พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 139604 ครั้ง)

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะ
ไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง

เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควาน
ตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ...........
.
.
เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า............
.........
บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้
เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน

ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด  คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกัน

การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน
แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต
และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่น

ช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ    เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆ
ก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเอง
เพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

ส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์
ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย

ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้
หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชาย
เข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

5.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

6.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

7.ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บเพจนี้ เกิดจากการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และ ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง

8.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
ให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่า
แล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ด
เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

9.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

10.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

11.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

12.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน




เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆ

หุหุ

admin
thaiboyslove.com
.......................................
                                                            วันที่ 3 ธ.ค. 2551

วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7


เรียน   ท่านสมาชิกทุกท่านทราบและโปรดดำเนินการอย่างเคร่งครัด

เรื่อง  กฎกติกาและมารยาท


          กรุณาอ่านข้อความข้างล่างที่แนบมาด้วยข้างล่างนี้   ด้วยความระมัดระวังยิ่ง

เพราะเป็นบรรทัดฐานที่พึงยึดและปฏิบัติตามอย่างไม่สามารถพิจารณาเป็นอื่นได้

หากผู้ใดฝ่าฝืน  ทางเราจะดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดต่อไป


      จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน

                                                                                 นับถือ

                                                                            อิเจ้  โมดุเรเตอร์




......................................
หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคงได้รับความร่วมมือจากทุกท่านนะครับ

ถ้าพบเห็นกระทู้ได้ละเมิดกฎข้างต้น Webmaster,Administrator,Moderator สามารถลบกระทู้ดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

หากผู้ได้ฝ่าฝืน การทำการดังกล่าว ทาง Webmaster,Administrator,Moderator จะมี message ไปแจ้งเตือน

หากยังกระทำความผิดดังกล่าวอีก ทางWebmaster,Administrator,Moderator จะลบaccoutสมาชิกท่านนั้นออกจากระบบทันที


ขอบคุณในความร่วมมือ

พูห์

Junrai_Hyper

Global Moderator





WARNING


ถ้าจะบอกซ้ำอีกว่า เรื่องทั้งหลายมันผ่านมาแล้ว จะรู้สึกดีขึ้นกันมั้ยครับ

แต่ก็จะบอกอีกว่า

บรรยากาศตอนหน้าก็ประมาณนี้เหมือนเดิมแหละครับ

เรื่องอ้อนนักฯ ที่เขียนจบไปแล้ว มีคนอ่านมาบอกลาว่า ไม่ชอบเรื่องเศร้า ขอไม่อ่านต่อล่ะ

เรื่องนี้มันก็ยังอึมครึม ถ้าใครไม่ชอบเสียน้ำตา หาไหล่ซบไม่ได้ ก็บอกลากันได้ตลอดนะครับ

ก็ "ชีวิต" อ่ะ ทำไงได้ ผมก็อยากโชคดีมีความสุขเหมือนใคร ๆ ทั้งโลกน่ะแหละ




สวัสดีครับ พบกันอีกครั้งสำหรับเรื่องที่สองในบอร์ดนี้

ผมตัดสินใจอยู่นาน(มาก) กว่าจะเอามาลง

หวังเหมือนเดิมว่า คงจะสร้างความบันเทิง(บนความทุกข์) ให้กับคนอ่านได้นะครับ


ข้อแนะนำในการทำอารมณ์ : เนื่องจากนิยายเรื่องนี้เล่าถึงชีวิตตัวละครในวัยเด็ก ยันโต (และอาจจะยันแก่..อันนี้มิอาจคาดเดา

เพราะปัจจุบันนี้ ผมก็ยังเขียนไม่จบซะที)  เพราะฉะนั้น ภาษาและการใช้คำพูดคำจา ก็เป็นไปตามวัย

และเพราะเหตุที่มันเป็นเรื่องแรกที่ผมเขียน  สำนวนภาษาก็อาจจะไม่ราบรื่นเท่าที่ควร

ขอให้ทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณ และความพยายามในการอ่านนะครับ

และหากหมดสิ้นความพยายาม แล้วจะเลิกอ่านก็ไม่ว่ากัน (แต่อยากนำเสนอครับ)


หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้ มีต้นแบบจากชีวิตจริง ซึ่งถูกดัดแปลงทั้งชื่อเสียงเรียงนามของตัวละครและฉากต่าง ๆ

ผมขอแนะนำว่า จงอ่านเพื่อความบันเทิงก็พอ อย่าได้เก็บไปพินิจพิเคราะห์ให้เป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเลยครับ

หากเรื่องนี้จะให้ข้อคิดอันเป็นประโยชน์กับผู้อ่านอยู่บ้าง ก็นับว่าเป็นบุญกุศลสำหรับผมเลยทีเดียว


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-10-2015 14:59:09 โดย NuNew »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ
«ตอบ #1 เมื่อ27-09-2012 23:36:36 »



“พี่ครับ ผมขอยืมโน้ตบุ๊คหน่อยได้ไหมครับ”

ผมเป็นเด็กม.3 ของโรงเรียนประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคใต้ตอนกลาง ๆ โรงเรียนของผมเป็นสหศึกษาครับ

เป็นโรงเรียนมัธยมที่สอบเข้ายากแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะงั้นที่นี่จึงเป็นที่รวมของนักเรียนระดับหัวกะทิเลยทีเดียว

 (รวมทั้งผมด้วย 5555)



แล้วอย่าหาว่าผมโม้นะ ถ้าผมจะคุยต่อว่า นักเรียนที่นี่ก็หน้าตาดีไม่แพ้เรื่องเรียนด้วยสิเอ้า!

แบบที่ใครจะมาด่าว่า หล่อ(สวย) แต่โง่ น่ะ ไม่มีหรอกขอบอก

อย่างผมเนี่ย ผิวขาวถึงจะไม่อมชมพู แต่ก็นวลเนียนใช่ย่อย ลูกจีนแต่ตาโตคิ้วเข้ม

 และด้วยความที่แม่เลี้ยงมาดี แก้มผมก็อมเลือดฝาด ไหนจะปากแดง

(ผมดูตัวเองในกระจกยังเผลอนึกอยากจูบเลยว่ะ)

ผมรู้ตัวดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ผมสนใจคนหน้าตาหล่อมากกว่าหน้าตาสวย


.....ถูกต้องละค้าบบบ.....


ผมรู้ตัวมานานแล้วว่าผมเป็นเกย์ และพี่คนที่ผมกำลังขอยืมอุปกรณ์ไฮเทคอยู่นี่ ก็คือคนที่ผมสนใจ

แต่พยายามยังไง้ ยังไง พี่เขาก็ไม่เคยแลผมเลย

ก็เพราะเขามีหวานใจเป็นถึงดรัมเมเยอร์ของโรงเรียนตรงกันข้ามน่ะสิครับ

อยู่ถึงโรงเรียนโน้น ดั๊นมาคาบหนุ่มโรงเรียนนี้ไปแดร๊กซะด้าย เสียหน้าแย่เลยผม

แต่ผมมีลางสังหรณ์อยู่อย่างหนึ่งนะ ว่าพี่เค้าก็คงจะยังไง ๆกับผมบ้างหรอก

ฟังดูเหมือนผมจะมั่นใจเนอะ...เพราะอะไรน่ะเหรอ ผมถึงได้มั่นใจซะขนาดนี้


จะเล่าให้ฟัง....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2012 10:49:04 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ
«ตอบ #2 เมื่อ27-09-2012 23:47:06 »




เมื่อตอนผมเข้าม.1 พี่เขาก็อยู่ม.3 ใช่ม้า โดยทั่วไปเมื่อถึงตอนรับน้องน่ะ

พี่ม.3 จะไม่ค่อยเข้ามายุ่งหรอก เพราะต้องเตรียมตัวสอบเรียนต่อ ม.4

แต่พี่คนนี้ของผม (ขอตู่หน่อยนะ) ก็อุตส่าห์มาช่วยดูแลงานรับน้องกับเขาด้วย

ผมเห็นพี่เขาครั้งแรกก็รู้สึกดี ๆ ด้วย เขาหน้าตาดีมั่ก มาก บอกซะให้รู้เอาไว้

สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าไม่ก็อาจจะกว่านั้นนิดหน่อย ผิวไม่ขาวมากแต่เรียบเนียนเชียวครับ

หน้าตาก็เข้ม ๆ คม ๆ ปากแดงน่า....ชะมัดเลย

ตอนกลางวันที่มีเลี้ยงข้าว พี่เขาเป็นคนตักกับข้าวใส่จานให้น้อง ๆ ที่เข้าแถวเดินเรียงกันมา

ผ่านไปกี่คน ๆ พี่เขาก็ไม่เห็นจะพูดจะถามอะไร

แต่พอถึงคิวผม เกิดจะถามขึ้นมาว่า ผมชอบกินไข่หรือเปล่า ผมก็ตอบว่าชอบครับ...

ก็ผมชอบจริง ๆ นี่นา....เท่านั้นเอง พี่เขาก็ตักไข่พะโล้ให้ผมใบหนึ่งแล้วก็พูดว่า

‘งั้นพี่ให้ไข่ใบใหญ่น้องเลย’

พูดแค่นั้นมันก็คงไม่เท่าไหร่หรอกครับ ถ้าพี่เขาจะไม่สบตาผม แบบมีเลศนัยน่ะ

มันก็ต้องมีความหมายซ่อนอยู่ในคำพูดนะผมว่า ไอ้ผมมันก็ไว คือคิดได้ไว แต่ไม่กล้าพูด

 (ก็เรามันเด็กใหม่นี่หว่า) ได้แต่ฝากไว้ในใจ รอวันพิสูจน์ความจริง


แต่ไป ๆ มา ๆ วันนั้นก็มาไม่ถึงซะที สุดท้าย ก็เลย ม.ค.ป.ด. ได้สาวโรงเรียนอื่นไป

แต่อย่าคิดนะว่าผมจะท้อ



ด้วยความมุ่งมั่น ผมพยายามพาตัวเข้าไปสมาคมในที่ ๆ พี่เขาเป็นสมาชิกอยู่

แม้แต่เข้าไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะตัวเดียวกันตอนพักเที่ยง พี่เขาก้ไม่เคยจะเหลียวมามอง

ตัวผมเองก็ไม่ได้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ชอบผมก็บอกว่าชอบ เกลียดผมก็บอกว่าไม่ชอบ

เห็นแมะ ว่าผมน่ะซื่อจะตาย

แต่หนนี้ผมว่าจะใช้ไม้ตายสุดท้ายที่ผมมี ผมยอมทุ่มสุดตัวล่ะครับคราวนี้







“ได้สิน้อง” พี่เขาก็เลื่อนโน้ตบุ๊คมาตรงหน้าผม

ระหว่างที่ผมกำลังใช้งาน (ซึ่งผมก็มั่ว ๆ เอา) พี่เขาก็คงจะแอบมองผมอยู่ ถึงได้ถามออกมา

“น้องทำงานอะไร ทำไมต้องเปิดเน็ตด้วยล่ะ”

“อ๋อ...หาข้อมูลน่ะครับพี่”

“แล้วทำไมไม่เข้าไปใช้ในห้องไอทีล่ะ”

“โธ่! พี่ก็น่าจะรู้ว่าคนมันเยอะ แล้วตัวเล็ก ๆ อย่างผมจะไปแย่งเขาทันได้ยังไง”

พี่เขาส่ายหน้า แต่ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งที่คงคิดหัวแทบแตกว่า มันเกี่ยวกับตัวเล็กตัวใหญ่ตรงไหนฟระ

อย่าว่าแต่พี่เลย ผมก็คิดงั้นแหละ ผมแค่อยากให้พี่รู้สึกว่าผมน่ะ...น่าทนุถนอม...แค่นั้นแหละ

“เฮ้ย! ไอ้นิว...แม่เมิงมา” เสียงใครไม่รู้ตะโกนมาตรงที่เรานั่งกัน (อยู่สองคน)

ครับพี่เขาชื่อนี้แหละ...เท่ห์ใช่ม้า แล้วยังคล้องจองกับผมด้วยสิ ผม...นู...ครับ

ผมเหลียวไปดูตามทางที่เขาบอก...

คงไม่คิดหรอกนะว่า คุณแม่ของพี่นิวจะมาจริงน่ะ

เปล่สครับ ก็หวานใจพี่เขานั่นแหละที่มาน่ะ ผมล่ะเกลียดหน้า ไม่อยากเจอเลยให้ตาย

 คิดได้เท่านั้นผมก็ออกจากเน็ตแล้วคืนโน้ตบุ๊คพี่เขาไป

“อ้าว! เสร็จแล้วเหรอ เร็วจัง”

“ป่าวหรอกครับ ผมไม่มีอารมณ์แล้ว ขอบคุณมากครับพี่”

เห็นหน้าเหวอ ๆ ของเขาผมก็รู้ว่าเขาคงงงใช่เล่น....แต่ช่างหัว....

ผมไม่อยากอยู่แถวนี้ให้มันบาดหูบาดตา บาดอารมณ์อีกแล้ว

รู้สึกเจ็บหนึบ ๆ ปวดหน่วง ๆ ในหัวใจขึ้นมาทันที ไม้ตายผมก็เลยไม่ได้งัดเอามาใช้ซะที




หลังจากวันนั้น เราก็เดินสวนกันในโรงเรียนมั่ง เจอกันจังหน้าในห้องสมุดมั่ง

เจอเขาคนเดียวมั่ง กับแฟนมั่ง

ครั้งไหนผมอยากทักผมก็ทัก ถ้าไม่อยากทักผมก็เดินหนีไปเสียอีกทาง ไม่พาตัวเข้าไปใกล้

บอกตรง ๆ ว่า ผมอยากจะร้องไห้ เวลาที่เห็นพี่เขากับแฟนเดินควงกันให้เห็น



จนกระทั่งผมได้โควต้าเรียต่อม.4 โรงเรียนเดิม ผมก็ยังคงเห็นพี่นิวแทบทุกวัน

ยิ่งอยู่ชั้นม.ปลายอย่างนี้ เราก็ยิ่งใกล้ชิด เพราะเรียนอยู่ตึกเดียวกันแทบทุกวิชา

บางครั้งผมยังได้เรียนห้องติดกับเขาด้วยซ้ำไป แต่มันก็แค่นั้น ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสำหรับผม

พี่นิวยังควงหวานใจอยู่ทุกเย็น ส่วนผมก็พยายามที่จะไม่สนใจเวลาที่เห็นเขาควงกัน (ก็มันปวดใจนี่ครับ)



แล้วเย็นวันหนึ่ง เป็นวันที่ผมไม่ต้องไปเรียนพิเศษ เพราะอาจารย์ติดธุระด่วน

กำลังคิดว่าจะไปไหนต่อดี นี่ถ้ารู้ล่วงหน้าผมก็คงจะไปไหนต่อไหนกับเพื่อนในกลุ่มไปแล้ว

แต่ถึงจะรู้ตอนนี้ผมก็ตามไปทันเพราะผมรู้ว่าพวกมันไปอยู่ที่ไหน เพียงแต่ตอนนี้...ผมอยากอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง

ผมออกจากประตูโรงเรียนเดินเลียบริมรั้วผ่านซุ้มการเวกทึบ ๆ ที่อยู่ข้างรั้ว

หางตามองเห็นเงาของใครคนหนึ่งช่างคุ้นตาผมเหลือเกิน

ซึ่งถ้ามองจากด้านในโรงเรียนก็คงไม่เห็น เพราะซุ้มนี้แอบมุมตึกอยู่

และเวลาเลิกเรียนอย่างนี้ มุมนั้นเป็นจุดที่ไม่ค่อยจะมีใครเข้าไปนั่งเล่น และใคร ๆ ก็กลับกันจะหมดโรงเรียนแล้ว

ผมเดินย้อนกลับเข้าไปในโรงเรียนทันที

“พี่มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับ ทำไมยังไม่กลับบ้าน”

พี่นิวหันหลังให้ผมทันที จากทีแรกที่นั่งหันด้านข้าง

“นั่งเล่นน่ะ”   เสียงเขาแปลก ๆ นะผมว่า ยังกับคนเพิ่งร้องไห้แน่ะ

“แล้วแฟนพี่ล่ะ”   ผมรู้ว่าแฟนเขาชื่อมุก แต่ผมไม่อยากเรียกให้สะเทือนใจตัวเอง

“แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย”   พี่เขาตวาดผมครับ

เอาล่ะสิ ! ผมได้กลิ่นแหม่ง ๆ ละ ผมรู้จักเขา (ข้างเดียว) มาสี่ปี แทบจะไม่เคยเห็นเขาขึ้นเสียงหรือว่าแสดงอารมณ์กับใครเลย

“ผมเป็นห่วงพี่นะครับ พี่นิวไม่สบายหรือเปล่า ให้ผมไปส่งที่บ้านไหม”

“ไม่ต้องยุ่งได้ไหม”    คราวนี้เสียงเขาอ่อนลงมาแล้วครับ ผมก็เลยได้ใจ วางกระเป๋าหนังสือบนโต๊ะแล้วนั่งข้างเขาเลย

“พี่มีเรื่องอะไรบอกผมได้ป่ะ เผื่อผมช่วยพี่ได้นะ”

เขาถอนหายใจแล้วบอกว่าผมคงช่วยอะไรเค้าไม่ได้ จากนั้นก็ทำท่าจะลุกหนีผมไป แล้วมีเรอะที่ผมจะยอม

“พี่รู้ได้ไงว่าผมจะช่วยไม่ได้ ลองพูดมาหน่อยดิ”

พี่เขาหันมาให้ผมเห็นเต็ม ๆ ตา ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่พี่เขากำลังร้องไห้

ตาทั้งสองข้างเค้าแดงก่ำทีเดียวครับ ผมเห็นแล้วใจแทบสลาย

“พี่นิวเป็นอะไร ใครทำพี่”   ผมขยับเข้าไปใกล้ด้วยความเป็นห่วง แต่กลับถูกเขาผลักอกออกมา

“นายไม่ต้องมายุ่ง ไปให้พ้น ๆ หน้าฉันเลยไป”

“ทำไมพี่ทำกับผมยังงี้ ผมเป็นห่วงพี่มากรู้มั้ย ถึงพี่จะเกลียดผม แต่ผมก็ไม่แคร์ ขอแค่พี่เห็นผมอยู่ในสายตาบ้างก็พอ”

ผมพูดไปน้ำตาก็พาลจะร่วงเสียให้ได้

“เฮ้ย! นี่นายเป็นบ้าอะไรวะ”

เขาเดินถอยห่างจากผมไปก้าวหนึ่ง สายตาที่มองมาบอกความสับสนและตกใจ

แต่ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้โกรธรึว่าเกลียดผมหรอก แล้วตอนนี้เครื่องผมก็ร้อนเต็มทีแล้ว

“ถ้าการที่ผมรั...ชื่นชมพี่เป็นความบ้าล่ะก้อ ผมก็บ้ามานานแล้วล่ะ”

 ผมยังไม่กล้าที่จะหลุดคำที่สุดพิเศษออกไป อยากจะหยั่งท่าทีของพี่เขาก่อน

(นี่ขนาดกำลังติดโหมดเศร้านะตรู)

“เอ้อ...”   พี่เขาอึ้ง ๆ ครับ แต่หน้างี้แดงเลย

“พี่นิว พี่มีปัญหากับแฟนพี่ใช่ป่ะ”   ผมแกล้งจี้ให้ตรงประเด็น

“แล้วจะทำไม”

“เค้ามีแฟนใหม่เหรอ”

แค่นั้นแหละครับ บ่อน้ำตาแตกเลย พี่นิวของผม

เขาเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม สองมือกุมหัวก้มหน้าก้มตาไม่มองผมซักนิด

แล้วผมก็เห็นว่าพี่เขาตัวสั่นสะท้าน เพราะสะอื้นอย่างรุนแรง แต่เขาก็ไม่ถึงกับปล่อยโฮออกมา (แมนจริง ๆคับพี่)

ผมเดินเข้าไปนั่งชิดเขาเลย พยายามเต็มที่ที่จะแสดงอาการให้เขาเห็นว่าผมเห็นใจเขา

และเขาก็ยังมีผมอยู่ไม่ทิ้งไปไหน (เผื่อพี่ไม่มีใคร จะได้มองเห็นผมเป็นคนแรกครับ)

ผมกล้า ๆ กลัว ๆ ยื่นมือไปโอบบ่าเขา ตบเบา ๆ เพื่อปลอบโยน ได้ผลครับ

คราวนี้พี่นิวหันมาซบไหล่ผม ร้องไห้จนน้ำตาเปียกเสื้อผมหมดเลย ผมรู้สึกสงสารพี่เขาจับใจ ที่ต้องตกอยู่ในความทุกข์ขนาดนี้

ขณะเดียวกันผมก็นึกอิจฉา ที่พี่นิวรักมันมาก ถึงกับเสียน้ำตาเพราะปัญหาความไม่เข้าใจกัน

(ผมคิดเอาเอง ก็มันจะอาไร้ถ้าไม่ใช่เรื่องแบบนี้) แล้วผมก็นึกโกรธที่มันเป็นเหตุให้พี่เขาเสียน้ำตา...

คอยดูนะเมิง ได้ทีล่ะ ตรูจะแก้แค้นให้สาสมเชียว ค่าที่ทำให้สุดที่รักของตรูต้องหลั่งน้ำตา

“อย่าเสียใจไปเลยครับพี่ พรุ่งนี้แฟนพี่ก็คงหายงอน กลับมาดีกันเหมือนเดิม”   แล้วผมก็ต้องทนดูภาพบาดตาต่อไป

“มุกเค้าไม่ได้งอนหรอก”   อ้าว...แล้วมันไรกันฟระ

“เค้า...ไป....มี....แฟน...ใหม่แล้ว”   พี่เขาสะอึกสะอื้น พูดตะกุกตะกัก แล้วน้ำตาก็เทลงมาบนไหล่ผมอีกอย่างทะลักทะลาย

ผมก็....อะฮ้า...เยส...เสร็จตรู

กลิ่นกายผสมโคโลญจ์กลิ่นอบอุ่น (มันให้ความรู้สึกยังงี้จริง ๆ นะ) ลอยอบอวลเข้าจมูกผม

...เฮ้อ....ชื่นใจอย่าบอกใคร....ผมสูดเอากลิ่นพี่เขาเข้าไปเต็มปอดเลยทีเดียว

“งั้นพี่ก็หาแฟนใหม่เย้ยเค้า (มัน) เลยสิครับพี่ ถ้าเค้า (มัน) รู้ว่าพี่ยังอาลัยอาวรณ์อยู่ ก็จะยิ่งได้ใจนะครับ

ว่าตัวเองยังเสน่ห์แรงอยู่จนพี่เลิกรักไม่ได้”

“ก็มันจริงนี่”   อ้าว! ไหงงั้นล่ะครับพี่

ผมก็สุดปัญญาจะปลอบแล้วครับ ถ้าพี่เขายังตัดใจไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้อีกแล้ว

นอกจากจะแปลงร่างเป็นผ้าเช็ดหน้าสีชมพูให้พี่เขาซับน้ำตาไปพลาง ๆ

วันนั้นกว่าจะกลับบ้านกันได้ก็โพล้เพล้ล่ะครับ ผมไปส่งพี่นิวที่บ้าน เพราะว่าบ้านผมอยู่ใกล้โรงเรียน

ก็เลยเข้าบ้านไปเอามอร์เตอร์ไซค์ขี่ไปส่ง

(แผนผมที่จะได้รู้จักบ้าน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 12:02:09 โดย ์NOO »

artit

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างมั้ยครับ
«ตอบ #3 เมื่อ27-09-2012 23:48:02 »

นี่ขาดไม่มีเล่ห์เหลี่ยมนะ จะรู้จักบ้านเค้าซะแล้ว  :L1: :L1: :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-09-2012 23:54:56 โดย artit »

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างมั้ยครับ
«ตอบ #4 เมื่อ27-09-2012 23:55:44 »

น้อยมากที่จะเห็นผู้ชายร้องไห้มากมายขนาดนี้ แสดงว่าพี่นิวต้องรักแฟนมากแน่ๆ เลย
แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อเค้าเลิกกันแล้ว นี่ล่ะโอกาสทองของเรา

เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ปล. คำผิดน้อยมาก แถมจัดเรียงวรรคและบรรทัดดี อ่านง่ายมากเลยค่ะ ขอชื่นชม

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ
«ตอบ #5 เมื่อ28-09-2012 00:01:22 »




หลังจากวันนั้นต่อมาอีกหลายวันผมก็ไม่ค่อยได้พบพี่นิว เพราะพี่เขาต้องไปเข้าค่ายพุทธศาสนาซะห้าวัน

ส่วนผมก็ไปเข้าค่ายพฤกษศาสตร์ซะสองวันหลังจากที่พี่นิวกลับมาเรียนแล้ว

สวนกันไปสวนกันมาเลยไม่เจอกันซะที

ดังนั้นวันแรกของการไปโรงเรียนของผมก็เลยเจอเรื่องประหลาดใจ

“นู”   เสียงคุ้น ๆ เรียกผม ดังมาจากซุ้มการเวก (ที่เดิมที่เราเคยซบกัน 5555)

แต่คราวนี้เป็นตอนเช้าขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าประตูโรงเรียน

“พี่นิว”

ผมเห็นพี่เขาผมดีใจบอกไม่ถูก ไม่เห็นหน้ากันแค่ไม่กี่วัน แต่ทำไมผมถึงรู้สึกคิดถึงเขามากขนาดนี้ก็ไม่รู้

มากถึงขนาดที่ผมอยากจะเข้าไปกอดพี่เขาแน่น ๆ แล้วก็สูดดมกลิ่นกายที่ผมชอบนักหนาให้เต็มปอด

“เป็นไงไม่เจอซะหลายวัน”

“ก็ดีครับพี่ แล้วพี่ล่ะ สบายใจขึ้นมั่งยัง”

หวังว่าคงไม่ไปสะกิดใจพี่นะครับ ผมแค่อยากได้ยินว่าพี่เลิกกะเขา (มัน) แล้ว

“ก็ดีขึ้นนะ ขอบใจนายมากนะนูที่ปลอบใจพี่เวลาที่พี่ไม่มีใคร”

ผมยิ้มเขิน ๆ ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี

“ไปกันเถอะ พี่จะเดินไปส่งที่ห้อง”

เอ๋!...อารายฟระเนี่ย

“เอ่อ...พี่ไม่มีธุระอะไรกับผมหรอกเหรอ”

พี่นิวส่ายหน้าแถมยังยิ้มให้

โอ...โลกมันสว่างขึ้นคาตาผมเลยนะเนี่ย แล้วหัวใจผมก็พองโตแทบคับอก ด้วยคำพูดต่อมา

“ก็แค่คิดถึงนาย ไม่เห็นซะหลายวัน”   ทำไมพี่ใจตรงกับผมอย่างงี้....


เย็นวันนั้นเรากลับบ้านด้วยกันอีก คราวนี้ผมให้พี่นิวรอผมที่โรงเรียน แล้วผมให้เพื่อนไปส่งที่บ้านก่อน

เพื่อจะเอามอร์เตอร์ไซค์ออกมาส่งพี่เขาอีกที

จะว่าไปบ้านพี่นิวก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านผมเท่าไหร่ ขี่รถออกนอกเมืองไปสามโลเอง

แต่ว่าละแวกบ้านพี่นิวน่ะ ขึ้นชื่อเลยว่าเป็นบ้านคนรวย...รวยจริง ๆ แบบว่าบ้านราคาล้านต้น ๆ ไปจนเกือบสิบล้านน่ะ

ใครล่ะที่จะมีปัญญาซื้ออยู่กันน่ะ แสดงว่าบ้านพี่เขาต้องรวยโคตร โคตรรวย

พอจอดรถเขาก็เดินไปเปิดประตูรั้วให้

“เอารถเข้าบ้านก่อน”

“ทำไมล่ะครับ”

“วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน นูอยู่เป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ กินข้าวเสร็จแล้วพี่จะไปส่ง”

เอาวะ! ส่งกันไป ส่งกันมา คืนนี้คงจะได้นอนหรอก

บ่นในใจไปงั้นแหละ ผมมันว่าง่ายอยู่แล้ว ยิ่งกับพี่นิวด้วยล่ะก็ ว่าก็นอน สอนก็ง่าย

เอ๊ย!..ไม่ต้องสอน ผมก็พอเป็นอยู่เหมือนกันล่ะครับ (คิดว่าไง ผมอายุสิบหก คงไม่หวังจะให้ผมไร้เดียงสาหรอกจริงมะ)


ทั้งบ้านมีแม่บ้านอยู่กับเด็กรับใช้อีกคนแค่นั้นแล้วเขาก็ไม่มายุ่งอะไรกับเราด้วย ยกอาหารมาตั้งโต๊ะให้แล้วก็หายไปอยู่หลังบ้าน
 
ตั้งแต่เข้ามาในบ้านพี่นิว ผมก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับความหรูหราร่ำรวย  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฐานะทางบ้านพี่เขาจะถึงขนาดนี้

ทำให้ผมเริ่มรู้สึกเกร็งจนบอกไม่ถูก ผมกลัวใคร ๆ จะหาว่าผมอยากคบกับพี่นิวเพราะเขารวย

แต่ความจริงผมถูกชะตาพี่เขาก่อนเรื่องอื่น แค่เห็นหน้าได้สบตา ผมก็รู้สึกใจเต้น

อยากเข้าไปกอดให้หายมันเขี้ยว  จะแถมจุ๊บอีกทีก็ยิ่งดีใหญ่

ผมกินข้าวอย่างเกร็ง ๆ อยู่บ้าง เพราะนี่เพิ่งจะเป็นครั้งแรกที่พี่นิวทำตัวสนิทสนมกับผม

แต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรทำให้พี่นิวของผมไม่ทำตัวห่างเหินกับผมอย่างเคย

จะให้คิดว่าเป็นเพราะเรื่องเย็นวันนั้นผมก็ไม่อยากปักใจนัก

มันง่ายไปหน่อย ที่อยู่ ๆ คนที่ไม่เคยเหลียวแลกันจะกลายเป็นซี้กันได้

“เดี๋ยวขึ้นไปดูหนังข้างบนกันนะ เอ้า…กินเร็ว ๆ เข้าสิ เดี๋ยวจะดึกเกินไป”

พี่นิวเร่งผม เพราะเห็นผมยังเขี่ยข้าวในจานเล่น ที่จริงผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ แต่เกรงใจที่พี่เขาชวนกินข้าว ตอนนี้ก็เลยอิ่มดีกว่า

“อ้าว เลยอิ่ม...กับข้าวไม่อร่อยเหรอ”

“ป่าวครับพี่ ผมไม่ค่อยกินข้าวมื้อเย็นน่ะ”

“โห...รักสวยรักงามซะด้วย”   แล้วพี่นิวก็ยิ้มล้อผม พร้อมกับรวบช้อนส้อมตามผมอีกคน

หลังจากนั้นเราก็ขึ้นไปบนห้องนอนพี่นิว โอ้โฮ...อลังการครับ ห้องนอนกว้างอย่างกับตึกแถวหลังย่อม ๆเลยล่ะ

มีทีวีเครื่องเบ้อเริ่มพร้อมโซฟาเบดอย่างหรู นั่งแล้วนุ่มตูดอย่าบอกใคร เครื่องเสียงพร้อมลำโพงอย่างแพง

(ผมคิดงั้นนะ เพราะว่าดีไซน์หรูมาก ลำโพงเป็นแบบขาตั้งที่ผมเคยเห็นในงานโชว์เครื่องเสียงชุดละหลาย ๆ หมื่นแหละ)

แล้วสายตาผมก็เหลือบไปที่เตียงใหญ่ดูนุ่มน่านอน อย่างที่ผมเคยเห็นในโฆษณาโรงแรมใหญ่ ๆ เลยครับ

เคยได้แต่มอง วันนี้ผมจะนอนซะให้หนำใจเลยคอยดู

เราเลือกหนังที่คิดว่าน่าจะสนุกมาดู แต่สำหรับผมก็งั้น ๆ แหละ แล้วแต่พี่นิว ผมน่ะยังไงก็ได้

แล้วผมก็มองไปที่ที่วางแผ่นดิสก์อันเล็ก ๆ อยู่ลึกเข้าไปในตู้วางของกระจุกกระจิก

“นั่นแผ่นอะไรน่ะพี่ ผมขอดูได้ป่ะ”   พูดปุ๊บผมก็เหยียดแขนออกไปหยิบปั๊บ

“เฮ้ย! ไม่ได้”  พี่นิวคว้าไปจากมือผมซะงั้น

“ทำไมอะ”

“ไม่มีไรหรอก”    แล้วพี่นิวก็เก็บเข้าลิ้นชักโต๊ะล็อกกุญแจเสร็จสรรพ

มีพิรุธนะเนี่ยผมว่า....แต่เอาเหอะ ไม่อยากให้รู้ผมก็ไม่ถามต่อละ



หนังแอ็คชั่นที่พี่นิวเปิดให้ดูมันน่าเบื่อมาก ไม่ช้าไม่นานผมก็หลับ น่าจะเป็นสักกลาง ๆ เรื่องได้...

ใครดูหนังบู๊แล้วหลับเหมือนผมบ้างไมครับ....มันน่าเบื่อมากกก....ว่าไหม

ผมชอบหนังโรแมนติกนิด ๆ มีเลิฟซีนหน่อย ๆ

ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาไต่ที่หน้าจนรู้สึกรำคาญเลยเอามือปัด

แล้วเมื่อลืมตาขึ้นมา ก็เห็นใบหน้าของพี่นิวลอยอยู่ตรงหน้าผมพอดี

มันใกล้ขนาดที่ผมได้กลิ่นโคโลญจ์กลิ่นอบอุ่นกลิ่นเดิม

ใกล้ขนาดที่ลมหายใจของพี่นิวรดแก้มผม

ผมเห็นแววตาตกใจของเขา แต่เขาก็ยังไม่ถอยห่างออกไป เราสองคนต่างนิ่งอยู่ในท่านั้น

....แน่ะ...จะลองเชิงผมเหรอพี่....ผมกระหยิ่มอยู่ในใจ

สายตาเขาจ้องต่ำลงมาที่ปากผม เดาเอานะว่าเขาน่าจะอยากลอง

ผมก็เลยเป็นฝ่ายเริ่มก่อนด้วยการ โน้มต้นคอลงมา แล้วแนบปากผมประกบเข้าไป

มันนุ่มและอุ่นมากเลยครับ พี่นิวทำตัวแข็ง ๆ แต่ก็ยอมให้ผมจูบแต่โดยดี

ผมแค่เล็ม ๆ ก่อน ดูท่าว่าเขาคงไม่ปฏิเสธแน่แล้ว คราวนี้ผมก็ส่งลิ้นเข้าไปควานในปากเขาเลยครับ

เขาอ้าปากให้ผมดูดลิ้นแล้วยังส่งลิ้นตัวเองออกมาล้อเล่นกับลิ้นผมเข้าด้วย แบบกล้า ๆ กลัว ๆ น่ะครับ

ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เวลาที่ได้ยินเสียงพี่นิวครางเบา ๆ

แล้วล้มตัวลงมาบนตัวผม ซึ่งกำลังนอนเหยียดอยู่บนโซฟาเบดตัวใหญ่

ผมได้ทีก็จัดการล้วงเข้าไปใต้เสื้อแล้วลูบไล้ไปตามเนื้อตัว....ซี้ด...พี่นิวนี่เนื้อนุ่มเนียนเป็นบ้า

“นู...พอเถอะ”   พี่นิวผละออกจากผมได้ก็พูดเสียงแผ่ว ดูก็รู้ว่ากำลังยับยั้งอารมณ์ตัวเองเต็มที่

“พี่ไม่ชอบหรอกเหรอ”   ผมแกล้งถาม ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาน่าจะติดใจไม่มากก็น้อยล่ะ

“ไม่รู้สิ มันแปลก ๆ อะ”  ตอนที่เรากำลังคุยกันนี่ เขายังนอนอยู่บนตัวผมเลยนะ แล้วจะให้เชื่อได้ไงว่าเขาไม่ชอบ

“งั้นลองอีกทีนะ”  ผมไม่รอคำปฏิเสธล่ะครับ จูบเอา...จูบเอา...จนพี่นิวตัวอ่อนระทวย คราง อือ ๆ อา ๆ ไม่เป็นภาษา

อยู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะหัวเตียงก็ดังขึ้น....เฮ่อ...เสีย ‘รมณ์ หมดเลยผม...

พี่นิวตะเกียกตะกายลงจากตัวผมไปรับโทรศัพท์

“ครับ”

“......”

“ใครนะ”   เสียงนี้ฟังดูว่าเขากำลังตื่นเต้น

“ได้....ได้....เดี๋ยวนี้เลย”   อันนี้ ตื่นเต้นจนลนลานไปเลย...ผมชักหวั่น ๆ หวาด ๆ

แต่ไม่กล้าเดาว่าจะมีเรื่องไหนบ้างที่ทำให้เขาตื่นเต้นสุด ๆ ขนาดนี้

“นู วันนี้กลับบ้านก่อนนะ”  อ้าว!....

“พี่....เอ่อ...มีธุระ”
 
“ธุระที่ไหน...ปะ...ผมไปส่ง”   ผมรีบแข็งใจอาสา....อย่าได้คิดเชียวว่าผมมีน้ำใจ

ผมก็แค่อยากรู้โดยไม่ต้องถามไง....แต่เขาไม่ตกหลุม

“ไม่ต้องหรอก พี่จะเอารถออก”

รถไรฟระ...ถึงอยากรู้แค่ไหน ผมก็ไม่อยากให้เขาลำบากใจนะ

แต่บอกจริง ๆ ว่าผมระแวง...ระแวงแมร่งทั้ง ๆ ที่เรายังไม่ตกลงอะไรกันเลยนี่แหละใครจะทำไม

...ก็ผมรักของผมนี่

ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจออกจากบ้าน ตอนนั้นพี่นิวยืนส่งผมแค่หน้าประตูบ้าน....ไม่ใช่ประตูรั้ว

เขากดรีโมทเปิดให้....โคตรไฮเทคเลย แต่เขารู้ไหมว่าผมรู้สึกห่อเหี่ยวในหัวใจขนาดไหน

เราเพิ่งจะหวานกันเมื่อกิ๊ (ทำเสียง..กิ๊...สั้น ๆ นะมันจะได้อารมณ์)

แล้วดูเขาทำ....ออกมาส่งเหมือนเตะหมาสักตัวออกจากบ้าน

ผมขี่รถชมวิวไปเรื่อย ๆ แต่แทนที่จะกลับทางเดิมตอนที่เข้ามา ก็ไปทางตรงข้ามซึ่งก็ไปถึงบ้านผมได้เหมือนกันแต่อ้อมหน่อย

ไม่เป็นไร กลับดึกสักนิดที่บ้านผมก็ไม่ว่า เพราะเห็นว่าเป็นลูกชาย...อิ...อิ...

(รู้ใช่แมะ...ว่าผมคิดไรอยู่....ผมรู้ว่าเรากำลังคิดเหมือนกัน)

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคิดว่า ลูกชายจะไม่นำเรื่องเสื่อมเสียมาให้ เหมือนลูกสาวที่บางทีก็ท้องทั้งที่ยังเรียน

บ้านผมก็คิดงั้นแหละ....แต่ผมก็ทำเรื่องเสื่อมเสียมาตั้งแต่รู้ตัวว่าผมไม่ใช่ลูกชายของพ่อกับแม่แล้ว

อย่า ๆ ๆ ๆ ..........

อย่าคิดว่าผมเสียตัวให้ใครต่อใครมาแล้วเป็นอันขาด ผมยังซิงครับ ซิงจริง ๆ แต่ภายนอกน่ะ ไม่เหลือแล้ว....

อันนี้ต้องขอ เพราะมันเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ รู้รสแล้วเลิกยาก



แต่ผมก็พยายามให้อยู่ในกรอบที่พอดี ๆ นะ แล้วถ้าผมไม่รักก็อย่าหวังว่าจะได้อะไรจากผม

ผมเชื่อในความรักครับ

ขอให้ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองว่า รักจริง ๆเท่านั้นเอง



ผมอ้อมโลกไปถึงไหนแล้วเนี่ย....อ้อ...ขี่รถอ้อมกลับบ้าน

ตลอดเส้นทางไม่ค่อยมีรถผ่านไปมา เพราะเป็นถนนที่ทะลุผ่านหมู่บ้านคนรวย ๆ

มีรถคันหนึ่งแซงหน้าผมไป แมร่ง...จะรีบไปเผาแม่ยายรึไงฟระ...

ผมบ่นกับลมกับแล้ง….แล้วก็เริ่มคิดถึงเราสองคน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 12:39:59 โดย ์NOO »

Li_TKR

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างมั้ยครับ
«ตอบ #6 เมื่อ28-09-2012 00:30:57 »

ชอบนายเอก ตรงดี 555+  o13 o13 o13

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างมั้ยครับ
«ตอบ #7 เมื่อ28-09-2012 00:41:34 »

นูทำให้พี่นิวลืมแฟนเก่าไปเลยนะ

ออฟไลน์ โดดเดี่ยวแต่ไม่

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +178/-6
Re: พี่ครับ...รักผมบ้างมั้ยครับ
«ตอบ #8 เมื่อ28-09-2012 18:23:30 »

เมื่อมาเริ่มต้น ก็ยังคงมีอยู่ในใจเสมอ ติดตามมาตลอดๆๆลงต่อๆๆไปนะครับนู

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


ขอบคุณทุกคนพร้อมบวกเป็ดให้ครับ

เรื่องจัดหน้าผมว่ามันฟลุ้ค ๆ ในตอนแรก พอลองเปิดอ่านเองก็ว่ามันพอใช้ได้

้ถ้าถูกใจ สบายตา ก็ยิีนดีครับ

เหตุการณ์ในช่วงนี้มันนานมากแล้วนะครับ ผมคงไม่บอกอ่ะว่าเมื่อไหร่ แต่เดี๋ยวอ่าน ๆ ไปก็คงจะเดาได้เองแหละครับ

ว่าผมเองก็ใช่่ว่าจะอายุน้อยนัก  :o12: 

เหตุการณ์ทั้งหลายผมรวบรวมจากไดอารี่ที่เคยเขียนไว้ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงตอนก่อนทำงาน

ปัจจุบันนี้ไม่ได้เขียนแล้ว เพราะไม่มีเวลาครับ







จำได้ไหมที่ผมเคยบอกว่าพี่นิวเขาก็ยังไง ๆ อยู่ ตอนนี้ผมเริ่มแน่ใจว่าของแท้เลยล่ะ

แต่ทำไงให้เขายอมรับตัวเอง แล้วก็ยอมรับผมไปพร้อม ๆ กันนี่สิ ผมยังนึกไม่ออก

สมมติว่าเขายอมรับตัวเองแล้วนะ

เขาจะรักผมได้ไหม

ไม่ต้องรักผมเท่าที่ผมรักเขา

แต่ขอให้เขาเข้าใจ เห็นใจ และรักผมบ้าง

ผมไม่หวังอะไรมากกว่านี้เลยนะ....จริง ๆ

ผ่านย่านชุมชนจุดนี้ไปแล้วก็จะถึงหัวเลี้ยวบ้านผม

สายตาผมก็เหลือบไปที่สวนหย่อมสาธารณะ (เทศบาลสร้างให้ชุมชนได้หย่อนใจครั บ)

น่าน....ไอ้รถบีเอ็มคันที่เพิ่งจะแซงผมมามันจอดอยู่นั่น มันนัดสาวครับ

ผมเห็นผู้หญิงผมยาว ๆ ยืนตรงที่แสงไฟสลัว ๆ ส่วนไอ้ผู้ชายมันยืนหันหลังให้...

มันไม่ได้รีบไปเผาแม่ยาย แต่รีบมาหาลูกแม่ยายนี่เอง....

แล้วทำไมมันต้องนัดกันมืด ๆ ด้วยว้า...

สองคนนั้นเดินโอบกันเข้าไปในสวน ข้างในนั้นมีม้าหินให้นั่งได้ แต่มันมืดหน่อย ซึ่งผมคิดว่าสองคนนั้นต้องตั้งใจแหง ๆ
 
ไอ้ผมก็ไม่ใช่ว่าจะทะลึ่งนะ...แล้วก็อย่าเถียงว่าใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่อยากติดตามตอนต่อไปล่ะเป็นไม่มี

หลังจากจอดรถมอร์เตอร์ไซค์ในที่ปลอดภัยแล้ว ผมก็ค่อย ๆ แฝงตัวไปในความมืด

เอาแค่เห็นลาง ๆ พอมัน ๆ คัน ๆ แล้วที่เหลือเดี๋ยวผมเก็บไปฝันเอาก็ได้



ผมเชื่อแล้วว่ากรรมเวรมันมีจริง

อุตส่าห์ย่องตามคนคู่นั้นเข้าไป หวังแค่หย่อนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ (ที่เรียกว่าถ้ำมองอะ)

แต่ผลสะท้อนที่ตามมาทำเอาผมเจ็บหนึบจนน้ำตาร่วง

ผู้ชายคนที่ขับบีเอ็มแซงมอร์เตอร์ไซค์ของผมก็คือพี่นิวครับ แล้วถ้าให้ทายว่าใครคือผู้หญิงคนนั้น ผมว่าทุกคนคงทายถูก

ผมก็ว่าแล้วเชียว...จะมีอะไรที่ทำให้พี่นิวตื่นเต้นขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่....ฮึ่ย!

ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ....ผมเกลียดมัน!!!

ผมไม่ได้ยินที่เขาคุยกันสักนิด แต่ภาพที่เห็นกลางแสงสลัว ทำให้ผมรู้ว่า จูบของผมคงไม่มีความหมายอะไรสำหรับพี่เขาเลย

ผมไม่อยู่ต่อล่ะ สตาร์ทรถได้ก็บิดซะหูดับตับไหม้ มาถึงบ้านได้ไงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

จอดรถเสร็จก็วิ่งขึ้นบ้านเข้าห้องปิดประตูขังตัวเอง....เวลาที่ผมทุกข์ใจมาก ๆ ผมจะอยู่กับตัวเองไม่พบหน้าใคร

แต่จะใช้เวลาทบทวนจนแน่ใจว่าที่ผ่านมาผมไม่ได้ทำผิดอะไร

เมื่อนั้นผมถึงจะกลับมามีความมั่นใจเหมือนเดิม แล้วกำลังใจก็จะตามมา

จนเช้า....ตอนนี้ผมพร้อมที่จะพบหน้าใคร ๆ ได้แล้ว หลังจากที่ขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งคืน

พ่อแม่กับพี่ชายเคาะประตูเรียก ผมก็ได้แต่ตะโกนกลับไปว่า ผมจะนอน


...ผมขอเนื้อที่ตรงนี้พูดถึงครอบครัวสักนิดนะครับ...

ผมอยากขอบคุณความรัก ความเอาใจใส่ ของพ่อกับแม่ แล้วก็พี่ชาย แม้ว่าเขาจะไม่มาได้ยิน

เพราะไม่มีใครในบ้านรู้ว่าผมเป็นแบบนี้...พ่อกับแม่คิดว่ามีลูกชายสองคน พี่ชายผมก็คิดว่าเขามีน้องชาย

ทุกคนทุ่มเทความรักให้ผม ทำให้ผมไม่เคยรู้สึกขาด ผมเสียอีกที่บางครั้งนึกอยากจะขอโทษที่ผมไม่ได้เป็นอย่างเขาคิด

....สักวันหนึ่งนะ...สักวันหนึ่งผมจะบอกทุกอย่างกับครอบครัว....

หวังว่าวันนั้นทุกคนจะเข้าใจ และพร้อมจะยอมรับในความเป็นผม

ผมว่าที่ผมสามารถเตรียมตัวทำใจรับความผิดหวังจากพี่นิวได้เร็วคงเป็นผลพวงมาจากความรักที่คนทั้งบ้านทุ่มเทให้ผม

ทำให้ผมไม่เคยรู้สึกว่าขาดความรัก

ก็แค่ผมรักพี่นิวแล้วเขาไม่รักตอบ ถึงมันจะเจ็บปวดบ้าง ผมว่าสักวันมันต้องดีขึ้น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 13:28:00 โดย ์NOO »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ 28.9.2555
« ตอบ #9 เมื่อ: 28-09-2012 21:51:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
 ตอนนี้คือปัจจุบันใช่ไหมคะ

ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ
แล้วถ้าเขาจะไม่คิดอะไรกับเราจริงๆ ก็ขอให้น้องนูเข้มแข็ง
เรายังมีเพื่อน มีครอบครัว มีคนที่รักเราอีกมากมาย
อย่าเสียใจไปเลยค่ะ ไม่แน่สักวันเราอาจจะเจอคนที่ดีกว่าเขาก็ได้ สู้ๆ นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2012 22:11:44 โดย Aoya »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวจะเอาไงกันแน่นิ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


เช้านี้เป็นวันเสาร์ ปกติผมต้องไปเรียนพิเศษซะครึ่งวัน แต่วันนี้ผมไม่อยากไป ขออยู่แบบสบาย ๆ ทิ้งตัวสักวันละกัน

ทั้งบ้านไม่มีใครเลย ทุกคนออกไปทำมาหากิน

(บ้านผมมีร้านค้าอยู่ในตลาด เป็นทั้งร้านและโกดัง เลยต้องซื้อบ้านอีกหลังไว้ซุกหัวนอน)

เสียงมอเตอร์ไซค์ 3-4 คันมาจอดหน้าบ้าน โผล่หน้าออกไปดูก็เห็นเพื่อนผมมากันเป็นฝูงเลย

“เฮ้ย! นู ไปเตะบอลกันไหม”

พวกมันรู้ได้ไงว่าผมอยู่บ้าน ปกติเวลานี้ทุกคนจะรู้ว่าผมเรียนพิเศษ

“ไปเถอะว้า วันนี้มีแข่งนะเว้ย หาตังค์กินหนมกันไป”   ไอ้เข้ม เพื่อนห้องเดียวกันมันก็มา

“ที่ไหนวะ”

“โรงเรียนอะดิ วันนี้มีซ้อมเชียร์ด้วยนะโว้ย แข่งบอลเสร็จแล้วไปดูเชียร์ลีดกัน”

ใกล้ฤดูการแข่งขันกีฬาจังหวัดก็งี้แหละครับ นักกีฬาตัวแทนก็ซ้อมไป เชียร์ลีดเดอร์ก็ซ้อมไป

กลุ่มพวกผมน่ะไม่มีเอี่ยวอะไรเลยสักอย่าง ก็เลยว่างจัด นี่ก็คงหาเรื่องแข่งบอลกินตังค์กันแหงเลย

เอาก็เอาวะ....ดีกว่าอยู่คนเดียว ฟุ้งซ่านเปล่า ๆ



ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์เพื่อนคนหนึ่งไป ขี้เกียจขี่รถเอง

ไปถึงขอบสนามบอลของโรงเรียนแล้วผมถึงได้รู้ว่า....อยู่บ้านดีกว่าเป็นไหน ๆ

พี่นิวครับ....พี่นิวของผม เห็นเขาอย่างนี้ ถ้าเขามาคนเดียวก็ดี ผมจะได้รู้สึกดีใจบ้าง

แต่เปล่า....ผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ต้นหูกวางริมสนาม มีพี่นิวสวมชุดพร้อมเล่นบอลยืนอยู่ข้าง ๆ

ต่างคนก็ต่างหัวเราะใส่กันอย่างมีความสุข พวกเขายังไม่เห็นผม

“วันนี้แข่งกับใครวะ”   ผมหันไปถามไอ้เข้มเพื่อนคนที่ผมซ้อนท้ายรถมันมา

“ม.5 ไมวะ”

“กูกลับนะ ไม่อยากแข่ง”

“เฮ้ย! ไรวะ มีงไม่แข่ง ทีมก็ขาดเดะ”

“เออ....มึงหาเอาใหม่เหอะ กูขอโทษ”   ผมหันหลังกลับไปทางเดิม ขณะเดียวกันไอ้เข้มก็ตะโกนบอกเพื่อร่วมทีม

“พวกมึง ไอ้นูมันไม่เล่นแล้วโว้ย มันจะกลับบ้าน เอาไงดีวะ”

สายตาหลายคู่หันมามองผมเป็นจุดเดียว

“ได้ไงวะ ไอ้นู ไหนมึงบอกว่างไง แล้วจะรีบไปไหน อยู่ก่อนสิวะ นัดนี้เราชนะแน่ถ้ามึงเล่นด้วย”

ผมหันกลับไปตอบเพื่อน ๆ แต่สายตาผมก็อดไม่ได้ที่จะมองผ่านไปที่พี่นิว

...สบตาเขาแล้ว มันเจ็บแปลบเข้าไปในทรวงอก...

ผมคิดว่ารู้สึกอย่างนี้จริง ๆ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันวูบลึกเข้าไปในอกจนรู้สึกปวดไปหมด

ฤทธิ์ของความปวดมันกำลังกระทุ้งให้น้ำตาผมไหล


ผมคิดว่าผมต้องรีบไป.....พี่นิวมองผมแต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น เราสบตากันชั่วแวบเดียว

ผมบอกขอโทษเพื่อนอย่างเร็วแล้วเดินไม่เหลียวหลังอีก เสียงพวกมันด่าตามหลัง แต่ผมไม่สนใจอีกแล้ว

เวลานี้ผมเป็นอะไรไม่รู้ มันอยากจะร้องไห้ ผมไม่เคยอ่อนแออย่างนี้มาก่อน

กับแฟนคนที่ผมเพิ่งจะเลิกกันไป ก็ไม่เคยรู้สึกเศร้าอย่างนี้ คนนั้นเราจากด้วยดี ผมยังอวยพรให้เขาพบคนดีที่ถูกใจเขาเลย

แต่กับพี่นิว....ผมรู้สึกแย่มาก ๆ จนอยากจะขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง

ผมเดินกลับบ้าน ระหว่างทางก็แอบหวังนิด ๆ ว่าพี่นิวจะตามมา แต่เหลียวกลับไปดูก็ไม่มีแม้แต่เงา

นี่ผมหวังอะไรที่มันไม่มีทางเป็นไปได้หรือนี่  จนถึงบ้านผมก็ขังตัวเอง...อย่างเดิม



จนกระทั่งใกล้เที่ยง ผมถึงสะดุ้งตื่น รู้สึกเหมือนมีใครมากดกริ่งหน้าบ้าน....

เออ...นี่ผมหลับไปนานเหมือนกันนะ แต่ก็ดี ตอนนี้ผมรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก

การได้อยู่คนเดียว มันดับความฟุ้งซ่านในใจได้ดีเหมือนกัน

เสียงกริ่งดังอีกหนหนึ่ง....อาจจะเป็นใครที่มาหาพ่อแม่กับพี่ชาย ไม่ใช่เพื่อนผมหรอก

เพราะถ้าเป็นพวกมัน ผมจะได้ยินแต่เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์สนั่นไปหมด จนเพื่อนบ้านตะโกนด่า

หรือไม่ก็ผมเดินออกไปให้มันเห็นหน้า มันถึงจะหยุดกดแตรรถ

เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นพี่นิว....เขารู้จักบ้านผมหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ

แต่คนที่ประตูรั้วไม่ใช่คนอื่น....ไม่ใช่ใครที่ผมหวังจะให้เป็น แต่เป็นไอ้เข้มเพื่อนผมเอง....

อ้อ! มันไม่เอารถมา เลยไม่มีแตรให้กด....ไอ้เวร แล้วจะมากวนตรูทำไมเนี่ย...

“มีไรวะ”    ผมเดินไปเปิดประตูให้มัน จนมันเดินเข้ามาในบ้านถึงได้ตอบคำถามของผม ไอ้นี่มันกวนส้นผมจิง ๆ

“หิวข้าว”

“แล้วมึงเสือกมาบ้านกูจะมีอะไรให้กิน ที่ถูกน่ะมึงต้องซื้อเข้ามาเผื่อกูรู้ป่าว”

ผมตบกะโหลกมันเบา ๆ มันกับผมสนิทกันมาก เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่เข้าใจกันมากที่สุด

แต่สนิทกันแค่ไหน เรื่องลับสุดยอดของผมมันก็ไม่เคยรู้

“แล้วใครบอกมึงว่ากูมามือเปล่า”   มันมองผมค้อน ๆ แล้วล้วงถุงที่อยู่ในเป้ใส่เสื้อผ้าออกมา

“ข้าวหมูแดงเจ้าอร่อยที่มึงชอบไง”   แล้วมันก็เดินเข้าครัวไปจัดการเทใส่จาน

น้ำใจมันดีจริง ๆ เพื่อนคนนี้ เราคบกันมาตลอดสี่ปีเข้านี่แล้ว ผลัดกันแสดงน้ำใจครับ เดี๋ยวจะว่าผมเอาของมันข้างเดียว

ผมให้มันยืมเงินบ่อย ๆ ไอ้เข้มมันหน้าหม้อ ใช้เงินเปลืองเพราะผู้หญิงเรื่องเดียวจริง ๆ

แต่จนบัดนี้ผมไม่เห็นมันจะเผด็จศึกใครได้สักคน มีแต่หลอกกินของมัน

หลอกให้มันซื้อของให้ พาไปเที่ยว ไปดูหนัง แต่มันก็อยู่มาได้ ไม่เคยโศกเศร้ากับใครเขา

กินข้าวเสร็จไอ้เข้มก็กลับ แค่นี้เองที่มันมาหาผม แค่ซื้อข้าวมากินด้วยกัน

ก่อนกลับมันลุกขึ้นยืนแล้วลูบหัวผมเบา ๆ

“หายป่วยเร็ว ๆ นะโว้ย ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงทั้งคน  มีไรขอให้บอก ช่วยได้...ไม่ได้ ไม่รู้ แต่กูก็รอให้มึงพูด”

แล้วมันก็เดินออกจากบ้านไป  อะไรของมันวะ ผมไม่ได้ป่วย ผมแค่....เอ๊ะ หรือว่าอาการที่ผมเป็นอยู่จะเรียกได้ว่าป่วยใจ

....แล้วไอ้เข้มมันรู้อะไรบ้าง

....ไม่หรอก....

ผมไม่เคยบอกใคร ไม่เคยแสดงพิรุธให้ใครเห็นว่าผมไม่เหมือนเพื่อนผู้ชายในกลุ่ม เรื่องที่ผมเคยมีแฟนพวกมันยังไม่รู้เลย

เพราะแฟนผมจะเป็นคนนอก ถ้าไม่เด็กช่างก็เรียนมหาวิทยาลัยนู่น…ช่างหัวมัน....ผมมั่นใจว่ามันไม่รู้


มีคนมากดกริ่งอีกแล้ว ไอ้เข้มมันลืมอะไรหรือเปล่า ไอ้นี่ขี้ลืมครับ

มาที่บ้านผมบางทีก็ทำของตก ๆ หล่น ๆ ไว้  ต้องแวะกลับมาเอารอบสองทุกที

“คราวนี้มึงลืมอะไรอีกอะ”   ผมตะโกนออกไปก่อนจะเห็นตัว

“พี่นิว”  ผมออกเสียงได้แค่ลมผ่านปากเท่านั้น

อยากจะว่าตัวเองตาฝาด แต่ผมก็รีบไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว (กลัวเขาเปลี่ยนใจ)

“ขอพี่เข้าไปคุยข้างในได้ไหม”

“ครับ...ครับ”

โอ...พระเจ้า ได้ยินอย่างนั้นผมแทบจะอุ้มเขาเข้าบ้านไปเลยล่ะครับ

หัวใจผมเต้นตูมตาม โครมคราม แทบจะกระแทกออกมานอกอกอยู่แล้ว

ผมก็เลยต้องใช้มือกดเอาไว้กลัวว่ามันจะทะลุออกมาจริง ๆ (บ้าไปแล้วผม)

ประสาทผมกำลังสั่นอย่างรุนแรง มือผมก็สั่น เท้าที่ก้าวเดินก็สั่น

“มีใครอยู่บ้านรึเปล่า”   พี่นิววางกระเป๋าใส่เสื้อผ้าลงบนเก้าอี้ หันมามองเต็ม ๆ ตา

“ผมอยู่คนเดียว เค้าไปขายของที่ร้านกันหมด”

เท่านั้นแหละ พี่นิวก็เดินเข้ามากอดผม.....

เขากอดผมทั้งตัว ผมงงจนตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะกล้าทำแบบนี้

พอตั้งสติได้ผมก็กอดตอบ พี่นิวก็เลยกอดผมแน่นขึ้นจนกลายเป็นรัดซะผมแทบหายใจไม่ออก...

แต่ดีครับ อุ่นอกอุ่นใจดีจัง ผมก็เลยยืนนิ่งให้เขากอดจนพอใจ แล้วเราก็มานั่งคุยกันที่เก้าอี้รับแขก

“ไม่โกรธพี่ใช่ไหม”

“ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมโกรธ”

“ก็...นูเดินหนีกลับบ้าน ไม่แข่งบอล”    แน่ะ...รู้

ผมพูดไม่ออก เพราะมันจริง แต่พี่นิวรู้ว่าผมโกรธก็ยังไม่สนใจ ทำเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรา

แล้วตอนนี้จะมาทำเหมือนแคร์ผม ยิ่งคิดผมก็ยิ่งไม่เข้าใจ อะไร ๆ มันดูคลุมเครือ ผมอ่านเขาไม่ออก

เขากอดผมเหมือนว่ารัก เหมือนจะแคร์ แต่เมื่อคืนนี้ที่ผมเห็นที่สวนหย่อม มันคืออะไร

“มุกเค้ามาดูซ้อมเชียร์ลีดน่ะ มากันทั้งทีมเลย เราก็แค่ทักทายกันเฉยๆ”

แน่ใจเหรอพี่ว่ามันแค่นั้น ผมไม่ชอบโกหก ผมอาจจะเจ้าเล่ห์นิดหน่อย แต่ไม่เป็นพิษเป็นภัยร้ายแรงกับใคร

แล้วตอนนี้ผมกำลังถูกโกหกรึเปล่า

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”

“แต่พี่รู้ว่านูไม่พอใจ”

“ก็ถ้าผมจะไม่พอใจ พี่จะแคร์อะไร จะมาสนใจผมทำไม มันไม่ได้ทำให้ชีวิตพี่เสียศูนย์อยู่แล้วนี่”

แต่ผมน่ะเสียศูนย์หมดแล้ว ความมั่นใจในตัวเองมันหดหายไปหมดเลย จิตใจผมก็แกว่ง ๆ ไม่รู้จะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง

“อย่าพูดอย่างนั้น”    พี่นิวลุกจากเก้าอี้ที่เขานั่งมานั่งเบียดกับผมบนเก้าอี้ตัวเดียวกัน

“นูรู้ได้ไงว่าพี่ไม่เสียศูนย์ ทำอะไรกับพี่ไว้ลืมแล้วใช่ไหม”

พี่นิวจ้องตาผม ผมเห็นแววตาที่แสดงความเสียใจ แค่นั้นก็ใจอ่อน ก็มันรักเขาอยู่แล้ว อะไร ๆ ก็ยอมได้หมดแหละ

แล้วพี่นิวก็เป็นฝ่ายเริ่มจูบผมก่อน ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก ผมว่าการจูบมันคงเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งนะ

เพราะผมแน่ใจว่าเมื่อคืนนี้เป็นจูบแรกของเขา (ว่าง ๆ จะลองถามดูว่าจริงหรือเปล่า)

แต่วันนี้ผมกลับเป็นฝ่ายถูกจูบ พี่นิวจูบผมอย่างจริง ๆ จัง ๆ แบบที่เรียกว่าบดขยี้กันเลยทีเดียว

ผมก็ได้แต่จูบตอบ เพราะเค้าเล่นทำตัวเป็นฝ่ายรุกไล่ผมซะแล้ว

พอหนำใจก็ผ่อนแรงลงเป็นไล้ลิ้นเขาไปทั่วริมฝีปากของผมเบา ๆ ยังกับปากผมเป็นไอติมยังไงยังงั้นเลย

มันก็วาบหวามดีเหมือนกันแหละ เรากอดกัน ลูบไล้กัน แลกจูบกันไปมาอยู่นาน ก็เปลี่ยนกิจกรรมเป็นดูโทรทัศน์แทน

ผมนั่งบนพื้นโดยมีพี่นิวหนุนตักอย่างสบายอารมณ์

ผมก็แสนจะสุขใจ วันนี้เป็นวันดี ๆ ของผมจริง ๆ ผมหวังว่าจะได้พี่นิวคืนมา

แม้ว่าเราจะยังไม่เคยพูดตกลงกันว่าอะไรเป็นอะไร แต่ผมรู้สึกได้ว่าหัวใจของเราตอบรับซึ่งกันและกันแล้ว

แต่เรื่องที่ยังค้างคาในใจของผมก็ใช่ว่าจะจางหายไป เพียงแต่ผมเลือกที่จะไม่พูดให้พี่นิวลำบากใจที่จะตอบ

แถมยังทำให้ผมอาจจะต้องเจ็บปวดกับคำตอบนั้นด้วย

ผมขออยู่กับความคลุมเครือนี่ไปก่อนสักพัก แล้ววันหนึ่งถ้าผมเข้มแข็งพอผมก็จะเคลียร์มันด้วยตัวเอง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 13:38:26 โดย ์NOO »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวคลุมเครือมาก หรือพี่แกกำลังสับสนว่าจะมีแฟน ญ หรือ ช ดี รอดูต่อไป เหอๆ

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

กรุณา แก้ไขชื่อเรื่อง ให้สะกดถูกต้องตามหลักภาษาไทยด้วยคะ

ขอบคุณที่ให้ความร่วมมืออย่างดี

เจ้สอง  โมดุฯห้องนิยาย

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปอย่างเรียบ ๆ เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าที่เราเคยปฏิบัติต่อกัน

จะเปลี่ยนไปก็ตรงที่เราแยกออกมาจากลุ่มบ่อยขึ้น

โดยเฉพาะตอนเย็นเลิกเรียนแล้ว ผมจะไปขลุกอยู่ที่บ้านพี่นิวจนดึก พี่นิวก็ขับรถมาส่งผมที่บ้าน

.......ผมก็เล่าข้ามไปหน่อย....


 หลังจากที่เราเข้าใจกันแล้ว ผมก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่นิวที่บ้านทุกเย็น จนวันหนึ่งแม่ของพี่นิวบังเอิญอยู่บ้าน

 พอเห็นลูกชายลงจากรถเท่านั้น ด้วยความรักความเป็นห่วงกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเนื้อหุ้มเหล็ก

ก็เลยอนุญาตให้เอารถบีเอ็มคันที่ผมเห็นเมื่อคืนนั้นมาใช้ได้

ปกติรถคันนั้นแม่พี่นิวใช้เป็นประจำเวลาที่ไม่ได้ออกต่างจังหวัด (ผมไม่เคยรู้ไม่เคยถามว่าครอบครัวเขาทำมาหากินอะไร)

ทีนี้ก็เลยยกให้พี่นิวใช้ถาวร พี่นิวก็ขับรถไปรับผมที่บ้านทุกเช้าแล้วเราก็ไปโรงเรียนพร้อมกัน

ชีวิตของผมช่วงนี้มีความสุขสดชื่นที่สุด
 
เราอยู่ด้วยกันทุกวันเป็นเวลานาน ๆ ยกเว้นก็ตอนที่อยู่ในโรงเรียนที่เราจะไปอยู่กับกลุ่มของใครของมัน

นอกนั้นเวลาของเขาจะเป็นของผม และเวลาของผมก็มีแค่เขาคนเดียว


ดูเหมือนว่าจะแฮปปี้เอนดิ้งนะ...

แต่ผมรู้ดีตลอดเวลาว่า พระเจ้าไม่ได้สร้างเราให้มาคู่กัน หญิงก็ต้องคู่กับชายเท่านั้น

ผมทำใจยอมรับมาตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าผมเป็นอะไรแล้วว่า ชีวิตนี้ผมอาจจะไม่มีผู้ชายเป็นของตัวเอง

ดังนั้นช่วงเวลาที่มีความสุขผมจะถนอมมันไว้เป็นอย่างดี
 
แม้ว่าผมจะไม่เคยมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงคนนั้นกับพี่นิว

แต่ผมก็ไม่เคยเอ่ยปากถามให้เขาระคายใจ

ซึ่งก็พอ ๆ กันกับที่ผมไม่เคยมั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างเราว่าจะยืนยาวแค่ไหน
 
แต่ก็อย่างที่บอก ผมพอใจแค่วันนี้ เท่านี้...เท่าที่พี่เขาจะให้ผมได้ก็พอ

อยู่ ๆ วันหนึ่งตารางชีวิตของผมกับเขาก็คลาดเคลื่อน

“นู วันนี้พี่ติดธุระ นูกลับบ้านก่อนนะ แล้วพี่จะโทรไปหา”

ไม่เรื่องมากหรอกผม บอกแล้วว่าให้เท่าไหร่ก็รับเท่านั้น เขาคงมีธุระจริงๆ ไม่ก็อาจจะอยากมีเวลาส่วนตัวบ้าง....

ก็ ...โอเค

รุ่งขึ้นผมพบไอ้เข้มที่หน้าประตูโรงเรียน เช้านี้ผมเดินมาโรงเรียนเอง เพราะพี่นิวยังไม่โทรหา

พอได้เวลาออกจากบ้านผมก็ไม่รอเขามารับละ

เราเดินคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงห้องเรียน

“ทำไมวันนี้เดินมาวะ พี่นิวไปไหน”

“ไปธุระมั้ง ไม่รู้ดิ ไม่ได้บอก....ทำไม”

“ป่าว พอดีกูเจอพี่นิวเมื่อคืนที่สนามบิน”

“แล้วไง”    ผมถามไปเรื่อย ๆ แต่ในใจผมกระตุกอย่างแรง มันคงเป็นลางสังหรณ์อะไรสักอย่าง

“ก็ไม่ไงหรอก กูเห็นเค้าไปรับแฟนน่ะ”

“แฟนที่ไหน กูไม่เห็นพี่นิวจะมีแฟน”   ผมทำเป็นลืมผู้หญิงคนนั้น อาจจะเป็นเพราะใจไม่อยากรับรู้ด้วยก็ได้

“อ่าว! มึง...ก็ยัยมุกไง ไรวะมึงออกจะสนิทกับเค้า ไม่รู้รึไงว่าเค้ามีแฟน”

รู้สิโว้ย ตรูน่ะรู้ยิ่งกว่าใครซะอีก แล้วนี่จะมาพูดให้ตรูช้ำทำไมฟระ

“อ้อ! ลืมไป ยัยมุกมันดร็อปไปเรียนต่างประเทศมาเทอมนึง สงสัยมึงคงลืม”

เรียนต่างประเทศเหรอ?

ตรูไม่ได้ลืมหรอกไอ้เข้ม แต่ตรูไม่เคยรู้

พี่นิวไม่เคยบอก....ผมก็ไม่เคยถาม
 
มิน่าล่ะ พักนี้ถึงได้มีเวลาให้ผมไม่อั้น....

แล้วต่อไปนี้ เวลาเหล่านั้นก็คงไม่เหลือมาถึงผมแล้วใช่ไหมครับ...พี่นิว



วันทั้งวันผมไม่เจอพี่นิว ไม่รู้ว่าพี่เขามาเรียนหรือเปล่า แต่ก็ช่างเขาเถอะ

ผมยังไม่รู้เลยว่าจะมองหน้าเขายังไง....ทั้งที่ความจริงน่าจะเป็นเขาที่พูดคำนี้

ผมซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองมาตลอด แล้วผมก็ซื่อสัตย์กับเขาเสมอ

ตั้งแต่ผมสนิทกับเขา และเราได้ใช้เวลาร่วมกัน ผมไม่เคยมองใครอีกเลย....

นึกมาถึงตรงนี้น้ำตาจะไหลซะอีกละ

ทำไมเดี๋ยวนี้บ่อน้ำตาตื้นจังวะไอ้นูเอ๊ยยย

“ไอ้นู”   มีคนตบไหล่ผมจากด้านหลัง ไอ้เข้มน่ะเอง

“วันนี้กูไปกินข้าวบ้านมึงนะ”

ผมไม่พูดอะไร ก็ตามใจมึงสิวะ

พอเข้าบ้านไอ้เข้มก็เดินเข้าครัวเฉยเลย

“วันนี้กูจะทำกับข้าวเลี้ยงมึง”

“ทุ้ย!...กูตะหากที่เลี้ยงมึง นี่บ้านกู กับข้าวก็ของกู”

“เออ...แต่กูเป็นคนทำโว้ย ลำพังมึงมีปัญญาเหรอ ห่าเอ๊ย!”   ไอ้เข้มพูดไปหัวเราะไป ก็พอจะทำให้ผมหัวเราะออกมาได้บ้าง

อย่านึกว่ากับข้าวจะวิลิศมาหรานะ ไข่เจียวครับ....ไข่เจียวที่ตีให้แตกฟองแล้วเหยาะน้ำปลาแหละ ไม่มีเครื่องปรุงอื่น

“กูก็ทำเป็นแค่นี้แหละ มึงจะแดกป่ะล่ะ”

“เออ...กูกินเพราะเสียดายของหรอกวะ”

ข้าวร้อน ๆ กับไข่เจียวก็อร่อยขึ้นมาได้ด้วยน้ำใจของคนทำ ไม่ใช่ว่าผมเจียวไม่เป็นนะ

แต่เวลาอยู่คนเดียว ผมขี้เกียจแฮะ บอกตรง ๆ แต่ถ้าอยู่กับพี่นิว ผมคิดว่าผมอาจจะทำให้เขากินได้เหมือนกัน

...แต่ต่อไปนี้คงไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว คิดขึ้นมาน้ำตาก็พาลจะร่วงอีก

สำออยจริง ๆ เลยตรู

“เป็นไรวะ ไข่กูไม่หร่อยเหรอ”  ไอ้เข้มมันผลักหัวผมให้เงยหน้าขึ้น

“ป่าว...ไข่เจียวมึงจะให้กูอร่อยจนซี้ดปากเลยรึไงวะ”

“ก็กูเห็นมึงเขี่ย ๆ ข้าว กินไปไม่กี่คำเอง ถ้าไม่อยากกินฝีมือกูมึงก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นะโว้ย”

ไอ้เข้มซัดช้อนส้อมลงในจานดังเคร้ง คว้าจานกระเบื้องเนื้อหยาบ ๆ ไปกระแทกลงในซิงค์ล้างจานดังโครม

....ไรของมันฟระ...

มันเดินไปนั่งหน้าโทรทัศน์ ฮี่โถ่...นึกว่าจะกลับบ้าน แต่ดูมันงอน ๆผมนะ ผิดวิสัยของไอ้เข้มจริง ๆ

ผมเก็บโต๊ะเก็บจานล้างให้เรียบร้อยแล้วเดินตามออกไปนั่งด้วยคน

“เป็นไรวะมึง ทำหน้าเป็นตูด”

มันปัดมือผมที่จับหัวมันกดเบา ๆ

“ไอ้นี่...งอนเป็นสาว ๆ ไปได้”   ผมหัวเราะ แต่มันหันมาทำตาเขียวใส่ผมซะนี่

“ถึงกูจะไม่สาวก็งอนได้โว้ย....แล้วไง”   มันตะโกนใส่หน้าผม

“มึงจะสนใจกูมั่งได้ไหม กูรู้นะมึงชอบพี่นิวทั้งที่มันมีแฟนแล้ว มึงก็อุตส่าห์ไปตามดมตูดมันอยู่ได้

กูอยู่กะมึงมาตั้งสี่ปี มึงจะมองกูสักนิดก็ไม่มี กูทั้งเป็นห่วงมึง ดีกะมึง แล้วมึงเห็นกูอยู่ในสายตามั่งไหม

บอกมาหน่อยซิวะนู บอกกูที...ฮือ...”   มันร้องไห้ ส่วนผม...เอ๋อแดกครับ

ไอ้เข้มจับไหล่ผมขยุ้ม เขย่าแรง ๆ จนผมหัวสั่นหัวคลอน แล้วมันก็ร้องไห้ซะเอง อกเสื้อผมเปลี่ยนเป็นผ้าเช็ดหน้าอีกแล้ว

“มึงรู้เหรอว่ากูไม่ใช่....อย่างที่เห็น”

“เออ...กูรู้ เพราะกูมองมึงมาตลอด กูเห็นสายตามึงที่มองพี่นิวกูก็รู้แล้ว”

ผมได้แต่อึ้ง ความลับของผมไม่เป็นความลับอีกต่อไป
   
“แต่กู...กูรักมึงไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้....มึงเกลียดกูเหรอ”

   “ป่าว”

   “แล้วกูไม่ดีตรงไหน”

   “มึงดีกับกูที่สุด”

   “ก็รักกูสิ....รักกู”

   “กูก็รักมึงนะ แต่...”

   “รักกูแบบที่กูรักมึงรึป่าว”

   ผมไม่กล้าตอบ แต่ความจริงผมว่ามันก็รู้ว่าคำตอบคืออะไร เพราะมันยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่นั่น

   ไอ้เข้มกลับไปพร้อมกับตาที่แดงช้ำ ผมก็พลอยร้องไปกับมันด้วย สงสารมันก็สงสาร สงสารตัวเองก็ด้วย...

   เพราะเรามันหัวอกเดียวกัน รักคนที่เขาไม่รักเรา

   รักแล้วมันเลิกยาก....ผมรู้ว่ามันต้องใช้เวลา แต่ผมจะพยายาม


...ยังมีต่อครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 13:44:52 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


หลังจากวันนั้นระหว่างผมกับไอ้เข้ม  เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม จะสนิทมากกว่าเดิมด้วยซ้ำนะผมว่า

เพราะเวลาของผมกลับมาเป็นของผมคนดียว แต่มีไอ้เข้มเข้ามาแจมบ้างเล็กน้อย

   สันนิษฐานของผมเป็นจริงที่ว่า พี่นิวไม่มีเวลาให้ผมอีกแล้ว เราพบกันในโรงเรียนเท่านั้น

ที่โรงอาหารบ้าง ห้องสมุดบ้าง สนามบอลบ้าง แล้วแต่โอกาส

ทุกครั้งผมจะยิ้มให้เขาก่อน แต่พอเห็นท่าเขาเดินตรงมา  ผมก็เดินหนี เป็นอย่างนั้นตลอด

ไม่มีประโยชน์ที่เราจะคุยกัน มันมีแต่จะทำให้ผมตัดใจจากเขาได้ยากขึ้น

   ผมใช้เวลาส่วนใหญ่กับไอ้เข้ม รับรู้ความรู้สึกของมัน แต่เราก็เข้าใจกันดีว่า เราคงเป็นได้แค่เพื่อน

บางทีมันก็มีหลุด ๆ โอบไหล่ผมลูบไหล่ผมบ้าง ผมก็ไม่ถือ เพราะมันก็ไม่ได้มากจนเกินไป

ผมกลัวอย่างเดียวว่าเพื่อนในกลุ่มคนอื่น ๆ จะรู้แค่นั้นเอง


   แล้วก็มีเข้าค่ายพุทธศาสนาอีกแล้ว

  ผมย้ายจากชมรมพฤกษศาสตร์มาอยู่ชมรมพุทธศาสนาตามพี่นิวตั้งแต่ขึ้นม.4 ไอ้เข้มก็ย้ายตามมาอีกคน

มาถึงตอนนี้แม้จะไม่อยากเจอหน้า แต่มันก็คงหลีกเลี่ยงให้เจอกันยาก

   “มึงอยู่ไหนกูก็อยู่นั่นแหละ อย่าห้ามกูนะ ไหน ๆ มึงก็รักกูไม่ได้ กูขอแค่นี้ละกัน”

   ผมไม่ให้ก็ดูจะเกินไปนะ...ตกลงผมกับไอ้เข้มกลายเป็นเงาของกันและกันไปเรียบร้อยแล้ว

แต่ก็ยังไม่มีใครรู้เรื่องของเราอยู่ดี....แนบเนียนมั้ยล่ะตรู

   ค่ายพุทธศาสนามันก็ในวัดนั่นแล....

   วัดนี้สงบ ร่มเย็นมาก อยู่ต่างอำเภอกับบ้านผม ตั้งอยู่ริมทะเลแต่ไม่มีชายหาดหรอก

ทางวัดสร้างเขื่อนสูง ๆ กันน้ำทะเลกัดเซาะเอาไว้กันดินทะลาย ริมเขื่อนเป็นม้าหินที่ญาติโยมนำมาถวาย

วางไว้เป็นชุด ๆ เรียงรายไปตลอดแนว

   ผมเจอพี่นิวตั้งแต่ตอนขึ้นรถแล้วครับ ผมยิ้มให้อย่างเคย แต่ไม่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาทัก

ไอ้เข้มก็เหมือนจะเป็นใจ ไม่ยอมอยู่ห่างผมเลย ใจผมน่ะอยากอยู่ใกล้เขา แต่อีกใจหนึ่งก็พยายามเตือนตัวเองตลอดเวลา

....อยากช้ำกว่านี้รึไงวะไอ้นู?

   เราเข้าพักในเรือนนอนสองชั้น ปลูกติดกับชายทะเล แต่ไม่ได้หันหน้าเข้าหาทะเล เพราะโลเคชั่นมันไม่เหมาะ

แต่ไม่เป็นไร ออกจากห้องยืนหน้าระเบียงก็มองเห็นเหมือนกัน...สดชื่นจริง ๆ เหมือนได้มาตากอากาศเลย

....ห้องพักม.4 กับม.6 อยู่กันคนละชั้น แม้ว่าจะมีห้องที่อยู่ในชั้นเดียวกันยังว่างอยู่ก็เถอะ

แบบนี้มันก็ดี จะได้ไม่ต้องพบหน้าพี่นิวให้ปวดหัวใจ

(เสือกมาลงชมรมเดียวกะเขาแล้วยังกลัวปวดหัวใจอีกนะตรู...เฮ้อ..)

   กิจกรรมวันแรกไม่มีอะไรมาก เข้านมัสการพระรองเจ้าอาวาส ส่วนเจ้าอาวาสกำลังคุยกับญาติโยมคนสำคัญอยู่

หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัธยาศัย เพื่อที่จะฟังเทศน์ในตอนหัวค่ำ ระหว่างที่ยังไม่มีอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน

ผมกับไอ้เข้มก็เดินโต๋เต๋ไปมาในวัดนั่นแหละ เป็นครั้งแรกที่เราได้มาที่นี่ ก็เลยเดินซะเมื่อย สุดท้ายก็มานั่งพักขาที่ม้าหินริมเขื่อน

ลมทะเลพัดมาเรื่อย ๆ เย็นสบายจนไอ้เข้มเคลิ้มหลับไป แต่ผมไม่ค่อยชอบนอนกลางวันครับ ก็เลยถ่างตานั่งเล่นไป

สักพักก็มีมือมาแตะไหล่ผมจากข้างหลัง

   “พี่นิว”

   “นึกว่าลืมชื่อพี่แล้ว”   มีตัดพ้อต่อว่านะพี่

   “ไม่ลืมหรอก ผมไม่ใช่คนความจำเสื่อม”   เอาคืนไปมั่งนะ   “ไม่เหมือนบางคน ทำอะไรไว้แล้วก็ลืม”

   “ว่าพี่ใช่ไหม”

   “ผมมีสิทธิ์ไรไปว่าพี่ ผมแค่พูดถึงคนทั่ว ๆ ไปที่ตั้งใจลืม”

   “หาที่เงียบ ๆ คุยกันได้ไหม”

   “ตรงนี้ก็เงียบ”   ผมเกี่ยง พี่นิวพยักหน้าไปทางไอ้เข้มที่ยังฟุบหลับบนโต๊ะ

   “นะ ขอเวลาพี่หน่อย”   แล้วคิดว่าผมจะใจแข็งได้เหรอ....เจ็บไม่เคยจำเล้ย...ตรูเอ๊ยยย

   เราเดินห่างออกไปจนสุดเขื่อนมีม้าหินเดี่ยวตัวยาวตั้งอยู่ในพุ่มไม้รก ๆ ตัวหนึ่ง ดูเหมาะมาก

แต่ผมกะแล้วว่าพี่นิวคงสำรวจมาก่อน ไม่งั้นคงไม่ตรงดิ่งมาทางนี้อย่างกับรู้เส้นทางหรอก

   ในใจก็ได้แต่เตือนตัวเองว่า.....วัดนะโว้ย...นรกนะโว้ย....เพราะในใจผมมันเรียกร้องอยากจะกอดพี่นิวใจจะขาด

ยิ่งอยู่ใกล้แค่นี้ แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง และที่สำคัญผมต้องเตือนตัวเองว่าเขาไม่ใช่ของผม...เขาไม่เคยเป็นของผมเลย....

   “ทำไมเดี๋ยวนี้หลบหน้าพี่”

   “หลบที่ไหน ถ้าหลบพี่ผมจะมาเข้าค่ายเหรอ”  ปากแข็งอีกแล้วตรู

   “แต่ไม่ยอมคุยกัน”

   “ก็คุยอยู่นี่แงะ”   ผมตอบไป ทำหน้ากวน ๆ ไป จนพี่เขาต้องถอนหายใจ

   “คุยกับพี่ดี ๆ มั่งได้ไหม”

   “แล้วผมคุยไม่ดีตรงไหน”

   “มันไม่เหมือนเดิม”

   “หึ...หึ...”   ผมหัวเราะทั้งที่อยากจะร้องไห้ชิบ

   “จะให้ผมเหมือนเดิมข้างเดียวเหรอพี่ แล้วพี่ล่ะ ทำอย่างที่พูดได้ป่ะ”

   “นู พี่ขอโทษ ให้พี่อธิบายหน่อยนะ”

   “ไม่เอา ผมไม่อยากฟัง ช่างเหอะพี่ ผมไม่ได้คิดไรมากอยู่แล้ว ผมเตรียมใจมาแต่ต้นแล้วว่าสักวันจะเจอแบบนี้”

   “นูเข้าใจพี่จริง ๆ รึเปล่า อย่าทำอย่างนี้เลย พี่อยากบอก....”

   ไม่รับรู้แล้วว่าพี่เขาอยากจะบอกอะไร ผมสุดจะทนฟังคำแก้ตัว ถึงผมจะเตรียมใจที่จะต้องผิดหวังสักวันหนึ่ง

แต่มาตอกย้ำกันแบบนี้ มันทรมานนะครับพี่

   “ผมไม่อยากรู้ มีไรแมะ พี่จะทำไร กะใคร ต่อไปนี้เราไม่เกี่ยวข้องกัน เชิญพี่ตามสบาย ผมไปล่ะ”

    ผมรีบเดินจนแทบจะเป็นวิ่งไปที่โต๊ะเดิม ไม่ได้หันกลับไปมองอีก กลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ

ทั้งที่อุตส่าห์แข็งใจพูดออกไปทั้งที่หัวใจผมแทบจะหลั่งเลือด

   ที่โต๊ะเดิม ไอ้เข้มตื่นแล้ว มันหันมามองผมที่ทำท่ากระหืดกระหอบ (แบบว่ารีบเดินหนี)

   “ไปไหนมาวะ ทิ้งให้กูนอนคนเดียว”

   “ขอโทษ เมื่อกี้กูไปฉี่มา”   ที่จริงผมไม่ชอบโกหกเลย แต่หนนี้ขาดสติ ปากมันพาไป

   มันทำหน้าไม่เชื่อจนผมต้องรีบย้ำว่า จริง ๆ นะเว้ย มันก็ไม่ได้ติดใจสงสัย (ถึงสงสัยตรูก็ไม่บอก)


   ระหว่างเข้าค่ายผมกับพี่นิวได้พูดคุยกันแค่นั้นจนกระทั่งออกค่ายกลับบ้าน เพราะไอ้เข้มมันไม่เปิดโอกาสให้

มันไม่ยอมฟุบหลับ ผมไม่หลับมันก็ไม่ยอมนอน ผมไปไหนมันไปด้วย ทำกิจกรรมกลุ่มมันก็ขอรุ่นพี่ให้เอาเข้ากลุ่มเดียวกัน

ห้ามแยก อาบน้ำมันยังอาบห้องเดียวกับผมเลย จนใคร ๆ ทักว่ามันแอบหรือเปล่า มันก็แก้ตัวว่ามันกลัวผี...ทุกคนก็ยอมเชื่อ

แต่ผมสิครับ เวลามันอาบน้ำด้วยกันกับผม ผมก็กลัวว่ามันจะลวนลามเอา แต่ไม่เลย มันให้เกียรติผมเสมอ ไอ้เข้มมันน่ารักจริง ๆ

ทำไมผมไม่รักมันนะ....


   หลายวันต่อมามีพัสดุส่งมาถึงผมที่โรงเรียนตอนพักเที่ยง ไม่บอกชื่อผู้ส่ง และที่น่าสงสัย มันไม่ได้ถูกส่งมาทางไปรษณีย์ครับ

แต่มาจากร้านค้าแห่งหนึ่ง ผมแกะดูต่อหน้าไอ้เข้ม (บางทีผมก็คิดว่าผมกะมันตัวติดกันไปแล้ว)

   “ไม่ใช่บอมบ์ใช่ไหมมึง”   ไอ้เข้มพูดติดตลก...ไอ้บ้า...เค้าไม่ให้ล้อนะเฟร้ย...เดี๋ยวมันเป็นจริงตามปากละแย่เลยนะมึง

    มันเป็น...โทรศัพท์มือถือครับ ถึงจะไม่ใช่รุ่นใหม่เอี่ยม แต่ก็เป็นยี่ห้อที่ราคาในตลาดไม่ค่อยตก แล้วรุ่นนี้เพิ่งจะปล่อย

เมื่อหกเดือนก่อน ราคามันก็ไม่น้อยนะผมว่า เกือบ ๆ หมี่นแหละ ใครกันที่ส่งของขวัญมีราคาขนาดนี้มาให้ผม....ผมคิดเล่น ๆ ว่า

คนที่บ้านคงจะเซอร์ไพรส์ผมมั้ง เพราะผมเคยขอเล่น ๆ

   แต่ไม่ใช่....มีโน้ตสั้น ๆ แนบมาด้วย ผมรีบแกะอ่าน โดยลืมหันหลังให้ไอ้เข้ม มันก็เลยได้อ่านไปพร้อม ๆ กะผม

   “แมร่งลงทุนชิบหาย”   แล้วมันก็มองหน้าผมแบบหยั่งท่าที

   “พี่เค้าทำแบบนี้ทำไมวะ”   ผมรำพึงเฉย ๆ

   “มึงถามกูเหรอ”   มันตอบสะบัด ๆ ยังกะโกรธผม แล้วตรูผิดตรงไหนฟระ

   “มันกลัวมึงไม่รู้ว่ามันรวย เอาเดะ มันซื้อให้ มึงรีบไปขอบใจมันเลยไป”   แล้วไอ้เข้มก็เดินหนีผมไป....ไปไหนก็ไม่รู้

เจอมันอีกทีตอนเลิกเรียนแล้ว ผมเห็นตอนที่มันสตาร์ทรถออกไป มันยังหันมาค้อนผมเลย สรุปว่ามันโดดตลอดบ่ายไม่เข้าสักวิชา

   ไอ้เข้มไม่กลับบ้าน ผมโทรไปที่บ้านบอกว่ามันไปนอนค้างบ้านเพื่อน มีรายงานด่วนที่ต้องส่งพรุ่งนี้ ห่าเอ๊ย! มันโกหกที่บ้าน

หลบหน้าผมนะนั่น ผมกับมันเรียนห้องเดียวกัน ผมไม่มีรายงานด่วน แล้วแมร่งมันจะมีได้ไง

   ผมสงสัยจริง ๆ ว่ามันไปค้างกับใคร แต่จะให้โทรตามเหรอ...ผมไม่ใช่แฟนมันนี่ แต่ก็อดห่วงมันลึก ๆ ไม่ได้

ระยะหลังเราแทบจะตัวติดกัน หายไปสักคนอย่างที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ มันก็น่าห่วงอยู่นะ....แล้วผมก็ลืมเรื่องไอ้เข้ม

หันมาสนใจเรื่องมือถือแทน

   ผมยังไม่ได้คุยข้อข้องใจกับพี่นิวเลย ผมไม่รู้ว่าพี่เขาหมายความว่าไง พอสักสี่ทุ่มผมกำลังจะเข้านอน แม่ก็มาเรียกที่ห้อง

   “เพื่อนมาหาแน่ะนู เค้าคอยในรถนะ เห็นบอกว่ามาธุระแป๊บเดียวก็เลยไม่เข้าบ้าน”

   พอแม่บอกว่าคอยในรถผมก็รู้แล้วว่าเป็นใคร เพราะเพื่อนผมก็มีพี่นิวคนเดียวที่ขับรถยนต์เป็นประจำ

(ตั้งแต่แรก ๆ ที่เราเริ่มสนิทกันแหละ)

   ผมเดินออกไปพี่นิวก็เปิดประตูรถ บอกให้ผมขึ้นไปนั่งคุยกันข้างใน แต่พอผมขึ้นไปเท่านั้นแหละ เขาก็ออกรถทันที

   ผมทำเป็นแข็งใจไม่พูดด้วย ดูซิว่าเขาจะทำอะไรต่อ

   รถวิ่งไปเรื่อย ๆ โดยที่เราไม่พูดอะไรกันเลย ในที่สุดพี่นิวก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้

   “ทำไมนูทำกับพี่แบบนี้”

   “ผมอยู่ของผมเฉย ๆนะ”

   เขาเงียบไปอีก จนกระทั่งมาถึงที่แห่งหนึ่ง ก็ไอ้สวนหย่อมที่ผมเคยเห็นเขากับผู้หญิงคนนั้นนั่นแหละ

   “รู้ไหมว่านูทำพี่เสียใจแค่ไหน”   โหย...พี่นิวอย่าแย่งคำพูดของผมสิครับ

   “ผมเนี่ยนะ...น้ำหน้าอย่างผมจะไปทำไรพี่ได้”

   “หยุดพูดประชดพี่สักทีได้ไหม แล้วฟังพี่พูดมั่ง”  พี่นิวกระชากไหล่ของผมให้หันไปมองเขา

ถึงในรถจะมืด แต่ผมก็เหมือนจะรู้สึกได้ว่าพี่นิวกำลังร้องไห้

   “เอาสิ....พี่อยากจะพูดไรก็พูดไป”  ผมนั่งกอดอก ทำท่าตั้งใจฟังเต็มที่   “ผมอยู่ในรถพี่ ไปไหนไม่พ้นอยู่แล้ว

พูดเสร็จแล้วช่วยไปส่งผมที่บ้านด้วย”

   “ก็ได้ ๆ พี่รู้ว่านูประชดพี่ แต่ขอแค่ให้นูฟังที่พี่พูดก็พอ แล้วนูจะทำยังไงต่อไปก็แล้วแต่นูก็แล้วกัน”

   พี่นิวดับเครื่องแล้วเปิดประตูรถ

   “ไปคุยข้างล่างนะ”

    เอาไงก็เอากัน ผมเดินตามไปติด ๆ เรานั่งด้วยกันบนม้านั่งมีพนักพิงใต้ต้นไม้ใหญ่

ร่มเงาของมันทำให้ตรงนั้นมืดพอที่จะไม่มีใครมองมาเห็นเรา....ผมนึกถึงคืนนั้นที่ผมเห็นภาพบาดตา...

ถึงมันจะไม่ใช่เก้าอี้ตัวดียวกัน แต่มันก็ที่เดียวกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวด แต่เอาเหอะ เจ็บครั้งนี้เป็นทีสุดท้ายแล้ว

ผมจะตัดใจจากพี่นิวให้ได้เร็ว ๆ

   “นูคงว่าพี่ใจดำที่ไม่มีเวลาให้นู แต่รู้ไหมว่าพี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ พี่อยากให้เราเป็นเหมือนเมื่อก่อน

เลิกเรียนแล้วไปอยู่กับพี่ที่บ้าน พอสี่ทุ่มพี่ไปส่งนู รุ่งเช้าไปรับแล้วไปโรงเรียนพร้อมกัน...”

   จะรื้อฟื้นทำไมฟระ น้ำตาตรูจะแตกอยู่แล้วรู้บ้างไหมเนี่ย

   “ที่พี่ต้องห่างจากนูก็เพราะ...”

   “ผมรู้แล้วนั่นน่ะ พูดข้าม ๆ ไปมั่งก็ได้”

   “เอ่อ...มุกเค้ากลับมาจากต่างประเทศ....เค้าได้ทุนไปเรียนเทอมนึง”

   “นั่นผมก็รู้แล้ว”

   “ก่อนเค้าไปเราทะเลาะกันจนถึงกับเลิกกันนั่นแหละ”   ผมมองหน้าเขาอยากจะพูดว่า นั่นตรูก็รู้อยู่แล้ว

   “ที่จริงพี่ตั้งใจจะเลิกกับเค้าจริง ๆ เพราะเค้าไปมีคนใหม่ทันทีหลังจากที่เราทะเลาะกัน แต่พอเค้ากลับมา เค้าก็โทรมาขอคืนดี”

   “เค้าบอกให้พี่ไปรับเค้าที่สนามบินด้วยไม่ใช่เหรอ”

   “นูรู้ได้ไง”

   “อย่ามาย้อนถามผมเลย พี่บอกมาแค่ใช่รึไม่ใช่ก็พอ”

   “ก็ใช่ พี่ก็แค่ไปรับเค้าเท่านั้นนะ ไม่ได้คิดอย่างอื่น แต่มีอยู่วันนึง มุกเค้าโทรมานัดพี่ออกไปคุย”

   “ที่นี่ใช่ไหม”

   “อะไรนะ”

   “พี่นัดกันที่นี่ใช่ไหม”   ผมถามให้ชัดขึ้น

   “นูรู้ได้ไง”   ทำไก๋นะ....เท่านั่นแหละผมสติแตกทันที ไม่รู้น้ำหูน้ำตามันมาจากไหน อยู่ ๆมันก็ไหลออกมาเต็มหน้า

   “ไม่ใช่แค่รู้ แต่ผมเห็นเต็ม ๆ ตาเลยแหละ พี่กอดกะมันที่นี่ กอดมันอย่างที่พี่กอดผม คืนนั้นพี่บอกผมว่าจะไปธุระ

แล้วจะโทรหาผม แล้วไหนล่ะธุระของพี่ ไหนล่ะที่พี่บอกว่าจะโทรหา ตั้งแต่วันนั้นผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากพี่เลย”

   “นูก็ไม่เคยโทรหาพี่เหมือนกัน”

   “ผมผิดเหรอ ที่ไม่โทร พี่สัญญากับผมนะว่าจะเป็นฝ่ายโทร แล้วหลังจากที่ผมเห็นธุระของพี่คืนนั้น

พี่คิดว่าผมควรจะโทรหาพี่เหรอ...บอกผมหน่อย…บอกผมว่าผมควรจะทำยังไง ในเมื่อรู้ตัวว่าเจ้าของเค้ามาทวงของเค้าคืน”

   “มุกไม่ใช่เจ้าของพี่นะ นูต่างหาก”

   “ผมเหรอเป็นเจ้าของพี่...พี่เคยทำให้ผมมั่นใจอย่างนั้นเหรอ พี่เคยบอกรักผมบ้างไหม มีแต่ผมที่เป็นฝ่ายบอกรักพี่ทุกที

ผมไม่เคยแน่ใจเลยว่าเรารักกัน ผมคิดมาตลอดว่าผมรักพี่ข้างเดียว แต่ผมก็ไม่แคร์ แค่พี่อยู่กับผม ทำดีกับผม

คำว่ารักคำเดียวผมรอได้ ผมยังหวังอยู่เลยว่าสักวันพี่อาจจะพูดได้เต็มปากว่ารักผมเหมือนที่ผมบอกว่ารักพี่

….ผมรักพี่นะ พี่นิว พี่ใจร้ายกับผมขนาดไหนผมก็ยังรักพี่”

   “จริงเหรอที่พูดน่ะ รักพี่แล้วทำไมนูถึงมีเข้มล่ะ”

   “ผมไม่เคยมีใคร อย่าคิดว่าผมจะทำอย่างที่พี่ทำกับผมนะ”

   “พี่ทำอะไร”

   “พี่กลับไปดีกับแฟนทั้งที่พี่ให้ความหวังกับผมน่ะสิ แล้วยังมีหน้ามาว่าผม พี่ใจร้ายเกินไปแล้ว ผมจะกลับบ้านแล้ว

ไปส่งผมเถอะ ผมไม่อยากพูดกับพี่”

   ตลอดเวลาที่พูดกัน ไม่ใช่แค่ผมที่ร้องไห้ พี่นิวก็ร้องไห้ไปกับผมด้วย เราเหมือนคุยกันคนละเรื่อง

ต่างคนก็ต่างพูดถึงความผิดของอีกฝ่าย ผมว่ายังไงมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ขอผมกลับไปตั้งสติก่อนได้ไหม




   มือถือพร้อมใช้ยังวางอยู่ที่หัวเตียง....มันคือของขวัญที่พี่นิวให้ผม ถ้าไม่ใช่อารมณ์นี้ ผมคงดีใจน่าดูเพราะก็เคยอยากได้

 เวลาที่โทรคุยกันด้วยโทรศัพท์ที่บ้าน ต้องคอยระวังไม่ให้ใครได้ยิน ถ้ามีมือถือผมจะได้คุยกับเขาในห้องนอน

คุยเสร็จก็หลับฝันดีกันไป

   แต่วันนี้มันสายเกินไปหรือเปล่าที่จะทำอย่างนั้น ความจริงแค่กดออก ก็ได้คุยแล้ว

(มือถือเมมเบอร์ไว้เรียบร้อยแล้วทั้งเครื่องมีแค่เบอร์เดียวซึ่ง ‘คุณก็รู้ว่าใคร’ แม้แต่เบอร์บริการของเครือข่ายก็ถูกลบหมด)

   เสียงเคาะประตูหน้าห้อง ทำให้ผมต้องออกไปเปิดประตู

   พี่ชายผมเอง...

   “ไปกินข้าว ทำอะไรอยู่ทำไมไม่ลงไป”   เสียงพี่ชายผมออกจะดุ ๆ แต่เป็นคนที่ใจดีมาก ๆ

   “นูไม่หิวอ่ะ ไม่กินได้ไหม”  มันเศร้าใจจนกินอะไรไม่ลง

   “เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ ถ้าไม่กินข้าวก็กินอย่างอื่นละกัน”

     พี่ชายผมหายไปครู่หนึ่งก็กลับมาเคาะประตู แล้วเปิดเดินเข้ามาวางขนมปังทาเนยโรยน้ำตาลของโปรด

ไว้ที่โต๊ะเขียนหนังสือให้ผม พร้อมกับนมหนึ่งแก้ว ผมซาบซึ้งจนน้ำตาไหล...แต่ความจริงผมรู้ดีว่า มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอก

ที่ทำให้ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่ มันมีเรื่องพี่นิวก่อกวนความรู้สึกอยู่ก่อนแล้วตะหาก

   พี่ชายผมตกใจมาก เดินเข้ามาที่เตียงนอนแล้วถามด้วยความเป็นห่วง

   “เป็นอะไรนู”  เขาเข้ามาจับไหล่ผม แล้วลงนั่งที่พื้นหน้าเตียง สายตามองมาด้วยความกังวล 

พี่ชายอายุมากกว่าผมเป็นสิบปี เรียนจบออกมาช่วยงานที่ร้านได้สองสามปีแล้ว ความที่ผมเด็กกว่าเขามาก

บางครั้งเขาก็เลยดูแลผมเหมือนพ่อดูแลลูกเลยครับ

   ผมพูดความจริงออกไปไม่ได้ มันก็ยิ่งอึดอัด น้ำตามันก็ยิ่งไหลจนกลั้นสะอื้นไม่อยู่ พี่เข้ามากอดผม ปลอบผม

รอจนผมหยุดร้องไห้ก็ถามอีก

   “มีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้นะ ทะเลาะกับแฟนรึเปล่า”

   ผมมองหน้าพี่ตื่น ๆ เขาจะรู้อะไรแค่ไหนกันนะ

   “นูเป็นหนุ่มแล้วจะมีเรื่องอะไร ถ้าไม่ใช่แฟน เพราะเราน่ะเรียนเก่ง คงไม่สอบตกหรอกจริงไหม

ทะเลาะกับเพื่อนก็งั้น ๆ แหละ...มันคงไม่ถึงกับน้ำตาตกหรอก พี่เดาถูกรึเปล่า”

   พี่ผมเดาแม่นชิบ...แต่ผมล่ะ ในเมื่อพูดก็ไม่ออก บอกก็ไม่ได้ ผมก็เลยพยักหน้าซะเลย ก็ไม่ใช่ว่าโกหกนะครับ

เพียงแต่ความหมายของคำว่า ‘แฟน’ ของพี่กับของผมมันแตกต่างกันก็เท่านั้นเอง

   “รักเค้ามากก็ไปง้อเค้าก่อนสิ ไม่ต้องรอให้เค้ามาง้อหรอก เราลูกผู้ชายต้องง้อผู้หญิงถึงจะถูก

แล้วถ้าเค้ารักเรารับรองไม่งอนนานอยู่แล้ว แต่ถ้าจะรอให้ผู้หญิงเค้ามาง้อน่ะมันไม่ดีรู้ไหมผู้หญิงดี ๆ เค้าต้องสงวนท่าที”

   เป็นไงล่ะคำสอนของพี่ผม ช่วยได้เยอะเลยเนอะ....ช่วยให้ผมไม่กล้าคิดจะง้อพี่นิวไปเลย เพราะต้องสงวนท่าที

แล้วพี่นิวจะง้อผมไหมเนี่ย...ผมเองก็อยากให้เขามาง้อนะ รับรองเลยว่าผมไม่งอนนานอยู่แล้ว

   ผมชั่งใจอยู่วันสองวันว่าจะเอาไงต่อดี ระหว่างนั้นผมก็ไม่ค่อยจะเจอหน้าไอ้เข้มนอกจากเวลาเรียน

มันทำตัวหายสาบสูญไปจากชีวิตซะแล้ว เห็นมันในห้องเรียนอยู่หลัด ๆ พอออกมาก็ไม่เห็นมันแล้วราวกับมันเป็นมนุษย์ล่องหน

...เออ...ไอ้เข้มนะไอ้เข้ม พอตรูมีเรื่องจะปรึกษาดันหายหัว ต่อไปตรูจะไม่ให้มันยืมเงินแล้วเฟร้ย

   เอาวะ...เป็นไงเป็นกัน ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปคุยกับพี่นิวอย่างเปิดอกซะที อยู่อย่างนี้มันไม่มีอะไรชัดเจน


ตอนนี้ผมคิดว่าผมพร้อมแล้วที่จะฟังทุกเรื่อง และจะขอพูดทุกเรื่อง รวมทั้งขอให้พี่นิวรับผิดชอบความรู้สึกของผมด้วย

แต่ถ้าเขาไม่ยอมรับผิดชอบ ก็ให้มันจบ ๆ ไปซะ ผมอึดอัดจนเรียนหนังสือแทบไม่รู้เรื่องเลย

เห็นหน้าไอ้เข้มตอนอยู่ในห้องเรียนก็หมองไม่น้อยไปกว่าผม

....ไอ้เข้มเอ๊ย! ถ้าผลการเจรจากับพี่นิวไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ตรูจะให้มันดามอกให้

อย่างน้อยก็มีมันนี่แหละที่รักผมแน่วแน่และมั่นคง (รึป่าววะ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 14:00:43 โดย ์NOO »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวไม่ชัดเจนเลย สมควรแล้วที่นูจะทำแบบนี้ ส่วนเข้มก็น่าสงสารไปรักเพื่อนตัวเองมันช่างเจ็บปวด

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 มาให้กำลังใจน้องนู ลุย

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
สนุกมากครับ

มาลงชื่อขอติดตามเรื่องนี้ด้วยคน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ 30.9.2555
« ตอบ #19 เมื่อ: 01-10-2012 00:43:08 »





ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2




ผมเดินกลับบ้านอย่างเคย กะว่าไปเอารถมอเตอร์ไซค์ (ที่พักหลังไม่ค่อยได้สนใจ) ขี่ไปหาพี่นิวที่บ้าน

แต่พอออกจากประตูโรงเรียนได้ไม่ทันไร ผมก็โดนล้อมกรอบ ไม่รู้มันมาจากไหนกันเป็นฝูง ผู้ชายอึด ๆ หื่น ๆ ทั้งนั้น

   “ไงวะน้อง ได้ยินว่าชอบฟันดาบเหรอวะ”  คนหนึ่งในนั้นมันเริ่มก่อน ในมือมันมีเชือกเส้นไม่เล็ก สักขนาดเชือกลูกเสือได้มั้ง

ผมเริ่มใจไม่ดีก็ไอ้คำทักทายของมันนั่นแหละ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากพี่นิวกับไอ้เข้ม แต่ผมเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า

สองคนนั้นไม่มีวันเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด

   “พวกพี่เป็นใครน่ะ ผมไม่เคยรู้จัก”   ผมทำใจดีสู้เสือ

   “ไม่ต้องรู้จักก็ได้นี่น้อง พี่แค่อยากลองฟันดาบกะน้องง่ะ เดี๋ยวเราก็รู้จักกันเองแหละ”

   “ฟันดาบอะไรกัน ผมไม่รู้เรื่อง หลีกไปเถอะพี่ ผมจะกลับบ้าน”   ผมถอยหลังได้สองก้าว ก็โดนพวกมันอีกคนเข้ามาซ้อนหลัง

   “เฮ้ย! มึงช่วยกันจับไว้ กูจะมัดมือมัดตีนมัน จะได้อุ้มขึ้นรถง่าย ๆ หน่อย”

   รถอะไร...ว่าแล้วผมก็หันไปเห็นรถตู้โทรม ๆ จอดอยู่ริมรั้วโรงเรียน มันคงหวังจะเอาผมขึ้นรถตู้ไปทำมิดีมิร้ายที่ไหนสักแห่ง
 
ใจผมเต้น...ฝ่ามือเย็นจนรู้สึกได้ ตอนนี้ผมกลัวจนแทบจะหยุดหายใจ ปกติแถวนี้ก็ไม่ค่อยจะมีใครเดินมาอยู่แล้ว
 
แต่มันเป็นทางเข้าซอยลัดเข้าบ้านผมที่อยู่ถนนสายถัดไป เดินไปเดินมาทุกเช้าทุกเย็นไม่เคยมีเหตุการณ์ร้าย ๆ

แต่นี่มันกำลังจะเกิดกับผมเป็นรายแรก

   คนแรกที่ผมนึกถึงคือพ่อ แม่ แล้วก็พี่ชาย ถ้าผมหายไปทุกคนจะเป็นยังไง

   พวกมันกรูกันเข้ามายึดแขน ยึดขาผม อีกคนเอาผ้าผูกปาก ผมพยายามขัดขืนทุกทาง แต่สู้แรงมันไม่ไหว

ก็พวกมันมากันเต็มไปหมด สุดท้ายผมก็ได้แต่ปลงกับชีวิตที่เหลือ น้ำตาของผมไหลออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
 
ไม่มีใครสักคนที่จะเห็นเหตุการณ์แล้วเข้ามาช่วย ผมหยุดดิ้นรนเพราะมันไม่มีประโยชน์ เหนื่อยเปล่า ๆ

   เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ไม่น่าจะมีใครผ่านไปผ่านมา แต่แล้วผมก็ดีใจสุดชีวิต ตอนที่พวกมันกำลังหามผมขึ้นรถ
 
แต่ยังไม่ทันจะเข้าไปในรถ บังเอิญสายตรวจขี่มอเตอร์ไซค์เลี้ยวโค้งออกมาจากซอยลัดพอดี

ที่จริงทีแรกผมไม่เห็นสายตรวจหรอกครับ  เพราะพวกมันกำลังรุมล้อมอยู่ แต่พวกมันสิ ตะโกนใส่กันโหวกเหวก

โยนผมลงไปกองข้างทาง แล้วก็โกยอ้าวขึ้นรถหายไปเลย
 
ผมเจ็บจนจุกร้องไม่ออกอยู่นาน ตำรวจสายตรวจจอดรถลงมาดูผม แก้เชือกมัดมือให้ แล้วขี่รถตามพวกมันไป

ปล่อยให้ผมแก้เชือกที่เหลือเอาเอง ก็ยังดีครับ ผมมือไม้สั่นไปหมด กว่าจะแก้เชือกที่มัดข้อเท้าได้ก็แทบแย่

พักใหญ่สายตรวจก็วนกลับมาที่ผมนั่งหมดแรงอยู่

   พี่ ๆ ตำรวจใจดีมากครับ จะพาผมไปส่งโรงพยาบาล แต่ผมไม่เป็นไรแล้วก็เลยไม่อยากไป

แต่ผมต้องไปให้ปากคำตำรวจที่โรงพักนี่สิเรื่องใหญ่

   “ผมไม่รู้จักพวกมันเลยครับพี่ ผมไม่เคยมีเรื่องกับใคร มันอาจจะจับผิดตัวก็ได้”

   “แล้วจะแจ้งความไหมล่ะ”

   “แจ้งจับใครล่ะครับ ผมพอจำหน้าได้บ้างแต่มันก็เลือน ๆ นะครับ พวกมันมากันตั้งหลายคน

ไม่มีใครที่คุ้นหน้าเลย ทะเบียนรถผมก็จำไม่ได้ มันตกใจกลัวจนขี้ขึ้นหัวหมดแล้วครับ”

   “เออ...ถ้างั้นทีหลังก็ระวังตัวหน่อยละกัน ไม่รู้มันจะย้อนมาอีกรึเปล่า แต่ถ้ามันจับผิดตัวซะก็แล้วไป

แล้วนี่บ้านอยู่ไหน มาพี่ไปส่ง”

   “ไม่ต้องครับ ขอบคุณพี่มาก”   ผมไหว้ขอบคุณพี่ทั้งสองแล้วก็เลยขอตัวกลับบ้าน เพราะว่าอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว

   ผมไม่คิดจะบอกใคร เพราะอายจริง ๆ โดยเฉพาะคนที่บ้าน ผมสงสัยว่าพวกมันรู้เรื่องผมได้ไง

แล้วทำไมมันคิดจะทำร้ายผมด้วย แต่คิดจนหัวแทบแตกก็หาคำตอบไม่ได้

ผมอาบน้ำแล้วเข้านอนพร้อมกับความกังวลที่ยังไม่มีคำตอบ

แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าทีแรกผมตั้งใจจะมาเอารถขี่ไปหาพี่นิวที่บ้าน

   จริงสินะ ผมอยากจะพูดกับใครสักคนเรื่องเมื่อเย็นนี้ ผมกดโทรศัพท์ออกไปยังเบอร์ที่เมมไว้ทันที

   ทางโน้นก็รับทันทีเหมือนกันครับ....แต่มันไม่ใช่เสียงพี่นิว

   “ฮัลโหล”   ผมไม่กล้าตอบรับเพราะเป็นเสียงผู้หญิง

   “จะพูดกับใครคะ”   จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....

   “ฮัลโหล”   ผมยังลังเล ว่าจะเอาไงดี

   “ถ้าไม่พูดฉันวางแล้วนะ...บ้าเอ๊ย...โทรมาเสือกไม่พูด”   ทางโน้นวางสายไปก่อนผม

    หางเสียงแว่ว ๆ เป็นคำด่าแบบเบา ๆ ที่ผมไม่เคยคิดเลยว่า จะหลุดออกมาจากปากผู้หญิงที่ดูอ่อนหวานแบบหญิงไทยร้อยเปอร์เซ็นได้

             ...ผมงงมากครับ...

   ถึงผมไม่เคยพูดจากับผู้หญิงคนนั้น แต่ก็ไม่เคยได้ยินใครพูดถึงในทางร้าย ๆ ส่วนมากจะชมว่า สวย หุ่นดี เก่ง

แล้วก็เป็น ผู้ญิ้ง...ผู้หญิง

   แต่ให้ตายเถอะ....ที่ผมได้ยินน่ะมันไม่ใช่ หรือจะเป็นคนอื่น

             ....พี่นิวมีคนอื่นอีกงั้นเหรอ??


.....มีต่อครับ....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 14:04:35 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


    ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง ในใจมีแต่ความหวาดกลัว สับสน และไม่เข้าใจ

    เหตุการณ์ร้าย ๆ นั่นยังสั่นประสาทผมไม่หาย เนื้อตัวผมก็ยังระบมไปหมด

พรุ่งนี้เถอะอาจจะถึงกับลุกไม่ขึ้น ผมคิดว่าพวกมันตั้งใจที่จะทำร้ายผมแน่ๆ ไม่ใช่จับผิดตัวอย่างที่ผมบอกกับตำรวจไป

คราวนี้มันพลาด แล้วคราวหน้าล่ะ....ผมจะโชคดีอย่างนี้ไหม

     ผมกำลังต้องการใครสักคนที่จะพูดด้วยได้อย่างเปิดอก พูดเรื่องที่ผมเพิ่งจะพบมาเมื่อเย็นนี้

พูดเรื่องความทุกข์ในหัวใจของผม คนที่ผมคิดถึงเป็นคนแรกคือพี่นิว แต่กลายเป็นว่า

มันยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ผมรู้สึกเลวร้ายลงเรื่อย ๆ คนที่ผมรัก ไม่รักผมก็ไม่ว่า

ผมขอแค่ความจริงใจ เขาก็ยังไม่มีให้ ผมเหมือนถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 
   ผมไม่อยากร้องไห้ แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาแล้ว ผมอัดอั้นตันใจเต็มที

ผมอยากได้ใครสักคนมาอยู่ข้าง ๆ มาช่วยรับฟังผมที แค่ให้ช่วยมารับฟังเท่านั้น

เพราะปัญหาของผมยังไงผมก็ต้องแก้เองอยู่แล้ว


   ได้โปรดเถอะ...ขอใครสักคนได้ไหม มาอยู่ข้าง ๆ ผมตอนนี้


   ผมผลุนผลันลุกไปเปิดประตู กะว่าไม่ว่าคนแรกที่ผมเจอ จะเป็นพ่อ หรือ แม่ หรือว่าพี่ชาย ผมก็จะเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้ฟังให้หมด


   ประตูเปิดออก แต่ไม่ใช่เพราะมือผม

   “เข้ม”   ผมเรียกชื่อออกไป

     ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผม เป็นคนที่ผมแทบจะลืมไปแล้ว แต่กลับมาได้จังหวะพอดี

ผมโผเข้าหามันซะเต็มอ้อมแขนเลย

   “ไอ้นู มึงเป็นไร”   มันถามผมหน้าตาตื่น เพราะหน้าผมนองไปด้วยน้ำตา

แถมยังกอดมันไปร้องไห้ไปอย่างที่มันต้องไม่เคยเห็นแน่ ๆ

   “เออ...เข้มมาก็ดีแล้ว ฝากดูนูหน่อยนะ เป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว พี่ไม่รู้จะทำไง เพื่อนกันคงคุยกันได้ง่ายกว่าพี่”

    ผมเพิ่งจะเห็นว่าพี่ชายผมเดินมาส่งมันที่หน้าห้อง โชคดีจริง ๆ ที่มันมาทันก่อนที่ผมจะหลุดอะไรออกไปอย่างที่คิดไว้ทีแรก

   ไอ้เข้มกอดประคองผมเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูตามหลังแถมกดล็อคซะด้วย ถึงจะดูแปลก ๆ

แต่นาทีนี้ ผมไม่สนใจละ แล้วไอ้เข้มก็ประคองผมมานั่งลงที่เตียง

   “มึงหายไปไหนมาไอ้เข้ม รู้มั่งไหมกูเจออะไรมามั่ง ไหนมึงบอกว่ามึงรักกู แล้วทำไมมึงไม่อยู่ข้างกู

เวลาที่กูต้องการ มึงรักกูประสาอะไร”

      ผมซุกหน้าลงกับอกมัน และยังคงร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนัก สองแขนผมก็กอดมันไว้แน่นอย่างจะขอเป็นที่พึ่ง

   ไอ้เข้มกอดผมตอบ ลูบหลังผมเบา ๆ ไม่พูดอะไรเลยนอกจากคำว่า

   “กูขอโทษ”

   ผมร้องไห้จนพอใจโดยมีไอ้เข้มนั่งเป็นเพื่อน

   “จะเล่าให้กูฟังได้รึยัง บอกมาให้หมดนะโว้ย กูรู้ว่าอย่างมึงไม่หนักหนาสาหัสมึงไม่มีทางร้องไห้กับกูอย่างนี้แน่”

   แล้วผมก็เริ่มเล่าอย่างหมดเปลือก ตั้งแต่ตอนที่มันหายไปจากชีวิตผม แล้วพี่นิวก็มาปรับความเข้าใจแต่ยังไม่เข้าใจกัน

   ผมเล่าไปโดยไม่ได้มองหน้ามันเลย มัวแต่พูดถึงความทุกข์ของตัวเอง และเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งรอดพ้นมาได้

   “กูไม่รู้ว่าพวกมันเป็นใคร แต่ละคนยังกับตังเก ดำ ๆ ถึก ๆ ทั้งนั้น.....เออ....ใช่ กูได้กลิ่นคาว ๆ แบบคาวทะเลน่ะ

พวกมันมีกลิ่นตัวแบบพวกหาปลาในเรือ”

   “แล้วมึงเจ็บตรงไหนมั่งรึป่าว”   ไอ้เข้มถามอย่างเป็นห่วง ลูบไปตามเนื้อตัวผม ไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดเท่าไหร่

เพราะมันเองก็คงนึกไม่ออกว่าอย่างผมจะเป็นศัตรูกับใครได้

   “ไม่เท่าไหร่หรอก”

   “มันโยนมึงลงมาจากรถรึไงวะ”

   “ป่าว มันยังไม่ทันยกขึ้นรถหรอก สายตรวจมาซะก่อน แต่มันโยนกูลงข้างทาง ดีนะที่ข้างทางเป็นพงหญ้ารก ๆ

ไม่งั้นกูอาจจะหลังหักก็ได้”

   “มียามั้ย มา..กูทาให้”

   ผมเดินไปหยิบยาบนชั้นหน้ากระจกมาให้ ไอ้เข้มจับผมถอดเสื้อนอนเหลือแต่กางเกงแล้วละเลงยาไปบนหลัง

ลงมือนวดคลึงเบา ๆ  แรก ๆก็ปวดนิดหน่อย พอผมสะดุ้งมันก็ผ่อนแรงให้เบาลง สักพักผมก็เริ่มที่จะเคลิ้มไปกับการนวดของไอ้

เข้ม

   “เข้ม”

   “หืม”

   “มึงจำตอนที่เราออกทะเลไปไดหมึกเมื่อปีก่อนได้มั้ยวะ”

   “อือ”

   “ตอนนั้นกูกวนตีนใครมั่งรึป่าววะ”

   “ไม่นี่”

   “มึงเคยพูดเรื่องที่กูเป็นอย่างงี้ให้ใครฟังมั่งป่าว”

   “ฮี...กูจะพูดทำไม เห็นกูเป็นคนปากบอนไปได้”

   “เออ ขอโทษ กูก็ถามไปงั้นแหละ แล้วมึงว่าจะมีใครสังเกตไหมว่ากูเป็น”

   “ไม่รู้ดิ ก็ถ้าคนที่แอบรักมึง มองมึงอยู่ตลอด ก็คงรู้….เหมือนกูไง”

   ผมไม่พูดอะไรต่อ เพราะรู้สึกปากมันหนัก หนังตาก็เริ่มหนักลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีก

มาตื่นเอาอีกทีตอนที่ทั้งห้องปิดไฟมืด มีแต่แสงไฟสลัวจากด้านนอกผ่านหน้าต่างเข้ามา

ผมรู้สึกเย็น ๆ และเนื้อตัวโล่ง ๆ ก็เลยรู้ว่าตัวเองไม่มีผ้าผ่อนติดกายสักชิ้น แม้แต่ผ้าห่มก็ไม่ได้ห่ม

อะไรบางอย่างกำลังไต่ไปตามเนื้อตัวผม ตั้งแต่หน้าขาขึ้นมาถึงขาหนีบแล้วยังมีลมอุ่น ๆเป่าอยู่ตรงนั้นด้วย

ผมเพ่งมองในความสลัวเห็นเงาของคนกำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ตรงท่อนล่างของผม

   “อา..”   ผมรู้สึกโล่งสบาย ใจหวิว ๆ    “เข้ม....มึงทำไรกู”

   “กูรักมึงนะนู กูจะทำให้มึงมีความสุข”

   “อย่า...ไม่เอา....”

   “มึงอยู่เฉยๆนะ เดี๋ยวกูจัดการเอง”

   “มึงจะ....ข่มขืนกูเหรอ…..อือ...”    ผมพูดไปก็ครางไปอย่างอดไม่ได้ เพราะไอ้เข้มไม่ได้รามือเลย

มันยังจูบไซ้ไปทั่วท่อนล่างของผม ผมรู้สึกถึงความร้อนชื้นได้อีกอย่าง คงเป็นปลายลิ้นของไอ้เข้มที่ลากไปมาอยู่กับส่วนนั้นของ

ผม

   “ไม่....ถ้ามึงไม่ให้กูก็ไม่ฝืนใจ กูแค่อยากจูบมึงทั้งตัว ขอกูนะ”

   “อือ...”   ผมไม่อาจจะต้านทานความรู้สึกที่มวน ๆ อยู่ข้างใน แต่ชวนให้ใจหวิว ๆ ได้ จึงปล่อยเลยตามเลย

   มันเริ่มใช้มือลูบไปทั่วตัวผม มันลูบไปถึงไหน ปากกับลิ้นมันก็ไปถึงนั่น จนผมเสียวไปหมดแล้ว

มันขยับตัวขึ้นมาให้หน้าเราพอดีกัน แล้วมันก็ประกบปากจูบผมเบา ๆ ดูมันจะถนอมผมมาก

แม้แต่จะจูบผมมันก็ค่อย ๆและเล็ม  แต่ผมอยากให้มันแนบสนิทกว่านี้ ก็เลยกอดมันแน่นแล้วกดจูบมันแรง ๆ

คราวนี้มันเลยเป็นฝ่ายที่ต้องครางบ้าง

   “อืมม”

   เราบดขยี้จูบกันอย่างเมามัน ลิ้นแลกลิ้นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ร่างกายส่วนล่างบดเบียดกัน

จนผมรู้สึกถึงความเหนียวเหนอะนิด ๆ ทั้งของผมและของมันนั่นเอง

   “กูไม่ไหวแล้วนู...”   ไอ้เข้มลุกขึ้นอย่างเร็ว เดินลงไปจากเตียง

   “จะไปไหน”   ผมผวาตามมัน แล้วคว้ามือมันเอาไว้ (น่าอายจังตรู)
 
   ก็อยู่ ๆ มันก็ลุกหนีไปทิ้งให้ผมค้าง ๆ คา ๆ อย่างงี้ได้ไง ไม่รับผิดชอบ

   “กูจะเข้าห้องน้ำ”

     อ๋อ!..ผมรู้ละ มันจะแอบไปช่วยตัวเองต่อ แล้วก็กลัวผมจะเห็น

     ผมนึกสงสารมันขึ้นมา ที่มันทำตามคำพูดว่าจะไม่ข่มขืนผม ถ้าผมไม่ยอม

   ผมลากมันกลับมาที่เตียง กดให้มันนอนลง แล้วผมก็จัดการกับไอ้เข้มด้วยปากและลิ้นจนมันครวญคราง

มือก็กดหัวผมลงไปให้ลึกสุด ๆ ผมเงยขึ้นมองหน้าของมันตอนที่มันกำลังเสียวแล้วได้อารมณ์ดี

จนผมก็เกือบ ๆ จะเสร็จไปเหมือนกัน แต่ผมอยากทำให้มันก่อน

   ไอ้เข้มเด้งสะโพกลอยขึ้นจากเตียง ผมใช้ทั้งมือ ทั้งปากจนมันทนไม่ไหว ปลดปล่อยน้ำรักเข้าปากผมเต็ม ๆ

   “อือ....อา....ไอ้นู...กูรักมึง...”   มันถอนใจเฮือกพร้อมกับหยดสุดท้ายจากน้องชายมันพุ่งเข้าปากผม

   ผมเห็นมันไปถึงฝั่งแล้ว ก็เริ่มบรรเลงต่อ เพราะผมยังไปไม่ถึงครึ่งทางเลย

   “กูอยากเสร็จพร้อมมึงอีกทีว่ะนู”   มันพูดเสียงกระเส่าอยู่ใต้ร่างกายของผม

     ผมใช้การกระทำแทนคำตอบ ไอ้เข้มไม่ใช่คนตัวขาว ผิวของมันเป็นสีนวล ๆ ออกน้ำตาล

แถมเนื้อก็นุ่มมืออีกต่างหาก

   “มึงเคยทำอย่างนี้กับพี่นิวรึป่าววะ”   อยู่ ๆไอ้เข้มถามขึ้นมา

   ไม่รู้ว่ามันคิดอะไร แต่คำถามของมันแทงใจผมดังจึ้ก ผมหยุดการกระทำทุกอย่างที่ยังค้างอยู่

อารมณ์พิศวาสหดหายไปหมดแล้ว แต่ผมยังอยู่บนตัวมัน กำลังจ้องหน้ามัน

   “เอ่อ...ถ้ากูพูดไม่เข้าหูมึงกูก็...ขอโทษ”

   ผมขยับลุกมานั่งบนเตียง มองหากางเกงที่ไอ้เข้มแอบถอดออกตอนผมหลับ ได้มาแล้วก็เอามานุ่ง

 กำลังจะล้มตัวลงนอน ไอ้เข้มก็เอี้ยวตัวมาจับไหล่ผมให้หันไปทางมัน

   “นู”

   “ไปใส่เสื้อผ้าไป”

   “กูขอนอนนี่นะ”

   “นอนนี่ก็ต้องใส่”

    ผมนอนหันหลังให้มัน รู้สึกแน่นหน้าอกไปหมดจนไม่อยากจะพูดอะไรทั้งนั้น เพราะกำลังกลั้นสะอื้น

ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมรู้สึกยังไง

    กลัวมันจะคิดว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของมัน ถ้าเป็นความผิด  ผมก็ขอรับผิดเพียงคนเดียว

ที่ไม่ยับยั้งอารมณ์อยากของตัวเอง

 ปากบอกว่าไม่ได้รักมันแต่กลับทำให้มันทุกอย่าง และถ้าเอาเข้าจริง ผมปฏิเสธคำเดียว ไอ้เข้มจะไม่มีวันฝืนใจเด็ดขาด

...ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมผิดเอง

“นู....กูขอโทษ”   เสียงไอ้เข้มพูดเบา ๆในความมืด ท่ามกลางความเงียบระหว่างเรา

“ขอโทษทำไม”   ผมยังนอนหันหลังให้มัน

“ไม่รู้ ก็อยู่ ๆมึง...”

“ถ้าไม่รู้แล้วมึงจะขอโทษหาหอกอะไร”

“มึงโกรธกูใช่ไหม”

“ป่าว”

“แล้วทำไมมึงเป็นแบบนี้”

“กูโกรธตัวเอง”

“เพราะที่กูถามใช่ไหม”

“กูตอบมึงก็ได้ กูกับพี่นิวยังไปไม่ถึงไหนหรอก นอกจากกอดจูบกันมั่งนิด ๆ หน่อย ๆ

มึงเป็นคนแรกที่กูทำให้ขนาดนี้ พอใจรึยัง”

ผมไม่พูดอะไรอีก และไม่มีคำถามใด ๆ จากไอ้เข้มอีกเลย มีแต่แขนแข็งแรงของมันที่พาดข้ามตัวผมมาอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ

พอผมเฉย ไม่ได้ว่าอะไร มันก็ขยับเข้ามาซ้อนหลัง ซุกหน้าลงที่ท้ายทอยของผม เรานอนอยู่อย่างนั้นจนรุ่งเช้า

ผมไปส่งไอ้เข้มที่บ้านแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน วันนี้เป็นวันเสาร์ ปกติผมต้องไปเรียนพิเศษ

แต่นี่มันไม่ปกติมาสองสามอาทิตย์แล้ว จนผมไม่มีแก่จิตแก่ใจจะไปเรียน เข้าไปก็คงไม่รู้เรื่อง

ผมขี่มอเตอร์ไซค์คู่ชีพตระเวนไปเรื่อยอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

 ไม่รับรู้ภาพทั้งสองข้างทางว่าผ่านไปถึงไหน จนมาถึงถนนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งมันดูคุ้นตาผมมาก

แล้วก็เลยนึกได้ว่าตรงหัวมุมข้างหน้าเป็นบ้านของพี่นิว คงเป็นจิตใต้สำนึกที่พาผมมาถึงที่นี่

ผมจอดรถใต้ต้นไม้ใกล้ ๆบ้านเขา มองเข้าไปในบ้านเห็นรถยังจอดอยู่เขาคงยังไม่ได้ออกไปไหน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ผมมาขลุกอยู่ที่นี่เป็นประจำ เราคงกำลังคุยเล่นกันอย่างมีความสุข

   แต่วันเวลานั้นมันผ่านไปแล้ว ก่อนที่เหตุการณ์เมื่อคืนนี้จะเกิดขึ้น

ผมคงเข้าไปง้อพี่นิวได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจเลย ผมต่อว่าเขาที่กลับไปคืนดีกับผู้หญิงคนนั้นแล้วยังมาทำดีกับผม

ให้ผมหลงเข้าใจว่าเขามีใจให้  แต่ดูผมตอนนี้สิ ไม่ต่างอะไรกับคนทรยศเลย


    กลับบ้านดีกว่า มีประโยชน์อะไรที่จะมาพล่ามถึงสิ่งที่มันผ่านไปแล้วเรียกคืนมาไม่ได้ ผมไม่กล้าสู้หน้าพี่นิวอีกแล้ว

.....ผมบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ในใจผมร่ำร้องอยากจะเข้าไปหาเขาเหลือเกิน

มาจนถึงหน้าบ้านแล้วแต่ก็ยังไม่กล้าพบ ผมได้แต่น้ำตาซึมเมื่อหันหลังให้บ้านหลังนั้น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 14:12:19 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ตามมาอ่านอีกรอบ. อย่าลืมไปต่อที่เก่าด้วยนะครับคิดถึง. จัง

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
สงสารนูนะรักพี่นิวมากๆเลยอ่ะดิ แต่ก็เผลอตัวไปกับเข้มซะแระจะทำยังไงต่อดี

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



     มาถึงสวนหย่อมที่เดิม ผมก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไป สาย ๆ อย่างนี้คนที่มาออกกำลังกายเสร็จแล้วก็นั่งจับกลุ่มคุยกันบ้าง

พักผ่อนกันบ้าง  ม้าหินตัวที่ผมนั่งคุยกับพี่นิวคืนนั้นยังว่างเพราะอยู่ห่างถนนเข้าไปด้านใน ผมอดไม่ได้ ก็เลยเลี้ยวรถเข้าไปจอด

แล้วนั่งลงนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา 


     มองด้วยสายตาที่เป็นจริง เรื่องของผมกับพี่นิว ไม่มีทางที่มันจะสมหวังไปได้หรอก

ครอบครัวของผมยังไม่รู้เลยที่ผมเป็นแบบนี้  แล้วครอบครัวพี่นิวเองก็อาจจะรับไม่ได้ ถ้าเรายังคบกันต่อไปก็ต้องหลบต้องซ่อน

มีความสุขในความทุกข์ สังคมแวดล้อมที่ผมอยู่ยังไม่ยอมรับเรื่องทำนองนี้ แล้วสุดท้ายครอบครัวของเราทั้งสองคนก็คงอับอาย

และเสียใจ
 
   ผมย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันของเรา แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ แต่ผมก็รู้สึกเป็นสุข 

อย่างน้อยผมก็ยังยิ้มได้เวลาที่นึกถึงเวลาเหล่านั้น....และย้ำกับตัวเองว่า ผมไม่ได้สูญเสียเวลาไปเปล่า ๆ

แต่ผมได้สะสมความสุขไว้ให้คิดถึงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว

ผมสตาร์ทรถกำลังจะออกตัว ก็มีมือ ๆ หนึ่งมาบิดกุญแจดับเครื่องแล้วดึงออกไป

ผมหันไปมอง แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจ และดีใจปนเปกัน....เป็นพี่นิวน่ะเอง

“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว”   พี่นิวยิ้มให้ผมแววตาของเขาแสดงความดีใจอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ทันอะไร”

“เมื่อกี้พี่อยู่บนห้องเห็นนูจอดรถที่หน้าบ้าน พอลงมาก็ไม่เห็นซะแล้ว เลยลองขับรถตามมา ไม่แน่ใจหรอกว่าจะเจอ

แต่คิดอยู่ว่าถ้าไม่เจอที่นี่ก็จะตามไปที่บ้าน”

“พี่ตามผมมาทำไม”

“นั่งคุยกันก่อนนะนู  อย่าเพิ่งกลับเลย เราไม่ได้พบกันเลยนะ คุยกันครั้งสุดท้ายก็ยังไม่เข้าใจกัน”
 
ผมทำตามอย่างว่าง่าย ทั้งที่ไม่ค่อยจะกล้าสู้หน้าเขา รู้สึกเหมือนตัวเองมีตราบาปในใจ  แต่ก็ต้องพ่ายแพ้หัวใจตัวเองที่อยากเจอ

พี่นิว   อยากให้ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิม

“เมื่อคืนนูโทรหาพี่ใช่ไหม พี่เห็นเบอร์โทรเข้า”

ผมพยักหน้าอย่างไม่ยินดียินร้าย นึกถึงคนที่รับสายแล้วใจก็พาลห่อเหี่ยวไปหมด
 
จะโกรธเขาแล้วตัดพ้อต่อว่าอย่างที่เคยทำก็ไม่ได้ เพราะความผิดของผมก็หนักหนาเอาการอยู่

“ตอนนั้นพี่อยู่บนห้องนอน คือ...พี่ล็อกห้องแต่ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ห้องนั่งเล่น ก็เลยไม่ได้รับสายนู แต่คงมีคนรับแล้วใช่มั้ย”

ผมน้อยใจนะ....พี่นิวพูดได้ไงหน้าตาเฉย

“กว่าจะลงมาเอาโทรศัพท์ก็ดึกแล้ว พี่ลองโทรกลับแต่สงสัยนูคงจะปิดเครื่อง ขอโทษนะที่พี่ไม่ได้โทรไปตั้งแต่ตอนนั้น”

“ไม่เป็นไรครับ”

“วันนี้เป็นอะไร ไม่สบายรึเปล่า”

“โอ๊ย!”   พี่นิวจับไหล่ผมเขย่าไม่เบานักหรอก แต่ก็รู้ว่าเขาแค่ล้อเล่น

“เป็นอะไร เจ็บเหรอ ไปทำอะไรมา” น้ำเสียงของพี่นิวร้อนรนและตกใจมาก

“ผมไม่เป็นไร”

“พูดอยู่ได้ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไหนมาดูซิ”

พี่นิวเลิกเสื้อด้านหลังของผมขึ้น ก็คงเห็นแนวเขียว ๆ ช้ำ ๆ ทั้งแผ่นหลังนั่นแหละ เมื่อเช้าไอ้เข้มก็ตกใจไปคนหนึ่งแล้ว

“ไปโดนอะไรมา”

“ล้ม”

“ไม่ใช่รอยล้มหรอกแบบนี้ มันทั่วทั้งหลังเลยนะนู บอกพี่มาตรง ๆ ใครทำนู”

“มุกเองแหละ”    เสียงผู้หญิงดังอยู่ข้างหลังเรา แล้วเจ้าของเสียงก็เดินมาตรงหน้า

“มุก”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้เผชิญหน้ากับแฟนของพี่นิว

“มุกทำเหรอ”

เห็นหน้าพี่นิวงงสุดขีด ย้ำคำพูดว่าเขาไม่อยากจะเชื่อ ส่วนผมเองก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

คงไม่ได้หมายความว่า....มุกอยู่เบื้องหลังผู้ชายถึก ๆ พวกนั้นหรอกนะ

“มุกไม่ได้ทำเองหรอก แค่สั่งใครให้ไปจัดการก็พอ ไม่เห็นต้องลงมือเองเลย”

.....ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ดูต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคนที่ผมเคยมองอยู่ห่าง ๆ

 หรือว่าที่จริงแล้วนี่คือตัวตนของมุก  ใบหน้าขาว ๆ สวย ๆ เชิดขึ้นอย่างถือดี น้ำเสียงเข้มจัด

ไม่เห็นอ่อนหวานน่ารักอย่างที่เคยได้ยินคนอื่นพูดถึงเลย

ผู้หญิงแบบนี้อะนะที่เคยควงอยู่กับพี่นิวจนเพื่อนฮือฮา

“จริงเหรอนู”   พี่นิวหันมาถามผม  (ผมก็ได้ยินพร้อมกับพี่นี่แหละ จะถามทำไมล่ะค้าบ)

ผมได้แต่ส่ายหน้า ใจหนึ่งก็อยากจะคิดตามนั้น เพราะผมก็ยังสงสัยว่าตรูเคยไปก่อศัตรูไว้ที่ไหนมั่ง

แต่อีกใจผมก็ว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรที่ยายนี่จะจ้างคนมาทำร้ายผม

ผมสิ...น่าจะจ้างใครไปทำอย่างงั้น ผมนะที่เป็นฝ่ายสูญเสีย ผมเสียพี่นิวไปทั้งคน (ทั้งที่ก็ไม่เคยได้หรอก)
 
“มันคงไม่รู้ตัวหรอกมั้งนิว”   มุกหันมาเล็งหน้าผม

ถ้าสายตายิงน้ำกรดได้เหมือนปืนฉีดน้ำ ผมคงเละไปทั้งหน้าแล้วมั้ง

“แล้วมุกทำแบบนั้นทำไม”

“ก็เกลียดมันน่ะสิ”   อ้าว! แล้วตรูไปทำอะไรมันตอนไหนฟระ

“เรื่องของเราไม่เกี่ยวกับอะไรกับนูเลยนะ”

“ทำไมจะไม่เกี่ยว ไม่ใช่เพราะมันเหรอ นิวถึงบอกเลิกกับมุกอะ”

“ผมไม่ได้เป็นฝ่ายบอกเลิกนะมุก ลืมไปรึเปล่าว่ามุกเป็นคนบอกเลิกกับผมก่อน

ผมก็เพิ่งจะได้เจอกับน้องเขาวันที่มุกบอกเลิกผมนั่นแหละ รู้ไหมเวลาที่ผมรู้สึกแย่ที่สุด

ก็มีแต่นูนี่แหละที่คอยปลอบใจ อยู่เป็นเพื่อนผม ส่วนมุกน่ะเหรอ แค่โทรศัพท์ของผม มุกยังกดสายทิ้งเลย”

“แต่มุกก็ขอโทษแล้วนี่ แล้วมุกก็เลิกกับไอซ์แล้วด้วย ยังไงเราก็น่าจะคบกันได้เหมือนเดิมนี่นิว”

แหม! ทำไมมันพูดกันง่าย ๆ อย่างงี้ฟระ นึกอยากจะบอกเลิก แมร่งก็เลิก

นึกอยากจะคืนดี แมร่งมันก็ดีกันง่าย ๆ งี้เองเหรอ

ผมมองพี่นิวที หันไปมองยายมุกที แล้วก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราว

ดูเหมือนคู่นี้จะขัดแย้งกันเพราะผม ยายมุกว่าผมเป็นต้นเหตุให้พี่นิวขอเลิก

ยายนี่มันต้องประสาทแดร๊กแน่เลย มันต่างหากที่บอกเลิกกับพี่นิว ผมยังเห็นเขาร้องไห้กับตา

ยังมาซบกับอกผมด้วยซ้ำ คนบางคนทำผิดแล้วไม่เคยโทษตัวเอง หาแต่ความดีเข้าตัว

ใคร ๆ ที่เคยชื่นชมยายนี่ เคยมองเห็นมุมมองที่น่าเกลียดอย่างที่ผมเห็นบ้างไหม

ที่พี่นิวพูดก็ใช่ว่าจะถูกเป๊ะ ๆ นะครับ เราน่ะเจอกันหลายครั้งแล้ว

และผมก็มักจะเป็นฝ่ายที่เสนอหน้าไปให้เขาเห็นมาตลอด

เพียงแต่เราเริ่มที่จะมาสนิทกันจริง ๆ ก็ตอนที่ยายนี่ได้ทุนไปเรียนเมืองนอกเท่านั้นแหละ

นับไปนับมาก็ไม่ถึงเทอมด้วยซ้ำ (ทุนแมร่งอะไรของมันก็ไม่รู้)

“คบกันแบบไหนล่ะมุก ตัวเองไปทำอะไรมาอย่าคิดว่าผมไม่รู้

มุกน่าจะบอกผมมาตรง ๆซะทีว่า ระหว่างที่คบกับผมน่ะ มุกก็คบกับไอ้ไอซ์ไปด้วย

แล้วที่มาบอกเลิกกับผมก็เพราะไอ้ไอซ์มันจับได้ใช่ไหมล่ะว่า มุกคบผมกับมันไปพร้อม ๆ กัน

มุกทำอย่างงี้ได้ไง แล้วถามหน่อยเถอะ นอกจากผมกะไอ้ไอซ์เนี่ย มุกก็ยังคบใครต่อใครไปทั่วใช่ไหม”

มุกไม่ปฏิเสธสักคำ แต่พูดอย่างอื่นที่ฟังดูแสนจะเข้าข้างตัวเองแทน

“ก็....มุก....มุกก็น่าจะมีสิทธิ์เลือกผู้ชายที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้มุกรู้แล้วว่านิวดีกับมุกยิ่งกว่าไอซ์”

ดูมัน...อยากจะได้แต่ของดี ๆ ทั้งที่ตัวเองทำตัวเน่า ๆ งี้อะนะ

“รู้ได้ไงว่าผมดีกว่าไอ้ไอซ์ แค่ที่มันปฏิเสธลูกในท้องของมุกจนต้องรีบบินไปทำแท้งเมืองนอกน่ะ...."

(ฮ้า?....ขอผมแจมหน่อย....มันน่าตกใจนี่ครับ)

".....มันสรุปไม่ได้หรอกนะมุก เพราะถ้าเป็นผม ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าผมจะรับรึเปล่า

เพราะผมคงไม่มีวันแน่ใจเลยว่าลูกในท้องมุกน่ะมันเป็นน้ำเชื้อของผมรึของใครกันแน่”

“นิว”   ยายมุกตวาดพี่นิวเสียงดัง จนคนที่นั่งรวมกลุ่มด้านที่ติดถนนหันมามองกันเป็นตาเดียว

“ตกใจล่ะสิ ว่าผมรู้ได้ไง”   พี่นิวพูดแล้วก็คงหยุดไม่ได้

ดีครับพี่ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า พี่กับมันจะเลิกกันจริงหรือเปล่า

แต่ผมฟังดูยายมุกนี่ร้ายเหลือเดนจริง ๆ นะ....อารายฟระ....คบผู้ชายสองคนพร้อม ๆกัน

(หล่อนจะเสน่ห์จัดเกินไปรึป่าว...แอบอิจฉานะเฟร้ย)

“ไอ้ไอซ์ไง ที่บอกผม”

“ไม่จริง ไอซ์เค้าไม่มีทางพูดเรื่องนี้กับใครหรอก”

“ทำไมมันจะพูดไม่ได้ล่ะมุก ผมว่ามันคงรู้เรื่องที่มุกคบอยู่กับผมด้วยมั้ง  มันถึงได้มาบอก

หวังจะให้ผมเสียหน้าไง ว่ามุกยอมให้มัน แต่ไม่ยอมให้ผม ..ฮะ...ฮะ...น่าขำนะมุก

ไอ้ไอซ์มันบอกว่าน้ำหน้าอย่างผมน่ะ คงไม่ได้ฟันมุกหรอก  มุกคงไม่เคยบอกมันล่ะสิ ว่าที่มุกกับผมไม่เคยมีอะไรกัน

เพราะผมเป็นฝ่ายปฏิเสธ  ไม่ใช่ว่ามุกไม่ยอม”

“ทำไมนิวพูดอย่างนี้”  มุกเหลือบมามองทางผมแวบหนึ่ง สีหน้ามีแววละอาย

....เออ....อายก็เป็นเว้ย....เฮ้ย....

ผู้หญิงอะไรฟระ กล้าทำเรื่องน่าอายได้ขนาดนี้เชียวเหรอ

ผมซะอีก....นัวเนียกับไอ้เข้มเมื่อคืนนี้ยังรู้สึกเหมือนทำตัวชั่วช้าซะเหลือเกิน

“เอาเป็นว่า ที่ผมบอกเลิกกับมุกมันไม่เกี่ยวกับน้องเค้าจริง ๆ มุกทำให้ผมต้องพูดเองนะ

ถ้ายอมเข้าใจดี ๆ ตั้งแต่ต้นก็คง....”

“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนมัน ถ้ารู้ว่าแกมีรสนิยมแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันไม่มีวันเสียศักดิ์ศรีลงมาคบด้วยหรอก

ไอ้ทุเรศ!เชิญแกอยู่กับพวกวิปริตเหมือนกันไปเถอะ”

ดูเหมือนยายมุกจะสติแตกไปซะแล้ว

แหม….อยากให้ใคร ๆ ที่เคยชื่นชมได้มาเห็นภาพนี้จริง ๆ

ผู้หญิงสาวสวยที่ยืนเท้าสะเอว ทำหน้าถมึงทึง ชี้หน้าด่าทอด้วยคำพูดหยาบคาย

ราวกับคนไม่มีการศึกษา ไม่มีการอบรม มันดูไม่จืดเลยให้ตาย

น่าสงสารคนเป็นพ่อเป็นแม่....ผมรู้แล้วที่เคยได้ยินคนโบราณเปรียบเทียบว่า

...มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน....มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

“เหมือนกันแหละมุก ถ้าผมรู้ว่ามุกโสโครกอย่างงี้ ผมก็ไม่เสียเวลามาคบเหมือนกัน”

“แก...ไอ้หน้าตัวเมีย แกว่าฉันเหรอ ฮึ! เลิกก็เลิกดิ นึกเหรอว่าฉันจะง้อ ผู้ชายดี ๆ ไม่ได้มีแค่แกคนเดียวเมื่ิอไหร่”

ยายนั่นสะบัดหน้าพรึ่ดท่าทางโกรธน่าดูที่ไม่ได้อย่างใจ เสร็จแล้วก็เดินจากไปดื้อ ๆ เหมือนกับเลิกเล่นขายของ

ผมมองตามหลังไปอย่างอึ้ง ๆ พร้อมอวยพร (แบบประชด ๆ) ขอให้เหลือคนดีที่ว่านั่นก็แล้วกัน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 14:21:40 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ PazZ

  • '' ใจเรา ความคิดของเรา ...ใครจะไปรู้ดีกว่าตัวเรา ''
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-6
เฮ้อ...เรื่องนี้มันหน่วงใจจริงๆ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


แอบหนีงานมาบวกเป็ดให้ทุกคนครับ

เห็นคนหน้าเดิมอยู่สองคน อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ กะว่าจะให้จบในบอร์ดนี้แหละ

ตอนหลัง ๆ ผมจะลงพร้อม ๆ กันไปทั้งสองที่เลย

แล้วคืนนี้อย่าลืมแวะมาติดตามอีกรอบนะครับ    :z2:

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
 ดีใจที่หล่อนสะบัดตรูดจากไป

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
มันครับมันเรื่องนี้น่าติดตามมาก 

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
น้องนูต่อได้ยาวแบบมาราธอนสมใจอยากมาก
เป็นกำลังใจให้นะคะ ลองฟังพี่นิวดูบ้างก็ไม่เสียหายอะไร

ว่าแต่ใกล้จบแล้วหรือคะ ยังไม่อยากให้จบเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด