[[ THE CAGE ]] . . กรงรัก . .
[28]
“คุณ... เป็นใครครับ?”ธนกรนิ่งงันไปชั่วขณะ แม้ว่าจะได้รับคำเตือนมาจากแพทย์ประจำตระกูลแล้วก็ตามว่าในระยะแรก นิชาอาจยังไม่ฟื้นคืนเป็นปกติเนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทว่าเขาก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะถึงกับความจำเสื่อม
“นท... จำเอกไม่ได้เหรอ?”
“ไม่นี่ครับ คุณ... รู้จักผมด้วยเหรอ?”
ใบหน้าดูดีที่นิ่งอึ้งไปกับคำพูดสั้นๆ ทำให้ร่างบอบบางรู้สึกไม่สบายใจและอึดอัด เขาขมวดคิ้วน้อยๆพร้อมกับพยายามยันกายให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ความเจ็บปวดทำให้ยอมแพ้ เพียงแค่ยกศีรษะขึ้นเท่านั้น ความปวดก็แล่นพล่านจนต้องทิ้งศีรษะคืนหมอน
“โอ๊ย..”
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นกุลีกุจอดูอาการในทันทีที่ได้ยินเสียงครางแผ่วด้วยความเจ็บ แม้จะยังตกตะลึงกับเหตุการณ์อยู่ก็ตาม ร่างเล็กปล่อยให้อีกฝ่ายสำรวจบาดแผลแต่โดยดี ดวงตากลมโตจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของร่างตรงหน้าโดยไม่ละสายตา
เพียงไม่นาน ธนกรก็รู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่ เขาเลื่อนสายตาไปสบตาตรงๆ เมื่อเห็นความงุนงงปะปนระแวงของร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เนื่องจากเขาไม่เคยพบกับสีหน้าแบบนี้ของนิชามาก่อน เป็นสีหน้าระแวดระวังเหมือนกับลูกแมวตื่นคน ทั้งๆที่หากเขาตั้งใจจะทำไม่ดีจริง นิชาก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี
“เจ็บแผลมากรึเปล่า?”
นิชาพยักหน้าน้อยๆ เขาจึงกดปุ่มเรียกพยาบาลที่อยู่เหนือหัวเตียงเพื่อให้มาดูอาการ ที่แน่ๆเขาคงต้องปรึกษาแพทย์เรื่องอาการของร่างเล็กเป็นพิเศษ ในใจรู้สึกหวาดกลัว หากนิชาจำอะไรไม่ได้จริงๆจะเป็นอย่างไร หากลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ---
ดวงตาคมเบิกกว้างราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ เขาหันกลับไปมองทางใบหน้าน่ารักที่ไม่แสดงอาการใดๆว่าเคยรู้จักเขามาก่อน แววตาใสซื่อฉายแววหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกจ้องมองโดยไม่พูดอะไรเช่นนี้
หากความทรงจำทั้งหมดของนิชาถูกลบเลือนไป เขา --- ก็มีโอกาสเป็นคนแรกที่จะแต่งแต้มความทรงจำใหม่ๆเข้าไปแทนที่ ความทรงที่ดีและสดใส ไม่มีร่องรอยของน้ำตาหรือความวุ่นวายใดๆ
“เรียกดิฉันเหรอคะ คุณเอก?”
“อ้อ ใช่ครับ”
เจ้าของนามหันไปทางพยาบาลสาวในชุดสีขาวสะอาด เขาพยักพเยิดไปทางร่างที่อยู่บนเตียง พร้อมกับกำชับฝากฝังให้ดูแลเป็นอย่างดี ก่อนที่เขาจะก้าวถอยออกมา เพื่อเดินจากไปพบกับแพทย์สูงอายุผู้ที่เป็นคนที่เขาต้องการจะพบหน้าด้วยมากที่สุดในตอนนี้
“หมอครับ นทความจำเสื่อม”
ประโยคสั้นๆส่งผลให้ชายสูงอายุรีบตรงเข้าไปในห้องพิเศษทันที ขณะที่ธนกรไม่กล้าเดินเข้าไป เขารออยู่ด้านหน้าห้องกว่าครึ่งชั่วโมง ร่างที่เขาปรารถนาจะได้เห็นก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“คุณนท ไม่ได้ความจำเสื่อมหรอกครับ”
“เหรอครับ หมอ? หรือจะเป็นเพราะอาการตกใจเลยลืมบางอย่างไปชั่วขณะ”
“จริงๆผมก็อยากจะตรวจให้แน่ชัดก่อนวินิจฉัยน่ะนะ แต่ถ้าจะให้พูดตามอาการ... ผมคิดว่าเขาแค่ลืมบางอย่างไปอย่างที่คุณว่านั่นแหละครับ เพียงแต่...”
“แต่อะไรครับ หมอ อย่าพูดแบบนี้สิ ผมใจไม่ดีเลย”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ มีเหมือนกันที่เกิดเคสแบบนี้ขึ้น แต่ก็สามารถหายได้นะครับ เพียงแค่เราอาจจะต้องใช้ตัวกระตุ้น” เขาทอดสายตามองสีหน้างุนงงและหวาดหวั่นของคุณชายคนโต ก่อนจะถอนหายใจ “คุณเอกลองเข้าไปคุยกับเขาดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร”
ชายหนุ่มขบริมฝีปาก เขาตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปแม้จะไม่ต้องการเห็นสายตาหวาดระแวงอย่างคนไม่รู้จักจากนิชาอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ในเมื่อวินาทีนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ หากเขาหนีจากไป แล้วนิชาจะอยู่กับใคร
“นท...”
ร่างบางเจ้าของนามหันมองด้วยดวงตากลมโต ไม่มีแววระแวงเหมือนแว่บแรกที่พบเจอ แต่ก็ยังมีระยะห่างอย่างที่ทำให้เขาสามารถรู้สึกได้
“เมื่อกี้ผมขอโทษนะครับ”
กลับกลายเป็นร่างเล็กเสียอีกที่เริ่มบทสนทนาก่อน ธนกรทรุดกายนั่งลงข้างเตียงพร้อมกับจรดสายตามองใบหน้าที่แม้จะซีดเซียวไปบ้าง แต่ก็ยังน่ารักอยู่ดีในสายตาของเขา
“ผมตื่นมาไม่เจอใครเลยตกใจ คุณลุงหมอบอกว่าพี่เอกช่วยผมเอาไว้เหรอครับ ผมจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
เขาประหลาดใจกับสรรพนามการเรียกของนิชาไม่น้อย แต่อย่างน้อย ได้รับฟังว่าอีกฝ่ายเริ่มมองเขาอย่างวางใจบ้างก็รู้สึกสบายใจขึ้น
“นทถูก... รถชนน่ะ”
“จริงเหรอครับ? มิน่าล่ะ ปวดหัวจังเลย แล้วพี่เอกอยู่แถวนั้นเหรอครับถึงได้ช่วยผมไว้”
“ใช่”
“อ๋อ แบบนี้นี่เอง...”
เงียบกันไปสักพัก ก่อนที่ร่างบอบบางจะเอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ขอโทษนะครับพี่เอก ที่นี่ที่ไหนเหรอครับ?”
“โรงพยาบาลไง”
“ผมทราบครับ ผมหมายถึงว่า... ที่นี่คืออำเภออะไรเหรอครับ? ผมจำได้ว่าแม้แต่อำเภอเมืองก็ไม่มีโรงพยาบาลที่ดูหรูขนาดนี้... ผมไม่สบายใจเรื่องค่ารักษาน่ะครับ”
“อ๋อ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่ออกให้”
“... พี่เอก คือคนที่ขับรถมาชนผมเหรอครับ?”
“เปล่า”
“แล้วทำไมพี่ต้องออกค่ารักษาให้ผมล่ะ?”
นิชาหัวเราะเสียงใส เป็นการหัวเราะแบบเด็กๆที่ไม่มีอะไรให้กังวลใจ ที่ทำให้ธนกรอดเจ็บลึกในใจไม่ได้ ก็เพราะน้องสาวของเขานั่นล่ะที่เป็นตัวการที่ทำให้ร่างตรงหน้าต้องมานอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้
“พี่เอกรู้จักผมมาก่อนใช่ไหม? พี่รู้ไหมครับว่าพ่อกับแม่ของผมอยู่ที่ไหน? ผมคิดถึงพวกท่านจัง”
คำถามหลายอย่างทำให้ธนกรเริ่มกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ตลอดจนบุพการี ซึ่งนิชาที่เขารู้จักไม่เคยพูดถึงเรื่องแบบนี้ ประวัติของนิชาที่เขาเห็นจากทะเบียนบ้านตอนมาสมัครงานก็คือ จังหวัดที่เกิด ซึ่งนิชาเกิดที่กรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดตามพ่อแม่บุญธรรมเท่านั้น
“นท ถามอะไรหน่อยสิ”
“... ครับ?”
“นท อายุเท่าไหร่น่ะ?”
ได้แต่หวังว่า สิ่งที่เขากังวลไว้จะไม่เกิดขึ้นจริง หวังว่าอะไรๆคงจะไม่เลวร้ายไปถึงขนาดนั้น
--- แต่มันก็เกิดขึ้นจนได้
“สิบเจ็ดครับ ทำไมเหรอครับ?”
ธนกรข่มใจไว้ไม่ให้แสดงอาการตื่นตระหนกออกไป แม้ในใจจะรู้สึกตกตะลึงจนแทบพูดอะไรไม่ออกอายุ 17 ปีอย่างนั้นหรือ นี่เป็นอาการหนึ่งของคนที่ความจำเสื่อมหรืออย่างไร แบบนี้เขาไม่เรียกว่าความจำเสื่อมแล้ว แต่ความทรงจำหายไปนานถึง 6 ปีต่างหาก
--- แล้วแบบนี้ นิชาจะยังจำผู้ชายคนนั้นได้อยู่หรือเปล่านะ เขาก็ไม่มั่นใจเสียด้วยว่าร่างตรงหน้ารู้จักกับผู้ชายคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“งั้นนทก็อยู่ม.6น่ะสิ”
“อื้ม ใช่ครับ พี่เอกล่ะ?”
“พี่เหรอ พี่เรียนจบแล้ว”
“เหรอครับ... อืม พี่เอกรู้ไหมว่าพ่อแม่ของนทอยู่ไหนน่ะครับ?”
“อยู่... ที่บ้านไง”
จริงๆแล้วเขาก็ไม่มั่นใจนักว่าพ่อแม่ของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ในทะเบียนบ้านก็ไม่ได้บอกอะไรนอกจากสถานที่ แต่ว่าจริงๆยังมีตัวตนอยู่ที่นั่นหรือเปล่าเขาก็ไม่เคยได้ถาม และจนถึงวันนี้ก็ไม่รู้จะไปถามใครแล้ว
“ที่นี่... ที่ไหนกันครับ?”
“กรุงเทพฯน่ะ”
“... ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบนอกจากสายตาลำบากใจของร่างตรงหน้า ส่งผลให้ความกังวลทวีขึ้นสูง เขาขบริมฝีปากพร้อมกับพยายามควบคุมสติ
“ขอโทษนะครับ นทกับพี่เอกเรารู้จักกันได้ยังไงเหรอครับ?”
ใบหน้าหวานฉายแววกระอักกระอ่วนที่ต้องเอ่ยคำถามที่เสียมารยาท แต่เขาจำไม่ได้จริงๆ ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ในเมื่อคู่กรณีก็ไม่ใช่ เหตุใดจึงมาเฝ้าไข้เขาอยู่แบบนี้กัน หนำซ้ำพ่อแม่ของเขาก็ไม่อยู่อีก เหตุใดจู่ๆเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ก็ไม่ได้รับคำตอบ ทุกอย่างล้วนเป็นปริศนาจนเขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง
ธนกรหยุดคิดไปชั่วขณะ ดวงหน้าน่ารักเต็มไปด้วยแววสงสัย ท่วงท่างับริมฝีปากล่างช่างน่าเอ็นดูนัก จะเป็นชะตาฟ้าลิขิตหรือเปล่าที่มอบโอกาสเช่นนี้ให้กับเขา
--- โอกาสที่คนเห็นแก่ตัวอย่างเขารีบคว้าเอาไว้
“นทกับเอก... กับพี่... เป็นคนรักกัน”
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ทว่าร่างบางได้ยินชัดเต็มสองรูหู ดวงตาคู่สวยหันขวับไปมองทางใบหน้าดูดี หมายจะได้เห็นสีหน้าหยอกเย้า ทว่าลึกลงไปในนัยน์ตาเรียวคม เขารับรู้ได้ถึงความจริงจังและตั้งใจของชายหนุ่ม --- ความหนักแน่นดั่งขุนผาที่ทำให้กายสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
“จะ จริงเหรอครับ?”
“พี่ไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นหรอกนะครับ”
ผิวแก้มเนียนเห่อสะท้านเมื่อมือใหญ่อุ่นร้อนแนบเข้ากับใบหน้าอย่างอ่อนโยน กระแสเสียงนุ่มนวลปลอบประโลมให้รู้สึกคลายกังวล น่าแปลกที่แม้ว่าเขาจะจำร่างตรงหน้านี้ไม่ได้ แต่ยามถูกสัมผัสกลับไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือลำบากใจแต่อย่างใด คล้ายกับร่างกายรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้อยู่กับคนคนนี้
--- คงจะจริงอย่างที่ชายหนุ่มพูด เขากับผู้ชายคนนี้คงจะเป็นคนรักกันจริงๆ
“ละ แล้ว... เราคบกันได้ยังไงล่ะครับ? นทหมายถึง... เราอายุห่างกันตั้งเยอะ”
ธนกรคลี่ยิ้มน้อยๆ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดรูปที่เคยถ่ายคู่กันให้อีกฝ่ายดู ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นรูปภาพมากมายในเสื้อผ้าแปลกตา เขาไม่เคยจำได้ว่ามีสูทสวมตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วยังทรงผมแบบนี้อีก ผิดระเบียบแบบนี้แล้วอาจารย์จะไม่ลงโทษเขาหรอกหรือ
“นี่นทจริงๆเหรอครับ?”
“ใช่ครับ นทไง”
“แต่ว่า...”
“นท”
มือหนาคว้ามือบางมากุมเอาไว้มั่น เขาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาคู่สวยที่ฉายแววหวาดหวั่นอย่างมุ่งมั่น
“ทำใจดีๆไว้ ฟังเอกนะ นทกับเอกเป็นคนรักกัน เราเปิดร้านเหล้าด้วยกัน นทเป็นผู้จัดการร้าน จริงๆเราสองคนอายุเท่ากันนะ แต่ความทรงจำของนทหายไป 6 ปี... แต่ไม่ต้องกลัวนะ เอกจะไม่มีวันทิ้งนทไปไหน นทลืม แต่เอกจำได้ทุกวินาที เราจะค่อยๆดึงความทรงจำกลับมานะ ตกลงไหม”
นิชารู้สึกช็อกกับหลายสิ่งที่ประดังประเดเข้ามา หมายความว่าในตอนนี้เขาอายุ 23 อย่างนั้นหรือ? แล้วเขาเรียนจบตั้งแต่เมื่อไหร่? เข้าคณะไหน? มหาวิทยาลัยอะไร? --- เขาจำไม่ได้เลยสักอย่าง
“แล้ว... ถ้านทจำอะไรไม่ได้ ถ้าหากไม่สำเร็จล่ะ?”
“... ถ้าไม่สำเร็จ... เราก็สร้างมันขึ้นมาใหม่ นทเชื่อเอกนะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกัน นทคิดเหมือนกันไหม’เสียงทุ้มเข้มของใครบางคนแล่นผ่านโสตประสาท เสียงที่คุ้นหูราวกับเป็นคนที่เคยคุ้น เพียงชั่ววินาที ก่อนจะเลือนหายไปโดยทิ้งความรู้สึกบางอย่างอวลซ่านเอาไว้ในจิตใจ
“ครับ นทเชื่อพี่”
“จริงๆ ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้นะ เราอายุเท่ากันไง”
“อืม แต่ก็รู้สึกไม่ค่อยชินอยู่ดี เรียกแบบนี้ไม่ได้เหรอครับ?”
ดวงตาคู่สวยที่ช้อนมองคล้ายกับออดอ้อน ส่งผลให้ร่างที่นั่งอยู่ข้างเตียงใจเต้นรัวราวกับเด็กอ่อนหัดที่ไม่เคยพบพานความรัก ธนกรนึกก่นด่าตนเองในใจที่เผลอไผลคิดเพ้อเจ้อในช่วงเวลาที่อีกฝ่ายป่วยอยู่เช่นนี้ ใบหน้าคมอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคลี่ยิ้มน้อยๆ
“ดีจังที่มีพี่อยู่ตรงนี้ ถ้านทตื่นมาอยู่คนเดียวคงเหงาน่าดู”
“ไม่เหงาหรอก พี่จะอยู่ข้างๆนทตลอดเลย”
“... แล้วไม่ต้องทำงานเหรอครับ?”
“เจ้าของกิจการซะอย่าง ไม่มีใครกล้าไล่ออกอยู่แล้ว”
“นทไง”
“เอ๊ะ?”
“ก็พี่บอกว่าเราสองคนเปิดร้านด้วยกันไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าหากว่าพี่อู้งานบ่อยๆ เดี๋ยวนทจะไล่ออกนะรู้ไว้ด้วย”
ธนกรหัวเราะเบาๆ “โหดขนาดนั้นเลย?”
“ใช่ครับ ยุคนี้เศรษฐกิจไม่ดี อย่าประมาทนะครับ”
นิชายิ้มตอบรอยยิ้มสดใสและเป็นมิตร บรรยากาศรอบกายเต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ทำให้เขาไว้วางใจ แม้จะยังไม่คุ้นเคยกับชายผู้นี้นัก แต่ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่เขาเคยคุ้นอย่างที่หัวใจสามารถจดจำได้
“พี่... รักนทนะ นทรักพี่ไหม?”
ธนกรเอ่ยเบาๆด้วยน้ำเสียงเย้าอย่างกึ่งลองใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวังและปรารถนาจะได้ฟังคำบอกรักจากปากของร่างเล็กตรงหน้า แม้จะเป็นคำลวงที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้นเองกับมือก็ตาม
ใบหน้าหวานแดงซ่าน ริมฝีปากขยับมุบมิบ จนเขาอดแกล้งไม่ได้
“อะไรนะ? ไม่ได้ยินเลย”
“นท... นทรักพี่เอก...”
ชายหนุ่มยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ ความรู้สึกหัวใจพองโตจนเหมือนกับกายลอยได้มันเป็นแบบนี้นี่เอง
นิชาอมยิ้มน้อยๆ แม้จะรู้สึกเขินจนบอกไม่ถูกก็ตาม แต่ในหัวใจกลับไม่ได้เต้นรัวอย่างที่คาดเอาไว้ กลับรู้สึกสงสัยในสังหรณ์บางสิ่งที่แว่บเข้ามา เหตุใดถึงรู้สึกติดขัดในหัวใจ คล้ายกับเคยพูดอะไรทำนองนี้ แต่ไม่ได้เหมือนซะทีเดียว ทว่านึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
ก็คงจะเป็นคำบอกรักกับชายคนนี้กระมัง คงเป็นใครอื่นไปไม่ได้แล้วจริงๆ
Talk: สวัสดีค่ะ วันพ่อไปฉลองกับคุณพ่อกันมารึเปล่าคะ
วันนี้ทั้งตอนมีอยู่ฉากเดียวคือฉากในรพ. เป็นครั้งแรกที่ไม่ต้องใส่ที่คั่นฉาก (เส้น) << เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สั้นมาก
อาการแบบนี้น่ากลัวเหมือนกันนะคะ นึกเล่นๆว่าถ้าคนที่เรารักเกิดจำเราไม่ได้จริงๆ คงเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวดน่าดู
จะมีสักกี่คนที่จะก้าวเดินไปกับเรา แม้ว่าเราจะไม่มีความทรงจำกับเขาแล้วก็ตาม
ถ้าเขายังยอมรับว่าเราเป็นเราเหมือนเดิมก็คงจะดีเนอะ