เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93  (อ่าน 965403 ครั้ง)

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
122 ตัวเลขนี้ ยกโทษให้ท่านชายตรัสไปเลย

ดีใจที่คืนดีกันได้แบบนี้ :m25: :m25:


 :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ iammz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-6
น่ารักจังค่ะ >.<

ยังไงก็รอ 30#2 นะคะ

เป็นกำลังใจให้คนแต่งเสมอค่ะ +1

 :กอด1:

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
กรี๊ดด ตรัสท่าน... เพอร์เฟคชันนิสมาก แม้แต่เรื่องนั้นทำแบบนั้นทั่นยังขอโทษ
สะใจมากที่เท็ตเอาคืนตรัส คือมันน่าโมโหจริงๆนะ หายไปเฉยๆเนี่ย บอกซักคำไม่มี ไม่เห็นใจคนคอยเลย
น่ากระทืบซ้ำซักแปดล้านรอบ

ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ สนุกมาก ใช้ภาษาสวยมาก รออ่านตอน#2

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แปลว่ายังมีอีกนิด ..

ออฟไลน์ GintoniC

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 829
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-0
ไม่จบเร็วจังเลยอ่ะ  :mew2:

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
แอบสะใจที่เห็นเท็ตได้เอาคืนตรัสซะบ้าง :hao3:
ใกล้จบแล้วววว ขอตอนพิเศษด้วยได้ไหมคะ?
 :impress2:อยากให้ตรัสเล่าบ้าง เราอยากรู้ว่าพ่อเทพบุตรสุดเพอเฟ็คเค้าคิดอะไรอยู่
อยากรู้ตอนที่ตรัสปิ๊งเท็ตแรกๆด้วยอะ


เป็นกำลังใจให้และรอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
บทหงอ ๆ หงอย ๆ ไม่เหมาะกับท่านตรัสเอาเสียเลย
ต้องบทหื่น บทหน้ามึนนี่สิ เป๊ะ
ดีใจกับหนูเท็ตนะจ๊ะ สุขสมอารมณ์หมายทุกประการ

ออฟไลน์ moomj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 62
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตรัสน่ารักมากมาย ขอบคุณคนเขียนมากๆที่สร้างตรัสขึ้นมา

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด  :-[
น่ารักมากๆเลย ดีใจจังที่เข้าใจกัน นึกเเล้วเรื่องข้อความ....อิอิ
ตรัส เค้าขอโทษที่ว่าไปเยอะ แต่นายก็ผิดจริงๆ(กึ่งนึง) ถ้าบอกตั้งเเต่เเรก ปัญหาก็จะไม่หนักขนาดนี้
คราวหน้ามีอะไรคุยกันนะทั้งสองคน

รอทุกอย่างเลยค่ะ ไม่เคยลืมด้วย สุขสันต์วันสงกรานต์ย้อนหลังนะคะ  :กอด1:

ปล.อย่าลืมรวมเล่มน๊าาาาาา เค้าอยากได้ > <  :hao5:

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ทะลึ่ง : กามที่ 30 ตอนจบ #2

          ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสาง คงเพราะนอนไม่เป็นเวลานาฬิกาชีวิตก็เลยเพี้ยนไปหมด ได้ยินเสียงหายใจเป็นจังหวะดังอยู่ข้างหู ตรัสยังนอนอุตุไม่รู้ร้อนรู้หนาว แอบลักหลับคนขี้เซ้าที่เปลือกตาก่อนจะหย่อนปลายเท้าลงข้างเตียง วางแผนคร่าว ๆ ว่าวันนี้จะไปบริษัทในช่วงเช้า ส่วนช่วงบ่ายจะกลับไปช่วยแม่ออกแบบสวนหลังบ้าน โดยที่ยังคิดไม่ตกว่าจะขโมยรถตรัสไปใช้ได้ยังไงในเมื่อเจ้าของรถยังไม่วี่แววว่าจะตื่น คุณชายเขาคงกำลังปรับตัวกับเวลาที่แตกต่าง

          ใช้เวลาอาบน้ำไม่นานก่อนจะเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าที่คิดว่ายังมีชุดหลงเหลืออยู่บ้าง อย่างน้อยก็สูทที่ตรัสเคยซื้อให้ ซึ่งมันก็ยังถูกแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบเหมือนเช่นเคย หยิบมาสวมอย่างปราณีตด้วยความที่มันมีคุณค่าทางจิตใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนหวังปลุกคุณชาย แต่กลับพบว่าคุณท่านลุกขึ้นมานั่งเสยผมด้วยสภาพเปลือยอก ช่างเป็นทิวทัศน์ยามเช้าที่งดงามอะไรเช่นนี้หนอ

          “ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุก” ตรัสมุ่นคิ้วบ่นด้วยน้ำเสียงแหบพร่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมตาขวางอย่างกับทำอะไรผิดนักหนา งอนเสียดีไหม “จะไปไหน”

          “บริษัท จะเคลียร์งานที่ค้างไว้เพราะหัวหน้าจะไปต่างประเทศสัปดาห์หน้า ช่วยไปส่งหน่อยได้หรือเปล่า” ไม่เชิงว่าขอร้องแต่คล้ายว่าเป็นคำสั่งมากกว่า ตรัสลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะกระซิบข้างหูแล้วซับจูบที่ขมับ ทุกอย่างจึงกระจ่าง

          “นึกว่าหนีกลับไปแล้ว รอก่อนนะ เดี๋ยวไปส่ง” เข้าใจเลยว่าทำไมคุณชายเขาต้องอารมณ์เสียตั้งแต่ลืมตาตื่น ได้ยินอย่างนี้แล้วหายโกรธเป็นปลิดทิ้งเลยเถอะ

          ผมเหม่อมองคอนโซลรถโดยไม่ที่เฉลียวใจเลยว่าตรัสกำลังจะพาไปที่ไหน มาเอะใจอีกทีตอนที่รถชะลอตัวผ่านรั้วเหล็กดัดสูงสองเมตรครึ่งโดยประมาณ รถจอดสนิทตรงหน้าประตูก่อนที่ระบบอัตโนมัติจะทำงาน รั้วบ้านถูกเปิดออกด้วยคำสั่งจากภายในคฤหาสต์หลังงามที่ตั้งอร่ามเป็นขวัญตา

          “บ้านใคร พามาที่นี่ทำไมตรัส” คนถูกถามแค่ยิ้มบางด้วยแววตาที่อ่านยากจนผมไม่กล้าถามย้ำ กุญแจรถเลกซัสเอลเอสสี่หกศูนย์ถูกส่งต่อให้กับผู้ชายในชุดสูทซาฟารีสีกรมท่าหลังจากรถแล่นผ่านสวนหย่อมเข้ามา ความสงสัยยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อชายอีกกลุ่มที่ยืนเรียงแถวหน้าประตูไม้สักบานยักษ์พร้อมใจกันโค้งคำนับโดยไม่ต้องนัดหมาย แล้วสิ่งที่เอะใจก็เป็นจริงขึ้นมาเมื่อพบว่าหลังประตูบานนี้มีใครยืนอยู่

          “กลับมาทำไม” คุณกัณฑ์ธร รามานุสรณ์อริเก่าของผมกำลังถือแฟ้มเดินสวนออกมาพอดี ตรัสแค่ปรายตามองโดยไม่มีแม้แต่คำทักทาย ส่วนตัวผมได้รับหมายท้าชนด้วยการหรี่ตาจ้องตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่เขาจะก้าวพ้นไป ไม่เข้าใจเลยว่าตรัสจะพาผมมา ‘บ้าน’ ทำไมในเมื่อตัวเองยังไม่อยากกลับมา

          “นั่งก่อนสิ” ทุกความเป็นไปภายในรั้วรามานุสรณ์คุณฉัตรพันธ์คงรับรู้ทั้งหมด ความเรียบนิ่งในแววตาบอกผมว่าท่านทราบเรื่องแล้วที่ผมกับตรัสรุกล้ำเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า หลังจากรับไหว้ท่านก็ผายมือไปยังเก้าอี้ไม้ฉลุลายเงาวับ ผมก็ได้แต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ จนกระทั่งตรัสบอกความประสงค์ของตัวเอง

          “ผมจะขึ้นไปไหว้แม่” สิ้นคำตรัสก็กุมมือผมไว้หวังจะพาเดินขึ้นไปด้วยกัน แต่เจ้าบ้านกลับขัดตาทัพด้วยน้ำเสียงสุภาพ และด้วยมารยาทผมจึงปฏิเสธไม่ได้

          “ทัศนัยอยู่คุยกับฉันสักประเดี๋ยวจะได้ไหม”

          “ไม่...”

          “ไม่เป็นไรตรัส ฉันอยู่ได้” ผมยืนยันพร้อมคลายมือที่ตรัสกำแน่น มองสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันไดวนไปยังชั้นบนที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นห้องเก็บรูปของคุณแม่ที่ตรัสรักหนักหนา หันกลับมาชั่งใจกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยอาการประหม่าอย่างไม่หมกเม็ด คุณฉัตรยังยืนยันที่จะให้ผมนั่งในตำแหน่งตรงกันข้ามหวังเปิดใจแบบลูกผู้ชาย แต่ผมไม่ค่อยกล้ามองตาท่านเลยให้ตายเถอะ

          “ไม่ต้องกลัว ฉันแค่มีเรื่องที่ต้องคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว ก่อนอื่นเลย...ขอบคุณที่พาเขากลับบ้าน” ผมอ้าปากจะลบล้างความเข้าใจผิดเพราะผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ถึงจะเคยพูดโน้มน้าวใจแต่นั่นมันก็ตั้งแต่ก่อนตรัสไปอังกฤษเสียอีก ดังนั้นมันไม่น่าจะเกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง แต่คุณพ่อของตรัสท่านไม่เปิดโอกาสให้ผมอธิบาย ทำได้เพียงรับแก้วน้ำเย็นจากแม่บ้านก่อนจะหันกลับมาสนใจผู้อาวุโส

          “ไม่ต้องพูดอะไรแค่ฟังฉันก็พอ ความจริงถ้าตรัสไม่พาเธอมาวันนี้ฉันก็ตั้งใจว่าจะติดต่อไปหาแน่นอน ฉันอยากขอโทษแทนกัณฑ์ธรที่เกะกะระราน พาลพาโลเหมือนคนไม่รู้จักโต ทัศนัยอย่าถือโทษโกรธเคืองเขาเลยได้ไหม ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเองที่มองโลกแคบเกินไป ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน เรื่องทุกอย่างมันก็เลยชุลมุนวุ่นวาย” ผมรับฟังคำลุแก่โทษของคุณฉัตรพันธ์อย่างโปร่งใส เพราะไม่อยากกินแหนงแคลงใจกันอีกต่อไป ท่านอาจจะอ้ำอึ้งบ้างฉะฉานบ้างแต่ผมก็พอจะเข้าใจ เรื่องราวต่าง ๆ ก็ผ่านมาตั้งมากมาย จะให้อธิบายอย่างโจ่งแจ้งในคราวเดียวก็คงจะน่าเหลือเชื่อ

          “ต่อแต่นี้ไปฉันให้สัญญาว่าเธอกับตรัสจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ฉันรู้แล้วว่ากัณฑ์ธรต้องการอะไร และฉันได้ตอบสนองความปรารถนาของลูกชายก่อนที่จะสายเกินไป ความจริงฉันต้องขอบคุณเพื่อนของเธอด้วยอีกคน”

          “เพื่อนผม...ใครครับ”

          “ศาสตราวุธ ภัทรกูล” แล้วเรื่องนี้ไอ้แซนมันเกี่ยวอะไรด้วย ผมเกือบจะหลุดปากถามถ้าไม่เหลือบไปเห็นตรัสที่ก้าวกลับลงมา คุณฉัตรพันธ์ลอบยิ้มก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มปกปิด และด้วยความใกล้ชิดที่ตรัสเดินมานั่งไม่ห่างกันนักทำให้ผมได้กลิ่นธูปจาง ๆ ที่กระอวลมาจากเสื้อสูท

          “เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง”

          “ไม่มีปัญหาอะไรครับ” อ่า ตรัสกับคุณฉัตรพันธ์ก็คุยกันปกติได้นี่หว่า ไม่เห็นจะต้องปั้นหน้าบึ้งตึงใส่กันเหมือนแต่ก่อนเลย ความเครียดสะสมที่เก็บกดมาตั้งแต่หน้ารั้วบ้านทำให้ผมผ่อนลมหายใจออกมาอย่างปลอดโปร่ง ยกแก้วน้ำจรดริมฝีปากระหว่างที่ฟังพ่อลูกเขาสนทนาภาษาดอกไม้

          ได้ยินว่าตรัสจะไม่เข้าพิธีรับวุฒิบัตรเพราะอยากทุ่มเทความสามารถให้กับรามานุสรณ์จิวเวลรี่ทันที แค่ส่งเอกสารรับรองการศึกษาให้ถึงมือก็เพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังมีถ้อยคำให้กำลังใจมากมายจากคนเป็นพ่อ ถึงแม้วันนี้คุณฉัตรพันธ์จะยังไม่ได้รับรอยยิ้มจากลูกชายคนเล็ก แต่ผมเชื่อว่าในใจของตรัสกำลังมีความสุขมากมายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

          “เมื่อไหร่ที่มีปัญหาแล้วไม่มีที่ปรึกษาก็อย่าลืมนึกถึงฉัน” คุณฉัตรพันธ์หมายความรวมถึงผมเพราะท่านปรายตามองมาอย่างอ่อนโยน ผมตอบรับความมีเมตตาด้วยคำขอบคุณ

          “ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนครับ มีธุระต้องจัดการอีกหลายเรื่อง” ผมเองก็ลืมสนิทเลยว่ามีงานมีการต้องทำ พอได้ยินตรัสพูดอย่างนั้นก็มีท่าทางรนรานขึ้นมาทันที ไม่มีแก่ใจจะซาบซึ้งกับสายใยแห่งรักที่น่าชื่นชมอีกต่อไป

          “ถ้ามีเวลาว่างก็กลับมาที่นี่ได้เสมอ แม้ว่าจะไม่มีเรื่องจำเป็น บ้านนี้ยินดีต้อนรับ” ผมลุกขึ้นเดินตามตรัสจนใกล้จะถึงหน้าประตูอยู่แล้วหลังจากประนมมือไหว้แทนคำลา คุณฉัตรพันธ์ท่านก็โปรยความห่วงหาจนผมต้องแย้มยิ้มแทนลูกชายด้วยความยินดี ก่อนที่กิริยาตอบสนองของผมจะไร้ค่าไปในทันทีเมื่อตรัสตอบรับ

          “ครับ...พ่อ แล้วผมจะกลับมา”

          ผมแกล้งจ้องหน้าคนที่ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วยความสงสัย ก่อนจะยิงคำถามแทงใจพลขับ “ไม่ได้เรียกท่านว่าพ่อมานานแค่ไหนแล้ว”

          “ตั้งแต่แม่เสีย”

          “เรียกชื่อเฉย ๆ มาตลอดเลยเนี่ยนะ บาปว่ะ”

          “สำนึกผิดแล้วครับ” ยังกล้าทำเสียงล้อเลียนอีกแหนะ ความจริงผมค่อนข้างแปลกใจตั้งแต่เห็นสีหน้าของตรัสตอนเดินกลับลงมาจากชั้นบนของคฤหาสต์ แต่ยังไม่กล้าเอ่ยปากตอนนั้น สบโอกาสตอนนี้เพราะเห็นว่าตรัสอารมณ์ดีขอละลาบละล้วงหน่อยแล้วกัน

          “ตรัสไปเจออะไรมา เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” อยากรู้ว่าทำไมขอบตารื้นแต่มุมปากกลับหยักยิ้มเหมือนคนที่กำลังปลาบปลื้มและตื้นตันจนไม่อาจเก็บกั้นน้ำตาเอาไว้ได้

          “ไม่มีอะไร แค่ดีใจที่ได้กลับบ้าน”

          “แน่เหรอ” ตรัสยิ้มอีกแล้ว เพราะรอยยิ้มมักง่ายนี่แหละที่ทำให้ผมวางใจไม่ได้ ถ้าไม่เล่าก็อย่าหวังว่าผมจะเลิกทู่ซี้เพราะนี่คืออาการอยากรู้อยากเห็นขั้นแม็ก แต่ใช่ว่าจะเอ่ยปากร้องขอ แค่จ้องหน้าแล้วรอต่อไปอีกสักพักเท่านั้น

          “อยากรู้ขนาดนั้นเลย” ผมพยักหน้ารัว ตรัสจึงยอมเปิดเผยข้อมูลลับฉบับคุณชาย “มันแค่เป็นเรื่องตลกที่ฉันหาแม่ไม่พบเพราะพ่อย้ายรูปของท่านไปไว้ห้องอื่น ลำบากแม่บ้านให้ช่วยอธิบายก่อนจะรู้ว่าพ่อตกแต่งห้องนอนของแม่ใหม่ แล้วทำการย้ายรูปและสมบัติของท่านไปเก็บรักษาไว้ในห้องนั้น จากเดิมที่เคยอยู่ในห้องพระ...อย่างโดดเดี่ยว”

          “ตรัสก็เลยใจอ่อนยอมยกโทษให้คุณฉัตรพันธ์” ผมพูดเสริม “แต่ไม่เห็นต้องแอบไปร้องไห้คนเดียวเลยนี่หว่า”

          “ฉันดูเหมือนเด็กขี้แยขนาดนั้นเลยหรือ” ผมหัวเราะ

          “ฉันดีใจด้วยจริง ๆ ถ้าตรัสยอมเปิดใจเร็วกว่านี้ก็คงไม่ต้องเก็บกดความเจ็บปวดไว้ข้างในโดยไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกมาวันไหน อย่างน้อยความรู้สึกผิดบาปต่อคุณฉัตรพันธ์ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อบังเกิดเกล้าก็คงจะลดน้อยลงบ้าง ฉันอยากให้ตรัสมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ ได้หรือเปล่า”

          “สัปดาห์ละครั้งดีไหม ฉันจะพาเท็ตมาที่นี่สัปดาห์ละครั้ง”

          “ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”

          “ในฐานะลูกสะใภ้” ไม่ใช่แล้วครับท่าน ก่อนที่ผมจะเขินจนมุดเบาะรถได้โปรดแตะคันเร่งเพิ่มขึ้นอีกนิดเถอะ อยากถึงบริษัทเร็วกว่านี้อีกหน่อย ไม่ค่อยถูกโรคกับคนปากหวานเท่าไหร่ว่ะ

          ผมสูญเวลาช่วงบ่ายไปกับกองเอกสารและอาหารว่าง ผู้หญิงจากตึกบริหารยังคงโปรดปราณรอยยิ้มของผมตอนที่น้อมรับของฝาก ทั้งที่ปกติแล้ววันนี้เป็นวันหยุด แต่เผอิญว่าตอนที่ก้าวลงจากรถคุณชายมีหลายคนสังเกตเห็น ผลที่ได้จึงเป็นคุ้กกี้กล่องใหญ่และมาการองจากร้านดัง

          ตรัสไม่บอกผมสักคำว่าหลังจากนั้นจะไปที่ไหนต่อ ทิ้งไว้เพียงปริศนาจากข้อความที่ส่งมาว่าเย็นนี้จะมารับไม่ต้องกลับพร้อมรถพนักงาน ทั้งที่ตรัสไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเลิกงานเมื่อไหร่ แล้วนี่ท่านประธานรามานุสรณ์เขาไม่มีธุระปะปังบ้างหรืออย่างไร เทียวไปเทียวมาอยู่ได้

          หลังจากเสร็จสิ้นงานเอกสารจุกจิกก็ได้แต่เฝ้ารอคนมารับตามคำสั่งของคุณชาย แก้เผ็ดคนที่ชอบปิดบังด้วยการตัดสายอย่างไม่ใยดี ต่อให้ตรัสโทรย้ำแค่ไหนผมก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ห้องรับรอง จนกระทั่งราชรถมาเกยถึงหน้าตึก มองผ่านกระจกห้องในช่วงใกล้ค่ำทำให้โครงหน้าคมคายเด่นชัดตัดกับขอบฟ้าขลับทอง

          สารถีหน้าตาดีของผมกำลังหัวเสียนิดหน่อย สังเกตได้จากหัวคิ้วและแววตาตอนที่ก้าวเข้ามาในตึก ผมรีบลุกขึ้นเดินไปดักทางไว้ก่อนที่ตรัสจะก้าวเข้าไปในห้องทำงานของผมด้วยความเคยชิน เห็นลุงยามนั่งอยู่ไม่ไกลผมจึงไม่อยากสะสางคดีความกันตรงนี้ ขันอาสาพาคนถูกกลั่นแกล้งกลับขึ้นรถเพื่อสงบศึก

          “ทำไมไม่รับโทรศัพท์”

          “ไม่มีเหตุผล”

          “เท็ต...เล่นแบบนี้ไม่ดีเลย ฉันเป็นห่วง”

          “แล้วตรัสหายไปไหนมาทั้งวัน บอกกันสักคำก็ไม่มี”

          “ธุระ” จบบทสนทนา ผมยังอ่อนใจกับความไม่โปร่งใสของผู้ชายคนนี้ คำสั้น ๆ อย่างธุระผมสามารถต่อยอดความคิดกลายเป็นเรื่องจิปาถะได้อีกล้านแปด ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างว่าผมกังวลใจที่ไม่ได้รับรู้ในเรื่องที่สมควรรู้ ผมกำลังโกรธตรัสในเรื่องซ้ำซากอีกแล้ว

          “ช่างเถอะ จะไปทำอะไรที่ไหนก็เชิญเถอะครับ” อย่าให้ต้องย้ำอีกครั้งเลยว่าผมเกลียดคำว่าธุระของตรัสมากแค่ไหน และดูเหมือนท้องฟ้าจะเป็นใจเพราะจู่ ๆ ฝนก็เทลงมาอย่างไร้วี่แววเมฆหมอก ถึงแม้ว่ารถจะจอดติดสัญญาณไฟผมก็ไม่ปริปากพูดอะไร จงใจสร้างบรรยากาศน่าอึดอัดภายในรถ

          สงครามจิตวิทยาขนาดย่อมส่งผลให้ตรัสขับรถช้าลง จนในที่สุดก็จอดสนิทที่หน้าร้านอาหารฟิวชันที่ไม่ห่างจากบริษัทของผมเท่าไหร่นัก ชักมั่นใจนิด ๆ ว่าอารมณ์คุกรุ่นของผมน่าจะเป็นผลโดยตรงมาจากกระเพาะอาหาร ซึ่งมหาบัณฑิตป้ายแดงคงฉุกคิดได้เร็วกว่าตัวผมเอง

          “ทานอะไรก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน” คุณเขาว่าอย่างนั้นแล้วหยอดยิ้มอย่างรู้ทัน

          ผมวนปลายนิ้วกับขอบแก้วไปพลางระหว่างรอบิลจากพนักงาน ตรัสจ้องมาไม่วางตาด้วยหวังว่าจะทำให้ผมสำนึกผิด ซึ่งดูก็รู้ว่าคุณท่านชนะใส ๆ ไม่ต้องรอน็อคเอ้าท์ ก็คนโมโหหิวแบบไม่รู้ตัวนี่หว่า อย่าถือโทษโกรธเคืองคนงี่เง่าอย่างกระผมเลยนะขอรับ

          “แล้วหลังจากนี้จะพาไปไหน กลับบ้านเลยใช่ไหม”

          “ถ้าเท็ตอยากกลับ”

          “วันนี้คงต้องกลับ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง” ตรัสพยักหน้ารับรู้ก่อนบริกรจะเดินมาส่งบิลพร้อมรับบัตรเครดิตกลับไป เหมือนตรัสจะชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยปากถาม

          “พ่อกับแม่ท่านว่าอย่างไรบ้างเรื่องของเรา”

          “ไม่รู้สิยังไม่ได้คุย ถามทำไมมีอะไรหรือเปล่า”

          “ฉันแค่กังวล เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดเรื่องนี้กับพวกท่านอย่างไรดี” แหมะ อยากโพล่งออกไปว่าไม่ต้องเกริ่นนำอะไรให้มากความหรอก เพราะคุณนายมนรยาท่านอ้าแขนต้อนรับลูกเขยคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่ดีแน่ ขืนบอกไปเสียหน้าแย่ มิหนำซ้ำก็เพิ่งคืนดีกันหมาด ๆ ไม่อยากให้ตรัสมองว่าผมเป็นของตาย ถึงแม้ว่าความจริงแล้วมันจะไม่ต่างไปจากนั้นเท่าไหร่เลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-05-2013 14:58:05 โดย Lipstick_Murder »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
          สายฝนยังโปรยปรายตลอดเส้นทาง มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแต่ความพร่ามัวและแสงไฟระยับ ผมกระชับอ้อมแขนกอดอกตัวเองไว้เพื่อป้องกันอากาศเย็นจัด ตรัสถามเบา ๆ ว่าหนาวไหมก่อนจะหรี่แอร์ให้เหมือนอย่างที่เคยทำเสมอ ๆ นึกขอบคุณที่วันนี้รถติดหนักเพราะไม่บ่อยนักที่ผมจะรู้สึกดีกับการนั่งเฉย ๆ บนรถหลังเลิกงาน เห็นทีว่าปัจจัยหลักที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนั้นคงจะเป็นบุคคลร่วมเดินทางและบรรยากาศชวนหลงไหลในเวลาหัวค่ำ

          “ก่อนไปส่งเท็ตที่บ้านฉันขอแวะที่บริษัทหน่อยได้ไหม ลืมของสำคัญ”

          “เอาสิ ไม่รีบ” แค่คำตอบห้วน ๆ สั้น ๆ แต่ไม่รู้ว่าตรัสถูกใจอะไรหนักหนาถึงได้ยิ้มจนรู้สึกว่าคำอนุญาตนี้มีผลกับของสำคัญของตรัสมากมายเหลือเกิน

          “จะเข้าไปด้วยกันไหม” ผมมองไปรอบ ๆ ลานจอดรถแล้วรู้สึกวังเวงพิกลจึงพยักหน้าตอบทันที เดินตามตรัสเข้าไปในตึกแบบจ้ำอ้าวเพราะกลัวสาวเท้าตามไม่ทัน ก็มันน่าพิศวาสตรงไหนล่ะ ไอ้ลานจอดรถในตึกพาณิชย์ยามวิกาลไร้ผู้คนแบบนี้

          “ของอยู่ที่ชั้นใต้ดิน เท็ตอยากรอที่โซฟาหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์หรือว่าจะลงไปด้วยกัน” ภายในอาคารรามานุสรณ์จิวเวลรี่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินกันขวักไขว่ ไม่รู้ทำไมถึงไม่แยกย้ายไปเดินเล่นที่ลานจอดรถกันบ้าง แต่แล้วผมก็เฉลียวใจได้ว่าชั้นใต้ดินคือส่วนที่มีการคุ้มกันแน่นหนา เป็นแผนกที่ใช้เก็บรักษาเครื่องประดับที่เป็นสินค้าขององค์กร น้อยคนนักที่จะมีสิทธิ์ได้เข้าถึง ผมจึงไม่อาจปฎิเสธเพราะใจมันเรียกร้องด้วยความอยากรู้อยากเห็น

          กว่าจะก้าวลงมาถึงพื้นหินอ่อนขัดมันแวววาวก็ทำเอาใจเต้นระทึกอยู่หลายนาที ด่านปราการประตูนิรภัยหลายขั้นตอนและซับซ้อนทำให้เสียเวลาไปอักโข คุณชายเจ้าของบริษัทดูจะชำนิชำนาญกับประตูบานหนา แต่ด้วยความที่ผมใจร้อนทำให้คิดว่ามันยุ่งยากทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นระบบเซฟตี้ที่มีประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว

          แล้วสิ่งที่ได้พบหลังบานประตูก็คือความวิจิตรเกินจะพรรณนา ตู้เพชรพลอยเครื่องประดับทั้งหลายล้วนแล้วดึงดูดความสนใจจนผมไม่กล้ากะพริบตาสักเสี้ยววินาที ลองจินตนาการถึงห้องกว้างผนังบุกำมะหยีที่รวบรวมเอาอัญมณีเลอค่ามาประดับตกแต่งด้วยแสงไฟนวลตา ร้อยทั้งร้อยต้องกระโจนเข้าหาด้วยความตื่นใจกันทั้งนั้น ผมเองเมื่อรู้ตัวอีกทีก็มายืนเบิกตาอยู่ข้างตู้กระจกที่บรรจุบลูแซฟไฟร์ที่ผ่านการเจียระไนขนาดเท่าฝ่ามือ ตรัสยิ้มน้อย ๆ กับท่าทีตกตะลึงที่ผมไม่ค่อยแสดงออกบ่อยนัก ก่อนจะอ้อมแอ้มขอตัวไปจัดการธุระ ปล่อยให้ผมชื่นชมสิ่งสวยงามตรงหน้าตามลำพัง

          ผมพินิจเพชรนิลจินดาและอ่านชื่อจำเพาะด้วยความสนใจไปรอบห้อง ก่อนจะสะดุดกับชุดเครื่องประดับที่โดดเด่นกว่าใคร ทองคำขาวและเพชรน้ำงามแวววาวทำให้ผมใคร่รู้รายละเอียดมากกว่าชื่อประเภทที่ถูกระบุไว้ แต่พอเงยหน้ามองหาแหล่งข้อมูลกลับไม่พบตัว ตรัสหายออกไปจากห้องนี้นานแค่ไหนแล้วผมจำไม่ได้ รู้แค่ว่าไม่มีเครื่องประดับชนิดใดเล็ดลอดจากสายตาของผมแม้แต่ชิ้นเดียว คะเนว่าไม่น่าจะต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

          ไหนใครบอกว่าแวะมาเอาของสำคัญแค่ไม่นาน แต่นี่กลับทิ้งให้ผมจดจ่ออยู่กับอัญมณีล่อใจ มองไปมุมไหนก็ว่างเปล่า หลังบานประตูที่เชื่อมต่อก็ไม่รู้ว่าเปิดออกไปแล้วจะเจออะไร จะกลับขึ้นข้างบนก็ไม่รู้รหัส มิหนำซ้ำผมไม่มีนิ้วตรัสติดมือมาด้วย จะใช้นิ้วตัวเองก็กลัวว่าระบบเตือนภัยจะดังสนั่นลั่นตึก ผมกำลังวิตกจริตขั้นสุด ไอ้เจ้าของบริษัทกล้าดียังไงปล่อยผมไว้คนเดียวนานขนาดนี้

          และถ้านั่นยังไม่สาแก่ใจ คล้ายว่าฟ้าดินกลั่นแกล้งให้ผมต้องพบเจอกับวิกฤติชีวิตขั้นร้ายแรง จู่ ๆ แสงไฟภายในห้องก็ดับพรึ่บพร้อมกันจนผมเกือบอุทานเสียงดัง โชคดีที่ดวงไฟในตู้เครื่องเพชรยังส่องแสงสลัวให้พอเบาใจ ช่วยให้ความกลัวของผมทุเลาลง ควานมือหาตัวช่วยสุดท้ายในกระเป๋ากางเกงแต่ก็ตกใจแทบทรุดเมื่อพบว่าผมลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ แล้วทีนี้จะทำอย่างไร ประตูนิรภัยจะทำงานไหมเมื่อไร้ซึ่งระบบไฟฟ้า ผมต้องขาดอากาศหายใจตายในห้องนี้หรือเปล่าเพราะอากาศเริ่มเบาบางลงมากแล้ว ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้

          ในขณะที่อับจนหนทาง ดาวน์ไลท์ดวงเล็กที่ประจำทุกจุดภายในตู้กระจกก็เกิดทำงานพร้อมกันโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดหวังให้โคมระย้าสว่างเป็นปกติเช่นกันแต่มันยังคงมืดสนิทไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากนั้นผมได้ยินท่วงทำนองของโมสาร์ทดังแว่วมาแต่ไกล ไม่นานนักบานประตูที่ตรัสหายเข้าไปก็เปิดออกพร้อมกลิ่นน้ำหอมประจำตัว ผมกำลังจะเปิดฉากเม้งใส่คนใจดำแต่คู่กรณีกลับตัดกำลังด้วยผ้าเช็ดหน้า ตรัสซับเบา ๆ ที่แก้มข้างหนึ่งพร้อมพึมพำคำขอโทษ

          “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไฟดับ”

          “ไม่มีอะไรหรอก ขอโทษที่ทำให้กลัว”

          “กลับกันได้หรือยัง ฉันอยากกลับแล้ว” ผมเริ่มใจไม่ดีตอนที่ตรัสจ้องหน้าผมแปลก ๆ ในความมืด ไม่อยากได้ยินเลยว่าเรากลับออกไปไม่ได้เพราะประตูใช้ระบบไฟฟ้า ด้วยมาตรฐานระดับนี้ไม่มีเหตุผลเลยที่บริษัทจะหลีกเลี่ยงไฟสำรอง เว้นเสียแต่ว่าท่านประธานเขามีลูกไม้อะไรเพื่อใช้รังแกผม

          “ไม่สนใจเครื่องประดับชิ้นไหนเป็นพิเศษหรือ ฉันจะช่วยแนะนำ” หมดอารมณ์นั้นไปเมื่อห้านาทีก่อนแล้วเถอะ แต่ว่าก็ว่า ผมไม่อาจละสายตาจากเครื่องประดับชุดนั้นได้เลยจริง ๆ ก็เลยชี้นิ้วไปแบบไม่ต้องเสียเวลาฉุกคิดว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้หรือไม่

          ตรัสพาผมมาดูใกล้ ๆ ก่อนจะใช้สิทธิ์ความเป็นเจ้าของปลดล็อกบานกระจก ผมร้องทักทันทีว่าไม่จำเป็น แค่ได้เห็นจากภายนอกก็เป็นบุญตามากพอแล้ว ไม่อยากล่วงเกินของมีราคา “อยากรู้ไหมว่าเจ้าของคนสุดท้ายคือใคร” แล้วผมก็พยักหน้าไปแบบลืมตัว “เครื่องเพชรชุดนี้เคยเป็นของคุณย่า และแหวนวงนี้คือเครื่องประดับที่ท่านหวงแหนที่สุด เพราะเป็นแหวนหมั้นที่คุณปู่ลงมือทำด้วยตัวท่านเอง หลังจากคุณย่าเสีย แม่ของฉันจึงต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาก่อนจะย้ายมาเก็บไว้ที่นี่เพื่อความปลอดภัย”

          “สวยจริง ๆ” ผมชื่นชมแหวนทองคำขาวฝังเพชรวงนั้นอย่างตื้นตันใจ ถึงจะอย่างไรความรักที่พวกท่านทั้งสองมีให้กันก็ได้ฉายผ่านความปราณีตวิจิตรบรรจงตรงหน้านี้ ตรัสเองก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน ไม่อยากนั้นเขาคงไม่หยิบมันออกมาแล้ววางลงบนฝ่ามือ

          “มีอีกเรื่องที่ฉันไม่ได้บอกเท็ต ในห้องนอนของแม่มีจดหมายฉบับหนึ่งที่ท่านเขียนทิ้งไว้ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เปิดอ่าน มีแค่ฉันที่สามารถเข้าถึงข้อความสั่งเสียครั้งสุดท้าย และใจความสำคัญคือท่านมอบเครื่องเพชรชิ้นนี้ให้กับลูกชายคนเดียวของท่าน เพื่อส่งต่อให้กับ...คนรักของเขา” ผมคิดว่าคำพูดหลังจากนี้อาจมีประโยคอื่นใดที่น่าตกใจมากกว่าเหตุการณ์ไฟดับ อยากขอทำใจกับความมืดสักพักแต่ตรัสกลับไม่ให้โอกาสนั้นกับผม ผู้ชายคนหนึ่งกำลังคุกเข่าลงตรงหน้า ก่อนจะเอื้อนเอ่ยวาจาที่น่าขวยเขินที่สุดในโลก

          “ผมตรัส รัตนภูมิเศรษฐขอรับทัศนัย เกียรติพัชรเมธีเป็นคู่ชีวิต และขอสัญญาว่าจะซื่อสัตย์ต่อเขาทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ทั้งในเวลาป่วยและเวลาสบาย เพื่อรักและยกย่องให้เกียรติเขาจนกว่าชีวิตจะหาไม่” จังหวะเต้นแรงในอกซ้ายทำให้ความอุ่นหวานแล่นปราดไปทั่วร่างกาย ไม่เว้นแม้แต่นิ้วนางข้างซ้ายที่ดูจะสาหัสเอาการ ความเฉียบเย็นของวงแหวนไม่ปราณีต่อมน้ำตา ผ้าเช็ดหน้าของตรัสที่ยังกำแน่นในมืออีกข้างถูกละเลย ผมกำลังปีติกับคำพูดของตรัสที่ยังดังวนเวียนอยู่ในหัว

          “คิดดีแล้วหรือ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ ตรัสไม่เคยชัดเจนเลย ช่วงปีสามฉันยังแอบคิดเล่น ๆ ด้วยซ้ำว่าตรัสอาจกำลังต่อต้านสังคม อยากใช้ชีวิตแหวกแนวอะไรแบบนั้น”

          “แล้วตอนนี้ฉันชัดเจนหรือยัง” ชัดเกินไปมาก บังอาจทำท่านเท็ตเขินจนน้ำตาไหลได้ อะไรก็ยอมแล้วล่ะตอนนี้ “เท็ตไม่ผิดหรอกที่จะคิดอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วจุดเริ่มต้นของฉันไม่ใช่ช่วงปีสาม เท็ตแค่รู้สึกตัวช้าไปเท่านั้นเอง”

          “อะไรนะ”

          “ฉันไม่เคยต้องการเป็นเพื่อนกับเท็ตเลยตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน” พูดแบบนั้นแล้วเดินเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปที่ประตู ผมไม่รอให้ตรัสตัดจบคำสารภาพแบบรวบรัด รีบเดินไปคว้าชายเสื้อหวังคาดคั้นแต่ตรัสกลับเอี้ยวตัวมาขโมยจูบเสียอย่างนั้น ไม่แฟร์เลย

          จูบครั้งนี้หอมหวานกว่าครั้งใด ริมฝีปากของตรัสละเมียดละไมจนผมไม่กล้าผละห่าง ยากเหลือเกินที่จะหักห้ามใจแต่ในสถานที่แบบนี้ ของสูงค่าที่ประดับประดาภายในห้องนี้ ทำให้ผมต้องเลือกระหว่างความประทับใจและความเหมาะสม

          ผมรวบรวมความกล้าเบี่ยงหน้าหลบแล้วเท้าคางลงบนไหล่กว้าง ตรัสถือโอกาสสวมกอดแล้วยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะเค้นเสียงพูด “ฉันไม่ใช่คนเก่ง บ่อยครั้งที่รู้สึกขี้ขลาดจนไม่อาจรับมือได้ แต่อยากให้เท็ตมั่นใจว่าจุดอ่อนหนึ่งเดียวของฉันคือความรู้สึกของเท็ต ต่อแต่นี้ไปถ้าความใจเสาะของฉันทำให้เท็ตเสียใจ ก็อยากให้รู้ไว้ว่าน้ำตาของเท็ตฆ่าฉันทั้งเป็นได้อย่างไม่ยากเย็นเลย” แล้วคุณชายเขารู้ตัวบ้างไหมว่าคำพูดไม่คำก็ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงจะหยัดยืนได้เหมือนกัน และสาบานได้เลยว่าหยดน้ำตาในครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะหลั่งรินเพื่อผู้ชายนามสกุลรัตนภูมิเศรษฐด้วยความเสียใจ

          “ก่อนหน้านี้...ตรัสหายไปไหนมา”

          “เรียกขวัญและกำลังใจ” ผมยืดตัวกลับมาเผชิญหน้าแล้วจ้องตาเขม่ง “ฉันกลัวเท็ตจะปฏิเสธ”

          “ไร้สาระ” ใครกล้าบอกปัดผู้ชายอย่างตรัสก็โง่เต็มทน บทจะหวานก็หวานเลี่ยน บทจะมืดมนก็ทำเอาคนรอบข้างจะเป็นจะตาย ใครไม่เกิดมาเป็นไอ้เท็ตไม่รู้หรอก และสำหรับตรัส...ถ้าไม่ใช่ผมก็คงไม่ได้เหมือนกัน

          “เชื่อใจฉันได้ไหมว่าต่อไปนี้จะไม่มีเรื่องปิดบังกันอีก ฉันจะบอกทุกอย่างที่เท็ตอยากรู้ และจะไม่ทำให้เท็ตอึดอัดใจเพียงเพราะความคิดงี่เง่าด้วยกลัวว่า...เท็ตจะไม่รัก” ถ้าไม่นอกใจกัน คำนั้นจะไม่มีวันเล็ดลอดออกไปจากปากผมแน่นอน

          “ฉันเองก็อยากให้ตรัสไว้ใจ เพราะถ้าฉันสามารถหวั่นไหวกับอะไรง่าย ๆ จนความรู้สึกที่มีให้ตรัสมันลดน้อยลงอย่างที่พูดล่ะก็...ตอนนี้เวลานี้ตรัสคงยืนอยู่ที่นี่คนเดียว” ผมถูกรั้งตัวไปกอดแน่นอีกครั้งก่อนจะรู้สึกได้ว่าอากาศปลอดโปร่งเย็นสบายไร้ความอบอ้าว ทั้งที่ความจริงแล้วไฟฟ้าขัดข้องเครื่องปรับอากาศก็ต้องไม่ทำงาน ผมขืนตัวจนตรัสยอมปล่อยก่อนจะหรี่ตามองผู้ต้องสงสัย

          “ตรัสแกล้งดับไฟใช่หรือเปล่า” ไอ้คุณชายไม่ตอบ แค่ทำตาหลุกหลิกแลดูน่าสงสัยไม่น้อย ก่อนที่ปริศนาจะถูกเฉลยด้วยการดีดนิ้วเพียงครั้งเดียว แชนเดอเลียร์คริสตัลระยิบระยับกลางห้องส่องแสงสว่างจ้า แล้วผมจึงพบที่มาว่าตรัสให้สัญญาณภาพและเสียงกับกล้องวงจรปิดที่อยู่ตรงมุมห้อง อิหรอบนี้มีผู้สมรู้ร่วมคิดแน่นอน

          “แกล้งฉันทำไม”

          “เพราะกลัวว่าถ้าไม่ทำแบบนี้เท็ตจะให้ความสนใจฉันน้อยกว่าเครื่องประดับ” คิดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้วเห็นไหม ถ้าไม่ใช่ตรัสคิดไม่ได้หรอกนะเรื่องจุกจิกแบบนี้ อยากโกรธแต่ไม่รู้ทำไมถึงหัวเราะออกไป ตรัสก็ได้แต่ลูบหลังคอแก้เก้อ

          “มีคนเฝ้าดูฉันตลอดเลยใช่ไหม”

          “ก็ไม่เชิง ฉันแค่วานให้พนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลแผงระบบไฟกับมอนิเตอร์”

          “ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องเห็นเรากอดกัน”

          “อืม”

          “เห็นเราจูบกันด้วย”

          “น่าจะ” หน้าไม่อายเกินไปไหมวะครับ ถอนหายใจใส่คนหน้ามึนแล้วทำท่าฟึดฟัดเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มทน ตรัสเดินมาซ้อนหลังแล้วสวมกอดอีกหนก่อนจะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน

          “ช่วยคิดเสียว่าเขาเป็นสักขีพยาน อย่างน้อยกล้องวงจรปิดอาจจะช่วยให้นึกถึงเหตุการณ์วันนี้ เพราะในภายภาคหน้าเราก็ไม่รู้ว่าต้องพบเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง ขอให้ฉันได้มีข้อผูกมัดที่เป็นรูปธรรมและสามารถสัมผัสได้”

          “แค่แหวนวงเดียวไม่พอหรือยังไง ฉันไม่เอาไปขายหรอกน่า” หยอกเล่นไปเรื่อยทั้งที่เขินจะแย่ ยิ่งรู้ว่าทุกการกระทำตกเป็นเป้าสายตาของบุคคลที่สามยิ่งแล้วใหญ่ แต่ทำไงได้ บรรยากาศมันเป็นใจให้ผมฟังคำสารภาพของผู้ชายคนนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

          “ฉันรักเท็ต แต่ฉันพูดไม่ได้หรอกว่าจะรักตลอดไป เพียงแค่อยากให้รู้ไว้ว่าฉันจะรักจนกว่าเท็ตจะไม่เห็นค่า จนกว่าเท็ตจะผลักไส” ตรัสรวบมือผมมาคลึงเบา ๆ ที่ปลายนิ้วก่อนจะแนบแก้มแล้วกระซิบถาม “แล้วเท็ตล่ะ”

          “นอกจากพ่อกับแม่แล้วฉันไม่เคยรักใครมาก่อนเลย...ตรัสเป็นคนแรก” ด้วยสมองน้อย ๆ และวุฒิภาวะของหัวใจที่ไม่ประสีประสาบอกผมว่าตรัสคือคนแรกและคนสุดท้าย ถึงจะอย่างนั้นผมยังไม่เคยบอกตรัสตามตรงว่ารู้สึกอย่างไร อ้อมค้อมอยู่ร่ำไปจนกลัวตรัสจะไม่มั่นใจ สบโอกาสอันดีในคืนนี้ผมขอเอ่ยปากเป็นครั้งแรกและขอให้มันเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘เรา’ จริง ๆ เสียที

          “ฉันรักตรัส และฉันเองก็บอกไม่ได้หรอกว่ารักมากแค่ไหน รู้แต่ว่าตอนนี้ใจของฉันมันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมานอกอกอยู่แล้ว” ตรัสยิ้ม ผมรู้สึกได้จากข้างแก้มที่สัมผัสกัน ผมกำมือตรัสแน่นแล้วเฉไฉด้วยกลัวว่าหัวใจจะหยุดเต้นลงตรงนี้ “กลับบ้านได้ไหม กลับบ้านกันเถอะ”

          “บ้านเท็ต...หรือบ้านของเรา”

          ไม่จำเป็นต้องเดาแล้วกระมังว่าคำตอบของผมคืออะไร ในเมื่อกลิ่นอายความสุขยังฟุ้งกระจายรอบตัว และหลักฐานชิ้นสำคัญยังพันธการรอบนิ้วนางข้างซ้าย หัวใจของผมกำลังล้นปรี่ด้วยรู้สึกหลากหลายจนไม่อยากแบ่งปันให้ใคร และไม่ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร ตรัสจะเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ผมก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง

          ทะลึ่ง ภาคทัศนัย จบบริบูรณ์

▩▩▩

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ไชโย! จบจนได้...

จากตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 30 : 289 วันที่พ้นผ่าน ยาวนานเหลือเกินสำหรับคนที่รออ่าน (หัวเราะ)
Lipstick_Murder ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้กัน
ไม่ว่าจะแสดงออกผ่านตัวอักษรหรือไม่ ไม่สำคัญ แค่ชื่นชอบและอ่านจนถึงบรรทัดนี้ลิปก็ดีใจแล้ว
ขอบคุณที่รักตรัส ขอบคุณที่รักเท็ต ขอบคุณที่เฝ้าทวงถามกันอยู่เสมอ ๆ
ทุกความเห็นและน้องเป็ดจะอยู่ในใจลิปตลอดไปค่ะ
ฮิ้ววววววววววววว~

ภาคต่อของเรื่องนี้ลิปขอตั้งชื่อว่า...ทฤษฎี มีตัวละครหลักคือท่านซันและอ้น
ส่วนคุณพีระมิดกับแซนอยู่ในภาคของ...ทำนาย อาจจะเป็นคู่สุดท้ายของนิยายชุดนี้
หวังว่าทุกคนที่รักตรัสเท็ตจะติดตามคู่อื่น ๆ ของ เรียงร้อยด้วยรัก ถักทอด้วยใจ ต่อไปนะคะ
วันนี้วันดี 23.4.56 ขอให้บุญรักษาค่ะ บ๊ายบาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2017 18:38:11 โดย Lipstick_Murder »

NJnobu

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วๆ :katai2-1: หนุกมากมายคราฟผม :กอด1: :hao5:.... ติดตามมาตลอกเลยคับ :katai2-1: :katai2-1:

PAAPAENG~

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วววววว *ปรบมือ*
ขอบคุณทุกตัวอักษร
ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราวดีๆให้อ่านกันนะคะ

แม้ว่าจะตอนแรกๆจะหมั่นไส้เท็ต 99% ก็เถอะ!
ฮาาาาาาาาา

buff89

  • บุคคลทั่วไป
เท็ตน่าอิจฉามากเลยอะ ตรัสก็น่ารักจัง

ออฟไลน์ p_a_n

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 177
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
น่ารักสุดๆ อบอุ่น เขินแทนตรัสจัง อิอิ. ไปรวบรวมความกล้ามาเลยหรอ แต่คุ้มค่ามากเลยจ้า

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
 :hao6: :hao6:  เขิลลลลลลลลลลลลล

ออฟไลน์ quiicheh.

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1629
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +73/-9
หวานนนมากกกกกกกกกกกกก
เท็ตตายรึยังตอนตรัสก้มลงสวมแหวน55555555555555555
ชอบอะ ชอบมากฮือ
อยากเป็นพนง.รักษาความปลอดภัยมากค่ะจุดนี้
อยากรับรู้เรื่องราวก๊ากกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
รออ่านภาคของคนอื่นต่อคะ

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ตรัสน่ารักเว่อร์  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






John Doe

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุดคู่นี้ก็มีความสุขกันเสียที >_<

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
หัวใจมันพองคับอก.....ไม่สัญญาว่าจะรักตลอดไป แต่จะรักจนกว่าจะผลักไสและไม่เห็นค่า......




อยากได้แบบนี้สักคน
หลงรักชายตรัส :katai2-1:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
หวานๆๆๆกันจังเลย

โคตรโรแมนติกครับ!!

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8891
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80
จบแล้วววว
คู่นี้หวานกันตลอดเลย

ออฟไลน์ NOoTuNE

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +317/-15
 :katai2-1: :katai2-1:

555

ท่านตรัสนี่สุดโต่งจริงในเรื่องความคิด น่ารักดี ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ในที่สุดคู่เท็ตตรัสก็มีความสุขกันซะที :mew3:
ต่อไปก็คู่แซนกะคุณพีใช่ไหมค่ะ รอคู่ต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ narunarutoboyz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 595
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  :m3: :m3: :m3: :m3: :m3:
เท็ตน่าอิจฉาที่สุดในโลกเลยยยยยยยยยยยยย ตอนตรัสให้แหวนเท็ตเค้าบิดม้วนต้วนเลยอ่าาาาาาาาา
เขิลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลลล  :-[ :-[
น่ารักมากจริงๆ อินกับความรักของคนทั้งคู่เลยอ่าาาาาาา
ขอให้รักกันอย่างนี้ หมั่นคอยดูแลเเละรักษาดวงใจ จากนี้ไปจนนิรันดร์ เลยนะ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้เรารักพวกคุณได้ขนาดนี้ ขอบคุณคนเเต่งที่ทำให้เราได้รู้จักเรื่องราวดีๆแบบนี้ค่ะ
รอภาคต่อของผองเพื่อนนะคะ

ขอบคุณมากและเป็นกำลังใจเหมือนเดิมค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2160
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9
ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องราวดีๆให้ชาวเล้าได้อ่านกันนะครับ
ขอเป็นกำลังใจให้คนแต่งต่อๆไปนะครับ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kkmm

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
สนุกมาก ขอบคุณคับ :katai2-1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
บ้านของเราชอบคำนี้จัง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด