มาลงให้ก่อนเลยค่ะ
เห็นเม้นท์กันกระจาย แรงๆทั้งนั้นกระสวยร้อยหัวใจ
Part 8 “พี่ครไปก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวสวยตามไป” แอบสงสัย วันนี้กระสวยมาแปลก จู่ๆบอกให้ผมไปโรงบาลก่อน ตัวเองตามไปทีหลัง
“ทำไมครับ สวยติดธุระอยู่เหรอ”
“สวยเคลียร์บัญชีร้านไม่เสร็จ ยังมีรายการของสดกับของแห้งอีก สวยต้องรีบเช็คให้ละเอียด
ไม่งั้นพรุ่งนี้พวกเด็กๆไปตลาดไม่ทันซื้อของค่ะ ปลายเดือนร้านขายดี สวยตามไปไม่เกินทุ่มหรอกค่ะ”
เธอยืนยันหนักแน่น สีหน้าแววตาจริงจังผมได้แต่พยักหน้ารับ ก่อนเดินขึ้นห้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
กลับลงมาเรียกแท็กซี่ดิ่งโรงบาลทันที จันนากลับมาแล้ว วันนี้แก้วขอดูแลกระแตเอง
ผมไม่ได้ว่าอะไร เมื่อวานแก้วพูดแหมบๆจะมาอยู่ดูแลทำความคุ้นเคยกับลูก
“มาแล้วเหรอคะ..พี่คร” แก้วหันมายิ้มสวย ผมเปิดประตูเข้าไป
แค่พยักหน้ารับคำทักทาย รีบตรงเข้าไปดูลูกที่เตียง
“หลับอยู่ค่ะ..เหนื่อยทั้งวันลูกไม่ยอมหลับ รบเร้าให้แก้วเล่าเรื่องแกให้ฟังตั้งแต่แก้วรู้ตัวว่าท้อง”
ผมชะงัก หันไปมองหน้าแก้ว
“ทำไมคะ” ถามเหมือนไม่เข้าใจ
“อยู่ๆกระแตจะอยากรู้ได้ยังไง แก้วคงเริ่มสินะ”
“แล้วไม่จริงตรงไหน แก้วเป็นแม่ของลูก อุ้มท้องแกมาดูแลตั้งแต่คลอดผ้าขี้ผ้าเยี่ยวไม่ใช่แก้วเหรอคะที่ดูแลลูก”
ผมอึ้ง..เธอรักลูกหรือกำลังลำเลิกบุญคุณกันแน่
“แก้ว..พี่ไม่เถียงสิ่งที่แก้วพูด แก้วคิดบ้างไหมหลังจากลูกยอมรับแก้วแล้วยังไงต่อ แก้วหายหน้าไปลูกจะรู้สึกยังไง
เคยสนใจความรู้สึกของลูกบ้างไหม ลูกยังเล็กแก้วจากไปไม่เคยคิดห่วงลูกสักนิด ว่าลูกจะอยู่ยังไง ใครจะดูแล”
ผมได้โอกาสคุยกับเธอ หลังเก็บไปคิดทั้งคืน
“เหอะ..พี่พูดเหมือนแก้วเป็นแม่ใจยักษ์ แล้วเป็นอะไรไหมล่ะคะ ทุกวันนี้พี่กับลูกยังคงสุขสบายดี
สบายจนสามารถผ่าตัดไม่ลำบาก ลูกอยู่ห้องพิเศษฟู่ฟ่าทั้งพ่อทั้งลูก ยังหาแม่ใหม่ผิดเพศให้ลูกเรียกแม่ได้หน้าตาเฉย
อย่าบอกทุกอย่างเป็นเงินของอีกะเทยนั่น” สันดานเดิมไม่เคยเปลี่ยน คำพูดหยาบคายรุนแรงเริ่มไหลจากปาก
ดีน้ำเสียงเธอยังควบคุมไม่ให้ดังจนทำให้ลูกตื่น
“ใช่!..พี่ยอมรับอย่างไม่อาย เงินที่รักษาดูแลลูกเป็นของกระสวย ที่อยู่ที่กินอุปถัมภ์โดยกระสวยหมด
ช่วงที่พี่เจอปัญหาไหนต้องทำงานเลี้ยงลูกอีก พี่จะทำงานได้ยังไงถ้าไม่ได้สวย เราพ่อลูกคงมาไม่ถึงวันนี้ง่ายๆ
