[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
[4]
“พี่ชินคะ เราจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่?”
เสียงหวานของร่างที่เอนกายซบแผงอกแข็งแกร่งดังขึ้นขัดความเงียบ ขณะที่เจ้าของนามเพียงพ่นควันบุหรี่ออกจากปอดอย่างเงียบๆราวกับกำลังใช้ความคิด
“น้องเล็กใกล้สอบแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ฮื้อ อะไรกัน พี่ก็รู้ว่าเล็กไม่แคร์หรอกค่ะเรื่องเรียน ยังไงซะเรียนจบเล็กก็ออกมาสืบทอดธุรกิจของป๊ะป๋าต่ออยู่ดี”
“แล้วน้องเล็กอยากสืบทอดกิจการของคุณพ่อโดยที่ไม่มีความรู้อะไรอยู่ในสมองน่ะเหรอครับ?”
รอยยิ้มบางระบายบนใบหน้าคมคาย หากพินิจให้ดีกอปรกับคำพูดเมื่อครู่นี้ ไม่ว่าใครก็สามารถมองออกได้ว่าเตชินท์กำลังยิ้มอย่างสมเพชเสียมากกว่าเอ็นดูร่างที่เพิ่งผ่านความร้อนแรงด้วยกันมาเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่แล้ว
“บ้าจัง พี่ชินน่ะ เล็กไม่ได้เป็นคนลงมือเองนี่คะ”
“อ้าว แล้วใครล่ะครับ?”
ร่างเล็กสมชื่อยันกายลุกขึ้นนั่ง ดวงตาโตเจือแววปรีดาในแบบที่เตชินท์ไม่เข้าใจ “ก็พี่ชินไงคะ พี่ชินบอกว่ารักเล็กนี่นา แล้วเล็กก็เป็นของพี่ชินแล้วนะ เพราะฉะนั้นพี่ชินต้องแต่งงานกับเล็กค่ะ”
ชายหนุ่มนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนหัวเราะในลำคอเบาๆอย่างนึกขันความคิดที่ไร้สาระของคู่นอนคนล่าสุด แต่ครั้นจะย่ำยีความรู้สึกของผู้หญิงโง่ๆคนนี้ก็ออกจะเป็นการใจร้ายไปหน่อย เนื่องจากเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะบอกรักนังเด็กคนนี้จริงๆ แต่อย่างว่า คำพูดของผู้ชายระหว่างมีเซ็กส์ มันก็เป็นแค่ลมปากเท่านั้น
“น้องเล็กยังเด็กอยู่เลยนะครับ จะรีบแต่งงานไปทำไม?”
“เล็กไม่อยากเรียนแล้วค่ะ อยากรีบแต่งงาน จะได้ลาออกมาอยู่บ้านกับพี่ชิน เป็นความฝันของเล็กเลยนะ”
“โฮ่ เป็นความฝันเลยเหรอครับ”
ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อและไร้ค่าเสียจริง ละทิ้งโอกาสที่จะได้กอบโกยความรู้ของตนเอง แล้วมาอยู่เฉยๆเกาะแข้งเกาะขาผู้ชายเพื่อให้ตัวเองสบาย ช่างเป็นผู้หญิงที่อวดดีและไร้สมองสิ้นดี หน้าตารึก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ก็แค่หุ่นดีเท่านั้นเอง
ลลดาไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่า การละทิ้งเส้นทางเดินชีวิตของตนเองมาเพื่อใครสักคนหนึ่ง ทำให้คุณค่าของตนเองที่มีอยู่น้อยนิดในสายตาของร่างที่เธอต้องการจะเอาใจนั้น หายวับไปในพริบตา
“ใช่ค่ะ เล็กได้ยินกิตติศัพท์ของพี่ชินมานานแล้ว ดีใจจริงๆที่เราใจตรงกันนะคะ”
“หืม ไปได้ยินมาว่าอะไรบ้าง? ไหนเล่าให้พี่ฟังซิ”
เตชินท์เอ่ยโดยไม่ปฏิเสธความเข้าใจผิดของร่างเพรียวในอ้อมแขน เขาไล้ปลายนิ้วไปตามหัวไหล่กลมมนอย่างช้าๆ ขณะนึกเปรียบเทียบกับเรือนร่างของนิชาอยู่ในใจ ไม่เคยมีใครเลยสักคนที่ผิวเนียนลื่นมือเท่าร่างที่รอคอยเขาอยู่ที่บ้าน ทั้งๆที่ไม่ได้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ นับเป็นโชคของเขาที่ได้เป็นเจ้าของเด็กคนนั้น ---
แถมได้มาอย่างไม่ยากเย็นเสียด้วยเจ้าของใบหน้างามในแบบคุณหนูเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างกระหยิ่ม “ก็ทั้งเรื่องที่ดี และเรื่องที่ไม่ดีน่ะสิคะ แค่ได้ยิน... เล็กก็หลงเสน่ห์ของพี่แล้ว” ปลายนิ้วเรียวไล้ไปตามไรหนวดแนวสันกรามอย่างหลงใหล หารู้ไม่ว่าร่างที่นอนอยู่เคียงข้างกำลังขนลุกชันกับท่าทางของตน “พี่ชินน่ะ โด่งดังจะตายไป”
“... ถ้ารู้เรื่องของพี่เยอะ ไม่กลัวพี่เหรอครับ?”
