♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 18
The Bad Plan
“เอ๊ะ! ไปไหนนะ” ผมพึมพำเบาๆกับตัวเอง ไม่รู้ว่าสมุดแลคเชอร์ผมหายไปไหน เมื่อเช้าผมว่าผมเอาใส่กระเป๋ามาแล้วนะ ลืมหยิบมางั้นเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก ผมจำได้จริงๆว่าผมเอาใส่กระเป๋ามา แต่ตอนนี้มันกลับไม่อยู่ในกระเป๋า ทำไงดีละ นั่นเป็นสมุดแลคเชอร์ที่ต้องสอบวันพรุ่งนี้ด้วย ตัวสุดท้ายแล้วอ่ะ หายไปไหนเล่าเนี่ย!
“เฮ้ออ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเซ็งๆ ลงมือค้นกระเป๋าอีกรอบแต่ก็เหมือนเดิม ยังไงก็ไม่มี
“ต้นหอม รอนานหรือเปล่า” ปลานั่งลงที่ตรงข้ามผม วันนี้เรานัดกันมาติววิชาสำคัญกัน นั่นคิดวิชาภาษาอังกฤษนั่งเอง แต่ผมดันทำสมุดเล็คเชอร์หายเนี่ยสิ แย่เลย
“ไม่นานหรอก” ผมบอก
สักพักไข่ดาวก็มาถึง ตามด้วยก้านและอาร์มที่มาพร้อมกัน ช่วงสอบก้านจะไปนอนที่หออาร์มเพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย วันสอบจะได้ไม่ต้องมาสาย แต่เอาเข้าจริงสองคนนี้มันจะชวนกันไปเล่นเกมส์แทนอ่านหนังสือเสมอ เห็นว่าคลายเคลียด แต่ดูจะคลายทุกวันนะ
“เป็นอะไรไปล่ะ” ก้านทักผมทำให้ทุกคนหันมาจ้องหน้าผมไปด้วย ผมเลยได้แต่ยิ้มแห้ง
“พอดีสมุดแลคเชอร์หายน่ะ ไม่รู้หายไปไหน” ผมบอก
“หาดีแล้วเหรอยังวะ” อาร์มหยิบกระเป๋าผมไปค้นๆแต่ก็ไม่เจอ
“ลืมหยิบมาจากบ้านหรือเปล่า” ไข่ดาวถาม มือก็หยิบเมนูไปดู
“หยิบมาแล้วนะ แต่ไม่รู้หายไปไหน ช่างเถอะ”
หาไม่เจอก็ช่างมัน ถ้าไปหล่นหายที่ไหนแล้วมีคนเก็บได้เดี๋ยวเขาก็โทรมาเองนั่นแหละ เนื้อหาทั้งหมดผมเข้าใจหมดแล้ว แค่คิดมีไว้เพื่อให้อุ่นใจก็เท่านั้นแหละ
พวกเราสั่งเครื่องดื่มกันมาคนละแก้วและขนมกินเล่นมานั่งกินระหว่างนั่งติว ผมเลือกมานั่งติวในร้านกาแฟในมอแทน ไม่อยากไปหอสมุด มันส่งเสียงดังไม่ได้
“ข้อสอบจะมี อืม...พาร์ทคำศัพท์ สตรัคเจอร์ (Structure) รีดดิ้ง ไรท์ติ้งและก็พาร์ทที่ต้องตอบคำถามโนเวล ประมาณนี้” ผมอธิบายให้เพื่อนฟัง นี่เพิ่งจะเริ่มแต่ทุกคนก็ทำหน้าเหมือนอยากจะลาตาย แต่ถ้าพวกนี้ไม่สนใจที่ผมติวให้วันนี้ละก็ ได้ตายกันหมดนี่แน่ๆ =_=;
“ทำไมมันเยอะอย่างนี้วะเนี่ย ขอเวลาสักสิบชั่วโมงได้ไหม อย่างน้อยๆชั่วโมงแรกกูน่าจะกำลังช็อคอยู่” อาร์มบ่นเป็นหมีกินผึ้ง เลื้อยตัวลงฟุบกับโต๊ะผมเลยใช้ปากกาเคาะที่หัวเข้าให้ ยิ่งไปตัดสกินเฮดมายิ่งเจ็บแบบเน้น
“นั่นดิ สามชั่วโมงจะทำทันไม่เนี่ย” ไข่ดาวร่วมด้วยช่วยกันบ่นอีกคน กลัวจะน้อยหน้า
“อย่าบ่นๆ ถ้าจำคำศัพท์และเข้าใจแกรมม่า และเนื้อเรื่องที่อ่านในโนเวล แค่นี้ก็ผ่านแล้ว” ผมบอกหลังจากที่คำนวนคะแนนในแต่ละส่วนแล้ว ในสามส่วนที่บอกไปผมพอจะช่วยได้ แต่รีดดิ้งและไรท์ติ้ง อันนี้คงต้องตัวใครตัวมัน
“ทำไรกันวะ” พวกผมเงยหน้ามองคนที่เข้ามาทัก รามนั่นเอง
“ต้นหอมมันติวอิ้งให้ มึงสนใจมะ” อาร์มเอ่ยชวน รามมองหน้าผมก่อนจะพยักหน้า
“ดีเหมือนกัน กูขี้เกียจอ่านเอง” รามตอบตกลง
“นายก็ได้คะแนนดีไม่ใช่เหรอไง” ผมถามอย่างไม่คิดอะไร
“ทำไม มึงจะไม่ติวให้กูเหรอ” รามถามอย่างหาเรื่อง นักเลงจริงๆ แต่แบบนี้ละสาวๆชอบ ดูได้จากหน้าของไข่ดาว และแชมป์ที่นั่งมองรามอย่างเพ้อๆไปแล้ว ก็บอกแล้วว่ารามมันหล่อ แต่ชอบทำตัวเถื่อนไปหน่อยในความคิดผม
“ก็แค่ถามเฉยๆ มาเริ่มกันเลยล่ะกัน”
ผมเริ่มติวแกรมม่าเป็นอย่างแรก ด้วยความที่เคยติวให้เพื่อนตอนมอปลายมาก่อน เลยไม่รู้สึกลำบากกับการต้องติวหนังสือให้คนหมู่มาก เพราะแต่ละคนจะเข้าใจไม่ตรงกัน ต้องจี้ทีละคน แม้จะเหนื่อยแต่บางทีมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวผมเองเหมือนกัน เพราะถึงให้เก่งแค่ไหนมันก็จะมีบางจุดที่หลงลืมไปเหมือนกัน ทำแบบนี้ก็ถือเป็นการทวนตัวเองไปในตัว
“โอ๊ยยย พอก่อนได้ไหม” ก้านโอดครวญออกมา สีหน้าดูย่ำแย่เหลือเกิน
“อีกนิดหนึ่ง เอาแกรมม่าเรื่อง Relative Clause ให้จบก่อน” ผมบอก ทุกคนมองหน้าผมเหมือนผมใจร้ายมาก แต่ผมไม่สนหรอก แค่ชั่วโมงเดียวก็ไม่ไหวกันแล้ว
และผมก็เริ่มลงมือติวเข้มอีกครั้ง!
[Krrrr Krrrr]
“แปบนะ ฮัลโหลแมท มีอะไรหรือเปล่า เรายุ่งๆอยู่น่ะ” ผมกดรับสายแมท วันนี้แมทนัดติวกับเพื่อนๆเหมือนกัน ก้านได้ทีก็ฟุบลงกับโต๊ะ ส่วนปลาและอาร์มก็เถียงกันหงุงหงิงๆ ผมว่าสองคนนี้มันแปลกๆอยู่นา เถียงกันได้ทั้งวันและทุกวัน คงต่อรอดูต่อไปเรื่อยๆ
[อยู่ไหน มาหาที่คณะหน่อยสิ] แมทถามเสียงติดหงุดหงิดเหมือนกำลังอารมณ์ไม่ดี ผมจึงกลับมาสนใจคนปลายสายต่อ
“มีอะไรเหรอ” ผมลองเลียบๆเคียงๆถามดู
[ปล่าว มีคนเจอสมุดแลคเชอร์แล้วเอามาคืนให้] แมทบอก
“อ่า โอเค จะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ” ผมยิ้มออกไม่ได้สนใจเสียงแข็งๆของแมทเท่าไหร่ ผมกดวางสายแล้วก็รีบตรงไปหาแมทที่คณะวิศวะทันที ก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่ พอจะเดินไปหาได้อยู่ ไม่ถึงขนาดต้องพึ่งรถรางของมหาวิทยาลัย
ผมเดินมาถึงคณะแมท กวาดสายตามองหาแมทไปทั่ว หลายๆคนมองมาที่ผม มีการยิ้มให้ด้วย จนผมอยากจะถามออกไปว่าเรารู้จักกันเหรอ มันทำให้ผมวางตัวไม่ถูก พยายามเดินตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะตัวผมก็ยังคงเท่าเดิม บ้าชะมัด =_=^
“วิ้ววว น่ารักจังครับ”
เขาคงไม่ได้แซวผมหรอกใช่ไหม เหอะๆ คงไม่ใช่หรอก
“พี่ชื่อโต้งนะครับ น้องชื่ออะไรเหรอ” เสียงผิวปากและโห่ร้องดังอย่างกับมีขบวนขันหมากอย่างนั้นแหละ
ผมก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ใต้ตึกที่มีคนนั่งอ่านหนังสือกันอยู่เยอะพอสมควร แล้วก็เจอแมทยืนหน้าบึ้งอยู่ ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาแมท เพื่อนๆของแมทก็ทักทายผมผมเลยทักทายตอบ
“ไหนสมุดเราเหรอแมท” ผมหันไปถามแมท ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน ผมไม่ชอบสายตาที่จับจ้องมาที่ผมสักเท่าไหร่
“นี่มึง เจ้าของเขามาแล้ว แม่ง กูบอกว่ารู้จักๆก็ไม่เชื่อ” แมทบ่นออกมายามเหยียด ผมเลยหันไปมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแมท เอ๋...ใครกัน
“แล้วกูจะรู้ไหมล่ะ มึงไม่ได้ชื่อต้นหอมนิ” คนที่เอาสมุดมาคืนผมมองแมทตาขวาง
“ก็กูบอกว่าของเพื่อนกู มึงไม่เข้าใจเหรอวะ” แมทพูดเสียงดัง ทำเอาคนรอบข้างหันมามอง
“เอ่อ พอเถอะ อย่าทะเลาะกันเลย” ผมรีบเข้าไปห้ามคนทั้งสองที่ทำท่าจะพุ่งเข้าใส่กัน
“เหอะ! อ่ะนี่ เราเจอเลยโทรมาที่เบอร์ที่เขียนไว้ในสมุด แต่ดันเจอกับหมาบ้าเข้า” ผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าแมท แต่สูงกว่าผมหน่อยพ่นลมหายใจออกจากปากแล้วส่งสมุดให้ผม แต่ตาก็มองแมทอย่างเคืองโกรธ ใจเย็นนะ แมทมันสูงกว่านายอีก ผมละกลัวแทนจริงๆ ถ้าต่อยกันจริงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครจะชนะ
“มึงว่าใครหมาบ้า!” แมทโวยวาย ทำท่าจะเข้าไปหาเรื่องผู้ชายคนนั้นให้ได้
“ว่ามึงไง!” นี่ก็แรงไม่แพ้กัน เดี๋ยวก็โดนแมทขย้ำหรอก ผมเลยต้องรับห้ามทัพก่อนที่ทั้งคู่จะตีกัน และอาจจะโดนอีกหลายเท้ารุมสะกรำได้โทษฐานส่งเสียงดังและก่อความวุ่นวาย
“แมทๆ พอเถอะ นะ ไปอ่านหนังสือต่อเถอะ” ผมดึงแขนแมทพลางเอ่ยห้าม ก่อนจะหันไปขอบคุณผู้ชายที่เอาสมุดมาคืนผม
“เราขอบคุณนะที่เอามาคืนให้ แล้วเบอร์นั่นเป็นเบอร์เพื่อนเราเองแหละ ขอโทษที แล้วก็ขอบคุณด้วย” ผมบอกและฉีกยิ้มให้ แมทส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอก่อนจะเดินไปนั่งกับเพื่อนๆที่ติวกันอยู่
“ไม่เป็นไร” สีหน้าเขาดีขึ้นเล็กน้อย
“แล้วชื่ออะไรเหรอ” ผมถาม เผื่อคราวหน้าเจอกันจะได้ทัก
“ชื่อมิน รามิน” เขาตอบ
“อืม ขอบคุณสำหรับสมุดอีกครั้งนะมิน” ที่จริงผมอยากจะเรียกว่ามินนี่มากกว่า ฮะๆ ก็เขาหน้ารักดีอ่ะ >_<
“ไม่เป็นไร ไปก่อนนะ แถวนี้อากาศไม่ค่อยจะดี” มินพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะรีบเดินจากไป แมทที่ได้ยินก็ตบโต๊ะดังปังด้วยความไม่พอใจและลุกขึ้นยืนมองไปทางมินอย่างโมโห เลือดร้อนกันจริงๆให้ตายสิ
ผมคุยกันแมทอีกสองสามคำ จากนั้นผมก็กลับไปติวภาษาอังกฤษให้เพื่อนต่อ กว่าจะเสร็จก็เย็นเข้าไปแล้ว แต่ติวชนิดที่ว่าไม่ต้องกลับไปอ่านหนังสือกันเลย คำศัพท์ที่อาร์มและก้านยังไม่ได้ท่องสักตัว ผมก็ติวให้จนจำได้เกินกว่าครึ่ง ผมก็ได้แต่หวังว่าพรุ่งนี้มันจะผ่านไปได้ด้วยดี
----------
----------
“นี่ต้นหอม เราได้ยินเขาพูดกันมาเรื่องพี่ปืน” ไข่ดาวหันซ้ายหันขวาแล้วพูดขึ้น ตอนนี้ผมสอบเสร็จแล้วเลยมานั่งกินไอติมกันที่ร้านในมหาลัยฯ ก้านกับอาร์มกลับกันไปแล้ว เห็นว่าจะไปเตะบอกแก้เครียดกับราม
“เรื่องพี่ปืน?” ผมทวนคำอย่างสงสัย
“ใช่ ที่เขาบอกกันว่าตอนนี้มีเด็กปีหนึ่งคณะนิเทศฯนั่นแหละกำลังจีบพี่ปืนอยู่ไง” ปลายืนหน้ามากระซิบบอกผม
“ไม่นิ ไม่เห็นรู้เลย” ผมส่ายหน้าบอก ตักไอติมช็อคโกแลตเข้าปาก อืม...มีความสุขจริงๆ
“จริงดิ ได้ไงอ่ะ อีนั่นน่ะตามจีบพี่ปืนมาได้หลายวันแล้วนะต้นหอม” แชมป์ทำตาโตราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอก
ก็ผมไม่รู้จริงๆนิ ไม่เคยได้ยินข่าวอะไรด้วย พี่ปืนเองก็ไม่เห็นพูดอะไรเลยสักอย่างว่ามีคนมาจีบ
“ผู้หญิงเหรอ” ผมถามไปงั้น แต่ ยอมรับว่าตอนนี้เริ่มคิดมากนิดๆกับสิ่งที่เพื่อนบอก
“ไม่ใช่ยะ มันเป็นเกย์!” แชมป์พูดเน้นคำว่าเกย์แทบจะกระแทกหน้าผม แล้วยังทำสีหน้าเหมือนหมั่นไส้คนที่พูดเอามากๆ
เป็นเกย์อย่างนั้นเหรอ...ผมทวนคำในใจ เป็นใครกันนะ
