มาก่อนวันนัดวันนึงอีกละ คราวหน้าไม่นัดดีกว่าเนอะ
It’s Real เดี๋ยวรักเลย
ตอนที่ ๑๒ อดีต vs ปัจจุบัน = อนาคต (๒)
โซลอุ้มเด็กดื้อเข้ามาในบ้าน ค่อยวางน้องลงที่โซฟาตัวยาว เรียกได้ว่าประคับประคองกันเต็มที่จนดูออกนอกหน้าไปสักนิด จินนี่รีบมานั่งข้างพี่ชายคนสนิท ดวงตากลมแป๋วมองสำรวจพี่แล้วหน้าม่อย สงสารพี่จัง
“พี่ตาต้าเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากรึเปล่า?”
มือเล็กๆลูบแขนคนเป็นพี่เบาๆ กลัวพี่เจ็บ
“ไม่เป็นไรค่า เจ็บนิดเดียวเอง เดี๋ยวก็หายแล้วเนอะ”
ตาต้ายิ้มบอกน้อง ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บลูบศีรษะน้องน้อยอย่างเอ็นดู จินนี่จึงยิ้มได้ ประคองแขนข้างที่เจ็บของพี่ชายเบาๆ แล้วบอก
“มาจินนี่เป่าให้”
จินนี่น้อยสูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนจะรวบรวมพลัง จนคนเป็นพี่ต้องกลั้นขำ แล้วมองดูน้องเงียบๆ
“โอมมม ความเจ็บจงหายไป เพี้ยงๆๆ”
ผู้ใหญ่ในห้องต่างยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของเด็กหญิงตัวน้อย ตาต้าหัวเราะออกมาเบาๆ หยิกแก้มยุ้ยอย่างเอ็นดูเป็นที่สุด ก่อนจะชะงักเมื่อสบสายตากับหญิงสาวที่ยืนกอดอกมองมาทางเขาอยู่
“ตาต้าขึ้นห้องไหม เดี๋ยวพี่พาไป”
“ไม่!.. คือ…ต้าไปเองได้ ใช้ไม้ค้ำนิดหน่อยก็เดินได้แล้ว”
ตาต้าที่มัวคิดกังวลกับสายตาของจารุเผลอตอบพี่ไปเสียงดัง พอเห็นพี่ขมวดคิ้วเลยรีบอธิบายใหม่ด้วยน้ำเสียงที่เบาลง ยิ้มให้พี่ตบท้ายประโยคยืนยันในคำพูดของตนเอง โซลหรี่ตามองคนทำบ่ายเบี่ยง บีบจมูกโด่งอย่างหมั่นเขี้ยว
“ดื้อ”
“งื้อ พี่โซล ทำไมชอบบีบจมูกต้าจังอ่ะ เดี๋ยวมันก็แบนหรอก”
ต่อว่าพี่หน้ามุ่ย ลูบจมูกตัวเองป้อยๆกลัวมันจะยุบจริงๆนะ โซลยิ้มขำ ก่อนจะขยับลุก โน้มตัวมาให้น้องเกาะลุกจะได้อุ้มได้สะดวกหน่อย
“มาครับ”
อ้าแขนรอน้องแล้ว แต่ตาต้ามองท่าทางของพี่แล้วก็ยังเฉย คนเป็นพี่จึงย่อตัวลงช้อนตัวคนทำเฉยขึ้นอุ้มทันที แขนเรียวคว้าต้นคอพี่เร็วไวกลัวตก เผลอใช้ข้างที่เจ็บจนต้องสูดปาก แต่พอสบตากับพี่ในระยะประชิดความเจ็บก็เริ่มจะกลายเป็นความเขิน โซลยกยิ้มเมื่อคนเป็นน้องหน้าแดงขึ้นทันตา อยากจะหอมแก้ม แต่ก็ชะงักเมื่อนึกได้ว่าไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน จินนี่หัวเราะคิกคัก ก่อนจะชูแขนให้พี่นุ่นอุ้มบ้าง โซลอุ้มคนเป็นพี่ขึ้นบ้านไป ตามด้วยนุ่นที่อุ้มคนน้องที่ตบมือเปาะแปะอารมณ์ดีตามไปอีกที
ส่วนจารุที่ไร้คนสนใจก็มองตามโซลที่อุ้มน้องชายขึ้นบ้านไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
++++++++++++
โซลมาส่งน้องบนห้องแล้วขอไปสะสางงานสักพัก จินนี่เลยมานั่งเล่นเป็นเพื่อนพี่ชายในห้อง อ่านหนังสือให้กันฟังบ้าง ดูทีวีกันบ้าง ก่อนที่จินนี่จะไปอาบน้ำเมื่อพี่นุ่นมาตาม ตาต้าเลยนั่งดูทีวีอยู่บนเตียงคนเดียว กดเปลี่ยนช่องไปมาแล้วก็เริ่มเบื่อ จึงปิดแล้วล้มตัวลงนอน
ไม่นานหลังจากนั้นโซลก็กลับมา นำอาหารเย็นมาให้น้องทานบนห้อง โดยเอาโต๊ะเล็กมาวางข้างเตียง ก่อนจะให้น้องทานยาหลังอาหาร เสร็จแล้วถึงเรียกสาวใช้ให้มาเอาไปเก็บ
“ตาต้าอาบน้ำไหม?”
โซลถามน้องที่ยังอยู่ชุดเดิมกับที่ไปเล่นซนจนตกต้นไม้ลงไปคลุกฝุ่น อากาศก็ร้อนน้องน่าจะเหนียวตัวอยู่ไม่น้อย
“ต้าจะอาบได้ยังไงล่ะ แขนเจ็บอยู่นะ แล้วแผลถลอกพวกนี้อีก”
หนุ่มน้อยพูดเหมือนบ่นไปในที มองสภาพถลอกปอกเปิกของตนเองแล้วถอนหายใจ ดูไม่ได้เลย
“เดี๋ยวพี่อาบให้”
“ห๊ะ!”
เด็กดื้อทำตาโต อุทานเสียงดัง โซลหรี่ตามองน้อง ขำกับท่าทางนั้น แล้วถาม
“ทำไมต้องตกใจ?”
“จะไม่ให้ตกใจได้ไงอ่ะ พี่โซลจะอาบน้ำให้ต้านะ!”
“ก็ใช่ไงครับ”
ตาต้าทำราวกับว่ามันคือปัญหาใหญ่ หน้าตายังตื่นเมื่อบอกกับพี่ แต่คนเป็นพี่ก็ยังคงพูดเรื่อยๆ ไม่ได้ออกอาการเหมือนน้องเลยแม้แต่น้อย
“ไม่เอาอ่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
โซลเลิกคิ้วถามหาเหตุผล ดวงตาเต้นระริกไหวเพราะกลั้นขำ
“พี่โซล”
เด็กดื้อลากเสียงยาวเมื่อพี่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อะไรครับ พี่ไม่เห็นเข้าใจ”
ตาต้ามองคนทำเป็นไม่เข้าใจแล้วทำแก้มพอง บ่นอุบอิบ
“อาบน้ำต้าก็ต้องโป๊สิ”
“พี่ไม่มองก็ได้”
คนเป็นพี่รับปาก แต่คนเป็นน้องกลับเลิกคิ้วเอียงคอแล้วถาม
“ไม่มองแล้วจะอาบยังไงอ่ะครับ?”
“เออ นั่นสิ” โซลทำเสียงเห็นด้วย ก่อนจะเปลี่ยนมานำเสนอแนวทางอื่น “งั้น…เช็ดตัว”
ตาต้าที่คิดว่ารอดจากการโป๊ต่อหน้าพี่แล้วถึงกับสะดุ้ง เมื่อพี่จะถอดเสื้อให้ เด็กดื้อจะเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ทำได้ลำบาก เพราะมันเคล็ดขัดยอกไปทั้งตัว จึงได้แต่ใช้มือข้างที่ไม่เจ็บดึงชายเสื้อยืดของตนเองไว้
“อื๊ออออ” ส่งเสียงขู่อย่างไม่ยอม
“อายอะไรครับตาต้า เราผู้ชายเหมือนกันไม่ต้องอายหรอก” โซลกล่อมคนขี้อายที่ไม่ยอมปล่อยมือจากชายเสื้อ คราวนี้เล่นขยุ้มเสียยับย่นเลยทีเดียว
“งั้นพี่โซลกล้าแก้ผ้าต่อหน้าต้าไหมอ่ะ”
เด็กดื้อร้องท้า โซลมองหน้าคนท้าที่ลอยหน้าลอยตาท้าทายเขาอยู่ ปล่อยมือจากเสื้อน้อง ถอยไปสองก้าว แล้วจับชายเสื้อตนเองถอดออกในทันที แต่เท่านั้นมันคงทำให้เด็กดื้อตาโตไม่พอ โซลจึงเลื่อนมาที่หัวเข็มขัดตั้งท่าจะถอดอีกชิ้น จนคนร้องท้าเมื่อครู่เปลี่ยนมาร้องโวยวายแทน
“ว้ากกก พี่โซลลลล บ้า!”
คนบ้าหัวเราะในลำคอ ก่อนจะก้าวเข้ามาหาน้องที่นั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง และคราวนี้เด็กดื้อก็ยอมให้ถอดเสื้อแต่โดยดี แต่หน้านี่แดงจนแทบไหม้ พี่อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่ต้าอายนะ!
เมื่อจัดการลอกคราบเด็กดื้อเสร็จ โซลจึงอุ้มร่างเพรียวบางเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้น้องลงนั่งที่เก้าอี้นั่งอาบน้ำ จัดการเปิดน้ำอุ่น แล้วลงมืออาบน้ำฟอกสบู่ให้คนเจ็บอย่างเร็วไว
โซลให้น้องนั่งบนเก้าอี้โดยหันหลังให้ แล้วจัดการลูบไล้เนื้อสบู่บนผิวกายขาวเนียน ในใจไม่ได้คิดอะไร แต่พอลูบไปลูบมามันก็คอยแต่จะวนอยู่ที่เดิม และวนอยู่อย่างนั้น จนคนเป็นน้องต้องทักเพราะรู้สึกจั๊กจี๋แปลกๆ
“พี่โซล ต้าหนาว”
“อะ อ้อ ขอโทษที เดี๋ยวพี่ล้างตัวให้”
โซลรีบลุกไปจับฝักบัวมาล้างตัวให้น้อง เขาได้รับอนุญาตให้ช่วยถูด้านหลังให้ แต่เมื่อครู่มือเจ้ากรรมมันกลับจะเคลื่อนไปด้านหน้าแล้ว ยังดีที่น้องบอกว่าหนาวก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงลูบไปถึงไหนต่อไหน…
โซลแทบจะเขกหัวตัวเองกับความคิดไม่เข้าท่า
‘คิดบ้าอะไรอยู่โซล น้องไม่สบายนะ!’เมื่อล้างตัวให้น้องเสร็จ โซลจึงพยุงน้องลุกขึ้น ใช้ผ้าขนหนูซับน้ำเบาๆก่อนรอบหนึ่ง ก่อนจะใช้พันรอบเอวน้องจากด้านหลัง แขนแกร่งโอบรอบเอวบางแล้วผูกปมผ้าให้ กลิ่นสบู่หอมๆที่มักติดกายน้องอยู่ตลอดลอยมาปะทะจมูกในระยะประชิด เกินจะอดใจไหว โซลก้มลงไปหอมลาดไหล่เนียนแล้วเลยมาที่ซอกคอขาว จนเจ้าตัวเขาสะดุ้งกับลมหายใจผ่าวร้อน
“พี่โซล…”
ตาต้าเรียกพี่เสียงสั่น ไม่รู้ว่าสั่นเพราะหนาวหรือเพราะอะไรกันแน่
“ออกไปข้างนอกเถอะตาต้า ห้องน้ำนี่แคบจนพี่จะหายใจไม่ออกแล้ว”
คำพูดของพี่ทำให้ตาต้าขมวดคิ้ว ห้องน้ำแคบหรือ ออกจะกว้างนะ ต้าว่า
++++++++++++++
โซลพาน้องมาที่เตียงอีกรอบ หาเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ถอดง่ายหน่อยมาสวมให้น้อง เผื่อเจ้าตัวเขาอยากเข้าห้องน้ำเองจะได้ไม่ลำบากในการถอด จนตอนนี้ตาต้าก็ยังหน้าแดงไม่เลิก ใครจะไปชินกันล่ะ
“ขอบคุณครับ”
ตาต้าขอบคุณพี่ โซลยิ้มรับ โยกศีรษะเด็กดื้อเบาๆ
“เอาล่ะ ทีนี้ก็นอนได้แล้วนะเด็กดื้อ”
ตาต้าพยักหน้าอย่างว่าง่าย รู้สึกมึนๆง่วงๆอยู่เหมือนกัน โซลเอนตัวน้องลงนอน ก้มลงจูบหน้าผากเนียน ยิ้มบางให้คนที่ตาเริ่มปรือเพราะฤทธิ์ยา จัดการห่มผ้าให้ก่อนจะเดินออกไป แต่มือเรียวคว้ามือพี่ไว้ โซลหันกลับมาเลิกคิ้วมอง ตาต้ายิ้มให้ทั้งที่ดวงตาหรี่ปรือแทบจะปิด
“ขอบคุณมากนะครับพี่โซล ต้ารักพี่โซลนะ…”
โซลยิ้มกับการบอกรักของคนง่วง ขยับโน้มตัวลงแตะจูบริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง ก่อนผละเดินไปที่ประตู เปิดประตูออกไปก่อนปิดล็อคห้องให้คนที่นอนอมยิ้มมีความสุขอยู่บนเตียงนอน
++++++++++
เช้าวันใหม่ บนโต๊ะทานข้าว จินนี่คอยแต่จะตักกับข้าวใกล้มือใส่จานให้พี่ชายคนสนิทที่นั่งข้างกันอยู่เรื่อยๆ รวมทั้งคนเป็นพ่อของน้องจินนี่เองที่คอยเอาใจ จารุมองภาพบรรยากาศที่ทั้งสามคนสร้างขึ้นด้วยความรู้สึกประหลาด หัวคิ้วสวยขมวดนิดๆ
“ทานเยอะๆนะจะได้หายเร็วๆ”
โซลตักแกงให้น้อง ตามด้วยจินนี่ที่ตักผัดผักให้ด้วยอีกคน
“พี่ตาต้าทานผักด้วยนะคะ ผักมีประโยชน์” น้องน้อยว่าอย่างนั้นแล้วยิ้มตาหยิบหยี
“ขอบคุณค่ะจินนี่ แต่ว่านะ สองพ่อลูกตักโน่นนี่มาให้พี่อยู่เรื่อยแล้วแบบนี้พี่จะกินหมดเหรอ?”
พอพี่ชายพูดแบบนั้นจินนี่ก็มองจานข้าวของพี่ที่มีกับข้าวมากกว่าข้าวในจานเสียอีก จากนั้นค่อยหันไปมองหน้าคุณพ่อขาแล้วพากันหัวเราะ
ตาต้าส่ายหน้าให้กับสองพ่อลูก เอื้อมตักผัดผักให้พี่จารุ แม้ไม่ถนัดนักกับการใช้มือข้างนี้ก็ตาม
“พี่จารุก็ทานเยอะๆนะครับ”
ตาต้าส่งยิ้มจริงใจให้สาวสวยอดีตภรรยาของพี่โซล สร้างมิตรดีกว่าสร้างศัตรูล่ะน่า
“อ… อ้อ จ้ะ ขอบใจ”
จารุตีหน้าไม่ถูกเมื่อเด็กหนุ่มหยิบยื่นน้ำใจให้ ความคิดไม่ดีทั้งหลายดูจะตีกันยุ่งเหยิงอยู่ในหัว แต่แค่เพียงยิ้มเดียวก็ทำให้ใจที่ฟุ้งซ่านของเธอทุเลาลงได้ หญิงสาวจึงลงมือทานข้าวในจานต่อ ลอบดูปฏิกิริยาของโซลและหนุ่มน้อยตาต้าไปด้วย เธอไม่น่าจะดูผิด เด็กคนนี้ต้องมีความสำคัญกับโซลมากในระดับหนึ่งแน่ อาจมากกว่าความเป็นพี่น้องธรรมดา สิ่งที่เธอพยายามปฏิเสธมันในตอนแรก ในตอนนี้กลับกำลังตอกย้ำให้เธอได้คิดกับการดูแลเอาใจใส่ของคนสองคนตรงหน้า
“จา เดี๋ยวทานข้าวเสร็จ ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยนะ”
จารุที่กำลังจมอยู่ในภวังค์แทบสะดุ้ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปรกติเมื่อหนุ่มน้อยตาต้าหันมามองเธอ
“ค่ะ จาก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณเหมือนกัน”
จารุรับคำ เหล่มองตาต้าไปด้วย เห็นเด็กหนุ่มรีบหันไปหาโซลทันทีที่จารุพูดจบ นั่นยิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่เธอคิด มันคือความจริง
++++++++++++++
เนื่องจากการเจ็บตัวของตาต้า ทำให้หนุ่มน้อยของเราไม่ได้ออกไปซ่าที่ไหนหลายวันจนกว่าขาจะหายบวม บ้านจึงเป็นที่ๆตาต้าอยู่เยอะสุดในบรรดาทุกที่ที่ตาต้าเคยไป
ตาต้านั่งดูทีวีในช่วงบ่าย ข้างกันคือจินนี่ที่กำลังหลับปุ๋ย หนุ่มน้อยจึงต้องหรี่เสียงทีวีลง ส่วนพี่นุ่นตาต้าก็ให้ไปพักแล้วรับบทเฝ้าน้องเอง ดูไปสักพักจารุก็เดินลงมาจากด้านบน ในมือคือโทรศัพท์มือถือ พ่นภาษาต่างประเทศใส่ปลายสายเสียไฟแลบ แน่ล่ะว่ามันไม่ใช่ภาษาอังกฤษที่ตาต้าจะฟังรู้เรื่อง หรือต่อให้เป็นภาษาอังกฤษตาต้าก็ฟังไม่ทันหรอก รัวขนาดนั้น
จารุที่กดวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว เดินฮึดฮัดมาทางที่ตาต้านั่งอยู่ ก่อนจะหยุดเท้าเมื่อจะเดินผ่านเลยไป เปลี่ยนมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกับที่จินนี่นอนอยู่ ลูบผมนิ่มแผ่วเบา แววตารักใคร่ระคนเจ็บปวด
“ดูน้องตาต้าจะสนิทกับจินนี่จังเลยนะ”
“ครับ?”
อยู่ๆจารุก็ชวนคุย ตาต้าที่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะอยากพูดคุยกับตนเองจึงตอบรับไปอย่างมึนงง
“พี่เป็นแม่แท้ๆ แต่ลูกกลับไม่อยากเข้าใกล้”
น้ำเสียงที่เศร้า ทั้งสีหน้าที่ดูเหมือนจะร้องไห้ ทำให้ตาต้าขยับตัวอย่างอึดอัด เขาปลอบใครไม่เป็นนี่นา เคยมีแต่ถูกปลอบ
“เอ่อ… ผมว่าจินนี่อาจจะยังไม่ชินน่ะครับ”
“แล้วกับตาต้าตอนแรกก็เป็นแบบนี้เหรอ?”
“เอ่อ…”
จารุยังถามทั้งๆที่ไม่ได้มองมา ตาต้าไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นยังไง ก็เขากับน้องจินนี่สนิทกันเร็วมาก เรียกได้ว่าคุยกันแค่ไม่กี่คำก็เหมือนสนิทกันมาตั้งนมนานแล้ว แต่กับพี่จารุ ตาต้าก็ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากไปกว่าที่ว่าน้องยังไม่คุ้นชิน
จารุนั่งมองลูกสาวนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่มีคำถามใดมาให้ตาต้าตอบอีก ตาต้าเองก็ไม่กล้าที่จะขยับไปไหน กลัวเป็นการรบกวนเธอ การสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อครู่คงสำคัญ ตอนนี้เธอถึงได้เศร้าจนเห็นได้ชัดขนาดนี้ จิตใต้สำนึกของคนเป็นแม่ทุกคนก็คงรักลูกด้วยกันทั้งนั้นล่ะนะ อาจมีเหตุบางประการทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่สายสัมพันธ์มันก็ไม่มีทางตัดขาด โดยเฉพาะสายโลหิต
“โซลเขาเจ็บมามากนะ”
“เอ๊ะ?”
จารุที่เงียบไปนาน จนตาต้าคิดว่าเธอคงไม่มีอะไรจะพูดกับตนเองแล้วกลับเปรยขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ฝากดูแลเขาด้วยละกันหนุ่มน้อย”จารุพูดทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก็ลุกเดินออกไปด้านนอกบ้าน ต่อโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนภาษาต่างประเทศที่ตาต้าฟังไม่รู้เรื่องจะแว่วมาให้ได้ยิน แต่หนนี้ดูจะต่างจากครั้งก่อนหน้า เพราะลักษณะการพูดจาไม่ได้ใส่อารมณ์เหมือนก่อนหน้านี้ คงปรับความเข้าใจกับปลายสายล่ะมั้ง ตาต้าก็เดาไปเรื่อยๆ
แต่คำพูดก่อนที่พี่จารุจะลุกไปนั้นต่างหากที่ตาต้ากำลังให้ความสนใจอย่างแท้จริง ฝากดูแลพี่โซลอย่างนั้นหรือ หรือเขาเข้าใจผิด?
++++++++++++
“จารุน่ะเหรอพูดแบบนั้น?”
ตาต้าพยักหน้าบอกว่าจริงแท้และแน่นอน พอโซลกลับมาจากไร่ตาต้าก็ขอคุย โซลเลยต้องพยุงน้องขึ้นบ้าน เด็กดื้อเขาไม่ให้อุ้มแล้ว เขาอาย เลยต้องตามใจกันหน่อย
เมื่อเข้ามาในห้องน้องแล้ว ตาต้าเลยเล่าให้ฟังว่าจารุพูดจาแปลกๆกับตนเอง เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบได้ โซลเลยต้องเล่าความเป็นมาเป็นไปให้น้องฟังว่าคุยอะไรกับจารุบ้างเมื่อวันก่อนนั้น
“พี่ก็ถามเขาน่ะ ว่าที่เขามาที่นี่มีเรื่องอะไรให้ช่วยหรือเปล่า เขาก็เลยบอกว่าทะเลาะกับสามีเขาเรื่องลูกนิดหน่อย เพราะทางนั้นอยากมีลูกมากๆ แต่ทำยังไงก็ไม่สำเร็จสักที พอหงุดหงิดมากเข้าคงทะเลาะกันล่ะมั้ง เลยมาที่นี่เพราะคิดถึงจินนี่ขึ้นมา”
โซลเล่าไปเรื่อยๆโดยไม่ได้สังเกตว่าน้องทำสีหน้าอย่างไร มือก็ถอดผ้ากอซที่พันแขนน้องออก จะให้ไปอาบน้ำแล้วค่อยนวดยาใหม่อีกที
“เดี๋ยวนะพี่โซล พี่โซลบอกว่าพี่จารุทะเลาะกับสามีเหรอ ต้าไม่เห็นรู้ว่าเขาแต่งงานใหม่แล้ว พี่โซลไม่เห็นบอกต้าเลยอ่ะ”
คนเป็นน้องโวยที่พี่ไม่บอกกล่าวเล่าเรื่อง เรื่องที่พี่เคยเล่าเกี่ยวกับพี่จารุกับคุณปรเมศวร์นั่นก็เล่าไม่หมดสินะ โธ่
“อ้าว? พี่ไม่ได้บอกเหรอ?”
“ก็ไม่ได้บอกน่ะสิ ปล่อยให้ต้ากังวลอยู่ได้”
“โอ๋ๆ ไม่งอนนะครับ พี่ขอโทษที่ไม่ได้บอกตาต้า”
รวบกอดตัวบางไว้หลวมๆ คนเป็นน้องทำเสียงฮึขึ้นจมูก มือหนาเลยลูบหลังบางอย่างเอาใจ เงียบกันอยู่สักพักโซลถึงได้พูดกับคนที่อยู่ในอ้อมแขน
“เขามีครอบครัวของเขาไปแล้วนะ ส่วนพี่ก็มีคนสำคัญของพี่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นตาต้าไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ถ้าเรื่องเกี่ยวกับจารุ พี่ยังยืนยันว่าพี่หมดรักเธอแล้วอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ที่คงอยู่ในตอนนี้คือพ่อและแม่ของจินนี่ เธอเป็นเพียงแม่ของจินนี่เท่านั้นนะ”“………..”
ตาต้าเงียบฟังพี่ ช่วงเวลานี้สิ่งที่เขาควรทำคือการเงียบ ฟังเสียงหัวใจพี่ที่เต้นอยู่ข้างหู กับเสียงนุ่มๆที่คอยอธิบายทุกอย่างกับเขา
“พี่เจ็บแล้วจำเสมอนะตาต้า ถึงพี่ไม่ได้นำมันมาเป็นอุปสรรคในปัจจุบันนี้ นั่นเพราะทุกคนก็ได้เรียนได้รู้กับเหตุการณ์ที่ผ่านมากันมากพอแล้ว จาเขาจากไปเพราะเขาหมดใจ พี่รั้งไว้มันก็ไม่มีประโยชน์ สู้ปล่อยเขาไปแล้วเราก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ของเราจะดีกว่า”
โซลคลายอ้อมกอดแล้วดันตัวน้องออกอย่างเบามือ สบสายตาใสๆที่มองมาแล้วบอกทุกถ้อยคำอย่างมั่นใจ
“การทอดทิ้งของจาไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวหรอก แต่จายังมีของขวัญล้ำค่าอย่างจินนี่ไว้ให้พี่ และการทอดทิ้งของจา…”
“………….”
“ยังทำให้พี่…ได้รักตาต้า”
คำหวานที่บอกกล่าวได้รับรอยยิ้มหวานๆตอบกลับมา หัวใจคนพูดก็แช่มชื่น ถ้าไม่มีคำพูดกวนๆจากคนตาใสนี่ตามมาล่ะก็นะ
“ต้าต้องขอบคุณพี่จารุไหมอ่ะ?”
เด็กตาใสทำหน้าซื่อเอียงคอเอ่ยถามพี่ เลยโดนตีหน้าผากไปที มันใช่เวลาเล่นไหม แต่พอโซลมองหน้าน้องที่อมยิ้มน้อยๆนั่นแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ เด็กดื้อของเขา น้องชายที่น่ารัก และคนรักเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจ
+++++++++
หลังจากเคลียร์ปัญหากันเรียบร้อย โซลจึงพยุงน้องเข้าห้องน้ำ ตอนนี้ยังต้องอาบน้ำให้อยู่ เพราะถ้าให้อาบเองก็อาบได้แค่ข้างเดียวอีก โซลเลยต้องอาบน้ำให้น้องไปข่มใจไป ก็อยากหาเรื่องใส่ตัวเสนอตัวอยากอาบน้ำให้น้องเองก็ต้องอดทนไปอย่างนี้ล่ะ ทนไม่ไหวก็แอบเลาะเล็มบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าตาต้ายังไม่หายในเร็ววันนี้โซลอาจจะลงแดงได้เพราะของชอบอยู่ใกล้มือแต่กินไม่ได้แบบนี้ มันแย่ที่สุดแล้ว
“ต้าอยากเล่นกับน้องจัง มันเหงาๆบอกไม่ถูกอ่ะ”
เด็กดื้อเปรยขึ้นมาเสียงเหงา เมื่อจัดการแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วมานั่งให้พี่ช่วยทายาให้ ก็อย่างว่าเคยตัวติดกันตลอด แต่ช่วงนี้ทำแบบนั้นไม่ได้ แถมยังมาเจ็บตัวอีก ตอนนี้สถานที่จัดงานเทศกาลของไร่ก็เสร็จหมดเรียบร้อย เหลือก็แต่รอวันเปิดงานที่เจ้าภาพอย่างคุณรณวีร์จะมาซึ่งก็คืออีกสองวันข้างหน้า ไม่รู้ว่าแขนตาต้าจะหายทันไหม พอพ่อกับแม่มาจะโดนแม่ดุหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่เล่นซนจนได้เรื่องแบบนี้
“ก็แล้วทำไมไม่ไปล่ะครับ หือ?”
โซลที่ใช้ผ้ากอซพันแขนให้น้องเอ่ยถาม ก่อนจะต้องหยุดมือมามองคนพูดเพราะประโยคคำตอบของน้อง
“ก็พี่จารุเขาก็คงอยากมีเวลาอยู่กันตามประสาแม่ลูกบ้าง ต้าก็ไม่อยากไปขัดช่วงเวลานั้นนี่ครับ”
ตาต้าพูดเสียงอ่อย โซลเลยหอมแก้มน้องอย่างถูกใจในคำตอบ
“น่ารักอย่างนี้ รักตายเลย”
ตาต้าอมยิ้ม ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มพี่คืนบ้าง
“หน้าตาแบบนี้ ต้าก็รักเหมือนกัน”
TBC• ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
• บวกให้ทุกบวกค่ะ
สปอยส์ (เวิ่นเว้อเบาๆ)
สำหรับส่วนนี้ ถ้าใครไม่อยากอ่านก็ข้ามไปเลยนะคะ มันไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่
อีกสองตอนนิยายเรื่องนี้จะเข้าสู่ช่วงหน่วงอารมณ์ หากใครมีความประสงค์จะงดอ่านในช่วงนี้เราก็ไม่ว่ากันค่ะ
คนที่ติดตามงานของใหม่มาตั้งแต่เรื่องแรก (เหมือนจะเขียนมาเยอะทั้งที่เพิ่งผ่านไปแค่3เรื่องสั้นๆ ฮะๆ) คงพอจับทางงานเขียนของใหม่ได้ว่า ช่วงกลางๆเรื่องจะหน่วง และจะหวานในตอนท้าย
สำหรับคนที่ยังติดตามกันอยู่ใหม่ก็ต้องขอบคุณมากค่ะ
ใหม่ยังยืนยันว่าไม่ชอบดราม่า เพราะฉะนั้น มันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นเคยค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้กันมากๆค่ะ
วันใหม่
มาทำไมให้อายบ้านนา....นวลน้อง
ไม่ต้องกลับคืนมา
เห็นหน้าลุงหม่ำลอยมาเลยอ่ะ