= 2 = “สวย..ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์พี่ครับ รู้ไหมพี่ห่วงเราแค่ไหน” รู้ตัวไม่ควรใส่อารมณ์ แต่อดใจไม่ได้จริงๆ ตามเป็นหน้าเป็นหลังจนหัวหมุน ในใจพลอยกังวลสารพัด
เพิ่งรู้ผมแคร์ความรู้สึกกระสวยเอามากๆนี้แหละ ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ให้ใครมาก่อน
แม้แต่แก้วอยู่ด้วยกันกว่า 2 ปี ผมยังไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
“ขอโทษค่ะ สวยอยากอยู่เงียบๆ” เสียงเรียบเรื่อยตอบกลับมา ไม่แม้แต่จะเงยหน้าสบตาผมด้วยซ้ำ
ทำให้ใจอ่อนยวบทันควัน ค่อยย่อตัวลงนั่งตรงหน้าเธอ
“สวยโธ่!!..ร้องทำไมครับคนดี อย่าร้องนะครับ” ใจหล่นวูบเลย ตาคมสวยรื้นไปด้วยน้ำวาววับ
สองแก้มใสอาบน้ำตาไหลเป็นทาง เธอไม่แม้แต่จะสะอื้นให้เห็น ไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เป็นการร้องอย่างเงียบๆ
ผมถึงไม่เฉลียวใจแต่แรกว่าสวยกำลังร้องไห้ พอผมทักหลังมือขาวรีบปาดทิ้งตาม เลยต้องคว้าข้อมือเธอไว้
ค่อยเกลี่ยเช็ดให้ด้วยนิ้วผมอย่างนุ่มนวล รู้สึกปวดแปลบข้างใน อยู่กันมาจวนครบปีไม่เคยเห็นเธอร้องไห้
หรืออ่อนแอเลยสักครั้ง เพิ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยนะ
“ขอโทษ..พี่ผิดเองที่พาแก้วมา” ยอมรับผิดจากหัวใจ
“ไม่เกี่ยวกับพี่ครนี่ค่ะ อย่าโทษตัวเองเลย ที่จริงเธอพูดถูก แม่ผู้ให้กำเนิดย่อมน้อยใจเป็นธรรมดา
ลูกจำไม่ได้ว่าเธอคือแม่ เป็นสวยคงเสียใจไม่ต่างกัน พี่ครหวังให้แม่ลูกได้เจอหน้ากัน กระแตต้องการกำลังใจในการฟื้นตัว
ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องกีดกันไม่ให้แม่ลูกพบหน้านี่คะ” คำพูดของกระสวยทุกถ้อยความ เหมือนนั่งอยู่กลางใจผมเลย
ลุกเบียดตัวลงนั่งข้างเธอ ก่อนรวบไหล่บางเข้ามาเอนซบอย่างอ่อนโยน เวลานี้ผมอยากให้เธอรับรู้ว่า
แคร์คนในอ้อมกอดที่สุด ถ่ายทอดสัมผัสให้เธอรู้
“ขอบคุณมากครับ ที่สวยเข้าใจความรู้สึกของพี่ มีแต่สวยที่รู้จักตัวตนของพี่มากกว่าใคร”
ไม่ได้แกล้งชมเลยสักนิด ผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ
“สวยบอกแล้วว่าสวยเข้าใจ พี่ครเลิกกังวลเถอะค่ะ ทำให้เครียดเปล่าๆ ไม่ดีต่อสุขภาพเลยนะคะ”
กลายเป็นเธอดันปลอบผมเสียเอง
“หึหึ!..กลัวพี่เครียด แล้วแอบมานั่งร้องไห้ทำไมครับ ไหนบอกเข้าใจพี่” อดแหย่ไม่ได้
“ที่ร้องแค่รู้สึกสมเพชตัวเอง สวยไม่ได้เป็นแม่ของกระแตจริงๆ สวยก็คน..บางครั้งแอบรู้สึกอิจฉาบ้าง”
คำพูดตรงๆของกระสวย ทำผมยิ้ม ไม่คิดว่าลึกๆคนที่นิ่งสงบเย็นเป็นน้ำ พูดแต่ละทีแสนประหยัดคำ
จะมีมุมน้อยใจอิจฉาเป็นกับเขาด้วย แต่ก็แหละเธอบอกหยกๆ อารมณ์เหล่านี้ย่อมมีกันได้เป็นปกติธรรมดา
“ไปอิจฉาทำไม พวกเขาเสียอีกที่ต้องอิจฉาสวย” พูดอย่างใจคิด ร่างบางขืนตัวสบตาผมแล้ว
“อิจฉา..อิจฉาสวยทำไมคะ” หน้าใสซื่อรอคำตอบ แสดงว่าเธอไม่เข้าใจประโยคที่ผมพูด
“อิจฉาสิ โลกนี้มีใครสักกี่คนที่มีหัวใจงดงามอย่างสวย บริสุทธิ์ทั้งความคิดและการกระทำ
หายากสุดๆทุกวันนี้ พวกเขาต่างหากต้องเป็นฝ่ายอิจฉาสวย” จ้องตอบเธอเพื่อยืนยันผมพูดจากใจจริง
เรียกเลือดฝาดขึ้นหน้าเธอทันตา ดูสวยหวานเอามากๆ แสงไฟสลัวที่เปิดทั่วสวน ขับความงามของกระสวย
ดูน่าลุ่มหลงเพิ่มขึ้นไปอีก
“พี่คร..อย่าค่ะไม่เหมาะนะคะ” ผมรีบถอยศีรษะออกห่างใบหน้าผุดผาดทันที หลังกระสวยยันหน้าอก
พร้อมห้ามปรามเอาไว้ นี่ผมเผลอลืมตัวก้มจูบเธอดื้อๆเสียอย่างนั้น ไม่เคยมีสักครั้งที่อารมณ์อยู่เหนือสติของผม
ผมอยู่กับหลวงตาเป็นเด็กวัดมาก่อน การควบคุมตัวเองให้อยู่กับสติย่อมทำได้ดีกว่าคนทั่วไปมากนัก
ถึงไม่ค่อยรุนแรงหยาบคาย แม้จะโดนกระทำใส่ออกบ่อยๆ ตอนนี้ผมกลับไม่สามารถหักห้ามใจอยากจูบสวยไว้ได้
หากไม่ได้รับการขืนตัวเตือน คงห่ามทำอะไรกลางที่สาธารณะไปแล้ว
“ขอโทษครับ พี่ลืมตัวไปหน่อย” รีบแก้ตัวตาม
“ช่างเถอะค่ะ เรามานานแล้ว กลับเข้าไปดูลูกดีกว่า ปานนี้ไม่รู้กระแตกระวนกระวายหาอยู่หรือเปล่า”
คำพูดของกระสวยทำให้ได้คิด จึงพากันกลับขึ้นไปหาลูกโดยไม่รอช้า
“คิกๆๆ!!..” เสียงหัวเราะดังให้ได้ยิน หลังเปิดประตูเข้าไปเงียบๆ กระแตนอนบนเตียงใบหน้าเปื้อนยิ้มอารมณ์ดี
แก้วนั่งเก้าอี้ข้างเตียงที่สวยชอบนั่งประจำ ไม่รู้คุยอะไรอยู่ลูกถึงได้หัวเราะอารมณ์ดีอย่างที่เห็น แม้จะรู้นิสัยลูกเข้าคนง่าย
แต่ไม่เคยเห็นอาการหัวเราะร่าแบบนี้บ่อยนัก ถ้าไม่ใช่กับคนสนิทชิดเชื้อด้วยล่ะก็
“คุณพ่อคุณแม่ขา มากันแล้วเหรอคะ” ลูกสาวตัวน้อยเรียกเราสองคนหลังเหลือบมาเห็น
ทำให้แก้วหันมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนค่อยกลายเป็นนิ่งเฉย หลังจ้องมือผมที่กุมมือกระสวยยืนข้างกัน
“มาแล้วค่ะคนเก่ง พ่อกับแม่ลงไปทำธุระแป๊บเดียว เห็นหัวเราะสนุกสนานอารมณ์ดีอะไรอยู่คะ”
ผมกระตุกมือจูงกระสวยมาอีกฝั่งเตียง พร้อมก้มลงไปคุยกับลูก
“มะ..แม่แก้ว เล่าเรื่องแมวกินหนูแล้วมันตะกละ ท้องอืดเดินไม่ไหวหนูขำคะ” เจ้าหญิงน้อยยิ้มแก้มปริ
คงขำจริงอย่างที่บอก ที่แปลกใจคือลูกเรียกแก้วว่าแม่ใช้เวลาไม่นาน แก้วมีความสามารถมากทำให้ลูกเรียกเธอแบบนี้
แต่กลับมีชื่อตามหลัง แตกต่างเรียกกระสวย ‘แม่’ เพียงพยางค์เดียว
“เหรอคะ..พ่อว่าได้เวลาเจ้าหญิงน้อยต้องพักผ่อนแล้วจ๊ะ ให้แม่แปรงฟันก่อนนอนได้แล้วนะคะ”
ผมบอกลูกสาว ก่อนส่งสัญญาณให้กระสวย ซึ่งรู้หน้าที่เข้าไปเตรียมอุปกรณ์ในห้องน้ำ พาลูกแปรงฟันเข้านอน
หลังกระสวยปลีกตัวไป ผมยังคงหยอกล้อลูกเรื่อยเปื่อย กระแตดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
อย่างน้อยแก้วไม่ได้สร้างปัญหา สำนึกความเป็นแม่ที่เธอมี คงรู้ลูกอยู่ในภาวะอันตราย
หากกระทบกระเทือนสภาพจิตใจ ซึ่งบอบบางเป็นอย่างมาก
“ขอบใจ..ฉันทำเองดีกว่า” พอกระสวยถืออ่างใส่น้ำ พร้อมแปรงฟันอันเล็กป้ายยามาเรียบร้อย
แถมผ้าขนหนูเตรียมเช็ดปากด้วย แก้วขอจัดการเสียเอง
“แก้วพี่ว่า ให้สวยทำดีกว่า..สวยทำประจำ น้ำจะได้ไม่หกเลอะเสื้อลูก
ยุ่งยากต้องขอพยาบาลเขาเอามาให้เปลี่ยนอีก” ผมรีบออกตัว หลังกระสวยหน้าเจื่อนอีกครั้ง
“พี่ครคงลืมไปแล้วมั้ง แก้วเลี้ยงลูกตั้งแต่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่สิ..ตั้งแต่อยู่ในท้อง
เรื่องแค่นี้ทำไมแก้วจะไม่ระวัง” คำพูดของเธอทำเอาผมอึ้งไปไม่เป็น กระแตเริ่มมองพวกเราไปมาแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ให้คุณแก้วทำเถอะพี่คร” สวยคงจับสังเกตลูกได้ เลยตัดบทยกทุกอย่างในมือให้แก้วรับไปจัดการ
ก่อนปลีกตัวไปนั่งโซฟามองอย่างเงียบๆ ผมยังคงยืนข้างเตียงอีกฝั่ง เผื่อแก้วทำพลาดจะได้ช่วยทัน
แต่แก้วก็สามารถทำได้ดีไม่มีปัญหา
“อ่ะ..เรียบร้อยแล้วจ๊ะ คนเก่งของแม่..ได้เวลานอนแล้วใช่ไหมค่ะ หนูหลับเถอะ..
พรุ่งนี้แม่จะมาอยู่เป็นเพื่อนทั้งวันเลย” แก้ววางของทุกอย่างบนโต๊ะหัวเตียง พร้อมกับลูบหัวลูกเบาๆ
“มาอยู่กับหนูจริงเหรอค่ะ” กระแตย้ำเธอ
“จริงสิจ๊ะ แม่เคยโกหกหนูที่ไหน แต่มีข้อแม้แม่มาอยู่กับหนู ซื้อขนมมาฝากด้วย
หนูต้องไม่ดื้อหลับตาพักผ่อนก่อนตกลงไหม” เธอมีลูกล่อลูกชนไม่เลวทีเดียว
“จะกลับแล้วเหรอคะ” กระแตเป็นเด็กฉลาด มักถามสิ่งที่เหนือความคาดหมายเสมอ
“หนูหลับแล้วแม่ค่อยกลับ” เธอบอกลูก
“ไม่เอาสิคะ กลับก่อนหนูค่อยหลับ” กระแตต่อรอง
“เหรอจ๊ะ..ถ้างั้นแม่กลับนะ แล้วยังไงพรุ่งนี้แม่มาแต่เช้า หนูต้องสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี รับปากก่อนสิคะ”
“ค่ะ..หนูสัญญา” กระแตยื่นนิ้วก้อยให้ เป็นกิริยาที่เธอทำประจำเวลาสัญญาอะไร ซึ่งกระสวยสอนตั้งแต่เด็ก
เจ้าหญิงน้อยจำมาตั้งแต่นั้น พอรับปากต้องเกี่ยวก้อยทุกครั้ง แก้วชะงักไปครู่ ก่อนยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วเล็กๆตอบกับลูก
“แม่กลับก่อนนะจ๊ะ” เธอพูดพร้อมกับเดินอ้อมเตียงลูกมาฝั่งผม กระแตน้อยยิ้มให้แทน
“ไปก่อนค่ะ..พี่คร”
“อ๊ะ!.” ตกใจสิครับ จู่ๆ เธอฉกริมฝีปากจุ๊บแก้มผมไปที ไม่คิดเธอจะทำแบบนี้ไม่ทันระวัง
รอยยิ้มมุมปากส่งท้ายก่อนร่างระหงของแก้วจะเดินตัวปลิวออกจากห้อง มีหันมาบอกกระสวยอีกว่า
“ฝากอ่างไปเก็บล้างด้วยนะคะ” ผมอึ้งเลยครับ ติดที่กระแตจ้องผมอยู่สายตาลูกยังไม่เท่าไหร่
แต่แววตาวูบไหวของกระสวยนี่สิ ทำเอารู้สึกอยู่ไม่ค่อยสุขแล้วตอนนี้
“เหะๆ! เขาลาพ่อครับ หนูหลับนะคะ” รีบออกตัวกับลูกคนแรก ใช้เวลาพาลูกเข้านอนเรียบร้อย
แน่ใจกระแตหลับแล้ว ถึงตรงเข้ามากุมมือของกระสวย เชยคางมนขึ้นสบตาผมนิ่ง
“ไม่คิดมากใช่ไหม พี่ไม่รู้ล่วงหน้าแก้วจะทำแบบนี้” จ้องตาเธอ อยากให้เธอมองเห็นความจริงในคำพูดผมด้วย
“ค่ะ..สวยเข้าใจ” น้ำเสียงที่ตอบกลับ ฟังดูไม่มีอะไรในนั้น แต่ผมกลับรู้สึกโหวงแปลกๆ จนปัญญาพูดอะไรได้อีก
ในเมื่อสวยยืนยันไม่คิดอะไรพานจนคำพูด หลังปิดไฟเสร็จก็กลับมาล้มตัวนอนกอดกระสวยบนโซฟา
ซึ่งสามารถปรับเป็นเตียงนอนได้ ในหัวคิดสะระตะ เหลือบดูคนในอ้อมแขนที่ซุกหน้าอยู่อกผม
เห็นหลับตาหายใจสม่ำเสมอ คงหลับไปแล้ว แต่ผมกลับหลับตาไม่ลง..แก้วทำแบบนี้ทำไม..?
มาลงต่อให้แล้วนะคะ เรื่องนี้เหลืออีกแค่ 3 ตอนจบแล้วนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอด ยังไงก็รอตามกันต่อไป
Luk.
