ขอโทษนะครับที่หายไปนาน พอดีต้องไปต่างจังหวัด และต้องหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์นะครับ วันนี้เลยมาต่อให้ยาว ๆ เลยนะครับ
++++++++++++++++
“เป็นยังไงบ้างค่ะหมอ”
“คนไข้ไม่เป็นไรแล้วครับ โชคดีที่มีดไม่เฉือนเส้นเลือดใหญ่ และคนไข้ถูกนำมาโรงพยาบาลได้ทันเวลา ต่อจากนี้ก็คงต้องให้คนไข้พักผ่อนเยอะ ๆ นะครับ แล้วหมอจะมาตรวจอาการอีกนะครับ”
“ขอบคุณมากนะครับหมอ”
+
+
+
+
นั่นเป็นเสียงแรกที่ผมได้ยิน แสงจ้าส่องเข้าตาผมทันทีหลังจากที่ผมพยายามจะมองหาต้นตอของเสียงนั้น ซึ่งทำให้ผมต้องหลับตาลงอีกครั้ง ไม่ใช่ตาอย่างเดียวที่ไม่อาจขยับตามที่ใจต้องการได้ มือไม้ก็เช่นกัน มันมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรพันธนาการไว้อยู่
ผมยังไม่ตาย ใช่แล้วหละ ผมยังไม่ตาย ทำไมหละ แล้วใครกัน ใครที่มาช่วยผมไว้ แล้วทำไมเขาไม่ปล่อยให้ผมตาย ทำไม ทำไมกัน
“จะ...เจ็บ” ผมรู้สึกเจ็บและปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัวไปหมด โดยเฉพาะตรงข้อแขน
“บิว ๆๆๆ”
“เฮ้ย ไอ้บิวฟื้นแล้ว”
“บิว เป็นไรมากไหม บิว”
“บลา บลา บลา บลา ๆๆๆ”
ตอนนี้แม้ว่าผมจะยังไม่สามารถปรับสายตาเพื่อสู้กับแสงที่ส่องเข้ามาได้ แต่ก็พอจะรู้ว่ารอบ ๆตัวผมมีคนเยอะแยะพอสมควร แต่มีเสียงเพียงเสียงเดียวที่ผมอยากจะได้ยินเหลือเกิน เสียงที่ผมเคยได้ยินมันมาตลอด เสียงที่แสดงถึงความห่วงใยมาโดยตลอด แต่ต่อไปนี้ผมคงจะไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้วหละ ก็เพราะว่าผมเป็นคนทำลายมันกับมือนินะ
ความพร่าเลือนของสายตาค่อย ๆ โฟกัสชัดขึ้น เมื่อสายตาชินกับแสงแดดภายในห้อง ที่น่าจะเป็นห้องพักในโรงพยาบาล
ตอนนี้คนที่ผมรู้จักทุกคนอยู่ล้อมรอบเตียงผม ยกเว้นกัส แต่ก็ดีแล้วที่กัสไม่อยู่ตรงนี้ ผมไม่อยากให้เขาเห็นความอ่อนแอของผม แค่ผมเห็นสายตาของทุก ๆ คนที่มองผมอยู่ ผมก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว ผมไม่น่าคิดสั้น ๆ แบบนี้เลย
“เป็นไงบ้างแก” เสียงเจ้าแป๋มเจือไปด้วยความเป็นห่วง
“ขอโทษนะ...” ผมไม่มีอะไรจะบอกพวกมันนอกจากคำว่าขอโทษ
ไอ้แป๋มได้ยินดังนั้นก็ค่อย ๆ ก้มลงมากอดผมไว้เบา ๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ บิว แกไม่เป็นไรแล้วนะ” เสียงของแป๋มสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ผมรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษนะ แป๋ม”
“เออ ไม่เป็นไร เราเข้าใจ เราเข้าใจ แต่อย่าทำอย่างนี้อีกนะเว้ย เมิงรู้ไหมว่ากรูใจไม่ดีเลย” ไอ้แป๋มตอบพรางร้องไห้ ทำให้ผมอดที่จะร้องไห้ไปด้วยไม่ได้
หลังจากนั้นทั้งไอ้แป๋มกับไอ้ฟิล์มต่างก็ผัดเวียนกันมาเฝ้าผมตลอด ผมจะได้พักก็เฉพาะตอน ที่ไอ้แป๋มมาเฝ้าเท่านั้น แต่พอถึงเวรที่ไอ้ฟิล์มจะต้องมาเฝ้า ผมก็ต้องทะเลาะกับมันตลอด ก็แหม มันทำตัวเหมือนกับมาพักผ่อนต่างจังหวัดอย่างนั้นแหละ มาถึงก็นอนดูทีวี หรือไม่ก็อ่านการ์ตูน อ่านจบก็นอนกินของเยี่ยมพออิ่มก็นอน เวรจริง ๆ เพื่อนกรู
แต่ระหว่างที่ผมนอนอยู่โรงพยาบาล ผมก็ได้ข่าวคราวของไอ้กัสจากไอ้แป๋มเนี่ยแหละครับ ผมไม่ยอมให้ไอ้แป๋มบอกกัสว่าผมอยู่โรงพยาบาล มันคงคิดว่าผมหนีหน้ามัน แต่ไอ้แป๋มก็เล่าตลอดเลยนะครับว่าตอนนี้ไอ้กัสสภาพดูไม่ได้เลย วัน ๆ ไม่ยอมไปเรียน เมากลับบ้านมาทุกวัน จนป้ามันเองก็แปลกใจว่าทำไมหลานชายถึงได้เป็นแบบนี้
“เออ บิว เมื่อวานไอ้กัสมันไปมีเรื่องที่ผับนะ โดนซ้อมซะน่วมเลยนะ” ไอ้แป๋มพูดขึ้นมาขณะที่ปอกมะม่วงให้ผมกินอยู่
“...................................”
“สงสารมันเนอะ” มันพูดไปก็เหลือบตาขึ้นมามองผมนิดนึง
“เวรกรรมอะไรของพวกแกเนี่ย” ยัง ยังไม่หยุด
“เมื่อวานฟิล์มต้องไปลากมันกลับมาจากผับนะ”
“จากเจ้าชายผู้เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า กลับกลายสภาพเป็นยาจกภายในพริบตา เฮ้ยยยยยย” ถอนหายใจซะเสียงดังไม่รู้ว่าไอ้แป๋มมันจะ Build อารมณ์ผมไปถึงไหน
“อีกนานมะ” ผมแทรกขึ้นมา
“อะไรหรอ อ้อ จะออกจากโรงพยาบาลนะหรอ”
“เปล่า หมายถึงอีกนานไหมที่แกจะหยุดพูด” แหม แค่นี้กรูก็รู้สึกผิดมากพออยู่แล้ว
“แหม กรูก็อยากให้เมิงรู้ว่าตอนนี้สภาพมันแย่ขนาดไหน แล้วเมิงไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอวะ
“เออ กรูรู้ว่ากรูผิด แล้วเมิงจะให้กรูทำยังไงอะ”
“เมิงก็เปิดอกพูดกับป้าไอ้กัสดิวะ เดี๋ยวกรูช่วยเองนะเว้ย”
“................................”
“อีกนานไหมวะ” ผมถามไอ้แป๋มหลังจากที่เงียบไปนาน
“เออๆๆๆ กรูหยุดพูดก็ได้วะ” ไอ้แป๋มเริ่มงอน
“เปล่า กรูหมายถึงอีกนานไหมที่กรูจะได้ออกจากโรงพยาบาลนะ”
“อ้าวอีนี่กวนกรู เดี๋ยวก็จิ้มด้วยมีดเลยเมิง” หลังจากได้ปล่อยมุขไปผมกับไอ้แป๋มก็ได้หัวเราะกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่ผมฟื้นขึ้นมา ทำเอาไอ้ฟิล์มที่เพิ่งตื่นทำหน้างงกว่าพวกผมเป็นอะไรกัน
หลังจากนั้นสองวันผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล หลังจากออกมาแล้วก็ต้องมากลุ้มเรื่องเรียน เพราะหยุดไปหลายวัน ต้องตามเก็บทั้งเลคเชอร์ และรายงาน ทำเอาเหนื่อยไปเหมือนกัน แต่ก็ยังโชคดีที่รายงานได้ไอ้แป๋มช่วยได้เยอะเลย
จนวันหนึ่งหลังจากที่ผมเลิกเรียนแล้ว ก็แยกย้ายกับไอ้แป๋มเพื่อที่จะกลับบ้าน ตอนแรกกะว่าจะกลับพร้อมไอ้แป๋มแต่มันบอกว่ามันมีธุระให้ผมกลับไปก่อน ผมก็เลยต้องกลับหอพักคนเดียว
“บิว” เสียงเรียกชื่อผมคุ้น ๆ ทำเอาผมต้องหันกลับไปมอง พอผมหันกลับไปภาพที่ผมเห็นทำเอาผมแทบไม่เชื่อสายตาว่าคนตรงหน้าผมจะเป็นคนที่ผมรัก ไอ้กัสนะเอง แต่สภาพของมันตอนนี้ไม่หลงเหลือความหล่ออีกเลย หนวดเคราขึ้นรกหน้าใส ๆ ของมัน ผมเผ้าก็ไม่เป็นทรง เสื้อผ้าก็ยับยู่ยี่ เนื้อตัวก็ดูไม่ได้
“กัส” ผมครางออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่พอตั้งสติได้ก็รีบหันกลับไปเพื่อจะรีบหนีมันไปจากตรงนั้น
แต่มันไวกว่า คว้าข้อมือผมไว้ทัน
“โอ้ย” ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บ เพราะมันดันคว้าเอาตรงรอยแผลที่มีผ้าพันแผลพันเอาไว้ พอมันได้ยินผมร้อง มันก็สะดุ้งนิดนึงก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นความสงสัย ตามมาด้วยความสำนึกผิดของมัน
“บิว บิวเป็นอะไร” มันจับข้อมือผมเอาไว้และพลิกดูอย่างช้า ๆ
“ปะ เปล่า อย่าสนใจเลย” ผมตอบมันไปโดยไม่กล้าสบตา
“เปล่าได้ไง ก็เห็น ๆ อยู่” มันพยายามจับคางผมที่ก้มหน้าอยู่ให้เงยขึ้นไปสบตามัน
“ก็...แค่มีดบาด”
“แล้วบิวไปไหนมาหลายวัน กัสไปหาที่หอก็ไม่เจอ”
“พอ...เออ...พอดีกลับบ้าน”
“กลับบ้าน?” ไอ้กัสทวนคำอย่างไม่เชื่อ
“ปะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” อยู่ดี ๆ กัสก็ก็จับมือผมอีกข้างหนึ่งพร้อมกับลากให้เดินตามมันไป
“ไปไหน...ไม่ไป” ที่ผมไม่อยากไปเพราะว่าผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมัน
แต่มันไม่สนใจ กลับลากผมไปถึงรถของมันพร้อมกับดันผมเข้าไปในรถจนได้
“จะไปไหน” ผมถามมันหลังจากมันเข้ามานั่งข้าง ๆ ผมแล้ว มันไม่ตอบ แต่กลับออกตัวอย่างแรงทำเอาผมต้องรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอาไว้ หน้าตามันตอนนี้นิ่ง ๆ น่ากลัวเหลือเกิน ตอนนี้รถของเราแล่นออกนอกเมืองมาแล้ว รู้สึกว่ามันจะมุ่งหน้าไปพัทยา
“ไปพัทยาหรอ” ผมถามมันแต่มันไม่ยอมตอบ ผมเลยนั่งให้มันพาไป อย่างน้อยมันคงไม่พาผมไปฆ่าหรอก
ในที่สุดมันก็พาผมไปยังบ้านสีขาวหลังหนึ่งที่ตั้งหันหน้าออกสู่ทะเลที่เงียบสงบ จริง ๆ แล้วมันไม่ได้พาผมไปพัทยาหรอก แต่มันพาผมไประยองต่างหาก และนี่คงเป็นบ้านพักตากอากาศของครอบครัวมัน
“ถึงแล้ว” นี่เป็นคำพูดแรกหลังจากที่มันพาผมมา
“พรุ้งนี้บิวมีเรียนนะ”
“มีกี่โมง” ปากมันถาม แต่มือมันก็ดึงผมออกจากรถ
“บ่ายโมง”
“งั้นกลับพรุ้งนี้เช้าก็ทัน” มันตอบเหมือนไม่ยีระ
“พรุ้งนี้หรอ ไม่ได้ ไม่ได้นะ บิวมีรายงานทำเยอะแยะ”
“แล้วก่อนหน้านี้ทำไมไม่ทำ” มันถามพร้อมกับลากผมให้เดินเข้าบ้าน
“จะทำได้ไงเล่า ก็นอนอยู่โรงบาล...” ผมตะคอกกลับไปอย่างลืมตัว มันน่าตบปากตัวเองนัก หลุดออกมาจนได้ ส่วนไอ้กัสตอนนี้ก็ชะงักทันทีพร้อมกัน
หน้าหน้ามาคาดคั้นผม
“ทำไมต้องทำร้ายตัวเอง” อย่าจ้องหน้ากรูดิ
“รู้ได้ไง”
“แป๋มบอก” ไอ้แป๋มนะไอ้แป๋ม กรูบอกว่าไม่ให้บอก ไม่ให้บอก
“อย่าไปโทษแป๋มมันเลย กัสบังคับมันเองแหละ” ไอ้กัสรีบออกตัวแทนแป๋มเหมือนจะรู้ว่าผมเคืองไอ้แป๋มอยู่
ตอนนี้มันเอามือสองมือมาประคองหน้าผมไว้ พร้อมกับเคลื่อนหน้าเข้ามาช้า ๆ ทำเอาผมมองเห็นแววตาหม่นหมองของมันอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะป้ากัสใช่ไหม”
ผมก้มหน้า ไม่ตอบคำถามมัน
“รู้ได้ไง”
“แป๋มบอก” น่านไงหละ กรูว่าแล้ว
++++++++==
แล้วจะมาต่ออีกนะคร้าบบบ