"โห ไอ้เหม เค้าจะกลับกันหมดแล้ว ไม่มาพรุ่งนี้เลยหละ" เสียงร้องทักเชิงบ่นจากชายหน้าตี๋ ไม่ได้ทำให้คนที่มากับผมเดือดร้อนสักเท่าไหร่
พี่เหมแค่ยักไหล่ แล้วตอบอย่างไม่ยี่หระ "เออ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูค่อยมาละกัน"
พี่คนที่ร้องทักรีบจับแขนพี่เหมไว้ แล้วบอก "เฮ้ยๆ ไม่ต้องเลย มานั่งๆ สัด แค่นี้ทำเป็นน้อยใจ"
พี่เหมทำเสียงหึในลำคอ คนอย่างพี่เหมหนะเหรอจะน้อยใจ รำคาญเสียงบ่นซะมากกว่า
"แล้วนั่นพาใครมาด้วย อย่าบอกนะว่าเลขาคนใหม่" พี่ที่จับแขนที่พี่เหมถาม เมื่อเห็นว่าผมยืนอยู่ข้างๆ
"แฟนกู" พี่เหมตอบเรียบๆ แล้วบอกกับผม "เพื่อนพี่"
ผมยกมือไหว้ ไม่รู้ใครเป็นใครเพราะพี่เหมไม่ได้แนะนำรายตัว "สวัสดีครับ"
คนที่อยู่ในโตีะยกมือรับไหว้ผมและมองมาเหมือนอึ้ง ทำไมต้องอึ้งผมก็ไม่เข้าใจ หรือพี่เหมไม่เคยมีแฟน... หลังจากนั้นพี่ที่ร้องทักพี่เหมก็บอก "หวัดดีครับ พี่ชื่ออั๋นนะ ส่วนนั่นไอ้แฟรงค์ ไอ้ดิน ไอ้กรณ์ ไอ้มิว... แล้วน้องหละ ชื่อไร"
"ฟ่างครับ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับน้องฟ่าง ผสมอะไรดีครับ เดี๋ยวพี่ชงให้" พี่อั๋นถาม
แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ พี่เหมก็ตอบแทนซะก่อน "เป๊บซี่"
"โอเค ผสมเป๊บซี่นะ ไอ้ดินหยิบเป๊บซี่มาดิ๊"
"เป๊บซี่เพียวๆ" พี่เหมบอกเรียบๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ
"เฮ้ย ไรวะ มาเที่ยวทั้งจะให้น้องมันกินแค่เป๊บซี่เนี่ยนะ แอลกอฮอล์มันก็ต้องมีบ้าง"
พี่เหมมองหน้าพี่อั๋นนิ่งๆ "มันเป็นแฟนมึงเหรอ"
พี่อั๋นหน้าเสียนิดหนึ่ง ก่อนจะแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน "เป็นแฟนกูก็ดีสิ น่ารักขนาดนี้" แต่พี่เหมไม่ตลกด้วย ยังคงมองหน้าพี่อั๋นนิ่งๆ เหมือนเดิม จนอีกฝ่ายต้องบอก "เออๆ ไม่ใช่แฟนกู น้องมันเป็นแฟนมึง พอใจยัง"
"ถ้าเป็นแฟนกูมึงก็ไม่ต้องเสือก กูจะให้มันกินอะไรมึงก็ไม่ต้องแย้ง"
พี่อั๋นยักไหล่ ก่อนจะบอก "โทษที กูลืมไปว่ามึงไม่ชอบให้ยุ่งกับเด็กมึง"
"คราวหลังก็จำไว้ อย่ายุ่งกับเรื่องของกู"
"เฮ้ย เรื่องไม่เป็นเรื่องน่า ไอ้อั๋นมันก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ" พี่คนที่ชื่อกรณ์เอ่ยแทรกขึ้นมา
"มึงเสือกอะไรด้วย กูคุยกับไอ้อั๋น"
ถ้าปล่อยไว้ สถานการณ์คงจะบานปลายไปมากกว่านี้อีก ผมจึงรีบบอก "เอ่อ...คือ ผมคอแห้ง ขอเป๊บซี่ได้มั้ยครับ"
"ได้สิ อ๊ะ นี่ครับ" พี่คนนี้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อแฟรงค์ เพราะหน้าเหมือนฝรั่ง
ผมยื่นมือไปรับแก้วที่พี่เขาส่งให้ แล้วยิ้มให้ "ขอบคุณครับ"
พี่เขาก็ยิ้มให้ ก่อนจะทำท่าเหมือนสะดุ้ง แล้วยกแก้วเหล้าตัวเองกระดกลงคอ... ผมหันมองตามสายตาพี่แฟรงค์ก็เห็นพี่เหมทำหน้านิ่งๆ เหมือนเดิม แต่ตายังไม่หายดุ สงสัยจะเคืองพี่อั๋นอยู่ -_-!
