- 2 - “พี่บูตัสค่ะ พี่บูตัส” ผมแอบสบตาโจ๊ก ในใจกำลังคิดว่าน้องเค้าจับได้หรือเปล่าว่าเราแอบฟัง แต่ก็พากันหันกลับไปทักทาย
“ครับ..น้องสายไหม” ส่งยิ้มให้ปกติ
“เอ่อ..ไหมเห็นพี่บูตัสกับพี่โจ๊กเดินอยู่ ไม่มีเรียนกันหรือค่ะ” น้องคงสงสัยพวกผม แต่คงไม่แน่ใจเลยตะล่อมถามลองเชิง
“มีสิ..เผอิญพี่ไปพบอาจารย์ตึ๋งที่ห้องปกครองมา แล้วสายไหมล่ะไม่เรียนหรือไงมาทำอะไรอยู่ตรงนี้” ผมได้จังหวะถามกลับเสียเลย
“ไหมลงมาเข้าห้องน้ำ งั้นไหมขอตัวขึ้นเรียนก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่ค่ะพี่” พูดจบน้องก็เดินแซงหน้าพวกผมไปอย่างเร็ว ม.5 กับม.6 เรียนอาคารเดียวกัน แต่คนละชั้น
“ชะนีสายหมอยหล่อนแหลขั้นเทพเลยนะมึง” โจ๊กเหยียดปากเปรยตามหลัง หลังน้องเดินไปไกลพอสมควร
“ช่างเค้าเถอะ เราก็แหลไม่ต่างกัน” ผมบอกอย่างสมเพชตัวเอง กลายเป็นคนโกหก ทำตัวน่ารังเกียจลักลอบแอบฟังคนคุยโทรศัพท์ ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นเขาเลย
“อ้าวอีนี่..เกิดผีนางเอกเข้าสิงซะงั้น..ที่มึงทำเพราะมีเหตุผลจำเป็น สมควรให้อภัย แต่ชะนีนั่นมันแหลเพื่อปั่นหัวผู้ชายเห็นๆ มึงก็ได้ยินเต็มสองหู” โจ๊กคงหงุดหงิดที่ผมดันไม่เออออรับมุก พานเทศนาผมยกใหญ่ ที่เพื่อนพูดมาก็ถูก หากไม่เกี่ยวกับบอลลูนผมไม่เข้าไปวุ่นวายด้วยหรอก
“อืม..จริงของมึง” ผมเลยพยักหน้าให้โจ๊กอย่างสำนึกผิด แทนการขอโทษกลายๆ
“มึงก็เป็นเสียอย่างนี้ เอาเถอะกูว่างานนี้มึงต้องห้ามเจ้าชายของกูไม่ให้ไปรับชะนีนั่นวันเสาร์นี่เป็นอันขาด กูสังหรณ์ผัวชะนีนั่นต้องจับตาแน่ คนเราลองได้กลิ่นตุๆ มักมีสัมผัสพิเศษ โดยเฉพาะกลิ่นเขาบนหัวที่เหมือนจะงอกออกมาได้นี่แหละ จูงใจที่สุดเลยละมึง” ผมก็คิดเหมือนโจ๊ก แต่บอลลูนจะฟังหรือเปล่านั่นคือปัญหา กลัวจะเข้าใจผิดหาว่าผมยุ่งเรื่องส่วนตัว ล้ำเส้นอีกจะเป็นเรื่องใหญ่ เพิ่งจะสงบเริ่มเข้าหน้าติด ไม่มึนตึงเหมือนที่ผ่านมาดีถมเถ หากเรื่องนี้ทำให้เราผิดใจกันท่าจะแย่กว่าเก่า
“กูกลัวน้องไม่ฟัง พานว่ากูจุ้นเรื่องส่วนตัวเอาอีก” ผมบอกโจ๊กไปตามที่คิด สีหน้าคงแย่จนเพื่อนถึงกับเอามือมาบีบไหล่ให้กำลังใจ
“กูละศรัทธาความรักความห่วงใยที่มึงมีให้น้องจริงๆอีบู แล้วเจ้าชายกูก็นะ เมื่อไหร่จะสำนึกว่าพี่มันทำอะไรให้บ้าง ไว้กูทนไม่ไหวระเบิดแตกเมื่อไหร่เจ้าชายก็เจ้าชายเถอะ กูจะอบรมด่าให้น้ำตาเล็ดเลยคอยดู” โจ๊กมันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันออกอาการตามที่พูด ผมถึงกับหัวเราะได้
“ฮะฮ่าๆๆ มึงไม่เข็ดที่โดนน้องกูถีบตกกะไดเมื่อสองปีก่อนเลยสิ” ที่ขำไม่ใช่อะไรหรอก ผมพาโจ๊กไปเที่ยวบ้าน มันดันกรี๊ดกร๊าดกระดี๊กระด๊าทำเนียนจะเข้าไปกอดบอลลูน เจ้าชายสุดปลื้มของมันเลยถวายบาทายันมันกระเด็นตกบันไดสะโพกเคล็ดไปหลายวัน ยังดีที่มันยืนตรงขั้นไม่สูง ไม่อย่างนั้นมีหวังไม่พิการก็คงเจ็บหนัก
ตั้งแต่นั้นผมกับน้องเลยมีกฎเหล็กเพิ่มมาอีกข้อ คือห้ามพาเพื่อนมาที่บ้านไม่ว่าจะเพื่อนใครก็ตาม ยกเว้นออกไปหาเพื่อนข้างนอก แต่อย่าพามาที่บ้านเป็นพอ ผมจึงไม่กล้าพาใครมาอีกเลย น้องก็ไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านเช่นกัน
ส่วนโจ๊กมันไม่ได้โกรธ หลังฟังผมเล่าประวัติฝังใจของบอลลูนที่มีอคติต่อตุ๊ด เพราะโดนพี่เพื่อนทำพฤติกรรมไม่ดีใส่ตอนน้องอยู่ป.6 โจ๊กมันเลยหันไปสาปแช่งด่าตุ๊ดคนที่ทำให้บอลลูนมีอคติกับเพศที่สามอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ทั้งที่มันไม่รู้จักเขาเลยสักนิด ด้วยเหตุผลน่าเขกกบาลว่า
“กูอยากตบอีตุ๊ดระยำ ที่ทำให้กูอดแดกของดีขั้นเทพตายคามือเลยจริงเชียว เพราะมันคนเดียวที่ไร้ศิลปะ พานทำให้คนอื่นเค้าเดือดร้อนกันไปหมด อีตุ๊ดไร้ฝีมือคิดจะเคลมผู้ชาย เสือกทำตัวไพร่เสียสถาบัน สมควรจับมากระทืบให้ดั้งหัก ยัดสากกะเบือให้รูกลวงจริงๆ โชคร้ายพลอยมาลงที่กู เจ้าชายไม่เหลียวแลตุ๊ดอีกเลย น่าโมโหชะมัด เจ็บตัวฟรีด้วย”
นั่นแหละเหตุผลที่มันโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ซึ่งผมทั้งขำทั้งตลก หรือจะโมโหมันดีที่คิดไม่ซื่อกับบอลลูน ผมรู้ว่ามันพูดเล่นเอาฮา ความจริงมันไม่คิดไกลขนาดนั้นหรอก ไม่งั้นคงมีข่าวเรื่องผู้ชายมาให้เวียนหัวแล้วล่ะ
ตั้งแต่รู้จักคบหาจนเป็นเพื่อนสนิท ผมก็เห็นมันเที่ยวแหย่ไปทั่ว พอถึงเวลาเอาเข้าจริงๆมันก็ไม่เล่นด้วย เคยถามเหมือนกันว่าเค้าเล่นด้วยแล้วทำไมมันไม่เอา มันดันตอบมาว่า
“กูไม่กล้า..ยังสับสนตัวเองอยู่ว่าจะรุกหรือรับดี จะให้กูรับมึงก็ดูตัวกูดิ ประเด็นหลักรังไข่กูนะมึง ชนะเลิศไอ้พวกนั่นแน่ๆ กลัวมันเห็นแล้วตกใจหัวหดกันหมด จะให้กูรุกก็ยังไม่มั่น ไว้พร้อมลุยเมื่อไหร่กูจะเล่าให้มึงฟังเป็นคนแรก” นั่นแหละที่มันให้เหตุผล ผมหัวเราะน้ำตาเล็ด ยังดีที่แบมกับกนกมันไม่ได้ฟังด้วย ไม่งั้นคงเป็นโจ๊กเอาไปล้อสมชื่อมันเลยล่ะ
ว่าไม่ได้ ผมเองก็ได้แต่มองเหมือนกัน มีไม่น้อยที่เข้ามาตีสนิทตั้งแต่รุ่นพี่ตอนผมอยู่ม.4 แต่เพราะเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ไม่อยากให้น้องมองว่าผมเป็นพวกตุ๊ดสำส่อนร่านไปทั่ว เลยทำให้ไม่กล้าคบใคร ได้แต่ปฏิเสธมาตลอด
รอจนกว่าบอลลูนโตและเข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น วันนั้นผมคงเปิดใจให้ใครโดยไม่ต้องกังวล อย่างน้อยแฟนกับน้องเข้าหน้ากันได้ ผมรับปากพ่อกับแม่ว่าจะดูแลไม่ทอดทิ้งน้อง หากมีแฟนแล้วทำตามสัญญาได้ไม่เต็มที่ ผมเลือกแฟนทีหลัง ทำหน้าที่พี่ให้สมบูรณ์ก่อนดีกว่า ผมเพิ่งอายุ 18 มีเวลาอีกเยอะที่จะหาแฟนตามรสนิยมของตัวเอง
ปัญหาสำคัญน้องต้องเปิดใจยอมรับในตัวผมเสียก่อน เราสองคนพี่น้องกลับมาสนิทรักใคร่กันเหมือนเดิม ผมถึงจะมีความสุขไม่คาใจพะวักพะวงอีกต่อไป
“คิดอะไรของมึงบูตัส..กูเรียกตั้งหลายครั้งไม่ตอบ” แบมดึงสติผมกลับเข้าร่าง หลังจมอยู่กับความคิดลำพัง
“มึงเรียกกูเหรอ” ทำเหรอหรา มองหน้าสวยๆของมัน
“ท่าจะอาการหนักเข้าขั้นแล้ว กูไม่อยากให้เพื่อนต้องพึ่งจิตแพทย์หรอกนะบู..อาจารย์จะปล่อยเบรกแล้วมึง” ฟังมันบ่นอย่างไม่จริงจัง ก่อนจะหันมองหน้าห้อง อาจารย์สั่งงานเตรียมเลิกคลาสสอน
ไปๆมาๆผมจมอยู่กับความคิดสองคาบรวด ตั้งแต่กลับเข้าห้องมาอย่างมึนๆอึนๆด้วยเรื่องหนักใจในหัว เหตุการณ์ต่างๆก็ไหล่เข้ามา มีทั้งทำให้ยิ้มได้ เศร้าบ้างหลากอารมณ์ เข้าข่ายได้พบจิตแพทย์แน่ ตราบใดที่ผมชอบจมกับความคิดตัวเองอยู่อย่างนี้..???
“กินอะไรดี..มึง” กนกถาม ก่อนจะหันไปเอาใจน้องเดียร์ ซึ่งมันพามากินข้าวด้วย
“แหม!! ไอ้หนกทำเหมือนขอไปที..คราวหลังมึงไม่ต้องเกรงใจพวกกูหรอก ดูแลแฟนมึงเหอะ..จิ๊” โจ๊กออกอาการอิจฉา ค่อนขอดกนกตามประสาคู่กัด วันไหนไม่ได้แง่งใส่กัน คงทานข้าวไม่อร่อย
“เอาน่าอีโจ๊ก..มึงไปยุ่งอะไรมัน นานทีน้องจะมากินข้าวด้วย ปากแบบนี้เดี๋ยวน้องมันไม่กล้ามาอีกหรอก เพื่อนมึงเองแหละที่ต้องตะลอนๆ หายหัวไปจากกลุ่ม” แบมปรามโจ๊ก ได้ใจกนกไปเต็มๆ ทอมสุดเท่ยิ้มยั่วตุ๊ดหน้าหล่อซึ่งหน้างอง้ำไปแล้วเรียบร้อย
“พี่แบมไม่ต้องว่าพี่โจ๊กหรอก เดียร์ไม่ได้คิดแบบนั้น ทีจริงเดียร์ก็อยากมาทานกับพวกพี่บ่อยๆ แต่กลัวเพื่อนพากันงอนใส่ ปีหน้าพวกพี่ก็เข้ามหา’ลัยแล้ว ไม่อยากถูกเอาคืนตอนหัวเดียวกระเทียมลีบ..อิอิ” น้องเดียร์ยิ้มน่ารักออกตัวแก้ต่างให้โจ๊กยกใหญ่ ส่วนกนกยักคิ้วส่งให้..อวดแฟนเห็นๆ
“รอกูมีแฟนก่อนเหอะ กูจะหวานแข่งมึงให้ดู” โจ๊กเลยค้อนใส่ควับ แล้วหันมาลงกับผมแทน
“ไปหาอะไรกินสิอีนี่..นั่งหน้ามึนเป็นนางเอกอยู่ได้” ผมไม่ถือหรอกรู้ว่ามีผมคนเดียวแหละที่เป็นลูกไล่ให้มัน คนอื่นมันข่มได้ที่ไหนไม่มีใครยอมลงให้มันหรอก จากนั้นมันก็ลากผมเดินลิ่วๆ ไม่รอฟังเสียงตะโกนตามหลังของแบมเลยด้วยซ้ำ
“สุกี้ทะเลแห้ง..กูด้วย” ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นๆของตุ๊ดหน้าสวยชัดทุกประโยค ออกเงินซื้อให้ก่อนเดี๋ยวแบมมันคืนให้ทีหลัง น้อยครั้งที่เพื่อนจะยอมให้เลี้ยง ยกเว้นโอกาสพิเศษเช่นวันเกิด ของผมเดือนหน้านี่แล้ว
“อีคุณนายสุกี้แห้ง กูขอแบบน้ำมั้งดีกว่า แล้วมึงล่ะ” โจ๊กถามหลังลากผมมายืนหน้าร้านสุกี้ มีน้องๆสองสามคนรอคิวอยู่ก่อน
“กูอยากกินผัดพริกถั่วใส่กุ้งสด มึงรอสุกี้ไปเถอะ” ผมบอกก่อนมันจะพยักหน้าให้ แล้วค่อยเดินแยกไปสั่งของตัวเอง จังหวะรอแม่ค้าเขาทำให้ มีคนทักขึ้นข้างหลัง
“พี่บูตัส..หวัดดีครับ” น้องเอกกับน้องหนุ่ย เพื่อนบอลลูน
“ดีครับ..สั่งร้านนี้เหมือนกันเหรอ” ผมทักกลับ
“ครับ!อยากสั่งกระเพราไก่ไข่ดาว ไอ้หนุ่ยยังนึกไม่ออก” น้องเอกเป็นคนพูด ก่อนบุยปากให้กับน้องหนุ่ยที่ยิ้มให้ผมตาหยี่
“พี่บูตัสละครับ สั่งอะไรกิน” น้องหนุ่ยถาม
“พี่สั่งถั่วผัดพริกแกงใส่กุ้ง”
“ป้าครับๆ..ที่ผัดอยู่เพิ่มเป็นสองทันไหม” แล้วน้องก็แหกปากบอกป้าคนขายไปทันที
“ทันจร้า!!..สองเลยนะ” ป้าแกตอบกลับมา
“แหมไอ้เหี้ย..ได้ทีแซงทางโค้งเลยนะมึง..สัดหนุ่ย” น้องเอกกระทุ้งศอกใส่ท้องเพื่อน ก่อนอีกฝ่ายจะหน้ายู่มือกุมท้องแกล้งเจ็บเกินจริง
“อูยยย!!เชี้ยเอก..เล่นซะจุกเลยมึง กูไม่อยากรอนานแซงห่าไรกัน” น้องเขาพูดกับน้องเอกแต่ตามองมาที่ผม คล้ายจะบอกผมไปด้วย
ไม่ค่อยเข้าใจเด็กพวกนี้เท่าไหร่ ตีซี้ประจำทั้งที่ผมไม่อยากสนิท ไม่อยากให้บอลลูนว่าเอาอีก เคยเผลอหยอกเล่นกับเพื่อนเค้าสมัยม.2 ตอนนี้ไม่อยู่แล้วย้ายตามครอบครัวไปเรียนที่อื่น ผมไม่ได้คิดอะไรสักหน่อยพอกลับถึงบ้านโดนใส่ใหญ่ กล่าวหาว่าไปอ่อยเด็กหวังฟัน เพื่อนไปบอกเขาแบบนั้น
ตั้งแต่นั้นไม่จำเป็นผมไม่คุยกับพวกน้องๆเลย ยกเว้นเลี่ยงไม่ได้ ส่วนใหญ่พวกน้องๆ เป็นฝ่ายเข้ามาชวนผมคุยมากกว่า
“ได้แล้วค่ะจานละ..35 บาท” ป้ายื่นจานข้าวมาให้
“พี่ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ ผมเลี้ยงเอง” น้องหนุ่ยชิงจ่ายให้ผมหน้าตาเฉย
“ไม่ดีกว่า เนื่องในโอกาสอะไรมาเลี้ยงพี่” ผมปฏิเสธ เตรียมยัดเงินคืนให้ แต่น้องกลับไม่ยอมรับ
“ในโอกาสที่พี่ทำให้ผมไม่ต้องคิดว่าจะกินอะไร ที่สำคัญได้เร็วด้วยไม่ต้องรอนาน ไอ้เอกสั่งก่อนยังได้ทีหลัง ฮะฮ่าๆๆ” น้องเขายืนกรานจะเลี้ยงผม ด้วยเหตุผลที่ฟังแล้วยังคงมึน
“ให้มันเลี้ยงเถอะครับพี่ เดี๋ยวคืนนี้มันจะนอนไม่หลับ” น้องเอกช่วยพูดอีก คงเห็นผมตั้งท่าเตรียมยัดเงินคืนเพื่อนไม่หยุด
“เอาเถอะ ไว้พี่เลี้ยงคืนคราวหน้าไปก่อนนะ” ไม่ยอมคงไม่จบ เลยบอกน้องเขาไปตามที่คิด ค่อยปลีกตัวตรงไปร้านน้ำ เห็นหลังของโจ๊กยืนอยู่ก่อนแล้ว บอลลูนดันยืนข้างๆ กำลังคุยกันอยู่
“อ้าวมาพอดี กูสั่งมะพร้าวกับมะนาวของอีแบม ส่วนของมึงน้องบอลสั่งส้มคั้นให้แล้ว” โจ๊กบอกทันทีที่เหลือบมาเห็นผม แปลกใจบอลลูนซื้อน้ำให้ผมด้วย
“ขอบใจนะ” ผมหันไปพูดกับน้อง
“อืม” ขานรับสั้นๆ ก่อนจะยกน้ำใส่ถาด 5 แก้ว คงซื้อให้เพื่อนด้วย หันหลังเดินออกไปเงียบๆ
วันนี้มีเรื่องแปลกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องพี่ตึ๋งให้ชกมวยการกุศล เรื่องไปแอบฟังน้องสายไหมคุยโทรศัพท์ สุดท้ายมีคนเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำซึ่งไม่ใช่เพื่อนผม ยิ่งน้ำส้มคั้นเป็นเรื่องประหลาดในรอบปีของผมเลยก็ว่าได้
จากนั้นผมกับโจ๊กก็กลับมาที่โต๊ะ เจอเรื่องแปลกอีกแล้ว โต๊ะยาวที่พวกผมนั่งจองก่อน มีสมาชิกเพิ่มอีกเท่าตัว แถมเป็นกลุ่มที่ไม่นึกว่าจะมานั่งรวมกับผมด้วยสิ
“ดีครับพี่บูตัส” น้องวิทย์ยิ้มทักผมด้วย น้องหนุ่ยกับเอกเราเจอกันที่ร้านข้าวมาแล้ว เลยยักหน้าให้เฉยๆ ส่วนบอลลูนเจอที่ร้านน้ำไม่ชายตาแลด้วยซ้ำ อีกคนน้องสายไหมยอมผละจากจานข้าวส่งยิ้มให้
ผมนั่งกับโจ๊ก เพื่อนในกลุ่มไม่มีใครพูดสักคำ ต่างคนต่างทาน ปกติกนกกับโจ๊กมีเรื่องเย้าแหย่กัดกันพอหอมปากหอมคอเป็นประจำ หรืออย่างน้อยแบมต้องชวนคุยอยู่บ้าง ผิดกับบรรยากาศตอนนี้ เพื่อนแต่ละคนดูสนอกสนใจกับอาหารของตัวเองอย่างกับว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้
“พี่บูตัสครับ..ผัดพริกถั่วของพี่อร่อยจริงๆ ผมเพิ่งเคยกินครั้งแรก” น้องหนุ่ยทำลายบรรยากาศอึมครึม เจาะจงพูดกับผมด้วยสิ ได้แต่ยักหน้าให้ไปยิ้มๆ ไม่รู้ต้องตอบน้องมันว่ายังไง ผมยังไม่ได้กินสักคำ
“ไหน..แบ่งกูชิมบ้างสิ อร่อยจริงหรือมึงแกล้งชม” น้องเอกแย่งตักกับในจานข้าวเพื่อน โดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต
“ซู๊ดดด..อูยยย..แม่ง..แซ่บเว่อร์สัด” ออกอาการซู๊ดปาก ปั้นหน้ายิ่งกว่านักชิมชื่อดังเสียอีก เพื่อนผมพากันหลุดยิ้มกับท่าทางทะเล้นของน้องที่สร้างสีสัน ช่วยให้บรรยากาศเบาโล่งขึ้นทันตา
“อิอิ..ท่าแซ่บน้องเอก ทำให้พี่คิดไปไกลเลยนะ” โจ๊กเริ่มมีบท
“อะไรพี่โจ๊ก..คิดอะไรกับผมหรือเปล่า” น้องเอกก็เล่นด้วย แต่ละคนยิ้มขำกันระนาว ไม่มีใครปั้นหน้าเครียดเพราะรู้ว่าต่างหยอกกันเล่นๆ
“แล้วถ้าพี่คิด น้องเอกว่ายังไงจ๊ะ” เพื่อนผมมีจ๊ะมีจ๋าแล้ว โจ๊กก็เป็นของมันอย่างเนี่ยะ เอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้า
“ไม่ว่ายังไงหรอกครับ อนุญาตให้คิดต่อ พี่คงได้แค่คิด ฮะฮ่าๆๆ” คำตอบของน้องเขาพาเอาขำกลิ้งไปตามๆกัน โดยเฉพาะกนกกุมท้องสะใจจนน้ำตาเล็ด
ไม่เว้นแม้แต่น้องผู้หญิงในโต๊ะ สายไหมกับน้องเดียร์ก็ปิดปากหัวเราะไปด้วย สงสารก็แต่โจ๊กที่จ้องกนกคู่กัดอย่างกับจะบอกว่าฝากไว้ก่อนเถอะ ทีใครทีมัน..??
แทนที่มันควรมีอาการใส่น้องเอกซึ่งเป็นคนพูด กลับออกอาการใส่กนกสุดเท่ของเราแทน คงเห็นท่าทางของกนกที่ขำมันอย่างไม่ไว้หน้า เกิดหมั่นไส้ขึ้นมามากกว่า
“ไอ้เอกมันให้พี่โจ๊กได้แค่คิด ไม่ลองถามผมดูบ้างหรือพี่” น้องวิทย์พูดขึ้นบ้าง หลังพักหัวเราะลงได้แล้ว
“เสียใจ..พี่จะไม่ยอมโดนลอกซ้ำสองเด็ดขาด” โจ๊กสะบัดค้อนพร้อมกับพูดชัดถ้อยชัดคำใส่น้องวิทย์ ประกาศจะไม่ยอมหลวมตัวเล่นตามเกมส์ของน้องมันอีก
“พี่เข้าใจไปถึงไหนหืม ที่ผมถามไม่ได้หมายถึงพี่ ผมแค่อยากบอก ถ้าเป็นผมยินดีให้พี่บูตัสทั้งคิดทั้งปฏิบัติเลยครับ” งานงอก..จู่ๆดึงผมเข้าไปเอี่ยวดื้อๆเสียอย่างนั้น
“เห้ยยย!!..ถามกูยังว่าอนุญาตหรือเปล่า..สัด” น้องหนุ่ยชิงพูดก่อนที่ใครจะทันเอ่ยอะไรเสียอีก
“มึงเป็นอะไรกับกู ทำไมต้องขออนุญาตมึงด้วย” น้องวิทย์ก็ตอบเพื่อนกวนๆ ดูก็รู้ว่าหยอกกันตามปกติ
“กูเพื่อนมึง แต่พี่บูตัส..เป็นของกู” พวกน้องก็เล่นสงครามน้ำลายกันสนุกปาก มีทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ยกเว้นบอลลูนที่ไม่พูดเลย
ปกติเวลาน้องอยู่ในกลุ่มอย่างน้อยต้องหยอกเพื่อน แต่คราวนี้นั่งทานนิ่งๆ ถึงหน้าไม่บึ้งแต่ก็ไม่ร่าเริงเท่าที่ควร หรือไม่เต็มใจที่ร่วมโต๊ะกับผม แต่ผมจำได้ว่ามาก่อน เข้าใจว่าโต๊ะในโรงอาหารเต็มเอี๊ยด แต่ยังเชื่อว่าการตัดสินใจนั่งรวมกับกลุ่มผม คงไม่ใช่ของบอลลูนแน่นอน
“อย่ามัวแต่กัดกันเพราะแย่งบูตัสเลยน้องๆ..ถามตัวเองก่อนเถอะทนมือทนเท้ามันไหวหรือเปล่า ได้ไประวังจะโดนเลี้ยงด้วยลำแข้งนะจ๊ะ” แบมเป็นคนห้ามศึกด้วยประโยคขำๆ ซึ่งกนกพยักหน้าตามงึกงัก ส่วนโจ๊กหัวเราะสะใจที่แบมเอาคืนน้องเอกให้ ฝ่ายน้องๆ พอได้ยินพี่แบมสุดสวยเตือนแบบนั้น แทนที่จะสลด กับยิ้มร่าทะเล้นใส่เสียนี่
“ผมไม่เชื่อพี่แบมหรอก เลี้ยงด้วยลำแข้งอะไร ดูไอ้เจ้าชายกลุ่มผมเป็นตัวอย่าง หล่อหลากไส้ไร้เทียมทานขนาดนี้ ไม่เพราะพี่บูตัสดูแลมันดี คงไม่สมชายจรดปลายเท้าหรอกพี่” น้องเอกเป็นคนแย้ง บอลลูนถึงกับหน้าแดงขึ้นเห็นๆ แต่ก็ไม่เอ่ยปากพูดอะไร ผมได้แต่อมยิ้มฟังเงียบๆ
อย่างหนึ่งที่ผมคิด กลุ่มเพื่อนของน้องไม่มีใครรังเกียจตุ๊ด อาจเป็นเพราะไม่เคยเจอประสบการณ์เลวร้ายแบบบอลลูนมาก่อน
“ย้อนแบบนี้พี่จนปัญญา หลักฐานทนโท่ตัวเป็นๆเสียด้วยสิฮ่าๆๆ” แบมส่ายหน้าเหมือนจนปัญญาจริงๆ ก่อนจะหัวเราะปลายตาเรียวสวยบุยปากใส่บอลลูนที่นั่งหน้าแดงก่ำ
“เขินหรือว่ะเพื่อน” น้องวิทย์เอื้อมมือไปผลักไหล่คนที่ถูกพาดพิง
“เขินเหี้ยมึงดิ” เป็นประโยคแรกที่เอ่ยขึ้นในโต๊ะ
“คิกคิก..หน้าแดงใหญ่แล้ว” น้องสายไหมหัวเราะคิกคักสนับสนุนน้องวิทย์หันมารุมบอลลูนแทน
“ไหมก็ไปเชื่อมัน..อิ่มหรือยังพวกมึง” บอลลูนตัดบท ผมอมยิ้มกับท่าทางที่น้อยครั้งจะเห็นน้องไปไม่เป็น ก่อนจะถลึงตาใส่ผมดื้อๆ งงเต็ก..?
มื้อเที่ยงจบลงด้วยต่างฝ่ายต่างแยกย้าย แม้จะอุ่นใจอยู่ลึกๆ วันนี้ผมเจอเรื่องแปลกที่ไม่เคยเกิด หรือไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ก็หน่วงอกตามเมื่อเห็นท่าทางเดินคลอเคลียชิดใกล้ของบอลลูนกับสายไหม
คงดีกว่านี้หากสายไหมยังโสด ผมคงไม่ต้องกังวล ถึงบอลลูนจะบอกว่ายังไม่ได้คบแค่ดูๆกันอยู่ แต่การเดินตีคู่อวดสายตาใครต่อใครแบบนี้ ภาพมันไปไกลกว่าที่พูด ปานนี้ทั้งโรงเรียนต้องเข้าใจว่าน้องผมกับสายไหมคบกันเป็นแฟนแล้วเรียบร้อย
ผมควรลองเสี่ยงคุยเรื่องนี้กับน้องดูดีไหม ไม่อย่างนั้นเสาร์นี้บอลลูนคงไปรับน้องสายไหมตามนัด กังวลจะเกิดเรื่องจนได้ หากแฟนของน้องสายไหมไปซุ่มดูขึ้นมา..????
มาต่อแล้ว ยาวจุใจหรือยังค่ะคนอ่านที่น่ารัก
เรื่องนี้รับรองมีคู่หลัก คู่รอง ผลิกโผล อึ้งกันพอสมควร
ติดตามกันไปเรื่อยๆนะคะ
ฝากรวมเล่มลูกแก้วมังกรด้วยค่ะ จะจบแล้วอ่ะ
สนใจติดต่อที่เมลล์ส่วนตัวสอบถามรายละเอียดได้ที่
luxilove_19690 แอท hotmail ดอท comLuk.
ปล.บวก 1 บวก เป็ด ย้อนหลังนักโพสนักเม้นท์ตอนที่ผ่านมาค่ะ