[[THE CAGE]] . . กรงรัก . .
[3]
“นท บ่ายนี้จะเข้ารึเปล่า?”
เสียงทุ้มต่ำนี้คงเป็นของใครไม่ได้นอกจาก ปุญญ์ หรือ ป๋อ เพื่อนสนิทของเขาในรั้วมหาวิทยาลัยใจกลางเมืองนี้ พร้อมกับลำแขนหนักๆที่พาดลงมาบนบ่าบอบบางแบบทิ้งน้ำหนักเต็มที่เสียจนเจ้าของร่างเล็กกว่าแทบทรุด
“ไม่ใช่ว่าเลิกครึ่งวันเหรอวันนี้?”
นิชาเอ่ยถาม เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ เขามีเรียนแค่ครึ่งเช้า นี่ตั้งใจว่าจะไปดูหนังต่อตอนบ่ายเสียหน่อย เขาเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ติดจะทะเล้นในแบบของคนเจ้าชู้ของเพื่อนสนิทด้วยความแปลกใจ
“นายนี่นะ ตอนอาจารย์พูดไม่เคยฟังเลยสิท่า วันนี้มีฟังบรรยายเรื่องยาเสพติดอะไรนั่นไง จำไม่ได้เหรอ?”
“อ๋อ เออ เหมือนได้ยินแว่วๆ แต่ไม่ได้สนใจ นายจะเข้าเหรอ?”
“ก็ไม่ได้อยากเข้าหรอก แต่ต้องเขียนเรียงความส่งด้วยน่ะสิ ถ้าไม่เข้าก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเขียน”
“เออ ก็จริง งั้นก็ต้องเข้าแหละแบบนี้”
“อืม ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า หิวแล้ว ป่านนี้โรงอาหารคนแน่นแล้วแน่เลย”
นิชายิ้มรับ เขาเองก็เริ่มท้องร้องแล้วเหมือนกัน วันนี้อาจารย์ปล่อยช้า ลงมาด้านล่าง โรงอาหารจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ทั้งนักศึกษาคณะเดียวกัน และต่างคณะ เด็กหนุ่มทอดถอนใจ สายตากวาดหาที่ว่าง แล้วก็ไปหยุดอยู่ที่โต๊ะด้านริมสุดตัวหนึ่งที่มีที่ว่างเหลืออยู่สองที่พอดิบพอดี ปกติเวลานี้หาที่นั่งติดกันยาก นิชาจึงรีบปรี่ไปตรงนั้นอย่างรวดเร็ว
“ป๋อ เดี๋ยวไปจองโต๊ะให้ นายไปซื้อก่อนเลย”
“เออ โอเค เอาเหมือนกันปะ?”
“ได้ๆ ขอเส้นหมี่ต้มยำ ไม่เอาตับ ฝากด้วย”
“โอเค เดี๋ยวมา”
เพื่อนของเขารับคำก่อนจะหายไปท่ามกลางฝูงชน ส่วนเขาก็รีบตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างเล็กเผลอสะดุดพื้นกระเบื้องที่ปูมาไม่เรียบสนิทเสียจนชนเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นอย่างเต็มรัก
“อุ๊บ!”
“โอ๊ย! ขะ ขอโทษครับ”
เสียงใสเอ่ยอย่างลนลานเมื่อได้ยินเสียงอุทานจากร่างที่นั่งอยู่ เขายกมือไหว้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสวมชุดสูทสีดำสนิท แลดูเป็นคนนอกที่อาจจะเข้ามาทำธุระที่มหาวิทยาลัย
“เสื้อเลอะรึเปล่าครับ? ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้ตั้ง... ใจ”
ใบหน้าคมเข้มที่หันมามองทำให้เสียงหวานหยุดชะงัก โลกทั้งใบเหมือนหยุดหมุนเมื่อได้สบกับดวงตาดุดันสีนิลกาฬที่เรียบเฉยไม่แสดงอาการสบอารมณ์ใด ราวกับว่าลมหายใจถูกช่วงชิงไปด้วยนัยน์ตาของคนที่ไม่เคยพานพบมาก่อนในชีวิต
ในเวลานั้น ความคิดเดียวที่แล่นปราดเข้ามาในสมองคือ
ผู้ชายคนนี้ช่างมีดวงตางดงามเหลือเกินร่างตรงหน้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำให้เด็กหนุ่มชะงักงัน แต่เรียวขางามกลับไม่ถอยหลังหนีอย่างที่ควรจะเป็น ดวงหน้าคมคายดูนิ่งเสียจนเด็กหนุ่มเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“... เอ่อ”
ไม่ทันที่เขาจะเอ่ยคำใด ร่างสูงสง่าก็กระตุกรอยยิ้มบางเบาที่ทำให้เวลารอบกายของเขาหยุดเดินอย่างฉับพลันอีกครั้ง เหมือนกับว่าหัวใจลอยหลุดไปจากร่าง เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มอ่อนโยนเบื้องหน้านี้เท่านั้น
“ไม่เป็นไร คราวหลังเดินระวังด้วยนะครับ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยไม่ดังนัก ทว่ากลบเสียงจอแจของผู้คนรอบข้างได้จนหมด วินาทีนี้นิชาได้ยินเพียงเสียงนุ่มๆของร่างตรงหน้า และเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตนเองจนก้องกังวานภายในหู ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องใบหน้าดูดีของคนที่เขาไม่รู้จักโดยไม่ละสายตา เห็นมุมปากของร่างสูงเหยียดยิ้มน้อยๆอีกครั้ง ก่อนจะเจ้าของเรือนร่างสูงสง่าจะเดินจากไป
--- เป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที ที่ช่างเนิ่นนานเหลือเกินในความรู้สึก“นท เฮ้ย นท”
เสียงเรียกของเพื่อนสนิทพร้อมกับมือใหญ่ที่ตบลงบนบ่าเบาๆทำให้เขาแทบสะดุ้ง รีบหันกลับไปมองด้านหลังก็ไม่เห็นวี่แววของร่างสูงคนนั้นเสียแล้ว
“เป็นอะไรไปรึเปล่า?”
เจ้าของนามยังไม่ตอบคำ ดวงตาคู่โตยังคงทอดมองไปที่ทางเดิน ความเสียใจพุ่งพล่านไปทั่วทุกอณู นึกประหลาดใจที่รู้สึกยึดติดกับคนแปลกหน้าคนหนึ่งขนาดนี้ ทว่าความรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะได้ประสบพบพานมาก่อนในชีวิต
ความรู้สึกที่เหมือนกับโลกทั้งใบหยุดหมุนที่เขาเคยคิดว่ามีแต่เพียงในนิยายเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะมีอยู่จริงจนกระทั่งเกิดขึ้นกับตัวเองในวันนี้
“นท ทำหน้าเหมือนโดนแฟนทิ้งเลยว่ะ โอเครึเปล่าเนี่ย?”
“อืม ก็โอเค... ล่ะมั้งนะ”
ความรู้สึกของการถูกแฟนทิ้งจะเป็นอย่างไรเขาเองก็ไม่เข้าใจหรอก ในเมื่อสิบเก้าปีที่ผ่านมา นิชาไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแม้แต่จะตกหลุมรักใครด้วยซ้ำไป แต่ความรู้สึกที่วิ่งพล่านในหัวใจในตอนนี้มันคืออะไรกัน?
“อะไรวะ มาช้าหน่อยเดียว อย่างอนดิ เอ้า มื้อนี้เลี้ยงก็ได้ กินเข้าไปจะได้ตัวโตๆ”
นิชารับชามก๋วยเตี๋ยวจากร้านประจำที่เขาโปรดปราน แต่น่าแปลกที่วันนี้ไม่ยักกะรับรู้รสชาติอาหารเสียเลย ในใจพาลคิดถึงแต่ชายหนุ่มคนนั้น แต่ก็ต้องฝืนกินไปจนหมดด้วยเสียงเร่งเร้าจากปุญญ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จนกระทั่งได้ยินเสียงออดเข้าเรียน พวกเขาจึงได้ลุกจากที่นั่งแล้วตรงเข้าไปยังห้องฟังบรรยาย
“ไม่อยากฟังเลย ฉันโดดได้ไหม?”
“เฮ้ย อย่าทิ้งกันดินท นายก็รู้ให้ฉันเข้าคนเดียวมีหวังหลับ ไม่ได้จดอะไรกันพอดี”
“อย่างกับว่าถ้าฉันเข้าแล้วนายจะได้จดอย่างนั้นแหละ”
“รู้ดี แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวนี่หว่า เหงานะ มาเหอะน่า ไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็จบแล้ว”
นิชาระบายลมหายใจ ก่อนจะยอมเดินตามเพื่อนเข้าไปในห้องฟังบรรยายรวมขนาดใหญ่ที่เขาไม่ค่อยได้ก้าวเข้ามาบ่อยนัก เด็กหนุ่มเลือกที่นั่งค่อนไปทางด้านหลังสำหรับแอบงีบหลับได้ไม่น่าเกลียด ทุกคนลดเสียงลงในทันทีที่ผู้บรรยายก็เดินเข้ามาในห้องในเวลาไม่นานนัก
“เฮ้อ บรรยายเรื่องยาเสพติดในชีวิตประจำวัน? ก็เห็นข่าวอยู่จะบรรยายอะไรนักหนาไม่รู้” ปุญญ์บ่นพึมพำเมื่อได้อ่านแผ่นพับที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะเล็คเชอร์ทุกตัว “ท่าทางได้หลับชัวร์เลย ว่าไหม นท?”
เขาหันไปมองทางเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของอีกฝ่าย นึกอยากอ้าปากถาม แต่ดูจากสภาพการณ์แล้ว นิ่งเงียบไว้ก่อนท่าทางจะเหมาะสมกว่า
เพราะทั้งสีหน้า และแววตาของนิชา ฉายชัดถึงความยินดี ราวกับได้พบกับใครบางคนที่ตามหามานานแล้วก็เป็นอย่างที่ปุญญ์คาดคิดไว้ไม่มีผิด ทันทีที่การบรรยายสิ้นสุดลง ร่างของเพื่อนสนิทก็วิ่งตัวปลิวลงไปยังด้านล่างของห้องบรรยาย ตามร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำที่กำลังเดินไปด้านหลังม่าน ซึ่งผิดวิสัยของคนที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนอย่างนิชาเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร คนเราย่อมมีทางเลือกเป็นของตนเอง หากเพื่อนสนิทของเขาเลือกทางเดินเช่นนี้ เขาที่เป็นเพื่อนก็ได้แต่ยอมรับและสนับสนุน ไม่มีอะไรต้องคัดค้านอยู่แล้ว
“คุณ! เดี๋ยวครับ คุณเตชินท์!”
เด็กหนุ่มตะโกนเรียกนามที่ได้ฟังมาในห้องบรรยายของอีกฝ่าย ร่างที่กำลังมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกนั้นหันกลับมามองด้วยสายตาแปลกใจ และเมื่อได้พบกับร่างเล็กที่หอบแฮ่กอยู่เบื้องหน้า รอยยิ้มดูดีก็ระบายอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง
“พบกันอีกแล้วนะ”
“คะ ครับ... เอ่อ ผม...”
“เป็นอะไร? ค่อยๆหายใจก่อน เดี๋ยวจะหายใจไม่ทันเอานะ”
มือใหญ่เอื้อมมาลูบแผ่นหลังของนิชาเบาๆ นึกประหลาดใจที่มีเด็กปีหนึ่งสนใจในเรื่องของยาเสพติดถึงขนาดวิ่งตามเขามาจนหอบเช่นนี้ ที่สำคัญ หน้าตาน่ารักตรงสเป็คของเขาอีกต่างหาก
“คุณเตชินท์”
“เรียกพี่ชินก็ได้ มีเรื่องอะไรจะถามพี่รึเปล่า?”
“มีครับ มี...”
“งั้นต้องรีบหน่อยนะ พอดีพี่มีธุระต้องไปต่อ”
“ครับ คือว่า...”
เขาเงยหน้ามองดวงตาคมที่มองตรงมา ดวงตาที่ดุดันแต่ก็มีประกายอ่อนโยน มือเล็กแตะลำแขนหนาเอาไว้คล้ายกับเป็นเชิงบอกใบ้ว่าอย่าเพิ่งจากไปไหน ในใจนึกอยากจะหาทางติดต่อ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เนื่องจากภาพของใบหน้าคมเข้มที่เขาหลงใหลนั้น กำลังเคลื่อนเข้าใกล้อย่างช้าๆ
“พี่...”
ริมฝีปากอุ่นร้อนถูกแนบประทับลงมาอย่างแผ่วเบาและอ้อยอิ่งคล้ายกับหยั่งเชิง ดวงตาคู่สวยที่เบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกราวกับลูกกวางสบเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบทอประกายวาววับดุจเหยี่ยวหนุ่มที่แฝงแววขบขันระคนเอ็นดู ชายหนุ่มช้อนท้ายทอยมนขณะใช้เรียวลิ้นร้อนจัดไล้ตามเรียวปากนุ่มที่สั่นระริกเบาๆ ก่อนแทรกปลายลิ้นเข้าไปลิ้มรสชาติของความเยาว์วัยของร่างที่ยังไม่ประสาที่ไม่แม้แต่จะยอมหายใจ
“อุก อือ... อื้ม...”
นิชารับรู้เพียงกลิ่นบุหรี่จางๆที่มาพร้อมกับกลิ่นของน้ำหอมแบบผู้ใหญ่ และความร้อนระอุของบางสิ่งที่เคลื่อนไปมาในช่องปากอย่างรุกเร้าเสียจนทรงตัวแทบไม่อยู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเขาก็หลับตาพริ้มและทอดกายอยู่ภายในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งที่พยุงร่างอ่อนปวกเปียกเอาไว้โดยไม่ยอมละจูบ
“ฮึก...อะ อา... พะ พี่ชิน...”
เด็กหนุ่มหอบหายใจแรงเมื่ออีกฝ่ายถอนริมฝีปากออกเพียงชั่วครู่ ก่อนจะแนบประทับเข้ามาใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาแทบลืมสิ้นทุกสิ่ง ลืมไปแม้กระทั่งว่ามีเพียงผ้าม่านสีเลือดนกเนื้อหนาเท่านั้นที่บดบังร่างของพวกเขาทั้งสองเอาไว้จากสายตาของคนจำนวนมากภายในห้องบรรยาย
ณ วินาทีนี้ เขารู้สึกได้เพียงไออุ่นจากร่างตรงหน้า และเสียงครางต่ำในลำคออย่างพึงใจที่ทำให้กายของเขาสั่นสะท้านเท่านั้น
“อย่ากลั้นหายใจสิ...”
“... อา แต่ผม... ไม่รู้... อื้ม”
เสียงหวานเลือนหายเมื่อริมฝีปากนุ่มถูกครอบครองอีกครั้ง นิชาปิดตาแน่นเมื่อได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวราวกับตีกลอง เพียงไม่นาน ชายหนุ่มก็ผละออกห่างจากเรียวปากเอิบอิ่มอย่างเสียดายไม่น้อย เขาคลี่ยิ้มบางให้กับท่าทางอ่อนแรงราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมาหมาดๆของร่างเล็กในชุดนักศึกษาตรงหน้า มือใหญ่ขยับเน็คไทให้เข้าที่ ก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มจะเอื้อนเอ่ย
“... น้องชื่ออะไรครับ?”
นิชาสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางห้องนั่งเล่นที่มีเพียงแสงไฟจากโทรทัศน์เท่านั้น เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลา จึงพบว่าใกล้ตีสามแล้ว ทว่าชายหนุ่มก็ยังไม่กลับมา
ตลกน่ะ ในเมื่อเตชินท์พูดเองกับปากว่าคืนนี้จะไม่กลับบ้าน แล้วเขาจะมามัวนั่งรออยู่ต่อไป ---
เพื่ออะไร?ร่างเพรียวเม้มเรียวปาก ดวงตาทอดมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ค่อยๆดับไปจนมืดสนิท รู้สึกหงุดหงิดใจยิ่งนัก เขาฝันถึงวันแรกที่ได้พบกับเตชินท์อีกแล้ว พักหลังมานี้เขามักจะฝันถึงช่วงเวลาปีแรกๆที่ได้คบกับชายหนุ่มอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้าย แต่ความทรงจำต่างๆที่พวกเขาร่วมกันสร้างมานั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่มีวันลบเลือนไปจากหัวใจของเขา
เขาแค่นยิ้ม นึกสมเพชตนเองที่เป็นได้ถึงเพียงนี้ ที่ใครว่าความรักทำให้คนตาบอดคงจะจริง และนอกจากตาบอดแล้ว หัวใจยังเสริมเหล็กอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะถูกกรีดแทงอีกสักร้อยพันหน หัวใจที่เจ็บปวดเสียจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆก็ยังอยู่ในกำมือของผู้เป็นเจ้าของที่ได้หัวใจของเขาไปครอบครองตั้งแต่แรกพบ ทว่าคนคนนั้นซึ่งเป็นรักแรกและรักเดียวกลับไม่คิดจะถนอมหัวใจของเขาเอาไว้บ้างเสียเลย ป่านนี้ภายในหัวใจของเขาคงทั้งบิ่นและร้าว น่าขำที่ยังอดทนอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้
เขาปิดโทรทัศน์แล้วลุกจากโซฟา ภายในห้องมืดมิด แต่ก็พอมองเห็นทางอย่างรางๆ
ร่างบอบบางถอนหายใจยาวเมื่อได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงใหญ่นุ่มนิ่ม มือเล็กควานหารีโมทแอร์คอนดิชั่นเพื่อปรับอุณหภูมิให้อุ่นขึ้น เพราะปกติแล้วภายในห้องมีกันสองคน ต่อให้ปรับแอร์เย็นหน่อย ก็ได้ไออุ่นจากกันและกันทำให้กายไม่หนาว ดวงตาคู่สวยเพียงทอดมองอีกฟากฝั่งของผืนเตียงที่เย็นชืด ก่อนที่หยดน้ำใสจะพาลรินไหลอาบผิวแก้ม
“พี่ชิน... นทเหงา...”
เมื่อไหร่เตชินท์จะพอ?
เมื่อไหร่เตชินท์จะรักและมีเขาเพียงแค่คนเดียว?
เมื่อไหร่กัน ที่เขาจะไม่ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาในยามค่ำคืนอย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มีคนรับรู้หรือแม้แต่ใครสักคนที่อยู่เคียงข้างคอยปลอบประโลม --- ไม่มีเลย“... เมื่อไหร่พี่จะกลับมาหานท พี่ชินไม่รักนทแล้วเหรอ...?”
เสียงหวานคร่ำครวญพร้อมกับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรู ไม่มีใครสักคนเลยที่ได้ยิน
จวบจนกระทั่งแสงตะวันเริ่มส่องลาดเข้ามาภายในห้อง นิชาจึงได้ผล็อยหลับไป พร้อมกับแพขนตาหนาที่เปียกชื้น และแก้มใสที่เปื้อนคราบน้ำตา
Talk: ^ ^
อะโลฮ่า!! ปรับอารมณ์กันก่อนนะคะทุกคน ใจเย็นๆ ^ ^
ตอนนี้ไม่มีดราม่า ชิลๆ คงไม่มีใครด่าพี่ชินของเราในตอนนี้ใช่มั้ย? (รึเปล่า??)
อ่านคอมเม้นท์หลายท่านแล้วสะใจมากกกกกกกค่ะ (หัวเราะ)
ด่าเข้าไปค่ะ ด่าเล้ยยย ชานมชอบ ^ ^ (ถ้าเจอผู้ชายแบบนี้จริงๆก็คงด่าเหมือนกันค่ะ)
แต่ว่าอย่าลืมคำพูดที่ว่า "อุเคะชอบผู้ชายเลว" มันเป็นความจริงชิมิชิมิ?
ตอนนี้พี่ชินในปัจจุบันไม่ได้โผล่ออกมาเลยเนอะ
ไม่รู้จะมีใครแปลกใจรีเปล่าที่น้องนทสมัยปีหนึ่งของเราเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาพี่ชินเสียเอง
ชานมหวังว่าทุกท่านจะชอบพี่ชินในอดีตกันนะคะ เพราะหลังจากนี้อาจมีโผล่มาให้เห็นเป็นระยะ
ที่จริงชานมชอบอะไรหวานๆนะคะ ก็หวังอยู่เหมือนกันว่าจะได้เขียนฉากหวานๆของสองคนนี้บ้าง อย่างน้อยเป็นเรื่องในอดีตก็ยังดีค่ะ
สงสารน้องนทเหลือเกิน T_T อดทนไปก่อนนะ สู้ๆ!
อย่าลืมเป็นกำลังใจให้น้องนทกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่า
ป.ล. ตอนหน้า เราคงได้ติดแท็ก 18+ แบบใครๆเขาเสียที
