- 2 - ยอมรับน้องเด่นมาก รูปร่างสูงเท่าโจ๊ก 185 ได้ หน้าตาลูกครึ่ง ผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาเทาอมฟ้า จมูกโด่งแหลมคิ้วเรียวขนตายาว ปากบนบางเฉียบปากล่างกับอิ่มเต็มแดงสด หน้าใสไม่มีขี้แมงวันหรือจุดดำสักเม็ด ที่สำคัญขาวเด่นเสียขนาดนี้ ไม่แปลกพอใครรู้ว่าเราสองคนเป็นพี่น้อง ต่างคาดเดาได้ทันทีว่าไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา เคมีหนังหน้าโคตรจะบอก
“นี่ครับของบูตัส” น้องหนุ่ยวางจานข้าวพร้อมน้ำตรงหน้าผม เงยหน้าส่งยิ้มให้แทนคำขอบคุณ น้องยิ้มตอบตาหยีหน้าแดงนิดๆ เมื่อไหร่มึงจะเลิกเขินกูซักทีเนี่ยะ แล้วน้องก็นั่งแหมะติดกับผม
ก่อนพวกที่เหลือจะทยอยลงนั่ง ผมนั่งคู่น้องหนุ่ย กนกคู่น้องเดียร์ โจ๊กนั่งกับแบม ฝั่งตรงข้ามเป็นบอลลูน น้องเอก น้องวิทย์
“พี่บูเริ่มซ้อมวันนี้เหรอครับ” น้องเอกถาม
“อืม..” ผมตอบเบาๆ กำลังเคี้ยวข้าวอยู่
“พวกผมซ้อมอยู่ห้องดนตรี” น้องเอกยังเป็นคนชวนคุย
“เหรอ..เลิกดึกไหม” โจ๊กมันอยากรู้
“สามสี่ทุ่ม แล้วแต่ครับ” น้องบอก
“พี่แวะไปดูได้เปล่า” โจ๊กขอหน้าตาเฉย
“ไปดูซ้อมดนตรีได้ ถ้าไม่คิดไปจีบพวกผมนะ..ฮะฮ่าๆๆ” น้องวิทย์ชิงพูดเสียก่อน พร้อมกับเรียกเสียงหัวเราะตามมา
“อูย!!วิทย์ครับ พี่ไม่นิยมกินเด็ก สบายใจได้จร้า” โจ๊กมันแกล้งออกแต๋วมีค้อนปะหลับปะเหลือก เรียกรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะได้อีกระลอก ต่างรู้ว่ามันแกล้งทำ
“พี่โจ๊กสนหญิงไหม..เพื่อนผมมันปิ้งพี่อยู่ ผมบอกแล้วนะว่าพี่ไม่ชอบหญิงหรอก มันบอกไม่สนด้วยสิ” น้องเอกบอก โจ๊กหน้าเหวอไปทันที
“ฮะฮ่าๆๆ..น้องเค้าใจกล้านะมึง ไม่ลองคบดูละ กูไม่เห็นมึงจะสนหนุ่มคนไหนจริงๆจังๆ เผื่อคนพบตัวเองใหม่..คึคึ” แบมมันสนับสนุน แอบหัวเราะอีกต่างหาก พาเอาพวกผมอมยิ้มไปตามกัน
โจ๊กมันทำหน้าปุเลี่ยนๆ ไม่ใช่ไม่มีสาวมาขายขนมจีบมันนะ ถ้าจะพูดกันตรงๆ มันได้รับกุหลาบกับช็อกโกแลตวาเลนไทน์จากสาวๆ แทบทุกปี แต่กลับหนุ่มๆดันได้จากพวกตุ๊ดกระเทยเสียนี่ ไม่รู้ว่าพวกหลังคิดยังไง แต่เท่าที่ทราบมา พวกนั้นไม่สนับสนุนให้มันเป็นตุ๊ด แต่อยากให้มันเป็นเกย์รุก แต่ละคนเสียดายรูปร่างหน้าตามันจริงๆจังๆ
ผมไม่รู้มันคิดยังไง ได้แต่หัวเราะขำกับจดหมายที่แนบมากับขนม พร่ำรำพันขอร้องมันประมาณนี้ มันไม่มีปิดเอาให้พวกผมอ่านหมด ยังจำคำพูดของกนกได้
“กูว่าข้อเสนอพวกนี้มึงน่าพิจารณาดูนะโจ๊ก ตอนมึงอยู่บ้านกูเห็นมึงแมนดีออก” กนกมันเห็นด้วยกับคำแนะนำจากแฟนคลับของโจ๊ก
“แล้วถ้ามีคนขอให้มึงเลิกเป็นทอม..มึงเอาหรือเปล่า” โจ๊กมันไม่ตอบดันย้อนถามกนกกลับ
“ไม่รู้..ถ้ากูเลิกเป็นทอมได้ คงเพราะมีคนทำให้กูรักมันได้มากกว่าการที่กูรักตัวเองแล้วล่ะ” คำตอบของกนก โจ๊กมันไม่พูดอะไรอีก นอกจากนั่งยิ้มหยิบช็อกโกแลตขึ้นมาแกะแจกพวกผม ทั้งที่พวกผมก็มี ของกนกได้จากสาวดี้ ของแบมจากหนุ่มๆ
ของผมส่วนใหญ่รุ่นพี่รุ่นน้อง ดันเป็นผู้ชายแทบทั้งนั้น ทำให้รู้ว่าความเป็นตุ๊ดของผมนี่เปล่งกระจายตั้งแต่ห้าร้อยเมตรเลยมั้ง ทั้งที่ผมไม่ได้แรดหน้าตาก็ธรรมดานะ ไม่ได้เด่นอะไรเหมือนใครเค้า
“บูตัส..” ผมสะดุ้งหลังน้องหนุ่ยเรียกซะดัง พลอยทำให้ทั้งโต๊ะมองผมไปด้วย
“อะไร..นั่งติดกันแค่นี้” ผมลืมตัวมองน้องตาขุ่น ก็เล่นทำให้ผมกลายเป็นจุดสนใจนิ
“ก็เรียกเบาแล้วไม่ได้ยิน ใจลอยคิดอะไรอยู่” น้องหนุ่ยนิ่วหน้า ผมเพิ่งรู้ตัวจมอยู่กับความคิดจริงด้วยสิ
“เปล่า..แล้วเรียกทำไม” แถเปลี่ยนเรื่องดีกว่า ทั้งที่พวกมันยังมองผมอยู่ บอลลูนมีมองแวบเดียวก่อนจะสนใจเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเข้าปากเคี้ยวกร๊วบๆ ท่าเคี้ยวน้ำแข็งดูเท่ได้อีกน้องกู
“จะถามว่าอิ่มแล้วใช่ไหม หนุ่ยจะเอาจานไปเก็บ” ผมก้มมองจานตัวเองก่อนพยักหน้าให้ น้องเลยรวบเก็บจานของน้องของผมรวมคนในโต๊ะ พยักหน้าให้น้องวิทย์ที่อาสาช่วยขน เดินออกไปกันสองคน
“อืม..มีแฟนดี เลยเป็นเจ้าหญิงไปเลยซิมึง” โจ๊กมันแซว
“แค่พี่บูตัสหรอก ที่ไอ้หนุ่ยมันบริการซะขนาดนี้” น้องเอกพูดขึ้น
“หมายความว่าไง” กนกมันถาม
“แฟนเก่ามันดาวคอนแวนต์ มันยังไม่ใส่ใจดูแลเหมือนพี่บูเลย” น้องเอกเฉลย ผมอึ้ง..ในโต๊ะดันเงียบกันอีก
“ทำไมน้องหนุ่ยถึงเลิกกับแฟนล่ะ” เป็นผมที่ทำลายบรรยากาศถามเสียเอง
“มันเลิกตอนม.2 พอเริ่มรู้ตัวว่าสายตามักมองหาแต่พี่ชายเพื่อน มันก็รู้แล้วว่าไม่ได้รักแฟนหรอก ไม่อยากให้เขาเสียเวลาไปกับมัน” คำบอกเล่าจากปากน้องเอก คงไม่ต้องบอกพี่ชายเพื่อนคนนั้นคือใคร แต่ผมสงสัยนี่น้องแอบชอบผมมาปีกว่าแล้วหรือ
“ไปยัง..พวกมึง” น้องหนุ่ยชวนหลังเก็บจานกลับมา พวกเราเลยขยับตัวลุกออกจากโรงอาหาร ดูท่าคงไม่รู้ว่าก่อนหน้าตัวเองเป็นประเด็นการสนทนาในโต๊ะด้วยสิ เห็นหน้าหล่อส่งยิ้มให้ผมตาหยี่
“บูตัส..ทำอะไรต่อ” น้องถามผม เลยหันมองหน้าแบม คือไม่รู้สิปกติเวลาเหลือพวกผมก็ไปนั่งม้าหินข้างอาคาร รออ๊อดเข้าเรียน แต่ตอนนี้ผมคบกับน้องหนุ่ยเลยไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ไม่รู้สิไม่เคยมีแฟนมาก่อน
“พวกพี่ต้องอ่านหนังสือเตรียมแอดฯ” แบมตอบแทนผม น้องพยักหน้าเข้าใจ
“งั้นผมไม่กวน ตั้งใจล่ะเจอกันเย็นนี้” น้องดูเข้าใจง่ายจริง ผมพยักหน้าให้ เห็นรอยยิ้มกว้างจริงใจของน้องแล้วใจมันโหวงบอกไม่ถูก ก่อนน้องจะแยกไปรวมกับเพื่อน
“หน้ามึงดูไม่ดี เป็นอะไร” โจ๊กถาม ตอนนี้มีผมสามคน กนกมันแยกไปส่งน้องเดียร์
“ไม่นี่ หน้ากูเป็นยังไง” คือผมไม่รู้ว่าทำหน้าแบบไหน
“เหมือนคนขี้ไม่ออก” โจ๊กบอก ผมอยากถีบมันจริงๆ เปรียบอะไรไม่เคยพ้นขี้สักเรื่อง
“กูขี้ทุกเช้า ไม่ออกเหี้ยไร” เลยกวนตีนมันเสียเลย
“เดี๋ยวก็ชิน คิดอะไรมากมึง” แบมมันพูดขึ้นมาลอยๆ เหมือนมันจะเข้าใจว่าผมคิดอะไร เลยสบตามันตรงๆ..มันยื่นมือมาตบไหล่ผมเบาๆ พอโจ๊กเห็นแบมมันทำอย่างนั้น ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้น มันคว้าคอผมไปกอดอย่างที่ชอบทำ
“เฮ้อ!ค่อยดูไปมึง ถ้าไม่ใช่ก็ห่างเองแหละ ไม่กี่เดือนเราก็เป็นนิสิตปีหนึ่งแล้ว เรียนรู้การมีแฟนไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อมึงไปเจอในมหาลัยยังไง” คำพูดของมันทำผมอดไม่ได้ เข่าใส่ก้นมันไปที
“ปึก!..ทำเหมือนกูมักง่ายหลายใจนะมึง” ผมแหวไม่จริงจังนัก
“ฮะฮ่าๆๆ..เริ่มกลับมาห้าวได้แล้วสิ อีชอบแบกโลก ชอบนักเก็บความรู้สึกชาวบ้านมาแบกไว้ทุกเรื่อง” มันเอามือขยี้หัวผมแล้ววิ่งหนี ผมเลยไล่เตะมันเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเราสามคน ดันเล่นกันเหมือนเด็กๆ
บางทีเพื่อนก็เข้าใจเรามากที่สุด ผมไม่ต้องพูดอะไรพวกมันยังรู้ความคิดผมเลย เข้าใจมากกว่าคนที่เรารู้จักมาตั้งแต่แบเบาะเสียอีก
ผมเคยมีคำถาม ทำไมถึงเข้าไม่ถึงความคิดของบอลลูน ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความต้องการความนึกคิดของน้องเลย ทั้งที่ผมคิดว่าผมใส่ใจน้องมากที่สุด แต่สุดท้ายผมเหมือนไม่รู้อะไรเท่าไหร่
ในขณะเดียวกัน น้องก็ไม่รู้จักผมเช่นกัน เราโตมาด้วยกัน แต่ดูเหมือนเข้าถึงกันยากเหลือเกิน เพื่อนเสียอีกที่เข้าใจผม ล่วงรู้ความคิดผม ถ้าไม่มีพวกมันอยู่เคียงข้าง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเหลือใครปรับทุกข์ และผมจะมีรอยยิ้มเสียงหัวเราะกับเขาบ้างไหม..??