พี่ไม่อายถ้าแก้วจะตราหน้าเป็นไอ้หน้าตัวเมียเกาะคนที่แก้วเรียกว่ากะเทย แล้วแก้วล่ะ..ต่อว่าพี่
แก้วทำหน้าที่ของแม่ที่ดีกับลูกหรือยัง ลูกหัวใจรั่ว หมอบอกเกิดจากผลของเด็กในท้องแม่ไม่ดูแลครรภ์ให้ดี
ช่วงนั้นพี่จำได้แก้วทั้งสูบบุหรี่กินเหล้า เห็นหรือยังว่าส่งผลให้ลูกเป็นแบบนี้ แก้วทิ้งลูกเอาตัวรอดเพียงลำพัง
ไม่ใช่พี่ไม่รู้..วันที่เราเจอกันในห้างสิ้นปี แก้วเดินควงผู้ชายฐานะดี เคยหยิบยื่นปัจจัยสี่ให้ลูกไหม
ไม่เคยแม้แต่คิดกลับมาเยี่ยมลูก ผ่านเป็นปีโผล่มาทวงสิทธิ์ความเป็นแม่ ถ้าพี่ไม่เห็นใจ
พี่กล้าพูดเต็มปากสิทธิ์ความเป็นแม่ของแก้วหมดไปตั้งแต่วันที่แก้วปล่อยมือจากลูกแล้ว”
เป็นการโต้เถียงครั้งแรกสำหรับผมกับแก้ว ตลอดมาได้แต่หันหลังหนีไปสงบสติอารมณ์
ไม่คิดต่อปากต่อคำกับเธอมาก่อน ครั้งนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อครอบครัวที่ผมต้องปกป้อง
ลูกและเมียของผม กระสวยคนเดียวที่ผมยกให้เป็นเมียและแม่ของกระแตอย่างไม่มีข้อกังขา
“อึก..ฮือๆ!!..พี่ครไม่เคยด่าแก้วมาก่อน พี่เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ พี่ครคนที่แก้วรู้จักไม่เคยทำกิริยาแบบนี้
รู้ไหมคำว่าสุขสบายในความคิดพี่ แก้วไม่เคยได้สัมผัส..ผู้ชายคนนั้นแค่หยิบยื่นที่อยู่ที่กินกับเงินไว้ใช้จ่าย
ในภาวะที่ไม่มีทางไป แก้วทิ้งพวกพี่เหรอ..ทำไมไม่มองมุมกลับ
ไม่มีแก้วพี่กับลูกลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้อีก ลำพังปากท้องพี่กับลูกคงไม่ลำบากหรอกเทียบกับเงินเดือนพี่แล้ว
แก้วยอมมาลำบากไม่อยู่เป็นภาระให้พวกพี่ ยังกล้าด่าแก้วเห็นแก่ตัวอีกเหรอคะ กล่าวหาไม่คิดถึงลูก
ใจแก้วอยากไปเยี่ยมลูกกับพี่ใจจะขาด แต่แก้วทำไม่ได้มันยังมีไม่มากพอ
แก้วตั้งใจได้เงินสักก้อนค่อยกลับไปหาพี่ ไม่คิดพี่จะมีคนใหม่เร็วอย่างนี้ แถมยังให้ลูกลืมแก้ว
ซึ่งเป็นแม่ที่ให้กำเนิดแกอีก ทั้งหมดที่พี่ทำไม่ทำร้ายจิตใจแก้วเลยงั้นสินะ”
ผมอึ้ง..แพ้น้ำตาผู้หญิงเป็นเรื่องปกติของผม ยิ่งร้องไห้น้ำตาทะลักตัดพ้อต่อขานแบบนี้
เงียบดีกว่าไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด รอเธอสงบสติอารมณ์ตัวเองลงก่อน
“จากนี้แก้วไม่หายหน้าไปไหนแล้ว แก้วขออยู่ดูแลลูก เว้นเสียแต่พี่ครไม่ต้องการแก้วแล้ว”
คราวนี้ผมตกใจสิ จู่ๆเธอดันพูดแบบนี้ขึ้นมา
“หมายความว่าไง” ไม่ได้โง่ อยากย้ำเธอพูดผิดไปหรือเปล่า
“พี่ครถามแก้ว เล่าเรื่องลูกอยู่ในท้องให้กระแตฟังทำไม หากลูกผูกพันกับแก้วแล้วหายหัวไปอีก
ไม่คิดถึงความรู้สึกลูกเหรอ แก้วบอกพี่อยู่นี่ไงเพราะคิดถึงความรู้สึกลูก แก้วจึงเล่าความจริงให้ลูกรับรู้
ตั้งใจอยู่ดูแลลูกกับพี่ครไปตลอด ไม่ไปไหนแล้ว” คราวนี้ชัดเลย ไม่ต้องทวนให้เสียเวลา
“แก้วพี่ขอพูดตรงๆ ระหว่างพี่กับแก้วจบไปแล้ว เราไม่สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้
ตอนนี้พี่มีเมียใหม่แล้ว..สวยคือคนที่พี่รัก ส่วนลูกพี่คงยกให้ไปอยู่กับแก้วไม่ได้ แต่พี่ไม่ห้ามถ้าแก้วจะมาเยี่ยมลูก”
“หึ!..แก้วมีอะไรที่สู้กะเทยนั่นไม่ได้ ถึงมันจะสวยก็เถอะ แต่ยังไงก็เป็นผู้ชาย
อย่าบอกพี่ครติดใจประตูหลังจนกู่ไม่กลับ” เธอแว้ดอีกแล้ว
“แก้ว!..หัดให้เกียรติพี่บ้าง ถึงไม่ให้เกียรติพี่ แก้วไม่ควรทำลูกตื่น เห็นอยู่ลูกหลับ
ความจริงพี่ไม่จำเป็นต้องตอบด้วยซ้ำ แต่ให้แก้วรู้ไว้บ้างก็ดี สิ่งที่สวยมีแก้วไม่เคยมีให้พี่
คือการให้เกียรติยังไงครับ พี่ได้ชื่อว่าผัวสวยไม่เคยแว้ดขึ้นเสียงใส่ ไม่เคยต่อว่าชวนทะเลาะ
ที่สำคัญไม่เคยดูหมิ่นน้ำใจพี่ แค่ข้อนี้ข้อเดียวแก้วไม่ติดฝุ่นแล้ว ไม่เกี่ยวกับได้หลังลืมหน้า
ต่อให้สวยเป็นผู้หญิงหยาดฟ้ามาดิน แต่นิสัยไม่ใช่แบบนี้ พี่คงแค่ฟันเล่นไม่คิดยกเป็นเมีย
หรือแม่ของกระแตหรอกครับ” ไม่ไว้หน้าแล้วสำหรับผม หลังฟังเธอสบประมาทพาดพิงเสียหายมาเยอะ
“พี่คร..พี่ใจร้ายมาก” เธอลุกยืนประจันหน้า ผมไม่ขยับถอยจ้องตาเธอตอบ
ให้รู้ว่าทุกคำพูดของผมออกจากใจล้วนๆ
“พี่เป็นคนอ่อนโยนโดยตลอด แก้วไม่เชื่อคนที่ได้ชื่อเป็นแม่ของลูกพี่ เคยเป็นเมียพี่มาก่อน
ระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน แม้พี่ไม่เคยเอ่ยคำว่ารักแก้วเลยสักครั้ง อย่างน้อยความผูกพันที่เคยมีกันมา
พี่ใจร้ายไม่เหลียวแลแก้วได้ลงคอเชียวเหรอคะ พี่ไม่อยากรู้เลยหรือ แก้วมาเจอพี่ที่นี่ได้ยังไง”
เธอหยุดไว้ ผมไม่ถามได้แต่รอ เดี๋ยวเธอก็ต้องพูดอยู่ดี
“นี่ไง..ความจริง” เธอเปิดกระเป๋าสะพายล้วงซองจดหมายสีขาวออกมายื่นให้ผม
จ้องหน้าเธอนิ่ง..ไม่เข้าใจเธอต้องการอะไรถึงส่งสิ่งนี้ให้
“เปิดอ่านสิคะ พี่จะได้รู้” พอเธอบอก ผมเปิดซองดึงกระดาษ A4
หัวจดหมายโรงพยาบาลเด่นหรา พร้อมคำวินิจฉัยโรคของแพทย์เฉพาะทาง
