♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 20
Got a Message
บทเรียนในครั้งนี้สอนให้รู้ว่าผมรู้ว่า คนที่ทำร้ายเราได้ครั้งหนึ่งแล้ว เขาจะไม่ลังเลที่จะทำร้ายเราอีกครั้ง...และอีกครั้ง เพราะถ้าเขากล้าที่จะทำร้ายเรา แสดงว่าเขาไม่รักหรือห่วงเราเลยด้วยซ้ำว่าเราจะเป็นยังไง เจ็บปวดแค่ไหน เพราะอย่างนั้น ถ้าเขามีโอกาสได้ทำร้ายเราอีกครั้ง เขาก็จะไม่ลังเลและไม่สนใจว่าวิธีที่เขาใช้มันจะเลวทรามแค่ไหน
และมันยังสอนให้รู้อีกว่าผมไม่ควรไว้ใจคนง่ายๆ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าพี่ปืนมาช่วยผมไม่ทัน คืนนั้นผมจะเป็นยังไง จะตายแบบสิ้นลม หรือจะตายทั้งเป็น
แต่เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว ผมจะเอามันกลบฝังดินซะ
แต่เรื่องร้ายๆก็แทบจะหลุดออกจากหัวสมองผมเพียงแค่ประโยคเดียวของพี่ปืน...
‘I think I like you’
แค่ประโยคสั้นๆ แค่คำเพียงไม่กี่คำ กับทำเอาหัวใจผมแทบจะหยุดเต้น
คิดไม่ผิดจริงๆที่ผมเลือกที่จะรักผู้ชายคนนี้
แมทรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมแล้ว เพราะผมเล่าให้แมทฟัง แมทนี่ถึงกับของขึ้นจะออกไปตามล่าหาตัวไอ้พี่เฟรมให้ได้ แต่พอดีพี่ปืนมาที่บ้านแล้วก็เรียกแมทออกไปคุย พอกลับเข้ามาแมทก็ดูสงบลง สงสัยพี่ปืนคงออกไปเล่าเรื่องที่พี่เวฟกระทืบไอ้พี่เฟรมซะเละ ผมเห็นภาพด้วยนะ พี่เวฟถ่ายไว้ให้ดู อย่างสยองอ่ะ เละเป็นโจ๊กเลยก็ว่าได้
อีกอย่าง พอแมทรู้ว่าผมโดนยาแล้วได้พี่ปืนช่วยไว้ โดยที่พี่ปืนไม่ได้ทำอะไรผม แมทก็ดูจะญาติดีกับพี่ปืนเพิ่มมากขึ้น ทำเอาผมยิ้มแก้มแทบแตกแหนะ ^o^
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วที่ผมไม่เจอพี่ปืน เห็นว่าพี่ปืนต้องออกไปนอกสถานที่กับอาจารย์ จะไปด้วยก็คงจะไม่เหมาะ ผมเลยต้องนั่งหง่าวคนเดียวอยู่บ้านแบบนี้ แมทก็ออกไปทำงานกับคุณลุง หรือพ่อแมททุกวัน
“เฮ้อ น่าเบื่อ” ผมลุกขึ้นเดินรอบบ้านอีกหนึ่งรอบก่อนจะกลับมานั่งลงที่โซฟาในห้องนั่งเล่นตามเดิม ผมกลับมาอยู่ที่บ้านแมทแลhว พี่ปืนบอกว่าช่วงนี้ผมไม่ควรอยู่ที่บ้านตัวเองสักพัก แน่นอนว่าผมยอมเชื่อและทำตามแต่โดยดี ก็แหงละ เจอวันนั้นเข้าไปทำเอาผมไม่กล้าอยู่บ้านคนเดียว แม้แต่ตอนนี้ก็เถอะ
“อ่า...” เพิ่งนึกขึ้นได้ ผมยังไม่ได้ทำของขวัญให้พี่ปืนเลย แต่จะเหลือเวลาอีกเกือบเดือนก็เถอะ แต่ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำอะไรให้พี่ปืนดี
หรือว่าจะซื้อดี ถ้าซื้อแล้วจะซื้ออะไรล่ะ พี่ปืนดูไม่ค่อยจะสนใจอะไรนอกจากกล้องเสียด้วย จะมีก็แต่...
เออใช่!
ขนมไง ^^
ในวันเกิดพี่ปืน ผมลงมือทำเค้กให้พี่ปืนดีกว่า แต่ถึงจะทำเค้กก็ต้องมีของขวัญสักชิ้น...อืมมมม ทำอะไรดีนะ
[Krrrr Krrrr]
พี่ปืนโทรมา!
ผมรีบกดรับทันที
“พี่ปืนนนนน” ผมลากเสียงเรียกชื่อพี่ปืนยาว
[ดีใจขนาดนั้น] พี่ปืนถาม
“ดีใจสิ เมื่อวานพี่ไม่โทรหาผมเลยนะ รู้ไหมผมเหงา!” ผมกระแทกเสียงที่คำว่า ‘เหงา’ แรงๆ ให้รู้ว่าผมเหงามากจริงๆ
พี่ปืนก็หนีไปเที่ยว ส่วนแมทก็อยู่ไม่ติดบ้าน พอถามก็บอกไปธุระตลอด ดูผมสิ อยู่บ้านคนเดียวกินข้าวคนเดียว ทำอะไรคนเดียว แบบนี้มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!
[เมื่อวานมันไม่มีสัญญาณ แล้วไอ้แมทไปไหน]
เห็นไหม ผมบอกแล้วว่าเดี๋ยวนี้สองคนนี้เขาญาติดีกันแล้ว มีถามหากันด้วย
“ไปทำงาน เห็นว่าวันนี้จะไม่กลับบ้าน พี่ปืนนนน พี่จะกลับมาเมื่อไหร่อ่ะ” ผมถามอ้อนๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่ค่อยอ้อนเท่าไหร่นะ...หรือเปล่า? แต่ช่างเถอะ หลังจากที่พี่ปืนบอกว่าชอบผม ผมก็รู้สึกใจชื้นที่จะแสดงออกมากขึ้น แบบว่าแรกๆมันยังเกรงๆอยู่ว่าพี่เขาจะรำคาญหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาพี่ปืนก็ปกติดี ถึงจะดุไปมาก แต่ก็ใจดีมากๆเหมือนกัน
[ตอนนี้อยู่บ้านใช่ไหม] พี่ปืนไม่ตอบแต่ถามกลับแทน
“เอ่อ ครับ”
[อืม แค่นี้แหละ] ว่าแล้วก็วางสายไป ผมเอามือถือออกจากหู จ้องหน้าจออย่างงงๆ อะไรของเขากัน ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลย ต้นหอมถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนจะเอนตัวเลื้อยลงนอนบนโซฟา
เล่นเกมส์ก็ได้!
บรื๊นนน
เสียงรถคุ้นหูดังขึ้น ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่ง นั่นมันเสียงรถพี่ปืนนี่น่าผมจำได้ แต่พี่ปืนไปต่างจังหวัดนี่น่า เอ๊ะ...หรือว่า
ผมลุกขึ้นก่อนจะวิ่งออกจากบ้านไปที่ประตูรั้ว พอเปิดประตูเท่านั้นแหละ
“พี่ปืน!”
ผมวิ่งเข้าไปกอดพี่ปืนเต็มๆ พี่ปืนเซนิดหน่อยแต่ก็กอดตอบผม ฮืออ คิดถึงจังเลย
“ถ้าพี่ล้มไปจะทำยังไง” พี่ปืนดุขำๆ แต่ก็ยังอุ้มผมที่กอดพี่ปืนแน่นไม่ปล่อย
“อื้ออ ผมคิดถึงพี่” ผมซุกหน้าที่ซอกคอพี่ปืนพูดเสียงอู้อี้
ป๊าบ!
“ลงได้แล้ว ตัวหนัก” พี่ปืนบ่นพร้อมกับตีที่ก้นผมก่อนจะปล่อยตัวผมลง ชิ จะหวานสักนิดละก็ไม่ แล้วดูสิ เดินนำเข้าไปในบ้านผมแล้ว ไม่รอผมสักนิด
“พี่ปืน รอผมด้วยสิ” ผมตะโกนไล่หลังก่อนจะวิ่งตามพี่ปืนเข้าไป
พี่ปืนเดินตรงดิ่งเข้าไปในครัวก่อนจะเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่ม ดื่มเสร็จพี่ปืนก็หันมามองหน้าผมก่อนจะกวักมือเรียกให้เข้าไปหา ผมก็เดินเข้าไปหาแต่โดยดี
หมับ!
“อ๊ะ...” ผมร้องเบาๆ แอบตกใจนิดๆที่อยู่พี่ปืนก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่น แรงกดจูบหนักที่ต้นคอของผมไล่ขึ้นมาเรื่อยๆมาที่แก้ม และสุดท้ายก็จบลงที่ริมฝีปาก พี่ปืนจูบคลึงเคล้าเบาๆที่ปากผม ผมหลับตาลงแล้วก็จูบตอบกลับไป มือสองข้างของผมก็ยกขึ้นคล้องบนลำคอแกร่ง
“คิดถึง” พี่ปืนพูดกระซิบชิดริมฝีปากผมก่อนจะบดเบียบจูบผมอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆของพี่ปืนสอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดเนิ่นนานจนหน้าผมร้อนไปหมด
“ผมก็คิดถึงพี่” ผมบอกหลังจากที่พี่ปืนถอนจูบออกแล้ว พี่ปืนก้มหน้าลงมาหอมแก้มผมแรงๆก่อนจะปล่อยตัวผม
“ไปเก็บของไป เอาเสื้อผ้าไปหลายๆชุดหน่อยก็ดี”พี่ปืนบอกก่อนจะเดินออกไป ผมเดินตามพี่ปืนไปที่ห้องนังเล่น พี่ปืนนั่งลงบนโซฟาก่อนจะหันมามองผมที่ยืนทำหน้างงอยู่
“เก็บของ เก็บไปไหน” ผมถาม
“ไปนอนคอนโดพี่ไง ทำไม หรือจะอยู่คนเดียว”
“มะ ไม่เอาอ่ะ งั้นพี่ปืนรอแปบหนึ่งนะ” ผมรีบวิ่งขึ้นไปเก็บข้าวห้องบนห้องด้วยความดีใจ เย้! คืนนี้ผมไม่ต้องนอนคนเดียวแล้ว
เก็บเสื้อผ้าข้างของที่จำเป็นเสร็จผมก็เดินลงมาหาพี่ปืนข้างล่าง พี่ปืนหันมามองผมก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน
“จะย้ายบ้านเหรอไง”
“อะไร ย้ายบ้านที่ไหน นี่ของใช้จำเป็นหมดเลยนะ” ผมบอก พี่ปืนส่ายหน้าเอือมๆก่อนจะเดินเข้ามาดึงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่อยู่บนหลังผมไปถือให้ ซึ่งผมก็ไม่อิดออด มันหนักนี่นา
“ไปได้แล้ว ของเยอะขนาดนี้คงไม่ลืมอะไรแล้วนะ” พี่ปืนพูดก่อนจะเดินนำออกจากบ้าน แต่พอพี่ปืนพูดนั่นแหละ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าลืมของสำคัญบางอย่าง!
“พี่ปืน รอแปบหนึ่ง ต้นหอมลืมของ” ผมตะโกนบอกพี่ปืนก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องอีกครั้งแล้วคว้าของสำคัญติดมือมาอย่างว่องไว
“อย่าบอกนะว่าที่ลืมคือไอ้ตุ๊กตาหมีนี่” พี่ปืนปรายตามองตุ๊กหมีน้อยในอ้อมกอดผม
“ใช่ครับ ^^” ผมบอกแล้วก็ยิ้มตาหยี
“อายุเท่าไหร่แล้วห๊ะ ยังจะเล่นตุ๊กตาเป็นเด็กๆ” พี่ปืนบ่นก่อนจะเปิดประตูหลังเอากระเป๋าผมวาง
“อายุ17 ต้นหอมยังเด็กนะ เล่นได้อยู่” ผมเถียงกลับ แต่ต่อให้อายุมากกว่านี้ผมก็จะเล่นตุ๊กตาน้องหมี ก็ตัวนี่น่ะ พ่อกับแม่ซื้อให้ผมตั้งแต่ผมยังเด็กๆ เด็กมากๆ น้องหมีเลยหลายเป็นเสมือนตัวแทนของพ่อและแม่ก็แค่นั้น
“เอาเถอะๆ ขึ้นรถได้แล้ว” พี่ปืนพูดแล้วก็เดินอ้อมไปขึ้นรถ ผมก็เปิดประตูขึ้นรถเช่นกัน
ก่อนจะกลับคอนโดพี่ปืนก็แวะซื้อของกินเข้าไปด้วย ทีแรกผมเสนอให้ไปหาอะไรกินทีห้าง แต่พี่ปืนบ่นว่าเหนื่อย เพราะเมื่อเช้าพี่ปืนขับรถตรงดิ่งมาจากต่างจังหวัดแล้วก็แวะมาหาผมที่บ้านก่อน ฟังแล้วรู้สึกเป็นปลื้มขึ้นมาทันตาเห็น
พอกลับถึงคอนโด กินข้าวเช้าและข้าวเที่ยงรวมกันเสร็จ พี่ปืนคนเดียวนะ ผมกินข้าวเช้าไปแล้ว พี่ปืนก็เข้าไปนอนในห้อง ผมไม่รู้จะทำอะไรก็เลยรื้อของในห้องพี่ปืนเล่นจนเย็น
อ๊อดดดด
เสียงออดหน้าห้องดังขึ้น ผมมองไปที่ห้องนอนพี่ปืนก่อนจะเดินไปดู ยังหลับอยู่เลย เสียงออดดังขึ้นอีกครั้ง แต่พี่ปืนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเลยตัดสินใจเดินไปเปิดประตูเสียเอง
“อ้าวต้นหอม มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย” พี่เวฟนั่นเองครับที่เป็นคนมา
“สวัสดีครับพี่เวฟ มาคนเดียวหรือครับ” ผมถามพร้อมกับเปิดประตูออกหว้างให้พี่เขาเข้ามาในห้อง
“เปล่าหรอก เดี๋ยวไอ้เหนือกับไอ้ก้องก็มา แล้วเราไง ไอ้ปืนไปลากมาใช่ไหมเนี่ย” พี่เวฟยิ้มล้อๆ เดินถือข้าวของไปไว้ในครัว ผมก็เดินตามเข้าไปช่วย
“พอดีผมอยู่บ้านคนเดียว แมทไปอยู่ พี่ปืนเลยไปรับมาอยู่ด้วย” ผมบอก มือก็ช่วยพี่เวฟเอาอาหารและเครื่องดื่มเข้าตู้เย็น สงสัยวันนี้พวกพี่เขาคงจะจัดปาร์ตี้กันแน่ๆ
“งั้นเหรอ” พี่เวฟทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ เหมือนพี่เขาจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้จะ ไอ้สีหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นมันฟ้องชัดๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่เวฟที่ส่งยิ้มกริ่มมาให้ผม
“หึหึ พี่แค่กำลังคิดว่ามีคนปากแข็งอยู่ในห้องนี่น่ะ” พี่เวฟพูดแล้วก็เอาเนื้อหมูออกมาหั่นใส่กล่อง
“คนปากแข็ง ใครเหรอครับ” ผมถาม มือก็หยิบเบียร์เรียงเข้าตู้เย็น ซื้อมาเยอะขนาดนี้นี่กะเอามาอาบกันเลยหรือไง
“ไม่รู้สิ” อ้าว มาทำให้อยากแล้วจากไปนี่ แต่เดินไปยืนข้างพี่เวฟทำสีหน้าแบบเอาเรื่อง แต่พี่เวฟกลับหัวเราะแล้วก็ขยี้หัวผมแทนที่จะบอก
“อะแฮ่ม!” เสียงกระแฮ่มในลำคอดังขัดขึ้นมา ผมกับพี่เวฟหันไปมองพร้อมกันก็เจอพี่ปืนยืนพิงเคาร์เตอร์หน้าบึ้งอยู่
“ตื่นแล้วเหรอครับ” ผมเดินเข้าไปหา ดูสิ หัวยังฟูอยู่เลย ผมเขย่งตัวขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะจัดทรงผมของพี่ปืนให้เข้าที่เข้าทาง พี่ปืนก้มมองหน้าผมเหมือนคนถูกขัดใจ ผมนี่ก็งงสิ เราทำอะไรผิดหือเปล่าหว่า
“มึงมาทำไมไอ้เวฟ” พี่ปืนกระแทกเสียงถามพี่เวฟ ผมได้ยินแค่เสียงพี่เวฟหัวเราะ ไม่ได้หันไปมอง
“ทำไม กูมาไม่ได้หรือไง แค่นี้ทำเป็นหวงนะมึง” พี่เวฟพูดขำๆ
“เรื่องของกู” พี่ปืนว่าก่อนจะตวัดตากลับมามองที่ผม
“อะ...อะไรครับ” แอบกลัวนิดหนึ่ง ก็ดูสิ ทำไมต้องทำหน้าดุขนาดนั้นด้วย
“เดี๋ยวนี้กล้าอ่อยคนอื่นเหรอ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย” พี่ปืนพูดกระซิบรอดไรฟัน แถมยังขยี้หัวผมแรงๆอีก พอทำร้ายหัวผมอย่างพอใจแล้วก็เดินหน้าบึ้งจากไป ได้ยินเสียงประตูห้องนอนปิดดังปัง เป็นอะไรของเขานะ นอนไม่พอหรือยังไง
“พี่เวฟว่าพี่ปืนเข้าเป็นอะไรครับ” ผมหันไปถามพี่เวฟที่มองผมอยู่ก่อนแล้ว
“หึ มันหึงนะ” พี่เวฟพูดเสียงเบา เบาจนผมคิดว่าตัวเองอาจจะหูฝาด
“อะไรนะครับ”
“มันหึงเรากับพี่น่ะ เด็กชะมัดเลย” พี่เวฟส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะหันกลับไปหั่นหมูตามเดิม ทิ้งให้ผมอึ้งอยู่คนเดียว
พี่ปืนเนี่ยนะหึงผม!
>//<!
หลังจากสงบจิตสงบใจที่มันเต้นแรงเพราะคำพูดของพี่เวฟ ผมก็เดินเข้าไปหาพี่ปืนในห้อง พี่ปืนที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงหันมามองผมก่อนจะหันหน้ากลับ
“เป็นอะไรครับ” ผมเดินเข้าไปถาม แม้ว่าจะรู้สึกเขินๆยังไงไม่รู้ก็เถอะ
“เปล่า มันมาทำไมไอ้เวฟน่ะ” พี่ปืนถามผมก่อนจะดึงผมให้นั่งลงบนตัก ผมเกร็งตัวนิดๆก่อนจะผ่อนคลายลง หน้านี่ร้อนผ่าวไปหมด วันนี้พี่ปืนดูแปลกมากๆ
“คงมาทำอะไรกินมั้งครับ พี่ไม่ได้นัดกันไว้เหรอ เห็นบอกว่าเดี๋ยวพี่เหนือกับพี่ก้องจะตามมา” ผมบอก ตาก็จ้องหน้าพี่ปืนไปด้วย หน้าใสเหมือนกันนะเนี่ย จมูกก็โด่งมากๆ ไปทำมาหรือเปล่าเนี่ย ว่าแล้วเพื่อเป็นการพิสูจน์ผมก็เอามือบีบที่จมูกพี่ปืนทันที
“โอ๊ย! ทำอะไรเนี่ย” พี่ปืนร้องแล้วก็ปัดมือผมออก ผมหัวเราะขำทันที ของจริงนี่น่า โด่งเกินไปแล้ว ทำไมจมูกผมไม่โด่งแบบนี้มั่งนะ อิจฉาๆ
“พี่ปืนไปทำจมูกมาป่ะเนี่ย โด่งไปนะ เห็นแล้วอิจฉา ผมอยากได้บ้างอ่ะ พาไปทำหน่อยสิ” ผมพูดอ้อนๆ แต่ที่จริงแค่พูดเล่นเท่านั้น ผมไม่คิดจะทำหรอก กลัวเจ็บ!
“ตลกแล้ว นี่ของแท้” พี่ปืนพูดจาทำหน้าหาเรื่อง
“ก็มันจริงๆ ของผมไม่เห็นโด่งแบบพี่ปืนบ้างเลย” ผมว่า
“แบบนี้ดีแล้ว เหมาะกับหน้าเราดี โด่งกว่านี้ก็ตลกตาย”
“จริงเหรอ”
“จริง เล็กๆน่ารักแบบนี้น่ะดีแล้ว” พี่ปืนเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกัดลงบนจมูกผมเบาๆ แต่ก็เล่นเอาสะดุ้ง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ ผมก็กัดลงบนจมูกพี่ปืนบ้างๆ พี่ปืนทำตาโตก่อนจะกัดที่จมูกผมอีกที แต่คราวนี้เลื่อนลงมากัดปาดผมด้วย >_<
“พี่ปืน”
“ยั่วนักนะ”
“ต้นหอมยั่วที่ไหน พี่ปืนมั่ว” ผมบ่นอุบ หลบสายตาที่ระยิบระยับนั่น
“หึ เวลาเราเขินนี่มันน่า...” พี่ปืนพูดแล้วก็หยุด
“น่าอะไร” ผมหันไปถามด้วยความอยากรู้ พี่ปืนเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นจนหน้าผากเราติดกัน แต่ยังไม่ทันที่พี่ปืนจะพูดอะไรประตูห้องพี่ปืนก็เปิดออกก่อน
พะ...พี่เหนือ!
“นี่พวกคุณ เลิกสวีทกันก่อนแล้วออกมาช่วยกันหน่อยดิ จะแดกไหมไอ้ปืน” พี่เหนือบ่นหน้านิ่งก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ผมนั่งอับอายอยู่บนตักพี่ปืนด้วยท่าทางที่ล่อแหลมสุดๆ
อ๊ากกกกก
ผมอายอ่ะ...ใครก็ได้เอาน้ำมาดับไฟที่หน้าผมที่!
“จิ๊แม่ง ขัดจังหวะจริงๆ” พี่ปืนบ่น แต่ผมไม่ได้สนใจฟัง เพราะผมก็กำลังช็อคซีนีม่าแบบสุดๆ ดีนะที่ยังไม่ได้ทำอะไร (แล้วหนูจะทำอะไรล่ะลูก) ถ้าพี่เวฟเข้ามาช้าอีกนิดหนึ่งละก็...ฮืออ
ยังไม่ทันรวบรวมสติดีพี่ปืนก็ลากผมออกมาจากห้อง เท่านั้นแหละ พี่ก้องกับพี่เวฟก็เอ่ยปากแซวทันที ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพี่เหนือคงเล่าใหฟังหมดแล้ว เห็นพี่เหนือเงียบๆอึนๆแบบนั้นเหอะ แต่เรื่องไหนที่พี่เหนือรู้ คนทั้งโลกก็รู้นั่นแหละ ฮันนี้พี่ก้องบอกมา >-<!
กว่าผมจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หรือพูดง่ายๆก็คือทำหน้าให้ด้านต่อคำแซวทั้งหลายของพวกพี่นั่นเอง วันนี้พวกพี่เขาทำเนื้อย่างหมูย่างกินกันในห้อง พี่ปืนนี่ด่ากระจายเลยตอนแรก บอกว่าเหม็นห้อง แต่พี่อีกสามคนไม่ฟังไม่สนใจเสียงด่าเสียงสาปแช่ง(?) ของพี่ปืน สุดท้ายทุกคนก็นั่งกินสารพัดเนื้อสัตว์ย่างในห้องนั่งเล่น ที่พี่เหนือและพี่ก้องเลื่อนโซฟาและย้ายพรมไปที่อื่นแทน
“ขอบคุณครับ” ผมบอกพี่ปืนที่คีบกุ้งกับเบคอนมาใส่ไว้ที่จานผม ผมใช้ตะเกียบคีบเบคอนร้อนๆจิ้มน้ำจิ้มก่อนจะเอาเข้าปาก อร่อยมากๆ
“ไอ้ปืน น้ำแข็งหมดแล้วลงไปซื้อหน่อยดิวะ” พี่ก้องบอกพี่ปืน
“ทำไมต้องกู” พี่ปืนพูดหน้าตาย
“อ้าวไอ้นี่ ของหมดนี่พวกกูก็ซื้อมาทั้งของสดทั้งเบียร์ทั้งเหล้า ช่วยไปซื้อน้ำแข็งแค่นี้ไม่ได้เหรอไงวะครับ คุณชาย” พี่ก้องประชดประชัด พี่ปืนปรายตาขึ้นมองพี่ก้องก่อนจะยื่นขาออกไปถีบพี่ก้องหนึ่งทีแล้วลุกขึ้น
“ผมไปด้วย” ผมบอกแล้วก็ลุกขึ้นเดินตามพี่ปืนไปซื้อน้ำแข็งข้างล่าง
“ไม่อยู่กิน เดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันก็แย่งกินหมดหรอก” พี่ปืนพูดกับผมตอนที่อยู่ในลิฟต์แล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้นหอมเริ่มอิ่มแล้วแหละ กินไปตั้งเยอะ เพราะพี่ปืนนั่นแหละเอาแต่คีบให้ผม” จริงๆนะครับ จานผมนี่ไม่เคยว่างเลยและไม่ต้องปิ้งเองด้วย ประมาณว่าผมมีหน้าที่กินอย่างเดียว
“แล้วไม่ดีหรือไง กินๆเข้าไปเถอะ จะได้โตสักที” พี่ปืนพูดทิ้งท้ายแล้วก็เดินออกจากลิฟต์ไปหน้าตาเฉย จิ๊! เบื่อคนที่โตแล้วจริงๆ
ผมเดินตามเข้าไปในซุปเปอร์มาร์เก็ต พี่ปืนแยกไปซื้อน้ำแข็ง ส่วนผมก็แยกไปดูนมและขนม
“มันอร่อยเหรอไง”
“ครับ”
พี่ปืนมองจ้องไปที่ขวดนมรสกล้วยก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบนมมาขวดนึงแล้วเดินออกไปเลย ผมมองอย่างอึ้งๆ อย่าบอกนะว่าพี่เขาจะซื้อไปกินเอง เป็นไปไม่ได้น่า คนอย่างพี่ปืนเนี่ยนะกินนม
“ยืนบื้อทำไม เดินตามมาได้แล้ว”
“ครับ บ่นจัง ยังไม่แก่สักหน่อย”
“ลามปาม”
ผมทำปากขมุบขมิบใส่หลังพี่ปืนก่อนจะรีบกวาดขนมที่อยู่ใกล้มือแล้วรีบเอาไปให้พี่ปืนจ่ายตังค์ เดี๋ยวนี้ผมใช้เงินวันหนึ่งไม่ถึงร้อยเลย มีป๋าเลี้ยงตลอด ทั้งป๋าแมทและป๋าปืน สองคนนี้ไม่เคยให้ผมเสียเงินเองเลยสักครั้งไม่ว่าอยากได้อะไรก็ตาม เงินที่พ่อแม่ส่งมาให้ผมเลยเหลือเต็มอื้อบัญชีไปเลย
มันมีความสุขก็ตรงนี้แหละ ฮ่าๆๆ
ซื้อของเสร็จแล้วก็กลับขึ้นห้อง ไม่น่าเชื่อไปแค่แปบเดียวกลับมาพวกพี่เขาซัดหมูเห็ดเป็ดไก่ไปเกือบหมด
พอได้น้ำแข็งความครื้นเครงก็กลับมา พี่ก้องเอากีตาร์มาดีดและพี่เวฟก็เป็นคนร้องเพลง พี่เหนือก็เคาะชามเคาะไหไปตามเรื่องราว ส่วนพี่ปืนก็กระดกเหล้าอย่างเดียว ผมก้มมองแก้วเหล้าในมือของตัวเองก่อนจะยกขึ้นจิบ นี่แก้วที่สองแล้วที่ผมกิน เวลาอยู่กับพี่ปืนผมมักจะได้ทำอะไรที่แมทไม่เคยให้ทำ แต่พี่ปืนก็สั่งว่าไม่ให้ไปกินเหล้าที่อื่นถ้าหากไม่มีพี่เขาอยู่ด้วย
เวลาผ่านไปเข้าวันใหม่ แต่ละคนนี่เมาปริ้นกันเลยทีเดียว ผมที่ยังสติดีอยู่นิดหน่อย แอบมึนเล็กๆ เพราะหลังจากหมดแวที่สองพี่ปืนก็ผสมแก้วที่สามสี่ห้าให้ผมและแน่นอนว่ามันเข้มกว่าแก้วก่อนๆ
“ไม่ต้องเก็บ เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้แม่บ้านมาเก็บทีเดี๋ยว” พี่ปืนรีบห้ามเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเก็บจานชามที่วางอยู่กลางห้อง
“แล้วพี่ๆเขาละครับ” ผมถาม มือก็ชี้ไปที่ผู้ชายทั้งสามคนที่นอนหลับคาวงเหล้ากันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ปล่อยแม่งไว้งั้นแหละ มานอนได้แล้ว”
ผมเดินตามพี่ปืนเข้าห้องไปแต่โดยดี พี่ปืนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ส่วนผมก็อาบก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว ผมคลานขึ้นเตียง แต่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินนมเลยลุกขึ้นเดินออกไปนอกห้องอีกรอบ พอได้นมกล่องที่ผมซื้อมาผมก็เดินเข้าห้อง พี่ปืนนอนพิงหัวเตียงรออยู่แล้ว
“กินเสร็จแล้วก็มานอนได้แล้ว”
“ครับ” ผมดูดนมจากกล่องเสร็จก็เอาไปทิ้งที่ถังขยะเล็กๆในห้องก่อนจะเดินขึ้นเตียงอีกรอบหนึ่ง
ผมแทรกตัวในผ้าห่มผืนหน้า อ่า...อุ่นจัง พี่ปืนขยับตังลงนอนก่อนจะปิดไฟหัวเตียง ผมหยิบน้องหมีมากอดแล้วก็เขยิบเข้าไปหาพี่ปืน พี่ปืนหันนอนตะแคงมากอดผมก่อนจะกดริมฝีปากลงที่หน้าผากผมเบาๆ ผมเลยเคลื่อนหน้าขึ้นไปจูบที่ปลายคางพี่ปืน ตามด้วยแก้ม ผมอยากอยู่แบบนี้ไปตลอดจัง
“เมาแล้วชอบยั่วจริงๆนะ” พี่ปืนว่าครับ
“ไม่ได้ยั่วสักหน่อย” ผมยิ้มแล้วก็จุ๊บที่แก้มพี่ปืนอีกที
“หึหึ ยั่วแบบนี้มากๆ ตื่นขึ้นมาอย่าร้องแล้วกัน”
“ไม่ร้องหรอกน่า”
“ปากดี ไหนดูสิว่าจะปากเก่งได้สักกี่น้ำ” พี่ปืนพูดก่อนจะจูบผม ผมขยับตัวเบียดเข้าหาพี่ปืน เงยหน้าให้พี่ปืนจูบแต่โดยดี ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเพราะจูบของพี่ปืนกันแน่ผมถึงได้หัวหมุนขนาดนี้ หรือบางทีอาจจะเป็นทั้งสองอย่างก็ได้
“อื้ม...”
จูบร้อนๆนี่มันช่าง....
แล้วผมก็หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
(ต่อด้านล่าง)