หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1386166 ครั้ง)

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
เมษาลืมตาขึ้นช้าๆ   แสงไฟจากโคมที่หัวเตียงทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าตนเผลอหลับไป

   ฝ่ามือใหญ่เอื้อมคว้าโทรศัพท์ข้างกายขึ้นมาดูนาฬิกา   




   ห้าทุ่มกว่าเกือบเที่ยงคืน...




   ชายหนุ่มลุกขึ้นตรงไปยังตู้เย็นซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไม่กี่ชิ้นที่อยู่ในห้องใหม่แห่งนี้   


   เป็นไปตามคาด...ไม่มีของกินเหลืออยู่ในนั้นเลยสักอย่าง   จำได้ว่าอาหารแช่แข็งกล่องสุดท้ายถูกตัวเขาบริโภคไปเมื่อวานเย็นๆ



   ปกติเขาไม่ได้ใช้ชีวิตไร้แบบแผนอย่างนี้หรอก   แต่ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่ทุกอย่างยังไม่ค่อยจะเข้าที่   มีหลายเรื่องให้คิดเต็มไปหมด...นี่ยังไม่นับเรื่องสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ด้วยซ้ำ



   ชายหนุ่มในชุดลำลองชุดเดิมเดินไปคว้ากระเป๋าสตางค์ที่โต๊ะทานข้าวก่อนจะเดินออกจากห้องไปแบบไม่เร่งรีบ...

.
.

.


.

   ขนมปังแบบง่ายๆ  ไม่มีไส้ ไม่เหนียวเลอะมือ  ถูกหยิบมาจ่ายเงินที่แคชเชียร์ในมินิมาร์ทใต้คอนโดสองชิ้น   ความจริงมันไม่ใช่รสชาติแบบที่ชอบและเขาก็ไม่ได้หิวมากขนาดนั้น   เพียงแต่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้กินข้าวให้ครบทุกมื้อจึงติดเป็นนิสัย   ถึงแม้ว่าวันนี้จะกินดึกไปหน่อย...แต่ก็ต้องกินครบ

   เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาหน้าร้านพร้อมถุงก็อปแก็ปใบเล็กในมือ   แสงเสาไฟเรียงรายริมถนนก็ทำให้เขารู้สึกอยากอยู่ข้างล่างนี้อีกสักพัก

   จู่ๆความคิดที่ว่ายังไม่เคยสำรวจบริเวณรอบๆก็ผุดขึ้นมาในหัว



   ...แม้จะมืดไปสักนิด   แต่ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวในยามเบื่อๆแบบนี้...



   สองขายาวพาร่างเขาเดินห่างจากตัวร้านมินิมาร์ทมาเรื่อยๆ   บนถนนยังคงมีรถวิ่งอยู่อย่างสม่ำเสมอ   แม้จะไม่มากแต่ก็มีให้เห็นเรื่อยๆ   ไม่รู้สึกวังเวง

   จำได้ว่าย่านที่มีสถานบันเทิงคือทางขวามือ  เดินสุดบล็อกแล้วเลี้ยงขวาก็ถึง...




   ถ้าไม่ได้เข้าไป...แค่เดินผ่าน   คงไม่เป็นไร...




   ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าเขาเป็นเด็กไม่ประสีประสาหรืออะไร   ผับทั่วไปเขาก็เข้า...เพียงแต่อาจจะต้องเลือกร้านที่มีระดับสักหน่อย    แต่สำหรับร้านที่เต็มไปด้วยอบายมุขมั่วสุมจำพวกนี้เขาว่ามันเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับชื่อเสียงตัวเองและวงศ์ตระกูล   มันจึงไม่ใช่ทางเลือกในการเสพย์สุขแบบที่เหมาะกับเขาเท่าไหร่นัก

   เพียงไม่นาน   แสงไฟหลากสีจากป้ายหน้าผับหน้าบาร์ต่างๆก็ปรากฏขึ้นในระยะการมองเห็น   แต่ถ้าจะให้เทียบกับย่านสถานบันเทิงชนิดเดียวกันในกรุงเทพฯแล้ว   ยังไงที่นี่ก็ดูหวือหวาน้อยกว่า

   ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปตามริมฟุตบาทเรื่อยๆ   เป็นดังที่เขาคิด  ระยะห่างระหว่างที่นี่กับคอนโดของเขาใกล้กันมาก

   หนุ่มสาวหลายชีวิตยืนแกร่วกันอยู่ตามหน้าร้าน   บ้างก็สูบบุหรี่   บ้างก็บริหารเสน่ห์   ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นคิดยังไงถึงได้เอาชีวิตตัวเองมาอยู่ในที่มั่วสุมแบบนี้   




   คนที่ชื่ออาทิตย์นั่นก็ด้วย...ใช้ชีวิตไร้ระเบียบแบบนั้นมีแต่จะหาเรื่องลำบากใส่ตัว




   “ไปโรงพัก! ไป! ขึ้นรถ!" ภาษาอังกฤษสำเนียงแขกที่ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลดึงให้ชายหนุ่มละความสนใจจากความคิดของตนชั่วครู่   แม้ว่าจะมีเสียงดนตรีตีกันไปมาจากร้านต่างๆให้มั่วไปหมด   แต่เขาก็ได้ยินมันชัดเจนดี

   ที่ริมถนนห่างออกไปจากจุดที่เขายืนอยู่เกือบสิบเมตร   รถตำรวจคันหนึ่งจอดอยู่   พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เชื้อสายจีนที่ยืนค้ำตัวรถอยู่ที่ฝั่งคนขับ   ในขณะที่บนฟุตบาทก็มีเจ้าหน้าที่เชื้อสายแขกอีกหนึ่งนายกำลังพยายามยัดผู้ชายที่ตัวอ่อนปวกเปียกคนหนึ่งขึ้นไปนั่งที่เบาะหลัง

   เห็นอย่างนั้นเมษาก็ได้แต่นึกขันในใจ   ก็นี่แหละคือตัวอย่างของคนที่จะเดือดร้อนจากการมาเที่ยวในที่แบบนี้   ผู้ชายคนนั้นเองก็คงจะดื่มจนเมาแล้วไปทำอะไรโง่ๆเข้า   เดี๋ยวพรุ่งนี้รู้สึกตัวเมื่อไหร่คงตกใจน่าดูที่ตื่นมาอยู่ในคุก

   ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลอบส่ายหน้าเบาๆหนึ่งที   ก่อนทำท่าจะหมุนตัวเดินย้อนกลับไปทางเดิมเมื่อตระหนักได้แล้วว่าเดินทางนี้ต่อไปก็คงจะเจอแต่ร้านพวกนี้เหมือนเดิม   



   หากแต่แวบหนึ่งที่ดันเหลือบกลับไปเห็นหน้าของคนที่กำลังจะถูกโยนเข้ารถตำรวจได้สำเร็จนั้น   เมษาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นทันทีด้วยความตกใจ

   


   “คุณอาทิตย์!”



   
   ชายหนุ่มเปลี่ยนใจรีบวิ่งตรงเข้าไปใกล้รถตำรวจคันนั้นทันที

   “ขอโทษครับคุณตำรวจ   นั่นเพื่อนผมเอง" เมษารีบออกปากเมื่อไปถึงที่ "เขาไปทำอะไรเข้าหรือครับ?”

   นายตำรวจคนที่มีเชื้อสายจีนหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าไม่เอือมระอา "ก็เมาแล้วกร่างน่ะสิ   ไม่ได้ทำมากหรอก   เพียงแต่ร้องตะโกนเสียงดังรบกวนคนอื่นเขา   ก็เลยจะเอาตัวไปรอให้สร่างที่โรงพักก่อน   อ้อ...แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายใส่ข้าวของด้วยนะ   รองเท้าผมก็โดน"

   “ผมต้องขอโทษแทนเขาจริงๆ   แต่ไม่ต้องถึงขั้นเข้าโรงพักได้ไหมครับ   เดี๋ยวผมพาเขากลับไปส่งเอง" ชายหนุ่มไกล่เกลี่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตามแบบที่เขาถนัด   

   “ดีเลย  จะได้ไม่มาเกะกะโรงพัก   เพราะเราก็ไม่ได้จะจับไปทำอะไรอยู่แล้ว   แค่จะพาไปให้เขาสงบสติลงเท่านั้นแหละ" นายตำรวจเชื้อสายแขกเป็นคนตอบในส่วนนี้   และไม่ต้องว่าอะไรให้มากความอีก   ร่างของอาทิตย์ก็ปลิวหวือมาอยู่ในวงแขนเขาตามแรงดึงของนายตำรวจคนที่ว่าอย่างรวดเร็ว "ถ้าเขาหายเมาแล้วฝากเตือนด้วยล่ะว่าอย่าดื่มให้มันมาก   มีเยอะจริงๆคนอย่างนี้   พวกผมต้องคอยตามลากไปนอนที่โรงพักทุกคืน"

   “ครับผม   ขอโทษอีกครั้งนะครับ   ขอบคุณมากครับ" เมษากล่าวอย่างสุภาพแล้วยืนรอส่งจนรถตำรวจคันนั้นขับออกไปในที่สุด   ก่อนจะกลับมาก้มลงมองคนที่โงนไปเงนมาอยู่ตัวเขาอีกครั้ง

   ชายหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ...

   

   แล้วยังไงต่อล่ะทีนี้...

   

   จริงๆไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาช่วยทำไม   จะทำเป็นไม่เห็นก็ได้ด้วยซ้ำ

   “คุณอาทิตย์" ลองเรียกดูสักที   เผื่อจะมีปฏิกิริยาตอบกลับ...แต่สุดท้ายก็เป็นดังคาด   คนเมาย่อมพูดจาไม่รู้เรื่อง   แถมยังทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่แล้ว

   "เฮ้อ...ทำอะไรไม่เข้าท่า” ชายหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆ   



   ...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าบ่นตัวเองหรืออีกคนที่คอพับคออ่อนอยู่กันแน่

.
.

.


.

   ร่างทั้งร่างของคนเมาจนหลับไม่ได้สติถูกทิ้งลงบนโซฟากลางห้องนั่งเล่น

   เมษาทรุดตัวลงนั่งพักเหนื่อยบนที่ว่างข้างๆ  เห็นหุ่นปราดเปรียวแบบนั้นแต่ดันตัวหนักกว่าที่ชายหนุ่มคิดไว้เสียอีก   หรือความจริงอาจเป็นเพราะเขาต้องทั้งพยุงทั้งลากมาถึงที่นี่อย่างทุลักทุเลด้วยกระมัง

   ชายหนุ่มเหลือบมองคนเมาด้วยสายตาฉายแววหงุดหงิดใจเล็กน้อย   พลางนึกกังวลว่ากลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วตัวนั่นจะพาลไปติดเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ของเขาด้วย

   เมื่อคิดได้ดังนั้น   ฝ่ามือหนาก็เอื้อมมาถอดทั้งเสื้อทั้งกางเกงของอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว   เหลือเพียงเสื้อกล้ามและบ็อกเซอร์บางๆติดตัวไว้เท่านั้น   

   “ทำตัวเป็นขี้เมาแบบนั้นก็นอนแก้ผ้าไปแล้วกันครับ" ชายหนุ่มเอ่ยเบาๆให้กับสภาพดูไม่จืดของอีกฝ่าย    ก่อนจะเดินกลับเข้าไปหยิบผ้านวมผืนสำรองมาโยนคลุมตัวอาทิตย์ไว้แบบลวกๆทั้งอย่างนั้น




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   เสียงข่าวยามเช้าที่ดังมาจากทีวีเดินทางลอดเข้าหูเขาชนิดที่เรียกว่าชัดเจนเหมือนใส่หูฟัง

   อาทิตย์เปิดเปลือกตาขึ้นอย่างง่วงงุ่นพร้อมอาการปวดหัวน้อยๆ   กลิ่นเหล้าที่กรุ่นอยู่ทุกลมหายใจเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนตนไปดื่มมา

   


   ชายหนุ่มค่อยๆยันตัวขึ้นกับโซฟาช้าๆก่อนใช้มือทุบหัวตัวเองเบาๆ



   ...อืม...เป็นเช้าอีกวันที่เขาตื่นมาในที่ๆไม่คุ้นเคย...



   ...ก็ยังดีที่ไม่ใช่โรงพักเหมือนบางครั้ง...



   ...โซฟาหรู  ทีวีจอใหญ่...หรือเมื่อคืนเขาตามสาวไฮโซลอดช่องที่ไหนขึ้นห้องหรือเปล่า?...ดุเดือดกันถึงขั้นมาหมดแรงที่โซฟาเลยเหรอเนี่ย... "ฝีมือไม่เบาแฮะเรา" ชายหนุ่มกล่าวเบาๆพร้อมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มให้กับตัวเอง



   หากแต่เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังก็เรียกให้เขาต้องหันไปมอง



   “ตื่นแล้วเหรอคุณอาทิตย์" เจ้าของใบหน้าที่เพิ่งจะเจอกันอยู่เมื่อวานนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะทานข้าวซึ่งเยื้องกับบริเวณโซฟาออกไปเล็กน้อย   สายตาอ่านยากคู่นั้นจ้องไปที่หน้าจอทีวีที่เปิดข่าวยามเช้าอยู่อย่างตั้งใจแม้ปากจะพูดกับเขาก็ตาม "กินอะไรไหม   ผมซื้อแซนด์วิชจากมินิมาร์ทข้างล่างมาฝาก"

   เมื่อเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้ต่างจากที่ตนเดาไว้เมื่อครู่   กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มรูปงามก็ต้องขมวดคิ้วลงเพื่อเค้นสมองคิดกับตัวเองอย่างสงสัย   แต่เมื่อพบว่าคิดไปก็มีแต่จะปวดหัวเปล่าๆเนื่องจากไม่มีเศษเสี้ยวของความจำแม้แต่นิดเดียวที่แวบขึ้นมาเขาก็ได้แต่ยักไหล่เบาๆอย่างไม่สนใจเท่าไหร่   ปกติเวลาเมา...ตื่นขึ้นมาในที่แปลกกว่านี้ก็ยังเคย   ถือเป็นเรื่องธรรมดาของเขา...




   ...ก็เป็นผู้ชาย...ไม่มีอะไรให้เสียหายอยู่แล้ว...




   “ไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?" เมษาเบนสายตาจากข่าวมามองอีกชีวิตในห้องแวบหนึ่งด้วยความสงสัย

   หากแต่อาทิตย์กลับจ้องอีกฝ่ายกลับแบบเนือยๆ "อือ...ก็อยากรู้เหมือนกัน   ทำไมล่ะครับ?”

   “เมื่อคืนผมบังเอิญไปเจอคุณเกือบจะถูกตำรวจสิงคโปร์พาไปนอนที่โรงพัก   ผมก็เลยไปช่วยคุณไว้แล้วพาตัวมาที่ห้องผมแทน"

   “อ๋อ...” คนฟังพยักหน้าเบาๆ "...ขอบคุณมากๆ   ผมเกลียดการนอนในโรงพักที่สุดเลย   พื้นแข็งอย่างกับหิน   เวลาเช้าๆจะปลุกทีแม่งชอบใช้เท้าเขี่ย"

   คำพูดที่ได้ฟังจากผู้อาศัยทำเอาเมษาต้องหันมามองเต็มๆตาด้วยความไม่เข้าใจ   หัวคิ้วขมวดมุ่นลง "...พูดอย่างนี้...คุณเคยไปนอนในโรงพักมาแล้วเหรอ?"

   อาทิตย์พยักหน้าลงแบบไม่ยี่หระ "อือ   ก็สองสามครั้งล่ะนะ   ครั้งนึงไปนอนไกลถึงโรงพักไต้หวันนู่น"

   เมษาชะงักมือที่ถือแก้วกาแฟค้างอย่างลืมตัวกับคำตอบที่ได้รับ




   คนอะไร...



   
   ทำไมถึงได้กล้าชีวิตโง่ๆแบบนี้


   และขณะที่ทายาทแบงค์หนุ่มกำลังนึกต่อว่าอีกฝ่ายอยู่ในใจ   ร่างที่เหลือเพียงบ็อกเซอร์และเสื้อกล้ามนั้นก็ผุดลุกขึ้นหน้าตาตื่นแบบกระทันหัน   

   “เหี้ยแล้ว   กี่โมงแล้วคุณ   นาฬิกาอยู่ตรงไหนวะ" อาทิตย์หันมองซ้ายมองขวาหานาฬิกาติดผนังเหมือนคนบ้า

   “ผมเพิ่งย้ายเข้ามา  ยังไม่ได้ซื้อนาฬิกาหรอก" เมษาตอบออกไปพลางคว้ามือถือข้างตัวมาดูเวลาให้แทน "แปดโมงครึ่ง...”

   “ชิบหาย!  นัดไอ้ลีไว้เก้าโมง   จะไปทันไหมวะเนี่ย   คุณ!  เสื้อผ้าผมอยู่ไหนครับ" กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มกล่าวอย่างร้อนรน

   “นี่มันวันเสาร์ไม่ใช่เหรอครับ?  ทำไมทำงาน"

   “วันเสาร์ก็ทำ!  คุณ! ชุดผมอยู่ไหน  ต้องรีบไปแล้ว"

   “ชุดคุณมันเหม็นเหล้ามากเลยนะ   จะใส่เหรอ...แล้วตัวคุณก็มีกลิ่นติดด้วยนะผมจะบอกให้" เมษากล่าวขึ้นมาตามที่ใจนึก   ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตนแล้ววางถ้วยกาแฟลงกับโต๊ะ "เอาอย่างนี้แล้วกัน   คุณไปอาบน้ำเถอะ   แล้วเดี๋ยวเอาชุดผมไปใส่ก่อน   จะไปที่บริษัทนั้นใช่ไหม?...ที่นั่นอยู่ห่างจากคอนโดนี่ไม่ถึงสิบนาที   เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง   คุณรีบไปอาบน้ำตอนนี้เลย   มีเวลายี่สิบนาที...พอถมถืดไปครับ   เดี๋ยวผมเตรียมชุดไว้ให้" เมษาวางแผนชีวิตระยะสั้นให้คนที่ดูเหมือนจะไม่มีสติอยู่ในตอนนี้อย่างคล่องแคล่ว   

   ส่วนอาทิตย์   เพราะลนลานจนไม่มีเวลาจะไปคิดอะไรอีกแล้วก็ได้แต่ต้องรีบทำตามที่อีกฝ่ายบอกทันที   ชายหนุ่มวิ่งไปตามทางที่เมษานำก่อนจะรีบคว้าผ้าขนหนูจากมือของอีกฝ่ายแล้วหายตัวเข้าห้องน้ำไปเลย

   เมษาส่ายหน้าเบาๆกับความไม่เป็นระบบของคุณกราฟฟิคดีไซเนอร์   นี่ถ้าเป็นลูกน้องเขาคงอยู่ลำบากแย่...

   ชายหนุ่มเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะเลือกเสื้อเชิ๊ตและกางเกงตัวที่น่าจะพอดีตัวอีกฝ่ายมากที่สุดเท่าที่เขามีมาวางเตรียมไว้ให้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย   ก่อนจะเดินกลับไปนั่งจิบกาแฟที่โต๊ะต่อเงียบๆ

   หากแต่สมาธิที่เคยจดจ่ออยู่ที่ข่าวก่อนหน้าที่อาทิตย์จะตื่น   ตอนนี้มันกลับนึกไปถึงเรื่องอื่น

   เมื่อครู่ถ้าฟังไม่ผิดเขาได้ยินว่าอีกฝ่ายจะไปพบมิสเตอร์ลี...



   คิดได้ถึงตรงนี้   คำบอกเล่าที่ได้ยินมาจากลูกน้องที่สิงคโปร์นี่ก็แวบกลับเข้าสมองมาอีกครั้ง...



   'มิสเตอร์ลีแกชอบผู้ชายหนุ่มๆหล่อๆครับ   แกชอบแอบลวนลาม...เอ่อ...ถึงเนื้อถึงตัวกับคนที่ถูกใจ'



   
   แล้วก็ที่อาทิตย์พูดเมื่อวาน...




   'โหย...ไอ้แก่นั่นน่ะ  คุณต้องระวังไว้นะ   แม่งน่ากลัวมากผมขอบอก   ผมโดนมันจับนู่นจับนี่หลายครั้งแล้ว   ขยะแขยงชิบหายเลย'




   ...แล้วสุดท้าย...ภาพที่กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อวานก็ผุดขึ้นมาให้เขาเห็นอีกครั้ง...

.
.

.


.

   อาทิตย์พุ่งออกมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันเอว   น้ำจากเนื้อตัวยังคงหยดติ๋งๆอยู่เลย   นี่ก็คงรีบเสียจนไม่ยอมเช็ดตัวให้แห้งสนิทเสียก่อน 

   “ชุดที่จะให้คุณใส่  ผมวางไว้ให้ตรงนั้นแล้ว   เอาไปเปลี่ยนได้เลยครับ" เมษากล่าวเสียงเรียบขณะขยับเนคไทด์อยู่หน้ากระจก

   อาทิตย์ชะงักไปเล็กน้อยกับสภาพของคนเป็นเจ้าของห้อง "อ้าว...ไหนว่าวันเสาร์ไม่ทำงานไง   แล้วคุณแต่งตัวจะไปไหนอ่ะ?” พูดจบชายหนุ่มก็คว้าเสื้อที่ถูกเตรียมไว้ขึ้นมาสวมมันตรงนั้นโดยไม่ได้มีท่าทีเกรงใจสายตาเมษาเลย

   “ไปใส่ในห้องไม่ดีเหรอครับ" เมษากล่าวขึ้นด้วยความตกใจเล็กน้อยที่บังเอิญหันไปเห็นท่าล้วงควักอวัยวะของอีกฝ่ายพอดิบพอดี   ก่อนจะกล่าวตอบคำถามที่ได้รับมาเมื่อครู่ "ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องอยากเจอมิสเตอร์ลีเหมือนกัน   ก็เลยว่าจะขับรถไปกับคุณด้วยเลย"

   “เยี่ยม!  มีรถด้วย!” อาทิตย์ตะโกนออกมาอย่างดีใจ   นั่งรถเก๋งไปสะดวกและเร็วกว่าเป็นไหนๆ

   

   และเพียงไม่กี่นาทีถัดมาคนทั้งคู่ออกจากห้องพักไป...



   เมษาก้มลงมองคนข้างกายขณะอยู่ในลิฟท์   ชุดของเขาดูหลวมไปนิดเมื่ออยู่บนตัวอีกฝ่าย   แต่ก็ไม่ใหญ่เกินไปจนน่าเกลียด

   “วันนี้ผมดูเรียบร้อยเป็นบ้าเลยว่ะ   ตั้งแต่เรียนจบมาได้แต่งตัวโก้ๆแบบนี้แค่ครั้งเดียวคือตอนไปสมัครงานนะรู้หรือเปล่า   ปกติไปทำงานที่บริษัทผมใส่แต่ยีนส์กับเสื้อยืด" อาทิตย์เอ่ยขึ้นมาพลางก้มลงมองเสื้อผ้าของเมษาที่บนตัวเขา

   ได้ฟังแบบนั้นทายาทนายแบงค์ก็ไม่ค่อยประหลาดใจเท่าไหร่หรอก   ก็ดูเจ้าของบริษัทซะก่อน...ลูกน้องจะแต่งตัวกันอย่างนี้ก็ไม่แปลก   

   


   แต่ก็อย่างว่า...ทำงานสายนี้จะใส่อะไรก็ได้ตามใจชอบ   ไม่เหมือนเขาที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของธนาคารไว้ตลอดเวลา

.
.

.


.

   ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีสองคนที่เดินเข้าประตูบริษัทมาพร้อมกันต่างก็เรียกสายตาสาวๆออฟฟิศสิงคโปร์ให้เหลียวมองกันยกใหญ่   แน่นอนว่าคนหนึ่งเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี 

   “คุณอาทิตย์  สวัสดีตอนเช้าค่ะ" เสียงร้องเรียกทักทายถูกส่งมาให้กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มชาวไทยอย่างไม่ขาดสายมาตลอดทาง   ซึ่งเจ้าตัวก็ยิ้มรับมันเป็นอย่างดีไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คนเดียว

   เมษาเหลือบตามองคนข้างกาย

   ดูแล้วก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าทำไมถึงได้เนื้อหอมนัก   หน้าตาแบบนั้นคงดึงดูดคนได้ไม่ยาก...แถมยังมีรอยยิ้มเป็นอาวุธเสริมอีก

   “คนบริษัทนี้แม่งขยันเนอะคุณ   วันเสาร์ยังมาทำงานกันเต็มออฟฟิศ   เห็นแล้วกลัวเลย" อาทิตย์เอียงหน้าเข้ามากระซิบกับเมษาเบาๆ   แม้จะรู้ว่าพูดไปยังไงนอกจากพวกเขาสองคนก็คงไม่มีใครฟังออก "ว่าแต่...สาวๆเขามองคุณใหญ่เลย   ดูสิ"

   “หึ...มองคุณมากกว่ามั้งครับ" ทายาทแบงค์หนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะ

   ได้ยินอย่างนั้นอาทิตย์ก็ยิ้มออกมาอย่างไม่นึกถ่อมตัว "...ข้อนั้นมันแน่นอน  ไม่ต้องให้ใครมาบอกหรอก..."

   

   เพียงไม่นานคนทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานของผู้เป็นประธานบริษัท



   อยู่ดีๆอาทิตย์ก็เอามือลูบแขนลูบขาทำท่าขนลุกไปมา "แม่งเอ๊ย  ไม่อยากเข้าไปเลยให้ตายสิ" พึมพำกับตัวเองจบชายหนุ่มก็หันมาหาคนข้างกาย "คุณจะเข้าไปคุยธุระของคุณให้เสร็จก่อนไหม  ผมคุยนานนะ...อีกอยากผมจะได้มีเวลาทำใจอีกนิดด้วย"

   เมษาสั่นศีรษะให้กับข้อเสนอนั้น "เราเข้าไปพร้อมกันเลยสิ"

   “คุณจะเข้าไปในฐานะอะไร   คุยเรื่องงานศิลป์นะครับ  ไม่ใช่การเงิน" กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มผงกหัวขึ้นลงถามอีกฝ่าย

   “ก็บอกไปสิว่าผมเป็นเพื่อนคุณกวิน   อีกอย่างมิสเตอร์ลีก็รู้จักผมอยู่แล้ว   ไม่มีปัญหาหรอก"

   “โห  เพื่อนพี่วินเลยเหรอ   แน่ใจว่าเป็นเพื่อน?  ไม่ใช่คู่แข่ง?” อีกครั้งที่อาทิตย์พลั้งปากพูดจาหมาไม่รับประทานออกไป   กว่าจะรู้สึกตัวก็ตอนที่เห็นสายตาที่เบือนหนีไปอย่างไม่พอใจของเมษา "เห้ย...ขอโทษๆ   ผมแม่งปากไม่ดีเลยว่ะ..."

   เมษาตีหน้านิ่ง   ข่มอารมณ์ขุ่นมัวไว้ในใจ

   “งั้นเราเข้าไปพร้อมกันก็ได้คุณ   ไปๆ เข้าไปกัน  เดี๋ยวบอกไอ้แก่ลีแบบที่คุณว่านั่นแหละ" อาทิตย์ยกมือขึ้นตบบ่าเมษาสองสามทีก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าห้องไปแบบไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พูดอะไรถึงความปากเสียของตนเอง

   ลูกชายนายแบงค์เหลือบตามองร่างที่เดินนำเขาเข้าไปก่อนจะลอบถอนให้ใจออกมา




   ...เหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้เขาตัดสินใจตามมาที่นี่ด้วยคือความคิดที่ว่า...หากปอมโดนใครมาฉวยโอกาสอย่างนี้...เขาคงยอมไม่ได้   แม้เด็กหนุ่มจะเป็นผู้ชายก็ตาม

   ...เช่นเดียวกัน   อาจจะมีใครสักคนที่คิดเป็นห่วงนายอาทิตย์แบบนี้อยู่...อาจเป็นพ่อเป็นแม่  ญาติพี่น้อง  หรือคนรัก..

   


   และถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น...เมษาสาบานได้ว่าเขาไม่มีทางยอมเสียเวลามาเป็นไม้กันหมาให้กับคนปากพล่อยแบบนี้แน่ๆ

.
.

.


.

   เป็นอย่างที่เจ้าตัวว่าจริงๆ

   มิสเตอร์ลีสัมผัสตัวอาทิตย์แทบทุกครั้งที่มีโอกาส   นี่ขนาดมีเขาอยู่ในห้องด้วยอีกคนผู้ชายคนนั้นยังทำเสียขนาดนี้   เชื่อได้ว่าหากได้อยู่กับคุณกราฟฟิคดีไซเนอร์รูปหล่อนี่สองต่อสองล่ะก็   คงต้องแสดงอาการทุเรศทุรังกว่านี้อีกเป็นแน่

   ความจริงแล้วก็ถือว่าอาทิตย์รักษาตัวเองได้ดีทีเดียว   หลบเลี่ยงมือปลาหมึกได้แบบเนียนๆไปหลายต่อหลายรอบ   แต่อย่างไรก็ตาม...



   “ผมขอดูด้วยคนได้ครับมิสเตอร์ลี   น่าสนใจมากจริงๆครับ" เมษาแทรกร่างของตัวเองเข้าไปที่ตรงกลางระหว่างอาทิตย์และคุณลี "จริงอย่างที่คุณอาทิตย์ว่า   ถ้าเป็นแบบนี้คุณกวินต้องชอบแน่ๆ" ใบหน้าหล่อเหลาหันกลับไปแจกยิ้มเป็นมิตรให้กับประธานบริษัทชาวสิงคโปร์ตามแบบที่ตนถนัด

   ชายวัยกลางคนจอมซกมกยิ้มแห้งๆส่งกลับมาให้   ก่อนจะค่อยๆขยับตัวออกห่างร่างสูงๆของทายาทนายแบงค์คนนี้ไปทีละนิด   

   
   ...ไม่อยากจะไปยืนเทียบความสูงมาก...เดี๋ยวจะกลายเป็นตอม่อกับเสาไฟฟ้าไปเสียเปล่าๆ...



   อาทิตย์เหลือบตามองชายหนุ่มข้างกายเพียงแวบสั้นๆแล้วหันกลับมาจดจ่อสมาธิกับเนื้อหางานตรงหนาต่อ




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “สรุปนี่มาเป็นกันชนให้ผมนี่หว่า  ไม่เห็นคุณจะคุยเรื่องธุระของตัวเองเลย" กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มพูดขึ้นทันทีที่ขึ้นมาบนรถยนต์คันหรูของคู่สนทนาอีกครั้ง

   เมษาออกรถไปโดยไม่ได้เอ่ยตอบอะไร...

   “คุณแม่งเป็นคนดีกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย   ตอนแรกเห็นไอ้เต้มันไม่ค่อยชอบคุณ  ผมก็เลยนึกว่าคุณนิสัยไม่ดี"

   คนฟัง...เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกตึงๆขึ้นมาอีกครั้ง   และครั้งนี้เขาไม่ได้นิ่งเงียบเหมือนสองครั้งก่อนหน้านี้อีกแล้ว



   “ก็เป็นความจริงที่ว่าผมนิสัยไม่ดีเท่าไหร่" เมษาเกริ่นขึ้นมาน้ำเสียงเรียบ "แต่คุณเอง   บางทีก็ควรจะเรียนรู้ว่าเรื่องอะไรควรพูด   เรื่องอะไรไม่ควรพูด   ในสังคมเรามีสิ่งที่เรียกว่ากาลเทศะคอยค้ำอยู่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้าง..."



   คำพูดเชิงต่อว่าที่ถึงแม้จะฟังดูสุภาพ   แต่ก็บาดหูคนฟังอยู่ไม่น้อยทำเอาอาทิตย์ต้องยิ้มเจื่อนๆออกมา "โธ่คุณ...ทำจริงจังไปได้   ผมขอโทษๆ...ก็บอกแล้วว่าเป็นคนปากเสียอย่างนี้แหละ   ได้โปรดอย่าถือสา"

   “หึ...” ทายาทนายแบงค์หนุ่มหัวเราะขึ้นจมูกเบาๆ "ผมว่าแทนที่จะเที่ยวบอกคนอื่นว่าคุณไม่ดีตรงไหน   สู้แก้ไขที่ตัวเองไม่ดีเหรอครับ"

   อาทิตย์เดาะลิ้นเบาๆกับคำเสียดสีที่ได้รับ   ก่อนจะตอบออกไปอย่างเสียไม่ได้ “โอเคๆ   คราวหน้าจะพยายามตะครุบปากไว้ให้ทัน...แต่คุณเองก็ใช้ชีวิตซีเรียสไปหรือเปล่าผมว่า"

   สารถีหนุ่มละสายตาจากถนนมามองหน้าคนข้างกายครู่สั้นๆ   เมื่อเห็นว่าแววตาของอีกฝ่ายไม่ได้มีประกายของความจริงจังอยู่เลยแม้แต่น้อยจึงอดไม่ได้ที่จะตอกไปอีกดอกเล็กๆ...



   
    “แต่จะให้เห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล่นๆไปซะหมดอย่างคุณก็คงไม่ไหว"




   “อื้อหือ...เจ็บแฮะ" โดนว่าไปแบบนั้นก็คงแปลกที่ไม่รู้สึกอะไรเลย "ผมขอโทษอีกทีแล้วกันที่พูดให้คุณไม่พอใจ"
   
   เมษาพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้   ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน "แล้วนี่คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหน?  สถานีรถใต้ดินได้ไหม?"

   “เดี๋ยวสิ...ผมยังไม่ได้เอาชุดมาจากบ้านคุณเลย   ขอกลับไปเอาก่อนไม่ได้เหรอ" เมื่อเช้าก่อนออกจากคอนโดหรูนั่นมา   อาทิตย์ลืมหยิบเสื้อเหม็นเหล้าของตนออกมาด้วย

   เมษาลอบถอนหายใจเบาๆอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าออกไปอย่างเสียไม่ได้   แล้วก็ได้แต่หวังว่าพอกลับไปเอาชุดนั่นมาแล้วก็คงจะได้ลากันจริงๆเสียที...



   อยู่กับคนอย่างนี้แล้วเหนื่อย...



   “เออนี่คุณ...คืนนี้ไปเที่ยวกับผมป่ะ?   รอบนี้ผมเลี้ยงเอง...บาร์เมื่อคืนที่คุณแนะนำมาแม่งสาวแจ่มๆทั้งนั้นเลย   เด็ดโคตร..." คำถามที่ถูกส่งออกมาฟังดูเริงร่ามากกว่าที่ควรจะเป็น "ไปเหอะนะ   ถือว่าเป็นการขอโทษจากผมที่พูดจาซี้ซั้วใส่คุณไป"

   “ผมไม่สะดวกจริงๆครับ   ขอโทษด้วย"

   “โธ่...ไม่เห็นต้องทำตัวเย็นชาขนาดนั้นเลยนี่นา...อ๊ะ...ลืมตัวอีกแล้วกู...เอาใหม่ๆ   ผมว่าคุณน่าจะลองไปสักครั้งจริงๆนะ      สนุกแบบลืมไม่ลงอ่ะ   เชื่อผม"

   และเมื่อเห็นว่าสุดท้ายแล้วเมษาก็ยังคงนั่งเก็กขรึมเป็นรูปปั้นเซรามิกอยู่อย่างนั้นอาทิตย์จึงจำต้องถอดใจไปอย่างน่าเสียดาย

   “ไม่ไปก็ไม่่ไป...ผมไปคนเดียวอีกคืนก็ได้วะ" อาทิตย์ทิ้งตัวพิงลงกับเบาะด้านหลังด้วยความเซ็งแล้วก็ไม่วายบ่นพึมพำออกมาอีกระลอก "เที่ยวสองคนสนุกกว่าคนเดียวเป็นไหนๆเลยความจริง"

   “ยังจะไปอีกเหรอครับ   เดี๋ยวก็เป็นแบบเมื่อคืนอีกหรอก" เมษาท้วงเตือนคนที่ไม่ได้มีท่าทีสำนึกว่าตนเกือบจะโดนหิ้วเข้าโรงพักสิงคโปร์อยู่แล้ว   ทั้งที่เรื่องนี้หากเกิดขึ้นกับตัวเขา  คงได้เป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ

   “ไม่หรอกน่า  คืนนี้ผมไม่เมาแล้ว" อาทิตย์เอ่ยแบบขอไปที

   เห็นอย่างนั้นเมษาก็ได้แต่ขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้าเบาๆ   



   ...ช่างเถอะ   ถือว่าเตือนแล้ว...


   ...จะโดนจับไปนอนโรงพักหรือโดนนักเลงลากไปยำบาทาที่ไหนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาสักหน่อย...




   ...อยู่ในยุคนี้มันก็ต้องตัวใครตัวมัน...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2012 16:49:48 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
นักธุรกิจหนุ่มนิ่วหน้าไปกับเสียงดนตรีดังทะลวงแก้วหู   สองคิ้วได้รูปแทบจะขยับเข้ามารวมเป็นเส้นเดียวกัน 

   

   “น้องหมวยคนนั้นแจ่มเหี้ยๆเลยคุณ!   คัพอะไรวะนั่น" คนที่พาดมืออยู่กับไหล่เขาหันมาตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ข้างหู   มืออีกข้างที่ว่างก็ชี้ชวนให้ดูสาวนักเต้นนางหนึ่งที่ขยับตัวเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่บนแท่นโชว์อย่างเซ็กซี่ยั่วยวนก่อนจะลดเสียงลงกล่าวพึมพำกับตัวเอง "...ซี๊ดเลยกู"

   เมษายกมือของอีกฝ่ายลงจากไหล่ของตนพลางยื่นหน้าเขาไปตะโกนใส่หูบ้าง "กลับกันเถอะคุณ!”

   “จะบ้าเหรอ! เพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงสิบนาทีเลย   เอานี่ไปดื่มไป...” อาทิตย์ตอบกลับมาก่อนจะยัดขวดเบียร์ยี่ห้อดังของสิงคโปร์ลงในมือพ่อคนหน้าบาง "...เดี๋ยวกึ่มๆเมื่อไหร่ก็รู้สึกสนุกเองแหละ"

   เมษาก้มลงมองขวดแอลกอฮอล์ในมือก่อนจะส่ายหน้าระอา...




   ...ไม่น่าเลย...




   ...ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้   เมื่อวานเขาก็ไม่น่าเข้าไปทักผู้ชายคนนี้ก่อนเลยจริงๆ...




   สุดท้ายแล้ว   ชายหนุ่มก็ยอมหลวมตัวมาด้วยจนได้   

   ก็ไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจเหมือนกัน...แต่ตอนที่อาทิตย์กำลังจะออกจากห้องพักเขาไป   อยู่ๆเขาก็เผลอพลั้งปากเอ่ยถามชื่อร้านที่อีกฝ่ายตั้งใจจะไปออกมา   แล้วก็ดันเป็นคนออกปากนัดเองเสียดิบดีว่าให้เจอกันหน้าร้านตอนกี่โมงๆ...

   จำได้แม่นว่าคุณกราฟฟิคดีไซเนอร์คนนี้ทำหน้าอย่างไรตอนได้ยินเขาพูดไปแบบนั้น...



   'ฮั่นแน่...จริงๆก็อยากลองใช่ไหมล่ะคุณ!'




   ใช่เสียที่ไหน...

   เพราะถ้าจะให้อธิบายกันจริงๆ   เขาก็คิดว่าคงเป็นเหตุผลเดียวกับเมื่อเช้าที่ทำให้เขาไปหามิสเตอร์ลีด้วยนั่นแหละ...




   เอาเถอะ...ถือว่าเป็นการไถ่บาปที่เคยทำไว้กับกวินแล้วกัน...แม้น้ำหนักจะไม่สมน้ำสมเนื้อกันก็ตาม




   ...แต่จะช่วยดูแลลูกน้องให้ก็ได้...




   “เห้ยๆ  แม่งมาทางนี้แล้วเว้ย  เย็-เป็ดๆๆๆๆๆๆ" เสียงตะโกนอย่างตื่นเต้นที่ดังมาจากเพื่อนเที่ยวข้างกายเรียกให้ชายหนุ่มหลุดกลับมาสู่โลกตรงหน้า   เมษามองตามสายตาเป็นประกายระยับคู่นั้นไป   ก่อนจะพบว่าสาวนักเต้นคนสวยที่อีกฝ่ายเพิ่งชี้ชวนให้เขาดูเมื่อครู่เดินลงจากสเตจตรงมาทางโต๊ะที่พวกเขานั่งเสียแล้ว

   หญิงสาวในชุดวาบหวิวค่อยๆเยื้องกรายเข้ามาหาพวกเขาสองคนด้วยสายตาเย้ายวน   เมื่อมองไปรอบๆร้านก็พบว่านักเต้นคนอื่นๆเองก็เดินหาชายผู้โชคดีในแต่ละมุมของร้านเช่นกัน

   เมษาเหลือบตามองอาทิตย์ที่กำลังยกมือขึ้นถูกันไปมาพร้อมทำสีหน้ากรุ้มกริ่ม   ในขณะที่เขาได้แต่ตีหน้าขรึมทำอะไรไม่ถูก

   เพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง   ร่างที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งสวยงามนั่นก็มาเดินวนรอบโต๊ะของพวกเขาเสียแล้ว




   ให้ตายสิ...ตกเป็นเป้าสายตาในที่แบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ...




   และแล้ว...สิ่งที่เมษาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น 



   หญิงสาวมาหยุดเดินอยู่ตรงหน้าเขาในระยะประชิด   เจ้าหล่อนกัดปากยั่วยวนก่อนจะค่อยๆขยับตัวใกล้ขึ้นมายิ่งว่าเก่า...



   ...แล้วนั่งคร่อมลงไปบนตักของชายหนุ่ม...



   “เห้ย!” เมษาร้องเบาๆกับตัวเองด้วยความตกใจ   แว่วเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากคนที่มาด้วยกัน...

   ใบหน้าที่แทบจะชนกันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกใจเต้นมากเท่าหน้าอกหน้าใจไซส์เบ้อเริ่มเทิ่มที่ขยับเขามาเสียชิดกับแผ่นอกของเขา   

   หญิงสาวเต้นยั่วยวนอยู่แบบนั้นนานเกือบนาที   เดี๋ยวก็ชะโงกหน้ามาเป่าหูบ้างล่ะ   ประทับจูบลงไปที่แก้มบ้างล่ะ   ทำเอาชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายลงคอไปเสียหลายอึก   กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายเกร็งแข็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   ฝ่ามือเรียวสวยแบออกตรงหน้าเขาเป็นสัญญาณว่าขอเศษเงินเล็กๆน้อยๆ

   ชายหนุ่มลนลานรีบควักธนบัตรใบละกี่ดอลล่าร์ก็ไม่รู้ขึ้นมาจากกระเป๋าสตางค์แล้วยื่นออกไป   พยายามข่มสายตาไม่ให้ก้มลงมองดอกบัวคู่โตนั่นอีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็นับไม่ถูก

   หากแต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าปฏิเสธ   นิ้วเรียวงามของเธอชี้ไปที่บราสุดสยิวที่อยู่บนตัว

   เมษาเข้าใจความหมายได้ในทันทีว่าเจ้าหล่อนต้องการจะบอกอะไร

   ฝ่ามือใหญ่ชะงักค้างลังเลอยู่แบบนั้น

   “เอาเลยสิคุณ!   อย่าชักช้าน่า!” เสียงตะโกนเชียร์ดังมาจากคนข้าง   เมษายกมือขึ้นปาดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่เต็มไรหน้าผากของตัวเองออก   ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆเสียบแบงค์ในมือตนลงไปกับบราตัวนั้นด้วยมือสั่นเทา

   และเมื่อรับเงินไปแล้ว   หญิงสาวก็ขยับหน้าเข้ามาจูบแก้มชายหนุ่มอีกทีเป็นการขอบคุณก่อนจะลุกออกไปปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระ...



   เมษากระแอมไอออกมาเบาๆแล้วเหลือบมองหน้าคนข้างกาย...


   
   อาทิตย์ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้พลางเอ่ยปากแซว "หน้าแดงใหญ่เลยนะคุณ" พูดจบกราฟฟิคดีไซเนอร์รูปงามก็ขำออกมาเสียงดัง

   ได้ยินอย่างนั้น   เมษาก็พยายามเก็กหน้าขรึมไม่ตอบโต้   หากแต่สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ไม่สามารถกลั้นยิ้มไว้ได้อีกต่อไป...เขาค่อยๆหลุดเสียงหัวเราะออกมาทีละน้อย   




   ...จนกระทั่งในที่สุดกลับเป็นเขาเองที่ขำเสียงดังกว่าอีกฝ่ายเสียอีก...




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “เป็นไงคุณ   เร้าใจดีใช่ไหมล่ะที่แบบนี้น่ะ" อาทิตย์เอ่ยปากถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มขณะที่พวกเขาทั้งคู่เดินออกจากบาร์แห่งนั้นมา "บอกแล้วว่าถ้าได้ลองจะติดใจ"

   เมษาหัวเราะออกมากับคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะปฏิเสธออกมาน้ำเสียงสดชื่นกว่าตอนหัวค่ำเป็นไหนๆ "ใครบอกคุณว่าผมติดใจ...”

   “โอ้โห   หน้าบานแบบนี้จะให้ผมเชื่อดีไหมเนี่ย" อาทิตย์ยกมือขึ้นผลักไหล่คนข้างกายเบาๆเป็นการกระเซ้าเย้าแหย่เล่น "สารภาพมาเถอะว่าชอบ...ผมไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า"

   คนฟังได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ

   แต่ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ....




   ...มันก็ไม่เลวทีเดียว...





   “แล้วคุณกลับโรงแรมยังไงครับ" เมษาเฉไฉตัดบทไปก่อนที่เขาจะโดนอีกฝ่ายจับได้เสียก่อนว่าจริงๆแล้วรู้สึกเอ็นจอยกับค่ำคืนแบบชายโสดนี้ไม่น้อย

   “เดี๋ยวขึ้นแท็กซี่เอา   คุณไม่ต้องห่วง" อาทิตย์กล่าวพลางชี้ไปยังจุดรอแท็กซี่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณนั้น "ขอบคุณคุณมากที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อน"

   “ไม่เป็นไรครับ" เมื่อบทสนทนามาถึงช่วงสุดท้ายเมษาก็ยกมือขึ้นเป็นเชิงร่ำลา "กลับดีๆล่ะ" 

   “เช่นกัน   ตอนเดินกลับอย่าหน้ามืดไปฉุดสาวแถวนี้ขึ้นห้องล่ะคุณ" อาทิตย์ไม่วายเอ่ยปากแซวห่ามๆทิ้งท้ายก่อนจะพยักหน้าให้อีกฝ่ายไปทีแล้วหมุนตัวเดินไปอีกทาง




   หากแต่ยังไม่ทันเดินไปไหนได้ไกลชายหนุ่มก็เพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้   อาทิตย์หันหลังกลับไปเรียกเมษาไว้อีกครั้ง




   “นี่คุณ!"

   “นี่คุณ!"

   


   น่าแปลกว่าในจังหวะเดียวกันนั้นเอง   อีกฝ่ายเองก็ดูเหมือนมีอะไรจะพูดกับเขาเช่นกัน...

   “เอ่อ...คุณพูดก่อนเถอะ" เมษาพยักพเยิดให้คนตรงหน้าเอ่ยธุระของตนขึ้นมาก่อน

   เห็นดังนั้นอาทิตย์จึงทำตามที่เมษาว่า "พรุ่งนี้คุณว่างหรือเปล่า   ผมไม่มีนัดที่ไหน...ไปเที่ยวกันไหม?   ผมหมายถึงสถานที่ท่องเที่ยวนะ   ไม่ใช่บาร์แบบวันนี้”

   ทายาทธนาคารใหญ่โตชะงักไปเล็กน้อย...



   ...เพราะเขาเองเรียกอีกฝ่ายไว้ก็เพื่อต้องการจะพูดเรื่องเดียวกันนี้แหละ...



   “ว่างสิ" ชายหนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้ม "พรุ่งนี้คุณก็แพลนมาแล้วกันว่าอยากไปที่ไหนบ้าง..."

   “เยี่ยมเลย!” อาทิตย์ประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันอย่างดีใจ "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมาหาคุณที่นี่สักสิบโมงเช้าแล้วกันนะ   ไปจริงๆแล้ว   บาย!”

   


   เมษายกมือขึ้นบอกลาเพื่อนใหม่อีกครั้ง   ก่อนจะเดินกลับมาทางเดิมพร้อมรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   
   “โอย  กูจะอ้วก" เสียงโอดครวญดังขึ้นจากอาทิตย์ทันทีที่พวกเขาเดินพ้นเขตรถไฟเหาะน่าหวาดเสียวมา   ทั้งที่เจ้าตัวนั่นแหละที่เป็นคนชวนเขาไปเล่น

   ตัวเลือกสำหรับสถานที่เที่ยวในวันนี้ถูกสรุปลงที่สวนสนุกยูนิเวอร์แซลโดยที่คนเลือกให้เหตุผลว่าสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเคยเที่ยวไปเมื่อครั้งก่อนๆที่มาครบหมดแล้ว   จะเหลือก็แต่ที่นี่ที่ตั้งแต่มันเปิดก็ยังไม่เคยมาเสียที

   

   ความจริงแล้วสวนสนุกไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ชายอายุขนาดพวกเขาเลยแม้แต่น้อย   มีแต่เด็กแล้วก็วัยรุ่นเต็มไปหมด...เห็นแล้วตาลาย



   หากแต่ก็ไม่สามารถขัดอะไรได้เมื่อเขาเป็นคนออกปากเองเมื่อคืนว่าให้อาทิตย์เป็นคนแพลนเองว่าอยากไปไหน...

   “เห้ย!  ผมขอนั่งพักแป็บนึง   ตาแม่งลายไม่ไหวแล้ว" อาทิตย์พูดขึ้นทันทีเมื่อหันไปเจอม้านั่งในที่ร่ม   ก่อนจะรีบตรงเข้าไปทรุดตัวลงจับจองอย่างรวดเร็ว

   เห็นสภาพเปื่อยๆอย่างนั้นแล้วเมษาจึงเดินไปซื้อน้ำที่ซุ้มขายขนมใกล้ๆกลับมาให้...

   เพียงแค่ยื่นแก้วไปตรงหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร  อีกฝ่ายก็คว้าไปดูดรวดเดียวเกลี้ยงแบบไม่ต้องถามให้มากความเลย

   หลังจากเสียงน้ำเกลี้ยงก้นแก้วดังขึ้น   อาทิตย์ก็ละปากออกจากหลอดด้วยสีหน้าดีขึ้นกว่าเก่าก่อนจะบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ "ค่อยยังชั่ว   นึกว่าจะตายซะแล้วกู"

   เมษานึกขำอยู่ในใจกับสภาพของคนข้างๆ   แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา   เพียงแต่เหลือบมองนิ่งๆเท่านั้น

   “แม่ง  ไอ้เด็กพวกนั้นมันนั่งกันไปได้ยังไงตั้งหลายเที่ยววะ" กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มกล่าวขึ้นขณะจ้องมองไปยังกลุ่มเด็กไฮสคูลหนุ่มสาวที่เดินกลับไปต่อคิวเครื่องเล่นตัวเดิมอีกครั้งด้วยสายตาไม่เข้าใจ

   “ก็เขายังเด็กกันอยู่"

   “พวกเราก็ยังไม่แก่สักหน่อย  24 เองนะเว่ยคุณ  เพิ่งเรียนจบไม่นานเอง" อาทิตย์กล่าวแย้งทันที "ว่าแต่คุณเถอะ  ไม่เป็นอะไรเลยเหรอ"

   เมษาส่ายศีรษะเบาๆแทนการเอ่ยตอบ

   “อะไรวะ...ทำไมมีกูเป็นอยู่คนเดียว" ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองอีกรอบเรียกเสียงหัวเราะจากคนข้างกายได้เล็กน้อย

   


   คนทั้งคู่นั่งพักกันอยู่อย่างนั้นต่ออีกพักใหญ่เพื่อรอให้อาทิตย์ได้หายใจคล่องปอดขึ้น




   “ผู้ชายสองคนมาเที่ยวที่แบบนี้แม่งประหลาดๆเหมือนกันเนอะ   คุณว่าไหม?” จู่ๆอาทิตย์ก็พูดขึ้นหลังจากจับสังเกตได้ว่าคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองพวกเขากันบ่อยเหลือเกิน "เขาจะคิดว่าเราเป็นคู่เกย์กันไหมวะ"

   เมษาเงยหน้าขึ้นมองบรรยากาศรอบข้างบ้าง   ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ

   “ชัวร์"

   คำตอบสั้นง่ายได้ใจความจากทายาทธนาคารหนุ่มที่ได้ฟังไปทำเอาคนถามต้องเลิกคิ้วขึ้นเบาๆอย่างแปลกใจ "ทำไมทีอย่างนี้ไม่เห็นเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลยอ่ะ?   หน้าบางๆอย่างคุณผมนึกว่าต้องรีบลุกหนีไปนั่งไกลๆผมซะอีก"

   คนถูกถามไม่ตอบอะไร   เพียงยักไหล่เบาๆ...

   ก็ไม่มีเหตุผล...อีกอย่างเรื่องนี้มันคนละเรื่องกับเข้าบาร์อะโกโก้...

   “อ๋อ" อาทิตย์พยักหน้าขึ้นลงกับตัวเองเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงข้อหนึ่งขึ้นมาได้ "เพราะคุณชอบน้องปอมอยู่นี่เอง...”   



   เมษาหันขวับกลับมามองคนพูดด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป  ดูไม่ออกว่าโกรธหรืออะไร   แต่ที่แน่ๆมันดูไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก..



   อาทิตย์สะดุ้งเฮือก...

   สาบานได้ว่าเขาไม่ได้มีเจตนาพูดถึงเรื่องนี้ในแง่ลบ   เรื่องชายรักชายเขาไม่เคยคิดรังเกียจอะไร   ยิ่งไปกว่านั้น...เวลาเจอเด็กผู้ชายน่ารักๆเขายังรู้สึกชอบ   แถมความสัมพันธ์ของพี่วินกับน้องปอมก็ดูน่ารักดีในสายตาเขาเสียด้วย

   เรียกว่าเข้าใจความรู้สึกดีเลยด้วยซ้ำ...

   แต่ที่พูดขึ้นมาเพราะเห็นมันเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น...ไม่ได้คิดจะเสียดสี...


   “เห้ยๆ  อย่ามองผมอย่างนั้นสิคุณ    ผมไม่ได้มีเจตนาจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีนะ" ชายหนุ่มรีบเอ่ยปากปกป้องตัวเอง "คือผมแค่หมายถึง...”

   

   “ช่างเถอะ" เมษากล่าวแทรกประโยคของอีกฝ่ายนิ่งๆก่อนลุกขึ้นจากม้านั่ง "อยากจะเล่นอะไรต่อล่ะ   นำไปสิ"



   “เดี๋ยวคุณ" อาทิตย์รีบรั้งไว้ "หน้าคุณเครียดแบบนี้ผมจะกล้าไปเล่นต่อได้ยังไงล่ะ   คุยกันให้รู้เรื่องก่อน"

   “ไม่ต้องหรอก  ผมเข้าใจ"

   “เข้าใจแล้วทำไมคิ้วขมวด   ผมไม่ได้หมายความอย่างที่คุณคิดจริงๆนะ" อาทิตย์เดินตามคนที่เดินนำเขาไปหน้านิ่ง "อะไรวะแม่ง...” ชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองขณะพยายามสาวเท้าให้ทันอีกฝ่ายซึ่งจะเดินไปไหนก็ไม่รู้...




   หากแต่อาการท้องไส้ปั่นป่วนซึ่งได้รับมาจากการขึ้นรถไฟเหาะเมื่อครู่ก็ดันทำท่าจะออกฤทธิ์ขึ้นมาอีกรอบเอาดื้อๆ...

.
.

.


.

   เมษาที่สาวเท้าเดินไปพร้อมอารมณ์ขุ่นมัวในใจเริ่มรู้สึกได้ถึงเสียงพูดและเสียงฝีเท้าของอาทิตย์ที่หายไปจึงหันกลับมามอง   ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายกำลังปิดปากวิ่งพล่านทำหน้าดำหน้าแดงอยู่ที่ด้านหลังไกลๆนู่น

   ด้วยความตกใจชายหนุ่มจึงรีบวิ่งกลับไปหา "คุณ! เป็นอะไรน่ะ!”

   อาทิตย์ยังคงกุมปากไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง   ในขณะที่อีกข้างพยายามส่งสัญญาณมืออะไรไม่รู้ออกมาให้เขา 

   เมษาที่ยังคงงงกับท่าทางของอีกฝ่ายก็ได้แต่วิ่งตามอย่างสับสน




   แล้วในที่สุด...อาทิตย์ก็หาเป้าหมายเจอเสียที

   ชายหนุ่มพุ่งตรงไปหาถังขยะที่หลบอยู่หลังต้นไม้ก่อนจะโก่งคอปล่อยของเก่าลงไปเต็มโหลด





   -โอ๊กกกกกกกกกกกกก-





   “เห้ย!” เมษาอุทานด้วยความตกใจ   ทันทีที่มาถึงตัวคนที่เกาะขอบถังขยะอยู่ฝ่ามือหนาก็ยกขึ้นลูบหลังโดยอัตโนมัติ   ทิชชู่ที่ได้มาจากตอนซื้อน้ำเมื่อครู่ถูกหยิบมาส่งให้อีกฝ่าย

   นักธุรกิจหนุ่มเบือนหน้าหนีภาพอาเจียนของอาทิตย์ไปด้วยสีหน้าเหยเกขณะที่มือก็ยังคงลูบขึ้นลูบลงไม่หยุด   เกิดมาเขาไม่เคยต้องมาลูบหลังให้ใครหยุดอ้วกแบบนี้มาก่อน   เห็นแล้วรู้สึกพะอืดพะอมตามไปด้วย...

   

   อาทิตย์หอบแฮกอยู่กับขอบถังขยะหลังจากปล่อยออกมาจนหมดไส้หมดพุงก่อนจะยกทิชชู่ที่เมษายื่นให้เมื่อครู่ขึ้นเช็ดปาก



   “ป...เป็นยังไงบ้าง?  หายหรือยัง" เมษาเอ่ยถามอีกฝ่ายโดยไม่ยอมหันไปมองตรงๆ   กลัวว่าตัวเองจะได้อาเจียนอีกคน

   อาทิตย์พยักหน้าขึ้นลง "อืม...ดีขึ้นแล้ว...ข...ขอนั่งหน่อย"

   เมษาพยุงตัวคนที่มีสภาพอ่อนปวกเปียกไปนั่งพักที่ม้านั่งอีกตัวใกล้ๆ

   ทันทีที่ก้นแตะที่นั่ง   อาทิตย์ก็ปล่อยตัวเองลงนอนเลื้อยอยู่บนนั้นโดยไม่คิดจะแคร์สายตาชาวบ้าน   ชายหนุ่มยังคงหายใจหอบไม่หยุด   และหลังจากที่สายตาเหลือบไปเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย   เขาก็หัวเราะออกมาทั้งที่ยังหอบอยู่อย่างนั้น


   เมษาที่มีสีหน้าเคร่งเครียดผสมปนเปไปกับอาการขยาดน้อยๆค่อยๆคลายหัวคิ้วที่ขมวดอยู่ออกเมื่อสบตาเข้ากับอาทิตย์  ก่อนที่จะค่อยๆหัวเราะตาม

   เหตุการณ์เมื่อครู่จะว่าน่าตกใจก็ใช่...แต่หากคิดดูดีๆแล้ว   ท่าวิ่งหาที่ปล่อยอ้วกของอีกฝ่ายมันก็ตลกอยู่ไม่น้อย

   “หัวเราะอะไร...” อาทิตย์เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนระโหยโรยแรง   รอยยิ้มขำยังระบายอยู่บนใบหน้า

   “คุณนั่นแหละหัวเราะอะไร" เมษาตอบกลับพลางส่ายหน้าน้อยๆ "หายดีหรือยังครับ?  จะอ้วกอีกไหมจะได้พาไปห้องน้ำ"

   “จะบ้าเหรอ...แค่ตะกี้ก็หมดพุงแล้ว  ไม่มีอะไรให้อ้วกแล้ว" อาทิตย์ตอบทั้งที่ยังนอนแผ่บนม้านั่งอยู่อย่างนั้น

   เมษามองสภาพน่าสังเวชของคนตรงหน้าอย่างขำขันก่อนจะพูดขึ้น “คนเขามองกันใหญ่   ไม่อายหรือไงมานอนอย่างนี้"

   “อายก็ดีกว่าตายล่ะวะ"




   “หึ...” เมษาหัวเราะในลำคอเบาๆให้กับคำตอบที่ได้รับ   ก่อนจะนั่งลงที่ปลายม้านั่งตัวเดียวกันนั้นเพื่ออายเป็นเพื่อน...




   ความขุ่นข้องหมองใจเมื่อครู่ปลิววับไปกับสายลม




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-12-2012 22:20:59 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
ภาพวิวทิวทัศน์ของสิงค์โปร์ซิตี้จากมุมสูงแบบนี้ดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับชายหนุ่มทั้งสอง

   กว่าพวกเขาจะอยู่ดูโชว์น้ำพุบนเกาะเซนโตซา  เกาะเดียวกันกับที่ตั้งของสวนสนุกยูนิเวอร์แซลจนจบก็ปาเข้าไปดึกดื่น   แต่โชคยังดีที่กลับมาขึ้นสิงคโปร์ฟลายเออร์   ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่อันเลื่องชื่อในเมืองได้ทันก่อนที่จะหมดเวลาขายตั๋วพอดิบพอดี

   เนื่องจากเป็นรอบท้ายๆของวัน   พวกเขาจึงได้กระเช้าทั้งกระเช้ามาครองเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องแชร์กับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น

   เมษายืนอยู่บริเวณริมกระจก   ดวงตาคู่คมทอดมองลงไปยังเมืองที่ยังคงเต็มไปด้วยแสงไฟเบื้องล่าง



   ได้มาอยู่ในที่แบบนี้แล้ว   ชายหนุ่มห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงใครอีกคนขึ้นมาไม่ได้จริงๆ...



   ...หากปอมอยู่ที่นี่...


   เขาเดาได้เลยว่าเด็กหนุ่มคงจะไล่ส่องกล้องยิงชัตเตอร์ไปทั่วทุกมุมแน่ๆ


   น่าเสียดายที่เขาคงไม่มีโอกาสเป็นคนได้พามา...


   ก็ได้แต่หวังว่าคนที่รับช่วงต่อจากเขาไปนั้นจะพาเด็กหนุ่มมาอยู่ในที่สวยๆแบบนี้บ้างเป็นบางครั้ง...





   เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น...ปอมคงจะมีความสุขน่าดู...





   อาทิตย์ที่นั่งพิงกระจกอยู่กับพื้นเงยหน้ามองเมษาซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกฝั่งของกระเช้าอย่างครุ่นคิด   สีหน้าตอนนี้ของชายคนนั้นดูเศร้าหมองผิดกับเมื่อช่วงกลางวันลิบลับ...

   ความจริงก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเพราะอะไร

   ...เพราะเขาเองพอได้ขึ้นมาอยู่บนนี้ในเวลาแบบนี้...ก็อดคิดถึงใครที่กรุงเทพฯขึ้นมาไม่ได้เช่นเดียวกัน...

   


   “คุณชอบน้องปอมมานานแล้วเหรอ?” อาทิตย์เอ่ยปากถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ




   อาจเป็นเพราะน้ำเสียงที่ถูกใช้ในคราวนี้ฟังดูนิ่งเรียบ   ไม่มีวี่แววของการล้อเล่นเจืออยู่   เมษาจึงหันหลังกลับมามองคนถามก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นในท่าเดียวกันที่ฝั่งของตนเอง   

   นักธุรกิจหนุ่มส่ายหัวเบาๆให้กับอีกฝ่าย   ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาเสียงหม่น "ไม่ใช่แค่ชอบ...แต่รักต่างหากครับ...”

   อาทิตย์มองเมษาเงียบๆ

   “ถ้านับปีนี้ด้วยก็น่าจะเจ็ดปีได้แล้วมั้ง...”

   กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มยกมือขึ้นนับนิ้ว "ก็ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบมัธยมเลยน่ะสิ?”

   เมษาพยักหน้าเบาๆเป็นคำตอบ "ปอมเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียน...เมื่อก่อนเราสนิทกันมาก”

   อาทิตย์เหลือบมองออกไปนอกกระเช้าอีกครั้งหนึ่ง   เจ็ดปีสำหรับเขาถือเป็นเวลาที่นานสุดจะนาน...อย่าว่าแต่เจ็ดปี   คนที่เขาเคยคบด้วยยาวที่สุดในชีวิตก็แค่สามปีเท่านั้น...ซึ่งใครคนนั้นก็เพิ่งจะทิ้งเขาไปหมาดๆนี้เอง...

   


   “...แล้วคุณรู้สึกยังไงตอนรู้ว่าพี่วินกับน้องปอมคบกัน...” ชายหนุ่มไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็น...เพียงแต่อยากรู้เท่านั้นว่าคนอกหักมันจะรู้สึกเหมือนกันหมดหรือเปล่า...จะเหมือนกับเขาหรือเปล่า...




   เกิดเป็นความเงียบขึ้นชั่วขณะระหว่างพวกเขาทั้งสอง   ก่อนที่เมษาจะถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วตอบออกมาตามตรง

    

   

   "เป็นบ้าไปเลย" บ้ามาก...จนทำอะไรโง่ๆลงไป...

   


   
   อาทิตย์ฟังคำตอบด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก  แต่ก็พอจะเข้าใจ

   “ก่อนมานี่สองอาทิตย์ผมแม่งก็เพิ่งโดนผู้หญิงทิ้งมา"

   เมษาเลิกคิ้วขึ้นกับประโยคที่ได้ฟัง   เท่าที่ดูด้วยตาคนๆนี้ก็ไม่เห็นจะเหมือนคนอกหักแม้แต่น้อย... “แล้วทำไมฟื้นตัวเร็ว?”

   “เหอะ" คนถูกถามสั่นหัวปฏิเสธ "ใครบอกฟื้นตัวเร็ว   ยังเฮิร์ทอยู่เลยเนี่ย"

   “คุณดูไม่เห็นจะเป็นอย่างนั้นตรงไหน"

   “ก็วิธีการแสดงออกของผมมันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...จะให้ซึมกระทือไปทั้งวันมันก็ไม่ใช่เรื่อง" อาทิตย์ตอบกลับขณะยังคงมองลงไปที่เมืองเบื้องล่าง "คุณยังดี   อกหักแบบแผลสวยๆ ไม่เหวอะหวะ...อย่างน้อยก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องปอมได้อยู่   แต่ผมสิ...โดนเกลียดไปแล้วมั้ง...วันเลิกกัน   ผมโดนเขาตะโกนใส่หน้าว่าไม่อยากอยู่กับผู้ชายกักขฬะอย่างผม   สารภาพแบบไม่อายเลยนะ...ตอนนั้นแม่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากักขฬะแปลว่าอะไร   ต้องกลับบ้านมาเปิดพจนานุกรมอ่ะถึงจะเก็ท" ไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเล่าเรื่องน่าอายของตัวเองขึ้นมา...อาจจะด้วยบรรยากาศ   และท่าทีตั้งใจฟังของอีกฝ่าย...

   ได้ยินเรื่องเล่าของอาทิตย์เมษาก็ส่ายหน้าเบาๆ

   “ใครว่าแผลผมไม่เหวอะหวะ...” นักธุรกิจหนุ่มเกริ่นขึ้นด้วยน่้ำเสียงกลั้วหัวเราะราวกับจะซ้ำเติมตัวเอง   แล้วก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเขากำลังจะตัดสินใจเล่าเรื่องต่อไปนี้ให้คนที่เพิ่งรู้จักกันเป็นเรื่องเป็นราวได้ไม่กี่วันฟัง "คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมผมถึงย้ายมาทำงานที่นี่?”

   “ไม่อยากทนเห็นภาพบาดตาบาดใจที่เมืองไทยเหรอ?”

   “นั่นก็ส่วนนึง   แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะผมไม่กล้าสู้หน้าปอมกับคุณกวินต่างหาก...ผมหนีมาน่ะ...” น้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เปล่งออกมานั้นเจือแววเจ็บปวด "ก่อนหน้ามาที่นี่   ผมเพิ่งจะทำผิดกับเขาสองคนมา...”

   เรื่องราวทั้งหมดที่เขาทำไปถูกถ่ายทอดให้คนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของกระเช้าได้ฟัง

   ไม่ใช่เพียงแค่โครงสำคัญๆของเรื่อง  หากแต่ลงลึกไปถึงรายละเอียด...

   เขาเคยคิดว่าไม่มีวันที่ใครจะได้รับรู้เรื่องราวอัปยศนี้อีกแล้ว   เพราะเขาจะเก็บมันไว้เป็นความลับที่ลึกที่สุดของชีวิต...แต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆเขาถึงได้รู้สึกขึ้นมาว่าคงไม่เป็นไรหากคนที่ได้ฟังมันเป็นที่อยู่ตรงหน้านี้

   


   เรื่องที่จบลงไปทำให้อาทิตย์อธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร   ทั้งที่การกระทำของเมษาที่ได้ฟังมันไม่ต่างจากตัวร้ายในละครดีๆเลยสักนิด...ซ้ำผู้ถูกกระทำยังเป็นเจ้านายผู้มีพระคุณของเขาเสียด้วย   แต่ชายหนุ่มกลับไม่รู้สึกโกรธเคืองหรือนึกตำหนิอย่างที่ควรจะเป็น



   ...จะว่าเข้าใจก็ไม่เชิง...



   
   ดวงตาสองคู่จ้องสบกันผ่านอากาศในกระเช้าแห่งนี้จากคนละมุม   คนทั้งคู่มองกันอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครคิดจะเอ่ยอะไรต่อ...


   มีเพียงความเงียบและอากาศที่กระจายอยู่รอบๆตัวเท่านั้น...



   จนในที่สุด   กระเช้าตัวที่พวกเขานั่งก็เคลื่อนลงมาถึงด้านล่างเป็นอันว่าครบรอบจนได้

   คนทั้งคู่เดินกลับออกมาสู่โลกภายนอกอีกครั้ง   ก่อนจะเป็นอาทิตย์ที่ยกมือขึ้นค้ำไหล่คนที่สูงกว่าเขาข้างๆแล้วเอ่ยปากขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มน่ามอง...





   "ไปดื่มย้อมใจกันเถอะ!”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   เมษาขยับขาก้าวเดินอย่างทุลักทุเลมาตามฟุตบาทข้างทางที่อยู่ไม่ห่างจากคอนโดเขาเท่าไหร่

   ร่างบนหลังของเขาหลับคอพับคออ่อนไม่รู้เรื่อง   ปวกเปียกเสียยิ่งกว่าคืนแรกที่เจอด้วยซ้ำ

   หลังออกมาจากชิงช้าสวรรค์ชื่อดัง  พวกเขาทั้งคู่ก็ตัดสินใจมาต่อกันที่ร้านในละแวกคอนโดเขาเหมือนเดิม   รอบนี้ไม่ใช่ร้านปลุกใจเสือป่าแบบเมื่อคืน   แต่เป็นร้านเหล้าเงียบๆที่คนไม่พลุกพล่านนัก

   อาทิตย์ดื่มไปเยอะมากชนิดที่ว่ากระดกไม่หยุดจนเขาต้องออกปากห้ามไปหลายต่อหลายที   แต่อีกฝ่ายก็หาได้ฟังไม่...จะมาหยุดได้ในที่สุดก็ตอนที่หลับพับลงไปบนโต๊ะแล้วนั่นแหละ

   


   พนักงานตอนรับที่รีเซ็ปชั่นของคอนโดเอ่ยปากเสนอความช่วยเหลือเมื่อเห็นเขาเดินแบกกราฟฟิคดีไซเนอร์รูปหล่ออยู่บนหลังเข้ามาในล็อบบี้   เมษาเอ่ยปฏิเสธไปเพียงแต่ขอให้ช่วยกดลิฟท์ให้เท่านั้น

   

   เงาจากกระจกในลิฟท์สะท้อนให้เขาเห็นคนบนหลังได้ถนัดตา

   คิ้วเรียวได้รูปที่มักจะยักขึ้นลงอย่างกวนประสาทตลอดสองสามวันตั้งแต่ได้เจอกันบัดนี้กลับขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันเป็นโบว์

   ชายหนุ่มค้อมตัวลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คนบนหลังหล่นลงมา   ก่อนจะละมือข้างหนึ่งออกจากขาของเจ้าตัวเพื่อขยับมาวางไว้ที่หว่างคิ้วที่ขมวดกันเป็นปม

   นิ้วหัวแม่มือของชายหนุ่มค่อยๆลูบเบาๆให้คิ้วทั้งสองข้างของอาทิตย์คลายออกจากกัน

   เมษายืนขยับนิ้วอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งรู้ตัวอีกทีประตูลิฟท์ก็เปิดออกเมื่อถึงชั้นที่ต้องการ


   ในที่สุดคนทั้งคู่ก็มาถึงห้องจนได้   




   เมษาเดินไปยังโซฟากลางห้อง  หมายจะวางตัวคนบนหลังลง   

   หากแต่เอกสารเกี่ยวกับงานของเขาหลายฉบับที่วางระเกะระกะอยู่บนนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มต้องเปลี่ยนใจแล้วเดินเข้าห้องนอนแทน

   ทีแรกตั้งใจเพียงแค่ว่าจะเอาอาทิตย์มานอนพักไว้บนเตียงชั่วคราวและเขาจะออกไปเก็บเอกสารที่ว่าพวกนั้นให้เรียบร้อย  แล้วค่อยกลับมาพาร่างๆนี้ออกไปนอนที่โซฟาอีกที

   

   แต่แล้วความตั้งใจก็ดูเหมือนจะไม่สำฤทธิ์ผล...


   ในขณะที่เมษาพยายามจะวางร่างที่อยู่บนหลังลงไปบนเตียงอย่างทุลักทุเลนั้น    เขาก็ดันพลาดเซล้มลงไปด้วยอีกคน   ตัวของเขาร่วงลงมานอนแผ่อยู่ข้างๆกันกับอีกคนบนเตียง   และไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ยันตัวลุกขึ้น...คนเมาก็ดันดิ้นถูกจังหวะเสียเหลือเกิน   

   ร่างของอาทิตย์กลิ้งมานอนอยู่บนตัวเขา   ศีรษะทุยได้รูปนั้นวางแปะอยู่ที่อกเขาพอดิบพอดี...

   เมษาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง...ถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่า...




   อยู่กับคนๆนี้แล้วเหนื่อยจริงๆ...




   และก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างจะได้ทำการดันตัวคนบนร่างออกไปนั้น   สัมผัสชื้นๆบริเวณอกที่ซึมทะลุผ่านเสื้อก็หยุดเขาให้ไว้เสียก่อน

   ชายหนุ่มชะงักมือไปเพื่อก้มลงมองด้วยท่าทางที่ไม่ถนัดนัก   ทีแรกเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงจะอาเจียนออกมาใส่เขาจนได้   หากแต่เมื่อเพ่งมองผ่านความมืดดูดีๆแล้ว   แสงจันทร์ที่ส่องลอดหน้าต่างมาตกกระทบลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาตระหนักได้ว่า...ความชื้นที่สัมผัสได้นั้นไม่ใช่อื่นใด...หากแต่เป็นหยาดน้ำใสๆจากดวงตาของคนบนตัวเขานี่เอง




   ...อาทิตย์กำลังร้องไห้...




   เมษาทิ้งหัวกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง   ตาเปิดค้างจ้องมองผ่านความมืดขึ้นไปบนเพดานว่างเปล่า...

   สัมผัสชื้นๆเริ่มมากขึ้นจนเรียกได้ว่าอกเขาเปียกไปหมด   กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มบนตัวเขาไม่ได้สะอึกสะอื้น  ไม่มีเสียงละเมอร้องเรียกหาชื่อใครเล็ดลอดมาให้ได้ยิน   



   มีเพียงน้ำตามากมายเท่านั้นที่ไหลออกมาไม่หยุด



   ฝ่ามือหนาของเมษายกขึ้นข้างลำตัวอย่างเก้ๆกังๆในทีแรก   ก่อนจะค่อยๆวางมันลงไปบนแผ่นหลังของอีกฝ่ายแล้วออกแรงลูบแผ่วเบา

   

   เจ็บมากหรือเปล่า...



   “ผมเข้าใจ...” เสียงทุ้มนุ่มของนักธุรกิจหนุ่มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเบาๆ แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายที่หลับใหลไม่ได้สติจะไม่ได้ยินมันก็ตาม   แต่กระนั้นก็ยังอยากจะพูดออกไป "...ผมก็เป็น...”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   เสียงดนตรีปลุกซึ่งถูกตั้งค่าให้ปลุกอัตโนมัติทุกเช้าวันทำงานดังมาจากโทรศัพท์มือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงตัวเดิมของคนเป็นเจ้าของห้อง

   คิ้วเรียวได้รูปขมวดตัวเข้าหากันน้อยๆเมื่อประสาทสัมผัสเริ่มรับรู้ได้ถึงเสียงแปลกปลอมที่ดังกระทบหู...



   อาทิตย์ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก...



   “เมาอีกแล้วเหรอกู...” ชายหนุ่มกล่าวพึมพำตัวเองเบาๆขณะรอให้สติสัมปชัญญะกลับเข้าตัวครบถ้วน   พื้นผิวที่รองรับตัวเขาอยู่ ณ ตอนนี้ช่างดูประหลาด...

   แรงขยับน้อยๆจากใต้ร่างยิ่งทำให้งุนงงเข้าไปใหญ่...



   อะไรวะ?...



   “ห...เห้ย!” ชายหนุ่มร้องอุทานขึ้นเสียงดังลั่นทันทีเมื่อตัดสินใจผงกหัวขึ้นมาดูเพื่อหาคำตอบ   

   เช่นเดียวกันกับใครอีกคนที่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจเช่นกัน...




   ท...ทำไม...?



   
   ถึงแม้คนขี้เมาอย่างอาทิตย์จะผ่านประสบการณ์ตื่นขึ้นมาในที่แปลกๆหลายต่อหลายครั้ง   หากแต่ไม่มีครั้งไหนที่จะมันแปลกเท่าเช้าวันนี้เลย...




   ...สิ่งที่รองรับตัวเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่พื้นแข็งๆในโรงพัก  ไม่ใช่เก้าอี้รอรถเมล์  แล้วก็ไม่ใช่เบาะนุ่มๆที่มีสาวสวยนอนอยู่ข้างกายด้วย...




   ...หากแต่มันกลับเป็น...แผ่นอกราบเรียบของผู้ชายคนที่เพิ่งจะไปดื่มเหล้าย้อมใจด้วยกันมาเมื่อคืนหมาดๆ...




   ชายหนุ่มผงกหัวขึ้นมองหน้าเมษาอีกครั้ง   ฝ่ายนั้นก็ดูจะตกใจไม่แพ้เขาเช่นกันเมื่อดวงตาคมคู่นั้นยังคงเบิกโพลงอยู่ท่าเดิม...

   ทั้งคู่ต่างก็กระพริบตาปริบๆมองกันไปมา   มือของเมษาที่ยังวางอยู่บนแผ่นหลังอาทิตย์ก็ยังคงวางค้างอยู่ท่านั้น



   ...จนในที่สุดสติของชายหนุ่มทั้งสองก็ไหลกลับเข้าร่างอย่างสมบูรณ์...



   “เห้ย!”




   อาทิตย์กระเด้งตัวออกมาราวกับอีกฝ่ายเป็นของร้อน   ในขณะที่เมษาเองก็ผุดลุกขึ้นแล้วกระถดตัวกลับขึ้นไปบนเตียง...



   
   “ท...ทำไมเรานอนกันในสภาพนี้วะคุณ!?...” อาทิตย์กล่าวเปิดประเด็นด้วยสีหน้าที่ยังคงดูตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย

   ฝ่ายคนถูกถาม  เนื่องจากไม่ได้ตั้งตัวจึงแสดงท่าทีอึกอักออกมาในช่วงแรก...ทั้งที่ก็ใช่ว่าเขาจะทำอะไรผิด   แต่ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกกระดากด้วยก็ไม่ทราบได้ "คือ...เมื่อคืนคุณเมามาก   ผมเองก็มึนๆ...ผมแบกคุณมาจากร้านเหล้า...แล้วตอนจะวางคุณลงกับเตียงผมก็พลาดล้มลงไปด้วยอีกคน   ทีนี้...หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน   ผมว่าผมคงเผลอหลับไปด้วยตอนนั้น...”

   อาทิตย์ขมวดคิ้วสีหน้าครุ่นคิด  ซึ่งเมษาก็ได้แต่สังเกตอากัปกิริยาเหล่านั้นด้วยความลุ้น...เพราะจะว่าเขาเล่าความจริง   มันก็จริงล่ะ...เพียงแต่เล่าไม่หมด...

   


   เขาไม่อยากพูดถึงส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกอะไรออกมาอีก...




   “แม่งตกใจหมด...” กราฟฟิคดีไซเนอร์รูปหล่อกล่าวขึ้นก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก "...แวบนึงผมนึกว่าไม่คุณเสร็จผมก็ผมเสร็จคุณไปซะแล้วนะเนี่ย...”

   “จะบ้าหรือไง" เมษาพึมพำพลางส่ายหัวแรงๆให้กับคำพูดตรงไปตรงมาของอีกคน

   เมื่อผ่านพ้นเหตุการณ์ชวนเข้าใจผิดไปได้ด้วยดี   นักธุรกิจหนุ่มก็ล้วงเอามือถือในกระเป๋ากางเกงซึ่งตอนนี้หยุดร้องไปเองเรียบร้อยแล้วขึ้นมาดูเวลา

   “เจ็ดโมงแล้ว   เดี๋ยวผมต้องไปทำงาน   คุณจะกลับโรงแรมเลยไหม?”

   “อ้าวเห้ย   วันนี้วันจันทร์นี่หว่า" อาทิตย์กล่าวขึ้นเมื่อนึกถึงวันเวลาขึ้นมาได้ "ตายห่า   มีประชุมที่บริษัทนั้นตอนแปดโมงครึ่ง...คุณ!  ผมขอยืมชุดทำงานคุณอีกรอบได้ป่ะ?  สงสัยกลับโรงแรมไม่ทันแล้วแหงเลยว่ะ   นะๆๆ"

   เมษาเสยผมขึ้นก่อนพ่นลมออกมาแรงๆ   




   ...ถ้าคนๆนี้เป็นลูกน้องเขานะ...โดนไล่ออกไปนานแล้ว...




   “ครับๆๆ...” ชายหนุ่มตอบรับไปอย่างเสียไม่ได้ "งั้นเดี๋ยวเราก็ออกไปพร้อมกันเลยแล้วกัน   ที่ทำงานผมก็อยู่แถวๆนั้นแหละ...”

.
.

.


.

   “ขอบคุณมากที่มาส่งนะคุณ" อาทิตย์พูดด้วยเสียงดังแข่งกับเสียงรถยนต์บนท้องถนนจากริมฟุตบาท

   เมษายกมือขึ้นโบกไปมาเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไรผ่านบานหน้าต่างที่ถูกลดกระจกลงครึ่งหนึ่ง

   “เดี๋ยวเย็นนี้ทำงานเสร็จผมจะกลับไปเปลี่ยนชุดที่โรงแรมแล้วเอามาคืนคุณอีกทีแล้วกัน   พรุ่งนี้เช้าๆต้องขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพฯแล้ว   เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสได้คืน"

   จบประโยคของอาทิตย์  คนบนรถก็เผลอตัวหยุดมองหน้าคนพูดชั่วขณะด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก   ก่อนจะพยักหน้าตอบรับไปสองสามทีในเวลาต่อมาแล้วค่อยๆเหยียบคันเร่งพารถเคลื่อนตัวห่างออกไป...




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   อาทิตย์ที่เปลี่ยนมาอยู่ในชุดลำลองสบายๆเรียบร้อยแล้วเดินหิ้วถุงกระดาษเข้ามาภายในบริเวณคอนโดหรูตามที่ได้บอกใครอีกคนไว้เมื่อเช้า

   โดยไม่ต้องเสียเวลามองหานาน   ร่างสูงๆของเมษาที่ลงมารอเขาอยู่ที่ล็อบบี้แล้วก็ปรากฏขึ้นในระยะมองเห็น

   “คุณ" อาทิตย์เอ่ยทักก่อนจะเดินตรงเข้าไปหา "เอานี่   ชุดที่ยืมไป   ขอบคุณมาก"
   
   ทายาทนางแบงค์หนุ่มรับถุงกระดาษมาไว้ในมือ "ขอบคุณครับ"

   “จริงๆผมก็ตั้งใจว่ากลับมาจากงานจะให้โรงแรมรีบไปซักมาคืนให้   แต่สงสัยไม่ทัน...ขอโทษที่คืนไปทั้งแบบนั้นนะ   แต่จริงๆแล้วผมตัวไม่เหม็นหรอก   จะเก็บกลับเข้าตู้เอาไปใส่ต่อแบบไม่ต้องซักเลยก็ยังได้"

   ได้ยินอย่างนั้นคนฟังก็ส่ายศีรษะออกมา "ใครจะไปกล้าทำอย่างนั้น...ขืนใส่ต่อผมได้ติดเชื้อขี้เมาจากคุณพอดี”
   
   “โอ้โห  กัดชาวบ้านเป็นกับเขาเหมือนกันเหรอคุณ" อาทิตย์กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า "ร้ายไม่ใช่เล่นเหมือนกันนี่"

   “หึ...” เมษาหัวเราะในลำคอเบาๆ

   “เออนี่...” กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มเกริ่นขึ้นด้วยน้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย "พรุ่งนี้ผมต้องกลับบ้านแล้ว...ยังไงก็ขอบคุณมากนะสำหรับสามสี่วันที่ผ่านมานี่   คุณโคตรเจ๋งเลย"

   คนฟังแย้มรอยยิ้มขึ้นกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย   มือข้างที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงกำกุญแจรถยนต์ในนั้นที่เขาตั้งใจหยิบติดลงมาด้วยตั้งแต่แรก  ก่อนจะเอ่ยปากถามอีกฝ่ายขึ้นก่อนจะถึงช่วงรำ่ลาเสียก่อน

   


   “หลังจากนี้ไปคุณต้องไปไหนอีกหรือเปล่า...ไปกินข้าวกันไหม? ผมเลี้ยงเอง...”



   
   ได้ยินดังนั้นคนฟังก็เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ  ริมฝีปากได้รูปเหยียดออกกว้างขึ้น   ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองนั่นจะขยับขึ้นลงถี่ๆ เป็นอันว่าตกลง...

.
.

.


.

   “โห...มาร้านหรูเลยเหรอคุณ" อาทิตย์หันซ้ายมองขวาสำรวจภายในร้านกลางย่านช็อปปิ้งแห่งนี้ "ตอนแรกผมกะว่าตอนจ่ายตังค์จะทำเท่จ่ายแทนเหมือนคุณเมื่อวันก่อนซะหน่อย    แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว...เดี๋ยวกลับไทยไปได้กินแกลบพอดี"

   เมษาขำออกมาเสียงดังอย่างที่ไม่ได้ทำบ่อยนักกับคำพูดของคนตรงหน้า

   “ผมเลี้ยงนั่นแหละถูกแล้ว   คุณเป็นคนกลับ   จะมาเลี้ยงผมได้ยังไง" ชายหนุ่มกล่าวกลั้วหัวเราะพลางพลิกดูเมนูในมือไปเรื่อยๆ "อยากทานอะไรคุณก็สั่งเต็มที่เลยนะ...ไม่ต้องกลัวผมไม่มีจ่าย"

   “พูดเองนะ...เดี๋ยวผมสั่งล็อบสต้งล็อบสเตอร์มาอย่าบ่นแล้วกัน" อาทิตย์กล่าวน้ำเสียงกวนประสาท

   “คือถ้าผมเงินไม่พอ   ผมก็จะทิ้งคุณไว้ล้างจานที่นี่แหละ  ไม่ต้องกลัวหรอก"

   


   คนทั้งคู่ผลัดกันพูดผลัดกันขำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งบริกรเดินมารับออเดอร์ถึงจะหยุดลงได้   

   หากแต่เมื่อสั่งอาหารกันเรียบร้อย   หลังบริกรเดินจากไป...โต๊ะของพวกเขาก็กลับตกอยู่ในความเงียบคนละบรรยากาศกับเมื่อครู่แบบไม่มีสาเหตุ...




   เมษาก้มลงเหม่อมองลายผ้าปูโต๊ะ   ในขณะที่อาทิตย์เองก็หันมองไปรอบๆด้วยความรู้สึกเก้อๆ




   จนในที่สุดก็เป็นเมษาที่เปิดปากขึ้นมาก่อน...

   “กลับไปแล้ว...คุณไปทำงานเลยหรือเปล่า?" คำถามพื้นๆถูกส่งออกไปทั้งที่คนถามก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ต้องการจะรู้เท่าไหร่   เพียงแต่อยากจะทำลายความเงียบนี้ไปเท่านั้น
   
   อาทิตย์ยักไหล่ "ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น   ผมแค่มาสิงคโปร์   ไม่ใช่ยุโรปหรืออเมริกา...ขืนไปอ้างว่าขอหยุดเพราะเจ็ทแล็คมีหวังโดนพี่วินเอาตีนพาดคอกันพอดี"

   เมษาขำน้อยๆกับคำตอบที่ได้ฟัง "นี่...ผมถามจริงเถอะ   ปกติเวลาคุณเจอคนอื่นที่ไม่คุ้นเคย   คุณก็พูดจาแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?” แม้คำถามที่แล้วจะเป็นการเปิดประเด็นทำลายความเงียบ   หากแต่คำถามนี้เมษาถามมันออกมาด้วยความอยากรู้จริงๆ    ก็คิดมาตลอดตั้งแต่เจอกัน...ว่าภาษามึงมาพาโวยของอีกฝ่ายนี่มันเป็นภาษามาตรฐานประจำตัวหรืออย่างไรถึงได้พูดกับคนเพิ่งรู้จักกันได้ชินปากเสียขนาดนั้น

   คนถูกถามหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง "หมายถึงพูดสถุลๆอย่างนี้น่ะเหรอ?  ใช่ป่ะ?” เมื่อเห็นว่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยักหน้าเบาๆ  อาทิตย์ก็กล่าวต่อ "ก็พูดอย่างนี้เฉพาะกับผู้ชายที่อายุพอๆกันน่ะแหละ   ถ้าเป็นผู้หญิงนะ...ผมพูดจาภาษาดอกไม้เลยครับจะบอกให้   ทำไม?...จะหาว่าผมไม่มีกาลเทศะอีกล่ะสิ?”

   “หึ...เปล่าสักหน่อย   ผมก็แค่อยากรู้" เมษาตอบกลับพลางส่ายหัวเบาๆ "ผมแค่แปลกใจน่ะ  เพราะปกติผมเจอแต่คนที่พูดจาสุภาพกับผมมากๆ  ยิ่งรู้ว่าผมเป็นใคร  ที่บ้านทำอะไร...ก็จะยิ่งสุภาพกว่าเก่าเสียอีก    คุณเองก็รู้ทั้งรู้...แต่ไม่เห็นจะสุภาพกับผมสักนิดเลย...”

   “น้อยๆหน่อย  นี่ก็สุภาพสำหรับผมแล้วนะ   ถ้าเป็นปกติผมแม่งเล่นหัวไปแล้ว" อาทิตย์กล่าวด้วยสีหน้าหาเรื่องแบบไม่เอาจริงเอาจังนัก   ก่อนจะเป็นฝ่ายถามกลับไปบ้างด้วยคำถามที่ตนก็อยากรู้เช่นเดียวกัน "...แล้วคุณไม่อึดอัดบ้างหรือไง   โดนปฏิบัติแบบนั้นตลอดเวลาน่ะ...คือจะว่าดีมันก็ดีที่มีคนคอยพูดจาเพราะๆด้วย   แต่ถ้าเป็นผม...ต้องพูดแบบนั้นตลอดเวลากับทุกคนคงอึดอัดตาย"

   ได้ฟังดังนั้นเมษาก็ยิ้มมุมปากน้อยๆ พลางหัวเราะขึ้นจมูก "...อึดอัดสิ...”

   “นั่นไง!” อาทิตย์ตบเข่าตัวเองเหมือนดีใจที่เดาไม่ผิด "ต้องปั้นหน้ายิ้มคุยกับคนนู้นทีคนนี้ทีทั้งวันมันจะไม่อึดอัดไปได้ยังไง   ตั้งแต่วันแรกที่เจอกันผมยังคิดอยู่แล้วว่าไอ้หมอนี่มันเมื่อยไหมวะ   เก๊กอยู่นั่นแหละ" เมื่อได้ทีชายหนุ่มก็พ่นออกมาเป็นชุด

   

   แต่แปลก...



   ที่ครั้งนี้เมษาไม่ยักรู้สึกอะไรกับคำพูดที่เป็นเหมือนคำค่อนขอดนี้



   ...อาจเป็นเพราะเขาเองก็รู้ตัวดี...



   “อ๊ะ!” กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอปากเสียออกไปอีกแล้ว "ขอโทษๆ...ผมแม่งเป็นเหี้ยอะไรวะ   ปากไวตลอด...ขอโทษจริงๆ   นี่คุณโกรธผมอีกไหมเนี่ย?”

   “จะกลับไทยอยู่แล้ว   ตอนนี้คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเถอะ   ผมโกรธไปก็เท่านั้นแหละ   ไม่มีโอกาสเอาคืนอยู่ดี" เมษากล่าวยิ้มๆ

   “โห  วันนี้ใจดีเว้ย" อาทิตย์เอ่ยกระเซ้า   หากแต่ในประโยคถัดมา...น้ำเสียงของชายหนุ่มก็อ่อนลงไป "แต่ผมพูดจริงๆนะ       บางทีคุณน่าจะปล่อยตัวตามสบายบ้าง   โกรธก็ด่าออกมา   ชอบใจก็ขำเสียงดังๆ   บางทีมันก็ทำให้รู้สึกดีกว่าการนั่งเก็บมันไว้กับตัวนะผมว่า...ถึงตัวผมเองจะหยาบคายเกินไป   ไม่มีกาลเทศะอย่างที่คุณบอก   แต่ผมว่ามันก็ดีกว่าเก็บเรื่องทุกอย่างไว้ในใจ   เมื่อวานกับเมื่อวานซืนตอนไปเที่ยวกับคุณ...คุณดูดีออกจะตายเวลายิ้มกว้างๆ   หล่อกว่าเวลาแค่นยิ้มมุมปากแบบที่คุณชอบทำเยอะเลยจะบอกให้...”     
   
   สิ่งที่ได้รับฟังมาทำให้เมษาต้องหยุดคิดเงียบๆกับตัวเองในใจไปครู่ใหญ่

   จริงอย่างที่อาทิตย์ว่า...หน้ากากการทูตที่เขาสวมมันอยู่ทุกวันมันชักจะหนาและหนักขึ้นเรื่อยๆตามประสบการณ์ชีวิตของเขา

   ...และตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะไม่รู้สึกดีที่พกมันติดตัวไว้ตลอดเวลาเท่าไหร่เสียแล้ว...



   ...แต่...



   ไม่ว่าอาทิตย์จะรู้หรือไม่...ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมานี้...เขารู้ตัวเองดีว่า... 




   


   ความรู้สึกจริงๆของเขาถูกแสดงออกมาถี่ผิดปกติ...







   แม้จะยังไม่มาก...แต่ก็มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวัน...



   “นั่น...เงียบไปเลย   คมล่ะสิ" อาทิตย์เอ่ยยิ้มๆด้วยน้ำเสียงอวดดี "เห็นอย่างนี้ผมก็มีสาระกับเขาเป็นนะเว้ย"

   เมษาพาตัวเองกลับเขาสู่โลกตรงหน้าอีกครั้ง   ชายหนุ่มตอกกลับอีกฝ่ายทีเล่นทีจริง "ว่าแต่ผม   คุณเองก็ห่ามผิดวิสัยคนทั่วไปเหมือนกันนั่นแหละ"

   ได้ยินอย่างนั้นอาทิตย์ก็หัวเราะขึ้นมาดังๆอีกครั้งก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้เมษาต้องชะงักไปขึ้นมา...





   “บางที...ถ้าเอาเราสองคนมาผสมกัน  นิสัยอาจจะออกมาพอดีก็ได้นะ   เหมือนหยินหยางไง..รู้จักใช่ไหม?”





   เกิดเป็นความเงียบขึ้นครู่หนึ่งบนโต๊ะเมื่อเมษาหยุดเคลื่อนไหวอวัยวะทุกส่วนลงไปดื้อๆ...











   “พูดอย่างกับทำฟาร์มวัว...ผสมอะไร   เอาให้มันเคลียร์ๆครับ...ฟังแล้วสะดุ้งเลยเมื้อกี้...”










   จบประโยคของนักธุรกิจหนุ่ม   คนทั้งสองก็มองหน้ากันแล้วก็ต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทั้งคู่จนคนรอบข้างต้องเหลือบมอง...






   “ลามกเหมือนกันนี่หว่าคุณ!”



   
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
แสงไฟยามค่ำคืนตามแนวถนนออร์ชาร์ดดูสว่างไสวน่าตื่นตาตื่นใจ   ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างก็เดินเลือกซื้อของตามร้านรวงต่างๆกันอย่างคึกคัก

   เมษาและอาทิตย์ก้าวช้าๆไปเรื่อยๆเพื่อเป็นการย่อยอาหารไปในตัว   

   “คุณเคยมาช็อปปิ้งแถวนี้หรือยัง?” เป็นที่รู้กันดีว่าถนนออร์ชาร์ดเป็นแหล่งช็อปปิ้งที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์

   คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบกลับมา "เคยแล้ว  รอบก่อนนู้นที่มาก็หมดไปหลายตังค์...ซื้อของฝากป๊าฝากม๊าอากงอาม่าอาอึ้ม   แจกไปทั่วบ้านเลย"

   "บ้านคุณเป็นคนจีนเหรอ?"

   ถึงตรงนี้...อาทิตย์ก็ต้องหันมามองคนข้างๆด้วยสายตาไม่เข้าใจ "อ้าว! คุณก็ดูหน้าผมสิ...เป็นอาตี๋ขนาดนี้ไม่จีนก็แย่แล้ว"

   นักธุรกิจหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆกับสีหน้าของคนข้างกาย

   บรรยากาศรอบตัวดูเหมือนจะดำเนินไปอย่างสบายๆ   ผิดกับตอนอยู่กรุงเทพฯที่เมษาแทบจะไม่ได้เอาเวลามาเดินทอดน่องอย่างนี้เลยตั้งแต่เรียนจบมา

   ชายหนุ่มทั้งสองเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย   ไม่มีอะไรต้องรีบร้อนในเมื่อคืนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้วางแผนไปทำอะไรที่ไหน   อยากหยุดตรงไหนก็หยุด   อยากเลี้ยวเข้าร้านไหนก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก

   นับเป็นบรรยากาศแปลกๆในความรู้สึกของเมษาที่ผู้ชายสองคนจะมาเดินอยู่ในที่แบบนี้  เวลาแบบนี้ด้วยกันสองคน...



   ในระหว่างที่คนเป็นลูกชายนายแบงค์ใหญ่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น   แรงสะกิดยิกๆที่บริเวณไหล่กว้างก็ต้องเรียกให้เข้าหันมองคนข้างกายเสียก่อน



   “คุณ!  ดูตรงนั้นสิ" อาทิตย์ยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังบูธขายโทรศัพท์มือถือที่มุมหนึ่งหน้าห้างสรรพสินค้าที่ในตอนนี้มีผู้คนมากมายยืนมุงกันอยู่   เสียงประกาศเป็นภาษาอังกฤษจากคนขายดังผ่านลำโพงมาให้พวกเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ยินแว่วๆ "ไปแข่งกันคุณ!”

   เมษาเกร็งตัวไว้แข็งเป็นหินต้านแรงดึงของคนข้างกาย "จะบ้าหรือไง! นั่นมัน.."

   “ไม่บ้าหรอก!   น่าสนุกดีออก...เครื่องแรกของลิมิเต็ดอิดิชั่นเลยนะโว้ย   ได้ถ่ายรูปกับดาราสิงคโปร์ด้วย  คุณไม่อยากได้หรือไง" อาทิตย์กล่าวพร้อมรอยยิ้มสนุกสนานในขณะที่สายตาก็จ้องไปยังบูธที่ว่านั่นเป็นประกายระยับ "กติกาแม่งตลกดีออก   ไปเล่นเร็ว"

   เรื่องของเรื่องคือ...โทรศัพท์มือถือยี่ห้อที่เป็นเจ้าของบูธนั้น...ซึ่งจริงๆอาทิตย์เองก็ไม่รู้จัก   เพิ่งจะออกรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ออกแบบโดยคู่รักดาราชาวสิงคโปร์มาในวันนี้เพียงไม่กี่ร้อยเครื่อง   ซึ่งสำหรับโทรศัพท์สองเครื่องแรกที่จะปล่อยออกไปให้คนได้เป็นเจ้าของกันนั้น   ทางบริษัทผลิตมือถือที่ว่านี่ก็ตั้งกติกามาให้เล่นเป็นเกมเพื่อหาผู้โชคดีและเป็นการกระตุ้นให้คนสนใจ



   ซึ่งเกมๆนั้น...ถ้าจะให้สรุปง่ายๆก็คือ





   ...จูบชิงมือถือ





   “บ้าแล้วคุณ!" เมษาปฏิเสธหัวชนฝา "จะอยากได้ไปทำไม   คุณรู้จักดาราสองคนนั้นหรือไง?”

   อาทิตย์ส่ายหัวอย่างไม่ยี่หระ "เหอะ...อย่าว่าแต่ดาราเลย   ยี่ห้อมือถือผมยังไม่เคยได้ยิน"

   “ก็นั่นไง...แล้วจะไปแข่งกับเขาทำไมล่ะ"

   “อ้าว...ก็แม่งน่าตื่นเต้นดีออก   อยู่เมืองไทยคุณเคยเห็นใครทำอะไรอย่างนี้หรือไง...ประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะเนี่ย    ผมจะเอากลับไปอวดคนที่บ้าน   ไปเร็วๆ เดี๋ยวแม่งเริ่มแข่งกันก่อน" และเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงขืนตัวไว้อย่างนั้นกราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มก็พูดขึ้นมาอีก “เห้ยคุณ! กลัวอะไรนักหนา  แม่งก็แค่เอาปากแตะๆกันเอง  มันจะไปยากอะไรวะคุณ   ไม่มีคนรู้จักมาเจอหรอกน่า"

   “เขาก็บอกอยู่ว่าให้คู่รักไปแข่ง   คุณกับผมน่ะผู้ชายกับผู้ชายนะ!" เมษาชักจะรู้สึกหงุดหงิดกับนิสัยที่ห่ามแสนจะห่ามของคนที่ชอบเล่นอะไรแผลงๆคนนี้ขึ้นมาเสียแล้ว

   “ยิ่งดีเลยล่ะ   แปลกดีออก" อาทิตย์พยายามออกแรงดึงคนที่ยืนทื่อเป็นเสาไฟฟ้าให้เดินตามมาอย่างสุดความสามารถ   กติกาเมื่อครู่เพิ่งจะบอกอยู่ว่าวิธีตัดสินว่าคู่ไหนชนะ   จะวัดเอาจะเสียงเชียร์ของคนดู “คุณไม่รู้อะไร   ผู้ชายกับผู้ชายนี่แหละสาวๆยิ่งกรี๊ด  หลานผมอยู่ป.6 มันบ้าเกย์อย่างกับอะไรดี   มาเร็ว...หัดทำอะไรน่าตื่นเต้นซะบ้างน่า!"

   

   หลังการฉุดกระชากลากถูกันมาอย่างทุลักทุเล   อาทิตย์ก็พาอีกคนมาถึงบริเวณหน้าบูธ...



   “ไม่เอาๆ  คุณ!  ผมไม่เล่น" เมษาท้วงเหงื่อตก

   


   แต่ก็สายไปเสียแล้ว   เมื่อในที่สุดอาทิตย์ก็รวบรวมแรงทั้งหมดผลักอีกฝ่ายเข้าไปยืนอยู่กลางวงผู้เข้าแข่งขันจนได้



   “โอ้! ไม่น่าเชื่อ! ท่านผู้ชมครับ  วันนี้เรามีคู่รักที่เป็นผู้ชายกับผู้ชายมาร่วมสนุกกันด้วย...น่าสนใจดีจริงๆครับเกมนี้" พิธีกรกล่าวขึ้นมาทันทีที่ชายหนุ่มทั้งสองโผล่มาอยู่ข้างๆ   เสียงคนดูเฮสนั่นอย่างคึกคักเมื่อเห็นพวกเขา

   

   เมษาที่หน้าหดเหลือสองนิ้วไปแล้วได้แต่เหลือบตามองอาทิตย์ที่กำลังยิ้มรับเสียงเชียร์เสียหน้าบาน

   

   ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออกไปหมดแล้ว   นี่มันหวือหวาเกินไปสำหรับชีวิตเขา...ไม่รู้ว่าคุณกราฟฟิคดีไซเนอร์คนนี้มันเป็นอะไร   ถึงได้ไม่รู้จักสนใจความเป็นไปของโลกได้ขนาดนี้    จะเอาแค่ตัวเองสนุกอย่างเดียว...

   

   “เอาล่ะครับ   ตอนนี้เราก็ได้ผู้เข้าแข่งขันครบแล้ว...กระผมนายเหลียง  จะขอประกาศกติกาให้ทราบกันอีกครั้ง" พิธีกรหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา "ผมจะให้ผู้เข้าแข่งขันจูบกันทีละคู่   โดยที่ด้านหลังนี้..เราจะมีเครื่องวัดความดังของเสียงตั้งไว้...เห็นไหมครับ   นี่เลย...เจ้าเครื่องนี้เลย    แล้วหากท่านผู้ชมถูกใจลีลาของคู่ไหน   ขอให้ร้องกันออกมาดังๆเลยนะครับ...ขอดังๆเลยนะครับ   เอาล่ะครับ   มาเริ่มจากคู่แรกกันดีกว่า...ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายชื่ออะไรครับ?”

   พิธีกรเริ่มสัมภาษณ์ถามไถ่ข้อมูลพื้นฐานของชายหญิงคู่แรกพอเป็นพิธี

   จนกระทั่งได้ความแล้ว  เสียงนกหวีดก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกให้เริ่มจูบกันได้

   เมษายืนมองคู่รักชาวสิงคโปร์คู่แรกด้วยหน้าซีดขาวเป็นไก่ต้มก่อนจะค่อยๆมองไปรอบกายด้วยความกลัวว่าจะมีคนรู้จักอยู่แถวนี้

   ในสภาพที่ตรงกันข้ามกับนักธุรกิจหนุ่ม...อาทิตย์กลับตบมือเชียร์คู่แข่งอย่างสนุกสนานด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอย่างไม่รู้จักกังวลอะไรกับใครเขา...




   มาเสียใจที่ชวนมาเดินย่อยอาหารเอาตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว...เมษา...



   
   การแข่งขันขยับเข้ามาทีละคู่ ทีละคู่

   บางคู่ก็เพียงแค่เอาปากแตะกันเบาๆด้วยความเหนียมอาย  ผิดกับบางคู่ที่แทบจะเรียกว่ากินปากกันเข้าไปด้วยซ้ำ...

   


   และแล้วเมษาก็ต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อกเมื่อลีลาการจูบของคู่ก่อนหน้าพวกเขาจบลง...




   “เอาล่ะครับ  เอาล่ะครับ...ทีนี้ก็มาถึงคู่รักไฮไลท์ของการแข่งขันกันแล้ว   แหม...น่าตื่นเต้นจริงๆ   ถ้าให้พูดจากความรู้สึกส่วนตัวผมคงต้องบอกว่ารู้สึกเหนือความคาดหมายมากครับที่ได้พวกคุณสองคนมาเข้าร่วมแข่ง   เอาล่ะ..มาแนะนำตัวกันเสียหน่อยดีกว่า   คุณผู้ชายชื่ออะไรครับ...อ้อ  ลืมไป...ผู้ชายทั้งคู่  เอาเป็นว่าคุณผู้ชายท่านที่ใส่เสื้อสีแดงทางด้านนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรครับ"

   “ชื่ออาร์ทครับ" อาทิตย์กล่าวตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจพลางโบกไม้โบกมือให้กับคนดูอย่างไม่มีการมาอายเหมือนคนอื่นๆ  ซ้ำยังมีการบอกข้อมูลเพิ่มโดยไม่ต้องรอให้พิธีกรถามเองอีกด้วย "ผมอายุยี่สิบสี่ครับ"

   “โอ้...คุณอาร์ทนะครับ   แล้วอีกท่านละครับ   ชื่ออะไรเอ่ย?”

   เมษาสะดุ้งเฮือกเมื่อไมโครโฟนถูกจ่อเข้ามาใกล้ปาก  ดวงตาคู่คมวูบหลบลงไปมองพื้น   เสียงทุ้มนุ่มตอบเพียงสั้นๆ "เมษ"

   “คุณอาร์ทกับคุณเมษนะครับ   คบกันมานานหรือยังครับ?"

   คราวนี้เป็นอาทิตย์ที่ทำหน้าที่ตอบอย่างไม่ต้องสงสัย "ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆแล้วครับ   ตอนนี้ก็ห้าหกปีได้แล้วล่ะ   เรารักกันมากๆเลย   ไม่เชื่อถามเขาดูสิครับ" พูดจบกราฟฟิคดีไซเนอร์รูปงามก็แอบก้มหน้าลงหัวเราะให้ตัวเองเบาๆ   รู้สึกขำขันกับข้อมูลเท็จที่เพิ่งพูดออกไป...ไหนจะหน้าซีดๆของเมษาอีก

   


   มาสิงคโปร์รอบนี้มันตื่นเต้นดีจริงๆ...




   “จริงอย่างที่คุณอาร์ทว่าไหมครับคุณเมษ?” พิธีกรเบนไมโครโฟนกลับไปหาคนที่ทำหน้าประหม่าอยู่อีกครั้ง

   เมษาเหลือบมองอาทิตย์ที่ยังคงแอบขำไม่หยุดด้วยความโกรธเคืองในใจ   แต่ก็ยอมตอบออกไปแต่โดยดี "..จ..จริง"

   “โอ้   เยี่ยมไปเลยครับ  ถือเป็นคู่รักชาวสีม่วงที่รักกันมานานมากๆเลยนะครับ   เอาล่ะ...ตอนนี้คุณสองคนสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนนะ   สูดเข้าไปลึกๆเลย   เพราะผมจะเริ่มเป่านกหวีดในอีก....สาม....สอง....หนึ่ง....”





   -ปี๊ด!-




   ทันทีที่เสียงสัญญาณดังขึ้น   อาทิตย์ก็พุ่งเข้ามายืดตัวเอาปากประกบกับเขาอย่างรวดเร็ว

   

   ริมฝีปากของคนทั้งสองชนกันแนบสนิท...เสียงกรี๊ดรอบข้างดังขึ้นเรื่อยๆ

   

   สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ได้รับจากอีกฝ่ายทำให้สมองที่ขาวโพลนอยู่แล้วในตอนแรกยิ่งว่างเปล่าลงไปอีก   สติสตังตอนนี้ของเมษากระเจิดกระเจิงหายไปหมด...หูตาพร่ามัวไม่สามารถรับรู้อะไรจากภายนอกได้อีก



   สิ่งเดียวที่ชายหนุ่มรับรู้ได้ในตอนนี้คือกลิ่นหอมๆจากคนตรงหน้า  และความเปียกชื้นน้อยๆบริเวณริมฝีปาก...



   แล้วก็ไม่รู้อะไรดลใจ








   ...เมษาค่อยๆปิดตาลง...








   ทุกสรรพเสียงรอบตัวหายไปจากการรับรู้









   ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งขยับยกขึ้นมาช้าๆจากข้างลำตัว    จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่แก้มของอีกฝ่าย   ในขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมโอบรัดรอบเอวไว้

   นักธุรกิจหนุ่มประคองใบหน้าคู่รักเฉพาะกิจเบาๆ  ก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายเอียงคอเปลี่ยนองศาจนได้มุมที่ถนัด...



   

   ...แล้วค่อยๆส่งลิ้นดุลเข้าไปในโพรงปากของอีกฝ่ายอย่างนุ่มนวล...








   อาทิตย์ที่ตั้งใจเพียงว่าจะทำเพียงแค่ประกบปากจูบด้วยท่าตลกๆให้คนดูขำในตอนแรก   ต้องเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อรับรู้ได้ถึงการรุกล้ำของลิ้นอีกฝ่าย

   เมื่อเหลือบมองรอบกายเท่าที่ระยะจะอำนวยก็พบว่าสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็พากันส่งเสียงร้องออกมากันเป็นแถว   ไม่รู้ว่าเพราะชอบหรือกลัว   ในขณะที่คนดูผู้ชายบ้างก็เบือนหน้าหนี   บ้างก็ทำท่าแสดงอาการขนลุกขนชัน

   

   หากแต่สมาธิที่หลุดออกไปจากคนตรงหน้าก็ต้องกลับมาอีกครั้งเมื่อสัมผัสในโพรงปากมันเริ่มจะอ่อนโยน  นุ่มนวลขึ้นเรื่อยๆ

   

   สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ไม่ได้เป็นไปตามสมองสั่งอีกต่อไป   หากแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยกลไกอัตโนมัติ...



   
   ตอนนี้อาทิตย์เองก็ได้แต่หลับตาลงช้าๆ...น้อมรับกับสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นมาอย่างต่อเนื่อง...








   -ปี๊ด!-





   เสียงนกหวีดดังบอกหมดเวลาเรียกสติที่ปลิวหายวับไปของคนทั้งคู่ให้กลับมา...

   ทั้งเมษาและอาทิตย์ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ   




   ร่างของคนทั้งสองกระเด้งออกจากกันในตอนนั้นเอง...




   เสียงประกาศอะไรจากพิธีกรหรือเสียงร้องเชียร์หลังจากนั้นไม่ได้เข้าหูพวกเขาอีกต่อไป

   คนทั้งคู่ต่างก็หายใจเหนื่อยหอบราวกับไปวิ่งทางไกลกันมา   ดวงตาหลุบมองพื้นด้วยหัวใจเต้นระรัว...



   จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มือถือรุ่นลิมิเต็ดถูกพิธีกรนำมายัดใส่มือนั่นแหละ...

.
.

.


.

   ร่างสองร่างเดินมาตามทางเดินที่เต็มไปด้วยผู้คนเงียบๆ...ปราศจากคำพูด

   เมษามองตรงไปข้างหน้าไกลๆพลางขมวดคิ้วครุ่นคิดกับตัวเอง   ในขณะที่อาทิตย์เองก็ก้มๆเงยๆมองนู่นนี่อย่างไร้จุดหมายราวกับขอทานมองหาเศษเหรียญ

   พวกเขาเดินห่างจากบูธขายโทรศัพท์เมื่อครู่มาได้พักใหญ่แล้ว   หากแต่ภายในอกยังรู้สึกได้ถึงแรงเต้นที่ไม่ได้เบาลงไปเลยแม้แต่น้อย

   อาทิตย์นึกอยากกระโดดเตะก้านคอตัวเองถ้าทำได้ที่ดันไปเสนอตัวทำอะไรแผลงๆแบบนั้น...

   เจตนาของเขาในตอนแรกมีเพียงแค่อยากได้ของแปลกๆกลับไปอวดพวกไอ้เต้ที่บริษัทแล้วก็อยากจะแกล้งคนที่มักจะสงวนท่าทีอย่างเมษานิดๆหน่อยๆเท่านั้น



   หากแต่...สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันเหนือเสียยิ่งกว่าเหนือความคาดหมายไปไกลมาก...



   เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับอีกฝ่าย...อาจจะอยากเอาคืนหรืออะไรก็ไม่ทราบได้



   แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือ...เขาดันรู้สึกเคลิ้มไปกับมัน...















   เมษาเหลือบตามองคนข้างกายแวบหนึ่งก่อนจะรีบตวัดสายตากลับไปมองทางตรงหน้าด้วยความสับสน

   

   ไม่ว่าเมื่อกี้มันคืออะไร...เขารับรู้แต่เพียงว่ามันทำให้เขารู้สึก...






   ...ดี...






   ความลับข้อหนึ่งของเขาคือ...เขาไม่เคยจูบกับใครที่ไหนมาก่อน...

   ตั้งแต่โตมา...คนๆเดียวที่เขารู้สึกรักก็มีเพียงปอมมาโดยตลอด   แน่นอนว่าเขาไม่สามารถทำอย่างนี้กับรุ่นน้องที่คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีได้

   กับใครคนไหนเขาก็ไม่เคยมีความรู้สึกอยากจะทำอย่างนี้ด้วย...




   ...ดังนั้น...จูบเมื่อกี้...ถือเป็นจูบแรกของผู้ชายที่ชื่อเมษา



   อาจจะฟังดูเหมือนไม่ประสีประสา...แต่มันก็คือเรื่องจริง   เขาไม่เคยคิดอยากจูบกับใครนอกจากปอมเพียงคนเดียว...





   แต่เมื่อครู่...





   เขารู้ตัวดีว่าไม่ใช่อาทิตย์แน่นอนที่เริ่มทำให้มันกลายเป็นจูบจริงๆจังๆก่อน

   ฝ่ายนั้นก็เพียงแค่กระโดดเอาปากมาชนเขาเรียกเสียงเชียร์เท่านั้น...แต่สเต็ปหลังจากนั้นน่ะสิ...




   ...เขาเป็นคนนำพามันเองทั้งหมด...





   -ผลั่ก-




   
   เสียงกระทบกันของอะไรบางอย่างที่ดังขึ้นมาข้างๆกายเรียกให้เมษาหลุดออกจากภวังค์แล้วหันมาดู

   “ไอ้เด็กเปรตเอ๊ย! ชนชาวบ้านแล้วไม่รู้จักขอโทษ   ขอให้แม่งเดินตกท่อก่อนถึงบ้าน!” คำสบถก่นด่าเป็นภาษาไทยที่กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มเหลียวหลังกลับไปบ่นพึมพำไล่หลังวัยรุ่นชายชาวสิงคโปร์ที่เดินมาชนเมื่อครู่ดังแทรกความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งคู่ขึ้นมา   หน้าตาหล่อเหลานั่นดูเอาเรื่องตามนิสัยส่วนตัว...

   อาทิตย์หันกลับมาขณะที่ปากก็ยังคงบ่นขมุบขมิบอยู่อย่างนั้น   ก่อนจะเผลอเหลือบตาไปสบเข้ากับอีกคนที่เดินอยู่ข้างกัน

   


   เกิดเป็นความเงียบขึ้นอีกชั่วขณะสั้นๆ...   





   กล่องโทรศัพท์มือถือที่ได้มาเมื่อครู่ซึ่งควรจะเป็นของเมษาถูกยื่นมาตรงหน้าอาทิตย์   ตามด้วยประโยคแรกที่ดังขึ้น "คุณเอาไปเก็บไว้ทั้งสองเครื่องเลยแล้วกัน"

   “ผมก็มีแล้วไง" ชายหนุ่มชูมือถืออีกกล่องให้อีกฝ่ายดู   พวกเขาได้มันมาคนละเครื่องเป็นของรางวัล

   “คุณเอาไปเถอะ   ผมไม่รู้จะเอามันไปทำอะไร" เมษาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ใช้เป็นปกติ   พาให้บรรยากาศเริ่มจะกลับมาเป็นเหมือนเก่าทีละนิด "ดาราสองคนนั้นผมก็ไม่รู้จัก"

   “แล้วผมรู้จักที่ไหนเล่า...เก็บไว้สิ   อุตส่าห์พลีชีพไปเอามาเชียวนะคุณ   เก็บไว้เป็นอนุสรณ์ความอัปยศก็ยังดีน่า" อาทิตย์กล่าวติดตลก   โดยพยายามเปลี่ยนเรื่องน่าอายเมื่อครู่ให้กลายเป็นเรื่องเล่นห่ามๆของตนอย่างที่ตั้งใจในตอนแรกไปได้แบบเนียนๆ "ผมก็ใช่ว่าอยากได้มาใช้เมื่อไหร่ล่ะ   จะเอากลับไปอวดเพื่อนเฉยๆ...คุณเองก็เอาไปอวดลูกน้องที่บริษัทสิ...บอกไปว่า  เครื่องนี้กว่าจะได้มาแม่งต้องลงทุนจูบกับหนุ่มหล่อมาเชียวนะ...พูดอย่างนี้  รับรอง   เกิด!”

   ได้ยินดังนั้น   แม้จะฟังดูกระดากหูอยู่บ้าง   แต่เมษาก็ส่ายหน้าออกมาเบาๆพลางหัวเราะในลำคอ "ดับน่ะสิครับคุณ" หากแต่สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ยอมเก็บมือถือเครื่องนั้นไว้กับตัวตามที่อีกฝ่ายบอก

   

   บรรยากาศที่อุตส่าห์ช่วยกันกู้กลับมาได้  ทำท่าจะกลับไปเหลือเพียงความเงียบเหมือนเก่าเมื่อคนทั้งสองนึกเรื่องที่เหมาะแก่การพูดต่อในเวลาแบบนี้ไม่ออก...



   และเพื่อป้องกันไม่ให้มันเป็นอย่างนั้น   อาทิตย์ก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู


   
   “เริ่มดึกแล้ว   ผมว่าผมกลับไปจัดของที่โรงแรมดีกว่า    พรุ่งนี้ต้องไปรอเช็คอินขึ้นเครื่องตั้งแต่เช้า" ชายหนุ่มเอ่ยปากบอกคนข้างกาย

   เมษามองคนพูดนิ่งๆ  แล้วถามขึ้น "เครื่องออกกี่โมงนะครับ?”

   “เที่ยงครึ่ง   แต่ผมว่าจะไปเช็คอินตั้งแต่เก้าโมง"

   นักธุรกิจหนุ่มพยักหน้ารับรู้เบาๆ "อย่างนั้นก็ขอให้โชคดี  เดินทางปลอดภัย   ผมคงไปส่งคุณไม่ได้นะเพราะต้องไปทำงาน..”

   “อืม...ขอบคุณมาก   ทริปนี้เจ๋งที่สุดตั้งแต่ผมเคยไปเมืองนอกมา   นี่พูดจริงนะ...ไม่ได้ยอ" อาทิตย์กล่าวพร้อมรอยยิ้มยียวน "ยังไงก็ขอบคุณมากอีกครั้ง   ขอบคุณสำหรับอาหารคืนนี้ด้วย   ขอให้คุณโชคดีเหมือนกัน"

   เมษาแย้มยิ้มรับ "ขอบคุณครับ"

   กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ "ถ้าอย่างนั้นเราแยกกันตรงนี้เลยแล้วกัน   ผมว่าจะนั่งใต้ดินกลับโรงแรม   ไปก่อนนะ..." ชายหนุ่มยกมือขึ้นโบกให้เพืื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันจริงๆจังๆก็เมื่อไม่กี่วันก่อน   แล้วหมุนตัวเตรียมจะออกเดินไปยังทางลงสถานีรถไฟ

   เมษาโบกมือตอบพร้อมรอยยิ้ม "ลาก่อนครับ   รักษาตัวด้วย"

   


   นักธุรกิจหนุ่มยืนมองร่างที่ค่อยๆเดินลับหายจากสายตาไปด้วยความรู้สึกประหลาดในใจ...ก่อนจะก้มลงมองกล่องมือถือเครื่องใหม่ในมือแล้วพึมพำกับตัวเองเบาๆอีกครั้ง




   “โชคดีครับ..."




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
บอร์ดดิ้งพาสที่เพิ่งได้มาจากเคาท์เตอร์เช็คอินถูกโบกไปมาต่างพัดเข้าหน้าคนที่ถือมันไว้เบาๆ   

   อาทิตย์เขย่งตัวขึ้นพลางกวาดตามองไปรอบบริเวณ...เปล่า   เขาไม่ได้ชะเง้อหาใคร...เพียงแต่อยากจะดูว่าแถวนี้มีของกินอะไรน่าสนใจบ้าง   จำได้ว่าร้านที่มีอยู่หลังเกท  มีแต่ร้านที่เขาไม่นิยมทั้งนั้น

   ดังนั้นอาจจะเป็นการดีกว่าหากเขาหาของกินมันเสียตัั้งแต่ก่อนเข้าไป...


   
   ในที่สุด...ร้านฟาสท์ฟู๊ดหน้าตาถูกโฉลกกับเขาร้านหนึ่งก็เป็นผู้ถูกเลือก




   อาทิตย์เดินเข้าไปจับจองที่นั่งติดริมกระจกหลังจากซื้ออาหารมาเรียบร้อย   เบอร์เกอร์และเฟรนซ์ฟรายด์ถูกสลับกันเอาเข้าปากอย่างไม่รีบร้อน...

   ชายหนุ่มเหม่อมองรอบๆไปเรื่อยเปื่อยขณะทานอาหารในถาดของตนไปด้วย   เรื่องราวต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นที่นี่ในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาไหลเข้ามาในห้วงความคิดแบบไม่ต้องเค้น

   ความจริงแล้วกิจกรรมที่ได้ไปทำมันก็พื้นๆ...ไม่มีอะไรแปลกใหม่...

   อ้อ...ถ้าไม่นับเรื่องจูบเมื่อคืนน่ะนะ

   แต่ไม่รู้ทำไม  เขากลับรู้สึกสนุกสนานและตื่นเต้นกับทุกสิ่งราวกับเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยทำได้อย่างน่าประหลาด



   ถ้าจะให้คิดถึงเหตุผลจริงๆ..

   


   บางที...




   เมษาอาจจะเป็นตัวแปรก็ได้...




   จู่ๆภาพถ่ายโพลารอยด์ที่ได้มาเมื่อคืนก็ถูกดึงจากกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะเมื่อนึกถึงเพื่อนใหม่คนนั้น   ภาพที่ดาราชาวสิงคโปร์ชายหญิงสองคนยืนยิ้มใส่กล้องโดยมีพวกเขาสองคนยืนคั่นตรงกลางดูประหลาดชอบกล

   “กูทำหน้าอย่างกับปวดขี้" อาทิตย์พึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง   ก่อนจะต้องขำออกมาน้อยๆเมื่อหันไปโฟกัสกับชายหนุ่มที่ยืนข้างกัน "แต่สงสัยไอ้หมอนี่ปวดกว่ากูอีก..."

   จริงอย่างที่เขาว่า...

   สีหน้าของพวกเขาทั้งคู่ที่ปรากฏอยู่ในรูปดูอมทุกข์พิลึก

   สงสัยเป็นเพราะถูกถ่ายตอนกำลังช็อคกันอยู่หลังจากไอ้จูบมหาประลัยนั่น



   แล้วเมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้นขึ้นมา   อาทิตย์ก็ต้องยกมือกุมขมับขำอยู่คนเดียวอีกครั้งโดยไม่กลัวคนรอบข้างจะมองว่าเพี้ยนหรืออะไรทั้งสิ้น







   “หัวเราะคนเดียวไม่กลัวโดนหาว่าเป็นบ้าเหรอครับ?”







   ประโยคภาษาไทยจากเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งตัวขึ้นด้วยความตกใจ  ก่อนจะหันขวับไปมอง

   “อ้าว....” อาทิตย์ร้องอุทานเสียงยาวเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของใครที่กำลังนึกนินทาอยู่มายืนปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขา "...ไหนว่าทำงาน?”

   คนถูกถามเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเดินมาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม "...ก็..เมื่อเช้าบังเอิญไปเจอของที่คุณลืมไว้ที่ห้อง   เลยเอามาคืน...”

   อาทิตย์เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "ผมไปลืมอะไรไว้อ่ะ?”

   เมษาไม่ตอบ   เพียงแต่ยืนถุงใบเล็กมาให้อีกฝ่าย

   กราฟฟิคดีไซเนอร์รูปหล่อรับมันมาแล้วเปิดออกดูก่อนจะต้องเงยหน้าถามเสียงดัง "ถุงเท้า? ถุงเท้าเนี่ยนะ?”

   นักธุรกิจหนุ่มเบนสายตาหลบไปทางอื่นเล็กน้อยก็จะพยักหน้าเบาๆ

   “โอ้โห   สภาพมันเน่าจนเอาไปทิ้งได้ขนาดนี้  คุณยังอุตส่าห์โดดงานเอามาให้ผม...ทำไมเป็นคนดีอย่างนี้วะเห้ย?”

   คำกล่าวเยินยอที่ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือประชดของคนที่กำลัังจะบินกลับบ้านทำเอาคนฟังต้องยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเก้อๆ




   มันจะใช่ได้ยังไงล่ะ...โดดงานเพื่อเอาถุงเท้าเก่าๆมาคืน...



   
   แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงมันก็คลุมเครือเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เสียด้วย




   รูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะตกเป็นเป้าสายตาของชายหนุ่มในเวลาต่อมา   และอาทิตย์ที่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมันอยู่ก็หยิบมันขึ้นมาเก็บลงกระเป๋าไปก่อนจะกล่าวกลั้วหัวเราะขึ้น

   “รูปแม่งตลกดี   คุณกับผมหน้าตาดูไม่ได้เลย"

   เมษาที่ได้ยินอย่างนั้นก็ขำออกมาเบาๆเช่นเดียวกัน "ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นล่ะ"

   แล้วบรรยากาศบนโต๊ะก็เกิดเป็นความเงียบขึ้นอีกครั้งเมื่ออาทิตย์ก้มลงไปจัดการกับเบอร์เกอร์ของตนในถาดต่อ

   


   เมื่อสบโอกาส   เมษาจึงพูดขึ้นเบาๆ "คุณ...ผมขอบอกอะไรคุณอย่างนึงได้ไหม..."




   ได้ยินอย่างนั้นคนที่เพิ่งจะกลืนอาหารลงคอไปก็ผงกหัวขึ้นมามองด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

   “ฮั่นแน่! จริงๆไม่ได้ตั้งใจเอาถุงเท้ามาคืนหรอกใช่ไหม...จะมาสารภาพรักกันก็ไม่บอก!”



   นักธุรกิจหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา "ใช่ที่ไหน   เห็นอย่างนี้แต่ผมก็เลือกนะ...”



   อาทิตย์หัวเราะเสียงดังให้กับประโยคของอีกฝ่าย   รู้สึกถูกใจไม่น้อยที่เห็นเมษาเริ่มจะหัดตอบโต้ชาวบ้านเป็นบ้างแล้ว "งั้นมีเรื่องอะไรล่ะ?”


   ดวงตาคู่คมหลุบลงมองพื้นโต๊ะครู่หนึ่ง...พยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว


   “แหม...ทำเป็นเล่นตัวนะคุณ   บอกมาเร็วๆ ผมอยากรู้แล้ว" อาทิตย์เอ่ยเร่งขึ้น


   
   เมื่อถูกเร่งเร้า   เมษาก็เบนสายตากลับขึ้นมาอีกรอบ






   “ผมอยู่กับคุณแล้วสนุกมาก"






   อาทิตย์เลิกคิ้วขึ้นกับประโยคที่ได้ฟัง   ก่อนจะเผยเป็นรอยยิ้มกว้างในวินาทีต่อมา "ผมก็สนุกเหมือนกัน"

   “ไม่ใช่อย่างนั้น" เสียงทุ้มนุ่มแย้งขึ้นเบาๆ "มันไม่ได้สนุกธรรมดาน่ะสิ   แต่ผมอยากจะสารภาพว่าสามสี่วันที่ผ่านมา   หรือแม้กระทั่งตอนนี้ก็ด้วย...มันเป็นเวลาที่ผมรู้สึกสนุกที่สุดในชีวิตเลย"

   คนฟังหายใจกระตุกไปเล็กน้อยกับสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว...แต่ก็ยังคงเงียบและฟังต่ออย่างตั้งใจ

   “คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้  แต่เกิดมายี่สิบสี่ปี  ผมแทบไม่เคยทำอะไรอย่างที่ทำตอนอยู่กับคุณ...ผม...ไม่รู้สิ   ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร   แต่ผมรู้สึกสนุกมากจริงๆครับ...ขอบคุณมาก"

   น้ำเสียงจริงจังของเมษา   พาให้บรรยากาศบนโต๊ะแปรเปลี่ยนไป

   อาทิตย์ที่ได้ฟังอย่างนั้นก็นิ่งไปครู่   ริมฝีปากได้รูปเม้มเข้าหากันอย่างครุ่นคิดก่อนจะค่อยๆคลายออกในเวลาต่อมาเมื่อเจ้าของมันเริ่มพูดขึ้น

   “ผม...” กราฟฟิคดีไซเนอร์หนุ่มเกริ่นขึ้นด้วยเสียงที่เบากว่าปกติ "...ก็สนุกมากที่ได้อยู่กับคุณ...แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาไม่กี่วัน   แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าจริงๆข้างในคุณไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คุณบอกผมเมื่อวันก่อนสักหน่อย   เรื่องนี้อาจจะฟังดูไม่เกี่ยวกับเรื่องที่คุณเพิ่งจะบอกผม...แต่ผมอยากพูดว่า   ไม่ว่าก่อนหน้านี้คุณจะทำอะไรไม่ดีกับใครไว้...ถึงตอนนี้ถ้าได้รับการให้อภัยแล้ว   คุณก็ควรจะเอาตัวเองออกมาจากความทุกข์ได้สักที   ก็ไม่ได้บอกให้ใช้ชีวิตแบบผมหรอกนะ...เดี๋ยวอนาคตจะดับ...แต่ว่า   บางทีก็ปล่อยตัวตามสบาย  ลองทำอะไรตามใจดูบ้าง   คุณจะได้ไม่ต้องรู้สึกว่าการใช้ชีวิตมันเป็นเรื่องหนักหนาอยู่ตลอดเวลา...”

   สิ่งที่เขาพูด...เป็นความเห็นที่อยู่ในใจลึกๆ   ความจริงเมื่อวานก็พูดไปแล้วส่วนนึง...แต่การได้ย้ำอีกทีตอนที่มั่นใจแล้วว่าคำพูดของเขามีผลต่ออีกฝ่ายจริงๆ  มันยิ่งทำให้รู้สึกดีขึ้น

   เมษาพยักหน้ารับเบาๆให้กับสิ่งที่ได้ฟัง "ผมจะพยายาม...”

   “ดีแล้ว   ทำให้ได้นะ!   ผมอยากให้คุณมีความสุข...”

   นักธุรกิจหนุ่มยิ้มจางๆ "คุณเอง...ถ้ากลับไปก็อย่าไปเมาให้มันมากนะรู้หรือเปล่า   มันไม่ดีทั้งกับสุขภาพระยะยาว  และสวัสดิภาพของคุณด้วย   อย่าคิดว่าเป็นผู้ชายไม่มีอะไรต้องกลัว...ดูอย่างมิสเตอร์ลีสิ   คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาคิดจะทำอะไรกับคุณ...ดังนั้นรักษาตัวเองให้ดีๆหน่อย"

   อาทิตย์ขำออกมาเสียงดังอีกครั้ง

   “ขำทำไมครับ  ไม่ใช่เรื่องตลกสักหน่อย...แล้วก็ไอ้นิสัยพูดจาขวานผ่าซากอย่างนี้ยั้งๆไว้บ้างก็ดี   ขืนไปเจอคนใจร้อน  คุณได้โดนเขาต่อยเอาพอดี"

   “โอเคๆ   จะพยายามเหมือนกัน...” อาทิตย์กล่าวกลั้วหัวเราะ "ขอบคุณมากๆ"

   คนทั้งคู่นั่งจ้องตากันอยู่อย่างนั้นเงียบๆโดยไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาต่อ   จนกระทั่งได้ยินเสียงประกาศเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกับที่เขียนอยู่ในบอร์ดดิ้งพาสของอาทิตย์   ชายหนุ่มทั้งสองจึงได้เวลาลุกขึ้นร่ำลากันอย่างจริงจังเสียที

   “ถ้าครั้งหน้ามาที่นี่อีก   คุณมาพักที่ห้องผมก็ได้นะ   จะได้ประหยัดค่าโรงแรมให้เจ้านายคุณ" เมษาเอ่ยเสียงจริงจัง

   “จริงนะ...ผมทำจริงๆนะจะบอกให้   ถ้ามาบ่นทีหลังก็สายไปแล้วเตือนไว้ก่อน"

   “ผมพูดจริง...เอาล่ะ  ยังไงก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ" เมษาเอื้อมมือขึ้นตบที่ไหล่อีกฝ่ายเบาๆ

   “ขอบคุณ! ขอให้โชคดี!” อาทิตย์ยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วโบกไม้โบกมือเป็นการรำ่ลา   แล้วหมุนตัวเดินจากไป...หากแต่ยังเดินไปได้ไม่ถึงไหนชายหนุ่มก็หยุดฝีเท้าลงเสียก่อน

   เมษามองอากัปกิริยาของอาทิตย์อย่างงงๆ   อีกฝ่ายหันหลังอยู่...เขาก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่ากำลังก้มทำอะไร

   แล้วเพียงไม่อีกกี่วินาทีถัดมา   อาทิตย์ก็เดินกลับมาหาเขาอีกทีพร้อมเศษกระดาษยับยู่ยี่หนึ่งใบในมือ

   กระดาษใบที่ว่านั้นถูกยัดใส่มือเขาทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาถึงตัว "ผมไม่ได้เอานามบัตรมาด้วย   อันนี้เป็นที่อยู่กับเบอร์ติดต่อ   ถ้าคุณกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อไหร่...มาหาผมบ้างนะ...” อาทิตย์กล่าวรัวเร็ว...ไม่แน่ใจว่าเพราะรีบหรือเขินกันแน่...

   เมษาพยักหน้ายิ้มๆให้คนตรงหน้า "แน่นอน...”

   “เอ้อ...แล้วก็...” กราฟฟิคดีไซเนอร์รูปหล่อยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเก้อๆ   ก่อนจะเค้นเสียงพูดประโยคถัดมาได้แบบนึกกระดากตัวเองอยู่ในใจ "ขอกอดทีดิ...ผมซึ้งอ่ะ!”

   ว่าแล้วอาทิตย์ก็ตรงเข้ากอดหมับเข้าที่ลำตัวของอีกฝ่ายโดยไม่ต้องรอคำอนุญาต

   เมษาที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่อึกอักอำ้อึ้งในทีแรก   แต่ในที่สุดชายหนุ่มค่อยๆวาดสองแขนขึ้นโอบรอบอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน   ฝ่ามือหนาตบเบาๆบริเวณหลังของคนในอ้อมแขนก่อนจะพึมพำว่า "โชคดีๆ   อย่าลืมติดต่อมาบ้าง"

   และเมื่อสมควรแก่เวลาจริงๆเสียที  คนทั้งสองก็ผละออกจากกัน...




   เป็นครั้งแรกที่เมษาสังเกตว่าอาทิตย์มีอาการเขินเล็กน้อย   ใบหน้าที่มักจะดูขี้เล่นอยู่เสมอนั่นขึ้นสีจางๆเป็นหลักฐานได้อย่างดี




   “บายครับ"




   “บาย...”





   แล้วการพบกันของพวกเขาทั้งสองสิ้นสุดลงเพียงแค่นั้น

   แผ่นหลังของอาทิตย์ลับหายเข้าเกทไป  โดยที่เมษาได้แต่ยืนมองจากจุดเดิม...




๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐




   “เห้ย  นี่มันนายเมษานี่หว่า" เสียงอุทานดังขึ้นจากเต้เมื่อได้เห็นรูปถ่ายโพลารอยด์ที่เพื่อนร่วมงานเอามาอวด

   “ก็เออดิ  ส่วนผู้หญิงผู้ชายข้างๆนี่เป็นดาราลอดช่องเลยนะเว้ยจะบอกให้" อาทิตย์กอดอกพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "ไปรอบนี้แม่งเจ๋งสุดๆ"

   “แล้วมึงไปเจอเมษาได้ยังไงวะ?”

   “พรมลิขิต" พูดจบ  ไม่ต้องให้ถึงมือคนฟัง...หากแต่คนพูดเองนั่นแหละที่ทำท่าอาเจียนออกมา "ไม่ใช่แล้ว...พวกกูบังเอิญเจอกันแถวๆหน้าบริษัทไอ้แก่ลีมัน   เขาย้ายไปประจำสาขาที่นู่น..”

   “กูแม่งโคตรเหม็นขี้หน้าไอ้หมอนี่เลย" เต้พูดออกมาอย่างไม่ปิดบัง   ยังจำได้ดีถึงสายตาที่ผู้ชายคนนี้มองกวิน

   “เห้ยๆ อันนี้กูขอแก้ข่าว   จริงๆเขาแม่งเป็นคนน่าคบมากนะเว่ยกูจะบอกให้   เรื่องน้องปอมมันก็ปกติป่ะวะ...เขาชอบของเขามาตั้งนาน   อยู่ๆพี่วินได้ไปซะงั้น   เป็นใครแม่งก็ต้องมีตึงๆบ้างเป็นธรรมดา...”

   “อะไรของมึงเนี่ย   ไปอยู่กินกันมาไม่กี่วันก็ปกป้องเขาใหญ่เลยนะ"

   “อยู่กินบ้านพ่อมึงสิไอ้เหี้ยเต้   ก็กูเห็นอย่างนั้น...กูก็เลยอยากบอกมึงเอาไว้แค่นั้นเอง"

   “เออๆ   ช่างแม่งเหอะ...เห้ย...ว่าแต่มึงเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เหรอ?” เต้กล่าวเปลี่ยนเรื่องพลางพยักพเยิดไปยังโทรศัพท์มือถือเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะของอีกฝ่าย "สีแม่งเสร่อมาก   เห็นแล้วอี๋เลยว่ะ...มึงซื้อมาใช้ได้ไงเนี่ย   เสียชื่อสถาบันหมด...อย่าไปบอกใครนะว่าทำงานที่เดียวกับกู"
   
   “ก็ไอ้เครื่องนี้ไงที่กูบอกว่าโชคดีได้ฟรีมา   ลิมิเต็ดอิดิชั่นเลยนะ...ไอ้ดาราในรูปนี้แหละที่ออกแบบ" ชายหนุ่มยังไม่วายกล่าวด้วยความภูมิใจ   หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วพบว่าโทรศัพท์เครื่องที่ว่าสามารถเสียบซิมไทยใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องไปดิ้นรนหาที่ปลดล็อคมันให้วุ่นวายเหมือนบางยี่ห้อ   เขาก็เปลี่ยนมาใช้มันทันที...ไม่ได้เพราะสวยหรืออะไร   กลับกับ...ดีไซน์มันเสร่ออย่างที่เพื่อนเขาว่าจริงๆ   หากแต่...ไม่รู้ทำไม   เขารู้สึกอยากจะใช้...

   และในขณะที่พูดถึงมันอยู่นั้น   เจ้าโทรศัพท์เครื่องที่ว่าก็กระพริบไฟเตือนวิบๆ  เป็นสัญญาณว่ามีอีเมล์เข้า

   ชายหนุ่มคว้ามันขึ้นมาเปิดดู   ก่อนจะต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าผู้ส่งคือใคร

   เนื้อหาภายในมีตัวอักษรเขียนอยู่ไม่กี่คำ




   'คุณหลับตาทุกรูปเลย'




   ส่วนนอกจากนั้นก็เป็นรูปภาพที่สี่ห้ารูปที่แนบมาด้วย   ซึ่งทันทีที่ได้เห็นก็ทำเอาชายหนุ่มต้องเบิกตากว้าง

   ไม่รู้ว่าเมษาไปซื้อมาตอนไหน   แต่ไม่เห็นบอกเขาสักคำ...



   รูปที่ถ่ายโดยกล้องอัตโนมัติจากเครื่องเล่นน่าหวาดเสียวชนิดต่างๆที่พวกเขาไปเล่นมาในสวนสนุกยูนิเวอร์แซล   ถูกแสกนส่งมาให้   จำได้ว่าตอนนั้นเขายังบ่นอยู่เลยว่าทำไมมันขายแพงจัง  รูปละตั้งหลายดอล...ไม่น่าเชื่อว่าคนๆนี้กลับซื้อมันมาซะได้

   อาทิตย์ไล่มองแต่ละภาพอย่างพิจารณาอีกครั้ง   ก่อนจะต้องหัวเราะออกมากับแอคชั่นของตัวเองในทุกๆรูป

   ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็นรูปที่มาจากรถไฟเหาะอันที่เขาลงมาอาเจียนนั่นแหละ   คนอื่นๆบนรถต่างก็อยู่ในท่าทางแหกปากร้องด้วยความหวาดเสียว   แต่มีแค่เขาเพียงคนเดียวที่อมอ้วกไปจนแก้มปูด   แถมตาทั้งสองข้างยังเสือกปิดอยู่ด้วย...

   

   อัปรีย์สุดๆ



   และในขณะที่กำลังชื่นชมกับรูปถ่ายเหล่านั้นอยู่นั่นเอง   เสียงเตือนอีเมล์เข้าอีกฉบับหนึ่งก็ดังขึ้น

   อาทิตย์กดเปิดมันขึ้นดูก่อนจะพบว่ามันถูกส่งมาจากผู้ส่งรายเดิม



   'กลับถึงบ้านปลอดภัยดีใช่ไหม? ผมเพิ่งจะเจอเข็มขัดอีกเส้นของคุณลืมทิ้งไว้ในห้อง อยากให้ส่งกลับไปให้หรือเปล่า'



   อ่านจบชายหนุ่มก็ต้องทิ้งตัวลงไปกับพนักเก้าอี้แล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา



   ริมฝีปากได้รูปเม้มลงเบาๆในขณะที่ใบหน้าหล่อเหลายังคงเปื้อนยิ้ม

   แล้วในที่สุดอาทิตย์ก็ตัดสินใจก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรยิกๆส่งกลับไป...





   เป็นประโยคสั้นๆง่ายๆ  แต่ได้ใจความ



















   'อยากคุยก็แอดไลน์มาเลยดีกว่า'


















THE END.












ยาวโคตรพ่อโคตรแม่!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2012 16:59:05 โดย arunoki »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ยาวมากจริงๆ  สะใจ อิอิ

อ่านจบแล้ว อยากอ่านตอนพิเศษคู่นี้เพิ่ม  :z3: ชอบมาก เมษา ในอีกมุม ของคนที่รักน้องปอมมาก่อน ก็น่าสงสารเหมือนกัน แม้จะทำตัวผิดแต่เมื่อรู้และยอมรับ ก็ให้อภัย  :กอด1:

ขอตอนคู่ เมษ-อาร์ท เพิ่มด้วย  :m13:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-12-2012 18:27:31 โดย Poes »

ออฟไลน์ Starry[Blue]

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ nooklepper

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0

ออฟไลน์ naisojill

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
อร๊ายยๆๆๆๆๆ อยากอ่านของคู่นี้ต่อจังเลย
คูของปอมกัยพี่วินก็อยากอ่าน
โอ๊ยเลือกไม่ถูก T^T

ออฟไลน์ nunnuns

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1972
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
โคตรยาว!

โคตรน่ารัก!

โคตรใส!

โคตรถูกใจ!

โคตรปลื้ม!


แอร้ยยยยยยยยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nutjisub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-0
กรี๊ด สนุกมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขออีกได้หรือเปล่าเขียนอีกนะ อยากอ่านมาก ๆๆๆๆ เลย
ถ้าเมษา กับอาร์ท จะน่ารักขนาดนี้ละก็ เขียนให้มันยาว ๆๆ ไปอีกเลย ขอร้องนะค่ะ

ชอบมาก  :call:

ออฟไลน์ jayzaadt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
พี่วินน้องปอมมมมมมม
อ๊ายน่ารักวุ๊ย

thari

  • บุคคลทั่วไป
ยาวสะใจมากค่ะ!!!!

โอ๊ยยย ถูกใจ ชอบมากกก
ทั้งพี่เมษ ทั้งอาร์ทเลย

ฮาา อยากให้เป็นเรื่องยาวจังค่ะ
ช้อบชอบ  คนอย่างพี่เมษก็ต้องเจอคนอย่างอาร์ทนี่แหละเนอะ ^^

ขอบคุณนะค้า

ออฟไลน์ moon

  • We write our own destiny. We become what we do.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เคยเขียนแช่งชักหักกระดูกพี่เมษไว้ว่าให้โดนลูกน้องท่านกวินจัดการกำหราบให้เข็ดหาคู่ให้ซักคนแต่พออ่านตอนพิเศษจบไม่แน่ใจว่าลูกน้องท่านกวินจะเป็นฝ่ายโดนกำหราบแทนรึเปล่า55555555
เป็นตอนพิเศษที่ทำให้หายโกรธพี่เมษได้เลยขอบคุณค่ะเราชอบมากๆมีออกมาต่ออีกนะอยากให้พี่เมษสมหวังบ้าง

ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6
มาแบบนี้แหละดีแล้ว o13

รักคนเขียนที่สุด!!!!!!!! จ๊วบ!!!!!!!!!!!!!!! 555+++  :-[

ออฟไลน์ anchoviiz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-1
ตอนนั่งอ่านก็คิดนะ ว่ายาวโคตรพ่อโคตรแม่จริงๆ



แต่ชอบคู่นี้แล้วอะ มีต่ออีกนะๆๆๆๆๆๆๆ
มันค้างอะ นั่งอ่านไปยิ้มไป ชอบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
ยาวได้ใจจริงๆ

อยากอ่านต่อ น่ารักมาก  :กอด1:

ออฟไลน์ GETIIZ

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +90/-4
โคตรยาวววววววว โคตรจุใจ
แต่แมร่งโคตรชอบคู่นี้เลยหวะ อ๊ากกกกกก  :กอด1:
ไม่ผิดจากที่คิดไว้จริงๆ เมษา & อาทิตย์
เป็นคู่ที่เหมือนไม่น่าจะมีอะไรเข้ากันได้สักอย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าพออยู่ด้วยกันแล้วมันช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ตัวเองขาดหาย
โอ้ยยยยยยยยย
ขอคู่นี้ แบบเป็นเรื่องยาวเลยได้ไหมอะ *กราบบบบบ*  :z3:
อยากเห็นเรื่องราวของคู่นี้อีกอะ มันไม่พอออ ตอนนี้ปริ่มมากก ฟินมากกกก

ออฟไลน์ Hikaru23

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากอ่านคู่พิเศษอีกกกกกก :กอด1: คู่นี้น่ารักดี เหมือนเป็นการเติมเต็มส่วนที่อีกฝ่ายไม่มี ชอบตอนนี้มากค่ะ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ak@tsuKII

  • Honeymoon
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3845
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-3
คู่รักใหม่ ชอบๆ ดีใจกะเมษจะได้ไม่ตัองเศร้าแล้ว

ออฟไลน์ หมอตัวเปียก

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1874
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
อ่านแล้วรู้สึกอิ่ม...อิ่มกว่าพี่วินกะปอมตอนนี้ที่หวานๆน่ะ

ชอบบรรยากาศคนกำลังจีบกัน  :กอด1:

ออฟไลน์ gookgik

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-6
ยาวโคตรๆๆๆๆ สะใจมาก เหมือนเป็นซีรีย์อีกเรื่องหนึ่ง พอมาอ่านแบบนี้แล้วเกลียดเมษไม่ลงแล้ว    อาร์ทมาทำให้เมษได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้ เหมือนมากระชากหน้ากากที่เมษใส่ไว้ให้หลุดออกมา 

คนเขียนแต่งคู่นี้ต่อเลย  ถ้าจบเรื่องพี่วิน-น้องปอม  อยากอ่านคู่นี้ต่อ :L1: :pig4:

กด + และ + เป็ด ให้กับความยาวโคตรๆ ของตอนนี้


ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
*กรีดร้องเเบบไม่ออกเสียงงงงง แม่มอ่านแล้วจั๊กจี้เขินว่ะ

ออฟไลน์ kik

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 260
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
โคตรยาว  สุดโค่ย  ขอคู่นี้อีกได้ไหม  แบบว่าชอบอ่ะ    :z3:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
อยากอ่านตอนเปนแฟนกันแล้วอะค่ะ อิอิ น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ My_NT

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยาวมากกกกกกก ฟินมากกกก  :z2:
แต่ก็ยังอยากอ่านอีกเยอะๆๆ มีความสุขข  :impress2:
น่ารักมากอ่ะ ต่างคนต่างเฮิร์ท และก็ได้มาเจอกัน แล้วก็รักกัน คิคิคิ
บรรยากาศเหงาๆในต่างประเทศทำให้รักกันง่ายขึ้น
ดีละ พี่เมษจะได้เลิกเศร้าสักทีเนอะ
แต่เค้าอยากบอกว่า อ่านๆไปเค้าจิ้นพี่เมษเป็นรับ อาร์ทเป็นรุกอ่ะ
ลักษณะบุคลิกคำพูด มันทำให้จิ้นอย่างงั้นอ่ะ 555

อยากอ่านคู่นี้อีกกกกกก ชอบบบบ ขอพี่วินกับปอมด้วยยยน้า
รักคนแต่งที่สู้ดดดค่า  :กอด1:

ออฟไลน์ PK37

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
อ่านเรื่องนี้แล้วชอบอ่ะ อยากถ่ายรูปเป็นบ้างจัง

พี่วินที่ต้องวิ่งข้ามเขา(ฝ่าฟันอุปสรรคนานา)จนได้มาครองรักกับน้องปอม

และพี่เมษที่เป็นผู้ร้ายถอดยิ่งกว่าในละคร ที่ตอนแรกก็รู้สึกไม่ชอบพี่เมษเอาซะเลย

แต่พอได้อ่านมาถึง พี่เมษกับพี่อาร์ทแล้ว รู้สึกดีกับพี่เมษมากขึ้น

ตอนต้นพาร์ทนี้ก็คิดว่าจะมีโมเมนท์ไหนน้าที่จะทำให้สองคนนี้จูนกันได้

พอเจอโมเมนท์นั้น กลายเป็นโมเมนท์วาบหวิบกิ๊บกิ๊ว(ศัพท์อะไรฟระ)

ความจริงพี่เมษแอบโนเนะนะเนี่ย จูบแรกซะด้วย คิคิ

ไว้เอาพัฒนาการของพี่เมษกับพี่อาร์ทมาให้อ่านอีกนะคะ

ต่อจากนี้ก็รอน้องปอมพาพี่วินกลับบ้าน น้องปอมหนักใจน่าดู

แต่ระดับพี่วินแล้วน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ^^

เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ ::UsslaJlwaJ::

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1011
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-4
ยาวมาก น่ารักมาก สนุกมาก ฟินมากๆๆๆๆเลย เดาคู่ถูกด้วยดีใจ 55555

ออฟไลน์ piggie

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านแล้วขอเชียร์คู่นี้ค่า.....

น่ารักได้โล่ห์ ความเหมือนที่แตกต่างสุดๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด