หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนจบ และ บทส่งท้าย หน้า 133  (อ่าน 1375528 ครั้ง)

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



สารบัญ


หัวใจหลังเลนส์ # prologue
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 1
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 2
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 3
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 4
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 5
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 6
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 7
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 8
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 9
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 10
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 11
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 12
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 13
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 14
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 15
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 16
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 17
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 18
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 19
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 20
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 21
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 22
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 23
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 24
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 25
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 26
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 27
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 28
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 29
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 30
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 31
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 32
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 33
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 34
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 35
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 36
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนพิเศษ : เดือนเมษา วันอาทิตย์
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 37
หัวใจหลังเลนส์ # ตอนที่ 38
หัวใจหลังเลนส์ # epilogue






หัวใจหลังเลนส์
#prologue

   

        รูปถ่ายจำนวนหลายร้อยใบในอุ้งมือใหญ่  ถูกพลิกดูเรื่อยๆโดยเจ้าของฝ่ามือร่างหนา  ดวงตาคมกริบที่ทอดมองลงมาที่รูปแต่ละใบนั้นไม่ฉายแววใดๆ  เพียงแต่จะมีสักสามถึงสี่ครั้งที่มันหรี่ลงอย่างพินิจพิจารณาภาพที่ถูกใจ 
   
   ไม่ใช่ว่าเขาดูถูกฝีมือของช่างภาพมือสมัครเล่นอย่างนักศึกษาที่ส่งภาพมาประกวดเหล่านี้  กลับกัน  เขาตั้งใจอย่างยิ่งยวดแล้วที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งที่เจ้าของภาพแต่ละใบพยายามจะสื่อ  เพียงแต่ภาพส่วนมากที่ถูกส่งมานี้กลับขาดเรื่องราว  ขาดอารมณ์  ขาดความรู้สึก  แม้เทคนิคที่ใช้นั้นจะแพรวพราวแค่ไหนก็ตาม 
   
   -ก็อก ก็อก-

   “เข้ามา” เสียงทุ้มต่ำกล่าวเบาๆในขณะที่สายตายังคงไล่มองปึ้งภาพถ่ายในมือไปเรื่อยๆ

   ประตูสีดำด้านบานเรียบถูกเลื่อนเปิดออกโดยไอ้เต้  กราฟฟิกดีไซเนอร์ตัวดีประจำบริษัท  ก่อนสองขาในกางเกงยีนเก่าขาดจะพาร่างอวบๆมายืนเท้าโต๊ะที่ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้านั่งอยู่
   “เป็นไงบ้างพี่วิน  มีรูปเจ๋งๆบ้างป่ะ” เต้ชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมามองภาพถ่ายอย่างสนอกสนใจ  พลางนึกย้อนไปถึงความรู้สึกในสมัยที่ตนยังเป็นนักศึกษาอยู่  ก็เคยอยู่ครั้งสองครั้งล่ะนะที่ลองส่งภาพถ่ายเข้าประกวดตามงานแบบนี้บ้าง  แม้สายงานหลักของตนจะเป็นงานออกแบบกราฟฟิกก็ตาม  แต่ตอนรอลุ้นผลนี่ยังหวังใจแทบจะขาด  ป่านนี้เด็กๆเจ้าของภาพถ่ายที่อยู่ในมือเจ้านายจอมเฮี๊ยบของเขาคงตื่นเต้นกันน่าดู 

   ร่างสูงบนเก้าอี้ทรงเก๋ส่ายหน้า  ก่อนตอบออกมาเบาๆ “สกิลดีแต่ไม่มีเรื่องราว”

   คำตอบที่ได้รับเป็นอันเข้าใจได้   กวิน  จารุกิิตติ์  เป็นชื่อที่หลายคนรู้จักกันดีในฐานะช่างภาพชื่อดังของเมืองไทย  สไตล์การถ่ายภาพที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวและความสามารถในการเล่าเรื่องผ่านภาพนิ่งพาให้เขาก้าวข้ามฝีมือดาษดื่นของช่างภาพทั่วไปมายืนอยู่แถวหน้าได้ด้วยวัยเพียง 25 ปี  และหากพูดถึงนามสกุลจารุกิตติ์  คงมีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักตระกูลเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครองแชมป์สร้างผลประกอบการได้มากเป็นอันดับต้นๆในบรรดาธุรกิจประเภทเดียวกันในเมืองไทย  แต่กระนั้น  แม้จะมีกิจการใหญ่โตของครอบครัวตัวเองรองรับอยู่แล้ว  แต่ชายหนุ่มก็ยังคงมุ่นมั่นที่จะทำตามความต้องการของตัวเองจนในที่สุดก็ได้แยกตัวออกมาเปิดบริษัทขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่อย่าง Photo Factory Studio นี้เป็นของตัวเอง  โดยปราศจากการขัดแย้งจากทางบ้านเนื่องจากฝีมือจัดจ้านของชายหนุ่มได้พิสูจน์ให้ใครต่อใครเห็นแล้วว่าในอนาคตอันใกล้นี้  ชื่อของช่างภาพอันดับหนึ่งคงจะตกเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

   ภาพถ่ายใบสุดท้ายในมือถูกคว่ำลงแยกไว้ในกอง 'ไม่ผ่าน' บนโต๊ะทำงาน  จำนวนภาพในกองนี้สูงลิ่ว  ภาพทั้งหมดจำนวนหลายร้อยใบที่ถูกคัดออกกองพะเนินชวนสิ้นหวังอย่างไรบอกไม่ถูก   ส่วนกอง 'ผ่าน' นั้นไม่ต้องพูดถึง  มีภาพถ่ายเพียงไม่กี่สิบใบที่หัวแข็งผ่านเข้ามาได้

   “แล้วเข้ามานี่มึงมีเรื่องอะไร” อย่าแปลกใจไปหากไม่เคยเห็นเจ้านายที่ไหนพูดกับลูกน้องด้วยวาจาหยาบคายเช่นนี้   สำหรับโฟโต้แฟคตอรี่สตูดิโอแล้ว  ภาษาพ่อขุนรามถือเป็นภาษาราชการที่ใช้กันอย่างถูกกฏหมายในอาณาจักรเล็กๆแห่งนี้ 

   เต้ยื่นซองเอกสารประทับตราไปรษณีย์สีน้ำตาลมาตรงหน้า “น้องกิฟท์ที่เคาท์เตอร์ฝากมา  เห็นว่าเป็นจดหมายด่วนจากพาราโบลา”
   พาราโบลาที่ว่านี้เป็นชื่อของนิตยาสารหัวนอกชื่อดัง  ที่เนื้อหาในเล่มนำเสนอเกี่ยวกับวงการศิลปะและการออกแบบไว้อย่างอัดแน่น  และก็เป็นพาราโบลานี่แหละที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดประกวดภาพถ่ายที่ว่านี้ขึ้นมา  โฟโต้แฟคสตูเป็นเพียงผู้สนับสนุนเท่านั้น
   หนุ่มร่างขาวอวบวางซองลงบนโต๊ะ  ก่อนขอตัวกลับไปทำงานของตัวเองต่อ

   ฝ่ามือหนาเอื้อมหยิบซองปริศนามาเปิดออกดู  ภายในมีกระดาษชี้แจงหนึ่งแผ่น  และซองเล็กๆซ้อนอยู่อีกหนึ่งซอง  ในกระดาษชี้แจงเขียนอธิบายเอาไว้ว่านี่เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายที่ส่งมาถึงมือพาราโบลาเพียงวันเดียวหลังหมดเขตรับภาพ  ซึ่งโดยปกติทางพาราโบลาไม่ได้มีนโยบายรับผลงานงานที่ไม่ตรงเวลา  แต่สำหรับกรณีนี้  ทางเจ้าของผลงานได้ชี้แจงว่ามีเหตุสุดวิสัยทำให้การส่งภาพล่าช้า  จึงขอให้กวินซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินช่วยเอาไปพิจารณารวมกับผลงานอื่นๆที่ส่งมาให้ก่อนหน้านี้ด้วย

   ชายหนุ่มดึงซองอีกซองที่ซ้อนอยู่ในซองนี้อีกทีขึ้นมาเปิด  ภาพถ่ายโทนสีขาวดำถูกดึงออกมา 

   ชายหนุ่มชะงักไปเมื่อพินิจเนื้อหาในภาพอย่างเต็มตา  เด็กชายตัวแกนผิวหยาบกร้านในชุดเก่าขาดวิ่นยืนเขย่งเกาะขอบถังขยะเทศบาล  ที่ขอบอีกฝั่งหนึ่งมีแมวขี้เรื้อนขดหลุดร่วงเห็นผิวหนังบางส่วนนั่งเกาะอยู่  มือผอมลีบข้างหนึ่งของเด็กชายรื้อค้นอยู่ในถังขยะ  ในขณะที่มือที่เหลือว่างอีกข้างก็ยื่นเศษอาหารใส่ปากเจ้าแมวเพื่อนร่วมชะตากรรมที่อ้าปากรับอย่างไม่อิดออด  จุดโฟกัสที่ดึงสายตาของกวินให้หยุดนิ่งมองอยู่เป็นนาทีๆคือแววตาของเด็กน้อย  เป็นแววตาที่แสดงถึงความเมตตา  ความเอ็นดูสิ่งมีชีวิตผู้ด้อยโอกาสตรงหน้า  ทั้งที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีอะไรกินเช่นเดียวกัน  โทนภาพสีขาวดำที่นำเสนอความคอนทราสท์ของแสงและเงาอย่างหนักหน่วงยิ่งพาให้อารมณ์คนดูคล้อยตามไปได้อย่างง่ายดาย 

   รอยยิ้มพึงพอใจถูกจุดขึ้นที่มุมปากช่างภาพหนุ่ม  ภาพที่อยู่ในมือเขาใบนี้เรียกได้ว่า  ชนะเลิศทั้งการสื่ออารมณ์ ทั้งเทคนิคที่ใช้นำเสนอ  เทียบกับภาพหลายร้อยใบที่ดูไปเมื่อครู่คงไม่ต้องคิดแล้วว่าเขาจะเทเสียงให้ภาพใดได้รางวัลที่หนึ่ง  หวังก็แต่กรรมการท่านอื่นจะเห็นตรงกัน

   และเมื่อพลิกดูหลังภาพถ่าย  ก็ปรากฏชื่อแซ่เจ้าของผลงาน

   'นายจักรวาล  ธีทัต  อายุ 20 ปี  ชั้นปีที่ 3  คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์  มหาวิทยาลัยXXX'





TBC.
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-02-2013 11:10:46 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #1 เมื่อ14-07-2012 03:02:39 »

หัวใจหลังเลนส์
#1




   “น้องปอมจ๋าหันไปดูโต๊ะนั้นสิจ๊ะ  สาวๆเขาเล็งรอจะเคลมมึงอยู่แน่ะ” เสียงแหบห้าวกวนประสาทจากเพื่อนอ้น  เรียกให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากถ้วยไอศกรีมตรงหน้าอย่างรวดเร็ว  แล้วหมุนคอไปตามทิศทางการพยักพเยิดของไอ้เพื่อนรักตัวแสบ  ก่อนจะต้องหันกลับมาหลบวูบทันที

   -ผัวะ-

   “พ่อมึงสิไอ้ห่า” คนถูกแกล้งสบถเบาๆพอให้ได้ยินกันในโต๊ะ  เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆไปมากโข  ก็จะอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่ 'สาวๆ' ที่ว่าของไอ้อ้น  มันดันเป็น 'สาวประเภทสอง' นะสิ  แค่หันไปมองเมื้อตะกี้ก็เผลอตัวขมิบตูดสุดกำลังกล้ามเนื้อหูรูด  สายตา 'สาวๆ' แต่ละนางที่จ้องมานี่แทบจะเขมือบเขาไปทั้งตัวอยู่แล้ว
   
   “ไม่ต้องมาขำเลยนะไอ้พวกเชี่ย  โดยเฉพาะมึง  ไอ้อ้น” นิ้วมือเรียวบางชี้หน้าคาดโทษเพื่อนตัวดี “กูยังไม่ได้ชำระความที่มึงทำเมมการ์ดกูตกส้วมเลยนะ  ดีที่เอาไปกู้ข้อมูลทัน  แม่งทำกูเกือบโดนตัดสิทธิ์  ดีที่เขาใจดียอมอะลุ้มอล่วย”

   “ขอโทษคร้าบพี่จักรวาล  ผมผิดไปแล้วคร้าบบบบบบ” อ้นยกมือไหว้เพื่อนตัวเล็กของตนปะหลกๆ  ก่อนเอื้อมมือไปขยี้หัวเบาๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตวัดตาขึ้นมาส่งค้อนให้อันเบ้อเร่อ “กูขอโทษจริงๆมึง  ก็รู้สึกผิดอยู่เนี่ยถึงได้พามึงมาเลี้ยงไอติมนี่ไงจ๊ะ”

   “เออๆ ช่างเหอะ  กูก็ไม่ได้โกรธเหี้ยไรหรอก  แต่อย่าลืมซื้อเมมการ์ดอันใหม่มาคืนกูด้วย  คิงสตัน 16 กิ๊กคลาส 10 นะโว้ย  อย่าซื้อของกิ๊กก๊อกมาคืนกูล่ะ”

   อ้นพยักหน้ารับคำพลางขำเอิ๊กอ๊าก   ก่อนจะก้มลงกินไอศกรีมของตนบ้าง

   “แล้วประกาศผลเมื่อไหร่วะปอม” หนุ่มเคราครึ้มนามเจถามขึ้นขณะโบกช้อนไอศกรีมในมือไปมา  การที่ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนมานั่งสุมหัวโซ้ยไอติมกันในสเวนเซ่นอาจจะเป็นภาพแปลกตาไปสักหน่อยสำหรับผู้พบเห็น  แต่สำหรับพนักงานประจำสาขานี้  มันกลายเป็นเรื่องชินชาไปเสียแล้ว  เพราะไอ้ห้าหนุ่มโฉดหัวใจแหววนี่มันมานั่งฉลองโปรเจ็คจบกันบ่อยๆ  แม้หลายครั้งที่เจ้าคนตัวเล็กที่สุดในแก๊งจะนั่งจิบแค่น้ำเปล่าก็เถอะ

   เมื่อวานทางเว็บไซต์ของพาราโบลาเพิ่งประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ  ซึ่งชื่อของปอมติดอยู่เป็นหนึ่งในยี่สิบสี่คนที่จะต้องมาเข้าร่วมพิธีประกาศรางวัลใหญ่ “เสาร์นี้แล้ว  แม่งโคตรตื่นเต้นเลยว่ะ” เด็กหนุ่มตอบตาลุกวาว

   “ที่ไหนอ่ะ  พวกกูจะได้ไปถือป้ายไฟเชียร์” เม้ง  หนุ่มตี๋หน้ากลมเอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดี

   คนโดนแซวยกช้อนขึ้นโบกหัวไอ้คนพูดไปทีนึง 
   “ห่า ไม่ใช่เอเอฟ” แล้วก็เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆไปได้อีกหนึ่งครืนเล็กๆ  ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบกระบอกแบบขึ้นมาสะพายแล่ง

   “เห้ยพวกมึง  เดี๋ยวกูไปละ  ขอบใจมากที่พามาเลี้ยงเว่ยอ้น”

   “อ้าว  รีบไปไหน  เหี้ยอ้นอุตส่าห์เลี้ยงทั้งทีสั่งเยอะๆดิวะ” ก๊อบแก๊บ  สมาชิกในกลุ่มคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้แนะนำรีบฉุดรั้งสายสะพายกระบอกของเพื่อนตัวเล็กเอาไว้   ก่อนจะโดนมือใหญ่ๆของอ้นเอื้อมมาฟาดเบาๆ

   แต่ถึงกระนั้นอ้นเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับก๊อบแก๊บ  ก็โอกาสที่ไอ้ปอมมันจะยอมรับน้ำใจจากเพื่อนมีน้อยเหลือเกิน  ไหนๆได้เลี้ยงทั้งทีก็อยากจะให้เพื่อนรักเต็มที่  รู้ว่าไอ้เตี้ยตรงหน้านี่มันเกรงใจ  แต่ก็รู้อีกว่าจริงๆลึกๆแล้วมันอยากกิน  แต่ไม่ค่อยมีเงิน “นั่นดิปอม  มึงสั่งอีกได้นะเว่ย  ปกติแดกแต่น้ำเปล่า  วันนี้กูเลี้ยง  มึงเบิ้ลสองไปเลยดิ  เร็ว  นั่งๆ” ไม่ว่าเปล่า  อ้นฉุดมือเพื่อนรักลงนั่งที่เดิม

   “เห้ยไม่เป็นไรเว่ย  ถ้วยเดียวกูก็อิ่มแล้ว  เดี๋ยวกูต้องไปทำงานพิเศษต่อด้วย” งานพิเศษที่ว่าคืองานเสิร์ฟอาหารที่ร้านหรูย่านทองหล่อ

   อ้นยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาก่อนขมวดคิ้ว “มึงเข้างานหกโมงไม่ใช่เหรอวะ  นี่เพิ่งบ่ายสามเอง”

   ครั้งนี้คนถูกถามยกยิ้มอวดรอยบุ๋มเล็กๆข้างแก้ม “กูว่าจะไปซื้อเสื้อที่พารากอน  เตรียมตัวไปงานรับรางวัลเว่ย” พูดจบก็ยักคิ้วให้เพื่อนรอบโต๊ะ  ก่อนหมุนตัวเดินออกจากร้านไป  ทิ้งไว้แต่สีหน้าอึ้งและงงของอีกสี่หนุ่มที่เหลือในร้าน

   ...จะไม่ให้อึ้งได้ยังไง  ร้อยวันพันปี  ไอ้คนขี้ประหยัดอย่างนายจักรวาลมันจะเหยียบเข้าห้างหรูสักที  ยิ่งไปกว่านั้น  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่คบกันมาที่ไอ้ตัวเล็กมันจะยอมควักกระเป๋าละลายทรัพย์ไปในที่ๆมันเรียกอยู่เสมอว่า 'ดินแดนคนรวย'...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   จักรวาลยืดไหล่ออกอย่างภาคภูมิใจ  พลางเดินดุ่มๆตรงมายังกองเชียร์ทั้งสี่คนที่ยืนยิ้มคอยอยู่ที่ล็อบบี้โรงแรม “เป็นไงวะพวกมึง  กูหล่อยัง”

   “สุดๆอ่ะไอ้สัด  ใส่เสื้อแพงแล้วดูมีราศีขึ้นมาเลยว่ะ” ก๊อบแก๊บกวาดตามองเพื่อนรักหัวจรดเท้าด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  เช่นเดียวกับคนอื่นที่เหลือซึ่งมีท่าทีไม่ต่างกัน   

   เด็กหนุ่มร่างเล็กก้มลงมองตัวเองอย่างอารมณ์ดีอีกครั้ง  แม้ก่อนออกจากบ้านจะหมุนตัวอยู่หน้ากระจกเป็นสิบรอบแล้วก็ตาม  สุดท้ายแล้วหลังเดินเลือกอยู่นานสองนานในพารากอนเมื่อวันก่อน  เขาก็จบลงด้วยการซื้อเสื้อเชิ๊ตสีอ่อนตัวนี้มาด้วยราคาเกือบแปดร้อยบาท  แม้มันจะเป็นตัวที่ถูกที่สุดในห้างเท่าที่เขาหาได้  และมันอาจจะเป็นราคาที่ถูกเท่าขี้เล็บสำหรับใครบางคนที่สอยเสื้อตัวเป็นพันเป็นหมื่นมาประดับตู้  แต่สำหรับตัวเขาแล้ว  นี่เป็นเสื้อที่แพงที่สุดตั้งแต่เขาเคยซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง   เด็กหนุ่มไม่แน่ใจหรอกว่าตอนนี้เขาดูหล่อขึ้นจริงอย่างที่ก๊อบแก๊บว่าหรือเปล่า  แต่ที่แน่ๆ  ไอ้ความรู้สึกฟูๆยืดๆในอกมันคงจะบ่งบอกได้อย่างดีว่าเขาปลาบปลื้มและรู้สึกมั่นใจมากขนาดไหนเมื่ออยู่ในเสื้อตัวนี้ 