“คุณเป็นมะเร็งมดลูกระยะสุดท้าย” บทสรุปที่ผมกวาดสายตาอ่านซ้ำสองรอบ ทำให้อึ้งพูดไม่ออก
“ใจร้ายกับแก้วลงคอเชียวเหรอ..อึก..ฮือๆๆ..พี่ก็รู้แก้วตัวคนเดียวไม่เหลือใครแล้ว
น้าของแก้วคงไม่กล้าบากหน้าไปเจอแกตั้งแต่วันที่โกหกเรื่องเรียน กระทั่งท้องแก้วไม่เคยติดต่อไปอีกเลย
พี่ยังใจร้ายกับแก้วได้ลงคอจริงหรือคะ” เธอไม่พูดเปล่าโผเข้ากอดซุกหน้าอกผมร้องไห้สะอึกสะอื้น
ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ไม่คิดชีวิตแก้วจะเจอเรื่องเลวร้ายเพียงนี้ แค่ปีเดียวเธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ทำไมมันลุกลามรวดเร็วขนาดนี้ เป็นไปได้ยังไง
“แก้ว..ทำไมถึงรู้ช้า” เห็นเธอร้องสะอึกสะอื้นจนตัวสั่น อดไม่ได้ค่อยเอื้อมมือลูบหัวปลอบเบาๆ
ชีวิตคนๆหนึ่งที่ได้ชื่อว่าแม่ของลูกเคยอยู่กินกับผม กำลังจะจากไปด้วยโรคร้าย ไม่รู้สิผมใจร้ายกับเธอไม่ลง
แก้วพูดไม่ผิดเธอไม่เหลือใครจริงๆ แก้วตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร
ชีวิตของเธอถ้าจากไปด้วยวัยเพียงเท่านี้ ถือว่าอายุขัยสั้นมากๆ
“แล้วแฟนแก้วล่ะ” ผู้ชายคนนั้นดูรู้เขามีฐานะทีเดียว
“เขาเลิกกับแก้วแล้ว แก้วไม่สามารถให้ความสุขเขาได้ แก้วเจ็บมากไม่เคยเป็นมาก่อน
เข้าใจว่าปวดประจำเดือน กินยาร้านมาเรื่อยๆ พอเขาขอมีอะไรด้วยแก้วทนเจ็บไม่ไหว พอเริ่มมาตรวจหาสาเหตุ
มันลุกลามจนระยะสุดท้ายแล้ว หมอไม่สามารถช่วยอะไรได้ หากให้เคมีคงไม่ต่างกับซากศพ แก้วอยากไป
ด้วยสภาพที่ใกล้เคียงปัจจุบัน ไม่อยากผมร่วงหมดหัว ผอมซูบจนหนังติดกระดูก
ตัวซีดเป็นผีตายซาก พี่ครเข้าใจแก้วใช่ไหม”
“แล้วหมอบอกไหม แก้วเหลือเวลาอีกเท่าไหร่”
“อย่างเร็วไม่เกินสามเดือน อย่างช้าไม่เกินหกเดือน” พูดจบเธอซุกหน้ามุดอกผมร้องใหญ่
เลยได้แต่ลูบหัวลูบหลังปลอบโยนเท่าที่ทำได้ กว่าแก้วจะสงบลืมเวลาไปเลย
ดูนาฬิกาตรงผนังทุ่มครึ่งเข้าไปแล้ว ทำไมกระสวยยังมาไม่ถึงอีก
“แก้ว..พี่ขอตัวโทรศัพท์หน่อย” เธอล้างหน้าล้างตาสดชื่นขึ้นแล้ว ผมปลีกตัวออกมาโทรหากระสวย
“หมายเลยที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ๆๆ!!” เป็นแบบนี้ซ้ำๆ จนต้องโทรเข้ามือถือจันนา
“สวัสดีค่ะพี่คร” ปลายสายรับ
“จันนา พี่สวยล่ะออกมาหรือยัง”
“พี่สวยออกไปตั้งแต่หกโมงแล้วค่ะ” งงหนักเข้าไปใหญ่ เริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
ห่วงกระสวยมากทำไมยังมาไม่ถึง เกิดอะไรระหว่างทาง โทรศัพท์กระสวยไม่เคยติดต่อไม่ได้มาก่อน
“เหรอ..พี่ไม่เจอ ยังไงรอก่อนแล้วกัน” วางสายกลับเข้าข้างใน พยาบาลเดินมาพอดี ในมือหิ้วถุงสองสามใบ
“เจอพ่อคนป่วยพอดี แม่ของเด็กฝากไว้ พยาบาลติดงานอยู่เลยไม่ได้เอามาให้แต่แรก” คิ้วกระตุกเลยครับ
“หมายความว่าแม่เด็กมาถึงนานแล้วเหรอครับ” รู้สึกโหวงวูบ
“ค่ะ..มากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วนี่คะ ยังแปลกใจอยู่เลยทำไมไม่เอาเข้าไปให้เอง ดูเธอรีบๆเลยไม่กล้าถาม”
ยุ่งสิงานนี้ ถ้ากระสวยมาเจอผมยืนปลอบแก้วอยู่ ต้องเข้าใจผิดแน่ๆ
“ขอบคุณมากครับ” ผมรับถุงจากพยาบาล ผลักเข้าไปข้างใน รีบวางของทั้งหมดบนโต๊ะกลาง
“แก้ว..พี่ฝากดูลูกก่อน พี่ติดธุระ” พูดจบตั้งท่าออกประตู
“จะรีบไปตามแฟนใหม่หรือคะ” แก้วพูดเหมือนรู้ ผมหันมองเธอ
“ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะ เธอเห็นเรากอดกัน พี่คงลืมแก้วหันหน้าออกประตูแต่พี่หันหลัง” ให้ตาย..เดาไว้ไม่ผิด
“แล้วทำไมแก้วไม่สะกิดบอกพี่” เผลอตะคอกเธออย่างนึกโมโห
ดีที่กระแตหลับลึก ลูกคงเพลียจัดถึงไม่รู้สึกตัวตื่น
“จำเป็นแก้วต้องบอก ถ้าเธอถึงกับไม่ไว้ใจพี่ เคลือบแคลงสงสัย ก็ไม่เหมาะเป็นเมียพี่เป็นแม่ของกระแต
คนที่รู้จักพี่ดีที่สุด ย่อมรู้พี่ไม่รักใคร เธอได้รับเกียรตินั้น แต่ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ถือเป็นกรรมของเธอเอง
อาจไม่ใช่เนื้อคู่ของพี่ก็ได้” ฟังแล้วผมแทบอยากบีบคอจริงๆ ไม่ติดคนตรงหน้าคือคนที่รู้กำหนดวันตายตัวเองแล้วล่ะก็
ผมคงบีบคอเธอไปแล้ว
“ใครเจออย่างกระสวย ต่อให้เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งแค่ไหน มีสิทธิ์เข้าใจผิดทั้งนั้นแหละ
ยิ่งแก้วเป็นแฟนเก่า สวยเขาไม่ผิดที่จะคิดมาก แก้วไม่สมควรไปตัดสินกระสวยด้วยซ้ำ
พี่เสียใจจริงๆที่ใจอ่อน เลยเจอปัญหา” อดตัดพ้อไม่ได้ ไม่เพราะผมสงสารเธอคงไม่ทำให้เธอทดสอบบ้าๆนี้
“พี่ครรักเธอมากสินะ ถึงออกโรงปกป้อง แก้วไม่เคยได้รับสายตาการแสดงออกเหมือนที่พี่มีให้เธอ
ทั้งที่แก้วได้ชื่อแม่ของลูก..รู้ไหมสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แก้วตัดสินใจหันหลังทิ้งพี่กับลูกมาสร้างโอกาส
ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน พี่ดีกับแก้วทุกอย่างเว้นอย่างเดียว พี่ใช้ความรู้สึกรับผิดชอบ
ไม่ใช่ความรู้สึกของคนรักมอบให้แก้ว ส่วนแก้วรักพี่ไปแล้วอย่างถอนตัวถอนใจไม่ขึ้น
ถ้าแก้วไม่รักพี่คงไม่เก็บลูกไว้ ทำแท้งไปนานแล้ว..อายุแก้วพี่คงไม่คิดสินะ ว่าจะยอมแลกอนาคตกับผู้ชาย
ที่ตัวเองเผลอรักโดยไม่รู้ตัว นี่ไงล่ะคือความผิดพลาดในชีวิตที่แก้วเจอ ไม่ใช่พลาดที่มีลูก แก้วพลาดที่รักพี่..จำไว้ด้วย”
พูดจบเธอปิดหน้าสะอื้นไห้ ผมอึ้งเป็นรอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ชั่วโมงนี้ไม่มีเวลาทำความเข้าใจมากนัก
คนที่ผมห่วงความรู้สึกมากสุด ไม่รู้เตลิดไปไหนแล้ว ไม่เสียเวลาผลุนผลันเปิดประตูออกมาเลย
มือกดเบอร์จันนาสอบถามกระสวยกลับบ้านหรือยัง คำตอบไม่มีใครเห็น กระสวยยังไม่กลับโทรศัพท์ปิดเครื่อง..
ในใจร้อนรนไปหมด นั่งแท็กซี่ตระเวนมองข้างทางตลอด ไม่เห็นแม้แต่เงาของกระสวย
วนกลับมาบ้านขึ้นไปดูที่ห้อง เจอแต่ความว่างเปล่า ยืนยันกระสวยไม่ได้กลับมา
ออกจากบ้าน นั่งรถตระเวนหาตามที่ต่างๆที่พอนึกได้ว่ากระสวยอาจจะไป แต่ก็ไม่เจอ..
กระทั่งกลับมาโรงบาลอีกรอบ ตรงดิ่งไปสวนหย่อมที่กระสวยเคยหลบมานั่งสงบสติอารมณ์เมื่อค่ำวาน
ไม่เจอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนที่อ่อนโยน อ่อนหวานจิตใจดีงาม บทใจเด็ดก็เด็ดจนผมกังวลไปหมด
เทียวหาแทบหมดแรง ดูเวลาปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ทรุดนั่งมือกุมขมับตรงม้าใต้ต้นไม้สวนหย่อม
ที่เดิมตรงเรานั่งกันเมื่อวาน บรรยากาศโดยรอบร้างผู้คนจนหมด แถมยังมืดสลัวแสงไฟไม่ได้สว่างจ้าเลยแม้แต่น้อย
“ติ๊ดๆ!!” เสียงข้อความมือถือผมเข้า รีบกดดูเบอร์กระสวย ดีใจจนน้ำตาไหล ก่อนกดอ่านอย่างเร่งร้อน
“สวยขอโทษ..ที่ทำให้เป็นห่วง พี่ไม่ต้องตามหาฝากดูแลน้องๆที่ร้านด้วย สวยคงไม่อยู่สักพัก
ไม่แน่ใจกี่เดือนกี่ปี ส่วนบ้านกับร้านยกให้พี่ดูแลนะคะ จันนากับคนอื่นๆ สามารถปรุงอาหารได้ปกติ
พี่ไม่ต้องตามสวย ไม่ได้อยู่ในไทยแล้ว หลังจากนี้เบอร์สวยคงไม่ได้ใช้
ขอให้พี่กับลูกมีความสุขพร้อมหน้าครอบครัวสมบูรณ์ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งที่ทำให้
สวยมีความสุขตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากวาสนามีต่อกัน สวยคงได้เจอพี่กับลูกอีก
ในฐานะใดสวยไม่กล้าอาจเอื้อม กระสวยคนที่รักพี่หมดหัวใจ” น้ำตาผมทะลัก ไม่เหลือศักดิ์ศรีลูกผู้ชายแล้ว
ใครว่าผู้ชายเสียใจไม่เป็น ผมไม่เคยร้องไห้เสียใจเป็นเต่าเผาเหมือนครั้งนี้มาก่อน
ตอนแก้วทิ้งไปไม่เจ็บปวดทรมานเหมือนใจขาดรอนอย่างตอนนี้ ผมเพิ่งรู้หัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆเป็นยังไง
ต่อเมื่อเจอกับตัวเอง..สติที่เหลือทำให้รีบพิมพ์ข้อความส่งกลับไป แม้ไม่แน่ใจปลายทางจะได้อ่านหรือไม่
สวยปิดเครื่องไปแล้วหรือยัง อย่างน้อยดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
“ไม่ว่าสวยจะเข้าใจพี่ยังไง ขอให้สวยรู้ไว้พี่ไม่เคยทรยศหักหลังความรักของเรา
คนที่พี่รักสุดหัวใจคือสวยคนเดียวเท่านั้น พี่จะรักและรอสวยตลอดไป ไม่ว่ากี่วันกี่เดือนกี่ปี
พี่จะรอสวยอยู่ที่บ้านของเราไม่ไปไหน กลับมาหาพี่นะ..คนดี” คือสิ่งที่ผมทำได้ ก้มหน้าฟุบท่อนแขน
ร้องจนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด หลังทดสอบกดโทรไปแล้วไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมพลาดเองที่ประมาท
คนนิ่งพูดน้อย ใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยน เปื้อนยิ้มละไมอยู่ตลอดเวลา เป็นคนใจเด็ดตัดสินใจทีเดียว
ผมลืมคิดถึงข้อนี้ ทุกครั้งการตัดสินใจของกระสวยไม่เคยมีลังเล ไม่ว่าเรื่องชวนผมมาอยู่ด้วย เรื่องเงินรักษากระแต
กระสวยไม่เคยลังเล กระทั่งเรื่องยอมเป็นของผม เธอเตรียมใจล่วงหน้าเสมอ เหมือนเรื่องนี้..กระสวยเผื่อใจแต่แรก
ผมจับพิรุธตั้งแต่เมื่อวาน คำว่าอิจฉาที่ไม่ได้เป็นแม่ผู้ให้กำเนิดกระแต มีความนัยแฝงในนั้น กระสวยแค่รอการพิสูจน์
แต่ผมพลาดข้ามมาเพียงคืนเดียวทำให้เธอมาเจอภาพบาดตาบาดใจด้วยตัวเอง
สมควรแล้วที่โดนลงโทษ แค่อยากอ้อนวอนเบื้องบน ให้สงสารผมกับลูกด้วย กระแตจะเป็นยังไงหลังจากนี้
ไม่เห็นหน้ากระสวย แน่ใจเหรอว่าแก้วจะทดแทนกระสวยได้ ผมรู้ลูกผูกพันสวยแค่ไหน ภาวนาอย่างเดียว
กระแตคงไม่มีอาการทรุดหนัก หากไม่เจอกระสวย เป็นไปได้ต้องหาข้อแก้ตัวเตรียมเอาไว้ ตอนนี้สมองผมตื้อไปหมด
นึกอะไรไม่ออก ไม่กล้ากลับขึ้นห้องไปดูหน้าลูกด้วยซ้ำ สภาพตาบวมแดงผ่านการร้องไห้หนัก ที่สำคัญผมกลัวเจอคำถาม
’พ่อจ๋า..แม่หนูไปไหน’ นี้ต่างหากที่ผมกลัวสุดๆ...
เหลืออีก 2 ตอนนะคะ สำหรับกระสวยร้อยหัวใจ
นึกแล้วก็ไวเหมือนโกหก ไม่ทันไรเรื่องสั้นของเราเดินทางมาถึงอวสานแล้ว
อย่าลืมไปติดตาม My Love กันต่อนะคะ
Luk.
