คริสตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่ของวัน ตามเวลาที่กายชอบโทรมา แต่วันนี้กลับไม่มีแม้เสียงโทรศัพท์ดังสักนิดหนึ่ง จริงๆมันเป็นมา
สองสามวันได้แล้ว ตั้งแต่วันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา กายไม่โทรหาเช่นทุกที คริสออกจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น พอทนเก็บความ
สงสัยไม่ได้เลยโทรไปหาเสียเอง เอาให้รู้กันไปเลยว่ามันมีอะไรกันแน่
“ตายแล้วเหรอวะ?”
คำแรกที่คริสทักคนปลายสายเมื่อทางนั้นกดรับ
“เฮ้ย! ไอ้กาย กวนเหรอ รับแล้วไม่พูดเนี่ย”
“...........” กายกดรับสายแล้วก็ยังคงเงียบอยู่ จนคริสเริ่มหงุดหงิด
“กาย…”
“ใกล้ตายแล้วคริส”
“หา?” พอพูดขึ้นมาก็เอาซะงงเลย
“เจ็บมากเลยตอนนี้ แปลกชะมัด”
เหมือนจะได้ยินเสียงคล้ายๆจะบ่นกับตัวเองหรืออย่างไรไม่รู้ในตอนท้าย แต่พอได้ยินว่าทางนั้นเจ็บคริสก็ชักเป็นห่วงว่าจะเป็น
อะไรมากไหม
“เฮ้ย! แผลติดเชื้อเปล่า นายดูแลไม่ดีอ่ะดิเนี่ย โธ่เว้ย! ทำไงดีวะ ไปโรง’บาลไหม?”
“เป็นห่วงเหรอ?”
“ขนาดนี้ไม่ห่วงมั้งสัด!”
คริสที่เริ่มเดินวนเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรตะคอกกลับ ยังถามอีกว่าเป็นห่วงไหม ถ้าไม่ห่วงจะเดินเป็นบ้าอยู่แบบนี้หรือ
“แล้วนี่เพื่อนนายไปไหนทำไมไม่ดูแลกันวะ?”
“ตาต้าเหรอ?” กายยังย้อนถามกลับมาให้คริสหงุดหงิดขึ้นไปอีก
“แล้วจะใครอีกล่ะวะ!”
“ตาต้าก็อยู่ที่หอสิ จะมาดูแลเราได้ไง”
คริสชะงักกับคำบอกกล่าว ตาต้าอยู่หอ แล้วกาย...
“แล้วนี่นายไม่ได้อยู่หอ?”
“เปล่า อยู่หน้าบ้านคริส”
“ห๊ะ!!”
พอได้ยินว่าอยู่หน้าบ้านคริสก็รีบวิ่งออกมา เห็นกายยืนอยู่หน้าบ้านจริงๆ
“ไม่รีบบอก”
ดุเบาๆ ก่อนจะลากกายเข้าบ้าน ให้กายนั่งที่โซฟาห้องนั่งเล่น บอกให้ถอดเสื้อเพื่อจะดูแผลให้ กายจึงแกะกระดุมช้าๆ ดูปฏิกิริยา
ของคริสที่ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยตนเองแล้วก็ขมวดคิ้ว
“เน่ายังวะเนี่ย”
คริสทำหน้าแหยเมื่อเลิกเสื้อให้พ้นที่ๆกายเป็นแผล แต่พอดูแล้วแผลของกายก็เกือบหายดีแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรแม้แต่น้อย
“มึงหลอกกูเหรอกาย?”
เริ่มมีภาษาพ่อขุนเข้าใส่ ทั้งที่เขาเป็นห่วงนะ เล่นกันแบบนี้ใช่ไหม
“ไม่ได้หลอก”
“ไม่ได้หลอกเชี่ย’ไร ดูแผลมึงดิ จะหายแล้วไม่ใช่รึไง ไหนว่าใกล้ตายวะ หรืออยากตายจริงๆ”
คริสลุกขึ้นผลักอกกายอย่างหาเรื่อง กายมองคริสไม่หลบ ก่อนจะบอก
“วันก่อนเราเห็นนายไปเดทกับผู้หญิง”
คริสขมวดคิ้วเล็กน้อยกับสิ่งที่กายบอก วันก่อนเขาไปกับผู้หญิงจริง แต่ผู้หญิงคนนั้นคือเพื่อนที่คณะ ก็ค่อนข้างสนิทกันอยู่ แต่ก็
แค่เพื่อนกันธรรมดา ว่าแต่หมอนี่ไปเห็นตอนไหนวะ?
“เดทกับผู้หญิงแล้วมันแปลกตรงไหน อย่ามานอกเรื่อง!”
“แปลกสิ แปลกมาก”
“ไอ้กาย!”
กายยังพูดนิ่งๆอยู่เหมือนเดิม คริสเริ่มจะเดือดกระชากคอเสื้อกายให้ลุกขึ้นมาเผชิญหน้า แต่ก็ต้องชะงักไปกับคำที่ตามมา
“แปลกที่เราเจ็บไปทั้งใจ”
คริสถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
“มึ...นาย ไอ้เชี่ย มึงล้อเล่นอะไรวะเนี่ย!?”
“เราว่า... เราชอบนายนะ”
คราวนี้อึ้งยิ่งกว่าเดิมอีก มันกินยาผิดรึเปล่านี่ คริสเม้มปากท่าทางคิดหนัก อยากจะเชื่อว่ามันเป็นอย่างที่กายพูด แต่ก็ยากที่จะเชื่อ
ได้เช่นนั้นเหมือนกัน
“นายจะเอาคืนเหรอ ถึงได้แกล้งกันแบบนี้?”
“ไม่ได้แกล้ง”
กายโน้มใบหน้าลงหาคริสที่ท่าทางสับสนหนัก ใกล้เข้าไปอีกราวกำลังวัดใจกัน พอริมฝีปากจะแตะกันคริสก็ผลักกายออกห่างแล้ว
ต่อยผลัวะไปเต็มหมัด
“โอ๊ย! คริส…”
กายเรียกตามคริสที่วิ่งขึ้นไปบนห้อง กายตามขึ้นไปแต่คริสก็ปิดประตูลงกลอนแน่นหนาไปแล้ว กายจึงต้องบอกความรู้สึกของ
ตนเองที่คิดมาหัวแทบแตกกับบานประตูอยู่เช่นนี้
“คริส เราพูดจริงนะ”
“กลับไปเลยไอ้บ้า!”
เสียงของคนในห้องตะโกนตอบกลับมา ถึงแม้คริสจะแอบมีความรู้สึกดีๆให้กายมานานแล้ว แต่มาตอนนี้ที่ความฝันกำลังจะกลาย
เป็นจริงเขากลับรู้สึกว่ามันยังไม่พร้อมจะรับฟัง อะไรไม่รู้ บ้าบอชะมัด
เสียงของกายเงียบไปแล้ว คริสคาดว่ากายคงกลับไปแล้วแน่ เอาหูแนบกับบานประตูเพื่อฟังเสียงให้แน่ใจ แต่มันช่างเป็นการ
กระทำที่ผิดพลาด เมื่อมันทำให้เขาได้ยินคำพูดของกายชัดเจนมากขึ้นไปอีก
“ขอโทษนะ... ที่ชอบนาย”
+++++++++++++
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน ก่อนที่เสียงของครีมจะดังตามมา
“คริส ออกมาคุยกับพี่หน่อย”
คริสเปิดประตูออกมา ครีมเบี่ยงตัวหลบให้น้องเดินลงไปที่ห้องนั่งเล่นก่อนตนเองค่อยเดินตามไป เมื่อนั่งลงที่โซฟาแล้วครีมจึง
เอ่ยถาม
“กายมาที่บ้านเราได้ไง?”
เพราะเมื่อครู่ตอนที่เดินเข้าบ้านมาสวนกับกายพอดี ทีแรกเธอยังตกใจเลยที่เห็นกายที่นี่ จะว่ามาหาเธอก็คงไม่ใช่ เพราะรอยช้ำ
ข้างแก้มนั่นน่าจะมีเรื่องกับคนที่อยู่ข้างในบ้านเธอมามากกว่า
“จะไปรู้กับมันเหรอ” คริสตอบส่งๆไม่อยากพูดถึงเท่าไหร่
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้”
“คริส” ครีมเน้นเสียงเมื่อน้องชักจะรวนมากไปแล้ว
“ก็บอกว่าไม่รู้ไงเล่า”
คริสใช้น้ำเสียงหงุดหงิดเลยโดนพี่สาวมองอย่างตำหนิ เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาเอาหน้าซุกหมอน
อิงแล้วถึงได้พูดเสียงอู้อี้แทบฟังไม่ได้ศัพท์
“คนมันสับสนเข้าใจป่ะ”
“สับสนเรื่องอะไร?” แต่ดูเหมือนพี่สาวจะมีความสามารถมากกว่า เพราะฟังออกด้วยว่าคริสพูดอะไร
“…………….”
“แหนะ เงียบอีก”
พอเห็นว่าน้องท่าจะไม่ยอมพูดง่ายๆ ครีมจึงเดินเข้าครัวไปเอาขนมมาทานขณะที่เปิดทีวีดูไปด้วย เดี๋ยวน้องชายของเธออยากพูด
ก็พูดเองล่ะ ตอนนี้หิว เธอกับน้องใช้ชีวิตสะดวกสบายจากเงินของพ่อและแม่ที่ให้มาในทุกๆเดือน แต่ส่วนมากเธอกับน้องจะใช้
เงินที่ทำงานพิเศษได้มามากกว่า ที่พ่อกับแม่ฝากมาให้ก็เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแลแล้วก็ต้องวางแผนและดูแลกัน
เอง
“พี่ครีม…”
“หือ?”
“พี่ว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาแต่แรกอยู่ๆจะชอบกันขึ้นมาได้ป่ะ?”
คริสที่นอนคิดอะไรไปเรื่อยเอ่ยถามพี่สาว เขาไม่มั่นใจกับสิ่งที่เกิดกับตนเองในตอนนี้เลย สำหรับตัวเขาแล้วแค่เจอกายครั้งแรกก็
รู้สึกว่าในหัวมันเหมือนมีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา มันรู้สึกว่าคนนี้โดนมากๆ ทุกครั้งที่เดินผ่านคณะที่เขาเรียนก็ชอบมองหา ทั้งที่คณะ
เขาออกกว้าง มันเพ้อจนกลัวใจตัวเองเลยล่ะ ทั้งที่กายก็ไม่ได้หน้าตาดีเลิศอะไร ไม่ใช่ดาวเดือนของมหาวิทยาลัย ไม่ใช่คนเด่น
ดัง ที่สำคัญไม่เคยคุยกันแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขากลับชอบได้อย่างไรไม่รู้ ไร้เหตุผลมากๆ
“หมายถึงใคร?” ครีมถามน้องกลับ ชักจะยังไงๆแล้วนะนี่
“ตอบมาเหอะน่า”
คนน้องยังเร่ง ครีมเลยต้องตอบไปตามที่คิด เรื่องที่น้องหมายถึงใครเดี๋ยวได้รู้เอง
“มีถมไป แบบโคตรเกลียดกันเลย สุดท้ายก็ได้กันเอง ในละครก็ออกเยอะแยะ ชีวิตจริงยิ่งกว่าละครอีก”
ครีมยักไหล่นิดๆเมื่อบอกน้อง คริสเงียบไปสักพักก่อนจะถามพี่สาวอีกครั้งอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“พี่ครีม ถ้า... ถ้าคริสเกิดชอบผู้ชายด้วยกันขึ้นมา พี่... จะเสียใจมากไหม?”
ครีมที่กำลังตักขนมเค้กเข้าปากชะงัก ก่อนจะวางช้อนลง คริสมองพี่สาวด้วยความลุ้นระทึก ครีมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนบอกน้อง
“ถ้าแกแรดน่ะ ฉันจะเสียใจ”
“โห่ พูดมาได้ หน้าตาอย่างนี้ไม่มีแรด” คริสดีดตัวขึ้นนั่ง ยืนยันมั่นเหมาะว่าตนเองไม่มีทางจะเป็นอย่างที่พี่กลัว
“เออ ก็ดีแล้ว”
ครีมว่าง่ายๆจนน้องชายแปลกใจ นี่พี่สาวเขาไม่รู้สึกอะไรเลยรึ? เขาบอกว่าเขากำลังจะรักชอบผู้ชายเลยนะเฮ้ย! เหมือนครีมจะรู้
ความคิดของน้องถึงได้บอกอีก
“เป็นอะไรก็เป็นไปเถอะ ขออย่างเดียวได้ป่ะ?”
“ได้”
“เฮ้ย! ยังไม่ได้พูดเลย ใจเร็วจังฮะ?”
สองพี่น้องยิ้มขำกันเอง ก่อนที่คริสจะถามพี่แล้วรอฟังอย่างจริงจัง
“แล้วจะขอว่า?”
“ดูแลตัวเองให้ดี และที่สำคัญ... อย่าทิ้งพี่นะเว้ย!”
ครีมบอกน้องอย่างจริงจังก่อนปิดท้ายเอาฮา ก็ไม่อยากให้น้องมันเครียดมากไป อยากให้รู้ว่ายังมีพี่สาวคนนี้อยู่ข้างๆเสมอ
“ได้ จะเกาะพี่กินไปจนแก่เลย”
“โห ฉันควรจะดีใจดีไหมเนี่ย?”
ครีมแกล้งทำระอาใจใส่น้อง สำหรับครีมแล้ว ไม่ว่าอย่างไรความสุขของน้องก็มาก่อนทุกสิ่งอยู่ดี ก็มีกันเพียงสองคนพี่น้อง ถ้าหาก
คนใดคนหนึ่งทุกข์ใจ อีกคนจะมีความสุขได้หรือ
คริสยิ้มกว้างกับท่าทางนั้นของพี่สาว รู้สึกขอบคุณพี่เป็นที่สุด พี่คือทุกอย่างสำหรับเขาจริงๆ เพราะมีพี่สาวคนนี้ ทุกอย่างในชีวิต
ของเขามันถึงดีไปหมด ไม่ต้องเป็นเพียงคนที่อยู่นอกสายตาของใครอีกต่อไป เพราะมีกันอยู่ ถึงยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ล้มลง
++++++++++++++
กายกับตาต้าลงจากหอพักมาในช่วงเช้าเพื่อไปเรียน เห็นคริสยืนอยู่หน้าหอ ตาต้ามองหน้ากายเชิงถามว่าจะเอาอย่างไร กายมอง
คริสอยู่ครู่หนึ่งก่อนบอกให้ตาต้าเดินไปมหาวิทยาลัยก่อน ส่วนตนเองก็เดินไปหาคนที่เหมือนจะยืนรอตนเองอยู่ พอกายไปถึงคริส
ก็ออกเดิน ทั้งสองคนเลยเดินข้างกันไปเงียบๆ จนคริสเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“นายมั่นใจแค่ไหนว่าชอบฉันจริงๆ”
“ไม่รู้สิ”
“อ้าว?”
คริสลากเสียงเสียยาวจนกายแอบยิ้มขำ ก่อนจะบอก
“ก็มันบอกไม่ได้หรอกว่าแค่ไหนอ่ะ”
หนุ่มคริสเบ้ปากใส่อีกคน ขณะที่กำลังก้าวเดินไปด้วย ทั้งคู่ปล่อยให้ความเงียบช่วยในการสื่อสารความรู้สึกที่มี
“ฉันร้ายนะ”
คริสเอ่ยเหมือนจะเตือนเอาไว้ก่อน แต่ดูเหมือนกายจะไม่กลัวสักนิด เพราะคำตอบรับที่ฟังดูท้าทายอยู่ในที
“ถึงร้ายก็จะรัก”
“ให้มันแน่”
คริสว่าเชิงข่มขู่กรายๆ กายหัวเราะเบาๆ ก้าวเดินคู่กันไป หากไม่สังเกตคงไม่มีใครเห็นว่าปลายนิ้วของทั้งสองคนนั้นกำลังเกี่ยวกัน
อยู่ การเริ่มก้าวเดินก้าวใหม่ ในสถานะใหม่ของกายและคริส
ไม่ใช่คนแปลกหน้า
ไม่ใช่คู่ปรับ
แต่เป็น...คนรักจบตอนพิเศษ (คริส แอนด์ กาย) ก็จะร้าย ... ให้นายรัก
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม และท่านที่รอคริส-กายด้วยค่ะ 
ตอนนี้เขียนนานมากกกก แล้วก็ยาวมากกกก เขียนแล้วลบอยู่หลายรอบมากๆๆๆ แบบมีพล็อตในหัวแต่เรียบเรียงไม่ถูก
แต่สุดท้ายแล้วก็สำเร็จออกมาได้ด้วยดี ฮ้าาา ปลาบปลื้มใจ 
จัดบวกให้ทุกท่านเลยเจ้าค่ะ ได้เจาะไข่ไปสองใบด้วย 
ปล. ตอนพิเศษสุดท้ายจะเป็นครอบครัวน้องตาต้ากับพี่โซลนะคะ แบบว่าคิดถึงน้องจินนี่ที่น่ารักด้วย กอดๆ 