“ต้นหอม โทรศัพท์ดังน่ะ” ปลาสะกิดผม ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบกดรับโทรศัพท์ พักเรื่องคนที่มาจีบพี่ปืนไว้ก่อน
“ว่าไงแมท” ผมปรับน้ำเสียงให้ร่าเริง เพื่อไม่ให้แมทผิดสังเกตุ ยิ่งชอบจับผิดพี่ปืนอยู่ด้วย
[วันนี้ต้องกลับบ้านใหญ่ ไปด้วยกันไหม] บ้านใหญก็คือบ้านของแมทที่รวมวงศาคนาญาติเอาไว้เยอะแยะมากมาย
“กลับบ้านใหญ่เหรอ..ไม่เอาอ่ะ” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด ไม่อยากไปเท่าไหร่
[จะอยู่บ้านคนเดียวเหรอ หรือจะไปค้างกับไอ้ปืน]
“คงงั้นมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะกลับบ้าน ไม่ได้กลับนานแล้ว ไม่รู้บ้านถูกงัดไปหรือยัง” ผมพูดขำๆ แมทก็เลยขำตาม
จะว่าไป ตั้งแต่คบกับพี่ปืนมาผมก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านตัวเองเลย คงต้องกลับไปหน่อยแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นบ้านร้างซะเปล่าๆ ดีล่ะ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ผมจะนอนอ่านนิยายให้หนำใจไปเลย
ผมคุยกับแมทต่ออีกสองสามคำก็วางไป ผมนั่งนิ่งใช้หลอดคนน้ำแข็งในแก้วเงียบๆ ไอติมในถ้วยเริ่มละลายกลายเป็นน้ำ ดูไม่น่ากินเสียแล้ว
“ช่างเถอะ พี่ปืนเขาคงไม่สนใจมันหรอก คนอย่างพี่ปืนคงไม่โง่คงไปยุ่งกับของเน่าๆแบบนั้น” แชมป์เริ่มพูดอีกหลังจากผมวางสายแมท
“จริง แอ๊บได้โล่ เห็นแล้วไม่ถูกชะตาสุดๆ ชื่ออะไรนะ” ไข่ดาวเออออเห็นด้วยก่อนจำทำหน้านึก
“มันชื่ออิช ระวังให้ดีนะต้นหอม อย่าให้มันคว้าพี่ปืนไปได้ล่ะ” แชมป์บอกผมหน้าเคร่งเครียด
“อืม” ไม่รู้จะพูดอะไรครับ ผมไม่อยากคิดมากเท่าไหร่ เรื่องมันยังไม่เกิดก็ปล่อยไปก่อน
“ลองดูไปก่อนแล้วกัน ไม่ก็ลองถามพี่ปืนดูก็ได้ แต่เชื่อเถอะว่าข่าวนี้เป็นเรื่องจริง ฟันธง” แชมป์ทำท่าทำท่าจริงๆจัง แบบมั่นใจสุดๆ
“อืม ขอบใจนะที่เป็นห่วง” ผมพูด
“เอาเถอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะช่วยต้นหอมเอง ไม่ต้องทำหน้าเหี่ยวขนาดนั้น ยิ้มซะ ทำหน้าแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ปลาจับแก้มผมยืดให้ยิ้ม ผมก็หลุดขำออกมา
“เฮ้อออ ทำไมฉันไม่เกิดมาน่ารักแบบแกมั่งนะต้นหอม” แชมป์จ้องหน้าผมแล้วพูด
“อะไร แชมป์ก็น่ารักออก” จริงๆนะ ผมว่าแชมป์หน้าตาดีนะ แชมป์จะสูงกว่าผมหน่อยแต่ตัวบาง ผิวสีน้ำผึ้งอ่อนๆที่เนียนมากๆ แต่เจ้าตัวพยายามจำทำให้มันขาวโดยการทาครีมมันทั้งวัน ทั้งที่ผิวสีนี้ก็ดูเซ็กซี่ดีออก อ่อ และที่สำคัญคือแชมป์เป็นคนที่ตามีเสน่ห์มากเลยด้วยล่ะ
“แหมทำมาเป็นชมนะยะ นั่น สุดหล่อของแกมาแล้ว” แชมป์พยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังผม ผมหันไปก็เจอพี่ปืนเดินเข้ามาหา ทำผมยิ้มออกลืมเรื่องเครียดๆไปซะสนิท
“ทำอะไร” พี่ปืนนั่งลงข้างล่างผม พวกไข่ดาวยกมือไหว้พี่เขาก็พยักหน้ารับก่อนจะหันมาทางผม
“นั่งคุยกันเฉยๆครับ พี่ปืนล่ะสอบเสร็จแล้วเหรอ” ผมถาม วันนี้พี่ปืนพี่สอบช่วงเช้า
“สอบเสร็จแล้ว”พี่ปืนตอบสั้น
“จริงเหรอครับ ทำได้ไหม” ผมถามยิ้มๆ
“ก็ดี” พี่ปืนตอบสั้นๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูข้อความก่อนจะทำหน้าเซ็ง
“พี่ปืนมารับต้นหอมเหรอครับ” แชมป์ถามพี่ปืน หน้าที่เคลิ้มได้อีก แต่ผมไม่คิดมากหรอกครับ ดูแล้วรู้สึกตลกมากกว่า
“อืม เสร็จหรือยังล่ะ” พี่ปืนถามผม
“เสร็จแล้วครับ กลับกันเลยก็ได้ เราไปก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน” ผมบอกลาพวกแชมป์ พวกนั้นโบกมือลาผม ผมยิ้มก่อนจะเดินตามพี่ปืนไปที่รถที่จอดอยู่ใกล้ๆ
“จะกลับบ้านเลยไหม” พี่ปืนถามก่อนจะขับรถออกจากมหาวิทยาลัย
“กลับเลยครับ แต่ว่าไปอีกที่นะครับ” ผมบอก
“ที่ไหน” พี่ปืนถามเสียงเรียบ
“อืม บ้านผมเอง”
“แล้วที่อยู่ทุกวันนี้บ้านใคร” พี่ปืนถามงงๆ
“บ้านแมท ไม่ใช่บ้านผม”
“แล้วไปอยู่บ้านมันทำไม ทำไมไม่อยู่บ้านตัวเอง” พี่ปืนหันมาถามผมเสียงดุเลยครับทีนี้
“ก็...ที่บ้านผมไม่มีใครอยู่ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวเลยไปอยู่กับแมท” ผมตอบตามความจริง พี่ปืนนิ่งไปแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ผมคอยบอกทางพี่ปืนไปเรื่อยๆจนมาถึงบ้าน ป้าแม่บ้านวิ่งออกมาดู พอผมลงจากรถป้าแกก็ยิ้มกว้างรีบเดินเข้ามาหาผมทันที ผมเองก็วิ่งเข้าไปกอด
“คิดถึงป้าจัง” ผมพูดอ้อนๆ ป้าพิมหัวเราะเบาๆพลางลูบหัวผมไปมา พี่ปืนลงมาจากรถมายืนใกล้ๆ ป้าพิมปล่อยตัวผมก่อนจะหันไปรับไหว้พี่ปืน
“เข้าบ้านก่อนเถอะค่ะ ข้างนอกแดดร้อน” ป้าพิมบอกอย่างใจดี ก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน ผมและพี่ปืนเลยเดินตามเข้าบ้านไปด้วยกัน พี่ปืนมองสำรวจรอบๆบ้านเหมือนสนใจ
บ้านผมเป็นบ้านสองชัดขนาดกลาง เฟอร์นิเจอร์โดยส่วนมากเป็นสีขาว ผมชอบ มองแล้วรู้สึดสบายตาดี รอบๆตัวบ้านเป็นสนามหญ้าที่จัดเป็นสวนไว้อย่างสวยงาม ไม่ต้องห่วงว่าต้นไม้จะตายดอกไม้จะเฉา นอกจากป้าพิมที่เป็นคนดูแลบ้านแล้ว ยังมีลุงนพสามีของป้าพิมคอยดูแลสวนให้ด้วย แต่ทั้งป้าพิมและลุงนพไม่ได้พักที่บ้านผมหรอก บ้านป้าพิมอยู่ใกล้ๆแถวนี้แหละ
“สอบเสร็จหรือยังค่ะ” ป้าพิมยกถาดใส่น้ำหวานแบบที่ผมชอบพร้อมขนมมาว่าให้ที่โต๊ะรับแขก
“ขอบคุณครับ ต้นหอมสอบเสร็จแล้ว แต่วันนี้พี่ต้องกลับบ้านใหญ่ ต้นหอมเลยกลับมานอนที่บ้าน” ผมฟ้องป้าพิมที่หัวเราะกับท่าทางของผม
“ให้คุณแมทเขากลับบ้านบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณเขาจะโดนดุเอา” ป้าพิมพูดยิ้มๆ
“ครับ อ่อ ป้าพิม นี่พี่ปืนครับ รุ่นพี่ของต้นหอมเอง” ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมแนะนำพี่ปืนให้ป้าพิมรู้จัก ป้าแกหันไปยิ้มให้พี่ปืนที่ยิ้มตอบน้อยๆ
“ทานอะไรมาหรือยังคะ ถ้ายังเดี๋ยวป้าทำให้” ป้าพิมหันไปถามพี่ปืน ผมน้อยใจแล้วนะ ไม่เห็นถามผมเลย
“ไม่เป็นไรครับ” พี่ปืนตอบอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ ป้าไม่ได้โชว์ฝีมือนานแล้ว คุณน้องแกไม่ค่อยกลับบ้านนะคะ เป็นเด็กขี้เหงาเลยต้องไปอยู่กับคุณแมท”
“ป้าพิมอ่ะ อย่าขายผมสิ” ผมพูดงอนๆ กระดึบๆตัวเข้าไปกอดป้าพิมที่หัวเราะเบาๆพลางลูบหัวผม
ว่าแล้วก็คิดถึงพ่อกับแม่จัง
“หึหึ” พี่ปืนหัวเราะล้อผมในลำคอ ผมเลยผละตัวออกจากป้าพิม ตีเพี๊ยะเข้าให้ที่แขนพี่ปืน
“คุณน้องนี่จริงๆ เดี๋ยวป้าไปทำอาหารให้ดีกว่า นี่ก็เลยเที่ยงมาแล้ว รอแปบนะคะ” ป้านวลทำท่าจะเดินเข้าครัวผมเลยเรียกเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวน้องช่วย” ผมรีบอาสา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ นั่งเป็นเพื่อนพี่เขาเถอะ เดี๋ยวป้าทำเอง” ป้าพิมบอกแล้วก็เดินเข้าไปในครัว ผมนั่งลงตามเดิม มองพี่ปืนที่มองไปทั่วบ้านของผม
“จัดบ้านน่ารักดีนะ” พี่ปืนพูด
“ผมจัดเองเลยนะ” ผมรีบบอก รู้สึกภูมิใจในฝีมือตัวเอง
“หน้าอย่างนายเนี่ยนะ” พี่ปืนทำตาเหมือนจะถามว่าฉันโกหกพี่เขาหรือเปล่า
“หน้าอย่างผมเนี่ยแหละ ผมจัดเองหมดทุกอย่างเลย ไม่เชื่อเหรอ” ผมเชิดหน้าพูดก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดทีวีเพื่อไม่ให้บ้านเงียบ
“เปล่า แล้วคืนนี้จะนอนที่นี้หรือยังไง” พี่ปืนดูรอบๆบ้าน ยืนจ้องรูปถ่ายตอนเด็กๆของผม ผมเลยเดินเข้าไปใกล้
“ครับ ก็เย็นนี้พี่ปืนต้องกลับบ้านไม่ใช่เหรอ” ผมถามอย่างไม่คิดอะไร ทุกคนก็ต้องกลับบ้านกัน ผมเองก็กลับมาบ้านนี่ไง เรื่องธรรมดาจะตายไป
“แต่...” พี่ปืนเหมือนจะพูดแต่ก็เงียบไป
“อะไรเหรอครับ” ผมเอียงหน้าถาม
“นายไม่ชอบอยู่คนเดียวนี่” พี่ปืนตีหน้านิ่งถามผม
“ไม่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าอยู่ไม่ได้นี่ครับ” ผมยักไหล่ตอบ บางทีผมก็ชอบอยู่คนเดียวเหมือนกันเวลาที่ต้องขบคิดอะไรบางอย่างหรือเวลาอ่านหนังสือเป็นต้น
“ให้มาอยู่เป็นเพื่อนไหม”
“O_O?” อึ้งครับอึ้ง ไม่คิดว่าพี่ปืนจะพูดแบนี้ ไม่เคยคิดเลยด้วย
“ไม่เป็นไรครับ พี่ปืนก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ผมอยู่คนเดียวได้” ผมบอกอย่างเกรงใจ เท่าที่รู้คือบ้านพี่ปืนอยู่แถวชานเมือง พี่ปืนเลยนานๆจะกลับบ้านที
“ตามใจแล้วกัน จะให้อยู่เป็นเพื่อนก็บอก”
“ครับผม”
^_^
(ต่อด้านล่าง)
V
V