“ รักคืนรัง ”
ตอนพิเศษ
ชายหนุ่มร่างสูงที่เปลี่ยนมาใส่ชุดอยู่บ้านผุดลุกผุดนั่งอย่างกระวนกระวาย ตอนแรกก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟา แต่ดูเหมือนว่าสายตาของเขาจะจดจ่ออยู่ที่นาฬิกามากกว่าหนังสือ เขาเลยเลือกที่จะปิดหนังสือเสีย ยิ่งดึกมากเท่าไหร่ เจ้าตัวก็ยิ่งนั่งไม่ติดมากเท่านั้น ความกังวลมันแล่นพล่านจนไม่เป็นอันทำอะไร
คนเก่าคนแก่อย่างป้าอุ่นเรือนมองอาการของคนที่เธอถือว่าเป็นเจ้านายอีกคนแล้วก็ต้องอมยิ้มออกมาด้วยเอ็นดู ความจริงเธอเองก็ง่วงแสนง่วง เพราะนี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว แต่เธอก็ยังถ่างตาอยู่เป็นเพื่อนเขตแดน เผื่อเจ้านายจะเรียกหาหรือต้องการอะไร
เขตแดนที่เดินไปเดินมาระหว่างโซฟากับประตูบ้านถึงกับชะงัก เมื่อหันมาเห็นป้าอุ่นเรือนยกมือปิดปากหาว เขาเหลือบตามองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ
“ป้าอุ่นไปพักผ่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมรอธรณ์เอง”
“แต่ว่า...”
“นะครับป้าอุ่น ถือว่าผมขอละกัน”
สุดท้ายป้าแม่บ้านก็ยอมเลี่ยงกลับไปพักผ่อน เพราะเอาเข้าจริง เธอเองก็อายุมากเกินกว่าจะมานั่งฝืนสังขารดึกๆดื่นๆแล้ว แต่ก่อนจะเดินเข้าห้องตัวเองยังไม่วายกำชับเจ้านายของเธอ
“ถ้าคุณเขตต์จะเอาอะไรก็มาปลุกป้านะคะ”
เขตแดนพยักหน้ารับคำ แต่สาบานได้เลยว่า ถึงเขาจะต้องการอะไร เขาก็คงไม่อุตริไปปลุกป้าอุ่นเรือนขึ้นมากลางดึกแน่ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอีกรอบ ความจริงเขาเองก็ควรจะเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปพบลูกค้าที่ต่างประเทศแต่เช้า แต่ใครจะนอนหลับกัน ในเมื่ออีกคนที่อยู่ร่วมบ้านกันยังไม่กลับมา มิหนำซ้ำ เขายังไม่สามารถติดต่อธรณ์ได้อีกด้วย
ทันทีที่ได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามา คนที่รออย่างกระวนกระวายก็รีบสาวเท้าเร็วๆไปที่ประตูทันที จนทันได้เห็นคนที่รอคอยอยู่ก้าวลงมาจากรถด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน หอบข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ เขตแดนตรงเข้าไปแย่งของในมือธรณ์มาถือไว้เอง ก่อนจะมองอีกฝ่ายตาดุๆ
“พี่เขตต์ยังไม่นอนอีกเหรอครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปสนามบินแต่เช้านะครับ”
“พี่รอธรณ์อยู่ ทำไมโทรศัพท์ถึงติดต่อไม่ได้เลย”
ธรณ์ล้วงหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มแหยๆ
“แบตโทรศัพท์หมดครับ สงสัยเมื่อคืนธรณ์จะรีบๆจนลืมชาร์จแบตแน่ๆ”
“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง” เขตแดนถามเสียงอ่อนด้วยความเป็นห่วง
พอธรณ์ส่ายหน้าไปมา เขตแดนก็กดธรณ์ให้นั่งนิ่งๆบนโซฟา คนถูกบังคับให้นั่งเฉยๆเลิกคิ้วนิดๆ พอเดาความคิดของเขตแดนออกก็รีบร้องปรามทันที
“ไม่เป็นไรพี่เขตต์ ไม่ต้องปลุกป้าอุ่นนะครับ”
“ใครบอกว่าพี่จะปลุกป้าอุ่น พี่ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดนั้นนะ”
ธรณ์นั่งมองเขตแดนที่เดินหายเข้าไปในครัวตาปริบๆ เดาได้เลยว่าเขตแดนต้องไปจัดการทำอะไรให้เขากินแน่ๆ ชายหนุ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดกันมาก แต่เราสองคนต่างก็รับรู้ถึงความห่วงใยที่เรามีให้กัน
====================
เขตแดนถือข้าวผัดที่ทำง่ายๆเดินออกมาจากห้องครัว แล้วก็ต้องมายืนนิ่วหน้าอยู่ข้างๆโซฟา เขาวางจานข้าวผัดลงบนโต๊ะรับแขก ก่อนจะเก็บข้าวของที่วางระเกะระกะให้เรียบร้อย นอกจากเอกสารการเรียนแล้ว ยังมีงานของที่บริษัทที่ธรณ์ขนกลับมาทำที่บ้านอีก
ช่วงนี้ธรณ์เริ่มเรียนปริญญาโทตอนเย็น โดยที่ยังทำงานที่บริษัทอยู่ แรกๆเขตแดนก็ลดงานของธรณ์ลง เจ้าตัวจะได้มีเวลาเรียนอย่างเต็มที่ แต่คนบางคนก็ดื้อแสนดื้อ เที่ยวไปของานจากคนอื่นมาทำ แต่ละวันก็หอบทั้งงานทั้งการบ้านกลับมาทำที่บ้าน กว่าจะเข้านอนก็ดึกๆดื่นๆ
เขตแดนเองก็พลอยได้เจอธรณ์น้อยลง แม้จะอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนมากที่ได้เจอก็มักจะเป็นเวลางาน ซึ่งเขาก็ไม่อยากทำอะไรน่าเกลียดประเจิดประเจ้อมากนัก เพราะมันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเขาและธรณ์ พอเลิกงานที่บริษัทห้าโมงเย็น ธรณ์ก็ต้องรีบบึ่งไปเรียนหนังสือต่อ กว่าจะเลิกก็สามทุ่ม กลับมาถึงบ้านมืดค่ำทุกวัน มิหนำซ้ำ บางทีเสาร์อาทิตย์ก็ต้องออกไปทำรายงานกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันอีก
เห็นท่าทางเหนื่อยอ่อนของคนที่เผลอหลับคาโซฟาแล้วเขตแดนก็ต้องถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากจะปลุกธรณ์ แต่จะปล่อยให้หลับไปโดยที่ไม่กินข้าวก็ไม่ได้ ประเดี๋ยวจะได้เป็นโรคกระเพาะขึ้นมากันพอดี ชายหนุ่มตัดสินใจยื่นมือไปแตะแก้มธรณ์เบาๆ ก่อนจะชักกลับแทนไม่ทัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
“ธรณ์...ธรณ์...”
เจ้าของชื่อปรือตาขึ้นมามองเขตแดนท่าทางง่วงงุน ธรณ์สะบัดหัวขับไล่ความง่วงอยู่สองสามที ก่อนจะฝืนยิ้มให้เขตแดน ซึ่งคนมองไม่ได้นึกอยากยิ้มตามไปด้วยเลยซักนิด
“ข้าวเสร็จแล้วเหรอพี่เขตต์” ธรณ์ค่อยๆกระถดตัวขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบจานข้าวผัดมาตักใส่ปาก กินได้อยู่ไม่กี่คำก็กินไม่ลง ต้องวางจานลงบนโต๊ะรับแขกตามเดิม
เขตแดนรอให้ธรณ์กินข้าวและดื่มน้ำตามเรียบร้อยแล้ว ถึงได้จับไหล่ที่ซูบลงจนน่าตกใจให้หันมาประจันหน้ากับเขา
“ธรณ์มีไข้หรือเปล่า?”
คนถูกถามยกมือขึ้นอังหน้าผากตัวเอง ก่อนจะยิ้มเจื่อนๆเหมือนเด็กที่ทำความผิดแล้วโดนจับได้ เขตแดนส่ายหน้าอย่างระอา ลุกขึ้นไปเปิดกล่องปฐมพยาบาลค้นหายากุกกัก แล้วเอามาส่งให้ธรณ์
“ต้องกินยาด้วยเหรอพี่เขตต์” บทจะงอแง ธรณ์ก็ทำได้ดีจนเขตแดนนึกอยากจับมาตีก้นแรงๆ
“อย่าดื้อธรณ์ กินยาลดไข้เข้าไปก่อนเลย พรุ่งนี้พี่ไม่อยู่ด้วย ถ้าเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำยังไง”
“ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก” เด็กดื้อของเขตแดนเอ่ยอย่างอวดดี
“ถ้าไม่หาย พรุ่งนี้ไปหาหมอเลยนะ”
ธรณ์เบ้ปากนิดๆ เขาไม่ได้เป็นอะไรมากเสียหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าช่วงนี้นอนน้อยไปหน่อย ถ้าเกิดได้พักซักนิดก็คงจะหายดี
“ผมแค่มึนๆเองพี่เขตต์ กินยาเดี๋ยวก็หายแล้ว”
“ถ้าธรณ์ยังดื้ออยู่แบบนี้ คิดว่าพี่จะไปทำงานอย่างสบายใจเหรอ” เจอไม้นี้ของเขตแดนเข้าไป ธรณ์ก็ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลี่ยง ชายหนุ่มก้มลงมองเม็ดยาในมือ นึกอยากซ่อนไว้ใต้ลิ้นแล้วแอบคายทิ้งเหมือนที่ทำประจำ แต่ดูท่าคนโตกว่าจะรู้ทัน ถึงได้ยืนกดดันจนเขาต้องจำใจส่งยาเข้าปากอย่างไม่มีทางเลี่ยง พอดื่มน้ำตามแล้ว เขตแดนยังบังคับให้เขาอ้าปากให้ดูอีกต่างหาก ว่าได้กลืนยาลงคอไปแล้วจริงๆ
ไม่ไหวๆ เขตแดนชักจะรู้ทันเขามากเกินไปแล้ว====================
“ไม่ต้องไปทำงานเลยนะธรณ์!” เขตแดนเอ่ยออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด หลังจากเขาแวะเข้ามาดูอาการของธรณ์ก่อนออกไปสนามบิน ปรากฏว่าอาการของเจ้าตัวแย่ลงกว่าเดิมจนต้องนอนซมเฉยๆอยู่บนเตียง ชายหนุ่มปรายตามองกองงานที่ยังวางอยู่บนโต๊ะ เป็นหลักฐานอย่างดีว่าเมื่อคืนหลังจากเข้าห้องมาแล้ว ธรณ์คงรื้องานออกมาทำอีกแน่ๆ
ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะเดินไปหยิบปรอทมาวัดไข้ธรณ์ พอเห็นตัวเลขบนปรอทก็ต้องหลุดเสียงสบถออกมาอย่างดุเดือด นึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันคนที่นอนซมอยู่บนเตียง ว่าไม่ได้นึกเจียมสังขารตัวเองเลยแม้แต่น้อย คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เหล็กหรือยังไงกัน แล้วอย่างนี้เขาจะทำใจเดินทางไปต่างประเทศ แล้วทิ้งธรณ์ไว้ตามลำพังได้หรือ
เขตแดนจัดการโทรศัพท์เรียกเวธน์ให้มาขนงานกลับไปให้หมด สั่งกำชับลงไปว่าถ้าไม่มีคำสั่งจากเขา ห้ามใครมอบหมายงานให้ธรณ์เด็ดขาด เล่นเอาคนบนเตียงได้แต่นอนมองตาปริบๆ
“พี่เขตต์...”
“ไม่ต้องมาโอดครวญเลยธรณ์ พี่คงจะใจดีกับธรณ์มากเกินไปใช่ไหม”
คราวนี้เขตแดนโกรธจริงๆ โกรธธรณ์ที่ไม่ยอมดูแลตัวเอง จะให้เขาคอยดูแลธรณ์อยู่ฝ่ายเดียว โดยที่ธรณ์ไม่ยอมดูแลตัวเองได้ยังไงกัน เขาเรียกป้าอุ่นเรือนให้ทำข้าวต้มหรือโจ๊กให้ธรณ์ และกำชับอีกหลายรอบว่า ช่วงนี้ให้ธรณ์กินแต่อาหารอ่อนๆอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามอาหารรสจัดทุกชนิด
อีกปัญหาก็คือ เขาจะไม่อยู่สามวัน ช่วงที่เขาไม่อยู่ใครจะเอาธรณ์อยู่กันล่ะ นึกอยากให้คนสนิทที่เขาไว้ใจอย่างเวธน์มาคอยดูแลธรณ์ แต่คิดอีกที มันคงเป็นความคิดที่ผิดมหันต์แน่ๆ เพราะนอกจากเวธน์จะทัดทานธรณ์ไม่อยู่แล้ว เผลอๆยังจะคอยตามใจธรณ์เสียด้วยซ้ำไป ถ้าอย่างนี้ก็เหลือเพียงตัวเลือกเดียว
เขตแดนเดินเลี่ยงออกมากดโทรศัพท์ พอปลายสายรับเขาก็เอ่ยออกไปด้วยความเกรงใจนิดๆ
“ผมโทรมากวนหรือเปล่าคุณชิน”
(ไม่เลยครับ มีอะไรหรือเปล่าคุณเขตต์ เรื่องธรณ์ใช่ไหม?) ปลายสายดักคอมาอย่างรู้ทันให้เขตแดนต้องอมยิ้มนิดๆ
“ธรณ์ไม่สบายอยู่ แต่เดี๋ยวผมจะต้องไปต่างประเทศ ถ้าไม่เป็นการรบกวน...” เขตแดนเอ่ยยังไม่ทันจบ ชินดนัยก็รีบแทรกมาทันที
(โอเคครับ เดี๋ยวผมจะรีบออกจากบ้าน รับรองว่าจะดูแลคนไข้ของคุณเขตต์เป็นอย่างดี)
ได้ยินที่ชินดนัยรับปาก เขตแดนก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง เขาเดินกลับมาดูคนป่วยที่นอนตาปริบๆ ท่าทางอยากจะลุกขึ้นมาทำงานเต็มแก่แล้วก็ได้ชี้นิ้วคาดโทษ
“หลังจากพี่กลับมา เราต้องคุยกันยาวแน่ๆ”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เขตแดนเอ่ย ก่อนจะทิ้งคนป่วยเอาไว้ในห้อง ลับร่างของเขตแดนแล้ว ธรณ์ก็ค่อยๆขดตัวจนจมลงไปกับที่นอน
ความจริงแล้ว...ธรณ์ไม่อยากให้เขตแดนไปเลย ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจนอยากให้เขตแดนอยู่ข้างๆ อยากจะดึง อยากจะรั้งเอาไว้ แต่ก็ทำไม่ได้อย่างใจคิด เขตแดนเป็นผู้บริหาร เป็นประธานบริษัท ต้องมีความรับผิดชอบต่องาน เขาไม่ควรจะเห็นแก่ตัว...ไม่ควรเลยจริงๆ แต่มันจะดีแค่ไหนกัน ถ้ามีคนที่เรารักอยู่ข้างๆ ในวันที่เราต้องการกำลังใจ
เขตแดนจะรู้หรือเปล่า จริงๆแล้วธรณ์ก็เหนื่อยที่ต้องเรียนและต้องทำงานควบคู่กันไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้ดีทั้งคู่ เขาถึงต้องพยายามและทุ่มเทสุดความสามารถ การเรียนต่อปริญญาโทเป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันการทำงานก็เป็นความรับผิดชอบของเขา ธรณ์อยากแบ่งเบาภาระของเขตแดน อยากช่วย อยากเรียนรู้งานทุกอย่าง ให้สมกับเป็นทายาทคนเดียวของอิสรพัฒน์ที่ทุกคนไว้วางใจ
ธรณ์ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนที่เขตแดน แต่เขาอยากเป็นคนที่มีความสามารถเพียงพอจะยืนคู่กับเขตแดนได้อย่างภาคภูมิ และเพราะเหตุนี้ เขาจึงต้องพยายาม เขาอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขตแดน ไม่อยากเป็นแค่เพลย์บอยที่เอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆเหมือนเมื่อก่อน
เขาตั้งใจแล้วว่า...เขากับเขตแดนจะช่วยดูแลบริษัทด้วยกัน ประคับประคองมันไปด้วยกัน
เขาจะต้องพยายาม ไม่ใช่เพื่อแซงหน้าเขตแดน แต่เพื่อที่จะได้เดินตามทันแล้วไปยืนอยู่ข้างๆกัน====================
สัมผัสเย็นวาบแตะลงเบาๆที่ข้างแก้ม ธรณ์ขยับตัวเบาๆ เพราะถูกปลุกจากห้วงนิทรา อนุสติอันลางเลือนทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร...
พี่เขตต์...พี่เขตต์หรือเปล่า? พี่เขตต์กลับมาดูแลธรณ์แล้วใช่ไหม ธรณ์คว้ามือที่กำลังจับแก้มเขาไว้ พึมพำออกมาเสียงแหบเครือ
“พี่เขตต์...”
ชินดนัยก้มลงมองคนที่ยึดมือเขาไว้แน่นก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เวลาป่วยทีไรเป็นแบบนี้ตลอด ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็มักจะละเมอหาแต่เขตแดนอยู่เสมอ ดีที่เขาเคยรับมือกับธรณ์ในสภาพนี้อยู่บ่อยๆ มันเลยไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่
ชินดนัยเดินลงมาบอกป้าอุ่นเรือนให้เตรียมข้าวต้มสำหรับตอนกลางวัน แล้วก็ถามหากาละมังกับผ้าเข็ดตัว พอป้าอุ่นเรือนรู้ว่าเขาจะเช็ดตัวให้ธรณ์ก็อาสาจะทำให้ ชายหนุ่มได้แต่ปฏิเสธยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเช็ดตัวให้เขาอยู่บ่อยๆ”
พอเห็นป้าอุ่นเรือนทำหน้าแปลกๆ เหมือนจะคลางแคลงในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับธรณ์ ชินดนัยเลยต้องรีบยืนยันตัวเองให้อีกฝ่ายสบายใจ
“ผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับธรณ์ครับ เราเป็นเพื่อนรักกัน” และเป็นเพื่อนที่ชินดนัยพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ธรณ์มีความสุขด้วย
ชินดนัยจัดการเช็ดตัวให้ธรณ์ก่อนจะเปลี่ยนชุดให้สบายตัว เพราะชุดเดิมของธรณ์เปียกเหงื่อจนชุ่มไปหมด ผิวขาวๆแดงก่ำด้วยไอความร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างกาย เขาถือวิสาสะเดินไปเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท รอจนป้าอุ่นเรือนให้เด็กยกข้าวต้มมาให้ ถึงได้ปลุกธรณ์
“ธรณ์...ธรณ์...” เรียกซ้ำอยู่หลายหน กว่าคนป่วยจะปรือตามามอง
“พี่เขตต์...”
“นี่ชิน ไม่ใช่พี่เขตต์” มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่พอธรณ์ป่วย สรรพนามที่ใช้คุยกันก็จะเปลี่ยนไปอย่างไม่รู้ตัว
ชินดนัยตรงเข้าประคองธรณ์ให้ลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง สอดหมอนเข้าไปไว้ที่หลังให้ธรณ์ได้หนุนสบายๆ เสร็จแล้วเขาก็ไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ตักข้าวต้มร้อนๆขึ้นเป่าก่อนจะยื่นไปจ่อที่ปาก แต่คนป่วยก็ไม่อ้าปากรับ กลับถามคำถามกลับมาแทน
“มาได้ยังไง”
“คุณเขตต์โทรเรียกมา อย่าเพิ่งถามมาก กินก่อนเร็วๆ”
ธรณ์ทำหน้าบึ้ง ก่อนจะยอมอ้าปากรับข้าวต้มแต่โดยดี กินไปได้แค่คำสองคำก็ทำหน้าพะอืดพะอม ชินดนัยที่เดาอาการออกก็รีบคว้าถังขยะใกล้ตัวมาส่งให้ทันที แล้วถึงได้มองธรณ์ดุๆอย่างคาดโทษ
ธรณ์เบือนหน้าหลบ พี่เขตต์แกล้งเขา พี่เขตต์โทรเรียกชินมา เดี๋ยวชินต้องจัดการลากเขาไปโรงพยาบาลแน่ๆ ไม่รู้หรือยังไงกันว่าไม่ชอบและไม่อยากไป
“ธรณ์...” แค่ชินดนัยเกริ่น ธรณ์ก็รู้ทันที
“ไม่! ไม่ไป ไม่ได้เป็นอะไร”
ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจเขตแดน ชินดนัยก็นึกอยากจะหาไม้เรียวมาฟาดธรณ์แรงๆซักที เอาให้หายดื้อหรือหมดฤทธิ์กันไปเลย ดูสภาพก็เห็นว่าไม่ไหวแล้วยังจะอวดเก่งอยู่อีก
“กล้าพูดอีกเหรอว่าไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่เพิ่งอาเจียนออกมานี่นะ”
ธรณ์ทำหน้าเบ้ ถดตัวกลับลงไปนอนหันหลังให้ชินดนัย แล้วเอาผ้าห่มคลุมโปง แสดงอาการต่อต้านออกมาชัดเจน
“ธรณ์ อย่ามาดื้อ ถ้าไม่ยอมไปดีๆจะเรียกคุณเขตต์บินกลับมา”
ธรณ์ชะงัก ถึงอยากเจอเขตแดนหรืออยากให้เขตแดนอยู่ด้วยมากแค่ไหน แต่เขตแดนไปทำงาน เขาต้องเข้าใจและยอมรับให้ได้
“ไม่อยากไป...”
“ไม่ได้ถาม!!”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่ชินดนัยมีให้ธรณ์ ก่อนเขาจะสาวเท้าเร็วๆลงไปข้างล่าง เวธน์ที่ถูกเขตแดนสั่งให้มาคอยดูแลหันมามองอย่างตกใจ
“คุณเวธน์ ช่วยเตรียมรถที เดี๋ยวผมจะไปอุ้มธรณ์ลงมา เราจะพาเขาไปโรงพยาบาลกัน”
เวธน์ยังไม่ทันได้ตอบรับ ชินดนัยก็เดินขึ้นไปห้องธรณ์ เขาได้แต่พยักหน้ากับตัวเองงงๆ แต่ก็กระวีกระวาดไปเตรียมรถ คุณเขตต์สั่งไว้ว่าให้ทำตามที่คุณชินดนัยต้องการทุกอย่าง แต่ห้ามฟังคำสั่งคุณธรณ์ ถ้างั้นเขาก็ต้องรีบไปเตรียมรถ
พอเวธน์เห็นชินดนัยอุ้มธรณ์ลงมาก็ต้องนึกทึ่งว่าอีกฝ่ายก็แรงเยอะเหมือนกัน ถึงอุ้มคุณธรณ์ที่ตัวไม่ได้เล็กๆไหว คุณธรณ์ก็โวยวายมาตลอดทางทั้งๆที่เสียงแหบเสียงแห้ง บ่นแต่ว่าไม่ไปๆ เห็นแล้วก็สงสาร แต่เวธน์ก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งคุณเขตต์อย่างเคร่งครัด
====================
[มีต่อนะคะ]