- 5 -
‘ก็มันไม่อยากให้มึงรู้สึกแย่ไปกว่านี้ไง โง่อีก โว้ววววว’
นั่นคือประโยคที่ไอ้หลามพูดไว้ตอนผมรู้ว่าแท้จริงแล้วไอ้โทมันไม่ได้ขอเงินผมเพื่อกวนตีนอย่างที่คิด
นึกไปถึงวันก่อนๆ ตอนที่ผมกับมันยังเป็นแค่เพื่อน เพื่อนร่วมภาค เพื่อนของเพื่อน หรือเพื่อนอะไรก็ตามแต่ มันชอบมาขอเงินผม ทั้งๆที่รู้ว่าผมไม่ค่อยจะมีเงินใช้ ไอ้ที่จ่ายอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นของไอ้ปลาฉลาม ไอ้จ๊อบ หรือบูมทั้งนั้น
ไม่มีทีท่าว่าจะเกลียด โกรธหรือแค้นผมเลย
ยิ่งตอนที่ผมรู้ฐานะที่แท้จริงของมัน มันก็ไม่เห็นจะทำตัวแปลกแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
แล้วทำไม...? ตอนนี้ มันถึงได้เป็นแบบนี้ไปได้...
คราบน้ำกามเต็มตัวผม ส่งกลิ่นชวนคลื่นเหียน มันเปรอะเปื้อนไปทั่วไม่ว่าจะบนตัวผม ผ้าปูเตียง ผ้าห่ม หรือแม้แต่หมอนข้างก็ตาม
ผมยังคงนอนคว่ำในท่าเดิมก่อนที่ไอ้สัตว์นรกตัวนั้นจะเดินออกไปจากห้อง ผมไม่รู้ว่ามันไปไหน แต่ก็ดีแล้ว...ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน
อยากจะร้องไห้นะ...นี่มันเป็นเรื่องที่แย่ที่สุดตั้งแต่ผมเกิดมา ให้ทำงานหนักอดหลับอดนอน 3 วันยังจะดีกว่า
แต่ผมร้องไม่ออก
ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเกินคำว่า ‘เสียใจ’ ไปไกลแล้ว
ผมต้องเข้มแข็ง...ผมต้องผ่านมันไปให้ได้
คิดซะว่าฝันร้าย...คืนเดียว..เท่านั้นพอ
ผมหลับตาลงและลืมในวินาทีต่อมา ผมค่อยๆลุกขึ้น
“โอ๊ย” ร้องออกมาเบาๆ เจ็บระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะช่องทางที่อาจเรียกได้ว่าถูก ‘ข่มขืน’ ที่หน้าท้องมีรอยแดงเป็นวงกว้าง คาดว่าพรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวอมม่วงตามลำดับ หมุนข้อมือเบาๆ ถึงจะปวด แต่ทนไหว มองเลยไปยังต้นแขนและบริเวณข้อศอกก็มีรอยแดงเช่นกัน
ทายาหม่องจะหายไหมนะ?
ปลายเท้าแตะพื้นเย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศภายในห้อง ยกมือขึ้นกอดตัวเอง อย่างที่เคยกอดเป็นประจำ ไม่มีใครกอดผมมานานแล้วตั้งแต่วันที่ผมสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้
วันนั้นคุณป้าที่คอยเลี้ยงดูผมมาตลอดกอดผม กอดแน่นเชียวล่ะ ปากก็พร่ำบอกว่าขอให้ผมได้ดี ขอให้ผมเรียนหนังสือเก่งๆ ขอให้พระคุ้มครอง...
แล้วสิ่งที่ผมกำลังเจออยู่นี้คืออะไร?
อาจจะเป็นเวรกรรมของผมก็ได้มั้ง...กำพร้าพ่อแม่เพราะท่านเสียชีวิตทั้งคู่ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อเอ็นดูผมทั้งๆที่ตัวท่านยังจะเอาไม่รอดก็นำผมมาเลี้ยง หาข้าวหาน้ำ ส่งผมเรียนหนังสือในโรงเรียนวัด ผมอาศัยอยู่กับป้า 2 คน ญาติฝั่งพ่อไม่เหลือใครอีกแล้ว ส่วนญาติฝ่ายแม่ผมไม่เคยคิดที่จะชายตาแลผมด้วยซ้ำ ดังนั้นผมจึงได้แต่ตั้งใจเรียนหนังสือ หางานทำ ช่วยแบ่งเบาภาระของคุณป้า
ชีวิตผมนี่น่าเศร้าเนอะ ว่ามะ?
ผมมองไปยังห้องน้ำ มันอยู่ไม่ไกล ผมค่อยๆก้าวเดินอย่างระมัดระวัง รู้สึกเจ็บ เสียดสี และปวดร้าวที่ช่องทางด้านหลังแต่ก็ต้องทน
มีหลายอย่างที่ผมต้องทำ ผมต้องออกไปจากที่นี่
เมื่อเปิดประตูห้องน้ำผมรีบตรงดิ่งไปยังฝักบัว ไม่มีเวลามาชื่นชมกับห้องน้ำหรูหรา หมุนระดับความแรงของน้ำให้แรงที่สุด อุณหภูมิน้ำไม่ร้อนไม่เย็น กำลังดีเลยล่ะ
แรงดันน้ำที่พวยพุ่งออกมากระทบผิวหนังจนเจ็บ โดยเฉพาะช่วงท้อง แต่ผมกัดฟันทน จะได้รีบๆล้าง รีบๆออกไปจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด จากนั้นผมก็หันหลัง คว้าขวดปั้มที่คาดว่ามันคงเป็นสบู่เหลวมากดใส่มือแล้วถูทั่วตัวอย่างแรงจนเป็นรอยปื้นนิ้วมือสีแดงจางๆ
ผมทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมด้วยความรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่ช่องทางที่เพิ่งถูกทารุณ และนั่นทำให้ผมคิดอะไรบางอย่างได้
ไอ้เหี้ยโทไม่ได้ใส่ถุงยาง...
“โธ่เว้ย!!” ผมกำหมัดทุบกำแพงห้องน้ำอย่างเจ็บใจ
ศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชายไม่เหลือแล้ว
แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นคนผมยังมีอยู่ ไม่เหมือนมัน...
ที่แม้แต่ศักดิ์ศรีความเป็นคนก็ยังไม่มี!
ผมออกมาจากห้องน้ำแบบเปียกๆ ไม่คิดจะใช้ผ้าเช็ดตัวที่พับอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยใต้อ่างล้างหน้า อากาศเย็นกระทบผิวของผมอีกครั้ง
ผมหนาวมากจนปากสั่น มือซีดเซียว
แต่กระนั้นผมก็ไม่คิดจะใช้สิ่งของของมันเป็นอันขาด!
ผมรีบใส่กางเกงอีกครั้ง ส่วนเสื้อนิสิตชายสีขาวที่ขาดวิ่น...ในห้องนอนไม่มี สงสัยคงอยู่ด้านนอก ซึ่งคราวนี้ผมไม่พลาด แง้มประตูเพียงนิด สอดส่องห้องรับแขกให้ทั่ว เมื่อมั่นใจแล้วว่าไอ้เหี้ยโทไม่อยู่ ผมถึงเดินออกมา
และก็จริงๆด้วย...กองเศษผ้ายังตกอยู่ที่เดิม ผมหยิบมันขึ้นมากอด แล้วเปิดประตูออกไปจากนรกแห่งนี้ทันทีโดยไม่เหลียวกลับมามอง
แน่นอนล่ะว่าเมื่อผมลงมาถึงชั้นลอบบี้ของคอนโดแห่งนี้ คนรอบข้างหันมามองผม มีทั้งหวาดกลัว รังเกียจ สงสัย แม้แต่ยามยังจะเข้ามาจับตัวผมด้วยซ้ำ ผมรีบเดินหนีออกมาให้ไวที่สุดเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย
ผมตั้งใจจะเรียกแท็กซี่ ต่อให้เปลืองตังแค่ไหนผมก็ไม่สนแล้ว ขอแค่พาผมกลับถึงหอก็พอ แต่ทว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น ในเมื่อสภาพผมตอนนี้ใครจะอยากรับขึ้นรถกันล่ะ?
น่าสมเพชจริงๆ
ผมล้วงกระเป๋าทั้ง 2 ข้าง กระเป๋าสตางค์มีเงินครบถ้วน กับโทรศัพท์ที่ถูกปิดเครื่อง
จะบอกว่าถูกปิดเครื่องก็คงไม่ถูกเนื่องจากที่หน้าจอมีรอยร้าวเป็นเส้นเฉียงยาว 2-3 เส้น สงสัยคงเพราะตอนที่ไอ้เหี้ยโทขว้างกางเกงยีนส์ของผม 2 รอบนั่นแหละ ผมลองกดเปิดเครื่อง แสงสว่างสีขาวกับโลโก้ยี่ห้อโทรศัพท์ปรากฏขึ้นมา
เฮ้อ อย่างน้อยก็ยังใช้ได้ ไม่ต้องเอาไปซ่อม
ข้อความเข้ามาแบบรัวๆ แจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับหรือโทรมาตอนปิดเครื่อง
บูม ปลาฉลาม จ๊อบ และเฮียโกว...ก็มีแค่นี้แหละ
คนแรกที่ผมเลือกโทรหาก็คือคนที่เป็นเจ้านายผมและให้โอกาสผมหลายต่อหลายครั้ง
/ไอ้โม มึงหายหัวไปไหนมา!? โทรไปก็เสือกปิดเครื่อง รู้มั้ยที่ร้านวุ่นวายขนาดไหนน่ะห๊ะ!!/ ยังไม่ทันที่ผมจะได้ทักทายอะไร เฮียโกวแกเล่นใส่มาเป็นชุดก่อนเลยครับ
อูยยยยย เสียงดังชะมัด รู้งี้เอาโทรศัพท์ห่างออกไปหน่อยก็ดี
“เอ่อ...เฮีย...คือ..”
/อะไร!? มึงรีบมาเลยนะไอ้เตี้ย ไม่งั้นค่าแรงวันนี้ไม่ต้องเอา!!/
“เฮีย..ผมขอโทษครับ แต่วันนี้ผมขอลางานนะครับ เฮียไม่ต้องจ่ายให้ผมก็ได้” ผมพูดเสียงอ่อย ก้มหน้ามองพื้นขณะเดินราวกับวาเฮียโกวอยู่ตรงหน้า
/.../
“ผมขอโทษจริงๆเฮีย ผมอยากไปช่วยงานที่ร้านนะ แต่วันนี้ผมไม่ไหวจริงๆ” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง
/เออ แล้วเป็นอะไร? ถึงกับมาไม่ไหว ปกติมึงแข็งแรงจะตาย/
“ผม...เอ่อ...ไม่สบายครับ”
/ไม่สบายประสาอะไร ทำไมเสียงเหมือนอยู่ข้างนอก กูได้ยินเสียงรถวิ่งด้วย/
เฮียโกวแม่ง จับผิดเก่งชิบหาย
“คือผมทะเลาะกับเพื่อนนิดหน่อยครับ” บอกไปตามจริง แต่บอกไม่หมดก็เท่านั้นเอง
/เออๆ พักรักษาตัวละกัน ไหวค่อยลุกมาทำงานต่อ ร้านกูไม่เจ๊งหายไปไหนหรอก/ น้ำเสียงเฮียโกวอ่อนลง นั่นทำให้ผมยิ้มน้อยๆ
“ครับ”
/งั้นถือว่าวันนี้ลางานไปเลยนะ เดือนนี้ลาได้อีก 2 วัน/
“ครับ ขอบคุณมากครับเฮีย”
ผมกดวางสาย มองหน้ารายชื่อที่เมมไว้ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนทั้งนั้น ข้อความที่ส่งเข้ามาเตือนนั้นมีเบอร์เพื่อนอีก 3 คนที่ผมไม่ได้รับ
แต่ผมเลือกที่จะยังไม่โทรและกดปิดเครื่องแทน
เดินต่อไปข้างหน้า ก้าวต่อไปเรื่อยๆ ช่วงล่างเสียดแทงเพราะการก้าวขา อากาศเย็นในยามค่ำคืนมันทำให้ผมปวดร้าวกับรอยฟกช้ำในจุดต่างๆ หัวสมองเริ่มมีอาการปวดตุบๆขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาพร่าเลือน ผมทรุดตัวลงนั่ง แสงไฟข้างจากที่ส่องลงมายังฟุตบาททำให้ผมมองเห็นโครงร่างของคนๆหนึ่ง
“เฮ้! คุณ คุณไหวมั้ย?”เขาตรงเข้ามาหาผม
ผมไม่ได้ตอบ ไม่ใช่ไม่อยากตอบ แต่ตอบไม่ไหว จะพูดยังยากเลย
“ผมพาคุณไปหาหมอดีกว่า” เขาตัดสินใจเอง จับแขนข้างหนึ่งของผมเพื่อพยุงให้ผมลุกขึ้น “เฮ้ย! ตัวร้อนเป็นบ้าเลย”
มืออีกฝ่ายที่พยายามจะช่วยพยุงให้ผมลุกนั้นเย็นเฉียบ
“ตั้งใจจะไปโรงพยาบาลใช่มั้ย? แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อมาด้วย!?” เขาถาม มือเย็นเฉียบนั้นปล่อยแขนผมแล้ว “นั่งรออยู่ตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวผมเรียกแท็กซี่พาคุณไปส่งที่โรงพยาบาลดีกว่า”
“มะ .. ไม่ ...”
“ไม่ต้องเกรงใจๆ ผมยินดีช่วยคุณ” เขาพูดจบแล้วหันออกไปทางถนนเพื่อโบกแท็กซี่
เอ่อ..จะบอกว่าไม่ต้อง ผมอยากกลับหอมากกว่า อีกอย่างไปโรงพยาบาลก็ต้องเสียเงิน ซึ่งเงินติดตัวผมในตอนนี้ไม่พอจ่ายแน่ๆ
ช่างเถอะ ไว้ค่อยบอกโชเฟอร์แท็กซี่อีกทีก็ได้
“แท็กซี่มาแล้ว...มา ผมช่วย” เขาช่วยพยุงผมขึ้นมา เปิดประตูรถให้แทรกตัวเข้าไปนั่ง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้ปิดประตูรถ เขากลับแทรกตัวเข้ามานั่งด้วย
“เถิบหน่อยๆ...พี่ครับ ไปโรงพยาบาลHHHครับ”
Next Chapter >> - 6 - (part1)Talk
หนุ่มปริศนา เขาคือใคร ต้องติดตาม