้ย มาซาฮิเดะ มันน่าแปลก...เซย์ริวไม่น่าจะปล่อยให้รอดมาได้”
“ใช่...น่าแปลก” หมอมาสะหยิบภาพสเก็ตช์ขึ้นมาพิจารณาดู “ทางนั้นก็ใช่ย่อยนะ จำรายละเอียดได้แม่น...ภาพนี่เหมือนทีเดียว”
“คงแค้นจัดหละมั้ง ว่าแต่คุณจะบอกผมได้หรือยังว่า เจ้าเด็กบ้านั่นอยู่ไหน” สารวัตรไอดะเข้าประเด็น
“คราวนี้ผมคงช่วยคุณได้ไม่มาก ไอดะ” มาซาฮิเดะพูดพลางส่งรูปคืนให้ “ผมยอมรับว่าผมมีอคติกับเรื่องของเซย์ริว ผมเลือกที่จะบอกหรือไม่บอกคุณเกี่ยวกับหมอนั่นก็ได้ใช่มั้ย”
“ใช่ คุณเลือกได้ ยังไงเด็กนั่น...คุณก็เลี้ยงมันมากับมือนี่นะ” ไอดะค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องนี้เหมือนกัน แม้จะไม่ใช่สายเลือด แต่มาซาฮิเดะเป็นคนเก็บเซย์ริวมาดูแลตั้งแต่อายุยังน้อย แม้จะดูห่างเหินกันบ้าง แต่ก็เกือบจะเป็นเหมือนลูกชาย
“ตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง มันไม่ได้มาเตร่อยู่แถวนี้หลายเดือนแล้ว ที่แน่นอนก็คือมันไม่ได้อยู่ที่บ้านมัน แต่จะอยู่กับใครที่ไหนนั่น ผมไม่รู้จริง ๆ” มาซาฮิเดะบอก
ความเงียบเข้าครอบคลุมคนทั้งสองอยู่ชั่วขณะ นี่เป็นข้อมูลที่น้อยที่สุดเท่าที่มาซาฮิเดะเคยให้กับไอดะ...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขารู้แล้วว่าทำไมเซย์ริวถึงลงมือได้ไม่เด็ดขาดเหมือนอย่างเคย คิตะโนะชอบเด็กผู้ชาย ชอบลงมือฉุดคร่าไปข่มขืน และผู้ชายที่คิตะโนะจ้องจะฉุดจนทำให้เซย์ริวฟิวส์ขาดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคัตซึฮิโกะ!
คัตซึฮิโกะจะต้องอยู่ด้วยในตอนที่เซย์ริวแทงคิตะโนะ เซย์ริวจะต้องคอยกังวลกับความปลอดภัยคัตซึฮิโกะจนหมดความเฉียบขาด จะต้องรีบพาคัตซึฮิโกะหนีจนไม่มีเวลาดูว่าคิตะโนะตายหรือยัง...เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นจริง ๆ
“ไม่มีใครจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยเหรอ”
“หาฮิโรกิให้เจอสิ เจ้านั่นอาจจะบอกอะไรได้มากกว่านี้”
สารวัตรไอดะถอนใจ เขาไม่มีทางได้ข้อมูลอะไรจากมาซาฮิเดะมากไปกว่านี้ เขาขยับตัวลุกยืน
“โอเค ผมจะไปหาฮิโรกิให้เจอ”
“แต่ฟังไว้อย่างนะ ไอดะ อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าใกล้ฮิโรกิ เจ้านั่นรักและเคารพเซย์ริวเหมือนพี่ชาย คุณอาจไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยก็ได้ ซ้ำร้าย...ข้อมูลที่ได้อาจเป็นของปลอม” มาซาฮิเดะเตือน
ใช่...ข้อมูลปลอม สารวัตรไอดะหาตัวฮิโรกิจนเจอ แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อเซย์ริว ฮิโรกิก็ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะทั้งขู่ทั้งปลอบหรือหลอกล่อยังไง เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ยอมปริปาก จนเขาต้องขู่ว่าจะจับจิอากิส่งกลับประเทศ ฮิโรกิถึงได้ยอมให้ข้อมูล...แต่กว่าจะรู้ว่าข้อมูลที่ฮิโรกิให้มาไม่เป็นความจริง เขาก็เสียเวลาไปอีกเป็นเดือน จนป่านนี้เขายังควานไม่เจอเซย์ริว
“เอาภาพสเก็ตช์ผู้ต้องหาลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและกระจายข่าวทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ชุมชนด้วย” สารวัตรไอดะสั่งการกับลูกน้อง “ล่าตัวมันมาให้ได้”
นายตำรวจยืนมองลูกน้องที่กุลีกุจอไปทำงานแล้วก็ทอดถอนใจ คิตะโนะทำเรื่องให้มันใหญ่จนเกินเหตุเพื่อสร้างภาพความสำคัญให้กับตนเอง เรื่องแค่นี้ลำพังแค่เครือข่ายลูกสมุนของคิตะโนะเองก็มีปัญญาทำ แต่มันต้องการให้ตำรวจลงมือเพื่อแสดงว่ามันมีอำนาจเหนือตำรวจ
แต่พูดก็พูดเถอะ คำให้การของคิตะโนะก็ใช่ว่าจะเป็นของจริง มันบอกว่ามันเข้าไปหาเก็บหนี้จากลูกหนี้ในซอยนั้น แล้วเซย์ริวเข้ามาปล้นชิงทรัพย์มัน...ถ้าแค่ปล้นชิงทรัพย์...เซย์ริวไม่เคยเล็งเหยื่อชิ้นใหญ่เกินตัว ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล็งคนที่มีบอดี้การ์ดมาด้วยถึงสองคนให้เหนื่อยแรง ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนมากกว่าหนึ่ง และไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้คิตะโนะรอดชีวิตมา...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ คืออะไร...
คิตะโนะจ้องมองกระดาษสองแผ่นในมือ เขาขยำรูปของไอ้คนที่สร้างบาดแผลให้เขาปาลงถังขยะ...ไอ้เวรตะไลนี่มันต้องตายให้สมแค้น ไอ้พวกตำรวจงี่เง่ามันมัวทำอะไรกันอยู่ จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน...เสี่ยใหญ่กัดฟันกรอดแล้วเบือนสายตามาจับที่กระดาษอีกแผ่น
...นี่สิ...ของดี...
นอกจากภาพผู้ต้องหาแล้ว คิตะโนะยังบอกให้ตำรวจสเก็ตช์ภาพอีกภาพให้ด้วย...ชายหนุ่มผมดำผู้มีดวงตาเศร้านิด ๆ ...เขาเกือบจะได้มาเป็นของเขาแล้วถ้าไอ้บ้านั่นมันไม่มาขวางไว้
จนถึงตอนนี้เสี่ยใหญ่ยังจำได้ถึงใบหน้า เรือนร่าง และกิริยาท่าทาง สภาพบอบช้ำของคน ๆ นั้นหลังจากโดนคนของเขาซ้อมเอากระตุ้นอารมณ์ดีทีเดียว เขานึกวาดภาพใครคนนั้นอยู่ในเครื่องพันธนาการที่เขาเลือกมาให้เป็นพิเศษ...ปลอกคอหนังสีดำน่าจะขับผิวขาว ๆ นั่นให้นวลผ่องมากขึ้น จะใส่ขลุมปากให้ด้วยจะได้ไม่ร้องจนเสียงแหบแห้ง ล่ามโซ่ให้ยืนเกาะเสาเหล็กไว้คงทำให้เด็กนั่นเหมือนกับกำลังเต้นรูดเสาอยู่เมื่อเขาฟาดด้วยแส้...แล้วยังไงต่อดีนะ...ขึงไว้กับเตียงแล้วให้ยากระตุ้นดีไหม ล่ามทิ้งไว้ให้ทุรนทุรายตลอดทั้งคืนจนเจียนบ้า จนต้องยอมให้เขาทำอะไรก็ได้เพื่อปลดปล่อยให้...ใช่ เขาจะยังไม่รีบร้อนทำรุนแรงมากนัก จะเลี้ยงไว้เอ็นดูเล่นเหมือนสุนัขตัวโปรด จะเล่นสนุกด้วยทุกคืน...ทุกคืน จนคุ้มกับที่เขาต้องเจ็บตัวเพราะไปแตะต้องมันเข้า
...จริงสิ...แล้วทำไมไอ้บ้านั่นมันถึงมาช่วยไว้ จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่น่าใช่ มันสองคนไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่าง...
คิตะโนะเหลือบมองไปที่ก้อนกระดาษในถังขยะแล้วกลับมามองที่ภาพในมือ
...หรือว่า...ไอ้หนุ่มนี่จะเป็นคนของมัน...
ถ้าอย่างนั้นก็สนุก...ถ้าตำรวจจับเป็นไอ้โย่งนั่นมาได้ ก็จับมันล่ามไว้ให้มันดูคนของมันถูกเล่นสนุกทุกวันทุกคืนน่าจะดี ให้มันได้เห็นคนของมันถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตาทุกวันโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้...ให้มันคลั่งแค้นจนอ้วกเป็นเลือด!
“หึ ๆ ๆ” คิตะโนะหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วส่งภาพสเก็ตช์ในมือให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
“พวกแกตามดูพวกตำรวจไป ไอ้คนที่แทงกูจะจับเป็นหรือตายก็ได้ แต่ไอ้เด็กนี่...เอามันมาให้กูเป็น ๆ!”
//////////
เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่นัตสึเอาแต่นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนป่วยหนัก เขาไม่อยากจะรับรู้รับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ไม่ยอมแม้กระทั่งให้เพื่อนหรือแฟนสาวเข้ามาเยี่ยม เขากำลังสับสนมากเกินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คัตจัง...ขอร้องหละ ไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเถอะ” นัตสึกระซิบเบา ๆ ขณะที่นั่งพิงไหล่คัตซึฮิโกะอยู่ในรถไฟฟ้า อาการไข้กำลังเล่นงานเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้เป็นพี่ชายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากบีบมือร้อนผ่าวนั้นเบา ๆ นัตสึรู้ดีว่านั่งคือการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่คัตซึฮิโกะพึงจะทำ...ทั้งที่เป็นคนที่อ่อนโยน แต่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะรู้ว่าคัตซึฮิโกะดื้อดึงแค่ไหน หากตัดสินใจในเรื่องใดไปแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดยังไงคัตซึฮิโกะก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่าย ๆ ถ้าโดนรบเร้าเอามากเข้าคัตซึฮิโกะก็จะนิ่งเงียบไป โดยที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิด
เด็กหนุ่มได้แต่หลับตาลงและพยายามกลั้นน้ำตา...เย็นชาเหลือเกิน เกิดอะไรขึ้นพับพี่ชายที่แสนใจดีของเขา ถึงที่ผ่านมาคัตซึฮิโกะจะเป็นคนเงียบ ๆ แต่ก็ไม่ได้เย็นชาถึงเพียงนี้ คัตซึฮิโกะจะคอยปลอบโยนและให้กำลังใจเขาทุกครั้งที่มีปัญหา คัตซึฮิโกะจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...แต่ครั้งนี้...คือการลงโทษอย่างนั้นหรือ เพราะเขาทำผิดที่ก้าวล้ำเส้นไป คัตซึฮิโกะถึงได้เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่มันทำกับเขาอย่างนั้นหรือ...
นัตสึได้แค่เดินตามหลังคัตซึฮิโกะไปช้า ๆ ยังดีที่มืออุ่นเอื้อมมาจับจูงมือของเขาไว้...ไม่ต่างอะไรกับในวัยเยาว์ ในวันที่ทำความผิด หลังจากดุว่าและทำโทษแล้ว คัตซึฮิโกะมักจะจูงมือนัตสึกลับบ้านเสมอ...แต่ความรู้สึกในวันนี้มันเปลี่ยนไป นัตสึไม่อาจเป็นน้องชายตัวน้อยให้คัตซึฮิโกะได้อีกแล้ว และเขาก็ไม่ได้ต้องการพี่ชายอีกต่อไป เขาต้องการรู้สึกกับคัตซึฮิโกะให้ได้มากกว่านี้...ให้ได้เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้
หวัดหน้าร้อนอย่างเฉียบพลันเป็นข้ออ้างที่คัตซึฮิโกะใช้บอกกับแม่ของนัตสึก่อนที่จะพานัตสึขึ้นห้องไปนอนพัก เขาตระเตรียมเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มเหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง ร่องรอยบนตัวของนัตสึจะให้ใครเห็นไม่ได้ โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อมือที่แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ตอนนี้ก็บวมช้ำด้วยอาการอักเสบ
“ถึงมันจะเป็นหน้าร้อน แต่นายควรจะใส่เสื้อแขนยาวไว้ดีกว่านะ อยู่ในห้องแอร์แบบนี้คงไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ” คัตซึฮิโกะว่าพลางหยิบเสื้อนอนแขนยาวไปสวมให้
นัตสึไม่ได้ว่าอะไร เขาเอนตัวพิงหมอนอย่างอ่อนล้า มืออุ่นของผู้เป็นพี่ชายแตะลงเบา ๆ ที่หน้าผาก
“ไข้ขึ้นสูงนะ...แต่ไม่เป็นไรหรอก กินข้าวแล้วก็กินยาซะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น” รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากทำให้นัตสึรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ “คุณแม่น่าจะทำข้าวเย็นไว้แล้ว เดี๋ยวพี่ลงไปเอามาให้แล้วกัน”
นัตสึเฝ้ามองคัตซึฮิโกะที่กุลีกุจอดูแลเขาแล้วก็สะท้อนใจ...คัตซึฮิโกะไม่เคยเปลี่ยนไป เขาเองใช่ไหมที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปเอง ที่คัตซึฮิโกะทำ...คัตซึฮิโกะยอมทุกอย่างให้เขา ก็เป็นแค่การตามใจเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น...ใช่ เขารู้ รู้มาตลอดแม้แต่ตอนที่นอนกกกอดคัตซึฮิโกะไว้ในอก คัตซึฮิโกะไม่เคยเป็นอะไรกับเขามากไปกว่าพี่ชาย เขารู้แต่ไม่อยากยอมรับ เขาเฝ้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าคัตซึฮิโกะจะต้องมีความผูกพันลึก ๆ ในใจต่อเขาเหมือนกับที่เขามีให้คัตซึฮิโกะ...เมื่อคัตซึฮิโกะลุกจากเตียงไปโดยไม่ลา เขาถึงพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้าสายใยที่เขาเชื่อว่ามันมี คัตซึฮิโกะจะต้องมีใจให้เขาแต่ติดที่มัน! มันจะต้องข่มขู่บังคับให้คัตซึฮิโกะไม่กล้าแยกตัวออกจากมัน เขาถึงได้ไปเพื่อตัดสิ่งที่พันธนาการคัตซึฮิโกะเอาไว้กับมันให้ขาด...แต่มันไม่ใช่...
“กินอีกหน่อยสิ นัตสึ เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเองนะ” คัตซึฮิโกะพยายามคะยั้นคะยอให้ผู้เป็นน้องกินข้าวต้มที่แม่ทำให้หลังจากที่แตะต้องไปเพียงเล็กน้อย
นัตสึส่ายหน้า เขาคลื่นไส้จนกินอะไรไม่ไหว
คัตซึฮิโกะไม่ได้พยายามฝืนใจมากไปกว่านั้น เขาส่งยาแก้ไข้และแก้อักเสบให้พร้อมกับน้ำแก้วใหญ่ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับไปกินอย่างว่าง่าย
“นั่งพักซะก่อน ถ้าลงนอนเลยเดี๋ยวจะสำลักข้าวได้” ชายหนุ่มจัดหมอนพิงหัวนอนให้นัตสึได้นั่งเอน ๆ พอสบาย
ท่ามกลางความเงียบที่ล่วงผ่านไป คัตซึฮิโกะได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนป่วยพลางลูบผมอย่างเบามือ
“คัตจัง...” นัตสึกระซิบขึ้นแผ่วเบา “ทำไมพี่ถึงไม่พูดอะไรเลย...”
“จะให้พี่พูดอะไรล่ะ?”
“อะไรก็ได้...คัตจัง...ฉัน...ฉันทำผิดเหรอ...นี่เป็นการลงโทษเหรอ...”
“เปล่า...ไม่ใช่ ฉันไม่ได้คิดว่านายทำอะไรผิดหรอกนะ นัตสึ” คัตซึฮิโกะส่ายหน้าช้า ๆ
“แล้วทำไม...”
“ถ้าจะมีคนผิด คนที่ผิดคงเป็นฉัน ที่ตามใจนายมาตลอด จนนายเข้าใจผิดคิดอะไรไปใหญ่โต...นัตสึ...พี่เป็นได้แค่พี่ของนาย ไม่มากไปกว่านั้น และไม่น้อยไปกว่านั้น” น้ำเสียงที่อ่อนโยนและรอยยิ้มจาง ๆ ทำให้น้ำตาที่อุตส่าห์ทนกลั้นเอาไว้ไหลรินออกมาเงียบ ๆ
“พี่ไม่ได้รักฉัน...แล้วพี่รักมันเหรอ?”
คัตซึฮิโกะนิ่งไปชั่วอึดใจ แต่สำหรับนัตสึแล้ว ชั่วอึดใจนั้นมันยาวนานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด