“อย่าเกียจคร้านการเรียนเร่งอุตส่าห์ มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
จะตกถิ่นฐานใดคงไม่แคลน ถึงคับแค้นก็ยังพอประทังตน
อันความรู้รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล
ถึงลำบากตรากตรำก็จำทน เกิดเป็นคนควรหมั่นขยันเอย..”
พิทนั่งริมหน้าต่าง เขาเหม่อลอยไปไกล ทำนองสรภัญญะ ที่เขาเคยแว่วได้ยินเมื่อวันก่อนดังขึ้นมาจากที่นี่ ณ วันนี้ เขามาไกลจากบ้าน ไม่สิ มาไกลจากปัจจุบันที่เขาเคยอยู่มาก พิทมองไปเรื่อยๆ
“เอ่ะ” และแล้วเขาก็มาสะดุดตากับด้ายขาวที่ผูกข้อมือเขาไว้อยู่
“หรือว่า” พิทนึกถึงคำที่หลวงพ่อบอกว่าหากเขาต้องการจะกลับไปยังปัจจุบันให้เขาดึงด้ายเส้นนี้
“เฮ้อ” พิทถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขายังมีหวังที่จะได้กลับไปยังที่ที่เขาจากมา
.
.
.
.
.
“นักเรียนชั้น ม.ปลายทุกคนให้ไปเข้าแถวที่สนามหญ้าด่วน” เสียงประกาศจากเสียงตามสายดังขึ้น ทุกคนส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความสงสัย
“อ้าว นี่เงียบๆหน่อย เขาให้ลงก็ลงไป”
“ครูครับ ทหารมาทำไมกันมากมายครับครู” เด็กหนุ่มคนหนึ่งมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันมาถามครู
พิทหันไปหาครู รอฟังคำตอบ
“เห็นท่าจะหนีไม่พ้นสงครามเสียแล้วกระมัง”
...
“นี่ ทิว เอ้ย โสภณ นี่มันอะไรกันเหรอ” พิทเดินเบียดกลุ่มเด็กชายไปหาโสภณ
“ไม่รู้เว้ย”
“นี่ยังโกรธเราอยู่อีกเหรอ เราขอโทษ หมู่นี้เราเอ่อ เลอะเลือนไปหน่อย”
“เราเคยเป็นเพื่อนรักกัน” โสภณยืนยำคำเดิม
“ใช่ ตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อนรักกัน เราเอ่อ เรารักนายมากนะ” พิทพูด “เป็นห่วงนายมากด้วยนะทิว” ก่อนจะเบาเสียงลงในประโยคสุดท้าย
โสภณหยุดนิ่ง
“งั้นมึงเป็นอะไรต้องบอกกูให้หมด”
“ได้ๆ เราบอก แต่ตอนนี้บอกเราก่อนได้มั๊ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ทหาร ทหารจากพระนคร จะมารับสมัคร ยุวชนทหาร”
“ยุวชนทหาร??”
“ใช่”
“แล้วใครจะไปเป็นทหาร”
“อ้าว จะใครหล่ะ ก็นักเรียนที่นี่ไง”
“หา!!” พิทร้อง “นักเรียนที่นี่น่ะเหรอ เรา เอ่อ ชั้นหมายถึงพวกนายยังเป็นนักเรียนอยู่เลยนะเว้ย”
“แล้วยังไงหล่ะ ตอนนี้ประเทศชาติกำลังเดือดร้อน กูอยากจะช่วยประเทศ แต่ว่านะ กูไม่เชื่อหรอกว่าพวกญี่ปุ่นจะรบกับเรา”
“ก็ตามใจ เดี๋ยวก็รู้” พิททิ้งท้าย ถึงเขาจะไม่ค่อยได้อ่านประวัติยุวชนทหาร แต่ก็เคยได้ดูคู่กรรมมาบ้าง
นักเรียนม.ปลายกว่าร้อยชีวิตต่างยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบ รอต้อนรับการมาของทหารผู้ที่จะมาคัดเลือกพวกเขา พิท
นั้นหมายมั่นในใจไว้แล้วว่าเป็นตายร้ายดียังไงจะไม่ขอสมัครรับใช้ชาติแน่นอน
“ขอทดแทนบุญคุณเป็นอย่างอื่นแล้วกันนะครับ ประเทศไทย” พิทเปรย
“ทั้งหมดแถวตรง” เสียงสั่งให้นักเรียนยืนตรงดังขึ้นมาจากด้านหน้า พิทชะโงกหน้าไปดู
“พี่บรรณ” และเขาต้องตกตะลึงเมื่อเห็นบรรณคนคุ้นเคยแต่อยู่ในชุดทหารที่ทรงเกียรติ
“ทุกคนคงพอจะรู้แล้วว่า การมาของเราในวันนี้มีจุดประสงค์เพื่อสิ่งใด สงครามที่พวกเราคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเรา เป็นเรื่องของทหารนั้น บัดนี้ ได้เข้าใกล้ประตูบ้านของทุกคนมากกว่าที่คิด สงครามมิใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จงจำไว้”
น้ำเสียงที่ดุดัน ปลุกเร้าให้นักเรียนสนใจ ชายที่หน้าตาเหมือนบรรณพูดเสร็จก็ถอยลงมาจากแท่นเสาธงก่อนจะโค้งคำนับให้ชายอีกคนที่ดูภูมิฐานและมีอำนาจขึ้นมา
“ประเทศไทยรักสงบ และมีเอกราชมาช้านาน แต่อย่างที่หลายคนทราบ สงครามมหาเอเชียบูรพาที่เกิดขึ้นนี้ได้รุกรานประเทศไทย และเพื่อเตรียมความพร้อม กรมยุวชนทหารได้มอบหมายให้ผม ร้อยเอกถวิล นิยมเสน ผู้บังคับบัญชาหน่วยฝึกที่ ๕๒ มาดำเนินการคัดเลือกเยาวชนเพื่อเป็นกำลังสำคัญของชาติ ทั้งยามสงครามและยามสงบ ในการคัดเลือกครั้งนี้ ผมจะรับสมัครเฉพาะเยาวชนที่สมัครใจเท่านั้น จะไม่มีการบังคับฝืนใจผู้ใดทั้งสิ้น การฝึกจะเป็นไปอย่างเข้มข้นและทรหด เพื่อฝึกให้ทุกท่านเป็นกำลังของชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมการณ์รักชาติยิ่งชีพ”
นายทหารท่านนั้นเว้นวรรค น้ำเสียงที่ดุดันนั้นสร้างความหึกเหิมในใจให้แก่พิท แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่สมัครเด็ดขาด เขามาแค่ตามตัวทิว และหาสาเหตุที่นางนาคตนนั้นอาฆาตเขาเท่านั้น ไม่ได้จะมารบกับใคร
“ผู้ใดสมัครใจยกมือขึ้น”
นักเรียนชายต่างพากันมองหน้ากันและกัน แต่คนที่ยกมือขึ้นคนแรกกลับเป็น...
“ผมครับ” โสภณนั่นเองที่ยกมือเป็นคนแรกอย่างภาคภูมิ เขายืดอกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะมองเพื่อนคนอื่นที่ทยอยยกมือตามทีละคน
“ประภาค” โสภณเรียกพิท ก่อนจะส่งสายตาสงสัยในทีว่าทำไมเขาถึงไม่ยก
“ประภาค”
สุดท้ายไม่รู้อะไรมาดลใจ พิททะเล่อทะล่ายกมือขึ้นอย่างลืมตัว
“เอาหล่ะ ดีมาก เยาวชนที่สมัครใจทุกคนให้มาพบผมที่สนามเพื่อคัดเลือกอีกที ส่วนนักเรียนคนอื่น กลับไปชั้นเรียนได้”
ทุกคนต่างแยกย้าย พิทตามโสภณมาหลบใต้ร่มต้นสนเพื่อรอการเลือกตัว
“มึงเป็นอะไรของมึงวะ ประภาค ทำท่าเหมือนไม่อยากเป็นทหารยังงั้นหล่ะ”
“ก็เอ่อ ก็กู ไม่อยากเป็นนี่นา” เขานึกถึงปืนผาหน้าไม้ขึ้นมาแล้วขนลุก
“ถามจริงๆเถอะ มึงยังเป็นประภาคคนเดิมที่กูเคยรู้จักใช่ไหมวะ ทำไมกูรู้สึกว่ามึงไม่ใช่”
พิทนิ่ง เขากำลังใคร่ครวญเรื่องราวที่จะเล่า
“เราไม่รู้หรอกนะ” พิทขยับตัวหลังพิงต้นสน “ว่าที่ผ่านมาประภาคคนที่นายรู้จักจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้ประภาคคนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยเหตุผลกลใดอย่ารู้เลย รู้เพียงแต่ว่า นายยังเป็นเพื่อนรักเราเหมือนเดิม”
พิทพูดเขาหลับตาพริ้มนึกถึงใบหน้าของทิวที่เลือนรางอย่างเลื่อนลอย