“ถ้ากลัว คงไม่มาอยู่ตรงนี้กับพี่หรอกค่ะ เล็กว่า... คนน่ากลัวน่ะ ท้าทายดีออก”
เจ้าหล่อนหัวเราะในลำคอ เป็นผู้หญิงเสียเปล่า เสียงหัวเราะกลับไม่กังวานใสอย่างที่เขาคาดคิด ผิดกับนิชาเสียจริง รายนั้นน่ะไม่ว่าจะหัวเราะหรือพูดอะไร ทุกสิ่งก็แลดูใสสะอาดเหมือนผ้าขาวตั้งแต่วันแรกที่ได้พบเจอ
ผ้าขาวที่เขาเป็นคนพาดรอยเปื้อนลงไปกับมือชายหนุ่มระบายรอยยิ้มพึงใจโดยไม่ทันรู้ตัวเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานที่แดงระเรื่อและดวงตาคู่สวยที่เคล้าคลอไปด้วยหยดน้ำใสในยามที่ร่ายรำอยู่บนกายของเขา และแน่นอนว่าหญิงสาวที่อยู่เคียงข้างนั้นสังเกตเห็น อาจเป็นเพราะเป็นคนช่างสังเกต หรือเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิง ที่บอกเธอให้รู้ชัดว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเธอเป็นแน่
“พี่กำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”
เตชินท์หยุดชะงัก เขาเกลียดนักเวลาถูกใครขัดจังหวะความคิดดีๆเช่นนี้ อารมณ์ที่ถูกหยุดกลางคันทำให้เขาหงุดหงิด และด้วยความที่เขาเองก็ไม่ได้พิศวาสร่างที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขามากนักอยู่แล้ว ชายหนุ่มจึงสะบัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นสวมกางเกง
“ไปไหนเหรอคะ? พี่ชิน?”
เจ้าของนามหันขวับกลับมามองใบหน้างุนงงของร่างที่ยังคงนอนยืดยาวอยู่บนเตียงนุ่มในโรงแรมชื่อดังย่านสาธร เขานับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อไม่ให้ตนเองพูดคำแย่ๆที่วิ่งวนอยู่ในสมองของเขาหลุดออกจากปากไป
“พี่นึกได้ว่ามีธุระด่วนครับ คงต้องขอตัวก่อน”
“เอ๋? ธุระตอนตีห้าเนี่ยนะคะ?”
“ใช่ครับ พอดีพี่ลืมไปว่ายังไม่ได้ให้อาหารแมวที่เลี้ยงไว้ที่บ้านน่ะครับ ต้องรีบกลับแล้ว”
“อ้อ... อย่างนี้เอง แมวขี้อ้อนไหมคะ?”
“ขี้อ้อนครับ ขี้อ้อนมาก ถ้าวันไหนไม่กลับบ้านจะร้องไห้ทั้งคืนเลย”
“ตายจริง น่ารักจังเลยค่ะ พี่ชินรักแมวตัวนี้มากเลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ ในเมื่อเราเป็น ‘เจ้าของ’ เราก็ต้องดูแล ‘สัตว์เลี้ยง’ ของเราให้ดีจริงไหมครับ”
“โอเคเลย... ตอนแรก เล็กนึกว่าพี่จะหนีไปกกใครต่อซะอีก แบบนี้ยอมค่ะ”
“ยอมอะไรเหรอครับ?”
