It’s Real เดี๋ยวรักเลย
ตอนที่ ๙ รักได้คนเดียว
“กรี๊ดดดดดดดด”เสียงกรีดร้องดังยาวอย่างขัดใจ ข้าวของใกล้มือถูกปัดถูกโยนระเนระนาด ปรเมศวร์ยืนกอดอก
มองคนหัวเสียด้วยใบหน้าเรียบเฉย ไม่ใช่ไม่เคยเห็นหรอกแบบนี้ เห็นบ่อยเชียวล่ะ วิจิตราอาละวาด
“จะกรีดร้องให้มันได้อะไรขึ้นมาน่ะแวรี่?”
พออาละวาดกับข้าวของจนพอใจ วิจิตราก็ทรุดนั่งบนเตียงนอนภายในห้องนอนของตนเองอย่าง
กระแทกกระทั้น แล้วหันมามองคนพูดไม่เข้าหูตาขวาง
“เพราะคุณ มันเป็นเพราะคุณเลยปรเมศวร์ คุณให้ฉันวางยาโซล นี่ถ้าโซลรู้แล้วเกลียดฉันจะว่า
ยังไง!”
“อ้าว? โทษผมได้ยังไง ผมแค่คนคิดแผน ส่วนคุณเป็นคนดำเนินการ มันพลาดที่คุณก็อย่าพาล
กันสิ”
“ทำไมพูดจาไม่รับผิดชอบแบบนี้ห๊ะไอ้คนทุเรศ ฉันไม่น่าเชื่อคุณเลยจริงๆ ต่อไปฉันจะทำยังไง
ภาพลักษณ์ที่ฉันสร้างมามันมิพังลงจนป่นปี้ไปหมดแล้วหรือไง”
ปรเมศวร์ส่ายหน้ากับอาการฟูมฟายของวิจิตรา เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ โอบไหล่มนเอาไว้หลวมๆ
ก่อนจะชี้ทางสว่างให้คนจิตตก
“คุณไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรเลย ไอ้โซลมันไม่คิดหรอกว่าเป็นฝีมือคุณน่ะ แค่คุณตีหน้าเศร้า
เล่าความเท็จไปแค่ว่าคุณเสียใจอย่างสุดซึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็พร้อมจะเห็นคุณเป็น
นางฟ้าแล้ว ผู้หญิงที่สวยและมั่นใจในตัวเอง มีชายหนุ่มมากหน้ามาติดพัน จำเป็นต้องใช้วิธีแบบ
นี้ด้วยหรือไง ดีไม่ดีมันจะคิดว่าเป็นฝีมือผมเสียอีกนะ”
“โซลเขาไม่ได้โง่ขนาดนั้น”
วิจิตรายังแย้ง แต่อารมณ์ขุ่นมัวเมื่อครู่เริ่มคลายลง ปรเมศวร์ที่โอบไหล่มนเริ่มลูบไล้ต่ำลงมาที่
สะโพกอวบอั๋น ปากก็ยังคงพูดจาโน้มน้าว
“ถ้ามันไม่โง่ ทำไมมันถึงไม่รู้ว่าคนที่ส่งเมียมันมาถวายผมคือคุณ ผมยังเห็นว่ามันให้ความสนิท
สนมกับคุณเป็นอย่างดี ทั้งที่คุณเป็นคนแทงข้างหลังมันยามเผลอด้วยซ้ำ แบบนี้ยังไม่เรียกว่าโง่
อีกเหรอ?”
วิจิตราคิดตาม ไม่ได้ใส่ใจว่ามือไม้ของคนพูดจะไปอยู่ที่ส่วนไหนของร่างกายตนเองแล้ว
ปรเมศวร์คลอเคลียคนสวยที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง ดันให้คนหน้าบึ้งเอนกายลงนอนราบบนเตียง
นอนหนานุ่ม ซุกไซ้เล้าโลมให้อีกคนคล้อยตาม ซึ่งมันก็ไม่ยากเลยสำหรับคนคู่นี้
“อย่าคิดมากเลย แค่เป็นอย่างที่คุณเป็น ใครที่มันเป็นตัวปัญหา ผมจะจัดการให้คุณเอง”
เสียงแหบห้าวกระซิบบอก รั้งต้นขาสวยให้เกี่ยวเอวตนเอง แทรกกายเข้าสู่ความนุ่มหยุ่นที่แสน
ซาบซ่าน นำพาสาวสวยไปท่องนภาด้วยกันต่อไปในค่ำคืนนี้
++++++++
ภายในห้องนอนของโซล ดินที่เป็นคนความรู้สึกไวอยู่แล้วตื่นขึ้นมาเมื่อตาต้าขยับตัวลุกขึ้น เห็น
ทุกการกระทำของหนุ่มน้อย ชายหนุ่มหน้าเข้มขมวดคิ้วเล็กๆ เมื่อลุกขึ้นมามองเต็มตา น้องชาย
เจ้านายที่ขึ้นไปนอนบนเตียงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เจ้านายเขาที่รั้งร่างเพรียวเข้าสู่อ้อมกอดนี่
ล่ะ ดินรีบลงนอนในท่าเดิมเมื่อเห็นว่าเจ้านายขยับตัวลุก โซลที่พยายามข่มใจข่มกายให้นอน
หลับ แต่เมื่อไออุ่นจากร่างกายของอีกคนมาเบียดชิดแบบนี้ก็ยากนักที่จะข่มตาลงได้ ร่างหนา
ขยับลุกจากที่นอน มองหน้าน้องที่นอนหลับไปโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้วอ่อนใจ ตาต้าจะฆ่าพี่
ให้ตายเลยใช่ไหม?
โซลวาดขาลงจากเตียงตรงเข้าห้องน้ำอีกรอบ ดินหรี่ตาขึ้นมองนายที่เข้าห้องน้ำไป แล้วหัน
กลับมามองคนที่นอนอยู่บนเตียง ตอนนี้ชักจะข่มตาให้หลับไม่ได้แล้ว จึงแค่เอนกายลงนอนแล้ว
ลืมตานิ่งอยู่แบบนั้น จนผู้เป็นเจ้านายออกมาจากห้องน้ำ
โซลเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้ง ยกขวดน้ำดื่มที่ดินนำมาวางไว้ให้ข้างหัวเตียงขึ้นดื่ม เสร็จแล้วจึง
จัดการห่มผ้าให้น้อง ก่อนจะผละมาก็จูบหน้าผากเนียนของคนหลับไปที โซลเดินมาที่โซฟาตัวที่
น้องจับจองไว้ก่อนหน้านี้ ผ้าห่มยังกองอยู่ที่พื้นเพราะคนที่นอนอยู่บนเตียงนั่นลุกขึ้นได้ก็เดินลาก
ขาไปที่เตียงเลย ไม่สงไม่สนอะไรแล้ว
“ดิน หลับรึยัง?”
โซลเอนกายลงบนโซฟาแล้วเอ่ยเรียกลูกน้องที่นอนโซฟาอีกตัว
“ยังครับ”
ดินที่ยังหลับไม่ลงเหมือนผู้เป็นเจ้านายตอบกลับ ภายใต้ความสลัวของห้อง มีเพียงเสียงขยับตัว
ของโซลดังแทรกเข้ามา ก่อนที่เสียงทุ้มนั้นจะเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ขอนอนที่นี่ด้วยแล้วกันนะ เตียงถูกแย่งซะแล้วล่ะ”
ได้ยินเสียงดินหัวเราะหึๆตอบกลับมา
“น่าจะให้คนนั้นนอนบนเตียงแต่ทีแรก”
ดินหัวเราะในลำคออีกครั้ง เห็นด้วยกับเจ้านายเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ทั้งคู่เงียบไปพักใหญ่ แต่
ก็ยังหลับไม่ลงอยู่ดี โซลจึงเอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ขอบใจมากนะดิน”โซลรู้สึกอย่างที่บอกจริงๆ ดินคอยช่วยเหลือเขาทุกอย่าง ทั้งงานราษฎร์งานหลวง และครั้งนี้ถือ
เป็นความชอบยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ ใช่ว่าผู้ชายตัวโตๆจะพลาดพลั้งไม่เป็น
“ไม่เป็นไรมิได้ครับ”
++++++++
เช้าวันใหม่ โซลและดินที่มาหลับเอาตอนค่อนรุ่ง แต่นาฬิกาชีวิตก็ยังปลุกให้ทั้งสองคนตื่นใน
เวลาปรกติเช่นทุกวัน เจ้านายกับลูกน้องคนสนิทจึงลงไปหากาแฟดื่มที่ด้านล่าง พูดคุยถึง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา คนที่น่าสงสัยก็คงไม่พ้นปรเมศวร์ แต่ที่น่าเอะใจคือ
ปรเมศวร์จะเอายานั่นให้โซลกินตอนไหน หรือว่าฝากใครมา แล้ววิจิตรามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
หรือไม่ ทุกปัญหายังไม่ชัดเจนในคำตอบ มีแค่เพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
หลังจากพูดคุยกันอยู่สักพักดินจึงขอตัวกลับไปบ้าน โซลบอกขอบใจลูกน้องอีกครั้ง ก่อนจะผละ
เดินขึ้นห้องมา เมื่อเข้ามาในห้องนอนของตนเองก็เห็นว่าตาต้าตื่นแล้ว งัวเงียลุกขึ้นนั่งจุ้มปุ๊กอยู่
บนเตียง โซลมองคนที่ยังสะลึมสะลือแล้วยิ้มขำ เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆน้อง ลูบแก้มใสของคนที่
ยังตื่นไม่เต็มตา
“ตื่นรึยังครับเด็กดื้อ?”
ตาต้าพยักหน้าทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้นว่าตนเองตื่นแล้ว โซลขยี้ผมนิ่มอย่างหมั่นเขี้ยว
“ถ้าอย่างนั้นลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเลยครับ เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ”
ดวงตากลมหรี่ขึ้นมองหน้าพี่ข้างหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง ลุกลงจากเตียงเดินโซเซออก
จากห้องไป
สักพักใหญ่ๆตาต้าถึงได้กลับมาโผล่ที่ห้องพี่อีกครั้ง ยืนเกาะขอบประตูไม่กล้าเข้าไปด้านใน ใจ
มันหวั่น โซลมองคนที่หน้าประตูขำๆ ก่อนจะบอกให้น้องเข้ามา
“เข้ามาสิครับตาต้า”
“พี่พูดเพราะ…”
“เอ้า! พูดเพราะก็ผิดเหรอ?”
โซลเลิกคิ้วสูง เอ่ยถามกลับกลั้วหัวเราะ แล้วเดินไปจูงมือคนที่ยังทำตัวเป็นตุ๊กแกเกาะขอบประตู
ให้เข้ามานั่งที่โซฟาตัวเมื่อคืน โดยนั่งตัวเดียวกันและหันหน้าเข้าหากัน พอน้องนั่งลงแล้วโซลก็
ยังไม่พูดอะไรในทันที มองคนเป็นน้องที่นั่งก้มหน้าเม้มปาก เหลือบมองพี่บ้างบางครั้งเหมือน
อยากจะพูดอะไร จนสุดท้ายคนที่เอาแต่ก้มหน้าก็ยกมือไหว้
“ต้าขอโทษ”โซลแอบยิ้มที่น้องทำแบบนั้น แต่ยังวางสีหน้านิ่งอยู่ ท่าทางน้องคงอึดอัดที่เขาเอาแต่เงียบ
“พี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ขอโทษเรื่องอะไรครับ?”
โซลถามเปิดทางให้ ตาต้าช้อนสายตามองพี่ก่อนจะก้มหน้าลงเหมือนเดิม อ้อมแอ้มบอก
“ขอโทษที่ต้าไม่ฟังที่พี่ห้าม ดื้อมาที่ห้องนี้จนได้”
“รู้ด้วยหรือว่าผิด?”
