ปล. คนเขียนตายคาบอล คู่ เชลซีไปแล้ว

“ได้ข่าวว่าสาวแอร์ตามมาวีนถึงสตูหรอวะ” ไอ้เป้เดินมานั่งเล่นกันผมที่ระเบียงเพราะวันนี้เพื่อนของพวกที่ทำงานมาเยอะผมไม่รู้จักเลยแยกตัวมานั่งเล่น...ไม่อยากทำความรู้จักกับใครมากเพราะเดี๋ยวสองสามวันก็ลืม
“อืมประมาณนั้น” ผมตอบแต่สายตายังมองไปข้างนอก
“เหลือเตาว่างไปเอามาให้เดี๋ยวมา” ไอ้เป้พูดเสร็จหายไปเลยปล่อยผมนั่งอยู่คนเดียว
แบบนี้มันถูกรึเปล่าเหมือนผมไปแย่งแฟนเค้ามาคิดแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีบวกกับคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยไอ้เป้ก็เดินกลับมาพร้อมเครื่องบริหารปอดกับเบียร์อีกสองสามขวดพอดี
“เค้ามาไรมึงปะ” ไอ้เป้ถามผมแล้วมานั่งลงข้างที่เดิม
“ประโยคเดิมๆไม่น่าสนใจ” ...ออกน่ารำคาญด้วยซ้ำ
“ดีแล้วๆอย่าไปใส่ใจมากรกสมองจิงไหมเรื่องพวกนี้” ไอ้เป้พูดก่อนอัดควันเข้าปอดแล้วยื่นมาให้ผม
“อืม...จริงกูก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว”
“เออว่างั้น555” เป้หัวเราะอารมณ์ดีทำเอาอารมณ์นิ่งๆของผมเริ่มดีขึ้นมาเหมือนกัน
ผมนั่งหยุดบ้างเงียบบ้างเป็นช่วงๆอากาศตอนกลางคืนไม่เย็นไม่ร้อนแบบนี้สบายดีเหมือน
กำลังเคลิ้มๆกับบรรยากาศมีคนมาดึงแขนผมลุกไม่มองก็รู้ว่าใครมีคนเดียวทำแบบนี้ไอ้เป้ก็ถือขวดเบียร์ที่เหลือตามมา
“นี่แฟนกูชื่อเต้ย” ไอ้คนแนะนำพูดกับเพื่อนที่นั่งๆอยู่ ผมก็ยิ้มๆไปที
“เหี้ย18ยังวะมึงพรากผู้เยาว์หรอวะไอ้โลลิคอล” คนที่ผมไม่รู้จักพูดขึ้นมา
“18แล้วคับ” ผมพูดลอยๆแต่ดูเหมือนไอ้โลลิคอลยังสนุกยังการล้อเรื่องพรากผู้เยาว์ผมเลยไม่ค่อยสนใจบทสนทนาเท่าไร
“รสนิยมไม่เปลี่ยนเลยนี่หว่ากูนึกว่ามึงเปลี่ยนเป็นชอบออกสาวๆ” ใครอีกไม่รู้พูดไม่รู้จัก
“กูชอบแบบนี้มากกว่า” พี่ต้องพูดแถมจับเอวผมอีกจะหันไปทำตาประมาณอย่ามาจับไอ้คนจับทำเป็นเมินอีก...งั้นมึงจับไปเลยกูไม่สนอยู่แล้วเริ่มชิน
จากไม่รู้จักเริ่มรู้จักกันหมดเพราะเหล้าแต่ผมยังจำไม่ได้อยู่ดี
“พี่...” เดิมก็จำไม่ได้ยิ่งเริ่มเมาเริ่มเรียกกันไม่ถูก
“โดมคับน้อง...เต้ย” พี่โดมนึกสักพักก่อนจะนึกชื่อผมออก
“ผมจำได้อยู่พี่โดม...พี่คม...พี่เจี๊ยบ...พี่...” อีกหลายคนที่ผมนั่งไล่ชื่อจำไม่ได้ก็ทำเนียนๆข้าม
เฮฮาบรรยากาศจนคอผมจะไร้กระดูกค้ำจุลหัวเริ่มหนักเริ่มนั่งพิงไอ้ต้อง(ไม่เมาเป็นพี่ผมเมาจะเปลี่ยนเป็นไอ้หมด)
“เมียมึงไหวปะเนี่ยยยย” เสียงพี่คมพูดพร้อมมองผมอยากจะถีบ เล่นชนติดแถมบังคับผมหมดอยู่คนเดียวแน่จริงเจอกูแก้วๆดิแสดดด
“มึงอย่ามาดูถูกเมียกูนะเว้ย” เสียงไอ้ต้องพูดแถมกดจมูกลงผมผมอีก...มึงไม่เหม็นรึไง
“เมียมึงคอตกไปแล้ววะ” พี่โดมเริ่มหัวเราะผม
“อย่าๆผัวผมบอกแล้วว่าไหวก็ไหว” ผมเริ่มรู้สึกหน้าชาๆแต่ถ้าชนไหวเสมอ
จนเริ่มเมาก็หลับไปที่สตูแหละคับถ้าขับกลับตอนนี้อาจจะไม่ถึงบ้าน
ตื่นมามึนมองซ้ายมองขวานึกย้อนลำดับเหตุการณ์เมื่อคืน...โอเคกูเมา
ผมเดินหัวยังยุ่งอยู่ลงมาข้างล่างโดยปล่อยพี่ต้องให้นอนไปก่อน
เห็นพี่เจี๊ยบตื่นก่อนแล้วกำลังเก็บพวกขยะอยู่ผมเลยเดินตายังไม่ค่อยตื่นไปช่วย
พอเห็นผมพี่เจี๊ยบก็จิ้มโทรศัพท์ไรสักอย่างแล้วยื่นมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อะไร” ผมถามก่อนมองหน้าจอมือถือเห็นว่าที่โทรออกป็นเบอร์แม่ผมเลยพยายามยัดกลับให้พี่เจี๊ยบ
แต่พี่เจี๊ยบหันมายิ้มแล้วยัดคืนใส่มือถือแล้วมันขึ้นวินาทีแสดงว่าแม่ผมรับแล้วอีกไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคุย
“เอ่อ...เต้ยคับ” ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้คุยนานมากเลยไม่รู้จะพูดอะไร
“นึกว่าเจี๊ยบจะไม่บอกเต้ยซะอีกเป็นไงบ้างลูก” แม่ผมเสียงหรรษาสุดๆ
“ก็...สบายดีคับ” ตอนไปตามสเตปบทสนทนา
คือแม่คนโทรมาบอกให้ไปไหว้เชงเม้งนั้นเองเพราะปีนี้พ่อผมไม่ได้ไปเลยให้ลูกชายไปแทน
แต่ของแม่เตรียม...คงต้องเป็นงั้นแหละคับแม่ผมคงไม่บ้าตื่นแต่เช้าไปซื้อหมูตัวไก่ตัวปลาตัวไปไหว้แน่
คงเป็นการไปไหว้ธรรมดาถ้าแม่ผมไม่ตบประโยคหลังไปด้วยว่า...มาให้ได้นะแม่มีเรื่องจะคุยด้วย
เป็นประโยคที่สะกิดใจผมแต่ไม่สนอยู่แล้ว...ต้องถามว่าผมเคยสนใจไรมากกว่า
ผมเดินไปปลุกคนข้างบยกลับบ้านอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกมาที่สตูเพื่อทำงานที่ค้างให้เสร็จ
“พี่ต้องวัน...(วันไหนไม่รู้จำไม่ได้)...ว่างไหม” ผมถามตอนเวลาพัก(เวลาแอบงีบนั้นเอง)
“ว่างมีอะไรรึเปล่า” คนที่นอนงีบอยู่บนตักผมพูดขึ้นมาเสียงเหมือนใกล้หลับ
“ไปหาแม่เป็นเพื่อนหน่อย” ผมถามไปด้วยความหวั่นๆ
“ไปไมวะ” จากนอนหลับตาอยู่เริ่มลืมตามาจ้องผม
“ไม่อยากอยู่นานพี่ต้องไปด้วยจะได้มีข้ออ้างกลับเร็ว”
“ได้เลยโอเค” พี่ต้องหลับตาลงอีกรอบอยู่เหมือนนึกอะไรออกลืมตาถามเสียงตื่นหน่อย
“พ่อมึงไปไหม?”
“ไม่ไปถึงชวนไง” ...ตกใจหมดนึกว่าจะถามอะไร
“โอเค” พอรู้พ่อผมไม่ไปนอนหลับตาต่อสบายใจ...นี่พ่อกูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรอเอาเถอะกูก็กลัว