♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣  (อ่าน 909102 ครั้ง)

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
สงสัยตรงบทนำ  มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน  หรือ เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น กันล่ะเนี่ย?  :m28:

อย่ามาม่ามากนะ  เค้าหัวใจอ่อนแอ  :impress3:

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
+ ขอเวลาอีกสักหน่อยนะคะ นี่ก็ไม่สบายเพราะพักผ่อนน้อย T_T งานเยอะการบ้านแยะมาก  :serius2: หายเมื่อไหร่จะมาลงให้ทั้งสองเรื่องเลยนะคะ ^_^ ขอโทษจริงๆ ไม่อยากหายไป แต่ไม่ว่างจริงๆ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจและยังคงติดตามนะค่ะ
+ อยากรู้ความเป็นไป ริริอยู่ไหน ทำอะไร ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นิยายจะมาลงให้เมื่อไหร่ ก็กดไลค์ที่ Fanpage นะคะ เพราะแถลงไขในนั้นดูจะสะดวกสบายมากกว่า
+ ขอบคุณและขอโทษในความไม่สะดวก ทำให้ทุกคนค้างคา เค้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆน้าาาาา  :sad4:
 :L1: :pig4: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
รอได้เสมอจ้า
พักผ่อนเยอะๆๆน๊า :L1:

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
รอได้จ้า หายไวไวนะ :)

ออฟไลน์ arisa_sa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
รอได้จ้า สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ตามมาจากเรื่องเค้ก
เพิ่งจะเห็นว่าพี่แต่งอีกเรื่องนึงเลยตามมาอ่าน
ชอบอ่ะ ต้นหอมน่ารัก
แต่ดูเรื่องราวมันลึกลับยังไม่รู้ 5555
ว่าแต่ใครเป็นพระเอกอ่าคะ
ปืนหรอ ใช่ป้ะๆ

ออฟไลน์ naisojill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
รอตอนต่อไปอยู่นะค่ะ

อัฟต่อให้จบเลยน๊า

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 5
The Meeting


         


ของในตู้เย็นเริ่มร่อยหรอ พรุ่งนี้คงต้องออกไปซื้อของ ไม่อย่างนั้นผมคงไม่มีอะไรกิน เพราะแมทมักจะซื้อแต่เบียร์มาแช่เต็มตู้เย็น ทีเวลาเลือกเบียร์นี่รู้ดีทุกอย่างว่ายี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนนุ่มละมุนลิ้น ทีให้เลือกหมูเลือกผักแทบจะต้องเขวี้ยงทิ้ง ทั้งเหี่ยวทั้งไม่เขียว ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ แมททำอาหารเป็นนะ แต่แปลก เขากลับเลือกอาหารไม่เป็นสักอย่าง เลือกเป็นอย่างเดียวคือแอลกอฮอล์ อีกหน่อยจะส่งไปรายการแฟนพันแท้เจ้าพ่อแอลกอฮอล์ ชนะเลิศแน่นอน เชื่อผมเถอะ!

เมื่อขนของที่ต้องใช้ออกจากตู้เย็นแล้ว ผมก็ลงมือทำเมนูเด็ดของวันนี้ทันที

“อะแฮ่ม!”

“อ๊ะ! แมท! ตกใจหมด มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง” ผมเอามือที่ไม่ได้ถือมีดขึ้นลูบอกตัวเองเบาๆเพื่อเรียกขวัญที่วิ่งหนีหายไปเพราะเพื่อนตัวดี

“ก็ให้แล้วไงเสียง อะแฮ่ม” แมทย้อนผมหน้าตายก่อนยื่นหน้ามองของที่วางอยู่บนโต๊ะทำกับข้าว

“กวนนะกวน จะไปไหนก็ไปเลย จิ๊”

“ทำเป็นไล่ แล้วนี่ทำอะไร”

“ทาร์ต” ผมตอบ มือก็ทำไปด้วย เดี๋ยวเสร็จไม่ทันไปเรียนคาบเช้าจะยุ่ง

“คิดยังไงถึงทำ”

“ก็...ก็อยากกิน จะไปวิ่งไม่ใช่เหรอ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง แมทจ้องผมเหมือนกับไม่เชื่อ แต่ผมเองก็ไม่พูดอะไรเหมือนกัน นิ่งไว้ต้นหอมนิ่งไว้ อย่าให้สุนัขตำรวจเขาจับพิรุธได้ ไม่งั้นโดนขย้ำแน่ >_<

“ไปล่ะ” และแมทก็ยอมล่าถอย เดินออกนอกบ้านเพื่อไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆ แมทมักจะไปวิ่งทุกเช้า ส่วนผมไม่เคยไป แม้ว่าแมทจะเคี่ยวเข็ญผมแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ให้คนอย่างผมไปวิ่ง เข็นครกขึ้นภูเขาง่ายกว่าเข็นผมเยอะ ผมไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบเหนื่อย ไม่ชอบเจ็บตัว ดังนั้นผมจึงไม่ชอบเล่นกีฬา เลือกได้ก็จะไม่แตะ เลยทำให้ผมไม่ค่อยจะแข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ตลอด

หลังจากแมทออกไปวิ่งผมก็กลับมาสนใจงานตรงหน้า วันนี้ผมจะทำทาร์ตทั้งหมดสี่อย่างคือ ทาร์ตไข่ อันนี้ของโปรดผมเลย ต่อด้วยทาร์ตราสเบอร์รี่ ทาร์ตครีมชีสผลไม้ และเลมอนทาร์ต อันนี้ไข่ดาวและปลารีเควสมาเป็นพิเศษ ผมเคยทำไปให้ชิมครั้งหนึ่ง ทั้งคู่ติดใจมากจนขอให้ผมทำให้ทานอีก

“กล่องนี้ อืม...น้อยไปหรือเปล่านะ ใส่เพิ่มดีกว่า” ผมจัดแจงเอาทาร์ตที่ทำเสร็จใส่กล่องเป็นชุดๆ แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย

“ยังไม่ไปอาบน้ำอีกเหรอ” ผมหันไปทางประตูครัว แมทยืนพิงประตูเอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อมองผม

“กำลังจะไปอาบ วันนี้มีโจ๊กหมูนะ”

“อืม รีบไปอาบน้ำไป”

“ครับ คุณพ่อ” ผมรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องก่อนจะโดนกินหัว ทุกวันนี้ก็เสียวสันหลังวาบอยู่แล้ว อย่าให้ตัวเองต้องลำบากไปกว่านี้จะดีกว่า จะว่าไปแล้ว ผมว่าผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แต่ไม่รู้ทำไมผมกลับกลัวว่าแมทจะรู้ และถ้าแมทรู้เรื่องที่ผมทำ แมทต้องดุผมแน่ๆ

“แมทต้องไม่รู้ โอเคนะ” ผมพูดกับตัวเองในกระจกเงาที่ขึ้นฝ้าเพราะไอร้อนจากน้ำอุ่นที่ผมเพิ่งอาบเสร็จ

บนโต๊ะกินข้าวมีโจ๊กหมูวางอยู่สองชาม ผมนั่งลงข้างๆแมทที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะ ยังไม่ลงมือกิน

“แมท กินข้าวได้แล้ว อย่ามัวแต่อ่านหนังสือพิมพ์” ผมเอ็ดเบาๆ

“อืม”

‘อืม’ แต่ก็ยังอ่าน ผมจ้องแมทจนเขารู้สึกตัวเงยหน้ามองผม แล้วถอนหายใจเบาๆ วางหนังสือพิมพ์และลงมือกินข้าว ก็แค่เนี่ย จะต้องให้ทำเข้มทำไมไม่รู้

“วันนี้เลิกกี่โมง”

“สี่โมงเย็น”

“เอ๊ะ! วันนี้มีนัดชมรมนี่น่า ลืมไปเลย พี่เขานัดกี่โมงนะแมท”

“ห้าโมงเย็น”

“แมทจะไปใช่ไหม” ผมถามอย่างมีความหวัง ถ้าแมทไป ผมก็จะได้ไปด้วย แล้วผมก็จะได้เจอกับพี่เขาอีกครั้ง แค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว และดูเหมือนผมจะออกอาการมากเกินไปหน่อย แมทถึงได้จ้องผมไม่วางตาขนาดนี้

“ทำไม อยากไปมากเหรอไง” แมทเลิกคิ้วถามผม

“ก็...ก็...”

“ก็อะไร”

“ก็...ต้องไปเอาเอกสารไง ใบที่ต้องเอาไปให้คณะน่ะ ถ้าไม่ไปแล้วจะได้เอกสารการเข้าชมรมได้ไงล่ะ ฮู้ววว ความจำไม่ดีนะเราเนี่ย” ผมก็แถไปเรื่อย เกือบไปแล้วไหมล่ะ แหม ผมนี่ก็เล่นละครเก่งจริง

“งั้นก็แวะไปก่อนแล้วกัน แต่คงไม่อยู่นานนะ” แมทพยักหน้าว่าเข้าใจ

“อืม ไม่เป็นไร”

แค่ได้ไปก็ดีแล้ว อยากไปเจอพี่ปืนสักนิดก็ยังดี จะว่าไป หลังจากวันนั้นที่ห้องชมรม ผมก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย ก็ไม่แปลกหรอก ผมเรียนคนละคณะกับพี่ปืน แถมคณะผมกับคณะนิเทศก็อยู่ห่างกันเป็นโยชน์ ผมมักจะไปกินข้าวที่โรงอาหารกลาง แต่คณะพี่เขามีโรงอาหารที่หรูหราสุดๆเป็นของตัวเอง จะไปเจอกันได้ยังไง

ผมได้ยินเรื่องของพี่ปืนมาเยอะแยะจากเพื่อนๆ แต่ไม่รู้จะใช่เรื่องจริงหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้ตอนนี้คือพี่ปืนดังมากในมหาวิทยาลัย แต่เพราะเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยสุงสิงกับใครนอกจากเพื่อนในกลุ่ม เลยไม่ค่อยมีใครเข้าหามากนัก คนที่สนิทและรู้เรื่องพี่เขาจริงๆจึงมีน้อย ส่วนมากก็พูดกันปากต่อปาก แต่ถึงมันจะดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือ ผมก็ยังอยากได้ยิน

ผมบ้าใช่ไหมล่ะที่เพ้อขนาดนี้ แต่ผมทำแล้วรู้สึกดี ก็ปล่อยผมทำไปเถอะนะ อย่าห้ามผมเลย

“ไปไหนมาต้นหอม เมื่อกี้แมทเดินมาหาน่ะ” ปลาถามผมที่เดินมาถึงโต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ

“แมทน่ะเหรอ?” ผมขมวดคิ้วถาม เพิ่งแยกกันเอง แมทมาหาผมทำไมกัน

“อืม แมทบอกว่าต้นหอมลืมหนังสือเรียนเลยเอามาให้ เราคิดว่าต้นหอมยังมาไม่ถึงเพราะไม่เห็น แมทถามว่าต้นหอมไปไหน เราเลยตอบไปว่าไม่รู้”

“อืม ขอบใจนะ อะนี่ขนม” ผมวางกล่องขนมลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นทุกคนก็หันไปสนใจขนมแทน ผมรีบกดโทรศัพท์หาแมททันที ไม่นานแมทก็รับสาย

“ฮัลโหล” ผมพูดทันทีที่แมทรับสาย

[ไปไหนมา ทำไมไปหาถึงไม่อยู่ที่คณะ] เสียงนิ่งมากเลยครับ

“ไป...ไปซื้อของ” ผมโกหก ไม่กล้าบอกความจริงว่าผมไปทำอะไรมา ผมคิดว่าสิ่งที่ทำมันไม่ผิด แต่สำหรับแมท มันไม่ใช่ เขาต้องไม่พอใจกับสิ่งที่ผมทำแน่ๆ

[แน่ใจ มีอะไรปิดบังหรือเปล่า]

“เปล่า” ผมตอบเสียงเบา

[ทำอะไรอย่านึกว่าพี่ไม่รู้นะต้นหอม] มาแล้วไงแมทในโหมดดาร์ก

“...” ผมเงียบไม่รู้จะพูดอะไร ประโยคเมื่อกี้ทำให้ผมรู้ตัวว่าพลาด ผมน่าจะรู้ว่าผมไม่เคยปิดอะไรแมทได้สักอย่างแต่ก็ยังจะทำ ยังเลือกที่จะโกหก ผมนี่แย่จริงๆ

[มีอะไรทำไมไม่บอก คิดว่าที่ทำอยู่มันดีเหรอ] น้ำเสียงดุที่น้อยครั้งแมทจะใช้พูดกับผม ถ้าไม่เหลืออดจริงแมทจะไม่ค่อยดุผมเท่าไหร่

“ขอโทษ” ผมบอกได้แค่นั้น รู้ว่าตัวเองผิดที่โกหกแมท

[รู้ว่าผิดก็ยังจะทำ เฮ้อ ถ้าบอกให้เลิกจะหยุดไหม]

“แมท…!” ผมเรียกชื่อแมทอึ้งๆ ไม่คิดว่าแมทจะพูดแบบนี้ ผมรู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่แมทไม่เคยห้ามถ้าผมจะทำอะไร ผมไม่ใช่คนที่ทำอะไรแล้วไม่คิด แน่นอนว่าทุกเรื่องที่ผมทำผมต้องคิดดีแล้ว เรื่องนี้ผมคิดว่าแมทรู้ดี แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่คิดว่าจะถูกสั่งห้ามแบบนี้

ผมลุกเดินออกจากโต๊ะ ไม่อยากให้ใครได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับแมท ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ จนมาหยุดอยู่ที่ม้านั่งแถวๆพุ่มไม้ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคน ผมนั่งลงเพราะรู้ว่าคงต้องคุยอีกยาว

[อยู่ไหน เดี๋ยวเดินไปหา]

“อยู่ข้างคณะ ตรงแถวๆพุ่มไม้” ผมบอกก่อนจะวางสายแมท

บีบมือตัวเองแน่นพลางคิดว่าผมทำผิดเหรอ ที่ผมทำมันไม่ดีหรือไง ผมแค่ชอบพี่เขา แล้วก็ทำในสิ่งที่ไม่เดือดร้อนใคร แค่ทำขนมไปให้พี่ปืน เพราะได้ยินมาว่าพี่เขาชอบกินขนมหวานมากๆ และมันก็เป็นสิ่งที่ผมถนัด ไม่ได้หวังอะไร แค่อยากทำไปให้ก็แค่นั้น แต่แมทกลับพูดเหมือนว่ามันผิดมากอย่างนั้นแหละ

“ต้นหอม”

ผมเงยหน้า เห็นแมทยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะนั่งลงข้างผม ได้ยินเสียงแมท ถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดกับผมเสียงแข็ง

“เล่ามาให้หมด อย่าให้ต้องถาม”

อยากร้องไห้จัง ผมไม่ชอบที่แมททำเสียงแข็งใส่แบบนี้ ความน้อยใจมันตีตื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ เป็นนานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ

“เราชอบพี่ปืน เราชอบ อาจจะเพราะเขาหล่อมั้ง แต่เราคิดแล้วนะแมทว่ามันไม่ใช่แค่นั้น พี่เขาเหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เราอยากเข้าใกล้ แต่เราไม่ได้หวังว่าจะได้คบกับพี่เขาหรอกนะ เท่าที่รู้มาพี่เขาชอบผู้หญิง”

“เขาชอบผู้หญิงไม่ชอบผู้ชาย รู้แล้วไม่เจ็บเหรอ ทำไปเขาก็ไม่เห็นค่า รู้ไหมว่าทำแบบนี้คนที่จะเจ็บก็ตัวนายเอง พูดว่าไม่หวัง ไม่หวังแล้วทำทำไม”

ผมสะอึกกับคำพูดของแมท ที่จริงแล้วผมหวัง แต่มันเป็นความหวังที่เป็นไปไม่ได้ ผมรู้ตัวว่าทำไปมันก็ไม่ได้อะไร แต่ผมแค่อยากทำก็เท่านั้น

“ลืมความเจ็บปวดครั้งเก่าได้แล้วเหรอ” แมทถาม

“ยัง แต่ต้นหอมไม่ได้รักเขาแล้ว ยังไม่ลืมหรอกว่าเจ็บแค่ไหน”

“แล้วไง ไม่ลืม แต่ไม่เข็ดสินะ” แมทพูดประชด ผมเลยชักสีหน้าใส่แมท ทำไมต้องว่ากันด้วย ผมทำอะไรผิด

“ใช่ ไม่เข็ด ทำไมล่ะ เราทำผิดมากหรือไง แค่ทำขนมไปให้พี่เขา ไม่ได้ไปเรียกร้องขออะไรสักหน่อย ทำไมแมทต้องว่าด้วย ฮึก...”

น้ำตาไหลด้วยความน้อยใจ ผมแค่ทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้คนที่ตัวเองชอบ มันผิดมากขนาดที่ผมต้องมาโดนดุเลยเหรอ

“อย่าร้องนะต้นหอม”

“ไม่ให้ร้องเหรอ ไม่ให้ร้องแล้วดุทำไม อึก..”

“ดุให้รู้ตัวไง ต้นหอม ฟังพี่นะ” แมทดึงผมเข้าไปใกล้ ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาออก ยิ่งเช็ดผมก็ยิ่งร้อง แมทควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงผมออกมาแล้วเช็ดหน้าให้ผม

“พี่ไม่ได้อยากจะว่าเรื่องที่ต้นหอมชอบใคร แต่การที่ต้นหอมชอบใครไปเรื่อยแบบนี้มันไม่เกิดประโยชน์ รักที่ดูแล้วไม่สมหวัง มันจะทำให้ต้นหอมเจ็บ เข้าใจที่พี่พูดไหม พี่รู้ว่าต้นหอมต้องการอะไร แต่รอไม่ได้เหรอ สักวันต้นหอมจะต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ ยิ่งวิ่งหาก็ยิ่งไม่เจอ แถมยังเหนื่อยเปล่าอีก”

“น้องรู้ แต่น้องชอบพี่เขาจริงๆนะ” ผมยังดื้อที่จะยืนยันคำเดิม

“แต่เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย”

“ฮือ อย่าย้ำสิ” ผมทุบอกแมทเบาๆ รู้หรอกน่าว่าพี่ปืนไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นต้องย้ำให้เจ็บเลย

“ในเมื่อรู้ แล้วไปยุ่งกับเขาทำไม อยากเจ็บอีกเหรอ” รู้ว่าแมทเป็นห่วง ที่ผ่านมาแมทไม่ค่อยยุ่งถ้าผมจะรักใครชอบใคร แมทไม่เคยห้าม แต่ทุกครั้งที่ล้ม ที่เจ็บกับความรัก แมทจะคอยอยู่เคียงข้างตลอด ผมเลยรู้สึกว่าผมยังสู้ไหว ตราบใดที่ผมยังมีคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างอย่างนี้

“รู้ตัวบ้างไหมว่าพี่เจ็บทุกครั้งที่ต้นหอมเสียใจ ทำอะไรนึกถึงใจพี่บ้าง”

“ขอโทษ”

“ขอโทษแล้วยังไง จะเชื่อฟังไหม”

“...” ผมเงียบไม่ตอบ พูดไม่ได้จริงๆ ก็ผมชอบพี่เขานี่ จะให้บอกว่า โอเค ไม่ชอบแล้ว เลิกชอบก็ได้ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ตั้งแต่วันแรกที่เจอพี่ปืนจนวันนี้ก็เกือบเดือนแล้ว ผมกลับรู้สึกชอบมากขึ้นทั้งๆที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ทำอะไรให้ แม้ว่าพี่ปืนไม่รู้ว่าผมทำก็ไม่เป็นไร รู้แค่ว่าผมเต็มใจก็พอ

“เฮ้อ ชอบเขามากเหรอ”

“ก็...ชอบ”

“จะไม่เลิกชอบใช่ไหม”

“...”

“เฮ้อ ทำไมดื้ออย่างนี้วะ!” แมทตะวาดทำเอาสะดุ้ง แมทจ้องหน้าผมอย่างโมโห ผมรีบหลบตา ก็มันน่ากลัวนี่น่า ทำหน้ายักษ์ คิดว่าดูดีหรือไง ฮึ่ย!

“ตามใจแล้วกัน แต่มีอะไรต้องบอก ห้ามปกปิดเข้าใจไหม” แมทชี้นิ้วสั่งผม ผมฉีกยิ้มออกทันที พุ่งเข้ากอดแมทแน่นด้วยความดีใจ

“ขอบคุณนะพี่”

“อย่างนี้ทุกทีสินะ” ใช่ แมทตามใจผมแบบนี้ทุกที ขอให้ได้บ่นเถอะ ถ้าผมยังยืนยันว่าจะทำจะเอา เขาก็ตามใจผมทุกครั้ง ถ้าจะโทษว่าใครผิดก็โทษแมทเองเถอะที่ตามใจผมแต่เด็กจนเคยตัว

“ต่อไปนี้มีอะไรจะบอกนะ สัญญา”

ผมปล่อยตัวแมทกลับมานั่งที่เดิม นึกขึ้นได้ว่าอยู่ในที่สาธารณะ ไม่เหมาะที่จะทำอะไรแบบนี้ ยิ่งผมกับแมทเป็นผู้ชาย ถึงมันจะไม่มีอะไร แต่คนอื่นเขาไม่รู้ ตัวผมโดนคนอื่นด่าไม่เท่าไหร่ ออกจะชินด้วยซ้ำ แต่ผมไม่อยากให้ใครเอาแมทไปพูดเสียๆหายๆ แมทไม่ได้เป็นเหมือนผม เลยไม่อยากให้เขาโดนเหมาว่าเป็นเกย์ไปด้วย

“ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ามันไม่ใช่ ถ้าต้องเจ็บอีกครั้ง พี่ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ได้ไหม”

“...”

“ได้ไหม”

“ครับ ถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ใช่ น้องสัญญาว่าจะหยุด ให้โอกาสน้องอีกครั้งนะ ถ้าเขาไม่ใช้คนที่น้องต้องการ ถ้าน้องจะไม่มีวันเป็นที่รักของใคร น้องจะหยุด”

“พูดผิดไปอย่างนะ น้องเป็นน้องที่พี่รัก จำไว้”

“ครับ” เมื่อเคลียร์กับแมทเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปเรียน วันนี้ผมเรียนไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ หัวสมองเอาแต่คิดเรื่องที่แมทพูด เพราะมีเรื่องพี่ปืนให้คิดมากมายผมเลยกลายเป็นเด็กเกเรไม่สนใจเรียนไปวันหนึ่ง

ตอนเที่ยงแมทก็โทรมาบอกว่าต้องไปล่าลายเซ็นรุ่นพี่ โชคดีที่คณะผมไม่มีอะไรแบบนั้น มีว๊ากบ้างนิดหน่อย แต่ไม่รุนแรงเท่าวิศวะ เพราะแมทไปกินข้าวกับผมไม่ได้ เขาเลยให้กุญแจรถมาขับออกไปหาอะไรกินข้างนอก ทีแรกผมปฏิเสธขี้เกียจออกไป แต่อีกใจก็เริ่มเบื่ออาหารในโรงอาหาร แถมยังเบื่อคนเยอะอีก จึงตัดสินใจเอารถออกไปหาอะไรกินข้างนอก มีอาร์ม ก้าน ไข่ดาว ปลาและแชมป์ออกมากับผมด้วย เพราะพวกเขาขี้เกียจยืนรอต่อแถวซื้อข้าวเหมือนกัน

ร้านที่เราเลือกก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาชื่อดังที่ก้านเป็นคนนำเสนอว่าอร่อยสุดยอด ร้านอยู่ไกลนิดหน่อย แต่ถนนเส้นนี้รถไม่ติดและพอมาถึงร้านผมก็ยิ้มออกเพราะคนไม่เยอะ แถมบรรยากาศในร้านยังดูสะอาดสะอ้านน่านั่งอีกด้วย

“เอาอะไรดีค่ะ” พนักงานสาวถามพวกผมที่ก้มหน้าก้มตาดูเมนูอาหาร ยกเว้นแต่ก้านและอาร์มที่ออกปากสั่งโดยไม่ต้องดู

“เส้นเล็กต้มยำรวมมิตรปลาชามหนึ่ง” ก้านสั่งก่อน

“เอาเส้นหมี่ต้มยำเกี๊ยวปลา” ต่อด้วยอาร์ม

“ฉันเอาเส้นใหญ่ต้มยำ เอาแต่ลูกชิ้นปลานะ ไม่เอาถั่วงอก แล้วก็ชามะนาวแก้วหนึ่ง” แชมป์จัดการสั่งแบบรวดเดียว เล่นเอาพนักงานจดตามแทบไม่ทัน

“มึงนี่เรื่องมากนะไอ้แชมป์” อาร์มแขวะแชมป์เบาๆ

“เลือกมากเว้ย ไม่ใช่เรื่องมาก” แชมป์จีบปากจีบคอใส่อาร์มกลับไป

“เป็นตุ๊ดแล้วยังเรื่องมากแบบนี้ ระวังไม่มีใครเอานะมึง” ก้านแซวแชมป์อย่างที่ชอบทำประจำ ทั้งอาร์มแล้วก็ก้านมักจะพูดแกล้งแชมป์ให้โมโหอยู่เรื่อย บางครั้งผมฟังแล้วรู้สึกว่ามันแรงไป เลยอดคิดไม่ได้ว่าทั้งสองคนไม่ชอบพวกที่เป็นตุ๊ดเป็นเกย์เป็นกระเทยหรือเปล่า แล้วเขาจะรับได้ไหมถ้ารู้ว่าผมเป็นอะไร...

“กินอะไรดีต้นหอม เราสั่งกันหมดแล้ว” ปลาหันมาถามผมที่นั่งเหม่อลอย

“เอาวุ้นเส้นต้มยำรวมมิตรแล้วกัน” ผมตอบ แล้วพนักงานก็จดตาม

“น้ำล่ะ เอาอะไรไหม” ก้านถามผมด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ถ้าเขารู้ว่าผมเป็นเกย์ เขายังจะพูดดีกับผมแบบนี้หรือเปล่านะ แล้วเขาจะยังอยากเป็นเพื่อนผมอยู่ไหม



(ต่อข้างล่าง)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2014 21:17:52 โดย RiRi »

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld


“รอนานไหม”

“ไม่หรอก ไปกันเถอะ”

“อืม”

“เราไปก่อนนะทุกคน พรุ่งนี้เจอกัน”

ผมโบกมือลาเพื่อนๆก่อนจะเดินตามแมทไปขึ้นรถ เย็นนี้ผมและแมทต้องแวะไปงานมีตติ้งของชมรมถ่ายภาพก่อน ระหว่างทางผมตื่นเต้นเอามากๆ แต่ต้องพยายามเก็บอาการไม่ให้กระดี๊กระด๊ามากไป เดี๋ยวแมทจะดุเอาอีก หาว่าผมไม่รักษาท่าที ไม่สงวนกริยาท่าทาง (?) ผมล่ะเบื่อ!

ศาลากลางน้ำของคณะนิเทศศาสตร์จัดได้ว่าเป็นสถานที่ที่สวยที่สุดในมหาวิทยาลัย และเป็นสถานที่ที่ทุกคนอยากมานั่งเล่นถ่ายรูป

“น้องๆชมรมถ่ายภาพคนไหนที่มาแล้วเข้ามานั่งได้เลยนะครับ” พี่ที่ชื่อเวฟประกาศให้ได้ยินกันถ้วนหน้า จำนวนคนที่มาจัดว่าเยอะพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับชมรมอื่นก็ถือว่าไม่เยอะเท่าไหร่

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้และทักทายพี่เวฟแล้วก็พี่คนอื่นๆ ส่วนแมทน่ะเหรอ รายนั้นยกมือไหว้อย่างเดียว

“อ้าว มาแล้วเหรอ นั่งเลยๆ กินขนมไหม หยิบได้เลยนะ ฟรี” พี่เวฟทักผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะชี้มือไปทางโต๊ะที่วางอาหาร ขนม ผลไม้และน้ำดื่มไว้

“ใครวะไอ้เวฟ” พี่หัวแดงเดินมาจับบ่าพี่เวฟก่อนจะถาม ตาก็จ้องมาที่ผม

“รุ่นน้องไง มึงถามทำไมเนี่ย”

“ก็กูเห็นว่ามึงรู้จัก ก็เลยถาม”

“ไปๆ ไปทำงานของมึงไป” พี่เวฟหันมายิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบ ดีที่พี่เขาไม่พูดอะไรถึงผมมากนัก การเป็นที่กล่าวถึงไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบเท่าไหร่ พูดถึงกันในแง่ดีก็ดีไป แต่ถ้าพูดนินทาว่าร้ายเมื่อไหร่ ผมเกิดเรื่องตลอด

“เอาอะไรไหมแมท” ผมถามแมทที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ไม่ล่ะ หิวเหรอ”

“อืม”

ตั้งแต่เที่ยงที่ออกไปกินก๋วยเตี๋ยวผมก็ไม่ได้กินอะไรอีกจนตอนนี้ ปกติจะกินขนมตอนช่วงบ่ายบ้าง แต่วันนี้เรียนยาวติดกันเลยไม่มีเวลาออกมาหาขนมกินเล่น

“ไม่ต้องกินเยอะนะ ขากลับจะแวะกินข้าว”

ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปที่โต๊ะอาหาร มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น หรือเพราะผมหิวก็ไม่รู้ถึงได้เห็นอะไรก็รู้สึกว่าน่ากินไปซะหมด ผมตักไก่ทอดมาสามสี่ชิ้น แตงโมอีกนิดหน่อยแล้วก็น้ำผลไม้สองแก้ว

“แมท นี่น้ำ” ผมส่งแก้วน้ำให้ แมทรับไปดื่มนิดหนึ่งก่อนจะวางลง

“เอาอะไรมากิน” แมทถามพลางเปลี่ยนท่านั่ง

“ไก่ทอด กินไหม” ผมใช้ส้อมจิ้มไก่ทอดก่อนจะยื่นไปให้แมทตรงหน้า แบบใกล้จนแมทต้องเบือนหน้าหนีไม่ให้ไก่ทอดโดนหน้า

“อย่าเล่น กินเข้าไป”

“จิ๊” ผมจิ๊ปากขัดใจ ชอบดุจริงๆเลย ชาติที่แล้วเกิดเป็นร็อดไวเลอร์หรือไง

“เอาละ ได้เวลาอันสมควรแล้วเพราะเลทไปครึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าน้องๆมาครบกันหรือยัง แต่เอาเป็นว่าผมจะเริ่มงานเลยก็แล้วกันนะ ผมชื่อเวฟ เป็นรองประธานชมรมถ่ายภาพ” พี่เวฟเป็นคนออกมาพูดก่อน หลายคนส่งเสียงกรี๊ดกันใหญ่ เท่าที่เห็นคือเพื่อนๆน้องๆพี่เขามากกว่า เห็นคุยเล่นกันอย่างสนิทชิดเชื้อ

ผมกวาดสายตามองหาพี่ปืนแต่ก็ไม่เห็น หรือว่าพี่เขาจะไม่มา แต่ไม่น่าเป็นไปได้ พี่ปืนเป็นถึงประธานชมรมจะไม่มาได้ยังไง

“อ๊ะ!”

“ตาจะถลนอยู่แล้ว มองหาอยู่ได้”

ผมปัดมือแมทที่อยู่ๆมาจิ้มตาผมออก ดีนะจิ้มไม่แรง ตาบอดไปทำไงเนี่ย เล่นอะไรไม่รู้เรื่องเลย แต่คนทำผิดดูจะไม่สำนึก ถึงได้นั่งลอยหน้าลอยตาแบบนี้

“ก่อนอื่นเลยเนี่ย ผมต้องขอแนะนำตัวสมาชิกที่เป็นผู้จัดงานในครั้งนี้ขึ้นก่อน คงสงสัยใช่ไหมว่าไอ้ประธานมันหายหัวไปไหน เดี๋ยวมันก็มานะครับ ใจเย็นๆ” พี่เวฟเอ่ยแซวน้องๆผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านหน้า

ดีจังเลยนะ เป็นผู้หญิงสามารถเปิดเผยได้ถ้าชอบใครปลื้มใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าผมอยากเป็นผู้หญิงนะ เป็นผู้ชายเนี่ยแหละดีแล้ว ก็แค่ว่าผมเปิดเผยมากไม่ได้ว่าชอบใครเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน

“คนแรกที่เราจะมารู้จักกันนะครับ ชื่อว่าก้อง จำได้ไม่ยาก หัวแดงของมันแทงตาทุกคนได้อย่างดี” พี่ก้องหัวแดงออกไปยืนด้านหน้าก่อนจะรับไมค์มาถือไว้

“สวัสดีครับ ผมชื่อก้อง ใครสนใจจับจ้องได้ที่หลังไมค์นะครับ” เสียงโห้ฮิ้วดังขึ้นเมื่อพี่ก้องพูดจบ

“น้อยๆหน่อยครับไอ้คุณก้อง หม้อไม่เลือกจริงๆ เอาล่ะ ประธานชมรมเดินมานู่นแล้ว ของเสียงปรบมือให้ประธานชมรมสุดหล่อของเราหน่อยคร้าบบบ!”

ทุกคนหันพรึบไปทางด้านหลัง ผมเองก็เช่นกัน คนร่างสูงโปร่งในกางเกงยีนต์เดฟสีดำสนิท เสื้อนักศึกษาสีขาวที่ถูกรีดจนเนี๊ยบกริบ แขนเสื้อพับขึ้นมาถึงข้อศอก โชว์ให้เห็นท่อนแขนแข็งแกร่ง ในมือถือมีกระดาษกับถุงใส่ของหนึ่งใบ จนกระทั่งพี่ปืนเดินมายืนอยู่ด้านหน้างาน เสียงฮือฮาก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง

“นี่ กระพริบตาซะบ้าง” แมทเอามือมาปิดตาผมให้มอง ผมเลยหันไปตีแขนเข้าให้

“ขี้แกล้ง” ผมแลบลิ้นใส่แมทด้วยความหมั่นไส้

“พอใจ”

“นิสัยไม่ดี”

“ขอบคุณ”

“จิ๊” สงสัยต้องไปเรียนวิชาต่อล้อต่อเถียง จะได้เถียงผู้ชายคนนี้ชนะบ้าง

“สวัสดีครับ ผมชื่อปืน เป็นประธาน มีอะไรสงสัย เชิญถามรองประธานได้ ขอบคุณครับ” พูดจบพี่ปืนก็ถอยไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหลัง ปล่อยให้พี่เวฟขึ้นมาทำหน้าที่คู่กับพี่ก้องแบบงงๆ มาไวไปไวแท้

ระหว่างที่ทำกิจกรรมและแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับชมรม ผมก็เอาแต่งนั่งจ้องหน้าพี่ปืน มีหลายครั้งที่พี่เขาหันมาสบตาผม และเป็นผมเองที่ต้องหลบตาไม่กล้าให้พี่เขารู้ว่าผมมองอยู่ กลัวเขาจะรู้สิ่งที่อยู่ในใจ

“ไม่ไปเอาเอกสารล่ะ เดี๋ยวจะกลับแล้ว” แมทสะกิดผมที่เอาแต่นั่งเหม่อ

“อืม รอแปบนะ” ผมบอกแล้วลุกขึ้นก่อนจะรีบทิ้งตัวลงนั่งอย่างเดิม แล้วผมต้องไปเอาเอกสารที่ใครล่ะ พี่เวฟทำหน้าที่เป็นพิธีกรอยู่ และผมเองไม่อยากเข้าไปขัดให้เป็นตัวเด่นด้วย เหลือก็แค่พี่ปืนเท่านั้น

ผมมองพี่ปืนอีกครั้ง หรือว่าเอกสารของผมจะอยู่ในมือพี่ปืน

เอาวะ! ไม่ลองไม่รู้ กล้าๆหน่อยต้นหอม เราไม่ได้จะไปสารภาพรักเสียหน่อย ไม่เห็นต้องกลัวอะไร

ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปข้างหลัง พี่เวฟและพี่ก้องมองผมแวบหนึ่งแต่ไม่ได้สนใจอะไร ผมเดินตัวลีบไปหาพี่ปืนที่จ้องผมอยู่ ประหม่าไปหมดเลยแหะ

“เอ่อ พี่ปืนครับ คือผม...ผมจะมาเอา....” แค่เจอสายตานิ่งๆระยะประชันชิดก็เล่นเอาขากรรไกรค้าง เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก

“จะเอาอะไร” พี่ปืนถามเสียงเรียบ

“เอ่อ เอกสารครับ” ผมก้มหน้าตอบ รู้เลยว่าหัวใจเต้นแรงมาก แรงจนเป็นกังวลว่าพี่ปืนจะได้ยิน ขอเถอะ มันน่าอายเกินไป ><

“นายคิรากร จารุโรจน์”

“ครับ?” ผมรับเสียงอย่างงงๆที่พี่เขาเรียกชื่อผมเต็มยศ แต่ก็งงได้ไม่นานเพราะพี่ปืนยื่นกระดาษเอสี่ในมือมาให้ ผมรับมาเปิดดูก่อนจะระบายยิ้มกว้าง

“ขอบคุณครับ” ผมส่งยิ้มจริงใจไปให้พี่ปืนก่อนจะหมุนตัวกลับถ้าไม่ติดว่า...

“เดี๋ยว”

“คะ ครับ”

“ไอ้นี่น่ะ ของนายเหรอ” พี่ปืนล้วงของในถุงออกมา กล่องที่ผมคุ้นตาเป็นพิเศษ

“....!”

“ขนมอร่อยดีนะ ขอบใจ”

“O_O!”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-04-2014 21:19:27 โดย RiRi »

ออฟไลน์ tuckky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ต้นหอมน่ารักนะ  :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bobie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-7
ต้นหอมน่ารักจัง
แบบดูน่าทะนุถนอนมากอ่ะ
แล้วพี่ครามรู้แบบนี้ต่อไปจะกล้าเอาขนมมาให้อีกมั้ยเนี่ย
5555

ออฟไลน์ Bowbonk

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-4
น่ารักอ่าาาาาาาาาาาาาา

ออฟไลน์ popeye

  • umz
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-1
น่ารักมากอ่ะ ต้นหอม ♥

ออฟไลน์ Lovecartoon1996

  • ชอบกินมาม่า
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-2
    • -
น่ารักจริงเชียว
หายไวๆน้ะคะ

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
เป็นกำลังใจให้ขอให้หายไวๆน้า  :กอด1:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เย้ยยยยยยยยย
ตะเองรู้ได้ยังไง ต้นหอมอุส่าปิดแล้วปิดอีกน้า
โถ่ ต้นหอม555555555555


 :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
รอลุ้นแมทคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ naneku

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
พี่ปืน


อย่าเล่นตัวค่ะๆๆๆๆ

ออฟไลน์ MaRiTt_TCL

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1513
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-6
เฮ้ยพี่ปืนรู้ได้ไงอ่ะ
ชอบเรื่องนี้อ่ะน่ารักใสๆดี ><

ป.ล. คนเขียนหายไวๆนะคะ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อ่านมารวดเดียวจบ...........ตอนล่าสุดแทบชอค ตะลึงกานไป555++

แต่แบบชอบอะทำไงได้ 555++

ขอมาติดตามเืรื่องนี้ต่ออีกเรื่องนุงนะ ชุ๊ปๆ

แบบว่าขาดไมไ่ด้ 555++

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naisojill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ ^^

ต้อนหอมน่ารักดี ส่วนพี่ปืนก็เท่ห่านเลย 55

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ทำไมปืนถึงรู้ว่าเป็นต้นหอมล่ะ แต่แมทนี่ดีจังเลยดูแลต้นหอมคอยเป็นกำลังใจให้ด้วย

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
เรื่องนี้น่ารักดีอ่ะ

ต้นหอม ก็น่ารัก

เราแอบเชียร์ แมท กะ ต้นหอม มากกว่าอ่ะ อิอิ

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 6
ความบังเอิญในวันคืนเหงา   
     
       

           “คิดว่าตัดใจไปแล้วเสียอีก” แมทถามขึ้นเมื่อเห็นผมทำขนมอยู่ในครัวในตอนเช้า เมื่อคืนแมทมาค้างที่บ้านเป็นเพื่อนผม ผมบอกว่าอยู่คนเดียวได้แมทก็ไม่เชื่อ

           ส่วนพ่อแม่ผมน่ะเหรอ ท่านทั้งสองไปทำงานอยู่ที่ต่างประเทศทั้งคู่ นานจะได้คุยกันทีถ้าท่านโทรมา หรือไม่บางทีผมก็โทรไป แต่ไม่ค่อยอยากจะรบกวน ครอบครัวผมทำธุรกิจค้าเพชร มีสาขาที่เมืองไทยแต่คุณน้าเป็นผู้ดูและอยู่ในตอนนี้และสาขาที่เมืองนอกที่พ่อกับแม่เพิ่งจะไปลงทุนได้ไม่กี่ปี แต่มันก็นานพอที่จะทำให้ผมตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า ‘กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน’ มันให้ความรู้สึกดียังไง

           เพราะผมเป็นคนขี้เหงา อยู่คนเดียวแล้วชอบฟุ้งซ่าน แมทเลยไม่ค่อยชอบปล่อยให้ผมอยู่ตัวคนเดียว ถ้าไม่ไปนอนกับแมทที่บ้าน เขาก็จะมานอนที่บ้านผมเป็นเพื่อน

           “อะไรทำให้คิดแบบนั้นล่ะ” ปากถามกลับ มือก็ทำคัฟเค้กไปด้วย

           “ก็เห็นไม่ได้ทำขนมไปให้ไอ้หมอนั่นหลายวันไม่ใช่เหรอไง”

           กึก!

           มือที่กำลังคนครีมให้เข้ากันหยุดชะงักก่อนจะทำต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ใจผมนี่แกว่งไปแล้ว

           “ก็หยุดบ้าง เดี๋ยวพี่เขาจะเบื่อ” ผมแก้ต่าง แต่ความจริงคือผมกลัวต่างหาก กว่าจะมีความกล้าอีกก็วันนี้เนี่ยแหละ ตั้งแต่วันมีตติ้งชมรม

           “ไม่ใช่ความมีอะไรปิดบังหรอกนะ” แมทถามเสียงเรียบ ไม่มีน้ำเสียงล้อเล่นเลยสักนิด

           “ก็...ไม่มีอะไรหรอก”

           “มีอะไรหรือไง...ใช่ไหม?”

           “แมท” ผมเรียกแมทเสียงอ่อย

           “ว่าไง”

           “ก็...เฮ้อ...ก็เหมือนว่าพี่เขาจะรู้แล้วว่าต้นหอมเป็นคนส่งขนมไปให้” ผมหยุดมือแล้วหันไปคุยกับแมทอย่างจริงจัง
 
           วันนั้น...ตอนนั้น...ที่พี่เขาถามว่าเป็นผมใช่ไหมที่ส่งขนมไปให้ กล่องใส่ขนมที่พี่เขาหยิบออกมาจากถุงกระดาษ กล่องที่ผมเป็นคนทำเองพี่เขาเอาออกมายื่นให้ผมดู พอเห็นเท่านั้นผมก็ตัวแข็งค้าง เป็นใบ้ไปชั่วขณะ รู้สึกร่างกายชาไปทุกสัดส่วน ผมไม่ได้ตอบอะไร เป็นแมทที่มาลากผมออกไปจากสถาณการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนนั่นทันท่วงที ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออกมาจากตรงนั้นได้ยังไง รู้อีกทีก็อยู่ในรถของแมทแล้ว

           ผมกลัวจริงๆ...ผมกลัวว่าจะเผลอทำอะไรออกไป หรือมีอาการให้พี่เขาจับได้ว่าผมชอบ แค่เจอกันใจผมก็สั่นหวั่นไหวไปหมดแล้ว ทำได้แค่หลบตาอย่างคนขี้ขลาดเท่านั้น ตอนนี้พี่ปืนต้องรู้แล้วแน่ๆ ถ้ารู้แล้วพี่เขาจะยังรับขนมของผมอยู่หรือเปล่านะ แล้วพี่เขาจะรังเกียจไหม แล้วต่อไปผมจะสู้หน้าพี่เขายังไงกัน โอ๊ย! คิดแล้วเครียด

           บอกผมทีว่าผมพลาดที่ตรงไหน!

           ทำไมพี่ปืนถึงรู้ล่ะว่าผมเป็นคนเอาขนมไปให้ ผมว่าผมเนียนแล้วนะ T_T

           แต่จะให้ไปถามพี่เขาเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก ถึงผมจะถูกสายตาเรียวคมนั่นสะกด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดวงตาคู่นั้นมันน่ากลัวไปด้วยในเวลาเดียวกัน

           “แล้วยังไง เขาว่ามาเหรอไง หรือมันทำอะไร” แมทพุ่งเข้ามาถึงตัวผม จับตัวผมพลิกไปมาเหมือนหาร่องรอยบางอย่างบนร่างกายผม

           “เปล่า พี่ปืนเขาไม่ได้ทำอะไร ต้นหอมแค่กังวล”

           “แค่นั้น?” ผมหยุดมือที่สำรวจตัวผม

           “อืม ไม่รู้ว่าคราวนี้พี่เขาจะยอมรับขนมที่จะเอาไปให้หรือเปล่า ไม่รู้ว่าถ้าเจอหน้ากันอีกครั้งจะต้องทำยังไงดี”

           “ทำเหมือนเดิม เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร เขาใจไหม”

           “พูดง่ายนะ”

           “ทำก็ง่าย”

           ป็อก!

           แมทดีดหน้าผากผมเบาๆก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว ผมกลับมาสนใจขนมตรงหน้าต่อก่อนจะลงมือทำให้เสร็จ เช้าวันนี้ผมไม่ต้องทำอาหารเช้าเพราะแม่บ้านที่บ้านใหญ่ของแมททำมาให้เรียบร้อยแล้ว ดีเหมือนกัน เพราะวันนี้ผมเองก็รู้สึกขี้เกียจเล็กน้อยถึงปานกลาง >,<

           -----------
           -----------

           “In my opinion, all jobs are equally important. You may not earn a lot of money but you may be worth a lot as a person.”

           “Great! Please sit down Mr. Kirakorn”

           “Thank you miss Linda”

           ผมนั่งลงหลังจากที่ตอบคำถามในคาบเสร็จ และแน่นอนว่าวันนี้ผมได้สองคะแนนมาเชยชม ทุกครั้งที่มีการถามคำถามและถ้าเราตอบ เราก็จะได้สองคะแนนมาฟรีๆ

           “อิจฉาจัง ต้นหอมเก่งอ่ะ” แชมป์กระซิบบอกผม

           “ไม่หรอก เราแค่เตรียมตัวมาก่อนเท่านั้น”

           จริงๆนะ ผมแค่อ่านหนังสือมาก่อนเข้าเรียนและลองทำแบบฝึกหัดในเล่ม ลองคิดคำตอบที่ให้มาก่อนก็แค่นั้น ไม่ต้องอาศัยความเก่งหรอก แค่ขยันและกล้าที่จะตอบก็เพียงพอแล้วสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ

           “โอ๊ย ทำไมการบ้านมันเยอะอย่างนี้เนี่ย” แชมป์บ่นเสียงดังเมื่อเรียนวิชาภาษาอังกฤษเสร็จ

           “เอาน่า ถือเป็นการฝึกฝนตัวเอง” ผมตบบ่าแชมป์เป็นการปลอบ ผมเรียนเซคเดียวกับแชมป์และอาร์ม แต่วันนี้อาร์มโดด ไม่ยอมเข้าเรียน ดีนะที่วันนี้ไม่มีควิซ เพราะอาจารย์เซคผมนี่โหดมากๆ สั่งงานเยอะ แถมยังมีควิซบ่อยๆ ถ้าขาดแล้วไม่มีใบลา ใบแพทย์มายื่น ไม่ต้องหวังสอบย้อนหลังเลย ไม่มีทางได้รับโอกาสแบบนั้นแน่นอน

           “ฝึกจนเบลอ นี่เราไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษวิชาเดียวนะ อาจารย์แกเข้าใจบ้างไหมเนี่ย”

           “ฮะๆ” ผมขำกับคำเหน็บแนมของแชมป์

           “นี่ต้นหอม อ่านโนเวลเรื่อง The Wonderful Wizard of Oz จบหรือยัง”

           “ใกล้แล้ว เหลืออีกประมาณสี่บทอ่ะ”

           “โหยยย ทำไมอ่านไวจัง”

           “ไม่มีอะไรทำน่ะ เลยอ่านไปเลยๆ หลังๆสนุกมากเลยนะ กลั้นใจหน่อย แรกๆมันน่าเบื่อไปนิด แต่เดี๋ยวอ่านไปแล้วจะติด เชื่อเราเถอะ”

           “ไม่มีทาง” แชมป์บ่นเบาๆแล้วทำหน้าแหยๆ

           โนเวลหรือนิยายภาษาอังกฤษที่ผมต้องอ่านสอบนั้น เป็นอะไรที่ดูจะนรกแตกมาสำหรับนักศึกษาคนอื่นๆ แต่ผมเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว เลยไม่รู้สึกว่ามันหนักหนาอะไร จะมีบ้างที่ต้องเปิดดิกหาศัพท์ทำให้อ่านแล้วไม่ลื่นไหล แต่ต้องบอกเลยว่านอกจากจะได้รับความบันเทิงจากเรื่องที่อ่านแล้ว ผมยังได้ศัพท์ภาษาอังกฤษเยอะเลย อย่างศัพท์บางคำนี่เจอเกือบยี่สิบครั้ง เจอจนจำได้และไม่ต้องเปิดดิกอีก กลายเป็นว่าผมจำศัพท์หลายคำในโนเวลได้อย่างขึ้นใจ จำง่ายกว่าการท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทองเสียอีก

           “ต้นหอม แชม์ป ทางนี้” ปลาลุกขึ้นยื่นและโบกมือเรียกผมให้เดินไปหา

           ไข่ดาว ปลาและก้านนั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้คณะ ตอนนี้เพิ่งจะสิบโมงหน่อยๆ จะมีเรียนอีกทีก็วิชารวมในตอนบ่าย ช่วงเวลานี้เลยว่าง

           “ก้าน วิชาต่อไปอาร์มจะมาเรียนหรือเปล่า” ผมถาม

           “มามั้ง มันน่าจะมาแหละ เพราะเป็นตัวที่ไม่ต้องเรียนเช้า” ก้านสันนิฐานความน่าจะเป็นที่อาร์มจะมาเรียนคาบต่อไปหรือไม่ ก่อนจะยิ้มให้ผม

           น่าแปลกนะ ตอนเรียนมัธยมทุกคนต้องไปให้ถึงโรงเรียนก่อนเจ็ดโมงสี่สิบเพื่อเข้าแถมเคารพธงชาติ แต่พอมาเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว การมาเรียนตอนแปดโมงครึ่งดูจะเป็นอะไรที่เช้าเกินไป จนหลายคนขาดเรียน แม้แต่ผมเองก็เถอะ บางวันยังขี้เกียจตื่นเลย

           “อ่อ เกือบลืมเลย” ผมร้องเสียงหลงเบาๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทำขนมมาให้พี่ปืน แต่เมื่อเช้าผมมาสาย มาทันเข้าเรียนพอดีเลยไม่มีโอกาสเอาไปให้พี่เขา

           “มีอะไรเหรอต้นหอม” ไข่ดาวถามผม

           “อ่ะนี่ ขนม” ผมวางกล่องคัฟเค้กในส่วนของเพื่อนๆลงบนโต๊ะ ทุกคนตาวาวทันทีเมื่อเปิดกล่อง

           “ต้นหอมนี่เก่งจริงๆ ทำเอาผู้หญิงอย่างเราอายอ่ะ ทำไม่เป็นหรอกอะไรแบบนี้” ปลาพูดก่อนจะหยิบคัฟเค้กขึ้นมากิน หน้าตอนกินนี้เหมือนกับกำลังขึ้นสวรรค์ มองแล้วตลกดี

           “อ้าวแล้วนั่นจะไปไหนล่ะ” แชมป์ถามเมื่อเห็นผมลุกขึ้นจากเก้าอี้

           “อ่อ เอ่อ...ไปทำธุระน่ะ เดี๋ยวมานะ”

           ผมคว้าถุงขนมอีกถุงได้ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาทันที ทิ้งให้เพื่อนที่เหลืองงกับท่าทีของผม เอาเถอะ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะบอกใครทั้งนั้น และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อไหร่จะพร้อมบอกเพื่อน เอาเป็นว่า ถ้าไม่เข้าตาจนก็ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ดีกว่า

           ผมเดินมาเรื่อยๆจนรถของทางมหาวิทยาลัยมาถึง ผมขึ้นไปนั่งที่สุดท้ายพอดี ตอนเกือบเที่ยงแบบนี้คนเริ่มเยอะ ทำให้รถของทางมหาวิทยาลัยถูกใช้บริการอย่างหนาแน่น

           “นั่งได้ไหมครับ” ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆผมถามขึ้น ตามมาด้วยเสียงแซวของเพื่อนเขา

           “นั่งได้ครับ” ผมตอบไปตามมารยาทก่อนจะมองอออกไปด้านนอก ไม่ได้หยิ่งนะ แต่ปล่อยผมไว้คนเดียวดีกว่า ไม่ต้องมาคุยกับผมหรอก

           “เรียนอักษรเหรอครับ” ผู้ชายข้างๆยังคงพยายามจะชวนผมคุย

           “ครับ” ผมตอบไปตามมารยาท

           เมื่อรถมาจอดถึงที่ที่ผมต้องลง ผมก็รีบลงจากรถและเดินหนีอย่างรวดเร็ว ถึงปัจจุบันนี้ผมจะไม่มีใคร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดใจคุยกับใครก็ได้ แต่ถ้าเข้ามาเป็นเพื่อนก็โอเค แต่ผมว่าเท่าที่มีอยู่ก็พอแล้วนะ ถ้ามีเพิ่มโดยที่แมทไม่รู้ เดี๋ยวองค์จะลงท่านได้ =-=

           “เอ๋ ไปไหนนะ” ผมกวาดสายตามองหาตัวช่วยของผม คนที่จะเอาขนมนี่ไปให้พี่ปืน

           เดี๋ยวนะ!

           หรือว่าที่พี่ปืนจะรู้ว่านี่เป็นขนมของผมก็เพราะเด็กน้อยนั่น แต่ผมก็ไม่เคยบอกชื่อตัวเองให้น้องรู้ แค่บอกให้ไปแขวนไว้ที่หน้าประตูเฉยๆ ไม่เคยบอกว่าให้ใครด้วย งั้นขอสันนิฐานนี้ก็อาจจะไม่ถูกต้อง

           แล้วตกลงพี่ปืนเข้ารู้ได้ยังไงกันว่าเป็นผม

           เฮ้อ...ช่างเถอะ

           ไหนๆตอนนี้ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว สู้เอาไปให้เองคงจะดีกว่า

           ผมเดินขึ้นตึกของคณะนิเทศศาสตร์ไปที่ห้องชมรม เพราะมันเป็นสถานที่เดียวที่ผมรู้ว่าพี่เขาจะมา พี่เขาจะอยู่ที่นั่น เรื่องอื่นผมไม่รู้หรอก ไอ้พวกที่ว่าพี่เขาเรียนวิชาอะไร ตึกไหนห้องไหน ผมไม่พยายามขนาดนั้นและไม่ได้มีเวลาว่างตามติดชีวิตพี่ปืนขนาดนั้นด้วย

           เมื่อเดินมาถึงหน้าห้อง ผมก็ยืนทำใจอยู่สักพักก่อนจะแขวนถุงใส่ขนมไว้ที่ประตูห้องชมรม หวังว่าพี่เขาจะชอบเหมือนครั้งก่อนนะ เมื่อไม่มีอะไรแล้วผมก็หมุนตัวเตรียมจะกลับ ผมคิดว่าไม่มีคนอยู่แถวนี้เพราะส่องอย่างดี แต่ผมคิดผิด คนที่อยู่ข้างหลังผมซึ่งตอนนี้เขากลายมาอยู่ข้างหน้าผมแล้ว

           “พี่ปืน” ผมเรียกชื่อพี่เขาด้วยเสียงอันเบา ถ้าไม่ตั้งใจผมก็แทบจะไม่ได้ยิน

           “ทีหลังถ้าจะเอามาให้ก็ให้กับตัว”
           
           “...”           

           “เพราะถ้าบางวันฉันไม่อยู่ มันจะเสียของ”

           พี่ปืนเอี้ยวตัวผ่านตัวผมเพื่อหยิบถุงขนมที่ผมเพิ่งแขวน จังหวะนั้นทำให้ผมใกล้ชิดพี่เขามาขึ้น กลิ่นหอมเย็นของอาฟเตอร์เชพของพี่ปืนทำผมเผลอสูดลมหายใจเข้าอย่างไม่รู้ตัว

           “มันคืออะไร”

           “ห๊า อะ..อะไรนะครับ” ผมตั้งตัวไม่ติดเมื่ออยู่ๆพี่ปืนก็ถามผม ผมเงยหน้ามองหน้านิ่งๆของพี่เขาแล้วก็ต้องรีบก้มหน้าเพราะทนต่อสายตาของพี่เขาไม่ได้

           “ฉันถามว่ามันคืออะไร”

           “คัพ...คัพเค้กครับ”

           “งั้นเหรอ ขอบใจ แต่คราวหลังไม่ต้องลำบากก็ได้”

           “ไม่ลำบากเลยครับ!” ผมรีบตอบอย่างรวดเร็ว กลัวพี่ปืนจะเข้าใจผิดในสิ่งที่ผมพยายามจะทำให้

           “หึ”

           “ผมเต็มใจทำมาให้ ไม่ได้อยากได้อะไรตอบแทน ผมแค่อยากทำมาให้..ก็แค่นั้น”

           “ขอบใจ”

           ผมค่อยช้อนสายตาขึ้นมองคนตรงหน้า แต่สายตาคมๆที่มองผมอยู่นั้น ราวกับว่าพี่เขาจะอ่านผมออกจนทะลุปรุโปร่ง ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกร็งและใจเต้นแรง และเหมือนเสียงสวรรค์มาโปรดเมื่อเสียงโทรศัพท์ของพี่ปืนดังขึ้น

           “ฮัลโหล เออ ทำไม จริงๆเลย เออๆ เดี๋ยวไปหา แค่นี้แหละ”

           ผมยืนฟังพี่ปืนคุยโทรศัพท์จนจบ ยืนนิ่งๆเพราะไม่รู้จะทำอะไร เวลาอยู่ต่อหน้าพี่ปืนผมมันจะทำตัวไม่ถูกเสมอ เหมือนสองตายชั่วคราว คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะต้องหันซ้ายหรือหันขวาดี บ้าชะมัดเลย ความอัจฉริยะของผมสูญหายเมื่ออยู่กับพี่เขา เพราะผมหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ในสถาณการณ์แบบนี้

           “ฉันขอตัวก่อน” พี่ปืนพูดทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ผมยืนมองแผ่นหลังกว้างของพี่ปืนจนหายไปลับตา

           “ฟู้วววว ทำไมใจเต็นแรงแบบนี้เนี่ย ตายๆๆ เกือบหัวใจวายตายแล้วไงต้นหอม”

           ผมยกมือนวดที่อกข้างซ้ายของตัวเองเพื่อลดอาการใจเต้น ก่อนจะเดินออกจากคณะพี่ปืน เพื่อกลับไปยังคณะของตัวเองด้วยใจที่ยังคงเต้นแรงไม่หยุด

           ดวงตาคู่นั้น...

           ------------
           ------------
           
           “แมท” ผมเรียกชื่อเพื่อนตัวดีที่มานั่งอยู่กับเพื่อนๆของผมที่ม้าหินอ่อนตัวเดิม

           “ไปไหนมา” แมทถามก่อนจะลุกขึ้นและดึงให้ผมเดินตาม สงสัยจะพาออกไปหาอะไรกินข้างนอก แต่แบบนี้ผมก็ไม่ได้กินกับเพื่อนๆนะสิ แต่พอมองไปทางด้านหลัง ผมก็เห็นปลา ไข่ดาว แชมป์ ก้านและอาร์มเดินตามมา

           “เอาขนมไปให้พี่ปืนมา”

           ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้วระหว่างผมกับแมท บอกให้รู้ๆไปเลย จะได้ไม่โดนดุทีหลังอีก

           “อืม” แมทรับคำแค่นั้น และเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกระทั่งเดินมาถึงรถ

           สรุปว่าเราเที่ยงวันนี้เราออกไปหาอะไรกินข้างนอก ดีที่อาร์มเอารถมา ถึงได้ไปกันหมด ผมเพิ่งรู้ว่าแมทนัดเพื่อนของแมทเองไว้ที่ร้านที่เราไปกินด้วย ทำให้ผมได้เพื่อนใหม่มาอีกหลายคน แต่ละคนดูหน้าคบหา แน่นอนว่าถ้าแมทคบได้ ผมก็ต้องคบได้เหมือนกัน

           “คืนนี้อยู่บ้านคนเดียวนะ”

           “ทำไมล่ะ”

           ผมและแมทกำลังมุ่งหน้ากลับบ้าน บ้านแมทไม่ใช่บ้านผม เพราะผมไม่ค่อยชอบอยู่คนเดียว เลยมักจะนอนบ้านแมทบ่อยๆ ยกเว้นบางวันที่อารมณ์ไม่คงที่ แล้วเกิดความรู้สึกว่าอยากอยู่คนเดียว ผมถึงจะกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง

           บ้านผมไม่มีคนอยู่ เพราะพ่อแม่ไปทำงานที่ต่างประเทศ ส่วนบ้านหลังใหญ่ที่คุณย่าอยู่ผมก็ไม่ค่อยได้กลับไปเท่าไหร่ เพราะไม่สนิทผมเลยเลือกที่จะมาอยู่กลับแมทเมื่อพ่อแม่ต้องไปอยู่ต่างประเทศมากกว่ากลับไปอยู่ที่บ้านใหญ่อย่างที่พ่อแม่ผมฝากฝังไว้ แต่คุณย่าเองก็ไม่ได้คัดค้านสิ่งที่ผมตัดสินใจ ไม่แปลก อาจจะเป็นเพราะผมไม่ใช่หลานรักก็ได้ หลานที่เป็นเกย์ คงไม่มีย่าคนไหนรับได้หรอก ท่านรู้เพราะพ่อแม่ผมเคยบอก แต่ท่านไม่ได้พูดอะไร และหลังจากวันนั้นผมพูดกับย่านับคำได้ในทุกครั้งที่เจอกัน

           “คืนนี้รุ่นพี่นัดไปกินเหล้า...”

           “แต่ต้นหอมไม่อยากอยู่คนเดียว” ผมรีบพูดแทรก

           “ร้านเหล้าไม่ใช่ที่ที่เด็กจะเข้าไปวิ่งเล่นนะต้นหอม” แมทหรี่ตามองผมแวบหนึ่งเหมือนจะดุ

           “พูดงี้ต่อยกันเลยดีกว่า” ผมขึ้นเสียงหน่อยๆ

           “สู้ไหวเหรอ” แมทกระตุกยิ้มที่มุมปาก ผมเลยจัดการต่อยเข้าที่แขนแมททีหนึ่ง แต่ดูเหมือนแมทจะไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด กลับหัวเราะซะงั้น

           “จิ๊” ผมจิ๊ปากด้วยความขัดใจ

           “อยู่บ้านนั่นแหละดีแล้ว เราน่ะอายุไม่ถึง เข้าไปไม่ได้ คราวนี้ไม่ได้ไปร้านเหล้า แต่ไปผับ”

           “แล้วไปที่ไหน” ผมถามไปอย่างนั้นแหละ ใช่ว่าจะรู้จักสถานที่แบบนี้ซะเมื่อไหร่

           “อยากรู้ไปทำไม” แมทถามโดยไม่มองหน้าผม เพราะมองถนนอยู่

           “ถามไม่ได้ไง” ผมย้อนอย่างหาเรื่อง พาลเฉยๆ ไม่มีอะไร ><

           “ไปที่ The Blue”

           “อืม”

           “อืมนี่รู้จักเหรอไง”

           “ไม่อ่ะ อยากไปไหนก็ไปเถอะ”

           ผมหันหน้าออก มองวิวนอกกระจกรถ ทำเป็นไม่เป็นอะไรถ้าแมทจะออกไปเที่ยว แต่จริงๆผมไม่อยากให้แมทไปเลย เพราะถ้าแมทไปผมก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วถ้าแมทเมาใครจะพากลับบ้าน ทำไมจะต้องพาไปเลี้ยงกันที่ร้านเหล้าที่ผับด้วยนะ แค่พาไปกินข้าวไม่ได้เหรอไง ผมจะได้ไปด้วยได้ ผมงี่เง่าใช่ไหม ไม่ต้องว่าผมหรอก ผมรู้ตัวดี

           “งอนเหรอ”

           “ปล่าว เข้าใจหรอกน่า ต้นหอมโตแล้ว”

           “หึหึ”

           “หัวเราะอะไร” ผมขึ้นเสียงถาม

           “หัวเราะคนโตแล้ว แต่เสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ไง” แมทขยี้หัวผมจนฟูไปหมด ผมเลยปัดมือแมทออกก่อนจะหันไปชักสีหน้าใส่แบบงอน

           “ไปแล้วรีบกลับนะ ห้ามเมาด้วย” ผมบอกเสียงเบา ใจหนึ่งก็ไม่อยากอยู่คนเดียว ใจหนึ่งก็เป็นห่วง

           “พี่รู้แล้ว” ผมหันมายิ้มรับคำให้ผม ผมเลยยิ้มตอบ

           ------------
           ------------

(ต่อ)

ออฟไลน์ RiRi

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 568
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +595/-8
    • RiRiWorld
           ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์ขึ้นบนหน้าจอเท่านั้น ผ้าเช็ดผมที่อยู่ในมือก็ล่วงลงพื้นด้วยความตกใจระคนยินดี ผมรีบรับสายเมื่อได้สติ

           “แม่ครับ ต้นหอมคิดถึง!” ไม่ต้องฮัลหลงฮัลโหลแล้ว พูดเลยดีกว่า ไวดี ไม่เสียเวลาด้วย

           “ฮ่าๆๆ แม่ก็คิดถึงต้นหอม เป็นไงบ้างลูก” แม่ถามผมด้วยน้ำเสียงติดจะเอ็นดู

           ผมทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิบนโซฟา หยิบรีโมตมาหรี่เสียงเพื่อที่จะได้ยินเสียงแม่ชัดๆ หลังจากที่ไม่ได้ยินมาเกือบสองเดือน

           “ต้นหอมสบายดี แต่ต้นหอมคิดถึงแม่กับพ่อ” ผมบอกเสียงอ่อยปนเสียงสั่น รู้ตัวเลยว่าผมกำลังจะเป่าปี่ออกมา แต่พยายามข่มเอาไว้ ไม่อยากให้แม่เป็นห่วงถ้าได้รู้ว่าผมร้องไห้เป็นเด็กๆ ที่จริงผมยังเด็กอยู่นะ เพิ่งจะสิบเจ็ดเอง หรือใครจะเถียง >_<

           “แม่และพ่อก็คิดถึงต้นหอมเหมือนกัน แล้วนี่ต้นหอมอยู่ที่ไหนลูก”

           “อยู่บ้านพี่แมท”

           เวลาอยู่กับแม่ผมจะเรียนแมทว่าพี่แมทตลอด ผมเคยเรียกแมทเฉยๆ แต่พ่อและแม่ไม่ชอบ ท่านบอกว่าแมทแก่กว่าผมสองปี ผมต้องเรียกแมทว่าพี่ถึงจะถูก แต่แมทกลับไม่ถือสา ดังนั้นผมเลยเรียกแมทว่าพี่เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่และเวลาที่จะอ้อนเท่านั้น

           แต่แมทไม่ชอบให้ผมเรียกพี่ เขาว่าผมชอบอ้อนพร่ำเพื่อ จริงๆแล้วที่เขาไม่ชอบเป็นเพราะว่าเขาทนลูกอ้อนผมไม่ได้มากกว่า และเขาต้องยอมทุกครั้ง อิอิ

           “อยู่กับพี่เขาดื้อหรือเปล่า”

           “ไม่ดื้อ ต้นหอมไม่เคยดื้อเลยเถอะ”

           “เหรอ น้อยไปสิเรา” แม่พูดเหมือนไม่เชื่อผม

           “โธ่แม่อ่ะ ต้นหอมไม่ดื้อจริงๆนะ ถามพี่แมทได้เลย” ผมเลยทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่แม่

           “ไม่ล่ะ ถามไปก็เท่านั้น ตามใจกันจะตายไป”

           “แม่กินข้าวหรือยัง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะเผาตัวเองไปมากกว่านี้

           “กินแล้วครับ แล้วต้นหอมล่ะ”

           “ต้มหอมกินแล้ว แต่กินคนเดียว คืนนี้พี่แมทออกไปข้างนอก” ผมเปล่าฟ้องนะ แค่เล่าสู่กันฟังเฉยๆ

           “มิน่าล่ะ เพราะพี่แมทไม่อยู่ เสียงถึงได้เหงา”

           “เปล่าสักหน่อย ต้นหอมโตแล้ว อยู่คนเดียวได้”

           “ฮ่าๆ ครับ โตแล้วก็โตแล้ว ต้นหอมสบายดีแม่ก็หายห่วง”

           “แม่ครับ แม่กับพ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ ต้นหอมอยากกินกับข้าวฝีมือแม่จะแย่แล้ว” ผมถามแม่อ้อนๆ อยากให้แม่และพ่อกลับมาบ้านเร็วๆ กลับมาพรุ่งนี้ได้เลยยิ่งดี

           “งานที่นี่ยังยุ่งอยู่เลยลูก คงอีกสักพักใหญ่ๆเลยล่ะ”

           “เหรอครับ นานแค่ไหนเหรอ” ผมพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง ไม่อยากให้แม่รู้ว่าผมกำลังเศร้ามากๆ

           “แม่ก็ไม่รู้จะ อะไรๆกำลังเข้าที่ ต้องรีบดำเนินการ ถ้ากลับบ้านมันจะขาดช่วง ต้นหอมเข้าใจแม่และพ่อนะ”

           “ครับ ต้นหอมเข้าใจ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ต้นหอมอยู่ที่นีได้สบายมาก มีพี่แมทอยู่ด้วย ต้นหอมไม่เหงาเลย”

           ใครบอกล่ะ ผมเหงาจะแย่ ผมอยากให้เราอยู่พร้อมหน้าครอบครัวเดียวกัน อยากกลับไปบ้านและได้กอดพ่อกับแม่ ได้เล่าให้ฟังว่าวันนี้ผมไปเจออะไรมาบ้าง กินข้าวด้วยกัน ผมและแม่ช่วยกันทำกับข้าว ผมคิดถึงช่วงเวลาแบบนั้นที่สุด

           แต่ผมก็เข้าใจ ทุกวันนี้ที่พ่อแม่ทำงานหนักก็เพื่อผมทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ผมถึงได้ไม่อยากงอแงให้พ่อและแม่ลำบากใจ

           “ดีแล้วลูก แม่ก็กลัวลูกจะเหงา แต่งานมันก็สำคัญเหลือเกิน เอาไว้เสร็จงานแม่จะรีบกลับนะลูก”

           ผมอยากถามกลับไปว่างานนั่นสำคัญกว่าผมอย่างนั้นเหรอ?

           แต่ผมก็ไม่กล้า...

           “ครับ แล้วพ่อไปไหนเหรอครับ”

           “พ่อเขาไปดูงานข้างนอกนะจ๊ะ ต้นหอม เดี๋ยวแม่ต้องไปทำงานต่อแล้ว ไว้ค่อยคุยกันนะลูก”

           “แม่...”

           “แม่รักลูกนะ บายจ๊ะ”

           “บ๊ายบายครับ” ผมบอกลาแม่ได้เพียงแค่นั้น แล้วสายก็ถูกตัดไป ผมลดโทรศัพท์ลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย

           “ผมคิดถึงพ่อกับแม่ ฮือ เมื่อไหร่ อึก แม่กับพ่อจะกลับมาอยู่กับผม ผมอยากกอดพ่อกับแม่ ฮือ” ผมยกมือปาดน้ำตา ไม่อยากทำตัวอ่อนแอ แต่ผมแพ้ใจตัวเอง ผมเสียใจ น้ำตาไหลออกมาเยอะจนผมเลิดปาดมัน

           ความเงียบรอบตัวเข้าปกคลุมจิตใจผม ผมเหงา ผมเดียวดาย

           ไม่เอา ผมไม่อยากอยู่คนเดียว แมทไปไหน

           “ฮือ” วิ่งออกจากบ้าน พอดีเจอเข้ากับแท็กซี่ที่ขับสวนมาผมรีบโบกทันทีก่อนจะบอกชื่อสถานที่ที่แมทบอกเมื่อตอนเย็น

           คนขับดูจะงงๆกับอาการของผม ผมเลือกที่จะเบือกหน้าออกมองนอกกระจกรถ บีมือตัวเองแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาเพราะเดี๋ยวคนขับแท็กซี่จะตกใจ ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ในบ้านมันเงียบเกินไป ผมต้องการใครสักคนที่จะอยู่ข้างๆผม

           แมท...

           ผมต้องไปหาแมท

           ใช้เวลานานมากพอสมควรกว่าจะมาถึงสถานที่ที่แมทมากินเลี้ยงกับพี่รหัส ตลอดทางที่มาผมกลัว กลัวไปหมดทุกสิ่งอย่าง กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว กลัวความมืดมิดของคำคืน กลัวความอ้างว้าง เลยทำให้ผมเอาแต่ร้องไห้ คงมีเพียงน้ำตาที่อยู่กับผมราวกับเป็นเพื่อน

           เมื่อจ่ายค่าแท็กซี่และก้าวลงมาจากรถแล้ว ผมเงยหน้ามองป้ายที่บอกว่าที่นี่คือ The Blue ผมเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองให้เรียบร้อย มองไปที่ประตูทางเข้า เห็นพนักงานในชุดสีดำสองคนคอยยืนตรวจบัตรอยู่ แล้วผมจะเข้าไปในนั้นได้ยังไงกัน ผมเพิ่งจะสิบเจ็ดเอง ไม่มีทางที่จะเข้าไปในนั้นได้แน่ๆ แล้วอย่างนี้ผมจะเข้าไปหาแมทได้ยังไง แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลลงมาอีกรอบ ผมเงยหน้ามองฟ้าเพื่อให้น้ำตามันไหลกลับเข้าไปที่เดิม ผมไม่อยากอ่อนแอ ผมต้องเข้มแข็ง

           ผมเดินตรงไปที่ด้านหน้า เห็นม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆใกล้กับทางเข้า ผมเดินไปนั่ง มองผู้คนที่มาเที่ยวเดินเข้าไปข้างใน หรือผมจะนั่งรออย่างนี้จนกว่าจะเจอแมทดี เพราะถึงยังไงผมก็เข้าไปในนั้นไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่มีทางเลือก ถ้าจะให้กลับบ้านแล้วต้องไปอยู่คนเดียวผมไม่เอาด้วยหรอก อย่างน้อยที่นี่ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียว แม้ว่าจะไม่รู้จักคนที่เดินผ่านไปมาก็ตาม แต่ผมไม่ได้อยู่คนเดียว

           เกือบชั่วโมงที่ผมนั่งจ้องไปที่ทางเข้า หวังว่าจะเห็นแมทเดินออกมาแต่ก็ไม่ ไม่ต้องคิดเรื่องที่จะโทรหาแมทเลย เพราะผมลืมหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วย เพราะความรีบร้อนและเสียใจทำให้ผมลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง

           ตอนนี้ผมเหมือนคนไม่เหลือใคร พ่อแม่ไม่กลับมา แมทไม่ได้อยู่ข้างผมในตอนนี้ เหลือแค่ผมคนเดียวเท่านั้น

           “นี่” เสียงเรียกดังขึ้นเหนือหัวทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองก่อนที่จะตัวแข็งค้างเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนอยู่ตรงหน้า

           “พี่ปืน” ผมเรียกชื่อเขาด้วยเสียงอันเบาแผ่ว

           “มาทำอะไรที่นี่” พี่ปืนมองไปรอบๆบริเวณนี้ก่อนจะก้มลงมามองผม ผมที่ยังช็อคและทำตัวไม่ถูกได้แต่ตอบกลับอึกๆอักๆ

           “ผม คือ ผม..มะ มาหา เพื่อน”

           “ทำไมไม่เข้าไป”

           “ผม...ผมเข้าไปไม่ได้ อายุผมไม่ถึง เลยกะว่าจะนั่งรอเพื่อนอยู่ตรงนี้”

           “เพื่อนนายไม่รู้ว่านายรออยู่หรือไง” พี่ปืนขมวดคิ้วถาม สีหน้าเมื่อไม่พอใจอะไรสักอย่าง ที่จริงพี่เขาดูอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่แรกแล้ว

           “ไม่รู้ ผมมาหาเขาโดยไม่บอก”

           “กลับบ้านไป” พี่ปืนพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ผมรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปจับแขนพี่ปืน ไม่รู้ว่าทำแบบนี้ได้ยังไง แต่ร่างกายผมทำไปแล้ว เหมือนมันจะบอกว่าผมเจอคนรู้จักแล้ว และผมไม่ต้องการอยู่คนเดียวอย่างนี้

           “อะไร?” พี่ปืนหยุดเดินแล้วหันมาถามผมหน้านิ่งอย่างปกติ

           “ผม...พี่พาผมเข้าไปหาเพื่อนหน่อยสิ”ไม่รู้ว่าผมไปเอาความกล้าบ้าบิ่นมาจากไหนถึงได้เอ่ยปากให้พี่ปืนช่วยผมแบบนั้น

           “ฉันเพิ่งออกมา และไม่คิดจะเข้าไปอีก ปล่อยแล้วกลับบ้านไปซะ”

           ผมไม่ปล่อย ถ้าปล่อยพี่เขาก็จะไปแล้วผมก็จะอยู่คนเดียว ไม่เอาหรอก

           “จะเอายังไง” น้ำเสียงที่ติดจะฉุนเฉียวเอ่ยถามผม

           “ผมอยากไปหาเพื่อน” ผมกัดปากตัวเองเบาๆ ช้อนตามองพี่ปืนอย่างอ้อนวอน ข่มไม่ให้ร้องไห้ออกมา อยู่ดีๆก็อยากจะร้องไห้ ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

           “เฮ้อ น่ารำคาญจริงๆ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่พี่ปืก็เดินนำผมไปยังทางเข้าผับ โดยที่ผมยังเกาะแขนพี่เข้าอย่างเหนียวแน่น

           “ผมเข้าไปได้จริงๆเหรอ”

           “...” พี่ปืนไม่ตอบ แต่ปรายตามามองผมอย่างไม่พอใจแทน ทีนี้ผมเลยได้แต่ก้มหน้าเดินแล้วสงบปากสงบคำ

           อันที่จริงผมไม่ควรให้พี่เข้ามาเดือดร้อนเรื่องของผมได้เลย แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมพึ่งพาพี่เขาได้ เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าผมน่ะต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ

           ผมและพี่ปืนเดินมาจนถึงด้านหน้าที่การ์ดยืนอยู่ พี่ปืนแกะมือผมออกก่อนจะเดินไปคุยอะไรไม่รู้กับการ์ด แล้วก็ส่งเงินให้ ก่อนจะกวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหา ผมเดินไปหาพี่ปืนด้วยความงง นี่พี่ปืนจ่ายเงินให้ผมเข้าไปข้างในเหรอ และถ้ามองไม่ผิด นั่นมันแบงค์พันและหลายใบด้วย

           ผมต้องจ่ายคืนพี่เข้าไหมเนี่ย >_<
           
           “พี่ปืน...”

           “เงียบ ไม่ต้องถาม”

           ผมเลยได้แต่เดินตามแผ่นหลังกว้างตรงหน้า แต่ด้วยความที่ข้างในคนเยอะมากผมเลยต้องจับเสื้อพี่ปืนเอาไว้ พี่ปืนก็มองมาแต่ไม่ได้ว่าอะไร ผมเลยจับเสื้อพี่ปืนต่อไปเพื่อจะได้ไม่พลัดลง

           “เพื่อนนายนั่งไหน” พี่ปืนก้มลงมาถามใกล้ๆหูผมเพราะข้างในเสียงดังมาก ทำเอาผมใจเต้นแรงกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นแบบไม่ตั้งใจนั่น

           “ไม่รู้ครับ” ผมเขย่งเท้าให้ใกล้ใบหน้าพี่ปืนก่อนจะบอก

           “นายนี่มัน...เฮ้อ”

           “ขอโทษครับ” ผมเอ่ยเสียงเศร้า

           “ฉันจะพาเดิน ส่วนนายก็ช่วยเอาตาโตๆของนายมองหาเพื่อนด้วย” พี่ปืนบอกแค่นั้นก่อนจะพาผมเดินรอบผับ

           ผมเดินตามพลางกวาดตามองหาแมท แต่ก็มองไม่เห็น แสงไฟในนี้ก็ไม่ค่อยมีทำให้มองเห็นอะไรไม่ค่อยชัด ผมเดินเบียดผู้คนอยู่สักพักใหญ่แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของแมท พี่ปืนเองก็ดูอารมณ์เสียมากแล้วเหมือนกันที่ผมยังหาเพื่อนไม่เจอสักที

           จนในที่สุดพี่ปืนก็หมดความอดทน มองผมด้วยแววตาดุๆที่ทำเอาผมกลัวจนน้ำตาไหลลงมา ได้แต่เดินตามพี่ปืนออกมาข้างนอกเงียบๆ ออกมาจากผับแล้วพี่ปืนก็ยังไม่หยุดเดินและไม่หันมามองผมด้วย อารามน้อยใจที่ไม่รู้จะน้อยใจไม่ทำไมส่งผมให้น้ำตาผมไหลไม่หยุด เอามือขึ้นเช็ดแล้วก็ไม่หมดเสียที คนตรงหน้าผมเดินไปข้างหน้าอย่างเร็วเพราะช่วงขาที่ยาวนั่น ผมเองก็ไม่ได้เตี้ยนะ แต่ก็เตี้ยกว่าพี่ปืนอยู่ดี ต้องรีบจ้ำให้ทันคนตรงหน้า

           พีปืนหยุดอยู่ที่รถคันหนึ่งที่แค่มองก็รู้แล้วว่าแพงแค่ไหนเมื่อได้เห็นยี่ห้อ พี่เขาปรายตามามองผมก่อนจะถอนหายใจดังพรืด

           “หาไม่เจอก็กลับบ้านไป” พี่ปืนยืนพิงรถก่อนหยิบบุหรี่ออกมาสูบ ผมเลยต้อฝก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวเพราะผมไม่ชอบกลิ่นบุหรี่

           “...” ผมยืนนิ่งไม่ตอบ ที่ไม่ตอบเพราะไม่รู้จะพูดออกไปยังไง จะให้ผมกลับบ้านยังไงล่ะ ถ้าให้นั่งแท็กซี่อีกก็ไม่ไหวนะ มันน่ากลัวเกินไป ผมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับคนขับแท็กซี่ หลังจากนั้นก็แทบจะไม่นั่งแท็กซี่อีกเลยถ้าไม่มีคนไปด้วย แต่ขามานั่นมันสุดวิสัยจริงๆ ตอนนั้นผมเสียใจจนคิดอะไรไม่ออกถึงได้นั่งแท็กซี่ออกมาคนเดียวอย่างนี้ ถ้าแมทรู้เรื่องนี้นะ ผมบอกได้เลยว่านรกแตกแน่

           “ฉันกลับล่ะ” พี่ปืนทิ้งบุหรี่ลงพื้นก่อนจะใช้ปลายเท้าขยี้และทำท่าจะเปิดประตู ผมเห็นแบบนั้นก็วิ่งพุ่งไปหาพี่ปืนทันที

           “อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว” ผมพูดออกไปอย่างไม่รู้ตัว เพราะพูดไปก่อนที่สมองจะสั่งการ

           “แล้วจะให้ฉันทำไง” พี่ปืนถามหน้านิ่งจนผมนึกหวั่น

           “ไปส่งผมหน่อยได้ไหมครับ ผมไม่กล้านั่นแท็กซี่คนเดียว” ผมบอกไปแบบนั้น ก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบสายตา จนได้ยินเสียงพี่ปืนถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ตั้งแต่เจอผมในคืนนี้

           ผมนี่เหมือนเป็นตัวปัญหาเลย

           “บ้านนายอยู่ไหน”

           “อยู่...” ผมรีบตอบเมื่อเห็นเคล้ารางว่าพี่ปืนจะไปส่งผมที่บ้าน

           “...” พี่ปืนนิ่งไปสักพัก จ้องผมเหมือนใช้ความคิดก่อนจะพยักหน้าให้ผมไปขึ้นรถ ผมเลยเดินอ้อมไปขึ้นนั่งที่ฝั่งด้านคนขับ

           การได้เจอพี่ปืน การที่พี่เข้าช่วยเหลือผม แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่มันทำให้ผมลืมความเศร้าเรื่องพ่อและแม่ได้ และดูเหมือนผมจะมีความสุขน้อยๆกับความบังเอิญที่ได้เจอพี่ปืนในคืนนี้

           ความบังเอิญที่ผมคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้น

           พี่ปืนขับรถได้สักพักโดยที่เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย ผมไม่กล้าพูดอะไรเพราะกลัวพี่เขาจะรำคาญ แค่นี้ผมก็หาเรื่องเดือดร้อนมาให้พี่เขามากพอแล้ว เลยไม่อยากทำให้พี่เขาหงุดหงิดเพิ่มเข้าไปอีก

           “เอ๊ะ?...” แต่ผมก็ต้องร้องออกมาด้วยแปลกใจเมื่อพี่ปืนเลี้ยวรถเข้าที่คอนโดแห่งหนึ่ง

           จนกระทั่งรถหยุดจอดที่ลานจอดรถของคอนโด ผมหันหน้าไปถามพี่ปืนทันที

           “ที่นี่ที่ไหนและเรามาทำอะไรกันที่นี้เหรอครับ”

           “คอนโคฉัน” พูดจบก็เปิดประตูรถออกไปทันที ผมเลยต้องเปิดประตูลงจากรถบ้างแล้วเดินตามคนขายาว

           “พี่ไม่ไปส่งผมที่บ้านเหรอ” ผมถามออกไป พี่ปืนหันหลังกลับมามองหน้าที่คงจะฉายแววความงงให้เห็น ถึงได้ทำสีหน้าอย่างกับระอาผมเต็มทน

           “บ้านนายมันไกลจากที่นี่มาก และฉันเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถไปส่งนายได้”

           “แล้วผมล่ะ” ผมเดินเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมแล้วถาม

           “นอนที่นี่แล้วกัน” พูดเสร็จก็เดินไปที่หน้าลิฟต์ ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยู่กับที่ ก่อนจะรีบวิ่งไปหาพี่ปืนที่ตอนนี้เดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว ไม่ได้นะ พี่จะมาทิ้งผมไว้แบบนี้ไม่ได้นะ แล้วไอ้ที่บอกว่านอนที่นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!

           ---------------------------------------------------------------
มาช้าไปใช่ไหม แต่ริริไม่ได้หายนะ วันนี้สอบมิดเทอมตัวแรก และผ่านไปได้ด้วยดี เลยรีบกลับหอมานั่งพิมพ์น้องต้นหอม เค้าพยายามแล้วน้า
มาเข้าสู้เนื้อเรื่องกันบ้าง อีพี่ปืนนิ่งเกิด แถมยังโหดร้ายเบาๆกับน้องอีก มันน่านัก!
เรื่องนี้ดูเคล้ารางแล้วท่าจะยาว เรื่องราวจะค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเศร้านิดๆน่ารักหน่อยพอเป็นกระสัย
เสร็จเรื่องนี้แล้ว เดี๋ยวจะหาเวลาว่างค่อยๆปั่นพี่ครามให้เสร็จนะคะ
คืนนี้ฝันดีทุกคนค่ะ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-12-2012 23:39:42 โดย RiRi »

ออฟไลน์ nunnan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-6
แมทเป็นห่วงแย่แน่เลยยยย :z3: :z3:

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
พี่ปืนใส่ความหวานอีกนิดสิคะลูก

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :beat:

อิพี่ปืน ใจร้ายกับน้องไปหน่อย พูดดีๆกับน้องอีกนิดก็ได้

แล้วทำไมต้นหอม ชีวิตนู๋น่าสงสารนะลูกปมเยอะนะ ไม่น่าพี่แมทถึงได้ดูแลปกป้องนู๋ขนาดนี้  :m15:


ออฟไลน์ naneku

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 303
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
สงสารต้นหอม

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ทำไมปืนทำเหมือนคนใจร้ายไม่สงสารต้นหอมเหรอไง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด