พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ@Series ที่ลงเอย : ไดอารี่หน้าสุดท้าย  (อ่าน 146820 ครั้ง)

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอออ่าน2ทีี่เลยครับ  o13 :กอด1:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


ที่สามารถลงได้ทีละยาว ๆ ก็เพราะผมเีขียนเอาไว้นานแล้วครับ ตอนนี้ก็พยายามรีบลง

เพราะว่าประมาณกลางเดือนนี้ ไปจนถึงกลางเดือนหน้า เป็นช่วงทำเป้า ปีนี้ทั้งปีผลงานผมไม่ดีเลย

ก่อนจะปิดงวดสิ้นปีนี้ ผมควรจะมีผลงานไว้เสนอหน้าให้นายปรับเงินเดือนสักเล็กน้อย พอไม่ให้น่าเกลียด




ติดตามกันต่อเลยครับ





โลกของผมมันสะอาดเกินไปรึเปล่า หรือว่าผมมันไร้เดียงสาเกินไป

ถึงไม่เคยรู้ว่ามีคนแบบมุกอยู่บนโลกใบนี้ด้วย

บ้านผมมีแม่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว ภาพของผู้หญิงที่ผมจำติดตาฝังใจก็คือ

แม่ที่เป็นแม่บ้าน แม่ศรีเรือน แม่ยอดดวงใจของพ่อ เป็นแม่พระของลูก

แม้แต่เพื่อน ๆในห้องที่ผมคุ้นเคยก็ล้วนแล้วแต่มีพฤติกรรมที่เหมาะสม

ถึงบางคนจะแก่นเหมือนม้าดีดกะโหลก บางคนอาจจะพูดจาหยาบคายได้คล่องลิ้นเท่าเพื่อนผู้ชาย

หรือบางคนอาจจะแต่งตัวตามแฟชั่นเว้านิดแหว่งหน่อย แต่ไม่เคยเห็นใครเลวร้ายสุดชีวิตได้เท่ายายมุก

หล่อนคบผู้ชายทีละหลาย ๆ คน (ตอนนี้ที่รู้ก็สองล่ะ)

มีเพศสัมพันธ์กันซะจนเผลอให้ท้องได้ ท้องแล้วก็ทำแท้งง่ายยังกะถ่ายอจุจาระ

บอกเลิก บอกรักผู้ชายได้ง่าย ๆ ไม่ละอายแก่ใจ หล่อนคิดว่าผู้ชายเป็นผ้าเช็ดส้น..ทรีน..รึไง

แต่คงเหมาะกันแล้วกับไอ้ไอซ์ (ผมก็ไม่รู้จักมันหรอก เดาเอาจากที่เขาทะเลาะกันว่ามันคงเลวชาติเหมือนกัน)

ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ แถมเอาเขามาประจาน...เลว..ว...ว...

หล่อนว่าจ้างผู้ชายเป็นฝูงมารุมทำร้ายผม แล้วถ้าผมคิดไม่ผิดว่าเจ้าพวกนั้นมันเป็นตังเก

บางทีวันนี้ผมอาจจะกำลังอยู่ในเรือที่ลอยลำอยู่กลางทะเล ไม่รู้จะได้ขึ้นฝั่งเมื่อไร

หรือไม่ก็อาจจะถูกโยนให้เป็นอาหารสัตว์น้ำไปแล้ว


หล่อนเกิดฤกษ์ดาวน์โจนส์ (ดาวโจร) รึเปล่าฟระเนี่ย อุปนิสสันดาน ถึงได้เพียบพร้อมซะขนาดนี้

แต่ผมก็แอบดีใจอยู่หน่อย ๆ ว่าพี่นิวไม่เคยแอ้มยายนี่....อ๊ะ....ต้องกลับกันสิเนอะ

.....ยายนี่ไม่เคยได้แอ้มพี่นิวของผม....

....ว่าแล้วเชียว...

ตอนที่ผมจูบพี่นิวครั้งแรก พี่แกถึงได้ดูกลัว ๆ กล้า ๆ ยังไงไม่รู้ (ยังจิ้นอยู่แหงเลย)


ผมกำลังเพลินอยู่กับความคิดของตัวเองจนลืมไปว่า เรื่องที่ตัวเองก่อเอาไว้ก็...มิใช่น้อย

ความละอายใจเริ่มผุดขึ้นมาจนทำให้ผมไม่อยากอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป

ผมเดินไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ ล้วงหากุญแจไขเพื่อสตาร์ทเครื่องตามความเคยชิน

แล้วกุญแจมันก็มาลอยอยู่ตรงหน้า   มันอยู่ในมือพี่นิวที่กำลังแกว่งมันไปมาตรงหน้าผมนี่เอง

ผมหันไปหาก็เห็นรอยยิ้มของพี่นิว ดวงตาสุกใสเป็นประกายจนผมตาพร่าไปหมด

เพราะความหล่อบาดจิต ที่ผมประทับใจไม่เคยลืมเลยตั้งแต่แรกพบตอน ม.1

“จะหนีพี่อีกแล้วเหรอ แล้วงี้เมื่อไหร่จะได้คุยกันให้รู้เรื่องซะที”

พี่นิวซ้อนมือเค้ามาบนมือผมที่จับแฮนด์มอเตอร์ไซค์อยู่ แล้วบีบเบา ๆ

“ได้ยินแล้วนี่ ว่าพี่บอกเลิกกับมุกแล้ว...เพื่อนูนะ”

แววตาเว้าวอนซะจริง ๆ เลยพี่นิวของผม อย่าทำอย่างงี้ได้ไหม เดี๋ยวผมก็ใจอ่อนอีกหรอก

“เมื่อกี้ใครไม่รู้พูดว่าเลิกกันไม่เกี่ยวกับผม”

“มันก็ไม่เชิงหรอกนะ  พี่ไม่รู้จะพูดยังไงให้นูเข้าใจ เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องวันนี้แหละ

....ไปคุยกันที่บ้านพี่นะ...นะ”

ผมนิ่งคิดตัดสินใจอยู่อึดใจเดียว (สั้น ๆ)

เพราะใจมันอยากจะให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว อย่าว่ากันเลยนะครับ

นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน....เป็นเดือนนะนั่น

จากที่เคยไปไหนมาไหนด้วยกัน ใช้เวลาหลังเลิกเรียนอยู่ด้วยกันจนดึกดื่น ถึงจะได้แยกย้ายกันไปนอนบ้านใครบ้านมัน

กลับต้องมาเหินห่างกันด้วยความไม่เข้าใจ  พอโอกาสงาม ๆมันผ่านเข้ามาแบบนี้จะให้ผมหันหลัง  มันก็ดูจะทำร้ายหัวใจตัวเอง

จนเกินไป.......ผมพยักหน้าตกลง (ใจง่ายจังเลยตรู)

“นูนำหน้านะ พี่จะขับตามหลัง”

บนหน้าผากของผมคงมีเครื่องหมายปรัศนีย์แปะอยู่ พี่นิวถึงได้พูดกลั้วหัวเราะ

“เดี๋ยวนูหนีกลับบ้านไปอีก ขับรถไล่ตามกันไป ไล่ตามกันมา เปลืองน้ำมันแย่”


เรานั่งคุยกันในห้องนั่งเล่น เปิดโทรทัศน์ให้มันดูเรา แม่บ้านเอาอาหารว่างมาวางให้

แต่ผมกินอะไรไม่ลงเลย มองหน้าพี่นิวที่กำลังยิ้มสดใส ยิ้มเหมือนได้ของเล่นถูกใจ
 
แล้วผมก็ต้องรีบหลบสายตา เพราะสำนึกได้ว่าตัวเองยังมีชนักติดหลังอยู่

“ไหนมาให้พี่ดูหลังอีกทีซิ”

พี่นิวเลิกเสื้อด้านหลังขึ้นมา ฝ่ามือเขาลูบเบา ๆ ไปตามรอยช้ำ

“ยังเจ็บอยู่รึเปล่าครับ”

ผมพยักหน้า พี่นิวโอบบ่ารั้งผมเข้าไปพิงกับอก

จูบกระหม่อมผมแล้วก็ซบอยู่อย่างนั้น ราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกห่วงใยที่มีให้ผมได้รับรู้

“เพราะพี่ นูถึงได้ถูกรังแกแบบนี้ พี่ขอโทษนะ”

“พี่นิวไม่ผิดหรอกครับ ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่ไม่ยอมรับความจริง”

ผมพูดไปทั้งที่ในใจก็ยังเคืองอยู่หน่อย ๆ แต่จะให้คิดแก้แค้นก็คงไม่ทำ เพราะผมเชื่อในกฎแห่งกรรมครับ

ผมว่าลำพังการใช้ชีวิตของมุกทุกวันนี้มันก็เสี่ยงพอดูอยู่แล้ว....เสี่ยงอะไรเหรอครับ

....ก็โรคร้ายที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็นไง ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายไม่เลือกหน้า

 แถมยังปล่อยให้ตัวเองท้องได้.....ผมว่ายังไงซะยายมุกคงไม่มีวันแก่หรอก

 ไม่ใช่ว่าหล่อนจะเป็นสาวสองพันปีนะครับ แต่คงได้ตายก่อนแก่แหงเลย

พี่นิวถามถึงเหตุการณ์ที่ผมถูกทำร้าย ระหว่างที่ผมเล่าไปก็สบตาเขาไป

 ผมมองเห็นแววตาห่วงใยของพี่นิวที่สื่อออกมา ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

 ยิ่งผมนึกถึงตอนที่ผมโทรหาเขาคืนนั้น แต่คนอื่นมารับสายแล้วทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า

 นี่ถ้าผมได้คุยกับเขาตั้งแต่ตอนนั้น เรื่องราวระหว่างเรามันจะดีสักแค่ไหนหนอ?

 และเรื่องระหว่างผมกับไอ้เข้มก็คงไม่เกิด ป่านนี้เราคงเข้าใจกัน....

และ.....ลงเอยกันด้วยดี

“นูอยากจะแจ้งความเอาเรื่องรึเปล่า พี่จะให้พ่อพี่ช่วย”

“อย่าเลยครับ วุ่นวายเปล่า ๆ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก พี่กับเขาเลิกกันแล้ว ต่อไปคงไม่มีเรื่องมีราวอีกแล้วล่ะ”

 ใช่....ยายมุกถอยไปแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจ้างใครมาทำร้ายผม

 ส่วนผมเองก็ยังไม่กล้ารุก เพราะตัวเองยังมีคดีติดตัว (เรื่องไอ้เข้ม)

ผมกลัวจริง ๆ ว่า ผมคงไม่มีค่าพอให้เขามาใส่ใจ เพราะผมทำตัวเหมือนที่เขาเพิ่งจะด่ายายมุกไปเมื่อกี้

 ผมกลัวว่าสายตาที่พี่นิวมองผมจะเปลี่ยนไป เมื่อนั้นผมคงทนไม่ได้

“ผมขอถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม”

“ว่ามาสิ”

“พี่เคยรักผู้หญิงคนนั้นไหม”   ผมถามแล้วก็กลั้นใจรอฟังคำตอบ

“มุกอะ”   พี่เขานิ่งคิด   “ไม่รู้สิ” 

อะไรฟระ รักไม่รักทำไมไม่รู้ เห็นคบกันอยู่ได้ตั้งนานสองนาน  แถมตอนที่เขาบอกเลิกยังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร

....ผมเห็นนะพี่

“พี่ไม่แน่ใจหรอกว่ารักรึเปล่า ความจริงที่พี่กับมุกคบกันน่ะ มุกเป็นคนเริ่มจีบพี่นะ”

อ๋าย!...หล่อนนี่มันแสบสุด ๆ เลยนะ

“เค้าเป็นดาวเด่นของโรงเรียนนั้น แถมยังดังข้ามมาถึงโรงเรียนเรา  พี่ว่าอาจจะเป็นความคะนองของตัวเองด้วยมั้งที่ยอมให้มุกจีบ”

..........

“แต่ตอนนี้พี่แน่ใจว่าพี่ไม่ได้รักมุกแล้ว เพราะเค้าทำตัวแย่มาก เหมือนไม่รักตัวเอง

 คนเราถ้าไม่รู้จักรักตัวเองก่อนก็คงรักคนอื่นไม่เป็นหรอก แล้วถ้าเราไปรักเค้ามันก็โง่มากจริงไหม”

“แต่พี่ก็กลับไปคบเค้าอีก”

“จะว่างั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก เพราะว่าตอนที่มุกกลับจากนอกใหม่ ๆเค้ามีปัญหา

 มาขอร้องให้พี่ช่วย ก็เรื่องไอ้ไอซ์นี่แหละ พี่นึกว่าไอ้ไอซ์มันจะทิ้งมุกก็เลยไปช่วยพูดให้

 แต่ไงล่ะ มันพูดใส่หน้าพี่เรื่องที่มันทำมุกท้อง เรื่องนี้มุกก็ไม่เคยบอกพี่ พอพี่รู้พี่ก็เลยวางมือไม่เล่นด้วย”

“แล้วจริงรึเปล่าที่พี่บอกว่าไม่เคยมีอะไรกับเค้าอะ”

“ทำไม...ไม่เชื่อเหรอ”

“ก็....พี่นิวออกจะหล่อ สาวติดตรึม ผมว่ายายมุกเองก็คงอยากเขมือบพี่เหมือนกันแหละ มีเหรอจะปล่อยให้หลุดรอดมาได้”

“ถ้าพี่บอกว่าพี่ไม่เคยรู้สึกอยากนอนกับมุก นูจะเชื่อพี่ไหม”

“ถ้าพี่นิวอยากให้เชื่อ ผมก็จะเชื่อ”

.....

“ยังมีอีกเรื่อง”

“เอ้า...ว่ามาให้หมด ซักซะให้ขาวเลยนะ”   พี่นิวพูดยิ้ม ๆ

“เมื่อคืนที่ผมโทรมาน่ะ”

“ยังติดใจอะไร พี่ก็ขอโทษแล้วไง”

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ ผมอยากรู้ว่าใช่มุกรึเปล่า ที่รับสายน่ะ”

“ก็....คงใช่มั้ง”

ผมก้มหน้าซ่อนแววตาที่ผิดหวัง ก็ไหนพี่บอกผมว่าพี่ไม่เคยมีอะไรกะยายมุกไง

 ....แต่รับโทรศัพท์แทนกันนี่มันหนิดหนมเกินไปนะครับพี่.....

“เค้ามา....จะเรียกว่าง้อก็ได้ เค้าอยากจะกลับมาคบกับพี่อีก  แต่พี่บอกเค้าว่าพี่กำลังคบคนอื่นอยู่

คงกลับไปหาเค้าไม่ได้แล้ว”

หา....พี่นิวมีแฟนใหม่แล้ว?   ตั้งแต่เมื่อไหร่?   ทำไมผมไม่เคยรู้?   เราห่างกันแค่เดือนกว่าๆเท่านั้นนะ

.....แต่จะว่าไปผมก็ทำผิดต่อพี่นิวนะ ผิดต่อความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน

 ผมไม่โทษพี่หรอกครับพี่มีสิทธิ์ที่จะรักใครก็ได้

“มานี่ดีกว่า พี่จะทายาให้”    พี่นิวเปลี่ยนเรื่องคุย ฉุดผมให้ลุกขึ้นเดินตามไป ทำท่าจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน....

ผมเริ่มใจไม่ดี เพราะชั้นบนมันก็ต้องเป็นห้องนอนอะดิ แล้วพี่นิวก็พูดเหมือนไอ้เข้มเมื่อคืนนี้เปี๊ยบเลย

การที่ได้อยู่กันสองต่อสองในที่รโหฐานกับคนที่เรารัก ผมว่าผมคงยอมตามใจเขาทุกสิ่งทุกอย่าง

ไม่ว่าจะขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็เหอะ ผมควรจะตัดไฟแต่ต้นลมใช่ไหมเนี่ย

“ไม่ต้องหรอกพี่ ผมดีขึ้นแล้วล่ะ”

ผมรั้งตัวเอง ไม่ยอมเดินขึ้นบันได (ลางสังหรณ์มันบอกว่า เหตุการณ์อาจจะซ้ำรอยเดิม)

 ไม่ใช่ว่าผมรังเกียจเขานะ แต่ผมรังเกียจตัวเองที่ทำตัวไม่ดี

 และผมก็ไม่แน่ใจว่าถ้าพี่นิวรู้เรื่องนั้น เขาจะรังเกียจผมมั้ย

สมมติว่า วันนี้ผมยอมมีอะไร ๆ กับพี่เขา แล้วไอ้เข้มล่ะ....ผมจะทำยังไงกับมันดี

“ไม่ได้ เดี๋ยวทายาแล้วนอนพักผ่อนสักงีบ ตื่นขึ้นมาจะได้รู้สึกสบายขึ้น”

ผมยังอิดออด แต่สุดท้ายก็แพ้คำรบเร้าของพี่นิว รวมทั้งแพ้ใจตัวเองด้วยอะแหละ


ระหว่างที่พี่นิวทายาให้ผม และนวดเบา ๆ ไปทั่วหลัง

(เหมือนที่ไอ้เข้มทำให้ผมเลย ทำไมผู้ชายสองคนมันถึงได้ทำกับผมอย่างเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายกันฟระ)

 ตัวผมก็คิดสองจิตสองใจ ว่าถ้าพี่นิวขอทำรักกับผม ผมจะตอบตกลงรึว่าปฏิเสธดี

ใคร ๆ ก็คงเป็นเหมือนผม เวลาที่เราอยู่ใกล้ชิดคนที่เรารัก

 มันก็เป็นธรรมดาที่เราอยากจะสัมผัส อยากจะนัวเนีย นุงนัง อะไรต่อมิอะไรแหละว่าไหม....

ผมก็อยากนะ....อยากจนแทบจะเป็นฝ่ายกระโจนใส่เขาเองด้วยซ้ำ

แต่สำนึกที่อยู่ในใจผมมันเตือนว่า ถ้าผมมีอะไรกับเขาวันนี้ วันหน้าผมอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่
 
อย่างน้อยให้ผมได้เคลียร์กับไอ้เข้มก่อนก็ยังดี

แล้วผมก็เริ่มเคลิ้ม ๆ จวนจะหลับ พี่นิวก็หยุดนวดให้ผมแล้วจับผมพลิกตัวขึ้นมานอนหงาย

 ใจผมเต้นตึกตัก ๆ (โดนแน่แล้วตรู)

“หลับให้สบายนะครับคนดี”

แล้วก็มีลมอุ่น ๆ มาปะทะหน้าผากผม ผมลืมตาขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ

 (ผิดหวังนิด ๆด้วยอะ) เห็นพี่นิวกำลังคลี่ผ้าห่มคลุมให้ด้วย

“แอร์เย็นไปไหมครับ พี่กลัวว่าช่วงบ่ายอากาศจะร้อน นูจะนอนไม่สบาย ห่มผ้าซะนะ”

พี่นิวออกจากห้องไปแล้วพร้อมกับปิดประตูตามหลัง


ผมถามตัวเองว่า ผิดหวังไหม ที่พี่นิวไม่คิดจะล่วงเกินอะไรผมเลย หรือว่า ที่เป็นอย่างนี้ก็ดีอยู่แล้ว ผมจะได้ไม่ยุ่งยากใจ

 (แต่ก็อดน้อยใจเล็ก ๆ ไม่ได้ว่า นี่ตรูไร้เสน่ห์ขนาดนี้เชียวเหรอ)

ผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย และทั้งที่ในใจยังสับสน
 
ว่าจริง ๆ แล้วพี่นิวรู้สึกยังไงกับผมกันแน่

 ดูเหมือนจะรัก

 แต่รักของเขากับรักของผม มันความหมายเดียวกันรึเปล่า

เขาไม่เคยพูดคำนั้นกับผมเลย....คำที่ผมอยากได้ยิน

หรือว่าแท้ที่จริงแล้ว....เป็นผมที่รู้สึกไปเองข้างเดียว



 หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งใจ

แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าผมยังไม่ได้เคลียร์กับไอ้เข้มเลย ความหนักใจก็เข้ามาแทนที่อีกครั้งหนึ่ง

 ผมยังหาโอกาสคุยกับมันตามลำพังไม่ได้เลย ที่โรงเรียนเราก็มักจะอยู่กันเป็นฝูง

ถ้าใครแยกตัวออกมาคุยกันก็จะมีคนตามมาฟัง

(พวกเพื่อนผมมันชอบแกล้ง ไม่ได้มีเจตนาจะสอดรู้เรื่องเพื่อนหรอก)
 
เมื่อก่อนผมก็พลอยสนุกเวลาที่ได้แกล้งคนอื่น พอถึงทีตัวเองจะถูกแกล้งบ้างชักกลัวละสิครับ

 ก็เรื่องผมน่ะ ถ้าลองได้รั่วไหลออกไปเข้าหูเพื่อน ๆ ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะมีปฏิกิริยายังไงบ้าง

บอกแล้วว่าสังคมที่ผมอยู่มันยังไม่ตอบรับเรื่องเกย์กันเท่าไหร่

 (ผมล่ะอยากย้ายบ้านเข้ากรุงเทพซะจริง ๆเชียว)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 15:16:31 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ Aoya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 906
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-3
จะรอติดตามนะคะ

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
เอร้ย พี่นิวน่ารักมากอ่ะ ถ้้านูทำหลุดมือไปนี่เสียดายแทนจริงๆ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


คืนนี้มาดึกไปหน่อย ออนทิ้งไว้แล้วมัวแต่ทำงาน    :really2:

คอยสักครู่ครับ ว่าจะลงยาวหน่อย

บวกเป็ดให้แล้วครับ สำหรับที่ตกไปเมื่อวานนี้








ชีวิตผมเหมือนมันจะราบรื่นเลยนะ ถ้าผมจะไม่มามัวกังวลกับเรื่องเมื่อคืนนั้นที่หลวมตัวไปกับไอ้เข้ม

บางทีผมก็อยากจะคิดว่าทำลืม ๆ ซะดีไหม มันก็ลืมไม่ลง เพราะไอ้เข้มมันหมั่นเสนอหน้ามาใกล้ผมอยู่เรื่อย

ถึงมันจะไม่ทำท่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม แต่มันก็ปฏิบัติกับผมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ

นั่งอยู่ที่ไหนมันก็จะมานั่งใกล้ ๆ ถ้ามีใครนั่งอยู่ก่อนแล้วมันก็ไล่เขาไปนั่งที่อื่น

แรก ๆ ก็ไม่มีใครอยากจะว่าอะไร แต่พอหลาย ๆครั้งเข้ามันก็ผิดสังเกต จนเพื่อนเริ่มแซว

 แทนที่ไอ้เข้มมันจะปฏิเสธ รึอย่างน้อยก็อยู่เฉย ๆ ก็ยังดี

 มันยังลอยหน้าลอยตาทำสนิทสนมหนักกว่าเดิมนี่สิ

......ผมจะบ้าตาย....


   
        ส่วนผมกับพี่นิว เราก็กลับมาใช้เวลาหลังเลิกเรียนร่วมกันอีกอย่างมีความสุข

(แต่สำหรับผมมันสุก ๆ ดิบ ๆแฮะ) และก็ยังไม่มีอะไรเกินเลยไปจากที่แล้ว ๆมา

 ยิ่งใกล้ชิดเขามากขึ้นผมยิ่งรู้สึกอบอุ่นและรักเขามากขึ้นทุกวัน พี่นิวดูแลและเอาใจใส่ผมเป็นอย่างดี
 
วันหยุดสุดสัปดาห์บางครั้งพี่นิวจะพาผมไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆนอกเมือง ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา

มันทำให้เราสามารถแสดงออกถึงความรักได้อย่างอิสระเสรี

....นอนหนุนตักกันใต้ต้นสนริมทะเลในยามเช้ารอเวลาให้พระอาทิตย์ขึ้น

หลังจากนั้นก็เล่นน้ำทะเลบนชายหาดโล่งที่แทบจะไม่มีผู้คน
 
เพราะชายทะเลแห่งนั้น เป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมหรูระดับห้าดาว

 ถ้าไม่ใช่แขกของโรงแรมก็หมดสิทธิ์เข้าไป

....ผมมีความสุขเหมือนขึ้นสวรรค์ทั้งเป็นยังไงยังงั้นเลย

แต่เชื่อไหมว่าทั้งที่โอกาสและบรรยากาศมันอำนวยซะขนาดนี้

 พี่นิวก็ยังไม่เคย...จุด...จุด...จุด...กับผมเลย

นี่ถ้าเป็นไอ้แฟนคนก่อน ๆของผมสองคนนะ ผมคงไม่เหลือเวอร์จิ้นมาจนถึงวันนี้แน่

ขนาดอยู่ในที่ลับตาคนแค่แว่บ ๆ มันยังอดลวนลามไม่ได้เลย

ผมถึงได้ขอเลิกกับมัน เพราะความรักที่เริ่มต้นด้วยเซ็กส์ ผมว่ายังไงมันก็ไม่ยั่งยืน

   แต่กับพี่นิวผมแน่ใจมาก ๆ ว่าผมรักเขายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

ผมพร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันกับเขาไปตลอดเวลาที่เหลือ

เพราะอย่างนี้ไงผมเลยอยากให้ความสุขกับเขาถ้าเขาต้องการ

ขอแค่เขาส่งซิกให้ผมแค่นั้น อย่าให้ผมต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนเลย

(ตรูก็อายเป็นนะเฟร้ย...ใครรู้เข้าจะหาว่าอยากเสียตัว)


   
             วันนี้อาจารย์มีประชุมด่วนช่วงบ่าย ก็เลยปล่อยนักเรียนกลับบ้านครึ่งวัน

พวกผมไม่รู้จะไปไหนดีก็เลยนั่งเล่นอยู่ในโรงเรียน

 (ช่วยซื้ออาหารและน้ำไม่ให้เหลือทิ้ง..สงสารแม่ค้าอะ...ใจบุญแมะ)

ผมเห็นไอ้เข้มเดินแยกไปซื้อของกินก็เลยตามมันไปติด ๆ

   “ไอ้เข้ม”

   “ไรวะ”   มันหยุดฝีเท้าหันมามองหน้าผม ทำยิ้ม ๆ

   “วันนี้มึงว่างป่ะ”   ผมตัดสินใจละ ว่าวันนี้อากาศปลอดโปร่ง เหมาะแก่การเจรจา

   “มึงยังว่างเลย ทำไมกูจะไม่ว่าง”   หนอย....กวนส้นนะมึง....กูถามดี ๆโว้ย

   “เออ...งั้นเดี๋ยวหาที่เงียบ ๆ คุยกันหน่อยดิวะ”

   “คุยไรอะ”

   “เออน่า...ถ้ามึงหิวก็กินซะให้เสร็จก่อน แล้วค่อยคุย”   ซื้อเวลาอีกหน่อย

   “มึงพูดงี้กูก็หมดอยากแล้วว่ะ อยากรู้เรื่องมึงจะคุยมากกว่า....ปะ...ไปหลังห้องน้ำกัน

ป่านนี้เด็กกลับกันหมดแล้วมั้ง”

   ผมเหลียวซ้ายแลขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกนั้น หรือแม้แต่ในห้องน้ำ

เพราะผมเข้าไปถีบประตูออกทีละบานให้เห็นกับตาเลยแหละ

   “เมื่อไหร่มึงจะเริ่มซะทีฮะ...คนอื่นมันเบื่อโรงเรียนจนรีบแจ้นกลับบ้านไปหมด

 มีแต่มึงกะกูเนี่ยที่รักโรงเรียนชิบหาย ปล่อยกลับบ้านก็ยังไม่ยอมกลับ

....เออ...แต่กูว่าไปคุยกันบ้านมึงก็ได้นี่หว่า ใกล้แค่นี้เอง”
 
ไอ้เข้มมันเสนอความคิดที่ผมจะไม่มีวันทำตามเป็นอันขาด...เข็ดว่ะ...

   “เว้อ....ไม่เอาโว้ย!”

   “งั้นมึงรีบพูด”

   “เออ....กู...เอ่อ....”

   “มึงเอ่อแล้วเดี๋ยวมึงก็อ้า ใช่แมะ วันนี้จะคุยกันได้เรื่องไหมเนี่ย”

ท่าทางมันรำคาญเต็มที ผมเลยสลัดความอายพูดออกไปให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย

   “มึงกะกูห่าง ๆ กันมั่งได้ไหมวะ”

   “ทำไมวะ มึงมีปัญหาอะไรเหรอ”   มันทำหน้าแปลกใจ

   “ป่าว!”

   “อือ....ป่าว?  รึว่ามึงเบื่อกู...เกลียดกู”   หน้ามันเริ่มจ๋อย

   “ไม่ใช่ยังงั้น”

   “แล้วทำไม กูทำไรไม่ดีตรงไหน”   แล้วมันก็ถามคำถามนี้ซ้ำ ซึ่งผมก็ต้องตอบอย่างเดิม

   “ป่าว มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกู”

   “เออ...มึงก็รู้นี่หว่า”

   “แต่กูก็อยากเป็นแค่เพื่อนกะมึง”

   “กูก็ไม่ได้ว่าไรนี่ แต่ถ้ามึงจะห้ามไม่ให้กูคิดมากกว่าเพื่อนกูก็ขอโทษ กูทำไม่ได้”
 
ไอ้เข้มเริ่มออกเสียงดังขึ้น ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมขอมันทำยาก...ใครมันจะห้ามหัวใจไม่ให้รักได้ล่ะครับ

ผมเองนี่ไงคนหนึ่ง ทั้งที่ไม่เคยแน่ใจเลยสักครั้งว่า พี่นิวรักผมบ้างหรือรึเปล่า ผมก็ตะบี้ตะบันรักอยู่อย่างนั้นเอง

   “แต่ว่า....เรื่องที่เราทำ...”

   “มีงไม่สบายใจใช่ไหม”

ไอ้เข้มยกมือขึ้นลูบแก้มผมเบา ๆ แววตาที่มันมองมา ดูเศร้า ๆ ยังไงไม่รู้

ผมเห็นแล้วก็อยากจะใจอ่อน แต่ก็กลัวว่าจะยิ่งถลำลึกลงไปอีก

   “มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะเรียกร้องอะไรจากมึง ถ้ามึงไม่เต็มใจ  ก็เหมือนคืนนั้นแหละ

กูเองไม่เคยคิดจะฝืนใจมึง แต่สิ่งที่มึงทำให้กูอะ  กูซาบซึ้งจนไม่รู้จะพูดไงถูก

กูรู้ว่ามึงคิดกับกูแบบไหน แต่ขอเถอะวะ  ให้กูได้รักมึงแบบนี้ อยู่ใกล้มึงแบบนี้ต่อไป

กูขอแค่นี้ มึงให้กูไม่ได้เหรอวะนู”

   ผมก้มหน้าหลบสายตาไอ้เข้ม ใจหนึ่งอยากจะยืนยันความคิดเดิมที่ว่าจะตีตัวออกห่างจากมันซะ

 แต่อีกใจผมก็สงสารมันจนน้ำตาแทบร่วง ผมมั่นใจว่ามันเป็นแค่ความสงสาร ไม่มากไปกว่านี้

 แต่ใครจะรู้....เขาว่าความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก...เกิดผมรักมันขึ้นมาวันไหน

...ผมก็คงกลายเป็นคนหลายใจ มากรัก....ความฝันที่ผมจะได้อยู่เคียงข้างพี่นิวก็คงไม่ต้องพูดถึงกันอีก
   
    “แต่ทุกวันนี้เพื่อนในกลุ่มมันก็เริ่มผิดสังเกตมึงกะกูอยู่นะไอ้เข้ม ความแตกขึ้นมากูกะมึงจะเอาหน้าไปไว้ไหน”

     “บอกตรง ๆ นะนู ว่ากูไม่แคร์ ถ้าวันนี้มึงรับรักกู พรุ่งนี้ให้กูประกาศหน้าเสาธงกูยังทำได้เลย

แล้วมึงล่ะ ที่มึงแอบคบอยู่กับพี่นิวอะ มึงว่าคนอื่นเค้าไม่ผิดสังเกตมั่งเหรอวะ  หรือว่าทีกับพี่นิวมึงยอมได้ทุกอย่าง

แต่มาสร้างเงื่อนไขเอากะกู”

   ผมพูดไม่ออกเพราะมันจริงทุกอย่าง เพื่อคนที่เรารักให้ทำอะไรยากเย็นแค่ไหนก็ยอม
 
ไอ้เข้มกับผม เรารู้ใจและเข้าใจกันดี เพียงแต่มันไม่ลงล็อคพอดีกันได้เท่านั้น

             “กูก็ไม่เคยขอร้องมึงเลยนะเข้ม มึงไม่รู้หรอกว่ากูละอายใจต่อพี่นิวมากแค่ไหน  แล้วถ้ามึงรู้จักคำว่ารักดีพอนะ

มึงก็ต้องรู้ว่ากูทรมานใจแค่ไหนที่ทำเหมือนกูทรยศเค้า ปากกูบอกว่ารักเค้า แต่กูกลับมามีอะไรกับมึง

ถ้าเค้ารู้ก็คงเสียใจ อย่างน้อยเค้าก็อาจจะคิดว่ากูไม่จริงใจกับเค้า ซึ่งมึงเองก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่จริง”

   ผมพยายามพูดทุกอย่างให้มันเห็นใจ

   “มึงไม่ต้องมาตอกย้ำ กูรู้ดีว่ามึงไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตา แล้วมึงจะให้กูทำไงมึงถึงจะพอใจ ให้กูตายไปเลยดีไหม”

 ถ้ามันจะตะโกนใส่หน้าผม รึว่าชกผมซักเปรี้ยงก็คงจะดีกว่าที่มันจะพูดนิ่ม ๆ แต่แววตามันตัดพ้อต่อว่าแบบนี้

มันเชือดเฉือนความรู้สึกสิ้นดีเลย

   “มึงอย่าพูดแบบนั้น ยังไงกูก็ยังเห็นมึงเป็นเพื่อน กูสนิทกับมึงมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ มึงก็รู้

 ระหว่างเรามันเป็นได้แค่นี้จริง ๆ ขอให้มึงเข้าใจกูหน่อย”

   “กูเข้าใจมึง วันนี้มึงมาบอกให้กูเลิกยุ่งกับมึง....ก็ได้  ตั้งแต่คืนนั้นกูก็ไม่เคยวุ่นวายกับมึงเลยจริงไหม

แต่มึงบอกให้เราห่าง ๆ กัน มึงจะทรมานกูไปถึงไหน”
 
   ไอ้เข้มร้องไห้น้ำตานองหน้าจนผมเองก็ใจไม่ดี รู้สึกว่าตัวเองใจร้ายเกินไปหรือเปล่า

   ผมเดินเข้าไปใกล้อยากจะปลอบใจมันประสาเพื่อน  แต่ทันใดก็มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง

   เป็นเสียงผู้หญิงครับ....เสียงผู้หญิงที่ผมคุ้นหู และไม่มีวันลืม  ผมกับไอเข้มหันไปตามเสียงนั้น ไม่ใช่ใคร....
   
   ยายมุกตัวแสบเจ้าเก่าน่ะเอง  แต่ที่ทำให้ผมรู้สึกมือเย็น เข่าอ่อน จนแทบทรุดไม่ใช่ยายมุก

   แต่.....เป็นคนที่ยายมุกควงแขนมาด้วยตะหาก

   พี่นิวของผมครับ...

หน้าพี่นิวเรียบสนิท ไม่บอกอารมณ์เลย แต่ตาเขาสิครับ จ้องผมเขม็งเชียว

ไม่ต้องให้ใครบอกผมก็รู้ว่า พี่เขาคงได้ยินที่ผมกับไอ้เข้มพูดกัน ถ้าไม่ทั้งหมดก็คงเกือบ ๆ ล่ะ

และมันก็มากพอที่จะทำให้เขารู้เรื่องที่ผมกำลังปิดบังอยู่

ไอ้เข้มก็พลอยหน้าซีดไปกับผมด้วย มันไม่อยากทำร้ายจิตใจผม แต่ลงอีรูปนี้ เห็นจะไม่รอด

เพราะพี่นิวรู้เรื่องหมดแล้ว....ซวยฉิบห...

“เห็นแมะ....มุกบอกนิวแล้วว่าสองคนนี้น่ะยังไง ๆ กัน ได้ยินกับหูแล้วเป็นไง

โดนมันสวมเขาให้แบบเนี้ย นิวกลับมาเป็นแฟนมุกเหมือนเดิมดีกว่า”
 
อีนี่มันน่าจะเกิดมาเป็นใบ้นะผมว่า พูดอะไรออกมาแต่ละอย่างมีแต่เรื่องเลว ๆ

พี่นิวยังยืนนิ่ง ไม่พูด ไม่ถามอะไรผมสักคำ

ส่วนผมน่ะเหรอ...อึ้งดิ...ไม่มีข้อแก้ตัวอะไรเลยนอกจาก...

“พี่นิว...พี่ต้องเชื่อใจผมนะ”

ผมรู้สึกแรงบีบรัดในอก เมื่อพูดคำนั้นออกไป เขาคงไม่เหลือความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวผมอีกแล้ว
 
ผมรู้ดีว่าผมผิด แต่ขอได้ไหม....ฟังผมพูดบ้าง อย่ามองผมเหมือนผมไม่มีค่าอย่างนั้น

“พี่นิวครับ ผมกับนูเป็นแค่เพื่อนกัน เรื่องบางเรื่องที่มันเลยเถิด ผมผิดเอง นูไม่เกี่ยว

ถ้าพี่จะโกรธก็โกรธผมดีกว่า....พี่ชกหน้าผมก็ได้”

 ไอ้เข้มช่วยพูด ผมไม่รู้ว่ามันทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือเลวลงกันแน่

เพราะนังตัวดีรีบถือโอกาสโยนฟืนใส่และจุดไฟทันที

“แหม...รักกันจริงนะ...นิวเชื่อมุกเหอะ คนเราถ้ามันทรยศได้ครั้งนึงนะ มันก็ต้องมีครั้งต่อไปอีกน่ะแหละ”

.....อี่นี่.....มึงกะลังพูดถึงตัวเองอยู่รึเปล่าเนี่ย.....

ผมฉุนจัด แต่ความผิดยังติดตัวอย่างนี้ผมเฉยไว้ดีกว่า จัดการเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว

ค่อยจัดการมันทีหลังก็ยังไม่สาย.....ฝากก่อนเหอะวะอีมุก...ฮึ่ม!!

ตลอดเวลานั้นพี่นิวได้แต่จ้องผม และก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

ผมเห็นแววตาที่มองมามันฟ้องว่าเขาผิดหวังในตัวผม นังมุกตัวดียังยืนเย้ยหยันผม....ทำไมมึงไม่รีบตามไปละวะ

จะมายืนลอยหน้าทำหอกอะไร...กูไม่อยากเห็นหน้ามึง....

“และก็นะ....อีนู....ถ้าแกยังไม่รู้ล่ะก็ ฉันจะบอกให้เอาบุญ”

มันหยุดพูดแล้วหันไปมองหน้าไอ้เข้มก่อนจะพูดต่อ

 “แกไม่สงสัยมั่งเหรอว่าทำไมฉันถึงให้พวกตังเกนั่นไปดักแกถูกทาง ถูกเวลา...ฮะ...ฮะ....”

อีนี่มันพล่ามอะไรของมัน....จะขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูดทำไม

"มุก หยุดได้แล้ว”   เป็นไอ้เข้มเองครับที่ตวาดออกมา

“กลัวล่ะสิ...เข้ม....ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลที่ตามมา เหมือนที่ฉันก็รับไปแล้วไง แกรู้ไหม

ตอนนี้นิวเค้าแทบไม่อยากเห็นหน้าฉันเลย”

“ก็เธอทำตัวเองทั้งนั้น ยังมีหน้ามาบ่นอีกเหรอ”   ไอ้เข้มสวน

“ฮึ...ใช่ฉันคนเดียวเมื่อไหร่ ถ้าแกไม่ร่วมมือ มีเหรอที่ฉันจะทำได้จนเกือบจะสำเร็จ”

นี่มันอะไรกัน สองคนนี้โยนคำพูดกันไปมา ราวกับพูดเรื่องเดียวกัน
 
เรื่องอะไรที่ไอ้เข้มให้ความร่วมมือจนเกือบสำเร็จ....

อย่าบอกนะว่า เหตุการณ์ที่ผมถูกทำร้าย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไอ้เข้ม....เพื่อนที่ผมรักและไว้ใจที่สุด

“ฉันไมได้ร่วมมือกับเธอทำร้ายนู ฉันก็แค่บอกเวลากับสถานที่ สิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำแต่ไม่ได้บอกให้เธอรู้ตัวก็คือ

ฉันจะเข้าไปช่วยนู”

“อ๋อ! พระเอก....แหวะ....แล้วไง....ได้ช่วยไหมล่ะ”  ยายมุกยังยืนเท้าสะเอวลอยหน้าถามอย่างน่าหมั่นไส้

“ก็เธอเล่นบอกให้พวกมันไปรอก่อนเวลา ฉันไม่รู้ด้วย แต่นูก็โชคดีแล้วล่ะที่รอดมาได้ ไม่ตกเป็นเหยื่อไอ้หื่นพวกนั้น”

“โชคดี...เฮอะ...มันคงไม่โชคดีไปตลอดหรอกย่ะขอบอก....คนอย่างฉันถ้าไม่ได้นิว แกก็อดเหมือนกันอีนู”

ประโยคหลังมันหันมากระแทกใส่ผมที่กำลังยืนเป็นเบื้อ (รู้ตัว) ทั้งงง....ทั้งตกใจ

....และตอนนี้ก็กำลังโกรธ

   สองอีแล้วนะโว้ย....กูไม่ใช่ผู้หญิง ไม่ใช่กะเทย มึงไม่มีสิทธิ์มาขึ้นอีกะกู....

ผมได้แต่ตะโกนด่าอยู่ในใจ แต่ปากมันอ้าอะไรไม่ออกทั้งนั้น....

เพราะผมกำลังจุกกับคำพูดที่ ไอ้...อี...สองคนนี้มันกำลังถกกัน...ด้วยเรื่องที่ผมหวาดกลัวสุดขีด

 และทุกวันนี้นึกขึ้นมาทีไรผมก็ยังผวาไม่หาย

 แต่มันกำลังพูดเหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่างที่มันใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกับความรัก

...ที่สำหรับผม...ความรักเป็นสิ่งอมตะ เป็นความรู้สึกที่น่าเทิดทูน เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นอ่อนหวาน....

รักในแบบที่ผมมีให้พี่นิวหมดหัวใจ....

แต่ทว่าตอนนี้ความรักนั้นมันกลับทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินแล้ว

นอกจากพี่นิวจะไม่เคยรักตอบผม ตอนนี้เขาคงเกลียดผมยิ่งกว่าตัวเหี้ย

เกลียดสิ่งที่ผมทำและเขาตีความไปเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าเลว

   ทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เพราะ....ไอ้....อี...สองคนนี้

ผมไม่รู้ว่าน้ำตามันเหือดแห้งไปไหนหมด ทั้งที่ผมอยากจะร้องไห้เต็มแก่

ความเจ็บปวดมันรุมเร้าผมทีเดียวพร้อมกันถึงสองเรื่อง ไหนจะคนที่ผมรักที่สุดเขาเกลียดผม

ไหนจะเพื่อนรักที่ไว้ใจที่สุดก็มาทรยศกันซะได้ แล้วในโลกนี้ผมยังจะเหลือใครอีกวะ....

ผมไม่พร้อมจะเผชิญหน้าใครทั้งนั้น

ผมไม่อยากเห็นหน้าคนจิตใจต่ำช้าอย่างผู้หญิงคนนี้

และที่สุดแล้วผมไม่อยากเห็นไอ้เข้ม....

มันทำกับผมได้ถึงเพียงนี้ ทั้งที่บอกรักผม...มันแก้แค้นผมที่ไม่รักมันตอบรึไง....

   ผมเดินออกมาจากตรงนั้น ปล่อยให้สองคนนั้นมันยืนพูดพล่ามกันไป

พี่นิวไปทางไหนผมก็ไม่อยากรับรู้แล้ว คนที่ไม่เคยรักกัน ไม่เข้าใจกัน

และก็คงไม่คิดจะอภัยให้กันอีกด้วย ป่วยการที่จะง้องอน ตามตื๊อ หรือแก้ตัวใด ๆ


   ได้เลย.......วันนี้ผมไม่มีคนรัก ไม่มีเพื่อนรักอีกต่อไป ผมจะอยู่ส่วนผม

ไม่แตะอีกแล้วความรัก   ผมเคยศรัทธาในความรัก  ขณะนี้ก็ยังศรัทธาเช่นนั้น

แต่ผมคงไม่อาจจะมีความรักในแบบที่ผมคาดหวังได้อีก

ผมทุ่มเทหัวใจให้เขาเท่าไหร่ ไม่เคยเลยที่เขาจะตอบแทนกลับมาให้ได้ชื่นใจบ้าง

ผมรู้ว่าเขาดีต่อผมตลอดเวลาที่เราคบหากัน

ผมเคยบอกตัวเองว่าผมยอมรับเพียงเท่าที่เขาจะให้ผมได้....

...แต่ความจริงมันไม่เคยพอ....

ผมไม่เคยเรียกร้องมากกว่านั้นก็จริง แต่ก็อดจะหวังไม่ได้ว่า...

...วันหนึ่งเขาจะพูดคำว่า ‘รัก’ กับผมสักครั้ง




      ผมกลับไปเป็นอย่างที่เคยเป็นเมื่อก่อนนี้   

      ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน ไม่รับรู้ความเป็นไปข้างนอก ไม่รับโทรศัพท์

      ผมรู้ว่าตอนนี้คนทั้งบ้านกำลังกลุ้มใจเรื่องของผม เพราะเขาไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของผมเลย

คงมีแต่ความรักและความเป็นห่วงเท่านั้นที่จะแสดงออกมาให้ผมรับรู้ได้

            พ่อครับ...แม่ครับ....พี่ครับ.....ผมรับรู้ทุกความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างที่ทุกคนมีให้ผม

แต่ขอผมอยู่กับตัวเองสักพัก ตอนนี้ผมไม่สับสนกับชีวิตและความรู้สึกของตัวเองแล้ว

ผมเข้าใจตัวเองได้อย่างถ่องแท้ ผมยอมรับสิ่งต่าง ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตได้

แม้ครั้งแรกมันจะขมขื่นอยู่บ้าง แต่ผมจะผ่านมันไปให้ได้สักวัน

   ....ขอบคุณที่ดูแลและห่วงใยผม แต่เวลานี้สิ่งที่ได้รับมันไม่เพียงพอเอาซะเลย

   .....และผมคงต้องเติมเต็มมันด้วยตัวเอง





มีต่อครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 15:30:15 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



สองวันแล้วที่ผมไม่ออกจากห้องไปไหนเลย น้ำไม่อาบ ข้าวไม่กิน ไม่พูดคุยกับใคร
 
พี่มาบอกว่ามีเพื่อนมาหา ผมก็ไม่รับรู้ ผมไม่มีเพื่อนที่ไว้ใจได้เหลือเลยสักคน

และผมก็ไม่มีคนที่ผมรักมาคอยแคร์และใส่ใจกับความรู้สึกเจ็บช้ำในใจของผมด้วย....

ก็ไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้อนรับ ‘คนแปลกหน้า’ เข้ามาในโลกส่วนตัวของผม


   เสียงเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะผลักเข้ามา ผมไม่ได้หันไปมอง แต่กลิ่นโคโลญจ์คุ้นจมูกที่แม่ใช้มันอวลเข้ามา

   แม่มานั่งบนเตียงข้าง ๆ ที่ผมนอน เอามือมาลูบหัว แล้วก้มลงจูบกระหม่อมเหมือนว่าผมยังเป็นเด็กเล็ก ๆ

ผมยกหัวซุกลงไปบนตักแม่เรียกหาความอบอุ่นที่ไม่ได้พบเจอมานานมากแล้ว

   “เป็นอะไรไปลูก สองวันมาแล้วนะ มีอะไรบอกแม่ได้ไหม”   แม่พูดกับผมด้วยเสียงอ่อนโยน

   ผมส่ายหน้า ไม่อยากบอกให้แม่ยิ่งไม่สบายใจไปกว่าเก่า 

   “เข้มมาหาลูกทุกวัน ทำไมไม่คุยกับเพื่อนล่ะ โกรธอะไรกันเหรอ”

   “ผมเลิกคบมันแล้ว”

   “อ้าว”   จากลูบหัว แม่ก็มาลูบแก้ม ทุกอาการของแม่ล้วนปลอบใจอยากให้ผมหายซึมเศร้า

   “เค้าทำอะไรลูกเหรอ”

   “มันทรยศผม”

   “ข้อหาร้ายแรงนะนั่นน่ะ”

   “มันช่วยคนอื่นทำร้ายผม ทั้งที่มันบอกผมว่ามันรักผม”   หวังว่าแม่จะไม่ถามว่ารักแบบไหนนะ

   “เค้าทำร้ายอะไรลูก แล้วลูกไปชกต่อยกับใครมา”

   “ไม่ใช่เรื่องตีกันหรอกแม่ มันทำร้ายจิตใจกันน่ะ ผมทนคบเพื่อนหน้าไหว้หลังหลอกไม่ได้

พอกันที เพื่อนแบบนี้ไม่มีซะดีกว่า”

   “กูขอโทษ”   เสียงไอ้เข้มดังอยู่หน้าห้องนี่เอง

   “แม่!”   ผมเงยหน้าขึ้นมองแม่

   “แม่ขอโทษนะลูก เข้มเค้าบอกว่าลูกกับเค้าไม่เข้าใจกัน แต่ลูกไม่ยอมให้เค้าอธิบาย

แม่ก็เลยต้องทำแบบนี้ เข้มมาแล้วก็คุยกันดี ๆ นะลูก เคลียร์กันซะให้เข้าใจ คบกันมาตั้งหลายปี
 
อย่าให้ความไม่เข้าใจกันมาทำลายมิตรภาพซะล่ะ”

   แม่คล้อยหลังออกไปแล้ว ไอ้เข้มมันก็เดินเข้ามาแถมยังปิดประตูกดล็อกซะด้วย

   “มึงเข้ามาทำไม”

   “แม่อนุญาตแล้ว”

   “แต่นี่ห้องกู กูไม่อยากเห็นหน้า...มึงจะหน้าด้านอยู่ทำไม”

   “นู ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ฟังกูพูดมั่งได้ไหม”

 ผมจ้องหน้ามันชัด ๆ ก็ได้สังเกตว่าหน้าตามันทั้งหมอง ทั้งโทรม

ไรหนวดขึ้นเหนือริมฝีปาก ไรเคราก็เป็นปื้นอยู่ทั้งสองข้างแก้ม ด้วยความที่สนิทและรู้ใจกันดี

ผมก็มองออกว่าสองวันที่ผมเก็บตัวอยู่กับความทุกข์ใจของตัวเอง และกำลังจะผ่านมันไปให้ได้
 
ไอ้เข้มก็คงไม่ต่างกันนัก....สมน้ำหน้า....ก็มึงทำกับกูได้นี่

   “ได้...มึงรีบพูดจะได้รีบไป แล้วมึงก็ไม่ต้องย้อนมาเหยียบที่บ้านกูอีก”

   ไอ้เข้มก้มหน้าอยู่พักหนึ่ง ผมเห็นน้ำหยดเล็ก ๆ ตกลงมาบนอกเสื้อมัน

แล้วก็รีบยกมือขึ้นป้ายตา....หนอย..เสือกสำออย กูไม่ใจอ่อนหรอกโว้ย! (จริงรึป่าววะ)

   “กูขอโทษที่กูหลงผิดไปชั่ววูบ”

   “มึงบอกพวกมันว่ากูกลับเวลาไหน ทางไหนแล้วให้พวกมันไปดักกู มึงไปรู้จักมันตอนไหน”

   “กูกับมุกเคยรู้จักกันสมัยเรียนประถม มุกบอกว่าแค่จะสั่งสอนเบาะ ๆ ไม่ให้เจ็บมาก

ถ้าเกิดมึงกลัวขึ้นมาจะได้แยกกับพี่นิว กูก็เลย....”

   “มึงคิดว่ากูเจ็บตัวแค่นั้น จะทำให้กูขยาดถึงกับเลิกกันเลยเหรอวะ”

   “แต่กูไม่ได้เชื่อมุกทั้งหมดหรอก กูกะว่าถ้าพวกนั้นรุมมึงกูก็จะเข้าไปช่วย...”

   “เชอะ! ช่วยทรยศกูเนี่ยนะ”

   “กูคิดว่าถ้ากูเข้าไปช่วย ยอมเจ็บตัวเพื่อมึง....เผื่อมึงจะ...เห็นใจความรักของกู แล้วก็หันมารักกูมั่ง”

   “แล้วไง มึงหายหัวไปข้างไหน มึงรู้ไหม ถ้าสายตรวจไม่ผ่านมาป่านนี้กูคงถูกรุมโทรม

ก่อนจะที่มันจะโยนกูให้เป็นเหยื่อฉลามกลางทะเลไปแล้ว”

   “ไม่เอานู มึงอย่าพูดแบบนั้น ใจกูจะขาด”

ไอ้เข้มคุกเข่าลงตรงหน้าผม น้ำตามันไหลไม่ขาดสาย และมันก็ไม่สนใจจะเช็ด

    “มึงรู้ไหม  พอกูพายามไปถึงแล้วไม่เห็นมึง กูรู้สึกแย่ขนาดไหน แต่พอดีกูเห็นมุกเดินมา

แล้วบ่นให้กูฟังว่าเอาตัวมึงขึ้นรถไปไม่สำเร็จ กูก็โล่งใจ  อย่างน้อยมึงก็ยังไม่ถูกอุ้ม

กูโกรธมากเพราะมุกทำผิดสัญญา  มันบอกว่าแค่จะซ้อมมึงเบาะ ๆ ให้พอเข็ดหลาบจะได้ไม่ไปยุ่งกับพี่นิว

แต่มันกลับให้ไอ้พวกตังเกมาพามึงไป  กูตบหน้ามันไปทีนึงแล้วก็รีบมาหามึงที่บ้าน...คืนนั้นไง...”

      “พอ!!...มึงไม่ต้องย้อนอดีตที่กูอยากลืม”

      “กูรักมึงนะนู ที่กูทำแบบนั้นเพราะกูอยากให้มึงรักกู เห็นกูเป็นฮีโร่ แต่มันไม่สำเร็จใช่ไหม”

      “ไอ้เข้ม...มึงไม่รู้จักความรักดีหรอก ไม่งั้นมึงคงไม่ทำกับกูแบบนี้...พูดจบแล้วใช่ไหม

ไป!! ...มึงไปได้แล้ว กูเบื่อขี้หน้า”

   “มึงเข้าใจกูแล้วใช่ไหม”

   “กูเข้าใจแล้วว่ามึงทำกับกูได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้อย่างใจมึง....ชัดไหม”

   “นู เรายังเป็นเพื่อนกันใช่ไหม”

   “มึงมาถามหาความเป็นเพื่อนกับกูหลังจากที่มึงทำกับกูขนาดนี้เนี่ยนะ  มึงรู้ตัวไหมว่า เพราะยายมุกกูถึงต้องเจ็บตัว

ถ้ามันไม่ทำร้ายกู คืนนั้นมึงก็ไม่ต้องมานอนบ้านกู แล้วเรื่องน่าอายก็คงจะไม่เกิด

เราก็ยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ตอนนี้มันสายไปแล้วโว้ย...ไอ้เข้ม

กูเจ็บปวดหัวใจเพราะอกหักยังไม่พอ กูยังเสียความรู้สึกในตัวเพื่อนที่กูไว้ใจไปอีก...

นี่กูยังเจ็บไม่พอใช่ไหมหา...ไอ้เข้ม”

   “นู มึงอย่าพูดอย่างนี้ได้ไหม”

ไอ้เข้มมันเข้ามากอดเอวผมไว้แน่น แล้วร้องไห้ไม่หยุด 

ผมไม่มีแก่จิตแก่ใจจะปลอบหรือแม้แต่จะผลักไสมันออกไป ได้แต่นั่งเฉย ๆ


   คิด ๆ ดูแล้วไอ้เข้มมันก็ถูกยายมุกหลอกนั่นแหละ ที่ผมโกรธก็เพราะมันไปร่วมมือด้วย

 ไม่ว่าแผนการนั้นจะเป็นยังไง สุดท้ายก็จุดประสงค์เดียวกันคือทำให้ผมเลิกกับพี่นิวให้ได้

 มันจงใจทำลายความสุขของผมกับคนที่ผมรัก (แม้ว่าเขาจะไม่รักผม)

 อย่างนี้ยังจะเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้อีกเหรอ

   ผมผลักมันออกไปจากตัว มันลุกขึ้นยืนแต่โดยดี แต่ยังจ้องหน้าผมไม่วางตาเพื่อจะสื่อความในใจ

 แต่ผมเวลานี้รู้สึกชังน้ำหน้ามันเหลือเกินแล้ว ขอเพียงให้มันไปให้ไกล ๆ เสียที

   “กูได้พูดไปหมดแล้ว มึงจะให้อภัยกูไหมก็แล้วแต่มึง กูจะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น

ถ้าความดีที่กูทำให้มึงตลอดสี่ปีที่เรารู้จักกันมันมีความหมายกับมึงบ้าง

กูขอแค่ให้เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม กูสัญญาว่าจะไม่ทำให้มึงลำบากใจอีก”



   หลังจากไอ้เข้มกลับไปผมก็นอนมองเพดาน นึกถึงวันเวลาที่เราคบหากัน

สี่ปีมันนานนะ....นานพอที่เราจะสามารถรู้ได้ว่าเพื่อนคนไหนเป็นเพื่อนแท้

ผมก็นิยามไอ้เข้มให้มันเป็นเพื่อนแท้มาตลอด แต่เรื่องที่มันทำคราวนี้มันใหญ่หลวงจริง ๆ



ถ้าวันนั้นไม่มีใครมาช่วยผมล่ะ....

           .......แต่มันก็เสียใจไม่น้อยนะ....

ผมแทบไม่เคยเห็นมันร้องไห้หนักอย่างนี้เลย.....

           ........แต่มันทำตัวเองก็สมควรแล้วที่จะต้องรับผลของการกระทำ ดีตั้งเท่าไหร่ที่ผมไม่เอามันไปประจาน

ถ้าเพื่อนในห้องรู้ว่ามันหักหลังผม...มันเน่าแน่....

แต่นั่นแหละ เรื่องมันไม่น่าเล่าเพราะมันซ้อนทับกับความลับของผม

   ในใจของผมโต้ตอบกันไปมา ใจหนึ่งผมก็เข้าใจว่ามันทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

และไม่ทันเกมยายมุก ทำให้เกิดความสงสารขึ้นมาหน่อย ๆ แต่อีกใจก็ค้านว่า อารมณ์ชั่ววูบของมัน
 
เกือบทำให้ผมหายไปจากโลกนี้ แล้วคนข้างหลังจะเป็นยังไง พ่อ..แม่..พี่ผม...จะเสียใจแค่ไหน

   ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตู

   “ผมไม่หิว ไม่ต้อนรับใคร ผมจะนอน”

ผมตะโกนออกไป เพราะมองออกไปนอกหน้าต่างก็กำลังจะมืดแล้ว ได้เวลาตั้งโต๊ะกินข้าวของครอบครัวเรา

   เสียงเคาะตามมาอีกแล้ว

   “ผมจานอน อย่ากวนกันได้ม้ายยยย”

   เสียงเดินเบา ๆ ห่างออกไปจากหน้าห้อง....

เฮ้อ! ไปซะที ผมไม่อยากพบใครเลยสักคน ไอ้เข้มมาพูดอะไรมากมายจนผมเบื่อที่จะฟังใครอีกแล้ว....

ไม่ต้องมาปลอบ....ไม่ต้องมาขอโทษ

ขออยู่คนเดียวสักพัก พอให้ทำใจได้ แล้วผมจะกลับไปสู้ใหม่


   เสียงกรุ๊กกริ๊กอยู่ที่รูกุญแจ แล้วประตูห้องก็เปิดออกให้เห็นหน้าคนบุกรุก





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 15:43:11 โดย ์NOO »

StopLove

  • บุคคลทั่วไป
เป็นเรื่องที่ผมอ่านเเล้วมีอารมณือินตามเรื่องนึงเลยครับ ถ้อยคำเรียบเรียงออกมาอ่านง่ายดี ;)

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
คราวนี้ใครอ่ะพี่นิวรึเปล่า เข้มก็น่าสงสารนะแต่ทำแบบนั้นกับนูได้ยังไง แบบนี้มันก็เห็นแก่ตัวมากกว่าไม่ใช่ความรักแล้ว
แต่ยัยมุกนี่ยังตามมาหลอกหลอนอีกเหรอ เมื่อไหร่จะไปให้พ้นๆซะทีเนี่ย พี่นิวก็ไม่รู้ว่าคิดยังไงกับนู เหอๆ แต่ที่แน่ๆคงจะคิดอะไรบ้างแหละ

Acerz

  • บุคคลทั่วไป
รีบมาต่อนะครับ ;)

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
อ่านตามหลายตอนแบบนอนสต็อปเลยครับ

เรื่องราวกำลังจะดีแล้วเชียว ลุ้นว่าพี่นิวจะทำอะไรนูมั้ย??  :z1:
มีพาไปหวานกันที่ทะเลด้วย โรแมนติกสุดๆ นึกว่าจะ... ซะแล้ว อิอิ
พอกลับมาเรียน มุกยังคงตามมาราวีไม่เลิกรา เฮ้อออ..อะไรกันฟระ นึกว่าจะไปแล้วไปลับซะอีก
 
ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เรื่องที่เข้มทำกับนู คนรักกันไม่ว่าสถานะไหนก็ไม่น่าทำกันแบบนี้
เป็นผมคงรู้สึกแย่มากๆ....

ตอนจบตัดฉับ...ค้างคามากเลยครับ อยากอ่านต่อ...
ใครกันเป็นคนไขกุญแจเปิดประตู... อ๊ากกกก...อยากรู้ๆๆๆ จังครับ

มาต่อไวๆนะครับ เรื่องนี้สนุกมากๆ อ่านแล้วอิน
เดี๋ยวเศร้า เดี๋ยวเคลิ้มแล้วก็กลับมาเศร้าอีก
ใครมาเห็นหน้าตอนอ่่านเ้รื่องนี้คงฮา...

ขอบคุณครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: พี่ครับ...รักผมบ้างไหมครับ 3.10.2555
« ตอบ #39 เมื่อ: 04-10-2012 23:58:10 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lollipopz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 46
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
รีบมาต่อเน้อ รออยู่ o13

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


รอครู่ใหญ่ ๆ นะครับ ไม่ทันข้ามคืนหรอก จะัให้จบช่วงแรกครับ

เดี๋ยวมาบวกเป็ดนะ









   “พี่นิว”    เสียงผมแทบจะไม่พ้นริมฝีปาก

   “ไง”     พี่นิวทักผมอย่างเก้อ ๆ เขิน ๆ ไม่เหมือนเคย (ใช่สิ...ก็ครั้งสุดท้ายน่ะเราจากกันแบบไม่ดีเลยนี่นา)

   “ไม่สบายเหรอ”

   “ป่าว...ผมสบายดี”

   “สบายดีแล้วทำไมไม่ลงไปกินข้าว ขังตัวเองอยู่ในห้องทำไม”

   พี่นิวเดินมาทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเตียง โดยที่ผมถลันตัวลุกขึ้นนั่งตั้งแต่เห็นเขาเข้ามาแล้ว

   “พี่มาทำไม”

   “มาง้อเด็กดื้อ”    พี่นิวยิ้มกับผม เป็นยิ้มที่ทำให้โลกของผมสดใสขึ้นหลังจากที่มันมืดมัวมาสองวันเต็ม ๆ

   “หายโกรธพี่รึยังครับ”

   “ผมน่าจะเป็นคนพูดคำนั้นมากกว่า”

   ผมพูดด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวว่าทำอะไรเอาไว้ให้เขาจับได้ (ถึงผมจะไม่ได้ผิดเต็มประตูก็เถอะ)

   “พี่น่ะหายแล้ว ทีแรกงี้ โกรธจนไม่อยากเห็นหน้านูเลยรู้ไหม”

   ผมก้มหน้านิ่ง สำนึกในความผิด พี่นิวช้อนคางผมขึ้นให้ดวงตาเราสบกัน

แล้วจุ๊บแก้มผมเบา ๆ เท่านั้นล่ะครับ ผมผวาเข้าโอบรอบคอแล้วซุกเข้ากับอกของเขาร้องไห้ให้สาแก่ใจไปเลย

   พี่นิวลูบหลังลูบไหล่ปลอบผมอยู่พักใหญ่กว่าผมจะหยุดร้องไห้

   “ไม่ร้องไห้แล้วนะครับคนดี พี่เข้าใจนูแล้ว พี่ขอโทษที่ไม่ให้โอกาสนูได้อธิบาย

 แต่ตอนนี้ไม่ต้องพูดอะไรแล้วนะครับ เข้มเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว”

   ไอ้เข้ม?

   แล้วพี่นิวก็เล่าให้ฟังเรื่องที่ไอ้เข้มนัดเขาไปคุยกัน มันเล่าให้ฟังหมดทุกอย่าง

และยอมรับว่ามันหลงรักผมมานานแล้ว   แต่ผมไม่เคยสนใจ  ที่เราเผลอตัวเผลอใจกันวันนั้น  ก็เพราะมันขืนใจผม...

โธ่!  ไอ้เข้ม...นี่คงเป็นวิธีที่มันคิดจะไถ่โทษ  ผมไม่คิดจะแก้ความเข้าใจนั้น ปล่อยให้มันผ่านหูไป

แต่ลึก ๆ แล้วผมสงสารมันมาก มันอุตส่าห์ยอมเป็นคนสิ้นศักดิ์ศรีเพื่อผมหรือนั่น

   “ไป  ลุกขึ้นไปอาบน้ำ  ดูซิ  เหม็นสาบจะตาย  น้ำท่าไม่อาบมากี่วันแล้วเนี่ย”

   ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย  พอออกมาก็เห็นพี่นิวกำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าใบเล็กให้ผมอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ

   “พี่จะเก็บเสื้อผ้าผมไปไหน”

   “ไปค้างบ้านพี่กัน”

   “อื๊อ!  ทำไมต้องไปค้างบ้านพี่ล่ะครับ”

   “จะได้มีเวลาปรับความเข้าใจกันทั้งคืนไง”

   “ที่นี่ก็ได้”

   “ไม่เอา...บ้านนูมีคนอยู่กันเต็มเลย ไปบ้านพี่นะ เราจะได้อยู่กันตามลำพัง”

     พี่นิวทำหน้าเจ้าเล่ห์เห็นแล้วชวนให้หนาว ๆ ร้อน ๆ

    เฮ้อ! ใจอ่อนอีกล่ะผม...(ดวงตรูจะเสียตัวมั้งเนี่ย)



      พ่อกับแม่ไม่ว่าอะไรที่ผมขออนุญาตไปค้างคืนบ้านพี่นิว  คงเห็นว่าผมค่อยยอมออกมาสู่โลกภายนอกบ้าง

อย่างน้อยก็ดีกว่าขังตัวเองไม่ยอมพบใคร  ส่วนพี่ชายก็แค่เตือนว่าอย่าออกไปเที่ยวเตร่กลางคืนทำตัวเหลวไหล

โธ่...พี่....ผมจะออกไปที่อื่นอีกทำไม ในเมื่ออยู่กับพี่นิวผมก็มีความสุขล้นเหลืออยู่แล้ว




     ผมไม่เคยมาค้างคืนบ้านพี่นิวเลยสักครั้ง อย่างมากที่สุดก็อยู่กันดึกหน่อย แต่ก็กลับไปนอนบ้านตัวเองอยู่ดี

คืนนี้เป็นครั้งแรก....ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

เจ้าสาวในคืนส่งตัวจะรู้สึกเหมือนตรูคืนนี้ไหมเนี่ย (ออกจะเว่อ ๆ ละไอ้นู)

“อาบน้ำปะ”   พี่นิวชวนเหย็ง ๆ ทำท่าจะลากข้อมือผมให้ตามไป

“ฮื้อ....ผมอาบมาแล้ว”  ผมยื้อสุดชีวิต

“อาบอีกก็ได้ อาบพร้อมกัน”  ฮ้า....ไอ้พี่นิวทะลึ่ง

“ไม่อาว พี่นิวยังไม่อาบก็ไปอาบจิ ผมจะ....”   จะอะไรดีฟระตรู

“ผมจะนอนดูหนัง (ละกัน)”

พี่นิวยิ้มกว้าง เดินมาหยิกแก้มผม ก่อนจะเดินเอาผ้าขนหนูพาดบ่าหายเข้าไปในห้องน้ำ

ระหว่างที่รอ ผมก็เลือกหนังมาเปิดดู....ก็ดูไปงั้นแหละ ไม่มีอะไรทำ

พูดก็พูดเถอะ ผมใจเต้น ตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ อะนะ

ถ้าพี่นิวออกมาจากห้องน้ำแล้ว เราจะทำอะไรกัน เพราะนี่มันก็ยังหัวค่ำอยู่...

กินข้าวก็แล้ว...

อาบน้ำก็แล้ว....

หนังก็...ไม่น่าดู  (ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบดูหนังเท่าไหร่)

จะนอนรึก็ยังหัวค่ำเกินไป   คิดไปคิดมา  พี่นิวก็เปิดประตูห้องน้ำออกมาพอดี


โอ...แม่เจ้า...

    พี่นิวนุ่งผ้าขนหนูแค่ผืนเดียวเปลือยอกที่ชุ่มน้ำเป็นหยดไปทั้งแผง

เห็นไรขนอ่อน ๆ เหนือสะดือ เป็นแนวหายลงไปในขอบผ้าขนหนู

นั่นทำให้ผมเริ่มจินตนาการไปต่าง ๆ นานา เขาเดินมานั่งบนโซฟาเบดที่ผมนั่งอยู่ก่อนแล้ว

เอื้อมมือมาคว้าคอผมเข้าไปจุ๊บปากแบบหยอก ๆ....

อย่านะพี่....อย่าล้อเล่นกะผมอย่างงี้ เดี๋ยวผมเอาจริงน้า...

(ยิ่งอยาก ๆ อยู่เพราะอดมานาน...อ๊ากซ์....ช่างคิดไปได้)

“หนังสนุกเหรอ”  พี่นิวหันไปมองโทรทัศน์ แล้วมองหน้าผมแบบงง ๆ

ผมก็เลยตั้งสติดูตาม อ้าว....นี่ผมหยิบสารคดีมาดูเหรอเนี่ย...

มิน่า...ผมก็ว่าแล้วว่าหนังเรื่องนี้ไม่สนุกเลย

“แหะ...แหะ...”  ผมได้แต่ยิ้มแหย ๆ  พี่นิวจะจับได้ไหมอะ  ว่าจิตใจผมไม่อยู่กะเนื้อกะตัวเลย

 มันคอยแต่จะคิดอะไรไปก่อนล่วงหน้า....ล้วนแล้วแต่เรทเอ็กซ์ ทั้งน้าน

 แล้วก็เนี่ย....พี่นิวครับ พี่ช่วยถอยออกไปห่าง ๆ ผมนี้ดนึงด้ายม้ายอะ

ผมงอเข่าเข้าหาตัวเอง พยายามซ่อนอวัยวะบางส่วนให้พ้นจากสายตาของเขา

 เพราะตอนนี้มัน...เอ่อ....มัน....มันกะลังดุนกางเกงผมจนคับไปหมดแล้วคร้าบ


กลิ่นสบู่ติดตัวคนอาบน้ำมาใหม่ ๆ ได้กลิ่นแล้วสดชื่นชะมัด

แล้วมันก็ยั่วอารมณ์ผมซะจนน้ำลายจะไหล...ซู้ดดด...

เหมือนจะได้ยินเสียงขอร้องในใจผมเลย....

พี่นิวลุกขึ้นไปแต่งตัว ผมทำเป็นไม่สนใจทั้งที่หางตาก็อดไม่ได้ที่จะปรายตามอง

ผิวของพี่นิวไม่ขาวจัด มันออกนวล ๆ ความนุ่มอะนะ ผมรู้มานานแล้ว

เพราะก็เคยได้นัวเนียกันมาบ่อยพอสมควรเมื่อก่อนนี้ ก็เพราะของมันเคย ๆ ล่ะครับ

ผมถึงได้อยากกระโจนเข้าหาซะให้รู้แล้วรู้รอด

(คิดไปพร้อมกับเช็ดน้ำลายที่มุมปากไปด้วย หุ หุ )


แผ่นหลังบึกบึนแข็งแรง แบบนักกีฬา แต่ไม่หนาล่ำ เอวสอบ สะโพกเพรียว ต้นขาก็หนั่นแน่น ไหนจะก้น

....โฮ้ย!...

ผมเพ่งตามองร่างกายของพี่นิวที่กำลังหันหลังให้

เพิ่งจะสำนึกได้ว่าที่ผมรำพันมาตั้งแต่ต้นได้อย่างชัดเจนก็เพราะ....

พี่แกกะลัง...เปลือย....ต่อหน้าต่อตาผมอะ

“รู้นะว่าแอบมอง”  เขาพูดทั้ง ๆ ที่ยังหันหลังให้...

ทำไมพี่นิวรู้อะ

ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา เราสบตากันพอดี....ผ่านกระจกเงา...

พี่นิวฆ่าผมเลยดีกว่ามะ...ก็ไอ้ที่สบตาผ่านกระจกเงาน่ะ มันบานยาวเห็นตลอดลำตัวอ่ะดิ

ส่วนล่างของพี่นิวกำลังผงาดทักทายผมอย่างล้อเลียน....

ช่างกล้านะพี่ ก่อนนี้ไม่เห็นเคยทำอย่างงี้เลย แม้แต่เวลาที่เราไปเที่ยวทะเล แล้วลงเล่นน้ำด้วยกัน

จะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ผลัดกันเข้าห้องน้ำ อย่างอุจาดสุด ๆ ก็ยังนุ่งเตี่ยว  (กางเกงในแบบบิกินี่....ผมชอบมาก)

ยังไงผมก็ยังอายอยู่นะ และพี่นิวก็ไม่เคยละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของผม

แต่คืนนี้มันเป็นอะไรอะ....

พี่นิวมาในมาดใหม่....เซ็กซี่สุด ๆ จนผมแทบจะอดรนทนไม่ไหว

น้องชายผมที่มันเพิ่งหลับลง ก็ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว

ผมพยายามเบี่ยงตัวหลบสายตาเขา....ก็มันอายนี่หว่า....

แล้วเขาก็สวมกางเกงนอนจนได้....เฮ้อ!   โคตรจะทรมานใจผมเลย

“เออนี่ นูจำได้ไหมว่าครั้งแรกที่นูขึ้นมาบนห้องนี้น่ะ นูเข้าไปหยิบแผ่นซีดีหนัง”

“ก็....ครับ จำได้ มีไรเหรอครับ”

“อยากดูไหมล่ะ”

“ผมไม่ค่อยชอบดูหนังเท่าไหร่ แต่ถ้าพี่นิวจะดู ผมดูเป็นเพื่อนก็ได้”

ผมเอ่ยขึ้นอย่างใจกว้าง เพราะผมอยากตามใจเขา ตอบแทนที่เขากลับมาดีกับผมอีกครั้ง

“พี่เคยดูแล้วล่ะ แต่ว่าดูพร้อมนูก็ดีเหมือนกัน น่าจะสนุกกว่าดูคนเดียว”

พี่นิวเปิดลิ้นชักโต๊ะที่เคยล็อคกุญแจไว้ แต่ตอนนี้ไม่ได้ล็อคแล้ว

เขาหยิบแผ่นซีดี ที่ผมเห็นว่ามีเป็นสิบเลย ใส่ซองไว้เฉย ๆ ไม่มีหน้าปก....

ชักเอะใจอะดิผม....มันหนังอารายฟระ

“พี่ดูครั้งแรกเมื่อตอนอยู่ม.สาม”

พี่นิวเล่าไปพลาง ก็เอาแผ่นที่อยู่ในเครื่องออกมาแล้วใส่แผ่นใหม่เข้าไปแทน

“ได้มาเพราะว่าไปหาซื้อเรื่องเดอะแมททริกซ์...ของเก่ามันหายไปไม่ครบเซ็ต  ก็เลยไปถามหาที่แผง

แต่คนขายมันทะลึ่ง หยิบหนังชุดนี้มาให้บอกว่าเป็น เดอะแมททริกซ์แบบก็อปปี้จะขายให้ถูก ๆ
 
ตอนนั้นพี่กำลังอยากดูก็เออ...เอาก็เอา....ที่ไหนได้...”

 พี่นิวกด PLAY เสร็จแล้วเดินมานั่งข้าง ๆผมบนโซฟาเบด

“พอเอากลับมาดูที่บ้านตอนนั้นก็อยากกลับไปเตะมันมากเลย...เพราะมันไม่ใช่

แต่พอกลับไปอีกทีแผงนั้นก็ไม่รู้หายไปไหนแล้ว...พี่ก็แค่อยากถามน่ะว่า มันนึกยังไงถึงให้พี่มา”

พี่นิวกด FAST FORWARD เพราะช่วงแรก ๆ มีแต่หนังตัวอย่าง มันวิ่งไปข้างหน้าเร็วมากจนผมดูภาพไม่ทัน

กระทั่งพี่นิวกด PAUSE….

“พี่ขอถามอะไรนูหน่อยได้ไหม”  ผมพยักหน้า

“นูจำวันที่เราเจอกันวันแรกได้ไหม”  ผมพยักหน้าอีก มีหรือที่ผมจะลืม

“พี่เห็นนูครั้งแรกมันก็รู้สึกแปลก ๆ นะ บอกตัวเองว่าน้องใหม่คนนี้น่ารักจัง ก็เลยเข้าไปช่วยงานรับน้อง

ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของม.สาม เพื่อนพี่มันยังแปลกใจเลย แต่พี่แก้ตัวกับมันว่าพี่อยากรู้จักน้อง ๆ

น้องม.สองเค้าก็ชอบว่าพี่มาช่วยงาน”

พี่นิวเอานิ้วมาไล้แก้มแล้วจุ๊บเบา ๆ....ขาดทุนอีกแล้วผม

“พี่บอกตัวเองว่าแค่เอ็นดูน้องม.หนึ่งมันไม่แปลกอะไรหรอก แต่หลังจากที่พี่ได้ดูหนังพวกนี้พี่ก็เริ่มกลัวใจตัวเอง

พี่รู้สึกเหมือนตัวเองผิดปกติ  เพราะทุกครั้งที่พี่ดูหนังพี่ก็จะเห็นแต่หน้าของนู...แล้ว....เอ่อ....พี่...”

ตอนนี้หน้าพี่นิวแดงก่ำมาก ๆ แล้วมันหนังเรื่องอารายอะ

ต้องมีอะไรแอบแฝงแหง ๆเลย เล่าต่อครับพี่...เล่าเล้ย....

“ช่างมันเถอะ....”    อ้าว!!!!

“หลังจากนั้นพี่ก็ไม่กล้าเจอหน้านู พี่กลัวนูจะรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงแล้วรับไม่ได้ พอดีตอนนั้นมุกก็เข้ามาจีบพี่”

แหวะ...ยายคนนี้อีกละ....ผมล่ะเกลียดมัน

“ใจจริงพี่ไม่ได้ชอบมุกนะ แต่เป็นเพราะเพื่อนมันเชียร์ แล้วพี่ก็อยากจะพิสูจน์ตัวเองด้วย

 จะว่าไปตอนที่พี่คบกับมุกอยู่ พี่ก็กำลังทำความเข้าใจกับความรู้สึกแปลก ๆ ของตัวเองนะ

 เวลาพี่เห็นนูทีไรพี่จะรู้สึกใจเต้นแรง อยากจะเข้าไปทัก อยากคุยด้วย

 แต่เวลาที่พี่อยู่กับมุกพี่รู้สึกเหมือนต้องฝืนใจทำอย่างที่มุกต้องการ....

ทีนี้รู้รึยังว่าทำไมพี่ถึงไม่เคยนอนกับมุกเลย”

“แล้วทำไมยังคบกับเค้าล่ะครับ ทั้งที่พี่นิวรู้ว่ามุกยังคบอื่นไปพร้อม ๆ กันด้วย”

“ก็เพราะไม่แคร์ไง  มุกจะทำตัวยังไงมันก็เรื่องของเค้า  พี่ยังควงกับเค้าได้ก็เพราะว่า

เวลาที่พี่อยากคุยกับนู จะได้ไม่มีใครเอะใจว่าพี่ไม่คิดกับนูแค่รุ่นพี่รุ่นน้อง

แต่บังเอิญมุกเค้าท้องขึ้นมา แล้วก็คิดจะจับไอ้ไอซ์ ถึงได้มาขอเลิกกับพี่”

“ไม่รักเค้า แต่พอเค้าบอกเลิกทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ”   ผมต่อว่าแบบงอน ๆ

“มันเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ  เวลาที่เราถูกทิ้ง รู้สึกเหมือนตัวเองไม่สำคัญ  ไม่มีค่ามั้ง

...ไม่รู้สิ...พี่ไม่แน่ใจ  อาจจะเป็นเพราะว่าถูกไอ้ไอซ์มันมาเยาะเย้ยด้วยก็ได้.....แบบว่าเสียหน้าอะ”

.............

“แต่การที่มุกขอเลิกกับพี่มันก็ดีเหมือนกันนะ เวลาที่เป็นทุกข์นูก็มาอยู่ข้าง ๆ พี่เหมือนฝันไปเลย

ส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่ลืมเรื่องมุกได้เร็วขึ้นก็เป็นเพราะนูนี่แหละ....รู้ไหม”

ผมรู้สึกตื้นตันยังไงบอกไม่ถูก ที่ตัวเองมีความหมายกับพี่นิวขนาดนี้ ความรู้สึกนั้นมันผลักดันให้ผมเป็นฝ่ายจุ๊บเค้าบ้าง

(ที่จริงก็อยากอยู่นานละ)  แต่พี่นิวไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปง่าย ๆ เขาประกบปากเข้ามาอย่างจะบอกว่า

คราวนี้ของจริงล่ะนะ

“แล้วตกลงพี่ไม่ดูหนังแล้วใช่ไหม”

ผมถามเสียงสั่นพร่า เมื่อเราผละออกจากกันเพื่อจะสูดอากาศหลังจากที่พี่นิวบดจูบอยู่นาน

“นูล่ะ”

“แล้วแต่พี่สิครับ”

“อยากรู้ไหมว่าเรื่องอะไร”   ถามไปก็ทำตาเจ้าเล่ห์ไปนะพี่นิว

ผมก็ชักจะเอะใจล่ะซี ว่าจะเป็นไอ้หนังอย่างว่า พี่นิวก็ไม่รอช้ากด PLAY ทันที...

ผมก็........นึกแล้วเชียว



เรานั่งดูหนังด้วยกันสักพัก มือพี่นิวที่โอบไหล่ผมให้พิงกับอกเขาก็เริ่มลูบไล้เบา ๆ

ว่าง ๆ ก็จูบขมับผมทีหนึ่ง ดูไปได้อีกหน่อย พี่นิวก็ล้วงเข้าไปในกางเกงของตัวเอง

จับมันรูดขึ้นรูดลงช้า ๆ่ ผมเห็นเข้าก็รู้สึกอยากขึ้นมาเหมือนกัน แต่ไม่กล้า

....ก็ผมอายนี่ครับ

จังหวะของการรูดเร็วขึ้น ตอนนี้พี่นิวหงายหน้าไปพิงพนักหลังของโซฟาแล้ว

หน้าตาพี่นิวตอนนี้เซ็กซี่มาก ปากเผยอน้อย ๆ แถมยังมีเสียงครางออกมาอีก

....อ่าาา...ซีดดดด.....

แล้วผมจะทนดูได้เหรอครับ ผมก้มหน้าลงไปจัดการช่วยเหลือเป็นการด่วน

น้องชายพี่นิวอวบใหญ่กำลังน่ากิน ผิวสีเนื้อส่วนนั้นอมชมพูเรื่อ ๆ

ผมละเลงลิ้นไปทั่วร่างกายของน้องชายพี่นิวจนเยิ้ม ก่อนจะครอบครองด้วยปาก

และรูดมันขึ้นลงแทนมือของเขา ที่ตอนนี้กดลงมาที่หัวผมเบาๆ เป็นจังหวะ

เสียงพิศวาสของพี่นิวดังไม่ขาดระยะและดังมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอารมณ์

“โอว....อาาา....เกือบแล้วครับนู....อีกครับ....อาาา”

เสร็จด้วยปากผมนี่เอง....พี่นิวของผม

ของเหลวข้น ๆ มากมายทะลักทะลายเข้ามาจนแทบจะกลืนลงคอไม่ทัน และแล้วผมก็เลียซะจนเกลี้ยง

เสียงระบายลมหายใจแผ่ว ๆ ของพี่นิว กลายเป็นตัวเร่งเครื่องให้ผมนึกอยากจนแทบจะกลั้นไม่อยู่

“ดีจัง พี่ไม่ต้องนึกถึงหน้าของนูตอนช่วยตัวเองอีกแล้ว”

หา...พี่นิวว่าอะไรนะ ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนเท่ห์....

“เวลาพี่ดูหนัง  พี่ต้องนึกถึงหน้านูทุกที  ไม่นึกเลยว่าจะมีวันนี้....ขอบคุณนะครับคนดี”

พี่นิวจุ๊บปากแล้วยิ้มให้

“งั้นก็แปลว่าที่จริงพี่ก็ไม่ได้ชอบผู้หญิงอะสิ”

“อืม...พี่ก็เพิ่งมาแน่ใจไม่นานนี่เอง”

“เพราะอะไรครับ”

พี่นิวถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบหัวผม

“ตอนแรกที่นูไปไหนมาไหนกับเข้มยังกะตัวติดกันน่ะ พี่ก็รู้สึกเจ็บ ๆ แล้วนะ เพราะนูบอกว่ารักพี่”

พี่นิวขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะนุ่งกางเกางให้เรียบร้อย (เท่าที่จะทำได้)

“แต่ตอนนั้นพี่กลับไปคบกับมุก...ผมสิเจ็บกว่า”  ผมเอาคืนมั่ง

“นั่นสิ....เราก็เลยประชดกันไป ประชดกันมา พอคิดว่านูไม่สนใจพี่แล้ว  พี่ก็เลยหันไปสนใจมุก

ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้คิดจะกลับไปเป็นแฟนเค้าอีก  แต่สุดท้ายแล้วพี่ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ ต้องง้อนูก่อน...

จำได้ไหมที่เราไปเข้าค่ายที่วัดไง”   ผมพยักหน้า

“แล้วใครที่เอาแต่หนีท่าเดียว ไม่ยอมฟังพี่มั่งเลย พี่ก็เลยต้องซื้อมือถือให้  ไม่คุยกันตรง ๆ คุยผ่านโทรศัพท์ก็เอา

ตอนนั้นพี่เลิกยุ่งกับมุกเด็ดขาด แล้วก็ห้ามเค้ามาหาพี่ด้วย ปัญหาของเค้าก็ไปแก้เอาเอง

เพราะปัญหาของพี่ก็ยังยุ่งนุงนังอยู่เลย   จนกระทั่งเกิดเรื่องนูถูกทำร้าย พี่โทษตัวเองที่ไม่ได้ดูแลนู

ปล่อยให้คนอื่นมารังแก แต่นูกลับไปสนิทกับเข้มมากขึ้นทุกวัน”

“มุกเค้ามาบอกว่านูกับเข้มต้องมีอะไรกันแน่ ๆ พี่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า ไม่มีอะไรหรอก

เพราะเราสองคนอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ยังไม่เคยมีเซ็กซ์กันเลยซักครั้ง .....พี่เชื่อใจนูเสมอ

แต่พอวันนั้นที่มุกมาพาพี่ไปแอบฟังนูกับเข้มคุยกัน มันก็ทำให้พี่ตาสว่าง เพราะนูหลอกพี่มาตลอด”

ผมอ้าปากจะแย้ง แต่พี่นิวเอามือปิดปากไว้ไม่ให้ผมพูด

“พี่ทั้งโกรธ ทั้งน้อยใจ ทั้งเสียใจ มันประดังเข้าในเวลาเดียวกัน พอพี่กลับมาบ้านก็เริ่มคิดว่าพี่จะทำยังไง

ถ้านูเป็นแฟนเข้มจริง ๆ  พี่ทนุถนอมนูมาตลอด ไม่เคยล่วงเกินนอกจากจะหาความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ

แต่นูกลับทำกับพี่ได้ลงคอ แต่ถ้าพี่ต้องเสียนูไปจริง ๆ พี่ก็คงอยู่ไม่ได้  พี่ก็เลยรู้ใจตัวเองแล้วว่าที่จริงพี่รักนู

....รักแบบที่อยากจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 15:58:27 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



ผมนั่งตัวแข็ง ตาจ้องพี่นิวไม่กระพริบ หัวใจผมพองโต

เลือดในกายสูบฉีดด้วยความดีใจ ในสมองผมได้ยินคำนั้นซ้ำ ๆ


....พี่รักนู....พี่รักนู.....พี่รักนู....


พี่นิวรักผม....เป็นไปได้เหรอเนี่ย....พี่นิวรักผมจริง ๆ ไม่ใช่ผมรักเขาข้างเดียวอีกแล้ว

ตัวผมสั่นระริก....ผมกำลังจะร้องไห้

ดวงตาผมพร่าด้วยหยาดน้ำที่คลออยู่พร้อมจะหยดมิหยดแหล่

 แปลกจริง ทั้งที่ผมดีใจจนพูดอะไรไม่ถูก แต่ผมกลับอยากจะร้องไห้...

“ร้องไห้ทำไมครับคนดี พี่ทำอะไรให้นูไม่พอใจรึเปล่า"

ผมส่ายหน้า แล้วโอบรอบคอพี่นิว ซบหน้ากับไหล่เขา

ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ออกมาให้หายอัดอั้นตันใจ......มันเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี

พี่นิวลูบหลังผมไป แล้วพูดไป

“นูล่ะครับ ยังรักพี่อยู่ไหม”   ผมพยักหน้ากับไหล่ของพี่นิว เพราะยังพูดอะไรไม่ออก

“เราจะอยู่ด้วยกันนะ”  ผมพยักหน้าอีก

“เข้มเค้ามาขอโทษพี่ แล้วเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว นูไม่ต้องเสียใจนะครับคนดี

ถึงพี่จะไม่ได้เป็นคนแรกของนู แต่ขอให้พี่เป็นคนเดียวของนูตลอดไปได้ไหม”

หือ....อารายเนี่ย....ใครเป็นคนแรก...????

อ้ออออออออ!  ไอ้เข้มมันบอกพี่นิวว่ามันขืนใจผม  ผมก็เพิ่งจะคิดทันมันตอนนี้นี่เอง

หนอย!  ไอ้นี่  ปากมันบอกว่าจะช่วย  แต่ไม่วาย...เสือกวางระเบิดไว้อีกลูก

“ไอ้เข้มไม่ได้ทำอะไรผมเลยซักหน่อย”

พี่นิวเลิกคิ้วขึ้น แล้วผมก็เล่ารายละเอียดจริง ๆ ให้พี่นิวฟัง

“ผมขอโทษนะครับพี่ ที่ไม่ยับยั้งอารมณ์ตัวเอง”

“ไม่เป็นไรนะ พี่ไม่ว่าอะไรนูหรอก พี่เข้าใจ...ไหนดูซิ”

พี่นิวประคองใบหน้าผมแล้วก้มมาใกล้ๆ ก่อนจะทั้งจูบ ทั้งดูดปากผม

เท่านั้นยังไม่พอ ยังล้วงลิ้นเข้าไปควานผมซะทั่วปาก พอเจอกับลิ้นผมก็ดูดซะจนผมหายใจหายคอไม่ทัน

“ต้องอย่างงี้จะได้หมดกลิ่นเข้ม...แล้วเข้มมันทำอะไรอีก”

ผมชี้แก้มสองข้าง พี่นิวก็จูบแรง ๆ ทั้งสองข้าง

ผมชี้มาที่คอ พี่นิวก็ซุกไซ้ซอกคอจนผมจั๊กจี้

ผมชี้มาที่ราวนม พี่นิวก็ก้มลงจูบจนทั่ว...แถมรัวลิ้นกับหัวนมผมให้สยิวเล่นอีกแน่ะ

ผมชี้ต่ำลงเรื่อย ๆ....ก็ไอ้เข้มมันจูบไซ้ผมไปทั้งตัวนี่

พี่นิวเงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับผม...แบบว่า

.......เอาแน่นะ......

ผมก็ตอบด้วยสายตา

........แน่สิ..........

คราวนี้พี่นิวผลักผมลงไปนอนบนโซฟาแล้วขึ้นทับผมทันที

เราจูบกันนัวเนียไม่รู้ลิ้นใครเป็นลิ้นใคร มันเป็นรสชาติที่อ่อนหวาน แต่เร่าร้อน

 พี่นิวถอนริมฝีปากออกไปแล้วรุกไล่ผมด้วยลิ้นตั้งแต่ข้างแก้มไปถึงกกหู

แถมยังพ่นลมร้อนเบา ๆ ใส่หูผมอีกด้วย ผมงี้...ขนลุกชัน  ผวากอดพี่นิวซะแน่นเลยล่ะครับ

หลังจากนั้นผมก็ไม่รู้แล้วว่าเสื้อผ้าของเรามันหายไปตอนไหน

บทรักของพี่นิวไม่ใช่ขี้ไก่เลยแหละ ที่ผมเคยคิดไว้ว่าพี่เขาไม่เคย สงสัยจะไม่ใช่ อดไม่ได้ผมก็ต้องถาม

“ผมเป็นคนแรกของพี่รึป่าว”

“อืม...”   พี่นิวพยักหน้าแต่ยังไม่ละจากกิจกาม...เอ้ย...กิจกรรม

“แล้วทำไมถึงคล่องนัก”

“ถามทำไม”

“ก็อยากรู้นี่....บอกหน่อยน้า...”    ผมอ้อนได้น่ารักแมะ

“ก็ดูหนังนี่ไง....ดูไปแล้วก็นึกถึงหน้านูไปด้วย พี่ก็บอกไปแล้วนี่”

กำ....รู้งี้ผมเผด็จศึกซะนานละ

พี่นิวลูบไล้ไปตลอดทั้งตัวผม ร่างกายของเราเสียดสีกันจนตอนนี้เราสองคนต่างพูดจากันด้วยปากและมือ

พี่นิวจูบผมต่ำลงไปเรื่อย ๆ จนถึงส่วนล่างที่มันแข็งขึงรอเวลาอยู่นานแล้ว

เขาทั้งจูบทั้งเลียไปทั่วจนผมเสียวสุด ๆ

ปากของพี่นิวทั้งนุ่มทั้งอุ่นและชื้นจัด ผมต้องเด้งตัวรับเมื่อถูกพี่นิวอมเข้าไปจนหมด

“อ้าาา....พี่ครับผมเสียว....”   ผมดึงทึ้งผมพี่นิวอย่างไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าผมอยากไปให้ถึงปลายทางเร็ว ๆ

“ไม่ต้องรีบนะครับที่รัก เราจะไปพร้อม ๆกัน”

พี่นิวขยำสะโพกผม แล้วเลื่อนไปใกล้ ๆ ประตูสวรรค์   ผมกำลังถูกพี่นิวบุกรุกด้วยปลายนิ้ว หนึ่งนิ้ว....

“โอ๊ะ....”

“ไม่เจ็บนะครับคนดี...รอเดี๋ยวนะ”    พี่นิวลุกขึ้นไปที่หัวเตียงหยิบหลอดอะไรสักอย่างมา

เขาจับขาผมให้แยกออก แล้วปาดครีมลงมาที่ประตูสวรรค์ของผมอีกครั้ง

คราวนี้ไม่ค่อยเจ็บ แต่รู้สึกว่ามันคับ ๆ ตึง ๆ

สองนิ้ว

“โอ้ววว....”   มันแน่นขึ้น แต่ก็เสียวซ่านดี ผมไม่ได้ดูหรอกครับ แต่มันรู้สึกได้

สามนิ้ว....มั้ง  ผมไม่แน่ใจ เพราะว่าคราวนี้มันแน่นมาก

ที่ผมเดาด้วยความรู้สึก  เพราะตอนนี้ผมหลับตา....ผมหลับตาตั้งแต่เสียวแรกแล้วล่ะครับ....

แต่มันไม่แข็งเหมือนนิ้วนี่นา

ผมลืมตาให้หายสงสัย....เห็นพี่นิวกำลังดันมันเข้ามาแทนนิ้ว.....

“อาา....ซี้ดด”   คราวนี้เป็นพี่นิวที่ต้องเสียวบ้าง

 ผมเห็นหน้าพี่นิวเวลาเสียวสยิวแบบนี้แล้วมันยิ่งเกิดอารมณ์มากขึ้น

ก็เลยกระเด้งก้นให้มันเข้าไปสุด ๆ ซะเลย แบบไม่ต้องรอลุ้น

พอเข้าที่เขาก็เริ่มโยกเบา ๆ ช้า ๆ ก่อนเพื่ออุ่นเครื่อง   แต่ผมน่ะเครื่องร้อนนานแล้ว

ก็เลยจับสะโพกพี่นิวกดเข้ามาซะเอง แล้วกระแทกเป็นจังหวะนำร่องไปก่อน....

พี่นิวครางไม่เป็นภาษาเลยครับคราวนี้ มันประสานไปกับเสียงร้องด้วยความซ่านสยิวของผมเอง

 เราสองคนโยกกันอย่างเมามัน แล้วพี่นิวก็ซอยถี่ขึ้น ๆ

จนผมรู้สึกถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่กำลังพุ่งเข้าไปในตัว พร้อม ๆ กับร่างพี่นิวกระตุกสองสามที

ส่วนผมก็พ่นออกมาพร้อมกันไปโดยที่ไม่ได้สัมผัสมันเลย

เราสองคนซุกซบกันจนหายหอบ

“ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่าครั้งแรก”   พี่นิวเขี่ยแก้มผมเล่น

“ธรรมชาติมันสอนน่ะครับ หรือว่าพี่ไม่ไว้ใจผมแล้ว”

“ใครบอก....เราต่างก็เป็นคนแรกของกันและกัน....พี่รู้สึกดีจังเลย”   พี่นิวกอดผมแน่นขึ้น

“ผมก็เหมือนกัน”   ผมกอดตอบพี่นิว รู้สึกมีความสุขมากจนมันแทบจะล้นออกมานอกอก

จากที่ผมไม่เคยมั่นใจเลยว่าพี่นิวรู้สึกยังไงกันแน่ ตอนนี้ผมก็ได้รู้แล้ว โดยที่ผมไม่ต้องถาม
 
ผมย้อนคิดกลับไปถึงตอนที่เราเพิ่งจะคบกันใหม่ ๆ ด้วยความคลางแคลง

ผมคิดไปเองว่าพี่เขาอาจจะไม่รักผมอย่างที่ผมรักเขา

ส่วนพี่นิวก็ไม่แน่ใจว่าที่แท้แล้วเขารักผู้หญิง หรือ ผู้ชาย



ถ้าเรามีเซ็กส์ในวันที่เราต่างไม่รู้ซึ้งถึงหัวใจของกันและกัน ความสุขเช่นนี้ก็คงไม่เกิด

เป็นความสุขที่เราร่วมสรรสร้างอย่างไม่มีข้อข้องใจ
 
มันมีค่าซะยิ่งกว่า การมีเซ็กส์เพราะอารมณ์พาไปเป็นไหน ๆ




ผมย้ายมาอยู่กับพี่นิวเมื่อเขาเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย

โดยผ่านการเห็นชอบของคุณแม่ (ของพี่นิว) ซึ่งรักลูกมาก และเห็นแก่ความสุขของลูกเป็นใหญ่

โดยไม่แคร์ว่าชาตินี้อาจจะไม่มีโอกาสมีลูกสะใภ้ที่ให้กำเนิดหลานแก่ท่านได้

“ไม่มีก็ไม่มี....ถ้าอยากได้ก็ขอลูกหลานของญาติเรามาเลี้ยงซักคน”

แล้วก็คุณแม่นี่แหละครับ ที่ไป (สู่) ขอผมมาให้พี่นิวโดยบอกกับทางบ้านผมว่า

“เอ็นดูเหมือนลูกชายค่ะ จะเอามาอุปการะเองอยากเรียนอะไรก็จะให้เรียน จะไปเมืองนอกก็ได้”

แรก ๆ ทางบ้านผมก็ไม่ค่อยจะยอมหรอกครับ แต่โดนคุณแม่หว่านล้อมซะจนใจอ่อน

“บ้านเราก็อยู่กันแค่นี้ ๆ เองนะคะ ไปมาหาสู่กันได้....

นูกับนิวก็มาค้างที่บ้านนี้บ้างนะพ่อกับแม่จะได้ไม่น้อยใจว่าเราทอดทิ้ง”

ผมดู ๆ แล้วทางบ้านผมก็น่าจะสังหรณ์ใจอยู่เหมือนกันว่าจะเสียลูกชายให้ไปเป็นลูกสาวคนอื่น

แต่ก็คงคิดเหมือนคุณแม่ ที่รักลูกอย่างไม่มีเงื่อนไข ยังไงลูกก็ยังเป็นลูกเสมอ

ผมก็เลยได้ย้ายมาอยู่บ้านพี่นิวตั้งแต่นั้นจนปีนี้ย่างเข้าปีที่ 8 แล้ว

ตอนนี้ผมทำงานเป็นพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดบ้านเกิด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 16:03:30 โดย ์NOO »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
แฮปปี้เอนดิ้ง? มีต่อใช่มั้ยคะ สองคนลงเอยกันซักทีนะ ส่วนเข้มเป็นไงบ้างนิอยากรู้

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
^^ ขอบคุณนะคะ ที่นำเรื่องราวดีมากในอ่าน เฮ้อ...ชีวิตจริงเนี่ย ยิ่งกว่านิยายอีกเนอะ กว่าจะรักกันได้  อุปสรรคเยอะ มาก

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2

ช่วงนี้ยังพอมีเวลา ผมเลยรีบ ๆ ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะสปอยล์ไหว
อาทิตย์หน้าแล้วครับ ที่ภารกิจจะรัดตัวมากขึ้น จนอาจจะไม่ได้แวะมาเลย
ผมบอกไ้ว้เมื่อเริ่มเรื่องว่า ปัจจุบันนี้ ผมก็ยังคงเขียนไม่จบ
ถ้าตอนไหนจบจริง ๆ ผมจะปิดเรื่องด้วยคำใดคำหนึ่งที่เป็นที่รู้กันได้โดยทั่วไป

ตอนต่อไป ผมให้ชื่อว่า SERIES แต่ละตอนจะเรียกเป็น PAGE
เพราะเรื่องราวดำเนินไปเหมือนไดอารี่พื้น ๆ ที่เราชอบเขียนกันตอนเป็นเด็กนะครับ











Series:The First Page

      จากวันที่พี่นิวสอบเอนทรานซ์ได้มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เราก็ต้องแยกกันอยู่โดยปริยาย

ส่วนผมยังเรียนอยู่ที่เดิม   มีเพื่อนสนิทคนเดิมที่สนิทยิ่งขึ้นกว่าเดิม  ส่วนมารหัวใจ  (ยายมุกตัวแสบ)

ก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกับญาติฝ่ายพ่อ  ผมได้ข่าวว่าเป็นกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่นั้น ....ก็ได้แต่โมทนาสาธุ

ขอให้ไปได้ดี มีสุขแล้วกัน ผมขออโหสิกรรมให้



      ตอนเรียน ม.5 กิจกรรมทั้งหลายแหล่ก็ประดังประเดกันเข้ามาทำให้ผมไม่ค่อยจะมีเวลาคิดถึงพี่นิวสักเท่าไร

(จากที่คิดว่าคงคิดถึงน่าดู)  อาจจะเป็นเพราะ สิ่งที่แวดล้อมตัวผมอยู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขาก็ไม่รู้

ทำให้ผมรู้สึกว่าเขายังอยู่ใกล้ ๆ  และเรามักจะโทรศัพท์คุยกันบ่อย ๆ เรียกว่าบ่อยที่สุดเท่าที่เราจะโทรหากันได้

ขอแค่ได้ยินเสียงของพี่นิว ผมก็นอนหลับฝันดีได้ทุกคืน ส่วนพี่นิว ผมว่าเขาก็คงไม่แตกต่างจากผมสักเท่าไร (เขาบอก)


      อย่างที่เคยเล่าไว้ว่า ผมเข้ามาอยู่บ้านพี่นิวตอนที่เขาเข้ามหาวิทยาลัย ผมจะขอเท้าความถึงช่วงก่อนที่คุณแม่พี่นิว

จะไปขอให้ผมมาอยู่ด้วยก่อนก็แล้วกันนะครับ




      หลังจากที่เรารู้ใจกัน  (และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)  ผมก็มักจะมาขลุกอยู่ที่บ้านเขาบ่อยขึ้น

ปกติที่บ้านพี่นิวจะมีแม่บ้านกับคนงานหญิงที่ทำความสะอาดและซักเสื้อผ้าอีกหนึ่งคน  กับเจ้านายหนึ่งคนก็คือพี่นิว

ส่วนคุณแม่มักจะอยู่กับคุณพ่อ ที่ต่างจังหวัด เพราะไปลงทุนทำธุรกิจที่นั่น นาน ๆ ทีคุณแม่ถึงจะมาดูแลลูกชาย

อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง ส่วนคุณพ่อ แทบจะไม่ได้มาเลย เพราะต้องดูแลกิจการ

      คุณแม่มาทีไรก็จะเห็นเราสองคนอย่างกับปาท่องโก๋  นับจากครั้งแรกที่เห็นผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่งพี่นิวที่บ้าน

ก็เลยอนุญาตให้พี่นิวเอารถบีเอ็มดับเบิลยูมาใช้ได้ คุณแม่ก็จะเห็นผมนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเป็นประจำ

จนคุณแม่ได้คิดกระมังว่า ท่านคงจะห่างเหินมากเกินไปจนไม่รู้เรื่องราวความเป็นไปของลูกชายคนเดียวเสียแล้ว

คุณแม่ก็เริ่มกลับบ้านบ่อยขึ้น บางทีก็กลับมาโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า และมีอีกหลายทีที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อนว่า

คุณแม่จะมาในช่วงวันหยุดติด ๆ หลายวันที่เรียกว่า LONG WEEKEND เนื่องจากเป็นที่รู้กันว่าต้องดูแลคุณพ่อ

เพราะถ้าคุณแม่ไม่อยู่ คุณพ่อก็จะถือโอกาส กินนอนไม่เป็นเวล่ำเวลา เอาแต่ทำงานทำการ

      .....เศรษฐกิจขาขึ้น เราต้องรีบตักตวงก่อน เผลอ ๆ มันทรุดลงมาอีกเราจะได้ยังพอมีทุน ตั้งตัวได้ใหม่.....นี่เป็นความเห็นของ

คุณพ่อ ผู้ที่ผ่านวิกฤติ ต้มยำกุ้งมาแล้ว อย่างสาหัสสากรรจ์

      ท้ายที่สุดคุณแม่คงอดรนทนไม่ไหว เรียกผมไปถามว่ารู้สึกกับลูกชายท่านยังไง ทีแรกผมก็ไม่กล้าบอกอะไร

นอกจากพูดเป็นกลาง ๆ ว่า สนิทกัน คบกันเหมือนรุ่นพี่รุ่นน้อง แต่ผมคงแสดงอาการอะไรให้คุณแม่จับได้ว่า

ปิดบังความจริงบางอย่าง ก็เลยคาดคั้นเอาความจริงกับผมจนได้

     ไอ้เราก็เด็กนี่ครับ   ยังไงก็ไม่ทันความคิดผู้ใหญ่อย่างคุณแม่หรอก (คุณแม่ฉลาดจะตาย ไม่งั้นจะมีลูกชายฉลาด ๆ หล่อ ๆ ไว้

ให้ผมเหรอ...อิอิ)

      หลังจากโดนคุณแม่คาดคั้นไม่นาน พี่นิวก็มาคุยกับผมว่าตอนนี้คุณแม่รู้เรื่องของเราแล้ว

(คุณแม่ไม่ได้บอกพี่นิวว่ามาคุยกับผมก่อนจนรู้เรื่องหมดแล้ว)  ตอนนี้อยากให้เราแยกกันอยู่สักพัก เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า

เรารู้สึกอย่างไรต่อกันกันแน่  เพราะรักหรือแค่เซ็กส์

      ตอนนั้นเราสองคนเริ่มหมดความสุขแล้ว  เพราะคิดว่าคงไม่มีใครเห็นด้วยกับ ความสัมพันธ์แบบนี้

พี่นิวเป็นลูกชายคนเดียว  ครอบครัวก็คงหวังจะมีลูกสะใภ้  ส่วนผมนอกจากจะไม่สามารถเป็นลูกสะใภ้แล้ว

ยังอาจจะทำให้ครอบครัวพี่นิวขายหน้าอีก  แถมครอบครัวของผมก็ยังไม่รู้เลยว่าผมคงได้แต่หาลูกเขยมาให้ ไม่ใช่ลูกสะใภ้


      หลังจากที่คุณแม่มาหย่อนระเบิดในใจเราสองคน  ก็กลับไปอยู่กับคุณพ่อ  วันสองวันก็โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบกันสักครั้ง

แล้วก็มีแวะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราวตามปกติ แต่ไม่เคยทวงถามเรื่องให้เราแยกกันอยู่ พี่นิวก็มารับผมที่บ้านทุกเสาร์อาทิตย์

มาอ่านหนังสือกัน  ดูหนัง  เล่นเกมกัน  โดยไม่ได้สนใจว่าคุณแม่จะอยู่หรือไม่อยู่   บอกตรง ๆ ว่าตอนนั้นเราสองคนยังไม่รู้อนาคต

ว่า คุณแม่จะมีมาตรการอะไรต่อไป  เราก็แค่อยากใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุด  อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด  ถ้าเราไม่มีวาสนาต่อกัน

จริง ๆ ก็ให้ทุกอย่างมันจบไป

      บางคนอาจจะคิดว่าเรายอมแพ้ต่อโชคชะตา ทั้งที่เรารักกันขนาดนี้ ทำไมไม่ต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่ร่วมกัน รักกันอย่างที่หัวใจเรา

เรียกร้อง

      ผมอยากจะบอกว่า ผมถูกเลี้ยงดูมาอย่างลูกชาย  ที่อนาคตจะต้องดูแลกิจการค้าของครอบครัว  เพราะพี่ชายของผม

เขามีอาชีพที่เขาใฝ่ฝันอยู่แล้ว  การค้าขายไม่ใช่หนทางที่เขารัก  แต่ระหว่างที่ผมยังไม่โตพอ  เขาจำเป็นจะต้องช่วยพ่อไปก่อน

 รอจนกว่าผมพร้อมที่จะเข้ามารับช่วงกิจการต่อจากพ่อ

      ผมก็ไม่ได้ชอบการค้าการขายนะ ใจจริงผมชอบวิชาศิลปะต่างหาก  แต่มันคงไปกันไม่ได้กับกิจการของครอบครัว

ผมจึงตัดสินใจเรียนสายสามัญโดยที่ทางบ้านไม่เคยบังคับ แต่ด้วยสำนึกของผมในวัยนั้น สิ่งที่พ่อแม่ปลูกฝังมา

ทำให้ผมมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อครอบครัวค่อนข้างสูง สิ่งนี้มันคงติดอยู่ในใจและมีอิทธิพลกับการใช้ชีวิตของผมในทุก ๆ ด้าน

ในเวลาต่อมา

       ทำไมต้องเป็นผมที่ไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรักได้  แม้แต่การเลือกสายวิชาเรียน.....แต่พี่ชายผมเลือกว่าเขาจะประกอบ

อาชีพอะไรก็ได้ โดยไม่ต้องเข้ามาร่วมดูแลกิจการค้าของครอบครัวเรา

      คำตอบก็คือ.....เราเป็นพี่น้องคนละแม่กันครับ  แม่ของพี่ชายเป็นภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วของพ่อ  ผมเรียกว่า แม่ใหญ่

(แต่ตอนที่ผมเกิดแม่ใหญ่เสียชีวิตแล้ว)  ฐานะของแม่ใหญ่ดีมาก  มีทรัพย์สินทั้งอสังหาริมทรัพย์และเงินสดในธนาคาร

มากกว่าพ่อผม เป็นทรัพย์สินที่ตกทอดมาจากญาติผู้ใหญ่  ทั้งหมดตกเป็นของพี่ชายของผมโดยพ่อไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยว

(ซึ่งพ่อก็ไม่ได้อยากมีสิทธิ์มีส่วนอยู่แล้ว)  ส่วนแม่ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรติดตัวมา  แม้แต่ตอนที่มาอยู่กับพ่อก็หิ้วกระเป๋าเข้าบ้าน

เฉย ๆ ไม่มีพิธีแต่งงานรับขวัญอะไรทั้งสิ้น  แม่ต้องทำงานช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่  เพื่อไม่ให้ญาติฝ่ายพ่อตำหนิได้ว่ามา

เกาะสามีกิน

      ความเจียมเนื้อเจียมตัว ที่มีอยู่ในตัวแม่มันคงถ่ายทอดมาถึงผมด้วยมั้ง  เพราะไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

ที่จะทำให้แม่และผมพอจะมีเครดิตขึ้นมาในสายตาของครอบครัวฝ่ายพ่อ  ผมจะต้องรีบทำ  และจะไม่ทำอะไร

ที่เป็นการลดความน่าเชื่อถือของเราสองแม่ลูก คนที่ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ และสุขใจที่ได้ทำเช่นนี้ก็คือพ่อ

เพราะพ่อเข้าใจดีว่า ผมทำทุกอย่างเพื่ออะไร และแม่ก็ยังเป็นที่รักของพ่อตลอดมา

      ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องความรักที่ผิดแผกแตกต่าง  จึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับผม  เพราะผมรู้ว่า  มันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับ

ครอบครัวพ่อ และผมไม่อาจจะเดาได้ว่า  กรณีนี้พ่อจะเข้าข้างใคร  ระหว่างความสุขในชีวิตของผม  กับ  หน้าตาและความรู้สึก

ของคนในตระกูล  ซึ่งผมเองไม่กล้าเสี่ยง  ที่สำคัญเรื่องนี้อาจจะทำให้ครอบครัวของพ่อมีทัศนคติในแง่ลบกับแม่มากยิ่งขึ้น

      ส่วนพี่นิวผมไม่รู้ว่าครอบครัวเขาคิดอย่างไรกับเรื่องนี้  เท่าที่เห็นปฏิกิริยาของคุณแม่ที่มีต่อผมก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต

ท่านยังคงพูดคุยทักทายเป็นปกติ  ส่วนคุณพ่อของพี่นิว  ตอนนั้นผมไม่เคยพบท่าน  ทุกอย่างระหว่างเราดำเนินไปเรื่อย ๆ

ราวกับว่าคุณแม่ไม่เคยตั้งคำถามเหล่านั้นกับผม

      หลังจากรู้ผลสอบแล้วว่าพี่นิวจะต้องไปเรียนกรุงเทพ ผมก็ใจหายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่มาก

เพราะวันที่เราต้องจากกันยังมาไม่ถึง

      แล้วคุณแม่ก็หย่อนระเบิดลงมาอีกลูก เล่นเอาหัวใจผมหล่นวูบ

      “นิวไปเรียนกรุงเทพแล้ว แม่ว่าจะขายบ้านนี้นะ”

      “อ้าว! ทำไมล่ะครับแม่”

      “ก็ไม่มีใครอยู่นี่นา ไม่งั้นแม่จะต้องไป ๆ มา ๆ ไหนจะต้องดูแลพ่อเค้าอีก บอกตรง ๆ ว่าแม่ขี้เกียจเดินทาง”

      “นั่งเครื่องแป๊บเดียวเองนี่ครับ”

      “เสียดายเงิน เสียดายเวลา ถ้าไม่ติดว่าจะต้องมาดูแลนิว แม่ก็ไม่มาหรอกนะ”

      “โธ่! แม่ครับ ผมดูแลตัวเองได้มาตั้งนานแล้ว มาห่วงอะไรตอนนี้อะ  พักนี้ผมว่า แม่มาบ่อยออก แต่ก่อนไม่เห็นเป็นอย่างงี้

เลย”

      “ก็ต้องมาดูกันหน่อยล่ะ เมื่อก่อนนิวไม่เคยมีเพื่อนมานั่งเล่นนอนเล่นทุกวันอย่างนี้นี่”

      ผมนั่งอยู่ใกล้ๆ สองแม่ลูกที่กำลังคุยกันอยู่ที่โซฟารับแขก ผมไม่ได้แอบฟัง ไม่ได้เงี่ยหูฟังพวกเขานะ  แต่มันได้ยินเอง

ทั้งหมด    ตั้งแต่เริ่มคุยกัน ดูเหมือนคุณแม่จะเจตนาให้ผมได้ยินทุกถ้อยคำที่โต้ตอบกับพี่นิวยังไงไม่รู้ 

และตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงของพี่นิว แต่ได้ยินเสียงถอนหายใจแทน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร

เพราะผมหันหลังให้ทั้งคู่ แต่รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกจ้องมองจากด้านหลัง....คุณเคยเป็นแบบนี้ไหม.....

ผมเชื่อว่า ถ้าผมหันกลับไปดูตอนนี้ คงมีสายตาอย่างน้อยก็คู่หนึ่งกำลังจ้องมาที่ผม

      “แล้วป้ากับนางจะทำยังไง แม่จะให้เค้าออกเหรอครับ”

      “ป้าเค้าก็คงจะกลับไปอยู่กับลูกเค้า ส่วนนางน่ะ แม่หางานใหม่ให้มันได้ ถ้าจะไปอยู่กับแม่ที่โน่น ก็ยังมีงานให้ทำ

กลัวแต่ว่าจะไม่ยอมไปน่ะสิ นางมันมีแฟนแล้วนี่”

      “แล้วปิดเทอมผมกลับมาจะอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

      “ปิดเทอมจะมาอยู่ที่นี่ทำไม”  เสียงคุณแม่ขึ้นสูง  แต่ไม่ใช่น้ำเสียงโกรธขึ้ง

      “ต่อไปนิวเรียนจบแล้วก็ต้องไปอยู่กับแม่กับพ่อที่โน่น ปิดเทอมก็ไปอยู่โน่น เรื่องง่าย ๆ ไม่เห็นต้องคิดอะไรวกวนเลยนะ

แม่ว่า”

      “แม่พูดเหมือนไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอยากกลับมาที่นี่”

      “อ๋อ...ไม่....แม่ไม่รู้หรอก แม่ก็แค่คิดอะไรตรงไปตรงมา  หรือนิวว่ามันมีอะไรมากกว่าที่แม่คิด ก็บอกมาได้นะ

แม่ยินดีรับฟัง”

      “วันก่อนที่แม่ถามผมว่า ผมแน่ใจเรื่องนูแล้วรึยัง”

      “อืม”

      “ผมคงบอกอะไรมากกว่านั้นไม่ได้หรอกครับ แต่ผมยืนยันได้ว่า ผมไม่ได้คิดจะเล่น ๆ กับเค้า

ผมมองเห็นอนาคตที่มีเค้าอยู่ด้วยชัดเจนมาก นึกไม่ออกเลยว่า ถ้าไม่มีนูแล้วผมจะเป็นยังไง”

      “มันไม่มากไปหน่อยเหรอลูก คบกันมากี่วันลูกถึงจะมายืนยันกับแม่ขนาดนี้”

      “เราอาจจะคบกันไม่ถึงปี แต่เรารู้จักกันมาตั้งแต่นูเค้าเข้าเรียนม. 1 นะครับ”

      “หา.....ม. 1 เชียวเหรอ นี่นิวจะบอกว่า ลูกสองคนคิดเรื่องนี้กันมานานขนาดนั้นเลยเหรอ โอย...แม่จะเป็นลม”

      “แม่ ....ไม่ใช่สักหน่อย เรารู้จักกันเฉย ๆ นะครับ ผมยังไม่คิดอะไรเลยนอกจากรุ่นพี่รุ่นน้อง

แต่ผมแค่รู้สึกพิเศษกับเค้าแค่นั้นเอง เค้าเองก็เหมือนผม”

      ผมนั่งขนลุกซู่ กับคำสารภาพของพี่นิว จะมารู้ใจอะไรนักหนาเนี่ย

      “ไอ้พิเศษที่ว่าเนี่ย มันพิเศษแบบไหนเหรอ”

      “ผมก็....เอ้อ....เห็นว่าน้องเค้าน่ารักดี...แม่อะ แม่ก็รู้ว่าผมอยากมีน้อง แต่แม่ก็มีให้ผมไม่ได้”

      “อย่าพูดจุดเจ็บของแม่ได้มั้ย...ฮึ!!”

      คุณแม่พี่นิวค้อนขวับ ก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก แต่คงจะเป็นจุดเจ็บจริง ๆ อย่างว่า เพราะพี่นิวรีบขอโทษทันที

      “ผมขอโทษครับแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่อยากจะเปรียบเทียบความรู้สึกให้ฟังว่า ผมไม่เคยรู้ว่าผมจะรักน้องแบบไหน

แล้วที่ผมรู้สึกกับนู มันจะเหมือนกันหรือเปล่า”

      พี่นิวพูดถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อผมอีกกระบุงโกย ผมฟังไปก็ซาบซึ้งไป เพราะบางคำผมไม่เคยได้ยินจากปากเขามาก่อน

      “ผมอยากจะดูแลเค้าไปนาน ๆ ตอนนี้ผมอาจจะพูดไม่ได้ว่าตลอดชีวิต แต่ถ้าแม่ยังจำความรู้สึกตอนรักพ่อได้

ผมว่ามันคงไม่ต่างกันเท่าไหร่”

      ผมได้แต่พึมพำคนเดียวในใจว่า ผมก็อยากดูแลพี่นิวเหมือนกัน ตราบเท่าที่ผมยังมีลมหายใจก็พอ



....มีต่อนะครับ....

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 16:11:51 โดย ์NOO »

ออฟไลน์ Yarkrak

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
กอดพี่นิวไว้แน่นๆอย่าได้ห่าง เดี๋ยวเข้มจะมารังแกน้องนูอีก ให้นูเป็นของพี่นิวคนเดียวก็พอ
และเป็นที่รักของนักอ่านด้วยเน้อ

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2


     เป็นอันว่าเรื่องขายบ้านก็ถูกพับเก็บไปอีกเรื่อง ผมไม่รู้เลยว่าคุณแม่คิดจะทำอะไรอีก  แต่เรื่องขายบ้าน

ก็ไม่แน่ว่านึกอยากจะขายก็ขายได้ทันที ผมได้แต่หวังว่าคุณแม่จะเปลี่ยนใจ แค่เรื่องที่พี่นิวกำลังจะไปเรียนที่อื่น

ผมก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะทำใจไม่ให้คิดถึงเขาได้หรือเปล่า ถ้าถึงกับขายบ้านขายช่อง ก็เท่ากับว่าเราจะหาโอกาสพบกันได้น้อยลง

หัวใจผมคงสลาย

      การพูดคุยวันนั้นคงทำให้คุณแม่พอจะรู้ความจริงใจระหว่างเราสองคนมากขึ้นกว่าเดิม คุณแม่เรียกหาผมบ่อยขึ้น

ใกล้ชิดขึ้น มีบางครั้งที่พี่นิวต้องมารับผมที่บ้านแต่เช้าตรู่เพราะคุณแม่ให้มาตามไปกินอาหารเช้าด้วยกัน

ทำให้ผมมีความหวังว่า คุณแม่จะไม่รังเกียจผม และให้โอกาสเราได้คบหากัน

      จนกระทั่งปิดเทอมใหญ่ พี่นิวก็ใกล้เวลาที่จะต้องเดินทางไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพ คุณแม่ก็เรียกเราสองคนเข้าไปคุยอีกครั้ง

      “แม่จะไปขอนูมาเป็นลูกบุญธรรม ทางบ้านนูจะว่ายังไงบ้าง”

      พี่นิวกับผมสะดุ้งพร้อมกัน ผมยังงงอยู่ตอนที่พี่นิวตอบไป

      “ทำไมแม่ต้องขอมาเป็นลูกล่ะครับ ตอนนี้ผมไม่อยากได้น้องแบบนั้นแล้วนะ”

      “เฉย ๆ เหอะน่าเราน่ะ…ว่าไงนู” 
 
      “ผมไม่ทราบครับคุณแม่”

      “พ่อกับแม่นูเค้าก็รู้จักนิวดีนี่นา”

      “ครับ”

      “งั้นแม่ว่า วันนี้แม่ไปเยี่ยมครอบครัวนูดีกว่า”

      “แต่ที่บ้านผมตอนกลางวันไม่มีใครอยู่นะครับ เค้าไปขายของที่ร้านกันหมด”

      “งั้นก็ไปที่ร้านแล้วกัน”

      “แต่ว่า….”

      แล้วก็ไม่มีใครคัดค้านคุณแม่ได้ ท่านเตรียมของฝากเล็ก ๆน้อย ๆใส่กระเช้าสานด้วยหวายจนเต็ม

ก็ประเภทอาหารสำเร็จรูป ตามที่เราเห็นในซุปเปอร์มาร์เก็ต นั่นแหละครับ

      ครั้งแรกที่ผู้ใหญ่สองฝ่ายทำความรู้จักกัน ผ่านไปได้ด้วยดี คุณแม่พี่นิวสมกับที่เคยทำงานเป็น GUEST RELATIONS

ของโรงแรมห้าดาวเลยครับ การแนะนำตัวเองดูสง่างาม แต่ไม่ถือตัว การพูดจาก็แสดงความนับถือต่อกัน

ผมในวัยนั้นไม่ค่อยเข้าใจ แต่มาวันนี้ผมนึกย้อนกลับไป แล้วอดชื่นชมท่านไม่ได้ เพราะจะว่าไปแล้วพ่อแม่ผม

ก็แค่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดธรรมดา ๆ เท่านั้น ฐานะก็ด้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ได้รับเกียรติราวกับเป็นคนระดับเดียวกัน

ไม่เหมือนที่ผมเคยเห็นในละคร ที่มีการแบ่งชนชั้นเลย นั่นทำให้ผมยิ่งรักและเคารพคุณแม่มากขึ้น

      จนกระทั่งถึงครั้งสำคัญในชีวิตของผม เมื่อคุณแม่ของพี่นิวไปมาหาสู่ สองสามครั้ง ในระยะเวลาเดือนกว่า ๆ ซึ่งผมว่า

คุณแม่เป็นคนแยบยลมาก ในการจะหาเหตุผลเข้ามาทำความรู้จักครอบครัวผม แต่ละครั้งก็จะมีของฝากไม่มากไม่น้อย

คือไม่ใช่ของราคาแพง แต่ก็ไม่ใช่ของที่หากันได้ดาษดื่น ทำให้พ่อกับแม่ผมทั้งนับถือและเกรงใจไปพร้อม ๆกัน

      ครั้งนี้คุณแม่พี่นิวใช้วิธีหว่านล้อมโดยที่ทางพ่อแม่ผมไม่ทันรู้ตัว ว่าตกลงยกลูกชายให้เป็นลูกบุญธรรมคุณแม่ไปได้อย่างไร

แต่คุณแม่ก็ยังกำชับผมกับพี่นิวว่าจะต้องหมั่นมาเยี่ยมบ่อย ๆ อย่าหายหน้าไปเลย และขอให้พ่อแม่ผมเอ็นดูพี่นิวเหมือนเป็น

ลูกชายด้วยอีกคน

           
                       


   ( มีคนมาตามไปทำงานด่วนซะแล้วครับ.....ถ้าไม่ยุ่งยากมาก เย็น ๆ คงเสร็จเรียบร้อย แล้วผมจะมาต่อให้คืนนี้

กะว่าจะให้จบ The first page ก่อน แต่ไม่ควรคาดหวังกับอนาคตที่มองไม่เห็นนะครับ 555)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2012 16:14:43 โดย ์NOO »

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
อ่านละซึ้งคำพูดพี่นิว โชคดีที่สองคนมาเจอกันเร็ว อิจฉามากๆ

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
นับถือคุณแม่พี่นิวมาก นึกว่ามีแต่ในละคร

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






vvhite

  • บุคคลทั่วไป
ได้อ่านเรื่องของพี่นูอีกกี่รอบก็ยังชอบเหมือนเดิมเลย   :-[
แล้วมาต่ออีกนะครับ
แบงค์จะคอยเป็นกำลังใจให้
 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ McKnight

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
นั่นไงเป็นพี่นิวจริงๆด้วย ที่ไขประตูเข้ามา สงสัยไปอ้อนคุณแม่ของคุณนูจนได้กุญแจห้องมาแหง๋ๆ
พี่นิวนี่ก็ร้ายกาจมิใช่เล่น พอดีกันแล้วมีล่อหลอกว่าให้ไปปรับความเข้าใจกัน ให้คุณนูมาค้างที่บ้านพี่นิวด้วยอีกแหนะ
คุณนูเล่าได้น่ารักมากเลยครับ ฉากกุ๊กกิ๊กอ่านแล้วอมยิ้มตาม

ถึงตอนที่คุณแม่จะไป(สู่)ขอคุณนูมาเป็นลูก(สะใภ้)ชายอีกคนแล้ว
ตอนแรกนึกว่าครอบครัวจะเป็นอุปสรรคใหญ่เสียอีก  โล่งอก....
คุณแม่พี่นิวน่ารักมากเลย แถมยังมีความคิดสมัยใหม่ เข้าใจโลกที่ ผช กับ ผช รักกันได้
และที่สำคัญรักและเข้าใจลูกชายตัวเองมากๆ ดีใจด้วยนะครับที่ครอบครัวเข้าใจ

ตัวผมเองยังไม่เคยบอกที่บ้านเลย ยอมรับว่ากลัวเขาเสียใจครับ

รอติดตามตอนต่ีอๆไปนะครับ
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ gang

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :serius2:อยากบอกว่า :กอด1:

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



  ผมเข้ามาอยู่บ้านพี่นิวในฐานะลูกบุญธรรม ก็มีห้องส่วนตัวให้อยู่ชั้นบนของบ้าน ซึ่งก็ไม่ได้ยุ่งยากที่จะต้องต่อห้องใหม่

เพราะบ้านนี้มีสามห้องนอน ห้องคุณพ่อกับคุณแม่ นาน ๆ ถึงจะได้ใช้เมื่อท่านมาพักเป็นครั้งคราว

ห้องพี่นิวกับห้องผมอยู่ติดกันทางด้านหลังของบ้านซึ่งเชื่อมต่อด้วยระเบียงกว้าง

(ตอนนี้ผมปลูกไม้เลื้อยเป็นซุ้ม เอาไว้นอนเล่นเวลากลางวัน)

      วันแรกที่ผมย้ายเข้ามาเต็มฐานะของลูกบุญธรรม พี่นิวก็มาวนเวียนไม่ห่าง

      “อาบน้ำกันป่ะ”

      “พี่นิวอาบก่อนสิครับ ผมจัดผ้าเข้าตู้ก่อน เสร็จแล้วค่อยไปอาบ”

      “ค่อยจัดก็ได้น่า พรุ่งนี้ก็ว่าง”

      “ผ้าผมมีไม่มากจัดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วไม่อยากผัดนี่ พี่นิวก็ไปอาบสิครับ....อย่าดิ....ผ้ากองนี้ผมรีดแล้วนะ”

      ผมดึงพี่นิวออกจากกองผ้าที่ผมใส่ไม้แขวนวางซ้อนไว้บนเตียงนอน เตรียมเข้าตู้ เพราะเค้าล้มตัวลงไปนอนทับไว้

ไม่ให้ผมหยิบได้

      “ก็ไปอาบน้ำก่อนสิ”

      “พี่อะ พูดไม่รู้เรื่อง ก็บอกแล้วว่าผมขอเก็บผ้าให้เสร็จก่อน”

      “ได้...งั้นพี่รอ”

      พี่นิวขยับออกมานั่งที่ขอบเตียง

      “เอ๊อ ...ก็ไปอาบก่อนสิครับ แล้วจะรอทำไมกันล่ะเนี่ย”

      “รออาบพร้อมกันไง”

      คำตอบเขาทำเอาใบหน้าของผมร้อนฉ่าไปถึงใบหู ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะโดนไม้นี้

ไม่ใช่ว่าเราจะไม่เคยอาบน้ำด้วยกันหรอกครับ ก็มีบ้างนาน ๆ ครั้ง แต่ก็ทำเอาผมเขินได้ทุกครั้ง ไม่ชินสักที

ก็เขาชอบหากิจกรรมมาทำระหว่างที่อาบน้ำด้วยนี่นา แค่คิดผมก็หน้าร้อนซู่ขึ้นมาอีก

      “ทำไมต้องหน้าแดงด้วย”

      “ก็พี่นิวพูดอะไรไม่รู้”

      “ไม่รู้จริงเหรอ”

      ผมผลักพี่นิวออกห่าง เพราะแขนเขาเริ่มรุ่มร่ามกับไหล่ผม เอวผม คอยแต่จะเหนี่ยวให้ไปอิงตัวเขาอยู่เรื่อย

บอกแล้วว่าผมจะเก็บผ้าเข้าตู้ก่อน ก็ไม่ยอมฟัง สุดท้ายผมก็ต้องตัดความรำคาญ ทิ้งกองผ้าไว้บนเตียงอย่างนั้นเอง

      น้ำฝักบัวกำลังรดราดอยู่บนตัวเราไม่ขาดสาย ส่วนเราสองคนก็ไม่นำพาว่ามันจะรดลงตรงส่วนไหนบ้าง

เพราะมัวแต่หันหน้าเข้าหากัน............

      ………………………………………………………

      ถูสบู่ครับ แล้วก็สระผม.........(คิดไปถึงไหนกันเนี่ย 555)

      “โอ๊ย...ซี้ด...ยาสระผมเข้าตาผมอะพี่นิวอ้ะ”

      “ไหน ๆ มาล้างก่อน อย่าหลับตาปี๋อย่างนั้นสิ แล้วน้ำมันจะเข้าไปล้างได้ยังไงล่ะนูนี่”

      “ก็มันแสบ”

      “ไหนลืมตาก่อน”

      พี่นิวใช้นิ้วค่อย ๆ ลูบตาผมเบา ๆ ส่วนผมได้แต่กระพริบตายิบ ๆ ด้วยความระคายเคือง

จะลืมตาให้น้ำชะล้างก็ไม่ได้มันทั้งแสบทั้งเจ็บที่เปลือกตาด้านใน จนผมรู้สึกว่าแชมพูถูกล้างออกไปหมดแล้ว

ถึงได้กระพริบตาเร็ว ๆไล่น้ำส่วนที่คลออยู่ในตาออก

      “ตาช้ำแดงหมดเลยดูสิ”

      “ผมสระเองแชมพูไม่เคยเข้าตาเลยนะ พี่อะแหละ”

      ผมฟาดฝ่ามือไปบนต้นแขนพี่นิว ก็ไม่เบานักหรอก พอให้ขึ้นรอยห้านิ้วแหละ

      “อ้าว ก็พี่อยากทำให้”

      “มาเลย มาให้ผมเอาคืนซะดี ๆ”

      ผมเริ่มมีอารมณ์พาลด้วยความที่อาการเจ็บตายังไม่จางหาย ทำให้ผมไม่สนใจแล้วว่า ถ้าผมเอาคืนจริง ๆ

พี่นิวก็คงจะมีอาการเดียวกัน ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย

      เขายืนนิ่งให้ผมเอาแชมพูที่เทออกมาจนเต็มฝ่ามือละเลงเส้นผม ผมไม่ต้องเอาฟองปาดไปที่หน้าที่ตาเขา

ฟองอันมากมายก็ไหลย้อยเป็นก้อนฟู ๆ ไปบนหน้าจนมองไม่เห็นลูกตา  จมูก ปาก

 ผมมองดูเขาไปก็หัวเราะชอบใจไป ตอนนั้นสะใจเป็นบ้า สักพักพี่นิวก็ยกมือขึ้นปาดฟองออกจากหน้า

แล้วหยีตามองหาผม ก่อนจะถามเสียงอู้อี้

      “พอใจรึยัง พี่แสบตาเหมือนนูแล้วนะ”

      “พอก็ได้”

      ผมพูดไปหัวเราะไป ก่อนจะช่วยเขาเปิดน้ำฝักบัวล้างหัว ล้างหน้า ให้หมดฟอง

จากนั้นก็ยืนให้น้ำรดตัวสักพัก ก่อนจะหยิบผ้ามาคนละผืน ผลัดกันเช็ดตัวจนแห้ง

      ผมยืนโรยแป้งฝุ่นกระป๋องไปตามเนื้อตัว ตอนที่พี่นิวเดินไปเดินมา ระหว่างกล่องกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง

กับถังขยะแห้งหน้าห้องน้ำ เขาเดินไปเดินมาอยู่หลายรอบแล้ว ผมเห็น แต่ไม่ได้ใส่ใจ ได้ยินเสียงสั่งน้ำมูกฟืด ๆ ก็แค่นั้น

หันไปดูเขาก็ยังไม่แต่งตัวสักที จนผมสวมเสื้อ สวมกางเกงเรียบร้อยก็เห็นพี่นิวนอนลงไปบนเตียงทั้งที่ยังนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว

ก็ชักจะสงสัย อาการแบบนี้คงไม่ธรรมดาแล้วล่ะ

      “เป็นอะไรอะครับพี่นิว”

      “ไม่มีอะไร เจ็บตาเฉย ๆ”

      ตอนนั้นผมลืมไปเสียสนิทว่าตอนอาบน้ำทำอะไรไว้กับเขา ดันไปนึกว่า พี่นิวเจ็บตาเพราะอาการอื่น

      “น้ำตาไหลด้วยอะ”

      “อืม...”

      แล้วเขาก็สั่งน้ำมูก แต่ไม่มีน้ำมูกออกมานอกจากลมแรงที่พ่นออกมา   พร้อมละอองน้ำเปียกกระดาษทิชชูนิดหน่อย

      “เป็นหวัดด้วย...กินยาไหมครับ เดี๋ยวผมไปหยิบให้”

      “ไม่ต้องหรอก ขอพี่นอนพักก่อนก็พอ”

      “ครับ งั้นพี่นิวแต่งตัวก่อนสิ นอนทั้งผ้าขนหนูเปียก ๆ เดี๋ยวจะยิ่งไม่สบายนะ”

      เขายังนอนนิ่งไม่ขยับ ผมก็เลยเดินไปหยิบเสื้อนอนที่ห้องของเขามาเปลี่ยนให้ ซึ่งพี่นิวก็ขยับตัวให้ผมใส่เสื้อผ้าให้เขา

ได้ง่ายขึ้น จากนั้นผมก็จัดผ้าห่มคลุมตัวให้พี่นิว ก่อนจะเดินลงมาชั้นล่าง เพื่อจะหาน้ำดื่มกับยาแก้ปวด แก้ไข้เผื่อจำเป็นต้องใช้

      กลับขึ้นมาอีกที ผมเห็นพี่นิวยืนมองตัวเองในกระจก พูดให้ถูก คือพี่นิวกำลังจ้องหน้าตัวเองในกระจก

ผมเดินตามไปยืนข้างหลัง กะจะแกล้งล็อคคอแล้วโน้มให้เขาหงายหลังลงมา แต่ทันทีที่ผมเห็นพี่นิวในกระจกผมก็ต้องตกใจ

เพราะตอนนี้ขอบตาพี่นิวแดงบวมช้ำมาก แถมตาขาวก็เป็นสีแดงขุ่น ๆ ดูน่ากลัว

      “พี่นิวเป็นอะไรน่ะ ไปทำอะไรมา ตาถึงช้ำแบบนี้”

      (นั่น....ไอ้นู ยังมีหน้าไปถามเขาอีก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าต้นเหตุมาจากตัวเอง)

      “ก็...ไม่ได้ทำอะไร”

      พี่นิวอึกอักพูดไม่ค่อยเต็มเสียง ผมเพิ่งจะนึกได้ว่า ตอนที่เราอาบน้ำด้วยกัน ผมแกล้งอะไรเขาไว้บ้าง

      สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายไปบอกคุณแม่ว่าพี่นิวตาอักเสบ (แต่ไม่ได้บอกว่าผมเป็นคนทำ) 

เราเลยต้องพาพี่นิวไปหาหมอกลางดึกที่โรงพยายาลเอกชนแห่งหนึ่ง (ขอบอกว่าแพงโคตร ๆ ถ้าไม่เกี่ยงว่า

อาการของพี่นิวควรจะต้องรีบเยียวยา ผมแทบอยากจะย้ายไปหาหมอโรงพยาบาลหลวงซะเดี๋ยวนั้น)

      คืนนั้นคุณแม่ต้องจ่ายค่ารักษารวมทั้งค่ายา ไปเกือบสี่พัน ตลอดเวลาทั้งขาไปและขากลับ ผมนั่งกับพี่นิวที่เบาะด้านหลัง

คุณแม่เป็นคนขับรถ ผมกุมมือพี่นิวโดยไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว และสิ่งที่ผมได้รับตอบกลับมาก็คือ

ฝ่ามืออุ่น ๆ ที่บีบมือผมเบา ๆ เป็นการปลอบใจ

      “ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่กี่วันก็หาย”

      “ถ้าพี่นิวตาบอด ผมคงรู้สึกผิดไปจนตาย”

      “คิดไปโน่น สารเคมีในแชมพูมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้นหรอก คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”

      “ผมขอโทษครับ”

      ผมได้แต่ก้มหน้าสำนึกผิด ไม่กล้าสบตาพี่นิว
       
      “ไม่รับ”

      “ฮื้อ....”

      ได้ยินเขาปฏิเสธคำขอโทษเสียงแข็ง ผมก็ใจแป้ว แต่พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นแก้มป่อง ๆ ยื่นมาตรงหน้า

พอผมจุ๊บแก้มเขาก็เบี่ยงปากมาแทน

      “ฮะแอ้ม.....ไม่คิดจะเกรงใจแม่หน่อยเหรอฮึ...”

      “ขอโทษครับแม่ ผมแค่ล้อนูเค้าเล่นน่ะ”

      พี่นิวหัวเราะเขิน ๆ ส่วนผมน่ะเหรอ เหน็บต้นขาเขาไปหนึ่งทีแรง ๆ โทษฐานที่ทำให้ผมอายต่อหน้าคุณแม่

      “ซู้ด....เจ็บน้า”

      “ทีหลังก็อย่าแกล้งผมดิ”



มีต่อครับ จะให้จบ The first page อย่างที่สัญญาไว้เมื่อวาน

ออฟไลน์ NuNew

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 176
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2



    เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผมนึกละอาย ทั้งที่ผมเป็นคนผิดที่แกล้งเขาเกินกว่าเหตุแท้ ๆ

    ยอมรับอย่างไม่อายว่าตอนนั้นผมคิดแค่ว่าจะแก้แค้นเขาคืน เพราะเขาทำผมก่อน

ถึงผมจะไม่ได้คิดแก้แค้นจริงจังให้เลือดตกยางออก แต่ความเจ้าคิดเจ้าแค้นแสนงอนของผม

ก็เล่นเอาพี่นิวเกือบจะเสียดวงตา  (หรือเปล่า)  ก็ไม่รู้ล่ะนะ ใคร ๆ ก็รู้ว่าดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญขนาดไหน

แต่ผมกลับทำอะไรไม่คิด ทำให้เรื่องราวบานปลาย จนพี่นิวต้องเจ็บตัว ส่วนพี่นิวกลับไม่โกรธ ไม่โทษผมสักคำ

แถมยังเป็นฝ่ายปลอบใจผมด้วยซ้ำ เพราะเขากลัวผมจะคิดมาก แล้วจะไม่สบายใจ

....ผมช่างโชคดี ที่มีคนที่รักผมมากอย่างผู้ชายคนนี้


      ผมทุ่มเทเวลาทั้งหมดดูแลพี่นิวจนมีอาการดีขึ้น ถึงหมอจะบอกว่าอาการตาอักเสบเพราะสารเคมี ไม่ได้รุนแรงนักหนา

เพราะถูกชะล้างออกไปได้ทันเวลา แต่มันก็ไม่ช่วยให้ความรู้สึกผิดในใจผมผ่อนคลายลงไปเท่าไร

ผมก็เลยไถ่โทษด้วยการดูแลเขาไม่ให้คลาดสายตา รวมทั้งตามใจเขาทุกอย่าง ไม่ว่าเขาอยากให้ทำอะไร

ผมก็รีบจัดการให้ทันที โดยไม่อิดเอื้อน ซึ่งก็ดูเหมือนเขาจะรู้ทันความคิดผม แล้วก็จะหาเหตุให้ผมทำตามใจเขาเสมอ

ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าเห็นนิ่ง ๆ ขรึม ๆ พี่นิวของผมทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งหื่นไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ไอ้ผมก็ไม่ได้กระสันอะไรหรอก

แต่พอเค้าเริ่มทีไร ทำไมผมถึงไม่ขัดขืนสักทีก็ไม่รู้แฮะ(อายว่ะ)

      “นูเช็ดตัวให้หน่อย ร้อนอะ”

      “ร้อนก็ไปอาบน้ำดีกว่าไหมครับ ผมไปหยิบผ้าเช็ดตัวให้”

      ช่วงที่ตาเจ็บเขาชอบมานอนเล่นห้องผม  (ผมไม่ค่อยจะเข้าไปจุ้นจ้านในห้องเขา) ซึ่งไม่เคยเปิดแอร์เลย

พอเขามาก็จะขอให้ผมเปิด เรื่องนี้ผมไม่เคยตามใจเพราะมันเปลืองไฟนะครับ อยู่บ้านผมเองก็ไม่ค่อยได้เปิดแอร์

ถ้าไม่ร้อนจนตับจะแตกจริง ๆอย่างในหน้าร้อน ปกติผมก็แค่เปิดพัดลมให้มันส่ายพอให้อากาศมันเคลื่อนไหว

      “อาบให้หน่อย”

      “อาบเองสิครับ ทำเป็นเด็กไปได้พี่นิวนี่”

      “เจ็บตา”

      “ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอาบน้ำเลย”

      “งั้นแค่เช็ดตัวแล้วกัน เช็ดให้หน่อย”

      ผมได้แต่ส่ายหน้า เพราะอ้อนเหลือเกิน นาน ๆ ทีพี่นิวเขาจะเป็นแบบนี้นะครับ เห็นคนตัวโต ๆ อ้อนแล้วมันดูตลกดี

แล้วผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องทำตามคำขอ (อยากไถ่โทษด้วยแหละที่ผมทำให้เขาต้องตาเจ็บแบบนี้)

      เช็ดไปเช็ดมาก็ลงเอยเหมือนเดิมทุกที พี่นิวชอบให้ผมสัมผัสร่างกายเขา ซึ่งเวลาที่ผมเช็ดตัว

ยังไง ๆ ผมก็ต้องจับต้องเนื้อตัวเขาอยู่ดี ผมชอบสีผิวของเขา ผิวเนียน ๆ สีนวล ๆ ไม่ขาวเป็นลูกจีนแบบผม

แล้วก็ไม่คล้ำอย่างคนใต้ นิ้วมือพี่นิวเรียวแต่แข็งแรง ผมชอบเวลาที่มันขยับลูบไล้ไปตามลำตัวผม

ฝ่ามือพี่นิวนุ่มไม่แข็งกระด้าง เพราะไม่เคยต้องทำงานบ้าน ลูบไปถึงไหน ก็ร้อนซู่ไปถึงนั่น

ผมชอบริมฝีปากอิ่มของพี่นิว กดลงมาบนริมฝีปากผมทีไรก็ให้รสที่หอมหวาน ชวนให้ลิ้มลองไม่รู้เบื่อ

เลื่อนไปแตะตรงไหนก็ขนลุกวาบตรงนั้น

      “นะ”

      พี่นิวกระซิบเสียงแผ่ว ส่งสายตาร้องขอเรื่องที่ผมก็รู้อยู่แล้ว และผมก็ไม่อยากขัดใจคนป่วย ที่มีผมเป็นต้นเหตุ

ถ้าไม่ตามใจเขาผมคงจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้ (จริง ๆนะ...อิอิ)

      ก่อนจะเริ่มบทต่อไป ผมเดินไปปิดพัดลม แล้วเดินต่อไปเปิดสวิทช์แอร์ หันกลับมาดูคนป่วยตอนนี้เหลือแต่เนื้อหนังล้วน ๆ

ไม่มีอะไรปกปิดสักชิ้นเดียว.......เชิญชวนซะจริ๊ง  พี่นิวของผม

      อย่าคิดว่าพี่นิวทำตัวเป็นคนป่วยแล้วจะป้อแป้ไม่มีแรงนะครับ คนอะไร ร้ายกาจจริง ๆ ทีเวลาอย่างนี้ล่ะ แข็งแรงขึ้นมาเชียว


      ........รูดม่านปิดครับ....ฉากนี้ไม่มีคำบรรยาย 5 5 5......




     
      คืนสุดท้ายที่เราจะได้อยู่ด้วยกันใต้ชายคาบ้านหลังนี้มาถึงแล้ว

ผมเพิ่งจะสำเหนียกได้ถึงความอาลัยอาวรณ์ที่เราจะต้องจากกัน มันท่วมท้นอยู่ในหัวใจผมนี่

      “ปิดเทอมพี่ก็กลับแล้ว”

      “อีกตั้งหลายเดือน”

      “โทรคุยกันสิ”

      “ไม่เหมือนเห็นหน้ากันนี่”

      พี่นิวกอดกระชับผมไว้ในอ้อมแขน ตอนนี้เรายืนอยู่ที่ระเบียงหลังห้องนอน ท่ามกลางดาวเกลื่อนฟ้า

ไม่มีเมฆมาบดบัง ดูราวกับมีดวงไฟนับล้านดวงกระพริบวิบวาวอยู่บนผืนผ้ากำมะหยี่

ปีนี้ผมสูงขึ้นพ้นไหล่พี่นิวมานิดหน่อยแล้ว แผ่นหลังของผมอิงอกพี่นิว

แขนของผมซ้อนทับไปบนแขนของเขาที่โอบรอบตัวผม

      “อยากอยู่อย่างนี้ทุกคืนจัง”

      พี่นิวกระซิบข้างหูผมเบา ๆ ผมเริ่มจะมีน้ำซึมที่ขอบตาอีกแล้ว ทุกคืนที่เราได้อยู่แนบชิดกันแบบนี้

 พี่นิวชอบรำพึงอะไรทำนองนี้อยู่เรื่อย เหมือนกับจะย้ำให้ผมมั่นใจว่า เขาไม่ได้อยากอยู่ห่างจากผมเลย

(แล้วทำไมต้องเลือกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพด้วยก็ไม่รู้)

      “งั้นก็ไม่ต้องไป”

      ผมแกล้งพูดเหมือนทุกครั้ง มันเป็นบทสนทนาซ้ำ ๆ ที่เราต่อปากต่อคำกันเพื่อให้รู้สึกหลุดพ้นจากคำว่า

ห่วงหา อาลัย และคิดถึง

      “ไปแป๊บเดียวก็สี่ปีแล้ว”

      “สามปีครึ่งก็พอ ผมเห็นบางคนเขาไม่ได้จบสี่ปีซะหน่อย”

      “จบเร็วอย่างนั้น ต้องลงซัมเมอร์นะ ปิดเทอมพี่ไม่ได้กลับบ้านอย่าโวยล่ะ”

      “อ้าว...เหรอครับ งั้นพี่นิวเรียน 4 ปีก็ได้ แต่ต้องกลับบ้านทุกปิดเทอมนะ”

      พี่นิวรับคำผมด้วยรอยจูบข้างแก้ม เราอยู่ที่ระเบียงอย่างนั้นครึ่งค่อนคืน  ยืนนาน ๆ ชักจะเริ่มเมื่อยก็ปูผ้านวมรองนั่ง

พอนั่งจนเมื่อย (พี่นิวเมื่อย เพราะผมเอนหลังพิงเขาเต็ม ๆ) เราก็ลงนอนเบียดกันท่ามกลางน้ำค้างยามดึก

ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนที่หลังแตะฟูก แล้วพี่นิวก็ล้มตัวลงมานอนข้าง ๆ กัน

      ความจริงเรามีห้องส่วนตัวแยกกันคนละห้อง ยิ่งใกล้วันเดินทางเท่าไร พี่นิวก็มักจะมานอนเล่นที่ห้องผมบ่อยขึ้น

บางครั้งผมก็ไปนอนเล่นห้องเขา ก่อนจะกลับมาหลับต่อที่ห้องของตัวเอง แต่สำหรับคืนนี้

ผมรู้ว่าพี่นิวคงไม่กลับไปนอนห้องของตัวเองแล้ว ผมซุกตัวเบียดกับอกเขา เหมือนจะเก็บเกี่ยวความอบอุ่น

ก่อนที่เราจะลาจากกันในวันรุ่งขึ้น พี่นิวโอบแขนมารอบตัวผม แล้วเราก็หลับด้วยกันในท่านั้นจนรุ่งเช้า

      เราสั่งลากันด้วยไอรักที่หลั่งไหลไม่มีวันหมด ผมมอบความสุขให้เขาเต็มที่ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ลืมผม

ทุกครั้งที่เขาล้มตัวลงนอนจะต้องคิดถึงความสุขที่เรามีร่วมกันตลอดเวลาเกือบปีที่เราคบกัน

โดยเฉพาะช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เราได้อยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา

แต่นับจากวันนี้ไปอีกอย่างน้อยห้าเดือน ผมจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไง

ที่แน่ ๆ ผมคงคิดถึงเขาทั้งยามหลับยามตื่น แต่เพื่ออนาคต ผมคงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวไปพลาง ๆ

....เอาน่า...แค่สองปี พอผมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็จะตามพี่นิวไปอยู่ด้วยกัน

      คุณแม่จะไปกับพี่นิวด้วย เมื่อได้เวลาเราก็เดินทางไปสนามบินด้วยรถแท็กซี่ที่โทรศัพท์ให้มารับที่บ้าน

ส่วนขากลับผมก็คงเรียกรถแท็กซี่ที่นั่นมาส่งบ้านอีกที

      คุณแม่ขึ้นไปนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับก่อน เหมือนจะเปิดโอกาสให้ผมกับพี่นิวได้นั่งคู่กันไปที่เบาะหลัง

(คุณแม่พี่นิวน่ารักมากเลยครับ)

      เราสองคนนั่งกุมมือกันไปตลอดทาง บางครั้งพี่นิวบีบมือผมเบา ๆ ผมก็จะบีบตอบ

แล้วเราก็มองตากันชั่วแวบเดียว  เพราะกลัวว่าคนขับรถจะหันมาเห็น ส่วนมือที่เกาะกุมกัน

ก็ถูกคลุมด้วยเสื้อแจ็กเก็ตตัวใหญ่ของพี่นิวที่พาดอยู่บนตักเค้า

บางขณะพี่นิวก็ไล้นิ้วโป้งเบา ๆ บนหลังมือผม เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่เขามีให้ผมได้รับรู้

มันยิ่งทำให้ผมแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ นี่ผมกับพี่นิวต้องจากกันแล้วเหรือนี่

.....ผมจะคิดถึงเขาสักแค่ไหนกันนะ แล้วเขาล่ะ จะมีเวลาคิดถึงผมเท่าที่ผมคิดถึงเขาหรือเปล่า

นักศึกษาปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย คงจะมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ จะเอาเวลาที่ไหนมาคิดถึงผมกันนักหนา

      สิ่งใหม่ ๆ ที่เขากำลังจะไปเผชิญ คงทำให้ตื่นตาตื่นใจ เสียจนอาจจะลืมไปว่ามีใครคนหนึ่งกำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน

รอที่จะได้ยินแม้เพียงเสียงที่ผ่านสายโทรศัพท์ บอกว่า

      “คิดถึงนู”

      แต่แล้วผมก็ไม่ได้บอกความในใจให้พี่นิวได้รู้ กระทั่งเครื่องบินลำนั้นพาเขาลับหายไปจากสายตาในค่ำคืนนั้น

      ผมออกจากสนามบินด้วยความรู้สึกโหยหา ที่นั่งข้าง ๆ ว่างเปล่าไม่มีคนตัวโตให้ผมได้เอนลงพิงไหล่

ไม่มีฝ่ามือแข็งแรงที่อบอุ่นเกาะกุมมือผม แอร์ในรถเย็นเฉียบ ผมรู้สึกหนาวจนต้องยกมือขึ้นกอดอก

แต่หนาวเท่าไร มันก็ไม่เท่าความหนาวเย็นที่กำลังเกาะกินหัวใจผมอยู่ในตอนนี้

      ไม่อยากให้เราต้องจากกันเลย น้ำตาผมไหลเป็นทาง ก็ปล่อยให้มันหยดอยู่อย่างนั้น ผมกัดริมฝีปากตัวเอง

เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา จนก้อนสะอื้นกระแทกย้อนกลับลงไปในอกจนเจ็บร้าวไปหมด

ไม่ทันข้ามคืนผมก็คิดถึงพี่นิวมากถึงเพียงนี้

       ......สำออยจริง ๆเลยไอ้นูเอ๊ย เขาไปเรียนนะ เดี๋ยวก็กลับ ไม่ได้ไปแล้วไปลับซะหน่อย
 
       ......ผมได้แต่เตือนสติตัวเองไม่ให้โศกเศร้ามากจนเกินไป

       รถวิ่งมาถึงทางตรงที่เป็นถนนสายหลักเข้าเมือง ผมเห็นจุดเล็ก ๆ สีแดงอยู่กลางท้องฟ้าที่มืดสนิท

ต้องเป็นยานลำที่พาพี่นิวของผมบินลัดฟ้าไปแน่ ๆ

      ผมหลับตาลง ส่งความรู้สึกจากส่วนลึกในหัวใจทั้งหมดไปถึงพี่นิว

      พี่นิวครับ....ผมรักพี่นะครับ

      ทุกคืนก่อนนอนผมจะคิดถึงพี่นิวเป็นคนสุดท้าย

      ทุกเช้าผมจะลืมตาตื่นพร้อมกับความคิดถึงที่มีให้พี่นิวเพียงคนเดียว

      ผมจะรอวันที่เราจะได้พบกันอีกห้าเดือนข้างหน้า

      ผมจะเก็บหัวใจของผมไว้ให้พี่นิวเท่านั้น

      รีบกลับมานะครับ ผมจะนับวันรอพี่นิวเสมอ


      ……..“ที่รักของผม”......




จบตอน  SERIES:THE FIRST PAGE

namtarn11

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ย...มันเป็นหน่วงที่มีความสุข และอบอวลไปด้วยความรักจริงๆ

ออฟไลน์ som

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-2
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ใหนน๊า  ภาคใต้  มีสนามบินพานิชย์  สุราษฎร์ธานี  ภูเก็ต  สงขลา  โรงเรียนติดทะเล ในตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่มีโรงเรียนติดทะเล  ภูเก็ตไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าจะไม่มีเหมือนกัน  สงขลา มีอยู่โรงเรียหนึ่งข้ามถนนไปก็เป็นทะเล  เมื่อก่อนเป็นชายล้วนตอนนี้เป็นสหะแล้ว  หรือว่าที่พิมพ์มานี่ผิดหมดหว่า   เดาไม่ออก  อ้ออีกอย่างนะ มีโรงเรียนหญิงล้วนอยู่ใกล้ๆกันด้วย

โจ๊กกุ้ง

  • บุคคลทั่วไป
พี่นิวไปเรียนแยกกันแล้วคงไม่มีอะไรทำให้หวั่นไหวนะพี่ นูก็เหมือนกัน

ออฟไลน์ EARTHYSS :)

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 391
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
น่ารักจริงจริ๊งงงงงง เชื่อว่าในระหว่างที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคงต้องเกิดอะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน อย่างน้อยทำให้รู้ว่าระยะทางไม่ได้ทำให้คนเปลี่ยนไป
รักกันนานๆนะคะ อ่านแล้วมีความสุขดีจริงๆ ความรักระหว่างพวกคุณทำให้เรายิ้มได้
ขอบคุณที่นำเรื่องราวความรักไม่เขียนให้อ่านนะคะ แล้วจะรอตอนต่อไป :)

vvhite

  • บุคคลทั่วไป
ซึ้งในความรักระหว่างพี่นู&พี่นิว  :o12:
ปล. แล้วมาต่อเร็วนะครับพี่นู

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด