เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียงร้อยด้วยรักฯ : ทฤษฎี บทที่ 16 l 2018.06.16 หน้าที่ 93  (อ่าน 944488 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้
1. ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใด ๆ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม, ติดเรท x, ทำให้กระทู้กลายพันธุ์, ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่น ๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็งจากทางราชการ
3. การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใด ๆ ไปโพสต์ที่นี่หรือที่อื่น ๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4. ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5. ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10% ก็ตามเพราะมีคนมากมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch Quote ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

:: เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใด ๆ บนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
:: ข้อความใด ๆ ก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใด ๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-06-2018 23:22:10 โดย Lipstick_Murder »

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♂ กามที่ 1
«ตอบ #1 เมื่อ09-07-2012 15:30:10 »

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-03-2021 04:21:38 โดย Lipstick_Murder »

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♂ กามที่ 1
«ตอบ #2 เมื่อ09-07-2012 15:30:26 »

ทะลึ่ง : กามที่ 1

          ‘เทพบุตร’ คุณรู้จักคำนี้ดีแค่ไหน
          เดินไปทางไหนก็เหมือนมีสปอร์ตไลท์ส่องอยู่ตลอดเวลา
          เข้าห้องน้ำยังยืนอะร้าอร่ามส่องประกายวิบวับอยู่หน้าโถส้วม
          ไม่ว่าซ้ายขวาหน้าหลังก็เหมือนรูปปั้นเทพเจ้ากรีกให้มนุษย์เดินดินอย่างเราเคารพบูชา

          ที่ว่ามาทั้งหมดทั้งมวล...ครับ...ผมหมายถึง ตรัส รัตนภูมิเศรษฐ

          หาใช่ความอิจฉา ริษยา หรือหมั่นไส้ใด ๆ ผมกล้าสาบาน แต่ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่เหตุไฉนผมถึงเกิดมาเอวบางร่างน้อยแลดูน่าปลุกปล้ำมากกว่าไปปล้ำใคร ซึ่งผมก็หาได้แคร์ไม่ อย่างไรเสียชายชาตรีอย่างเราก็ต้องนิยมชมชอบสิ่งสวยงามเจริญหูเจริญตาอย่างเด็กนิเทศน่ารัก ๆ สักคน หรือสาวแว่นในชุดกาวน์ที่กำลังเดินออกมาจากตึกคณะแพทยศาสตร์

          “ไอ้เท็ต น้อย ๆ หน่อย มองน้องเขาอย่างกับจะแหวกสาบเสื้อเข้าไปเห็นอะไรต่อมิอะไร”

          “อะไรของมึง กูมองหน้าน้องเขาต่างหาก”

          “ถุย หน้าหรือหน้าอก ระวังจะโดนส้นสูงเขวี้ยงใส่ลูกกะตาเข้าสักวัน”

          “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับคุณศาสตราวุธ”

          ความจริงผมไม่ใช่คนทะลึ่งตึงตังอะไรหรอก ก็แค่คิดว่าความสุขของผู้ชายก็คือการได้มองความสวยงามของผู้หญิง ใครมีมากก็มองมาก ใครมีน้อยก็มองแค่แป๊บเดียวพอ เพราะสิ่งที่ผลักเสื้อให้นูนขึ้นมามันสะดุดตาน้อยเสียเมื่อไหร่

          เป็นไงครับ ตรรกะผม

          ตอนนี้ผมกำลังนั่งรับลมรอข้าวเรียงเม็ดหน้าตึกนิติศาสตร์หลังจากฟาดอาหารกลางวันกันจนอิ่มหนำ เดิมทีกลุ่มผมมีกันอยู่ห้าหน่อ แต่ที่เห็นนี่มีแค่ผมกับไอ้แซน ส่วนอ้นและซันแฝดพี่ของแซนหายตัวไปตั้งแต่หมดชั่วโมงเรียน เห็นบอกจะไปหอสมุดเพื่อหาหนังสือทำรายงานอะไรสักอย่าง ส่วนอีกคน...คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไอ้เทพบุตรจุตินั่นแหละ

          “ตรัสไปไหนของมันวะ”

          ผมคว้านิตยสารจีเอ็มเล่มล่าสุดของไอ้แซนมาอ่านแล้วทำเนียนถามหาคนที่หายหัวไม่ยอมมาร่วมโต๊ะอาหาร ก่อนจะได้ยินเสียงตอบอู้อี้เพราะไอ้แซนฟุบหน้าลงกับแขนหวังงีบระหว่างรอเรียนคาบบ่าย ส่วนผมว่างแล้วแต่กลับห้องไปก็ไม่มีอาหารตา หอพักนักศึกษาชายที่แสนจะหดหู่สู้อยู่ดูน้องเฟรชชี่ที่นี่ดีกว่า

          “กลับไปตั้งนานแล้ว เห็นบ่นว่าปวดหัวจะกลับไปนอนพัก ไม่ได้คุยกันหรือ”

          “เปล่า ไม่ทันได้เจอ คอนโดก็ไกลกว่าชาวบ้านแถมยังอยู่คนเดียวด้วย ถ้าอาการหนักถึงขั้นลุกไม่ไหวแล้วมันจะทำยังไงวะ ไม่ต้องนอนไส้แห้งหิวโซเลยเหรอ ดีไม่ดีพรุ่งนี้ได้เห็นมันขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์มหา’ลัยแน่”

          “แช่งมันทำไม มึงควรเห็นใจมันมากกว่าว่ะเท็ต” ไอ้แซนผงกหัวขึ้นแล้วจ้องหน้าคาดโทษ

          “เมื่อคืนมันปั่นรายงานให้มึงถึงตีสาม รู้อยู่แก่ใจแล้วยังทำปากดี”

          อ้าว ทำไมหวยมาออกที่กู ขอให้มันทำรึก็เปล่า แค่บ่นปอดแปดตามประสาเด็กอนามัยว่านอนแต่หัวค่ำตื่นแต่เช้าตรู่จะเอาเวลาที่ไหนไปทำรายงาน พูดแค่นั้นคุณชายท่านก็รับอาสา จริงอยู่ที่กำหนดส่งจวนตัวแต่ถ้าผมตั้งใจจริงไม่เขวไปกับกิจกรรมบันเทิงมันก็น่าจะเสร็จทันอยู่หรอก ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าตรัสมันหวังดีเกินไป ไม่ใช่ความผิดของผมเลย

          “มึงต้องไปดูมันหน่อยว่ะเท็ต ไหน ๆ ก็ไม่มีเรียนแล้วก็ไปหามันซะเลยไป”

          “แต่กูไม่อยากเป็นสก๊อย” ผมเกือบจะตะเบ๊ะรับคำบัญชาแต่ติดที่ว่ามันเป็นภารกิจที่ใหญ่หลวงมาก เนื่องด้วยทางบ้านมีฐานะปานกลางแค่พอมีพอกินตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง อย่าพูดถึงการซื้อรถรามาขับขี่เพราะมีเปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้คือศูนย์ จะไปไหนทีก็ต้องลำบากรถประจำทางหรืออาศัยเพื่อนฝูง เพราะฉะนั้นฝันไปได้เลยที่ผมจะยอมลำบากนั่งรถสองล้อทรมานบั้นท้ายไปถึงคอนโดคุณชาย

          “เมื่อเช้าตอนรับเล่มรายงานมาหน้าระรื่นเลยไม่ใช่หรือ มีงานเร่งด่วนมันก็ช่วยมาตลอดจนรอดมาได้หวุดหวิด แล้วนี่ยังคิดจะทอดทิ้งผู้มีพระคุณให้นอนป่วยคนเดียวที่คอนโดได้ยังไง ไม่แสดงความรับผิดชอบแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”

          “เดี๋ยวใจเย็น ไม่ต้องบ่นยาวกูก็กะจะไปอยู่แล้วน่า ไม่ได้ไร้น้ำใจขนาดนั้น จะบอกว่าขอยืมรถหน่อยเท่านั้นเอง เทศน์กูทำไม”

          “ไม่ได้เอามา เมื่อเช้ามากับซัน”

          “ถ้าอย่างนั้นก็เอากุญแจรถซันมา อยู่กับมึงใช่ไหม ถ้านั่งแท็กซี่เงินเดือนนี้กูหมดแน่”

          “ไม่รู้ซันจะออกจากหอสมุดตอนไหน รีบไปรีบมาแล้วกัน” เสร็จโจร

          ถึงจะไม่มีรถเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคในการขับรถของผมสักเท่าไหร่ ได้ใบขับขี่มาตั้งแต่อายุครบยี่สิบ เป็นที่ไว้วางใจให้ขับไปรับไปส่งแม่ด้วยรถของพ่อเสมอ รถของเพื่อนฝูงทุกคนก็ล้วนแต่ผ่านมือผมมาแล้วทุกคัน ทั้งรถญี่ปุ่นอิมพอร์ตของอ้น รถยุโรปราคาระยับขับไปทางไหนก็มีแต่สาวเหล่ของไอ้แซน ของซันเองก็ไม่น้อยหน้าเป็นฝาแฝดที่รสนิยมต่างกันนิดหน่อย ออดี้หรูโคตรที่ผมไม่ค่อยกล้าแตะแต่เจ้าของเขาก็ไม่หวง ส่วนท่านตรัสเลกซัสเท่านั้นครับ

          ออดี้สีบรอนซ์เงินกำลังแล่นฉิวบนถนนสุขุมวิทตัดตรงเข้าสู่คอนโดเลียบทางด่วนที่ผมได้แต่เบ้หน้าด้วยความริษยา ผู้ชายงบน้อยอย่างผมก็ได้แต่อยู่หอในกับพวกเด็กปีหนึ่งที่สุดแสนจะวุ่นวาย ไอ้ปีสามที่อยู่แก่ไปวัน ๆ ก็ได้แต่โดนเด็กมันถอนหงอก

          ‘พี่เท็ต ทำไมไม่ย้ายออกไปหอนอกล่ะพี่ ที่ผมทนอยู่นี่ก็เพราะโดนบังคับหรอกนะ ถ้าขึ้นปีสองเมื่อไหร่ผมจะชิ่งให้ไวเลย’ แหงสิวะ หอชายล้วนแบบนี้มันหลีหญิงหิ้วหญิงเข้าห้องไม่สะดวก ไอ้เด็กเวร

          โชคดีนิดหน่อยตรงที่แอบใช้เส้นในฐานะที่ซี้กับพี่ฝ่ายจัดการ ขอร้องเขาให้ผมได้อยู่คนเดียวโดยไม่ต้องมีรูมเมท ทั้งที่ห้องอื่นต้องแชร์กันสองถึงสามคน เพราะอะไรน่ะหรือครับ พอดีผมมันเป็นพวกหูทิพย์ แค่เสียงหายใจแรงยังทำให้ผมสะดุ้งตื่นได้เลย นับประสาอะไรกับเสียงกรน จาม ไอ หรือเสียงอะไร ๆ ที่ผู้ชายวัยกระสันเขาทำกันยามวิกาล แล้วทำไมผมต้องทนนอนฟังเสียงประกอบกิจกรรมพรรค์นั้นด้วย แขยงหูพิลึก

          ผมขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นห้าก่อนจะก้าวขาฉับอย่างชำนาญทางไปยังห้องเป้าหมาย ถึงคอนโดมันอยู่ไกลแต่ก็ใช่ว่าไม่เคยมา ปกติผมโดนซันหิ้วเกือบทุกอาทิตย์ รายนั้นเขาชอบชวนผมด้วยสาเหตุแปลก ๆ อย่างมาคนเดียวเปลืองน้ำมัน หาเพื่อนนั่งมาด้วยดีกว่า ก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันยังไง สงสัยจะเรียนหนักแล้วเพี้ยน

          ผมเคาะประตูเบา ๆ เป็นสัญญาณหลังจากเปลี่ยนความคิดที่จะกดออด กลัวมันหลับอยู่แล้วจะดูเป็นการรบกวนคนป่วยเกินไป แต่สงสัยว่าผมจะคิดผิด ยังไม่ทันได้เคาะประตูรอบที่สองคุณชายท่านก็เดินตัวหอมฟุ้งออกมาต้อนรับ

          “ไม่ได้หลับอยู่เหรอวะ” ผมทัก

          “เปล่า เพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ตรัสตอบก่อนจะถอยหลบให้ผมเดินแทรกเข้าไปในห้อง

          จะว่าไปห้องของตรัสมันเกินจะทำใจให้ยอมรับได้ว่าเป็นห้องของชายโสด ไร้ซึ่งสาวน้อยมาคอยเก็บกวาด ตรงนั้นก็ใหม่เอี่ยม ตรงนี้ก็เลี่ยมเชี่ยม ก็เข้าใจว่ารวย คงมีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ประจำ แต่มันต้องมีร่องรอยของความรกความสกปรกบ้างสิวะ แต่นี่อะไร หนังสือสักเล่มเอกสารสักแผ่นก็ไม่มีหลุดออกมาจากตู้หนังสือ โซฟาหน้าทีวีไม่มีบิดเบี้ยว และหลักฐานสำคัญในห้องนอนคือเสื้อคลุมอาบน้ำที่มันเพิ่งใช้มาด ๆ กับไม้แขวนที่ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เนี้ยบอย่างกับยังไม่ได้ใช้ เจ้าระเบียบสุดโต่งไปเลย

          ส่วนห้องผมน่ะหรือ ไม่อยากจะคุย แม่บงแม่บ้านอะไรไม่มีหรอก พี่ภารโรงหอเขาก็เก็บกวาดแค่ตรงทางเดินกับหน้าตึก นักศึกษาต้องรับผิดชอบห้องใครห้องมัน สภาพก็เลยสถุลสมตัว ขยะกองเป็นภูเขา กลิ่นเน่า ๆ ของเศษอาหารที่ระเบียง นี่ยังไม่รวมความรกรุงรังของกองหนังสือกองกระดาษจิปาถะ กว่าจะไปเรียนได้แต่ละที ค้นกันเป็นชาติ

          ทำไมชีวิตผมกับมันถึงต่างกันราวดาวดึงส์กับอเวจีอย่างนี้วะครับ!

          “แซนบอกมึงป่วย ไม่น่าฝืนว่ะ ถ้าไม่ไหวก็น่าจะนอนอยู่ห้อง ไปเรียนทำไม”

          ผมเดินเซื่อง ๆ อารามกริ่งเกรงในสถานที่ไปนั่งบนโซฟา เหลือบมองท่านที่กำลังเช็ดผมเปียกมาด ๆ แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ดันไปจ้องกล้ามแขน แผ่นอก ลามถึงหน้าท้อง เห็นแล้วรู้สึกเสียชาติเกิดชะมัด โชคดีที่มันใส่กางเกงผ้ายืดขายาวปกปิดอะไรต่อมิอะไรไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงได้นอนฝันถึงกล้ามก้นมันเป็นแน่แท้

          “แค่ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นอะไรมาก นี่แซนบังคับมาใช่ไหม”

          “เออสิวะ ขู่กรรโชกฉกกุญแจรถซันมาด้วยเนี่ย ถ้ามันไม่ให้ยืมก็ไม่มาหรอก” โว้ย ปากเปราะบอกมันทำไม แต่ผมมันจอมแถก็เลยหันไปยิ้มยิงฟันให้ก่อนจะทำปากว่า ‘ล้อเล่น’

          “ทานอะไรหรือยัง หิวไหม” ป่วยแล้วยังมีหน้ามาถามผมอีกเถอะ มันคงไม่รู้ว่าหน้าตัวเองซีดอย่างกับไก่ต้มเอาไปแช่ตู้เย็นไว้สามคืน ว่าแต่นี่ผมมาเยี่ยมคนป่วยแล้วทำไมไม่มีหยูกยาติดไม้ติดมือมาบ้างวะ ไร้มารยาทกับคุณชายจริง ๆ เลย

          “กินที่โรงอาหารคณะนิติฯ กับไอ้แซนมาแล้ว มึงล่ะ กินไรยัง”

          “ยังไม่หิว”

          “เฮ้ยได้ไง ไม่หิวก็ต้องกิน ไม่กินข้าวก็กินยาไม่ได้น่ะสิ แสดงว่ายาก็ยังไม่ได้กินใช่ไหม ตายขึ้นมากูก็ซวยสิ” อุวะ! เอาอีกละ ไอ้ปากเฮงซวยพากูลงเหวเรื่อยเลย

          “ไม่เป็นไร แค่ปวดหัว นอนสักพักก็หาย”

          “ถ้าไม่หายล่ะ ถ้าเป็นหนักกว่าเดิมไอ้แซนเอากูตายแน่ ไปนอนเลย เดี๋ยวกูทำอะไรให้กินเอง”

          “ไม่เป็นไร ถ้ากลัวแซนขนาดนั้นเดี๋ยวโทรสั่งเอาก็ได้” เฟี้ยวไหมล่ะ ออกปากเสียดิบดีแล้วไอ้เท็ตคนนี้เคยทำกับข้าวไหม ไม่เคยโว้ย! แต่ถือว่าโชคช่วยที่มันไม่ไหลตามน้ำ ไม่อย่างนั้นคงได้แซ่บกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากเท็ตเรสเตอร์รองจนห้องไส้ปั่นป่วนแน่นอน

          และด้วยเหตุฉะนี้ คุณท่านจึงโทรสั่งอาหารจากร้านหรูมาเป็นลาภปากไอ้เท็ตคนยากคนนี้ด้วย

          คือจริง ๆ จะเรียกข้าวราดแกงมันก็ใช่แหละ แต่แบบว่าพนักงานร้านเขายกต้มยำกุ้งมาเป็นหม้อไฟ ปูผัดผงกะหรี่ก็จานเท่าบ้าน แล้วยังมีต้มจืดสาหร่ายและอื่น ๆ อีกมากมายมหาศาล มีกันอยู่สองกระเพาะแล้วจะยัดเข้าไปยังไงหมดวะเฮ้ย! คุณชายแม่งฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ โอเว่อร์มาก!

          ไอ้คุณตรัสเนี่ยเขาเป็นคนพูดเพราะครับ ประมาณว่าเพราะอะไรมึงถึงเลือกปฏิบัติ ต้องฟังมันพูดกับซันนึกว่าผมหลุดไปยุคพ่อขุนรามคำแหงเลยเถอะ ต่อหน้าผม วะ โว้ย แทบจะนับคำได้ แต่ลับหลังทีไรถ้อยคำอัศจรรย์หลุดปากคุณท่านเสมอ ที่ผมรู้ก็เพราะเคยแอบฟังมันคุยกันที่คอนโดของซัน นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่ามันแยกโสตประสาทอย่างไรไม่ให้หันมาหาผมแล้วพ่นคำหยาบใส่หน้า ดูอย่างบทสนทนาบนโต๊ะอาหารที่เห็นอยู่นี่ก็เทียบเคียงกับชายกลางแห่งบ้านทรายทองได้สบาย ต่อให้พูดหยาบกับมันแค่ไหนสุดท้ายก็ได้ยินวลีหวานหูตอบกลับมาอยู่ดี

          หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อที่สามของวันผมก็บังคับคุณชายให้ทานยาซึ่งหามาได้แค่พาราเซตามอลจากตู้ยาสามัญประจำบ้าน เสร็จสรรพก็พักปากพักท้องที่โซฟา ความจริงก็คือผมรอให้มันหลับจะได้แอบกลับเอารถไปคืนซัน จะชิ่งตอนนี้ก็เหมือนมาให้มันเลี้ยงข้าวเฉย ๆ เห็นแก่ตัวยังไงชอบกล เอาเป็นว่าการแอบหนีเป็นทางเลือกที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่สุด

          “รีบไปไหนไหม กลับก่อนก็ได้ฉันยังไม่ง่วง” นั่น มึงมีจิตสัมผัสหรือครับไอ้ตรัส!

          “ไม่ล่ะ กลับตอนนี้เดี๋ยวไอ้แซนสวดกูยับ รอมึงค่อยยังชั่วก่อนแล้วค่อยกลับ”

          “ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ทานข้าวทานยาแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น” มันยิ้มน้อย ๆ แต่ว่า...ฮือ หล่อฉิบหายเลย

          นั่งเล่นได้สักพักก็เห็นตรัสลุกไปที่ตู้หนังสือแล้วหยิบตำราเศรษฐศาสตร์ออกมาเล่มหนึ่ง ใช่สิ มีงานรออยู่อีกล้านแปด อาจารย์ทุกท่านล้วนรักลูกศิษย์ด้วยกลัวว่าจะจำเนื้อหาที่ร่ำเรียนมาไม่ได้จึงจรดปลายปากกากับไวท์บอร์ดเป็นหัวข้อรายงานสั้น ๆ แต่ผลของมันเข้าขั้นมหันตภัย แล้วถามว่าผมแคร์ไหม ใส่ใจจะเร่งมือทำบ้างหรือเปล่า โนเวย์ครับ ตราบใดที่ไม่มีไฟมาล้นก้นไอ้เท็ตจะยังนั่งตีดอทอัพเวลดูหนังฟังเพลงอย่างสุขสำราญ และมันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป

          “เริ่มทำงานของอาจารย์พิพัฒน์บ้างหรือยัง”

          “ยัง ขี้เกียจ”

          “รีบหน่อยก็ดี ปลายเทอมแบบนี้ระวังงานจะรุม” แหมะ ทุกวันนี้ยังไม่เรียกรุมอีกเหรอพ่อ

          “อย่าห่วงงานนักเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะว่ะ เอาเป็นว่ากูจะไม่ให้มึงทำรายงานให้แล้ว เดี๋ยวป่วยแบบนี้อีก”

          “ไม่เป็นไร ช่วงนี้ฉันนอนน้อยเอง ไม่เกี่ยวกับงานนายหรอก”

          ผมผุดลุกเดินตามไปบ้างซึ่งเป้าหมายไม่ใช่ตู้หนังสือเรียนของมัน แต่เป็นชั้นวางนิตยสารด้วยจุดประสงค์บางประการที่ไม่ใช่นิตยสารรถยนต์ เพลง ภาพยนตร์ หรือหนังสือแนะแนวทางธุรกิจ เอ อยู่ไหนหว่า...

          “หาอะไร”

          “หนังสือผู้ใหญ่” ชั้นบนสุดก็ไม่มี ชั้นล่างสุดที่เป็นลิ้นชักปิดมิดชิดก็ไม่มี แล้วมันเอาไว้ไหนล่ะ

          “ไม่มีหรอก”

          “อย่าโกหก”

          “ฉันไม่อ่าน” แหมพ่อคุณ หนังสือปลุกใจเขาเอาไว้ชื่นชม ไม่ใช่เน้นหนักทางเนื้อหาเหมือนหนังสือวิชาการทั่วไปหรอกนะครับ

          “แน่เหรอ ไม่ใช่ว่าซุกไว้ใต้เตียง”

          “ไม่มีจริง ๆ ไม่ชอบ”

          “แล้วชอบแบบไหน...อ๋อ หนังเอวีใช่ไหม แล้วก็ไม่บอก” มันอ้าปากจะตอบแต่เงียบไปผมก็เลยเดาสุ่ม ก่อนจะหน้าม้านหันหลังหนีเพราะอยู่ดี ๆ มันก็จ้องมาไม่พูดอะไร แต่สาบานได้ว่ามึงครับ...ไอ้การยกยิ้มมุมปากเมื่อกี้มันกระชากหนังหน้าหนาสามนิ้วของกูไปจนรู้สึกละอายแก่ใจมากเลยเถอะ

          ผมยังไม่ทันได้ค้นใต้เตียงของมันแก้เขินเผื่อจะเจอเพนท์เฮ้าส์สักเล่มหรือเอวีสักเรื่อง เสียงออดก็ดังขึ้น แล้วคนที่เปิดผ่างเข้ามาก็ไม่ใช่ใคร ผู้ชายตัวสูงไล่ ๆ กับตรัสและหนุ่มหน้าหวานอีกคน

          “ไอ้แซนบอกว่ามีคนขโมยรถมา” ซันเดินเข้ามาล็อคคอแล้วจี้เอวผม ทำไมมันต้องใช้ปมด้อยคนอื่นให้เป็นประโยชน์ด้วยวะ เตี้ยก็เตี้ย ตัวก็เล็กกว่าเยอะ เสียเปรียบฉิบเป๋ง

          “เฮ้ย ปล่อย!” ผมกึ่งโวยกึ่งหัวเราะ ดิ้นสุดแรงก็ไม่พ้นวงแขนของยักษ์ซันสักที แต่ไม่นานหลังจากนั้นท่านเทพบุตรก็เห็นใจเดินมาฉุดผมไปนั่งที่โซฟาด้วยท่าทีปกติสุข ซึ่งผมทันเห็นด้วยว่าซันส่งสายตาวาววับให้กับอ้นที่ยืนอยู่ไม่ไกล

          “ตามมาทำไมวะ อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว”

          “จะไปรู้หรือ นึกว่าจะนอนเฝ้าไข้คนป่วย”

          “เฝ้าทำไม มันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย แค่ปวดหัวใช่ไหมตรัส”

          “อืม” มันที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ตอบไม่เต็มเสียง

          “สำออยนี่หว่าคุณชาย ตอนอยู่ในห้องเรียนจะเป็นจะตายซะให้ได้ ต้องลำบากคุณหนูเท็ตเลยเห็นไหม” อ้าว กวนมันเองก็รองมือรองเท้ากันเองสิครับ ไหงมาลากไอ้เท็ตไปร่วมด้วย ดูซิน่ะ คุณชายเขาหันไปจ้องหน้าแล้วเห็นไหม แต่โชคดีที่อ้นขัดขึ้นมาได้ทันเวลาไม่อย่างนั้นคงได้เห็นสองซี้มันวางมวยกันแน่

          “ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว เห็นคาบสุดท้ายฟุบลงไปนอนกับโต๊ะเลย นึกว่าจะเป็นหนักกว่านี้”

          “ไหน ๆ มึงก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก กูขอกลับเลยได้ไหม” และแล้วผมก็ได้จังหวะเหมาะขอกราบลา

          “ตามใจ”

          “ไม่ยื้อหน่อยหรือไอ้ป่วย” ยัง ซันมันยังไม่เลิก ต้องโรมรันกันก่อนใช่ไหมถึงจะพอใจ แต่ยังไงผมก็ไม่เกี่ยว คล้องแขนอ้นแล้วก้าวฉับออกจากห้องทันทีเพื่อความปลอดภัย

          จะว่าไปแล้วคนที่สนิทกับตรัสที่สุดก็เห็นจะเป็นท่านซันนี่แหละ ส่วนผมสนิทกับแซนแฝดน้อง อ้นเองก็ตัวติดกับซันตลอด ใช่ว่าผมจะไม่สงสัยในความสัมพันธ์ของคู่หลังสุดแต่กล้าถามเพราะกลัวจะได้หมัดลุ่น ๆ แทนคำตอบ ขอถนอมหน้าตาไว้หน่อยดีกว่า เพราะใช่ว่าผมจะมีแต้มสำรองความหล่อไว้ใช้ยามฉุกเฉินเหมือนใครบางคน

          ซันยืนยันจะขับรถของตัวเองกลับทีหลังเพราะจะอยู่คุยกับตรัสสักพัก ส่วนผมสบโอกาสมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้อ้น ระหว่างทางก็ถามไถ่จิปาถะว่าไปทำอะไรที่ห้องสมุด งานนี่นั่นโน่นเสร็จหรือยัง ประเด็นคืออยากยืมมาเป็นต้นแบบหน่อยนั่นเอง

          “ตรัสมันเสนอตัวช่วยตลอดทั้งที่งานของมันเองก็เยอะอยู่แล้ว รายงานเล่มนี้ก็เลยอยากจะทำเองบ้าง” ผมพูดหยั่งเชิงอย่างมีวาทศิลป์และน้ำใจอันล้นปรี่

          “ดีแล้ว อาจารย์คงออกข้อสอบจากงานพวกนี้แหละ ถือว่าเป็นการทบทวนเนื้อหาไปในตัว ถ้าไม่ทำเองมีหวังแย่แน่” ใช่ไหมล่ะ ก่อนจะแย่ก็ช่วยรับพิจารณาคำขอร้องของเพื่อนคนนี้หน่อยแล้วกัน

          “ขอยืมดูของอ้นหน่อยได้ไหม”

          “ไม่ได้”

          “ทำไมเล่า”

          “เพราะมันยังไม่เสร็จ อย่าลอกนะเท็ตเดี๋ยวจะซวยกันหมด คิดจะทำเองน่ะดีแล้วแต่ถ้าไม่ไหวก็ให้ตรัสช่วยบ้างก็ได้ เพราะยังไงมันก็เต็มใจ” ให้มันได้อย่างนี้สิ สรุปต้องทำเองใช่ไหมวะเนี่ย!

          ความจริงผมก็ไม่ได้สมองน้อยขนาดเอาตัวไม่รอดหรอกครับ ไม่อย่างนั้นนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์คนนี้คงไม่สามารถถีบตัวเองขึ้นมาถึงชั้นปีที่สามได้หรอก แต่ขอเปิดอกยอมรับว่าผมเคราะห์ดีที่มีโชคช่วยนิดหน่อย

          โชคหล่อ ๆ ที่ชื่อว่า...ตรัส

          ผมกับตรัสอยู่คณะเศรษฐศาสตร์ ไอ้แซนถึงจะปากร้ายแต่เป็นถึงว่าที่นักกฎหมายแห่งนิติศาสตร์ ซันกับอ้นคร่ำเคร่งอยู่กับระบอบการเมืองการปกครองของรัฐศาสตร์ อาจมีบางวิชาเลือกเสรีที่รวมฝูงกันได้ยกตัวอย่างเช่นวิชาที่ผมกำลังเซ้าซี้ขอลอกรายงานอ้นอยู่ตอนนี้ จะว่าไปพวกเราเองก็ยังนึกไม่ถึงว่าจับพลัดจับผลูมาสนิทกันได้ยังไง เรื่องของเรื่องคือตรัส ซัน อ้นมาจากโรงเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน ส่วนผมสนิทกับแซนที่ต่างคนต่างมาตอนรับน้องรวมคณะ ก่อนจะได้รู้จักกับซันที่เป็นฝาแฝดของมันและเพื่อนอีกสองคนที่บังเอิญว่าหนึ่งในนั้นอยู่คณะเดียวกัน

          ความประทับใจครั้งแรกน่ะหรือ ผมจำได้แม่นทีเดียว ว่าด้วยหน้าตาของท่านตรัส อนึ่งว่ามันหล่อล้นฟ้ามหาสมุทรสุดจะหาไหน นิสัยใจคอก็น่าคบหา แล้วยังพูดจาดีไม่มีระคายหู เอาเป็นว่าอย่าให้ผมต้องบรรยายสรรพคุณมันอีกรอบเลย ผู้ชายด้วยกันแท้ ๆ อายปาก

          ผมไม่อยากบอกเลยว่ามันคิ้วเข้ม ตาคม นัยน์ตาสีน้ำตาลเหมือนหลุดมาจากนิยายตะวันออกกลาง ประหนึ่งชีคอาหรับ เส้นผมดกดำเงางาม แต่ผิวขาวสะอาดสะอ้านอย่างผู้มีอันจะกิน ตัวสูง รูปร่างสมส่วนอย่างคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นี่ก็แค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น อย่าให้พูดถึงฐานะทางบ้าน ธุรกิจครอบครัว หรือบ้านช่องห้องหับ มนุษย์อย่างผมแทบอยากจะกลายร่างเป็นแมลงหวี่แมลงวันไปเลยด้วยซ้ำ

          ก็ว่าจะไม่บรรยายแล้วเหอะ!

          หลังจากที่กลับถึงหอได้ไม่ถึงสิบนาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังสนั่นลั่นห้อง ผมพอจะเดาได้ลางเลาว่าปลายสายเป็นใคร

          “ว่าไงครับคุณศาสตราวุธ” แล้วผมก็เดาถูก

          (( คุณทัศนัยกลับถึงหอแล้วหรือครับผม ))

          “ครับท่าน ผมไปเยี่ยมคุณตรัสมาแล้วครับ”

          (( ทำไมรีบกลับ มันหายดีแล้วหรือไง ))

          “ก็เจ้าของห้องเขาไล่ ใครจะหน้าด้านอยู่”

          (( ใครไล่ ตรัสเนี่ยนะไล่มึง ขอพักสายก่อนแล้วกัน กูจะโทรไปถามมัน ))

          “เฮ้ยไอ้บ้า มึงจะโทรทำปลวกอะไร ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ว่ะ”

          (( ก็มึงมันชอบพกลม เล่าความจริงมา ))

          “ก็ได้คร้าบ เล่าก็เล่าคร้าบไอ้โหด ตรัสมันแค่ปวดหัวนิดหน่อยไม่ได้เป็นอะไรมาก บังคับกินข้าวกินยาไปแล้ว บอกให้นอนพักผ่อนแต่มันรั้นว่าไม่ง่วง แล้วพอดีแฝดมึงเขาโผล่ไปพร้อมเมียมัน กูก็เลยขอติดรถกลับมาด้วย ส่วนซันน่าจะยังอยู่ที่นั่นแหละ ไม่รู้เหมือนกัน มึงโทรไปถามมันเองเถอะ”

          (( ก็แค่นั้นแหละ แต่ไอ้คำว่าเมียน่ะ กูว่ามึงเก็บไว้ในใจดีกว่าไหม ขืนไปพูดต่อหน้าซันเห็นมันใจดีแบบนั้นแต่หมัดหนักใช่เล่นเลย อยากปากแตกก่อนหน้าหนาวก็ลองดู ))

          “พูดเล่นแค่นี้มึงจะจริงจังทำไม แล้วนี่กูก็กำลังพูดกับมึงด้วย ซันไม่ได้ยินสักหน่อย รู้จักกาลเทศะว่ะ เห็นอย่างนี้ก็มีมารยาทเหมือนกัน”

          (( มึงก็รู้ว่าอ้นมันคิดยังไง ถึงแม้ว่าในบรรดาพวกเรามันจะดูเรียบร้อยสุด แต่มันก็ผู้ชาย สงสารซันมันหน่อยแล้วกัน ))

          “เออ รู้แล้ว ๆ”

          โถแซนดี้ กว่าจะวางสายได้ทำพี่เท็ตปลงตกเรื่องรักข้างเดียวไปเลย ถึงจะไม่ใช่ประสบการณ์ตรงแต่มันน่าปวดใจน้อยเสียเมื่อไหร่ อยู่ด้วยกันมาตั้งสามปีมีหรือเรื่องพรรค์นี้จะรอดพ้นสายตาผม ดูก็รู้ว่าท่านซันคิดยังไงกับอ้น ต่อให้ทำดีแทบตายสุดท้ายคนหน้าหวานก็วางอีกฝ่ายไว้แค่เพื่อนสนิท แต่เขาคงมีข้อตกลงเพื่อเว้นช่องว่างกันไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นอ้นคงไม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับซัน เพราะมันเท่ากับเป็นการให้ความหวังที่โจ่งแจ้งน่าดู สองคนนั้นอยู่คณะเดียวกัน ลงเรียนวิชาเดียวกัน อีกทั้งยังอยู่คอนโดร่วมห้องเดียวกัน แม้จะมีรถทั้งคู่แต่เวลาไปไหนทีก็มีแต่รถซันที่ออกหน้า ป๋าสุด ๆ ส่วนผมน่ะหรือ ตัวคนเดียวสันโดษ รถราก็ไม่มี แถมยังดักดานอยู่หอใน หันไปทางไหนก็มีแต่คนหล่อรวยรุมล้อม แล้วพอย้อนกลับมาดูตัว...

          โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรม!

▩▩▩
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-03-2015 23:31:56 โดย Lipstick_Murder »

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♀ กามที่ 1
«ตอบ #3 เมื่อ09-07-2012 17:45:16 »

:o8: :-[ :impress2:

สวัสดีค่า เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในเล้าเลยค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะ
ถ้าทุกคนรู้สึกสนุกจะดีใจมากเลย ตอนแรกบรรยายอดีตซะเยอะ
เอาเป็นว่าตอนหน้าจะดำเนินเรื่องมุ่งอนาคตลูกเดียว
เจอกันตอนหน้าค่า จุ๊บุ จุ๊บุ

พูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
เชิญที่ Lipstick_Murder@Twitter นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-11-2012 09:50:16 โดย Lipstick_Murder »

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♀ กามที่ 1
«ตอบ #4 เมื่อ09-07-2012 17:54:51 »

 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:   เข้ามาเป็นกำลังใจให้   :กอด1: อยากอ่านตอนต่อไปแรวอะ

ปล. เป็ดน่ารักอะ :m1: :m1:

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♀ กามที่ 1
«ตอบ #5 เมื่อ09-07-2012 18:00:34 »

อั่ยยะ!!เกรียดอ่ะเธอว์!!!แต่เขาชอบ!!!
น้องคะ พี่เทพบุตรเขาชอบน่ะ แค่นี้ไม่รู้ได้ไง!!!ถ้าเป็นเพื่อนนะ จะจับรมยาแล้วขังอยู่ในห้องเดียวกันซะเลย หึ!
 o18

ออฟไลน์ ben

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +49/-3
Re: 『ทะลึ่ง』♂♥♀ กามที่ 1
«ตอบ #6 เมื่อ09-07-2012 20:09:50 »

อุ๊ เหม๊ แหม แม่งเกรียนเนาะ555+ รอมาต่อนะค่ะ

ออฟไลน์ BBSS

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
เกรียนได้โล่จริงๆ

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
ตักอักษรมันเล็กมากกกก อ่านยากจัง

แต่ว่าเรื่องสนุกอยู่ เลยทนอ่าน ตอนนหน้าปรับหน่อยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
พลอตท่าจะดีค่ะ บวกเป็นกำลังใจให้นะ รออ่านต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ถูกจริตอย่างแรง  ชอบอ่ะ  นายเอกมึน อึน

must

  • บุคคลทั่วไป
อื้อหื้อ!!!!!!! เข้ามาเพราะชื่อเรื่องเลยนะเนี่ยขอบอก
เห็นชื่อเรื่องปุ๊บ มือมันก็เคลื่อนไหวปั๊บแบบอัตโนมัติทันที

ถ้าตรรกะของเท็ตคือ ส่วนเว้า ส่วนนูน แล้วไซร้
ขอมอบคำนิยามแด่เท็ตว่า "อึน ซึน มึน เกรียน"
(อยากใส่ 'โคตร' ไว้ด้านหน้าอยู่ไม่น้อย แต่ติดเกรงใจนิดหน่อย)

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
นึกว่ามาลงตอนใหม่ เห็นเปลี่ยนชื่อ หลอกกันนี่นา!อะฮึก! :o12:

Tiamo_jamsai

  • บุคคลทั่วไป
หัวอกเดียวกะรีบนเลยนึกว่าอัพแรวเลยเข้ามาดู :o12:. งอลแรววิ่งไปนอนก่อนเดวพุ่งนี้มาดูใหม่ถ้ายังไม่อัพจะงอลเพิ่มสองวิ :a14: :a14:

ออฟไลน์ tay028643904

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
>\\\< เรื่องนี้ เอาใจไปเรยยยย <3

ออฟไลน์ cher7343

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1686
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-4
ชอบอ่ะ o18

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เปิดเรื่องน่าสนใจมากค่ะ รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
มาเจิมๆ ... อ่านได้เรื่อยๆ สนุกดีนะค้าบ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
น่าน้อยใจแทนตรัสจริง ๆ นายเอกเรามึนได้อีก

PrAeW

  • บุคคลทั่วไป
เท็ตนี่ท่าจะดูไม่ออกว่าตรัสชอบ อึนๆ  :really2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ jimmyFG

  • Ich Liebe dich.
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +203/-4
    • @Facebook
เปิดเรื่องมาสนุกอ่ะ รอติดตามอ่านนะ

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
มีอะไรให้ น่า สืบอีกเยอะเลย

อิอิแซนอ้น เอย

ชายตรัส และ เท็ตดี้แบร์

swordtails

  • บุคคลทั่วไป
เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ

ลงชื่อว่าเป็นคนหนึ่งที่ติดตามตอนต่อไปนะคะ :)

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5
เท็ตหื่นอ่ะ

 :laugh:

tankungza

  • บุคคลทั่วไป
มาติดเรื่องนี้อีกเรื่อง
รีบมาต่อนะ

ออฟไลน์ moredee

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-8
 :L2:แง่ง นายเอกชั้นทะลึ่งจริงๆ

ออฟไลน์ modisvip

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ง่ะ ชอบอ่ะะะ    :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
ว๊ายยย แอบน่ารักอ่ะ  :give2:


เท็ตนี่ก็ปากเสียดีจัง เดี๋ยวเจอปากปิดปากหรอกเธอ  :m12:
ตรัสก็ปากหนักเนาะ แต่ก็อย่างว่าแหละ เท็ตมันบ้าๆบอๆ ใครจะไปกล้าบอกความในใจ เดาทางมันไม่ค่อยถูกอ่ะเนอะ  :laugh:

Olivia23

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Lipstick_Murder

  • มฤคระเริง
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-3
ทะลึ่ง : กามที่ 2

          วันนี้ผมมีเดท เปล่าหรอกครับไม่ใช่ผู้หญิงที่ไหน แต่เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่สาวกว่าครึ่งมหาวิทยาลัยตามกรี๊ด แต่ไม่ใช่ผมคนหนึ่งล่ะ

          แม้ว่ากำหนดส่งรายงานมันจะใกล้ตัวเข้ามาทุกทีแต่ผมไม่มีความขยันขันแข็งขนาดนั้น ขอกล่าวโทษผู้ร่วมชะตากรรมที่มันหายป่วยเร็วเกินไป ผมก็เลยโดนไอ้แซนบังคับให้รีบทำงานส่งอาจารย์ก่อนเส้นยาแดงผ่าแปด อีกทั้งยังมีอ้นช่วยเป็นกระบอกเสียง คุยกันในรถไม่กี่คำก็นำความไปกราบทูลคุณชายโดยพลัน แล้วหลังจากนั้นมันก็โทรมาหาผมสิครับ บอกว่าวันนี้ให้ไปค้างที่คอนโดจะได้ช่วยกันทำรายงาน ใจง่ายไปไหม

          พูดถึงตรัสมันก็อึดสุด ๆ ไปเลย นอนคืนเดียวลุกขึ้นมาฟาดงวงฟาดงากับซันได้เหมือนเดิม แล้วสภาพมันเป็นแบบไหน หน้าซีดไหม โทรมลงหรือเปล่า อย่าต้องให้บรรยายซ้ำซากดูเอาเองก็แล้วกัน หน้าขาวตาฉ่ำแก้มระเรื่อ ขืนปล่อยมันอยู่คนเดียวในดงนักศึกษาสาวคงโดนฉุดเข้าข้างทางแล้วกลายเป็นพ่อคนแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

          “วันนี้มีเรียนถึงกี่โมงวะแซน”

          ผมหันไปโพล่งถามคนข้าง ๆ ระหว่างที่กำลังจัดผมเผ้าตอนพักเบรกคาบสุดท้าย วันนี้โชคดีนิดหน่อยที่ได้เรียนคลาสเดียวกัน ปกติเด็กนิติศาสตร์จะมากันเต็มเซคชั่นแต่วันนี้ลากันเยอะ อาจารย์เลยอนุโลมให้ห้องผมเข้าเรียนพร้อมกันได้

          “คาบสุดท้ายแล้ว มึงล่ะ”

          “กูก็คาบสุดท้าย ดีเลย ไปคอนโดไอ้ตรัสเป็นเพื่อนกูหน่อย ห้องมันน่าเบื่อจะตายชัก ขืนไปขลุกอยู่กับมันสองคนกูต้องเฉาตายแน่”

          “ไปทำรายงานไม่ใช่หรือ จะมีเวลามาเบื่อได้ไง”

          “เถอะน่านะ อยู่กับมันแล้วกูรู้สึกมีปมด้อย ไปด้วยกันเหอะ”

          “สงสัยจะไม่ได้เพราะพรุ่งนี้มีเทสต์ย่อย ต้องกลับไปปล้ำกับประมวลกฎหมาย วันนี้ที่ห้องมันลากันเยอะก็เพราะโดดไปโด๊ปมาตรากันอยู่นั่นแหละ”

          “เฮ้ยได้ไง หลอกให้ความหวังกันนี่หว่า อุตส่าห์ดีใจนึกว่าจะมีเพื่อนไป”

          “เลิกพล่ามแล้วกลับเข้าห้องเรียนได้แล้ว หมดเวลาพักแล้วเท็ดดี้แบร์”

          หลังหมดชั่วโมงเรียนผมก็หอบสังขารอันโหยรากลับหอเพราะถูกวิชากฎหมายธุรกิจดูดวิญญาณ ผมมันคิดสั้นเอง เห็นว่าไอ้แซนเรียนนิติศาสตร์มาได้ตั้งหลายปี เอฟสักตัวก็ไม่มี ดรอปสักคำก็ไม่เคยพูดถึง ซึ่งผมอาจจะลืมไปว่าไอคิวคนเรามันต่างกัน เพราะฉะนั้นวิชานี้ผมจะรอดไหมก็แล้วแต่พระพุทธองค์จะเห็นใจ บุญกุศลแต่ชาติปางไหนก็ตาม ขอให้ลูกช้างผ่านวิชานี้ด้วยเถ้อ สาธุ

          “บ่นพึมพำอะไร” หือ!

          “เข้ามาได้ไงวะตรัส ตกใจหมด” ขณะที่ผมกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวสู่คอนโดหรู จู่ ๆ พ่อเทพบุตรมันก็โผล่มาข้างหลังแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง แล้วยังยื่นหน้ามาใกล้เหมือนจะกวนอารมณ์ ก่อนผมจะนึกขึ้นได้ว่าแง้มประตูห้องทิ้งไว้นี่หว่า ถ้ามันเข้ามาไม่ได้สิแปลก

          “ขวัญอ่อนเหลือเกิน”

          “เรื่องของกู” ปากตอบแต่มือก็ยังหยิบนั่นคว้านี่สุ่ม ๆ ไป เพราะเวลานี้สังขารของผมไม่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินชีวิตในรูปแบบใดทั้งสิ้น ก่อนจะตั้งสติได้อีกทีตอนที่ถูกตรัสคว้าหมับที่ข้อมือจนสะดุ้งโหยง

          “ไอ้นี่ไม่ต้องก็ได้” ผมถูกริบ ‘ไอ้นี่’ ออกจากมือแล้วก็ได้แต่ยืนเกาหัวแกรก ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอหยิบไปได้ยังไง ไอ้ ‘ถุงยางอนามัย’ นั่นน่ะ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าแซนเป็นคนให้พร้อมกับกำชับว่าต้องพกไว้เป็นเครื่องราง เพราะเห็นว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีแต่ก็ยังไม่เคยเห็นผมจีบสาวติดสักที ดวงอาภัพเนื้อคู่แน่ ๆ

          ผมหยิบเสื้อผ้าและของใช้เพลินมือไปหน่อย หันมองอีกทีก็เกือบจะปิดกระเป๋าไม่รอด คิดเอาไว้ว่าจะอยู่คอนโดตรัสสักคืนสองคืนเพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียน แต่ดูไปแล้วของพวกนี้สามารถสิงสู่ห้องคุณชายได้แรมเดือน ไอ้คนที่ยืนมองเฉย ๆ แทนที่จะปรามตั้งแต่ต้นดันมาห้ามเอาตอนหยิบถุงยางฯ นี่นะ น่าอายว่ะ

          “ไม่ต้องเอาออกหรอก เผื่อไว้ดีแล้ว” อ้าวคุณชาย ไม่เห็นหรือไงว่ากระเป๋ามันแน่นเกินไปจนปิดไม่ได้แล้ว ผมทำท่าจะหยิบเสื้อบางตัวออกมันก็มาขัด แถมยังถือวิสาสะเดินไปหยิบถุงกระดาษที่วางอยู่ข้างตู้เสื้อผ้ามาใส่ของใช้ของผมลงไปแทน แล้วหลังจากนั้นกระเป๋ามันก็โล่งขึ้นทันตา

          “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง” จ้า ๆ พ่อคนฉลาดหลักแหลม

          ผมไม่รู้หรอกว่าใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาถึงคอนโดตรัส ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ทุกคนกำลังเฮโลกันออกมาจากบริษัท ห้างร้าน โรงเรียน หรือหน่วยงานราชการประมาณสี่ห้าโมงเย็นแบบนี้ จะเพราะอะไรเสียอีกนอกจากหลับเป็นตาย รถหรูแอร์มันเย็น เบาะก็นุ่ม พื้นที่กว้างขวางเหยียดแขนขานอนสบาย แล้วจะให้ผมนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ทำไม

          “อาบน้ำก่อนไหมจะได้สบายตัว แล้วทำเริ่มทำรายงานกัน” ดูมัน เพิ่งมาถึงเหนื่อย ๆ ก็เริ่มวางตารางงานให้ผมทันที มึงช่วยดูบ้างว่ากูพร้อมไหม มีแก่ใจหรือยัง

          “กูเหนื่อย กูเพลีย กูจะอ้วกแล้วครับตรัส วันนี้กูเรียกกฎหมายมาครับพวก เห็นใจกูบ้าง” ผมเหวี่ยงถุงกระดาษไว้บนโต๊ะข้างตู้หนังสือ ส่วนมันยกกระเป๋าผมไปไว้หน้าตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ถือโอกาสเดินอาด ๆ ไปนอนแหมะบนโซฟาแล้วเอาหมอนปิดหน้าหวังตัดทางโลก แต่ดูเหมือนความประสงค์ของผมจะไม่บรรลุเมื่อเจ้าของโซฟาเดินมาคว้าหมอนออกแล้วฉุดแขนผมให้ลุกขึ้นนั่ง

          “เรียนมาทั้งวันไม่เหนียวตัวบ้างหรือ”

          “ไม่เหนียว ห้องเรียนติดแอร์ หรือมึงลืม”

          “ไม่ลืมแต่มันสกปรก”

          “ไม่สกปรก ป้าแม่บ้านเขาก็ทำความสะอาดกันทุกเย็น ทั้งเช็ดโต๊ะเลคเชอร์ ทั้งกวาดพื้นห้อง พื้นทางเดิน พื้นระเบียง มึงก็เห็น”

          “เท็ต”

          “กูจำชื่อตัวเองได้น่า มึงอย่าพูดมาก กูอยากนอน” ตั้งท่าจะทิ้งตัวลงอีกรอบซึ่งคราวนี้ท่านไม่พูดอะไรครับ แต่มันอุ้ม! ไม่ใช่อุ้มพาดบ่า พาดไหล่ พาดเอว อย่างที่พวกแมน ๆ เขาทำกัน มันเล่นอุ้มผมแบบเจ้าชายฟิลลิปส์อุ้มเจ้าหญิงออโรร่า! โอ๊ยอยากจะบ้า! กูบอกมึงแล้วใช่ไหมแซน กูบอกมึงแล้วว่าไอ้บ้านี่ทำให้กูมีปมด้อย!

          “เฮ้ยปล่อย! ตรัสปล่อยกูลง”

          “จะอาบเองดี ๆ หรือจะให้อาบให้”

          “กูอาบเองคร้าบ กูอาบเองก็ได้ กูยอมแล้ว ปล่อยกูเหอะ กูไหว้ล่ะ” ผมจะยกมือมาไหว้มันจริง ๆ ตามคำอ้อนวอน แต่ติดที่ว่ามันยื่นหน้ามาขวางไว้ก่อนที่มือสองข้างของผมจะประกบกัน ผลก็คือ...ปลายจมูกผมห่างจากหน้ามันแค่แมลงวันบินผ่าน

          “เอ่อ...” ผมอ้ำอึ้ง มึงค้างนานไปครับสหาย กรุณาหดคอกลับไปด้วยครับ สถานการณ์ตอนนี้มันค่อนข้างล่อแหลมเกินไป กูรับไม่ไหว ซึ่งหลังจากนั้นพอมันฟื้นคืนสติก็ได้ยินคุณชายพึมพำขอโทษก่อนจะวางผมลงกับพื้นแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาให้ผืนหนึ่ง แต่ผมยังไม่ทันได้ก้าวเข้าห้องน้ำก็นึกครึ้มใจเลยเดินไปชกไหล่ไอ้เจ้าของห้องเต็มแรง

          “อย่าเล่นอีกนะมึง ขนลุกหมดแล้วเห็นไหม” ยกแขนประกอบคำคุยให้มันเห็นจะ ๆ คุณชายก็อมยิ้ม ค่อยยังชั่วหน่อยเพราะเมื่อกี้พี่แกเล่นเก๊กหน้าขรึมขึ้นมาเฉย ๆ เห็นแล้วไม่สบายใจ เรื่องแค่นี้จะจริงจังทำไมไม่รู้ ผมเองยังแกล้งจูบไอ้แซนบ่อย ๆ ไม่เห็นมันจะว่าอะไรเลย (แค่โดนไล่เตะไปสามวัน)

          ทุกอย่างที่เกี่ยวกับตรัส รัตนภูมิเศรษฐไม่มีคำว่าธรรมดาอยู่แล้ว แม้แต่ห้องน้ำ อ่างจากุซซี่สีทองอะร้าอร่ามพร้อมสุขภัณฑ์สุดหรูที่ดูแล้วน่าจะแพงกว่าค่าเช่าหอของผมรวมกันทั้งสี่ปี แต่ผมเลือกที่จะเดินไปยังโซนฝักบัว มุมโปรดของผมเวลาที่ต้องมาค้างพร้อมกับซัน เหตุเพราะว่ามันใช้ง่ายไม่ยุ่งยาก และอีกอย่างกลัวทำอ่างมันพังแล้วไม่มีกะตังค์ชดใช้

          ไม่นานนักผมก็เดินตัวลอยออกจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูพันเอว ก่อนจะตะโกนเรียกไอ้หล่อถามหาผ้าขนหนูผืนเล็กสำหรับเช็ดผม

          “อยู่ในตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักชั้นล่าง” มันตะโกนกลับมาแต่ผมรู้สึกว่าเสียงมันอยู่ไกลแปลก ๆ ก็เลยเดินออกไปดู แล้วก็จริงอย่างที่หูผมได้ยิน มองผ่านกระจกสีชาเห็นตรัสกำลังยืนอยู่ตรงระเบียง ก่อนจะสะดุดตากับสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในมือของมัน...บุหรี่มวนสีดำที่เหลือเพียงครึ่งเดียว

          “มึงสูบบุหรี่ด้วยเหรอ” ผมเดินออกไปยืนข้าง ๆ พร้อมเช็ดผมไปพลาง ก่อนจะเห็นว่าที่มือมันคีบอยู่นั่นคือแนทเชอร์แมนแบล็คแอนด์โกลด์

          “สูบ แต่ไม่ติด” แหงแซะ ถ้าติดกูคงเห็นมึงเดินเป็นสิงห์อมควันไปทั่วมหา’ลัยแล้ว

          “ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ตรงนี้ลมแรงเดี๋ยวเป็นหวัด” ผมทำหูทวนลมยืนเช็ดผมเปลือยอกไปเรื่อย ๆ ก่อนที่คนยืนข้าง ๆ มันจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนกัน ตรัสดับบุหรี่ที่ถังขยะมุมระเบียงก่อนจะผลักหลังผมจนถลาเข้าห้องอย่างไว

          “ขอโชว์หน่อยก็ไม่ได้ เผื่อห้องข้าง ๆ มีผู้หญิง”

          “ไม่มี”

          “แต่กูอยากโชว์อะ”

          “รีบไปแต่งตัว เดี๋ยวจะเอาหนังสือที่พอจะเป็นประโยชน์ในการทำรายงานให้ ฉันโทรสั่งอาหารแล้ว ถ้าเขาเอามาส่งก็แค่เปิดประตูรับแล้วพนักงานจะจัดการเรื่องโต๊ะอาหารเอง” สั่งเสร็จสรรพก็เดินฉับไปที่ชั้นหนังสือ ผมก็ต้องเดินไปค้นเสื้อผ้าจากกระเป๋าตามคำบัญชา

          “เดี๋ยวค่อยทำไม่ได้เหรอวะรายงาน พรุ่งนี้ก็วันเสาร์ ขอพักหน่อยสิ”

          “รีบทำตอนนี้แล้วพักทีเดียวเลยดีกว่าไหม ไม่ต้องพะวักพะวง สบายใจกว่ากัน” ได้ยินเสียงดับตุบ มันคงเอาหนังสือที่ว่าไปวางรอผมที่ข้างคอมพิวเตอร์ ก่อนผมจะจำใจตอบรับมันไป ก็คงจะดีกว่าจริง ๆ ถ้าวันอาทิตย์ได้เล่นเกมอย่างโล่งใจแทนที่จะต้องปั่นรายงานอย่างฉุกละหุก

          “และอีกอย่างที่สำคัญ...” ตรัสมันก้าวเข้ามาประจันหน้าหลังจากผมแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเรียบตึง

          “ดูอินเตอร์คอมที่ข้างประตูทุกครั้งก่อนเปิด ต้องแน่ใจว่าเป็นพนักงานร้านอาหารเท่านั้นถึงจะเปิดได้ เข้าใจไหม”

          “ทำไมวะ ใครจะมาปล้นมึง”

          “ฟังกันหน่อยเท็ต”

          “คร้าบ ๆ รับทราบแล้วครับผม ถ้าเจอคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่พนักงานร้านอาหารจะไม่เปิดเด็ดขาดคร้าบ ว่าแต่ที่เอาแต่สั่งกูอยู่นี่ มึงจะไปไหน”

          “อาบน้ำ” อ๋อยาว ๆ เลยครับท่าน

          ผมนั่งหาวหวอด ๆ ขณะเปิดหนังสือสามสี่เล่มของไอ้ตรัสสลับกันไปมา ผมก็ไม่รู้ว่าจะจับใจความตรงไหนมารวมตรงไหนเพราะเนื้อหามันแน่นมาก ขนาดเด็กที่ไม่โง่เท่าไหร่ (แต่ขี้เกียจไปหน่อย) อย่างผมยังถึงขั้นตาลายคล้ายจะวิงเวียน

          ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงออดดังเบา ๆ อย่างรื่นหูอยู่ไม่กี่ครั้ง ลุกขึ้นไปส่องอินเตอร์คอมตามที่เจ้าของห้องเขาสั่ง ก่อนจะเห็นผู้ชายสองคนในชุดบริกรหน้าตาดูคุ้นนิดหน่อย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพวกเขาเป็นพนักงานคนเดียวกับที่มาเสิร์ฟอาหารมื้อใหญ่ของผมเมื่อวานนี้

          “เชิญครับ” ผมยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตรให้กับพนักงานหลังจากเปิดประตูให้ เขายิ้มตอบพร้อมกับก้มไหว้อย่างนอบน้อม แต่ไม่ต้องก็ได้กระมังครับพี่ อยากอายุยืนเป็นร้อยปีก็เลยรีบพนมมือรับไหว้อย่างไว

          ลอบนั่งมองพนักงานจัดโต๊ะกันอย่างขะมักเขม้นแล้วก็เพลินดีเหมือนกัน ไหน ๆ ก็ไม่มีแก่ใจจะทำรายงานผมก็เลยนั่งดูพวกเขาฆ่าเวลาซะเลย แค่ครู่เดียวโต๊ะอาหารก็สวยหรูดูน่านั่ง จากเซ้นส์อันแรงกล้าผมว่ามื้อนี้เป็นอาหารอิตาเลี่ยน ได้ยินพนักงานพูดทิ้งท้ายก่อนจะเลื่อนรถเข็นออกไปและตอนนั้นเองที่ผมนึกขึ้นได้ว่า ท่านตรัส...มึงอาบน้ำนานไปนะ เข้าใจว่าห่วงลุคคุณชายแต่ไม่ต้องขัดสีฉวีวรรณเป็นชั่วโมงจนผู้หญิงอายแบบนี้ก็ได้ อ่อนใจจนต้องทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนโซฟาแล้วตะโกนสุดเสียง

          “เฮ้ยตรัส มึงเข้าไปอาบน้ำหรือจำศีล”

          “มีอะไร” มันขานตอบให้รู้ว่ายังไม่หลับหรือจับไข้จนสลบคาอ่างจากุซซี่ไปแล้ว แต่อย่างไรก็ดีช่วยเกรงใจกูบ้างเถอะ กูอยู่คนเดียว กูไม่อยากทำรายงาน กูมองอาหารแล้วหิวกระหาย เขมือบได้ทั้งโต๊ะแล้วเนี่ย!

          “เร็วสิวะ ทำอะไรชักช้า” แล้วมันก็เงียบ ผมรู้ว่ามันได้ยินก็เลยไม่พูดอะไรต่อ แล้วพอดีว่าแอร์มันเย็น โซฟาก็นุ่มนิ่มสบายตัว ความหิวจึงแปรเปลี่ยนเป็นความง่วงขั้นพีคซึ่งสาเหตุหลักน่าจะเกิดจากยานอนหลับประเภทอักขระตัวอักษรที่ผ่านตามาเมื่อครู่ หนังท้องเหี่ยวหนังตาก็หย่อนได้ใครจะรู้

          ผมหลับเป็นตายไร้สติประหนึ่งลืมความหิวทั้งหมดทั้งปวง ไม่แม้แต่จะพลิกตัวกลับขยับหยุกหยิก มาสะดุ้งตื่นอีกทีก็ตอนที่มีผ้าห่มหอม ๆ อุ่น ๆ มาคลุมไว้ทั้งตัว มองไปรอบห้องก็เห็นคุณชายกำลังสาละวนกับคอมพิวเตอร์โดยมีแก้วชาวางอยู่ข้างกัน

          “ทำไมไม่ปลุก” ผมหาวปากกว้างพร้อมสะบัดหัวไล่ความง่วงงุน ผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปหามัน ก่อนจะเห็นว่าที่ตรัสกำลังรัวพิมพ์อยู่นั่นไม่ใช่หัวข้อรายงานของมัน แต่เป็นของผมเอง

          “ทำให้กูทำไม ของตัวเองเสร็จแล้วหรือไง ไม่ต้อง ๆ” ผมปัดมือมันออก ใช่ว่าแสร้งทำเป็นเกรงใจอย่างที่ใช้กับไอ้แซนบ่อย ๆ เพราะตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอย่างนั้นจริงไม่อิงมารยา งานผมเยอะ งานของมันเองก็เยอะไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นจะงอมืองอเท้าพึ่งใบบุญคุณชายตลอดไปมันก็ยังไงอยู่ ขอคำแนะนำนิดหน่อยแล้วค่อยจัดการเองน่าจะดีกว่า

          “ของฉันใกล้เสร็จแล้ว เหลือสรุปจบอีกนิดหน่อย แต่ของนายยังไม่ได้เริ่มเลย”

          “ใกล้เสร็จแล้วก็ไปทำให้เสร็จสิ ส่วนของกูเดี๋ยวกูทำเองได้ แล้วนี่กินข้าวแล้วเหรอ”

          “ยัง” มันตอบโดยที่มือยังติดพันพิมพ์เนื้อหาบางส่วนลงในหน้าเวิร์ด ผมถอนหายใจรดหัวมันก่อนจะรวบรวมพละกำลังหิ้วปีกข้างหนึ่งให้ลุกขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

          “ไปกินข้าวก่อน หิว”

          “อีกนิดเดียว จะจบบทนำแล้ว”

          “ช่างมันเหอะตรัส กินก่อนได้ไหมหิวมาก นับหนึ่งถึงสาม ถ้าไม่ลุกกูจะแดกหัวมึงแทนแล้วนะ หนึ่ง...สอง...” ผมแกล้งงับหยอกเส้นผมที่ยังชื้นอยู่นิด ๆ อีกทั้งยังมีกลิ่นยาสระผมที่ต่างไปจากกลิ่นบ้าน ๆ ที่วางขายอยู่ดาษดื่น ถ้าพลาดไปอยู่ใกล้รัศมีกลิ่นหอมทีไรต้องอดใจไม่ไหวทุกที

          ขอสารภาพอย่างหน้าไม่อายว่าผมแอบหลงใยไหมยี่ห้อตรัสมานานแล้ว ผู้ชายแท้ ๆ แต่เส้นผมกลับลื่นมือเงางามแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กำจาย เผลอเป็นไม่ได้ต้องเดินไปปัดไปเฉียดให้ได้กลิ่นสักนิดก็ยังดี มีอะไรที่ฟังดูแอบจิตกว่านี้อีกไหมให้ทาย...

          “กินก็กิน” จู่ ๆ มันก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ผมหันไปมองหน้าจอดูยังไงมันก็ยังไม่ถึงย่อหน้าสุดท้ายของบทนำ ไหนมึงว่าจะทำให้เสร็จก่อนไง ขี้โม้ว่ะ

          “มึงนี่เปลี่ยนใจง่ายเนาะ” ผมค่อนแคะ คนกำลังงับเพลิน ๆ ลูบเพลิน ๆ ตกใจหมด

          ตรัสเดินไปเปิดฝาครอบอาหารสีเงินเงาวับออกจากจาน ก่อนจะเห็นว่าอาหารที่อยู่ภายในเป็นสปาเก็ตตี้สีสันน่าทานชวนให้น้ำลายสอ แล้วเจ้ามือก็ชี้ไปยังจานที่อยู่ตรงหน้า

          “จานนี้ซีฟู้ด อีกจานเป็นมีทบอล เลือกสิ”

          “ซีฟู้ด” ตอบแล้วก็ปรี่เข้าไปนั่งตรงจานสปาเก็ตตี้ซีฟู้ด ลืมตัวยิ้มแฉ่งจนคนมองต้องยิ้มตาม คนกำลังดีใจไม่ผิดใช่ไหม ยิ่งเห็นว่าเป็นของโปรดก็ยิ่งเปรม พ่อจะฟาดให้เรียบเลย

          แล้วสุดท้ายเป็นยังไงน่ะหรือ ก็นั่งเขี่ยเส้นเล่นอยู่นี่ไง คงเพราะหิวมากไปอีกทั้งยังล่วงเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว แต่ก็ใช่ว่าไม่ถูกปาก ร้านอาหารระดับนี้มีหรือจะไม่อร่อย เห็นแล้วยังเสียดายแต่ละเลียดต่อไม่ไหวจริง ๆ

          “มึงเลี้ยงข้าวกูหลายรอบแล้วเกรงใจว่ะ เอาไว้วันหน้าอยากกินอะไร เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงบ้าง”

          “ไม่เป็นไร เก็บเงินไว้ซื้อเอวีเถอะ” โหไอ้นี่ ไม่เสียแรงที่คบกันมานานปี รู้ใจตลอด ก่อนได้ยินมันหัวเราะเบา ๆ ติดจะล้อเลียน มันน่าแปลกตรงไหน ของแบบนี้ผู้ชายคนไหนเขาก็ดูกัน มีมันนี่แหละวิปริตผิดธรรมชาติ

          “ยังไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่ามึงไม่เคยดู เอาแบบนี้ดีกว่า ตามมานี่สิเดี๋ยวกูให้ดูอะไร” หันมองนาฬิกาเห็นว่าแค่สองทุ่มกว่าก็เลยกวักมือให้ตรัสที่กำลังรวบช้อนเดินตามผมมาที่คอมพิวเตอร์ คลิกค้นหาอะไรบางอย่างอยู่พักหนึ่งก็ชี้หน้าจอคอมให้ไอ้คนที่นั่งข้าง ๆ ดูเป็นขวัญตา

          “สวยไหม คนนี้เป็นนางแบบเพลย์บอย”

          “อือ” มันตอบสั้นแบบไม่ยี่หระ

          “แล้วคนนี้อะ นี่เพนท์เฮ้าส์เลยนะเว้ย” มันพยักหน้ารับรู้

          “นี่ ๆๆ คนนี้แม็กซิม หุ่นเป๊ะ” คราวนี้มันนั่งยิ้มเฉย ๆ เลยครับ

          “ซูอะ ชอบไหมวะ โคตรอึ๋ม”

          “ก็ดี”

          “อะไรนะ”

          “ก็ดี”

          “มึงบ้าหรือเปล่าวะเนี่ย สวยขนาดนี้มึงบอกก็ดี นี่มึงเบี่ยงเบนใช่ไหม” ผมโวยวายแบบไม่มองหน้ามัน ตั้งหน้าตั้งตาหาภาพปลุกใจเสือป่า กะว่าจะล่อเสือออกจากถ้ำต่อไป

          “นี่เลย คนนี้มึงต้องชอบแน่ น้องเขาขึ้นปกเอฟเอชเอ็มบ่อยมาก เป็นไง” ผมหันหน้าไปยักคิ้วใส่มัน เห็นว่ามันนั่งจ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้วก็เลยขมวดคิ้วฉับ

          “มึงได้ดูหรือเปล่า ที่กูเปิดให้ดูเมื่อกี้”

          “ดู” มุสาวาทา บาปหนานะมึง

          “แล้วเป็นไง”

          “ก็...น่ารัก”

          “อกแบบนี้ เอวแบบนี้ บั้นท้ายแบบนี้ แถวบ้านมึงเรียกน่ารักเหรอวะ บ้านกูเรียกเซ็กซี่โคตรพ่อว่ะ” ผมกอดอกหันประจันหน้ามัน ชักจะมั่นใจนิด ๆ แล้วว่าตรัส รัตนภูมิเศรษฐ ถ้าไม่เบี่ยงเบนทางเพศก็ต้องกามตายด้าน

          “มึงเสื่อมเหรอวะ ให้กูพาไปตรวจไหม”

          “ไม่หรอก ก็ปกติดี”

          “จริงดิ” ผมแกล้งก้มมอง ก่อนจะได้ยินมันหัวเราะเสียงต่ำ

          “ตั้งใจทำงานได้แล้ว เดี๋ยวจะดึก” ไอ้เสื่อมมันพาผมเปลี่ยนเรื่องก็เลยต้องเบ้หน้าอย่างหมดอาลัย คนอุตส่าห์พามาพบทางสว่างแต่เสือกไม่รู้ร้อนรู้หนาวซะอย่างนั้น ผู้ชายอะไรวะ

          คุณท่านกำชับผมว่าให้ดูเนื้อหาจากหนังสือตามที่มันไฮไลท์ไว้ให้ เพียงแค่ผมต้องเรียบเรียงใหม่เล็กน้อย แต่เนื่องด้วยเหตุที่ว่าเนื้อหามันเยอะมาก ผมก็เลยแอบพักแอบอู้โดยอ้างว่าให้มันสลับมาทำของตัวเองบ้าง ไอ้ส่วนที่เหลือนิดเดียวของมันจะได้เสร็จ ๆ ไป ไอ้หล่อมันก็หลงกล

          ระหว่างที่ผมนอนบนโซฟาเล่นเกมในแท็บเล็ตของตรัสอยู่เกือบสองชั่วโมง หน้าหล่อ ๆ ของมันก็ยื่นพ้นพนักพิงมาถามเบา ๆ

          “หิวอะไรไหม อยากได้ของว่างหรือเปล่า”

          “ไม่ว่ะ ไม่ชอบกินมื้อดึก”

          “นมหรือโกโก้ร้อนสักแก้วไหมจะได้หลับสบาย ตอนนี้เที่ยงคืนแล้ว ที่เหลือเอาไว้ทำต่อพรุ่งนี้”

          “ของมึงเสร็จแล้วเหรอ”

          “เรียบร้อยแล้ว” มันตอบเสียงนุ่ม แค่บิดขี้เกียจซ้ายขวายังดูดีเอามาก ๆ แล้วนับประสาอะไรกับหน้าตามันเวลาง่วงจัด ดูเอาเถอะ ตาฉ่ำหน้าแดงระเรื่อแบบนั้น ถ้าไม่ติดที่มันสูงกว่าแถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกัน ผมคงจับมันปล้ำไปแล้ว ผิวก็ขาวจัด ปากก็แดง ใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงนอนตัวบาง...

          “มองอะไร” ชะอุ้ย พรายกระซิบเหรอมึง

          “ใครมอง”

          “เห็นอยู่แล้วยังจะเถียง”

          “มึงนี่ง่วงแล้วเลอะเทอะ ไปเอามาดิ กินก็ได้ เอานมร้อน” มันยิ้มแล้วเดินหายไปในครัวครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมแก้วมัคสีขาวในมือ

          “ระวังนะ มันร้อน” กูรู้แล้วน่า ก็กูสั่งนมร้อน

          “โอ๊ย” ไม่ทันขาดคำนมมันก็กระฉอกโดนนิ้วผมไปนิดหนึ่งตอนที่ยื่นมือไปรับ ตรัสรีบยกกลับไปแล้วหยิบทิชชูมาพร้อมกับหลอดอะไรสักอย่างจากในตู้ยา มันเช็ดมือผมก่อนจะทายาให้แถมยังเป่ามือผมจริงจังอย่างกับจะหลอกเด็กว่าเพี้ยงหาย

          “เจ็บไหม”

          “เจ็บอะไร บ้าเปล่า โดนแค่นิดเดียวเอง”

          “แค่นี้ก็เป็นแผลเป็นได้ ถ้ามันพอง”

          “รู้น่า ไม่เจ็บหรอก ขอบใจ” ผมทำท่าจะชักมือกลับแต่ตรัสมันไม่ยอมปล่อย แลดูประหลาดจะตาย ผู้ชายสองคนมานั่งกุมมือกันในที่รโหฐาน แถมยังยื่นหน้ามาคุยกับใกล้ ๆ น่าขนลุกไปหน่อยไหม

          “อยู่เฉย ๆ จะปิดแผลให้ เดี๋ยวปิดไว้หลวม ๆ แผลจะได้ไม่อับ” ผมพยักหน้า

          “ว่าแต่นี่จะนอนกันยังไง ให้กูนอนตรงนี้ไหม ไม่อยากไปเบียดกับมึง”

          “ไม่เบียด เตียงกว้าง” ปากตอบ แต่มือก็ยังง่วนกับผ้าพันแผล

          “มึงจะไม่รำคาญกูเหรอ กูนอนดิ้นนะ” มันส่ายหน้าพร้อม ๆ กับตรวจดูผ้าพันแผลว่าปิดสนิทดีหรือยัง ก่อนจะชี้ไปที่แก้วนมที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วถามว่ายังจะดื่มอยู่ไหม ผมไม่ตอบแต่คว้าแก้วมาถือไว้

          “ไปนอนก่อนเหอะ เดี๋ยวกูต้องแปรงฟันอีกรอบ”

          ความจริงผมก็ไม่ได้ตะกละงกกินอะไรหรอก แต่มันอุตส่าห์ทำมาให้จะทิ้งไปก็เสียดาย ครั้นจะนั่งดื่มนมชมโคมไฟตรงโซฟาคนเดียวมันก็น่าเบื่อเกินไป ผมเลยลุกมาที่ระเบียงรับลมเย็น วิวจากห้องนี้เรียกได้เลยว่าสวรรค์ แสงสีเบื้องล่างทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด

          ดื่มจนนมพร่องไปค่อนแก้วแล้วแต่ก็ยังไม่มีแก่ใจจะหันกลับ ยืนเพลินจนได้สติอีกทีก็ล่วงเวลาไปนานโข เดินกลับเข้าไปเก็บแก้วแล้วแปรงฟัน หลังจากนั้นก็เข้าห้องนอนแบบย่างสามขุมประหนึ่งตีนแมวขึ้นเตียงให้เบาที่สุด

          “ทำไมนาน” ผมแอบสะดุ้งเพราะคำถามของไอ้คนที่คิดว่าหลับไปแล้ว หันมองก็เห็นว่ามันยังหลับตาอยู่ ก่อนจะกระซิบตอบแล้วตะแคงตัวนอนหันหลังให้ ไม่กล้าหันเข้าหาเพราะกลัวฟ้าผ่าตาย

          “ออกไปที่ระเบียงมา”

          “เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก ตัวเย็นหมดแล้ว” เหอะ เพราะอะไรมันถึงรู้ว่าผมตัวเย็นน่ะหรือครับ ก็พี่ท่านใจกล้าทำตัวเป็นสายล่อฟ้าเอื้อมกอดผมจากทางด้านหลังได้ล่อแหลมและบัดสีสุด ๆ

          “ตรัส กูอึดอัด”

          “เตียงมันแคบ” แคบพ่องเซ่! เตียงมึงใหญ่กว่าดาดฟ้าหอกูอีก ผมได้แต่กัดฟันกรอด ไม่รู้มันขาดความอบอุ่นมาจากไหน พอผมขยับมันก็กระชับกอด ผมขยับมากขึ้นมันก็กอดแน่นขึ้น โอ๊ย อัจฉริยะอย่างมึงถึงขั้นเพี้ยนไปแล้วใช่ไหม กูไม่มีหน้าอกหน้าใจให้มึงหลอกลูบคลำเหมือนน้องหนูที่ขึ้นปกหนังสือลามกหรอกนะโว้ย

          “อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวตกเตียง” ก็เพราะมึงไม่ใช่หรือไงเล่า!

          “ฝันดี” แล้วมันก็กระซิบข้างหู ดูดู๊ดู มึงทำร้ายกูทำไม กอดกูแน่นขนาดนี้ยังมีหน้ามาอวยพร ฝันดีของกูคือดูม ๆ เต็มไม้เต็มมือไม่ใช่แบนราบพร้อมกล้ามเนื้อแข็งปั๋งเหมือนอกสามศอกของมึงที่ชิดหลังกูอยู่นี่ เพราะฉะนั้นช่วยถอยกลับไปก่อนกูจะฝันร้ายดีกว่าไหม

          “ตรัส...ตรัส” เปล่าครับ ผมไม่ได้จะขอให้มันปล่อย ไม่อยากใส่จริตหวงตัวเหมือนนางเอกร่างบางที่กำลังจะโดนตัวร้ายปลุกปล้ำอย่างในละคร แต่เผอิญว่า...

          “มือมึงอะ อย่าล้วงเข้าไปในเสื้อกูสิ” มันรู้สึกหวิวแปลก ๆ เหอะ ถึงมือมันจะใหญ่อย่างผู้ชายทั่วไปแต่ก็นุ่มนิ่มดี น่าจั๊กจี้จะตายไป แต่ไม่ไหวว่ะ ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ มันยังดึงดันที่จะลากมือร้อนไปทั่วอย่างกับจงใจแกล้ง ฮือ แล้วมันยังตีหน้ามึนถามกลับมาด้วยว่าล้วงที่ไหน แล้วแบบนี้แถวบ้านมึงเขาเรียกว่าอะไร เข้าใจบ้างไหมว่ากูกำลังผวาสุดชีวิตชายชาติทหารของกูเลย

          ทางออกสุดท้ายเห็นจะเป็นการพลิกตัวหลบฝ่ามือดื้อแพ่ง แต่ด้วยความที่ผมหันเร็วไปหน่อยมือมันก็เลยเฉียดเอาตรงเอวจนเกือบหลุดขำ เมื่อนอนเผชิญหน้าผมก็เห็นว่าตรัสมันลืมตาแล้ว ลอบกระตุกยิ้มมุมปากหายใจรดปลายจมูกมันเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร เอาสิ ถ้ามึงหลับได้ก็หลับไปไอ้เทพบุตร

          “ยิ้มอะไร”

          “ไม่ได้ยิ้ม” ถามตอบกันก็เหมือนจะงับปากกันอยู่รอมร่อ ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มันอีกนิด คิดว่าอีกเดี๋ยวมันคงรำคาญก็อาจจะขยับถอยกลับไปเอง แต่ที่ไหนได้...

          หน้าหล่ออาหรับของมันโน้มเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นแชมพูที่ผมรักนักหนา ได้ยินมันสบถไม่ได้ใจความก่อนที่ความรู้สึกอุ่นร้อนจะทาบทับลงบนริมฝีปากอย่างรวดเร็วและแผ่วเบา...แค่เสี้ยววินาที ก่อนที่มันจะลุกหนีออกจากห้องไป

          ขอเวลาสมองผมประมวลผลสักครู่...เมื่อกี้ใช่จูบหรือเปล่า

▩▩▩
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-10-2012 17:46:05 โดย Lipstick_Murder »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด