รุกฆาต
ตะวันคล้อยบ่ายแล้ว แต่ร่างสูงยังคงจับจ้อง ร่างบางที่กำลังหลับสนิทอยู่ไม่ห่าง เฝ้ามองคนที่รักสุดหัวใจด้วยความเป็นห่วง มือหนาเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าออกอย่างเบามือ ยิ่งมองก็ยิ่งรัก เขาหลงรักเจ้าของใบหน้างดงามนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แม้ไป๋เซียนจะคนเป็นเย็นชาและมักมีแววถือดีอยู่เสมอ แต่เขากลับรับรู้ได้ว่า คนผู้นี้ เพียงแค่แสแสร้ง แท้จริงแล้วไป๋เซียนเป็นคนอ่อนโยน มากกว่าที่ใครเห็น
“ข้ารักเจ้านะ ไป๋เซียนของข้า” คำบอกรักแผ่วเบาถูกส่งไปให้ร่างที่ยังคงหลับใหล แต่หากในความเป็นจริง เขากับร่างบางนี้ช่างห่างไกลเหลือเกิน วันนี้อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บอกรัก
“อื้อ” เสียงครางเบาๆจากคนที่นอนอยู่บนเตียงทำให้ ชานเหลียนยิ้มอย่างยินดี
“ชานเหลียน” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าคือใคร แววตาคมที่สะท้อนความห่วงใยนั้นทำให้หัวใจของร่างบางเต้นแรง
ข้าเป็นอะไร ไป๋เซียนทำได้เพียงเฝ้าถามตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะหาคำตอบได้
“ท่านไป๋เซียน ข้าน้อยสมควรตาย ได้โปรดลงโทษข้าน้อยด้วยเถิดขอรับ” เสียงทุ้มบอกอย่างหนักแน่น ก่อนที่ร่างสูงจะคุกเข่าลงตรงหน้า
“ชานเหลียน นี่เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าน้อย ทำผิดมหันต์ ความผิดครั้งนี้ขอชดใช้มันด้วยชีวิต เรื่องที่เกิดขึ้นจะตายไปพร้อมกับข้าน้อย โปรดลงโทษด้วยขอรับ” ชานเหลียนบอก ความผิดของเขามันใหญ่หลวงนัก เขาทำลายเกียรติ ทำลายศักดิ์ศรี ของไป๋เซียน เขาไม่มีหน้าที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกแล้ว หากว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูคนนอก เขาจะทำอย่างไร เขาจะไม่ยอมให้คนตรงหน้าถูกนินทาเป็นอันขาด ทางที่ดีที่สุดคือ ให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกับเขาเสียดีกว่า
“ชานเหลียน เจ้า โอ้ย!!” เพราะรีบร้อน ทำให้ร่างบางลืมว่าร่างกายของตนยังไม่พร้อม ทันทีที่ลุกขึ้นความเจ็บกลับแล่นริ้วไปทั่วร่าง จนต้องกลับไปนั่งลงบนเตียงอีกครั้ง
“ท่านไป๋เซียน!!” ชานเหลียน ลนลานเมื่อเห็นอีกฝ่าย นิ่วหน้าก่อนจะเข้าประคองให้ร่างบางกลับไปนอนบนเตียง
“ท่านอย่าเพิ่ง ลุกจากที่นอนเลยขอรับ พักสักหน่อยเถิด ”
“เมื่อครู่ เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าน้อยสมควรตาย ขอรับ ข้าน้อยทำลายเกียรติของท่าน..”
“ชานเหลียน เจ้าไม่ได้ทำลายเกียรติของข้า เพราะเจ้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น อย่าโทษตัวเองเช่นนั้น ลืมมันเสียเถิด คิดเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น นี่คือคำสั่ง” ร่างบางบอกเสียงเรียบ ก่อนจะเสมองนอกหน้าต่าง
“ข้าน้อย รับบัญชา” เสียงทุ้มรับคำ
ความเงียบเข้าแทนที่เมื่อสองคนที่อยู่ในห้องไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวหรือเปล่งคำพูดใดๆอีก ไป๋เซียนเพียงแค่มองไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆเท่านั้น
ไม่ได้ตั้งใจ
สี่คำที่ยังคงดังก้องอยู่ในใจของร่างบาง แม้จะเป็นคนบอกให้ลืม แต่ทำไม หัวใจ จึงเจ็บปวดเช่นนี้ เขากำลังหวังอะไรอยู่ หวังให้ชานเหลียน ไม่ยอมรับคำสั่งเช่นนั้นหรือ แต่มันจะเป็นไปได้เช่นไร เมื่อ เรื่องที่เกิดขึ้น มันเกิดจากความ ไม่ได้ตั้งใจ
ทำไมถึงเจ็บปวด ทั้งๆที่ ไม่ควรเจ็บ
ทำไมถึงยังปล่อยให้ ชานเหลียน มีชีวิตอยู่ได้
เพราะหากเป็นคนอื่น เขาคงสั่งให้มัน ฆ่าตัวตายไปแล้ว
ทำไม กัน ข้าเป็นอะไรไป
ชานเหลียนทำได้เพียงถอนหายใจอย่างหนักเมื่อ อีกฝ่ายสั่งให้ลืม เขาก็คงต้องลืม แต่จะทำเช่นไร เมื่อคนที่เขาได้ครอบครองคือคนที่เป็นเจ้าของหัวใจ
ข้าจะลืมมันได้เช่นไร ท่านไป๋เซียน
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้งก่อนที่คนด้านนอกจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว ร่างอวบมองคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินเข้าไปหาร่างบาง
“กินซะ” ขวดยาถูกยื่นมาตรงหน้าแต่ร่างบางกลับไม่ยอมรับมันไป
“เจ้าจะมาไม้ไหนอีก”
“รับไปเถอะ ยานี่เป็นยาบำรุง ข้าคิดว่าเจ้าจะอ่อนเพลียก็เลยเอายามาให้” ซิ่วหมิ่นบอกเสียงเรียบ
“เจ้าคิดว่า ข้าควรเชื่อคนที่วางยาข้าถึงสองครั้งเช่นนั้นหรือ” ร่าบางบอกอย่างถือดี
“ข้าหวังดี กับเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่กินข้าเองก็คงไม่บังคับ แต่คงต้องทนนอนซมเพราะพิษไข้อีกหลายวันกว่าเจ้าจะกลับแคว้นเยว่ได้”
“ท่านชาย ซิ่วหมิ่น ก่อนที่จะให้ท่านไป๋เซียน ขอให้ข้าลองก่อนได้หรือไม่ ” ชานเหลียนเสนอตัว เขาเองก็ไม่อาจปล่อยให้ร่าง
บางต้องเสี่ยงได้อีกแล้ว ถ้าหากยานี้เป็นยาพิษ เขาเองก็ยินดีตาย หากมันจะทำให้ คนที่เขารักปลอดภัย
“ได้สิ” ชั่ววูบหนึ่งไป๋เซียนคล้ายเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของซิ่วหมิ่นผุดขึ้นแต่มันก็ลับหายไปอย่างรวดเร็ว ชานเหลียนรับยาไปก่อนจะกลืนลงไป ท่ามกลางสายตาของคนทั้งสาม ร่างบางที่อยู่บนเตียงมองร่างสูงที่กินยาแทนเขาอย่างไม่วางตาแม้จะเพียงครู่เดียวที่เห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของซิ่วหมิ่นแต่เขาก็ไม่อยากวางใจ แต่ผ่านไปครึ่งชั่วยามคนตัวสูงกลับไม่เป็นอะไรเลยทำให้ร่างบางคลายกังวลได้เปราะหนึ่ง
“เห็นหรือยังว่ามันไม่ใช่ยาพิษ” ร่างอวบบอกก่อนจะยื่นขวดยาให้อีกฝ่ายรับไป ไป๋เซียนรับยาก่อนจะกลืนลงไปหนึ่งเม็ด แม้จะไม่อยากเชื่อแต่ก็ต้องยอมรับว่า ยาของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาดจริงๆ
แต่ทันใดนั้น…
“อะ อึก” ชานเหลียนที่กินยาเม็ดแรกเข้าไปกลับกระอักเลือดออกมา
“อ๊ากกกกกกก” ร่างสูงตะโกนลั่นก่อนจะทรุดลงไปกับพื้น ร่างกายที่ร้อนราวกับถูกไฟเผา อวัยวะภายในนั้น เจ็บราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทง ทั้งลมปราณยังแตกซ่านจนไม่อาจรวบรวมได้ นี่มัน พิษสลายลมปราณ เช่นนั้นหรือ
“ชานเหลียน ชานเหลียนเจ้าเป็นอะไรไป ชานเหลียน บอกข้าสิ” ร่างบางตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าคนสนิททรุดลงไปพื้น ยิ่งเห็นร่างสูงทุรนทุรายอย่างเจ็บปวด หัวใจก็ยิ่งปวดหนึบ ทั้งๆที่ไม่ใช่ คนที่ถูกพิษ แต่ไป๋เซียนกลับทนแทบไม่ไหว
เจ็บ เจ็บเหลือเกิน
ทำไมถึงเจ็บ เช่นนี้
ร่างบางถามตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เมื่อรับรู้ถึงความชื้นที่ข้างแก้ม ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เขาร้องไห้ ร้องไห้ได้อย่างไร คนอย่างเขานะหรือร้องไห้ เพียงเพราะคนสนิทถูกพิษ เช่นนั้นหรือ
“เจ้าทำอะไรเขา ทำไมชานเหลียนถึงเป็นเช่นนี้ นี่เจ้าวางยาพวกเราอีกครั้งหรือ” ร่างบางตะคอกก่อนจะลนลานเข้าไปประคองคนที่ถูกพิษทั้งน้ำตา
“วางใจเถอะ ยาที่ข้าให้เจ้าเป็นยาบำรุง แต่พอดีว่ายาที่ เขากินไปมันเป็นยาพิษ”
“ส่งยาถอนพิษมาให้ข้าซะ”
“ทำไมข้าต้องให้ยาถอนพิษกับเจ้า ”
“นี่เจ้า!!” ไป๋เซียนแหวลั่น แต่ท่านชายจอมแสบกลับทำเพียงยกยิ้ม
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาตะคอกข้า อย่าลืมชีวิตของ ชานเหลียนอยู่ในมือข้า เพราะพิษสลายลมปราณ นั้นหากไม่ได้ยาถอนพิษภายใน
สามชั่วยาม ลมปราณจะแตกซ่าน อวัยวะภายในจะหยุดทำงาน และจะตายอย่างทรมานที่สุด” ร่างอวบบอกเสียงเหี้ยม
“เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าต้องการให้เจ้า กลับแคว้นเยว่ไปซะ แล้วก็ไม่ต้องมายุ่งกับ พี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าอีก พวกเขาควรได้อยู่อย่างมีความสุข ไม่ใช่ต้องทนอยู่อย่างทรมานเช่นทุกวันนี้ จงกลับไปแล้วยึดอำนาจเยว่อ๋องซะ”
“ไม่ได้!! จื่อเทาต้องกลับไปเป็น เยว่อ๋อง ข้าไม่มีวันยอมให้เขา อยู่กับศัตรูอย่างพวกเจ้า”
“ ได้ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้ชานเหลียนตายไปซะ แล้วเจ้าก็พาจื่อเทากลับไปแคว้นเยว่ ดีไหม ก็แค่ชีวิตของ คนรับใช้คนเดียว เสียไปเจ้าก็คงไม่เสียใจ”
“คิดให้ดีนะ ท่านไป๋เซียน โอกาสของท่านมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าเองสามารถรอเจ้าได้ทั้งชาติ แต่เขาคงรอไม่ไหวหรอกนะ ” ร่างอวบบอกก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์
ไป๋เซียนกำลังคิดหนัก เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรเลือกทางไหน หากเลือก จื่อเทา ชานเหลียนก็คงต้องตาย แต่หากเลือก ชานเหลียน เขาจะมีหน้าไปพบท่านพ่อและบรรพบุรุษแคว้นเยว่ได้อย่างไร
“ทะ ท่าน ไป๋เซียน ไม่ต้องห่วง ข้าน้อยหรอกขอรับ ข้าน้อยไม่เคยกลัวความตาย” เสียงแผ่วเบานั้นบอกก่อนที่ชานเหลียนจะกระอักเลือดออกมาแล้วแน่นิ่งไป ไป๋เซียนร้องลั่นเมื่อจับชีพจรของร่างสูงที่เต้นแผ่วเสียจนแทบไม่ได้ยิน
“ชานเหลียน เจ้าอย่าตายนะ อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งข้าไป” ร่างบางบอกทั้งน้ำตา เขาที่ไม่เคยร้องไห้เลยสักครั้ง กลับร้องไห้เพียงเพราะคนสนิทกำลังจะสิ้นใจ มันน่าขำ มันน่าขำจนเกินไปแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
แต่หัวใจ …. ข้างในมันเจ็บเหลือเกิน ทำไมถึงเจ็บอย่างนี้
“ข้าเลือกแล้ว”
“ดี ท่านเลือกทางใดล่ะ” ซิ่วหมิ่นถามพลางจิบน้ำชาด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน
“ช่วยชานเหลียน แล้วข้าจะทำตามที่เจ้าบอก”
“หึ ได้ ข้าจะช่วยเขา” ซิ่วหมิ่นบอกเสียงเรียบก่อนจะหยิบยาอีกขวดออกมา ก่อนจะให้ร่างสูงกิน
“หวังว่าเจ้าจะทำตามสัญญา” ร่างอวบบอกก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“เดี๋ยว ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้า ช่วยเขาจริง เจ้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าชานเหลียนจะฟื้น” ซิ่วหมิ่นพยักหน้าก่อนจะนั่งลงจิบน้ำชาอย่าง
สบายใจ โดยที่มีจงต้ายืนทำหน้าปั้นยากอยู่ข้างๆ
“อ้อ ข้าลืมบอกเจ้าไป ว่ายาเมื่อครู่ เป็นเพียงแค่ ยาระงับพิษเท่านั้น ยาถอนพิษจะได้ก็ต่อเมื่อเรื่องทุกอย่างยุติลง”
“เจ้า!!” ร่างบางทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์เมื่อ เขาเป็นรองทุกประตู หากทำอะไรบุ่มบ่ามชีวิตของชานเหลียนคงอยู่ใน
อันตราย
“จงต้า ไปช่วยประคองชานเหลียนไปที่เตียงสิ” ร่างอวบสั่งคนรักก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงแล้วจิบน้ำชาอย่างอารมณ์ดี ยังหรอก เรื่องสนุกน่ะ มันหลังจากนี้ต่างหากเล่า
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม คนถูกพิษก็เริ่มรู้สึกตัว ชานเหลียนค่อยๆลืมตาช้าๆ พลางมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดที่ ร่างบางที่กำลังยิ้มทั้งน้ำตา
“ท่านไป๋เซียน ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม ขอรับ” เสียแหบพร่าเอ่ยถาม ก่อนที่มือหนาจะบรรจงเช็ดคราบน้ำที่แก้มนวล
“ไม่ ข้าไม่เป็นอะไร ข้าต่างหากที่ต้องถามเจ้า เจ้าไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่”
“ข้าน้อย ไม่เป็นอะไรขอรับ”
“เหอะ ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่ได้ยินกับหู คงไม่มีทางเชื่อว่า ว่าเจ้าจะรัก ศัตรูได้ถึงเพียงนี้ หลี่เฉียนหลง” เสียงของร่างอวบดังขึ้นก่อนที่จะถูกคนทั้งสามองเป็นตาเดียว
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร” ไป๋เซียนเอ่ยถาม
“ ไป๋เซียน เจ้าคิดว่า โลกนี้มีเพียงเจ้า ผู้เดียวหรือที่สามารถส่ง “คน” เข้าไปแทรกซึมในแคว้นศัตรูได้ เจ้าคิดว่าแผนการของเจ้าล้ำลึกจนไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยหรือ เจ้าคิดว่าการที่เจ้าปลอมตัวเป็นพ่อค้าจะไม่มีใครเฝ้าจับตาเจ้าอยู่หรือ” ร่างอวบบอกเสียงเรียบ
ก่อนจะยกยิ้มที่ทำให้ร่างบางได้แต่กำหมัดแน่น
“เจ้ากำลังพูดถึงอะไร ข้าไม่เข้าใจ แล้ว หลี่เฉียนหลง คือใคร”
“บอก คนที่เจ้ารักไปสิ เฉียนหลง ว่า ความจริงเป็น เช่นไร”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่!!” ร่างบางแหวลั่น แม้ในใจจะเริ่ม สงสัยอะไรบางอย่างแต่เขาก็ไม่อยาก จะคิดต่อ
ไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้
“ได้ในเมื่อ เขาไม่ยอมพูด ข้าก็จะบอกเจ้าเอง ฟังให้ดี ท่านไป๋เซียน หลี่เฉียนหลง ก็คือ คนที่อยู่ตรงหน้าเจ้า พู่ชานเหลียน อย่างไรเล่า” ซิ่วหมิ่นเว้นวรรค เพื่อลอบมองร่างบางก่อนจะแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีตกใจไม่น้อย
“เฉียนหลง คือ องค์รักษ์ คนสนิทของพี่ชายข้าอีกคน ด้วยเพลงกระบี่ที่เก่งกาจ ทำให้เขาถูกส่งไปสืบข่าวในแคว้นเยว่เมื่อ 8 ปีก่อน แต่แล้ว เขากลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าเราจะพยายามตามหาเท่าไหร่กลับไม่พบแม้แต่เงาของเขา แต่เจ้ารู้ไหม เมื่อ 1 ปีก่อน อี้ชิงบอกข้าว่าได้พบกับ เฉียนหลง แต่ เขากลายเป็น ชานเหลียน คนสนิทของ ท่านไป๋เซียนไปเสียแล้ว เจ้าว่า มันน่าขำไหม ที่คนที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยจะกลายเป็นองครักษ์ขอเจ้า เฮ้อ สงสัยข้าจะพูดมากเกินไปแล้ว คอแห้งเหลือเกิน จงต้าเรากลับกันเถอะ ปล่อยให้คนรักเขาคุยภาษาใจกันดีกว่า อ้อ อย่าลืมสัญญาล่ะเพราะหากเจ้าไม่ทำ ชานเหลียนก็คงต้องตาย แต่ถ้าเจ้าจะปล่อยให้เขาตาย ข้าก็ไม่ได้ห้ามเพราะโทษของคนทรยศ คือความตาย!!” ร่างอวบบอกก่อนจะเดินไปปลดโซ่ของร่างบางและคนป่วยออก เมื่อเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว
“เจ้ากำลังตำหนิ ข้าอยู่ใช่ไหม จงต้า”
“ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้า จะ..”
“ฆ่าคน” ร่างอวบบอกเสียงเรียบ
“จงต้า เจ้าคิดว่า คนอย่างข้า ฆ่าคนได้จริงหรือ”
“ไม่ ข้าเชื่อว่าตัวเองดูคนไม่ผิด เจ้าไม่มีทางโหดเหี้ยมพอที่จะฆ่าใคร เจ้าต้องคิดแผนเผื่อไว้แล้วหากว่า ท่านไป๋เซียนเลือกบ้านเมือง” จงต้าบอกด้วยเสียงหนักแน่น ก่อนจะรวบร่างอวบเข้ามากอด
“เปล่าเลย ข้าไม่เคยคิดแผนสำรองเอาไว้” หลังจากที่คนรักพูดจบ จงต้าได้แต่ทำหน้าสงสัยจนซิ่วหมิ่นอดหัวเราะไม่ได้
“เจ้าซื่อบื้อ ไป๋เซียนไม่มีทางเลือกอย่างอื่นได้หรอก เพราะเขารัก ชานเหลียน เขาต้องเลือกรักษาชีวิตของชานเหลียนอย่างแน่นอน ”
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร ในเมื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาเกิดจาก แผน ของเจ้า”
“จงต้า เจ้าไม่เห็นแววตาที่พวกเขามองกันหรือ การกระทำของไป๋เซียนมันบ่งบอกอยู่แล้วว่า พวกเขารักกัน ข้าก็แค่ช่วยให้พวกเขารับรู้หัวใจตัวเองเร็วขึ้นก็เท่านั้น ”
“แต่ ชานเหลียน คือคนแคว้นอู๋ ท่านไป๋เซียนยังจะช่วยอีกหรือ”
“เจ้าอย่าดูถูก ความรักสิ จะอู๋ หรือ เยว่ มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญอีกแล้ว เมื่อวันนี้ สองแคว้นรวมเป็นหนึ่งและดูเหมือนว่าจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญ ถ้าไป๋เซียนเลือกชานเหลียน ความแค้นของทั้งสองแคว้นก็จบลงด้วยดี คราวนี้ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนแคว้นไหน ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
“ข้าเลือกคนไม่ผิดจริงๆด้วยสินะ ฉลาดมาก ที่รักของข้า” จงต้าบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มอวบเป็นรางวัล
........................TBC............................
พลิกล็อค กันน่าดูถล่มทลายยยยยยยยย
อิอิ ปริ่มมากมันจิจบแล้ว เย่ๆๆๆ
ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงวันนี้
สำหรับผลงานชิ้นต่อไป จะพยายามลงในปีนี้ ฮี่ๆ
คือ รักวุ้นๆกรุ่นกาแฟ ซีรี่ย์เรื่องที่สาม จาก เล่ห์ ร้อย รัก
และ ผู้กองที่รัก ภาค 2
ฝากติดตามด้วยนะคะ