“ยอมอนุญาตให้ไปน่ะสิคะ ไว้เจอกันโอกาสหน้า เล็กขอไปหาน้องเหมียวที่บ้านพี่ด้วยนะคะ”
รอยยิ้มบางยังคงเคลือบใบหน้าดูดีเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน เตชินท์สั่นศีรษะ พร้อมกับหยิบเสื้อสูทสีดำสนิทที่ถูกพาดเอาไว้บนพนักเก้าอี้ขึ้นสวมแล้วเปิดประตูก้าวเดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะเอ่ยคำลา โดยไม่ลืมทิ้งเงินค่าโรงแรมเอาไว้บนโต๊ะข้างเตียงให้อีกฝ่าย
คนอย่างเขาไม่เคยมีครั้งไหนที่ต้องให้คู่นอนออกเงินค่าโรงแรมเอง เพราะไม่ว่าครั้งไหนก็มักจะจบลงที่โรงแรม และแม้จะเป็นโรงแรมหรูระยับเพียงไร บางครั้งก็ยังไม่มี ‘ของ’ ที่เขาต้องการ หรือมี แต่ไม่มากสมใจอยาก จนเขาต้องพกถุงยางติดกระเป๋าสตางค์
ทั้งๆที่ถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาและไร้มารยาทสิ้นดี ทว่า แทนที่ลลดาจะนึกโกรธเคือง กลับรู้สึกถูกใจในความทะนงตนของอีกฝ่ายเสียจนถอนตัวไม่ขึ้น
โชคดีของเจ้าหล่อนนัก ที่เป็นคนชอบเลี้ยง 'แมว' เพราะไม่อย่างนั้น หากเธอพูดอะไรถึง 'แมว' ของชายหนุ่มในทางที่ไม่ดี เธออาจจะไม่มีโอกาสได้ทำความฝันของเธอให้เป็นจริงอีกเลย ไม่ว่าจะกับเตชินท์หรือชายคนใดก็ตาม
เงาร่างสูงเจ้าของห้องก้าวออกมาจากลิฟต์แก้วขนาดใหญ่บนชั้นสูงสุดของคอนโดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขารู้สึกหงุดหงิดใจจากคู่นอนที่พูดจาน่ารำคาญและแสดงความเป็นเจ้าของในแบบที่เขาไม่ต้องการ เขาเท่านั้นที่จะเป็นเจ้าของใคร ไม่ใช่มีใครมาเป็นเจ้าของ
นึกรำคาญลลดานัก ช่างเป็นผู้หญิงที่สำคัญตนผิดเสียเหลือเกิน
เรียกร้องมากมาย วุ่นวายราวกับว่าตนเองนั้นเป็นสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยให้ใครแตะต้องมาก่อนอย่างนั้นล่ะ!ชายหนุ่มเสียบคีย์การ์ดเพื่อเปิดประตู รับรู้ถึงความมืดสนิทภายในห้องแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ เนื่องจากตอนนี้ใกล้เจ็ดโมงเช้าแล้ว โดยปกตินิชาจะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปเปิดร้านที่เกษตร-นวมินทร์ ซึ่งอยู่ไกลจากที่นี่ อีกทั้งยังรถติดอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าร่างเล็กจะนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปแล้วค่อยต่อแท็กซี่ก็เถอะ เขาก็ยังอยากให้ซื้อที่ดินแถวในเมืองเสียมากกว่า จะได้ไม่ต้องตื่นแต่เช้าแล้วไปทำงานซะไกล ทว่าอีกฝ่ายกลับอยากเปิดร้านที่นั่นเพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านของพ่อแม่ของตนเอง เขาจึงยอมตามใจโดยไม่มีข้อเกี่ยงงอน
จะว่าไป เขาเองก็ไม่เคยได้สังเกตมาก่อนว่า ไม่ว่านิชาจะเอ่ยขอสิ่งใด เขาก็เป็นต้องยอมทำตามความต้องการของอีกฝ่ายเสียหมด อาจเป็นเพราะนิชาไม่เคยเอ่ยเรียกร้องสิ่งใดอย่างไร้เหตุผลอย่างคู่ควงทั้งหญิงและชายของเขาก็เป็นได้ เขาจึงได้ไม่เคยรู้สึกรำคาญใจ และยอมกระทั่งให้ร่างเพรียวรับโทรศัพท์ส่วนตัวแทนเขาได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เขายอมให้ใครทำมาก่อน
"นท...?"
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อไร้คำตอบจึงได้สาวเท้าไปยังห้องนอน คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจเมื่อพบกับความว่างเปล่าบนเตียง ทั้งๆที่ภายในห้องยังคงเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ หัวใจเต้นรัวเมื่อหันไปเห็นเพียงความว่างเปล่าภายในห้องน้ำ รู้สึกตื่นตระหนกเมื่อไม่พบกับร่างบางที่เขาคาดว่าจะเห็น
แต่แล้วดวงตาคมก็เหลือบไปพบกับร่างที่นั่งคุดคู้อยู่ที่ริมเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง ร่างเล็กที่เอาผ้านวมมาพันตัวแล้วเอนกายพิงขอบเตียงหลับสนิท ดูแล้วช่างเปราะบางและน่าทะนุถนอมนัก เตชินท์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกโดยไม่ทันรู้ตัวพลางสืบเท้าเข้าหา
เรียวขายาวเดินไปหยุดยืนที่เบื้องหน้าร่างที่ยังไม่รู้สึกตัว เขาย่อกายลงพินิจเรือนกายบอบบางที่นับวันแลดูเหมือนจะยิ่งผอมลง และใบหน้าหวานที่เคยเต็มไปด้วยแววสดใสซึ่งในตอนนี้ฉายแววเศร้าหมองและเปรอะเปื้อนไปด้วยรอยน้ำตาบนผิวแก้ม
ปลายนิ้วหนาเอื้อมไปแตะใบหน้าเนียนอย่างเบามือ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่รู้สึกตัว ซึ่งผิดวิสัยคนความรู้สึกไวของอีกฝ่ายยิ่งนัก ชายหนุ่มระบายลมหายใจยาว เขาพอจะเดาได้ว่านิชาคงร้องไห้จนเพิ่งหลับไปไม่นาน คิดพลางอุ้มร่างที่ดูอ่อนล้าขึ้นมาวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาราวกับกำลังประคองแก้วที่จวนเจียนแตกสลายแล้วดึงผ้านวมมาห่มให้
ดวงตาคู่สวยปรือขึ้นอย่างช้าๆเมื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและกลิ่นอันแสนคุ้นเคย เขาทอดสายตามองใบหน้าดูดีที่ส่งยิ้มมาให้ พร้อมกับขบริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อกลั้นน้ำตา ด้วยรู้ดีว่าอีกฝ่ายเพิ่งไปนอนกับคนอื่นมา
เจ็บปวดเหลือเกิน รู้สึกเจ็บมากเสียจนน้ำตาไม่ไหล ---
เจ็บใจ ที่ไม่สามารถรั้งให้ชายหนุ่มเป็นของเขาแต่เพียงลำพังได้
"ตื่นแล้วเหรอครับ?"
นิชาครางตอบรับในลำคอ เขายันกายลุกขึ้นนั่งพร้อมกับยกมือขยี้ตาเพื่อขับไล่ความง่วงงุน แต่ความระบมที่เบ้าตาทำให้มือบางหยุดชะงักแล้วเลื่อนลงมาวางไว้บนตักโดยไม่พูดอะไร
เขาไม่อยากมองหน้าของเตชินท์ในตอนนี้ ร่างสูงของคนที่ได้ชื่อว่าเป็น 'คนรัก' ของเขาซึ่งใส่ชุดเดียวกันกับเมื่อวานนี้ ที่เพียงนั่งอยู่ริมเตียงแล้วมองตรงมาด้วยสายตาแฝงแววยิ้ม
"ทำไมลงไปนอนกับพื้นแบบนั้นล่ะครับ? เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก นทก็รู้นะว่าพี่เป็นห่วง"
ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยรอยช้ำทอประกายอ่อนแสงลง ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยเพียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
"... ก็เตียงมันกว้างเกินไปนี่ครับ"
ชายหนุ่มฟังแล้วก็รู้สึกสะท้อนขึ้นมาในอก เขาใช้ปลายนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาที่ติดอยู่ตามแพขนตายาวอย่างเบามือ เขารับรู้ได้ว่านิชารักเขา แต่อีกใจก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องเป็นกังวลนักหนา ในเมื่อเขาก็พร่ำบอกอยู่ทุกครั้งว่ากับคนอื่นก็แค่ครั้งเดียวจบเท่านั้น ไม่มีอะไรเสียหายและไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยสักนิด ไม่เห็นจะต้องคิดมาก
“เดี๋ยวคืนนี้ก็ไม่เหงาแล้ว พี่ชินจะกอดนททั้งคืนเลยดีไหมครับ?”
นิชาไม่ตอบคำ เพียงทอดสายตามองฝ่ามือทั้งสองข้างของตนเองที่วางเอาไว้อย่างสิ้นเรี่ยวแรงบนตัก ในสมองมีเพียงเสียงโต้เถียงกันของหัวใจ
ใจหนึ่งก็ไม่อยากพบหน้าเตชินท์ อยากหนีหายไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อีกใจก็อยากอยู่ใกล้ๆเตชินท์ กอดเอาไว้ให้แน่นไม่ยอมให้ไปจากเขา
ทุกครั้งที่เตชินท์กลับมาหลังจากเล่นเกมส์กับคนอื่นจบแล้ว เขาจะรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง เถียงกับตัวเองจนเหนื่อย แล้วสุดท้ายหัวใจก็เลือกคำตอบหลัง คือขอให้ได้อยู่ใกล้ๆกับชายหนุ่ม ไม่ว่าจะต้องเจ็บปวดสักเท่าไหร่ ก็ยังดีกว่าการไม่ได้พบกัน ไม่ได้สัมผัสไออุ่นของกันและกัน
ครั้งนี้เองก็เช่นเดียวกัน หัวใจของเขายังคงเลือกคำตอบเดิม“... หืม?”
เสียงทุ้มนุ่มอุทานเบาๆอย่างแปลกใจเมื่อจู่ๆร่างที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียงก็เขยิบกายมาโอบกอดเขาเอาไว้แน่นทั้งท่านั่งอยู่แบบนั้น เตชินท์เหยียดยิ้มพึงใจเมื่อเห็นผิวแก้มแดงระเรื่อ เขารับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ไม่เสถียรของอีกฝ่ายมาได้พักหนึ่งจึงเลือกที่จะเงียบ และในตอนนี้ลูกแมวของเขาก็กลับมาขี้อ้อนเหมือนเดิมอีกครั้ง
“พี่ชิน วันนี้อยู่กับนท... ได้ไหมครับ?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใจประหวัดถึงธุระนัดประชุมกับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งที่บินมาจากฮ่องกง แต่เมื่อเลื่อนสายตาไปพบกับดวงตาคู่หวานที่แดงช้ำที่ช้อนมองขึ้นมาอย่างออดอ้อนจนแพขนตาหนาสั่นระริก
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ?”
ลำแขนแข็งแรงโอบกอดร่างบอบบางที่สั่นเทาเอาไว้อย่างหลวมๆ เขาปล่อยให้นิชาซุกใบหน้าลงกับแผ่นอกจนรู้สึกถึงความเปียกชุ่มจากหยดน้ำตา นึกจะอ้าปากถาม แต่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่ายที่พยายามหลบซ่อนน้ำตาอย่างสุดความสามารถ เขาก็จนใจ ทำเป็นมองไม่เห็น โดยที่มือหนาคอยลูบแผ่นหลังของร่างในอ้อมแขนเอาไว้อย่างปลอบประโลม
"โกรธพี่รึเปล่า คนดี?"
เสียงทุ้มนุ่มที่พูดตรงจุดทำให้ใจสั่นสะท้าน โกรธไหมอย่างนั้นหรือ? โกรธสิ โกรธมากด้วย ทว่าเขากลับต้องหยุดคิดว่า ที่โกรธนี้คือชายหนุ่ม หรือตนเองกันแน่
เขาโกรธเตชินท์ มันแน่อยู่แล้ว ไม่ว่าเป็นใครก็ย่อมโกรธ ขอไปนอนกับคนอื่นเพราะไม่ใช่ตัวจริงอย่างนั้นน่ะหรือ ช่างเป็นเหตุผลงี่เง่าสิ้นดี แต่ที่โกรธมากที่สุดคือตนเอง ตนเองที่ยอมรับเหตุผลงี่เง่านั้นได้โดยไม่มีข้อแย้งใด
ไม่ใช่ไม่อยากแย้ง แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะแย้งได้สำเร็จ จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อไม่ว่าห้ามอย่างไร เตชินท์ก็ยังทำอยู่ดี แล้วตัวเขาเองก็ไม่สามารถเลิกกับเตชินท์ได้ ในเมื่อเขาจินตนาการไม่ออกว่าจะสามารถหายใจอยู่ได้อย่างไรหากชายหนุ่มผู้นี้ เขาจึงทำอะไรไม่ได้ --- นอกจากปล่อยให้เรื่องดำเนินไปเช่นนี้มาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ทว่า ไม่ว่าจะพยายามทำให้จิตใจเข้มแข็งสักเพียงไร หยดน้ำตาที่กลั้นไว้ก็รินไหลออกมาต่อหน้าร่างสูงผู้นี้ทุกคราไป เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มอันแสนอ่อนหวาน และได้ซุกอยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย เกราะปราการที่สร้างขึ้นมาก็แตกสลาย กลายเป็นนิชาที่อ่อนแอ เปราะบาง และพ่ายแพ้ให้แก่บุคคลเบื้องหน้าเหมือนเคย
"อย่าร้องไห้สิครับ คนดี... นทร้องไห้แบบนี้พี่รู้สึกไม่ดีเลย พี่อยากให้นทยิ้มเหมือนเดิมนะ"
ปลายนิ้วที่เกลี่ยรอยน้ำตายังคงอ่อนโยนไม่เคยเปลี่ยน ทำให้ทำนบน้ำตาพังทลายไม่ยอมหยุด จนต้องสะอึกสะอื้นออกมาอย่างเจ็บปวดหัวใจ ทว่าอีกฝ่ายก็ยังเพียงแค่ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังรื่นหูเท่านั้น
--- โดยไม่มีสักครั้งที่คำว่า 'ขอโทษ' จะหลุดออกมาให้ได้ยิน "พี่ชิน... รักนทรึเปล่า?”
“รักสิครับ ไม่รักนทแล้วจะให้พี่ไปรักใครล่ะ?”
เตชินท์เอ่ยตอบโดยไม่ต้องคิด แน่นอนอยู่แล้วว่าเขารักร่างตรงหน้า ทว่าจะเป็นความรักที่มากมายเพียงพอที่จะหยุดอยู่กับแค่คนคนเดียวหรือไม่ เขาคงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ เพราะการกระทำของเขาทุกสิ่งทุกอย่างย่อมฉายชัดเจนอยู่แล้ว
เขารักและดูแลคนที่เป็น ‘ของ’ เขาเป็นอย่างดี ทว่าเขาก็เอาอกเอาใจคนที่เขาเล่นด้วยเพียงชั่วข้ามคืนไม่ต่างกัน
ที่แตกต่าง คงมีเพียงความผูกพันและความพิเศษในตำแหน่งที่นิชาเป็นอยู่ทุกวันนี้ นิชาเป็นคนคนเดียวที่ได้มาอยู่ในคอนโดของเขา และมีกุญแจของเขาทั้งหมดไม่ว่าจะที่ไหน ตลอดจนรู้เลขที่บัญชีและรหัสเอทีเอ็มทั้งหมดของเขา เรียกได้ว่าเป็นคนที่เขายอมรับให้รุกล้ำมาในพื้นที่ส่วนตัวมากที่สุด มากกว่าคนในครอบครัวที่แท้จริงด้วยซ้ำไป เพราะแม้แต่บิดามารดาของเขายังไม่เคยรับโทรศัพท์แทนเขาได้อย่างที่เขายอมให้นิชาทำเลยสักครั้ง
“พี่ชินรักนท... แต่ทำไมถึงได้ทิ้งให้นทอยู่คนเดียวทั้งคืนล่ะครับ?”
เสียงหวานตัดพ้อ โดยไม่กล่าวถึงว่าอีกฝ่ายไปนอนอยู่ที่ไหนระหว่างค่ำคืนมืดมิดที่เหงาจับขั้วหัวใจนั้น เนื่องจากต่างฝ่ายเองต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว
“พี่จะไม่ทำอีกแล้ว พี่สัญญา... หยุดร้องไห้นะครับ”
นิชาพยายามกลั้นน้ำตา ในใจนึกโต้เถียงซ้ำแล้วซ้ำอีก คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้ สัญญาแบบนี้ด้วยน้ำเสียงนุ่มแบบนี้ แต่สุดท้ายเตชินท์ก็ยังผิดสัญญา --- ราวกับว่าคำพูดนั้นได้ละลายจางหายไปในอากาศในตั้งแต่วินาทีแรกที่หลุดออกจากปากของชายหนุ่ม
แต่ในเมื่อ ณ วินาทีนี้ อ้อมกอดที่เขาซุกกายอยู่นั้นก็อบอุ่นและอ่อนโยนดี ในยามที่เขาเสียใจ เตชินท์มักกอดร่างของเขาเอาไว้อย่างทะนุถนอมราวกับว่าเขาบอบบางดั่งสายไหมที่อาจแหลกสลายคามือได้ ช่างแตกต่างจากยามที่ตัณหาเข้าครอบงำ ชายหนุ่มกอดเขาอย่างรุนแรงและดิบเถื่อนเสียจนเขาแทบลืมหายใจ และรู้ดีแก่ใจว่าคงไม่มีใครอื่นนอกจากเตชินท์ที่สามารถมอบความสุขที่แสนทรมานเช่นนี้ให้กับเขาได้อีกแล้วชั่วชีวิต
“พี่รักนทนะครับ...”
ถ้อยคำสั้นๆ ลบเลือนความรู้สึกโกรธเคืองและปวดใจไปได้จนหมด และทำให้หัวใจยอมอ่อนข้อให้กับร่างสูงอีกไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่ ใบหน้าสวยแหงนรับริมฝีปากที่ค่อยๆจรดลงมาอย่างเต็มใจ พลางทอดกายลงบนผืนเตียง หัวใจเปิดกว้างและรู้สึกเต็มตื้น --- ราวกับได้พบกับผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์
Talk: ^^ (ยิ้มหวาน)
ขออภัยอย่างสูงก่อนเลย ที่ว่าจะติดแท็ก 18+ ในตอนนี้ คงต้องเลื่อนเป็นตอนหน้าค่ะ
อย่าโทษชานมนะ ให้โทษแม่หญิงเล็กที่ดันมีบทสนทนายาวยืดกับพี่ชินไม่ยอมจบ
เวลาที่พี่ชินจะแสดงอำนาจเหนือร่างของน้องนทเลยถูกเลื่อนไปเช่นนี้ (อ้างสุดฤทธิ์)
เอาเป็นว่ารออีกหน่อยเนอะ ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ หายใจแป๊บเดียวก็มาแล้วค่ะ ^ ^
มีใครพอจะเข้าใจน้องนทกับพี่ชินกันบ้างไหมคะ?
ที่จริงความสัมพันธ์มันก็เหมือนจะดูง่าย และลึกๆก็แอบเข้าใจยากนะคะ
บางคนคงพอเข้าใจ แต่หลายคนคงไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมน้องนทต้องทนอยู่แบบนี้
ทำไมถึงไม่หนีหายไป? ทำไมไม่เอาเรื่องให้ถึงที่สุด?
อืม... เรื่องของความรู้สึกมันอธิบายเป็นเหตุผลไม่ได้นี่เนอะ
รู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไป เพียงเพราะอยากรักษาความสัมพันธ์เอาไว้
หลายคนที่เคยผ่านเรื่องทำนองนี้มาคงพอเข้าใจดีค่ะ อาจจะไม่ใช่เรื่องความรักอย่างเดียว
แม้แต่เพื่อนกันก็ต้องเคยเจอมาบ้าง ที่ขัดใจกันแต่ก็ยอมปล่อยผ่านเพราะไม่อยากมีเรื่อง
ก็อยากให้ค่อยๆซึมซับความรู้สึกของพี่ชินและน้องนทไปเรื่อยๆก่อนค่ะ
ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจและความคิดเห็นมากมาย ขอบคุณจริงๆค่ะ

ป.ล. อาหารเย็นวันนี้คือขนมจีนน้ำยา อร่อยเนอะ ^ ^ (ไม่เกี่ยว!!)