- 4 -
เหมือนใครเอาค้อนมาทุบหัวตลอดเวลา มันปวดตุบ ตุบ ตุบเป็นจังหวะถี่ๆ
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นทีละนิด แสงไฟพร่าทำให้ผมต้องปรับสายตา เมื่อเริ่มโอเคแล้วผมยันตัวเองขึ้นช้าๆ กวาดสายตามองไปรอบห้อง ประมวลผลทันทีว่าก่อนที่ผมจะสลบไปมันเกิดอะไรขึ้น
อ้อ...หัวผมกระแทกกับผนังห้องสินะ
ว่าแล้วก็จับสำรวจสักหน่อย ลูบๆคลำๆตรงที่ปูดโปนออกมา ยังดีที่ไม่หัวแตกวุ้ย ส่วนข้อมือก็ช้ำนิดหน่อย กระดูกสันหลังคงไม่หัก เพราะถ้าหักผมคงไม่ลุกขึ้นนั่งสำรวจสภาพตัวเองแบบนี้ได้
ผมนั่งอยู่บนเตียงนุ่มขนาดคิงออฟคิงไซส์ (คิงไซส์มันเล็กไป) หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอใครนอกจากเหล่าเฟอร์นิเจอร์ที่ผมคงไม่กล้าซื้อ ช่วงบนผมเปลือยเปล่าเผยให้เห็นอกล่ำและซิคแพคเรียงเป็นลอนสวย (คาดว่าหัวกระแทกจนประสาทการรับรู้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง : Pierre) ส่วนช่วงล่างผมมีบ๊อกเซอร์ 1 ตัว
มิน่า...หวิวๆแหะ
พอชำเลืองหางตาเห็นนาฬิกาบนผนังห้องแว๊บๆก็ได้รู้ว่าตอนนี้ 2 ทุ่มกว่าแล้ว แสดงว่าผมสลบไปนานพอสมควร อาการปวดหัวตึบๆยังมีอยู่ แต่ผมต้องอาศัยจังหวะนี้..
หนี
ก่อนที่เจ้าของห้องจะกลับมาทำเรื่องเหี้ยๆกับผมอีก
คิดได้ดังนั้นผมจึงรีบหาเสื้อผ้าของตัวเอง ไม่ว่าจะบนเตียง บนโต๊ะ โซฟา ผมค้นหาทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ
สงสัยคงอยู่ข้างนอก
ผมค่อยๆแง้มประตู มองลอดผ่านช่องแคบ ปรากฏว่าไม่มีใคร ผมรีบออกมาทันที แต่ทว่า...
“ลนลานแบบนั้น...มีคิวต่อจากกูรึยังไง?” เสียงเยียบเย็นดังขึ้นขณะที่ผมก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว ผมหันไปตามเสียง ไอ้โทมันยืนไขว้ขาอยู่ตรงกระจกบานใหญ่ ทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีแค่กางเกงยีนส์ราคาครึ่งแสนที่เจ้าตัวดูไม่ค่อยจะใส่ใจเท่าไหร่ในยามนี้
หากสาวๆได้มาเห็น คงยอมถวายทั้งตัวและหัวใจให้มันแบบไม่มีเงื่อนไข
แต่ผมไม่ใช่สาวๆพวกนั้น
“กูจะไปทำงาน”
“ขายตูด?”
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ... ผมค่อยๆนับเลข 1 ถึง 10 ในใจ ตอนนี้ไอ้เหี้ยโทมันกำลังเข้าใจผิด ไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“กูไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านกุ้งเต้นทุกวัน กูไม่ได้ขายตูดให้ใครทั้งนั้น! ไม่เชื่อมึงไปถามเฮียกวงเจ้าของร้านก็ได้!” ผมบอกมัน แถมเฮียกวงก็เป็นพยานที่อยู่ให้ผมได้
“ก็พอเสิร์ฟเสร็จมึงก็เสิร์ฟตูดให้ลูกค้าต่อไง ใครจะไปรู้ หึ” มันยิ้มเยาะ
“ไม่คิดว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้”
ไม่คิดเลยจริงๆ...ความเป็นเพื่อนของเรามันหายไปไหนหมด แล้วถ้าผมทำจริง มันถึงกับต้องโมโหผมขนาดนี้เลยเหรอ?
ถึงกับต้อง...บังคับให้ผมทำอย่างนั้นให้มัน...
เราต่างจ้องซึ่งกันและกัน
มันจ้องมองผมอย่างโกรธแค้น
ส่วนผม...มองมันอย่างไม่เข้าใจ น้อยใจ ผิดหวัง ทุกอย่างมันตีรวนไปหมด
และกลายเป็นผมที่หลบตามันก่อน เท้าก้าวเดินไปหยิบกางเกงยีนส์เน่าๆที่ผมจำได้ว่าไอโทมันโยนไปตรงนั้น กางเกงยีนส์ของผมยังไม่ขยับไปไหน ยังคงอยู่ที่เดิม เศษผ้าสีขาวก็เช่นกัน กระดุมบางเม็ดกระเด็นตกอยู่บนกระเบื้องสีขาวสะอาด กลุ่มผ้าที่ใหญ่สุดแถวๆผนังห้องตรงที่ผมหัวผมไปกระแทกนั้นคงเป็นอดีตเสื้อนิสิตที่ตรึงข้อมือผมไว้
ผมเดินเก็บชิ้นส่วนทุกอย่าง..อย่างน้อยก็เอาไปทำเป็นผ้าขี้ริ้ว
ใส่กางเกงยีนส์แบบลวกๆ กอดเศษผ้าที่เคยเป็นเสื้อนิสิตของผมไว้ในอ้อมแขน หันหลังให้กับเจ้าของห้อง ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะออกไปจากห้องนี้ ออกไปให้พ้นๆ
“ใครบอกให้มึงใส่เสื้อผ้า?”
“...” ผมไม่ตอบแต่กลับเดินจ้ำอ้าวไปยังประตูห้องให้เร็วที่สุด แต่ประโยคต่อมาทำให้ผมต้องหยุดกึก
“มึงไม่อยากเรียนแล้วใช่มั้ย!?” เสียงฝีเท้าสวบสาบดังใกล้เข้ามา “จะเอาอย่างนั้นก็ได้นะ” อีกฝ่ายถึงตัวผมแล้วกระซิบเสียงเหี้ยมที่ริมหู
ผมหันกลับไป เศษผ้าร่วงหล่นเพราะมือทั้งสองผลักไอ้คนที่ไม่ได้สตินี้ออกไปให้ไกลๆ
หรือมันไม่เคยเห็นผมเป็นเพื่อนเลย...
ผมกำหมัดแน่น นึกทบทวนช่วงเวลาที่ผมรู้จักมันมา ถึงแม้จะแค่ปีกว่าก็ตาม มันชอบขอเงินผม มองผมด้วยแววตาที่แปลกไปจากคนอื่น เราแทบไม่เคยทะเลาะกัน ถึงจะทะเลาะแต่นั่นก็เป็นสาเหตุเพราะจ๊อบ บูม หลาม 3 ตัวที่เหลือในกลุ่มต่างหาก
เรื่องแย่ๆที่มันทำกับผม...ไม่มีก็จริง
แต่เรื่องดีๆที่มันทำกับผม...ก็ไม่มีเช่นกัน
เหมือนเป็นเพียงแค่คนรู้จัก...เพื่อนของเพื่อนอีกที...ก็เท่านั้น
ทว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ มันไม่ใช่เพียงแค่เรื่องแย่ๆระหว่างผมกับมัน แต่มันเป็นเรื่องที่แย่และเลวร้ายในชีวิตของผมที่สุดเลยต่างหาก
ผมขอให้สัญญากับตัวเองเลยว่าไอ้เหี้ยตัวไหนที่มันเอารูปผมไปโพส เอารูปหลอกๆมาให้ไอ้โทที่ก็โง่เชื่อแถมยังไม่ยอมฟังคำอธิบายจากผม...ไอ้เหี้ยตัวนั้นมันจะไม่ได้อยู่เป็นสุข!
แต่ก่อนอื่นต้องตามหาไอ้ตัวคนทำก่อน
ผมหันหลังอีกครั้ง แต่คราวนี้มือแกร่งจับที่ศอกผมแน่น
และต้องจัดการหมาบ้าเสียสติที่ไม่ยอมฟังอะไรเลยด้วย
สายตาของผมค่อยๆไล่ขึ้นจากตำแหน่งที่มันจับผมจนระบม ไล่ขึ้นไปยังลำแขนแกร่ง ไหล่ได้รูป ใบหน้าหล่อเหลา และดวงตาคมกริบของมัน
“กูไม่ได้ขู่ ถ้ามึงก้าวออกไปจากห้องนี้แม้แต่เซ็นเดียว พรุ่งนี้มึงโดนไล่ออกแน่”
“ก็ดีสิ กูจะได้ไปทำงานให้เต็มที่ไง” ผมเน้นคำว่า ‘ทำงาน’
ในเมื่ออ่อนข้อให้แล้วไม่ได้ผล ก็ต้องใช้ไม้แข็งงัดขึ้นสู้
คิดว่าคนอย่างกูจะยอมไปตลอดสินะ...มึงคิดผิดแล้วไอ้เหี้ยโท
คนอย่างกูทำงานหาเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่ม.ต้น เจอคนมาหลายรูปแบบ ทั้งใส่ร้ายกู โยนความผิดมาให้ หาว่ากูขโมยของในร้าน ใส่ร้ายป้ายสีว่ากูด่าคนโน้น นินทาคนนี้...ทั้งๆที่กูไม่เคยทำ
อะไรที่กูไม่ผิด กูจะไม่ยอมรับเด็ดขาด!
“มึง!!” มันกระชากผมเข้าไปใกล้ นัยน์ตาที่มีไฟลุกโชนอยู่แล้วเมื่อได้ยินผมพูดแบบนั้นไฟก็ยิ่งโหมขึ้นไปอีก มือที่จับข้อศอกผมตอนนี้ ไม่มีความรู้สึกแล้ว
เลือดคงไม่เดิน...
“อ๊ะๆ ค่าจ้าง อย่าลืม วันนี้กูเสียเวลากับมึงทั้งวัน แถมยังเจ็บตัวอีก” ผมพยักเพยิดไปทางนาฬิกา “2 ทุ่มแล้ว เลิกงานสำหรับช่วงกลางวันครับคุณลูกค้า” มอบรอยยิ้มที่คิดว่ากวนตีนที่สุดไปให้มัน “เพราะว่าช่วงกลางคืนมีลูกค้าจองตัวกูไว้แล้ว..ให้เงินดีซะด้วย”
“สัด!!!!”
“อึก!”
คราวนี้ไม่ใช่แค่บีบข้อศอกหรือกระชากแต่อย่างใด มันต่อยผมเข้าที่ท้องเต็มแรง จนผมจุกตัวงอ เท่านั้นยังไม่พอมันคว้าหมับเข้าที่คางผมแล้วบีบจนเจ็บไปหมด
“งั้นกูจ่ายให้ 10 เท่า! แลกกับคืนนี้ที่มึงต้องอยู่กับกู!!” ไอ้โทตะโกนใส่หน้า “อ้อ...แต่ตูดมึงอาจจะขายไม่ได้ไปอีกหลายเดือน...”
สิ้นคำมันก็ลากตัวผมไปยังห้องนอนที่ผมเพิ่งตื่นแล้วเดินออกมาเมื่อครู่ โดนเหวี่ยงลงเตียงกว้างที่ถึงแม้จะนุ่มแต่ก็สามารถทำให้ระบมได้
กางเกงที่เพิ่งใส่ถูกรูดลงไปยังปลายขาพร้อมกับบ๊อกเซอร์ ส่วนตัวมันก็ปลดซิบแล้วโชว์ก้อนเนื้อขนาดใหญ่โตอย่างไม่อายใคร ทุกอย่างนั้นรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน
“ปล่อยกู!!!!”
ทั้งถีบ ทั้งทุบ ทั้งดิ้น แต่นั่นก็เหมือนเป็นการทำร้ายตัวเองมากกว่า คนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ มือหนาแยกขาผมกว้าง สอดนิ้วเข้าไปช่องทางหลังอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ยยยย ไอ้เหี้ยย!! กูเจ็บ!!”
น้ำตาผมเกือบไหล แต่ยัง...จะยังไหลตอนนี้ไม่ได้ ผมยังมีทางสู้ ผมต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้มันเห็น
ถึงผมจะตะโกนไปอย่างนั้น แต่ไม่มีทีท่าว่าไอ้เหี้ยโทจะเอานิ้วออกไปเลย ซ้ำยังเอาอีกมือมาคลึงยอดอกผมจนเจ็บไปหมด ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมสักนิด
“จะแหกปากร้องทำไมวะ!?”
“กูเจ็บไอ้สัด! เอานิ้วออกไป!!!!” ผมตะคอกจนเจ็บคอไปหมด
“หึ ได้” มันยิ้มมุมปาก “เพราะแค่นิ้วคงไม่ถึงใจมึงสินะ”
ไอ้เหี้ยโทถอนนิ้วออกไปจากตัวผม ก่อนจะใช้ลำตัวแทรกเข้ามาหว่างขา ก้อนเนื้ออุ่นๆของมันชนกับก้อนเนื้อของผมอย่างจงใจ
และตอนนี้ผมก็รู้สึกอยากตัดของตัวเองทิ้ง...เพราะมันมีปฏิกิริยาตอบสนอง...
“อยากได้ไอ้นี่ก็บอก” คนตรงหน้าพูดพร้อมกับเบียดของของมันให้หนักหน่วงขึ้น ท่อนเนื้อทั้งสองจากที่เงียบสงบค่อยๆถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแข่งชูหัวอย่างไม่มีใครยอมใคร
ดูเหมือนขนาดของมันจะนำผมไปไกล
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
การที่ผมตกอยู่เป็นฝ่ายล่างแบบนี้ไม่ดีเลย ไหนจะเนื้อตัวบอบช้ำห้อเลือด ร่างกำยำเปลือยเปล่าที่คุกคามผมนั้นเหมือนปราการหินผา ไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด ทุบตีมันไปเท่าไหร่ ผมก็เจ็บตัวเองมากเท่านั้น
“ปะ .. ปล่อย...กู”
เกลียด...เกลียดมัน
แต่ที่เกลียดยิ่งกว่า...คือตัวผมเอง...ที่เริ่มมีอารมณ์คล้อยตาม
“ถึงกูปล่อยมึงไป แต่มึงก็คงไม่อยากไปจากกูตอนนี้หรอก...จริงมั้ย?” ไอ้เหี้ยโทก้มหน้าท้ายประโยค เหมือนกับจะถาม ‘น้องชาย’ ของผมมากกว่า
มือหนาเพิ่มความรัญจวนใจด้วยการกอบกุมท่อนเนื้อทั้ง 2 เข้าไว้ด้วยกันแล้วรูดขึ้นลงเบาๆ ผมหลับตาลง ไม่อยากเห็นภาพนั่น
หากเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคงคุมสติไม่อยู่
ราวกับว่าคนตรงหน้าสามารถรู้ทุกสิ่งที่ผมกำลังนึกคิดหรือแม้กระทั่งความรู้สึก จึงเร่งจังหวะ เร็วขึ้น เร็วขึ้น จนในที่สุดสายธารน้ำขุ่นก็พุ่งออกมาจากน้องชายของผม
“อ๊า...”
“แตกแล้วเหรอ? ไวจริงนะ” ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมา มองไปยังน้ำนมขาวขุ่นที่กระเด็นเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด ปริมาณน้ำมีจำนวนมาก
คงเพราะผมไม่ค่อยได้ช่วยตัวเองบ่อย
ไม่เหมือนคนตรงหน้าที่ท่อนเนื้อขนาดใหญ่ยังคงตั้งตรงแน่วแน่ ไม่มีทีท่าว่าจะพ่นพิษแต่อย่างใด
“เรื่องของกู ปล่อยกูไปได้แล้ว กูจะกลับหอ”
แต่ผมขยับหนีเพียงนิด ไอ้เหี้ยโทก็จับหมับที่หัวเข่าผมทั้ง 2 ข้างแล้วแยกออกกว้าง พยายามฝืนแล้ว แต่ต้านทานแรงของมันไม่ไหว
“อะไรกันครับ? ลูกค้ายังไม่เสร็จเลยนะ ไม่เห็นหรอ?”
“ก็เรื่องของมึง! ชักว่าวเองสิไอ้เหี้ย” ผมเสหน้าไปทางอื่น ไม่อยากเห็นของของมัน
“ปากแบบนี้มันน่าเอาค-ยยัดใส่...แต่เสียดายที่เมื่อเช้าผมไม่ค่อยประทับใจกับการบริการด้วยปากของนะโมสักเท่าไหร่”
มันค่อยๆเอาน้ำขาวขุ่นที่ผมเพิ่งพ่นไปป้ายที่ช่องทางหลัง
และนั่นมันทำให้ผมเสียวสันหลังวาบทันที
“ถ้ามึงเอาตูดกู กูกับมึงไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไป!!!” ผมยื่นคำขาด เผื่อว่ามันจะฉุกคิดขึ้นมาได้บ้าง หากแต่แววตาที่จ้องมองมาทำให้ผมรู้ว่ามันคงไม่ได้ผล
มันไม่ฟังผมเลยสักนิด...ไม่ฟังมาตั้งแต่แรกแล้ว
ความอุ่นที่ผิวสัมผัสของปากทางทำให้ผมรู้ว่ามันจ่อท่อนเนื้อใหญ่โตพยายามดันเข้ามา แต่ก็ไม่เป็นผล
“อย่า!!!!!!”
ผมรวบรวมกำลังทั้งหมดเท่าที่มีแล้วดิ้นสุดแรง ทุบตีข่วนจิก ทำยังไงก็ได้ให้มันล้มเลิกการกระทำบ้าๆนี่!
“โว๊ยแม่ง!” ไอ้เหี้ยโทขบกรามแน่น แล้วจับพลิกตัวผมอย่างไม่ทันระวัง
มือกดศีรษะเพื่อบังคับให้ผมนอนนิ่ง ใบหน้าซุกไปกับเตียงกว้าง อยากจะหันไปด่าแต่ก็ต้องยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไป
“โอ๊ยยยยยย!!!!”
ความเจ็บแล่นปราดพุ่งไปตามแนวสันหลัง ช่องทางที่ไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับสิ่งของใหญ่โตกำลังปวดร้าว ราวกับจะฉีกขาดให้ได้ อะไรบางอย่างกำลังดันเข้ามาในตัวผมอย่างไม่ลดละ
ผมหยุดดิ้น เลิกต่อต้าน .. หากว่ามันจะบรรเทาความเจ็บปวดนี้ลงไปได้บ้าง..แม้แค่ทางกาย..ก็ยังดี
ส่วนจิตใจ...มันแตกสลาย...ย่อยยับ..พังทลาย..ไม่มีเหลือ
“แม่งเอ๊ย..” คนที่กำลังถาโถมแรงกระแทกเข้ามาในร่างกายผมสบถ ช่องทางผมต่อต้าน บีบรัด แต่มันก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้อีกฝ่ายเสพสมในตัวผมอย่างเมามัน
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เอาจริงๆมันก็คงไม่แค่กี่นาที แต่ผมรู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะเกร็งกระตุก เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามันคงไปถึงสุดทางของอารมณ์
ไอ้เหี้ยโทถอดแก่นกายออก ผมรู้สึกได้ว่ามีน้ำอุ่นๆฉีดไปทั่วแผ่นหลัง
จบสักที...
จบแล้ว...
มันจบลงแล้ว...
Next Chapter >> - 5 -
Talk
มันจบลงแล้ว..ตอนนี้ เหนื่อย! กว่าจะบีบเค้นอารมณ์ของตัวเอกออกมาได้ อ๊ากกกกก
ส่วนใครที่ถามหาพาร์ทนายโท กิจภาคิณ...รอไปก่อนนะจ๊ะ
น่าจะมีแหละ เพราะไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่เคลียร์ว่าทำไมนายโทถึงได้ใจร้ายกับหนูนะโมแบบนี้
ละก็เหมือนเดิม..ขอกำลังใจด้วยน๊าาาาาา
(เห็นมั้ย เม้นต์เยอะ อัพไว 5555)
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านค่า
♥