…………………..17 (อดีต)…………….
นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมอยู่ที่นี่ 1วัน 5 วัน หรือ 10 วันกันแน่ ผมปรือตามองที่เพดานสีขาวก่อนจะยกยิ้มสมเพชตัวเอง ร่างกายถูกกระทำเรื่องแบบนั้นไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ร่างกายที่มีแต่ร่องรอยของความเกลียดและความแค้นนี่ทำให้ผมขยะแขยงตัวเองเต็มทน ผมอยากให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแค่ฝัน ฝันร้ายที่เมื่อตื่นขึ้นมา ผมยังเป็นนายเมฆาคนเดิม แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันคือ
“ความจริง” ทำไมผมไม่ตายๆไปซะนะ ถ้าผมตายไปมันจะเจ็บปวดน้อยลงหรือเปล่า
“หึ เป็นไงครับน้องเมฆ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ผมทำได้แค่ปรายตามองก่อนจะเสมองไปนอกหน้าตาง
“อย่าทำเมิน ผัว ตัวเองแบบนี้สิครับ ไม่น่ารักเลยนะ” เขาบอกพลางกดจมูกลงบนแก้มของผมไปด้วย
“หึ” ผมได้แต่แค่นเสียงก่อนจะเบี่ยงตัวหลบสัมผัสที่น่ารังเกียจนั่น
“เมินให้ได้ตลอดนะครับ แล้วพี่จะคอยดูว่าเมฆจะอดทนได้นานแค่ไหน” เขาบอกเสียงเหี้ยม ก่อนจะเดินออกไป
ผมต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน ต้องทนเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของเขาจนถึงเมื่อไหร่ ผมทำผิดมากใช่ไหม ทำผิดมากเหรอ ผมไม่ได้ต้องการให้พี่ฟ้าตายสักนิด
“กินซะ”ชามข้าวต้มถูกยื่นมาตรงหน้า พร้อมกับที่ร่างสูงของพี่ใหญ่นั่งลงข้างเตียง
“ผมไม่กิน” ผมบอกก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง
เพล้ง!! ชามข้าวต้มถูกวางลงบนโต๊ะข้างเตียงอย่างแรงก่อนที่มือหนาจะบีบปลายคางผมแน่น
“กินๆเข้าไปซะ อย่าเรื่องมาก พี่ไม่ได้มีความอดทนขนาดนั้นนะครับ” เขาบอกเสียงแข็ง ก่อนจะตักข้าวต้มจ่อที่ปากผม ผมได้แต่ปิดปากแน่น ก่อนจะพยายามสะบัดหน้าให้หลุดจากมือหนา
“อย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหมห่ะ!!!” เขาตะคอกดังลั่นก่อน
“พี่ก็ปล่อยผมไปซะทีสิ!!” ผมตะคอกกลับบ้าง
“ปล่อยเหรอ เหอะ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่มีวันปล่อยให้เมฆไปมีความสุขอีกแล้ว เมฆต้องอยู่ที่นี่ อยู่เพื่อชดเชยความผิดทั้งหมดที่เมฆทำ”
“พี่จะทำมันเพื่ออะไร ต่อให้พี่ขังผมไปจนตาย พี่ฟ้าไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก”
“เพื่อความสะใจไงครับ การเห็นเมฆทรมานมันคือความสุขของพี่ ยิ่งเมฆทรมานมากเท่าไหร่พี่ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น” เขาบอกเสียงเย็น
“หายสงสัยหรือยังครับ ถ้าหายแล้วก็กินซะอย่าให้พี่ต้องโมโห” เขาบอกพรางตักข้าวต้มจ่อที่ปากผมอีกรอบ
“ผมไม่กิน!!” ผมแหวลั่นก่อนจะปัดมือหนาออกจนช้อนกระเด็นไปไกล
“สงสัยพี่จะใจดีกับเมฆมากไปสินะ ” เขาบอกพลางยกยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบช้อนแล้วตักข้าวต้มอีกครั้ง
