- 2 - “เฮ้ย!..เบาหน่อยสิ” ผมตะโกนฝ่าเสียงรถ มือคว้าหมับกำเสื้อน้องไว้แน่น หลังคนขับบิดคันเร่งไม่สนใจฟัง
“แปร๊ดดด!!!...บอลเบาหน่อยได้ยินไหม!!!” น้องไม่สนใจเสียงผมที่ตะเบ็งจนคอแทบแตก ผมกลัวมากเล่นขับฉวัดเฉวียนโยกซ้ายแซงขวา ทำให้ผมต้องซบหัวมุดอยู่กับแผ่นหลังทำตัวลีบอกสั่นขวัญแขวน
มือที่จับชายเสื้อเปลี่ยนมารวบกอดเอวน้องแน่น ไม่งั้นอาจมีหงายงึบ เพราะหลังผมยังมีกีตาร์ของน้องพาดอยู่มันต้านลมดึงไหล่จนตึง แถมกระเป๋าสะพายที่ถ่วงอีกใบ ยุติการตะโกนที่ไร้ประโยชน์กับอารมณ์ปานพายุของบอลลูนหันมาห่วงความปลอดภัยตัวเองแทน
มาถึงบ้านอย่างครบสามสิบสอง ขาแข็งเลยตอนลงมายืนเปิดประตูให้น้องเอารถเข้าบ้าน ต่างฝ่ายต่างขึ้นห้องเก็บตัวเงียบ ระหว่างเราไม่ใครพูดอะไร ผมรู้น้องยังโมโหอยู่ ส่วนผมเองก็โกรธที่บอลลูนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง น้องไม่จำอุบัติเหตุที่พ่อกับแม่จากเราไปเลยสินะ ถึงได้ล้อเล่นกับชีวิตแบบนี้
เช้ามาผมลงมาเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านตามปกติ ก่อนจะลงมือปิ้งขนมปังทอดไข่ดาวกับหมูแฮม แถมชงโอวัลตินอีกสองแก้วขึ้นโต๊ะ จังหวะบอลลูนเดินลงมาพอดี กางเกงนอนลายทางกับเสื้อคอกลมห่านคู่สีขาวที่น้องใส่ คงล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงน้องกดรีโมททีวีดูรายการการ์ตูนวันหยุด ก่อนจะเดินมาหยิบอาหารเช้าที่ผมจัดใส่จานพร้อมโอวัลตินร้อนไปนั่งกินตรงโซฟาเงียบๆ ไม่ทักทายสักคำ ปล่อยผมนั่งทานคนเดียวที่โต๊ะทานข้าว กินเสร็จผมยกเข้าไปเก็บล้างในครัว ในขณะที่บอลลูนเอาจานมาวางที่อ่าง น้องกินไม่เหลือเศษ
“มันโทรมาไหม” คำถามลอยๆ ดังขึ้นข้างหลังผม หันไปดูน้องยืนกินน้ำพร้อมรอคำตอบ
“ใคร” ถามให้แน่ใจ ไม่รู้น้องหมายถึงใคร
“ก็ไอ้เหี้ยที่เพิ่งให้เบอร์..มีเยอะหรือไง” เหวี่ยงผมกลับอีก แถมปั้นหน้ายักษ์ใส่ด้วย
“ไม่” ผมหันมาสนใจล้างจานต่อ ไม่อยากให้เกิดอารมณ์มาคุ
“มันโทรมาไม่ต้องไปรับ” น้องสั่ง
“ทำไม” ผมก็ถามตรงๆ ไม่ได้คิดจะกวน ทำไมต้องห้ามไม่เข้าใจ
“ไม่รู้หรือแกล้งโง่ห๊ะ..บู” คราวนี้เดินเข้ามายืนซ้อนหลังผมแล้ว เสียงที่ตะคอกอย่างไม่พอใจทำผมสะดุ้งโหย่ง ก่อนจะรีบคว่ำจานล้างมือสะอาดแล้วหันมาเผชิญหน้าน้องที่ทำตาดุจ้องไม่เลิก
“ไม่รู้จริงๆ..ทำไมห้ามไม่ให้รับ เขมเคยคุยกันมาก่อนทำไมถึงคุยกับมันไม่ได้” ผมเคยไปขอร้องมันถึงอาชีวะ มันก็รับฟังไม่อะไรกับผม
“ชอบใช่ไหมกับคนไม่ถูกกับน้องแล้วไปคบเนี่ยะ..จะเอาไงหึบู” น้องหงุดหงิดฉุนเฉียวใหญ่
“บอลจะติดใจอะไรนักหนา เขมมันไม่ได้คบกับสายไหมแล้ว พี่เพิ่งรู้เมื่อคืน ถ้าเป็นเรื่องนี้บอลสบายใจได้” ผมบอกเผื่อน้องจะอยากกลับไปคบกับสายไหม ตอนนี้เธอไม่มีพันธะแล้วอยากคบกันก็ตามสบาย
“เลิกคิดเหี้ยๆ..บูเองก็มีไอ้หนุ่ยเป็นแฟนแล้ว ยังมีหน้าไปคบกับไอ้เหี้ยนั่นอีกเหรอ” บอลตวาดใส่หน้าผม
“นี่..พี่พูดเมื่อไหร่ว่าจะคบกับไอ้เขม” ผมก็ไม่ยอมปกติไม่เคยเสียงดังใส่น้อง คราวนี้ทนไม่ไหวจริงๆ เลยตะคอกกลับไม่แพ้กัน
“ไม่คิดอะไร ให้เบอร์มันไปทำไม” น้องก็แหวผมกลับเสียงแข็ง
“บอกไปแล้ว..ไม่อยากมีเรื่อง” ผมพูดซ้ำอีกครั้ง
“ไม่เกี่ยว..มีก็มีสิใครกลัวว่ะ” น้องกร่างจนผมอึ้ง แม้จะรู้บอลลูนชกมวยเป็น แต่ไม่คิดว่าจะกร่างขนาดนี้
“แล้วมันคุ้มไหม เกิดพวกมันรุมหรือใช้อาวุธล่ะ คิดบ้างไหมมันจะไม่จบแค่นั้น” ผมเตือนน้องอย่างใช้เหตุผล
“ไม่ต้องมาอ้าง ก่อนหน้าเห็นยืนคุยตั้งนาน แล้วที่มันบอกเปลี่ยนใจจะคบตุ๊ด อย่านึกว่าบอลไม่ได้ยินนะ” เอาเข้าไป
“ไม่ได้หมายถึงบูนี่ มันพูดของมันเฉยๆ” ผมเถียง
“แม่ง!..โง่จนเซ่อแล้ว ไม่หมายถึงตัวเองมันจะพูดให้ฟังทำเหี้ยไรหึ ไม่ต้องพูดแล้ว มันโทรมาห้ามรับห้ามคุย ไม่งั้นเรามีเรื่องกันแน่” บอลลูนชี้หน้าผม ก่อนหันหลังเดินออกไปหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ผมกลับขึ้นห้องมานั่งจมอยู่กับคำพูดน้อง จนเผลอหลับไปอีกรอบ สะดุ้งตื่นตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ กดรับโดยไม่ทันดูเบอร์เข้าใจว่าเป็นหนุ่ยหรือไม่ก็พวกโจ๊ก มีไม่กี่คนหรอกที่จะโทรคุยกับผม
“ทำอะไรอยู่” เสียงไม่คุ้น ดึงโทรศัพท์มาดูปรากฏเป็นเบอร์แปลก
“ใคร” ถามไปอย่างเร็ว
“ลืมกู..เพิ่งเจอกันเมื่อคืนเอง” ไอ้เขม
“มีอะไร” ผมรีบตัดบทเข้าเรื่อง
“ไปไหนหรือเปล่าวันนี้” มันถามมา
“ทำไม”
“ไปดูหนังกัน” ชวนดูหนังเฉยเลย
“กูไม่ว่าง..แล้ว..มึงชวนกูทำไม” ถามให้หายสงสัยไม่อยากให้เป็นอย่างที่บอลลูนพูด
