= 2 =“อ่ะ!..เฮ้ย!” เสียงผม เสียงคนในห้อง โจ๊กผลักอเลกซ์กระเด็นเลย เรียกว่ากระเด็นจริงๆ
คนตัวเล็กลงไปกองที่พื้นในสภาพผ้าขนหนูพันเอวผืนเดียว ไม่ต่างกับโจ๊ก
พนักงานเทอเราปิสไม่มีในห้องสักคน
“หึหึ!..นี่สินะคำตอบสำหรับกู” กนกมันพูดแค่นั้นก่อนหันหลังเดินไปเลยครับ
โจ๊กมันพุ่งพรวดตามไปติดๆ เห็นฉุดกระชากกันตรงทางเดิน ก่อนหมัดหลุนๆของกนก
ซัดเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกหน้าหล่อเข้ม จนมันต้องปล่อยมือมากุมดั้งไว้
ได้เลือดตามมาติดๆ ทอมแสบก้าวไม่เหลียวหลัง
ผมตรงเข้าไปหาอเลกซ์ที่ลุกยืนจ้องตาผม สายตาที่มองมาเหมือนเยาะหยัน
แล้วประโยคจากปากคนตรงหน้าก็หลุดออกมา
“เห็นพอดีสินะ ฝากบอกเพื่อนนายด้วยล่ะ คนนี้เราขอ” อึ้งไปครู่ แรงจริงอีห่านี่
“พลั๊ก!..โอ้ย!” หมัดผมกระแทกเต็มๆ
จุดเดียวที่โจ๊กโดนกนกต่อย ได้เลือดกลบทันตาเช่นกัน
“เราขอ..แทนเพื่อนนะ” พูดจบผมหันหลังก้าวยาวๆ ออกไปทันที
ไม่เห็นโจ๊กแล้วคงตามกนกไป เหตุการณ์ในห้องไม่รู้เป็นมายังไง
หลังเปิดประตูเข้าไป อเลกซ์กำลังนัวจูบโจ๊กมัน ภาพนั้นถึงโจ๊กพยายามบิดหน้าหนี
จับข้อมือของอเลกซ์รั้งไว้แน่น แต่มันก็นะ..เกินทน
“เหี้ยสุดๆ..เห็นทีงานนี้ต้องจัด” สวยตัวแม่พูด หลังผมเรียกระดมพลที่ห้องพี่ต้น
เล่าเรื่องทั้งหมดให้ทุกคนฟัง แต่ละคนส่ายหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมแย่ๆของอเลกซ์
“ติดต่อพวกมันได้ยัง” แบมหันไปถามเถื่อนเขม หลังมันพยายามกดโทรศัพท์ยิกๆ
ทั้งเบอร์กนกเบอร์โจ๊กไม่มีใครยอมรับสาย ไปเคาะเรียกที่ห้องก็เงียบ หายไปไหนไม่รู้สิ
“เอาไง..รอมันหรือออกตาม” ผมถาม นี่ใกล้ทุ่มแล้วด้วย
ไม่นานพนักงานมาตั้งชุดดินเนอร์คู่รักใต้แสงเทียน
แต่คู่รักวิปโยคห้องติดผม ดันทอร์นาโดเข้าอย่างแรง
“ชะลัลลาๆๆRrrr!!!” โทรศัพท์ผมดัง ทุกคนเงียบกริบรอฟัง
“พี่วิชญ์” แต่ละคนถอนหายใจ หลังไม่ใช่เบอร์หนึ่งในสองคนที่เรากำลังเป็นกังวล
“ครับพี่”
[บูตัส..ก่อเรื่องอะไรไว้ครับ อเลกซ์กำเดาทะลักจมูกบวม
การ์ดเขาไม่ยอมจะเอาเรื่องเราให้ได้] พี่วิชญ์ดูร้อนใจไม่น้อย
“อะไรพี่..ผม” เหมือนแบมเดาออก ยอมเสียมารยาทดึงโทรศัพท์ผมไปคุยเฉย
แถมถลึงตาใส่ให้ผมอยู่นิ่งๆ ได้แต่นั่งมองมันเงียบๆ พร้อมกับสปีคโฟนถูกเปิดให้ได้ยินกันทั่ว
[ว่ายังไง เราทำหรือเปล่าเจ้าทุกข์เขามารอที่ห้องพี่ ยังไงมาชี้แจงได้ไหม
ตอนนี้พี่ไม่อยากให้เกิดเรื่องในกองถ่าย ฝ่ายนี้เขามีการ์ดมาด้วย มีเรื่องมันไม่คุ้มเลยนะ] พวกผมนั่งฟังเงียบๆ
“หวัดดีครับพี่วิชญ์ นี่ผมแบมนะ..เพื่อนบูตัสพี่จำได้ไหม” แบมมันชิงพูดเสียเอง
[อ้อ!..น้องแบมเหรอ ขอโทษนะเผอิญพี่ยุ่งๆยังไม่ได้เจอกัน
พอรู้ใช่ไหมว่าเพื่อนเราก่อเรื่องอะไรไว้] พี่วิชญ์คุยกับแบมแทน
“ก่อเรื่องอะไรครับ บูตัสอยู่กับพวกผมไม่ได้ไปไหนเลย
ตั้งแต่ส่งพวกอินเตอร์เข้าห้องนวดที่สปา เรากลับมาพักผ่อนบนห้อง
ตอนนี้อยู่กันที่นี่หมด รอดินเนอร์สวีทรูมมื้อค่ำ เรื่องอะไรครับที่พี่บอกบูตัสไปก่อเรื่องไว้”
แต่ละคนกลั้นขำใหญ่ หลังแบมมันแลบลิ้นย่นค่อน่ารักๆ เอานิ้วไขว่กันอีก
โกหกหน้ามึนได้สุดโต่ง ผมไม่สามารถแน่ๆ
“เหรอ..อเลกซ์เข้ามาห้องพี่พร้อมการ์ด ฟ้องว่า..บลาๆๆ”
พี่วิชญ์เล่าให้ฟังเหมือนที่ผมเล่าให้พวกแบมนั่นแหละ
บอกผมชกหน้าเพียงแต่ประเด็นปัญหาอเลกซ์มันไม่เล่า
แค่บอกจู่ๆผมเปิดประตู แล้วถามถึงโจ๊ก พอไม่เห็นกล่าวหาอเลกซ์โกหก
อเลกซ์สบถว่าผมงี่เง่าสติวปิด ผมเลยชกหน้าเขา นี่คือสิ่งที่ฝ่ายคู่กรณีตอแหล
สวยตัวแม่ไหวไหล่ให้พวกผมรู้ ประมาณเห็นยังมันร้ายใช่เล่น
สิ่งที่แบมกำลังทำ จึงเหมาะกับคนประเภทนี้ ตามสโลแกนสวยตัวแม่เค้าเลย
“คงมีการเข้าใจผิดแล้วพี่วิชญ์ บูตัสไม่ใช่คนใจร้อนวู่วาม
ที่สำคัญพี่เองก็รู้จักมันนี่นา เหตุผลแค่นี้มันจะลงมือทำร้ายเพื่อนร่วมงานเชียวเหรอ
นี่ผมไม่ได้ออกตัวแทนเพื่อนนะ ความจริงบูตัสอยู่กับพวกผมตลอดครับ
เว้นเสียแต่คนที่กำลังฟ้องพี่มีจุดประสงค์แอบแฝง ช่วงนี้พวกผมรอดินเนอร์
คงไม่สามารถไปเคลียร์เรื่องสติวปิดนี่ครับ รบกวนฝากบอกอเลกซ์อะไรนั้น พรุ่งนี้ค่อยเจอกัน”
แบมตัดบท ทำให้พี่วิชญ์ไม่มีปัญญารบเร้าอีก ยอมวางสายไปง่ายๆ
“เอาล่ะ..ได้ยินกันแล้วนะ ที่เหลือแค่ตามสองคนนั้นมา แล้วพูดให้ตรงกันก็จบ
พยานรู้เห็นไม่มีสักคน หรือถ้ามีเราก็โบ้ยมันสร้างสถานการณ์ คนร้ายๆแบบนี้ ปล่อยเป็นหน้าที่กูเอง”
จบข่าวงานนี้อเลกซ์ กิลสัน คงต้องขึ้นบัญชีดำสวยประหารตัวแม่ไว้
‘บุคคลอันตรายไทยแลนด์’ แบมมันคงทำให้นายนั่นจดจำไปชั่วชีวิตแน่
“เฮ้ย! โจ๊กโทรมาแล้ว” ไอ้เขมรีบบอก หลังโทรศัพท์มันดัง
“เปิดโฟนสิ” แบมสั่ง มันเปิดโฟนแล้วกดรับ
“ห่าโจ๊ก! พวกกูเป็นห่วง อยู่ไหนมึง” เขมรับหน้าที่คุย
[เออ..กูแม่งวุ่นวายฉิบหาย ตอนนี้อยู่ห้องแล้ว โทษทีไม่ได้รับสายฉุกเฉินอยู่วะ แล้วคนอื่นล่ะ]
“พวกกูอยู่ครบ..เป็นไงเหตุการณ์สู่ภาวะปกติ” แบมมันแทรก
[อืม..กูต้องอุ้มเลยมึง ห่าแม่งดื้อฉิบหายตายชัก ปวดหัวชะมัดมึง] มันบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลย
“พูดแบบนี้ระวังมันเหวี่ยงนะ อยู่ข้างๆเปล่า” ผมถามบ้าง
[อาบน้ำอยู่ กูเพิ่งมีจังหวะโทรบอกนี่แหละ]
“แล้วมึงล่ะ หนักไหมเห็นเลือดมึงออก”
[นิดหน่อยไม่ไรมาก หมัดหนักชะมัดเพื่อนมึงนิ]
“ไปตามมันยังไง นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียวไม่ใช่” แบมมันถามบ้าง
[ไปแม่งอย่างนั้นแหละ วิ่งลงหาดโน้นอีห่า กูเป็นจุดสนใจเลยแม่ง ชั่วโมงนั่นขู่มันสิวะ
ไม่ยอมคุยดีๆ กูปล้ำกลางหาดโชว์แม่งเลยสาด!! ต่อยกูแล้ววิ่งหนี ฟังกูสักคำไม่มีหรอก]
พวกเรากลั้นขำกันใหญ่ พูดแบบนี้โจ๊กมันคงไม่เจตนาทำผิดหรอก ไว้ค่อยให้มันเล่าให้ฟังทีหลัง
“เออปรับความเข้าใจซะ ใช้มื้อค่ำแสนพิเศษให้เป็นประโยชน์ คงไม่โง่นะมึง..โจ๊ก” แบมมันปิดท้าย
[อืม..พรุ่งนี้เจอกัน วันนี้งดโปรแกรมก่อนวะ วุ่นวายชะมัดเลยกู] เป็นอันพวกเราเข้าใจ
โปรแกรมท่องราตรีพับเก็บ ยังเหลืออีกหลายวัน
คืนนี้สรุปต่างกลับไปอยู่กับคนรักใต้แสงเทียนดินเนอร์แสนหวาน
ส่วนใครหวานไม่หวานแล้วแต่จัดกันเอง
“ว้าว!..โรแมนฯชะมัด” เข้าห้องมา อาหารตรงระเบียงตั้งรอแล้ว ผมตื่นเต้นมาก
บอลลูนจูงผมไปนั่ง ก่อนน้องทำหน้าที่จุดเทียนบนโต๊ะซึ่งครอบด้วยโคมแก้วกันลม
ดับไฟปุ๊บแสงเทียนนวลตาทันที บรรยากาศนุ่มละมุนอ่อนหวานเลยเชียว
“ชอบไหม” น้องถาม..จ้องผมตาวาววาบ
เห็นประกายตาคมสวยของน้องแล้วใจเต้น เขินอ่ะ..อร๊ายยย!!!
“อืม...มีบางอย่างอยากถาม” ไม่รอช้า คอยเวลานี้มาทั้งวัน
“อะไรครับ” น้องจ้องรอฟังอย่างสนใจ
“ที่ขอลูก บอลจะไปทำลูกกับ...” เว้นไว้ เบือนหน้ามองยังชายหาดได้ยินแต่เสียงคลื่นทะเล
แสงไฟวิบวับไกลๆจากเรือประมงหาปลา ลมทะเลตีหน้ารู้สึกเย็นสบาย
“ฮะฮ่าๆ..คิดมาตลอดสิท่า ขอลูกจริงครับ บูไม่อยากมีทายาทไว้สืบสกุลพวกเราเหรอ”
น้องหัวเราะร่า ถามความคิดเห็นผมเฉย
“ถ้าบอกไม่คิด เหมือนเห็นแก่ตัวสินะ ถ้าบอลต้องการจริงบูคงทำอะไรไม่ได้
นอกจากทำใจ ไม่มั่นใจทำได้แค่ไหน” ชักเริ่มน้ำเสียงเศร้าแล้ว
บรรยากาศโรแมนติกก่อนหน้าพลันสลายกลายเป็นหงอยเหงาในพริบตา
ให้ตายเหอะทุกอย่างแปรผันตามอารมณ์ความรู้สึกเราล้วนๆ ทั้งที่สถานที่เดิม
ทุกอย่างคงเดิม ทำไมความมีชีวิตชีวาหายไปเฉียบพลัน
“เฮ้อ!..ขอโทษที่ทำให้คิดมาก พูดไม่เคลียร์แต่แรก บอลอยากมีลูกของเรา
ไม่จำเป็นที่ต้องไปมีใครนี่ครับ รู้เรื่องอุ้มบุญหรือใช้วิทยาศาสตร์ในการมีลูกไหม
รอเรียนจบบอลคงต้องให้บูคิดเรื่องนี้จริงจัง เราอยู่กันสองคนจนแก่เฒ่า
โดยไม่คิดมีทายาทของเราเหรอครับ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่บอลหรอกนะที่คิดเผื่อ
ไอ้หนุ่ยมันก็พูดเหมือนกัน ถ้ามันกับพี่เขมต้องอยู่แบบนี้ไม่เปลี่ยน คงต้องใช้วิธีเดียวกับบอล”
เย้ย! ที่แท้เป็นแบบนี้เหรอ เล่นเอาผมแอบคิดไปไกล พอน้องชี้แจงถึงกับหลุดยิ้มกว้างทีเดียว
ใครจะไม่อยากมีเล่า..ลูกของเรา พ่อหน้าลูกครึ่งหล่อลากไส้อย่างบอลลูน
ลูกคงน่ารักน่าชังเหมือนน้องตอนเด็ก ผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเชียวแหละ
“เอาดิ..ไว้เราเรียนจบเป็นผู้ใหญ่มีเลยนะ ทำวิธีไหนก็เอายกเว้นห้ามไปมีจริงๆกับผู้หญิง” ได้ทีสำทับใหญ่เลยกู
“หึหึ!คร้าบ!!..ไม่ทำให้บูเสียใจหรอกน่า บอลสัญญาแล้วนี่ ตกลงเรามีสักสองคนเนอะ
ของบูคนของบอลคน..ลูกเราสองคน” โอ้!เคลิ้มฝันหวานไปแล้วตอนนี้
หลังฟังแผนการอนาคตที่น้องวางไว้ มื้อดินเนอร์สวีท ผมสุขใจมากๆ
มันมีความหมายมากกว่าเราสองคน เรามีอนาคตร่วมกัน
เรากำลังจะสร้างครอบครัวของเรา สี่คนพ่อแม่ลูกเหมือนในอดีตที่พ่อกับแม่ยังอยู่กับพวกเรา
บอลลูนเป็นพ่อ ลูกเราอีกสองคน..อิอิ..คนเป็นแม่จะเป็นใครหว่า?..
ยอมก็ได้บูตัสเป็นแม่..อร๊าย!!..เขินชะมัดได้เป็นแม่คน
เอร้ย!!..ขอบิดมือกัดปากก่อน เขินจนแทบหล่นเก้าอี้แล้วตอนนี้
ยิ่งน้องชวนชนแก้วน้ำส้มยิ่งเขิลลลลล!!!!หนักเข้าไปใหญ่..อร้าก!!..
โทษฐานค่ำนี้บอลลูนทำตัวน่ารักเป็นพิเศษ หลังอาหาร..บูตัสขอจัดเองเลยดีกว่า...
เริ่มจากเลื้อย..อรึ้ย!!..แล้วไงต่อนะ..เลีย..อร้ายยย!!..
ค่อยๆกลืนกิน...โฮกกกก!!..แล้วๆ ดูดชิม...จากนั้นก็...อร๊ายยย!!!....
ช่วงนี้นังนู๋บูของเรา น้องมันเวิ่นเว้อไปเลยค๊า
ตามนิสัยโก๊ะๆของคุณน้องบูเค้านั่นแหละ
ขอบคุณกำลังใจกันนะคะ จุ๊บๆๆ!!
พรุ่งนี้มาลงตอนใหม่ พยายามอยากอัพให้เต็มตอน
แต่มันทำเวลาไม่ได้อ่ะ คำผิดยังหลุดกระจายเลย
ฮืออออๆๆๆ...ดีนะที่ได้พี่ VAN ที่น่ารักช่วยอิคนเขียน
Luk.