“กินซะ!!” มือหนาบีบปลายคางผมแน่น พลางยัดช้อนที่มีข้าวต้มร้อนๆเข้ามาในปาก
“อื้อออออออออ” ผมปิดหากแน่น แม้ว่าจะเจ็บจากแรงบีบมากแค่ไหนก็ตาม
“อยากลองดีกับพี่หรือไงครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม
ผมเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่อยากเสวนากับเขาไปมากกว่านี้
เพล้ง!! เสียงชามข้าวต้มกระทบถูกผนังทำให้ตอนนี้ พื้นห้องเต็มไปด้วยเศษข้าวต้มที่หกเลอะเทอะ
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน ถ้าเมฆอยากลองดีกับพี่นัก ก็ทำให้มันได้ตลอดนะครับ” เขาบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ก็ดีเหมือนกัน ถ้าไม่ได้กินข้าว อีกไม่นานก็คงตายสินะครับ หึ บางทีการตายๆไปซะ มันอาจจะดีกับที่สุดก็ได้
“อื้อออออ” ผมครางแผ่วเมื่อรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างบอกไม่ถูก หรือว่าผมจะเป็นไข้กันนะ หนังตาหนักอึ้งทำให้ผมไม่อาจลืมตาได้แม้ว่า ผมจะอยากลืมแค่ไหนก็ตาม
“อื้อออออออ” ความเย็นจากอะไรบางอย่างที่มาสัมผัสร่างกายทำให้ผมสะดุ้ง แม้ว่าผมจะยังพอมีสติแต่มันก็น้อยเต็มทน ผมลืมตามองไม่
ได้ผมไม่รู้ว่า คนที่กำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่ตอนนี้เป็นใคร แต่มันคงไม่ใช่ คนๆนั้นแน่นอน บางทีอาจจะเป็นแม่บ้านที่เขาจ้างมาก็ได้ ผมคิด
ก่อนที่สติสุดท้ายจะหลุดลอยไปเพราะพิษไข้
………………………………………………………………………………………
“เป็นไงบ้าง พี่หมอ” เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยเอ่ยขึ้น
“ไข้ลดแล้วล่ะ เรื่องไม่สบายน่ะ มันเรื่องเล็กแต่เรื่องใหญ่มันคือเรื่องที่แกทำอยู่ต่างหาก ไอ้ใหญ่ พี่ว่าทางที่ดีปล่อยเขาไปซะ บอกตรงๆว่า
พี่สงสาร” เสียงอีกเสียงหนึ่งเอ่ยตอบ มันเป็นเสียงที่ผมไม่คุ้นเคยหนักแต่ผมก็ไม่กล้าลืมตาขึ้นมองเพราะผมไม่อยากให้อีกคนที่อยู่ด้วยรู้ว่าผมตื่นแล้ว
“ผมว่าเราพูดเรื่องนี้กัน จบแล้วนะพี่ ผมบอกแล้วไงว่าห้ามพี่ยุ่งเรื่องของผม ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม”
“หึ พี่บอกในฐานะที่เป็นพี่ชายแก พี่เข้าใจว่าแกเสียใจที่แฟนแกตาย แต่มันไม่ใช่ความผิดของน้องเขานะ มันเป็นอุบัติเหตุเมื่อไหร่แกจะ
เข้าใจสักทีห่ะ” คนที่ถูกเรียกว่า “พี่หมอ” เอ่ยอย่างอ่อนใจ
“หึ อุบัติเหตุเหรอ มันไม่ใช่หรอก เรื่องทุกอย่างมันเป็นเพราะ คนที่พี่กำลังสงสารอยู่นั่นแหล่ะ ถ้าเมฆไม่ทำอะไรแบบนั้น ฟ้าก็คงไม่เสียใจ ไม่กินเหล้า แล้วรถก็คงไม่ชน ผมพูดถูกไหม เรื่องทุกอย่ามันก็มีต้นเหตุมาจาก คนๆนี้ทั้งนั้น!!!” แม้ไม่ได้ลืมตาแต่ผมก็ยังรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดของอีกคน เขาคงจะแค้นผมมากสินะ
“เฮ้อ พี่ว่าแกน่าจะหัดใจเย็นกว่านี้นะ ลองคิดแล้วก็ทบทวนดูดีๆว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดจากอะไรกันแน่ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็โยนความผิดให้คนอื่น แกโตพอที่จะคิดอะไรได้แล้วนะเว้ย”
“พี่ไม่ต้องมาสอน ผมรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังทำอะไร และผมก็ไม่มีวันที่จะเปลี่ยนใจเด็ดขาด ”
“ไอ้ใหญ่!!!” พี่หมอแหวลั่น เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังพูดไม่รู้เรื่อง
“ทำไม หรือพี่จะแจ้งตำรวจให้มาจับผม เอาเลยสิ ผมไม่กลัว” เสียงนิ่งบอกอย่างท้าทาย
“เฮ้อ พี่ไม่รู้จะพูดกับแกยังไงแล้วนะใหญ่ เอาเป็นว่าพี่จะไม่แจ้งตำรวจมาจับแกหรอก แต่พี่แค่อยากเตือน ทำอะไรคิดให้รอบคอบ คิดให้ดีๆ พี่ไม่อยากให้แกเสียใจทีหลัง ถึงตอนนั้นมันแก้ไขอะไรไม่ทันแล้วนะ ”
“ผมไม่เคยเสียใจ ในสิ่งที่ทำ” เสียงนั้นเอ่ยบอก
“เอาเถอะ พี่ไปล่ะ เดี๋ยวต้องเข้าเวรอีก อย่าลืมให้น้องเขากินยาด้วยล่ะ”
ปัง!! เสียงประตูถูกปิดลงพร้อมกับที่ผมลืมตาขึ้นมา คนสองคนที่อยู่ในห้องออกไปแล้ว เหลือไว้แค่ซองยาสองสามซองที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ผมมองมันอย่างเหนื่อยใจ ทำไมเขาถึงไม่ปล่อยให้ผมตายๆไปเลยนะ ถ้าผมตายไป เขาจะได้สมใจสักที
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆเอ่ยถาม
“ก็เห็นอยู่ ถามทำไมครับ” ผมตอบ
“หึ ตื่นมาก็ดี กินข้าวแล้วก็กินยาซะ ” เขาบอกพลางวางชามข้าวต้มไว้ข้างๆ
“ผมไม่กิน”
“แต่เมฆต้องกิน” เขาบอกเสียงนิ่งก่อนที่มือหนาจะบีบปลายคางผมเอาไว้แน่น พลางพยายามยัดข้าวต้มร้อนๆเข้ามาในปากผม
“อื้อ แค่กๆๆ ” ผมไอตัวโยน เพราะสำลัก แต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดยัดเหยียดให้ผมกินสักนิด
“อย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหมเมฆ กินๆเข้า ซะ “ เขาบอกพลางพยายามยัดเข้าต้มเข้ามาอีก แต่ผมก็ไม่ยอมเปิดปาก
“โถ่เว้ย!! อะไรกันหนักหนาว่ะ” ร่างสูงที่เหมือนจะสติแตกไปแล้วสบถลั่น แววตาที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราดทำให้ผมเผลอกลืนน้ำลายอย่างหวาดกลัว ผมรู้ดีว่า คนๆนี้ทำได้ทุกอย่าง ถ้าคิดจะทำ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ทำให้ สะดุ้ง ก่อนที่ร่างสูงจะกดรับอย่างหัวเสีย แล้วเดินออกไปคุยข้างนอก
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย โลกภายนอกที่ใกล้แค่เอื้อมแต่ผมกลับไม่สามารถออกไปได้ ผมกำลังโหยหาอิสระ แต่ในใจก็มีแต่ความสับสน จริงๆแล้ว บ่วงที่คล้องผมเอาไว้มันคืออะไร ผมหนีไปไม่ได้หรือผมเองที่ไม่ยอมหนีไป กันแน่
“ใส่ซะ!!” เสื้อผ้าถูกโยนมาให้ก่อนที่เขาจะแกะเชือกที่มืออกให้ ผมมองอย่างไม่เข้าใจ นี่เขากำลังจะทำอะไรอีกเหรอ
“เอ๋าใส่สิครับน้องเมฆ หรือว่าติดใจอยากให้พี่ทำต่อครับ หึ” เขาสั่งเสียงเข้ม
ผมไม่ตอบแต่หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาใส่แทนแม้ว่ามันจะลำบากและรู้สึกเจ็บร้าวทุกครั้งที่ขยับตัวแต่ผมจะไม่มีวันขอความช่วยเหลือจากเขาเด็ดขาด ไม่มีวัน!!
“มองพี่ตาขวางแบบนั้นทำไมครับ แค้นหรือไง หึ เรื่องทุกอย่างมันเกิดจากเมฆทำตัวเองทั้งนั้นถ้าจะแค้นก็แค้นตัวเองดีกว่าไหมครับ” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ใส่เสร็จแล้วก็ลุกขึ้นแล้วตามพี่มาซะ!!” เขาสั่งพลางลากผมให้ออกมาจากห้องด้วย มันนานกี่วันแล้วนะที่ผมไม่ได้เห็นโลกภายนอก ผมนึกว่าตัวเองจะถูกขังอยู่ในห้องแคบๆนั่นจนตายซะอีก
“ใจคอจะเงียบไปถึงเมื่อไหร่ จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าพี่จะพาเมฆไปไหน” เขาถามระหว่างที่ขับรถออกมา แต่ผมก็เลือกที่จะเงียบแล้วมองไปรอบตัวแทน ผมเพิ่งรู้ว่าที่นี่เป็นบ้านชั้นเดียวที่อยู่ชานเมือง บ้านหลังเล็กๆที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม่แต่น่าเสียดายนะครับ ที่บ้านที่น่าอยู่แบบนี้ผมกลับพบแต่ความทรงจำที่เลวร้าย
“ลงไปได้แล้ว” เขาบอกเสียงเย็น ก่อนที่ผมจะเพิ่งสังเกตว่ารถคันหรูมาจอดที่หน้าหอของผมกับไอ้เล็กแล้ว ผมมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาต้องการอะไรกันแน่
“อย่าบอกนะว่าพี่จะปล่อยผมกลับบ้านน่ะ” ผมถามขึ้นหลังจากที่เก็บความสงสัยมานาน
“ทำไมครับ ไม่อยากกลับเพราะติดใจพี่หรือไง”
“หยุดคิดอะไร สกปรกๆแบบนั้นซะที ” ผมบอกเสียงเย็น
“สกปรก หึ ถ้าพี่สกปรกเมฆก็คงไม่ต่างกันอย่ามาทำปากดีกับพี่นะครับ เพราะความอดทนของพี่ไม่ได้มีสูง ลงไปซะก่อนที่เมฆจะไม่มีโอกาสได้ลงไป” เขาบอกเสียงเย็น
ผมเปิดประตูรถก่อนจะลงมาด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็ดีแล้วล่ะ ฝันร้ายของผมมันจบลงแล้วใช่ไหม ผมไม่จำเป็นต้องเป็นที่รองรับความโกรธ ความเกลียดของเขาอีกแล้วใช่ไหม
“อ้อ พี่ลืมบอกไป จงใช้ชีวิตในตอนนี้ให้คุ้มซะ เพราะเมื่อไหร่ที่เมฆเจอพี่อีกครั้ง เมฆจะไม่มีวันได้แม้แต่เฉียดคำว่า “ความสุข” อีกเลย”
..................TBC......................
ตอนนี้ เป็นอดีตตอนสุดท้ายนะคะ แต่อาจไม่ท้ายสุด
งงไหมอ่ะ พิตกลัวคนอ่าน งง อารมณ์ อีพี่ใหญ่มันก็ขึ้นๆ ลงๆ
แบบนี้แระ
ปล พิตว่า พระเอกพิตโรคจิต ทุกเรื่องเลยอ่ะ ก๊ากๆๆๆ