มาแล้วครับๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีเปื่อยนิดหน่อย
เลยไม่ได้แต่งเลยครับ แว๊บเข้ามาเห็นเพื่อนๆ แวะมาบ่อยๆ
เลยรีบๆ เข็นออกมาเท่าที่จะพอเอื้ออำนวยครับ 5555
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ มึนๆ อยู่น่ะครับ แหะๆ
ขอให้อ่านอยางมีความสุขนะครับ ^ ^
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่ 9ไม่รู้จะทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ถูก คำพูดและสัมผัสที่แผ่วเบานั้น มั่นใจว่ายังไงก็ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ
ความรู้สึกยังคงอยู่ ยังจดจำได้ดี ...อ่อนโยนแล้วก็หอมหวานแบบนั้น
“ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวดี ปล่อยให้พี่จ้อกับเพื่อนเราตั้งนาน” ผักกาดชะโงกหน้าออกจากครัวมาบ่น
ในมือสาละวนไปกับการคลุกเคล้าน้ำสลัดกับผักในชาม ก่อนที่มือเล็กๆ จะวางทัพพีไม้ลง
“นี่เราไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าแดงๆ”
เดินเข้ามาหาแล้วเอามืออังบนหน้าผากน้องชาย “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”
“ไม่ๆๆ ไม่เป็นอะไรนะเจ้” คะน้าปฏิเสธพัลวัน
“พักนี้แปลกๆ นะน้องชายชั้น เอาเถอะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเลย จะเสร็จละ”
ดันหลังน้องชายกลับเข้าห้องแล้วหันไปหาแขกผู้มาเยือนทั้งสองคน
“หนุ่มๆ คะ ขอแรงให้สุภาพสตรีจะได้ไหมคะ” กระพริบตาวิ๊งๆ ใส่จนทั้งสองยิ้มขำ
“ตุลช่วยเจ้ยกไอ้ที่เสร็จๆ แล้วมาที่โต๊ะที” ว่าแล้วก็เพยิดหน้าไปทางครัว
“ได้เลยคร้าบบบ...” หมอหนุ่มขานรับเสียงยาว ผักกาดหันไปที่ทิมต่อ
“ส่วนน้องทิมเนี่ย ช่วยคลุกสลัดในโบล์ต่อแล้วยกตามมา เข้าใจนะ เจ้กลัวจานแตกหมดบ้าน”
“โห่ยยยยพี่ผักกาด... ก็มันลื่น” เสียงใสจนคะน้าสะดุ้งตัว
ต้องชะโงกออกมามองว่าใช่คนเดียวกับที่รู้จักหรือเปล่า
“ไม่ต้องมาเถียง! เจ้ไม่ชอบ!” หันไปทำตาดุใส่
“ครับ” ทิมถึงกลับก้มหน้างุด จะว่าไปคะน้ากลับไม่แปลกใจอะไรนักที่ทิมจะหงอ
ก็ผักกาดนี่เผ็ด สวย ดุ ของจริง ขนาดเจอบ่อยๆ
เขาเองยังรู้สึกหงอเลยกับสายตาพิฆาตกระต่ายคู่นั้น
มองแล้วก็ถอนหายใจ อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่รู้จักนรกซะแล้ว ทิมเอ้ย
“พอกับเจ้าต่ายเลย ซุ่มซ่ามแล้วยังมีหน้ามาเถียง ไม่ได้เรื่อง”
ได้ยินชื่อ คนที่สลดอยู่ก็หัวเราะขำ
“ก็ไม่งั้นจะคบกับต่ายได้ไงเล่าพี่”
ทิมเย้าเสียงหวานจนคะน้าแทบพ่นยาสีฟันออกจากปาก
ตาโตๆ ทั้งสองข้างแทบจะถลนออกจากเบ้า
มันคือไอ้เห้ เอ้ย! ไอ้เท่จริงๆ เหรอนั่น! แล้วมาต่งมาต่ายบ้าอะไรไอ้นี่
แต่ที่แปลกก็คือผักกาดกลับหัวเราะชอบใจ ไม่รู้ว่าทิมไปทำอีท่าไหน
ถึงสนิทสนมกับพี่สาวเขาได้ไวขนาดนี้ แถมดูเหมือนว่าพี่จะรู้สึกเอ็นดูอีกต่างหาก
ผลัวะ!!!
“โอ้ยยย... เจ็บนะครับ” เอามือลูบแขนป้อยๆ
“ฟาดให้เจ็บ” ผักกาดกระหน่ำไม่คิดชีวิต แม้ไม่ได้เห็นจะๆ กับตา คะน้าก็รู้สึกได้
ถึงสีหน้าที่มีความสุขของพี่สาวตอนที่ได้ทำร้ายร่างกายคนอื่น ...เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก
กระทั่งจัดแจงทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย คะน้าก็เดินออกมาแบบงงๆ
ไม่เข้าใจว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาผล็อยหลับไปด้วยความเพลียนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทำไมผักกาดถึงได้ดูสนิทสนมกับสองหน่วยนั้นจนน่าตกใจ ยังไม่ถึงที่โต๊ะดี
ก็ได้ยินบทเพลงสรรเสริญพระบารมีเวอร์ชั่นหมอตุลจากริมฝีปากผู้เป็นพี่สาวเข้าให้อีก
“จุดนี้ เจ้ปลื้มตุลมาก น่ารัก เพอร์เฟ็กต์ ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย แลดู family man สุดๆ”
“โห... พี่ผักกาดก็ว่าไปครับนั่น ผมจะตัวลอยเอาแล้วครับ”
กลั้วเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มพิฆาตมารอีกแล้ว นี่ล่ะนะ พี่สาวเขาถึงได้ใจอ่อนเอา
“ตายจริง ชอบคนอายุมากกว่าไหมจ๊ะเนี่ย” มันขาดคำไหมล่ะนั่น
“แหะๆ พูดแบบนี้ผมก็เขินพอดีสิครับ โอ๊ะ... ต่ายมาพอดี”
ตุลหันมายิ้มให้คะน้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใครต่อใครต้องเผลอไผลยิ้มตาม
“เจ้เผยแพร่ลัทธิอะไรเนี่ย ทำไมไม่เรียกว่าคะน้า” หันไปถลนตาใส่ตุลจนเจ้าตัวยิ้มขำ
“ตัวแสบมาเลยๆ ไปนั่งตรงโน้น ให้ไกลๆ จากเจ้เลย เบื่อแสนเบื่อแล้ว
ตุลมานั่งนี่ เจริญหูเจริญตา ส่วนเจ้าลิงนั่งตรงนี้ แล้วอย่าทำลายข้าวของอีกล่ะ”
“อ้าว ทำไมผมกลายเป็นลิงเล่า” ทิมประท้วง
“บอกว่าอย่าเถียง!” วิศวกรมาดเข้มถึงกับหงอก้มหน้างุดทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป
จัดแจงเสร็จสรรพ ลงท้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มไปด้วยอาหารหอมฉุยฝีมือผักกาด
หญิงสาวนั่งข้างๆ กับทิมโดยมีตุลฝั่งนั่งตรงข้าม
ส่วนข้างๆ ตุลเป็นคะน้าที่ฝั่งตรงข้ามเป็นทิมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กับผักกาดนั่นเอง
มื้ออาหารดำเนินไปด้วยความราบเรียบเป็นปกติสุข
ไม่มีคำถามซักไซ้ใดๆ ที่แปลกประหลาดออกจากปากผู้เป็นพี่สาว
เป็นไปได้มากว่าคงซักไปหมดแล้วในระหว่างที่เขาหลับอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คะน้าหวั่นหวาด
หากแต่เป็นอาการไม่ถูกชะตาระหว่างตุลและทิมต่างหากที่ทำเอาเขารู้สึกหนักใจ
แต่คำแล้วคำเล่าของอาหารที่แสนอร่อยนั้น
กลับไม่มีอาการเขม่นของแขกผู้มาเยือนทั้งสองอย่างที่คะน้าวิตก
“ตุลทานนี่นะคะ เจ้ทำเต็มฝีมือ” ผักกาดตักอาหารใส่จานให้กับตุล
“แค่มันเวฟไม่ใช่เหรอเจ้”
“ยังมีเมนูกระต่ายเผาหนังกรอบ หนุ่มๆ สนใจไหมจ๊ะ”
หันไปยิ้มให้ตุลและทิมก่อนจะเขม่นสายตาพิฆาตไปยังผู้เป็นน้องชายจนสลดจนทิมแอบขำ
“ขำอะไรเล่าไอ้จ๋อ” ยืมนิยามความเป็นทิมมาจากผู้เป็นพี่สาวเล่นเอาผู้ถูกขนานนามถึงกับหน้าหุบ
ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเบาๆ ที่หน้าแข้งจากปลายเท้าของคนนั่งตรงข้าม
คะน้าสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นทิมทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน ซ้ำยังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
โบราณว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ว่าแล้วกระต่ายสุดโหดก็จงใจกระแทกเท้ากลับไปยังเป้าหมาย
เห็นทิมสะดุ้งตัวเล็กน้อยก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่มื้ออาหารจู่ๆ ก็อร่อยขึ้นทันตา
ดูเหมือนว่าคะน้าจะลืมคำลักษณะเฉพาะตัวของคู่ต่อสู้ไปเสียสนิท ‘แรงมาก็แรงไป’
เช่นนั้น แรงกระแทกครั้งล่าสุดจากทิมถึงกับทำให้โต๊ะสะเทือนจนผักกาดและตุลลอบมองด้วยความสงสัย
รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นอมยิ้มแป้นๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามยิ่งแสลงใจ
โบราณว่าไว้ชัยชนะก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตัดสินเสียทุกครั้ง
ว่าแล้วคะน้าก็ตักกับข้าวโปะลงไปบนจานของตุล
“ทานเยอะๆ นะครับหมอ จะได้อ้วนๆ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำไปแบบนั้น
...ปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างนั้นเหรอ?
และแล้วมื้ออาหารที่เงียบสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง กระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
เนื่องจากที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ทำอะไร หน้าที่ล้างจานจึงตกเป็นของคะน้าอย่างไม่ต้องอาสา
ข้าวของต่างๆ ที่มากมายทำให้ตุลเสนอตัวเป็นลูกมือช่วยล้างจานชามกองโตที่หน้าอ่างล้างมือ
ในขณะที่ทิมนั่งคุยกับผักกาดที่โซฟาตัวโตหน้าทีวี
“แย่จังเลยนะครับ ลำบากหมอด้วย”
“เรียกชื่อเถอะครับ นอกเวลางาน ผมก็ไม่อยากเป็นหมอนะ”
ตุลตอบกลับขำๆ พร้อมรอยยิ้มทำเอาคะน้าหัวเราะเห็นด้วย
“นั่นสินะ เหมือนทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลย”
“อาหารอร่ยมากนะครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้ทานอาหารที่บ้านแบบนี้”
“อยู่คนเดียวทำทานเองไม่คุ้มหรือเปล่าครับ เป็นผมก็คงไม่ทำหรอก” ก้มหน้าล้างจานต่อไป
“ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติหรอกครับ มันมีความรู้สึกในนั้น
บรรยากาศของความเป็นบ้านน่ะ ผมไม่ใช่คนทานอะไรยากหรอกครับ”
รับจานจากคะน้าก่อนจะล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดอีกที
“แวะมาทานบ่อยๆ สิครับ พี่ผักกาดคงดีใจแย่” กดฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยฟองแล้วถู
“ครับ” ตุลยิ้มกลับพร้อมตอบรับในไมตรี
ครู่หนึ่งก็เริ่มฮัมทำนองเพลงขึ้นเบาๆ บทเพลงที่คุ้นหูคะน้าอย่างบอกไม่ถูก
ขอ... แค่ใครสักคนที่รักจริง
ขอ... แค่เพียงที่พิงพักใจ
ไม่รู้ต้องทนต้องรอสักเท่าไหร่
จะได้พบใครที่หัวใจนั้นตามหา
“เฮ่... เพลงนี้ ผมจำได้ๆ วันนั้นที่สวนด้านล่าง” ดีใจที่รู้จักเพลงอะไรแบบชาวบ้านเขาด้วย
ตุลไม่ได้ตอบสนองต่อความกระตือรือร้นดีใจแบบเด็กๆ ของคนข้างๆ ตัว
ดวงตาคู่นั้นยังทอแสงอุ่นไปยังคะน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เสียงทุ้มๆ เว้นห้วงด้วยร่องรอยแห่งความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจ
ตุลทอดเสียงช้าลงพร้อมกับแววตาที่คงมั่นไปที่จุดหมายเดิม
สบลึกเหมือนบ่งบอกความหมายที่มากมายในแววตา
ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงาไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืมความเหงาเสียที
ใบหน้าที่อบอุ่นที่จับจ้องมองคะน้าอย่างไม่ละสายตานั้น
ทำเอาคนที่ตัวเล็กกว่ารู้สึกหวั่นไหว กี่ครั้งกี่หน เสียงของตุลก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจเสียทุกครั้ง
...เพลงเพราะอย่างบอกไม่ถูก เนื้อเพลงที่เหมือนเป็นเสียงสะท้อนของความเหงาที่เกาะกุมในใจ
แม้ว่าจะทำให้หัวใจของคนที่ไม่มีใครหลายๆ คนรู้สึกหลงใหล
หากแต่แววตาคู่นั้นและรอยยิ้มที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก
ที่เป็นตัวเร้าความรู้สึกลึกๆ จนหวั่นไหวจนเกินควบคุม
...ทำเอาจานใบใหญ่ในมือเกือบจะลื่นหล่น
เมื่อสติถูกเรียกกลับมาในเวลาที่จวนตัว ทุกอย่างรวดเร็วจนคะน้าทำอะไรไม่ถูก
ลงท้ายก็ได้แต่ปลงเสียแล้วหากจานใบใหญ่ในมือจะหล่นแตกเสียหาย
“โอ้ย!” คะน้าหลับตาปี๋ ไม่อยากจะจินตนาการถึงเสียงจานเวลาตกกระทบพื้นแล้วแตกกระจาย
หากแต่ทุกอย่างยังนิ่งเงียบ เจ้าตัวถึงค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองอย่างหวาดๆ
ตุลเอี้ยวตัวคว้าจานที่ลื่นจากมือของคะน้าไปได้อย่างหวุดหวิด
อารามตกใจทำให้ลืมไปถึงความชิดใกล้ของหัวไหล่ตนเองที่บดเบียดกับแผ่นอกกว้างของคนที่ยืนข้างๆ
“ระวังหน่อยนะครับ” ตุลกระพริบตาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนเป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
แล้วค่อยๆ กระถดตัวออกไปสาละวนกับจานชามกองที่อยู่ตรงหน้า
เสียงทุ้มในระยะประชิดใกล้ของหมอหนุ่มกลับสะกิดในใจของคะน้าให้นึกถึงคำพูดที่ได้ยินในยามหลับใหล
“ผมรักคุณ”คำพูดที่พาลให้คิดต่อไปถึงสัมผัสนุ่มนวลแผ่วเบาที่อ้อยอิ่งนั้น
...จูบที่ถูกประทับในยามหลับตา
หยุดนิ่งทุกอย่าง ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ อีกต่อไป ไม่หยิบจานชามมาเช็ดล้าง
ไม่แม้แต่ความรู้สึกที่อยากจะหายใจ มีเพียงความรู้สึกสงสัยที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมอง
...ใครสักคนในที่นี้ ที่พูดคำนั้นกับเขา
...ใครคนนั้น ที่ฝากความหวานฉ่ำไว้บนริมฝีปาก
“หรือว่า...” เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“ครับ?” ตุลหันกลับมาถามด้วยแววตาสงสัย
“เมื่อกี้ตอนที่ผมนอน...” มีคำพูด คำถามนับร้อยๆ คำ
อยากเอ่ยออกไป แต่มันก็จุกแน่นอยู่แค่นั้น
“ครับ?” หันกลับมามองทั้งตัว
“เอ่อ...”
ก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะถามออกไปตรงๆ มันก็ช่างแปลกประหลาด
...โกรธไหม ...โมโหหรือเปล่า บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก มีความรู้สึกร้อนในอก
แต่ไม่ใช่เพราะโทสะหรือความไม่พอใจ ความรู้สึกในตอนนี้ที่มี
ต่างกับความรู้สึกเหล่านั้นมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้าม
ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ ...แปลว่าลึกๆ แล้วพอใจ?
เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
...แล้วถ้าเป็นตุลจริงๆ
(ยังมีต่ออีกเพียบครับ!)
เครดิต: เพลง ใครคนนั้น ของ Jetseter ครับ