   สี่หนุ่มที่ยืนรายล้อมเพื่อนตัวเล็กอยู่  เมื่อเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา  ก่อนจะรุมกันขยี้หัวคนกลางวงอย่างนึกเอ็นดูแกมหมั่นไส้ 

   เจเป็นคนแรกที่ตัดบทขึ้นชวนเพื่อนๆเข้างานที่ดูเหมือนใกล้จะเริ่มเต็มที  ทั้งห้าชีวิตเดินย้ายจากล็อบบี้ตรงไปยังห้องแกรนด์บอลรูมของโรงแรมหรูใจกลางเมืองแห่งนี้   จักรวาลดูเหมือนจะตื่นตาตื่นใจกับความหรูหราของทั้งสถานที่และคนที่เดินอยู่ในนี้  พลางปากก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุดระหว่างเดิน

   “พวกมึงรู้เปล่าว่าวันนี้ท่านกวินสุดคูลของกูแม่งมางานด้วยล่ะ” ปอมกล่าวกับเพื่อนๆด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ

   “กวินไหนวะ?” เม้งหันมาทำหน้าสงสัย  เรียกเอาสีหน้าเซ็งเป็ดจากยอดชายนายจักรวาลได้ไปหนึ่งดอก

   “โด่  ไอ้เม้ง  ก็ท่านกวินที่เป็นช่างภาพไงวะ  ที่ดังๆอ่ะมึง  เจ้าของโฟโต้แฟคสตูอ่ะ  มึงรู้จักเปล่า  เขาเป็นหนึ่งในกรรมการคัดเลือกภาพงานนี้ด้วยนะ  งานเขาแม่งเจ๋งสัดอ่ะ  กูดูที่ไรแม่งเหมือนโดนดูดเข้าไปในรูปทุกทีเลยนะเว่ย  ไอดอลกูเลยล่ะคนเนี้ย” เม้งหันมามองคนพูดด้วยความหมั่นไส้สุดติ่ง  แฮปปี้เหลือเกินนะไอ้คุณจักรวาล  ไม่เหลือเขาคนเศร้าเมื่อวันก่อนตอนที่ไอ้อ้นมาสารภาพกับมันว่าทำเมมการ์ดตกส้วมเลยสักกะผีกเดียว 

   อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูห้องแกรนด์บอลรูม

   “เขาหน้าตาเป็นไงวะ” อ้นหันมาถามในขณะที่มือข้างหนึ่งก็ดึงประตูให้เปิดออก

   “กูก็ไม่เคยเห็นนะ  แต่น่าจะแก่แล้วว่ะ  คงอารมณ์ประมาณพวกอาจารย์เก๋าๆมั้งกูว่า  เพราะดูจากผลงานแล้วคงประสบกา.....เหี้ยยย!!!!!!!!”
   ประโยคทั้งหมดถูกเบรกทันทีด้วยของเหลวสีดำร้อนๆที่รดลงมาหกใส่เสื้อตัวใหม่สุดภาคภูมิใจของคนพูด  พร้อมด้วยแรงกระแทกที่หัวไหล่   จักรวาลตัวชาไปหมด  ทั้งเพราะความร้อนที่ลวกอยู่ตรงหน้าท้อง  ทั้งเพราะความเจ็บเล็กน้อยบริเวณไหล่  และที่สำคัญที่สุดคือเพราะความผิดหวังที่เสื้อที่อุตส่าห์ซื้อมาเพื่องานนี้ถูกทำให้เปื้อนตั้งแต่ยังไม่ทันก้าวขาเข้างานด้วยซ้ำ

   “โทษทีไอ้น้อง” ไอ้คนตัวการหันมาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะจำ้อ้าวออกไปพลางกรอกน้ำเสียงเครียดกับสมาร์ทโฟนเครื่องบางที่อยู่ในมือ   ไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคู่กรณีสักนิดดียว “ไม่มีอะไรๆ  เดินชนเด็กนิดหน่อย  เดี๋ยวกูรีบไปเดี๋ยวเนี้ย  พวกมึงรับหน้าไปก่อน...” และบลาๆๆๆๆๆๆจนลับหูในที่สุด   
   กว่าคนทั้งห้าจะรู้สึกตัวอีกทีไอ้ตัวสูงนั่นก็สาวเท้าออกไปไกลเกินกว่าจะวิ่งตามแล้ว

   หลังจากยืนนิ่งอึ้งกันอยู่นานสองนาน  อ้นก็เป็นคนแรกที่ได้สติรีบดึงเพื่อนทั้งหมดให้ออกจากบริเวณหน้าประตูตรงไปยังห้องน้ำ

   “ไอ้เหี้ยนั่นแม่ง  กูน่าจะจับมันมาอัด  ไม่น่าโง่ปล่อยมันไปเล้ยยยยย” อ้นโวยวายเสียงดังอยู่ในห้องน้ำที่ตอนนี้มีแต่ตนและพรรคพวก

   “นั่นดิ  แม่งโคตรบัดซบ!”

   “ตะกี้กูน่าจะวิ่งตามมันไป”

   “ขอให้โดนตุ๊ดจับตุ๋ย”

   “เลวทราม”

   ...และอีกมากมาย

   ท่ามกลางเสียงก่นด่าของเพื่อนๆที่ส่งลอยลมไปถึงไอ้คนไร้ความรับผิดชอบ  จักรวาลได้แต่ก้มหน้าเอาทิชชู่ชุบน้ำลูบเสื้อของตนช้าๆ  จากที่เคยสวยอยู่เมื่อไม่ถึงห้านาทีก่อน  ตอนนี้กลายเป็นแค่เสื้อสกปรกๆไปเสียแล้ว  คราบกาแฟดำเป็นวงใหญ่กลางหน้าท้อง  คนที่ซักผ้าเองมาตลอดชีวิตอย่างเขารู้ดีว่าซักให้ตายยังไงก็เหลือคราบ

   เม้งสะกิดคนอื่นๆให้ดูปฏิกริยาของเพื่อนตัวเล็กที่หน้าเจื่อนลงไปถนัดใจ  เห็นอย่างนั้นเสียงสบถคำหยาบทั้งหลายแหล่ก็เงียบลงในทันที

   เป็นอ้นที่ก้มลงปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตของตัวเองออกทีละเม็ดในขณะที่คนอื่นเริ่มเข้าไปลูบหัวลูบหลังปลอบใจไอ้ตัวเล็กกันไป

   “อ่ะ  ใส่ของกูก่อนแล้วกันนะมึง” ฝ่ามือใหญ่หยิบยื่นเสื้อของตนไปให้เพื่อนรักตรงหน้า  ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า

   จักรวาลก้มลงมองอย่างลังเล  ไม่กล้ารับ

   “เอาน่ามึง  วันนี้วันสำคัญของมึงนะเว่ย  ใส่ไปเหอะ  วันนี้เหงื่อกูยังไม่ออก  ไม่ต้องห่วง  ไม่เหม็นแน่นอน”

   เมื่อเห็นยิ้มยิงฟันกว้างๆจากคนเสียสละ  จักรวาลก็ค่อยๆรับเสื้อมา  แล้วจัดการปลดกระดุมเสื้อเปื้อนกาแฟของตนออกบ้าง   ปากบางกล่าวขอบคุณอ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งที่ในใจก็ยังเจ็บแค้นไอ้ตัวต้นเหตุไม่หาย

   ทันทีที่เห็นเพื่อนตัวเล็กติดกระดุมเสื้อลายสก็อตของตนจนเสร็จ  อ้นก็รีบดันหลังดันไหล่คนทั้งสี่ให้ออกไปจากห้องน้ำ “พวกมึงรีบพาไอ้เตี้ยไปรับรางวัลไป   เดี๋ยวกูนั่งรอในนี้เพราะกูคงใส่เสื้อไอ้ปอมไม่ได้   ตัวแม่งเล็กเกิ๊นนนน”

   จักรวาลหันมากล่าวขอบคุณด้วยความซึ้งใจอีกครั้ง  ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้เพื่อนต้องมานั่งขลุกอยู่ในห้องน้ำ 

   อ้นเองก็ไม่ได้สบายใจนักเมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนรัก   ชายหนุ่มคว้าไหล่บางไว้ในวินาทีสุดท้ายก่อนจักรวาลจะก้าวออกจากห้องน้ำ
   “มึงเลิกเครียดก่อนเร็วไอ้ปอม   งานจะเริ่มแล้ว  ไหนสูดหายใจเข้าลึกๆซิ  ปฏิบัติ!” อ้นกล่าวกับร่างตรงหน้าด้วยน้ำเสียงจริงจัง

   คนถูกสั่งหายใจเข้าตามโดยอัติโนมัติ  และเมื่อจ้องเข้าไปในตาเพื่อนรักดีๆแล้วก็คิดได้ว่า  อารมณ์ขุ่นมัวที่รู้สึกอยู่นี้จะมีไปทำไม  ในเมื่อคนผิดไม่ใช่ตัวเอง...จริงสิ  คนที่ควรจะเครียดมันไม่ใช่ทั้งตัวเขา  และเพื่อนๆของเขา  หากแต่เป็น...

   

   “ไอ้เวรนั่น...” จักรวาลสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้ง  ก่อนกล่าวต่อด้วยเสียงที่กลับมาสดใสเป็นปกติดังเดิม “กูจำหน้ามันได้  อย่าให้เจอที่ไหนนะ  พ่อจะเล่นแม่ง!!!!”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   เด็กหนุ่มนอนเกลือกกลิ้งไปมาบนเตียงนอนเล็กๆในห้องพักเล็กๆของตนด้วยความสุขที่อัดแน่นอยู่เต็มอก  ในอ้อมแขนก็กกกอดโทรฟี่รูปทรงเก๋สำหรับรางวัลชนะเลิศไว้อย่างภาคภูมิใจ

   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้รับรางวัลหรอก  แทบทุกครั้งที่เขาส่งภาพลงประกวด  ภาพของเขามักจะได้รางวัลอันดับต้นๆอยู่เสมอ  แต่ความพิเศษของการรับรางวัลหนนี้มันอยู่ที่ของรางวัลต่างหากล่ะ

   เงินสดจำนวนหนึ่งแสนบาทก็ว่าน่าดีใจแล้ว   แต่ที่เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆเห็นจะเป็นประสบการณ์ที่ไม่ว่านักถ่ายภาพมือสมัครเล่นคนไหนก็คงจะอิจฉาเขาจนตาร้อน...

   ...โฟโต้เซ็ทในนิตยสารพาราโบลาฉบับหน้า   จะมีเขาเป็นช่างภาพ!...
   ...ยิ่งไปกว่านั้น  ไม่เพียงแต่เป็นช่างภาพ  เขาจะได้ลงมือทำในทุกโปรเซส  ไม่ว่าเรื่องคอนเซ็ป  เทคนิค  ตัวแบบ  โลเคชั่น  และอื่นๆอีกมากมายร่วมกับทีมงานมืออาชีพของทางโฟโต้แฟคสตู!...
   


   ...และที่น่าดีใจที่สุดในทั้งหมดคือ  ทุกอย่างที่เกิดขึ้น  จะอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงจากท่านกวินที่เคารพ!!!!!!...



   จักรวาลอยากจะกรี๊ดให้ลั่น  ตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนลอยอยู่ท่ามกลางความฝัน  ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กต่างจังหวัดจนๆคนนึงจะมีวันนี้กับเขา  ไม่น่าเชื่อว่าเขากำลังจะมีโฟโต้เซ็ทที่ตัวเองเป็นทั้งคนคิดเป็นทั้งคนถ่าย  ไม่น่าเชื่อว่าไอ้โฟโต้เซ็ทที่ว่านั่นกำลังจะได้ลงในนิตยสารที่ดังสุดติ่งให้คนทั่วประเทศได้ชื่นชม  ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะได้เรียนรู้วิชาระดับเทพที่เคยใฝ่ฝันมานานจากปรมาจารย์ด้านการถ่ายภาพที่โคตรพ่อโคตรแม่เก่ง!

   “ใครมีความสุขเท่ากูตอนนี้มาเหยียบหน้ากูเลยว๊อยยยยยย  วู้วววววววววววฮู้ววววววววววววววววว”







TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2012 15:41:39 โดย arunoki »

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #2 เมื่อ14-07-2012 03:03:57 »

หัวใจหลังเลนส์
#2




   “สวัสดีครับ  ผมจักรวาล  ธีทัต  ที่คุณนฤมลนัดมาวันนี้น่ะครับ”

   “อ๋อ  น้องปอมใช่ไหมคะ  เชิญทางนี้เลยจ้ะ” สาวสวยหุ่นดีแต่งตัวเก๋ที่ประจำการอยู่ในส่วนของเคาท์เตอร์ต้อนรับเดินนำเด็กหนุ่มเข้ามาในบริเวณบริษัทด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

   จักรวาลเดินตัวเกร็งเล็กน้อยตามหลังพี่สาวคนสวยไป  พอเหลือบตามองสภาพรอบตัวก็รู้สึกฝ่อขึ้นมาดื้อๆ   ทำไมคนที่นี่ถึงดูมีราศีกันจังฟระ  ทั้งที่พี่ๆผู้ชายส่วนมากก็ใส่กันแค่กางเกงยีนเสื้อยืดนะ

   มือชื้นเหงื่อขยับกำรอบสายสะพายกระเป๋ากล้องแน่นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว

   “พี่มลคะ  น้องมาแล้วค่ะ” ทันทีที่เสียงหวานเอ่ยเรียก  สาวร่างท้วมวัยสามสิบต้นๆก็เงยขึ้นขึ้นจากเอกสารตรงหน้าทันที  เช่นเดียวกับพนักงานรอบข้างที่หยุดงานในมือหันมามองตามต้นเสียง

   “อุ๊ยตาย  เห็นผลงานตอนแรกก็นึกว่าคนถ่ายต้องดิบเถื่อนหนวดเครารุงรัง  ไม่นึกว่าจะน่ารักน่าขบขนาดนี้นะเนี่ย” นฤมลลุกจากที่นั่งตัวเองตรงมาหาเด็กหนุ่ม  พลางเจื้อยแจ้วด้วยตาเป็นประกาย

   “น้อยๆหน่อยเจ๊  น้องเขากลัวตัวลีบแล้วนั่น” เสียงปลิวลมที่ดังมาจากพนักงานใกล้ๆไม่ได้ทำให้นฤมลแคร์แต่อย่างใด

   “แนะนำตัวกันอีกรอบ  พี่ชื่อมลนะจ๊ะ  หนูชื่อเล่นชื่อปอมใช่ไหมเอ่ย”

   เมื่อเห็นท่าทีเป็นมิตรจากคนรอบข้าง  อาการเกร็งก็ค่อยผ่อนคลายลง “ครับผม  ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่มล”

   นฤมลพาเด็กหนุ่มมานั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ  ก่อนบรรดาพนักงานหลายคนจะเดินเข้ารุมชวนจักรวาลคุย

   “น้องปอม  พี่ชื่อเต้นะครับ  รับหน้าที่เป็นกราฟฟิกดีไซเนอร์ในงานที่น้องจะได้ทำด้วย  เดี๋ยวเราคงได้แนะนำกันจริงจังอีกทีในห้องประชุมอีกที”

   “พี่ก็อยู่ทีมกราฟฟิก  ชื่อน็อตครับ  น้องปอมอยู่ปีอะไรเนี่ย  หน้าตาอย่างกับเด็กมัธยม”

   “ป...ปีสามแล้วครับ”

   “ถาปัดเรียนห้าปีใช่ม้า  พี่ก็จบถาปัดเหมือนกันครับ  พี่ชื่อก้อนะ”

   “น้องปอม  พี่ชื่ออาร์ทครับ  น้องปอมมีแฟนยังอ่ะครับ”

   “มากไปเหี้ยอาร์ท  ปอมครับ  พี่ชื่อจอมนะ  ชื่อเราคล้ายกันเลย  ครุคริ”

   “ส่วนพี่ชื่อแตงกวานะคะ  ถ่ายรูปมานานหรือยังเอ่ย  ผลงานดีมากๆเลย”

   “ก็เริ่มถ่ายมาตั้งแต่ช่วงม.ปลายแล้วครับ”

   “โห  ไม่น่าล่ะ  ผลงานถึงได้สะดุดตาซะขนาดนั้น  อ๊ะ  นี่ลืมไปยังว่าพี่ชื่อไร  ไหนทวนซิ”

   “เอ่อ...พี่เต้ครับ”

   “ดีมากครับ”
   
   “น้องน่ารักง่ะ”

   “เจ๊มลเยอะนะ  เดี๋ยวสามีก็มาลากกลับเชียงใหม่หรอก”

   “เอ๊ะไอ้จอม  มึงนี่ปากเสีย”

   “เห้ยๆ  มุงอะไรกันวะ  อุ๊ย! นี่เหรอน้องที่ประกวดชนะ  ชื่อปอมใช่ไหมคะ  พี่ชื่อเอมนะ”

   “สวัสดีครับพี่เอม”

   “มีช่างภาพที่ชอบบ้างไหมครับ”

   “มีครับ  ก็เอ่อ...บิลล์  แบรนด์ท...ราล์ฟ  กิ๊บสัน  แล้วก็คุณกวินด้วยครับ”

   “หืม  คุณกวินด้วยเหรอ  ชอบงานชิ้นไหนจ๊ะ”

   “ถ้าของคุณกวิน  เซ็ทที่ชอบที่สุดก็คงเป็นเยิร์นนิ่งกับไทม์คิลลิ่งน่ะครับ”

   “โห  นี่แปลว่ามาทางขาวดำเลยใช่ป่ะเนี่ยเรา  ทั้งแบรนด์ท  ทั้งกิ๊บสัน  รูปเซ็ทเยิร์นนิ่ง กับไทม์คิลลิ่งก็เป็นเซ็ทขาวดำด้วย”

   “ใช่ครับ  ผมถนัดขาวดำมากสุด  ผมชอบรูปที่เห็นคอนทราสท์ชัดๆอ่ะครับ  ทั้งแง่ซับเจ็คและแง่เทคนิคเลยครับพี่”

   “ป๋าวินเขาก็ชอบอะไรหนักๆแบบนี้เหมือนกันนะรู้เปล่าปอม  อาจจะไม่ขาวดำจ๋า  แต่อะไรที่มันแสดงออกได้คมๆเปรี้ยงๆเนี่ย  ของโปรดแกเลยล่ะ”

   “เออจริง  เดี๋ยววันนี้เขาก็จะเข้าประชุมด้วยนะ  อีกไม่น่าเกินสิบนาทีก็คงมาละ  เคยเจอตัวจริงหรือยังปอม”

   “ยังเลยครับ  เนี่ย  ผมตื่นเต้นมากเลย  วันก่อนที่ไปรับรางวัลก็ไม่ได้เจอ  เห็นมีคนบอกว่าคุณกวินกลับไปก่อน”

   “อ๋อ  เออใช่  วันนั้นงานที่บริษัทมีปัญหา  พี่เนี่ยแหละเป็นคนตามตัวเขากลับมาช่วยเคลียร์”

   บทสนทนาที่ในตอนแรกทำเอาคนโดนรุมถึงกับหัวหมุน  ค่อยๆสมูทขึ้นจนเด็กหนุ่มรู้สึกผ่อนคลาย 
   จักรวาลรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก   ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เจอคนที่สนใจในเรื่องเดียวกันแบบนี้  ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งค่อยๆแพร่กระจายเข้ามาอย่างสวยงาม

   ขณะที่การพูดคุยเป็นไปอย่างออกรสออกชาติ   ร่างกำยำสูงชะลูดของใครคนหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในระยะการมองเห็นของจักรวาล  เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างลืมตัว  ก่อนจะตั้งสติได้แล้วหันมาขอตัวออกจากวงอย่างสุภาพนอบน้อม  โดยให้เหตุผลว่าเหมือนเจอคนรู้จัก  ขอเข้าไปทักสักหน่อย

   มือเรียวบางผลักประตูกระจกที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณที่นั่งกันอยู่เมื่อครู่ออกมายังลานจอดรถด้านหน้า 

   บริษัทโฟโต้แฟคตอรี่สตูดิโอแห่งนี้เป็นตึกรูปทรงโมเดิร์นขนาดสามชั้นดูมีรสนิยม  ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก  มีลานจอดรถกลางแจ้งจุรถได้ราวๆสามสิบสี่สิบคันอยู่บริเวณหน้าบริษัท

   เป้าหมายที่จักรวาลล็อกไว้ตั้งแต่ยังอยู่ในวงสนทนาเดินลากกางเกงยีนเข้ารูปขาดๆซีดๆพร้อมด้วยทีเชิ๊ตสีดำเรียบสนิทตรงมายังประตูบริษัท   แต่ยังไม่ทันจะถึงจุดหมาย  ชายหนุ่มก็ต้องชะงักฝีเท้าลงเสียก่อนเมื่อมีเด็กหนุ่มร่างผอมบางมายืนกางแขนกางขาจังก้าขวางทางอยู่ตรงหน้า

   คิ้วหนาเข้มเลิกขึ้นอย่างสงสัย  ก่อนเอ่ยถามออกไปเรียบๆ “มีอะไรหรือเปล่าน้อง”

   “มีสิ มีแน่ แล้วก็ไม่ต้องมาเรียกผมว่าน้องด้วยนะ  ผมไม่นับญาติกับคนอย่างคุณ” พูดจบเด็กหนุ่มก็จ้องคนตรงหน้าเขม็ง  จักรวาลกำลังรวบรวมลมปราณทั้งหมดที่มี  เรียกอารมณ์ขุ่นเคืองในวันนั้นกลับเข้าร่างให้หมด  เรียกได้ว่าเป็นการชาร์จพลังก่อนปล่อยอาวุธ

   ได้ยินประโยคไม่เป็นมิตรไหนจะเจอท่าทางประหลาดๆแบบนั้นเข้าเป็นใครก็ต้องตกใจ  ไม่เว้นแม้แต่หนุ่มเซอร์มาดนิ่งอย่างเจ้าของร่างสูงชะลูดคนนี้   เขาขยับขาถอยหลังหนึ่งก้าว  คิ้วเข้มๆทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันอย่างลังเลว่าจะยืนฟังต่อหรือเดินหนีเข้าบริษัทดี  คนบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้  แต่ดูจากลักษณะทางกายภาพของคนตรงหน้า   ต่อให้จะเข้ามาทำร้ายก็คงสู้แรงเขาไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ 

   “คุณคงจำผมไม่ได้ใช่มะ  เออสิ  ตอนนั้นแค่หันหน้ากลับมามองคุณยังไม่ทำเลย” เมื่อรวบรวมพลังได้แล้วจักรวาลก็เริ่มปล่อยคำพูดเชือดเฉือนที่คนฟังไม่ค่อยจะเข้าใจนัก “ที่งานประกาศรางวัลเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว  คุณทำผิดอะไรกับใครไว้บ้างรู้ตัวไหมครับ?” เด็กหนุ่มพยักหน้าถามอย่างหาเรื่อง

   คนฟังได้แต่ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม   ดวงตาคมดุที่มีกลิ่นอายเชื้อชาติตะวันตกนิดๆปรายขึ้นมองท้องฟ้าพลางหัวสมองก็ตั้งใจนึกย้อนไปถึงวันนั้น  แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก  ชายหนุ่มจึงส่ายหน้าช้าๆให้เจ้าเด็กตัวกะเปี๊ยกตรงหน้า

   “นั่นไง  ผมนึกแล้วไม่มีผิดว่าคนอย่างคุณไม่มีทางจำได้หรอก  หึ  แต่ผมจะบอกให้ก็ได้นะ   วันเสาร์ที่แล้วคุณน่ะทำลายความภูมิใจแล้วก็ความมั่นใจของผมไปหมดเลย” ยิ่งพูดถึงเหตุการณ์ตอนนั้น   สีหน้าและแววตาแสดงออกชัดเจนว่าโกรธเคืองก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

   คนถูกด่าได้แต่ยืนงง  นี่กูไปทำอย่างนั้นตอนไหนวะเนี่ย 

   “ยังจำไม่ได้อีกเหรอ  โถ่เอ๊ย  ก็ที่คุณทำกาแฟหกใส่เสื้อผมไง  นั่นน่ะมันเสื้อตัวใหม่ที่ผมอุตส่าห์ควักตังค์ซื้อเพื่อใส่มางานนั้นโดยเฉพาะ” เมื่อจักรวาลเห็นอีกฝ่ายยังทำหน้าไม่เข้าใจก็ขยายความต่อด้วยความเดือดดาล “ก็ตอนนั้นไงที่คุณเดินกระแทกไหล่ผมตรงทางเข้าห้องบอลรูมอ่ะ  โอ๊ยไอ้ห่านี่  ความจำเสื่อมหรือไงวะ” เด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย

   ได้ฟังดังนั้น  ภาพเหตุการณ์รางๆก็เริ่มปรากฏขึ้นมาในสมอง  ถ้าจำไม่ผิด  วันนั้นเขาโดนนฤมลโทรตามกลับมาเคลียร์ปัญหาที่สตูดิโอ   เขาเลยรีบออกจากงานมา   ตอนนั้นเขาชนเข้ากับเด็กกลุ่มหนึ่งที่หน้าประตูห้องบอลรูม  จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชนคนไหนไป   ส่วนกาแฟ...กาแฟ...เอ.......อ้อ!  ใช่  กาแฟร้อนแก้วกระดาษที่ถือติดมาจากรถ   ตั้งใจจะหยิบมาดื่มให้หมดแล้วทิ้งมันในงาน   แต่ตอนนั้นไม่ยักรู้สึกว่ามันหกราดใคร  สงสัยคงเพราะกำลังรีบ

   เมื่อเห็นคนตรงหน้ามีสีหน้าเหมือนนึกออก  เด็กหนุ่มก็สาดต่อทันที “เป็นไง  นึกออกแล้วใช่ไหม  ถามคำนะ  ทำไมถึงทำนิสัยเห็นแก่ตัวแบบนั้น   ดีที่เพื่อนเอาเสื้อมันมาให้ใส่  ถ้าวันนั้นผมไปคนเดียวผมคงต้องเอาตัวเองขึ้นไปรับรางวัลทั้งเลอะๆอย่างนั้น   คราวหน้าคราวหลังคิดถึงใจคนอื่นบ้างเหอะ”

   “ขอโทษแล้วกัน  เสื้อตัวนั้นราคาเท่าไหร่ล่ะ” ร่างสูงที่ยืนนิ่งๆปล่อยให้เด็กด่ามาพักใหญ่เป็นฝ่ายถามกลับบ้าง  ขณะที่มือก็ล้วงเอากระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมควักเงินจ่ายค่าเสียหาย

   “เงินอ่ะผมไม่ต้องการหรอก  เพราะราคาเสื้อมันเทียบอะไรไม่ได้กับความรู้สึกที่เสียไปวันนั้น  ที่ผมต้องการคือแค่ได้ด่าคุณเนี่ยแหละ  ซึ่งตอนนี้ผมพอใจแล้ว   ดังนั้นลาก่อน   ขอให้เราอย่าได้เจอกันอีกเลย  สาธุ!”
   พูดจบจักรวาลก็สะบัดบ็อบเดินกลับเข้าไปในอาคาร

   แต่ทันทีที่เข้ามาก็พบว่าสายตานับสิบคู่กำลังจ้องมองมาทางเขาเป็นตาเดียว   

   แม้จะไม่ได้ยินว่าคนทั้งสองพูดอะไรกัน  แต่ดูจากท่าทางเอาเรื่องจนแทบเขมือบหัวที่เห็นผ่านผนังกระจกบานใหญ่ใสแจ๋วแล้วคงจะไม่ใช่การเข้าไปกล่าวทักทายชื่นชมเป็นแน่

   เมื่อตกเป็นจุดสนใจ  เด็กหนุ่มก็เริ่มมองซ้ายมองขวาอย่างทำอะไรไม่ถูก  จนนฤมลที่ได้สติก่อนเพื่อนต้องรีบแก้สถานการณ์
   “เอ้อ  นี่ก็ได้เวลาประชุมพอดีเลย  น้องปอมจ๊ะ  ตามพี่มาดีกว่า  เราไปนั่งรอที่ห้องประชุมกันเนอะ  ไปๆๆ  พวกมึงก็ไปเตรียมตัวเข้าประชุมได้แล้วเร็วเข้า”



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   ห้องประชุมของที่นี่ไม่ได้ดูจริงจังเหมือนโต๊ะประชุมผู้นำประเทศอย่างที่เห็นในละคร   ทุกคนที่มานั่งรอประชุมก็ดูสบายๆ  นั่งไขว่ห้างบ้าง  เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้บ้าง  ตัวโต๊ะก็เป็นเพียงโต๊ะยาวเรียบๆแต่เก๋ตามสไตล์ของบริษัท 

   “คือน้องปอมจ๊ะ  เนื่องจากวันนี้เป็นการประชุมวันแรก  ทางพาราโบลาเขาเลยขอมาเก็บรูปหนูจับมือกับคุณกวินน่ะจ้ะ  พอจะไหวหรือเปล่า” นฤมลถามด้วยน้ำเสียงลังเลใจ

   ดวงตาเรียวสวยเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น “นี่ผมจะได้ถ่ายรูปกับคุณกวินด้วยเหรอครับ   ทำไมจะไม่ไหวล่ะครับ   ต้องบอกว่าเป็นเกียรติเลยล่ะพี่มล”

   เท่านั้นแหละไอ้พวกที่นั่งประจำที่รอประชุมอยู่เงยหน้ามองเด็กหนุ่มกันพรึบพรับ  ทั้งเสียงครางฮือในลำคอ  ทั้งเสียงกลืนน้ำลายดังตีกันไปหมด   แต่ยังไม่ทันที่จักรวาลจะเอ่ยถามอะไร  เสียงเลื่อนประตูเปิดออกก็ทำให้เด็กหนุ่มต้องพับข้อสงสัยในใจเก็บลงไป

   ผู้มาใหม่มีสองคนด้วยกัน  คนแรกที่เดินนำเข้ามาก่อนเป็นช่างภาพที่คาดว่าจะมาเก็บภาพจักรวาลกับกวินที่นฤมลพูดถึงเมื่อครู่ 
   ส่วนอีกคน....



   “เห้ย!!!!” เด็กหนุ่มถึงกับร้องอุทานเสียงดังลั่นก่อนรีบยกมือขึ้นตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อเห็นว่าตอนนี้ทุกคนในห้องหันมามองเขาเป็นตาเดียวอีกแล้ว

   “ต...ตอนนี้ก็มาครบกันหมดแล้ว  ถ่ายรูปกันก่อนด..ดีไหมคะ” นฤมลหันไปยิ้มเจื่อนกับจักรวาลและผู้มาใหม่ทั้งสอง

   ห๊ะ!!  'มาครบกันหมดแล้ว'...แล้วไหนคุณกวินล่ะเว่ย...ย...อย่าบอกนะว่า...
   เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อเม็ดเป้งที่ไหลลงมาตามแนวหน้าผาก...

   “เอ่อ  ปอมจ๊ะ  น...นี่ไง  คุณกวินที่หนูชื่นชม  แหะๆ” นฤมลแนะนำด้วยท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คุณกวิน  น...นี่น้องปอม   เอ่อ...ที่ชนะการประกวดค่ะ”

   เหมือนมีใครมาตบหน้ากลางสี่แยก 
   เมื่อหันมองรอบห้องก็พบว่าปฏิกริยาของพี่ๆที่นั่งกันอยู่เป็นตัวยืนยันได้ดี  บ้างก็นั่งกลั้นยิ้ม  บ้างก็ปิดตาไม่กล้าดู  และก็มีอีกหลายคนที่ขำออกมาดังๆ  ที่แย่ยิ่งกว่าคือพอหันกลับมามองคู่กรณี   ไอ้คนตัวสูงผิดมาตรฐานชายไทยก็ยืนกอดอกปรายตามองลงมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก  ที่ดูยังไงก็อุทานได้คำเดียวว่า...เหี้ย
   


   จักรวาลรู้สึกตัวชาตั้งแต่หัวแม่ตีนยันยอดกบาล



   ...ชิบหายแล้วกรู๊ววววววววววววววววววว







TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2012 15:42:46 โดย arunoki »

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #3 เมื่อ14-07-2012 09:22:57 »

สนุกค่า ตัวละครน่ารักดี รออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ MilkTea

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 100
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-4
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #4 เมื่อ14-07-2012 09:26:20 »

 o13

สนุกค่า ขอติดตามเป็นแฟนคลับนะคะ
น้องปอมดูน่ารักเนอะ แลดูเพื่อนๆเอาใจและคอยปกป้องดีจัง
แต่น้องก็ไม่ได้หงิมๆ โวยแหลกเหมือนกัน

ชอบฉากบรรยายภาพถ่ายที่น้องปอมส่งมาประกวดค่ะ
อ่านแล้วเห็นภาพเลย จินตนาการได้เลยว่าหน้าตารูปถ่ายออกมาเป็นแบบไหน

มาต่อไวๆนะคะ

ออฟไลน์ hellfire

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #5 เมื่อ14-07-2012 09:55:03 »

 :m20: :m20:
ซวยแล้วน้องปอม

 :mc4: :mc4: :mc4:

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #6 เมื่อ14-07-2012 10:56:21 »

งานงอกเลยปอมเอ๊ย

ออฟไลน์ kajeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 529
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • กาเจี๊ยว
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #7 เมื่อ14-07-2012 11:09:57 »

น่าติดตาม

ออฟไลน์ owo llยมuมข้u

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-4
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #8 เมื่อ14-07-2012 11:40:05 »

 55555555555555555555

ออฟไลน์ bulldog17

  • ❤GOT7
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +265/-12
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #9 เมื่อ14-07-2012 12:07:19 »

หนูปอมน่ารักอ่ะ
 :laugh: :laugh: :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หัวใจหลังเลนส์
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-07-2012 12:07:19 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






atblueann

  • บุคคลทั่วไป
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #10 เมื่อ14-07-2012 12:54:02 »

โอ้ยชอบอ่ะ ชอบมาก น่ารักอ่ะ 55555 ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน 55555  ดี ดี ดี
มาต่อไวไวน้า ขออีกสักตอนได้ไหมเนี่ย

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #11 เมื่อ14-07-2012 14:12:37 »

สนุกค่ะ เนื้อเรื่องถูกใจเพราะชอบถ่ายรูปเหมือนกันอ่านแล้วไปบรรยากาศ
ปลื้มมากๆ  มาต่อตอนต่อไปเร็วๆนะค่ะ  o13

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #12 เมื่อ14-07-2012 14:48:09 »

สนุกกก ชอบทั้งชื่อเรื่องทั้งบรรยากาศที่ได้จากการอ่านเรื่อง(ซึ่งเราก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง รู้แต่ชอบอ่ะ) ^^
น้องปอมซวยแล้ว หลังจากนี้จะทำหน้ายังไงละเนี่ย
คนที่ชื่นชมกับคนที่เพิ่งป่ะฉ่ะด่ะไปดันเป็นคนเดียวกันอีก ฮ่าาา
รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #13 เมื่อ14-07-2012 14:49:24 »

 :laugh: :laugh: :laugh:    งานงอกแล้วปอมมมมมม     


สนุกค่ะ อ่านแล้วชอบมากเลยยย    o13 o13 o13


ออฟไลน์ dimth

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 73
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #14 เมื่อ14-07-2012 15:12:15 »

น่าติดตามมั่กๆ  :impress2:

ถ้าถามอากู๋จะเจอภาพผลงานของท่านกวินมั๊ยเนี่ย  :laugh: :laugh:

+1+2+3 ไปเล๊ยยยยยย

ออฟไลน์ supizpiz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 692
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-0
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #15 เมื่อ14-07-2012 15:15:48 »

อ้าวซวยเลยปอม 555555555555  :laugh: :laugh:

arunoki

  • บุคคลทั่วไป
Re: หัวใจหลังเลนส์
«ตอบ #16 เมื่อ14-07-2012 16:03:06 »

หัวใจหลังเลนส์
#3





   การประชุมบรรลือโลกในวันนั้นเป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น   จักรวาลจะเสนอไอเดียแต่ละทีก็ต้องเหลือบตามอง 'ท่านกวิน' อดีตไอดอลในใจว่าจะทำหน้าเยาะเย้ยเขาอยู่หรือเปล่า  ยิ่งตอนบังเอิญไปสบตาเข้า   บรรยากาศเหตุการณ์ที่ลานจอดรถเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นก็แล่นปราดเข้ามาทั้งเสียงทั้งภาพด้วยระบบฟูลเอชดี   ชัดแจ้งแจ่มแจ๋วเสียจนเด็กหนุ่มตัวฝ่อ   เรียกได้ว่าถูกริดรอนความมั่นใจไปหมดตูดเลยทีเดียว   

   ตลอดการประชุม   กวินได้แต่นั่งกอดอกฟังเงียบๆไม่แสดงท่าทีใดๆตามสไตล์หนุ่มมาดนิ่ง   มีออกความเห็นบ้างตามสมควร   หากแต่ในหัวกลับนึกขบขันและแอบสังเกตุพฤติกรรมประหลาดของเด็กหนุ่มที่เดี๋ยวก็หลบตาบ้าง  เดี๋ยวก็เอาหัวมุดใต้โต๊ะบ้าง  เวลาจะนำเสนอความคิดแต่ละทีก็อ้อมๆแอ้มๆจนต้องเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจว่ามันพูดอะไร
   แต่นอกเหนือจากเรื่องท่าทางตลกๆที่ว่าแล้ว   ชายหนุ่มต้องยอมรับเลยว่าจักรวาลมีฝีมือโดดเด่นกว่ามือสมัครเล่นทั่วไปที่เขาเคยเจอมาอยู่ไม่น้อยทีเดียว   หากได้รับการขัดเกลาและสั่งสมประสบการณ์มากกว่านี้เขามั่นใจว่าเด็กหนุ่มจะต้องเป็นคลื่นลูกใหม่ที่มาแรงในวงการมืออาชีพอย่างแน่นอน
   
   ทันทีที่การประชุมสิ้นสุดลงคนทั้งห้องก็ค่อยๆลุกทยอยกันเดินออกไป   แต่ก่อนก้าวพ้นประตู  หลายคนก็ไม่วายเหลือบตามองปฏิกริยาของหัวหน้ากับเจ้าเด็กใหม่

   ในทีแรกจักรวาลตั้งใจจะรอให้กวินออกจากห้องก่อนตนถึงจะเดินออกไปเพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญหน้ากัน   เด็กหนุ่มจึงค่อยๆเก็บของเอื่อยๆ   แต่สิ่งที่คิดดันไม่เป็นไปตามแผนเมื่อกวินยังคงนั่งกอดอกอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีว่าจะลุกไปไหนเลย   จนกว่าจักรวาลจะไหวตัวอีกทีก็ช้าไปเสียแล้วเมื่อพี่ๆคนอื่นพากันออกไปหมด   เหลือเพียงเขาและช่างภาพคนดังในห้องสองต่อสองเท่านั้น

   เมื่อรู้สึกตัวแล้วว่าสถานการณ์ตอนนี้ดูจะไม่ดีต่ออนาคตในวงการถ่ายภาพอันสดใสของตนเลย   เด็กหนุ่มจึงรีบกวาดของทั้งหมดลงกระเป๋าทั้งที่เมื่อครู่ค่อยๆหยิบใส่ทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า   แต่แทนที่มันจะเร็วกลับทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลงเมื่อของที่กวาดลงมาพากันร่วงกราวไปบนพื้นแทนที่จะตกลงไปในกระเป๋า

   “หึๆ”

   เด็กหนุ่มชะงักกึกเมื่อเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอแว่วมากระทบหู   ก่อนตวัดตาขึ้นมองไปยังต้นเสียง

   กวินยังคงนั่งกอดอกท่าเดิม   แต่ที่ต่างไปเล็กน้อยเห็นจะเป็นรอยยิ้มที่ถูกจุดขึ้นที่มุมปาก

   จักรวาลกัดฟันกรอด   ไอ้ 'ท่านกวิน' ที่เคยชื่นชมก่อนหน้านี้ปลิวหายวับไปตั้งแต่วินาทีแรกที่รู้ว่าคนๆนั้นคือชายหนุ่มร่างสูงตรงหน้านี้  เหลือไว้ก็แต่ความผิดหวังและความอับอายเท่านั้นแหละ
   ทันทีที่คว้าของชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋าได้สำเร็จ  จักรวาลก็แทบจะพุ่งตัวออกจากห้อง   แต่ยังก้าวไม่ทันพ้นขอบโต๊ะ   เสียงทุ้มต่ำของตากล้องมือทองก็ขัดขึ้นเสียก่อน

   “จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอไอ้น้อง?”

   คราวนี้ไม่ได้มีแค่เพียงมุมปากข้างเดียวเท่านั้นที่ยกยิ้ม   แต่ประกายความอภิรมย์แผ่ไปทั่วใบหน้าหล่อๆนี่เลยล่ะ

   เห็นแล้วมันเจ็บใจนัก...จักรวาลได้แต่คิดในใจ

   “ว่าไง?”

   เสียงเร่งเร้าจากอีกฝ่ายทำให้เด็กหนุ่มจำใจต้องถามกลับไปบ้าง “แล้วผมควรจะพูดอะไรดีล่ะครับ?”

   “ก็อย่างเช่น  'ไม่ต้องมาเรียกผมว่าน้อง  ผมไม่นับญาติกับคนอย่างคุณ' อะไรแบบนี้ไง”

   ถ้อยคำเชือดเฉือนที่คนเป็นผู้ใหญ่กว่าพูดย้อนกลับมาด้วยสีหน้าขบขันอย่างปิดไม่มิดทำเอาจักรวาลเผลอตัวกัดริมฝีปากอย่างนึกแค้น   ก่อนเด็กหนุ่มจะตัดสินใจกล่าวตอบกลับไปด้วยความไม่ยั้งคิด “ถ้าคุณจะให้ผมขอโทษเรื่องเมื่อกี้  ผมคงทำไม่ได้นะครับ  ผมบอกตามตรงว่าผมชื่นชมคุณในฐานะช่างภาพมาก   ผมติดตามผลงานของคุณทุกชิ้นแม้จะไม่รู้ก็ตามว่าคุณหน้าตาเป็นยังไง   แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งในสังคม   ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบวันเสาร์ที่แล้วขึ้นอีก  ต่อให้ผมรู้ว่าคนๆนั้นเป็นคุณ  หรือต่อให้เป็นใครก็ตาม   ผมก็ยังยืนยันที่จะทำแบบเดิมครับ   ดังนั้นวันนี้ขอตัวครับ”

   พูดจบเด็กหนุ่มก็ก้าวดุ่มๆออกจากห้องนั้นมาโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย...



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   “ไม่น่าเลยกู” เสียงบ่นโอดครวญดังมาจากร่างเล็กผิวขาวสว่างที่นั่งกุมหัวอยู่บริเวณโถงใต้ตึกเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์แห่งนี้ “ไม่น่าเล้ยยยยยยยย”

   อ้นที่นั่งมองสภาพเหี่ยวๆของเพื่อนรักมาร่วมครึ่งชั่วโมงก็ได้แต่ยกมือขึ้นตบบ่าปลอบใจ   เรื่องของเรื่องไม่ใช่อะไร   ก็ไอ้เตี้ยมันมาปรับทุกข์ให้ฟังว่าท่านกวินของมันคือคนๆเดียวกับคนที่ทำกาแฟหกใส่เมื่อวันก่อน   แล้วมันก็ดันไปทำปากมอมพูดจาหยิ่งยโสใส่เขา   มาคิดได้อีกทีก็ตอนเดินออกมาแล้ว   เป็นเหตุให้ต้องมานั่งกลุ้มใจเสียดายโอกาสดีๆที่จะได้ทำงานกับมืออาชีพไปน่ะสิ   
   “โถ่มึง  เขาก็ยังไม่ได้ออกปากตัดสิทธิ์มึงเลยไม่ใช่เหรอวะ   อย่าเพิ่งเครียดดิ”

   “เขาจะออกปากได้ไงเล่า   ก็พอพูดจบกูก็เดินสะบัดตูดออกมาเลยอ่ะ   ไม่ได้อยู่ฟังว่าแม่งจะด่าอะไรกูกลับมา” ยิ่งพูดจักรวาลก็ยิ่งห่อเหี่ยว   กลีบปากบางเอ่ยต่อเบาๆขณะเลื้อยตัวเอาคางจิ้มลงกับโต๊ะ “แต่ให้ย้อนเวลากลับไป   ยังไงกูก็ไม่ขอโทษเขาอยู่ดีแหละ   กูไม่ผิดนี่หว่า   เฮ้อ~”

   “ทำปากดี” คนฟังส่ายหน้าเบาๆ “แต่กูก็พอเข้าใจอ่ะนะ   เป็นกูโดนอย่างนั้นกูก็ขอโทษไม่ลงเหมือนกัน”

   สองหนุ่มนั่งลูบหัวลูบหลังปลอบกันต่ออีกสักพัก  ก่อนจะพากันลุกขึ้นเตรียมตัวเดินออกจากคณะไปเพราะอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะได้เวลาที่จักรวาลต้องไปเข้ากะที่ร้านแล้ว
   
   แต่ยังไม่ทันที่คนทั้งสองจะก้าวไปไหนได้ไกล   อยู่ๆคนตัวเล็กกว่าก็หยุดเดินแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย   เรียกเอาอีกคนที่เดินตามต้องเบรกตัวดังเอี๊ยดไปด้วย “หยุดทำเหี้ยไรวะปอม”
   
   คำถามที่ถามไปไม่ได้รับคำตอบ   มีเพียงสีหน้าตื่นตกใจของคนข้างๆเท่านั้นที่เป็นคำใบ้   อ้นไล่สายตามองตามทิศทางที่ดวงตาคู่เรียวจับจ้อง   ที่โต๊ะตัวไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่พวกเขานั่งกันตะกี้   มีชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบายๆดูคับคล้ายคับคลาว่าเคยเห็นที่ไหนนั่งอยู่  ก่อนจะนึกออกในวินาทีถัดมาว่าหมอนี่นั่นแหละที่เป็นตัวการทำให้เพื่อนของเขาต้องมานั่งกุมขมับอยู่เมื่อสักครู่

   กวินเลิกคิ้วมองคนตัวเล็กด้วยความแปลกใจ   แต่เพียงไม่นานก็ร้องอ๋อขึ้นเบาๆกับตัวเองเมื่อนึกได้ว่าในใบประวัติของเด็กหนุ่มระบุชื่อสถาบันการศึกษาที่สังกัดไว้ว่าอะไร   
   
   ทั้งสองจ้องหน้ากันไปมาโดยที่ไม่มีใครเริ่มพูดอะไรขึ้นมาก่อน   คนนึงจ้องเพราะตกใจจนใบ้รับประทาน  ส่วนอีกคนก็จ้องรอว่าคนตรงหน้าจะทำยังไงต่อไป

   อ้นมองคนทั้งสองสลับกันไปมา   ในใจรู้สึกหมั่นไส้ไอ้คุณกวินอะไรนั่นเหลือเกิน   มองเพื่อนเขาอย่างกับจะแกล้งให้เสียความมั่นใจงั้นแหละ

   ขณะเวลาค่อยๆเดินผ่านไปโดยที่ยังไม่มีฝ่ายใดคิดจะขยับตัวก่อน   ก็มีเสียงๆหนึ่งดังขัดขึ้นพร้อมกับแรงกดลงมาที่บ่าของคนเป็นนักศึกษาทั้งสอง “ยังไม่กลับบ้านกันอีกเหรอพวกคุณ   คลาสผมจบตั้งนานแล้วไม่ใช่หรือไง”

   เมื่อหันกลับไปมองคนที่ยืนเอามือพาดบ่าอยู่ก็พบกับใบหน้ายิ้มแย้มของชายหนุ่มร่างสูงที่คุ้นหน้ากันดี
   
   “อ้าวจารย์วิทย์  หวัดดีครับ” ทั้งอ้นทั้งจักรวาลพากันยกมือไหว้ทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร “กำลังจะกลับแล้วครับ   ไอ้ปอมต้องรีบไปทำงานพิเศษด้วย   แล้วจารย์ล่ะครับ   อยู่ตรวจงานเหรอ” อ้นถามกลับด้วยท่าทางสบายๆ  รู้สึกดีใจที่มีคนมาขัดตาทัพสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อครู่

   กรวิทย์เป็นอาจารย์หนุ่มสุดใจดีประจำภาควิชา(ยกเว้นเวลาตรวจงาน  เคี่ยวลากเลือด)   อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาประจำกลุ่มในวิชาออกแบบของทั้งสองคนอีกด้วย   

   “ไม่ได้ตรวจงานหรอก  แต่ผมมีสอนพวกป.โทต่อตอนค่ำๆน่ะ” อาจารย์หนุ่มชี้แจงอย่างเป็นกันเอง “แล้วตะกี้ยืนทำอะไรกันอยู่   ท่าทางแปลกๆ”

   “เอ่อ...” เด็กหนุ่มมองหน้ากันเลิ่กลั่กพลางเหลือบมองไปทางกวินโดยไม่รู้ตัว

   กรวิทย์หันมองตามคนทั้งสองก่อนจะพบกับร่างคุ้นตา “อ้าว  ไอ้วิน  ถึงแล้วทำไมไม่โทรมาวะ” อาจารย์หนุ่มละมือออกจากบ่าลูกศิษย์ก่อนจะตรงไปยัง 'ไอ้วิน' ที่นั่งเท้าคางมองเหตุการณ์ตรงหน้านิ่งๆ

   “กลัวโทรไปขัดจังหวะการสอนน่ะสิ” ชายหนุ่มตอบออกมาเรียบๆพร้อมหยิบซองสองซองที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมาแล้วยื่นให้กรวิทย์ “ซองสีฟ้านี่รูปขนมไทยของแม่นะ  ส่วนอีกซอง  รูปรับปริญญาของไอ้วี”

   กรวิทย์พยักหน้ารับซองมา   ก่อนเอ่ยถามพลางพยัดพเยิดไปทางลูกศิษย์ทั้งสองคน “แล้วนี่รู้จักกันเหรอ”

   กวินเหลือบตามองเด็กหนุ่มตัวเล็กเพียงแวบหนึ่ง “ก็...นิดหน่อยน่ะ”

   “งั้นก็ดีเลยสิ” กรวิทย์ยิ้มกว้างให้ทั้งกวินและจักรวาล “ปอม   ร้านที่คุณทำงานนี่อยู่แถวทองหล่อใช่ไหม   ทางผ่านคอนโดแกเลยไม่ใช่เหรอไอ้วิน  ให้ลูกศิษย์พี่ติดรถไปด้วยสิ”

   สิ้นเสียงอาจารย์   เด็กหนุ่มสะดุ้งสุดตัว “เห้ย  ไม่เป็นไรครับจารย์   ผมไปเองดีกว่า”

   “อ้นบอกรีบไม่ใช่เหรอ  ไอ้วินนี่มันเป็นน้องชายแท้ๆของผมเอง  ไม่ต้องเกรงใจน่า”

   แม้เด็กหนุ่มและอ้นจะช่วยกันอิดออดต่อมากเท่าไหร่   แต่คนเป็นอาจารย์ผู้หวังดีก็ตีความไปว่าท่าทีปฏิเสธนั้นมาจากความเกรงใจล้วนๆไปซะได้   ในขณะที่คนถูกขอให้ขับไปส่งได้แต่นั่งมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเฉยๆ  ไม่หือไม่อือใดๆทั้งสิ้น

   จนในที่สุด  ฝ่ายอาจารย์ก็เป็นผู้ชนะไป

   จักรวาลจำต้องเดินตามพ่อช่างภาพชื่อดังไปอย่างห่อเหี่ยว   ก่อนเปิดประตูขึ้นรถ ไม่วายหันมาทำตาละห้อยใส่อ้นที่เดินตามมาส่งด้วยความสงสาร



๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐



   ตลอดทางตั้งแต่ออกจากมหาวิทยาลัยยังไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ   จนกระทั่งรถขับเลยบีทีเอสอโศกมานั่นแหละที่จักรวาลทนความอึดอัดไม่ไหวยอมเปิดบทสนทนาขึ้นมาก่อน

   แต่ก็ไม่ใช่ประโยคเปิดที่ดีนักหรอกนะ... “....คุณยอมให้ผมขึ้นรถมาด้วยได้ไงเนี่ย”

   ได้ยินดังนั้นคนฟังก็ขมวดคิ้วทันควัน  ก่อนปรายตามองเจ้าเด็กตัวแกนข้างๆแวบหนึ่ง
   “อะไรของนาย?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

   “เอ้า!  ก็แทนที่คุณจะปฏิเสธอาจารย์ไปว่าไม่ว่าง  ไม่สะดวก  ต้องไปธุระต่อ  คุณดันไม่พูดอะไรซักกะแอะ”

   คนถูกถามหันคอมาตีหน้าโหดใส่เพียงเสี้ยววินาที  ก่อนหันกลับไปมองถนนต่อ“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น?”

   “ก็ผมจะได้ไม่ต้องมาอยู่บนรถคุณแบบนี้ไง   อึดอัดจะตายอยู่แล้วเนี่ย” พูดจบจักรวาลก็แทบจะยกมือขึ้นต่อยปากตัวเอง   ไม่เข้าใจว่าทำไมควบคุมสติสตังไม่ได้ซักที   ไอ้อาการนั่งตัวเหี่ยวบ่นเสียดงเสียดายกับไอ้อ้นเมื่อกี้มันหายไปไหนหมด   อยากจะรู้เหมือนกัน

   

   พอฟังเด็กเจ้าปัญหาพูดจนจบประโยค  กวินก็ถอนหายใจออกมายาวๆ   ก่อนจะเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
   

   “ฟังนะไอ้น้อง   ฉันเป็นมืออาชีพมากพอที่จะไม่เอาเรื่องเล็กๆน้อยๆมาใส่ใจ   เรื่องที่ไปทำเสื้อนายเปื้อน  ฉันก็ขอโทษไปแล้ว  แล้วนายก็บอกเองว่านายต้องการแค่จะด่าฉัน  ซึ่งฉันก็ยอมฟังนายด่าไปเรียบร้อย   ดังนั้นฉันถือว่าเราไม่ติดค้างกัน  จบเรื่องนั้นไปได้เลย  ฉันเองก็ไม่ได้ต้องการให้นายมาขอโทษแค่เพราะรู้ว่าฉันคือกวิน  จารุกิตติ์   ส่วนเรื่องที่ให้ติดรถมานี่ก็อย่างที่บอกไปว่าเรื่องนั้นมันจบไปแล้ว  เพราะฉนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่มาส่งในเมื่อพี่วิทย์เป็นคนขอ  เพราะยังไงฉันก็ต้องผ่านทางนี้อยู่แล้ว  เข้าใจหรือยัง”

   


   จักรวาลเผลอนั่งกัดปากด้วยความลืมตัวเงียบๆ   รู้สึกเหมือนโดนด่าว่าเป็นเด็กไม่รู้จักโตยังไงบอกไม่ถูก...

   


   “จริงๆพูดไปก็เหมือนแก้ตัว” กวินกล่าวต่อเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนิ่งฟัง “แต่วันนั้นฉันไม่รู้ตัวว่ากาแฟมันไปหกโดนใครเพราะรีบมาก  ถ้ารู้คงไม่เดินหนีไปเฉยๆหรอก”

   


   รอยขบสีขาวตามแนวฟันบนริมฝีปากล่างเด่นชัดมากขึ้นไปอีก  นอกจากโดนด่าว่าไม่รู้จักโต  แล้วยังโดนข้อหามองโลกในแง่ร้ายอีก...

   


   “แล้วก็นะ...” กวินเปรยขึ้นอีกครั้ง
   

   



   “วันก่อนนายบอกเองว่าชื่นชมฝีมือของฉัน   ดังนั้นก็แยกแยะเรื่องส่วนตัวออกไปซะ  แล้วมาเรียนรู้วิชาที่นายอยากได้ไปจากฉันให้เต็มที่”




   


   แม้ตอนขบลงไปที่ริมฝีปากจะไม่รู้ตัว  แต่ตอนปล่อยก็ปล่อยแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน...ฟังแล้วโล่งอกแฮะ!








TBC.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-07-2012 15:43:42 โดย arunoki »

ออฟไลน์ Vesi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1795
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +204/-3
เจอแบบนี้เป็นผมก็หงายเงิ่บนะ ทำตัวไม่ถูกเลยอ่ะ เล่นด่าเค้าไว้ซะ

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
 o13 o13  กวิน พูดดีมากอะ       ดูเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้

 :กอด1: :กอด1: ขอบคุณคนเขียนค่ะ มาต่อให้เร็วจัง



ออฟไลน์ ❝CHŌN❞

  • เหงา เหงา :(
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1924
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-3
น่าสนุก ชอบบุคลิกของพี่กวินมากกกกกกก

รอตอนต่อไปค่ะ ^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: หัวใจหลังเลนส์ #ตอนที่ 3 [14.07.2012/16:03]
« ตอบ #19 เมื่อ: 14-07-2012 20:04:17 »





ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ชอบ ท่านกวินแล้วสิมืออาชีพ  เท่ห์ที่สุด ปลื้มๆ
มาต่อเร็วๆหน่อยนะค่ะ  รออ่าน

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
คุณพี่มีความเป็นมืออาชีพมาก

ออฟไลน์ twenty8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ชอบมากกกกอะ ><
ชอบเรื่องที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพอะไรแบบนี้มันอ่านแล้วมีความสุขตลอดเลย
ได้อารมณ์มากๆ  รอตอนต่อไปนะคะ

 :-[

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สนุกมากเลย เอาใจช่วยน้องปอมนะ

ออฟไลน์ jeaby@_@

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +454/-3
พี่วินเท่เเละเก่งมากค่ะ เปนผู้ใหญ่ด้วย
นายเอกน่ารัก ปากจัดดีจริง

สนุกและเเต่งดีมากค่ะ

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมเราอ่านแรว. งงเหมือนมันจะซ้ำกันรึป่าวนะตอนล่างอะค่ะ.  หรือเราเบลอๆไปกันนะ

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
สนุกคะ :L2:รอตอนต่อไปนะ :pig4:

ออฟไลน์ NannY

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +125/-1
สนุกมากค่ะมารอตอนต่อไปนะคะ

Giniz

  • บุคคลทั่วไป
ปกติเราก็ชอบผู้ชายเล่นกล้องอยู่แล้ว
แล้วเรื่องนี้ผู้ชายเล่นกล้อง2คนยังมาเล่นกันเองอีก โอย ตายๆๆๆๆๆๆ  :jul1:

ออฟไลน์ RoseBullet

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1027
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
ชื่นชมกวินที่แยกแยะเรื่องงานเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้
อืม สมกับที่เป็นมืออาชีพ เป็นผู้ใหญ่ดี ชอบๆ
อ่านจบแล้วรู้สึกว่าไม่พอ ทั้งที่ตอนนึงก็ยาวออกนะ
อยากอ่านต่อจังค่ะ เรื่องสนุก ภาษาการบรรยายก็ดีเลย ชอบบุคลิกตัวละครด้วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด