พิมพ์หน้านี้ - KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: KOKURO ที่ 15-02-2013 21:47:08

หัวข้อ: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-02-2013 21:47:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-02-2013 21:52:04
ขอโทษนะครับที่ต้องตั้งกระทู้ใหม่ เพราะผมเปลี่ยนหัวกระทู้เก่าไม่ได้น่ะครับ อัพเดทชื่อตอนไม่ได้เลย
ตอนนี้เป็นตอนที่ 3 แล้วครับ  ส่วนตอนที่ 2 อยู่ในลิงค์ข้างล่างนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36708.0

...
KOUSOKU 3

“...จัง...คัตจัง...”

เสียงที่ค่อนข้างจะคุ้นหูของใครบางคนลอยแว่วมาจากที่ไกลแสนไกล  ปลุกจิตสำนึกที่กำลังหลับใหลได้ที่ให้ค่อย ๆ  ฟื้นคืนมา  ดวงตาคมค่อย ๆ  ปรือขึ้นช้า ๆ   แล้วก็ต้องหลับลงพร้อมกับขมวดคิ้ว  แสงไฟนีออนกลางห้องมันจัดจ้าเกินกว่าดวงตาจะปรับสภาพได้ทัน

“คัตจัง...รู้สึกตัวแล้วใช่มั้ย?”  เสียงนั้นถามขึ้นอีกครั้ง

คราวนี้ดวงตาคมค่อย ๆ  หรี่ปรือขึ้นมอง  ใครบางคนกำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงกังวล  คัตซึฮิโกะใช้เวลานึกอยู่พักใหญ่...ใบหน้าค่อนข้างหวานน่ารัก  ริมฝีปากอิ่มย้อย  ดวงตาที่ฉายแววดื้อดึงเสมอ ๆ   ผมสีน้ำตาลทองที่ดูยุ่ง ๆ  ...

“นัตสึ...?”  คัตซึฮิโกะเรียกชื่อคนที่เป็นเหมือนน้องชายของเขา

“ก็ฉันน่ะสิ  พี่เห็นเป็นใครรึไง?”  นัตสึทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ

คัตซึฮิโกะหลับตาลงอีกครั้ง...เป็นนัตสึจริง ๆ  ด้วย...แต่ถ้านัตสึอยู่ที่นี่...แล้วเขาล่ะ?  เซย์ริวไปไหนแล้ว?

“พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า?  วันนี้ฉันแวะไปที่ทำงานพี่แล้วเขาบอกว่าพี่ไม่ได้ไปทำงาน  แถมไม่ได้ลาด้วย  ไม่สบายเหรอ?”  นัตสึถามพลางแตะหลังมือลงกับหน้าผากคัตซึฮิโกะ  “อืม...มีไข้นี่”

“นิดหน่อยน่ะ”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วพยายามลุกขึ้นนั่ง  แต่ก็เวียนหัวจนลุกไม่ไหว  ทิ้งตัวทรุดลงกับเตียง

นัตสึรีบประคองพี่ชายเอาไว้  “คัตจัง!?”

“อะ...ไม่...ฉันไม่เป็นไร”  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ  พยุงตัวขึ้นนั่งอีกครั้ง  ผ้าห่มเลื่อนหลุดลงจากร่าง  เผยให้เห็นท่อนบนที่เต็มไปด้วยรอยแดงช้ำ

“เมื่อคืนหนักไปหน่อยเหรอ  พี่?”  น้ำเสียงทะเล้น ๆ  ถามมาเบา ๆ

“หนัก?”  ชายหนุ่มหันไปมองหน้าน้องชายอย่างไม่เข้าใจความหมายของคำถามนั้น

“ก็...”  นัตสึยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็ชี้ให้ดูร่องรอยที่ปรากฏอยู่บนผิวขาว  “เล่นกันถึงขนาดเป็นไข้นี่...ไม่ธรรมดาเลยแฮะพี่เรา”

คัตซึฮิโกะก้มลงมองรอยแดงช้ำเหล่านั้นแล้วก็หน้าแดงซ่าน  เขาไม่คิดว่ามันจะมากมายและชัดเจนขนาดนั้น  โดยไม่ต้องคิด  ชายหนุ่มคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมปิดทันที

“จะอายตอนนี้ก็สายไปแล้วพี่  เห็นหมดแล้ว”  เจ้าเด็กหัวยุ่งยังคงยิ้มล้อเลียน  คัตซึฮิโกะไม่ตอบอะไรนอกจากตีหน้ายุ่ง  “ว่าแต่...สาวคนนั้นของพี่นี่แรงสูงไม่เบาเลยน้า  มีผู้หญิงซักกี่คนกันที่จะทิ้งรอยไว้บนตัวผู้ชายเยอะขนาดนี้”

คัตซึฮิโกะก้มหน้านิ่ง  ‘…ก็ไม่ใช่ผู้หญิงน่ะสิ…’  เขาได้แต่พูดกับตัวเองในใจ  แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องอธิบาย  ปล่อยให้นัตสึเข้าใจไปแบบนั้นน่ะดีแล้ว

“แต่ถึงขนาดไม่สบายเนี่ย มันก็เกินไปนิดนะพี่  ทีหลังทำอะไรก็อย่าหักโหมนักสิ”  นัตสึยังคงล้อไม่เลิก

คัตซึฮิโกะเอื้อมมือไปผลักหน้าเจ้าคนพูดมากเบา ๆ   “ฉันเป็นไข้ของฉันอยู่แล้ว”

“โห...งั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย  นี่ขนาดเป็นไข้อยู่ก็ยังอุตส่าห์ทำเรื่องพรรค์นี้ได้”  เด็กหนุ่มทำหน้าทึ่งจัด

“หุบปากได้แล้ว  นัตสึ”  น้ำเสียงนั้นกระชากห้วนขึ้นมาทันที...เขาไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอีกแล้ว

พอเห็นพี่ชายตั้งท่าอารมณ์เสีย  นัตสึก็เลยเงียบแล้วยักไหล่ตามนิสัย  โดยปกติแล้วคัตซึฮิโกะจะไม่ค่อยหงุดหงิดใส่เขานักหรอก  คราวนี้คงเป็นเพราะไม่สบายด้วยหละมั้ง  เลยหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ  เขาเองก็ไม่อยากให้คัตซึฮิโกะอารมณ์ไม่ดีด้วย  เขาชอบให้พี่ชายเขายิ้มมากกว่า

“ว่าแต่...พี่ได้กินอะไรรึยัง?  แล้วยา...”  นัตสึเหลียวมองไปรอบ ๆ  ห้องที่ไม่มีร่องรอยอาหารการกินอะไรเลย

“ยาหมดนานแล้วหละ”

“หมด?...แล้วไอ้ที่ตั้งอยู่นี่ล่ะ?”  เด็กหนุ่มหยิบแผงยาลดไข้แก้อักเสบที่วางอยู่ใกล้ ๆ  หมอนขึ้นมา  มันมีร่องรอยว่าถูกแกะกินไปแล้วสองเม็ด

คัตซึฮิโกะมองแผงยานั้นอย่างงง ๆ   เขาไม่ได้เป็นคนไปซื้อมาแน่  ก็เขาเพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากที่นัตสึเรียกนี่เอง  ถ้าอย่างนั้น...

‘…เป็นไปได้เหรอ?...เขาน่ะเหรอจะไปซื้อยามาให้…’

ชายหนุ่มหลับตาแล้วพยายามนึกทบทวนความทรงจำ...ในระหว่างที่เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันอันยาวนาน  มีอยู่จังหวะหนึ่งที่มีบางอย่างล่วงล้ำลำคอเข้ามา  เขาจำได้ว่าตัวเองสำลักนิดหน่อยแล้วก็ขัดขืนไม่ยอมกินอะไรบางอย่างนั่น  แล้วก็มีเสียงใครบางคนตวาดเอาเบา ๆ  ก่อนที่หยาดน้ำชุ่มเย็นจะไหลพามันลงลำคอไป...ถ้ามันเป็นความจริง  ที่เขาโดนจับกรอกยาก็คงเป็นตอนนั้นแหละ

คัตซึฮิโกะถอนใจหนัก ๆ   จะว่าไปอาการเขาก็ดีขึ้นกว่าเมื่อเช้านี้มาก  เพียงแต่ยังร้าวระบมไปหมดทั้งตัว  แต่ถ้าได้นอนพักมาก ๆ  พรุ่งนี้ก็คงไปทำงานได้

“พี่ยังไม่ได้กินอะไรเลยใช่มั้ย?  งั้นเดี๋ยวฉันแสดงฝีมือเอง”  นัตสึยิ้มแล้วรีบกุลีกุจอลุกไปที่ครัว

“เอาของที่กินได้นะ  นัตสึ”  คัตซึฮิโกะบอกตามหลังไป

เด็กหนุ่มโผล่หน้ามามองพร้อมกับทำหน้ายุ่ง  “พี่ก็รู้นี่ว่าฉันทำอาหารไม่เก่งเท่าพี่อ้ะ”

“ก็ถึงได้บอกไงว่าเอาของที่กินได้”

“เออ  รับรองน่ะว่ากินได้”  เจ้าตัวยุ่งทำเสียงขุ่น ๆ  แล้วผลุบหายเข้าไปในครัวอีกครั้ง

ราว ๆ  ครึ่งชั่วโมง  ข้าวต้มหอมกรุ่นก็ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้าคนป่วย  หน้าตามันไม่น่ากินโดยสิ้นเชิง  แต่ด้วยความที่คนทำนั่งทำหน้าภูมิอกภูมิใจอยู่ข้างเตียงก็ทำให้คัตซึฮิโกะอดตักข้าวเข้าปากไม่ได้  แต่แล้วก็ต้องทำหน้าเหยเก...ไม่หรอก  รสชาติมันไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย  เพียงแต่ข้าวต้มร้อน ๆ  ของนัตสึมันแตะไปถูกแผลในปากเข้า  แสบจนน้ำตาแทบร่วง...แต่สีหน้าคนกินก็พอจะทำให้คนทำหน้าเสียได้

“รสชาติมันห่วยขนาดนั้นเลยเหรอพี่?”  นัตสึถามพลางยิ้มแหย ๆ

“อา...ไม่หรอก  เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนนะ”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ตักอีกคำ...คราวนี้รู้แล้วว่าต้องเป่าก่อนกิน

“โล่งอก...ฉันนึกว่ามันแย่เสียจนพี่ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ซะอีก”  เด็กหนุ่มถอนใจ

ผู้เป็นพี่ชายเอื้อมมือไปลูบผมยุ่ง ๆ  นั้นอย่างเอ็นดู  “แล้วนายไม่กินเหรอ?”

“อืม...ไม่หละ  เดี๋ยวกลับไปกินพร้อมกับที่บ้านดีกว่า  วันไหนไม่กินข้าวที่บ้านโดยไม่บอกล่วงหน้านะเหมือนระเบิดลงกลางบ้านเลย  คุณแม่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทุกที”  พูดแล้วก็ทำปากยื่นอย่างขัดใจ...แต่สีหน้าดูมีความสุข

“เข้ากับที่บ้านได้แล้วใช่มั้ย?”  คัตซึฮิโกะถามอย่างห่วงใย...เขายังจำได้ดีถึงครั้งแรกที่นัตสึย้ายไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์  เจ้าตัวยุ่งงอแงมาหาแทบทุกวันพร้อมกับบ่นว่าไม่อยากอยู่ที่บ้านนั้น

“อืม...ดีแล้วหละ  แหม...มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะพี่”

“งั้นก็ดีแล้ว”

ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้  เรื่องหนึ่งที่คัตซึฮิโกะคอยเป็นห่วงมาตลอดก็คือ  ความสัมพันธ์ของนัตสึกับครอบครัวอุปถัมภ์...นัตสึกับเขาไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ  กันหรอก  แต่เติบโตมาด้วยกันที่บ้านเด็กกำพร้า  คัตซึฮิโกะจำไม่ได้หรอกว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า  แต่ที่จำได้มาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ  ในวันที่เขาอายุได้  5  ขวบ  คุณครูใหญ่อุ้มเด็กมาคนหนึ่ง  แล้วก็บอกว่าต่อไปนี้เด็กคนนี้จะมาเป็นน้องของเขาอีกคน  เด็กคนนั้นก็คือนัตสึ...

นัตสึติดคัตซึฮิโกะมากตั้งแต่เด็ก  ดังนั้นคัตซึฮิโกะก็เลยต้องทำตัวเป็นพี่ชายให้กับเจ้าตัวยุ่งมาตลอด  เพราะเป็นเด็กรุ่นแรก ๆ  ของบ้านเด็กกำพร้า  เมื่อโตขึ้น  คัตซึฮิโกะก็ต้องช่วยพวกคุณครูดูแลน้อง ๆ   เขามีน้องในความรับผิดชอบอยู่  4  คน  แต่คนที่เอาแต่เกาะติดเขาแจก็มีแต่นัตสึเท่านั้น  เขาต้องคอยดูแลเรื่องต่าง ๆ  ให้น้องแทบทุกเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน  เรื่องการบ้าน  หรือแม้แต่เรื่องทะเลาะกับคนอื่น  ซึ่งเรื่องหลังสุดนี้นัตสึหามาให้เขาได้แทบทุกวัน

คัตซึฮิโกะไม่เคยรู้สึกลำบากใจกับการที่ต้องทำตัวเป็นพี่ชาย  บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าดีเสียอีก  โดยเฉพาะในเวลาเหงา ๆ   นัตสึมักจะเป็นเพื่อนแก้เหงาได้เป็นอย่างดี  หรือในบางทีที่นัตสึนอนไม่หลับ  ก็จะหอบหมอนกับผ้าห่มมานอนด้วย  เรียกได้ว่าต่างก็คอยค้ำจุนซึ่งกันและกันเรื่อยมา

สำหรับพวกเด็ก ๆ  ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า  วันที่ทุกคนต่างก็รอคอยกันมากที่สุดก็คือวันอาทิตย์  ซึ่งเป็นวันที่พ่อแม่อุปถัมภ์จะมารับออกไปเที่ยว  นัตสึและคัตซึฮิโกะเองก็เช่นกัน  ต่างก็มีพ่อแม่อุปถัมภ์ด้วยกันทั้งคู่  แต่ต่อมาไม่นานนักพ่ออุปถัมภ์ของคัตซึฮิโกะก็เสียชีวิตลง  คุณแม่ที่เหลืออยู่ตามลำพังคนเดียวจึงไม่สามารถอุปถัมภ์คัตซึฮิโกะต่อได้...แม้จะรู้สึกเศร้าใจนิดหน่อย  แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเหลือน้องชายอยู่คนหนึ่ง  จนกระทั่งนัตสึอายุได้  13  ปี  พ่อแม่อุปถัมภ์ก็ต้องการรับนัตสึไปเป็นบุตรบุญธรรม  ในตอนแรกนัตสึดีใจมาก...มากเสียจนคัตซึฮิโกะอดอิจฉาไม่ได้  แต่พอใกล้ถึงวันที่ต้องไปอยู่กับครอบครัวจริง ๆ  แล้ว  นัตสึเอาแต่งอแงและเกาะติดอยู่กับเขาตลอดเวลา  เจ้าตัวเล็กคงใจหายที่อยู่ ๆ  จะต้องจากที่ที่อยู่มาตลอดชีวิตและคนที่คอยดูแลไปอย่างกะทันหัน

‘…พี่ไม่ได้ไปไหนนี่นัตสึ  พี่จะคอยดูนายอยู่ตรงนี้แหละ  เหงาเมื่อไรก็มาหาได้นี่  บ้านก็อยู่แค่นี้เอง…’

เพราะอย่างนี้นัตสึจึงจากไปอยู่กับครอบครัวใหม่  แต่กลับมางอแงกับคัตซึฮิโกะแทบทุกวัน  ด้วยความที่ไม่คุ้นชินกับการมีคนคอยเข้มงวดและกำลังจะเป็นวัยรุ่นก็เลยทำให้อยู่ได้ลำบากหน่อย  ในตอนนั้นคัตซึฮิโกะเองก็ยังคงอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าโดยช่วยพวกคุณครูคอยดูแลเด็ก ๆ  หลังกลับจากโรงเรียน  เขาออกมาอยู่คนเดียวตอนที่สอบชิงทุนเข้ามหาวิทยาลัยได้  และก็อยู่คนเดียวมาจนถึงตอนนี้  โดยที่นัตสึก็ยังคงมาหาอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ขาด

พอคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว  คัตซึฮิโกะก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

“หือ?  ขำอะไรเหรอ  คัตจัง?”  เสียงของนัตสึดึงเอาความนึกคิดที่ล่องลอยไปไกลให้กลับมา

“อะ...ก็นึกถึงตอนนายเด็ก ๆ  แล้วขำดี”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ยิ้มนิด ๆ

นัตสึทำแก้มป่อง  “มันเรื่องอะไรมาขำฉันล่ะ?”

ผู้เป็นพี่ชายไม่ตอบอะไรนอกจากขยี้ผมยุ่ง ๆ  เบา ๆ  พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน  นัตสึยิ้มกับภาพตรงหน้า  คัตซึฮิโกะมักจะยิ้มแบบนี้ให้เขาเสมอ  เป็นพี่ชายที่อ่อนโยนและไม่เคยเปลี่ยนไปเลยไม่ว่าเมื่อไร

นัตสึคอยดูแลจนกระทั่งคัตซึฮิโกะกินข้าวกินยาเรียบร้อย  แล้วก็ดึงดันที่จะเช็ดตัวให้คัตซึฮิโกะให้ได้  จนในที่สุดคนเป็นพี่ก็ต้องยอมให้กับความดื้อของน้องชาย  ที่นัตสึติดใจอยู่ก็คือ  ทำไมพี่ชายเขาถึงเข้านอนทั้งที่ไม่ได้สวมอะไรเลย  จะว่าทำเรื่องอย่างว่าหนักจนหลับไปทั้งอย่างนั้นก็ใช่ที่  ตอนที่ผู้หญิงจะออกจากห้องไปจะไม่เรียกกันบ้างเลยหรือ

“อ๊ะ!  ดึกป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย  ฉันต้องกลับแล้วหละพี่  เดี๋ยวคุณแม่จะรอกินข้าวนาน”  นัตสึบอกกับคัตซึฮิโกะเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบ  3  ทุ่ม

“อืม...ไปเถอะ  ไม่ต้องห่วงหรอก  พรุ่งนี้ฉันคงไปทำงานได้แหละ”  คัตซึฮิโกะบอกพร้อมกับพยายามลุกจากเตียง

“อ๊ะ ๆ  ๆ   ไม่ต้องลุกเลย  นอนไปเลยนะ  ไม่ต้องไปส่งหรอก  ฉันกลับเองได้”  เด็กหนุ่มรีบกดพี่ชายให้กลับลงไปนอน  “พี่น่ะพักให้มาก ๆ  เถอะ  เห็นพี่ไม่สบายทีไรเป็นเรื่องใหญ่ทุกที”

“แค่ไปส่งที่หน้าประตูนี่นะ”

“นั่นแหละ  อ๊ะ!  จริงสิ  ที่ฉันมาเนี่ยเพราะเป็นห่วงเรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าหละ”

“ข่าวอะไร?”

“ไม่ได้อ่านเหรอ?  เมื่อคืนวานมีคนถูกแทงตายอยู่ใกล้ ๆ  แมนชั่นของพี่นี่แหละ  ดูเหมือนจะโดนปล้นชิงทรัพย์น่ะ  ตำรวจยังจับตัวฆาตกรไม่ได้เลย  ฉันก็เลยเป็นห่วง  รีบมาดูพี่เนี่ย”  นัตสึเล่าให้ฟัง

หากชายหนุ่มเบิกตากว้าง...มีคนถูกแทงตาย...ยังจับฆาตกรไม่ได้...  คำพูดของใครบางคนวาบขึ้นมาในจิตสำนึก

‘…ถ้าฉันจะบอกว่า  ฉันเพิ่งแทงคนตายมาล่ะ  แกจะว่ายังไง?...’

ความรู้สึกเย็นวาบแผ่ซ่านลงไปตั้งแต่ผมจรดปลายเท้า  มันอาจจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ  สำหรับผู้ชายคนนั้น  แค่สิ่งที่ทำกับเขาก็พอจะยืนยันได้แล้วว่านิสัยของคน ๆ  นั้นเป็นอย่างไร  มันคงไม่ใช่เรื่องยากเลยถ้าเซย์ริวจะฆ่าใครสักคน

“คัตจัง  เป็นอะไรรึเปล่า  ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ?”  ไม่พูดเปล่ามือยังเอื้อมมาแตะหน้าผากอย่างร้อนรน

คัตซึฮิโกะเพิ่งได้สติจากสัมผัสนั้น  “อะ...เอ่อ...ไม่...ไม่เป็นไร”

นัตสึขมวดคิ้ว  จ้องมองพี่ชายอย่างไม่วางใจ  “เอาไงเนี่ย  ท่าทางไม่ดีเลย  ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนดีกว่ามั้ย  เดี๋ยวฉันโทรไปบอกที่บ้านเอง”

“ไม่ต้องหรอก  นัตสึ  ฉันแค่คิดว่าข่าวที่นายเล่าให้ฟังมันน่ากลัวนะ  ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปีไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย  ก็เลยรู้สึกกลัวขึ้นมาน่ะ”  คัตซึฮิโกะรีบกลบเกลื่อน

นัตสึขมวดคิ้วมากขึ้นอีก  “เหรอ...แต่จะว่าไปแล้วนะ  ฉันว่าแถว ๆ  นี้น่ะมันน่าจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ออกจะตายไป  มืดก็มืด  เปลี่ยวก็เปลี่ยว  ฉันว่าที่มันไม่เคยเกิดอะไรขึ้นนี่แหละ  แปลก”

“ถ้าอย่างนั้น  นายรีบกลับดีกว่า  นี่ก็ดึกแล้วด้วย”  คัตซึฮิโกะรีบตัดบท  อยู่ ๆ  เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าหากเซย์ริวย้อนกลับมาแล้วพบนัตสึเข้า  มันคงไม่ดีแน่

“อืม...เอางั้นก็ได้  พี่อยู่ได้นะ  นอนให้มาก ๆ  ล่ะ”  บทจะว่าง่าย  นัตสึก็ว่าง่ายอย่างเหลือเชื่อ

“ไม่เป็นไรหรอก  ไปเถอะ  ฝากสวัสดีคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะ”  ชายหนุ่มบอกพลางฝืนยิ้ม
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-02-2013 21:54:48
“อื้ม  งั้นฉันไปนะพี่  แล้วพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมอีก”  เด็กหนุ่มบอกแล้วก็คว้าเสื้อโค้ทกับกระเป๋าออกจากห้องไป

พอเหลืออยู่คนเดียว  เรื่องกังวลมากมายก็กลับมาให้คิด...ผู้ชายคนนั้น...เซย์ริว...เป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ   ถ้าหากว่าคดีฆ่าคนตายนั่นเป็นฝีมือของเขาจริง  ก็หมายความว่าหลังจากก่อคดีเสร็จก็มาดักอยู่แถว ๆ  ห้องของเขาแล้วเขาเองที่เป็นคนช่วยทำแผลให้กับเจ้าฆาตกรนั่น...ช่วย...เพื่อให้มันแว้งกลับมาทำร้ายเขา

คัตซึฮิโกะกุมขมับแล้วทอดถอนใจ  คิดไม่ตกว่าชีวิตของเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ไปจนถึงเมื่อไร  ถ้าหากเซย์ริวยังไม่หนำใจก็คงย้อนกลับมาอีกแน่...จะให้ย้ายที่อยู่หนีไป  ในระยะเวลาสั้น ๆ  จะหาห้องพักที่ไหนที่ดีเท่าที่นี่ได้...แต่ถ้าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป  แล้วถ้าวันไหนที่เซย์ริวมาเจอนัตสึเข้า...จะเกิดอะไรขึ้นกับนัตสึหรือเปล่า...

ความเป็นห่วงกังวลเริ่มย้ายไปจับที่น้องชาย  กลัวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะไปเกิดขึ้นกับนัตสึด้วย...ทั้งกลัว ทั้งเป็นกังวล...คัตซึฮิโกะกอดตัวเองแน่น  รู้สึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย...ทำไม่ได้แม้แต่จะปกป้องตัวเอง และที่เจ็บใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือรู้ดีกว่าเมื่อเช้าตัวเองเสียท่าไปมากแค่ไหน  ถึงขนาดเป็นคนออกปากให้มันคนนั้นปลดเปลื้องความใคร่ให้

กำปั้นกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างแรง  ดวงตาคมเป็นประกายวาบ...ไม่...มันจะต้องไม่มีครั้งต่อไป...มันจะต้องไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว!!

//////////


“นี่มันอะไร  หา!  ซาโนะ!  ผมสั่งให้คุณไปทำต้นแบบขนาด  9  x  15  มา  แล้วนี่มันอะไร ทำไมไม้มันถึงไม่พอได้!?  คุณทำอะไรของคุณ  หา!?”  เสียงเกรี้ยวกราดตะโกนคับห้อง

ไม่มีคำโต้แย้งใด ๆ  จากคัตซึฮิโกะ  เขามั่นใจแล้วว่าเขาทำต้นแบบถูกต้องตามที่นายสั่งทุกประการ  แต่งานที่ออกมากลับพบว่าเหลือช่องว่างระหว่างไม้และลวดลายในชิ้นงานถึงชิ้นละครึ่งเซนติเมตร  นั่นทำให้ไม้ไม่พอและเสียหายทั้งชุด

“ทีนี้คุณจะรับผิดชอบยังไง?  ไหนว่ามาซิ!?”  ผู้มีอำนาจมากกว่ายังคงอารมณ์เสีย

ยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะพูดอะไร  รองหัวหน้าฝ่ายผลิตก็พาพนักงานอีกคนเข้ามาในห้อง  คัตซึฮิโกะหันไปมอง  นั่นเป็นหัวหน้าฝ่ายตัดไม้ที่เขาได้อธิบายงานให้ฟังก่อนที่จะผลิตงานชุดนี้ออกมา

“ขอโทษครับ  เราหาตัวคนทำผิดเจอแล้วครับ  ฝ่ายตัดไม้นี่เพิ่งสารภาพว่าวัดขนาดไม้ผิดไปชิ้นละครึ่งเซนติเมตรครับ”  รองหัวหน้าฝ่ายผลิตพูดขึ้น

“อ้าว  ฝีมือคุณเองเหรอ?  ไหนว่ามาซิ  คุณจะรับผิดชอบยังไง  ผลงานชุดนี้เสียหายทั้งชุดนะ”  หัวหน้าฝ่ายผลิตหันไปเล่นงานผู้กระทำผิดตัวจริงทันที  เหมือนกับลืมไปแล้วว่าเมื่อกี้นี้เพิ่งได้พูดประโยคนี้กับคัตซึฮิโกะ  “ส่วนคุณ  ซาโนะ  ออกไปได้แล้ว”

ไม่มีคำขอโทษแม้แต่คำเดียวกับการเล่นงานผิดคน  แต่คัตซึฮิโกะก็ชินเสียแล้ว  หัวหน้าของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ ชายหนุ่มถอนใจนิด ๆ  แล้วก็เดินออกจากห้องไป

“ไงวะ  ซาโนะ  โดนซะอ่วมไปเลยสิ”  เพื่อนร่วมงานทักขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะเดินกลับมาที่แผนก

“ก็นิดหน่อย”  คัตซึฮิโกะบอกพร้อมกับยิ้มนิด ๆ  ตามนิสัย

“แล้วทำไมไม่เถียงไปว้า  ว่าไอ้ฝ่ายตัดไม้มันเป็นคนตัดผิดน่ะ  นายก็รู้นี่หว่าว่าแบบของนายน่ะออกมาถูกต้องเสมออยู่แล้ว”

“ช่างมันเถอะ  เถียงไปก็เป็นเรื่องเปล่า ๆ   คราวก่อนที่ขาดงานไปโดยไม่ได้มีใบลายังเป็นชนักปักหลังฉันอยู่เลย”  คัตซึฮิโกะพูดถึงเรื่องคราวก่อนที่เขาโดนด่ากระจายยิ่งกว่านี้อีก

“นายก็เป็นซะอย่างนี้แหละ  จะผิดจะถูกอะไรก็ไม่พูดออกไปบ้างหรอก  เอาแต่เงียบ  คนอื่นมันก็ได้ใจสิวะ”  เพื่อนร่วมงานติ

“ช่างมันเถอะน่า  ไปทำงานกันดีกว่า”  คัตซึฮิโกะพูดยิ้ม ๆ   เขามักจะหลีกเลี่ยงที่จะปะทะกับใครอย่างนี้เสมอ  ซึ่งนั่นทำให้มีทั้งคนรักและคนที่พยายามเหยียบเขาเอาไว้

เวลาผ่านมาร่วม  2  อาทิตย์แล้ว  เซย์ริวไม่ได้เข้ามาระรานชีวิตของเขาอีก  จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง  ร่างกายของคัตซึฮิโกะกลับเป็นปกติในเวลาไม่นาน  หลังจากที่ได้พักเต็มที่ในวันนั้นแล้ว  เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็สามารถมาทำงานได้แม้จะยังมีไข้ต่ำ ๆ  นิดหน่อย  นัตสึแวะมาหาเขาทุกวันหลังเสร็จจากงานพิเศษ  บางวันที่เลิกเรียนเร็วและไม่ต้องทำงานก็ถึงกับมารอหน้าที่ทำงาน  จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าพี่ชายของตัวเองจะไม่เป็นอะไรอีกนั่นแหละ  ถึงได้กลับไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ  ตามปกติได้

“ไว้เจอกันนะ”  คัตซึฮิโกะบอกลาเพื่อนร่วมงานเมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ   เขาไม่ได้มีธุระรีบร้อนอะไรในวันนี้  ออกจะสบายด้วยซ้ำที่พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ที่ไม่ต้องทำงาน  เขาแวะซูเปอร์มาเก็ตซื้อเสบียงนิดหน่อย  ปกติแล้วเขามักจะทำอาหารกินเองเสมอเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย  ในขณะที่เดินออกจากซูเปอร์มาเก็ตนั่นเอง  รถตำรวจและรถพยาบาลหลายคันกำลังวิ่งวุ่นอยู่บนถนน  มีผู้คนยืนดูอยู่ที่ริมถนนเต็มไปหมด  คัตซึฮิโกะชะเง้อมองตามรถตำรวจที่วิ่งไปจอดอยู่ตรงซอยเล็ก ๆ  ใกล้ ๆ  แถวนั้น  กำลังคิดว่าจะถามใครสักคนว่าเกิดอะไรขึ้น  ก็พอดีได้ยินคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคุยกัน

“น่ากลัวเป็นบ้าเลย  เมื่อกี้ฉันเห็นคนที่วิ่งออกมาจากซอยนั่นมีเลือดด้วย”

“เอ๋...วิวาทกันเหรอ?”

“ใช่...ตีกันอีกแล้วหละมั้ง  ดูท่าจะมีคนเจ็บซะด้วยสิ  นั่นไง  โดนหามมาขึ้นรถพยาบาลแล้ว”

คัตซึฮิโกะมองออกไปเห็นบุรุษพยาบาลกำลังใช้เปลยกคนเจ็บขึ้นรถ  ร่างนั้นเลือดอาบไปทั้งตัว  ชายหนุ่มเบ้หน้าด้วยความเสียวไส้  เดี๋ยวนี้มีเหตุวิวาทกันทีไรเป็นต้องถึงเลือดถึงเนื้อทุกที  เขาเบือนหน้าออกจากภาพที่ให้ความรู้สึกไม่ดีแล้วตรงกลับบ้าน

เสื้อทำงานถูกวางพาดไว้กับพนักเก้าอี้  หม้อน้ำในครัวกำลังเดือดพล่านส่งกลิ่นหอมหวน  ซุปผักใส่หมูเป็นเมนูง่าย ๆ  ที่คัตซึฮิโกะเลือกให้ตัวเองในวันนี้  เคี่ยวต่ออีกสักนิดรอให้ข้าวสุกก็กินได้พอดี  เสียงเคาะประตูดังขึ้นตอนที่ชายหนุ่มกำลังวางอุปกรณ์ทำอาหารใช้แล้วลงในอ่างล้างจาน

“นัตสึหละมั้ง”

คัตซึฮิโกะปิดเตาไฟฟ้าแล้วเดินไปเปิดประตู  ก่อนที่จะตะลึงงันไปด้วยความตกใจ  คนที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่น้องชายของเขา  ร่างสูงในเสื้อโค้ทสีดำยืนค้ำกรอบประตูอยู่ตรงหน้า  ดวงตาคมกริบและรอยยิ้มน่ากลัวยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“ซะ...เซย์ริว!?”

“หวัดดี  คาซึโกะ...ไม่เจอกันนานนะ”  ร่างสูงพูดพลางแสยะยิ้ม

“คะ...คุณมาที่นี่ทำไม?”  น้ำเสียงสั่นพร่าโดยไม่ได้ตั้งใจ  ถอยหลังกรูดด้วยสัญชาตญาณ

“มาหาแกนี่ต้องมีธุระด้วยงั้นเหรอ?”  เมื่อเจ้าของห้องถอยไปเหมือนจะเปิดทางให้  เซย์ริวจึงถือวิสาสะเข้าไปในห้อง

คัตซึฮิโกะถอยกลับเข้าไปในครัว  แต่ผู้รุกรานไม่ได้ตามเข้ามา  เพียงแต่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้วยท่าทางสบายอารมณ์

“ทำมื้อเย็นกินเหรอ?  งั้นฉันก็มาได้จังหวะเหมาะสินะ”  ร่างสูงพูดยิ้ม ๆ  ด้วยน้ำเสียงราวกับพูดกับเพื่อนสนิท

หากคัตซึฮิโกะไม่ไว้ใจ  เขายังยืนพิงประตูครัวอยู่อย่างนั้น  อย่างน้อยในครัวก็มีมีด  ถ้าเซย์ริวคิดจะทำอะไรเขาอีกหละก็เขาก็พร้อมที่จะป้องกันตัวเอง  ดวงตาคู่สวยเหลือบมองร่างสูงอย่างหวาดระแวง  นึกอยู่ในใจว่าดีแล้วที่วันนี้นัตสึไม่ได้มาที่นี่

“มองด้วยสายตาอย่างนั้นหมายความว่าไง?”  น้ำเสียงห้วน ๆ  พูดขึ้นเบา ๆ

“คุณมาที่นี่...ต้องการอะไรกันแน่?”  คัตซึฮิโกะถาม  สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกถึงความหวาดกลัวและหวาดระแวงชัด

“ถามอะไรอย่างนั้น  ถ้าฉันบอกว่าต้องการแก  แกจะว่าไง  หือ?”  เซย์ริวย้อนถามด้วยน้ำเสียงล้อเล่น  แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้น้ำเสียงนั้นมีความคิดอะไรแฝงอยู่  ด้วยคำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะมีท่าทีระวังตัวมากขึ้น  ร่างสูงระบายลมออกจมูกเหมือนจะหัวเราะ  “ทำตาแบบนั้น  ฉันถือว่าเป็นสายตาเชิญชวนนะ  คาซึโกะ”

“เชิญชวนบ้าอะไรของคุณ!  กลับไปได้แล้ว!”  ร่างเพรียวขึ้นเสียง  รู้สึกฉุนกับคำพูดของผู้บุกรุกอย่างไม่มีสาเหตุ

“กล้าดีนะ  คาซึโกะ  นี่แกกล้าไล่ฉันเชียวเหรอ?”  ประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาเหมือนงูคู่นั้น

“แล้วทำไมจะต้องไม่กล้า  ที่นี่ห้องผม  คุณออกไปได้แล้ว!”

พริบตาเดียวที่ร่างสูงลุกจากเก้าอี้มาอยู่ตรงหน้า  โดยไม่ทันได้ตั้งตัว  เซย์ริวจับคัตซึฮิโกะกระแทกกับผนังห้องเต็มแรง  มือแข็งกดตรึงร่างนั้นเอาไว้แน่น

“กล้าดียังไงถึงพูดกับฉันแบบนั้น  หือ?  กล้าดียังไง?”  น้ำเสียงที่เค้นรอดไรฟันออกมาเต็มไปด้วยความฉุนเฉียวที่พยายามสะกดเอาไว้ไม่ให้ตะโกนออกมา

ประกายตาคู่นั้นทำให้คัตซึฮิโกะเย็นสันหลังวาบ  อีกครั้งที่เขารู้สึกราวกับเป็นเหยื่อถูกสะกดด้วยตางู  ขยับตัวแทบไม่ได้ด้วยความหวาดกลัว  ในสมองเริ่มคิดถึงสิ่งต่าง ๆ  ที่อาจจะตามมา  สภาพการณ์แบบนี้มันฟ้องว่าเซย์ริวพร้อมที่จะทำร้ายเขาแน่ ๆ

แต่ร่างสูงกลับผ่อนแรงลง  อาการกดตรึงกลายเป็นจับยึด  เขาก้มหน้าลงแล้วหอบหนัก ๆ   คัตซึฮิโกะรับรู้ได้ถึงอาการผิดปกตินั้น  สีหน้าของเซย์ริวเหมือนกับกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง  เหงื่อไหลย้อยลงมาตามข้างขมับทั้งที่อากาศค่อนข้างเย็น  ใบหน้าซีดเผือด  แล้วก็มีอาการซวนเซเหมือนจะทรุดลง

“เฮ้ย!  คุณ!”  คัตซึฮิโกะรั้งร่างนั้นเอาไว้โดยอัตโนมัติ  แต่เซย์ริวกลับปัดมือนั้นออก

“อย่ามายุ่ง”  น้ำเสียงกระซิบแห้งเหือด

“เป็นอะไรไป?”

“บอกว่าอย่ามายุ่ง  ไม่เข้าใจหรือไง?”  ร่างสูงตวาดเบา ๆ  แล้วเดินกลับไปทิ้งตัวลงกับเก้าอี้อย่างล้าแรง  มือใหญ่กดตรงสีข้างแน่น

คัตซึฮิโกะเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ   ไม่มีทางทีหวาดกลัวหลงเหลืออยู่เลย  “เป็นอะไรไป  ให้ผมดูหน่อยซิ”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-02-2013 21:57:55
“เลิกใจดีไม่เข้าเรื่องเสียทีน่า  คราวที่แล้วไม่เข็ดหรือไง?”  เซย์ริวตวาดอย่างถือดี  ดวงตาเป็นประกายแรงกล้าเหมือนจะขู่ว่าถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้เขาจะทำอย่างที่เคยทำแน่ ๆ

แต่คัตซึฮิโกะกวาดตาสำรวจร่างสูงจนทั่ว  สภาพร่างกายแบบนี้อย่าว่าแต่ทำร้ายเขาเลย  แค่ยืนขึ้นก็ดูจะฝืนเกินไปแล้ว  แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับมือที่ยกขึ้นมากดอยู่ตรงสีข้าง  ตอนนี้มันมีรอยเลือดซึมเลอะออกมาตามง่ามนิ้ว

“บาดเจ็บเหรอ?  ให้ผมดูหน่อย”

“ไม่...ต้องยุ่ง...”  พูดได้แค่นั้นแล้วก็ต้องหลับตากัดฟันแน่นเพื่อข่มความเจ็บปวด

“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอก  ให้ผมดูแผลหน่อย  นะ”  หางเสียงอ่อนโยน  พยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายยอมลงให้

ร่างสูงนิ่งเงียบ  โดยไม่รอคำตอบ  คัตซึฮิโกะถือเอาอาการนั้นเป็นการอนุญาต  เขาปลดกระดุมเสื้อโค้ทและแหวกสาบเสื้อออก  เสื้อยืดแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนตัวหนึ่งพันแน่นอยู่ตรงชายโครง  ตรงด้านสีข้างมีเลือดไหลซึมออกมาจนชุ่มและไหลเลอะลงไปตามร่างกาย  คัตซึฮิโกะกลืนน้ำลาย  แผลมันใหญ่เกินกว่าเขาจะทำอะไรให้ได้แล้ว

“ไปโรงพยาบาลเถอะ”  ร่างเพรียวสรุปสั้น ๆ

“ไม่!”  เสียงห้าวสวนกลับมาทันควัน

“แผลนี่มันใหญ่มากนะ  เลือดก็ออกมากด้วย  ปล่อยไว้อย่างนี้ต้องแย่แน่ ๆ ”

“ไม่ถึงตายหรอกน่ะ”

“ตายแน่!  ไม่เกินชั่วโมงนี่แหละ  คุณต้องเสียเลือดตายแน่ ๆ   เชื่อผม  ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”  พูดไม่พูดเปล่ายังออกแรงดึงให้ร่างสูงลุกขึ้น

“บอกว่าอย่ามายุ่งไงโว้ย!!”  เซย์ริวสะบัดแขนออกโดยแรงแล้วผลักคัตซึฮิโกะออกห่าง  “แกนี่มันเป็นยังไงวะ  ใจดีไม่เข้าเรื่องไปซะทุกอย่าง  คิดว่าตัวเองเป็นพ่อพระรึไง?  ไอ้คนสร้างแผลนี้มันก็ตายไปแล้วโว้ย  แต่มันเอาฉันไปด้วยไม่ได้หรอก!”

“ยังไงก็ช่าง  คุณต้องไปโรงพยาบาล”  คัตซึฮิโกะไม่ยอมแพ้

“ไอ้...อยากโดนอย่างคราวก่อนอีกรึไง  หา!?”  ร่างสูงตรงเข้าไปผลักคัตซึฮิโกะกดลงพื้น  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อสันมือของอีกฝ่ายกระแทกเข้าที่ตรงสีข้างเต็มแรง  เป็นครั้งแรกที่เซย์ริวทรุดฮวบลงตรงหน้าคัตซึฮิโกะ

“คำก็ขู่  สองคำก็ขู่  คิดว่าผมต้องกลัวคุณทุกครั้งรึไง?  ผมน่ะ  ไม่ใช่พ่อพระหรอกนะ  เพียงแต่ทนเห็นสภาพจะตายไม่ตายแหล่ของคุณไม่ได้เท่านั้นแหละ  แล้วขืนมาตายในห้องผมก็เป็นเรื่องกันพอดี  ถ้าอยากจะตายขนาดนั้นก็ไปตายที่อื่น  ไม่งั้นก็ไปโรงพยาบาลกับผม  เดี๋ยวนี้เลย!”  เป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะตวาดกร้าว

เซย์ริวนอนมองหน้าร่างเพรียวอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง  ก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วหลับตาลง  “จะให้ฉันไปโรงพยาบาลเนี่ยนะ...ไปให้ตำรวจมันจับเอาเรอะ”

“งั้นหมอที่ไหนก็ได้  ผมจะพาไป”  พูดแล้วก็ประคองร่างสูงให้ลุกขึ้น

“แกนี่มัน...ฉันน่าจะฆ่าแกซะตั้งแต่คราวก่อน”  ร่างสูงทอดถอนใจ

“ช้าไปแล้ว  เรื่องนั้นไว้ค่อยทำคราวหน้าก็ได้  ตอนนี้คุณต้องไปหาหมอก่อน  อย่ามาตายในห้องของผม”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ  ประคับประคองร่างที่แค่จะทรงตัวยังลำบากพาเดินเลาะไปตามซอยเล็ก ๆ  มืด ๆ  ตามที่เซย์ริวบอกทาง  ร่างสูงเองก็ทนทายาดทีเดียว  เขาไม่ปริปากสักคำเรื่องแผล  จนกระทั่งมาถึงหน้าตึกเล็ก ๆ  ที่ดูซอมซ่อและสกปรกจนไม่น่าจะเป็นร้านหมอ  แต่คัตซึฮิโกะก็พอจะเข้าใจ  โรงพยาบาลเถื่อนที่ไหนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

“คนไข้ฉุกเฉินครับ!”  คัตซึฮิโกะตะโกนเมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน

ชายวัยกลางคนที่ผมเริ่มจะเป็นสีเทาแล้วโผล่หน้าออกมามอง  ร่างสูงที่ต้องอาศัยคนอื่นทรงตัวยกมือขึ้นทักทาย

“ไง  หมอมาสะ...เจอกันอีกแล้ว”

คนเป็นหมอมองหน้าคนไข้แล้วก็ถอนใจนิด ๆ   “นั่งรอตรงนั้นแหละ  เสร็จรายนี้แล้วจะจัดการให้”

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง  “เอ๊ะ!  แต่แผลเขาสาหัสมากนะครับ”

“มันไม่ตายง่ายหรอก  ไอ้นี่น่ะขาประจำ  นั่งตรงนั้นแหละ  เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”  พูดแค่นั้นแล้วมาซาฮิเดะก็กลับเข้าห้องไป

เซย์ริวทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเสียอย่างนั้น  หลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย  ตอนนี้เลือดจากบาดแผลไหลออกมาจนเสื้อยืดที่พันเอาไว้เอาไม่อยู่เปียกชุ่มเสื้อโค้ทที่ใส่จนเลอะมาถึงคัตซึฮิโกะด้วย

ร่างเพรียวได้แต่นั่งลงข้าง ๆ  อย่างไม่รู้จะทำอะไรได้อีก  ลมหายใจของเซย์ริวยังสม่ำเสมอแม้จะปนมากับอาการหอบด้วย  เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหมอถึงพูดราวกับว่าอาการของเซย์ริวเป็นเรื่องเล็ก  แผลขนาดนี้ถ้าหากเกิดขึ้นกับเขาคงตายเสียตั้งแต่ที่ห้องแล้ว  ไม่นานนัก  มาซาฮิเดะก็ออกมาจากห้อง

“ไง...คราวนี้ไปตีกับใครเขามาอีกล่ะ?”

ร่างสูงปรือตาขึ้นมอง  ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ดังไปกว่ากระซิบ  “ไอ้อัตสึชิน่ะสิ”

“แล้วเป็นไง”  มาซาฮิเดะถามต่อพร้อมกับเปิดเสื้อโค้ทออกดูแผล

“ตายไปแล้วมั้ง...โดนมีดเข้าไปมิดด้ามแบบนั้น”  เซย์ริวตอบแล้วก็นิ่วหน้าเมื่อมาซาฮิเดะแกะเสื้อที่พันไว้ออกดูแผล

“แล้วตัวเองก็จะตายตามมัน  งั้นสิ”

“เรื่องแน่ะ...”  ทั้งที่อ่อนแรงลงเต็มที  แต่น้ำเสียงนั้นยังมีแววอหังการ

“ช้ากว่านี้อีกหน่อยก็ตายแล้ว”  คนเป็นหมอสรุปแล้วก็หันมาหาคัตซึฮิโกะ  “ช่วยพามันไปที่ห้องตรวจหน่อยสิ”

“อะ...ครับ”

มาซาฮิเดะกับคัตซึฮิโกะช่วยกันพยุงเซย์ริวไปที่ห้องตรวจแล้ววางลงบนเตียง  ห้องนี้ดูสมกับเป็นโรงพยาบาลขัดกับภายนอกลิบลับ  สะอาดสะอ้าน  กรุ่นไปด้วยกลิ่นยาฆ่าเชื้อ  มีเครื่องไม้เครื่องมือครบครัน  ชนิดที่ทำการผ่าตัดใหญ่ได้ทีเดียว  คัตซึฮิโกะมองไปรอบ ๆ  ห้องอย่างทึ่ง ๆ

มาซาฮิเดะเช็คแผลของเซย์ริวโดยละเอียดแล้วหยิบยามาหลอดหนึ่งดูดเข้าเข็ม  “คราวนี้แกจ่ายฉันอานแน่ ๆ  เซย์ริว”

“เดี๋ยวหามาจ่ายให้น่า  คราวก่อนยังจ่ายครบแล้วเลย”

“ใช่...แล้วแผลก็ยังไม่ได้ตัดไหม  แล้วก็มีแผลใหม่มาให้ทำ  แกนี่มันขยันมีเรื่องจริง ๆ ”  หมอพูดพลางฉีดยาเข้าที่ใกล้ ๆ  แผล

“เพราะหาเงินมาจ่ายหมอนั่นแหละ...เลยต้องไปจี้เขาเอา  ใครจะไปรู้ล่ะว่าไอ้นั่นมันเป็นพวกเดียวกับไอ้อัตสึชิ...”

คัตซึฮิโกะฟังบทสนทนานั้นแล้วได้แต่นิ่งเงียบ  นี่เป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน  มือของเซย์ริวคงเปื้อนเลือดมานักต่อนักแล้ว  ไม่แปลกเลยที่จะทำเรื่องอย่างนั้นกับเขาได้อย่างหน้าตาเฉย  ที่เขาเห็นรถตำรวจกับรถพยาบาลวิ่งกันขวักไขว่ก่อนที่จะกลับเข้าบ้านคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเซย์ริวกระมัง

มาซาฮิเดะใช้เวลาตกแต่งและเย็บแผลไม่นาน  การทำงานของเขาเป็นมืออาชีพมาก ๆ   หรือไม่ก็ได้ทำแผลทำนองนี้บ่อย ๆ   ยาอีกเข็มหนึ่งถูกฉีดให้เซย์ริว

“เอ้า  ทีนี้ก็นอนซะ  หลับยาวเลยได้ยิ่งดี”

ดวงตาคมที่ล้าแรงลงเรื่อย ๆ  เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากข้างเตียงมากนัก  สายตาที่ส่งมามีความหมายบางอย่างที่คัตซึฮิโกะแปลไม่ออก  แล้วเซย์ริวก็หลับตาลง

“ไม่ต้องเป็นห่วงมันหรอก  ไอ้หมอนี่มันอึดยังกับแรด  โดนเข้าไปแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก”  มาซาฮิเดะบอกพลางยื่นเสื้อยืดตัวหนึ่งให้  “เปลี่ยนเสื้อซะสิ  ออกไปข้างนอกทั้งอย่างนี้เดี๋ยวก็แตกตื่นกันใหญ่”

“เอ่อ...ขอบคุณครับ”  คัตซึฮิโกะรับเสื้อมาเปลี่ยนอย่างว่าง่าย

“เธอคงไม่ใช่เพื่อนของเซย์ริวหรอก  จริงมั้ย?”

“ครับ”

“แล้วเป็นอะไรกับมันถึงได้พามันมาถึงที่นี่?”

คัตซึฮิโกะได้แต่นิ่งเงียบกับคำถามนั้น  นั่นสิ...เขาเป็นอะไรกับเซย์ริวล่ะ?...ไม่ใช่เพื่อนแน่ ๆ   แต่จะบอกว่าเป็นคนรู้จักก็ไม่เต็มปากนัก...ที่จริงแล้ว  เขาเป็นแค่  ‘เหยื่อ’  รายหนึ่งของเซย์ริวก็เท่านั้นเอง...

“เรื่องนั้น...ไม่รู้สิครับ  ผมแค่ทนดูไม่ได้เท่านั้นเอง”

“แล้วไปเจอมันที่ไหนล่ะ?”  มาซาฮิเดะถามเหมือนชวนคุยไปเรื่อย ๆ

“ที่ห้อง...”

“เธอเป็นเหยื่ออีกรายของมันงั้นสินะ”  คนเป็นหมอสรุปตรงประเด็นแทงใจดำคัตซึฮิโกะพอดิบพอดี

“ทำไม...คุณรู้...?”

“เหยื่อของมันไม่ได้มีแค่เธอเท่านั้นนี่  ฉันรู้จักหมอนี่มานานจนแทบจะเป็นลูกฉันได้เลยหละ  หมอนี่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ  ได้เพราะไปรีดไถเหยื่อที่สะสมเอาไว้นั่นแหละ  มีทั้งเหยื่อที่โดนขู่กรรโชก  โดนแบล็กเมล์  หรือโดนข่มขืน  มันก็ไปตามบ้านคนพวกนั้นแล้วไถเงินมาใช้  หรือถ้าหาไม่ได้ก็ไปเที่ยวปล้นจี้เขาไปเรื่อยนั่นแหละ”  มาซาฮิเดะพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา  “เธอนี่ก็แปลกนะ  ทั้งที่เป็นเหยื่อ  แต่กลับใจดีพามันมาหาฉันได้...เตือนนิดหนึ่งนะ  ย้ายบ้านไปซะ ไปให้พ้นจากเซย์ริว  ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี  คนอย่างมันไม่รู้บุญคุณคนหรอก”

“แล้วทีกับคุณ...”  คัตซึฮิโกะแย้ง  คำบอกเล่าของมาซาฮิเดะทำให้เขาเย็นยะเยือกไปทั้งตัว

“กับฉันน่ะคนละเรื่องกัน  คนพวกนี้จำเป็นต้องอาศัยฉันเป็นพิเศษ  ไม่มีใครกล้าทำอะไรฉันหรอก”

นั่นเป็นคำพูดของคนที่อยู่ในโลกแบบนี้มานาน  คัตซึฮิโกะได้แต่พยักหน้ารับ  แต่เขาก็ยังมองไม่เห็นทางออกตามที่มาซาฮิเดะแนะนำ  มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไปสำหรับเขา...และอีกใจหนึ่ง  เขาค่อนข้างไม่เชื่อว่าเซย์ริวจะไม่รู้จักบุญคุณขนาดนั้น  สิ่งที่เขาทำวันนี้ถือได้ว่าเป็นการช่วยชีวิตเซย์ริวทางอ้อม  อย่างน้อยที่สุด  เซย์ริวก็อาจจะไม่โผล่หน้ามารบกวนเขาอีก

คัตซึฮิโกะพาตัวกลับมาถึงห้อง  ทิ้งตัวลงบนเตียง  ไม่มีกระใจจะกินมื้อเย็นที่ทำเอาไว้  เขาก้าวเข้าไปในโลกอีกด้านที่ไม่เคยรู้จักเสียแล้ว  โลกมืดที่เต็มไปด้วยอันตราย  ชายหนุ่มจินตนาการไม่ออกถึงผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนั้น  แค่ที่เห็นเซย์ริวกับหมอมาซาฮิเดะมันก็เป็นตัวอย่างที่พอจะรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เกินความเข้าใจของเขา

“พอเถอะ...”  คัตซึฮิโกะบอกกับตัวเอง  “ยังไงซะ...ก็จะไม่มีครั้งที่สองอีกแล้วหละ  เราจะไม่ก้าวเข้าไปในโลกแบบนั้นอีกแล้ว”
//////////

TBC.
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 16-02-2013 08:51:50
เอิ๊ว...หลุดมาหน้าสองแล้ว
ขออนุญาตตบมันกลับไปหน้าหนึ่งครับ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 18-02-2013 09:31:21
แบ็คแฮนด์ท็อปสปิน!!
ตบให้เด้งกลับไปหน้าแรก ยอดอ่านขนาดนี้จะอยู่หน้าสามได้ไงฟะ!!
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 18-02-2013 11:30:47
แต่งได้ดีมากเลยค่ะ อินไปกับเรื่องเลย
คัตสึน่ารักจริงๆ เซย์ริวก็ทำกับคัตสึดีๆหน่อยสิ
โดนช่วยไว้แบบนี้จะยังทำอะไรแย่อีกรึเปล่าเนี่ย(ทำชัวร์5555)
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 18-02-2013 12:50:00
ในที่สุดก็มีคนคอมเม้นต์แล้ว...ดีใจ แหะๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-02-2013 18:18:35
มัวแต่รอกระทู้เก่า :z3:
โหดนักนะ เดี๋ยวก็ติดใจหนุ่มใจดีคนนี้หรอก  o18
ตอนนี้ชอบหนุ่มน้อยคนนี้จัง "นัตสึ" อ้าว!  :laugh:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 20-02-2013 23:33:41
คัตสึจังใจดีเกินไปแล้ว เซย์ริวทำขนาดนั้นยังพาไปหาหมออีก :(
เซย์ริวมันก็ได้ใจสิ
ปล. แอบหมั่นไส้พระเอกทุกคนของคุณ Hakuro 5555
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 21-02-2013 00:43:58
เซย์ริวนี่ยังไง 55555555555555555
อึดขนาดนี้ น่าจับเย็บมือเย็บปากจริงๆ
เชียร์คัตสึฮิโกะขาดใจ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: parn11 ที่ 21-02-2013 01:35:05
สนุกมากค่าา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 21-02-2013 05:34:16
สนุกมากกกๆๆ   SM รึเปล่าคะ :laugh:
เซริว มีปมอะไรหรือเปล่าทำไมถึงทำตัวไม่ดี
 รู้ว่้าคัตสึฮิโกะ เป็นคนดีทำไมถึงอยากทำลาย
แล้วความรักของคนทั้งคู่จะเดินไปทางไหน 
โอ๊ยยย!!! ต่อมอยากรู้ทำงานหนักมากเลย :serius2:
รอติดตามนะค่ะ   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 3 : 15/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: done_dirt_cheap ที่ 21-02-2013 10:56:28
สนุกมากเลยอ่ะค่ะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-02-2013 09:11:51
KOUSOKU # 4

ราว ๆ   2  อาทิตย์หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับเซย์ริว  ฮิโรกิก็ต้องมาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถว ๆ  โรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะ  จะว่ามาเยี่ยมเพื่อนก็ไม่เชิง  เพราะเมื่อวันก่อนก็มาเยี่ยมไปครั้งหนึ่งแล้ว  ที่มาวันนี้เพราะเซย์ริวบอกให้มาพาหนีออกจากโรงพยาบาลต่างหาก

“ขืนนอนที่นี่ต่อ  ฉันมิต้องไปปล้นธนาคารเอาเงินมาจ่ายหมอแกเหรอ?  เพิ่งจ่ายของเก่าหมดไปเมื่อก่อนมานอนนี่เอง”  เซย์ริวอธิบายเหตุผลที่ต้องการออกจากโรงพยาบาลก่อนเวลาอันควรให้ฮิโรกิฟัง

ที่จริงมันก็น่าเห็นใจอยู่  เพราะในแต่ละเดือนเซย์ริวต้องเอาเงินมาจมอยู่กับค่ารักษาแผลไม่น้อย...แต่ก็นั่นแหละ  ใครใช้ให้มันไปขยันมีเรื่องเจ็บตัวล่ะ...  ฮิโรกิคิดแบบนั้นแล้วก็ค่อย ๆ  ย่องเข้าไปในโรงพยาบาล  กะว่าจะไม่ให้เจอหน้าหมอมาซาฮิเดะ  เพราะถ้าหมอมาเจอเข้าแล้วมารู้ทีหลังว่าเซย์ริวหายไป  เขานั่นแหละที่จะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด

แต่หลังจากที่โผล่หน้าเข้าไปดูก็พบแค่มาซาฮิเดะกำลังเป็นฟืนเป็นไฟอยู่กับเตียงว่าง ๆ  เตียงหนึ่ง...ดูเหมือนเพื่อนเขาจะหนีออกไปก่อนที่เขาจะมาถึงเสียแล้ว  ฮิโรกิเลยรีบหลบออกมาก่อนที่คุณหมอจะหันมาเห็นเข้าแล้วโวยวายเอากับเขา

ร่างบางลากเท้าไปเรื่อย ๆ   ไม่ได้มีจุดหมายอะไรในวันนี้  แต่ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก็เลยเดินไปจนถึงห้องพักของเซย์ริว  แต่ประตูห้องล็อกเอาไว้ แสดงว่าเจ้าของห้องไม่อยู่

“มันไปไหนของมันน้อ...แผลขนาดนั้นไม่น่าออกไปไหนเลยนี่หว่า...หรือว่าจะไปที่ห้องเรา?”

คิดแบบนั้นแล้วฮิโรกิก็กลับไปที่ห้อง  เดินไปก็คิดไปว่า  ถ้าหากเขาไม่พบเซย์ริวที่ห้องแล้วจะทำอย่างไรดี...คนเจ็บขนาดนั้นจะไปไหนได้...หรือจะไปที่บ้านเหยื่อบางรายที่เลยไป...แล้วไอ้บ้านเหยื่อของมันพวกนั้นมันอยู่ที่ไหนกันโว้ย...ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย  ฮิโรกิสลัดความคิดเหล่านั้นออกจากหัวแล้วก็รีบเดิน

มือเรียวจับลูกบิดประตูบิด  หมายใจว่ามันจะเปิดออกง่าย ๆ  เหมือนเคย แต่...

‘กึก’

“เฮ้ย...”  มันล็อก...ฮิโรกิมองประตูห้องตัวเองอย่างงง ๆ   ก็ตอนที่เขาออกไปจิอากิยังอยู่บ้านอยู่เลย...สงสัยจะออกไปข้างนอกหละมั้ง  แต่ถ้าล็อกห้องเอาไว้แสดงว่าคงออกไปนาน

เจ้าตัวเล็กควานไปตรงขอบประตูด้านบน  ที่ซึ่งเขากับจิอากิมักจะใช้เป็นที่เก็บกุญแจเสมอ  แต่วันนี้มันไม่อยู่ที่นั่น  ฮิโรกิขมวดคิ้วนิดหนึ่ง  ‘…ยัยจิอากิเล่นกูอีกแล้ว…’

แทบจะทุกครั้งที่จิอากิออกจากบ้านแล้วมักจะเผลอเอากุญแจห้องออกไปด้วยทั้ง ๆ  ที่ไปคนละทีกับฮิโรกิ  แล้วก็ทำให้ฮิโรกิที่กลับมาถึงก่อนไม่สามารถเข้าห้องได้  จนในที่สุดเขาก็ปั๊มกุญแจอีกชุดหนึ่ง  แต่กุญแจของเขามันหายไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วและยังไม่ได้ทำใหม่  เขาก็กำชับคนรักนักหนาแล้วว่าห้ามเอากุญแจไปด้วย  ซึ่งเธอก็รับปากโดยดี...แล้วนี่อะไร...แต่ก็คิดอยู่ว่าบางทีเซย์ริวอาจจะอยู่ในห้องก็ได้  ร่างบางเคาะประตูหนัก ๆ  แล้วรอฟังเสียงจากในห้อง...เงียบ...เขาเคาะประตูอีกครั้ง...ยังคงไม่มีเสียงใด ๆ   จากเคาะเริ่มกลายเป็นทุบ  ฮิโรกิเดือดปุด ๆ  อยู่ในใจ

‘…ยัยจิอากิมันไปไหนของมันโว้ย...แล้วไอ้เซย์มันหายไปไหน...แล้วทำไมเราต้องมายืนทุบประตูห้องตัวเองด้วยเนี่ย...นี่มันห้องของเรานะโว้ย  ยัยจิอากิน่ะเป็นแค่คนอาศัย...แล้วมันเรื่องอะไรถึงเอากุญแจห้องไปวะ...’

ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห  เผลอลืมตัวถีบประตูโครมเข้าให้  ได้ผล...ประตูเปิดผางออกทันตาเห็น

“ก็แค่นี้แหละ!”  บ่นกระฟัดกระเฟียดแล้วก็เข้าห้องไป  ก่อนที่จะคิดขึ้นมาได้...แล้วใครจะออกเงินซ่อมประตู...

ฮิโรกิส่ายหน้า...ช่างมันก่อน  ตอนนี้คิดก่อนดีกว่าว่าเซย์ริวอยู่ที่ไหน  ไปเจ็บแผลอยู่กลางทางหรือเปล่า...คิดแล้วก็อดห่วงไม่ได้  ทั้ง ๆ  ที่รู้ว่าเพื่อนตัวเองอึดยังกับอะไรดี  เขาตัดสินใจออกจากบ้านอีกครั้ง  พยายามนึกถึงทุกเส้นทางจากโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะมาห้องเขาและห้องของเซย์ริว  เขาคงต้องเดินอีกหลายกิโลเมตรกว่าจะหาตัวเซย์ริวเจอ...หมายความว่า  ถ้าเซย์ริวอยู่บนเส้นทางพวกนั้นน่ะนะ...

ร่างบางเดินเลาะไปตามซอกซอยเปลี่ยว ๆ  อย่างชำนาญทาง  เขาอยู่แถวนี้มานานจนไม่มีใครกล้าหาเรื่องแม้แต่ในที่ลับตาคนแบบนี้  ส่วนหนึ่งเขาก็ยอมรับหรอกว่าเป็นเพราะอิทธิพลของเซย์ริว  บางที  ถ้าหากว่าเซย์ริวเป็นอะไรไป  เขาอาจจะโดนเล่นงานได้ง่าย ๆ  ก็ได้...คิดแล้วก็ถอนใจนิด ๆ   ที่เซย์ริวหายไปแบบนี้นี่เป็นเพราะ  ‘เป็นอะไรไป’  หรือเปล่า?...ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง  ฮิโรกิรีบเร่งฝีเท้าไปตามเส้นทางต่าง ๆ  อย่างรวดเร็ว

ตะวันแทบจะลับฟ้าอยู่แล้ว  ฮิโรกิลากขาไปตามซอกซอยอย่างเหนื่อยอ่อน  เท่าที่คำนวณดูในหัวก็คงเดินมาไม่ต่ำกว่า  10  กิโลเมตร...แต่ก็ยังหาเซย์ริวไม่พบ...แถมยังไม่เจอจิอากิอีกด้วย  จากความเป็นห่วงก็กลายเป็นความแค้น  และชักจะเดือดปุด ๆ  หนักขึ้นตามระยะทางที่เดินมา

“พ่อมึง!!  ไปตายโหงตายห่าอยู่ที่ไหนวะ!!!?”

ถังขยะตรงปากซอยแห่งหนึ่งกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายให้ฮิโรกิระบายอารมณ์  โดนถีบล้มกระจายอยู่บนพื้น ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นหันมามองเป็นตาเดียวกัน  เจ้าตัวเล็กเหลือบมองตาขวาง

“มองอะไร!?”  เสียงเล็กตวาดแหว  ทำเอาคนที่กำลังมองอยู่รีบเมินหน้าไปคนละทิศละทาง  “คนยิ่งกำลังอารมณ์เสียอยู่ด้วย...เดี๋ยวพ่อก็ด่าซะหรอก...”

บ่นงึมงำอยู่กับตัวเองเป็นครู่  ฮิโรกิก็เดินหงุดหงิดไปตามถนน  มุ่งหน้ากลับห้องพัก...ถ้าเจอจิอากิจะลากกลับไปเล่นงานซะให้เข็ด...ไม่เจอก็แล้วไป...

ฮิโรกิเดินหงุดหงิดไปตามทางเท้า  อากาศเริ่มขมุกขมัวลงทุกขณะ

‘…บางทีคืนนี้ฝนอาจจะตกก็ได้นะ…’  ร่างเล็กคิดแล้วก็รีบสาวเท้าตรงกลับห้อง  แต่ด้วยความที่ใจยังมัวแต่คิดถึงเพื่อนกับแฟนเลยทำให้ไม่สนใจจะมองทาง  จนกระทั่งปะทะเข้ากับใครคนหนึ่ง

“เจ็บนะ!  ดูทางหน่อยเซ่!”  ฮิโรกิโวยวายอย่างฉุนเฉียว  ทั้งที่ก็รู้ว่าเป็นความผิดของตัวเอง

“อะ...ขอโทษ”  เจอเข้าแบบนี้อีกฝ่ายก็เลยต้องขอโทษอย่างเสียมิได้  แต่เมื่อเห็นร่างเล็กตรงหน้าชัด ๆ   น้ำเสียงและวิธีการพูดก็เปลี่ยนไป  “เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

ฮิโรกิเงยหน้ามองคู่กรณี  ดวงตาคมยังฉายแววเอาเรื่องโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาแบบนั้นทำเอาฝ่ายตรงข้ามใจเต้น  แต่พอเห็นสีหน้าและน้ำเสียงที่เปลี่ยนกะทันหันร่างเล็กก็เข้าใจ  จะว่าไปเขาก็คุ้นชินกับอาการแสดงออกแบบนี้ดี...คนจำพวกนี้ก็เป็นหนึ่งในทางทำมาหากินของเขา...มือเล็กปัดเสยปอยผมสีอ่อนออกจากใบหน้า

“ไม่เป็นไรครับ”  พูดไม่พูดเปล่า  หากยังทิ้งสายตากินนัย

ท่าทีแบบนั้น  ต่อให้โง่แค่ไหนก็ต้องรู้ว่าถูกหว่านเสน่ห์  ร่างสูงกลืนน้ำลาย  เขาค่อนข้างแน่ใจในตัวคนตรงหน้า  แต่ก็ถามสักนิดหน่อยเพื่อมารยาทและความชัวร์

“เอ่อ...เธอ...”  ชายหนุ่มลดเสียงลงจนเป็นกระซิบ  “...ขายหรือเปล่า?”

ฮิโรกิลอบมอง  ‘เหยื่อ’  อย่างพิจารณา  ร่างสูง...แต่งตัวดีดูมีรสนิยม  ใช้เครื่องประดับแบรนด์เนมหลายชิ้น ท่าทางเจ้าสำอางไม่น้อย...บางที  หมอนี่อาจจะทำให้หายเบื่อได้ก็ได้...คิดแล้วก็พยักหน้าแทนคำตอบ

“ให้เท่าไรล่ะ?”

หลังจากต่อรองราคากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ชายหนุ่มก็พาฮิโรกิไปที่โรงแรมเล็ก ๆ  แห่งหนึ่งแถวนั้น  ฮิโรกิเรียกราคาไม่มาก...เพราะรู้อยู่แล้วว่าคน ๆ  นี้จะต้องจ่ายแพงกว่าที่เขาเรียกหลายเท่านัก


พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นมามองแขกแล้วก็จำร่างเล็กได้  แต่ก็เฉยเสีย  การทำงานแบบนี้ย่อมเห็นหน้ากันจนแทบจะเรียกได้ว่าคุ้นเคย  บางวันเจอกันหลายรอบด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มร่างเล็กนี้มักจะทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นประจำ  แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเดินขึ้นห้องไป  พนักงานหนุ่มก็เห็นเจ้าตัวเล็กแอบหันมาขยิบตาให้...เพียงเท่านี้ก็เป็นอันรู้กันว่าคืนนี้เขาจะได้ส่วนแบ่งเป็นค่าปิดปากแน่นอน...

ราว ๆ   1  ชั่วโมงให้หลัง  ฮิโรกิก็เดินผิวปากลงบันไดมาอย่างสบายอารมณ์  พอเดินผ่านเคานท์เตอร์  เขาก็วางเงินให้พนักงาน  5000  เยน

“คนนี้กระเป๋าหนักสิท่า”  พนักงานต้อนรับทักขึ้น

ฮิโรกิเพียงแค่ยิ้มแล้วควักสร้อยแหวนนาฬิกาที่รูดมาจากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายให้ดู  พนักงานหนุ่มได้แต่ส่ายหน้า...นี่แหละ  อย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น  ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูนิ่ง ๆ  จะร้ายกาจปานนี้...แต่ยังไม่ทันที่ฮิโรกิจะออกจากโรงแรม  ใครคนหนึ่งก็ร้องขึ้น

“อ้าว!  ฮิโรกิจัง!?”

“ยัยจิอากิ!”  พูดแค่นั้นแล้วก็ตรงปรี่เข้าไปหา  “มานี่เลย!  ยัยบ้านี่  ฉันบอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าห้ามเอากุญแจบ้านติดตัวมา  ฉันเข้าบ้านไม่ได้!”

“ก็ฉันลืมนี่นา  แล้วก็ไม่คิดว่าจะออกมานานด้วย”  จิอากิหน้าง้ำ

“อ้อ...ไม่ออกมานาน...ฉันรออยู่ที่ห้องเป็นชั่วโมง ๆ   ออกมาเดินตั้งแต่บ่ายยันค่ำ  นี่มันไม่นานของเธอเรอะ!?  แล้วมานอนให้เขากกอยู่นี่หมายความว่าไง!?”

“ก็มันบังเอิญนี่!  แล้วคนนี้ก็กระเป๋าหนักด้วย  เขาให้เยอะฉันก็มาน่ะสิ”  หญิงสาวเถียง  “ทีเธอยังมาเลยไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นมันเรื่องของฉัน!”

“นี่มันก็เรื่องของฉันเหมือนกันนี่!”

ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายจนกลายเป็นผัวเมียตีกันกลางล็อบบี้ พ่อหนุ่มหนักงานก็ไหวตัวทันออกมาห้ามทัพไว้ก่อน

“เอาน่า...ทั้งสองคนน่ะ ใจเย็น ๆ นะ” คู่กรณีทั้งสองหันมามองตาขวาง ทำเอาคนกลางผู้หวังดีกลืนน้ำลายเอื๊อก พยายามทำใจดีสู้เสือ “ไหน ๆ ก็ได้มาคนละไม่น้อยแล้ว จะมาทะเลาะกันทำไมล่ะ ไปหาอะไรกินกันให้สบายใจดีว่าไป๊ มาชักช้าอยู่อย่างนี้เดี๋ยวพวกที่แอ้งแม้งอยู่ข้างบนก็ลงมาเอาเรื่องได้หรอก”

จิอากิหันขวับมามองหน้าฮิโรกิ “นี่เธอมอมยาอีกแล้วเหรอ?”

ฮิโรกิยักไหล่ “หรือเธอจะให้ฉันนอนกับมันล่ะ?”

หญิงสาวทำตาโตแต่ก็ไม่ว่าอะไรนอกจากทำปากขมุบขมิบบ่นอะไรบางอย่างกับตัวเอง...มีผู้หญิงที่ไหนอยากให้แฟนตัวเองไปนอนกับผู้ชายล่ะ...ฮิโรกิเมินหน้าหนีแล้วถอนใจอย่างฉิว ๆ

“เฮอะ! ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว...เอากุญแจบ้านมา”

จิอากิส่งกุญแจให้อย่างเสียมิได้ “เอาไปปั๊มซะล่ะ จะได้ไม่ต้องมาว่าอะไรฉันอีก”

“รู้แล้วน่ะ!” เจ้าตัวเล็กย่นจมูกใส่ ก่อนที่จะยิ้มออกมา “ไปดื่มฉลองกันหน่อยมั้ย?”

“เชอะ! เปลี่ยนอารมณ์เร็วเชียวนะ” จิอากิอดกระเง้ากระงอดตามแบบสาวน้อยทั่วไปไม่ได้ แต่พอเห็นคนรักยิ้มอย่างเอาอกเอาใจก็อดใจอ่อนไม่ได้ “เธอต้องเลี้ยงด้วย”

“เอางั้นก็ได้”

ฮิโรกิยักไหล่แล้วก็โอบเอวแฟนสาวพาเดินออกไปจากโรงแรมท่ามกลางความโล่งใจของพนักงานที่อยู่ตรงนั้น...ก็พอจะรู้กันอยู่หรอกว่าคู่นี้เปลี่ยนอารมณ์กันง่าย แต่มีหลายครั้งแล้วที่มันไม่ได้จบสวยแบบนี้...

สองหนุ่มสาวเดินเคียงกันไปยังร้านประจำ...ในตอนนั้นฮิโรกิลืมไปแล้วว่า ทำไมตัวเองถึงออกมาเดินนอกบ้านจนถึงป่านนี้...
//////////

คัตซึฮิโกะเดินออกจากที่ทำงานอย่างสบายอกสบายใจ วันนี้เขารู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษ เจ้านายงี่เง่าออกปากชมผลงานที่เขาออกแบบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่ แถมโบนัสก็ออกพร้อม ๆ กับเงินเดือน นัตสึก็ส่งข้อความมาบอกว่าสอบได้ท็อปวิชาที่เขาติวให้ เพื่อนก็มาบอกว่าแฟนท้องแล้ว...วันนี้รู้สึกจะมีเรื่องน่ายินดีเต็มไปหมด

ชายหนุ่มเงยหน้ามองฟ้า...มันก็ยังคงมืดมิดเหมือนเคย แสงไฟนีออนยังคงสว่างสดใสกลบแสงดาว แต่วันนี้คัตซึฮิโกะกลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เขาสาวเท้าไปตามทางเดินอย่างไม่รีบร้อน พลางนึกไปว่าจะเอาเงินพิเศษที่ได้มาไปซื้อซีดีที่อยากได้ดีหรือไม่ หรือว่าจะเอาไปซื้อเสื้อตัวสวยที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อนดี เดินไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป แวะเข้าซุปเปอร์เจ้าประจำซื้ออะไรไปทำฉลองความสุขเกินขนาดเสียหน่อย

แต่ทั้งเนื้อทั้งผักที่ซื้อมาก็มีอันต้องลงไปกองกับพื้นหน้าห้อง...ตอนที่คัตซึฮิโกะเดินขึ้นแมนชั่นมานั้นไฟทั้งระเบียงมืดสนิท มันไม่มีทางเป็นเพราะหลอดเสียพร้อม ๆ กันอยู่แล้ว...แต่เท่าที่เห็นด้วยตาก็บอกได้ว่ามันเสีย เพราะทุกหลอดแตกละเอียด ทำให้เขาต้องคลำทางมืด ๆ ไปจนถึงห้อง และตอนที่กำลังพยายามไขกุญแจเข้าห้องนั้น มือของใครคนหนึ่งก็คว้าหมับเข้าที่ข้อเท้า

“เฮ้ย!!!!”

นอกจากจะกระตุกเท้ากลับด้วยสัญชาตญาณแล้วยังเตะออกไปเต็มแรงอีกด้วย สิ่งที่ตามมาหลังจากที่เตะเท้าออกไปแล้วคือเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด คัตซึฮิโกะสะดุ้งเฮือก เสียงนั้นดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก

“...ใจร้ายนะ คาซึโกะ...”

เพียงเท่านั้น ข้าวของในมือทั้งหมดก็ร่วงลงไปกองกับพื้น...ต้นเหตุของฝันร้ายกลับมาอีกแล้ว กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกแล้ว! ทั้งที่มองอะไรไม่เห็นแม้แต่นิด แต่คัตซึฮิโกะก็ถอยหลังกะให้พ้นจากระยะเอื้อมมือถึงของคนที่อยู่ในเงามืด

“คะ...คุณ...คุณมาที่นี่ได้ไงน่ะ?” ดูจากระยะเวลากับบาดแผลแล้ว เซย์ริวควรจะยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่า

“แล้ว...มาไม่ได้รึไง?” แม้ในความมืดที่มองไม่เห็นกันและกัน น้ำเสียงนั้นยังแสดงความคุกคาม

“ก็...ก็...” คัตซึฮิโกะหาคำพูดไม่ได้

“อึ๊ก!”

“เอ๊ะ! เป็นอะไรไป คุณ?” คัตซึฮิโกะอุทานด้วยความตกใจ เสียงนั้นบอกความเจ็บปวดชัด

“...แผล...” เซย์ริวเค้นเสียงจากคออย่างยากเย็น
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-02-2013 09:16:48
“เดี๋ยวนะ...เดี๋ยวเข้าไปดูในห้อง” คัตซึฮิโกะรีบไขกุญแจอย่างร้อนรน

ร่างสูงเอนกายพิงคัตซึฮิโกะอย่างล้าแรง ไอร้อนจากผิวกายสัมผัสผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์ไปถึงอีกฝ่าย นั่นยิ่งทำให้คัตซึฮิโกะพยายามเปิดห้องให้เร็วที่สุดท่ามกลางความมืด

“ลุกไหวมั้ย?” คัตซึฮิโกะโอบประคองร่างสูงให้ยืนขึ้นเมื่อเปิดห้องได้สำเร็จ

เซย์ริวกัดฟันลุกขึ้นยืนช้า ๆ  ค่อย ๆ พาตัวเองเดินตามคัตซึฮิโกะเข้าไปในห้อง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ทั้งที่ผิวกายร้อนผ่าว แต่สัมผัสที่รู้จากเสื้อผ้านั้นเย็นเฉียบ

“อยู่หน้าห้องนานแค่ไหนแล้วเนี่ย?”

“ก็นานพอที่ยาแก้ปวดจะหมดฤทธิ์ได้” เซย์ริวบอกพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ  ใบหน้าซีดเผือด

“บ้าจริง! ทำอะไรอย่างนี้?” คัตซึฮิโกะรีบรองน้ำอุ่นมาแล้วใช้ผ้าขนหนูชุบเช็ดหน้าให้

ร่างสูงถอนใจแล้วหลับตาลง ปล่อยให้คัตซึฮิโกะถอดเสื้อออกและเช็ดตัวให้ เลือดซึมไหลออกมาจากบาดแผลนิดหน่อย แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้มันอักเสบจนจับไข้

“คุณออกมาจากโรงพยาบาลทำไมเนี่ย? แผลคุณยังไม่สนิทดีเลยนะ” คัตซึฮิโกะต่อว่าในขณะที่ค่อย ๆ ลอกผ้าปิดแผลออกเพื่อทำแผลให้

“ไม่เคยอยู่จนแผลหายอยู่แล้ว” เซย์ริวตอบทั้งยังหลับตา

“แต่แผลนี้มันเทียบกับแผลที่แขนคุณไม่ได้หรอกนะ!” คัตซึฮิโกะขึ้นเสียง รู้สึกหมั่นไส้กับอาการถือดีของแขกจำใจรับเชิญคนนี้เต็มที “บอกแล้วใช่มั้ยว่าจะตายที่ไหนก็ไป แต่อย่ามาตายที่ห้องผม”

เซย์ริวปรือตาขึ้นมอง...ดวงตาคมสวยไม่ได้มองหน้าเขา หากกำลังจับจ้องอยู่ที่บาดแผลที่กำลังเยียวยาอยู่ คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ ด้วยท่าทีขัดใจ แต่นิ้วเรียวที่ขยับคล่องแคล่วไม่ได้ทำให้เจ็บแผลเลยแม้แต่น้อย...ผู้ชายคนนี้เป็นอย่างนี้เสมอ ทั้งที่ทำเรื่องเลวร้ายแสนสาหัสให้ แต่ก็ยังคงมีความอาทรให้เสมอ...ช่างเป็นคนที่แตกต่างกับเขาราวกับเป็นคนละหน้าของเหรียญ

คัตซึฮิโกะละสายตาจากแผลไปมองหน้าคนเจ็บแล้วก็ต้องสะดุ้งด้วยสายตาที่จับจ้องมาก่อนอยู่แล้ว ชายหนุ่มรีบหลบตา พยายามหาเรื่องคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดที่เขาเพิ่งรู้สึกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เอง

“ไฟ...ไฟที่ระเบียง ฝีมือคุณใช่มั้ย?”

“ใช่”

“ทำทำไม?”

“ถ้ามีใครมาเจอ...จะว่าไง?” น้ำเสียงเรียบเฉย จ้องมองคัตซึฮิโกะด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกอะไร “ที่นี่ไม่มืดพอให้ซ่อนตัวได้นาน ๆ หรอกนะ”

“ก็เลยจัดการไฟทั้งระเบียงเนี่ยนะ คุณจะสร้างความเดือดร้อนไปถึงไหน?” คัตซึฮิโกะหันมามองด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ดวงตาฉายแววชิงชังบาง ๆ

เซย์ริวมองตอบด้วยแววตาเฉยเมยแต่ก็ไม่พูดอะไร เขาไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าใครจะเดือดร้อนเพราะเขาแค่ไหน ไอ้เรื่องโดนขุดบรรพบุรุษขึ้นมาประณามนั้นเป็นเรื่องธรรมดา การโดนมองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ก็เป็นสิ่งที่คุ้นเคย เพียงแต่แววตาที่บอกความชิงชังชัดเจนจากคนตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก...เวลาเพียงแค่เดือนเดียวนับจากการพบกันครั้งแรก สายตาที่จ้องมองเขาของคน ๆ นี้เปลี่ยนไป จากแววตาที่หวาดหวั่นจนไม่เป็นตัวของตัวเอง แปรเปลี่ยนมาเป็นความอาทรห่วงใย และตอนนี้ก็กลับถ่ายทอดความชิงชังออกมาอย่างไม่ปิดบัง...ดู ๆ ไปมันก็น่าสนุกดี ใครจะไปรู้ว่าในวินาทีต่อไปคัตซึฮิโกะจะมองเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนอีก ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ

“ขำอะไร?” คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ

“ไม่เกี่ยวกับแกหรอก” เซย์ริวตอบทั้งยังยิ้มน้อย ๆ

คัตซึฮิโกะมีสีหน้าขัดใจนิดหน่อยแล้วก็หันไปสนใจกับแผลต่อ ด้วยอุปกรณ์เท่าที่มีเขาบรรจงทำแผลให้เซย์ริวอย่างประณีต เบามือ จนกระทั่งใช้ผ้าก็อชปิดทับเป็นที่เรียบร้อย กล่องยาถูกนำไปวางไว้บนชั้นตรงที่เดิมของมัน แล้วชายหนุ่มก็เปิดลิ้นชักใส่เสื้อผ้าใต้เตียง หยิบชุดนอนเนื้อหนายื่นให้เซย์ริว

“เปลี่ยนเสื้อซะ อากาศเย็น เดี๋ยวจะเป็นอะไรมากกว่านี้”

“แกนี่แปลกนะ คาซึโกะ” เซย์ริวรับเสื้อมาสวม

“แปลกยังไง?”

“แกทำเหมือนกับว่าลืมไปแล้วว่าฉันทำอะไรไว้กับแก”

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง...ความจริงเขาก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน เรื่องที่เซย์ริวทำเอาไว้กับเขามันลืมกันไม่ได้ง่าย ๆ แน่ ๆ  และเขาก็ไม่คิดจะให้อภัยด้วย แต่เขาก็กลับให้ความช่วยเหลือคน ๆ นี้ทุกครั้งที่พบว่ากำลังลำบาก ทั้งที่จะเอาไปปล่อยให้ตายที่ไหนก็ได้แต่ก็พาไปส่งที่โรงพยาบาล...บางที เขาคงเป็นคนใจอ่อนเกินไป

“ผมไม่ลืมหรอก ไม่มีวันลืมด้วย” คัตซึฮิโกะตอบด้วยเสียงเรียบ ๆ แล้วก็ผละไปที่ครัว

ร่างสูงเปลี่ยนเสื้อผ้าเงียบ ๆ  แล้วก็ทิ้งตัวลงนอน หลับตาลงพร้อมกับคิดว่าจะหลับซักงีบ...หูแว่วยินเสียงอุปกรณ์ทำครัวกระทบกันเบา ๆ เป็นครั้งคราว ไม่นานนักกลิ่นหอมน่ากินของอาหารก็ลอยมารบกวนจมูก...เซย์ริวรู้สึกเหมือนกับตัวเองฝันไป บรรยากาศที่เงียบสงบจนรู้สึกสบายใจแบบนี้ เขาไม่เคยสัมผัสมานานแล้ว แม้แต่ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะก็ไม่ได้สงบอย่างนี้ เพราะในบางวัน เตียงข้าง ๆ ก็เป็นพวกคู่อริของเขา แต่มันเป็นกฎของสังคมของเขา...จะไม่มีใครมีเรื่องกันในโรงพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความรู้สึกที่มีศัตรูอยู่ใกล้ ๆ มันก็ไม่ชวนให้สบายใจขึ้นมาหรอก ข่าวคราวที่ได้ยินจากฮิโรกิก็คือ อัตสึชิคู่อริของเขายังไม่ตาย แต่อาการสาหัสมาก เพิ่งได้สติเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง และคงต้องนอนโรงพยาบาลหลายเดือน แล้วก็ไม่แน่ว่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลอีกหรือเปล่า บางทีหลังจากนี้อาจจะต้องเข้าซังเตไปเลยก็ได้...แต่ที่เซย์ริวคิดหนักก็คือ เรื่องนี้มันจะซัดทอดมาถึงตัวเขาหรือเปล่า ตำรวจต้องเก็บรอยนิ้วมือของเขาได้อยู่แล้ว เพราะเขาปักมีดเอาไว้บนร่างของหมอนั่น คนอย่างอัตสึชิคงไม่คิดจะปล่อยให้เขาเป็นอิสระอยู่ได้ถ้าหากตัวเองต้องถูกจองจำ เขาคงต้องหาที่ซ่อนที่ปลอดภัยพอ หรือไม่ก็ต้องย้ายที่ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเรื่องมันจะเงียบไป…

“คุณ ตื่นมากินอะไรก่อน” คัตซึฮิโกะเขย่าปลุกคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเบา ๆ

เซย์ริวลืมตาขึ้นอย่างมึนงง...ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน...โรงพยาบาล...หรือที่ห้อง...จนกระทั่งเห็นหน้าคนปลุกชัด ๆ ถึงได้นึกออก เขาค่อย ๆ ยันตัวขึ้นนั่งช้า ๆ

“กินข้าวซะก่อน จะได้กินยา แล้วทีนี้อยากจะนอนก็นอน” เจ้าของห้องว่าพลางยื่นถาดใส่ชามข้าวต้มหอมกรุ่นมาให้ตรงหน้า

เซย์ริวมองอาหารตรงหน้าแล้วก็เบ้ปาก มันดูน่ากินมาก ๆ ในสายตาเขา แต่ร่างกายของเขาตอนนี้มันไม่นึกอยากอาหารเลยแม้แต่นิดเดียว พิษไข้มันทำให้เห็นอะไรก็อยากจะแหวะไปเสียหมด

“ฉันไม่หิว”

“หิวไม่หิวก็ต้องกิน” คัตซึฮิโกะพูดด้วยเสียงจริงจัง

“ฉัน...ไม่ชอบไก่”

“ชอบไม่ชอบก็ต้องกิน อย่ามาเรื่องมาก มีให้กินแค่นี้”

เซย์ริวมองหน้าคัตซึฮิโกะด้วยความรู้สึกขัดใจอย่างแรง นี่ถ้าร่างกายเขาสมบูรณ์หละก็ ไอ้หมอนี่ไม่มีทางได้มานั่งเจ้ากี้เจ้าการกับเขาอย่างนี้แน่ มันคงต้องได้เจ็บตัวไปแล้ว

“ไม่ต้องมามองผมอย่างนั้น ถ้าคุณไม่กิน ผมจะไปตามหมอมาเอาคุณกลับโรงพยาบาล”

เซย์ริวถอนใจ...ให้กลับไปนอนโรงพยาบาลอีกตอนนี้ สู้ไปนอนในคุกดีกว่า เพราะกว่าจะหาเงินมาจ่ายหมอแกได้แต่ละครั้งต้องใช้เวลาหาเป็นเดือน ๆ  ในที่สุด เขาก็ตักข้าวต้มเข้าปากอย่างเสียมิได้ แต่แล้วก็ต้องนิ่งไปเมื่อได้ลิ้มรส เขาลอบมองหน้าคัตซึฮิโกะพร้อมกับคิดในใจ...หมอนี่ทำอาหารเก่งขนาดนี้เชียวหรือ?

คัตซึฮิโกะเห็นร่างสูงยอมกินข้าวตามที่เขาบอกแกมข่มขู่แล้วก็ยิ้มนิด ๆ  เดินไปหยิบชามข้าวของตัวเองมากินบ้าง ที่จริงคืนนี้เขากะจะทำมื้อใหญ่ฉลองเรื่องน่ายินดีของวันนี้เสียหน่อย แต่พอเห็นหน้าเซย์ริวแล้วก็หมดอารมณ์ทำ...บางทีเขาอาจะใช้ความโชคดีของวันนี้ไปหมดแล้วก็ได้ ถึงได้ต้องมาเจอเจ้าอาชญากรคนนี้อีกครั้ง

“ทำไมของฉันเป็นข้าวต้ม?” เสียงห้าวถามขึ้น

คัตซึฮิโกะเลิกคิ้วนิด ๆ กับคำถามนั้น “ก็คุณไม่สบาย”

“แล้วทำไมของแกถึงเป็นหมูทอด?”

“ก็ผมชอบ” ว่าแล้วก็คีบหมูทอดชิ้นใหญ่เข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ  ทำหน้าตามีความสุขกับอาหารฝีมือตัวเองอย่างสุด ๆ

เซย์ริวบอกกับตัวเองว่า ถ้าไม่ใช่คิดไปเอง...ไอ้หมอนี่กำลังกินหมูทอดเย้ยเขาอยู่เห็น ๆ


ยาลดไข้แก้อักเสบสองเม็ดถูกกลืนลงคอพร้อมกับโดนกรอกน้ำตามอีกหลายอึกใหญ่ ด้วยเหตุผลของคัตซึฮิโกะที่ว่า กินยาแล้วต้องกินน้ำตามมาก ๆ  ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ที่เซย์ริวรู้สึกเสียหน้าและไร้ทางต่อสู้ยังไงพิกล นอกจากหมอมาซาฮิเดะแล้วยังไม่เคยรู้สึกแบบนี้เพราะใครมาก่อน แล้วมันเพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงได้พาตัวเองมาที่นี่ ตอนที่ปีนออกมาจากโรงพยาบาล เขาคิดจะกลับไปที่ห้อง แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าบางทีอาจจะมีตำรวจป้วนเปี้ยนอยู่แถวนั้น ตอนไปถึงห้องของฮิโรกิก็พบว่ามันล็อกและไม่มีใครอยู่ในห้อง...เขารู้ว่าฮิโรกิคงไปหาเขา แต่จิอากิไปไหนนี่ไม่รู้ ความจริงเขาคิดจะรอจนฮิโรกิมาแล้วออกจากโรงพยาบาลพร้อมกัน แต่พอดีได้ยินว่าหมอมาซาฮิเดะจะฉีดยาอะไรให้เขาอีกสักเข็ม เขาก็เลยต้องหาทางเอาตัวรอดก่อนที่ค่ารักษามันจะเพิ่มขึ้นอีกเพราะยาเข็มนั้น

หลังจากที่นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยมาจนถึงตอนนี้ ชายหนุ่มเจ้าของห้องก็เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เรือนผมสีดำเปียกลู่ปรกระใบหน้าคมเข้ม ร่างกายท่อนบนที่เปลือยเปล่ายังมีหยาดน้ำเกาะพราว...เหมือนกับที่เซย์ริวได้เคยเห็นเมื่อครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ คัตซึฮิโกะไม่ได้ดูอ่อนแอและขี้แพ้อย่างตอนนั้น

ร่างสูงแอบคิดอยู่ในใจ ถ้าวันที่พวกเขาพบกันครั้งแรก คัตซึฮิโกะให้ความรู้สึกแบบตอนนี้หละก็ มันคงไม่ได้จบลงที่การข่มขืน...แต่คงจบลงที่ใครสักคนจะต้องตายด้วยน้ำมือของอีกฝ่ายแน่ ๆ ...เขายอมรับว่าคัตซึฮิโกะดูดีกว่าเดิม แต่นั่นมันไม่ถูกใจเขา ‘เหยื่อ’ มันควรจะเชื่อง ๆ และเลี้ยงได้ง่าย ๆ

“คุณจะนอนก่อนก็ได้นะ” คัตซึฮิโกะบอกเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

“แล้วแกล่ะ?”

“ผมจะทำอะไรต่ออีกนิดหน่อย”

เซย์ริวพยักหน้ารับรู้แล้วก็หลับตาลง คัตซึฮิโกะเองก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก เขาปิดไฟกลางห้องแล้วเปิดโคมไฟบนโต๊ะ หยิบกระดาษกับดินสอขึ้นมานั่งวาดภาพ ในเวลาว่าง ๆ ตอนกลางคืน เขามักจะเขียนรูปอยู่เสมอ


ตอนที่คัตซึฮิโกะวางมือจากดินสอก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว เขาบิดตัวอย่างเมื่อยขบ เลยเวลาที่ควรจะเข้านอนมานานแล้ว ทุกครั้งที่เขียนรูปเขามักจะลืมเวลาอย่างนี้เสมอ เขามองภาพวาดตรงหน้าแล้วยิ้มนิด ๆ  ภาพร่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้คงลงสีได้
ชายหนุ่มลุกจากเก้าอี้ไปเปิดลิ้นชักใต้เตียงค้นหาเครื่องนอนสำรองอย่างเงียบ ๆ

“จะนอนพื้นเหรอ?” เสียงห้าวดังขึ้นในความมืดสลัวเบา ๆ

“นอนไม่หลับเหรอ?”

“เปล่า...เพิ่งตื่น” แล้วร่างสูงก็ขยับตัวเข้าไปชิดผนัง “นอนบนเตียงก็ได้ อากาศเย็นนะ”

“ไม่เป็นไรหรอก คุณนอนไปเถอะ”

“หึ...ฉันไม่ทำอะไรแกหรอกน่า”

คำพูดนั้นดูยั่วเย้าอยู่ในที หากคัตซึฮิโกะหน้าแดงซ่าน จะให้เชื่อใจได้ยังไงกับคน ๆ นี้ เซย์ริวก็เหมือนงูพิษ ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ก็ต้องระวังตัวให้มากที่สุด

“คุณนอนเถอะ ผมนอนที่พื้นแหละดีแล้ว” คัตซึฮิโกะยืนยันความคิดเดิม

“คาซึโกะ...” น้ำเสียงนั้นทอดอ่อนละมุน หากในห้องสว่างกว่านั้นอีกนิดหน่อย เซย์ริวจะได้เห็นแววหวั่นไหวในดวงตาคมของเจ้าของชื่อ “มานอนนี่เถอะ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า”

มือใหญ่ตบลงเบา ๆ ที่ข้างตัว ขยับเปิดพื้นที่ให้อีกฝ่ายมากขึ้น คัตซึฮิโกะทอดถอนใจนิด ๆ ...เขาคงเป็นคนใจอ่อนเกินไปจริง ๆ ด้วยสินะ แต่เอาเถอะ...ถ้าเซย์ริวคิดจะทำอะไรไม่ดีขึ้นมา เขาคงป้องกันตัวเองได้

คัตซึฮิโกะวางหมอนลงกับเตียง เดินไปปิดโคมไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงนอน เซย์ริวตวัดผ้านวมที่ตัวเองห่มอยู่ห่มคลุมให้ ไอตัวของคนที่นอนอยู่ก่อนแล้วทำให้ผ้าผืนนั้นอุ่นสบาย ร่างสูงหันหลังให้ คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับตัวเอง...ในคืนที่อากาศเย็น ๆ แบบนี้ มีคนมานอนด้วยก็อุ่นดีเหมือนกัน...เขาพลิกตัวหันหลังให้เซย์ริวเช่นกัน

“ราตรีสวัสดิ์”

ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาระบายลมหายใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง
//////////

ในความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าร่างกายอุ่นสบายกว่าเคย ไออุ่นบางอย่างแนบลงกับแผ่นหลังอย่างนุ่มนวล ชายหนุ่มขยับตัวนิด ๆ ...ผ้านวมคืนนี้อุ่นจัง...แล้วความคิดก็หลุดลอยไปอีก...บางที...เขาอาจจะวูบหลับไปอีกครั้งก็ได้ ไออุ่นนั้นราวกับค่อย ๆ ครอบคลุมลูบไล้ไปทั่วร่างของเขาช้า ๆ  แผ่วเบา...รู้สึกเบาหวิวราวกับไม่มีร่างกาย และก็รู้สึกสบายจนไม่อยากตื่น แต่ประสาทสัมผัสเริ่มบอกกับตัวเองว่าไออุ่นนั้นค่อย ๆ รุกล้ำเข้ามาครอบครองร่างกายของเขามากขึ้น

ดวงตาคู่สวยปรือขึ้น คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองกำลังอยู่ในวงแขนของใครอีกคน...ในครั้งแรกเขานึกไม่ออกว่าใคร จำไม่ได้ด้วยว่าตอนนี้ตัวเองนอนอยู่ที่ไหนกันแน่...หรือนัตสึจะแวะมานอนด้วย...ในสมองที่มึนตื้อ ร่างกายค่อย ๆ รับรู้ได้ทีละน้อย...มืออุ่นร้อน ใหญ่และหยาบเกินกว่าจะเป็นมือของนัตสึ

“อือ...ใคร...?” คัตซึฮิโกะขยับตัวนิด ๆ  หากอ้อมแขนที่โอบกอดเขาไว้กระชับแน่น
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-02-2013 09:19:57
ริมฝีปากอุ่นร้อนประทับแนบลงกับซอกคอ คัตซึฮิโกะเกร็งตัววาบ แรงขบเม้มทำให้หัวใจหวิวสั่น จากที่สติกำลังจะกลับมาสมบูรณ์พร้อมกลับล่องลอยออกไปอีก จนกระทั่งอีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกแล้วตวัดลิ้นเลียตรงจุดที่ประทับรอยเอาไว้เบา ๆ  ชายหนุ่มจึงได้สติ

“เซย์ริว...?”

“หือม์...?”

“จะทำอะไรน่ะ?” น้ำเสียงเริ่มมีอาการประหม่า มือเรียวไขว่คว้าเปะปะหมายจะหยุดยั้งการกระทำที่เริ่มซุกซนของคนที่ขนาบชิดอยู่ทางด้านหลัง

“อย่าดื้อซี่...” เสียงกระซิบมีแววยั่วเย้า

“ไม่...อะไรกัน...หยุดนะ...” คัตซึฮิโกะพยายามจะหยุดอีกฝ่ายให้ได้ แต่เพราะไม่ระวังตัวจนตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งเต็มที่ การขัดขืนจึงยากเย็น

“แค่นิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่เสียหายอะไรหรอก” เรียวลิ้นกระหวัดเลียหยอกใบหูนิ่ม

“อ๊ะ! ไม่...นิดเดียวอะไรของคุณ หยุด...หยุดเดี๋ยวนี้นะ” แม้แทบจะไม่มีแสงสว่าง แต่คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าหน้าตัวเองแดงซ่านไปหมด และยิ่งรู้สึกร้อนวูบวาบอย่างแปลก ๆ เมื่อมือใหญ่ควานต่ำลงไปจนถึงขอบกางเกงนอน

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็โดนแผลฉันหรอก”

คำขู่นั้นได้ผล คัตซึฮิโกะหยุดอาการดิ้นรนทันที พร้อมกับรู้สึกลำบากใจอย่างแรง...ทำยังไงเขาถึงจะหนีคน ๆ นี้พ้นโดยที่ไม่ทำให้ต้องเจ็บตัวนะ

ยังไม่ทันจะได้คำตอบกับตัวเอง มืออุ่นร้อนก็ควานเข้าไปในกางเกงนอน ขยับลูบไล้อย่างเชี่ยวชาญ ทำเอาคนถูกรุกรานสะดุ้งวาบ ตะปบคว้ามือนั้นเอาไว้ แต่ก็ช้าเกินไป...เซย์ริวสัมผัสจุดอ่อนไหวแล้วลูบไล้อย่างแผ่วเบา

“อ๊ะ! อย่า...” คัตซึฮิโกะเกร็งไปทั้งตัว

“อยู่นิ่ง ๆ นะ” คำกระซิบนั้นเป่าพ่นลมหายใจอุ่นรดรินอยู่ข้างหู จมูกโด่งซุกไซ้ไปตามไรผมนิ่ม ก่อนจะไล้ริมฝีปากระลงมาประทับรอยจูบที่ซอกคออีกครั้ง มือขวาค่อย ๆ สัมผัสแตะต้องร่างของคัตซึฮิโกะอย่างอ่อนโยน ส่วนอีกมือก็ค่อย ๆ สอดเข้าไปในเสื้อนอน ลูบไล้ไปตามผิวเนียนลื่นมือช้า ๆ

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พยายามกลั้นเสียงร้องด้วยความหวามไหวในอารมณ์ รู้ดีว่าต้องปฏิเสธไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะเลยเถิดไป แต่ก็ไม่สามารถทำได้ มือที่พยายามจะหยุดยั้งร่างสูงกลายเป็นเกาะยึดเอาไว้ด้วยความสับสนลึก ๆ

เซย์ริวขยับมืออย่างชำนาญเชิง ปลุกเร้าอารมณ์อีกฝ่ายให้รุ่มร้อน รู้สึกพึงพอใจกับปฏิกิริยาของคนในอ้อมกอด ยิ่งคัตซึฮิโกะรู้สึกลำบากใจ เขาก็ยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้นเท่านั้น มือที่ลูบไล้ไปตามแผ่นอกเปลี่ยนมาปลดกระดุมเสื้อออก ก่อนจะใช้ฟันงับดึงคอเสื้อด้านหลังให้เลื่อนลง เผยให้เห็นแผ่นหลังขาวที่ดูนวลเนียนอยู่ในความมืดสลัว ปลายลิ้นอุ่นตวัดลิ้มรสแผ่วเบา ลอบสูดกลิ่นกายหอมละมุน จูบประทับร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของประปราย

ร่างเพรียวกระตุกเกร็งทุกครั้งที่ถูกสัมผัส ไม่ว่าเบื้องหน้า เบื้องหลัง หรือตรงจุดอ่อนไหว หมดหนทางปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ได้แต่ปล่อยอารมณ์ไปตามจังหวะการชักจูงของผู้รุกราน ขยับตัวเข้ากับจังหวะการชักพานั้นอย่างไม่รู้ตัว ผวาตัวแอ่นอกรับสัมผัสที่ขยี้ลงมาตรงส่วนปลายยอด

“อึก...อือ...” ในที่สุด คัตซึฮิโกะก็ไม่อาจกลั้นเสียงครางได้ เขาถอนมือที่ปิดปากออกแล้วกัดนิ้วตัวเองข่มความกระสันอยากเอาไว้

“อีกสิ...คาซึโกะ...ให้ฉันได้ฟังเสียงแกชัด ๆ ” พูดพลางขยับปลายนิ้วสะกิดส่วนปลายยอดที่ตอนนี้มีหยาดน้ำลื่น ๆ หลั่งออกมาจนชุ่ม

“อ๊ะ! อา...เซย์...เซย์ริว...พอ...” เสียงหวานกระซิบกระเส่า หอบถี่ด้วยความรัญจวนใจที่ได้รับ

ร่างสูงขบเม้มไปตามลาดไหล่ ซึ่งสะดุ้งไหวทุกครั้งที่แนบริมฝีปากลงไป สองมือช่วยกันปรนเปรอให้กับคนในอ้อมกอดไม่ยั้ง ยิ่งคัตซึฮิโกะส่งเสียงครวญคราง เซย์ริวยิ่งเร่งมือหนัก ยิ่งมีอาการผวาเกร็ง มืออุ่นร้อนก็ยิ่งกอบกำแน่นขึ้น

“ไม่...เซย์ริว...ไม่ไหว...พอแล้ว...” คำอ้อนวอนขาดห้วงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นทุกขณะ

“จะไปแล้วเหรอ?” มือที่ครอบครองอยู่ดึงจังหวะให้เนิบช้าลง

“อือ...จะ...จะไม่ไหวแล้ว...อา...” มือเรียวขยุ้มหมอนแน่น เกร็งไปทั้งตัวด้วยที่สุดของอารมณ์กำลังจะมาถึง

“หึ...” รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขยับมือนวดคลึงช้า ๆ  แกล้งไม่ให้อีกฝ่ายได้ตามที่ต้องการ

“อา...เซย์ริว...อย่า...อย่าทำแบบนี้สิ ผม...อา...” คัตซึฮิโกะซุกหน้าเกลือกกับหมอน มือเรียวจิกแขนแกร่งกระตุ้นให้กระทำต่อให้ แต่อีกฝ่ายยังแกล้งเฉย

“ขอร้องสิ คาซึโกะ...ขอร้องฉันก่อน” ร่างสูงขยับตัวคร่อมทับคนที่หมดทางขัดขืนไว้แล้วไซ้จมูกไปตามแก้ม

“ขอ...ขอร้อง?”

“ใช่...ขอร้องฉัน ด้วยปากของแกไง” พูดพลางริมฝีปากอุ่นร้อนก็เข้าคลอเคล้ากับริมฝีปากนิ่ม

คัตซึฮิโกะรู้ดีกว่าเขาต้องทำอย่างไร ริมฝีปากเผยอออกและตวัดปลายลิ้นไล้เลียริมฝีปากของอีกฝ่าย ขบเม้มดูดดุนเชิญชวนให้ลิ้มรสเขาให้เต็มที่ ชายหนุ่มจูบเร่งเร้า ยั่วยวนอย่างไม่อายเพื่อให้เซย์ริวทำตามที่เขาต้องการ ในตอนนี้ อารมณ์และความต้องการอยู่เหนือเหตุผลและสามัญสำนึกเสียแล้ว อ้อมแขนตวัดโอบรอบคอร่างสูง ลูบไล้เปะปะไปตามแผ่นหลังกว้าง พยายามเรียกร้องให้ตอบสนองจูบของเขา

เซย์ริวยิ้มละไมในสีหน้า การยั่วยวนที่ดูไม่ช่ำชองนั้นมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จูบที่เรียกร้องทำให้อยากตอบสนองและอยากแกล้งในขณะเดียวกัน เขาเผยอปากตอบรับลิ้นอุ่นนุ่มแล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปควานหารสชาติหวานแปลกจากปากของร่างเพรียว ไล้เลียดูดกลืนราวกับปรารถนาจะกลืนกินร่างทั้งร่างนั้นเข้าไป ขยับมือเร่งเร้ากระตุ้นอารมณ์ที่พลุ่งพล่านให้แตกซ่าน

ร่างเพรียวเกร็งร่างแอ่นรับจังหวะที่เร่าร้อนนั้น ริมฝีปากที่ถูกบดคลึงทำให้ไม่สามารถร้องออกมาได้ นอกจากส่งเสียงครางเครือด้วยความวาบหวามอยู่ในลำคอ เอวบางขยับรับจังหวะของมือใหญ่ลงตัว และภายใต้การชักพาเพียงอีกไม่กี่ครั้ง คัตซึฮิโกะก็ผวาขึ้นสุดตัว แอ่นเกร็งร่างปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดอั้นให้พรั่งพรูออกมาจนชุ่มมือที่ครอบครองเขาอยู่

เซย์ริวตวัดลิ้นไล้เลียเป็นจังหวะสุดท้ายเมื่อร่างในอ้อมแขนหยุดอาการเกร็งกระตุกก่อนที่จะถอนริมฝีปากออก

“อึก...ฮ่า...” คัตซึฮิโกะหอบหนัก ๆ  หลับตาพริ้ม ใบหน้าเนียนแดงซ่านจากกิจกรรมที่เพิ่งผ่านพ้นไป

ริมฝีปากร้อนไล้ไปตามหน้าผากชื้นเหงื่อของคัตซึฮิโกะช้า ๆ  “คาซึโกะ...”

“หือ?...” เสียงครางตอบรับแสดงถึงสติที่ยังคง

“ทำให้ฉันบ้างสิ”

“เอ๋?”

ดวงตาที่หลับพริ้มลืมพรึ่บขึ้นทันที แล้วก็ต้องรีบหลบต่ำเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่จ้องมองมาอยู่ก่อน

“ไม่ได้เหรอ?”

“อะ...เอ่อ...มัน...” คัตซึฮิโกะรู้สึกตะขิดตะขวงในใจ

“แค่ใช้มือเท่านั้นแหละ...เหมือนที่ฉันทำเมื่อกี้ไง ได้มั้ย?”

คัตซึฮิโกะเหลือบตาขึ้นมองหน้าร่างสูงแล้วก็หลบตาอีก แต่ไม่ได้พูดอะไร เซย์ริวจึงถือเอาอาการนั้นเป็นการตอบรับ มือที่ยังเลอะของเหลวขุ่นข้นเลื่อนขึ้นมาจับมือเรียวไว้แล้วพาลงไปสัมผัสกับร่างของเขา...มันตื่นตัวอยู่ในกางเกงผ้าเนื้อบาง และดูเหมือนจะตื่นตัวมากขึ้นเมื่อสัมผัสเข้ากับมือที่สั่นน้อย ๆ ของอีกฝ่าย

คัตซึฮิโกะรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมดทั้งที่เพิ่งเสร็จสมไปเมื่อครู่นี้เอง มือที่เปียกชุ่มด้วยหยาดน้ำของเขาให้ความรู้สึกแปลกประหลาด มือนั้นกุมมือของเขาเอาไว้แล้วนำมันไปแตะต้องร่างที่แข็งขึงราวกับท่อนไม้ ชายหนุ่มจับต้องมันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ...นอกจากร่างของตัวเองที่สัมผัสตอนสำเร็จความใคร่ให้ตัวเองแล้ว เขาไม่เคยสัมผัสของใครมาก่อน...มือเรียวสั่นเทาอย่างช่วยไม่ได้ เขาก้มหน้าซุกกับแผ่นอกกว้างซ่อนใบหน้าจากการจ้องมอง

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ กับอาการประหม่านั้น มือที่ขลาดกลัวเพิ่มความตื่นเต้นให้เขามากขึ้นจนแทบทนไม่ได้ เขาเบียดท่อนล่างเข้าหาแล้วใช้มือค่อย ๆ สอนให้คัตซึฮิโกะขยับอย่างที่เขาต้องการ

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ กอบกุมแก่นกายรุ่มร้อนมากขึ้น ทุกครั้งที่ขยับนิ้วเปลี่ยนการสัมผัสหรือลงน้ำหนักสัมผัสมากขึ้น เขาได้ยินเสียงถอนใจด้วยความหฤหรรษ์ของร่างสูง เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกพอใจอย่างประหลาด จนกล้าที่จะ ‘เล่น’ กับส่วนกลางกายนั้นมากขึ้น...จนในที่สุด สัมผัสจากมือของเขาก็นำมาซึ่งเสียงครางเบา ๆ  คัตซึฮิโกะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง...มันไม่ได้ต่างอะไรกับเสียงของเขาเมื่อครู่นี้เลย ถ้าเขาสามารถพาคน ๆ นี้ไปจนถึงจุดสุดยอดได้ ก็หมายความว่าครั้งนี้เขาทั้งสองคนเสมอกัน...มือเรียวขยับเร่งเร้าหนักหน่วงขึ้น ในขณะที่มือใหญ่กุมมือนั้นไว้หลวม ๆ  ปล่อยให้ชายหนุ่มแสดงฝีมือเต็มที่ เอวแกร่งเริ่มขยับไหวตามแรงกระตุ้น จังหวะที่เนิบช้าค่อย ๆ รุนแรงมากขึ้น

“อึก...อืม...” ร่างสูงซบหน้าลงกับผมนิ่ม ครางเบา ๆ ในลำคออย่างพึงใจ กอดรัดร่างในอ้อมแขนแนบแน่น

ร่างเพรียวยิ่งเร่งมือหนักขึ้น จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงอาการกระตุกเกร็งของต้นขาที่เบียดชิดกับขาของเขา มือที่กุมมือเขาไว้เกาะเกร็งแน่น ขยับเร่งมือของเขาให้ได้ดังใจ ลมหายใจหอบถี่ดังอยู่ข้างหูคัตซึฮิโกะไม่ขาดระยะ จนกระทั่งในที่สุด...

“อะ...คาซึโกะ...อึก...อา...” ร่างสูงปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดในมือเรียว ก่อนที่จะซบลงกับหมอน ถอนใจหอบหนัก ๆ  แล้วก็นิ่งไปเหมือนผล็อยหลับ

คัตซึฮิโกะลืมตาอยู่ในความมืดพักหนึ่ง ใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มือของเขายังกอบกุมร่างของเซย์ริวเอาไว้หลวม ๆ  โดยมีมือใหญ่กุมมือของเขาเอาไว้อีกที หยาดน้ำขุ่นเหนียวในมือตอนนี้ปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร คัตซึฮิโกะคิดจะถอนมือออกแล้วไปล้างให้สะอาด แต่ก็รู้สึกราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรง ได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความเงียบ จนได้ยินเสียงเต้นของหัวใจอีกดวงจากแผ่นอกที่ซุกซบอยู่ เสียงนั้นเนิบช้า เป็นจังหวะสม่ำเสมอ คัตซึฮิโกะถอนใจนิด ๆ  เสียงนั้นทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก และในที่สุดก็ผล็อยหลับไป

แต่ทันทีที่ร่างเพรียวเคลิ้มหลับ ดวงตาอีกคู่ก็ลืมขึ้น เซย์ริวจ้องมองคนที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ...สิ่งที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนี้แสดงให้รู้ว่าคัตซึฮิโกะเร่าร้อนและพร้อมจะตอบสนองเขามากเพียงใด หากกระตุ้นให้ถูกจุด คน ๆ นี้จะสามารถมอบความหฤหรรษ์ให้จนอิ่มเอม...อย่างเช่นในครั้งนี้ การทำให้คิดว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ด้วยการนำเขาไปสู่จุดสุดยอดของอารมณ์ กระตุ้นให้คัตซึฮิโกะพยายามงัดเทคนิคทั้งหมดที่มีมาปรนเปรอให้เขาจนเต็มอิ่ม...ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเอง...ยังมีเวลาอีกนานที่จะสนุกกับของเล่นชิ้นนี้ ของเล่นที่น่าสนใจที่ยังสอนอะไรได้อีกหลาย ๆ อย่าง ของเล่นที่สามารถบังคับขืนใจเอาได้ ของเล่นที่สามารถสร้างความพึงพอใจให้อย่างที่ไม่ได้รับมานาน...ทั้งหมดของคน ๆ นี้จะต้องเป็นของเขา

“หลับให้สบายนะ คาซึโกะ...ของเล่นของฉัน...”


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 22-02-2013 14:39:41
อย่ารุนแรงกับคาซึโกะนักเลยนะเซย์ริว
ใครจะไปรู้ คาซึโกะอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างๆ นายก็ได้นะะะ

สนุกค่ะ อ่านกี่ครั้งก็สะเทือนใจ
เสียใจที่เราไม่ได้สั่งรวมเล่มไว้ ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยได้แต่อ่านออนไลน์เท่านั้น
ไม่ทราบว่ายังเหลือ หรือมีรีปริ๊นท์ไหมคะ เราอยากเสียเงิน 5555555

รักคนแต่ง แต่งโดนใจเราทุกเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 22-02-2013 16:05:44
ชอบคาซึฮิโกะมากๆเลย เป็นคนดีจริงๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 22-02-2013 17:39:11
เซย์ริว...
โหดจริงแฮะะะะะ :3

จะอยู่แบบสงบ(?)แบบนี้ไปได้อีกซักกี่น้ำนะะะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 22-02-2013 17:49:20
แง้ววว ซะงั้น เซย์ริวนี่เจ้าเล่ห์ชะมัด
คัตสึใจอ่อนเกินไปแล้วนะ
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-02-2013 20:14:33
อย่ารุนแรงกับคาซึโกะนักเลยนะเซย์ริว
ใครจะไปรู้ คาซึโกะอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ข้างๆ นายก็ได้นะะะ

สนุกค่ะ อ่านกี่ครั้งก็สะเทือนใจ
เสียใจที่เราไม่ได้สั่งรวมเล่มไว้ ตอนนั้นยังเป็นเด็กน้อยได้แต่อ่านออนไลน์เท่านั้น
ไม่ทราบว่ายังเหลือ หรือมีรีปริ๊นท์ไหมคะ เราอยากเสียเงิน 5555555

รักคนแต่ง แต่งโดนใจเราทุกเรื่องเลย

ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 22-02-2013 20:24:06
ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ

ขอรายละเอียดด้วยคนค่ะ ไม่รู้จักเมลล์อ่ะ :impress:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 23-02-2013 12:19:28
อ่ะ โพสต์ต่อได้แล้ว ดีใจด้วย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: Black Orlov ที่ 23-02-2013 13:41:00
SMกระจาย คาซึโกะดันไปถูกใจฆาตกรซะนี่
วิเคราะห์ดูแล้วไม่น่าจะจบแบบมีความสุขเลยนะ
เพราะประวัติอาชญากรรมของเซย์ริวนี่แหละ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 24-02-2013 13:11:31
ยังมีหนังสืออยู่นะครับ ถ้าส่งใจก็เมล์มาได้ครับ
มีคนเมล์มาหลายคน แต่หายไปเลย ฮะๆๆ

ส่งเมล์ไปแล้วค่ะ รอๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 24-02-2013 18:16:52
โอ๊ะๆ เค้าติดแล้วอ่ะ เรื่องสนุกมากคะ รอตอนต่อไปนะคะ
อยากรู้ว่าเซย์ริวจะแพ้ใจตัวเองตอนไหนกันน๊า
เปลี่ยนจาก "ของเล่นของฉัน" เป็น "ของรักของฉัน"
คาซึโกะสู้ๆ คนแต่งสู้ๆ  :L2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 4 : 22/2/56
เริ่มหัวข้อโดย: Black Orlov ที่ 25-02-2013 16:00:49
อัพนะๆ  :call:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 01-03-2013 10:19:29
KOUSOKU # 5

“เฮ้ ซาโนะ เป็นอะไรรึเปล่า สีหน้านายดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เพื่อนร่วมงานทักขึ้นในวันหนึ่งในขณะที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวกลับบ้าน

“หือ? ไม่หนิ...ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา” คัตซึฮิโกะบอกพลางยกมือขึ้นลูบหน้า...อุณหภูมิก็ปกติดี ไม่ได้เป็นไข้อะไรเสียหน่อย

“อืม...ท่าทางนายดูเพลีย ๆ ชอบกล นอนไม่พอรึไง” คนช่างสังเกตพูดพลางชี้ตรงใต้ตาตัวเองเพื่อบอกว่าขอบตาของอีกฝ่ายนั้นคล้ำมากแล้ว

คัตซึฮิโกะหันไปมองกระจกที่อยู่ใกล้ ๆ ...มันก็คล้ำจริง ๆ เสียด้วยสิ...ชายหนุ่มถอนใจอย่างเหนื่อย ๆ แล้วยกมือขึ้นเกาหัว

“ก็นิดหน่อยน่ะ”

“ถ้าไงพักผ่อนให้มาก ๆ ดีกว่านะ ถ้าเผื่อเป็นอะไรไปจะแย่” เพื่อนร่วมงานเตือนด้วยความเป็นห่วง

“อื้ม”

“งั้นไปก่อนนะ ถ้าอาการไม่ดีก็กินยาเสียด้วยล่ะ”

คัตซึฮิโกะโบกมือตอบพร้อมกับยิ้มนิด ๆ  แต่เมื่อลับร่างเพื่อนไปแล้ว ชายหนุ่มก็หุบยิ้มแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ เขารู้สึกมาหลายวันแล้วหละว่าตัวเองพักผ่อนไม่พอ และก็ดูท่าจะต้องเป็นแบบนี้ไปอีกหลายวันเลยทีเดียว...สาเหตุน่ะหรือ...ก็ไอ้คนที่มาอาศัยนอนรักษาตัวที่ห้องเขาน่ะสิ คืนไหนเกิดอารมณ์ขึ้นมาเป็นต้องหลอกล่อลวนลามจนเขาต้องตื่นกลางดึกอยู่เรื่อย อย่างเมื่อคืนนี้ก็...

คิดมาถึงตอนนี้แล้วคัตซึฮิโกะก็หน้าแดงแปร๊ด เอามือทุบหัวตัวเองไปทีหนึ่ง

“คิดบ้าอะไรเนี่ย!? ทำไมจะต้องไปคิดถึงหมอนั่นด้วยฟะ?” แต่สมองกลับไม่ยอมหยุดตามคำสั่ง เขายังคิดนั่นคิดนี่เลยเถิดไปเรื่อย ๆ  “ว้าก!!! พอแล้ว!! เลิกคิดได้แล้ว! กลับบ้าน ๆ  ๆ ”

ร่างเพรียวโวยวายกับตัวเองแล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป โดยไม่ทันสังเกตว่าหัวหน้าของเขาค่อย ๆ โผล่หน้าออกมาจากห้องทำงาน มองลูกน้องด้วยสายตาสงสัยแกมสงสาร

“สงสัยเราจะด่ามันหนักไปหน่อยแฮะ...คราวหน้าคราวหลังต้องหัดชมเจ้าซาโนะบ้างแล้วมั้ง ปล่อยไว้อย่างงี้มีหวังเป็นบ้าก่อนวัยอันควรแน่ ๆ ”
//////////

“กลับมาแล้ว”

คำทักทายตอนเข้าบ้านกลายเป็นคำพูดติดปากไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ คัตซึฮิโกะไม่เคยต้องพูดคำนี้มานานนับตั้งแต่ออกมาอยู่คนเดียว แต่สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมานี้มันกลายเป็นคำที่จำเป็นไปเสียแล้ว เพราะว่าทุก ๆ วัน จะต้องมีคนคอยอยู่ที่ห้องเสมอ

“อื้อ” คำตอบรับสั้นง่าย แต่ไร้มารยาท

คัตซึฮิโกะได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง ต่อให้เขาพูดเพราะให้ตายยังไง คน ๆ นี้ก็คงไม่มีทางพูดดี ๆ กับเขาแน่ ๆ  ดูจากสรรพนามที่ใช้แทนตัวเถอะ เซย์ริวเรียกเขาว่า “แก” ทุกคำ...แต่ก็ช่างมัน ที่เขาแทนตัวว่า “คุณ” กับ “ผม” ก็ไม่ใช่เพราะความสุภาพหรืออะไร เพียงแค่อยากให้มันดูห่างเหินอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ  และคัตซึฮิโกะยังมั่นใจอีกด้วยว่า ระหว่างเขากับเซย์ริวแล้ว มันจะไม่มีทางใกล้ชิดกันมากไปกว่านี้...เด็ดขาด!

คัตซึฮิโกะวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้ ถอดเสื้อโค้ทกับผ้าพันคอออก...อากาศเย็นลงมากในช่วงหลายวันมานี้ เขายอมรับกับตัวเองว่า ในช่วงที่อากาศเป็นแบบนี้ การมีคนนอนข้าง ๆ เป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็อุ่นสบาย...ถ้าไม่นับรวมเรื่องลามกที่เกิดขึ้นแทบจะคืนเว้นคืนแล้วหละก็นะ...ชายหนุ่มถอนใจกับความคิดของตัวเองเฮือกใหญ่ แล้วก็เดินไปที่ครัว แต่เสียงห้าวจากคนนี่นั่งอ่านหนังสือบนเตียงหยุดยั้งเขาเอาไว้เสียก่อน

“ฉันซื้อแฮมเบอร์เกอร์มาน่ะ กินมั้ย?”

“ออกไปข้างนอกมาเหรอ?”

“อื้อ”

“ไปทำอะไร?”

“ไม่เกี่ยวกับแก จะกินหรือไม่กิน” เซย์ริวตัดบทง่าย ๆ

คัตซึฮิโกะทอดถอนใจ เขาเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้...แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกชินชา เพราะเซย์ริวไม่เคยทำความเดือดร้อนอะไรให้ นอกจากเรื่องอาหารการกินที่หมดเปลืองมากขึ้น...แต่นั่นก็ไม่เท่าไร ถ้าเทียบกับเรื่อง...

คัตซึฮิโกะเอาหัวโขกกำแพงปั้กใหญ่...ชักสะท้อนใจกับความคิดของตัวเองที่นับวันจะหนีไม่พ้นเรื่องอย่างว่า เซย์ริวเงยหน้าขึ้นมองอาการแปลก ๆ ของเจ้าของห้องแล้วหัวเราะเบา ๆ

“เป็นอะไร? บ้าแล้วเหรอ?”

คัตซึฮิโกะขมุบขมิบปาก “บ้าเพราะคุณนั่นแหละ”

“หือ? อะไรนะ?”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก มื้อเย็นเอาเป็นแฮมเบอร์เกอร์นั่นก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องทำ” ร่างเพรียวเสพูดเรื่องอื่น ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ติดใจอะไร

ร่างสูงย้ายตัวเองลงมานั่งที่พื้นตรงข้างเตียง แล้วต่างคนต่างก็แกะห่อแฮมเบอร์เกอร์ออกมาละเลงซอสตามใจชอบแล้วก็กินกันไปเงียบ ๆ  เซย์ริวยังคงให้ความสนใจกับหนังสือในมือ คัตซึฮิโกะเองก็หยิบหนังสือออกมาอ่านบ้าง มันช่างเป็นบรรยากาศเงียบสงบที่แปลกประหลาด

“อ๋า” คัตซึฮิโกะร้องขึ้นเมื่อซอสที่ใส่ไว้ในแฮมเบอร์เกอร์ไหลย้อยออกมาเลอะมือและริมฝีปาก เขาเปลี่ยนมือที่ถือแฮมเบอร์เกอร์แล้วพยายามปาดเช็ดให้สะอาด แต่การถือด้วยมือที่ไม่ถนัดทำให้มายองเนสไหลเยิ้มออกมาด้วย ทีนี้ก็กลายเป็นว่าเลอะหมดทั้งสองมือ

ชายหนุ่มถอนใจเซ็ง ๆ  กินแฮมเบอร์เกอร์ทีไรเป็นต้องเลอะเทอะอย่างนี้ทุกที ท่าทางเขาจะคุ้นกับการกินด้วยตะเกียบมากกว่า เรียวลิ้นตวัดเลียซอสและมายองเนสที่เปื้อนมืออยู่ ป้ายส่วนที่เลอะริมฝีปากออกอย่างไม่ใส่ใจนัก ไล้เลียจนสะอาดโดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนั้นกระตุ้นความรู้สึกของคนมองเพียงใด

มือใหญ่คว้าดึงมือที่ยังเปื้อนเข้าหาตัว คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก่อนที่จะตั้งตัว ลิ้นอุ่นร้อนก็ตวัดลงกับนิ้วของเขา ไล้เลียดูดดุนไปจนถึงง่ามนิ้ว

“ทะ...ทำบ้าอะไรน่ะ?” คัตซึฮิโกะร้องด้วยความตกใจและพยายามดึงมือกลับ แต่มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กกลับยึดมือของเขาเอาไว้แน่น

“เฉย ๆ สิ เลอะหมดแล้ว” พูดพลางก็ส่งนิ้วกลางของอีกฝ่ายเข้าปากกระหวัดลิ้นเลียสลับกับดูดกลืน

“อย่า! ผมทำเองได้” ร่างเพรียวพยายามปฏิเสธ รู้สึกร้อนวาบไปทั้งใบหน้า ประหม่าอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ แล้วลากปลายลิ้นเลียตั้งแต่โคนนิ้วขึ้นมาจนถึงปลาย ขบริมฝีปากดูดเม้มเบา ๆ อย่างยั่วเย้า เพียงเท่านั้นคัตซึฮิโกะก็เกร็งวาบไปทั้งตัว ใบหน้าคมชะโงกเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจ ชายหนุ่มหลับตาแน่น เพราะรู้ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น...มันไม่เคยจบแค่นี้...ริมฝีปากอุ่นนุ่มประทับลงที่หน้าผากมน และเล็มลงมาตามสันจมูกโด่งได้รูป จนกระทั่งถึงริมฝีปากที่เม้มแน่น แตะลิ้นร้อนเลียแผ่วเบาเหมือนพยายามจะชักชวนให้มาสนุกด้วยกัน แต่มือเรียวผลักไหล่หนาออกห่างตัว

“พอ...พอเถอะ...ไม่เอา...” คัตซึฮิโกะพยายามห้าม

แต่เมื่อขยับปากเอื้อนเอ่ย ปลายลิ้นนุ่มที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ฉวยโอกาสแทรกตัวเข้าไปกวาดควานกระหวัดพัวพันกับลิ้นของอีกฝ่าย ตวัดรัดล่อหลอกให้เคลิบเคลิ้มตาม มือที่ผลักไสเริ่มเปลี่ยนเป็นเกาะยึดขยุ้มไหล่เสื้อตัวหนาเอาไว้แน่นด้วยความหวั่นไหวที่เกิดขึ้น แล้วมือข้างที่ถูกเกาะกุมอยู่ก็ถูกนำขึ้นมาแทรกตรงกลางระหว่างริมฝีปากทั้งสอง ร่างสูงเริ่มไล้เลียนิ้วเรียวอีกครั้ง ส่งมันเข้าปากดูดกลืนทีละนิ้วบ้าง สองนิ้วบ้าง เล่นเอาคนที่กำลังหวั่นไหวอยู่แล้วสะท้านไปทั้งร่าง

เซย์ริวค่อย ๆ ขยับตัวพาคนตัวเล็กกว่าไปนั่งพิงเตียงนอน ดวงตาที่มีแววหวาดหวั่นฉาบอยู่ค่อย ๆ ปรือขึ้นมองการกระทำของคนตรงหน้าแล้วก็หลบตาอย่างรวดเร็วเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมที่มองอย่างยั่วเย้าเหมือนเคย

“เอาหละ...สะอาดแล้ว” ลิ้นร้อนตวัดเลียเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะถอนริมฝีปากออกปล่อยให้มือข้างนั้นเป็นอิสระ

“บ้า...” ใบหน้าเนียนแดงซ่าน ขมุบขมิบปากต่อว่างึมงำอยู่ในลำคอ

“แกว่าฉันเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ไม่ได้บ่งบอกว่าโกรธ “ทำไม?...อายงั้นเหรอ?”

คำถามไม่ได้ต้องการคำตอบนอกเสียจากอยากยั่วยุอารมณ์คนที่อายเสียจนไม่ยอมสบตา ริมฝีปากหยักเม้มแน่น คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ  สองแก้มยังแดงระเรื่อ ดวงตาคู่สวยเสมองไปทางอื่นที่ไม่ต้องมองหน้าคนช่างแกล้ง แต่อาการอย่างนั้นยิ่งทำให้นึกอยากรังแกมากขึ้น เซย์ริวรู้ดีว่าเขากระตุ้นอารมณ์ชายหนุ่มไปได้เกือบครึ่งทางแล้ว หากลงมือต่ออีกนิดหน่อย คัตซึฮิโกะก็จะหนีไปไหนไม่รอด

“ยังจะอายอะไรอีก...ฉันเห็นหมดแล้วหละ” ริมฝีปากจูบไซ้ไปตามใบหน้า เคล้าคลอไปทั่ว

คัตซึฮิโกะตวัดสายตาค้อนเข้าให้วงใหญ่กับคำพูดนั้น แล้วก็ได้เห็นแววสนุกปรากฏชัดอยู่ในดวงตาที่อยู่ห่างไปไม่ถึงคืบ ชายหนุ่มรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที มันหลายครั้งเกินไปแล้วที่เขาเผลอตัวยอมให้เจ้าวายร้ายนี่ฉวยโอกาสล่วงเกินเขา มือเรียวผลักยันใบหน้าที่คลอเคลียอยู่ออกห่างตัว

“มากไปแล้วนะ!” คัตซึฮิโกะตวาดเอาพร้อมกับสะบัดมือฟาดเข้าที่แก้มของร่างสูง

เซย์ริวงงไปเล็กน้อยที่อยู่ ๆ สัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ในมือก็แว้งกัดเข้าให้ ดวงตาคมเป็นประกายวาบขึ้นทันที เขาหันกลับมามองคนตรงหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คนที่เคยเชื่องกับเขามาแล้วครั้งหนึ่ง เขาจะไม่ยอมให้กลับมาแว้งเขาได้เป็นครั้งที่สอง! มือแกร่งขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่ายแน่นแล้วตบเต็มแรง

“กล้าเหรอ คาซึโกะ! แกกล้าหือกับฉันงั้นเหรอ!?”

คัตซึฮิโกะหน้าชาไปทั้งแถบ ยังไม่ทันจะยกมือขึ้นแตะแก้มที่บอบช้ำ มือใหญ่ก็กระหน่ำฟาดลงมาอีก ร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว เซย์ริวไม่เคยรุนแรงกับเขามานานแล้ว

“ไม่! อย่า!” ชายหนุ่มพยายามขอร้องและปัดป้อง
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 01-03-2013 10:23:30
หากคนกำลังโกรธได้ที่ไม่สนใจ สองมือคว้าลำคอเพรียวบางขยุ้มแน่น กดบีบราวกับต้องการฆ่าคนตรงหน้าเสียให้ตาย คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งร่าง พยายามแกะมือที่เกร็งแน่นอยู่ที่ลำคอออก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไร

ริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมาบดเม้มกับปากที่เผยอหอบหาอากาศหายใจ สอดลิ้นเข้าไปกระหวัดพัวพันดุดัน ขบกัดริมฝีปากนุ่มเป็นบางครั้งเมื่อไม่ได้ดั่งใจจนได้เลือด

แค่โดนทำร้ายโดยไม่ทันตั้งตัวก็ตกใจพออยู่แล้ว ยิ่งขาดอากาศหายใจ คัตซึฮิโกะยิ่งหวาดกลัวเป็นสองเท่า สองมือพยายามขยุ้มไหล่เสื้อดึงทึ้งให้ปล่อย พยายามเตะถีบเพื่อช่วยตัวเองให้รอด แต่เมื่อไม่เป็นผลก็ได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคออย่างไม่ยินยอม แล้วในที่สุดก็เริ่มหมดแรงลงทีละน้อย ดวงตาหรี่ปรือชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตามองคนตรงหน้าอย่างอ้อนวอน

สีหน้าท่าทางแบบนั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของร่างสูงให้พลุ่งพล่าน มือที่ขยุ้มเกร็งรอบคอแน่นค่อย ๆ ผ่อนแรงออก หากริมฝีปากยังบดเม้มรุนแรง ลิ้มรสหวานแปลกปนกลิ่นเลือดจาง ๆ  นั่นยิ่งทำให้ปีศาจร้ายในร่างเริงโรจน์ แก่นกายแกร่งตื่นตัวขึ้นตามสัญชาตญาณ ปรารถนาที่จะครอบครองคนตรงหน้านี้โดยเร็ว หากอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายทำให้ไม่สามารถกระทำได้อย่างใจ ยิ่งทำให้หงุดหงิด นึกอยากจะทำร้ายร่างเพรียวในเงื้อมมือให้เจ็บหนัก แต่ก็คิดได้ว่าหากทำแบบนั้นก็จะไม่สามารถหาความหฤหรรษ์ได้อีก จึงพยายามข่มใจเอาไว้ สอดมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายแล้วลูบไล้ไปทั่วแผ่นอก สะกิดหยอกส่วนปลายยอดจนแข็งขึง ขณะที่ริมฝีปากยังเคล้าคลอไม่ห่างจากริมฝีปากที่เพิ่งปล่อยให้เป็นอิสระ

ร่างเพรียวอ้าปากหอบหายใจ แทบจะสำลักอากาศ ทันทีที่ร่างสูงปล่อยมือออก ส่งเสียงครางกระเส่าเมื่อถูกโลมเล้าไปตามเรือนร่าง เผลอตัวแอ่นอกรับสัมผัสจากมือหยาบร้อนที่สะกิดกระตุ้นหยอกเย้ายอดอก

ฟันเรียบขบงับปลดกระดุมเสื้อออกช้า ๆ จนกระทั่งสาบเสื้อแหวกออกเผยให้เห็นแผ่นอกเนียนขาวที่ยังมีร่องรอยจากคืนก่อนหลงเหลือยู่จาง ๆ  เรียวลิ้นไล้เลียไปตวัดชิมรสชาติตุ่มไตสีแดงเรื่อ ขบกัดดูดดุนราวกับเป็นลูกอมหอมหวาน สอดมือล้วงลึกเข้าไปในกางเกงยีนส์สัมผัสกระตุ้นแก่นกายที่ค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นอย่างเร่งเร้า พยายามระงับความปรารถนาที่แทบทนไม่ได้เอาไว้อย่างเต็มที่

คัตซึฮิโกะบิดกายเร่าด้วยความทรมาน ร่างกายตอบสนองกับทุกสัมผัสของร่างสูง หากจิตใจกลับไม่ยินยอม ขบริมฝีปากกลั้นเสียงครางเครือด้วยความหวามไหว ไม่ต้องการให้ฝ่ายรุกรานรู้ว่าเขาพึงพอใจกับการกระทำเหล่านั้นมากเพียงใจ หากจังหวะการกระตุ้นที่เร่งเร้าเร่าร้อนก็ทำให้เผลอตัวไปตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้น

“อะ...อา...” เสียงหวานครางแผ่วเมื่อมืออุ่นร้อนงัดเทคนิคออกมาปรนเปรอให้เต็มที่

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ อย่างได้ใจ แม้จะไม่ต้องเตรียมให้พร้อมกว่านี้ แต่คัตซึฮิโกะก็คงจะไม่สามารถปฏิเสธเขาได้อีกแล้ว เขาขยับยกสะโพกบางขึ้นเพื่อดึงกางเกงยีนส์ลง ซึ่งคนที่กำลังค้างคาได้ที่ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

เมื่อกางเกงยีนส์พ้นร่างไป เผยให้เห็นท่อนล่างเปลือยเปล่าขาวนวล ร่างสูงก็แทบจะห้ามใจตัวเองเอาไว้ไม่ไหว ร่างบอบบางตรงหว่างขาตื่นตัวแข็งขืนระริกไหวด้วยความปรารถนา เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองอย่างไม่เก็บความรู้สึก เรียวขาขาวเนียนก็ขยับชิดเข้าหากัน พยายามปิดป้องให้พ้นจากสายตาที่ดูเป็นอันตราย ดวงตาคู่สวยที่เปียกชื้นหลุบลงต่ำ ก้มหน้าซ่อนใบหน้าแดงเรื่อด้วยความสะท้านอาย

ร่างที่เกือบเปลือยกระตุ้นความกระสันอยากอย่างรุนแรง เซย์ริวไม่คิดถึงขั้นตอนใด ๆ อีกแล้ว เขาจับร่างเพรียวให้หันไปหาเตียงนอนที่อยู่ด้านหลัง คุกเข่าให้ท่อนบนก่ายเกยอยู่บนเตียง คนโดนรุกไล่เอี้ยวตัวหันมามองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ก็โดนมือใหญ่กดศีรษะให้หันกลับไป ร่างสูงแทรกตัวเข้าไปตรงระหว่างขาทั้งสองข้างของคัตซึฮิโกะ ใช้เข่าดันเบียดให้สองขานั้นแยกกว้างออกจนกลายเป็นท่วงท่าที่เปิดเผยช่องทางด้านหลังให้เห็นอย่างชัดเจน ชายหนุ่มยิ้มกับตัวเองเล็กน้อยเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะก้มหน้าซุกกับที่นอนด้วยความเขินอาย เรียวนิ้วค่อย ๆ ลองสอดดันเข้าไปในช่องทางคับแคบช้า ๆ ...เหมือนกับครั้งแรกที่ได้สัมผัส ช่องทางที่ไม่ได้รับการตระเตรียมอะไรฝืดคับและบีบรัดแน่น ผนังอ่อนนุ่มตอดตุบรัดนิ้วที่รุกล้ำเข้าไปเป็นจังหวะ มันควรจะถูกเตรียมพร้อมมากกว่านี้ แต่เซย์ริวไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เขาถอนนิ้วออกแล้วรูดซิปกางเกงตัวเองออก ปลดปล่อยความแข็งขืนให้เป็นอิสระ จรดจ่อลงกับช่องทางแล้วดันตัวเข้าไปช้า ๆ

คัตซึฮิโกะผวาขึ้นสุดตัว เจ็บเสียดที่สะโพกร้าวรานไปจนถึงโคนขา ท่อนเนื้อเปลือยเปล่ากำลังคืบคลานเข้ามาในร่างของเขาโดยที่ไม่มีสารหล่อลื่นใด ๆ ช่วย มันฝืดฝืนคับแน่นจนต้องกรีดร้องออกมา

“อ๊า...เซย์ริว...อย่า! ผมเจ็บ...ไม่เอาแล้ว!!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อส่วนปลายของสิ่งแปลกปลอมล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

อาชญากรหนุ่มกลั้นใจนิดหนึ่งหยุดการเคลื่อนไหวแล้วเอื้อมมือไปตะปบปิดปากที่กำลังส่งเสียงคร่ำครวญพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปกวาดควาน

“ถ้าเจ็บนักจะกัดมันก็ได้นะ หรือถ้าเสียวจนทนไม่ได้จะดูดมันเล่นไปก่อนก็ได้” เสียงทุ้มกระซิบหนัก ๆ ปนมากับเสียงหอบกระเส่าแล้วก็เคลื่อนตัวรุกคืบต่อไป

“อึก...อือ...” หยาดน้ำตาไหลพรากจากความเจ็บปวดที่แล่นปราดขึ้นมาจากเบื้องล่างที่ถูกรุกราน ฟันเรียบขบกัดนิ้วที่อยู่ในปากเพื่อระบายอารมณ์ สองมือขยุ้มดึงผ้าปูที่นอนแน่นแทบจะจิกทึ้งให้ขาดคามือ พยายามแยกขาออกเพื่อเปิดช่องทางให้กว้างขึ้น แต่ขนาดที่ใหญ่โตของสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาทำให้ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะพยายามทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น

เป็นเวลานานแล้วที่ช่องทางนี้ไม่ได้ถูกล่วงล้ำ แล้วจู่ ๆ สิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวดสุดชีวิตก็กลับมาแทรกกายเข้ารุกรานโดยไม่มีการเตรียมพร้อมใด ๆ ทั้งสิ้น เหมือนกับครั้งแรกนั้นไม่มีผิด! คัตซึฮิโกะหลับตาแน่น พยายามผ่อนคลายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเจ็บมากเกินไปนัก

แล้วแก่นกายแกร่งก็เคลื่อนเข้ามาจนสุดทาง ร่างสูงถอนใจพรู เขาพยายามหน่วงให้ช้าที่สุดแล้ว แต่ดูเหมือนคนที่ซุกหน้าอยู่กับที่นอนจะเจ็บจนสะอื้นไม่หยุด อาการแปลบปลาบที่นิ้วอันเกิดจากการถูกขบกัดบอกเขาได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มขยับกายทาบทับแล้วเริ่มต้นขยับบั้นเอวเข้าหาเบา ๆ  หากร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว

“อึ๊ก...อือ...”

สอดเข้า...ดึงออก...แล้วสอดเข้าหาอีก...เซย์ริวพยายามทำจังหวะเริ่มให้ช้า ๆ ทั้งที่ตัวเองแทบจะทานความกระหายอยากไม่ได้อยู่แล้ว แต่เซ็กส์ที่อีกฝ่ายยินยอมด้วยนั้นสร้างความบันเทิงให้มากกว่าการข่มขืนหลายเท่านัก มือข้างที่ว่างอยู่ลูบไล้ไปตามก้อนเนื้อนุ่มมือที่บั้นท้ายกลมกลึง ลูบคลำล้วงไปทักทายหยอกล้อกับร่างที่ยังตื่นตัวอยู่ กระตุ้นให้เกิดอารมณ์กระสันอีกครั้งแล้วก็เคลื่อนไปสัมผัสที่อื่นเพื่อปลุกเร้าต่อไป จนกระทั่งนิ้วที่อยู่ในปากอุ่นรับรู้ได้ถึงอาการดูดกลืนราวกับหิวกระหาย คัตซึฮิโกะดูดนิ้วของเขาหนักหน่วงทุกครั้งที่มือแตะไปถูกจุดไวสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นโคนขา ท้องน้อย และจุดอ่อนไหวกลางลำตัว ในขณะเดียวกัน ช่องทางที่เขารุกล้ำอยู่ก็ชุ่มชื้นมากขึ้นจนการสอดใส่เป็นไปได้ง่ายกว่าเดิม ชายหนุ่มจึงเร่งจังหวะให้รุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม

สะโพกกลมยกขึ้นรับการสวนกระแทกเข้าหาอย่างเข้าจังหวะ มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ ช่องทางของเขาเปิดรับความเร่าร้อนให้สอดแทรกเข้ามาสะดวกมากขึ้น ไฟราคะคุโชนขึ้นอย่างเกินจะรั้งเอาไว้ ตวัดลิ้นไล้เลียดูดดื่มเรียวนิ้วราวกับเป็นไอศกรีมอันหอมหวาน และนิ้วนั้นก็ขยับหยอกล้อไปมาไม่หยุด หลอกล่อให้ตวัดลิ้นไล่จับเป็นที่เพลิดเพลิน เอวคอดเริ่มขยับไหวตามจังหวะชักนำของร่างสูง อุ้งมืออุ่นร้อนที่เข้าครอบครองท่อนเนื้อตรงหว่างขาของเขาขยับชักรูดนำพาให้อารมณ์กระเจิดกระเจิง ร้อนวาบตรงช่องทางทุกครั้งที่ถูกเสียดสี รู้สึกดีกับการถูกรุกรานมากขึ้นเรื่อย ๆ  หากยังมีสติอยู่ คัตซึฮิโกะคงนึกเกลียดตัวเองตอนนี้ยิ่งนัก แต่ในตอนนี้ เขาแทบไม่หลงเหลือความเป็นตัวเองอีกแล้ว สิ่งเดียวที่สมองรับรู้ก็คือปรารถนาจะไปให้ถึงที่สุดของสายธารแห่งอารมณ์ ที่ไหนก็ได้ที่เซย์ริวจะนำพาเขาไป ขอเพียงให้เขาสุขสมจนถึงขีดสุดเป็นพอ

เซย์ริวเองก็เช่นกัน เขาแทบจะพาตัวเองไปจนถึงสุดทางตั้งแต่เห็นสภาพกึ่งเปลือยของคัตซึฮิโกะ ที่ยังสามารถรั้งมาได้จนถึงตอนนี้แม้แต่ตัวเองยังปลกใจ บางที เขาอาจจะติดใจในรสชาติของการสมยอมแล้วก็เป็นได้ ใช่แล้ว...ทั้งการตอบสนองของเรียวขาที่แยกออกรับ ทั้งเสียงครางครวญที่เต็มไปด้วยความสุขสม ทั้งเรียวลิ้นที่ดูดดุนยั่วเย้า รวมไปถึงการตอดรัดของช่องทางที่รับเข้ากับจังหวะของเขา ทุกอย่างช่างสมบูรณ์แบบ มันสร้างความอิ่มเอมให้กับเขามากมายเกินกว่าจะอธิบายได้ แล้วก็แปลก...ที่เขาไม่เคยอิ่มเอมกับใครเท่ากับชายหนุ่มที่เขากำลังครอบครองอยู่มาก่อน

“อ๊ะ...อ๊า...เซย์...ไม่ไหว...จะไม่ไหวแล้ว...” คัตซึฮิโกะครางกระเส่า แทบจะตวัดลิ้นไล้เลียนิ้วที่ยังคงหยอกล้ออยู่ไม่ไหว

แก่นกายรุมร้อนแทรกสอดลึก ถาโถมกายเข้าหาอย่างไม่ออมแรง ขยับมือฉุดรั้งให้กระสันอยากถึงที่สุด หากไม่ได้ซบร่างก่ายเกยอยู่กับที่นอน คัตซึฮิโกะคงทรุดลงไปกองกับพื้นนานแล้ว ด้วยความไม่คุ้นชินกับการถูกกระทำทำให้แทบจะทานอารมณ์เร่าร้อนของอีกฝ่ายไม่ได้ และตอนนี้...ที่สุดของทุกอย่างเดินทางมาจนถึงตรงหน้าแล้ว ทั้งที่สมองพร่าเลือนจนไม่รับรู้สิ่งรอบกาย แต่คัตซึฮิโกะกลับรับรู้ได้ถึงทุกจังหวะของการสอดกายที่กระชั้นถี่ขึ้นทุกขณะ รับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่ขยับชักพาเขาให้กระเจิดกระเจิงไป รับรู้ได้แม้กระทั่งลมหายใจหอบถี่ของคนที่กำลังตักตวงและปรนเปรอความสุขให้เขาไปพร้อม ๆ กัน ช่องทางคับแคบตอดรัดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ

“อะ...เซย์...ริว...อ๊า...”

ร่างเพรียวกรีดเสียงครางหวาน ผวากายเยือก ปลดปล่อยหยาดน้ำข้นเหนียวให้หลั่งเลอะมือที่กอบกำอยู่และฉีดพ่นไปเปรอะผ้าปูที่นอน เกือบจะพร้อม ๆ กันกับที่เซย์ริวก็หลั่งหยาดแห่งอารมณ์เข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะจนเต็มปรี่

ร่างสูงทรุดซบลงกับแผ่นหลังที่สะท้านน้อย ๆ ด้วยแรงหอบหายใจ สูดกลิ่นอายยั่วเย้าของฮอร์โมนที่ยังตกค้างอยู่ นิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งจึงได้ถอนตัวออก หยาดน้ำขุ่นข้นไหลซึมออกมาเปรอะเลอะซอกขาขาวเนียนที่สั่นระริก คัตซึฮิโกะยังซบนิ่งอยู่กับที่นอน เซย์ริวมองภาพนั้นอย่างพึงพอใจ...คัตซึฮิโกะคงไม่กล้าดื้อกับเขาไปอีกนาน

ไม่ใช่แค่เพียงการทำร้ายเพื่อลงโทษไม่ให้ดื้อดึง แต่เขายังป้อนความหอมหวานของความสัมพันธ์ทางกายเพื่อให้ติดใจจนไม่สามารถขัดใจเขาได้ ความหอมหวานนี้ก็เช่นเดียวกับยาเสพติด แม้ได้ลองเพียงครั้งก็ติดไปจนตาย และตอนนี้...คัตซึฮิโกะเองก็เริ่มเสพติดมันแล้ว

เรียวลิ้นตวัดเลียทำความสะอาดตรงที่หยาดอารมณ์ของเขาไหลออกมาเปรอะเปื้อน คัตซึฮิโกะผวาเฮือก

“อย่า!”

“แค่ทำความสะอาดน่า” ว่าพลางก็ไล้ลิ้นเลียส่วนอื่นต่อไป

“ผม...ผมทำเองได้” ร่างเพรียวขยับจะลุกหนี หากท่อนล่างร้าวรานไปหมดจนแทบเคลื่อนตัวไม่ได้

“ทำได้แน่เหรอ? แกลุกไปอาบน้ำไหวรึไง?” ดวงตาคมเป็นประกายล้อเลียน

คัตซึฮิโกะหน้าแดงซ่านไปถึงคอ มันจะลุกไหวได้ยังไงเล่า...เล่นกับเขาเสียหนักขนาดนี้ แถมก่อนหน้านี้ยังทำร้ายเขาอีกด้วย ชายหนุ่มลูบคลำลำคอ มันยังเจ็บร้าวไปหมด ที่แก้มก็ยังแสบร้อน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมื่อครู่นี้เองที่เขาลืมอาการเหล่านี้ไปเสียสิ้น คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับมือตัวเอง ทอดถอนใจอย่างอ่อนล้า...ทำไมเขาถึงหนีไปจากคน ๆ นี้ไม่ได้นะ...ทำไมเขาถึงกำจัดคน ๆ นี้ไปจากชีวิตของเขาไม่ได้เสียที

เซย์ริวมองดูเจ้าของห้องด้วยสีหน้าเฉยเมย แต่ในใจกลับนึกสนุก คัตซึฮิโกะคงยังไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังหลงติดเข้ามาในกับดักของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ  ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งติดแน่น เหมือนกับแมลงที่ติดอยู่บนใยแมงมุม...ใช่แล้ว...ยิ่งเห็นคัตซึฮิโกะดิ้นรนหนีให้พ้นจากเขาเท่าไร ก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเท่านั้น และของเล่นแบบนี้จะยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีกเมื่อทำให้ติดใยของเขาแน่นขึ้นเรื่อย ๆ จนหมดหนทางดิ้นรน...แค่คิดว่าเมื่อถึงวันนั้นแล้วคัตซึฮิโกะจะเป็นเช่นไร ชายหนุ่มก็รู้สึกสนุกจนแทบทนไม่ได้ เขาเลี่ยงไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำมาให้คัตซึฮิโกะเช็ดตัว...อย่างน้อย ตอนนี้ก็เลี้ยงให้เชื่องไปก่อน ถึงตอนที่เบื่อแล้วค่อยทำลายทิ้งก็ยังทัน...

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 01-03-2013 15:08:24
โอยย เจ็บแทน เซย์ริวยังเห็นคัตสึเป็นแค่ของเล่นอยู่เลย
จะอยู่กับคัตสึแบบดีๆได้มั้ยเนี่ย นึกว่าจะไม่รุนแรงแล้ว
สุดท้ายเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ทำให้คัตสึโดนทำร้ายอีกจนได้ :o12:
ยังไงก็ตามแต่งได้ดีจริงๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 01-03-2013 15:41:01
 :jul1: :jul1: :jul1:
เซย์ริวเริ่มหลงของเล่นชิ้นนี้แล้วใช่มั้ย...(คิดเข้าข้างคาซึ)  :กอด1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 01-03-2013 18:50:22
สุดๆอ่า! เรื่องนี้...แบบว่า...ทำเอาหน้าร้อนไปหมด 555 รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 01-03-2013 22:02:13
ใครกันแน่จะติดกับดัก :angry2:
เดี๋ยวจะหลงเขาจนทำอะไรไม่ถูก :laugh:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 02-03-2013 00:30:05
ร้ยกาจเสมอต้นเสมอปลายดีจริงๆ :3

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 5 : 1/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 02-03-2013 08:07:26
เดี๋ยวก็กลายเป็นคนติดของเล่นซะเองหรอก  :z2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-03-2013 11:00:16
ขอโทษนะครับ พอดีอาทิตย์ที่แล้วติดภารกิจเลยไม่ได้เอามาลง
ต่อเลยนะครับ

KOUSOKU # 6

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ทำให้ร่างเล็ก ๆ ที่ยังขดตัวซุกอยู่บนที่นอนโงหัวขึ้นมาแล้วเหลือบมองนาฬิกา เพิ่งจะ 11 โมงเช้าเท่านั้น ยังเช้ามากทีเดียวสำหรับคนที่นอนตอน 6 โมงอย่างเขา

“หนวกหูจริง...ใครฟะ?” ฮิโรกิโผเผไปที่ประตูอย่างเสียมิได้ และคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ทำให้เขางงหนักขึ้นไปอีก

“อรุณสวัสดิ์ ฮิโรกิ” ร่างสูงยิ้มกว้างแบบยียวนเหมือนที่เคยได้เห็นอยู่เสมอ

“เซย์ริว!!!?” ฮิโรกิร้องลั่นยังกับโดนผีหลอก “นี่แกไปตายโหงตายห่าที่ไหนมาเป็นเดือนเนี่ย?”

“โห...ให้พรฉันแต่เช้าเลยนะแก แกทักเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ๆ แบบนี้ทุกคนหรือเปล่าเนี่ย?” เซย์ริวทำหน้าเซ็ง ๆ แล้วถือวิสาสะเดินเข้าห้องไป

“แกคนเดียวเท่านั้นแหละ” ฮิโรกิว่าแล้วก็เดินตามเข้ามาในห้อง “ว่าแต่ แกหายไปไหนมา ฉันเป็นห่วงแทบแย่”

“โอ้...เป็นคำที่ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะออกมาจากปากแก” ร่างสูงทิ้งตัวลงบนที่นอนพลางเหลียวไปรอบ ๆ  “จิอากิล่ะ?”

“ดูสภาพห้องก็น่าจะรู้นี่ ไม่อยู่หรอก ออกไปไหนไม่รู้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว” คนตัวเล็กบอกพร้อมกับเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาให้เพื่อน

เซย์ริวมองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง...ก็น่าจะไม่อยู่หรอก สภาพห้องของฮิโรกิตอนนี้ราวกับเพิ่งโดนระเบิดลงเมื่อไม่นานมานี้เอง ข้าวของแทบทุกชิ้นโดนกวาดลงจากชั้นกระจายไปทั่วห้อง ยังไม่นับรวมจานชามบางส่วนที่แตกอยู่บนพื้นด้วย ทั้งห้องตอนนี้ที่ดูจะเหลือรอดปลอดภัยมาก็มีเพียงแต่ตู้เย็นกับบริเวณที่นอนเท่านั้น...แต่ก็หมายความว่า ฮิโรกิแค่ปัด ๆ ชิ้นส่วนที่อยู่บนที่นอนออกเพื่อให้นอนได้เท่านั้น

“ทะเลาะอะไรกันอีกล่ะเนี่ย?”

“ก็เรื่องงี่เง่าตามเคยนั่นแหละ หล่อนอยากได้กระเป๋าใบใหม่ที่ราคา 3 หมื่นกว่าเยน ฉันก็เลยทำเป็นไม่สนใจ บอกให้หล่อนหาเงินมาซื้อเอาเอง...ก็แค่นั้น” ฮิโรกิบอกแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนแล้วซุกเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง

“อยากได้กระเป๋า? ปกติจิอากิไม่ค่อยอยากได้อะไรพวกนี้เท่าไรนี่” ร่างสูงยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่ม

“เห็นบอกว่าวันเกิด”

กระป๋องที่ยังมีเบียร์อยู่ร่วมครึ่งลอยมาโดนหัวฮิโรกิอย่างจัง

“เจ็บน้า...” เจ้าตัวเล็กโวยวาย “มันเรื่องอะไรเอากระป๋องปาหัวฉันเนี่ย ไอ้เพื่อนทรพี!”

“ก็แกมันงี่เง่านี่หว่า ของแค่นี้ซื้อให้หล่อนวันเกิดไม่ได้รึไง?” เซย์ริวเทศน์เข้าให้

“ก็ฉันไม่มีเงินนี่หว่า ไว้มีแล้วค่อยซื้อให้ไม่ได้รึไง ถ้าจะมาเทศน์ฉันแต่เช้าแบบนี้นะ แกไปซื้อให้หล่อนเองเลยเด่ะ” ฮิโรกิเถียงฉอด ๆ พร้อมกับยกมือคลำหัวป้อย

“แกนี่น้า...นั่นมันเมียแกนะ แล้วนี่หายไปทั้งคืนเนี่ยไม่เป็นห่วงมั่งเลยเรอะ?”

“ต้องห่วงอะไรล่ะ หล่อนก็ไปอย่างนี้บ่อย ๆ  บางทีอาจจะได้แขกสักคนก็ได้มั้ง” หางเสียงตวัดอย่างเคือง ๆ  “ว่าแต่แกเถอะ ดูจะเป็นห่วงเป็นใยเมียฉันเหลือเกินนะ”

“คิดมาก! ถึงฉันจะคิดเคลมเมียแกบ้างก็เถอะนะ แต่ฉันไม่คิดอะไรมากไปกว่านั้นหรอก เพียงแต่เห็นพวกแกทะเลาะกันบ่อย ๆ แล้วมันเบื่อก็เท่านั้นแหละ”

“ประโยคแรกมันแปลก ๆ นะ เซย์...” คิ้วเรียวขมวดนิด ๆ แล้วก็คลายออก “ช่างเถอะ...ชีวิตของพวกฉันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“อืม...ฉันรู้”

“ว่าแต่แกหายไปไหนมาเป็นเดือน?”

“ไปกบดานน่ะสิ”

“ที่ไหน?”

“บ้านเหยื่อรายล่าสุด” เซย์ริวบอกพร้อมกับยิ้มเย็น

ฮิโรกิขมวดคิ้ว “เหยื่อ...อีกแล้วเหรอ? นี่แกมีเหยื่อกี่รายกันแน่เนี่ย?”

“ไม่รู้สิ ไม่เคยนับ...บางคนก็ดูเหมือนจะฆ่าตัวตายไปบ้างแล้วด้วย ก็เลยไม่รู้ว่ามีเท่าไรกันแน่” เซย์ริวตอบราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“เดี๋ยวคนนี้ก็ฆ่าตัวตายอีก” ฮิโรกิส่ายหน้าอย่างหน่าย ๆ

“ไม่หรอก...หมอนี่ยังทำให้ฉันสนุกได้อีกเยอะ” ประกายบางอย่างวาบขึ้นมาในดวงตาคมพร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัวที่แม้แต่ฮิโรกิยังเสียวสันหลัง

“สะ...สนุกเรื่องอะไร?”

“ทุกเรื่อง...โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง”

ร่างเล็กเบิกตากว้าง ดึงตัวขึ้นจากที่นอนทันที “ผู้หญิงคนใหม่เหรอ?”

“เปล่า...ผู้ชายน่ะ” ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ  “พอพูดเรื่องบนเตียงขึ้นมานี่หูตาสว่างเลยนะแก กะจะแจมอีกหละสิ”

“ก็คนก่อนของแกมันสนุกมาก ๆ เลยนี่หว่า...ก็เลยติดใจ...ฮะ ๆ ” ฮิโรกิหัวเราะเบา ๆ พลางเกาหัวแก้เขิน

“คนนั้นมันผู้หญิง แต่คนนี้น่ะ ผู้ชายนะ”

“แกก็รู้ว่าฉันไม่เกี่ยง ขอให้สนุกเป็นใช้ได้น่า...ว่าแต่ คนก่อนนั่นเป็นไงบ้างแล้ว พูดขึ้นมาแล้วฉันก็ชักอยากแล้วสิ” เจ้าตัวเล็กตาวาวทันที

“ไม่รู้สิแฮะ ฉันก็ไม่ได้แวะไปอีกเลยตั้งแต่คราวนั้นนั่นแหละ”

“งั้นวันนี้เราไปกันมั้ย?”

“แกนี่น้า...” เซย์ริวส่ายหน้านิด ๆ แล้วถอนใจ แต่ท่าทางดูสนุกไปด้วย “ก็ดี...ฉันเองก็กำลังว่าจะหาเงินไปให้หมอมาสะพอดีเลย ยัยนั่นคงมีเงินอยู่บ้างหรอก”

“อา...ฉันก็มีของเล่นที่อยากเอามาทดลองเหมือนกัน” ฮิโรกิรีบกระวีกระวาดไปค้นของในลิ้นชักตู้เสื้อผ้า

“ของเล่น?”

“ช่าย...” ว่าแล้วก็ดึงซองสีขาวขุ่น ๆ มาให้ดู “ได้มาจากเพื่อนน่ะ แต่ยังไม่เคยลองเลย อยากรู้ว่ามันจะสนุกแค่ไหน”

“ยา...ปลุกงั้นเหรอ?”

ฮิโรกิไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ

//////////

เซย์ริวหยิบกางเกงยีนส์ที่ถอดกองไว้กับพื้นมาสวมแล้วเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งควานหาเงินออกมานับ ในขณะที่ฮิโรกิยังนั่งจุดบุหรี่สูบอยู่บนเตียงโดยมีร่างของหญิงเคราะห์ร้ายนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ข้าง ๆ

“7 หมื่นเยน...ยังไม่พอหรอก ต้องได้ซักแสนเยนถึงจะพอ” เซย์ริวบ่นแล้วก็ยัดเงินทั้งหมดใส่กระเป๋ากางเกง

“ก็เจ็บหนักมาขนาดนั้น แถมยังหนีออกจากโรงบาลก่อนเวลาอันควรอีก หมอแกชาร์จเพิ่มแหง ๆ ” ฮิโรกิพูดแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมา “ว่าแต่...ไอ้คนที่แกไปอยู่ด้วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะ รักษาแผลแกซะเนี้ยบเลย เกือบหายดีแล้วสิเนี่ย”

“ใช่...นั่นแกจะทำอะไรน่ะ?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนกำลังเล็งมือถือไปตามส่วนต่าง ๆ ของหญิงสาว

“ถ่ายรูปไว้ไง หล่อนจะได้ไม่กล้าไปบอกใคร”

“อืม...รอบคอบดีนะ”

“ฉันไม่อยากเดือดร้อนเพราะความสนุกเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกนะเฟ้ย” ว่าพลางฮิโรกิก็จับหญิงสาวโพสต์ท่าน่าอายต่าง ๆ แล้วถ่ายรูปเก็บเอาไว้โดยที่เธอไม่มีโอกาสขัดขืนได้

“ยาเม็ดเดียว เล่นซะเสร็จไป 6 ครั้ง...ยามันไม่แรงไปหน่อยเหรอ?” ชายหนุ่มทอดสายตามองหญิงสาวที่นอนระทดระทวยอย่างเฉยเมย

“ฉันว่าหล่อนไม่คุ้นมากกว่า ไว้ว่าง ๆ ฉันว่าจะลองกะจิอากิดู บางทีคนที่คุ้นกับเรื่องพวกนี้น่าจะอึดมากกว่านี้นะ” ฮิโรกิเก็บโทรศัพท์แล้วแต่งตัวบ้าง

“ถ้ากับผู้ชายจะเป็นยังไงนะ?”

“แกจะเอาไปเล่นกับคนใหม่ของแกเหรอ?”

“น่าลองเหมือนกันนะ ปฏิกิริยาตอนที่ยาออกฤทธิ์น่ะสนุกเป็นบ้าเลย ขนาดยัยนี่ดูหงิม ๆ อย่างนี้ พอถึงตอนนั้นอะไรก็ยอมทำทั้งนั้น...ถ้าเป็นหมอนั่นคงสนุกดีพิลึก”

“ดูท่าทางแกจะติดใจเหยื่อรายใหม่นี่น่าดูเลยนะ เมื่อไรจะให้ฉันไปแจมได้บ้างล่ะ?” ฮิโรกิถามพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

“ยังหรอก ฮิโรกิ ยังไม่ถึงเวลา” เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ  แต่แววตาแฝงความพึงพอใจบางอย่างเมื่อนึกถึงใครบางคนที่กำลังหลงวนเวียนอยู่ในกับดักของเขา

“งั้น...แบ่งยาไปสักเม็ดมั้ย? เอาไปลองเล่นดู ได้ผลยังไงก็มาบอกฉันด้วย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ากับผู้ชายจะเป็นยังไง” เจ้าตัวเล็กเริ่มมีสีหน้าสนุกตามไปด้วย

ร่างสูงรับยาเม็ดนั้นมาใส่กระเป๋าเอาไว้

“เอาหละ...พี่สาว ขอบคุณมากนะที่ช่วยให้สนุกขนาดนี้ แล้วก็...อย่าเสือกไปแจ้งตำรวจเชียวล่ะ ไม่งั้นรูปนี่ไม่อยู่แค่ในมือถือนี่แน่” ฮิโรกิทิ้งคำขู่สุดท้ายเอาไว้ก่อนที่จะพากันจากมาโดยทิ้งเจ้าของห้องเอาไว้อย่างนั้นอย่างไม่ใส่ใจ

//////////

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ร่างเพรียวที่เพิ่งกลับเข้าห้องยังไม่ได้แขวนเสื้อโค้ทดีรีบหมุนตัวกลับไปที่ประตูทิ้งเสื้อโค้ทให้พาดอยู่กับเก้าอี้อย่างนั้น

“ใครครับ?”   

“ฉันเอง” เสียงทุ้มห้วนสั้นที่ฟังคุ้นหูตอบกลับมา

คัตซึฮิโกะเปิดประตูห้องให้ ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าประตูสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวเดิมที่เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่พบกันครั้งแรก ทั้งที่ช่วงนี้อากาศเย็นลงมากแล้ว แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับใครเขาเลย

“กลับมาแล้วเหรอ?” คัตซึฮิโกะถามขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง ๆ หากแววตาเฉยเมย เซย์ริวไม่เคยมีคำตอบใด ๆ สำหรับการทักทายประจำวันอยู่แล้ว

“กลับมาแล้ว”

คำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง รอยยิ้มจาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่โหดร้ายอยู่เสมอดูอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นิ้วมือเรียวยาวค่อย ๆ เกลี่ยเข้าที่ข้างแก้มแผ่วเบา

“ทำไม? ทำหน้ายังกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ”

“เปล่า...คือ...” คัตซึฮิโกะก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาที่ใบหน้า เผลอใจคิดไปว่าบางทีเซย์ริวอาจจะเป็นคนใจดี ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ใช่ความจริง

เซย์ริวก้าวตามเข้ามาในห้องพร้อมกับปิดล็อกประตู “หอมจังนะ ทำมื้อเย็นอยู่เหรอ?”

“อะ...อื้อ” เจอสิ่งเกินคาดเข้าแบบนี้ก็เล่นเอาคัตซึฮิโกะพูดไม่ออกเหมือนกัน ชายหนุ่มรีบผละเข้าไปที่ครัวแล้วแกล้งทำเป็นยุ่งอยู่กับของที่ทอดอยู่ในกะทะที่ตั้งเตาทิ้งเอาไว้ตั้งแต่กลับเข้ามาทันที

“หือ? หมูทอดงั้นเหรอ?” เสียงทุ้มดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับลมหายใจอุ่นเป่ารดที่ข้างแก้ม

คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว หันขวับไปมองคนที่เข้ามาประชิดด้านหลังแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว...และเพราะอย่างนั้น ร่างสูงจึงฉวยโอกาสประกบริมฝีปากอุ่นแนบลงบนริมฝีปากที่กำลังเผยอจะพูดอะไรบางอย่าง แขนแกร่งโอบรัดรอบเอวคอดรั้งเข้าหาตัวแน่น ในขณะที่อีกมือเชยคางขึ้นเพื่อจะได้จุมพิตได้ถนัด เรียวลิ้นแทรกสอดเข้าไปเกี่ยวกวัดกับลิ้นนุ่มที่ยังไม่ยอมตอบสนองเพราะความตกใจ โลมเร้าพัวพันอยู่เป็นครู่คนตัวเล็กกว่าถึงได้เริ่มตอบสนองจูบนั้นทีละน้อย ดวงตาคู่สวยหลับพริ้มลงปล่อยให้ปลายลิ้นหยอกเอินกันอย่างดื่มด่ำ หากไม่ใช่เพราะคิดไปเอง คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าจุมพิตของวันนี้หวานละมุนกว่าทุกวัน

น้ำมันในกะทะแตกตัวเสียงดัง เรียกสติที่กำลังล่องลอยไปในบรรยากาศอ่อนหวานให้กลับคืนมา คัตซึฮิโกะถอนริมฝีปากออกอย่างรวดเร็วพร้อมกับผลักร่างสูงออกห่าง ชั่ววินาทีที่สบตากันนั้น ร่างเพรียวเห็นแววเสียดายฉาบแฝงอยู่ในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม คัตซึฮิโกะยกหลังมือขึ้นแตะริมฝีปากแล้วก้มหน้าหลบตา แสร้งหันไปใช้ตะเกียบคู่ยาวคีบเขี่ยชิ้นหมูทอดในกะทะ

“ออก...ออกไปก่อนเถอะ ผมจะทำกับข้าวต่อ” คัตซึฮิโกะบอกด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ไม่ยอมสบตา

รอยยิ้มระบายขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง เขาทำท่าจะผละออกไป แต่แล้วก็หันกลับมาดึงร่างเพรียวให้หันกลับมาหาแล้วประกบจูบเร่าร้อนอีกครั้ง คัตซึฮิโกะดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน แล้วก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งหลุดลงคอไป แล้วคนเจ้าเล่ห์ก็ถอนปากออก

“อะ...อะไรน่ะ...เมื่อกี้?” คัตซึฮิโกะระล่ำระลักถาม ใบหน้าแดงไปจนถึงคอเพราะโดนขโมยจูบแบบไม่ทันรู้ตัวถึงสองครั้งติดกัน

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ  ดวงตามีแววเจ้าเล่ห์พราวระยับ “ขนมน่ะ”

พูดเพียงเท่านั้นแล้วร่างสูงก็เดินออกจากครัวไป ทิ้งให้คัตซึฮิโกะยืนเอามือลูบหน้าตัวเองหมายจะให้อารมณ์ที่กำลังกระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่เข้าทาง...แต่ดูท่าจะยากเสียแล้ว...

ชิ้นหมูชุบแป้งทอดที่เพิ่งสุกได้ที่ถูกจัดวางลงในจานพร้อมกับถ้วยน้ำจิ้มเล็ก ๆ  ตั้งแต่เซย์ริวเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขาก็ดูเหมือนข้าวของบางอย่างในห้องจะเพิ่มขึ้น อย่างน้อยก็จานชาม แก้วน้ำและแปรงสีฟัน คัตซึฮิโกะถอนใจแล้วก็ยิ้มนิด ๆ  นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใส่ใจคนอื่น ดูเหมือนเซย์ริวจะเป็นคนแรกที่ได้กินข้าวรสมือเขานอกจากนัตสึ บางทีคัตซึฮิโกะก็รู้สึกว่ามันมีความสุขดีเหมือนกันที่ได้ดูแลคนอื่นอีกครั้ง อาจจะเป็นเพราะเขาต้องดูแลน้อง ๆ ในบ้านมาตั้งแต่เด็กก็ได้เลยติดเป็นนิสัย

การอยู่ร่วมกันเซย์ริวก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร พวกเขาแค่เจอหน้ากันตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือบางทีก็ไม่ได้เจอ เพราะเซย์ริวออกไปข้างนอก ส่วนตอนเช้านั้น ถึงแม้เซย์ริวจะอยู่ในห้องแต่ก็เหมือนไม่ได้เจอกัน เพราะตอนที่เขาออกไปทำงานนั้น เซย์ริวยังไม่ตื่น

คัตซึฮิโกะปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปขณะที่จัดอาหารให้เรียบร้อย แต่แล้วหัวใจก็กระตุกวูบขึ้นมากะทันหัน ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้าอก...เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย? หัวใจเต้นแรงไม่หยุดจนแทบไม่เป็นจังหวะ คัตซึฮิโกะวางมือจากอาหารตรงหน้าแล้วขยุ้มอกเสื้อแน่น ความรุ่มร้อนแปลก ๆ แล่นวูบวาบไปทั้งร่าง ตัวสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

ก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร สายหนังเส้นหนาก็ตวัดพันเข้าที่รอบคอขาว คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัวและพยายามดิ้น หากเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงสวมปลอกคอหนังให้เขาสำเร็จ

“ทะ...ทำอะไรของคุณน่ะ?” มือเรียวพยายามแกะปลอกคอที่รัดรอบคอแน่นออก

เซย์ริวไม่ตอบ แต่คว้ามือคัตซึฮิโกะจับยึดเอาไว้แน่น พยายามจะขโมยจูบอีกครั้งหากอีกฝ่ายใช้มือข้างที่ยังเป็นอิสระอยู่ปัดป้อง วงแขนแกร่งจึงโอบรั้งร่างเพรียวให้เข้ามาแนบชิดแล้วกอดตรึงเอาไว้อย่างนั้น ไม่สนใจกับอาการทุบตีผลักไสของคนในอ้อมกอด รอคอยอย่างใจเย็นจนกระทั่งคนที่ดิ้นรนหมดเรี่ยวแรงไปเอง คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับอกกว้าง มือเรียวจับยึดไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก กายสั่นสะท้าน ในขณะที่อุณหภูมิในร่างกายดูเหมือนจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุด

“คุณ...คุณทำอะไร...ผม...?”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่” จมูกโด่งได้รูปซุกไซ้ลงไปที่ซอกคอ สูดกลิ่นกายที่เจือกลิ่นเหงื่อกรุ่นจาง...เป็นความจริงทีเดียวที่เขาว่ากันว่า กลิ่นเหงื่อสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม

“ไม่...คุณ...” คัตซึฮิโกะพยายามหนีให้พ้นจากอ้อมแขนที่พันธนาการเขาเอาไว้ แต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงจะไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
“ปล่อย...ปล่อยผมนะ”

“แกกำลังต้องการให้ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” นิ้วเรียวช้อนเชยปลายคางมนขึ้นแล้วประทับริมฝีปากพรมจูบไปตามใบหน้าที่ตอนนี้ซับสีเลือดจนแดงเรื่อ

“ต้องการอะไร...ผมไม่...” คัตซึฮิโกะหาคำพูดไม่ถูก รู้สึกว่าตอนนี้ในหัวกำลังถูกสีขาวโพลนกลืนกินเข้าไปทีละน้อย

“แกกำลังอยากให้ฉันกอด คาซึโกะ...” ริมฝีปากอุ่นคลอเคล้าอยู่ไม่ห่างแก้มเนียน บดคลึงแนบลงบนริมฝีปากร้อนที่แดงจัดจนเป็นสีเชอร์รี่
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-03-2013 11:03:58
ไออุ่นร้อนวาบจากจุดที่โดนสัมผัสแผ่ซ่านไปทั้งร่าง ทั้งที่เป็นเพียงแค่การสัมผัสแต่เพียงภายนอก ร่างเพรียวแอ่นสะโพกเข้าหาตามแรงรั้งของวงแขนอย่างว่าง่าย มือเรียวเกาะยึดไหล่กว้างแน่น ขาทั้งสองข้างสั่นจนแทบจะไร้แรงยืน ได้แต่ทิ้งตัวพิงร่างสูงปล่อยให้อ้อมแขนแกร่งโอบประคองร่างของตัวเองเอาไว้

มือใหญ่เริ่มไต่ซุกซนไปตามแผ่นหลัง ลูบไล้แผ่วเบาไปทั่ว มืออีกข้างปล่อยมือเรียวที่ยึดเอาไว้ให้เป็นอิสระแล้วค่อย ๆ เลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีดำของร่างเพรียวออกช้า ๆ  สอดมือเข้าไปสัมผัสผิวเนียนเรียบบนแผ่นอก ส่งปลายนิ้วเย็นสะกิดส่วนไวสัมผัสตรงปลายยอด

คัตซึฮิโกะเกร็งผวากับสัมผัสนั้น เกือบจะสำลักลมหายใจ เรียวเล็บจิกยึดเสื้อตัวหนาของร่างสูงแน่น หวามไหวไปกับสัมผัสที่ได้รับ เผยอริมฝีปากหอบน้อย ๆ  เปิดโอกาสให้เรียวลิ้นเข้ามาค้นหาความหอมหวานได้โดยไม่มีการขัดขืน ตอบสนองความเร่าร้อนที่เข้าเร่งรัดพัวพันแต่โดยดี และยิ่งเร่งเร้ามากขึ้นเท่าไร ลิ้นร้อนก็ยิ่งตอบสนองแรงกระตุ้นมากขึ้นเท่านั้น ยอดอกสีสวยแข็งขึงเป็นไตเมื่อปลายนิ้วบดขยี้เป็นระยะ สะโพกบางแอ่นผวาเข้าหาอีกฝ่ายเมื่อมือแกร่งเคล้นคลึงบั้นท้ายนุ่มผ่านเนื้อผ้าหนาของกางเกงยีนส์

เซย์ริวเลื่อนมือมาปลดเข็มขัดของคนในอ้อมกอดก่อนที่จะรูดซิปกางเกงลง แล้วสอดมือเข้าไปลูบไล้จุดอ่อนไหวที่สุดอย่างนุ่มนวล แม้จะสัมผัสได้ไม่ถนัดนัก แต่ความรู้สึกที่เขาแตะต้องลงไปนั้นบอกได้ชัดว่าคัตซึฮิโกะกำลังเกิดอารมณ์มากเพียงใด ร่างสูงยิ้มนิด ๆ อย่างพึงพอใจแล้วถอนริมฝีปากออกพร้อมกับคลายวงแขน

คัตซึฮิโกะทรุดตัวลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นพิงผนังห้องอย่างไร้เรี่ยวแรง หอบหนัก ๆ ราวกับวิ่งมานับพันไมล์ ใบหน้าแดงซ่าน ดวงตาเลื่อนลอย ร่างกายสั่นระริก...แค่จูบ ไม่น่าจะทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้ได้ มันต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกับเขาแน่ ๆ ...แต่ในสมองที่ขาวโพลนตอนนี้ไม่สามารถคิดอะไรออกได้อีกแล้ว จนกระทั่งร่างสูงนั่งลงตรงหน้า

“ยาออกฤทธิ์ดีใช่มั้ยล่ะ คาซึโกะ?”

คำถามพร้อมกับรอยยิ้มเยาะหยันทำให้คัตซึฮิโกะคิดขึ้นมาได้นิดหนึ่ง

“ยา...หรือว่า...”

“ขนมเมื่อกี้นี้อร่อยดีใช่มั้ย คาซึโกะ?” เซย์ริวถามแล้วก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ประกบริมฝีปากบดขยี้ลงจนริมฝีปากนิ่มแดงช้ำ...คัตซึฮิโกะหนีเขาไปไหนไม่ได้อีกแล้ว...

//////////

ร่างขาวเพรียวเปลือยเปล่านั่งกายสั่นสะท้านอยู่บนเตียง มีสายโซ่เส้นไม่ใหญ่นักล่ามโยงจากปลอกคอหนังไปยังโครงเหล็กที่ปลายเตียง ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากอิ่มช้ำ ดวงตาเลื่อนลอย และ...แก่นกายอ่อนไหวกำลังตื่นตัวเต็มที่!

เซย์ริวเอนกายพิงหมอนที่หัวเตียงจ้องมองคนตรงหน้าอย่างพออกพอใจ ดวงตาที่มองมาที่เขาเหม่อลอยแทบจะไร้สติสัมปชัญญะ ลมหายใจหอบถี่ ท่าทางจะระงับความปรารถนาเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว...มือใหญ่แตะลงที่ข้างแก้ม ยังผลให้คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว รอยยิ้มที่ค่อย ๆ สยายกว้างขึ้นบนใบหน้าของร่างสูงเกือบจะมีแววเอ็นดูกับปฏิกิริยานั้นด้วยซ้ำ ดวงตาที่เลื่อนลอยไหวระริกค่อย ๆ เลื่อนมาจับที่ใบหน้าของเซย์ริว มือสั่นเทาค่อย ๆ เลื่อนขึ้นมากุมมือที่จับแก้มเอาไว้ สีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความต้องการอย่างยิ่งยวดที่จะปลดปล่อยอารมณ์ที่อัดแน่นอยู่ในร่าง

ร่างสูงยิ้มเย็น “อยากเหรอ คาซึโกะ?”

ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากสีเชอร์รี่นอกจากอาการพยักหน้ารับ

“งั้นก็...ทำให้ฉันสนุกหน่อยสิ” ดวงตาคมฉายแววตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะพูด “เล่นกับตัวเองให้ฉันดูหน่อย”

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง ดูเหมือนจะได้สติขึ้นมากับคำสั่งน่าอายนั้น เขาจ้องหน้าเซย์ริวแล้วหลบตาอย่างลังเลใจ ยกมือขึ้นปิดปากแล้วหลับตาแน่น พยายามต่อต้านไฟราคะที่ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ

“คาซึโกะ...ทำสิ” เสียงห้าวนุ่มกระซิบที่ข้างหู

แม้จะพยายามฝืนเอาไว้ แต่คำพูดนั้นราวกับการสะกดจิต มือเรียวเลื่อนลงไปหาร่างที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ของตัวเอง สัมผัสลูบไล้แล้วเกาะกุมมันเบา ๆ  ร่างกายสั่นสะท้าน ทั้งอยากทำและไม่อยากทำในเวลาเดียวกัน แต่พอแตะต้องแล้วก็หยุดไม่ได้...คัตซึฮิโกะก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองแน่น เริ่มต้นขยับมือรูดแก่นเนื้ออุ่นร้อนด้วยจังหวะเนิบช้า

“อะ...อา...” เพียงแค่เริ่มต้นร่างเพรียวก็ไม่สามารถทานอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตัวเองได้ มือที่ปิดปากตัวเองไว้กลับไปจิกยึดผ้าปูที่นอนแน่นแล้วส่งเสียงครางออกมาอย่างไม่คิดจะปิดกั้นอีก

มืออุ่นร้อนลงน้ำหนักเกาะกุมแก่นกายแน่น ขยับเร่งจังหวะกระชั้น ส่งเสียงครางเครือปนหอบเบา ๆ ไปกับความรัญจวนที่ตนเองเป็นคนกระทำ รู้สึกอับอายที่ต้องมาทำเรื่องที่ควรจะเป็นความลับต่อหน้าคนอื่นอย่างนี้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกแล้ว ดวงตาคมที่มองมายิ่งเร้าอารมณ์ให้หวามไหวหนักขึ้น แต่หลายครั้งที่รู้ตัวว่าไม่อาจละสายตาจากคนที่กำลังจ้องมองอยู่ได้ และยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองอยู่...คัตซึฮิโกะก็ยิ่งตื่นตัวมากขึ้นทุกขณะ

“ให้ฉันได้เห็นชัด ๆ หน่อยซิ” เซย์ริวแตะมือลงบนต้นขาขาวแล้วจับร่างเพรียวเปลี่ยนท่วงท่า จากนั่งคุกเข่าให้เป็นนั่งลงกับเตียงแล้วชันเข่าขึ้น แยกขาออกโดยหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเขา

“อ๊ะ!”

คัตซึฮิโกะหน้าแดงก่ำเมื่อต้องอยู่ในท่าที่ดูเปิดเผยยิ่งกว่าเก่า มือเรียวชะงักการกระทำทันที หลบตาร่างสูงแล้วพยายามสะกดกลั้นความต้องการอีกครั้ง

“ทำต่อสิ คาซึโกะ” ไม่พูดเปล่ายังใช้มือเข้าไปช่วยกระตุ้นซ้ำให้อีกครั้ง

เพียงแค่นั้นคัตซึฮิโกะก็คิดอะไรไม่ออก เขาปล่อยให้มือของตัวเองขยับไปตามความต้องการของร่างกาย ไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนที่แปลกประหลาดซึ่งปะทุรุนแรงอยู่ในร่าง หากไม่ได้ปลดปล่อยในตอนนี้ เขาคงแทบระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ ด้วยความอัดอั้น
เซย์ริวจ้องมองแท่งเนื้อในอุ้งมือนั้นถูกขยับรูดเร้าแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปาก ส่วนปลายของมันที่เป็นสีแดงจัดเริ่มมีหยาดน้ำใส ๆ หลั่งรินออกมาจนชุ่มมือที่เกาะกุมอยู่ หนังหุ้มส่วนปลายยอดขยับตามจังหวะการชักรูดของมือ มันห่อหุ้มและเปิดออกราวกับผลไม้เปลือกบางที่ถูกปลิ้นเนื้อในออกมา ร่างสูงนึกอยากลิ้มรสเนื้อผลไม้สีแดงนั้น...แต่ยังก่อน...ยังไม่ใช่ตอนนี้ เขายังมีเวลาสนุกกับคัตซึฮิโกะอีกนานนัก

มือแกร่งจับข้อเท้าของร่างเพรียวขยับแยกกว้างออกอีก จ้องมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างพึงใจ คัตซึฮิโกะไม่เหลือความประหม่าอายอีกแล้ว เขาขยับจัดท่าตามที่ร่างสูงต้องการ ในขณะที่ยังไม่ยอมละมือจากกิจกรรมอันสร้างความหฤหรรษ์ให้ ดวงตาที่เอ่อชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาทอดสายตาหวานเชื่อมไปยังคนที่เฝ้ามองการกระทำของเขาอยู่ สีหน้าหื่นกระหายของเซย์ริวกระตุ้นอารมณ์เขาอย่างมาก เขารู้...ว่าเซย์ริวก็กำลังปรารถนาที่จะลิ้มลองเขา ปรารถนาที่จะครอบครองเขา...และรู้อีกด้วยว่าร่างสูงกำลังอดกลั้นอยู่...เรียวขาขาวแยกออกอีก จงใจยกสะโพกขึ้นเปิดเผยช่องทางเร้นลับให้ปรากฏต่อสายตาของอีกฝ่าย เรียกร้องด้วยการกระทำให้เข้ามาครอบครองและมอบความสุขให้กับเขา

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ  “ยั่วให้มันมากกว่านี้อีก คาซึโกะ...ทำให้ฉันอยากเข้าไปในตัวแกให้มากกว่านี้”

คัตซึฮิโกะส่งสายตาที่ฉายแววสิ้นหวังไปที่เซย์ริว...ตอนนี้เขาคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว เขากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว ปลายทางของอารมณ์กำลังรออยู่ตรงหน้า เพียงขยับมืออีกแค่ไม่กี่ครั้งเขาก็จะสามารถปลดปล่อยความค้างคาทั้งหมดให้ออกมาได้...มืออุ่นร้อนเร่งจังหวะหนักหน่วงมากขึ้น สะโพกบางแอ่นขยับตามจังหวะของมือ ริมฝีปากเผยอหอบส่งเสียงครางระงมแทบไม่เป็นภาษา เริ่มเกร็งร่างสะท้านเป็นระยะ แล้วในที่สุดก็ปลดปล่อยทุกสิ่งออกมา

“อ๊ะ...อ๊า...” คัตซึฮิโกะกรีดเสียงร้องเมื่อถึงขีดสุด

หยาดน้ำขุ่นเหนียวฉีดพ่นออกมารุนแรงเต็มกลั้น มันหลั่งเลอะไปจนถึงแผ่นอกของคนที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของเตียง

“อะ...ฮ่า...” ร่างเพรียวถอนใจเยือก ท้าวมือลงด้านหลังแล้วทิ้งตัวกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง คลายอุ้งมือที่เกาะกุมแก่นกายอยู่ให้ประคองเอาไว้เพียงหลวม ๆ

เซย์ริวตกใจนิดหน่อยกับการถึงสวรรค์อย่างค่อนข้างรุนแรงของคัตซึฮิโกะ แต่แล้วก็ยิ้มกว้าง ใช้นิ้วปาดหยาดน้ำนั้นขึ้นมาลิ้มรสก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้ร่างเพรียวที่นั่งหอบหนัก ๆ อยู่ สิ่งที่คัตซึฮิโกะปลดปล่อยออกมาเปรอะเลอะผ้าปูที่นอนด้วย

“เยอะจังนะ...กลั้นมานานหละสิ”

เซย์ริวใช้มือปาดเก็บน้ำขุ่นข้นขึ้นมาแล้วลูบไล้มันลงไปบนแผ่นอกบางที่ยังสะท้านด้วยแรงหอบ เคล้นคลึงแผ่นอกแล้วบดขยี้ยอดอกสีชมพูที่ยังแข็งเป็นไตอย่างสนุกมือ รั้งเอวบางเข้าหาตัวแล้วประกบจูบเร่าร้อน ค่อย ๆ พาขยับมาที่กลางเตียงจนโซ่ที่ล่ามเอาไว้ตึง

“อ๊ะ...ฮึก...” คัตซึฮิโกะสำลักนิดหน่อยเมื่อปลอกคอหนังรัดแน่นตามแรงดึง มือเรียวเกาะยึดแขนแกร่งแน่น จิกเล็บกดลงเบา ๆ ระบายอารมณ์หวั่นไหว

“เมื่อกี้ยั่วได้ไม่เลวนะ คาซึโกะ...แต่มันยังไม่ถึงใจฉันน่ะ” เซย์ริวพูดขึ้นขณะที่ไล้ริมฝีปากลงไปตามซอกคอขาวที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นฮอร์โมนที่กระตุ้นอารมณ์ใคร่ให้พลุ่งพล่าน ฟันเรียบขบหยอกไปตามผิวขาวลื่น

“อือ...” คัตซึฮิโกะสะดุ้งผวา แอ่นกายรับสัมผัสหยอกเย้า แต่ทุกครั้งที่ขยับตัว ปลอกคอหนังก็รัดแน่น

“เพราะยังทำให้ฉันอยากเข้าไปในตัวแกไม่ได้...งั้นก็...ทำให้ฉันรู้สึกดีมากกว่านี้อีกหน่อยซิ” ร่างสูงขยับตัวเข้าไปใกล้พลางยิ้มเจ้าเล่ห์

สายตาที่มองตอบมามีแววฉงน...เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองนิดหน่อย เขาลืมไปว่าคัตซึฮิโกะค่อนข้างจะไม่เดียงสากับเซ็กส์แบบที่เขาชอบ เขาลูบไล้ริมฝีปากสีเรื่อแล้วค่อย ๆ กดใบหน้าของร่างเพรียวเข้าหาแผ่นอกของตัวเอง

“จูบซิ” เซย์ริวเริ่มออกคำสั่ง

คัตซึฮิโกะค่อนข้างจะไม่มั่นใจกับคำสั่งนั้น แต่กลิ่นอายของคนตรงหน้าช่างยั่วยวนเหลือเกินในความรู้สึก ริมฝีปากสั่นระริกจึงประทับแนบลงไปบนแผ่นอกหนา

“ทำแบบที่ฉันเคยทำให้แกน่ะ ใช้ลิ้นด้วยสิ”

ร่างเพรียวค่อย ๆ จูบเล็มไปตามผิวที่มีรอยแผลเป็นกระจายอยู่ บางแผลใหญ่และดูน่ากลัว เขาไม่เคยสังเกตรอยแผลพวกนี้มาก่อนเลย...ไม่สิ...เขาไม่เคยได้เห็นมันชัด ๆ แบบนี้ต่างหาก เขาเริ่มใช้ลิ้นไล้เลียไปตามรอยแผลเหล่านั้น และดูเหมือนว่าเจ้าของรอยแผลจะพึงพอใจกับสิ่งที่เขากระทำ...เขารู้ได้จากเสียงถอนใจอย่างหฤหรรษ์...เสียงนั้นราวกับคำชม เสียงที่ทำให้เขารู้สึกราวกับมีอำนาจเหนือกว่าเซย์ริว

“อืม...ดี...” มือใหญ่ค่อย ๆ กดศีรษะที่กำลังซุกไซ้อยู่แถวแผ่นอกของเขาให้เคลื่อนต่ำลงไปจนถึงหน้าท้องที่เป็นลอนกล้าม

เรียวลิ้นตวัดเลียร่องสะดือแล้วจูบซ้ำเบา ๆ  ร่างสูงผวาเล็กน้อยกับการกระทำนั้น...คัตซึฮิโกะทำได้ดีกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียอีก เขาใช้ปลายเท้าเตะปัดมือเรียวไม่ให้ไปเล่นสนุกกับตัวเองอีก

“อย่าทำอย่างนั้น คาซึโกะ...ฉันให้แกเล่นกับตัวเองไปแล้ว ตอนนี้ใช้แต่ปากของแกก็พอ ถ้าแกใช้มือทำอะไรอีก ฉันจะจับแกมัดแล้วนะ” คำหยอกแกมข่มขู่ได้ผล คัตซึฮิโกะพยายามไล้เลียไล่จากหน้าท้องราบลงต่ำไปอีก ฟันเรียบขบงับซิปกางเกงอย่างเงอะงะ

“ลำบากใช่มั้ย?” เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  แล้วเอาปลายเท้าเขี่ยหยอกแก่นกายที่เริ่มตื่นตัวอีกครั้ง

“อะ...อือ...ลำบาก...” ร่างเพรียวผวาสะดุ้งเป็นระยะจากการกระตุ้นของร่างสูง

เรียวนิ้วเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงให้ “ทำทั้งอย่างนั้นแหละ...อืม...ลิ้นของแกก็ให้ความรู้สึกดีนะ”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ รูดซิปกางเกงลงด้วยปาก ใต้เนื้อผ้าหนานั้นไม่มีชั้นในขวางเอาไว้ เขากลืนน้ำลายเมื่อเห็นสิ่งสงวนที่อยู่ตรงหน้า ตอนนี้มันเป็นอิสระจากพันธนาการแล้วและกำลังแข็งขึงได้ที่

“ทักทายมันหน่อยสิ คาซึโกะ” เซย์ริวบอกพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ  ท่าทางที่ดูออกจะตื่นกลัวของคัตซึฮิโกะกระตุ้นเขามากขึ้นอีก

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ก้มลงไปใช้ริมฝีปากแตะต้องส่วนปลายยอดของแก่นกายแกร่งอย่างประหม่า มันชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำลื่น ๆ เช่นเดียวกับของเขาเมื่อครู่นี้ เรียวลิ้นตวัดลิ้มรสชาติหยาดน้ำนั้นทีละน้อยก่อนที่จะกล้าเล่นกับมันมากขึ้นจนถึงขั้นค่อย ๆ ดูดกลืนส่วนปลายเข้าไปทีละนิดละหน่อย

“อืม...ดี...เก่งนี่...อีกนิดสิ” ร่างสูงยิ้มอย่างพึงพอใจ ใช้มือขยุ้มผมนุ่มดึงแล้วกดศีรษะที่กำลังซุกอยู่ตรงเบื้องล่างลงเบา ๆ  เป็นสัญญาณให้ปรนเปรอให้เขามากขึ้นอีก

ร่างเพรียวค่อย ๆ ดูดกลืนแท่งเนื้อนั้นลึกลงไปในโพรงปากร้อน ไล้ลิ้นชิมรสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน เขารู้อยู่แล้วว่าขนาดของเซย์ริวนั้นไม่เล็กเลย และตอนนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันคับเต็มปากจนหายใจลำบาก แต่ในที่สุดเขาก็รับมันเข้าไปได้จนสุดความยาว คัตซึฮิโกะกลั้นหายใจอยู่ชั่วครู่ ปรับร่างกายและเปิดลำคอเพื่อรับแก่นกายร้อนได้ง่ายขึ้นแล้วจึงขยับลิ้นดูดดุนหนัก ๆ พร้อมกับขยับปากรูดเร้า

เซย์ริวถอนใจเยือก...ทั้งที่ดูไม่ประสีประสากับเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมการใช้ปากและลิ้นถึงได้ดูช่ำชองนักนะ...ทั้งที่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ต้องใช้ปากปรนเปรอให้คนอื่น แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บเพราะพลาดไปโดนฟันเข้าแม้แต่นิดเดียว...รอยยิ้มกว้างแบบที่เขามักจะยิ้มเสมอเวลาพบของถูกใจค่อย ๆ สยายขึ้นบนใบหน้า ของเล่นชิ้นนี้วิเศษที่สุดที่เขาเคยพบมาเลยทีเดียว...มือใหญ่ค่อย ๆ ดึงให้ร่างเพรียวถอนปากออก

“ถอยออกไปก่อนซิ”

คัตซึฮิโกะส่งสายตาสงสัยแต่ก็ยอมถอยออกแต่โดยดี เซย์ริวถอดกางเกงของตัวเองออกแล้วโยนลงข้างเตียงอย่างไม่ใยดี กลับไปนั่งพิงหมอนที่หัวเตียงแล้วหันมาหาคัตซึฮิโกะ

“ทำต่อสิ คาซึโกะ”

ร่างเพรียวไม่รอช้า เขากำลังเพลิดเพลินกับรสชาติแปลกประหลาดของร่างสูงอย่างถอนตัวไม่ขึ้น จะด้วยฤทธิ์ยาหรืออะไรก็ช่าง เขาไม่สนอีกแล้ว เขาสนแต่เพียงแก่นกายแกร่งตรงหน้าเท่านั้น...ริมฝีปากโน้มลงไปหมายจะดูดกลืนแท่งเนื้อร้อน แต่ทว่าสายโซ่ที่เซย์ริวล่ามเอาไว้ไม่ยาวพอที่จะทำให้เขาไปถึงสิ่งที่หมายตาได้

“อ๊ะ...” คัตซึฮิโกะพยายามดึงโซ่นั้น แต่ปลอกคอก็รัดแน่นขึ้น

เซย์ริวยิ้มยั่วเย้า เขากำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งคนที่อารมณ์ค้างได้ที่ “มาสิ...”

แก่นกายนั้นยั่วยวนอยู่แค่ปลายจมูก แต่คัตซึฮิโกะไม่อาจไปถึงได้ เขาจ้องมองมันอย่างกระหายอยาก รสชาติที่ยังค้างคาอยู่ในปากผลักดันให้เขาปรารถนาในมันมากขึ้น ร่างเพรียวเสไปขบงับผิวตรงต้นขาด้านใน

“เฮ้...ให้มันตรงจุดหน่อยสิ” ร่างสูงขยับเข้ามาหาแล้วเอาส่วนกลางกายถูไถแก้มเนียนเบา ๆ

ริมฝีปากที่หิวกระหายหันไปขบจูบแก่นเนื้อร้อนนั้นทันที ดูดกลืนไล้เลียราวกับเป็นไอศครีมหวานหอม ดวงตาคมจ้องมองแก่นกายของตัวเองเคลื่อนไหวเข้าออกโพรงปากร้อนนั้นด้วยความรู้สึกตื่นเต้น สัมผัสของลิ้นร้อนและผนังอุ่นนุ่มในปากนั้นกระตุ้นเร้าอารมณ์ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ร่างสูงกำลังลังเลนิดหน่อยเมื่อคิดว่าจะปล่อยให้ตัวเองเสร็จสมไปเลยหรือข่มกลั้นเอาไว้เพื่อรอกระทำเต็มรูปแบบเลยดี บาดแผลของเขาเริ่มเข้าที่แล้วก็จริงแต่มันก็ยังไม่ถึงกับปิดสนิท แต่ความหฤหรรษ์ที่ได้รับก็เกินจะหักห้ามใจ...

“คาซึโกะ...คราวนี้ใช้มือด้วยสิ” เซย์ริวบอกเสียงกระเส่า

มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเกาะกุมแก่นกายรุ่มร้อนแล้วจับขยับรูดเหมือนที่ทำกับตัวเองเมื่อครู่  พร้อมกันกับที่ปากและลิ้นยังดูดกลืนไล้เลียไม่หยุด เสียงการดูดเลียที่ราวกับการกินอมยิ้มนั้นเป็นสำเนียงประหลาดที่เร้าอารมณ์รุนแรง คัตซึฮิโกะกระทำกับส่วนกลางกายนั้นราวกับมันเป็นอาหารรสโอชา เขาถอนริมฝีปากออกแล้วไล้เลียมันตลอดความยาวจนไปจบที่ส่วนปลายยอด ดูดดุนแล้วกลืนกลับเข้าไปในส่วนลึกอีกครั้ง

เซย์ริวถอนใจอย่างเสียวสยิว รสชาติที่คัตซึฮิโกะปรนเปรอให้นั้นวิเศษเกินบรรยาย หญิงสาวเมื่อกลางวันนี้แทบไม่ได้ครึ่งของคนตรงหน้า ทั้งที่ยากระตุ้นก็ตัวเดียวกัน คำสั่งให้กระทำก็เหมือนกัน ๆ กัน แต่คัตซึฮิโกะกลับเร้าอารมณ์ดิบของเขาได้ดีกว่ากันหลายเท่า...หรือว่าโดยแก่นแท้แล้ว คัตซึฮิโกะเร่าร้อนราวกับไฟ หากเพียงแต่ไม่เคยได้ปลดปล่อยความเร่าร้อนนั้นให้ออกมาจากใต้หน้ากากที่สงบเยือกเย็นราวกับสายน้ำ...ฤทธิ์ยาของค่ำคืนนี้แรงพอที่จะปลดปล่อยสิ่งที่ถูกซุกซ่อนไว้ให้ออกมาจนหมด ปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบเถื่อนให้ตอบสนองกันและกันอย่างเต็มที่

แก่นเนื้อแข็งขึงเริ่มกระตุกเต้นตุบรุนแรงอยู่ในปาก นั่นทำให้คัตซึฮิโกะรู้ว่าที่สุดของอารมณ์กำลังเดินทางมาถึงร่างสูง เขากลั้นใจดูดดุนแท่งเนื้อนั้นหนัก ๆ พร้อมกับใช้มือขยับชักรูดเร่งเร้า

หลังจากการกระตุ้นเพียงไม่กี่จังหวะ ร่างสูงก็เกร็งกายสะท้าน ปลดปล่อยพลังอันอัดแน่นให้พรั่งพรูออกมาในปากที่ยังครอบครองร่างของเขาอยู่

“อุ๊บ...แค่ก ๆ ...” คัตซึฮิโกะสำลักกระอักกระไอด้วยไม่ทันตั้งตัว เขากลืนหยาดน้ำรสชาติประหลาดนั้นลงไปได้เพียงบางส่วน และปล่อยให้บางส่วนไหลเลอะออกจากริมฝีปาก

“เสียของจริง ๆ  คาซึโกะ” ร่างสูงรั้งตัวคัตซึฮิโกะขึ้นมาประกบจูบเร่าร้อน กวาดลิ้นเลียเก็บสิ่งที่คัตซึฮิโกะไม่ได้กลืนเข้าไปมาป้อนให้

ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อ ในหัวสมองว่างเปล่า ได้แต่ตอบรับจูบนั้นอย่างว่าง่าย รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกผลักให้ล้มตัวนอนลงกับที่นอนโดยมีร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน

“เมื่อกี้ทำได้เยี่ยมมาก จะให้รางวัลนะ...ฉันไม่ได้ทำแบบนี้ให้แกมานานแล้ว จริงมั้ย?”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-03-2013 11:06:51
แล้วปากอุ่นร้อนก็ครอบลงรับแก่นกายที่ตื่นตัวอีกครั้งเข้าไป คัตซึฮิโกะผวายกสะโพกเข้าหาร่างสูงอย่างลืมตัว ส่งเสียงกรีดร้องเบา ๆ ด้วยความกระสันเสียว มือแกร่งสอดเข้าประคองสะโพกกลมแล้วยกขึ้น ขยับจัดท่าให้เรียวขาข้างหนึ่งขึ้นมาพาดอยู่บนบ่า แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าพาให้ร่างกายท่อนล่างของคัตซึฮิโกะยกลอยขึ้นจากที่นอน

“ฮะ...อา...” มือเรียวจิกขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น บิดกายเร่าด้วยสัมผัสนั้นกระตุ้นเร้าตรงจุดพอดี

ไม่เพียงแต่ดูดกลืนและไล้เลีย หากเรียวลิ้นยังรุกรานลงไปจนถึงจุดที่ต่ำกว่า ซอกซอนดุนดันเข้าไปในช่องทางเร้นลับแล้ววกกลับมาให้ความสนใจกับท่อนเนื้อที่แข็งขึงเพราะฤทธิ์ยาอีกครั้ง เล้าโลมเนิ่นนานจนซอกขาขาวนั้นเปียกชุ่ม เสียงครางหวานยังดังระงมเป็นระยะโดยเฉพาะเมื่อโดนกระตุ้นจุดอ่อนไหวที่ไวสัมผัสที่สุด สะโพกบางบิดส่ายเมื่อช่องทางด้านหลังโดนแตะต้องด้วยลิ้นร้อน

“อา...ตรงนั้น...ตรงนั้นมัน...” ร่ำร้องเพียงเท่านั้นแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นเสียงที่เกิดจากความกระสันเสียวสุดขอบไม่ให้เล็ดลอดออกมามากกว่านั้น มืออีกข้างจิกเล็บลงกับหน้าขาของร่างสูงเพื่อระบายอารมณ์

“ตรงนี้เหรอ คาซึโกะ?” มือแกร่งขยับยกเรียวขาขาวข้างหนึ่งดันขึ้นไปจนแนบอก เผยให้เห็นช่องทางที่เป็นสีระเรื่อชัดเจนอยู่ตรงหน้า นิ้วกร้านแตะลงและค่อย ๆ สอดเข้าไปในช่องทางนั้น

ร่างเพรียวกระตุกเกร็งขึ้นทั้งตัว “อ๊ะ! อ๊า...อือ...”

“อย่างนี้เหรอ ชอบใช่มั้ย?” น้ำเสียงปนหอบที่เอ่ยถามฟังดูเซ็กซี่ เรียวนิ้วขยับหมุนควานคลึงไปทั่ว ด้วยความที่มันชุ่มชื้นอยู่แล้วจึงไม่ยากต่อการสอดเข้าไปเท่าไรนัก

กล้ามเนื้อต้นขาเกร็งกระตุก คัตซึฮิโกะได้แต่กรีดเสียงร้องครางไปกับความทรมานที่แสนหฤหรรษ์ นิ้วของเซย์ริวค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง แล้วก็ขยับกวาดควานไปในร่างของเขาราวกับสิ่งมีชีวิต ผนังอ่อนนุ่มภายในโดนสัมผัสไม่หยุดหย่อน นิ้วทั้งสองขยับเคลื่อนไหวเหมือนต้องการค้นหาอะไรบางอย่างในร่างขาวเนียนที่ไร้หนทางต่อต้าน  ทดลองสะกิดเขี่ยหยอกไปตามจุดต่าง ๆ ภายในทีละส่วน ในขณะที่ปากและลิ้นก็ยังคงช่วยกันกระตุ้นจุดอ่อนไหวที่ด้านหน้าให้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

“อะ...ฮึก!” ร่างบางกระตุกวาบพร้อมกับช่องทางที่โดนรุกล้ำอยู่ตอดรัดแน่นเมื่อเรียวนิ้วสะกิดไปโดนจุดหนึ่งเข้า

เซย์ริวยิ้มอย่างพึงพอใจ “อ้อ...ตรงนี้สินะ”

นิ้วกร้านทดลองสะกิดจุดนั้นซ้ำอีกครั้ง ดวงตาที่ชื้นไปด้วยน้ำตาเบิกกว้าง รู้สึกราวกับถูกไฟฟ้าช็อต สะบัดศีรษะแหงนเงยไปด้านหลัง กระตุกร่างเกร็งรัดนิ้วทั้งสองอีกครั้ง และยิ่งเกร็งสะท้านอยู่นานเมื่อนิ้วนั้นบดคลึงอยู่ตรงจุดนั้นเป็นครู่ แก่นกายเกร็งสั่นระริก หลั่งหยาดน้ำให้รินรดออกมาจนเปรอะท้องน้อย ลิ้นร้อนลากเลียมาจนสุดความยาว ครอบปากลงดูดกลืนหนัก ๆ เพียงไม่กี่ครั้ง ร่างสูงก็ส่งคัตซึฮิโกะขึ้นสวรรค์ไปอย่างง่ายดาย

ร่างสูงถอนปากออกแล้วปาดเช็ดหยาดแห่งอารมณ์ออกด้วยหลังมือ แกล้งสะกิดจุดเร้านั้นอีกครั้ง ร่างเพรียวยังคงผวาขึ้นทั้งตัวพร้อมกับส่งเสียงครางเครือ

“จุดที่ทำให้แกรู้สึกดีที่สุดอยู่ตรงนี้สินะ ดีแล้ว...” เซย์ริวเอ่ยประโยคสุดท้ายเหมือนจะบอกกับตัวเอง

เมื่อนิ้วทั้งสองถูกถอนออกจากร่าง สะโพกบางก็หล่นลงกับเตียงอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง คัตซึฮิโกะทอดกายนอนหายใจรวยริน เหนื่อยหนักยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ  เขาถึงจุดสุดยอดถึงสองครั้งติด ๆ กัน มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คงเป็นเพราะฤทธิ์ยานั่น...

เซย์ริวมองดูร่างที่นอนนิ่งแล้วยิ้มนิด ๆ กับตัวเอง สภาพของคัตซึฮิโกะในตอนนี้ดูเย้ายวนเหลือจะกล่าว ผมสีดำที่เริ่มยาวสยายเคลียอยู่บนผิวสีขาวเนียนซึ่งถูกขับให้เด่นชัดขึ้นด้วยผ้าปูที่นอนสีเข้ม หน้าท้องและแผ่นอกเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดแห่งอารมณ์ที่เขาเอาไปป้ายไว้ ริมฝีปากสีเชอร์รี่เผยอหอบน้อย ๆ ยังมีรอยคราบน้ำที่ทำเลอะเทอะเอาไว้เช่นกัน สองแก้มแดงระเรื่อ ดวงตาเหม่อลอยหรี่ปรือราวกับพร้อมจะหลับ หากจุดไวสัมผัสตรงหว่างขาและซอกขาขาวเนียนเปียกชุ่มยังดูพร้อมที่จะประกอบกามกิจต่อไป ดวงตาคมตวัดมองปลอกคอหนังและสายโซ่...คน ๆ นี้เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยยาจนสูญเสียความเป็นตัวเองแบบเมื่อครู่นี้

ร่างสูงโน้มตัวลงไปประทับรอยจูบที่โคนขา “จะให้เวลาพักหน่อย จากนี้ไปจะเป็นของจริงนะ คาซึโกะ”

คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยและหลับตาลงอย่างอ่อนล้า คัตซึฮิโกะพยายามต่อสู้กับอะไรบางอย่างที่ปะทุขึ้นมาเป็นระลอก มันราวกับคลื่นความร้อนที่กระจายตัวไปตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายตามจังหวะหัวใจเต้น กระตุ้นเร้าอารมณ์ให้กระหายอยากในกามรส ปรารถนาที่จะปลดปล่อยให้หลุดพ้นจากร่างกายนี้ เขาพยายามสะกดมันเอาไว้ เมื่อได้สติแล้ว เขาไม่ต้องการถลำลึกลงไปมากกว่านี้...แต่แล้วคลื่นความร้อนเหล่านั้นก็ไหลไปรวมกันที่จุดกลางลำตัว เต้นตุบเป็นจังหวะแปลกประหลาดนอกเหนือไปจากจังหวะของหัวใจ คัตซึฮิโกะปรือตาขึ้นมอง

อาชญากรหนุ่มกำลังซุกใบหน้าลงตรงหว่างขาของร่างเพรียว ขบจูบหยอกเย้าแก่นกายบอบบางให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีก ก่อนที่จะไล้เลยลงจนถึงช่องทางด้านหลังแล้วดุนดันด้วยปลายลิ้น

“อึก...อา...” คัตซึฮิโกะพยายามจะทักท้วง แต่คำว่า ‘อย่า’ กลับไม่ยอมออกมา มีเพียงเสียงครางเท่านั้นที่ค่อย ๆ ดังขึ้นตามอารมณ์ที่คุโชน

แล้วสัมผัสลื่นเย็นก็อาบไล้ลงตรงช่องทางนั้น โลชั่นจำนวนไม่น้อยถูกเทลงเพื่อช่วยในการสอดใส่ นิ้วกลางของร่างสูงสอดเข้าไปในช่องทางเร้นลับจนถึงโคนในครั้งเดียว ขยับชักเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า...มือหนึ่งกระตุ้นด้านหน้า อีกมือหนึ่งส่งนิ้วเข้าสอดควานด้านหลัง ส่วนปากและลิ้นก็ค่อยไล้เลียช่วยเป็นระยะ...เซย์ริวขยับนิ้วควานหาจุดเร้าเมื่อครู่อยู่สักพัก แล้วก็ค้นพบได้โดยไม่ยากเมื่อร่างเพรียวเกร็งกระตุกพร้อมกับครางเสียงหวาน เขาเฝ้าวนเวียนกระตุ้นมันซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกระทั่งคัตซึฮิโกะตื่นตัวพร้อมเต็มที่

เซย์ริวถอนนิ้วออกแล้วเทโลชั่นลงบนฝ่ามือ อาบไล้แก่นกายแกร่งของตัวเองจนชุ่ม ดึงรั้งสะโพกบางขึ้นมาก่ายเกยกับท่อนล่างของเขา จรดจ่อท่อนเนื้อแนบเข้ากับช่องทางที่เตรียมความพร้อมเอาไว้ดีแล้ว สอดดันเข้าไปอย่างเนิบช้า

“อ๊า...เซย์...เซย์ริว...” คัตซึฮิโกะกรีดร้องเมื่อร่างอันแข็งแกร่งคืบคลานเข้ามาในร่าง มือเรียวจิกเล็บลงกับหน้าขาของร่างสูง มันไม่มีความเจ็บปวดใด ๆ เลย ตรงกันข้าม ความที่ถูกตระเตรียมจนเต็มที่แล้วทำให้เขาสามารถรับเซย์ริวได้ดีกว่าทุกครั้ง และยิ่งทวีความซ่านเสียวมากขึ้นอีกด้วย

ร่างสูงทอดสายตามองช่องทางคับแคบที่ขยายตัวออกเพื่อรับร่างของเขาเข้าไป มันเป็นภาพที่เร้าอารมณ์อย่างรุนแรง ความพึงพอใจที่ได้เป็นผู้รุกรานครอบครองแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาโน้มร่างลงประกบริมฝีปากจูบร่างเพรียวอย่างดูดดื่ม แลกลิ้นพัวพันกับลิ้นนุ่มที่ยินดีตอบสนองอย่างเพลิดเพลิน จนกระทั่งแทรกกายเข้าไปสุดทาง

“อ๊า...อือ...แน่นจัง...” คัตซึฮิโกะครางกระเส่าปนหอบ รู้สึกวูบวาบไปทั้งร่าง

“อืม...อย่าเกร็งก็แล้วกัน” ร่างสูงถอนใจหนัก ๆ แล้วเริ่มขยับกายทีละน้อย

“อะ...อา...” เรียวขาขาวสั่นระริก ช่องทางร้อนวาบเมื่อถูกเสียดสีทั้งเข้าและออก โอบเรียวแขนเข้าที่รอบคอของผู้รุกราน

เซย์ริวทนดึงจังหวะให้หน่วงช้าอยู่ได้ไม่นานนัก ความปรารถนามันเร่งเร้าเขาเสียจนแทบทนไม่ได้ เสียงครางกระเส่าด้วยความกระสันดังอยู่ข้างหู กระตุ้นความอยากให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น แก่นเนื้อถูกดึงออกจนเกือบหลุดออกมาแล้วก็กระทั้นกายแทรกสอดกลับเข้าไปใหม่...ครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งก็สามารถเรียกเสียงหวีดครางของคนที่อยู่ข้างใต้ได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างพึงใจในรสกามที่ได้ลิ้มลอง แต่ละครั้งรสชาติของมันไม่เหมือนกันเลย ราวกับว่าเขาไม่ได้ทำกับคน ๆ เดียวกัน...ทั้งอ่อนหวาน ขลาดกลัว และเย้ายวน...คัตซึฮิโกะช่างเป็นของเล่นที่พิเศษจริง ๆ

ริมฝีปากขบดูดยอดอกสีเรื่อหนัก ๆ  ทำให้แผ่นอกบางสะท้านเยือก มือเรียวขยุ้มเรือนผมสีน้ำตาลดึงเบา ๆ หมายจะห้าม เพราะเพียงแค่การรุกรานเบื้องล่างก็ทำให้เสียวสะท้านจนจะขาดใจอยู่แล้ว แต่ร่างสูงไม่ยอมหยุด ฟันเรียบขบงับหยอกเบา ๆ จนร่างเพรียวต้องโอบกอดคนตรงหน้าเอาไว้แน่น จังหวะการรุกเร้ารุนแรงมากขึ้น เสียงเนื้อเสียดสีและกระทบกันดังไปในความเงียบของห้องเล็ก ๆ นั้น ปะปนไปกับเสียงหอบหายใจที่แยกไม่ออกว่าเป็นของใคร เป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะรู้สึกเพลิดเพลินไปกับรสรักของเซย์ริว...จะเป็นเพราะโลชั่นที่ชโลมเอาไว้หรือเพราะฤทธิ์ยาเขาไม่สนอีกแล้ว...ชายหนุ่มรู้เพียงว่าเขาสามารถรับและตอบสนองร่างสูงได้ดีกว่าทุกครั้ง

เซย์ริวดึงกายออกห่างแล้วค้างนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองอย่างสงสัย ร่างสูงมองหน้าคัตซึฮิโกะแล้วยิ้มน้อย ๆ ...ดวงตาคู่นั้นช่างเว้าวอน...เขาโอบแผ่นหลังแล้วดึงร่างเพรียวให้ลุกขึ้นมานั่งคร่อมหน้าขาของเขา

การถูกเปลี่ยนท่วงท่ากะทันหันทำให้คัตซึฮิโกะร้องออกมาด้วยความตกใจ ตอนนี้เขากำลังโดนบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่โดยที่ร่างของเซย์ริวยังค้างคาอยู่ข้างใน

“อะ...อะไร...” ร่างเพรียวเกาะยึดไหล่หนาเอาไว้เป็นหลัก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อดี...ไม่สิ...ในสติอันเลือนราง เขาคิดว่าเขารู้...แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอย่างที่คิด ผู้หญิงของเขาบางคนก็เคยเล่นท่านี้กับเขา

“ยังต้องให้บอกอีกเหรอ คาซึโกะ...” น้ำเสียงเอ่ยถามยั่วเย้า “ขยับเข้าสิ ทำอย่างที่แกชอบเลย”

คัตซึฮิโกะมองหน้าเซย์ริวด้วยแววตาหวั่นไหว...ถ้าแบบนี้แล้ว เขาจะกลายเป็น ‘ผู้หญิง’ ของเซย์ริวไปจริง ๆ หรือเปล่า...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะยาที่กินเข้าไปเท่านั้นไม่ใช่หรือ...แต่ว่า เซย์ริวคิดแบบเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรือเปล่า...ร่างเพรียวไม่กล้าตัดสินใจขยับตัวจนกระทั่งแก่นกายที่ยังค้างคาอยู่ขยับสวนเข้ามาในร่างเบา ๆ

“อ๊ะ...อือ...”

มือแกร่งเข้าเกาะกุมสะโพกบางไว้หลวม ๆ แล้วกดลงเข้าหาตัว คัตซึฮิโกะส่งเสียงครางเครือเมื่อคร่อมทับลงไปจนนั่งแนบกับหน้าขาของร่างสูง โอบรอบคออีกฝ่ายแน่น กายสั่นสะท้าน จุกแน่นขึ้นมาที่ท้องน้อย รู้สึกราวกับว่าแก่นกายนั้นเข้ามาในร่างของเขาลึกกว่าที่เคย มือใหญ่ค่อย ๆ ประคองสะโพกแล้วจับให้ขยับขึ้นลง

“ทำแบบนี้ไง คาซึโกะ ไม่ยากไม่ใช่เหรอ?”

“อะ...อา...อา...”

ในที่สุด คัตซึฮิโกะก็ต้านทานการเรียกร้องของร่างกายไม่ได้ เขาขยับโยกกายขึ้นลงเป็นจังหวะ...สุดทางบ้าง ไม่สุดทางบ้าง แต่ก็รู้สึกพึงพอใจที่ได้ควบคุมเกมเอง เซย์ริวเองก็ค่อย ๆ เอนตัวลงพิงหมอน ปล่อยให้ร่างเพรียวเล่นสนุกเองตามใจชอบ คัตซึฮิโกะวางมือลงกับหน้าท้องของร่างสูงแล้วเริ่มเร่งจังหวะรุนแรงมากขึ้น แม้ปลอกคอจะรัดแน่นอยู่บ้างด้วยถูกดึงมาที่กลางเตียงจนโซ่ตึง แต่การได้รับอากาศน้อยลงทำให้สมองพร่าเลือน หลงลืมความมีเหตุผลอะไรหลายอย่างที่จะมาขัดขวางความสนุกในกิจกรรมนี้ไปได้มาก ดวงตาปรอยปรือ เผยอริมฝีปากหอบ...แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ยั่วยวน...

เซย์ริวจ้องมองเรือนร่างขาวเนียนบิดเร่าราวกับกำลังเต้นรำอยู่บนร่างของเขา มือใหญ่ลูบไล้สะกิดหยอกยอดอกที่แข็งขึงเล่น แต่ยังผลให้ช่องทางตอดรัดวูบ ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ กับตัวเอง ไม่ว่าจุดไหน ๆ บนร่างของคัตซึฮิโกะก็เหมือนสวิตช์ที่เมื่อแตะต้องลงไปจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สองมือเข้าเคล้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มตรงสะโพกแล้วแหวกออกเพื่อเปิดช่องทางให้สามารถรุกล้ำเข้าไปได้ลึกยิ่งขึ้น เอวแกร่งขยับสวนจังหวะที่กระแทกลงมา...มันโดนจุดเร้าของร่างเพรียวเข้าอย่างถนัดถนี่

“อ๊ะ! อ๊า!!!!” คัตซึฮิโกะร้องเสียงหลง ชะงักจังหวะไปชั่วครู่ ช่องทางบีบรัดตอดตุบส่งผลถึงร่างสูงด้วย

“อึก...ฮื่อ...” เซย์ริวกัดฟันไม่ยอมปล่อยให้สวรรค์ล่มเพราะแรงตอดรัดรุนแรงนั้น เขาเอื้อมมือไปปัดเสยปอยผมที่ระลงมาปรกใบหน้าเนียนให้พ้นตา แล้วก็อ่านได้จากสีหน้าของคัตซึฮิโกะว่าคงไม่สามารถทำต่อได้อีกแล้ว ในตอนนี้ ถ้าขยับผิดจังหวะสักเพียงนิดเดียวคัตซึฮิโกะจะต้องพาทั้งเขาและตัวเองไปถึงจุดสุดยอดแน่นอน...แต่ร่างสูงยังไม่ต้องการเช่นนั้น

ชายหนุ่มขยับคนตัวเล็กกว่าให้ยกสะโพกขึ้นเล็กน้อยแล้วส่งมืออุ่นร้อนเข้ากอบกุมแก่นกายที่ทำท่าเหมือนพร้อมจะปลดปล่อยอารมณ์ที่คั่งค้างอยู่ออกมาได้ทุกเมื่อ เขาจับมันขยับชักรูดเพียงไม่กี่ครั้งร่างเพรียวก็ผวาเยือกส่งเสียงกรีดร้อง ฉีดพ่นหยาดน้ำขุ่นเหนียวให้หลั่งออกมาเลอะหน้าท้องตัวเองและอีกฝ่าย ช่องทางรุ่มร้อนกระตุกตอดรัดตามจังหวะการปลดปล่อยบอกให้รู้ว่าถึงจุดสุขสม แต่ร่างสูงไม่พอเพียงเท่านั้น เขาจับคัตซึฮิโกะพลิกกดลงกับที่นอนแล้วรุกเร้ากระชั้น

“อ๊า!!!! เซย์...อย่า...”

เซย์ริวไม่สนใจเสียงกรีดร้องนั้น เขากำลังกระสันอยากอย่างสุดขีด เอวแกร่งขยับกระแทกกระทั้นหนักหน่วงราวกับต้องการบดขยี้คนตรงหน้าให้แหลกราน เขาอดกลั้นมานานมากแล้ว ตอนนี้เขาต้องการตักตวงความสนุกที่เขาคาดหวังว่ายาที่เอามาใช้จะให้เขาได้ ริมฝีปากร้อนขบซอกคอขาวเพื่อระบายอารมณ์พลางขยับตัวกระทั้นหนัก ๆ  ช่องทางที่กำลังรุกเร้าอยู่บีบรัดแน่นจนเสียววาบไปถึงปลายเท้า แม้แต่ตัวเองก็รู้ว่าอีกไม่นานเขาก็จะไปถึงจุดที่คัตซึฮิโกะเพิ่งไปถึงเมื่อครู่นี้

ร่างเพรียวส่งเสียงร้องระงมไม่ขาดปาก เขาถูกรั้งให้มาไกลเกินกว่าขีดจำกัดแล้ว แต่ความเร่าร้อนบางอย่างยังคงหลงเหลืออยู่ในร่าง เรียวขาขาวตวัดรัดรอบเอวแกร่ง ยิ่งเปิดทางให้ร่างสูงกระทำได้ถนัดมากขึ้น...แทรกกายเข้าลึกมากขึ้น สองแขนยกขึ้นโอบกอดผู้รุกรานแนบแน่น จิกเล็บกรีดลงกับแผ่นหลังกว้าง ประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างตื่นตัว ได้ยินเสียงลมหายใจหอบถี่ที่รดรินอยู่ข้างหู รู้สึกถึงมืออุ่นร้อนที่รั้งสะโพกของเขาไว้แล้วสวนกายรุนแรง รับรู้ได้ถึงแก่นกายรุมร้อนที่รุกเร้าอยู่ในร่าง...แล้วอ้อมแขนแกร่งก็กอดรัดร่างข้างใต้ไว้แน่น ส่งกายกระแทกเข้าหาหนัก ๆ เป็นจังหวะสุดท้าย กดสะโพกบางเข้าหาตัวแนบแน่น

“เซย์...จะไม่ไหว...” เรียวขาที่โอบรอบเอวหนากระตุกเกร็งอีกครั้ง ส่งแรงบีบรัดหนักหน่วงกว่าทุกครั้ง

“คาซึโกะ...คาซึโกะ...อึ่ก...ฮ่า...”

ขาดคำ ร่างสูงก็เกร็งร่างกระตุกเข้าหาร่างเพรียวที่ครอบครองอยู่ ฉีดพ่นหยาดน้ำอุ่นร้อนเข้าไปในร่างนั้นจนเต็มปรี่สมความปรารถนา เกร็งกระตุกอยู่สามสี่ครั้งจึงได้ทรุดตัวลงซบกับคนที่แน่นิ่งไป

เซย์ริวซบนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง รู้สึกมึนงงราวกับตื่นจากฝัน เขาค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นแล้วถอนกายออก จ้องมองคนตรงหน้าแล้วลูบแก้มเกลี่ยเส้นผมที่ระอยู่ออก

“หมดสติเลยเรอะ...ก็น่าอยู่หรอกนะ”

รอยยิ้มบางคลี่ขึ้นมาบนใบหน้า เซย์ริวก้มลงจูบแก้มเนียนเบา ๆ  หากขนตาที่ปิดพริ้มกระพริบไหวแล้วดวงตาคู่สวยก็ค่อย ๆ ปรือขึ้น

“มีความสุขจนวูบเลยเหรอ?” ร่างสูงถามพร้อมกับรอยยิ้ม

คัตซึฮิโกะพยายามจะตอบ แต่ในหัวก็ขาวโพลนไปหมด เขายกมือขึ้นแตะปลอกคอ แต่มือใหญ่ก็จับมือของเขาออกแล้วช่วยปลดให้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลงอีก สัมผัสแผ่ว ๆ บางอย่างแตะลงที่ข้างแก้ม

“นอนซะ...เดี๋ยวฉันจัดการให้”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าน้อย ๆ  เขาไม่เคยเหนื่อยหนักขนาดนี้มาก่อน และทันทีที่รับคำนั้นแล้ว เขาก็หลับสนิทไปอย่างรวดเร็ว

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 15-03-2013 17:36:38
เลือดไหลหมดตัวแน่เลย :jul1: :jul1: :jul1:
คัตซึฮิโกะ ทำให้เซย์ริวหลงให้ได้นะ
บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-03-2013 20:24:08
เลือดจะหมดตัวแล้ว :jul1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 6 : 15/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 15-03-2013 20:56:09
จำได้ว่าตอนเขียนบทนี้ก็เกือบเสียเลือดตายเหมือนกันครับ...
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-03-2013 20:49:30
อาทิตย์หน้าไม่อยู่บ้านนะครับ งดลงหนึ่งครั้ง แหะๆ

KOUSOKU # 7

อากาศเย็นลอยมากระทบผิวกายแผ่วเบา คัตซึฮิโกะขยับซุกกายอยู่ในผ้าห่มนวม หากมีมือแกร่ง ๆ โอบกระชับให้ขยับไปแนบกับไออุ่น

“หือ?” คัตซึฮิโกะครางในลำคออย่างสงสัยนิดหนึ่งแล้วปรือตาขึ้นมอง

“ตื่นแล้วเหรอ?” เจ้าของอกอุ่นกว้างที่ร่างเพรียวกำลังหนุนนอนอยู่ทักขึ้น

“เซย์ริว...!?” คัตซึฮิโกะผงะออกจากอกที่ซบอิงอยู่โดยอัตโนมัติ แต่อ้อมแขนแกร่งรั้งเอวบางไว้แน่น

“ทำหน้าเหมือนเห็นผีอีกแล้ว แกเป็นฉันเป็นอะไร หือ?” เซย์ริวถามพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ  แตะริมฝีปากลงที่หน้าผากมนเบา ๆ  ลอบสูดกลิ่นกายกรุ่นไปตามผิวนุ่ม มือก็ไต่ดะลงไปตามแผ่นหลังและบั้นท้ายกลม

“อ๊ะ! อย่านะ!!” คัตซึฮิโกะดิ้นรนผลักไสร่างสูงให้ห่างตัว

“อะไรกัน เมื่อคืนแกยังชอบที่ฉันทำแบบนี้ให้อยู่เลยไม่ใช่เหรอ?” เรียวนิ้วสอดลูบเข้าไปในซอกเนื้อนุ่มแกล้งแตะลงกับช่องทางที่ยังเปียกชื้นอยู่เบา ๆ

คนตัวเล็กกว่าหน้าแดงซ่าน เขาจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดี...จำได้ทุกอย่าง ทั้งคำพูด การกระทำ รสสัมผัสของร่างสูง...จำได้แม้กระทั่งความต้องการที่ยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ของตัวเองที่ผลักดันให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้น...เขารู้ว่ามันเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่โดนบังคับให้กิน แต่เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรล่ะว่า เขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องน่าอายเหล่านั้น

“ไม่...ไม่เอา” คัตซึฮิโกะขยับตัวดิ้นหนี แต่ยิ่งทำแบบนั้นดวงตาคมที่จับจ้องอยู่ก็ฉายแววสนุกมากขึ้น ชายหนุ่มกัดริมฝีปากจ้องหน้าคนตรงหน้าอย่างเจ็บใจ ทำไมต่อหน้าคน ๆ นี้เขาถึงได้กลายเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ทุกทีเลยนะ

เซย์ริวยกยิ้มที่มุมปาก แกล้งดันปลายนิ้วให้แทรกตัวเข้าไปในช่องทางเร้นลับ ร่างเพรียวสะดุ้ง

“บอกว่าอย่าไงเล่า!!” กำปั้นทุบพลั่กลงกับอกกว้างหนัก ๆ

“อย่าอะไรล่ะ? เซ็กส์มันก็เหมือนกับเหล้านั่นแหละ กินมาก ๆ ก็เมา เมื่อคืนแกเมาจนหลับ นี่ก็ทำท่าว่าจะแฮ้งค์ ก็ควรจะต้องกินถอนหละนะ” นิ้วกร้านขยับดุนดันเข้าไปอีก

“ทฤษฎีบ้าอะไรของคุณ ปล่อยผมนะ!”

“วันนี้วันเสาร์ แกไม่ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ? เรามาสนุกกันอีกดีกว่านะ” ว่าพลางใบหน้าที่เริ่มครึ้มไปด้วยเคราสาก ๆ ก็ซุกไซ้ไปตามซอกคอขาว เล่นเอาคนที่ไม่ยินยอมอยู่แล้วถึงกับผวา

แต่ก่อนที่อะไร ๆ จะเลยเถิดไปมากกว่านั้น เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นราวกับสัญญาณช่วยชีวิต ร่างสูงชะงักการกระทำ ในขณะที่คัตซึฮิโกะรีบตะเกียกตะกายไปรับโทรศัพท์โดยไม่ทันสังเกตว่าอ้อมแขนแกร่งยอมคลายออกแต่โดยดี อันที่จริงเซย์ริวเพียงแค่อยากแกล้งเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริงจังนัก

“โมชิ  โมชิ…อ้าว ว่าไง...อะไรนะ?...เฮ้ย! เดี๋ยว นัตสึ!…” เสียงจากปลายสายตัดไปดื้อ ๆ  คัตซึฮิโกะหันมามองร่างสูงที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงตาเหลือกลาน

“ลุก! ลุกเดี๋ยวนี้ แล้วใส่เสื้อผ้าด้วย!” ร่างเพรียวตรงเข้าไปลากแขนเซย์ริวลงจากเตียง

“เฮ้ย! อะไร? เบาโว้ย แผลฉัน!” คนโดนลากถูลู่ถูกังโวยวาย แต่เจ้าของห้องไม่สนใจ ผลักร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับยัดเสื้อผ้าใส่มือให้

“แต่งตัวให้เรียบร้อยในห้านาที แล้วรีบออกมา” คัตซึฮิโกะสั่งเสร็จสรรพ

เซย์ริวถอนใจเฮือก ไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องอะไร แต่อยู่ ๆ ก็โดน “ของเล่น” สั่งเอา ๆ นี่มันก็เคืองไม่น้อยอยู่เหมือนกัน “เฮอะ! ช่างมันเถอะ โดนเรียกไปทำงานด่วนหละมั้ง”

ร่างสูงยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จดีก็มีอันโดนทุบประตูเร่ง “เสร็จรึยังล่ะ คุณ? ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ”

“ปัดโธ่!” เซย์ริวบ่นอย่างหัวเสียแล้วรีบแต่งตัว พอเปิดประตูออกมาก็พบร่างเพรียวยืนรออยู่หน้าห้องน้ำพร้อมกับเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน

“ช้าจัง เดี๋ยวก็ไม่ทันกันพอดีหรอก” คัตซึฮิโกะบ่นแล้วก็รีบผลุบเข้าห้องน้ำไปและออกมาในเวลาไม่ถึงสามนาที

“แกเข้าไปทำอะไรกันแน่เนี่ย?” เซย์ริวมองอย่างอึ้ง ๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ชื้นกับเสียงน้ำเมื่อครู่นี้เขาจะไม่มีวันเชื่อว่าหมอนี่อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“อาบน้ำน่ะสิ” ร่างเพรียวตอบพลางจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ “เอาหละ คุณออกไปได้แล้ว เดี๋ยวน้องผมจะมาหา”

“น้อง?”

คัตซึฮิโกะแทบจะตบปากตัวเอง เขาไม่น่าเผลอตัวบอกให้เจ้าคนอันตรายนี่รู้เลยว่าเขามีน้องอยู่ด้วย ถ้าเผื่อว่าหมอนี่คิดจะทำอะไรนัตสึขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง...แต่ตอนนี้เขาได้แต่เก็บอาการไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย

“อื้อ น้องชาย จะมารับไปเที่ยว”

“อ้อ...มิน่าล่ะ ถึงได้เร่งนัก กลัวน้องชายมาเจอตอนอยู่กับผู้ชายนี่เอง” หางเสียงมีแววเย้ยหยัน

คัตซึฮิโกะกำหมัดแน่น ใบหน้าแดงซ่าน...นั่นเป็นอีกจุดหนึ่งที่เขาลืมนึกไป ถ้านัตสึเข้ามาเจอภาพเมื่อครู่นี้ นัตสึจะว่ายังไง...ชายหนุ่มนิ่งเงียบแล้วก้มหน้าหลบตาร่างสูง

“อ๊ะ...เอาเถอะ เห็นแก่ความสนุกเมื่อคืนนี้ ฉันไปก็ได้” ร่างสูงยักไหล่อย่างว่าง่าย คัตซึฮิโกะมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เซย์ริวยกมุมปากเหยียดยิ้มเล็กน้อย “ไว้เจอกัน”

คัตซึฮิโกะมองตามคนที่เดินออกประตูไป รู้สึกงุนงงนิดหน่อยแต่ก็โล่งใจ...ถ้ายังไง อย่าให้เซย์ริวได้เจอกับนัตสึเป็นดีที่สุด...


เด็กหนุ่มเดินฮัมเพลงอย่างร่าเริงเข้าซอยเปลี่ยว ๆ อันเป็นที่ตั้งของแมนชั่นของพี่ชายมา ไม่เคยใส่ใจกับความน่ากลัวของซอยนี้ วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะได้เงินค่าทำงานพิเศษมาเมื่อวาน วันนี้กะว่าจะซื้ออะไรให้คัตซึฮิโกะเสียหน่อย...ยังไม่ถึงวันเกิดคัตซึฮิโกะหรอก แต่ก็อยากจะซื้อให้ กะจะทำอะไรเซอร์ไพรส์พี่ชายเสียหน่อย

นัตสึเดินเข้าแมนชั่นแล้วตรงไปที่ห้องของคัตซึฮิโกะ ในทางเดินแคบ ๆ นั้นเขาเดินสวนกับร่างสูง ๆ แล้วก็ชนกันนิดหน่อย

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มออกปาก

อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรได้แต่เดินผ่านไปเฉย ๆ  นัตสึหันไปมองตามแล้วขมวดคิ้วนิด ๆ ...เอาเถอะ ถึงจะไม่ได้คำขอโทษแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร แล้ววันนี้เขาก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาคิดให้หงุดหงิด

เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องพักของพี่ชาย แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้เป็นพี่ชายเปิดประตูออกมาด้วยท่าทางค่อนข้างรีบร้อน

“อ้าว...มาแล้วเหรอ นัตสึ”

“อื้อ มาแล้วครับ” นัตสึพูดยิ้ม ๆ  “วันนี้ไปฮาราจูกุกันนะ”

“อืม...เอาสิ อยากได้อะไรเหรอ?”

“เสื้อตัวใหม่” นัตสึแกล้งว่า “กางเกงตัวใหม่ รองเท้าคู่ใหม่ หมวกใบใหม่ แล้วก็...”

“พอแล้ว ๆ  เอาเป็นว่าอยากไปเดินเล่นว่างั้นเถอะ” คัตซึฮิโกะยกมือห้ามก่อนที่นัตสึจะพล่ามอะไรมากไปกว่านั้น

“นั่นแหละ ใช่เลย”

“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ” เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังทำให้นัตสึต้องหันไปมอง หากคัตซึฮิโกะหน้าถอดสี

เซย์ริวยืนท้าวกรอบประตูอยู่ด้านหลังนัตสึพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตรที่คัตซึฮิโกะดูเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าแสร้งทำ หากนัตสึไม่รู้ และร่างสูงเองก็ไม่สนใจด้วยว่าใครจะรู้หรือไม่

“ฉันมาขัดจังหวะสินะ คาซึโกะ กำลังจะไปไหนกันเหรอ?”

สรรพนามที่ใช้เรียกดูสนิทสนมจนนัตสึแปลกใจ เขาไม่เคยได้ยินเพื่อนคนไหนของคัตซึฮิโกะเรียกคัตซึฮิโกะด้วยชื่อนี้มาก่อน และมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เรียกคัตซึฮิโกะว่าคัตจัง...อารมณ์หงุดหงิดบางอย่างแล่นริ้วขึ้นมาในใจ

“คัตจัง เพื่อนพี่เหรอ?” นัตสึถามคัตซึฮิโกะอย่างไม่เกรงใจคนที่ยืนอยู่ด้วย

คัตซึฮิโกะกลืนก้อนแข็ง ๆ ที่อยู่ในคออย่างยากเย็น พยายามปั้นหน้าให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างสูงที่เข้ามาขัดจังหวะอย่างจงใจก็ตอบให้แทน

“ใช่ เพื่อนสนิทด้วยนะ ใช่มั้ย คาซึโกะ?”

คนถูกถามได้แต่ยิ้มกร่อย ๆ แล้วพยักหน้ารับ นัตสึขมวดคิ้วนิด ๆ  รู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

“ไปกันรึยังล่ะ คัตจัง?” เด็กหนุ่มถามขึ้นเพื่อตัดบท เขาไม่อยากเห็นเจ้าคนตัวสูงนี่อยู่ใกล้ ๆ พี่ชายเขาอีกแล้ว

“อะ...อื้อ เดี๋ยวเอากุญแจบ้านก่อนนะ” คัตซึฮิโกะผลุบหายเข้าไปในห้อง

“จะไปไหนกันเหรอ?” เซย์ริวแกล้งถามขึ้น

“ไม่เกี่ยวกับคุณนี่” นัตสึตอบเสียงขุ่น

“อะไรกัน? ถามหน่อยก็ไม่ได้เหรอ ทำท่าไม่เป็นมิตรเลยนะ ไม่เห็นเหมือนคาซึโกะเลย” ร่างสูงยังแกล้งยั่วต่อไปอีก

นัตสึกัดริมฝีปาก...มันจะเหมือนกันได้ยังไงเล่า ในเมื่อเขากับคัตซึฮิโกะไม่ใช่พี่น้องแท้ ๆ กันเสียหน่อย...เด็กหนุ่มนึกอยากจะต่อยหน้าเจ้าโย่งนี่สักเปรี้ยงทั้งที่ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหงุดหงิดมากขนาดนี้ เรื่องที่หมอนี่เรียกพี่ชายเขาอย่างสนิทสนมนั่นไม่ใช่ปัญหานักหรอก แต่เพราะมันยั่วไม่เลิกนี่เองถึงได้หงุดหงิดหนักขึ้นทุกที

“อ้ะ...มาแล้ว ไปกันรึยังล่ะ?” คัตซึฮิโกะกลับออกมาทันเวลาพอดีก่อนที่เซย์ริวจะโดนต่อยหน้าโดยไม่มีเหตุผล

“อื้อ ไปกันเถอะ” นัตสึลากแขนพี่ชายทันที

“เดี๋ยว ๆ  ๆ  ล็อกบ้านก่อน” คัตซึฮิโกะล็อกกุญแจบ้านอย่างเร่งรีบ พอจะเข้าใจความรู้สึกของนัตสึอยู่บ้าง ที่ท่าทางหงุดหงิดอย่างนี้คงเพราะโดนเซย์ริวแกล้งอะไรเอาแน่ ๆ

นัตสึกึ่งเดินกึ่งลากพี่ชายไปยังสถานีรถไฟโดยมีร่างสูงเดินตามมาห่าง ๆ

“เพื่อนพี่จะไปด้วยรึไงเนี่ย?” เจ้าเด็กหัวยุ่งกระซิบถามพี่ชาย

“ไม่หรอก...มั้ง...”

“ฉันไม่ชอบหน้าหมอนั่นเลย กวนโอ๊ยยังไงก็ไม่รู้” นัตสึบอกพลางบุ้ยปากไปทางคนที่เดินอยู่ข้างหลัง

“พูดจาดี ๆ หน่อย นัตสึ” คัตซึฮิโกะดุด้วยเสียงเข้ม ๆ  กลัวว่าเซย์ริวจะได้ยินเข้า...แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาก็เดาไม่ออก

“ฮึ!” เด็กหนุ่มทำเสียงขึ้นจมูกแล้วก็หันไปขว้างค้อนวงโตให้ร่างสูง เล่นเอาเซย์ริวอดแอบหัวเราะไม่ได้

‘…ไอ้เด็กนี่ก็น่าสนุกดีแฮะ...’


ฮาราจูกุแหล่งแฟชั่นวัยรุ่นที่มีร้านหลายรูปแบบให้เลือกเดินได้ตามใจชอบ ถ้าเป็นวันปกติ นัตสึจะเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อย่างแฮปปี้เต็มที่ แต่วันนี้...เด็กหนุ่มเดินทำหน้าเหมือนกับอมบอระเพ็ดเอาไว้ในปาก ไอ้เสื้อผ้าที่ถูกใจน่ะก็มีหรอก แล้วก็ซื้อมาแล้วหลายตัว แต่ไอ้หมอโย่งที่เดินตามประกบพี่ชายเขาไม่ห่างนี่สิ...มันน่าโมโหนัก! ทั้ง ๆ ที่วันนี้วางแผนมาอย่างดีแล้วว่าจะมาเที่ยวกับคัตซึฮิโกะสองคน แต่ก็มีอันต้องเสียแผนเพราะไอ้หมอนั่นคนเดียว นัตสึคิดอย่างหงุดหงิดใจแล้วก็หันไปมองสองคนที่เดินตามมาข้างหลัง ทันได้เห็นเซย์ริวโอบไหล่คัตซึฮิโกะแล้วชี้ให้ดูร้านเครื่องประดับที่อยู่ใกล้ ๆ

ปรอทความอดทนในหัวนัตสึพุ่งขึ้นจนแทบชนเพดาน...ไอ้ท่าทางสนิทสนมกันเกินเหตุนั่นมันหมายความว่ายังไง…แค่เขาไม่ได้แวะมาหาไม่เท่าไร คัตซึฮิโกะจะสนิทกับหมอนี่มากขนาดนี้เชียวเหรอ แม้แต่เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน คัตซึฮิโกะยังไม่สนิทด้วยขนาดนี้เลย...เด็กหนุ่มรีบสาวเท้าพรวด ๆ เดินกลับไปหาพี่ชายตัวเอง

“ชอบเครื่องเงินร้านนี้เหรอ คัตจัง?” จงใจถามเสียงดังเพื่อดึงความสนใจ สายตาคมกริบจ้องเป๋งไปที่มือใหญ่ที่ยังวางอยู่บนไหล่คัตซึฮิโกะ...แน่นอนว่าเจ้าของมือก็รู้ตัว แต่แกล้งโอบไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น

“เอ้อ...ก็...ชอบ” ทำไมคัตซึฮิโกะจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นระหว่างสองคนที่มาด้วย...ไม่สิ บรรยากาศชวนอึดอัดนั่นมันแผ่ออกมาจากนัตสึต่างหาก...ส่วนร่างสูงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้น...กำลังสนุกอย่างเห็นได้ชัด

“ที่ร้านตรงโน้นสวยกว่านะ ฉันมาซื้อบ่อย ๆ  มีแบบแปลก ๆ สวย ๆ กว่าที่ร้านนี้เยอะเลย” พูดแล้วก็ลากคัตซึฮิโกะไปยังร้านที่บอกเอาดื้อ ๆ

เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง...น้องชายขี้หวงกับพี่ชายขี้กังวลนี่ทำให้เขาสนุกจริง ๆ ...คิดแล้วก็เดินตามทั้งคู่ไปอย่างไม่รีบร้อน
ภายในร้านเล็ก ๆ นั้นมีตู้ใส่เครื่องประดับเงินตั้งอยู่มากมายให้เลือกดูได้ตามอัธยาศัย แยกเป็นตู้ใส่แหวน สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และเครื่องประดับอื่น ๆ  พี่น้องสองคนตอนนี้แยกกันดูของอยู่คนละมุมร้าน ร่างสูงเดินเข้าไปหาคนที่กำลังก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ที่หน้าตู้ใส่สร้อยข้อมือ และโดยไม่ต้องหันหน้ามามอง...

“เลิกแกล้งนัตสึเสียทีสิ” น้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่นดังขึ้นทันทีที่ผู้ที่เดินตามเข้ามามายืนอยู่ข้างหลัง

“หวงเหรอ?” น้ำเสียงราบเรียบไม่ผิดกันถามกลับ แล้วก็ก้มลงดูของที่วางอยู่ในตู้

“เปล่า แต่ผมไม่อยากให้นัตสึหงุดหงิด”

“ก็ไอ้เด็กนั่นมันน่าสนุกดี” เซย์ริวตอบพลางหัวเราะเบา ๆ  ก่อนจะพูดกับพนักงานร้าน “ขอดูสร้อยเส้นนี้หน่อย”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-03-2013 20:53:33
พนักงานหยิบสร้อยข้อมือเส้นที่ร่างสูงชี้ออกมาให้ดู ชายหนุ่มทดลองทาบสร้อยเส้นนั้นลงกับข้อมือ แล้วยิ้มนิด ๆ อย่างที่ทำทุกครั้งที่พบของถูกใจ คัตซึฮิโกะเหลือบมองคนที่ยืนข้าง ๆ กับสร้อยที่เลือก...ก็แค่สร้อยที่เหมือนโซ่เส้นแบน ๆ ธรรมดา ๆ  ไม่ได้มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษ แต่เส้นค่อนข้างหนาและดูจะมีน้ำหนักพอสมควร ก็ดูสมกับราคาดี

เซย์ริวล้วงมือไปคลำเงินในกระเป๋าเสื้อโค้ทแล้วก็ชะงักไป...นี่เป็นเงินที่เขาหามาเพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หมอมาซาฮิเดะ ไม่ใช่เงินที่จะเอามาใช้ซื้อของอะไรแบบนี้ให้ตัวเอง...ถ้าในชีวิตเขาจะมีเรื่องที่ไม่ผิดสัญญาบ้างหละก็ เรื่องเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลนี่แหละที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด...ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ แล้วปล่อยมือจากเงิน ถอดสร้อยข้อมือออกแล้วส่งคืนให้พนักงาน

“ไม่เอาเหรอ?” คัตซึฮิโกะถามขึ้น สีหน้าแบบที่เห็นครั้งแรกนั้นบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าร่างสูงถูกใจสร้อยเส้นนั้นมากแค่ไหน การอยู่ด้วยกันมาระยะหนึ่งทำให้เขาพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับกิริยาการแสดงออกของเซย์ริวมากขึ้น

“เอาไว้ก่อน ตอนนี้ไม่มีเงิน” เซย์ริวตอบพลางยักไหล่...ของราคาแค่ไม่กี่หมื่นเยนนี่จะมาเอาเมื่อไรก็ได้ ถ้ามันยังไม่ถูกขายไปน่ะนะ...ตอนนี้ต้องเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาก่อน...นี่ยังขาดอยู่อีกสามหมื่นด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความที่บางครั้งจะแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าชัดเจน ทำให้คนตัวเล็กกว่ารู้ได้จากสีหน้านั้นว่าร่างสูงกำลังพยายามตัดใจมากแค่ไหน ถึงปากจะบอกว่าเอาไว้ก่อน แต่ก็ยังจับจ้องสร้อยเส้นนั้นไม่วางตา

คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับสีหน้าที่เหมือนเด็กอยากได้ของเล่นแล้วก็บอกกับพนักงานร้าน “ผมขอสร้อยเส้นเมื่อกี้นะครับ”

เซย์ริวหันขวับมามองหน้าคัตซึฮิโกะเขม็ง

“อะไรล่ะ? ผมก็ชอบเหมือนกันนี่” คัตซึฮิโกะพูดหน้าตาเฉยพลางควักเงินส่งให้พนักงานด้วย

ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่น เม้มปากแน่น ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเดินหนีไป คัตซึฮิโกะหัวเราะเบา ๆ  สะใจนิด ๆ กับการเอาคืนเล็ก ๆ น้อย ๆ  แล้วก็หันไปตามเสียงเรียกของน้องชาย

“คัตจัง เอามือมาหน่อยซิ” นัตสึบอก

“หือ?” คัตซึฮิโกะเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ อย่างสงสัย แต่ก็ส่งมือให้แต่โดยดี

แหวนเงินเรียบวงใหญ่หนาถูกสวมเข้าที่นิ้วนางข้างขวาแล้วรูดลงมาจนถึงโคนนิ้ว

“เยส! ขนาดพอดีเลย นี่แสดงว่าฉันยังจำขนาดนิ้วพี่ได้แม่น” นัตสึพูดอย่างยินดี “ชอบมั้ย?”

คัตซึฮิโกะมองแหวนในมือ ดูผาด ๆ แล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าใส่ครบทั้ง 4 นิ้วมันน่าจะกลายเป็นสนับมือไปโดยปริยาย แต่พอเห็นสีหน้าที่กำลังรอลุ้นคำตอบจากเขาแล้วก็อดพยักหน้าไม่ได้

“ชอบสิ ถ้านายจะซื้อให้ฉันชอบทั้งนั้นแหละ”

“บ้า! พูดงี้อีกแล้วนะ เดี๋ยวคราวหลังจะเอาคืนให้เข็ดเลย...ว่าแต่ พี่ชอบจริง ๆ หรือเปล่า? ไม่ชอบเปลี่ยนวงใหม่ก็ได้นะ” นัตสึถามย้ำอีกครั้ง เพราะรู้ดีว่าพี่ชายเขามักจะไม่ปฏิเสธอะไรที่มีคนให้มา ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม

“ชอบสิ นายชอบใช่มั้ยล่ะ ถึงได้เลือกมาให้ฉันน่ะ” มือเรียวขยี้ลงบนผมยุ่ง ๆ อย่างเอ็นดู

“เย้! งั้นเดี๋ยวฉันไปจ่ายเงินก่อนนะ” ว่าแล้วก็เผ่นแผล็วไปที่เคานท์เตอร์จ่ายเงินอย่างว่องไว พอดีกับที่พนักงานอีกคนเดินเอาของที่จ่ายเงินและใส่ห่อเรียบร้อยแล้วมาให้คัตซึฮิโกะ

“ของได้แล้วครับ”

“อะ...ขอบคุณครับ”

คัตซึฮิโกะรับของมาแล้วก็เหลียวมองไปรอบ ๆ ร้าน แต่ไม่พบเซย์ริว ชายหนุ่มเดินออกมานอกร้าน ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดวูบผ่าเปลวแดดระยับมาทำให้หนาวสะท้านได้นั้น ร่างสูงที่คัตซึฮิโกะมองหากำลังยืนเหม่อมองเสื้ออยู่ที่หน้าร้านใกล้ ๆ นั้น

‘…งอนหละสิ…’ คัตซึฮิโกะคิดอย่างขำ ๆ  ‘…คนอะไร ดุก็ดุ เถื่อนก็เถื่อน แต่ดันงอนที่มีคนซื้อของตัดหน้า…’

คิดแบบนั้นแล้วชายหนุ่มก็หยิบสร้อยข้อมือออกจากห่อก่อนที่จะเดินเข้าไปหาคนที่ยืนเหม่ออยู่

“สนใจเสื้อร้านนี้เหรอ?” ร่างเพรียวแกล้งถามขึ้น

เซย์ริวหันมามองด้วยสายตาเย็นชา “เปล่า”

ตอบสั้น ๆ แล้วก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่คัตซึฮิโกะคว้ามือใหญ่เอาไว้ทัน “เฮ้! จะไปไหนล่ะ ทีเมื่อกี้หละเดินตามผมกับนัตสึไม่ห่างเลยนะ”

“ไม่เกี่ยวกับแก” น้ำเสียงกระชากห้วน

คัตซึฮิโกะมองแผ่นหลังกว้างแล้วก็ยิ้ม...อาการแบบนี้น่ะงอนจริง ๆ ด้วย มือเรียวตวัดสร้อยข้อมือที่ซื้อมาพันรอบข้อมือแกร่งให้ สัมผัสเย็น ๆ ทำให้คนที่กำลังงอนได้ที่หันกลับมามอง พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว ดวงตาคมก็เบิกกว้าง

“อะไรของแกน่ะ?”

“ซื้อให้”

เซย์ริวมองคนตรงหน้าอย่างงง ๆ  “ซื้อให้? เพื่ออะไร?”

“ก็เห็นว่าอยากได้แต่ไม่มีปัญญาซื้อ ก็เลยซื้อให้” คัตซึฮิโกะตอบพร้อมกับยิ้มนิด ๆ

เซย์ริวจ้องหน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างค้นหาบางอย่างที่น่าจะซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าและแววตาซื่อ ๆ นั้น แต่ก็ไม่พบอะไร...เขาถอนใจเฮือกใหญ่

“ฉันไม่เข้าใจแกเลยจริง ๆ  แกทำแบบนี้เพื่ออะไร? กับคนที่ทำลายแกสารพัดวิธี...กับคนที่ทำอย่างนั้นกับแกเมื่อคืนนี้...แกทำไปเพื่ออะไร? จะใจดีก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยเถอะ”

ร่างเพรียวยักไหล่ “ก็อย่างที่คุณว่า ผมมันคนใจดี เพราะงั้นก็รับ ๆ ไปเถอะ”

“แกทำเหมือนกับลืมเรื่องที่ฉันทำกับแกไปแล้ว”

“คุณพูดแบบนั้นเป็นครั้งที่สองแล้วนะ...” หางเสียงแผ่วลง หากประโยคต่อมาหนักแน่น “จำเอาไว้เลยว่าผมไม่มีวันลืมแน่ ไม่ลืมเด็ดขาด”

ดวงตาที่เงยขึ้นจ้องหน้าร่างสูงไม่มีแววขลาดกลัวหรือหวั่นไหวเลย นั่นเป็นแววตาอีกแบบที่เซย์ริวได้เห็น...คัตซึฮิโกะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจริง ๆ  ทั้งที่เมื่อไม่เกินชั่วโมงที่ผ่านมานี้ ยังคอยเหลือบมามองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง เหมือนกับกลัวว่าเขาจะทำอะไรตัวเองและน้องชายอย่างนั้น...แต่ตอนนี้...ความเด็ดเดี่ยวมั่นคงที่แสดงออกนี่คืออะไรกันนะ...ทำไมถึงได้เป็นคนที่มีความแปรปรวนมากขนาดนี้นะ...

ร่างสูงยิ้มน้อย ๆ  “แกนี่...เหลือเกินจริง ๆ นะ...น่าสนุกจริง ๆ ”

“เลิกพูดแบบนั้นเสียที ผมไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ” คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ

“ถ้าไม่ใช่...แล้วแกเป็นอะไรกับฉัน คาซึโกะ?”

คำย้อนถามเรียบ ๆ ทำเอาคัตซึฮิโกะนิ่งอึ้ง...เขาไม่เคยตอบตัวเองได้เลยว่า ระหว่างเขากับเซย์ริวแล้ว มันเป็นความสัมพันธ์แบบไหนกันแน่...เขายอมรับว่า การมีเซย์ริวอยู่ในชีวิตทำให้เขาหนักใจและเข้าขั้นทรมานจนอยากจะตายไปให้พ้น ๆ ในบางครั้ง...แต่...อีกบางหน เขาก็ยอมรับกับตัวเองว่า การมีเซย์ริวอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขาอุ่นใจอย่างประหลาด...เหมือนเพื่อน แต่ก็ไม่ใช่เพื่อน...ใกล้ชิดกันมากกว่าคนรู้จัก แต่ก็ไม่ใช่เพื่อน...เป็นคนที่ควรเกลียดชัง แต่ก็ไม่ได้เกลียดถึงขนาดอยากฆ่าให้ตาย...พวกเขาเป็นอะไรของกันและกันกันแน่...หรือว่ามันถูกต้องแล้ว ที่เซย์ริวบอกว่าเขาเป็น...ของเล่น...

ความหวั่นไหวปรากฏขึ้นในแววตาคู่สวยอีกครั้ง...และนั่นทำให้เซย์ริวยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ออกมาก็ไม่บอก รออยู่ตั้งนานแน่ะ” เสียงของนัตสึดึงคัตซึฮิโกะกลับมาจากห้วงแห่งความคิด

“อะ...เอ่อ ขอโทษ” คัตซึฮิโกะหันไปขอโทษโดยอัตโนมัติ

“ต้องเลี้ยงเครปด้วย” นัตสึแกล้งทำแก้มป่อง

“เรื่องแค่นี้ต้องให้เลี้ยงด้วยเหรอ?”

“ไม่รู้หละ ต้องเลี้ยงด้วย”

“กินของหวานมากอ้วนนะ” ที่พูดแทรกขึ้นมาคือเซย์ริว เล่นเอานัตสึเปลี่ยนสีหน้าทันที เขาหันไปจ้องร่างสูงเขม็ง ความไม่พอใจฉายชัดในแววตาอย่างไม่ปิดบัง

เห็นปฏิกิริยาอย่างนั้น ร่างสูงก็ยิ้มแล้วก้มลงไปกระซิบกับคัตซึฮิโกะเบา ๆ  “ก็ดูน้องแกสิ...น่าสนุกจริง ๆ นะ”

“นินทาอะไรน่ะ!?” นัตสึโวยทันที

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ห้ามทัพทั้งน้องชายและคนที่มาด้วย “พอ! พอได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ”

“ก็...”

“หยุดเลย นัตสึถ้านายยังอยากให้ฉันเลี้ยงเครป”

“อึก...” เจ้าตัวแสบมุ่ยหน้าแต่ก็ยอมสงบปากสงบคำโดยดี

คราวนี้เซย์ริวหัวเราะเต็มที่ ทำเอาคนที่กำลังพื้นเสียยิ่งโกรธหนัก เด็กหนุ่มเดินกระแทกส้นเท้าปึง ๆ ไปทางอื่น คัตซึฮิโกะมองตามแล้วก็ทอดถอนใจ

“ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกแกล้งนัตสึเสียที”

“ก็มันสนุกดีนี่...เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปแล้ว” เซย์ริวบอกทั้งที่ยังหัวเราะไปด้วย

“จะไปไหน?”

“แถว ๆ นี้แหละ...” สายตาคมเหลือบไปเห็นเจ้าเด็กหัวยุ่งยังแอบหันมามองอย่างหวาดระแวง แผนการชั่วร้ายก็จุดขึ้นมาในหัวทันที “อ้อ แล้วก็...”

มือแกร่งโอบรั้งไหล่บางเข้ามาแนบชิดแล้วจูบเบา ๆ ที่หน้าผากของคัตซึฮิโกะอย่างรวดเร็ว “ไปหละนะ”

พูดแค่นั้นแล้วร่างสูงก็ก้าวยาว ๆ เดินหายไปในกลุ่มคนอย่างรวดเร็ว ก่อนที่นัตสึจะวิ่งกลับมาถึงตัวพี่ชาย

“ไอ้บ้านั่นมันทำอะไรพี่น่ะ!!?” นัตสึโวยวายใส่คัตซึฮิโกะที่ยังยืนเหวออยู่ “มันเป็นเกย์รึไงเนี่ย? มันจ้องจะงาบพี่เหรอ?”

นัตสึโวยวายเสียงดังจนคัตซึฮิโกะต้องตะครุบปากเอาไว้ “จะบ้าเหรอ? เดี๋ยวคนอื่นเขาก็เข้าใจผิดหมดหรอก...เพราะนายเป็นแบบนี้น่ะสิ หมอนั่นถึงได้แกล้งไม่เลิก”

“หมายความว่าไง?” นัตสึเสียงอ่อยลงเมื่อถูกดุอีกครั้ง

“หมายความว่า หมอนั่นเห็นนายขี้โมโห ขี้โวยวาย แล้วก็ตั้งท่าหวงฉันสารพัดน่ะสิ ถึงได้แกล้งเอา ๆ  ยิ่งนายมีปฏิกิริยาเขาก็ยิ่งสนุก รู้มั้ย? หมอนั่นยิ่งเป็นคนขี้แกล้งอยู่ด้วย” คัตซึฮิโกะเอ็ดเข้าให้อีก “โตแล้วนะ นายน่ะ ไม่ใช่เด็กแล้ว”

เด็กหนุ่มทำหน้าสลด...วันนี้โดนดุสองรอบติด ๆ กันแล้ว...ถึงรอบแรกจะดูไม่เหมือนดุเท่าไรนัก แต่เขาก็รู้ดีกว่าพี่ชายอารมณ์ไม่ดีไปเรียบร้อยแล้ว...ทั้งหมดเพราะไอ้หมอนั่นนั่นแหละ...

คัตซึฮิโกะเห็นสีหน้าแบบนั้นแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ “เอ้า สำนึกผิดแล้วรึยัง?”

“อื้อ”

“โอเค ถ้าทำตัวเป็นเด็กดีจะเลี้ยงมื้อเย็น”

“จริงเหรอ?” นัตสึทำตาลุก “แล้วเครปล่ะ?”

ผู้เป็นพี่ชายส่ายหน้าพร้อมกับยิ้ม “เมื่อกี้ทำให้ฉันโมโห...เพราะงั้น นายนั่นแหละที่ต้องเลี้ยง”

“ไหงงั้นล่ะ?”

“ก็งั้นแหละ...เอ้า! ไปร้านเครป เดี๋ยวนี้เลย” คัตซึฮิโกะว่าพลางรุนหลังน้องชายไปทางร้านเครปเจ้าอร่อยโดยไม่สนใจเสียงอิดออดของคนที่โดนบังคับเป็นเจ้ามือ


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 22-03-2013 22:26:36
อ่านแล้วหวั่นไหว นัตจังก็น่าแกล้งอ่ะแหละ เอ่อ..นัตจัง :impress2:
อุ้ย! ผิดคู่ :-[
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 7 : 22/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 22-03-2013 22:48:59
นัตสึน่ารักจัง...อยากให้น้องมีคู่อ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 29-03-2013 09:41:08
ถึงจะมีคอมเม้นต์แค่ตอนละ 2 เม้นต์แล้วเด้งหายไปหน้า 3 เราก็จะลงต่อไป วะฮะฮ่า

KOUSOKU 08

ร่างสูงเดินลากเท้าไปเรื่อยเปื่อยตามซอกซอยที่คุ้นเคย กำลังคิดว่าจะไปหาฮิโรกิเพื่อรายงานผลการใช้ยาเสียหน่อย รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืน คัตซึฮิโกะช่างน่ารักและได้ดั่งใจดีเหลือเกิน ยาที่ได้มาใช้นี่ไม่ธรรมดาเลย…ภาพและเสียงของร่างขาวเพรียวยังตรึงอยู่ในสมอง...สีหน้า แววตา ริมฝีปาก...แม้ไม่ตั้งใจก็ยั่วเย้า...เซย์ริวเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองเบา ๆ  รีบสาวเท้ามุ่งไปยังห้องพักของเพื่อนโดยเร็ว นึกสนุกที่จะได้คุยกันถึงเรื่องนี้...และบางทีฮิโรกิเองก็อาจจะเอายานั่นไปลองกับจิอากิแล้วก็ได้ แต่พอเลี้ยวตรงหัวมุมตรอกเล็ก ๆ

พลั่ก!!!!

“โอ๊ย! ใครวะ? แม่ง...มึงอยากตายรึไง?” ร่างสูงโวยวายขึ้นทันที ยกมือกุมหน้าผากที่กระแทกค่อนข้างแรง คว้ามีดสปริงตามสัญชาตญาณ

“อ้าว! ไอ้เซย์ริว!”

เสียงทักคุ้นหูทำให้เซย์ริวลืมโมโห มือที่ล้วงไปคว้ามีดสปริงในกระเป๋าเสื้อโค้ทชะงักไว้แค่นั้น ลืมตาขึ้นมองคู่กรณีชัด ๆ

“อ้าว...แกเองเหรอ เคียว?” พอเห็นว่าเป็นคนรู้จักก็ค่อยใจเย็นลงหน่อย

“เออ...โทษทีว่ะ กำลังรีบไปหน่อยเลยไม่ได้ดูทาง” คนถูกเรียกว่าเคียวยกมือคลำหน้าผากป้อย ๆ  ท่าทางเจ็บไม่แพ้กัน พอดีว่าความสูงของทั้งสองคนใกล้เคียงกัน หน้าผากก็เลยกระแทกกันได้พอดี ถ้าชนกับคนตัวเล็กกว่าหน่อยคงไม่เจ็บเท่านี้

“ไม่เป็นไร” เซย์ริวบอกง่าย ๆ  เคียวเป็นเพื่อนที่อยู่คนละกลุ่มกัน แต่ก็รู้จักกันพอสมควร อย่างน้อยก็เป็นมิตรกันว่าอย่างนั้นเถอะ

“ว่าแต่แกเห็นไอ้เร็นมั้ย?” เคียวถามด้วยน้ำเสียงที่ออกจะฉุนเฉียว

“ไม่หนิ ทำไมเหรอ?” ร่างสูงสังเกตว่าเพื่อนท่าทางอารมณ์ไม่ดี บางทีคงมีเรื่องอะไรกับเจ้าตัวเล็กที่พูดถึงหละมั้ง

เร็นเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่มีดีกรีความยั่วยวนสูงที่สุดเท่าที่เซย์ริวเคยรู้จักมา ยิ่งกว่าฮิโรกิหรือผู้หญิงคนไหน ๆ  เป็นตัวอันตรายคนหนึ่งในโลกด้านมืดของพวกเขา เร็นทำงานพิเศษสองสามอย่างตามบาร์ที่มีเต้นโชว์บนเวที...ประเภทรูดเสานั่นแหละ และนอกจากนั้นก็ยังรับจ๊อบพิเศษให้ตัวเองด้วยการ “ป้ายยา” เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายไปวัน ๆ อีกด้วย แต่ที่ทำให้เซย์ริวยอมรับว่าเร็นร้ายกาจนักก็คือ...เร็นเป็นอาจารย์สอนเรื่องเรื่องพวกนี้ให้ฮิโรกิ!

“ก็แม่ง...เล่นกันเองซะได้ เมื่อคืนแม่งบอกว่าเหงา อยากทำเรื่องอย่างว่า แล้วก็ไปที่ห้องฉัน...แล้วพอเช้ามาเนี่ย แม่งกวาดเงินเก็บฉันไปหมดบ้านเลย” เคียวระบายด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น

เซย์ริวสะดุ้งเล็กน้อย...กับเพื่อนกลุ่มเดียวกันเองนี่ก็ยังทำได้ลงนะ “แกโดนป้ายยาเหรอ?”

“งั้นมั้ง...หลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง เสร็จกันตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย” เคียวสารภาพหน้าจ๋อย ๆ ...ท่าทางเสียฟอร์มไม่น้อย

เซย์ริวเผลอกลืนน้ำลาย ออกจะเสียว ๆ เล็กน้อย ดูเหมือนภาพในอดีตจะตามมาหลอกหลอนยังไงชอบกล “แต่ฉันไม่เห็นมันหรอกนะ โทษที”

“เออ ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันหาเองก็ได้...อย่าให้เจอตัวนะมึง...มึงตายแน่...” ประโยคหลังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกับตัวเองแล้วก็เดินจากไป

เซย์ริวส่ายหัวเล็กน้อย ออกจะปลง ๆ นิดหน่อยกับวิถีชีวิตของพวกเขา ก็มีบ้างหรอกนะ...บางทีเขาก็ปล้นพวกกันเองบ้าง แต่กับเพื่อนที่นับเป็นเพื่อนสนิทอย่างฮิโรกินี่เขาไม่เคยทำแม้แต่ครั้งเดียว จะว่าไปตอนรู้จักกันใหม่ ๆ  เขาก็เคยปล้นเคียวไปครั้งหนึ่งเหมือนกัน...ร่างสูงยักไหล่แล้วก็ยิ้มก่อนที่จะเดินต่อไป

ชายหนุ่มเคาะประตูห้องเพื่อนหนัก ๆ  ไม่ต้องรอนานนัก เสียงตะโกนตอบก็ดังสวนออกมาจากในห้อง

“เปิดเลย ไม่ได้ล็อก”

เซย์ริวเปิดประตูเข้าไปแล้วก็ชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ในห้องกับฮิโรกิด้วย

“ไง ไม่เจอกันนานนะ เซย์ริว” ร่างเล็กร้องทัก

“ไง เร็น” คนโดนทักทักตอบพลางทำหน้าเซ็ง ๆ ...ถ้าเป็นไปได้เขาไม่ค่อยอยากเจอหน้าเร็นเท่าไรนักหรอก...ไม่ใช่ไม่ชอบหน้า เพียงแต่เขามีเหตุผลนิดหน่อยที่ไม่อยากเจอ

“นี่ ยาที่ให้ไปเป็นไง เมื่อคืนสนุกมั้ย?” ฮิโรกิถามขึ้นอย่างกระตือรือร้น

“เยี่ยมเลย หมอนั่นเสร็จไป 3 รอบ...แต่ฉันเองก็พีคแทบตายเหมือนกัน” เซย์ริวพูดยิ้ม ๆ

“โห...ขนาดผู้ชายยังตั้ง 3 รอบเลยแฮะ...ไม่เลว ๆ ” เจ้าตัวแสบพึมพำกับตัวเองพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด

“ยาอะไรเหรอ?” เร็นถามขึ้นหลังจากฟังอยู่สักพัก

“ยาปลุกน่ะ” คนตอบคือฮิโรกิ

“อ๋อ...ไอ้ที่ฉันให้นายไปนั่นน่ะเหรอ?” เร็นเบิกตาโตพร้อมกับเอากำปั้นทุบลงกับฝ่ามือ “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันใช้กับผู้ชายได้ด้วย”

“ใช้ได้ผลดีด้วย” ร่างสูงบอกแล้วก็เปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาเปิด “ว่าแต่แกเป็นคนหามาเหรอ เร็น?”

“อืม...ราคาแพงด้วยนะ หาซื้อยากด้วย นี่เห็นเป็นฮิโรกิหรอกนะถึงได้ให้ฟรี ๆ ไปตั้ง 3 เม็ดน่ะ” เจ้าตัวเล็กบอกพร้อมกับทำตาเป็นประกายระยับ แอบช้อนสายตามองร่างสูงอย่างเจ้าเล่ห์

“ไอ้ตัวอันตรายเอ๊ย...” เซย์ริวทอดถอนใจเบา ๆ แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่ม

“แกก็อันตรายเหมือนกันแหละ เซย์ริว” เร็นเถียง ยังคงมองร่าสูงด้วยสายตาเป็นประกายแปลก ที่ทำให้เซย์ริวเสียวสันหลังแบบที่ไม่เคยเป็น

“เออ มันใช้กับผู้หญิงได้ดีเกินไปนะ เมื่อวานเอาไปลองกับเหยื่อของเซย์ดู หล่อนแย่ไปเลย” ฮิโรกิหันไปบอกเจ้าของยา

“เหรอ? คงงั้นแหละ รู้สึกว่าเขาจะเอาไว้สำหรับเวลาเล่นเซ็กส์หมู่น่ะ” คำพูดเฉยชานั้นเล่นเอาเซย์ริวแทบสำลักเบียร์

“แกนี่! พูดเรื่องอย่างนี้ได้หน้าตาเฉยเลยนะ” ร่างสูงเอ็ดเอา

“แล้วไง? มันเป็นเรื่องของวิชาชีพเฟ้ย ฉันต้องใช้ของพวกนี้หากินก็ต้องศึกษามันให้ดี จะได้ไม่ไปโดนกับตัวเองเข้า” เร็นทำสีหน้าจริงจัง

“นั่นสินะ...ฉันเห็นด้วยกับเร็นนะ เซย์” ฮิโรกิสนับสนุน

“เออ...เข้าข้างกันเข้าไป” เซย์ริวบ่นอุบอิบแล้วก็ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้ “เออ ไอ้เคียวตามหาแกอยู่แน่ะ เร็น”

“เคียวจัง...อ๋อ...เรื่องที่เสียท่าฉันเมื่อคืนหละสิ” ร่างเล็กยิ้มกว้างแล้วก็ยักไหล่ด้วยท่าทางภาคภูมิใจ

“แม้แต่พวกกันเองก็ไม่เว้นนะแก” มือใหญ่แกว่งกระป๋องเบียร์ไปมา ส่ายหน้าอย่างระอาใจ...ดีใจนิด ๆ ที่ฮิโรกิไม่เป็นแบบนี้

“มันเป็นกฎของพวกเราอยู่แล้วนี่ เซย์ริว มันเป็นเรื่องปกติที่ต้องระวังตัวกันเอง ไม่ให้เสียรู้ใคร เคียวจังอยากพลาดเองนี่ จะมาโกรธฉันไม่ได้หรอกนะ” เร็นบอก

“เอ้อ...มันก็ใช่...” ร่างสูงเถียงไม่ออก มันจริงอย่างที่เร็นว่า...เพราะอย่างพวกเร็นหรือฮิโรกินั้นไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งพอจะสู้รบตบมือกับใครได้ การจะเอาชนะคนอย่างพวกเขาได้ก็คือใช้วิธีการอย่างที่เร็นทำกับเคียวนั่นแหละ “แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่น่าทำกับเพื่อนในกลุ่มไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่เกี่ยวนี่ ฉันต้องการเงินด่วน ฉันก็ทำกับใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ แถมถ้าจะให้พูดตรง ๆ แล้ว เคียวจังน่ะได้ฟันฉันด้วยซ้ำไป...ก็ถือเป็นการจ่ายค่าตัวนิ” เร็นยักไหล่แล้วหันไปพยักพเยิดกับฮิโรกิ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าเห็นด้วย “ว่าแต่เคียวจังก็เงินเก็บไม่น้อยเหมือนกันน้า...ไม่เหมือนกับใครบางคนแถวนี้หรอก”

เจ้าตัวเล็กยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วสบตาร่างสูง ทำเอาอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกแล้วก็หลบตา...เรื่องที่เร็นพูดมันเป็นชนักปักหลังเขามานานแล้ว...และเพราะอย่างนี้แหละเขาถึงได้ไม่อยากเจอหน้าเร็นนัก...แต่ฮิโรกิที่ไม่รู้เรื่องทำหน้าเหวอ มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที

“อะไรเหรอ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

เจ้าตัวเล็กวายร้ายมองปฏิกิริยาของเซย์ริวแล้วก็นึกสนุก คันปากอยากจะเล่าความลับอะไรบางอย่างที่เซย์ริวไม่เคยบอกใครให้ฮิโรกิฟัง แต่สายตาดุ ๆ ของร่างสูงก็ปรามเอาไว้

“เอ้อ...เรื่องของเซย์ริวน่ะ ฮิโรกิ แต่ฉันเล่าไม่ได้หรอกนะ เพราะฉันสัญญาเอาไว้แล้ว...จริงมะ...เซย์?” หางเสียงจงใจหยอดหวานยั่วยวน แต่ร่างสูงนึกอยากจะหวดเจ้าตัวเล็กนี้ด้วยเท้าสักพลั่ก

“เฮ้! เรื่องอะไรกันล่ะ? มีเรื่องของแกที่ฉันไม่รู้ด้วยเหรอ?” ฮิโรกิหันมาถามเซย์ริว ดวงตาเป็นประกายวิบวับอย่างนึกสนุก

“อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ฮิโรกิ ไม่งั้นแกเจ็บตัวแน่” เซย์ริวมองด้วยสายตาเฉียบขาดทำเอาเพื่อนตัวเล็กเสียวสันหลัง

“แค่...แค่นี้ต้องดุด้วยเหรอ ไม่ยุ่งด้วยก็ได้” ฮิโรกิสะบัดหน้าหนีอย่างเคือง ๆ ...นึกอยู่ในใจว่ามันคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่เขากับเซย์ริวจะพบกัน เขาถึงได้ไม่รู้ เพราะปกติแล้วเขารู้เรื่องของเซย์ริวแทบทั้งหมด เรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดก็ยังได้

เซย์ริวไม่พูดอะไรอีกเพียงแต่รู้ว่าเร็นกำลังมองเขาด้วยสายตาของผู้ชนะ รอยยิ้มยียวนนั้นทำให้นึกโมโหและรู้สึกว่าถูกยั่วยวนไปพร้อมกัน...เพราะสายตาแบบนี้สิน่า ที่ทำให้เขาเสียท่าในที่สุด...แม้เรื่องมันจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่มันก็เป็นรอยเปื้อนรอยเดียวที่ไม่มีวันล้างออกได้ ถึงจะรู้ว่าเร็นจะไม่เอาเรื่องนั้นไปพูดกับใครแต่เขาก็อดรู้สึกสมเพทตัวเองไม่ได้

“มันเป็นเรื่องของอาชีพ เซย์ริว ถ้าแกคิดจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้ต่อไปก็เรียนรู้เอาไว้ซะ” เร็นบอกกับเขาในตอนนั้น

“แต่แกก็ไม่ควรทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ!?” เขาตวาดด้วยความโมโห นึกอยากจะฆ่าร่างบางตรงหน้าให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนั้น

“มันไม่เกี่ยวกันซะหน่อย เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใครหรอกนะ จากนี้ไปแกก็ระวังตัวให้มากก็แล้วกัน” เร็นบอกพร้อมจุดบุหรี่สูบอย่างไม่ใส่ใจ

“ไอ้เร็น!!!!”

“แล้วก็นะ...” ร่างเล็กยกมือชี้หน้าเขาพร้อมบุหรี่ในมือ “แกจะเอาไปบอกกับใครก็ได้ว่าแกได้ฟันฉันแล้ว...แกเป็นคนแรกในหมู่พวกเราที่ได้ฟันฉันด้วย แต่ฉันก็จะบอกกับคนอื่น ๆ เหมือนกันว่าแกโดนฉันป้ายยาแล้วกวาดสมบัติมาหมดบ้าน โอเค?”

เซย์ริวนิ่งอึ้งไปกับคำพูดนั้น เขาจ้องหน้าร่างเล็กราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ก็จากมาโดยไม่ได้ทำอะไร และนับตั้งแต่นั้นมาเขาก็พยายามที่จะไม่เจอหน้าเร็น...พอเวลาผ่านไป เขาก็ได้เรียนรู้ว่ามันถูกแล้วที่เร็นบอก คนที่เสียท่าคือคนผิดเองที่ไม่ระวังตัว ไม่ใช่กฎที่ใช้เฉพาะกับคนที่ทำอาชีพอย่างเร็น แต่รวมไปถึงคนอย่างพวกเขาเองด้วย...คนที่ถูกปล้นมันผิดเองที่ทำให้โดนปล้นได้

“คิดอะไรอยู่เหรอ เซย์ริว?” เสียงของเร็นทำให้สติของร่างสูงกลับคืนมา

“นิดหน่อย” เซย์ริวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย “แต่ท่าทางไอ้เคียวมันเคืองแกมากเลยนะ”

“ก็นิดหน่อยมั้ง เมื่อสองเดือนก่อนก็โดนไปทีนึงแล้ว ฮะ ๆ  ๆ  เคียวจังนี่ไม่ระวังตัวเลย โดนซ้ำแล้วซ้ำอีก” เร็นหัวเราะร่วน

“นายนี่ร้ายชะมัดเลยนะ เร็น กับพวกกันเองก็เอา” ฮิโรกิว่า แต่ดูจากท่าทางแล้วก็รู้ได้ว่าเขาแค่เย้าอีกฝ่ายเล่น ไม่ได้ตั้งใจว่าจริงจังอะไรนัก

“นายลองทำดูบ้างสิ ฮิโรกิ บางทีเซย์ริวอาจจะทำให้นายได้เงินมากกว่าพวกโง่ ๆ ที่มาทักนายที่ถนนอีกนะ” เจ้าตัวแสบว่าพลางหัวเราะ

“เดี๋ยวก็ตายหรอก” ร่างสูงทำเสียงดุ ๆ พร้อมกับมองทั้งสองคนที่ทำท่าสนุกสนานด้วยสายตาเย็นเยียบ

“ล้อเล่นน่า อย่าจริงจังนักสิ เซย์ ใครจะไปทำกับแกลงวะ แค่นึกว่าจะต้องถูกแกกอดฉันก็สยองไปถึงท้องน้อยแล้ว” ฮิโรกิโบกมือไปมา

เร็นเลิกคิ้ว “พูดอะไรอย่างนั้น ฮิโรกิ เซย์ริวน่ะเก่งเรื่องอย่างนี้ออกนะ ฉันว่านายถึงใจแน่”

“ไม่ ๆ  ๆ  ถึงไม่ถึงฉันก็ไม่เอา ขืนหลวมตัวให้มันกอดมีหวังกระดูกกระเดี้ยวฉันหักเป็นท่อน ๆ แน่” ร่างบางทำหน้าสยอง

“ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้นา...” เร็นยิ้มเจ้าเล่ห์

“ไม่ลอง! ให้ตายก็ไม่ลองหรอก นายก็รู้นี่ เร็น ว่าฉันไม่ได้ขายตัว แล้วอีกอย่างฉันก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนนานแล้วด้วย” ฮิโรกิเถียงด้วยท่าทางจริงจัง

“แฟนก็ส่วนแฟนสิ งานก็ส่วนงาน เรื่องสนุกก็อีกเรื่องนึง” เร็นเลคเชอร์แนวคิดหลุดโลกให้ฟัง “แต่ฉันว่าเซย์ริวเจ๋งดีออกน้า...

ฮิโรกิขมวดคิ้ว ”เจ๋ง? หมายความว่าไง?...นายเคยนอนกับเซย์แล้วงั้นเหรอ เร็น?”

“หนนึง สุดยอดไปเลย เนอะ เซย์...” ดวงตากลมโตปรายขึ้นช้อนมองร่างสูง ยิ้มบาง ๆ แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบา ๆ

การแสดงออกโจ่งแจ้งแบบนั้นทำไมฮิโรกิจะไม่เห็น เร็นกำลังยั่วยวนเพื่อนของเขาอย่างไม่ปิดบัง...เป็นเขาคงทำไม่ได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนของเร็นก็ตาม ถ้าเป็นคนรู้จักเขาคงไม่สามารถยั่วยวนแบบนี้ได้แน่

“ก็แค่ครั้งเดียว” เซย์ริวพูดอย่างเฉยเมย แต่สีหน้าและแววตาดูจะแฝงความโกรธเอาไว้

“เย็นชาเป็นบ้า” เร็นย่นจมูกแล้วก็ยิ้มยียวน “สอนเพื่อนนายดี ๆ หน่อยสิ ฮิโรกิ หมอนี่ชักจะเย็นชาเกินมนุษย์ไปหน่อยแล้วนะ เห็นว่าเพิ่งแทงไอ้อัตสึชิปางตายด้วยใช่มั้ย?”

“เออ” คำตอบสั้นห้วน บ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่น ๆ ในใจได้เป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนเร็นจะไม่สนใจ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 29-03-2013 09:44:09
“เฮ้ น่าหมั่นไส้ชะมัด ท่าทางของแกน่ะ” เจ้าตัวแสบโวยขึ้นเบา ๆ  “เอาเหอะ! ฉันไม่อยู่รกหูรกตาแกแล้วก็ได้”
ว่าแล้วเร็นก็ลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมของตัวเอง “ฉันไปก่อนนะ ฮิโรกิ”

“อื้อ แล้วเจอกัน”

เร็นยิ้มแล้วเดินไปที่ประตูห้อง ส่งยิ้มมีเลศนัยให้เซย์ริวพร้อมกับพูดว่า “ไอ้ยาอีกเม็ดทีเหลืออยู่น่ะ นายน่าจะเอามาลองกับผู้ชายที่เป็นฝ่ายรุกดูนะ ฮิโรกิ เขาอาจจะทำให้นายสุขเจียนตายเลยก็ได้”

พูดแล้วก็รีบวิ่งแวบออกจากห้องไปก่อนที่ขายาว ๆ ของคู่กรณีจะยื่นมาประเคนเท้าเข้าให้ เซย์ริวขยับฮึดฮัดด้วยความขัดเคืองในขณะที่ฮิโรกินั่งหัวเราะเบา ๆ  เขาเพิ่งเคยเห็นเพื่อนคนนี้โดนไล่ต้อนจนมุมแบบนี้เป็นครั้งแรก เร็นนี่อันตรายจริง ๆ เสียด้วย

“เอ้า! หัวเราะเข้าไป เดี๋ยวก็ปล้ำจริง ๆ เสียหรอก” เซย์ริวหันมาพาล

“เอ๊อ...เรื่องแน่ะ โมโหเร็นก็ไปปล้ำเร็นสิ ฉันไม่เกี่ยวซะหน่อย” ฮิโรกิโวย “เอาน่า...อย่าอารมณ์เสียนักเลย มาเล่าให้ฉันฟังดีกว่าว่าเมื่อคืนเป็นไงมั่ง”

ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกข้าง ๆ ฮิโรกิ “จิอากิไปไหนล่ะ?”

“เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง เห็นว่านัดเพื่อนเอาไว้ พอเธอออกไปไม่นานเร็นก็มา” ร่างเล็กอธิบาย

“อาฮะ...” เซย์ริวพยักหน้ารับรู้แล้วยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกอึกใหญ่ ๆ  “เมื่อคืนสุดยอดมากเลย ไม่ว่าจะให้ทำอะไรก็ยอมสารพัด เป็นตุ๊กตาดี ๆ นี่เอง”

“เหมือนหล่อนคนนั้นป่ะ?”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ แต่บอกตัวเองอยู่ในใจ...เด็ดยิ่งกว่าหล่อนคนนั้นหลายเท่านัก...แต่แม้ไม่มีคำพูดอะไร หากสายตาที่เป็นประกายขึ้นมาก็บอกฮิโรกิได้

“นี่...มีของดีแล้วไม่แบ่งกันบ้างนะ” ร่างบางหรี่ตามอง

“บอกแล้วไงว่ายังไม่ถึงเวลา ฉันคงต้องฝึกของเล่นของฉันอีกนิดหน่อยถึงจะรับแกกับฉันพร้อม ๆ กันสองคนได้” เซย์ริวบอกพลางขยี้ผมนุ่ม ๆ ของเพื่อนรัก

“อ้าว...นึกว่าจะยกให้ฉันเล่นสักครั้ง”

“บ้าสิ ฉันไม่ยอมปล่อยให้แกปู้ยี่ปู้ยำของ ๆ ฉันโดยที่ไม่อยู่ในสายตาฉันหรอกนะ” เซย์ริวบอกพร้อมกับรอยยิ้ม ท่าทางอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้ว

“เด่อเอ๊ย...งก” เสียงบ่นอุบอิบเป็นเหตุให้โดนมือใหญ่ ๆ ตบหัวเข้าให้เบา ๆ  “เจ็บน้า...”

แล้วตาเรียวก็เหลือบไปเห็นสายสร้อยที่ข้อมือของเพื่อนเข้า...โดยปกติแล้วเซย์ริวไม่ค่อยใส่เครื่องประดับอะไรเท่าไรนัก ด้วยเหตุผลที่ว่ามันออกจะเกะกะเวลาไปมีเรื่องกับคนอื่น...แต่คราวนี้ สายสร้อยสีเงินเส้นค่อนข้างใหญ่พาดชัดอยู่บนข้อมือซ้ายที่ดูแข็งแกร่ง...เซย์ริวเพิ่งใส่แน่ ๆ  เพราะเมื่อวานนี้ยังไม่มี

“อะไรเหรอ?” ร่างสูงถามขึ้นเมื่อเห็นคนนั่งข้าง ๆ เงียบไป

“สร้อยนั่นน่ะ” ฮิโรกิพยักพเยิดไปทางมือซ้ายของเซย์ริว “เพิ่งซื้อเหรอ? ไหนว่าไม่มีเงินไง”

“หือ? อ้อ...ไม่ได้ซื้อเองหรอก หมอนั่นซื้อให้น่ะ”

“เอ๋...หมอนั่น...เหยื่อของแกนั่นน่ะเหรอ? บ้าน่า” โดยปกติแล้วคนดี ๆ ที่ไหนจะซื้อของให้คนที่ทำร้ายกาจกับตัวเองสารพัดบ้าง แล้วยิ่งเมื่อคืนนี้โดนทำราวกับเป็นตุ๊กตาแบบนั้น...ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่

“มันคงบ้าจริง ๆ แหละ แต่ปกติมันก็แปลก ๆ อยู่แล้ว” เซย์ริวพูดพลางทอดสายตามองออกนอกหน้าต่างไปไกลอย่างไม่มีจุดหมาย

“เออ...พิลึก...แต่ก็เหมาะกับแกดีนะ แล้วก็ซื้อให้ในวันนี้พอดีหรือเปล่า?”

“ใช่ เพิ่งซื้อให้เมื่อกี้นี้ ทำไมเหรอ?”

“อืม...แกลืมไปแล้วจริง ๆ ด้วย วันนี้วันเกิดแกไง” ฮิโรกิบอกพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

ร่างสูงนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ...เขาลืมไปแล้วจริง ๆ ด้วย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องวันเกิดมาเป็นปี ๆ แล้ว จะรู้ว่าถึงวันเกิดของตัวเองก็ต่อเมื่อฮิโรกิเป็นคนบอกเสียทุกครั้งไป ก่อนที่จะพบกับฮิโรกิเขาไม่เคยใส่ใจกับเรื่องแบบนี้เลยแม้แต่น้อย

“ของขวัญวันเกิดเชียวนะเนี่ย...อะไรจะดีขนาดนี้  เหยื่อที่ให้ของขวัญคนที่ข่มขืนตัวเอง” น้ำเสียงของเจ้าตัวเล็กออกไปทางกระแนะกระแหน “อยากได้เหยื่ออย่างนี้บ้างซักคนจังแฮะ ไอ้ที่แบบ โดนฉันป้ายยา 5 ครั้ง 7 ครั้งแล้วก็ยังซื้อโค้ทหนังตัวที่อยากได้ให้ อะไรเงี้ย”

“พูดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว” เซย์ริวส่ายหน้าอย่างเอือม ๆ  “ว่าแต่...ฉันจำได้ว่าวันเกิดฉันไม่ใช่หน้าหนาวแน่ ๆ นะ ฮิโรกิ แกมั่วแล้ว”

“อา...ใช่ วันเกิดแกน่ะหน้าร้อน แต่แกเคยบอกฉันเองนะว่า วันนี้เป็นวันที่แกออกจากบ้านมาเริ่มชีวิตใหม่ ก็เลยรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันเกิดไง ไอ้ฉันก็เลยจำได้แค่ว่าวันนี้เป็นวันเกิดแก ส่วนไอ้วันเกิดจริง ๆ ของแกน่ะฉันไม่ได้จำมาตั้งแต่แรกแล้ว จำได้แค่ว่าเป็นหน้าร้อนเท่านั้นแหละ” ฮิโรกิอธิบายพลางไปค้นอะไรบางอย่างในลิ้นชักเก็บของ “แล้วที่ผ่านมาตั้งหลายปีน่ะ ฉันฉลองให้แกหน้าหนาวทุกครั้งแหละ แกไม่เคยเฉลียวใจบ้างเลยรึไง?”

“อ้อ...งั้นเรอะ” เซย์ริวพูดเบา ๆ ...เขายังจำได้ดี วันที่หนาวจนปวดไปถึงกระดูกวันนั้นเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันที่เขาออกจากบ้านมาพร้อมกับท่อนไม้ที่มีร่องรอยไฟไหม้...ตอนนั้นถ้าไม่ได้หมอมาซาฮิเดะช่วยเอาไว้ก็คงจะตายไปแล้ว

“เอ้า นี่! ของขวัญวันเกิดจากฉัน” ฮิโรกิโยนซองกระดาษสีน้ำตาลให้

“อะไร?” ร่างสูงรับมาอย่างงง ๆ  น้ำหนักของในมือไม่น้อยเลยทีเดียว

“เปิดดูเอาเอง ถูกใจแกแน่ ๆ ” ฮิโรกิยิ้มแล้วก็เปิดตู้เย็นเอาเบียร์ออกมาดื่มบ้าง

เซย์ริวเปิดห่อของในมือแล้วก็เบิกตากว้าง...ธนบัตรใบละหมื่นเยนจำนวนไม่น้อยมัดรวมกันเป็นปึกนอนสงบนิ่งอยู่ในซองนั้น...

“แกไปเอามาจากไหนเนี่ย?” ร่างสูงถามเสียงดัง “อย่าบอกนะว่าเงินเก็บของแก”

“บ้าน่ะ! ใครจะบ้าเอาเงินเก็บตัวเองมาให้คนอื่นง่าย ๆ  แกก็รู้ว่าคนอย่างพวกเราน่ะเรื่องจะเก็บเงินมันยากแค่ไหน นี่ฉันเอามาจากบ้านไอ้อัตสึชิมันโว้ย”

“บ้านไอ้อัตสึชิ?” ชายหนุ่มทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อหู

“ใช่...ฉันเห็นว่าไหน ๆ มันก็โดนซิวเข้าตะรางไปแล้ว มันคงไม่ได้ใช้เงินแล้วหละ ก็เลยไปเอามาให้แกเนี่ย จะได้เอาไว้จ่ายค่าหมอซะ แล้วที่เหลือจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจแก...เงินไม่น้อยนะนั่นน่ะ ไอ้อัตสึชิเก็บเงินเก่งเป็นบ้า” เจ้าตัวเล็กบอกแล้วก็จุดบุหรี่สูบ แต่ก็ทำไฟแช็กร่วงลงจากมือ

“อ๊ะ!”

“ฮิโรกิ เป็นอะไรไป?” เซย์ริวหันไปมอง

ฮิโรกิยืนกุมแขนขวาของตัวเองแล้วหันมายิ้มเจื่อน ๆ เหมือนเด็กที่พยายามปกปิดความผิดบางอย่าง เขาส่ายหน้าน้อย ๆ

“ไม่มีอะไรหรอก”

แต่เพราะรู้ว่าฮิโรกิโกหกได้ห่วยมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ร่างสูงปราดเข้าไปคว้าแขนที่ยังถูกกุมแน่นเอาไว้ เพียงแค่จับเบา ๆ ฮิโรกิก็ร้องลั่น

“โอ๊ย!!!!”

“ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง ไหนดูซิ โดนอะไรมา?”

หากร่างเล็กสะบัดแขนออก แล้วตวาดเสียงแข็ง “บอกว่าไม่เป็นไรไงเล่า!”

“ถ้ามันไม่เป็นไรแล้วร้องทำไม? เอาแขนมาดู!” เซย์ริวคว้าแขนนั้นอีกครั้ง และเมื่อฮิโรกิขัดขืนเขาก็ออกแรงบีบหนัก ๆ

“โอ๊ย!!!!”

เพราะเจ็บเยอะทำให้ฮิโรกิไม่กล้าดื้ออีก มือแกร่งดึงแขนเสื้อของร่างบางขึ้นมาจนถึงข้อศอก แขนท่อนล่างนั้นพันผ้าพันแผลเอาไว้แน่นหนาและมีเลือดซึมออกมา ซึ่งคงเกิดขึ้นตอนที่โดนบีบ เซย์ริวกัดฟันกรอด

“ใคร?”

“เอ๋?...” น้ำเสียงแข็งกร้าวทำให้ฮิโรกิเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง ดวงตาคมเหมือนงูฉายแววเหี้ยมโหดจนเขาสะท้านไปทั้งร่าง “ไม่...เซย์...”

“ใครทำแกแบบนี้!!!?” เซย์ริวตวาดเสียงดัง ฮิโรกิสะดุ้งเฮือก ตกใจจนไม่อาจตั้งสติตอบออกไปได้ ในชั่วขณะที่นิ่งอึ้งไป ดูเหมือนว่าความโกรธของเซย์ริวจะยิ่งเพิ่มขึ้น  “ฉันถามว่า ใครเป็นคนทำแก!!?”

“เซย์! ใจเย็น ๆ ...ไม่...ไม่มีใครทำ! ฉัน...ฉันล้มแล้วโดนเหล็กบาดเมื่อเช้านี้”

“เหล็กบ้านแกบาดได้แบบนี้! แกคิดจะตบตาฉันที่ใช้มีดมาตลอดชีวิตรึไง? ใครแทงแก!!?” มือแข็งราวกับคีมเหล็กยิ่งบีบแน่น

“เจ็บ! เซย์...ฉันเจ็บ! ปล่อยนะ...ปล่อย!!!!” ฮิโรกิเริ่มกรีดร้อง พยายามผลักร่างสูงให้ห่างจากตัวแต่ก็ไม่เป็นผล ในที่สุดประตูก็เปิดออกทันเวลา!!

“เซย์! จะบ้าเหรอ ปล่อยฮิโรกินะ!!” เสียงแหลมเล็กหวีดขึ้นท่ามกลางความสับสนนั้น มือเรียวกระชากไหล่หนาแล้วดึงสุดแรง

อาจจะเพราะเซย์ริวชะงักไปเพราะเสียงของหญิงสาวทำให้เธอสามารถดึงเขาออกจากฮิโรกิได้อย่างง่ายดาย ฮิโรกิทรุดลงไปกองกับพื้นกุมแขนตัวเองไว้แน่น ตัวสั่นสะท้าน

จิอากิถลาเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วงแล้วหันมาแหวเอากับร่างสูง “ทำอะไรของเธอน่ะ? ฮิโรกิเขาเจ็บอยู่ไม่รู้รึไง?”

เซย์ริวนิ่งเงียบไป จิอากิเลยว่าต่อ “เขาโดนไอ้พวกของอัตสึชิมันแทงเอาตอนที่เข้าไปเอาเงินที่บ้านมันมาน่ะ เขาเอามาให้เธอนะ! แล้วเธอทำอะไรเขา!!?”

“พอแล้ว จิอากิ...” ฮิโรกิดึงแขนแฟนสาว “ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเซย์โกรธเรื่องอะไร”

“พวกไอ้อัตสึชิใช่มั้ย...?” เสียงไม่ดังกว่ากระซิบรอดไรฟันออกมา

“ไม่นะ เซย์...แผลแกยังไม่หายดี อย่าไปมีเรื่องเด็ดขาด แล้วเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะฉันทำตัวเอง แกไม่ต้องเดือดร้อนก็ได้”

เซย์ริวสบตาที่ฉายแววอ่อนแรงแต่ดูมุ่งมั่นของฮิโรกิแล้วกวาดตามองรอบ ๆ ห้อง เครื่องปฐมพยาบาลที่จิอากิซื้อมาหล่นกระจายเกลื่อนเมื่อเธอเข้ามาห้ามเขา ชายหนุ่มกัดฟันแน่น...ใครก็ตามที่ทำกับฮิโรกิอย่างนี้มันต้องเจ็บกว่านี้อีกหลายเท่า!

“จิอากิ พาฮิโรกิไปหาหมอมาสะซะ...ฉันมีธุระต้องสะสางนิดหน่อย” ร่างสูงบอกแล้วก็เดินออกจากห้องไป

“ไม่! เซย์! กลับมานะ ฉันไม่ได้ไปเอาเงินมาเพื่อให้แกไปเจ็บตัวเพิ่มนะ! เซย์!!!!”

อาชญากรหนุ่มไม่ฟังเสียงร้องห้ามนั้น มีดสปริงคู่มือหลุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อมาเตรียมพร้อมอยู่ในมือราวกับดีใจที่จะได้ดื่มเลือดอีกครั้ง เขาสาวเท้ายาว ๆ ไปตามซอกแคบ ๆ  ฟ้าเบื้องบนดูขมุกขมัวลงจนน่ากลัว ทั้งที่เมื่อเช้าอากาศยังแจ่มใสอยู่ เมฆดำแผ่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับรับรู้อารมณ์ของคนที่เดินอยู่เบื้องล่าง...บางที...ในหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้อาจจะมีข่าวการตายของใครสักคนก็ได้...
//////////

“โอ๊ย!!!! เบา ๆ สิ หมอ! ผมเจ็บนะ!!!!” เสียงโวยวายดังลั่นโรงพยาบาลเถื่อนของหมอมาซาฮิเดะ

“เบาแล้วเนี่ย! แกก็อย่าดิ้นเซ่! มันเย็บยากรู้มั้ย?” คนเป็นหมอดุเอาด้วยเสียงดังไม่แพ้กัน แล้วส่งสายตาบอกให้บุรุษพยาบาลล็อกตัวเจ้าหนุ่มขี้โวยวายเอาไว้แน่น ๆ  แล้วก็ลงมือเย็บเข็มต่อไป

“เจ็บ!!!! เบา ๆ หน่อย!!!!” คนโดนเย็บโวยไม่เลิก “ทำไมไม่ทาหรือฉีดยาชาให้ก่อนเล่า!! มันเจ็บนะเนี่ย!!!!”

“จะฉีดให้เปลืองยาไปทำไม ไอ้เซย์มันไม่เห็นบ่นซักคำเวลาโดนเย็บน่ะ” หมอมาซาฮิเดะยังตั้งหน้าตั้งตาเย็บต่อไป แผลของเจ้าตัวเล็กนี่ไม่เล็กเลย ยาวเกือบตลอดแขนท่อนล่าง เป็นรอยโดนกรีดด้วยมีดในลักษณะที่เจ้าตัวพยายามยกมือขึ้นมาป้องกันตัว ส่วนใหญ่แล้วฮิโรกิมารักษาตัวเพราะไม่สบายหรือเมายามามากกว่า ไอ้ที่จะเป็นแผลใหญ่โตขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรก

“นั่นมันเซย์ ไม่ใช่ผม! ผมไม่ได้อึดเป็นแรดอย่างมันนี่!!” เจ็บทั้งเจ็บแต่ฮิโรกิยังเถียงฉอด ๆ

“หยุดเถียงได้แล้วน่า ฮิโรกิ เดี๋ยวเลือดก็ออกไม่หยุดหรอก” จิอากิพยายามปลอบด้วยความเป็นห่วง

“ก็มันเจ็บนี่! เธอไม่โดนเย็บมั่งไม่รู้หรอก” เจ้าตัวแสบพาล

“ก็นั่นสิ...แล้วนึกยังไงถึงเลียนแบบไอ้เซย์มันล่ะ อยากรู้เหรอว่าเวลาโดนเย็บมันเจ็บยังไง?” มาซาฮิเดะผูกปมด้ายเข็มสุดท้ายแล้วใส่ยาก่อนที่จะค่อย ๆ พันผ้าพันแผลให้

“ไม่ใช่อย่างนั้นน่า หมอ...ใครจะไปอยากเจ็บตัว แค่พลาดไปหน่อยเดียวเอง” ฮิโรกิบ่นอุบอิบ

“โดนใครเขาทำมาล่ะ?”

“พวกไอ้อัตสึชิ...”

“อ้อ...เรอะ แล้วเซย์ริวไปไหน?” มาซาฮิเดะถามต่อ

“เอ้อ...ไป...ไปหาไอ้พวกนั้น...” ฮิโรกิตอบแล้วก้มหน้านิ่ง

“งั้นเดี๋ยวคงได้เย็บแผลอีกราย” คุณหมอถอนใจหนัก ๆ แล้วหันไปหยิบหลอดยาพร้อมกับเข็มฉีดยา “เอ้า! ฉีดยากันบาดทะยักเข็มนึงก่อน”

“หา! ต้องฉีดยาด้วยเหรอ?” แค่นี้ยังเจ็บไม่พออีกหรือไงเนี่ย...เจ้าตัวเล็กครวญอยู่ในใจ

“ต้องฉีดสิ ฉีดคราวนี้คราวหน้าก็ไม่ต้องฉีดไปอีกหลายเดือน” มาซาฮิเดะว่าพลางดูดยาจากหลอด
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 29-03-2013 09:46:40
“ไม่มีครั้งหน้าแล้ว!”

“มีไม่มีก็ต้องฉีด เอ้า! เอาแขนมา”

“ไม่เอา! ไม่ต้องฉีดก็ได้ แผลแค่นี้เอง”

“ต้องฉีด...จับมันไว้แน่น ๆ  อย่าให้มันดื้อมากกว่านี้นะ” ประโยคหลังคนเป็นหมอหันไปบอกบุรุษพยาบาล ซึ่งก็ทำตามคำสั่งด้วยการเดินไปล็อกแขนทั้งสองข้างของฮิโรกิอีกครั้งหนึ่งแต่โดยดี

“เฮ้! ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่ หมอ”

“ก็เธอดื้อนี่หว่า”

ฮิโรกิทำหน้าเบ้ เขาเกลียดการฉีดยา การกินยา และการหาหมอเป็นที่สุด ถ้าไม่ใช่เรื่องปางตายแล้วเขาจะไม่มีวันเหยียบเข้ามาในโรงพยาบาลของมาซาฮิเดะในฐานะคนป่วยเด็ดขาด ตอนที่ปลายเข็มแหลมแทงเข้ามาในเนื้อ ร่างบางถึงกับสะดุ้ง กัดริมฝีปากแน่น...ที่จริงมาซาฮิเดะก็นับว่ามือเบาที่สุดในบรรดาหมอที่เขาเคยเจอมาแล้ว แต่ก็อดกลัวเข็มไม่ได้...ไม่รู้เซย์ริวทนให้หมอฉีดยาได้ไงบ่อย ๆ  ไหนจะเรื่องเย็บแผลอีกล่ะ เขาเห็นทีไรต้องรู้สึกลมออกหูเหมือนจะเป็นลมทุกที

“เอ้า! เสร็จ!” หมอมาซาฮิเดะตบหนัก ๆ ลงไปตรงที่เพิ่งฉีดยา ทำเอาฮิโรกิสะดุ้งสุดตัว

“มันเจ็บนะ หมอ!” ดวงตาเรียวค้อนควักเข้าให้วงใหญ่

“นิดหน่อยน่า ฮิโรกิก็...จะได้ไม่ติดเชื้อไง” จิอากิพยายามปลอบ เธอรู้ดีกว่าคนรักของเธอชอบอะไรไม่ชอบอะไร เวลาที่ต้องกินยาตามหมอสั่งทีไร เหมือนจะต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างนึงทุกที

“แต่มันเจ็บ!” ฮิโรกิยังคงโวยวายไม่เลิก

ทันใดนั้น ประตูห้องตรวจก็ถูกกระชากเปิดออกเต็มแรงจนทุกคนในห้องสะดุ้งสุดตัว ร่างสูงยืนท้าวกรอบประตูด้วยท่าทางก้าวร้าว แม้จะใส่เสื้อโค้ทสีดำแต่คนมองก็รับรู้ได้ว่าบนพื้นสีดำนั้นเปรอะไปด้วยเลือดจำนวนมาก ทั้งสองมือก็แดงฉานไปด้วยเลือดที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเป็นเลือดของใคร ดวงตาคมที่มองจ้องเข้ามาในห้องดูเย็นชา ดุดันเสียจนจิอากิเผลอถอยกรูด แม้แต่ฮิโรกิยังเสียวสันหลัง มือแกร่งกระชากดึงคอเสื้อของคนที่นอนกองอยู่กับพื้นลากโยนเข้ามาในห้อง ร่างโชกเลือดนั้นทำให้หญิงสาวถึงกับกรีดร้อง

“มันรึเปล่า?” น้ำเสียงถามราบเรียบ ตรงกันข้ามกับแววตาที่ดูราวกับพร้อมจะฆ่าใครก็ได้ทุกเมื่อ

“มะ...ไม่นะ...เซย์...” ร่างบางถึงกับปากคอสั่น เขาไม่ได้เห็นเซย์ริวโกรธมากขนาดนี้มานานแล้ว...และเจ้าคนที่นอนอยู่นี่ก็คง...ไม่มีลมหายใจแล้ว

“มัน...รึเปล่า...” เสียงเน้นย้ำบ่งบอกถึงความขุ่นมัวที่เริ่มแล่นริ้วขึ้นมาในใจ

ฮิโรกิรู้ว่าไม่มีทางเลือก เขารู้ตั้งแต่เห็นทีแรกแล้วว่าคนที่เซย์ริวเอาตัวมาคือคนเดียวกับที่ทำร้ายเขา

“ชะ...ใช่...รู้ได้ไง?”

“มันเป็นคนเดียวที่ใช้มีด แล้วมันก็ดูถูกแก...” พูดพลางก็ทอดสายตามองคนที่กองอยู่แทบเท้า มุมปากยกขึ้นเกือบจะยิ้มด้วยซ้ำ สีหน้าแบบนั้นทำเอาฮิโรกิเย็นวาบไปจนถึงปลายเส้นผม

“เฮ่อ...ให้ตายเถอะ ก่อเรื่องอีกแล้วนะ” มาซาฮิเดะลุกจากเก้าอี้เข้ามาทำท่าจะตรวจดูคนที่เซย์ริวลากมา “แล้วอย่าเอาขยะเผาไม่ได้มาทิ้งที่นี่ได้มั้ย นี่ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะนะ”

“แต่มันเป็นที่เดียวที่ทิ้งศพได้”

มาซาฮิเดะถอนใจเฮือกใหญ่แล้วแตะไปตามจุดชีพจรของร่างที่แน่นิ่ง

“ไม่ต้องตรวจแล้วหละหมอ มันตายตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะลากมาแล้ว”

มาซาฮิเดะไม่ได้ตอบอะไร เขาพลิกร่างนั้นให้นอนหงายขึ้น เสื้อผ้าด้านหน้าของศพเต็มไปด้วยเลือด และเมื่อหันออกไปมองนอกห้องก็พบว่ามีรอยเลือดลากมาเป็นแนวยาว จิอากิยกมือขึ้นปิดหน้าพลางหวีดร้อง ผู้เป็นหมอไม่ได้สนใจ เขาลงมือตรวจร่างนั้นต่อไป มีแผลที่ใบหน้าอย่างน้อย 5 แผล เมื่อเปิดเสื้อดูก็พบว่าที่หน้าท้องมีแผลฉกรรจ์ ตามร่างกายยังมีแผลที่เกิดจากของมีคมอีกหลายแผล แต่สาเหตุที่ทำให้ตายก็คือ รอยแผลขนาดใหญ่ที่ลากปาดลำคอจนหลอดลมขาดสะบั้น...เซย์ริวยังลงมือได้อย่างเหี้ยมโหดเหมือนอย่างเคย

“รับรองได้ว่าอวัยวะภายในปลอดภัยหมด หมอจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ฉันไม่คิดเงิน” ร่างสูงหยิบสำลีใช้แล้วขึ้นมาเช็ดมีด “แต่ฉันขอจ่ายค่ารักษาของฮิโรกิกับของฉันด้วยไอ้หมอนี่แล้วกัน แล้วส่วนที่หมอจะได้เพิ่มจากการขายอวัยวะของมัน ก็แบ่งบางส่วนเอาไว้เป็นค่ารักษาของฉันคราวหน้า โอเคมั้ย?”

มาซาฮิเดะยิ้มนิด ๆ  “หัวการค้าดีเหมือนกันนี่”

“เพราะหมอสอนมานั่นแหละ” มือหยาบกดสวิตช์มีดสปริงแล้วเก็บลงกระเป๋า

“เอางั้นก็ได้...แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ไม่มีครั้งหน้าแล้ว เดี๋ยวแกจะเที่ยวล่าคนเอามาจ่ายแทนค่ารักษาอีก” หมอมาสะของเซย์ริวรีบบอกเอาไว้ก่อน เพราะเขารู้ดีกว่าเรื่องหาศพนั้นเซย์ริวถนัดกว่าหาเงินหลายเท่านัก

“ชิ! ดันรู้ทันซะได้” เซย์ริวบ่นอุบอิบ

“ไม่รู้ทันแล้วจะหากินกับพวกแกได้เรอะ? ว่าแต่ มีแผลกลับมาหรือเปล่า?” หมอหันกลับมาถามพลางบุ้ยใบ้ให้บุรุษพยาบาลเอาร่างไร้ชีวิตนั้นไปเก็บไว้ในห้องเย็นเพื่อรอการชำแหละชิ้นส่วนไปขาย

“ไม่มีหรอก ระดับไอ้พวกนี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” พูดพลางก็ยักไหล่อย่างอวดดี เหลือบสายตาไปมองคนตัวเล็กที่ยังนั่งนิ่งนอกจากอาการประหม่าเล็กน้อยในตอนแรกแล้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรให้เห็นอีก ต่างจากจิอากิที่ออกอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย? เย็บไปกี่เข็ม?” ในน้ำเสียงนั้นมีความอาทรเจืออยู่...เบาบางจนแทบจะไม่รู้สึก...แต่ฮิโรกิเข้าใจดี เซย์ริวเอ็นดูเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ยี่สิบเข็ม”

“ปวดตายห่าเลย”

“อย่าขู่ได้มั้ย” ดวงตาเรียวสวยค้อนเข้าให้

จริงอยู่ที่เขาอาจจะตกใจมากที่เห็นเซย์ริวลากเอาร่างไร้วิญญาณของคนที่ทำร้ายเขาเข้ามาในห้อง เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงขั้นเอาชีวิตกัน แต่เขาลืมคิดไป...อาจเพราะเขาไม่ได้เห็นมานานแล้วก็ได้...เซย์ริวที่กำลังโกรธถึงขีดสุดนั้น ใครก็มาห้ามไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ตายจะไม่มีการหยุด หลายปีแล้วที่เซย์ริวไม่เคยมีเรื่องถึงขนาดเอาชีวิตกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำมาก่อน...ลึก ๆ แล้ว ฮิโรกิรู้สึกดีใจนิด ๆ  เพราะการที่เซย์ริวทำถึงขนาดนี้เพื่อเขา มันแสดงว่าเขาเป็นคนสำคัญสำหรับเซย์ริวมากทีเดียว

“เรียบร้อยก็กลับได้...อ้อ หมอมาสะ ขอยาแก้ปวดด้วย” ประโยคสุดท้ายหันไปบอกกับมาซาฮิเดะ

คุณหมอผู้อาวุโสกว่าไม่ได้ว่าอะไรนอกจากยักคิ้วแล้วจัดยาให้ตามคำขอ แถมยาแก้อักเสบให้ด้วย ซึ่งเรื่องยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนี้ ถ้าสำหรับเซย์ริวแล้วไม่จำเป็นเลย

“แล้วแผลเก่าของเธอเป็นไงบ้าง?” มาซาฮิเดะถามคนไข้เจ้าประจำ

“หายแล้วมั้ง มีเซ็กส์ได้แล้วนี่” คำตอบหน้าตาเฉยทำเอาหมอขมวดคิ้ว

“มันไม่เกี่ยวกันไม่ใช่เรอะ? ไหน มาดูก่อนซิ”

เซย์ริวนั่งลงที่เก้าอี้ตรวจแล้วถอดเสื้อให้หมอดูอย่างว่าง่าย บาดแผลอยู่ในขั้นดีเยี่ยมและเรียกได้ว่าปิดสนิทแล้ว ถ้าไม่ไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนรุนแรงก็คงไม่เปิดออกมาอีก ดังนั้น คนเป็นหมอก็เลยตัดสินใจตัดไหมเสีย

“ได้คนดูแลดีหละสิ”

“นิดหน่อยน่ะ”

“เหยื่อคนใหม่?”

“ใช่” ร่างสูงตอบพร้อมกับอมยิ้มเล็กน้อย ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่อากาศภายนอกยังคงครึ้มไปด้วยเมฆฝน แต่ก็ยังไม่ตกลงมาเป็นหยดน้ำเสียที กระแสไฟฟ้าแล่นผ่านไปตามก้อนเมฆดำเป็นประกายวูบวาบ...ภาพใบหน้าของใครคนหนึ่งที่เยือกเย็นราวกับสายน้ำแต่รุนแรงเร่าร้อนราวกับสายฟ้าซ้อนทับภาพนั้นขึ้นมาทันที...รอยยิ้มนั้นสยายกว้างขึ้น

“ไอ้หมอนั่นต้องบ้าแน่ ๆ ” มาซาฮิเดะพูดขึ้นเบา ๆ  ร่างกายของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าได้รับการดูแลดีแค่ไหน ร่างกายที่เคยผอมไปบ้างบัดนี้เต็มไปด้วยมัดกล้ามและเปี่ยมไปด้วยพลัง ไม่ใช่ร่างกายของคนอดมื้อกินมื้ออย่างเคย...เขารู้แล้วว่าเหยื่อรายใหม่คนนั้นควรจะเป็นใคร...เขายังจำชายหนุ่มที่ประคับประคองเซย์ริวมาหาเขาจนเสื้อชุ่มโชกไปด้วยเลือดได้ติดตา เขาเตือนไปแล้วว่าให้ถอยห่างจากเซย์ริวซะ แต่ถ้าไม่เชื่อกันเขาก็ช่วยอะไรไม่ได้

“จะว่างั้นก็ไม่ผิดหรอกหมอ แต่มันก็เป็นผลดีกับฉัน”

มาซาฮิเดะหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เซย์ริวไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนับตั้งแต่วันที่ได้พบกัน เป็นคนที่พยายามตักตวงทุกอย่างจากคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง มีเพียงฮิโรกิเท่านั้นที่แตกต่าง...แต่ก็แค่แตกต่างนิดหน่อย ถ้าเซย์ริวจะมีความใยดีแบบเดียวกับที่มีให้ฮิโรกิให้กับคนอื่นบ้างอีกสักคนก็คงจะดีกว่านี้

“เอ้า! เรียบร้อย อย่าให้แผลมันเปิดล่ะ” พูดพลางก็ตบหนัก ๆ ที่แผลเหมือนกับที่ทำกับฮิโรกิเมื่อครู่ แต่ร่างสูงไม่สะดุ้งสะเทือน

“ขอบคุณมากหมอ ไว้แล้วจะมารบกวนใหม่”

“ไม่มาบ่อย ๆ แหละดี”

เซย์ริวจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วหันไปหาฮิโรกิกับจิอากิ หญิงสาวหลบเข้าหลังแฟนหนุ่มทันทีที่สบตากัน ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แล้วก็นึกได้

“กลัวเหรอ?”

“กะ...กลัวสิ ใครจะบ้าไม่กลัวล่ะ” เสียงใสสั่นน้อย ๆ

ร่างสูงทำเสียงหัวเราะขึ้นจมูก “เถียงได้ขนาดนี้แปลว่าไม่กลัวแล้ว”

“บ้า”

“กลับบ้านกันเถอะน่า” เซย์ริวเอ่ยชวนเหมือนหลอกล่อเด็ก “เดี๋ยวซื้อเบียร์ไปกินกันด้วย ดีมั้ย?”

“ดี” คนตอบคือฮิโรกิ ตาเป็นประกายวาววับขึ้นมาทันที

“ฮิโรกิ...เธอห้ามกินเหล้าอย่างน้อยอาทิตย์นึงนะ” มาซาฮิเดะขัดขึ้นเล่นเอาเจ้าตัวเล็กหน้าหงิกทันที “หรืออยากจะให้แผลมันเป็นหนองก็ตามสะดวก”

“เชอะ! ไม่กินก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่เลย” ฮิโรกิบ่นงึมงำ จนจิอากิกับเซย์ริวอดหัวเราะไม่ได้ “หัวเราะอะไรเล่า! กลับกันได้แล้ว”

ว่าแล้วก็เดินงอนตุปัดตุป่องออกไปจากห้องตรวจจนแฟนสาวต้องวิ่งตามออกไปง้อ เซย์ริวยักไหล่แล้วก็โค้งให้มาซาฮิเดะนิดหนึ่งก่อนที่จะตามออกไปอีกคน

เมื่อห้องตรวจว่างเปล่า มาซาฮิเดะก็ยิ้มนิด ๆ กับตัวเองก่อนที่จะหยิบถุงมือยางมาสวมแล้วตรงไปที่ห้องเย็น...ศพที่เซย์ริวหามาให้นี้จะทำเงินให้เขามากพอที่จะเป็นค่ารักษาให้ทั้งเซย์ริวและฮิโรกิไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 29-03-2013 12:40:43
โหดแท้ เซย์ริว
ว่าแต่ทำไมมีแต่คนว่าคัตซึว่าบ้านะะ 555555 แต่ก็เป็นคนดีเกินไปนิดจริงๆแหละะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 29-03-2013 18:29:15
ตอนนี้เลือดท่วมจริงๆ เลือดจากการโดนปาดซะด้วย :katai1:
แต่ตอนนี้เหยื่อน้อยๆไม่ได้ออก ไม่มีบทซะงั้น  :katai4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 29-03-2013 19:27:26
เซริว โหดมากกก  o22 แต่ท่าจะแพ้ทางเร็น
จริงอย่างที่หมอพูดถ้าเซย์ริวจะมีความใยดีแบบเดียวกับที่มีให้ฮิโรกิให้กับคาซึโกะอีกสักคนก็คงดี
สร้อยที่คาซึโกะซื้อให้ จะทำให้เซริวเปลี่ยนไปบ้างไหม :hao5:
ถึงจะมีคอมเม้นต์แค่ตอนละ 2 เม้นต์แล้วเด้งหายไปหน้า 3 เราก็จะลงต่อไป วะฮะฮ่า
ยังเม้นเหมือนเดิม โหวด บวก เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: รัตติกาล ที่ 30-03-2013 13:01:18
มาขอติดตามอีกฮับ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 02-04-2013 22:00:41
เลือดไหลๆ เช็ดๆ ฮึ่บ! สนุกค่ะ  o13


ห้ามเลือดต่อ  :jul1:  :jul1:  :jul1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 03-04-2013 19:42:37
 o22

เรื่องนี้ใช้เลือดเปลืองไปไหมมม

 :heaven สาธุ ไปสุขคติเถอะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 03-04-2013 20:59:03
มาหรือยังน้อออ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-04-2013 09:45:14
สวัสดีวันศุกร์ครับ
มาต่อเลยแล้วกันนะครับ
อ้อ...อาทิตย์หน้าไม่อยู่นะครับ งดลงหนึ่งครั้ง เจอกันหลังสงกรานต์นะครับ

...

KOUSOKU 09

หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย อากาศเย็นจัดมาหลายวันแล้ว มือเรียวกระชับเสื้อโค้ทตัวหนาเข้ากับตัว ลมหายใจออกมาเป็นควันขาว ไอเย็นแทรกเข้าไปในร่างจนต้องขยับผ้าพันคอขึ้นมาบังจมูกเอาไว้ รู้สึกหนาวสะท้านแบบนี้มาหลายวันแล้ว บางทีไข้หวัดอาจจะเล่นงานเขาเข้าแล้วก็ได้

‘...ไม่ใช่หรอก...’

ชายหนุ่มคิด...เขาลองวัดไข้ให้ตัวเองดูหลายครั้งแล้ว อุณหภูมิไม่ผิดปกติอะไร อาการครั่นเนื้อครั่นตัวก็ไม่มี ไม่ไอไม่จาม...ไม่เป็นหวัดแน่นอน...เพียงแต่...บางครั้ง ในยามค่ำคืนที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก ที่นอนมันช่างเย็นเยียบ เหมือนไออุ่นบางอย่างที่เขาเริ่มคุ้นเคยได้หายไป...พร้อมกับหิมะที่เริ่มโปรยปราย

สองมือสั่นสะท้านขึ้นมาทันที...เขาไม่ควรจะไปคิดถึงใครคนนั้นเลยนี่นา คนที่ทำอะไรร้ายกาจเอาไว้กับเขาสารพัด แถมพอใจดีซื้อของให้หน่อยก็หายหัวไปเลย...ดวงตาคมหรี่วูบลง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างขัดใจ

‘…พอแล้ว! เลิกคิดได้แล้ว...หมอนั่นไม่มายุ่งกับชีวิตเราก็ดีแล้วไง คงได้ของที่อยากได้ไปแล้วก็เลยไปเสียที...ทีนี้เราจะได้อยู่อย่างสบายใจหละ…’

ใจหนึ่งพร่ำบอกับตัวเองอย่างนั้น แต่อีกใจกลับรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นของความเปลี่ยวเหงา ร่างเพรียวสะบัดหัวแรง ๆ ไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ปุยหิมะที่เกาะอยู่บนเส้นผมปลิวกระจาย เขายืนเซื่องอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้วนะ

“ฮะ...ฮัด...เช้ย!!!!”

จามเสร็จก็สะท้านเยือกไปทั้งตัว พระเจ้า...นี่โดนหวัดเล่นงานจริง ๆ หรือนี่? ชายหนุ่มรีบสาวเท้าตรงไปที่มินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุดทันที เครื่องดื่มอุ่น ๆ สักแก้วอาจจะหยุดอาการเริ่มต้นของหวัดได้

นมร้อนถูกยกขึ้นจิบเรื่อย ๆ  ในขณะที่ในถุงพลาสติกในมือก็มีนมขวดใหญ่ที่ซื้อกลับไปอุ่นกินที่บ้านพร้อมกับของสดนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีแรงทำอะไรหรือเปล่า เพราะในขณะที่กำลังรีบจ้ำกลับห้องพักอยู่นี้ไข้ก็ขึ้นไม่หยุด เขากำลังลุ้นอยู่ว่าเขาจะวูบก่อนหรือว่าจะถึงบ้านก่อน

ประตูห้องเช่าเล็ก ๆ ปิดโครมลงทันทีที่เจ้าของห้องเข้ามาในห้องด้วยอาการถลา เขาเกือบจะมาไม่ถึงห้องอยู่แล้ว เพราะเพียงเสี้ยววินาทีที่เปิดประตูห้องได้ ภาพตรงหน้าก็ดับมืดไปหมด...สองมือพยายามท้าวพื้นยันตัวอย่างล้าแรง ไม่ใช่แค่ไข้หวัดแน่...เขารู้ว่าเมื่อกลางวันเขาไม่ได้กินข้าว เมื่อเช้าก็ดื่มแค่กาแฟแก้วเดียว ที่ยังวิ่งกลับมาจนถึงบ้านก่อนจะเป็นลมไปที่ไหนได้นี่ก็บุญนักหนาแล้ว

ในที่สุดชายหนุ่มก็หมอบขดอยู่ตรงหน้าประตูห้อง กะว่าพอมีเรี่ยวแรงสักหน่อยแล้วจะไปนอนบนเตียงให้เรียบร้อย แต่ตอนนี้ต้องตรงนี้หละนะ...ในห้องที่ยังไม่ได้เปิดฮีทเตอร์ไม่ต่างอะไรกับข้างนอก ร่างเพรียวกระชับเสื้อโค้ทแล้วขดตัวมากขึ้น ในหัวมันอื้ออึงและพร่ามัว รู้แค่ว่าตอนนี้ลมหายใจร้อนผ่าวและหิมะที่เกาะมาตามเสื้อผ้าและเส้นผมกำลังเริ่มละลายทำให้ร่างกายของเขาชื้น เขาควรจะถอดเสื้อเปียก ๆ นี่ออกก่อนที่มันจะทำให้เขาเป็นปอดบวม แต่ร่างกายไม่มีแรงเลย ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ หลับพริ้มลงช้า ๆ ...ตอนนี้คงได้แต่เฝ้ารอให้มีแรงมากขึ้นแล้วค่อยลุกไปจัดการกับตัวเอง ผิวกายสะท้านน้อย ๆ ...ใจเริ่มกระหวัดคิดถึงไออุ่นของใครบางคน...

“เฮ้ย! บ้าอะไรเนี่ย มานอนทำบ้าอะไรอยู่หน้าประตูวะ?”

เสียงเอะอะดังขึ้นดึงให้สติที่กำลังจะหลุดลอยให้กลับเข้าร่าง ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองใครบางคนที่ไม่เพียงแต่จะบุกรุกเข้ามาในห้องหากยังใช้เท้าเขี่ยเขาอีกด้วย!...

“อย่า...ให้มันมาก...นักนะ เซย์ริว!!!!”

เสียงเข่นเขี้ยวอย่างเต็มแค้นดังลอดริมฝีปากออกมาจนได้ โกรธสุดขีดขึ้นมาทันที หากอีกฝ่ายยิ้มเหยียด ๆ

“ยังไม่ตายนี่หว่า แล้วบ้าอะไรมานอนอยู่ตรงนี้?”

“ผมเป็นไข้...” คัตซึฮิโกะกัดฟันกรอด ตอนนี้อย่าว่าแต่ลุกขึ้นเลย แค่ภาพของร่างสูงตรงหน้าก็พร่าเลือนเต็มทน

“เป็นไข้แล้วทำไมไม่ไปนอนบนเตียง”

“ผมลุก...ไม่ขึ้น...” ร่างเพรียวตอบตามตรง

เซย์ริวถอนใจเฮือกใหญ่ “ทำไมฉันต้องมาเจอแกตอนกำลังเป็นไข้ได้ที่ทุกทีเลยนะ”

คำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะคิดขึ้นมาได้...ตอนที่เขาเป็นไข้ หมดหนทางช่วยตัวเอง...ผู้ชายคนนี้ก็ยัง...!! ประวัติศาสตร์จะต้องไม่ซ้ำรอย ชายหนุ่มบอกกับตัวเองแล้วพยายามกัดฟันฝืนพยุงตัวลุกขึ้น

เซย์ริวกอดอกยืนมองคนอวดเก่งอยู่เฉย ๆ  อยากรู้เหมือนกันว่าจะไปได้ซักกี่น้ำ ที่พูดไปเมื่อกี้ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอเห็นคนที่นอนแบ่บอยู่ลุกขึ้นมาได้ราวกับปาฏิหาริย์ก็พอจะนึกสาเหตุออกอยู่บ้าง

โลกไหววูบวาบไปหมด เท้าค่อย ๆ ก้าวลากไปข้างหน้าอย่างยากเย็น ทีละก้าว...ทีละก้าว...จากหน้าประตูห้องถึงเตียงนอนนั้นเดินแค่ 3 ก้าวก็ถึง แต่วันนี้คัตซึฮิโกะรู้สึกว่ามันไกลแสนไกลราวกับว่าจะไม่มีวันไปถึงได้...ภาพตรงหน้าดับวูบลงอีกครั้งพร้อมกับที่ขาสองข้างเกี่ยวสะดุดกันเอง แต่ก่อนที่ร่างเพรียวจะล้มไปฟาดกับอะไรเข้า มือแกร่งก็ฉุดรั้งเอาไว้ทัน

“ให้ตาย...ทำไมแกถึงได้มากเรื่องอย่างนี้นะ?” ร่างสูงค่อย ๆ ประคองเจ้าของห้องไปนั่งที่เตียงแล้วจัดการถอดเสื้อโค้ทให้

“อย่า...” ทั้งที่พร้อมจะวูบทุกเมื่อ แต่มือเรียวก็ปัดมือที่แกะกระดุมเสื้อออกอย่างระแวง

“ทำบ้าอะไร? อยู่นิ่ง ๆ สิ”

“ผม...ถอดเองได้...”

“ถอดเองหรือฉันถอดก็มีค่าเท่ากัน ถ้าฉันจะทำหละก็นะ...แต่ตอนนี้อยู่เฉย ๆ  อย่าให้ฉันโมโห” คำบอกแกมขู่ได้ผล คัตซึฮิโกะนั่งนิ่งให้ร่างสูงถอดเสื้อโค้ทเปียกชื้นออกจากตัวเอาไปแขวนไว้ข้างประตูห้องน้ำ

สวิตช์ฮีทเตอร์ถูกเปิดขึ้น ไออุ่นพลุ่งออกมาจากเครื่องทำความร้อนเก่า ๆ ทำให้อุณหภูมิในห้องดีขึ้น ผ้าขนหนูผืนเล็กถูกนำมาเช็ดซับเส้นผมที่ชื้นเพราะหิมะ สเว็ตเตอร์ตัวหลวมสวมทับให้อีกชั้นก่อนที่ร่างเพรียวจะถูกผลักลงนอนกับเตียง ยังไม่ทันที่จะเอ่ยอะไร ผ้านวมหนาก็ถูกดึงขึ้นมาคลุมจนถึงคอ ดวงตาคู่สวยยังปรอยปรืออย่างหวาดระแวง ผ้าชุบน้ำถูก-โปะ-ลงมาบนหน้าผากคลุมลงมาจนถึงเปลือกตาร้อน

“นอนไป ฉันไม่ทำอะไรหรอก” ร่างสูงบอกด้วยเสียงห้วน ๆ  “ตอนเริ่มเป็นน่ะ นอนเยอะ ๆ ก็หายแล้ว”

คัตซึฮิโกะยังไม่ไว้ใจเสียทีเดียว แต่ในตอนนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้เซย์ริวข่มขืนเขาตอนนี้เขาก็ไม่มีแรงต่อต้านอะไรหรอก ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง แว่วเสียงพูดบางอย่างเหมือนลอยมาจากที่ไกลแสนไกล

“แม่ง...เรื่องมากชิบ...หายเร็ว ๆ ล่ะ...เสียเที่ยวชะมัด”
//////////

ในตอนที่กำลังหลับสนิทได้ที่ มืออุ่น ๆ ของใครบางคนก็แตะลงที่ข้างแก้มแล้วเคลื่อนไปอังตรงซอกคอ คัตซึฮิโกะขยับตัวนิด ๆ อย่างรำคาญ เขากำลังหลับสบายจนไม่อยากจะตื่น แต่มือนั้นไม่หยุดแค่นั้น กลับจับไหล่บางเขย่าปลุก ตามมาด้วยเสียงที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ตัว

“เฮ้ย ตื่นก่อน กินอะไรก่อนแล้วค่อยนอนต่อ”

“อือ...ผมไม่หิว...” คัตซึฮิโกะครางแล้วพลิกตัวซุกหน้ากับผ้านวม

“ลุกเซ่ะ หิวไม่หิวก็ต้องกิน” น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความหงุดหงิดเล็ก ๆ

“ไม่เอา...ไม่กิน” คนไม่สบายยังดื้อดึง โบกมือปัดป่ายเหมือนจะไล่คนมารบกวนให้ไปพ้น ๆ

“แกจะลุกมากินดี ๆ หรือจะให้ฉันป้อน...” ถ้าประโยคมันจบแค่นี้คัตซึฮิโกะคงยังนอนต่อไป แต่คำพูดสั้น ๆ ที่ตามหลังมาทำให้ต้องตะกายลุกจากเตียงแทบไม่ทัน “...ด้วยปากฉัน?”

ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งทำหน้าผะอืดผะอมกับคำพูดอันตรายต่อร่างกายของคนเฝ้าไข้ไม่ได้รับเชิญ การได้หลับไปครู่ใหญ่ ๆ ทำให้อาการมึนหัวค่อยยังชั่วขึ้น ซุปข้าวโพดสำเร็จรูปหอมกรุ่นถูกยื่นมาตรงหน้า ถึงจะไม่นึกอยากกินอะไรเลย แต่ดูเหมือนร่างกายจะอุทธรณ์กับการไม่ได้รับอาหารเป็นเรื่องเป็นราวมาตลอดวันเสียแล้ว น้ำย่อยในท้องลั่นขึ้นมาเบา ๆ ทำให้ต้องยื่นมือไปรับถ้วยซุปมาตักใส่ปากอย่างเสียมิได้

ที่ข้างเตียง ร่างสูงกำลังนั่งจัดการกับบะหมี่ถ้วยสำเร็จรูปอย่างตั้งอกตั้งใจ และถึงแม้ว่าจะรอให้บะหมี่สุกนาน 3 นาทีแล้วก็ตาม แต่เซย์ริวก็ยังกินเสร็จก่อนคนป่วยที่ได้ซุปไปก่อนอยู่ดี ดวงตาคมเหลือบมองคนบนเตียงที่ยังค่อย ๆ ตักซุปใส่ปากราวกับมันกำลังเดือดเป็นลาวาแล้วก็บ่นเบา ๆ

“ซุปถ้วยแค่เนี้ย...กินเป็นชาติ”

ดวงตาคู่สวยค้อนควับเข้าให้ ก่อนที่จะขูดช้อนกับก้นถ้วยตักซุปเข้าปากเป็นคำสุดท้ายพอดี แล้วก็ส่งถ้วยคืนให้โดยไม่พูดอะไร
ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นนิดหน่อย เพราะคาดว่าน่าจะได้รับคำตอบอะไรที่ยียวนพอกันจากอีกฝ่าย แต่คัตซึฮิโกะกลับเงียบแล้วก็ขยับตัวไปชิดผนัง ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตั้งท่าจะนอนเสียต่ออย่างนั้น

‘…ท่าจะเพลียจริงแฮะ ไม่ปากเสียก็ได้...แต่...’

“เฮ้ย! ลุกมากินยาก่อน”

คัตซึฮิโกะตลบผ้าห่มมาทำหน้ามุ่ยใส่ แต่ก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างว่าง่าย ร่างสูงยัดยาใส่มือให้ 3 เม็ด ซึ่งคนรับมาทำหน้าเบ้ แต่พออีกฝ่ายส่งน้ำแก้วใหญ่ให้ก็ยอมกินยาแต่โดยดี แม้จะฝืดฝืนไปบ้างด้วยยามันหลายเม็ดแต่ในที่สุดมันก็ลงคอไปจนหมด

เซย์ริวรับแก้วน้ำคืนมาวางไว้บนโต๊ะเล็กข้าง ๆ หัวเตียง “ถ้าไงแกอย่าเพิ่งนอนตอนนี้ดีกว่า เดี๋ยวไอ้ที่กินเข้าไปไหลออกปากจะแย่เอา”

ทั้งนี้พูดมาจากประสบการณ์การเฝ้าไข้ที่เลวร้ายที่สุดเมื่อตอนที่ฮิโรกิป่วยหนักขนาดต้องหามส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นพวกเขายังไม่รู้จักกับจิอากิเลยด้วยซ้ำและคนที่ต้องดูแลฮิโรกิในตอนนั้นก็คือเขา...ณ วินาทีนี้...นึกยังไงไม่รู้ เซย์ริวรู้สึกอยากเล่าเรื่องตอนนั้นออกมา

“ฉันเคยเฝ้าไข้เพื่อนน่ะ ที่โรง’ บาล ตอนนั้นป่วยหนักเลย”

คัตซึฮิโกะนิ่งฟัง...นี่เป็นครั้งแรกที่เซย์ริวพูดถึงเรื่องของตัวเอง

“วันนั้นมันพอจะรู้ตัวแล้วหละ แต่ก็ไม่ค่อยอยากตื่น ไม่รู้ว่าหมอให้ยานอนหลับมันรึเปล่า แต่ฉันก็ปลุกมันขึ้นมากินข้าวที่พยาบาลเอามาให้ มันก็กินนะ แล้วก็กินยากินน้ำตาม เสร็จแล้วมันก็นอน...ฉันก็ไม่คิดอะไร...พักเดียว ออกมาหมดเลย ทั้งข้าวทั้งยา แถมตัวมันเองก็ทำท่าเหมือนจะสำลักอ้วกตัวเองตาย โกลาหลกันแทบแย่ ต้องมานั่งล้างนั่งเช็ดให้มัน...อี๋...” เล่าไปพลางก็ทำหน้าผะอืดผะอมไป

คนที่เอาแต่เงียบฟังมาพักใหญ่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง “เอ้อ...พอเถอะ...ผม...ชักอยากอ้วกขึ้นมาบ้างแล้ว”

“อย่านะโว้ย! ฉันจะไม่เช็ดอ้วกใครอีกแล้วนอกจากอ้วกตัวเอง”

“ถ้าคุณไม่พูดอีก...ผมก็จะไม่อ้วก...” คัตซึฮิโกะพูดพลางทำหน้าเหยเก

“เออ...ฉันไม่พูดแล้ว แค่จะบอกว่ากินแล้วนอนมันจะอ้วกเอาได้ เพราะงั้น...แกห้ามอ้วกเด็ดขาด!” เซย์ริวย้ำเสียงหนักแน่น

“ถ้าคุณพูดเรื่องนี้อีกที ผมอ้วกแน่...” คนตัวเล็กกว่าบ่นงึมงำ...แล้วก็นั่งหน้าม่อย

ร่างสูงไม่พูดอะไรอีก หันหน้าเข้าโต๊ะเขียนหนังสือแล้วถือวิสาสะค้นหนังสือบางเล่มออกมาดู...เขาค่อนข้างจะต่างกับคนพวกเดียวกันตรงที่ชอบอ่านหนังสือนี่แหละ...นิ้วเรียวดึงหนังสือออกมาเปิดดูทีละเล่ม เปิดอ่านบ้าง เปิดผ่านบ้าง แล้วก็ดึงเอาสมุดปกสีดำแข็ง ๆ เล่มหนึ่งออกมา...ดูหน้าปกก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่หนังสือ อาจจะเป็นไดอารี่ของคัตซึฮิโกะ แต่เซย์ริวก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเปิดดูแล้วก็ต้องนิ่งไป...สมุดสเก็ตช์

ในสมุดเล่มนั้นมีภาพมากมาย มีทั้งภาพเหมือน ภาพการ์ตูน ภาพกราฟิค...ดูเหมือนคัตซึฮิโกะจะใส่อะไรที่ตัวเองสนใจลงไปในนั้น มีรูปของเจ้าเด็กผมทองกวนโอ๊ยคนนั้นหลายรูป ในอากัปกิริยาต่าง ๆ กัน...น้องชายสุดที่รักหละสินะ...เซย์ริวยักไหล่นิด ๆ  ยกริมฝีปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม ไล่เปิดภาพในสมุดเล่มนั้นดูไปเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงภาพสุดท้าย...

ภาพสเก็ตช์ด้วยดินสอเป็นรูปใครบางคนกำลังนอนขดอยู่บนเตียง ในภาพนั้นไม่ได้วาดให้เห็นหน้าคนที่นอนอยู่ นอกจากหัวที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาเท่านั้น แต่ท่าทางจะกำลังหลับสบาย...เซย์ริวหรี่ตามองนิดหน่อย มันจะแปลกตรงไหนล่ะถ้าเขาจะบอกว่าเขารู้จักคนในรูปนั้น แม้จะไม่ได้เห็นหน้าก็ตาม...ก็เตียงนอนเล็ก ๆ เตียงนั้นมันตั้งอยู่ข้างหลังเขานี่เอง ต่างกันแต่คนที่นอนอยู่ตอนนี้เท่านั้น...นั่นเป็นภาพวาดของเขา...

ร่างสูงเหลียวไปมองคนที่วาดรูปนี้ แล้วก็พบว่าร่างเพรียวบางนั้นนั่งพิงหัวเตียงม่อยหลับไปเสียแล้ว...ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย ปอยผมร่วงลงมาปรกใบหน้า ดวงตาคมสวยพริ้มสนิท ท่าทางจะหลับสบายไม่แพ้คนในรูปวาดนั้นทีเดียว...

เซย์ริวเผลอยิ้มบาง ๆ  ปิดสมุดสเก็ตช์ลงแล้วเดินเข้าไปใกล้ วงแขนแกร่งค่อย ๆ ประคองร่างนั้นขึ้นจากหมอนที่นั่งพิงอยู่ คัตซึฮิโกะขยับตัวเล็กน้อยเมื่อโดนรบกวนการนอน แต่เมื่อรู้สึกถึงไออุ่นก็เบียดซุกตัวเข้าหาราวกับแมว มือใหญ่ดึงหมอนลงวางกับเตียงแล้วค่อย ๆ วางร่างเพรียวลงนอน เกลี่ยเส้นผมสีดำนุ่มมือออกจากใบหน้า...น่าแปลก ที่ครั้งนี้อาชญากรหนุ่มไม่ได้คิดอะไรกับคนตรงหน้าในเรื่องเกี่ยวกับความใคร่เลย...ก็คงเช่นเดียวกับตอนที่คัตซึฮิโกะเอาแต่นั่งสเก็ตช์ภาพเขาโดยที่ไม่ได้คิดจะแจ้งความหรือเอาคืนอะไรกระมัง

คนป่วยขยับซุกขดตัวกับผ้าห่ม ลมหายใจยังสม่ำเสมอบ่งบอกว่ากำลังหลับสนิท เซย์ริวลูบผมนิ่มแล้วเหลือบมองนาฬิกา ยังไม่ดึกมากนัก แต่ท่าทางสบายของคนใต้ผ้าห่มก็ทำให้อยากนอนขึ้นมาตะหงิด ๆ

ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจเก็บสมุดสเก็ตช์เล่มนั้นเข้าที่...โดยที่ยังทิ้งหนังสือเล่มอื่นกองเอาไว้บนโต๊ะ...แล้วก็ปิดไฟห้อง ปีนขึ้นเตียงพร้อมกับสะบัดชายผ้าห่มอีกด้านมาคลุมร่าง พลิกตัวเข้าหาคนที่นอนขดอยู่ชิดผนัง มือแกร่งเอื้อมโอบกระชับร่างนั้นเข้าหาตัว...ดูเหมือนคนในอ้อมกอดจะเริ่มชินกับไออุ่นของเขาแล้ว จึงได้ขยับตัวเข้ามาหา

ร่างสูงถอนหายใจเบา ๆ ...ในห้องนี้...โลกทั้งโลกสงบ เย็น...ไม่ว่าเมื่อไร เซย์ริวก็รู้สึกเช่นนี้เสมอ นอกเสียจากวันที่กอดเจ้าของห้องนี้เอาไว้ในอ้อมแขน ในวันเช่นนั้น...เพลิงปรารถนาจะแผดเผาให้เร่าร้อนราวกับจะมอดไหม้...แต่สำหรับค่ำคืนนี้ ไฟแห่งความใคร่มันมอดดับไปเสียเมื่อไรก็ไม่รู้ รู้เพียงแค่ได้กอดคน ๆ นี้เอาไว้ในอกก็เพียงพอแล้ว

ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืนในฤดูหนาว...จังหวะของหัวใจเต้นส่งผ่านมาทางแผ่นหลังบางที่แนบชิดอยู่กับอก รู้สึกชัดจนแทบจะได้ยินเสียง...ทำไมคน ๆ นี้ถึงได้อ่อนโยนนัก...แล้วทำไมถึงได้เข้มแข็ง...แล้วทำไม...ถึงได้แสดงออกราวกับไร้เมฆหมอกบดบัง...อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่สติจะหลุดลอยไป...
//////////
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-04-2013 09:49:01
“ไง ฮิโรกิ หายเจ็บแขนรึยัง?” ร่างสูง ๆ เปิดประตูห้องเข้ามาอย่างถือวิสาสะ

“เฮ้ย!!!!” เจ้าของห้องร้องเสียงหลงพร้อมกับเผ่นมาถีบผู้มาเยือนออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูใส่หน้า “จะเข้ามาก็เคาะประตูก่อนสิเฟ้ย!!!!”

เซย์ริวยืนทำหน้าเซ็ง ๆ อยู่หน้าห้อง...อะไรที่ไม่ตั้งใจจะเห็นก็ได้เห็นไปเต็ม ๆ แล้ว...ใครจะไปคิดว่าฮิโรกิจะทำอะไรโดยไม่ได้ล็อกห้อง เสียงหญิงสาวโวยวายดังลอดออกมา ตามมาด้วยเสียงดุอะไรกันนิดหน่อยก่อนที่จะมีเสียง “เพี๊ยะ” ดังสนั่น แล้วเจ้าตัวเล็กก็ค่อย ๆ แง้มประตูมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งที่แก้มซ้ายเป็นรอยแดงเถือก

“ยืนทำโง่อะไรอยู่ล่ะ เข้ามาเด่ะ” ฮิโรกิบอกเสียงขุ่น ๆ

แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะเดินเข้าไป จิอากิก็เดินกระแทกเท้าปึงปังออกจากห้องไปแถมยังผลักอกเขาเสียอีกด้วย เซย์ริวมองตามแล้วส่ายหน้านิด ๆ  คืนนี้คงมีรายการวีนกันห้องแตกแน่

“เข้ามาซะทีสิเฟ้ย!” เจ้าตัวเล็กเสียงเขียว

“โทษทีว่ะ ไม่ได้กะมาขัดจังหวะ” เซย์ริวยักไหล่

“ไม่ใช่แค่ขัดจังหวะด้วย รู้มั้ย ฉันต้องรอเวลานี้มานานแค่ไหน ฉันถึงจะได้เล่นไอ้ของที่ฉันอยากเล่น...แล้วแก...แกมาทำทุกอย่างพังหมดเลย!” ฮิโรกิกระฟัดกระเฟียด

“แล้วทำไมไม่ล็อกประตูวะ?”

“ก็ประตูมันเสีย” คำตอบงึมงำอยู่ในลำคอ...เขาเองที่เป็นคนถีบประตูจนพัง และป่านนี้ก็ยังไม่ได้ซ่อม

“เรอะ...ว่าแต่...อะไรวะที่แกรอจะเล่นมาตั้งนานน่ะ?” ร่างสูงยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปโอบรอบคอคนตัวเล็กกว่า

ฮิโรกิถอนใจเฮือก...ลองแบบนี้แล้วไม่มีทางปฏิเสธเซย์ริวได้หรอก ถึงจะบ่ายเบี่ยงยังไงก็จะต้องโดนคาดคั้นให้ต้องบอกจนได้...ชายหนุ่มเดินไปเปิดลิ้นชักแล้วหยิบอะไรบางอย่างที่เขาเพิ่งจับมันโยนเข้าไปเมื่อกี้นี้ออกมา แล้วโยนมันให้เซย์ริวซึ่งรับได้อย่างฉิวเฉียด

ของเล่นของฮิโรกิคือแท่งซิลิโคนแข็งที่หล่อเป็นรูปอวัยวะเพศชาย ตรงส่วนโคนมีสายไฟเชื่อมต่อออกมายังส่วนที่เป็นสวิตช์ปรับระดับลูกเล่นของเครื่อง ประเมินด้วยสายตาและมือแล้วขนาดของมันไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแก่นกายของคนที่ถือมันไว้ในมือเลยทีเดียว และที่สำคัญ...มันยังมีคราบลื่น ๆ เคลือบอยู่บาง ๆ  บอกชัดว่าเพิ่งผ่านการใช้งานมาเมื่อครู่นี้เอง

‘...มิน่า...จิอากิถึงได้โกรธนัก กำลังเพลินสิท่า...’

“กำลังสนุกอยู่หละสิ...มันใช้ยังไงเนี่ย?” ร่างสูงแกล้งถามขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกผิดที่ทำให้ใครบางคนต้องอารมณ์ค้าง

“แกรู้อยู่แล้ว...ไม่ต้องมาแกล้งถามเลย” ฮิโรกิยังคงอารมณ์ไม่ดี เพราะเขาเองก็ยังค้างคาอยู่เช่นกัน

“ซื้อมาจากไหน?” เซย์ริวยังคงถามต่อไปอย่างไม่ใส่ใจกับอารมณ์หงุดหงิดของเพื่อน

“ไปถามเร็นดูไป๊!” ร่างบางกระชากเสียงแล้วก็ควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

ร่างสูงเหลือบตามองเพื่อนตัวเล็กที่ยังคงพาลอยู่ “ถ้าอารมณ์ค้างขนาดนั้นจะมาเล่นกับฉันก็ได้นะ”

ฮิโรกิค้อนขวับเข้าให้ “จะบ้ารึไง? ใครจะไปอยากเล่นกับแก?”

“ฉันว่าฉันทำได้ดีกว่าไอ้ของเล่นนี่นะ” ไม่พูดเปล่า ดวงตาคมยังฉายแววอันตรายแบบที่นาน ๆ ทีฮิโรกิจะได้เห็นสักครั้ง และมันเป็นแววตาแบบที่ฮิโรกิไม่เคยชอบเลยสักนิด

“อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ”

เซย์ริวถอนใจอย่างขำ ๆ  ดูเหมือนว่าไม่ว่าเมื่อไรฮิโรกิก็จะไม่ชินกับมุขนี้ของเขาเสียที “ล้อเล่นน่า...”

“ล้อเล่นบ้าอะไร...สายตาแกมันเอาจริงชัด ๆ ” ร่างบางขยับไปยืนห่าง ๆ

“หึ! ช่างเถอะ...งั้นฉันเอาไอ้นี่ไปละกัน” ร่างสูงว่าพลางเดาะของเล่นในมือเล่น

“เฮ้ย! นั่นมันของฉันนะ”

“ไง ๆ คืนนี้แกก็ไม่ได้ใช้หรอกน่า จิอากิยังโกรธแกอยู่เลย”

“ฉันจะเอามันไว้คืนดีกับหล่อนโว้ย”

“แล้วหล่อนจะกลับมาให้แกคืนดีเหรอ? งอนออกไปไหนแล้วก็ไม่รู้”

“ไอ้...ก็เพราะแกนั่นแหละ เอาคืนมาโว้ย!!!” ฮิโรกิเตะพลั่กเข้าที่หน้าแข้งของเพื่อนตัวแสบ

“โอ๊ย! เจ็บนะ เล่นแรงเรอะ” เซย์ริวทิ้งของในมือแล้วกุมหน้าแข้ง

“ไปหาซื้อเอาเองเลย...เงินแกก็มีแล้ว แหล่งขายแกก็รู้อยู่แล้ว...อย่า_เสือก_มายุ่งกับของของฉันตอนที่ฉันกำลังโมโห” ฮิโรกิเค้นเสียงหนักแน่น ทำเอาเซย์ริวหน้าเสียไปเหมือนกัน...นาน ๆ  ฮิโรกิจะโกรธเขาสักทีหนึ่ง

“เออ...ไปก็ได้ อุตส่าห์มาดูว่าหายเจ็บหายไข้รึยัง ทำกันได้นะ” ร่างสูงบ่นอุบอิบ

“อย่างแกไม่ต้องมาก็ได้โว้ย!”

“อ้อ...เดี๋ยวนี้พูดอย่างนี้นะ ไว้มีเรื่องคราวหน้าอย่ามาร้องให้ช่วยเลย”

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยิ้มกว้างแบบที่แทบจะไม่มีใครเคยเห็น นิ้วเรียวยาวจิ้มหน้าผากคนที่ยืนหน้ามู่ทู่อยู่แรง ๆ  แล้วก็เดินหัวเราะจากไปโดยไม่สนใจกับเสียงด่าที่ตามมาข้างหลัง
//////////

เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกงานดังขึ้น เหล่าพนักงานระดับล่างรีบเผ่นออกจากโรงงานไปเพื่อหาที่นั่งเหมาะบนรถรับ – ส่งของบริษัท ทั้งที่มันก็มีที่นั่งเพียงพอสำหรับทุกคนอยู่แล้ว ในขณะที่พนักงานระดับกลางก็ค่อย ๆ ทยอยเก็บของแล้วร่ำลาเพื่อนร่วมงาน

คัตซึฮิโกะเก็บข้าวของลงกระเป๋าพร้อมกับฮัมเพลงเบา ๆ อยู่ในคอ เขาเพิ่งหายไข้ไม่นานนัก ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าอาการดีขึ้นเร็วหรืออะไรหรอก เพียงแต่เขาไม่อยากนอนให้เซย์ริวกรอกซุปสำเร็จรูปนานกว่านั้นต่างหาก สองวันที่หมอนั่นมาเฝ้าไข้ เขาได้กินแต่ซุปสำเร็จรูปตลอด 6 มื้อ จนในที่สุดก็จำเป็นต้องฝืนสังขารลุกขึ้นมาทำอะไรกินเองจนได้ และดูเหมือนว่ามันจะทำให้ฟื้นไข้เร็วกว่านอนเฉย ๆ ให้คนเฝ้าไข้คอย...บริการ...ด้วย แต่พอเห็นเขาลุกได้แล้วเซย์ริวก็หายไปเสียเฉย ๆ  พอพยายามจะเก็บกวาดบ้านก็พบว่าที่ถังขยะในครัวเต็มไปด้วยซองซุปสำเร็จรูปและซากบะหมี่ถ้วย แค่นั้นคัตซึฮิโกะก็เข้าใจแล้วว่าเซย์ริวไม่ได้แกล้งหรือประชดเขา...แต่ทำอะไรไม่เป็นจริง ๆ  ยังอุตส่าห์มีน้ำใจหายาให้กินด้วยก็เป็นบุญนักแล้ว

ชายหนุ่มเหวี่ยงกระเป๋าขึ้นไหล่แล้วยืดตัวบิดขี้เกียจบรรเทาความเมื่อยขบ เริ่มครุ่นคิดถึงเมนูมื้อเย็น หลังจากไม่ค่อยได้กินอะไรมาหลายวันก็เริ่มอยากหาอะไรอร่อย ๆ กิน บางที...วันนี้ไปหาอะไรนอกบ้านกินก็ดูเข้าท่าดี คิดอย่างนั้นแล้วก็ผิวปากหวือ เดินออกมาจากที่ทำงานด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ

เหล่าพนักงานเริ่มบางตาลงบ้างแล้ว ที่จริงเขาจงใจถ่วงเวลาออกจากที่ทำงานให้ช้าหน่อยเพราะขี้เกียจมาเจอคนเยอะ ๆ นี่แหละ หิมะเกร็ดเล็ก ๆ โรยตัวลงมาบาง ๆ  ช่วงนี้หิมะตกน้อยลงแล้ว อากาศก็ดูเหมือนจะค่อย ๆ อุ่นขึ้น

“ท่าทางอารมณ์ดีนะ” เสียงต่ำ ๆ ห้าว ๆ ที่คุ้นหูทักขึ้น ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร

“กำลังจะอารมณ์ไม่ดีแล้ว” คัตซึฮิโกะตอบกลับไปโดยไม่หันไปมองและไม่หยุดเดินด้วย

“เพราะฉันเหรอ?” เสียงที่ดังอยู่ใกล้ ๆ ตัวบอกว่าคนทักกำลังเดินตามมาข้างหลัง

“ใช่” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ

“หึ! เลิกพูดมากแล้วมาด้วยกันหน่อยซิ” หางเสียงกระชากห้วนเชิงข่มขู่

คัตซึฮิโกะหันมามองหน้าคนพูด ดวงตาคมหรี่ลงอย่างระแวง เผลอก้าวถอยหลังไปนิดหน่อยด้วยสัญชาตญาณป้องกันตัว
ร่างสูงเห็นอาการอย่างนั้นแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ  ทั้งที่เมื่อกี้ยังปากเก่งอวดดีอยู่แท้ ๆ  แต่พอขู่เข้าหน่อย ความกลัวก็ฉายออกทางแววตาทันที...คัตซึฮิโกะช่างเป็นคนที่น่าสนุกจริง ๆ

“ไปไหน?” ทั้งที่พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่ก็ยังไม่วายแสดงออกชัดจนอีกฝ่ายสังเกตได้

“ไม่ต้องถามไม่ได้รึไง?” ไม่ว่าเปล่า แต่มือแกร่งก็คว้าข้อมือคนที่ยังยืนลังเลอยู่ลากให้เดินตามไปอย่างไม่สนใจเสียงทักท้วง

คัตซึฮิโกะสะบัดมือก็แล้ว บิดข้อมือก็แล้ว แต่มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กก็ยังยึดข้อมือของเขาไว้มั่น จนในที่สุดก็ต้องเลยตามเลย ปล่อยให้เซย์ริวลากไปตามแต่ใจต้องการ


ประตูเลื่อนหน้าร้านถูกกระชากเปิดออก คำทักทายของพนักงานดังขึ้นเกือบจะพร้อมกับเสียงประตู

“สวัสดีคร้าบ~”

ร่างสูงกวาดตามองไปรอบ ๆ ร้านอย่างรวดเร็วแล้วลากคนตัวเล็กกว่าเดินตรงไปนั่งที่โต๊ะขนาด 2 คนที่ตั้งชิดผนังด้านหนึ่ง คัตซึฮิโกะลงนั่งทั้งที่ยังงง ๆ อยู่

“ชาชูเมน 2 ที่ เพิ่มเนื้อด้วย” เซย์ริวหันไปสั่งอาหารให้เสร็จสรรพ

คัตซึฮิโกะถอนใจเฮือกใหญ่ “ไอ้ที่บอกให้มาด้วยกันนี่คือข้าวเย็นหรอกเหรอ?”

“เออ”

“ไปร่ำรวยมาจากไหน ถึงได้จะเลี้ยงผมน่ะ” คัตซึฮิโกะถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ

“วันนี้ดักปล้นมาได้ 3 รายน่ะ” คนเป็นเจ้ามือตอบหน้าตาเฉย

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไป แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พนักงานก็นำชาชูเมนมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ชายหนุ่มรอจนพนักงานเดินจากไปก่อนจึงพูดขึ้น

“งั้นขอบคุณสำหรับน้ำใจ แต่ผมคงไม่รับหรอกนะ”

ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะหักตะเกียบ จ้องคนตรงหน้าพลางขมวดคิ้วนิด ๆ  “ทำไม?”

“เพราะผมไม่อยากรับของโจร” คำตอบเรียบเฉยเย็นชา

ดวงตาคมเริ่มฉายแววแข็งกร้าว “หมายความว่าไง?”

“หมายความว่า ผมไม่ต้องการให้คุณเอาเงินสกปรกที่ไปปล้นเขามา มาเลี้ยงผมน่ะสิ” ว่าแล้วร่างเพรียวก็ลุกขึ้นยืน

“คาซึโกะ...” หางเสียงทอดเนิบ แต่แฝงแววดุดันเอาไว้ “อย่าเรื่องมาก...กินซะ”

“ไม่” คัตซึฮิโกะตอบด้วยเสียงกร้าวต่ำ เดินหนีออกจากโต๊ะไป

เซย์ริวมองตามร่างนั้น พยายามอย่างยิ่งที่จะใจเย็น...แต่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนอย่างเขา ร่างสูงควักเงินจากกระเป๋าวางกระแทกลงบนโต๊ะ โดยที่ไม่ได้แตะอาหารแม้แต่คำเดียว ก้าวยาว ๆ ตามร่างที่เดินลับตาไปก่อนอย่างไม่ใส่ใจกับสายตาคนอื่นที่มองมา

ไม่ห่างจากหน้าร้านมากนักที่เซย์ริวตามคัตซึฮิโกะจนทัน มือใหญ่ขยุ้มจับไหล่เล็กกระชากให้หันกลับมาหา มืออีกข้างเงื้อง่าเหมือนตั้งใจจะหวดลงมาเต็มแรง ร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัว ก้มหน้าหลับตาแน่น เกร็งตัวเหมือนจะรอรับมือที่คิดจะหวดลงมา...แต่ก็ไม่มี...

ตอนที่คิดจะลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า อ้อมแขนแกร่งก็กอดรวบแล้วปล้ำจูบดุดัน

“อื๊อ!!!!” คัตซึฮิโกะพยายามกระชากตัวออกจากอ้อมกอดแล้วเบือนหน้าหนี...หากมีใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไง...

หากจูบที่ก้าวร้าวไม่ยอมลดละ ในที่สุดร่างเพรียวก็ถูกผลักดันไปจนติดกำแพง มือใหญ่สางไล้ผมสีดำนุ่มมือ ขยุ้มดึงจนต้องแหงนเงย เคล้าคลอริมฝีปากก่อนที่จะถอนออก ดวงตาดุดันจ้องมองคนตรงหน้าราวกับจะสะกดให้แข็งเป็นหิน

“ดูเหมือนฉันจะใจดีกับแกมากเกินไปหน่อยแล้วมั้ง...”

คัตซึฮิโกะรู้สึกว่าเหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านกลางหลังทั้งที่อากาศเย็นจัด เขารู้ว่าการกระทำเมื่อครู่ของเขาเป็นการยั่วยุเซย์ริวไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เซย์ริวเลี้ยงเขาด้วยเงินที่ปล้นคนอื่นมา เขาเชื่อว่าเขาทำถูกแล้ว...ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ริมฝีปากเม้มแน่นแสดงถึงการตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

ปฏิกิริยาโต้ตอบแปลกไปกว่าที่คิด ทำให้ร่างสูงชะงักไป หรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างหลากใจ ความไม่พอใจผุดขึ้นมาเป็นริ้ว...เขาเกลียดคัตซึฮิโกะที่เป็นแบบนี้ คัตซึฮิโกะของเขาจะต้องว่าง่าย ๆ และเกรงกลัวเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่มาทำสายตาก้าวร้าวใส่เขาแบบนี้!

มือใหญ่ตบเปรี้ยงลงบนใบหน้าของร่างเพรียวจนแก้มด้านซ้ายชาไปทั้งแถบ รู้สึกได้ถึงรสเลือดจาง ๆ ในปาก มือใหญ่ขยุ้มคว้าข้อมือของคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นเสียจนคัตซึฮิโกะนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ไม่มีคำพูดแม้แต่คำเดียว คัตซึฮิโกะไม่เข้าใจอาการของร่างสูงเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นฮิโรกิจะรู้ดี เมื่อไรที่เซย์ริวไม่พูดอะไรนอกจากดวงตาวาวราวกับมีถ่านเพลิงคุอยู่ภายใน...นั่นหมายถึงร่างสูงกำลังโกรธถึงขีดสุด

“เจ็บ...” มือแกร่งเกร็งแน่นจนคัตซึฮิโกะอุทธรณ์ออกมา

แต่เซย์ริวก็ไม่ได้ปล่อยมือนั้นแถมยังกระชากลากร่างเพรียวให้เดินตามไป

“เซย์...เดี๋ยว ผมเจ็บนะ ปล่อย...” คัตซึฮิโกะร้องบอก รู้ดีว่าไม่ต้องหวังจะสะบัดมือนั้นให้หลุด แค่ข้อมือมันยังไม่แหลกรานคามือใหญ่ก็นับว่าโชคดีนักแล้ว
//////////

ท่ามกลางความสลัวรัวรางจากแสงไฟนีออนจากภายนอก สาดเข้าจับผิวขาวเนียนของร่างเปลือยเปล่าที่ถูกพันธนาการเอาไว้บนเก้าอี้ เชือกไนลอนเส้นเล็กตวัดรัดร่างเพรียวยึดไว้กับพนักเก้าอี้แน่น มัดโยงไปยังเชือกที่พันรอบข้อมือและวกกลับมารัดลำคอขาวดึงรั้งบังคับให้แหงนเงยเล็กน้อย สองขาถูกยกขึ้นมามัดข้อเท้าไว้กับที่วางแขน ทำให้สะโพกเลื่อนต่ำ และด้วยท่วงท่านั้นทำให้ช่องทางลับเผยสู่สายตาใครก็ตามที่จับจ้องอยู่ชัดเจน

ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปยังปุยหิมะที่ยังโปรยละอองบาง ๆ  หากเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพราวเต็มใบหน้าที่ซับสีเลือดจนแดงระเรื่อและชื้นไปทั้งเรือนร่าง ไม่ใช่เพราะฮีทเตอร์ที่ถูกเร่งจนร้อนหรอก แต่เพราะยาเม็ดเล็ก ๆ ที่ถูกบังคับให้ต้องกลืนลงไปเมื่อราว ๆ ครึ่งชั่วโมงที่แล้วต่างหาก


เซย์ริวฉุดกระชากบังคับให้คัตซึฮิโกะต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาจนถึงห้อง เหวี่ยงร่างเล็กกว่าลงกับพื้นห้องอย่างไม่ใส่ใจ ปิดล็อกประตูอย่างใจเย็น แต่พอคัตซึฮิโกะเริ่มจะโวยวาย มือใหญ่ก็กระหน่ำทุบตีไม่นับ กระทั่งได้ยินเสียงร้องขอชีวิตจากอีกฝ่ายนั่นแหละ ร่างสูงถึงได้หยุด ร่างเพรียวนอนสั่นสะท้านอยู่บนพื้น ใบหน้าไม่ได้รับบาดแผลมากนักเพราะมือที่ยกขึ้นมาปิดป้อง แต่เมื่อกระชากดึงเสื้อโค้ทและเสื้อเชิ้ตตัวในออกจึงเห็นรอยฟกช้ำตามลำตัวจำนวนมาก หยาดน้ำใส ๆ กลบดวงตาที่เคยจ้องมองคนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างก้าวร้าวแล้วไหลรินอาบใบหน้า ริมฝีปากอิ่มจูบซับหยาดน้ำตาแผ่วเบาแต่ไม่ได้มีความอ่อนโยนแฝงอยู่แม้แต่น้อย

เซย์ริวปล่อยคัตซึฮิโกะเอาไว้อย่างนั้นแล้วเดินออกไป เชือกไนลอนเส้นเล็กถูกซื้อมาจากร้านค้าใกล้ ๆ  ร่างเพรียวเบิกตากว้างเมื่อรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป เขาพยายามจะพาตัวเองหนีไปให้พ้นแม้ว่าจะต้องกระโดดลงจากระเบียงห้อง แต่ร่างสูงรวบตัวเขาเอาไว้ได้และปล้ำจูบดุดัน ในตอนนั้นเองที่คัตซึฮิโกะรู้ว่าโดนบังคับให้กินยาแบบนั้นเข้าไปอีก จูบที่ก้าวร้าวเนิ่นนานค่อย ๆ อ่อนหวานมากขึ้น แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่การล่อลวงให้เคลิบเคลิ้มตาม มือเล็กพยายามผลักไสแต่ก็ทำได้ไม่นานนัก อาการบาดเจ็บทำให้เขาล้าแรง และฤทธิ์ยาที่ทวีขึ้นทุกนาทีทำให้เขาต่อต้านไม่ได้

รู้ตัวอีกทีเมื่อร่างกายเปลือยเปล่าและค่อย ๆ ถูกพันธนาการไว้กับเก้าอี้ ชายหนุ่มพยายามดิ้นรนและกรีดร้อง แต่ผ้าเช็ดหน้าผืนย่อมก็ยัดเข้ามาในปากและปิดทับริมฝีปากด้วยผ้าเช็ดหน้าอีกผืน ไร้หนทางดิ้นรนโดยสิ้นเชิง น้ำตาค่อย ๆ ไหลรินอีกครั้ง...เขาคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขามันดีขึ้นแล้วเสียอีก แต่ไม่ใช่...มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง เซย์ริวไม่เคยมองเขามากไปกว่าของเล่น...


เสียงฝักบัวในห้องน้ำเงียบลง ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าของร่างสูงที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำ ดวงตาที่เหม่อลอยค่อย ๆ เลื่อนกลับมาจับที่ใบหน้าของคนตรงหน้า...โหดร้าย เลวทราม ราวกับไม่ใช่ใบหน้าของมนุษย์...คัตซึฮิโกะหรี่ตาลงอย่างเคียดแค้น เซย์ริวใจเย็นขนาดที่ว่าพอจับเขามัดเอาไว้แล้วก็จัดเตรียมสิ่งที่ต้องการจะใช้ไว้บนโต๊ะและเข้าไปอาบน้ำอย่างสบายอารมณ์ เห็นเขาเป็นของตาย...เป็นของเล่นที่จะหนีไปไหนไม่ได้อีก

เซย์ริวเอื้อมมือมาใช้นิ้วโป้งปาดเช็ดคราบรอยน้ำตาให้ ก่อนที่จะผละไปจุดเทียนไขแท่งยาว แสงสว่างสีเหลืองส้มสาดกระทบเรือนร่างขาวเพรียวให้กลายเป็นสีอมแดงราวกับรูปหล่อทองแดง ร่างสูงมองภาพที่งดงามนั้นอย่างพึงพอใจ

จากนั้นเบบี้ออยล์ในขวดก็ถูกเทราดลงตรงช่องทางลับ มือใหญ่ชโลมมันจนทั่ว สะกิดปลายนิ้วถูไถปากทางเข้าจนร่างเพรียวสั่นระริก อารมณ์ที่ถูกกระตุ้นหนักอยู่แล้วด้วยฤทธิ์ยาโหมขึ้นราวกับเพลิงที่แผดเผา สองขาเกร็งสะท้านเมื่อนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำมันค่อย ๆ แทรกเข้ามาในร่าง ดวงตาคมหลับแน่น หายใจหอบกระเส่า แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่ฤทธิ์ยาที่ออกฤทธิ์มาสักครู่แล้วทำให้ความต้องการพลุ่งพล่าน
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-04-2013 09:52:57
เซย์ริวคุกเข่าลงตรงหว่างขาเรียว เพื่อจะได้เห็นจุดที่เขากำลังรุกรานชัด ๆ  เทียนถูกยกเข้ามาใกล้เพื่อให้แสงสว่าง น้ำตาเทียนหยดหนึ่งหยดลงต้องกับโคนขาขาว คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว ขี้ผึ้งร้อนจัดกระทบเนื้ออ่อนอย่างจังทำให้แสบร้อนกว่าที่เคย แรงเกร็งจากหน้าขาทำให้ช่องทางตอดรัดนิ้วที่สอดคาอยู่ในร่าง เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  จงใจสะบัดน้ำตาเทียนลงกับต้นขาอีกข้าง

“อื๊อ!!” เสียงอุทานด้วยความเจ็บปวดดังลอดผ้าเช็ดหน้าออกมา พร้อมกับที่ช่องทางนั้นบีบรัดนิ้วเรียวอีกครั้ง

“นี่เป็นการลงโทษที่แกถือดีกับฉัน” เรียวนิ้วสอดเข้าไปอีกหนึ่ง

“อือ...อืม...” คัตซึฮิโกะปรือตาขึ้นมองคนโหดร้ายตรงหน้า

“จำเอาไว้ คาซึโกะ...แกเป็นของเล่น” เทียนถูกนำไปตั้งไว้บนโต๊ะ นิ้วทั้งสองเริ่มขยับเข้าออก “ของเล่นก็ควรจะเชื่อฟังเจ้าของ ไม่ใช่อวดดื้อถือดีด้วย”

‘…ฉันไม่ใช่ของเล่น!!...’ คัตซึฮิโกะกรีดร้องอยู่ในใจ แต่ยิ่งนิ้วเรียวขยับเร็วขึ้นมากเท่าไรความต้องการก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนคิดอะไรแทบไม่ออก รู้สึกราวกับถูกสะกดจิตด้วยคำพูดของร่างสูง ในวินาทีที่เซย์ริวประทับริมฝีปากลงขบเม้มโคนขาขาว คัตซึฮิโกะเผลอคิดไปว่า...เขากำลังกลายเป็นตุ๊กตาให้ร่างสูงเล่นสนุกได้ทุกอย่างจริง ๆ ...

นิ้วเรียวถูกถอนออก ดวงตาคู่สวยไหวระริก ร่างสูงยืดตัวขึ้นจูบเบา ๆ ที่แก้มนุ่ม ซุกไซ้ลงมาตามซอกคอขาว สูดกลิ่นกายที่หอมกรุ่นด้วยกลิ่นโคโลญน์เจือด้วยกลิ่นเหงื่อจาง ๆ  ริมฝีปากเลื่อนต่ำลงมาจนสามารถตวัดปลายลิ้นหยอกล้อยอดอกสีสวยได้ เพียงแค่แตะต้องเบา ๆ มันก็แข็งขึง เซย์ริวยิ้มนิด ๆ แล้วหันไปดูดดุนหยอกล้อกับอีกข้าง อกบางที่สะท้านไหวเรียกเสียงหัวเราะแผ่ว ๆ จากร่างสูงได้เป็นอย่างดี

หลังจากเล่นสนุกกับร่างกายที่ไม่สามารถขัดขืนได้จนพอใจแล้ว เซย์ริวก็ถอยห่างออกมา ร่างเพรียวยังคงอยู่ในท่าน่าอายภายใต้แสงเทียน เบบี้ออยล์ที่ชโลมไว้ยังชุ่มขนาดหยดลงพื้น คัตซึฮิโกะนั่งนิ่งไม่ขยับ มีเพียงลมหายใจสะท้านและแววตาหวานเชื่อมด้วยความต้องการเท่านั้นที่บ่งบอกว่าร่างนั้นมิใช่ตุ๊กตา

เซย์ริวหยิบเอากล่องอุปกรณ์บางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท แล้วหยิบเอาแท่งซิลิโคนรูปเครื่องเพศที่แข็งแต่ยืดหยุ่นออกมา ความหวาดหวั่นสาดเข้าจับแววตาที่ไหวระริกทันที คัตซึฮิโกะส่ายหน้าอย่างไม่ยินยอม

“อย่ากลัวเลยน่า คาซึโกะ” ร่างสูงค่อย ๆ ชโลมเบบี้ออยล์ลงบนแท่งซิลิโคนนั้นจนเปียกชุ่ม “ฉันเลือกขนาดเล็กหน่อย เพื่อที่แกจะได้ไม่ฝืนเกินไปนัก”

เครื่องเพศเทียมถูกนำมาจรดจ่อที่ช่องทาง คัตซึฮิโกะส่งเสียงด้วยหวาดกลัว

“ไม่มีอะไรน่า คาซึโกะ...ฉันว่าเดี๋ยวแกจะชอบมันด้วยซ้ำ” เซย์ริวพูดเรียบ ๆ แล้วก็ค่อย ๆ ดุนดันแท่งซิลิโคนเข้าไป

การสอดใส่เป็นไปอย่างยากลำบากเมื่อฝ่ายรับไม่ยอมเปิดเส้นทางให้ แต่ด้วยเบบี้ออยล์จำนวนมากที่ชโลมเอาไว้ทั้งที่ช่องทางและบนอุปกรณ์ทำให้มันเคลื่อนลึกเข้าไปในที่สุด มือใหญ่เคล้นคลึงต้นขาขาวเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดให้ ไล้เลียขบจูบเป็นครั้งคราวเพื่อหลอกล่อให้ลืมสิ่งที่กำลังรุกล้ำลึกเข้าไปมากขึ้นทุกขณะ

ในที่สุดมันก็เข้าไปลึกมากพอที่เซย์ริวต้องการ เทปกาวเหนียวถูกนำมาตรึงเครื่องเพศเทียมเอาไว้กับก้อนเนื้อนุ่มตรงโคนขา คัตซึฮิโกะสั่นระริกไปทั้งร่าง หอบสั่นกระเส่า รู้สึกถึงความเสียวแปลก ๆ ที่วูบวาบขึ้นมาจากจุดอ่อนไหว แก่นกายค่อย ๆ ตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“เดี๋ยวแกจะสนุก คาซึโกะ...สนุกโดยไม่ต้องเหนื่อยเลยหละ”

ร่างสูงเริ่มโลมเล้าร่างกายที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออีกครั้ง ความต้องการที่พลุ่งพล่านทำให้คัตซึฮิโกะขยับร่างกายรับทุกสัมผัสที่ประทับลงมา รอยฟกช้ำที่เกิดจากการทำร้ายค่อย ๆ ถูกแต้มเติมด้วยรอยจูบ ราวกับว่าเซย์ริวกำลังแต่งแต้มสีสันลงบนผลงานศิลปะ การกระทำที่ปนเปกันระหว่างการข่มขืนกับการโอ้โลมที่แสนหวานทำให้ร่างเพรียวหวั่นไหว มือแกร่งลูบคลำลงไปจนถึงแท่งซิลิโคนที่ฝังอยู่ในร่าง ควานหาสวิตช์แล้วกดให้มันทำงาน

แท่งซิลิโคนนุ่มแต่หยาบค่อย ๆ เคลื่อนไหวและสั่นสะเทือน มันขยับเสียดสีผนังอ่อนนุ่มภายในแผ่วเบา สองขาของร่างเพรียวกระตุกเกร็งรับ

“อึก...อือ...” คัตซึฮิโกะครางหวานออกมาอย่างสุดทน เขาตื่นตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ชอบสินะ” เซย์ริวพูดยิ้ม ๆ  จูบเบา ๆ ที่แก่นกายของร่างเพรียวแล้วถอยออกมา

เบียร์ในตู้เย็นถูกนำมาเปิด ร่างสูงนั่งลงที่เตียงแล้วมองคนที่ถูกพันธนาการเอาไว้กับเก้าอี้อย่างใจเย็น ร่างนั้นบิดเร่าอยู่พักหนึ่งแล้วก็นิ่งไป

‘…คงจะเริ่มชินแล้วสินะ…’

มือใหญ่เอื้อมไปกดสวิตช์อีกครั้ง คราวนี้เครื่องเพศเทียมสั่นและเคลื่อนไหวรุนแรงมากขึ้น คัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว บิดร่างไปมาด้วยความกระสันเสียว ส่งเสียงครางเครืออย่างวาบหวามในอารมณ์

“อืม...ฮื่อ...” สำเนียงแว่วหวานปลุกอารมณ์ดิบให้ปะทุขึ้นเป็นระยะ รอยยิ้มน้อย ๆ ที่พึงพอใจเริ่มระบายขึ้นบนใบหน้าของร่างสูง

เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ บนเรือนร่างสะท้อนแสงเทียนเป็นประกาย ดวงตาหวานหยาดเยิ้มไปด้วยความปรารถนาอันร้อนแรง ร่างกายบิดเร่าราวกับกำลังเริงระบำ ต้องการให้ร่างสูงพาเขาไปให้พ้นจากวังวนที่แสนทรมานนี้เสียที เรียวขาขาวเริ่มเกร็งสะท้าน ช่องทางคับแคบเริ่มตอดรัดแท่งซิลิโคนที่ยังเคลื่อนไหวและสั่นอยู่ในร่าง คัตซึฮิโกะรู้ดีว่าที่สุดของอารมณ์กำลังจะมาถึงและเขาต้องการที่จะปลดเปลื้องทุกอย่างเดี๋ยวนี้

“ฮึก...อือ...อือ...อื๊อ!!...”

หยาดน้ำขาวขุ่นถูกฉีดพ่นออกมาจากแก่นกาย หยาดเลอะไปทั้งแผ่นอก ร่างเพรียวกระตุกเกร็งหลายครั้งก่อนที่จะสงบลง

เซย์ริวยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มเป็นครั้งสุดท้ายแล้วลุกไปนั่งตรงหว่างขาของคัตซึฮิโกะอีกครั้ง เครื่องเพศเทียมยังคงทำงานอยู่ กล้ามเนื้อรอบ ๆ ช่องทางนั้นยังคงกระตุกเป็นระยะ ปลายลิ้นตวัดไล้เลียไปบนเรือนร่าง เก็บกลืนทำความสะอาดหยาดแห่งอารมณ์ที่ร่างเพรียวเพิ่งทำเลอะเทอะให้ แต่นั่นกลับทำให้ท่อนเนื้อนุ่มแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้ง ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี เขาขบงับและจูบเลียมันอย่างมันเขี้ยว สองมือยึดเอวบางและลูบไล้ไปตามเรือนร่าง แกะหยดน้ำตาเทียนออกจากโคนขาให้ ดูดดุนกลืนกินร่างอันอ่อนไหวนั้นราวกับเป็นขนมหวาน

ทั้งการกระทำของร่างสูงและแท่งซิลิโคนที่ยังกระตุ้นอยู่ภายใน ทำให้คัตซึฮิโกะเกิดความต้องการขึ้นอีกครั้ง ด้วยเชือกที่รั้งลำคอเอาไว้ทำให้ไม่อาจก้มลงไปดูได้ว่าเซย์ริวกำลังทำอะไรกับเขาบ้าง เมื่อมองไม่เห็น...ก็ยิ่งตื่นเต้น สะโพกบางเริ่มขยับเข้ารับจังหวะการเล้าโลมด้วยความต้องการของตัวเอง เสียงหัวเราะเบา ๆ ของเซย์ริวกลับทำให้เขาพึงพอใจอย่างประหลาด คัตซึฮิโกะรู้ตัวดีว่าได้หลงเข้ามาในวังวนแห่งปรารถนาที่เซย์ริวสร้างขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว แต่ทั้งที่รู้...ความต้องการในตัวร่างสูงก็ทำให้เขาปฏิเสธที่จะหนีให้พ้นจากมัน เขายอมรับว่าทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น เขาได้รับความสุขจากมันมากมายจนถอนตัวไม่ขึ้น และในบางครั้ง...ท่ามกลางความเจ็บปวด เขาก็รู้สึกได้ถึงความหวามไหวในอารมณ์แบบที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ผู้หญิงหลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่เคยทำให้เขารู้สึกได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ต้องการเป็นของเล่น แต่ในห้วงเวลาแห่งความปรารถนาเช่นนี้ คัตซึฮิโกะยินยอมมอบกายเป็นตุ๊กตาให้เซย์ริวได้เล่นสนุกเสียทุกครั้งไป และยังค่อย ๆ เรียนรู้อีกด้วยว่า ยิ่งทำให้เซย์ริวพอใจมากเท่าไร เขาก็จะได้รับการปรนเปรอมากขึ้นเท่านั้น

เทปกาวถูกดึงออกทีละแผ่น ร่างเพรียวรับรู้ได้ว่าแท่งซิลิโคนในร่างกายค่อย ๆ เคลื่อนตัวออก

“อือ...” ช่องทางเกร็งรัดเครื่องเพศเทียมนั้นโดยอัตโนมัติ

แต่ด้วยความชุ่มชื่นที่ชโลมเอาไว้มากมาย ทันทีที่เทปกาวแผ่นสุดท้ายถูกดึงออก ของเล่นชิ้นนั้นก็เลื่อนหลุดจากร่างของคัตซึฮิโกะหล่นลงพื้นตามมาด้วยหยาดน้ำมันใส ๆ ที่ไหลย้อยออกมา ชายหนุ่มถอนใจเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งและกระสันเสียวในคราวเดียวกัน

เซย์ริวยิ้มนิด ๆ แล้วเลื่อนตัวขึ้นประกบเอวเข้าที่ช่องทางที่ยังเปิดรับอยู่ สอดแก่นกายแกร่งเข้าไปช้า ๆ  คัตซึฮิโกะผวาเล็กน้อยด้วยแก่นกายนั้นมีขนาดใหญ่กว่าของเล่นเมื่อครู่ ระหว่างที่ค่อย ๆ เคลื่อนกายลึกเข้าไป เชือกที่พันธนาการร่างเพรียวไว้ก็ถูกปลดออกทีละเส้น เหลือเพียงเชือกที่ข้อเท้าและเส้นที่มัดโยงลำคอและข้อมือ

“เดี๋ยวฉันจะปล่อยขาแก อย่าดิ้น เข้าใจมั้ย?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าแทนคำตอบรับ เมื่อทั้งสองขาเป็นอิสระเขาก็พยายามจะขยับกาย

“บอกว่าอย่าไงเล่า” เสียงห้าวปรามแล้วสอดสองแขนแกร่งเข้าใต้ข้อพับ ขยับอุ้มร่างเพรียวขึ้นจากเก้าอี้เปลี่ยนเป็นท่ายืนในคราวเดียว คัตซึฮิโกะผวาเยือกขึ้นทั้งร่าง...เซย์ริวแข็งแรงขนาดอุ้มเขาขึ้นได้เชียวหรือ...ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อตั้งท่าได้แล้ว เซย์ริวก็จับร่างที่อุ้มอยู่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะ

“อื๊อ...อืม...อืม...” คัตซึฮิโกะร้องคราง ท่วงท่านี้ทำให้แก่นกายรุมร้อนแทรกเข้ามาลึกกว่าที่เคย ใบหน้าซบเกลือกลงกับไหล่หนา

“อืม...เยี่ยม...” น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

เซย์ริวค่อย ๆ วางร่างเพรียวลงกับเตียง ถอนกายออกช้า ๆ แล้วแก้ผ้าเช็ดหน้าที่ปิดปากคัตซึฮิโกะก่อนที่จะดึงผืนที่อยู่ในปากออก ชายหนุ่มถอนในเยือกเมื่อหายใจได้สะดวก แต่ก็ได้ไม่นานนักเมื่อจุมพิตเร่าร้อนฉกวูบลงมาประกบอย่างหิวโหย เรียวลิ้นตวัดตอบสนองเกือบไม่ทันใจ ร่างสูงเร่งเร้าเอาแต่ใจจนคัตซึฮิโกะตามจังหวะแทบไม่ทัน ลิ้นนุ่มกระหวัดแลกสัมผัสกันรวดเร็ว ก่อนที่จะค่อย ๆ ผ่อนผันและอ่อนหวานขึ้นทีละน้อย ริมฝีปากล่างของคัตซึฮิโกะถูกขบเม้มหยอกเย้าก่อนที่ร่างสูงจะถอนริมฝีปากออก

ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นมองคนตรงหน้า แววตาที่มองตอบมาไม่ได้มีแววโกรธเคืองอยู่แล้ว ในตอนนี้มันมีแต่ความโหยหาต้องการในตัวของเขา คัตซึฮิโกะเองก็ยังคั่งค้าง สะโพกบางยกขึ้นเสียดสีกับโคนขาแกร่ง คิ้วเรียวยกขึ้นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่ร่างสูงจะยิ้ม

“อยากได้อีกเหรอ?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าอย่างเขินอาย เขาต้องการทั้งหมดของเซย์ริว...ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ยาบังคับให้เป็นเหมือนคราวก่อน แต่เขายินยอมพร้อมใจเอง เขากำลังเพลิดเพลินกับกามรสที่ได้รับ

“ถ้างั้น...ออกไปข้างนอก...” เสียงห้าวทุ้มกระซิบข้างหูอย่างเจ้าเล่ห์

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง แล้วก็พบว่าร่างสูงกำลังส่งรอยยิ้มล้อเลียนมาให้ ใบหน้าเนียนแดงซ่าน อายจนต้องหลบตา

“ไม่งั้น ฉันไม่ทำต่อให้นะ” เซย์ริวบอกอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า

“แต่...เดี๋ยวใคร...มาเห็นเข้า”

“ช่างมันสิ มองมาจากที่มืด ๆ ใครมันจะจำได้” คำนั้นเอาแต่ใจ

คราวนี้ไม่รอคำตอบ ร่างสูงดึงคัตซึฮิโกะให้ลุกขึ้นแล้วเปิดประตูระเบียงออกไปข้างนอก ลมหนาวพัดกรูเข้ามาพร้อมกับเกร็ดหิมะบาง ๆ  ร่างเพรียวสะท้านเยือก แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะไม่รู้สึกอะไร เขาจับคัตซึฮิโกะให้หันหน้าออกไปทางลูกกรงระเบียง เตะแยกขาทั้งสองออกเบา ๆ แล้วแทรกตัวเข้าไปตรงกลาง

“เซย์ริว...ที่นี่มัน...หนาว” คัตซึฮิโกะอุทธรณ์ แต่ก็น่าแปลกที่เขาไม่รู้สึกหนาวเท่าที่ควรจะเป็น

“ถ้าแกร่วมมือดี เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” พูดจบก็รวบยกสะโพกบางขึ้นแล้วสอดกายเข้าไป

“อ๊า...” เสียงหวานครางเครือ แต่แล้วก็ต้องรีบขบริมฝีปากตัวเองแน่น เมื่อรู้สึกแล้วว่ารอบกายไม่ได้มืดอย่างที่เซย์ริวบอกไว้

ห้องของคัตซึฮิโกะอยู่ชั้น 3 เบื้องล่างลงไปเป็นซอยเล็ก ๆ ที่มีคนเดินผ่านไปมาเป็นประจำ เพราะละแวกนั้นมีร้านเหล้าอยู่หลายร้าน ทางขวาไม่ห่างออกไปนักมีเสาไฟอยู่ แม้จะมีไฟแค่ดวงเดียวแต่ก็นับว่าสว่างเพียงพอให้ใครก็ตามที่แหงนหน้ามองขึ้นมาจะเห็นเขาได้ชัดเจน

เสียงฝีเท้าเบื้องล่างแว่วมา คัตซึฮิโกะกัดฟันแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ แต่ร่างสูงเหมือนจะรู้ ปลายนิ้วสากกร้านขยี้คลึงลงกับยอดอกแล้วบีบเบา ๆ

“อ๊ะ...อ๊า...” คัตซึฮิโกะเผลอส่งเสียงออกมาเบา ๆ

เสียงฝีเท้าเบื้องล่างเงียบลง คัตซึฮิโกะเกร็งไปทั้งตัว กลัวว่าคนที่เดินมาจะแหงนหน้าขึ้นมาเห็นเข้า แต่เมื่อเสียงฝีเท้านั้นดังห่างออกไป ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงอย่างโล่งใจ

“เกือบไปแล้วนะ” เสียงกระซิบยั่วดังขึ้นเบื้องหลัง

“อย่า...อย่าทำแบบนี้สิ” ร่างเพรียวกระซิบตอบให้เบาที่สุด

“หึ...” ร่างสูงขยับกระทั้นหนักหน่วงอย่างไม่มีอารัมภบท

“ฮึก...อ๊ะ!” คัตซึฮิโกะพยายามกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้เต็มที่ หากความเสียวแปลบปลาบที่แผ่ลามมาจากสะโพกก็ทำให้อดส่งเสียงออกมาเบา ๆ ไม่ได้

เชือกเส้นสุดท้ายถูกปลดออก ทันทีที่เป็นอิสระ คัตซึฮิโกะรีบตะครุบปิดปากตัวเองเอาไว้ เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากด้านหลัง เร่งจังหวะรัวกระชั้นขึ้นจนร่างเพรียวต้องเกาะยึดลูกกรงระเบียงเอาไว้เป็นหลัก เขย่งปลายเท้าเล็กน้อยเพื่อรับการสอดกายให้ถนัดขึ้น

อารมณ์โหมกระพือเร่าร้อนมากขึ้นทุกขณะ ที่เบื้องล่าง ยังคงมีผู้คนเดินผ่านไปมาเป็นระยะ ยิ่งได้ยินเสียงคนคุยกัน คัตซึฮิโกะก็ยิ่งกลัวว่าใครจะเห็นพวกเขาเข้า แต่ท่ามกลางความกลัวนั้นชายหนุ่มกลับรู้สึกตื่นเต้น และยิ่งตื่นเต้นก็ยิ่งมีอารมณ์

ตรงช่องทางคับแคบเสียดร้อนราวกับมีไฟแผดเผา แก่นกายด้านหน้าขมึงเกร็งเครียด คัตซึฮิโกะเกร็งมือปิดปากตัวเองแน่น เซย์ริวยังคงถาโถมเข้าใส่เขาอย่างไม่บันยะบันยัง ในที่สุดก็ดึงเขาให้ยืดกายขึ้น มือหนึ่งกดรั้งหน้าขาให้สะโพกเบียดแนบชิด บดวนเคล้นคลึงและกระชั้นจังหวะรุนแรง แล้วเลื่อนจับแก่นกายที่แข็งขึงเต็มที่ขยับรูดให้

“อึก...ฮะ!” คัตซึฮิโกะเกร็งกายสะท้าน เขากำลังจะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง

แต่ก่อนที่จะปลดปล่อยอารมณ์ออกมา เสียงคนกลุ่มหนึ่งก็ดังขึ้นเบื้องล่าง ร่างเพรียวสะท้านเกร็ง เขากำลังจะทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ถ้าปล่อยออกมาหละก็...ไปโดนคนข้างล่างเข้าไม่รู้ด้วยนะ” เสียงกระเส่ากระซิบขู่ เขากำลังมีความสุขกับอาการเกร็งรัดของคัตซึฮิโกะอย่างมาก ยิ่งขบงับริมฝีปากเข้าที่ติ่งหูคัตซึฮิโกะก็ยิ่งตอดรัดเพิ่มความเพลิดเพลินให้เขามากขึ้น มืออุ่นร้อนยังกระชากจังหวะให้แก่นกายของอีกฝ่ายไม่หยุด จนหยาดน้ำเหนียวไหลเปรอะเต็มมือ แต่ร่างเพรียวก็ยังพยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ได้ปลดปล่อยออกมา

“อือ...อือ...” คัตซึฮิโกะเกร็งเสียวไปหมดทั้งร่าง เขามาถึงขีดสุดแล้ว ต่อให้จะต้องโดนใครเห็นเข้าเขาก็ไม่สนใจแล้ว

ช่องทางด้านหลังตอดรัดแก่นกายแกร่งที่แทรกตัวอยู่ในร่างรุนแรง ด้านหน้าฉีดพ่นหยาดน้ำขุ่นข้นออกมาเต็มที่ ปล่อยให้มันหลั่งรดลงไปที่ถนนเบื้องล่าง เกือบจะพร้อมกับที่ร่างสูงก็ปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดให้พวยพุ่งเข้าสู่ภายในของร่างเพรียว ทั้งสองเกร็งร่างสะท้านและกระตุกอยู่สามสี่ครั้ง อ้อมแขนแกร่งโอบกอดคนตัวเล็กกว่าเอาไว้แผ่วเบา หยาดอารมณ์ของร่างสูงหลั่งรินเลอะซอกขาขาว

เสียงพูดคุยกันดังห่างออกไปเรื่อย ๆ  เซย์ริวยิ้มนิด ๆ

“เส้นยาแดงผ่าแปดเลยนะ คาซึโกะ”

“บ้า...” คัตซึฮิโกะกระซิบตอบอย่างล้าแรง ซบพิงร่างสูงที่ค่อย ๆ ถอนตัวออกช้า ๆ

“เป็นไง ตื่นเต้นดีใช่มั้ย?”

คัตซึฮิโกะก้มหน้างุด ใบหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไร เซย์ริวก็ช้อนร่างของเขาขึ้นแล้วพากลับเข้าไปในห้อง

“ที่นี่หนาว เดี๋ยวไข้กลับ ไปทำตัวให้อุ่นซะ”

คืนนั้นทั้งคืน คัตซึฮิโกะแทบไม่ได้นอน การ “ทำตัวให้อุ่น” ของเซย์ริวมันหนักหนากว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก พวกเขากอดรัดกันเกือบตลอดเวลา ครวญครางด้วยอิ่มเอมในความใคร่ จนกระทั่งม่อยหลับไปตอนเกือบจะรุ่งสาง



(โปรดติดตามตอนต่อไป...หลังสงกรานต์ครับ)

ปล. มาย้อนอ่านแบบนี้...ผมก็สงสัยตัวเองเหมือนกันว่าตอนนั้นหื่นอะไรนักหนา เขียนอะไรลงไปนักเนี่ย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 8 : 29/3/56
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 05-04-2013 12:18:18
อ่านรวดเดียว เซย์โหดแท้
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 05-04-2013 16:26:54
 :m25:  :m25:  :m25:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-04-2013 16:39:22
ฟิคแบบอารมณ์เก็บกดน่าดู
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 05-04-2013 17:10:08
ชอบที่เซย์ริวหื่น แต่ไม่อยากให้ตีคาซึโกะเลย สงสารอ่า
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: นัตสึกิ ที่ 05-04-2013 21:42:37
พะ...พี่คือคนเขียนเรื่องนี้?
หนูมีรวมเล่มนร๊า
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-04-2013 22:27:45
พะ...พี่คือคนเขียนเรื่องนี้?
หนูมีรวมเล่มนร๊า

ขอบคุณที่ซื้อนะครับ (ยิ้มหวาน)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-04-2013 18:37:56
สมแล้วจริงๆ หื่นมาก :m25:
คนเขียนยังคงหื่นคงเส้นคงวาเลยสินะ :hao6:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 06-04-2013 21:45:35
รวดเดียวจบ พร้อมเลือดที่หมดตัว เลิศจริงๆ สนุกมากเลยค่ะ ยังสงสัยว่า จนบัดนี้ทำไมยังไม่รักกัน เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 06-04-2013 22:05:47
อ่านทีเีดีียวตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนล่าสุดเลย
เซย์โหดไปปะนี่  คัตซึฮิโกะน่าสงสารจริง ๆ ที่ติดกับเซย์
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 07-04-2013 12:02:18
คัตสึอิโกะ...นายต้องทำให้ตาบ้าเซย์ริวหลงนาย รักนายให้ได้นะ >\\<
หมั่นไส้ตาเซย์...เห็นเป็นของเล่นรึ...
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 07-04-2013 19:27:41
อ่านด้วยคน
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 10-04-2013 09:42:32
sm สุดๆๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 9 : 5/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 10-04-2013 10:35:35
บร๊ะะะะะ!

คัตซึจังกำลังหลงเซย์มากขึ้นๆเรื่อยเลยหรือเปล่าเนี่ยยย (; A ;  )
แต่เซย์ม่างก็ใจร้ายเกินนะเนี่ยยยย

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-04-2013 21:23:23
ไม่เจอกันตั้งสองอาทิตย์ คิดถึงผมมั้ยครับ?
ไม่สินะครับ งั้นคิดถึงเซย์ริวกับคัตสึฮิโกะมั้ยครับ?
คิดถึงใช่มั้ยครับ?
งั้นต่อเลยนะครับ

KOUSOKU 10

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนเช้า แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงนาฬิกาในห้องที่ร่างสูงกำลังนอนอยู่เป็นแน่ แต่ความเก่าของห้องเช่าทำให้ผนังห้องไม่สามารถเก็บเสียงใด ๆ ได้เท่าไรนัก นาฬิกายังส่งเสียงดังรบกวนชายหนุ่มอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทนไม่ได้ เซย์ริวลุกขึ้นไปถีบฝาห้องเต็มแรง

“เฮ้ย! นาฬิกามันปลุกนานแล้วนะโว้ย ถ้าจะไม่ตื่นก็อย่าเสือกตั้งให้มันปลุกสิโว้ย! แม่งเอ๊ย!” เสียงตะโกนของชายหนุ่มดังไปทั้งอพาร์ทเม้นต์โทรม ๆ  ยังผลให้เสียงนาฬิกาเงียบลงโดยพลัน

“เออ ก็แค่นั้นแหละ รำคาญชิบหาย” เซย์ริวบ่นแล้วก็เดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนที่เดิม

“ตะโกนอะไรแต่เช้าน่ะ เซย์ริว? หนวกหูจังเลย” เสียงใส ๆ ที่ยังง่วงงุนดังขึ้น แล้วหญิงสาวก็ตลบผ้าห่มขึ้นโงหัวขึ้นจากที่นอน

“ไอ้นาฬิกาห้องข้าง ๆ น่ะสิ รำคาญชะมัด” ร่างสูงบอกพลางพลิกตัวไปซบหน้าซุกลงกับอกอวบ พร้อมกับแขนแกร่งที่พาดลงกับเอวคอด

“ฉันชินแล้วหละ มันก็ดังแบบนี้ทุกวันแหละ” หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ  รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อยเมื่อจมูกโด่งเสียดสีกับร่องอก

“แต่ฉันไม่ชินนี่หว่า ไอ้ฮิโรกิมันทนได้ยังไงนะ”

“ฮิโรกิไม่เคยรู้เรื่องหรอก เธอก็รู้นี่ว่าเช้า ๆ เขาจะหลับเป็นตายเสมอน่ะ” จิอากิบอกพลางลูบไล้ผมสีน้ำตาลยาวหนา

“ว่าแต่...มันไม่กลับบ้านมา 2 วันแล้วนะ ไม่เป็นห่วงมันบ้างเหรอ?”

“จะไปห่วงทำไม บางทีเขาก็แบบนี้แหละ ยิ่งเวลาทะเลาะกันแบบนี้ บางทีหายไปทั้งอาทิตย์เลยด้วยซ้ำ” สาวน้อยพูดอย่างเฉยชา

"ไม่กลัวมันจะไปมีคนใหม่บ้างเหรอ?” อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างบางมาชิด ไล้ริมฝีปากไปตามก้อนเนื้ออวบนุ่มตรงทรวงอกของหญิงสาว

“เชอะ! ไม่สนหรอก ถึงตอนนั้นฉันก็มีคนใหม่บ้างสิ จะไปง้อทำไม” จิอากิแอ่นอกขึ้นรับสัมผัสของร่างสูงอย่างนึกสนุก “อืม...ว่าแต่ คนใหม่ที่ว่าจะเป็นเธอดีมั้ยนะ เซย์?”

“ไม่ดีหรอก เป็นเจ้าฮิโรกิแหละดีแล้ว อยู่กับฉันเธอลำบากแน่” ริมฝีปากซุกซนเริ่มไต่ไปเรื่อย จนถึงยอดอกสีชมพู

“เธอเอาแต่ปฏิเสธฉันเสมอเลยนะ” สาวน้อยตัดพ้อนิด ๆ  รู้สึกสยิวเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นตวัดลงกับยอดปทุมถัน “ไม่ถูกใจฉันเหรอ หรือเพราะฉันเป็นแฟนของเพื่อนสนิท?”

“ทั้งสองอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือ เธอไม่ใช่สเป็กฉัน” ชายหนุ่มขบงับหยอกล้อจนยอดอกนั้นแข็งเป็นไต

“แต่ฉันถูกใจเธอนะ เท่ห์ก็เท่ห์ แถมยังเก่งเรื่องอย่างว่าด้วย” จิอากิขยับตัวเข้าหาอย่างต้องการ ซึ่งร่างสูงก็สนองให้

“ฉันเป็นได้แค่คนที่เธออยากได้ตอนที่เจ้าฮิโรกิไม่อยู่เท่านั้นแหละ” มือแกร่งขยุ้มก้อนเนื้อนุ่มที่บั้นท้าย เคล้นคลึงปลุกเร้าจนหญิงสาวสั่นสะท้าน

ผิวกายนุ่มเบียดเข้าหากล้ามเนื้อแกร่งของชายหนุ่มด้วยหวามในอารมณ์ใคร่ ซึ่งร่างสูงก็ต้อนรับหล่อนด้วยสัมผัสของมือและริมฝีปาก การกระทำที่ช่ำชองชักพาให้สาวน้อยหลงเข้าไปติดอยู่ในวังวนแห่งความปรารถนาได้ไม่ยากนัก แม้ว่าหล่อนจะมีอาชีพที่จะต้องนอนกับผู้ชายบ่อย ๆ  แต่ด้วยความที่เป็นคนที่หล่อนพึงใจ อารมณ์จึงโหมกระพือร้อนแรงกว่าเคย แม้เมื่อคืนนี้จะได้รับการเติมเต็มความต้องการจนอิ่มเอมไปแล้ว แต่เมื่อถูกปลุกเร้าหล่อนก็ยินดีจะสนองและตอบรับชายหนุ่มตรงหน้า


นับจากค่ำคืนที่อัดแน่นไปด้วยความปรารถนานั้นเวลาผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เซย์ริวไม่ได้ไปหาคัตซึฮิโกะอีกเลยนับแต่นั้น มีเรื่องยุ่ง ๆ หลายอย่างที่เขาต้องการสะสางเสียให้เรียบร้อย เรื่องค่ารักษาที่ติดค้างหมอมาซาฮิเดะเอาไว้ไม่มีแล้วตั้งแต่ตอนที่เขาเอาศพของเจ้าคนเคราะห์ร้ายไปทิ้งไว้ให้ ครั้งล่าสุดที่แวะไปหาเพื่อตัดไหมที่เย็บแผลที่เกิดจากการทะเลาะวิวาทออก เขาพบว่ามีอุปกรณ์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นหลายชิ้น...ถึงหมอมาซาฮิเดะจะเป็นคนค่อนข้างหน้าเลือดและหาเงินด้วยวิธีที่ไม่ค่อยสะอาดนัก แต่เงินสกปรกเหล่านั้นก็ถูกนำมาซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้รักษาชีวิตเหล่าผู้คนในเงามืดทุกครั้ง นั่นทำให้เขาเป็นที่เคารพและยำเกรงของพวกวายร้ายเหล่านี้ตลอดมา

เรื่องที่เซย์ริวต้องสะสางจริง ๆ นั้น คือเรื่องที่อาจจะติดตามมาจากการที่เขาแทงอัตสึชิปางตาย เขาไม่ต้องการให้ตำรวจหรือใครก็ตามสืบสาวเรื่องมาจนถึงตัวเขา การข่มขู่ไม่ใช่วิธีการที่เขาเลือก เพราะคนที่ถูกข่มขู่อาจจะหวาดกลัวหรือเคียดแค้นจนนำเรื่องของเขาไปบอกกับตำรวจได้ วิธีที่ดีที่สุดของเขาก็คือหาทางปิดปากอัตสึชิเสีย

โชคดีของร่างสูงที่อัตสึชิบาดเจ็บหนักมาก จนถึงตอนนี้ก็ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล การลักลอบเข้าไปในโรงพยาบาลง่ายกว่าการเข้าไปในคุก ถึงโรงพยาบาลนั้นจะเป็นโรงพยาบาลตำรวจก็ตาม แต่ถึงกระนั้นความเสี่ยงก็มีสูง เขาจำเป็นจะต้องวางแผนให้รัดกุมเรียบร้อยที่สุด เพื่อไม่ให้หลงเหลือหลักฐานใด ๆ ที่จะมัดตัวเขาได้

ลูกน้องของอัตสึชิคนหนึ่งถูกเลือกเป็นเครื่องมือสำหรับแผนการครั้งนี้ มันคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับเซย์ริวมากขนาดที่คนไม่คุ้นเคยจะจำผิดคนได้ เซย์ริวยืมมือฮิโรกินิดหน่อยในการหลอกล่อมอมยามันแล้วจัดการตามแผน ครั้งแรกที่เขาบอกเล่าถึงแผนการนี้ให้ฮิโรกิรู้...เป็นอีกครั้งที่เขาได้เห็นความหวาดหวั่นปรากฏขึ้นในแววตาคู่สวย ความหวาดหวั่นที่ฮิโรกิมีต่อเขาไม่เคยเพิ่มขึ้นหรือลดลง เพียงแต่มันถูกซ่อนเอาไว้เบื้องหลังความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกัน เมื่อไรที่ฮิโรกิรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขา มันก็จะปรากฏออกมาให้เห็นผ่านทางตาคู่นั้น...เงื่อนไขของเครื่องมือในแผนครั้งนี้คือจะต้องไม่มีลิ้นที่จะพูดกับใครได้ ฮิโรกิไม่กล้าพอที่จะเล่นตามบทบาทที่เซย์ริววางไว้ให้ เขาไม่สามารถจูบและกัดลิ้นมันคนนั้นให้ขาดได้!

ร่างสูงจึงต้องใช้กำลังนิดหน่อยในการตัดลิ้นของมันให้ขาด ณ วินาทีนั้น เป็นครั้งแรกที่ฮิโรกิหลับตาแล้วเบือนหน้าหนีจากสิ่งที่เขากระทำ ไม่มีเสียงร้องจากคนที่กำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา นอกจากอาการกระตุกเล็กน้อย เซย์ริวลงมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย เท่านั้นยังไม่พอ มีดปลายแหลมยังถูกแทงเข้าไปในร่างนั้นแล้วดึงออก คราวนี้ฮิโรกิถึงกับยกมือขึ้นปิดปาก หลับตาแน่น ทำท่าเหมือนจะอาเจียน เพียงแค่จับไหล่เบา ๆ ยังสะดุ้งสุดตัว

“ไม่เป็นไรแล้ว จบแล้วหละ แกไม่ต้องทำอะไรแล้ว ขอบใจมาก”

“ทำไม...ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้?” ร่างบางถามเสียงสั่น

“เพื่อให้ฉันอยู่รอดไง”

ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าของร่างสูงอย่างรวดร้าวนิด ๆ  แต่แล้วก็พยักหน้า...เป็นสัญญาณว่าฮิโรกิยอมรับเหตุผลและการกระทำของเขา

“พรุ่งนี้ทุกอย่างก็จบแล้วหละ แล้วจะพาไปเลี้ยง”

ถ้าเป็นเวลาปกติ เซย์ริวคงขยี้ผมนุ่ม ๆ นั้นเพื่อเป็นการปลอบใจ แต่คราวนี้มือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาจึงเดินเข้าไปประคองร่างที่หายใจรวยรินแล้วรีบพาไปโรงพยาบาล

ที่โรงพยาบาล เซย์ริวแสดงละครนิดหน่อย ว่าน้องชายเขาโดนทำร้ายมาบาดเจ็บสาหัส ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ใกล้เคียงกันทำให้ไม่มีใครสงสัยแม้แต่คนเดียว หมอและพยาบาลเวรรีบนำตัวเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเข้าห้องฉุกเฉิน ข่าวร้ายถูกนำมาบอกกับเซย์ริวว่า น้องชายของเขาคงไม่สามารถพูดได้อีกเนื่องจากลิ้นถูกตัดขาด แต่แผลที่ช่องท้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ร่างสูงพยักหน้ารับด้วยความเศร้าสร้อยพลางนึกในใจว่ามันถูกต้องแล้วที่มันคนนั้นจะพูดไม่ได้อีก เพราะเขาต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น

เมื่ออาการปลอดภัยดีแล้ว ‘น้องชายของเซย์ริว’ ก็ถูกย้ายไปไว้ที่ห้องคนไข้ในธรรมดา เซย์ริวเสียเวลานั่งเฝ้าตลอดคืนนั้นพร้อมกับพยายามเดินสำรวจโรงพยาบาลเพื่อหาห้องที่อัตสึชิรักษาตัวอยู่ เขาสืบล่วงหน้ามาแล้วว่าอัตสึชิพักอยู่ในห้องพิเศษรวมสำหรับผู้ต้องคดี แล้วเขาก็หาพบ ที่หน้าห้องนั้นมีตำรวจนั่งเฝ้าหน้าห้องอยู่ 2 คน ไม่ยากที่เขาจะเข้าไป

วันต่อมา เครื่องมือของร่างสูงยังไม่ได้สติเพราะยาที่ฮิโรกิให้มาใช้เพิ่มถ้าไม่ต้องการให้ตื่นขึ้นมา จนตกดึก...แผนการก็เริ่มต้นขึ้น
ตำรวจ 2 นายที่หน้าห้องพิเศษรวมเห็นเพียงแค่มีร่างสูง ๆ ในชุดของโรงพยาบาลเดินกระโพลกกระเพลกเข้ามาหาจนถึงหน้าห้อง เมื่อพยายามสอบถามก็โดนน็อกไปโดยแทบจะยังไม่ทันจดจำใบหน้าของผู้บุกรุก เช้าวันรุ่งขึ้น มีผู้พบศพของคนไข้ที่เพิ่งเข้ารักษาตัวเมื่อคืนวานนอนฟุบอยู่ข้างเตียงในห้องพิเศษรวม สาเหตุการตายคือการเสียเลือดมากจากแผลที่เย็บเอาไว้ตรงช่องท้องฉีกขาด จากการตรวจสอบพบรอยเลือดหยดเป็นระยะจากห้องผู้ป่วยรวมมาจนถึงข้างเตียง พร้อมกันนั้นคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงก็เสียชีวิตเนื่องจากมีดปลายแหลมที่ปักอยู่บนอกจนเกือบมิดด้าม บนด้ามมีดเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือของผู้ตายที่นอนอยู่ข้างเตียง ซึ่งมีดนั้นเป็นมีดแบบเดียวกับที่ทำให้คนไข้ต้องเข้ารักษาตัวเป็นเวลานานอันมีสาเหตุมาจากการทะเลาะวิวาท

ตำรวจสืบหาสาเหตุแล้วสรุปความได้ว่า ผู้ตายทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะของแก๊งค์อาชญากรรม โดยที่ผู้ตายคนแรก คือ อัตสึชิ เป็นหัวหน้าของแก๊งค์นั้นและผู้ตายอีกคนเป็นลูกน้องในแก๊งค์ ซึ่งอาจเกิดการขัดแย้งบางประการทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาทกันขึ้นทำให้อัตสึชิบาดเจ็บสาหัสจนต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ต่อมาฝ่ายที่เป็นลูกน้องได้เข้ารักษาตัวเนื่องจากถูกทำร้ายจนลิ้นขาดและมีบาดแผลโดนแทง ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือของลูกน้องคนอื่น ๆ ของอัตสึชิ ผู้ตายคนที่สองได้หาทางแก้แค้นด้วยการฆ่าอัตสึชิที่อาการดีขึ้นมากแล้วโดยแลกกับชีวิตของตัวเองที่จะต้องกลายเป็นคนพิการแม้จะรักษาตัวหาย แต่เนื่องจากบาดแผลที่เย็บเอาไว้ได้เปิดออกระหว่างทางที่เดินมาจนถึงห้องพิเศษรวม และผู้ตายคนที่สองยังได้ออกแรงเพื่อทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าหน้าห้องจนหมดสติทั้งสองนาย ซึ่งทำให้แผลฉีกขาดมากขึ้น เนื่องจากตรวจพบว่ารอยเลือดจากหน้าห้องรวมไปถึงเตียงคนไข้มีขนาดใหญ่มากขึ้น เมื่อทำการฆาตกรรมอัตสึชิแล้วจึงเสียเลือดมากจนเสียชีวิตในที่สุด ในห้องพักของผู้ตายคนที่สองพบร่องรอยการรื้อค้น แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรหายไปบ้าง สรุปคดีความได้ว่าเป็นการแก้แค้นกันระหว่างสมาชิกแก๊งค์อาชญากรรม เพียงแต่...ไม่มีใครหาตัวผู้ที่อ้างตัวเป็นพี่ชายของผู้ตายพบ

เสร็จจากเรื่องครั้งนั้น เซย์ริวพาฮิโรกิไปเลี้ยงขอบคุณก่อนที่จะหลบหน้าผู้คนสักพักหนึ่งจนกระทั่งคดีฆ่ากันในโรงพยาบาลเงียบไป เมื่อคืนนี้เขามาหาฮิโรกิอีกครั้ง แล้วก็พบว่าฮิโรกิกับจิอากิทะเลาะกันอีกแล้ว และตอนที่เขามาถึงจิอากิกำลังเมามายได้ที่ ส่วนฮิโรกิออกจากห้องไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งโดยปกติแล้วถ้าเป็นแบบนี้ฮิโรกิจะไม่กลับมาทั้งคืน

ขณะที่ปลอบโยนหญิงสาวที่ร้องไห้อย่างหนัก การกระทำของจิอากิและฤทธิ์แอลกอฮอล์ช่วยปลุกอารมณ์ดิบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ คืนนี้ฮิโรกิไม่อยู่ ท่ามกลางแสงสลัวจิอากิดูสวยน่ารักกว่าเคย และด้วยร้างจากเรื่องอย่างว่าระยะหนึ่ง ความต้องการจึงปะทุขึ้น ชายหนุ่มกอดรัดร่างเล็กบอบบางไว้นับครั้งไม่ถ้วน ปริ่มสุขกันไปหลายหนจนเกือบเช้า กระทั่งถูกปลุกขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุก...


“อะ...อ๊า...เซย์...เซย์ริว อ๊า!!!!” เสียงหวานใสกรีดก้องเมื่อเดินทางมาถึงจุดสุดยอด

ร่างสูงกดกายเข้าหาเป็นจังหวะสุดท้ายแล้วปลดปล่อยความปรารถนาให้พวยพุ่ง ทั้งสองเกร็งนิ่งเข้าหากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ายชายจะถอนกายออก

เสียงลูกบิดห้องดังขึ้น เซย์ริวหันขวับไปทันที...ร่างเล็กเพรียวยืนนิ่งอยู่ที่ประตูราวกับถูกภาพตรงหน้าสะกดให้กลายเป็นหิน ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น รวดร้าว

เซย์ริวรู้ดีว่าเขาไม่มีทางแก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น สภาพในตอนนี้มันฟ้องชัดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จิอากิดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายด้วยสีหน้าปั้นยาก ฮิโรกิกำมือแน่นแล้วกลับหลังหันวิ่งออกจากห้องไป ร่างสูงคว้ากางเกงมาสวมได้ก็วิ่งตามออกไปทันที

“ฮิโรกิ! ฮิโรกิ! ฟังก่อน!!”

“ไม่ฟัง! ไอ้...ไอ้ระยำ! แก...ไอ้คนฉวยโอกาส!!” ร่างเล็กตะโกนด่า หันกลับมามองด้วยสายตาแค้นเคือง

มือแกร่งคว้าได้ต้นแขนของฮิโรกิ ดึงกลับมากดไว้กับกำแพง “ฟังก่อนเซ่!”

“ฟังบ้าอะไร! แกจะพูดอะไร! แกจะบอกให้ฉันฟังรึไงว่าแฟนฉันรสชาติดีแค่ไหน หรือหล่อนร้องครางยังไงแกตอนที่แกอยู่ในตัวหล่อน! หรือแกจะบอกเหตุผลว่าทำไมแกถึงฟันแฟนของฉัน!” ดวงตาที่มองมาเกรี้ยวกราด สีหน้าบอกชัดว่าไม่ยอมลงให้แน่ ๆ

“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรแกก็ต้องฟัง!” ร่างสูงไม่ยอมแพ้ “เออ! ฉันฟันแฟนแก กอดแฟนแกมาทั้งคืนเลยด้วย!”

“ไอ้ระยำเอ๊ย! มึงตีท้ายครัวกู! ไอ้...” กำปั้นลุ่น ๆ หวดเข้าหาใบหน้าของร่างสูงแต่ถูกปัดเอาไว้ได้

“เออ! กูตีท้ายครัวมึง! แล้วไง? มึงอยากทะเลาะกันแล้วออกจากบ้านไปทำหอกอะไรล่ะ! แล้วทำยังกับว่ากูเป็นคนแรกที่นอนกับเมียมึงงั้นนี่!”

“ไอ้...” ฮิโรกิเริ่มหาคำมาด่าไม่ถูก เพราะสิ่งที่เซย์ริวพูดมาเป็นเรื่องจริง “แต่ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนทำกับกูแบบนี้!!”

“พ่อมึงสิ! มึงไม่รู้รึไงว่าเพื่อนมึงน่ะซื้อเมียมึงไปกี่คนแล้ว ไอ้ควาย!”

เสียงทะเลาะกันลั่น ๆ ทำให้ผู้คนในซอยชะโงกหน้าออกมาแอบดู

“มองทำเหี้ยอะไร ไม่เคยเห็นคนทะเลาะกันรึไง!?” สองหนุ่มหันไปด่าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เล่นเอาคนที่โผล่หน้าออกมาดูรีบผลุบกลับเข้าไปอย่างกลัวตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าคู่กรณีทั้งสองคือเซย์ริวกับฮิโรกิ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-04-2013 21:26:36
รอบกายเงียบสงบไปชั่วขณะ ชายหนุ่มทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็หัวเราะพรืดออกมา

“หึ! ไปหาที่คุยกันที่อื่นดีกว่ามั้ย?” เซย์ริวเอ่ยขึ้นก่อน

“ก็ได้” ฮิโรกิพูดพร้อมกับยิ้มนิด ๆ

เซย์ริวพาฮิโรกิไปนั่งที่ร้านข้าวใกล้ ๆ กับโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะและยืมเสื้อคลุมจากโรงพยาบาลเพราะรีบร้อนออกมาจนไม่ได้สวมเสื้อ พร้อมกับเลี้ยงข้าวและเบียร์ขวดใหญ่

“มันไม่ยุติธรรมนะโว้ย ที่แกจะเอาของแค่นี้มาเซ่นฉันไถ่โทษที่นอนกับเมียฉัน” ฮิโรกิบอกพลางคีบหมูทอดชิ้นใหญ่ใส่ปาก

“แล้วจะเอาอะไรอีก?” เซย์ริวถามแล้วก็ยกเบียร์ในแก้วขึ้นดื่มอึกใหญ่ “ถ้าจะเอาเงินก็พอได้อยู่หรอกนะ ฉันไปได้มาจากห้องของไอ้นั่นเยอะเหมือนกัน”

“ไม่ได้อยากได้เงินโว้ย รู้สึกพักนี้เราสองคนจะมีเงินใช้สบายมือเหลือเกินนะ” ร่างบางพูดยิ้ม ๆ พร้อมเคี้ยวข้าวอย่างสบายอารมณ์เหมือนกับเมื่อครู่นี้ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น

“เดี๋ยวมันก็หมด” ร่างสูงยักไหล่ “ว่าแต่แกจะเอาอะไรอีก”

“ของเล่นของแกน่ะ” ฮิโรกิเหลือบตาขึ้นมองคนนั่งตรงข้ามแววตาเป็นประกายระยับ

“กะแล้ว...” จำเลยส่ายหน้าระอาใจ

“ทำไมล่ะ? ทีแกยังไปเล่นกับเมียฉันได้เลย” เจ้าตัวเล็กเริ่มทำหน้ามุ่ย

“นั่นเมีย ไอ้นี่มันของเล่น ไอ้ฉันก็ไม่มีเมียให้แกไปเล่นเสียด้วยสิ”

“ของเล่นนั่นแหละ ของเล่นชิ้นโปรดที่สุดของแกไม่ใช่เหรอ? เอามาถวายท่านฮิโรกิเป็นการไถ่โทษเสียดี ๆ ” พูดแล้วก็ทำเชิดหน้าราวกับเป็นคนสำคัญ

เซย์ริวยักไหล่อีกครั้ง “ไม่รู้จะยอมหรือเปล่านะ ไม่ได้ไปหานานมากแล้วด้วย”

“ยอมหรือไม่ยอมแกก็ต้องทำให้ยอม แกทำได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ฮิโรกิยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“เออ ๆ  ก็ได้” นิ้วเรียวหยิบเม็ดข้าวที่ติดอยู่ใกล้ ๆ มุมปากของร่างบางมาใส่ปากตัวเอง “อยากเล่นอะไรพิเศษก็หาไปเองก็แล้วกัน”

“ด้าย~” ร่างบางพูดแล้วก็หัวเราะคิกอย่างนึกสนุก

เซย์ริวมองคนที่เป็นเหมือนน้องชายแล้วก็ส่ายหน้านิด ๆ  ยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง ฮิโรกิไม่เคยรู้สึกผิดอะไรกับเรื่องชั่ว ๆ ที่พวกเขาทำลงไปมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ที่โกรธจัดเมื่อครู่ก็เป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบและอาจเพราะยังโกรธค้างมาจากเมื่อคืนด้วย ถ้าเทียบกันแล้วจิอากิจะโดนโกรธบ่อยกว่าเซย์ริวเสียอีก

‘...ไม่รู้ว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...’ ร่างสูงรู้สึกไม่ค่อยปลอดโปร่งใจเป็นครั้งแรก ‘…คงไม่เป็นไรมั้ง…’
//////////

อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว ใบไม้กำลังค่อย ๆ ผลิใบออกมาต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาถึง แต่ดูเหมือนจิตใจของคัตซึฮิโกะจะไม่ได้รับรู้ถึงความสดใสของฤดูกาล เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองผ่านฤดูหนาวที่ดูเหมือนจะยาวนานเป็นพิเศษมาได้อย่างไร เรื่องราวของอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคนราวกับเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแสนนานแล้ว...ในตอนนี้ลมเย็น ๆ ยังคงอ้อยอิ่งอยู่ในเมือง เช่นเดียวกับความหนาวเหน็บในใจของเขา

2 เดือนที่ผ่านมากับการกลับไปใช้ชีวิตคนเดียว...ตามลำพัง คัตซึฮิโกะเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถอยู่ด้วยตัวคนเดียวได้อีกแล้ว ห้องเล็ก ๆ แค่นั้นเขากลับรู้สึกว่ามันอ้างว้างเหลือเกิน บ่อยครั้งที่ออกไปยืนตากละอองหิมะไปพลางสูบบุหรี่ที่ไม่ได้สูบมานานแล้วไปพลาง อัดควันลึกเข้าปอดเหมือนจะให้หัวใจมันอุ่นขึ้น ปลายนิ้วที่เย็นจนแทบแข็งทำให้หวนคิดถึงผิวกายอุ่น ๆ ของใครบางคนที่เคยนอนขดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน...นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...

นิ้วเรียวคีบบุหรี่ออกจากปาก ควันขาวไหลผ่านริมฝีปากซีด ๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ ดวงตาหม่นหมองเหม่อมองตามควันขาวที่ตัดผ่านท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มของเวลาใกล้ค่ำไป คัตซึฮิโกะนั่งเหม่ออยู่แถว ๆ หน้าบริษัทตั้งแต่เลิกงานจนค่ำมืด ลมเย็นไม่ได้ทำให้รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็น มีเพียงหัวใจสะท้านเยือกทุกครั้งที่อัดบุหรี่เข้าปอดช้า ๆ ...ไม่อยากกลับบ้าน...


เมื่อ 2 เดือนก่อน คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นมาแล้วพบตัวเองอยู่บนเตียงตามลำพัง ไม่มีร่องรอยของคนที่นอนกกกอดเขาไว้ตลอดทั้งคืน เขาฝืนร่างกายที่เมื่อยขบไปทั้งตัวลุกไปที่ห้องน้ำ หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวแล้วก็พบว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเซย์ริวแทบจะหายไปหมด แม้จริง ๆ แล้วข้าวของส่วนตัวของร่างสูงจะมีอยู่เพียงไม่กี่ชิ้น แต่คัตซึฮิโกะก็คุ้นเคยที่จะเห็นมันอยู่ในห้อง...เสื้อโค้ทสีดำเก่า ๆ มักจะแขวนไว้ตรงที่แขวนเสื้อข้าง ๆ ประตูห้อง กางเกงยีนส์เนื้อหนาพาดอยู่ที่พนักเก้าอี้เป็นประจำ มีดสปริงที่มักจะอยู่บนโต๊ะ...ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในห้อง แม้ว่าทุกครั้งที่เซย์ริวออกจากห้องไปสิ่งเหล่านั้นจะไม่อยู่เช่นตอนนี้ก็ตาม แต่คราวนี้คัตซึฮิโกะกลับรู้สึก...กลิ่นอายของใครคนนั้นไม่หลงเหลืออยู่ในห้องแม้แต่น้อย เซย์ริวจะจากไปนาน...

คัตซึฮิโกะอยู่ด้วยตัวคนเดียวมานาน มีหลายคนผ่านเข้ามาในชีวิต และคนเหล่านั้นได้เข้ามาใช้ชีวิตในห้องนี้ บางคนจากกันด้วยดี บางคนก็จบลงไม่สวยนัก และอีกบางคนที่จากไปโดยไม่มีคำร่ำลา คัตซึฮิโกะจึงค่อนข้างจะไวต่อความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในห้อง เมื่อไรก็ตามที่มีใครสักคนจากเขาไปโดยไม่คิดจะย้อนกลับมาอีก ไม่เพียงแต่สิ่งของที่พวกเขาใช้ประจำจะหายไป แม้แต่กลิ่นอายก็จะหายไปด้วย...คราวนี้เซย์ริวคงจากไปนาน...ไม่มีกำหนดกลับ...

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นลูบหน้า มันไม่แปลกไม่ใช่หรือที่จะมีคนอีกสักคนออกไปจากชีวิตเขา และนี่ก็เป็นคนที่เขาเคยพร่ำภาวนามาตลอดว่าให้ออกไปให้พ้น ๆ จากชีวิตเขาเสียที แล้วทำไม...จะต้องรู้สึกใจหายแบบนี้ด้วยนะ?

เป็นเรื่องแปลกที่คัตซึฮิโกะมักจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในช่วงฤดูหนาว นับตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงจนสิ้นฤดูหนาวเขาจะไม่มีใครอยู่เคียงข้างเสมอ ยังดีที่มีนัตสึแวะเวียนมาหาเป็นประจำ นี่เป็นฤดูหนาวครั้งแรกที่มีคนอยู่ด้วยตลอดนับตั้งแต่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามา มันอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะเลวร้าย แต่อ้อมกอดอบอุ่นใต้ผ้าห่มในยามค่ำคืนนั้นทำให้คัตซึฮิโกะรู้ตัวว่าเขาโหยหาอ้อมกอดแบบนี้มากเท่าไร แม้เซ็กส์ของเซย์ริวจะค่อนข้างโหดร้ายแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดที่จะยอมรับไม่ได้ ความอ่อนโยนที่แฝงมาทำให้เขาพึงพอใจได้ไม่น้อย ไม่ใช่ว่าคัตซึฮิโกะจะบริสุทธิ์จนไม่รู้จักเซ็กส์ แต่มีคู่นอนเพียงไม่กี่คนที่ทำให้เขาพึงพอใจได้ขนาดนี้ ในค่ำคืนที่ผ่านมาเขารู้สึกราวกับไม่ได้อยู่บนโลกนี้ด้วยซ้ำ...เขากำลังเสพติดสิ่งที่เซย์ริวปรนเปรอให้ แต่แล้วก็จากไป ทิ้งเขาให้ทรมานกับความหิวกระหายในรสรักที่เคยได้รับ

ผ่านจากวันนั้นมา คัตซึฮิโกะพยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติที่สุด แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้ ความรู้สึกมืดดำหนักอึ้งกดทับลงมาบนตัวเขา ครอบงำเสียจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง...ทำไมจะต้องเหงาขนาดนี้ด้วยนะ...ทำไมจะต้องซึมเศร้ามากมายขนาดนี้ด้วย?...ทุกคำถามไม่มีคำตอบกลับมา เขาแทบจะไม่พูดคุยกับเพื่อนร่วมงานจนใครต่อใครพากันเป็นห่วง แต่ก็ยังดีที่เขาไม่เคยปฏิเสธการออกไปดื่มกับเพื่อน ๆ ทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นบ้าง คัตซึฮิโกะพยายามถ่วงเวลากลับบ้านออกไปให้นานที่สุด...ไม่อยากกลับบ้าน...ไม่อยากกลับไปเพื่อรับรู้ว่าต้องอยู่คนเดียวอีกครั้ง ยืดเวลาการอยู่นอกบ้านให้ยาวนานออกไปเพื่อที่ว่ากลับไปถึงบ้านจะได้เข้านอนไปโดยไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น แต่ในยามค่ำคืนเขามักจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมารับรู้ความอ้างว้างของห้องที่เงียบสงัดและผ้าห่มที่ไร้ไออุ่น ถึงตอนนั้น น้ำตาจะไหลรินออกมาเงียบ ๆ จนกระทั่งม่อยหลับไปอีกครั้ง...เป็นเช่นนี้ทุกคืน

หลังจากที่ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียกับเซย์ริวที่ฮาราจูกุคราวนั้น นัตสึก็แวะมาหาคัตซึฮิโกะอีกไม่กี่ครั้ง มาแต่ละครั้งก็ต้องมองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าเพื่อนน่าโมโหของพี่ชายจะไม่อยู่ที่นี่จริง ๆ  และหลังจากนั้นนัตสึก็หายหน้าหายตาไป คัตซึฮิโกะโทรศัพท์ไปหาบ้างเป็นบางครั้ง จากน้ำเสียงของนัตสึทำให้เขาสบายใจได้ว่านัตสึยังสบายดีอยู่และร่าเริงเหมือนเคย เพียงแต่ติดสอบก่อนจะปิดเทอมช่วงฤดูหนาวเลยทำให้ไม่มีเวลามาหาเขามากนัก ก็ยังดีที่นัตสึร่าเริงเหมือนเคย...เหมือนเคยงั้นหรือ...แล้วเขาล่ะ ที่เขาเหงาและหดหู่แบบนี้มันเป็นอาการ “เหมือนเคย” ของเขาหรือเปล่า เขาเคยร่าเริงเหมือนนัตสึหรือเปล่านะ แล้วปกติแล้วเขาเคยหัวเราะบ้างหรือเปล่า...เมื่อก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นคนแบบไหนมานะ?

ปิดเทอมก็แล้ว นัตสึก็ยังไม่โผล่หน้ามาหาคัตซึฮิโกะ แต่คนเป็นพี่ชายก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากใช้ชีวิตให้หมดไปวัน ๆ  จนกระทั่งไปเจอกับนัตสึโดยบังเอิญ...กับแฟนสาว ตอนนั้นเป็นตอนที่คัตซึฮิโกะหัวเราะออกมาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เซย์ริวไม่อยู่ หัวเราะให้กับสีหน้าเก้อเขินของน้องชาย และหัวเราะให้กับความสบายใจบางอย่างที่แวบเข้ามาในวินาทีนั้น

“ไอ้ที่หายหน้าหายตาไปเนี่ย ไปจีบเธออยู่สินะ” คัตซึฮิโกะดึงนัตสึมากระซิบเบา ๆ ไม่ให้สาวน้อยได้ยิน

“ง่า...เอ้อ...ก็...ก็ใช่” นัตสึตอบอ้อมแอ้ม หน้าแดงไปถึงหู

“งั้นไอ้ที่บอกว่าอ่านหนังสือสอบก็โกหกน่ะสิ”

“เปล่านะ ก็...อ่าน...เอ้อ...อ่านกะเธออ้ะ” เจ้าตัวแสบงึมงำช้อนตามองพี่ชายแบบเขิน ๆ

คัตซึฮิโกะคุยกับนัตสึไม่นานก่อนที่จะขอตัวแยกออกมาด้วยไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอน้องชายนานนัก รอยยิ้มที่เก้อเขินแต่เปี่ยมสุขของเด็กหนุ่มที่มีความรักทำให้คัตซึฮิโกะรู้สึกดี แต่เมื่อคล้อยหลังกันไปเพียงไม่นาน ความรู้สึกบางอย่างก็เอ่อล้น...เขาเหงาหนักขึ้นไปอีก...ไม่มีเซย์ริวแล้ว และยังไม่มีนัตสึอีกด้วย คราวนี้เขาต้องใช้ชีวิตตามลำพังคนเดียวจริง ๆ แล้วอย่างนั้นหรือ...

เบียร์ครึ่งโหลและบุหรี่ที่เขาเคยสูบ 2 ซองถูกซื้อจากคอนวีเนียนสโตร์ ระเบียงห้องเล็ก ๆ ที่หนาวเย็นคือที่สถิตของคัตซึฮิโกะในค่ำคืนนั้น บุหรี่ถูกอัดเข้าไปเผาผลาญปอดมวนแล้วมวนเล่า เบียร์ก็ถูกยกขึ้นดื่มไปเรื่อย ๆ อย่างไร้ความรู้สึก เขาแทบจะไม่ได้ลิ้มรสชาติของเบียร์หรือบุหรี่ เขาแค่เสพมันไปเพราะอยากเสพ...ไม่อยากจะทำอะไรให้มันดีไปกว่านี้ ไม่อยากวาดภาพ ไม่อยากอ่านหนังสือ ไม่อยากทำอะไรทั้งสิ้น...เบียร์และบุหรี่หมดไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่คัตซึฮิโกะไม่ได้มึนเมาจนหมดสติไปตรงระเบียงแต่เข้าไปอาเจียนจนหลับไปในห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นมีหวังได้แข็งตายอยู่ที่ระเบียงเป็นแน่

ในช่วงปีใหม่ นัตสึมาชวนคัตซึฮิโกะไปเที่ยวกับครอบครัวที่ตั้งใจจะไปเล่นสกีกันที่ฮอกไกโด คัตซึฮิโกะไม่ปฏิเสธเพราะเขาเองก็อยู่ว่าง ๆ  บริษัทก็ปิด และครอบครัวอุปถัมภ์ของนัตสึก็เอ็นดูเขาเช่นกัน...ทว่า...มันกลับทำให้อะไร ๆ เลวร้ายลง

ครอบครัวที่อบอุ่นของนัตสึกระทบความรู้สึกของคัตซึฮิโกะอย่างจัง ความอบอุ่นที่เขาได้รับในช่วงอาทิตย์นั้น เขาปรารถนามาตลอดชีวิต...แต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของมัน แม้แต่ความอบอุ่นจอมปลอมที่เขาเริ่มยอมรับมันก็ยังจากเขาไป

ภาพนัตสึมีความสุขอยู่กับครอบครัวเป็นภาพที่เขาอยากเห็นมาตลอด เพราะในช่วงแรกที่มาอยู่กับครอบครัวนี้นัตสึมีอาการต่อต้านรุนแรง แต่ในตอนนี้ที่นัตสึสามารถเข้ากับครอบครัวได้อย่างเป็นธรรมชาติ หัวใจส่วนลึกของคัตซึฮิโกะกลับปวดแปลบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ เขาไม่ได้อิจฉา...แต่เจ็บปวดที่ตัวเองถูกทอดทิ้งอยู่เสมอ...ตลอดวันหยุดหลายวันที่ต้องฝืนยิ้ม คัตซึฮิโกะกลับมาถึงบ้านพร้อมด้วยจิตใจที่มืดมนลงกว่าเดิม  ช่วงวันหยุดที่เหลืออยู่เขาเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องและไปทำงานอย่างไร้จิตใจอีกครั้งเมื่อหมดวันหยุดยาว


รู้สึกตัวอีกครั้ง คัตซึฮิโกะก็พบตัวเองยืนอยู่หน้าห้อง เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินกลับมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร ประตูตรงหน้าเหมือนจะหนักอึ้ง แต่ในที่สุดคัตซึฮิโกะก็ไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปในห้อง เหลือบมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ตรงหัวนอน...เพิ่งจะ 3 ทุ่มกว่าเท่านั้น ชายหนุ่มเดินกลับไปถอดเสื้อโค้ทเย็นเฉียบพาดแขวนไว้ที่ข้างประตูแล้วกลับมาทิ้งตัวลงนอน เขาถอนใจหนัก ๆ แล้วหลับตาลง...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆ ราวกับอยู่ในความฝัน คัตซึฮิโกะขยับตัวอย่างรำคาญ ๆ แต่ก็ไม่สนใจจะลุกไปเปิด เขารู้สึกเหนื่อยจนขี้เกียจทำอะไรทั้งสิ้น จนกระทั่งเสียงประตูเงียบไป คัตซึฮิโกะยิ้มนิด ๆ กับชัยชนะของการนอน และคิดจะนอนต่อไปจนเช้า ถ้าไม่มีมือของใครบางคนมาลูบผมเบา ๆ ...ในตอนแรกสัมผัสนั้นก็เหมือนฝัน แต่กลิ่นอายคุ้นเคยที่ติดมากับมือนั้นทำให้คัตซึฮิโกะต้องปรือตาขึ้นดู...ภาพตรงหน้ายิ่งเหมือนกับความฝันหนักขึ้นไปอีก จนเขาต้องหลับตาลงแล้วยิ้มนิด ๆ

“ฝันสินะเรา...”

“คิดอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?”

เสียงห้าวทุ้มกระซิบตอบแผ่วเบา คัตซึฮิโกะลืมตาพรึ่บขึ้นทันที จ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ

“เซย์ริว...!?”

“ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันไม่ใช่ผี ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นทุกครั้งที่เจอกันก็ได้” ร่างสูงที่ท้าวแขนคร่อมร่างของคนที่นอนเหยียดอยู่บนเตียงยกมุมปากยิ้มเล็กน้อย...คัตซึฮิโกะเริ่มชอบรอยยิ้มนั้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

ยังไม่ทันที่เซย์ริวจะได้พูดอะไรต่อ วงแขนเรียวก็ตวัดขึ้นโอบรอบคอของเขาพร้อมกับอาการผวาเข้าซบจนต้องผงะไปนิดหนึ่ง คัตซึฮิโกะซุกหน้าลงกับอกกว้างเนื้อตัวสั่นเทาจนเซย์ริวต้องโอบกอดเอาไว้

“เป็นอะไรไป หือ?” มือหยาบใหญ่ลูบแผ่นหลังให้เหมือนจะปลอบโยน

“…ผม...” คัตซึฮิโกะกระซิบด้วยเสียงสั่นเครือ “ผมคิดว่าคุณ...จะไม่กลับมาอีกแล้ว...”

เซย์ริวหัวเราะนิด ๆ  “ต้องกลับมาสิ แกยังมีประโยชน์กับฉันอีกเยอะนี่นา”

คัตซึฮิโกะยิ้มน้อย ๆ กับคำพูดนั้น เพียงแค่นั้นก็ยังดี...อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีคนคอยอยู่ข้าง ๆ  แม้จะไม่ได้รักเขาเลยแม้แต่นิดก็ตาม
แล้วเขาล่ะ...คัตซึฮิโกะถามตัวเอง...เขาคิดยังไงกับเซย์ริว มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องคิดถึงเซย์ริวมากมายขนาดนั้นทั้งที่ไม่ได้รักกัน ไม่ใช่ทั้งคนรัก ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่แม้แต่เพื่อน เขากับเซย์ริวไม่ได้เป็นอะไรของกันและกันทั้งนั้น คำเดียวที่พอจะอธิบายความสัมพันธ์ของเขากับเซย์ริวได้ก็คือ...เหยื่อ...เท่านั้นเอง เขาเป็นแค่เหยื่อของเซย์ริวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิตหรือเรื่องเซ็กส์ หรือไม่อีกทีก็เป็นแค่ของเล่น แล้วทำไมในตอนที่เหงาที่สุด อ้างว้างที่สุด เขาถึงได้คิดถึงเซย์ริวมากมายขนาดนั้น วันนี้ตอนที่ทำงานพลาดจนโดนเจ้านายด่าเสียไม่มีดี ในขณะที่ก้มหน้านิ่งฟังคำด่าอยู่นั้นคนเดียวที่เขาคิดถึงก็คือเซย์ริว...ทำไม...เขารักเซย์ริวอย่างนั้นหรือ? รักคนที่โหดร้ายกับเขาถึงขนาดนั้นคนนี้อย่างนั้นหรือ?...ไม่ใช่หรอก หรือว่าเขาแค่ต้องการใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ เขาในวันที่รู้สึกว่าไม่เหลือใครแล้วเท่านั้นเอง

แม้จะยังสับสนความความรู้สึกของตัวเอง ร่างเพรียวก็ซุกตัวกับอกกว้างแนบแน่นขึ้นอีก เหมือนจะดึงเอาความอบอุ่นมาเติมเต็มช่วงเวลาที่ขาดหายไปด้วย

“หึ ๆ ...เหงารึไง?” จมูกโด่งซุกไซ้ลงกับเรือนผมดำขลับ

คัตซึฮิโกะไม่ตอบหากกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ถ้าเป็นไปได้จะไม่ปล่อยให้คน ๆ นี้จากไปอีกแล้ว

“คาซึโกะ...?” เซย์ริวค่อนข้างประหลาดใจกับอาการนั้นของคัตซึฮิโกะ

“อย่า...อย่าไปไหนอีกนะ”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไรคำพูดนั้นจึงหลุดจากปากไป มันอาจจะเป็นสิ่งที่คัตซึฮิโกะรู้สึกอยู่ในใจมาตลอดจนเผลอพูดออกไปโดยไม่รู้ตัวก็ได้

อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นขึ้นราวกับจะตอบสนองถ้อยคำนั้น ริมฝีปากร้อนประทับแนบลงกับหน้าผากมน คลอเคล้าระเรื่อยลงมาตามสันจมูกโด่ง ก่อนที่จะจบลงที่ริมฝีปากนุ่มซึ่งเผยอแย้มต้อนรับด้วยความเต็มใจ

ความอบอุ่นส่งผ่านมาพร้อมกับจุมพิตนั้น ทั้งอ่อนหวานและซาบซ่าน แม้จะยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองมากนัก แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ดีว่าเขาคิดถึงคน ๆ นี้มากแค่ไหนเมื่อห่างกัน...ราวกับอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตได้หายไป

อ้อมกอดที่โอบประคองอยู่รั้งร่างเพรียวให้แนบชิดมากขึ้น ปรนเปรอความหวานล้ำแห่งรอยจูบให้ราวกับเป็นคนรัก นั่นยิ่งชักนำให้คัตซึฮิโกะหลงใหลเคลิบเคลิ้ม...กว่าจะรู้ตัว สาบเสื้อก็ถูกแหวกเปิดออกโดยที่ไม่รู้เลยว่ากระดุมถูกแกะออกหมดตอนไหน มือหยาบใหญ่ลูบไล้เรื่อยไปตามแผ่นอก สัมผัสความนุ่มเนียนของผิวขาวอย่างช้า ๆ จนกระทั่งถึงปลายยอดสีระเรื่อ  ปลายนิ้วกร้านสะกิดถูไถแผ่วเบา หากเม็ดสีชมพูนั้นกลับแข็งขึงเป็นไตทันทีพร้อมกับเสียงครางเครืออย่างหวามไหวในอารมณ์อยู่ในลำคอของผู้เป็นเจ้าของ

เซย์ริวปรือตาขึ้นมองร่างในอ้อมแขน...คัตซึฮิโกะกำลังหลับตาพริ้ม เผยอริมฝีปากที่แดงเรื่อเป็นสีเชอร์รี่หอบน้อย ๆ  อกบางขาวสั่นไหวตามลมหายใจที่ออกจะติดขัด มือเรียวเกาะยึดสเว็ตเตอร์สีเทาเข้มตัวใหญ่ของเขาไว้แน่น...ร่างสูงยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม ไต่นิ้วระเรื่อยไปตามผิวกายของอีกฝ่าย สะกิดกดน้ำหนักเป็นบางจุดที่คิดว่าไวต่อสัมผัสและสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้พลางก็ขยับมือซุกซนปลดเสื้อผ้าของคนในอ้อมกอดจนหลุดลุ่ย แล้วลูบไล้ลวนลามไปตามเรือนร่าง ไม่ช้า...ร่างเพรียวก็บิดกายพลางส่งเสียงครางหวานด้วยความปรารถนา

“อึ่ก...อืม...เซย์ริว” ดวงตาคู่สวยปรอยปรือราวกับจะเรียกร้องให้อีกฝ่ายทำให้มากกว่านี้

ร่างสูงไม่รีรอที่จะตอบสนองการเรียกร้องนั้น เขาปรนเปรอให้คัตซึฮิโกะจนเกินพอตลอดค่ำคืนนั้น ก่อนที่อีกฝ่ายจะซุกหลับลงกับอกของเขาด้วยเหนื่อยอ่อนตอนเกือบรุ่งสาง
   


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: FFS_Yaoi ที่ 20-04-2013 04:43:31
 :try2: แบบนี้เค้าเรียกหลอกให้รักปะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 20-04-2013 12:15:22
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 20-04-2013 12:53:48
ไม่อยากให้เซย์ริวพาฮิโรกิมาทำกับคัตซึฮิโกะแบบนั้นเลย สงสารคัตซึฮิโกะอ่า
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 20-04-2013 15:20:11
เฮ้ออออออ~

สงสารฮิโรจังสุดๆเลยน่ะนะ
ชีวิตแค่โดนทำร้าย~~~

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 10 : 19/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: มาดามดัน ที่ 20-04-2013 16:06:14
มาดามดัน


ต่อเร็วๆๆนะ

อ้าสสสโหดชอบบ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-04-2013 12:22:32
เมื่อคืนลืมลงสนิทไปเลย
ช้าหน่อยไม่ว่ากันนะครับ
...

KOUSOKU 11

คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนพูดคุยกันอยู่ใกล้ ๆ ตัว แต่เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าตรงหน้ามืดมิด...เขาถูกปิดตาเอาไว้ และเมื่อขยับตัวก็รู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเช่นกัน หรือเซย์ริวจะเล่นแผลง ๆ กับเขาอีกแล้ว

“เซย์ริว...”

“หือ? ว่าไง ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นใกล้ ๆ ตัว

“คุณเล่นบ้าอะไรเนี่ย?”

“ก็นิดหน่อย แค่เล่นสนุก” ที่นอนข้าง ๆ ตัวคัตซึฮิโกะไหวยวบ บอกถึงว่ามีใครบางคนนั่งลงข้างตัวเขา

“แต่แบบนี้...”

“เอาน่า รับรองว่าสนุก” เสียงใครอีกคนที่คัตซึฮิโกะไม่เคยได้ยินมาก่อนพูดขึ้น

“เซย์ริว!!?” คัตซึฮิโกะร้องพลางกระถดตัวหนี “นั่นใครน่ะ!? นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”

“ก็แค่เล่นสนุกนิดหน่อย อย่าโวยวายไปน่า” มือแกร่งจับร่างที่โดนพันธนาการกดลงกับเตียง

“เล่นสนุกบ้าอะไร นั่นใคร!? คุณจะทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะ!!” คัตซึฮิโกะโวยวาย

“ฮะ...เหมือนที่แกเล่าให้ฟังเลยนะ เซย์ น่ารัก ไร้เดียงสา เล่นด้วยแล้วสนุก...นี่ขนาดยังไม่ได้เริ่มก็โวยวายขนาดนี้แล้ว เพิ่งเคยผ่านมือแกคนเดียวจริง ๆ สินะ” เสียงใครคนนั้นพูดด้วยอารมณ์สนุกสนาน

“อย่าพูดมาก ฮิโรกิ เดี๋ยวก็อดสนุกกันพอดี”

“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ พวกคุณ...ปล่อยผมนะ!”

“โอ้...ออกมาแล้ว ประโยคคลาสสิค” ฮิโรกิหัวเราะคิก “รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่ปล่อย นายจะโวยวายทำไมให้วุ่นวาย หือ?”

“ฮิโรกิ...” เสียงเรียบ ๆ ของเซย์ริวปราม

“โอเค ๆ  ฉันไม่พูดมากละ เริ่มเลยดีกว่ามั้ย? ฉันเตรียมอะไรมาเล่นเยอะเลย” จบคำใครบางคนก็ขยับขึ้นมาบนเตียงแล้วเคลื่อนเข้ามาใกล้คัตซึฮิโกะ

“ไม่นะ! พวกคุณจะทำบ้าอะไร!?”

โวยวายได้แค่นั้น ริมฝีปากก็ถูกประกบปิดและบดลงอย่างหนักหน่วง หากพอจะต่อต้านด้วยการขบกัด คนที่รู้ทันก็ชิงถอนริมฝีปากออกเสียก่อนแล้ว วกกลับมาจูบอีกครั้งพร้อมกับปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างไม่ให้ตั้งตัว บังคับให้ต้องกลืนยาเม็ดเล็กที่เขาเคยโดนฤทธิ์ของมันมาแล้ว

หลังจากที่ยาออกฤทธิ์แล้ว คัตซึฮิโกะแทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเวลาได้ผ่านไปนานแค่ไหน รู้เพียงแต่เขาถูกล่วงเกินโดยที่จิตใจไม่ยินยอม ได้แต่กรีดร้องจนแทบไม่มีเสียงจะร้อง แต่ทั้งเซย์ริวและใครอีกคนนั้นกลับดูสนุกสนานกับปฏิกิริยาของเขา

ท่ามกลางความทุกข์ทรมานนั้น จิตใจของคัตซึฮิโกะแหลกรานยับเยิน ก็เมื่อคืนนี้เองที่เขาได้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น ได้รับ
ความสุขที่โหยหามาแสนนาน จนเขาเกือบจะเชื่ออยู่แล้วว่าเขา “รัก” เซย์ริว แต่แค่ข้ามวัน...สิ่งที่เกิดขึ้นกำลังฉุดเขาลงสู่ห้วงของความสิ้นหวังอย่างรุนแรง เขาไม่ได้เป็นอะไรของเซย์ริวมากไปกว่าของเล่นเลย หนำซ้ำ...ยังเป็นของเล่นไร้ค่าที่จะแบ่งกันเล่นกับเพื่อนก็ได้ ทั้งที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น เซย์โรก็ทำเพียงจูบและปลุกเร้า ปรนเปรอทางเพศให้เท่านั้น แต่ยังคงปล่อยให้เพื่อนของตนรุกรานล่วงเกินเขาอยู่เช่นนั้นโดยไม่ได้ห้ามปราม แถมบางครั้ง ยังมีเสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคออย่างพึงพอใจและสนุกสนานอีกด้วย

ความทุกข์ที่ก่อตัวฝังรากในใจของคัตซึฮิโกะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา เพิ่งถูกกลบเกลื่อนด้วยความอ่อนหวานที่ได้รับเพียงบางเบา และตอนนี้มันยิ่งหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจของเขายิ่งกว่าเก่า ลึกลงไปจนถึงกลางใจ...เจ็บปวดรุนแรงเสียจนผลักดันให้เขารู้สึกว่าสูญเสียทุกสิ่งที่เชื่อมั่นไปหมดแล้ว...เขาไม่ควรคิดถึงคนแบบนี้เลย!

แล้วความทารุณโหดร้ายทั้งหมดก็สิ้นสุดลง...คัตซึฮิโกะได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เรือนร่างเป็นรอยช้ำจากการขบจูบที่รุนแรง เรียวขาขาวเปรอะเลอะไปด้วยคราบไคลจากกามกิจที่ดำเนินมายาวนาน ดวงตาที่ปรอยปรือยังมีน้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย หากไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมาอีกแล้ว เขาร้องเสียจนไม่เหลือเสียงจะร้อง มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่เขารู้สึกอยู่ลึก ๆ ภายใน

ฮิโรกิเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเก็บของที่นำมาใส่กระเป๋า ตาเรียวเหลือบไปมองเหยื่ออารมณ์ของเขาและเซย์ริว

“อา...แย่จริง ยังร้องไห้อยู่อีกเหรอ?” นิ้วเรียวปาดเช็ดน้ำตาให้เบา ๆ  หากมันก็ไม่หยุดไหล “เรื่องแค่นี้เอง...สนุก ๆ น่า”

ไม่มีคำตอบจากคัตซึฮิโกะ แม้แต่แววตาก็ไม่มีการตอบสนอง ฮิโรกิถอนใจนิด ๆ

“ยามันแรงเกินไปรึไงนะ?” ร่างเล็กนั่งยอง ๆ ลงข้างเตียง “นี่...วันนี้สนุกมากเลยนะ คัตซึฮิโกะจัง ไว้วันหลังฉันมาเล่นด้วยอีกนะ”

“ไม่ต้องมาแล้ว ฉันไม่อนุญาต” เสียงของร่างสูงที่สวมกางเกงยีนส์เพียงตัวเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำบอก

“อะไรเล่า แค่นี้เอง งก” ฮิโรกิหันไปทำหน้าหงิกใส่

“บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ว่านี่เป็นของของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาตแล้วมาแตะต้องจะเป็นยังไง แกน่าจะรู้ดีนะ ฮิโรกิ” เซย์ริวบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“เฮอะ! ก้อด้าย...ไม่แตะต้องก็ได้ แกก็อย่ามายุ่งกับของของฉันอีกล่ะ ไม่งั้นไม่จบแค่นี้แน่” คนตัวเล็กทำเป็นฟึดฟัดพร้อมกับลุกขึ้นยืน “งั้นฉันกลับหละ”

เซย์ริวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากหลีกทางให้ฮิโรกิเดินปึงปังไปที่ประตูห้อง ก่อนที่จะจากไปยังไม่วายหันมาแลบลิ้นใส่เขาแล้วปิดประตูใส่หน้าด้วย

ร่างสูงเดินมานั่งที่ข้างเตียง มือใหญ่เกลี่ยปอยผมที่ปรกอยู่บนใบหน้าของร่างที่นอนอยู่บนเตียงออกให้ น้ำตายังหลั่งรินไม่ขาดสาย นั่นทำให้เซย์ริวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“...ไป...” ริมฝีปากบางขมุบขมิบถ้อยคำบางอย่างที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

“อะไรนะ?”

“...ไปให้พ้น” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา หากหนักแน่น

ดวงตาคมหรี่ลงนิดหนึ่ง “แกว่าอะไรนะ?”

คัตซึฮิโกะหลับตาลงอย่างรวดร้าว “ไปให้พ้นจากหน้าผม...เดี๋ยวนี้เลย”

“นี่แกกล้าเหรอ...?” เซย์ริวเค้นเสียง...คน ๆ นี้กล้าดียังไงมาออกปากไล่เขา

“ไปให้พ้น...คนอย่างคุณน่ะ...คนอย่างคุณ...” คัตซึฮิโกะยกมือปิดหน้าแล้วสะอื้นไห้

“อะไรของแก!? เป็นอะไรของแก!?” ร่างสูงกระชากดึงมือนั้นออกแล้วกดคนตัวเล็กกว่าลงกับเตียงแน่น แต่คัตซึฮิโกะยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น

“ผมไม่ควรคิดถึงคุณเลย...คนอย่างคุณมัน...สารเลว! คุณมันไม่ใช่คน...สันดานของคุณมันไม่ใช่คน!”

เซย์ริวรู้สึกชาวาบที่ใบหน้า...คน ๆ นี้...ของเล่นของเขา...กล้าด่าเขาอย่างนี้เชียวรึ ฝ่ามือใหญ่สะบัดตบเข้าที่ใบหน้าของคัตซึฮิโกะเต็มแรงจนขึ้นรอยแดงแทบจะทันที

“เอาเซ่! เอาให้ตายไปเลย ยังไงคุณก็ไม่รู้สึกผิดอะไรอยู่แล้วนี่! แค่จะฆ่าคนเพิ่มอีกสักคนสองคนมันจะเป็นอะไรไป ฆ่าเซ่!” คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้าร่างสูงอย่างท้าทาย

“แกเป็นบ้าอะไรของแก หา คาซึโกะ? บ้าอะไรขึ้นมา? เมายาจนเพี้ยนรึไง?” เซย์ริวจับไหล่ทั้งสองข้างของร่างเล็กเขย่าแรง ๆ

“ใช่! ผมมันบ้า ผมมันบ้าที่เชื่อว่าคุณจะเห็นหัวผมบ้าง ผมมันบ้า!” คัตซึฮิโกะหลับหูหลับตาตะโกนเหมือนจะเป็นบ้าไปจริง ๆ

เพียงแค่นั้นร่างสูงก็ฉุนจนเลือดขึ้นหน้า เขากระแทกร่างของคัตซึฮิโกะลงกับเตียงอย่างแรง มือแกร่งกดล็อคลำคออีกฝ่ายเอาไว้เมื่อพยายามดิ้นรน อีกมือหนึ่งเลื่อนลงไปปลดกระดุมและซิปกางเกงของตัวเอง ดุนดันสอดกายเข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะอย่างรุนแรง

คัตซึฮิโกะกรีดร้องสุดเสียง เขาบอบช้ำมามากเกินไปจนไม่สามารถรับความรุนแรงใด ๆ ได้อีกแล้ว เรียวเล็บจิกข่วนแผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังรุกรานเขา ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน หากแล้วประตูห้องก็เปิดออก...

“คัตจัง!?”

เสียงใครบางคนที่ดังขึ้นเหมือนกับเสียงจากสวรรค์...แต่มันเป็นเสียงที่คัตซึฮิโกะไม่อยากได้ยินในห้องนี้ ในเวลานี้…นัตสึ!

“แกทำอะไรพี่ฉัน!?”

ร่างของเซย์ริวโดนกระชากแยกออกจากร่างบาง หมัดลุ่น ๆ กระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง เล่นเอามึนงงไปครู่หนึ่ง นัตสึปราดเข้าไปหาหมายจะซ้ำ แต่คนที่เคยชินกับเรื่องแบบนี้อย่างเซย์ริวเบี่ยงตัวหลบทัน

“นึกว่าใคร...ที่แท้ก็ไอ้หนูขี้โวยวายนี่เอง ไม่เจอกันนานนะ” มุมปากยกยิ้มนิด ๆ เหมือนจะเยาะ

“แก...แก...กล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับพี่ฉัน” นัตสึตวาด

“กล้าดี...?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นแบบไม่รู้ไม่ชี้ จัดการจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อย “ถ้าจะเรียกว่ากล้าดี ฉันกล้าดีกับพี่แกมาเป็นปีแล้ว ไอ้หนู”

“แก...นี่แกข่มขืนพี่ฉัน” นัตสึจ้องคนตรงหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ เขาเกลียดเซย์ริวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งครั้งนี้...ยิ่งให้อภัยไม่ได้

“แต่พี่แกก็มีความสุขเวลาที่ฉันทำดีออกนี่นา” น้ำเสียงนั้นมีแววเยาะเย้ยนิด ๆ  ดวงตาคมปรายมองส่วนกลางกายของร่างที่อยู่บนเตียง...คัตซึฮิโกะตื่นตัวตามสัญชาตญาณทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ยินยอม...

คัตซึฮิโกะร้อนไปทั้งใบหน้า รีบคว้าผ้าห่มมาปิดคลุมทันที นัตสึมองพี่ชายแล้วก็อึกอัก...ร่างกายของคัตซึฮิโกะบ่งบอกถึงความพึงพอใจ แต่เสียงร้องที่เขาได้ยินเมื่อกี้นี้ล่ะ ไม่ใช่แน่ ๆ  เซย์ริวกำลังทำร้ายพี่ชายของเขาแน่ ๆ

“พี่แกมันใจง่าย...ปากก็ร้องไปสิ แต่สะโพกงี้ ส่ายไม่หยุด” เซย์ริวพูดเนิบ ๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน

“พี่ฉันไม่ใช่คนใจง่ายนะ!”

“แต่มันก็ยอมฉัน” รอยยิ้มที่มุมปากเหยียดกว้างมากขึ้น
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-04-2013 12:25:11
คัตซึฮิโกะไม่รู้ว่าเป็นรอยยิ้มที่แท้จริงหรือรอยยิ้มที่แสร้งทำ แต่เขาเคยเห็นรอยยิ้มแบบเดียวกันนี้มาก่อน...ในวันนั้น วันที่พบกับเซย์ริวครั้งแรก...นั่นแสดงว่า ความรู้สึกที่เซย์ริวมีต่อเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยนับตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเป็น
“เหยื่อ” ที่น่าทำลาย มีแต่เขาที่บ้าไปเองคนเดียว!

“ไม่ว่าจะเล่นอะไรรุนแรงแบบไหน ใช้ของเล่นอะไร ฉันก็เห็นมันยอมให้ฉันทำทุกที ขนาดเอาเพื่อนมาเล่นกับมันด้วยมันก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่...แล้วแบบนี้ แกจะบอกรึไงว่า พี่แกไม่ได้ใจง่าย” ร่างสูงยังคงพูดต่อไป “แกมันก็บ้า ไม่เคยรู้หรอกว่าพี่แกมันเป็นคนยังไง เอาแต่ปกป้องมันหัวชนฝา ฉันจะบอกให้นะ คนที่ตอนเด็ก ๆ มันเป็นคนดีมาก ๆ น่ะ โตขึ้นแล้วมันเหลวแหลกได้มากกว่าคนแบบฉันเสียอีก หัดลืมตาขึ้นมาดูโลกแห่งความจริงได้แล้ว ไอ้โง่”

นัตสึนิ่งอึ้งไป คัตซึฮิโกะเองก็เช่นกัน...เซย์ริวไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดอะไรอีก เขาคว้าเสื้อโค้ทที่วางพาดทิ้งไว้ที่พนักเก้าอี้แล้วออกจากห้องไปทันที

ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องเล็ก ๆ นั้นในชั่วขณะหนึ่ง

“พี่...”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ขานรับเสียงเรียกนั้น นอกจากกระชับผ้าห่มมาคลุมร่างให้มากขึ้น

“ไม่จริงใช่มั้ย?...มันข่มขืนพี่...พี่ไม่ได้ยอมมันมาเป็นปีแบบที่มันว่า” นัตสึหันมามองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน

ไม่มีคำตอบจากคัตซึฮิโกะ นอกจากอาการก้มหน้านิ่ง แต่นัตสึรู้ดี...นั่นคือการตอบรับอย่างหนึ่งของพี่ชาย หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากพูด

“ไม่จริง...พี่...” น้ำเสียงของนัตสึรวดร้าว “พี่ไปยอมคนอย่างมันได้ไง?”

เมื่อพี่ชายยังคงนิ่ง ความสับสนพลุ่งพล่านในตัวนัตสึก็ถึงที่สุด เขาคว้ากระเป๋าแล้วพลุนพลันออกจากห้องไป

เมื่อเหลืออยู่คนเดียวในห้อง คัตซึฮิโกะก็ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นจากเตียง เกาะผนังห้องค่อย ๆ เดินไปที่ห้องน้ำอย่างล้าแรง น้ำอุ่นจัดไหลเป็นสายออกจากฝักบัวลงมากระทบร่างที่พิงผนังห้องน้ำแคบ ๆ อย่างแทบจะไร้แรงยืน เขาปล่อยให้น้ำตามันไหลไปกับสายน้ำ...หรือบางทีมันอาจจะไม่เหลือน้ำตาให้ไหลอีกแล้วก็ได้ สองมือลูบไล้ไปตามเรือนร่าง ค่อย ๆ ทำความสะอาดตัวเองจนทุกซอกทุกมุม...ลูบไล้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อขจัดคราบไคลและร่องรอยของใครคนนั้นให้หมดสิ้น...ขจัดออกให้หมดแม้แต่รสสัมผัส

ชายหนุ่มโผเผออกจากห้องน้ำ หยิบเสื้อผ้ามาสวมทั้งที่ตัวยังเปียกชื้น แต่ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับเขาแล้ว คัตซึฮิโกะหยิบของบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น...จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เป็นไรแล้ว...เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว...เขาไม่เหลือใครอีกแล้ว...

นิ้วเรียวขยับเลื่อนใบมีดคัตเตอร์ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า...หากแสนเศร้า บางที...สำหรับคนที่โดดเดี่ยวมาตั้งแต่เกิดอย่างเขา จะมีตอนสุดท้ายที่โดดเดี่ยวบ้างก็คงไม่แปลกอะไรไม่ใช่หรือ...

ปลายมีดจรดลงกับข้อมือข้างซ้าย ความคมของมันกดลงกับผิวเนื้อจนเลือดไหลริน...
//////////

เซย์ริวเดินหงุดหงิดออกมาจากห้องของคัตซึฮิโกะ ไม่ใช่หงุดหงิดเพราะโดนนัตสึขัดจังหวะ...ความจริงแล้วเขาไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสเลยสักนิด ที่ทำลงไปก็ด้วยบันดาลโทสะล้วน ๆ ...ที่เขาหงุดหงิดก็เพราะคัตซึฮิโกะ ทำยังกับว่าเรื่องที่เขาชวนฮิโรกิมามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้นแหละ ทำยังกับเป็นพรหมจรรย์ไม่เคยผ่านเรื่องอย่างนี้มาก่อน...ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดหนัก โชคดีว่าเขาไม่ต้องหงุดหงิดนานนัก เพราะอยู่ ๆ ก็มีคนเดินมาหาเรื่องให้เขาได้ระบายความหงุดหงิดเสียจนฝ่ายนั้นแทบปางตาย
พออารมณ์เป็นปกติในระดับหนึ่งแล้ว ร่างสูงก็คิดจะซื้อน้ำดื่มแก้กระหาย แล้วก็พบว่าไม่ได้เอาเงินออกมาจากห้องของคัตซึฮิโกะ เพราะอย่างนั้น ถึงจะไม่อยากกลับไปนักก็ต้องกลับอยู่ดี จะหาปล้นใครเพราะเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้มันก็เกินไปหน่อย

เซย์ริวลังเลอยู่หน้าห้องคัตซึฮิโกะนิดหน่อย เงี่ยหูฟังเสียงในห้องแล้วปรากฏว่าเงียบ...นัตสึคงกลับไปแล้ว นั่นก็ดี เขาเองก็ขี้เกียจเถียงกับไอ้เด็กบ้านั่นเหมือนกัน

ร่างสูงเปิดประตูเข้าไปในห้อง...มืดและเงียบ...เงียบเกินไป...จะว่าคัตซึฮิโกะไม่อยู่ในห้องก็ไม่น่าจะใช่ สภาพอย่างนั้นจะมีเรี่ยวแรงที่ไหนออกไป หรือว่าจะออกไปกับนัตสึ...ก็อาจเป็นได้...แต่บรรยากาศที่เคลื่อนไหวบางอย่างในห้องทำให้เซย์ริวไม่แน่ใจ

ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในห้อง เสียงเหมือนเหยียบลงบนแอ่งน้ำดังขึ้นมาจากตรงปลายเท้า เซย์ริวรีบเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟทันที แสงจากหลอดนีออนกลางห้องสว่างพรึ่บ...

“คาซึโกะ!!!!?”

ร่างเพรียวบางนอนนิ่งอยู่ข้างเตียงนอน เลือดสด ๆ ยังไหลรินจากบาดแผลที่ข้อมือซ้ายไม่หยุด ลมหายใจรวยริน ดวงตาหรี่ปรือเหม่อนิ่งราวกับไร้ชีวิตไปแล้ว

“คาซึโกะ! คาซึโกะ!! ไอ้... ทำบ้าอะไรของแก!?” เซย์ริวปราดเข้าไปประคองร่างนั้นทันที

สัมผัสจากร่างนั้นเย็นชืด ชายหนุ่มตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง ทั้งที่เคยเห็นความตายมาแล้วมากมาย ทั้งยังเคยฆ่าคนตายมาแล้วก็หลายคน แต่คราวนี้...

“คาซึโกะ! คาซึโกะ!!” ร่างสูงเขย่าคนในอ้อมแขนแรง ๆ

ดวงตาคู่สวยกระพริบนิด ๆ เป็นการรับรู้ ริมฝีปากแห้งผากขมุบขมิบเบา ๆ  “หนาว...”

“มันก็ต้องหนาวแน่อยู่แล้ว เลือดออกมากขนาดนี้” เซย์ริวรีบหาเสื้อโค้ทหนา ๆ มาห่มคลุมร่างบางเอาไว้พลางกวาดตามองไปบนพื้นห้อง...คัตซึฮิโกะเลือดออกมาเหลือเกิน ปล่อยเอาไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว

ผ้าสองผืนถูกนำมามัดแขนคัตซึฮิโกะและกดปากแผลไว้เป็นการห้ามเลือด สติของเขาเลือนรางเต็มทน เซย์ริวค่อย ๆ จับร่างเพรียวขึ้นพาดหลังแล้วออกจากห้องตรงไปยังโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะทันที

ท่ามกลางลมหนาว เซย์ริวแบกร่างที่เย็นเฉียบพลางชวนคุยเรียกสติไปตลอดทาง คัตซึฮิโกะยังแสดงอาการรับรู้เป็นระยะ แต่บางครั้งก็เหมือนกับพร่ำเพ้ออะไรบางอย่างออกมาเบา ๆ จนฟังแทบไม่รู้เรื่อง เลือดจากแผลที่ข้อมือยังไหลซึมจนผ้าที่พันเอาไว้เปียกชุ่ม ร่างสูงพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

ประตูหน้าของโรงพยาบาลถูกถีบให้เปิดออกโดยแรง เล่นเอาบุรุษพยาบาลที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาสะดุ้งสุดตัว

“หมอมาสะ! เร็ว ๆ  มันจะตายแล้ว!!” เซย์ริวตะโกนลั่น

หมอมาซาฮิเดะชะโงกหน้ามาจากห้องด้านใน “ตะโกนทำบ้าอะไร? คนอย่างแกคงไม่ตายง่าย ๆ หรอก เซย์ริว”

“ไม่ใช่ฉัน มานี่เร็ว ไอ้หมอนี่มันกรีดข้อมือฆ่าตัวตาย” เซย์ริวพูดเสียงดังจนเกือบตะโกน

ในตอนนั้นมาซาฮิเดะถึงได้เห็นร่างที่คลุมด้วยเสื้อโค้ทตัวหนาอยู่บนหลังเซย์ริว ใบหน้านั้นซีดเผือดแล้ว

“เอาเข้ามาข้างในนี่ เร็ว!”

ไม่ต้องรอให้หมอสั่งเพิ่มอีก ทั้งเซย์ริวและบุรุษพยาบาลรีบพาตัวคัตซึฮิโกะเข้าไปยังห้องพยาบาลด้านในทันที ร่างสูงวางคนไข้ลงกับเตียงนอนโดยมีหมอกับบุรุษพยาบาลช่วยประคอง

“ฉันห้ามเลือดไว้ แต่คงเอาไม่อยู่” เซย์ริวบอกหมอพลางมองดูคนที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยแววตาร้อนรนใจ

มาซาฮิเดะแกะผ้าที่ปิดปากแผลออกอย่างรวดเร็วและชำนาญยิ่ง พอเห็นแผลก็เบ้หน้า “กรีดลึก กะจะตายจริง ๆ  ไม่รู้จะโดนเส้นเอ็นรึเปล่า”

พูดแล้วก็ค่อย ๆ แกะผ้าที่เซย์ริวมัดไว้ตรงต้นแขนเพื่อห้ามเลือดออก เลือดไหลทะลักออกจากแผลทันทีจนหมอต้องมัดซ้ำไว้อีกก่อนที่จะใช้สายยางรัดตรงเหนือแผลแล้วค่อยแกะผ้าออกอีกครั้ง ทั้งหมอและบุรุษพยาบาลรีบทำความสะอาดปากแผลเพื่อทำการเย็บอย่างรวดเร็ว

“คอยเรียกเอาไว้ อย่าให้หมดสติ คนไข้เสียเลือดมากอาจช็อคได้” มาซาฮิเดะสั่งเซย์ริว

ร่างสูงเดินไปอีกด้านหนึ่งของเตียง กุมมือและบีบเป็นระยะ ๆ  อีกมือก็เกลี่ยไล้ไปตามใบหน้า “คาซึโกะ ได้ยินฉันมั้ย คาซึโกะ?”
ไม่มีคำตอบนอกจากดวงตาที่ปรอยปรือมากขึ้น สติที่เหลืออยู่น้อยนิดเริ่มจะเลือนรางลงทุกขณะ แล้วขนตายาวก็ค่อย ๆ พริ้มลงเหมือนจะหลับ

“คาซึโกะ! อย่าหลับนะโว้ย!” ไม่เรียกเปล่ายังจับไหล่บางเขย่า

“เฮ้ย! อย่าเขย่าสิโว้ย มันเย็บไม่ได้” คนเป็นหมอด่าเข้าให้ “จะเรียกก็ตบหน้าเอา อย่าเขย่า”

สถานการณ์ในตอนนั้นไม่ค่อยจะดีนัก มาซาฮิเดะไม่ค่อยได้เจอแผลกรีดเพื่อฆ่าตัวตายเท่าไรนัก แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่วิชาแพทย์ที่มีอยู่จะเอื้ออำนวย เส้นเลือดถูกเย็บต่อกันเป็นอันดับแรกเพื่อห้ามเลือดให้หยุดไหล จากนั้นจึงเย็บปากแผล แม้จะด้วยฝีมือระดับมืออาชีพที่เชี่ยวชาญเรื่องบาดแผล แต่ก็ใช้เวลามากกว่าที่คิด

“หมอ! มันหลับไปแล้ว”

“ก็ตบมันเซ่” มาซาฮิเดะตัดไหมเส้นสุดท้ายแล้วเอาผ้าพันแผลพันปิดทับ

บุรุษพยาบาลรีบเอาเครื่องวัดความดันมารัดต้นแขนของคัตซึฮิโกะ “หมอครับ ความดันต่ำมากครับ”

ใบหน้าของคัตซึฮิโกะยังซีดเผือด ลมหายใจรวยริน ดวงตาปิดสนิท...ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว แม้เลือดจะหยุดไหลแล้วแต่ก็เสียเลือดมากเหลือเกิน

“ต้องให้เลือดแล้ว ตรวจซิว่าเลือดเจ้านี่กรุ๊ปอะไร”

ผลการตรวจอย่างง่ายออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่า... “หมอครับ เลือดกรุ๊ปโอที่เราไม่เหลือแล้วนะครับ”

“บ้าเอ๊ย!” มาซาฮิเดะสบถออกมาดัง ๆ  “ทำไงดีวะ...”

จริงอยู่ว่าเขาเป็นแพทย์ที่ไม่ใคร่จะมีจรรยาบรรณเท่าไร และยังทำเรื่องผิดกฎหมายเกี่ยวกับการค้าอวัยวะอยู่เสมอ แต่สำหรับคนไข้ที่ยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าเขา เขาต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อยื้อชีวิตเอาไว้ให้ได้ พวกวายร้ายที่รายล้อมเขาอยู่ในโลกด้านมืดแห่งนี้ คือคนที่เขาต้องดูแลด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี ทุกคนเสมือนญาติพี่น้องเท่าที่เขามีอยู่ในชีวิตนี้...ไม่เว้นแม้แต่เจ้าเด็กที่คิดจะทิ้งชีวิตตัวเองคนนี้ด้วย

“หมอ เลือดฉันกรุ๊ปโอ”

มาซาฮิเดะหันขวับไปตามเสียงพูดทันที เป็นเซย์ริวที่พูดขึ้นด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวมั่นคง

“ใช้เลือดของฉันก็ได้ ถ้ามันใช้ได้”

“แกแน่ใจนะว่าเลือดกรุ๊ปโอ?”

“แน่ใจ หมอเป็นคนตรวจให้ฉันเอง แล้วก็ย้ำให้จำเอาไว้แม่น ๆ  เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน”

มาซาฮิเดะมองร่างสูงตรงหน้าอย่างชั่งใจอยู่ชั่วอึดใจ “ดี! ไปที่เตียง เตรียมถ่ายเลือด”

ปลายเข็มขนาดใหญ่ที่ต่อกับท่อยางใสซึ่งนำไปสู่ถุงสุญญากาศสำหรับเก็บเลือดถูกแทงลงที่เส้นเลือดตรงท้องแขนของเซย์ริว มือใหญ่กำบีบท่อนยางกลม ๆ เพื่อผลักดันให้เลือดไหลเข้าไปในถุงให้เร็วที่สุด

“ฉันจะเอาเลือดจากแกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไอ้หนุ่มนั่นเสียเลือดเยอะเกินไป เราต้องเผื่อเอาไว้ก่อน” มาซาฮิเดะบอกกับเซย์ริว

“ยังไงก็ได้ เท่าที่หมอต้องการเลย” เซย์ริวตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างอันนอนนิ่งอยู่บนเตียงใกล้ ๆ กัน

การถ่ายเลือดดำเนินไปไม่นานนักก็ได้เต็มถุง หมอมาซาฮิเดะรีบนำเลือดถุงนั้นไปถ่ายต่อให้กับคัตซึฮิโกะทันที ในขณะเดียวกันก็ให้บุรุษพยาบาลถ่ายเลือดจากเซย์ริวสำรองเพิ่มอีกจนพอที่หมอต้องการ ร่างสูงขยับจะลุกทันทีที่บุรุษพยาบาลทำแผลให้เขาเรียบร้อย

“นอนลงไปก่อน!” หมอสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด ทำเอาคนที่ตั้งท่าจะลุกต้องชะงัก “แกเองก็เสียเลือดมาก ความดันเลือดมันต่ำ นอนลงไป ลุกขึ้นมาจะเป็นลมได้”

“เรื่องแค่นี้ ไม่เป็นไรหรอกน่า”

“ฉันบอกให้แกนอน...” มาซาฮิเดะบอกด้วยสายตาเย็นเยียบ อันเป็นที่รู้กันว่าถ้าหมอทำตาแบบนั้นเมื่อไร ไม่ควรดื้อดึงกับแกเป็นดีที่สุด

เซย์ริวทิ้งตัวลงนอนอย่างเสียมิได้ เขาเฝ้ามองหมอกับบุรุษพยาบาลสาละวนวุ่นวายกับคัตซึฮิโกะอยู่ไม่ห่าง ความคิดต่าง ๆ กระจัดกระจายอยู่ในหัว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเดือดร้อนกับเรื่องของคัตซึฮิโกะมากมายขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขายังเล่นสนุกกับเรือนร่างของคัตซึฮิโกะ แถมยังดูถูกดูแคลนเอาไว้อย่างรุนแรง แต่พอเห็นคัตซึฮิโกะนอนนิ่งอยู่บนพื้นห้องโดยมีเลือดแดงฉานไหลนองเต็มพื้น วินาทีนั้นเขารู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น...ทำไม...

เวลาผ่านไปนานพอสมควร หมอมาซาฮิเดะจึงได้ยิ้มออกมาแล้วหันมาบอกกับเซย์ริว

“โอเค ปลอดภัยแล้ว แต่ยังต้องให้เลือดต่อไปอีก”

เซย์ริวถอนใจยาวอย่างโล่งอก

“แล้วทีนี้ แก...ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งซิ ช้า ๆ นะ”

ร่างสูงทำตามอย่างว่าง่าย โดยปกติแล้วเขาไม่ค่อยดื้อกับหมอมาซาฮิเดะเท่าไรนัก ตอนที่หนีออกจากโรงพยาบาลนั่นเป็นการดื้อดึงที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมาแล้ว ช็อกโกแลตหอมกรุ่นถูกยื่นมาตรงหน้า

“ดื่มซะ จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น”

เซย์ริวรับช็อกโกแลตถ้วยนั้นมาถือไว้ในมือ จะพูดตามตรงก็คือตอนนี้เขารู้สึกมึนหัวจนแทบจะอาเจียน ไม่นึกอยากอะไรทั้งสิ้น แต่สายตาของหมอมาซาฮิเดะมันเหมือนจะบอกว่า...ถ้าแกไม่ยอมดื่มหละก็ ฉันจะเล่นงานแกแน่ ๆ ...เขาก็เลยต้องจำยอมดื่มช็อกโกแลตหวานแสบไส้ถ้วยนั้นจนหมดแล้วตามด้วยน้ำล้างปากที่บุรุษพยาบาลเอามาให้
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 27-04-2013 12:29:34
ร่างสูงโดนบังคับให้นั่งอยู่ก่อนแม้จะเวียนหัวอย่างหนักกับอาการโลหิตจาง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้สำลักช็อกโกแลตที่เพิ่งดื่มเข้าไป แต่ถึงจะนั่งคอพับคอห้อยอยู่อย่างนั้น สายตาคมก็ยังคงจ้องมองคนที่นอนอยู่เตียงใกล้ ๆ ไม่วางตา...ถึงมือหมอแล้ว คัตซึฮิโกะปลอดภัยแล้ว...เขาบอกกับตัวเองอย่างนั้น แล้วความง่วงก็เข้ามาเยือนพร้อมกับความรู้สึกสบายใจ

ดังนั้น ทันทีที่หมอมาซาฮิเดะอนุญาตให้นอนได้ เซย์ริวจึงหลับไปเกือบจะทันทีด้วยความวางใจ
//////////

ขนตายาวเป็นแพไหวกระพริบนิด ๆ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะหรี่ปรือขึ้น แสงไฟสาดเข้ากระทบดวงตาดูเจิดจ้าเสียจนต้องยกมือขึ้นบัง หากก็ติดขัดอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ที่แขน ชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง...เพดานสีขาว...สวรรค์อย่างนั้นหรือ นี่คนที่ฆ่าตัวตายอย่างเขาได้ขึ้นสวรรค์ด้วยอย่างนั้นหรือ?...ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เกาะกุมมือซ้ายของเขาเอาไว้ขยับเกาะมือของเขาแน่นขึ้น จนต้องหันไปมอง...ที่นั่น ใครบางคนกำลังนั่งฟุบหลับอยู่กับเตียงทั้งที่ยังจับมือเขาเอาไว้...ใครกันนะ...
พอคิดจะขยับไปเพื่อมองหน้าให้ชัด ๆ  ก็พอดีกับที่ใครคนนั้นลืมตาขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอ?”

น้ำเสียงห้าวห้วนนั้น คัตซึฮิโกะจำได้ดี...เซย์ริว!?

ร่างเพรียวขมวดคิ้วมุ่น...นี่ขนาดเขาตายไปแล้วยังตามมาหลอกหลอนกันอีกหรือ... หรือที่นี่จะเป็นนรกที่ลงโทษเขาด้วยการบังคับให้อยู่กับเซย์ริวไปชั่วนิรันดร์

“ทำหน้าแบบนั้นอีกแล้ว บอกกี่ทีแล้วว่าฉันไม่ใช่ผี” ร่างสูงยกมือขึ้นเกาหัวด้วยท่าทางติดจะง่วงงุนนิด ๆ

‘…ไม่ใช่...มันต้องไม่เป็นแบบนี้...ถึงเราจะตกนรกจริง ๆ ก็เถอะ แต่มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้...ทำไมต้องมีเซย์ริว…’

คัตซึฮิโกะคิดอย่างวุ่นวายใจแล้วเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัว ในตอนนั้นเองที่สติของเขากลับมาอย่างครบถ้วน ห้องสีขาวและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่กรุ่นไปทั่ว บอกให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน

“ที่นี่...”

“โรง’ บาล” คำตอบห้วนแต่ชัดเจน “เสียใจด้วยนะที่ไม่ใช่สวรรค์”

คัตซึฮิโกะหันขวับไปมองเซย์ริวทันที ร่างสูงยังคงนั่งซบกับเตียงด้วยท่าทางขี้เกียจ ๆ  ชายหนุ่มมองเลยไปที่ข้อมือของเขาที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันไว้ดิบดี...ความรู้สึกบางอย่างปะทุขึ้นมาในใจของคัตซึฮิโกะ

“มาช่วยทำไม!?” เสียงแหบเครือแหวเอา มือเรียวพยายามดึงให้หลุดจากการเกาะกุม แต่เรี่ยวแรงในตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

เซย์ริวยังคงกุมมือนั้นไว้ไม่ปล่อย “ก็กลับเข้าไปพอดี เห็นแกนอนเลือดท่วมอยู่ ก็เลยพามาหาหมอเนี่ย”

“ทำไม...” คัตซึฮิโกะหรี่ตาด้วยความรู้สึกเจ็บร้าวบางอย่าง “ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายไปซะเลย มาช่วยผมทำไม ผมอยากตาย!”

เซย์ริวเงยหน้าขึ้นจากเตียงแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบหน้า “เพราะแกเป็นของเล่นของฉันน่ะสิ”

“อะไรนะ...?”

“เพราะแกเป็นของเล่นของฉัน ถ้าฉันไม่ทำลายเองแล้ว ใครก็ทำลายไม่ได้ทั้งนั้น แม้แต่ตัวแกเอง”  เซย์ริวตอบด้วยน้ำเสียงและสายตาเย็นชา

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ริมฝีปากเม้มแน่นและสั่นระริก...นี่หรือเหตุผลที่ยื้อเขาไว้ที่นี่ นี่หรือเหตุผลที่รั้งเขาไว้ให้พบกับความทุกข์ทรมานที่เขาพยายามจะหนีมันไปให้พ้นด้วยความตาย...เพราะเขาเป็นของเล่น...!

“ไม่!! คุณทำบ้าอะไร! ผมไม่ใช่ของเล่นของคุณนะ! ผมเป็นคน!! สารเลว!!” คัตซึฮิโกะอาละวาด ดึงมือจนหลุดจากการเกาะกุมในที่สุด

“เฮ้ย! เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ!” ถึงตอนนี้เซย์ริวชักจะฉุนขึ้นมาแล้ว

“ปล่อย! อย่ามายุ่งกับผม! ไอ้สันดานเสีย ไอ้นรก!!” คัตซึฮิโกะฉีกดึงผ้าที่พันแผลที่ข้อมือออกอย่างรวดเร็วและพยายามที่จะดึงไหมที่เย็บแผลไว้ออกด้วย แต่เซย์ริวคว้าตัวล็อคเอาไว้ทัน

“แกจะบ้าเหรอ! หยุด!! หยุดนะโว้ย!!”

“ปล่อย! กูบอกให้ปล่อย!” นั่นเป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะใช้คำพูดรุนแรงถึงขนาดนั้นด้วยอารมณ์คลั่งถึงขีดสุด

“กูไม่ปล่อย! เลิกดิ้นซะทีสิโว้ย! เลือดในถุงนั่นมันเลือดกูนะโว้ย! อย่าเสือกทำให้เสียของนะมึง!!” เซย์ริวรวบล็อคคนตัวเล็กกว่าไว้เต็มอ้อมแขน แต่ครั้งนี้กลับง่ายดาย เมื่อคนในอ้อมแขนอยู่ ๆ ก็หยุดชะงัก

เป็นอีกครั้งที่คัตซึฮิโกะเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเอง เลือด...เลือดของเซย์ริว...อยู่ในตัวเขา...

“หายบ้าแล้วใช่มั้ย? ดี! ต้องให้เปลืองแรงอยู่เรื่อย” ร่างสูงคลายอ้อมแขนออกแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงตัวเดิม เขายังเพลียจากการเสียเลือดเป็นจำนวนมากเช่นกัน

“เลือด...ของคุณ...” ริมฝีปากบางที่สั่นระริกขมุบขมิบเบา ๆ

“เออ! เลือดของฉัน ใช้เยอะฉิบ! ยังเพลียไม่หายเลยเนี่ย” เซย์ริวบอกด้วยท่าทางเซ็ง ๆ  “เพราะงั้นจำเอาไว้ ตอนนี้ในตัวแกมีเลือดของฉันอยู่ แกเป็นส่วนนึงของฉัน ถ้าฉันไม่อนุญาตแกก็ห้ามตาย!”

“มะ...ไม่นะ...” คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง

“อะไรนะ?”

เร็วกว่าความคิด มือของคัตซึฮิโกะจับสายยางที่ต่อกับเข็มให้เลือดที่เสียบอยู่กับหลังมือขวากระตุกหมายจะดึงออก แต่โชคดีที่เซย์ริวไหวตัวทัน เขาตะปบมือทั้งคู่ของคัตซึฮิโกะเอาไว้ทันเวลา

ทันทีที่ถูกขัดขวางคัตซึฮิโกะก็กรีดร้องลั่น พยายามทุบตีและผลักไสร่างสูง เซย์ริวก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาพยายามสุดชีวิตที่จะกดล็อคร่างเพรียวลงกับเตียงให้ได้ แต่ดูเหมือนฤทธิ์คลั่งของคัตซึฮิโกะจะเหนือกว่า เสียงทะเลาะกันของทั้งสองคนดังจนคนข้างนอกต้องวิ่งเข้ามาดู

“อะไร? เกิดอะไรขึ้น!?” มาซาฮิเดะตะโกนถาม

ภาพตรงหน้าค่อนข้างคลุมเครือ...มาซาฮิเดะไม่แน่ใจว่าเซย์ริวกำลังพยายามทำลามกกับคัตซึฮิโกะ หรือคัตซึฮิโกะพยายามจะบีบคอเซย์ริวกันแน่ หรือว่าทั้งสองคนกำลังพยายามฆ่ากันเอง...แต่จะอะไรก็ช่าง ตอนนี้เขาต้องหยุดไอ้เด็กบ้าสองคนนี้ก่อน

ผ่าง!!!!

ถาดใส่อุปกรณ์การแพทย์สองใบฟาดลงกลางกบาลคู่กรณีทั้งสองเต็มรัก เล่นเอาเห็นดาวเลยทีเดียว

“ทำบ้าอะไรของพวกแก หา!? ถึงที่นี่จะเป็นโรง’ บาลเถื่อนแต่ก็เป็นโรง’ บาลนะโว้ย รักษาความสงบหน่อย!!” คนเป็นหมอด่าเข้าให้

“มันเจ็บนะ หมอ” ร่างสูงโวยวายก่อนเพื่อน ในขณะที่คัตซึฮิโกะได้แต่เอามือกุมหัวก้มหน้านิ่ง

“พวกแกแหละ ทำบ้าอะไรกัน เสียงดังไปถึงชั้นล่าง จะฆ่ากันตายรึไง?”

“ก็มันอ้ะ จะถอดเข็มเลือดออก” เซย์ริวฟ้อง

“อ้าว...ทำไม?” มาซาฮิเดะหันไปมองคัตซึฮิโกะที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรนอกจากก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น โชคดีที่เข็มให้เลือดยังไม่หลุดจากตำแหน่งที่เสียบเอาไว้ มาซาฮิเดะถอนใจนิด ๆ ...คนที่พยายามฆ่าตัวตายก็เป็นแบบนี้ ปฏิเสธการมีชีวิตอยู่ต่อไปเสมอ

“แกออกไปก่อน เซย์ริว”

“อ้าว ทำไมล่ะ?”

“ฉันบอกให้ออกไป” น้ำเสียงของหมอราบเรียบไม่แสดงอารมณ์อะไร “ฉันมีเรื่องจะคุยกับเจ้าหนุ่มนี่”

ร่างสูงถอนใจพรืด แต่ก็ยอมออกจากห้องไปโดยดี เมื่อเห็นว่าเซย์ริวออกไปแล้ว มาซาฮิเดะจึงพูดกับคัตซึฮิโกะ

“ฉันรู้ ว่าเธอพยายามที่จะตาย ดูจากแผลก็รู้แล้ว เธอกรีดโดยไม่ลังเลเลย”

“แล้วช่วยผมทำไม?” น้ำเสียงของคัตซึฮิโกะค่อนข้างสั่นเครือ

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเจอกับอะไรมาจนถึงขนาดต้องการจะตาย แต่คนไข้ที่มาถึงมือฉัน ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องรักษาชีวิตคนไข้ทุกคนเอาไว้ แม้ว่าคน ๆ จะเป็นคนที่ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่ก็ตาม...มันเป็นหน้าที่” หมอมาซาฮิเดะพูดพลางตรวจดูถุงเลือดและเข็มให้เลือดให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อย

“ถอดออกได้มั้ยครับ...ไอ้เลือดนั่น...” คัตซึฮิโกะเหลือบตามองถุงเลือดด้วยสายตารังเกียจอย่างเห็นได้ชัด

มาซาฮิเดะนั่งลงบนเก้าอี้ที่เมื่อครู่เซย์ริวนั่งอยู่ ยิ้มนิด ๆ  “ไม่ได้หรอก เลือดพวกนี้น่ะเป็นของมีค่าที่สุดสำหรับที่นี่เชียวนะ เพราะฉะนั้น ห้ามทำให้มันเสียหายโดยไร้ประโยชน์เด็ดขาด แม้เธอจะรังเกียจมันสักแค่ไหนก็ตาม...เลือดถุงนี้ ถ้าไม่เอามาใช้กับเธอ มันจะสามารถช่วยชีวิตใครสักคนที่อยากมีชีวิตอยู่ได้ แต่มันถูกนำมาใช้กับเธอแล้ว เธอก็ต้องให้มันให้คุ้มทุกหยด”

“แต่เลือดของหมอนั่น...”

“จะเลือดของใครฉันไม่สน  ถ้าเธอไม่ยินดีที่จะรับเลือดชั่ว ๆ ของเจ้าเซย์ริวไว้ เธอจะเอามันออกอีกเมื่อไรก็ได้ แต่จำเอาไว้...” มาซาฮิเดะเว้นจังหวะนิดหนึ่ง แล้วมองคัตซึฮิโกะด้วยสายตาเย็นเยียบ “อย่ามาทำเรื่องงี่เง่าอย่างการฆ่าตัวตายที่นี่ เพราะฉันจะทำให้เธอฟื้นกลับขึ้นมาทรมานครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าอยากจะตาย ก็ต้องไปตายนอกโรง’ บาล ถ้าอยากจะกรีดข้อมืออีก ก็รอให้เลือดถุงนี้มันหมดเสียก่อน แล้วค่อยทำ!”

คัตซึฮิโกะก้มหน้านิ่ง กำเกร็งผ้าห่มแน่นจนมือสั่นระริก...ไม่มีใครเข้าข้างเขา ไม่มีใครสนใจความรู้สึกของเขาเลย...แต่พอคิดแบบนั้น มือแข็ง ๆ ที่หยาบกร้านก็วางลงผมของเขาอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล

“เจอหน้ากันมาสองครั้งแล้ว ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลย”

น้ำเสียงนั้นแฝงความอบอุ่นอย่างประหลาด จนทำให้คัตซึฮิโกะอดที่จะตอบคำถามไม่ได้ “ซะ...ซาโนะ คัตซึฮิโกะครับ”

“ซาโนะคุง...ฟังฉันนะ” มาซาฮิเดะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เลือดน่ะ จะเป็นของใครก็ช่าง แต่เมื่ออยู่ในตัวเธอมันเป็นของเธอ และมันเป็นของมีค่าที่ใครบางคนจะมอบให้ใครสักคนเพื่อต่อชีวิตให้เขา ไอ้เลือดนิด ๆ หน่อย ๆ แค่นี้ คงไม่ทำให้เธอเลวร้ายอย่างเจ้าเซย์ริวได้หรอกมั้ง”

คัตซึฮิโกะได้แต่ก้มหน้านิ่งฟัง

“แต่ถ้าเธอไม่อยากจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ แล้วหละก็...ฉันก็ไม่ห้าม แต่อย่ามาทำที่นี่ เพราะเธอจะไม่มีวันสมหวัง”

ร่างเพรียวพยักหน้ารับน้อย ๆ

“เข้าใจแล้วก็ดี เธอเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนต่ออีกหน่อยจะดีกับตัวเธอนะ” พูดแล้วมาซาฮิเดะก็ลุกไปหายาและเข็มฉีดยามาเตรียมให้ยากับคัตซึฮิโกะ

ปลายเข็มแหลมแทงลงกับท้องแขนใกล้ข้อพับศอก เดินยาให้อย่างเบามือจนหมดหลอด

“ความจริงก็ใช่ว่าฉันจะอยากเอาเลือดของไอ้หมอนั่นให้เธอหรอกนะ แต่ตอนนั้นมันฉุกเฉินจริง ๆ  ไม่มีเลือดสำรองเอาไว้เลย...แล้วเจ้านั่นมันก็เป็นคนเสนอเองด้วยว่าให้ใช้เลือดของมัน” คนเป็นหมอค่อย ๆ ดันคนไข้ให้ลงนอน “มีคนอยากให้เธอมีชีวิตอยู่นะ ซาโนะคุง”

คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรหมอ จนกระทั่งยาเริ่มออกฤทธิ์ ความง่วงงุนรุนแรงเข้ามาครอบงำจนร่างบางต้องหลับตาลง เขาระบายลมหายใจหนัก ๆ  แล้วก็จมลงสู่ห้วงนิทรา...

“เด็กนี่ไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรมากมายนัก ฉันรู้มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีใครผลักดันให้เขาต้องทำถึงขนาดนี้...” มาซาฮิเดะพูดพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คัตซึฮิโกะจนถึงอก “ฝีมือแกใช่มั้ย เซย์ริว?”

ร่างสูงขยับออกมาจากข้างประตูที่ยืนพิงอยู่ มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมด้วยท่าทางไม่ใส่ใจอะไรนัก “ก็ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นขนาดนี้หนิ”

“เฮ่อ...ที่จริงฉันก็เตือนเขาแล้ว ให้หนีแกไปให้พ้น”

“หมอก็รู้อยู่แล้วว่าฉันไม่เคยปล่อยให้เหยื่อหนีไปง่าย ๆ ” เซย์ริวเดินเข้ามายืนข้างเตียง

“แล้วก็รู้ด้วยว่า แกไม่เคยใส่ใจเหยื่อของแกมากเท่าคน ๆ  นี้” มาซาฮิเดะพูดเรียบ ๆ แล้วเหลือบตามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

ร่างสูงยังคงทำหน้าเฉยเมย

“เซย์ริว ฉันรู้ว่าแกไม่เคยใส่ใจใครนอกจากตัวเองกับฮิโรกิ แต่สำหรับคน ๆ นี้...” หมอมาสะเว้นจังหวะเพื่อพันแผลให้คัตซึฮิโกะอีกครั้ง แล้วก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดต่อ “ฉันว่าแกควรรักษาเขาเอาไว้ให้ดี เพราะมันไม่แน่ว่า...เขาอาจจะเป็นคน ๆ เดียวในชีวิตของแกก็ได้”

เซย์ริวยังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ที่ข้างเตียงของคัตซึฮิโกะ จนกระทั่งมาซาฮิเดะออกจากห้องไปแล้วจึงได้ทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ฟุบตัวลงกับเตียงเหมือนจะหลับตามคนที่นอนอยู่ก่อนแล้ว มือใหญ่เลื่อนไปเกาะกุมมือเล็กที่มีผ้าพันแผลพันรอบข้อมือเบา ๆ ...ก่อนหน้าที่จะตื่นขึ้นมานี้ เขาไม่รู้เลยว่าจับมือของคัตซึฮิโกะเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร จำได้แค่ว่านั่งอยู่ข้างเตียงจนง่วงและเพลียเต็มที่จึงหลับไป...

‘…เขาอาจจะเป็นคน ๆ เดียวในชีวิตของแกก็ได้…’

คำพูดของหมอมาสะก้องอยู่ในหัว หมอเป็นคนเดียวที่รู้จักเขาดีที่สุดในโลกด้านมืดแห่งนี้...รู้จักดีเสียยิ่งกว่าฮิโรกิ รู้แม้กระทั่งว่าเขากำลังตามหาและต้องการอะไรอยู่

ชายหนุ่มแค่นยิ้มให้กับตัวเอง

“คน ๆ เดียวในชีวิตงั้นเหรอ...พูดได้ดีนี่หมอ...”
//////////



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 27-04-2013 15:15:15
สงสาร...มาก T_______T////

เซย์ริวม่าง ใจร้ายง๊ะะะะ(พูดคำนี้ทุกตอนเลยวุ๊ยตรู)

ขอบคุณมากครับผม :)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 27-04-2013 19:27:54
อยากให้เอาคืนเซย์ริวบ้าง เอาให้ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบ้าง :m31:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 28-04-2013 17:33:01
เซย์ริวยังคงร้ายและเลวตลอด ไม่น่าเชื่อว่าคัตจังจะอีด ถึก ได้ขนาดนั้น :hao4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 28-04-2013 19:36:09
เซย์ริวใจร้าย  :hao4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 01-05-2013 09:55:20
น้ำตาซึม ชอบๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 01-05-2013 16:52:33



     ก็ยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตายสินะ
     อย่างนี้เซย์ริวจะทำอะไรได้เนี่ย



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 11 : 27/4/56
เริ่มหัวข้อโดย: maminmeaw ที่ 03-05-2013 01:46:10
เซย์ริวใจร้ายมากมาย ....
สงสารซาโนะจริงๆเลย T_T
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-05-2013 21:41:05
สวัสดีวันหยุดยาวครับ จะไปเที่ยวไหนกันมั้ยครับ หรือหมดตัวจากสงกรานต์แล้ว?

KOUSOKU 12

เป็นเวลากว่า 15 ปีล่วงมาแล้ว ที่เด็กชายวัย 9 ขวบที่มอมแมมและใกล้จะตายได้พบกับหมอมาซาฮิเดะ เพดานสีขาวของโรงพยาบาลเถื่อนคือสิ่งแรกที่เขาเห็นหลังจากลืมตาขึ้น

“ไปได้แผลมาจากไหนนักหนา เราน่ะ ยังเด็กอยู่เลย” มาซาฮิเดะถามขึ้นเมื่อเห็นว่าคนไข้ที่เขาเก็บมาจากข้างถนนตื่นแล้ว
หากเด็กชายไม่ตอบ แถมยังมองหมอด้วยสายตาหวาดระแวง

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนแมวจรจัดตื่นคนแล้ว มาซาฮิเดะก็ตัดสินใจที่จะไม่รีบร้อนเข้าใกล้เด็กคนนั้น

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ว่าอะไรเธอหรอก...เอางี้ก็ได้ ชื่ออะไร?”

เด็กชายยังคงเงียบ

วิธีที่จะเข้าใกล้สัตว์ป่าหรือสัตว์ที่ไม่เชื่อง จำเป็นต้องอดทนนิ่งเข้าไว้ให้สัตว์ตัวนั้นไว้ใจเสียก่อน จึงจะเข้าใกล้ได้...เด็กคนนั้นก็เหมือนสัตว์ป่าที่บาดเจ็บ ระแวง และไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น

มาซาฮิเดะจึงทำเป็นเลิกสนใจ หันไปจัดข้าวของบนโต๊ะวางอุปกรณ์เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งาน แล้วก็เลยไปจัดเอกสารหนังสืออะไรไปเรื่อยเปื่อย ทำประหนึ่งว่าเด็กคนนั้นไม่ได้อยู่ในห้องนี้ จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมง...

“...เซย์ริว...มิเนคุระ เซย์ริว...” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นเบา ๆ จากทางด้านหลังของมาซาฮิเดะ

“อืม...ชื่อเพราะดีนี่ หิวหรือเปล่า เอานมสักแก้วมั้ย?” หมอเพียงแค่หันไปถามโดยไม่ได้เข้าใกล้

เด็กชายพยักหน้าน้อย ๆ  สายตายังคงมีแววระแวงปรากฏชัด แต่ก็ไม่ได้กร้าวอย่างตอนแรก

มาซาฮิเดะอุ่นนมให้เด็กชายมอมแมมที่ตอนนี้ดูดีขึ้นแล้วจากการเช็ดเนื้อเช็ดตัว แล้วก็ปล่อยให้นั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงอย่างนั้นโดยไม่ได้ไปสนใจหรือไถ่ถามอะไร เขาคิดว่าเด็กคนนั้นคงมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้หวาดระแวงคนแบบนี้ ดูจากลักษณะท่าทางแล้วก็ไม่น่าจะเป็นเด็กข้างถนนอย่างที่เขาเคยเห็น เพราะเมื่อดูจากเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว แม้จะดูเหมือนไม่ได้รับการดูแลแต่ก็ดูดีกว่าพวกเด็กข้างถนนมาก แววตาก้าวร้าวหวาดระแวงนั้นเกินกว่าเด็กวัยเดียวกันควรจะมี เด็กคนนี้คงผ่านอะไรบางอย่างมามาก แต่ที่มาซาฮิเดะสะกิดใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นรอยแผลมากมายบนตัวเด็กชาย มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่...นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่ในเวลานี้...ไม่เป็นไร เขายังมีเวลาเหลือเฟือที่จะรอให้เด็กคนนั้นเล่าอะไรออกมา

สายน้ำเกลือที่ติดอยู่ตรงหลังมือทำให้เซย์ริวออกจะรำคาญไม่น้อย และหาโอกาสดึงออกอยู่เรื่อยเมื่อหมอไม่อยู่ จนกระทั่งมาซาฮิเดะทนไม่ไหว

สายยางสำหรับรัดแขนคนไข้สะบัดฟาดเพี๊ยะลงกับหลังมือของเด็กชาย เมื่อพยายามดึงสายน้ำเกลือออกอีก

“เจ็บนะ! หมอบ้า!” ไอ้ตัวเล็กแหวเอา

“ก็ตีให้เจ็บน่ะสิ ไอ้ดื้อนี่ จะดึงออกทำไมนักหนา หา!?”

“ก็มันรำคาญนี่ มันติดอยู่เนี่ย เกะกะ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาบ่งบอกว่า...เอาเรื่อง...

“แต่ก็ห้ามดึงออก! ถ้าเธอดึงออกอีกฉันจะตีเธอให้ตาย” คนเป็นหมอขู่

เด็กชายมองหน้าหมออย่างไม่สะทกสะท้าน แววตาคมกริบเป็นประกายกร้านกล้า มุมปากยกขึ้นจนเหมือนจะยิ้ม...ยิ้มร้าย ๆ ...

“ถ้าหมอทำ ฉันจะเผาหมอ...เผาให้เหมือนมันเผาเลย”

มาซาฮิเดะชะงักไปนิดหน่อย...เด็กตัวแค่นี้เอาความคิดเรื่องการเผาคนมาจากไหน...หรือว่า...

“เอ้อ...จะเผาเลยรึ แล้วเธอรู้ได้ไงล่ะว่าคนเผามันจะเหมือนมันเผา?” หมอลองแกล้งถามดู เผื่อจะหลอกให้เซย์ริวเล่าอะไรออกมาได้บ้าง

“รู้สิ เป็นดำ ๆ ถ่าน ๆ เหมือนกันเลย” เด็กชายยังคงทำท่าอวดดี

“เคยเห็นด้วยเหรอ ฉันยังไม่เคยเห็นเลย”

“เคยเผามาแล้วด้วย!” เซย์ริวบอกพร้อมกับทำท่าภาคภูมิใจ

“เหรอ? เผาใครล่ะ?”

“พ่อน่ะสิ!”

เซย์ริวหลุดปากออกมา พอรู้ว่าพูดอะไรออกไปก็ตะครุบปากตัวเองแน่น เบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด กระถดหนีไปนั่งติดหัวเตียง ตัวสั่นระริก

‘…นี่เอง สาเหตุที่ทำให้เด็กคนนี้มาอยู่ที่นี่…’ มาซาฮิเดะบอกกับตัวเอง แม้เขาจะไม่ได้พูดหรือแสดงอาการอื่นใด เด็กชายก็มีอาการหวาดกลัวลนลาน จนอดสงสารไม่ได้

“เอาหละ ถ้าเธอดึงสายน้ำเกลืออีก ฉันจะไม่ตีเธอแล้ว” คนเป็นหมอพูดขึ้นมาในที่สุด

เซย์ริวเงยหน้าขึ้นมองหมอ แววตาฉายแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ฉันจะจับเธอมัดไว้กับเตียง ตัดเอ็นมือข้างที่ดึง แล้วก็ฉีดยาให้มือข้างนั้นมันเป็นง่อยไปเลย เพราะฉันก็ไม่อยากถูกเผาเหมือนกัน” มาซาฮิเดะพูดพร้อมกับยิ้มแบบวายร้ายอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“เอ๊ะ! ไม่เอานะ ไม่เอาเป็นง่อยด้วย!” เซย์ริวร้อง แววตายังดูหวาดกลัวเช่นเดิม แต่ดูเหมือนเรื่องที่กลัวจะเปลี่ยนไปแล้ว

“ไม่รู้หละ ถ้าดึงสายน้ำเกลืออีก เป็นง่อยแน่ ฉันทำจริง ๆ ด้วย” หมอพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจว่าไอ้ตัวร้ายจะโวยวายอะไร

บุรุษพยาบาลยืนหัวเราะหึ ๆ อยู่หน้าห้อง

“หัวเราะอะไร โทชิ?”

“ขำหมอ ทะเลาะกับเด็กก็เป็น”

“ก็มีบ้าง ลูกฉันที่เมียพาหนีไปก็คงอ่อนกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่เท่าไรหรอก” มาซาฮิเดะพูดพลางยักไหล่...ภรรยาของเขาพาลูกหนีหายไปแล้วส่งใบหย่าตามมาทีหลัง หลังจากที่รู้ว่าเขาแอบค้าอวัยวะมนุษย์ “เอ้อ นี่ โทชิ หนังสือพิมพ์เมื่อ 3 วันก่อนยังอยู่หรือเปล่า?”

“ยังอยู่ครับ ยังไม่ถึงวันทิ้งขยะ”

“งั้นเอามาให้หน่อยละกันนะ”

ข่าวที่ปรากฏในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นมีข่าวที่มาซาฮิเดะต้องการรู้อยู่จริง ๆ ...”ย่างสดขี้เมาคาห้องเช่า หลับคาเถ้าบุหรี่ไฟไหม้ที่นอนดับอนาถ”...ในรายละเอียดยังบอกไว้ด้วยว่าผู้ชายนามสกุลมิเนคุระ และลูกชายวัย 9 ขวบที่ชื่อเซย์ริวหายสาบสูญไป

มาซาฮิเดะโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ ถ้าเรื่องเผาพ่อตัวเองที่เซย์ริวพูดเป็นความจริง มันก็อธิบายเรื่องราวได้เป็นอย่างดี และบอกได้ว่าทำไมเด็กชายถึงมีอาการหวาดกลัวมากมายเมื่อหลุดปากเรื่องนั้นออกมา...บาดแผลตามตัวพวกนั้นคงเป็นแรงจูงใจให้ทำ แน่นอนว่าไม่มีใครคิดหรอกว่าเด็กตัวแค่นั้นจะวางแผนฆ่าพ่อตัวเองได้

“พ่อเฮงซวยมันเอาแต่เมา” เซย์ริวเล่าเรื่องให้หมดฟังเมื่อรู้สึกไว้วางใจในระดับหนึ่ง “พอเมาก็ตีแม่จนแม่หนีไป ทิ้งฉันไว้กับมัน...แม่เฮงซวย!”

“พอแม่ไม่อยู่ พ่อก็เลยตีเธอ?”

“อื้อ ตีแรง ๆ ด้วย ตอนแม่อยู่ก็ตีเหมือนกัน แต่ไม่แรงเท่านี้ มันตีแม่แรงกว่า” เด็กชายกลั้นใจนิดหนึ่งเมื่อบุรุษพยาบาลเอาน้ำราดหัวล้างฟองสบู่เป็นรอบที่สาม “บางทีก็เอาบุหรี่จี้ด้วย ร้อนจะตาย เลยเผามันเลย จะได้รู้ว่ามันร้อนแค่ไหน”

ในคำพูดก้าวร้าวยังแฝงความไร้เดียงสา มาซาฮิเดะได้แต่ยืนฟังไอ้ตัวแสบ “จ้อ” เรื่องของตัวเองให้ฟังในขณะที่บุรุษพยาบาลทำการ “ซัก” ให้สะอาดตั้งแต่หัวจรดเท้า

มาซาฮิเดะยอมให้เซย์ริวอยู่ที่โรงพยาบาลด้วย โดยไม่ได้มีความคิดจะอุปการะเด็กคนนี้เอาไว้แต่อย่างใด เซย์ริวต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยตัวเองให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเขา หมอไม่เคยถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์ให้เด็กชาย พอ ๆ กับที่เด็กชายก็ไม่ได้อยากเรียนรู้ เขาออกไปเที่ยวเล่นตลอดวัน มีเงินที่มาซาฮิเดะให้ติดตัวเล็กน้อย กลับมาโรงพยาบาลเพื่อนอนหรือหิวแล้วเงินหมด ความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดแต่ห่างเหินดำเนินไปเรื่อย ๆ จนเด็กชายโตขึ้นเป็นวัยรุ่นและหมอก็กลายมาเป็น “หมอมาสะ” ของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น มาซาฮิเดะไม่เคยให้ใครเรียกเขาว่าหมอมาสะนอกจากเซย์ริว

เซย์ริวเติบโตขึ้นเป็นวายร้ายของละแวกนั้น แล้วก็เริ่มขยายอิทธิพลออกไปในฐานะตัวอันตราย โดยที่มาซาฮิเดะไม่ทันรู้ตัว เซย์ริวก็ได้มีดสปริงเล่มสวยชั้นดีอันเป็นของมือมีดที่เก่งที่สุดในย่านนั้นมาเป็นอาวุธคู่มือ ในขณะที่เจ้าของมีดต้องมานอนให้เขารักษาอยู่เป็นเดือน

เด็กหนุ่มไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มหรือแก๊งไหน เป็นอันธพาลที่ฉายเดี่ยวมาตลอด แต่ด้วยความที่ยังเด็ก มีบ่อยครั้งที่ถูกทำร้าย มาซาฮิเดะต้องคอยเป็นธุระทำแผลให้อยู่เสมอ รอยแผลเป็นบนตัวเซย์ริวเพิ่มขึ้นทุกที บางแผลก็เหวอะหวะน่ากลัวจนไม่น่าจะรอดชีวิต แต่ดูเหมือนเซย์ริวจะมีความเชื่อมั่นอยู่อย่างหนึ่ง และความเชื่อมั่นนั้นทำให้เขาพาตัวเองกลับมาถึงโรงพยาบาลได้ทุกครั้ง ไม่ว่าแผลนั้นจะสาหัสแค่ไหน...ถึงมือหมอมาสะแล้ว ปลอดภัยแล้ว...

กว่าจะโตจนแยกตัวไปอยู่ตามลำพังได้ เซย์ริวก็ผ่านบาดแผลมานับไม่ถ้วน และหลายครั้งที่ถูกล่วงเกินทางเพศ แต่ทุกครั้งที่บาดเจ็บ ทุกคนก็ได้รู้ว่า ใครทำให้เซย์ริวเจ็บ มันคนนั้นจะโดนเอาคืนเป็น 3 เท่า

แต่ตัวอันตรายที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้นี้ก็ยังพอจะมีมิตรอยู่บ้าง แม้ไม่ใช่เพื่อนแต่ก็ไม่ใช่ศัตรู อาจมีเรื่องลอบกัดกันเองบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ  แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องกันถึงขั้นเลือดตกยางออก กลุ่มของเร็นอยู่ในกรณีนี้ ส่วนศัตรูนั้นไม่ต้องพูดถึง นอกจากมิตรแล้วทุกคนล้วนเป็นศัตรู พวกอัตสึชิเป็นแค่หนึ่งในศัตรูมากมายที่มักจะมีเรื่องกับเขาบ่อย ๆ เท่านั้นเอง

เซย์ริวออกจากโรงพยาบาลของหมอมาซาฮิเดะไปเช่าห้องเช่าเก่า ๆ โทรม ๆ แห่งหนึ่งไว้เป็นบ้านด้วยเงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งพาหมอเลยแม้แต่น้อย เงินเหล่านั้นล้วนได้มาจากการปล้นจี้ ฉกชิงวิ่งราว มาซาฮิเดะก็รู้ แต่ก็เฉย ๆ อยู่ เพราะนั่นคือหลักฐานว่าบัดนี้เซย์ริวโตพอที่จะดูแลตัวเองและมีชีวิตอยู่ในโลกมืดแห่งนี้ได้แล้ว มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวในการออกไปอยู่คนเดียว นั่นคือเซย์ริวจะต้องหาเงินมาใช้หนี้ค่าเลี้ยงดูและรักษาพยาบาลของหมอที่ให้มาฟรี ๆ จนถึงบัดนี้ คิดด้วยมาตรฐานของมาซาฮิเดะออกมาเป็นจำนวนเงินแล้ว เซย์ริวก็แทบจะโดดตึกตายหนีหนี้เสียเดี๋ยวนั้น ถ้ามาซาฮิเดะไม่บอกก่อนว่าเงินจำนวนนั้นมีกำหนดใช้หนี้ตลอดชีวิตและห้ามตายก่อนใช้หนี้หมด ไม่อย่างนั้นจะโดนชำแหละศพไปขาย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-05-2013 21:43:44
เด็กหนุ่มใช้ชีวิตอย่างโชกโชน เขาเปลี่ยนวิธีการหากินโดยหาเหยื่อที่หมายตาไว้แล้วข่มขู่ บังคับ รีดไถเพื่อเลี้ยงชีวิตเป็นหลัก นอกนั้นก็ปล้นจี้บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ  เหยื่อส่วนมากของเขามักจะเป็นเด็กหนุ่มหรือหญิงสาวที่ท่าทางมีเงินให้เขาไม่ขาดมือและอยู่ตามลำพัง  ใครที่น่าพึงใจเขาก็จะมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย ไม่เกี่ยงว่าชายหรือหญิง ดังนั้นเขาจึงเป็นคนเดียวในวงการที่ไม่เคยซื้อบริการจากมิตรที่เป็นโสเภณี เพราะมีของเล่นของตัวเองอยู่แล้ว เหยื่อของเขานั้น มีบางคนที่ทนรับสภาพไม่ได้ฆ่าตัวตายไปก็มี บางคนย้ายบ้านหนี ใครที่ทำใจทนได้ก็เป็นแหล่งเงินแหล่งทองให้เขาต่อไป แต่เขาก็ไม่เคยไว้ใจใครจนถึงขนาดนอนค้างด้วย


เวลาผ่านไปหลายปี จนชื่อของเซย์ริวแพร่ไปในสังคมของพวกเขาด้วยการเป็นตัวอันตรายอันดับต้น ๆ  ในปีที่เขาอายุ 20 เขาได้พบ “เพื่อน” คนแรกและคนเดียวในชีวิต

คืนวันนั้นฝนตกพร่ำ ๆ มาตั้งแต่เย็น แต่ความยะเยือกของสายฝนไม่ได้ทำให้ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งลดความร้อนแรงในใจลงได้เลย คนกลุ่มนั้นกำลังโรมรันพันตูกันอย่างถึงเลือดถึงเนื้ออยู่ในซอกตึกมืด ๆ แห่งหนึ่ง...ถ้าจะพูดตามตรงก็คือกำลังรุมกินโต๊ะใครคนหนึ่งอยู่ในสัดส่วน 6 ต่อ 1 แต่ดูแล้วก็รู้สึกว่าฝ่าย 6 คนกำลังเสียเปรียบ ด้วยตอนนี้มีหลายคนเลือดสาดไปตาม ๆ กันจากปลายมีดของชายหนุ่มร่างสูง

“อ๊าก!!!! ไอ้เซย์ริว มึง...ตากู!!” ใครคนหนึ่งในกลุ่มร้องลั่นเมื่อมีดของเซย์ริวเสียบเข้าที่ตาขวาพอดิบพอดี

การกระทำนั้นทำให้ทั้งกลุ่มระส่ำระสาย ในที่สุดก็ตัดสินใจผละถอยออกไปเพื่อความปลอดภัยของเพื่อน

“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!” หลังจากฝากแค้นไว้ด้วยประโยคสุดคลาสสิคแล้วก็ประคับประคองพากันหนีไป

เซย์ริวยืนพิงกำแพง ในมือยังกำมีดแน่น ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะที่ศีรษะนั้นแตกเป็นแผลใหญ่จนเลือดไหลอาบหน้า พอแน่ใจว่าคู่กรณีไปกันหมดแล้ว ร่างสูงก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเสียงกุกกักที่ดังขึ้นใกล้ ๆ ตัวก็ดึงประสาททั้งหมดของเขาให้ตื่นตัวขึ้นอีก

“ใคร!?” ชายหนุ่มตะคอกพลางหันปลายมีดไปทางต้นเสียง

เด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น จากเสื้อผ้าที่สวมอยู่บอกให้รู้ว่าเป็นเด็กมัธยมปลาย เขาเปียกชื้นไปทั้งตัวไม่น้อยไปกว่าเซย์ริว

“เอ้อ...ฉัน...ไม่ได้มาร้ายนะ แค่...อยู่แถว ๆ นี้ก่อนพวกนายจะตีกัน”

เซย์ริวหรี่ตามองคนตรงหน้าอย่างไม่ไว้ใจอีกครั้ง แล้วลดมีดลง หลับตาเหมือนไม่สนใจใครคนนั้น

“นายเก่งจังนะ พวกนั้นตั้ง 6 คนยังสู้ได้”

ร่างสูงยังคงหลับตานิ่งเหมือนไม่ได้ยิน

“ไปหาหมอดีกว่ามั้ย เลือดนายออกเยอะมากเลยนะ”

ดวงตาคมลืมขึ้นด้วยความรำคาญ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นเข้ามานั่งอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่ให้สุ้มให้เสียง

“อะไรของแกเนี่ย ไปให้พ้นไป!” เซย์ริวตวาด

“แต่นายเจ็บเยอะนี่”

“แผลแค่นี้ไม่ตายหรอก” ชายหนุ่มบอกพลางลุกขึ้นแล้วตั้งท่าจะเดินหนี

“เฮ้! แล้วเราจะได้เจอกันอีกมั้ย?”

เซย์ริวหยุดเดินแล้วปรายตามองเด็กหนุ่ม “ถ้าอยากตายอย่างสงบก็อย่ามายุ่งกับฉัน”

พูดแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป โดยที่ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะตามตื๊อเขา

ในระยะเวลาต่อมา เซย์ริวมักจะได้พบกับเด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นบ่อย ๆ  ราวกับว่าเด็กคนนั้นรู้ดีว่าเขาชอบไปแถวไหนบ้าง เมื่อพบกันเด็กหนุ่มจะเข้ามาทักทายทันทีและเดินตามชวนพูดคุยไปเรื่อย แรก ๆ เซย์ริวก็ทำนิ่งเสีย จนรำคาญเข้าขั้นก็ออกปากไล่ แต่เด็กหนุ่มก็ไม่สะทกสะท้าน ยังคงเดินตามเพื่อชวนคุยทุกครั้งที่พบ แม้กระทั่งโดนขู่ฆ่าก็ยังไม่ลดละ

“ไอ้...มึงจะเอายังไงกับกูวะ?” เซย์ริวทนไม่ได้ในที่สุด

“ก็ไม่ได้เอายังไง ฉันบอกนายไปแล้วนี่ว่าฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายอ้ะ” เด็กหนุ่มบอกอย่างเฉยเมย

“เป็นเพื่อนกับฉัน? แกบ้าหรือว่าเมาวะ ไอ้เปี๊ยก”

“เฮ้! ฉันไม่ใช่ไอ้เปี๊ยกนะ ฉันชื่อโทโนมุระ ฮิโรกิ จำเอาไว้ด้วย!”

ในที่สุด เซย์ริวก็ยอมให้เด็กหนุ่มนิสัยประหลาดนั่นเสียคนหนึ่ง ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่พบกัน ฮิโรกิกับเซย์ริวก็เป็นปาท่องโก๋ ทั้งสองคนไปไหน ๆ ด้วยกัน พูดคุยกัน ทำอะไร ๆ ด้วยกัน ยกเว้นเวลามีเรื่องที่เซย์ริวจะกันฮิโรกิไว้อีกทางหนึ่งไม่ให้โดนลูกหลง เพราะถึงแม้ว่าจะใกล้ชิดกับเขามาชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็ใช่ว่าฮิโรกิจะทำทุกอย่างได้เหมือนเขา ซึ่งดูเหมือนฮิโรกิจะรู้ตัวดีว่าไม่ควรอยู่เป็นภาระให้เซย์ริวเวลามีเรื่องเพราะครั้งหนึ่งที่เขายืนละล้าละลังอยู่จนเกือบโดนเล่นงาน เซย์ริวมาช่วยไว้ทันก็จริงแต่ก็ถึงกับได้แผลใหญ่ หลังจากนั้นมาเซย์ริวก็ไม่เคยต้องห่วงว่าฮิโรกิจะโดนลูกหลงอีกเลย เพราะทันทีที่มีเรื่องกัน กว่าฮิโรกิจะโผล่มาให้เห็นอีกทีก็หลังจากเรื่องมันจบไปแล้วอย่างน้อยก็ 10 นาที

“แกไม่ไปโรงเรียนหรือไงวะ?” เซย์ริวถามขึ้นเมื่อฮิโรกิมาขลุกอยู่กับเขาบ่อยขึ้น และบางทีก็มาอยู่ที่ห้องเขาตลอดวัน...ในชุดนักเรียน

“ขี้เกียจเรียน ไม่รู้จะเรียนไปทำไม” ฮิโรกิตอบพลางเอนหลังพิงหมอนแข็ง ๆ อ่านการ์ตูนที่แวะซื้อก่อนเข้ามาหาเซย์ริว

“แล้วแต่งชุดนักเรียนออกจากบ้านมาทำซากอะไรทุกวันวะ?”

“ตบตาพ่อแม่ไง เขาจะได้นึกว่าฉันไปเรียนทุกวัน”

“ไม่กลัวเขารู้เหรอ?”

“อ๋อ เขาต้องรู้แน่หละ เดี๋ยวก็มีจดหมายจากโรงเรียนไปเองแหละ” ฮิโรกิบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะปิดการ์ตูนแล้วส่งให้เซย์ริว ร่างสูงนั้นอ่านออกเขียนได้เพราะเป็นเรื่องเดียวที่ “หมอมาสะ” เคี่ยวเข็ญมา

ร่างบางหลับตาลงโดยมีเพื่อนตัวโย่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ  เขาขดซุกเหมือนจะหลับไปเลย แต่ปากก็พูดออกมาว่า

“เซย์ พ่อแม่ฉันจะหย่ากัน”

เซย์ริวไม่แม้แต่จะชะงักหนังสือในมือ เสียงห้าวต่ำเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ  “แล้วไง?”

“ฉันควรไปอยู่กับใคร?”

“แกต้องเป็นคนเลือก ไม่ใช่ฉัน”

“อือ นั่นสินะ”

ฮิโรกิหายหน้าไปสองสามวัน แล้วกลางดึกคืนหนึ่ง ประตูห้องของเซย์ริวก็ถูกทุบรัวจนเจ้าของห้องต้องสะดุ้งตื่น เขากระชากประตูห้องเปิดออกด้วยความหงุดหงิด แต่เมื่อเห็นสภาพคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว คำผรุสวาทใด ๆ ที่คิดจะพ่นออกไปก็ถูกหยุดไว้แค่ริมฝีปาก

ฮิโรกิอยู่ในชุดนอนมอมแมมไปทั้งตัว ในมือมีกระเป๋าใบใหญ่ใบหนึ่ง นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรเลยแม้แต่รองเท้า ริมฝีปากแตกและมีรอยช้ำบนใบหน้า หากไอ้ตัวเล็กก็ยังยิ้ม

“ให้ฉันอยู่ด้วยคนนะ เซย์”

“เกิดอะไรขึ้นกับแก?” ร่างสูงยังดูงง ๆ กับสภาพผู้มาเยือน

“ฉันหนีออกจากบ้านแล้ว ฉันเลือกที่อยู่กับนาย”

“แล้วแผลนั่น?”

“โดนพ่อเล่นงานเอาน่ะ จดหมายจากโรงเรียนไปถึงบ้านเมื่อเย็นก็เลยเป็นเรื่อง”

คิ้วเรียวขมวดมุ่น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร “เข้ามาก่อน”

ฮิโรกิเข้ามาในห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ นั้นอย่างอ่อนระโหย เอาเท้ากวาดขยะที่รกอยู่บนพื้นห้องออกแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ฟูก

“รอดมาถึงนี้ได้นะ สภาพแบบนี้น่าจะโดนดักฉุดไปข่มขืนเรียงคิวตั้งแต่ปากซอยแล้ว”

“ฉันก็ลุ้นอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ทางเปิดว่ะ แย่ตรงตกต้นไม้ตอนปีนออกมาจากห้องนี่แหละ” ร่างบางหันมายิ้ม แต่ชั่วประเดี๋ยวก็หลบตาร่างสูงแล้วมองเหม่อ “ให้ฉันอยู่ด้วยนะ เซย์ ฉันไม่มีที่ไปแล้ว”

“ไม่” เซย์ริวตอบอย่างรวดเร็วชนิดไม่ต้องคิด

“ทำไมอ้ะ!?”

“ที่นี่มันอันตรายเกินไป คนอย่างแกไม่เหมาะกับที่นี่หรอก” ที่นี่ในความหมายของเซย์ริวคือสังคมด้านมืดที่เขาใช้ชีวิตอยู่

“ฉันอยู่ได้ เซย์ ฉันรับรองว่าจะไม่เป็นภาระของนายแน่ ฉันจะทำงานหาเงินเอง ใช้ชีวิตเอง” ฮิโรกิบอกด้วยท่าทางกระตือรือร้น “อ้อ! ฉันเอาสมุดธนาคารมาด้วยนะ มีเงินเก็บเยอะเหมือนกัน แบ่งให้นายด้วยก็ได้ ไม่เดือดร้อนแน่”

“บอกว่าไม่ก็คือไม่” เซย์ริวยังคงเย็นชาใส่

“แต่ว่า ฉัน...” ฮิโรกิลุกขึ้นดึงเสื้อร่างสูง ดวงตาเรียวทอดมองเว้าวอน

ลำแข้งแข็งหนาเตะอัดเข้าที่หน้าท้องของร่างบางจนกระเด็นไปกระแทกผนังห้องแล้วทรุดลงคู้ตัวงอ เซย์ริวตามมาใช้เท้าเขี่ยให้พลิกหงายแล้วเหยียบซ้ำ

“แค่นี้ก็หมอบแล้วหรือไง? นี่เหรอที่บอกว่าอยู่ที่นี่ได้น่ะ คิดว่ามีเงินแล้วแกจะทำได้ทุกอย่างเหรอ ไอ้เปี๊ยก อย่างแกน่ะ มีแต่จะโดนปล้นเงินแล้วส่งขายซ่องเท่านั้นแหละโว้ย!” ร่างสูงเหลือบมองฮิโรกิด้วยสายตาเหยียดหยาม “คนที่จะอยู่ที่นี่ได้ ถ้าไม่แกร่งอย่างฉันก็ต้องเจ้าเล่ห์อย่างไอ้เร็น ไก่อ่อนอย่างแกอยู่ไปก็ตายเปล่า อย่าเสือกคิดว่าตัวเองแน่เพราะมีเงิน กลับบ้านแกไปซะ ที่นี่ไม่ยินดีต้อนรับ”

“แต่...แต่ฉัน...”

“ตอนนี้แกอยู่ที่นี่ได้เพราะมีฉัน แล้วถ้าสักวันมันไม่มีขึ้นมา แกก็เป็นแค่เหยื่อเท่านั้นเอง” ร่างสูงยังคงพูดเรียบ ๆ

หากร่างบางสะอื้น “แต่...ฉันไม่มีที่ไปแล้วนี่...”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 03-05-2013 21:45:58
เซย์ริวไม่พูดอะไรอีก เขาเลี่ยงไปนั่งอีกมุมหนึ่งของห้อง ปล่อยให้ฮิโรกินอนร้องไห้อยู่อย่างนั้น

วันต่อมา ยังไม่มีใครออกมาจากห้อง ทั้งที่เจ้าของห้องและผู้มาเยือนต่างก็ตื่นนานแล้ว แต่ด้วยความที่เพลียทั้งกายและใจทำให้ฮิโรกิยังคงนอนขดอยู่บนฟูกโดยที่เซย์ริวก็ไม่ได้สนใจอะไร...จนกระทั่งตกบ่าย...

“เฮ้ย ลุก” เซย์ริวเรียกฮิโรกิพลางใช้เท้าเขี่ย

ไอ้ตัวเล็กยังคงขดนิ่งอยู่ในผ้าห่ม มีเพียงเสียงงึมงำลอดออกมา “จะไปไหนเล่า”

“ส่งแกกลับบ้าน” ร่างสูงตอบเรียบ ๆ

คราวนี้โปงผ้าห่มเงียบสนิท จนเซย์ริวหมดความอดทน กระเป๋าใบใหญ่ของฮิโรกิเลยลอยไปกระทบตรงส่วนที่น่าจะเป็นหัวของคนที่นอนอยู่อย่างจัง

“โอ๊ย!! เจ็บนะ!” ฮิโรกิเปิดโปงผ้าห่มขึ้นมาโวยวาย

“ฉันบอกให้ลุกขึ้นมา” เซย์ริวบอกด้วยน้ำเสียงเครียด ๆ พร้อมกับโยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งให้ “เปลี่ยนชุดซะ...เดี๋ยวนี้”

สิ้นคำสั่งนั้น ฮิโรกิขยุ้มเสื้อที่เซย์ริวโยนให้แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ระคนเจ็บแค้น แต่ก็ต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อสายตาคมกริบมองมาอย่างจะบอกว่าถ้ายังดื้ออีกคราวนี้เจ็บตัวจริง ๆ แน่

แม้จะไม่อยากกลับบ้านแม้แต่น้อย แต่ฮิโรกิก็ไม่มีทางเลือก เซย์ริวไม่ยินดีต้อนรับเขา และเขาก็รู้ตัวดีว่าถ้าเซย์ริวไม่ต้อนรับเขา โลกด้านมืดแห่งนี้ก็ไม่มีที่ให้เขายืน เซย์ริวพูดถูกทุกอย่าง...ถ้าไม่มีเซย์ริว เขาก็เป็นแค่เหยื่อของคนที่นี่เท่านั้นเอง...มือเล็ก ๆ ฉวยกระเป๋าของตัวเองขึ้น

“ฉันจะไปส่งที่บ้าน จะได้แน่ใจว่าแกถึงบ้านจริง ๆ  ไม่ได้ไปเหลวไหลที่ไหนอีก” ร่างสูงบอก

ฮิโรกิก้มหน้านิ่ง เม้มปากแน่น ไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ได้แต่เดินตามหลังเซย์ริวออกจากห้องไป

ตลอดทางที่เดินไปตามถนน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียว เซย์ริวไม่ได้หันมามองคนข้างหลังแต่ก็รู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กของเขายังเดินตามมา ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่เซย์ริวจำจังหวะฝีเท้าของฮิโรกิได้ เขามักจะคอยฟังเสียงฝีเท้าของใครต่อใครที่มาเดินตามหลังเขา เผื่อว่าบางครั้งเจ้าของฝีเท้านั้นจะคิดไม่ดีกับเขา...ฮิโรกิมักจะเดินตามหลังเขาอยู่เสมอ แต่ถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่อยากให้ฮิโรกิมาเดินตามทางที่เขาเคยเดินผ่านมา ฮิโรกิเป็นแค่เด็กธรรมดา...ที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องลงมาแปดเปื้อนอยู่ในโลกแห่งนี้

ฮิโรกิเดินไปชนแผ่นหลังกว้างเข้าเต็มรักเมื่อคนเดินนำหน้าหยุดกะทันหัน แต่ยังไม่ทันจะได้โวยวายอะไร ร่างสูงก็กวาดมือขึ้นกันด้านหน้าให้แบบระวังภัย...เมื่อมองข้ามไหล่เซย์ริวไป ฮิโรกิถึงได้เห็นกลุ่มคน 5 – 6 คนกำลังยืนดักทางพวกเขาอยู่

“ไงวะ เซย์ริว ไม่เจอกันนานนะ คราวก่อนทำพวกกูไว้แสบมากนะมึง” หนึ่งในพวกนั้นพูดขึ้น ตาขวาของมันยังมีผ้าปิดอยู่...คนที่เซย์ริวมีเรื่องด้วยในวันที่ได้พบกับฮิโรกิ!!

“ฮิโรกิ...หนีเร็ว” เซย์ริวบอกกับฮิโรกิ

“ตะ...แต่...” ฮิโรกิยังลังเล

“บอกให้ไปไงเล่า!” เซย์ริวเกือบจะตะคอก

แล้วฮิโรกิก็รู้สาเหตุที่เซย์ริวไล่เขาหนี พวกนั้นไม่ได้มากันแต่ 5 – 6 คนอย่างที่เห็น แต่ทยอยเข้ามาสมทบกันอีกเป็นสิบคน...เซย์ริวไม่มีทางรับมือพวกนี้โดยปกป้องเขาไปด้วยได้แน่ ๆ ...ร่างบางหันหลังวิ่งทันทีโดยมีเสียงการวิวาทตามมาข้างหลัง

หลังจากที่วิ่งหนีมาจนคิดว่าปลอดภัยแล้ว ฮิโรกิหลบมุมหอบเหนื่อยอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วก็คิดขึ้นมาได้...เซย์ริวจะรับมือพวกนั้นได้ยังไงไหว คนมากขนาดนั้น...

‘…แล้วนายทำอะไรได้รึไงเล่า…’ เสียงในใจบอกกับตัวเอง

‘…แต่เซย์ริวจะไม่ไหวเอานะ…’ อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

‘…นายทำอะไรไม่ได้หรอก นายเป็นแค่คนธรรมดาเองนะ…’   

‘…แล้วจะให้ปล่อยเซย์ริวเอาไว้หรือไง...ถ้า...ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างตอนนี้...จะอยู่ที่นี่ได้ยังไง…’

เพียงเท่านั้นก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรต่อไปอีก ฮิโรกิรีบวิ่งกลับไปหาเซย์ริวอย่างไม่คิดชีวิต

ในซอกตึกมืด ๆ  เสียงการต่อสู้กันยังดังออกมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วย ฮิโรกิวิ่งกลับมาถึงทันได้เห็นเซย์ริวทรุดลงไปกองกับพื้นพอดีแม้จะยังมีสติพอจะป้องกันตัวเองได้บ้างแต่ร่างก็อาบไปด้วยเลือด แต่ถ้าปล่อยเอาไว้อย่างนั้นจะต้องแย่แน่ ๆ ...เร็วกว่าความคิด ร่างบางหยิบฉวยได้ท่อเหล็กที่บังเอิญวางพิงอยู่หน้าร้านใกล้ ๆ ตรงนั้นวิ่งเข้าไปในซอกตึกนั่นทันที

เสียงเหล็กกระทบเนื้อดังสนั่นจนคนที่กำลังเมามันกับการรุมกินโต๊ะต้องหันมามอง คนหนึ่งในกลุ่มล้มทั้งยืนด้วยฤทธิ์ของท่อเหล็กที่ฟาดเข้าตรงศีรษะโดยไม่ทันตั้งตัว และในพริบตานั้นเอง ท่อเหล็กก็กระหน่ำลงบนไหล่ของคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดและตกใจดังขึ้น...ฮิโรกิไม่ยอมหยุดแม้ชั่วลมหายใจ เขาเหวี่ยงท่อเหล็กหวดซ้ายหวดขวาไล่ตีคนที่รุมทำร้ายเพื่อนของเขาจนแตกกระเจิง ต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดกันอลหม่าน...ใครที่โดนเข้าจุดสำคัญก็ทรุดฮวบลงโดยแทบไม่ได้ร้อง ใครที่โดนไม่จังนักก็ได้แต่วิ่งหลบหนี จนพวกนั้นกระจายกันหนีไปหมดแล้ว ฮิโรกิที่กำลังบ้าเลือดได้ที่ก็ไม่หยุด เขาขยับจะวิ่งตาม หากอ้อมแขนแกร่งที่อาบเลือดคว้าร่างบางมากอดไว้แน่น

“พอแล้ว...ฮิโรกิ...พอแล้ว” เป็นเซย์ริวที่ระล่ำระลักเรียกสติ

ร่างบางชะงักตัวแข็ง สองมือยังกำท่อเหล็กเกร็งแน่น ลมหายใจหอบถี่ มือและใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือดของผู้เคราะห์ร้ายที่กระเซ็นมาโดน

“พอแล้ว...ฉันไม่เป็นไรแล้ว พวกมันไปแล้ว” ร่างสูงกอดเพื่อนตัวเล็กแน่น

มือเรียวปล่อยท่อเหล็กลงกระทบพื้น แล้วเริ่มหัวเราะเบา ๆ  “ฮะ...ฮะ ๆ  ๆ  เห็นมั้ย เซย์ ฉันไล่พวกมันไปหมดแล้ว ฉันฟาดพวกมันด้วย ฮะ ๆ  ๆ ”

“ฮิโรกิ ใจเย็นไว้...”

“ฮะ ๆ  ๆ  ฉันทำได้แล้วนะ ฉันทำแบบนายได้แล้ว ฉันอยู่กับนายได้แล้วใช่มั้ย เซย์ริว...ฮะ...ฮะ ๆ ...” ทั้งที่ยังหัวเราะหากน้ำตาไหลพราก...อะไรบางอย่างในใจไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว

“ฮิโรกิ...” เซย์ริวกอดฮิโรกิไว้แน่น จนกระทั่งเสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นเสียงสะอื้นไห้...ฮิโรกิไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นคนเดิมได้อีกแล้ว


จากวันนั้นมา ฮิโรกิก็มาอาศัยอยู่ที่ห้องของเซย์ริวเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะคุ้นเคยกับชีวิตแบบนี้ แต่ดูเหมือนฮิโรกิจะปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด เพราะหลังจากนั้นไม่กี่วัน เซย์ริวก็พบว่าเพื่อนตัวเล็กของเขามีเงินติดกระเป๋าเป็นฟ่อน

“ไปเอามาจากไหนวะ?”

“อ่า...เหยื่อน่ะสิ” ฮิโรกิบอกแล้วก็ยิ้มจนตาหยี

“เหยื่อ?...แกเนี่ยนะ ล่าเหยื่อได้แล้ว” เซย์ริวมองเพื่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง

“ล่าได้แล้วดิ มีครูดีก็เงี้ยแหละ” ไอ้ตัวเล็กยังพูดพลางหัวเราะคิก

“ครู? แกให้ใครสอนอะไรให้วะ?” ร่างสูงยังงงอย่างจริง ๆ จัง ๆ

“แหม...ก็แค่นิด ๆ หน่อย ๆ น่า” ฮิโรกิบอกพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่บอกไม่ได้หรอก มันเป็นความลับทางวิชาชีพ”

“อ้อ งั้นเรอะ” เซย์ริวพูดแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก

“อ้าว แล้วกัน...ทำท่าให้มันสนใจมากกว่านี้หน่อยเซ่” ฮิโรกิว่าแล้วก็โดดเกาะหลังเพื่อนรัก

“เฮ้ย! เล่นอะไรวะ หนักโว้ย!” เซย์ริวทำเป็นโวยวาย...ฮิโรกิตัวนิดเดียว ไม่ได้หนักเลยสักนิด “ฉันจะไปสนใจอะไรล่ะ ก็แกบอกว่ามันเป็นความลับทางวิชาชีพนิ”

“แหม...ก็แบบ...เทคนิค...วิธีการอะไรงี้ไง” เจ้าตัวเล็กกระซิบเสียงหวานที่ข้างหูร่างสูง...และนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่เซย์ริวได้ยิน...


ร่างสูงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้อง มือใหญ่ยกขึ้นลูบหน้าด้วยความมึนงง...เมื่อคืนเขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไร...แล้วอาการมึนหัววิงเวียนแทบอ้วกนี่เล่า...เมื่อคืนเขาไม่ได้ดื่มนี่นา เกิดอะไรขึ้นกันแน่

“ตื่นแล้วเหรอ เซย์?” เสียงฮิโรกิดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวโผล่หน้ามาจากห้องน้ำ

“ฮิโรกิ...นี่แก...” เซย์ริวขยับจะลุกขึ้นนั่ง ฮิโรกิรีบเข้ามาช่วยประคองทันที

“อา...ขอโทษด้วยนะ ยาเมื่อคืนมันแรงไปหน่อยน่ะ”

“ยา...แรง...?” ร่างสูงยังคงมึน

“ยา...เอ้อ...ยาป้ายของฉันน่ะ” ฮิโรกิบอกพลางยิ้มแห้ง ๆ

“ยาป้าย?”

“ง่า...ใช่ พอดีได้ยาตัวใหม่มา เมื่อคืนเลยเล่นกับนายดูไง ทีนี้มันแรงใช่ม้า...นายวูบไปเลย ขอโทษน้า” ไอ้ตัวเล็กยกมือไหว้ปะหลก ๆ

“ยาป้าย...นี่แก...!?” เซย์ริวเบิกตากว้าง เขาไม่คิดว่าเพื่อนตัวเล็กของเขาจะหันไปยึดเทคนิคด้านนี้หากิน

“ก็...เอ้อ...นายบอกเองนี่นาว่าอย่างฉันน่ะทำแบบนายไม่ได้ ฉันก็เลยลองไปถามคนอื่น ๆ ดูว่าฉันพอจะทำอะไรได้บ้างน่ะสิ” ฮิโรกิยังคงทำหน้าเหมือนเก้อเขิน

“แล้ว...ใครแนะนำ?”

“ง่า...เร็น” ฮิโรกิทำหน้าจ๋อย ๆ  เขารู้ว่าแม้เซย์ริวกับเร็นจะเป็นมิตรกัน แต่ก็ดูจะไม่ถูกกันเท่าไรนัก

เซย์ริวยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที...เขานึกไม่ถึงเลยว่าฮิโรกิจะเลือกไอ้ตัวอันตรายที่สุดมาเป็นครู แม้จะฟันธงได้เลยว่าหลักสูตรของเร็นมั่นคงแน่นอนเพียงไหน แต่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบอยู่วันยันค่ำ

“เอ้อ...ฉัน...ทำไม่ดีเหรอ?” ฮิโรกิช้อนตาขึ้นมองเหมือนเด็กที่กำลังจะถูกดุ

“เปล่า...แกหาวิธีใช้ชีวิตที่เหมาะกับแกแล้ว ฉันจะว่าอะไรแกได้” นิ้วเรียวยังกดนวดแถวขมับไล่อาการมึนงงจากฤทธิ์ยา

“ไม่โกรธนะ” ฮิโรกิทำหน้าดีใจเหมือนเด็ก ๆ

“ไม่หรอก ถ้าแกไม่เล่นแบบนี้อีก” ร่างสูงพูดยิ้ม ๆ ...แต่วันนั้นเขาต้องมึนกับฤทธิ์ยาไปทั้งวัน


หลังจากนั้นฮิโรกิก็ใช้วิชาที่ค่อย ๆ เรียนรู้ทำมาหากินจนเริ่มจะมีเงินเก็บมากกว่าเซย์ริว แต่เมื่อฝ่ายใดลำบากขึ้นมาต่างก็ช่วยเหลือจุนเจือกันไป อย่างแย่ที่สุดที่ช่วยกันไม่ได้เลยก็แค่บากหน้าไปขอข้าวที่โรงพยาบาลของหมอมาสะกินประทังชีวิต จนเมื่อฮิโรกิเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งจึงได้แยกออกไปหาห้องเช่าของตัวเองซึ่งก็ไม่ไกลจากห้องของเซย์ริวมากนัก ถึงตอนนี้ฮิโรกิเองก็เริ่มมีชื่อเสียงในโลกด้านมืดแห่งนี้แล้ว ในฐานะนักรูดทรัพย์อันดับสองรองจากเร็น ที่สำคัญคือไม่เคยพลาดท่าเสียตัวให้ใครเลย...ใครที่คิดว่าตัวเองแน่หมายจะแอ้มฮิโรกิให้ได้มีอันโดนรูดหมดตัวไปตาม ๆ กันหลายคนแล้ว จนไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยอีก แล้วหลังจากนั้นไม่นานนัก ฮิโรกิก็ได้จิอากิเป็นแฟนซึ่งก็ยังคบกันอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนตัวเซย์ริวเองนั้น แม้จะอยู่อย่างสุขสบายตามสภาพ แต่ลึก ๆ แล้วบางครั้งเขาก็เฝ้ามองหาที่พักพิงที่จะสามารถหลับลงได้อย่างอุ่นใจสักแห่ง กับใครสักคนที่สามารถวางใจได้เช่นเดียวกับฮิโรกิ

//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: bvan ที่ 03-05-2013 22:48:39
 :z2:รอ ร้อ รอ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 03-05-2013 23:39:51
ชีวิตต้องสู้มากก!! แต่ละคน  :katai1: :katai1: :katai1:4

เฮ้อออ~~
 :hao5:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 04-05-2013 02:14:58



    คู่นี้นี่คบกันมานานจริงๆแฮะ



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 04-05-2013 10:51:06
โห กว่าจะเป็นเซย์ริวทุกวันนี้สินะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: LiPzTicK* ที่ 04-05-2013 15:13:56
ถึงเซย์ริวจะใจร้าย แต่ก็ชอบเซย์ริวมากกก
ยิ่งอ่านยิ่งชอบบ ><
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 04-05-2013 15:33:46
อยากเห็นฮิโรกิโดนแอ้มแฮะ 55
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 05-05-2013 11:28:34
ความสัมพันธ์แปลกๆ ระหว่างเซย์ริวกับฮิโรกิ ที่เชื่อมโยงและผูกพันเข้าด้วยกัน :hao5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 12 : 3/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-05-2013 22:22:33
สร้างเลยๆ รีบสร้างครอบครัวเลยน่าา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 10-05-2013 21:02:09
KOUSOKU 12

คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง หลังจากที่คิดอยู่นานถึงได้นึกออกว่าตัวเองยังอยู่ที่โรงพยาบาล มือเรียวยกขึ้นปิดตาแล้วระบายลมหายใจหนัก ๆ  เขาหลับสนิทไปนานมากเพราะฤทธิ์ยาที่มาซาฮิเดะฉีดให้ แต่ยังรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

ยังไม่ทันที่ประสาทสัมผัสจะรับรู้โลกภายนอกได้ดีนัก มือใหญ่ ๆ ของใครบางคนก็จับมือที่คัตซึฮิโกะยกขึ้นมาปิดตาออกแล้ววางผ้าขนหนูหมาด ๆ ลงบนหน้าผาก

“นอนต่อไปก่อนก็ได้ เมื่อคืนนี้แกมีไข้สูง”

เสียงห้าวทุ้มนั้นคัตซึฮิโกะจำได้ดี เขาไม่ได้ตอบอะไรนอกจากพยักหน้ารับรู้ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้รู้สึกไม่สบายตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา

การได้พักทั้งกายทั้งใจเป็นเวลานานทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงบลงบ้าง ถึงตอนนี้เขาคงไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีก แต่ความรู้สึกในวินาทีที่ลงมีดกรีดข้อมือตัวเองนั้นเป็นความรู้สึกที่ลืมไม่ลงทีเดียว คัตซึฮิโกะขยับมือไปกุมข้อมือที่พันผ้าพันแผลเบา ๆ ...จากนี้ไปจะมีวันที่เขาต้องทำเรื่องแบบนี้ซ้ำอีกหรือเปล่านะ คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงนี่จะผลักดันเขาให้ไปถึงจุดนั้นอีกหรือเปล่า เพราะเซย์ริวเคยพูดเอาไว้เองว่าจะ “ทำลาย” เขา...ครั้งนี้ไม่สำเร็จ แต่ใครจะบอกได้ว่าครั้งหน้าจะเป็นอย่างไร...

คิดมาได้ถึงตรงนี้ คัตซึฮิโกะก็ชะงักไปนิดหนึ่ง...ไม่ใช่ไม่สำเร็จ แต่เซย์ริวเองต่างหากที่ขัดขวางและยื้อเขาคืนมาจากความตาย...ทำไมกัน ในเมื่อเป็นคนที่ต้องการทำลายชีวิตของเขาแท้ ๆ ...

ร่างเพรียวเปิดผ้าขนหนูที่ปิดตาตัวเองออก...เซย์ริวยังคงฟุบหลับอยู่ข้างเตียงของเขาเช่นเคย แถมยังหลับสนิทเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรทั้งสิ้น ใบหน้ายามหลับของอาชญากรหนุ่มดูอ่อนเยาว์ ไม่เหมือนคนกร้านโลกที่ผ่านความเป็นความตายมาอย่างโชกโชนเลย...คัตซึฮิโกะได้แต่มองเซย์ริวอยู่เงียบ ๆ  เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไรกับเซย์ริวกันแน่ สิ่งที่เซย์ริวและเพื่อนทำกับเขามันให้เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้จริง ๆ  แต่ถึงตอนนี้แล้ว...ทั้งการให้เลือดและการเฝ้าไข้อย่างอดทน มันทำให้ความเคียดแค้นและความสิ้นหวังบางอย่างในใจของชายหนุ่มเบาบางลง...แต่ไม่ถึงกับหายไปทั้งหมด เขายอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้จริง ๆ

“ตื่นแล้วเหรอ” มาซาฮิเดะทักขึ้นทันทีที่เข้ามาในห้อง

คนป่วยหันไปมองแล้วขมุบขมิบปากเป็นเชิงตอบรับ หากไม่ได้แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายอะไรในสีหน้า ดวงตาที่ทอดเหม่อยังมีแววโศก

“ตรวจร่างกายนิดนะ เมื่อคืนอยู่ ๆ เธอก็มีไข้สูง คิดว่าเลือดไม่เข้ากันเสียอีก” คุณหมอแตะข้อมือชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาเพื่อตรวจชีพจร “แต่ถ้าเลือดเข้ากันไม่ได้ก็ไม่น่ามีอาการแบบนี้ คิดว่าคงเป็นไข้อย่างเดียวหละนะ”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบอะไรนอกจากอยู่นิ่ง ๆ ให้มาซาฮิเดะตรวจอาการจนเรียบร้อย ร่างกายของเขายังอ่อนเพลียอยู่มากและไม่นึกอยากอาหารใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นมื้อเช้าที่บุรุษพยาบาลยกมาให้จึงถูกแตะต้องไปเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

“กินให้มันมากกว่านั้นหน่อยสิ แกยังป่วยอยู่นะ” คนที่ยังนั่งเอาหัววางกับเตียงพูดขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะวางช้อนลงและเตรียมจะกินยา

“ไม่หิว” คำตอบเรียบ สั้น และแผ่วเบา ไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

“จะหิวหรือไม่หิวก็น่าจะกินให้มากกว่านี้” เซย์ริวยกหัวขึ้นจากเตียงคนไข้ “หรือจะให้ฉันป้อน?”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบอะไร ทั้งที่โดยปกติแล้วเขาจะต้องมีปฏิกิริยาเดือดร้อนกับคำพูดแฝงนัยเช่นนั้นของเซย์ริวไปแล้ว แต่วันนี้ดวงตาคู่สวยกลับเฉยเมยและซึมเซา มือเรียวหยิบยาเม็ดเล็กใส่ปากตามด้วยน้ำจนหมดแก้ว เลื่อนถาดอาหารออกห่างตัว

ร่างสูงขมวดคิ้ว “ข้าวไม่พร่องไปเลยนะ แกไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนไม่ใช่หรือไง?”

คนตัวเล็กกว่ายังคงเงียบ เขามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่างซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรน่าดูนอกไปจากผนังตึกเก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ข้างโรงพยาบาล ทำราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดใด ๆ ของเซย์ริวทั้งสิ้น

เซย์ริวเองก็ชักจะฉุนขึ้นมานิดหน่อยกับอาการของคนป่วย แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะโวยวายลงไม้ลงมือด้วยการเก็บถาดอาหารเช้านั้นออกไปให้บุรุษพยาบาล เขาหงุดหงิดกับท่าทีของคัตซึฮิโกะมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว...ก่อนที่คัตซึฮิโกะจะพยายามฆ่าตัวตายเสียอีก เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคัตซึฮิโกะถึงต้องร้องไห้และออกอาการรับไม่ได้กับสิ่งที่เขาและฮิโรกิทำมากมายขนาดนั้น ในเมื่อต่างก็สนุกด้วยกันแท้ ๆ ...ทั้งเสียงร้องคราง ทั้งเรือนร่างที่บิดเร่า...จะบอกเขาหรือว่าคัตซึฮิโกะไม่ได้มีความสุขไปด้วย แล้วทำไมต้องร้องไห้...ทำไมต้องฆ่าตัวตาย?

ร่างสูงกลับเข้าไปในห้องคนไข้อีกครั้ง คัตซึฮิโกะยังคงนั่งเอนกายพิงหมอนที่วางตั้งกับหัวเตียงและเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง เซย์ริวกลับเข้าไปนั่งที่ข้างเตียง

ทันทีที่ร่างสูงเข้ามาอยู่ในสายตา คัตซึฮิโกะก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น

เซย์ริวขมวดคิ้ว อารมณ์กรุ่น ๆ ที่คุอยู่ในอกบัดนี้ฉุนขาดแล้ว มือใหญ่จับใบหน้าเรียวบังคับให้หันกลับมามองเขา

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย คาซึโกะ ฉันไปทำอะไรให้แก หา?”

คัตซึฮิโกะทอดมองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แฝงความรวดร้าว ริมฝีปากหยักเม้มนิ่งอยู่ชั่วครู่จึงได้หลบตา ยกมือขึ้นปัดมือของเซย์ริวเบา ๆ

“ไม่หรอก คุณไม่ได้ทำอะไรเลย...ไม่ได้ทำแม้แต่นิดเดียว” น้ำเสียงนั้นเรียบ แต่เน้นคำมากเสียจนคนฟังเข้าใจได้ว่าเป็นการประชด

“อ้อ...ไม่ได้ทำอะไรให้ แล้วทำไมแกต้องทำเหมือนกับว่าฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่น่ามองด้วยวะ?” เซย์ริวพูดเสียงเครียด

”ก็แค่ไม่อยากมอง...” คำตอบนั้นยิ่งทำให้คนกำลังหงุดหงิดอยู่แล้วยิ่งโกรธหนักขึ้น

“ไม่อยากมอง...ดี! งั้นก็ไม่ต้องมอง!” ร่างสูงตะคอกเสียงกร้าว

หากเพียงขาดคำ ร่างเพรียวก็ถูกกระชากเข้าสู่อ้อมแขนแกร่ง ตามมาด้วยริมฝีปากที่ประกบแนบแน่น บดเม้มอย่างเอาแต่ใจ คัตซึฮิโกะดิ้นรนพลางส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ ริมฝีปากเม้มแน่นไม่ยอมให้อีกฝ่ายรุกล้ำเข้ามาได้ สองมือก็ผลักไสและทุบตีไม่หยุด แต่เจ้าของอ้อมแขนไม่สะเทือน ยังคงกอดล็อคร่างบางไว้แน่น มือใหญ่ออกแรงบีบต้นแขนของคัตซึฮิโกะจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดดิ้นรนจนเริ่มหมดแรงไปเองแล้ว เซย์ริวก็อาศัยจังหวะนั้นกดคัตซึฮิโกะลงกับเตียงแล้วก้าวขึ้นไปคร่อมทับเอาไว้

“ปล่อยนะ! ปล่อยผมนะ!!” คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้า

“ไม่ปล่อย! จนกว่าเราจะพูดกันรู้เรื่อง”

“พูดบ้าอะไร! ผมไม่มีเรื่องอะไรจะพูดกับคุณ!”

“แกไม่มีแต่ฉันมี! แกเป็นบ้าอะไรของแก  ทำไมอยู่ ๆ ก็ต้องร้องห่มร้องไห้ อาละวาด ฆ่าตัวตายขึ้นมา! แกเป็นอะไรของแก ฉันไม่เข้าใจเลย!” ร่างสูงระบายอารมณ์ที่เก็บเอาไว้หลายวันออกมาหมดในประโยคเดียว

คัตซึฮิโกะจ้องหน้าเซย์ริวแล้วก็หรี่ตาด้วยความเจ็บปวด “คุณไม่รู้จริง ๆ หรือคุณแกล้งโง่?...คุณทำอะไรไว้กับผมนัก จะบอกว่าคุณไม่รู้อย่างงั้นเหรอ? คุณไม่เข้าใจจริง ๆ เหรอว่าไอ้เรื่องที่คุณทำมันเลวร้ายแค่ไหน?”

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง แกไม่พูดอะไรสักคำ แล้วอยู่ ๆ ก็ร้องไห้อาละวาดโวยวาย แล้วก็พยายามฆ่าตัวตาย แกรู้มั้ยว่าถ้าฉันกลับไปไม่ทันแกจะเป็นยังไง ป่านนี้แกตายไปแล้ว!”

“ก็แล้วทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายไปเลยเล่า! คุณพาผมกลับมาทำไม!?” คัตซึฮิโกะแผดเสียงจนแหบแห้ง น้ำตาที่แห้งไปแล้วไหลรินออกมาอีก

“ฉันพาแกกลับมาก็เพราะ...” น้ำเสียงนั้นหายไปในลำคอ เซย์ริวไม่สามารถหาคำตอบของคำถามนั้นได้ในวินาทีนั้น

“คุณพาผมกลับมาเพราะผมเป็นของเล่นของคุณ ใช่มั้ย? คุณจะบอกผมอย่างนี้ใช่มั้ย?” พูดแล้วคัตซึฮิโกะก็สะอื้นฮัก

ร่างสูงเม้มปากนิ่ง...เอาอีกแล้ว คัตซึฮิโกะร้องไห้อีกแล้ว มันเรื่องอะไรกันนักหนา...

“ไม่ใช่...ฉัน...” เซย์ริวค่อย ๆ คลายมือที่กดร่างเพรียวออก เขาจ้องมองคนที่กำลังร้องไห้อยู่ใต้ร่างของเขาแล้วก็หรี่ตาลง ไม่ว่าเมื่อไรก็ไม่สามารถเข้าใจความหมายของน้ำตานี้ได้เสียที

อย่างไม่ทันรู้ตัว...มือใหญ่ปาดเช็ดน้ำตาให้คัตซึฮิโกะอย่างแผ่วเบา

“คัตซึฮิโกะ...” เสียงนั้นอ่อนโยนนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากเจ้าของชื่อนั้นยังคงเอาแต่สะอื้นไห้

“ฟังนะ จะยังไงก็แล้วแต่ นับจากวันนี้ไป แกเป็นของฉัน...แกเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับฉันเพียงคนเดียวในโลกนี้ เพราะงั้น...ฉันจะไม่ยอมให้แกตาย...ไม่มีวันยอม...”

คัตซึฮิโกะมองคนตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา ...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก... เซย์ริวพูดอย่างนั้นหรือ? เขาฟังอะไรผิดไปหรือเปล่า...คำ ๆ เดียวที่อยากได้ยินมาตลอดชีวิตนั้น ออกมาจากปากเซย์ริวอย่างนั้นหรือ?

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วสะอื้นหนักกว่าเก่า...ทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมต้องหาคำพูดสวยหรูมาสั่นคลอนจิตใจของเขาแบบนี้ ทั้งที่พอทำให้เขาหวั่นไหวได้แล้ว ก็ทำร้ายเขาอย่างเลือดเย็นทุกครั้ง...แล้วทำไมคำพูดนี้จะต้องออกมาจากปากของเซย์ริวด้วย

“ทำไมแกถึงต้องร้องไห้ด้วยล่ะ คาซึโกะ?”

ไม่มีคำตอบนอกจากเสียงสะอื้นรุนแรง ร่างเล็ก ๆ นั้นสั่นเทาไปทั้งตัว เซย์ริวไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เขาค่อย ๆ ปีนลงจากเตียง จ้องมองคัตซึฮิโกะนิ่ง ๆ เช่นนั้นอยู่ชั่วครู่ คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างครุ่นคิด...เขาทำอะไรผิดอีกแล้วอย่างนั้นหรือ

มือเรียวกำแน่นจนเล็บจิกลงกับฝ่ามือ ...ไม่เข้าใจ... เขาไม่เข้าใจคัตซึฮิโกะเลย มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่ด้วย ทำไมอยู่ ๆ คัตซึฮิโกะถึงได้สติแตกไปเฉย ๆ แบบนี้ ทำไมเรื่องที่เคยทำได้เป็นปกติถึงได้กลายเป็นเรื่องร้ายแรงถึงกับจะต้องฆ่าตัวตาย แค่มีฮิโรกิมาเพิ่มอีกคนหนึ่งมันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ ทำไม...ทำไม...และทำไม...

ยิ่งคิดร่างสูงก็ยิ่งพลุ่งพล่าน  เขาหันไปเตะถังขยะที่วางอยู่ใกล้ ๆ เตียงจนกระเด็นแต่มันก็ไม่ช่วยให้อารมณ์อะไรบางอย่างในใจผ่อนคลายลงไปได้ เก้าอี้เฝ้าไข้จึงเป็นเป้าหมายต่อไป มือใหญ่ฉวยมันขึ้นแล้วเหวี่ยงมันออกไปทางหน้าต่างทันที

เสียงอาละวาดทำลายข้าวของของเซย์ริวทำให้คัตซึฮิโกะคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของตัวเองมิดชิด แม้จะหวาดกลัวอยู่บ้างว่าเซย์ริวอาจจะเข้ามาทำร้ายเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ในวินาทีนั้นยังมีเรื่องอื่นรบกวนจิตใจเขามากกว่าเรื่องนี้

“คนที่มีสายเลือดเดียวกัน” คือคนอารมณ์ร้ายที่กำลังอาละวาดอยู่ในตอนนี้...คนที่เฝ้าตามหาและรอคอยมาตลอดชีวิตคือคนใจร้ายคนนี้...แม้จะอยากให้มันเป็นฝันร้าย แต่มันก็คือความจริง!

และความจริงอีกอย่างที่คัตซึฮิโกะรับไม่ได้ก็คือ ถึงแม้จะเกลียดแค้นชิงชังมากแค่ไหน แต่คำพูดที่เซย์ริวพูดออกมานั้นมันทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความยินดีอย่างที่สุด...เขายอมรับความรู้สึกนี้ของตัวเองไม่ได้!


ในตอนที่ทุกอย่างรอบตัวสงบลงจนเหลือแต่เสียงสะอื้นเบา ๆ ของตัวเอง สมองของคัตซึฮิโกะก็มึนชาจนคิดอะไรแทบไม่ออก โปงผ้าห่มค่อย ๆ ถูกดึงออกเบา ๆ  มือแข็ง ๆ ของใครบางคนค่อย ๆ ดึงมือของเขาออกอย่างนุ่มนวล

“ซาโนะคุง ไม่เป็นไรแล้วนะ ไอ้ตัวขี้โวยวายมันออกไปแล้ว” น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับบีบมือของคัตซึฮิโกะเบา ๆ

คัตซึฮิโกะพยักหน้าน้อย ๆ ให้มาซาฮิเดะแต่ยังขดซุกนิ่งอยู่บนเตียง คุณหมอกวาดตามองไปรอบ ๆ ตัวแล้วก็ถอนใจ

“เจ้าบ้านั่นนับวันก็ยิ่งอารมณ์รุนแรงแฮะ แต่จะพูดไปแล้วมันก็เป็นนิสัยติดตัวหละนะ...มันทำร้ายเธออีกหรือเปล่า?”

ชายหนุ่มส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาร้องไห้มากเสียจนคอแห้งไปหมด และเหมือนรู้ใจ...มาซาฮิเดะรินน้ำแก้วใหญ่มายื่นให้ตรงหน้า

“ดื่มเสียหน่อย ร้องไห้มากขนาดนี้เธอคงต้องการน้ำนะ”

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นนั่งแล้วรับแก้วน้ำจากมือของคุณหมอ เขาค่อย ๆ จิบช้า ๆ  หยาดน้ำชุ่มเย็นหลังจากการร้องไห้อย่างหนักทำให้รู้สึกดีขึ้นมากทีเดียว

มาซาฮิเดะนั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องนั้น ปล่อยให้คัตซึฮิโกะนั่งปรับอารมณ์ไปเงียบ ๆ ...คัตซึฮิโกะในตอนนี้ก็คล้าย ๆ กับเซย์ริวในวัยเด็ก กำลังสับสนในตัวเองอยู่มาก และความสับสนเช่นนั้นคนอื่นจะไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลยนอกจากเจ้าตัวจะจัดการเอาเอง วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้อยู่เงียบ ๆ ไปจนกว่าจะเรียบร้อย แล้วอะไรที่อยากจะพูดอยากจะเล่าก็จะออกมาเองในตอนนั้น

“หมอครับ...” เสียงแผ่ว ๆ ดังขึ้นในที่สุด

“ว่าไง?”

“เขาบอกว่าผม...” ชายหนุ่มนิ่งไปชั่วอึดใจด้วยความลังเล “ผม...เป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับเขาเพียงคนเดียวในโลก”

มาซาฮิเดะพยักหน้ารับรู้
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 10-05-2013 21:05:35
“สำหรับผม...มันก็เหมือนกัน แต่...” คัตซึฮิโกะหลับตาลงเหมือนจะข่มความเจ็บปวดบางอย่างก่อนที่จะพูดประโยคต่อมา “แต่ทำไมต้องเป็นเขาด้วย...ผม...ผมเกลียดเขา”

มาซาฮิเดะถอนใจพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ให้ “คนเราน่ะนะ ซาโนะคุง เราเลือกคนที่มีสายเลือดเดียวกับเราไม่ได้หรอก มันเป็นสิ่งที่โชคชะตากำหนดเอาไว้ตั้งแต่เกิดแล้วว่าคน ๆ นั้นหรือคนพวกนั้นจะเป็นใคร ถ้าเธอบอกว่าเธอเกลียดเซย์ริว ไม่ต้องการให้เขาเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเธอ ฉันขอถามเธอนิดหนึ่ง เธอเป็นเด็กกำพร้าใช่มั้ย...ถ้าเธอได้พบพ่อแม่ที่ทอดทิ้งเธอในตอนนี้ เธอจะรู้สึกยังไงกับพวกเขาล่ะ?”

คัตซึฮิโกะนิ่งอึ้งไปในทันที มือเรียวที่กำผ้าห่มไว้เกร็งแน่น...เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย เรื่องพ่อกับแม่ไม่อยู่ในหัวของเขามานานมากแล้ว แม้แต่เรื่องพ่อแม่อุปถัมภ์ก็ไม่เคยมี แล้วอยู่ ๆ มาเจอคำถามแบบนี้...

สิ่งที่จำได้เพียงเลือนรางคือเมื่อนานมาแล้ว อาจารย์ใหญ่ของสถานสงเคราะห์เคยบอกกับเขาว่า เขาถูกทิ้งเอาไว้ที่หน้าประตูตั้งแต่ยังแบเบาะ ไม่รู้ว่าใครคือพ่อกับแม่ที่แท้จริง ทั้งที่จำไม่ได้ว่าถูกทอดทิ้ง แต่ลึก ๆ ในใจยังมีบางอย่างจดจำความรู้สึกที่ถูกทิ้งในตอนนั้นได้...ความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวอย่างรุนแรงจะเกาะกินหัวใจทุกครั้งที่ต้องอยู่ตามลำพัง ในตอนที่ออกจากสถานสงเคราะห์มาอยู่คนเดียว มันเล่นงานเขาอย่างหนักจนแทบบ้า กว่าจะปรับตัวให้เคยชินกับมันได้ก็กินเวลาเป็นปี แต่ถึงกระนั้นความรู้สึกโหยหาใครสักคนในค่ำคืนอันเงียบสงัดก็ยังไม่เคยจางหายไปแม้จนบัดนี้...ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเพราะคนที่ไม่รับผิดชอบสองคนที่ให้กำเนิดเขาขึ้นมา

“ก็ต้องเกลียดสิ!” คัตซึฮิโกะกระแทกเสียง “คนพวกนั้นทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้นี่!”

หมอมาสะเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของคัตซึฮิโกะแล้วก็ยิ้ม ๆ  อย่างน้อยนี่ก็อาจจะเป็นการแสดงอารมณ์โกรธที่ออกมาจากเบื้องลึกในใจแท้ ๆ เป็นครั้งแรกของชายหนุ่มก็เป็นได้...มันก็ดูดีกว่าการร้องไห้หละนะ

“แล้วพวกเขาไม่ใช่คนที่มีสายเลือดเดียวกันกับเธอหรอกเหรอ?”

หัวใจของร่างเพรียวกระตุกวาบ...เขาเกลียดพ่อแม่ที่มีสายเลือดเดียวกันกับเขา...แล้วก็เกลียดเซย์ริวด้วย! ความจริงที่น่าตกใจนี้เขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนจนกระทั่งถูกถามขึ้นมาในตอนนี้

“เซย์ริวเองก็เกลียดพ่อกับแม่ของตัวเอง บางที...พวกเธออาจจะเป็นคนที่เหมือนกันเอามาก ๆ ก็ได้นะ”

“ผมไม่เหมือนหมอนั่นนะ!”

“ฉันไม่ได้พูดถึงเรื่องนิสัยและการกระทำหรอกนะ ฉันกำลังพูดถึงจิตใจของพวกเธอต่างหาก...” มาซาฮิเดะลุกจากโต๊ะแล้วเดินมายืนข้างเตียง “แม้ว่าภายนอกจะดูแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ลึก ๆ ลงไปในใจแล้ว พวกเธอเหมือนกันมากนะ ซาโนะคุง...พวกเธอเกลียดคนที่มีสายเลือดเดียวกับตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน...ก็โหยหาคนพวกนั้นด้วยเช่นกัน”

“แต่ต้องไม่ใช่หมอนั่น! ไม่ใช่เซย์ริว!!”

“เป็นฉันแล้วไม่ดีตรงไหน หา!?”

เสียงห้าวดังขึ้นตรงหน้าประตู คัตซึฮิโกะตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นเคืองไปมองแล้วเมินไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“ไม่มีอะไรดีสักอย่างนั่นแหละ!” หางเสียงตวัดด้วยความฉุนเฉียว

ร่างสูงก้าวฉับ ๆ เข้ามายืนข้างเตียงอย่างรวดเร็ว มือใหญ่คว้าต้นแขนของคัตซึฮิโกะไว้แน่น “ฉันไม่สนใจหรอกนะเฟ้ย ว่าแกจะคิดยังไง แต่จำใส่กะโหลกเอาไว้! แกเป็นของฉัน มีสายเลือดเดียวกับฉัน จำเอาไว้!!”

สายยางสำหรับรัดแขนคนไข้สะบัดฟาดมือเซย์ริวเพี๊ยะ ร่างสูงชักมือออกจากการเกาะกุมทันที ส่งสายตาขุ่นเขียวให้มาซาฮิเดะ...ไม่ว่าเมื่อไร่หมอมาสะก็ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับเมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กเสมอ

“อย่ามาเอะอะโวยวายได้ไหม ไอ้ตัวแสบ แค่นี้ซาโนะคุงเขาก็เหนื่อยเพราะแกจะแย่อยู่แล้ว ออกไปสงบจิตสงบใจข้างนอกไป หรือไปหาไล่กระทืบใครสักคนสองคนให้มันเข้าโรง‘ บาลซะ ฉันจะได้มีรายได้เพิ่ม” มาซาฮิเดะบอกเสียงเรียบ ๆ  ใบหน้านั้นเกือบจะยิ้มด้วยซ้ำ

ดวงตาคมตวัดค้อนขวับ ก่อนจะเดินกระแทกส้นปึงปังออกจากห้องไป

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นปิดหูตัวเองแล้วสะบัดหน้าเหมือนจะไล่ถ้อยคำเหล่านั้นของเซย์ริวออกไปให้พ้นจากสมอง น้ำตาที่เพิ่งจะแห้งไปพาลจะไหลออกมาอีก

“ไม่เอา...ไม่ใช่แบบนี้...ผม...ผม...”

“มันเป็นโชคชะตานะ ซาโนะคุง จะชอบหรือจะเกลียดมันก็ต้องเจออยู่ดี นึกเสียว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลกเถอะ” มาซาฮิเดะจับศีรษะคัตซึฮิโกะเขย่าเบา ๆ

คำพูดนั้นทำให้คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบไป แล้วหลังจากวันนั้นเขาก็แทบไม่ได้พูดอะไรกับใครอีก เอาแต่ครุ่นคิดอยู่ในใจคนเดียว

“อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก”...ใช่ มีอยู่หลายครั้งที่เขารู้สึกแบบนั้นเวลาที่มีเซย์ริวอยู่ในห้องด้วย ร่างสูงที่ดูเหมือนจะเกะกะขวางทางไปหมดแต่ก็ทำให้ห้องเล็ก ๆ ของเขาไม่ได้ดูกว้างขวางอ้างว้างเหมือนกับที่เคยรู้สึก เพราะอย่างน้อยก็มีคนอยู่ด้วย แม้จะไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว แต่ก็รู้ว่าเซย์ริวอยู่ตรงนั้น แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรร่วมกันเลย แต่ก็อยู่ตรงนั้น...หากคัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ใส่ใจกับการคงอยู่ของร่างสูง จนเมื่อวันที่เซย์ริวหายตัวไป วันนั้นเองที่เขารู้สึกตัวว่าการมีตัวตนอยู่ของเซย์ริวมีความหมายกับเขามากเพียงใด...
//////////

อีกสองวันให้หลังคัตซึฮิโกะก็แข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้ มาซาฮิเดะได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ เมื่อเห็นเซย์ริวทำตัวเป็นพี่เลี้ยงตัวใหญ่กลับบ้านไปเอาเสื้อผ้ามาให้คัตซึฮิโกะเปลี่ยน ในขณะที่คัตซึฮิโกะยังคงนิ่งเงียบจนเกือบจะเย็นชา แต่คนที่สูงวัยกว่าก็ดูออก ว่าชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกต่อต้านเซย์ริวมากเท่าที่เคยเป็น แม้จะยังนิ่งเฉย แต่ก็ไม่ได้มีอาการขัดขืนหรือรังเกียจเมื่อถูกแตะต้อง...แล้วก็ไม่ได้ร้องไห้อีก

“ขอบคุณที่คอยดูแลมาตลอดนะครับ” คัตซึฮิโกะโค้งให้มาซาฮิเดะอย่างสุภาพ

แต่ก่อนที่มาซาฮิเดะจะพูดอะไร เซย์ริวก็ชิงพูดขึ้นก่อน “ไม่ต้องไปขอบคุณแกหรอก ค่ารักษาของหมอนี่เท่าไหร่ล่ะ?”

คัตซึฮิโกะทำตาเขียวกับความไร้มารยาทของเซย์ริว แต่มาซาฮิเดะยิ้มกว้าง “รู้ทันดีนี่ เซย์”

“ฉันอยู่กับหมอมากี่ปีแล้วล่ะ” ร่างสูงยอกย้อน

“รู้ก็ดีแล้ว ค่ารักษาทั้งหมดก็ 3 ล้าน 8 แสน รวมค่ายาอีก 2 แสน ก็พอดี 4 ล้าน...แกจะจ่ายให้หรือเปล่าล่ะ?” ประโยคสุดท้ายถามพร้อมกับกลั้วหัวเราะไปด้วยเมื่อเห็นว่าคัตซึฮิโกะหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด

“ใครจะไปมีปัญญา มันอยากหาเรื่องเจ็บตัวเอง ใครทำใครจ่ายเองก็แล้วกัน ลำพังค่ารักษาของฉันเองก็หามาเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว” เซย์ริวปัดความรับผิดชอบทันที

“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ซาโนะคุง ผ่อนได้น่ะ” หมอมาสะบอกยิ้ม ๆ  แต่คัตซึฮิโกะยิ่งหน้าซีดหนัก

“แต่...ผมมีเงินเก็บแค่...3 แสน...” นั่นคือทั้งหมดในชีวิตของเขาแล้ว

“ก็บอกแล้วไงว่าผ่อนได้ เอาน่ะ...เดี๋ยวฉันจะบังคับให้ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้เธอทำร้ายตัวเองมันช่วยผ่อนให้ด้วยแล้วกัน เซย์ริวน่ะหาเงินเก่งนะ” มาซาฮิเดะบอกพร้อมกับรอยยิ้มของปีศาจ

ครั้งนี้เซย์ริวก็หน้าซีดไปด้วย ค่ารักษาส่วนของเขากับฮิโรกิเพิ่งได้รับการยกเว้นเพราะหาศพมาให้หมอมาสะชำแหละได้ กำลังโล่งใจได้ที่ ก็ต้องมาช่วยค่ารักษาของคัตซึฮิโกะอีกงั้นรึ...จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ลองหมอมาสะพูดแบบนี้แปลว่าเอาจริงแน่หละ

ชายหนุ่มทั้งสองเดินกลับบ้านด้วยกันด้วยท่าทางซีดเซียวพอ ๆ กัน แต่ถึงจะพูดว่าเดินกลับบ้านด้วยกันก็ตาม คัตซึฮิโกะก็พยายามทิ้งระยะห่างจากเซย์ริวพอสมควร ฝ่ายเซย์ริวเองนั้นคันไม้คันมืออยากจะเข้าไปกระชากตัวร่างเพรียวให้มาเดินใกล้ ๆ  แต่ติดอยู่ตรงคำพูดของหมอมาสะที่พูดเอาไว้วันก่อน...


วันนั้นเขาโดนหมอมาสะเรียกไป “อบรม” เสียยกใหญ่เกี่ยวกับเรื่องคัตซึฮิโกะ โดยปกติแล้วเขาไปมีเรื่องมีราวกับใคร จะไปฆ่าไปแกงกับใคร มาซาฮิเดะไม่เคยว่าอะไรสักคำ เพิ่งมีครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทำตัวเป็น “ผู้ปกครองเต็มขั้น” เรียกเขามาอบรมแบบนี้

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย” มาซาฮิเดะดักคอเมื่อร่างสูงเริ่มทำหน้าหงิกด้วยความขัดใจที่ต้องมานั่งรอฟังคำเทศนาในห้องทำงานของหมอ “ฉันรู้ว่ามันพิลึกที่อยู่ ๆ ก็เรียกแกมาคุยด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย แต่ก็นั่นแหละ...ทั้งนี้ก็เพื่อตัวแกเองทั้งนั้น”

“หมอตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่น่ะ กับแค่เรื่องที่ไอ้หมอนั่นพยายามฆ่าตัวตายนี่มันทำให้ฉันต้องโดนหมอเทศน์เชียวเหรอ?” เซย์ริวยิ่งหน้าหงิกหนักเข้าไปอีก “เหยื่อของฉันมันฆ่าตัวตายไปตั้งหลายคนแล้ว หมอก็ไม่เห็นว่าอะไรนี่ แล้วทำไมหมอจะต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องของไอ้หมอนั่นด้วย”

“เพราะถ้าเขาตาย แกจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตไงล่ะ” มาซาฮิเดะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

เซย์ริวเงียบ ไม่ได้เถียงอะไร...แต่ถึงแม้จะเถียงก็แค่เถียงอยู่ในใจ

“ซาโนะคุงบอบบางกว่าที่แกคิดนะ”

“ตรงไหน? หมอนั่นน่ะนะบอบบาง มันเป็นเหยื่อคนเดียวที่กล้าด่าฉัน กล้าเล่นงานฉัน กล้าหาเรื่องฉัน แล้วตรงไหนของมันที่หมอบอกว่าบอบบาง?” เซย์ริวขึ้นเสียง แต่แล้วก็ต้องเงียบลงเมื่อรู้สึกถึงสายตาบางอย่างจากหมอมาสะ

“แล้วก็เป็นคนเดียวที่ร้องไห้เมื่อเห็นว่าแกปลอดภัยกลับมาหาเขาหลังจากหายหน้าไปหลายเดือนด้วย ใช่มั้ยล่ะ?” คนเป็นหมอยังคงพูดเรียบ ๆ

ร่างสูงนิ่งไป แล้วแกล้งเสมองไปทางอื่น

“เซย์ริว...จะไม่ลองเก็บเขาไว้เผื่อบ้างเหรอ?”

“เผื่ออะไร?”

“เผื่อว่าคนเดียวในชีวิตของแกจะหาไม่ได้ง่าย ๆ น่ะสิ”

แล้วหลังจากนั้นหมอมาสะก็เริ่มต้นเทศนายาวเหยียด...ยาวที่สุดนับตั้งแต่เซย์ริวรู้จักหมอมาสะมา  สรุปโดยรวมคือว่าด้วยเรื่องที่เขาทำอะไรไม่ดี ๆ กับคัตซึฮิโกะล้วน ๆ  และจบท้าย...ที่ถึงจะไม่ได้บอกอย่างชัดเจน แต่ก็มีความหมายอ้อม ๆ ว่า เขาควรจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปรับตัวเองให้เข้ากับคัตซึฮิโกะ...แม้สักน้อยก็ยังดี

“ทำไมฉันต้องเป็นคนปรับด้วยล่ะ ในเมื่อมันเองก็รับทุกอย่างที่ฉันเป็นได้มาตลอดแล้วนี่” ถึงตรงนี้เซย์ริวชักจะออกอาการเหลืออดอยากจะชกหน้าหมอสักเปรี้ยงแล้ว

“ก็ไม่ใช่ว่ารับได้ทั้งหมดหรอกนะ...เพียงแค่ว่าซาโนะคุงเขาไม่รู้ตัวว่ากำลังรู้สึกยังไงกับแกเท่านั้นแหละ”

“รู้สึก?”

“เออ เขาน่ะ แค่เห็นแกเป็นตัวแทนหรือเครื่องมือในการแสดงออกในสิ่งที่เขาไม่มีวันเป็นได้ยังไงล่ะ” คำตอบของมาซาฮิเดะราวกับตีเข้าแสกหน้าของชายหนุ่มอย่างจัง “เขาก็แค่...อยากรู้ว่าแกจะทำอะไรได้ถึงแค่ไหนเท่านั้นแหละ”

เซย์ริวเม้มปากแน่น ...ความรู้สึกราวกับโดนดูถูกนี่มันคืออะไร...

ชายหนุ่มแทบไม่ได้ฟังว่ามาซาฮิเดะพูดอะไรต่อจากนั้นบ้าง หรือถ้าจะฟังก็รางเลือนเหลือเกิน...

“...แต่ว่านะ เซย์ริว ถ้าเทวดาจะต้องกลายเป็นปีศาจ...มันก็น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ?”


ร่างสูงมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อคัตซึฮิโกะไขกุญแจเปิดห้อง คนตัวเล็กกว่าไม่พูดอะไรนอกจากถอดรองเท้าอย่างชุ่ย ๆ พร้อมกับเสื้อโค้ท ก่อนที่จะขยุ้มเสื้อนั้นโยนกองไว้กับเก้าอี้ แล้วตรงไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วทำท่าเหมือนจะหลับไปเสียเดี๋ยวนั้น ซึ่งทั้งหมดนั้นผิดวิสัยคัตซึฮิโกะที่มักจะจัดการกับของของตัวเองอย่างเป็นระเบียบอย่างยิ่ง

เซย์ริวมองคนตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ ดูท่าทางคัตซึฮิโกะยังออกจะหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตอยู่ไม่น้อยถึงได้ปล่อยปละละเลยตัวเองมากแบบนี้ แล้วห้องนี้ก็ไม่ได้ทำความสะอาดมาอย่างน้อยก็อาทิตย์หนึ่งแล้ว บนเตียงก็มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด คัตซึฮิโกะก็ยังนอนลงไปได้

“ไปอาบน้ำก่อนสิ”

หากคัตซึฮิโกะยังคงนอนนิ่งราวกับไม่รับรู้โลกภายนอก ถึงตอนนี้เขายังรู้สึกเหนื่อยมากเหลือเกิน เหนื่อยจนไม่อยากจะคิดจะทำอะไรอีกต่อไป ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล เขามีเรื่องให้คิดมากมายเกินไป ในตอนนี้เขาอยากจะพักและวางเรื่องทั้งหมดลงเสียที บนเตียงที่คุ้นเคยในห้องของเขาเองนี่แหละ

ร่างสูงทอดสายตามองชายหนุ่มที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ท่าทีของคัตซึฮิโกะช่างกวนประสาทเขาดีเหลือเกิน แต่สีหน้าที่อ่อนระโหยก็ทำให้เขาไม่อยากจะรบกวนในตอนนี้ คิดแบบนั้นเขาจึงปล่อยให้คัตซึฮิโกะนอนไปตามต้องการและคลี่ผ้าห่มคลุมร่างให้ เริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศก็ยังเย็นอยู่มาก

เสร็จจากคัตซึฮิโกะแล้ว เซย์ริวก็เดินไปรอบ ๆ ห้อง หยิบนั่นจับนี่ไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าเอาเสื้อโค้ทที่คัตซึฮิโกะขยุ้มกองไว้บนเก้าอี้ไปแขวนให้เข้าที่เข้าทาง...หลังจากมาสิงอยู่ในห้องของคัตซึฮิโกะนาน ๆ เข้า เขาก็เริ่มจะทำตัวให้เป็นระเบียบขึ้นมา – บ้าง – แต่เรื่องที่จะให้เขาลงมือทำความสะอาดห้องนั้น...ฝันไป ดังนั้น เมื่อไม่มีอะไรจะทำจริง ๆ แล้ว เซย์ริวก็ออกจากห้องไป
//////////

อากาศเย็นเฉียบที่สัมผัสปลายเท้าทำให้คัตซึฮิโกะต้องดึงเท้าทั้งสองข้างเข้ามาซุกใต้ผ้าห่ม แต่พอจะขยับตัวให้อยู่ในท่าที่อุ่นสบายกว่านั้นกลับทำไม่ได้ ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือขึ้นเล็กน้อยด้วยอาการงัวเงีย กลิ่นแอลกอฮอล์กรุ่นไปทั่วโปงผ้าห่มที่เขาซุกตัวอยู่...แต่เขาจำได้ว่าเขาไม่ได้ดื่มก่อนนอนนี่นา มือเรียวยกขึ้นขยี้ตาแล้วค่อยปรับโฟกัสภาพตรงหน้าช้า ๆ

ดวงหน้าคมของคนใจร้ายอยู่ห่างไปไม่ถึงฝ่ามือ ดวงตาที่มักจะมีแววดุดันปิดสนิทและลมหายใจก็สม่ำเสมอบอกว่าเจ้าของดวงตากำลังหลับลึก หากอ้อมแขนแกร่งกลับกอดก่ายร่างเพรียวเอาไว้อย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพอรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดขยับตัว ร่างสูงก็กระชับอ้อมแขนรั้งให้คนตัวเล็กกว่าขยับเข้าไปแนบชิดมากขึ้น

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นยันอกกว้างไว้ทันที

“อะ...เฮ้ ปล่อยผมนะ”

แต่พอขยับตัวอ้อมแขนนั้นกลับรั้งแน่นเข้า แถมจมูกโด่งยังแนบลงกับหน้าผากพร้อมกับมือใหญ่ที่ลูบไล้เส้นผมอย่างแผ่วเบาเหมือนจะกล่อมให้นอนต่อ

ไม่ว่าร่างสูงจะทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่แค่นั้นคัตซึฮิโกะก็ไม่คิดจะดื้อดึงอะไรอีก นอนนิ่ง ๆ อยู่ในโปงผ้าอบอุ่น พลางกระหวัดคิดไปถึงคำพูดของเซย์ริว

‘…แกเป็นของฉัน...แกเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกับฉันเพียงคนเดียวในโลกนี้ เพราะงั้น...ฉันจะไม่ยอมให้แกตาย...’

เซย์ริวเปลี่ยนค่าของเขาจาก “ของเล่น” มาเป็น “คน” แล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาคงเปลี่ยนไปอีก แต่เขาจะยอมยกโทษให้คนที่กดดันเขาจนคิดฆ่าตัวตายได้จริง ๆ หรือ เขาไม่มั่นใจเลยว่ามันจะเป็นแบบนั้น...ไม่สิ เขาไม่มีวันยกโทษให้เซย์ริวแน่ ๆ  แต่มันจะเป็นยังไงต่อไปกันแน่นะ

คัตซึฮิโกะถอนใจยาวแล้วหลับตาลง...ตอนนี้พอก่อนดีกว่า เลิกคิดเสียก่อน ปล่อยให้เวลาเป็นคนจัดการทุกอย่างดีกว่า เขาแค่ใช้ชีวิตของเขาไปเรื่อย ๆ  ยังมีเรื่องให้คิดมากกว่าเรื่องของเซย์ริว อย่างไรเสียเซย์ริวก็กลับมาอยู่กับเขาแล้ว...

ชายหนุ่มผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าความคิดสุดท้ายของตนคืออะไร



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: em1979 ที่ 11-05-2013 05:27:46
อ่านรวบยอด หน่วง หน่วง หน่วง อยากให้เทวดากลายเป็นมารร้ายจอมยั่ว เอาให้เซย์ริวหัวปั่นเลย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 11-05-2013 12:21:27
เห็นด้วยๆ อยากให้เซย์ริวโดนเอาคืนมั่งอ่ะ หมั่นไส้ๆๆๆ เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองซะที
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 11-05-2013 14:37:14
คิดถึงเรื่องนี้ เพิ่งเห็นจริงๆว่าลงเล้าเป็ดด้วย แวะมาอ่านอีกที
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 11-05-2013 15:01:35
เฮ้อออออ... มันเครียด บรรยากาศระหว่างสองคนนี้เหมือนมีเมฆหมอกคลุมอยู่
เซย์ริวถ้าไม่เคลียร์ตัวเองระวังจะเสียเค้าไปนะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: pudson ที่ 13-05-2013 03:03:29
หวังว่าเซย์ริว จะเริ่มดีกับคัตสึโกะบ้างนะ :katai5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-05-2013 14:18:41



     เริ่มรู้ตัวและปรับตัวเข้าหากันทีละนิดแล้วสิ
     คุณหมอนี่เยี่ยมจริงๆเลย รักษาได้มากกว่าโรคซะด้วย



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 13-05-2013 18:06:32
ขอให้เซย์มีพัฒนาการที่ดีด้วยเถอะนะะ
สงสารคัตสึมากกก!!

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 13-05-2013 19:59:55
อยากเห็นเซย์ริวดิ้น :ling1:
ทำเขาไว้เยอะ ก็น่าจะลองโดนเองบ้างเนอะ :katai4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 13 : 10/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 13-05-2013 22:38:30
อ่านตอนนี้แล้วอบอุ่นเบาๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 17-05-2013 19:48:00
สวัสดีวันศุกร์ครับ แล้วก็สวัสดีวันพระด้วย (ลงนิยายวันพระมาหลายรอบแล้วนะเนี่ย)

KOUSOKU 14

เซย์ริวรู้สึกตัวตื่นเมื่อคนในอ้อมแขนลุกขึ้นจากเตียง เสียงอาบน้ำบอกให้รู้ว่ายามเช้ามาเยือนแล้ว เขาพลิกตัวไปดูนาฬิกาปลุกที่วางอยู่ตรงหัวเตียง...ยังเช้าอยู่มาก แต่ก็เป็นเวลาตื่นปกติของคัตซึฮิโกะ ร่างสูงหลับตาลงอีกครั้งและคิดจะหลับตา แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้...คัตซึฮิโกะเพิ่งออกจากโรงพยาบาล แล้วจะไปทำงานอย่างงั้นหรือ

“แกจะไปไหนแต่เช้าน่ะ?” เซย์ริวถามทั้งยังหลับตา เมื่อคัตซึฮิโกะกำลังแต่งตัว

“ไปที่ทำงาน” เสื้อยืดตัวหนาถูกเลือกมาสวมเข้าชุดกับกางเกงยีนส์

“แกเพิ่งหายป่วย จะไปทำงานแล้วเหรอ?”

“เปล่า” ผ้ารัดข้อมือสีดำอันใหญ่สวมลงกับมือข้างซ้ายเพื่อปกปิดรอยแผลที่ยังมีผ้าพันแผลปิดทับอยู่

“อ้าว แล้วแกจะไปทำไม?” ร่างสูงพลิกตัวมาถาม

“ไปให้เขาไล่ออก” คัตซึฮิโกะตอบพลางหยิบเสื้อกันหนาวมาสวม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาอากาศอุ่นขึ้นจนไม่ต้องใช้เสื้อโค้ทแล้ว “ผมหยุดงานโดยไม่ลาตั้งเกือบอาทิตย์ เขายังเอาไว้ก็แปลกหละ”

น้ำเสียงที่พูดเรื่องเหล่านั้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดาทำให้เซย์ริวรู้สึกแปลกใจ เป็นอีกครั้งที่คัตซึฮิโกะดูเข้มแข็งจนน่าประหลาด เขาลอบมองร่างเพรียว...สีหน้าของคัตซึฮิโกะดูเย็นชากว่าเคย แต่ก็คุ้นตา...วินาทีนั้น เซย์ริวรู้สึกเหมือนกำลังมองตัวเองสมัยวัยรุ่นในกระจก...ตัวเขาที่ไม่คิดจะสนใจใครอีกแล้วนอกจากตัวเอง

“ไปนะ” คัตซึฮิโกะบอกกับคนที่ยังนอนอยู่บนเตียงแล้วก็หยิบกระเป๋าออกจากห้องไป

เซย์ริวนอนลืมตาอยู่ในความเงียบ คัตซึฮิโกะกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นคนแบบเขา...เป็นคนเย็นชาที่ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้นนอกจากตัวเองอย่างนั้นหรือ นั่นไม่ใช่คัตซึฮิโกะแล้ว...คัตซึฮิโกะที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้ คัตซึฮิโกะคนที่ซื้อสร้อยข้อมือให้เขาไม่ใช่คนแบบนี้

‘…แต่ว่านะ เซย์ริว ถ้าเทวดาจะต้องกลายเป็นปีศาจ...มันก็น่าเสียดายไม่ใช่เหรอ...’

เซย์ริวตวัดผ้าห่มออกจากร่างแล้วรีบลุกจากเตียงทันที


เสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังขึ้นในห้องหัวหน้าฝ่าย โดยปกติแล้วก็เป็นเสียงที่พนักงานในฝ่ายได้ยินกันจนชินชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังโดนเอ็ดนั้นเป็นใคร หัวหน้าฝ่ายชอบหาเรื่องคัตซึฮิโกะที่ไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครเขาอยู่แล้ว...แต่ครั้งนี้คนในฝ่ายต่างก็ให้ความสนใจ พยายามทำงานในมือโดยเอาหูฟังเสียงที่ดังออกมาจากห้องนั้นด้วย เพราะอยู่ ๆ คัตซึฮิโกะที่หายหน้าไปหลายวันโดยไม่มีใบลาและไม่มีใครตามหาตัวพบกลับโผล่เข้าออฟฟิศมาในชุดลำลองโดยมีถุงใส่เครื่องแบบมาด้วย และตรงเข้าไปในห้องหัวหน้าโดยไม่ได้พูดอะไรกับใคร แล้วก็มีเสียงบ้งเบ้งดังออกมาจากห้องนั้น

เวลาผ่านไปราว ๆ  20 นาที เสียงนั้นก็เงียบลง แล้วคัตซึฮิโกะก็เดินออกมาจากห้อง

“ซาโนะ เป็นอะไรหรือเปล่า? หัวหน้าด่าเรื่องอะไรน่ะ?” เพื่อนร่วมงานที่สนิทกับคัตซึฮิโกะที่สุดรีบเดินเข้ามาหา

“ไม่มีอะไรหรอก เขาไล่ฉันออกน่ะ” คัตซึฮิโกะตอบพร้อมด้วยรอยยิ้มจาง ๆ

“ไล่ออก!? เฮ้ย มันเรื่องอะไรกันล่ะ?”

ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกใจ คัตซึฮิโกะเป็นคนที่ทำงานได้โดยไม่มีที่ติมาตลอด ไม่เคยมาสาย อาจจะเคยหยุดงานโดยไม่มีใบลาบ้างแต่นั่นก็เพราะป่วยฉุกเฉิน โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นพนักงานชั้นดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เพียงครั้งนี้เท่านั้นที่หายไปหลายวันโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ แต่อยู่ ๆ ก็กลับมาเพื่อโดนไล่ออกนั้น...มันก็น่าคิดทีเดียว

“ก็ฉันหยุดงานไปโดยไม่มีใบลาตั้งหลายวัน ก็ไม่แปลกหรอก ฉันก็ทำใจไว้แล้ว” คัตซึฮิโกะยักไหล่แล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีเพื่อนคนนั้นวิ่งตามออกไปด้วย

“แต่นายป่วยใช่มั้ย? บอกเขาได้นี่ อธิบายได้ไม่ใช่เหรอ?”

“หัวหน้าเขาไม่เคยฟังฉันอยู่แล้วนี่นา”

“แต่ว่า...” เพื่อนร่วมงานคว้ามือชายหนุ่มไว้ได้ ปลายเสื้อแขนยาวถูกดึงรั้งและผ้ารัดข้อมือหลุดเลื่อนตามแรงดึงเผยให้เห็นบาดแผลที่ปกปิดเอาไว้ คนที่จับยึดมือนั้นไว้ถึงกับผงะ “ซาโนะ! นี่นาย...”

คัตซึฮิโกะดึงมือออกจากการเกาะกุมนั้นอย่างนุ่มนวลแล้วขยับผ้ารัดข้อมือให้เข้าที่ “ปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ”

“ไม่นิดแล้ว นี่นาย...พยายามฆ่าตัวตาย...?”

“อื้ม ใช่ เลยต้องหยุดงานไปรักษาตัวหลายวัน” คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็ยิ้มนิด ๆ ให้กับเพื่อน “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ แต่ฉันก็คิดเอาไว้นานแล้วว่าฉันคงไม่เหมาะกับงานที่นี่จริง ๆ ก็ได้”

“ซาโนะ...นี่นายมีปัญหาขนาดนี้เลยเหรอ แล้วทำไมไม่บอก...”

“ช่างเถอะ ฉันผ่านมันมาได้แล้วหละ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณนะ” คัตซึฮิโกะพูดแล้วก็โอบกอดเพื่อนร่วมงานไว้เบา ๆ  “ไว้ถ้าเจอกันอีก อย่าลืมชวนไปดื่มล่ะ”

“อะ...อืม...” คนถูกกอดทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดตอบแล้วตบไหล่คัตซึฮิโกะเบา ๆ  “ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“ไม่เป็นไรหรอก แค่คอยปลอบหลังจากโดนด่ามาทุกครั้งก็ช่วยได้เยอะแล้วหละ” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง “งั้น...ไปหละนะ”

ผู้เป็นเพื่อนได้แต่โบกมือให้ คัตซึฮิโกะหันหลังจากมาโดยไม่หันกลับไปมองอีก...ตอนนี้คงต้องหางานใหม่เป็นอันดับแรกสินะ...
ยังไม่ทันก้าวพ้นประตูใหญ่ของที่ทำงาน คัตซึฮิโกะก็ชะงักเท้า คนที่ยืนรอเขาอยู่ตรงหน้าประตูนั้นคือร่างสูงที่เขาไม่เคยเห็นออกมาจากห้องในช่วงเช้าของวันเลย

“โดนไล่ออกแล้ว?” คำถามนั้นราวกับถามเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป

“ใช่”

“ต้องหางานทำสินะ”

“อืม...ต้องหาเงินไปจ่ายค่ารักษานี่” คัตซึฮิโกะบอกพลางเดินเข้าไปใกล้

“ฉันว่าฉันเจองานที่เหมาะกับแกตอนเดินมาที่นี่นะ” เซย์ริวเดินเคียงข้างไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่ผู้คนบางตาลงไปกว่าตอนชั่วโมงเร่งด่วนมากแล้ว

“งาน?”

“อืม งานที่น่าจะทำให้แกเป็นตัวของตัวเอง...ไม่ใช่แบบนี้” ประโยคหลังแทบจะไม่หลุดออกมาจากลำคอ...เซย์ริวไม่อยากคิดหรอกว่าเขาใจหายมากแค่ไหนที่รู้สึกขึ้นมาว่าคัตซึฮิโกะกำลังจะกลายเป็นคนแบบเดียวกับเขา

ทั้งสองเดินไปด้วยกันโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนกระทั่งเซย์ริวไปหยุดยืนตรงหน้าป้ายประกาศหาคนทำงานที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ในตอนแรกคัตซึฮิโกะไม่ทันได้รู้สึกด้วยซ้ำว่านั่นเป็นร้านอะไรจนกระทั่งเซย์ริวหยุดเดิน

“นี่นะ งาน?” คัตซึฮิโกะถามเบา ๆ เมื่อมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วพบแต่ต้นไม้และดอกไม้

“ใช่ เหมาะกับแกมากด้วย” ร่างสูงไม่พูดเปล่า ยังคว้ามือคัตซึฮิโกะให้เดินตามเข้าไปในร้านที่เพิ่งจะเปิดเมื่อสักครู่นี้

“พนักงานร้านขายดอกไม้เนี่ยนะ!?”

“ใช่ เหมาะกับแกมากกว่าไอ้งานที่เดิมนั่นอีก”

ยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะพูดอะไรต่อ เสียงของเจ้าของร้านก็ทักทายขึ้น

“สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ?”

“พาเพื่อนมาสมัครงานครับ” คนตอบคือเซย์ริว โดยที่คนโดนยัดเยียดงานให้ได้แต่ยืนเหวออ้าปากค้างอยู่ข้าง ๆ

“อ้าว ตายจริง เป็นชายหนุ่มเหรอจ๊ะเนี่ย ป้าคิดว่าคนแรกที่จะมาสมัครจะเป็นสาว ๆ ซะอีก” คุณป้าเจ้าของร้านท่าทางใจดีและอ่อนโยนพูดอย่างอารมณ์ดี

“อื้ม...งั้น ฝากหมอนี่ด้วยนะครับ” พูดแล้วเซย์ริวก็จับหัวคัตซึฮิโกะกดลงบังคับให้โค้งเสียอย่างงั้น

“แล้วไม่สมัครเสียทั้งคู่เลยล่ะจ๊ะ?”

“ผมมีงานอยู่แล้วครับ ส่วนไอ้หมอนี่ว่างงานเมื่อกี้นี้พอดี”

“อ้อ งั้นเหรอจ๊ะ?” คุณป้ายิ้มแล้วก็มองคัตซึฮิโกะที่ยังยืนปั้นหน้าไม่ถูกอย่างเอ็นดู “ชื่ออะไรล่ะเรา?”

“เอ้อ...ซาโนะ คัตซึฮิโกะครับ” คัตซึฮิโกะบอกพลางโค้งให้นิด ๆ

“ซาโนะคุงสินะ ยินดีต้อนรับจ้ะ แล้วจะเริ่มงานได้เมื่อไรล่ะ?”

“วันนี้เลยก็ได้ครับ มันจะได้ไม่ต้องกลับไปฟุ้งซ่านที่บ้าน” เซย์ริวดักขึ้นมาก่อน คัตซึฮิโกะหันขวับไปจ้องหน้าร่างสูงทันที เล่นเอาเจ้าของร้านหัวเราะคิก

“ยังไม่พร้อมก็กลับไปเตรียมตัวก่อนก็ได้จ้ะ ป้าไม่รีบหรอก”

“อ่ะ...เอ้อ งั้น...พรุ่งนี้นะครับ ผมเริ่มงานได้พรุ่งนี้เลย วันนี้ขอผมกลับไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” คัตซึฮิโกะบอกอย่างสุภาพ

“ได้จ้ะ ได้ทุกเมื่อแหละ ฝากตัวด้วยนะจ๊ะ” คุณป้าค้อมหัวให้นิดหน่อย

“ทางนี้ต่างหากครับที่ต้องฝากตัว” คัตซึฮิโกะรีบบอกแล้วโค้งให้อย่างต่ำ “ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”


คัตซึฮิโกะเดินตามเซย์ริวกลับบ้านด้วยอาการตัวเบาหวิว  การโดนไล่ออกอย่างกะทันหันและการได้งานแบบสายฟ้าแลบทำให้ตั้งตัวแทบไม่ทัน...พนักงานร้านดอกไม้อย่างงั้นหรือ...ที่จริงเขาก็เดินผ่านร้านนั้นทุกวันทั้งเช้าทั้งเย็นเป็นเวลาหลายปี  แต่เขาแทบจะไม่เคยสังเกตอะไร ๆ  ในร้านนั้นเลย  แม้ว่าดอกไม้จะเบ่งบานสวยแค่ไหนเขาก็แทบจะไม่เคยเห็น  แต่วันนี้ตอนที่ก้าวเข้าร้านไป  เขากลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสดชื่นอิ่มเอมใจที่ไม่เคยได้สัมผัสมานานแสนนานแล้ว  หัวใจรู้สึกเป็นสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...ดังนั้น  แม้จะเป็นงานที่เซย์ริวยัดเยียดให้แต่เขาก็ตกลงใจทันทีว่าจะทำงานที่ร้านนั้น แม้รายได้อาจจะไม่มากนัก  แต่ความสุขบางอย่างที่สัมผัสได้น่าจะมีค่ามากกว่าเงินที่จะได้รับ

“คุณ  ผมจะแวะซื้อของก่อน”  คัตซึฮิโกะเรียกชายหนุ่มที่ยังเดินนำหน้าด้วยอาการจ้ำอ้าวเหมือนกลัวบ้านหาย

“ซื้ออะไรอีกล่ะ?”  เซย์ริวหันมามองด้วยสีหน้าเบื่อ ๆ   เขายังนอนได้ไม่เต็มตาเลย

“ของกินน่ะสิ  ในตู้เย็นคงไม่มีอะไรเหลือแล้ว”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังร้านที่อยู่ใกล้ ๆ  แถวนั้น

ร่างสูงยักไหล่  แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเดินตามไปอย่างปลง ๆ

คัตซึฮิโกะซื้ออาหารไม่มากนักเช่นเคย  ตอนนี้เขาจำเป็นต้องประหยัดเงินพอควรทีเดียว  เงินเดือนที่ได้รับจากบริษัทเมื่อเดือนที่แล้วยังพอมีเหลืออยู่บ้าง  แต่กว่าจะได้เงินชดเชยและเงินพิเศษจากร้านดอกไม้ก็หมายถึงว่าต้องรอถึงเดือนหน้า  ระหว่างนี้คงต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายให้มากขึ้น...โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  เขาต้องหาเงินไปจ่ายค่ารักษาให้หมอมาซาฮิเดะด้วย!

มือใหญ่ฉวยถุงใส่เนื้อและผักจากมือคัตซึฮิโกะทำให้ชายหนุ่มหันไปมองด้วยความแปลกใจ

“ยังเจ็บแผลอยู่ไม่ใช่เรอะ  ถือของหนัก ๆ  แบบนี้ไหวหรือไง”

คำถามนั้นทำให้คัตซึฮิโกะนึกขึ้นมาได้  เขามักจะถือของด้วยมือซ้ายเสมอเพื่อใช้มือขวาที่ถนัดทำอย่างอื่นแทน  เมื่อกี้นี้ตอนที่ถือถุงใส่ของ  แผลตรงข้อมือมันตึงขึ้นมาทันที  แผลนั้นยังไม่หาย  เขาต้องทำความสะอาดแผลทุกวันและระวังไม่ให้มันโดนน้ำ  มาซาฮิเดะนัดให้เขาไปตัดไหมปลายอาทิตย์หน้า...ไม่อยากจะเชื่อว่าเซย์ริวสังเกตเห็นเรื่องแบบนี้ด้วย...คัตซึฮิโกะพยักหน้าตอบรับความหวังดีนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงบ้าน

ห้องเล็ก ๆ  ของชายหนุ่มมอมแมมจริง ๆ  ด้วย  เมื่อวานตอนที่กลับมาถึงคัตซึฮิโกะเหนื่อยเสียจนไม่คิดอยากจะสนใจอะไรอีก  แต่พอตั้งสติได้ในวันนี้แล้ว  เขารู้ทันทีว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือ...ทำความสะอาดห้อง

“ก่อนทำความสะอาด  ทำมื้อเช้าก่อนได้ไหม?”  เซย์ริวท้วงขึ้นเมื่อเห็นคัตซึฮิโกะคว้าไม้ปัดขนไก่

“มีกาแฟสำเร็จรูปบนชั้นนี่  ขนมปังก็ซื้อมาเมื่อกี้  ต้มน้ำแล้วชงดื่มเอาเองแล้วกัน”  คัตซึฮิโกะตอบแบบไม่ใส่ใจ

“แต่ฉันอยากกินข้าว”  เซย์ริวยังดื้อดึง

“ออกไปที่ร้านปากซอยสิ”  เจ้าของห้องยังคงไม่ใส่ใจเช่นเคย  แถมยังลงมือทำความสะอาดห้องเสียด้วย

เมื่อเห็นว่าเรียกร้องไปก็ไม่ได้ผล  เซย์ริวก็ไปจัดการเสียบปลั๊กกระติกต้มน้ำไฟฟ้าแล้วจัดแจงหามื้อเช้ากินเอง  ปล่อยให้คัตซึฮิโกะจัดแจงทำความสะอาดห้องไปตามลำพัง

คัตซึฮิโกะออกจะเพลิดเพลินกับการทำความสะอาดห้องครั้งนี้มากทีเดียว  โดยปกติเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่ากวาดถูพื้น  แต่วันนี้เขาถือโอกาสที่ว่าง ๆ  อยู่จัดข้าวของเสียใหม่ด้วยเลย  หนังสือหลายเล่มถูกดึงออกมาจากชั้น  และหลายเล่มถูกเปิดอ่าน  เช็ดจนสะอาดแล้วก็เอาเก็บเข้าที่เดิม  ข้าวของในห้องมีไม่มากเท่าไรนัก  ที่จริงใช้เวลาไม่นานก็จะเก็บหนังสือในชั้นและบนโต๊ะเสร็จ  แต่พอได้หยิบออกมาแล้วก็อดที่จะเปิดอ่านไม่ได้  คัตซึฮิโกะพลิกดูหนังสือในมือทีละเล่ม  บางเรื่องเขาก็ลืมเนื้อเรื่องไปบ้างแล้วก็เลยเปิดอ่านเสียนิดหน่อย  กว่าจะรู้ตัวว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหนก็เมื่อตอนที่ร่างสูงยื่นถ้วยกาแฟมาให้ตรงหน้า

“จะบ่ายสองแล้วนะ  ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?”

“เอ๊ะ  จะบ่ายสองแล้วเหรอ?”  คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือในมือ

“อีก 15 นาทีก็บ่ายสองแล้ว  เก็บเสร็จหรือยัง  ฉันจะได้นอน”  เซย์ริวบอกพลางขยับถ้วยกาแฟเป็นเชิงบอกให้รับไปจากมือ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 17-05-2013 19:52:30
“อ๊ะ  แย่จริง  นี่ผมลืมเวลาไปเลย”  คัตซึฮิโกะรับถ้วยกาแฟจากมือเซย์ริวมาวางไว้ใกล้ตัวแล้วเก็บหนังสือทุกเล่มเข้าชั้น

“อืม  กาแฟเย็นหมดแล้ว”  พูดแล้วเซย์ริวก็หันไปรวบ ๆ  ผ้าห่มและผ้าปูที่นอนบนเตียงออก  แล้วก็หอบผ้านวมออกไปตากที่ระเบียง  ตบ ๆ  ให้ฝุ่นกระจายก่อนที่จะกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

“เฮ้  ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูที่นอนเลย”

“ฉันจะนอน”  ร่างสูงบอกห้วน ๆ  แล้วก็พลิกตัวเข้าหาผนัง  “ฉันเอาไอ้ผ้าเลอะฝุ่นออกไปข้างนอกแล้ว  นอนได้”

คัตซึฮิโกะกอดอกมองคนที่รีบชิงหลับไปก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรแล้วก็ส่ายหน้า  อากาศอุ่นขึ้นมากแล้ว  ผ้าห่มคงไม่จำเป็นสำหรับคนที่ด้านทนไปหมดทุกอย่างอย่างเซย์ริวเท่าไรนัก  ชายหนุ่มดื่มกาแฟที่เย็นแล้วจนหมดถ้วยแล้วลงมือทำความสะอาดห้องต่อจนเสร็จ

คัตซึฮิโกะใช้เวลาว่างตลอดบ่ายนั้นหยิบหนังสือเล่มโปรดที่ไม่ได้อ่านมานานแล้วขึ้นมาอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น  เขาไม่ได้มีเวลาว่างและรู้สึกมีความสุขกับการอ่านหนังสืออย่างนี้มานานแล้ว  ตั้งแต่เริ่มทำงานในบริษัทเดิมเขายอมรับว่าชีวิตค่อนข้างเคร่งเครียดมากทีเดียว  แถมเมื่อได้มาพบกับเซย์ริว...ชีวิตก็ยิ่งเครียดยกกำลังสอง

จนเย็นย่ำแล้ว  คัตซึฮิโกะถึงได้เงยหน้าขึ้นจากหนังสือ  เขาหันไปมองคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง...เซย์ริวยังหลับอย่างสบายอารมณ์  โดยปกติแล้วเซย์ริวจะตื่นมาใช้ชีวิตก็ราว ๆ  เที่ยงถึงบ่าย  วันนี้ก็ไม่รู้นึกยังไงถึงได้ตื่นเช้าแล้วตามเขาไปถึงที่ทำงาน...คิด ๆ  แล้วคัตซึฮิโกะก็นึกขึ้นมาได้  มื้อเช้าควบเที่ยงที่กินกันไปนั้นคงจะเรียกได้ว่าไม่ได้กิน  มิน่าเล่า  ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกหิวซ่กเลยทีเดียว  ถ้าอย่างงั้น...เตรียมมื้อเย็นเลยดีกว่า...

ตอนที่เซย์ริวสะลึมสะลือโงหัวขึ้นมาจากหมอนก็เป็นตอนที่พระอาทิตย์ตกดินไปเรียบร้อยแล้ว  กลิ่นหอมฟุ้งของอาหารกรุ่นไปทั้งห้อง  คัตซึฮิโกะคงกำลังเตรียมมื้อเย็นหละมั้ง  ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นนั่งพอดีกับที่คัตซึฮิโกะโผล่หน้าออกมาจากในครัว

“อ้าว  ตื่นแล้วเหรอ  กำลังว่าจะปลุก”

“จะปลุกทำไม”

“ข้าวเย็นเสร็จแล้ว”  คัตซึฮิโกะตอบสั้น ๆ  แล้วก็หายกลับเข้าไปในครัวก่อนที่จะยกข้ามชามใหญ่สองชามออกมาส่งให้เซย์ริวชามหนึ่ง

“ทำไมมันมีแต่ผักวะ?”  ร่างสูงโวยเมื่อพบว่าสิ่งที่ควรจะเป็นข้าวหน้าหมูทอด  กลายเป็นข้าวหน้าผัดผักรวมมิตรแถมเศษวิญญาณหมูทอดสองชิ้น

“ก็ผมมันจนนี่  เดือนนี้ก็ต้องประหยัดด้วย  ถ้าอยากกินนักก็ออกค่าอาหารมาสิ”  คัตซึฮิโกะบอกห้วน ๆ  พลางคีบผักและข้าวเข้าปาก

เซย์ริวไม่ได้เถียงหรือพูดอะไรอีก  เขานั่งเขี่ยผักในชามดูเผื่อว่าจะเจอวิญญาณหมูทอดอีกสักชิ้นแต่ก็ไม่พบอะไร  เลยต้องจำใจกินข้าวไปจนหมด

มื้อเย็นผ่านไปอย่างราบคาบเรียบร้อย  คัตซึฮิโกะเก็บเอาชามข้าวทั้งสองไปล้าง  ซึ่งมันออกจะยากนิดหน่อยที่ต้องล้างจานโดยไม่ให้แผลที่ข้อมือโดนน้ำ  แต่ชายหนุ่มก็ล้างจานเสร็จจนได้และแผลก็โดนน้ำจนได้  แต่ถ้ารีบเช็ดให้แห้งก็คงไม่เป็นไร  เพราะอย่างไรเสีย  ตอนอาบน้ำเขาก็คงจะต้องทุลักทุเลและทำแผลโดนน้ำมากกว่านี้แน่ ๆ

คืนนี้เซย์ริวไม่ได้เตรียมตัวออกจากห้องไปอย่างเคย  เขานั่ง ๆ  นอน ๆ  อยู่ในห้องพร้อมกับหนังสือที่เล็งเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่คัตซึฮิโกะจัดห้อง

ส่วนตัวคัตซึฮิโกะนั้น  หลังจากอาบน้ำและทำแผลให้ตัวเองจนเรียบร้อยแล้ว  เขาก็นั่งที่โต๊ะหนังสือเพื่ออ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ต่อไป  จนเวลาล่วงไปเกือบเที่ยงคืน  คัตซึฮิโกะถึงได้ปิดหนังสือแล้วบิดขี้เกียจ...ถึงเวลาที่เขาต้องเข้านอนเสียที  แม้ว่างานที่ร้านขายดอกไม้จะเข้างานช้ากว่างานที่เดิมร่วมชั่วโมง  แต่เขาก็ไม่อยากจะไปสายในวันแรกของการทำงาน

ชายหนุ่มปีนขึ้นเตียงทางปลายเตียงเพราะเซย์ริวนั่งขวางอยู่ตรงข้างเตียง  เขายึดที่ด้านติดผนังตามกติกาที่มีร่วมกันโดยไม่ต้องบอกกันของพวกเขาว่าใครนอนก่อนต้องนอนด้านใน  คัตซึฮิโกะขดตัวเข้าใต้ผ้าห่มที่มีกลิ่นแดดอ่อน ๆ  และอุ่นสบายแล้วหลับไปอย่างรวดเร็ว


ไออุ่นใต้ผ้าห่มอุ่นขึ้นเมื่อมีใครอีกคนขึ้นมานอนเบียดจากทางด้านหลัง  คัตซึฮิโกะขยับตัวเข้าหาผนังนิด ๆ  เป็นการเพิ่มพื้นที่ให้อีกฝ่าย  หากอีกฝ่ายนั้นกลับขยับตามชิดเข้ามา  แขนแกร่งโอบรั้งร่างเพรียวให้เข้าหาตัว  คัตซึฮิโกะพยายามฝืนตัวเอาไว้

“ปล่อยนะ”  ชายหนุ่มกระซิบแผ่วในความมืด

แต่ไม่มีเสียงตอบใด ๆ  จากคนที่ถือวิสาสะนอกจากอาการดึงรั้งที่มากขึ้นของอ้อมแขนนั้น

“ปล่อย...ผมไม่ใช่หมอนข้าง...”  คัตซึฮิโกะพยายามดึงมือนั้นออก

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ”  เสียงห้าวกระซิบตอบใกล้หู

“รู้แล้วก็ปล่อย”

“ไม่...”  คำตอบยียวนอยู่ในที  “เพราะฉันอยากกอดแก”

คัตซึฮิโกะรู้สึกชาวูบไปทั้งหน้า  คำว่ากอดของเซย์ริวไม่ใช่แค่การนอนกอดเป็นหมอนข้างแน่ ๆ   ชายหนุ่มเริ่มดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด

“ไม่  ปล่อยผมนะ”

“ฉันก็บอกแล้วไงว่า...ไม่...”  ไม่เพียงแต่พูด  หากร่างสูงค่อย ๆ  สอดมือเข้าในทางชายเสื้อของคนในอ้อมแขน

คัตซึฮิโกะผวาเยือก  ปลายนิ้วเย็น ๆ  นั้นทำให้เขาคิดถึงสัมผัสที่ชวนรังเกียจในวันนั้น...วันที่ชายคนนี้กับเพื่อนทำกับเขาราวกับไม่ใช่คน

“ไม่!!  อย่านะ!”  คัตซึฮิโกะสะบัดตัวดิ้น

“อะไรเล่า  ว่าง่าย ๆ  หน่อยเซ่  ฉันอุตส่าห์อดทนมาตั้งหลายวันแล้วนะ”  ถ้อยคำนั้นบอกความเอาแต่ใจตัวเองชัด

ร่างสูงฉวยโอกาสที่คัตซึฮิโกะยังขยับได้ไม่ถนัดนักลุกขึ้นก้าวคร่อมไว้ทั้งตัว  มือแกร่งกดไหล่บางตรึงไว้กับเตียง  ริมฝีปากฉกวูบลงสู่ปากนุ่มที่เผยอหมายจะโวยวายมากกว่านั้น  ปลายลิ้นนุ่มรุกรานทันทีที่มีโอกาส  ลิ้มชิมรสหวานล้ำที่อดมาเสียหลายวัน

คัตซึฮิโกะได้แต่ดิ้นรนพลางส่งเสียงอึกอักอยู่ในคอ  จูบที่ไม่เคยเต็มใจรับ...ผู้ชายที่รู้สึกอยู่เต็มอกว่ายังชิงชัง...ทำไมเขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อคน ๆ  นี้อยู่เสมอ  สองมือผลักไสและทุบตี  หากก็แทบไม่มีผลอะไรกับร่างสูง  อีกฝ่ายแค่ออกแรงจับยึดและกดเอาไว้  เขาก็แทบหมดทางสู้

“ฮึก...ไม่...”  คัตซึฮิโกะผวารับอากาศหายใจเมื่อริมฝีปากร้อนผละออกไปจูบไซ้แถวซอกคอ  มือข้างหนึ่งที่เป็นอิสระเพราะร่างสูงปล่อยไปเพื่อถลกเสื้อให้เปิดสูงยกขึ้นดันแผ่นอกกว้างไว้เต็มกำลัง

“เป็นเด็กดีหน่อยสิ  คาซึโกะ  ฉันไม่ได้จะฆ่าแกเสียหน่อย  ไม่ใช่ว่าไม่เคยไม่ใช่เรอะ”  เซย์ริวยังคงพยายามหยุดการดิ้นรนของร่างเพรียว  ก่อนที่จะประกบริมฝีปากลงกับยอดอกสีเข้มแล้วขบเม้มมันจนแข็งเป็นตุ่มไต  ...การขัดขืนแบบนี้ก็เร้าอารมณ์ดีเหมือนกัน...

หากคัตซึฮิโกะผวาขึ้นทั้งตัว  กล้ามเนื้อทั้งร่างกระตุกเกร็ง  ความหวาดกลัวบางอย่างพรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ...เขาไม่อยากจะต้องเจ็บปวดอย่างวันนั้นอีกแล้ว  วันที่เจ็บปวดทั้งร่างกาย...ทั้งจิตใจ...

“อ๊า!!!!”  ร่างเพรียวบางกรีดร้องเสียงหลง  สะดุ้งตัวขึ้นทั้งร่าง  ทำให้เซย์ริวชะงักทันที

“คาซึโกะ!?”

“ไม่!! อย่า!!!!”  คัตซึฮิโกะยังคงกรีดร้อง  ยกมือข้างที่ยังเป็นอิสระขึ้นปิดหน้า  เนื้อตัวสั่นสะท้าน

“คาซึโกะ!  เป็นอะไรไป?”  เซย์ริวรีบปล่อยมือจากการจับยึดเอาไว้

เมื่อขยับได้ดังใจ  คัตซึฮิโกะก็พลิกตัวลงซุกหน้ากับหมอน  ยกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมกับสะอื้นจนตัวโยน

“คาซึโกะ?”  ร่างสูงพยายามดึงมือเรียวเบา ๆ   แต่แค่แตะต้องคัตซึฮิโกะก็สะดุ้งทั้งตัวเหมือนตกใจสุดขีดพร้อมกับกรีดร้องโวยวายด้วยอาการราวกับคนเสียสติ

“อย่า!!  ไม่เอา!!  อย่าทำผม!  อย่า!!!!”

เซย์ริวตะลึงงัน  เขาไม่ได้คิดจะทำให้คัตซึฮิโกะหวาดกลัวถึงขนาดนี้  เขาเพียงแค่อยากจะลิ้มรสความสุขสมที่ร่างบางเคยมีให้เขาเท่านั้น  แต่เมื่ออีกฝ่ายไม่ยินยอม  การใช้กำลังนิดหน่อยจึงเกิดขึ้น...แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรรุนแรงกับคัตซึฮิโกะแม้แต่นิดเดียว  แล้วทำไมต้องร้องไห้หวาดกลัวถึงขนาดนั้น

ร่างสูงรวบคนตัวเล็กกว่าขึ้นจากเตียงมากอดไว้กับอก  การทำเช่นนี้อาจจะยิ่งทำให้คัตซึฮิโกะตกใจมากกว่าเดิม  แต่เขาคิดได้เพียงเท่านี้  คัตซึฮิโกะจะกรีดร้องหรือโวยวายยังไงก็ช่าง  อย่างน้อยก็อยู่ในอ้อมแขนของเขา  เขาจะไม่ปล่อยให้เตลิดไปไหนได้
นานทีเดียว  กว่าคัตซึฮิโกะที่เอาแต่ร้องไห้จนตัวสั่นสะท้านจะสงบลง  เขาสะอื้นเบา ๆ  อยู่ในอ้อมกอดของเซย์ริวซึ่งไม่ได้ทำอะไรเขามากไปกว่านั้นอีกเลย  จนกระทั่งตัวหยุดสั่น  ร่างสูงจึงวางเขาลงนอนกับเตียง

คัตซึฮิโกะแทบไม่อยากลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้า  เขาหวาดกลัวเซย์ริวออกมาจากส่วนลึกของจิตใจจริง ๆ   ไม่ใช่ความกลัวที่เคยเกิดขึ้นเพราะถูกทำร้ายร่างกายจนต้องยอมสยบให้เหมือนแต่ก่อน  แต่เป็นความกลัวอีกอย่างหนึ่ง...

...กลัวที่จะถูกทำลายหัวใจจนแหลกรานอีกครั้ง...

ถ้าจะต้องรับรู้ว่าจะถูกอาชญากรหนุ่มคนนี้ทำลายความรู้สึกอีกครั้ง  คราวนี้เขาคงทนไม่ได้อีกแล้ว  และไม่ว่าถ้อยคำใดก็คงไม่สามารถรั้งเขาเอาไว้บนโลกใบนี้ได้...มันเจ็บปวดเกินไป...

มือใหญ่เกาะกุมมือซ้ายของคัตซึฮิโกะอย่างนุ่มนวล  แต่คนที่ยังหวั่นไหวก็สะดุ้ง  นิ้วเรียวยาวแต่หยาบกร้านนั้นค่อย ๆ  ลูบไล้หลังมือนั้นอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะประคองมือนั้นขึ้นมาแล้วจูบลงกับรอยแผลที่ข้อมืออย่างแผ่วเบา

คราวนี้คัตซึฮิโกะกระตุกวาบไปทั้งร่าง  ความอุ่นซ่านบางอย่างแผ่ออกจากรอยจูบนั้นแล่นปลาบไปทั้งตัว  ชายหนุ่มค่อย ๆ  ปรือตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาฉ่ำน้ำ  ดวงตาคมที่มองตอบมาฉายแววประหลาดบางอย่างอยู่ในแสงสลัวจากแสงไฟภายนอก  เป็นแววตาที่ทำให้คัตซึฮิโกะรู้สึกไหววูบในอก  หากร่างสูงไม่พูดอะไรนอกจากจูบซ้ำลงอีกครั้ง

“อะ...อา...”  คัตซึฮิโกะครางออกมาเบา ๆ   มิใช่เจ็บปวดที่บาดแผล...แต่เป็นหัวใจต่างหากที่เสียวแปลบอย่างบอกไม่ถูก

มือใหญ่อีกข้างใช้นิ้วโป้งปาดไล้คราบน้ำตาออกจากใบหน้าให้แผ่วเบา  ก่อนที่จะเอนตัวลงนอนข้าง ๆ  แล้วเอื้อมมือไปโอบกอดเอาไว้

“ไม่เป็นไร  ฉันไม่ทำอะไรแกแล้ว  นอนซะ”  ผ้าห่มหนาถูกตวัดขึ้นคลุมทั้งสองร่าง

คัตซึฮิโกะรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าพร่าเลือนราวกับความฝัน  แล้วหยาดน้ำตาก็หยดลงอีกครั้ง  ชายหนุ่มสะอื้นเบา ๆ  อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น  เขาถามตัวเอง...ถ้าเรื่องเลวร้ายทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา...ถ้าเซย์ริวไม่พาเพื่อนมาที่ห้องในวันนั้น...เขาจะสามารถบอกกับตัวเองได้ชัดเจนหรือเปล่าถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นในหัวใจ  ความรู้สึกที่มีต่อเจ้าของอ้อมกอดนี้...เขาจะรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนหรือเปล่า

...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก...

มีเพียงคำพูดนี้เท่านั้นที่บ่งบอกถึงความผูกพันที่ชัดเจนแน่นอน  และมันเป็นสิ่งเดียวที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้ในโลกใบนี้...คำพูดที่ออกมาจากปากของคนที่เขาควรจะชิงชัง...




(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 17-05-2013 21:12:07
ชอบตอนนี้ที่สุดแล้วว ในบรรดาทุกตอนที่อ่านมา
แบบว่า...ได้อารมณ์แปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
สู้ๆค่ะ รออ่านนะคะ หวังว่าจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสำหรับทั้งคู่ :)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 17-05-2013 23:24:16
โอ้ววววว
อ่านเสร็จ สงสารคัตสึก็สงสาร แต่มันก็น่ะนะะ อบอุ่น แปลกๆ

เฮ้ออ ดีจังเซย์ริวใจดีขึ้น(และหวังว่าจะดีเช่นนี้ตลอดไป)

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 18-05-2013 01:59:18
อ่านแล้วน้ำตาซึม สงสารคาซึโกะ
อย่าทำร้ายกันอีกเลยนะเซย์ริว ดูแลคนที่มีสายเลือดเดีวกันให้ดีกว่านี้อีกสักหน่อยเถอะนะ
ไม่งั้นมันคงเศร้าแย่
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 18-05-2013 06:28:33




     กระซิกๆ อย่างน้อยก็ยังมีสติ พอคุยกันรู้เรื่องละนะ
     ถ้าอ่อนโยนให้อย่างนี้ต่อก็คงค่อยๆปรับตัวได้ละใช่ไหม
     แต่ร้านดอกไม้งั้นเหรอ ก็เหมาะกะคาซึโกะจริงๆนั่นแหละ



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 18-05-2013 12:01:28
เซย์ริวเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเยอะเลย อ่านตอนนี้แล้วชอบจัง ดีใจที่เซย์ริวรู้จักคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้าง ไม่เอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อน
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 14 : 17/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 18-05-2013 19:14:45
ตอนนี้มันอบอุ่นสุดๆแล้วล่ะ :laugh:
ตอนนี้ยังยับยั้งอารมณ์ไว้ได้ แต่ไม่รู้ว่าตอนหน้าจะทำได้อีกหรือเปล่า
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-05-2013 21:49:00
สวัสดีวันศุกร์  สวัสดีวันพระครับ
วันพระใหญ่เลยทีเดียว...

KOUSOKU 15

การทำงานที่ร้านดอกไม้ของคัตซึฮิโกะเป็นไปได้สวย  การได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติทุกวันทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก  พวกเพื่อนร่วมงานเก่าที่เดินผ่านหน้าร้านมักจะแวะทักทายเขาตอนเลิกงานเสมอ  มีบ้างที่ชวนไปดื่ม  แต่ตอนนี้คัตซึฮิโกะต้องการเก็บเงินทั้งหมดเอาไว้ใช้อย่างคุ้มค่าก่อนที่จะได้รับเงินชดเชยแหละเงินเดือนจากที่ทำงานใหม่

แต่กับเซย์ริวแล้ว  หลังจากค่ำคืนนั้นมา  ทุกอย่างก็กลับเป็นเหมือนเดิม  เซย์ริวไม่ได้แตะต้องเขาอีกแม้แต่น้อย  นอกเสียจากนอนกอดบ้างในบางคืน  และมีอีกบางคืนที่เซย์ริวออกจากห้องไปแล้วไม่กลับมาจนกระทั่งเช้า  แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่เคยถามไถ่อะไร  เซย์ริวจะไปทำอะไรที่ไหนมันไม่ใช่ธุระของเขา  ชีวิตของพวกเขามันอยู่คนละโลกกันมาตั้งแต่แรกแล้ว  และถ้าเป็นไปได้เขาก็ไม่เคยคิดจะเหยียบเข้าไปในโลกของเซย์ริวอีก  ตรงที่ของเขามันลำบากมากพอแล้ว  เขาไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวให้มากกว่านี้  แต่หลายครั้งที่ความอาทรบางอย่างที่ส่งผ่านมาจากดวงตาคมก็ทำให้จิตใจต้องหวั่นไหว  เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด  คัตซึฮิโกะไม่เคยคิดจะยกโทษให้  และเซย์ริวเองก็ไม่เคยขอโทษ

“ยินดีต้อนรับครับ...”  คัตซึฮิโกะเอ่ยทักทายเมื่อกระดิ่งที่หน้าประตูร้านดังขึ้นเบา ๆ   แต่แล้วอารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา  “อ้าว  มาทำไม?”

“เขาทักทายลูกค้ากันแบบนี้เรอะ?”  ร่างสูงในชุดเสื้อสเวตเตอร์ตัวบางสีม่วงเข้มกับกางเกงยีนส์พูดพลางปัดกระดาษที่ห้อยปลายกระดิ่งออกให้พ้นหัว

“อย่างคุณคงไม่ใช่ลูกค้าหละมั้ง”  คัตซึฮิโกะเมินหนีไปยกกระถางดอกไม้ลงจากชั้นวางเพื่อเตรียมเก็บร้าน

“ลูกค้าสิจ๊ะ  พูดแบบนั้นมันไม่ดีนะ  ซาโนะคุง”  คุณป้าเจ้าของร้านเดินออกมาจากด้านในหลังจากที่เอาช่อดอกลิลลี่ไปเสียบในโหลแก้วเรียบร้อยแล้ว

“แต่หมอนี่มัน...”  คัตซึฮิโกะแย้ง

“คนไหนที่เข้ามาในร้านก็ลูกค้าทั้งนั้นแหละจ้ะ”  คุณป้าบอกอย่างอารมณ์ดี  “รับอะไรดีจ๊ะ?”

เซย์ริวหันไปหลิ่วตาให้คัตซึฮิโกะเป็นเชิงเยาะเย้ยเสียทีหนึ่ง  ซึ่งเป็นผลให้อีกฝ่ายจ้องหน้าตาเขียวปั้ด

“เอา...ลิลลี่สีขาวนั่นดอกนึงละกัน”  ร่างสูงว่าพลางชี้ไปที่ช่อดอกลิลลี่ที่คุณป้าเพิ่งเอาไปเสียบในโหลแก้ว

“เอาแค่ดอกเดียวเหรอ?”

“ครับ  แล้วก็...ผูกโบว์ให้ด้วยละกัน  เอาโบว์สี...”  เซย์ริวนิ่งคิดไปนิดหนึ่งแล้วก็หันไปมองคัตซึฮิโกะหัวจรดเท้า

“มองอะไรเล่า?”  ร่างเพรียวแหวเอาลั่น ๆ  พลางกระแทกกระถางต้นไม้ลงกับโต๊ะ

“ซาโนะคุงจ๊ะ”  แม้จะยิ้ม  แต่คุณป้าก็เขม้นมองเป็นเชิงปราม

คัตซึฮิโกะได้แต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างขัดใจ  ยิ่งทำให้คนที่  ‘มีคนหนุนหลัง’  ปิดปากหัวเราะ

“ตกลงเอาริบบิ้นสีอะไรดีจ๊ะ?”

“สีเงินแล้วกัน”  เซย์ริวบอกทั้งยังหัวเราะเบา ๆ

ในระหว่างที่คุณป้าจัดการตกแต่งดอกไม้ให้ตามที่ร่างสูงต้องการ  อาชญากรหนุ่มก็เตร่ไปดูต้นไม้ในร้าน  โดยไม่ลืมที่จะไปวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ  คัตซึฮิโกะเป็นการยั่วโมโห

“ไปตรงอื่นไม่ได้หรือไงเล่า”  คนตัวเล็กกว่าแค่นเสียงถามเบา ๆ

“ฉันอยากดูตรงไหนฉันก็ดู  ผิดหรือไง?”

“ไม่ผิดหรอก  แต่มันเกะกะผม”  ด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวนิด ๆ    ทำให้จับกระถางพลาดเกือบหลุดมือ  หากมือใหญ่ ๆ  ช่วยประคองไว้ทัน

“ระวังหน่อยสิ”  ยังมีหน้ามาดุเสียอีก

คัตซึฮิโกะทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินออกไปเก็บกระถางต้นไม้ที่หน้าร้านเข้ามาวางตามพื้นในร้านอย่างเป็นระเบียบ  จนเกือบจะเสร็จหมด  ก็พอดีกับที่คุณป้าแต่งดอกไม้ให้เซย์ริวเรียบร้อย

“เสร็จแล้วจ้ะ”  หญิงวัยกลางคนยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับ”  พูดพร้อมรับดอกไม้มาแล้วก็ควักเงินให้  ก่อนที่จะเดินออกจากร้าน

“จะเอาไปให้ใครล่ะนั่น?”  คัตซึฮิโกะอดปากไม่ได้

“ให้ฮิโรกิมั้ง”  ร่างสูงพูดขึ้นลอย ๆ   แต่ยังผลให้คนฟังหน้าชาวูบ...คัตซึฮิโกะจำฮิโรกิได้ดี...  “ฉันจะเอาไปให้คนที่ฉันอยากให้  แล้วจะเอาไปให้ใครก็เรื่องของฉัน  ไม่เกี่ยวกับแก”

แล้วเซย์ริวก็เดินออกจากร้านไป

“หนอย...ไอ้...”  คัตซึฮิโกะขมุบขมิบปากด่า  แล้วก็ตัดปัญหาด้วยการรีบเก็บต้นไม้เข้าร้านเร็ว ๆ

“เอาหละ  วันนี้เรียบร้อยแล้วจ้ะ  ซาโนะคุง”  คุณป้าบอกอย่างอารมณ์ดีพลางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน  ในขณะที่คัตซึฮิโกะดึงเอาประตูเหล็กลงมาปิดหน้าร้าน

“ครับผม”  คัตซึฮิโกะรับคำแล้วก็คล้องแม่กุญแจประตูจากด้านใน

ชายหนุ่มกับคุณป้าเช็คดูความเรียบร้อยแล้วก็ออกจากร้านทางด้านหลังร้านซึ่งเป็นประตูหลังบ้านของคุณป้า  คัตซึฮิโกะโค้งให้เจ้าของร้านอย่างงาม

“ขอบคุณมากครับ”

“เหนื่อยหน่อยนะจ๊ะ”  คุณป้ายิ้มหวานให้  “อ้อ  เอานี่ไปทานด้วยสิ  ป้าทำไว้เมื่อกลางวันแน่ะ”

คัตซึฮิโกะรับกล่องใส่โครกเกะมาจากคุณป้าพร้อมกับยิ้มหน้าบาน  วันนี้เขาไม่ต้องทำมื้อเย็นแล้ว  ชายหนุ่มโค้งให้คุณป้าอีกครั้ง  “ขอบคุณมาก ๆ  เลยครับ  คุณป้า”

“ไม่เป็นไรจ้ะ  แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ”

“ครับผม  กลับก่อนนะครับ”

คัตซึฮิโกะเดินฮัมเพลงจากมาพร้อมกับกอดกล่องโครกเกะอุ่น ๆ  ไว้แน่น  ฤดูใบไม้ผลิใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว  อากาศเริ่มอุ่นสบายมากขึ้น  อีกไม่นานต้นไม้ดอกไม้จะผลิใบงดงามเหมือนกับต้นไม้ในร้านของเขาที่ได้รับการดูแลอย่างดีตลอดช่วงฤดูหนาว...แต่แล้วเสียงเพลงก็หยุดลง

ร่างสูง ๆ  ที่ยืนอยู่แถวหน้าสถานีรถไฟทำให้คัตซึฮิโกะชะงักเท้า  เซย์ริวหันมายิ้มนิด ๆ   ในมือยังมีดอกลิลลี่สีขาวอยู่

“เลิกงานแล้วรึ?”

“ถ้าไม่เลิกแล้วจะเห็นมั้ยล่ะ?”  คำตอบยอกย้อน

หากคนฟังไม่ได้สนใจ  “ดี  ฉันมารับ”

“ไปไหน?”

“วันนี้นัดใครไว้ล่ะ?”

“นัด?”  คัตซึฮิโกะต้องใช้เวลานึกอยู่พักหนึ่ง  “อ๋อ...หมอมาซาฮิเดะ”

“ใช่  ต้องไปตัดไหม  ฉันเลยมารับ”  เซย์ริวบอกเรียบ ๆ

“มารับทำไม  ผมไปเองได้”

“เมื่อกี้ยังทำท่าว่าลืม  เอาหละ  ไปกันเถอะ”  พูดไม่พูดเปล่ายังคว้ามือเรียวพาเดินฉับ ๆ   ทะลุซอยโน้นออกซอยนี้อย่างคนชำนาญทาง  แต่ระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ ๆ

“นี่  จะพาเดินทำไมน่ะ  ขึ้นรถไฟสถานีเดียวเดินจากที่นั่นใกล้กว่าตั้งเยอะ”  คัตซึฮิโกะโวยคนที่เดินนำหน้าซึ่งลากเขาให้ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตาม

“ไหนบอกว่าต้องประหยัดไง  ทางนี้น่ะจากห้องแกถือว่าใกล้ที่สุดแล้ว  ตอนเช้าปลอดภัยสุด  แต่ตอนเย็นถ้าไม่ได้มากับฉันก็ห้ามมา”  ร่างสูงบรรยายพร้อมออกกฎเสร็จสรรพ  “ถ้าออกจากบ้านตามเวลาปกติของแกก็ถึงที่ทำงานช้ากว่ารถไฟแค่  15  นาทีเท่านั้นแหละ  แถมไม่ต้องไปเบียดใครให้ลำบากด้วย”

คัตซึฮิโกะทำหน้างอ  มันก็มีเหตุมีผลดีทุกอย่างในการจะประหยัดเงิน  แต่ทำไมพอคนพูดเป็นเซย์ริวแล้วต้องไม่พอใจก็ไม่รู้แฮะ  ชายหนุ่มเลยได้แต่เดินตามร่างสูงไปจนกระทั่งถึงตรอกซอยที่คุ้น ๆ  ตา

แล้วไม่นานนัก  โรงพยาบาลเก่า ๆ  โทรม ๆ  ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า  คัตซึฮิโกะชักไม่ค่อยอยากจะเข้าไปเพราะยังไม่มีเงินมาจ่ายให้มาซาฮิเดะแม้แต่นิดเดียว  เงินเก็บที่มีอยู่ต้องเอาไว้ใช้จ่ายยามลำบาก  ซึ่งก็หมายถึงตอนนี้ด้วย  แต่เซย์ริวไม่ได้สนใจ  เขาพาคัตซึฮิโกะเดินเข้าทันที

โชคดีที่มาซาฮิเดะกำลังว่างอยู่พอดี  คุณหมอนั่งเอาขาพาดโต๊ะอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์  พอร่างโย่ง ๆ  ของคนที่เก็บมาเลี้ยงก้าวเข้ามาในห้องก็ลดหนังสือลง

“ไง  วันนี้ต้องเย็บตรงไหน?”  คำทักทายนั้นเป็นเรื่องปกติ

“ฉันเปล่า  แต่เอาคนมาให้หมอตัดไหม”  เซย์ริวบอกหน้าตาเฉย  แล้วก็ดึงแขนคัตซึฮิโกะให้เข้ามาในห้อง

“เอ้อ...สวัสดีครับ”  คัตซึฮิโกะโค้งให้มาซาฮิเดะอย่างสุภาพ

“อ้อ  ว่าไง  ไหนมาดูแผลซิ”  คุณหมอเก็บหนังสือลงแล้วเรียกมานั่งใกล้ ๆ

คัตซึฮิโกะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะหมอแล้วถอดผ้ารัดข้อมือที่ใช้ปิดบังแผลออก  มาซาฮิเดะเบ้หน้านิดหน่อย  การทำแบบนั้นจะทำให้แผลอับชื้นได้  เขาลอกผ้าปิดแผลออกแล้วตรวจดูอย่างละเอียด

“นี่เอาผ้ายืดนั่นรัดไว้ทุกวันเลยเหรอ?”

“เอ้อ...ครับ  ต้องทำงาน  ผมไม่อยากให้ใครถาม”  คัตซึฮิโกะให้เหตุผล

มาซาฮิเดะพยักหน้ารับรู้  “อืม...แต่ก็ดูแลแผลได้ดี  แผลแห้งแล้วก็ปิดสนิทดีแล้ว  งั้นก็ตัดไหมได้”

คัตซึฮิโกะได้แต่นั่งเงียบ ๆ  รอระหว่างที่หมอมาสะลุกไปเตรียมอุปกรณ์ตัดไหม  อันได้แก่มีดโกนคม ๆ  อันหนึ่งและแหนบสำหรับดึงเส้นด้าย

มาซาฮิเดะค่อย ๆ  สะกิดคมมีดโกนลงกับด้ายอย่างเบามือ  “ถึงจะตัดไหมแล้วก็ต้องระวังต่อไปอีกหน่อยนะ  ถ้าข้างในยังไม่สนิทจริงแผลจะฉีกอีกได้”

“ครับ”  คัตซึฮิโกะรับคำโดยดี  แล้วก็รู้สึกเสียวแปล๊บที่ข้อมือเมื่อด้ายถูกดึงผ่านผิวหนัง

“ถ้ายังไงก็เอาพลาสเตอร์ปิดแผลไว้ก่อนก็ได้  แล้วสวมผ้ายืดนั่นอีกที  แผลจะได้ไม่อบมาก”  คนเป็นหมอสอน  “เอ้า  เรียบร้อย...แต่ยังไงก็ต้องมีรอยแผลเป็นหละนะ”

“ไม่เป็นไรครับ”  คัตซึฮิโกะลูบบาดแผลของตนเบา ๆ   “แผลแค่นี้เอง”

“แต่ก็เห็นชัดนะ  ไม่มีวิธีทำให้มันจางลงกว่านี้เหรอหมอ?”  คนถามคือเซย์ริวที่ยืนเงียบอยู่นานนับตั้งแต่ส่งคัตซึฮิโกะเข้าห้องมา

“ก็ต้องใช้เวลาหน่อย  เอาพวกยาลบรอยแผลเป็นทาบ่อย ๆ  ก็คงช่วยได้บ้างหละนะ”  มาซาฮิเดะปิดพลาสเตอร์ทับแผลแถมให้

“งั้นขอยาด้วยสิ”  ร่างสูงยังเจ้ากี้เจ้าการ

“ยาของฉันมันแพง  แกก็รู้  ไปซื้อที่ร้านขายยาข้างนอกไป”  มาซาฮิเดะตัดบท

เรื่องราคาของยาทำให้คัตซึฮิโกะนั่งตัวลีบ  “เอ้อ...ผม...ผมยังไม่มีเงินมาจ่ายให้หมอเลยครับ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก  ค่อย ๆ  ผ่อนไป  ฉันมีเวลารอเธอได้ทั้งชีวิต”  หมอมาสะกล่าวเรื่อย ๆ   “หรือถ้าฉันจะตายก่อน  โทชิก็ยังอยู่  จ่ายที่มันก็ได้”

“พูดอะไรแบบนั้น  หมอบอกจะอยู่สองร้อยปีไม่ใช่เรอะ?”  เสียงห้าวแทรกขึ้นมาห้วน ๆ

“ก็เผื่อไว้ก่อน  ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น  พรุ่งนี้ฉันอาจจะกินข้าวแล้วสำลักข้าวตายก็ได้”  มาซาฮิเดะบอกอย่างไม่ใส่ใจ

“คนอย่างหมอน่ะนะจะตายวันตายพรุ่ง  อย่าพูดให้ขำเลย”  เซย์ริวว่าพลางทำเสียงขึ้นจมูก

“เอาเถอะ ๆ   ถ้าแกยังไม่อยากให้ฉันตายก็อย่าหาเรื่องปวดกบาลมาให้ฉันบ่อยนักก็แล้วกัน  ลำพังแค่เพ่งสมาธิเย็บแผลให้แกปีนึง ๆ  นี่สายตาฉันก็แย่ลงไปอักโขแล้ว”  หมอมาสะทำเสียงเบื่อ ๆ   แต่คนฟังก็รู้ว่าหมอไม่ได้บ่นจริงจังอะไร

“ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น”  เซย์ริวงึมงำกับตัวเองเบา ๆ   แต่คนเป็นหมอกลับหูดีได้ยินเข้าเสียอีก

“ถ้าไม่อยากฟังฉันบ่นก็ไสหัวกลับไปได้แล้ว  เห็นหน้าแกนาน ๆ  แล้วคันไม้คันมืออยากจะเย็บปากหรือฉีดยาให้เป็นง่อยเสียจริง ๆ ”

คราวนี้ร่างสูงขมวดคิ้วแล้วเดินกระแทกปึงปังไปโดยไม่พูดอะไร  คัตซึฮิโกะได้แต่ทำหน้าปูเลี่ยน ๆ   ถึงจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร  แต่ก็อดหวาดเสียวไม่ได้กับการปะทะคารมกัน  เพราะไม่รู้ว่าเซย์ริวจะอาละวาดขึ้นมาเมื่อไร  แต่ดูเหมือนว่ากับหมอมาซาฮิเดะแล้วจะเป็นคนเดียวที่เซย์ริวไม่กล้าหือด้วย

“เอ้อ...งั้นผมก็ขอตัวก่อนนะครับ”

“อ้อ  ตามสบาย  อย่าลืมดูแลแผลจนกว่าจะหายดีด้วยล่ะ  ถ้ามันผิดปกติอะไรขึ้นมาก็มาหาฉันนะ  ถ้าหากฉันลืมผ้าก็อซเอาไว้ในข้อมือเธอจะผ่าออกให้แบบไม่คิดตังค์”  มาซาฮิเดะพูดพร้อมกับยิ้มเรื่อย ๆ

“ถ้าเป็นแบบนั้น...ผมว่าล้างหนี้ทั้งหมดของผมน่าจะดีกว่านะครับ”  คัตซึฮิโกะหัวเราะแห้ง ๆ  แล้วก็โค้งให้  “ลาหละครับ”

คัตซึฮิโกะเดินออกจากห้องตรวจมาที่โถงเงียบ ๆ   ไม่รู้ว่าคนขี้โมโหไปปึงปังที่ไหนแล้ว  แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ  เซย์ริวเอาตัวรอดได้ทุกที่อยู่แล้ว...คนพรรค์นั้นจะฆ่าคนอีกสักกี่คนก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไรขึ้นมาหรอก

หากแล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูง ๆ  ที่ตัวเองกำลังคิดนินทาอยู่ในใจยืนรออยู่หน้าโรงพยาบาล  สีหน้ายังคงบอกบุญไม่รับอยู่อย่างนั้น  คัตซึฮิโกะไม่นึกอยากจะเข้าใกล้เซย์ริวตอนนี้หรอก  เพราะใครจะรู้ว่าวินาทีต่อไปใบหน้าบึ้ง ๆ  นั้นจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนแล้วเซย์ริวจะทำอะไรต่อ  แต่แม้คัตซึฮิโกะจะไม่ยอมเข้าใกล้  เซย์ริวก็ก้าวยาว ๆ  เข้ามาหา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-05-2013 21:52:42
“จะกลับบ้านเลยใช่มั้ย?”  เสียงห้าวทุ้มถามขึ้นเรียบ ๆ

“อะ...อื้อ”  คัตซึฮิโกะพยักหน้ารับ

“งั้น...”  ร่างสูงยกมือขึ้นเกาจมูกนิด ๆ  แล้วเสมองไปทางอื่น  “เอ้า  นี่”

เซย์ริวยื่นดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่พรวดไปตรงหน้าคัตซึฮิโกะ  เล่นเอาชายหนุ่มมึนงงไปชั่วขณะ

“อะ...อะไร?”

“จะอะไรเล่า  ก็...ก็ของขวัญที่ออกโรง’ บาลไง”  เสียงนั้นเกือบตะคอก  แต่อาการหลบตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั้นบอกชัดว่าเซย์ริวกำลังเขินอาย

คัตซึฮิโกะมองดอกไม้ตรงหน้าอย่างลังเลใจอยู่ชั่วครู่  ถ้าเป็นของขวัญก็ควรจะรับไว้โดยมารยาทสินะ  แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากรับของจากเซย์ริวอยู่ดี  เขาไม่มีวันยอมยกโทษให้กับเรื่องที่เซย์ริวทำกับเขาเป็นแน่  แม้จะยอมอยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อนก็ใช่ว่าการทำดีด้วยเล็ก ๆ  น้อย ๆ  จะทำให้เขายอมลงให้อีกได้

“เอาไปให้ – ฮิ – โร – กิ – ของคุณเถอะ  ผมไม่ต้องการหรอก”  คัตซึฮิโกะพูด  แล้วก็เดินหนีไปอย่างไม่ใยดี

มือแกร่งคว้าแขนของชายหนุ่มได้แล้วกระชากกลับเต็มแรง  พร้อมกับเงื้อมืออีกข้างเหมือนจะตบ...คัตซึฮิโกะรู้อยู่แล้วว่าการกระทำของเขาจะทำให้เซย์ริวโกรธแค่ไหน  และก็รู้ด้วยว่าอาจจะโดนทำร้ายอีกก็ได้  แต่เขาก็ทำ...เพื่อว่าถ้าถูกทำร้ายอีกครั้ง  เขาจะได้ย้ำกับตัวเองได้ชัด ๆ  ว่า  เขาจะไม่มีวันยอมให้อภัยคนโหดร้ายคนนี้อีกเด็ดขาด

หากมือนั้นไม่ได้ฟาดลงมา...ร่างเพรียวถูกกระชากดึงไปกอดไว้กับอกกว้าง  แนบชิดเสียจนได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายที่เต้นระรัวเร็ว  มือใหญ่ลูบลงบนผมนุ่มช้า ๆ ...

“อย่า...”  เสียงห้าวกระซิบแห้งเหือด  “อย่าบังคับฉันอีกเลย  คาซึโกะ...อย่าให้ฉันต้องทำกับแกอีก...”

นับตั้งแต่วินาทีที่เห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของคัตซึฮิโกะ  นั่นเป็นครั้งแรกที่เซย์ริวรู้สึกได้ถึงรสชาติขมปร่าของการสูญเสียมาแผ่ซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น...และไม่รู้ว่าเพราะอะไร  แต่เขาบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมสูญเสียคัตซึฮิโกะไปเป็นอันขาด!

เพราะอย่างงั้นเขาถึงยอมอดทน  ไม่ทำอะไรอย่างที่เคยทำมาตลอด  ไม่แตะต้องคัตซึฮิโกะ  ไม่ทำอะไรรุนแรงกับคัตซึฮิโกะ  พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้คัตซึฮิโกะคนเดิมกลับมา...แต่ดูเหมือนว่าคัตซึฮิโกะพยายามบีบคั้นเขาเหลือเกิน  เมื่อกี้นี้ก็เกือบไปแล้ว...ถ้าเขาหยุดตัวเองไม่ได้  จะเป็นยังไงกันนะ

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง  ซบนิ่งอยู่กับอกของร่างสูง  ตกใจกับน้ำเสียงของคำพูดนั้นพอ ๆ  กับตกใจที่ตัวเองไม่โดนตบ...เขาบังคับเซย์ริวอย่างนั้นหรือ?...คงจะจริง  ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เซย์ริวลงมือกับเขา  เพื่อว่าเขาจะได้รู้สึกอย่างแน่นอนเสียทีว่าเขาควรจะเกลียดคน ๆ  นี้ให้หมดทั้งหัวใจ  เรื่องที่เขาเคยพยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ  เขาก็กลับยั่วยุกระตุ้นอีกฝ่าย  แต่เซย์ริวก็ไม่เคยทำอะไรเขา  ทั้งที่เมื่อก่อนนี้แม้แต่คำพูดที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดสะกิดอารมณ์  ร่างสูงก็ยังเอาไปเป็นอารมณ์แล้วมาทำร้ายเขาได้  แต่คราวนี้ทั้งที่เขาจงใจยั่วยุ...แต่เซย์ริวกลับไม่แตะต้องเขาเลย  คนอย่างเซย์ริวต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนกัน...

ร่างเพรียวค่อย ๆ  ดันอกกว้างออกห่าง  มองหน้าร่างสูงโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว  ก่อนที่จะผละไปหยิบดอกไม้ที่ตอนนี้หล่นอยู่กับพื้นถนน

“หึ...แกไม่ต้องการมันนี่  จะเก็บมาทำไมล่ะ”

“ทิ้งไว้แบบนี้สงสารดอกไม้มันนะ...”

เซย์ริวไม่ได้พูดอะไร  เขาเพียงแต่หันกลับแล้วออกเดินไปตามถนนมุ่งหน้ากลับสู่  “บ้าน”  ของคัตซึฮิโกะ  ขายาว ๆ  ก้าวอย่างรวดเร็วตามนิสัย  แต่เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งถี่ตามมาข้างหลัง  ชายหนุ่มก็ผ่อนฝีเท้าลงเพื่อให้คนที่วิ่งตามตามทัน

คัตซึฮิโกะหอบน้อย ๆ  เมื่อต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเซย์ริวมาค่อนข้างไกล  แต่แม้ว่าร่างสูงจะผ่อนฝีเท้าให้  เขาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามอยู่ข้างหลัง

ร่างเพรียวมองตามหลังคนที่เดินอยู่ข้างหน้า  แผ่นหลังกว้างนั้นหยัดตรงและท่วงท่าเดินสง่างามนั้นบ่งบอกถึงความทรนงในตัวเองอย่างสูง...ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่คัตซึฮิโกะได้มองแผ่นหลังนี้จนคุ้นตา...

“ทำไมถึงเป็นดอกลิลลี่สีขาวล่ะ?”  คัตซึฮิโกะเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ   และได้รับคำตอบสวนกลับมารวดเร็วราวกับไม่ต้องเสียเวลาคิด

“เพราะมันเหมาะกับแกยังไงล่ะ”

คัตซึฮิโกะเพียงแต่อมยิ้ม  ร่างสูงปรายตามองรอยยิ้มนั้นแล้วก็ยิ้มนิด ๆ  เช่นกัน

ดอกลิลลี่สีขาว...เทวดาสีขาว...ทำอย่างไรปีกคู่นั้นถึงจะไม่แปดเปื้อนนะ...
//////////

กลิ่นกายที่ระคนมากับกลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อน ๆ   เรือนผมนุ่มมือ  ผิวกายขาวนวลเนียน  น้ำเสียงแหบพร่าครางกระเส่าแผ่วเบาเมื่อถูกสัมผัส  ลมหายใจหอบถี่สะท้อนอยู่ข้างหู  และเมื่อกายแกร่งบดเบียดเข้าแนบชิด...

“อ๊ะ...อย่า...ไม่!!!!”
...

ร่างสูงลืมตาโพลงขึ้นมาในความมืด  อาการสะดุ้งตื่นของเขาทำให้คนในอ้อมกอดขยับตัวนิด ๆ  พร้อมกับครางเบา ๆ  อย่างรำคาญ  เซย์ริวงุนงงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะนึกออกว่าเมื่อครู่นี้คือความฝัน...หากคัตซึฮิโกะตัวจริงก็อยู่ในอ้อมแขนเช่นกัน

ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงต้นขาของร่างเพรียวกำลังเสียดสีอยู่กับความแข็งขึงที่ส่วนกลางกายของเขา  เซย์ริวรีบผละออกห่างแล้วลุกขึ้นนั่ง

มือแกร่งยกขึ้นลูบหน้า...นี่มันผิดปกติแล้ว  เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่อยู่กับคัตซึฮิโกะมา...เขากำลังฝืนตัวเองมากเกินไปอย่างนั้นหรือ...

เซย์ริวลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการกับตัวเองให้เรียบร้อย  ในหัวมีแต่เรื่องของคัตซึฮิโกะ...แววตา...สีหน้า...น้ำเสียง...ทุกอย่างของคัตซึฮิโกะ...เขาต้องการทุกอย่างนั้น!

แต่อาชญากรหนุ่มก็รู้ดีว่าตอนนี้จะทำเช่นนั้นไม่ได้  เขาเคยลองแล้วหลายครั้ง  ทุกครั้งที่ถูกสัมผัสคัตซึฮิโกะกรีดร้องราวกับคนบ้าจนเขาไม่กล้าจะแตะต้องมากไปกว่านั้น  ทุกวันนี้  สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือนอนกอดคัตซึฮิโกะเอาไว้ในยามค่ำคืน  ซึ่งนั่นดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวที่คัตซึฮิโกะไม่ปฏิเสธ

...แต่ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป...เขาต้องคลั่งตายแน่...

มือใหญ่กอบกุมแก่นกายของตัวเองแล้วขยับกระชากรูดหนักหน่วง  ดวงตาคมหลับแน่น  กลิ่นกายของคนในความฝันยังติดอยู่ที่ปลายจมูก  ที่ข้างหูหลอนถึงเสียงกระซิบแผ่วกระเส่าที่เคยพร่ำเรียกชื่อเขา  เรียวเล็บที่เคยจิกกรีดลงกับแผ่นหลัง  ร่างกายที่เคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนตอบสนองทุกการเคลื่อนไหวของเขา...ช่างน่าสมเพท!  ใครคนนั้นอยู่ห่างไปแค่เอื้อม  ได้กอดได้สัมผัสทุกค่ำคืนเสียด้วยซ้ำ...แต่กลับแตะต้องตามที่ใจปรารถนาไม่ได้!

ชายหนุ่มขบฟันกรอดเมื่ออารมณ์เร่าร้อนพลุ่งพล่านถึงขีด  เสียงของคัตซึฮิโกะในจินตนาการหวีดก้องอยู่ในสมอง...

“อึ่ก...คาซึโกะ...คาซึโกะ...”

ร่างสูงขยับมืออีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยความปรารถนาทั้งหมดให้พวยพุ่งออกมา

ลมหายใจหอบเหนื่อยดูอ่อนล้ากว่าเคย  เมื่อเห็นมือที่เปรอะเปื้อนคราบไคลของตัวเองแล้วก็ยิ่งรู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก

เซย์ริวล้างหน้าล้างมือแล้วเดินกลับมาที่เตียง  คัตซึฮิโกะยังคงนอนหลับสนิท  ดวงตาที่มีขนตายาวเป็นแพปิดพริ้มไม่รับรู้ความเป็นไปภายนอก...ทั้ง ๆ  ที่ใครอีกคนกำลังต้องการเขาจนเจียนบ้า

ร่างสูงนั่งลงที่ข้างเตียงแล้วเกลี่ยผมนิ่มแผ่วเบา

“คาซึโกะ...”

ตั้งแต่เกิดมา  เซย์ริวไม่เคยต้องการใครแบบนี้มาก่อน  เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม  แต่ผู้ชายคนนี้เท่านั้นที่เขาไม่ต้องการปล่อยให้หลุดมือไป...นับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน...ไม่ใช่คืนฤดูใบไม้ร่วงที่แสนหนาวเหน็บ...แต่นานกว่านั้น...ที่ซอกตึกแห่งนั้น  กลางฤดูร้อน...

“อือ...”  ร่างเพรียวขยับตัวนิด ๆ  เมื่อรู้สึกได้ถึงการสัมผัส  ริมฝีปากสีจัดขมุบขมิบนิดหน่อยเหมือนจะละเมอ

อาชญากรหนุ่มยิ้มนิด ๆ  กับกิริยานั้น...ในเวลาแบบนี้ที่คัตซึฮิโกะยังคงเป็นคัตซึฮิโกะคนเดิม  คัตซึฮิโกะที่ไม่มีแววตาเย็นชาเหมือนกับเขา...ใบหน้าคมโน้มลงไปใกล้อย่างห้ามใจไม่อยู่  ริมฝีปากร้อนแตะลงกับเรียวปากนุ่มอย่างแผ่วเบา  แต่ก่อนที่จะรุกล้ำไปมากกว่านี้  คนที่นอนนิ่งอยู่ก็ขยับหนีพร้อมกับส่งเสียงประท้วง

“...ไม่...ไม่เอานะ...”

หากเซย์ริวไม่หยุด  เขาตวัดแขนโอบร่างเพรียวไว้พร้อมกับบดริมฝีปากแนบแน่นมากขึ้น  ก่อนที่จะใช้เรียวลิ้นซอกซอนเปิดทางเพื่อรุกเข้าไปลิ้มรสหวานหวามที่กระหายอยาก

คัตซึฮิโกะรู้สึกตัวได้สติก็เมื่อตกอยู่ในวงแขนแกร่งอย่างไม่มีทางหนี  เขาได้แต่ผลักไสร่างสูงอย่างไม่ยินยอม  แต่ถึงตอนนี้เซย์ริวก็ทาบทับอยู่เหนือร่างของเขาแล้ว  ริมฝีปากขยับเพื่อเปล่งเสียงกรีดร้องแต่ก็ไม่มีผล  ทุกถ้อยคำถูกปิดกั้นไว้ด้วยกลีบปากนุ่มจึงได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอ

เซย์ริวไม่สามารถหยุดตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว  เขาลูบไล้ฝ่ามือร้อนเปะปะไปตามเรือนร่างที่อยู่ข้างใต้  สอดมือเข้าไปในเสื้อยืดตัวหลวมที่คัตซึฮิโกะใส่นอน  ตรงเข้าหยอกล้อและขยี้คลึงยอดอกสีเข้มเป็นการกระตุ้น

“ยะ...ไม่...”

ร่างเพรียวพยายามหยุดการรุกรานนั้น  แต่ดูเหมือนร่างสูงกำลังคลั่งไปเสียแล้ว  ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความดุดันและเรียกร้อง  เซย์ริวพยายามเต็มที่ที่จะปลุกเร้าให้คัตซึฮิโกะรู้สึกคล้อยตามไปกับเขา...หากคัตซึฮิโกะกำลังตื่นกลัว

ในตอนแรกคัตซึฮิโกะคิดเพียงว่าตัวเองกำลังฝัน  แต่เมื่อทุกสัมผัสค่อย ๆ  แจ่มชัดขึ้นเขาถึงได้รู้ว่าไม่ใช่  ริมฝีปากร้อนของร่างสูงยังคงประทับแนบแน่นทำให้ไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้  มือใหญ่เริ่มรุกรานลงต่ำ  คัตซึฮิโกะผวาเกร็งไปทั้งร่าง...เขาไม่ต้องการ...

อาชญากรหนุ่มสะดุ้งถอนริมฝีปากออกเมื่อถูกขบกัดจนเลือดออก  คัตซึฮิโกะอาศัยจังหวะที่เซย์ริวชะงักไปผลักเต็มแรงแล้วเผ่นลงจากเตียง  เมื่อเซย์ริวตั้งตัวได้ คนที่เขาพยายามครอบครองอยู่เมื่อครู่ก็วิ่งหนีออกไปอยู่ที่ระเบียงหลังห้องแล้ว

ร่างเพรียวยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอยู่ตรงนั้น  มือหนึ่งยึดลูกกรงระเบียงแน่น  แววตาที่จับจ้องมายังร่างสูงเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น  คัตซึฮิโกะในตอนนี้เหมือนสัตว์ป่าที่กำลังหวาดกลัวถึงขีดสุดและถ้าหากต้อนให้จนมุมมากกว่านี้ก็อาจจะเลือกทางตายเป็นทางหนี

ตอนนั้นเองที่เซย์ริวได้สติ  เขาจ้องมองมือที่เกาะลูกกรงของคัตซึฮิโกะ  ถ้าเขาเข้าใกล้กว่านี้อีกเพียงเล็กน้อยคัตซึฮิโกะคงกระโดดลงไปแน่...ชายหนุ่มยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ริมฝีปาก  เขาโดนคัตซึฮิโกะแว้งกัดเอาอีกแล้ว  แต่เป็นการแว้งกัดที่เกิดขึ้นเพราะเขาไล่ต้อนคัตซึฮิโกะเอง  แววตาที่จ้องมองเขามีแต่ความหวาดกลัว...เขาไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนั้น

เซย์ริวไม่ได้พูดอะไรอีก  เขาคว้าเสื้อแจ็กเก็ตที่พาดไว้กับเก้าอี้มาสวมแล้วออกจากห้องไปเงียบ ๆ

เมื่อร่างสูงออกไปแล้ว  คัตซึฮิโกะถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งอยู่ตรงนั้น  เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ที่ผ่านมามันก็สงบเรียบร้อยดีมาตลอด  เขาไม่ได้ปากร้ายกับเซย์ริวอีกและเซย์ริวก็ไม่ได้แตะต้องเขามากไปกว่านอนกอด...แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น...แววตาของเซย์ริวเมื่อตอนอยู่บนเตียงนั้นมันเหมือนกับเมื่อวันแรกที่พวกเขาพบกัน  ฆาตกรที่ข่มขืนเขาอย่างโหดร้าย...แววตาของเซย์ริวในคืนนี้เป็นแบบนั้น

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นกอดร่างที่สั่นเทาของตัวเอง...ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นอีกแล้วหรือ  ที่ผ่านมาไม่มีความหมายอะไรเลยอย่างนั้นหรือ  เซย์ริวไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยนับจากวันนั้น...เป็นเช่นนั้นจริง ๆ  หรือ...
//////////

เซย์ริวก้าวเท้าฝ่าแสงสลัวของเมืองยามค่ำคืนมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย  เขารู้ว่าเพิ่งทำสิ่งผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป  แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  เมื่อครู่นี้ถ้าหากเข้าไปพยายามดึงคัตซึฮิโกะกลับเข้ามาในห้อง  เขาแน่ใจว่าคัตซึฮิโกะจะต้องกระโดดลงไปแน่นอน

ความรู้สึกเร่าร้อนที่เกิดขึ้นนั้นมอดดับไปหมดแล้ว  ร่างสูงจึงไม่รู้ว่าควรจะไปทำอะไรที่ไหนดี  เขาไม่ได้อยากดื่มหรือไปหาซื้อบริการทางเพศจากใคร...ในค่ำคืนแบบนี้  เวลาที่เหลืออยู่ช่างไร้ความหมายเหลือเกิน

รู้สึกตัวอีกครั้ง  เซย์ริวก็มาหยุดยืนอยู่หน้าห้องเช่าเก่า ๆ  ของตัวเอง  ชายหนุ่มถอนใจปนหัวเราะ...อย่างนี้จะเรียกกว่ากลับมาตายรังได้หรือเปล่านะ...เขาควานหากุญแจในที่ซ่อนแล้วไขเปิดเข้าไป

ห้องมันก็รกเท่ากับตอนที่เขาแวะมาครั้งก่อน  แต่ครั้งนี้ผ้าห่มของเขากลับกองอยู่กลางห้อง  เซย์ริวจำได้ว่าตอนที่มาคราวที่แล้วเขาไม่ได้แวะมานอน  เมื่อมือใหญ่เอื้อมไปกดสวิตช์เปิดไฟกลางห้อง  กองผ้าห่มนั้นก็ขยับขยุกขยิก

“อือ...ใครอ้ะ?”

หัวทุย ๆ  กับใบหน้าคุ้นตาโผล่ออกมาจากผ้าห่ม  คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างนึกรำคาญคนที่มาขัดจังหวะการนอน

“แกมาทำอะไรในห้องฉัน  ฮิโรกิ?”  ร่างสูงกอดอกแล้วถามห้วน ๆ

“ก็...มานอนน่ะสิ”  ฮิโรกิฉีกยิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นเจ้าของห้องที่ตนมาแอบสิงอยู่

“แน่ใจนะว่าแค่นอน  หวังว่าแกคงไม่...”  เซย์ริวสอดมือเข้าไปที่หลังตู้ซึ่งเขามักจะใช้เป็นที่เก็บซ่อนเงินเสมอ

“ปล๊าว!!  ฉันไม่ได้มาแอบเม้มตังค์แกนะ”  ฮิโรกิปฏิเสธเสียงหลงพร้อมกับโบกมือไม้ให้วุ่นวาย  “ฉันแค่มานอนจริง ๆ   ทะเลาะกับยัยจิอากิน่ะ  คราวนี้แพ้เลยต้องระเห็จมานอนนี่”

เจ้าของห้องยังไม่ว่าอะไร  เขาดึงถุงใส่เงินออกมานับเงินจนเรียบร้อยแล้วจึงหันไปมองสีหน้ายิ้มกะเรี่ยกะราดเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำความผิดของฮิโรกิ

“พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนที่ซ่อนเงิน”  เซย์ริวพูดลอย ๆ   แต่ก็จงใจจะให้ไอ้ตัวแสบรู้ว่าเขารู้ว่าเงินเก็บอยู่ไม่ครบ  “ว่าแต่มันเรื่องอะไรถึงมานอนห้องฉัน?”

“ก็...บอกแล้วไงว่าทะเลาะแพ้ยัยบ้านั่น  เลยโดนเฉดหัวออกจากห้องมาน่ะ”

“ฉันว่าพวกแกทะเลาะกันแล้วหาทางออกไม่ได้  แกเลยงอนจิอากิแล้วหนีออกจากบ้านมามากกว่า”  ร่างสูงยังคงพูดเรียบ ๆ   แต่ฮิโรกิเบิกตากว้าง

“ทำไมแกรู้อ้ะ?”

เซย์ริวถอนใจเบื่อ ๆ   ถอดแจ็กเก็ตโยนสุมไปแถว ๆ  กองผ้าที่ไม่ได้ซักมานานนับเดือน

“ฉันเห็นพวกแกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว  นี่กะว่าเขาจะตามหาแล้วมาง้อสินะ  แต่พอดีเขายังหาไม่เจอเพราะดันมาหมกอยู่ที่นี่...กี่วันแล้วล่ะ  สามวัน?”

“พอเลย ๆ   เงียบปากไปเลย  ฉันเบื่อคนรู้ทันอย่างแกเป็นบ้า”  ฮิโรกิว่าพลางทำหน้ามุ่ยเอาหมอนใกล้มือโยนใส่  “เพิ่งคืนที่สองเท่านั้นเฟ้ย  แล้วที่ไม่ไปนอนบ้านคนอื่นเพราะมันเรียกร้องจะเปิดซิงแบ็ค  เวอร์จิ้นฉัน  ฉันเลยจับมอมยาฉกตังค์แล้วเผ่นมานี่”

ร่างสูงกุมขมับฟังไอ้ตัวเล็กของเขาอธิบายเป็นฉาก ๆ  แล้วแบมือยื่นไปตรงหน้าฮิโรกิที่ทำหน้างง ๆ

“อะไร?”

“ค่าเช่าห้อง...ได้เงินมาด้วยไม่ใช่เรอะ  จ่ายมาซะดี ๆ ”  นิ้วเรียวยาวกระดิกเป็นเชิงบอกให้ส่งเงินมา

“เฮ้ย!  ใจร้าย  แค่อาศัยนอนเอง  เนี่ย เก็บห้องให้ด้วยนะ  ห้องน้ำก็ล้างแล้ว  ขยะก็เอาไปทิ้งให้  ยังจะมาเก็บเงินอีกเหรอ?”  ร่างบางลำเลิกบุญคุณ  “นี่อุตส่าห์มาเฝ้าห้องให้ด้วยนะ  เห็นหายไปไม่กลับเป็นเดือน ๆ   กลัวจะมีคนมางัดเอาตังค์ไปนะเนี่ย”

ก่อนที่ฮิโรกิจะพูดมากไปกว่านี้  มือใหญ่ ๆ  ก็แปะเข้าที่หน้าเต็มรัก

“พอ ๆ  ๆ   หยุดพูดได้แล้ว  น่ารำคาญจริง  แกนี่”

เจ้าตัวเล็กยิ้มเผล่

“ว่าแต่...ลมอะไรพัดมาล่ะ  ถึงได้กลับมาถึงนี่ได้  นึกว่าหลงคัตซึฮิโกะจังจนโงหัวไม่ขึ้น  บ้านช่องไม่กลับเสียอีก”

ร่างสูงเพียงแค่ยักไหล่ไม่ตอบอะไร  ฮิโรกิเลยได้โอกาสแหย่ต่อ

“เอ๋...หรือว่าเป็นแบบฉัน  ทะเลาะกันแล้วงอนหนีออกจากบ้านมา  รอให้คัตซึฮิโกะจังมาง้อ”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 24-05-2013 21:57:31
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง”  เซย์ริวตอบเรียบ ๆ   แต่เล่นเอาฮิโรกิอ้าปากค้าง

“เฮ้ย  จริงง่ะ?”

“จริง”

“แกไม่ต้องรับมุกฉันมากนักก็ได้นะ  เซย์”

“ไม่ได้รับมุก  แต่เรื่องจริง...ฉันเพิ่งมาจากบ้านหมอนั่นเมื่อกี้นี้เอง”  เซย์ริวพูดเรื่อย ๆ  พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนฟูกที่ฮิโรกิปูไว้

ฮิโรกิจ้องหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ของเซย์ริว...มีเพียงคนใกล้ชิดอย่างเขาเท่านั้นที่เห็นร่องรอยบางอย่างในแววตาที่ดูเฉยเมยคู่นั้น  ชายหนุ่มถอนใจแล้วหยิบบุหรี่มาจุดสูบแล้วส่งอีกมวนให้เซย์ริว

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน  แต่แตะต้องหมอนั่นอย่างที่ต้องการไม่ได้”  ร่างสูงรับบุหรี่จากฮิโรกิมาคลึงเล่นโดยไม่ได้คิดจะสูบ

“หมายความว่าไง?  คัตซึฮิโกะจังไม่ยอมให้แกกอดเหรอ  หรือว่าแกเสื่อมสมรรถภาพ?”  ฮิโรกิพูดพลางชูนิ้วก้อยแล้วรีบตะกายเผ่นให้พ้นรัศมีขายาว ๆ  ของเพื่อนรักทันที...แต่เซย์ริวกลับนิ่งเฉย

“มันไม่ให้ฉันกอด...แล้วฉันก็กอดมันไม่ได้ด้วย  แต่ไม่ได้เสื่อมอย่างที่แกว่าหรอก”

ฮิโรกิถอนใจแล้วกลับมานั่งที่เดิม  ภายใต้น้ำเสียงเย็นชาของเซย์ริวนั้นมีแววกลัดกลุ้มแฝงอยู่  นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากคนที่นั่งข้าง ๆ

“ฉันได้ยินมาเหมือนกันนะ  เรื่องที่แกไปเฝ้าใครสักคนที่โรง’ บาลหมอมาสะอยู่เป็นอาทิตย์  คนคนนั้นคือคัตซึฮิโกะจังใช่มะ?  คัตซึฮิโกะจังเป็นอะไรไปเหรอ?”

“กรีดข้อมือตัวเอง”

ร่างบางตกตะลึงไปชั่วขณะ

“นั่น...เพราะเรื่องที่ฉันไป...หรือเปล่า...?”

“ใช่”

“ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นนะ...ฉันแค่...นึกสนุก...แล้วแกก็อนุญาต...”  ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจฮิโรกิ  “แล้ว...คัตซึฮิโกะจังเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก  ฮิโรกิ  แล้วหมอนั่นก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย  เพียงแต่พอออกจากโรง’ บาลแล้วมันดูแปลก ๆ  ไป  ทั้งสีหน้าทั้งแววตา...เหมือนไม่ใช่มันคนเก่า  แล้วมันก็กลัวที่จะถูกฉันกอดเอามาก ๆ ”  เซย์ริวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฮิโรกิฟังคร่าว ๆ

ฮิโรกิรู้สึกว่าตัวเองเข้าใจในอะไรบางอย่างที่ละเอียดอ่อนเกินกว่าที่เพื่อนของเขาจะสังเกตเห็น...อะไรบางอย่างที่เคยเกิดขึ้นในใจของคัตซึฮิโกะ  และบัดนี้ได้ถูกพวกเขาทำลายยับในชั่วข้ามวัน...ถึงเซย์ริวจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของเขา  แต่เพราะเขาทำให้เกิดเรื่องนั้นขึ้น  จึงไม่สามารถปัดความรู้สึกผิดนี้ได้...แต่แม้จะคิดว่าตัวเองเข้าใจในสิ่งที่เซย์ริวไม่รู้  แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องบอกออกไป  เพราะเรื่องแบบนั้นเป็นเรื่องที่เซย์ริวจะต้องเข้าใจเอาเอง...แต่มันอาจจะยากสักหน่อยสำหรับคนที่แข็งกระด้างอย่างเซย์ริว

“ที่ออกจากบ้านคัตซึฮิโกะจังมานี่...เสี้ยนแล้วไม่ได้ระบายออกใช่มะ?”  ฮิโรกิถามตรง ๆ

“จะว่างั้นก็ได้  แต่พูดจริง ๆ  มันน่าจะเป็นระบายออกไม่หมดมากกว่า”  เซย์ริวก็ตอบตรง ๆ  เช่นกัน  ระหว่างพวกเขาสองคนนั้นแทบจะไม่มีอะไรที่ปิดบังกันได้อยู่แล้ว

“งั้นก็ออกไปซ่องสิโว้ย  มานั่งเสี้ยนอยู่ทำไมวะ”

“มัน...ไม่มีอารมณ์ว่ะ”

“งั้น...”  ไอ้ตัวแสบยื่นหน้าไปยิ้มเจ้าเล่ห์ใกล้ ๆ   “กับฉันเป็นไง?”

ร่างสูงขมวดคิ้ว

“อย่ามาตลก  ฮิโรกิ  แกปฏิญาณเอาไว้ว่าชาตินี้จะไม่ยอมเสียแบ็ค  เวอร์จิ้นให้ใครไม่ใช่หรือไง?”

“ก็แล้วใครบอกว่าฉันจะถวายความบริสุทธิ์ให้แกวะ”  ฮิโรกิเอานิ้วจิ้มหน้าผากผู้เป็นเพื่อน  “ถ้าแค่ใช้มือใช้ปากช่วยแกระบายเสี้ยนนิด ๆ  หน่อย ๆ  น่ะฉันพอจะทำให้ได้เฟ้ย  จะเอาไหม?”

“จะเป็นตัวแทนหมอนั่นให้หรือไง?”

เซย์ริวพูดยิ้ม ๆ   แต่ไหนแต่ไรมาฮิโรกิปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์ทางกายกับเขามาตลอด  ไม่ว่าความสัมพันธ์นั้นมันจะมากหรือน้อยก็ตาม  และแม้ตัวเขาเองจะยอมรับว่าเคยสนใจและอยากลิ้มลองรสชาติของฮิโรกิอยู่บ้าง  แต่พวกเขาใกล้ชิดกันมากเสียจนเห็นกันเป็นพี่เป็นน้องไปเสียแล้ว...แต่เมื่อคราวนี้ฮิโรกิเป็นฝ่ายเสนอมาเอง...เขาที่กำลังรู้สึกอึดอัดได้ที่ย่อมไม่คิดจะปฏิเสธ

“แต่ตกลงกันก่อนนะ  ห้ามเกินเลยกับฉันเด็ดขาด  ถ้าแกลามปามหละก็เลิกกัน”  ฮิโรกิยื่นคำขาด

ร่างสูงพยักหน้ายอมรับข้อตกลง  แต่ก็ยังไม่วายถาม

“ทำไมวันนี้ใจดี?”

“ก็แค่...ฉันทำให้คัตซึฮิโกะจังไม่ยอมให้แกกอดนี่  ชดเชยให้นิด ๆ  หน่อย ๆ  เท่านั้นเอง  ทีกับคนอื่นฉันยังเล่นด้วยได้  แค่ทดแทนบุญคุณให้แกหน่อยจะเป็นไรไป”  ฮิโรกิยักไหล่...เวลาที่ออกล่าเหยื่อ  เขามักจะปล่อยตัวเองให้หาความสุขทางเพศนิด ๆ  หน่อย ๆ  จากฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะมอมยาแล้วรูดทรัพย์...และเขาก็ยอมรับว่าพึงพอใจในสิ่งที่ผู้ชายพวกนั้นกระทำไม่น้อย

ร่างสูงส่งบุหรี่ที่คลึงเล่นอยู่นานเข้าไปคาบไว้ในปากแล้วชะโงกหน้าไปต่อกับบุหรี่ที่เจ้าตัวเล็กกำลังสูบอยู่  ชายหนุ่มอัดควันลึกก่อนที่จะดึงบุหรี่ที่จวนจะหมดมวนของฮิโรกิออก  ริมฝีปากอุ่นร้อนประกบแนบลงกับเรียวปากบางแล้วพ่นควันเข้าไปอย่างเชื่องช้าและเย้ายวน  มือใหญ่ขยี้ดับบุหรี่ทั้งสองลงกับที่เขี่ยบุหรี่

“ถ้าถึงตอนที่มันเกินเลยแล้วฉันไม่หยุด  แกจะทำยังไง?”  เซย์ริวถามทั้งที่ยังเคล้าคลอริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่ง

“ต่อยสักเปรี้ยงหรือไม่ก็ลนด้วยไฟแช็กหละมั้ง”  ร่างบางหัวเราะคิกคัก  หากฝ่ายตรงข้ามเพียงแต่ยิ้ม

“หลังจากเสร็จแล้ว...อย่ามาบ่นก็แล้วกัน  ฮิโรกิ...”


เซย์ริวและเล็มริมฝีปากไปตามผิวละเอียดเนียนขาวของร่างบาง  เสื้อที่เขาสวมอยู่ถูกถอดทิ้งอย่างไม่ไยดี  และเสื้อเชิ้ตตัวโคร่งของเขาที่ฮิโรกิเอามาใส่นอนถูกปลดกระดุมทั้งหมดและแหวกออกเผยให้เห็นแผ่นอกบางและหน้าท้องแบนราบ  ทุกแห่งที่เขานาบริมฝีปากร้อนลงไปเรียกเสียงครางเครือจากอีกฝ่ายได้ไม่ยาก  เรือนร่างเล็กบิดส่ายยั่วเย้าอย่างคนที่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี  เสียงหวานที่ครางแผ่วเป็นระยะกระตุ้นอารมณ์ของใครก็ตามที่ได้ยินเสียงและยังหวีดหวานในบางครั้งที่ร่างสูงเข้าหยอกล้อกับจุดไวสัมผัส...ผนังห้องเช่าบางเท่าบาง  หากทั้งสองไม่ได้สนใจว่าใครจะได้ยินเสียง  และเชื่อได้ว่าใครก็ตามที่ได้ยินเสียงจะไม่กล้ามายุ่งกับพวกเขา

กางเกงวอร์มขายาวถูกดึงร่นลงต่ำ  ช่วงสะโพกบางและจุดต่ำกว่าที่น่าพิสมัยกว่านั้นค่อย ๆ  ปรากฏขึ้นต่อหน้าร่างสูง  ฮิโรกิขยับตัวเล็กน้อยเป็นเชิงบอกให้ปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้ายที่เกะกะนี้ออกเสียที...แม้ทุกอย่างจะยังไม่เริ่มต้น  แต่เขาก็ตื่นตัวขึ้นมากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว...ชายหนุ่มถอนใจสะท้านเยือกเมื่อเซย์ริวถอดกางเกงออกให้ตามคำขอ  ผิวกายสัมผัสกับอากาศเย็นของยามค่ำคืนสั่นระริก  และยิ่งเห็นแววตาที่จ้องมองร่างของเขา  ฮิโรกิก็สะท้านไปทั้งร่าง...แววตาของเซย์ริวดูอันตราย  แต่ก็มีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างบอกไม่ถูก...มิน่าเล่า  จิอากิถึงได้ยอมทอดกายให้เชยชิม

เซย์ริวยกเรียวขาขาวขึ้นจูบหยอกเย้าที่ซอกขาด้านใน  เพียงเท่านั้นร่างบางก็กระตุกผวาทั้งตัว

“อือ...อย่าแกล้งสิ”  เสียงสั่นพร่าด้วยอารมณ์หวามไหวครางเครือ

หากร่างสูงยังคงขบเม้มไปตามเนื้ออ่อน  กระตุ้นเร้าอารมณ์คู่นอนในคืนนี้ให้กระเจิดกระเจิงมากขึ้น  เรียวลิ้นลากไล้ชิมรสชาติแปลกใหม่ไปทั่ว...ฮิโรกิเองก็หอมหวาน  หากแฝงกลิ่นคาวของชีวิตที่ผ่านมือใครต่อใครมาอย่างโชกโชน...ต่างกับคัตซึฮิโกะ  ซึ่งแปดเปื้อนด้วยมือของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

มือเล็กสางไล้เส้นผมหนาแล้วดึงเบา ๆ   ไม่เคยมีใครทำให้ฮิโรกิรู้สึกเร่าร้อนได้อย่างนี้มาก่อน  หัวใจเต้นระรัวอยู่ในอก...จะเป็นความตื่นเต้นหรือยินดีเขาก็ไม่อาจบอกได้  รู้แต่เพียงพึงพอใจในทุกสัมผัสของเซย์ริว  ทั้งยังเสียวสะท้านเหมือนจะขาดใจไปกับการกลั่นแกล้งหยอกล้อนั้น  และเมื่อมือใหญ่เข้ากอบกุมร่างที่กำลังตื่นตัวของเขา  ร่างบางถึงกับหวีดร้องออกมาอย่างไม่อาจสะกดกลั้นได้  อุ้งมือร้อนนั้นขยับนวดคลึงเพียงไม่กี่ครั้ง  ชายหนุ่มก็ตื่นพร้อม...ฮิโรกิปรือตาขึ้นมองคนที่ครอบครองเขาอยู่แล้วก็ต้องยกมือขึ้นปิดหน้า...ดวงตาคมที่มองจ้องมาและรอยยิ้มบาง ๆ  ที่ริมฝีปากของร่างสูง  ทำให้เขารู้สึกประหม่าราวกับเป็นการเผยร่างเปลือยเปล่าต่อหน้าคนอื่นเป็นครั้งแรก...นั่นไม่ใช่เซย์ริวที่เขารู้จัก

ร่างสูงทอดมองเจ้าลูกแมวยั่วสวาทที่บิดกายอยู่ใต้ร่างของเขาแล้วก็ยิ้ม  ริมฝีปากร้อนเคลื่อนลงต่ำแล้วงับเบา ๆ  ตรงกลางลำของแก่นกายที่กำลังแข็งขืน

“อ๊า...เซย์...”  ร่างบางส่งเสียงครางกระเส่าตอบรับการกระทำนั้นทันที

เซย์ริวไม่รอช้า  เขาจัดการลิ้มชิมรสชาติของเจ้าตัวเล็กอย่างเต็มที่  เรียวลิ้นลากไล้ดูดเลียจนร่างนั้นเปียกชุ่ม  ก่อนที่จะส่งมันเข้าปากกลืนกินจนสุดความยาว

ฮิโรกิสะท้านไปทั้งร่าง  เอวบางแอ่นขึ้นรับสัมผัสของร่างสูงทุกจังหวะ  รู้สึกมึนและเบลอไปหมดราวกับโดนยาป้ายเสียเอง  ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นความรู้สึกร้อนวาบที่เกิดขึ้นตรงส่วนกลางกาย...มันแล่นปลาบไปทั่วทั้งร่างจนจรดปลายนิ้ว  ความหฤหรรษ์เพลิดเพลินที่ได้รับทำให้หลงเคลิบเคลิ้มไปกับการปรนเปรอนั้น  มือเรียวขยุ้มเรือนผมหนาแล้วกดเข้าหาตัว  สะโพกเล็กขยับขึ้นลงรับจังหวะกับริมฝีปากของเซย์ริวจนแทบจะไม่ติดฟูก  ได้แต่ส่งเสียงครางระงมแทบไม่เป็นภาษา...สุดยอดของอารมณ์รอเขาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว...

ทว่า...ร่างสูงถอนปากออกก่อนที่ฮิโรกิจะสมปรารถนา  แก่นกายแกร่งถูกจรดเข้ากับช่องทางรัดรึงและทำท่าว่าจะเข้ารุกราน!!

“เซย์!?”  ร่างบางผวากายขึ้นทันทีที่รู้สึกตัว  หากมือแกร่งยึดสะโพกของเขาไว้มั่น  “ไม่นะ!  เซย์!  แกบอกแล้วว่าจะไม่ทำ!!”

อาชญากรหนุ่มไม่ฟังเสียง  ภาพตรงหน้ามันพร่าพรายไปหมด  เขาเห็นภาพของคัตซึฮิโกะกับฮิโรกิซ้อนทับกันไปมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว  ถึงตอนนี้เขาไม่อาจหักห้ามใจได้อีกต่อไป  เขาต้องการปลดเปลื้อง...เดี๋ยวนี้!!

ความแข็งขืนพยายามดุนดันเข้าหา

“ไม่!!  เซย์  อย่า!!  อย่าทำแบบนี้  ไม่ได้นะ!”  ฮิโรกิร้องห้าม  สองมือพยายามผลักไสและยกขาเตะถีบพัลวัน

มือใหญ่สะบัดตบแก้มซ้ายเข้าให้เต็มรัก  ร่างบางสะดุ้งตัวชาไปชั่วขณะ  รู้ขึ้นมาในวินาทีนั้นว่าเพื่อนรักของเขากำลังหน้ามืดถึงขีดสุด  หากปล่อยไว้อย่างนี้เขาต้องเสียบริสุทธิ์ให้กับคนคนนี้แน่  ฮิโรกินึกด่าตัวเองอยู่ในใจที่ดันยื่นข้อเสนองี่เง่านี่ให้เซย์ริวเพียงเพราะอยากลอง  ตอนนี้เขาต้องปกป้องตัวเองเท่าที่จะทำได้...ต้องหยุดเซย์ริวให้ได้

ฮิโรกิรู้สึกเหมือนสวรรค์เข้าข้างเมื่อควานไปเจอไฟแช็กที่โยนทิ้งไว้แถว ๆ  นั้น  เขาจุดไฟพรึ่บขึ้นตรงหน้าร่างสูงทำให้ชะงักไปชั่วขณะ  พริบตานั้นเอง  ร่างบางรีบกระถดถอยออกห่าง  แต่มือแกร่งคว้าข้อเท้าของเขากระชากกลับแล้วตบเต็มแรงอีกที

คราวนี้ฮิโรกิรู้สึกเหมือนโลกดับวูบไปขณะหนึ่ง  ดวงตามองเห็นแสงวูบวาบพร่างพรายเหมือนดาวระยิบระยับไปหมด  แล้วความรู้สึกเจ็บแปลบก็แล่นขึ้นมาจากส่วนลี้ลับของเรือนร่าง  ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว

“ไม่!!!!”

เซย์ริวแยกเรียวขาขาวกว้างและจับกดจนร่างบางอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้  ความเป็นชายแข็งขึงค่อย ๆ  ดุนดันสอดใส่เข้าไปในช่องทางเล็กแคบที่ไม่มีการเตรียมพร้อมมาก่อน  และมันยิ่งยากลำบากเมื่อเจ้าของเรือนร่างนั้นไม่ยอมเปิดทางให้  หากชายหนุ่มก็ฝืนบังคับเอาซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่สนใจกับเสียงกรีดร้อง  จนกระทั่งส่วนปลายล่วงล้ำเข้าไป

“เจ็บ!!  เซย์...ไม่...อย่า...เซย์!!”  เมื่อไม่รู้จะอย่างไรได้  ฮิโรกิก็ปล่อยโฮออกมา

ร่างสูงชะงัก  เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวของใครบางคนแทรกเข้ามาในสมอง  เขารีบปล่อยมือและผละออกห่างจากร่างบางทันที

เจ้าตัวเล็กนอนสะอื้นตัวสั่นเทาอยู่ใต้ร่างของชายหนุ่ม...เขาเกือบพลั้งมือทำลายเพื่อนคนสำคัญของตัวเองไปเสียแล้ว...อ้อมแขนแกร่งประคองร่างเล็กขึ้นมากอด

“ไม่เป็นไรนะ...ฉันขอโทษ  มัน...หน้ามืดไปหน่อย”

“ไม่หน่อยหละ!  แกตบฉันเต็มแรงตั้งสองทีด้วย”  ฮิโรกิต่อว่าทั้งยังสะอื้น

“ขอโทษ...”  แม้จะฟังดูสั้นห้วน  หากน้ำเสียงนั้นก็ทอดอ่อนเหมือนจะปลอบโยน

“บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่เอา ๆ   มันเจ็บจริง ๆ  ด้วย  บ้าที่สุด!”  เจ้าตัวแสบยังตัดพ้อพลางเช็ดน้ำตาป้อย ๆ

“ขอโทษนะ  ฮิโรกิ”

น้ำเสียงที่แผ่วหวิวอย่างที่ไม่เคยได้ยินจากเซย์ริวทำให้ฮิโรกิสะท้อนใจ  เขารู้ว่าเซย์ริวรู้สึกผิดที่ทำแบบนี้กับเขา  และเขาก็รู้ว่าเซย์ริวไม่ได้ตั้งใจ  เพียงแต่หักห้ามใจไม่ได้...แล้วคิดดูสิว่าคัตซึฮิโกะสำคัญกับเซย์ริวมากขนาดไหน  ถึงขนาดต้องหยุดตัวเองไว้อย่างสุดกำลังเพื่อไม่ให้พลั้งมือทำร้ายอีก...แม้แต่กับเขาซึ่งเป็นเพื่อนคนสำคัญ  เซย์ริวยังไม่คิดจะห้ามตัวเอง

ดวงตาคมหลุบต่ำ  ริมฝีปากเม้มแน่นเพื่อสะกดกลั้นความพลุ่งพล่านที่ยังไม่ได้รับการระบายออก...ฮิโรกิมองเพื่อนรักแล้วก็สงสาร  ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจูบปลายคางของร่างสูงเบา ๆ

“ให้ฉันช่วยนะ”

“แต่ถ้าทำแบบนั้น...ฉันอาจจะลืมตัวอีกก็ได้”

“ไม่เป็นไร  คราวนี้ฉันทำให้แกเอง”

ฮิโรกิยิ้มก่อนที่จะขบจูบไล่ระไปตามแผ่นอกกว้าง  ได้ยินเสียงถอนใจอย่างหฤหรรษ์เป็นระยะ  ลิ้นเล็ก ๆ  เลียไปตามกล้ามท้องได้รูปซึ่งเกร็งเขม็งรับสัมผัส  ก่อนที่จะไล้ต่ำลงไปจนถึงแก่นกายที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ที่ยังค้างคาอยู่  เรียวลิ้นตวัดชิมส่วนปลายยอดที่เมื่อครู่ทำให้เขาเจ็บปวดเจียนตาย

“อืม...อีกสิ”  เสียงนั้นเหมือนคำสั่งหากก็เหมือนคำร้องขออยู่ในที  มือใหญ่ไล้ไปตามผมนุ่มเบามือ

ร่างบางยิ้มกับตัวเองแล้วเฝ้าวนเวียนจูบเลียอยู่เพียงแค่ตรงปลาย  เหมือนจะเอาคืนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้  แต่ก็ดูเหมือนว่าเซย์ริวจะพอใจกับการทำโทษเอาคืนนี้ไม่น้อยทีเดียว

ลิ้นร้อนเลียชิมรสชาติปร่าแปลกของร่างสูงทีละนิดละน้อยก่อนจะดูดกลืนมากขึ้น  ขนาดอันใหญ่โตทำให้ไม่อาจกลืนกินเข้าไปหมดในครั้งเดียว  ฮิโรกิถอนปากออกมาไล้เลียตามความยาวตั้งแต่โคนถึงปลายซ้ำ ๆ  หลายครั้ง  ปฏิกิริยาตอบรับคือเอวหนาขยับสะดุ้งและเสียงครางอย่างสะกดกลั้นอารมณ์

มือแกร่งขยุ้มเรือนผมหนานุ่มเบา ๆ  เป็นการบอกให้ปรนเปรอให้เขามากกว่านี้  ฮิโรกิไม่ปฏิเสธ  เขารังแกร่างสูงจนสาแก่ใจแล้ว  โพรงปากร้อนจึงครอบแก่นกายที่แข็งราวกับหินนั้นอีกครั้ง  ปรนเปรอให้อย่างถึงอกถึงใจทั้งปากและมือ  แล้วเปิดลำคอค่อย ๆ  กลืนกินมันเข้าไปทั้งหมด

“อะ...ฮ่า...ฮิโรกิ”  เสียงห้าวทุ้มครางต่ำ  เขาขยุ้มเรือนผมของฮิโรกิและกดศีรษะเข้าหาตัว

ฮิโรกิรู้ดีกว่าเขาควรทำอะไรต่อ  มือเรียวเข้าช่วยกอบกุมและกระชากรูดท่อนเนื้อแน่นในขณะที่ปากก็ดูดกลืนหนักหน่วง  เขาไล้ลิ้นพร้อมดูดเลียมันราวกับเป็นไอศกรีมหอมหวาน  พยายามขยับทุกจังหวะให้สอดคล้องกับเซย์ริว...นุ่มนวล  ทว่าหนักหน่วง...จังหวะแห่งความต้องการกระชั้นมากขึ้นทุกที  ชายหนุ่มเร่งริมฝีปากจนชาหนึบ  หากก็เพลิดเพลินกับเสียงครางของร่างสูงที่ตอนนี้ดังระงมไม่แพ้ที่เขาเป็นเมื่อครู่เช่นกัน  มือเรียวเลื่อนไปกอบกำแก่นกายของตัวเองขยับรูดกระตุ้นด้วยเช่นกัน

เซย์ริวรู้สึกอึดอัดแน่นในอกไปหมด  ลมหายใจหอบถี่มีเสียงครางแผ่วแทรกปนออกมาด้วย  มันต่างกับที่คัตซึฮิโกะเคยทำให้เขา  แต่มันก็ให้ความรู้สึกดีพอกัน...ถ้าหากว่าคนทำเป็นคัตซึฮิโกะจะให้ความรู้สึกที่สุดยอดแค่ไหนนะ...

เพียงแค่คิดถึงใครคนนั้น  ชายหนุ่มก็ทำท่าว่าจะถึงจุดสุดยอด  เขาดึงฮิโรกิออกแล้วกอบกุมร่างของตัวเองด้วยมือ  แต่เจ้าตัวเล็กที่ยังติดใจรสชาติแห่งความเพลิดเพลินนั้นครอบริมฝีปากลงมาลิ้มรสอีกครั้ง  คราวนี้ร่างสูงปล่อยให้ร่างบางหยอกล้อกับส่วนปลายของเขาไปในขณะที่เขาพยายามพาตัวเองตะเกียกตะกายไปให้ถึงที่สุดแห่งอารมณ์

แล้วทุกอย่างก็มาถึงจุดสิ้นสุด  เซย์ริวระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเต็มกลั้นเกือบจะพร้อม ๆ  กับที่ฮิโรกิเองก็พรั่งพรูหยาดแห่งอารมณ์ออกมา  ร่างสูงกระตุกอีกสามสี่ครั้งก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาจนหมด  เขาเหนื่อยหอบสิ้นกำลังราวกับบรรเลงบทรักเต็มขั้นมาหมาด ๆ   ชายหนุ่มนั่งนิ่งอยู่ชั่วครู่ก็หายเหนื่อย  เจ้าลูกแมวยั่วสวาทของเขาก็เข้ามาเคล้าคลอ

“ไง...หายเสี้ยนมั้ย?  ฝีมือใช่มั้ยล่ะ?”  รอยยิ้มล้อ ๆ  กับคำถามกวน ๆ  ทำให้ร่างสูงพอจะยิ้มออก

“เก่ง...ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้”  ฮิโรกิเตรียมยิ้มแป้นกับคำชมนั้น  แต่ก็ต้องหุบทันทีเมื่อได้ยินประโยคถัดมา  “เก่งจนไม่อยากจะเชื่อว่ายังไม่เสียแบ็ค เวอร์จิ้นให้ใคร”

“ไอ้บ้า!  ฉันยังซิงนะโว้ย!!”  ไอ้ตัวเล็กคว้าหมอนใกล้ตัวกระหน่ำทุบเพื่อนปากมอม

“โอ๊ย ๆ   รู้แล้ว ๆ   ไม่ล้อแล้ว”  เซย์ริวยกมือขึ้นปัดป้อง  เมื่อได้ระบายอารมณ์ออกไปทำให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง

“ชิ!  มีแกคนเดียวนั่นแหละที่อาจหาญจะมาเปิดซิงฉัน  จำไว้ซะด้วย”  ฮิโรกิว่าแล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กปึงปังเข้าห้องน้ำไป

ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ  แล้วจัดการทำความสะอาดตรงที่พวกเขาทำเลอะเทอะเอาไว้

ข้ามผ่านไปอีกคืน...เมื่อพรุ่งนี้มาเยือน  เขาจะทำอย่างไรกับคาซึโกะของเขาดีนะ...
//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Altasia ที่ 24-05-2013 23:04:09
ที่จริงฮิโรกิน่าจะโดนซะบ้าง มันจะได้รู้สึกว่าคัตซึฮิโกะรู้สึกอย่างไร คนที่เป็นแต่เอาคนอื่น ลองโดนเอาเองซะมั้งจะได้สาสม
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 24-05-2013 23:41:07
อึดอัดอ่ะ เมื่อไหร่ทั้งคู่จะลงเอยกันสักทีน้า ~
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 24-05-2013 23:44:35
อยากบอกว่า ชอบฮิโรกิที่สุดเลยแฮะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
แต่อยากเห็นฮิโรกิโดนคนเอาแบบsm ><
น่าจะคู่กับผู้ชายแทนจิอากินะเนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 24-05-2013 23:54:55
สมน้ำหน้าเซย์ริวมากกกกก อยากไปทำร้ายคาซึโกะขนาดนั้นก็ สมควรที่เค้าจะกลัวนายหรอก
คาซึโกะมาซบอกเจ๊มา อย่าไปสนคนใจร้ายคนนั้นเลยย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 25-05-2013 00:07:37
โอยๆๆๆ ยิ่งอ่านยิ่งเครียด แต่ก็ลุ้นไปด้วย เมื่อไหร่จะเข้าใจกันซะทีนะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 25-05-2013 16:56:44



     งือ คาซึโกะกลัวขนาดนั้นเลยเหรอ
     แต่ฮิโรกิก็นะ เกือบไปแล้วสิ
     ถ้ายังเพื่อนกันอยู่ก็ยังพอช่วยดันๆคู่นี้ได้หน่อย ยิ่งเข้าใจยากๆกันทั้งคู่อยู่



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: kangkaw ที่ 25-05-2013 17:11:35
มาขอจับจองพื้นที่
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 25-05-2013 19:19:47
จะดีได้อีกซักกี่น้ำนะเซย์ เชียร์เซย์ๆๆๆ
สู้ๆๆ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 25-05-2013 23:23:13
มันใช่เรยอ่าา  :hao7:  ชอบบอ่าา ตรงแนวเราที่สุดอ่าา  :ling1:

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตรงเสปกที่สุดละอะ หวานๆขมๆ หม่นๆ โรคจิตนิดๆ #ไม่นิดละ หลังๆนี่ก้ผ่อนลงบ้าง?

ติดตามมมม  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 27-05-2013 08:27:58
ชอบมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 15 : 24/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 27-05-2013 22:13:44
จะสงสารเซย์ริวดีไหมเนี่ย  :ling1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 31-05-2013 22:10:59
สวัสดีวันศุกร์  สวัสดีวันสิ้นเดือนครับ
ใครไปฉลองสิ้นเดือนกันบ้าง?
ผมนั่งทำงานอยู่บ้านนิ่ง ๆ ละครับ

...

KOUSOKU 16

เจ้าของร้านขายดอกไม้มองดูลูกจ้างหนุ่มของเธอด้วยแววตาเป็นกังวลนิด ๆ   สองสามวันมานี้คัตซึฮิโกะไม่ค่อยร่าเริงเหมือนอย่างเคย  ชายหนุ่มรดน้ำต้นไม้อย่างซังกะตาย  เผลอ ๆ  ลืมตัวหน่อยก็ถอนใจเสียเฮือกหนึ่ง  จัดช่อดอกไม้ก็ดูเลื่อน ๆ  ลอย ๆ   และที่สำคัญคือดวงตาดูนั้นดูเศร้าและเป็นทุกข์

“ถ้าคนขายต้นไม้ไม่ยิ้ม  ต้นไม้ก็จะไม่สบายใจนะจ๊ะ”  คุณป้าพูดขึ้นในขณะที่คัตซึฮิโกะกำลังใช้กรรไกรเล็มใบไม้ที่เริ่มเฉาออกจากต้นมะนาวเล็ก ๆ   เป็นผลให้ชายหนุ่มชะงักมือ

“เอ๋  ผมน่ะเหรอครับ?”

“จะมีใครเสียอีกล่ะจ๊ะ  ไม่รู้เหรอว่าเราน่ะทำหน้าเหี่ยว ๆ  แบบนี้มาสองสามวันแล้วนะ  ดูสิ  ต้นไม้ของป้าเลยพาลเหี่ยวไปด้วยเลย”  เธอแกล้งว่าพลางเดินดูต้นไม้ที่ทิ้งใบลู่ลง

“อ่า...ขอโทษครับ”  คัตซึฮิโกะตอบด้วยเสียงอ่อย ๆ

“ป้าไม่ได้ว่าอะไรเราหรอกนะจ๊ะ  ซาโนะคุง  ป้าแค่สงสัยว่าเรามีปัญหาอะไรหรือเปล่าถึงได้ไม่ร่าเริงเลย”  คุณป้าเดินมานั่งที่เก้าอี้ใกล้ ๆ

“มันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอกครับ”

“หรือว่าทะเลาะกับแฟนตัวสูง ๆ  นั่น?”

คัตซึฮิโกะแทบจะตัดต้นมะนาวขาดเป็นสองท่อน  เขาอ้าปากค้างแล้วหันไปมองคุณป้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง...แฟนอย่างงั้นเรอะ!!?

“เซย์ริวไม่ใช่แฟนผมนะครับ!!!!”

“อ้าว  ตายจริง  ป้านึกว่าใช่เสียอีก”

“คุณป้าเอาอะไรมาคิดว่าผมกับหมอนั่นเป็นแฟนกันครับ?”  คัตซึฮิโกะถามด้วยเสียงระทดระท้อ  ไอ้เรื่องแบบนี้มันน่าปวดหัวยิ่งกว่าเรื่องที่เขากำลังคิดอยู่เสียอีก

“ป้าก็แค่ดู ๆ  เอาน่ะจ้ะ  เห็นเขาซื้อดอกไม้ให้  มาเทียวรับเทียวส่งบ่อย ๆ   แรก ๆ  ป้าก็รู้สึกแปลก ๆ  อยู่  แต่ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้วเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล  ป้าไม่ได้รังแครังคัดอะไรหรอกนะ”  คุณป้าพูดยิ้ม ๆ  พลางรินน้ำชาดื่ม  “ดูเราสองคนสนิทกันดี  ป้าก็เลยนึกว่าใช่  แต่ถ้าไม่ใช่ก็แล้วไปเถอะจ้ะ  นึกเสียว่าป้าไม่เคยพูดเรื่องนี้แล้วกันนะ”

“กับหมอนั่นน่ะนะครับ...”  ดวงตาคู่สวยหรี่ซึมลงไปอีก  “ไอ้คนที่เอาแต่ใจตัวเองชอบใช้กำลังแบบนั้นน่ะ...”

คุณป้ามองดูชายหนุ่มที่มีท่าทีกลัดกลุ้มด้วยสายตาเอ็นดู  อยู่ ๆ  ก็เปลี่ยนอารมณ์ไปมาแบบนั้น  มันเหมือนคนที่กำลังอยู่ในห้วงรักน้อยอยู่เมื่อไรล่ะ  เพราะแบบนี้แหละเธอถึงได้คิดว่าเขากับเพื่อนชายร่างสูงนั้นมีความสัมพันธ์เกินเลยกว่าความเป็นเพื่อนกัน  แต่ความเศร้าลึกและความกังวลที่เผยออกมาทางดวงตานั้นดูจะรุนแรงจนเธออดห่วงไม่ได้

“ถ้ามีอะไรอึดอัดไม่สบายใจ  จะเล่าให้ป้าฟังบ้างก็ได้นะจ๊ะ”

เพียงคำพูดนั้น  ทำให้กำแพงที่คัตซึฮิโกะสร้างขึ้นมาปิดกั้นตัวใจตัวเองพังทลายลง...ถ้าเป็นคนคนนี้อาจจะใจกว้างพอที่จะรับฟังเรื่องของเขาบ้างก็ได้

“ผม...เกลียดหมอนั่นครับ”  คัตซึฮิโกะเริ่มด้วยเสียงเบา ๆ  เหมือนกับจะยังไม่แน่ใจว่าควรจะเล่าต่อไปหรือไม่  แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ให้กำลังใจของคุณป้าแล้วเขาก็ตัดสินใจเล่าต่อ

“คนเอาแต่ใจและชอบใช้ความรุนแรงแบบนั้น  เป็นใครก็ชอบไม่ลงหรอกครับ  อย่าว่าแต่แฟนหรือเพื่อนเลย  แค่จะให้เป็นคนรู้จักยังไม่อยากจะเป็น...แต่มันก็เข้ามายุ่งกับชีวิตผมแล้ว”  ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่ง  “แต่...ผมก็เคย...คิดว่าตัวเองชอบหมอนั่น  ทั้งที่ไม่มีอะไรควรจะชอบเลย  แต่ตอนนั้นผมกลับคิดว่าผมชอบเขา  บางทีตอนนั้นผมอาจจะแค่ต้องการใครสักคนมาอยู่ด้วยก็ได้  เพราะผมไม่มีใครเลย  หรืออาจเพราะหมอนั่นแสดงความรู้สึกและทำแบบที่ตัวเองต้องการอย่างตรงไปตรงมาแบบที่ผมไม่เคยทำได้...แต่หมอนั่นกลับทำเรื่องเลวร้ายกับผม...เรื่องที่ผมคงไม่สามารถให้อภัยหมอนั่นได้ไปตลอดชีวิต  ผม...ผมเกลียดหมอนั่น...”

“แต่พวกเธอก็อยู่ด้วยกัน?”

“ครับ”

“ทำไมอย่างงั้นล่ะ?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ผมก็สลัดหมอนั่นไม่หลุด  และหมอนั่นก็ไม่คิดจะไปจากผมด้วย...ผม...ผมไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกัน”  คัตซึฮิโกะทอดถอนใจ  แต่แววตาดูคลายความกลัดกลุ้มลงบ้างแล้ว  “แล้วมันดันมีเหตุที่ทำให้ผมกับหมอนั่นต้องมีสายเลือดเดียวกัน...ผมชักเริ่มไม่เข้าใจอะไรมากขึ้นทุกทีแล้ว”

“แล้ว...ตอนนี้ซาโนะคุงมีความสุขหรือเปล่าล่ะจ๊ะ?”

“จะมีความสุขได้ยังไงล่ะครับ?”

“แต่ป้าเห็นเรามีความสุขดีนะ  จนสองสามวันที่ผ่านมานี่แหละ”

“ผมเนี่ยเหรอครับ  ดูมีความสุข?”  คัตซึฮิโกะย้อนถามอย่างงง ๆ

“ใช่...ซาโนะคุงน่ะทำงานอย่างมีความสุข  พูดคุยยิ้มแย้มกับลูกค้าอย่างดี  ดูแลต้นไม้ดอกไม้อย่างเข้าอกเข้าใจ”  คุณป้าพูดยิ้ม ๆ  พลางกุมถ้วยชาอุ่น ๆ  ในมือ  “แล้วยิ่งตอนที่เราอยู่กับ...เซย์ริวคุง  ใช่มั้ย?  เราดูร่าเริงยิ่งกว่าตอนคุยกับลูกค้าหรือดูแลต้นไม้อีกนะ  ถึงจะทำสีหน้าไม่พอใจตลอดเวลา  หรือพูดจากันแรง ๆ  จนบางทีป้านึกว่าจะทะเลากันแล้ว  แต่ก็ดูเป็นธรรมชาติมากเลย  ทางเซย์ริวคุงเองก็เหมือนกัน  เขาก็ดูมีความสุขดี...ยิ่งเขาแหย่แล้วเราโกรธ  เขาก็ยิ่งแหย่  แต่มันก็เป็นการแสดงออกต่อกันอย่างตรงไปตรงมา  หายากนะ  คนที่จะคบหากันอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ได้  ไม่สิ...ต้องพูดว่าคนที่แสดงความรู้สึกเข้าปะทะกันตรง ๆ  แล้วยังคบกันอยู่ด้วยกันได้เนี่ย  หายากเสียยิ่งกว่ายาก  คนแต่งงานกันมาเป็นสิบ ๆ  ปีแล้วลองทำตัวใส่กันแบบนี้ป้าก็เห็นไปไม่รอดสักราย  มีแต่พวกเรานี่แหละ...ป้าถึงได้คิดว่าเราเป็นแฟนกันไงล่ะ”

คัตซึฮิโกะนิ่งคิดตามที่คุณป้าพูด  จริงอยู่ว่าหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาแล้ว  เขาไม่เคยเก็บความรู้สึกใด ๆ  ที่มีต่อเซย์ริวอีกเลย  เขาแสดงออกไปตรง ๆ  จนบางครั้งกลายเป็นการยั่วยุให้เซย์ริวโกรธ  แต่ทางเซย์ริวเองแม้จะโกรธก็จริง  แต่ก็ไม่เคยร้ายกับเขาเหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้  ราวกับว่าเมื่อก่อนนี้เพราะเขาไม่แสดงอารมณ์อะไรออกไปเลย  ความสมดุลระหว่างพวกเขาจึงไม่มี  เซย์ริวเป็นฝ่ายแสดงออกอย่างเดียว  ผลที่เขาได้รับจึงรุนแรงเป็นสองเท่า  แต่ในตอนนี้เมื่อเขากล้าที่จะปะทะกับเซย์ริวตรง ๆ   เซย์ริวจึงยอมลงให้บ้าง  เป็นการตอบสนองที่เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย  และแม้เซย์ริวจะเอาแต่ใจแต่เขาก็ไม่ได้ตามใจแบบเมื่อก่อน...ยกเว้นเมื่อคืนก่อนนี้ที่เซย์ริวพยายามจะหักหาญน้ำใจเขาอีก  แล้วก็หายหน้าไปหลายวันแล้ว

“ผมกับเซย์ริวอาจจะมีอะไรเกินเลยกันบ้าง...แต่พวกผมไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ  จะเรียกว่าเพื่อนกันยังไม่ได้ด้วยซ้ำ”  คัตซึฮิโกะสรุปในที่สุด

“มันอาจจะเป็นความสัมพันธ์แบบพิเศษที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาสำหรับพวกเธอโดยเฉพาะก็ได้”  คุณป้ายิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มจนหมด  “อย่าทุกข์ใจไปเลย  ซาโนะคุง  ปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติอย่างที่เคยเป็นมานั่นแหละดีแล้ว  ไหน...สบายใจขึ้นหรือยัง  ยิ้มให้ป้าดูหน่อยซิ”

คัตซึฮิโกะหัวเราะออกมาเบา ๆ   เขารู้สึกดีขึ้นมากทีเดียวที่ได้พูดเรื่องอะไร ๆ  ที่เก็บเอาไว้ในใจคนเดียวให้คนอื่นได้ฟังบ้าง  และโชคดีที่คุณป้าใจกว้างมากพอที่จะยอมรับเรื่องของเขาได้ทั้งหมด  นี่เป็นครั้งแรกที่คัตซึฮิโกะรู้สึกเหมือนได้คุยกับญาติผู้ใหญ่ที่สนิทกัน  และเป็นครั้งแรกที่นึกขอบใจเซย์ริวที่ยัดเยียดงานนี้มาให้ทำ


วันนี้ร้านขายต้นไม้ของคุณป้าปิดเร็วกว่าปกติเพราะลูกสาวของคุณป้าจะพาหลานตัวน้อย ๆ  มาเยี่ยม  ซึ่งเป็นเหตุให้คัตซึฮิโกะได้กลับก่อนเวลา  เขาปฏิเสธคำชวนอยู่ทานข้าวของคุณป้าเพื่อให้คุณป้าได้ใช้เวลากับครอบครัวได้เต็มที่  แต่แม้จะได้เลิกงานเร็ว  มันก็เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับของฟ้าแล้ว

“งั้นผมกลับก่อนนะครับ  คุณป้า”  คัตซึฮิโกะบอกหลังจากดึงประตูเหล็กหน้าร้านลงมาปิดล็อกเรียบร้อย

“จ้ะ  ขอบใจจ้ะ  แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะจ๊ะ”  คุณป้าบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

คัตซึฮิโกะโค้งให้พร้อมกับกล่าวคำอำลา  รอยยิ้มของเจ้าของร้านดอกไม้ออกจะแจ่มใสและมีความสุขขนาดนั้น  เขาจะอยู่เป็นตัวขัดความสุขได้อย่างไรเล่า  และยังไงเสียวันนี้เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแล้วด้วย

ชายหนุ่มตั้งใจจะเดินไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเพื่อกลับบ้านตามปกติ  แต่เมื่อเดินผ่านปากซอยที่เขาใช้เป็นทางลัดเดินมาทำงานทุกเช้าแล้ว  ใบหน้าของเจ้าคนน่าโมโหก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างไม่มีสาเหตุ

‘…หรือว่าทะเลาะกับแฟนที่ตัวสูง ๆ  นั่น…’

คำพูดของคุณป้าที่นึกขึ้นมาได้ยิ่งทำให้รู้สึกโมโหขึ้นเป็นสองเท่า...ทำไมเขาต้องโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับเซย์ริวด้วย!?...ทำไมไอ้คนเอาแต่ใจคนนั้นถึงได้หาแต่เรื่องเสื่อมเสียมาให้เขาอยู่เรื่อยเลย!?

ซอยนี้เซย์ริวเคยห้ามไม่ให้เขาเดินผ่านในตอนเลิกงานถ้าเซย์ริวไม่ได้มาด้วย  เหตุผลก็คือมันอันตราย  และเพราะเหตุผลนั้น  เขาจึงไม่เคยเดินกลับบ้านเวลาเลิกงาน...คัตซึฮิโกะถอนใจกับตัวเองอย่างฉุนเฉียว  นึกโกรธตัวเองว่าทำไมจะต้องเชื่อฟังเซย์ริวทุกครั้งเสมอ  ในขณะที่เซย์ริวไม่เคยฟังเขาเลยสักนิด  ไม่เคยฟังทั้งเรื่องราว  เหตุผล  ไม่สนใจกระทั่งความรู้สึก...ตั้งแต่ตอนที่ยอมรับเซย์ริวเข้ามาในชีวิต  เขาวาดฝันไว้ถึงครอบครัวที่เขาไม่เคยมี  เซย์ริวอาจจะเป็นคนที่เป็นตัวแทน  “ครอบครัว”  ให้เขาได้...แต่...ความฝันที่วาดเอาไว้  ถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี  และยิ่งตอนนี้...

คัตซึฮิโกะก้าวเข้าไปในซอยด้วยอารมณ์ขุ่นมัวล้วน ๆ   จนสภาพรอบตัวไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหว  กระทั่งเดินไปได้พักหนึ่งคัตซึฮิโกะถึงได้รู้สึกตัว...มันเป็นสถานที่ที่สมควรแล้วที่เซย์ริวจะบอกว่าอันตราย  รอบกายของคัตซึฮิโกะในตอนนี้ราวกับเมืองคนบาปในตำนานเก่า ๆ   ต่างกับยามเช้าหน้ามือเป็นหลังมือ

ซอยเล็ก ๆ  แคบ ๆ  นั้นมีเพียงแสงสลัว ๆ  จากเสาไฟที่จวนจะดับไม่ดับแหล่ไม่กี่ดวง  และบางดวงก็แตกละเอียด  กลิ่นเหม็นเน่าจากขยะที่ถูกทิ้งลืมและกลิ่นของเสียจากร่างกายมนุษย์ชวนคลื่นเหียน...น่าแปลกที่กลิ่นของมันชัดเจนกว่าตอนกลางวัน  บนกำแพงสกปรกมีรอยสีสเปรย์พ่นเอาไว้เป็นถ้อยคำหยาบคายเกือบตลอดทาง  มีกลุ่มเด็กวัยรุ่นท่าทางทรุดโทรมนั่งรวมกลุ่มเสพยาอยู่ตามซอกเล็ก ๆ  ข้างตึก  หน้าคูหาบางห้องมีเด็กหนุ่มสาวในเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั่งรวมกันอยู่  ทุกคนมีสายตาที่ดูหวาดหวั่น  มีผู้ชายตัวใหญ่หน้าโหดนั่งคุมพวกเขาอยู่ไม่ไกลนัก  ไม่ต้องบอกคัตซึฮิโกะก็รู้ว่าคูหาตึกเหล่านั้นคือแหล่งขายบริการทางเพศดี ๆ  นี่เอง
บรรดาคนคุมเด็กเหล่านั้นจ้องมองมาที่ชายหนุ่มด้วยแววตาน่ากลัว  พวกมันกำลังวิเคราะห์ว่าคัตซึฮิโกะเป็นใคร  หลงมาจากไหน  มาคนเดียวหรือมีคนมาด้วย  มีเงินหรือไม่  ต้องการซื้อยาหรือซื้อบริการ...คัตซึฮิโกะพยายามไม่มองไปทางนั้น  เขารู้ตัวแล้วว่าคิดผิดที่เข้ามาในนี้โดยไม่สนใจคำสั่งของเซย์ริว  แต่จะให้ย้อนกลับไปทางเก่าเขาก็เข้ามาลึกเกินไปแล้ว  ถ้ากลับออกไปตอนนี้พวกที่อยู่ในซอยนี้จะรู้ว่าเขาเป็นคนนอก...เป็นเหยื่อ!

โลกตรงนี้เป็นโลกชั้นต่ำกว่าโลกของเซย์ริวหลายระดับนัก  สำหรับเซย์ริวเองแล้ว  ถ้าไปอยู่ในแก๊งยากุซ่าเสียก็อาจจะเป็นระดับแนวหน้าได้ทีเดียว  เพียงแต่ชายหนุ่มไม่สนใจใครนอกจากตัวเองจึงหยุดอยู่เพียงระดับวายร้ายในโลกมืดอย่างนี้เท่านั้น...และสำหรับคัตซึฮิโกะในตอนนี้  เขายินดีโดนคนระดับเดียวกับเซย์ริวปล้นเอาดีกว่าจะโดนคนพวกนี้รุมกินโต๊ะเพราะเห็นเป็นเหยื่อที่หลงเข้ามาถึงปาก

คัตซึฮิโกะเอาเป้ของตัวเองมากอดไว้เพื่อความอุ่นใจ  ในเป้ไม่ได้มีอะไรพอจะเป็นอาวุธให้ป้องกันตัวได้และก็ไม่ได้มีสมบัติอะไรให้ขโมย  แต่มันก็ดีกว่าจะให้โดนแย่งไป  ยิ่งเดินเข้าไปลึก...คัตซึฮิโกะก็ยิ่งกอดเป้แน่น  เขาเดินก้มหน้างุดไปตลอดทาง  อาศัยเพียงแสงราง ๆ  บนพื้นพอให้เดินไปถูกทางไม่ไปชนกำแพงหรือเสาไฟเข้า  บรรยากาศรอบด้านยิ่งน่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น  ในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครสนใจใครกันแล้ว  พวกที่เสพยาก็เสพกันสด ๆ  ให้เห็นอยู่ข้างทาง  พวกที่ขายบริการก็แทบจะเปิดให้บริการกันตรงนั้น  คัตซึฮิโกะรีบสาวเท้าเร็วขึ้น  ลมร้อนที่พัดวูบลงมาในซอยส่งเสียงหวีดหวิวน่ากลัว  แต่มันไม่ได้ทำให้เหงื่อที่ไหลพลั่กจนเปียกชุ่มเสื้อของชายหนุ่มแห้งลงได้  เขาได้แต่ภาวนาให้พ้นจากช่วงตึกนี้ไปเร็ว ๆ   แต่ว่า...

พลั่ก!

“โอ๊ย!  ไอ้สัตว์เอ๊ย!  เดินยังไงของมึงวะ!?”  เสียงผรุสวาทดังขึ้นทันทีที่คัตซึฮิโกะเดินไปชนใครคนหนึ่งเข้า

“อ๊ะ!  ขอโทษครับ  ผม...ผมไม่ทันระวัง”  ชายหนุ่มนึกด่าตัวเองอยู่ในใจ  เพราะความรีบร้อนทำให้ไม่ทันระวังตัวจนเกิดเรื่องให้ต้องเสียเวลามากขึ้นไปอีก

“ขอโทษแล้วมันหายเหรอวะ  ไอ้เด็กเวรนี่...”  มันคนนั้นทำท่าจะเอาเรื่อง

“ขอโทษ...ขอโทษจริง ๆ  ครับ  ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ”  คัตซึฮิโกะระล่ำระลัก  คนที่เขาเดินชนดูท่าจะเป็นเสี่ยใหญ่จากที่ไหนสักแห่งซึ่งกำลังเมาได้ที่และมีบอดี้การ์ดเดินตามมาด้วยอีกสองคน

“ชิ...ไอ้...”  มันชะงักไปเมื่อเห็นคู่กรณีชัด ๆ

ดูแค่ภายนอกก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนประเภทที่อยู่ในซอยนี้  เขาเข้าออกที่นี่เพื่อทวงหนี้หรือกำจัดลูกหนี้ไม่ได้ความทิ้งเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยเห็นคนลักษณะเดียวกับชายหนุ่มคนนี้มาก่อน...ทำไมคนแบบนี้ถึงหลงเข้ามาที่นี่ได้

สมองที่ตอนนี้โดนฤทธิ์แอลกอฮอล์บดบังสติปัญญาคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า...ชายหนุ่มคนนี้คงจะเข้ามาเพื่อขายบริการทางเพศเป็นแน่  เพราะคนดี ๆ  ที่ไหนเขาจะเข้ามาที่นี่กัน  และที่สำคัญคือชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีท่าทางเหมือนพวกที่เสพยาเลยแม้แต่น้อย  ดังนั้นความน่าจะเป็นสุดท้ายก็คงเป็นทางนั้นแน่

ดวงตาที่เยิ้มฉ่ำด้วยความมึนเมามองสำรวจร่างเพรียวตั้งแต่หัวจรดเท้า  เขาเป็นประเภทที่ไม่เกี่ยงชายหรือหญิงอยู่แล้ว  และคู่กรณีของเขาคนนี้ก็ท่าทางไม่เลวเสียด้วย

“อืม...ดูดีนี่  ไอ้หนู...”  ดวงตารีเล็กมองคนตรงหน้าอย่างโลมเลียไปทั้งร่าง

“อะ...อะไร...?”  ก่อนที่คัตซึฮิโกะจะไหวตัวทัน  มืออวบใหญ่ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเขา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 31-05-2013 22:14:22
“ดูท่าจะยังหาลูกค้าวันนี้ไม่ได้สินะ  ฉันจะซื้อเธอเองก็ได้...ดีมั้ยล่ะ?”  ถ้อยคำหยามหมิ่นออกมาจากปากของมันพร้อมกลิ่นละมุดเน่า

คัตซึฮิโกะชักสีหน้าแล้วสะบัดมือออกทันที

“ผมไม่ใช่พวกขายตัวนะ!”

“อะไร๊...ใช่ก็ยอมรับสิว่าใช่  คนดี ๆ  ที่ไหนเขาจะเข้ามาเดินในที่แบบนี้กัน  นี่ฉันอุตส่าห์เสนอให้ดี ๆ  แล้วนะ  แกจะเรียกเท่าไหร่ล่ะ  ว่ามาเลย  ฉันมีเงินให้แกแน่”  มันว่าพลางดึงมือคัตซึฮิโกะอีกครั้ง

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!!”  คัตซึฮิโกะดึงมือออกพร้อม ๆ  กับง้างหมัดต่อยเข้าให้เต็มแรง  เล่นเอาเจ้าเสี่ยบ้ากามผงะหงายไปหาบอดี้การ์ด

คัตซึฮิโกะฉวยจังหวะที่ยังไม่มีใครตั้งตัวติดวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

“ไอ้สัตว์เอ๊ย!  ไปลากตัวมันมาให้กูให้ได้!!”  เสียงมันตะโกนสั่งคนของมันไล่หลังมา

เร็วเท่าที่เท้าจะพาไปได้...คัตซึฮิโกะวิ่งสุดแรงเกิด  แต่เสียงฝีเท้าที่ไล่หลังมากลับกระชั้นชิดเข้ามามากขึ้น...มากขึ้น...ในที่สุดมือแกร่งของใครคนหนึ่งก็คว้ากระชากคอเสื้อของเขาได้

ร่างเพรียวถูกดึงเหวี่ยงจนถลาไปปะทะกำแพง  ชายร่างใหญ่สองคนยืนล้อมเขาไว้อย่างหมดทางหนี  คัตซึฮิโกะพยายามมองหาทางรอด  แต่ดูเหมือนว่าการจะรอดไปจากที่นี่ได้คงต้องลงมือฆ่าทั้งสองคนนี้เสียก่อน...ซึ่งนั่นไม่มีทางเป็นไปได้เลย  สองคนนี้ตัวใหญ่กว่าเขาเยอะ

เสี่ยใหญ่เดินตามมาถึง  มันแสยะยิ้มน่าสะอิดสะเอียนแล้วย่างสามขุมเข้ามาหาคัตซึฮิโกะ

“เมื่อกี้มึงทำแสบ...ไอ้หนู  กูอุตส่าห์ใจดีด้วยเสือกไม่ยอม  คราวนี้เจ็บตัวหละมึง”  มันยิ้มล้อเลียนพลางยกมือขึ้นหักข้อนิ้วเป็นเชิงข่มขู่  แต่เมื่อเห็นสายตาของลูกไก่ในกำมือแล้วก็ต้องหุบยิ้ม

แม้จะไร้ทางสู้  แต่สายตาคู่นั้นไม่ได้บอกเลยว่ายอมแพ้  มันเป็นสายตาของสัตว์ป่าที่พร้อมจะแว้งกัดอยู่ตลอดเวลาหากเขาขยับพลาดไปนิดเดียว...และสายตาแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวูบ

“เล่นแม่ง!  เอามันให้หมอบ  เอาให้มันยอมกูให้ได้!!”

ขาดคำ  กำปั้นลุ่น ๆ  ก็อัดเข้าที่ลิ้นปี่ของคัตซึฮิโกะเต็มแรง  แม้จะระวังตัวอยู่แล้วแต่น้ำหนักหมัดขนาดนั้นก็เล่นเอาจุกจนตัวงอ  หลังจากนั้นคัตซึฮิโกะก็ได้แต่ปัดป้องทั้งมือทั้งเท้าที่ประเคนเข้าหา  หูยังได้ยินเสียงมันคนนั้นแว่ว ๆ  มา

“อย่าให้เสียโฉมนะโว้ย  มันยังต้องบริการชดใช้ให้กูอีกเยอะ”
//////////

เสียงเคาะประตูหน้าร้านขายต้นไม้ดังขึ้น  ทำให้คุณป้าต้องละมือจากหม้อต้มแกงแล้วรีบออกมาที่หน้าร้าน  เธอส่องดูผู้มาเยือนทางช่องประตู  แล้วก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นหน้ากันยืนเก้ ๆ  กัง ๆ  อยู่  เธอรีบเปิดประตูออกไป

“อ้าว  เซย์ริวคุง  มีอะไรเหรอจ๊ะ?”

“เอ้อ...ปิดร้านแล้วเหรอ”

“จ้ะ  วันนี้ปิดเร็วนิดหน่อย  มารับซาโนะคุงเหรอ?”

“อื้อ  หมอนั่นกลับไปแล้วเหรอ?”

“ไปนานแล้วจ้ะ”

“เอ๊ะ  นานแค่ไหนแล้ว?”

“ก็สักครึ่งชั่วโมงแล้วหละจ้ะ”

“งั้น...ขอบคุณ”

เซย์ริวกล่าวขอบคุณคุณป้าแล้วรีบรุดไปทางสถานีรถไฟ  เมื่อครู่นี้เขาก็เตร่อยู่แถว ๆ  ทางเข้าสถานีรถไฟ  ถ้าเทียบเวลากันแล้ว  ถ้าคัตซึฮิโกะไปถึงสถานีรถไฟก็ควรจะได้พบเขา  หรือถ้าแวะกลางทางก็ควรจะเจอกันอยู่ดี...ถ้าอย่างนั้น...คัตซึฮิโกะไปไหน!?
หัวใจชายหนุ่มกระตุกวาบเมื่อคิดถึงทางลัดที่เขาเป็นคนบอกทางให้คัตซึฮิโกะ

‘…ไอ้หมอนั่นคงไม่…!?...’

ร่างสูงเร่งฝีเท้าจากเดินเป็นวิ่ง  หวังไว้ในใจว่าเขากับคัตซึฮิโกะคงจะแค่คลาดกัน  คัตซึฮิโกะไม่ได้เข้าไปที่นั่น...
//////////

คัตซึฮิโกะกองทรุดอยู่กับพื้น  เนื้อตัวมีรอยฟกช้ำจากการโดนรุมทำร้าย  แม้อาการบาดเจ็บจะไม่มากมายแต่ทุกที่ล้วนแต่โดนจุดเจ็บที่ทำเอาหมดแรงต่อต้านโดยง่าย  ชายสองคนนี้เป็นมืออาชีพของแท้

ชายหนุ่มถูกลากเข้าไปในซอกตื้น ๆ  แล้วโยนโครมลงกับพื้น  เขาตั้งสติไล่ความมึนงงอยู่ชั่วครู่แล้วค่อย ๆ  ยันกำแพงพยุงกายขึ้น  ก่อนที่จะโดนกระชากผมแล้วผลักไปพิงกำแพง

“ไง...สิ้นฤทธิ์แล้วสิ  ยอมดี ๆ  เสียแต่แรกก็ไม่ต้องเจ็บตัวอย่างนี้หรอก”  มืออวบอูมค้ำคอร่างเพรียวไว้  นิ้วอ้วน ๆ  ขยับไล้ไปตามผิวแก้ม  “ผิวเนียนจริง ๆ   แกนี่มันก็ของชั้นดีนะ  ไม่น่าเข้ามาเป็นของขายในนี้เลย  โอ๊ะ...จริงสิ  บอกว่าไม่ได้ขายสินะ  ฉันจะเชื่อแกก็ได้  แต่ที่แกทำไว้เมื่อกี้น่ะ...ต้องชดใช้คืนเป็นร้อยเท่าทีเดียว”

ลิ้นร้อนเลียเข้าที่ข้างแก้มและไล้ลงมาที่ซอกคอขาว  คัตซึฮิโกะสะดุ้งและผวาปัดป้อง  แต่สภาพร่างกายของเขาในตอนนี้ไม่สามารถช่วยตัวเองได้เลย  ยิ่งเขาขัดขืน  มันก็ยิ่งดูจะสนุกมากขึ้น

เสี่ยหนุ่มใหญ่ลูบไล้ลวนลามไปตามเรือนร่างของเหยื่อที่จับได้ในคืนนี้  กลิ่นกายของชายหนุ่มยังอวลไปด้วยกลิ่นจาง ๆ  ของโคโลญจ์หรือน้ำหอมที่ใช้ยิ่งกระตุ้นให้อารมณ์ใคร่พลุ่งพล่าน  เขาขบกัดลงที่ซอกคอแล้วหัวเราะเบา ๆ  เมื่อร่างเพรียวสะดุ้งสุดตัวและส่งเสียงร้องเบา ๆ

“ไม่...หยุดนะ...”  คัตซึฮิโกะพยายามผลักไสผู้รุกรานให้ออกห่าง  แต่นั่นยิ่งเป็นการยั่วยุ  มือสากสอดเข้าไปในเสื้อยืดของเขาแล้วลูบไล้แผ่นอกอย่างจาบจ้วง

“อย่าดื้อไปเลยน่า  เดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้สึกดีจนแทบคลั่งเลยหละ”  มันพูดด้วยเสียงกระเส่าพลางแทรกต้นขาเข้าไปตรงหว่างขาของชายหนุ่มแล้วบดเบียดกระตุ้น

“ไม่นะ!”  คัตซึฮิโกะคว้าข้อมือของเจ้าเสี่ยบ้ากามไว้แน่นเมื่อมันพยายามปลดกางเกงยีนส์ของเขา

“บอกว่าอย่าดื้อไงเล่า!”  กำปั้นหนัก ๆ  อัดเข้าที่ลิ้นปี่คัตซึฮิโกะอีกครั้ง  แม้จะไม่รุนแรงมากแต่ก็ทำให้ชายหนุ่มหยุดการต่อต้านได้ทันที

กางเกงถูกดึงลงมาจนถึงต้นขา  คัตซึฮิโกะหลับตาแน่นด้วยความรู้สึกขยะแขยง...ทำไมถึงเป็นแบบนี้...ทำไมไม่ว่าเมื่อไรเขาถึงช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย...ทำไม...

เสียงเอะอะดังแว่วมาเข้าหู  แต่หนุ่มใหญ่ที่กำลังกลัดมันไม่สนใจ  เขากำลังอยากขม้ำเหยื่อชิ้นใหญ่ตรงหน้ามากกว่า  แต่ก่อนที่ชั้นในของร่างเพรียวจะถูกเกี่ยวลง  เงาของใครบางคนก็ทาบทับลงบนร่างของเขาและเหยื่อในกำมือ

“เฮ้ย!  กูบอกไม่ให้กวนไง...!?”

เพียงขาดคำ  คนตวาดก็สะดุ้งเฮือกขึ้นทั้งตัวด้วยอาการเจ็บแปลบที่ชายโครง  เขาก้มลงดู...มีดเล่มไม่เล็กนักเสียบติดอยู่ที่ตรงนั้น!!

“อะ...เฮ้ย...นี่...”  เสี่ยใหญ่ตะกุกตะกักด้วยความตะลึงลาน  เขาแหงนเงยขึ้นมองคนทำ

ร่างสูงโปร่งเจ้าของมีดจ้องมองตอบนิ่ง ๆ   หากดวงตาเป็นประกายวาววามด้วยไฟโทสะ  เขากระชากมีดออกแล้วถีบร่างหนา ๆ  ของเสี่ยจนล้มคว่ำ  ดวงตาคมปรายมองคนที่ยืนพิงกำแพงตัวสั่นอยู่

“ซะ...เซย์ริว...”

เซย์ริวมองสำรวจคัตซึฮิโกะตลอดเรือนร่าง  ทั้งรอยฟกช้ำและเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยยิ่งทำให้เขาพลุ่งพล่านมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกางเกงยีนส์ของคัตซึฮิโกะถูกดึงลง...ไอ้สัตว์นรกนั่นมันแตะต้องคนของเขาไปถึงขนาดไหนแล้ว!?

ร่างสูงตวัดเท้าเตะอัดเข้าที่แผลของคนที่นอนกองอยู่กับพื้นเต็มแรงบังเกิดเสียงกรีดร้องน่าสยองขึ้นพร้อมกับเลือดที่ไหลปรี่ออกมาเหมือนท่อประปาแตก  แต่นั่นยังไม่หนำใจ  เขาขยับตัวหมายจะซ้ำ

“เซย์ริว!  อย่า!  พอแล้ว!!”  คัตซึฮิโกะร้องห้าม

อาชญากรหนุ่มหันไปหาคัตซึฮิโกะพลางเงื้อมือขึ้นเตรียมกระหน่ำซัดเสียให้หายโกรธ  ค่าที่ขัดคำสั่งของเขา  แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรคัตซึฮิโกะ  เจ้าบอดี้การ์ดสองคนที่เขาซัดไปเมื่อครู่นี้ก็เข้ามาหวดด้วยท่อนไม้

เซย์ริวยกแขนขึ้นรับป้องกันตัวเองได้ทันพอดี  เขาถลาไปสองสามก้าวแล้วสะดุดร่างของเจ้าเสี่ยที่นอนอยู่ตรงนั้นล้มลง  การตะลุมบอนเกิดขึ้นทันที  ชายหนุ่มต่อสู้ได้ไม่ถนัดนักด้วยไม่ทันได้ตั้งตัว  เขาพยายามปัดป้องและระวังไม่ให้มีดหลุดไปจากมือ  แล้วชั่วแวบหนึ่ง  เขาเห็นปากกระบอกปืนดำมะเมื่อมส่องเล็งมาที่เขา

เพียงระยะแค่นี้  เขาไม่มีทางหลบพ้น!

ผัวะ!!

ท่อนไม้หนาที่หาได้ง่ายในบริเวณนั้นกระทบศีรษะของเจ้ามือปืนอย่าง  มันร้องลั่นออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหัวและทำปืนหลุดจากมือ  ในขณะที่อีกคนที่กำลังตะลุมบอนกับเซย์ริวหันไปมองด้วยความตกใจ

แม้จะเจ็บแขนอยู่บ้างแต่ด้วยความที่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้  เซย์ริวไม่เว้นช่องว่างให้ศัตรู  ชั่ววินาทีที่ได้สติ  ปลายแหลมของมีดคู่มือก็เสียบเข้าใต้ราวนมของคนที่อยู่ตรงหน้าเขา  มันสำลักอากาศเฮือกหนึ่งแล้วทรุดลงไปกองโดยไม่ทันได้ร้อง 

เซย์ริวตะกายลุกขึ้นแล้วก็เห็นคัตซึฮิโกะกำลังใช้ไม้ท่อนนั้นกระหน่ำฟาดเจ้ามือปืนไม่ยั้งจนกระทั่งมันหมอบนิ่งอยู่กับที่

“คาซึโกะ!  พอแล้ว!”  มือแกร่งฉวยคว้าไม้ท่อนนั้นแล้วกระชากออกจากมือคัตซึฮิโกะ

ร่างเพรียวหอบเหนื่อยด้วยความรู้สึกอันสับสน  เสียงเอะอะโวยวายทำให้คนแถวนั้นเริ่มออกมาดู

เซย์ริวฉวยเป้ของคัตซึฮิโกะที่หล่นอยู่แถวนั้นแล้วคว้าข้อมือคนตัวเล็กกว่าออกวิ่ง  เขาไม่แน่ใจว่าไอ้เสี่ยนั่นจะมีคนติดตามมามากกว่าสองคนหรือเปล่า  ถ้ามีพวกเขาคงแย่  ลำพังตัวเองนั้นไม่เท่าไรแต่คัตซึฮิโกะคงรับมือไม่ไหว  ทางที่ดีที่สุดคือหนีไปให้พ้นจากที่นั่นเสียก่อน

คัตซึฮิโกะถูกร่างสูงลากถูลู่ถูกังมาจนถึงหน้าห้องในแมนชั่นเล็ก ๆ  อันเป็นที่พัก  ถึงที่นี่แล้วเป็นอันปลอดภัย  เขาเหนื่อยหอบราวกับจะขาดใจ  มือของเขาสั่นเสียจนไขกุญแจเข้าห้องไม่ได้  เซย์ริวจึงดึงกุญแจไปไขเสียเอง  มือแกร่งโอบไหล่ประคองร่างบางแล้วพาเข้าไปในห้อง

คัตซึฮิโกะปล่อยเป้ลงกับพื้นแล้วซวนเซเหมือนจะทรุดลงตรงหน้าประตูแต่ร่างสูงช่วยประคับประคองไว้

“ใจเย็น ๆ   ไม่ต้องกลัวแล้ว”

ร่างเพรียวสูดหายใจเฮือกใหญ่  เขาทั้งตื่นเต้น  ตกใจ  และหวาดกลัว...เมื่อกี้นี้  เขาได้เห็นการฆ่ากันต่อหน้าต่อตาเป็นครั้งแรกในชีวิต  เซย์ริวช่างทำได้อย่างหน้าตาเฉยเหลือเกิน...เมื่อนึกถึงแววตาของเซย์ริวในตอนนั้น  คัตซึฮิโกะก็สะท้านไปทั้งร่าง...มันยิ่งกว่าที่เขาเห็นในตอนที่พบกันครั้งแรก  แววตาของเซย์ริวคุโชนด้วยไฟโทสะแรงกล้าจนเหมือนพร้อมจะฆ่าทุกคนที่เข้ามาในรัศมี...เซย์ริวเป็นอาชญากร  เป็นฆาตกร...แต่นั่นเพื่อช่วยเขาไม่ใช่หรือ...

คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงด้วยสายตาหวั่นไหว

“เป็นอะไร?  เจ็บตรงไหนรึไง?”  คำถามนั้นเย็นชาหากอุ่นวาบขึ้นในหัวใจของคัตซึฮิโกะ

มือเรียวเกาะยึดเสื้อของเซย์ริวแน่น

“เมื่อกี้...คุณฆ่าคน...”  น้ำเสียงของคัตซึฮิโกะสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องเอ่ยถ้อยคำอันเหมือนเป็นบาปร้ายแรง

อาชญากรหนุ่มถอนใจแล้วจ้องหน้าคัตซึฮิโกะ  ริมฝีปากเม้มนิด ๆ  เหมือนหนักใจ

“ใช่  แล้วไง?  ถ้าไม่ทำมัน  มันก็ทำเรา”

“เพื่อผมเหรอ?”

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย  ร่างสูงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั้นเหมือนจะค้นหาความหมายของคำถาม

“มันกล้าดีมาแตะต้องของของฉัน  ก็ต้องโดนดีบ้าง”  เซย์ริวบอกด้วยน้ำเสียงเครียด ๆ   “ว่าแต่แก...ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามเดินกลับบ้านทางนั้นตอนกลางคืน”

คัตซึฮิโกะหลบตาเซย์ริวทันทีเหมือนเด็กที่ทำความผิด  เขาคิดไว้แล้วว่าต้องโดนเล่นงานบ้าง  แต่ประโยคถัดมากลับทำให้ต้องเงยขึ้นมองหน้าร่างสูงอีกครั้ง

“แต่เมื่อกี้ก็ทำได้ไม่เลว...แกช่วยฉันไว้นะ  คาซึโกะ”

รอยยิ้มบาง ๆ  แบบที่นาน ๆ  จะได้เห็นสักครั้งปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของร่างสูง  คัตซึฮิโกะจ้องหน้าเซย์ริวด้วยความหลากใจอยู่ชั่วขณะแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ  ตอบไปบ้าง

“คุณก็ช่วยผมไว้เหมือนกัน”

เซย์ริวไม่ได้พูดอะไร  มือใหญ่แตะลงเบา ๆ  ที่รอยช้ำตรงโหนกแก้มของร่างเพรียว  ก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้แล้วแนบริมฝีปากอุ่นร้อนลงไปตรงรอยช้ำอย่างแผ่วเบา

ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านจากคัตซึฮิโกะ...


จุมพิตแผ่วเบาแนบลงบนริมฝีปากนุ่มเหมือนจะหยั่งเชิง  คัตซึฮิโกะสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน  ร่างสูงจับแขนของเขาให้โอบรอบคอเป็นหลักพยุงกาย  เซย์ริวบดคลึงริมฝีปากอย่างเนิบช้า  เรียวลิ้นแตะแทรกเข้าไปก่อนที่จะหยุดลง

“อย่ากัดฟันไว้แบบนั้นสิ”  เสียงห้าวทุ้มปนมากับเสียงหัวเราะเบา ๆ   ราวกับเอ็นดูที่คัตซึฮิโกะทำเหมือนกับว่านี่เป็นการจูบครั้งแรก

คัตซึฮิโกะปรือตาขึ้นมองร่างสูงแล้วทำหน้าลำบากใจ  เขายังนึกหวั่น ๆ  ที่จะยอมรับการสัมผัสจากเซย์ริว  แต่เพราะเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่เกินชั่วโมงที่แล้วบอกให้เขารู้ตัวว่า  เขายอมรับได้ในสิ่งที่เซย์ริวทำ...แม้กระทั่งการฆ่าคน...เขาไม่ได้พยายามห้ามเซย์ริวเลยแม้แต่น้อย  พูดกันตามตรงแล้ว  เขาก็เหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการกระทำของเซย์ริว...เพราะงั้น  การกระทำเช่นนี้ก็...

คัตซึฮิโกะหลับตาลงและเผยอริมฝีปากเล็กน้อย  เซย์ริวแนบริมฝีปากลงมาประกบอีกครั้งแล้วส่งปลายลิ้นเข้าไปควานหาความหวานล้ำที่ปรารถนาจะลิ้มรสมานาน  ลิ้นนุ่มคลุกเคล้ากับลิ้นของอีกฝ่ายที่เอาแต่ตั้งรับการรุกรานของเขาโดยไม่ยอมตอบสนองแม้แต่นิดเดียว

นาน...กว่าเซย์ริวจะถอนจูบออก  ดวงตาคู่สวยลืมขึ้นจ้องมองใบหน้าคมของคนตรงหน้าอย่างหวั่นไหว  ใบหน้าแดงเรื่อ  คัตซึฮิโกะรีบหลบตาร่างสูงแล้วซบหน้าลงกับไหล่หนา  เซย์ริวจูบลงบนผมนิ่มที่กรุ่นกลิ่นเหงื่อจาง ๆ  แล้วค่อยไล้ริมฝีปากลงไปยังแก้ม  เขาขบเม้มเบา ๆ  ที่ติ่งหูของคนตัวเล็กกว่าแล้วลากลิ้นไปที่ซอกคอเพรียวบาง

“อือ…”  คัตซึฮิโกะครางออกมาเบา ๆ   ทั้งร่างสั่นสะท้าน

“คาซึโกะ...”  ร่างสูงกระซิบที่ข้างหูเบา ๆ   “ไปที่เตียงมั้ย?”

คัตซึฮิโกะเพียงแต่พยักหน้าน้อย ๆ  แทนคำตอบ  เซย์ริวจึงช้อนร่างเพรียวขึ้นแล้วก้าวยาว ๆ  ไปนั่งที่ขอบเตียงก่อนที่จะวางคนในอ้อมแขนลงนั่งบนตัก  สองมือสอดและดึงเสื้อยืดของคัตซึฮิโกะขึ้นช้า ๆ   ปลายลิ้นค่อย ๆ  ไล้เลียไปตามผิวขาวนวลที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า  จนเสื้อของคนในอ้อมแขนหลุดพ้นตัวเขาจึงจูบเน้นที่ไหล่บาง  รอยแดงปรากฏขึ้นบนผิวขาวนั้น  สองแขนของคัตซึฮิโกะยังคงเกาะกอดร่างสูงเอาไว้แน่นและขยับกายด้วยความรู้สึกประหลาด  ลมหายใจหอบถี่  ฝ่ามือและปลายนิ้วลูบไล้และกดเน้นลงตามมัดกล้ามบนแผ่นหลังของเซย์ริว  อาชญากรหนุ่มรู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นและแรงสะท้านน้อย ๆ  ที่ฝ่ามือนั้นผ่านเนื้อผ้าของเสื้อที่สวมอยู่

“กลัวเหรอ?”  เซย์ริวกระซิบถามเบา ๆ

ร่างเพรียวส่ายหน้าแทนคำตอบแต่ร่างทั้งร่างยังสั่นไม่หยุด  ตาคู่สวยเริ่มชื้นไปด้วยน้ำตา  ความหวาดกลัวที่ฝังใจกำลังกลับมาเล่นงานเขา

เซย์ริวจูบซับคราบน้ำตานั้นอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่ามันจะแตกสลายแต่เขาไม่อยากหยุดแค่นี้ในเมื่อคัตซึฮิโกะไม่ได้ออกอาการขัดขืนแม้แต่นิดเดียว

อาชญากรหนุ่มค่อย ๆ  ดึงมือซ้ายของคัตซึฮิโกะมาประคองไว้เบา ๆ   ปลอกข้อมือถูกดึงออกเผยให้เห็นรอยแผลเป็นที่น่ากลัว  ครั้งแรกคัตซึฮิโกะกระตุกมือหนีทันทีตามสัญชาตญาณ  แต่มือที่แข็งแรงกว่ายึดเอาไว้มั่น

ร่างเพรียวช้อนตามองร่างสูงอย่างไม่ไว้วางใจ  รอยแผลนี้...รอยแผลที่เขาถูกกดดันให้ต้องกระทำ...ทั้งหมดเป็นฝีมือของคนตรงหน้านี้ไม่ใช่หรือ?  แววเจ็บช้ำและอาฆาตปรากฏขึ้นแวบหนึ่งในแววตา  หากเซย์ริวไม่หลบตาและยังยกมือนั้นขึ้นจรดริมฝีปากแล้วจูบเบา ๆ

คัตซึฮิโกะสะดุ้งเฮือก  รู้สึกร้อนวาบที่รอยแผลราวกับถูกนาบด้วยเหล็กร้อน  เขาพยายามดึงมือออกให้พ้นจากการเกาะกุม

“อ๊ะ...อย่านะ...ไม่เอา...”

แต่ร่างสูงกลับเคล้าคลอริมฝีปากขบเม้มซ้ำแล้วซ้ำอีก...อ่อนหวาน  นุ่มนวล...อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  ละมุนละไมเสียจนใบหน้าของคัตซึฮิโกะซับสีเลือดระเรื่อ...

ในที่สุด  มือขวาที่ยังเกาะแขนเซย์ริวอยู่ก็บีบลงเบา ๆ พร้อมกับเสียงทอดถอนใจ  ร่างสูงยิ้มออกมาน้อย ๆ   แววตาที่สบประสานกับคัตซึฮิโกะเป็นประกายระยับ  คัตซึฮิโกะเม้มปากแน่น  รู้สึกเหมือนเสียรู้ให้เจ้าวายร้ายนี้อีกครั้ง...แต่สัมผัสที่ข้อมือกลับบอกเขาว่า  นี่ไม่ใช่การโกหกหลอกลวงกันอีกต่อไป...ชายหนุ่มหลบตาอีกฝ่ายพร้อมกับยิ้มบาง ๆ 
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 31-05-2013 22:17:57
เมื่อเห็นแบบนั้นมือใหญ่จึงค่อย ๆ  ลูบไล้แผ่นอกบางอย่างยั่วเย้า  บดปลายนิ้วขยี้เบา ๆ  ตรงยอดอกสีชมพูซึ่งหดตัวตามแรงกระตุ้นทันที

ร่างบางผวาขึ้นทั้งร่างและพยายามขยับตัวหนีแต่แขนแข็งแกร่งของเซย์ริวรั้งเอวเขาไว้แน่นแล้วค่อย ๆ  เคล้นคลึงช้า ๆ   ในขณะที่ริมฝีปากก็จูบไซร้ไปบนผิวขาวนวล  ร่องรอยแดงช้ำถูกแต้มไว้บนแผ่นอกขาว  รอยฟกช้ำบนร่างกายถูกประทับรอยจูบลงเหมือนคนทำตั้งใจจะเปลี่ยนรอยพวกนั้นให้เป็นรอยที่เกิดจากเขาคนเดียว  คัตซึฮิโกะเกร็งสะท้านไปทั้งร่าง  น้ำตาไหลซึมจนขนตายาวเป็นแพนั้นชื้นไปหมด  เขาหอบราวกับขาดอากาศหายใจแล้วก็สะดุ้งเมื่อมือใหญ่ค่อย ๆ  ปลดกางเกงของเขาออกและเลื่อนต่ำลงไปข้างล่าง ก่อนที่จะแทรกลงไปสัมผัสร่างที่กำลังตื่นตัว  มือที่สั่นเทาเกาะยึดร่างสูงไว้แน่นเมื่อปลายนิ้วเรียวค่อย ๆ  แตะต้องและกดน้ำหนักลงช้า ๆ  แล้วก็ลูบไล้เบา ๆ

คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับไหล่กว้างนั้นและกัดริมฝีปากตัวเองแน่น  แต่อารมณ์ที่คุกรุ่นนั้นเกินจะสกัดกั้นได้  เสียงหวานจึงครางแผ่ว  เอวบางเริ่มขยับไหวไปตามจังหวะการเล้าโลมนั้นช้า ๆ   เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ  ให้กับตัวเองและกอดประคองร่างที่ชื้นเหงื่อไว้แนบอก  เขาใช้ปลายลิ้นและริมฝีปากและเล็มไปตามผิวนุ่มนั้นเบา ๆ

“อือ…พะ…พอ…” คัตซึฮิโกะครางกระเส่าออกมา

“ถ้าไม่ห้ามฉันให้จริงจังกว่านี้  ก็ไม่ได้หรอกนะ  คาซึโกะ”

คัตซึฮิโกะเพียงแต่ก้มหน้างุดเมื่อร่างสูงค่อย ๆ  ปัดเกลี่ยเส้นผมที่ปรกระข้างแก้มและจูบซับน้ำตาให้อีกครั้ง  แล้วระริมฝีปากเรื่อยลงไปที่ซอกคอขาว

“จากนี้ไป…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ฉันจะไม่หยุดให้แล้วนะ  คาซึโกะ”  เซย์ริวบอกทั้งที่ยังใช้ริมฝีปากไล้ไปตามลำคอเพรียวบางไม่หยุด

“อื้อ…”  คัตซึฮิโกะตอบรับ  เสียงนั้นยังสั่นและปนมากับเสียงหอบหายใจ

นิ้วเรียวจึงกดขยี้เคล้นคลึงยอดอกสีชมพูที่แข็งเป็นไตนั้นอย่างแรง  ริมฝีปากก็ขบเน้นซอกคอขาวจนคัตซึฮิโกะผวาเฮือก  สองแขนยังโอบรอบคอเซย์ริว  มือของเขาสอดไปตามเส้นผมสีน้ำตาลยาวนั้นและกำรวบไว้แน่น  ร่างสูงใช้ปลายลิ้นหยอกล้อกับแผ่นอกขาวบาง

“อา…เซย์…”  ชายหนุ่มครางกระเส่าเมื่อเซย์ริวดูดดุนป้านสีชมพูสลับกันไปมา

มือหนึ่งก็ไล้แผ่นหลังเนียนไปอย่างกระตุ้นเร้า  ส่วนอีกมือก็ค่อย ๆ  เลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงของคัตซึฮิโกะแล้วรูดซิปลงช้า ๆ   ก่อนที่จะลูบไล้หน้าท้องที่มีกล้ามได้รูปไปมา

ร่างเพรียวหอบฮัก  เขากอดและซบหน้าลงกับไหล่กว้างของเซย์ริว  ส่งเสียงครางไม่ขาดปากด้วยความรู้สึกอัดอั้นที่หาทางระบายออกไม่ได้  ร่างสูงไม่ยอมแตะต้องจุดสำคัญที่สุดเลยแม้แต่นิดเดียว  เซย์ริวขบเม้มติ่งหูของคัตซึฮิโกะเบา ๆ  ในขณะที่อีกมือก็ค่อย ๆ  ดึงกางเกงลงและเคล้นคลึงบั้นท้ายกลมอย่างสนุกมือ  แล้วเขาก็พลิกคัตซึฮิโกะลงนอนกับเตียง

จูบอันหนักหน่วงบดขยี้ลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง  และเมื่อถอนริมฝีปากออกเซย์ริวก็พบว่าดวงตาของคัตซึฮิโกะกำลังจับอยู่ที่เขา

“มีอะไรเหรอ?”

ไม่มีคำตอบจากคนที่อยู่ใต้ร่างของเซย์ริว  นอกจากรอยยิ้มบาง ๆ   มือใหญ่ค่อย ๆ  ไล้เรื่อยไปตามอกบางที่เขาทิ้งร่องรอยแดงเอาไว้แล้วเลื่อนต่ำลงไปยังขอบกางเกงที่ปลดค้างเอาไว้  ก่อนที่จะขยับรูดมันออกจากเรียวขาของร่างเพรียว

เซย์ริวค่อย ๆ  ใช้ปลายลิ้นสัมผัสแผ่นอกบางอย่างยั่วเย้า คัตซึฮิโกะบิดกายเบา ๆ  เมื่อลิ้นอุ่นตวัดเลียยอดอกสีชมพู แล้วไออุ่นของริมฝีปากกับปลายลิ้นก็ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวต่ำลงไปยังหน้าท้องแบนราบ  ไล้วนรอบสะดือก่อนที่จะเดินทางต่ำลงไปอีก  คราวนี้ชายหนุ่มครางออกมาอย่างสุดกลั้น  สัมผัสอุ่นร้อนเข้าครอบครองร่างอันบอบบางช้า ๆ   มันเป็นสัมผัสที่เสียวสยิวยิ่งกว่าสัมผัสใดที่เคยได้รับ  คัตซึฮิโกะบิดกายอย่างเร่าร้อนพร้อมกับส่งเสียงครางหวาน  ปลายเล็บจิกลงกับผ้าปูที่นอนแน่น  มันเป็นสัมผัสที่ทำเอาอารมณ์กระเจิง  เขาแหงนเงยหน้าไปด้านหลังแอ่นกายขึ้นรับสัมผัสที่เหมือนจะจงใจแกล้งนั้น  น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกอึดอัด  ลมหายใจติดขัดราวกับจะขาดใจ  ทั้งร่างร้อนรุ่มราวกับอยู่ท่ามกลางกองไฟ

แล้วเซย์ริวก็ถอนปากออก  เขาถอดเสื้อของตัวเองพร้อมกับกางเกงออก  แล้วยกขาเรียวของคนที่นอนระทดระทวยอยู่ขึ้นมาจูบไล้จากปลายเท้าไปเรื่อย

คัตซึฮิโกะเกร็งสะท้าน  ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแน่น  เซย์ริวไม่เคยสัมผัสเขาแบบนี้มาก่อน

เซย์ริวมองร่างอันบอบบางที่แข็งขึงตื่นตัวเต็มที่แล้วก็ยิ้ม

“จะทนไม่ไหวแล้วเหรอ  คาซึโกะ?”

เพียงแค่ใช้มือสัมผัสซ้ำ  หยาดน้ำเหนียวก็หลั่งรินออกมา  คัตซึฮิโกะผวาขึ้นสุดตัว  เซย์ริวใช้ปลายนิ้วสะกิดตรงส่วนปลายยอดอย่างยั่วเย้า  แล้วก็ได้ยินเสียงคนสะอื้นฮักด้วยความปรารถนาสมใจอยาก

“มะ…ไม่ไหวแล้ว..เซย์…”

“อยากให้ทำยังไงล่ะ?”  เซย์ริวถามขึ้นก่อนที่จะจูบลงบนต้นขาเนียนในขณะที่มือก็ยังไม่หยุดการทำงาน

“อะ…อา…”  คัตซึฮิโกะหอบฮัก

“เอาแต่ครางอย่างนี้น่ะ  ฉันไม่รู้หรอกนะ”

“เซย์ริว…ได้โปรด...มัน…มันทรมาน…”  คัตซึฮิโกะเอ่ยปากขอร้อง

“แล้วอยากให้ชั้นทำแบบไหนล่ะ?”

“สัมผัสผม…”

เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  แล้วก้มลงไปจูบ  มือที่เกาะกุมร่างของคัตซึฮิโกะอยู่ก็ค่อย ๆ  กดน้ำหนักไล่ลงทีละนิ้วก่อนที่จะกำรูดเป็นจังหวะช้า ๆ   คัตซึฮิโกะผวากายขึ้นจากความเสียวซ่านที่ได้รับ  เขาเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้นชั่วครู่  แล้วริมฝีปากและลิ้นอุ่นชื้นก็เข้าครอบครองร่างของเขาแทนมือใหญ่อีกครั้ง  สัมผัสหยอกเอินนุ่มนวลทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง

เซย์ริวไล้ลิ้นและริมฝีปากแผ่วเบาราวกับเนื้อนุ่มนั้นเป็นขนมมาชมัลโลว์อันอ่อนหวาน  สองมือยกสะโพกบางขึ้นจากเตียงเพื่อจะได้ลิ้มรสให้เต็มที่  คัตซึฮิโกะใช้มือกดจิกลงกับไหล่ของเขาและขยับสะโพกอย่างเร่าร้อน  ปากก็ส่งเสียงครางผะแผ่วอย่างเต็มกลั้น  แล้วเซย์ริวก็เพิ่มการบีบรัดและเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น  คราวนี้คัตซึฮิโกะงอตัวขึ้นแล้วใช้มือกดหัวของเขาแน่นลงกับกลางลำตัว  ร่างบางบิดเบนไปมาอย่างทุรนทุราย  แล้วในที่สุดคลื่นแห่งความต้องการก็ทะลักทะลายออกมา  เซย์ริวดื่มกินทุกหยาดหยดที่หลั่งออกมาจากร่างนั้น

คัตซึฮิโกะนอนหายใจรวยรินอย่างอ่อนล้า  แต่มืออุ่นร้อนก็เข้าครอบครองร่างของเขาอีกครั้ง  ชายหนุ่มกระถดตัวถอย

“เซย์ริว...เดี๋ยว…”

“ไม่เป็นไรหรอก คาซึโกะ...ฉันไม่เร่งแกหรอก”  แล้วร่างสูงก็ขยับกายขึ้นมาทาบทับริมฝีปากลง  ปลายลิ้นฉกวูบเข้าไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คัตซึฮิโกะจะป้องกันตัวเองได้

ครั้งแรก  ชายหนุ่มขัดขืนเล็กน้อย  แต่แล้วก็หลงใหลไปกับรสสัมผัสของปลายลิ้นอุ่น   เขาเผลอเคลิบเคลิ้มไปจนอารมณ์เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง  ร่างในอุ้งมืออุ่นร้อนนั้นตื่นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว  เซย์ริวถอนริมฝีปากออก  แล้วกระซิบถาม

“ลุกขึ้นไหวมั้ย?”

โดยไม่รอฟังคำตอบ  ร่างสูงก็ค่อย ๆ  ประคองร่างเพรียวขึ้นช้า ๆ  ให้นั่งคุกเข่าอีกครั้ง  มือใหญ่ค่อยเคล้นคลึงบั้นท้ายนุ่มเบา ๆ   คัตซึฮิโกะผวาเกาะเซย์ริวแน่น  ทั้งร่างเกร็งสะท้าน...ไม่ว่าทำอย่างไร  ความกลัวนี้ก็ไม่หายไปเสียที

“ไม่ต้องกอดแน่นขนาดนั้นก็ได้”

เซย์ริวสอดนิ้วเข้าไปในปากของคัตซึฮิโกะ  ชายหนุ่มดูดกลืนนิ้วนั้นด้วยความรู้สึกประหลาด  แล้วร่างสูงก็ถอนนิ้วออกและใช้นิ้วที่เปียกชุ่มนั้นสอดแทรกเข้าไปในร่างบางช้า ๆ   คัตซึฮิโกะสะดุ้งสุดตัว

“อา…เซย์ริว…”

อาชญากรหนุ่มเลื่อนนิ้วเข้าไปจนสุดทางแล้วขยับนิ้วนั้นเข้าออกเป็นจังหวะ  อีกมือหนึ่งก็กำรูดร่างบอบบางของคัตซึฮิโกะเอาไว้
ความรู้สึกเสียวปลาบที่แล่นขึ้นมาจากส่วนกลางลำตัวค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความสุขสม  คัตซึฮิโกะกอดเซย์ริวไว้แน่นแล้วหอบหายใจถี่  นิ้วของร่างสูงทำให้เขารู้สึกปั่นป่วน  แล้วเอวบางก็เริ่มขยับไหวไปตามจังหวะการเล้าโลมนั้นช้า ๆ

“เอวสั่นแล้วนะ…ต้องการมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“มะ…ไม่รู้…”  คัตซึฮิโกะครางออกมา

“งั้น…เตรียมให้พร้อมอีกนิดดีกว่า  ท่าทางแกยังกลัวฉันมากอยู่เลยนะ”

ยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะเข้าใจกับคำพูดนั้นก็ต้องผวาขึ้นทั้งร่าง  เมื่ออยู่ ๆ  อีกนิ้วหนึ่งก็แทรกเข้ามาในร่าง

“เจ็บ…”  คัตซึฮิโกะอุทธรณ์ออกมา

“อย่างเกร็งสิ  คาซึโกะ  แกก็รู้วิธีดีนี่นา”  เซย์ริวพยายามบอก  ร่างเพรียวจึงได้ผ่อนอาการเกร็งลง

เมื่อนิ้วทั้งสองล่วงล้ำผ่านเข้าไปได้  ร่างสูงก็กวาดนิ้วควานจนทั่วแล้วก็ถอนปลายนิ้วออกจนเกือบจะหลุดออกมาก่อนที่จะสอดกลับเข้าไปใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก  แล้วค่อย ๆ  เปลี่ยนจังหวะจากช้าให้เร็วขึ้นทีละน้อย

เมื่อร่างกายเริ่มคุ้นเคยกับนิ้วนั้น  ความเจ็บปวดก็ค่อย ๆ  จางหายไปและเอวบางก็เริ่มขยับตามจังหวะของนิ้วนั้นอีกครั้ง  การสอดใส่ก่อให้เกิดอารมณ์ล้ำลึกขึ้นภายในกายของคัตซึฮิโกะ  เขารู้สึกเป็นสุขจนไม่อยากให้มันจากไปไหน  เสียงหอบหายใจยังคงปนแทรกมากับเสียงครางแผ่วที่พยายามจะสะกดกลั้นเอาไว้  แต่ความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมาทำให้เกินจะเก็บกดเอาไว้ได้  เสียงคร่ำครวญจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ

เซย์ริวจูบลงบนริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วงแล้วทิ้งน้ำหนักทาบทับร่างบางลงกับเตียง  เบียดร่างกายเข้าหาอย่างเร่าร้อนพร้อม ๆ  กับที่ใช้มือลูบไล้ไปทั่วร่าง  คัตซึฮิโกะตกใจกับการจู่โจมโดยไม่ทันตั้งตัว  เขาขัดขืนนิดหนึ่งก่อนที่จะถูกสัมผัสของร่างสูงดึงอารมณ์ให้โอนอ่อนตามไปอย่างรวดเร็ว  รู้สึกตัวอีกทีสองขาก็ถูกแยกออกกว้าง  ปลายนิ้วของร่างสูงสะกิดกระตุ้นจุดกระสัน

คัตซึฮิโกะผวากายขึ้นสุดตัว  แต่เสียงร้องถูกปิดเอาไว้ด้วยริมฝีปากอุ่น  ไม่นานนักเมื่อร่างกายเกิดความเคยชิน ความรู้สึกเจ็บแปลบที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็หายไปและถูกแทนที่ด้วยความสุขสม  มืออุ่นลูบไล้ไปตามมัดกล้ามได้รูปบนแผ่นหลังของเซย์ริวอย่างหลงใหล  เอวบางขยับไหวด้วยสัญชาตญาณไปตามจังหวะของปลายนิ้ว  ก่อนที่อารมณ์ของคัตซึฮิโกะจะขมึงเกลียวขึ้นถึงขีดสุด  เซย์ริวก็ถอนนิ้วออก  เขายกขาของร่างบางขึ้นแล้วจูบลงเบา ๆ  ทำเอาคนถูกกระทำสะท้านไปทั้งร่าง  ริมฝีปากและลมหายใจอุ่นร้อนลูบไล้สัมผัสไปตามเรียวขา  หลอกล่อให้เคลิบเคลิ้ม  ทุกแห่งที่มันสัมผัสลงไป  ร่างบางรู้สึกราวกับว่าโดนนาบด้วยเหล็กเผาไฟ  ทั้งรู้สึกอึดอัดทรมานและสุขสมอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก  แต่แล้วความรู้สึกหอมหวานชวนหลงใหลก็ขาดสะบั้นลงเมื่อส่วนที่แข็งแกร่งของร่างสูงจรดจ่อลงกับเส้นทางเร้นลับและพยายามจะแทรกกายเข้าไป

“อะ…อ๊า!!!  ไม่!  ไม่เอา!!”  คัตซึฮิโกะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับพยายามผลักร่างสูงออกห่างตัว…ภาพในวันนั้นกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง

“คาซึโกะ…อย่าเกร็ง…ผ่อนแรงหน่อย…”  เซย์ริวกระซิบบอกและพยายามรั้งตัวเองไว้

“ผมเจ็บ…ไม่เอาแล้ว…”  ร่างเล็กสะอื้นฮักและกระถดตัวหนี  แต่พอขยับตัว  ความเจ็บปวดที่ได้รับก็เพิ่มมากขึ้น

“อย่าเกร็ง…มันจะไม่เหมือนวันนั้น  เข้าใจมั้ย…”  เซย์ริวลูบผมนิ่มเบา ๆ  เหมือนจะปลอบโยน

“เซย์ริว…ผมกลัว…”  ร่างเล็กบอกด้วยเสียงสั่นพร่า...หากผ่านค่ำคืนนี้ไปแล้ว  ทุกอย่างจะเหมือนเดิมไหม  เขาจะต้องกลับไปเป็นของเล่นของเซย์ริวอีกเหรือเปล่า...

“ไม่ต้องกลัว  แกเป็นของฉันเท่านั้น  คาซึโกะ…”

แขนเรียวยกขึ้นกอดร่างสูงไว้แน่นอย่างว่าง่ายแล้วซบหน้าลงกับไหล่กว้าง  เซย์ริวกอดคัตซึฮิโกะตอบ  เมื่อรู้สึกว่าอาการเกร็งของร่างในอ้อมแขนบรรเทาลง เขาก็ค่อย ๆ  เคลื่อนตัวแทรกกายเข้าไปช้า ๆ

คัตซึฮิโกะกรีดร้องออกมาเบา ๆ  ด้วยความเจ็บปวดที่ยากจะทนทาน  ปลายเล็บจิกแน่นลงกับแผ่นหลัง  เขาห่างเหินกับสัมผัสนี้มานานพอดู  แต่แม้จะร้องคร่ำครวญ…ก็ไม่ได้มีเสียงร้องห้ามแม้แต่นิดเดียว…

เมื่อร่างสูงแทรกกายเข้าไปจนสุดทาง  เขาก็อดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไว้จนกระทั่งคัตซึฮิโกะคลายอาการเกร็งจึงขยับสะโพกให้เคลื่อนไหวช้า ๆ   ครั้งแรกคัตซึฮิโกะร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง  แต่พอการเคลื่อนไหวผ่านไปสักครู่หนึ่ง  เสียงร้องก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงครางอย่างเป็นสุข  ร่างเพรียวสั่นไหวไปตามแรงกระแทกตัวของร่างสูงที่ครอบครองเขาอยู่  การเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้นและถี่เร็วขึ้น  เสียงครางเริ่มขาดห้วง  เมื่อความอึดอัดจนแทบจะขาดใจท่วมท้นขึ้นมาตามแรงกระแทกที่ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ   คัตซึฮิโกะเกาะกอดเซย์ริวเอาไว้แน่น  หอบถี่แรงราวกับหายใจไม่ทัน  เขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่แผ่ซ่านไปตามกระแสเลือดราวกับคลื่นไฟฟ้าที่เคลื่อนตัวไปตามสายไฟที่ขึงแน่นเกินไป  โลกทั้งโลกหมุนคว้าง  ชายหนุ่มเกร็งร่าง  โอบเรียวขารัดรอบเอวของร่างสูงแน่นก่อนที่จะกรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อความสุขสมทะลักเข้ามาอย่างเร่าร้อนและรุนแรง

“อะ...อ๊า!!  เซย์ริว!!!!”

แล้วโลกทั้งโลกก็ดับสนิท…คัตซึฮิโกะรู้สึกได้แค่เสียงหอบหายใจของใครบางคนที่ดังอยู่ข้างหู  แล้วก็รู้สึกว่าตัวเบาหวิวเหมือนกับขนนกเมื่อร่างอันอบอุ่นค่อยถอนกายออกไป  แขนแข็งแกร่งโอบกอดรั้งร่างบางไปแนบไว้กับอก ความรู้สึกสุดท้ายที่รู้สึกได้นอกจากความเปียกชื้นที่ต้นขาของตัวเองแล้ว  คัตซึฮิโกะรู้สึกสบายใจและอิ่มเอมที่สุดในชีวิตราวกับสิ่งที่เฝ้าตามหามาตลอดได้มาอยู่ในมือของเขาแล้ว...ชายหนุ่มผล็อยหลับไปอย่างเป็นสุข



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ปล. พูดกันตามตรง...คนข้างห้องต้องได้ยินพวกมันทำอะไรกันทุกครั้งแหงๆอ้ะ...
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 31-05-2013 23:48:26
เกือบไปแล้วไง! เฮ้อวว์
ดูคัตสึจังจะเปิดใจมากขึ้นแล้วน่ะนะ :)

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 01-06-2013 01:57:14
ชอบตอนนี้!!!
น่ารักเป็นที่สุด!!!!

ปล.มาอวยฮิโรกิ >< ชอบอ่า คนโปรดเลยคนนี้ !!
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 01-06-2013 02:25:44
ชอบบบบบมาก
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 01-06-2013 11:50:39
ดีกันแล้ว   :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 01-06-2013 18:33:28
พูดตามตรง ว่าอยากเป็นคนข้างห้อง :m25:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 01-06-2013 23:49:41
เฮ้อออออออออออ หลังจากวันนี้ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จะดีขึ้นมากๆแล้วล่ะนะ

แต่เรื่องเสี่ยคนนั้นจะมีอะไรตามมาอีกมั้ยเนี่ย อยากให้สองคนนั้นได้อยู่กันสงบๆกะเค้าบ้าง
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 02-06-2013 06:01:25
เข้าใจกันรือยังนะ
อย่าเล่นกบความรู้สึกของคาซึโกะอีกเลยยย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 02-06-2013 10:15:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 16 : 31/5/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 05-06-2013 08:15:12



   เข้าใจกันแล้ว ><"
   เพราะคุณป้ากันพวกต้นไม้ใช่ไหมนะ



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-06-2013 21:32:05
สวัสดีวันศุกร์ครับ (ไม่มีมุขใหม่ๆมาทักเลยสิน่า)

KOUSOKU 17

ร่วมห้าเดือนแล้วที่นัตสึไม่ได้พบกับคัตซึฮิโกะเลย  ฤดูใบไม้ผลิผ่านพ้นไปและล่วงเข้าสู่ฤดูร้อนนานแล้ว  ท่ามกลางบรรยากาศสดใสของฤดูกาล  จิตใจของนัตสึกลับห่อเหี่ยวมืดมน  เขาเงียบขรึมและมึนซึมจนคนรอบข้างและแฟนสาวเป็นห่วง  เขาก็ไม่อยากให้ใครเป็นห่วง  แต่เขาไม่สามารถบอกเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้กับใครได้...ด้วยมันเกี่ยวข้องกับพี่ชายที่รักของเขาโดยตรง


วันนั้นที่เขาผลุนผลันเปิดประตูห้องคัตซึฮิโกะเข้าไปเพราะเสียงคนในห้องกรีดร้อง  ภาพตรงหน้ากระตุกอารมณ์ของเขาอย่างแรง...มันคนนั้น...คนที่เขาเกลียดขี้หน้าที่สุดกำลังครอบครองพี่ชายของเขา  และไม่ใช่แค่เพียงครอบครอง  หากมันกำลังขืนใจคัตซึฮิโกะ!

ในตอนนั้นนัตสึอยากฉีกร่างสูงออกเป็นชิ้น ๆ  ด้วยความโกรธแค้นชิงชังจนถึงขีดสุด  มันเป็นใคร...ถึงได้กล้ามาย่ำยีสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา  แต่คำพูดที่ตามมาทำให้ตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า

‘…ถ้าจะเรียกว่ากล้าดี ฉันกล้าดีกับพี่แกมาเป็นปีแล้ว...พี่แกมันใจง่าย...ปากก็ร้องไปสิ แต่สะโพกงี้ ส่ายไม่หยุด…’

ทุกถ้อยคำของมันยังดังก้องอยู่ในใจจนถึงตอนนี้  และหัวใจก็ยิ่งรวดร้าวกว่าเดิม  เมื่อพยายามคาดคั้นเอาความจริงจากคัตซึฮิโกะและได้คำตอบเป็นการนิ่งเฉยไม่ยอมสบตา...อันเป็นการยอมรับว่า  สิ่งที่มันพูดมาเป็นความจริง!

วันนั้นเขาวิ่งออกมาจากห้องของคัตซึฮิโกะด้วยความรู้สึกสับสนอย่างรุนแรง...เขาไม่อยากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง  แต่ด้วยคำตอบของคัตซึฮิโกะ...มันยืนยันทุกอย่าง

...ยอมให้กอดมาเป็นปี...นั่นแสดงว่าตั้งแต่ตอนที่เขาพบกับมันในวันที่ชวนคัตซึฮิโกะไปฮาราจุกุ  คัตซึฮิโกะก็ตกเป็นของมันแล้ว!  ทำไมเขาถึงไม่ระแคะระคายอะไรเลย...พี่ชายไม่เคยบอกอะไรเขาเลย

นัตสึปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้  เขาไม่มีหน้าไปพบคัตซึฮิโกะ  วันนั้นเขาทิ้งพี่ชายไว้คนเดียวตามลำพังทั้งที่ควรจะอยู่ด้วย  แต่ตอนนั้นเขาโกรธไปหมดทุกอย่าง...โกรธมันที่ล่วงเกินพี่ชายของเขา...โกรธคัตซึฮิโกะที่ทำเหมือนเขาเป็นเด็ก  ไม่เคยบอกอะไรเขาเลย...และโกรธตัวเองที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อคนสำคัญที่สุดในชีวิตได้เลย

เขาเคยแวะไปหาคัตซึฮิโกะที่ทำงาน  แต่ปรากฏว่าคัตซึฮิโกะได้ลาออกจากที่นั่นแล้ว  ดังนั้นที่เดียวที่จะพบคัตซึฮิโกะได้คือที่แมนชั่น  แต่นัตสึก็กลัวจะเจอมันคนนั้นเข้า...หากอีกใจก็กลัว  ว่าถ้าไปที่แมนชั่นแล้วคัตซึฮิโกะไม่อยู่ที่นั่น...ถ้าพี่ชายของเขาหายไป...เขาจะทำอย่างไร


นัตสึรวบรวมความกล้าไปพบคัตซึฮิโกะในเย็นวันหนึ่ง  เขาดักรอคัตซึฮิโกะอยู่หน้าทางเข้าแมนชั่น  แล้วคนที่เขารอก็มา  ร่างเพรียวสะพายเป้คู่ใจใบเก่า  มือหนึ่งถือถุงใส่ของที่ซื้อมาจากตลาด  นัตสึเผลอยิ้มกว้าง...คัตซึฮิโกะยังสบายดี

“พี่...”

ร่างเพรียวชะงักเท้า

“...นัตสึ”

ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะยิ้มบาง ๆ  ให้...รอยยิ้มนั้นยังอบอุ่นใจดีเหมือนเดิม  แต่อาการนิ่งก่อนจะยิ้มนั้นทำให้นัตสึรู้สึกแปลบขึ้นมาในใจ...อะไรบางอย่างในตัวคัตซึฮิโกะเปลี่ยนไป

“ผอมลงนะ  แฟนขอให้ไดเอ็ตเหรอ?”  คัตซึฮิโกะถามแกมหยอก

“เปล่า...ฉันแค่...”  นัตสึอ้ำอึ้ง  เขานึกไม่ออกว่าควรจะพูดคุยอะไรกับคัตซึฮิโกะดี...เมื่อก่อนนี้  เขาคุยอะไรกับคัตซึฮิโกะบ้างนะ
“เข้าบ้านก่อนสิ...กินอะไรมาหรือยัง?”  คัตซึฮิโกะชักชวน

นัตสึไม่ได้ตอบ  แต่เดินตามหลังคัตซึฮิโกะต้อย ๆ  ไปจนถึงหน้าห้องถึงได้ชะงัก

“พี่...แล้ว...หมอนั่น...”

คัตซึฮิโกะมองอาการไม่อยากเข้าห้องของน้องชายอย่างงง ๆ  นิดหนึ่งก่อนจะนึกได้

“เซย์ริวไม่อยู่หรอก”  ชายหนุ่มบอกพลางไขกุญแจเข้าห้อง

ห้องของคัตซึฮิโกะยังเหมือนเดิมอย่างที่นัตสึเคยเห็นทุกครั้ง  มีเพียงบรรยากาศบางอย่างที่ผิดแปลกไป  จนนัตสึรู้สึกราวกับว่าที่นี่ไม่มีที่สำหรับเขาอีกแล้ว...ของใช้ในชีวิตประจำวันบางอย่างเพิ่มขึ้นเป็นสองชิ้น  แสดงให้เห็นว่าในห้องนี้มีใครอีกคนอยู่นอกเหนือจากคัตซึฮิโกะ...ทั้งแก้วน้ำ  จานชาม  แปรงสีฟัน  ผ้าเช็ดตัว...ทุกชิ้นดูก็รู้ว่าเป็นรสนิยมของคัตซึฮิโกะ...พี่ชายของเขาเลือกของให้มัน!

แต่สิ่งที่ทำให้อึดอัดใจที่สุดคือ  เสื้อโค้ทสีดำเก่า ๆ  ที่แขวนอยู่ใกล้ ๆ  ประตู

นัตสึนึกอยากเอาไอ้เสื้อตัวนั้นไปเผาแทนตัวเจ้าของเสียให้หายแค้น  เด็กหนุ่มขยุ้มผ้าเนื้อหนานั้นอย่างลืมตัว

“อย่าไปยุ่งกับเสื้อนั่นเลย  หมอนั่นมีโค้ทแค่ตัวเดียว  เดี๋ยวหน้าหนาวนี้จะไม่มีใส่”  เสียงคัตซึฮิโกะบอกมาจากในครัว  ทำเอานัตสึสะดุ้ง

“ฮึ!  ไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย”  เด็กหนุ่มเดินปึงปังไปนั่งที่โต๊ะหนังสือ

คัตซึฮิโกะหัวเราะเบา ๆ  แล้วชะโงกหน้ามาถาม  “อยากกินอะไร  จะทำข้าวเย็นเลี้ยง”

“ไม่หละ  เดี๋ยวไอ้หมอนั่นมา  ไม่อยากเจอมัน”

“อาจจะไม่กลับก็ได้  บางทีก็ชอบหายไปหลาย ๆ  วัน”  คัตซึฮิโกะบอกเรียบ ๆ  แล้วเข้าไปทำอะไรก๊อกแก๊กอยู่ในครัว

แต่นัตสึสะท้อนใจกับคำพูดของพี่ชาย...คัตซึฮิโกะใช้คำว่า  “กลับมา”  สำหรับมัน  นั่นแปลว่าคัตซึฮิโกะยอมรับว่าที่นี่คือบ้านที่มีไว้รอมันกลับมา  ไมใช่แค่ที่ที่มันจะไปมาหาสู่อีกแล้ว...บ้านของพี่ชายเขากลายเป็นบ้านของมันไปแล้วอย่างนั้นหรือ

‘…ทำยังไงถึงจะกำจัดมันได้นะ…’

นัตสึเฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องนี้มาตลอด  แต่มองไม่เห็นทางเป็นไปได้เลยที่จะทำให้มันเลิกยุ่งกับพี่ชายของเขาทั้ง ๆ  ยังมีชีวิต...ทางเดียวที่จะทำได้คือ  ฆ่ามันซะ!  แต่ใครจะเป็นคนทำ...แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เขา  ระดับมันต่างกันเกินไป...

“คิดอะไรอยู่?”

พร้อมกับคำถาม  ข้าวห่อไข่หน้าตาน่ากินก็ยื่นมาตรงหน้า  พอคนที่กำลังคิดอะไรฟุ้งซ่านอยู่เงยหน้าขึ้นมอง  ก็พบผู้เป็นพี่ชายยืนยิ้มอยู่  นัตสึรับจานข้าวมาอย่างเก้อ ๆ  เขิน ๆ  พร้อมกับงึมงำคำขอบคุณเบา ๆ

คัตซึฮิโกะหยิบหนังสือแล้วไปนั่งลงบนเตียง  เขาเปิดหนังสืออ่านไปเรื่อย ๆ ...นัตสึคงมีเรื่องอยากพูดกับเขามากมาย  แต่ยังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร...คัตซึฮิโกะไม่เร่งรัดน้องชาย  เขามีเวลารอเหลือเฟือ  และเขาก็กำลังรอให้นัตสึเริ่มก่อน  เพราะทางเขาไม่มีอะไรจะต้องอธิบายนอกจากรอจะตอบคำถามของนัตสึ

“คัตจัง...”  นัตสึทำลายความเงียบขึ้นในที่สุด  “พี่เปลี่ยนงานแล้วเหรอ?”

“ใช่”  คัตซึฮิโกะตอบทั้งยังอ่านหนังสืออยู่

“ทำไมพี่ไม่บอกฉันบ้าง  นี่ฉันไปหาพี่ที่ทำงานนะถึงได้รู้ว่าพี่ลาออกแล้ว”  นัตสึตัดพ้อ

“ก็มันกะทันหันแล้วก็ยุ่ง ๆ  ด้วย  เลยไม่ได้บอก”

“แค่โทรบอกเอง”

“ก็...”  ชายหนุ่มปิดหนังสือ  “พี่คิดว่านายคงยังไม่อยากจะพูดกับพี่  เลยรอให้นายพร้อม”

นัตสึเขี่ยข้าวในจานเล่น...จริงของคัตซึฮิโกะ  เขาเองที่เป็นฝ่ายหลบหน้า

“แล้ว...งานใหม่คืออะไรเหรอ?”  เด็กหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย

“ขายต้นไม้ดอกไม้น่ะ”

“หา!?”  นัตสึงงไปชั่วขณะ  พี่ชายของเขาทำงานกราฟิคดีไซน์มาตลอดนี่นา  แล้วจู่ ๆ  ก็เปลี่ยนมาขายดอกไม้...นี่มันไม่ช็อกวงการไปหน่อยหรือ

คัตซึฮิโกะเพียงแต่ยิ้ม ๆ  กับท่าทางเหวอสนิทของคนเป็นน้อง  เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าปฏิกิริยาของนัตสึจะออกมาแบบนี้

“...แล้วทำไมถึงลาออกซะล่ะพี่  เงินเดือนเขาก็พอใช้ได้ไม่ใช่เหรอ  แล้วขายต้นไม้น่ะเงินพอใช้เหรอ?”  นัตสึถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลเหลือเกิน

“เงินมันก็ได้ไม่มากหรอก  แต่สบายใจดี  ฉันเองก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองอะไรขนาดนั้นหรอก”

“แล้ว...คัตจัง...”  นัตสึเริ่มต้นคำถามใหม่อย่างไม่มั่นใจเอาเสียเลย  แต่นั่นก็เป็นคำถามที่คัตซึฮิโกะกำลังรอฟังอย่างตั้งใจ  “พี่...โกรธฉันรึเปล่าที่ทำท่าไม่ดีแบบนั้นไปน่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ  ตามนิสัย

“ฉันไม่เคยโกรธนายหรอกนะ  นัตสึ”

“จริงเหรอ!?”  เด็กหนุ่มคลี่ยิ้มกว้างทันที

“จริงสิ  ก็นั่นมันเรื่องของนายที่นายจะคิดจะรู้สึก  ไม่ใช่เรื่องของฉันนี่นา”

นัตสึรู้สึกหน้าชาไปราวกับโดนตบอย่างแรง...แม้จะมีรอยยิ้มละไม  แต่ทั้งสีหน้าทั้งถ้อยคำของคัตซึฮิโกะช่างเย็นชาจนน่าหวาดหวั่น...นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของเขากันแน่...เด็กหนุ่มกำช้อนกินข้าวในมือแน่น  รู้สึกจุกขึ้นมาจนถึงคอหอย...นี่ไม่ใช่คัตซึฮิโกะที่เขาเคยรู้จัก

‘…หรือว่า...เป็นเพราะมัน…!?...’

นัตสึกัดริมฝีปากแน่น  เขาไม่แน่ใจว่าควรจะถามต่อดีหรือไม่  แต่ความสงสัยใคร่รู้มันอัดแน่นจนเต็มอกมาตลอดหลายเดือนนี้

“พี่...ยังคบกับมันอยู่หรือเปล่า?”

แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อ  แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ว่านัตสึหมายถึงใคร...มันคนนั้นของนัตสึมีอยู่คนเดียว

“พวกฉันไม่ได้คบกัน...ไม่เคยคบกันเลยด้วย”

“แล้วทำไม...ไอ้เรื่องแบบนั้น  มันข่มขืนพี่  แล้วทำไมพี่ไม่เอาเรื่อง?”  นัตสึถามเสียงดังด้วยอารมณ์ที่สับสนพลุ่งพล่าน

“นัตสึ...นี่มันเรื่องของฉัน”

เด็กหนุ่มนิ่งอั้นไปอีกหน  เขาไม่เข้าใจพี่ชายของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว  มันคนนั้นทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นแต่ทำไมคัตซึฮิโกะถึงทำท่าเหมือนกับไม่ใช่เรื่องสำคัญ  แล้วที่ว่าไม่ได้คบกัน  ทำไมถึงมีข้าวของของมันอยู่ในห้อง...ทำไมมันถึงได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคัตซึฮิโกะไปได้

“คัตจัง...”  นัตสึเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้ง  “ไปอยู่ที่บ้านเถอะ  ฉันขอร้อง”

ชายหนุ่มมองหน้าผู้เป็นน้องชายนิ่ง ๆ  โดยไม่พูดอะไร  ยิ่งเห็นสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ  ของคัตซึฮิโกะ  นัตสึก็แทบห้ามตัวเองไม่ให้เสียงดังไม่ได้

“หรือไม่ก็ไปที่ไหนก็ได้...ไปให้พ้นจากมัน  ทำไมพี่ถึงต้องอยู่กับมันด้วย  ฉันไม่เข้าใจเลย  ไอ้คนพรรค์นั้น...มันไม่มีอะไรดี  แล้วทำไมพี่ต้องยอมมัน...ทำไม...!?”

“ฉันแค่ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปจากเซย์ริว  ก็เท่านั้นเอง”  คัตซึฮิโกะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

นัตสึถลันขึ้นยืนโดยไม่สนใจจานข้าวที่หล่นลงพื้น

“ฉันไม่เข้าใจ!!  เพราะอะไร...ทำไมพี่ถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!?”

“ฉัน...กลายเป็นแบบไหนงั้นเหรอ  นัตสึ?”

“ก็...ก็แบบที่พี่เป็นอยู่นี่น่ะสิ  เมื่อก่อนพี่ไม่ใช่คนแบบนี้!  มันทำอะไรกับพี่  มันข่มขู่อะไรพี่รึไง  ทำไมพี่ถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?”  นัตสึตะเบ็งเสียงอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่

“นัตสึ...ใจเย็น ๆ  ก่อน”  คัตซึฮิโกะปรามด้วยเสียงค่อย ๆ  เหมือนกับที่เคยทำทุกครั้งที่นัตสึอาละวาด  นั่นทำให้เด็กหนุ่มค่อยสงบลงได้บ้าง

“ฉันจะเคยเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอกนะ  ฉันอาจจะใจดีกับนาย  ใจดีกับใครต่อใคร  แต่มันก็แค่ความใจดีไม่ใช่เหรอ  ฉันก็มีชีวิตของฉันในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับใคร  ชีวิตส่วนตัวที่อาจจะไม่มีใครรู้จัก  นายจะมารู้ทั้งหมดได้ยังไง?”

“แต่...ฉันเป็นน้องพี่นะ  ฉันอยู่กับพี่มาตลอด”

“นั่นมันผ่านมากี่ปีแล้ว  นัตสึ?”  คัตซึฮิโกะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  “ถึงตอนนี้นายจะสามารถพูดได้เต็มปากอีกหรือว่ารู้จักทั้งหมดที่เป็นฉัน  เท่า ๆ  กับที่ฉันก็พูดไม่ได้ว่ารู้จักทั้งหมดของนาย  ตั้งแต่ตอนที่นายมีบ้าน  มีครอบครัวของตัวเอง  ฉันก็มั่นใจว่าจะสามารถปล่อยมือจากนายได้  เพราะนายมีที่ที่นายจะอยู่ได้อย่างมีความสุขแล้ว”

ความรวดร้าวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม

“พี่คิดแบบนี้เหรอ?”

“ฉันแค่คิดว่านายพบที่ของนายแล้วเท่านั้นเอง  นายมีความสุขได้โดยไม่ต้องมีฉันแล้ว”  มืออุ่นเอื้อมไปลูบผมสีทองนุ่มมืออย่างนุ่มนวลเหมือนที่เคยทำทุกครั้งเพื่อปลอบโยน

“แต่...พี่คือความสุขหนึ่งของฉันนะ”

“พี่รู้  นัตสึ”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 07-06-2013 21:34:21
เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งบนเตียงแล้วกอดผู้เป็นพี่ชายเอาไว้แน่น...อ้อมกอดนั้นยังเหมือนเดิม  พี่ชายยังคงอบอุ่นและอ่อนโยนเสมอ...แต่หลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้น  นัตสึสัมผัสได้  และเขาไม่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น...พระเจ้า...หรือใครก็ได้  ช่วยเขาด้วย...เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้พี่ชายคนเดิมของเขากลับคืนมา!

นัตสึซบนิ่งอยู่กับอกของคัตซึฮิโกะอย่างนั้นครู่ใหญ่  เขาอยากซึมซับความอบอุ่นอ่อนโยนของพี่ชายให้เต็มที่เพื่อย้ำให้ตัวเองมั่นใจว่าคัตซึฮิโกะไม่ได้เปลี่ยนไป  แต่กระแสอะไรบางอย่างที่ถ่ายทอดผ่านอ้อมกอดนั้น  ทำให้นัตสึสะท้อนใจลึก ๆ ...อะไรบางอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม

เด็กหนุ่มผละออกจากคัตซึฮิโกะช้า ๆ  แล้วก้มไปเก็บจานข้าวที่หล่นอยู่บนพื้นห้อง

“เดี๋ยวฉันกลับก่อนดีกว่า...”

“อิ่มแล้วชิ่งอีกแล้วเหรอ?”  คัตซึฮิโกะถามยิ้ม ๆ  ก่อนจะรับจานข้าวเปล่า ๆ  มาไว้ในมือ  “ไว้วันหลังต้องให้นายทำให้กินบ้างแล้วมั้ง”

“ทำก็ได้  แต่ต้องเป็นที่บ้านฉันนะ”  นัตสึตอบกลับเหมือนจะล้อเล่น  แต่แววตาเอาจริง...ถ้าคัตซึฮิโกะไปที่บ้าน  บางทีพ่อกับแม่ของเขาอาจเกลี้ยกล่อมคัตซึฮิโกะให้เขาได้  เพราะพ่อกับแม่ก็คิดอยากให้คัตซึฮิโกะมาอยู่ด้วยกันนานแล้ว

“พ่อกับแม่ก็อยากเจอพี่ด้วย”

“ถ้าว่างจะไปนะ”

“พี่ก็ทำตัวให้ว่างซี่  พรุ่งนี้เลยก็ดี”

“พรุ่งนี้ทำงาน...แต่ถ้าเลิกได้เร็วจะแวะไปหาแล้วกัน”  คัตซึฮิโกะแบ่งรับแบ่งสู้  “เออ...แต่ถ้าได้ไปจริง ๆ   ก็ขอเมนูเป็นปลาไหลย่างซีอิ๊วหรือไม่ก็ซูชิมาคุโระนะ  กับสลัดมันฝรั่งควบซุปมิโสะ  แล้วก็...”

นัตสึยกมือห้ามก่อนที่พี่ชายจะขออะไรมากไปกว่านี้

“พอเถอะพี่  ไม่งั้นเดี๋ยวมันได้ลามไปถึงพวกอาหารฝรั่งเศสฟูลคอร์สแน่ ๆ  เลย”

“ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย  นายก็รู้ว่าพี่ชอบอาหารญี่ปุ่น”

นัตสึส่ายหน้า

“อาหารญี่ปุ่นชั้นสูงน่ะสิ  เอาเถอะ  ถ้าไปก็โทรไปหาฉันก่อน  จะได้ทำไว้รอ”

“ต้องทำเองนะ  ห้ามให้คุณแม่ทำให้ด้วย”  คัตซึฮิโกะย้ำในขณะที่นัตสึหยิบกระเป๋าเตรียมตัวกลับ

“ขอให้ไปเถอะ  อยากกินอะไรจะทำให้กินทุกอย่างเลย”  นัตสึบอกพลางเดินไปที่ประตูโดยมีคัตซึฮิโกะตามไปส่ง

“งั้นฉันกลับก่อนนะพี่”

“อื้ม  กลับระวัง ๆ  นะ”

นัตสึก้าวออกจากห้องแล้วก็ต้องชะงักเท้า  ร่างสูง ๆ  ที่เขาชิงชังหนักหนากำลังเดินมาตามระเบียง  เด็กหนุ่มกำมือแน่น...ทำไมมันถึงมาที่นี่ตอนนี้

เซย์ริวชะงักไปนิดหนึ่งเช่นกันเมื่อเห็นว่ามีคนออกมาจากห้องที่เขาอาศัยหลับนอนอยู่ในตอนนี้  แต่เมื่อเห็นชัด ๆ  ว่าเป็นใคร  ร่างสูงก็ยกมุมปากขึ้นเหมือนจะแสยะยิ้ม...ไอ้หนูขี้โวยวายมันกล้ามาที่นี่แล้วอย่างงั้นหรือ

“ไม่เห็นตั้งนาน  นึกว่าจะไม่กล้ามาเหยียบที่นี่แล้วซะอีก”  เซย์ริวเริ่มด้วยคำทักทายที่ยียวน

“ฉันก็ไม่คิดว่านายจะมาอยู่แถวนี้เหมือนกัน  ไม่งั้นคงไม่มาให้เสียอารมณ์หรอก”  นัตสึสวนกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้กัน

“ถ้าอย่างงั้นไม่ต้องมาอีกเลยก็ดีนะ  เพราะตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่  มาเมื่อไรแกก็เสียอารมณ์เมื่อนั้นแหละ  แล้วดีไม่ดีอาจจะได้เสียชีวิตด้วย”  ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ  หากแววตาคมกริบจ้องอีกฝ่ายราวกับงูจ้องกินเหยื่อ

นัตสึรู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลัง  แต่ก็ไม่ยอมถอยให้  เขาพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น

“อ้อ  นายมาเกาะพี่ฉันกินหละสิ  หน้าด้านใช้ได้นี่”

“หึ...แต่อย่างน้อย  ฉันก็อยู่กับหมอนี่ในตอนที่มันต้องการให้มีคนอยู่ด้วยมากที่สุด  ไม่ใช่ทิ้งกันไปเป็นเดือน ๆ  อย่างใครบางคน”
ถ้อยคำของร่างสูงแทงใจนัตสึเข้าอย่างจัง  เด็กหนุ่มได้แต่ยืนนิ่ง...เถียงไม่ออก  ที่เซย์ริวพูดเป็นเรื่องจริง  แต่ตอนนั้นเขาแค่กำลังสับสนนี่นา

“นั่น...นั่นก็เพราะแกนั่นแหละ!”

“เพราะฉัน...?”  ชายหนุ่มเลิกคิ้ว  “เป็นแบบนั้นจริง ๆ  เหรอ  ไอ้หนู?  ไม่ใช่ว่าแกทนดูสภาพพี่ชายสุดที่รักไม่ได้...ทนตัวเองที่ไร้น้ำยาไม่ได้หรอกเหรอ?”

“ไม่ใช่!  ฉัน...”

นัตสึนึกคำตอบไม่ออก  แต่ในวินาทีนั้นด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจมือขวาก็เงื้อง่ากำปั้นขึ้นหมายจะต่อยหน้ากวน ๆ  ของเซย์ริวสักเปรี้ยง

“พอแล้ว!  ทั้งสองคนนั่นแหละ”  คัตซึฮิโกะร้องห้ามหลังจากที่ฟังอยู่นาน  เป็นผลให้คู่กรณีทั้งสองเงียบลงทันที  “เซย์ริว  คุณเลิกกวนโมโหนัตสึได้แล้ว”

“เหอะ!”  ร่างสูงทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่แยแส

“นัตสึ  นายกลับไปก่อนเถอะ  ไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรไปบอกว่าว่างหรือเปล่านะ”

เด็กหนุ่มลดมือที่กำแน่นลง  ถ้าวันนี้ไม่ได้ต่อยปากไอ้เลวนี่เขาคงนอนไม่หลับ  แต่คัตซึฮิโกะห้ามไว้อย่างนี้จะทำยังไงได้  เขาได้แต่ระบายลมหายใจอย่างขัดใจ

“ก็ได้  กลับก็ได้”

แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินเลี่ยงไปตามระเบียง  มือแข็ง ๆ  ก็รั้งไหล่ของเขาไว้  เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบา ๆ  ให้พอได้ยินกันแค่สองคน

“แกนี่...เป็นหมาที่ซื่อสัตย์กับเจ้าของดีนะ  เห็นเจ้าของก็ระริกระรี้ดีใจเข้าไปหา  พอเห็นจะมีคนมาใกล้เจ้าของก็หวง  ขู่ใส่เห่าใส่ไล่กัด...แต่ดันเป็นแค่ลูกหมาที่ทำอะไรไม่ได้  ปกป้องเจ้าของไม่ได้  ไม่มีประโยชน์”

นัตสึนิ่งอั้นไปชั่วครู่  อีกฝ่ายหัวเราะใส่หูเขาเบา ๆ  แล้วผละไป  เด็กหนุ่มหันขวับไปหมายจะเอาเรื่อง  แต่ในตอนนี้เจ้าวายร้ายนั่นโอบเอวพี่ชายของเขารั้งไว้ในอ้อมแขน  มันแสยะยิ้มให้นิดหนึ่งแล้วโน้มลงจูบคัตซึฮิโกะอย่างรวดเร็ว

ครั้งแรกมือเรียวยกขึ้นดันอกผลักไส  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเกาะยึดเมื่อจูบนั้นอ่อนหวานลึกซึ้งขึ้น  คัตซึฮิโกะไม่ได้ต่อต้านอะไรอีก
ดวงตาคมตวัดมองนัตสึนิ่งนานจนเด็กหนุ่มเห็นรอยยิ้มแบบผู้ชนะในแววตานั้น  ก่อนที่จะพริ้มตาลงอย่างไม่สนใจสายตาที่จ้องมาอย่างตกตะลึงแล้วก็ทำราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินในรสจูบนั้นเสียเหลือเกิน  ชายหนุ่มค่อย ๆ  ประคองคนในอ้อมแขนเข้าห้องพร้อมกับปิดล็อกประตูทั้งที่ริมฝีปากยังเคล้าคลอไม่ห่าง

นัตสึถลาเข้าไปแทบจะทันทีแต่ไม่ทัน  เขาเขย่าลูกบิดแรง ๆ  หมายจะให้มันเปิดออก  เมื่อไม่ได้ผลเขาก็กระหน่ำทุบประตูพลางตะโกนเรียกพี่ชายอย่างบ้าคลั่ง...มันพรากพี่ชายเขาไปต่อหน้าต่อตาซ้ำยังล่วงเกินอีกด้วย  แต่...คัตซึฮิโกะไม่ได้ขัดขืน...ทำไม...
กลีบปากอิ่มถูกลิ้มชิมรสจนแดงช้ำกว่าอีกฝ่ายจะถอนจูบออกแล้วคลอเคล้าไปตามแก้มนุ่ม  คัตซึฮิโกะนึกอยากจะเคลิ้มตามไปกับรสสัมผัสนั้นแต่เสียงทุบประตูและเสียงตะโกนของน้องชายดึงเขาเอาไว้  เขาดันอกร่างสูงให้ออกห่าง

“คุณพูดอะไรกับนัตสึน่ะ?”

“หือ...?  สำคัญด้วยเหรอ?”  ร่างสูงวกกลับมาขบเม้มเบา ๆ  ที่ริมฝีปากนุ่ม  แต่คัตซึฮิโกะผละออก

“อือ...คุณแกล้งนัตสึอีกแล้วนะ”

“ก็น้องแกมันน่าแกล้ง  ไอ้ลูกหมาที่ได้แต่เห่ามันก็น่าเอาตีนเขี่ยให้กลิ้งไปกลิ้งมาแบบนี้แหละ  นี่เห็นว่าแกห้ามไว้หรอกนะ  ไม่งั้นฉันจะแกล้งมันให้หนักกว่านี้อีก”

“นัตสึไม่ใช่หมานะ”  คัตซึฮิโกะตวัดตามองขุ่น ๆ  หากมีรอยยิ้มในสีหน้า

“เหอะ!  ไอ้ลูกหมาดี ๆ  นี่แหละ”  เซย์ริวว่าแล้วก็ประกบปิดริมฝีปากของร่างเพรียวด้วยเรียวปากอุ่นร้อนของตนอย่างไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้งอะไรได้อีก

นัตสึทุบประตูห้องจนระบมไปทั้งมือก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนในห้องจะมาเปิดประตูให้เขา  เด็กหนุ่มทรุดลงนั่งอย่างรวดร้าว...นี่เขาแพ้อย่างหมดรูปเลยงั้นหรือ...

“คัตจัง...คัตจัง...”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่เขาพร่ำเรียก  มีเพียงเสียงบางอย่างดังลอดออกมาเบา ๆ ...เป็นเสียงที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุดในชีวิต  มันกำลังครอบครองพี่ชายเขาอีกครั้ง!

...และน้ำเสียงของคัตซึฮิโกะก็มิใช่เสียงร้องแสดงความขัดขืนอีกต่อไป...

นัตสึกัดริมฝีปากตัวเองจนได้รสเลือด  ดวงตาร้อนผ่าวหากน้ำตากลับไม่ไหลออกมาด้วยความคั่งแค้นถึงที่สุด  เขาจะทำทุกอย่าง...นัตสึสาบานกับตัวเอง...เขาจะต้องเอาพี่ชายของเขาคืนมาให้ได้...จะแย่งคืนมา  แม้จะต้องฆ่ามันก็ตาม!!



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
ปล. ทำไม...ตอนนี้มันสั้นจัง
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-06-2013 00:30:49
ตกลงคาซึโกะโดนรีเซ็ตใหม่ให้เย็นชากับน้องแล้วเรอะ
เฮ้อ ออออ นัตสึจะทำไงต่อละเนี่ย น่ากลัวจริง
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 08-06-2013 00:49:30
โหยยย ไมเราแอบสงสารนัตสึว้าา (สงสัยจะเป็นอาการเด็กไม่ยอมโต 555)
แบบคัตจังคิดอย่างที่พูดจริงๆน่ะหรอ?

น้อยใจแทนเบาๆ แต่ก็อดสงสารคัตจังไม่ได้ โดดเดี่ยวมาตลอด *กระซิก*

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 08-06-2013 10:11:59
คัตจังผ่านความตายมาได้อย่างฉิวเฉียด เลยนิ่งสุขุมจนเกือบจะเย็นชาแบบนี้สินะ

บางทีคัตจังก็อาจจะอยากอยู่สบายๆ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจใครบ้างก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 12-06-2013 19:02:01
อยากดูอ่ะ ว่าอีกฟากของประตูเป็นยังไง   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 13-06-2013 02:47:08




    คงไม่ไปทำอะไรให้พี่ชายมาเสียใจทีหลังหรอกนะ



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: railay ที่ 13-06-2013 05:09:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 13-06-2013 23:06:45
รออ่านฮิโรกิค่าาาา
ขอ3Pให้ฮิโรกิก็ได้
แต่อยากให้โดนผู้ชายกดอ้ะ!!!
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 15-06-2013 10:54:59
ปูเสื่อรอตอนต่อไป ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 17: 7/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 15-06-2013 17:57:16
ตอนนี้มันสั้นจริงๆด้วย :z3:
น้องชายก็กลายเป็นผู้ร้ายก็งานนี้แหละ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-06-2013 10:52:49
ขอโทษที่หายหัวไปนะครับ มีธุระปะปังกะทันหันนิดหน่อย
ต่อเลยนะครับ

KOUSOKU 18

ร่างสูงกลับเข้ามาถึงห้องของคัตซึฮิโกะเมื่อตอนใกล้สาง  เขาพยายามเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่  แต่คนนอนไวอย่างคัตซึฮิโกะก็รู้สึกตัวตื่นจนได้

“กลับมาแล้วเหรอ?”  เจ้าของห้องถามขึ้นก่อนที่แสงโคมไฟบนโต๊ะหนังสือจะสว่างจ้า

“อืม”  เซย์ริวตอบสั้น ๆ  พลางถอดเสื้อยืดที่ชื้นเหงื่อออกแล้วควักเงินจำนวนหนึ่งวางบนโต๊ะ

คัตซึฮิโกะมองเงินพวกนั้นแล้วถอนใจนิด ๆ

“ไปจี้เขามาอีกแล้วเหรอ?”

“จะบอกให้ฉันเลิกหรือไง?”  ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกหยิบมาพันรอบเอวก่อนที่ชายหนุ่มจะถอดกางเกงตัวเองออก

“ก็เปล่าหรอก  แต่ถ้าไม่มีเงินก็น่าจะบอกผมก็ได้”  ร่างเพรียวยันกายลุกขึ้นนั่ง

“เงินแกมีพอใช้หรือไงล่ะ  แค่จะกินยังอด ๆ  อยาก ๆ   แกน่ะ  เก็บเงินไปให้หมอมาสะเถอะ  ฉันหากินของฉันเองได้”  เสียงนั้นสั้นห้วนแต่มีแววหยิ่งทะนงอยู่ในตัว

“อืม...แล้วบาดเจ็บมาอีกหรือเปล่า?”

“ถ้าวันไหนเจ็บฉันจะไปหาหมอเอง  แกน่ะนอนไปเถอะ  อีกนานกว่าจะนาฬิกาแกจะปลุก”  เซย์ริวบอกเป็นคำสุดท้ายก่อนที่จะเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกาย

คัตซึฮิโกะเอนตัวกลับลงนอนโดยหันหน้าเข้าผนังเพราะแสงไฟบนโต๊ะยังส่องสว่างแยงตา...ถูกแล้ว  เซย์ริวจะไปปล้นฆ่าใครก็เป็นเรื่องของเซย์ริว  ไม่เกี่ยวกับเขา  ตอนนี้เขาคิดแค่ว่าทำอย่างไรจะอยู่รอดและหาเงินไปใช้หนี้หมอมาซาฮิเดะให้หมดได้ก็พอ  ชายหนุ่มหลับตาลงพลางนอนฟังเสียงน้ำไหลไปเรื่อย ๆ   รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อที่นอนอีกด้านยุบยวบลงและมีไออุ่นเข้ามาแนบชิดทางด้านหลัง  ในฤดูร้อนเช่นนี้บางทีเขาก็อยากถีบเซย์ริวให้ตกเตียงเพราะความอบอ้าว  แต่เมื่อไม่มีทางแก้ไขให้อะไรมันดีขึ้น  เขาก็อดทนมาจนเริ่มจะชินด้วยกันทั้งคู่แล้ว  คัตซึฮิโกะขยับตัวไปชิดผนังห้องซึ่งเย็นกว่าอากาศในห้องนิดหน่อยแล้วผล็อยหลับไป


ร่างเพรียวลุกจากเตียงมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะไปทำงานหลังจากที่นาฬิกาปลุกไม่นานนัก  ในขณะที่คนร่วมห้องของเขายังเหยียดยาวอยู่บนเตียง  เงินที่วางอยู่บนโต๊ะจำนวนค่อนข้างมากทีเดียว  เผลอ ๆ  อาจจะมากกว่าเงินเดือนของเขาเสียด้วยซ้ำ  เซย์ริวคงไปตกเหยื่อตัวใหญ่มาอีกแล้ว...แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้เซย์ริวจะหาเงินบ่อยเกินความจำเป็น  แค่ลำพังหาอยู่หากินกันไปทุกวันนี้พวกเขาก็ประหยัดกันพอ  เรื่องเงินแทบไม่ได้เดือดร้อนอะไรเลย  แล้วทำไมเซย์ริวต้องออกไปล่าเหยื่อเป็นประจำแบบนี้ด้วยนะ…ชายหนุ่มได้แต่คิดเช่นนั้นแล้วออกจากบ้านไป

คัตซึฮิโกะทำงานไปเรื่อย ๆ  อย่างสบายอกสบายใจ  วันนี้มีคนมาสั่งช่อดอกไม้ค่อนข้างมาก  ฝีมือการจัดช่อดอกไม้ของเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ  จนคุณป้าออกปากชม  แต่ในขณะเดียวกันไม่ได้ละเลยที่จะดูแลต้นไม้ในกระถาง  เดี๋ยวนี้คนที่นิยมซื้อต้นไม้ทั้งกระถางไปให้กันเป็นของขวัญก็มีไม่น้อย

“ซาโนะคุง  วันนี้ป้าจะปิดร้านเร็วหน่อยนะ”  คุณป้าบอกเมื่อตอนบ่ายแก่ ๆ

“มีธุระเหรอครับ?”

“ใช่  หมอเขานัดไปตรวจหูน่ะ  มันชักจะเริ่มตึง ๆ  แล้ว”  คุณป้าพูดอย่างไม่เดือดร้อนอะไรนัก  มันเป็นเรื่องธรรมดาของคนอายุไม่น้อยแล้วอย่างเธอที่ร่างกายจะเสื่อมโทรมลงบ้าง

“ครับ  งั้นก็เริ่มเก็บต้นไม้เลยแล้วกันนะครับ”  คัตซึฮิโกะรับทราบแล้วก็ทยอยเก็บกระถางต้นไม้ที่วางอยู่นอกร้านเข้ามาด้านใน

งานทั้งหมดเสร็จตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน  คัตซึฮิโกะจึงตัดสินใจโทรไปหานัตสึเพื่อจะบอกว่าวันนี้เขาว่างพอจะไปกินมื้อเย็นด้วยที่บ้าน  เสียงจากอีกฟากของโทรศัพท์ร่าเริงจนคัตซึฮิโกะนึกขำ...นัตสึเหมือนลูกหมาแบบที่เซย์ริวเคยว่าไว้จริง ๆ  ด้วย

“อย่าลืมนะ  นายต้องเป็นคนทำให้ฉันกินด้วย  ห้ามให้คุณแม่ทำให้เด็ดขาดเลยนะ”  คัตซึฮิโกะย้ำสัญญาเมื่อวาน

“ทำน่า  พี่ไม่ต้องห่วงหรอก  เดี๋ยวจะโชว์ฝีมือเต็มที่เลย”

“อืม  ดี  งั้นไว้หกโมงเจอกันที่บ้านนายนะ”

“โห...อีกตั้งชั่วโมงกว่า  ทำไมพี่ไม่มานั่งเล่นที่บ้านก่อนเลยล่ะ  คุณแม่ก็อยู่เนี่ย”

คัตซึฮิโกะไม่อยากจะบอกว่าเพราะคุณแม่อยู่นั่นแหละ  ถึงได้ไม่อยากไปรอที่บ้าน  เพราะเขารู้ดีว่านัตสึคงไปขอให้คุณแม่หาทางคุยกับเขาเพื่อหว่านล้อมให้เขาไปอยู่ด้วยกันเสียที่บ้าน  บ้านของนัตสึเห็นเขาเป็นลูกชายคนหนึ่งมานานแล้ว  เพียงแต่ตัวเขาเองที่เป็นคนเว้นระยะห่างเอาไว้...นั่นเป็นครอบครัวของนัตสึ  ไม่ใช่ครอบครัวของเขา...

“ฉันว่าจะไปหาซื้ออะไรหน่อยน่ะ  ไว้เจอกันตอนหกโมงแหละ  ระหว่างนี้นายก็ทำกับข้าวรอให้ดี ๆ  ก็แล้วกัน  ไม่อร่อยจะประจานด้วย”  คัตซึฮิโกะตัดบท

“ก้อด้าย...รีบ ๆ  มานะพี่นะ”  นัตสึยังไม่วายทำเสียงงอแง

“อื้ม  แล้วจะรีบไป”  ชายหนุ่มบอกก่อนวางสายโทรศัพท์

คัตซึฮิโกะเตร็ดเตร่ฆ่าเวลาอยู่แถว ๆ  บ้านนัตสึ  ที่นี่มีสวนสาธารณะอยู่ใกล้ ๆ   ต้นไม้เขียว ๆ  ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายดีทีเดียว  เขาเพิ่งรู้ตัวตอนที่ไปขายต้นไม้นี่เองว่าสิ่งเหล่านี้มันทำให้ชีวิตสดชื่นขึ้นมากแค่ไหน

ร่างเพรียวนั่งชมนกชมไม้จนเกือบจะงีบหลับ  ถ้าไม่บังเอิญนึกขึ้นมาได้ว่าถึงเวลานัดแล้ว  เขาลุกจากม้านั่งยาวอย่างขี้เกียจ ๆ  แล้วเดินลากเท้าไปยังบ้านของนัตสึ  นิ้วเรียวกดกริ่งหน้าบ้านแล้วรอเพียงไม่นานใบหน้าคุ้น ๆ  ก็โผล่มาเปิดประตูให้

“อ๊ะ  มาแล้ว ๆ ”

“หวัดดี  นัตสึ”

“หวัดดี  คัตจัง  เข้ามาเร็ว  ฉันตั้งกระทะไว้บนเตา  เดี๋ยวไหม้”  นัตสึเร่ง

คัตซึฮิโกะกลั้นยิ้มนิด ๆ   เขารู้ว่านัตสึไม่เคยถนัดเรื่องงานครัวเลย  เพราะเขาเป็นคนทำให้กินมาตลอด  ชายหนุ่มถอดรองเท้าแล้วก้าวเข้าบ้าน

“รบกวนหน่อยนะ...แล้วคุณแม่ล่ะ?”

“แม่นั่งลุ้นอยู่ในครัวแน่ะ  เข้าไปคุยกับแม่สิ”

“อื้ม”  คัตซึฮิโกะตอบรับสั้น ๆ  แล้วเดินตามนัตสึเข้าไปในครัว

หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในครัวมีสีหน้าดีใจมากเมื่อเห็นหน้าคัตซึฮิโกะ  เธอไม่ได้พบกับพี่ชายสุดที่รักของลูกชายเธอมาตั้งแต่หลังไปเที่ยวด้วยกันตอนปีใหม่  นี่ก็ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้ว  ดังนั้นเธอจึงรีบกุลีกุจอออกมาต้อนรับ

“คัตซึฮิโกะ  ไม่เจอตั้งนานแน่ะ  แม่คิดถึงแทบแย่”

“ผมก็คิดถึงครับ  แต่พอดีเปลี่ยนงานเลยยุ่ง ๆ  นิดหน่อย  หาเวลามาหาไม่ได้เลย”  คัตซึฮิโกะบอก  เขาเองก็ชอบแม่ของนัตสึไม่น้อย

“มา  งั้นมาคุยกับแม่ก่อน  ปล่อยเจ้าดื้อนั่นมันทำข้าวไป  แม่จะช่วยมันก็ไม่ยอม”  คุณแม่แอบค่อน

“ก็ผมสัญญากับคัตจังแล้วนี่ว่าจะเป็นคนทำน่ะ”  เจ้าหนุ่มหัวทองแย้ง

“งั้นทำดี ๆ  อย่าให้พี่เขาท้องเสียล่ะ”

“เอ๊...แม่ก็  เชื่อใจกันบ้างสิครับ”  นัตสึหันมาทำแก้มป่องใส่แม่  แล้วก็หันกลับไปซ่อนยิ้ม...เมื่อกี้พี่ชายของเขาหัวเราะ...เช่นเดียวกับที่เคยทำเสมอ  นัตสึรู้สึกราวกับได้คัตซึฮิโกะคนเดิมคืนมา

แม่เลิกสนใจพ่อครัวจะเป็นแล้วหันไปคุยกับคนที่เป็นเหมือนลูกคนโต

“เห็นนัตสึบอกว่าเราเปลี่ยนงานเหรอ?”  คุณแม่ถามอย่างไม่ต้องการคำตอบ  “แล้วงานขายต้นไม้มันพอกินพอใช้เหรอลูก  ค่าแมนชั่นเราก็ต้องจ่ายนี่นา”

คัตซึฮิโกะยิ้มเล็กน้อย  อีกเดี๋ยวคุณแม่ต้องเข้าเรื่องชวนเขามาอยู่บ้านแน่ ๆ

“ทำไมไม่มาอยู่เสียด้วยกันที่บ้านล่ะ?”  นั่นไง  เริ่มแล้ว...  “ห้องว่างก็มีให้อยู่นะ  นัตสึจะได้มีเพื่อนด้วย”

“ผมชินกับการอยู่คนเดียวแล้วครับ”  คัตซึฮิโกะว่า  เขาออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาอยู่ตามลำพังเกือบ  7  ปีแล้ว

‘…อยู่คนเดียวหรืออยู่กับมันกันแน่…’  นัตสึคิด

“และที่สำคัญ  นัตสึเขาก็ไม่ได้เหงานี่ครับ  แฟนก็มีแล้ว”  คัตซึฮิโกะทิ้งระเบิดแหย่น้องชาย  ซึ่งก็ได้ผล

“มีแฟนก็เหงาได้นะ  พี่”  นัตสึหันมาแย้งทันควัน

“เดี๋ยวปลาไหม้นะ”  คัตซึฮิโกะชี้เตาย่างที่นัตสึย่างปลาค้างอยู่  “แน่ใจนะว่าเหงา  ขี้คร้านได้แฟนแล้วจะลืมพี่”

“ใครจะไปลืมล่ะ”  เด็กหนุ่มบ่นอุบอิบแล้วหันไปย่างปลาต่อ

“แต่แม่ว่าแมนชั่นเรามันน่ากลัวนะ  เดี๋ยวเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง”  คุณแม่พยายามดึงกลับเข้าเรื่อง

“ไม่มีอะไรหรอกครับ  ผมก็อยู่ที่นั่นนานแล้ว  ไม่เห็นเป็นไรเลย”

‘…แล้วที่มันมาถึงห้องนั่นยังว่าไม่มีอะไรอีกเรอะ…’  นัตสึเข่นเขี้ยวอยู่ในใจ

คุณแม่พยายามพูดกับคัตซึฮิโกะอยู่นาน  แต่ชายหนุ่มยืนยันจะอยู่ที่เดิมท่าเดียว  จนในที่สุดเธอก็อ่อนใจ  หันไปลอบยักไหล่ให้เจ้าลูกชายเป็นเชิงว่า...แม่พยายามเต็มที่แล้วนะ...

คัตซึฮิโกะแอบเห็นนัตสึทำหน้ามุ่ยแวบหนึ่ง  ก่อนจะหันมาพูดกับเขาว่า

“งั้นคืนนี้ค้างที่นี่นะ  คัตจัง”

“ขอคิดดูก่อนแล้วกันนะ”  คัตซึฮิโกะแบ่งรับแบ่งสู้

พอดีที่คุณพ่อกลับจากทำงาน  เรื่องนี้จึงยุติลงชั่วคราวเมื่อเริ่มมื้อเย็น  ฝีมือนัตสึอร่อยใช้ได้ทีเดียว  เสียแต่ว่าเจ้าพ่อครัวจะเป็นคอยแต่จะเร้าหรือให้คัตซึฮิโกะนอนค้างที่บ้านไม่หยุด  ในที่สุด  คัตซึฮิโกะก็ใจอ่อน

“โอเค  ค้างก็ได้  แต่ถ้าชวนคุยจนดึกแล้วฉันไปทำงานสาย  ฉันเล่นงานนายแน่”

“โหย  รับรองจะปลุกแต่เช้าเลยพี่”  นัตสึดูร่าเริงจนออกนอกหน้า

คัตซึฮิโกะเพียงแค่ยิ้ม ๆ  ตอบพลางคิดว่าปล่อยเซย์ริวไว้คนเดียวสักคืนคงไม่อดตาย  นอนค้างเอาใจเจ้าน้องชายยอดดื้อนี่สักหน่อยก็ดี  เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็น่าสนุกดี  ช่วงนี้ชีวิตของเขาเรียบง่ายจนน่าแปลกใจ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-06-2013 10:55:01
นัตสึกับคัตซึฮิโกะช่วยกันล้างจานหลังเสร็จมื้อเย็น  นัตสึชวนคุยไปต่าง ๆ  นานา  ท่าทางผ่อนคลายต่างจากเมื่อวานลิบลับ  คัตซึฮิโกะก็คุยด้วยท่าทางยิ้ม ๆ  ตามสบาย  รู้สึกดีที่นัตสึไม่ได้งอแงเรื่องให้เขาย้ายมาอยู่ด้วยกันอีก  แต่คัตซึฮิโกะรู้ดีว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไร  นัตสึคงเอาเรื่องนี้มาพูดอีกแน่

“วันนี้อาบน้ำด้วยกันนะพี่  ไม่ได้อาบด้วยกันนานแล้ว”  นัตสึชวน

“ตัวโตจนคับห้องน้ำแล้ว  ยังจะอาบด้วยกันอีกเหรอ”

“ห้องน้ำบ้านฉันใหญ่น่า  พี่ก็...”

“ก็ได้  ขอยืมผ้าขนหนูด้วยแล้วกัน”

“แถมชุดนอนให้ด้วยเลย”  นัตสึตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง


ไอน้ำอุ่นคลุ้งไปทั้งห้องน้ำ  แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่เรื่องการแช่น้ำร้อนก็ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมประจำชาติ  เว้นแต่บ้านที่ไม่มีอ่างอาบน้ำอย่างห้องที่คัตซึฮิโกะอยู่ซึ่งนิยมอาบน้ำเย็นจากฝักบัวมากกว่า

ร่างเพรียวปลดผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวปิดบังช่วงล่างออกในห้องเปลี่ยนเสื้อ  เผยให้เห็นผิวกายขาวเนียนละเอียด  ส่วนใต้ร่มผ้ายิ่งขาวกว่าส่วนอื่นโดยเฉพาะเรียวขา  ซึ่งเจ้าตัวมักจะสวมกางเกงขายาวออกนอกบ้านเสมอ  นัตสึเหลือบมองเรือนร่างนั้นและยิ้มอย่างพึงพอใจ  เขาชอบมองพี่ชายเวลาอาบน้ำมาแต่ไหนแต่ไร  คัตซึฮิโกะไม่ได้บอบบางจนเกินไปนัก  ทั้งร่างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้สัดส่วน  แม้ตอนนี้จะดูผอมลงบ้างแต่ก็ยังดูดี

“มองอะไรเหรอ?”  คัตซึฮิโกะถามเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกมอง

“อ๋า...เปล่า  แค่รู้สึกว่าพี่ผอมลงนะ”  นัตสึหุบยิ้มทันที

“นายก็ผอมลงเหมือนกัน  แต่ก็ดี...ไดเอ็ตบ้างก็ดี”  คัตซึฮิโกะบอกแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำ

“เดี๋ยวฉันถูหลังให้เอามั้ย?”  นัตสึเดินตามเข้าไปติด ๆ

“เอาสิ  ไม่มีคนถูให้นานแล้ว”

หลังจากต่างคนต่างอาบน้ำฟอกตัวเรียบร้อยแล้ว  คัตซึฮิโกะก็หันหลังให้นัตสึถูหลังให้  แผ่นหลังขาวเนียนทำให้นัตสึใจเต้นนิด ๆ  อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้สาเหตุ  ผิวที่โดนความร้อนจนเป็นสีอมชมพูดึงดูดให้สัมผัส  เด็กหนุ่มค่อย ๆ  ขัดถูไปบนผิวนั้นอย่างทะนุถนอม  ระหว่างนั้นคัตซึฮิโกะก็ชวนน้องชายคุยไปเรื่อย ๆ  โดยไม่รู้เลยว่านัตสึกำลังรู้สึกใจเต้นแบบแปลก ๆ  มากขึ้นทุกที

“มา  เปลี่ยนกันบ้าง”  คัตซึฮิโกะหันมาบอกพลางรุนหลังให้นัตสึหันหลังมาหา

นัตสึรู้สึกร้องผ่าวบนใบหน้า  เขารู้ว่าในห้องน้ำนี่มันร้อน  แต่อาการร้อนวูบวาบที่หน้ามันเหมือนกับตอนที่เขาอยู่กับแฟนสาวไม่มีผิด  เด็กหนุ่มรู้สึกประหลาด...ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่หรือ...กับคัตซึฮิโกะนี่นะ...

นัตสึรู้สึกว่าระยะนี้เขามักจะเป็นอะไรแปลก ๆ  กับเรื่องของคัตซึฮิโกะเสมอ  เขาซึมเศร้าแทบไม่เป็นตัวเองเมื่อไม่สามารถเข้าหน้าคัตซึฮิโกะได้  เขาโกรธอาละวาดเสียมากมายเมื่อรู้ว่ามันคนนั้นมาอยู่กับพี่ชายเขา  ทั้งยังดีใจเหลือเกินที่คัตซึฮิโกะยอมตามใจเขา...ทั้งหมดนี้คือความหวงพี่ชายเท่านั้นจริง ๆ  หรือ

เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้ลงแช่น้ำร้อน ๆ   ทั้งร่างกายและจิตใจผ่อนคลายลงมาก  แต่เมื่อเขาลอบมองคัตซึฮิโกะที่ลงแช่ตัวในฝั่งตรงข้าม...ผมที่ค่อนข้างยาวแล้วเปียกน้ำระลู่ลงมาตามใบหน้า  หยาดน้ำและริมฝีปากระเรื่อแดงดูเซ็กซี่จนเกินชาย...

นัตสึตะครุบลงกลางลำตัวเมื่อรู้สึกร้อนวาบที่จุดนั้น  ส่วนสำคัญของเขาตื่นตัวขึ้นจนตัวเองตกใจ...เขาเกิดอารมณ์...จากการจ้องมองพี่ชายตัวเอง!!

เจ้าหนุ่มผมทองก้มหน้างุดจนจมูกแทบมิดน้ำ  ถ้าเป็นไปได้เขาอยากมุดน้ำหนีไปเลยด้วยซ้ำ  แต่อ่างน้ำมันก็เล็กเกินกว่าจะทำแบบนั้น  นัตสึชักร้อนไปทั้งตัวแล้วในตอนนี้  แถมอารมณ์เจ้ากรรมยังเพิ่มขึ้นจนหยุดไม่ได้

“เป็นอะไรเหรอ  นัตสึ?”  คัตซึฮิโกะถามขึ้น

นัตสึเกือบสะดุ้ง

“ง่า...เปล่า  แค่...มันสบายจนเคลิ้มน่ะ”

“เดี๋ยวก็จมน้ำตายหรอก”  คัตซึฮิโกะหัวเราะเบา ๆ

เด็กหนุ่มถอนใจอย่างโล่งอก  โชคดีที่คัตซึฮิโกะไม่สังเกตถึงอาการอื่น ๆ  ของเขา  เขาเหลือบมองคัตซึฮิโกะอีกครั้งอย่างระแวง  ในตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมด้วยท่าทางสบายอารมณ์  และนั่นทำให้นัตสึสังเกตเห็นมัน...

รอยกรีดที่ข้อมือซ้าย!

หัวใจของนัตสึกระตุกวาบ  เขาเคยเห็นรอยแผลแบบนี้ที่ข้อมือของเพื่อนบางคน...บางคนกรีดเพื่อประชดคนอื่น  อีกหลายคนกรีดเพื่อระบายความอัดอั้น...แต่นัตสึไม่เคยเห็นแผลของใครใหญ่และหนักแน่นแบบที่ข้อมือของคัตซึฮิโกะมาก่อน

แผลของคนที่คิดจะตาย

เพราะอะไร...นัตสึถามตัวเอง...ตั้งแต่เมื่อไร  ทำไมเขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน  คัตซึฮิโกะทำแบบนั้นทำไม  เพราะอะไร...
แล้วเด็กหนุ่มก็คิดได้  เมื่อวานนี้พี่ชายของเขาสวมปลอกข้อมืออยู่ตลอดเวลา  คัตซึฮิโกะเคยบอกว่าไม่ชอบมันเพราะทำให้อบอ้าว  ส่วนมากแล้วคัตซึฮิโกะมักจะใส่สร้อยข้อมือเส้นโปรดที่ใส่มาหลายปีแล้วมากกว่า

...ไม่สิ...ถ้าคัตซึฮิโกะเริ่มสวมปลอกข้อมือหลังจากที่เกิดเรื่องวันนั้นซึ่งเป็นเหตุให้เขาหลบหน้าคัตซึฮิโกะล่ะ...คัตซึฮิโกะกรีดข้อมือเพราะมันอย่างงั้นหรือ!?

สาเหตุคงไม่มีทางเป็นอื่นไปได้...

“พี่  แผลนั่น...”  นัตสึถามขึ้นเบา ๆ

คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยอย่างประหลาดใจ  จนเมื่อเห็นว่าสายตานัตสึจับจ้องไปที่ใดจึงนึกออก

“อ๋อ  มีปัญหานิดหน่อยน่ะ”

“...เพราะมัน...?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้ารับน้อย ๆ

นัตสึจิกเล็บลงกับหน้าขาตัวเอง  จนแบบนี้แล้วคัตซึฮิโกะยังอยู่กับมัน...เขาไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร...แต่ก่อนที่นัตสึจะได้ถามอะไรต่อ  คัตซึฮิโกะก็พูดขึ้น

“ได้แช่น้ำแบบนี้แล้วสบายจังเลยนะ  ถ้าได้เบียร์เย็น ๆ  ตอนขึ้นจากน้ำก็เยี่ยมเลย”

น้ำเสียงของคัตซึฮิโกะดูสบายจริง ๆ  ไม่ใช่เสียงของคนที่พยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกใด ๆ   แต่นัตสึก็เข้าใจว่าคัตซึฮิโกะคงไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก

“มีสิ  ในตู้เย็นเล็กมีเกือบสองโหลได้มั้ย  พ่อเขาชอบดื่มน่ะ”

“แน่ใจนะว่าของคุณพ่อ  ไม่ใช่ของนาย”  คัตซึฮิโกะทำหน้าล้อเลียน

“บ้า  ขืนซุกไว้ขนาดนั้นแม่ก็ตีหัวแตกน่ะสิ”

จะอย่างไรก็ตาม  สองคนพี่น้องก็หอบเบียร์ร่วมโหลขึ้นไปบนบนห้องนอนของนัตสึ  แล้วนั่งดื่มกันไปพลางคุยกันไปพลาง


ดึกพอสมควรแล้ว  คุณพ่อกับคุณแม่เข้านอนนานแล้ว  เรื่องคุยเริ่มหมดลง  และเบียร์ก็พร่องไปเกินครึ่ง...

คัตซึฮิโกะนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างบานใหญ่ในห้องนอนของนัตสึ  เบียร์ในมือเป็นกระป๋องที่  6  แล้ว  แต่น่าแปลกที่วันนี้เขายังไม่เมามากนักทั้งที่ปกติเขาเป็นคนที่ดื่มได้ไม่มากเท่าไร  อาจเพราะวันนี้พระจันทร์สวยกระจ่างตา  แม้จะซีดจางเพราะถูกแสงไฟในเมืองรบกวน  แต่ก็ยังส่องแสงนวลอยู่กลางฟ้า  คัตซึฮิโกะเผลอยิ้มกับพระจันทร์  เขาเคยไม่ชอบพระจันทร์สีซีดดวงนี้  แต่วันนี้มันช่างดูสวยกว่าที่เคยเห็น  อาจเพราะ...หัวใจของเขาเปลี่ยนไปแล้ว...

นัตสึนั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง  เขาดื่มเบียร์เข้าไปน้อยกว่าคัตซึฮิโกะแต่ดูเหมือนจะเมามากกว่า  เพราะตอนนี้เขาเห็นคัตซึฮิโกะที่อาบนวลไปด้วยแสงจันทร์ดูงามราวกับเทพนิยาย  ไฟในห้องเปิดไว้เพียงสลัว ๆ  ยิ่งทำให้ร่างนั้นเรืองรองด้วยแสงสีเงินนวล...คัตซึฮิโกะดูอ่อนเยาว์  อ่อนหวาน  และงดงาม...มันคนนั้นได้ทำให้พี่ชายของเขาแปดเปื้อนจริง ๆ  หรือ

เด็กหนุ่มค่อย ๆ  ไล่สายตา...ผมสีดำขลับเช่นเดียวกับดวงตาที่มีขนตายาวล้อมพลิ้วตามแรงลมระอยู่บนใบหน้า  ริมฝีปากอิ่มและสองแก้มแดงเรื่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แต้มด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ  ที่ดูเคลิ้มฝัน  ลำคอระหง...มีรอยจ้ำแดงปรากฏ...นัตสึขมวดคิ้วอย่างขัดใจ  รอยนั้นทำให้คัตซึฮิโกะดูเหมือนงานศิลปะชั้นดีที่มีตำหนิ  เด็กหนุ่มพยายามสลัดความคิดนี้ออกจาหัวแล้วค่อย ๆ  ชื่นชมเรือนร่างนั้นต่อ...ในชุดเสื้อกล้ามตัวหลวม  ผิวที่แขนอาจไม่ขาวเสมอกันเพราะโดนแดดแค่บางส่วน  รอยแผลที่ข้อมือซ้ายไม่ได้ถูกปิดบัง  นั่นคือตำหนิอีกแห่งที่นัตสึขัดใจ  แต่ขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นก็ดึงความสนใจไปอีก...คัตซึฮิโกะช่างงดงามจริง ๆ ...แล้วมัน...มันได้คัตซึฮิโกะไปครองจริง ๆ  หรือ!?

หัวใจของนัตสึกระตุกอีกครั้ง  ความโกรธและขัดเคืองพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างหยุดไม่ได้  แอลกอฮอล์ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมตัวเองไปมาก  จากความโกรธค่อย ๆ  แปรเปลี่ยนไป  ร่างกายมันยังจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนอาบน้ำได้  และตอนนี้ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็กระตุ้นให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง

...คัตซึฮิโกะเป็นพี่ชายของเขา...เป็นของเขา...ของเขาเท่านั้น...ไม่ใช่ของมัน!!...

นัตสึยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด  ก่อนจะปล่อยมันลงพื้นแล้วเดินโงนเงนไปหาคัตซึฮิโกะ  ชายหนุ่มกำลังนั่งเหม่อมองพระจันทร์อย่างเคลิบเคลิ้มจนไม่ทันระวังตัว  เมื่อแขนข้างหนึ่งตวัดโอบรอบเอว  จึงถูกรั้งให้ถลาสู่อ้อมแขนนั้นอย่างง่ายดาย

“อ๊ะ  นัตสึ?”  คัตซึฮิโกะอุทานด้วยความตกใจ

“อืม...”  นัตสึไม่ได้ว่าอะไรนอกจากรั้งคัตซึฮิโกะให้แนบชิดมากขึ้น

“มีอะไรเหรอ?”  ชายหนุ่มมองหน้าน้องชายอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“พี่...”  นัตสึกระซิบเบา ๆ  ที่ข้างหู  “...ฉัน...”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 22-06-2013 10:57:12
คำที่คิดจะพูดไม่ได้ถูกเอ่ยออกมา  เมื่อริมฝีปากอุ่นประทับแนบสนิทลงกับริมฝีปากที่ไม่ทันระวังตัว  บดเบียดความรุ่มร้อนเข้าหาอย่างไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายทักท้วง

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง  สองมือยกขึ้นดันอกผู้เป็นน้องชาย...นัตสึเป็นอะไรไป!?

ชายหนุ่มสะบัดตัวเต็มแรงเพื่อหนีให้พ้นจากอ้อมกอดของนัตสึ  หากสองแขนนั้นยังรั้งตรึงไว้แน่น  เขาทำได้เพียงผละริมฝีปากออกห่าง

“ทำอะไรของนายน่ะ  นัตสึ!?”  คัตซึฮิโกะร้องขึ้นเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ

“ไม่ได้เหรอ?”  น้ำเสียงเรียบ ๆ  และแววตาตัดพ้อทำเอาผู้เป็นพี่ชายนิ่งไปชั่วขณะ

“เรื่องนั้นมัน...”

“ต้องเป็นมันถึงจะได้งั้นเหรอ?”  นัตสึถามด้วยน้ำเสียงที่ดูดุดัน

“ไม่ใช่...แต่เพราะเป็นนายถึงไม่ได้ต่างหากเล่า”  คัตซึฮิโกะพยายามเอาตัวเองออกจากอ้อมแขนนี้ให้ได้  แต่ดูเหมือนว่ามันจะยิ่งกระชับแน่นขึ้นทุกที

“ทำไมเป็นฉันแล้วถึงไม่ได้ล่ะ?”  ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเต็มที่

“เพราะนายเป็นน้องของฉัน”

“แต่พี่เป็นของฉัน!  ของฉันคนเดียวเท่านั้น!!”

เพียงขาดคำ  นัตสึก็เหวี่ยงคัตซึฮิโกะลงบนเตียงนอนแล้วตามขึ้นไปคร่อมทับร่างเอาไว้  จับคว้าสองมือของผู้เป็นพี่กดตรึงแน่น  ริมฝีปากพยายามกดแนบลงบนเรียวปากอิ่มเพื่อช่วงชิงจุมพิตแสนหวานอีกครั้ง  หากคัตซึฮิโกะเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ยินยอมให้รุกราน  เด็กหนุ่มจึงละริมฝีปากไปและเล็มตามจุดกระตุ้นอารมณ์

ใบหูนิ่มถูกขบงับแผ่วเบา  ก่อนที่ริมฝีปากและลมหายใจรุมร้อนอันเต็มไปด้วยกลิ่นของแอลกอฮอล์จะเลื่อนลงต่ำไปยังซอกคอขาว  ร่องรอยที่มันคนนั้นประทับเอาไว้ก่อนหน้าถูกขบเม้มซ้ำหนัก ๆ  จนเป็นจ้ำ  ราวกับจะตอกย้ำความเป็นเจ้าของ

“ไม่...นัตสึ...หยุดนะ”  คัตซึฮิโกะร้องห้ามพลางดิ้นรน

หากเพียงแค่เปิดปาก  คนที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ฉวยโอกาสนี้ประกบริมฝีปากแล้วส่งปลายลิ้นเข้ารุกล้ำอย่างรวดเร็ว

เมื่อแรก  เรียวลิ้นนั้นกวาดควานตวัดลิ้มชิมรสหวานล้ำที่ปรารถนาจะสัมผัสอย่างกระหายอยาก  จนเมื่อรับรู้ได้ถึงความหวานซ่านจึงค่อย ๆ  ผ่อนแรงลง  เปลี่ยนเป็นละเลียดเล็มชิมรสชาตินั้นอย่างเชื่องช้านุ่มนวล...คัตซึฮิโกะมิได้หอมหวานเหมือนน้ำผึ้ง  มิได้นุ่มละมุนเหมือนกลีบดอกไม้  หากในความหวามหวานนั้นแฝงรสขมปร่าบางอย่างที่นัตสึไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต...รสชาตินี้แตกต่างจากความหวานแบบลูกกวาดของแฟนสาวที่เด็กหนุ่มเคยลิ้มลอง...มันลึกซึ้งกว่า  และชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มยิ่งกว่า...เหมือนกับบุหรี่ที่ผสมกลิ่นวานิลลา... 

ถึงตอนนี้คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้คิดจะขัดขืนอะไรอีกต่อไป  หากก็ไม่ได้ตอบสนอง...จริงอยู่ว่านัตสึเป็นน้องของเขา...แต่นั่นก็แค่ความเป็นน้องไม่ใช่หรือ  เขากับนัตสึไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย  พวกเขาเพียงแต่เติบโตขึ้นมาด้วยกัน...เหมือนพี่...เหมือนน้อง...แต่ก็ไม่ใช่

...เพราะแบบนั้น...ไม่น่ามีอะไรเสียหายไม่ใช่หรือ...

...แต่จะให้ปล่อยไปแบบนี้...จะดีจริง ๆ  หรือ...

ในที่สุด  ชายหนุ่มเลือกที่จะไม่ตอบสนองใด ๆ  ต่อการกระทำของนัตสึแม้แต่น้อย  เขาปล่อยให้นัตสึทำตามใจราวกับตนเองเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง  แม้เสื้อกล้ามตัวหลวมจะถูกดึงขึ้นสูงจนเผยให้เห็นแผ่นอกเรียบเนียน...และแม้ริมฝีปากอุ่นร้อนจะประทับแนบลงครั้งแล้วครั้งเล่า  คัตซึฮิโกะก็ยังคงนอนนิ่ง...อารมณ์ภายในเริ่มคุกรุ่นตามแรงกระตุ้น  แต่คัตซึฮิโกะไม่ตอบสนองต่อการกระทำใดมากไปกว่าระบายลมหายใจเพื่อผ่อนคลายความอึดอัดในบางครั้ง  เรียวเล็บจิกดึงผ้าปูที่นอนเมื่อไม่อาจรั้งอารมณ์ได้...แต่ก็เพียงเท่านั้น

นัตสึเลิกเสื้อกล้ามของคัตซึฮิโกะขึ้น  จ้องแผ่นอกขาวที่ปรากฏขึ้นท้าทายสายตาแล้วกลืนน้ำลาย  ริมฝีปากอิ่มโน้มลงไปขบจูบอย่างหลงใหล  เน้นย้ำตรงรอยแดงช้ำที่กระจายอยู่ประปรายพลางยิ้มกับตัวเองเมื่ออีกฝ่ายกระตุกผวาเพราะการกระทำนั้น

เรียวลิ้นและริมฝีปากของเด็กหนุ่มยังคงเดินทางไปตามผิวเนียนลื่นต่ำลงไปสู่หน้าท้องแบนราบ  จูบเม้มหนักหน่วงเข้าที่ใกล้ ๆ  สะดือ  ทำให้เอวบางเดาะแอ่นขึ้นรับอย่างลืมตัว  นัตสึเฝ้าเคล้าคลอวนเวียนอยู่ตรงจุดนั้นเป็นครู่เมื่อรู้ว่ามันเป็นจุดเร้าจุดหนึ่งของพี่ชาย  นิ้วเรียวเกี่ยวดึงขอบกางเกงขาสั้นที่คัตซึฮิโกะสวมอยู่พลางรู้สึกถึงกล้ามเนื้อต้นขาที่กระตุกเกร็ง...คัตซึฮิโกะเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้เขาเช่นกัน

กลิ่นสบู่หอมกรุ่นที่ยังติดผิวกายในที่เร้นลับปลุกอารมณ์ดิบให้พลุ่งพล่าน  นัตสึเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยใจระทึก  เพียงแค่กางเกงตัวนี้หลุดพ้นไป  เขาจะได้เห็นทั้งหมดของคัตซึฮิโกะ...แม้ที่ผ่านมาจะอยู่ด้วยกันมากว่าครึ่งชีวิต  แต่ครั้งนี้แตกต่างไป...หากข้ามพ้นปราการนี้ไป  คัตซึฮิโกะจะเป็นของเขา!

ลมหายใจผ่าวร้อนเลื่อนลงตามขอบกางเกงที่ถูกดึงต่ำ  เด็กหนุ่มระริมฝีปากเรื่อยลงมาจนแตะลงกับแก่นเนื้อนุ่มซึ่งตอนนี้เริ่มแข็งขืนตื่นตัวน้อย ๆ   นัตสึจูบมันแผ่วเบาราวกับจะทักทาย

“อ๊า...”  เสียงหวานอุทานแผ่วเบา  เรียวเล็บจิกขยุ้มลงกับผ้าปูที่นอน

นัตสึยิ้มกับเสียงของผู้เป็นพี่ชาย  คัตซึฮิโกะไม่ได้ขัดขืน  และเสียงครางนั้นดูพึงพอใจ...เด็กหนุ่มขบงับและกระหวัดเรียวลิ้นลงที่ส่วนกลางกายของคัตซึฮิโกะหนักหน่วงขึ้น  กระตุ้นเร้าจนมันตื่นตัวขึ้นเรื่อย ๆ   มือหยาบค่อย ๆ  รูดกางเกงขาสั้นอันเป็นปราการสุดท้ายที่ขวางกั้นระหว่างเขากับคัตซึฮิโกะลงแล้วดึงมันหลุดเรียวขาขาวไป

ถึงตอนนี้  เป็นครั้งแรกที่นัตสึเงยขึ้นมองหน้าคัตซึฮิโกะนับตั้งแต่เขาจับคัตซึฮิโกะกดตรึงลงกับเตียง...ใบหน้าของชายหนุ่มแดงระเรื่อ  ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น  ดวงตาคู่สวยปรอยปรือไม่ยอมสบตาคนที่กำลังครอบครองเขาอยู่...นัตสึคลี่ยิ้มให้กับทีท่าเขินอายนั้น  แม้จะรู้สึกผิดอยู่ลึก ๆ  ในใจ  แต่เขาก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้แตะต้องสัมผัสเรือนร่างนี้ได้

เด็กหนุ่มประคองใบหน้าหวานให้หันมามองเขา  หากผู้เป็นพี่ชายยังคงไม่ยอมสบตา  นัตสึรู้สึกขัดเคืองปนน้อยใจขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ   เขาฉกริมฝีปากลงไปบังคับจูบอย่างรวดเร็วและหนักหน่วงพร้อมกับที่มือใหญ่เข้ากอบกุมส่วนกลางกายนวดคลึงรูดเร้ากระตุ้น  อีกมือที่ยังว่างขยี้ลงกับยอดอกสีเข้มรุนแรง

“อ๊ะ!  อย่า...นัตสึ...”

นัตสึไม่ฟังเสียงร้องห้ามนั้น  ความหลงใหลคลั่งไคล้ผลักดันให้เขากระหายหื่นอยากในตัวพี่ชายจนเจียนบ้า  มือใหญ่กระชากรูดแก่นกายเร่งเร้าเอาแต่ใจจนมันแข็งตั้ง  หยาดน้ำเหนียวปริ่มออกมาด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นตามสัญชาตญาณ  เด็กหนุ่มวกริมฝีปากกลับลงไปลิ้มรสของพี่ชายอย่างกระตือรือร้น  รสชาติปร่าแปลกเชิญชวนให้อยากลิ้มลองมากขึ้น  แล้วก็สมใจอยากเมื่อมือเรียวผละจากฟูกที่จิกทึ้งมาขยุ้มลงบนผมนิ่ม  เอวบางขยับไหวตามจังหวะการโลมเร้าที่เร่าร้อน  เสียงสั่นพร่าครางระงมไม่ขาดปาก  กล้ามเนื้อทั่วเรือนร่างเริ่มเครียดเกร็ง

แต่ก่อนที่อารมณ์ของคัตซึฮิโกะจะถูกปลดปล่อย  ผู้เป็นน้องชายกลับถอนปากออกแล้วยกเรียวขาขาวขึ้นสูง  เผยให้เห็นช่องทางเร้นลับที่ปิดสนิทแน่น  นัตสึเลียนิ้วตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วแตะต้องสอดดันเข้าไปอย่างกระหายใคร่รู้

“อ๊า...”

พร้อมกับเสียงครางหวาน  ช่องทางนั้นตอดรัดรุนแรง  นัตสึเผลอถอนใจพรู  มันคับแน่นเสียยิ่งกว่าเรือนร่างของแฟนสาวที่เขาเคยสัมผัส  เด็กหนุ่มทดลองขยับควานสำรวจเส้นทางจนทั่ว  ยิ่งขยับมันก็ยิ่งตอดรัดมากขึ้น  ร่างบอบบางด้านหน้าชุ่มไปด้วยหยาดแห่งอารมณ์

ปฏิกิริยานั้นเร้าอารมณ์จนนัตสึทนไม่ได้  เขาถอนนิ้วออกแล้วจับขาทั้งสองข้างของคัตซึฮิโกะแยกออกกว้าง  กางเกงนอนถูกดึงลงแค่พอสะดวก  แม้ไม่ได้รับการกระตุ้นด้วยการสัมผัส  ร่างอันเครียดขึงของเขาก็ตื่นพร้อมที่จะรุกล้ำเข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะแล้ว
แก่นกายแกร่งกดแนบส่วนปลายลงกับช่องทางลับ  แล้วค่อย ๆ  ดันตัวเองจมลึกเข้าไปในร่างอันเป็นที่ปรารถนา

“อะ...อา...”  คัตซึฮิโกะจิกเล็บลงกับไหล่ของผู้เป็นน้องชายแน่น  แม้จะตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ตอบสนองต่อการกระทำของนัตสึ  แต่ร่างกายกลับถูกฉุดกระชากไปตามอารมณ์ดิบที่เกิดขึ้น

นัตสึฝังกายลงไปจนมิด  เขาไม่อาจรอได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว  เอวหนาขยับโยกตามความต้องการอย่างไม่อาจห้ามได้  เส้นทางที่ปราศจากสิ่งหล่อลื่นและได้รับการเตรียมพร้อมเพียงเล็กน้อยคับแน่นและค่อนข้างฝืดฝืน  เนื้อนุ่มเสียดสีและโอบรัดร่างของเด็กหนุ่มจนร้อนวาบราวกับถูกแผดเผา

คัตซึฮิโกะหวีดเสียงครางกระเส่า  แม้ร่างของผู้เป็นน้องจะไม่ใหญ่โตจนสร้างความรวดร้าวเท่ากับร่างอันคุ้นเคยของเซย์ริว  แต่ด้วยจังหวะลีลาที่ผิดแปลกไปทำให้รู้สึกหวั่นไหว  จังหวะการรุกรานไม่ได้รุนแรงแต่ก็หนักหน่วงจนเกือบจะดุดัน

“คัตจัง...อา...คัตจัง...”

เสียงกระซิบแผ่วที่แว่วมาให้ได้ยินทำให้ต้องปรือตาขึ้นมอง  และก็สบกับสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและปรารถนาจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว  คัตซึฮิโกะรีบหลบตาอย่างรวดเร็วแล้วก็รู้สึกได้ถึงการรุกเร้าที่หนักหน่วงมากขึ้น

...ณ  วินาทีนั้น  นัตสึก็ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป  เขาต้องได้ทั้งหมดของคัตซึฮิโกะเดี๋ยวนี้!!

เด็กหนุ่มกระทั้นกายเข้าใส่ร่างที่รองรับเขาอยู่อย่างรุนแรง  เร่งเร้าจังหวะตะเกียกตะกายเข้าหาที่สุดของอารมณ์  ผลักดันความปรารถนาที่เร่าร้อนไปสู่จุดสุดยอด  ดวงตาพร่าพรายไปด้วยเสน่หาอันแสนหวาน  อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้แล้วที่เขาจะไปถึงสวรรค์...กับคัตซึฮิโกะ...คนที่เขาปรารถนามาตลอดชีวิต!

“อึ่ก...ฮึ...คัตจัง...คัตจัง...อ๊ะ!...”

สิ้นเสียงคราง  นัตสึก็ปลดปล่อยหยาดแห่งอารมณ์ให้ฉีดพ่นเข้าไปในร่างของคัตซึฮิโกะจนเต็มปรี่  พร้อม ๆ  กับที่คัตซึฮิโกะก็พรั่งพรูความเร่าร้อนออกมาจนหมดสิ้น

ราวกับโลกหยุดหมุนลงชั่วขณะ  นัตสึเกร็งร่างเข้าหาคัตซึฮิโกะอยู่เป็นครู่ก่อนที่จะทรุดซบลงกับเรือนร่างชื้นเหงื่อที่ระทดระทวยอยู่ข้างใต้  แนบหูฟังเสียงหัวใจที่เต้นระรัวอยู่ในแผ่นอกบางที่สะท้อนประสานไปกับเสียงหัวใจของเขา  เด็กหนุ่มระบายลมหายใจยาวแล้วผล็อยหลับไป

...ในค่ำคืนนี้...คัตซึฮิโกะเป็นของเขาแล้ว...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 22-06-2013 11:59:27
โอ๊ะ เซย์ริวจะว่ายังไงนี่ คัตจังกับนัตสึมีอะไรกันแล้ว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 22-06-2013 12:06:02
เฮ้ยยยย นี่ฝันหรือว่าจริงเนี่ย
ทำไมนัตสึรุก (งงประเด็นนี้? 555)
ถ้าเซย์ริวรู้เรื่องจะยังไงเนี่ย
จริงๆนัตสึชอบคัตซึฮิโกะมาตลอดหรืเปล่าาา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Chelylie ที่ 22-06-2013 16:41:07
ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ติดตามต่อไป
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 22-06-2013 18:36:10
สงสารคัตสึที่สุด
เจ็บปวดดด~

แบบว่าค่อยๆชาชินต่อโลกทีละนิดๆ แข็งกระด้างหมดแล้ว
;_____;//
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: pmnet ที่ 22-06-2013 21:03:59
นิยาย สนุกมาก อ่านรวดเดียว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 23-06-2013 06:51:58







     ง่า นัตสึ หลงรักพี่ชายเข้าแล้วเหรอเนี่ย
     แล้วทำอย่างนี้จะมีอะไรร้ายแรงขึ้นไหมนะ
     นัตสึต้องไม่ยอมปล่อยพี่ไปง่ายๆแน่เลย



หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 23-06-2013 08:22:26
ขอติดตามและลุ้นๆไปด้วยคนค่ะ แอร๊ยยย ทำไมคัตจังโดนอีกแล้วล่ะ :z3:
เซย์ริวจะเดือดขนาดไหนน้อ ถ้ารู้ว่าลูกหมาที่ตัวเองว่ากินคัตจังไปแล้ว :jul1:
พรุ่งนี้จะเหมือนเดิมไหมล่ะ ความเป็นพี่น้องจะยังอยู่ไหม แต่มีครั้งแรกก็จะมีครั้งต่อไปแน่เลย นัตสึดูหลงใหลคลั่งไคล้คัตจังซะขนาดนั้น :haun4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 25-06-2013 12:39:41
เอาละสิ นิยายสีเทา :hao4: เย็นชาขึ้นเรื่อยๆละคัตจัง  :hao5:

ช่วงเอาคืนเซย์ริวหรือเปล่า  :hao4:

หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 25-06-2013 22:38:55
เฮ้ยยยยยยย :katai4:
พระเอกหายไปไหนนนนน
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 26-06-2013 23:01:39
จริงอ่ะ นี่มันเรื่องจริงหรออออออออออออ    :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 18: 22/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-06-2013 08:28:06
ชอบนัตสึกิ
แต่แบบนี้มัน...ไม่ได้!!!!!
แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปความสัมพันธ์ของคัตสึฮิโกะกับนัตสึกกิจะเป็นยังไงจะยิ่งย่ำแย่หรือดีขึ้นกัน
แต่ว่าตอนนี้รู้สึกได้เลยว่า...เปลี่ยนพระเอกเถ๊อะ!!
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 28-06-2013 17:05:59
สวัสดีวันศุกร์ครับ
วันนี้ลงเสียแต่หัววัน กลัวลืม แหะๆ

KOUSOKU 19

ค่ำคืนที่เงียบงันผ่านไป  และยามเช้าที่ว่างเปล่ามาเยือน

คัตซึฮิโกะลุกจากเตียงไปเงียบ ๆ   คนที่กอดก่ายเขามาตลอดคืนยังคงหลับสนิท  ชายหนุ่มชำระล้างร่างกายจนหมดจดแล้วหยิบเสื้อผ้าชุดเดิมของเมื่อวานมาสวม  หมายใจไว้ว่าจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้องก่อนออกไปทำงาน

คัตซึฮิโกะกลับไปที่ห้องของนัตสึอีกครั้ง  เด็กหนุ่มยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว  ดวงหน้ายามนี้ดูอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาจนไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนนี้จะทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้  ชายหนุ่มลูบผมสีทองนุ่มมือแผ่วเบา...แม้เหตุการณ์จะเป็นเช่นนี้  แต่นัตสึก็ยังคงเป็นน้องชายเพียงคนเดียวที่เขามีอยู่  ที่ผ่านมาเมื่อคืนก็เป็นเพียงแค่การตามใจน้อง...เพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้าย  จากนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว...แต่นัตสึจะเข้าใจหรือไม่...เขาไม่รู้

“ไปก่อนนะ  นัตสึ”  คัตซึฮิโกะกระซิบเบา ๆ  ที่ข้างหูผู้เป็นน้องแล้วจากมาโดยไม่รอให้นัตสึตื่น


ชายหนุ่มกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องแต่ไม่พบใคร  ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร  เพราะเซย์ริวจะไปไหนทำอะไรก็ไม่ค่อยจะบอกเขาอยู่แล้ว

คัตซึฮิโกะไปทำงานตามปกติ  แม้ร่างกายจะยังขัด ๆ  อยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร  วันนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลามาครุ่นคิดอะไรมากนัก  จนเกือบบ่ายเขากับคุณป้าจึงได้หยุดพัก

“ซาโนะคุง  ไปพักสักชั่วโมงไป  เดี๋ยวป้าดูหน้าร้านเอง”

“เอ๋  จะดีเหรอครับ?”

“เราน่ะยังไม่ได้กินข้าวไม่ใช่เหรอ  ป้ากินแล้วหละ  ตอนนี้ลูกค้าน้อยลงแล้วไม่เป็นไรหรอก  ถ้าไม่ไหวจริง ๆ  ป้าจะไปเรียกก็แล้วกัน”  คุณป้าบอกอย่างใจดี

“ขอบคุณครับ  คุณป้า  งั้นผมขอตัวแป๊บนะครับ”  คัตซึฮิโกะถอดผ้ากันเปื้อนพาดกับเก้าอี้แล้วเลี่ยงออกไปทางหลังร้าน

แซนด์วิชทูน่าสลัดพร้อมกับน้ำอัดลมขวดหนึ่งจากร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ  เป็นมื้อเที่ยงที่ชายหนุ่มเลือก  เขานั่งลงตรงเก้าอี้ยาวที่คุณป้าตั้งไว้หลังบ้าน  แดดยามบ่ายแผดเผาจนไอร้อนเต้นระยับอยู่บนถนน  ในฤดูร้อนเช่นนี้คัตซึฮิโกะก็ต้องการน้ำไม่น้อยไปกว้าต้นไม้ในร้าน  ดังนั้นเมื่อยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดขวดแล้วยังไม่คลายความกระหาย  เขาจึงเดินไปที่ตู้ขายน้ำอัตโนมัติตรงหัวมุมถนน  แม้พยายามจะประหยัดเงินค่ากินอยู่แต่เดือนนี้เขาก็หมดไปกับค่าน้ำค่อนข้างมากทีเดียว

คัตซึฮิโกะยืนเลือกเครื่องดื่มอยู่ชั่วขณะ  แต่ก่อนที่จะหยอดเงินตามราคาของ  มือใหญ่ ๆ  ก็ท้าวคร่อมร่างเพรียวเอาไว้  ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยความตกใจ

“ไง...เมื่อคืนไปไหนมาบ้านช่องไม่กลับ?”  เสียงห้าวถามขึ้นเรียบ ๆ

“ซะ...เซย์ริว”

“ทำไมแกถึงชอบทำหน้าเหมือนเห็นผีทุกครั้งที่เห็นฉันวะ?”  ร่างสูงบ่นพลางแย่งเงินในมือคัตซึฮิโกะมาหยอดลงเครื่องขายน้ำแล้วเลือกชาอูลอนออกมาหนึ่งขวดใหญ่

“เฮ้!  นั่นมันเงินผมนะ”  คัตซึฮิโกะท้วง

“เรอะ...งั้นอยากดื่มอะไรล่ะ?”  เซย์ริวแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าเงินที่ได้ทอนกลับมาไม่พอซื้อเครื่องดื่มอะไรในตู้ได้ทั้งสิ้น

“ผมจะดื่มโปคาลิ  สเวท”  ร่างเพรียวทำแก้มป่องใส่

“อืม...”  เซย์ริวยกชาอูลอนในมือขึ้นดื่มพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เอาตังค์คืนมา”  คัตซึฮิโกะยิ่งหน้ามุ่ยหนัก...อากาศก็ร้อนพออยู่แล้ว  เจ้าบ้านี่ยังมาทำให้อารมณ์ร้อนหนักขึ้นอีก

ร่างสูงยิ้มนิด ๆ ...จะว่าไปแล้ว  คัตซึฮิโกะเองก็ขี้โวยวายไม่น้อยไปกว่านัตสึหรอก  เพียงแต่นาน ๆ  จะโวยวายสักครั้งเท่านั้นเอง  นี่ดูท่าจะร้อนได้ที่  ถึงได้โวยแม้กระทั่งเรื่องเงินไม่กี่เยน

เซย์ริวฉวยโอกาสตอนที่คัตซึฮิโกะตั้งท่าจะโวยต่อรวบตัวเข้ามาใกล้แล้วประกบริมฝีปากจูบป้อนชาเย็นฉ่ำให้อย่างรวดเร็ว  แต่แม้ว่าน้ำนั้นจะเย็น  หากรสขมขื่นคอเล่นเอาสำลัก  คัตซึฮิโกะกระอักกระไออยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะแหวเอากับคนขี้แกล้งที่เอาแต่ยืนหัวเราะ

“บ้า!  เล่นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!?”

“ก็เห็นบอกว่าอยากดื่มน้ำเย็น ๆ  นิ  ฉันก็ป้อนน่ะสิ”

“แต่ผมไม่ได้อยากดื่มชาอูลอนนี่โว้ย”  คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้าแล้วเดินปึงปังหนีไป

“ถึงชามันจะขมแต่มันก็ชุ่มคอนะ”  ร่างสูงเดินตามมาตอแย

“แต่ผมอยากดื่มอะไรหวาน ๆ ”  ชายหนุ่มหันมาจ้องหน้าเซย์ริวยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ  “แล้วถ้าไม่มีอะไรจะทำนะ  คุณก็กลับบ้านไปเลย  หรือจะไปทำอะไรที่ไหนก็ไป”

“ไล่กันแบบนี้เลยเหรอ  คาซึโกะ”  เซย์ริวยืนกอดอกมองคู่กรณีพลางยิ้มในสีหน้า  “เมื่อคืนแกไม่กลับบ้าน  ฉันเลยไปทำอะไร ๆ  ที่อยากทำมาหมดแล้วน่ะสิ  เหลืออย่างเดียว...”

“งั้นก็ไปทำไอ้ที่เหลือซะเซ่”  คัตซึฮิโกะตะโกนใส่หน้าแล้วตั้งท่าจะเดินกลับเข้าร้าน  ยังเหลือเวลาพักอีกเยอะ  แต่เขาอารมณ์เสียเสียแล้ว

“ฉันมาที่นี่เพื่อทำไอ้ที่เหลือนั่นแหละ”

เพียงขาดคำ  มือแกร่งก็คว้าคัตซึฮิโกะกระชากฉุดเข้าไปในซอกแคบ ๆ  ข้างร้านที่คุณป้าใช้เก็บพวกกระถางต้นไม้  และยังไม่ทันที่คัตซึฮิโกะจะได้ตั้งตัว  ริมฝีปากอุ่นร้อนก็ประทับแนบลงกับริมฝีปากของเขาหนักหน่วง

“อื๊อ!”  คัตซึฮิโกะผลักร่างสูงเต็มแรงทันที

ครั้งแรกเซย์ริวยอมผละถอยไป  แต่ก็กลับมาเคล้าคลอริมฝีปากนุ่มอย่างรวดเร็ว  หากฝ่ายโดนรุกรานเม้มริมฝีปากแน่นอย่างไม่ยินยอม  ร่างสูงจึงไล้ริมฝีปากไปที่แก้มนุ่มแล้วจูบหนัก ๆ

“ไม่เอานะ”  คัตซึฮิโกะร้องห้ามทั้งยังใช้สองมือดันอกกว้างให้ออกห่าง

เซย์ริวขบงับริมฝีปากล่างของคัตซึฮิโกะแล้วดูดดุนเบา ๆ  ก่อนจะผละออก  เคลียปลายคางสากสีข้างแก้ม  เป่ารดลมหายใจรุมร้อนใส่ใบหูนิ่ม  ทำเอาคัตซึฮิโกะสะท้านไปทั้งตัว

“แค่นิด ๆ  หน่อย ๆ  จะไม่ได้เชียวเหรอ?”  เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบา ๆ  อย่างยั่วเย้า

“ไม่...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า...”  ร่างเพรียวพยายามห้าม สองมือช่วยกันหยุดยั้งมือใหญ่กร้านที่ซุกซนไปตามเรือนร่างของเขา  แต่มันยิ่งทำให้คัตซึฮิโกะนึกสงสัยว่า...เซย์ริวมีมากกว่าสองมือหรือเปล่า  เพราะเมื่อหยุดที่หนึ่งได้ก็จะถูกสัมผัสอีกที่หนึ่งต่อทันที

“ใครมันจะมาเห็น  แถวนี้ตอนกลางวันน่ะเงียบจะตาย  ถ้าเป็นถนนด้านหน้าก็ว่าไปอย่าง”  เซย์ริวพูดอย่างเข้าข้างตัวเอง

“บอกว่าไม่เอาก็ไม่เอาไงเล่า”  คัตซึฮิโกะใช้ฝ่ามือยันปลายคางของร่างสูงออกเมื่ออีกฝ่ายพยายามจะจูบเขาอีกครั้ง  “ร้อนจะตายอยู่แล้ว  ยังจะมาเล่นบ้า ๆ  อะไรแบบนี้อีก”

“ก็เพราะมันร้อน  ถึงได้อยากทำอะไรร้อน ๆ  ไง”  ไม่พูดเปล่า  มือข้างที่ว่างอยู่ก็ตรงเข้าปลดเข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนส์ของคัตซึฮิโกะอย่างเชี่ยวชาญ

“อ๊ะ!  ปล่อยนะ”  คัตซึฮิโกะร้อง  ทว่าพอหันไปสนใจมือซุกซนนั่น  ริมฝีปากที่รอจังหวะอยู่แล้วก็ฉกวูบเข้าหาพร้อมกับสอดลิ้นเข้าไปกระหวัดพัวพันอย่างรวดเร็ว

“อื๊อ...”  คนตัวเล็กกว่าได้แต่ส่งเสียงประท้วงอยู่ในคอ  รู้ตัวดีว่าเสียทีเข้าให้เต็มที่อีกแล้ว

เรียวลิ้นเร่งเร้าเอาอยู่ครู่ใหญ่แล้วค่อย ๆ  ผ่อนจังหวะลงลิ้มรสหวานนุ่มอย่างเนิบช้า  คัตซึฮิโกะถอนใจเฮือกใหญ่...นี่เขาต้องจำยอมให้เจ้าคนขี้โกงนี่อีกแล้วหรือนี่

“หึ...”  เซย์ริวหัวเราะอยู่ในลำคออย่างพึงพอใจเมื่ออีกฝ่ายตอบสนองเขาช้า ๆ   ลีลาซื่อ ๆ  ที่แฝงความเย้ายวนนิด ๆ  เป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานมากทีเดียว  และเมื่อคัตซึฮิโกะเต็มใจที่จะตอบสนอง...ความหวานซ่านที่ปลายลิ้นจะทวีขึ้นอีกหลายเท่า

นิ้วกร้านจับซิปกางเกงของร่างเพรียวรูดลง  อาชญากรหนุ่มรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกนิด ๆ  ที่ต้นขาอันเกิดขึ้นจากความประหม่า  เขาสอดมือเข้าไปสัมผัสร่างบอบบางอย่างนุ่มนวล

คัตซึฮิโกะถอนใจพรูเมื่อส่วนที่อ่อนไหวที่สุดถูกสัมผัส  แม้จะอยากยินยอมแต่ด้วยสถานที่อันไม่เอื้ออำนวยทำให้กระดากอายเกินกว่าจะยอมได้  ชายหนุ่มตะปบคว้าข้อมือแกร่งไว้แน่นพลางส่งเสียงอยู่ในคอ  ร่างสูงจึงถอนปากออก

“จะโวยวายอะไรอีกล่ะ  ตื่นมาตั้งครึ่งแล้ว”  ไม่พูดเปล่ายังเน้นน้ำหนักมือกำร่างของคัตซึฮิโกะเบา ๆ  อีกด้วย

“แต่ที่นี่มัน...”

“เอาน่า...รับรองว่าจะทำดี ๆ  แบบไม่ให้ใครเห็นเลย”  เซย์ริวพยายามหาเหตุโน้มน้าวที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

“ไม่เอา  ที่มันโล่ง ๆ  แค่นี้  ใครผ่านมาก็เห็นได้ทั้งนั้นแหละ  ปล่อยผมนะ”  คัตซึฮิโกะยังคงดื้อดึง

ร่างสูงถอนใจฉิว ๆ  อย่างนึกรำคาญ  เขาล็อกตัวคัตซึฮิโกะไว้แน่นแล้วเริ่มต้นใช้มือปรนเปรอให้โดยไม่สนใจเสียงร้องห้าม

“เดี๋ยว!  ไม่...เซย์...”  เรียวเล็บจิกขยุ้มลงกับต้นแขนแข็งแรงด้วยความหวามไหวที่เกิดขึ้นตรงส่วนกลางกาย

“ถ้าร้องดังไปเดี๋ยวจะมีคนได้ยินเข้านะ”  เสียงกระซิบเบา ๆ  ข้างหูทำให้คัตซึฮิโกะหยุดโวยวายได้ทันที

เซย์ริวยิ้มกับตัวเอง  ร่างของคัตซึฮิโกะกำลังตื่นตัวขึ้นในอุ้งมืออุ่นร้อนของเขาทีละน้อย  มือเรียวขยุ้มอกเสื้อของเขาไว้แน่น  ลมหายใจกระชั้นถี่ขึ้น...กำลังจะสูญเสียความเป็นตัวเอง

คัตซึฮิโกะกำลังเพลิดไปในอารมณ์หวามที่เกิดขึ้นในตอนนั้น  เขารู้ว่าควรจะต้องดิ้นรนขัดขืนให้มากกว่านี้  แต่ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยอมทำตามคำสั่งของสมองเสียแล้ว  ส่วนล่างของร่างกายขยับเข้าหามือใหญ่ที่กำลังมอบความสุขให้เขาอย่างเรียกร้อง  เสียงครางที่พยายามกลั้นเอาไว้ดังลอดริมฝีปากออกมาอย่างแผ่วเบา  มือที่เคยพยายามหยุดยั้งร่างสูงกลายเป็นจับยึดไว้เพื่อประคองตัวให้ยังคงยืนอยู่ได้

แต่ก่อนที่คัตซึฮิโกะจะได้สมความใคร่  เซย์ริวก็ถอนมือออก

“เอ๊ะ...?”

ร่างสูงไม่ตอบเสียงครางที่เหมือนจะถามนั้น  เขาจัดการรูดซิปกางเกงของอีกฝ่ายแล้วจัดเครื่องแต่งตัวให้จนเรียบร้อย

“เฮ้!  อะ...อะไรของคุณเนี่ย?”

เซย์ริวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับคำถามนั้นก่อนจะจูบเบา ๆ  ที่ริมฝีปากอิ่ม

“ไว้ไปต่อที่ห้องคืนนี้ดีกว่า”

“เฮ้ย!?”

พูดแค่นั้นแล้วร่างสูงก็ผละหนีไปจริง ๆ

“เซย์ริว!  ไอ้...  แล้วไอ้นี่จะทำยังไง!?”  คนกำลังค้างคาเต็มขีดตะโกนตามหลัง

“เล่นกับตัวเองไปก่อนละกัน”  อาชญากรหนุ่มตอบโดยไม่หันไปมองแล้วก็หัวเราะกับตัวเองเมื่อได้ยินเสียงด่าไล่หลังมาเป็นชุด...นี่เป็นแค่การสั่งสอนนิด ๆ  หน่อย ๆ  ที่ดันไม่กลับบ้านและปล่อยให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านมาทั้งคืน

คัตซึฮิโกะทั้งอายทั้งแค้นใจ...เซย์ริวมาจนถึงที่ทำงานของเขาเพียงเพื่อจะมาแกล้งเขาแบบนี้หรือเนี่ย!  ชายหนุ่มรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำในบ้านของคุณป้าเพื่อจัดการปลดปล่อยตัวเองให้เรียบร้อยพลางนึกอาฆาตอยู่ในใจ

...ไอ้เสาโทรเลขเอ๊ย!  เดี๋ยวคืนนี้มีเฮ...
//////////

“นัตสึ!  ยังไม่ตื่นเหรอลูก  มีเรียนตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ?  นัตสึ!”  เสียงเรียกของผู้เป็นแม่ดังมาจากข้างล่าง

เด็กหนุ่มค่อย ๆ  ปรือตามขึ้นตามเสียงเรียกนั้น  ดวงตาที่ยังดูง่วงซึมกระพริบเบา ๆ  อย่างงุนงงอยู่ชั่วครู่  แล้วกลิ่นอายกรุ่นบางอย่างก็โชยมาปะทะ...กลิ่นของผู้เป็นที่รัก...

มือเรียวควานเปะปะไปข้างตัว...ที่นอนข้าง ๆ  เยียบเย็นไร้ไออุ่น  ไม่มีร่างที่นอนกกกอดมาทั้งคืนอยู่ตรงนั้น

นัตสึผุดลุกขึ้นนั่งทันทีแล้วกวาดตาแลหา  ในห้องว่างเปล่า...ไม่มีคัตซึฮิโกะ...

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมขมับ  พี่ชายของเขาไปโดยไม่ล่ำลาแม้แต่คำเดียว  นั่นหมายความว่าคัตซึฮิโกะไม่ได้ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน...ไม่ได้ยอมรับความรู้สึกที่เขาได้บอกออกไปอย่างชัดเจน  นี่คือการปฏิเสธอย่างนั้นหรือ...

ความเจ็บแปลบแล่นริ้วขึ้นมาจากหัวใจ  ไม่ว่าอย่างไร  สำหรับคัตซึฮิโกะแล้ว  เขาก็เป็นเพียงน้องชายเท่านั้นหรือ  แต่ถ้าอย่างนั้นแล้ว  ทำไมเมื่อคืนถึงได้ยอมให้เขาทำอย่างนั้น...ถ้าคิดว่าเขาเป็นน้องชาย  แล้วทำไมถึงยอมให้เขาก้าวข้ามความเป็นพี่น้องไปโดยไม่ได้พยายามขัดขืนหรือห้ามปรามอะไร...คนที่คัตซึฮิโกะต้องการให้อยู่เคียงข้างไม่ใช่เขา

แต่ถ้า...เขาเป็นคนที่จะอยู่ข้าง ๆ  คัตซึฮิโกะไม่ได้...แล้วทำไมถึงต้องเป็นมัน!

นัตสึสลัดผ้าห่มพ้นตัว  เขาจะต้องคุยกับคัตซึฮิโกะให้รู้เรื่อง  มันจะต้องไม่จบลงแค่นี้  นับตั้งแต่วินาทีที่เขาข้ามพ้นกำแพงแห่งความเป็นพี่น้องมา  เขาแน่ใจ...คัตซึฮิโกะต้องเป็นของเขา!


นัตสึเดินออกจากมหาวิทยาลัย  สองเท้าก้าวเร็ว ๆ  ไปตามเส้นทางที่นำไปสู่สถานีรถไฟใต้ดิน  ตลอดบ่ายวันนี้เขาเรียนอะไรไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว  ในหัวมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้...ในหูยังได้ยินเสียงครางกระเส่า  สองมือยังจำได้ถึงสัมผัสของผิวกายที่รุมร้อน...เรื่องราวของคัตซึฮิโกะยังคงเฝ้าหลอกหลอนเขาไม่ห่าง  เพียงแค่คิดว่าคัตซึฮิโกะจะไปเป็นของมันคนนั้น  ความทรมานและรุ่มร้อนในใจก็ยิ่งตอกย้ำให้เขารู้ตัวว่าต้องรีบทำให้คัตซึฮิโกะเป็นของเขา...ทั้งกายและใจ

เด็กหนุ่มสาวเท้าเข้าไปในซอยเล็ก ๆ  อันเป็นที่ตั้งแมนชั่นของผู้เคยเป็นพี่ชาย  ยังไม่เย็นมากนัก  บางทีคัตซึฮิโกะอาจจะยังไม่กลับจากทำงาน  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา  เขารอได้  ขอแค่ได้คุยกับคัตซึฮิโกะ...ต่อให้ต้องกอดขาอ้อนวอนยังไง  วันนี้เขาต้องพาคัตซึฮิโกะไปอยู่ด้วยกันให้ได้

ที่ประตูห้องของคัตซึฮิโกะไม่มีแม่กุญแจคล้องเอาไว้  นัตสึถอนใจพร้อมกับยิ้มให้ตัวเอง...คัตซึฮิโกะคงกลับมาแล้ว  เขาตัดสินใจที่จะไม่ขอโทษเรื่องเมื่อคืน  เพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด  เขาเพียงแค่เปิดเผยความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่อคัตซึฮิโกะออกไปเท่านั้น  และในเมื่อคัตซึฮิโกะไม่ได้ตำหนิหรือแสดงอาการรังเกียจอะไร...มันย่อมไม่ใช่ความผิด

นัตสึเคาะประตูสองสามครั้ง  เขาพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ  ระหว่างที่รอให้ประตูเปิดออก...เขาจะพูดอะไรกับคัตซึฮิโกะเป็นคำแรกดีนะ...

“ใคร?”  เสียงห้าวถามสั้นห้วนดังขึ้นพร้อม ๆ  กับที่ประตูเปิดออก

“อะ...แก!!?”

นัตสึตะลึงงัน...คนที่เปิดประตูออกมาไม่ใช่คัตซึฮิโกะ  แต่เป็นมัน!

“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!?”

ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม

“นึกว่าใคร  ที่แท้ก็ไอ้ลูกหมานี่เอง  มาหาเจ้าของหรือไง?”

เด็กหนุ่มพยายามนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจกับคำถามที่ชวนให้เอากำปั้นกระแทกปากนั้น

“เออ  มาหาคัตจัง”

“หมอนั่นยังไม่กลับหรอก  ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานด้วยซ้ำ”  เซย์ริวบอกพลางทำท่าจะปิดประตู  แต่นัตสึยึดประตูเอาไว้

“ไม่เป็นไร  ฉันรอได้  ฉันมีเรื่องจะคุยกับคัตจัง”

“อย่ารอเลย  เกะกะห้อง”  ร่างสูงบอกพร้อมกับดึงประตูอีกครั้ง

“เฮ้ย!  ก็บอกว่าจะรอไงเล่า”  นัตสึกระชากประตูอย่างแรง  “ฉันจะเกะกะห้องอะไรก็เรื่องของฉัน  และที่สำคัญ  นี่มันห้องของคัตจัง  มันเรื่องอะไรที่แกจะมาทำท่าเป็นเจ้าของห้องแบบนี้”

“หึ...”  อาชญากรหนุ่มระบายลมหายใจเหมือนจะหัวเราะ  “นั่นสินะ...ห้องของคาซึโกะ  แต่ตอนนี้ฉันอยู่ที่นี่กับหมอนั่นด้วย  เพราะงั้นมันก็ต้องเป็นห้องของฉันครึ่งหนึ่ง  จริงมั้ย  ไอ้ลูกหมา”

“นี่มันห้องของคัตจัง!  แกแค่เข้ามาอยู่ตามใจชอบเหมือนแมวจรจัด  แกไม่ใช่เจ้าของห้อง!”  นัตสึตะโกนใส่หน้าอย่างไม่ยอมแพ้
ร่างสูงนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนที่จะยกมุมปากยิ้มอย่างยียวน

“อ้อ...แมวจรจัดกับหมาเฝ้าบ้านสินะ  เอาสิ  อยากเข้ามารอก็ตามใจแก  แต่รีบคุยรีบกลับซะด้วยล่ะ”

พูดแล้วชายหนุ่มก็หันหลังเดินกลับเข้าห้อง  ปล่อยให้นัตสึเดินตามเข้ามาและปิดประตู
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 28-06-2013 17:08:44
ในตอนที่ต้องอยู่กับคนที่เกลียดแสนเกลียด  เวลามันดูเหมือนจะเนิ่นนานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด  นัตสึนั่งกระสับกระส่ายอย่างอึดอัดอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของคัตซึฮิโกะ  ในขณะที่เซย์ริวกลับนั่งพิงหมอนอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากตัวเอง

เด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาบ่อยครั้ง...คัตซึฮิโกะเลิกงานกี่โมงกันนะ

“อีกนาน...กว่าจะกลับ”  คำพูดลอย ๆ  ดังมาจากคนที่นั่งอ่านหนังสือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้

“ฉันไม่ได้ถาม”  นัตสึว่าห้วน ๆ  พลางเขม้นมองเซย์ริวตาเขียวปัด

ร่างสูงวางหนังสือลงข้างตัวแล้วมองเจ้าเด็กปากร้ายตรงหน้าอย่างเนือย ๆ

“แกนี่...เกะกะชะมัดเลย  กลับไปได้แล้วไป”  เขาออกปากไล่เอาดื้อ ๆ

“แกไม่มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”

“แต่แกเกะกะ”

“เกะกะอะไรของแกนักหนา  ฉันก็แค่นั่งรอคัตจังอยู่เฉย ๆ ”  นัตสึลุกพรวดขึ้นอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ไม่อยู่

เซย์ริวจ้องหน้าเด็กหนุ่มด้วยสายตาเรียบเฉย  แต่ประกายบางอย่างในแววตาสามารถบอกให้คนทั่วไปรู้ได้ว่า...คนคนนี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย  แต่ไม่ใช่สำหรับนัตสึที่กำลังโกรธได้ที่ในตอนนี้

“ฉัน...วางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรที่ – พิเศษ – กับคาซึโกะในคืนนี้น่ะสิ”  ร่างสูงพูดพร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเหมือนจะเย้ยหยัน

“ทะ...ทำอะไร...”  เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง  สองมือกำแน่นจนสั่นระริก

“ก็ทำแบบที่คนที่อยู่ด้วยกันเขาทำกันยังไงล่ะ”  รอยยิ้มเยาะหยันสยายกว้าง  “อย่าบอกนะว่าโตจนป่านนี้แล้วแกยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร...หรือว่า  ยังเวอร์จิ้นจริง ๆ  ล่ะ?”

“แก...ไอ้...!!”  นัตสึปราดเข้าคว้าคอเสื้อของร่างสูงกระชาก

“แกจะโกรธทำไม  ในเมื่อฉันก็ทำแบบนั้นกับคาซึโกะ – ของฉัน – เป็นประจำอยู่แล้ว”  เซย์ริวจ้องตานัตสึอย่างไม่รู้สึกรู้สา

“คัตจังไม่ใช่ของแก!!”  นัตสึตะโกนใส่หน้าร่างสูง

“แล้วจะบอกว่าเป็นของแกงั้นเรอะ?”

“ใช่!  คัตจังเป็นของฉัน!  ของฉันคนเดียวเท่านั้น  ตั้งแต่วันนี้!!”

“งั้นเรอะ”  เซย์ริวยังคงยิ้มอย่างไม่ใส่ใจความเกรี้ยวกราดของเด็กหนุ่ม  “แล้วอะไรล่ะที่บอกว่าคาซึโกะเป็นของแก”

“ก็...”  นัตสึนิ่งไปนิดหนึ่ง  ก่อนที่จะแค่นยิ้ม

“ก็เพราะคัตจังเป็นของฉันแล้ว  ตั้งแต่เมื่อคืนนี้”


ในความเงียบขนาดเข็มตกได้ยินนั้น  นัตสึยิ้มอย่างสะใจให้กับตัวเอง...ยิ้มอย่างผู้ชนะ...เหมือนกับที่มันเคยยิ้มใส่หน้าเขาเมื่อวันนั้น  แต่รอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ  จางไปเมื่อเห็นแววตาที่จ้องมองมา

แววตาที่เยียบเย็นไร้ความรู้สึกราวกับตางู...หากเหมือนมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ในนั้น

ก่อนที่นัตสึจะได้ขยับตัว  เขาก็รู้สึกถึงแรงกระชากอย่างรุนแรง  แล้วร่างก็ล้มกระแทกลงกับเตียงนอนพร้อมกับมือใหญ่ที่กดตรึงและออกแรงบีบไหล่ของเขาแน่น

“งั้นรึ...คาซึโกะเป็นของแกแล้วงั้นรึ?”  คำถามเรียบเย็น  ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ  ทั้งสิ้น  แต่มือที่ขยุ้มไหล่ของเด็กหนุ่มไว้ค่อย ๆ  เกร็งแน่นขึ้น

นัตสึนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ  แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่าที่ตอนนี้เขาสั่นไปทั้งตัว  เหงื่อออกชุ่มและเย็นยะเยือกไปทั่วแผ่นหลัง...ดวงตาคู่นั่นสะกดเขาไว้นิ่งราวกับต้องมนต์  แค่สบตาก็รู้สึกอึดอัดราวกับจะหายใจไม่ออก

...กลัว...

คำนี้ผุดขึ้นมาในสมอง  กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวใครมาก่อนในชีวิต

ถ้ามันคิดจะทำ...เขาอาจจะโดนฆ่าตายทันทีโดยแทบไม่ได้ร้องด้วยซ้ำ

ทั้งที่รู้ว่าควรจะต่อสู้ขัดขืนเสียแต่ตอนนี้  แต่แค่หลบตาก็ยังทำไม่ได้  แค่จะร้องให้คนช่วยก็ทำไม่ได้

“แล้วเป็นไง  รสชาติของคาซึโกะ...อร่อยมั้ย?”  ร่างสูงก้าวคร่อมร่างของนัตสึแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อน

และในวินาทีถัดมา  ริมฝีปากร้อนก็ฉกวูบลงมาบดเม้มกับริมฝีปากของเด็กหนุ่มอย่างหนักหน่วง  นัตสึพยายามเม้มปากแน่น  แต่มือใหญ่ก็ผละจากไหล่มาขยุ้มบีบลำคอของเขา  นิ้วแข็งกดลงกับหลอดลมแน่นจนหายใจไม่ออกต้องผวาอ้าปากหายใจ  ปลายลิ้นอุ่นจึงเข้าซอกซอนกระหวัดรัดพันกับลิ้นร้อนอย่างรุนแรง  จูบที่ดุดันบดขยี้เอาจนได้เลือด

“จูบของคาซึโกะรสชาติเป็นยังไง  หือ?”  เซย์ริวถามพลางลิ้มรสเลือดจากริมฝีปากอิ่มนั้น

ริมฝีปากร้อนไล่ระไปยังซอกคอขาว  ฟันเรียบขบกัดจนเป็นรอยและขบเม้มซ้ำ  ความเจ็บปวดที่ตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกทำให้นัตสึได้สติ  สองมือยกขึ้นผลักอกกว้างเต็มแรง

“ปล่อยนะ!!”

ร่างสูงจับคว้ามือนั้นออกแล้วกดตรึงไว้ก่อนจะใช้ริมฝีปากฝากรอยแดงช้ำลงบนผิวขาวเนียน

“ตรงนี้ของคาซึโกะมีกลิ่นยังไง  มีรสชาติแบบไหน?”

“ไม่!  ปล่อยฉัน  ไอ้วิปริต!!”

เด็กหนุ่มทั้งเตะทั้งถีบเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ  แม้จะกลัวอยู่บ้างแต่เขากลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปมากกว่า  เขาจะต้องหนีไปให้พ้นเงื้อมมือมันให้ได้

“เผี๊ยะ!!!!”

ฝ่ามือแกร่งตบเข้าที่แก้มซ้ายจนใบหน้าของนัตสึสะบัดไปตามแรงตบ  ใบหน้าซีกนั้นชาไปทั้งแถบก่อนที่จะรู้สึกแสบร้อน  น้ำหนักมือขนาดนั้นสามารถหยุดการเคลื่อนไหวต่อต้านใด ๆ  ได้ชะงัด

เซย์ริวปลดกระชากเข็มขัดหนังของนัตสึออกจากเอว  จับมือทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มรวบขึ้นเหนือหัว

“อะ...จะทำอะไร...”  นัตสึโวยขึ้น

ร่างสูงไม่ฟังเสียง  เขาใช้เข็มขัดหนังต่างเชือก  รัดพันข้อมือทั้งสองข้างและผูกเข้ากับหัวเตียงที่เป็นซี่กรงไว้แน่นหนา  ชายหนุ่มถอดเสื้อแขนกุดของตัวเองออกก่อนที่จะยิ้มร้าย ๆ

“ไง  แกยังไม่ตอบฉันเลยนะว่ารสชาติของคาซึโกะเป็นยังไง  ไอ้ลูกหมา”

“แก...ไอ้...ปล่อยนะ!!”  นัตสึพยายามดึงมือที่ถูกพันธนาการ  แต่ยิ่งดิ้น  สายหนังเส้นหนาก็ยิ่งรัดข้อมือแน่น

“ถ้าแกบอกว่าคาซึโกะเป็นของแกจริง  แกก็ต้องตอบฉันได้...หรือว่าต้องให้ฉันบอก”

“ไม่!  เป็นโรคจิตหรือไง  ทำไมฉันต้องพูดอะไรแบบนั้นด้วยเล่า!”

เซย์ริวเพียงแต่ยิ้มแล้วแตะปลายนิ้วลงกับริมฝีปากของนัตสึที่ยังมีรอยเลือดเปื้อนอยู่

“ตรงนี้ของคาซึโกะ  บางวันมีกลิ่นบุหรี่...บางวันก็เป็นรสของเบียร์”  ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาราวกับกระซิบ  “แต่บางวัน...ก็หอมหวานเหมือนครีมวานิลลา”

เรียวนิ้วลากจากริมฝีปากผ่านปลายคางลงไปยังซอกคอที่เพิ่งทิ้งรอยเอาไว้

“ตรงนี้...มีกลิ่นเย็น ๆ  ของอาฟเตอร์เชฟเสมอ  อ้อ...บางทีก็เป็นกลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ ”

นัตสึกัดฟันแน่น  พยายามนึกหาวิธีที่จะเอาตัวรอด  แต่ก็มองไม่เห็นทาง

ร่างเพรียวบางผวาสะดุ้งขึ้นเมื่อมือใหญ่ค่อย ๆ  เปิดชายเสื้อยืดเลิกขึ้นไปกองไว้เหนือแผ่นอก  ปลายนิ้วหยาบกร้านไล้ไปบนเนินอกขาวสะอาดก่อนที่จะโน้มริมฝีปากลงมาแตะและขบกัดทิ้งรอยไว้อีกแห่ง  ทำเอาเด็กหนุ่มเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บแปลบ

“อกของคาซึโกะไวต่อสัมผัสมากนะ”

แค่ขาดคำ  ริมฝีปากร้อนก็เข้าครอบครองยอดอกสีเข้ม  ขบเม้มและดูดดุนจนแข็งเป็นไต  นัตสึผวาเฮือก  การกระทำของร่างสูงจงใจทำให้เขาเจ็บ

“ตอนที่ตื่นเต้นมาก ๆ   มันจะแข็งแล้วก็สีเหมือนเชอร์รี่เลยใช่มั้ย?”  คำถามนั้นเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ  ทั้งปากและมือผลัดกันเข้าบดคลึงขยี้ยอดอกทั้งสองข้างจนหนำใจ  พลางก็ฝากรอยแดงช้ำไว้ประปรายไปตามผิวเนียน

“ไม่!  พอที”  นัตสึพยายามร้องห้าม  เขาทั้งเจ็บทั้งขยะแขยงจนแทบทนไม่ได้เมื่อมือหยาบรุกรานไปจนถึงขอบกางเกงยีนส์แล้วเริ่มต้นปลดกระดุมออกทีละเม็ด

เซย์ริวกระชากกางเกงของเด็กหนุ่มออกพร้อมชั้นใน  เรียวขาทั้งสองพยายามหุบชิดเพื่อปกปิดสิ่งสงวน  หากร่างสูงจับมันแยกออกกว้าง

นัตสึหลับตาแน่น  กัดริมฝีปากจนเจ็บระบม  รู้สึกอับอายสุดชีวิต

“แกจำได้หรือเปล่า  ว่าตรงนี้ของคาซึโกะรสชาติยังไง...แล้วต้องสัมผัสยังไงหมอนั่นถึงจะรู้สึกดีที่สุด  หา?”

มือใหญ่เข้ากอบกุมร่างบอบบางเอาไว้ในอุ้งมือ  เขาออกแรงบีบหนัก ๆ  จนเรียกเสียงร้องจากนัตสึได้  อาชญากรหนุ่มยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนที่จะจับท่อนเนื้อนั้นกระชากรูด

แม้จิตใจจะปฏิเสธสักเพียงใด  แต่การเร่งเร้าอย่างหนักก็ปลุกสัญชาตญาณทางเพศให้ตื่นขึ้นจนได้  ส่วนกลางกายของเด็กหนุ่มแข็งขืนขึ้นในอุ้งมือร้อนอย่างช่วยไม่ได้  ร่างสูงใช้เทคนิคที่มีกระตุ้นจนหยาดน้ำใส ๆ  ปริ่มออกมาจากส่วนปลายยอดจึงได้หยุดมือ
นัตสึหอบฮักด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน  แม้จะเจ็บใจที่ถูกกระทำเอาอย่างน่าอับอาย  แต่ร่างกายก็เป็นไปตามแรงปลุกเร้านั้น

“แกยังไม่ได้ตอบเรื่องของคาซึโกะสักข้อเลยนะ  ไอ้หนู...ตรงนี้ของคาซึโกะเป็นยังไงบ้าง?”  ไม่ถามเปล่า  ชายหนุ่มยังใช้นิ้วดีดเบา ๆ  ที่แก่นกายแข็งขึงค้างคาอยู่ด้วย  จนร่างเพรียวครางเครือ

“ไม่...เรื่องอะไรจะต้องบอกแกเล่า”

“หึ...”  เซย์ริวหัวเราะเบา ๆ  แล้วก้มลงไปกระซิบที่ข้างหู  “งั้นฉันจะบอกให้  ตรงนี้ของคาซึโกะน่ะ...”

ถ้อยคำลามกถูกกระซิบแผ่วเบาพร้อมกับที่มือใหญ่เข้ากอบกุมร่างของเด็กหนุ่มอีกครั้ง  ปลายนิ้วโป้งขยี้ถูส่วนปลายที่เริ่มจะหยาดเยิ้มและเร่งจังหวะ  ทั้งน้ำเสียง  คำพูด  และการกระตุ้นนั้นเร้าอารมณ์เหมือนจะบังคับให้ไปจนถึงสุดยอดแห่งตัณหา

“อะ...อา...”  นัตสึครางออกมาอย่างสุดกลั้น  เอวบางขยับรับจังหวะของมือแกร่งอย่างลืมตัว  แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งขึ้นทั้งร่างเมื่อปลายนิ้วของร่างสูงล่วงล้ำเข้ามาในร่าง

“อ๊า!!  อย่า!!!!”

“แล้วส่วนตรงนี้ของคาซึโกะรสชาติยังไง  ตอบมา  ไอ้ลูกหมา”  เซย์ริวถามทั้งยังดุนดันนิ้วให้ลึกเข้าไปในช่องทางเร้นลับที่ยังไม่เคยมีสิ่งใดล่วงล้ำผ่านเข้าไปมาก่อน

“อะ...ไม่...พอที  เจ็บ...”

“แกตอบไม่ตรงคำถามนะ”  เรียวนิ้วสอดเข้าจนสุดแล้วขยับเข้าออกอย่างรวดเร็ว

“อ๊า...หยุด...หยุดนะ...ไม่เอา...”

แม้จะเจ็บเสียด  แต่ด้วยความรู้สึกต่อต้านรุนแรงทำให้นัตสึรวบรวมแรงเตะถีบร่างสูงอีกครั้ง

“ดื้อชะมัด”

ร่างสูงถอนนิ้วออกจากร่าง  เด็กหนุ่มถอนใจเยือก  แต่แล้วก็ต้องร้องอุทานออกมาเมื่อเซย์ริวดึงข้อเท้าข้างหนึ่งไปมัดเอาไว้กับลูกกรงตรงปลายเตียงด้วยขาข้างหนึ่งของกางเกงยีนส์ที่ถูกถอดกองไว้

“ไม่!  จะทำอะไรน่ะ!?”

ชายหนุ่มไม่ตอบ  เขาจับร่างของเด็กหนุ่มเหวี่ยงพลิกให้นอนคว่ำ  ด้วยการกระทำแบบนั้นทำให้ผ้าที่มัดข้อเท้ารัดแน่นขึ้น  และเข็มขัดหนังที่มัดข้อมือไว้แน่นอยู่แล้วบาดเข้าไปในเนื้อจนเลือดซิบ

”โอ๊ย!!!!”  นัตสึร้องเสียงหลง

“เอาหละ  ทีนี้ก็ตอบมาได้แล้ว  ว่าตรงนี้ของคาซึโกะเป็นยังไง”

นิ้วกร้านสอดเข้าไปในช่องทางคับแน่นของนัตสึอีกครั้ง  และคราวนี้พร้อมกันทีเดียวสองนิ้ว

“อ๊า!!  เจ็บนะ!  หยุด!!”

“ว่าไง  ตอบมาเซ่!  คาซึโกะเป็นของแกไม่ใช่รึไง  มันคับแน่นใช่มั้ย  มันรัดนิ้วแกมากเลยใช่รึเปล่า  หา?”  ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงคุกคาม  สองนิ้วยังคงขยับเสียดสีเข้าออกอย่างรวดเร็ว

นัตสึสั่นระริกไปทั้งร่าง  เขาคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น  ทั้งร่างกายและสมองรับรู้ได้แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น...เลือดที่ข้อมือไหลไม่หยุด  ทุกครั้งที่ขยับตัว  สายหนังก็ยิ่งบาดลึกมากขึ้น...และที่สะโพกก็แสบร้อนด้วยแรงเสียดสี

เรียวนิ้วถูกดึงออก  มืออุ่นสอดเข้าไปกระตุ้นร่างของนัตสึที่ทำท่าจะหมดแรงตอบสนองทางอารมณ์ให้อีกครั้ง  ชายหนุ่มทำจนมันแข็งตัวขึ้นอีกก็ผละมือออก  เสียงเด็กหนุ่มครางในลำคอด้วยความรู้สึกค้างคาทำให้เขายิ้มน้อย ๆ  กับตัวเอง

เซย์ริวปลดกระดุมกางเกงยีนส์ของตัวเองออก  เขาปลุกเร้าตัวเองด้วยมือไม่กี่ครั้งก็ตื่นพร้อมที่จะกระทำขั้นต่อไป  มือแกร่งช้อนสะโพกกลมยกขึ้นก่อนจะจรดแก่นกายเข้าที่ช่องทางเร้นลับแล้วค่อย ๆ  แทรกกายเข้าหาช้า ๆ

นัตสึกรีดร้องสุดเสียง  น้ำตาไหลพรากด้วยความเจ็บปวดเกินจะบรรยาย  แต่มันยังไม่สิ้นสุดแค่นั้น  เมื่อชายหนุ่มล็อกสะโพกของเขาไว้แน่นแล้วกระทั้นร่างเข้าไปจนสุดในครั้งเดียว

ราวกับร่างกายฉีกขาดออกเป็นเสี่ยง ๆ   เด็กหนุ่มร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษา  เลือดสีแดงสดไหลปรี่ออกมาจากช่องทางที่ฉีกเป็นแผล

แต่ร่างสูงไม่สนใจทั้งเลือดและรอยแผลนั้น  เขาขยับกายเข้าออกอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วง  เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเด็กหนุ่มทำให้รู้สึกสาแก่ใจ  เขาบดขยี้ลงซ้ำแล้วซ้ำอีก...คนที่กล้ามาแตะต้องของของเขาจะต้องได้รับบทเรียนที่สาสม!

เซย์ริวจับขาข้างที่ยังเป็นอิสระของนัตสึยกขึ้นพาดบ่าจับร่างเพรียวพลิกตะแคงข้าง  เด็กหนุ่มหวีดร้องเมื่อสายหนังสร้างรอยแผลให้กับข้อมืออีกครั้ง...และที่สำคัญ  ส่วนที่ยังฝังกายอยู่ในร่างก็เสียดสีช่องทางจนร้อนวาบราวกับถูกเผาไฟ

ชายหนุ่มขยับเอวสอดใส่เข้าหาอย่างเร่าร้อน  เรือนร่างที่ไม่เคยถูกสัมผัสเช่นนี้มาก่อนสั่นระริกไปทั้งร่างด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส  ขาที่ถูกจับแยกจากกันทำให้กล้ามเนื้อตรงหว่างขาตึงและเครียดเกร็งกว่าปกติ  เซย์ริวรู้ดีว่าการทำแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดกว่าธรรมดาหลายเท่า...และแน่นอน...เขาจงใจ...

แต่ทั้งที่เจ็บปวด  ร่างกายที่ได้รับการกระตุ้นเร้าไม่หยุดก็กำลังจะไปถึงจุดสุดยอด  นัตสึหลับตาแน่น  ทั่วทั้งร่างกระตุกเกร็ง  แต่ก่อนที่เขาจะปลดปล่อยตัวเองตามความต้องการ  มือใหญ่ก็ขยุ้มกำร่างที่ตื่นตัวเต็มที่ของเขาไว้แน่น

“อ๊ะ!  ทะ...ทำอะไร...”  นัตสึร้องถามด้วยเสียงสั่นพร่า

“คาซึโกะไปถึงพร้อมแกไม่ใช่รึไง”  พร้อมกับคำตอบ  มือแกร่งก็กำบีบส่วนโคนของแก่นกายที่กำลังจะไปเต็มที่แล้วบังคับไม่ให้สามารถปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดได้

“อะ...อ๊า!!!  ได้โปรด...ปล่อย!!!”

โดนเข้าแบบนี้  เด็กหนุ่มก็แทบคลั่ง  เขาทั้งกรีดร้องทั้งอ้อนวอนขอให้ชายหนุ่มปลดเปลื้องให้  แต่ร่างสูงก็ไม่ฟังเสียง  แก่นกายแกร่งยังคงรุกรานกระแทกกระทั้นรุนแรงจนร่างบางสั่นคลอนอย่างไม่อาจต้านทานได้  เหงื่อเย็น ๆ  ไหลซึมไปทั้งร่าง  เด็กหนุ่มอ้าปากหอบถี่  ลมหายใจติดขัด  รู้สึกเสียดแน่นในช่องท้องจนจุก  ร่างทั้งร่างเครียดเกร็งไปหมดด้วยมาถึงขีดจำกัดแล้ว

“จำใส่กบาลหัวไว้!  คาซึโกะไม่ใช่ของแก  แต่เป็นของฉัน!!”

ช่วงเวลาแห่งความทรมานนี้ดูเหมือนจะยาวนานไม่สิ้นสุด  นัตสึรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้...ทั้งเจ็บปวด  ทั้งต้องการ  ทั้งทรมาน...ความรู้สึกทั้งมวลผลักดันให้ตะเกียกตะกายไปให้ถึงที่สุดแห่งความอารมณ์  ปรารถนาที่จะได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่อัดอั้นเอาไว้  แต่ก็ไม่อาจทำได้เมื่อมันคนนั้นไม่ยอมให้เป็น

แล้วความรู้สึกร้อนวาบก็ซ่านไปทั่วสะโพกเมื่อของเหลวอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้าในร่างกายของเด็กหนุ่มจนเต็มปรี่  ร่างสูงกระตุกเกร็งเข้าหาอีกสามสี่ครั้งก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดออกมาจนหมดสิ้น

เซย์ริวแนบกายนิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่แล้วผละถอนร่างออกอย่างรวดเร็ว  ปล่อยทิ้งสะโพกบางที่เปรอะเปื้อนด้วยหยาดอารมณ์ของเขาลงกับเตียงพร้อมกับร่างที่ยังถูกทำให้ค้างคา
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 28-06-2013 17:12:31
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างเพรียวที่ก้าวเข้ามาในห้องทำให้ร่างสูงที่กำลังแต่งตัวให้ตัวเองชะงัก

คัตซึฮิโกะเองก็ชะงักไปเช่นกัน  เขาหันไปมองร่างของน้องชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วเบิกตากว้างก่อนที่จะหันกลับมามองเซย์ริว

ชายหนุ่มเพียงแต่จ้องหน้าคัตซึฮิโกะนิ่งเฉย  แล้วก็เดินผ่านคัตซึฮิโกะออกจากห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไร

ถึงตอนนี้นัตสึพูดอะไรไม่ออก...อย่าว่าแต่คำพูด  แม้แต่เสียงก็ไม่ยอมลอดผ่านลำคอออกมา...เขาได้แค่ปล่อยให้น้ำตาไหลพรากอย่างหยุดไม่อยู่...ทุกสิ่งทุกอย่าง  ถูกมันทำลายจนหมดสิ้น...

ไม่มีอะไรต้องถามอีกสำหรับภาพตรงหน้า  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ  ทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง  บรรจงแกะเข็มขัดที่พันธนาการข้อมือของน้องชายเขาออกอย่างเบามือ

“เจ็บมั้ย...”  ชายหนุ่มตรวจดูบาดแผล...เลือดออกเยอะก็จริง  นั่นเพราะโดนเสียดสีตลอดเวลา  แต่บาดแผลเป็นแค่แผลถลอกที่ค่อนข้างลึกเท่านั้น

นัตสึไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวเมื่อคัตซึฮิโกะแกะขากางเกงที่มัดข้อเท้าของเขาออกให้  น้ำตายังคงไหลออกมาด้วยความเจ็บปวดและเจ็บแค้นใจ  ยิ่งมืออุ่นของพี่ชายลูบผมอย่างนุ่มนวล  น้ำตามันก็ยิ่งไหลออกมามากขึ้นจนกลายเป็นสะอื้น

คัตซึฮิโกะผละไปหาผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้นัตสึ  ร่องรอยบนร่างนั้นบอกชัดว่าเด็กหนุ่มโดนเซย์ริวบดขยี้ด้วยอารมณ์ที่รุนแรงมากแค่ไหน...เซย์ริวคงรู้เรื่องเมื่อคืนนี้แล้ว...

ส่วนกลางกายที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยยังเครียดขึงทำให้คัตซึฮิโกะนึกสงสาร  มือเรียวแตะต้องเข้าที่จุดนั้นยังผลให้เจ้าของร่างสะดุ้ง

“เดี๋ยว!  คัตจัง!?”

“ให้พี่ช่วยแล้วกันนะ”  คัตซึฮิโกะบอกพลางใช้มือกอบกุมและขยับรูดแก่นกายนั้นให้

“อะ...ฮึก...อย่า...”  นัตสึพยายามห้ามด้วยเสียงสั่นพร่า  เขารู้สึกสับสนเกินกว่าจะเข้าใจว่าตัวเองต้องการอะไร

“ถ้าทิ้งไว้แบบนี้นายคลั่งตายแน่  ใจเย็น ๆ   ฉันไม่ใช่เซย์ริว...”

การปฏิบัติที่อ่อนโยนทำให้นัตสึโอนอ่อนตามได้ไม่ยาก  คัตซึฮิโกะปรนเปรอให้ผู้เป็นน้องอย่างรู้ใจ  และด้วยความปรารถนาที่อัดอั้นมานาน  นัตสึจึงไปถึงที่สุดแห่งอารมณ์อย่างรวดเร็ว

“เอาหละ  แค่นี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว”  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดให้  “แต่ตรงนี้...”

แค่เพียงโดนแตะต้องที่สะโพกเบา ๆ   เด็กหนุ่มก็ผวาขึ้นทั้งตัว  เขาบอบช้ำเกินไป

คัตซึฮิโกะกวาดตามองไปทั้งเรือนร่างของน้องชายอย่างเห็นใจ...ราวกับเห็นภาพในอดีต  ในวันที่เขากับเซย์ริวพบกันครั้งแรก...ตอนนั้น  ยังไม่รุนแรงเท่านี้เลย

บนผิวกายขาวเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งอารมณ์  ไม่ใช่เพียงรอยขบจูบ  แต่ส่วนมากเป็นรอยกัด  และบาดแผลที่เกิดขึ้น  ล้วนแต่เป็นการจงใจ...เพราะต่อให้โหดร้ายเพียงใด  เซย์ริวก็ไม่เคยทำให้เขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้

“ลุกไหวหรือเปล่า  นัตสึ?”  คัตซึฮิโกะถาม  “นายต้องล้างตัว”

เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น  กลั้นใจพยักหน้ารับ

ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ  ประคองร่างที่อ่อนเปียกไปทั้งตัวขึ้นอย่างทะนุถนอม...เหมือนที่เคยทำให้น้องน้อยมาแต่เยาว์วัย

“ล้างให้สะอาดทั้งนอกทั้งในนะ  เสื้อผ้าเอาของพี่ก่อนละกัน  วางไว้นี่นะ”  ผู้เป็นพี่ชายบอกแล้วปิดประตูห้องน้ำให้

คัตซึฮิโกะกลับมาจัดการกับเตียงนอนที่เต็มไปด้วยร่องรอยจนเรียบร้อยแล้วนั่งรอ  นัตสึคงต้องใช้เวลานานกว่าจะทำใจได้  เสียงของสายน้ำไหลรินไม่ขาดสาย...เขาก็เคยใช้มันซ่อนน้ำตาเมื่อครั้งนั้น

เซย์ริวเข้ามาในชีวิตเขาไม่ถึงปี  แต่มีเรื่องราวต่าง ๆ  เกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน  ทั้งสับสน  ทั้งเจ็บปวด  แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง  อาชญากรหนุ่มผู้โหดร้ายคนนั้น  กลับเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขาตลอดเวลา  แม้ว่าจะเป็นสาเหตุของเรื่องร้าย ๆ  มากมาย  แต่ก็ไม่เคยจากไปไหน...กลายเป็นสิ่งที่...แม้ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในชีวิต  แต่ก็ขาดไม่ได้

ร่วมครึ่งชั่วโมง  กว่านัตสึจะออกมาจากห้องน้ำ  เด็กหนุ่มดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด  ตาทั้งสองข้างแดงช้ำ...ทั้งเจ็บปวด  ทั้งเจ็บใจ...คัตซึฮิโกะไม่ได้พูดอะไร  เพียงแต่เข้าไปโอบไหล่อย่างแล้วประคองมานั่งที่เตียง  ใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้อย่างอ่อนโยน
หลังจากความเงียบยาวนาน  นัตสึก็พูดขึ้นเบา ๆ

“คัตจัง...มัน...ทำแบบนี้กับพี่ด้วยหรือเปล่า?”

คัตซึฮิโกะนิ่งคิดนิดหนึ่ง

“ถ้าข่มขืนหละก็...ใช่”

“แล้วทำไม...?”  ถ้อยคำต่อจากนั้นจางหายไป  เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าพี่ชายของเขาอยู่กับเจ้าวายร้ายนั่นได้ยังไง

แม้คำถามจะมาไม่ครบ  แต่คัตซึฮิโกะเข้าใจว่านัตสึต้องการจะถามอะไร

“พี่ก็ไม่รู้  แต่...พอหมอนั่นไม่อยู่แล้วห้องมันก็โล่งเกินไป”

“แต่มันทำกับพี่ถึงขนาดนั้น!  แล้วทำไมพี่ถึงต้องทนอยู่กับมันด้วย  ไอ้แผลนี่...”  นัตสึคว้าดึงปลอกข้อมือของคัตซึฮิโกะออก  “นี่ก็เป็นเพราะมันไม่ใช่หรือไง!?  แล้วมันเรื่องอะไร  ทำไมพี่ต้องอยู่กับคนที่ทำเรื่องเลว ๆ  สารพัดกับพี่ด้วย?  ทำไมถึงเป็นมัน!?”

ชายหนุ่มแค่ยิ้มบาง ๆ

“เพราะห้องมันโล่งเกินไปน่ะสิ”

คำตอบนั้นทำให้นัตสึฉุนเฉียวกว่าเดิม

“เพราะห้องมันโล่งเกินไป...พูดอะไรบ้า ๆ !  ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพี่คิดอะไรอยู่!  ถ้าห้องมันโล่งเกินไปขนาดนั้น...ก็ไปอยู่กับฉันซี่  เป็นฉัน  ก็ทำให้ห้องมันไม่โล่งได้เหมือนกันหละน่า”

เมื่อผู้เป็นพี่ชายเอาแต่ยิ้มเรื่อย ๆ  อยู่อย่างนั้น  นัตสึก็รู้สึกเหมือนกับตัวเองโกรธไปเปล่าประโยชน์  แต่เขาก็หยุดความโกรธของตัวเองไม่ได้

“พี่ดูนี่นะ!”  เด็กหนุ่มยกข้อมือที่โดนเข็มขัดครูดบาดเป็นแผลขึ้นตรงหน้าคัตซึฮิโกะ  “ถ้าสักวัน...ถ้าวันไหนมันคลั่งขึ้นมาเมื่อไร  ถ้ามันทำอย่างนี้กับพี่จะว่ายังไง!  คนอย่างมัน  มันจะฆ่าใครเมื่อไรก็ได้  ถ้ามันทำอะไร  ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับพี่...ฉัน...”

คัตซึฮิโกะยกมือขึ้นแตะปากผู้เป็นน้องเบา ๆ

“นายไม่เข้าใจหรอก  นัตสึ”

...ว่าสิ่งที่ผ่านมา...มันหนักหนากว่าที่นายคิดแค่ไหน...

นัตสึฟังคำตอบของพี่ชายพร้อมกับรับรู้ได้ถึงความสิ้นหวังของตนเอง...ดูเถอะ  จนถึงตอนนี้...ทั้งที่มันทำกับเขาถึงขนาดนี้  ทั้งที่คัตซึฮิโกะเองก็ยอมรับว่าถูกมันทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ...แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้ตำหนิเซย์ริวแม้แต่คำเดียว

เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง  ปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาอีกครั้ง  อ้อมแขนอบอุ่นเอื้อมมาโอบกอดเขาเอาไว้

“...เป็นฉัน...ไม่ได้จริง ๆ  เหรอ...”

“นายเป็นน้องของพี่เสมอ  นัตสึ”

ทำนบแห่งความสิ้นหวังพังทลาย  นัตสึสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของคัตซึฮิโกะ  เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนในชีวิต  เขาไม่ควรรู้สึกตัวว่าความรู้สึกที่เขามีต่อพี่ชายมันเกินความเป็นพี่น้อง  เขาไม่ควรรู้สึกกับคัตซึฮิโกะ  ไม่ควรแตะต้องคัตซึฮิโกะ...แต่เมื่อทุกอย่างมันข้ามเส้นมาแล้ว  มันย้อนกลับคืนไม่ได้!  เขาไม่สามารถจะทำใจให้ตัวเองเป็นเด็กน้อยที่คอยเฝ้าออดอ้อนพี่ชายได้อีกต่อไป  เขาต้องการคัตซึฮิโกะมากกว่านั้น  เขาย้อนกลับไปเป็นเช่นวันวารไม่ได้

“ลุกไหวหรือเปล่า?”  คัตซึฮิโกะถามเมื่อผู้เป็นน้องชายหยุดร้องไห้  “ดึกมากแล้ว  เดี๋ยวจะไปส่ง”

“ให้ฉันค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ?”  ทั้งน้ำเสียงและแววตาของเด็กหนุ่มอ้อนวอน

“ไม่ได้หรอก...”

“เพราะมัน...?”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าแทนคำตอบ...คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ถ้าเซย์ริวกลับมาแล้วยังพบนัตสึอยู่ในห้อง

“ไปอยู่ด้วยกันเถอะ  คัตซึ  ไปให้พ้นจากมัน”  นัตสึยังไม่ละความพยายาม

“นัตสึ...พี่ไม่ได้ทนอยู่กับหมอนั่นนะ”  ชายหนุ่มบอกด้วยเสียงดุ ๆ  เหมือนที่เคยทำเสมอเมื่อนัตสึดื้อดึง  “ที่นี่เป็นห้องของพี่  เป็นบ้านของพี่  เพราะงั้น...พี่จะไม่ไปไหนหรอกนะ”

คราวนี้นัตสึได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม...ทั้งที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้  คนที่ถูกตำหนิกลับกลายเป็นเขา...ความเย็นชาเช่นนี้มันคืออะไร  พี่ชายของเขาเหมือนกลายเป็นคนแปลกหน้า...เกิดอะไรขึ้นกับคัตซึฮิโกะ  ทำไมทุกอย่างถึงไม่เหมือนเดิม...


ร่างสูงยกมือขึ้นปัดเสยผมที่ยาวลงมาปรกใบหน้าออกอย่างเซ็ง ๆ   เขาเดินเรื่อยเปื่อยมาตั้งแต่หัวค่ำจนดึกป่านนี้  ในช่วงสองสามวันมานี้ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ไม่ได้ดังใจเขาเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว  และทั้งหมดก็เพราะไอ้เด็กบ้านั่นคนเดียว

คิดแบบนี้แล้วก็ยิ้มสะใจกับตัวเอง  โดนเข้าไปขนาดนั้นมันคงไม่กล้าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกนานแน่

แต่รอยยิ้มก็ค่อย ๆ  เลือนหายไปเมื่อเดินวนกลับมาจนถึงทางเข้าแมนชั่น...คัตซึฮิโกะจะว่ายังไง...

“จะว่ายังไงก็ช่างหัวมันสิ”  ชายหนุ่มพูดอย่างฉิว ๆ

เซย์ริวเปิดประตูห้องเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...เจ้าเด็กตัวแสบของเขาไม่อยู่แล้ว  เสียงฝักบัวทำให้เขารู้ว่าเจ้าของห้องอยู่ในห้องน้ำ

เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวตรงไปที่ห้องน้ำและเปิดประตูอย่างถือวิสาสะ

ร่างขาวเพรียวยืนอยู่ใต้ฝักบัว  เรือนผมสีดำเปียกลู่ลงประบ่า  ดวงหน้ามนหันมามองหน้าผู้บุกรุกพลางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

“เข้ามาทำไม?”  คำถามสั้นห้วน

“ก็เข้ามาอาบน้ำน่ะสิ”  คำตอบห้วนไม่แพ้กัน

“ก็รู้ว่าผมอาบน้ำอยู่ยังจะเข้ามาอีก  ห้องน้ำแคบจะตาย  จะรออีกแป๊บไม่ได้รึไงเล่า”  หางเสียงสะบัดขึ้นบอกถึงอารมณ์ที่ค่อนข้างขุ่นมัว

“ก็อาบพร้อมแกมันสนุกกว่า”  ร่างสูงพูดพลางเดินเข้าประชิดด้านหลังพร้อมกับท้าวแขนกางกั้นทำให้คนตัวเล็กกว่าหมดทางหนี

คัตซึฮิโกะไม่ได้หันมาเผชิญหน้า  เขายังคงล้างตัวต่อไปเหมือนไม่ใส่ใจ

“วันนี้ยังสนุกไม่พอรึไง?”  น้ำเสียงราบเรียบ  แต่เป็นการถามที่เซย์ริวไม่ชอบใจเลย

หลังจากนิ่งเงียบอยู่ชั่วขณะหนึ่ง  อาชญากรหนุ่มก็พูดขึ้นเบา ๆ

“คนผิดคือมันนะ”

“ใครจะผิดก็ช่าง  แต่คุณไม่ควรจะทำกับน้องชายผมขนาดนั้น”  คัตซึฮิโกะหันมาตวัดตามองอย่างขุ่นเคือง

“แล้วที่มันทำกับแกมันดีนักรึไง?”  เซย์ริวว่า  จิ้มแรง ๆ  เข้าที่รอยจ้ำแดงแห่งหนึ่งบนลาดไหล่

“อย่างน้อยนัตสึก็ไม่ได้ทำให้ผมบาดเจ็บแบบที่คุณทำก็แล้วกัน”  คัตซึฮิโกะเถียงแล้วทำหน้าเหมือนแยกเขี้ยวใส่  ก่อนที่จะเปิดประตูห้องน้ำ

“เฮ้  จะไปไหนเล่า”  เซย์ริวคว้าตัวร่างเพรียวเอาไว้

“ผมอาบเสร็จแล้ว  คุณอยากอาบก็อาบไปสิ”

“ก็บอกแล้วไงว่าจะอาบกับแก”

มือใหญ่เอื้อมไปเลื่อนประตูห้องน้ำปิดพลางดึงคัตซึฮิโกะมาแนบชิด  ผิวกายขาวที่เปียกปอนลื่นมือด้วยหยาดน้ำ  ร่างสูงไล้ไปตามเรือนร่างนั้นอย่างแผ่วเบา

“อาบด้วยกันอีกรอบนะ”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

คัตซึฮิโกะไม่ได้ปฏิเสธ...


ฟองสบู่ฟูนุ่มถูกฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปจนทั่วร่างขาวนวลแทบไม่เว้นแม้แต่ตารางนิ้ว  คัตซึฮิโกะเอนกายพิงอกของร่างสูงซึ่งตอนนี้ก็เต็มไปด้วยฟองสบู่ลื่น ๆ  เช่นกัน  ศีรษะทุยเอียงซบลงกับไหล่กว้าง  ปล่อยให้คนเอาแต่ใจสัมผัสร่างกายของเขาตามใจชอบ  มือเรียวเอื้อมไปสางเส้นผมหนาขยุ้มดึงเป็นบางครั้งเมื่อถูกสัมผัสจุดอ่อนไหว

ผิวกายต่อผิวกายเสียดสีกันเบา ๆ  หากแนบชิด  ทั้งส่วนที่อ่อนนุ่มและส่วนที่แข็งแกร่งบดเบียดเข้าหากันราวกับจะหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว

เซย์ริวใช้ใยขัดตัวที่มีลักษณะเป็นตาข่ายเล็ก ๆ  ขัดถูแผ่นอกของคัตซึฮิโกะเบา ๆ   แกล้งลากเสียดให้ช่องตาข่ายเกี่ยวส่วนปลายยอดจนมันแข็งเป็นตุ่มไต

“อ๊ะ...อืม...”  คัตซึฮิโกะครางแผ่วอยู่ในลำคอ  เบียดแผ่นหลังเข้าหาอกกว้างมากขึ้น

อาชญากรหนุ่มลูบไล้ลงไปจนถึงหน้าท้องราบ  กดรั้งดึงเอวบางเข้าหาจนสะโพกกลมเสียดสีกับส่วนกลางกายของเขา  ตรึงร่างเพรียวให้อยู่ในท่านั้นด้วยมือที่เข้าจู่โจมร่างบอบบางทางด้านหน้าและใช้ร่างที่เริ่มตื่นตัวของตนถูไถทางด้านหลังเรียกความกระสัน

“อา...”  คัตซึฮิโกะส่งเสียงหวานพลางเอียงหน้าเพื่อจูบเบา ๆ  ที่ปลายคางสาก

เซย์ริวไม่ลังเลที่จะจูบตอบ  ท่ามกลางสายน้ำเย็นฉ่ำนี้  เรือนร่างของคัตซึฮิโกะรุมร้อนราวกับสุมไฟ  ขนตายาวเป็นแพที่เปียกน้ำจนชุ่มทำให้ดวงตาปรอยปรือยิ่งมีเสน่ห์เย้ายวน  ริมฝีปากอิ่มเผยอขึ้นอย่างกระหายในราคะที่ลุกโชนขึ้น  ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อคลอเคลียอยู่กับซอกคอของเขาไม่ห่าง...ร่างสูงขบจูบเบา ๆ  ที่หัวไหล่ของคัตซึฮิโกะ  สายน้ำไม่ได้ทำให้ความเร่าร้อนในใจผ่อนคลายลงได้เลย

และโดยไม่ทันคาดคิด  ร่างเพรียวในอ้อมแขนก็หันกลับมาหา  สองแขนโอบกอดรอบคอเพื่อเคล้าคลอริมฝีปากให้ถนัด  ทั้งยังเบียดกายเข้าหาอย่างเร้าอารมณ์...แผ่นอก  หน้าท้อง  โคนขา...และส่วนกลางกาย...แนบชิดเสียดสีไปกับทุกส่วนของร่างสูง

“หึ...ทนไม่ไหวแล้วเหรอ?”  ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธที่จะตอบรับการกระทำนั้นอย่างเต็มใจ  สองมือโอบรั้งสะโพกนุ่มเข้าหาตัวพลางขยำคลึง

คัตซึฮิโกะไม่ตอบหากใช้มือลูบไล้เปะปะไปตามร่างกายของเซย์ริว...จนกระทั่งถึงจุดสำคัญ

“โอ๊ย!  ทำอะไรของแกเนี่ย...โอ๊ะ...คาซึโกะ...เดี๋ยว!  โอ๊ย...”

“หึ...”  มุมปากหยักยกยิ้ม  มือที่กอบกุมแก่นกายแกร่งเกร็งขยุ้มแน่นเหมือนจะบีบให้แหลกคามือ...แล้วบิด

ในคืนนั้น  ถ้ามีใครเดินผ่านไปแถวแมนชั่นโทรม ๆ ที่ดูน่าจะมีอันตราย  จะได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของใครบางคนแว่วมากับสายลม

บอกแล้ว...ว่าคืนนี้มีเฮ...



(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)

ปล. มาย้อนอ่านแล้ว ผมว่าเข็มขัดหนังมันเอาไปมัดข้อมือแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 28-06-2013 18:44:09
จับบิด...โหดแท้ :m20:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 28-06-2013 19:21:49
โหยยย เซย์ริวรุนแรงดีจริง แต่ที่ทำไปก็เพราะหึงใช่ไหมเล่าา!! โฮะๆๆๆ
รักกันไปหลายๆตอนนะะะะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 28-06-2013 22:19:07
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: คัตซึฮิโกะโหดจังเลยอะะะะะ
เมื่อก่อนน้องน่ารักและเรียบร้อยมากค่ะ อีเซย์ริวถึงกับหนาว 555555555555 :hao6:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-06-2013 00:23:09
คัตจังเริ่มสู้แล้วนะเซย์ริว :jul3:
สงสารแต่นัตสึนี่แหละ วันก่อนเป็นคนจิ้มเชา วันนี้มาโดนเชาจิ้ม ไม่รู้ชอบแบบไหนมากกว่ากัน :laugh:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 29-06-2013 00:41:05
เอาให้ใช้การไม่ได้เลย มั่วไม่เลิกจริงๆเซย์ริว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 29-06-2013 08:32:05
ดูเหมือนตอนนี้จะขำไปเลยนะครับ...อ่านจากคอมเม้นต์แล้ว...
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-06-2013 10:00:41
ตอนนี้สงสารนัทสึ เซย์ริวก็โหดไป
ว่าแต่...ชอบตอนสุดท้ายนะเนี่ยคัตสึฮิโกะน่าจะบิดให้ใช้การไม่ได้เลย
มันน่านัก!!!
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 29-06-2013 11:06:33
โฮ๊ะๆๆๆ คัตจังเอาคืนได้แสบสันต์จริงๆ จับบิดเลย 555555
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: sunshadow ที่ 29-06-2013 14:50:44



     แหม. . . เป็นการลงโทษที่ช่างน่ากลัวจริงๆ
     คราวหน้าเซริวจะเล่นอะไรก็ต้องคิดหนักๆหน่อยๆแล้ว
     แต่ดูคาซึโกะจะทำใจเรื่องน้องชายได้เร็วจังเลยนะ


หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 29-06-2013 18:26:58
บิดเลยหรอ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-06-2013 23:51:10
เรื่องนี้มัน dark มากกกกก -*-
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 19: 28/6/56
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 30-06-2013 00:54:28
เหย้ดดดดด  กว่าจะตามอ่านทัน  เศร้าจนน้ำตาคลอ แต่ก็หนุกแต๊...
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-07-2013 19:54:55
สวัสดีศุกร์แรกของเดือนครับ
โอ๊ะ เดือนนี้มีหยุดยาวด้วยนี่นา...
(ดีใจไปงั้นเอง ทำงานอิสะอย่างนี้ วันหยุดสำคัญเสียที่ไหน)

KOUSOKU 20

“จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ตัวไอ้คนที่มันแทงผมอีกเรอะ  คุณตำรวจ!”  เสียงโวยวายจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงในห้องพิเศษของโรงพยาบาลดังลั่น ๆ ไปทั้งห้อง

“เอ้อ...ข้อมูลที่เรามีมันน้อยเกินไปครับ  ก็เลยยังหาตัวผู้กระทำผิดไม่พบ”  ฝ่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ตอบอ้อมแอ้ม

“ชิ!  ผู้กระทำผิด  อย่างมันน่ะเรียกฆาตกรแล้ว”  คนเจ็บยังไม่เลิกหงุดหงิด  “มันฆ่าบอดี้การ์ดมือดีของผมไปสองคนนะ  คุณตำรวจ  แล้วยังแทงผมเจ็บปางตายขนาดนี้ด้วย  นี่ถ้าไอ้พวกลูกน้องของผมมันไปไม่ทัน  ป่านนี้ผมไม่มาอยู่ตรงนี้แล้ว  ไอ้บ้ามันนั่นเป็นตัวอันตราย  ถ้ามันไปลงมือทำอะไรใครอีกจะว่าไง  พวกคุณมันทำงานกันยังไง  ป่านนี้ถึงยังจับตัวมันไม่ได้!!”

นายตำรวจระดับสารวัตรได้แต่ยืนเงียบ  เขารู้สึกลำบากใจในการเผชิญหน้ากับผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้เช่นกัน  แต่จะทำอย่างไรได้  ในเมื่อเบื้องบนสั่งการลงมาที่เขาให้จัดการเรื่องคดีของคนผู้นี้ให้เรียบร้อย

คิตะโนะ  โยสึดะ  เป็นผู้มีอิทธิพลในย่านนี้  เขามีธุรกิจมากมายอยู่ในมือ  ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย  และทั้งที่ทางตำรวจก็รู้ดีเรื่องธุรกิจบางอย่างของคิตะโนะ  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  เส้นสายด้านนักการเมืองเรียกได้ว่าเส้นก๋วยจั๊บ  มีข่าวลือกันว่าเขารู้จักสนิทสนมกับนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ  หากแม้ผู้ชายคนนี้จะต้องการเป็นใหญ่ทางสายการเมืองหรือในด้านธุรกิจก็คงเป็นได้  แต่ด้วยนิสัยและบุคลิกบางอย่างในตัวเอง  ทำให้คิตะโนะเลือกที่จะทำตัวเป็นมาเฟียอยู่แค่ในย่านนี้เท่านั้น

เรื่องนิสัยเสียของคิตะโนะที่ทำให้เขาไม่อาจขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งใหญ่โตมากกว่านี้เป็นที่รู้กันดีในวงการ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเพศ  เขาเป็นผู้มักมากในกามารมณ์  เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้า  ถ้าถูกใจใครก็จะฉุดคร่ามาเสพสมโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่  รสนิยมทางเพศของคิตะโนะเรียกได้ว่าวิปริต  เขาชื่นชอบการใช้ความรุนแรงและการลงมือทรมานคู่นอนด้วยวิธีสารพัด  และเมื่อเชยชิมจนเป็นที่พอใจแล้ว  คน ๆ นั้นมักจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย  ที่สำคัญ...คิตะโนะโปรดปรานเด็กผู้ชาย

“ผมจะไม่ให้เวลาคุณอีกแล้วนะ  คุณตำรวจ”  คิตะโนะข่มขู่  “ผมให้เวลาคุณมามากพอแล้ว  อีกไม่กี่วันผมจะได้ออกจากโรงพยาบาล  ถ้าถึงวันนั้นแล้วคดีนี้ยังไม่คืบหน้าไปถึงไหน  อนาคตของคุณดับแน่”

นายตำรวจลอบถอนใจอย่างอึดอัด  เขารู้ว่าคิตะโนะไม่ได้ขู่...มันสามารถทำได้จริง  ไม่ใช่แค่ทำลายอาชีพการงานของเขาเท่านั้น  แต่มันยังสามารถทำลายได้กระทั่งชีวิตและครอบครัวของเขาเลยทีเดียว

“ผมจะรีบจัดการให้ครับ”

“ดี  ผมหวังว่าจะได้เห็นหน้าไอ้ฆาตกรนั่น...ไม่สิ  ผมหวังว่าจะได้เห็นไอ้ฆาตกรนั่นมันเป็นศพก่อนที่ผมจะออกจากโรงพยาบาลนะ”  เจ้าเสี่ยใหญ่พูดพลางยกยิ้มที่มุมปาก

สารวัตรไอดะโค้งให้คิตะโนะตามมารยาทแล้วรีบเดินออกจากห้อง  เขารู้สึกสะอิดสะเอียนกับรอยยิ้มนั้นเต็มทน  ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะระเบิดสมองไอ้อ้วนนั้นเสียยิ่งกว่าคนที่มันเรียกกว่าฆาตกร  ติดแค่ว่าในห้องนั้นมีลูกน้องฝีมือดีของมันเฝ้าอยู่ถึง  5  คน

“ชิ...ยังมีหน้ามาเรียกคนอื่นว่าฆาตกร  ไม่มองดูตัวเองบ้างเลย”  สารวัตรไอดะเข่นเขี้ยวแล้วควักแผ่นกระดาษยับ ๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

บนกระดาษแผ่นนั้นเป็นภาพสเก็ตช์ของผู้ต้องหาในคดีนี้  รูปหน้าค่อนข้างเรียวยาว  ผมสีน้ำตาล  และแววตาดุดัน...ท่านสารวัตรคุ้นตาชายหนุ่มในภาพเป็นอย่างดี  เมื่อสมัยยังรุ่น ๆ ชายหนุ่มคนนี้เคยเดินขึ้น ๆ ลง ๆ สถานีตำรวจเป็นประจำจากคดีทะเลาะวิวาทและลักทรัพย์  ถือเป็นเจ้าวายร้ายประจำถิ่นนี้  แต่เขาไม่ได้เห็นหน้าเจ้าหมอนี่มาหลายปีแล้ว  แม้จะคิดว่ามันคงเที่ยวก่อคดีไปเรื่อย ๆ  แต่ด้วยความช่ำชองในการเอาตัวรอดที่เพิ่มขึ้นตามวัยทำให้มันรอดมือเขาไปได้ทุกครั้ง  คดีลูกสมุนแก๊งวายร้ายที่ฆ่ากันเองในโรงพยาบาลเมื่อปลายปีก่อน  เขาคิดว่ามันมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยซ้ำ  แต่ไม่หลักฐานใด ๆ สาวไปถึงตัวมันได้  จนทุกวันนี้มันก็ยังลอยนวลอยู่ที่ไหนสักแห่งใต้จมูกเขานี่เอง...เจ้าเซย์ริว!

นายตำรวจขยับกระดาษในมือยกขึ้นส่องกับแสงไฟเล็กน้อย  เซย์ริวไม่เคยทิ้งหลักฐานอะไรให้สาวไปถึงตัวเองได้  แล้วทำไมคดีนี้ถึงได้กระทำการโจ่งแจ้งนัก...ไม่ได้มีการวางแผน  ไม่อาจควบคุมสถานการณ์...มันปล่อยให้เหยื่อที่เห็นหน้ามันรอดตายมาได้  เซย์ริวทำพลาดครั้งใหญ่ทีเดียว

เมื่อครั้งที่ตำรวจสเก็ตช์ภาพผู้ต้องหาจากคำให้การของคิตะโนะ  แค่เห็นแวบแรกสารวัตรไอดะก็จำได้ทันทีว่าคนในภาพคือใคร  และรู้ด้วยว่าจะไปควานหาตัวได้ที่ไหน  เขามุ่งไปหามาซาฮิเดะ...เจ้าหมอเถื่อนในโลกมืดที่เป็นเหมือนผู้ปกครองของเซย์ริว  เขาคุ้นเคยกับมาซาฮิเดะมานาน  แม้จะไม่เป็นการส่วนตัวและไม่เป็นมิตรต่อกันเท่าไรนัก  แต่หลายครั้งที่คนในโลกของมาซาฮิเดะไปก่อคดีใหญ่โต  มาซาฮิเดะสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเขาได้เสมอโดยไม่มีการปกป้องผู้กระทำผิด  ทั้งนี้เพราะมาซาฮิเดะถือว่าใครลงมือทำอะไร  คน ๆ นั้นก็ต้องหาทางปกป้องตัวเองจากผลของการกระทำนั้นด้วยมือของตัวเอง...อาจเพราะถูกคนแบบนี้เลี้ยงดูมา  เซย์ริวจึงได้ปกป้องตัวเองมาได้จนถึงทุกวันนี้

“คุณก็รู้ว่าเซย์ริวไม่ได้อยู่กับผมมาหลายปีแล้ว”  มาซาฮิเดะพูดในวันนั้น

“ใช่  แต่คุณคงรู้ใช่มั้ยว่าเจ้านั่นอยู่ที่ไหน”

“ไอดะ...ไอ้หมอนั่นมันไปทำความผิดอะไรไว้  คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ”  หมอเถื่อนโน้มตัวเข้ามาใกล้แล้วถามพร้อมรอยยิ้ม  มันดูเหมือนรอยยิ้มเรื่อย ๆ ที่ไม่มีอะไร  แต่สารวัตรไอดะก็ไม่เคยชอบมัน

“เฮ่อ...คุณต้องรู้ให้ได้ทุกคดีใช่มั้ย  มาซาฮิเดะ”  ไอดะยอมจำนน  มาซาฮิเดะจะต้องได้รู้ข้อมูลมากพอจึงจะยอมแลกเปลี่ยนข้อมูลให้ตำรวจ  สารวัตรหยิบภาพสเก็ตช์ออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้

“มันไปแทงขาใหญ่เข้า  แล้วแทงดันไม่ตาย  แถมยังฆ่ามือดีของเขาไปอีกสอง...ตอนนี้ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของเจ้าลูกชายคุณไว้ในมือแล้ว”

“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่ามันไม่ใช่ลูกชายผม”  มาซาฮิเดะยังยิ้มเรื่อย ๆ  แต่ไอดะก็สังเกตเห็นร่องรอยความกังวลที่ปรากฏขึ้นบาง ๆ  “มันแทงใครเข้าเรอะ?”

“คิตะโนะ  โยสึดะ”

“อย่างงั้นเลย...”  แน่นอนว่ามาซาฮิเดะย่อมรู้จักชื่อเสียงของคิตะโนะเป็นอย่างดี

“คุณคิดเหมือนผมใช่มั้ย  มาซาฮิเดะ  มันน่าแปลก...เซย์ริวไม่น่าจะปล่อยให้รอดมาได้”

“ใช่...น่าแปลก”  หมอมาสะหยิบภาพสเก็ตช์ขึ้นมาพิจารณาดู  “ทางนั้นก็ใช่ย่อยนะ  จำรายละเอียดได้แม่น...ภาพนี่เหมือนทีเดียว”

“คงแค้นจัดหละมั้ง  ว่าแต่คุณจะบอกผมได้หรือยังว่า  เจ้าเด็กบ้านั่นอยู่ไหน”  สารวัตรไอดะเข้าประเด็น

“คราวนี้ผมคงช่วยคุณได้ไม่มาก  ไอดะ”  มาซาฮิเดะพูดพลางส่งรูปคืนให้  “ผมยอมรับว่าผมมีอคติกับเรื่องของเซย์ริว  ผมเลือกที่จะบอกหรือไม่บอกคุณเกี่ยวกับหมอนั่นก็ได้ใช่มั้ย”

“ใช่  คุณเลือกได้  ยังไงเด็กนั่น...คุณก็เลี้ยงมันมากับมือนี่นะ”  ไอดะค่อนข้างเป็นกังวลกับเรื่องนี้เหมือนกัน  แม้จะไม่ใช่สายเลือด  แต่มาซาฮิเดะเป็นคนเก็บเซย์ริวมาดูแลตั้งแต่อายุยังน้อย  แม้จะดูห่างเหินกันบ้าง  แต่ก็เกือบจะเป็นเหมือนลูกชาย

“ตอนนี้เจ้าหมอนั่นอยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง  มันไม่ได้มาเตร่อยู่แถวนี้หลายเดือนแล้ว  ที่แน่นอนก็คือมันไม่ได้อยู่ที่บ้านมัน  แต่จะอยู่กับใครที่ไหนนั่น  ผมไม่รู้จริง ๆ”  มาซาฮิเดะบอก

ความเงียบเข้าครอบคลุมคนทั้งสองอยู่ชั่วขณะ  นี่เป็นข้อมูลที่น้อยที่สุดเท่าที่มาซาฮิเดะเคยให้กับไอดะ...เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขารู้แล้วว่าทำไมเซย์ริวถึงลงมือได้ไม่เด็ดขาดเหมือนอย่างเคย  คิตะโนะชอบเด็กผู้ชาย  ชอบลงมือฉุดคร่าไปข่มขืน  และผู้ชายที่คิตะโนะจ้องจะฉุดจนทำให้เซย์ริวฟิวส์ขาดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคัตซึฮิโกะ!

คัตซึฮิโกะจะต้องอยู่ด้วยในตอนที่เซย์ริวแทงคิตะโนะ  เซย์ริวจะต้องคอยกังวลกับความปลอดภัยคัตซึฮิโกะจนหมดความเฉียบขาด  จะต้องรีบพาคัตซึฮิโกะหนีจนไม่มีเวลาดูว่าคิตะโนะตายหรือยัง...เป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเพราะความจำเป็นจริง ๆ

“ไม่มีใครจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยเหรอ”

“หาฮิโรกิให้เจอสิ  เจ้านั่นอาจจะบอกอะไรได้มากกว่านี้”

สารวัตรไอดะถอนใจ  เขาไม่มีทางได้ข้อมูลอะไรจากมาซาฮิเดะมากไปกว่านี้  เขาขยับตัวลุกยืน

“โอเค  ผมจะไปหาฮิโรกิให้เจอ”

“แต่ฟังไว้อย่างนะ  ไอดะ  อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าใกล้ฮิโรกิ  เจ้านั่นรักและเคารพเซย์ริวเหมือนพี่ชาย  คุณอาจไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยก็ได้  ซ้ำร้าย...ข้อมูลที่ได้อาจเป็นของปลอม”  มาซาฮิเดะเตือน

ใช่...ข้อมูลปลอม  สารวัตรไอดะหาตัวฮิโรกิจนเจอ  แต่เพียงแค่เอ่ยชื่อเซย์ริว  ฮิโรกิก็ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรกับเขาแม้แต่นิดเดียว  ไม่ว่าจะทั้งขู่ทั้งปลอบหรือหลอกล่อยังไง  เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ยอมปริปาก  จนเขาต้องขู่ว่าจะจับจิอากิส่งกลับประเทศ  ฮิโรกิถึงได้ยอมให้ข้อมูล...แต่กว่าจะรู้ว่าข้อมูลที่ฮิโรกิให้มาไม่เป็นความจริง  เขาก็เสียเวลาไปอีกเป็นเดือน  จนป่านนี้เขายังควานไม่เจอเซย์ริว

“เอาภาพสเก็ตช์ผู้ต้องหาลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและกระจายข่าวทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ชุมชนด้วย”  สารวัตรไอดะสั่งการกับลูกน้อง  “ล่าตัวมันมาให้ได้”

นายตำรวจยืนมองลูกน้องที่กุลีกุจอไปทำงานแล้วก็ทอดถอนใจ  คิตะโนะทำเรื่องให้มันใหญ่จนเกินเหตุเพื่อสร้างภาพความสำคัญให้กับตนเอง  เรื่องแค่นี้ลำพังแค่เครือข่ายลูกสมุนของคิตะโนะเองก็มีปัญญาทำ  แต่มันต้องการให้ตำรวจลงมือเพื่อแสดงว่ามันมีอำนาจเหนือตำรวจ

แต่พูดก็พูดเถอะ  คำให้การของคิตะโนะก็ใช่ว่าจะเป็นของจริง  มันบอกว่ามันเข้าไปหาเก็บหนี้จากลูกหนี้ในซอยนั้น  แล้วเซย์ริวเข้ามาปล้นชิงทรัพย์มัน...ถ้าแค่ปล้นชิงทรัพย์...เซย์ริวไม่เคยเล็งเหยื่อชิ้นใหญ่เกินตัว  ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล็งคนที่มีบอดี้การ์ดมาด้วยถึงสองคนให้เหนื่อยแรง  ไม่จำเป็นต้องฆ่าคนมากกว่าหนึ่ง  และไม่จำเป็นจะต้องปล่อยให้คิตะโนะรอดชีวิตมา...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ คืออะไร...


คิตะโนะจ้องมองกระดาษสองแผ่นในมือ  เขาขยำรูปของไอ้คนที่สร้างบาดแผลให้เขาปาลงถังขยะ...ไอ้เวรตะไลนี่มันต้องตายให้สมแค้น  ไอ้พวกตำรวจงี่เง่ามันมัวทำอะไรกันอยู่  จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ที่ไหน...เสี่ยใหญ่กัดฟันกรอดแล้วเบือนสายตามาจับที่กระดาษอีกแผ่น

...นี่สิ...ของดี...

นอกจากภาพผู้ต้องหาแล้ว  คิตะโนะยังบอกให้ตำรวจสเก็ตช์ภาพอีกภาพให้ด้วย...ชายหนุ่มผมดำผู้มีดวงตาเศร้านิด ๆ ...เขาเกือบจะได้มาเป็นของเขาแล้วถ้าไอ้บ้านั่นมันไม่มาขวางไว้

จนถึงตอนนี้เสี่ยใหญ่ยังจำได้ถึงใบหน้า  เรือนร่าง  และกิริยาท่าทาง  สภาพบอบช้ำของคน ๆ นั้นหลังจากโดนคนของเขาซ้อมเอากระตุ้นอารมณ์ดีทีเดียว  เขานึกวาดภาพใครคนนั้นอยู่ในเครื่องพันธนาการที่เขาเลือกมาให้เป็นพิเศษ...ปลอกคอหนังสีดำน่าจะขับผิวขาว ๆ นั่นให้นวลผ่องมากขึ้น  จะใส่ขลุมปากให้ด้วยจะได้ไม่ร้องจนเสียงแหบแห้ง  ล่ามโซ่ให้ยืนเกาะเสาเหล็กไว้คงทำให้เด็กนั่นเหมือนกับกำลังเต้นรูดเสาอยู่เมื่อเขาฟาดด้วยแส้...แล้วยังไงต่อดีนะ...ขึงไว้กับเตียงแล้วให้ยากระตุ้นดีไหม  ล่ามทิ้งไว้ให้ทุรนทุรายตลอดทั้งคืนจนเจียนบ้า  จนต้องยอมให้เขาทำอะไรก็ได้เพื่อปลดปล่อยให้...ใช่  เขาจะยังไม่รีบร้อนทำรุนแรงมากนัก  จะเลี้ยงไว้เอ็นดูเล่นเหมือนสุนัขตัวโปรด  จะเล่นสนุกด้วยทุกคืน...ทุกคืน  จนคุ้มกับที่เขาต้องเจ็บตัวเพราะไปแตะต้องมันเข้า

...จริงสิ...แล้วทำไมไอ้บ้านั่นมันถึงมาช่วยไว้  จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่น่าใช่  มันสองคนไม่มีอะไรเข้ากันได้สักอย่าง...

คิตะโนะเหลือบมองไปที่ก้อนกระดาษในถังขยะแล้วกลับมามองที่ภาพในมือ

...หรือว่า...ไอ้หนุ่มนี่จะเป็นคนของมัน...

ถ้าอย่างนั้นก็สนุก...ถ้าตำรวจจับเป็นไอ้โย่งนั่นมาได้  ก็จับมันล่ามไว้ให้มันดูคนของมันถูกเล่นสนุกทุกวันทุกคืนน่าจะดี  ให้มันได้เห็นคนของมันถูกข่มขืนต่อหน้าต่อตาทุกวันโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้...ให้มันคลั่งแค้นจนอ้วกเป็นเลือด!

“หึ ๆ ๆ”  คิตะโนะหัวเราะออกมาเบา ๆ  แล้วส่งภาพสเก็ตช์ในมือให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ

“พวกแกตามดูพวกตำรวจไป  ไอ้คนที่แทงกูจะจับเป็นหรือตายก็ได้  แต่ไอ้เด็กนี่...เอามันมาให้กูเป็น ๆ!”
//////////

เป็นเวลากว่าอาทิตย์แล้วที่นัตสึเอาแต่นอนอยู่บนเตียงเหมือนคนป่วยหนัก  เขาไม่อยากจะรับรู้รับฟังสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว  ไม่ยอมแม้กระทั่งให้เพื่อนหรือแฟนสาวเข้ามาเยี่ยม  เขากำลังสับสนมากเกินไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น


“คัตจัง...ขอร้องหละ  ไปอยู่ที่บ้านด้วยกันเถอะ”  นัตสึกระซิบเบา ๆ ขณะที่นั่งพิงไหล่คัตซึฮิโกะอยู่ในรถไฟฟ้า  อาการไข้กำลังเล่นงานเขามากขึ้นเรื่อย ๆ

ผู้เป็นพี่ชายไม่ได้ตอบอะไรนอกจากบีบมือร้อนผ่าวนั้นเบา ๆ  นัตสึรู้ดีว่านั่งคือการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุดเท่าที่คัตซึฮิโกะพึงจะทำ...ทั้งที่เป็นคนที่อ่อนโยน  แต่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะรู้ว่าคัตซึฮิโกะดื้อดึงแค่ไหน  หากตัดสินใจในเรื่องใดไปแล้ว  ไม่ว่าใครจะพูดยังไงคัตซึฮิโกะก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่าย ๆ  ถ้าโดนรบเร้าเอามากเข้าคัตซึฮิโกะก็จะนิ่งเงียบไป  โดยที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงความคิด

เด็กหนุ่มได้แต่หลับตาลงและพยายามกลั้นน้ำตา...เย็นชาเหลือเกิน  เกิดอะไรขึ้นพับพี่ชายที่แสนใจดีของเขา  ถึงที่ผ่านมาคัตซึฮิโกะจะเป็นคนเงียบ ๆ  แต่ก็ไม่ได้เย็นชาถึงเพียงนี้  คัตซึฮิโกะจะคอยปลอบโยนและให้กำลังใจเขาทุกครั้งที่มีปัญหา  คัตซึฮิโกะจะยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น...แต่ครั้งนี้...คือการลงโทษอย่างนั้นหรือ  เพราะเขาทำผิดที่ก้าวล้ำเส้นไป  คัตซึฮิโกะถึงได้เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่มันทำกับเขาอย่างนั้นหรือ...

นัตสึได้แค่เดินตามหลังคัตซึฮิโกะไปช้า ๆ  ยังดีที่มืออุ่นเอื้อมมาจับจูงมือของเขาไว้...ไม่ต่างอะไรกับในวัยเยาว์  ในวันที่ทำความผิด  หลังจากดุว่าและทำโทษแล้ว  คัตซึฮิโกะมักจะจูงมือนัตสึกลับบ้านเสมอ...แต่ความรู้สึกในวันนี้มันเปลี่ยนไป  นัตสึไม่อาจเป็นน้องชายตัวน้อยให้คัตซึฮิโกะได้อีกแล้ว  และเขาก็ไม่ได้ต้องการพี่ชายอีกต่อไป  เขาต้องการรู้สึกกับคัตซึฮิโกะให้ได้มากกว่านี้...ให้ได้เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้

หวัดหน้าร้อนอย่างเฉียบพลันเป็นข้ออ้างที่คัตซึฮิโกะใช้บอกกับแม่ของนัตสึก่อนที่จะพานัตสึขึ้นห้องไปนอนพัก  เขาตระเตรียมเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เด็กหนุ่มเหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง  ร่องรอยบนตัวของนัตสึจะให้ใครเห็นไม่ได้  โดยเฉพาะบาดแผลที่ข้อมือที่แม้จะไม่ใหญ่นักแต่ตอนนี้ก็บวมช้ำด้วยอาการอักเสบ

“ถึงมันจะเป็นหน้าร้อน  แต่นายควรจะใส่เสื้อแขนยาวไว้ดีกว่านะ  อยู่ในห้องแอร์แบบนี้คงไม่เป็นไรไม่ใช่เหรอ”  คัตซึฮิโกะว่าพลางหยิบเสื้อนอนแขนยาวไปสวมให้

นัตสึไม่ได้ว่าอะไร  เขาเอนตัวพิงหมอนอย่างอ่อนล้า  มืออุ่นของผู้เป็นพี่ชายแตะลงเบา ๆ ที่หน้าผาก

“ไข้ขึ้นสูงนะ...แต่ไม่เป็นไรหรอก  กินข้าวแล้วก็กินยาซะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ดีขึ้น”  รอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากทำให้นัตสึรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ  “คุณแม่น่าจะทำข้าวเย็นไว้แล้ว  เดี๋ยวพี่ลงไปเอามาให้แล้วกัน”

นัตสึเฝ้ามองคัตซึฮิโกะที่กุลีกุจอดูแลเขาแล้วก็สะท้อนใจ...คัตซึฮิโกะไม่เคยเปลี่ยนไป  เขาเองใช่ไหมที่เป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงไปเอง  ที่คัตซึฮิโกะทำ...คัตซึฮิโกะยอมทุกอย่างให้เขา  ก็เป็นแค่การตามใจเหมือนที่ผ่านมาเท่านั้น...ใช่  เขารู้  รู้มาตลอดแม้แต่ตอนที่นอนกกกอดคัตซึฮิโกะไว้ในอก  คัตซึฮิโกะไม่เคยเป็นอะไรกับเขามากไปกว่าพี่ชาย  เขารู้แต่ไม่อยากยอมรับ  เขาเฝ้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าคัตซึฮิโกะจะต้องมีความผูกพันลึก ๆ ในใจต่อเขาเหมือนกับที่เขามีให้คัตซึฮิโกะ...เมื่อคัตซึฮิโกะลุกจากเตียงไปโดยไม่ลา  เขาถึงพยายามตะเกียกตะกายไขว่คว้าสายใยที่เขาเชื่อว่ามันมี  คัตซึฮิโกะจะต้องมีใจให้เขาแต่ติดที่มัน!  มันจะต้องข่มขู่บังคับให้คัตซึฮิโกะไม่กล้าแยกตัวออกจากมัน  เขาถึงได้ไปเพื่อตัดสิ่งที่พันธนาการคัตซึฮิโกะเอาไว้กับมันให้ขาด...แต่มันไม่ใช่...

“กินอีกหน่อยสิ  นัตสึ  เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำเองนะ”  คัตซึฮิโกะพยายามคะยั้นคะยอให้ผู้เป็นน้องกินข้าวต้มที่แม่ทำให้หลังจากที่แตะต้องไปเพียงเล็กน้อย

นัตสึส่ายหน้า  เขาคลื่นไส้จนกินอะไรไม่ไหว

คัตซึฮิโกะไม่ได้พยายามฝืนใจมากไปกว่านั้น  เขาส่งยาแก้ไข้และแก้อักเสบให้พร้อมกับน้ำแก้วใหญ่ซึ่งเด็กหนุ่มก็รับไปกินอย่างว่าง่าย

“นั่งพักซะก่อน  ถ้าลงนอนเลยเดี๋ยวจะสำลักข้าวได้”  ชายหนุ่มจัดหมอนพิงหัวนอนให้นัตสึได้นั่งเอน ๆ พอสบาย

ท่ามกลางความเงียบที่ล่วงผ่านไป  คัตซึฮิโกะได้แต่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงคนป่วยพลางลูบผมอย่างเบามือ

“คัตจัง...”  นัตสึกระซิบขึ้นแผ่วเบา  “ทำไมพี่ถึงไม่พูดอะไรเลย...”

“จะให้พี่พูดอะไรล่ะ?”

“อะไรก็ได้...คัตจัง...ฉัน...ฉันทำผิดเหรอ...นี่เป็นการลงโทษเหรอ...”

“เปล่า...ไม่ใช่  ฉันไม่ได้คิดว่านายทำอะไรผิดหรอกนะ  นัตสึ”  คัตซึฮิโกะส่ายหน้าช้า ๆ

“แล้วทำไม...”

“ถ้าจะมีคนผิด  คนที่ผิดคงเป็นฉัน  ที่ตามใจนายมาตลอด  จนนายเข้าใจผิดคิดอะไรไปใหญ่โต...นัตสึ...พี่เป็นได้แค่พี่ของนาย  ไม่มากไปกว่านั้น  และไม่น้อยไปกว่านั้น”  น้ำเสียงที่อ่อนโยนและรอยยิ้มจาง ๆ ทำให้น้ำตาที่อุตส่าห์ทนกลั้นเอาไว้ไหลรินออกมาเงียบ ๆ

“พี่ไม่ได้รักฉัน...แล้วพี่รักมันเหรอ?”

คัตซึฮิโกะนิ่งไปชั่วอึดใจ  แต่สำหรับนัตสึแล้ว  ชั่วอึดใจนั้นมันยาวนานเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 05-07-2013 19:59:19
“เปล่า...พี่ไม่ได้รักเซย์ริว  ไม่เคยรักแม้แต่นิดเดียว”

“ไม่จริง!”

“จริงที่สุด  เป็นใคร...ก็คงรักคนที่ทำแบบนั้นกับตัวเองไม่ลงใช่มั้ยล่ะ”

“แล้วทำไมพี่ถึงอยู่กับมัน  ทำไมพี่ไม่ยอมหนีจากมันมา  ทำไมพี่ไม่ยอมมาอยู่กับฉัน”  นัตสึถามทั้งสะอื้น

“พี่ก็ไม่รู้...นัตสึ  แต่พี่รู้ว่าพี่ไม่มีอะไรต้องหนีจากเซย์ริวมา  เราที่เป็นแบบนั้นมันดีอยู่แล้ว  ถ้าสมมุติว่าพี่มาอยู่กับนาย  นายก็คงคิดไปอีกว่าพี่รู้สึกกับนายเกินกว่าความเป็นพี่น้อง  และนายจะต้องอยากแตะต้องพี่  ซึ่งเรื่องนั้นมันผิด  คิดดู...ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่รู้เข้าจะเป็นยังไง”  คัตซึฮิโกะอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ถ้าแบบนั้น...ทำไมพี่ถึงยอม...”

“เพราะ...มันเป็นการตามใจ...ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย...”

นัตสึได้แต่หลับตาลงอย่างยอมจำนน  น้ำตาที่เหมือนจะเหือดแห้งไปแล้วพรั่งพรูออกมา  สายใยที่เขาเชื่อมาตลอดว่ามันมี...ไม่เคยมี  หรือถ้าจะมี...คัตซึฮิโกะกลับมีให้กับมันคนนั้น  คัตซึฮิโกะไม่ได้ถูกมันพันธนาการเอาไว้  แต่คัตซึฮิโกะเองนั่นแหละที่ยอมติดอยู่ในหยากใยดักเหยื่อของมัน

“แล้วพี่...ไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงที่มันทำกับฉันแบบนี้”  นัตสึรวบรวมกำลังใจถามออกไปเป็นคำสุดท้าย  เผื่อว่า...คัตซึฮิโกะจะมีความรู้สึกอะไรที่เป็นพิเศษบ้าง...

“พี่โกรธ...นัตสึ  แต่เป็นความโกรธที่ธรรมดามาก  พี่โกรธที่เซย์ริวมาทำร้ายน้องของพี่  แต่พี่ไม่ได้หึงหวง  หรือโกรธแค้นอะไรมากมายไปกว่านั้น...ทั้งนายทั้งเซย์ริวไม่ได้มีค่าพอจะให้พี่มาหึงหวงหรือมีความรู้สึกอะไรเกินเลยไปกว่านั้น  ทั้งเซย์ริวก็ไม่ได้หักหลังอะไรพี่  เพราะเซย์ริวเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้ว...เขาจะไปที่ไหนไปทำอะไรกับใครมันไม่เกี่ยวอะไรกับพี่  แต่ครั้งนี้พี่โกรธ  เพราะคนที่เขาทำร้ายเป็นน้องชายของพี่...เท่านั้นเอง  นัตสึ”

คำตอบนั้นตัดทุกสิ่งสะบั้นลง...ไม่มีค่าพอ...เพราะเป็นน้องชาย...คัตซึฮิโกะไม่มีเยื่อใยใด ๆ กับเขาเลยจริง ๆ ...นัตสึได้แต่ซบหน้าสะอื้นฮัก  คัตซึฮิโกะเองก็เพียงแค่ลูบผมของนัตสึอย่างอ่อนโยนเหมือนจะปลอบประโลม

เวลาผ่านไปนานเท่านาน  นัตสึนึกอยากจะหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้ชั่วนิรันดร์  เขาง่วงงุนมากขึ้นเพราะฤทธิ์ยา  ร่างกายหนักอึ้งเหมือนเป็นเหล็กทั้งตัว  อยากจะลืมตาขึ้นมามองหน้าคัตซึฮิโกะ  อยากจะพูดคุยอีก...แต่ก็ทำไม่ได้

“อ้าว...นัตสึหลับแล้วเหรอจ๊ะ?”  คุณแม่เปิดประตูเข้ามาถามไถ่อาการ

“ครับ...เพิ่งหลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง”  คัตซึฮิโกะหันไปตอบ

“แย่จริงเชียว  เด็กคนนี้นี่  ทำความเดือดร้อนให้คัตซึฮิโกะอยู่เรื่อย”  คุณแม่บ่นอย่างไม่จริงจังอะไรนัก

“ไม่หรอกครับ  ผมทำให้นัตสึแบบนี้ทุกครั้งอยู่แล้ว”  ชายหนุ่มบีบมืออุ่นร้อนเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือออกช้า ๆ  “ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ”

“ไม่อยู่ทานข้าวเย็นก่อนเหรอจ๊ะ?”

“ผมนัดเพื่อนเอาไว้น่ะครับ”

‘…ไม่...คัตจัง...อย่าไป...’

นัตสึอยากจะกรีดร้องแบบนั้น  อยากจะไขว่คว้ามือของพี่ชายเอาไว้ไม่ให้ไปไหน  มันคนนั้นไม่ใช่เพื่อน  มันเป็นวายร้าย...มันจะทำลายชีวิตพี่ทั้งชีวิต

แต่ด้วยฤทธิ์ยาที่เหนือกว่ากำลังสมองของนัตสึ  เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยให้ผู้เป็นพี่ชายจากไปทั้งแบบนั้น  สัมผัสสุดท้ายคือมืออุ่นปาดเช็ดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้มให้อย่างนุ่มนวล...


“นัตสึ  ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอลูก  หยุดเรียนมาอาทิตย์กว่าแล้วนะ”  คุณแม่เคาะห้องของเขาในตอนสาย ๆ

ใช่...เขาควรจะต้องไปเรียนเสียที  เขาหยุดเรียนมานานเกินไปแล้ว  บาดแผลและร่องรอยบนร่างกายหายสนิทนานแล้ว  มีเพียงจิตใจของเขาเท่านั้นที่ยังคงเจ็บปวดและเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเอาแต่ขังตัวเองไว้ในห้องและนอนซมอยู่ตลอดอาทิตย์

เด็กหนุ่มรวบรวมกำลังใจลุกขึ้น...เขายังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ  เขาต้องเรียน  ต้องมีสังคมกับเพื่อน  เขายังมีแฟนสาวที่รักเขา...เขาจะมาทำตัวจมอยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างนี้ไม่ได้  แม้บาดแผลมันจะไม่หาย  แต่เขาต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้  เขาจะต้องมีชีวิตอยู่...เหมือนที่พี่ชายของเขาเคยทำได้มาแล้ว!

นัตสึอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงมาข้างล่าง  โชคดีที่วันนี้มีเรียนตอนบ่าย  วิชาที่ขาดเรียนไปเขาค่อยไปตามเก็บเล็คเชอร์เอาจากเพื่อน ๆ ยังทัน  อย่างน้อยเวลาเรียนของเขาคงยังเหลือพอสำหรับทุกวิชา  เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยขาดหรือโดดเรียนพร่ำเพรื่อ

“ทำเป็นป่วยการเมืองเกินมาอีกสองสามวันเผื่อจะออเซาะพี่เขาหละสิ  เราน่ะ”  คุณแม่พูดแซวทันทีที่นัตสึเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องครัว

นัตสึเพียงแต่ยิ้ม ๆ ไม่ตอบอะไร  ขนมปังปิ้งกับกาแฟร้อนเตรียมรอไว้แล้วบนโต๊ะ  เด็กหนุ่มตรงเข้าไปจัดการทันทีพลางคว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู  เขากวาดสายตาไล่ไปตามพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง  โดยปกติแล้วหนักสือพิมพ์ท้องถิ่นแบบนี้มักไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดความสนใจของเขามากนัก  แต่วันนี้ต่างออกไป...สายตาของเด็กหนุ่มไปสะดุดเข้ากับกรอบข่าวเล็ก ๆ กรอบหนึ่ง

“จากคดีคนร้ายใช้อาวุธมีดจ้วงแทงนายคิตะโนะ  โยสึดะ  วัย  43  ปี  เพื่อชิงทรัพย์จนบาดเจ็บสาหัสพร้อมกับลงมือฆ่าลูกน้องของนายคิตะโนะไปสองศพ  ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของคนร้ายมาแล้วค่ะ”  โทรทัศน์ท้องถิ่นช่องรายการข่าวรายงานข่าวตรงกับกรอบข่าวที่นัตสึกำลังให้ความสนใจอยู่พอดี  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นดู...

“...ถ้าผู้ใดพบเห็นหรือสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายในภาพได้  กรุณาแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน  หรือติดต่อหมายเลข...”

นัตสึตกตะลึงไปชั่วขณะกับภาพที่ปรากฏในจอโทรทัศน์...ใบหน้าเดียวกันนี้ที่เขาจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต...เจ้าแมลงร้ายที่คอยเกาะติดพี่ชายสุดที่รักของเขา!!
//////////

คัตซึฮิโกะยกกระถางต้นไม้กระถางสุดท้ายออกไปตั้งหน้าร้าน  วันนี้อากาศดีทีเดียว  ลมเย็นที่พัดมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่รู้สึกร้อนเกินไปนัก  แม้แสงแดดจะแจ่มจ้าแต่ก็มีเมฆค่อนข้างมาก  ฤดูมรสุมคงใกล้เข้ามาแล้ว

“วันนี้มีออร์เดอร์จัดดอกไม้เข้ามาหรือยังครับ  คุณป้า”  คัตซึฮิโกะถามพลางเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่

“ก็มีช่อดอกไม้ช่อนึงจ้ะ  รับตอนบ่าย ๆ  เห็นขอมาว่าให้เป็นดอกทานตะวันดอกใหญ่ดอกนึงด้วย  เขาว่าจะเอาไปแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ได้ลูกหละมั้ง”  คุณป้าบอกพร้อมกับใช้ไม้กวาดขนไก่ปัดไปตามโต๊ะ

“ดอกทานตะวัน...ดีนะฮะ  จะได้เป็นเด็กที่สดใสร่าเริงเหมือนกินพระอาทิตย์เข้าไปทั้งดวง”  ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ แล้วเดินไปดูตู้แช่ดอกไม้  โชคดีที่มีดอกทานตะวันสวย ๆ อยู่อีกหลายดอก...จะว่าไป  เด็กที่ร่าเริงแบบนั้นเขาน่าจะเคยเห็นนะ...อ้อ  เจ้านัตสึไงล่ะ

“ซาโนะคุง  ทานมื้อเช้ามาหรือยัง  มาทานขนมกับป้ามั้ย?”  คุณป้าที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะและชั้นวางของจนเรียบร้อยถามขึ้น

“ขอแค่กาแฟสักแก้วก็พอครับ”

“จ้ะ  กาแฟนะ”  หญิงวัยกลางคนเดินไปหยิบซองกาแฟสำเร็จรูปมาชงให้พลางเปิดโทรทัศน์ดู

“...ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้ว  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพสเก็ตช์ของคนร้ายมาแล้วค่ะ”

เมื่อเธอหันไปมองโทรทัศน์ตามเสียการรายงานข่าว  เธอก็ต้องตกใจจนแทบทำแก้วกาแฟหลุดจากมือ

“ซาโนะคุง  มานี่เร็ว!!”  เธอร้องเรียกลูกจ้างหนุ่มสุดเสียง

“ครับ!  มีอะไรครับ!?”  คัตซึฮิโกะรีบเผ่นพรวดเข้ามาทันที

“นั่น...ดูนั่น...”  คุณป้าชี้ไปที่จอโทรทัศน์

“...ถ้าผู้ใดพบเห็นหรือสามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายในภาพได้  กรุณาแจ้งสถานีตำรวจใกล้บ้าน...”

ภาพสเก็ตช์คนร้ายคดีทำร้ายร่างกายและฆาตกรรมสองศพปรากฏขึ้นตรงหน้า  คัตซึฮิโกะสะท้านเยือกไปทั้งร่าง...เซย์ริว!!

ในความเงียบเท่าเข็มตกได้ยิน  มีเพียงเสียงผู้ประกาศข่าวรายงานข่าวอื่นต่อไปอีก  แต่ในร้านขายดอกไม้แห่งนั้นเงียบงัน  จนกระทั่งผู้เป็นเจ้าของร้านเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น ๆ

“ซาโนะคุง...นี่มันอะไรกัน...”

ไม่มีคำตอบสำหรับช่วงเวลานั้น  คัตซึฮิโกะได้แต่กำมือแน่นจนเล็บจิกกับเนื้อ  ริมฝีปากสั่นระริก...เรื่องในวันนั้น...ไอ้เสี่ยนั่นมันไม่ตายงั้นหรือ...

คุณป้าเจ้าของร้านมองหน้าลูกจ้างของเธอที่ตอนนี้ซีดเผือดราวกับใบหน้าคนตาย  ฝ่ายนั้นตกใจยิ่งกว่าเธอหลายเท่านัก  เธอรีบควบคุมสติ...นี่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ  คนในข่าวอาจจะแค่มีใบหน้าเหมือนกันเท่านั้น  หรือตำรวจอาจจะสเก็ตช์ภาพผิด...เธอแตะลงที่แขนของคัตซึฮิโกะอย่างแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรนะ  ซาโนะคุง...ใจเย็น ๆ “

คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับเก้าอี้อย่างสิ้นเรี่ยวแรง  ทุกอย่างกะทันหันเกินไป  เขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและควรทำอย่างไรต่อไป...ในข่าวไม่มีภาพของเขา  แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ไอ้เสี่ยนั่นจะจำหน้าเขาไม่ได้  ในเมื่อมันจำหน้าเซย์ริวได้ชัดเจนขนาดนี้  แล้วเพราะอะไรถึงไม่มีภาพเขา...หรือว่ามันต้องการเก็บเขาไว้เพื่อจุดประสงค์อื่น...

“ซาโนะคุง...”

“ขะ...ขอโทษครับ  คุณป้า...ผม...”  ชายหนุ่มยกมือที่สั่นเทาขึ้นลูบหน้า  เขาต้องตั้งสติ  เขาต้องบอกตัวเองให้ได้ว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป

“นั่นเซย์ริวคุงจริง ๆ เหรอจ๊ะ”  เสียงคุณป้าถามมาอย่างอ่อนโยน  เธอยังอยากจะมองในแง่ดี

คัตซึฮิโกะสูดลมหายใจลึก

“ครับ...นั่นเซย์ริว...”  เขาพยายามเค้นเสียงแหบแห้งออกมา  “แต่เพื่อช่วยผม...ทำเพื่อช่วยชีวิตผม...”

ผู้เป็นเจ้าของร้านลูบหลังลูบไหล่คัตซึฮิโกะอย่างปรานี  ทำให้ชายหนุ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง

“ถึงหมอนั่น  จะเลวโดยสันดาน...แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้น  ครั้งนี้ที่เขาทำเพื่อปกป้องผม...ไม่...ไม่ใช่แค่เขา...ผมเอง  ผมเองครับคุณป้า...หนึ่งในสองศพนั่นเป็นฝีมือผมเอง...”

ใช่...เขาทุบมันตายกับมือ  ถ้าไอ้เสี่ยนั่นรู้ว่าใครเป็นคนทำ  มันต้องรู้ว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด  แต่ที่ในข่าวไม่มีภาพของเขา  เป็นเพราะมันต้องการจะเก็บเขาเอาไว้  จะเพื่ออะไรก็ช่าง  นั่นไม่ใช่เรื่องดี...แล้วจะทำอย่างไรต่อ  เซย์ริวรู้เรื่องนี้หรือยัง...

“ซาโนะคุง  โทรศัพท์สิ”

“หา?”  คัตซึฮิโกะอุทานด้วยความตกใจ  “คุณป้าจะให้พวกผมมอบตัวเหรอครับ?”

คุณป้าส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ไม่ใช่...โทรไปหาเซย์ริวคุงซะ  บอกให้เขารู้  จะได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไงและจะทำอะไรต่อไป”

คัตซึฮิโกะจ้องตาผู้เป็นายจ้างอย่างตกตะลึง  เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากใครในโลกนี้...ในสถานการณ์เช่นนี้

“เร็วเข้า  อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย  รีบโทรซะ”  คุณป้ายื่นโทรศัพท์ให้

คัตซึฮิโกะนิ่งไปนิดหนึ่ง...เขาก็อยากโทร  แต่เซย์ริวไม่มีโทรศัพท์มือถือ  และที่สำคัญก็คือเซย์ริวไม่ได้กลับมาที่ห้องของเขาสองคืนแล้ว  ตอนนี้เซย์ริวอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้  วิธีที่จะหาตัวเซย์ริวเจอก็คือ...

ชายหนุ่มกุมมือคุณป้าแล้วบีบแน่นอย่างซาบซึ้งในน้ำใจที่เธอมีให้  เขายกมือนั้นขึ้นแตะหน้าผาก

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับคุณป้า  แต่ผมรู้แล้วว่าผมจะตามหาเซย์ริวได้ที่ไหน...ผมต้องไปเดี๋ยวนี้...”

คุณป้าลูบผมลูกจ้างหนุ่มแผ่วเบา

“ไปเถอะจ้ะ  ถึงคราวที่เธอต้องปกป้องเขาบ้างแล้วหละ”

คัตซึฮิโกะยิ้มกว้าง  เขาถอดผ้ากันเปื้อนออกแล้วเข้าไปเก็บข้าวของสองสามชิ้นของเขาลงกระเป๋าเป้  ก่อนกลับออกมากอดคุณป้าเอาไว้แน่น ๆ อีกครั้ง

“คุณป้าครับ  ดอกทานตะวัน...จัดช่อให้สวยเลยนะครับ  อวยพรให้เด็กคนนั้น  อย่าให้เขาต้องเป็นเหมือนอย่างพวกผม”

“ป้าจะจัดให้สวยเลยจ้ะ  เชื่อมือเถอะ  อ้อ...นี่...”  เธอหันไปหยิบดอกลิลลี่สีขาวดอกใหญ่ส่งให้คัตซึฮิโกะ  “นี่อวยพรสำหรับเธอ”

คัตซึฮิโกะรับดอกไม้นั้นมาพร้อมกับยิ้มทั้งน้ำตา

“ขอบคุณครับ  คุณป้า  ผมลาหละครับ”

คุณป้าเจ้าของร้านยืนมองคัตซึฮิโกะวิ่งไปตามทางเดินจนลับตา  พร้อมกับเฝ้าภาวนาให้ได้พบกับชายหนุ่มคนนี้อีกครั้ง  โดยที่เธอไม่มีวันรู้เลยว่า  ไม่ไกลไปจากร้านของเธอมากนัก  เด็กหนุ่มอีกคนหนึ่งกำลังใช้โทรศัพท์

“ครับ...สถานีตำรวจเหรอครับ  ผมมีเบาะแสของคนร้ายที่ออกข่าวเมื่อเช้าจะแจ้งครับ...”
//////////

หญิงสาวตัวเล็ก ๆ เดินทอดน่องผ่านย่านชุมชนที่ผู้คนเริ่มบางตาลงบ้างจากช่วงเวลาเร่งด่วน  จิอากิเพิ่งจะลุกออกมาจากเตียงในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งหลังจากที่ลูกค้าของเธอจ้างเหมาเธอตลอดทั้งคืน  และเธอก็ปรนเปรอให้เต็มที่  แลกกับเงินก้อนโตที่เขามอบให้  เธอบิดตัวอย่างเมื่อยขบพลางคิดว่าจะกลับไปนอนต่อที่ห้องเช่า

ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นรายงานข่าวจากจอโทรทัศน์ที่วางเรียงกันเป็นพรืดอยู่ในตู้โชว์ของร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า  เธอยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วจ้องมันอีกอย่างไม่เชื่อสายตา

“ตายแล้ว!  เซย์ริว!!”

เร็วเท่าความคิด  เธอรีบวิ่งกลับบ้าน  ฮิโรกิกับเซย์ริวจะต้องรู้เรื่องนี้ให้เร็วที่สุด!
//////////

มาซาฮิเดะโยนหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะโดยแรงจนเกือบจะเป็นอาการขว้าง  เขาถอดเสื้อกาวน์พาดกับพนักเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้องอย่างเร่งร้อน

“โทชิ!  ฉันจะออกไปข้างนอก”

“อ้าว  แล้วคนไข้รอเย็บแผลนั่นล่ะครับ?”

“เธอเย็บไปแล้วกัน  ทำได้นี่  ฉันไม่มีเวลามากขนาดจะมายุ่งกับแผลเล็ก ๆ แบบนั้นหรอกนะ”  มาซาฮิเดะเอ็ดเอาพร้อมกับก้าวลงบันไดเร็ว ๆ

สารวัตรไอดะที่ไม่ได้ข้อมูลไปจากเขาและคงไม่ได้ข้อมูลจากฮิโรกิ  เริ่มใช้วิธีหว่านแหเพื่อควานหาตัวเซย์ริวแล้ว  ไม่ใช่ความผิดของไอดะ  ทางนั้นเองก็คงโดนกดดันจากเบื้องบนอีกต่อหนึ่ง  หรือไม่บางทีก็โดนกดดันจากตัวคิตะโนะเองนั่นแหละ

เท่าที่รู้จักกัน  สารวัตรไอดะเป็นคนดี  เป็นตำรวจที่ดี  แต่มันเรื่องอะไรที่เขาจะต้องส่งเด็กที่เขาอุปการะอยู่ให้ตำรวจที่ดีเพื่อส่งต่อไปให้ไอ้คนชั่วที่ใครต่อใครก็รู้กันว่าชั่วด้วย  เซย์ริวต้องหนี!

มาซาฮิเดะชะงักเท้าเมื่อลงมาถึงชั้นล่างของโรงพยาบาล  ร่างสูง ๆ ของใครคนหนึ่งยืนรอเขาอยู่แล้ว

“มาที่นี่ทำไม!?  ทำไมแกไม่รีบไป!!”

ชายหนุ่มยักคิ้วนิด ๆ อย่างไม่ใส่ใจกับเสียงตวาดของคนเป็นหมอ  ในมือของเขามีกระเป๋าเป้ใบเขื่องอยู่  เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วควักเอาเงินออกมาปึกใหญ่

“นี่ค่ารักษาของคาซึโกะ  มันยังไม่ครบ  แต่ฉันให้หมอไว้แค่นี้ก่อน”

มาซาฮิเดะจ้องหน้าเซย์ริวอย่างงุนงงไปชั่วขณะ

“มาที่นี่เพื่อเรื่องไร้สาระแบบนี้น่ะรึ?”

“ไม่ไร้สาระหรอก  เพราะฉันกำลังจะขอ...ขอร้องหมอ  ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตของฉัน”  เซย์ริวจ้องหน้าหมอมาสะนิ่ง  ดวงตาคู่นั้นไม่มีแววหวั่นไหว

“แกจะขออะไร”

“ให้ความคุ้มครองคาซึโกะ  ถ้าเป็นหมอต้องทำได้แน่  อย่าให้มือของไอ้สัตว์นั่นเอื้อมมาถึงคาซึโกะได้  ให้มันอยู่ในความดูแลของหมอ  ฉันขอแค่นี้”  ชายหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น

“ทั้งที่ยังจ่ายค่ารักษาไม่ครบน่ะเรอะ”  มาซาฮิเดะแค่นยิ้ม  พลอยให้เซย์ริวยิ้มน้อย ๆ ออกมาด้วย

“ฉันจะส่งให้อีก  หมอจะได้เงินครบแน่  ไม่ต้องห่วงหรอก”  ร่างสูงยื่นเงินในมือให้  “นี่สองล้าน  ยังขาดอีกสองล้าน  ไม่นาน...ฉันจะหามาจ่ายให้ครบ”

มาซาฮิเดะผลักมือที่ยื่นเงินให้เขากลับไป

“ไม่ต้อง...เก็บมันไว้ซะ  แกต้องใช้มันในการเดินทางครั้งนี้  เรื่องจ่ายให้ฉันน่ะ  เมื่อไรก็ได้  ฉันมีเวลารอแกได้ทั้งชีวิต  หรือถ้าฉันเป็นอะไรไปก่อน  โทชิก็ยังรอแกได้”

“แต่ว่า...นี่...”

“หรือถ้าแกหามาให้ฉันไม่ได้จริง ๆ  ซาโนะคุงก็ต้องหามาจนได้  แต่ถ้าแกต้องการจ่ายเงินให้เขาทั้งหมดเพื่อแสดงความรับผิดชอบโง่ ๆ ตามที่ฉันเคยสั่งไว้  ค่อยเอามาจ่ายอีกสองล้านทีหลัง  เงินสองล้านนี้ฉันรับไว้แล้ว  และยกให้แกแล้ว  ตอนนี้  รีบไปซะ”  มาซาฮิเดะยืนกอดอกพร้อมกับยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก  ท่าทางถือดีเหมือนที่เซย์ริวเคยเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย  “ฉันสัญญา  ฉันจะให้ความคุ้มครองเด็กนั่นไม่ให้ใครมาแตะต้องได้เด็ดขาด”

คำสุดท้ายนั้นหนักแน่น  และเมื่อหมอมาสะพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้นั่นหมายความว่ามันจะเป็นเช่นนั้นไปตลอดกาล

เซย์ริวเหยียดยิ้ม  ยัดเงินใส่กระเป๋าแล้วหันหลังกลับ  ก่อนที่จะเดินออกจากโรงพยาบาลไปโดยไม่หันมามอง

“ขอบคุณมาก  พ่อ”

มาซาฮิเดะยกมือขึ้นแคะหู

“อย่าเสือกมาทำซึ้งเอาป่านนี้เลยวะ  เอาตัวรอดกลับมาจ่ายหนี้ให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยพูด”


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 05-07-2013 22:05:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!!!!~~
หนีไปน้าาาาาาา
*พรากกกกกก*

ตื่นเต้นนนนนนนนนนนนน

เซย์ริวทำซึ้งเป็นด้วยแหะะะะ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: zizits ที่ 05-07-2013 22:48:53
แอบสารเซริวและแอบคิดไปต่างๆนานา แง้
เซย์ริวหนีไปตั้งตัวใหม่สักปีนึง แล้วกลับมาเป็นเศรษฐีทีเถอะน้า 5555
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 05-07-2013 23:02:05
ไอ้แก่หื่น น่าจะตายๆไปซะ นิสัยไม่ดีสุดๆ :angry2:
เซย์ริวรีบกลับมาปกป้องคัตจังด้วยนะ กลัวว่าคัตจังจะโดนฉุดไปทำมิดีมิร้าย แค่ความคิดมันก็น่าขยะแขยงเต็มทนแล้ว :ling1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-07-2013 23:12:51
มีแววว่าจะมาม่าต่อปายยย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 06-07-2013 06:14:35
นัตสึทำอะไรลงไปรู้หรือเปล่า สู้ๆกันนั
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 06-07-2013 10:56:56
งื้อออออออออออ เซย์ริวพาคัตจังไปด้วยเถอะ หนีไปอยู่ด้วยกัน ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ไกลๆ ที่ๆไม่มีใครรู้จัก อย่าทิ้งคัตจังไว้คนเดียวเลยนะ ฮือๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 20: 5/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-07-2013 17:54:54
ไอ้แก่บ้าตัณหานั่นนนนน :katai4:
ลุ้นกันต่อไป :m31:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21: 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 12-07-2013 12:34:14
สวัสดีวันศุกร์ครับ
อาทิตย์ที่ผ่านมาสบายดีกันหรือเปล่าครับ บ้านผมฝนตก หลับสบายทุกวันเลย

KOUSOKU 21

“ครับ...ผมเจอมันที่ห้องพี่ชายผมบ่อย ๆ ครับ...เปล่าครับ  ไม่ใช่เพื่อนครับ...มันก็คุกคามพี่ชายผมเหมือนกัน...”


ร่างสูงก้าวเร็ว ๆ ผ่านซอกซอยที่คุ้นเคย  เขาพยายามหลีกเลี่ยงถนนใหญ่เพื่อความปลอดภัยของตนเอง  จุดหมายข้างหน้าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาจะไปที่ไหน  เพียงแต่ยังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าจะไปที่นั่นทำไม  ยังเช้าขนาดนี้เจ้าของห้องคงอยู่ที่ร้านดอกไม้...แต่สองเท้าก็ยังพาเขาตรงไปยังห้องเช่าเล็ก ๆ แห่งนั้น  ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่  แต่เขาก็อยากไปที่นั่น...เพื่ออะไร...เพื่อ...
มือแกร่งหยิบลูกกุญแจจากที่ซ่อนมาไขลูกบิดประตูพลางนึกแปลกใจว่าทำไมคัตซึฮิโกะถึงออกจากห้องไปโดยไม่คล้องแม่กุญแจ  แต่ยังไม่ทันจะได้บิดลูกกุญแจ  ลูกบิดก็ถูกบิดเปิดจากด้านใน

“เซย์ริว!  ทำไมมาช้านัก!?”  คัตซึฮิโกะแหวเอาทันทีที่โผล่ออกมาเห็น  แล้วก็ดึงร่างสูงเข้าห้องก่อนปิดประตูล็อก

“ผมตกใจแทบแย่  รู้มั้ย!  มาดักรอคุณอยู่ตั้งนาน  นึกว่าเตลิดเปิดเปิงหรือโดนซิวไปแล้วซะอีก”  คัตซึฮิโกะบ่นพลางยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิด

“นี่แกไม่ได้ไปทำงาน?”  หางเสียงขึ้นสูงแสดงความประหลาดใจ

“ไปมาแล้ว  กลับมาแล้ว  แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาถามเรื่องแบบนี้นะ  คุณจะทำยังไงต่อ?”  ชายหนุ่มถามด้วยอาการร้อนรนมากขึ้น

เซย์ริวมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอันบอกไม่ถูก  มือใหญ่ยกขึ้นแตะข้างแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ

“อะไร...?”

ถามยังไม่ทันขาดคำ  ร่างเพรียวก็ถูกรวบเข้าในอ้อมแขนแกร่ง  ริมฝีปากร้อนบดลงมาอย่างหนักหน่วง  คัตซึฮิโกะสะดุ้งพลางยกมือขึ้นดันอกร่างสูง  แต่อาการขัดขืนนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วแวบ  มือเรียวเริ่มเกาะยึดอกเสื้อของร่างสูงแล้วตอบสนองจูบนั้นอย่างนุ่มนวลกระทั่งมันถูกถอนออก

“ฉันจะออกนอกประเทศ”  เซย์ริวกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

คัตซึฮิโกะผละออกห่างแล้วจ้องมองร่างสูง  สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มเป็นกังวล

“ไปไหน?”  ชายหนุ่มถามอย่างรวดเร็ว

“ยังไม่รู้  แต่ต้องไป”  คำตอบห้วนสั้น  หากไม่เด็ดขาดเหมือนที่เคยเป็น

ดวงตาคู่สวยที่จับจ้องมายังใบหน้าของเซย์ริวไหวระริก...ทุกอย่างกะทันหันเกินไป...มือหยาบกร้านเกลี่ยเรือนผมนิ่มอย่างเบามือ

“ดีแล้ว  ที่ได้เห็นหน้าแกเป็นครั้งสุดท้าย”  รอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของเซย์ริวเป็นรอยยิ้มแบบที่คัตซึฮิโกะไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“ฉันต้องไปเดี๋ยวนี้แล้ว”

พูดจบ  อาชญากรหนุ่มก็ดึงมือกลับอย่างรวดเร็วเหมือนจะตัดใจ  เขาหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไร

แต่ฉับพลัน  มือเรียวก็คว้าดึงเสื้อของเขาไว้

“อย่ามาทิ้งกันแบบนี้นะ!!”

คัตซึฮิโกะออกแรงดึงกระชากไหล่ให้ร่างสูงต้องหันกลับมา

“ผมจะไปด้วย!!”


เซย์ริวนิ่งงันไปชั่วขณะจิต  แต่ยังไม่ทันที่สมองจะเข้าใจว่าคัตซึฮิโกะพูดอะไร  คัตซึฮิโกะก็ใส่ต่อมาอีกชุดใหญ่

“คิดจะมาก็มา  คิดจะไปก็ไปงั้นเรอะ  จะเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปหน่อยแล้ว  คุณรู้มั้ยว่าคุณเข้ามาทำให้ชีวิตผมวุ่นวายแค่ไหน  แล้วอยู่ ๆ จะไปง่าย ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ  ผมไม่ยอมหรอกนะ  ผมจะไปกับคุณด้วย!”

“จะไปด้วยทำบ้าอะไร  เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก!”  เซย์ริวตะโกนใส่หน้าพร้อมสะบัดมือคัตซึฮิโกะออก

“เกี่ยวเซ่!  คุณคิดรึไงว่าไอ้เสี่ยนั่นมันจะจำคุณได้คนเดียว  มันเห็นหน้าผมชัดกว่าคุณอีกนะ  มันต้องรู้  มันไม่จ้องเล่นงานคุณคนเดียวแน่!”  คัตซึฮิโกะขึ้นเสียงอย่างไม่ยอมแพ้

“ฉันฝากแกไว้กับหมอมาสะแล้ว  แกจะปลอดภัยที่สุดภายใต้ความคุ้มครองของหมอ”

“ผมไม่ได้ต้องการความคุ้มครอง  ผมจะไปกับคุณ  ถึงมันจะเสี่ยงแค่ไหน  ผมก็จะไปกับคุณ!”

“จะไปขวางมือขวางตีนฉันทำไมเล่า  แกจะคอยถ่วงฉันไปตลอดทางรึไง!?”

“ตัวถ่วง?”  คัตซึฮิโกะทำเสียงขึ้นจมูกเหมือนจะเยาะหยัน  “คุณนั่นแหละ  ตัวถ่วง  ไอ้คนเฮงซวย!  คุณเข้ามาถ่วงชีวิตผมลงเหวไปแค่ไหนแล้ว  ผมอยู่ของผมดี ๆ ก็เข้ามาทำทุกอย่างฉิบหายหมด  เงินหาย  งานหด  เกือบจะอดตายอยู่แล้ว  ไหนยังต้องมาทำมาหากินเลี้ยงคุณอีก  แล้วอยู่ ๆ ก็จะไปโดยไม่ชดใช้หนี้บุญคุณอะไรเลยรึไง  จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย?  แล้วที่บอกเอาไว้...คนที่มีสายเลือดเดียวกันเพียงคนเดียวในโลก  นั่นก็เป็นคำตอแหลเหมือนคำพูดอื่น ๆ ของคุณหรือไง?  รับผิดชอบสิ  เซย์ริว  สาบานต่อหน้าแผลนี่ว่าคุณจะรับผิดชอบชีวิตผมจนถึงที่สุด  จนกว่าคุณจะทำลายมันลงด้วยมือของคุณเอง!!”

คัตซึฮิโกะดึงผ้ารัดข้อมือออกแล้วยื่นมือไปตรงหน้าเซย์ริว  รอยแผลเป็นจากเหตุการณ์เมื่อเกือบครึ่งปีก่อนยังปรากฏชัดอยู่ที่ข้อมือข้างซ้ายของคัตซึฮิโกะ  ดวงตาที่จ้องมองเซย์ริวเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว  ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น  บ่งบอกถึงการตัดสินใจอย่างไม่ลังเล

“รับผิดชอบสิ  เซย์ริว”


ร่างสูงมองคนตรงหน้าอย่างหลากใจ  คนคนนี้ราวกับไม่ใช่คัตซึฮิโกะที่เขาเคยรู้จัก  แววตาคู่นั้นเขาไม่เคยเห็น  คัตซึฮิโกะของเขาเต็มไปด้วยความลังเล  ขลาดอาย  และอ่อนไหว...คัตซึฮิโกะที่แข็งกร้าวคนนี้เป็นใครกัน

“...แก...เข้มแข็งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”

ริมฝีปากที่เม้มแน่นค่อย ๆ คลี่ออกจนเป็นรอยยิ้ม

“คุณเห็นผมอ่อนแอนักหรือ  เซย์ริว?”  น้ำเสียงนั้นกลับอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น  “ผมที่อยู่คนเดียวมา  7  ปี  อ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“แต่ตอนที่ฉันเจอแก...”

คัตซึฮิโกะส่ายหน้าอย่างแช่มช้า

“นั่นแค่โอกาสหนึ่งในชีวิตเท่านั้นเอง  เซย์ริว  มันต้องมีบ้างไม่ใช่เหรอ  ช่วงเวลาเลวร้ายของชีวิตน่ะ  วันที่รู้สึกไร้ค่าเหมือนทั้งโลกหันหลังให้เรา  มันต้องเกิดขึ้นบ้างในบางเวลาของชีวิต  คุณแค่ก้าวเข้ามาในช่วงนั้นของชีวิตผมเท่านั้นเอง...ผมน่ะนะ  เซย์ริว  ผมต้องดูแลน้อง  ดูแลตัวเอง  รับผิดชอบหน้าที่การงานของตัวเองให้ดีที่สุด  ทุกวันมันยุ่งวุ่นวายจนไม่มีเวลาจะเศร้าหรืออ่อนแอหรอกนะ  ผมท้อ  ผมเหนื่อย  แต่ผมไม่เคยแพ้  ครั้งเดียวที่ผมล้มแล้วรู้สึกว่าไม่อาจลุกขึ้นได้อีก  เกิดขึ้นเพราะคุณ...คุณทำลายทุกอย่างที่เป็นความเชื่อมั่นในชีวิตของผม  คุณทำลายชีวิตผมลงได้อย่างที่คุณพูดไว้เมื่อพบกันครั้งแรก  แต่ในตอนที่โลกทั้งโลกของผมมืดมิด  คุณเองที่เป็นคนพาผมกลับมา  เลือดของคุณ...ความเอาแต่ใจของคุณ  ฉุดรั้งผมไว้ที่นี่  แล้วผมก็คิด...ทุกครั้งที่มองแผลนี้ผมก็คิด  ผมได้ชีวิตของผมคืนมาแล้ว  ผมจะไม่ยอมเสียไปอีก  ไม่ว่าจะเพราะใครหรือเพราะอะไร  ผมได้ก้าวข้ามช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้ว  ผมหลุดพ้นจากก้นบึ้งของความสิ้นหวังที่ผมผลักตัวเองลงไปด้วยความอ่อนแอของผมเองแล้ว  ผมจะไม่กลับไปที่จุดนั้นอีก  ผมจะใช้ชีวิตอย่างที่ผมอยากเป็น  ผมจะเข้มแข็ง!”

ประโยคสุดท้ายหนักแน่นราวกับจะจารไว้บนแผ่นหิน  ดวงตาที่จ้องตรงมาไม่มีแววหวั่นไหว

เซย์ริวเองเสียอีกที่วาบไหวอยู่ในอก  เมื่อมือเรียวเอื้อมมาเกาะกุมมือซ้ายของเขาไว้

“คุณผูกมัดผมไว้ด้วยแผลนี่  ผมก็จะผูกมัดคุณไว้ด้วยสร้อยเส้นนี้เหมือนกัน”

อาชญากรหนุ่มเหลือบมองข้อมือซ้าย  สร้อยเงินเส้นเขื่องสวมติดอยู่ที่นั่นมาตั้งแต่ต้นฤดูหนาวโดยที่เขาไม่ได้ใส่ใจกับมันจนเกือบจะลืมไปแล้ว...ใช่...คัตซึฮิโกะเป็นคนซื้อให้  ในวันเกิดของเขา

“หึ...ฉันไม่ทำอะไรงี่เง่าอย่างเรื่องสบถสาบานอะไรนั่นหรอก  แต่ฉันไม่เคยผิดคำพูดของฉัน”  ร่างสูงจับมือคัตซึฮิโกะขึ้นมาจูบหนัก ๆ ที่รอยแผลนั้น

“ชีวิตของแก...ฉันจะเป็นคนทำลายด้วยมือของฉันเอง”
//////////

ท็อปบู้ทหลายคู่ย่ำหนัก ๆ มาตามทางเดินของแมนชั่นเก่า ๆ แห่งนั้น  ตำรวจนายหนึ่งเคาะประตูห้องแรง ๆ

“คุณซาโนะครับ  นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ขอความร่วมมือในการตรวจค้นด้วยครับ”  เขาบอกกับคนที่น่าจะอยู่ในห้อง  ในขณะที่ตำรวจนายอื่นอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม  เพราะไม่แน่ว่าเจ้าฆาตกรสองศพนั่นจะอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่

แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้อง

ตำรวจคนเดิมหันไปมองหน้าคนอื่น ๆ เหมือนจะขอความเห็น  แล้วก็หันกลับไปมองสำรวจประตูอีกครั้ง  ที่สายยูไม่ได้คล้องแม่กุญแจ  มีเพียงลูกบิดประตูเท่านั้นที่ล็อกเอาไว้

“คุณซาโนะครับ”  เขาเรียกพลางเคาะประตูแรงขึ้น  แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ

“เอายังไงดี  หรือว่าไม่ใช่ที่นี่”

“ป้ายชื่อติดอยู่นั่น  จะไม่ใช่ได้ยังไง  อาจจะออกไปทำงานก็ได้”  อีกคนหนึ่งแย้ง

“แล้ว...ที่ทำงานเขาอยู่ไหน?”

“ไม่รู้สิ  ผู้แจ้งเหตุไม่ได้บอกมาด้วย”

“กลับก่อนแล้วค่อยมาทีหลังดีมั้ย?”

“เข้าไปค้นเถอะ  เผื่อว่าไอ้คนร้ายมันจะแอบกบดานเงียบอยู่ในห้องล่ะ  ถ้าเราไปก็เข้าทางมันเลยนะ”  ตำรวจร่างสูงใหญ่ออกความเห็น  เป็นเหตุให้ทุกคนนึกคล้อยตามไปด้วย  เขาเป็นลูกต้องของคิตะโนะที่ลอบปลอมตัวมา  เป้าหมายสำคัญของเขาคือเจ้าของห้องนี้  ส่วนไอ้ฆาตกรตัวแสบนั่นเป็นเพียงเป้าหมายรอง

“งั้นลองเข้าไปดูก็ได้  ใครมาสะเดาะกุญแจซิ”

ประตูห้องถูกไขเข้าไปไม่ยากนัก  แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งตัวจริงและตัวตัวปลอมพบแต่ห้องว่าง ๆ ที่ไม่มีคนอยู่  สภาพห้องดูเป็นปกติทั่วไปเหมือนกับว่าเจ้าของห้องได้ออกไปทำงานเมื่อเช้าและทิ้งห้องไว้ในสภาพนี้

จากการตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน  ไม่พบอะไรที่จะสาวไปถึงตัวฆาตกรที่ถูกออกหมายจับได้  มีเพียงข้าวของเครื่องใช้บางอย่างที่บ่งบอกว่าเจ้าของห้องนี้ไม่ได้อยู่คนเดียว  แต่หลักฐานนั้นก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดจะระบุได้ว่าคนร่วมห้องเป็นหญิงหรือชาย  และอยู่ด้วยกันประจำหรือแค่มาพักด้วยชั่วครั้งชั่วคราว

การตรวจค้นครั้งนี้เรียกได้ว่าคว้าน้ำเหลว  ตำรวจไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับเจ้าของห้อง  มีที่เกือบจะเป็นประโยชน์เมื่อมีคนค้นเจอนามบัตรบอกตำแหน่งพนักงานฝ่ายศิลป์ของบริษัทแห่งหนึ่ง  แต่เมื่อโทรติดต่อไปที่บริษัทก็พบว่า  ซาโนะ  คัตซึฮิโกะได้ลาออกจากที่นั่นหลายเดือนแล้ว  ผู้รับโทรศัพท์ก็ไม่ทราบว่าเขาได้งานใหม่ที่ไหน  และประจวบเหมาะกับเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศ  บรรดาตำรวจจึงได้แต่ถอนกำลังกลับไปอย่างผิดหวัง


คล้อยหลังตำรวจไปไม่นาน  นัตสึก็แอบขึ้นมาที่ห้องของคัตซึฮิโกะ  เขาหยิบเอากุญแจจากที่ซ่อนที่คัตซึฮิโกะเคยบอกเขาไว้แล้วไขห้องเข้าไป

หลังจากโทรแจ้งกับตำรวจแล้ว  นัตสึก็รีบมาที่ห้องของคัตซึฮิโกะ  ใจจริงเขาอยากไปหาคัตซึฮิโกะที่ที่ทำงาน  แต่เขาไม่รู้ว่าคัตซึฮิโกะทำงานที่ไหนแน่  การควานหาตัวคัตซึฮิโกะย่อมเสียเวลากว่าการมาดักเจอที่ห้อง  เขาจึงมาที่นี่  แต่พวกตำรวจมาถึงก่อนหน้าเขานิดเดียวเท่านั้น

เด็กหนุ่มนึกภาวนาให้คัตซึฮิโกะอยู่ที่ห้อง  ไม่ว่าความผิดที่เซย์ริวกระทำมันจะมีส่วนโยงใยมาถึงคัตซึฮิโกะหรือไม่  แต่การอยู่ในความดูแลของตำรวจจะปลอดภัยต่อคัตซึฮิโกะมากกว่าในความคิดของนัตสึ...แต่คัตซึฮิโกะก็ไม่อยู่ที่ห้อง

นัตสึเข้าไปในห้องพร้อมกับตัดสินใจจะอยู่รอจนกว่าคัตซึฮิโกะจะกลับมา  สภาพห้องมีร่องรอยการรื้อค้นปรากฏอยู่เล็กน้อย  แต่ข้าวของส่วนใหญ่อยู่ในสภาพเกือบเหมือนเดิม  พวกตำรวจพรางร่องรอยไว้ได้แนบเนียนทีเดียว  อาจเพราะการตรวจค้นครั้งนี้ทำไปโดยพลการก็ได้

เด็กหนุ่มทำท่าจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วก็เปลี่ยนใจไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือแทน  บนเตียงเล็ก ๆ นั้นมีความทรงจำอันอัปยศของเขาอยู่  แม้เวลาจะผ่านมาพอสมควรแล้ว  แต่บางครั้งมันก็ยังเฝ้าหลอกหลอนเขา

นัตสึพยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองไปที่เตียงนั้น  แต่ยิ่งพยายามเท่าไร  เขาก็พบว่าเขามองไปที่นั่นบ่อยกว่าที่อื่น

ความเจ็บปวดแล่นปลาบขึ้นมาจากส่วนลึกในใจและแผ่ขยายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว  เด็กหนุ่มยกสองมือขึ้นกอดตัวเองแน่น  เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านขมับ  รู้สึกเกร็งเครียดและอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...แค่กลับมาอยู่ในสถานที่ที่เกิดเรื่องเลวร้ายนั่นก็ทำให้เขาแทบทนไม่ได้ขนาดนี้  แล้วคัตซึฮิโกะล่ะ...คัตซึฮิโกะพยายามฆ่าตัวตายที่นี่...แล้วคัตซึฮิโกะทนอยู่ที่นี่ต่อมาได้อย่างไร

คิดแบบนั้นแล้วสายตาก็กวาดไล่ไปที่พื้น...ตรงนั้น...บนพื้นห้องข้างเตียง  ยังมีคราบสีน้ำตาลแดงจับอยู่จาง ๆ ...คัตซึฮิโกะกรีดข้อมือที่นี่!

นัตสึทรุดตัวลงกับพื้น  ใช้มือลูบไปตามคราบเลือดของคัตซึฮิโกะ...คัตซึฮิโกะผ่านเรื่องเจ็บปวดมามากมายขนาดไหนแล้วนะ  ตลอดเวลาเหล่านั้นเขาไม่เคยอยู่เคียงข้างคัตซึฮิโกะเลย  คัตซึฮิโกะฟันฝ่าเรื่องราวเหล่านั้นมาด้วยตัวคนเดียวเสมอ...แล้วมันคนนั้น  มันอยู่เคียงข้างคัตซึฮิโกะอย่างนั้นหรือ?

พลันเด็กหนุ่มก็เห็นความผิดปกติบางอย่างที่เตียงนอนของคัตซึฮิโกะ  ข้างใต้ที่นอนนั้นเป็นลิ้นชักใหญ่ที่คัตซึฮิโกะใช้เก็บเสื้อผ้าและของใช้บางอย่าง  ตอนนี้มีชายผ้าขนหนูแลบออกมาจากลิ้นชักนั้น  นัตสึขมวดคิ้ว  โดยปกติคัตซึฮิโกะเป็นคนมีระเบียบ  เรื่องจะให้ข้าวของรกหรือกระจัดกระจายนั้นเป็นไปไม่ได้เลย  หรือวันนี้จะรีบร้อนออกไปทำงานจนรื้อลิ้นชักกระจายได้

เขาค่อย ๆ เปิดลิ้นชักนั้นอย่างระมัดระวัง  แล้วก็เบิกตากว้าง...ที่นั่นไม่เพียงแต่รก  หากกระจุยเละเทะเพราะผ่านการรื้อค้น
คิ้วเรียวขมวดมุ่น  จะว่าตำรวจพวกนั้นเป็นคนรื้อก็ไม่น่าจะใช่  เพราะร่องรอยอื่น ๆ ในห้องก็ถูกเก็บจนเรียบร้อย  พวกนั้นคงไม่เลินเล่อทิ้งหลักฐานการรื้อค้นเอาไว้แบบนี้หรอก

นัตสึตรวจดูลิ้นชักใส่เสื้อผ้าของคัตซึฮิโกะอย่างถี่ถ้วนแล้วก็ใจหายวาบ  เอกสารสำคัญและสิ่งมีค่าหายไปพร้อมกับเสื้อผ้าหลายชุด...คัตซึฮิโกะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว!!


“มันเอาตัวพี่ผมไปแล้วครับ...ครับ...ไม่ทราบครับ...กรุณาช่วยด้วยเถอะครับ!!”


ในตอนนั้นที่รถไฟเคลื่อนที่ไปเรื่อย ๆ  ยังไม่มีใครรู้ว่าปลายทางของการเดินทางอยู่ที่ไหน  แต่ท่ามกลางผู้คนมากมาย  คัตซึฮิโกะก็เอนกายพิงซบไหล่ของร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ  สัมภาระที่วางอยู่ใกล้ตัวมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้าคนละใบ  จากวันพรุ่งนี้ไปชีวิตจะเป็นอย่างไรยังไม่รู้  แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มหลับสนิทอย่างวางใจที่สุด  เมื่อมีคนที่เขาเชื่อมั่นอยู่เคียงข้าง  มือที่เกาะกุมมือของเขาอยู่มั่นคงไม่หวั่นไหว...จะที่ไหนก็ได้  จะเมื่อไรก็ได้  จนกว่าชีวิตของเขาจะถูกทำลายลงด้วยมือคู่นั้น...เขาจะไปกับเซย์ริว
//////////


ปล. เฮ้ย!! ทำไมบทนี้มีแค่เน้!!!!
เดี๋ยวเอาไปอีกตอน
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21: 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 12-07-2013 12:40:36
ตอนที่แล้วอยากสั้นนัก เอาไปอีกตอนโลด!!

KOUSOKU 22

“สัตว์เอ๊ย!  ปล่อยให้มันหนีไปได้ยังไงวะ!  พวกมึงทำงานกันประสาอะไร  ขนาดกูให้ประกบติดไอ้พวกตำรวจนั่นแล้ว  มึงยังปล่อยให้มันรอดมือไปได้อีกงั้นเรอะ!!”

เสี่ยใหญ่แผดเสียงลั่นห้องพลางฉวยเอาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงในห้องพักฟื้นขว้างใส่ลูกน้อง  ใครหลบได้ก็โชคดีไป  ใครหลบไม่ได้ก็เจ็บตัวกันตามระเบียบ

“แต่...แต่ตอนนี้เราก็กำลังตามข้อมูลที่แน่นอนอยู่ครับ  จากทางตำรวจเองก็รู้แล้วว่าพวกมันจับรถไฟไปไหน”  หนึ่งในทีมติดตามระล่ำระลักบอก

“ไม่ใช่แค่รู้โว้ย!  พวกมึงต้องเอาตัวมันมาให้กูให้ได้เร็วที่สุด”  คิตะโนะชี้กราดไปยังกลุ่มลูกน้อง  “ถ้ากูออกจากโรง’ บาลแล้วพวกมึงยังไม่ได้ตัวมันมาให้กูหละก็...มึงต่อโลงรอไว้ได้เลย”

บรรดาลิ่วล้อได้แต่เหลือบตามองกันอย่างหนักใจ  บ้างก็กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ  พวกเขารู้ดี...คิตะโนะเป็นพวกพูดจริงทำจริง  และหลายครั้งที่พวกเขาเองที่แหละที่เป็นคนไปล่าคนที่ขัดขวางเส้นทางของคิตะโนะมาให้ผู้เป็นนาย  คราวนี้ก็เหมือนกับทุกครั้ง  ผิดกันแต่ว่าไม่มีโอกาสให้พลาดได้...พวกเขาไม่อยากเป็นฝ่ายถูกล่าเองนักหรอก

“ไป!  อย่ามาให้กูเห็นหน้าจนกว่าจะได้ตัวไอ้เด็กนั่น  แต่คอยรายงานให้กูรู้เป็นระยะด้วย  ไปได้แล้ว!”

พวกคนโฉดรีบออกไปจากห้องพักของเจ้านายอย่างรวดเร็ว  ไม่มีใครอยากอยู่สู้หน้าคิตะโนะที่กำลังอารมณ์เสียนานนัก  เหลือเพียงบอดี้การ์ดสองคนที่แม้จะรู้สึกอย่างไรก็ต้องอยู่เคียงข้างคิตะโนะตามหน้าที่

เสี่ยใหญ่หยิบเอาภาพสเก็ตช์ของชายหนุ่มขึ้นมาดูอีก  เขายิ้มอย่างพึงใจก่อนจะบอกกับบอดี้การ์ดทั้งสอง

“ออกไปเฝ้าข้างนอกไป  ฉันอยากอยู่คนเดียว”

เมื่อเหลืออยู่คนเดียวในห้องตามลำพังแล้ว  คิตะโนะก็ปล่อยอารมณ์ให้เพริดไปกับจินตนาการฟุ้งซ่าน  เขาครุ่นคิดถึงการเล่นสนุกกับชายหนุ่มในภาพครั้งแล้วครั้งเล่า  เฝ้าหมกมุ่นอยู่กับความรู้สึกที่ทั้งพึงใจทั้งอาฆาตแค้น...ถ้าไม่ไปยุ่งกับมันก็คงไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้  ถ้าไม่เจอมันก็คงไม่ต้องโชคร้ายแบบนี้  ถ้าไม่เจอมันก็คงไม่หลงใหลมากขนาดนี้...

มืออวบอูมสอดเข้าไปใต้ชุดคลุมของโรงพยาบาลแล้วเกาะกุมเข้าที่ก้อนเนื้อนุ่มที่เริ่มแข็งตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ  ทันทีที่จับต้องมันเต็มไม้เต็มมือ  พลันจินตนาการก็คิดไปภาพถึงเรียวปากอิ่มของใครคนนั้นอมครอบท่อนเนื้อของเขาเพราะถูกบังคับให้ทำ  ใบหน้าสวย ๆ เปื้อนไปด้วยน้ำตา...ใช่...เด็กนั่นต้องอมให้เขาจนกว่าเขาจะเสร็จสม...ไม่สิ  ให้อมสักครึ่งทางแล้วไปหาความสำราญจากเรือนร่างนั้นด้วยวิธีอื่นต่อน่าจะดีกว่า

เสี่ยใหญ่ขยับมือรูดขึ้นลงเร็วขึ้น  ในหัวเริ่มฟุ้งซ่านไปด้วยความคิดที่เกี่ยวข้องกับชายหนุ่มคนนั้น...สายโซ่จะถูกล่ามตรึงสองขาของมันเอาไว้  เครื่องพันธนาการจะมัดขึงให้สองขาอ้ากว้างอย่างไม่มีทางปฏิเสธ  สายหนังผูกมัดข้อมือทั้งสองข้างไพล่หลังให้หมดทางช่วยเหลือตัวเอง...

“อึ่ก...แฮ่ก...ดี...แบบนั้น...”  คิตะโนะครางกระเส่ากับให้กับจินตนาการของตัวเอง

จะใช้ยาปลุกเซ็กซ์ด้วยดีไหมนะ...ต้องดีแน่  ใช้ยาแบบสอดทางประตูหลังสอดเข้าไปแล้วเอาเจ้าของเล่นใส่กระตุ้นไว้จนยาออกฤทธิ์...ให้ทุรนทุราย  ให้ทรมานจนต้องออกปากขอร้องให้เขาใส่เข้าไปในตัวแทนที่จะเป็นของเล่น

แต่ทำไมนะ...แม้ในจินตนาการของเขา  ถึงจะถูกทรมานขนาดไหน  แววตาของคนคนนั้นก็ไม่เปลี่ยนแปลง...จนถึงตอนนี้  คิตะโนะก็ยังจำได้ถึงแววตาแข็งกร้าวที่ไม่ยอมจำนนแม้จะถูกซ้อมจนสะบักสะบอมของชายหนุ่ม...เหมือนสัตว์ป่าที่เลี้ยงไม่เชื่อง  ถ้าเป็นคนอื่นคงเอ่ยปากอ้อนวอนให้เขาปรานีตั้งแต่โดนเล่นงานไปไม่เท่าไรแล้ว  แต่คนที่ไม่ยอมแพ้แบบนี้มันก็ดี  จะได้สนุกกับการหาวิธีเอาชนะไปได้นาน ๆ  ดูซิว่าจะต้องทรมานถึงระดับไหนมันถึงจะยอมแพ้  กับไอ้คนที่แทงเขานั่นก็ด้วย  อยากรู้นักว่ามันจะปกป้องคนของมันได้ยังไงถ้ามันอยู่ในการคุมขังของเขา...เพราะว่าเอาชนะได้ยาก  จึงอยากได้มา...เพราะไม่เคยพบ  จึงอยากครอบครอง...
คิตะโนะปล่อยให้จินตนาการของตนหลั่งไหลจนกระทั่งพรั่งพรูทุกความรู้สึกออกมา...ท่ามกลางเสียงหอบหนัก ๆ ของตัวเอง  ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือยังไม่พอ...เขาต้องการมากกว่านี้  สัมผัสที่ไม่ใช่จินตนาการ  เขาต้องการครอบครองคน ๆ นั้นเดี๋ยวนี้!
//////////

คัตซึฮิโกะลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกหนาวจนทนไม่ได้  ทั้งที่ยังอยู่ในฤดูร้อนแต่ลมมรสุมก็เริ่มพัดเอาความเย็นยะเยือกของสายฝนมา  ชายหนุ่มค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งแล้วก็พบตัวเองนอนอยู่บนเก้าอี้ยาวในสถานีรถไฟ  โดยมีเซย์ริวนั่งพิงเก้าอี้หลับอยู่กับพื้น

คัตซึฮิโกะขยี้ตาพลางนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น...พวกเขาขึ้นรถไฟมาเรื่อย ๆ เปลี่ยนรถขบวนแล้วขบวนเล่าโดยไม่ได้สนใจเส้นทาง  ตลอดเวลาพวกเขาพูดคุยกันน้อยมาก  ทุกครั้งที่เหลือบไปมองเซย์ริวก็จะพบว่าฝ่ายนั้นนั่งทอดสายตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่งเงียบ  มีเพียงร่องรอยของความกังวลจับอยู่จาง ๆ บนใบหน้าที่ไม่แสดงความรู้สึกอะไร  แม้จะไม่ต้องพูด  แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ว่าเซย์ริวกำลังคิดอะไร

...พวกเขาจะทำยังไงต่อ...

คำถามนี้ปรากฏขึ้นซ้ำซากในสมอง  แม้หลายครั้งที่จะตอบกับตัวเองว่าจะหนีออกนอกประเทศไปตั้งหลักที่อื่น  แต่คำตอบนั้นก็แค่ทำให้ความกังวลใจลดลงได้เพียงชั่วคราว  ทุกอย่างมันคลุมเครือราวกับอยู่ในม่านหมอก...คิดดูก็แปลก  ทั้งที่กังวลมากขึ้นขนาดนี้  แต่ตอนที่ตัดสินใจจะติดตามเซย์ริวมานั้น  เขาไม่ได้คิดอะไรเลยแม้แต่น้อย  เขาคิดเพียงว่าจะปล่อยให้เซย์ริวไปคนเดียวไม่ได้...ไม่ใช่ไม่ยอมให้เซย์ริวปล่อยมือจากเขา  แต่เขาเองต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยมือเซย์ริว  เวลาล่วงเลยมาจนขนาดนี้แล้ว  ความสัมพันธ์ที่ดูจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนของพวกเขาดำเนินมาจนถึงตอนนี้แล้ว  การที่เขาไม่เคยขัดขวางเรื่องที่เซย์ริวทำผิดกฎหมายและการที่เขาช่วยเซย์ริวเอาไว้ด้วยการฆ่าคน  แม้จะเป็นเหตุสุดวิสัย  แต่ก็ถือได้ว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด

คัตซึฮิโกะถอนใจเบา ๆ  นึกถึงคำถามที่เขาถามเซย์ริวระหว่างการเดินทาง


“นี่...พวกเราจะไปที่ไหนเหรอ?”

“ก็ออกนอกประเทศไง”  เซย์ริวตอบมาเบา ๆ

“แล้ว...จะไปยังไง?”

“เรือลำไหนสักลำที่จะเดินทางออกนอกประเทศ  ก็ซ่อนตัวไปในนั้น”  ชายหนุ่มพูดอย่างไม่คิดมาก

“แล้ว...ถ้าถูกจับได้จะทำยังไง?”

“ถามว่าจะเป็นยังไงน่าจะง่ายกว่ามั้ง...”  ร่างสูงเว้นวรรคไปนิดหนึ่ง  “อย่างดีที่สุดก็อยู่ในคุกมันไปตลอดชีวิต  อย่างเลวที่สุดก็ตาย”

คำตอบไม่ยินดียินร้ายทำให้คัตซึฮิโกะนิ่งเงียบไป  เขายอมรับว่าตัวเองไม่หนักแน่นเท่าอีกฝ่าย  อาจเพราะผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาน้อยกว่าเซย์ริวจึงรู้สึกเป็นกังวลมาก  ชีวิตที่ผ่านมาของเขาถือได้ว่าธรรมดาไม่เคยมีเรื่องอะไรต้องเสี่ยงหนักหนา  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาก้าวออกมาจากชีวิตเดิม ๆ  ไกลถึงขนาดนี้และคงไม่สามารถกลับไปได้อีก  แต่จะบอกว่าอยากกลับไปที่จุดเดิมก็คงไม่ใช่...เพียงแต่รู้สึกว่าตัดใจไม่ได้มากกว่า

แรงบีบเบา ๆ จากมืออุ่นร้อนดึงคัตซึฮิโกะออกจากภวังค์

“จนป่านนี้ยังจะคิดอะไรอีกเหรอ”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบ  เขาเพียงแต่ยิ้มน้อย ๆ  ฝ่ามือชื้นเหงื่อนิด ๆ ที่เกาะกุมมือของเขาทำให้เขารู้ว่าเซย์ริวเองก็เป็นกังวลไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน...ในตอนนี้  ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดอะไรให้ยุ่งยากวุ่นวายอีกแล้ว  พวกเขามีแต่ต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น


“ตื่นเร็วจังนะ”  เสียงห้าวต่ำดังขึ้นเบา ๆ ทำให้คัตซึฮิโกะก้มลงมอง

“เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เอง  มันหนาวน่ะ”

ร่างสูงเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มแล้วหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ที่คลุมร่างของเขายื่นให้

“เอาไปห่มเพิ่มซะสิ  ยังเช้ามืดอยู่เลย  นอนต่อได้อีกหน่อย”

“ผมไม่ง่วงแล้วหละ  ถ้าคุณยังง่วงก็นอนต่อไปเถอะ”  คัตซึฮิโกะบอก

ความเงียบเกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่ง  ตอนแรกคัตซึฮิโกะคิดว่าเซย์ริวกลับไปหลับต่อตามเดิม  แต่แล้วร่างสูงก็เหยียดแขนขึ้นบิดขี้เกียจอย่างเมื่อยขบแล้วลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า

“พื้นมันแข็ง  นอนไม่สบาย  ถ้าไม่นอนแล้วก็ไปกันดีกว่า”

“อืม”  คัตซึฮิโกะจับชายเสื้อขึ้นเช็ดหน้า  “ไปไหนดีล่ะ?”

“ไปไหนก็ได้...จุดสุดท้ายคือท่าเรือ  หาเรือสักลำ...”

“ว่าแต่...ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนน่ะ...?”  คัตซึฮิโกะพูดขึ้นเบา ๆ พลางเงยหน้ามองป้ายสถานีรถไฟที่ไม่คุ้นตา  เมื่อวานนี้พวกเขาเปลี่ยนรถไฟหลายสายและมาถึงที่นี่เอาตอนดึก  จากนั้นก็ลงนอนกันเลย

“ที่ไหนก็ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าหาอะไรรองท้องก่อนดีกว่า”  เซย์ริวพูดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ

“อืม  แถวสถานีน่าจะมีร้านสะดวกซื้อบ้างหละนะ”  คัตซึฮิโกะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วตรวจดูกระเป๋าสตางค์  เขากวาดเงินมาหมดบ้านรวมทั้งส่วนที่เก็บไว้จ่ายให้หมอมาซาฮิเดะด้วย  เพราะอย่างงั้น  ตลอดการเดินทางนี้เขาคงจะต้องหวงกระเป๋าใบนี้เท่าชีวิตเลยทีเดียว

เดินไปไม่ไกลก็ถึงร้านสะดวกซื้อ  คัตซึฮิโกะเป็นคนไปซื้อของกินมาจำนวนหนึ่งเพราะในตอนนี้คนจำนวนไม่น้อยน่าจะได้เห็นหน้าตาเซย์ริวจากในสื่อใดสื่อหนึ่งแล้ว  แม้ว่าเมื่อวานจะเป็นการออกข่าวในท้องถิ่น  แต่พวกเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าในวันนี้ข่าวของพวกเขามันกระจายไปถึงไหนแล้ว

หลังจากมื้อเช้าที่ซื้อมากินกันพอให้หนักท้อง  ชายหนุ่มทั้งสองก็ออกเดินสำรวจเมือง  ที่นั่นเป็นเมืองใหญ่พอสมควรทีเดียว  แต่ที่พวกเขาอยากรู้ก็คือ  เมืองนี้ติดทะเลและมีท่าเรือหรือไม่  แต่กลิ่นเค็ม ๆ ของทะเลที่ลอยอวลมากับสายลมทำให้พอมีความหวังบ้าง
แต่หลังจากที่เดินเปะปะไปตามป้ายบอกทางได้ไม่ไกลนัก  ท้องฟ้าที่มืดครึ้มไปด้วยเมฆสีเทา ๆ ก็กลั่นตัวลงมาเป็นหยดน้ำ  เซย์ริวลากคัตซึฮิโกะวิ่งหัวซุกหัวซุนเข้าไปใต้เครื่องเล่นเด็กในสวนสาธารณะซึ่งใช้เป็นที่หลบฝนได้เป็นอย่างดี  แต่กระนั้นทั้งคู่ก็เปียกในระดับหนึ่ง

“แย่ชะมัด  คิดว่าจะได้สำรวจเมืองให้แน่ใจเสียหน่อย”  เซย์ริวบ่นพลางยกมือขึ้นขยี้ผมไล่ความเปียกชื้น  “พายุเริ่มเข้าฝั่งแล้ว  ถ้าช้ากว่านี้จะลำบาก”

คัตซึฮิโกะได้แต่ฟังอยู่เงียบ ๆ  เขาก็รู้ดีเท่า ๆ เซย์ริว  การหลบหนีครั้งนี้จะลำบากมากทีเดียวถ้าพวกเขายังเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  เพราะในช่วงนี้ของทุกปีจะเป็นหน้ามรสุม  ทั้งฝนและพายุจะเริ่มต้นพัดเข้าฝั่ง  ฝนจะกระหน่ำตกชนิดไม่ลืมหูลืมตา  จนบางทีเรืออาจจะออกทะเลไม่ได้

“เปลี่ยนใจยังทันนะ  คาซึโกะ”  เสียงห้าวต่ำดึงคัตซึฮิโกะออกจากห้วงความคิด

ชายหนุ่มถอนใจพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ

“บอกกี่หนแล้วว่าผมไม่เปลี่ยนใจ”

เซย์ริวไม่ได้ว่าอะไรนอกจากทอดสายตาเหม่อมองสายฝน

“ผม...เป็นภาระขนาดนั้นเลยเหรอ  เซย์ริว?”

ศีรษะที่มีผมยาวจนปรกบ่าส่ายช้า ๆ  ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ

“เปล่า  ไม่ได้เป็นภาระอะไรหรอก  แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมแกจะต้องเอาตัวเองมาลำบากกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของแกด้วย”

“ผมก็ไม่เข้าใจพอ ๆ กับคุณแหละ  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”  คัตซึฮิโกะว่าพลางขยับตัวลึกเข้าไปในโพรงไม่ให้โดนละอองฝน  “แต่ผมเองก็ฆ่าคนไปคนนึงแล้ว  ผมทำความผิดร่วมกับคุณ  เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด...จะให้ผมยกความผิดทั้งหมดให้คุณแล้วเอาตัวรอดสบายอยู่คนเดียวน่ะ  ผมทำไม่ได้หรอก”

“คิดมากไปแล้ว”  ร่างสูงพูดแล้วเข้ามานั่งใกล้ ๆ  “แต่แกก็เป็นพวกคิดมากแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นะ”

“ผมไม่ใช่พวกไม่คิดอะไรเลยแบบคุณหนิ...พูดยังกะรู้จักกันมานานงั้นแหละ”  คัตซึฮิโกะย้อนเข้าให้

“จะสองปีแล้ว”  เซย์ริวพึมพำเบา ๆ

“อะไรนะ?”

“ฉันอยู่กับแกมาเกือบสองปีแล้ว”

อาชญากรหนุ่มบอกพร้อมกับเหลือบสายตาไปมองคนที่นั่งห่างออกไปแค่เอื้อม  ในความมืดสลัวของอุโมงค์ใต้เครื่องเล่น  เขาเห็นอีกฝ่ายมองตอบมาด้วยแววตาที่แฝงความประหม่านิด ๆ เอาไว้

“แค่เกือบสองปีเองเหรอ  นึกว่าสักสองชาติได้  ขนาดตายไปรอบนึงแล้วยังต้องกลับมาทนอยู่กับคุณอีก”  ร่างเพรียวค่อนแคะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก

“ถ้าบอกว่าต้องทน  แล้วตามมาทำไม”

“ไม่รู้”  คำตอบสั้นห้วน  แล้วคนพูดก็เสมองไปทางอื่น

เซย์ริวทอดสายตามองคนข้าง ๆ ที่เหม่อมองสายฝนเงียบ ๆ  ไม่ว่าเมื่อไรคัตซึฮิโกะก็เก็บความรู้สึกไม่เก่งเอาเสียเลย  แต่เขาก็พอจะเข้าใจ  เพราะถ้าหากถามเขาว่าทำไมถึงยอมพาคัตซึฮิโกะมาด้วย  คำตอบก็คงเป็น  “ไม่รู้”  เช่นเดียวกัน

มือแกร่งเอื้อมไปโอบไหล่เล็กดึงเข้ามาใกล้ตัว  ใบหน้าคมโน้มเข้ามาจูบแตะริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา

“ไม่รู้ก็ช่างเถอะ  ไม่ต้องเก็บเอาไปคิดก็ได้”  ร่างสูงเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังจากถอนจูบ

คนตัวเล็กกว่าได้แต่ก้มหน้างุด  สองแก้มซับสีเลือดจนแดงระเรื่อ  พยายามขืนตัวออกห่าง  แต่คนที่แข็งแรงกว่าไม่ยอมปล่อย  จึงจำยอมซุกนิ่งอยู่กับอกกว้าง  มีเพียงเสียงงึมงำลอดไรฟันออกมา

“ใครจะบ้าเอาเรื่องคุณมาคิดเล่า”

เซย์ริวเพียงแต่ทำเสียงอยู่ในลำคอเหมือนจะหัวเราะแล้วก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก

อากาศฉ่ำฝนเย็นสบายบวกกับความอ่อนเพลียเพราะนอนไม่เต็มที่  ทำให้คัตซึฮิโกะผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้นโดยมีอกอุ่นของเซย์ริวแทนหมอน  เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้  เขาถึงได้ตื่นขึ้นเพราะมีคนเขย่าตัวปลุก

“ฝนซาแล้ว  ออกไปข้างนอกกันเถอะ”

ร่างเพรียวขยี้ตาด้วยความมึนงงเล็กน้อย  ก่อนจะนึกออกว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน

“ตื่นนานแล้วเหรอ?”

“เปล่า  ตื่นก่อนแกสักห้านาทีนี่แหละ”  เซย์ริวบอกแล้วมองออกไปข้างนอก  “ฝนหยุดพอดี  หายงัวเงียหรือยัง  จะได้ออกไปเดินสำรวจต่อ”

“อือ  ไปสิ”  คัตซึฮิโกะตอบแล้วก็หยิบกระเป๋ากับข้าวของขึ้น


ฝนยังคงตกสลับหยุดเป็นระยะ ๆ  ลมเริ่มพัดเข้ามาแรงขึ้นตามลำดับ  เป็นเวลาสองวันแล้วที่คัตซึฮิโกะกับเซย์ริวเดินหลงวนเวียนอยู่ในเมืองแห่งนี้  พวกเขาต้องคอยหลบเลี่ยงตำรวจและสถานที่ที่พวกเขาคาดว่าจะมีคนจำพวกเขาได้  ตอนนี้หนังสือพิมพ์ลงภาพสเก็ตช์ของเซย์ริวเป็นประกาศจับทุกฉบับ  ทั้งกรอบเล็กกรอบใหญ่  นั่นทำให้พวกเขารู้ว่าอิทธิพลของเจ้าเสี่ยบ้ากามนั้นมีมากเพียงใด  ในตอนกลางคืนทั้งสองอาศัยนอนตามสวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่นเด็กที่พอจะกันฝนกันน้ำค้างได้บ้าง  ในช่วงกลางคืนฝนตกพรำ ๆ แทบทุกคืนและเกือบตลอดทั้งคืน  อากาศค่อย ๆ เย็นลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองเดินอย่างไม่รู้ทิศทางไปเรื่อย ๆ  อาศัยเพียงป้ายบอกทางที่มีอยู่เป็นระยะแต่ก็ยังไม่ถึงทะเลเสียที  อากาศยังคงมืดครึ้มแต่อบอ้าวด้วยไอฝน  คัตซึฮิโกะต้องดื่มน้ำเป็นระยะ  ด้วยสภาพร่างกายแล้วเขาอึดน้อยกว่าเซย์ริวเยอะ  เพิ่งมาเห็นความแตกต่างชัดเจนก็ตอนนี้เอง  เพราะร่างสูงยังคงเดินไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีทีท่าว่าเหน็ดเหนื่อยหรือต้องการน้ำแต่อย่างใด

‘…คนอะไร  ทั้งอึดทั้งถึก  ร่างกายมันสร้างด้วยอะไรฟะ  สมแล้วที่คุณหมอบอกว่าอึดยังกะแรด…’

คัตซึฮิโกะนึกนินทาคนที่เดินอยู่ข้างหน้าในใจ  และโดยไม่ทันระวังตัวก็ชนโครมให้เข้ากับแผ่นหลังกว้างที่อยู่ ๆ ก็หยุดกะทันหัน

“โอ๊ย!  หยุดเดินทำไมเล่า”  คนตัวเล็กกว่าโวย

“ชู่ว...”  เซย์ริวยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากพร้อมกับปาดแขนมากันคัตซึฮิโกะไว้ด้านหลังโดยไม่หันมามอง

เพียงเท่านี้คัตซึฮิโกะก็สำเนียกถึงสถานการณ์ไม่ปลอดภัยได้ทันที

“อะไรเหรอ?”  คำถามนั้นดังเท่าเสียงกระซิบ

“ตำรวจ”

คำตอบห้วนสั้นทำเอาหัวใจของคัตซึฮิโกะกระตุกวูบ  ทั้งที่ตัวเองไม่ได้มีภาพประกาศในหมายจับ  แต่เขาก็รู้สึกเย็นตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าเมื่อได้ยินคำว่าตำรวจ  มือเรียวเอื้อมไปเกาะยึดเสื้อของคนข้างหน้าไว้แน่น

“ทำไงดี...”

“ไม่เป็นไร...ใจเย็น ๆ “  เซย์ริวหยิบเอาหมวกที่เสียบอยู่ในกระเป๋าขึ้นมาสวมแล้วดึงลงมาบังใบหน้า  “เดินผ่านมันไปเฉย ๆ แบบนั้นแหละ  อย่าทำให้มีพิรุธล่ะ”

คัตซึฮิโกะกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ  นอกจากสภาพร่างกายจะแกร่งกว่าเขาแล้ว  สภาพจิตใจของเซย์ริวก็เข้มแข็งกว่าเขาหลายเท่านัก  ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเซย์ริวสามารถใจเย็นกับสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร  หรือเพราะผ่านเรื่องแบบนี้มาจนโชกโชนจึงปรับตัวได้ดี

ร่างเพรียวได้แต่พยายามเดินตามเซย์ริวไปอย่างระวังตัวไม่ให้มีพิรุธมากที่สุด  นายตำรวจสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ตรงหน้าป้อมตำรวจไม่ได้มีท่าทีสนใจพวกเขาเลยสักนิด  แต่คัตซึฮิโกะกลับรู้สึกว่าเหงื่อออกจนมือชื้นไปหมด  เขาพยายามหลบตาไม่มองไปทางป้อมพลางลอบสังเกตเซย์ริว...อาชญากรหนุ่มนิ่งมาก  แถมยังผิวปากเบา ๆ ราวกับสบายอารมณ์เสียเหลือเกิน...เทรนึกกลัวใจหมอนี่ขึ้นมาทันที

ตำรวจทั้งสองไม่มีท่าว่าจะสนใจพวกเขาจนเดินผ่านมาแล้ว  แต่เมื่อคัตซึฮิโกะกำลังจะถอนใจด้วยความโล่งอก  เสียงทักก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เฮ้  สองคนนั้นน่ะ  หยุดก่อนซิ”

คัตซึฮิโกะสะดุ้งหยุดยืนตัวแข็ง...ตำรวจจำเซย์ริวได้อย่างงั้นเหรอ...!?

เซย์ริวหันไปมองตำรวจทั้งสองอย่างเฉยเมย

“มีอะไรเหรอครับ?”

“ของหล่นแน่ะ”  หนึ่งในสองหยิบเอาห่อขนมปังมายื่นให้  “เดินใจลอยหละสิ”

ร่างสูงยื่นมือไปรับพร้อมกับกล่าวขอบคุณ  ทว่า...

“เอ๊ะ...เธอนี่  หน้าตาคุ้น ๆ นะ”

เสี้ยววินาทีที่ความทรงจำของนายตำรวจทำงาน  เซย์ริวสะบัดมือออกแล้วกระชากคัตซึฮิโกะเต็มแรง

“วิ่ง!!”

“เฮ้ย!  ไอ้ผู้ร้ายฆ่าคนนี่!!  หยุดนะ!!!!”


คัตซึฮิโกะถูกเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าฉุดกระชากให้วิ่งตามไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้  จะวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้  รู้แต่หัวใจของเขาเต้นระรัวเร็วแรงจนนับจังหวะไม่ได้  อากาศข้นหนักบาดลึกเข้าไปในปอดตามจังหวะการหายใจ  สองขาก้าวสลับกันไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะเกี่ยวกันล้ม  แต่เสียงเอะอะโวยวายที่แว่วดังตามหลังมาทำให้บอกกับตัวเองว่าหยุดวิ่งไม่ได้  และโดยเฉพาะความรู้สึกที่บอกว่ามีตำรวจมาสมทบในการไล่ล่าพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายคน

แล้วทันใดนั้น  คัตซึฮิโกะก็สะดุดขาตัวเองล้มลง

“คาซึโกะ!?”

“ฮึ...ไม่...ไม่เป็นไร  แค่เหนื่อยนิดหน่อย  ไปต่อเถอะ”  คัตซึฮิโกะพยายามฝืนลุกขึ้นยืน

“อืม  แข็งใจอีกนิดนะ...”  ยังไม่ทันขาดคำ  ร่างสูงก็กวาดตาไปเห็นว่าตำรวจได้มาดักทางหนีอันเป็นปากซอยแคบ ๆ ไว้แล้ว

คัตซึฮิโกะตัดสินใจในชั่ววินาที  เขาสะกิดเซย์ริวชี้ไปที่กำแพงบ้านหลังหนึ่งใกล้ ๆ นั้น

“แยกกันหนีเถอะ  ผมไปด้วยเป็นภาระคุณเปล่า ๆ “  คัตซึฮิโกะบอกอย่างรวดเร็ว

เซย์ริวไม่เสียเวลาคิดอีก  เขาฉวยกระเป๋าที่คัตซึฮิโกะสะพายอยู่วางลงพื้นแล้วก้มตัวลง

“เหยียบไหล่ฉันแล้วปีนข้ามไปเร็ว”  เขาบอกด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

คัตซึฮิโกะก้าวขาปีนขึ้นเหยียบไหล่ของร่างสูงแล้วรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้ายปีนข้ามกำแพงบ้านนั้นไป

เซย์ริวไม่เสียเวลาดูผลลัพธ์ว่าคัตซึฮิโกะจะข้ามไปได้อย่างปลอดภัยหรือไม่  พวกตำรวจวิ่งไล่ต้อนเข้ามาทั้งทางปากซอยและท้ายซอย  เขาคว้ากระเป๋าแล้วหันหลังกลับวิ่งสวนฝ่าตำรวจสามนายออกไปทางเดิมที่เข้ามาเมื่อกี้  มีตรอกซอยเล็ก ๆ มากมายตามทางที่พวกเขาวิ่งผ่านมา  บางทีซอยพวกนั้นอาจจะเหมือนแถวถิ่นที่อยู่ของเขาก็ได้  ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็ง่ายสำหรับเขา  เพราะเขารู้ดีว่าพวกตำรวจจะไม่อยากเข้าไปยุ่งในโลกมืดแบบนั้น...ไม่อยากจะกล้ำกรายเข้าไปด้วยซ้ำ  เพื่อป้องกันปัญหาการกระทบกระทั่งกับพวกขาใหญ่เจ้าถิ่น

อาชญากรหนุ่มเลี้ยวแวบเข้าตรอกเล็ก ๆ ที่ดูสกปรกแห่งหนึ่ง  มันมีทางเลี้ยวซอกแซกมากมายเหมือนเขาวงกต  ชายหนุ่มวิ่งเลี้ยวซ้ายวนขวาเหมือนอยู่แถวบ้านตัวเองทั้งที่ไม่รู้ทาง  รู้แต่เพียงว่าเสียงของพวกตำรวจที่ไล่ตามมาได้ห่างออกไปทุกที  เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินนั้น  ดูเหมือนว่าพวกเจ้าถิ่นจะออกมาขวางพวกตำรวจเอาไว้เพราะเข้าใจว่าเขาเป็นพวกเดียวกันที่ถูกตำรวจไล่ตาม  เซย์ริวนึกขอบคุณเจ้าพวกนั้นอยู่ในใจแล้วก็วิ่งต่อไป

กว่าจะแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว  ชายหนุ่มก็มาถึงถนนโล่ง ๆ แห่งหนึ่งในละแวกที่พักอาศัย  เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ตัวและพบแต่ความว่างเปล่า  มีเพียงเสียงพูดคุยเบา ๆ จากผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน  ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลงแตะขอบฟ้า  เปล่งแสงสีแดงจัดย้อมกลุ่มเมฆหนาที่ลอยอยู่ต่ำ ๆ จนดูเหมือนเปลวเพลิงที่โหมไหม้อยู่บนท้องฟ้า

เซย์ริวลากสองเท้าที่เหนื่อยล้าไปอย่างไม่รู้เหนือรู้ใต้จนมาโผล่ที่ริมแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลผ่านเมือง  เป็นแม่น้ำสายเดียวกันกับที่เขาและคัตซึฮิโกะเดินผ่านข้ามไปข้ามมาตลอดสองสามวันนี้  แล้ว...ตอนนี้คัตซึฮิโกะอยู่ที่ไหน...

หลายชั่วโมงแล้วที่เขาพลัดกับคัตซึฮิโกะ  ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะหลงทางไปทางไหน  เรื่องถูกตำรวจจับตัวได้นั้นไม่น่าห่วง  เพราะข่าวที่ออกมามีเพียงภาพของเขาเท่านั้นไม่มีภาพของคัตซึฮิโกะรวมอยู่ด้วยเลย  แต่คัตซึฮิโกะจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า  ตอนที่ข้ามกำแพงนั่นไปปลอดภัยดีไหม  แล้วตอนนี้จะอยู่ตรงส่วนไหนของเมืองนี้  กำลังหลงทางเคว้งคว้างอยู่เหมือนเขาหรือเปล่า  หรือเข้าไปในตรอกมืดนั่นแล้วโดนใครดักเอาไว้หรือไม่...

ความคิดด้านร้ายมากมายประดังประเดกันเข้ามาในหัว  เซย์ริวได้แต่ยืนนิ่ง  เขาไม่ควรปล่อยให้คัตซึฮิโกะแยกไปตามลำพังเลย  ในเวลาปกติคัตซึฮิโกะก็เอาตัวรอดได้ไม่ดีเท่าเขาอยู่แล้ว  แล้วในเวลาคับขันเช่นนี้  ไม่รู้ว่าคัตซึฮิโกะจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือเปล่า  จะว่ากันตามจริงแล้ว...เขาไม่ควรยอมให้คัตซึฮิโกะมากับเขาด้วยเลย  เพราะอะไรเขาถึงใจอ่อนนะ...

ในวันนั้นเขาคิดแค่เพียงว่าจะไปเพื่อพบหน้าคัตซึฮิโกะอีกสักครั้งก่อนที่จะหนีมาเท่านั้นเอง  และคิดว่าคงไม่ได้พบคัตซึฮิโกะด้วยซ้ำ  แต่ก็อยากไปเพื่อเก็บความรู้สึกบางอย่างที่อบอวลอยู่ในห้องเช่าเล็ก ๆ แห่งนั้นให้มันติดมากับความทรงจำ  เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับไปเห็นที่นั่นอีกหรือไม่  แต่เมื่อพบคัตซึฮิโกะที่นั่น  เมื่อได้ฟังถ้อยคำเหล่านั้น...ความรู้สึกเดียวกันกับตอนที่เขาได้พบกับหมอมาสะและฮิโรกิก็เกิดขึ้นในใจ  เขารู้ตัวแล้วว่าเขาไม่สามารถปล่อยมือจากคน ๆ นั้นได้...แล้วทำไมในตอนนั้นเขาถึงได้ปล่อยคัตซึฮิโกะไป...ทำไมเขาถึงได้ปล่อยมือคัตซึฮิโกะคนที่ยอมติดตามเขามาตกระกำลำบากกับเขาทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิดไปได้  ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าคนอย่างคัตซึฮิโกะจะเอาตัวรอดได้อย่างไรถ้าไม่มีเขา  ทำไมเขาถึงไม่คิดว่าคัตซึฮิโกะต้องการเขา  คัตซึฮิโกะต้องมีเขาอยู่ด้วย...คัตซึฮิโกะอยู่ในความรับผิดชอบของเขา...เขาปล่อยมือคัตซึฮิโกะไปได้ยังไง

สายฝนค่อย ๆ โปรยปรายลงมา  ก้อนอะไรร้อน ๆ ตื้อขึ้นมาในลำคอจนหายใจไม่ออก  ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าว...เซย์ริวบอกกับตัวเองว่ามันเป็นเพราะเขากำลังร้อนใจด้วยความเป็นห่วงคัตซึฮิโกะ  แต่เจ้าก้อนร้อน ๆ นั่นก็ลอดริมฝีปากออกมาเป็นเสียงสะอื้นฮัก  ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง...เปล่า  เขาไม่ได้ร้องไห้  คนอย่างเขาไม่มีวันร้องไห้...แต่ตอนนี้...คัตซึฮิโกะอยู่ที่ไหน...

“เซย์ริว!!!!”

เสียงเรียกร้อนรนดังขึ้นเหมือนกับฝันไป  ร่างสูงหันขวับไปตามเสียงนั้น

ภาพที่เห็นตรงหน้าพร่ามัวด้วยความมืดสลัวของแสงสุดท้ายและม่านฝน  ร่างเพรียวที่คุ้นตากำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเขาพร้อมกับส่งเสียงเรียก

“เซย์ริว!  เป็นอะไรหรือเปล่า  คุณปลอดภัยใช่มั้ย?”

เร็วกว่าความคิด  หัวใจบอกให้อาชญากรหนุ่มเข้าไปคว้าร่างนั้นมากอดไว้แน่นและอย่าได้ปล่อยมือไปอีก!

“เซย์...เป็นอะไรไป?”  คัตซึฮิโกะถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจการกระทำของร่างสูง

ไม่มีคำตอบจากเซย์ริวนอกจากอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น  คัตซึฮิโกะรู้สึกได้ว่าอ้อมแขนนั้นสั่นน้อย ๆ และลมหายใจของร่างสูงก็ขาดห้วงเป็นระยะ  เสียงกระซิบแหบพร่าดังขึ้นที่ข้างหูแผ่วเบา

“อย่า...อย่าไปไหนอีกนะ...อย่าหายไปไหนอีก”

ดวงตาคู่สวยหรี่ซึมลง  สองแขนยกขึ้นโอบกอดร่างสูงตอบ  แล้วกระซิบอย่างอ่อนโยน

“ไม่ไปไหนหรอก...จะไม่ทิ้งคุณไว้อีกแล้วหละ”

อ้อมกอดนั้นสั่นสะท้านกว่าเดิม  คัตซึฮิโกะซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่ตอนนี้ดูราวกับว่ามันหดลงจนเหลือเล็กนิดเดียว  ร่างในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนกับเด็กน้อยที่หลงทาง  ในตอนนี้คัตซึฮิโกะรู้ได้ชัดแล้ว  ไม่ใช่แค่เขาที่ขาดเซย์ริวไม่ได้...แต่เซย์ริวเองก็ขาดเขาไม่ได้เช่นกัน  ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมาได้เติมความรู้สึกบางอย่างที่ขาดหายไปให้กันและกันจนเต็มอย่างที่ไม่มีใครหรืออะไรจะมาแทนที่ได้

ค่ำคืนนั้น  ทั้งสองนั่งเบียดกันอยู่ในห้องน้ำสาธารณะเก่า ๆ ในสวนมืด ๆ  มือใหญ่เกาะกุมมือของร่างเพรียวที่อิงซบไหล่ของเขาไว้แน่น...จะไม่มีวันปล่อยไปอีก
//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 12-07-2013 14:59:12
โอ้ยยย สงสารรรร ;____;//

เพราะไอ้วิตถารนั่นแท้ๆ

:pig4:
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ สนุกมากเลยยย~
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 12-07-2013 18:04:51
มันหวานนะ คือต่างคนต่างรู้ใจตัวเองแล้ว
รอแค่ตาแก่บ้ากามนั่นมันตายเท่านั้นแหละ :katai4:
โหดจริงเรา :laugh:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 12-07-2013 21:17:47
ตอนนี้ให้ความรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
หวังอยากให้นัตสึเข้าใจ และมีความสุขกับชีวิตนะคะ
รู้ว่าชีวิตไม่มีอะไรง่าย และไม่มีทางมีความสุขด้วยกันทั้งหมด
แต่นี่เป็นนิยาย เลยหวังว่าทุกคนในเรื่องจะมึความสุขนะคะ :)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 13-07-2013 11:08:10
จริงนะ อยากให้ตาแก่บ้ากามนั่นตายอ่ะ ไม่ก็ให้ตำรวจรู้ความจริงก็ได้ว่า 2 คนนั้นไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียวซะหน่อย

ขอให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอย่างปลอดภัยด้วยเถิ้ดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Chelylie ที่ 13-07-2013 11:21:01
ชอบบบ! เอาใจช่วยสองคนนี้นะคะ ในที่สุดก็รู้ใจตัวเองกันแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 21 - 22 : 12/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 14-07-2013 16:43:11
มันหวาน มันซึ้ง มันตื้นตัน



ฮือ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-07-2013 12:20:54
สวัสดีวันศุกร์ครับ
เมื่อวันพุธไปงานเสวนาสาววายของชมรมวรรณศิลป์ที่จุฬาฯมาละครับ
สนุกและได้ความรู้มากเลย เด็กสมัยนี้นี่เก่งนะครับ

KOUSOKU 23

“มีรายงานว่าเห็นสองคนนั่นครั้งสุดท้ายที่เมือง  N  ครับ”

สารวัตรไอดะเคี้ยวก้นกรองบุหรี่ขณะที่ฟังรายงานข่าวจากลูกน้อง  เขาพยักหน้ารับทราบข้อมูลแล้วบอกให้ลูกน้องออกไปได้

ซาโนะ  คัตซึฮิโกะ  ถูกแจ้งไว้ในฐานะผู้เสียหาย  แต่เพราะเขาหายตัวไปพร้อมกับเซย์ริวและมีคนพบทั้งสองอยู่ด้วยกันในเมืองที่ห่างไกลออกไป  ทำให้คัตซึฮิโกะตกอยู่ในข่ายต้องสงสัยทันที  แม้ว่าทางตำรวจจะยังไม่พบว่าทั้งสองจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกันก็ตาม  จะไปถามมาซาฮิเดะ  ทางนั้นก็ปิดปากเงียบ...ไอ้เรื่องที่เกี่ยวกับ  “ลูกชายสุดที่รัก”  ไม่มีกระเด็นออกมามากกว่าข้อมูลที่เคยให้เลยแม้แต่นิดเดียว  แม้แต่ทางฮิโรกิเองก็เงียบเฉย  ไม่ว่าจะขู่จะปลอบยังไงเด็กนั่นก็ไม่สนใจอีกแล้ว  ซ้ำยังป้ายยาสายสืบที่เขาส่งไปเสียอีกด้วย

ไอดะพยายามทำงานอย่างใจเย็นไปทีละขั้นตอน  แต่คิตะโนะไม่ยอมให้เขาใจเย็นได้อย่างนั้น  มันเรียกเขาเข้าไปพบแทบทุกวันจนเขาชักสงสัยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้มันร้อนรนอยากปิดคดีเร็วขนาดนั้น...ไม่สิ  มันไม่ได้อยากปิดคดี  มันแค่อยากได้ตัวสองคนนั้นเท่านั้น...  จุดประสงค์ของมันคืออะไร...ฆ่าเซย์ริว  เอาตัวเซย์ริวมาทรมานเพื่อแก้แค้น...หรืออย่างอื่น

“...หรือว่าจะเป็น...”  ไอดะเอื้อมมือไปคุ้ยกองเอกสารตรงหน้า

นี่ไง...ถ้าดูจากสันดานวิปลาสของคิตะโนะแล้ว  ไม่ผิดแน่...จุดประสงค์หลักของคิตะโนะจะต้องเป็นชายหนุ่มผมดำในภาพถ่ายนี้แน่

ไอดะรื้อค้นเอกสารจนได้รูปของคัตซึฮิโกะอีกหลายรูป  เขาหยิบพวกมันขึ้นมาเรียงเหนือกองกระดาษรก ๆ แล้วพิจารณาดูช้า ๆ ...ภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดที่เมือง  N  เขาสังเกตเห็นคัตซึฮิโกะอยู่กับเซย์ริวตลอดเวลา  และไม่ใช่สภาพของคนที่โดนลักพาตัวแน่นอน...เขาเริ่มลำดับความคิดในสมองช้า ๆ  หากเขาเข้าใจไม่ผิด  คัตซึฮิโกะต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างที่ลึกซึ้งกว่าการโดนเซย์ริวลักพาตัวไป

สารวัตรวัยกลางคนยกมุมปากขึ้นเหยียดยิ้ม  ตอนนี้เขาพอจะคาดเดาเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แล้ว  ทั้งเรื่องที่คิตะโนะโดนแทง  เรื่องที่เซย์ริวทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการปล่อยให้เหยื่อรอดตายทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน  และเรื่องที่ซาโนะ  คัตซึฮิโกะหายตัวไปพร้อมกับเซย์ริว

“นี่กูกำลังทำงานเพื่อสนองไอ้หมูตอนตัณหากลับนั่นหรือวะเนี่ย”  ไอดะพึมพำกับตัวเองพลางพ่นลมหายใจออกจมูกอย่างกึ่งฉุนกึ่งขำ  “ไปยุ่งกับของ ๆ เด็กจนโดนมันเล่นงานเอาแล้วยังไม่เข็ด  ไอ้คนเฮงซวยเอ๊ย”

ผู้รับผิดชอบคดีกวาดเอกสารทั้งหมดไปกองรวม ๆ กันแล้วหยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวมพลางนึกในใจ...ถ้าไม่ติดด้วยภาระหน้าที่  เขาคิดว่าตอนนี้เขาอยู่ข้างเซย์ริวมากกว่าไอ้อ้วนนั่น
//////////

สายฝนยังคงพร่างพรมลงมาตลอดหลายวัน  ทำให้เซย์ริวยังไม่สามารถพาคัตซึฮิโกะไปไหนได้ไกล  พวกเขาไม่อยากขึ้นรถไฟเพื่อไปที่อื่นต่ออย่างไร้จุดหมาย  ค่ารถไฟถือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็น  พวกเขาจะต้องมีเงินเหลือมากพอที่จะไปตั้งตัวในประเทศที่พวกเขาจะเดินทางไปถึง  เมืองนี้เป็นเมืองริมทะเลอยู่แล้ว  และตอนนี้พวกเขาก็หาทางไปยังทะเลพบแล้วแม้จะยังไม่พบท่าเรือก็ตาม  แต่จากการที่คัตซึฮิโกะสอบถามคนแถวนี้ทำให้รู้แน่นอนว่าที่นี่มีท่าเรือ  ถ้าขึ้นรถไฟไปก็ออกนอกเมืองไปไม่ไกลนัก  หากสำหรับการเดินด้วยเท้าโดยไม่รู้ทางแล้ว...ต้องใช้เวลาหลายวัน

“เมื่อไรมันจะหยุดตกเสียทีวะ”  เซย์ริวอดที่จะหัวเสียไม่ได้  หลายวันที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าแห้ง ๆ เลยเพราะฝนตกเกือบตลอดเวลา  และยิ่งต้องตะลอน ๆ คลำทิศทางไปท่าเรือด้วยแล้ว  เรื่องจะไม่โดนฝนไม่ต้องพูดถึง

คัตซึฮิโกะไม่ได้พูดอะไร  ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่งที่ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้วมันไม่สามารถป้องกันฝนที่จู่ ๆ ก็กระหน่ำลงมาอย่างหนักนี่ได้เลย  ชายหนุ่มเริ่มอ่อนแรงลงทุกที  พวกเขาควรจะหาทางไปท่าเรือได้เร็วกว่านี้ถ้าหากคนแถวนี้ไม่เอาแต่พูดภาษาถิ่นที่เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ

“ฝนเริ่มลงหนักแล้ว”  เซย์ริวพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ คัตซึฮิโกะ  “ข่าวบอกว่าอีกไม่นานพายุจะเข้า  เราต้องหาทางไปท่าเรือให้เจอก่อนจะถึงตอนนั้น”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ  เขาทอดสายตาเหม่อมองดูสายฝนที่หนาเม็ดมากขึ้น...ความจริงฝนหนัก ๆ แบบนี้มันก็ดี  เพราะมันทำให้ผู้คนไม่ออกมาเดินตามถนนและโอกาสที่จะมีใครมาพบพวกเขาก็น้อยลงด้วย

ชายหนุ่มถอนใจหนัก ๆ  ความอ่อนเพลียจะเข้าจู่โจมเขาทุกครั้งที่เผลอตัว  ทั้งอาหารและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้เขาอ่อนล้าลงตามลำดับ  แต่ใจก็ยังไม่ได้คิดถอย...เขาไม่เคยนึกเสียใจที่ตามเซย์ริวมาจนถึงที่นี่  เขาตัดสินใจแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม  ถ้าเซย์ริวจะไป  เขาจะไปด้วย

คัตซึฮิโกะเอนกายซบอิงไหล่หนาที่อยู่ข้าง ๆ  อากาศรอบตัวหนาวเยือกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  รู้สึกราวกับความมืดเข้าครอบคลุมอย่างรวดเร็ว  เขาปิดเปลือกตาลงช้า ๆ...ก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวด้วยการเขย่าปลุก

“คาซึโกะ!  แกเป็นอะไร?”

“ผม...”  คัตซึฮิโกะจ้องคนตรงหน้าตาปริบ ๆ  สีหน้าตื่นตกใจของเซย์ริวทำให้เขาตกใจไปด้วย  “เปล่านี่  ผมไม่ได้เป็นอะไร...”

“เมื่อกี้แกวูบจะตกเก้าอี้อยู่แล้ว  จะบอกว่าไม่เป็นไรได้ไง”  ร่างสูงจับสองไหล่บางไว้แน่น

“แต่...แต่ผมไม่เป็นไรจริง ๆ นะ”  คัตซึฮิโกะพยายามกลบเกลื่อน...เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองวูบไปจนกระทั่งโดนเซย์ริวเขย่าอย่างแรง

ดวงตาคมจ้องมาอย่างคาดคั้น  มือใหญ่ลูบเกลี่ยเส้นผมเปียกชื้นออกจากดวงหน้าขาวซีด

“ตัวแกร้อนจี๋เลย  คาซึโกะ  แกไม่สบายแล้ว”

“ไม่นี่...ผม...”  แม้จะพยายามปกปิด  แต่คัตซึฮิโกะก็รู้ว่าคงไม่สามารถปิดบังอะไรได้อีกแล้ว  เขารู้สึกไม่สบายมาตั้งแต่เมื่อวันก่อนแต่ก็พยายามฝืนทนเอาไว้  เขาไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงของเซย์ริว

“ทำไมไม่บอก?”  น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความอาทร

“ก็...ไม่คิดว่าจะเป็นไรมาก”  คัตซึฮิโกะตอบอ้อมแอ้ม

“ไอ้บ้า  แกไม่ใช่คนถึกนะเฟ้ย  อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยแกก็ป่วยแล้ว  ตั้งแต่เจอแกมานี่แกป่วยตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว  ยังทำเก่งอยู่ได้”  เซย์ริวว่ายาว

คัตซึฮิโกะนึกอยากจะสวนกลับไปว่าหลายครั้งที่ป่วยนั่นเป็นเพราะถูกเซย์ริวทำร้ายเอาหรอก  แต่ก็เหนื่อยเกินจะต่อล้อต่อเถียง  ได้แต่ก้มหน้านิ่งฟังอีกฝ่ายบ่นไปเรื่อย ๆ

“อย่างนี้คงต้องหาที่พักดี ๆ แล้วหละ”  เซย์ริวตัดสินใจในที่สุด

“เอ๊ะ!  ไม่ได้นะ”  คัตซึฮิโกะขัดขึ้นทันที

“ทำไมจะไม่ได้”

“ก็...พวกเรากำลังโดนประกาศจับอยู่  แล้วจะเข้าพักตามที่พักน่ะมัน...มันเสี่ยงเกินไปไม่ใช่เหรอ?”

“ที่แกว่ามามันก็ถูก  แต่แกกำลังไม่สบาย  ไม่ต้องคิดอะไรให้มากแล้ว  เราจะพักแค่คืนเดียวแล้วรีบออกทันทีไม่ว่าแกจะอาการดีขึ้นหรือไม่ก็ตาม  แบบนี้แหละ”  ร่างสูงไม่เปิดโอกาสให้คัตซึฮิโกะแย้งหรือแสดงความคิดเห็นใด ๆ อีก  เขาฉวยกระเป๋าขึ้นสะพายบนไหล่แล้วประคองคัตซึฮิโกะให้ลุกขึ้นยืน

“ไหวมั้ย?”

ทั้งที่หวิดจะหน้ามืดด้วยพิษไข้แล้ว  แต่คัตซึฮิโกะก็กัดฟันพยักหน้าตอบอย่างใจสู้  เซย์ริวจึงเอาเสื้อแจ็กเก็ตของเขาคลุมให้แล้วพาออกวิ่งไปยังโรงแรมใกล้ ๆ ที่เพิ่งเดินผ่านกันมาเมื่อครู่

คัตซึฮิโกะเป็นคนรวบรวมกำลังไปติดต่อขอเช็คอินโดยให้เซย์ริวพยายามเอาหมวกหลุบลงมาปิดหน้าไว้ให้มากที่สุด  เพราะไม่แน่ใจว่าโรงแรมเล็ก ๆ แบบนี้จะมีกล้องวงจรปิดอยู่บ้างหรือเปล่า  พวกเขาพยายามระวังเรื่องนี้กันมาตลอด  หลังจากรับกุญแจมาแล้วก็รีบขึ้นไปยังห้องพักทันที

ห้องพักในโรงแรมเล็กยิ่งกว่าห้องของคัตซึฮิโกะเสียอีก  มันมีแค่ห้องน้ำเล็ก ๆ  เตียงควีนไซส์  กับโต๊ะเครื่องแป้งตัวหนึ่ง  นอกจากนั้นแล้วมีที่ว่างที่พอวางกระเป๋าลงไปแล้วก็แทบจะไม่เหลือที่ให้เดิน

เซย์ริวรุนหลังคัตซึฮิโกะเข้าไปในห้องน้ำ

“รีบอาบน้ำอุ่น ๆ ซะ  จะได้ดีขึ้น”  เขาสั่ง  ใจจริงอยากเข้าไปดูแลด้วยซ้ำ  แต่ติดที่ว่าห้องน้ำมันเล็กเสียจนกระทั่งเข้าไปแค่คนเดียวก็เต็มแล้ว  “แล้วไม่ต้องล็อกประตู  หน้ามืดเมื่อไรร้องเรียกฉันดัง ๆ”

คัตซึฮิโกะยิ้มน้อย ๆ แล้วพยักหน้ารับคำแม้จะค้านอยู่ในใจว่า  ถ้าหน้ามืดขึ้นมามันจะไปมีแรงร้องดัง ๆ ได้ยังไง...ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าเปียก ๆ ออกแล้วก้าวลงไปยืนในอ่างอาบน้ำ  นึกอยากจะแช่น้ำร้อน ๆ ให้สบายหลังจากที่แทบจะไม่ได้อาบน้ำเลยมาหลายวัน  แต่ก็หนาวสั่นเสียจนไม่อยากเสียเวลารอให้น้ำมันเต็มอ่าง  จึงเปิดฝักบัวอาบทั้งอย่างนั้น

เมื่อส่งคัตซึฮิโกะเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อยแล้ว  ร่างสูงก็โยนกระเป๋ากองไว้ที่มุมหนึ่งของห้องแล้วจัดการผลัดเสื้อผ้าของตนออกเพื่อสวมยูกาตะที่ทางโรงแรมมีไว้ให้  ดวงตาคมกวาดสำรวจไปทั่ว ๆ ห้องอย่างนึกระแวง  แต่เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงรอให้คัตซึฮิโกะอาบน้ำเสร็จ

ร่างเพรียวใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก็เรียบร้อย  เขารับชุดยูกาตะจากเซย์ริวมาสวมแล้วใช้ผ้าขนหนูเช็ดเส้นผมที่เพิ่งสระมา

“ปล่อยให้หัวชื้นแบบนี้อีกแล้ว”  เซย์ริวบ่น

“มันไม่มีปัญญาจะทำให้แห้งนี่”  คัตซึฮิโกะเถียง  “โรงแรมเล็กแค่นี้จะไปมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรมากมายนัก  ไม่ต้องไปนึกไดร์เป่าผมหรอกแค่มียูกาตะให้นี่ก็ดีแล้ว”

“แต่มันจะทำให้แกไม่สบายมากขึ้น”  ว่าแล้วอาชญากรหนุ่มก็ฉวยผ้าขนหนูในมือคัตซึฮิโกะมาแล้วขยี้แรง ๆ บนผมเปียกหมาด ๆ นั้น

คัตซึฮิโกะนั่งนิ่ง ๆ ให้เจ้าคนที่นึกจะเรื่องมากขึ้นมาทำตามใจชอบ  ก็น่าแปลกที่อยู่ ๆ เซย์ริวจะกลายเป็นคนเจ้ากี้เจ้าการแทนที่จะเป็นเขา  ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วคนที่ปล่อยปละละเลยตัวเองมากที่สุดคือเซย์ริวนั่นแหละ

“นี่...พอเถอะ  มันคงจะแห้งแล้วหละ  ผมอยากนอนแล้วด้วย”  คัตซึฮิโกะบอกเบา ๆ

ร่างสูงหยุดมือแล้วก็ลุกไปอาบน้ำโดยไม่ได้ว่าอะไร

ร่างเพรียวซุกกายขดเข้าใต้ผ้านวมนุ่ม  แม้ที่นอนมันจะแข็งไปบ้าง  แต่เพราะนอนกลางดินกินกลางทรายมาหลายวันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าที่นอนนี้นุ่มที่สุดในโลก  ไออุ่นจากร่างกายตัวเองกระจายไปทั่วโปงผ้าทำให้รู้สึกทั้งดีและไม่ดีไปพร้อม ๆ กัน...มันก็อุ่นสบายดีอยู่หรอก  แต่ไอ้อาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เกิดขึ้นนี่ไม่ดีเลย  แค่ได้นอนสบายหน่อย  อาการไข้ที่เก็บไว้หลายวันก็กำเริบทันทีเลยอย่างนั้นหรือ...คัตซึฮิโกะหลับตาลงเบา ๆ พร้อมกับรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทั้งที่อยู่ใต้ผ้าห่ม

จนเมื่อมือเย็น ๆ แตะลงที่หน้าผากคัตซึฮิโกะจึงได้ปรือตาขึ้นมอง

“ตัวร้อนจี๋เลย  เดี๋ยวฉันไปซื้อยามาให้ดีกว่า”  เซย์ริวบอกพลางเกลี่ยปอยผมสีดำออกจากหน้าผากร้อน ๆ นั้น

พูดจบร่างสูงก็ผละออกห่างแต่มือเรียวคว้าข้อมือของเขาไว้

“อย่าไปเลย...มันไม่ปลอดภัยนะ”  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยหลุดออกจากปากของคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  “ผมไม่เป็นไรหรอก  ไม่ต้องไปก็ได้”

เซย์ริวลังเลใจอยู่นิดหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงข้างกายคัตซึฮิโกะ  เขาเห็นคนป่วยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง  ใบหน้านั้นแดงก่ำด้วยพิษไข้และริมฝีปากก็เป็นสีแดงจัด  หากลมหายใจกลับสะท้านเยือกเป็นบางครั้งราวกับหนาวจัด

อาชญากรหนุ่มตัดสินใจซุกเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันนั้นแล้วรั้งร่างเพรียวมากอดไว้  ซึ่งคนที่ถูกกอดไม่ได้ปฏิเสธ  ทั้งยังตอบรับด้วยการเบียดกายเข้าหาและซุกลงกับอกกว้าง  ร่างเพรียวที่สั่นน้อย ๆ อยู่เกือบตลอดเวลาค่อย ๆ ผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อได้รับไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่าย

เวลาผ่านไปเนิ่นนานในความรู้สึก  คัตซึฮิโกะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้งแล้วผ่อนลมหายใจยาวด้วยท่าทางสบายมากขึ้น  เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อตอนหัวค่ำมาก  และเพียงขยับตัวเบา ๆ อ้อมแขนที่โอบกอดเขาก็ขยับรั้งร่างของเขาเข้าไปหาตัว  มือใหญ่ลูบไล้ที่เส้นผมหมาดแผ่วเบา

“นอนต่อเถอะ  ยังมีไข้อยู่เลย”  เสียงห้าวทุ้มกระซิบเบา ๆ

“อืม...”  ชายหนุ่มพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเลื่อนแขนไปโอบพาดช่วงเอวของร่างสูงไว้

ในความมืดที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกัน  คัตซึฮิโกะไม่ได้หลับลงอีก  หากนอนฟังเสียงแผ่ว ๆ ของหัวใจที่แว่วมาจากแผ่นอกที่ซุกซบอยู่...เมื่อไรกันนะ  ที่เขาคุ้นเคยกับแผ่นอกกว้างนี้...และเมื่อไรกันที่ความแค้นเคืองต่อหลายสิ่งที่ถูกกระทำได้เบาบางลง...เขาให้อภัยเซย์ริวแล้วอย่างนั้นหรือ...มุมปากหยักยกยิ้มบาง ๆ พร้อมกับให้คำตอบแก่ตัวเอง  ไม่หรอก  เขาไม่เคยให้อภัย...ไม่มีวันยกโทษให้  สิ่งที่เซย์ริวทำกับเขาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาทั้งชีวิต  ทุกอย่างไม่มีวันหวนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนที่จะได้พบกันอีกแล้ว  เพราะอย่างนั้นเซย์ริวต้องรับผิดชอบชีวิตของเขาทั้งหมด...จากนี้  และตลอดไป

“นอนไม่หลับ?”  คำถามเบา ๆ ดังขึ้นมาในความมืด

“อือ  ผมนอนพอแล้วมั้ง”  คัตซึฮิโกะกระซิบตอบ

“แกน่าจะนอนเยอะกว่านี้  พรุ่งนี้ต้องออกไปกรำฝนอีก  แกต้องรักษาตัวเองให้หายดีก่อนจะเดินทางไกล”

“แล้ว...ถ้าไม่หายล่ะ?”

ไม่มีคำตอบของคำถามนั้นนอกจากความเงียบยาวนาน  แล้วร่างสูงก็ถอนใจหนัก ๆ

“คาซึโกะ...แกกลับบ้านไปเถอะ”

คัตซึฮิโกะลืมตากว้าง  เพ่งผ่านความมืดจ้องไปยังใบหน้าของเซย์ริว  พวกเขาเลิกพูดถึงเรื่องนี้กันมานานแล้ว...แล้วจะมาพูดเอาอะไรตอนนี้

“ไม่!  คุณพูดอะไรน่ะ  เราตกลงกันแล้วไม่ใช่รึไง  คุณไปไหน  ผมจะก็ไปด้วย”

“แต่มันเรื่องอะไรที่แกต้องมาตกระกำลำบากกับเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของแกด้วย”  วงแขนแกร่งคลายออก  “นี่มันเรื่องที่ฉันก่อ  ฉันต้องจัดการเรื่องของฉันเองทั้งหมด  แต่ทำไมแกจะต้องเอาตัวเข้ามายุ่งด้วย  ฉันไม่เข้าใจเลย”

“ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นมันเกิดเพราะผมน่ะสิ  และความผิดที่เขาคิดว่าคุณก่อน่ะ  มันเป็นความผิดของผมครึ่งหนึ่งไม่ใช่หรือไง  คุณคิดจะแบกรับทั้งหมดเอาไว้งั้นเหรอ”  คัตซึฮิโกะเถียงทั้งที่น้ำเสียงยังแหบแห้ง

“ฉันรับมันไว้ได้  แต่พูดตามตรง...ฉันไม่มั่นใจที่จะรับผิดชอบชีวิตของแก”  หางเสียงของเซย์ริวทอดอ่อนลง  “ฉันดูแลตัวเองมาตลอด  แต่นั่นก็แค่ตัวเองตามลำพัง  ถ้าจะให้มารับผิดชอบชีวิตใครต่อใครด้วย...ฉัน...คงทำไม่ได้”

“แล้วคุณเข้ามายุ่งกับชีวิตผมทำไม!?”  ชายหนุ่มเกือบจะขึ้นเสียง  สะบัดตัวออกจากวงแขนของเซย์ริวอย่างรวดเร็ว  แต่ร่างสูงคว้าแขนเอาไว้

“คาซึโกะ  ถ้าแกกลัวว่ากลับไปแล้วจะถูกไอ้สัตว์นั่นตามล่า  ก็ไปอยู่กับหมอมาสะ  ฉันรับรองว่าแกจะต้องปลอดภัย”  อาชญากรหนุ่มพยายามโน้มน้าว

“ไม่!  ถ้าผมจะกลับไป  ผมก็อยู่ของผมได้  ไม่ต้องไปพึ่งพาคุณหมอหรอก!  ไอ้เสี่ยนั่นมันจะทำอะไรก็ช่างหัวมัน  ผมไม่แคร์อะไรทั้งนั้น”  คัตซึฮิโกะแหวเข้าใส่พลางบิดดึงข้อมือให้หลุดจากการเกาะกุม

“แต่ฉันแคร์!”

“ถ้าแคร์  แล้วไล่ผมกลับทำไม?”

เซย์ริวนิ่งอั้นไป  จนต่อคำถาม...เขาไม่เคยตอบคำถามแบบนี้ของคัตซึฮิโกะได้เลย  มันเป็นอะไรบางอย่างที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้...หลายครั้งที่ดูเหมือนคำตอบมารออยู่ที่ริมฝีปาก  แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น  แล้วมันก็วับหายไปก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป

“ได้...ถ้าอยากให้ผมกลับไปขนาดนั้น  ผมจะกลับ”  คัตซึฮิโกะกระแทกเสียงแล้วก้าวพรวดพราดลงจากเตียง

“คาซึโกะ!  เดี๋ยว...”  ร่างสูงคว้าดึงข้อมือคัตซึฮิโกะกระชากกลับอย่างแรง  จนร่างเพรียวเสียหลักถลาล้มลงบนเตียง

“ทำบ้าอะ...”

คำสุดท้ายถูกบังคับให้กลืนกลับไปในลำคอเมื่อเซย์ริวกางแขนท้าวคร่อมร่างแล้วก้มลงจูบอย่างหนักหน่วง  คัตซึฮิโกะดิ้นรนผลักไสจนหมดแรง  ปล่อยให้คนเอาแต่ใจลิ้มรสหวานลึกล้ำจากริมฝีปากของเขาตามใจชอบ  หากด้วยความโกรธจึงไม่ยอมตอบสนอง
เซย์ริวตวัดเรียวลิ้นอ้อยอิ่งอยู่เป็นครู่  จนเมื่อแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ยอมโอนอ่อนตามเป็นแน่จึงถอนริมฝีปากออก

“พอใจแล้วใช่มั้ย?”  ดวงตาคู่สวยตวัดมองอย่างตัดพ้อ  “พอใจแล้วก็ปล่อย  ผมจะได้เก็บเสื้อผ้ากลับเสียที”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 19-07-2013 12:24:29
แต่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้ว  ร่างสูงยังทิ้งน้ำหนักตัวลงทาบทับกกกอดร่างเพรียวเอาไว้กับอก

“เอ๊ะ!  บอกให้ปล่อย  ปล่อยเซ่!”  คัตซึฮิโกะยกสองมือขึ้นผลักอกเซย์ริวสุดกำลัง  แต่ด้วยเรี่ยวแรงของคนที่ยังมีไข้รุม ๆ อยู่ไม่ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะเทือนได้เลย

“ไม่ปล่อย...”  เซย์ริวกอดรวบคนตัวเล็กกว่าไว้เต็มอ้อมแขน  “จะไม่ปล่อยอีกแล้ว...”

“ก็คุณไล่ผมกลับ  ผมก็จะกลับนี่ไง  ทีแบบนี้จะมาพูดอะไรอีกเล่า”  คัตซึฮิโกะยังอาละวาดเท่าที่เรี่ยวแรงจะอำนวย

“ไม่...ไม่ต้องกลับแล้ว  ขอโทษ...”

ถ้อยคำสุดท้ายแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน  หากเสียงที่กระซิบอยู่ที่ข้างหูนั้นกลับดูเหมือนจะก้องไปจนถึงหัวใจของคัตซึฮิโกะ

...ขอโทษ...

เป็นคำที่คัตซึฮิโกะไม่เคยแม้แต่จะหวังว่าจะได้ยินจากเซย์ริวในชั่วชีวิตนี้

และเพียงคำ ๆ เดียวนั้น  ทำให้ความรู้สึกต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ  สองแขนที่เคยผลักไสยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้างแล้วขยุ้มกำเนื้อผ้าของยูกาตะไว้แน่น  ซบหน้าลงกับอกอุ่นแล้วสะอื้นฮัก...ทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ร้องไห้อีก  แต่ทำไม...ด้วยคำเพียงคำเดียว...น้ำตาถึงไหลไม่หยุด

มือใหญ่เชยปลายคางมนช้อนให้แหงนเงยขึ้นแล้วบรรจงจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา  เกลี่ยนิ้วกร้านไล้ไปตามข้างแก้มก่อนจะเลื่อนริมฝีปากระเรื่อยไปยังซอกคอที่กรุ่นกลิ่นสบู่จาง ๆ  ขบเม้มฝากร่องรอยสีแดงเข้มประทับไว้เหมือนจะตีตราแสดงความเป็นเจ้าของ...ใช่...คัตซึฮิโกะเป็นของเขา...เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น  จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปอีก

คัตซึฮิโกะยังคงสะอื้นเบา ๆ ด้วยความรู้สึกอันบอกไม่ถูก  เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องร้องไห้  แต่รู้สึกตื้ออยู่ในอกจนต้องระบายออกมาด้วยน้ำตา  ถูกหละ...การกระทำของเซย์ริวอ่อนโยนมาก  แต่นั่นก็ไม่ใช่สาเหตุ...คำพูดเพียงคำเดียวนั้นต่างหากที่กระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรง...เพียงเท่านี้  ความรู้สึกเคียดแค้นที่ฝังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจมาตลอด  แทบจะเลือนหายไปในทันที

“คาซึโกะ...ทำไมแกต้องร้องไห้ด้วย?”  เสียงห้าวกระซิบแผ่วเบาถามถึงสิ่งที่ไม่เคยเข้าใจมาตลอด...เขาไม่เคยเข้าใจความหมายของน้ำตาของคัตซึฮิโกะ

“ไม่รู้...ผมไม่รู้...”  คัตซึฮิโกะตอบพลางยกมือขึ้นปิดหน้า  หากมือแกร่งจับมือนั้นออก

“ไม่ต้องร้องแล้ว...อย่าร้องไห้อีกเลย”  เซย์ริวจูบซับน้ำตาให้ครั้งแล้วครั้งเล่า  กระชับร่างเพรียวแนบกับอกแน่น

เมื่อเสียงสะอื้นจางลง  ริมฝีปากร้อนก็เคลื่อนมาบดคลึงที่ริมฝีปากอิ่มซึ่งตอนนี้แดงจัดเพราะผ่านการร้องไห้อย่างหนัก  ความนุ่มนวลนั้นคลึงเคล้าอย่างอ่อนหวานก่อนจะบดเบียดหนักหน่วงขึ้น...อย่างแช่มช้า...และอ่อนโยน...รสละมุนถูกลิ้มชิมอย่างช้า ๆ ทีละน้อย...ทีละน้อย...จนคัตซึฮิโกะเริ่มเคลิบเคลิ้มจึงเผยอริมฝีปากน้อย ๆ เหมือนเป็นการเชิญชวนให้อีกฝ่ายเข้าไปลิ้มรสความหวานที่ลึกล้ำยิ่งกว่าภายใน

เซย์ริวไม่ปฏิเสธการเชื้อเชิญนั้น  เรียวลิ้นค่อย ๆ สอดเข้าไปควานหาความหวานจากลิ้นนุ่มที่รอจะตอบสนองอยู่แล้ว  โพรงปากของคัตซึฮิโกะยังอุ่นร้อนด้วยพิษไข้  หากความร้อนนั้นกลับให้รสสัมผัสที่ซ่านสยิวอย่างประหลาด  ร่างสูงเกี่ยวกวัดลิ้นร้อนรุกไล่รัดพันพัวกับลิ้นของอีกฝ่ายที่พยายามจะตอบรับเต็มที่  ตวัดรุกต้อนจนมือเรียวจิกดึงเสื้อยูกาตะพลางส่งเสียงประท้วงในลำคออย่างล้าแรง  อาชญากรหนุ่มจึงได้ค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกแต่ก็ยังเคล้าคลอไม่ยอมห่าง

คัตซึฮิโกะหลับตาพริ้มพลางระบายลมหายใจยาว ๆ  รู้สึกได้ถึงริมฝีปากและลิ้นร้อนที่และเล็มไปตามผิวกายของเขาต่ำลงไปจนถึงแผ่นอก  ชายหนุ่มสะท้านน้อย ๆ เมื่อสาบเสื้อยูกาตะถูกแหวกเปิดออก  ด้วยอารมณ์ที่ยังว้าวุ่นอยู่ภายในทำให้ไม่กล้าลืมตา  แต่ยิ่งหลับตา...ความรู้สึกสัมผัสก็ยิ่งชัดเจน

ความร้อนผะผ่าวของลมหายใจรดรินอยู่ที่ผิวละเอียดเนียน  ความเปียกชื้นของปลายลิ้นแตะลงเบา ๆ ที่ส่วนปลายยอดอกสีเข้มก่อนจะตวัดเลียแล้วครอบครองด้วยปาก...คัตซึฮิโกะผวาเยือกพร้อมกับร้องครางเบา ๆ  ทุกอย่างชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึก  และยิ่งเมื่อปลายนิ้วหยาบกร้านแตะสะกิดหยอกล้อยอดอกอีกข้าง  มันก็หดตัวแข็งเป็นไตสนองตอบการหยอกล้อนั้นอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบ  แต่ดูเหมือนฝ่ายรุกรานจะชอบใจ  เพราะปากและลิ้นเปลี่ยนเป้าหมายการครอบครองมาที่ยอดอกด้านนี้ทันที  ฟันเรียบขบกัดและดูดดึงเบา ๆ เรียกเสียงครางกระเส่า

“อะ...อื๊อ...”

“ชอบเหรอ?”  เซย์ริวถามขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกันเลย

“ไม่...ทำไมผมต้องชอบด้วยเล่า”  คัตซึฮิโกะแหวเอาเบา ๆ ทั้งที่ยังถอนสะอื้นด้วยความเสียวซ่าน

“แกก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งแหละ  ไม่เคยยอมรับอะไรง่าย ๆ เลย”  ร่างสูงพูดพลางทอดถอนใจแต่ดูเหมือนพยายามกลั้นยิ้มไว้มากกว่า  และก็ซ่อนรอยยิ้มนั้นด้วยการก้มลงไปสนใจกับแผ่นอกขาวเนียนต่อ  มือก็ขยับดึงสาบเสื้อยูกาตะออกอีกจนเผยให้เห็นไหล่ลาด

เซย์ริวละริมฝีปากจากเม็ดสีชมพูเข้มที่ครอบครองอยู่ไปประทับที่ลาดไหล่ขาวแล้วขบเม้ม  ทำเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดเป็นรอยจูบที่เรียงตัวกันเหมือนกลีบดอกไม้

คัตซึฮิโกะเหลือบตามองร่องรอยนั้น  ...เซย์ริวก็มีอารมณ์ศิลปินกับคนอื่นเขาเหมือนกันหรือนี่...  แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ  ลิ้นร้อนก็ฉกวูบเข้าที่ร่องสะดือเล่นเอาผวาขึ้นทั้งตัว

“อ๊า...”

“ร้องแบบนี้แปลว่าไม่ชอบ”  เซย์ริวพูดเหมือนจะพึมพำกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน  ได้ผล...

“รู้ว่าผมไม่ชอบก็อย่าทำเซ่”  คัตซึฮิโกะแหวมาทันที

“แต่แกก็รู้ว่าฉันชอบทำอะไรที่แกไม่ชอบเสมอแหละ”  เรียวลิ้นตวัดลากไล้ต่ำลงมาแล้วจูบหนัก ๆ เข้าที่สะดือ  เอวบางเดาะขึ้นรับสัมผัสนั้นทันทีพร้อมกับเสียงครางเครือ

ร่างสูงยันกายขึ้นจากการทาบทับ  กวาดสายตามองร่างที่เกือบจะเปลือยท่อนบนด้วยความพึงใจ...เรือนผมดำขลับที่ยังเปียกชื้นปรกระดวงหน้า  เมื่อรวมกับดวงตาคู่สวยหรี่ปรอยปรือทำให้ดูเซ็กซี่อย่างบอกไม่ถูก  ริมฝีปากอิ่มแดงเผยอหอบน้อย ๆ  ผิวกายขาวต้องแสงสลัวจากภายนอกเป็นสีระเรื่อ...ตุ๊กตาตัวสวยที่สุดของเขา  ของเล่นชิ้นที่รักที่สุด...อาชญกรหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าอีกฝ่ายยังเป็นไข้  แต่ก็รู้อีกว่าฝ่ายนั้นไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขา  หากไม่รุนแรงเกินไปนัก  เขาเชื่อว่าคัตซึฮิโกะจะรับได้ทั้งหมด

คัตซึฮิโกะขยับตัวอย่างประหม่าเมื่อมือใหญ่แหวกชายยูกาตะออกช้า ๆ  ต้นขาขาวกระทบอากาศเย็นทำให้รู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง...แต่มันจะเป็นเพราะอากาศหรืออารมณ์หวามไหวที่เกิดขึ้นนั้น  ตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด  แต่เมื่อมือหยาบลูบสอดเข้าไปสัมผัสเนื้อเนียน  ความคิดทั้งมวลก็กระจัดกระจาย  ฝ่ามืออุ่นร้อนประคองจับสองขาของเขาแยกออก  ชายหนุ่มฝืนเกร็งนิดหนึ่งด้วยความเขินอาย  แต่แล้วก็ปล่อยตัวเองให้โอนอ่อนไปตามการกระทำของร่างสูง

เซย์ริวจ้องมองส่วนอ่อนไหวที่มีชายเสื้อยูกาตะปิดอยู่อย่างหมิ่นเหม่  มันช่างเย้ายวนและเชิญชวนเสียยิ่งกว่าการเปิดเผยให้เห็นทั้งหมด  วูบหนึ่งของความทรงจำ  เขานึกไปถึงเมื่อตอนที่พบกันใหม่ ๆ ...วันนั้นที่คัตซึฮิโกะเองก็เป็นไข้  แต่เพราะเรือนร่างที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวปิดบังเพียงบางส่วนนั้นเองที่ทำให้เขาไม่อาจอดกลั้นต่อเพลิงปรารถนาที่ลุกโชนขึ้นมาได้...ตอนนี้ก็เช่นกัน  ชายหนุ่มกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอก่อนจะโน้มตัวลงไปเพื่อค้นหา...

ริมฝีปากร้อนประทับแนบลงกับเนื้ออ่อนที่โคนขา  คัตซึฮิโกะผวากระตุกทั้งร่าง...ความรู้สึกมันราวกับโดนเหล็กเผาไฟนาบ  ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกสัมผัสเช่นนี้  แต่วันนี้กลับแปลกออกไป  อาจเพราะพิษไข้ทำให้สติของเขาค่อนข้างล่องลอย  ทุกสัมผัสที่ถูกประทับลงบนร่างกายจึงถูกส่งเข้าสู่จิตใต้สำนึกโดยตรงอย่างชัดเจนยิ่ง...ความเปียกชื้นอันเกิดจากเรียวลิ้นร้อนลากจากโคนขาด้านในบริเวณใกล้หัวเข่าสู่ส่วนที่สูงกว่า  กล้ามเนื้อส่วนนั้นเกร็งตัวเพื่อรอรับสัมผัสที่...มาก...ยิ่งกว่า  หากร่างสูงกลับถอนปากออกแล้วไปทำอย่างเดียวกันกับขาอีกข้าง  คัตซึฮิโกะสะท้านเยือก  กระตุกร่างราวกับสำลักลมหายใจ  นิ้วเรียวจิกทึ้งผ้าปูที่นอนเมื่ออาชญากรหนุ่มขบเม้มหนัก ๆ เข้าที่โคนขาเพื่อประทับรอยตีตรา

ทุกจังหวะของกล้ามเนื้อที่กระตุกเกร็งนั้น  สามารถรับรู้ได้ผ่านฝ่ามือใหญ่ที่ยังประคองยึดเรียวขาขาวให้แยกห่างกันไว้  เซย์ริวขยับขาข้างหนึ่งของคัตซึฮิโกะให้งอเข่าและแยกกว้างออกอีกเพื่อเขาจะได้กระทำการได้สะดวกขึ้น  ริมฝีปากและลิ้นร้อนขยับขึ้นสูง  ตวัดเลียเร็ว ๆ แต่หนักหน่วงเข้าที่จุดอ่อนไหวที่สุดของร่างบาง  เรียกเสียงร้องหวีดหวานได้อย่างที่อยากฟัง  แม้จะเป็นการสัมผัสอย่างตรงจุดเป็นครั้งแรก  แต่ร่างบอบบางนั้นก็ตื่นตัวขึ้นมากว่าครึ่งแล้ว  มันเบียดดันเนื้อผ้าฝ้ายบางของยูกาตะจนปูดโป่งออกมา  ตรงส่วนปลายยอดฉ่ำชุ่มไปด้วยหยาดน้ำเหนียว ๆ

ร่างสูงไล้เลียแก่นกลางกายนั้นตลอดความยาวโดยที่ยังไม่แกะผ้าคาดเอวของชุดยูกาตะออกให้  เขาตวัดลิ้นชิมแก่นเนื้อนุ่มจนรู้ได้ว่ามันแข็งขึงอย่างเต็มที่จึงได้ครอบปากลงที่ส่วนปลายยอดแล้วดูดหนัก ๆ  เสียงครางหวานปนหอบแว่วมาให้ได้ยิน  มือที่สั่นน้อย ๆ ค่อย ๆ เอื้อมมาสางไล้เส้นผมสีน้ำตาลยาวหนาแล้วจิกดึงเบา ๆ  เซย์ริวรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร  เขาครอบครองส่วนกลางกายนั้นมากขึ้น  เปิดลำคอรับมันเข้าไปจนสุดลำ  ขยับโพรงปากร้อนดูดเบา ๆ  และทุกครั้งที่เขารุกเร้า  มือเรียวก็จับศีรษะของเขากดเข้าหาตัวพลางขยับสะโพกอย่างเร่าร้อน

“อ๊ะ...อา...เซย์...ตรงนั้น...อือ...”  คัตซึฮิโกะส่งเสียงคร่ำครวญแทบไม่เป็นภาษา  เขาโยกสะโพกขึ้นลงรับกับทุกจังหวะที่เซย์ริวกระทำ

อาชญากรหนุ่มลิ้มชิมรสชาติหอมหวานของท่อนเนื้อเครียดแข็งทว่านุ่มนวลอย่างเพลิดเพลินจนมันชุ่มโชก  มือใหญ่เข้ามาช่วยครอบครองและขยับรูดเร่งเร้าความปรารถนาให้  เสียงครวญครางปานจะขาดใจเร้าอารมณ์ดิบของเขามากเสียจนอยากจะครอบครองทั้งหมดของเรือนร่างนี้เสียเดี๋ยวนี้  แต่ก็พยายามยับยั้งเอาไว้ด้วยรู้ว่าเขาจะตักตวงความหฤหรรษ์จากร่างนี้ได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายพร้อมที่สุด...คืนนี้คัตซึฮิโกะเป็นไข้  หากจะให้เสร็จสมถึงสองรอบคงเป็นการฝืนให้บอบช้ำจนเกินไป...คิดเช่นนั้นแล้วร่างสูงก็ถอนริมฝีปากออก

“อึ๊...อืม...”  สิ่งที่สร้างความเสียวซ่านผละออกไปอย่างกะทันหันทำให้คัตซึฮิโกะอดส่งเสียงท้วงไม่ได้

“อย่าโลภมากสิ...ใจเย็น ๆ “  เซย์ริวกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู  ในขณะที่มืออุ่นร้อนยังนวดคลึงแก่นกายให้

“ว่าใครโลภกัน...”  คัตซึฮิโกะเถียงเสียงกระเส่า  อารมณ์ของเขากระเจิดกระเจิงเสียจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

“หึ...ไม่ก็ไม่...”  ร่างสูงเคล้าคลอริมฝีปากบดคลึงกับริมฝีปากแดงระเรื่อที่นุ่มนวลราวกับกลีบดอกไม้  ประทับจูบดื่มด่ำ  เกี่ยวกวัดเรียวลิ้นรัดพันหลอกล่อให้ลุ่มหลง

โคนขาแกร่งแทรกลงตรงที่ว่างที่หว่างขาขาว  ขยับแยกมันออกพร้อมกับที่มือใหญ่ที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับร่างบางเลื่อนลงสู่ส่วนลี้ลับที่อยู่ต่ำกว่า  ซึ่งคัตซึฮิโกะก็ขยับขาแยกกว้างอย่างรู้งาน

ปลายนิ้วกร้านขยับคลึงที่ปากทางเหมือนจะหยั่งเชิง...มันเปียกชุ่มเพียงพอทีเดียวจากการครอบครองด้วยปากเมื่อครู่  ทำให้ปลายนิ้วกลางสอดผลุบหายเข้าไปอย่างไม่ฝืดฝืน

“อ๊ะ...อือ...”  คัตซึฮิโกะขยับเกร็ง  ตอดรัดนิ้วนั้นเล็กน้อย

เรียวนิ้วขยับลึกเข้าไปร่าง  ผนังนุ่มอุ่นร้อนที่โอบรัดมันอยู่รอบด้านกระตุกตอดทุกครั้งที่มันขยับ...กระทั่งสุดความยาว  นิ้วนั้นก็กวาดควานไปรอบ ๆ เพื่อขยับขยายช่องทางแคบเล็กนั้นให้พร้อมรับสิ่งที่ใหญ่โตกว่ามันมาก...ไม่เพียงแต่ขยับขยาย  แต่มันยังสะกิดตรงนั้นตรงนี้ไปเรื่อย  มันรู้ดีอยู่แล้วว่าจุดไหนที่หากแตะต้องแล้วจะสร้างความรู้สึกดีให้กับเจ้าของช่องทางนี้ได้มากที่สุด  แต่ก่อนจะให้สิ่งที่ดีที่สุด...มันก็อยากแกล้งให้ต้องการจนเจียนคลั่งบ้าง

“อา...เซย์ริว...ฮึก...”  ร่างเพรียวครางกระเส่าทั้งที่ริมฝีปากยังบดเคลียอยู่ไม่ห่างกัน  สองมือขยับไต่ขึ้นโอบกอดผู้ที่กำลังรุกรานเขาไว้แน่น

เมื่อได้อย่างที่ต้องการแล้ว  นิ้วหยาบกร้านก็แตะหมับเข้าที่จุดกระสันแล้วขยี้คลึง

“อ๊า...อา...”

พร้อมกับเสียงหวีดครางด้วยความเสียวซ่านผนังนุ่มรอบด้านก็บีบรัดเรียวนิ้วนั้นแน่น  อาชญากรหนุ่มสะกิดขยี้จุดนั้นซ้ำอีกสองสามครั้งแล้วจึงสอดอีกนิ้วตามเข้าไป  ความรุมร้อนในช่องทางนั้นตอดตุบรัดนิ้วทั้งสองเป็นจังหวะ  ยิ่งเมื่อมันไปสะกิดโดนจุดกระสันก็ยิ่งตอดรัดแน่น  เซย์ริวถอนใจพรู  อาการเหล่านั้นกระตุ้นความต้องการของเขาเสียจนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ชายหนุ่มผละจูบออกจากริมฝีปากที่ลิ้มรสอยู่  ขยับเข้ามานั่งแทรกอยู่ตรงกลางหว่างขาของร่างกึ่งเปลือย  กวาดสายตามองปราดไปทั่วร่างแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างปรารถนา  เขายกแยกเรียวขาขาวทั้งสองออกกว้างแล้วจรดแก่นกายแข็งขืนราวกับท่อนไม้ของเขาเข้าที่ช่องทางที่ได้ทำการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว  ขยับกดท่อนเนื้อร้อนนั้นเข้าหา  เคลื่อนกายให้มันจมลึกเข้าไปสู่ความหอมหวานอันเร้นลับ

“อา...อ๊า...เซย์...”  ร่างเพรียวกรีดเสียงครางด้วยความเจ็บเสียด  แม้จะถูกเตรียมพรอ้มเอาไว้อย่างดีแล้ว  แต่ขนาดของสิ่งที่กำลังรุนล้ำก็ทำให้เจ็บได้ทุกครั้งที่มันเริ่มต้นแทรกเข้ามาในร่างของเขา  หากตัวเองก็รู้ดีว่าต้องการมันมากแค่ไหน  สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามผ่อนคลายและแยกขาออกอีกเพื่อเปิดรับมันให้มากที่สุด

เซย์ริวกดกายเข้าหาอย่างเชื่องช้า  ทว่าต่อเนื่องและหนักหน่วง  เบียดแก่นเนื้อแทรกเข้าไประหว่างผนังร้อนนุ่มที่ขยายตัวโอบรัดจนสุดความยาว  ฝังกายเข้าไปจนถึงจุดลึกสุดแล้วกลั้นใจหยุดนิ่งเอาไว้...เขาไม่กล้าหักหาญขยับกายในตอนที่คัตซึฮิโกะยังครางเครือสะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจอยู่อย่างนี้

แต่คัตซึฮิโกะยกเรียวแขนขาวทั้งสองเอื้อมมือมาทางร่างสูง  อ้าแขนออกเหมือนจะโอบกอด...เพื่อบอกว่าเขาพร้อมรับทั้งหมดของเซย์ริวแล้ว

อาชญากรหนุ่มยกมุมปากขึ้นเหมือนจะยิ้ม  เขาโน้มกายลงไปหาอ้อมแขนซึ่งโอบกอดเขาไว้ทันที  จัดเรียวขาขาวให้เกี่ยวรอบเอวของเขาแล้วเริ่มต้นส่ายสะโพกเข้าหาเบา ๆ

“อา...เซย์...เซย์ริว...อ๊า...”

คัตซึฮิโกะจิกเล็บดึงยูกาตะของร่างสูงเพื่อระบายความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นจนเสื้อคลุมนั้นเลื่อนหลุด  ร่างสูงจึงสลัดมันออกจากร่างท่อนบน  แล้วคว้าร่างเพรียวมากอดรัดไว้แน่นซึ่งคนตัวเล็กกว่าก็กอดตอบแน่นไม่แพ้กันทั้งยังฝังรอยเล็บจิกข่วนไปบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามได้รูป  ผิวกายชื้นเหงื่อบดเบียดแนบชิดราวกับจะหลอมรวมกันให้เป็นหนึ่งเดียว  เสียงหอบหายใจและเสียงครางดังปะปนกันไปจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร

และในวูบจังหวะหนึ่ง...ความรู้สึกบางอย่างก็ผลักดันให้เกิดคำถามหนึ่งขึ้น

“คาซึโกะ...แก...รักฉันหรือเปล่า?”  เซย์ริวกระซิบถามเบา ๆ

ทั้งที่สติและความรู้สึกกำลังเลือนรางและกระเจิดกระเจิงเต็มที  แต่คัตซึฮิโกะกลับได้ยินและเข้าใจคำถาม

“ไม่...”  ชายหนุ่มพยายามเค้นเสียงตอบแผ่วเบา  “ผม...ไม่เคย...รักคุณเลย”

ร่างสูงหัวเราะน้อย ๆ

“ดี...เพราะฉันก็ไม่เคยรักแกเหมือนกัน”

ขาดคำ  อาชญากรหนุ่มก็กระทั้นกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว  คัตซึฮิโกะหวีดร้องด้วยจังหวะที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันทำให้เขาตั้งรับไม่ทัน  สิ่งที่อยู่ร่างของเขามันคับแน่นไปหมด...มันเร่งเร้า  หนักแน่น  และกระชั้นถี่  ร่างเพรียวใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ขยับสะโพกรับกับจังหวะของร่างสูงได้  อุ้งมือใหญ่ตรงเข้าเกาะกุมแก่นกายของคัตซึฮิโกะ  ขยับชักรูดนำพาให้อารมณ์กระเจิงยิ่งขึ้น  ความร้อนที่เกิดขึ้น ณ จุดที่เสียดสีกันแผ่ลามไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วจนเหมือนกับว่าเลือดในกายจะเดือดพล่านไปด้วยไฟราคะ

ถูกหละ...เขาทั้งสองไม่ได้ผูกพันกันด้วยความรัก  ทั้งหมดเริ่มต้นที่ความใคร่...เริ่มต้นด้วยตัณหาและราคะ...มันไม่ได้อ่อนหวาน  ไม่ได้สวยงาม  พวกเขาเพียงแค่ต้องการกันและกันเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายซึ่งกันและกัน  ความสัมพันธ์นี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากวันที่มันเริ่มต้น  สิ่งที่เปลี่ยนไปมีเพียงความเข้าใจระหว่างกันเท่านั้น  สิ่งนั้นผูกมัดพวกเขาเอาไว้ด้วยกันจนถึงทุกวันนี้...วันที่ต่างก็ผ่านเรื่องราวมากมายมาจนกลายเป็นความสัมพันธ์แบบพิเศษที่ถูกสร้างมาเพื่อพวกเขาโดยเฉพาะ...อาจไม่มีใครเข้าใจนอกจากพวกเขา...แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

“อึ๊...เซย์...จะ...ไม่ไหว...”  คัตซึฮิโกะครางกระเส่าฟังแทบไม่เป็นภาษากับความเร่าร้อนที่เซย์ริวประเคนเข้ามาในร่างของเขา  สองขากอดกวัดรอบเอวแกร่งโอบรัดแน่น

ร่างสูงขยับสะโพกเร็วขึ้นเรื่อย ๆ  ขยับฝังกายเข้าลึกสุดขอบ  กระชากกระชั้นลากพาอารมณ์และความรู้สึกให้ไหลไปตามกระแสธารแห่งความต้องการ  พาทั้งตัวเองและอีกฝ่ายตะเกียกตะกายไปให้ถึงที่สุดของความปรารถนาลี้ลับแห่งห้วงอารมณ์  ส่วนที่ฝังร่างอยู่ในความนุ่มนวลรับรู้ได้ถึงการบีบรัดแน่นที่กระชั้นถี่ขึ้นทุกที  และตัวมันก็ร้อนรุ่มราวกับภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุ

“อะ…อา…ไม่…ไม่ไหวแล้ว…ไม่ไหวแล้ว…เซย์…เซย์…”  คัตซึฮิโกะร้องออกมาพร้อมกับเกี่ยวขาแน่นและบีบรัดรุนแรง

แล้วเซย์ริวก็อัดกระแทกเข้าไปครั้งสุดท้าย  สูบฉีดความเร่าร้อนพวยพุ่งเข้าไปในร่างเพรียว

“อ๊า!!!!”  ชายหนุ่มกรีดร้องลั่นเมื่อความสุขสมเดินทางมาจนถึงที่สุด  ปลายเล็บจิกแผ่นหลังกว้างแล้วข่วนเป็นทางยาว  ปลดปล่อยหยาดอารมณ์ให้หลั่งรินออกมาอย่างเต็มกลั้น

ทั้งสองร่างเกร็งกระตุกเข้าหากันสองสามครั้ง  แล้วเซย์ริวก็ทรุดร่างลงกับร่างบางที่นอนหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจอยู่ใต้ร่างของเขา  โลกทั้งโลกหมุนคว้าง  ในหูได้ยินเพียงแต่เสียงหายใจของพวกเขาปะปนกันไปในความเงียบ

ครู่ใหญ่  อาชญากรหนุ่มจึงจูบเบา ๆ ที่ขมับชื้นเหงื่อแล้วค่อย ๆ ถอนกายออก

“อือ...”  คัตซึฮิโกะครางแผ่ว ๆ  เมื่อครู่เขารู้สึกสบายจนแทบจะเคลิ้มหลับไปแล้ว

“ไหวนะ  คาซึโกะ”  เซย์ริวถามพลางลูบไล้ใบหน้ามนเบา ๆ

ร่างเพรียวพยักหน้าแทนคำตอบ

“แย่หน่อยนะ  อุตส่าห์อาบน้ำแล้ว”  ร่างสูงพูดพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ อย่างยียวนตามนิสัย  เหลือบมองคราบน้ำที่เปรอะเปื้อนอยู่บนเรียวขาและซอกเร้นลับของคัตซึฮิโกะ  “เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้ละกัน”

คัตซึฮิโกะหมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงอะไรทั้งสิ้น  ได้แต่นอนนิ่งให้เซย์ริวจัดการเอาตามใจชอบจนสะอาดเรียบร้อย  เขาเคลิ้ม ๆ ไปครู่หนึ่ง  มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งที่อบอุ่น

“นอนซะ  หลับให้สบาย”  มือใหญ่ลูบผมนิ่มอย่างเบามือ

แล้วคัตซึฮิโกะก็หลับสนิทไปในไม่กี่อึดใจนั้นเอง
//////////


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
ปล. ฉากแง่งอนกันเนี่ย...เขียนเองก๊าวเองครับ น้ำเน่าดี ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 19-07-2013 12:57:00
ชอบน่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 19-07-2013 18:07:19
พ่อแง่แม่งอน น่ารักกกก :-[
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 19-07-2013 19:47:11
ถึงจะลำบากขนาดไหน แต่ก็จะสู้ไปด้วยกันสินะ สองหนุ่มสู้ๆ เป็นกำลังใจให้ ไหนๆก็ผูกพันกันขนาดนี้แล้วอะ :z1:
ไม่เรียกว่ารักแล้วจะเรียกว่าอะไรดีนะ ความสัมพันธ์แบบนี้ แต่มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นดีนะคะ ที่ข้างๆยังมีกันและกันตลอด :o8:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 20-07-2013 05:16:09
โอ้ววว~ 
พักความเคีียดด้วยฉากหวาน(?)เบาๆ

ขอให้รอดๆๆๆๆๆ นะๆๆ

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 23 : 19/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 20-07-2013 09:46:42
จิกหมอนนนนนนนนนนนนนนนนน อรั๊ยๆๆๆๆๆ ตอนนี้หวานไม่ไหวจะทน

ยิ่งฉากพ่อแง่แม่งอนนะ น่ารักสุดๆอ่ะ  >/////<
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 26-07-2013 20:54:10
สวัสดีวันศุกร์ครับ
เกือบลืมลงแน่ะ แหะๆ

KOUSOKU 24

“มันนานเกินไปแล้วนะ  สารวัตร!  จะต้องให้ผมรออีกนานแค่ไหนกัน  ป่านนี้ไอ้สัตว์นั่นมันไม่หนีไปถึงไหน ๆ แล้วเรอะ  มัวแต่อืดอาดอะไรอยู่ได้”  คนที่ยังนอนอยู่บนเตียงตวาดลั่นห้องพักของโรงพยาบาลอย่างหัวเสีย  แต่คนถูกพาลได้แต่ยืนทำหน้านิ่ง ๆ

มันเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่สารวัตรไอดะถูกเรียกมาพบด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้  เรียกได้ว่าแทบจะวันเว้นวันจนเขาชาชิน  เรื่องที่โดนด่าก็เรื่องเดิม ๆ  จะมีก็แต่ความหงุดหงิดรำคาญที่พอกพูนขึ้นทุกวัน...นี่ถ้าไม่เห็นแก่หน้าที่และครอบครัวหละก็  ไอ้อ้วนนี่ได้ตายอีกรอบแล้ว

คิตะโนะเองก็หงุดหงิดมากขึ้นทุกทีที่ทางตำรวจยังไม่สามารถล่าตัวคนที่ทำร้ายเขาได้  เขาใช้ทั้งเส้นสายและบารมีส่วนตัวในการเสาะหาตัวไอ้มือมีดนั่นมาลงโทษให้ได้...และแน่นอน...รวมไปถึงคนที่ไอ้มือมีดนั่นพาไปด้วย

ครั้งก่อนที่เขาให้ลูกน้องแทรกซึมไปกับกลุ่มตำรวจ  เขาได้กำชับให้พวกมันพาตัวซาโนะ  คัตซึฮิโกะฮิโกะมาให้เขาทันทีที่พบตัว  แต่ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนั้นได้หายตัวไปพร้อม ๆ กับเจ้าฆาตกรนั่น...แค่นั้นก็โกรธมากพออยู่แล้ว  ยิ่งรู้ว่าทางตำรวจได้ข้อมูลแล้วว่าสองคนนั้นอยู่ที่ไหน  แต่ยังตามจับตัวมาไม่ได้  เขาก็ยิ่งงุ่นง่าน  เขาพยายามใช้อำนาจมืดที่ตัวเองมีส่งคนลงพื้นที่ออกไปติดตามทั้งสองคนนั่น  แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เป็นใจหรืออะไรบางอย่าง  ทำให้คนของเขายังหาตัวบุคคลที่เขาต้องการไม่พบ...เมื่อยังทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้  เสี่ยใหญ่ก็ได้แต่เรียกสารวัตรผู้รับผิดชอบคดีมาด่า

“ทางเราก็เร่งมือกันเต็มที่แล้วครับ  แต่ที่ยังไม่ได้ตัวอาจเพราะผู้ต้องหาถนัดในการหลบหนีก็ได้”  สารวัตรไอดะบอกเนือย ๆ ...ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาประวิงเวลายืดเรื่องเอาไว้โดยการไม่ส่งคนลงพื้นที่มาสองสามวันแล้ว

“มันจะถนัดหรือไม่ถนัดก็ช่าง  แต่มันเป็นหน้าที่ของพวกคุณที่ต้องไปลากตัวมันมาให้ได้!!”  คิตะโนะตะโกนลั่น

“พวกเรากำลังพยายามอยู่ครับ”  น้ำเสียงตอบดูเยือกเย็น  แต่ท่านสารวัตรก็แอบหักข้อนิ้วระบายอารมณ์...อยากจะตั๊นหน้าไอ้นี่ให้จมูกหักเหลือเกิน...

“สารวัตร...ผมเคยเตือนคุณไปแล้วนะ”  เสี่ยใหญ่เริ่มใช้น้ำเสียงข่มขู่  “ถ้าผมออกจากโรง’ บาลแล้วคุณยังไม่ได้ตัวมันมาให้ผม...คุณเน่าแน่”

สารวัตรไอดะคอแข็งขึ้นมาทันที  ลำพังตัวเขาเองไม่มีอะไรต้องไปกลัวคำขู่นี้หรอก  เพราะเขาพอจะรู้ทางหนีทีไล่ดี...แต่เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องที่เขากังวลมากที่สุด  การที่คิตะโนะจะทำลายใครสักคน  มักจะใช้วิธีขุดรากถอนโคนเสมอ...เขายังไม่อยากเอาครอบครัวมาเสี่ยงกับไอ้บ้าตัณหากลับคนนี้

ยังไม่ทันที่นายตำรวจจะตอบอะไร  เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“เข้ามา”

นายตำรวจชั้นผู้น้อยเข้ามาในห้องแล้วทำท่าระวังตรงทำความเคารพผู้เป็นนาย

“มีอะไรว่ามา”  ไอดะสั่งเรียบ ๆ

“เมื่อครู่มีรายงานจากเมือง N ว่าผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีการจับกุมได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับซาโนะ  คัตซึฮิโกะฮิโกะครับ”

ทั้งไอดะและคิตะโนะเบิกตากว้าง...หากแววตาของคิตะโนะวาวโรจน์ด้วยความยินดี

“เอาหละ...สารวัตร  ผมรอมานานแล้ว  คราวนี้คงได้ตัวเสียทีนะ”  พูดจบก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้รีบออกไปได้แล้ว

สารวัตรไอดะกัดกรามแน่น  เขาสะบัดหน้าแล้วก้าวยาว ๆ ออกจากห้องพักนั้นอย่างรวดเร็วพลางนึกในใจ...ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยนะ  ไอ้ลูกชายบ้าของหมอเถื่อนมันคิดอะไรถึงได้เข้าพักโรงแรมทั้งที่โดนตามล่าตัวอยู่...

สมองของไอดะทำงานรวดเร็ว  เขาจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้...แต่เขาจะต้องทำทุกอย่างที่จะป้องกันไม่ให้เด็กสองคนนั้นตกไปอยู่ในมือคิตะโนะ

“เรียกระดมพล  ปิดล้อมโรงแรมนั้น  เอาตัวมาให้ได้ในเช้าพรุ่งนี้  อ้อ...แจ้งให้ญาติของซาโนะทราบด้วย”

“ครับผม!”  ตำรวจชั้นผู้น้อยรับคำแล้วรีบไปถ่ายทอดคำสั่งต่อไป

สารวัตรไอดะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเรียกหาหมายเลขซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะใช้งาน  เสียงสัญญาณจากปลายสายดังอยู่หลายครั้ง  ยังไม่ดึกเท่าไรนักแต่เจ้าของหมายเลขอาจจะยังไม่ว่างก็เป็นได้

“โมชิ  โมชิ”  เสียงจากปลายสายตอบรับในที่สุด

“คุณมาซาฮิเดะ  ผมไอดะนะ”

“โอ้...นรกขุมไหนดลใจให้คุณโทรมาหาล่ะเนี่ย”  น้ำเสียงเรียบเรื่อยจนออกจะขี้เกียจ  แต่ดูเหมือนจะขำกับสำนวนกวนอารมณ์ของตัวเอง

“นรกขุมที่ชื่อเซย์ริวน่ะสิ”  ไอดะย้อนกลับไม่แพ้กัน  “ลูกน้องเพิ่งมาบอกเมื่อกี้”

“ว่าไง”  เสียงของมาซาฮิเดะเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

“ไอ้เด็กโง่นั่นมันเข้าพักในโรงแรม  ถูกกล้องวงจรปิดจับได้  นี่กำลังส่งคนไปปิดล้อม”

“ส่งไปทำซากอะไรวะ”

“ตามหน้าที่...ช่วยไม่ได้นี่นะ”

หมอเถื่อนนิ่งเงียบไปนิดหนึ่ง  แม้จะเข้าข้างคนของตัวเองมากแค่ไหน  แต่เขาก็รู้ว่าความรู้สึกส่วนตัวคืออะไรและหน้าที่คืออะไร...ในการทำงาน  ทั้งสองสิ่งต้องแยกจากกันเด็ดขาด

“แล้ว...คุณโทรมาบอกผมทำไม”

“เผื่อไว้  เผื่อว่าคุณหรือพวกเด็ก ๆ ของคุณมันจะไปทัน”

“อืม...ขอบคุณ”

มาซาฮิเดะวางหูโทรศัพท์จากคู่ปรับผู้หวังดีแล้วเปิดสมุดจดเบอร์โทรศัพท์  เขาต้องโทรหาฮิโรกิ  แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเบอร์ที่มีอยู่จะยังเป็นเบอร์ที่ใช้การได้หรือเปล่า  เจ้าพวกเด็กบ้ามันเปลี่ยนมือถือกันบ่อยพอ ๆ กับเปลี่ยนคู่นอน

ฮิโรกิเผ่นออกจากบ้านทันทีหลังจากวางสายจากมาซาฮิเดะ  ประตูห้องเช่าเก่า ๆ ที่ไม่ไกลจากบ้านของเขานักถูกทุบจนแทบพังคามือ

“อะไรวะ!?”  เจ้าของห้องเปิดประตูรับอย่างหัวเสีย  ดูจากเสื้อผ้าที่ยังไม่เรียบร้อยดีบ่งบอกว่าเพิ่งจะอาบน้ำยังไม่ทันแต่งตัวเสร็จ

“เร็น  ช่วยฉันหน่อย  ฉันต้องไปเมือง N เดี๋ยวนี้”  ฮิโรกิระล่ำระลัก

“หา?  อะไรของนาย  เมือง N มันไม่ใช่ใกล้ ๆ นะเฟ้ย  แล้วจะไปยังไง?”  เร็นยังงุนงงนิดหน่อย  แต่เมื่อเห็นสีหน้าร้อนรนของฮิโรกิก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น

“เซย์ริวกำลังจะโดนล้อมจับ  ฉันต้องไปช่วยมัน”

ชื่อของเซย์ริวทำเอาเร็นชะงัก เรื่องที่เซย์ริวกำลังหลบหนีคดีฆ่าคนตายไปพร้อมกับ  “ของเล่น”  คนโปรดเป็นที่รู้ทั่วกันในสังคมด้านมืดของพวกเขา  ต่างก็ได้แต่คิดกันไปเงียบ ๆ  และแม้ว่าจะชังน้ำหน้าเซย์ริวกันมากแค่ไหน  แต่ส่วนใหญ่ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ได้ยินข่าวว่าเจ้าวายร้ายนั่นถูกจับได้...คนเคยเห็นหน้ากันมานาน  แม้จะเป็นไอ้ตัวแสบที่เที่ยวก่อเรื่องไปทั่ว  แต่มันก็เป็นสีสันหนึ่งในโลกใบนี้

“โอเค”  เร็นเอ่ยในที่สุด  “ขอเวลานิดเดียว  เคียวจังคงช่วยได้  เดี๋ยวขอให้เอารถออกหน่อย”

“ขอบใจมาก  เร็น”  ฮิโรกิยิ้มออกมาได้ทันที

แน่นอนว่าเคียวไม่ได้มีรถเป็นของตัวเอง  แต่ฝีมือด้านการสะเดาะกุญแจรถเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งในละแวกนั้น  เขาใช้เวลาไม่นานในการเปิดประตูและเอารถเก๋งคันหนึ่งออกจากลานจอดรถและพาเร็นกับฮิโรกิมุ่งหน้าสู่เมือง N


นัตสึรู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อได้รับโทรศัพท์จากทางตำรวจโทรมาแจ้งว่าพบตัวพี่ชายของเขาแล้ว...พร้อมกับมัน!

เมือง N อยู่ค่อนข้างไกล  แต่ก็ไม่ไกลเกินไปนักสำหรับตัวเขาในตอนนี้  เพราะเพียงแค่ได้ยินข่าวจากตำรวจ  หัวใจของเขาก็โลดแล่นไปจนถึงที่นั่นแล้ว

เขาเอารถของที่บ้านออกมาโดยไม่ฟังคำทัดทานของพ่อกับแม่  เขามีใบขับขี่นานแล้ว  เคยใช้รถบ่อยแล้ว  แม้จะยังไม่เคยขับรถทางไกล  แต่เรื่องพวกนั้นมันไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเวลานี้  เขาต้องการพบคัตซึฮิโกะเดี๋ยวนี้  เขาจะต้องพาคัตซึฮิโกะกลับมา  มันไม่ใช่เรื่องอะไรที่คัตซึฮิโกะจะต้องไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับไอ้คนเฮงซวยนั่น  คัตซึฮิโกะจะมีเหตุผลอะไรก็ช่าง  เขาจะต้องพาคัตซึฮิโกะกลับมาให้ได้
//////////

เซย์ริวลืมตาขึ้นมาในความมืด  เขานอนไวเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ดังนั้นเมื่อมีเสียงผิดปกติดังขึ้นในยามวิกาลเช่นนี้จึงทำให้ประสาททั้งหมดตื่นตัวทันที  เขาเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง  ปลายเข็มที่แต้มพรายน้ำบอกเวลาเกือบตีสี่

ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังอยู่ชั่วครู่  ภายในห้องเงียบสงัด  มีเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนในอ้อมกอดเท่านั้น  แต่ที่ข้างนอก...เสียงฝีเท้าจำนวนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่บนถนนข้างโรงแรม  มีเพียงพูดคุยกันเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ระวังตัวอยู่ได้ยิน  หนึ่งในเสียงพูดนั้นเป็นการออกคำสั่ง  เสียงท็อปบูทกระทบพื้นแบบนี้เป็นเสียงที่เขาหัดฟังมาตั้งแต่เริ่มออกปล้นจี้เล็ก ๆ น้อย ๆ  ต่อให้อยู่ในที่พลุกพล่านก็แยกออก

ไม่ผิดแน่...เซย์ริวบอกกับตัวเอง...ตำรวจกำลังย่องเข้ามาปิดล้อมโรงแรมนี้

“คาซึโกะ...”  ร่างสูงกระซิบเรียกผู้ที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ

“หือ...”  คัตซึฮิโกะครางเบา ๆ อย่างรำคาญ

“คาซึโกะ  ตื่น  ตำรวจมาล้อมเราไว้หมดแล้ว”  เซย์ริวยังคงกระซิบเบา ๆ อย่างใจเย็น

แต่คนที่เพิ่งถูกปลุกลืมตาโพลง  หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง  พอกำลังจะอ้าปากถามอะไร  มือแกร่งก็ตะปบปิดปากเขาไว้แน่น

“เงียบไว้  ลุกขึ้นแต่งตัวให้เร็วที่สุด  เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้  ก่อนที่พวกมันจะขึ้นมา”

แม้จะยังตกใจแต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครพูดซ้ำ  คัตซึฮิโกะลุกจากเตียงอย่างรวดเร็ว  ทั้งสองแต่งตัวในความมืดอย่างทุลักทุเลพอสมควร  อาชญากรหนุ่มเปิดกระเป๋าหยิบเพียงเงินทั้งหมดและมีดคู่มือ  เขาตัดสินใจทิ้งกระเป๋าเพื่อความคล่องตัว

เพียงไม่กี่นาทีทุกอย่างก็เรียบร้อย

“จะไปทางไหน?”  คัตซึฮิโกะถามขึ้น

เซย์ริวเดินไปชะโงกที่หน้าต่าง  โชคดีที่ห้องพักของพวกเขาอยู่แค่ชั้นสองและอยู่ด้านติดถนนพอดี  แสงไฟทางเท้าส่องให้เห็นคนสามสี่คนเดินเฝ้าระวังอยู่...จัดการเก็บซะคงไม่ยาก

“ปีนลงทางนี้  ฉันจะจัดการไอ้พวกนั้นเอง”  พูดจบก็พลันนึกขึ้นมาได้...ลำพังเขาน่ะยังไงก็ได้อยู่แล้ว  แต่คัตซึฮิโกะยังเป็นไข้

ร่างสูงกลอกตาอย่างนึกลังเล

“เป็นอะไรไป  รีบไปสิ”  คัตซึฮิโกะเร่ง

“คาซึโกะ...”  มือใหญ่เอื้อมไปบีบไหล่บางแน่น  “คือ...”

ยังไม่ทันได้พูดอะไร  คัตซึฮิโกะก็สวนกลับมาทันที

“คุณบอกแล้วนะว่าคุณจะไม่ปล่อยมือจากผมอีก”

เซย์ริวกลืนน้ำลายลงคอย่างยากเย็น  จ้องคนตรงหน้าเขม็ง...แล้วก็ได้พบแววตาที่เด็ดเดี่ยวจ้องตอบกลับมา

“ดี”  อาชญากรหนุ่มเหยียดมุมปากเหมือนจะเย้ยหยันความลังเลของตัวเอง  “งั้นก็ไป”

ร่างสูงเปิดหน้าต่างออกแล้วเหนี่ยวตัวโหนท่อน้ำฝนแล้วปีนลงไปอย่างรวดเร็ว  คนที่อยู่ข้างล่างเพิ่งจะไหวตัวเมื่อชายหนุ่มลงถึงพื้นแล้ว

“เฮ้ย!  นั่น”

หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าใส่แล้วก็ทรุดลงไปกองกับพื้น  เลือดทะลักออกมาแดงฉาน  เซย์ริวไม่ได้เล็งส่วนสำคัญ  เขาไม่ได้อยากจะฆ่าคนให้มีคดีติดตัวเพิ่มขึ้นมากนัก  เพียงแต่ต้องการสกัดการจับกุมให้เฉียบขาดที่สุด  อีกสองที่ตรงเข้ามาร่วงลงไปเพราะคมมีดและหมัดหนัก ๆ ที่สอยเข้าเต็มปลายคาง   เหลืออีกเพียงหนึ่งที่ยืนละล้าละลัง  จะเข้ามาชาร์จก็ไม่กล้า  ด้วยเห็นเพื่อน ๆ ลงไปกองกับพื้นแทบจะในพริบตาเดียว  ทั้งยังตื่นกลัวเกินกว่าจะชักปืนออกมา

“ไปให้พ้น”  เซย์ริวบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำ  ตำรวจหนุ่มรีบวิ่งไปทางหน้าโรงแรมเพื่อไปตามคนอื่นมาสมทบ

“คาซึโกะ  เร็ว!”  ร่างสูงหันขึ้นไปบอกกับคนที่ยังอยู่ในห้อง

คัตซึฮิโกะมองลงไปเบื้องล่างอย่างลังเลใจ  มันสูงเอาการทีเดียวสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นอะไรผาดโผนมาก่อนเลยในชีวิตอย่างเขา  เมื่อกี้ที่ดูเซย์ริวปีนลงไปก็เหมือนง่าย ๆ  แต่เอาเข้าจริงแล้วท่อน้ำฝนมันอยู่ไกลกว่าที่คิด  หากคว้าพลาดคงต้องหล่นลงไปเจ็บตัวอย่างไม่ต้องสงสัย

“เร็วเซ่!”  เซย์ริวเร่งมาอีก

คัตซึฮิโกะกัดริมฝีปากพยายามจะสลัดความกลัวออกไป  แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงฝีเท้าจำนวนมากตรงมาที่หน้าห้อง...ไม่มีเวลาให้คิดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 26-07-2013 20:56:24
“โดดลงมาเลย  ฉันจะรับเอง”  คนที่ยืนรออยู่ข้างล่างอ้าแขนออก

ร่างเพรียวกลั้นใจในวินาทีนั้นปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่างแล้วถีบตัวออกไปเต็มแรง  พร้อมกับที่ประตูห้องถูกถีบเปิดผางออก

เซย์ริวกะระยะรับร่างของคัตซึฮิโกะได้ไม่พลาด  แต่ก็พากันล้มกลิ้งไปด้วยแรงส่งที่โถมเข้าใส่  โชคดีที่ไม่บาดเจ็บอะไรมากนักนอกจากถลอกปอกเปิกกันนิดหน่อย  แต่นี่ไม่ใช่เวลามาห่วงเรื่องนี้

“ไหวมั้ย?”  ร่างสูงดึงแขนคนตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้น

คัตซึฮิโกะไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าอย่างเด็ดขาดทั้งที่ในอกยังระรัวอยู่ด้วยความตื่นเต้น

“เร็ว!  มันอยู่ทางนี้!”  เสียงตะโกนดังขึ้นข้างหลัง

เซย์ริวกระชากแขนคัตซึฮิโกะออกวิ่งทันที

ในความสลัวรัวรางของยามย่ำรุ่ง  ทั้งสองวิ่งกันไปอย่างไม่รู้ทิศทาง  มีเพียงไอเย็นของละอองฝนเท่านั้นที่ปะทะเข้าหน้าและส่งความยะเยือกลึกเข้าไปในอกพร้อมกับลมหายใจ  เมฆครึ้มบนฟ้าทำให้บรรยากาศทึบและข้นหนักกว่าที่ควรจะเป็น

ในซอยที่ไร้แสงไฟส่องทาง  คัตซึฮิโกะเห็นแผ่นหลังกว้างของคนที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้าเพียงราง ๆ เท่านั้น...แต่นั่นคือความเชื่อมั่นทั้งหมดที่เขามีในตอนนี้  มืออุ่นที่กุมมือเขาแน่นคือหลักประกันชีวิตทั้งชีวิตของเขา...เขายอมฝากชีวิตไว้ในมือนี้  จนกว่าจะถูกมันทำลายลง

“หยุด!  ยอมให้จับเสียดี ๆ”

เสียงตะโกนไล่หลังดังขึ้น  ทำให้คัตซึฮิโกะคิดไปถึงคำพูดที่ฮิโรกิเคยพูดใส่เขา...โอ้...ออกมาแล้ว ประโยคคลาสสิค...รู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ไม่หยุด  จะโวยวายให้เหนื่อยทำไมก็ไม่รู้  แต่ลำพังวิ่งเฉย ๆ ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว  วิ่งไปตะโกนไปจะเหลืออะไร

โครม!

“แม่งเอ๊ย!  จะรีบไปไหนของมึงวะ  ข้าวของฉิบหายหมดแล้ว”

ทั้งสองเสียงดังขึ้นเกือบจะพร้อมกันเมื่อเซย์ริววิ่งไปชนรถเข็นที่กำลังขนของไปเตรียมขายกระจัดกระจาย  แต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาต่อปากต่อคำกับพ่อค้าช่างด่า  ตำรวจกำลังตามมาในระยะกระชั้นชิด  เขาลากคัตซึฮิโกะให้วิ่งต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงพ่อค้าโบ๊งเบ๊งมาอีกชุดใหญ่  บางทีพวกตำรวจก็คงวิ่งตามมาทำข้าวของพินาศกว่าเดิมหละมั้ง...สมน้ำหน้ามัน

จากตรอกนั้นทะลุซอยนี้  เซย์ริวยึดมือของคัตซึฮิโกะไว้แน่นแล้วพาวิ่งไปอย่างไม่รู้ทิศรู้ทาง  การหลบหนีเริ่มมีปัญหามากขึ้นเมื่อบรรดาพ่อค้าแม่ค้าเริ่มออกมาตระเตรียมของเพื่อทำมาหากินในช่วงเช้าตรู่ของวัน  ตะกร้าผักถูกเตะกลิ้งไปไม่รู้กี่ตะกร้า  คนที่ทะเล่อทะล่าออกมาโดนผลักกระเด็นไปหลายคน  การวิ่งเร็ว ๆ ทำได้ยากขึ้น...แต่จะว่าทำให้หลบหนีง่ายก็คงง่าย  เพราะพวกตำรวจเองก็ถูกกีดขวางพอ ๆ กัน

“อ๊ะ!”  คัตซึฮิโกะสะดุดขาตัวเองล้มลง

“คาซึโกะ!”  เซย์ริวหันมาคว้าต้นแขนของคัตซึฮิโกะแล้วฉุดให้ยืนขึ้น  แล้วเขาก็เพิ่งเห็น...คัตซึฮิโกะอ่อนแรงลงเต็มที  ใบหน้านั้นซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด  ริมฝีปากซีดเขียวอ้าหอบหนัก ๆ  เหงื่อไหลอาบทั้งใบหน้า  ตัวร้อนจัด...คัตซึฮิโกะกำลังไข้ขึ้น

“ไม่...ผม...ไม่เป็นไร”  เสียงแหบเหือดลอดริมฝีปากออกมาอย่างยากลำบาก  “ไปต่อ...เร็ว...”

เซย์ริวกัดริมฝีปากตัวเอง  คัตซึฮิโกะใจแข็งกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ  ระยะทางที่วิ่งกันมาไม่ใช่ใกล้ ๆ และตลอดทางคัตซึฮิโกะไม่ปริปากอุทธรณ์อะไรเลย  อดทนวิ่งตามเขามาจนสิ้นแรงล้มลง  คัตซึฮิโกะไปต่อตอนนี้ไม่ไหวแน่

เสียงเอะอะตามเข้ามาใกล้  เซย์ริวตัดสินใจเสี่ยง  เขาดันคัตซึฮิโกะเข้าไปในซอกแคบ ๆ ที่แทบจะไม่น่าเบียดตัวเข้าไปได้  แล้วเขาก็ตามเข้าไปใช้ตัวกางกั้นปากซอกแคบ ๆ นั้นไว้  เสื้อสีดำของเขาคงจะช่วยอำพรางตัวพวกเขาได้บ้าง

เสียงรองเท้าหนัก ๆ หลายคู่วิ่งเข้ามาใกล้  คัตซึฮิโกะหลับตาลงและภาวนาอยู่ในใจ  ทั้งร่างสั่นระริก  รู้สึกเหมือนจะเป็นลมหมดสติไปเสียเดี๋ยวนั้น  หากอ้อมแขนแกร่งโอบกอดเขาไว้แนบอก  ใกล้จนได้ยินเสียงเต้นระรัวของหัวใจผ่านแผ่นอกที่ซุกอยู่

จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเหล่านั้นผ่านไป  คัตซึฮิโกะจึงได้ลืมตาขึ้น

“ไม่เป็นไร...อยู่ตรงนี้อีกสักพักก็ได้”  เสียงห้าวกระซิบขึ้นเบา ๆ ในความงียบ  “ออกไปตอนนี้แกวิ่งไม่ไหวหรอก”

คัตซึฮิโกะไม่ได้เถียงอะไร  เขาเพียงแต่หลับตาลงแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองวูบหลับไปชั่วขณะหนึ่ง  จนกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ

“ขำอะไรเหรอ?”  คัตซึฮิโกะกระซิบถามแผ่วเบา

“ขำตัวเองน่ะ  วิ่งหนีตำรวจมานักต่อนักแล้ว  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมาช่วยกันหนีแบบนี้”  เซย์ริวตอบ

“แล้วกับฮิโรกิ...ไม่เคย?”

“ไม่เคยหรอก  กับเจ้านั่นอย่างดีก็บอกให้มันหนีไปก่อน  แล้วฉันเป็นคนวิ่งล่อตำรวจเองคนเดียว  ขาสั้น ๆ แบบนั้นวิ่งตามฉันไม่ไหวหรอก”  น้ำเสียงนั้นดูเหมือนจะมีเสียงหัวเราะเจือมาด้วย  “นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนวิ่งตามหลัง  แถมยังวิ่งเร็วซะด้วย...แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ต้องวิ่งชนไอ้นั่นไอ้นี่อุตลุดวุ่นวายไปหมด  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาทำอะไรแบบนี้  ยังกับหนังฮ่องกง”

คัตซึฮิโกะหัวเราะคิก  แม้กระทั่งในเวลาอย่างนี้เซย์ริวก็ยังมีอารมณ์มาคิดเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย  ดูท่าจะคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เอาจริง ๆ

“หนังฮ่องกงนางเอกชอบตายตอนจบ  ผม...ไม่เป็นนางเอกให้หรอกนะ”  ชายหนุ่มพูดยิ้ม ๆ  “คุณหละ  ต้องเป็นนางเอก”

“เรื่องแน่ะ”  ร่างสูงตอบมาอย่างขำไม่แพ้กัน  ก่อนจะสูดหายใจลึก  “เอาหละ  ไปกันหรือยัง”

คัตซึฮิโกะพยักหน้าหนักแน่น

“ไป  จะนรกขุมไหนก็ไปกัน”

เซย์ริวเหยียดยิ้มแล้วชะโงกออกไปดูลู่ทาง  พวกตำรวจวิ่งเปิดเปิงไปอีกทางสักพักหนึ่งแล้ว  ตอนนี้ถือว่าปลอดภัยพอควร  เขารีบพาคัตซึฮิโกะกลับไปทางเดิมแล้ววิ่งเข้าซอยไปด้านอื่น

“เอาหละ...เราจะไปหาไอ้เซย์ริวได้ที่ไหน”  ร่างสูง ๆ ถามขึ้นทั้งยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก

“ไม่รู้สิ  หมอไม่ได้บอกนิ”  เจ้าตัวเล็กตอบง่าย ๆ  “ขับรถวนดูรอบเมืองแล้วกัน”

“เมือง N นี่ไม่ใช่เล็ก ๆ นะเฟ้ย  ฮิโรกิ”  สารถีจำเป็นยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างหงุดหงิด

“แล้วจะให้ทำไงล่ะ  หมอบอกแต่ว่าโรงแรม...แล้วมันโรงแรมไหนก็ไม่รู้”  ฮิโรกิตอบอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน  ตอนนี้เขาร้อนรนจนทนไม่ได้แล้ว  เมื่อคืนนี้เขาก็ไม่ทันคิดหน้าคิดหลังอะไร  รู้แค่ว่าเซย์ริวอยู่ที่เมืองนี้ก็รีบชวนเพื่อน ๆ ออกมาทันที

“เอาน่า...ใจเย็น ๆ หน่อย  ทั้งสองคนแหละ  เคียวจัง  ขับรถวนดูเถอะ  ไม่เจอจริง ๆ ค่อยไปแวะที่สถานีตำรวจ”  เร็นที่นั่งเงียบอยู่นานพูดขึ้นเป็นการตัดบท

“ไปทำไม  สถานีตำรวจ?”  เคียวกับฮิโรกิถามขึ้นเกือบจะพร้อม ๆ กัน

“ก็เผื่อว่ามันจะโดนจับไปแล้วไงล่ะ”  เจ้าตัวแสบตอบพร้อมกับยักไหล่

เคียวถอนใจยาว ๆ แล้วเหยียบคันเร่งพาให้รถเคลื่อนที่ต่อไป

ในเวลาใกล้ ๆ กัน  นัตสึก็มาถึงเมือง N  เขาโทรศัพท์ติดต่อตำรวจเพื่อขอทราบสถานที่ที่คัตซึฮิโกะอยู่  แต่เมื่อตำรวจบอกว่าทั้งคัตซึฮิโกะและเซย์ริวหนีออกจากโรงแรมไปแล้วและตำรวจกำลังไล่ตามอยู่  หัวใจก็กระตุกวูบ...คัตซึฮิโกะถูกตามล่า  จะเป็นอะไรหรือเปล่า  จะบาดเจ็บหรือเปล่า  และจะหนีไปถึงไหน

พี่ชายของเขา...พี่ชายคนดีของเขา  ทำไมจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น  คัตซึฮิโกะทำอะไรผิด  ทำไมจะต้องถูกตามล่า  ทำไมจะต้องกระเซอะกระเซิงหนีราวกับว่าเป็นฆาตกรเสียเอง  ทั้งหมดนี่เพราะมันใช่ไหม...เพราะมันลากเอาพี่ชายของเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเลว ๆ ที่มันก่อขึ้น

แม้จะรู้ว่าคัตซึฮิโกะไม่ได้ถูกพาตัวไปเพื่อเป็นตัวประกัน  เพราะร่องรอยการเก็บข้าวของบอกให้รู้ว่าคัตซึฮิโกะเป็นคนจัดการเอง  นัตสึรู้ว่าคัตซึฮิโกะเป็นคนตัดสินใจตามไอ้ฆาตกรนั่นมาเอง...ที่เขาไม่เข้าใจก็คือ...ทำไม...ทำไมคัตซึฮิโกะจะต้องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์แบบนี้ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง  คัตซึฮิโกะบอกว่าไม่ได้รักทั้งมันทั้งเขา  แล้วทำไมเลือกมัน ถ้าไม่ได้ถูกมันบังคับแล้วทำไมต้องไปกับมัน...ในหัวเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามคัตซึฮิโกะ  และจะต้องถามให้ได้ถ้าเจอตัว  แม้หลายวันมานี้เขาได้พยายามตัดความอาฆาตที่มีต่อไอ้เลวนั่นแล้ว  เขาพยายามจะไม่แค้นเคืองในเรื่องที่มันทำกับเขา  แต่การที่มันเอาตัวพี่ชายของเขาไปยุ่งกับเรื่องอันตรายถึงชีวิตแบบนี้  เขาให้อภัยไม่ได้

นัตสึสอบถามจนตามไปเจอพวกตำรวจ  สารวัตรไอดะมองเขาหัวจรดเท้าแล้วพูดแค่สั้น ๆ

“ไม่เหมือนซาโนะเลยนะ”

“เหมือนไม่เหมือนยังไง  เขาก็เป็นพี่ชายผม”  นัตสึตอบ...ใช่...พี่ชาย...พี่ชายที่จะไม่มีวันแปรเปลี่ยนเป็นอื่น

“โอเค  เจ้าหนู  แต่พี่ชายเธอหนีไปแล้วหละนะ”  ชายวัยกลางคนบอก  เขาเก็บความหงุดหงิดเอาไว้ลึก ๆ ในใจ  โดยแท้แล้วเขาคิดไว้ว่าถ้าสามารถล้อมจับเซย์ริวได้ก็จะรีบกันตัวไว้ที่สถานีตำรวจ  ทั้งเซย์ริวและคัตซึฮิโกะ  ไม่เปิดโอกาสให้คิตะโนะลงมือทำอะไรได้  แต่เมื่อเจ้าเด็กบ้าทั้งสองหนีไปแบบนี้...โอกาสที่คนของคิตะโนะจะเจอตัวก่อนพวกลูกน้องของเขามีสูง  และถ้าคิตะโนะได้ตัวสองคนนั้นไป...เขาก็หมดทางช่วย

“ช่วยทีเถอะครับ...ให้ผมไปด้วย  ผมต้องพบคัตจังให้ได้”  นัตสึอ้อนวอน

ไอดะจ้องมองแววตาเอาจริงเอาจังของเด็กหนุ่มแล้วก็ยิ้มนิด ๆ

“ถึงเธอจะไม่ขอร้อง  ฉันก็ต้องให้เธอไปด้วยอยู่แล้ว”  มือใหญ่ตบหนัก ๆ ลงที่ไหล่ของนัตสึ  “เกลี้ยกล่อมพี่ชายเธอให้ดี  ให้เขายอมมอบตัว อย่าต่อสู้ขัดขืน  ฉันจะคุ้มครองเขาเอง  จะไม่ให้ใครมาแตะต้องเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ”

“ผม...มีเรื่องจะขอร้องครับ”  แม้จะลังเลอยู่บ้างแต่นัตสึก็อดพูดออกไปไม่ได้

“อะไรเรอะ?”

“ไอ้หมอนั่น...ช่วยฆ่าไอ้ฆาตกรนั่นให้ทีได้มั้ยครับ”

สารวัตรไอดะมองประกายตาวาววาบของเด็กหนุ่มแล้วก็นึกในใจ  เรื่องที่อยากให้ฆ่านี่คงไม่ใช่แค่เรื่องของพี่ชายเท่านั้นหละมั้ง  เด็กนี่คงมีปัญหาอย่างอื่นกับเซย์ริวมาก่อนด้วย  ข้ออ้างเรื่องพี่ชายสามารถเป็นเหตุผลที่ดีที่สุดที่จะใช้เอาชีวิตเซย์ริวในตอนนี้

“หึ...ไม่ได้หรอก  ตำรวจน่ะจะวิสามัญ ฯ ผู้ต้องหาพร่ำเพื่อไม่ได้หรอกนะ  นอกเสียจากมีเหตุจวนตัวจริง ๆ”  ไอดะพูดยิ้ม ๆ

สีหน้าผิดหวังอย่างไม่ปิดบังของนัตสึทำให้ผู้สูงวัยกว่าอดเห็นใจไม่ได้  จริงอยู่ว่าเซย์ริวจะเป็นวายร้ายซึ่งคงทำเรื่องเลวร้ายแสนสาหัสให้กับเด็กคนนี้มาก่อน  แต่โดยหน้าที่แล้วเขาไม่มีสิทธิ์พิพากษาชีวิตใครทั้งสิ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  ถ้าพูดกันตามตรงแล้วความผิดในคราวนี้ของเซย์ริวเป็นการป้องกันตัวและป้องกันผู้อื่น  แม้จะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุก็ตาม  โทษของคดีนี้ไม่ได้ถึงชีวิต...เด็กคนนี้คงไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร  คงเข้าใจแค่ว่าเจ้าตัวร้ายนั่นพาพี่ชายของตนมาติดบ่วงความยุ่งยากนี้ด้วย

“เอาหละ  ไปกันเถอะ  ก่อนที่จะสายไป”
//////////

(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 27-07-2013 00:31:00
จะ happy ending มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 27-07-2013 01:33:02
โอยๆๆๆๆ ลุ้นกันจนแทบจะกลั้นหายใจอยู่แล้ว ขอให้สองคนนั้นหนีรอดไปด้วยเถิ้ดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 24 : 26/7/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 27-07-2013 06:32:43
ไล่ล่ากันอย่างกะในหนังจริงๆด้วย คัตจังกับเซย์ริวกลายเป็นดาราไปแล้ว :z1:
เป็นห่วงคัตจังจังเลย ไข้ขึ้นสูงขนาดนี้ ยังมีแรงวิ่งไหว รีบหาที่ปลอดภัยแล้วพักฟื้นตัวให้หายเร็วๆนะ
ส่วนเซย์ริวอย่าเพิ่งทำให้คัตจังไข้ขึ้นสูงอีกได้ป่ะล่ะ หื่นจริงๆ :haun4:
สาธุๆ ขอให้เจอพวกฮิโรกิก่อนที่คนอื่นจะมาเจอด้วยเถอะ เพี้ยง! :m5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 02-08-2013 20:58:39
สวัสดีวันศุกร์ต้นเดือนครับ
เกือบไม่ได้ลงนิยายวันนี้แน่ะ เมื่อกี้ฝนตกฟ้าคะนองผ่ากันเปรี้ยงปร้างเลย เพิ่งซานี่แหละครับ
ใกล้จบเรื่องแล้วนะเนี่ย อิอิ

KOUSOKU 25

คัตซึฮิโกะซวนเซสะดุดขาตัวเองหวิดจะล้มลงอีกหลายครั้ง  แต่ก็แข็งใจกัดฟันวิ่งตามคนที่กุมมือเขาไว้ไม่ยอมปล่อยไปข้างหน้า  ชายหนุ่มรู้สึกตื้อในอกเพราะหายใจไม่ทันและปวดหัวจนแทบระเบิดเราะพิษไข้  ในตอนนี้ดวงตาของเขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นอีกแล้ว  ทุกอย่างรอบตัวดูมืดมัวและพร่าพรายไปหมด  มีเพียงภาพของแผ่นหลังตรงหน้าเท่านั้นที่ชัดเจนเหลือเกินในความรู้สึก
ทันใดนั้น  คัตซึฮิโกะก็รับรู้ได้ถึงแสงจ้าบาดตาพร้อม ๆ กับที่ร่างสูงหยุดชะงัก

“อะ...อะไร...”  ชายหนุ่มเค้นเสียงถามอย่างยากเย็น  เขายังไม่สามารถเห็นรอบตัวได้ถนัดนัก

“เปล่า...มันแค่...”  เซย์ริวไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

อยู่ ๆ ซอกซอยที่มันควรจะมีต่อมันก็ขาดหายไปดื้อ ๆ  เขาพาคัตซึฮิโกะวิ่งออกมาถึงริมถนนใหญ่โดยรู้ตัว  พอหันซ้ายหันขวาดูลู่ทางที่พอจะไปต่อได้ก็พบว่าเขตเมืองมันสิ้นสุดไปเสียเฉย ๆ  เบื้องหน้าเป็นถนนใหญ่และข้ามถนนไปเป็นทุ่งกสิกรรมขนาดใหญ่  ทางซ้ายติดรั้วกั้นเขตของโรงงานอะไรสักอย่าง  ส่วนทางขวา...ลิบ ๆ นั่น...

“คาซึโกะ...ทะเล...”

“หา...?”

“เห็นทะเลแล้ว...แล้วก็...”  ร่างสูงเขม้นมองไปยังที่ที่ไกลออกไป  ท่ามกลางแสงยามเช้าที่สะท้อนผิวน้ำจนพร่างพราว  “ตรงนั้น...ท่าเรือ...”

เซย์ริวบีบมือคัตซึฮิโกะแรง ๆ  สถานที่ที่พวกเขาตามหากันมาหลายวันอยู่ที่นั่น  หากมีเวลาพอ...หากไปที่นั่นทัน...เรือลำไหนก็ได้ที่กำลังจะออกจากท่า...

“วิ่งไหวมั้ย  คาซึโกะ”  อาชญากรหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วง  ท่าทางของคัตซึฮิโกะดูเหมือนกับว่าหากเขาปล่อยมือก็จะทรุดลงไปตรงนี้และไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก

“ไหว...”  แม้เสียงกระซิบจะขาดห้วงด้วยกำลังเหนื่อยหอบ  แต่แววตานั้นเด็ดเดี่ยว

ร่างสูงยิ้มให้กับความเข้มแข็งที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนนั้น  บางที...ไม่สิ...ต้องเป็นคน ๆ นี้แหละ...คน ๆ เดียวในชีวิตที่เขาเฝ้าหามาตลอด  คน ๆเดียวที่เขาต้องการให้อยู่เคียงข้างไปชั่วกาล

เสียงฝีเท้าดังมาจากทางเบื้องหลังเกือบจะพร้อมกับเสียงหวอของรถตำรวจที่กำลังจะพ้นหัวมุมถนนมุ่งตรงมาทางนี้...ดีแล้วที่ไม่ใช่ทางท่าเรือ...เซย์ริวดึงมือคัตซึฮิโกะให้วิ่งไปตามถนนที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือทันที

ตำรวจคนหนึ่งมาถึงตัวพวกเขาช้าไปเพียงก้าวเดียว  เขาคว้าได้มือคัตซึฮิโกะ  แต่เจ้าของมือสะบัดมันออกเต็มแรงพร้อมกับง้างหมัดต่อยไปเท่าที่เรี่ยวแรงจะอำนวย  แม้จะเป็นน้ำหนักหมัดที่ไม่มากนัก  แต่ตำรวจคนนั้นก็ล้มลงด้วยไม่ทันตั้งตัว

“เป็นไรหรือเปล่า?”  เพื่อนตำรวจที่วิ่งตามมาถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร  โดนไม่แรง  แค่ไม่ทันคิดว่าจะต่อยมาเท่านั้น  ตามไปเร็ว”

เขาบอกพร้อมกับยกหลังมือขึ้นถูแก้มที่โดนหมัดเมื่อครู่  แล้วก็พบว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในมือเขา  ตำรวจหนุ่มแบมือออก...แหวน...แหวนเงินเกลี้ยงวงใหญ่ราวกับสนับมือ  โชคดีแล้วที่มันหลุดติดมือเขามาก่อนที่ฝ่ายนั้นจะต่อยมา  ไม่อย่างนั้นหน้าตาเขาคงได้เปิงไปบ้าง

ตำรวจหนุ่มเก็บแหวนวงนั้นลงกระเป๋าแล้วลุกขึ้นวิ่งตามพรรคพวกไป  แล้วก็ต้องหยุดกะทันหันเมื่อรถตำรวจคันหนึ่งแล่นมาทิ้งโค้งปาดหน้าเขา  กระจกหน้าต่างเปิดออกพร้อมกับหัวที่มีผมสีทองยุ่ง ๆ โผล่ออกมา...ไอ้หมอนั่นไม่ใช่ตำรวจแน่ ๆ...

“คัตจัง!!”  เสียงดังผ่านลำโพงที่ติดบนหลังคารถตำรวจก้องแข่งกับเสียงหวอ  “คัตจัง!  ฉันเองนะพี่  นัตสึเอง  ไม่ต้องหนีแล้ว  พี่!!”

หากคนถูกเรียกไม่ฟังเสียง  ไม่ใช่ไม่ได้ยิน...แต่คัตซึฮิโกะตัดสินใจแล้วที่จะไม่หันหลังกลับ  เขารู้ว่าถ้ากลับไปหาตำรวจเขาจะไม่เป็นไรก็จริง  แต่อะไรจะมารับประกันได้ว่าเซย์ริวจะปลอดภัยด้วย  ในเมื่อเซย์ริวไม่ปล่อยมือเขา  เขาก็จะไม่ปล่อยเหมือนกัน

“คัตจัง!  หยุดสิโว้ย!!  ไอ้พี่บ้า  ฟังเซ่  คุณตำรวจบอกแล้วว่าไม่เป็นไร  มอบตัวเถอะ  ขอร้องหละ”

ไอดะเหลือบมองเจ้าเด็กที่ตะเบ็งเสียงใส่ไมโครโฟน...ไอ้เด็กนี่ท่าจะกำลังสับสนจริง ๆ  ไอ้ที่ด่าไปคงไม่ได้คิดจะด่าพี่ตัวเองหรอก  แต่จะด่าอีกคนก็ไม่กล้า  ภาษาที่ใช้เลยฟังดูแปลก ๆ ชอบกล

“เคียวจัง!  ตรงนั้น!”  เร็นบอกพร้อมกับชี้ไปข้างหน้า

หลังจากขับรถวนรอบเมืองมาเกือบครบรอบ  พวกเขาก็เห็นรถตำรวจและตำรวจกลุ่มใหญ่กำลังวิ่งวุ่นวายไปบนถนนที่มุ่งหน้าไปสู่ทะเล

“ต้องกำลังไล่ตามสองคนนั้นแน่ ๆ  ตามไปเร็ว  เคียว”  ฮิโรกิบอกมาอีกคน

ไม่มีปัญหา  เคียวอัดบุหรี่เข้าปอดแล้วเหยียบคันเร่งมิด  ไอ้รถคันนี้น้ำมันจะหมดอยู่แล้ว  เหยียบมันเสียให้หมดไปเลย  ขากลับค่อยหารถคันใหม่อีกสักคันก็ได้

ทางไปสู่ท่าเรือไกลกว่าที่เห็น  เซย์ริวพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วที่สุด  แต่ก็ติดตรงที่คัตซึฮิโกะค่อย ๆ อ่อนแรงลงทุกที  หากร่างสูงก็รู้ว่าคนที่วิ่งตามมาข้างหลังได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว

รถตำรวจไล่จี้ตามหลังมาติด ๆ พร้อมกับเสียงตะโกนผ่านไมโครโฟนของเจ้าเด็กน่ารำคาญนั่น  เซย์ริวตัดสินใจออกนอกถนน  เขาวิ่งลงไปที่ชายหาดที่เต็มไปด้วยโขดหิน  มันอาจจะยากต่อการวิ่งแต่ตำรวจไม่สามารถนำรถลงมาแล่นตามเขาได้แน่ ๆ

แต่ตำรวจก็ฉลาดพอตัว  พวกเขานำรถวิ่งเลียบไปตามถนนตีคู่ไปเรื่อย ๆ  นัตสึร้อนใจจนแทบทนไม่ได้  เขาอยากจะลงไปอัดเซย์ริวให้หมอบแล้วเอาตัวคัตซึฮิโกะมาเต็มทน  แต่ติดตรงที่สารวัตรไอดะสั่งให้คนขับขับรถต่อไปเรื่อย ๆ  ท่าทางของคัตซึฮิโกะดูผิดปกติ  ในระหว่างที่วิ่งและป่ายปีนไปตามโขดหินก็ซวนเซจะล้มอยู่หลายครั้ง  เด็กหนุ่มเป็นห่วงผู้เป็นพี่ชายเหลือเกิน

“คัตจัง!  พอเถอะ  ขอร้องหละ  บอกมันทีว่าพอได้แล้ว  ตำรวจบอกแล้วว่าจะไม่ทำอะไร  มอบตัวเถอะ  ได้โปรด!”  นัตสึบอกผ่านไมโครโฟนด้วยเสียงอันสั่นเครือ

คัตซึฮิโกะไม่ใส่ใจต่อเสียงนั้น  เขายอมรับว่าหวั่นไหวมากทีเดียวที่รู้ว่านัตสึมากับตำรวจ  แต่เขาไม่ยอมกลับหลัง  จุดหมายเดียวของชีวิตในตอนนี้คือจุดหมายเดียวกันกับเซย์ริว  จะไม่พรากไปจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

“ฉิบหาย!!”

สิ้นคำอุทาน  เซย์ริวก็หยุดชะงัก

“เป็นอะไร...หยุดทำไม!  ไปต่อสิ  พวกนั้นกำลังตามมานะ!!”  คัตซึฮิโกะถามอย่างร้อนรนทั้งยังเหนื่อยหอบ

“ไปไม่ได้...”  เซย์ริวกระซิบเหือดแห้ง  “ทางขาด...”

แรงสะท้านน้อย ๆ ที่ส่งผ่านมาจากมือใหญ่ที่เกาะกุมมือเล็กกว่าไว้ทำให้คัตซึฮิโกะเงยหน้าขึ้นมอง...ทางขาด...พวกเขากำลังยืนอยู่ที่หน้าผาตัดชัน  ในทะเลตรงหน้า...ไม่ไกลเท่าไรนัก...คือท่าเรือ

แต่จากตรงที่พวกเขายืนอยู่นี้ไม่มีทางไป  นอกจากจะต้องกลับขึ้นถนนใหญ่ไปตามทางที่เลียบริมผาซึ่งตอนนี้มีพวกตำรวจรอยู่แล้ว  อีกทางหนึ่งก็คือต้องว่ายน้ำข้ามทะเลไป  แต่หน้าผาสูงชันตรงนี้...ระดับน้ำอยู่ต่ำลงไปอีกไม่ต่ำกว่า  20  เมตร  และเบื้องล่างนั่นเต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่  ถ้าตกลงไปโอกาสที่จะรอดชีวิตมีน้อยเหลือเกิน

คัตซึฮิโกะทรุดฮวบลงกับพื้น...ความพยายามของพวกเขาไร้ค่า

“ไม่...ต้องไม่ใช่แบบนี้...”

เหล่าตำรวจผู้ไล่ล่าทยอยลงมาจากรถมาสมทบกับกลุ่มที่วิ่งไล่ตามมาและกระจายกำลังปิดล้อมชายหนุ่มทั้งสองไว้  ปืนทั้งหมดถูกชักขึ้นมาเล็งไปยังผู้ต้องหาเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน

สารวัตรไอดะก้าวลงจากรถพร้อมกับนัตสึที่รีบเปิดประตูลงมาอีกด้านหนึ่ง  ตำรวจทั้งหมดตั้งท่าระวังรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา

“คัตจัง!”  นัตสึร้องเรียก

หัวใจของเด็กหนุ่มร้าวรานมาตลอดเวลาที่พยายามร้องเรียกผู้เป็นพี่ชาย  แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะเหลือบตามามอง  แม้เขาจะเข้าใจดีว่าพี่ชายของเขาเลือกมัน  หากเบื้องลึกของจิตใจยังคงหวังว่าสายสัมพันธ์ชั่วชีวิตที่พวกเขามีต่อกันจะสามารถฉุดรั้งให้พี่ชายหันกลับมาได้...แต่...ไม่มีผลอะไรเลย  แม้กระทั่งในตอนนี้  คัตซึฮิโกะก็ไม่ได้หันมามองแม้แต่น้อย  คัตซึฮิโกะตัดความสัมพันธ์ที่มีต่อเขาสะบั้นแล้วอย่างนั้นหรือ...เป็นความผิดหรือที่อยากจะให้คัตซึฮิโกะปลอดภัย  อยากให้มีความสุข...เขาเพียงแค่รักคัตซึฮิโกะเท่านั้นเอง

“มิเนคุระ  เซย์ริว  ยอมมอบตัวซะ  อย่าให้เรื่องมันใหญ่โตมากไปกว่านี้เลย”  สารวัตรไอดะพูดผ่านไมโครโฟน

ไม่มีคำตอบใด ๆ จากฝ่ายที่ยืนเหม่อมองทะเลนิ่งอยู่

“มิเนคุระ  เซย์ริว  ฉันขอพูดอีกครั้งนะ  ยอมมอบตัวซะ  ฉันรับประกันความปลอดภัยของพวกเธอทั้งสองคน  แม้จะถูกดำเนินคดี  แต่จะไม่มีใครแตะต้องพวกเธอได้เป็นอันขาด”  นายตำรวจซึ่งใหญ่ที่สุด ณ ที่นั้นพยายามเกลี้ยกล่อม

เคียวเบรกรถจนท้ายปัดเมื่อตามมาทันถึงที่ที่ตำรวจกำลังล้อมจับเซย์ริวและคัตซึฮิโกะ  เร็นกับฮิโรกิรีบเผ่นลงจากรถทันที  แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้เพราะตำรวจกันพื้นที่เอาไว้โดยเข้าใจว่าพวกเขาเป็นแค่กลุ่มวัยรุ่นที่ผ่านมาแล้วเข้ามามุงดูเหตุการณ์  ฮิโรกิร้อนรนหนัก  ใจหนึ่งก็อยากจะเรียกให้เซย์ริวหันมา  แต่อีกใจหนึ่งก็รู้ดีว่าถ้าทำแบบนั้นตำรวจจะรู้ว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเซย์ริวแล้วเรื่องมันจะไปกันใหญ่โต  เขาจึงได้แต่ยืนนิ่งอึ้งมองดูเหตุการณ์อยู่ตรงนั้น

เซย์ริวกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ  เขาพยายามมองหาลู่ทางที่จะหนีรอดไปจากที่นี่...เบื้องหน้าคือทะเล  ด้านหลังคือตำรวจกลุ่มใหญ่...เขาควรจะทำอย่างไรดี  เพื่อให้เขาและคัตซึฮิโกะปลอดภัย...ไม่สิ...แค่คัตซึฮิโกะคนเดียวก็ยังดี

แล้วอาชญากรหนุ่มก็แสยะยิ้มกับตัวเอง

“ใช่...มันต้องไม่ใช่แบบนี้...”

มือแกร่งคว้าต้นแขนของคนที่ทรุดนั่งอยู่กับพื้นกระชากให้ลุกขึ้นยืน  มืออีกข้างที่ว่างอยู่กระชากมีดพกออกจากกระเป๋ากางเกง  หมุนตัวกลับมาประจันหน้ากับตำรวจ  บิดล็อกคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขนแล้วจรดคมมีดเข้าที่ลำคอขาว

“ถ้าพวกมึงเข้ามา  กูเชือดคอไอ้นี่กระจุยแน่!!”  ร่างสูงตะโกนลั่น

ทุกคน  ณ  ที่นั้นตะลึงงัน  แม้กระทั่งคัตซึฮิโกะ!

“เซย์...มันทำบ้าอะไรของมันวะนั่น!?”  ฮิโรกิกระซิบเสียงสั่น

“มิเนคุระ...วางมีดลงซะ  อย่าทำอย่างนั้นนะ”  สารวัตรไอดะระล่ำระลักบอก  เขาไม่คิดมาก่อนว่าเซย์ริวจะใช้วิธีนี้

“กูเอาจริงนะโว้ย!  อย่าเสือกเข้ามานะโว้ย  กูเชือดจริง ๆ ด้วย!!”  เซย์ริวตะโกนบอกพร้อมกับกดคมมีดลงกับซอกคอของคัตซึฮิโกะ

“ซะ...เซย์...คุณทำอะไร...?”  คัตซึฮิโกะพยายามดึงแขนข้างที่ล็อกคอของเขาออก  สัมผัสแข็งเย็นของโลหะกดลงกับลำคอจนรู้สึกเจ็บแปลบ

“คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่พามันมาด้วย  ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่คิดอีก”  อาชญากรหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ...เป็นเสียงหัวเราะที่คัตซึฮิโกะไม่ได้ยินมานานเหลือเกินแล้ว  เสียงแบบเดียวกับเมื่อวันแรกที่พวกเขาพบกัน...

“มิเนคุระ  ฉันบอกให้เธอวางมีดลง  ซาโนะสำคัญกับเธอไม่ใช่เหรอ  อย่าทำร้ายเขานะ!”  ไอดะรู้สึกว่าตัวเองใจสั่นเมื่อเห็นว่าเลือดเริ่มไหลรินออกมาจากคอของคัตซึฮิโกะ...เขาเดาใจเจ้าวายร้ายนั่นไม่ออกเอาเสียเลย

“สำคัญเหรอ...ช่าย  สำคัญมาก!  ตัวประกันคนสำคัญไงล่ะ  กูพามาด้วยก็เพราะแบบนี้แหละ  เผื่อว่าพวกมึงตามกูมา  กูจะได้มีอาวุธสุดท้ายไง!”  เซย์ริวพูดแล้วก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“คัตจัง!!”  นัตสึทำท่าจะถลันเข้าไป  แต่แล้วก็ต้องชะงัก  เมื่อเซย์ริวหันขวับมาที่เขาพร้อมกับกดใบมีดลึกเข้าไปที่ลำคอของคัตซึฮิโกะอีก

“ไอ้เด็กเปรต!  มาสิมึง  เข้ามา!  อยากให้พี่มึงคอขาดนักก็เข้ามา”  ร่างสูงก่นเสียงเหมือนคำราม  “เชือดพี่มึงเสร็จกูจะเชือดมึงเป็นคนที่สอง  เสือกนักใช่มั้ย  มึงน่ะ!  เสือกโทรแจ้งตำรวจใช่มั้ย!  ดี!  กูจะให้มึงดูพี่มึงตายก่อน  แล้วกูจะส่งมึงตามไป”

คำขู่นั้น  แม้แต่ฮิโรกิยังสะท้านเยือก  สีหน้าและแววตาของอาชญากรหนุ่มในตอนนี้น่าสะพรึงกลัวราวกับปีศาจ  นั่นไม่ใช่สีหน้าของความโกรธ...แต่เป็นสีหน้าของความคลุ้มคลั่ง  ฮิโรกิแทบจะเชื่อว่าเซย์ริวถูกไล่ต้อนจนมุมจนเป็นบ้าไปแล้ว  ถ้าไม่บังเอิญเห็นร่างสูงแนบริมฝีปากเข้าที่ข้างหูของตัวประกันเป็นระยะ

“เราจะต้องรอดไปจากที่นี่...”  เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นข้างหู

คัตซึฮิโกะเบิกตากว้าง  เมื่อกี้นี้เขาเย็นวาบตั้งแต่ปลายเท้าจรดเส้นผม  ทันทีที่คมมีดกดบาดลำคอของเขาจนได้เลือด  ภาพความโหดร้ายเมื่อวันวารก็หวนคืนมาในความทรงจำ...หวาดกลัวที่สุดในชีวิต  เสียงตวาดตะคอกที่คำรามลั่นน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าสภาพเหตุการณ์รอบด้านในตอนนี้...ชายหนุ่มสะท้านไปทั้งร่าง  จนเมื่อมือใหญ่ที่ขยุ้มคอเสื้อของเขาดึงล็อกเอาไว้คลายออกเล็กน้อย  และเสียงกระซิบนั้นดังขึ้น  คัตซึฮิโกะจึงได้เข้าใจ...มันเป็นละครฉากใหญ่ที่เซย์ริวจงใจแสดง

“ทำไมต้องทำอย่างนี้...”  ชายหนุ่มกระซิบแผ่วไม่แพ้กัน

“แกจะต้องไม่เข้ามาพัวพันกับคดีนี้  คนที่ลงมือฆ่าคือฉันคนเดียว  แกแค่อยู่ในเหตุการณ์นั้นโดยบังเอิญ”

“แต่แบบนั้น  คุณ...”  คัตซึฮิโกะอึกอัก

“มิเนคุระ!”  สารวัตรไอดะเรียกผ่านไมโครโฟนอีกครั้ง  “ปล่อยตัวประกันซะ  เธอต้องการอะไร  เราจะจัดให้”

“ไม่ต้องการโว้ย!  ไม่รู้จะเอาไปทำห่าอะไร!  พวกมึงแหละ  ไสหัวไปให้พ้น  เหลือไอ้เด็กเหี้ยนั่นไว้คนเดียวก็พอ  กูจะฆ่ามัน!!”  ร่างสูงตะโกนตอบพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่นัตสึ...เขาโกรธเหลือเกินที่นัตสึแจ้งเรื่องของคัตซึฮิโกะกับตำรวจ  ถ้าตำรวจไม่รู้เรื่องคัตซึฮิโกะ  สถานการณ์มันอาจจะดีกว่านี้

“ก็ได้!  เอาฉันไว้คนเดียวก็ได้  แต่ปล่อยคัตจังก่อน  เอาฉันไปเป็นตัวประกันแทนเถอะ!!”  นัตสึร้องบอก

“ไม่เอาโว้ย!  จะเอาเด็กอย่างมึงมาทำห่าอะไร  หน้าตาก็กวนส้นตีน  ปากก็หมา  เสือกก็เท่านั้น!  เอาไอ้เตี้ยนั่นมาเป็นตัวประกันยังดีกว่ามึง!!”  เซย์ริวว่าพลางพยักเพยิดไปทางฮิโรกิที่เขาเพิ่งหันไปเห็น...ถ้าแบบนี้  บางทีคัตซึฮิโกะอาจจะไปถึงมือหมอมาสะได้ง่ายขึ้น

คัตซึฮิโกะแอบถอนใจเฮือก...ทำไมเขาต้องมาเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอในตอนนี้ด้วยนะ  แถมยังเป็นคนเดียวที่พึ่งพาได้ในกรณีที่เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาเสียอีก

“มิเนคุระ  ใจเย็น ๆ นะ  ใจเย็น ๆ ไว้  อย่าทำอะไรซาโนะ  ถ้าตัวประกันตายเธอก็ไม่มีอะไรจะต่อรองแล้วนะ  ยิงจริง ๆ นะโว้ย”  ไอดะเริ่มข่มขู่

เซย์ริวนิ่งไปนิดหนึ่ง

“เขาว่าจะยิงแน่ะ”  คัตซึฮิโกะพูดเบา ๆ  ใบหน้าซีดเผือด

“เออ  ได้ยินแล้ว...มันไม่กล้ายิงหรอก”  เซย์ริวกระซิบตอบอย่างใจเย็น

“ปล่อยตัวประกันเถอะ  ฉันรับรองว่าเขาจะปลอดภัยที่สุด”  ท่านสารวัตรเริ่มกลับมาใช้วิธีปลอบอีกครั้ง  แม้จะไม่แน่ใจว่าอาการเกือบจะคลั่งของเซย์ริวในตอนนี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่ละคร  แต่ก็เผื่อเอาไว้ก่อน  เขาคิดว่าเซย์ริวน่าจะเป็นห่วงความปลอดภัยของคัตซึฮิโกะในเรื่องการคุกคามของคิตะโนะ  แม้ว่าเซย์ริวจะคลั่งจริง ๆ  แต่เรื่องนี้ก็น่าจะอยู่ในจิตใต้สำนึกบ้าง

“เซย์ริว...ไม่เอานะ  พวกเขาจะทำอะไรคุณก็ไม่รู้”  คัตซึฮิโกะจิกเล็บลงกับแขนของอาชญากรหนุ่ม  เขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น

แต่เซย์ริวกลับนิ่งคิด...ทำไมตำรวจคนนั้นถึงพูดถึงความปลอดภัยของคัตซึฮิโกะแทนที่จะเป็นเขา  โดยปกติแล้วการต่อรองเกลี้ยกล่อมเพื่อช่วยตัวประกันมักจะพยายามโน้มน้าวจิตใจคนร้ายให้เชื่อว่าถ้าปล่อยตัวประกันแล้วตัวเองจะยังปลอดภัย...เขาคุ้นเคยกับสารวัตรไอดะเป็นอย่างดีมาตั้งแต่สมัยที่ฝีมือยังไม่ถึงจนต้องเดินเข้าออกสถานีตำรวจเป็นว่าเล่น  เขารู้ว่าตำรวจรุ่นใหญ่คนนี้สามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ในระดับหนึ่งหลังจากที่โดนสอบสวนมาแล้วหลายครั้ง...ไอดะรู้ตื้นลึกหนาบางของคดีนี้แค่ไหน  เป็นพวกเขา...หรือเป็นพวกคิตะโนะ

“กูไม่เชื่อ!  พวกมึง...มึง...แล้วก็มึง”  ร่างสูงพยักหน้ากราดไปยังกลุ่มตำรวจ  “จะเอาตัวไอ้หมอนี่ไปให้ไอ้เสี่ยเหี้ย ๆ นั่น  กูรู้!”

เมื่อเซย์ริวผ่ากลางปล้องมาแบบนี้  ไอดะก็แน่ใจว่าเซย์ริวไม่ได้คลุ้มคลั่งจริง  แต่กำลังวางแผนเพื่อให้ตัวเองและคัตซึฮิโกะรอดพ้นจากมือคิตะโนะอยู่จริง ๆ

สารวัตรใหญ่ลดไมโครโฟนลง

“ห้ามยิงผู้ต้องหาไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น  จนกว่าฉันจะสั่ง”  เขาบอกกับลูกน้องที่รายล้อมอยู่

แต่โดยที่ไอดะไม่รู้  มีคนของคิตะโนะปลอมปนมาในกลุ่มลูกน้องของเขา

“ฉันจะไม่ส่งซาโนะให้ใครหรอกนะ  มิเนคุระ”  สารวัตรไอดะบอกกับเซย์ริว  “ปล่อยตัวเขา  ให้เขาเดินมาหาฉัน  ฉันจะดูแลเขาเอง”
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 02-08-2013 21:05:51
“ไม่!  มึงจะยิงกู  พอมันเดินไปถึงตัวมึงมึงก็จะสั่งยิงกู!!”  คราวนี้ชายหนุ่มวางแผนเพื่อความปลอดภัยของตัวเองบ้าง

“จะไม่มีใครยิงใครทั้งนั้นแหละ  มิเนคุระ  ฉันสั่งแล้วว่าไม่ให้ยิง  ขอแค่เธอยอมปล่อยตัวประกันเท่านั้น”

เซย์ริวนิ่งอย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  หากคนในอ้อมแขนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว

“ไม่เอานะ  เซย์ริว...ถ้าไม่ใช่หมอมาซาฮิเดะผมไม่ไปหรอกนะ”  คัตซึฮิโกะบอกเสียงสั่น

“สารวัตรนั่นรู้จักกับหมอ  หรือถ้ามันตุกติก...เห็นฮิโรกิใช่มั้ย...”

“เห็น...”

“วิ่งไปหาฮิโรกิ  เคียวกับเร็นมีรถรออยู่แล้ว  พวกมันจะช่วยแกได้”

“แล้วคุณล่ะ...คุณจะทำยังไง?”

“บางที...คุกมันคงแหกไม่ยากเท่าแหกวงล้อมปืนหรอก”  ร่างสูงว่าพลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  “ไม่ต้องห่วง  ฉันไม่เคยผิดคำพูดของตัวเอง  ไม่ว่าแกจะไปอยู่ที่ไหน  ฉันจะตามไปทำลายแกให้ได้”

คัตซึฮิโกะตื้อขึ้นมาในอก  ขอบตาร้อนผ่าว  และในที่สุดก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาได้  เขากลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอ...ทั้งที่ตัดสินใจแล้วว่าจะติดตามคน ๆ นี้ไปทุกหนทุกแห่ง  แต่ตอนนี้เขาต้องเลือก  เพื่อความอยู่รอดของเขาทั้งสองคน...ชายหนุ่มหลับตาแน่นเพื่อตัดสินใจให้เด็ดขาด  ก่อนที่จะจูบเบา ๆ ที่สร้อยเงินที่คล้องอยู่กับข้อมือของเซย์ริว

“ตกลง...ผมจะรอ  ไม่ว่านานแค่ไหน...จนกว่าคุณตามมาทำลายผมให้ได้”

อาชญากรหนุ่มยิ้มน้อย ๆ  เขาจูบลงที่ข้างขมับของคนในอ้อมแขน...อ่อนโยน...นุ่มนวล...เต็มไปด้วยแววอาวรณ์  ผมนิ่มชื้นกรุ่นกลิ่นเหงื่อจาง ๆ ทำให้คิดไปถึงวันนั้น...กลางฤดูร้อนที่ใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาใช้ร่างทั้งร่างกำบังเขาไว้...อ้อมกอดกระชับแน่นเข้าก่อนจะค่อย ๆ คลายออก

“มึง!”  เซย์ริวหันไปพูดกับสารวัตรไอดะ  “มึงเดินเข้ามานี่  มาใกล้ ๆ  แล้วกูจะปล่อยไอ้นี่ไป”

“ได้”  ไอดะรับคำง่าย ๆ

“สารวัตรครับ  มันไม่เหมาะนะครับ”  นายตำรวจลูกน้องรีบห้ามไว้

“ไม่เป็นไร  มันไม่ทำอะไรหรอก”  ไอดะกระชับเสื้อแจ็กเก็ตก่อนจะออกคำสั่งซ้ำ  “ห้ามใครยิงทั้งสิ้น  จนกว่าฉันจะสั่ง!”

แล้วสารวัตรไอดะก็ก้าวออกไปยังแนวหน้าที่พวกลูกน้องลดปืนลงแต่ยังกระจายกำลังตั้งแถวรอคำสั่งกันอยู่  ในขณะที่เซย์ริวก็ค่อย ๆ ปล่อยมือจากคัตซึฮิโกะช้า ๆ

“ไปหาหมอมาสะ...แล้วฉันจะตามไป”  เสียงกระซิบสั่งสุดท้ายหนักแน่น

คัตซึฮิโกะพยักหน้ารับน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ ก้าวออกจากวงแขนนั้น...มั่นคง...และไม่ยอมเหลียวกลับไปมอง

ณ  วินาทีนั้น  ไม่มีใครกล้าไหวตัว...ไม่กล้าแม้จะหายใจ

นอกจากคนหนึ่ง!

มันขึ้นนกปืนในมืออย่างเงียบกริบ  เล็งปืนจ้องไปยังร่างสูงที่ตอนนี้ยังคงยืนนิ่งอยู่ริมผา  มันรอให้คนที่เจ้านายมันต้องการตัวเดินพ้นแนววิถีปืน  ส่วนไอ้ฆาตกรนั่น...ยิงมันให้ตาย  เรื่องของเจ้านายมันจะต้องเป็นความลับปิดเงียบไปตลอดกาล  ส่วนไอ้คนผมดำนั่น...มันจะไม่มีปากไปบอกเล่าเรื่องอะไรให้ใครรู้อีก  มันจะถูกขังไว้ในกรงของเจ้านาย  ถูกจองจำและทรมานอยู่ที่นั่นไปจนตาย

คัตซึฮิโกะเดินห่างออกมาจากเซย์ริวไม่เท่าไรนัก  แม้พยายามจะก้าวให้มั่นคงที่สุด  แต่ก็รู้ดีแก่ใจว่าตอนนี้ในหัวใจของตัวเองหวั่นไหวมากเพียงใด...ไม่มีความเชื่อมั่นใดหลงเหลือให้ยึดเหนี่ยวอีก  มีเพียงเสียงกระซิบที่ยังดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น  ที่ทำให้เขารู้สึกมั่นใจ

ชายหนุ่มจับจ้องไปที่ร่างสูงใหญ่ที่ยืนรอรับเขา...จะทำยังไงถ้าคน ๆ นี้เชื่อใจไม่ได้  แม้เซย์ริวจะบอกว่าตำรวจคนนี้รู้จักกับมาซาฮิเดะ  แต่เขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่าตอนนี้คน ๆ นี้ไม่ได้ทำงานให้ไอ้เสี่ยบ้ากามนั่น...คัตซึฮิโกะกวาดตามองไปที่อื่นอย่างช้า ๆ ...นัตสึช่วยอะไรเขาไม่ได้  แม้จะรักเขามากเพียงใด  แต่ก็พาเขาหนีไม่ได้  ให้ความคุ้มครองไม่ได้  เหลือแค่คนที่เขาชังน้ำหน้าที่สุดในที่นี้เท่านั้นที่เป็นที่พึ่งเดียวที่มีอยู่...ฮิโรกิ  คนเดียวที่จะพาเขาไปถึงมือหมอมาซาฮิเดะได้  คนเดียวที่เซย์ริวเชื่อใจ...และในตอนนี้  เขาก็ต้องเชื่อใจ

ฮิโรกิเองก็จ้องมองมาที่คัตซึฮิโกะเช่นกัน  เขารู้ดีว่าตอนนี้จะต้องทำอะไร  ไม่ใช่เวลาที่จะมาเป็นห่วงเซย์ริว...คนที่ต้องห่วงคือคัตซึฮิโกะ  ถ้าไอ้สารวัตรนั่นเล่นไม่ซื่อ  หน้าที่ของเขาคือชิงตัวคัตซึฮิโกะแล้วรีบพาไปหาหมอมาสะให้เร็วที่สุด

คัตซึฮิโกะถอนใจยาวแล้วบอกกับตัวเอง...ถ้ามีอะไรผิดพลาด  ต้องสลัดให้หลุดแล้วไปหาฮิโรกิ...

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนในหมู่ตำรวจกำลังเล็งปืนมาทางนี้...ไม่ใช่...มันเล็งไปที่เซย์ริว  ในขณะที่ตำรวจคนอื่นลดปืนลงแล้ว...มันคิดจะยิง!!

“ไม่นะ!!”

คัตซึฮิโกะกลับตัวอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งกลับไปหาเซย์ริวพร้อม ๆ กับที่มันคนนั้นเหนี่ยวไก

เสียงปืนแผดลั่นท่ามกลางความเงียบ  บรรดาตำรวจที่ตั้งแถวล้อมอยู่ก้มตัวลงหมอบกับพื้นรวมทั้งสารวัตรไอดะ  ผู้ลั่นไกถลันลุกขึ้นยืนแล้วยิงซ้ำอีกสองนัด  ก่อนที่จะถูกใครบางคนโผนเข้าใส่ล้มกลิ้งลงกับพื้น  ปืนกระเด็นหลุดไปจากมือ

หลังเสียงปืนก็เกิดความโกลาหลขึ้น


“ใครยิง!!  ใครสั่งให้ยิง!!?”  ไอดะตะโกนลั่น  แต่ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้

“สัตว์เอ๊ย!”  คนที่คร่อมร่างมันอยู่สบถลั่นแล้วต่อยเข้าที่กระโดงคางเสียงดังสนั่น  “มึงยิงเพื่อนกู!”

“ฮิโรกิ!  พอแล้ว  ไปดูเซย์ริวเร็ว!”  เคียวเข้ามากระชากเจ้าตัวเล็กออก

“คัตจัง!  คัตจัง!!”  นัตสึถลาออกจากข้างรถตำรวจที่ซุกอยู่วิ่งออกไปหาคัตซึฮิโกะ  แต่ก็ถูกสารวัตรไอดะคว้าตัวไว้

“อย่าเพิ่งออกไป!”  ไอดะตะโกนห้าม  “ใครยิง!  จับคนยิงเดี๋ยวนี้!!”

ไม่ต้องสั่งก็ได้ตัวคนยิงแน่นอนอยู่แล้ว  หมัดเด็ดเมื่อกี้ของฮิโรกิซัดเข้าจุดพอดี ๆ เล่นเอาฝ่ายนั้นที่แม้จะสูงใหญ่กว่าน็อกแน่นิ่งไป

“คัตซึฮิโกะจัง!  เซย์ริว!!”  ฮิโรกิร้องเรียก  แล้วก็ตะลึงงันเบิกตาโพลง

เซย์ริวทอดร่างนอนนิ่งอยู่กับพื้นโดยมีคัตซึฮิโกะนั่งประคองอยู่  เลือดสีแดงฉานไหลนอง...

ชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่เสียงปืนจะดัง  จังหวะที่คัตซึฮิโกะกลับหลังหันวิ่งเข้ามาหา  เซย์ริวก็ไหวตัวทัน  เขาพุ่งเข้าโอบกอดคัตซึฮิโกะแล้วเบี่ยงตัวสะบัดกลับบังคัตซึฮิโกะจากศูนย์ปืน  วินาทีถัดมาเขารู้สึกร้อนวาบที่แผ่นหลังและหน้าอก  ทั้งร่างสะท้านเยือกด้วยแรงอัดกระแทกบางอย่าง  ครั้งแรกเขาพยายามทรงตัวยืนอยู่  แต่แล้วก็รู้สึกราวกับสองขาสิ้นเรี่ยวแรงลงกะทันหัน  เสียงหวีดร้องของคนในอ้อมแขนและเสียงเอะอะที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเหมือนดังมาจากที่ไกลแสนไกล  สุดท้ายอาชญากรหนุ่มก็ล้มทั้งยืน

ในอนุสติอันรางเลือน  เซย์ริวได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขาแว่วมาแต่ไกล  การรับรู้ในช่วงเวลานั้นสับสนปนเปกันไปหมด

...เสียงใครบางคนร้องเรียกชื่อของเขา...ในความรู้สึกหนาวสะท้าน...

...เสียงใครบางคนร้องตะโกนอะไรบางอย่างดังใกล้เข้ามา...สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงที่แผดเผาผิวกาย...

...ใครบางคนยืนอยู่ตรงหน้าเขาท่ามกลางสายฝนอันเย็นยะเยือกในต้นฤดูหนาว...

...ความรู้สึกแสบร้อนที่แผ่นหลังผ่านเข้ามาพร้อมกับไอเกลือของทะเล...

...ที่หลังหัวเสียวแปลบ...ใครบางคนใช้ของแข็งกระหน่ำเขาไม่ยั้ง...

...กลิ่นควันไฟและเปลวเพลิงที่ลุกโหมแว่วมาพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของเด็กน้อย...

“...ริว...”

ภาพทั้งหลายพร่าเลือนและวูบไหวผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว...เกิดอะไรขึ้นกันแน่...

“เซย์...”

...ใครเรียกกันนะ...

“เซย์ริว!”

...เสียงเรียกร้อนรนดังมาจากไหนกันนะ...

อาชญากรหนุ่มกระพริบตาน้อย ๆ ค่อย ๆ รับภาพได้ชัดเจนมากขึ้น

“เซย์ริว!!”

เรือนผมดำขลับล้อมสีหน้ากระวนกระวาย  แววตาแตกตื่น...เหมือนกันเลย...กับวันนั้น...ในฤดูร้อนนั้น  วันที่คน ๆ นี้วิ่งเข้ามาพร้อมกับตะโกนอะไรวุ่นวาย  แล้วก็ใช้ตัวทั้งตัวเข้ามาบังเขาไว้จากท่อแป๊บเหล็ก...สีหน้าเป็นห่วงเป็นใยแบบนี้...แบบเดียวกัน...คน ๆ นี้...คนเดียวกันใช่ไหม...คน ๆ นี้...ชื่อ...

“คาซึ...โกะ...”  เสียงกระซิบแหบเหือดแทบไม่ยอมลอดริมฝีปากออกมา

“เซย์ริว!  มองผมสิ  อย่าหลับนะ  มองผม!!”  แขนเรียวโอบช้อนประคองร่างสูงไว้แล้วเขย่าอย่างรุนแรง

น้ำตาไหลพรั่งพรูไม่ขาดสาย...ร้องไห้อีกแล้ว...ขี้แยเสียจริง...

...ร้องไห้ทำไมอีก...

ริมฝีปากขมุบขมิบ  หากไม่มีเสียงใดลอดออกมา

มือใหญ่พยายามยกขึ้นแตะข้างแก้มเพื่อเช็ดน้ำตาให้  แต่ทำไมสองแขนถึงได้หนักอึ้งราวกับถ่วงด้วยตะกั่ว  เซย์ริวกัดฟันรวบรวมเรี่ยวแรงยกแขนขึ้นจนได้  เขาแตะแก้มของคัตซึฮิโกะอย่างแผ่วเบา

...มือ...ทำไมเปื้อนเลือดแดงฉานขนาดนั้น...เลือดใคร...

คัตซึฮิโกะกุมมือใหญ่แนบกับแก้มของตัวเองโดยไม่สนใจว่าเลือดจะเปื้อน

“ผมอยู่นี่  เซย์ริว...ผมอยู่ตรงนี้”  ชายหนุ่มกระซิบเสียงสั่นด้วยแรงสะอื้น

...อย่าร้อง...อย่าร้องไห้อีกเลย...

...เจ็บ...ที่หลังกับอก...ร้อนไปหมดเลย...นี่มันเกิดอะไรขึ้น...

“คัตจัง!”

“เซย์ริว!”

“มิเนคุระ!!”

เสียงร้องเรียกชื่อคนทั้งสองเซ็งแซ่

“อย่าเข้านะ!!”  คัตซึฮิโกะตวาดลั่น  กระชับร่างในอ้อมประคองเข้าแนบอก  “ไม่ว่าใครก็อย่าเข้ามาทั้งนั้น!”

ทั้งนัตสึ  ฮิโรกิ  และไอดะต่างก็ชะงักอยู่กับที่  คัตซึฮิโกะกับเซย์ริวอยู่ห่างจากหน้าผาเพียงไม่ถึงเมตร

“ซาโนะ!  ใจเย็น ๆ  ฉันจะช่วยพวกเธอเอง!”  สารวัตรไอดะร้องบอก

“อย่าเข้ามา!!”  คัตซึฮิโกะไม่เชื่อใจใครอีกแล้วทั้งนั้น  เขากอดร่างที่อาบไปด้วยเลือดของเซย์ริวไว้แน่น

“มิเนคุระต้องไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้  ซาโนะ  เชื่อฉัน”

“ไม่!!  ถอยไปนะ  ถอยไป!”

“คัตซึฮิโกะจัง...ใจเย็น ๆ นะ  จำฉันได้มั้ย”  ฮิโรกิพยายามเกลี้ยกล่อมบ้าง  “เราต้องพาเซย์ไปหาหมอมาสะเดี๋ยวนี้  เข้าใจใช่มั้ย”
แน่นอน...ชายหนุ่มเข้าใจ  แต่เขายอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ได้

“คาซึโกะ...”  น้ำเสียงของอาชญากรหนุ่มเริ่มชัดเจนขึ้น

“เซย์...คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”  คัตซึฮิโกะระล่ำระลักถาม

“เกิดอะไร...ขึ้น”  เพียงแค่หายใจ  ทั้งอกและหลังก็ร้าวราน

“คุณถูกยิง”  ชายหนุ่มกระซิบแผ่ว

“ฉัน...ถูกยิง...?”  มิน่า...เจ็บที่หลังกับอก  เพราะแบบนี้เอง...  “แล้วแก...ปลอดภัย?”

คัตซึฮิโกะไม่ได้ตอบอะไรในทันที  หากแล้วเซย์ริวก็เห็น...เสื้อที่คัตซึฮิโกะสวมอยู่เปรอะไปด้วยเลือดแดงฉาน  และยังไหลรินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากบาดแผลที่ใต้กระดูกไหปลาร้า

“ทำไม...?”  ในเมื่อเอาตัวบังไว้แล้วทำไมคัตซึฮิโกะถึงยังถูกยิง

“ระยะแค่นี้...มันทะลุได้อยู่แล้ว”  ชายหนุ่มยิ้มแห้งแล้ง  เขารู้ตัวตั้งแต่เมื่อกี้แล้วว่าตัวเองมีกระสุนฝังใน  กระสุนนัดนั้นเป็นนัดที่ยิงถูกเซย์ริวและทะลุออกทางอกมาโดนเขาด้วย  ฤทธิ์ของกระสุนที่ลดลงมากแล้วจึงหยุดอยู่ในร่างของเขา

“แย่ฉิบ...”  เซย์ริวกระซิบเบา ๆ

“ใช่...แย่  แต่ไม่เป็นไร  ผมจะไม่ยอมให้ใครจับคุณได้”  คัตซึฮิโกะกระซิบแผ่วแต่หนักแน่น  อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นอีก  เคลียแก้มเข้ากับฝ่ามือที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคนในอ้อมแขน

ร่างสูงถอนใจเบา ๆ  อาการบาดเจ็บเหมือนจะรางเลือนไปทุกขณะ  แต่สติสัมปชัญญะยังคงชัดเจน...คน ๆ นี้ไม่ยอมปล่อยมือจากเขาจนนาทีสุดท้าย...ก็ดี  เขาก็จะไม่ปล่อยให้คน ๆ นี้หลุดมือไปเหมือนกัน

“คาซึโกะ...ไม่ว่าที่ไหน...แกบอกว่าจะไปกับฉัน...ใช่มั้ย...”

คัตซึฮิโกะจ้องตาคนถาม  เขารู้ว่าเซย์ริวหมายถึงอะไร  คำถามนี้มีความหมายเดียวเท่านั้น...และแน่นอน  คัตซึฮิโกะไม่ลังเลที่จะตอบ...เพราะแม้จะได้อยู่อย่างปลอดภัย  แต่ถ้าต้องกลับไปอยู่ตามลำพังคนเดียวในโลกเหมือนที่เคยเป็นมา  เขาไม่เอาอีกแล้ว

“ใช่”

“งั้น...ไป...”

“ฮื่อ...ไปด้วยกัน”

คัตซึฮิโกะประคับประคองเซย์ริวให้พยายามลุกยืน

“เซย์!  เซย์ริว  ไม่เป็นไรใช่มั้ย!?”  ฮิโรกิพยายามจะเข้ามาหา

“ถอยไปนะ!”  คัตซึฮิโกะตวาด

“คัตซึฮิโกะจัง  ใจเย็น ๆ ซี่  ฉัน...ฉันไม่ได้...”

“ไม่...ฮิโรกิ  อย่าเข้ามา  อะไรที่นายทำเอาไว้กับฉัน  ฉันไม่สนใจแล้ว  แต่ตอนนี้...ขอโทษนะ...”  คัตซึฮิโกะยิ้มบาง ๆ ให้  แล้วเหลือบสายตาไปมองนัตสึ

“นัตสึ...ได้เวลาโตแล้วนะ”

“คัตจัง”

“พี่ดีใจนะ  ที่มีนายเป็นน้อง  ดีใจที่นายรักพี่  แต่ถึงเวลาต้องจากกันแล้วหละ”

“คัตจัง!  พี่จะไปไหน?”

ไม่มีคำตอบใด ๆ จากคัตซึฮิโกะ  ชายหนุ่มประคองเซย์ริวขึ้นยืนโงนเงน

สารวัตรไอดะรู้สึกสังหรณ์ร้ายขึ้นมาในวินาทีนั้น

“ซาโนะ!  อย่านะ!!”  เขาพุ่งเข้าใส่ทันที

แต่ช้าเกินไป...คัตซึฮิโกะและเซย์ริวทิ้งตัวลงจากหน้าผาสู่ผืนน้ำเบื้องล่าง!!

//////////

หากโลกทั้งโลกหยุดหมุนลงได้ในวินาทีนั้น  เซย์ริวมีถ้อยคำมากมายที่อยากจะบอกให้คัตซึฮิโกะได้รู้  เขาอยากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนนั้นให้คัตซึฮิโกะฟัง  เขาอยากรู้ว่าคัตซึฮิโกะจะยังจดจำมันได้ไหม  อยากรู้ว่าคัตซึฮิโกะจำคน ๆ นั้นได้หรือเปล่า...คนที่โดนรุมกระทืบเจียนตายอยู่แล้วคัตซึฮิโกะเข้ามาช่วย  ทั้งที่รู้ว่าช่วยไม่ได้ก็ยังเอาตัวเข้ามาบังท่อเหล็กไว้จนบาดเจ็บไปด้วยกัน...คัตซึฮิโกะรู้หรือไม่ว่าคน ๆ นั้นคือเขา...คัตซึฮิโกะคงจำไม่ได้แล้ว  เพราะในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมา  คัตซึฮิโกะไม่เคยพูดถึงเรื่องในตอนนั้นเลย  และเขาเองก็ไม่ได้พูดออกมา  ว่านับตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว...ที่เขาปรารถนาจะได้คัตซึฮิโกะมาเป็นของเขา  ปรารถนาที่จะได้คน ๆ เดียวในโลกที่เห็นว่าเขามีค่าพอจะเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องเอาไว้มาเป็นสมบัติของเขาเพียงคนเดียว...
แต่ตอนนี้...ไม่มีเวลาอีกแล้ว...

เรื่องนี้คงถูกเก็บเงียบไว้กับหัวใจของตนเองไปชั่วกาล

...ก็ไม่เป็นไร...เรื่องบางเรื่องเก็บไว้เป็นความลับบ้างก็ดี...

พื้นน้ำสีน้ำเงินใกล้เข้ามาทุกทีจนมองเห็นยอดคลื่นกระทบกับโขดหินเป็นฟองขาว  อาชญากรหนุ่มใช้แรงเฮือกสุดท้ายกอดกระชับร่างเพรียวเอาไว้แนบอก

...ไม่ว่าที่ไหน...เราจะไปด้วยกัน...


(โปรดติดตามตอนต่อไปครับ)
ปล. จะบอกว่า...เหลืออีกแค่ตอนครึ่งหละ แหะๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: tippy ที่ 02-08-2013 23:03:50
 :mew6:  สงสารเซริวววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KaorPaor ที่ 03-08-2013 07:41:33
โอ๊ยเศร้ามาก ร้องไห้เลย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 03-08-2013 08:16:51
ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอให้ทั้งสองคนปลอดภัยด้วยเถิ้ดดดดดด ทีนี้จะได้อยู่ด้วยกันซักที

สารวัตรอย่าลืมจัดการตาแก่หื่นกามนั่นด้วยนะ เอาให้หนักๆไปเลย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 04-08-2013 20:10:31
น้ำตาไหลเลย  :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 06-08-2013 18:55:23
ร้องไห้ อยากจะจัดการไอ้แก่บ้าตัณหา กับน้องที่ไม่รู้จักคิดจริงๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 06-08-2013 20:23:09
แง้ๆๆๆๆๆๆ ไม่เอานะ ห้ามตายนะทั้งสองคน :o12:
จะบอกให้สวรรค์คุ้มครองคนดี แต่เซย์ริวมันก็เป็นคนไม่ดีอะ จะรอดไหมนะ :mew4:
ต้องรอดทั้งสองคนนะ แล้วตามไปเจี๋ยนไอ้เสี่ยบ้านั่นเลย เกลียดมันมากๆ :angry2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 25 : 2/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 06-08-2013 23:49:51
หนูหานไปสอบมิดเทอมมาา

โอ้ยยยย ทำไมมันเศร้ายังงี้
;_______;//

:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-08-2013 20:37:59
สวัสดีวันศุกร์ครับ
สวัสดีครั้งสุดท้ายกับ KOUSOKU

KOUSOKU 26

“ฮิโรกิ!  ด้านนั้นมันไปไม่ได้!!  กลับมานี่!”  เร็นตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งเข้าไปดึงแขนคนที่กำลังป่ายปีนไปตามโขดหิน

“แต่เซย์...เซย์...”  ฮิโรกิหันมาเถียงทั้งน้ำตานองหน้า

“ให้พวกตำรวจจัดการ  เราทำอะไรไม่ได้หรอก”  เจ้าตัวเล็กพยายามบอก

ฮิโรกิทิ้งตัวลงนั่งบนโขดหินแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างเต็มกลั้น  เร็นกับเคียวได้แต่กอดฮิโรกิเอาไว้อย่างนั้น  การสูญเสียเซย์ริวที่เป็นเหมือนพี่ชายไปต่อหน้าต่อตาทำให้ฮิโรกิสะเทือนใจจนเกินจะทนไหว

...แต่ก็ยังดีกว่าทางนั้น...

เร็นหันไปมองเด็กหนุ่มที่ฟุบกับพื้นสะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจ  เด็กคนนั้นฟูมฟายมากกว่าฮิโรกิหลายเท่า  เพราะในทันทีที่สองคนนั้นร่วงหล่นลงจากหน้าผา  เด็กคนนั้นก็ทรุดลงทั้งยืน

“ไม่...ไม่ใช่แบบนี้  ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้...คัตจัง...พี่...”  นัตสึคร่ำครวญไม่ขาดปาก  เขาแค่อยากให้พี่ชายของเขาไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะมันอีกแล้วเท่านั้น...แต่เขาไม่คิดว่า  คัตซึฮิโกะจะตัดสินใจไปกับมัน...

“นี่...เธอ...”  ตำรวจหนุ่มคนหนึ่งแตะไหล่ของนัตสึเบา ๆ  “ฉันมีของที่จะต้องมอบให้เธอ”

นัตสึเงยหน้าขึ้นมองตำรวจคนนั้นทั้งน้ำตา  สีหน้าของตำรวจหนุ่มเศร้ามากเมื่อยื่นของสิ่งหนึ่งให้  นัตสึรับมาแล้วแบมือออกดู
แหวน...แหวนของคัตซึฮิโกะที่เขาเป็นคนซื้อให้

เด็กหนุ่มกรีดเสียงร้องประหนึ่งจะให้ตนเองแตกดับไปตรงนั้น...แม้แต่แหวนของเขา  คัตซึฮิโกะก็ยังไม่เอาไปด้วย  ไม่มีสายใยใดเหลืออยู่เลย...

สารวัตรไอดะจุดบุหรี่อัดควันลึก  เขารีบเรียกหน่วยกู้ภัยและระดมพลทั้งหมดค้นหาคัตซึฮิโกะและเซย์ริวทันที  แต่ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววจะพบ  บริเวณใต้หน้าผาแห่งนั้นกระแสน้ำไหลเชี่ยวรุนแรงและมีโขดหินมากมายเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาอย่างยิ่ง  ตำรวจในท้องที่นี้บอกว่าใต้หน้าผาแห่งนี้กระแสน้ำมักจะดูดร่างของผู้ที่ตกลงไปสู่ใต้น้ำ  ส่วนมากแล้วจะหาร่างไม่พบ  แต่ในรายที่โชคดีหน่อยก็จะไปพบร่างที่ถูกกระแสน้ำใต้ทะเลซัดไปเกยฝั่งที่อยู่ห่างออกไป...ในสภาพแหลกยับเยินทั้งร่าง  ดังนั้นในกรณีของคัตซึฮิโกะและเซย์ริว  โอกาสที่จะพบทั้งสองในสภาพรอดชีวิตมีน้อยเหลือเกิน  แต่อย่างน้อยไอดะก็หวังจะได้ร่างไร้วิญญาณของทั้งสองกลับไป

ไอดะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขที่เพิ่งใช้ไปเมื่อคืนนี้

“โมชิ  โมชิ”

“มาซาฮิเดะ  ผมไอดะนะ  คือว่า...”

เสียงที่ปลายสายเงียบนิ่งไปนานเมื่อไอดะแจ้งข่าวร้ายให้ทราบ

“มาซาฮิเดะ...?”  ไอดะเรียกเบา ๆ  เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนที่สูญเสียผู้ที่เป็นเหมือนลูกชาย

“หึ...”  มีเสียงตอบกลับมาเบา ๆ ฟังดูเหมือนเสียงหัวเราะ  แต่ขณะเดียวกันก็เหมือนเสียงถอนสะอื้น  “สรุปว่าหนี้อีกสองล้านเป็นอันสูญ”

“มาซาฮิเดะ...”

“ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวผมจัดการธุระของผมเองได้  คุณก็จัดการธุระของคุณไปเถอะ  ถ้าไงก็หามันให้เจอทีเถอะ  เผื่อเครื่องในยังอยู่ดีผมจะได้เอาไปขายต่อ”  มาซาฮิเดะพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา

“อืม...โอเค  ผมจะพยายามนะ”  สารวัตรไอดะตัดบท  เขารู้ว่ามาซาฮิเดะฝึกตัวเองให้เข้มแข็งจนไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น...แต่ครั้งนี้คงยาก
//////////

ตะวันลับฟ้าแล้ว  นัตสึยังคงนั่งอยู่ที่ริมทะเลของเมือง N  ทอดสายตาเหม่อนิ่งไปยังท้องทะเลที่กำลังแปรสีสรรพ์ไปในทุกช่วงนาทีที่ดวงตะวันกำลังลับลง  สีทองเจิดจ้า...สีส้ม...สีแดง...และสีชมพู  สีเหล่านั้นค่อย ๆ ถูกความมืดกลืนหายไปอย่างช้า ๆ  สวยงาม...และแสนเศร้า...

ทะเลแห่งนี้เองที่พรากเอาพี่ชายของเขาไป...จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาร่วมสองเดือนแล้ว

เด็กหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้า  ดวงดาวค่อย ๆ ถูกแต่งแต้มบนแผ่นฟ้าสีดำทีละดวง...เหมือนทุกครั้งที่เขามาที่นี่  นัตสึได้แต่เฝ้าคิดถึงว่า...ตอนนี้คัตซึฮิโกะจะอยู่ที่ไหน  จะมีความสุขหรือเปล่า  และจะมีคนอยู่ด้วยหรือเปล่า...แต่ในส่วนลึกของจิตใจ  นัตสึเชื่อมั่นเหลือเกินว่า...ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม  คัตซึฮิโกะจะไม่ต้องเหงาอยู่ตามลำพัง...


ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน  ในเมืองใหญ่ที่แสงของดวงดาวไม่อาจส่องระยิบแข่งกับแสงไฟในเมืองได้  ดวงจันทร์สีซีดยังคงสาดแสงลงมาที่เมืองนี้เช่นเคย

ชายวัยกลางคนที่ผมเริ่มเป็นสีดอกเลาเดินช้า ๆ ไปในทางเดินในตึกระหว่างผนังสีขาวที่มีห้องหับมากมายของโรงพยาบาลพร้อมกับบุรุษพยาบาลที่เข็นรถใส่อุปกรณ์การแพทย์  ค่ำคืนนี้เงียบสงัดจนในชั้นพิเศษของโรงพยาบาลนี้ดูวังเวง  แต่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งยังมีชายฉกรรจ์สองคนนั่งเฝ้าอยู่

“ผมมาเช็คอาการของคนไข้”  ชายในชุดกาวน์บอกกับคนเฝ้าหน้าห้อง

ทั้งสองทำหน้าเอะใจอยู่ชั่วแวบก่อนที่จะถูกฉีดสเปรย์ยาสลบใส่หน้า  แค่ไม่กี่วินาทีชายฉกรรจ์ทั้งสองก็หลับสนิท

คนอ้างตัวเป็นหมอและบุรุษพยาบาลเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูก่อนที่จะกดล็อกอย่างแผ่วเบา  บนเตียงที่ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่างห้อง  ร่าง ๆ หนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่

ชายในชุดขาวก้าวช้า ๆ เข้าไปประชิดขอบเตียงแล้วหันไปค้นหายาหลอดเล็ก ๆ หลอดหนึ่งและเข็มฉีดยาจากรถใส่อุปกรณ์  เขาดูดยาใส่หลอดฉีดยาแล้วจัดการฉีดมันต่อเข้าไปในสายน้ำเกลือ  ทอดสายตามองคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเย็นชา

“ได้เวลาแล้วมั้งครับ  หมอ”  บุรุษพยาบาลเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังจากจับตาดูนาฬิกาข้อมืออยู่ชั่วครู่เพื่อกะเวลาให้ยาออกฤทธิ์

“ดี...รีบ ๆ จัดการ  จะได้รีบ ๆ กลับ”

ขาดคำ  เขาก็ทิ้งศอกกระแทกลงที่ลิ้นปี่ของร่างที่นอนอยู่บนเตียงเต็มแรง

“อ๊อก!!?”  คนเคราะห์ร้ายคนนั้นสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมความจุกเสียดจนหายใจไม่ออก  เขาเกร็งตัวและพยายามจะเอื้อนเอ่ย  แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา  ได้แต่ลืมตาโพลงมองผู้มาเยือนด้วยความตกใจ

“ไง...”  ชายวัยกลางคนเจ้าของวิธีปลุกสุดโหดเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเรื่อยเปื่อยตามนิสัย  “ยินดีที่ได้รู้จัก  คุณคิตะโนะ  ผมซาคุมะ  มาซาฮิเดะ”

คิตะโนะไม่สนใจการแนะนำตัวนั้น  เขาพยายามจะร้องเรียกคนข้างนอกแต่ก็จุกเสียจนออกเสียงแทบไม่ไหว  เมื่อพยายามจะดิ้นก็พบว่าเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย

“ไม่ต้องตกใจไป  ผมเพิ่งให้ยาคุณเมื่อกี้นี้เอง  ยามันอาจจะแรงนิดหน่อยแต่ก็แค่ทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราวเท่านั้น  ไม่อันตรายอะไรหรอก”  มาซาฮิเดะพูดเรื่อย ๆ แต่สายตาเป็นประกายน่ากลัว

“คุณอาจจะสงสัยว่าผมเป็นใคร  แน่นอนว่าคุณต้องไม่รู้จักผมแน่ ๆ  แต่เอาเป็นว่าผมรู้จักคุณก็แล้วกัน  คุณไม่มีความแค้นกับผม  แต่ผมมีความแค้นกับคุณ  พูดอย่างนี้น่าจะพอเข้าใจได้ใช่มั้ย?  คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าทำไมคุณถึงต้องอยู่ในโรงพยาบาลนี่ต่ออีกตั้งเกือบสองเดือน  ทั้ง ๆ ที่หมอบอกว่าคุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งนานแล้ว  ทำไมคุณถึงเกิดอาการแพ้ยาซ้ำซ้อนขึ้นมาทั้งที่เกือบจะหายดีแล้ว...นั่นน่ะ  ฝีมือผมเอง”  หมอมาสะพูดพลางก็หันไปหาอุปกรณ์ในรถเข็น  “ผมก็แค่ปลอมใบสั่งยาแล้วจ่ายยาที่คุณแพ้ให้  บางทีก็ปลอมปนยาที่ถ้ากินเกินขนาดจะเป็นพิษกับร่างกายให้กับคุณ  เรื่องพวกนี้ไม่ยาก  แค่แฝงตัวเข้ามาในนี้โดยไม่มีใครรู้  เพราะยังไงผมก็เคยทำงานที่นี่มาก่อน  แต่เรื่องที่ทำให้ผมโดนไล่ออกนั่นมันก็นานมากแล้ว  ถ้าไม่ใช่คนเก่าคนแก่จริงก็จำผมไม่ได้หรอก  และถึงจะมีคนที่จำผมได้มาเจอเข้า  ผมก็รู้ทางหนีทีไล่ดีพอที่จะหลบออกไปได้ไม่ยาก  อืม...แต่ก็ดีนะ  อย่างน้อยคุณก็ผอมลงเยอะแล้วนี่นา”

คิตะโนะตาเหลือก  เขาไม่เข้าใจสิ่งที่มาซาฮิเดะพูดแม้แต่น้อย  ในเมื่อเขาไม่เคยไปทำอะไรให้แล้วทำไมมาซาฮิเดะถึงพูดว่ามีความแค้นกับเขา

ความทรมานในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาไม่ธรรมดาเลย  เขาอาเจียนไม่หยุดอยู่หลายวัน  บางครั้งก็ความดันต่ำจนแทบเอาชีวิตไม่รอด  ทั้งชาตามมือและเท้า  ปวดกระดูก  และกินอะไรไม่ได้  หมอเจ้าของไข้วิ่งกันให้วุ่นเพื่อหาสาเหตุว่าเพราะอะไรเขาถึงเป็นแบบนั้น...ทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นเพราะฝีมือของผู้ชายคนนี้

เสี่ยใหญ่ส่งเสียงอึกอักในคอ  อาการอัมพาตกินมาจนถึงลิ้น

“หือ...อะไรนะ  คุณอยากจะถามว่าผมทำไปทำไมเหรอ?”  มาซาฮิเดะถามพร้อมกับตรวจคมมีดผ่าตัดในมือ  “การทำให้คุณผอมลงก็เพื่อผมจะได้สะดวกในการผ่าตัดคุณไง  ถ้ายังอ้วนเหมือนเมื่อก่อน  การเลาะชั้นไขมันเพื่อจะผ่าลงไปถึงอวัยวะภายในมันทำให้เสียเวลามาก  ผอม ๆ แบบนี้แหละดี  รับรองว่าใช้เวลาไม่นานหรอก  ไอ้ยาที่ผมให้ไปอาจจะมีพิษตกค้างอยู่ในอวัยวะภายในบ้าง  แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก  พอมันไปอยู่ในร่างกายของเจ้าของคนใหม่แล้วมันจะถูกขับออกไปเองตามธรรมชาติ  ไม่มีผลกระทบอะไรมากมายนัก  แต่สำหรับเรื่องราคาแล้ว...อาจจะขายไม่ได้ราคาดีเท่าไรนัก  คุณใช้ชีวิตแย่เหลือเกิน  สภาพสินค้าในตัวคุณคงไม่สดใหม่นัก”

คิตะโนะกรีดเสียงร้อง  แต่เสียงแหบแห้งนั้นพ้นลำคอออกมาไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ  มันคนนี้จะเอาอวัยวะภายในของเขาไปขายอย่างนั้นหรือ!?

“เอ้า  โทชิ  ช่วยพลิกตัวคุณคิตะโนะให้นอนคว่ำหน่อยซิ  ฉันจะตัดไตข้างซ้าย”  มาซาฮิเดะเรียบ ๆ กับบุรุษพยาบาลคู่ใจ

คิตะโนะเกร็งไปทั้งตัว  แต่ก็ไม่สามารถดิ้นรนและช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่น้อย

“เกร็งแบบนี้  ตอนที่ผ่าเสร็จแล้วจะเจ็บแผลมากนะครับ”  หมอเถื่อนบอกพลางจรดปลายมีดลงกับผิวหนังที่แผ่นหลังของเสี่ยใหญ่  “เออ  จริงสิ  ก่อนที่จะชำแหละ  ผมควรจะบอกว่าผมมีความแค้นอะไรกับคุณสักหน่อยใช่มั้ย  คุณจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ลงมือผิดคน”

แต่ปลายมีดก็กดลึกกล้ามเนื้อลงไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีมืออย่างผู้เชี่ยวชาญ

“จำคดีที่ผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายกับตัวประกันตกหน้าผาที่เมือง N เมื่อสองเดือนก่อนได้มั้ย  ผู้ต้องหาคนเดียวกับที่แทงคุณจนต้องเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ...จนป่านนี้ยังไม่มีใครพบศพของสองคนนั่นเลย  คนที่แทงคุณ  ชื่อมิเนคุระ  เซย์ริว  ส่วนอีกคนคือซาโนะ  คัตซึฮิโกะ...คนที่คุณอยากได้ไปสนองตัณหาจนตัวสั่นนั่นแหละ”  ระหว่างที่พูดไปเรื่อย ๆ มาซาฮิเดะก็กรีดเปิดแผลและล็อกให้มันกว้างด้วยตัวล็อก

แม้จะรู้สึกเหมือนเป็นอัมพาต  แต่เจ้าเสี่ยใหญ่เย็นวาบไปถึงปลายเท้า...หมอคนนี้รู้จักกับสองคนนั่น!!

“เซย์ริวตายไปแบบนั้นก็ไม่แปลกอะไร  เพราะคนที่ใช้ชีวิตแบบมันจะต้องเตรียมใจไว้แล้วว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีอันเป็นไป  ไม่ใช่ด้วยมือคนอื่นก็ด้วยมือตัวเอง  ในมุมมองของคนทั่วไป  ก็สมควรแล้วที่มันจะตายแบบนั้น  แต่...สำหรับซาโนะคุง  เขาทำผิดอะไรเหรอ  ถึงได้ต้องเป็นแบบนั้น  หือ...คุณคิตะโนะ  เพราะหน้าตาของเขาถูกใจคุณ  คุณจึงต้องการเขา  และเขาก็ต้องป้องกันตัวจากการกระทำวิปริตของคุณ  ต้องหนีให้พ้นจากเงื้อมมืออุบาทว์ของคุณ  เขามีความผิดอะไรที่สมควรจะต้องตายไปแบบนั้นหรือ  คุณคิตะโนะ  ความบ้ากามของคุณไล่ต้อนเขาไปจนถึงความตาย...นั่นแหละที่ผมโกรธที่สุด  คุณคิตะโนะ”  มาซาฮิเดะตัดเอาไตข้างซ้ายของคิตะโนะออกและนำไปแช่ในกล่องทำความเย็นอย่างรวดเร็ว

คิตะโนะแทบคลั่ง  แม้จะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงความสูญเสีย  บางอย่างในตัวเขาถูกหมอคนนี้ล้วงเอาออกไป  และบัดนี้ตรงที่มันเคยอยู่ก็กลวงโบ๋

บุรุษพยาบาลเย็บแผลนั้นอย่างรวดเร็วในขณะที่มาซาฮิเดะคลำไปตามลำตัวของคิตะโนะเพื่อหาตำแหน่งของอวัยวะต่อไป

“แล้วก็นะ...ถึงเซย์ริวมันจะมีพฤติกรรมที่สมควรตาย”  มาซาฮิเดะกรีดมีดลงในตำแหน่งของม้าม  “แต่ไม่มีพ่อคนไหนที่อยากให้ลูกของตัวเองตายก่อนวัยอันควรหรอก  จริงมั้ย  แต่ผมจะไม่ให้คุณตายหรอก  คุณจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทรมานแสนสาหัส  เพื่อชดใช้ให้กับสองชีวิตที่คุณพรากไปจากผม  คุณคิตะโนะ”

นั่นเป็นพูดคำสุดท้ายที่คิตะโนะได้ยิน  และภาพสุดท้ายที่เห็นก่อนที่สติจะดับวูบไปด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิตคือแววตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น  ราวกับดวงตาของมัจจุราชที่เปล่งประกายอยู่ในความมืด


หลังจากค่ำคืนที่เหมือนฝันร้ายนั้นผ่านพ้นไป  คิตะโนะหายหน้าไปจากวงการธุรกิจ  มีข่าวลือว่าป่วยเป็นโรคร้ายที่รักษาไม่หาย  บ้างก็บอกว่าเขาเสียสติไป  แต่มีคนที่คุ้นเคยกับคิตะโนะจำนวนไม่กี่คนที่รู้ว่า  คิตะโนะในตอนนี้เหมือนร่างตายซากที่มีชีวิตอยู่เพื่อรอความตายไปวัน ๆ  และมีเพียงคิตะโนะเท่านั้นที่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง...ไตหายไปข้างหนึ่ง  ม้ามถูกตัดออกไป  ปอดก็เสียไปข้างหนึ่ง  แม้กระทั่งไขสันหลังก็ยังถูกดูดออกไป...ที่เขายังมีชีวิตอยู่มาได้ก็เพราะมันคนนั้นต้องการให้เขาอยู่  อวัยวะที่มันเหลือไว้ให้เขาเพียงพอกับความอยู่รอด...แต่ก็เป็นความอยู่รอดที่ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย...คิตะโนะได้ชดใช้บาปกรรมของตนเองอย่างสาสมแล้ว
//////////

หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 09-08-2013 20:44:40
KOUSOKU : The END

ในตอนบ่ายของวันหนึ่งในฤดูร้อน  มาซาฮิเดะเดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยไปตามตรอกซอยที่เขาคุ้นเคย  เขาเพิ่งจะกลับมาจากห้องของฮิโรกิหลังจากไปตรวจครรภ์ของจิอากิ  เด็กสองคนนั้นกำลังจะมีลูกด้วยกัน


“ถ้าเป็นลูกชาย  ผมจะให้ชื่อว่าเซย์ริว”  ฮิโรกิบอกกับมาซาฮิเดะ

“ทำไมไม่ตั้งชื่อที่มันเป็นมงคลกับชีวิตมากกว่านี้หน่อยวะ”

“ถ้าไม่ใช่ชื่อนี้  เขาก็จะชื่อคัตซึฮิโกะ...ผมจะตั้งชื่อลูกแบบนี้  เพื่อที่จะไม่ลืม”  ชายหนุ่มตัวเล็กบอกพร้อมกับน้ำตาคลอหน่วย  แต่ก็แค่แป๊บเดียวมันก็แห้งเหือดไปด้วยกำลังใจที่เข้มแข็งขึ้น


โลกยังคงหมุนไปเรื่อย ๆ  และชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนที่มันเคยเป็นมา  มาซาฮิเดะเอ่ยทักคนรู้จักที่เดินสวนกันหลายต่อหลายคน  คนเหล่านั้นคือลูกค้าที่เป็นเหมือนญาติพี่น้องที่เขามีอยู่  พวกเด็ก ๆ เริ่มเติบโตขึ้นเป็นวัยรุ่นและเริ่มหาหนทางที่จะมีชีวิตรอดอยู่ในโลกมืดที่แสนโหดร้ายแห่งนี้  สักวัน...เรื่องราวของเจ้าวายร้ายนั่นคงถูกลืมเลือน  และเหลือเพียงผู้ที่เคยได้ฟังเรื่องราวเหล่านั้นที่จะบอกเล่าตำนานนั้นต่อไป...

มาซาฮิเดะหยุดยืนที่หน้าโรงพยาบาลเถื่อนของตัวเอง  มันก็ยังคงทรุดโทรมเหมือนเคย  เสียงโทชิทะเลาะกับเจ้าเด็กแสบที่มานอนหยอดน้ำเกลือเพราะโดนแทงมาดังแว่วมาให้ได้ยิน  หมอเถื่อนยิ้มกับตัวเองแล้วเอื้อมมือไปผลักประตู  กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงผล็อยลงมาวางแทบเท้า

“อะไร?”  มาซาฮิเดะก้มลงไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาดู

มันเป็นภาพถ่ายทะเลสีเขียวปนฟ้าครามที่สวยงามแบบเกาะทางใต้  สีของน้ำทะเลลึกตัดกับสีของท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไป  แดดจัดสะท้อนประกายระยับอยู่เหนือผิวน้ำ

มาซาฮิเดะพลิกดูด้านหลังภาพ  แสตมป์ของประเทศที่เขาไม่เคยเห็นติดอยู่ที่มุมบนขวา  เขากวาดตามองจนทั่วแล้วก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนที่จะเก็บภาพนั้นลงกระเป๋าเสื้อ

“โทชิ!  เอะอะอะไรกันอยู่ได้  หนวกหูจริง  ถ้ามันดึงสายน้ำเกลือออกอีกก็เอายาฉีดเข้าแขนให้มันเป็นง่อยไปเสียเลยสิ!!”  เขาตะโกนขึ้นไปชั้นบน


โลกยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ชีวิตก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  และหลังจากวันนี้ไป  มาซาฮิเดะก็คงไม่ต้องรู้สึกแย่เพราะความกังวลลึก ๆ ในใจอีกแล้ว  เมื่อหลังภาพถ่ายแผ่นนั้นมีตัวหนังสือหวัด ๆ ห่วย ๆ ที่คุ้นตาเขียนเอาไว้ว่า


‘...พวกเราสบายดี...’

//////////


ขอบคุณสำหรับการติดตามมาตลอดนะครับ ทั้งคนที่เคยอ่านแล้ว คนที่ยังไม่เคยอ่าน และคนที่เคยอ่านเวอร์ชั่นอื่น (หัวเราะ)
ต้องขอโทษด้วยที่จะไม่ลงตอนพิเศษนะครับ เพราะมันอยู่ในฉบับรวมเล่มไปแล้ว และเป็นธรรมเนียมส่วนตัวของผมเองที่จะเอาตอนพิเศษลงแค่ในเล่มเท่านั้น เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้ที่อุตส่าห์ซื้อหนังสือของผมไปอ่านน่ะครับ
เรื่องนี้รวมเล่มมานานมาแล้วและคงไม่ได้ Re-print อีก (เพราะตอนนี้ก็ยังมีหนังสือเหลือ)

ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ นะครับ

HAKURO_KOKURO
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Mookkun ที่ 09-08-2013 21:18:29
หึยยยยย สมน้ำหน้ามันจริงๆไอ้เลววว!!!
คุณหมอแอบโหดเนอะะะะ หุหุ

ในที่สุด สองคนนั้นก็รอดดด เยสๆๆๆ

ขอบคุณคนเขียนมากนะค้าาาาา
สนุกมากกกก
>_______<
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 09-08-2013 21:25:29
รอดใช่ไหมอ๊า ทั้งเซย์ริวทั้งคัตจัง :hao7:
แต่ถ้าอยากรู้ว่ารอดยังไง คงต้องหาอ่านจากตอนพิเศษแน่เลย ซึ่งเราไม่มี :mew4:
แต่ตอนนี้ก็สะใจมากแล้วสำหรับผลกรรมที่คิตาโนะได้รับ สมน้ำหน้ามัน ชิๆ  :m16:
ขอบคุณมากค่ะสำหรับนิยายสนุกๆ ได้ลุ้นตลอดทุกตอนเลย รอติดตามผลงานเรื่องต่อไปนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 10-08-2013 00:50:57
อ๋าาาาาาาา จบแล้วๆ ดีใจที่สองคนนั้นปลอดภัยและได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ เราตามอ่านทุกเรื่องที่มีในเล้าเลย แล้วก็จะรอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 10-08-2013 14:11:20
โห  รอดมาได้

หมอมาซาฮิเดะเป็นพระเอกหรอเนี่ยยยย  หลงคิดมาตั้งนานว่าเซย์ริวเป็นพระเอก  :haun5:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: BBnuna ที่ 10-08-2013 19:22:28
ตามอ่านมาจนครบทุกเรื่อง จนถึงเรื่องนี้ ไม่อยากให้จบเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่ง แต่งเรื่องอื่นอีกน่ะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: kuruma ที่ 11-08-2013 21:48:14
อ่านเรื่องนี้มาตลอดทุกครั้งที่อัพตั้งแต่อัพครั้งแรกจนถึงครั้งสุดท้าย

ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณ HAKURO ก่อนที่เราไม่สามารถเมนต์ทีละตอนได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวค่ะ T_T
คืออ่านแล้วแต่ตกผลึกความคิดไม่ได้นั่นล่ะ รู้สึกหน่วงหลังอ่านจบทุกตอนไป -- --'

เพราะงั้นขอเมนต์รวบยอดเลยนะคะ

ตัวละครเรื่องนี้ดูเฉพาะตัวและดูเป็นคาแรกเตอร์แบบออริจินอลเลยล่ะค่ะ ซึ่งแตกต่างจากคาแรกเตอร์ในเรื่องยาวของคุณอย่าง All I want กับเรื่อง Come closer ซึ่งได้กลิ่นแฟนฟิกชั่นแบบ AU ค่อนชัดเจนน่ะค่ะ (คือ อ่านแล้วนึกออกว่ามาจากใครเพราะบุคลิคเหมือนเจ้าตัวมากน่ะค่ะ จริงๆเราก็ชอบทั้งสองเรื่องนั้นมากนะคะ)

ตัวของ เซย์ริว เป็นคนที่มีสีดำสนิทเลยล่ะ ทำเรื่องร้ายๆเลวๆมาจนเป็นสิ่งปกติ แต่ก็ทำมาจนรู้สึกว่างเปล่าจนมาเจอกับคัตสึฮิโกะ ตอนที่ตั้งชื่อให้เองตามใจชอบทำให้เรานึกถึง วายะค่ะ ที่ดูๆแล้วเป็นพวกยึดติดกับของๆตัวเอง(หวงของเล่น)กันทั้งคู่เลย

ส่วนคัตสึฮิโกะ เป็นคนธรรมดาๆที่เราไม่ได้รู้สึกว่าเขาขาวสะอาดซักเท่าไหร่นะ ด้วยปมที่เป็นเด็กกำพร้าเลยรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไรบางอย่างและต้องการอะไรซักอย่างมาเติมเต็ม

จนกระทั่งทั้งคู่ได้มาเจอกัน แล้วเซย์ริวก็ยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้ในแบบของตัวเอง แต่ถึงคัตสึฮิโกะจะบอบช้ำแค่ไหน แต่เซย์ริวก็เป็นคนเดียวที่เต็มเต็มความว่างเปล่าทางจิตใจให้เขาได้

เซย์ริวก็มองคัตสึฮิโกะเป็นของเล่นมาตลอดซึ่งอีกฝ่ายก็ยอม จนกระทั่งมีฮิโรกิเข้ามานั่นล่ะ ถึงได้ยอมรับไม่ได้

ฉากกรีดข้อมือถือเป็นการตัดสินใจต่อต้านการกระทำของเซย์ริวขั้นสุดของคัตสึฮิโกะนะ ไม่ใช่เพราะรับไม่ได้เพราะถูกฮิโรกิแตะต้องหรอก แต่เราคิดว่า เพราะเขายอมให้แค่เซยฺริวคนเดียวต่างหาก ตรงนี้แหละที่เราคิดว่าคัตสึฮิโกะน่ะรักเซย์ริวไปหมดใจแล้ว

ส่วนฉากNCในเรื่องนี้เรามองว่ามันมีความหมายของมันทุกครั้งนะคะ ในบางครั้งเราก็รู้สึกหดหู่ไปกับคัตสึฮิโกะน่ะ แล้วก็ถึงจะมีเยอะจริงแต่การเมคเลิฟนั้นมีน้อยมากๆ ตอนที่จู่ๆเซย์ริวถามขึ้นมาในฉากNC สุดท้ายของเรื่องว่า รักหรือเปล่า ทำให้เราตีความไปได้ว่า เซย์ริวกำลังบอกรักในแบบของตัวเอง ซึ่งสิ่งที่คัตสึฮิโกะตอบกลับมาน่ะ ที่บอกว่า"ไม่รัก" นั่นก็แปลว่ารักล่ะค่ะ เพราะว่าคัตสึฮิโกะไม่เคยยอมรับความรู้สึกตัวเองที่มีต่อเซย์ริวมาตลอดทั้งเรื่องแล้ว

ไคลแมกซ์ตอนที่ตำรวจไล่ล่ามาจนถึงหน้าผา เราชอบมากค่ะ เหมือนกำลังดูหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่งเลยล่ะดูเป็นฉากใหญ่ๆของเรื่องฉากหนึ่งเลย ตอนที่ตกลงไปทั้งคู่น่ะ เราแอบคิดว่า .... ถ้าได้ตายทั้งคู่ก็คงไม่แปลกนะ .. ดูเป็นโศกนาฏกรรมดีเหมือนกัน แต่จบแบบนี้เนื้อเรื่องก็แฮปปี้ได้อย่างไม่รู้สึกแปลกนะคะ

เอาล่ะ เมนต์ยาวพอสมควร ... เอาเป็นว่าจะรออ่านเรื่องต่อไปนะคะ ถ้าเอามาลงให้อ่านอีกนะคะ
ขอบคุณมากๆค่ะ^^
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: KOKURO ที่ 12-08-2013 09:02:04
ความสุขของคนเขียน มันก็อยู่ที่ยอดอ่านกับคอมเม้นต์นี่แหละน้า~ ( ̄▽ ̄)
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Aimiya ที่ 12-08-2013 14:02:57
ได้แต่ตามอ่าน ไม่มีโอกาสเมนท์สักที
สุดท้ายมาถึงตอนจบอยากบอกว่าประทับใจและชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ
ไม่ได้ชอบเรื่องที่มันกดดันอะไรมากมาย แต่เรื่องนี้อ่านได้แบบรู้สึกอยากติดตามและดูชีวิตของสองคนนี้ตลอดเลย
ชอบฉากที่หนีตามกันแล้วโดนไล่ล่า รู้สึกได้ถึงความห่วงใยกันและกันยิ่งตอนที่ตกหน้าผาไปด้วยกันนี่แบบชอบมากๆ><
ไม่ว่าจะตายหรือรอดเราก็ว่าเรื่องนี้สมบูรณืมากค่ะ ชอบมาก
ปล.ชอบคุณหมอมาสะจัง^^
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: kyoya11 ที่ 16-08-2013 19:01:12
หมอโหดดดดด แต่ก็สะใจลึกๆ
ดีที่ทั้งคู่ปลอดภัย พวกเขาคงมีความสุขกัน จิ้นกันต่อไป :o8:
ขอบคุณจ้า :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: SiLent_GRean ที่ 18-08-2013 21:39:56
เป็นตอนจบที่ประทับใจมากเลย ขอบคุณนะคะ  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 23-09-2013 11:49:50
เป็นนิยายที่เก็บไว้อ่านเมื่อเวลาจิตตก
ตอนนี้อ่านจบรู้สึถึงความจริงของโลกเบื้องหลังหลายๆอย่างจริงๆ
แต่ดีใจที่ทั้งคู่ยังปลอดภัยย มีความสุขกันมากๆนะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: natalee22 ที่ 27-04-2014 12:07:10
กลับมาอ่านอีกรอบ ก็ยังชอบเหมือนเดิม

เรื่องนี้เริ่มต้นไม่ happy แต่จบ happy แล้วยังสะท้อนด้านมืดในสังคมได้ดีมากๆด้วย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 03-05-2014 23:43:43
หมอโหดสะใจดีมาก 5555 แต่รู้ว่ารอดก็ดีใจแล้ว
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 06-05-2014 12:23:33
ประทับใจมากๆเลยค่ะ :hao5: ดีใจที่สุดท้ายสองคนก็ได้อยู่ด้วยกันแบบสงบๆสักที :z2: (ถ้าเซย์ริวเลิกปล้นคนอ่ะนะ555) อ่านตั้งแต่แรกจนถึงจบก็รู้สึกเลยว่าสองคนนี้เขาอยู่เพื่อกันและกันจริงๆ ถึงจะไม่ได้รักกันแต่ก็เป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ o13 หมอมาสะเท่ระเบิดดดดด อีหมูอ้วนตัณหากลับได้รับกรรมอย่างสาสมแล้ว :fire: ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆให้อ่านค่ะ ถึงจะไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรกก็เถอะ (เสียใจ) :sad4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: azulajane ที่ 07-05-2014 19:28:49
อ่านรวดเดียวจบค่ะ ;-;
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดมันเอสเอ็มอ่ะแกกกร์
แถมยังรักกันปานจะกลืนกินนนนนนน
พีคนะคะที่นางไม่เอ่ยปากบอกรัก
แต่อิฉันเข้าใจข่ะ จบได้สวยยยยยมั๊กข่า
ขอบคุณนะคะที่เขียนเรื่องดีดีประทับจิตมาให้อ่าน
ปล. ถ้ามีตอนพิเศษ หนูจะกรี๊ดมากค่ะ ._. อุอิอิอิ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 13-05-2014 18:24:03
สนุกมากค่ะ เป็นเรื่องที่ตรึงใจมาก
ถึงแม้เซย์ริวกับคัตสึฮิโกะจะไม่ได้รักกันแต่ก็ขาดกันไม่ได้
เป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษสำหรับสองคนนั้นจริงๆ
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ
ปล.  มาซาฮิเดะโหดมาก สมกับที่เป็นคนที่ทุกคนเกรงกลัว
และก็ดีใจที่จบลงที่สองคนนั้นไม่ตาย
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 14-05-2014 23:52:34
เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก อ่านรวดเดียววันเดียวจบเลยทีเดียว ขอบคุณที่เขียนผลงานชิ้นนี้ขึ้นมานะคะ นิยายเรื่องนี้ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ ร่วมลุ้นไปกับตัวละคร เดาเรื่องผิดๆ ถูกๆ บ้าง มีฉากที่คาดไม่ถึงให้เราได้ลุ้นตลอดทั้งเรื่องเลย อยากบอกว่า สนุกมากๆ ค่ะ (แม้จะหา 2 ตอนแรกไม่เจอก็ตาม) อิอิ :D
ปล.อยากไปกดไลค์แฟนเพจ -..-
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: dekthuem ที่ 15-05-2014 01:30:52
ชอบครับ สนุกเลยทีเดียว ไม่ใสมาก แต่ก็ ไม่มืดมาก เป็นกำลังใจให้เชียนเรื่อง ต่อๆไปได้อีกน่ะครับ ^^
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: ปังอุ่น ที่ 09-04-2015 21:14:56
ชอบมาก ชอบการดำเนินเรื่อง ชอบองค์ประกอบทุกๆอย่าง
เป็นอีกเรื่องนึงที่เราประทับใจ
วันนี้ย้อนกลับมาอ่านอีกรอบ ยังสนุกเหมือนเดิม
ชอบค่ะ ไม่ผิดหวังกับผลงานของคุณสักเรื่อง

 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-04-2015 23:06:22
เข้ามาอ่านครั้งแรก ประทับใจมากค่ะ
เป็นเรื่องที่สะท้อนทั้งด้านมืดและด้านสว่างของคน แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์
ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: matame ที่ 19-04-2015 20:12:12
เคยอ่านเรื่องนี้แล้วบอกเลยว่า จิตและสุดยอดอ่ะ สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 06-06-2017 12:06:26
คิดถึงเรื่องนี้ค่ะ เขียนดีและสนุกในความคิดเรามาก ทุกการกระทำมีที่มีที่ไป มีปมอดีต แนวดาร์ก แต่ไม่จิต คิดว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดของผู้แต่งค่ะ อยากให้คนที่ยังไม่เคยอ่านลองเข้ามาอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: ellemm ที่ 09-12-2017 15:58:50
นิยายเรื่องนี้เปิดรีปริ้นท์แล้วนะคะ หลังจากการล่ารายชื่อมีคนที่ต้องการสั่งซื้อเกิน 20 เล่มแล้ว
นักเขียนจึงเปิดการพรีออเดอร์แล้วจ้าาาาาาา ใครสนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้เลยนะคะ

❤️ ระยะเวลาพรีออเดอร์ และชำระเงิน
ตั้งแต่วันนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2561
เริ่มจัดส่งหนังสือวันที่ 20 มีนาคม 2561

- ลงชื่อ Pre- order ที่ลิ้งค์นี้นะคะ
https://docs.google.com/forms/d/1ZW-IQgKa_jhsKliJs0WCgNXWUU5AGRN1nOC9X7aUps0
- แจ้งโอนที่นี่ค่ะ
https://docs.google.com/forms/d/19g7pR7E6TC-9tA-BykK_DH0MKRjlQCtoRyDDB1F7yhQ
- ตรวจสอบรายชื่อผู้ที่สั่งซื้อและชำระเงินเรียบร้อยแล้ว
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1mWh30wyPq5G8Lkxe2v4TQGr6tWmRlmSwu2eqX-yspWg


 :hao7:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: isuloveU Soly ที่ 10-12-2017 00:31:04
อ่านรวดเดียวจบ สนุกมากกกกกกกกก เราน้ำตาคลอเลยฉากหน้าผา แบบบรรยายไม่ถูก ยิ่งฉากจบใจนี่โล่งเลยที่พวกเค้าได้อยู่ด้วยกัน  :sad11:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 29-12-2017 00:32:54
 :mew1:
:pig4:
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: plookwun ที่ 22-08-2018 05:27:29
เรื่องนี้เป็นนิยายเล่มแรกเลยที่เราเคยอ่าน ไปเช่าจากร้านหนังสือ ตอนนั้นวายนิยังไม่แพร่หลาย
จะหาซื้อก็ไม่รู้แหล่ง
หัวข้อ: Re: KOUSOKU # 26 and It's the END 9/8/56
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 30-06-2020 01:54:12
คือออออ แบบ พูดอะไรไม่ออกเลย ขอพักแปปร้องไห้เพิ่งหยุด 555 ซาบซึ้งตรึงใจอะไรเช่นนี้ โหหหหห!เป็นนิยายที่สนุกกมากกกกกกก โชคดีที่มาเจอใน นิยายที่โพสจบแล้วหน้า 27 ตามมาจากเรื่องฟุยุกิ หลงเสน่ห์การแต่งของผู้แต่ง ไม่ผิดหวังเลยที่ตามมาเจอเรื่องนี้ เหี้ยโคตรชอบ สายดราม่า dark ไม่ควรพลาด ตัวละครบทฉากลงตัวทุกอย่าง เข้าใจทุกการกระทำ ทุกอย่างมีที่มาที่ไป ดำล้วนเทานิด ชอบจุดหักเหตอนนั้น ทั้งสะใจและมันทำให้ชีวิตทั้งสองเปลี่ยนไปเลย ฝ่าฝันจนอยู่ด้วยกันนิรันดร์ อยากขอบคุณผู้แต่งมากๆที่มาอัพในนี้ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี ก็ยังมีนิยายดีดีให้อ่านกัน แม้ตอนที่1,2ไม่มีก็ไม่เป็นไรสามารถเข้าใจเรื่องราวได้ อยากได้หนังสือมันยังมีอยู่ไหมนะ จบเรื่องนี้จะตามไปหาอีกผลงาน ชอบมากจริง ความหน่วง ดราม่าแต่ว่าจบดีแบบนี้ โว้ยยยยยยยยยสนุกกกกกมากกกกว้อยยยยยย งื้อชอบไม่ไหวแล้ว ต้องกลับมาอ่านอีกแน่ๆ ภาษาสวย การบรรยายดี nc นี่บับ สุด  o13 o13  :jul1:  #เซย์ริวคัตสึฮิโกะ  :pig4: :pig4: :pig4: