.
.
.
.
คอมพิวเตอร์โน็ตบุ๊คถูกยกมาวางตรงหน้าเด็กหนุ่ม หน้าจอที่ปรากฏอยู่เป็นเมล์บ็อกซ์ของกวินที่ถูกเปิดค้างไว้
ช่างภาพคนดังคลิ๊กเข้าไปที่อีเมล์ฉบับหนึ่ง เนื้อหาภายในถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษยาวเป็นพรืด
“ปอมจำโปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์ได้ไหม ที่เจอกันที่นิวยอร์ก" กวินหันมาถามกับคนที่ยังทำหน้างงๆ "คนที่เป็นอาจารย์ของพี่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยน่ะ"
“อ๋อ...จำได้ครับ เขาทำไมเหรอ?”
“วันก่อนเขาส่งอีเมล์ฉบับนี้มาให้พี่ พูดถึงเรื่องปอม...ลองอ่านดูสิ แล้วถ้าไม่เข้าใจพี่จะอธิบายให้ฟังอีกที"
จักรวาลยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก จึงได้แต่ทำตามที่คนรักบอก
เนื้อหาในอีเมล์ฉบับที่ว่าถูกจั่วหัวว่าส่งมาเพื่อคุยเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา เมื่อไล่อ่านไปเรื่อยๆเด็กหนุ่มก็ค่อยๆแสดงปฏิกิริยาแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงของจดหมาย เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวขมวดคิ้ว
เขาไม่ได้เข้าใจมันดีทุกประโยคหรอก แต่ก็พอจับใจความได้...
ศจ.เทย์เลอร์เขียนมาบอกกวินว่าปีหน้ากำลังจะเกษียณตัวเองจากการทำอาชีพอาจารย์จึงอยากจะใช้เวลาในช่วงหนึ่งปีที่เหลือนี้ทำงานวิจัยชิ้นสุดท้ายร่วมกับอาจารย์ด้านศิลปะการแสดงอีกท่านที่จะเกษียณไปพร้อมกัน สำหรับตัวจักรวาล...ศจ.เทย์เลอร์เขียนมาว่าเห็นแววบางอย่างเลยอยากจะชวนมาร่วมทำโปรเจ็คก่อนเกษียณที่ว่านี้ด้วยกัน ศจ.เทย์เลอร์คิดว่าเขาคงสนใจเนื่องจากมันเป็นชิ้นงานที่จะต้องถ่ายภาพเจาะลึกเกี่ยวกับอารมณ์ดิบของคนซึ่งเป็นจุดเด่นของเขาและคิดว่าเขาจะสามารถมาทำหน้าที่เป็นส่วนสำคัญในงานชิ้นนี้ได้...
“อ่านแล้วเป็นยังไง...เข้าใจใช่ไหม?” กวินที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังถามเด็กหนุ่มขึ้นที่ข้างหู สองแขนโอบเอวคนในวงแขนไว้หลวมๆ
จักรวาลพยักหน้าเบาๆ "พอจะเข้าใจครับ...” หัวใจเต้นแรงอยู่ในอก บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรในตอนนี้
“แล้วคิดยังไง...อยากไปไหม?”
เด็กหนุ่มขบกัดริมฝีปากครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆตอบออกมา "อยากมากๆ...แต่ปอมยังเรียนไม่จบ พูดภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยเก่ง...”
“เรื่องเรียน...พี่ลองถามพี่วิทย์ไว้บ้างแล้วล่ะ...พี่วิทย์บอกว่าก็ดร็อปไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนปีหน้าก็ได้ เพียงแต่ปอมจะจบช้ากว่าเพื่อนๆปีนึง ต้องเลือกเอา...แต่พี่บอกได้เลยว่าโอกาสแบบนี้ไม่ได้มาง่ายๆในชีวิต" กวินอธิบายน้ำเสียงจริงจัง "...ส่วนเรื่องภาษาไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวล คนที่ไปอยู่เมืองนอกแรกๆก็เป็นอย่างนี้กันทั้งนั้น อยู่ไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็พูดได้ฟังได้เอง แล้วจริงๆปอมก็มีพื้นฐานที่โอเคอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก"
เด็กหนุ่มหลุบตาลงต่ำหลังฟังจบ...
“ทำไม?...ยังมีเรื่องอื่นที่กังวลอยู่อีกใช่ไหม?” กวินถามออกมาอย่างรู้ทัน "เรื่องค่าใช่จ่าย...”
“ไม่ได้นะครับ ผมจะไม่ให้พี่วินออกเงินให้ผมอีก พี่ซื้อนู่นซื้อนี่ให้ผมเยอะมากแล้ว" เยอะเกินไปแล้วด้วยซ้ำ ถึงแม้ในอีเมล์ ศจ.เทย์เลอร์จะบอกว่าค่าใช้จ่ายที่ส่วนเกี่ยวกับการทำงานจะขอทุนจากมหาวิทยาลัยมาให้ แต่ค่าอยู่ค่ากินอย่างไรเขาก็คงต้องออกเอง ซึ่งเด็กบ้านนอกจนๆอย่างเขาคงไม่มีปัญญาส่งตัวเองไปถึงขนาดนั้นแน่ๆ แล้วก็คงไม่พ้นอีหรอบเดิมที่กวินจะต้องควักกระเป๋าจ่ายให้เขาอีกตามเคย...
“ทำไมล่ะ...ยังไงเราก็เป็นแฟนกัน พี่เองก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน เงินก้อนเท่านี้ไม่ได้ทำให้พี่เดือดร้อนอะไร" ชายหนุ่มกล่าวออกไปแบบนั้นทั้งที่รู้อยู่แล้วล่ะว่าจักรวาลจะต้องค้านเรื่องนี้ เพราะมันเท่ากับการส่งเสียเลี้ยงดูชัดๆเลย "ปอมจะยอมทิ้งโอกาสดีๆอย่างนี้ไปเหรอ?”
“ถ้าจะไปจริงๆ ผมก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างนิดหน่อย น่าจะมีใช้ไปได้สักสองสามเดือนถ้าไปอยู่ที่นู่น ส่วนที่เหลือถ้าไปทำงานพาร์ทไทม์เอาก็น่าจะพออยู่ได้...” แน่นอนว่าเขาไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้ทำงานกับปรมาจารย์ระดับนี้ไป นี่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเท่าที่เขาคิดได้ แต่อย่างไรก็ดี...ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจใหญ่ครั้งนี้
“เสี่ยงไปนะแบบนั้น อีกอย่าง...ไหนๆก็ได้ไปทำงานดีๆ ก็น่าจะใช้เวลาเต็มที่ไปกับมัน พี่ไม่อยากให้เราแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นที่ไม่จำเป็น" ช่างภาพคนดังพยายามอธิบายให้เด็กหนุ่มฟังอย่างใจเย็น "...เพราะพี่รู้ว่าปอมจะรู้สึกแบบนี้ถ้าพี่ออกเงินให้...พี่ถึงได้อยากพาเราไปแนะนำกับพ่อแม่ แล้วก็อยากจะแนะนำตัวเองให้แม่ปอมรู้จักเหมือนกัน...”
จักรวาลเงยหน้าขึ้นมองคนพูด...
“...อย่างน้อยๆ ถ้าเราคบกันอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่...มันจะได้ไม่เหมือนว่า พี่แอบเลี้ยงดูปอมอยู่แบบที่ปอมเคยกลัวตอนนั้นไง" ครั้งนั้น...ยังจำได้ดี ที่เด็กหนุ่มคิดว่าเขาจะทำตัวเป็นเสี่ยส่งเสียเลี้ยงดูจนเกือบจะหนีไป ขนาดตอนนั้นยังไม่ได้คบกัน...เขายังแทบเป็นบ้าตาย
การบอกเรื่องคนรักกับครอบครัวก็เหมือนเป็นการให้คำยืนยันว่าพวกเขาจริงจังกับความรักครั้งนี้กันทั้งคู่...ไม่ใช่คบกันฉาบฉวยประเภทที่ว่าได้กันแล้วก็จาก รับเงินแล้วก็ชิ่งอะไรแบบนั้น
“หรือถ้ายังไม่สนิทใจ เรียนจบมีงานทำเมื่อไหร่ค่อยๆหามาคืนก็ได้...ถือว่าพี่ให้ยืมก็ยังดี" ช่างภาพหนุ่มลูบหัวคนรักเบาๆด้วยความเข้าใจ "...เอาเถอะ...ค่อยๆคิด ยังไม่ต้องมีคำตอบวันนี้หรอก พี่รู้ว่าเรื่องใหญ่แบบนี้ตัดสินใจทันทีคงไม่ได้ ลองไปนั่งคิดดูดีๆก่อนเถอะ"
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะลอบถอนหายใจแผ่วเบา...
ที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เขาลังเล...
ไม่ใช่ว่าติดแฟนหรืออะไร...แต่ก็นะ...
ห่างกันตั้งเป็นปี...
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“อ้าว...อย่างนี้มึงก็ต้องจบไม่พร้อมพวกกูอ่ะดิ?" อ้นกล่าวก่อนจะร้องโอดโอยอย่างเสียดาย "มึงไม่อยากใส่ครุยถ่ายรูปพร้อมพวกกูเหรอว้า?...”
“อยากสิวะ...แต่ว่านี่มันก็เป็นโอกาสที่ไม่ได้มีมาง่ายๆ ผ่านตอนนี้ไปแล้วอาจจะไม่มีอีกเลยก็ได้...” เด็กหนุ่มอธิบายให้บรรดาผองเพื่อนฟังด้วยสีหน้าห่อเหี่ยว อยากไปก็อยากไป...แต่ก็เซ็งเหมือนกันแหละที่จะไม่ได้จบพร้อมเพื่อน
สามวันที่ผ่านมาเขาเอาเรื่องนี้กลับไปคิดแล้วคิดอีกเป็นสิบตลบ จนในที่สุดก็ได้คำตอบออกมาว่าเขาไม่สามารถทิ้งโอกาสดีๆอย่างนี้ไปได้จริงๆ เช้าวันนี้เขาจึงเอาเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนฟัง โดยที่ได้รับปฏิกิริยากลับมาแบบเมื่อสักครู่...สมาชิกในกลุ่มทุกคนต่างตกใจกันหมด
“ไม่เอาสิไอ้อ้น โอกาสขนาดนี้เป็นมึงมึงก็ไปใช่ไหมล่ะ ใครทิ้งลงก็โง่แล้ว" เจพูดขึ้นอย่างมีเหตุผลทั้งที่ในตอนแรกเป็นคนที่อุทานเสียงดังกว่าใคร "มึงไปครั้งนี้ก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาให้เยอะๆนะรู้ไหมไอ้เตี้ย แก่ไปจะได้รวยๆแล้วเอาเงินมาเลี้ยงพวกกูได้"
“แล้วนี่พี่วินเขารู้หรือยังวะ" ก็อปแก็ปเอ่ยปากถามอย่างสงสัยพลางจินตนาการว่าถ้าต้องห่างกับเพื่อนเขาหนึ่งปี ช่างภาพชื่อดังคนนั้นจะเฉาตายไปเลยไหม
“ก็พี่วินนี่แหละที่มาบอกเรื่องนี้กับกู แต่กูยังไม่ได้บอกเขาหรอกว่ากูตัดสินใจได้แล้ว เดี๋ยวบ่ายนี้เลิกเรียนว่าจะไปหาที่บริษัท"
“แปลกเว้ยที่เขายอมให้มึงไป เห็นตัวติดกันเป็นตังเมซะขนาดนั้น"
“ไอ้โง่แก็ป ก็เขารักไอ้ปอม เขาก็ต้องอยากให้มันได้ไปทำสิ่งที่มันรักสิ" เม้งเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาดีดหัวไอ้เพื่อนกะโหลกหนาไปแบบไม่เบาเสียหนึ่งที
จักรวาลที่ได้ฟังอย่างนั้นก็ได้แต่พูดเบาๆกับตัวเอง "อืม...พี่วินเขาให้แต่สิ่งดีๆกับกูตลอดแหละ...”
“...กูเองก็อยากทำอะไรดีๆให้เขาบ้างเหมือนกัน...”
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
“พี่กิ๊ฟท์สวัสดีครับ" เสียงทักที่ดังขึ้นบริเวณหน้าเคาท์เตอร์เรียกให้หญิงสาวประจำตำแหน่งรีเซ็ปชั่นที่กำลังก้มหน้าก้มตาจิ้มมะม่วงเข้าปากต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“อ้าว น้องปอม! ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดถึงจังเลย เป็นยังไงบ้างจ้ะ"
“สบายดีครับ พี่กิ๊ฟท์สวยขึ้นหรือเปล่าเนี่ย"
“แหม ปากหวานจริง ชมอย่างนี้เดี๋ยวพี่วินได้มาหักคอพี่พอดี" หญิงสาวกล่าวพลางยิ้มขำ "แล้วนี่มาหาพี่วินเหรอจ้ะ?"
“ก็ใช่ครับ แต่มาเยี่ยมพวกพี่ด้วยแหละ เข้าไปข้างในได้ไหม?...มีประชุมอะไรกันอยู่หรือเปล่าครับ?”
“ไม่มีๆ เข้าไปได้เลย คนอื่นๆคงดีใจน่าดูที่ปอมมา"
“ขอบคุณมากครับผม เจอกันครับพี่" จักรวาลพยักหน้าน้อยๆก่อนเดินเข้าไปยังเขตที่นั่งทำงาน
เด็กหนุ่มกล่าวทักทายกับบรรดาพนักงานที่คุ้นเคยกันทุกคนทันทีที่เข้าไปถึงบริเวณ
“เห้ย! ไม่ได้เจอนานมาก โดนพี่วินแอบเอาไปกกไว้ใช่ไหมเนี่ย ไม่ยอมพามาเจอพวกพี่เลย" เต้ที่เดินเข้ามาหาเอ่ยปากแซวไปถึงเจ้านายที่นั่งทำงานไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว
“ไม่ใช่สักหน่อย ผมก็มาหาแล้วนี่ไงพี่เต้" เด็กหนุ่มขำน้อยๆ "พวกพี่ๆเป็นยังไงกันบ้างครับ สบายดีหรือเปล่า"
“สบายดี แต่งานหนักชิบเป๋งเลยช่วงนี้ เมื่อไหร่จะกลับมาช่วยพวกพี่ทำงานอีกล่ะเรา"
“คงอีกนานเลยครับ...แล้วนี่พี่จอม พี่มล แล้วก็พี่อาร์ทไม่อยู่เหรอครับ" จักรวาลเอ่ยถามถึงพี่พนักงานที่สนิทด้วยอีกสามคนซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่เข้ามาคุยกับเขานี่ ความสนุกที่เคยได้รับจากการทำงานที่บริษัทแห่งนี้ยังคงสดใหม่อยู่ในความรู้สึก ผู้ร่วมงานก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เขารักเช่นเดียวกับตัวงาน ก็หวังว่าสักวัน...หลังเรียนจบ เขาคงจะได้มาทำงานที่นี่ร่วมกับพี่ๆทุกคนอีก
“พี่มลกับไอ้จอมไปเจอลูกค้า ส่วนไอ้อาร์ทพี่วินส่งมันไปตามเก็บงานที่สิงคโปร์...ว่าแต่เราเถอะ วันนี้ไม่ได้มาหาพวกพี่หรอกใช่ไหม รู้นะ" เต้ยักคิ้วหลิ่วตามองเด็กหนุ่มอย่างรู้ทัน "เข้าไปสิ...เฮียแกอยู่ในห้อง"
“เปล่าสักหน่อย มาหาพวกพี่ด้วยนั่นแหละ" เด็กหนุ่มบ่นพึมพำเบาๆแก้เขิน แต่สุดท้ายก็เอ่ยปากขอตัวไปหาคุณเจ้าของบริษัทอย่างที่เต้ว่าพร้อมด้วยเสียงแซวที่ดังไล่หลังมาอย่างเลี่ยงไม่ได้
.
.
.
.
-ก็อก ก็อก ก็อก-
“เข้ามา" ช่างภาพคนดังที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็คฟิล์มเนกาทีฟอยู่ที่โต๊ะไฟเอ่ยปากอนุญาตเสียงเรียบ พลางนึกสงสัยในใจว่าใครกันที่มาเคาะเสียสุภาพขนาดนี้ เพราะหากเป็นปกติ ไอ้เจ้าพวกเต้มันมีแต่จะทุบประตูด้วยระดับความแรงที่เรียกว่าระยำแล้วก็เปิดพุ่งพรวดเข้ามาเลยนั่นแหละ
“พี่วิน...” เสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากด้านหลังเรียกใช้ชายหนุ่มต้องรีบหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้ม
“ปอม! มาได้ไง?" ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปปิดสวิทช์ไฟโต๊ะก่อนจะเดินนำเด็กหนุ่มไปที่โต๊ะประจำตำแหน่ง
“มารถเมล์ มีเรื่องจะมาคุยกับพี่วิน...รบกวนหรือเปล่าครับ เดี๋ยวนั่งรอจนถึงเวลาเลิกงานแล้วค่อยคุยก็ได้นะ"
“ไม่หรอก พูดมาได้เลย" กวินกล่าวตอบพลางยื่นทิชชู่ให้เด็กหนุ่มเช็ดเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวอยู่ตามไรหน้าผาก เดินทางเอาช่วงบ่ายแดดเปรี้ยงๆแบบนี้ก็คงต้องร้อนหน่อยล่ะ "เรื่องอะไรเหรอ?"
“เรื่องที่โปรเฟสเซอร์เทย์เลอร์ถามมาครับ"
กวินยิ้มน้อยๆก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณให้เด็กหนุ่มพูดต่อ
“ปอม...จะไปครับ" เด็กหนุ่มจ้องตาคู่สนทนาไปด้วยขณะที่พูด "เงินทั้งหมดปอมจะรีบหามาคืนพี่ให้เร็วที่สุดหลังจากหางานทำได้"
ช่างภาพหนุ่มพยักหน้าอย่างพอใจ "ต้องอย่างนี้สิ เรื่องเงินลืมๆมันไปบ้างก็ได้ ไม่ต้องรีบหรอก ที่สำคัญคือคิดเรื่องถ่ายรูปให้เยอะเข้าไว้นะ"
“เอ่อ...แล้วก็...เรื่องแม่...อาทิตย์หน้าผมจะพาพี่วินไปแนะนำครับ"
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยังคงทำให้เด็กหนุ่มหนักใจอยู่ลึกๆ ทีแรกก็กะว่าจะโทรไปเกริ่นไว้ก่อน แต่คิดไปคิดมาถ้าได้คุยโดยที่เห็นหน้ากัน อาจจะทำให้เข้าใจกันง่ายกว่าก็ได้
เห็นทีคงต้องไปเริ่มเอาตอนนั้น...
ได้ยินอย่างนี้กวินก็ยิ้มออกมากว้างๆ ไม่ว่าแม่ของจักรวาลจะยอมรับเขาตั้งแต่แรกหรือไม่อย่างไรก็ตาม แต่ก็เชื่อได้ว่าความมั่นคงที่เขาทุ่มให้กับเด็กหนุ่มจะทำให้เธอเข้าใจได้ในที่สุด
“...จะได้ไปเที่ยวภูเก็ตกับปอมแล้ว...ดีใจจัง...”
TBC.
ตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่(ออกตัว 555) เป็นเหมือนตอนที่ให้ข้อมูลและปูเรื่องไปสู่ตอนต่อไปมากกว่า
มีเรื่องอยากจะสารภาพค่ะ คือว่า...
ลืมไปแล้วว่าตอนแรกจะให้น้องปอมเป็นคนจังหวัดอะไร แล้วก็ไม่แน่ใจด้วยว่าเคยเขียนไปในบทไหนหรือเปล่าถึงเรื่องถิ่นกำเนิดของน้องปอม กลับไปหาก็หาไม่เจอ
ดังนั้น...ขอพูดแบบชุ่ยๆตรงนี้ไว้เลยว่า ถ้าเกิดใครบังเอิญจำได้ว่าน้องปอมเป็นคนจังหวัดอะไรให้ลืมๆไปเลยนะ แล้วคิดใหม่ว่าเป็นคนภูเก็ต เดี๋ยวจะกลับไปรีไรท์เอาใหม่อีกทีค่ะ แหะๆๆ

ปล.ตอนหน้าตอนพิเศษ พี่เมษกับ...(อ่านตอนนี้จบคิดว่าคงมีคนตะหงิดใจแล้วล่ะ 5555 สำหรับใครที่ยังโกรธพี่เมษก็ข้ามๆไปเลยก็ได้เน้อ ไม่ว่ากัน)
ปล2.ถ้าไม่นับตอนพิเศษ อีกประมาณสามสี่ตอนเรื่องก็จะมาถึงตอนอวสานแล้วนะเออ