♣Maybe...รักนี้อาจเป็นนาย♣
บทที่ 7
ค้างคืน
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของพี่ปืน คอนโดของพี่ปืน ผมยืนเคว้งอยู่กลางห้อง ส่วนพี่ปืนหายเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ซึ่งคงจะเป็นห้องนอน หายกว่าสิบนาทีแล้วตอนนี้ก็ยังไม่ออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ คาดว่าพี่ปืนคงเข้าไปอาบน้ำมา
ผมรู้สึกวางตัวไม่ถูก ไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนด้วยซ้ำ ได้แต่ยืนนิ่งๆเท่านั้น
ความกังวลใจเริ่มมีมากขึ้น ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้ แม้ว่าในใจลึกๆจะตื่นเต้นกับการได้มานอนที่นี่ก็เถอะ ได้มานอนในห้องของคนที่ตัวเองแอบชอบ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ ใช่ว่าทุกคนจะมีโอกาสอย่างนี้ แต่นี่ไม่ใช่เวลามาภาคภูมิใจหรือหลงระเริง เพราะผมต้องกลับบ้าน ถ้าแมทกลับบ้านแล้วไม่เจอผมมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ยิ่งผมไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือมาด้วยแล้วยิ่งไม่กันใหญ่เพราะแมทจะติดต่อผมไม่ได้ และสุดท้ายเขาต้องเป็นห่วงมากๆ
ผมยืนรอจนกระทั่งพี่ปืนเดินออกมาจากห้อง พี่เขามองเลิกคิ้วมองผมน้อยๆก่อนจะเดินหายไปอีกมุมหนึ่งของห้องก่อนจะออกมาพร้อมเบียร์หนึ่งกระป๋อง เห็นแบบนี้แล้วทำให้พาลนึกไปถึงแมท รายนั้นวันๆก็เอาแต่กระดกเบียร์เหมือนกัน เอ๊ะ หรือว่าผู้ชายเขาจะเป็นอย่างนี้เหมือนกันหมดนะ แต่ไม่ใช่หรอก ผมก็ผู้ชายนะ! ยังไม่ดื่มเลย แต่แค่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายเท่านั้นเอง >_<
“ยืนอยู่ทำไม นั่งสิ” พี่ปืนถาม แต่สายตาจับจ้องไปที่โทรทัศน์ที่กำลังฉายซีรี่อเมริกาเกี่ยวกับนักสืบอะไรประมาณนั้นอยู่
“เอ่อ คือ...” ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าพูด อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี่พี่ปืนดูอารมณ์ไม่ดีและหงุดหงิดกับผม ผมเลยไม่กล้าจะรบกวนอะไรพี่เขาอีก
“...” นอกจากเสียงโทรทัศน์ที่ดัง ผมและพี่ปืนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ผมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลที่ติดไว้บนฝาผนัง ดึกมากขนาดนี้เลยเหรอ ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เพราะถ้าให้พี่ปืนไปส่งบ้านคงไม่ดีแน่ๆ แต่ถ้ากลับเองก็ไม่ดีอีกเช่นกัน งั้นผมควรจะโทรให้แมทมารับที่นี่ คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
“พี่ปืน ผมขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ ผมไม่ได้หยิบมาด้วย” ผมก้มหน้าบอกเสียงเบาตอนที่พี่ปืนหันมามองเมื่อผมเรียกพี่เขา
“อืม” พี่เขาตอบแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจโทรทัศน์ต่อ ผมเลยค่อยๆเดินไปตรงที่พี่ปืนนั่ง หยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาขึ้นมาก่อนจะกดหมายเลขแสนคุ้นและโทรออก
“ฮัลโหล” เสียงแมทดูหงุดหงิดแปลกๆ
“แมท...นี่ต้นหอมเองนะ”
“ต้นหอม! ให้ตายสิ ทำอะไรอยู่ ทำไมโทรไปไม่รับสายหะ! โทรไปหากี่รอบแล้วรู้บ้างไหม!” แมทโวยวายหัวเสียแต่ผมไม่ได้นึกกลัวอย่างที่ครั้งที่แมทตะคอกหรือดุผม แต่ผมกลับรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่แมทพูดเหมือนไม่รู้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนล่ะ หรือว่ายังอยู่ในร้านนั่น
“แมท อยู่ไหน” ผมลองถามดู
“อยู่บ้านใหญ่ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย ที่โทรหาก็ว่าจะบอกเรื่องนี่เนี่ยแหละ” แมทดูใจเย็นลง แอบได้ยินเสียงถอนหายใจของแมทเบาๆ นี่ผมคงทำให้เขาเป็นห่วงมากอีกแล้วสินะ
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง” ผมบอกเสียงเครือ ไม่ชอบเลย รู้สึกอยากเจอแมทขึ้นมาดื้อๆ เคยเป็นไหม ถ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่อนแอ อย่างขีดสุด จะรู้สึกอยากเจอคนในครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง เหมือนว่าตัวเองต้องการหาที่ปลอดภัยและผมต้องการเจอแมทในตอนนี้มากๆ
“เฮ้ออ อย่าเป็นแบบนี้บ่อยนะต้นหอม พี่ใจไม่ดี”
“ครับ”
“อีกเรื่อง คืนนี้พี่คงนอนที่บ้าน อยู่คนเดียวได้ไหม หรือจะให้พี่มารับไปนอนด้วย”
“ไม่เป็นไร ต้นหอมอยู่ได้”
“แน่นะ” แมทถามย้ำ น้ำเสียงติดจะกังวลอยู่น้อยๆ
ยิ่งได้ยินเสียงแมทแบบนี้ ยิ่งรู้ว่าแมทเป็นห่วง ผมยิ่งไม่กล้าบอกว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน
“อืม ต้นหอมอยู่ได้” ผมบอกแมทไปอย่างนั้น ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะโอเคอย่างที่พูดหรือเปล่า
“งั้นก็ปิดบ้านให้เรียบร้อย อย่าออกไปไหน ถ้ามีอะไรรีบโทรมาเข้าใจไหม” แมทสั่งเสียงเข้ม
“รู้แล้วน่า ไม่ใช้เด็กๆสักหน่อย”
“อย่ามางอแงที่หลังแล้วกัน”
“ไม่เคยอ่ะ” ผมแก้ต่างให้ตัวเอง แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองเป็นอย่างที่แมทพูดจริงๆ
“แล้วเอาเบอร์ใครโทรมา”
ตายแล้วผม แล้วอย่างนี้ผมจะตอบว่าไงดีล่ะ สมองอันชาญฉลาดน้อยๆของผมเร่งคิดหาคำแก้ตัวดีๆ ก่อนจะพูดออกไป ไม่รู้แมทจะเชื่อหรือเปล่า
“อ่อ พ่อดีก้านแวะเอารายงานมาให้ช่วยพิมพ์น่ะ พอดีโทรศัพท์ต้นหอมอยู่บนห้องขี้เกียจเดินไปเอาเลยยืมโทรศัพท์ก้ามาโทรแทน” ผมพูดแล้วก็ลุ้นตัวโก่งว่าแมทจะเชื่อหรือเปล่า ยิ่งฉลาดเป็นกรดอยู่ด้วย
“งั้นเหรอ ต้มหอม แค่นี้ก่อนนะ พ่อเรียกแล้ว”
“อืม บ๊ายบาย” ผมตัดสายทิ้ง ตายังจ้องที่หน้าจอ เหมือนจะโล่งนะ แต่มันก็ยังอึดอัดอยู่ดี โล่งใจที่แมทไม่รู้ว่าผมไปหาเขาที่ผับ ไม่รู้ว่าผมไม่ได้กลับบ้าน แต่อึดอัดชะมัดที่ต้องโกหก แต่ผมไม่อยากให้แมทเป็นห่วง ยิ่งที่บ้านเรียกตัวแมทกลับแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ แล้วอย่างนี้จะให้ผมทำตัวเป็นภาระเขาได้ยังไง