jelatin99
ลูกเป็ดวิ่งซุกซน
สำหรับบอล....อีกนานเลยกว่าจะเข้าใจและยอมรับความเป็นตุ๊ดของบูตัสได้
อาจจะยอมรับพร้อมกับรู้สึกว่า"รัก"บูตัสจริงๆก็ได้นะ เพราะด้วยความที่เป็นเด็กในวัยนี้ด้วย
และอีกอย่างคือน้องมี"ปม"ที่ไม่ดีเกี่ยวกับตุ๊ด เราเข้าใจความรู้สึกนะ หากว่าเรามีปมเกี่ยวกับอะไรแล้ว
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน มันก็ยังฝังรากลึกอยู่ในความรู้สึกอยู่ดีอ่ะ
คงได้แต่รอวันที่น้องเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งความคิดและการกระทำล่ะ
แต่สงสารบูตัสแฮะ กว่าจะถึงวันนั้นคงเจ็บจนด้านชาเลยมั้ง ก็นะด้วยความเป็น"พี่"อีกทั้ง"คำสั่งเสีย"จากแม่ มันค้ำคออยู่อ่ะ
สำหรับบูตัส....เราก็เข้าใจอารมณ์ความรู้สึก รวมถึงความคิดและการกระทำของบูตัสนะ
ด้วยความที่เหลือกันแค่สองคนพี่น้อง และด้วยความที่เป็น"พี่"(คำๆนี้เป็นอะไรที่โคตรจะแบกภาระเลย)
มันเลยเป็นตัวบีบบังคับไปโดยปริยาย ให้มีความคิดความอ่านเกินตัว เสมือนว่าเป็น"ผู้ใหญ่"โดยสมบูรณ์แล้ว
แต่จริงๆก็เห็นได้ว่ายังมี"จุดพลาด"อยู่สังเกตได้จากการที่บูตัสยอมรับว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องเลย
ไม่รู้ว่าน้องเล่นดนตรี ทำกับข้าวเป็น ชกมวยเป็น...สิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการยึดติด"ภาพลักษณ์"ของความเป็นน้อง
ก็ไม่แปลก เพราะความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เคยเลี้ยงน้อง เลี้ยงลูก
เรามักจะติดภาพลักษณ์ว่า"พวกเค้าเหล่านี้ยังเด็กอยู่" ต้องคอยประคบประหงมและดูแลอย่างให้ดี
ทั้งๆที่เค้าสามารถดูแลตนเองได้แล้ว เมื่อเค้าเริ่มเติบโตขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นตอนต้นด้วยแล้ว
จะเป็นช่วงที่เค้าพยายามที่จะเลียนแบบ"ผู้ใหญ่" อีกทั้งยังเป็นวัยที่เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย
ติดเพื่อน ไม่เอาผู้ใหญ่ อยากรู้อยากลอง รวมถึงชอบที่จะเป็นจุดสนใจของสังคมและมีความสนใจในเพศตรงข้าม
ดังนั้นอะไรก็ตามที่ผู้ใหญ่เค้าทำแล้วให้ความรู้สึกว่าเท่ห์ ดูดี เด็กวัยนี้ทำตามหมดแหละ
แต่ไม่ชอบให้ผู้ใหญ่มายุ่งเรื่องของตน มีความเชื่อมั่นว่าสามารถรับมือได้หมด จัดการเองได้
ถ้าผู้ใหญ่มายุ่งก็จะอารมณ์เสีย เพราะทำให้รู้สึกว่าเราไม่เป็นผู้ใหญ่ เหมือนโดนดูถูกประมาณนี้
ด้านอารมณ์ คงไม่ต้องถาม เพราะอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย(ฮอร์โมน เป็นตัวแปรสำคัญ)
เด็กวัยนี้จึงไม่มีความมั่นคงทางด้านอารมณ์ มักเรียกวัยนี้ว่า"พายุบุแคม"(เห็นภาพ การทำลายล้างเลย ฮ่าๆๆ)
เพราะงั้นเราจึงเข้าใจในตัวอารมณ์ของทั้ืงบอลลูนและบูตัสนะและที่กล่าวมายืดยาวออกปากอ่าวทั้งหมดนี้
เพราะจะบอกว่า....เราเอาใจช่วยบูตัสนะ ฮ่าๆๆ
ปล. รอตอนต่อไปน้าา
อยากจะบอกว่า คุณเป็นคนอ่านที่วิเคราะห์ตัวละครได้ลึกซึ้งจนคนเขียนทึ่งอ่ะ
แทบจะเข้ามานั่งอยู่ในใจคนเขียนแล้วเนี่ยะ นั่นแหละคือความคลุมเครือที่ยังอึมครึม ซึนๆกันอยู่
ขอบคุณมากนะคะที่ติดตามกันอย่างเนืองแน่น ขอบคุณทุกเม้นท์ทุกโพสฯ ค่ะ
รักคนอ่านทุกคน ขอ

ทีสิค่ะ
Luk.

ปล.รวมเล่มของลูกแก้วยังเปิดโอนอยู่นะคะ บ็อกเซทเหลือแค่ 12 บ็อกค่ะ ใครต้องการเก็บไว้
รบกวนติดต่อที่เมลล์ luxilove_19690 แอท hotmail ดอท com

ปลล.กดบวก 1 และเป็ดน้อย ให้ทุกเม้นท์แทนการขอบคุณค่ะ จากใจคนเขียน อิอิ