หลังจากเหตุการณ์ระทึกขวัญผ่านไป พี่อั๋นก็เรียกพนักงานให้นำเมนูมาให้ผมกับพี่เหม "สั่งตามสบายเลยนะครับ มื้อนี้ไอ้เหมเป็นเจ้ามือ" ซึ่งพี่เหมก็ไม่ว่าอะไร แค่ยกเหล้าขึ้นจิบ
"พี่เหมจะสั่งอะไรมั้ยครับ" ผมถามเมื่อไม่เห็นพี่เหมหยิบเมนูขึ้นมาดู
พี่เหมส่ายหน้าปฏิเสธ "สั่งเถอะ พี่ไม่หิว"
ผมมองอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง ตั้งแต่รู้จักกันมา ผมเห็นพี่เหมแตะอาหารน้อยมาก ตอนเช้าก็ดื่มแต่กาแฟ ตอนเย็นก็แทบจะไม่เคยทานข้าว ไม่รู้กลางวันทานอะไรหรือเปล่า ผอมจนแก้มตอบหมดแล้ว... คิดแล้วผมก็ดันเผลอเอานิ้วไปแตะที่แก้มของพี่เหม พี่เขาก็เลยหันมามองแล้วเลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ผมส่ายหน้าไม่อยากเซ้าซี้ ถึงพูดไปก็ไม่เคยฟัง แต่คิ้วพี่เหมก็ยิ่งเลิกขึ้นสูงไปอีก ผมเลยตัดสินใจบอก "ไม่ทานอะไร แก้มตอบหมดแล้ว"
พี่เหมส่งเสียงหึในลำคอ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอีกครั้ง แล้วไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้พี่เหมยกแขนขึ้นมาพาดพนักพิงของเก้าอี้ผม ก่อนจะเอียงศีรษะมามองเมนูที่ผมถืออยู่ แล้วชี้ไปที่ทอดมันกุ้ง "เอานี่ก็ได้"
"ข้าวด้วยนะครับ" ผมคะยั้นคะยอ อยากให้อีกฝ่ายทานอะไรมากกว่านี้... พี่เหมก็หันมามองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นเหมือนจะบอกว่า 'ได้คืบจะเอาศอก' แต่ผมก็ทำใจดีสู้เสือ ยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดให้ แล้วอ้อนเสียงอ่อน "นะครับ... ข้าวผัดปู ทานนิดเดียวก็ได้ ที่เหลือเดี๋ยวฟ่างทานเอง"
พอพี่เหมถอนหายใจ แล้วพยักหน้า ผมก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจที่สามารถทำให้อีกฝ่ายทานอะไรได้บ้าง...
ผมสั่งข้าวผัดปู ทอดมันกุ้ง ไก่ทอดตะไคร้ สามอย่าง... หลังจากพนักงานรับออเดอร์ไปแล้ว ผมก็หันมาจะหยิบแก้วเป๊บซี่ขึ้นดื่ม เผอิญหันไปสบตากับพี่มิวพอดี... ผมก็ยิ้มให้ตามมารยาท ไม่แน่ใจว่าพี่เขาเห็นหรือเปล่าเพราะเขาไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเฉยๆ
พออาหารมา ผมก็ตักข้าวผัดปูใส่จานพี่เหมสามช้อน ส่วนของตัวเองสามช้อนเหมือนกัน แต่เมื่อผมตักเข้าปากจนเกือบจะหมดจาน พี่เหมก็ไม่มีทีท่าว่าจะแตะสักนิดเดียว แม้แต่ทอดมันกุ้งที่เจ้าตัวสั่งเองก็เถอะ
ผมจิ้มทอดมันกุ้งในจานมาชิ้นนึง ก่อนจะหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ราดน้ำจิ้มแล้วส่งเข้าปาก... ก่อนจะทำแบบเดิมแต่จิ้มไปจ่อที่ปากของพี่เหมแทน พอพี่เหมมองมาผมก็พยักหน้าแล้วบอก "อร่อยครับ"
พี่เหมอมยิ้ม ก่อนจะอ้าปากรับทอดมันกุ้งที่ผมป้อน...
ถึงจะอาย แต่ก็ต้องทน ไม่อย่างนั้นพี่เหมคงไม่ทานอะไร ผมจึงทำเป็นไม่สนใจกับสายตาของคนในโต๊ะ ทานเองบ้าง ป้อนพี่เหมบ้าง จนทอดมันกุ้งหมดจาน พี่เหมก็บอกว่าอิ่ม และผมก็อิ่มเหมือนกัน จึงหยุดทาน... รอให้ในท้องมันย่อย เดี๋ยวค่อยมาลุยใหม่ เสียดายของ 555+
อีกครั้งที่ผมหันไปสบตากับพี่มิวและยิ้มให้ แต่พี่เขาก็ทำเหมือนไม่เห็น ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบเช่นเคย...
ผมเดาสายตาของพี่เขาไม่ออก... จะว่ารังเกียจ หงุดหงิด หรือรำคาญมันก็ไม่ใช่ แต่เป็นสายตาที่หากผมตาไม่ฝาดมันแสดงถึงความอิจฉา
พี่เขาอิจฉาผมหรือ? อิจฉาเรื่องอะไร? และทำไมต้องอิจฉา?
ผมเฝ้าคิด แต่ก็ไม่สามารถจะหาเหตุผลมาอธิบายได้ จึงพยายามจะไม่เก็บมาใส่ใจ....
นั่งฟังคนอื่นๆ คุยกันสักครู่ น้ำเป๊บซี่ที่ดื่มเข้าไปหลายต่อหลายแก้วก็เริ่มจะออกฤทธิ์ ผมจึงสะกิดบอกคนที่นั่งข้างๆ "ไปห้องน้ำนะครับ"
พี่เหมไม่ตอบ ไม่พยักหน้า แต่ลุกขึ้นยืนเป็นเชิงบอกว่าจะไปด้วย... ผมไม่ได้ห้าม หรือบอกว่าไปคนเดียวได้ เพราะไม่อยากขัดใจ เดี๋ยวจะพาลอารมณ์เสียอีก...
"พี่รอข้างนอก" พี่เหมบอก แล้วหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบ
ทำธุระเสร็จ เดินออกมา ผมได้ยินเสียงเหมือนคนคุยกัน และหนึ่งในนั้นเป็นเสียงของพี่เหม ผมเลยยอมเสียมารยาทแอบฟัง...
"ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีมั้ย" เสียงนี้ผมไม่คุ้น
"สบายดี" นี่เสียงพี่เหม เอกลักษณ์เฉพาะตัว ถามคำตอบคำ 555+ แต่ที่แปลกคือมีประโยคต่อมาด้วย "อยู่ที่โน่นเป็นไงบ้าง สบายดีไหม"
"ก็ดี แต่เหงา คิดถึงที่นี่"
ทั้งคู่เงียบไปจนผมคิดว่าใครอีกคนคงไม่อยู่แล้ว กำลังจะก้าวเท้าออกไป แต่เสียงที่ไม่ใช่พี่เหมก็ดังขึ้นอีก...
"นายยังเก็บอยู่"
"อะไร"
"แหวนของเรา" เสียงที่ไม่ใช่พี่เหมบอก
ไม่มีเสียงตอบจากพี่เหม... หรืออาจจะมี แต่ผมไม่ได้ฟัง เพราะตอนนี้ในหัวมีแต่คำว่า 'แหวนของเรา'
หมายความว่าไง คนๆ นี้เป็นใคร เจ้าของแหวนที่พี่เหมแขวนไว้กับสร้อยที่สวมไว้ตลอดเวลาไม่เคยทอดแม้กระทั่งยามนอนหรือ
แหวนทองคำขาว... ที่มีลายสลักว่า 'M&H Forever'
ผมรู้ว่าแหวนวงนั้นคงมีความสำคัญกับพี่เหมมาก
ผมเคยสงสัยว่า 'M' คือใคร
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า 'M' คือใคร และตอนนี้ผมก็จำได้แล้วว่าเสียงไม่คุ้นนั่นคือเสียงของใคร
'พี่มิว'
"ทำไมเข้าไปนานจัง ทำอะไรอยู่" พี่เหมถามเมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำ
"แมลงมันบินเข้าตาครับ ฟ่างล้างตาอยู่"
"อ้าว ทำไมไม่เรียกพี่ ไหนดูซิ" น้ำเสียงห่วงใยที่นานๆ จะได้ยินซักที ทำเอาผมแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ "ไม่เป็นไรแล้วครับ ล้างออกแล้ว"
พี่เหมจิ๊ปากอย่างขัดใจ แล้วดันคางให้หน้าผมเงยขึ้น "อย่าดื้อ เดี๋ยวออกไม่หมด ตาอักเสบ ต้องควักลูกตาทิ้ง"
"บ้า" ผมหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ทั้งขำทั้งเศร้า... ทำไมต้องดีกับผมผิดปกติ มันทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ที่พี่เหมกำลังทำอยู่ ไม่ได้ออกมาจากใจจริง แต่เป็นเพราะรู้สึกผิด
"แสบตาเหรอ น้ำตาไหล"
"นิดหน่อยครับ" ผมตอบ... ซุกหน้ากับอกพี่เหม แล้วกอดอีกฝ่ายแน่นๆ ไม่รู้ผมจะมีสิทธิ์ทำแบบนี้ได้อีกนานเท่าไหร่
วัตถุเย็นๆ ที่สัมผัสข้างแก้ม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้น... แหวนวงนั้น 'M&H Forever'
แหวนที่เจ้าของกำลังจะกลับมาทวงคืน...
"ดีขึ้นหรือยัง" พี่เหมถาม
แม้ในใจจะร้องตะโกน 'แย่ลงต่างหาก' แต่ผมก็ฝืนตอบออกไป "ดีขึ้นแล้วครับ"
"จะกลับเลยมั้ย"
"แล้วคนอื่นหละครับ"
"ช่างมันเถอะ เดี๋ยวค่อยโทรบอก"
"ครับ กลับก็ดีเหมือนกันครับ"
กลับไปที่ห้อง... ห้องที่มีแค่เราสองคน... ห้องที่ผมคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน...
=justasubstitute=
ผมนั่งมองมือถือที่วางอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟากับนาฬิกาตรงผนังห้องที่บอกเวลาสองทุ่มด้วยความกระวนกระวายใจ
ปกติถ้าจะกลับช้า พี่เหมก็มักจะโทรมาบอกก่อนเสมอ...
อยากจะโทรไปหา แต่เพราะกลัวอีกฝ่ายจะหาว่าผมจู้จี้จุกจิก จึงพยายามข่มใจนั่งรอต่อไป
นั่งมองนาฬิกาจนเข็มสั้นชี้เลขเก้าและเข็มยาวชี้เลขสิบสอง แต่พี่เหมก็ยังไม่โทรมา...
ผมหยิบมือถือขึ้นมาจิ้มไปยังชื่อ 'Hubby' ที่เมมไว้ตรง Favorite Menu แล้วกดโทรออก... ก่อนจะตัดสายทิ้ง
รออีกหน่อยแล้วกัน... พี่เหมอาจจะติดธุระสำคัญอยู่จึงไม่โทรมา
เข็มสั้นชี้เลขสิบและเข็มยาวชี้เลขสิบสองแล้ว แต่พี่เหมก็ยังไม่โทรมา...
ถ้าโทรไปหาตอนนี้ พี่เหมจะรำคาญไหม... จะว่าผมวุ่นวายไหม
ตอนยังเด็ก ผมเห็นแม่นั่งรอพ่อ... ไม่ว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืน ถ้าพ่อยังมาไม่ถึงบ้าน แม่ก็จะไม่นอน
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจ ทำไมต้องเสียเวลานั่งรอ ทำไมไม่นอนก่อน แล้วค่อยลุกมาตอนที่พ่อกลับแล้ว...
ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว... ผมเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่นั่งรอพ่อกลับมาบ้านแล้ว
ผมเข้าใจแล้วว่า... ภรรยาที่รอสามีกลับบ้านมีความรู้สึกอย่างไร
คิดถึง... แม้จะได้เจอหน้าแค่ก่อนนอนก็ยังดี
เป็นห่วง... เหนื่อยหรือเปล่า จะได้ทานอะไรมาหรือยัง
กังวล... ปลอดภัยดีใช่ไหม ทำไมยังกลับไม่ถึงบ้าน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
เมื่อเข็มสั้นชี้เลขสิบเอ็ด เข็มยาวชี้เลขสิบสอง ผมก็ทนรอต่อไปไม่ไหว... กดโทรหาเจ้าของเบอร์ที่ผมเมมไว้ว่า 'Hubby'
[ฮัลโหล] เสียงพี่เหมดังมาตามสายโดยมีแบ็คกราวด์เป็นเสียงคุย เสียงหัวเราะและเสียงเพลงเบาๆ คงจะอยู่ในคลับที่ไหนสักแห่ง หรือไม่ก็ที่เดียวกับที่เขาพาผมไปพบเพื่อนวันนั้น
รู้สึกน้อยใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเอง 'ดีแล้วที่พี่เหมไม่เป็นอะไร' "เอ่อ... วันนี้พี่เหมจะกลับช้าใช่มั้ยครับ"
"อืม..." พี่เหมรับคำในลำคอ ก่อนจะถามเมื่อผมไม่พูดต่อ "ทานอะไรหรือยัง"
ผมเหลือบมองอาหารบนโต๊ะที่ยังไม่ได้แตะสักนิด ก่อนจะตอบ "ทานแล้วครับ พี่เหมหละครับ ทานอะไรบ้างหรือยัง หรือดื่มแต่เหล้า"
พี่เหมเงียบไปนิด ก่อนจะถามกลับ "รู้ได้ไงว่าพี่กำลังดื่มเหล้าอยู่"
"ได้ยินเสียงเพลงครับ" ผมบอก และต่อด้วยน้ำเสียงที่แกล้งทำเป็นร่าเริง "อย่าดื่มแต่เหล้านะครับ เดี๋ยวไม่สบาย"
"ครับผม"
"งั้นแค่นี้นะครับ จะนอนละ ง่วง"
"ครับ ฝันดีครับ"
"ครับ ขอบคุณครับ แต่พี่เหมห้ามฝันนะครับ กลับมาบ้านก่อนค่อยฝัน... เมาไม่ขับครับ"
"หึ หึ"
"บายครับ"
"บาย"
เพราะอยากจะอยู่กับอีกฝ่ายให้นานที่สุด แม้จะไม่ได้พูดกันก็ตาม มันจึงเป็นความเคยชินที่ผมจะปล่อยให้พี่เหมเป็นคนกดตัดสายหรือไม่ก็ปล่อยให้สัญญาณมันขาดหายไปเอง...
'ใครโทรมาวะ'
'ไม่มีใคร'
'ไม่มีใครได้ไงวะ มีฝันดง ฝันดี บอกมาเหอะน่า ไอ้มิวมันไม่หึงหรอก จริงมั้ยวะ'
'เกี่ยวไรกับกู'
'อ๊ะ อ๊ะ ทำเป็นปากแข็ง แล้วใครวะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งมาหากู'
'สัด'
'ฮ่า ฮ่า ฮ่า แทงใจดำอะดิ... แล้วเมื่อไหร่มึงสองคนจะคืนดีกันเนี่ย พวกกูลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว จริงมั้ยพวกมึง'
'ถะ ถะ ถั่วต้ม'
'ฮ่า ฮ่า ฮ่า'
'ก็ดีกันแล้วไง มึงเห็นพวกกูทะเลาะกันเหรอ'
'กูหมายถึงดีแบบเป็นแฟนกันเว้ย อย่าทำเป็นแกล้งโง่ สัด'
'หึ กูอะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว... มึงไปถามคนมีแฟนโน่นเหอะ'
'มีได้ก็เลิกได้ จริงมั้ยวะ ไอ้เหม... ไอ้เหม?'
'อะไร?'
'ได้ฟังกูมั่งป๊ะเนี่ย... กูบอกว่า คนที่มีแฟน... มีได้ก็เลิกได้ มึงว่าจริงมั้ย'
'...จริง'เพราะคำสุดท้ายที่ผมยอมปล่อยให้น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ ไหลรินออกมา...
ผมปล่อยให้ตัวเองร้อง.... และร้อง
ร้อง... ให้น้ำตามันหมดไป
ร้อง... เผื่อความเสียใจจะทุเลาลง
ร้อง... ให้กับความงมงายของตัวเอง
http://www.youtube.com/v/0v7R_LwtHyY?version=3&hl=en_US&rel=0" type=Song Credit: อยากจะร้องไห้ by ใหม่ เจริญปุระ
=justasubstitute=