“เฮ้อ” ผมถอยหายใจก่อนจะเอาเอาโทรศัพท์พี่ปืนไปไว้ที่เดิม
“...” พี่ปืนปรายตามองผม คราวนี้จ้องนานกว่าปกติจนผมประหม่า ได้แต่ยืนเก้ๆกังๆทำอะไรไม่ถูก
“เอ่อ ขอบคุณนะครับ” ผมมือตัวเองแน่น ก้มหน้าต่ำจนคางจะติดคออยู่แล้ว พอโดนจ้องแบบนี้ทำให้ผมไม่รู้จะเอามือเอาร่างกายตัวเองไปไหวที่ไหน เหมือนทุกอย่างมันผิดที่ผิดทางไปหมด
“จะอาบน้ำไหม”
“ห๊ะ!” ผมสะดุ้ง อยู่ดีๆพี่เขาก็พูดขึ้นมา แถมยังฟังดูห้วนๆอีก
“ฉันถามว่าจะอาบน้ำไหม นายคงไม่นอนที่นี่ด้วยสภาพอย่างนี้หรอกนะ” พี่ปืนกวาดสายตามองผมตั้งแต่ใบหน้าไปจนถึงปรายเท้าก่อนจะเลือนกลับมาที่หน้าผมอีกครั้ง
“อันที่จริงแล้ว ผมอาบน้ำแล้ว”
ผมอาบตั้งแต่อยู่ที่บ้าน ปกติถึงบ้านแล้วถ้าไม่ได้ออกไปไหนผมก็จะอาบน้ำเลย เพื่อความสะบายตัว
“งั้นเหรอ” คำถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เหมือนจะพูดกับตัวเองเสียมากกว่า พี่ปืนหันหน้าไปมองที่โทรทัศน์อีกครั้ง แล้วผมก็ยังคงยืนอยู่อย่างเดิม
“จะยืนอีกนานไหม”
“ขะ ขอโทษครับ” ผมรีบนั่งลงที่โซฟาตัวยาวตัวเดียวกับพี่ปืน แต่เว้นระยะห่างเอาไว้นิดหนึ่ง ไม่กล้านั่งใกล้ แวบนึกใจแอบคิดไปว่า ผมแอบชอบคนแบบนี้ไปได้ยังไงเนี่ย ดุชะมัดเลยอ่ะ ดุขนาดแมทเทียบไม่ติด
ผมนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว เมื่อซีรี่จบพี่ปืนก็กดปิดโทรทัศน์โดยที่ไม่ถามว่าผมอยากดูต่อหรือเปล่า อย่างว่าแหละ นี่มันห้องพี่เขานี่น่า แต่แอบเคืองนะ บอกเลย ^^
พี่ปืนลุกขึ้นยืน มือหยิบกระป๋องเบียร์ที่ดื่มหมดแล้วเดินไปยังมุมที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นโซนครัว ก่อนจะเดินออกมา
“จะนอนหรือยัง” พี่ปืนเดินกลับมาถามผม
“ครับ นอนเลยก็ได้ครับ” ผมตอบ เพราะไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว นอนเลยก็ได้
“ทำไม ยังไม่ง่วงเหรอไง?” พี่ปืนถามอีกครั้ง
“เปล่าครับ ก็...ง่วงนิดหน่อย” ดึกป่านนี้จะไม่ง่วงก็แปลก ปกติผมไม่นอนดึกอย่างนี้ด้วยซ้ำ
“ก็ดี เพราะฉันจะนอนแล้ว” พี่ปืนหมุนตัวเดินไปที่ประตูห้องนอน ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมยังไม่รู้เลยว่าคืนนี้ผมต้องนอนที่ไหน จึงออกปากตะโกนเรียกพี่ปืนไว้อย่างว่องไว
“พี่ปืน เดี๋ยวครับ!”
“อะไร” พี่ปืนหันกลับมาถาม
“แล้ว ผมนอนไหนเหรอครับ” ผมลุกขึ้นยืน ก่อนจะค่อยๆก้าวไปหาพี่ปืนที่ยืนทำหน้าครุ่นคิดหลังจากที่ผมถาม ที่จริงพี่ปืนไม่ได้แสดงสีหน้ามากหรอก แค่หัวคิดขมวดนิดหน่อยแค่นั้นเอง เท่าที่ผมสังเกตุ พี่ปืนแทบมาแสดงสีหน้าอื่นนอกจากหน้านิ่งและหงุดหงิด
“นอนในห้องแล้วกัน ตามมา” พี่ปืนพูดน้ำเสียงราบเรียบเหมือนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ผมนี่สิ ตาโตอ้าปากค้าง
นอนในห้องเนี่ยนะ!
ห้องพี่ปืนกับพี่ปืน!
นี่ผมฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย ><
“เร็ว ยืนบื้ออยู่ได้” เมื่อมีเสียงเร่งของคนร่างสูงดังมา ผมรีบสาวเท้าเข้าไปในห้องพี่ปืนก่อนที่เจ้าของห้องจะปิดประตูลงและกดล็อก ทำเอาผมสะดุ้ง
หรือว่าผมจะขอไปนอนข้างนอกดีนะ
ถ้าขอไปแล้วพี่เขาจะหาว่าผมเรื่องมากหรือเปล่า
“อ่ะ ผ้าขนหนูและนี่เสื้อผ้า”
ผมมือผ้าขนหนูและเสื้อผ้าที่ยืนมาตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องรับมาถือไว้เพราะกลัวพี่ปืนจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก กลายเป็นว่าเวลาพี่แกสั่งอะไรผมต้องทำตามอย่างอัตโนมัติ
“ไปอาบน้ำซะ เตียงฉันไม่ต้อนรับคนสกปรก” พูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปนั่งบนเตียงพร้อมเปิดโน๊ตบุ๊ค ผมก้มมองของในมือก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำในห้องนอนพี่ปืน
ผมใช้เวลาอาบน้ำนานหน่อยเพราะกลัวคนข้างนอกจะหาว่าผมไม่สะอาด เสื้อผ้าที่พี่ปืนให้มานั้นไซต์ใหญ่กว่าตัวผมมาก กางเกงขาสั้นก็หลวมจนผมต้องพับเอวสามทบทำให้ขากางเกงสั้นขึ้นมาครึ่งต้นขา ส่วนคอเสื้อก็ไหลตกมาที่ไหล่ ผมเลยต้องรูดแขนเสื้อขึ้น อย่างกับจิกโก๋แหนะ แต่หน้าผมไม่ให้เลยสักนิด
“เฮ้ออ น่าเกลียดชะมัด” ผมมองตัวเองในสภาพที่ดูไม่ได้เพราะเสื้อผ้าไม่เข้ารูป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องจำใจออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพนั้น
บนเตียงนอนที่พี่ปืนนั่งเล่นโน๊ตบุ๊คอยู่นั้นมีหมอนหนุนสองใบและมีหมอนข้างกลั้นตรงกลาง ผ้าห่มมีสองผื่น ผมเดินไปนั่งฝั่งที่ว่าง ไม่กล้าลมตัวลงนอน
“นายชื่ออะไร”
“ต้นหอมครับ”
“นายน่ะ...ชอบฉันเหรอ”
ผมตวัดหน้าไปมองพี่ปืนอย่างอึ้งๆ ไม่นึกว่าพี่เขาจะถาม ไม่อยากนับว่าวันนี้ผมตกใจเบิกตาโตอ้าปากค้างไปกี่ครั้งแล้ว หัวใจผมเต้นอย่างเร็วและแรงกับคำถามนั่น สบตากับพี่ปืนได้ไม่เท่าไหร่ผมก็ต้องเบี่ยงสายตาไปมองอย่างอื่น
“...”
“ว่าไง ฉันถาม ไม่ได้ยินเหรอไง”
“ครับ ผม...ชอบพี่”
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมพี่ปืนถึงรู้ว่าผมชอบ เป็นใครบ้างจะไม่รู้ว่าการที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำขนมไปให้บ่อยๆเขาเรียกอาการนี่ว่า “แอบชอบ” ถ้าเป็นผู้หญิงทำก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่ผมดันเป็นผู้ชาย ไม่แปลกหรอกที่พี่ปืนจะระแคะระคายบ้าง
“แต่ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย” พี่ปืนปิดโน๊ตบุ๊คลงก่อนจะหันมาคุยกับผมอย่างจริงจัง ทำเอาผมเกร็งไปทั้งตัว
“ผมรู้” ผมพูดเสียงเบาหวิว
ยิ่งได้ยินพี่ปืนพูดออกมาเองกับปาก ผมก็ยิ่งรู้สึกเศร้า มองยังไงผมก็ไม่มีหวัง
บ้าชะมัดเลย
“ไม่เสียใจเหรอไง”
ผมมองพี่ปืนอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถามผมแบบนั้น หน้าผมยังบอกถึงความเสียใจไม่พอหรือไง ใครๆก็บอกว่าผมเป็นอะไรชอบแสดงท่าสีหน้า คิดอะไรรู้สึกยังไงก็ออกทางสีหน้าหมด เพราะงั้นผมถึงไม่เคยปิดแมทได้สักครั้งเวลาที่ผมรู้สึกไม่ดี
“ไม่เป็นไรครับ ถึงผมเสียใจก็ไม่เป็นไร ผมชอบพี่ก็แค่นั้น” ผมยิ้มกว้างให้พี่ปืน เอาเข้าจริงแล้วผมว่าพี่เขาเป็นคนดีมาก เพราะถ้าพี่เขารู้อยู่แล้วว่าผมชอบ นั่นหมายความว่าพี่เขาก็ต้องรู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่พี่เขาก็ไม่รังเกียจ ซ้ำยังช่วยผมเดินตามหาแมท ทั้งยังให้ผมนอนด้วยอย่างไม่นึกกลัว เพราะอย่างนั้น ถึงได้แค่ชอบผมก็รู้สึกพอใจแล้ว
แต่ถ้าได้มากกว่านี้...ผมก็โอเคนะ ^_^
“งั้นก็ดี นอนได้แล้ว” แล้วพี่ปืนก็ลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเดินกลับมาล้มตัวนอนอีกฝั่ง ผมค่อยๆเลื้อยตัวลงนอนเช่นกัน ใจยังคงเต้นแรงกับการได้นอนข้างคนที่ชอบ
------------
------------
แต่จนแล้วจนรอดผมก็นอนไม่หลับ ทำยังไงก็ไม่หลับ ผมรู้สาเหตุที่ตัวเองนอนไม่หลับ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเพราะไม่อยากรบกวนพี่ปืนเขา
“ทำไมไม่นอน” เสียงเข้มถามขึ้นติดจะงัวเงียเล็กน้อย นี่ผมคงทำให้พี่เขาตื่นสินะ
“เอ่อ...ผมนอนไม่หลับ” ผมบอกไปตามความจริง
“ไม่หลับก็ต้องนอน” เสียงที่ติดจะหงุดหงุดเล็กน้อยพร้อมกับแรงขยับจากคนข้างๆ พี่ปืนพลิกตัวหันหน้ามาทางผม
“...” ผมจ้องพี่ปืนเงียบๆ และพี่เขาคงรู้สึกตัวถึงได้ลืมตามองผม
“มีอะไร”
“คือ...พี่ปืนมีนมบ้างไหมครับ” ผมกลั้นใจถามออกไป ผมจะไม่รบกวนพี่อีกแล้วครับ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายจริงๆ ผมได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ
“นม?” พี่ปืนถามซ้ำอย่างไม่แน่ใจ
“ครับ...คือผมจะนอนไม่หลับถ้าไม่ได้กินนมก่อนนอน”
เป็นความเคยชินของผมมาตั้งแต่เด็กๆที่ต้องกินนมก่อนนอน นมอะไรก็ได้แล้วแต่ว่าคืนนั้นอยากกินนมอะไร ถ้าได้กินนมก่อนนอนจะหลับสบาย แต่ถ้าคืนไหนไม่ได้กินผมจะนอนไม่หลับ ลำบากให้แมทต้องขับรถออกไปซื้อให้บ่อยครั้ง
“เด็กชะมัด ไปเปิดหาในตู้เย็นนู่น” พี่ปืนพูดปัดก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง
ผมลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ประตูห้องนอน ดีที่สายาผมชินกับความมืดเลยมองเห็นทาง เดินเข้าห้องครัวแล้วเปิดตู้เย็น
โอ้วแม่เจ้า!
“ทำไมมีแต่แอลกอฮอล์เนี่ย!” ทั้งเหล้าทั้งเบียร์สารพัดชนิดเต็มตู้ไปหมด มีเครื่องดื่มแก้แฮงค์ด้วยนะ แล้วไหนกันล่ะนม ผมไม่เห็นสักขวด แม้แต่ซากนมหรือเงานมก็ไม่เห็น แล้วพี่ปืนเขาให้ผมมาหาทำไมเนี่ย บอกไม่มีจะง่ายกว่าไหม
ผมเดินกลับเข้าห้องนอนอีกครั้ง ไปยืนอยู่ที่ข้างเตียงก่อนจะเอ่ยเรียกพี่ปืนเบาๆ
“พี่ปืน”
“อะไรอีก” ท่าพี่ปืนจะยังไม่หลับดีเลยขานตอบผมเร็ว
“ในตู้เย็นมีแต่เหล้าและเบียร์ ไม่มีนมเลยสักกล่อง” ผมบอกเสียงอ่อย หวังว่าพี่เขาคงไม่ไล่ให้ผมไปกินเบียร์แทนนมก่อนนอนหรอกนะ
“ไม่มีก็คือไม่มี นอนได้แล้ว”
“แต่ถ้าผมไม่ได้กินนมก่อนนอน ผมจะนอนไม่หลับ”
“ - -“
“ผมจะนอนไม่หลับจริงๆนะครับ”
“เรื่องมาก” พี่ปืนบ่นออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้ให้ผมไปเปิดไฟ พอห้องสว่างเท่านั้นแหละ ผมก็เห็นพี่ปืนมองมาที่ผมอย่างอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
“นี่ ตามมา” พี่ปืนหบยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจห้องก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
“ไปไหนเหรอครับ” ผมถาม ขาก็เดินตามพี่ปืนไปจนถึงลิฟต์
“ไปซื้อนมให้นายไง แต่นายไปเลือกเองแล้วกัน”
“ครับ!”
ผมยิ้มให้กับตัวเอง เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าพี่เขาใจดี ถึงจะนิ่งไปนิด ดูร้ายไปหน่อย แต่พี่เขาก็ดีกับผมมากๆเลยล่ะ ดีในที่นี้ไม่ใช่เปรียบกับคนอื่นนะ แต่ผมคิดว่าคนอย่างพี่ปืนทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว
ลงมาถึงชั้นล่างแล้วพี่ปืนก็เดินนำเข้าไปในมินิมาร์ทของคอนโด ผมพุ่งตรงไปยังโซนขายนมทันทีก่อนจะยืนเลือกนมอย่างตั้งอกตั้งใจ
“นี่ เลือกเร็วๆได้ไหม” พี่ปืนที่ยืนอยู่ข้างๆเร่งผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ปืนแล้วก็ต้องนึกสงสารเพราะหน้าพี่เขาง่วงมาก
“ผมเลือกไม่ถูกอ่ะพี่ปืน โอวันตินก็อยากกิน นมหมีก็อยากกิน แต่ว่าปกติผมกินนมจืด” ผมชูกล่องนมตรงหน้าพี่ปืน พี่ปืนปรายตามองผมและกล่องนมก่อนจะปัดมือผมออก
“นายนี่มัน” พี่ปืนชี้นิ้วคาดโทษผมก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบนมมาหลายยี่ห้อหลายกล่องแล้วเดินหนีผมไปเลย ผมรีบเดิมตามอย่างงงๆ
“พี่ปืน ผมยังไม่ได้เลือก” ผมบอก มองพี่ปืนที่กำลังจ่ายเงินค่านมทั้งหมด
“ไม่ต้องเลือกแล้ว กินมันให้หมดนี่เนี่ยล่ะ ถ้ากินไม่หมดฉันจะเอากรอกปากนายเอง”
“ห๊า”
===========================
มาช้าไปหน่อย ไม่มีข้อแก้ตัว เพราะเมาค้าง หัวไม่แล่น สับสนพิมพ์ผิดไปมา แก้แล้วแก้อีก เขาขอโทษนะทุกคน ต้องโทษไอ้เพื่อนชั่วที่มอมเค้าอ่ะ >_<
มีคำผิดบอกด้วยนะคะ แล้วจะมาแก้ให้ทีหลัง
ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคนมีความสุขมากๆนะคะ อยู่ได้กันต่อในปีหน้านะคะ รักทุกคนค่ะ