บัวลอยไข่หวาน
...เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าคนคนนั้นชอบกินบัวลอยไข่หวาน
“ป้าครับ บัวลอยของผมที่สั่งไว้ได้รึยังครับ”
...ธันวาคม หนึ่งทุ่มตรง
เขาหันไปตามเสียงเรียกที่คุ้นเคย
แม้จะไม่ได้ยินมานานแต่เขายังจำมันได้ดีอยู่เสมอ
เห็นอีกคนหนึ่งสะดุดไปเช่นเดียวกัน
เมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ใกล้กันคือเขา
ดูเหมือนใครคนนั้นจะอึกอักไปเล็กน้อย
แต่สุดท้ายก็ส่งคำทักทาย
“สวัสดีครับ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน สบายดีมั้ยครับพี่”
“อืม...ก็ดี แล้วเราล่ะ”
เขาถามกลับไปพยายามคุมเสียงให้นิ่งไว้
...ทำหน้าให้เฉย
...ทำทุกอย่างให้เป็นปกติ
และก็คล้ายจะได้ผลไม่น้อย
เมื่อคู่สนทนาลดอาการเกร็งตอบกลับด้วยท่าทีผ่อนลง
“ช่วงนี้ใกล้สอบ งานเลยเยอะครับ”
“เข้าใจ...ปีสองงานมันหนักกว่าปีหนึ่ง”
“ครับ แต่ชินแล้ว...ก็เรียนมาสองเทอมแล้วนี่ครับ”
คำเปรยที่ได้ยินทำให้คนฟังชะงัก
หัวสมองหมุนวนถึงความทรงจำที่ยังคงค้างคา
...ผ่านมาปีหนึ่งแล้วเหรอ
เวลาจะช้าก็ช้า จะว่าเร็วก็เร็ว
แต่สำหรับเวลาของเขาคล้ายกับมันถูกหยุดไว้
...ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปนับจากวันนั้น
ลมเย็น ๆ พัดผ่านมาวูบหนึ่ง
หอบความหนาวของฤดูให้สัมผัสผิว
เขาเห็นคนข้าง ๆ ถูมือไปมาเข้าหากัน
ปากขยับบ่นพึมพำเสียงเบา
“หนาวเนอะครับ”
“อืม พี่เลยมาซื้อบัวลอยกินจะได้อุ่นขึ้น”
นัยน์ตาของอีกฝ่ายสั่นไหวทันทีหลังจากได้ยินคำนั้น
เขารู้ว่าตัวเองไม่น่าพูดแต่ก็ห้ามใจไม่ได้
เพราะมันสะกิดให้ทุกสิ่งแล่นภาพย้อนกลับไป
...ยังเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
...
..
.
“พี่อาจไม่รู้จักผม แต่ผมอยากบอกพี่ว่า
ผมปลื้มพี่มาตั้งแต่ตอนเรียนม.ปลายแล้วครับ”
...พฤษภาคม ตอนสองทุ่ม
อยู่ ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
กวางวงเหล้าที่กำลังเลี้ยงรับน้องปีหนึ่งของโรงเรียน
ทำเอาเขาต้องสำรวจมองคนพูดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ผู้ชายธรรมดา ๆ ที่ไม่มีอะไรเด่นสะดุดตา
...ไม่สะดุดตาเลยสักอย่าง
กระทั่งเขาจำไม่ได้เลยว่าเคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน
แต่ใบหน้าที่เอาแต่ก้มลงมองพื้นไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตา
กลับทำให้เขานึกขำในความซื่อตรงที่คล้ายจะไร้เดียงสา
ปกติเขาคงรำคาญถ้ามีคนมาบอกชอบทั้งที่ยังไม่รู้จัก
ยิ่งอีกฝ่ายเป็นผู้ชายด้วยแล้วก็ยิ่งน่าตลกเข้าไปใหญ่
แต่แปลกที่ครั้งนี้เขากลับตอบรับคำง่าย ๆ
“ขอบใจนะ”
คนฟังเงยหน้าขึ้นมองทันที
คงไม่เชื่อว่าผู้ชายที่มีลุคแบดบอยอย่างเขาจะใจดี
ไม่ลุกขึ้นมากระทืบหาเรื่องโวยวาย
ที่บังอาจกล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะ
...สำหรับเขาคงไม่ใช่เรื่องประหลาด
มันอาจเป็นเพราะเขากำลังกรึ่ม ๆ กับฤกษ์แอลกอฮอล์ทีเพิ่งดื่มไป
...แต่สำหรับคนบอกชอบ
มันกลับเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความรู้สึก
แววตาคู่เรียวพราวระยับอย่างดีใจ
ใบหน้าที่ขึ้นสีแดงเรื่อพร้อมรอยยิ้มกว้าง
...และเพราะรอยยิ้มเพียงรอยยิ้มเดียว
...เขาจึงเริ่มจำคนนั้นได้
....
..
.
“เรียนวิศวะยากมั้ยครับ ผมอยากเรียนบ้าง”
คำถามประหลาดจากจากเด็กคณะมนุษย์ฯ
ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาจากโจทย์ฟิสิกส์ที่กำลังทำอยู่
...นับจากรู้จักกันเมื่อตอนเลี้ยงน้อง
คนคนนั้นก็เทียวตามไปตามมาหาเขา
แม้จะเรียนอยู่คนล่ะคณะ
แต่พอพักเที่ยงหรือหลังเลิกเรียน
ต้องมาคลุกอยู่กับเขาจนเพื่อนคนอื่นรู้ดี
...แรก ๆ เขาก็รำคาญ
แต่หลัง ๆ เปลี่ยนเป็นความเคยชินมากกว่า
แล้วพอใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
เขาเลยพบว่ามันเป็นเด็กที่มีความคิดน่าสนใจ
ดูแปลกกว่าชาวบ้านทั่วไปแต่ก็ไม่ทำให้เขาเบื่อ
เหมือนคราวนี้ที่มันดันตั้งคำถามที่ไม่น่าจะถาม
จนเขาต้องเป็นฝ่ายย้อนกลับ
“ถ้าอยากเรียน แล้วทำไมไม่เรียนล่ะ”
“ก็ผมไม่ชอบเลข”
อีกฝ่ายให้เหตุผลมาง่าย ๆ
หากแต่เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วงง
“อ้าว...ถ้าไม่ชอบเลขแล้วอยากเรียนวิศวะทำไม”
“ผมไม่ชอบเลข แต่ผมชอบพี่
ผมอยากเรียนคณะเดียวกับพี่”
...บอกแล้วว่ามันชอบคิดอะไรประหลาดกว่าคนอื่น
ดูเหตุผลมันสิ พูดมาได้ยังไง
เขาหันกลับมาคำนวณสูตรฟิสิกส์ต่ออย่างไม่สนใจคนนั้นอีก
สมองคิดไป...แต่เขารับรู้ว่าหัวใจของเขา...
....กำลังเต้น
...
..
.
“พี่ชอบกินอะไรเหรอครับ”
...ห้าโมงเย็น เดือนสิงหา
...มาอีกแล้วคำถามที่ไม่มีที่มาที่ไป
คราวนี้เขากำลังยืนรอให้ฝนซาอยู่
แล้วบังเอิญมาเจอมัน หรือเรียกให้ถูกอีกอย่างคือ
...มันตามเขามา
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองอย่างคาดหวัง
เขาแค่ยักไหล่ตอบกลับไม่ใส่ใจ
“ไม่รู้ ก็กินได้หมด ถามทำไม”
“เปล่า...แค่อยากรู้เฉย ๆ”
...คำตอบเดิม ๆ ที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผล
เขาหันมองคนข้างตัว
ก่อนเป็นฝ่ายย้อนถามในรูปแบบเดิมเช่นกัน
“แล้วเราล่ะชอบกินอะไร”
“อืม...บัวลอยไข่หวานมั้งครับ”
“ห่ะ! บัวลอยเนี่ยนะ?”
เขาเลิกคิ้วถาม
...ใครที่ไหนชอบกินบัวลอยกันบ้าง
แค่ของหวานที่มีกะทิกับแป้ง
ถึงจะมีคนชอบก็ไม่น่าจัดมันไว้ในอันดับหนึ่ง
ยกเว้นกับคนคนนี้ที่พยักหน้ายืนยัน
“ครับ มันก็อร่อยดีออก
แต่เขาทำขายเฉพาะหน้าหนาว
ผมเลยไม่ค่อยได้กิน...
...ทำไมเหรอครับ มันแปลกเหรอ...”
เสียงถามเจือความหม่นพร้อมความสงสัย
เขามองสบดวงตานั้นอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เลือกที่จะปฏิเสธ
“เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าจะมีคนชอบเหมือนพี่”
ทันทีที่ได้ยิน แววตาอ่อนแสงกลับเปลี่ยนเป็นประกายระยิบระยับ
ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มกว้างที่เขาคุ้นเคย
...ยิ้มที่ทำให้เขามองและเผลอหลุดปากถาม
“ยิ้มอะไร”
เขาเห็นอีกคนส่ายศีรษะ
ก่อนตอบคำกลั้วหัวเราะ
พร้อมรอยยิ้มซึ่งยังไม่จางหาย
“ผมดีใจ ที่เราชอบเหมือนกัน”
....เป็นเหตุผลที่ฟังดูไร้เหตุผลอีกครั้ง
เขาเบนสายตามองฝนที่ยังตกไม่ขาดเม็ด
ฝนจะหยุดตกเมื่อไรเขาไม่รู้
แต่สิ่งเดียวที่เขารู้สึกในตอนนี้คือ...
...หัวใจของเขากำลังเต้น
...และเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ
....
..
.
“มีอะไร”
...เที่ยงคืน เดือนธันวาคม
เขาเปิดประตูห้อง
ร้องถามเสียงห้วนใส่คนที่มักจะตามเขาอยู่เป็นประจำ
“เออ...ผมซื้อบัวลอยมาฝากครับ”
คนยืนด้านนอกเหมือนชะงักไปเล็กน้อย
แต่ก็ยังทำใจสู้ชูถุงบัวลอยสองถุงมาให้
เขาเพียงปรายตามองย้อนถามกลับเหมือนเคย
“ซื้อมาทำไม”
“ก็ผมเห็นว่าพี่ชอบกิน”
...และอีกครั้งที่เขาต้องมาฟังคำตอบประหลาดที่ไม่มีใครเขาทำ
เขากำลังจะอ้าปากพูด
หากแต่กลับถูกขัดจากร่างบางขาวนวลในชุดคลุม
ที่เดินเข้ามกอดแขนเขาข้าง ๆ
พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนหวานหู
“อืม...ทำอะไรอยู่ค่ะ เชอร์รี่รอนานแล้วนะ”
“แป๊บนะครับ เชอร์รี่ ไปรอบนเตียงก่อนก็ได้เดี๋ยวผมตามไป”
เขาหันไปตอบผู้หญิงที่เพิ่งหิ้วมาจากผับ
ร่างบางจึงละมือเดินไปรอตามคำสั่ง
ปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับอีกคนที่ยืนนิ่งค้าง
ก่อนเอ่ยคำถามเสียงแผ่วเบาคล้ายคนไม่อยากเชื่อ
“ใครน่ะครับ”
“เห็นก็น่าจะรู้นี่”
“ตะ...แต่...ทำไมกันครับ...
ไหนพี่เคยบอกผมว่ายังไม่อยากมีแฟน”
“คนเรามันเปลี่ยนกันได้”
“แล้วที่ผมเคยบอกว่าชอบพี่ พี่ลืมไปแล้วเหรอครับ
ถ้าพี่ไม่เคยคิดอะไรกับผมจริง ๆ
แล้วสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมดมันเรียกว่าอะไร”
“โว้ยย!! เลิกถามซ่อกแซ่กสักทีได้มั้ยวะ มันเรื่องของกู!!
แล้วไม่ต้องมาวุ่นวายกับกูอีกนะ แม่งรำคาญ!!
เขาสบถโวยวายเสียงดังอย่างโมโห
ก่อนกระแทกประตูปิดใส่หน้าอย่างหงุดหงิด
ไม่สนใจคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกเพียงลำพัง
เขาเบื่อเหลือเกินแล้วกับการไล่ตามของอีกคน
...เบื่อที่จะมาทนฟังเหตุผลโง่ ๆ ไร้สาระ
...เบื่อที่จะมาตั้งคำถามย้อนไปมา
....เบื่อที่จะมองมันยิ้ม
และเขาเบื่อที่จะฟัง....
....เสียงหัวใจที่เต้นดังของตัวเอง
....
..
.
“ได้แล้วจ้า บัวลอยสองถุง”
...ธันวาคม หนึ่งทุ่มสามนาที
ได้ยินเสียงป้าคนขายบัวลอยดึงให้ความคิดทุกกลับสู่ความเป็นจริง
เขามองเห็นคนนั้นรับบัวลอยสองถุงก่อนยื่นส่งเงินไปให้
“หิวเหรอถึงสั่งตั้งสองถุง”
คนได้ยินชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธเสียงเรียบ
“เปล่าครับ ถุงหนึ่งของผม ส่วนอีกถุง...”
ทว่ายังไม่ทันจบประโยค
กลับมีเสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลัง
“ได้บัวลอยรึยัง”
สาวน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้
ควงแขนอีกฝ่ายเหมือนคุ้นเคย
คนกลางเริ่มอึกอักคล้ายทำตัวไม่ถูก
ทว่าท้ายที่สุดก็ตัดสินใจ
เงยหน้าบอกผู้หญิงที่อยู่ข้างกาย
“เออ...นี่พี่โรงเรียนเรา”
จบประโยค แล้วจึงหันมาแนะนำเขาที่ยังคงยืนนิ่ง
“ส่วนพี่ครับ นี่แฟนผมครับ”
...วินาทีนั้น
...เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
...มันหยุดเต้นลงเหมือนลมหายใจเขา
...
..
.
เขาเหม่อมองคนสองคนหันหลังเดินจากไป
ลมหนาวพัดมาเบา ๆ อีกครั้ง
เอื้อมมือรับบัวลอยหนึ่งถุงจากป้าคนขาย
...บัวลอยไข่หวาน
ที่เขาไม่เคยลืมว่าคนคนนั้นชอบ
เหมือนกับที่ไม่เคยลืมรอยยิ้มในวันนั้น
...รอยยิ้มต่อคำโกหกบ้าบอซึ่งเขาพูดออกมา
เขาต่างหากที่ไม่ชอบกินบัวลอยไข่หวาน
...ไม่ชอบความเลี่ยนกะทิ
...ไม่ชอบความคาวของไข่
...ไม่ชอบเนื้อสัมผัสของแป้ง
แต่เขาก็ยังคงตามหาซื้อบัวลอยไข่หวานตลอดปีที่ผ่านมา
เมษายน...
พฤกษาคม...
สิงหาคม...
กันยายน...
...ไม่มีบัวลอยเจ้าไหนเปิดขาย
พยายามถามทุกคนที่รู้จักต่างให้เหตุผลตรงกันว่า
บัวลอยไข่หวานเจ้าอร่อยขายเฉพาะตอนหน้าหนาว
...เดือนธันวาคม
เขาจึงกลับมาซื้อบัวลอยอีกครั้ง
แต่วันนี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าต่อให้พยายามตามหามันเท่าไร
...บัวลอยไข่หวานสองถุงนั้นก็ไม่มีวันกลับคืนมาเหมือนเดิม
...นับตั้งแต่ใครบางคนหายไป
ความอิสระที่ได้มาไม่เคยมีค่า
คำถามสาระจริงจังทำให้เขาไม่อยากฟัง
รอยยิ้มในคราวนั้น...
....ไม่เคยมีใครยิ้มได้เหมือนอีกต่อไป
...เขาอยากขอโทษ
ยอมเสียศักดิ์ศรีทุกอย่างเพื่อขอร้อง
แม้แต่ยอมอ้อนวอนโง่ ๆ
ให้เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขทุกอย่าง
...แต่เรื่องไร้เหตุผลทั้งหมดไม่เคยเป็นจริง
หนึ่งปีแล้ว...
ไม่แปลกเลยที่ใครคนนั้นคงหาคนที่ชอบกินบัวลอยไข่หวานได้เหมือนกัน
...ผิดกับเขาที่อยู่คนเดียว
ยังคงคิดถึง...
...รอยยิ้มในเดือนพฤษภาคม
...เสียงหัวเราะในเดือนสิงหาคม
...และ ‘บัวลอยไข่หวาน’ ในเดือนธันวาคม
ซึ่งไม่ว่าจะผ่านพ้นไปกี่ฤดูก็ไม่มีวันย้อนกลับคืนมาอีก....
....ตลอดกาล
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------
THE END
ฝากไว้หนึ่งเรื่องก่อนหมดหน้าหนาวปีนี้
ถ้าพูดถึงของที่ขายเฉพาะหน้าหนาว
สิ่งแรกที่จะคิดถึงก็คือบัวลอยไข่หวานเนี่ยแหละค่ะ
(เดี๋ยวนี้ก็เห็นแอบมีขายฤดูอื่น แต่ยังน้อยอยู่)
แล้วความรู้สึกที่มาคู่กันกับลมหนาว
คงหนีไม่พ้นอารมณ์เศร้า และการจากลา
'บัวลอยไข่หวาน' เลยออกมากลายเป็น 'บัวลอยไข่ขม' ไปซะนี้
สมคอนเซปต์หวานอมขมไม่เปลี่ยน
แปะเพลงเพราะ ๆ ให้ฟังสักหน่อย
Back to December ของ Taloy Swift
คงเป็นบทสรุปของเรื่องนี้ทั้งหมดค่ะ
http://www.youtube.com/v/wlGIn5NZH4M?
อากาศเปลี่ยนบ่อย
อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะ
แล้วเจอกันจ้า
คิดถึงเสมอBitterSweet