คนผิดพยักหน้าหงึก โซลเงียบอยู่สักพักก่อนจะเอื้อมจับมือน้องมากุม ตาต้าเงยหน้าขึ้นมามอง
โซลจ้องตากลมโตนั้นก่อนจะพูดกับน้องด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ที่พี่จะพูดนี่ไม่ได้จะตำหนินะครับ แต่พี่อยากให้ตาต้าคิดตามที่พี่พูด โอเคไหม?”
“ครับ”
“เมื่อคืน…ตาต้ารู้ไหมว่าพี่เป็นอะไร?”
“………..” พยักหน้าว่ารู้ โซลจึงพูดต่อ
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าที่พี่ห้ามไม่ให้ตาต้ามาที่ห้องนี้เพราะอะไร?”
“…………..” คราวนี้เด็กดื้อนิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม และไม่มีการพยักหน้ารับหรืออะไร ถึงพี่จะ
บอกว่าไม่ได้จะตำหนิ แต่ว่า…
“พี่บอกให้ตาต้ากลับห้อง แต่ตาต้าก็ยังดึงดันที่จะอยู่โดยให้เหตุผลว่าเพราะดินยังอยู่ได้ใช่
ไหม?”
“…………….” พยักหน้าอีกครั้ง ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่แล้วยิ่งก้มลงไปแทบชิดอก โซลที่เห็นท่าทาง
อย่างนั้นของน้องแล้วก็พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ใจอ่อน
“ตาต้ารู้ไหมว่าระหว่างดินกับตาต้าน่ะ ต่างกันยังไง?”
“…………”
“ดินคือลูกน้องคนสนิท เป็นคนที่พี่ไว้ใจ ส่วนตาต้า… คือคนที่พี่มีใจให้”
“………..”
ยิ่งได้ยินพี่พูดแบบนั้นขอบตากลมก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าว พี่ไม่ได้ดุว่าเสียงดัง แต่มันทำให้
ตาต้ารู้สึกผิดมากกว่าการที่พี่จะทำแบบนั้นเสียอีก
“พี่จะพูดให้ตาต้าเห็นภาพง่ายๆว่า ขนาดในเวลาปรกติที่พี่ไม่ได้โดนยากระตุ้นหรืออะไร พี่ยัง
ห้ามใจตัวเองลำบากที่จะไม่แตะเนื้อต้องตัวตาต้า หรือมากกว่านั้น แต่ในสถานการณ์เมื่อคืนนี้ ที่
พี่ควบคุมตัวเองแทบไม่ได้ และตาต้ามาอยู่ใกล้ๆแบบนั้น… ตาต้าคิดว่าพี่จะรู้สึกยังไงครับ?”
“ก็… ก็… ต้าเป็นห่วง”
“พี่รู้ครับ ว่าตาต้าเป็นห่วง พี่ก็เป็นห่วงตาต้าเหมือนกันถึงได้ห้าม เพราะถ้าเกิดมันเกิดอะไรไม่ดี
ขึ้น คนที่เสียใจที่สุดคือตัวตาต้าเองใช่ไหม ถึงเราจะรักกันหรือไม่ได้รัก แต่เซ็กซ์ที่เกิดจากยา
กระตุ้นแบบนั้นมันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจดจำสำหรับใครหรอกนะ ถ้าพี่จะมีอะไรกับตาต้าจริงๆก็ต้องเป็น
เพราะเราพร้อม ไม่ใช่เพราะอย่างอื่น เข้าใจไหมครับ?”
“………..”
“อะไรก็ตามที่พี่ห้าม พี่เตือน นั่นแสดงว่าพี่เป็นห่วงนะรู้ไหม?”“ครับ”
โซลเกลี่ยแก้มใสของคนที่เอาแต่ก้มหน้า สัมผัสเปียกชื้นที่ข้างแก้มนั้นแทบทำให้เขาอยาก
ร้องไห้ตามน้องไปด้วย
“เด็กดี”
โซลลูบศีรษะน้องเบาๆ ร่างเพรียวนั้นก็โผเข้ากอดพี่ แขนเรียวเล็กกอดแน่น ตัวเพรียวบางสั่นจาก
การกลั้นสะอื้น เสียงสั่นเครือย้ำบอกกับพี่อย่างรู้สึกผิด
“ต้าขอโทษ”โซลกอดปลอบลูบหลังลูบไหล่คนขี้แย เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว กับสิ่งที่เขาอยากให้น้องได้เรียนรู้
ในวันนี้
+++++++++
“พี่โซลลลล”
ในช่วงเช้าของวันหยุด ตาต้าวิ่งนำเพื่อนใหม่ที่เริ่มจะสนิทกันมากขึ้นทุกวันมาหาพี่ที่สำนักงาน
และเช่นเคยที่วันหยุดน้องจินนี่ต้องไปเรียนเต้น พี่ชายคนสนิทอย่างตาต้าจึงตัวติดกับกายและ
แก้ว ไปช่วยลุงสนดูแลสวน และไปดูแลต้นสตรอเบอร์รี่ของตนเองกับน้องจินนี่ด้วย
“อะไรน่ะเด็กๆ”
โซลมองท่าทางหอบเหนื่อยของสามสหายอย่างขำขัน เป็นเด็กนี่มันดีจริงนะ เล่นซนได้ทั้งวัน
“แก้วมานั่งตรงนี้มา กาย เราหิวน้ำอ่ะ จัดให้หน่อย”
ตาต้าที่เดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ยาวรับแขกในห้องทำงานพี่ กวักมือเรียกน้องสาวเพื่อนให้มานั่งข้าง
กัน ก่อนจะสั่งหนุ่มเหนือให้ไปเอาน้ำมาให้ตนเองกับแก้วได้ดื่ม
“อะไรน่ะเรา ใช้เพื่อนด้วย”
โซลถามล้อๆ ตาต้าลอยหน้าไปมายิ้มๆ ส่วนกายเดินออกไปเอาน้ำมาให้ตามคำสั่งของหนุ่ม
เมืองกรุง
“แล้วนี่ไปไหนกันมา”
โซลเอ่ยถามน้องอีกครั้งเมื่อกายกลับมาพร้อมน้ำสี่แก้ว มีมาเผื่อเขาด้วยต่างหาก โซลรับแก้ว
น้ำใจจากเด็กหนุ่มมา เอ่ยขอบใจเจ้าตัวเขาก็ยิ้มซื่อมาให้
“กายพาต้าไปกาดนัดมา เดินซะเมื่อยเลย”
วางแก้วน้ำที่ยกจิบ แล้วทุบขาตัวเองว่าเมื่อยจริงๆ
“ตาต้าเดินซะเมื่อย แต่เราน่ะปั่นจักรยานให้ตาต้านั่งซะขาแทบลากเหมือนกันล่ะ”
“โหย มีบ่นๆ”
ตาต้าทำเสียงหาเรื่อง ผลักไหล่เพื่อนอย่างหยอกล้อ
“ก็ใครล่ะให้เราปั่นหนีคนน่ะ เร็วสุดชีวิตเลยนะ”
“หนีใคร?”จบคำที่กายพูด โซลก็สวนมาทันที เด็กๆหันไปมองหน้ากัน แล้วแก้วกับกายก็หันมามองตาต้า
รวมถึงโซลด้วยอีกคนที่จ้องจะเอาคำตอบจากน้อง ตาต้าหันมองคนนั้นคนนี้ที่จ้องจะเอาคำตอบ
จากตนเอง แล้วถอนหายใจหนักๆ
“ก็เปล่าหรอก ต้าแค่แกล้งกายเล่นเท่านั้นแหละ กายก็บ้าจี้ตามเราทำไมล่ะ”
“โหย แบบนี้แก้วก็เหนื่อยฟรีน่ะสิคะ แก้วงี้ปั่นแทบจะล้มไม่ต้องลุกเลยเหอะ พี่ตาต้าอ่ะ ทำกันได้”
แก้วบ่นงุ้งงิ้งเมื่อตาต้าบอกว่าแกล้งเล่น เธอก็นึกว่ามีคนจะตามมาทำร้ายเอา เลยปั่นเสียเต็มที่
เลย หายใจหายคอแทบไม่ทัน
“ขอโทษๆ”
ตาต้ายิ้มแหยที่โดนงอน บีบนวดแขนเล็กๆของน้องแก้วเอาอกเอาใจให้สาวน้อยหนึ่งเดียวใน
กลุ่มหายงอน
กายกับแก้วนั่งพักจนหายเหนื่อยดีแล้วจึงพากันขอตัวกลับบ้าน และจะกลับมาช่วยลุงสนอีกที
ตอนบ่ายๆที่แดดเริ่มโรย ตาต้าเดินออกมาส่งเพื่อน ก่อนกลับเข้ามาหาพี่ในห้องเช่นเคย โซลที่
รอน้องอยู่แล้ว พอตาต้านั่งลงที่เดิมจึงถามเรื่องคาใจทันที
“ว่าไงเด็กดื้อ เรื่องเล่นซนนั่นไม่จริงใช่ไหม?”
ตาต้าหยิบหนังสืออ่านเล่นมากาง เหลือบมองพี่เล็กน้อยก่อนจะบอกเสียงเรียบ
“ต้าเจอคุณปรเมศวร์… เดี๋ยวสิพี่โซล ต้ายังไม่ได้เล่าเลย อย่าเพิ่งโกรธ”
พอตาต้าบอกว่าเจอปรเมศวร์ โซลก็ชักสีหน้าทันทีจนน้องต้องร้องห้าม แค่เอ่ยชื่อเองนะ
“ต้าบังเอิญเจอเขา…”
“บังเอิญหรือมันจงใจ”
โซลว่าเสียงขุ่น ตาต้ามองหน้าพี่นิ่ง วางหนังสือในมือลง ก่อนถามพี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไมเขาต้องจงใจมาเจอต้าด้วยล่ะ พี่โซลบอกต้าได้ไหม ว่าระหว่างพี่โซลกับคุณคนนั้นน่ะ มีอะไรกันแน่?”
โซลมองท่าทางจริงจังและร้องขอของน้องแล้วถอนใจ ที่จริงมันเป็นเรื่องไม่สมควรนักที่จะเล่า
เพราะมันจะกระทบถึงคนในอดีตของเขาด้วย แต่ถ้าไม่ให้น้องรู้อะไรเลยมันคงไม่ยุติธรรมสำหรับ
น้องเท่าไหร่ ที่รู้ว่าคนนั้นเป็นคนไม่ดีให้หนีห่าง แต่เป็นคนไม่ดียังไง ควรจะระวังตัวมากน้อยแค่
ไหนก็ไม่รู้ได้
โซลลุกจากโต๊ะทำงานมานั่งลงข้างน้องที่เก้าอี้รับแขก เริ่มเล่าความเป็นมาเป็นไประหว่างตนเอง
กับศัตรูคู่อาฆาต ก็อย่างที่ตาต้ารู้ว่าปรเมศวร์และโซลอยู่ไร่ข้างกัน มันอาจไม่ได้ใกล้กันนักด้วย
เพราะบริเวณที่กว้างขวาง แต่ด้วยสายอาชีพที่ใกล้เคียงกันทำให้ทั้งสองไร่รู้จักกันในระดับหนึ่ง
โซลเป็นคนที่ทำอะไรโดยความมั่นใจในความสามารถของตนเองตลอด ทุกสิ่งอย่างที่เขาทำ
มักจะออกมาดีเสมอ การที่เป็นคนมั่นใจในตนเองแบบนี้จึงไม่ค่อยถูกตาปรเมศวร์สักเท่าไหร่นัก
จึงทำให้ทั้งคู่ไม่ถูกกันมาตั้งแต่เด็กเลยก็ว่าได้ และมันก็เป็นเช่นนั้นเรื่อยมา ไม่ว่าโซลมีอะไร
ปรเมศวร์ต้องมีเหนือกว่า จากความไม่พอใจกันในตอนเด็กมันกลับเพิ่มความรู้สึกในทางลบมาก
ขึ้นเรื่อยๆ
“จนวันที่พี่แต่งงานกับจา”
เมื่อโซลเริ่มจะเข้าเรื่องอดีตภรรยาอย่างจารุก็แอบลอบมองสีหน้าน้องด้วย เห็นว่าคนฟังไม่ได้
แสดงว่าไม่พอใจอะไรจึงเล่าต่อ
“ในช่วงแรกเราก็ยังมีความสุขกันดีอยู่หรอก แต่เพราะว่าพี่ต้องทุ่มเทกับการทำงานในไร่มากๆ
ในช่วงนั้น เพราะต้องเรียนงานทุกอย่างจากพ่อที่ท่านกำลังจะวางมือ เวลาที่มีให้จาเลยน้อยลง
พี่ว่าเธอก็คงเหงา อยู่ในที่ที่ห่างไกลแสงสี มีแต่ต้นไม้ใบหญ้า สาวสังคมที่ไหนจะมาชอบกัน”
โซลหยุดปรับอารมณ์สักพัก ก่อนจะเล่าต่อ
“เมื่อก่อน ก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ พี่กับจาใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างฟู่ฟ่าฟุ่มเฟือย แต่พอมาที่นี่แล้ว
มันก็ต้องลดลงไปด้วย แล้ววันนึงเรื่องที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้นมา ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่อง พี่กับจา
ทะเลาะกันบ่อย ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องน้อยมันก็ไม่เคยถูกใจเธอสักอย่าง พี่ยอมรับว่าแอบกังวล
อยู่เหมือนกัน จึงขอพ่อลดเวลาทำงานลงเพื่อให้เวลากับเธอมากขึ้น แต่มันก็ไม่ทันการณ์ เมื่อ
เธอตัดสินใจแล้วว่าจะไป”
ตาต้าเงียบฟังที่พี่เล่าไม่แสดงความคิดเห็น และสีหน้าใดๆที่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไรอยู่
“มันคงจะดีกว่านี้ถ้าคนๆนั้นไม่ใช่ปรเมศวร์”
“พี่โซลรู้ได้ยังไงว่าเป็นคุณคนนั้น?”
ตาต้าที่เงียบมาตลอดการเล่าเรื่องของพี่ถามขึ้นมา ทำไมพี่ถึงรู้ว่าเป็นเขา เพราะพี่จารุบอก หรือ
คุณปรเมศวร์คนนั้นบอก
“ตาต้าคิดว่ายังไงล่ะ คิดว่าคนอย่างปรเมศวร์จะปกปิดเรื่องนี้ หรือนำมันมาเยาะเย้ยพี่?”
“……….”
“หลังจากนั้นพี่ก็ได้แต่ปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้ข่าวสารใดๆของคนคู่นั้นอีก เลยพลาดที่จะรู้ความ
เป็นอยู่ของจารุ และในวันที่พี่เริ่มทำใจได้ จารุก็มาที่นี่…”
คนฟังเลิกคิ้วแปลกใจ พี่จารุเคยกลับมาหาพี่โซลหลังจากนั้นด้วย
“เธอไม่ได้มาแบบปรกติ แต่ทั้งร่างกายและจิตใจเธอบอบช้ำ เธอไม่ให้แจ้งความเพราะมันไม่น่า
เล่าให้ใครฟังกับความผิดพลาดของเธอ”
ตาต้าทำตาโตอย่างตกใจ เขาไม่อยากจะคิดหรอกว่ามันจะเป็นแบบนั้น
“เขาทำร้ายพี่จาเหรอ?”
โซลมองสีหน้าเจื่อนๆของน้องแล้ว ตัดสินใจลำบากว่าควรจะบอกดีไหม แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
แล้วบอก
“อือ มากกว่านั้นอีก อารมณ์รุนแรงและ … เซ็กซ์”
เด็กหนุ่มถึงกับนิ่งไปที่ได้ยินแบบนั้น เขาไม่เคยรู้ว่าพี่จารุพบเจอกับอะไรแบบนี้ เขาเคยคิดแค่ว่า
พี่จารุเป็นคนไม่ดี ทิ้งพี่โซลของเขาไป แต่นี่เธอกลับ…
ขนาดเขาที่เป็นคนอื่นยังสงสารและเห็นใจเธอ แล้วพี่โซลที่รักเธอมาก่อนล่ะจะขนาดไหน
น้ำเสียงเวลาที่พี่เล่ามันฟังดูเจ็บปวด พี่อาจจะยังมีใจให้เธออยู่
“แล้วตอนนี้พี่จารุอยู่ที่ไหนครับ?”
“อยู่ต่างประเทศน่ะ พี่ว่าก็ดีแล้วล่ะ”
มันดีแน่หรือพี่โซล ถ้ามันดีจริงๆทำไมพี่ต้องทำหน้าเศร้าขนาดนี้ด้วย
“พี่โซล…”
“หือ?”
“………….”
โซลหันกลับมาหาคนเรียก แต่อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไรต่อ
“อ้าว? เรียกแล้วเงียบ ยังไงกันครับ?”
“เปล่า ต้า…”
“ครับ?”
“คือ…ต้าอยากรู้ ว่า… ถ้าพี่จากลับมา พี่โซลจะกลับไปคืนดีกับเธอไหม?”
โซลนิ่งไปกับคำถามที่น้องถาม หรือว่ามันมีตรงส่วนไหนที่เขาทำให้น้องไม่สบายใจหรือ เขา
แสดงอะไรที่บ่งบอกว่ายังมีใจให้จารุออกไปอย่างนั้นหรือ?
“ทำไมถึงคิดว่าพี่จะคืนดีกับจา”
“ก็พี่เขาน่าสงสาร บางทีเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำผิดก็ได้”
คนพูดยิ่งพูดยิ่งไม่มั่นใจ นี่มันเหมือนตัวเองกำลังเชียร์ผู้หญิงอื่นให้พี่เลยนี่
“คิดแทนคนอื่นทำไมกัน ฮึ!”
บีบจมูกคนขี้กังวล ก่อนจะบอกให้ฟังอย่างจริงจัง
“พี่แค่เห็นใจกับชะตาชีวิตที่เธอต้องเผชิญเท่านั้น พี่ไม่ได้รักเธอแล้ว”
“………..”
“กับจามันคือสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางเหมือนเดิม ต่อให้เธอจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ
แต่แก้วที่มันแตกไปแล้ว ต่อยังไงมันก็ไม่มีทางเหมือนเดิมหรอก”
ตาต้าก้มหน้ามองมือตนเอง เขาขี้กังวลเกินไปหรือ มันเหมือนไม่เชื่อใจพี่หรือเปล่า?
“ตอนนี้พี่มีแค่ตาต้า ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องของใครทั้งนั้น ถ้าตาต้ายังยืนยันว่า ต่อให้อีกนาน
แค่ไหนตาต้าก็ยังจะรักพี่ พี่ก็อยากบอกกับตาต้าเหมือนกันว่า ต่อให้อีกสิบจารุ ก็ไม่มีทางทำให้พี่
ไขว้เขวได้ เพราะหัวใจของพี่… มันอยู่ที่ตาต้าแล้ว”
“พี่โซล”
“หัวใจพี่มีดวงเดียว และรักได้แค่คนเดียวเท่านั้นนะ”
TBC
• แอบร้องไห้ตอนพี่โซลดุT^T
• บวกทุกบวกขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ
• ไม่รู้ทำไมยิ่งเขียนนิยายตัวเองยิ่งดราม่า ทำไมมันไม่ใสเหมือนเรื่องน้องมินล่ะเนี่ย?
• พบกันอีกครั้งวันอังคารค่ะ
• ปล.ขอบคุณ คุณพี่nongrak ด้วยเช่นกันค่ะ ขอบคุณกำลังใจที่ติดตามกันตั้งแต่เรื่องแรกด้วยค่ะ