[[THE CAGE]] . . กรงรัก . . .
[27]
หากความรักของเขาจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้จะถูกเอาเปรียบหลายต่อหลายครั้ง เสียน้ำตาทุกค่ำคืน หนำซ้ำยังถูกย่ำยีหัวใจราวกับเป็นสิ่งที่ไม่มีค่า
แต่เขาก็ยังเลือกที่จะรักคนคนนั้นอยู่ดี --- ความคิดแบบนี้มันโง่ใช่ไหม?“พี่ชิน”
เป็นชื่อของผู้ชายคนแรกที่เข้ามาสอนให้เขารู้จักความรัก เขาในตอนนั้นยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนปีหนึ่งซึ่งยังอ่อนต่อโลกนัก โดยเฉพาะในใจกลางเมืองหลวงที่เขาได้ย้ายกลับมาอีกครั้ง หลังจากถูกรับอุปการะไปอยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีตั้งแต่สมัยเด็ก
เจ้าของนามหันมายิ้มให้กับเขา มือใหญ่โอบรอบบ่าของเขาเอาไว้อย่างทะนุถนอม เขาฝังใบหน้าลงบนบ่ากว้างที่มีกลิ่นน้ำหอม CKB ที่เขาชื่นชอบกรุ่นออกมา ไม่เคยมีสักครั้งในชีวิตที่เขาคิดว่าจะมีใครสักคนที่ทำให้เขารู้สึกไว้วางใจและปรารถนาที่จะอยู่เคียงใกล้ได้มากเท่ากับร่างตรงหน้า
เสียงกระซิบบอกรักริมหู และดวงตาอ่อนโยนที่สะท้อนแค่เพียงภาพใบหน้าของเขาเท่านั้น ทำให้เขารู้สึกเชื่อมั่น ว่าในชีวิตนี้ เขาคงมีใครอื่นนอกจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
พวกเขาจะมีความสุขด้วยกันแบบนี้ตลอดไป
--- ใช่ไหม
ผัวะ!!เสียงหนักๆของบางสิ่งที่กระทบเข้ากับศีรษะของเขาอย่างแรงจนต้องล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นถนนในลานจอดรถที่ไร้ผู้คน เรือนกายที่สั่นไหวด้วยความตกตะลึงยังไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดใดๆ เนื่องจากอาการชาที่เกิดจากแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงจากฝีมือการฟาดไม้หน้าสามโดยชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่มาหยุดยืนอยู่ข้างร่างของเขา
“ไอ้หมอนี่น่ะเหรอตัวปัญหา?”
“ดูแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาได้เลยนะ ตัวเล็กนิดเดียวแบบนี้จะไปทำอะไรใครได้”
“ในเมื่อคำสั่งบอกให้เก็บมัน... ก็ช่วยไม่ได้”
“นั่นน่ะสินะ เงินก็รับมาแล้วด้วย”
“แล้วจะเอายังไง ปล่อยไว้แบบนี้เดี๋ยวก็มีคนมาเจออยู่ดี”
“คุณหนูก็บอกให้เราเก็บมันให้เงียบที่สุดซะด้วย”
“... เอาไปทิ้งไว้บนถนนละกัน มืดๆแบบนี้รถวิ่งเร็ว เบรกไม่ทันหรอก”
“จะให้มันถูกรถทับตายน่ะเหรอ”
“ก็น่าจะง่ายที่สุดแล้ว หรืออยากจะเอาไปทิ้งไว้ในป่าล่ะ”
“ไอ้บ้า แถวนี้มีป่าซะที่ไหน เออ ง่ายสุด ตามนั้นแหละ”
“งั้นมาช่วยกันหน่อย”
นิชารับรู้ได้ว่าร่างของเขากำลังถูกลากไป แต่ในตอนนี้เขามองอะไรไม่เห็น หรือประสาทตาของเขาจะถูกทำลายไปพร้อมกับแรงกระแทกเมื่อครู่หรือเปล่า แม้ไม่ต้องสัมผัสเขาก็รู้สึกได้ว่าโลหิตหยาดข้นกำลังรินไหล ไม่รู้ว่าเพราะศีรษะของเขากระแทกพื้นอย่างแรงด้วยหรือเปล่า ที่แน่ๆในตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดกำลังเดือดพล่านภายในกาย แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะร้องขอความช่วยเหลือ
ความมืด --- คือสิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้
หากไม่มีเตชินท์อยู่เคียงข้าง โลกของเขาก็เป็นสีดำไม่แตกต่างจากในตอนนี้อยู่ดี เพราะฉะนั้นจะต้องอยู่หรือตายไป ก็คงไม่แตกต่างกัน
หากหลับไปทั้งอย่างนี้ได้ก็คงจะดี จะได้ไม่ต้องจดจำความเจ็บปวดอะไรอีกต่อไป
คิดแบบนั้น แต่เหตุใดความเจ็บร้าวในหัวใจ ก็ยังทำให้น้ำตาอุ่นร้อนรินไหลอาบผิวแก้มที่เย็นเฉียบ สายลมหนาวในยามค่ำคืนอันมืดมิดพัดผ่านร่างบอบบาง พัดให้หยดน้ำตาที่รินอาบแก้มเหือดแห้ง พร้อมกับสติที่ดับวูบลงในที่สุด
“มันเป็นใคร?”
“... คนของคุณเล็กครับ มือสมัครเล่นแบบนี้คงแค่จ้างมาถูกๆครับ”
มือหนากระชับแน่น นัยน์ตาฉายแววโกรธแค้นอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นน้องสาวในไส้ของตนเองก็ตาม เขาปรายตาลงต่ำ มองร่างของคนที่ถูกจ้างมาด้วยราคาเล็กน้อย เพื่อทำร้ายร่างกายคนที่เขารัก
“ทำไป... เพื่ออะไร?”
ร่างสูงกัดฟันเอ่ยถามไปเช่นนั้น โดยรู้ทั้งรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร แต่ในใจลึกๆก็ยังไม่อยากจะยอมรับความโหดเหี้ยมที่ไม่เคยมีใครสั่งสอนให้กับเด็กสาวที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีคนนั้น
“เอาชีวิตครับ”
คำตอบสั้นๆ ส่งผลให้ส้นรองเท้าหนังกระแทกเข้ากับใบหน้าที่บิดเบี้ยวของร่างหนาสองร่างที่นอนไร้วิญญาณอยู่บนพื้นคอนกรีต หยาดเลือดสีเข้มกระเด็นออกมาจากรอยแผลและรอยไหม้มากมายที่เกิดจากการทรมานเพื่อเค้นเอาคำตอบ ก่อนที่เขาจะมีเมตตาเพียงพอที่จะสั่งให้ลูกน้องยุติความทรมานนั้นอย่างรวดเร็วและง่ายดายที่สุดด้วยลูกตะกั่วที่จ่อเข้ากับขมับของชายผู้เคราะห์ร้าย
“เอาซากมันไปจัดการให้เรียบร้อยล่ะ ฉันจะไปโรงพยาบาล”
“ผมไปส่งไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันไปเอง ฝากบอกที่บ้านด้วยว่าฉันคงไม่โผล่ไปสักพัก”
“ทราบแล้วครับ คุณเอก”
ชายหนุ่มเจ้าของนามตรงดิ่งไปทางประตูทางออก อาคารร้างในหมู่บ้านร้างที่สร้างไม่เสร็จแถบชานเมือง เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เขากว้านซื้อเอาไว้ ด้วยหวังจะบูรณะแล้วเปิดเป็นธุรกิจเล็กๆอีกแห่งหนึ่ง ทว่า ด้วยสภาพแวดล้อมและปัจจัยหลายประการ เช่น ความหวาดกลัวของชาวบ้านที่เชื่อว่าอาณาบริเวณนี้มีผีสิง ทำให้เขาปล่อยให้ตึกนี้คงสภาพไว้เหมือนเดิม อย่างน้อยก็มีประโยชน์ในเวลาเช่นนี้
เพราะต่อให้มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังขึ้นกลางดึกเช่นนี้ ก็ไม่มีใครกล้าออกมาจากบ้านเพื่อสำรวจหาต้นตอของเสียง
การทรมานคนไม่ใช่สิ่งที่เขาโปรดปรานนัก นั่นมันวิถีของมาเฟียอย่างอากงของเขา บุคคลที่เขาเคารพนับถือ แต่ไม่เคยปรารถนาจะดำเนินรอยตามอย่างเด็ดขาด
ทว่าในวันนี้ เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของตาของเขาขึ้นมาแล้ว หลังจากวินาทีแรกที่เห็นร่างของนิชาสลบไสลไม่ได้สติคากองเลือดของตนเอง หนำซ้ำ ทันทีที่ได้รับฟังเจตนารมณ์ของคนที่พาร่างบางไปทิ้งเอาไว้กลางถนนเช่นนั้น เขาก็รู้สึกว่าไม่ควรเลยที่จะมอบความเมตตาแม้เพียงเล็กๆน้อยๆให้
แต่สุดท้าย นัยน์ตาทรมานจนเส้นเลือดคั่งของชายหนุ่มสองคน ก็ทำให้เขามอบคำสั่งจบชีวิตให้ในที่สุด ภาพของร่างไร้วิญญาณไม่ทำให้เขารู้สึกสะใจหรือรู้สึกพึงพอใจเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่ ‘หัวหน้า’ ผู้เป็นคนออกคำสั่งยังไม่ถูกลงโทษใดๆ
แต่ว่า นั่นเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา เป็นพี่น้องคลานตามกันมา จะให้เขาลงมือจัดการเต็มที่ก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
“เล็ก... อะไรทำให้น้องที่น่ารักของพี่กลายเป็นคนแบบนี้ไปได้?”
พึมพำคำถามที่ไร้ประโยชน์กับตัวเอง สายตามองตรงไปด้านหน้า ภาพของทิวทัศน์ยาวค่ำคืนบนทางด่วนวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานรถยนต์คันหรูก็มาจอดอยู่ในลานจอดรถโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง เขาเป็นคนพาร่างเล็กมาที่นี่เองกับมือ แต่กลับต้องปลีกออกไปหลังจากมีตำรวจเข้ามาสอบสวน ลูกน้องคนสนิทของเขาและทนายประจำตัวสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ก็ต้องใช้เวลาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเวลาจำนวนนั้นนี่เองที่เขาใช้ไปกับการ ‘สอบสวน’ เช่นเดียวกัน
“หมอครับ เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณเอก ผมถามจริงๆเถอะว่าเพื่อนของคุณไปได้แผลมาจากไหน?”
เจอคำถามตรงๆจากแพทย์ที่ดูแลเขามาตั้งแต่ยังเด็ก เขาก็จนด้วยคำตอบ ไม่สามารถตอบความจริงได้ เพราะหากตอบไปเช่นนั้น ก็กลายเป็นน้องสาวของเขาที่ต้องถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น
“มีเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ เลยถูกพวกขี้เมาดักทำร้ายเอา”
แพทย์สูงวัยจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่พยายามจ้องกลับยังไม่หลีกหนี คล้ายกับจะเค้นเอาความจริงจากนายน้อยแห่งตระกูลดังให้ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรามือเมื่อรู้ดีว่า บทธนกรจะดื้อดึงขึ้นมา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเอาชนะได้โดยง่าย
“กะโหลกศีรษะร้าว มีเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมอง... ในตอนนี้อาการถือว่าร้ายแรง แต่ยังไม่ถึงแก่ชีวิต ถ้าผมพูดแบบนี้ คุณจะยอมบอกผมได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ธนกรนิ่งไป ก่อนที่ปากจะขยับเล่าเหตุการณ์ที่สืบมาได้ออกไปจนหมดก่อนที่จะได้รู้ตัว
“ถ้าเป็นอย่างนี้... หากคุณนทเสียชีวิต คุณเล็กก็เป็นฆาตกรน่ะสิครับ”
“ผมหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น หมอ นทต้องรอดนะครับ หมอต้องทำให้เขารอดให้ได้”
ผู้เป็นแพทย์ระบายลมหายใจออกมายาวอย่างไม่สบายใจ ใครจะไปคิดว่าคุณหนูผู้น่ารักที่เขาเคยเห็นมาตั้งแต่ยังแบเบาะ บัดนี้จะกลายเป็นผู้หญิงเลือดเย็นที่สามารถสั่งฆ่าใครต่อใครได้ตามอำเภอใจเช่นนี้ นี่คงเป็นผลของการถูกเลี้ยงดูมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก ไม่สิ เรียกว่าขาดการอบรมเรื่องจริยธรรมความดีเสียมากกว่า เพราะเด็กที่เอาแต่กับเด็กที่จิตใจโหดเหี้ยมนั้นแตกต่างกันมากโข
“จริงๆแล้วอาการฟังดูเหมือนจะสาหัสมาก แต่ก็ไม่มากขนาดนั้นหรอกครับ ผมตั้งใจจะแจ้งคุณก่อนแต่คุณก็ไม่มาสักที ผมเลยต้องตัดสินใจเลย เราผ่าเอาก้อนเลือดที่จะไปกดทับสมองออกเรียบร้อยแล้ว คุณนทปลอดภัยแล้วครับ เหลือแค่รอให้ฟื้นเท่านั้น”
ธนกรถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนยกภูเขาหนักอึ้งที่กดทับความรู้สึกมาตลอดตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นร่างสลบไสลของนิชาออกไปจากอก ดวงตาที่มองตรงไปยังผู้เป็นแพทย์แสดงความขอบคุณอย่างชัดเจน
“ขอบคุณมากครับ... พ่อ”
อันที่จริงแล้ว ร่างตรงหน้าเป็นผู้ทำคลอดพี่น้องของเขาทั้งหมด รวมถึงตัวเขาเองด้วย ไม่ว่าใครก็ตามในครอบครัว หากเจ็บป่วย ร่างตรงหน้าก็เป็นคนรักษาให้ทั้งสิ้น สำหรับเขาแล้วจึงไม่แตกต่างจากเป็นบิดาคนหนึ่งที่คอยประคองชีวิตของคนในครอบครัวของเขาเอาไว้ให้แข็งแรง
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว... แต่อยากให้ดูแลคุณหนูเล็กหน่อย การทำแบบนี้ ถ้าหากพลาดพลั้งทำให้ใครเสียชีวิตไปจริงๆ อนาคตอาจจะดับได้นะครับ ต่อให้เป็นตระกูลใหญ่ก็ตาม”
“ผมทราบดีครับ...”
เรื่องนั้นเขารู้ดี แต่เขาแค่ยังหาวิธีแก้ไขไม่ได้เท่านั้นเอง
อะไรกันหนอที่ทำให้เด็กสาวที่เคยเป็นน้องสาวไร้เดียงสาของเขากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้ แล้วเหตุใดลลดาถึงได้จ้างคนมาฆ่านิชา ทั้งๆที่ ---
หรือจะเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น?เป็นไปได้ไหมว่าจนบัดนี้ ลลดาก็ยังติดต่อกับเตชินท์อยู่ ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผู้ชายคนนั้นแต่งงานกับนภิสาผู้เป็นพี่สาวร่วมสายเลือดแล้ว
ธนกรหยุดยืนอยู่กลางระเบียงที่สว่างไปด้วยหลอดไฟสีขาว ในศีรษะประมวลผลอย่างรวดเร็ว เขาเคยนึกสงสัยมาตั้งแต่แรกว่าเหตุใดเตชินท์ถึงได้แต่งงานเข้ามาในตระกูลของเขา และคำตอบเดียวสำหรับเขาในตอนนั้นก็คือเพราะธุรกิจ มันชัดเจนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว อากงเองก็บอกว่านี่เป็นการแต่งงานเพื่อธุรกิจ และนภิสานั่นเองคือผู้เสียสละ
ดูจากอุปนิสัยแล้ว เขาก็คิดว่าสักวันเตชินท์ก็คงจะรักพี่สาวของเขาได้เอง เพราะดูแล้วก็เป็นผู้ชายที่มีตัณหาสูง หากมีผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเก่งอยู่เคียงข้าง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่หลงรัก
แต่ในตอนนั้น เขาก็ไม่ได้สืบหาข้อเท็จจริงมากนัก ด้วยคิดว่าคงไม่เป็นไร พี่สาวของเขาเป็นคนเก่ง และเขาเองก็มีเรื่องอื่นให้สนใจ ส่วนเรื่องของน้องสาวคนเล็ก เขาก็คิดว่าคงเลิกกันไปแล้ว ในเมื่อเตชินท์เองก็พูดแบบนั้น และยอมรับกับเขาว่าเคยคบกับลลดามาก่อนแต่ก็เป็นเพียงอดีต
ธนกรขบริมฝีปาก เรื่องมันวุ่นวายจนเขาชักหงุดหงิด ที่ไม่เคยเอะใจมาก่อนว่ามีปมอะไรมากมาย เขาเองก็เป็นประเภทคุณชายที่ไม่สนใจใครนอกจากตัวเอง เพราะคิดว่าไม่ว่าอย่างไรธุรกิจของครอบครัวก็ดำเนินไปได้แม้ว่าไม่มีเขามาสืบทอดกิจการก็ตาม
แต่ในวันนี้ ดูเหมือนว่าสมาชิกในครอบครัวของเขากำลังประสบปัญหา เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานแล้วแต่เขาไม่เคยรู้เรื่องหรือแม้แต่จะสนใจ --- และปัญหาเหล่านั้น ล้วนเกิดจากผู้ชายห่วยๆคนเดียว
มือใหญ่กำแน่นเพื่อหักห้ามไม่ให้ความโกรธที่กำลังแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังเข้าครอบงำจิตใจ แต่ก็ยากจะอดทน เมื่อเขาได้เห็นสภาพของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในห้องไอซียู เขาไม่ได้เข้าไปในห้อง แค่เพียงมองอยู่ด้านนอกก็ทำให้รู้สึกเคียดแค้นกับต้นตอของเรื่องที่ทำให้คนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดต้องมาเดือดร้อนเช่นนี้ หนำซ้ำคนคนนั้นยังเป็นคนที่เขาตั้งใจจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ ชายคนนั้นมีสิทธิ์อะไรถึงได้มาพรากความสุขไปจากนิชาเช่นนี้
อภัยให้ไม่ได้ อภัยให้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จากนี้ไป เขาจะเป็นคนปกป้องนิชาเอง
ไม่ว่านิชา --- จะยังรักใครก็ตามเช้าวันใหม่มาถึงอย่างรวดเร็ว ธนกรยังไม่ได้หลับเลยสักงีบ เขานั่งรออยู่หน้าห้องไอซียู จนกระทั่งแพทย์สูงวัยเดินออกมาหลังจากตรวจอาการอย่างดีแล้ว และอนุญาตเขาเข้าไปเยี่ยมได้ เขารู้สึกโล่งอกและรีบเดินตามเข้าไปในห้องทันที อย่างน้อยเขาก็จะได้อยู่ใกล้ๆ มีอะไรจะได้สังเกตเห็นได้ทันท่วงที
ธนกรโทรไปสั่งงานพนักงานภายในร้าน ตลอดจนแจ้งให้ทราบข่าวคร่าวๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้จัดการร้าน แน่นอนว่าพนักงานทุกคนที่ทราบข่าวแทบจะลางานมาเยี่ยมนิชากันหมด แต่เขาก็ห้ามเอาไว้ เพราะไม่ว่าอย่างไรร่างที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงก็ยังไม่รู้สึกตัวอยู่ดี ที่สำคัญ งานก็ยังเป็นงาน ร้านจะปิดไม่ได้นอกจากเกิดเหตุจำเป็นจริงๆเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ขาดแค่เพียงเขาและนิชาเท่านั้น
แม้ว่าลงท้ายแล้ว เขาจะไม่ได้เข้าไปในร้านถึงสามวันติดกันก็ตาม และนิชาก็ยังไม่ฟื้น แม้ว่าแพทย์จะแจ้งไว้แล้วว่ายาสลบจะหมดฤทธิ์ในอีกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากผ่าตัด แต่จะรู้สึกตัวเมื่อไหร่อยู่ที่ตัวคนไข้ว่าฟื้นตัวเร็วแค่ไหน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้จะต้องให้ยาแก้ปวดอยู่เรื่อยๆก็ตาม
“ผู้จัดการไม่เป็นไรจริงๆเหรอครับ?”
ธนกรยิ้มบางเมื่อได้ยินน้ำเสียงร้อนรนจากปลายสาย เด็กหนุ่มที่รับสายเป็นบาร์เทนเดอร์คนเก่งของเขาเอง แม้จะยังอายุเพียงยี่สิบปี แต่ฝีมือและลีลานั้นหาจับตัวได้ยากในประเทศไทย
“ไม่เป็นไรหรอก ฝากร้านด้วยละกันนะ วันนี้พี่คงไม่ได้เข้าไป”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วางสายลง ก่อนจะหันไปทางร่างเล็กที่ยิ่งดูผอมบางเข้าไปอีกเมื่อสวมชุดผู้ป่วยสีขาวตัวหลวมโคร่งเช่นนี้ ข้างกายมีสายน้ำเกลือระโยงระยางไปหมด ดูแล้วน่าสงสารยิ่งนัก
เขาเดินไปนั่งลงข้างเตียง จะว่าไปเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของนิชาเป็นอย่างไร ไม่เคยถามกระทั่งคนในครอบครัวมีใครบ้าง เขาคิดแต่เพียงว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้เขากับนิชาสนิทสนมกันมากขึ้นโดยไม่ต้องอึดอัดใจ คนอย่างเขาไม่ชอบฝืนใจใคร หากนิชาไม่ต้องการเล่นด้วย เขาก็พร้อมจะหยุดแค่นี้
แต่ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะอยู่ในระดับที่ ‘มากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟน’ เขาก็ไม่โง่ ดูออกว่านิชายังรักคนรักเก่าอยู่ จึงไม่คิดจะฝืนหรือรื้อฟื้น ไม่คิดเลยว่าปัญหาจากคนรักเก่าจะตามมาทำร้ายร่างบางให้เจ็บตัวเช่นนี้
จากนี้เขาจะไม่ยอมให้นิชาต้องเจ็บปวดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้อีกเป็นอันขาด ใครก็ตามที่คิดจะมาทำร้ายร่างตรงหน้า ต้องผ่านเขาให้ได้ก่อน เขาไม่แคร์ว่าจะเป็นใครหน้าไหน หรือแม้แต่ลลดาเองก็ตาม
ธนกรเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงครางเบาๆจากร่างบอบบางขยับกายเล็กน้อย เขากุมมือเล็กเอาไว้แล้วบีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว
ดวงตาคู่สวยกะพริบปริบ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวเรียบๆ และกลิ่นของยาที่ฉุนขึ้นจมูก ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ได้ว่าที่นี่คงหนีไม่พ้นโรงพยาบาล เขาเลื่อนสายตาไปทางด้านข้าง และขยับศีรษะหันไปทางนั้นเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกเจ็บแปลบจนต้องปิดตาแน่นเมื่อความปวดวิ่งพล่านจนทำให้ตาพร่ามัว
“นท...ฟื้นแล้วเหรอครับ?”
น้ำเสียงยินดีจากคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงทำให้เขาค่อยๆลืมตามองทีละน้อย อาการปวดแผลที่เต้นตุบฉายชัดถึงการยังมีชีวิต เขาปรายสายตามองใบหน้าหล่อเหลาที่เปี่ยมไปด้วยความดีใจด้วยสายตานิ่งๆกึ่งแปลกใจ
และคำถามแรกที่เอ่ยออกมานั้น กลับทำให้ความยินดีหายวับไปจากสีหน้าของชายหนุ่ม
“คุณ... เป็นใครครับ?”
Talk: คิดว่าคงเป็นไปตามการคาดเดาของหลายๆคน
จากนี้ไปคงจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิต
น้องนทเจ็บมามากพอ ชานมเองก็หวังว่าหลังจากนี้จะมีแต่สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นค่ะ
ชีวิตของคนเรา ไม่รู้จริงๆเนอะว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้น ใช้ชีวิตให้คุ้มกับที่เกิดมาด้วยนะคะ ^^
ป.ล. LINE Pop นี่ฮิตจัง ทำสกอร์ได้ไม่เคยเกินสามแสนห้าเลยค่ะ TT ใครมีทริกดีๆแบ่งกันด้วยนะคะ #นอกเรื่องเว่อร์ๆ