กาลกีรตี บทที่ 13
สายฝนที่เทลงมาเหมือนแกล้ง ทำเอาบอดี้การ์ดร่างใหญ่ของผมเปียกซก มันคงจะไม่เปียกขนาดนี้ถ้าไม่ทำตัวแมนขนาด....นี่ประเทศไทยครับ... ถนนเมืองไทยครับ...ถนนที่เหมาะกับการปั่นรถจักรยาน [วิบาก] .......ที่สุดในโลก .... คุณมังคุดนึกว่าเดินตากฝนชิวลมอยู่สวิตซ์เซอร์แลนด์หรือไงครับ?
ฝนตกรถติด อันนี้เป็นของคู่กันกับกรุงเทพฯ แต่การที่คุณติดอยู่ในรถ มันยังไม่ทำให้คุณลำบาก เท่าการที่ต้องมาเดินบนฟุตบาทในวันที่ฝนตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ถามว่าทำไมต้องมาเดินล่อฟ้าล่อฝนอย่างนี้ คำตอบเดียวครับ 'ผมจะกลับบ้าน....'อะ ...ไม่เชื่อกันอีก งั้นให้ สองคำตอบก็ได้ 'ผมจะกลับบ้านไปทำงาน...กับกลัวการที่จะต้องอยู่ในห้องมังคุด ' บรรยากาศตอนนี้มัน มาคุ ยังไงชอบกล เลยคิดว่าถ้าออกมาจากห้องซ้อมบ้านไปร์ท ผมจะแวะไปส่งเอล [ก็ไปเอาเอกสารด้วยนั้นหล่ะ ทำมอง...]แล้วชิ่งกลับเลย...ลมเย็นที่พัดมาทำให้ผมต้องยืมกระเป๋าหนังใบเรียบของ เอล มาใส่เอกสาร ดูแล้วกระเป๋านี่น่าจะกันน้ำได้ ถ้าฝนตก... ก็บอกเป็นคำพูดไม่ได้ มันก็ต้องใช้การกระทำ เนียนๆเดินออกมาจากห้องนั้นแล้วขึ้นแท็กซี่กลับบ้านเลย คงไม่เป็นไร อ่ะมั้ง?
หง่ะ!....ตอนนี้คงมั้งไม่ได้อ่ะแล้ว.. ก็ เอล มันเดินตามติดผมเลยพอตีเนียนขึ้นแท็กซี่ เอล ก็ยัดตัวเองเข้ามาด้วย เล่นเอาพี่คนขับถึงกับเหวอ ... จะไม่เหวอได้ไงก็ เอล ตัวใหญ่จนต้องงอตัวเอนไปด้านข้างแล้วเอาขามากายไว้ที่ตักผม...ส่วนผมก็นั่งนิ่งกอด กระเป๋าเอกสารไว้แน่น ไม่กล้าสบตา เอล มันน่ากลัวแปลกๆไงไม่รู้ นั่ง มาคุ ไปจนเกือบถึงบ้าน ผมให้พี่คนขับจอดหน้าปากซอยครับ หาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน เพื่อเจอตรอกไหน ซอยไหนพอหลบได้ ผมได้แฝงตัวในความมืด...อย่าว่างั้นว่างี้เลย ตอนนี้ มังคุดมัน น่ากลัวเกินคาด แล้วฝนก็ตก....
... เสียงฟ้าผ่ามีมาเป็นระยะ พอให้ผมสะดุ้งนิดๆ ผมชอบมองสายฟ้าเวลาวิ่งไล่สายลงมาจากท้องฟ้าสีดำ เหมือนมันเป็นแบ็คกราวน์ของ คอมมิคไซไฟหรือพวกไตเติ้ลเกมส์ ยังไงไม่รู้... มันเลยไม่แปลกที่ทุกครั้งที่สิ้นเสียงฟ้าผ่า ผมก็แหงนหน้ามองหา สายแสงสีเงินเส้นใหม่แล้ว โดยไม่ดูเลยว่า ไอ้จุดที่ยืนอยู่เป็นส่วนไหนของฟุตบาท ไม่ต้องห่วงครับ ผมปกติสุขดีทั้งตัว... แต่คนซวยอ่ะ เป็นคุณมังคุดครับ บอกแล้วว่า... มังคุดมันแมน ....
โชว์แมนครั้งแรก...ตอนที่ผมหยุดมองหาสายฟ้าผมยืนอยู่ข้างๆฟุตบาทเลยลงไปเป็นแอ่งน้ำ พอผมหยุดเดิน รถที่ขับขนาบข้างมาเลยใช้ล้อสาดน้ำในแอ่งนั้นมาเต็มๆ...เต็ม... ตัวคุณมังคุดครับไม่ใช่ผม.. ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่มังคุดมันสลับไปยืนข้างถนนคอยบังผมไว้ จากแอ่งน้ำข้างทาง
โชว์แมนครั้งที่สอง... ผมไม่ได้ซุ่มซ่ามนะ แค่แมนๆอย่างมังคุดมัดระแวงเกินเหตุ เรื่องของเรื่องคือผมเหมือนจะเดินชนกันสาดของแผงขายของข้างทาง ด้วยความไวเกินเหตุ มังคุดมันเลยเอื้อมมือปัดให้ ....ให้อีกฝากของกันสาดมันชนหลังคุณมังคุดเต็มๆ ดัง 'ปึก!'ก็น่าจะเจ็บอยู่
โชว์แมนครั้งล่าสุด ตอนผมสะดุด อิฐบล็อคข้างทางตอนเงยหน้าจาม เต็มๆครับความเจ็บแล่นลงข้อขาเต็มๆ เจ็บจี๊ดขึ้นมาโดยทันที ไม่ต้องเดา เรื่องมันเน่ามาก เน่าเหมือนน้ำในแอ่งที่ เอล โดนครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนของพระเจ้าอีกแล้ว หมดทางชิ่งหนี ครับ เมื่อผมต้องขึ้นมาอยู่บนหลังให้พระเจ้าโอบอุ้มอีกครั้ง....น้ำตาจะไหล...จะหนีมัน แต่ต้องให้มันแบกไว้อย่างนี้ จะหนียังไง [ว๊ะ!!!!]
....สุดท้ายพระเจ้าก็โอบอุ้มผมมาถึงรั้วเขตบ้านพัก ....เข้าเขตรั้วบ้านพักแล้วไล่มันกลับเลย ต้องพูดยังไงเนี้ย ...หนังสือที่ซื้อมาได้ใช้แล้วกู...เหมือนสมองสักส่วนจะรู้ว่าตัวผมเองจะไร้น้ำใจไทย เข้าบ้านมาได้ ปากผมดันหนักจนพูดอะไรไม่ออกซะงั้น ฝนก็ตก มืดก็มืด แถมมังคุดมันยังสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้อีก จะไล่มันกลับอย่างนี้จริงหรอ ? เถียงกับตัวเองแล้ว ไม่มีสมองซีกไหนชนะ ผมเลยปล่อยเลยตามเลย ให้มังคุดโชว์แมนอีกครั้ง ....คราวนี้แบกผมขึ้นชั้น 4 ครับ ....
หมดหนทาง ขนาดหมาข้างทางผมยังแอบเอาข้าวห่อไปเลี้ยงมันบ่อยๆ แล้วนี้พระเจ้าแห่งผลไม้มาเยือนบ้านพักทั้งที จะไล่พระเจ้ากลับได้ยังไง ....เข้ามากินน้ำกินท่าก่อนแล้วกัน ...ส่วนเรื่องกินเจ้าของห้องอะ ....ฝันไปเถอะ!!
......................
.........................................
ไขกุญแจเข้ามาได้ ....ขอแนะนำบ้านพักผมครับ บ้านพักผมเป็นห้องเช่าขนาดกลางอยู่แถวชานเมือง มีระเบียงแยกยื่นออกจากห้อง หลังห้องผมเป็นสวนหมาก มะพร้าว กับ มะม่วง เลยรั่วบ้านไป เป็นต้นแก้วต้นใหญ่ที่ ออกดอกส่งกลิ่นหอม ตลอดคืน ที่ระเบียงผมเป็นปูนฉลุลาย ผมปลูกต้นมะลิฉัตรกับต้นชบาไว้ อ่างบัวเคยเลี้ยงปู แต่มันหมดอายุขัยไปพร้อมกับบัวแล้ว ผมเลยทิ้งมันไว้อย่างนั้น ข้างในห้องผมค่อนข้างรก ส่วนหนึ่งเพราะความโสด ผมไม่เคยเอาใครเข้ามาในห้องนี้ และอีกส่วนเพราะความติสต์ ตามสภาพอากาศ แผ่นภาพงานดีไซต์ที่วางค้างเอาไว้ อุปกรณ์เกี่ยวกับงานที่วางระเกะระกะ กลางห้องบ้างบนที่นอนบ้าง บวกกับหนังสือที่ผมไม่กล้าเก็บเพราะกลัวหาไม่เจอ... ทำเอาพระเจ้ายืนตะลึงนิ่งอยู่หน้าห้อง ตอนวางผมลง ...
.....อายหว๊ะ....ไม่เคยอายอะไรขนาดนี้เลย ....
ผมตบไหล่ให้ เอล รู้สึกตัวแล้วเดินกะเผลกนำ เข้าไปในห้อง แต่ เอล ก็ไม่ตามมา แถมหยุดยืนอยู่แค่ปากประตู แค่นั้น.. ผมมองตามสายตา ไล่ไปจนเจอ สิ่งที่เหมือนยันต์กันพระเจ้า ....
....ภาพสีขาวดำ ของงูตัวใหญ่ ที่ผมวาดพาดอยู่บนผนังห้อง ดวงตาสีมรกตเป็นสีที่สามนอกจากสีขาวและดำที่ผมจงใจใส่สีลงไปให้แตกต่าง จ้องมองออกมาเหมือนมีชีวิต...
..มีปัญหาอะไร ...บอกแล้วไง สำหรับไอเดียร์ ผมไม่เคยยอมแพ้อะไร ...การอยากเอาชนะมันทำให้ผมวาด ไอ้งูบ้านั้นไว้ที่ผนังห้อง ...ถ้าเห็นจนชิน ถ้าจ้องตากับมันจนเบื่อ ...สักวัน...ผมคงไม่กลัวมัน...สักวัน...
ว่าผมคงติสต์ไปหน่อย ... คราวนี้ เอล มันคงขอกลับเองแน่ ใจโหวงๆเลยตอน เอล มันไม่ยอมก้าวเข้ามาในห้อง
"Phat...."
เสียงทุ้มนั้นเรียกผม พร้อมๆกับวงแขนใหญ่ที่โผเข้ามากอด เสียงทุ้มกระซิบเรียกชื่อผมซ้ำๆซ้ำๆ ....ฟันคมๆของ เอล ขบกัดลงมาที่ ช่วงไหล่ผม ในขณะที่ปลายนิ้วเย็นเริ่มไล่ปลดกระดุมเสื้อผมออก..
......................
.........................................