“กูบอกไปแล้วเมื่อคืน ทำไมขี้ลืม” มันตอบนิ่งๆ
“มึงจะจีบกูเหรอ” ตรงๆเข้าเป้า
“อืม...” เสียงครางในคอ ทำให้ผมอึ้ง
“กูมีแฟนแล้ว” ผมตัดจบทันที
“ช่างแฟนมึง...” อ้าวไอ้ห่านิ
“งั้นช่างหัวมึง กูวางแหละ” พูดจบตัดสายเลย กวนชิบ...มันยังโทรเข้ามาอีกสองสามครั้งแต่ผมไม่รับ ดูนาฬิกาสิบเอ็ดโมงกว่า ลุกอาบน้ำแต่งตัวได้เวลาต้องไปนัดเดท
“ก็อกๆๆ เสร็จยัง..เร็วรอข้างล่าง” เสียงน้องเคาะเรียก ผมกำลังแต่งตัวอยู่เลยตะโกนกลับไป
“รอแป๊ป” ไม่ถึงห้านาที ลงมาข้างล่างบอลลูนในชุดเสื้อคอวีรัดรูปสีขาวกางเกงยีนส์ขาเดฟสีดำ แว่นกันแดดกุ๊ซชี่สีชาห้อยคอเสื้อ เข็มขัดสีขาวกับคอนเวิร์ดลายดำ ทำให้หน้าลูกครึ่งหล่อจนต้องมองซ้ำ
“ไปได้แล้ว” น้องลุกถือกุญแจรถกับกระเป๋าตังค์ เดินนำผมที่ตามไปติดๆ ก่อนจะทำหน้าที่ปิดล็อกบ้าน แล้ววิ่งไปเปิดประตูรั้วให้ถอยรถออก
ระหว่างอยู่บนรถเราไม่ได้พูดกันเลย น้องแวะรับลูกแพรที่ออกมายืนรอหน้าร้าน บ้านเธอเป็นห้องซ้อมดนตรีวันหยุดมีพวกวัยรุ่นมาใช้จนรถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงเต็มไปหมด
ลูกแพรสวมยีนส์ขาสั้นเสื้อยืดรัดรูปรองเท้าสายถักหุ้มส้น ดูน่ารักสมวัยว่าไปเธอดูดีไม่น้อย พอรถจอดเธอถลามาเปิดประตูฝั่งคู่คนขับ เผอิญผมนั่งอยู่เธอชะงักไปนิดหนึ่ง
“นั่งข้างหลังแพร” บอลลูนสั่ง เธอหน้าง้ำก่อนปิดประตูกระแทกจนผมสะดุ้ง ช่างเถอะไม่ใช่รถผมนิ
บรรยากาศในรถเงียบได้อีก แอบมองกระจกหลังเธอหน้าบูดไม่สบอารมณ์ที่ไม่ได้นั่งหน้าคู่บอลลูนโชว์พวกวัยรุ่นที่จับกลุ่มหน้าร้านกระมัง เห็นพวกนั้นมองกันไม่วางตาหลังรถของบอลลูนเข้ามาจอดเทียบ
"เปิดเพลงหน่อยสิบอล" สุดท้ายเป็นเธอเองที่ทนไม่ไหว พูดทำลายความเงียบขึ้นก่อน บอลลูนเอื้อมมือไปเปิดเพลงตามที่ขอ
“ไม่เอา..ขอคลื่นxxxนี้สิ” เธอไม่ถูกใจ ขอให้เปลี่ยนเป็นคลื่นที่บอก บอลลูนเริ่มจิปากเบาๆ น้องเป็นคนไม่ชอบจุกจิก แต่ก็ยอมเลื่อนหาคลื่นให้เธอจังหวะรถติดไฟแดงด้วย เลยไม่เท่าไหร่
“หืม..เพลงไม่เพราะเลย เปลี่ยนคลื่นนี่ดีกว่า” เธอบอกหลังเพลงของคลื่นที่ขอไม่ถูกใจอีก บอลลูนหน้านิ่งแล้ว ออกรถหลังไฟเขียวแถมไม่เปลี่ยนคลื่นตามที่เธอบอกอีกต่างหาก
“บอล..เปลี่ยนคลื่นที่แพรบอกให้หน่อย” เธอท้วง
“มือไม่วาง..ขับรถอยู่เห็นป่ะ” น้องพูดนิ่งมาก ผมอึ้งไม่คิดว่าบอลจะพูดกับคนที่คบได้เฉยเมยขนาดนี้ คงเข้าโหมดรำคาญไปแล้ว
“เมื่อตะกี้แพรนั่งหน้าก็จบ เห็นไหมยุ่งยากเลย” ตัดรำคาญผมเลยยื่นมือไปเลื่อนคลื่นวิทยุตามที่เธอบอกเสียเอง
“ไม่ต้องแล้วพี่บู หมดอารมณ์ฟัง” เออ..เอากับเธอสิ ผมยังไม่ทันทำอะไร บอลลูนยื่นมือมากดปิด ก่อนจะหันไปขับรถไม่พูดไม่จา กลายเป็นผมนั่งเกร็งไปด้วย บรรยากาศในรถอึดอัดมากมาย
ลูกแพรก็นั่งหน้าหักไปตลอดทาง ส่วนบอลลูนก็นิ่งสนิท บ่งบอกอยู่ในอารมณ์ไม่สุนทรีย์อย่างแรง ผมปิดปากเงียบ จำได้ตั้งแต่ขึ้นรถผมไม่มีบทพูดเลยด้วยซ้ำ
จอดรถเสร็จ เราพากันเดินเข้าห้างเพื่อตรงไปยังแหล่งนัด ซึ่งผมไม่รู้ว่าน้องนัดเพื่อนไว้ที่ไหนอีกต่างหาก ไม่ได้ถามและไม่คิดถามด้วย ยังไงเดี๋ยวก็รู้อยู่ดี มีหน้าที่เดินตามก็พอ ไม่ได้คิดอะไรมาก
“แวะร้านเสื้อแป๊ปนะค่ะ” เธอเปลี่ยนโหมด เกาะแขนบอลลูนอ้อนให้น้องพาไปแวะร้านเสื้อ
“เดี๋ยวก็ได้ ไปหาพวกไอ้เอกมันก่อน ดูรอบหนังเสร็จค่อยแวะ” น้องปฏิเสธเบาๆ เธอกลับมาหน้าง้ำอีกรอบ พร้อมกับเสนอความคิดใหม่
“นัดที่ไหน ให้พี่บูไปเจอพวกนั้นก่อน แล้วเราค่อยตามไปทีหลัง”
“แพร..ร้านเสื้อมันไม่หนีไปไหนหรอก” พูดจบบอลลูนไม่ฟังอีก เดินลิ่วนำไปทันที ทำให้เธอต้องรีบก้าวไปเกาะแขนอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะควงแขน คงเห็นสาวๆต่างมองบอลลูนตาค้างกระมัง การเป็นจุดเด่นในสายตาคนที่ไม่รู้จัก ดูเธอจะชอบถึงได้ปรับสีหน้าแทบไม่ทัน ทั้งที่ยังดูไม่ดีเท่าไหร่ แม้จะเชิดหน้าอมยิ้มก็เถอะ ผมว่าแบมดูดีกว่าอีกตอนมันทำหน้าลักษณะนี้น่ะ
“มาแล้วเหรอมึง” เพื่อนน้องอยู่ครบ วิทย์ เอก หนุ่ย คนหลังพอเห็นผม ดิ่งเข้ามาหาก่อนเลย
“หิวน้ำไหมบู หนุ่ยซื้อโค๊กเตรียมไว้ให้” น้องยื่นแก้วโค๊กจัมโบ้ให้ผมอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะรับน้ำมาดื่มอย่างไม่ขัดศรัทธา
“รถติดนิดหน่อย พวกมึงมานาน..ยัง” บอลลูนคุยกับเพื่อน
“ไม่นานเพิ่งถึงก่อนมึงเอง ไอ้หนุ่ยสิมาก่อนใครตื่นเต้นจนออกนอกหน้าแล้ว แม่งแจ้นไปซื้อน้ำให้พี่มึงก่อนเป็นอันดับแรก มั่นไส้ชิบหาย” คนโดนว่ากลับยักไหล่ยิ้มหล่อไม่สนใจ แอบส่งตาหวานให้ผมเสียงั้น
“บอล..แพรคอแห้ง” สาวนางเดียวกระตุกแขนบอลลูน น้องก้มมองหน้าเธอก่อนล้วงกระเป๋าตังค์ควักแบ็งค์ร้อยยื่นให้เธอแบบมึนๆ
“ไปซื้อสิ” พูดจบหันไปคุยกับน้องเอก น้องวิทย์เรื่องโปรแกรมหนังที่จะดูกันเฉยเลย ไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่าสาวเจ้าหน้าบึ้งเดินกระทืบเท้าตรงไปเคาเตอร์ขายน้ำหน้าโรงอย่างหัวเสีย ผมมองน้องหนุ่ยที่จ้องผมไม่วางตา จนรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูก
“กินหน่อยไหม” แก้เขินยื่นแก้วคืนให้น้อง คนรับไม่ปฏิเสธคว้าหลอดไปดูดไม่รีรอ
“อืม..ชื่นใจจัง” มีหายใจยาวพูดแบบนี้อีก หลังคลายหลอดแล้ว
“หิวทำไมไม่กินก่อน” ผมถาม
“ไม่อ่ะ..รอให้บูกินก่อนมันถึงจะได้รสชาติ” ผมไปไม่เป็นเลย
“รอบบ่ายสองมึงโอเคเปล่าไอ้หนุ่ย แม่งหวานอยู่นั่นแหละไอ้ห่า” น้องเอกแซวเพื่อน
“เออๆ..ตามนั้น ขัดกูอยู่ได้” น้องวิทย์กับน้องเอกรับอาสาไปจองตั๋วหนัง จังหวะลูกแพรเดินกลับเข้ามาพร้อมผู้หญิงวัยเดียวกันอีกสี่คน
“พวกเธอนี่บอลแฟนเรา แล้วนี่หนุ่ย นี่พี่บูพี่ของบอล ยังมีเพื่อนอีกสองไปไหนแล้วล่ะ..นี่เพื่อนที่โรงเรียนแพรค่ะ” เธอแนะนำ
“ดีค่ะ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” สาวๆหน้าตาน่ารักสมวัย ต่างยิ้มส่งให้พวกผม ซึ่งยิ้มตอบตามมารยาท
“ยินดีเช่นกันครับ” หนุ่ยตอบกลับไป น้องแค่ยิ้มๆไม่พูดไรมาก
“มาดูหนังหรือค่ะ เรื่องอะไรเอ่ย” น้องผู้หญิงในนั้นถาม
“เรื่องxxxx” หนุ่ยเป็นคนตอบเหมือนเดิม
“เหรอค่ะ..พวกเรากำลังจะดูเรื่องนี้พอดี” อีกสาวพูดขึ้นบ้าง
“งั้นพวกแกดูรอบเดียวกับฉันสิ” ลูกแพรบอก ก่อนสี่สาวจะพยักหน้าให้เธอ
“ไปจองตั๋วกันก่อน” เธอจัดการเป็นธุระเสร็จสรรพ ลากพวกเพื่อนตรงไปยังเคาเตอร์ขายตั๋ว
“งานนี้ไอ้เอก ไอ้วิทย์ไม่เหงาแล้วมึง” น้องหนุ่ยเอาไหล่ไปกระแทกแขนบอลลูน รายนั้นเขาสูงกว่าเพื่อนมาก น้องหนุ่ยกับผมสูงพอกัน เลยกระแทกได้แค่แขน น้องผมสูงเกินวัยไปไกลโข
“ไปกินฟูจิรอ” บอลลูนไม่ตอบแต่บอกโปรแกรมถัดไปแทน หลังทุกคนมารวมตัวกันครบ มีการแนะนำน้องเอกกับน้องวิทย์รู้จักสาวๆที่มาใหม่อย่างเป็นทางการ ผมจำชื่อไม่ค่อยได้ แล้วพวกเราก็ยกโขยงกันไปกินฟูจิ ซึ่งคนที่ยิ้มหน้าบานหลังหน้าบูดไปหลายรอบไม่พ้นลูกแพร เดินกอดแขนบอลลูนไม่ห่าง แต่ปากคุยกับเพื่อนจ้อไม่หยุด
ในร้านเรานั่งโต๊ะใหญ่สิบที่ สั่งรายการตามใจชอบ ผมแทบไม่ต้องทำอะไรน้องหนุ่ยบริการหมด ซ้ายน้องหนุ่ยขวาบอลลูนถัดจากบอลลูนเป็นลูกแพรแล้วก็เพื่อน อีกฝั่งเป็นวิทย์กับเอกและเพื่อนของลูกแพรอีกสามคน
บรรยากาศการกินคงดูชื่นมื่นกว่านี้ หากไม่มีสายตาของสาวๆที่ขยันมองผมปนคำถาม จนบางครั้งรู้สึกอึดอัดเป็นระยะๆ หลังน้องหนุ่ยตักนั่นบริการนี้ให้ผมไม่เว้นว่าง
“บอลค่ะ..ลูกแพรขอข้าวห่อสาหร่ายหน่อยสิ” ลูกแพรสะกิดแขนบอลลูนบอกอยากกินข้าวห่อสาหร่าย น้องก็คีบมาวางใส่ในจาน
“บอลค่ะขอนั่นให้ลูกแพรหน่อย” แล้วก็เป็นแบบนี้อีกสองสามครั้ง กระทั่งบอลลูนพูดขึ้นว่า
“บอลว่าแพรอยากทานอะไรสั่งอีกชุดดีกว่าไหม ลงวางใกล้ๆเถอะ” แต่ละคนนิ่งไปชั่วครู่ แม้แต่ลูกแพรยังยิ้มเจื่อน คงไม่คิดว่าบอลลูนจะพูดคำนี้ออกมา แต่ผมชำเลืองดูหน้าน้องแล้วรู้โดยสัญชาตญาณเริ่มไม่สบอารมณ์กับความเยอะของเธอแล้วตอนนี้
“พอก่อนหนุ่ย..พี่อิ่มแล้ว” ผมรีบปามน้องหนุ่ย หลังน้องขยันตักนั่นนี่โน้นบริการไม่หยุด จนแทบไม่ต้องคีบอะไรกินเองแล้ว
“จุ๊ๆ อย่าพี่สิ” ผมเงยหน้าสบตาคนจุ๊ปาก น้องหนุ่ยไม่ให้ผมแทนตัวว่าพี่กับเขา
“อืม..บูอิ่มแล้ว” เปลี่ยนตามรีเควส สายตาสาวๆจ้องพวกผม น้องเอกกับน้องวิทย์ยิ้มล้อๆ
“สองคนนี้เป็นแฟนกัน” เสียงที่ไม่ได้รับเชิญชี้แจงสถานะของผมกับน้องหนุ่ยให้สาวๆที่มาใหม่ได้รู้
“ว้าว!!นึกแล้วเชียว เห็นหนุ่ยบริการพี่บูจนน่าอิจฉา” หนึ่งในนั้นเปรย ดูพวกเธอไม่ยักตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“นั้นสิ..อยากมีแบบนี้บ้างจัง” เสียงสนับสนุนอีกคน ผมได้แต่ยิ้ม ก่อนจะสบตากับหนุ่ยที่จ้องผมอย่างภูมิใจ
“ลูกแพรขอเข้าห้องน้ำก่อน พวกแกไปเป็นเพื่อนฉันไหม” เธอบอกก่อนจะหันไปถามความสมัครใจจากเพื่อน สาวๆพากันพยักหน้าขยับก้นออกจากเก้าอี้ แต่ละคนหลบให้พวกเธอออกกันได้สะดวก แล้วทั้งกลุ่มก็พากันเดินออกนอกร้านไปเข้าห้องน้ำ
“ไปห้องน้ำแป๊ปนะ” ผมกระซิบบอกหนุ่ย หลังเริ่มรู้สึกว่าโค๊กที่กินเข้าไปพร้อมน้ำอีกเป็นแก้วเรียกร้องให้กระเพาะปัสสาวะปลดปล่อย
“ครับ..หนุ่ยไปด้วยไหม” น้องหนุ่ยถาม รีบสายหน้าดิกพอดีผมเขินฉี่ไม่ออกแน่ๆ น้องไม่ยักเซ้าซี้ ปล่อยผมมาเอง ให้เวลาหนุ่มๆได้คุยตามประสาเพื่อนสักห้านาที หลังพวกเขาไม่ได้อยู่กันส่วนตัวมาเป็นชั่วโมง
เข้าห้องน้ำเสร็จล้างมือเรียบร้อย กำลังเดินออกมาเห็นกลุ่มของลูกแพรเหลียวเข้าไปดูเสื้อในร้านหนึ่ง พูดคุยอะไรไม่รู้หน้าตาเครียดๆ ต่อมเสือกของผมทำงาน เนียนตามเข้าไปนิ่มๆ พอจังหวะพวกเธอเข้าห้องลองผมก็แอบไปอยู่ห้องข้างๆ ถือเสื้อยืดเข้าไปทำทีไปลองดูบ้าง
“งานนี้ไม่หารใช่ป่ะ แฟนมึงจ่ายชัวร์นะแพร”
“เออดิ..เดี๋ยวกูให้บอลเอง” ลูกแพรรับปากเพื่อนๆแข็งขัน การกินแบบนี้ไม่ต้องบอก เชื่อว่าบอลลูนคงไม่ให้ผู้หญิงออกเงิน ยังไงนิสัยส่วนนี้น้องมีความรับผิดชอบพอตัว
“ทำปากดี กูไม่เห็นเขาใส่ใจบริการอะไรมึงเลย สู้คนชื่อหนุ่ยไม่ได้ บริการอิพี่บูยังกะดูแลสาว กูเห็นแล้วต่างกับของมึงราวฟ้ากับเหว” หนึ่งในนั้นออกความเห็น
“นั่นสิ มึงต้องคอยเรียกร้องความสนใจตลอด ซึนมากอ่ะแฟนมึง หล่อจนใจสั่นข้อนั้นกูไม่เถียง แต่ซึนขนาดนี้กูขอแบบหนุ่ยดีกว่า” ไม่รู้ใครเป็นคนพูด
“บอลเขาก็เป็นแบบนี้แหละ” เสียงลูกแพรไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่
“เออ..พวกกูไม่ได้ว่า แต่ก็นะ..ผู้หญิงมีแฟนก็ต้องการให้เขาสนใจเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าถึงขั้นหล่อเอาไว้ควง แต่คบเป็นแฟนจริงๆกูคงต้องคิดดูก่อน นี่ไม่รู้เจ้าชู้หรือเปล่าหน้าตาปานเทพบุตรขนาดนั้น กูว่าคงต้องคอยระวังจนปวดหัว ประมาณหนุ่ยนี่แหละกำลังดี กูพอจะจีบได้ไหมว่ะ มึงว่าเขาจะเปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิงหรือเปล่า ดูไม่ออกเลยนะว่าชอบตุ๊ดแต๋วอะไรเถือกนั้น” ผมอึ้งหลังได้ยินประโยคนี้ ทนฟังต่อไม่ไหว รีบกลับออกมาเอาเสื้อแขวนไว้ที่เดิม..เดินกลับร้านก่อนพวกเธอจะออกจากห้องลอง
“หายไปนานเลย” น้องหนุ่ยถามไม่จริงจังนัก
“บังเอิญเห็นร้านเสื้อหน้าสนใจเลยแวะดู” ผมบอกปัดๆ
“อยากได้เหรอเดี๋ยวหนุ่ยซื้อให้เอาไหม” หนุ่ยรีบอาสา ผมส่ายหน้าพรืดปฏิเสธทันที
“ไม่เอา..ถ้าอยากได้ก็ซื้อมาแล้วสิ แค่ดูเฉยๆเห็นใกล้แล้วไม่ถูกใจ” น้องพยักหน้าเข้าใจ พวกสาวๆ กลับมาพอดี พร้อมกับลูกแพรวิ่งเข้ามาเกาะแขนบอลลูน
“บอล..ลูกแพรเจอเสื้อถูกใจใกล้ๆนี่แหละ บอลพาลูกแพรไปดูนะ” คงหมายถึงร้านที่เธอไปลอง น้องไม่ตอบพยักหน้าให้ สรุปเรียกเก็บตังค์ บอลลูนกับเพื่อนๆหารกันสี่คน แม้แต่ผมหนุ่ยก็ไม่ให้ออก แต่บอลลูนบอกให้แบ่งสองส่วน บอลออกส่วนหนึ่งเต็มๆ อีกส่วนให้เอก หนุ่ย วิทย์ หารกัน ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเพราะน้องบ่งบอกจุดยืนชัดว่าตัดสินใจแล้ว
จากนั้นคณะก็ตามใจสาวๆ พากันมายืนรอร้านเสื้อ ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีบอลลูนก็ซื้อให้ลูกแพรไปสามตัว คงตัวที่เธอลองไว้ทีแรก อารมณ์ได้ของถูกใจหน้ายิ้มละไมหายบูดเป็นปลิดทิ้ง
ได้เวลาดูหนัง แน่นอนผมยังคงได้นั่งตำแหน่งเดิม ติดกับบอลลูนและหนุ่ย จากนั้นก็เป็นลูกแพร เรียงกันไปเป็นแถวยาว สงสัยตอนที่พวกเธอไปจองตั๋วเจอกับพวกน้องเอก เลยได้ตั๋วชั้นเดียวกันมาแบบนี้ หนังสนุกดี น้องหนุ่ยบริการข้าวโพดคั่วให้เป็นระยะยกนิ้วให้เขาเลย
ขากลับเราแยกย้ายเป็นคู่ บอลลูนไปส่งลูกแพรกับเพื่อนเพราะพวกเธอนั่งแท็กซี่กันมา ผมกลับกับน้องหนุ่ย ซ้อนมอเตอร์ไซค์ ส่วนเอกกับวิทย์แยกกลับด้วยกัน
น้องหนุ่ยแวะเลี้ยงสลิ่มริมทางเจ้าอร่อย ค่อยพาผมมาส่งบ้านอย่างปลอดภัย ยืนร่ำลาพอสมควรแล้วไล่ให้น้องกลับ ทำท่าจะขอเข้ามาข้างในบ้านต่ออีก ไม่ได้บอกบอลลูนไว้ขี้เกียจมีปัญหาทะเลาะกันทีหลัง น้องหนุ่ยไม่ดื้อยอมกลับโดยดี
ผมขึ้นห้องอาบน้ำโทรคุยกับโจ๊กเล็กน้อย อาบน้ำทำการบ้าน บอลลูนกลับมาเกือบสองทุ่ม ทั้งที่หนังเลิกห้าโมง ผมลงมาดูหลังได้ยินเสียงรถ เผื่อน้องจะหิวแต่ผมไม่กินอะไรแล้ว ยังอิ่มอยู่เลย
“กินอะไรมาหรือยัง” ถามสั้นๆ น้องพยักหน้า
“ปิดบ้านด้วยนะ” ผมบอก ก่อนจะหันหลังก้าวขึ้นบันได
“ไอ้หนุ่ยมาส่งกี่โมง” ชะงักกับคำถาม ค่อยหันไปตอบ
“หกโมง แวะกินสลิ่มนิดหน่อย” ผมบอก ดูสีหน้าเบื่อโลกของน้องแล้วไม่อยากถาม กลับขึ้นห้องทำการบ้านอ่านหนังสือเตรียมสอบดีกว่า..?
มาต่อแล้วนะคะ ตอนหน้าได้เห็นพี่บูชกมวยแล้วอ่ะ
ขอบคุณทุกเม้นท์ทุกโพสฯ ทุกกำลังใจที่เป็นแรงเชียร์ตัวละครนะคะ
เรื่องนี้ยังต้องลุ้นกันต่อไป ความรู้สึกหลายอย่างไม่ได้เกิดเพียงฉาบฉวย
บางเรื่องมันค่อยซึมลึก กะเทาะเปลือก กว่าจะรู้ใจกัน นั่นหมายถึง
หลายๆ คู่ของตัวละครด้วยค่ะ
Luk.
