พิมพ์หน้านี้ - ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Lucea ที่ 13-04-2012 18:11:01

หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-04-2012 18:11:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - สารบัญ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-04-2012 18:19:09
(http://image.ohozaa.com/i/66b/hDMkfD.gif)

รหัสประจำตัว (http://i1172.photobucket.com/albums/r573/hermitbooks/banner-1_zps01227adb.jpg)



หนังสือพิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ขนาด A5 จำนวน 2 เล่ม แถมที่คั่นหนังสือ และสายคาดหนังสือ
ราคา 800 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนแล้ว) เปิดจอง ตั้งแต่วันนี้ – 10 มิถุนายน 2556
โดยหนังสือจะจัดส่งหลังจากปิดโอนเงินแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ และมีของแถมพิเศษสำหรับรอบจอง
ทางสำนักพิมพ์จะแถมแก้วเซรามิกพิมพ์ลายคะน้ากับทิมมี่ให้สะสมเพิ่มนะครับ

(http://image.ohozaa.com/i/fd7/oUKbIt.jpg)

ภาพที่เห็นเป็นอาร์ตเวิร์กสำหรับส่งโรงงานนะครับ ไม่ใช่ภาพถ่ายแก้วจริง
ของจริงอาจมีความแตกต่างของสีและตัวแก้วบ้างเล็กน้อยครับ

แต่ละชุดจองจะแถมแก้ว 1 ใบนะครับ แต่ในภาพมีสองใบเพื่อให้เห็นภาพทั้งสองด้านของแก้วครับ




ในเล่มจะมี ตอนพิเศษ 5 ตอน เพิ่มจากที่ลงในเว็บครับ

ดินแดนแห่งพระจันทร์สีเลือด
หลังจากทุกอย่างลงตัว ทิมวางแผนมัดมือชกคะน้าให้มาฮันนีมูนไกลถึงตุรกี ประเทศที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งพระจันทร์สีเลือด ทั้งคู่ได้รับคำพยากรณ์อันแปลกประหลาดจากถ้วยกาแฟตามธรรมเนียมของชาวเติร์ก และยังได้พบกับเรื่องเล่าขานที่ชวนน่าหวาดหวั่น คะน้าจะทำอย่างไรเมื่อเรื่องเล่าลี้ลับนั้นกลายเป็นความจริงขึ้นมา

ในเศษซากแห่งความรักที่คงอยู่
คะน้าและทิมยังคงเที่ยวไปตามสถานที่แห่งประวัติศาสตร์มากมายของตุรกี รวมถึงที่อัฟโฟรดิซิอัส นครแห่งความรักที่เคยรุ่งเรื่องในอดีต และที่นี่เอง คำทำนายบนถ้วยกาแฟของคะน้าก็กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่สั่นคลอน เมื่อทิมได้พบกับ นภ อีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย เทพีอโพรไดต์จะอำนวยอวยชัยให้แก่ความรักของใครเป็นเรื่องที่ยากเกินจะคาดเดา

หึง
ความรู้สึกหวาดหวั่นทำให้คะน้าตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไปโดยปราศจากสติยั้งคิด คำอธิษฐานแห่งวิหารเซนต์โซเฟียจะเป็นจริงขึ้นมาหรือไม่ และอะไรคือคำทำนายบนถ้วยกาแฟของทิม พบกับฉากรักที่เผ็ดร้อนที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีมิดไนต์บลูและพรมแดนที่กั้นกลางระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก

Remain
หลังจากศึกษาต่อที่เยอรมันมาเนิ่นนาน ในที่สุดตุลก็กลับมาไทย เป็นครั้งแรกในเวลาห้าปีที่ตุล คะน้า และทิมได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง บาดแผลในใจระหว่างคนทั้งสามจะทิ้งความเจ็บปวดหรือความทรงจำที่งดงามเอาไว้ในกาลเวลา สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงหมุนวนรอบตัวคนทั้งสาม หากแต่บางสิ่งที่มีความหมายกลับยังคงอยู่เช่นเดิม

Ceremony of The Moon
ผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกลและบททดสอบมากมาย ในที่สุดบางสิ่งบางอย่างที่รอคอยมาตลอดระยะเวลาสิบปีของคะน้าและทิมก็มาถึงอันสิ้นสุด พบกับบทสรุปสุดท้ายแห่งเรื่องราวทั้งหมดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำอันล้ำค้าของทุกๆ คน งานเฉลิมฉลองภายใต้แสงจันทร์ที่บอกเล่าผ่านนางฟ้าตัวน้อยๆ จะทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มไปกับความรักของคะน้าและทิมครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการสั่งจองหนังสือ คลิ๊กที่นี่ (http://www.hermitandmomiji.com/product/72/pre-order-%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-by-lucea) ครับ

ฝากหนังสือเล่มแรกในชีวิตของคนแต่งไว้ด้วยแล้วกันนะครับ >//<


สารบัญ

ตอนที่ 1.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1937923#msg1937923) ตอนที่ 1.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1939694#msg1939694)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1957957#msg1957957)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1961885#msg1961885)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1967838#msg1967838)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1975776#msg1975776)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg1983456#msg1983456)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2000689#msg2000689)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2007724#msg2007724)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2019278#msg2019278)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2031354#msg2031354)
ตอนที่ 11.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2044564#msg2044564) ตอนที่ 11.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2153473#msg2153473)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2158385#msg2158385)
ตอนที่ 13.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2160713#msg2160713) ตอนที่ 13.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2162499#msg2162499)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2167296#msg2167296)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2184347#msg2184347)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2191458#msg2191458)
ตอนที่ 17.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2224830#msg2224830) ตอนที่ 17.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2227091#msg2227091)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2242083#msg2242083)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2256190#msg2256190)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2265677#msg2265677)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2266881#msg2266881)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2272304#msg2272304)  ตอนพิเศษ / Reversal of Chapter 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2274515#msg2274515)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2276355#msg2276355)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2278220#msg2278220)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2281310#msg2281310)
ตอนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2282970#msg2282970)
ตอนที่ 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2285213#msg2285213)
ตอนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2287230#msg2287230)
ตอนพิเศษ : สยองขวัญวันวาเลนไทน์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2291955#msg2291955)
ตอนที่ 29 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2293961#msg2293961)
ตอนที่ 30 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2296388#msg2296388)
ตอนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2297858#msg2297858)
ตอนที่ 32 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2299654#msg2299654)
ตอนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2301896#msg2301896)
ตอนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2304273#msg2304273)
ตอนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2305666#msg2305666)
ตอนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2308567#msg2308567)
ตอนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2311571#msg2311571)
ตอนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2314316#msg2314316)
ตอนที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2317627#msg2317627)
ตอนจบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2319579#msg2319579)
ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=32610.msg2326487#msg2326487)


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 13-04-2012 18:31:35
น่าสนใจมาก แม่หมอถ้าจะแม่นจริง.  ติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: NY_JK ที่ 13-04-2012 18:33:07
 :mc4:  :L2: ท่าทางจะแม่นจริง จะมีคนมาชอบทีเดียวสองคนเลยเหรอ น่าปวดหัวแทนไม่รู้จะเลือกคนไหนดี
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-04-2012 19:00:40
บวกให้แรงๆ ค่า น่าสนใจตั้งแต่ชื่อเรื่องเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 14-04-2012 12:33:07
คะน้า ชื่อน่ารักจังเลย
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 14-04-2012 13:03:01
เข้ามาติดตามค่ะ มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 15-04-2012 01:22:13
สนุกอ่ะ คือเราชอบเรื่องไพ่ทาโร่ แล้วก็ชอบชื่อนายเอกด้วย 'คะน้า' น่ารักน่ากินจังเลยยยยยยยยย
จะรอติดตามนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 15-04-2012 15:56:05
บทนำ




บรรยากาศในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ชักจะตึงเครียดขึ้นมา
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผมของชายหนุ่มวัย 28 ปีหมาดๆ ถ้าเขาไม่ได้สวมแว่นสายตาหนาหนักนั่นไว้
ดวงตาที่ดูกลมโตนั่นคงขยายออกจนแทบหลุดจากเบ้าตา เมื่อพบว่ากระดาษสี่เหลี่ยมบนโต๊ะที่เพิ่งพลิกขึ้นมานั้น
เป็นภาพโครงกระดูกในชุดเกราะสีดำถือธงที่มีรูปดอกไม้ขาวๆ แบบในงานศพ พร้อมเลขอาถรรพณ์หมายเลข 13
และตัวหนังสือใหญ่โตด้านล่างที่ทำเอาหัวใจของชายหนุ่มถึงกับเหี่ยวฟีบบบบ... ลงทันตา “DEATH”

ฉิบหายละ ไอ้คะน้า ไพ่ยิปซีมันมีเป็นสิบๆ ใบ ไฉนตัวข้าพเจ้าต้องซวยหยิบได้ไพ่ใบนี้ด้วยโว้ย

“แหงะ มันพาดขึ้นมาใบนี้จะไหวไหมเนี่ยคุณป้า”
หนุ่มวัยยี่สิบตอนปลายถึงกับโอดครวญกับแม่หมอที่ตอนนี้คิ้วก็กำลังขมวดยุ่ง และสีหน้าแสดงความวิตกไม่แพ้กัน

“อ้าว ไหงไม่ตอบล่ะคุณป้า ซวยเลยใช่ไหมเนี่ย ว่าแล้วๆๆๆๆๆ”
แม่หมอถอนหายใจหนักๆ แล้วเอื้อมมือไปพลิกไพ่ยิปซีอีกใบที่วางอยู่ด้านล่างแล้วจับหงายขึ้น
รอยยิ้มค่อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหญิงสาววัยสี่สิบทันที

“อย่าเพิ่งตกใจ ดูนี่ก่อน” ว่าแล้วก็ค่อยๆ วางไพ่อีกใบลงตรงหน้า
คะน้าจ้องมองไปในกระดาษที่เหลี่ยมผืนผ้านั้น พระอาทิตย์ดวงโตแล้วมีเด็กชายขี่ม้าขาวอยู่ด้านล่าง
กางแขนหน้ายิ้มแป้น แถมมีดอกทานตะวันชูไสว มันก็ดูโอเคนะ
แต่มันแปลว่าอะไรเล่า สมองบื้อๆ อย่างเขามันจะแปลออกไหมเนี่ย

“แล้วมันคืออะไรล่ะครับคุณป้า” เขามองอย่างขยาด ไอ้ไพ่ Death นี่มันหลอกหลอนชะมัดเหอะ

“รอเดี๋ยวสิ ขอเปิดไพ่ให้หมดสิบใบก่อน” ว่าแล้วก็พลิกไพ่ใบอื่นๆ ขึ้น ไล่เรียงไปเรื่อยๆ
ไพ่ยิปซีหน้าตาแปลกๆ ถูกหงายขึ้นใบแล้วใบเล่า คะน้าไม่รู้ความหมาย
แต่บางใบก็อกสั่นขวัญแขวนไม่น้อยอย่างเช่นภาพชายหนุ่มกองดาบปักอกสลบตายคาที่ ฟ้าผ่าตึกถล่มอะไรก็ไม่รู้

“ใบนี้อะไรน่ะ สยองชะมัดเลย” เขายังไม่เลิกครวญครางกับดวงชะตาบนไพ่กระดาษเหล่านั้น

เรื่องแบบนี้ ไม่เกิดกับตัวเองคงไม่รู้ คนแบบเขา ยอดชายนายคะน้า ชายหนุ่มผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเกิดมาพร้อมกับความซวย
จะเรื่องงาน เรื่องเงิน เรื่องความรัก ไม่ว่าเรื่องไหนๆ เขาก็ห่วยทุกเรื่อง
เรื่องงาน ยิ่งทำก็ดูเหมือนยิ่งตกต่ำ จากพนักงงานออฟฟิศดีๆ ก็โดนเด้งเพราะพิษน้องน้ำปลายปีที่แล้วซะงั้น
ส่วนเงินทองน่ะ ก็พอหาได้ แต่พ่อเจ้าประคุณก็ดันมีโรคประจำตัวคือเอ๋อ เบลอ มึน แล้วก็ทำหายเป็นประจำ

เรื่องความรักไม่ต้องพูดถึง ถึงหน้าตาพอไปวัดไปวาตอนบ่ายสามได้ แต่สายตาเจ้ากรรมก็ดันสั้นสุดโต่ง
ไม่พ้นต้องสวมแว่นหนาเตอะ จะว่าไปคะน้าก็แต่งตัวทันสมัยอยู่หรอก
แต่ทันสมัยเมื่อสักสิบปีที่แล้วได้นะ เอาเป็นว่าเรียกว่าเกาะกระแสแฟชั่นรุ่นคุณพ่อคุณแม่ก็แล้วกัน

ไม่นับกับกับคำว่า “โชค”

โชคเหรอ... เกิดมาชายหนุ่มไม่เคยได้รู้จักเอาเสียเลย เดินอยู่ดีๆ นกก็ขี้ใส่หัว
ไม่ก็โดนน้ำกระเด็นใส่ตอนรถขับผ่านประจำ ล่าสุดเจอเหรียญสิบหล่น
พอเอื้อมมือจะเก็บ กางเกงตัวเก่งที่ทั้งรักทั้งหวงก็ดันขาดดังแควกกก!!
นอกจากจะทำให้คนใส่ต้องขายหน้าแล้ว ยังต้องเสียค่าซ่อมกางเกงอีกห้าสิบ!!!
ก็เอาเป็นว่าซวยซ้ำซวยซากซวยมาตลอดชีวิตก็แล้วกัน คราวนี้จะอะไรอีกล่ะ
คะน้าครุ่นคิดพร้อมกำลังใจที่ห่อเหี่ยวไปกว่าครึ่ง
ชายหนุ่มเงยหน้ามองแม่หมอที่ “เจ๊เป็ด” แม่ค้าขายผักแผงข้างๆ ในตลาดแนะนำให้มาดู

“คะน้า เอ็งต้องไปเลย คุณแม่อ้อยเนี่ย แม่นมาก! เจ๊เตียงร้านทองหน้าตลาด
หรือนังลำไยที่ขายปลาทูก็บอกว่าเด็ดสะระตี่เลยเอ็งเอ๋ย
คราวก่อนบอกว่าแกจะมีดวงนะ ไงล่ะ ถูกหวยรวยอื้อเลยไอ้คะน้า”

ครับ ฟังไม่ผิดหรอก ก็บอกแล้วว่าไม่ได้เด่นดูดีแบบใครๆ เขาหรอก
ถ้าคิดว่ายอดชายนายคะน้าจะหล่อเหลาเอาการแบบเดินไปไหนใครก็มองแบบเหลียวหลังเนี่ย คงไม่มีเสียล่ะ
เมื่อชายหนุ่มก็มีหน้าตาบ้านๆ แบบหาได้ตามร้านอาหารตามสั่งทั่วไปเหมือนเราๆ ท่านๆ นั่นแหละ
อันที่จริงต้องบอกว่าตามตลาดสดทั่วไปเสียมากกว่าล่ะ ส่วนงานเนี่ยเหรอ
ก็อย่าคิดว่าจะดีเด่อะไร อย่างที่เกริ่นๆ ไป เขาเป็นพ่อค้าแผงไข่ในตลาดสดเนี่ยล่ะ
ใช่! ฟังไม่ผิดหรอก ขายไข่ไก่สดๆ ที่ซื้อไปทำอาหารทานกันเนี่ยล่ะ

ไม่ใช่แค่ขายไข่หรอก มีขายมะพร้าว กับผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวน่ะแหละ
จะว่าไปมันก็ไม่ได้แย่อะไรนักหนาหรอก เพราะบ้านเขาก็พอมีฐานะอยู่บ้าง
คุณพ่อของคะน้าเป็นเจ้าของตลาดสดแห่งนี้ ประกอบกับที่บ้านเป็นเจ้าของสวนมะพร้าว กับฟาร์มไก่ไข่
ด้วยความที่ทำอะไรก็ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวแบบพี่คนอื่นๆ
ลูกคนเล็กแบบคะน้าเลยโดนส่งมาเฝ้าตลาดไปกลายๆ ด้วยการขายไข่ไก่กับมะพร้าว
แล้วก็เฝ้าตลาดไปในตัวอยู่กลางตลาดเนี่ย

“อืม... มันดูแปลกๆ นะ” เสียงคุณป้าหมอดูทำเอาชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ความคิด

“ยังไงครับ เพราะไอ้ไพ่โครงกระดูกนี่หรือเปล่าครับ” หมอดูวัยกลางคนส่ายหน้า

“ไพ่เราน่ะ เป็นไพ่ที่เกี่ยวกับความรักเยอะ ที่แปลกก็คือมันไม่มีไพ่ผู้หญิงโผล่ขึ้นมาสักใบ”
คะน้าทำหน้างงๆ ”ดันมีแต่ไพ่ผู้ชายโผล่ขึ้นมาเยอะจัง”

“เฮ้ย! ป้า ผมมาดูเรื่องงานนะป้า ถามว่ามันจะขยับขยายได้ไหม ไม่อยากมานั่งทำงานแบบนี้อีกแล้ว
คือมันไม่ไหวเลยน่ะ เครียดมากจริงๆ ไอ้เรื่องอื่นเนี่ย ผมปลงไปนานแล้วครับป้า”

“คืองี้ งานเราน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกหน่อยมันจะดีขึ้น ดีมากๆ เลยล่ะ ไม่ต้องห่วง
ไพ่บอกว่าเราโชคดีมากนะ ทุกๆ เรื่องเลย The Sun ที่เป็นตำแหน่งตัวเราเนี่ย มันเป็นไพ่ที่ดีที่สุดในสำรับเลยนะ”

“เอ้ย! จริงดิ แต่นี่... โครงกระดูกอะไรเนี่ย น่ากลัวจะตาย ผมกลัวผีนะป้า!!!”

“ผีที่ไหนล่ะ Death ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น มันแปลว่าการสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง
และการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจจะดีหรืออาจจะไม่ดีก็ได้
แต่ไพ่ประจำตัวเราน่ะดี นั่นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร”

“ใช่เรอะ?” ชายหนุ่มรำพึงแบบไม่เชื่อหูตัวเอง “แล้วนี่...”
เขาชี้ไปที่ไพ่คนตายเพราะโดนดาบเสียบ กับไพ่ฟ้าฟาดหอคอยถล่ม

“นั่นมันไพ่อดีตไง ที่ผ่านมาดวงเราไม่ดีนักน่ะ แต่นับจากนี้จะดีเลยล่ะ
โดยเฉพาะเรื่องความรัก เรามีไพ่เกี่ยวกับความรักขึ้นมาเยอะ”

“ฮ่ะๆๆ มันถึงได้เป็นไพ่ Death นี่ไง” คะน้าหัวเราะแทรกขึ้นมาอย่างปลงๆ
คุณป้าหมอดูถอนหายใจด้วยความหน่าย พูดอะไรก็ไม่ฟังให้จบเอาซะที

“นั่นแปลว่าเราจะพบรักแบบกะทันหันต่างหาก และคราวนี้ ดูเหมือนจะสละโสดด้วยซ้ำ
รักมากเลยล่ะ ประเด็นคือทำไมมันไม่มีไพ่ผู้หญิงขึ้นมาให้เลยสักใบ มีแต่ไพ่ผู้ชาย”

“นั่นไง ก็บอกแล้วว่าอาภัพ คุณป้าก็ไม่เชื่อ ฮ่าๆๆๆ ดูสารรูปผมก่อนป้า
หล่อหลบในขนาดนี้ อย่าว่าแต่สาวๆ เลย หมามันยังเมินเลย”
เขาคุ้นเคยความจริงที่แสนเจ็บปวดนี้มานานแล้ว รักใคร ชอบใคร ก็มีแต่ผิดหวัง
เรียกว่าสาวคนไหนที่เขาแอบชอบ โดนมีเวรมีกรรม เพราะจะโดนล้อหมดคณะก็แล้วกัน
ไม่ใช่ไม่อยากหล่อ ไม่อยากมีความรักนะ แต่ทำไงได้ พยายามแล้ว แต่มันได้แค่นี้จริงๆ

“ใครจะมาสนใจพ้มมม...” ลากเสียงสูงอย่างปลงๆ

 “Chariot หรือไพ่นักรบ หมายถึงคนที่มีนิสัยเป็นคนจริง พูดจาขวานผ่าซาก
หมายถึงคนทำงานประมาณพวกตำรวจ ทหาร วิศวกร มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่เรื่อยๆ
ส่วนนี่ราชาถ้วย เป็นคนอ่อนไหว จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น
สายงานน่าจะเกี่ยวกับอาชีพที่ต้องช่วยเหลือคนอื่นประเภทหมออะไรแบบนี้”

“แล้วยังไงล่ะครับ” เขาเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ใช่ผู้หญิงด้วยนะ เป็นผู้ชาย ไพ่ทายว่าเร็วๆ นี้ ชายหนุ่มสองคนนี้จะก้าวเข้ามาในชีวิตพ่อหนุ่มให้ปวดหัว”
คุณป้าค่อยๆ เก็บไพ่ทั้งหมดคืนสู่สำรับพร้อมกับรอยยิ้มแปลกๆ ที่ทำเอาคะน้าคิดไม่ตก

“ทำไมล่ะครับ” คุณป้าหมอดูไม่ได้ตอบอะไร เธอหยิบไพ่ใบสุดท้ายที่เป็นตำแหน่งของบทสรุปขึ้นมา
วางตรงหน้าของชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้มที่ชายหนุ่มไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่
คะน้าเอี้ยวตัวมองอย่างสงสัย ยกมือขึ้นขยี้หัวด้วยความงงจนผมสีดำสนิทนั้นยุ่งเหยิ

...ผู้ชาย ...ผู้หญิง


The Lover คู่รักอย่างนั้นหรือ?

.

.

.

.

 o22




ตอนที่ 1.1



พจมาน@บ้านทรายทองยังต้องตีไฟเลี้ยวให้กับชีวิตของกระทาชายนายคะน้าเถอะ
บ่ายแก่ๆ แทนที่จะได้ใส่เชิ้ตผูกไทเท่ๆ หล่อๆ หน้าคอมฯ หรือไม่ก็ได้นอนพักเอนหลังยามบ่าย
ไหงกลับต้องมานั่งเรียงไข่ แยกขนาด อยู่ในตลาดสด ...ครับ ตลาดสด แล้วเมษาฯ หน้าร้อนแบบนี้
ตับม้ามแทบจะปลิ้นออกมาเอาเสียให้ได้ ไม่คุ้น ไม่ชอบ และไม่ถูกโฉลกอย่างแรงจริงๆ
ว่าแล้วก็ตักไอติมมะพร้าวมานั่งย้อมใจสักถ้วยดีกว่า ก็ไม่อยากจะคุยหรอกนะ
แต่ไอติมมะพร้าวสูตรเจ้าคุณแม่เนี่ย แหม๊.... มันช่างหอมเย็นชื่นใจจริงจริ๊งงงงงง...

“ไอติอิหนึถ้วะ รัวเปนห้าถ้วะ” สำเนียงไทยผสมพม่าดังขึ้นใกล้ๆ ตัว
คะน้าหันไปมองเขม่นต้นเสียง แต่เจ้าของแก้มตอบหาได้สนใจไม่
หญิงสาวเอื้อมมือพิเศษไปกดเร่งพัดลมขึ้นอีกเบอร์ “คุผุชายให้โจะแวะ”

“จันทู จะกดพัดลมก็กดดีๆ อย่าเอาเท้ากด” คะน้าพูดอย่างอ่อนใจ
แม่สาวพม่าคนนี้ คุณพ่อของเค้าเป็นคนส่งมาให้ช่วยเหลือดูแลแผงไข่กับมะพร้าว
แต่วันทั้งวัน คะน้าไม่เห็นสาวร่างเล็กแกร็นแต่ดันมีหน้าท้องห้อยๆ นี่ จะทำอะไรนอกจากนั่งดูทีวีอะไรไปเรื่อยเปื่อย
แล้วก็ผัดแป้งจนหน้าขาววอก สาบานได้เลยว่าครั้งแรกที่เห็นจันทู คะน้าคิดว่านี่มันผีจูออนชัดๆ
ชายหนุ่มตักไอติมกินแบบกินไปสยองไป เมื่อจูออน เอ้ย! จันทูหันมาถลนตาเหลือกๆ ใส่
ก็เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งขนแขนสแตนด์อัพ ...จู่ๆ มาจ้องอะไรแบบนี้ กูกลัวนะเว้ย!

“ชะ... ช่วยเรียงไข่หน่อยสิจันทู” สาวพม่าหน้าสก๊อยซ์หันมามองแบบขัดใจ
ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไข่ที่เรียงบนแผงเก็บเข้าไปในตะกร้าใหม่
ตาจ้องมองจอทีวีเล็กๆ ที่ฉายละครน้ำเน่าอย่างอินสุดขีด คะน้าถึงกับฉุนกึก

“ให้เอาจากตะกร้าขึ้นมาเรียง ไม่ใช่เอาไข่เก็บ แล้วจันทูจะเอาไข่ที่ไหนขาย เอ่อ... ล่ะครับ”
ปลายเสียงอ่อนลงเมื่อเจอสายตาแฝงแววอาฆาตของจันทู

“เก๊าะและทะไม คุคะน้ามะพุให้มานชะๆ” สรุปมันเป็นผู้ช่วยหรือมันนายกูกันแน่ฟะ
ที่สำคัญตัวแกเองพูดชัดมากเลยจันทู คะน้าวางถ้วยไอติมลงพื้นแล้วลุกขึ้นมาเรียงไข่เอง

“เหอะ เดี๋ยวผมเรียงเอง”

จันทูกระถดตัวหนีพร้อมกับทีวีเครื่องเล็กในมือ หญิงสาวนั่งลง อีกครั้งที่เอามือพิเศษกดปรับพัดลมให้แรงขึ้น
คะน้าหันไปมองอย่างอ่อนใจ เมื่อเจอมองแบบนั้น หญิงสาวก็สลดลงหน่อย
ขยับตัวมาใกล้ๆ เหมือนจะพยายามช่วยเหลือ แต่ก็เงอะๆ เงิ่นๆ เหลือเกิน

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมทำเอง” จันทูถลนตา สะบัดหน้ารัวๆ แกจะถลนตาทำม๊ายยยย... มันน่ากลัวนะเฟ้ย

“จันทูแคะจะเบาะว่า คุคะน้ากิไอติเสะ ให้เอาปะทิ๊ดั้วะ โสะโปะ”

ป๊าดดดดดดดดด... ดู๊... ดูมันพูด! อีจันทู! อีผีจูออน!!! คะน้าแทบจะหยิบไข่ยกแผงเขวี้ยงใส่รัวๆ
แต่ก็คงจะมีแต่เขาคนเดียวแหละที่ไม่ถูกชะตากับจันทู เพราะใครๆ ในตลาดนี้ก็เอ็นดูจันทูเสียมากมาย
ไม่เว้นแต่เจ๊เป็ด แม่ค้าขายผักแผงข้างๆ ก็คงใช่แหละ เห็นคุยเรื่องละครน้ำเน่ากันถูกปากซะขนาดนั้น

“วันก่อนเอ็งไปดูหมอมาว่าไงบ้าง” เจ๊เป็ดตะโกนถามเสียงใส
ถ้าเขาตาไม่ฝาด คะน้าคิดว่าเห็นหูของจันทูกระดิกนิดๆ นะ

“ก็ดีนะ แต่อะไรก็ไม่รู้ งงๆ”

“เอ๊า! เอ็งงงอะไรวะไอ้คะน้า” เจ๊เป็ดทำหน้าสงสัย

“ก็มันงงๆ นะ ไปถามเรื่องงาน ไหงมาดูเรื่องความรักให้ก็ไม่รู้ มีบอกด้วยนะว่าจะมีคนเข้ามาสองคนอะไรเนี่ย แล้ว...”
ยังไม่ทันสิ้นคำเจ๊เป็ดก็ตบฝ่ามือลงตักดังฉาด จันทูเองก็หันควับกลับมาจ้องอย่างไม่ปิดบังอะไรต่อไปแล้ว

“เอาละเว้ย ไอ้เป็ดจะเสียหนุ่มให้กับสาวๆ ที่ไหนวะ
นังจันทู เอ็งไปบอกคุณๆ เลยนะเว้ย ได้มีซะไพร้สะใภ้ล่ะเว้ยคราวนี้”
เจ๊เป็ดหัวเราะเสียงดัง จันทูหันมารับคำมั่นเหมา แหม... เข้ากันดีเหลือเกินนะ ยัยผีตองเหลืองนี่

“หมายถึงเซอร์ไพรซ์หรือเปล่าครับเจ๊” คะน้าส่งเสียงเบาๆ อย่างอ่อนใจ
เจ๊เป็ดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดหมาดๆ ทำหน้าเครียด ไม่รู้จะพูดยังไง ภาพในวันนั้นยังจำได้ดี



“มันแปลว่าอะไรน่ะครับ The Lover?”

“ก็แปลตรงตัวนั่นแหละพ่อหนุ่ม”
แม่อ้อยที่ถูกขนานนามว่าเป็นเดี่ยวมือหนึ่งในการทำนายดวงจากคนทั้งตลาดตอบกลับยิ้มๆ

.

“ระวังไว้นะ เผลอๆ เราน่ะ จะได้แฟนเป็นผู้ชายเอา”




คะน้าสะบัดหัวทำหน้าสยดสยอง เขาเอามือลูบแขนขึ้นลงไปมา
นี่สินะ คำจำกัดความของคำว่า “ขนลุกเกรียว”

“โทษนะครับๆ ไอติมขายยังไง”

เสียงเรียกจากลูกค้าฉุดร่างชายหนุ่มให้หยุดคิดอะไรไร้สาระ คะน้ารีบลุกขึ้นพร้อมกับตอบกลับไป
“สิบ สิบห้า ยี่สิบครับ เอาเท่าไหร่ดี”

“เอามาห้าสิบเลยครับ ร้อนตับจะแล่บแล้ว” ควักแบงค์ร้อยวางลงบนถังไอศกรีม
แล้วเอามือดึงเสื้อเชิ้ตสีขาวตรงอกเข้าออกไวๆ ไล่ความร้อนจากกาย
คะน้าเงยหน้าขึ้นมองอย่างพิจารณา หน้าตา รูปร่าง ท่าทาง และการแต่งตัวของเขาดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด
คงไม่แปลกถ้าเห็นคนแบบนี้เดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรูๆ แต่ที่นี่... ตลาดสด!

“มีแต่ถ้วยยี่สิบ ห้าสิบไม่รู้จะขายยังไงน่ะสิครับ” แม้ลูกค้าหนุ่มตรงหน้าจะสวมแว่นกันแดดเข้มจัด
แต่แว่บหนึ่งคะน้าคิดว่าเห็นแววตาของความไม่สบอารมณ์ฉายผ่านออกมาอย่างชัดเจน

“ไม่ใช่ไม่อยากขายนะครับ แต่ผมไม่รู้จะขายยังไง” เขาพูดเสียงอ่อน
แต่ไหนแต่ไร เขาไม่ถนัดรับมือกับสถานการณ์แบบนี้เท่าไหร่

...เลี่ยงได้ก็เลี่ยง ยอมได้ก็ยอม ให้มันจบๆ ไป

“ก็ตักๆ มาสิ ร้อนจะตายแล้ว อยากกินอะไรเย็นๆ” ถ้ามองไม่ผิด ลูกจ้าพม่าของเขามายืนสะบัดพัดส่งตายิ้มหวานให้เนี่ยนะ
โอ้ย ตูอยากจะบ้าตาย แทนที่จะช่วยกูขายนะ ไอ้หมอนั่น ก็หันไปส่งยิ้มให้ซะงั้น

“ยี่สิบบาทครับ ทอนแปดสิบ” ส่งถ้วยไอศกรีมให้พร้อมเงินทอน หันไปเจอจันทูก็สะดุ้ง
เอ่อ... แกกะพริบตาเข้า เดี๋ยวขี้ตาแกก็ร่วงหรอก
คะน้าหันกลับมาส่งถ้อยไอศกรีมพร้อมกับส่งยิ้มแหยๆ แทนคำขอโทษ

“ไม่มีมือ กินแป๊บ” สั้นๆ กุดๆ ง่ายๆ แบบนั้น แล้วลูกค้าหนุ่มตรงหน้าก็ถอดแว่นกันแดดออก
แล้วลงมือจ้วงไอศกรีมกะทิอย่างตายอดตายอยาก
ทันทีที่คำแรกเข้าปาก รอยยิ้มเล็กๆ ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่ดูถมึงทึงนั้น

...ดูดีว่ะ คะน้าอดคิดแบบนั้นในใจไม่ได้จริงๆ

“เห้ย! นี่มันอร่อยมากๆ เหอะ!” เขาอุทานขึ้นมาแล้วจ้วงไอศกรีมต่ออย่างไม่ปรานีปราศรัย
พ่อค้าหนุ่มยิ้มแป้นอย่างภูมิใจ ไงล่ะ ไอติมสูตรคุณแม่ บอกแล้วว่าเด็ด!

ไม่ถึงนาที ไอศกรีมกะทิถ้วยใหม่ก็ถูกส่งจากมือคะน้าไปให้กับลูกค้าหนุ่มที่ตอนนี้ทานไปยิ้มไปจนตาแทบจะเป็นสระอิเอา
คะน้าจ้องมองท่าทีของเขาอย่างมีความสุข รู้สึกดีที่มีคนชื่นชอบไอศกรีมของคุณแม่

จะว่าไปแล้ว คนๆ นี้จัดเป็นคนที่หน้าตาดีมากๆ คนหนึ่งเลยล่ะ
ผิวขาวถึงแม้ว่าจะไม่ขาวจัดแบบเขา แต่ก็ละเอียดและดูสุขภาพดี รูปร่างสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อดูน่ามอง
ผมตัดสั้นดูสะอาดสะอ้านรับกับใบหน้าที่ตอนนี้ระเรื่อเป็นสีแดงฝาดด้วยแดดที่ร้อนจัด
คิ้วเข้ม ตาโต และจมูกคมเป็นสันรับกับริมฝีปากอิ่ม หล่อขนาดนี้ไปเป็นดาราก็น่าจะพอถูไถ
ดูดีกว่าพระเอกละครที่จันทูดูอยู่ทุกวันอีกนะนั่น

ไม่ๆๆ เอาใหม่ เล่นบทตัวร้ายน่าจะเวิร์กกว่า เพราะดวงตาที่ดูเจ้าเล่ห์นิดๆ นั่น
กับนิสัยเอาแต่ใจนี่น่าจะเอาเรื่องพอสมควรอยู่เลยล่ะ แต่ก็หล่อเลยล่ะ
แม้แต่ในสายตาผู้ชายด้วยกันอย่างเขา ยังต้องยอมรับเลยว่าชายหนุ่มตรงหน้านี่หล่อไม่ธรรมดา

ตายแล้วเกิดใหม่จะได้เท่าไอ้หมอนี่ไหมนะ คะน้าขยับแว่นหนาเตอะของตัวเองพลางรำพึงในใจ
มองไปที่จันทูที่ส่งตาหวานเชื่อมให้หนุ่มหล่ออย่างไม่เก็บอาการ
ถึงไม่ได้ชอบแรงงานพม่าคนนี้เอาเสียเลย แต่เขาก็อดน้อยใจไม่ได้เหมือนกัน ...ทีกูนะ ไม่เคยแลเหอะ!

“ทำเองเหรอ” คำถามจากไอ้หล่อดึงสติของคะน้ากลับมาอีกครั้ง

“สูตรคุณแม่ครับ แต่ผมทำเอง” คิดดูชีวิต อนาถจิตกลับบ้านไปก็ปั่นมะพร้าวแช่
กว่าจะได้หลับได้นอนก็ดึกดื่นหลังขดหลังแข็ง

“ชอบแฮะ” สบตายิ้มซะแพรวพราว

.

.


1...


2...


3...


4...


5...



5 วินาที! กูชะงักไป 5 วินาที!!! ไอ้หมอนี่มันไม่ธรรมดาเลยวุ้ย!!!

“พรุ่งนี้จะมาไหม”

“ขายทุกวันครับ” คะน้าขยับตัวแบบเก้ๆ กังๆ เขาพยักหน้าแล้วหยิบแว่นตาขึ้นสวม ก่อนจะเดินออกไปแบบไม่ให้ใครตั้งตัว
กว่าที่เต่าคลานแบบคะน้าจะเอะใจว่ายังไม่ได้คืนเงินทอนลูกค้าหน้าใหม่ ร่างสูงก็ทะยานไปไกลเสียแล้ว

“เดี๋ยวคุณๆๆๆ ตังค์ทอน” คะน้าโบกมือหยอยๆ วิ่งกระหืดกระหอบตามมา
จู่ๆ ร่างสูงตรงหน้าก็หยุดแล้วหันกลับมา จนคนที่วิ่งตามมายั้งไม่ทัน ปะทะกับบ่ากว้างตรงหน้าอย่างไม่เจตนา
ซ้ำไปกว่านั้นแทนที่เขาจะเป็นอะไร กลับเป็นเจ้าตัวเองที่กระดอนไปเอาซะงั้น

“เอ๊า! เป็นอะไรไหม” สองมือคว้าเข้ามายึดไม่ให้เสียจังหวะ

“ขะ..ขอโทษครับ คะ..คือ... คือคุณลืมเงินทอน”
แฮ่ก... แฮ่ก... คะน้าหอบจนตัวโยน ขาก็ไม่ได้สั้นหรอกนะ
แต่ปั่นสปีดตามนี่ก็เอาเรื่องอยู่ คนอะไร เดินเร็วชะมัด

“เอ่อ...” คะน้ายืนเก้ๆ กังๆ ใบหน้ากระอักกระอ่วนเขาทำเอาร่างสูงตรงหน้าเริ่มรู้สึก
เขายกมือทั้งสองข้างชูขึ้นระดับศีรษะแบบคนยอมแพ้ ไม่มีคำพูดใดๆ จากปากมีแต่รอยยิ้มอารมณ์ดี

“หกสิบบาท ตังค์ทอน” คะน้ากำธนบัตรยี่สิบบาทในมือยื่นกลับให้เขา “เอ่อ... ครับ” อันหลังนี่ ไม่รู้จะพูดไปทำไม

“เก็บไว้ พรุ่งนี้จะมาใหม่” เดินจากไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรทั้งสิ้นแหละ

“เดี๋ยวๆๆๆ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณ ไม่คุ้นเลย ผมเก็บไว้ไม่ได้หรอก” พ่อค้าหนุ่มแย้ง

“มาคุมงานแถวนี้ อยู่อีกนาน” หยิบแว่นกันแดดขึ้นสวม โหย... แม่งเท่นะ ยอมรับเลย

“คุมงาน?”

“เป็นวิศวะ มาคุมงานก่อสร้างคอนโดเยื้องๆ ไปเนี่ย เก็ตยัง?” คะน้าพยักหน้ารัวๆ เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
มิน่าล่ะ เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ไอ้เท่ทำหน้าระอาเล็กๆ เออ... มึงเท่ จุดนี้กูเก็ตละ แต่...

“แต่ผมก็ไม่รู้จักคุณอยู่ดี รับเงินไว้ไม่ได้หรอก
ถ้าพรุ่งนี้คุณมาก็ค่อยจ่ายใหม่ก็ได้นี่ รับไว้เถอะ ผมก็วิ่งมาแล้วเนี่ย”

“ชื่ออะไร”

“ห๊ะ?” คะน้าฉงนในคำถาม

“ถามว่าชื่ออะไร”

“คะน้า ถามไปทำไม”

“คะน้า? ผักคะน้าน่ะนะ” พ่อค้าหนุ่มพยักหน้างงๆ

“Chinese Kale เนี่ยนะ” เออสิวะ! เซ้าซี้จริง แล้วล่อภาษาอังกฤษเลยวุ้ย! เจ้าของชื่อพยักหน้ากลับ
ก็พ่อตั้งให้แบบนี้นี่หว่า จู่ๆ ไอ้เท่ตรงหน้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะซะดังลั่น เชรดดดดดดดดด... ขำอะไรกับชื่อกูล่ะเนี่ย!

“ทิม”

“ห๊ะ?” ทิ่ม! ก็แล้วจู่ๆ มันนึกจะทิ่มอะไรหว่า ไม่เข้าใจแฮะ

“ชื่อ... ทิม” เออ... ก็กูงง แล้วแม่งหัวเราะอะไรหน้าดำหน้าแดง ตาเป็นสระอิอีกแล้วนะมึง

“อ้อ” คะน้าพยักหน้า

“รู้จักกันแล้ว เก็บเงินไว้ จบนะ” แล้วก็ก้าวฉับๆ ออกไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลย

“เดี๋ยวๆ เอาเงินคืนไป” สิ้นคำก็หันมาทำหน้าหงุดหงิดทันที

“อย่าเถียงได้ไม๊! มันจะอะไรนักหนา จะไปทำงาน จบนะ!”
น้ำเสียงกึ่งตะคอกนิดๆ และสายตาแบบไม่สบอารมณ์ของคนที่วิ่งไปทำเอาคะน้าชะงัก
สุดท้ายก็ยอมถอดใจ คะน้าพยักหน้าแสดงถึงการตกลง ทันใดนั้น ไอ้เท่ก็ส่งยิ้มกลับซะงั้น
คะน้าได้แต่ยืนงงกับความแปรปรวน เขามองชายหนุ่มที่วิ่งจากไป แน่นอนว่ามันก็ยังเท่เหมือนเดิม



“เค้าเป็นดาราหรือเปล่าวะ ไอ้คะน้า” นี่คือคำถามแรกจากปากเจ๊เป็ดเมื่อเขากลับมาที่แผง
โดยมีจันทูยืนสมทบ ไม่ใช่แค่ไม่ปิดบัง แต่ออกหน้าออกตาว่าอยากรู้มาก

“เป็นวิศวกรน่ะป้า มาคุมงานก่อสร้างคอนโดใหม่ตรงเนี๊ย”

“แล้ววิศวกร วิศวกรรมมันทำอะไรวะไอ้คะน้า กูก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง” เจ๊เป็ดทำหน้างงๆ จันทูก็เช่นกัน

“ก็คุมพวกคนงานก่อสร้างอะไรพวกนี้มั๊ง ผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเหมือนกัน”
คะน้าพูดไปก็งงไป หยิบเงินหกสิบใส่กระป๋องแล้วนั่งเรียงไข่ต่อ



เดี๋ยวนะ! เดี๋ยวๆๆๆๆๆ อะไรนะ วิศวะเหรอ!!!!!!!!!!!!

.

.

.

 :a5:



จบตอน 1.1 นะครับ คือขอแบ่งเป็น 1.1 กับ 1.2 นะ มันยาวๆ พิกล
เปิดตัวหนุ่มวิศวะไปแล้ว ชอบกันไหมครับเนี่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 15-04-2012 15:59:00
แอบแวะมาพูดคุยทักทายนะครับ ฮิฮิ


@lovely2min ต้องแม่นจริงสิครับ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและทักทายกันนะครับ ^ ^

@NY_JK ครับ จะพยายามเขียนให้เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว ฮ่ะๆๆ ยังไงถ้าว่างๆ ตามลุ้นต่อด้วยนะครับ

@JJHJJH ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้นะครับ อยากจะบวกให้คืนแต่ยังทำไม่ได้ครับ แหะๆ
ชื่อเรื่องนี้ ฟังแล้วอย่าเพิ่งขำนะครับ 555555 คือผมดัดแปลงมาจากเพลง I Don’t Want To Live On The Moon
ของ Sesame Street ครับ น่าจะพอบอกคาแร็กเตอร์บางอย่างของคะน้าได้อยู่ครับ
เอาลิงค์มาแปะไว้ให้ เผื่อว่าคุณอยากฟังนะครับ ^ ^

http://www.youtube.com/watch?v=oeNO56xNlZo

@Panny แอบโฆษณษว่านิสัยก็น่ารักนะครับ แหะๆ
จริงๆ แล้วผมขโมยชื่อนี้มาจากเด็กผู้ชายคนนึงแถวๆ บ้านน่ะครับ
ตัวจริงก็น่ารักมากๆ เลยล่ะครับ อยู่ประมาณป.1 ได้ครับ ตากลมแบ๊วมากเลย ^ ^

@threetanz ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ ยังไงรบกวนฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ^ ^

@rubymoona โอย ฟังแล้วใจชื้นเลยครับ ไม่รู้ว่าจะชอบกันไหมแฮะ แหะๆ
ไพ่ทาโร่คงจะมาโผล่มาอีกล่ะครับ แต่นานๆ สักหน่อยนะ ส่วนชื่อตัวเอกเรานี่ดูเหมือนว่าจะน่ารักจริงแฮะ
แต่มันจะน่ารักไปไหมหนอ เอาครับๆ เดี๋ยวมาลองดูกัน ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ แหะๆ

.


เดี๋ยวตอนที่ 1 ในครึ่งหลังคงอีกไม่นานนักก็จะลงนะครับ เปิดตัวละครสำคัญอีกตัวที่ถูกเอ่ยถึงในไพ่ครับ หุหุ  o18
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-04-2012 16:06:07
กรี๊ดดดดด ชอบค่ะชอบ
ขอต่อด่วนๆ ใครไม่ชอบเราชอบนะ
อยากรู้ อยากอ่านตอนต่อไปไวๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ

+1 บวกเป็ดให้จ้าาา
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 15-04-2012 16:10:20
3P หนอ~~ o3o
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 15-04-2012 17:31:15
ที่แม่หมอว่า ไว้“ระวังไว้นะ เผลอๆ เราน่ะ จะได้แฟนเป็นผู้ชายเอา”
ไม่ต้องระวังแล้ว ผู้ชาย ใช่แล้ว อ่ะโฮะๆ

เอ๋ แต่มาที สองคน เลย จะเลือกใครล่ะนี่ อ่ะ ร วมหมดจะดีมั้ยน้า^^

วิศวะ << คนแรกโผล่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: UnLucky ที่ 15-04-2012 18:45:43
ว้าวๆ ท่าทางคะน้าจะเจอเนื้อคู่คนที่หนึ่งแล้วนะเนี่ย แล้วอีกคนล่ะ
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 15-04-2012 20:21:20
นั่นไงคะน้าไม่ได้อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์แน่ๆ
อยู่กันตั้ง 3 คนเลยล่ะ 5555555555555555
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 15-04-2012 22:40:16
แอร๊ยยยยยย มาต่อแล้ว ดีใจจัง พ่อคะน้าเราโดนเล่นซะละ อ่านแล้วรู้สึกว่าทิมหล่อจัง อร๊าย แถมเร็วมาก
"ชอบแฮะ"
นี่มันอะร้ายยยยยยยย เจองี้คงอึ้งไปเหมือนคะน้าแน่นอนเลย แถมๆ ขี้เนียนอ่ะทิมมมมมม เนียนถามชื่อ เนียนบอกชื่อ เนียนบอกอาชีพเรียบร้อยยยยยย
จะรอราชาถ้วยนะคะ จะได้รู้ว่าจะเชียร์ใครดีหนอ แต่ตอนนี้พี่ทิมนี่คะแนนสูงใช้ได้เลย!
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 15-04-2012 23:04:25
ว๊ายๆๆๆ เจอพ่อหนุ่มคนแรกเป็นวิศวกรแล้ว อีกคนละค๊า รออยู่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 15-04-2012 23:18:22
@JJHJJH ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มอบให้นะครับ อยากจะบวกให้คืนแต่ยังทำไม่ได้ครับ แหะๆ
ชื่อเรื่องนี้ ฟังแล้วอย่าเพิ่งขำนะครับ 555555 คือผมดัดแปลงมาจากเพลง I Don’t Want To Live On The Moon
ของ Sesame Street ครับ น่าจะพอบอกคาแร็กเตอร์บางอย่างของคะน้าได้อยู่ครับ
เอาลิงค์มาแปะไว้ให้ เผื่อว่าคุณอยากฟังนะครับ ^ ^

http://www.youtube.com/watch?v=oeNO56xNlZo
ขอบคุณสำหรับเพลงค่ะ ชอบความหมายจังเลย ความจริงขอแค่ได้อยู่กับใครที่รักเราและเรารัก ที่ไหนก็น่าอยู่ทั้งนั้นค่ะ
ชอบคาแรกเตอร์ของวิศวกรหนุ่มคนนี้จัง เปิดตัวออกมาไม่กี่นาที ขโมยคำว่าเท่ๆๆๆ จากจิตใต้สำนึกของนายคะน้าไปเกือบหมดแล้วมั้ง
คงไม่เหลือคำว่าเท่ให้กับคุณหมอ(?!) เจ้าของไพ่ใบต่อไปแล้วละมั้ง สงสัยต้องได้คำอื่นแทนซะแล้ว ^^

บวกให้ค่า รออ่านจริงๆ (รู้สึกถูกชะตากับเรื่องนี้จัง 555 ขอบคุณที่แต่งค่า)
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 16-04-2012 00:37:40
ฮั่นแน่ หนุ่มวิศวะมาแล้ว
อีกคนไปหลบอยู่ไหนหนอ มาด่วน
อ่านแล้วอยากกินไอติม
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ToffeE_PrincE ที่ 16-04-2012 00:39:12
เข้ามาเปิบ :mc4: :mc4:

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 16-04-2012 06:25:59
หนุ่มคนแรกออกมาแล้วววว
คะน้าโดนป่วนอีกนานแน่ ฮาๆๆๆ
รออ่านต่อถัดไปค่า
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 16-04-2012 08:13:50
เปิดตัวมาแล้วคนที่หนึ่งยังเหลืออีกหนึ่ง รอลุ้นว่าจะเป็นใคร

คะน้าจะเลือกใครล่ะ ลุ้นๆครับ

รอติดตามครับผม ^^ :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-04-2012 20:40:39
ตอนที่ 1.2

รถกระบะสมบุกสมบันสีมอซอเลี้ยวเข้าในคอนโดสูงตระหง่านย่านสุขุมวิท
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกดยกที่กั้นตรงทางเข้า ยกมือตะเบ๊ะพร้อมเอ่ยทักทายอย่างใกล้ชิด

“สวัสดีครับ คุณคะน้า ไม่ได้เห็นตั้งนานเลยนะครับ”

“พี่เม่น สวัสดีครับ สบายดีไหมครับพี่” เอื้อมมือไปหยิบถุงมะพร้าวอ่อนข้างเบาะคนขับแล้วยื่นส่งให้
“ผมรบกวนฝากไปแบ่งกับพี่ๆ คนอื่นๆ ด้วยพอจะได้ไหมครับพี่ โว๊ะ! หนักแฮะ!!” สองมือที่พยายามแบกไว้ทรุดลงด้วยน้ำหนัก
พี่เม่น พนักงานรักษาความปลอดภัยกุลีกุจอรีบมาช่วยยก พร้อมกล่าวขอบคุณเสียมากมาย

ถึงจะไม่หล่อไม่เหลาแบบใครๆ แต่หนุ่มแว่นหนา แต่งตัวมอซอ แถมหัวกระเซอะกระเซิงอย่างคะน้า
ก็เป็นขวัญใจของทุกๆ คนที่ได้รู้จักและใกล้ชิดเสมอ ...แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เจ้าตัวไม่เคยรับรู้เลย

ทุกๆ วันศุกร์ คะน้าจะแวะมานอนที่บ้านนี้ เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนกับ “ผักกาด”
พี่สาวแท้ๆ ของเขาที่ทำงานสถานฑูตแล้วหยุดพักผ่อนในทุกสุดสัปดาห์ เดิมที่เดียวที่นี่
หมายถึงที่คอนโดนี่ เป็นที่พักเดิมสมัยที่เค้ายังทำงานออฟฟิศ ก่อนจะโดนเด้งเพราะพิษน้องน้ำ
แล้วชีวิตของชายหนุ่มก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ จนกลายไปเป็นพ่อค้าในตลาดสดอย่างที่เห็น

เมื่อไอ้แก่สี่ล้อจอดสนิท หนุ่มแว่นก็งกๆ เงิ่นๆ กับสารพัดผลิตภัณฑ์จากฟาร์มไก่ไข่และสวนมะพร้าว
คนใส่เสื้อยืดเก่าๆ หอบหิ้วข้าวของจนเกินตัว สองมือพะรุงพะรังไปด้วยของฝากที่เจ้าตัวมักหอบหิ้วมาจนชิน
ใครจะคิดว่าคะน้าจะแบกของน้ำหนักอย่างกับกระสอบข้าวสารสบายๆ



(กดเบาๆ ฟังเพื่ออรรถรสในการอ่าน ^ ^)
http://www.youtube.com/watch?v=SAxLtuctFi8

ฉันยืนอยู่คนเดียว ตรงนี้ มานานแสนนาน
ไม่เคยจะเจอและพบใคร ที่เข้าใจฉัน ไม่มีสักคน


เสียงทุ้มที่กำลังร้องเพลงและเสียงกีตาร์โปร่งแผ่วๆ ทำให้ชายหนุ่มชะงักเท้า แม้ว่าของในมือจะหนักแค่ไหนก็ตาม

อยู่คนเดียวมันช่างอ้างว้าง และว่างเปล่า มันว่างเปล่าเปลี่ยวเหงาใจ
อยากจะมีใครไว้ คอยให้ไออุ่น ให้หนุนตัก ให้พักใจ

เพราะว่ะ! คะน้าจ้องมองชายหนุ่มสูงโปร่งกำลังร้องเพลงอยู่ในสวนด้านล่างของคอนโด
แสงแดดยามเย็นสะท้อนเหลี่ยมมุมให้เห็นโครงหน้าที่คมคายของเจ้าของเสียงทุ้ม
สายลมอ่อนๆ ที่พัดหยอกล้อกับเส้นผมสีเข้มดูน่ามอง คะน้าค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปหาต้นเสียงโดยไม่รู้ตัว

ขอ... แค่ใครสักคน ที่รักจริง ขอ... แค่เพียงที่พิง พักใจ
ไม่รู้... ต้องทนต้องรอสักเท่าไหร่ จะได้พบใครที่หัวใจนั้นตามหา

ปลายนิ้วสะบัดพริ้วลงบนสายกีต้าร์ดูคล่องแคล่ว ...นักดนตรีเหรอนั่น? คะน้าตั้งคำถามใจในตัวเองเบาๆ
ไอ้หมอนี่สาวๆ ต้องติดเพียบแหงแก๋ เสียงโค-ตะ-ระเพราะ ร้องเพลงแล้วมีเสน่ห์โพด
แต่ช้าก่อน! กูไม่เชื่อหรอกว่าพระเจ้าจะประทานพรมาให้แมร่งเพียบพร้อมไปทุกอย่าง

ขอหน่อยเหอะ... ขอดูหน้ามันหน่อยเห้ออออ...

หนุ่มแว่นเจ้าปัญหาค่อยขยับเท้าเข้าไปใกล้ขึ้น ...และใกล้ขึ้น จนคนที่ร้องเพลงอยู่รู้สึกตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตา...
เชรดดดดดดดดดด... สวรรค์กลั่นแกล้งกูชัดๆ! มะ... แม่ง.... แม่ง... กูอยากฆ่าตัวตาย!!!!

ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงา ไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืม ความเหงาเสียที...

“ครับ?” เจ้าของเสียงทุ้มตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้นสูง

“ค...ครับ” คะน้ารับคำอย่างตะกุกตะกัก รู้สึกเสียมารยาทชอบกล คนที่ถือกีตาร์เอียงคอมองด้วยความสงสัย
เมื่อไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับจากชายหนุ่มที่หอบสมบัติราวกับขายสวนทิ้งข้างหน้า
เจ้าตัวก็หัวเราะขึ้นเบาๆ เอามือขยี้หัวตัวเองไปมาด้วยความขวยเขิน

“นั่นสินะ ฮ่ะๆๆๆ” นั่นสินะอะไรของมัน ไอ้นี่ท่าจะบ้า คะน้าได้แต่จ้องมองด้วยความงงงวย
โดยไม่ทันตั้งตัว ...ทันใดนั้นเอง โว๊ะ!!! นะ..นั่น!!!



ค..ใครสั่งใครสอนให้มึงยิ้มแบบน้านนนนนนนน...

“ขอโทษครับ ผมคงร้องเสียงดังเกินไป คืนนี้คุณคงจะฝันร้ายแน่ๆ แหะๆ”

นี่... นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเฟ้ย ทั้งหล่อ ทั้งร้องเพลงเพราะ มึงยังมารยาทดีอีกเหรอฟะ?
คนอะไรวะเนี่ย คืนนี้... คืนนี้เลยนะ กูจะไปผูกคอตายใต้ต้นผักชี!

อากัปกิริยากระฟัดกระเฟียดและสีหน้าแปลกๆ ของคะน้า ทำเอาเจ้าของกีตาร์นึกสงสัย
คิ้วเข้มขมวดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ...พูดอะไร ถามอะไรก็ไม่มีคำตอบ

“ครับ?”

“...ค ...ครับ” คะน้ารับคำแบบไม่รู้จะพูดอะไร

“ครับ” อีกสักทีสิน่า ว่าแล้วรอยยิ้มน้อยๆ ก็กระจ่างขึ้นบนใบหน้า

“...ครับ” เอ๊ะ... ไอ้นี่! อย่าสิฟะ

“ครับ” แววตาขี้เล่นหันมาจ้องมองชายหนุ่มอีกคนอย่างล้อเลียน
รอยยิ้มนั้นเปิดเผยถึงความสุขอย่างเต็มที่ ...แกล้งกูซะงั้นนะมึง คะน้าถลึงตาใส่ เริ่มหงุดหงิด

“อย่าครับสิครับ!”

“คุณก็อย่าครับสิครับ”

“คุณ!” คะน้าหงุดงิดคันมือยิบๆ ขึ้นมาทันที

“คร้าบบบ” และแล้วคนแปลกหน้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

“เอ่อ...” สนุกใหญ่นะเอ็ง พ่อเขวี้ยงมะพร้าวใส่ซะดีไหม

“ทำไมแบกอะไรมาเยอะแยะเลยล่ะครับ ไม่หนักเหรอครับ”

“อ้อ... เอามาฝากพี่ๆ ในนี้น่ะครับ เค้าช่วยดูแลเรา ก็แบ่งๆ กันไป หนักไหม ก็โอเคนะ
ผมชินแล้วครับ ไม่อะไร” คะน้าจ้อไม่หยุด เงยหน้าไปมองก็เห็นรอยยิ้มนั้นอีกแล้ว ...กูเซ็ง!!!

“แปลว่าเฉยๆ”

“ครับ ชินแล้ว”

“งั้นฝากถือนี่ด้วยได้ไหมครับ” ชายแปลกหน้ายื่นกีต้าร์มาตรงหน้า
ถ้ามือว่างๆ สาบานได้ว่าคะน้าจะรับกีต้าร์มาแล้วเอาไปฟาดหัวเจ้าของล้างแค้นให้สาแก่ใจ

“เอ่อ...” ได้แต่คิดล่ะครับ เอาเข้าจริง ก็ตอบได้แค่นี้แหละ แหะๆ

“นั่นสินะ... มือไม่ว่างนี่” พูดจบก็เอื้อมมือมาดึงถุงมะพร้าวที่แบกอยู่ในมือไปถือซะเอง
“ให้ผมช่วยนะครับ คงหนักล่ะสิ หน้าคุณดูแดงไปหมดแล้ว”

แดง? คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า ...มันใช่ที่ไหนเล่า ไอ้เปรตนี่!

“ช่วยผมถือกีตาร์แล้วกันครับ จะได้หายกัน ไม่มีติดค้าง” เป็นอันตกลง
คะน้าเอื้อมมือไปหยิบกีต้าร์มาถือแม้ติดจะแบบงงๆ ก็ตาม คนๆ นี้เป็นคนอัธยาศัยดีอะไรแบบนี้นะ

“เดินนำไปเลยครับ” อีกแล้ว... ยิ้มนั่นอีกแล้ว คะน้าตัดสินใจไม่พูดอะไร
เขาเดินนำไปข้างหน้าพร้อมกีต้าร์ในมือ สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวตามมาด้านหลัง

“เอ่อ... ขอบคุณครับ”

ประตูลิฟต์เปิดออก คะน้าเดินก้าวนำออกมา มีนักดนตรีแปลกหน้าเดินตามมาด้านหลัง
หันไปมองก็เห็นสีหน้าแปลกๆ ดูเหรอหราๆ ของเขา คะน้าไม่รู้ว่ามันจะดีไหมกับเรื่องความปลอดภัย
แต่คิดว่าคนๆ นี้ไม่น่ามีนิสัยอะไรน่ากลัว ...จะน่ากลัวก็ตรงรอยยิ้มนั่นแหละ!

“แต่งไม่เหมือนกับชั้นที่คุณอยู่เหรอครับ” คะน้าถามพร้อมเดินนำไปข้างหน้า

“อ้อ... เปล่าครับ เหมือนเด๊ะ” เขาตอบกลับพร้อมหัวเราะน้อยๆ

“ถึงแล้วครับ ขอบคุณที่ช่วยผมนะครับ นี่ครับ กีต้าร์คุณ”
ส่งกีต้าร์คืนให้ เขาเอื้อมมือมารับกลับไป พร้อมเอ่ยถาม

“จริงสิ ผมไม่เคยเห็นคุณเลยครับ พักที่นี่มานานแล้วเหรอ”

“นานแล้วครับ แต่จะมาเฉพาะวันเย็นศุกร์น่ะครับ” เขาพยักหน้าเข้าใจ

“แปลกดีนะครับ ผมไม่เคยเห็นคุณเลย”

“นั่นสิครับ ผมก็ไม่เคยเห็นคุณเลยเหมือนกัน” คะน้าหยิบคีย์การ์ดขึ้นรูดประตู ก่อนจะสะดุดหูกับคำพูดต่อมา
“...ทั้งๆ ที่ใกล้กันแค่นี้เอง” คะน้ายืนนิ่ง ชายหนุ่มแปลกหน้าส่งยิ้มให้ “ผมขอตัวก่อนล่ะครับ”

“ด...เดี๋ยว... เดี๋ยวครับ” คะน้าชะงักเก้อเขิน “เอามะพร้าวไปทานสักลูกสองลูกสิครับ”

“ไว้วันหลังก็ได้ครับ เดี๋ยวแวะมาปล้น อยู่แค่นี้เอง” เขายิ้มให้ คะน้าหัวเราะ
อดคิดในใจไม่ได้ว่าคนๆ นี้ดูแปลกๆ ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกถูกอัธยาศัยเหลือเกิน

“เดี๋ยวสิครับๆ ว่าแต่คุณอยู่ไหนน่ะ”

“ผมเหรอ?” เจ้าของกีต้าร์หยิบคีย์การ์ดขึ้นมา แล้วเดินไปรูดประตูห้องที่อยู่ถัดไป
แล้วหันกลับมายิ้ม ...เป็นรอยยิ้มที่ทำให้คะน้ารู้สึกชาอย่างบอกไม่ถูก



“อยู่แค่นี้น่ะครับ ...ใกล้ๆ กับคุณ”

ประตูห้องเปิดออกแล้วชายแปลกหน้าที่อยู่ห้องข้างๆ ก็ผลุบตัวหายไป คะน้ายังคงยืนอึ้งๆ อยู่กับที่
แค่นี้... ข้างๆ ห้องเราเองเหรอ? ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย? กำลังคิดอยู่เพลินๆ เจ้าตัวปริศนาก็โผล่หัวออกมาอีกครั้ง

“จริงสิครับ” พร้อมกับเสียงหัวเราะร่าและแววตาขี้เล่น แล้วก็ผลุบหายไปใหม่ประหนึ่งนินจา



“คืนนี้ ฝันร้ายนะครับ”




1...


2...


3...


4...


5...


5 วินาที! อึ้งไป 5 วินาที!!! อีกแล้ว!!! วันนี้มันอะไรนักหนาเนี่ย!
สะบัดหัวแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเองแบบงงๆ

ทันทีที่บิดประตูเข้าห้อง ร่างของชายหนุ่มก็เซด้วยแรงโถมปะทะ แว่นตากระเด็นกระดอนไปจนมองไม่เห็น

“โว๊ะ! โว๊ะ! เฮ้ย!!! อะไรเนี่ย!!!!” เสียงห้าวผิดกับลักษณะภายนอกจนน่าขำ

“ต่ายน้อยของพี่” เสียงฟอดดังขึ้นซ้ำๆ ที่ข้างแก้มของชายหนุ่ม

“เจ้!!! บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าอย่าเรียกว่ากระต่าย ใครได้ยินอายเค้าแย่ ผมยี่สิบแปดแล้วนะ เจ้ก็สามสิบแล้ว ทำ...”

โผล๊ะ!!! สิ้นเสียงคะน้าก็ยกมือขึ้นลูบหัวป้อยๆ

“ต่ายน้อย ใครสั่งใครสอนให้พูดเรื่องอายุกับผู้หญิง” ป๊าบบบบ!!  เสียงกระโหลกร้าวใช่ไหมนั่น
ใครบอกว่าโลกจะแตกปี 2012 ทายผิดแล้ว มันหัวกบาลผมนี่แหละที่จะแตกเพราะฝีมือผักกาดยักษ์นี่

“แว่นผมกระเด็นไปไหนเนี่ยเจ้ หาไม่เจอ” ควานหาทั่วพื้นแต่ก็ไม่เห็นร่องรอย

“นะๆๆๆ ไปทำเลสิคกัน นะๆ อุซากิซัง”

อย่าเพิ่งตกใจคิดว่าผมเป็นพวกพิสดาร มีชื่อแปลกประหลาดเยอะแยะนะครับ
ย้ำอีกครั้งว่าผมชื่อ “คะน้า” ชื่อจริงๆ ว่า “มัยมนัส” ครับ ส่วนคนที่นั่งคร่อมผมอยู่เนี่ยคือพี่สาวแท้ๆ ของผมเอง
ชื่อว่า “ผักกาด” ชื่อจริงก็คือ “มิณฑิตา” กระต่ายที่พี่สาวผมเรียกเนี่ย มาจากฟันกระต่ายของตอนเด็กๆ ของผมเองครับ
พอโตขึ้นก็จัดฟัน ฟันกระต่ายก็หายไปละ ส่วนอุซากิเนี่ย ก็คือคำว่ากระต่ายในภาษาญี่ปุ่นน่ะครับ
ทำไงได้ ก็พี่สาวผมเรียนจบโทด้านภาษาจากที่ญี่ปุ่น แถมยังทำงานสถานฑูตญี่ปุ่นเข้าไปอีก
วันดีคืนดีก็ไทยคำ ญี่ปุ่นคำแบบนี้แหละ ผมแปลออกซะที่ไหน

แล้วที่ผักกาดชวนผมเหย็งๆ ให้ไปทำเลสิคหรือการผ่าตัดรักษาสายตาสั้นแบบถาวร
ก็เพราะครอบครัวเราเหมือนโดนคำสาปแปลกๆ อย่างหนึ่งครับ คือสายตาสั้นมากๆ โดยกรรมพันธุ์
ทั้งผม รวมถึงผักกาดพี่สาว ต่างก็ต้องสวมแว่นหนาเตอะหนักๆ นี่ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

“ชั้นจะสามสิบแล้วนะแก เดี๋ยวก็ขายไม่ออกกันพอดี” นี่ล่ะมั๊งครับ เหตุผลที่แท้จริง

“แล้วมันมีโปรโมชั่นไง ทำสองคนราคาครึ่งนึงเลยนะต่ายน้อย”
เอ่อ... ขอถอนคำพูดเมื่อสักครู่ครับ! ผมมั่นใจว่านี่คือเหตุผลที่แท้จริงครับ!!!

“แพง! ใส่แว่นก็ได้” พลิกตัวแล้วดันผักกาดขึ้น นั่งทับมาได้ แบนกันพอดี แต่... กร็อบ!!!
เอ๊ะ! มันเสียงอะไรนะ รู้สึกสังหรณ์ใจพิกล ในความเลือนลาง ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า
ผมเห็นเจ้กำลังยิ้มน้ำตาไหลพรากๆ ฉิบหายละ! แว่นตรู!!!! “ลุกๆๆๆ ลุกเลย แว่นๆๆ”

ไหนกันล่ะที่ว่าแม่นนักแม่นหนา ไหนบอกว่าผมดวงดีแล้วไง
ดูสิ แว่นสายตาโย้ไปข้างแล้วนั่น แถมโดนบังคับไปทำเลสิคอีกนะ เอาเงินเก็บมาใช้อีกทั้งปี

“จะฟูมฟายอะไรนักหนา ทำเป็นยามาดะ ทาโร่กลับชาติมาเกิดใหม่ไปได้”

“รู้จักแต่ทาโร่ปลาเส้น อย่างอื่นไม่รู้จัก” ผลั๊วะ!!! ทำไมมันดังขึ้นบนหัวตูอีกแล้วเนี่ย

“พี่จองคิวไว้แล้ว ไว้ไปคยกับหมอกัน”

“แต่ผมไม่มีเงิน”

“พี่ให้กู้ ดอกร้อยละ 20 กันเอง!”

“งั้นมีละ เดี๋ยวเอาเงินเก็บมาใช้ก็ได้”

“ก็เท่านั้น” ว่าแล้วพี่ผักกาดก็เดินไปเอนคัวดูรายกรทีวีภาษาญี่ปุ่นที่โซฟาอย่างสบายอารมณ์
“ว่าแต่ขนมะพร้าวขึ้นมาทำไม ไม่แจกพี่ๆ ข้างล่างเค้าให้หมดล่ะ”


เออ! นั่นสิ! กูขนขึ้นมาทำไมเนี่ย!

ผักกาดส่ายหน้าอย่างเอ็นดู จะกี่ปี น้องชายเธอคนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยน เอ๋อๆ เบลอๆ สมาธิสั้นเป็นประจำ

“จริงสิเจ้ เจ้รู้จักคนที่อยู่ข้างห้องป่ะ”

“คนไหนล่ะ”

“ที่ชอบนั่งเล่นกีต้าร์ที่สวนด้านล่างน่ะ”

“อ้อๆๆ รู้จักสิ คนที่นี่รู้จักเค้าหมดแหละ คงมีแต่แกล่ะที่ไม่รู้จัก” เอ๊า... ไหงว่าน้องตัวเองแบบนี้

“เค้าเป็นนักร้องออกแผ่นใช่ไหม”

“ที่ไหนล่ะ เห็นแบบนั้น ตุลมันเป็นหมอนะ”

“ห๊ะ เป็นหมอเนี่ยนะ”

“เออ หมอคนเนี่ยล่ะ แกคิดว่ามันเป็นหมอหมา หมอนวดหรือไง”

คะน้าสะบัดตัวแบบมึนๆ คนๆ นั้น ดูเหมือนว่าจะชื่อ “ตุล”
ต่างกับภาพลักษณ์ของคนเป็นหมอในความรู้สึกของเขาโดยสิ้นเชิง
ท่าทางที่ดูขี้เล่น แล้วก็พรสวรรค์ทางดนตรีนั่นก็จัดว่าห่างไกลแล้ว
ไหนจะรูปร่างหน้าตาที่ดูยังไงก็น่าจะเหมาะกับการทำงานวงการบันเทิงเสียมากกว่า



...พระเอก

จริงสิ หน้าตาแบบนี้เหมาะจะเป็นพระเอกละครน้ำเน่าที่จันทูดูตอนกลางวันสุดๆ
แล้วจะให้ดีก็ให้ไอ้เท่ที่ชื่อ ทิม เป็นตัวร้าย แบบนี้แหละเหมาะดีแท้ ขาดก็แต่นางเอก หาได้อีกคน
“มัยมนัสโปรดักชั่น” ก็ผลิตละครน้ำเน่าเรตติ้งถล่มทลายได้แน่ๆ แล้วตูจะไปหานางเอกที่ไหนดีล่ะนั่น

“ต่ายซัง...”

“หึ้ม เจ้ ว่าไง” ผักกาดทำหน้าพิกล

“เปล่า เห็นแกทำหน้าตาแบบตัวร้ายอะไรสักอย่าง วางแผนทำอะไรพิเรนทร์ๆ อยู่ไหมเนี่ย”

“เปล๊า... ไม่มี๊” ผักกาดทำสีหน้าอ่อนใจ

“แกอย่าให้ชั้นจับได้นะ แกได้ตายหมกถังไอติมแน่ๆ”

“เจ้ก็พูดไป” คะน้าหัวเราะแล้วโผเข้าไปกอดพี่สาวตัวเอง

“ต่อให้แกไปให้หมอข้างห้องรักษา ตุลมันก็รักษาแกไม่ได้หรอก”

“หมอ?!?!” จู่ๆ คะน้าก็รู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก วิศวกร ...แล้วก็

...หมอ

“อะไรอีกล่ะเนี่ย” คะน้ายอมรับว่าชักจะรู้สึกขนลุกแปลกๆ ขึ้นมากับคำทำนายของไพ่ทาโร่เจ๊อ้อย
อย่างบอกไม่ถูกแล้วสิ มันบังเอิญมากไป หรือว่า.... เอาเถอะ ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัว

“หนุนตักหน่อยดิ” ไม่พูดเปล่า คะน้าล้มตัวลงนอนบนตักพี่สาวทันที ...คิดมากก็เยี่ยวเหลืองเนอะ

“แก่ป่านนี้แล้ว ทำอะไรเป็นเด็กๆ”

“แกป่านนี้ นี่เจ้ใช่ไหม”

ผลั๊วะ!!!! ฉับพลันทันใด ไม่ต้องเสียเวลารอ
“แกคงได้รับคำตอบที่น่าพอใจแล้วใช่ไหม”

“พอใจมากคร้าบบบบ...” คะน้าเอามือกุมหัวตัวเองแล้วทำท่าสำออย

“ต่ายเอ้ย ขี้อ้อนไม่เลิกเลยจริงๆ นะเรา” ผักกาดเอามือขยำหัวคะน้าด้วยความเอ็นดู

“คิดถึงแม่เนอะเจ้” ยังไงครอบครัวก็สำคัญเสมอสำหรับคะน้า ทุกวันนี้ ไม่ใช่เพียงแต่คิดถึงผักกาด
หากแต่เขาก็อยากจะช่วยดูแลพี่สาวคนเดียวของเขาด้วย เพราะลึกๆ แล้ว
คะน้ารู้ดีว่าพี่สาวคนนี้ก็คิดถึงเขาเช่นกัน ...ที่นี่ ก็มีกันแค่สองคนนี่เนอะ

“ไว้ว่างๆ เรากลับไปบ้านโน้นกัน”

“อืม”

คะน้ารับคำแล้วนอนดูรายการทีวีที่ไม่เข้าใจสักนิดบนตักพี่สาวด้วยความสุข
ดวงตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง พระจันทร์ดวงกลมโตทอแสงสว่างนวลตา
ลึกๆ แล้วคะน้ารู้ดีว่าที่ผักกาดเรียกเขาว่า “กระต่าย” นั้น ไม่ใช่เพราะว่าฟันที่เหมือนกระต่ายตอนเด็กๆ เท่านั้น
แต่เพราะติดเรียกตามแม่ที่แซวเขาจากความฝันแบบเด็กๆ นั่นต่างหาก




“...อยากไปดวงจันทร์”
“คะน้าจะไปยังไงล่ะคะ?” คุณแม่ถามลูกชายตัวเองด้วยความเอ็นดู
“ขอป๊าไป”
“คะน้าจะไปทำไมคะลูก?”
“อยากเห็นป๊า เห็นแม่ เห็นพี่ผักกาดจากดวงจันทร์”
“แบบนี้ คะน้าก็ต้องอยู่คนเดียวน่ะสิ”
“ไม่... ไม่อยากอยู่คนเดียว”
“มีแต่กระต่ายที่อยู่บนดวงจันทร์นะ”
“คะน้าจะแปลงเป็นกระต่าย” เด็กน้อยพูดอย่างมุ่งมั่น






ยี่สิบปีผ่านไป เด็กชายตัวน้อยยังคงจ้องมองไปที่พระจันทร์ดวงเดิมด้วยความฝันแบบเดิมๆ
ไม่กล้าเล่าให้ใครฟังหรอก แม้แต่เจ้ บอกไปก็โดนล้อตายดิ และถึงวันนึงต่อให้ทำงานที่นาซ่าได้ไปเหยียบดวงจันทร์
เขาก็ไม่คิดจะอยู่อะไรที่นั่นหรอก รู้ดีว่าต้องคิดถึงใครต่อใครหลายๆ อีกหลายๆ คนที่อยู่ที่นี่
คิดถึงตลาด ที่บ้าน ที่คอนโด และก็คงคิดถึงอะไรต่อมิอะไรอีกตั้งมากมาย

ด้วยสาเหตุที่บอกไม่ได้ จู่ๆ ชายหนุ่มก็นึกถึงคำถามของลูกค้าที่ช่างเอาแต่ใจเมื่อตอนบ่ายขึ้นมา



“...พรุ่งนี้จะมาไหม”

สายตาเจ้าเล่ห์ที่ดูฉายแววเหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใจนั่น... ฮ่ะๆๆ ดูน่าสนใจดีนะ
ไม่รู้แฮะ อืม... ไม่รู้สิ พรุ่งนี้จะมาไหมนะ แล้วถ้าไม่ไปขายจะเป็นยังไงนะ

คะน้าพลิกตัวขึ้นมา อมยิ้ม... ดวงตาจับจ้องไปที่ท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์สว่างสดใส
บทเพลงที่ติดหูเมื่อยามเย็นถูกฮัมขึ้นโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัว

ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงา ไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืม ความเหงาเสียที...


“น้องชั้นเพี้ยนไปแล้วเหรอ จู่ๆ ก็ฮัมเพลงขึ้นมา มองพระจันทร์มากไปเหรอไงต่าย”
คะน้าหันกลับมาหัวเราะ ไม่ได้สนใจกับคำกระเซ้าของคนเป็นพี่สาวนัก

“เจ้ๆ”

“อะไร”

“เจ้เคยคิดไหม อาจไม่ได้มีกระต่ายตัวเดียวอยู่บนดวงจันทร์ก็ได้นะ”
คะน้าจ้องมองไปที่สีเหลืองนวลบนท้องฟ้า แล้วค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นสูง
“คือหมายถึงมันก็น่าจะมีคนอื่นที่อยากไปพระจันทร์เหมือนกันรึป่าว”

“จะมีคนไหนเค้าเพี้ยนแบบแกอีกเหรอ” ผักกาดกึ่งถามกึ่งบ่นแบบระอาใจ

“คนที่บ้าๆ แบบเรา อาจจะนะ... น่าจะ...” คะน้ายิ้ม ...ยิ้มอย่างไม่มีเหตุผล



“...คิดแบบนั้นจริงๆ นะ”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จบตอนที่ 1 โดยสมบูรณ์แล้วครับ ชอบกันไหมเอ่ย  :o8:
ขอบคุณเพลง ใครคนนั้น ของ Jetseter ครับ (ขโมยมาใช้ ต้องขอบคุณเสียหน่อย แหะๆ)
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-04-2012 20:42:55
คุยกันหน่อยนะครับ แหะๆ

ตัวละครหลักออกมาครบแล้วล่ะครับ ไม่รู้ว่าถึงตอนนี้ เพื่อนๆ จะชอบใครมากกว่ากันแฮะ
สำหรับคนเขียนขอสารภาพตรงๆ ว่าไม่มีการวางโครงเรื่องอะไรไว้มากนะครับ
เป็นความตั้งใจแต่แรกว่าจะฟังจากความคิดเห็นของเพื่อนทุกคนเอาน่ะครับ
เชียร์ใคร ชอบใคร อยากให้ใครเป็นพระเอกก็ลองว่ากันมานะครับ หรืออยากรีเควสอะไรยังไง
ก็ว่ากันครับ ไม่รับปากนะครับ แต่ถ้าพอเขียนได้เดี๋ยวจะเซอร์วิสให้นะครับ แหะๆ
ชอบไม่ชอบแบบไหน ก็ลองคอมเมนต์บอกกันนะครับ อ่านแล้วเผื่อจะได้ไอเดียไปเขียนตอนต่อไปนะ หุหุ
เอาเป็นว่า มาช่วยกันเขียนเรื่องนี้ให้จบด้วยกันนะครับ ผูกปิ่นโตกันนะครับ พลีสสสสส....

ปล. บวกคืนให้กับทุกกำลังใจที่แวะมาทักทายและแนะนำกันครับ ^ ^






@Rafael ขอบคุณมากๆ นะครับ ก็ถ้าว่างแล้วเขียนจบก็จะแวะมาอัพให้เรื่อยๆ น่ะครับ
ไม่มีการเก็บสต็อคครับ ไม่มีกั๊ก ฮ่ะๆๆ ขอบคุณมากนะครับ อ่านคอมเมนต์แล้วใจชื้น อยากเร่งตอนใหม่เลย

@owo IIยมuมข้u  :a5: เอ่อ... เอาจริงเหรอครับ แล้วจะเขียนยังไงล่ะนี่ ไปต่อไม่ถูกเลย -*-

@Lemon_Tea ฮ่ะๆๆ นั่นสินะ ใครดีล่ะเนี่ย อยากเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระคะน้าอยู่เหมือนกันนะนั่น 555

@UnLucky มาเสิร์ฟแล้วครับ หวังว่าคงรอไม่นานเกินไปนะครับ ^ ^

@ •PIKACHU•  5555 มีความนัยอะไรซ่อนอยู่ในรีพลายไหมหนอ หุหุ

@rubymoona ไม่รู้ว่าราชาถ้วยจะเข้าทำนองมาทีหลังดังกว่าหรือเปล่าหนอ
แต่ยังไงได้มีชิงดำกันแน่ๆ ครับระหว่างสองคนนี้ ระวังจะกดคะแนนใส่กันไม่ถูกนะครับ ฮิฮิ

@Panny อีกคนมาแล้วครับ จัดพร้อมเสิร์ฟให้เรียบร้อยในตอนนี้แล้ว ถูกใจไหมนะ ^ ^

@JJHJJH ขอบคุณมากๆ เช่นกันนะครับ อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอีกกองโตเลยครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ ฮ่ะๆๆ ตอนนี้โผล่มาอีกคนแล้วครับ ไม่รู้ว่าจะหักลบกลบหนี้ตีตื้นได้ไหม
ตอนนี้คุณหมอมีบทสนทนาเยอะหน่อยนะครับ (ให้มากกว่าเพราะมาทีหลังไง ฮิฮิ)
เดี๋ยวคาแรกเตอร์ของทั้งสามตัวหลักจะค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ นะครับ
แอบคิดเอาเองว่าน่าจะดีขึ้นเมื่อผ่านไปสักพักครับ แหะๆ

@lovely2min มาด่วนตามคำเรียกร้องครับ แต่ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่านี่น่ะสิ ยังไงฝากคุณหมอด้วยนะครับ

@ToffeE_PrincE ขอกอดกลับก็แล้วกันนะครับ ^ ^  :กอด1:

@cocoaharry นั่นน่ะสิครับ คงจะวุ่นวายไปอีกนานเลยทีเดียว แต่คิดว่าเจ้าตัวน่าจะชอบมั๊งครับ

@Running มาแล้วครับคนที่เหลือ คิดว่าน่าจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับทิมแน่นอนครับ
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ ยังไงชอบไม่ชอบอะไรก็แนะนำกันทีนะครับ แหะๆ
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งแรก) - Apr 15, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-04-2012 20:55:38
แอร๊ยยย
เลือกไม่ถูก เลือกไม่ถูกเลยจริงๆ
แต่ละคน ว๊ากกกกก
อิจฉาคะน้า เจอแต่ผู้ชายหล่อๆนิสัยดี ไม่ไหวและ ละลาย
รอตอนต่อไปนะคะ มาไวๆน้า คิดถึงคะน้า 555
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 16-04-2012 22:52:59
คนหนึ่งวิศวกรเท่ห์ แอบดุ
อีกคนหมอหล่อ แอบฮา
จะเลือกใครล่ะนี่

แต่ว่าสองคนนั้น...
“...พรุ่งนี้จะมาไหม”

แล้ว...
“...พรุ่งนี้(คนแต่ง)จะมา(ลงต่อ)ไหม”
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 16-04-2012 23:06:40
ชอบจังเลย ผูกปิ่นโตด้วยจ้า
เห็นสองหนุ่มแล้ว โหวตวิศวกรละกัน ตามตำราไทย หมอดูนิสัยดี แต่คนดีมักไม่มีที่อยู่ 555

อยากรู้ว่า สองหนุ่มนั้นโตกว่าคะน้ามั้ยจ๊ะ หรือ 28 ประมาณๆ กัน
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 16-04-2012 23:10:02
สามพีสิคะ

แอร๊ยยยยยยยยยยย
 :m31: :m31: :m31:
พ่นไฟด้วนความอิจฉา
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 16-04-2012 23:15:38
เสียดายถ้า ต้องทิ้งใครคนนึงขอเป็น3pได้มั้ยอิอิ
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 16-04-2012 23:20:20
อืมๆๆ มาครบทั้งสองคนแล้วว

คะน้าจะเลือกใคร แนะนำว่าไม่ต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งหรอก !!!!

รวบทั้งสองคนเลย เเอร๊ยย!!!! 55555 ว่าไงคนแต่ง จัดให้ได้มั้ย รีเควสแบบนี้ 55555

ไม่รู้ว่าจะยังไง รอลุ้นตอนต่อไปดีกว่า ฮ่าๆๆๆ บวกบวกครับ จะรออ่านครับบ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 16-04-2012 23:38:16
เลือกไม่ถูกเลยยยยย ซื้อ 1 แถมอีก 1 ได้ไหมคะ จะซื้อทิมแถมตุล หรือจะซื้อตุลแถมทิมดี !! (คนไม่ใช่สินค้านะเออ !) ยังไงก็ขอ 3p เลยค่าา  o13 (ชอบพระเอกแพ็คคู่)  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 16-04-2012 23:46:17
โอ๊ย โอย โอ๊ย น่ารัก!คะน้าน่ารักจังน่อ!!ที่มาของชื่อเล่นก็น่ารัก!กระต่ายๆ กระต่ายน้อยยยยยยยยยยยย
อั่ยยะ พี่ตุลมาแรงแบบชิวๆจริง เล่นดนตรีได้งี้มันเอาใจสาว(หนุ่ม)ไปเลยนะเนี่ย แอบคิดว่าน้องต่ายเราชอบแบบพี่ตุลมากกว่าหน่อยนึงแฮะ แบบชอบคนดีแต่หลงแบดบอย อร๊ายยยยยยยยยยยย
2คน2คาแรคเตอร์แต่ร่วมกับตรงความหล่อ แล้วอย่างนี้จะเลือกใคร~~~~~~
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 17-04-2012 00:02:30
เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องเลย
ไม่ผิดหวังจริงๆ เรื่องน่าติดตามมาก ตั้งแต่เปิดบทนำมาด้วยไพ่ยิปซีแล้ว
แอบสงสัย คนเขียนน่าจะมีความรู้เรื่องไพ่ยิปซีบ้างไม่มากก็น้อยแย่ๆเลย
เราก็พอรู้บ้างเพราะเพื่อนมันดูไพ่เป็น แล้วเราชอบไปนั่งเจ๋ออยู่ด้วย ตอนมันดูไพ่ให้คงอื่น

ตอนนี้เท่าที่อ่านมาชอบตอนที่ 1.2 มากที่สุด โดยเฉพาะเรื่องความฝันของต่ายน้อย
...นั่นสินะ มันก็น่าจะมีคนอยากไปอยู่บนดวงจันทร์ด้วยเหมือนกัน
ว่าแต่คนๆนั้นจะเป็นนักรบ หรือราชาถ้วยกันน้า...
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 17-04-2012 00:12:52
มันดูดีทั้งคู่เลยง่ะ
ไม่ขอเลือกได้ไหมง่ะ
ขอทั้งคู่เลยงิ
วิศวกรก็ดูเถื่อนๆดี หมอก็น่ารักอ่ะ. ชอบหมดเลยจ้า อิอิ o13
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 17-04-2012 00:15:43
คะน้าน่ารักอ่ะ อยากให้ 3p เพราะเลือกไม่ถูก
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 1(ครึ่งหลัง) - Apr 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 17-04-2012 00:55:11
@ •PIKACHU•  5555 มีความนัยอะไรซ่อนอยู่ในรีพลายไหมหนอ หุหุ


อะไร๊หนูใสใสนะ 55555555555555555555
ตอนรีพลายอันนั้นเราเชียร์ 3P
แต่ตอนนี้ขอเชียร์ทิมคนเดียวค่ะ

ส่วน พี่หมอ ขอเราเถอะ !
เราอาสารับไว้ดูแลเอง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
(น้องคะน้าตบ)

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
พี่หมอน่ารักเกินไป
หลงเลย 555555555555
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-04-2012 02:37:39
ตอนที่ 2

คะน้าจ้องมองร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าขนหนูห่อหุ้มท่อนล่างไว้ที่หน้ากระจก
ร่างกายเริ่มชัดเจนไปด้วยกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย ชายหนุ่มขยับแว่นหนาๆ อย่างไม่เชื่อสายตานัก
อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ ด้วยความเคยชิน
หลายเดือนมานี้ รูปร่างของเขาดูมีกล้ามเนื้อเด่นชัดขึ้นกว่าแต่ก่อนจนแปลกตา
อาจเพราะการต้องแบกของขนของขึ้นลงแผงทุกวันที่ตลาดนั่นน่ะแหละ

ก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้หล่อเหลาแบบใครๆ คะน้าจึงใส่ใจดูแลตัวเองมาตั้งแต่สมัยเรียนจบมหาวิทยาลัยใหม่ๆ
มันก็ได้ตามมีตามเกิดเท่าที่พอจะเป็นได้ รูปร่างที่สูงโปร่งเกือบ 180 เซนติเมตร
ค่อยๆ พัฒนาจนดูล่ำสันสมส่วน ผิวขาวละเอียดดูสะอาดสะอ้านน่ามอง อย่างน้อยก็มีอะไรให้ภูมิใจบ้างล่ะน่า!



...ตัดหัวทิ้งเมื่อไหร่ ก็หล่อไม่แพ้ใครล่ะเว้ยเฮ้ยยยย...

เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อตัวที่หล่อที่สุดขึ้นมาแล้วเอามาทาบกับตัว นี่ถ้าเขาดูหล่อเท่สักนิดแบบทิม เจ้าวิศวกรนั่น
หรือถ้าดูอบอุ่น มีเสน่ห์แบบหมอตุล ก็คงจะดีแฮะ แต่ก็เอาเถอะ แค่นี้ โดม ปกรณ์ ลัม เคน ธีรเดช ติ๊ก เจษฎาภรณ์
ถ้าเอามาเดินคู่ๆ กันกับยอดชายนายคะน้าเจ้าเก่า ก็กลมกลืนได้อยู่



...นี่พูดจริงๆ เลยนะ ไม่ได้หลงตัวเอง


“เจ้ๆ เจ้คิดว่าตระกูลเรานี่เอาจริงๆ เรื่องรูปร่างหน้าตาก็ใช้ได้อยู่นะ ว่าป่ะ?”

ผักกาดเงยหน้าขึ้นมองแบบไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก ยังไงดีล่ะ จะด่าตัวเองก็กระไรอยู่ จริงไหม?
“อ๊าววว... จริงๆ นะเจ้ เจ้ก็หุ่นดีอย่างกับนางแบบ หรือจะเถียงล่ะ?”

“ไม่เถียงล่ะ”

“ใช่ไหมล่ะ หรืออย่างผมนะเจ้ เดินคู่กับโดม เคน ติ๊ก เจษฯ ก็ไม่ถึงกับขายขี้หน้านะ เจ้ว่าไหม”

ผักกาดถอนหายใจแล้วลุกขึ้นมายืนมองน้องชายตัวเองเบ่งกล้ามหน้ากระจก แล้วถอนหายใจเบาๆ
“ต่ายน้อยของเจ้ น้องเจ้ไม่มีอะไรจะเสียอีกละ”

“ใช่ป่ะ” คะน้าหัวเราะร่าชอบใจ

“ใช่!!!” ผู้เป็นพี่สาวจงใจจ้องหน้าเขม่นหวังให้รู้สึกตัว แต่น้องชายจอมเอ๋อกลับไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
“อย่างแกจะมีอะไรให้เสียล่ะ เคยมีอะไรดูดีมั่ง นี่ๆ ซกมกเป็นที่สุด แล้วนี่! ดูหน้าชั้น จะสามสิบรอมร่อแล้ว
แต่ยังขายไม่ออกเนี่ย แกก็อีกคน อย่างกับพวกเนิร์ดสติเฟื่อง” ว่าแล้วก็ฟาดป๊าบลงบนหลังน้องชายอย่างไม่ปรานี

“เอ้ย เจ็บๆๆๆ ตีน้องทำไมเนี่ย” คะน้าเอามือลูบตัวเองป้อยๆ

“ไม่ได้ละ เราสองคนต้องโมฯ ตัวเองอย่างแรง ก่อนที่ชั้นจะขึ้นคาน ก่อนที่วงศ์ตระกูลเราจะสิ้นสุดลงที่แก”

“โหยยย... เจ้!” น้องชายนึกอยากจะเถียง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร

“เก็บเสื้อผ้าเลย ไปใส่เสื้อให้ดีๆ แกจะชีเปลือยแบบนี้อยู่อีกนานไหม” ผักกาดดันคะน้าหลุนๆ ให้เข้าไปเปลี่ยนชุด
“นี่! แล้วว่างๆ ก็หัดดูทีวีสะมั่ง เดี่ยวนี้เค้าต้องน้องณเดชน์ น้องหมาก น้องบอย ปกรณ์ น้องเคน ภูภูมิย่ะ”

“ใครวะเจ้ ผมไม่เห็นรู้จักเลย!” คะน้าอุทานด้วยความงง

“ใครก็ช่าง แต่พวกเค้าหน้าตาดีกว่าแกทุกคน จบ!” คะน้าจำใจเดินกลับเข้าห้องอย่างเซ็งๆ
มีเสียงผักกาดตะโกนตามหลังมา “แล้วเย็นนี้แกไปหาหมอกับเจ้ที่โรงบาลเลย”

บ่ายวันนั้นก็น่าเบื่อแบบทุกๆ วัน คะน้านั่งเรียงไข่ไก่ แยกคัดขนาดไข่ทุกฟองเอง
จันทูนั่งหน้าว่อกไปด้วยแป้งพม่า สายตาเธอยังคงจับจ้องรายการทีวียามบ่ายเหมือนทุกวัน

“คาน้าๆ... มีโคนชมว่ะจันทูสวยแบะสาวเกาหีดั๊วะ”
สัญชาติที่เอ่ยขึ้นมาทำเอาคะน้าสะดุ้งเฮือก ไข่จะตกจากมือเอา!

“เกาหลี!!!” นึกถึงหน้าจันทูเกา...ไอนั่นแล้วก็ขนลุกเกรียว

“เกา-ห... อุ๊” เสียงลูกจ้างพม่าสาวสงบลงเมื่อฝ่ามือของคะน้ายกมาปิดปากแน่น
เสียงหัวเราะดังครั้งทั้งละแวก โดยเฉพาะเจ๊เป็ดแผงข้างๆ ที่หัวเราะชอบใจใหญ่

“อีจันทู เอ็งคันมากเหรอไง? ทำไมไม่ล้างให้สะอาดวะ? คันก็เกาเข้าๆ ฮ่ะๆๆ”
นี่ล่ะมั๊ง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่จันทูเป็นที่เอ็นดูของคนในตลาด คนต่างชาติพยายามพูดภาษาไทย ยังไงก็น่ารักล่ะนะ

“ม๊ะช่ายๆ เกา-ห...” จันทูพยายามอธิบายแต่คะน้าก็เอามือปิดปากอีกครั้ง แล้วทำเสียงดุใส่

“พอแล้วจันทู ไม่ต้องพูดแล้ว เราน่ะออกเสียงไม่ชัด พูดออกมามันแปลไปอีกอย่าง”
คะน้าทำหน้าดุใส่ “นั่งดูทีวีไปเงียบๆ อย่าส่งเสียงอะไรอีก ผมจะทำงาน”

จันทูกระฟัดกระเฟียดหัวเสีย คะน้าหันไปขอโทษเจ๊เป็ด และเหล่าพ่อค้าแม่ค้าทุกคน
เมื่อหันกลับมาก็สะดุ้งกับชายหนุ่มตรงหน้า เห้อ... นี่มันจะหล่อ จะเท่ อะไรแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหม
ไอ้วิศวกรบ้าเนี่ย แล้วมันจะจ้องหน้าจ้องตาจะฆ่าจะแกงแบบนั้นไปทำไม

“อ่า... ขอโทษครับ” แล้วจะพูดขอโทษไปทำไมเนี่ย คิดแล้วก็เซ็งตัวเอง
ไอ้เท่พยักหน้ารับ มันจะพยักหน้ารับทำไมล่ะนั่น

“เอ่อ... พอดีผมไม่เห็น มาถึงนานแล้วหรือครับ” ลูกค้าหนุ่มมองมาแบบไม่สบอารมณ์

“เป็นพ่อค้าไม่ใช่เหรอ” พยักหน้าไปทางถังไอศกรีม

เออ... กูผิดเอง คะน้าได้แต่คิดในใจ พ่อค้าหนุ่มก้มลงถัง
แล้วตักไอศกรีมจากถังขึ้นมาใส่ถ้วย ระหว่างนั้นจันทูก็เริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยน

“พีคะๆ พีว่านูน๊ะเหมือสวยเกา-ห”

“จันทู” คะน้าคำรามเสียงดุ จันทูทำท่าฟึดฟัด

“เหมือนสวย?” ทิมทวนคำถาม แล้วหันไปมองจันทู นึกแปลกใจว่าสาวพม่านี่จะพูดอะไร “เกา? เกาอะไร”

“เกา-ห...” คะน้ารีบยกมือขึ้นมาปิดปากจันทูแทบไม่ทัน เสียงหัวเราะรอบข้างดังกระจาย

“เราน่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว อ้อ เมื่อกี้ต้องพูดว่าสวยเหมือน ไม่ใช่เหมือนสวย เหมือนสวยมันแปลไปอีกแบบ”
คะน้าร่ายยาวแต่สายตากลับลอบจับจ้องใบหน้าวิศวกรหนุ่มที่ยืนอยู่อย่างเกรงใจ เสียงหัวเราะในตลาดยังกึกก้อง
ทิมมีสีหน้างง ไม่เข้าใจ เขาเริ่มหงุดหงิดและแสดงออกถึงความรู้สึกขัดใจนิดๆ ไม่ปิดบัง คิดแล้วพ่อค้าหนุ่มก็หวั่นๆ

“ไอติมได้แล้วครับคุณ” มือคะน้ายังสั่นๆ อยู่เลยตอนที่ส่งถ้วยไอศกรีมให้ ทำไมนะ ต้องดุอะไรขนาดนั้น

ทิมตักไอศกรีมคำใหญ่เข้าปาก เมื่อความเย็นสัมผัสปลายลิ้น คิ้วที่ขมวดขึ้งก็ค่อยๆ คลายลง
รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นมา เมื่อเห็นว่าคะน้าจ้องอยู่ก็ตีหน้าขรึมใส่

“อะไร” หันมาเสียงเขียวใส่คะน้าซะงั้น

“อร่อยไหมครับ เย็นชื่นใจๆ”

“ก็งั้นๆ” ตักไอศกรีมเข้าปากแล้วทำหน้านิ่ง สักพักก็เผลออมยิ้มขึ้นมาอีก จนหนุ่มแว่นอดไม่ได้ที่จะกระเซ้า

“อ้าว... เห็นเมื่อวานบอกว่าชอบ”

“ไม่ได้พูด” ทิมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น เมื่อเห็นคะน้ายิ้มกริ่ม ก็หันมาทำขึงขังใส่ “บอกว่าไม่ได้พูดไงน้อง”

“เฮ่ๆๆๆ ดูเหมือนว่าผมน่าจะเป็นพี่คุณนะครับ”

“อายุเท่าไหร่”

“แล้วคุณล่ะ อายุเท่าไหร่ครับ” คะน้ายิ้มนึกสนุก แต่กลายเป็นเสียงเขียวที่ตอบกลับมา

“ถามว่าเท่าไหร่”

“เอ่อ... 28 ปีหมาดๆ ครับ”

“ไม่เชื่อ” ทิมกวาดตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า คะน้าไม่ได้ดูเป็นเด็กๆ แม้ว่าจะตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อย
รูปร่างนั้นจัดว่าค่อนข้างสูงทีเดียว แต่หน้าตาท่าทาง ลักษณะคำพูด หรือแม้แต่น้ำเสียงนั่น ...จะให้ดูยังไงก็น่าจะยี่สิบต้นๆ ชัดๆ
ระหว่างที่ทิมมองอย่างไม่เชื่อสายตา ครู่เดียว บัตรประชาชนก็ถูกยื่นใส่มือ

“เอาไปดูเลย 28 แล้วครับ เป็นน้องผมล่ะสิ” แค่มองผ่านๆ ตา
ทิมก็ยัดบัตรประชาชนกลับคืนเข้ามือของคะน้าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“น้อง... เป็นน้องใช่ไหมครับ น้องทิมอายุเท่าไหร่นะครับ” ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว
คะน้าค่อนข้างมั่นใจว่าทิมน่าจะอายุน้อยกว่าเขา ...มั่นใจมากทีเดียว

“ต้องกลับไปทำงานแล้ว ไปล่ะ” จู่ๆ ทิมก็พลิกตัวเดินฉุยๆ ออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เล่นเอาคะน้างงไปสักพัก
เมื่อนึกๆ ดูแล้วพ่อค้าหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ...คนเรามันขี้เก็กชะมัดเหอะ!

บ่ายแก่ๆ วันนั้น คะน้าเดินเอากระติกไอศกรีมกะทิไปส่งให้เจ๊เตียง ร้านทองด้านหน้าตลาดที่เป็นขาประจำ
ปกติแล้วหน้าที่นี้จะเป็นของจันทู หากแต่คะน้ารู้สึกยังเซ็งๆ กับมุกสาวพม่าหน้าตาแบบสาวเกาหลีของจันทู
ประกอบกับเจ้าตัวอยากออกมายืดเส้นยืดสายคลายเมื่อยบ้าง

ขากลับจากร้านเจ๊เตียง คะน้าเดินผ่านไซด์งานก่อสร้างคอนโดหรูที่ผุดขึ้นใหม่ใกล้ๆ กับตลาด
จะว่าไปทำเลตรงนี้ คะน้าเองก็เคยได้ยินจากป๊าว่ามีคนมาติดต่อขอซื้อไปทำคอนโด
แต่ป๊าอยากเก็บพื้นที่เอาไว้ทำตลาดสดอย่างเดิม เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าได้มีงานมีการทำ
อีกทั้งยังสะดวกกับชาวบ้านละแวกนี้ด้วย เรียกว่าไม่ต้องไปง้อห้างสรรพสินค้านั่นล่ะ

เสียงตอกเสาเข็ม และเลื่อยไฟฟ้าดังจนแสบหู คะน้าเหลียวเข้าไปมองดู
ท่าทางน่าจะเป็นคอนโดที่หรูมากทีเดียว ระหว่างยืนเก้ๆ กังๆ อยู่นั่นเอง

“น้องๆ” คะน้าหันไปมองต้นเสียง “น้องนั่นแหละจะหันไปมองใครล่ะ พี่เรียกน้องไม่ได้ยินเหรอคะ”
อยู่ๆ ผู้หญิงวัยสามสิบต้นๆ แต่งตัวเปรี้ยวจิ๊ดก็เดินตรงมาหาเขา
“เราน่ะ จากร้านอาหารตามสั่งใช่ไหม มาช้ามากเลยนะ เข้ามานี่ มาเก็บจานกลับไปไวๆ”

ไม่พูดเปล่า เธอคว้าข้อมือของคะน้าลากปุเรงๆ ตามเข้าไปในไซด์งาน แล้วทะลุเข้าไปในส่วนออฟฟิศ
“เก็บเร็วๆ เข้า เหม็นคลุ้งไปหมดแล้ว ห้องแอร์ด้วย วันหลังเนี่ย เรียกแล้วก็มาเร็วๆ หน่อย เข้าใจไหม
เอ๊า! พูดแล้วก็เก็บๆ เข้าสิ จะยืนงงอะไรนักหนาเนี่ย พี่รีบนะคะ พี่รีบ!”

อยากจะอธิบาย แต่ก็ไม่รู้จะพูดแทรกเอาตรงไหน
ลงท้ายพ่อค้าไอศกรีมก็กลายเป็นเด็กเก็บจานจากร้านอาหารตามสั่งไปโดยดุษณี
คะน้าเดินออกมาจากส่วนออฟฟิศด้วยความงงๆ มือถือถาดที่ใส่จานอาหารที่ซ้อนสูง
เขาเดินผ่านส่วนก่อสร้าง แว๊บเดียวเท่านั้น... แต่เพียงแว๊บเดียว คะน้าก็จดจำผู้ชายที่คุ้นตานั้นได้
แม้ว่าเจ้าตัวจะสวมหมวกพลาสติกสีเหลืองดูแปลกตานั่นก็ตาม ...นั่นมันลูกค้าเค้านี่นา
นึกสนุกเลยค่อยๆ ย่องเข้าไปแอบดูสักหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้เท่เวลาทำงานนี่มันจะเป็นยังไง

คะน้าเห็นทิมสั่งงานกับช่างอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉานดูทะมัดทะแมง
แต่ที่แปลกตาอยู่บ้างก็ตรงที่สาวๆ สองสามคนยืนห้อมล้อม
คอยประคบประหงมวิศวกรหมวกเหลืองอยู่นั่นล่ะ ...มีแฟนคลับด้วยเว้ยไอ้ทิม ร้ายๆๆๆ

“น้องแนน อย่าเข้ามาในไซด์งานสิครับ พี่รัตนาก็อีกคน
ทำไมไม่นั่งทำงานในออฟฟิศล่ะครับ ออกมาตากแดดทำไม ร้อนก็ร้อน”

“พี่กลัวน้องทิมร้อนน่ะสิ นี่ไงคะ พี่เอาน้ำส้มคั้นมาให้ทานด้วย จิบสักหน่อย ชื่นใจๆ นะ”
ที่แท้ผู้หญิงเปรี้ยวจิ๊ดที่ลากเขาเข้ามาเพราะคิดว่าเขาเป็นเด็กเก็บจานนี่ ชื่อพี่รัตนานี่เอง

“แนนก็ห่วงพี่ทิมเหมือนกันนะคะ ดูสิเหงื่อออกเต็มไปหมดเลย”
เว้ยๆๆๆๆ มีเอาผ้าเช็ดหน้าซับด้วยเว้ย ฮาว่ะ

ทิมทำหน้าฟึดฟัด ผิวขาวๆ ของทิมเริ่มฝาดไปด้วยสีเลือด ไม่รู้ว่าเพราะอากาศที่ร้อนหรือเพราะโมโห
คะน้าเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลัง เพราะสายตาพิฆาตนั่น แสดงออกอย่างไม่ปิดบังเอาเสียเลย

“ผมดูแลตัวเองได้ ขอบคุณ”

ท่าทางของทิมที่ปฏิบัติกลับต่อผู้หญิงตาโตๆ ท่าทางคุณหนูๆ ที่ชื่อแนน
และผู้หญิงที่เปรี้ยวจิ๊ดอย่างพี่รัตนาทำให้คะน้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนตัวสั่นไปหมด
จานที่ซ้อนไว้เริ่มโย้เอน และในที่สุดก็...



เพล้งงงง!!!!


พี่รัตนา แนน และช่างก่อสร้างหันกลับมามองแทบจะทันที แน่นอน... รวมทั้งทิมด้วย

“อ้าว นี่ยังไม่ไปอีกเหรอ ทำอะไรชักช้า” เสียงแว๊ดๆ ของพี่รัตนาดังลั่น ส่วนผู้หญิงที่ชื่อแนนก็ทำท่าตกใจ
“เลยสกปรกไปหมดเลย” เธอถอนหายใจเบาๆ ซึ่งนั่นก็แค่เสียงพูด ผิดกับอีกคนที่ก้าวฉับๆ เข้ามาอย่างว่องไว

“มาที่นี่ทำไม” คะน้าโดนกระชากตัวขึ้นขณะก้มลงเก็บจานที่หล่นอยู่ “น้องทิม เอ่อ... ขอโทษ คือว่า...”

“ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย อาจมีอะไรหล่นมาใส่หัวจากข้างบนเอาได้ง่ายๆ
ไม่สวมหมวกแล้วสุ่มสี่สุ่มห้าเดินเข้ามาได้ไง อย่างน้อยก็ขอหมวกจากยามข้างหน้าใส่ก่อน นี่อะไร!”
ทิมโหวกเหวกโวยวายจนคะน้าพูดไม่ออก บทจะจริงจัง ทิมดูซีเรียสขนาดนี้เลยเหรอ

“ขอโทษ” คะน้าก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี

“รู้ไหมว่าถ้าคุณเป็นอะไรไป คนที่ซวยคือผม เพราะว่าผมคุมไซด์งานนี่อยู่ นี่มันบ้าจริงๆ”
เสียงของทิมน่าจะเรียกได้ว่าเป็นเสียงตะคอก ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือ
มากจนเผื่อแผ่ไปถึงสองสาวได้อีกต่างหาก

“คุณสองคนก็เหมือนกัน กลับไปทำงานของคุณในออฟฟิศได้แล้ว รบกวนการทำงานผม พวกคุณรู้ไหม”
ท่าทางเกรี้ยวกราดนั่นทำเอาสองสาวแตกกระเจิง เดินจ้ำๆ เข้าออฟฟิศโดยไว
คะน้าเองก็ยังคงตะลึงไม่หาย ไม่คิดว่าทิมจะโหดขนาดนี้
ทิมค่อยๆ นั่งลงแล้วเก็บจานที่ตกแตกเองทั้งหมด เห็นแบบนั้น คะน้าก็รีบนั่งลงไปช่วยเก็บ

“อย่างน้อยก็น่าจะพูดกับพวกเค้าดีๆ” คะน้าเปรยเบาๆ

“นี่ก็ดีแล้ว” ไม่ใช่คำตอบที่คะน้าคาดคิดไว้เอาเสียเลย
“ออกมาจากร้านทำไม” ทิมถามต่อขณะก้มลงเก็บจานชามที่หล่นแตกอยู่

“ก็ไปส่งไอติมที่ร้านทองด้านหน้ามา”

“ระวังมันบาดมือ” เสียงเกือบตะคอกของทิมกลับมาอีกครั้ง คะน้าสะดุ้งแล้วก็เก็บอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นคนข้างๆ ดูระวังกว่าเดิม ทิมก็ถามต่อ “มีส่งนอกร้านด้วยเหรอ”

“ก็ไม่มีหรอก แต่มันก็แค่นี้เอง รู้จักกันก็เลยเดินมาส่งให้”
ทิมลุกขึ้นแล้วส่งถาดให้กับคะน้า เขารับไปถือไว้

“เดินออกไปเองได้ใช่ไหม”

“ได้ๆ สบายมาก” คะน้าเดินออกไปพร้อมถาด

“เอาไปวางไว้ตรงยามด้านหน้าก็พอ ขอโทษสำหรับการเข้าใจผิด” คะน้าหัวเราะแหะๆ ยิ้มทะเล้น
“ขำอะไร? คราวหน้าก็รู้จักปฏิเสธคนอื่นบ้าง จะได้ไม่มีการเข้าใจผิด เข้าใจไหม?”

“คร้าบบบบบบบบบบ...” คะน้ารับคำพร้อมรอยยิ้มตลกอีกครั้ง
โหย มันคิดว่ามันเป็นพระเอกเหรอไงวะ ไอ้ทิมนี่ มันจะเท่ไปไหนเนี่ย

โดยไม่ทันรู้ตัว ธนบัตรสีม่วงก็ยัดเข้ากระเป๋ากางเกงคะน้า “เฮ่ย! อะไรน่ะ”

“เงินไง ห้าร้อย”

“เอามาให้ทำไม ค่าข้าวเหรอ เฮ่ย! ไม่ได้ขายข้าวนะ”

“เปล่า”

“แล้วค่าอะไร”

“ไอติม”

“เดี๋ยวมันอะไรยังไง ไม่เข้าใจ” คะน้ามึนตึ๊บ

“นี่มันกี่โมงแล้วน่ะ” จู่ๆ ทิมก็ถามขึ้นมาซะงั้น ไม่ได้ฟังคำถามที่คะน้าถามไปเลย

“สี่โมง อืม... อาจจะสี่โมงครึ่งมั๊ง” คะน้าพยายามกะเวลาดู

“งั้นพรุ่งนี้ สี่โมง เอาไอติมมาส่งที ...ที่นี่” ทิมพูดเองเออเองสรุปเองเสร็จสรรพ

“เฮ้ยยย... เดี๋ยวๆๆๆ”

“เวลามาก็ขอหมวกตรงยามข้างหน้าใส่ด้วยล่ะ แล้วก็เดินมาแถวๆ นี้แหละ
เอ้อ... มาทุกวันเลยละกัน สี่โมงเย็น ทุกวัน”

“เฮ้ย... ได้ไง”

“ส่งร้านทองยังส่งได้”

“ก็รู้จักกันไง” คำตอบคะน้า ทำเอาทิมสบตาพราวแล้วยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา

“ก็รู้จักไง เลยเอามาส่งให้ ปกติไม่ได้ไปส่งใคร นี่เพราะรู้จัก...”

“เหรอ?” ทิมตอบพร้อมเดินกลับเข้าไปทำงานต่อ ทิ้งให้คะน้ายืนงงๆ
วิศวกรผู้เอาแต่ใจก็เปรยขึ้นมาเบาๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แปลว่าคุณไม่รู้จักผม?”

“ไม่รู้จักเลย”

“งั้นผมชื่ออะไร”

“ทิม”

“รู้จักยัง?”

“ก็...” คะน้าจนปัญญาจะต่อความ “ก็... รู้จัก”

“ดีแล้ว ส่วนปกติไม่ส่งเนี่ย ก็เลือกเอาเองว่าส่งที่นี่ จะแบบไม่ปกติ หรือจะแบบพิเศษ”

เป็นเหตุและผลที่มัดมือชกที่สุดเท่าที่คะน้าเคยได้ยินมา
ยอมรับกับตัวเองอยู่ลึกๆ ว่ารู้สึกขัดใจ คาใจกับทิมอย่างบอกไม่ถูก


(ต่อๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-04-2012 02:38:40
(ต่อครึ่งหลัง)



อาการหงุดหงิดเล็กๆ ของคะน้าเป็นมาตั้งแต่กลับมาจากไซด์งานคอนโด
กระทั่งเวลานี้ที่ห้องรอตรวจโรงพยาบาล กระทั่งผักกาดผู้เป็นพี่สาวต้องเอ่ยถาม

“ต่ายน้อยเป็นอะไรน่ะ ดูแปลกๆ น่ะ คิ้วนี่ ผูกเป็นโบว์เชียว”

“เอ้ย ไม่มีอะไรนะ แค่คิดอะไรเพลินๆ”

คนเป็นพี่สาวเอานิ้วจิ้มหัวน้องชายแรงๆ หนึ่งที “รู้ไหม ความเครียดเนี่ย มีผลต่อความดันในลูกตาเรานะ
เดี๋ยวหมอตรวจ แกก็จะไม่ได้ทำเลสิคเอา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ตัวแกนะ ชั้นก็จะอดได้ส่วนลดค่าทำเพราะแกไปด้วย!”

“โหยยยย... ผักกาด เขี้ยวมาก” คะน้าบ่นปอดแปด หญิงสาวหัวเราะชอบใจ
“หิวน้ำ เจ้หิวป่ะ” ผักกาดส่ายหน้า คะน้าจึงขอตัวออกมาหาน้ำดื่มทาน “งั้นเดี๋ยวมา”

“เร็วๆ ล่ะ เดี๋ยวเค้าเรียก ก็ไม่ต้องคุยกันพอดี”

คะน้ารับคำแล้วเดินไปเรื่อยเปื่อยหาตู้กดน้ำขายแต่ก็หาไม่เจอ
หนุ่มแว่นหนาเลยวนๆ เวียนๆ ไปทั่ว กระทั่ง...

“คุณ... คุณๆๆๆ คุณมะพร้าวเมื่อวันก่อนน่ะ” คะน้าชะงัก เสียงหอบหยุดอยู่ด้านหลัง
“จำผมได้ไหมครับ คนที่อยู่ข้างๆ ห้องคุณน่ะ”

คะน้าหันกลับไปมอง เห็นตุลอยู่ในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา
บุคลิกท่าทางต่างไปจากชุดอยู่บ้านที่เขาเห็นเมื่อวันก่อน ไม่มีกีต้าร์โปร่ง
แต่เป็นเนคไทสีน้ำเงินเข้มที่ผูกเข้ากับเชิ้ตสีขาวดูกระจ่างตา

“แต่นแด๊นนน... ผมเป็นหมอล่ะครับ” ตุลหัวเราะสดใส

“คงไม่ใช่หมอตาใช่ไหมครับ” จู่ๆ คะน้าก็ถามขึ้นมา
ยอมรับว่าคำทำนายไพ่ยิปซียังตามหลอกหลอนอยู่

“ไม่ใช่หรอกครับ มาหาจักษุแพทย์เหรอครับ”

“พี่ผักกาดบังคับให้มาทำเลสิคเป็นเพื่อนน่ะครับ”

“อ้อ... มีโปรโมชั่น”

“ครับ โปรโมชั่น” คะน้าตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ตาเหลือบมองที่ป้ายชื่อตรงหน้าอก “...นายแพทย์ตุลชัย”

“ฮ่ะๆๆ ครับ เรียกว่าตุลก็พอครับ ว่าแต่คุณ...”

“คะน้าครับ”

“ชื่อแปลกดีจังครับ แต่ก็เพราะดีนะครับ ผมว่าน่ารักดีด้วย” หมอตุลยิ้ม
“ว่าแต่ทำอะไรอยู่หรือเปล่าครับ” เจ้าถิ่นมาถามแบบนี้ คะน้าจึงชวนตุลไปดื่มน้ำด้วยกัน
ไม่นานนักก็ถึงตู้กดน้ำที่วางแอบๆ อยู่มุมอาคาร มิน่าล่ะ หาไม่เจอ

“เก็กฮวยกระป๋องนี้ แทนน้ำใจเมื่อวันก่อนครับ” คะน้าส่งให้คนสวมชุดกาวน์ข้างๆ

“ก็นึกว่าจะเลี้ยงน้ำมะพร้าวเสียอีก” ตุลหยิบกระป๋องขึ้นมาเปิดดื่ม
คะน้าหัวเราะแหะๆ ก่อนเปิดออกดื่มเช่นกัน

“อ้าว... ตุล ทำอะไรตรงนี้น่ะ”
เสียงทักทายจากคุณหมอผู้หญิงท่านหนึ่งดังขึ้น คะน้าแอบหันไปมอง

“กินน้ำน่ะ” ตุลทักทายกลับอย่างสนิทสนม

“เราเองก็อยากดื่มบ้างนะ ตุลซื้อให้เราหน่อยสิ”

“ได้เลยครับ ก้อย” ว่าแล้วตุลก็หยอดเงินลงตู้ก่อนจะเลือกกด
แต่ก็คิดไม่ตก “น้ำอะไรดีนะครับ”

“ขอน้ำส้มแล้วกันตุล” หมอหนุ่มยิ้มให้แล้วเลือกกดน้ำส้มคั้นจากตู้
ก่อนหยิบขึ้นมาแล้วเจาะหลอดให้ “บริการครับ”

“วันหลังป้อนให้ก้อยด้วยเลยแล้วกันนะ”

“ฮ่าๆๆ ได้เลยครับ”

“แล้วอย่าลืมล่ะ”

“สัญญาครับ” ตุลชูนิ้วก้อยขึ้นมา หมอผู้หญิงคนนั้นที่ดูเหมือนว่าจะชื่อก้อยก็หัวเราะชอบใจ
เธอหันมาพยักหน้าให้คะน้าหนึ่งทีแล้วขอตัวเดินจากไปทำงานของเธอต่อ

“แฟนเหรอครับนั่น” คะน้าถามไปจิบน้ำเก็กฮวยไป

“โอ้ย ไม่ใช่หรอกครับ ใครเค้าจะมาชอบคนอย่างผมกันเล่า”

“อ้าวเหรอครับ ผมดูว่าเธอน่าจะชอบคุณหมอเอามากๆ เลยนะครับ” คิดแบบนั้นจริงๆ

“ไม่หรอกครับ รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ถ้าเค้าชอบผมจริงๆ คงเป็นแฟนไปนานแล้วมั๊งครับ”
คะน้าพยักหน้ารับ ไม่เห็นด้วยกับความคิดของตุล ฝ่ายหมอหนุ่มก็ยิ้มให้คะน้า เป็นยิ้มที่ดูดีมากๆ อีกแล้ว

“จริงๆ เรียกผมว่าตุลก็ได้ครับ ไม่ต้องเรียกว่าคุณหมอหรอก”

“อ้อครับๆ งั้นผมเรียกว่าคุณตุลแล้วกันนะครับ” หมอหนุ่มทำสีหน้าครุ่นคิด

“ขอโทษนะครับ คุณคะน้าอายุเท่าไหร่นะครับ”

“ยี่สิบแปดน่ะครับ”

“จริงดิ? รุ่นเดียวกันเลย งั้นเรียกผมว่าตุลเฉยๆ ก็ได้ครับ ตอนแรกคิดว่าจะเรียกว่าน้องคะน้าเสียอีก
ผมว่าคะน้าดูไม่น่าถึงคนรุ่นผมเอาเสียเลย ผมนี่มันน่าแก่จริงๆ สินะ”
คะน้าแทบจะสำลักน้ำเก็กฮวยเอา เขาเนี่ยนะ ดูเด็ก ความรู้สึกของเขานั้น คุณลุงยังน่าจะเรียกเขาว่าพี่ด้วยซ้ำ
ผมก็เชย หน้าก็เชย แว่นยังหนาเตอะอีก นี่ยังไม่นับเรื่องแต่งตัวนะ

“ไม่หรอกครับ ไม่เลย คุณตุลดูดีมากๆ ด้วยซ้ำไป สาวๆ ชอบกันเพียบ เชื่อผมสิ”

“พี่ตุลคะๆ” ไม่ทันขาดคำเสียงทักหวานก็ดังขึ้น ตุลหันไปมอง
คะน้าก็เช่นกัน เห็นพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักตุล

“เห็นไหมล่ะครับ ฮ่าๆๆ” คะน้าหัวเราะชอบใจ ตุลก็ได้แต่ยิ้มรับแบบทุกที

“แต่งตังหล่ออีกแล้วนะคะพี่ตุล”

“น้องจิ๋วนี่เอง นึกว่าใคร จะว่าไงดีล่ะ ก็คนมันไม่หล่อ
ก็ต้องแต่งตัวช่วยนิดนึงล่ะ เผื่อจะได้ดูน่ากลัวน้อยลงบ้าง”

“โหย ถ้าพี่ตุลไม่หล่อ แล้วที่นี่จะมีใครหล่ออีกล่ะคะ” พยาบาลสาวเอ่ยแย้ง
ซึ่งนั่นเป็นคำพูดที่คะน้าเห็นด้วยอย่างเป็นที่สุด อย่างตุลเนี่ยนะ ไม่หล่อ
ถ้าตุลไม่หล่อนี่อย่างเขาจะเรียกว่าอะไรดีล่ะ ...สัตว์ประหลาดเลยไหมนั่น

“น้องจิ๋วก็พูดเกินไป พี่เขินหมดแล้ว ฮ่าๆๆ”

หญิงสาวยิ้ม เธอแย้งว่าพูดเรื่องจริง ก่อนจะกระเซ้าหมอหนุ่มแล้วเอ่ยชวน
“พี่ตุลคะ เย็นนี้ไปทานข้าวกับจิ๋วอีกนะคะ”

“อ้าว น้องจิ๋วไม่มีเพื่อนไปทานด้วยเหรอครับ” หญิงสาวส่ายหน้า “เอ... น่าจะได้นะครับ ไม่น่าติดอะไรครับ”

“โอเคค่ะ เจอกันนะค่ะ” ว่าแล้วพยาบาลที่ชื่อจิ๋วก็ขอตัวไปทำงานต่อ
และตลอดทางระหว่างตู้กดน้ำไปจนถึงแผนกจักษุ
คะน้าเห็นสาวๆ หลายคนยิ้มให้และทักทายชายหนุ่มข้างๆ เขาตลอดจนนับไม่ถ้วน
ส่วนตุลเองก็ยิ้มให้กลับและทักทายตอบด้วยดีกับทุกๆ คน

“คุณตุลแฟนคลับเพียบเลยนะครับ สาวๆ ติดตรึมเลย”

“ไม่หรอกครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กันหมดน่ะครับ ผมไม่มีใคร”

“แต่ผมรู้สึกว่าเค้าชอบคุณตุลจริงๆ ล่ะครับ ไม่น่าคิดแต่นั้นแบบที่คุณตุลคิดหรอกครับ
ระวังนะครับจะถูกสาวๆ หาว่าเจ้าชู้เอาได้”

“อ้าว ผมกลายเป็นคนเจ้าชู้ไปแล้วเหรอครับเนี่ย” ตุลหัวเราะร่วน ยิ้มอีกแล้ว ยิ้มนั่น...

“ไม่ชอบ แล้วคุยดีด้วยทำไมล่ะครับ” จู่ๆ คะน้าก็โพล่งออกมา
อดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบกับคนหน้าตาดีอีกคนที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน
ทิมแตกต่างกับตุลอย่างสุดขั้ว วิศวกรหนุ่มรุ่นน้องพูดจาสั้นๆ ห้วนๆ
แสดงออกความรู้สึกตรงๆ ไม่ชอบก็ไม่คุยด้วย ผิดกับหมอตุลผู้อัธยาศัยดี
น่าคบหาพูดคุย แต่กลับอัธยาศัยดีจนเกินไป...หรือเปล่า? คะน้าคิดแบบนั้นจริงๆ

ตุลยืนนิ่ง ชะงักไปกับคำถามที่ได้ยินจากเพื่อนใหม่

“บางทีมันก็ยากนะครับ ที่จะแยกแยะความรู้สึกระหว่างคนที่อัธยาศัยดีจริงๆ
ทักทาย พูดคุยกับเราแบบเพื่อน กับคนที่รู้สึกชอบพอเรา”
ตุลยันมายิ้มอีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่บอกไม่ถูกว่าเจ้าของรอยยิ้มรู้สึกอย่างไร

“ผมไม่กล้าที่จะคิดหรอกครับ กลัวที่จะตีความไปเองคนเดียว
มันก็คงจะดีกว่าถ้าเราทักทายทุกคนด้วยดี”

“แต่นั่นดีเกินไปหรือเปล่าครับ มันอาจจะทำให้ใครคิดมากไปก็ได้หรือเปล่าครับ”
คะน้าแย้งขึ้นตามความคิด “เอ่อ... ขอโทษนะครับ จริงๆ ก็เพิ่งรู้จักกัน ผมไม่ควรวิสาสะอะไรแบบนี้เลย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมรู้สึกดีใจมากกว่าที่มีคนที่พูดตรงๆ ได้ ขอบคุณนะครับสำหรับความห่วงใย”
คำตอบของตุลทำเอาคะน้ารู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก คิดไม่ตกจริงๆ ทำไมคนแบบเขาถึงยังไม่มีใครสักคน

“ก็เล่นทักทายมันทุกคนล่ะนะ” สุดท้ายก็ได้แต่พูดแก้เขิน

“ผิดแล้วล่ะครับ แค่บางคน”  คะน้ายืนนึก ...แค่บางคนน่ะเหรอ แล้วใครมั่งล่ะ เขาก็จำไม่ได้
แต่กินเก็กฮวยเนี่ยล่ะ ตุลยิ้มแล้วเล็งกระป๋องน้ำไปที่ถังขยะก็โยนลงถังไป
คะน้าชื่นชมในความแม่นยำ ลืมเรื่องที่กำลังคิดหาคำตอบอยู่ไปเสียสนิท
ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงที่หมาย ตุลก็ชี้ไปที่แผนกจักษุที่อยู่ตรงหน้า

“ถึงแล้วครับ เดี๋ยวผมเองก็ต้องขอตัวไปทำงานก่อนแล้วกันครับ แล้วพบกันครับคุณคะน้า”
ตุลเดินจากไป ส่วนคะน้าก็แยกตัวเดินเข้าไปในแผนกสายตาที่มีผักกาดนั่งรออยู่

“หายไปนานเลยนะต่าย หลงทางเหรอไง” ผักกาดบ่นอุบ จะว่าไปเขาก็หลงจริงๆ นี่นา

“เอาน่า ถึงคิวเราหรือยังล่ะ” คนเป็นพี่สาวส่ายหน้าเซ็งๆ ไม่นานนักก็ถึงคิวของทั้งสองคน
สภาพตาไม่มีปัญหา อีกทั้งคิวของเครื่องทำเลสิคยังว่าง ผักกาดจึงคะยั้นคะยอน้องชายให้รีบๆ ทำไปพร้อมๆ กับเธอ
ลงท้ายผักกาดก็มัดมือชกให้คะน้ามาทำพร้อมกับเธอในวันพรุ่งนี้ โดยให้คะน้าทำก่อน ถ้าโอเค เธอก็จะทำต่อทันที

คืนนั้นที่คอนโด คะน้ายืนมองตัวเองที่หน้ากระจก รู้สึกโหวงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก
พระจันทร์ไม่ได้เต็มดวงสวยแบบที่คาดคิด คะน้าไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก
ไม่ได้ชอบที่มันจะต้องเต็มดวงสวยแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่ได้จ้องมองต่างหากที่เขาชื่นชอบ
ชายหนุ่มสำรวจรูปร่างหน้าตาตัวเองผ่านกรอบแว่นหนาๆ ก่อนจะค่อยๆ ถอดมันออกวางบนโต๊ะใกล้ๆ ตัว

มีสองอย่างที่คะน้าคุ้นเคย คือแว่นตาที่เค้าใส่มาตลอดหลายสิบปี
กับความเหงาที่เป็นเหมือนเพื่อนมาทักทายทุกค่ำคืน แต่พรุ่งนี้แล้วสินะ พรุ่งนี้แล้วที่เขาจะทิ้งสิ่งหนึ่งไป
คะน้าจะไม่ต้องใส่แว่นหนาๆ นี่อีกแล้ว ปราศจากแว่นสายตาเก่าๆ ที่คุ้นเคย
ภาพตรงหน้าเลือนมัวจนมองแทบไม่เห็นอะไร
หากแต่แสงนวลตาของพระจันทร์ยังคงน่าหลงใหลเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



ไม่เป็นไร ...ยังมีความเหงาเป็นเพื่อน


เสียงกีต้าร์ข้างๆ ห้องแว่วดังขึ้นพร้อมกับบทเพลงรักที่ชวนเคลิบเคลิ้ม
เสียงทุ้มๆ นั้น ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรอยยิ้มที่น่ามองของเจ้าของ



เขา...ยังมีความเหงาเป็นเพื่อน




...หรือเปล่า?




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ขอโทษที่หายไปนานนะครับ ว่าจะแวะอาอัพ ปรากฏว่าหากระทู้ตัวเองไม่เจอ ฮ่าๆๆๆ เอ๋อได้อีก
พอดียุ่งๆ เลยไม่มีเวลาคุ้ยหาน่ะครับ พอว่างแล้วเลยแวะมาอัพครับ ไม่ได้ลืมเน้อ
ช่วงแรกๆ ของเรื่องจะค่อนข้างเอื่อยๆ นิดนึงนะครับ ขอปูคาแรกเตอร์ตัวละครให้ชัดหน่อยนะ
ท่าทางหนทางยังอีกยาวไกลน่าดูเลยล่ะครับ ยังไงฝากแนะนำติชมด้วยนะครับ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 28-04-2012 03:56:07
อิจฉาคะน้า 5555   3พี่ไปเลยค่ะ เลือกไม่ถูกนิเนอะ
เชียๆๆ 
รอมาอัพอยู่นะคะ อิอิ
เป็นกำลังใจให้" ลูเซีย "  อ่านแบบนี้ถูกรึป่าวน้อ ถ้าผิดก้อขอโทษด้วยนะคะ
ชอบคาแรคเตอร์ของแต่ละคนมาก มันชัดเจนดีค่ะ ต่ายน้อยน่าร้ากกกกก อิอิ

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 28-04-2012 04:10:15
เพิ่งเคยอ่าน เราพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงนิ
เชื่อเลยพอคะน้าทำเลสิคเสร็จต้องป๊อปขึ้นมาแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BitterSweet ที่ 28-04-2012 05:56:34
วะ ว๊ายยยยย
เลือกไม่ถูกเลย
คนนั้นก็เข้ม อีกคนก็ดูดี

คะน้าเอ๊ย  มีเรื่องให้คิดมากแล้วละลูก  :-[

ป.ล.ชอบชื่อเรื่องจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 28-04-2012 07:31:14
ชอบมากๆ แต่ทำเลสิคก็ต้องปิดตาพักนะ ไปขายไอติมไม่ได้สิ

รออ่านต่อค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 28-04-2012 08:42:26
เชียร์ทิมมากกว่าอ่ะ เป็นผู้ชายตรงไปตรงมาดีออกคะน้า แถมโหดด้วย ชีวิตมีสีสันนะ อิอิ

บวกๆๆให้ค่า คิดถึงเรื่องนี้ รออ่านตลอด มาอัพบ่อยๆ ได้มั้ยอ่า เดี๋ยวคอยขุดกระทู้ให้ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 28-04-2012 09:18:20
สุดโต่งทั้งคู่ :m4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: minibusez ที่ 28-04-2012 10:52:43
เราเชียร์ทิมน้าาา
คะน้าจะทำเลซิคจริงหรอ *0* เสียดายหนุ่มแว่น
แต่ไม่เป็นไร มันอาจเป็นการเผยโฉมที่แท้จริง อุวะฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-04-2012 11:48:51
รอดูผลการทำเลสิค o4
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 28-04-2012 13:15:03
ชอบค่าาาาาาา

อืมถ้าตอนจบยังไม่ได้คิดใจต่ายเชียร์สามพีนะ ไม่อยากให้ใครเสียใจอิๆ

ถึงจะทำเลสิกแต่ก็ยังใส่แว่นได้นะ แว่นแฟชั่นเดี๋ยวนี้มีเยอะแยะไป~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-04-2012 13:37:25
อ่า มาต่อแล้วดีใจจัง
ชอบค่ะ คะน้าน่ารักมากเลย
จริงๆก็เลือกไม่ค่อยถูก แต่รู้สึกจะเอนเอียงไปทางทิม 555
แอบเชียร์อยู่เล็กๆ อิอิ
รอตามตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 28-04-2012 13:46:24
รออยู่จ้า ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 28-04-2012 13:48:56
ชอบเรื่องนี้มาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 28-04-2012 16:42:52
คะน้าน่ารักมากค่ะ ทำเลสิกแล้วก็ต้องไปส่งไอติม หนุ่มโหดเราจะแปลกใจมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 28-04-2012 17:08:45
เพิ่งมาอ่านค่ะ ;)
สนุกมากกก คะน้าป็อปมากมายมีผู้ชายมาติดพันถึง2คน อิจฉาดีไหมเนี่ย ฮา
แม่หมอเนี่ยดูดวงแม่นจริงๆ ไว้ว่างๆมาดูให้บ้างดิ อิอิ
ไม่รู้จะเลือกเชียร์ข้างไหนดีนะเนี่ย คนนี้ก็หล่อคนนั้นก็หล่อ 55 งั้นเหมาหมดเลยแล้วกัน ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: salapaw ที่ 28-04-2012 17:51:04
อาจไปรอบนึง จำชื่อเรื่องไม่ได้  -*-  มาเจอก็ยังน่าติดตามเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 28-04-2012 19:57:32
อัพแล้ว! ดีใจจัง
เราชอบมากๆ เลยค่ะ
คะน้าน่ารักสุดๆ ในความรู้สึกของเรา >~<

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 28-04-2012 20:47:50
มีความสุขมาต่อสักที ฮิฮิ

ชอบคะน้าจัง
จะได้คู่กะใครหนอ สองหนุ่มฮอตตลอด ต่อไปจะมีมารผจญไหมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-04-2012 20:54:04
โอ้คะน้าน้อย มีหนุ่มมาให้ใจกระตุกทีเดียวถึง 2
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Wordslinger ที่ 29-04-2012 14:40:41
ชื่อเรื่องน่าสนใจมากค่ะ เป็นสิ่งแรกที่ทำให้เปิดกระทู้เข้ามาอ่านเลยนะเนี่ย อ่านเสร็จแล้วเดี๋ยวมาเม้นท์นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 29-04-2012 15:57:05
ขอยกมือออกเสียงเชียร์ทิมฮะ แอร๊ยยย  คนอะไรเถื่อน? ได้ใจ  :laugh:
ส่วนพี่หมอตุลย์ก็ช่วยหาคู่ให้ด้วยนะค่ะ
ผู้หญิงไม่เอา เรารับแต่ผู้ชาย อิอิ  :-[

ปล  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: AGAPE ที่ 29-04-2012 17:58:46
ชอบครับบบบ  :L1:
กระต่ายFC  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: monkaew ที่ 29-04-2012 18:58:07
ขอให้3pทีเถอะเลือกไม่ถูกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 29-04-2012 19:04:08
 :กอด1: :กอด1: เปนกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 29-04-2012 19:24:28
เห็นคนเชียร์ 3P เยอะ
ไม่เอานะ เราจองคะน้าให้ทิมแล้วคนเดียวเท่านั้น
อรั้ยยยย ออกตัวแรงมาก เป็นแม่ยกทิม อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 29-04-2012 20:00:01
ชอบนะ
ทั้งการเล่าเรื่องแล้วก็บุคลิกตัวละคร
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 29-04-2012 20:48:11
เชียร์ทิม แต่ว่าเหมือนคะน้าจะชอบตุลมากกว่า แต่คนอ่านเชียร์ทิมมมมมมมมมมมม :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 29-04-2012 20:55:38
เลือกไม่ถูก แต่จากประสบการณ์อ่านนิยายที่ผ่านมาบุคลิกทิมมันเป็นพระเอกมากกว่า ส่วนหน้ายิ้มๆอย่างตุลนี่เป็นได้แค่พระรอง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 30-04-2012 01:24:19
ชอบจังเวลาเรื่องนี้ไปอยู่บนหน้า "กระทู้เมื่อเร็วๆนี้"
เพราะเวลาอ่านชื่อเรื่องทีไร  ใจมันกระตุกทุกที  ชอบ!

ทำเลสิคแล้วต่ายน้อยจะป๊อบกว่าเดิมรึไม่ รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MAKWAN ที่ 30-04-2012 13:40:21
รอตอนที่ 3 ง๊าบบบบบบบบ :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 30-04-2012 19:04:03
ชอบจังเรื่องนี้ มาอัพต่อไวๆเน้อ!

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-04-2012 19:44:42
ก่อนจะอัพ ขอรวบยอดคุยกับเพื่อนๆ ตั้งแต่ปู้นโน้นเลยแล้วกันนะครับ ^ ^

@Rafael ผมแอบคิดว่าตอนนี้น่าจะเทใจไปที่ทิมแล้วหรือเปล่านะ ยิ่งถ้าอ่านตอนต่อไปเนี่ย
แต่หนทางยังอีกยาวไกลนะครับ อย่าเพิ่งปักใจ เอ๊ะ... หรือจะปักเลยก็ได้นะครับ ฮิฮิ
พยายามจะมาต่อให้ได้อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งนะครับ เดินเรื่องได้ช้ามากเลย
มัวแต่บรรยายอะไรไม่รู้ แหะๆ คราวนี้มาช้า เลยแก้ตัวอัพอีกตอนไวนะ ไม่ต้องรอนาน แหะๆ

@Lemon_Tea ฮ่าๆๆๆ มาช้าครับ ขอโทษทีมันวุ่นๆ นิดนึง
แต่ก็รีบมาอัพตอนใหม่แล้วนะครับ ไม่โกรธกันเนอะ

@Panny เย่ๆๆๆ มีคนผูกปิ่นโตกับเราด้วยละ อายุออกมาแล้วนะครับ
คนนึงอ่อนกว่า อีกคนเท่ากันครับ แต่ตำแหน่งแม่ยกของทิมลอยมาแล้วใช่ไหมครับ ฮ่าๆๆ
3P เนี่ย ผมก็ไปไม่ถูกนะครับ ฮ่าๆๆ ยิ่งไม่ค่อยได้อ่านอะไรพวกนี้อีกนั่น
เอาแค่ฉาก NC ผมยังคิดเลยครับว่าจะไหวไหมหนอเรา ยังคิดๆ ว่าไม่มีจะดีไหม เหอๆๆๆๆ
ตอนนี้ไปทำเลสิก ตอนต่อไปก็เป็นอย่างที่พูดเลยครับ ไปขายของไม่ได้ แล้วมันจะเป็นยังไงนะ
ที่ถามเนี่ย คือคนแต่งก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะยังไม่ได้แต่ง 5555 รออ่านนะครับ

@bulldog17 3P นี่ยังไงดี เขียนไม่ถูกเลย ฮ่ะๆๆ ค่อยๆ อ่านไปแล้วกันนะครับ
เผื่อจะเปลี่ยนใจ เพราะคนแต่งเองก็เขียนไปถูกเลยนั่น เหอๆๆ
รอดูผลการทำเลสิคนะครับ ขอบอกว่า แจ่มมม... (ประหนึ่งไปทำมาเอง)

@bebe แว๊กกกกก... 3P อีกละ เอาไงดีๆๆๆๆ กดดันๆ 555
ขอบคุณมากๆ นะครับ ปล. ชอบภาพการ์ตูนนั่นจัง มันเท่มาก! ^ ^

@Running น่านนนนนนนนน... นั่นๆๆๆๆๆๆ (คนแต่งช็อค ไปต่อไม่ถูก เหอๆๆ)

@MiU Three, it’s a magic number! ไม่ใช่ละ แว้กกกก... เอาจริงดิครับ ผมเขียนไงล่ะนี่

@rubymoona ฮิฮิ ผมชอบคาแร็กเตอร์คะน้าเป็นการส่วนตัวครับ ป๋าดันเต็มที่ หุหุ
แต่วิเคราะห์แบบอ่านเกมขาดจริงๆ แฮะ ไม่ได้การณ์ คนแต่งต้องสับขาหลอกละ ฮิฮิ
อีกหนึ่งเสียงเป็นแม่ยกให้กับทิมอีกละ ทำไงดี ชักหมั่นไส้วิศวกรขึ้นมาตงิด 5555

@davina อ่านคอมเมนต์แล้วดีใจสุโค่ยยย... ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและให้กำลังใจนะครับ
เรื่องไพ่ยิปซีพอมีความรู้อยู่บ้างน่ะครับ งูๆ ปลาๆ ครับ อานิสงส์ผลบุญจากชอบโดนเพื่อนลากไปนั่งดูบ่อยๆ
แล้วก็รู้สึกสนุกเลยใช้วิธีครูพักลักจำอ่ะครับ ติดตามให้กำลังใจน้องต่ายน้อยด้วยนะครับ
หลังจากช่วงไปเรื่องจะค่อยๆ โอเคขึ้นทีละนิดๆ ช่วงนี้เอื่อยๆ หน่อยนะครับ ปูพื้นพร้อมกระเบื้องหน่อย
พอเข้าถึงตัวละครเมื่อไหร่ (แอบ)คิดว่าจะชอบและอ่านสนุกกว่าเดิมอ่ะครับ ติดตามๆๆ นะ

@lovely2min อันที่จริงก็ไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่หรอกมั๊งครับ ค่อยๆ ดูไปเนอะ
ซึ่งก็เดาว่าคงจะเลือกไม่ถูกเหมียนเดิม (แอบแกล้งคนอ่านครับ ฮ่าๆๆ)
มาต่อช้าอ่ะครับ ขอโทษที ขอบคุณมากๆ นะครับที่ยังติดตาม คนเดขียนก็ดีใจครับ
ที่ยังไม่ลืมกัน ฮิ้ววววววว... มารผจญนี่คิดว่าจะไม่มีนะครับ ทั้งเรื่องเลย เอ๊ะ! หรือว่าจะมีดี! 555

@SuSaya คนแต่งไปต่อไม่ถูกเอาสิครับนั่น 5555 อย่าๆๆๆ อย่าเพิ่งปักใจสิครับ รอแป๊บๆ เนอะ
แต่คาแรกเตอร์อยากให้มันต่างๆ กันหน่อยน่ะครับ เลยเป็นตามฉะนี้ แอบสุดโต่งจริงๆ แหะๆ

@•PIKACHU• เอ๊า ใสก็ใสครับ เชื่อๆๆๆ เป็นคนซื่อๆ หัวอ่อน เชื่อคนง่าย ฮิฮิ
ไม่รู้ว่าอ่านตอนต่อไปยังจะเชียร์ๆ พี่หมออยู่อีกไหมนะ เชียร์เถอะ ไม่ได้เลวร้ายขนาดน้านนน...
จะได้มีคนเชียร์ตุลบ้างนะ ขอโทษด้วยนะครับ มาอัพช้านิดนึง พอดีสัปดาห์ก่อนวุ่นๆ อ่ะครับ
จะพยายามอัพสัปดาห์ละตอนเป็นอย่างน้อยนะ เหมือนเรื่องมันอีกไกลโพ้นนน... จะได้ไม่ข้ามปี -*-

@Smirnoff เอ... ชอบยี่ห้อนี้หรือครับ แอบถาม หุหุ ส่วนชื่อผมอ่านแบบนั้นล่ะครับ แม่นแล้ว
คาแร็กเตอร์จะเริ่มชัดขึ้นทีละนิดๆ นะครับ ช่วงแรกๆ จะเอื่อยๆ หน่อย หลังๆ นาจะดีขึ้นครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับ ติดตามอ่านกันต่อด้วยนะครับ พลีสสสสส...

@gupalz เย่ๆๆๆ ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะครับ เป็นอย่างที่พูดเลยล่ะครับ
พ่อเงาะป่ากำลังจะถอดรูปแล้ว น่าจะมีอะไรสนุกขึ้นอีกนะครับ โปรดติดตามตอนต่อปายยย...

@BitterSweet มีคนชอบชื่อเรื่องเยอะแฮะ ดีใจจัง ตั้งชื่อเรื่องแบบตัวเองก็งงๆ ฮ่าๆๆ
ไม่รู้จะเลือกใครใช่ไหมครับ อ่านตอนนี้ อาจจะเลือกง่ายขึ้นหน่อยหรือเปล่านะ ไม่รู้เหมือนกันแฮะ

@JJHJJH แฮะๆ คือผมหากระทู้ไม่เจอจริงๆ นะครับ ตาลายด้วยล่ะ วุ่นๆ เลยไม่ได้รื้อต่อน่ะครับ
ปกติตั้งใจจะอัพประมาณสัปดาห์ละตอนเป็นอย่างน้อย จะพยายามทำให้ได้ตามนี้นะครับ
เพราะเดินเรื่องช้า และเรื่องน่าจะค่อนข้างยาว(หรือเปล่า) อัพช้าเดี๋ยวไม่จบเสียที แหะๆ
อ่านตอนต่อไป เชียร์ทิมมากกว่าแหงมๆ แอบสงสารคุณหมอ... คะแนนหล่นวูบแน่ๆ
รอบหน้าคิดว่าน่าจะอัพประมาณวันศุกร์นะครับ คิดว่าน่าจะได้นะครับ ไม่มีสต็อคเหลือเลย สดล้วนๆ

@minibusez ทำเถอะครับ มันไม่ได้ดูดีเลย แว่นหนาเตอะๆ เชยๆ ทำแล้วหล่อนะ ฮิฮิ
แต่จะว่าไปหนุ่มแว่นก็มีเสน่ห์แฮะ เอาไงดี เริ่มลังเล อืม... ทำเถอะครับ ล่วงเลยมาจนป่านนี้ละ ฮือๆๆ

@กระต่ายชมจันทร์ เอ๊ะ! ผมเขียนเรื่องของคุณอยู่หรือเปล่านะครับ สารภาพมาซะดีๆ ฮ่าๆๆ
แล้วไอเดียเรื่อง 3P เนี่ย... มันยังไงอยู่นะ ฮ่าๆๆๆๆ แซวเล่นนะครับ
สวมแว่นแฟชั่น เป็นไอเดียที่น่าสนใจจริงๆ ขอบคุณที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจนะครับ

@qq_oo มาเสิร์ฟละคร้าบบบบ... ^ ^

@ชะรอยน้อย ต้องแปลกใจแน่นอนอยู่แล้วล่ะครับ แต่... มันยังไม่ถึงตอนนั้นนะ แหะๆ
น่าจะเป็นตอนที่ 4 นะครับ ยังไงถ้าว่างๆ รบกวนติดตามด้วยนะครับ ^ ^

@MaNaSsAwEe จะว่าไปก็น่าไปดูหมอดูร้านนี้จริงๆ นะครับ แม่นเว่อร์!!!
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและมาทักทายนะครับ จะทยอยอัพเรื่อยๆ ครับ โปรดติดตามๆๆๆๆ

@salapaw แหะๆ สงสัยวิธีเขียนแปลกๆ กว่าชาวบ้านเขาไหมนะ ขอบคุณที่มาทักทายกันนะครับ
แวะมาทักบ่อยๆ นะครับ คนเขียนขี้เหงา หุหุ เดี๋ยวอัพละครับ ไม่รู้จะชอบไหม รออ่านนะๆ

@iamnan จะว่าไปคนแต่งก็อิจฉานะครับ!!! ฮือๆๆๆ

@Wordslinger ชื่อเรื่องนี่แบบว่า... ไอ้คนแต่งมันเอาอะไรคิดมาเนี่ย! 5555
ก็ไม่อยากให้มันซ้ำซากจำเจน่ะครับ เลยมั่วๆ ขึ้นมา แล้วเดี๋ยวใช้วิชาแถๆ ดู ฮิฮิ

@suck_love ขอบคุณมากๆ เช่นกันนะครับ อุตส่าห์ทักทายกันด้วย ดีใจๆๆๆ
แปลว่าชอบคนเถื่อนๆ ล่ะสินะครับ ฮ่าๆๆๆ งั้นอ่านตอนต่อไป
ถึงไม่เถื่อนแต่ก็มีอะไรน่าสนใจอยู่นะครับ โปรดติดตามมม... 555

@AGAPE เย่ๆๆๆ ขอบคุณมากๆ นะครับ มาเป็นกระต่ายแฟนคลับกัน
คือเรื่องของเรื่อง ตัวผมเองก็ชอบกระต่ายด้วยล่ะครับ 555555

@monkaew เจี้ยกกกกกกกกก!! นี่อย่าไปขอศาลพระภูมิหรือบนบาลที่ไหนนะครับ
เดี๋ยวจะเป็นจริงขึ้นมา คนแต่งมันจะยุ่งเอาหนอ ฮิฮิ

@Tiamo_jamsai ขอบคุณมากๆ ครับ ขอกอดคุณผู้อ่านคืนหนึ่งที ฮิฮิ

@drasil ขอบคุณมากๆ นะครับ เดี๋ยวอัพตอนต่อไปต่อเลยครับ
ไม่รู้จะโอเคไหม ชอบไม่ชอบแนะนำด้วยนะครับ

@1wariya1 น่านนนนนนนนนน... ดักทางคนแต่งซะไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆๆ
อย่าเพิ่งชะล่าใจไปนะครับ อะไรๆ อาจไม่เป็นอย่างนั้น อันนี้ต้องวัดดูที่พฤติกรรมแฝงด้วยมั๊งครับ
ส่วนใครจะมีพฤติกรรมแฝงยังไง จะค่อยๆ ออกมาดั่งที่จะเห็นในตอนต่อไปนี่ล่ะครับ หุหุ

@MAKWAN อัพๆๆๆๆ ครับ มาแล้วคร้าบบบบ... ^ ^

@fullmoonny แหะๆ กำลังจะอัพพอดีเลยครับ รอแป๊บนะครับ ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ นะครับ สำหรับกำลังใจ การติดตาม แล้วก็ที่แวะมาทักทายกัน
เริ่มจำๆ ได้หลายๆ คนแล้วแฮะ กลายเป็นคนคุ้นเคยกันไปแล้ว ซาบซึ้งตื้นตันใจนะ ขอบอก ฮ่าๆๆๆๆ
แอบถามอะไรนิดนึงได้ไหมครับ 3P นี่เอาจริงเหรอครับ แบบว่า... แอบไปต่อไม่ค่อยถูก 555
คือผมไม่ได้ไปอ่านอะไรของใครเขาเลยน่ะครับ กลัวว่าจะติดแล้วเอามาผสมกับของตัวเอง
ยังไม่ได้ฝึกปรือวิชาใดๆ น่ะครับ เอาเป็นว่าผมขอยังไม่รับปากเรื่อง 3P นะครับ
ไว้ค่อยๆ ดูแนวโน้มกันไปก็แล้วกันเนอะ ไม่ซีเรียสๆ เราตามใจคนอ่านเสมอ ฮิฮิ
รอแป๊บบบบบบบบ... นะครับ คนอ่านน่ารักแบบนี้ ปั่นเสร็จก็ต้องรีบอัพไวๆ ไม่มีนโยบายดอง  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-04-2012 20:01:58
รับทราบค่าาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-04-2012 20:28:58
ตอนที่ 3

การค้นพบทางดาราศาสตร์บอกว่ามีดาวอยู่เป็นล้านๆ ดวง
ผมแค่สงสัยว่าต้องใช้มือของคนกี่คน ทั้งสิบนิ้วมือของเราถึงจะพอนับดาวได้หมดท้องฟ้า
...มีดาวอยู่เป็นล้านๆ ดวงจริงๆ น่ะเหรอ? ตอนเด็กๆ เราได้ยินตำนานที่บอกว่าบนพระจันทร์นั้นมีกระต่ายตำข้าว
แต่การเดินทางกว่าศตวรรษของวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าโอกาสจะมีสิ่งมีชีวิตบนดวงนั้นริบหรี่เหลือเกิน
พวกเขาบอกว่า ...ที่นั่น ไม่มีกระต่ายอยู่จริง คนบางคนเลิกเชื่อในตำนาน
ไม่อยากพิสูจน์ และเบื่อหน่ายที่จะจินตนาการถึงเรื่องโกหกของดวงจันทร์ที่ไม่มีกระต่าย
ในขณะที่บางคนยังคงตั้งคำถามว่ามันมีอยู่จริงๆ ไหม ความจริงและความฝันมักเดินสวนทางกันเสมอ
บางคนเชื่อ บางคนสนุกกับการล่องลอยไปกับความฝัน แต่บางคนนั้นปิดหูปิดตาปิดการรับรู้ความจริง
เพียงเพราะโลกแห่งความฝันนั้นมันสวยงามจนไม่อยากรับรู้โลกแห่งความเป็นจริงเอาเสียเลย

“เชื่อว่าบนพระจันทร์จะมีกระต่ายไหม?”
ทิมที่กำลังนั่งตักไอศกรีมเย็นฉ่ำเข้าปากชะงักไปกับคำถามของคะน้า
มองไปก็เห็นชายหนุ่มข้างตัวนั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่แดดเปรี้ยงๆ

“กลางวันแสกๆ” วิศวกรหนุ่มตักของหวานยามบ่ายเข้าปากต่อ
ไม่เข้าใจว่านี่คืออาร์ตตัวพ่อหรือเริ่มบ้ากันแน่

“มันจะมีไหม?” คราวนี้ คะน้าหันกลับมามองจ้องที่ทิม
นิ้วชี้ขยับขาแว่นที่เริ่มชื้นเหงื่อด้วยความอยากรู้

“งี่เง่า”

สั้น ง่าย และได้ใจความดีแท้ คะน้าถอนหายใจแบบเซ็งๆ ก็จริงอยู่
เราทุกคนต่างรู้ว่าบนดวงจันทร์มันจะไปมีกระต่ายได้ยังไง
แต่ทำไมเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ให้เวลากับงานที่สร้างรายได้กันไปเสียหมด
แล้วก็มองว่าจินตนาการเป็นเรื่องที่ไร้สาระ

“อายุป่านนี้ ยังทำตัวเป็นเด็กๆ ก็เพราะแบบนี้แหละ ถึงได้เบ๊อะแบบนี้ ทำตัวให้มันสมวัยหน่อย”
ยัดกระติกที่ว่างเปล่าใส่มือคนนั่งข้างๆ “แก่กว่าคนอื่นเขาแท้ๆ” แล้วทิ้งท้ายด้วยบาดแผลสวยงามเช่นเคย

“เขาเรียกว่าจินตนาการ” คะน้าตอบเซ็งๆ

“แล้วเคยจินตนาการเปล่า ว่าคนอื่นเขาจะมองเรายังไง?” ฉึกกกก!!! ปักอกอีกดอก!

“คิดว่าดูดี น่ารัก?” มึงไม่หยิบมีดมาแทงกูเลยวะฮะ ไอ้ทิม! หยิบสว่าน เลื่อยไฟฟ้ามาฆ่ากูเลยเซ่

“ไม่หรอกครับ ...รู้ตัวดี” คะน้าถอนหายใจหน่าย ชีวิตเขากับคำว่าดูดี น่ารัก
ให้เกิดแล้วตายยังไม่มีสิทธิ์จะคิดเลยเถอะ คนที่เกิดมารูปร่างหน้าตาดีแบบทิม หรือแม้แต่หมอตุลก็เถอะ
ยังไงก็คงไม่มีวันเข้าใจ คะน้าหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับคนที่นั่งข้างๆ
จังหวะนั้น ทิมเผยอปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ก็ชะงักค้างอย่างนั้น

“อะไรเหรอครับ” คะน้าถามด้วยความสงสัย ทิมครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เหมือนชั่งใจอะไรอยู่

“พรุ่งนี้...” ชายหนุ่มผู้ตั้งคำถามตั้งใจฟังเต็มที่ “พรุ่งนี้ สี่โมง เอามาด้วย”

โห่ยยยยย... เนี่ยน่ะนะ ก็แค่จะให้เอาไอติมมาส่งแล้วทำท่าประดักประเดิดชอบกล
คะน้าลุกขึ้น เอามือปัดก้นที่เปรอะเปื้อนเศษฝุ่น แล้วขอแยกตัวเดินออกมา
เสียงอึกทึกครึกโครมจากการก่อสร้างค่อยๆ แผ่วลงที่ด้านหลัง ไม่อยากจะอยู่นานหรอก
สัมผัสได้ถึงรังสีพิฆาตมารจากสาวๆ แถวนี้ คิดแล้วก็เซ็ง ชีวิตมันจะอะไรนักหนากับไอ้วิศวกรบ้าเนี่ย
คะน้าขยับแว่น ...เย็นนี้แล้วสินะ จะบอกลาแว่นตาเพื่อนยากนี่เสียที

หลังจากสั่งธุระแบบไว้ใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่กับจันทูจนเสร็จสิ้น
คะน้าก็ไม่วายจะเดินไปฝากเจ๊เป็ด แผงข้างๆ ให้ช่วยเหลือดูแลจันทูที
เพราะเขาอาจจะไม่เข้าตลาดสักวันสองวัน หรืออาจจะนานกว่านั้นสักหน่อย

“ไปทำเลสิคน่ะครับ เจ๊เป็ด”

“อะไรของเอ็งวะ กูไม่เข้าใจ” ลงท้ายคะน้าก็อธิบายจนเมื่อยปาก
กว่าจะปลีกตัวออกมาที่โรงพยาบาลตามที่แพทย์นัดไว้ได้ แน่นอนว่าผักกาด ผู้เป็นพี่สาวนั่งรออยู่แล้ว

“จะให้ขึ้นเขียงก่อนเหรอไง ไปเตรียมตัวเลย ใกล้เวลาแล้ว”

คะน้ายิ้มแหย ก่อนจะรีบไปเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการผ่าตัด
การผ่าตัดดำเนินไปได้ด้วยดี คุณหมอบอกว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พักสายตาสักหน่อย

“คุณพยายามอย่ามองที่จ้ามากๆ แล้วกันนะ ถ้าเป็นไปได้ก็ให้ใส่แว่นกันแดดแบบสีเข้มๆ ไว้ด้วยล่ะ”

ผักกาดตามหลังไปติดๆ คะน้านั่งรออยู่ด้านนอกห้องผ่าตัด เขาไม่ชอบอ่านนิตยสาร
ลงท้ายก็เลยออกมาเดินเล่น อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองหาคุณหมอที่พบโดยบังเอิญเมื่อวาน

...ไม่ได้รอนะ ก็แบบว่าเผื่อเจอไง

จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ คะน้าเดินกลับมานั่งประจำที่เดิม ไม่นานนักผักกาดก็ออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ต่ายๆ ชั้นสวยไหม?” ผ่าตัดสายตา ทำอย่างกับไปยกเครื่องมา คะน้าก็ได้แต่เออออๆ ไป
ไม่อยากมีปัญหา ...ยังไงผักกาดก็สวยเสมอในสายตาของเขา

เมื่อรับยาเรียบร้อย คุณหมอก็นัดติดตามผล คะน้าบอกให้ผักกาดรออีกสักนิด
ตัวเขาเองขอไปทำธุระที่ห้องน้ำก่อน

“จะไหวไหมเนี่ยต่าย”

“โอเคนะ เดี๋ยวค่อยๆ เดินไป เจ้ไม่ต้องห่วงนะครับ”

คะน้าค่อยๆ เดินเตาะแตะไปเรื่อยๆ พยายามชิดริมเพื่อไม่ให้ปะทะหรือชนกับใคร
เจ้าหน้าที่พยาบาลเห็นจึงเดินเข้ามาช่วยและพาเขาไปส่งที่ห้องน้ำ
ชายหนุ่มหันมาขอบคุณแล้วแยกตัวไปทำธุระ ก่อนจะมาส่องกระจกดูที่ครอบตาหน้าตาประหลาด
โทษนะครับหมอ ผมขอดูหน่อยเหอะ สารรูปตัวเอง หนุ่มมือบอนแอบค่อยๆ แงะที่ครอบตา
แล้วดูใบหน้าตัวเองในกระจก ...พิลึก! นี่คือคำจำกัดความที่คะน้าพอนึกให้กับตัวเองออก
ว่าแล้วคนมือบอนก็ค่อยๆ ปิดที่ครอบตากลับดังเดิม ...แค่ไม่กี่วัน ไม่น่ามีปัญหา(มั๊ง)
ค่อยๆ ไต่ออกมาจากห้องน้ำ อ้าว... น้องพยาบาลหายไปใส?
คะน้าแอบเซ็งนิดๆ ...ก็แค่ขากลับ น่าจะไหวล่ะน่าไอ้คะน้า เดินออกมาได้ไม่เท่าไหร่...



“โอ้ยยยย...!!!”

ชายหนุ่มร้องตกใจเมื่อร่างปะทะเข้ากับคนที่วิ่งมาจนเกือบเสียหลัก
ดีนะที่เรื่องนี้เป็นพระเอก ไม่งั้นคงโดนเหยียบกระทืบซ้ำไปละไอ้คะน้า

“ขอโทษค่ะ... ฮึก” เสียงสะอื้นของหญิงสาวตอบกลับมา

คะน้าแอบแหวกตามอง แอบชะงักกับคนตรงน้า รู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก
นั่นมัน... เธอคนนั้น... คะน้าตั้งใจจะเอ่ยถามเรื่องราว แต่เธอวิ่งไปแล้ว

นั่นมัน... น้องพยาบาลที่หมอตุลทักเมื่อวาน คนที่ชื่อจิ๋วนี่นา คะน้ารู้สึกแปลกใจ
และที่แปลกใจกว่าก็คือจิ๋วกำลังร้องไห้โฮ อะไรทำให้เสียใจขนาดนั้นนะ มีอะไรหรือไงกัน
ชายหนุ่มยืนครุ่นคิดสักพัก ไม่นานก็ได้ยินเสียงของคนที่เดินมา ...คุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก

“จะไม่เป็นไรหรือคะตุล” ตุล? หมอตุลน่ะเหรอ? หูเริ่มกระพือ (ไม่ได้เจตนานะค้าบบบ)
ไม่ไหวละ ขอดูหน่อยนะ ...ว่าแล้วมือที่ไม่อยู่สุขก็เริ่มแงะอีกครั้ง
...ผู้หญิงคนนั้น หมออีกคนที่เขาเห็นคุยกับตุลเมื่อวันก่อน ถ้าไม่ผิด น่าจะชื่อว่าก้อย

“ช่างเถอะครับ ไม่เป็นไรหรอก” เป็นเสียงของตุลจริงๆ คะน้าจำได้
ชายหนุ่มค่อยๆ ถอยหลังกลับเข้ามุมทางเลี้ยวเข้าไปห้องน้ำโดยไม่รู้ตัว
ในความพร่าเลือน คะน้าเห็นมือของตุลโอบที่รอบเอวของหญิงสาวข้างๆ
ยอมรับว่าเขารู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่ได้เห็น ...ไม่คิด ...ไม่คาดฝัน

...แล้วไหนเมื่อวานบอกว่าเป็นเพื่อนไง?

คะน้ายืนมองอยู่ที่มุมเสาเงียบๆ ไม่ได้เจตนาจะแอบดู แต่จะให้เดินออกไป มันก็ยังไงๆ หรือเปล่า

“ผมทำความดี ไม่มีรางวัลให้ผมหน่อยเหรอ” เสียงตุลยังคงนุ่มนวลเหมือนเดิม
และรอยยิ้มนั้นก็ยังคงอบอุ่นเช่นทุกที แต่มันแปลกนะ
คะน้ารู้สึกแปลกกับทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตุลอย่างบอกไม่ถูก

“บ้า เดี๋ยวมีใครเห็นอีก”

“ไม่มีใครเห็นหรอกครับ แถวๆ นี้เปลี่ยวจะตาย”
หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเงยหน้าขึ้นแล้วโน้มคอของชายหนุ่มในชุดกาวน์ลง

เอ่อ... นี่เราเพิ่งผ่าตัดสายตามาหรือไง มันไม่น่าจะเป็นที่เขามองผิดใช่ไหม

เพราะนั่น... นั่นมันคือจูบชัดๆ!

“พอนะคะตุล อย่าเอาเปรียบก้อยนะคะ” เธอส่งสายตาอ่อนหวาน

“ไม่ได้เอาเปรียบนะครับ ...เอารางวัลเอง”
หมอหนุ่มหยอกล้อจนอีกฝ่ายเก้อเขินบิดตัวไปมา

“รักตุลนะคะ”

“คร้าบบบบ...” เสียงตอบรับก็หวานไม่แพ้กันทีเดียว
“เอาล่ะ ก้อยลงไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมตามลงไป”

“ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ” หญิงสาวในชุดกาวน์อีกคนเดินล่วงหน้าไปก่อน
ตุลบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน กระทั่งปะทะกับสายตาของคะน้าที่จ้องมองอยู่ที่มุมอับด้านใน
เขาผงะ ...ชะงักไปเล็กน้อย แปลกใจที่คนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดตาถึงอยู่ที่นี่เพียงลำพัง
ตุลค่อยๆ เดินเข้าไปหา เจตนาเพื่อช่วยเหลือ แต่เมื่อยิ่งใกล้ก็ยิ่งแปลกใจ

...ไม่ผิดแน่ คะน้า!

“เพิ่งรู้ว่าแถวๆ นี้มีถ้ำมองด้วย” ตุลค่อยๆ เดินเข้ามาหาคะน้าพร้อมรอยยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ความรู้สึกบางอย่างทำให้คะน้าชะงักเท้าไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว รู้สึกชาๆ อย่างบอกไม่ถูก

“พ...พูดอะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” แบ๊วได้อีกกู!!!

“สวมที่ครอบตาแล้วผมจำแทบไม่ได้แน่ะ การผ่าตัดเป็นไงบ้างครับคุณคะน้า”

“ก็... ก็ดีครับ เอ่อ...”

“ครับ?”

ไอ้ “ครับ” เนี่ย วิธีการการพูดแบบนี้ ไม่ต้องเห็นหน้า มันยังลอยมากระแทกตาได้เลย
ไอ้ยิ้มเว่อร์ๆ ของตุลเนี่ย แต่คิดๆ ดูแล้วก็ต้องบอกว่ายังงงๆ กับสิ่งที่ได้เห็นอยู่ไม่น้อย
มันงงจนทำอะไรไม่ค่อยถูก ลงท้ายเขาก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป และเลือกที่จะเสมองไปที่อื่น
เพื่อเลี่ยงการปะทะกันซึ่งๆ หน้า ยังไงนี่มันก็เรื่องส่วนตัวของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินอะไรเขา

“ไม่มี... ไม่มีอะไรครับ”

“ฮ่ะๆๆ คืนนี้คุณคงฝันร้ายสินะครับ เจอผมอีกแล้ว” หมอหนุ่มจ้องมองด้วยแววตาอบอุ่น
แต่ความรู้สึกนี้บอกไม่ถูก คะน้ารู้สึกอึดอัดชอบกล ...จะไม่พูดหรืออธิบายอะไรหน่อยเหรอ ไอ้หมอ

“มะพร้าวอ่อนที่ยังติดค้างกับผมไว้ แลกกับเรื่องในวันนี้จะได้ไหมครับ”

“เอ่อ... ครับ ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะเอาไปบอกกับใครหรอกครับ ผมเป็นแค่คนนอก...”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ” คะน้ายังพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมา
“ดูเป็นคนแปลกหน้ากันไปได้”

จู่ๆ คะน้าที่มองไม่เห็นอะไรชัดเจนก็สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิด เหมือนเสียงทุ้มๆ นั้นดังที่ข้างๆ หูเลยแฮะ
แล้วนี่นะ ขนาดมองไม่เห็นอะไรชัดเจน เอาแค่เสียง ...แค่เสียงเลยนะ มันยังหล่อเทพเลยเหอะ!
และเขาก็ไม่แปลกใจเลยที่สาวๆ หลายๆ คนต่างชอบตุลแบบออกหน้าออกตา

...แปลกเหรอ ที่หมอนี่จะมีแฟนสักคน ก็มันทั้งหล่อ ทั้งอบอุ่น พูดจาก็เพราะซะขนาดนี้

ตอบได้แบบง่ายๆ เลยว่าไม่แปลก และไม่แปลกอีกเช่นกันถ้าจะคบแบบขำๆ แบบไม่จริงจังอะไร
คนแบบตุลน่าจะอยู่ในสถานะของผู้เลือกอยู่แล้ว

“จุ๊ๆ” ตุลทำเสียงขี้เล่น “มาครับ ผมจะบอกความลับให้อย่างนึงนะ”

“ครับ?” คะน้าถามด้วยความสงสัย

“รู้ไหมครับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณ ยังคิดว่าคุณน่าจะถอดแว่นนี่ไปได้ตั้งนานแล้ว”
พูดจบก็ยิ้มกริ่ม เล่นเอาคนฟังยืนงง ความลับ? มันเป็นความลับยังไง ถอดแว่น-ทำเลสิค? มุกหรืออะไร ไม่เข้าใจเลย

“อ่า... ความลับยังไงครับ” คำถามของคะน้าทำเอาตุลหัวเราะร่วน

“นั่นสินะ ความลับเหรอ?” ตุลยกมือขึ้นลูบไปบนผมที่ยุ่งนิดๆ ของคะน้า
ในความพร่าเลือน คะน้าได้แต่ยืนงงด้วยความไม่เข้าใจ
ก่อนจะถลนตาโพลง! ฉิบหายละ ไอ้คะน้า! กูเก็ตแล้ววววว!!!


“โทษทีหมอ ผมไม่ได้สระผม” ขายขี้หน้าจริงๆ กูล่ะเชื่อเล๊ยยยย!!!

คิ้วเข้มของคนตรงหน้าขมวดเข้าหากัน นี่คะน้าเก็ตจริงๆ น่ะเหรอ เขาไม่คิดแบบนั้นเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ฮ่าๆๆ
ตุลอึ้งไปสักพักก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาดังลั่น จู่ๆ เขาก็ดึงร่างของคะน้ามากอดเสียแน่น
พลางเอามือตบหลังชอบใจ คะน้ารู้สึกชะงัก เขารู้สึกอึ้งแบบแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
นอกจากป๊ากับแม่ แล้วก็ผักกาด คะน้าไม่เคยได้ใกล้ชิดกับใครในระยะใกล้มากขนาดนี้
สัมผัสแบบกอดจากคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวนั้น ทำให้หัวใจชายหนุ่มทำงานแปลกๆ



...อีดอัดนะ บอกไม่ถูก

ตุลค่อยๆ คลายอ้อมกอดออก คะน้าสบตาที่เหมือนมีรอยยิ้มอยู่ในนั้นตลอดเวลาของหมอหนุ่ม
รู้สึกแปลกๆ อธิบายยากเย็น เออ... มึงยิ้มเข้าไอ้หมอ ยิ้มเข้าไปนะ

“คะน้าครับ นายนี่นะ...” ตุลเอามือขยี้ผมที่กระเซิงของคะน้าเบาๆ

“นายน่ารักมากเลยรู้ไหม?”

อึ้งสิ! อึ้งสิอึ้ง ลิงออกลูกเป็นคนได้แล้วใช่ป่ะ มีต้นมะพร้าวอยู่ใกล้ๆ กูคงปีนขึ้นไปสอยมะพร้าวได้แล้วเนี่ย
งงครับ มาจากไหน อะไรดลใจเนี่ย ทำงานเครียดหรือเปล่า

“มาครับ ผมพาไปที่แผนกนะ พี่คุณรออยู่ใช่ไหม”
ตุลพยุ่งร่างของคะน้าแล้วพาเดินไปส่งที่แผนกสายตา
 “ว่าแต่กลับบ้านยังไงครับ ให้ผมไปส่งไหม”

“กลับกับพี่ผักกาดครับ ป่านนี้รอเงกแล้ว ส่งแค่ตรงนี้ก็พอครับ”

“ว๊า... อดเลยสินะ”  ตุลบ่นพลางกลั้วเสียงหัวเราะ คะน้ายืนยิ้มแห้งๆ ไม่รู้จะพูดอะไร


“งั้น... กลับบ้านดีๆ ล่ะครับ ไอ้น่ารัก!

มัน... มันคืออะไร ยังไง ไม่เข้าใจ นี่มันอะไร คะน้ายืนอึ้งไปนาน
นานเกินกว่าจะนับเป็นวินาทีได้แบบเดิมๆ ชายหนุ่มพยายามจะลำดับเรื่องราวต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้น

เดี๋ยวนะ มันอะไรนะ...

1. ไปผ่าตัดตามา แล้วรู้สึกอยากยิงกระต่าย

2. ดูความหล่อของตัวเองหน้ากระจก แล้วออกมาชนกับน้องพยาบาล

3. ที่น้องพยาบาลร้องไห้เพราะเจอไอ้หมอตุลยิ้มหวานจูจุ๊บกับแฟนมัน

4. แล้วหมอตุลก็เห็นว่าเรารู้เรื่องเลยขอให้ปิดเป็นความลับให้

แล้วมันมาจากไหนหว่า เกี่ยวอะไรกับน่ารัก แล้วหมอตุลมากอดเราทำไม
แถมยังใจดีพามาส่งที่แผนกจักษุอีก นี่เราไม่สระผมตั้งหลายวัน
ดันบอกว่าน่ารัก เหม็นจะตายห่ะ นั่งเกามันทั้งวันเนี่ย
คันคะเยอจนคิดว่าเป็นหิดขึ้นหัวแล้ว แต่เดี๋ยวนะ... เดี๋ยวนะๆๆๆ

..น่ารัก! คนอย่างไอ้คะน้าเนี่ยนะ น่ารัก! โอ้ย คิดแล้วกูอยากจะบ้าตาย


(มีต่อนะครับ ^ ^)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 2 - Apr 28, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-04-2012 20:31:21
(ต่อครึ่งหลังครับ)




เสียงมือถือดังขึ้น คะน้าสะดุ้ง เมื่อเห็นเป็นชื่อผักกาดก็กดรับ เสียงแว๊ดๆ ดังขึ้นมากึกก้อง
เออ... จะว่าไปก็เพิ่งนึกออกอีกอย่าง ไม่ได้แคะหูมานานแล้วนี่นา
มิน่าล่ะ ขี้หูเต้นๆ ชอบกล ชายหนุ่มรีบกระโผกกระเผกกลับเข้าไปในตัวอาคาร
ตาก็ใช่ว่าจะดี ตันต้องมาเจอะเจออะไรแบบนี้ ไม่ให้เรียกว่าซวยแล้วจะเรียกว่าอะไร

“ไปเข้าห้องน้ำถึงดวงจันทร์เลยไหมต่าย ชั้นก็รอแกไปสิ เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”

“โทษทีๆ เจ้ พอดีมีอะไรมึนๆ งงๆ นิดหน่อยน่ะ”

“อะไรอีกล่ะ ก็เห็นตีมึนมันได้ทุกเรื่อง” ผักกาดยังกระฟัดกระเฟียดไม่หาย
“รถรอมาจนจะกลับไปให้คุณหมอฟอลโล่ว์อาการได้แล้วเนี่ย”

“เอาน่าๆๆ เจ้ ขอโทษที เดินช้าน่ะ” คะน้ากระโดดแผล๋วเป็นกระต่ายไปบนรถแท็กซี่ที่จอดรอ

“คืองี้นะ สมมตินะ ...สมมติ ถ้ามีคนๆ นึงนะ ดูเป็นคนอัธยาศัยดีมากๆ เลย พูดจาดี
คือดูดีมากๆ เลยล่ะ แต่มันดีแบบแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ล่ะผักกาด”

“อะไรอีกล่ะเนี่ย เรื่องเยอะจริง” คะน้าหันมาบ่น “ต่ายไม่รู้ แล้วจะรู้ไหม ได้รู้จักกับเขาไหมก็เปล่า”
เออ... ก็จริงแฮะ คะน้าหัวเราะในความเอ๋อของตัวเอง
คนเป็นพี่สาวส่ายหน้าแล้วถามต่อ “เค้ามาคุยๆ กับเราเหรอ”

“อื้อ คุยกับเราเนี่ยล่ะ” ผักกาดขมวดคิ้วจ้องเขม็ง
คะน้าสะดุ้ง เพิ่งรู้สึกตัว “คืออออ... สมมติน่ะ ติ๊งต่างๆ”

“ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะ”

“มันต่างกันไงน่ะ ไม่เข้าใจ”

“ก็ถ้าเป็นผู้หญิงเนี่ย จะได้พอรู้ไงว่าความเป็นไปได้ก็คือ
เค้าอาจจะคุยแบบเพื่อน หรือมากกว่านั้นก็ได้ไง”

“แล้วถ้าเป็นผู้ชายล่ะ” คะน้าถามด้วยความสงสัย ผักกาดจ้องเขม็ง
คะน้าตาเบิกโพลง “ติ๊งต่างไง ติ๊งต่างๆ”

“ก็เพื่อนแหละ มันจะอะไรล่ะ ผู้ชายมันจะคิดอะไรกับผู้ชายด้วยกันเหรอไง”

“ไม่ได้เหรอ?” คะน้ารำพึงออกมาเบาๆ ผักกาดหันขวับ!

“ติ๊งต่างอีกใช่ไหม?”

“ติ๊งต่างๆๆ” คะน้าพยักหน้ารัว

“อืม... จะว่าไปผู้ชายเดี๋ยวนี้ก็คิดอะไรกับผู้ชายก็มีเยอะแยะไป ปกติแหละ ที่ทำงานก็มี”

“ไม่หรอกมั๊งเจ้ คิดมากไปเปล่า เค้าอาจไม่ได้คิดอะไรก็ได้ไง”
คนเป็นพี่สาวฟาดต้นแขนป๊าบเข้าให้

“พี่... จอดๆๆๆๆๆ จอดตรงนี้เลย!!!!” ผักกาดกวักมือบอกพี่โชเฟอร์

“อ้าว จอดทำไมอ่ะ ผักกาดปวดฉี่เหรอ?” น้องชายหันหน้ามาถามด้วยความสงสัย

“ไอ้ต่ายบ้า แกจะเอาไงแกว่ามา ชั้นบอกไม่คิด แกก็บอกว่าถ้าคิดล่ะ
พอชั้นตามแกว่าก็ถ้าคิด แกก็มาเถียงชั้นว่าไม่คิดหรอก
แกจะให้ชั้นเสยแกไปดวงจันทร์เลยไหม ชั้นจัดให้ เดี๋ยวนี้เลย!”

“ก็ติ๊งต่างไง” คะน้ายิ้มแหย

“งั้นชั้นก็ติ๊งต่างเหมือนกัน”
ผักกาดยิ้มกลับ เป็นรอยยิ้มที่สยองขวัญพิกล

ไม่นานนัก รถแท็กซี่ก็ฝ่าการจราจรที่ติดขัดแล้วหักเลี้ยวเข้าคอนโดของผักกาด
ตามคำบอกของคะน้า “เลี้ยวเข้าไปเลยนะครับพี่”

“ไม่ต้องหรอก คืนนี้กลับบ้านนั้นไม่ใช่เหรอ ส่งแค่ข้างหน้าก็พอ”
พี่สาวส่ายหน้าแล้วหันไปบอกพี่คนขับรถ “ไม่ต้องหรอกนะคะ ลงตรงนี้แหละ”

“เอางั้นเหรอ เข้าไปส่งดีกว่าไหม เดินง่ายๆ”

“เอางั้นแหละ” ไม่พูดพล่ามทำเพลง ผักกาดเปิดประตูพรวดแล้วก้าวลงจากรถ
ก่อนจะปิดประตู หญิงสาวก็ชะโงกหน้าผ่านเข้ามา

“คะน้า ไม่ว่าเค้าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
ห่างๆ เอาไว้เถอะ เจ้ว่าเค้าน่าจะเป็นคนเจ้าชู้นะ มากๆ ด้วย”

“เจ้าชู้เหรอ” คะน้าทวนบทสรุปของผู้เป็นพี่สาวแบบค้านนิดๆ ผักกาดพยักหน้า

“ถ้าแค่อัธยาศัยดี ต่ายไม่น่าต้องเอามาถามอะไรเจ้หรอก พูดคุยธรรมดาไม่ล้ำเส้น
ต่ายก็ไม่ใช่อายุน้อยๆ แล้ว แค่นี้ไม่น่าจะแยกไม่ออก” คะน้าพยักหน้าเห็นด้วยในเหตุผล
“อีกอย่างนึงน่ะ เราคิดอะไรกับเขาใช่ไหม?”

“เห้ยยยย!!!” คะน้าสะดุ้งโหยง

“ไม่ต้องมาเฮ้ย ถ้าไม่คิด เราจะไม่กังวล แล้วเอามาถามกับเจ้หรอก”

“ต่าย... แกแอบชอบเค้าเหรอ”

“เห้ย!!! เจ้ บ้าเหรอ” ยกมือสองข้าขึ้นมาปฏิเสธพัลวัน
“ก็ถ้าเค้าเป็นคนเจ้าชู้ เค้าก็เป็นคนไม่ดี แล้วเราจะไปชอบคนไม่ดีทำไม”

“น้อยไปสิ จะไปรู้อะไร คนดีน่ะมันน่าเบื่อหรือเปล่า คนไม่ดีเนี่ย มันมีเสน่ห์นักแก
ระวังตัวให้ดีต่าย แกจะรักเค้าเอา” คะน้าอ้าปากจะเถียง พี่สาวจอมโหดถลนตาใส่
น้องชายเลยหุบปากสนิทแทน กระนั้นคนเป็นพี่สาวก็จ้องเขม็ง

“คนที่ต่ายถามถึง คงไมใช่...” แววตาควานหาพิรุธเต็มที่
คะน้ารู้สึกว่าพี่สาวของเขาชักน่ากลัวขึ้นทุกวัน คงไม่บังเอิญเดาถูกหรอกนะ ว่าเขาหมายถึงใคร

“ต่าย”

“อาราย”

“ต่าย!!”

“เปล่านะเจ้ ไม่มีอะไร”

“ต่าย!!!!”

“ไม่มี๊... ไม่มี ...ไม่มีๆๆๆๆ” ผักกาดจ้องตาวาวเอาเรื่อง

“อย่าให้รู้นะว่าเป็น... จันทู!





เชรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!! เอาอะไรคิดเนี่ย พี่กู

คะน้าทำท่าช็อค เขาสาบานได้เลยว่าขนทั้งแขนทั้งขาสามัคคีกันลุกเกรียวด้วยความสยดสยอง
ยิ่งนึกถึงจันทูที่ปะแป้งพม่าจนหน้าเหลืองในชุดสีสดๆ น้อยชิ้นนั่น กำลังเต้นเพลงเกาหลีจนกระเพื่อม
...พุงนะ ไม่ใช่หน้าอก บอกตามตรงว่าแค่คิดคะน้าก็รู้สึกเพลียมาก ...มากถึงมากที่สุด

“ผมทำอะไรให้เจ้โกรธเกลียดมากเลยเหรอ ทำไมต้องสาปแช่งขนาดนั้นด้วย”
น้องชายครวญคราง ผักกาดหัวเราะชอบใจ
หญิงสาวเอื้อมมือที่เท้าแขนเข้ากับขอบหน้าต่างรถมาขยี้ผมหน้องชายเบาๆ

“ต่ายเอ้ย เราน่ะ เป็นคนแบบนี้แหละ บ๊องๆ เซ่อๆ แบบนี้เนี่ย
คนอื่นอาจคิดว่าเราแกล้งหรือเปล่า แต่เจ้รู้นะว่าเราไม่ได้เจตนา”

“เวรกรรม จะว่าผมเซ่อจริงล่ะสิ” ผักกาดหัวเราะน้องชายที่ทำแก้มป่อง

“อายุป่านนี้ทำเป็นเด็กๆ ไปได้” หญิงสาวส่ายหน้า “รู้ไหมว่าแนวๆ นี้เนี่ย
สาวแก่ชอบนักนะแก ต่ายเสร็จแน่ๆๆๆๆ” ว่าแล้วก็ขยำๆๆๆ แล้วก็ขยำขยี้ผมของคะน้าจนรุงรัง

“อะไรเนี่ย แค่นี้ยังขี้เหร่ไม่พออีกเหรอ”
คะน้าบ่นอุบ รีบยกสองมือขึ้นจับผมเผ้าให้เข้ารูปเข้ารอย

“ขี้-เหร่-เนะ น่ะสิ ต่ายของพี่น่ะ น่ารัก น่าเอ็นดูที่สุดแล้ว”
ผักกาดยิ้มร่าให้น้องชาย “ว่างๆ ไปตัดผมมั่งนะ ยาวแล้วนี่”

คะน้าพยักหน้ารับ เขายิ้มให้กับพี่สาว ยังไงก็มีกันสองคน
และเขาก็รู้ดีว่าผักกาดรักและห่วงเขามากแค่ไหน





“แม่ขา หนูอยากได้แว่นขยาย” เด็กหญิงตัวน้อยอ้อนผู้เป็นแม่เต็มที่
“หนูสอบได้ที่หนึ่งด้วยค่ะแม่ คุณแม่ซื้อแว่นขยายมาเป็นรางวัลให้กับหนูได้ไหมคะ”
คนเป็นแม่มองสงสัย เด็กหญิงตัวจ้อยยิ่งร้องดัง “หนู... หนูอยากได้”

“เอาไปทำไมคะ” คนเป็นแม่ถามด้วยความสงสัย ปกติลูกสาวไม่ใช่คนมีนิสัยแบบนี้
หากเป็นลูกชายคนเล็กของเธอยังว่าไปอย่าง “ผักกาดลูกแม่ หนูต้องพูดด้วยเหตุผลนะคะ
ไม่ใช่โยเยแบบนี้ ถ้าหนูอยากได้ แม่ซื้อให้ได้ค่ะ แต่ไม่ใช่เพราะหนูสอบได้ที่หนึ่ง
ความรู้เป็นรางวัลที่ดีที่สุดที่แม่มอบให้หนูนะคะ ไม่ใช่สิ่งอื่นๆ”

“ค่ะคุณแม่ แต่... หนูอยากได้... นะคะๆ” จ้องตาแป๋วจนอ่อนใจ “นะคะคุณแม่”

“คะน้าอยู่ไหนลูก ไปเรียกน้องมา เราจะไปซื้อกัน” สิ้นคำเด็กสาวก็วิ่งร่าตะโกนชื่อน้องชายดังลั่นบ้าน
ครู่เดียวก็จูงมือน้องออกมาจากห้องน้อง เด็กชายตัวเล็กตาบวมเป่งร้องไห้สะอื้นจนคนเป็นแม่สงสัย

“กระต่ายน้อยของแม่เป็นอะไรลูก ร้องไห้เรื่องอะไร” หญิงสาววัยกลางคนดึงเข้ามากอด
เอื้อมมือไปเรียกผักกาดมากอดด้วย เด็กชายกลั้นสะอื้นแล้วส่ายหน้ารัวๆ

“ป...เปล่าฮับ” ผักกาดยืนมองไม่รู้จะปลอบน้องยังไง เด็กหญิงกระซิบข้างๆ หู
กระนั้นเสียงก็ดังพอได้ยินไปถึงคนเป็นแม่

“ต่ายๆ พี่จะซื้อแว่นขยายให้นะ พี่สอบได้ที่หนึ่ง คุณแม่จะซื้อให้เรา” เพียงเท่านั้นคนเป็นแม่ก็รู้ทันที
เจ้าน้องชายคงร้องไห้โฮเมื่อรู้ว่าตัวเองสอบไม่ได้ที่หนึ่งเลยชวดโอกาสขอของรางวัล
เจ้าคนเป็นพี่ก็เลยหัวหมอคิดการณ์ให้ แม่โอบกอดลูกทั้งสองคนเข้าไว้ด้วยกันพร้อมรอยยิ้มเอ็นดู

“เราจะไปส่องกระต่ายบนดวงจันทร์กัน”






คะน้าจ้องมองพี่สาวตนเอง จะสามสิบปีแล้วที่เรามีกันและกันแบบนี้
และคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ รอยยิ้มนั้น ดวงตาคู่นั้น ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

“เจ้ไปกินข้าวกันไหม หิวแล้วอ่ะ”

“ไม่! ชั้นจะผอม! ชั้นจะสวยแล้ว!” ผักกาดตอบด้วยความมุ่งมั่น

“งั้นเข้าไปส่งข้างในไหม แดดร้อนนะ” คะน้าออกปากชวนอีกรอบ

“ให้รู้ไว้เลย นับจากนี้ ผักกาดผู้นี้ จะร้อนแรงกว่าพระอาทิตย์เสียอีก”
ว่าแล้วก็หัวเราะร่วนสาแก่ใจ คะน้าทำหน้าละเหี่ยใจ ไม่รู้ว่าจะขำ หรือจะอะไรดี
“แต่ขอบใจนะ กลับบ้านดีๆ ล่ะเรา พี่เค้จอดรอนานแล้ว ไปๆๆ”

ผักกาดยิ้ม คะน้าเองก็ยิ้มตอบ เอางั้นก็ได้ รถแท็กซี่ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป
การจราจรบนถนนเต็มไปด้วยรถรามากมาย ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกหิวอะไรอย่างที่บอก
แต่ก็เกียจคร้านเกินกว่าจะกลับบ้านในตอนนี้ ลงท้ายก็เลยแวะร้านตัดผมเสียหน่อย

“พี่ครับๆ เดี๋ยวจอดที่ร้านตัดผมข้างหน้านี้ให้ทีได้ไหมครับ ผมลงตรงนี้แหละ”

เดี้ยงลงมาจากรถ ก็เดินทุกลักทุเลเซวัดไปตามเรื่อง
จนพี่กริชที่เป็นช่างประจำของคะน้าถึงกับจำแทบไม่ได้เมื่อชายหนุ่มเดินเข้าไป

“ไปทำทำเลสิคมาครับพี่ ดูแปลกๆ ไปเหมือนกันนะ” คะน้าแบแหวกที่ครอบตา
จ้องหน้าตัวเองในกระจก ยอมรับตามตรงว่าไม่คุ้นกับหน้าตาตัวเองเอาเสียเลย โล่งๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ดูหล่อขึ้นนะ พี่จำไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อมีไอ้นี่” พี่กริชชี้ไปที่อุปกรณ์ประหลาดที่ครอบตา

นั่นไง... เห็นไหมล่ะ! ทีหวยน่ะไม่เคยถูกกับเขาหรอก (ก็ไม่เคยซื้อมันจะถูกไหม คะน้าเอ้ย)
“มันก็เท่อยู่นะครับพี่” เฮ้อ... จะว่ายังไงดีล่ะ นี่แหละ หล่อหลบในของแท้เว้ยเฮ้ย

“น่าจะทำตั้งนานแล้วรู้เปล่า เชียร์ไม่ขึ้นสักที เราน่ะดูเท่ น่ารักแบบพวกดาราญี่ปุ่นเกาหลีเลย”
ได้ข่าวว่าเมื่อกี้ประชดกันเลือดซิบๆ นะพี่นะ ได้อีกนะพี่
“เดี๋ยวพี่ตัดให้หล่อๆ เลย ทรงนี้เนี่ย ลืมไปได้แล้ว เอาแบบวัยรุ่นๆ เค้าตัดกันนะ”

เสียงกรรไกรตัดฉับ คะน้ายิ้มแห้งๆ ตงิดใจนิดๆ กับที่พี่กริชบอกว่าจะตัดทรงวัยรุ่นให้
แบบนี้แล้วแปลว่าที่ผ่านมา มันทรงอะไรล่ะครับพี่น้อง?

“ทำสีผมหน่อยไหม ให้อ่อนลงนิดนึง ไม่ได้อ่อนมากหรอก เอาแบบน้ำตาลๆ ก็พอ”

“เอ่อ... มันจะดีเหรอครับ” พี่กริชไม่ได้ตอบ แต่กลับละเลงยาเปลี่ยนสีผมลงบนหัวทันที
“ดี เชื่อพี่” ละเลงก่อนค่อยพูด เอ่อ... แล้วพี่จะถามไปเพื่อออออออ... ครับ?

ชั่วโมงต่อมา ผมนั่งจ้องมองดูตัวเองหน้ากระจกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
เนื่องจากมองไม่เห็นเลยเพราะไอ้ที่ครอบตาเนี่ยล่ะ!!!!

“น้องเป็นคนที่ช่วงตาสวยมากนะครับ ตาโตมาก ตาหวานมากๆ ด้วย ทรงนี้น่าจะดี” แล้กูเห็นไหมนั่น บรรยายเข้าไปนะ
“พอถอดแว่นออก หน้าเราจะเด่นขึ้นมาเลย ตัดผมเปิดหน้าเปิดตาหน่อย เปลี่ยนสีผมอีกนิด แจ่ม เชื่อพี่”

“แต่...” คะน้ารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับความเปลี่ยนแปลงนัก
เค้าคุ้นกว่ากับการที่ปล่อยให้ผมปรกหน้าปรกตาอย่างนั้น จะว่ายังไงดีล่ะ
มันรู้สึกเขินแปลกๆ ทุกทีเวลาสบตาใคร ไหนจะแว่นตาที่สวมใส่จนชินอีก
ทั้งๆ ที่ถอดออกไปแล้ว นี่เขายังโหวงๆ โล่งๆ อยู่เลย

“พี่ขอถ่ายรูปเอาไปประจานหน่อยนะ มนุษย์ต่างดาวบุกโลก!!!”

ป๊าดดดดดดดดดดดดดดด... “เกรงใจจังเลยครับพี่”


แชะ!!!!

เออ... คราวหลังกูจะไม่ถามละ อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ คะน้ามึนออกมาจากร้านตัดผม
โดยมีพี่กริชช่วยประคองแล้วเรียกรถให้ “ก็ยังซ่ามาตัดผมวันนี้ได้อีกนะเรา”
คะน้ายิ้มแหย ก็เขายังไม่อยากกับบ้านนี่ อีกอย่าง เหมือนใครๆ ก็ชอบเล่นผมเค้ายังไงพิกล

บอกตรงๆ ว่ารู้สึกไม่คุ้น ไม่ชินกับความโล่งๆ ...มันดูเหมือนโล่งไปหมดเลย อย่างกับแก้ผ้าอยู่ยังไงยังงั้น
เมื่อรถจอดเทียบ คะน้าก็ขึ้นรถไป ไม่ลืมที่จะหันมาขอคุณพี่กริชที่ช่วยเหลือเรียกรถให้
“ถ้าไม่หล่อนะพี่ จะกลับมาทวงตังค์คืน” พี่กริชหัวเราะ คะน้ากดเลื่อนกระจกขึ้น
คิดๆ ไป ก็นึกประหลาดใจกับความพิเรนทร์ของตัวเอง ...ยังซ่ามาตัดผมได้อีกนะเรา

การจราจรบนท้องถนนติดขัด คะน้านั่งทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ
อากาศบ้านเราวิปริตไปทุกวัน กลางวันร้อนตับจะแล่บ พอตกเย็น ฝนก็กลับตั้งท่าจะตกเอา
เสียงลมข้างนอกพักแรงแข่งกับเสียงหึ่งๆ ของเครื่องยนต์
ท้องฟ้าที่ทะมึนเริ่มเคลื่อนตัวเข้ามา ไม่ช้าสายฝนก็ตกลงมา



“อีกอย่างนึงน่ะ เราคิดอะไรกับเขาใช่ไหม?”

จู่ๆ คำพูดของพักกาดเมื่อสักครู่ก็ดังขึ้นมาในหัว ...บ้าน่า จะไปชอบได้ไงกัน ผู้ชายนะนั่น
ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมา ลืมไปแล้วหมดสิ้นแล้วกับคำพยากรณ์ท่ทำเอาใจสั่นขวัญแขวน
นับวันอากาศประเทศไทยก็ชักเริ่มจะเข้าใจยากไม่ต่างกับจิตใจของมนุษย์เราเสียแล้ว
ที่ดีๆ ดูไปดูมากลายเป็นเหมือนจะไม่ดี ที่ไม่ดีๆ ไปๆ มาๆ กลับเหมือนจะดี ...หรือเปล่า?


...คนไม่ดี มีเสน่ห์จริงๆ น่ะเหรอ?

ชายหนุ่มตั้งคำถามขึ้นมาในใจ แต่คิดไปก็จนปัญญาจะหาคำตอบ
คะน้ากดเปิดวิทยุฟังเพลงไปเรื่อยเปื่อยคลอเสียงของสายฝน
ดูเหมือนว่าจะยังอีกนานกว่าจะถึง เอาเถอะ ...ยังพอมีเวลา เขาเอนศีรษะพิงกับกระจก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ที่เรียกว่าความเปลี่ยนแปลงนี่เท่าไหร่เลย
ชายหนุ่มถอนหายใจ ...นี่ก็ยังพอมีเวลาแหละ รถบนท้องถนนเริ่มขยับตัวอีกครั้ง
โชเฟอร์ที่ขับรถขยับเกียร์เดินหน้า ปล่อยเบรคแล้วค่อยๆ แตะคันเร่ง


จุดหมายปลายทางเป็นบ้านของกระต่าย ...ที่ไม่ใช่บนดวงจันทร์


...ค่อยๆ ขยับไปทีละนิด ...ค่อยๆ ขยับไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-04-2012 20:32:54
 :o8: โหววววว.... คุณ Rafael มาแล้วไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลย สบายดีนะครับ ^ ^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-04-2012 21:01:43
:o8: โหววววว.... คุณ Rafael มาแล้วไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัวเลย สบายดีนะครับ ^ ^
เอ่อ จริงๆก็ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่หรอกค่ะ ไม่สบายเป็นหวัดหน้าร้อน TT แต่ยังมีแรงอ่านนิยายนะ 555
อืม จะว่าคะแนนหมอตุลตกก็ไม่เชิงหรอกนะตอนนี้ เจ้าชู้นิดๆก็พอให้มีเสน่ห์ 555
แต่ไม่ว่าจะยังไง ยังออกตัวเชียร์อีตาทิมอยู่ เอิ๊กกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: กระต่ายชมจันทร์ ที่ 30-04-2012 21:16:51
คะแนนหมอตุลหล่นไหม? หล่นค่ะ /พยักหน้าหงึกๆ/ ถ้าไม่มีการทำตัวให้ดีขึ้นนะ ฮึ!

ขำตอนเจ๊ผักกาดถามว่าใช่จันทูมั้ยกับตอนช่างตัดผมบอกจะตัดทรงวัยรุ่นให้มากเลยค่ะ555

ที่ผ่านมาคงเป็นคงวัยรุ่นเหมือนกันแต่วัยรุ่นตอนปลายมากๆมั้ยก็วัยรุ่นโบราณมั้ง XD

อ่านตรงประโยคว่าคนคิดแต่เรื่องรายได้แล้วก็ถอนหายใจ ก็นะ...ก็ถ้าไม่มีเงินก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาจ่ายค่าไฟที่ใช้เล่นเน็ตแต่งนิยายทุกวันนี้นี่นา เหอๆ

เรื่องสามพียังคงยืนยันเชียร์อยู่ค่ะ เว้นรู้สึกว่าทิมหรือหมอตุลน่าหมั่นไส้เกินจะยุให้คะน้าไปคู่กับคนอื่นแทน (อาทิ...จันทูนี่ตัดไป...พี่กริชช่างตัดผมก็ไม่ดี ไม่รู้จักเห็นความน่ารักตัวตนของคะน้าแต่ต้น ยุให้สร้างตัวละครใหม่เพื่อนสมัยเด็กที่หวงคะน้าแทนอะไรงี้ดีกว่า555)

สู้ๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 30-04-2012 21:18:38
แอบไม่อินกับการทำเลสิคอะจ๊ะ แบบว่าเพิ่งทำเลสิคมาสดๆแล้วขับรถมันไม่น่าเป็นไปได้เลยจ๊ะ

เพราะเมื่อทำเสร็จจะต้องครอบตาไว้อย่างน้อยๆหนึ่งวัน แล้วไปให้หมอเปิดตาให้พร้อมเช็คสภาพอีกที อ่านแล้วมันเลยทะแม่งๆ

สรุปก็คืออยากแนะนำว่าเขียนนิยายอยากจินตนาการอย่างเดียว บางทีก็ต้องใส่ข้อเท็จจริงลงไปบ้าง มันจะทำให้เรื่องไหลลื่นมากเลยจ๊ะ

เดี๊ยวนี้กูเกิ้ลไปเลย ข้อมูลเยอะแยะ อ่านแล้วจะสนุกกว่านี้เยอะมากจ๊ะ

อย่างไรก็ดีขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 30-04-2012 21:39:17
หมอตุลเจ้าชู้อ่า รักน้องทิมดีแล้ว น้องทิมจริงจัง ตรงไปตรงมา ไม่ต้องกลุ้มใจเรื่องปัญหาติดหญิงด้วย เพราะหญิงมาใกล้โดนด่าตะเพิด อิอิ

คะน้า ขี้เหร่เนะ เกาหลีแล้วอ่ะ ฮอตแย่เลย จันทูจะมาแย่งจีบมั้ยนะ 55+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 30-04-2012 22:06:44
ยังไงก็เชียร์ทิมอ้ะเพราะเรารักเดียวใจเดียว  :laugh: :laugh:
ไม่ปลื้มบุคลิกของคุณหมอ เชอะ อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมินไปซะเถอะ คุณหมอตุลย์  o18
แต่กระต่ายน้อยแอบชอบคุณหมอไปละหรอ เศร้าอ้ะ  :o12: เอาทิมไปไว้หน๊ายยยย ยังไงก็เชียร์ทิมเป็นพระเอกนะ

ปล  เย้ ๆ ดีใจที่มาต่อ
ปล 1  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 30-04-2012 22:41:23
หมอหนุ่มนักบริหารเสน่ห์กับวิศวกรผู้จริงจังจริงใจ

ดูเป็นส่วนผสมที่ลงตัวดีนะ

น่าจับมาเป็นแฟนหนูคะน้าทั้งคู่



สรุปคือ...ยังปักหลักเชียร์สามพีว่างั้นเถอะ 555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 30-04-2012 23:06:41
ตอนแรกเชียร์ตุล แต่หมั่นไส้มันมาเชียร์ทิมแทน

สรุปคือ เลือกไม่ถูกสามพีเถอะค่ะ o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 30-04-2012 23:26:44
ยืนยันคำเดิมค่ะ น้องคะน้าเลือกทิมไปเถอะนะ
หมอตุลขอเราเอง เราดูแลเองค่ะ 555555555'

เราชอบสไตล์การเขียนของคุณคนแต่งจังเลยค่ะ
มาต่อไวไวนะคะ เรารออยู่

ตอนนี้อาจจะเม้นท์สั้นไปหน่อยเพราะไม่ได้เปิดคอม
แต่สัญญาว่าตอนหน้าถ้าเปิดคอมพอดี เราจะจัดเต็ม 5555555'

สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-04-2012 23:55:23
คุณหมอปากบอกว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ก็แอบไปจิ๊จ๊ะกับคนอื่นเขา
คะน้าภาคแปลงโฉมคงจะทำให้คุณหมอ และ น้องทิวอึ้งได้ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 01-05-2012 00:39:26
ชอบโมเม้นต่ายน้อยกับผักกาดตอนเด็กมาก น้ำตาซึมเรยง่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 01-05-2012 01:49:08
หื้มมมมมม หมอตุล ไหงงี้ละค่ะ  เจ้าชู้ไปไหนพ่อคุณ
คะน้าเริ่มชอบตุลแล้วอะ ใช่ปะ
หึ้ยยยยย หมั่นไส้นังหมอก้อยเบาๆ 5555 โผล่มาแปปเดียวก็สร้างความคันหัวใจแก้เราซะละ
เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิมนะจะลูเซีย
ปล. อ่านตอนนี้แล้วชักแอบเชียร์พี่ทิม เอนเอียงแล้วนะ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-05-2012 02:02:56
แอบไม่อินกับการทำเลสิคอะจ๊ะ แบบว่าเพิ่งทำเลสิคมาสดๆแล้วขับรถมันไม่น่าเป็นไปได้เลยจ๊ะ

เพราะเมื่อทำเสร็จจะต้องครอบตาไว้อย่างน้อยๆหนึ่งวัน แล้วไปให้หมอเปิดตาให้พร้อมเช็คสภาพอีกที อ่านแล้วมันเลยทะแม่งๆ

สรุปก็คืออยากแนะนำว่าเขียนนิยายอยากจินตนาการอย่างเดียว บางทีก็ต้องใส่ข้อเท็จจริงลงไปบ้าง มันจะทำให้เรื่องไหลลื่นมากเลยจ๊ะ

เดี๊ยวนี้กูเกิ้ลไปเลย ข้อมูลเยอะแยะ อ่านแล้วจะสนุกกว่านี้เยอะมากจ๊ะ

อย่างไรก็ดีขอบคุณสำหรับนิยายค่า

คิดเหมือนคุณ TONG ค่ะ

แอบคิดว่าพ่อทิมนี่แหละพระเอก หมอดูลึกลับร้าย?รึเปล่า ไม่แน่ใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 01-05-2012 03:59:53
เชียร์พี่ทิม ไม่ใช่เพราะหมอไปกิ๊กกับสาว แต่รู้สึกว่าบุคลิคแบบหมอจัดไปอยู่ในกลุ่มพระรอง

คะน้าขี้เหร่เน๊ะ อยากเห็นจริงๆว่าจะน่ารักขนาดไหน

ปล.เห็นด้วยกับคุณTONGเรื่องทำเลสิคนะคะ อย่าว่าแต่ทำเลสิคเลย แค่ไปรักษาตา อย่างขยายม่านตา ฯลฯ เล็กๆน้อยๆ หมอยังห้ามขับรถเลยค่ะ เพราะมันอันตราย ยิ่งทำเลสิคนี่ต้องครอบตาหลังทำอย่างที่คุณTONGว่าล่ะค่ะ เหมือนกลายสภาพเป็นคนบกพร่องทางสายตาไปชั่วคราวเลยค่ะ

รอตอนต่อไปค่ะ คะน้าจะหวันไหวให้ทิมบ้างไหมน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 01-05-2012 10:30:39
เชียร์ทิม ใจขาดดิ้น
เจ๊ชอบเด็ก  :laugh: :laugh:

P.S. ตอนนี้เหมือนรู้สึกว่าคะน้าจะแอบคิดไรกับหมอตุลนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 01-05-2012 11:29:55
แอร๊ย ยิ่งหมอออกตัวงี้ยิ่งดีต่อเราคะ. เราเชียร์คุณทิม~~~หล่อ ปากหมา จริงใจ แอน๊ย เป็คอะ!!!
น้องคะน้าสวยแล้ว อยากเห็นแล้วว่าทิมจะว่าไง อรั้ง!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 01-05-2012 12:16:05
เริ่มอยากเชียร์ทิมขึ้นมาทันทีทันใด
บุคลิกของหมอตุลย์เป็นเหมือนเล่นๆ เจ้าชู้ไม่จริงใจอ่ะ
โห คะน้า พอทำเลสิกแล้วมีแต่คนชมนะเราอ่ะ
เดี๋ยวปั๊ดไปทำมั่งเลย (พูดไปงั้นแต่จริงๆยังทำไม่ได้ เอิ๊กๆ)

ย๊าาา เชียร์ทิม มมม ถ้าทิมเห็นลุคใหม่คะน้าแล้วจะเป็นยังไงน้อ อิอิ
ติดตามตอนต่อไปค่ะ

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 01-05-2012 15:54:20
หมอตุลดูร้ายๆไงไม่รู้
ขอยกป้ายเชียร์ทิมละกัน ฮึ้บๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 01-05-2012 17:37:24
ว่าแล้ว หมอตุลมันไม่น่าไว้ใจจริงๆด้วย
ต่ายน้อยอย่าแพ้รอยยิ้มนะ ของแบบนี้ต้องดูกันที่ใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 01-05-2012 21:01:59
หมอตุลอารมณ์เหมือนหมาจิ้งจอกในหนังแกะ น่ากลัวเบาๆ แต่ก็น่าสนุกในที

ทิมดูอารมณ์รุนแรง ปากแข็งใจอ่อนแน่ๆ ไม่รู้จะเชียร์ใคร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-05-2012 21:36:07
คะแนนหมอตุลตกฮวบ งั้นเราแอบเชียร์ข้างหมอแล้วกัน ชอบเชียร์คนเป็นรอง อิอิ

คนเจ้าชู้แล้วอยากหยุดที่ใครสักคนที่ใช่ มีเยอะแยะไปน่า นะ ^^

บวกค่า มาต่อไวๆ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 01-05-2012 22:22:38
 :sad4:

แอบเข้ามาใช้วิชามาร edit เนื้อหานะครับ คิดว่าคงพอจะลื่นไหลขึ้นนิดหน่อย
สารภาพว่าพลาดจริงๆ ครับ ไม่ได้หาข้อมูลเรื่องการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดเท่าที่ควร
คือหาแล้ว แต่เจอแต่บอกว่าแป๊บเดียว ไม่นาน ผมก็เลยซัดซะเลย :-[

ขอบคุณมากๆ นะครับที่ช่วยแนะนำผมเรื่องการเขียน คนอ่านทุกๆ คนน่ารักจังเลยครับ ฮิฮิ
คือตัวผมไม่ค่อยมีความรู้อะไรเลย อาศัยแถๆ มั่วๆ เข้าว่า
ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับที่บางส่วนอาจผิดพลาด พูดแล้วก็เขินนะ 5555  :-[

ขอรวบตอบคอมเมนต์ทุกๆ คนในรอบหน้าก่อนอัพตอนใหม่นะครับ
สำหรับตอนหน้าแม่ยกทิมคงใจชื้นขึ้นสักนิด ยังไงติดตามอ่านกันต่อนะครับ

ก่อนจากขอแอบกอดทุกๆ คนหนึ่งที  :กอด1:

 :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 01-05-2012 22:24:58
กอดด้วย และบวกให้จ้า รออ่านตอนต่อน๋า

เห็นโพสรีบโผล่เข้ามาเลย นึกว่ามาต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 01-05-2012 22:30:13
ฮ่ะๆๆ สวัสดีครับ ยังไม่คืบหน้าไปเท่าไหร่เลยครับ เดี๋ยวจะรีบๆ ปั่นนะ
ช่วงนี้ อากาศร้อนๆ ดื่นน้ำบ่อยๆ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

ปล. ผมกดบวกทุกคอมเมนต์เลย คงไม่เจอทางเว็บด่าว่าใจง่ายใช่ไหมนะ ฮ่ะๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: monkaew ที่ 01-05-2012 22:41:02
สนุกมากครับชอบแต่อยากให้บอกเลขที่หน้าด้วยอ่ะครับจะเป็นการดีมากเลย :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: AoR-yayun ที่ 01-05-2012 23:26:58
หุหุ ทินเห็นเข้าจะว่า ไงน๊าาาาา ~ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 02-05-2012 01:15:09
อ่านแล้วยิ้ม คะน้าน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 02-05-2012 20:11:20
คะน้าน่ารักจังเลย
ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน
ทั้งวิศวะ ทั้งหมอ มารุม(?)ขนาดนี้

แต่หมอตุลยังไงเนี่ย แม่ยกไม่ปลื้มนะอย่างงี้  :m16:

รอตอนต่อไปนะคะ
มาต่อเร็วๆน้า  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 02-05-2012 22:17:12
คะน้าน่ารักมากอ่ะ อยากแพ็คใส่กระเป๋ากลับบ้าน กร๊ากกก
ชอบความสัมพันธ์ของสองพี่น้องคะน้าผักกาด ชอบเวลาที่อยู่ด้วยกัน รู้สึกได้ว่าเขารักกันมากๆ
ส่วนปู้ชายสองคนในเรื่อง ตั้งแต่ตอนที่สองเป็นต้นมา รู้สึกว่าหมอตุลคะแนนตกนะคะ ดันมีเรื่องคาวๆเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตอนนี้ทิมคะแนนนำโด่ง ใจก็เอนเอียงไปเชียร์ทิมแหละ แต่กลัวว่าในอนาคตจะมีข้อเสียของแต่ละคนโผล่มาให้ตกใจอีกหรือเปล่า
เลยขอซุ่มสังเกตการณ์ไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 02-05-2012 22:33:04
เข้ามาเชียร์เจ๊ผักกาดแทนละกันเนาะตอนนี้ คุณพี่น่ารักมากกก อ่านแล้วอมยิ้มเลย "ชั้นจะสวย จะร้อนแรงกว่าพระอาทิตย์"
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 03-05-2012 23:06:37
:mc4: แวะเข้ามาฉลองครบ 100 รีพลายด้วยต่อนที่ 4 แต่ก่อนจะลงตอนใหม่เนี่ย
ขอตอบคอมเมนต์เพื่อนๆ ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะชะแว๊บมาลงคืนนี้เลยเน้อ... ฮิฮิ




@Rafael เป็นหวัดเหมือนกันเลยครับ มาเป็นเอาหน้าร้อน ใช่ที่ไหมนะ 555
ยังไงก็ขอให้หายไวๆ นะครับ จริงสิครับ ระหว่างที่ไล่สายตาหากระทู้ตัวเอง
เห็นชื่อคุณ Rafael แต่งนิยายเอาไว้ด้วย ไว้จะขอแอบแวะไปอ่านมั่งนะครับ ฮิฮิ
ถ้าเชียร์ตาทิม แอบคิดว่าตอนนี้น่าจะถูกใจหรือเปล่านะ ลองอ่านดูนะครับ หุหุ

@กระต่ายชมจันทร์ ยังหรอกครับ เปล่าให้อีกคนทำคะแนนนำไปเถอะ หึหึ
แต่ตุลก็น่ารักในแบบของตุลนะครับ ทิมก็จะน่ารักในแบบของทิมเช่นกัน
ค่อยๆ อ่านไปจะรู้สึกผูกผันไปเรื่อยๆ เองน่ะครับ พอเริ่มอินจะเริ่มหนุกขึ้นๆ เน้อ
ใจจริงเรื่องนี้จะแอบซ่อนเรื่องอื่นๆ ไปด้วยน่ะครับ นอกเหนือจากความรักแบบแฟน
แนวคิดเรื่องสังคมแบบทุนนิยมก็อย่างนึง อ่านไปเรื่อยก็คงมีมาอีกเรื่อยๆ (มั๊งครับ)
เรื่องของเรื่องคือเรายังไม่ได้แต่งนั่นเอง ...วะฮะฮ่า

@TONG โหย... ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี
ดีใจจังเลยครับที่ทักมา จะได้พยายามปรับๆ ให้มันดูดีขึ้น ตัวผมเองก็พอหาข้อมูลบ้างนะครับ
แต่ไม่มีเลยแฮะ อาศัยง่ายเข้าว่า คือเค้าบอกแป๊บเดียว พ่อก็ซัดเลย เอิ๊กกกกก...
ผมลองอีดิตแล้วนะครับ อาจจะยังดูทะแม่งๆ บ้าง แต่ดีขึ้นกว่าเก่าแน่นอน
แต่มันคงไม่ลื่นไหลเท่าไหร่น่ะครับ ลงไปแล้วน่ะ เดี๋ยวจะงงกันเกิดแก้แบอุตลุต
เอาเป็นว่าปิดตาข้างนึงอ่านก่อนนะครับ หยวนๆ นะ ฮิฮิ
จะพยายามไม่เห็นผิดพลาดอีกนะ ขอบคุณมากๆ ครับ

@Panny แม่ยกทิมมาเอง 555555 ลองอ่านตอนนี้ดูนะครับ
แอบคิดว่าเดี๋ยวได้ทำป้ายไฟเชียร์กันหรือเปล่านั่น เหอๆๆๆ
ทั้งหมดนี่ ปรากฏว่าท้ายเรื่องเสร็จจันทูหมดนะ น้องเค้าสวยจริง 5555

@suck_love คะแนนตกฮวบๆๆๆ เอาเสียแล้วสิหมอ ไม่เป็นไรเนอะ ต่อให้วิศวะไปก่อน
ลองอ่านทิมตอนนี้ก่อนนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าใส่พานประเคน
ต่อด้วยอัดสปอตไลท์จนกลายเป็นพระเอกไปแล้วป่าวนั่น พี่แกบุคลิกพระเอกมากกกก...
ขอบคุณมากๆ เช่นเดียวกันนะครับ อยู่เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ นะ ฮิฮิ

@bulldog17 คนที่ตามอ่านแต่แรกมาไซโคแบบนี้บ่อยๆ คนเขียนหวั่นไหวนะ
อย่านะๆๆๆ เดี๋ยวได้หัดเขียน 3P เอาจริงๆ ล่ะยุ่ง ค่อยๆ อ่านไปนะครับ
รับรองว่าสูสีมาเรื่อยๆ แน่ๆ เลิกสูสีเมื่อไหร่นะ เตรียมตัวจบได้เลยนั่น -*-

@pare_140 รักคุณหมอบ้างนะครับ อย่าเพิ่งเทใจไปให้พ่อหนุ่มวิศวะหมดนะ
เดี๋ยวคุณหมอจะค่อยๆ ปล่อยหมัดเด็ดออกมานะครับ มันต้องมีช่วงชิงกันหน่อยเนอะ

@•PIKACHU•  โหย... ขอบคุณมากๆ ครับ ผมไม่เคยเขียนอะไรพวกนี้หรอก
พอดีนึกห่ามอะไรขึ้นมาไม่รู้ ก็ลองซะหน่อย ดีใจที่ชอบนะครับ แหะๆ ขอบคุณมากๆ ครับ
เชียร์ตุลต่อนะครับ คะแนนหล่นวูบเอาๆ คาแรกเตอร์ตุลจะดูน่าเบื่อหน่อยๆ นะ จืดๆ นิดๆ
แต่พอระยะยาวเนี่ย รับรองว่าใช้ได้ครับ เชียร์ต่อนะๆๆ ผมก็เชียร์ตุลอยู่ (น่านนนนน...)
ก็คะแนนทิมขึ้นเอาๆ นี่เนอะ ขอให้ตอนที่เปิดอ่านนี่เป็นคอมด้วยเถอะ อยากเห็นจัดเต็ม 555
คือผมคิดว่าตอนนี้เริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นแล้วน่ะครับ เป็นตอนนึงที่คนเขียนรู้สึกดีที่ได้เขียนนะ
หวังว่าจะชอบและถูกใจแบบที่ผ่านๆ มานะครับ ฮิฮิ

@gupalz อึ้งแน่นอนครับ นายเอกเราหล่อแล้ว 555 เดี๋ยวจะค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นครับ
ทั้งตัวคะน้าและอีกสองคน ส่วนจะเรื่องอะไรบ้าง ลองดูๆ กันไปนะครับ ฮิฮิ

@bebe ตอนที่เขียนไปไม่รู้จะน่าเบื่อหรือเปล่าเพราะมันไม่ใช่ความรักแบบแฟน
แต่ก็อยากให้ควมสำคัญเรื่องความรักของครอบครัวด้วยนะครับ ดีใจจังมีคนชอบด้วย ฮิฮิ

@Smirnoff เอาล่ะสิ ผมว่าอ่านตอนนี้จะยิ่งชอบทิมเข้าไปใหญ่นะนั่น ทำไงดี คะแนนอีกฝั่วตกวูบๆ
ส่วนตัวคะน้าเราจะเริ่มเอนเอียงไปทางใครเนี่ย ยังตอบอะไรแน่ชัดไม่ได้นะครับ
เอาเป็นว่าอ่านตอนที่ 4 แล้วจะพอรู้ว่า เกิดเป็นคะน้านี่มันแสนยากเย็น เลือกไม่ถูกนั่นเอง 55555

@iamnan เป็นความผิดพลาดจริงๆ ครับ จะพยายามรอบคอบขึ้นนะครับ ขอโทษในความสะเพร่า
และขอบคุณจากใจจริงที่ยังติดตามต่อนะครับ คาแรกเตอร์เรื่องนี้จะคล้ายๆ กับคนทั่วไปสักนิดนะครับ
มีข้อดีข้อเสียกันบ้างเป็นธรรมดา ส่วนใครจะเป็นพระเอกนี่ โปรดติดตามไปเรื่อยๆ นะครับ เหอๆๆ

@cocoaharry อ่านเกมคนแต่งออกแบบนี้ เอาไงดีเนี่ย เราไปต่อไม่ถูกเลย 5555
ยังไงติดตามต่อไปนะครับ ลุ้นกันว่าจะเดาถูกไหม ส่วนเรื่องการทำเลสิกนี่ผิดพลาดใหญ่หลวงจริงๆ ครับ
ขอน้อมรับผิดโดยดี หาข้อมูลน้อยไปหน่อยแถมมักง่ายอีกต่างหาก เอาง่ายเข้าว่า 555
จะพยายามไม่ให้เกิดขึ้นอีกเนอะ ตอนต่อไปคิดว่าไม่น่ามีปัญหาแล้วนะครับ ลองดูๆ

@faratellll แนะ ชอบเด็ก 55555555555555 ตอนนี้น่าจะชอบยิ่งขึ้นนะครับ
ส่วนคิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย เอาไงดีนะ คิดดีไม่คิดดี เหอๆๆๆ อ่านตอนนี้ดูครับ เขียนเอง งงเอง

@rubymoona เอาล่ะสิ ยังไม่อ่านตอนที่กำลังจะอัพนี่ คะแนนตาทิมพุ่งเอาๆ นี่มันอะไรกันหนอ
เอาเถอะครับ คุณหมอฝากบอกว่าขอต่อให้ก่อน หนทางยังอีกยาวไกล เดี๋ยวทำคะแนนคืน!

@MaNaSsAwEe เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วยสินะครับสำหรับตุล
แต่เอาน่า ตุลก็น่ารักนะครับ (พยายามขายของ) อย่าเพิ่งเชียร์ทิมไปเสียหมดทีเดียวน่า
ส่วนทิมจะเป็นยังไงกับคะน้าลุคใหม่ อันนี้ติดตามในตอนนี้ครับ คิดว่าคงผิดหวังกับปฏิกิริยา
แต่ด้านเนื้อหา เดาว่าคงได้ใจไปเต็มๆ (แอบคิดแบบนั้นจริงๆ นะเนี่ย)

@drasil ฮ่ะๆๆ ทำไงดี คะแนนคุณหมอตกอย่างต่อเนื่อง ลดเอาๆ
ยิ่งถ้าอ่านตอนนี้จบ สงสัยพี่แกขึ้นแท่นพระเอกแหงมๆ 555

@1wariya1 ไม่รู้จะพูดยังไงดี เกิดเป็นคะน้าก็มีชีวิตที่ยากลำบากนะครับ
อ่านตอนนี้จะพอเข้าใจ เหมือนจะเทใจไปที่ใคร ก็หวั่นไหวกับอีกคนขึ้นมาเอาล่ะนั่น :D

@JJHJJH มาครับๆๆๆ ช่วยกันเชียร์คุณหมอนะครับ หลังจากอ่านตอนนี้จบกัน
แอบคิดว่าคะแนนคุณหมอต้องตกลงอีกฮวบใหญ่ แต่หนทางยังอีกยาวไกล
ของแบบนี้มีนัดล้างตาแน่นอนครับ วางใจได้ ผมเชียร์มวยรองเหมือนกันครับ 555
ขอบคุณมากๆ ที่ติดตามนะครับ ลองอ่านตอนนี้ดูนะครับ เป็นตอนที่ผมชอบละ
เพราะเหมือนคาแรกเตอร์ได้ละดับนึงละ เริ่มเดินเรื่องได้นิดๆ เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นน่ะครับ

@monkaew ขอบคุณมากๆ เลยครับสำหรับคำแนะนำ เดี๋ยวขึ้นบอกนะครับ ^ ^

@AoR_yayun งั้นคงต้องอ่านตอนที่กำลังจะอัพนี้แล้วล่ะครับ
คงผิดหวังกับปฏิกิริยาการแสดงออกของทิมบ้างนะ แต่ทิมก็คือทิมน่ะครับ
ออกมาแบบนี้ คิดว่าเหล่าทิมแฟนคลับคงจะโฮกน่าดูชม

@SuSaya ดีใจจังเลยครับ เพราะคะน้าเป็นตัวละครที่ผมชอบมากที่สุดในเรื่องเลย
เป็นเหมือนคนที่น่ารักโดยความคิดและความเป็นธรรมชาติ ตอนต่อไปก็น่ารักดีนะครับ ลองดูนะครับ

@MIkz_hotaru อ่านตอนนี้ มีหวังคะแนนตุลไดตกเอาฮวบๆ แน่ๆ ลายเก่าก็เริ่มชัดขึ้นอีกต่างหาก
แถมอีกฝ่ายก็มาแรงเหลือเกิน พูดน้อยต่อยหนักซะขนาดนั้น เหอๆๆๆ
ยังไงลองอ่านตอนที่จะอัพนี้ดูนะครับ สงสารคุณหมอมั่งนะ แต่งไปก็สงสารไป คนอะไรไม่รู้ น่าฉงฉาน

@RoseBullet ดีใจจังเลยครับมีคนชอบความสัมพันธ์ของพี่น้องด้วย แอบกลัวว่าจะน่ารำคาญไหนนะ
ไม่เกี่ยวกับความรักหนุ่มสาว แต่ก็อยากให้ความสำคัญน่ะครับ ตอนต่อไปคะแนนคุณหมอตกอีกฮวบๆ แน่
แต่ก็อย่างที่บอกเลยล่ะครับ ระหวังจะมีอะไรแปลกๆ โผล่ขึ้นมาเอา คนแต่งวางสนุ้กเก่งนะเออ ฮิฮิ

@ชะรอยน้อย โอ้โห คนนี้มาแปลกที่สุดเลยครับ ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ผมเห็นด้วยนะ เชียร์ผักกาดดีกว่า ไม่ปวดหัวดีนะครับ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เอาล่ะครับ ตอนต่อไปคนแต่งแอบคิดว่าเริ่มสนุกขึ้นอีกนิด เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นน่ะครับ
เป็นตอนหนึ่งที่ชอบเลยทีเดียว และคิดว่าคงถูกใจเหล่าทิมแฟนคลับไม่มากก็น้อย คนแต่งก็ถูกใจนะเออ
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ กำลังใจดีๆ และขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ มีความสุขกับการอ่านตอนที่ 4 นะครับ
รอแป๊บนะครับ ขออ่านทวนกับจัดหน้าหน่อยนะ ขออีกสักเกือบๆ ชั่วโมงเน้อ ลงคืนนี้แน่นอนครับ  :z1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 03-05-2012 23:14:49
จิ้มไว้ก่อน รออ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 3 - Apr 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 03-05-2012 23:55:08
หมอเจ้าชู้  ไม่เอาๆ ไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 04-05-2012 00:14:47
ตอนที่ 4


เวลาที่เราหลับตา โลกทั้งใบจะกลายเป็นสีดำ มืดมิด และเหลือแต่เราเพียงผู้เดียว ...อาจจะจริง
แต่อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะสำหรับคนบางคน หลับตาหรือลืมตาตื่น โลกทั้งใบก็อาจจะยังมืดมิดเหมือนเดิม
เหมือนดาวเคราะห์กลมๆ ที่กว้างใหญ่มันจะดูใหญ่โตขึ้นอีกเวลาที่เราต้องอยู่คนเดียว
เพื่อนฝูง คนรู้จัก มีมากมาย น่าตลกที่คะน้ากลับไม่รู้จะกดโทรศัพท์หาใครในเวลาเช่นนี้
ได้แต่ไล่กดรายชื่อที่มีอยู่มากมายไปมา ค่อยๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ จนครบก็ยังไม่รู้จะต่อสายเพื่อพูดคุยอะไรกับใครดี



ความสุขมันมีมากมาย แต่แย่เนอะ ที่ไม่รู้จะแบ่งปันให้กับใคร

ต้องพักสายตาอยู่กับบ้านอย่างนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านอนไปเรื่อยเปื่อย
กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างไร้สาระ ป่านนี้จันทูคงจะนั่งเฝ้าแผงอย่างเหนื่อยหน่าย
คงไม่ลืมที่จะเอาไอติมกะทิไปส่งที่ไซด์งานก่อสร้างตามที่เขากำชับหรอกนะ
ไม่อย่างนั้นคงต้องถูกไอ้หมอนั่นบ่นเอาหูชาแน่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ป๊ากับแม่จะเป็นไง อยากจะเจออีกสักครั้ง
น่าจะมีมือถือให้พอจะติดต่อได้เนอะนะ อย่างน้อยเค้าจะได้โทรไปหาได้เมื่อเวลาคิดถึง
ส่วนผักกาด... ฮ่ะๆๆ ป่านนี้คงนอนขึ้นอืดอยู่บนเตียงไม่ต่างกับเขานั่นล่ะ คะน้าหัวเราะรื้นเมื่อนึกถึงขึ้นมา

หนึ่งวัน... สองวัน... สามวัน... สี่วันเข้าไปแล้ว น่าเบื่อเหลือเกินกับการนั่งๆ นอนๆ อยู่กับบ้านแบบนี้
โชคดีที่อาการอักเสบไม่มี และผลการรักษาเป็นไปตามที่คาดไว้ อีกไม่กี่ชั่วโมง
วงจรชีวิตของเขาก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมสักที ไม่ได้ชอบหรอกที่จะไปนั่งขายของที่ตลาด
แต่ก็รู้สึกเหงาๆ อย่างบอกไม่ถูก ประหลาดดีไหมล่ะ? เขาคิดถึงเสียงตะโกนโหวกเหวกที่ดังไม่ขาดสาย
อากาศร้อนๆ คิดถึงกลิ่นเหม็นคาวของเนื้อสัตว์ หรือแม้แต่อึไก่ที่เขาต้องขัดออกจากเปลือกไข่ทุกๆ วัน ...

“เฮ้ยยยย... เป็นไงมั่งวะ เจ๊จำไม่ได้เลย โอ้โห นี่เอ็งจริงๆ เหรอเนี่ยไอ้คะน้า โว้ยๆๆๆ หล่อนะโว้ย”
เจ๊เป็ดถึงกับวิ่งโร่เข้ามาทัก ไม่ทักเปล่ามีลูบๆ คลำๆ จับเนื้อจับตัวด้วยนั่น ...จะขูดเลขเหรอเจ๊?

“ก็ผมเองล่ะครับเจ๊ ดูพูดไปนั่น” ถ้ามันดูดีคะน้าจะไม่ว่าเลย
นี่... นี่มันดูโหวงๆ พิกลยังไงไม่รู้ หน้าตาดูโล้นๆ ขนาดนั้น แปลกๆ จะตายไป

“หล่อว่ะ คอยดูนะเอ็ง อีสายใจผัดไทยหอดทอดมันต้องกริ๊ดเอ็งแน่ๆ หล่ออย่างกับดารา!”
เจ๊เป็ดยังชมไม่เลิก เล่นเอาคะน้ารู้สึกเหวอๆ ...มันขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไม่เชื่อเอ็งไปถามนังจันเลยไป” ง่ะ!!! จันทูน่ะนะ!

“ไม่!” ชายหนุ่มโพล่งออกมาโดยไม่ต้องคิด จันทูที่ยืนยิ้มหวานทำหน้าหุบแทบไม่ทัน
คะน้าจึงพูดเสียงอ่อย “คือ...ไม่ดีกว่าครับ ขายของเถอะเนอะๆ”

“เอ็งเชื่อเจ๊ ไปเป็นดาราเหอะ ไม่ต้องขงไม่ขายมันละ เจ๊อยากรู้จักดารา” เจ๊เป็ดหัวเราะร่วน
คะน้ายิ้มแหยให้กับทุกๆ คน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาแยกคัดขนาดไข่ไก่จากฟาร์มที่มาส่งเหมือนทุกๆ วัน

ดูเหมือนคำโฆษณาของเจ๊เป็ดและจันทูจะร่ำลือไปไกล วันนั้นทั้งวัน คะน้าไม่ต้องทำอะไร
เพราะต้องคอยยิ้มรับพูดคุยทักทายกับเหล่าแม่ค้าทั้งตลาด รวมถึงทั้งสายใจที่ขนหอยทอดมาฝาก

“อร๊อยอร่อยนะคะพี่ สายใจทำให้พี่คะน้าเป็นพิเศษเลยจ๊ะ หอย! เป็นหอย!!!”
แม่ค้าสาวกระแทกปลายเสียงจนคะน้าสะดุ้ง

“ระดับสายใจทั้งที รับรอง... จัดจ้าน! อร่อย! หอยใหญ่!” คำพูดก็ชวนหวาดเสียวแล้ว
แต่เมื่อเจอลีลาของสายใจเข้าไปยิ่งน่าหวาดเสียวยิ่งกว่า
ก็สาวเจ้าทั้งเลื้อยทั้งชะม้ายชายตาจนคะน้าหน้าชาไปหมด

“เอ็งระวังนังสายใจไว้นะไอ้คะน้า ไอ้เจ๋งวินมอไซด์ที่ว่าแน่ๆ ยังเจอนังสายใจเสิร์ฟหอยสูตรพิเศษมาแล้ว”
เฮียหมูที่ขายไก่อยู่แผงถัดไปจากเจ๊เป็ดตะโกนออกมาด้วยความสยอง ...ชื่อหมูทำไมไปขายไก่ ไม่เข้าใจ

เหล่าแม้ค้าร้านตลาดยังคงแวะเวียนมาไม่ขาดสาย บางคนคะน้าก็ไม่คุ้นหน้าด้วยซ้ำ
ไข่ไก่ขายดีกว่าทุกวัน มะพร้าวอ่อนแทบจะหมดตั้งแต่บ่ายต้นๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไอศกรีมกะทิ
ขายหมดในพริบตาตั้งแต่ก่อนบ่ายสองโมง นี่มันเรื่องอัศจรรย์อะไร?!?

“พี่ๆ ทำเองเหรอคะ” น้องนักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ทำเองครับ ไม่ใส่สารกันบูด มะพร้าวล้วนๆ เข้นข้น อร่อยแน่นอน!”
คะน้าโฆษณาอย่างภาคภูมิใจ นี่เป็นถ้วยสุดท้ายแล้วสินะ วันนี้คงได้เก็บของไว

“อยากทำเป็นมั่งจัง พี่รับสอนไหมเนี่ย” กลุ่มนักศึกษาหญิงนั้น กระเซ้า

“แหะๆ ทำเป็นแต่สอนไม่เป็นน่ะสิครับ” คะน้าเอามือขยี้หัวด้วยความเขิน กลุ่มสาวๆ หัวเราะ

“น่ารักจัง มีแฟนยังอ่ะพี่” คะน้าสะดุ้ง แปลกใจ ประหลาดใจ นี่เขา... กำลังโดนหญิงจีบรึ?!?!
แป๊บนะๆๆ ขอจุพลุฉลองหน่อย วะฮะฮ่า... ไงล่ะ ก็บอกแล้วว่าคนมันหล่อนะเว้ย

“เอ้อ... พี่ยังโสดครับ” ว่าแล้วก็ขอเก็กเสียงหล่อหน่อยเหอะ “หัวใจยังว่างงงง...”
ว่าแล้วก็กวาดมือทำท่า I Love You ให้น้องๆ ซะหน่อย เท่ว่ะ! ทำเองยังชมตัวเองเล๊ย! วะฮะฮ่า!!!

น้องๆ ทำท่าผงะไปสักพัก คะน้าได้ยินเสียงซุบซิบนินทาขึ้นเบาๆ แต่กระนั้นก็ชัดเจนพอที่เขาจะได้ยิน

“หน้าตาก็ดี เกาหลีอินเทรนด์ ทำไมเสี๊ยวเสี่ยววะแก”

“มุกอย่างกับละครวิทยุแน่ะแก สะเหร่อมากเลย”

“แต่พี่เขาก็น่ารักนะเว้ยแก กูว่าก็พอไหวอยู่ว่ะ”

“มึงๆ มึงอย่าพูดดังดิวะ กูว่าพี่แม่งได้ยินหมดละ”

สาวๆ ทำท่าพิรุธ คะน้ายืนยิ้มแหยๆ สูญเสียความมั่นใจจนวางตัวไม่ถูก

“กริ๊ดดดดดด!!!” เอาวะ อย่างน้อยก็มีคนกริ๊ด คะน้าเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้าง



“อีแจง! มึงเหยียบเท้ากูทำไม”

“อ้าว! คือกูกำลังอึ้งๆ แม่งเสี่ยวโคตร กูไม่เห็น โทษๆ ที” โอ้ละหนอไปเสียแล้วคะน้าเอ๋ย

“โอ้ยยย! อีนี่ กูหงุดหงิด อารมณ์เสีย ไปๆๆๆ ไม่อยู่มันละ เซ็ง”
ว่าแล้วสาวๆ ทั้งกลุ่มก็เฮโลกันออกไป กระทาชายนายคะน้าก็ซดน้ำแห้วไปตามระเบียบ
เหตุการณ์ทั้งหมดไม่รอดพ้นไปจากสายตาของผู้หญิงวัย... วัยอะไรก็ช่างมันเถอะ อย่าไปสนใจเลย

“เมขอเด อยู่ใก้ๆ ตัวะ มะเคยเหน!!!” เสียงสะบัดด้วยความน้อยใจ
ว่าแล้วจันทูก็ทำแก้มป่องแล้วส่งสายตาวิบๆ พร้อมโพสต์ท่าที่สยดสยองที่สุดในชีวิตที่คะน้าเคยเห็นมา

และความสยองขวัญนี้เองส่งผลต่อประสาททั้ง 5 ของชายหนุ่มอย่างเป็นที่สุด
ไม่เอาตัวมากระแซะ ก็ส่งสายตาแปลกๆ มาตลอด ส่งเสียงกระซิบที่ฟังยังไงก็เหมือนเสียงผีหลอก
ไหนจะกลิ่นน้ำหอมประหลาดๆ นั่นอีก ไม่รู้หรือไงว่ามันน่ากลัวขนาดไหน! ว่าแล้วก็ก้มหน้างุดๆ


...จุดนี้ กูขอเอาแปรงสีฟันขัดพื้นตลาดยังดีเสียกว่ามองหน้าจันทูนะ

“ขอโทษนะครับ รับทำไอติมไหมครับ คือจะขอเหมาเลย ใช้สัปดาห์หน้าน่ะครับ”
เสียงลูกค้าถามจันทู จะว่าไปเสียงมันคุ้นๆ แฮะ

“แป๊ะน๊ะ ถาเพ่เขาเกาะ” ได้ยินเสียงจันทูดังนั้น คะน้าจึงเงยหน้าขึ้นมาดู

“อ้าว! คุณ” พ่อค้าหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ “มาได้ไงเนี่ย”

“คุณนี่เอง ฮ่าๆๆ” ตุลหัวเราะเสียงใส “โลกกลมจังเลยแฮะ เราสองคนวนไปเวียนมาเจอะกันตลอดเลย
เป็นผู้หญิง ผมคงคิดว่าเป็นเนื้อคู่ไปแล้วนะนั่น โอ๊ะ!!”

เสียงร้องโอยของตุลทำให้คะน้าเหลียวมองไปหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม ไม่ใช่หมอก้อยอย่างที่เขาเข้าใจ
...แต่เป็นจิ๋ว! พยาบาลร่างเล็กที่วันก่อนวิ่งร้องไห้มาชนเขาจนแทบล้ม เขายังจำมันติดตาอยู่เลย
แตกต่างเหลือเกินกับจิ๋วในวันนี้ หญิงสาวหน้าตาเบิกบานสดใสเหมือนกับผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงรัก



...คำถามคือเกิดอะไรขึ้นกับหมอก้อย?

ดูเหมือนว่าความสงสัยจะปิดไม่มิดในแววตา ท่าทางของคะน้าทำให้หมอหนุ่มสังเกตได้ ตุลเอื้อมมือไปขยี้ผมของคะน้าแล้วยิ้มละไม “คิดอะไรอยู่เอ่ยครับ คิ้วขมวดเชียวเรา”

“เอ่อ... เปล่า ...เปล่าครับๆ” เสียมารยาทจริงๆ ไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นทำไม

“คุณตัดผมทรงนี้แล้วดูน่ารักนะ” คะน้าก้มหน้างุด รู้สึกชาไปทั้งหน้า
อีกแล้ว... อีกครั้งแล้ว ผู้ชายเขาพูดกับผู้ชายด้วยกันแบบนี้เหรอ?



“...เจ้าชู้”

สิ้นเสียง คะน้าแทบจะเอามือตะปบปากตัวเอง นี่อยู่ๆ เขาพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไง
ไม่เข้าใจตัวเองเลย แล้วนี่หมอตุลจะว่ายังไง ไม่น่าเลยจริงๆ
คะน้าก้มหน้างุด ไม่ชอบใจตัวเองที่ไม่รักษามารยาทแบบนั้น

ตุลค่อยๆ ก้มลงต่ำ แล้วมองช้อนลึกไปที่ดวงตาของคนที่ก้มหน้าอยู่ คะน้าพยายามเลี่ยงสายตานั้น
แต่รอยยิ้มของตุลดึงดูดสายตาของเขาจริงๆ ลงท้ายคะน้าก็อดไม่ได้ที่จะมองจ้องลึกลงไปในดวงตาของตุล
มันเจือไปด้วยความอบอุ่นแบบทุกๆ ครั้ง บอกไม่ถูก ไม่เข้าใจเหตุผล
ไม่รู้ทำไมคะน้าถึงรับรู้แต่ความจริงใจผ่านสายตาคู่นั้น ทั้งๆ ที่การกระทำของตุล ดูเหมือนจะสวนทางอยู่ทุกทีไป



“ไม่ชอบเหรอครับ?”

สาบานได้ว่าคำถามนั้นแทบทำเอาคะน้าหยุดหายใจ มันอัดอัด และยิ่งอึดอัดมากยิ่งขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าสายตาที่ดูอ่อนโยนคู่นั้น



“มะเชาะ!”

เสียงกร้าวของจันทูทำให้ตุลเบือนสายตาไปมองจ้องที่หญิงสาวแทน
โอ้ย! จันทู อยากจะกอดสักพันหน เมื่อกี้จะขาดอากาศเอาเหอะ คะน้าได้โอกาสก็เงยหน้าขึ้น
รู้สึกดีที่ตัวเองยังหายใจได้อยู่ เบื้องหน้าเห็นสายตาของจิ๋วรู้ชะงัก
หญิงสาวร่างเล็กมองเขาแปลกๆ ด้วยสายตาที่เขาก็ไม่เข้าใจความหมาย

“ไม่ชอบอะไรหรือครับ” ตุลหันไปโปรยยิ้มให้กับจันทูแทน

“ม๊ะเชาะ ก๊อม๊ะเชาะ” สะบัดสะบิ้งเข้าจันทู สวยมากเลย น่ารักน่าเอ็นดูมากกก...

“แย่จัง แม่ค้าเค้าไม่ขายให้เราแล้วล่ะสิจิ๋ว จะทำยังไงดีนะครับ”
หันไปโปรยยิ้มให้หญิงสาวข้างๆ ตัวจนร่างเล็กยิ้มเขิน

“งั้นเราก็ไปสั่งอย่างอื่นไปงานเลี้ยงที่แผนกก็ได้ค่ะ จิ๋วก็ไม่ค่อยชอบกินไอติมเท่าไหร่”

“...แต่ผมชอบ” ตุลตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เราจะสั่งจากร้านนี้นะ ถึงแม่ค้าจะไม่ขาย เดี๋ยวผมจะลองอ้อนพ่อค้าดู”
ตุลหันกลับมามองที่คะน้าอีกครั้ง สายตาเจ้าเล่ห์เล็กๆ จนพ่อค้าหนุ่มหวาดหวั่น

“นะครับ เราจะมีการจัดงานเลี้ยงกันที่โรงบาล สัปดาห์หน้า ผมต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารเสียด้วยสิ
มันแย่นะครับที่เราจะไม่ได้ทานของที่เราชอบทั้งๆ ที่เราเป็นผู้ดูแลเนี่ย”

“เอ่อ...” เจอไม้นี้คะน้าไม่รู้จะพูดต่อยังไง



“ได้ไหมครับ... หืม?”

ตุลจับจ้องดวงตาเขาไม่วางตา รอยยิ้มนั้นทำเอามือไม้คะน้าดูเกะกะไปหมด

“ค...คือผมทำได้ครับ จันทูก็พูดไปอย่างนั้นเอง” คะน้าพูดตะกุกตะกัก ไม่ได้เขินอายอะไรหรอก
...คิดว่าแบบนั้นนะ จิ๋วต่างหาก ...สายตาจิ๋วมันกวนใจอย่างบอกไม่ถูก

“ถ้าอย่างนั้น ขอนามบัตรร้านได้ไหมครับ” ตุลยักคิ้วแล้วรอยยิ้ม
นี่ก็ขยันยิ้มจริงๆ คนอะไร ลาออกจากหมอแล้วไปประกวดนางงามเห้อไอ้หมอ... กูขอ

“คือ... ไม่มีน่ะครับ งั้น... เอาเบอร์มือถือผมไปแล้วกัน” ตุลหยิบมือถือขึ้นมาเมมเอาไว้

“ไว้ผมจะโทรมาบอกรายละเอียดนะครับ”

หมอหนุ่มนอกเครื่องแบบเดินจากไปพร้อมกับจิ๋ว ไม่วายจะหันกลับมายิ้มให้คะน้า
พ่อค้าไอติมรู้สึกระตุกวูบประหลาด แต่ก็ยิ้มกลับให้ตามมารยาท
ทั้งหมดอยู่ในสายตาเจ๊เป็ด เจ๊ใหญ่วัยกลางคนนั่งบ่นๆ กับจันทู เสียงดังฟังชัดแบบทุกครั้ง

“กูว่ากูเกิดผิดยุคแล้วว่ะอีจัน คนเดี๋ยวนี้ทำไมหน้าตาดีๆ แบบนี้วะ
กูว่าไอ้หนุ่มที่ว่าวันก่อนมันหล่อแล้วนะ เจอไอ้หนุ่มวันนี้เข้าไป
กูเลือกไม่ถูกเลย ไหนจะไอ้คะน้านี่อีก ไม่เห็นมันเป็นลูกเป็นหลาน
ไม่ติดไอ้แก่ที่บ้าน อีเป็ดนี่ล่ะ จะต้องได้ไม่ใครก็ใครทำผัวล่ะมึง”

จันทูหัวเราะคิก จนเจ๊เป็ดสงสัย “เอ็งหัวเราะอะไรน่ะ อีจัน”

จันทูยิ้มกริ่ม คะน้าไม่เคยเห็นรอยยิ้มไหนๆ ของจันทูจะรู้สึกถึงความสุขได้มากเท่าในครั้งนี้
“จันทูม่านใจ ทะสอโคน โหลง สะเหน่จันทูและแน่นอ” พูดจบ เจ๊เป็ดก็ตบเข่าฉาดทันที

“บร๊ะ!!! เอ็งที่มันร้ายมากๆ อีจัน!!!” หญิงสาววัยอ่อนกว่าระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจ
“เหมือนข้าตอนสาวๆ ไม่มีผิด!!! ถูกใจกูจริ๊งงง...” สารภาพว่าคะน้าสะดุ้งเล็ก
ชายหนุ่มที่แอบฟังอยู่ถอนหายใจเฮือก ได้ยินแล้วอยากไปผูกคอตายใต้ต้นมะเขือให้รู้แล้วรู้รอดไป

เวลาบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็น่าเหนื่อยหน่ายเหลือเกินสำหรับคะน้า
การขายของท่านกลางสายตาที่จับจ้องมองของเหล่าลูกค้าสาวๆ นี่ ยากเย็นเข็นใจเสียจริง
คะน้าทำงานไปเรื่อยๆ ใกล้เวลาบ่ายสี่โมง ของทุกอย่างหมดลงเกลี้ยง
...รวดเร็วเป็นประวัติการณ์ คะน้าเพิ่งเอะใจ มีอะไรบางอย่างที่ขาดหาย และเขาก็ลืมไปสนิทเลย!



...ทิม

เป็นเพราะทุกวันตั้งแต่เปิดแผงขายมา ไม่เคยมีวันไหนที่เขาจะขายของหมด
ใครมาซื้อก็ตักขายไปตามเรื่องตามราว และวันนี้ก็อีกเช่นกัน ซื้อมาขายไป
พอรู้ตัวอีกทีก็ขายน้องๆ นักศึกษากลุ่มนั้นหมดไปเสียแล้ว

“จันทู ช่วงที่ผมไม่อยู่ จันทูได้เอาไอติมใส่กระติกไปให้ลูกค้าที่คอนโดกำลังสร้างตามที่บอกนั่นหรือเปล่า”

หญิงสาวพม่าหันมาพยักหน้า แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ
“ปะ แต่เค้ามะห้ายจันทูปะอีกละ เค้าเบาะว่าจันทูทัมห้ายพั๊วะโคะงาน มะด้ายทำงาน”

คะน้ามีสีหน้าไม่สู้ดี พอจะรู้นิสัยจันทู ขณะเดียวกันพอพอคิดสภาพของทิมออก
ไม่ใช่ว่ามีเรื่องมีราวอะไรกันระหว่างที่เขาพักอยู่หรอกนะ
“แต่จันทูรู้ววว... พี่หล่อๆ โคะน้าน ไม่หยะให้จันทูปายเก๊าะเพาะกัวจะโหลรักจันทู ฟันธง!!!”

จะหาว่าบ้าไปแล้วก็ยอม ฟังแล้วคะน้าแทบจะแปลงร่างเป็นซุเปอร์แมนแล้วเอากางเกงในออกมาสวมข้างนอกเอา
โหดแถมมีโลกส่วนตัวสูงแบบทิม ไม่ตะเพิดจันทูก็ดีแค่ไหนแล้วนั่น
“จันทู เดี๋ยวมานะ เฝ้าแผงแป๊บ ถ้าหมดแล้วก็เก็บของแล้วกลับได้เลย”
ว่าแล้วก็หยิบแว่นกันแดดขึ้นสวมแล้วรีบออกไป โบราณว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง
อย่างน้อยก็รู้แล้วล่ะ วันนี้คงโดนทิมตะเพิดสองเด้งใส่แน่ๆ

เสียงตอกเสาเข็มโครมคราม น่าจะดังพอๆ กับเสียงหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ของชายหนุ่มในตอนนี้
ตายแน่ๆ ไอ้คะน้าเอ๋ย จันทูไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้เนี่ย
ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ให้ดิ้นตาย ซวยมากซวยน้อยไม่รู้ แต่ซวยแน่นอน!

วิศวกรหนุ่มยังคงสาละวนกับการคุมคนงานผสมปูน วัดและบันทึกตัวเลขวุ่นวาย
จนคะน้าไม่ค่อยจะกล้าเดินเข้าไปใกล้เท่าไหร่ ทิมเงยหน้าขึ้นมา สะดุดตาเล็กน้อย
แต่ก็ก้มลงทำงานต่อไป ก่อนจะชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมามองอีกครั้งแบบไม่ค่อยเชื่อสายตาตัวเองนัก

“เอ่อ... หลายวันที่ผ่านมา จันทูรบกวนอะไรหรือเปล่าครับ มาส่งไอติมตามที่บอกไหม”
คะน้าค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้แบบกล้าๆ กลัวๆ ทิมไม่ได้ตอบอะไร เขาก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

“ยังไงผมก็ขอโทษแทนจันทูด้วยแล้วกันนะครับ ถ้าน้องเค้าทำอะไรวุ่นวาย”
คะน้าก้มหน้า นึกถึงเรื่องที่ลืมจนขายไอศกรีมหมดไปอีก กูจะรอดไหมเนี่ย หน้าโหดอย่างกับไอ้โฮ่ง
“อีกอย่างนึง ผมเองก็ต้องขอโทษด้วยครับที่วันนี้ เผลอขายไอติมไปหมดเลย”



“ไปไหนมา”

“ห๊ะ?!?!”

“ถามว่าหายไปไหนมา” ทิมทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก หันมาเผชิญหน้ากับคนที่พูดด้วย
“อย่าให้ต้องพูดอะไรซ้ำๆ ได้ไหม” คะน้าปั้นหน้าไม่ถูก ได้ฟังที่พูดไปไหมนั่น ไอ้กร๊วกนี่

“เอ่อ... ไปทำเลสิกมาน่ะ จะได้ไม่ต้องใส่แว่นอีกแล้ว”





.................................


เงียบ... เงียบที่สุด... ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของทิมแม้แต่น้อย คะน้าได้แต่ยืนเก้อ
ไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรต่อดี ชายหนุ่มยืนเก้ๆ กังๆ สักพักเมื่อบรรยากาศรอบๆ ตัวไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
คะน้าเลยคิดว่าคงดีกว่าที่จะขอตัวกลับ น่าจะดูเป็นการจบบรรยากาศที่อึดอัดที่ดีที่สุดในเวลานี้



(มีต่ออีกนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 04-05-2012 00:16:15
(ต่อครึ่งหลังนะครับ)





“ยังไงพรุ่งนี้ จะเอามาส่งเวลาสี่โมงเหมือนเดิมนะครับ เอ่อ... ขอโทษครับ” คะน้าพลิกตัวหันหลังกลับ

“...อยากกินอะไรเย็นๆ”

“ห๊ะ?” คะน้าหันกลับมาหน้าเหวอ และยิ่งเหวอเข้าไป ...ถ้าตาเขาไปฝาด นั่นคือรอยยิ้มใช่ไหม?

ทิมเดินหันหลังกลับแล้วเดินไปพักที่ใต้เงาไม้ หย่อนตัวลงกับพื้นแล้วถอดหมวกพลาสติกสีเหลืองที่ปิดศีรษะออก
คะน้ายืนงงอยู่สักพัก เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ชายหนุ่มก็สาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่

“ง...งั้น... ให้ผมไปซื้อให้ไหมครับ” ทิมเลิกคิ้วสูงเหมือนตั้งคำถาม

“คืออันที่จริงคุณก็ควรจะนั่งทานไอติมเย็นๆ ที่นี่ด้วยซ้ำ เป็นเพราะความเผอเรอของผมเอง
เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงนะ ว่าแต่เอาน้ำอะไรดีล่ะครับ”

“ไม่เข้าท่า” ทิมแสยะยิ้ม แล้วมองไปทางอื่น ไม่สนใจคำถามของคนที่ยืนอยู่
พลางเอามือกระพือเสื้อไล่ความร้อน แล้วยกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อที่ซึมเต็มไปทั่วไรผมจนเปียกชื้น
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจอะไรในสิ่งที่คะน้าพูดเลย คนที่ยืนอยู่ถอนหายใจ
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ทิมรู้สึกไม่ดีกับการไม่รักษาสัญญาจริงๆ

“งั้นเดียวผมมานะ รอแป๊บ” โดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ คะน้าวิ่งฉิวออกไปด้านนอกเสียแล้ว

ทิมจ้องมองคนที่วิ่งออกไป ส่ายหน้าด้วยความหน่าย สายลมโชยเอื่อยพอขับไล่ความร้อนจากไอแดด
ร่างสูงค่อยๆ เอามือปลดกระดุมเสื้อออก พับแขนเสื้อเชิ้ตให้ขึ้นสูงอีก แล้วเอนมือลงบนพื้นดิน
ถ่ายน้ำหนักลงไปที่แขนแบกรับความอ่อนล้าจากการคุมงานและอุณหภูมิของฤดูร้อน
...หลับตาลง ให้สายลมเย็นค่อยๆ พัดสัมผัสกาย

เพียงครู่เดียวขวดน้ำผลไม้ก็ถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับเสียงหายใจหอบ
ทิมลืมตาขึ้น มองขวดน้ำในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของมือนั้นที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเหมือนตั้งคำถาม

“น้ำผลไม้ครับ” คะน้าบิดฝาออก ปักหลอดลงไปแล้วยื่นส่งให้
“จะได้ชื่นใจนะครับ” คนที่สวมแว่นกันแดดหอบเหนื่อย ทิมเบือนหน้าหนี ไม่ใส่ใจใยดี



“กินไปเองเถอะ”

คะน้านั่งนิ่ง จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเหนื่อยใจ เขารีบวิ่งออกไปจนล้าไปทั้งขา
หาน้ำผลไม้ที่เย็นที่สุด ในเวลาที่ร่างกายอ่อนล้าจากแดดร้อนๆ
น้ำตาลโมเลกุลเล็กในน้ำผลไม้จะดูดซึมได้ง่ายและทำให้กระปรี้กระเปร่า
คะน้าจ้องมองขวดน้ำส้มคั้นในมือแล้วถอนหายใจ ดูทิมจะไม่สนใจเลย



“บอกว่าให้กินไปเองไง”

คะน้านั่งเพละลงกับพื้นด้วยความเซ็ง รู้อย่างนี้ ไม่ดิ้นรนหาเรื่องเหนื่อยให้กับตัวเองก็ดี
ไหนว่าโชคดีๆๆๆๆ ไง ยังไงก็ไม่พ้นซวยแบบเดิมทุกทีนั่นแหละ จะไปเชื่ออะไรกับคำทำนายบนกระดาษไม่กี่ใบ
ว่าแล้วก็ดูดน้ำส้มเข้าปากจนฉ่ำอุรา เอ... จะว่าไปมันก็ชื่นใจดีแฮะ

“จริงๆ แล้วซื้อมาให้คุณกิน แต่ผมกินแทนก็ได้ หวานเจี๊ยบ! ชื่นจายยยย... อ๊า!!!”
คะน้าส่งเสียงดังแล้วนั่งยิ้มหายเหนื่อย ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
...สมน้ำหน้า ซื้อมาให้กินก็ไม่กิน เสร็จโก๋ล่ะเว้ยยย...


“หายเหนื่อยเลยเหรอ”

“อาฮะ เป็นปลิดทิ้งเลย!” ว่าแล้วก็ก้มลงดูดน้ำผลไม้คั้นสดต่อ

“ก็ดี”

ทิมเอ่ยพลางขยับตัวเข้ามา หนุ่มรุ่นน้องค่อยๆ โน้มตัวลงต่ำ
ริมฝีปากงับเข้าที่หลอดในขวดที่อยู่บนมือของคะน้า แล้วดูดน้ำสีส้มเย็นฉ่ำขึ้นจากหลอดใสช้าๆ

อีกครั้งแล้วที่ชายหนุ่มรุ่นน้องคนนี้เข้าระยะประชิดตัว คะน้ารู้สึกประหลาดกับระยะใกล้นั้น
...ใกล้จนได้กลิ่นอ่อนๆ จากผมของเขา ใกล้จนเห็นขนตาโค้งดำรับกับจมูกที่เรียวสูง
ไรผมที่เม็ดเหงื่อเปียกชื้นค่อยๆ ซึมไหลหยดลงมา ทิมเงยหน้าขึ้นจากหลอด ...ค่อยๆ ยิ้ม



“...หวานดีนะ”

วินาทีนั้นเหมือนมีใครอัดลมเข้าไปในตัว ความรู้สึกมันเบาจนอยากล่องลอยไปบนฟ้าสูงเหมือนขนนกที่ถูกแรงลมเป่า
บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่คะน้าไม่คุ้นเคยกับระยะประชิดขนาดนี้จริงๆ
...ไม่นับรวมกับอ้อมกอดครั้งที่แล้วของคนนี้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าแล้วปั้นหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“เป็นอะไร น้ำลายจะหยดแล้ว” คะน้ารีบยกปากขึ้นหุบทันที!
เผลอทีไรได้ทำหน้าเอ๋อออกมาทุกทีสิน่า ...ก็แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ คนมันงงนี่หว่า

“ไหนว่าไม่กิน” เพราะแกเลย ไอ้ทิม ไอ้วิศวะบ้าเอ้ย หมดกันความหล่อที่เราภาคภูมิใจ

“ไม่เคยบอกว่าจะไม่กิน”

“ก็บอกว่าให้กินไปเอง” เอ็งอย่ามาเถียงๆๆๆ กูจำได้นะเว้ยเฮ้ย คะน้าฟึดฟัด ทิมมองหน้าแล้วขบขัน

“ฮ่ะๆๆ ดูสารรูปตัวเองสิ ไม่ได้เจียมเลย เดี๋ยวเหอะได้ตายเอา
มันก็ขวดใหญ่นี่ แบ่งกันกินก็ได้” ส่ายหัวแล้วหันมายักคิ้วให้ “...ไม่ว่าเหรอ?”

“อ้าวววว...” เหวอ... เหวอสิครับ! มันเป็นจั่งซี่!!!
โว้ย... ก็ปล่อยให้กูบ้านะไอ้เท่ เปลี่ยนชื่อมันเป็นไอ้เห้ดีไหมเนี่ย

“ถอดแว่นสิ ไม่รำคาญเหรอไง ก็ไม่ได้ออกแดดนี่”
ทิมพูดพร้อมขับไล่ความเมื่อยด้วยการสะบัดคอไปมา คะน้ายกมือขึ้นถอดแว่นออก “แล้วนั่งให้มันดีๆ หน่อย”

คะน้ายิ้มกว้าง เอนตัวจัดร่างกายให้เป็นระเบียบมากขึ้น อันที่จริงจะว่าไปเขาก็เริ่มเหนื่อยน้อยลงแล้วด้วย
เท้ามือลงไปวางพาดกับพื้น ถ่ายน้ำหนักให้นั่งสบายขึ้น คนที่แก่กว่าเงยหน้าขึ้นแล้วมองทิมที่นั่งอยู่

“ร้อนเนอะ ว่าไหม” คะน้าบ่นหน้ามุ่ย ทิมขมวดคิ้วเครียด จ้องมองเขม็ง
“อยากจะแก้ผ้าให้มันรู้แล้วรู้รอดไปนะ เฮ้ออออ...” ทิมสะดุ้ง เผลออุทานออกมาเบาๆ


“ก...แก้ผะ...”

“ก็มันร้อนออก จะไหม้แล้วนะเนี่ย” คะน้าหัวเราะ
แต่เมื่อหันไปมองคนวัยอ่อนกว่าก็เห็นสีหน้าเคร่งเครียด ทิมจ้องเขม็ง อย่างกับเขาเป็นตัวประหลาด

“อะแฮ่ม” คะน้ากระแอมแก้เก้อ ...นี่เขาพูดอะไรเปิ่นๆ ไปอีกแล้วเหรอ
ทิมเบือนหน้าหนี เขาเงยหน้ามองร่มไม้เหนือตัว


“เพ้อเจ้อ”

คะน้าไม่ค่อยเข้าใจอะไรเท่าไหร่ ...หรือว่ามีอะไรติดหน้า? ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นปัดไปทั่ว
เศษดินที่ติดกับมือเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าระเรื่อด้วยไอแดดโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัว
และยังคงเช็ดปัดจนคิดว่าสะอาดเอี่ยมเลี่ยมเล้ที่สุด

“หมดยัง?” คะน้าถามอย่างเซ็งๆ จะมีไหมสักครั้งที่เขาไม่ทำอะไรขายหน้าคนอื่น
แต่ทิมก็ยังเงยหน้ามองกิ่งไม้ข้างบนอยู่อย่างนั้น
...มึงไม่ตอบกูเนี่ย จ้องเข้าไป มันจะมีสาวยาคูลท์ถีบจักรยานออกมาล่ะมั๊ง

ชักจะเริ่มหงุดหงิดคะน้าเอื้อมมือไปเขย่าแขน ทิมรีบชักมือกลับ

“อะไร!”

“หมดยัง ดูให้หน่อยสิ”

“อะไรหมด?”

“ก็ฝุ่นไง ไอ้ที่มันติดๆ หน้าน่ะ” คะน้าโวย ทิมค่อยๆ หันมามอง
เขาเริ่มยิ้ม ก่อนจะค่อยๆ ขำจนกลั้นไม่อยู่แล้วระเบิดเป็นเสียงหัวเราะออกมา

“ยิ่งทุเรศกว่าเดิมไม่ว่า มานี่ดิ๊” คนอายุน้อยกว่าคว้ามืออีกคนดึงเข้าใกล้
ยกมืออีกข้างขึ้นปัดเบาๆ ก่อนจะพบว่ามือเขาก็เลอะอยู่เหมือนกัน
ลงท้ายกลายเป็นว่าหน้าตาของคะน้ากลับดูทุเรศลงกว่าเดิม

“หล่อแล้ว” ...เลยตามเลยก็แล้วกัน ทิมคิดแบบนั้น หันกลับไม่รู้ไม่ชี้ คะน้ายิ้มกริ่ม

“อันนี้ก็พอรู้ตัวนะ” ยืดอกเลยเว้ยยยยย.... คนอะไรทั้งหล่อทั้งเท่

“นี่ขนาดรู้ตัวแล้วนะ” ทิมถามยิ้มๆ คะน้าพยักหน้ามั่นใจ
...เรียกว่ามั่นใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อนทีเดียว

แดดร่มลมเย็นสบายหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ คะน้ารู้สึกว่าวันนี้ ทิมดูใจดีกว่าทุกๆ ครั้ง
ไม่โกรธเรื่องที่ไม่มาส่งไอติมสักนิด ที่สำคัญดูเหมือนว่าจะพูดเก่งขึ้นด้วย
   
“เจ็บไหม ไปผ่ามา” ทิมเอามือชี้ไปที่ตาตัวเองแทนคำถาม

“อ้อ... ไม่นะ โอเค ผ่าไว ไม่มีแผลนะ หวาดเสียวนิดหน่อย แต่โอเค”

“แล้วใส่แว่นขอทานนี่อีกนานป่ะ” ผีเจาะปากเอ็งมาล่ะสินะ คะน้าทำหน้ายุ่ง ทิมหัวเราะชอบใจ

“แล้วไอติมที่สั่งไว้ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไม่มา แบบนี้จะรู้ได้ไง จะโกงเงินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”
โหย... มึง ก็มึงยัดใส่มือกูแท้ๆ ไอ้เวรนี่

“เหลืออีก 420 ไม่ลืม”

“เขี้ยวเนอะ ไม่มีส่วนลด” ถ้าพ่อเอาตีนงัดขึ้นมาสักทีจะเป็นไรไหม

“ก็ให้เยอะกว่าคนอื่นแล้ว กระติกเบ่อเร่อ คิด 40 เอง”

“แต่วันนี้ไม่มีส่ง แจ้งล่วงหน้าก็ไม่มี” มึงเอาไงกับกูเนี่ย ห๊า?

“เอาเบอร์ไปเลยไหม อยากรู้อะไร โทรถามเอา”

คะน้ชักจะหงุดหงิดเล็กๆ ทิมหัวเราะในลำคอ เขาเอามือล้วงลงกระเป๋ากางเกง
แล้วล้วงเอามือถือตัวเองขึ้นมา ก่อนจะส่งให้กับคะน้าแล้วยักคิ้วให้หนึ่งที คะน้าถอนหายใจฟืด
หยิบมือถือขึ้นมากดเมมชื่อตัวเองลงในโทรศัพท์ทิม กดไปก็คิดทบทวนเรื่องต่างๆ ไป

จะว่าไปวันนี้ก็แปลกๆ นะ ยียวนน่ะก็ใช่ แต่ถามอะไรก็ตอบตรงคำถามทุกอย่าง ไม่ค่อยงี่เง่าด้วย

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอกูอีกเรื่องเถอะนะไอ้ทิม ไอ้เด็กเวร
“คุณอายุเท่าไหร่เหรอ” สุภ๊าพสุภาพเนอะ ฮ่าๆๆๆ

“น้อยกว่า 3 ปี ถามทำไม” เย็นไว้ๆ อย่าหวั่นไหว

“เปล่า ก็อยากรู้ไง 25 เปล่า”

“ตกเลขเหรอ ต้องถามคนอื่น แค่นี้เอง” ดู!-มัน!-ตอบ!!!

“แปลกใจที่ไม่เคยเห็นเรียกผมว่าพี่เลย” ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ตั้งแต่รู้จักมา ทิมไม่น่าจะนับเขาว่าเป็นพี่หรือน้องสักครั้ง

“ก็เรารุ่นๆ เดียวกัน” มันรุ่นเดียวกันตรงไหนของมัน ใครกันแน่วะที่ตกเลข

“น้องผู้หญิงคนนั้นอายุเท่าไหร่ ที่วันก่อนเจอน่ะ ชื่อว่าแนนมั๊ง”

“ถามทำไม ชอบเหรอ?” ทิมหันกลับมามองหน้า

“เปล่าๆ แค่อยากรู้” จำเป็นที่ถามแล้วต้องชอบ?

“23 มั๊ง ไม่ได้สนใจ” ทิมตอบแบบขอไปที คะน้าพยักหน้าหงึกๆ

“ก็เห็นเรียกเค้าว่าน้องแนน แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นล่ะ ที่ชื่อพี่รัตนา”

“คนนั้น 28 ชอบคนแก่เหรอ?” ไอ้เวรนี่ ดูแต่ละอย่างที่มันถาม

“ก็แล้วทำไมเรียกพี่รัตนาว่าพี่ ทีผมไม่เห็นเรียกว่าพี่” คะน้าถามด้วยความสงสัย
แต่ทิมกลับส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะชักสีหน้าทันที

“กลับไปได้แล้ว จะทำงาน” ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้น คะน้าคิดว่าคงเป็นเขาที่ถามผิดคำถามเอง
ทิมลุกขึ้น คะน้าจึงค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนตาม “พรุ่งนี้สี่โมง เข้าใจไหม”

“ครับ” จะตอบว่า ‘เออ’ ก็กระไรอยู่ คะน้ารับคำแบบเซ็งๆ
ก่อนจะรู้สึกตกใจกับสัมผัสอะไรบางอย่างที่ถูกวางลงบนหัว
ยกมือขึ้นจับก็พบว่าเป็นหมวกสีเหลืองที่ทิมใส่ไว้เมื่อครู่

“หัดดูแลตัวเองซะบ้าง” ทิมเอ่ยด้วยเสียงปกติ ไม่ยียวนแบบทุกๆ ครั้ง “...รู้ไหม?”

คะน้าชะงักไปกับแววตาคู่นั้นและน้ำเสียงที่ทิ้งท้าย ...จะเรียกได้ไหมว่า ‘อ่อนโยน’
ความรู้สึกมันดูไม่ค่อยเหมือนทิมแบบทุกๆ วัน บางที คงเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เขาไม่เคยรู้จักกระมั๊ง

“ขอบคุณครับ” คะน้ายิ้ม ทิมจ้องเขม็ง ก่อนจะเดินลิ่วกลับไปรวมกับกลุ่มคนงานที่นั่งพักอยู่อีกด้าน
คะน้าจึงปลีกตัวออกมาจากไซด์งานก่อสร้าง ก่อนจะพ้นรั้วที่ล้อมไว้ก็ไม่ลืมจะคืนหมวกกับลุงยามด้านหน้า

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ คะน้ากลับไปที่แผงในตลาด จันทูเก็บข้าวของเสร็จและกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว
น่าจะเป็นวันแรกนับตั้งแต่ทำงานมาที่ชายหนุ่มเดินตัวปลิวไม่ต้องหอบข้าวของพะรุงพะรังกลับ

ค่ำนั้น เมื่อถึงบ้านก็โทรศัพท์ไปพูดคุยกับผักกาดเล็กน้อย ถามไถ่ถึงการผ่าตัดที่ทำพร้อมๆ กัน
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะราบรื่นดีเช่นกัน ชายหนุ่มเดินผ่านกระจก ถึงเพิ่งพบว่าโดยวิศวกรบ้าเอาฝุ่นป้ายหน้าเสียจนเละ

...เล่นกูละไอ้ทิม! คะน้ารีบไปอาบน้ำสระผมฟอกคราบเหงื่อไคลจนหมดให้ออกไป
พร้อมกับความแค้นฝังหุ่น อย่าให้มีโอกาสเอาคืนนะเอ็ง!

เช็ดตัวจนเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็จ้องมองร่างที่เปลือยเปล่าของตัวเองในกระจก
...นี่หรือคือตัวเขา ไม่คุ้น ไม่เคยชินเอาเสียเลย แล้วอีกนานแค่ไหนนะที่เขาจะเคยชินกับความเปลี่ยนแปลงนี้เสียที
คะน้ายิ้มแบบเก้ๆ กังๆ ให้กับตัวเองในกระจก คิดว่าทุกอย่างน่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอน ฟูกที่หนานุ่มดูเหมือนจะนุ่มกว่าทุกๆ วัน
เสียงโทรศัพท์มือถือกังวานก้องบอกว่ามีข้อความเข้ามาใหม่ คะน้าหยิบขึ้นกดดู
ก็พบว่าเป็นข้อความมาจากเบอร์มือถือที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในเครื่อง นึกแปลกใจว่าเป็นใครที่ส่งมา

...กดอ่าน

ริมฝีปากอิ่มกระตุกตัวขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ แย้มขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มโดยที่เจ้าตัวก็ไม่เอะใจ
คะน้าหลับตาลงพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ค่อยคุ้นเคย


...แล้วโลกทั้งใบของผม ก็กลายเป็นสีดำอีกครั้ง



...สีดำที่อุ่นๆ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ชอบตอนนี้กันไหมครับ คนแต่งรู้สึกแอบชอบอยู่นะเนี่ย  :o8:
คิดว่าอ่านจบแล้ว กองเชียร์ทิมคงตีกลองสะบัดชัยกันเลยทีเดียว
ส่วนคะแนนคุณหมอคงฮวบลงอย่างต่อเนื่องหรือเปล่านะ
คำถามก็คือ ...ใครหนอเป็นเจ้าของข้อความนั้น?  :impress2:

ขอบคุณทุกๆ คนมากนะครับ สำหรับกำลังใจ และการติดตามกัน
พบกันใหม่ เอ... เมื่อไหร่ดีนะ ขอคิดดูก่อนละกัน (นี่เองสินะ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของคนแต่ง)  o18

ก่อนจากกันขอแอบกอดทุกๆ คนหนึ่งที  :กอด1:

แล้วพบกันตอนที่ 5 นะครับ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 04-05-2012 00:41:36
อั๊ยยะะ ตอนนี้น่ารักจัง :o8:

"สีดำที่อุ่นๆ" เนี้ยะ ... อยากให้เป็นคนปากร้าย ส่งข้อความกวนๆ แบบห่วงๆมาจังเลย +
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-05-2012 00:51:21
อ่า.....หอมกลิ่นหญ้าอ่อน

ไม่นะ!!เราต้องมั่นคงต่อ 3P
me//ตบหน้าเรียกสติ

ยังเชียร์อยู่นะนักเขียน

ถึงแม้จะเริ่มเอนเอียงบ้างอะไรบ้าง 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 04-05-2012 01:03:40
จริงดังคนเขียนว่า ตอนนี้หมอตุลคะแนนลดต่อเนื่องค่ะ
คะน้าอย่าไปหวั่นไหวนะ! ดูความเชี่ยวของฮีซะก่อน น่ากลัวซะไม่มี
เอาล่ะ ตราบเท่าที่ข้อเสียของทิมยังไม่โผล่มา ก็ยังคงปักธงเชียร์ทิมอยู่
ชอบเด็กอ่ะ ฮ่าาาาาา
(ปรกติเป็นพวกนิยม 3P เหมือนกัน ถ้าเห็นความเป็นไปได้ แต่ยังไม่ค่อยถูกใจคุณหมอเท่าไหร่ รอดูไปก่อน)

รอติดตามตอนหน้าต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 04-05-2012 01:07:44
โอ๊ย อั่ก อ๊าค แง้ว!!!ขอตีกลองสะบัดชัยให้ลือลั่น!!!พี่ทิมขา~~~~~~~~~~~~~~
ตอนตอนอ่านบทพี่ตุลก็ยิ้ม น่ารักอ่ะ แต่อ่านบทพี่ทิม ยิ้มแก้มแตก น่ารักอ๊ะ!!!
แล้วคะน้าคะ จะยั่วไปถึงไหน ไม่ได้รู้ตัวซะบ้างเลย เดี๋ยวจับกดซะทีสองทีหรอกคะ!!!บ้าบอ!!!
พี่ทิมสุดหล่อแอบคิดลามกชัวส์อ่ะตอนคะน้าบ่นอยากแก้ผ้า จิ้นใช่ไหม จิ้นคะน้าสดๆอยู่บนเขียงใช่ไหมมมมมมมมมมมม
แอร๊ก!!!ขอโทษนะคะหมอตุลแต่ให้ใจกับพี่ทิมไปเสียแล้ววววววว
ปล.คิดว่าเจ้าของข้อความเป็นหมอตุลแหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 04-05-2012 01:08:02
ไม่ไหวกะทิมแล้ว มาดแมน แลดูเถื่อนนิดๆ
ใช่เลยอ่ะ ส่วนตุลย์นี่เจ้าชู้เหลือเกิน
รอต่อตอนหน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 04-05-2012 01:19:46
นายทิมคะแนนนำโด่งเลยทีเดียว  o13

กรีดร้องงงงง  :mc4: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 04-05-2012 01:31:08
เชียร์ทิมสุดใจ!!!!!
ชอบผู้ชายแบบนี้ ดูเถื่อนๆ พูดขวานผ่าซากแต่จริงใจดี
ไม่ชอบคนแบบหมดเท่าไหร่ เขาว่าพวกปากหวานมันคบยาก ฮา~
ปักใจเชียร์ทิม!!! ต่อให้หมอมีข้อดีออกมาอีกเยอะ
และทิมพ่นข้ยเสียออกมาอีกบาน
เราก็ยังเชียร์ทิมอยู่ดี 555

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 04-05-2012 01:40:35
อ่า.....หอมกลิ่นหญ้าอ่อน

ไม่นะ!!เราต้องมั่นคงต่อ 3P
me//ตบหน้าเรียกสติ

ยังเชียร์อยู่นะนักเขียน

ถึงแม้จะเริ่มเอนเอียงบ้างอะไรบ้าง 555

มีให้กดไลค์หน่อยมั้ยค่ะ 5555
เอนไปทางทิมมากกว่าครึ่งแล้วนะ  แอบเอาเท้าเขี่ยหมอตุลลงข้างทางเบาๆ 5555
ทิมอ่อนโยนไปไหนวะ ชอบผู้ชายซึนๆแบบเน้อะ แอ้กกกกกก   :impress2:
ปล.ลูเซีย ใจจริงเค้าก็ยังเชียร์3pอยู่นะตัวเอง ก้ากกกกกกกก :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-05-2012 01:50:07
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบหมอ แต่ชอบทิมขึ้นเรื่อย ๆ หล่ะเนี่ย 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 04-05-2012 02:16:47
ตอนนี้ทิมเอาใจเราไปเลย น่ารักอ่ะ ><
หมอตุลคะแนนตกนะ
แต่เชียร์ทิมอ่ะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 04-05-2012 02:48:45
ชักจะเอนเอียงให้หมอตุลย์ซะแล้วหลังจากอ่านที่คุณคนแต่งตอบคอมเม้นท์เรา
เราเชื่อคนง่ายนะ ใครให้ชอบอะไร เราก็จะรู้สึกชอบขึ้นมาทันทีเลย
5555555555555555555555

แตหลังจากอ่านตอนที่ 4 นี้แล้ว เราเขินช่วงสวีทกับน้องทิมมากเลยอ่ะ
โหยแบบคิดภาพออกเลย ถ้าเราเป็นผู้เห็นเหตุการณ์นั้นเราคงเขินม้วนตัวเป็นไส้เดือนชัวร์ๆ
อยากจะกรีดร้องงงงงเป็นภาษาแอสการ์ด
(เพิ่งดู the avengers มายังอินอยู่ๆ)

ช่วงนี้มาอัพบ่อยนะคะ เราดีใจจังเลยย
ปล. คอมเม้นท์นี้ก็พิมพ์ในมือถืออีกแล้ว พอดีเป็นคนชอบเช็คว่านิยายอัพเดทหาือยังตอนก่อนนอน 5555555
พิมพ์ผิดไปบ้างก็ขออภัยนะคะ มึนๆ TTTATTT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 04-05-2012 08:00:50
ทิมแอบหวงใช่มั้ย เลยแกล้งทำหน้าเขาเลอะอ่า ทิมน่ารัก

ข้อความต้องเป็นของหมอตุลแหง๋ คะน้าถึงได้ยิ้มออกมาแบบนั้น

ไม่เป็นไร เขาเรียกรักไม่รู้ตัว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 04-05-2012 09:53:35
 :serius2: ไม่นะแอบรุสึกว่าคะน้าชอบ หมอตุลอ่ะ
ก็เข้าใจว่า ผู้ชายก็ ชอบ คนเลวเหมือนกัน  :laugh:

นู๋ทิมของเจ๊ FC ตลอดเวย์
P.S. จันทูเทอช่างกล้า  :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 04-05-2012 10:53:09
อรั๊ยย คนอ่านรู้สึกเหมือนจะโดนมดกัด ก็มันหวานนี่นาาาาา :o8:

คะน้าอย่าเผลอใจไปกับหมอเชียวนะ น้องทิมทำคะแนนมากว่านี้นิดนึง
ถึงหมอตุลคะแนนคนอ่านจะลดลง แต่คะน้าดูจะหวันไหว
ฉกหัวใจมาให้ได้ก่อนนะทิม!!

ปล.คน่านสงสัยมานานแล้ว ไอติมกะทิกับไอติมมะพร้าวแตกต่างกันยังไง สงสัยจริงๆนะ :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-05-2012 11:12:26
ยกป้ายไฟเชียร์ทิม!!!
แม่ยกทิมชักจะเยอะขึ้นทุกที ฮาาา
ก็หมอมันเจ้าชู้อะนะ คะน้าอย่าได้ไปหลงกลเชียว
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 04-05-2012 12:13:38
 :o8: :o8:

เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมาก


อยากจะบอกว่าเชียร์ทิมตั้งแต่อ่านคำทำนาย เพราะสเป็คเค้า หล่อ เถื่อน โฉด(อันนี้ยังไม่เห็นน่ะ)  :laugh: ส่วนตัวสุดๆ


ยิ่งอิหมอ มาเจ้าชู้อย่างนี้อีก


โบกป้ายไฟ ท่านทิม สุดพลัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 04-05-2012 12:57:27
น้อทิมทำคะแนพุงมากกว่าหมอแล้วมั้งเนี่ย
แต่ข้อความจากใจของใคร

จันทู เธอโผล่มาทีไร ไม่ทำปวดหัว ก็ฮาตลอด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-05-2012 13:05:23
หลังมือใส่หมอ  แล้วหันมากอดน้องทิม  อิ อิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 04-05-2012 13:58:04
เป็นเอฟซีทิมมาตั้งแต่ต้นและไม่เคยเปลี่ยนใจ  :m1:
นาทีนี้หมอตุลย์จะหวานแค่ไหนก็เอาใจเราไปไม่ได้เด็ดขาด
ฮาแต่จันทู  :m20:มะไรจะพู่ชะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 04-05-2012 14:30:12
อยากให้เป็นข้อความของน้องทิม แต่ขอเดาว่าเป็นของหมอตุล
เราเชียร์ทิม ชอบคะน้า เป็นแฟนคลับจันทู กร๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 04-05-2012 17:58:07
มาแนะนำตัวค่าาา  เพิ่งได้อ่าน
พบว่าเรื่องนี้นายเอกน่ารักเว่อร์ๆอ้ะ 
นิสัยพี่น้องตระกูลนี้นี่น่ารักมากกกกก
ผักกาดคะน้าเวลาคุยกันนี่ ฮามากๆ  555
วิศวกรกับหมอ  จะเป็นใครน้าา 
แอบลุ้นให้เปนทิมนะ 
เพราะหมอดูเจ้าชู้เงียบยังไงก้อม่ายรุ
รอตอนต่อไปจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: k00_eng^^ ที่ 04-05-2012 19:33:55
ชอบทิมอ่ะ ไม่เอาหมอได้มะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 04-05-2012 21:01:25
ใครเป็นคนส่งข้อความมาหว่าา

หมอแม่งเจ้าชู้งี้ทุกคนเลยป่ะว้า เบื่อหมอเจ้าชู้ เชอะๆ :z6:

วิศวะสิเลิศอ่ะ ชอบผู้ชายหัวรุนแรง คริคริ

ปล.บางครั้งเก๊อะอ่านทิจันทูพุดม่ะรุเยื้องง แต่ก็ตลกดี :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-05-2012 21:43:52
หมอตุลย์นี่ทำใจเต้นแฮะ แต่ไม่อาววว ไม่ชอบคนเจ้าชู้วววว

สามพีโลดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maew189870 ที่ 04-05-2012 23:27:40
จะติดตามผลงานต่อไปะนคับ


แต่ก่อนอื่นอยากทราบว่า  ข้อความที่ส่งมานั้นมีว่ายังไงคับ  อยากรู้มากๆ

รักนะคาบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 05-05-2012 00:18:07
ยังคงนั่งปักป้ายไฟให้ทิม 5555
เราว่าหมอตุลย์ไม่เหมาะกับบทพระเอกเลย ดังนั้นฟันฉับ สามพีก็ไม่เอาเคอะ  :laugh: :laugh: :laugh:


ปล  ปาดเงื่อให้จันทู แนะนำให้ไปศัลยกรรมที่ เกาหลี ( แต่ออกเสียงให้เหมือนจันทู 555 )
ปล 1  :pig4: นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 06-05-2012 15:57:06
มารอาร๊อมารอ ฮะ  :undecided:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 06-05-2012 20:16:33
เชียร์ทิมอะ คิดว่าข้อความมาจากหมอตุลอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 06-05-2012 20:25:00
ชอบผู้ชายปากแข็ง เป็นห่วงอยู่ห่างๆอารมณ์ทิมเลย ชูเต็มที่

นิสัยปลาไหลแบบหมอตุลเนี่ยไม่ไหว ไว้ใจยาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-05-2012 21:24:42
คะน้าเอ๋อแบบนี้รับดูแลผู้หญิงไม่รอดหรอก ทำใจมีแฟนเป็นผู้ชายซะ
ตุลกับทิมนี่ก็เนียนเก่งพอกัน ถึงจะคนละสไตล์ก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 06-05-2012 22:17:51
แอบรู้สึกว่า มวยรอง มักเชียร์ขึ้น 555+ ข้อความจากคุณหมอสุภาพหล่อบาดมาดดีแน่นอน อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 06-05-2012 22:39:29
ขอสมัครเป็นแม่ยกทิมได้ม้ายยย
ชอบอ่ะ แต่ชอบคะน้าที่สุดนะ ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมอบกรอบ ที่ 06-05-2012 23:25:40
เพิ่งได้มาอ่านเป็นครั้งแรกค่ะ รวดเดียวเลยเชียว อิอิ
จะว่าไป 2 คนนี้ก็น่าเชียร์ทั้งคู่เลยแฮะ แต่เรามักจะชอบแบบหล่อเลวแฮะ
อยากบอกว่าแต่ละทีที่คุณหมอออกนี่นะ เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนเลยทีเดียว
(พยายามจินตนาการรอยยิ้มคุณหมอ กรี๊ดดดดด)
ถ้าได้มาหยุดอยู่ที่คะน้าคนเดียวคงรักตายเลยไอ้หนุ่มเอ๊ย

ส่วนพี่เท่ นายเป็นหนุ่มซึนเรอะ ปากร้ายแต่การกระทำชัดเจน
แบบว่า...ทีแรกก็เฉยๆกับเฮียนะ แต่พอเจอฉากน้ำส้มคั้นเข้าไป ถึงกับเบลอ
แอบลืมรอยยิ้มหมอไปชั่วขณะ ฮาาาาาา

เอาเป็นว่าตอนนี้ยังเลือกไม่ถูกค่ะแล้วแต่ผู้เขียนจะกรุณา
ฉากคะน้าเขินคุณหมอก็ดี โดนพี่เท่กวนก็ดี รับได้หมด ><

เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 06-05-2012 23:37:01
ข้ามเรื่ิองนี้ไปมาตั้งนาน เห็นชื่อเรื่ิองแล้วนึกว่าจะเป็นดราม่าหนักๆ ถึงจะเพราะก็เถอะ
พอเข้ามาอ่านแล้วติดหนึบทันที
เชียร์ทิมด้วยคนดีกว่า ชอบเด็ก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-05-2012 01:13:46

รักจันทู เชียร์จันทู กด LP9 คะ


เจ้สอง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MAKWAN ที่ 07-05-2012 16:05:38
เชียร์ใครดี หว่า ????
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 07-05-2012 18:03:13
อ่านแล้วเขิน
ฮี่ฮี่
ขอสองได้ม่ะ
 หุหุ
อยากกินไอติมอีกล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-05-2012 23:03:28
คะแนนทิมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เว้ยย น่ารักอ่ะ
อยากรู้จังว่าข้อความนั้นเป็นของใคร คะน้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว^^
รอตอนที่5 นะคะ 
ป.ล.  :กอด1: คืน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 07-05-2012 23:29:49
เชียร์ทิม  ปากร้ายแต่ใจดี   :impress2:

ส่วนหมอไม่ไหวอ่ะ ดูเจ้าชู้เกิน น่ากลัว  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-05-2012 21:38:07
ตอนที่ 5




“ป่าป๊าๆ ครูบอกว่าโลกเรามันหมุนๆ แล้วมันหมุนจริงๆ เหรอฮับ ทำไมไม่รู้สึกเลย”
สิ้นคำถาม คนตัวโตกว่าก็หันมายิ้ม ร่างเด็กชายตัวน้อยๆ ค่อยๆ ถูกยกสูงขึ้นด้วยมือกว้างของผู้เป็นพ่อ
แล้วเด็กชายตัวน้อยก็ค่อยๆ สัมผัสถึงแรงหมุนเหวี่ยงในอุ้งมือที่แข็งแรงนั้น

“หมุนพอไหม ไอ้จ้อย” เสียงเด็กชายตัวน้อยหัวเราะคิกชอบใจ กางแขนเล็กๆ ของตัวเองไปสุดกำลัง

“บินๆๆๆๆ”

“จะบินไปไหนแต่เช้าตรู่ ตัวก็เท่านี้” เด็กชายคะน้าถูกวางลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยหอบ
ร่างเล็กหายใจแฮกจนตัวโยน ทว่า ดวงตากลมโตคู่นั้น เจิดจ้าไปด้วยความฝันที่ไร้เดียงสา

“คะน้ามีปีกนะ บินๆๆ” กางแขนน้อยๆ ออกกระพือ ไม่เหมือนนก ดูยังไงก็คล้ายลูกเจี้ยบ

“กระต่ายที่ไหนมันมีปีกเล่า” มะเหงกของผู้เป็นพ่อ
เขกลงบนหัวเด็กชายตัวน้อยเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดู





มือที่ปัดป่ายทำให้ไดอารี่เล่มเล็กบนหัวเตียงที่คะน้าเขียนบันทึกเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน
หล่นลงมากระแทกตัวดังปั่ก ดวงตากลมโตค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความงัวเงีย
โทรศัพท์มือถือยังวางอยู่ที่เดิม ข้างๆ หมอนที่ใช้นอนหนุน
พระอาทิตย์กลมโตยังคงทอแสงสีแสดที่มุมขอบฟ้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน
คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวขับไล่ความขี้เกียจ ร่างสูงที่เปล่าเปลือยอาบไปด้วยแสงแรกแห่งวัน
ผิวขาวละเอียดดูน่ามองยิ่งขึ้นด้วยแสงสีส้มที่ไล้ไปทั่วตัว

ผมค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียง ยังรู้สึกงัวเงียเล็กน้อยจากการพักผ่อน
ตลกดีเหมือนกันที่ชอบคิดฝันถึงเรื่องเก่าๆ แม้แต่คำถามประหลาดๆ ที่ดูไร้สาระทั้งๆ ที่อายุป่านนี้เข้าไปแล้ว
สายน้ำเย็นๆ โปรยปรายผ่านผักบัวไล้ไปทั่วร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
ผิวขาวสะอาดดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ร่างกายตื่นตัวไปทุกๆ ส่วน
ก็เหมือนกับผู้ชายวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่ร่างกายมักจะตื่นตัวเป็นพิเศษหลังจากการพักผ่อน

ภายใต้สายน้ำที่เย็นฉ่ำ ชายหนุ่มค่อยๆ สัมผัสร่างกายตัวเอง
ไอน้ำเย็นไม่ได้ช่วยลดอุณหภูมิบางอย่างที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาเลย
ร่างสูงหลับตาพริ้มปลดปล่อยตัวเองไปกับจินตนาการ ร่างกายค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวเร็วขึ้น และเร็วขึ้น
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว จู่ๆ ภาพในหัวของคะน้าก็พร่าเลือน
ประสาทสัมผัสร่างกายหวนคิดถึงสัมผัสที่ชิดใกล้เมื่อวันก่อนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

...ภาพดวงตาที่หยอกเย้าของตุลที่มองจ้องเขาอย่างท้าทาย บางสิ่งบางอย่าง มันยั่วเย้าให้เขาอยากเข้าใกล้
...ใกล้จนได้สัมผัส ดวงตาคู่นั้นยังคงเชื้อเชิญ และเหมือนจมูกเขายังจดจำกลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างกายตุลได้ดี
...อยากสัมผัสกลิ่นนั้นอีก ...อยากมากขึ้นอีก



ร่างสูงชะงัก หยุดทุกๆ การเคลื่อนไหว ...นี่เขาเบลอๆ หรือเพี้ยนไปกันแน่
คะน้าสะบัดหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจ นึกแปลกใจตัวเองกับภาพในจินตนาการ
ชายหนุ่มค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง มือที่แข็งแรงค่อยๆ ขยับอีกครั้ง นุ่มนวล ก่อนจะค่อยๆ เร็วขึ้นทีละนิด
สายน้ำเย็นพร่างพรูลงมาทั่วเรืองร่างสูง เช่นเดียวกับภาพในจินตนาการ
ชายหนุ่มขยับตัวเร็วขึ้น ความรู้สึกค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นสูงจนทุกอย่างพร่าเลือน
สิ่งหนึ่งที่แจ่มชัดขึ้นมานั้นแสนแปลกประหลาด หัวใจของคะน้าเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ


...ภาพริมฝีปากอิ่มของทิมค่อยๆ ก้มลงแล้วดื่มน้ำจากหลอด
สีแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดของมันพร่างพรายไปด้วยละอองน้ำฉ่ำชื้น
ภาพใบหน้านิ่งๆ ที่ค่อยๆ เงยขึ้นมาสบตาเขา กระตุ้นความรู้สึกอย่างประหลาด
ผิวขาวสะอาดของทิมเปียกชื้นไปด้วยหยดน้ำเล็กๆ ของเหงื่อ ...อยากสัมผัส ...ทั้งตัว


คะน้าชะงัก ลืมตาโพลง และหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง


ใครก็ได้ ...ใครก็ได้บอกผมที นี่มันเป็นบ้าอะไร!

ร่างสูงบิดก็อกน้ำฝักบัวปิดอย่างหัวเสีย ไม่เข้าใจตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น ชายแปลกหน้าสองคน
...คนที่เขาเพิ่งรู้จักได้ไม่กี่วัน ไม่ได้สนิทสนมอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้รู้จักอะไรกันมากไปกว่าคนรู้จักทั่วๆ ไปแท้ๆ
มือกว้างสะบัดผ้าขนหนูหนานุ่มขึ้นมาเช็ดหยดน้ำที่เกาะทั่วร่างกาย รู้สึกฉุนตัวเองอย่างหาสาเหตุไม่ได้



“Chariot หรือไพ่นักรบ หมายถึงคนที่มีนิสัยเป็นคนจริง พูดจาขวานผ่าซาก
หมายถึงคนทำงานประมาณพวกตำรวจ ทหาร วิศวกร มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการเดินทางอยู่เรื่อยๆ
ส่วนนี่ราชาถ้วย เป็นคนอ่อนไหว จิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น
สายงานน่าจะเกี่ยวกับอาชีพที่ต้องช่วยเหลือคนอื่น ประเภทหมออะไรแบบนี้”


จู่ๆ คำทำนายประหลาดก็ดังขึ้นมาในหัว




“ชายหนุ่มสองคนนี้จะก้าวเข้ามาในชีวิตพ่อหนุ่มให้ปวดหัว”

คะน้าสวมเสื้อผ้าตัวเองอย่างรวดเร็ว หยิบกุญแจรถและโทรศัพท์มือถือขึ้นใส่กระเป๋ากางเกง
...มือถือ ...ข้อความที่ได้รับจากเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้เมื่อคืน
...ไม่มีข้อสงสัยสำหรับคะน้าว่าข้อความนั้นมาจากใคร





“นอนหรือยัง ไอ้น่ารัก”


คะน้าปิดประตูห้องล็อคกุญแจ แล้วค่อยๆ ก้าวเดินออกจากตัวบ้านไปที่รถ
หัวสมองยังคิดถึงคำทำนายจากหมอดูไพ่ทาโร่ต์ซ้ำไปซ้ำมา



“ระวังไว้นะ เผลอๆ เราน่ะ จะได้แฟนเป็นผู้ชายเอา”


...ไม่! เป็นไปไม่ได้หรอก! ไม่มีทางเลย! ผมจะไม่มีวันชอบผู้ชาย!

ความหงุดหงิดนี้ยังคงเกาะกุมจิตใจของคะน้าอยู่ตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะมีเรื่องน่ายินดีที่มะพร้าวอ่อน
ไข่ไก่ หรือแม้แต่ไอศกรีมมะพร้าวอ่อนนั้นจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
หรือแม้ว่าจะมีเรื่องน่าหงุดหงิดอื่นๆ แวะมารบกวนจิตใจได้ตลอดทั้งวัน
ไม่ว่าจะเป็นสายใจ ผัดไทยหอยทอดที่ยกมาเสิร์ฟถึงที่ ...หอย! เป็นหอย!!!
คะน้ายิ้มแห้งๆ ก็แล้วจะให้หอยมันเป็นไข่มดแดงหรือไงกันเล่า! สายใจ

หรือคนใกล้ตัวอย่างจันทูที่ผัดแป้งพม่าจนหน้าเหลืองเหมือนคนเป็นดีซ่าน
แต่งตัวด้วยผ้าสีสันแสบตาเหมือนศาลพระภูมิ บางครั้งคะน้าก็คิดติดตลกกับตัวเองว่า
เขาคงจะเลิกชอบผู้หญิงก็เพราะจันทูคนนี้นั่นแหละ

บ่ายสามโมงครึ่ง คะน้าจ้องมองกระติกในมือที่ตักไอศกรีมมะพร้าวอ่อนไว้จนเต็ม
อยากขายของ และไม่อยากผิดคำสัญญา



...แต่ไม่อยากเจอทิม

จะมองหน้ายังไง จะวางตัวยังไง จะเรียกว่าความรู้สึกผิดได้ไหมนะ แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกแปลกๆ แน่ๆ
เหตุการณ์เมื่อเช้า ความรู้สึกเผลอแปลกๆ นั่น จะเรียกว่าอะไรดี จินตนาการที่โลดโผนอย่างนั้นหรือเปล่า?

ใช่! บางทีมันอาจเป็นแค่เพียงความสนุกกับจินตนาการที่แปลกใหม่ ตื่นเต้น
ไม่มีอะไรที่จริงจัง ไม่มีอะไรทั้งนั้น ...ก็แค่ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นครั้งคราว!

คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ...มันก็แค่นั้น! หันไปบอกจันทูว่าจะไปส่งไอศกรีมที่ไซด์งาน
แล้วค่อยๆ เดินไปที่หมาย ...ยิ่งใกล้ หัวใจยิ่งเต้นประหลาด

ที่ป้อมยามด้านหน้า คะน้าหยิบหมวกพลาสติกสีเหลืองขึ้นสวมบนหัว
มองชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล ...มันไม่มีอะไร ...ไม่มีอะไรทั้งนั้น

ทันทีที่เห็นคนที่เดินมา ทิมเงยหน้าขึ้นมามอง ใบหน้ายังคงเรียบเฉยๆ เหมือนทุกๆ วัน

“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ” เขาหันกลับมาพูดแบบเร่งรีบ ดูเหมือนว่างานของทิมในวันนี้ยุ่งยากกว่าทุกครั้ง
อาจจะมีปัญหาอะไรสักอย่างที่ต้องรีบจัดการแก้ไข และนั่น อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเขาเองก็ได้


...ไม่ต้องพูดอะไรกันมาก

คะน้าถอดหมวกมาถือในมือแล้วเดินไปวางกระติกไอศกรีมแอบไว้ที่ใต้เงาร่มไม้ป้องกันไม่ให้มันละลายเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
มองดูผืนดินที่เต็มไปด้วยฝุ่นและเศษหญ้า กลับเห็นภาพเมื่อวันก่อนแจ่มชัด
ทิมเคยนั่งพักตรงนี้ มองดูใกล้ๆ กันก็เห็นพื้นที่เกลี่ยไว้อยู่ใกล้ๆ ...และเป็นเขาเองที่เคยนั่งอยู่ข้างๆ กัน วันนั้น...



...มือของทิมค่อยๆ ลูบไปทั่วไปหน้า ปลายนิ้วเกลี่ยไรผมที่ปรกหน้าออกอย่างแผ่วเบา
...แขนซ้าย เปรอะชื้นไปด้วยคราบเหงื่อที่เปียกแฉะของทิม เมื่อเขาขยับโน้มตัวลงมาดื่มน้ำในมือ
...ริมฝีปากอิ่มขยับขึ้นเป็นรอยยิ้ม และดวงตาคู่นั้นที่จับจ้อง



บ้า! ...กูต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้คะน้า!
ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างรวดเร็วจนผมเส้นเล็กๆ นั้นดูยุ่งเหยิง หันกลับไปมองทิม



...สายตาคู่นั้นก็มองเขาอยู่เช่นกัน

เป็นช่วงนาทีแห่งความเงียบงัน ไม่มีคำพูดใดๆ หรือแม้แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว สงบนิ่งแม้แต่ลมหายใจ

“เอ่อ... ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ” คะน้าก้มหน้าพูด

“อือ” ทิมขานรับในลำคอ

“อือ” คะน้าตอบกลับพร้อมยิ้มน้อยๆ ให้ มองทิมที่ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไม่ได้พูดอะไร
จนทำให้ผู้มาเยือนจะปลีกตัวออกเดินกลับมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ

...ไม่เหมือน ...ไม่เหมือนกับทุกๆ วัน ไม่ใช่แค่ตัวผม แต่ความรู้สึกก็บอกว่าทิมมันก็ดูแตกต่างไปจากทุกๆ วัน
ไม่ใช่งานที่ยุ่งหรอก ความรู้สึกของผมบอกอย่างนั้น เพราะอะไรนะ เราถึงแปลกไป ทั้งๆ ที่เมื่อวานมันเป็นวันที่ดีๆ แท้ๆ

เช่นเดียวกับทุกสุดสัปดาห์ เย็นวันนั้นคะน้าเดินทางไปพักกับผักกาดที่คอนโด
แม้ว่าจะไม่อยากไปที่นั่นสักเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ายังไม่จะพบหน้ากับเจ้าของ sms เมื่อคืน
เพื่อนบ้านที่พักอยู่ข้างๆ ห้องตัวเอง แต่ก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระเกินกว่าจะเอามาเป็นเหตุเป็นผล

“ไม่หิว ไม่อยากกินอ่ะต่าย วันนี้มีงานเลี้ยงที่สถานฑูต แค่นี้พุงก็จะแตกแล้ว”
ผักกาดเอามือกดท้องน้อยตัวเองโชว์พุงกลมๆ ด้วยใบหน้าเซ็งๆ

“โหย... ไม่เอากลับมาแบ่งเลย คนเรา” คนที่เป็นน้องชายกระเซ้ากลับหัวเราะชอบใจ

“บ้าเหรอ สวยขนาดนี้ จะให้ตักกับข้าวเป็นแกงถุงกลับบ้าน ชั้นจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
ผักกาดบ่นเป็นหมีกินผึ้ง ยิ่งทำให้คะน้ารู้สึกสนุกเข้าไปใหญ่ แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้ว
ไม่ใช่ควาเปลี่ยนแปลงจะเกิดแค่กับเขาหรอก ผักกาดก็สวยขึ้นเอามากๆ จริงๆ เมื่อถอดแว่นหนาๆ ออกไป
อย่างน้อยก็ในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งจากเขาก็แล้วกัน ด้วยความเกียจคร้าน
คะน้าจึงหย่อนตัวลงแล้วตอดขนมถุงเล็กๆ ของผักกาดพลางดูรายการทีวีภาษาญี่ปุ่นที่เขาดูไม่รู้เรื่องนั่นไปเรื่อยๆ

อันความหิวนั้นแสนทรมานยิ่งนัก ลงท้ายก็ต้องฝากท้องกับร้านอาหารแถวๆ คอนโดให้อิ่มท้อง
จะให้ทำยังไงได้ นอกเหนือจากเรื่องสายตาสั้นทั้งตระกูลแล้วก็มีเรื่องอาหารนี่แหละ
ที่ทั้งเขาและผักกาดไม่เอาไหนเอามากๆ เห็นที่จะมีแต่คุณแม่คนเดียวนั่นแหละที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาของวงศ์ตระกูล

...ว่าแล้วก็คิดถึงจัง อยากจะเจออีกสักที จะกอดจะหอมให้หนำใจทีเดียว

ลากรองเท้าแตะเน่าๆ กับกางเกงเก่าๆ และเสื้อยืดย้วยๆ ลงมาจากลิฟท์ ...ดึกแล้วคงไม่เป็นไรล่ะ
เมื่อผ่านโซนสวนหย่อมก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความคุ้นตา ...ตุลเคยนั่งเล่นกีต้าร์อยู่ตรงนั้น
ยอมรับเลย เป็นคนที่ร้องเพลงเพราะเอามากๆ ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าตุลจะเป็นหมอ
ถ้าไม่เห็นในชุดกาวน์นั่น ยังไงๆ คะน้าก็คิดว่าไม่แคล้วจะเป็นนักร้องเอาแน่ๆ

ไม่มีคนๆ นั้นนั่งอยู่ที่เดิม มีเพียงความว่างเปล่าในค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้
จะว่าไปดึกป่านนี้ จะยังมีร้านรวงอะไรพอให้เขาฝากท้องได้บ้างไหมหนอ

“คุณคะน้าหรือเปล่าครับ โอ้โหววว... ถอดแว่นแล้วหล่อจนผมแทบจำไม่ได้แน่ะ”
พี่เม่นที่เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยตรงหน้าคอนโดเอ่ยทัก คะน้ายิ้มให้แบบเขินๆ

“พี่เม่นก็พูดเกินไป จริงสิครับ แถวๆ นี้ดึกๆ จะมีร้านอะไรพอฝากท้องได้ไหมนะ”

“ก็พอมีนะครับ คุณคะน้าชอบทานแบบไหนล่ะครับ จะได้พอนึกออก” พี่เม่นพยายามช่วยคิด

“ถ้ายังไง ไปทานด้วยกันไหมล่ะครับ ผมก็หิวอยู่พอดี” เสียงแว่วๆ ทักขึ้นจากทางด้านหลัง
คะน้าหันกลับไปทางต้นเสียง โชคร้ายเสียเหลือเกิน ที่คนๆ นั้นเป็นคนที่เขาพยายามจะหนีอยู่พอดี

“อ้าว คุณตุล สวัสดีครับ” พี่เม่นเอ่ยทัก

“หวัดดีครับ” หันไปทักทายยิ้มแย้มกับพนักงานรักษาความปลอดภัยวัยกลางคน
“ว่าไงครับ รังเกียจจะไปทานด้วยกันไหม ผมจะได้มีเพื่อนทานด้วย” ตุลหันมายิ้มให้

ค่ำนี้หมอหนุ่มดูแปลกตากว่าทุกๆ วันที่เขาเขาเห็น ไม่ใช่เสื้อกาวน์กับเชิ้ตผูกเนคไทดูโก้
หรือเสื้อลำลองสบายๆ แบบวันก่อนที่เขาพบ หากแต่วันนี้
หมอหนุ่มสวมแว่นสายตากรอบพลาสติกเหลี่ยมสีเข้มดูรับกับใบหน้าและผิวที่ขาวสะอาดสะอ้านของเขา

“เอ่อ... ก็ได้ครับ” ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ และคงเป็นการเสียมารยาทเอามากๆ ที่ทำแบบนั้น

“ทานอะไรกันดีละครับ”

“อะไรก็ได้นะ” ตุลจึงพาคะน้าออกเดินลัดเลาะไปตามถนน
แปลกที่เขาไม่ได้ชวนคุยอะไรแบบทุกๆ วัน และนั่นทำให้คะน้ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

“สวมแว่นด้วยเหรอครับ” คะน้าพยายามชวนคุยทำลายบรรยากาศความเงียบ

“ครับ ปกติก็ใส่คอนแท็กต์เอา มันสะดวกกว่าเวลาทำงานน่ะครับ”

“ดูแปลกตานะครับ”

“ฮ่าๆๆ มันดูแปลกในทางที่ดี หรือทางที่ไม่ดีล่ะครับ” ตุลกลั้วเสียงหัวเราะ

“ทางที่ดีสิครับ” คะน้ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ อย่างแรกก็คือแว่นทำให้ใบหน้าที่สะอาดสะอ้านตาของตุลดูคมชัดขึ้น
กรอบแว่นสีเข้มนอกจากจะรับกับใบหน้าแล้ว ยังขับให้ใบหน้าของหมอหนุ่มดูน่ามองขึ้น ...ให้ความรู้สึกที่ดีเลยล่ะ

อีกเรื่องก็คือน่าจะเป็นเรื่องดีกับเขาที่มันจะพอช่วยอำพรางแววตาที่ดูหยอกเย้าที่ตุลชอบมองเขาบ่อยๆ ให้ดูชัดเจนน้อยลง
เพราะลำพังแค่กลิ่นสะอาดสะอ้านของตุลที่แฝงมากับสายลมในตอนนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ มากพอแล้ว
...เรื่องเมื่อเช้า ...ความรู้สึกในตอนนั้นที่เห็นใบหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างๆ ในตอนนี้ลอยขึ้นมา

...คะน้ายอมรับว่ามันทำให้เขาพึงพอใจอย่างประหลาด แม้จะรู้สึกผิดมากๆ กับตัวเองในขณะนี้ก็ตาม

“อาหารตามสั่ง ทานได้ไหมครับ” ตุลถามขึ้นมาเบาๆ เมื่อเห็นร้านอาหารตามสั่งข้างถนนตรงหน้า

“อ่า... ผมยังไงก็ได้ครับ” คะน้าสะดุ้งตัวเล็กๆ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินไปที่รถเข็นอาหารตามสั่งนั้น
แล้วมองดูวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่างๆ ที่อยู่ตรงหน้า

“แบ่งกันทานน่าจะดีกว่านะครับ ว่าไหม” ตุลหันมาถามแต่เหมือนจะช้าไปแล้วเมื่อคนที่ยืนข้างๆ รัวเป็นปืนกล

“กะเพราหมูกรอบ ผักบุ้งไฟแดง ต้มยำกุ้ง ผัดฉ่า ยำสามกรอบ เอาเผ็ดๆ แซ่บๆ ทุกจาน แล้วก็ไข่เจียวหมูสับ ข้าวสวย”
ตุลได้กระพริบตาปริบๆ อะไรจะคล่องแคล่วปานนั้น เจ้าตัวคนสั่งรัวสลุดก่อนจะหันมาถาม

“เอาข้าวอะไรครับ”

“ข้าวสวย... ก็ได้ครับ” ท่าทางของคะน้าทำเอาตุลชะงักไปเล็กน้อย
ตั้งสติได้ก็อดไม่ได้ที่จะแอบหัวเราะ คงจะหิวเอามากๆ จริงๆ

“งั้นข้าวสวยอีกที่ครับลุง ไข่เจียวหมูสับเมื่อกี้ เอากรอบๆ นะครับ”
คนสั่งหัวเราะร่วนแล้วเดินสบายใจเชิบ ดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องอึดอัดเอาเสียหมดแล้วเมื่อเห็นอาหารต่างๆ ตรงหน้า

“เอ่อ... ผมสั่งอีกจานได้ไหม” ตุลถามเสียงอ่อย มองดูลิสต์อาหารที่สั่งไป

“เอาเลยครับๆๆ จริงๆ จะสั่งมากกว่านี้ก็เกรงใจ แค่นี้สบายมาก สั่งอีกเลย เยอะๆ”
คะน้าหัวเราะร่วน ตุลเกาหัวแกรกๆ ทำหน้าเครียดๆ สั่งกับข้าวเพิ่มอีกเล็กน้อย แล้วเดินตามมานั่ง

“เอาโค้กนะ อยากกิน” ตุลยิ้มนิดๆ แทนคำตกลง แต่ดูเหมือนจะมัดมือชกหรือเปล่า
นั่งยังไม่สนิทดี ขวดลิตรพร้อมน้ำแข็งเปล่าสองแก้วก็วางลงตรงหน้า
“สั่งไปตั้งแต่เมื่อกี้ละ” เทน้ำแล้วดูดดื่มสบายใจเชิบ

“ดูเป็นคนทานเก่งจังเลยนะครับ แต่ทำไมไม่เห็นอ้วนเลย” ตุลกระเซ้าพร้อมรอยยิ้ม

“วัยกำลังกินกำลังโตนะ ...อ๊า” ดูดโค้กรวดเดียวหมดแก้ว

“จริงๆ ดื่มน้ำอัดลมมากๆ ไม่ดีนะครับ น้ำตาลเยอะ”

“ก็มันชื่นนนน...จาย” คะน้ายิ้มกริ่ม เหมือนเจ้าตัวจะลืมไปหมดแล้วจริงๆ เมื่ออาหารกองพะเนินอยู่ตรงหน้า

กับข้าวกลิ่นหอมทยอยเสิร์ฟลงทีละจาน คนที่หิวจัดโซ้ยเอาๆ อย่างเพลิดเพลิน
ไม่รู้ว่าหิวหรืออะไร แต่มันอร่อยเหาะจริงๆ ตุลได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอดนิดตอดน้อยไปตามเรื่องตามราว
คะน้าตักอะไรเข้าปากก็มองตามแบบอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะเอาส้อมแตะๆ จิ้มๆ
แล้วเอาเข้าปากอมๆ แล้วยกน้ำขึ้นจิบเป็นระยะๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเน้นหนักไปที่ไข่เจียวหมูสับเข้าว่า

“อันนี้อร่อยนะครับ สักหน่อยสิ” คะน้าชี้ไปที่กะเพราหมูกรอบพริกแดงอร่าม ตุลชะงัก กลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ

“เอ่อ... ไม่ดีกว่ามั๊งครับ” หยิบทิชชูขึ้นมาซับ แล้วทำหน้าหวาดๆ

“นะ สักหน่อย” คะน้าตักกะเพราหมูกรอบคำโตใส่ไปบนจานข้าวของหมอหนุ่มที่กำลังหน้าระเรื่อแดง
เหงื่อซึมหยดเอาๆ คนใส่แว่นมองแล้วชั่งใจ

“เอ่อ...” เงยหน้าขึ้นสบตาแบบกระอักกระอ่วน แต่ด้วยความเกรงใจ
ตุลก็ค่อยๆ ละเมียดตักผัดกะเพราพริกเป็นพริก ค่อยๆ เขี่ยพริกออกทีละนิดแต่...

“ทั้งคำเลย อร่อยเหาะ รับรอง” ตุลกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ
ทำตาปริบๆ แล้วตัดอาหารทั้งคำเข้าปากตามที่คะน้าบอก

...และเพียงคำแรกที่ตัวอาหารสัมผัสกับลิ้น มันก็สุดจะฝืนอีกต่อไป
น้ำตาของคนใส่แว่นก็หยดออกมาเป็นทะเล
หมอหนุ่มถึงกับถอดแว่นออกแล้วคว้าทิชชูม้วนเป็นก้อนโตซับน้ำหูน้ำตาแทบไม่ทัน

“อ้าว! เป็นอะไรครับ” คะน้าถามคนที่นั่งซับน้ำตาอยู่
เริ่มจะประมวลอะไรได้บ้าง หรือจะทานเผ็ดไม่ได้ ฮ่าๆๆๆๆๆ

“มะ...ไม่เป็นไรครับ” ยกมือไหวๆ แต่แลบลิ้นห้อยๆ สีแดงสดออกมา
ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตาผสมปนเปกันไปหมด คะน้าค่อยๆ พับทิชชูส่งออกไปให้

“ก็ไม่บอกว่าทานเผ็ดไม่ได้” คะน้ายิ้มจ้องมองไปที่ตุลที่ซับเหงื่อซับน้ำตาเอาเป็นเอาตาย

“ดะ...ได้นะ พะ...พอทานได้ครับ แต่ไม่คุ้นเท่าไหร่ แฮ่กๆ” เริ่มยกเสื้อยืดขึ้นกระพือ
“ลุง... ลุงครับ ขอน้ำเพิ่ม อะไรก็ได้ ด่วน! ...ด่วนเลยครับ!!!”

ใบหน้าของตุลแดงกล่ำ สีแดงเรื่อนั้นลามไปถึงใบหูและลำคอ
ไรผมที่ปรกทั่วใบหน้าเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อที่แข่งกันผุดขึ้นมา ตุลที่ไม่ได้สวมแว่นกระพริบตาถี่ๆ
สองมือพัดริมปีปากเจ่อจนดูวุ่นวาย ปลายลิ้นสีแดงๆ ที่มีก้อนน้ำแข็งวางอยู่ด้านบน
ที่ค่อยๆ ละลายผสมกับน้ำลายไหลยืดจะหยดแหล่ไม่หยดแหล่



...ก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ แต่ตุลในตอนนี้ น่ารักชะมัด

“ทานได้จริงๆ น่ะหรือครับคุณหมอ ไหวไหมน่ะ”

“ไหวๆ ด... ได้นะๆ เอาอยู่” ตุลยกมือขึ้นมาทำท่าโอเค
แหม... เล่นคำทันสมัยเสียด้วยเว้ยไอ้หมอ

คิดๆ ดูแล้วก็แปลกดีนะ คะน้าไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ ว่าคนที่ดูดีไปทุกอย่างแบบตุล
ยิ้มง่าย อบอุ่น แต่ดูขี้เล่นจะมาเสียลุคเอากับพริกขี้หนูสวนและร้านอาหารตามสั่งข้างๆ ทางแบบนี้


(มีต่อนะเออ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-05-2012 21:39:52
(ครึ่งหลังมาแย้ววววว)





“อีกไหมครับ” คะน้าเอานิ้วมือที่ล้างน้ำสะอาดส่งก้อนน้ำแข็งให้อีก
ยิ้มน้อยๆ มองคนตรงหน้าอย่างขบขัน

อารามเผ็ดจัด ตุลเหมือนคนตายอดตายอยากอยู่กลางทะเลทรายแรมปีก่อนจะเจอโอเอซิส
คนใส่แว่นรีบบ้วนก้อนน้ำแข็งที่กำลังหมดทิ้งไป แล้วรีบโน้มตัวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ริมฝีปากมีแดงสดนั้นงับลงบนปลายนิ้วของคะน้าเบาๆ
ปลายลิ้นนุ่มดุนตวัดเอาก้อนน้ำแข็งไปไว้ในปากแล้วหันไปเอาทิชชูซับหน้าตัวเองต่อ
ไม่ได้สนใจอะไรไปกว่าจะเอาชีวิตรอดจากมหันตภัยเผ็ดร้อนในปาก



...สัมผัสของริมฝีปากบนปลายนิ้วนั้น

...เริ่มจะไม่ขำแล้วสิคะน้า


ชายหนุ่มมองคนใส่แว่นที่นั่งอยู่ตรงหน้า เสื้อยืดชุ่มเหงื่อถูกยกกระพือขึ้นเป็นจังหวะ
เปิดเผยผิวขาวจัดของผู้ที่สวมใส่ หน้าอกที่เป็นกล้ามเนื้อชัดเจน ไล่ไปถึงท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
เม็ดเหงื่อเล็กๆ ที่ซึมอยู่ทั่วร่างกายสะท้อนเป็นแสงวาวชวนมอง คะน้ากลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มก้มหน้างุดแล้วค่อยๆ ดื่มน้ำจากหลอดเงียบๆ ด้วยลมหายใจที่เริ่มติดขัด ...หัวใจมันเต้นแปลกๆ

คงต้องเรียกว่าอาหารช่วยชีวิต! ครู่หนึ่ง จานอาหารที่ตุลสั่งก็ถูกวางลงตรงหน้า
คะน้าจึงหยิบช้อนส้อมขึ้นมาเตรียมพร้อมจะกิน


...แก้เขินหรอก ไม่ได้ตะกละนะ ...จริงๆ

“ไหนๆ สั่งอะไรมาทานครับ” เมื่อจานกับข้าวถูกวางลงคะน้าก็ชะงัก
...จริงอยู่ ผักสีเขียวในจานถูกหั่นเป็นท่อนๆ นั้นหอมฉุย ดูน่ากินเชียวล่ะ

“ผัดน้ำมันหอยครับ ไม่ใส่พริก ไม่ใส่เนื้อสัตว์”
ตุลยิ้มนิดๆ แล้วเอาส้อมจิ้มผักจากจานขึ้นกัดดังกร่วม

“ผักคะน้า” อีกคนที่มีชื่อพ้องกับผักสีเขียวในจานเอ่ยขึ้นเบาๆ ตุลยิ้มแล้วจิ้มขึ้นทานอีก

“ครับ ...ผมชอบ”

คนที่ทานอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตา ริมฝีปากเจ่อนิดๆ ที่มีสีแดงระเรื่อนั้น เจือไปด้วยรอยยิ้มชวนมอง

ท้องฟ้าในคืนนี้มืดสนิท และเพราะความมืดมิดนั้น แสงของดวงจันทร์จึงนวลสวยกว่าค่ำคืนไหนๆ
อากาศยามค่ำคืนไม่ร้อนอบอ้าว ผมเส้นเล็กๆ ของตุลหยอกล้อกับสายลมที่พัดไสว
ดวงดาวทอแสงประกายวับวาวกว่าทุกๆ วัน ดึงดูดให้ทุกสายตาจ้องมองไปที่ประกายแสงนั้น
วูบหนึ่ง คิดว่าหากมีดาวสักดวงหล่นอยู่บนผืนดิน ความสุกใสเจิดจ้านั้นคงไม่ต่างอะไรกับแววตาของตุลในเวลานี้เลย
ร่างสูงกำลังนิ่งงัน กับดวงตาคู่นั้นที่มองลอดกระจกแว่นตามาจับจ้องที่ใบหน้าเขาพร้อมรอยยิ้มจางๆ อย่างไม่วางตา
รู้สึกร้อนวูบ ชาไปทั่วร่าง บางครั้งการคุยกับผู้ชายคนนี้ก็ทำให้หัวใจเขารู้สึกเหนื่อยเกินกว่าที่ควรจะเป็น

ดูเหมือนอาการแพ้ของเผ็ดของตุลจะค่อยๆ ทุเลาลงแล้ว คนใส่แว่นเริ่มทานอาหารสบายขึ้น
ตุลยกน้ำขึ้นดื่มเป็นระยะๆ ดวงตาคู่นั้นที่ยังคงทอดมองมายังคะน้าอยู่อย่างนั้น ...หยอกล้อและออดอ้อนในที

“รู้ไหมครับว่าทานอาหารเผ็ดมากๆ แล้วไตจะมีปัญหาเอานะ พยายามลดๆ ลงก็ดีนะครับ”
คะน้ายังคงก้มหน้างุดรับฟังคนตรงหน้า ...สมกับที่เป็นหมอ ข้อมูลสุขภาพปึ๊กมาก

“น้ำอัดลมก็ด้วยครับ มีน้ำตาลสูง เวลาคนกระหายน้ำมักชอบดื่มน้ำอัดลมเพราะหวานชื่นใจ
แต่จริงๆ น้ำอัดลมจะทำให้เลือดมีความเข้มข้นมากขึ้น ร่างกายจะเรียกน้ำเข้าไปอีกเพื่อไปเจือจาง
นั่นจึงทำให้เรากระหายน้ำไม่หยุดเสียทีเวลาเราดื่มมัน น้ำเปล่าดีที่สุดนะครับ ไม่อ้วนด้วยนะ”

เป็นเกร็ดสุขภาพที่คะน้าสารภาพว่าไม่ได้ฟังเข้าหูสักเท่าไหร่ เมื่อในหัวยังสลัดความคิดแปลกๆ ไม่หลุดเสียที

“เป็นอะไรครับ เงียบๆ ไป อิ่มแล้วง่วงหรือเปล่าครับ จริงสิ เวลาเราอิ่มๆ
อย่าเพิ่งรีบนอนนะครับ จะทำให้เกิดปัญหากรดไหลย้อนได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราทานอาหารมันๆ อย่างพวกหมูกรอบ หรือของทอดต่างๆ เข้าไป”

“เอ่อครับ... ก็ง่วงนิดๆ นะ แหะๆ” พูดไปอย่างนั้นเอง เจอแบบนี้เข้าไป
ใครจะไปง่วงลงกันเล่าไอ้หมอเอ้ย ตุลยิ้ม ค่อยๆ หยิบน้ำขึ้นจิบ

“จริงสิครับ ผมอยากจะถามสักหน่อย ผมมันดูเป็นคนเจ้าชู้หรือเปล่าครับ” จู่ๆ ตุลก็ถามขึ้นมา

“ก็... จะว่ายังไงดี” คะน้ากล่าว “เค้าบอกว่าผู้ชายที่ไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษหรือเปล่าครับ”

“ฮ่าๆๆ เลยกลายเป็นสัตว์ร้ายซะแล้วเรา” ไอ้หมอ ฟอร์มเอ็งเริ่มจะกลับมาแล้วสินะ

“นั่นสินะ จะว่าผมเจ้าชู้ก็ได้นะ ผมไม่ปฏิเสธหรอก แต่ผมจริงใจกับทุกคนนะ ผมพูดความจริง
แสดงออกตามความจริง ผมไม่ได้โกหกคุณหรือใครนะ จะก้อย หรือจิ๋ว เราก็เป็นแค่เพื่อนๆ
เป็นพี่เป็นน้องกันจริงๆ ผมไม่ได้คิดอะไรเกินเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก” ตุลแกว่งขาเตะอากาศเบาๆ

“แต่ผมว่าพวกเค้าไม่น่าจะคิดแบบนั้นเอานี่ครับ มันจะดีเหรอ ยังไงเราก็เป็นผู้ชายนะครับ”
คะน้าเงยหน้าขึ้นสบตา หันมาพูดจริงจัง ...จริงจังซะจนคนใส่แว่นนั่งหัวเราะ

“โห... ไม่น่าเชื่อเลยว่ายังมีคนแบบคุณอยู่ในโลกด้วย”
ตุลหันมามองด้วยความชื่นชม เล่นเอาคะน้ารู้สึกเก้อเขิน

“เป็นคนดีจังเลยนะครับ ดีจัง”

“ดีอะไรเล่า ใครๆ เขาก็เป็น” ...ไม่ใช่หรือ? คะน้าเอ่ยแย้งเพราะคิดแบบนั้นจริงๆ ตุลเงียบไป
จู่ๆ ก็เหมือนกับความเงียบปกคลุมไปชั่วขณะ แล้วก็เป็นตุลที่ทำลายบรรยากาศที่เงียบนั้นลงเสีย

“จำได้ไหมครับที่ผมบอกว่าผมมีความลับจะบอก
มันไม่ใช่เรื่องแว่นของคุณหรอกนะครับ” คะน้าเงยหน้าขึ้นมอง แปลกใจ

“เอ้อ... เอาจริงๆ มันก็ลำบากแฮะที่จะเราจะเล่าความลับให้ใครสักคนฟังนะ ว่าไหม”

“เอ่อ... ไม่เป็นไรก็ได้ครับ” คะน้ารู้สึกเกรงใจอย่างบอกไม่ถูก

“จะเป็นก้อย เพื่อนผม หรือว่าจิ๋วก็เถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามจะเริ่มนะ
แต่มันเป็นไปไม่ได้ และผมก็คิดว่าเธอทั้งสองคนก็อาจจะพอรับรู้เช่นกัน ...เอ้อ เราคิดเงินกันดีไหม”
ตุลส่งสัญญาณให้คุณมาเก็บค่าอาหาร คะน้าพยายามจะขอแบ่งจ่ายคนละครึ่ง แต่หมอหนุ่มปฏิเสธ

“ไว้คราวหน้า คุณเลี้ยงผมคืนก็แล้วกันครับ”
คะน้าจึงค่อยๆ เก็บกระเป๋าสตางค์ลงไป ทั้งคู่เดินกลับไปคอนโดด้วยกัน
คะน้าจ้องมองคนที่เดินข้างๆ เงียบๆ คำพูดเมื่อครู่ที่ค้างคานั้นยังวนเวียนในความคิด

“เรื่องคุณก้อยหรือคุณจิ๋ว ผมว่าเค้าสองคนก็เป็นคนที่ดูน่ารักมากๆ เลยนะครับ เหมาะกับคุณดี
...คือผมหมายถึงเค้าก็ดูไม่มีอะไรบกพร่องหรือเปล่าครับ ...คือ ...คือแค่เลือกเอาสักคนน่ะครับ”
ปลายประโยคคะน้ารู้สึกไม่ดีนักที่พูดออกไปแบบนั้นจนดูเหมือนเสียมารยาท
ผิดกับตุลที่ฟังแล้วอึ้งไปนิดๆ ก่อนจะหัวเราะก๊าก

“ฮ่ะๆๆ จริงๆ เลย ไอ้น่ารักเอ้ย” คนใส่แว่นๆ ค่อยๆ เอียงตัวมา
ทิ้งน้ำหนักลงบนแผ่นหลังของคนที่เดินอยู่ข้างหน้า
น้ำหนักและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของแชมพูบนผมสั้นๆ ของตุลนั้นทำให้คะน้าชะงักงัน

“เช็ดเหงื่อหน่อย” คนใส่แว่นพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เมื่อตั้งสติได้ วูบแรกคะน้านึกจะหันหน้าไปแพ่นกระโหลกคนที่เดินข้างๆ
เมื่อเห็นแววตาที่ดูเหม่อลอยคู่นั้น เขาก็รู้สึกปั้นหน้าไม่ถูก

“วางพักหน่อยนะ ...แป๊บนึง” น้ำเสียงที่ดูอ่อนหล้าของตุลทำเอาคะน้าสะดุดยิ่งขึ้น
เหมือนมีอะไรบางอย่างในใจของคนๆ นี้ที่เก็บซ่อนไว้ในรอยยิ้มที่ร่าเริงนั้นจนใครๆ ก็ดูไม่ออก

“ครับ” แม้จะไม่เข้าใจอะไร และไม่รู้ต้องทำตัวยังไง
แต่คะน้าก็อยากที่จะช่วยอะไรสักนิด ถ้าเขาพอจะช่วยได้
ลงท้ายชายหนุ่มก็ยืนนิ่งเป็นเสาโทรเลขพร้อมที่จะแบกรับทุกน้ำหนักจากคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง

คนผ่านไปผ่านมาคงมองเขาสองคนเป็นตัวประหลาด
ไม่ใช่ภาพที่ดูน่ามองหรือเปล่าที่ชายหนุ่มสองคนจะทำอะไรแบบนี้
แต่เอาเข้าจริง คะน้าก็ไม่ได้ใส่ใจสายตาของคนรอบตัวอะไรนัก
ความรู้สึกบางอย่างของเขากำลังบอกว่าชายคนนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่ใครต่อใครเห็นเลย

กระนั้น กลิ่นตัวหอมๆ ของตุลปะปนมากับกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ที่ลอยมากับสายลมคะน้ารู้สึกหวาดหวั่น
เงาสะท้อนของกระจกข้างทางทำให้เขามองเห็นว่าวงหน้าของคนที่ซบอยู่มองเหม่อไปบนท้องฟ้า
จ้องมองไปที่สีมืดดำเบื้องบนอย่างไร้จุดหมาย แววตานั้น เป็นแววตาที่คะน้าคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ดวงตาของคนที่มีความเหงาเป็นเพื่อนสนิทจนชาชิน ตุลกำลังเหงาอยู่สินะ

“ขอบคุณนะ ผมทานข้าวคนเดียวทุกวันเลยครับ” จู่ๆ ตุลก็พูดขึ้น น้ำเสียงดูแผ่วเบากว่าทุกที

“เอ่อ... ถ้าไม่เบื่อซะก่อน ผมทานเป็นเพื่อนได้นะ
หรือถ้ามีพอช่วยอะไรได้ ผมอยู่ตรงนี้นะ ใกล้ๆ นี่เอง”

“จะไม่รำคาญผมเหรอ”

“ไม่หรอกคร้าบบบ...” คะน้าพูดพร้อมกับยิ้มให้ เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ จากคนข้างหลัง

“ทุกๆ เรื่องเลยน่ะเหรอ” ตุลค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ทว่าดวงตาคู่นั้นยังมองเหม่อ

“ครับ ...ทุกเรื่อง” คำพูดที่ชัดถ้อยชัดคำของคะน้าทำให้คนใส่แว่นหันมามอง


“สัญญาได้ไหมล่ะ”


“ผมสัญญา”

โดยไม่ลังเล น้ำเสียงที่มุ่งมั่นนั้นทำให้รอยยิ้มตุล
กลับมาสดใสอีกครั้ง เห็นดังนั้น คะน้าก็ค่อยๆ ยิ้มตาม

“ขอบคุณนะครับ” ตุลกล่าวขอบคุณคนที่ตัวเล็กกว่า คะน้าอมยิ้มนิดๆ ไม่รู้จะวางตัวยังไง

“จริงสิครับ ผมก็ต้องขอบคุณคุณเหมือนกัน” คำพูดของคะน้าทำให้ตุลหันกลับมามองสงสัย

“เรื่องอะไรครับ”

“ผมได้รับข้อความ เอ่อ... จากคุณใช่ไหมครับ”

“ข้อความ?” ตุลขมวดคิ้วขึ้นสูง

“ครับ เมื่อคืนก่อน” คนใส่แว่นส่ายหน้าเชิงปฏิเสธ พร้อมใบหน้าที่เจือความสงสัย

“เอ... ทำไมถึงคิดว่าเป็นผมล่ะครับ”

“ก็เป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง”

“อาจจะเป็นคนอื่นหรือเปล่าครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ หรือว่าอยากให้ผมส่งนะครับ”
ตุลพูดติดรอยยิ้มแล้วหยิบมือถือขึ้นมาแกว่งโชว์ คะน้าจึงค่อยๆ หยิบมือถือขึ้นมามองจ้อง
แล้วลองกดโทรกลับไปยังเบอร์ที่ส่งข้อความมา เสียงสัญญาณบอกว่าโทรติด
แต่มือถือของตุลที่อยู่ตรงหน้ายังคงนิ่งสนิท ขณะที่ปลายสายก็ไม่มีคนรับ

คะน้ายืนงง ข้อความนั้น คำเรียกแบบนั้น ยังไงๆ ก็น่าจะเป็นตุลหรือเปล่า

ตุลเดินนำหน้าไปนิดหน่อย จนถึงบริเวณหน้าคอนโด
“เดี๋ยวผมขอตัวแวะไปเอาผ้าที่ส่งซักรีดก่อนนะครับ
แล้วพบกันใหม่ครับ ขอบคุณนะที่มาทานอาหารเป็นเพื่อน”

คะน้าตั้งใจจะเรียกตุลไว้ แต่ก็ยังรอปลายสายที่กดโทรออกนั้นก็ไม่ได้กดรับสายเสียที
ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ กระทั่งตุลลับไปจากสายตา คะน้าจึงยืนรอสายต่อ กระนั้นก็ไม่มีผู้รับสายจนสัญญาณถูกตัดไป


ถ้าไม่ใช่ตุล แล้วจะเป็นใครไปได้ หรือว่าจะเป็น...

คะน้าสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆ นั้นออกไป แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นอีกคน
ที่เขาให้เบอร์ไปที่เป็นคนส่งข้อความนั้นมา ซ้ำท่าทีของคนคนนั้นในตอนบ่ายก็ดูหมางเมินแปลกๆ ด้วยซ้ำ
ขณะที่กำลังนั่งคิดๆ อยู่นั้นเอง โทรศัพท์มือถือของคะน้าก็ดังขึ้น
เป็นเบอร์ที่เขาไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่อง แต่ก็ไม่ใช่เบอร์ที่เขาเพิ่งกดโทรออกไป คะน้าตัดสินใจกดรับ

“ผมเองครับ ตุล คุยได้ไหมครับ”

“อ้อ ครับๆ ได้สิครับๆ”

“นี่เบอร์ผมเองนะครับ จริงๆ ก็เพิ่งแยกจากกันเองเนอะ
แต่มีสองเรื่องที่ผมอยากบอกน่ะครับ ดูเหมือนว่าจะเผลอลืมไป”

“ครับ อะไรเหรอครับ”

“อย่างแรก คืนนี้ฝันร้ายนะครับ ไอ้น่ารัก ฮ่าๆๆๆ”
ตุลหัวเราะเสียงใส คะน้าสะดุด ...คำนั้นอีกแล้ว

“เช่นกันครับ ฝันร้ายนะครับ” ฝืนตอบกลับไปด้วยความสงสัย

“อีกอย่างก็คือที่ผมบอกไปเมื่อสักครู่ว่าเรื่องของผมกับก้อย หรือจิ๋วเอง
ก็คงเป็นไปไม่ได้น่ะครับ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม”

“อ้อ ครับ” คะน้ารับคำ

“จริงๆ แล้ว คือ... เอ่อ... คุณคะน้าครับ” เสียงของตุลดูตะกุกตะกัก

“ครับ”

“คือ... มันอาจฟังดูประหลาดๆ และแย่อยู่สักหน่อย แต่ผมก็อยากให้คุณได้รับฟังน่ะครับ
ผ...ผมไม่ได้รักผู้หญิงน่ะครับ ...ผม ...คือผมรู้สึกกับผู้ชายมากกว่าน่ะครับ”
ตุลเอ่ยออกมาด้วยเสียงโล่งใจ “เฮ้อ... ออกมาได้สักที”

นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด ...แปลกประหลาดที่สุดในชีวิตที่คะน้าเคยได้ยินมา
ชายหนุ่มนั่งอึ้ง เงียบงัน ไม่รู้ว่าจะพูด หรือจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำว่าอะไรดี ลงท้ายก็เลยได้แต่นิ่งเงียบ

“ยังฟังอยู่ไหมครับ คุณคะน้า”

“ครับๆ ฟ...ฟังอยู่ครับ” รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะมีเสียงเท่าไหร่ สิ่งที่เขาเห็น ...ก้อยหรือแม้แต่จิ๋ว
ที่พยายามเข้าหาตุลมาโดยตลอด สิ่งที่ตุลบอกว่าฝืนและพยายามดูแล้ว
แต่เป็นไปไม่ได้ ดวงตาที่เหม่อลอยนั่น หรือแม้แต่ความเหงาที่คะน้ารู้สึกได้
...ความลับที่ตุลอยากจะบอกคือเรื่องนี้เองน่ะหรือ

“นานแล้วที่ผมไม่ได้รู้สึกสบายใจแบบในวันนี้ ขอบคุณนะครับ
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีความสุขมากๆ เลยล่ะครับ”
ตุลค่อยๆ พูดออกมา เสียงทุ้มนั้นดูไม่ได้แสดงออกถึงความสุขแบบคำพูดเลย

“คือผมคิดว่า... บางทีน่ะครับ ผมคิดว่ามันอาจจะดีก็ได้ที่จะพูดออกมาให้หมด
ทุกๆ ความรู้สึก ทุกๆ อย่างที่อยู่ในใจ อย่างน้อยก็สักครั้ง ที่ผมได้เป็นตัวของตัวเอง
ขอโทษนะครับ ผมคงทำคุณตกใจสินะ มันพอจะรับได้ไหม” ตุลอ้ำอึ้ง ติดขัด

“อย่าคิดมากอะไรเลยนะครับ” คะน้ารับคำแม้จะยังรู้สึกแปลกใจ

ขณะนั้นเอง เสียงสัญญาณสายซ้อนก็ดังขึ้นที่มือถือของคะน้า
ชายหนุ่มดึงหูออกมาแล้วจ้องมองที่หน้าจอที่กระพริบ
มันเป็นเบอร์ของคนที่ส่งข้อความมาเครื่องเขาเมื่อคืนก่อน เบอร์ที่เค้าไม่ได้เมมไว้ในเครื่อง


...จะใช่ทิมหรือเปล่า?

และในเวลานั้นเอง ตุลก็พูดบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คะน้ารู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก
“คือ... คือผมคิดว่า... ผมเจอคนที่ผมรู้สึกดีๆ ด้วยแล้วน่ะครับ”



...ใครกันนะ?


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนนี้มีแบบฝึกหัดบางอย่างสำหรับคนเขียน นั่นก็คือหัดเขียนฉาก...:jul1:
หลังจากที่พอลองได้เขียนแล้ว คิดว่าน่าจะพอไหวแฮะ ยังไงก็อย่าเพิ่งตกใจนะครับ แหะๆ
คือแค่อยากทดลองเขียนดูมั่ง ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะเขียนได้ไหมนั่นเอง เหอๆๆ

ฮิฮิ สำหรับตอนนี้ สรุปว่าเจ้าของ sms นั่นคือ...
แล้วคนที่ตุลบอกว่ารู้สึกดีๆ ด้วยคือ....
(ทายยากมากกกกกกกกกก...)

โปรดติดตามอ่านในตอนต่อไป ก่อนจากกัน ขอแอบกอดทุกคนสักที

 :กอด1:


ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจ คำทักทาย คำแนะนำ ติชม ตลอดจนแวะมาอ่านกันนะครับ
ขอรวบยอดตอบคอมเมนต์เพื่อนๆ วันหลังนะครับ คือตอนนี้แอบหิวแล้วอ่ะ แหะๆ
เสร็จสดๆ ร้อนๆ ก็เลยรีบลงน่ะครับ  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 4 (หน้าที่ 4) - May 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 08-05-2012 21:57:32
อรั้ยยยย ชีวิตคะน้ามันว้าวุ่นเพราะปู้ชายสองคนนี้จริงๆ ดังคำแม่หมอว่าไว้
หมอตุลลุยเลย ถึงก่อนมีสิทธิ์ก่อน

ทิมดันมาเรียกคะน้าว่า ไอ้น่ารัก ซะอีกเหรอ อ๊าคคคคคค ตื่นเต้นแทนคะน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 08-05-2012 22:01:33
รับสายยยยยยยยยยยยย รับสายซ้อนเดี๋ยวนี้คะน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

เชียร์ทิมยังไง ก็ยังอย่างงั้น   :z3: :z3: :z3:   หมอตุลย์อย่ามาเล่นบทโศกก  ไม่ เค้าชอบทิมมมม  ชอบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-05-2012 22:07:43
อั๊ย!ตอนนี้หมอตุลทำคะแนนอ่ะ แต่เราก็จะยังคงโบกสะบัดธงให้พี่ทิมต่อปายยยยยยยยยย
คะน้าลูก จู่ๆหยุดมันจะไม่ทรมานตายเหรอน่ะ?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 08-05-2012 22:16:28
ตอนนี้คุณหมอตุลทำคะแนนตีตื้นขึ้นมาเชียวนะ นายช่างทิมอย่ายอมล่ะ เชียร์อยู่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 08-05-2012 22:26:55
ทิมออกกระจิ๊ดเดียวเองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: trafu ที่ 08-05-2012 22:31:55
ทำไมตอนนี้ทิมออกนิดเีดียวเองอ่ะ
หมอตุลทำคะแนนตีตื่นใหญ่แล้ว
แต่ยังไงก็เชียร์ทิม :-[ :-[
สำหรับนักเขียนจ้า
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 08-05-2012 22:37:00
เริ่มเอนเอียงไปทางหมอตุลนิดหน่อยแฮะ >////< แต่หักห้ามใจกลับมาซบอกเป็นแ่ม่ยกทิม ^^
คะน้าดูเหมือนจะหวั่นไหวกะคุณหมอเยอะอยู่นาา ทิมสู้ๆ จัดหนักแบบคุณหมอมั่ง แม่ยกรอเชียร์ >.<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-05-2012 22:37:42
โหยย หมออะ ทำคะแนนอย่างนี้ ทิมก็เสียเปรียบอะดิ
อยู่ก็ไกลกว่ากันด้วย ไม่ยอมๆ 5555
ยกป้ายไฟเชียร์ทิม (หวังว่าจะไม่โดนแม่ยกหมอตบก่อนนะ ฮาา)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: igaga ที่ 08-05-2012 22:38:44
อยอกให้เอาทั้งสองคนเลย
เล่นแซนวิสกันเลย
กรีสๆๆๆๆ
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-05-2012 22:40:02
 จากที่ตามอ่านมา  มีสะดุดเล็กน้อยคือ  คิดว่า คุณน้องคนเขียน อาจจะยังไม่ "แม่น"  ในการใช้ "มุมมอง" ของใครในการเล่าเรื่อง

เช่นในตอนล่าสุด  เขียนเอาไว้ว่า
,,,,,มือที่ปัดป่ายทำให้ไดอารี่เล่มเล็กบนหัวเตียงที่คะน้าเขียนบันทึกเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน
หล่นลงมากระแทกตัวดังปั่ก ดวงตากลมโตค่อยๆ เบิกกว้างขึ้นด้วยความงัวเงีย
โทรศัพท์มือถือยังวางอยู่ที่เดิม ข้างๆ หมอนที่ใช้นอนหนุน
พระอาทิตย์กลมโตยังคงทอแสงสีแสดที่มุมขอบฟ้าเหมือนเช่นทุกๆ วัน
คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วบิดตัวขับไล่ความขี้เกียจ ร่างสูงที่เปล่าเปลือยอาบไปด้วยแสงแรกแห่งวัน
ผิวขาวละเอียดดูน่ามองยิ่งขึ้นด้วยแสงสีส้มที่ไล้ไปทั่วตัว

"ผม" ค่อยๆ ขยับลุกขึ้นจากเตียง ยังรู้สึกงัวเงียเล็กน้อยจากการพักผ่อน
ตลกดีเหมือนกันที่ชอบคิดฝันถึงเรื่องเก่าๆ แม้แต่คำถามประหลาดๆ ที่ดูไร้สาระทั้งๆ ที่อายุป่านนี้เข้าไปแล้ว
สายน้ำเย็นๆ โปรยปรายผ่านผักบัวไล้ไปทั่วร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
ผิวขาวสะอาดดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ร่างกายตื่นตัวไปทุกๆ ส่วน
ก็เหมือนกับผู้ชายวัยรุ่นทั่วๆ ไปที่ร่างกายมักจะตื่นตัวเป็นพิเศษหลังจากการพักผ่อน,,,,

สังเกตไหมคะว่า ในย่อหน้าแรก เขียนแบบมุมมองคนเขียน เป็นผู้เล่าเรื่อง
แต่ในย่อหน้าที่สองนั้น  เขียนแบบตัวละคร(เอก)เป็นคนเล่า้เรื่อง

ก็เลยขอติงตรงนี้หน่อยนะคะ

เจ้สอง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 08-05-2012 22:50:36
ตอนนี้ช่างซับซ้อนมาก อารมณ์หลากหลายสุดๆ อ่านแล้วเราเพ้อมากเลย
จากที่ว่าจะเชียร์ใครซักคน....
ไม่เชียร์แล้วค่ะ ขอลุ้นไปเรื่อยๆ ดีกว่า


กระต่ายน้อย ไอ้คนน่ารัก ไม่เห็นจะน่าแปลกตรงไหนที่มีคนมาหลงรักเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 08-05-2012 22:56:06
อั้ยยะ  ทิมงอนตุ้บป่องไปแล้วคะน้าเอ้ย มันสวีทกะอีกคนอยุ่นั่นแหละ
ไปง้อก่อนเร้วววว  จะได้ทั่วถึงๆ  ก้ากกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 08-05-2012 22:58:46
ก็ยังเชียร์ทิม  :laugh: :laugh:

แล้วที่ว่าหัดเขียนฉากนั้น เพราะมันใกล้มาถึงแล้วใช่ไหมค่ะ  :z1: รอลุ้น ๆ แต่ !! หวังว่าจะเป็นฉากของทิมกับไอ้น่ารักนะเคอะ  o18
ส่วนหมอตุลย์สนจันทูไหม รายนั้นว่างตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงและคาดว่าจะว่างไปตลอดชีวิต 5555

ปล  :pig4: นะค่ะ
ปล 1  ไอ้น่ารักแอบคิดไม่ซื่อกะทิม จินตนาการสูงปรี๊ด ๆ แอร๊ย ๆ   o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 08-05-2012 23:33:03
อ่านตอนนี้คะแนนหมอตุลสำหรับเรากระเตื้องขึ้นมาหนึ่งปลายก้อย กร๊ากกก คือเราก็ยังรู้สึกขัดๆไม่ชอบบางอย่างอยู่ดีแหละ
อืม อย่างเรื่องที่หมอตุลบอกว่าพยายามเรื่องก้อยกับจิ๋ว เราตีความเอานะว่าหมอก็รู้อยู่ก่อนแล้วว่าตัวเองชอบผู้ชาย
จริงๆถ้าจะพยายามก็ไม่น่าจะต้องพยายามจนเลยเถิดไปถึงขั้นที่คะน้าไปบังเอิญเห็นเข้าที่โรงพยาบาล
และถึงแม้ว่าฝ่ายหญิงจะรุกถึงขั้นทุ่มสุดตัวก็ด้วยเหอะ

สรุปยังเชียร์ทิมอยู่ แปลกใจเหมือนกันที่ข้อความนั้นมาจากทิม
แล้วทำไมถึงเกิดบรรยากาศแปลกๆระหว่างสองคนนี้กันนะ หรือว่าทิมเขินคะน้าเหรอ ที่ส่งข้อความไปอย่างนั้นน่ะ?
ผู้ชายสองคนนี้เรียกคะน้าว่าไอ้น่ารักเหมือนกันเลย ฮริ้ววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 08-05-2012 23:36:08
ทำไมตอนนี้ทิมบทน้อยยยยยยยย :sad4:
หมอตุลเริ่มตีตื้นขึ้นมาแล้วอ่ะ

โน่วๆๆๆๆๆ ชูเปีบร์เชียร์หนุ่มวิศว ทิมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 09-05-2012 00:05:42
เราพยายามทำใจให้เป็นกลางอยู่

แต่ชอบขวานผ่าซากอย่างทิมมากกว่านะ   :-[  /นี่มันเป็นกลางตรงไหน/
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: u_cosmos ที่ 09-05-2012 00:21:01
คิดหนักว่าจะยกป้ายเชียร์ใครดี
แต่แอบเทใจไปให้ทิมมากหน่อย(รักเด็กอ่ะ><)
คนส่งข้อความคือทิมใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 09-05-2012 01:02:22
ประชุมสาย ประชุมสายเดี๋ยวนี้!!!!!!!!!!!!!!!
3พีนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

แต่ว่าตอนนี้นี่ตุลย์ทำคะแนนดีมากเลย
ทำเอาเราเริ่มหวั่นไหว...
แล้วข้อความนั้นมาจากทิมจริงๆหรอ
เราแทบดิ้นเลยนะยังงี้
เค้าเรียกกันว่าไอ้น่ารักด้วยอ่ะ เขินแทนเลย -///////-

อยากอ่านตอนที่ 6 ต่อใจแทบขาด
มีลางสังหรณ์ว่าน้องทิมจะต้องมีอะไรบางอย่างน็อคเราให้ดิ้นอีกรอบแน่นอน

รักทิม เชียร์ทิม ก(อ)ดทิม
.....แต่ใฝ่3พี 55555555555

เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ
ปล. (มันยังไม่จบ) รอฉากที่ฝึกแต่งอยู่นะคะ
อยากรู้ว่าใต้ร่มผ้าทิมจะเป็นยังไง
(วิ่งหนี!!!)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-05-2012 01:17:44
เลือกยากจริง ๆ นั่นแหละ
คนนึงดูเหมือนเจ้าชู้ แต่ก็ใจดี อบอุ่น
อีกคนถึงจะโผงผาง แต่ก็ตรงไปตรงมาดี
ค่อย ๆ ดูไปก่อนนะ อย่าใจร้อน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 09-05-2012 02:05:40
มิน่าทิมถึงหลบหน้าคะน้า ที่แท้ก็เขินเรื่อง SMS นี่เอง
ตุลรุกแล้วนะ ทิมอย่ายอมแพ้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 09-05-2012 06:59:14
กระต่าย so hotttt >//<



แต่ไม่ยอม หมอตุลย์ทำคะแนน ไปเยอะมาก

พีทิม มาด่วน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 09-05-2012 09:44:42
รับสายซ้อนเดี๋ยวนี้น่าา :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 09-05-2012 09:46:49
หมอตุลเป็น....
เข้าทางคะน้าเลยล่ะสิ
ตอนนี้ไม่ค่อยมีทิมไม่เป็นไร
รู้สึกว่าหมอนำหน้าอยู่หนึ่งก้าวทุกที
ถ้าทิมไม่รีบตีตื้นก็ต้องรอให้หมอเสียคะแนนไปเองเหมือนคราวที่แล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 09-05-2012 09:56:34
แอร๊ยยย เปิดตัวแรงมากหมอตุล เป็นเกย์เต็มตัวสินะ  :laugh:

คะน้าถ้าเลือกไม่ถูก ก็แบ่งมาให้เจ๊ได้ เจ๊จะแบกรับภาระนี้ไว้เอง  :laugh: :laugh:
P.S. ทิมสู้เค้าหนุ่มน้อยยย ของเจ๊ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-05-2012 10:12:35
ทายผิดอะ คิดว่าเป็นตุลนะเนี้ยที่ส่งข้อความมา แต่รู้สึกเหมือนว่า คะน้าจะมีใจให้ตุลมากกว่าให้ทิมนา เอางี้ 3P ไปเลย 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 09-05-2012 10:32:02
แหม  หมอตุลแล้วก็มาทำให้เข้าใจผิด  ว่าแต่อ่านตอนนี้แล้วคะน้าดูแมน ๆ แฮะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-05-2012 10:43:15
ต้องเป็นทิมกับคะน้าเท่านั้นนะ!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 09-05-2012 12:35:25
ใครจะได้ใจคะน้าไปนะ
เล่นเข้ามาพร้อม เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-05-2012 20:08:26
ดันรอ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 10-05-2012 22:03:40
ตุลออกตัวแรงแล้ว ทิมจะทันกันไหมเนี่ย

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: moyashi ที่ 10-05-2012 22:32:32
อั๋ยย้ะ!

หนูคะน้าสังเกตุเสียจนเขินแทน  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 10-05-2012 22:45:19
อ้าววววว
หมอตุลรุกหนักแล้ว แกไปมุดหัวอยู่ไหนทิมมม
โผล่ออกมาได้แล้ว ถ้าได้กินแห้วเราไม่ช่วยนะ ฮา~
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า ตุลมีอะไรเก็บไว้ในใจเยอะเนอะ
ส่วนกระต่ายของเราก็ยังไม่แน่นอนในความรู้สีกนึกคิดของตัวเองเลย
แต่อราแน่ชัดแล้วแล้วนะ โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป
เพราะชอบผช.แบบนี้มาก ๕๕๕๕

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 10-05-2012 23:13:29
แม่(ยก)จะสอนทิมให้นะ
เป็นอะไรก็บอกคะน้าเขาไปตรงๆ เขาซึนนะยะ
แล้วส่งข้อความหาเขาทำไมไม่ลงชื่อห๊ะ
โทรฯน่ะต้องพกติดตัวตลอดสิ เขาโทรมาจะได้รับทัน
ตอนหน้าแก้ตัวใหม่นะทิม ให้สมกับที่เชียร์หน่อย 55+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: twenty8 ที่ 11-05-2012 11:53:39
คือเราเชียร์ให้คะน้าลงเอยกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนะ
คือไม่เชียร์ให้เป็นสามพีอะ คือรู้สึกว่าถ้าเป็นชีวิตคนจริงๆ
เราจะสามารถรักใครจริงๆได้พร้อมกันสองคนจริงๆหรอ
มันจะต้องมีคนใดก็คนหนึ่งอะที่ทำให้มีความรู้สึกพิเศษที่มากกว่าอีกคนหนึ่งแน่นอนอะ
ถ้าเป็นสามพีสำหรับเราเลยคือไม่อินอย่างแรงค่ะ
หรือเพราะเราไม่เคยอ่านเรื่องที่มันเป็นสามพีด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่อะค่ะ

(อาจจะคอมเม้นอ่านแล้วงงๆ ขอโทษนะคะ กร้ากก)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 11-05-2012 12:54:09
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:  ต่ายน้อยอยู่ในช่วงสับสน   :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 12-05-2012 19:53:36
จะฟังหรือจะรับหนออออออ
:catrun:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-05-2012 13:51:12
ตาทิมนี่ยังไงนะ ของพี่แกแรงจริง ขนาดขาว ตี๋ มีแว่นก็เอาไว้ไม่อยู่
โผล่มาก็น้อย แต่กวาดใจคนแถวนี้ไปจนมีแฟนคลับเป็นโขยง
น่าสงสารหมอตุลคะแนนแทบไม่กระเตื้อง อยากให้ทิมโผล่เยอะๆ อยากได้หวานๆ กันใหญ่
เหอๆๆๆ ด้วยความหมั่นไส้เป็นทุนเดิม คนแต่งขอจัดกาแฟขมๆ ให้แก้วโตๆ!
ถ้าเหล่าแฟนคลับตาทิมคิดว่าพอไหวก็อ่านดูแล้วกัน (แต่ถ้าไม่อ่าน คิดว่าคงเสียใจ) คริคริ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 6





ปลายปากกาหมึกแห้งนิ่งสนิทอยู่บนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองออกไปที่ใต้เงาไม้ร่มรื่นในขอบรั้วสีขาว
นกตัวน้อยๆ ยังคงส่งเสียงเจื้อยแจ้วมาทางสายลม นานๆ ทีจะได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจแผ่วๆ
ออกมาจากคนที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างดังแทรกตัวมาในอากาศมาเป็นระยะ

บอกตามตรงว่าไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่กับเรื่องที่เกิดขึ้น
รูปร่างหน้าตา หน้าที่การงาน หรือแม้แต่นิสัยใจคอ
คนแบบตุล ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปทุกอย่างที่ผู้ชายในวัยก่อนสามสิบพึงจะมี
คนที่ดูเหมือนว่าน่าจะเกิดมาเพื่อเป็นฝ่ายเลือกมากกว่าจะถูกเลือก
...คนแบบตุล กลับเลือกที่ชอบผู้ชายอย่างนั้นเหรอ



แล้วคนที่ตุลรู้สึกดีๆ ด้วยคือใคร?

คืนนั้น ตุลหยุดสั้นๆ ไว้แค่นั้น ไม่ได้บอก ไม่ได้พูดคุยอะไรต่อจากนั้น
แต่คิดว่าลำพังแค่นี้ก็คงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากลำบากใจกับตุลแล้ว
...อาจจะเป็นใครสักคนที่โรงพยาบาล คิดแบบนั้นจริงๆ

ครั้งหนึ่งผักกาดเคยพูดถึงตุลว่า อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีต้องเสียสละสูง
ตารางชีวิตยุ่งวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา บางครั้งอาจต้องยุ่งจนกินนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นสัปดาห์ๆ
บางคราววันหยุดก็อาจโดนโทรมารักษาเคสด่วน อีกทั้งคนที่เป็นหมอมักจะเป็นคนซีเรียส
แต่ก็ต้องมีความมั่นใจในตัวเองสูง สูงจนกลายเป็นทิฐิ จนบางทีก็จัดอยู่ประเภทว่าผิดไม่เป็น
รวมๆ แล้วจึงไม่แปลกใจที่คนเป็นหมอ ลงท้ายมักจะคบหาดูใจกับคนที่เป็นหมอด้วยกัน
หรือไม่ก็เภสัชฯ หรือพยาบาล ...เป็นคนในที่ทำงานเดียวกันนั่นแหละ
เพราะมีเวลาให้กันเยอะหน่อยและมักพูดจากันรู้เรื่องกว่าคนอาชีพอื่นๆ

“มันก็แปลกนะ ขนาดเจ้เจอหน้าบ่อยๆ ยังได้แต่ยิ้มๆ ให้กัน
มากสุดก็หวัดดี ไหงน้องชั้นมันไปคุยกับตาแว่นหน้าหล่อนั่นได้”

ข้อสงสัยของผักกาดกังวานในความคิด ปลายปากกาถูกกดซ้ำๆ ลงบนที่เดิมจนเป็นจุดลึก
เหมือนกับความสงสัยที่ยังย้ำวนเวียนอยู่กับเรื่องเดิมๆ ในหัวของคะน้า

...ก็แล้วจะไปสงสัยอะไรกับเรื่องชาวบ้านเขาด้วย จะเป็นใครก็ช่างเหอะ ชายหนุ่มสะบัดหัวพรืด
ไล่ความคิดไร้สาระออกไป หากแต่ความรู้สึกหนึ่งในใจกลับทำให้เขารู้สึกโหวงอย่างประหลาด

...รู้สึกใจหาย และเขาก็ตอบความรู้สึกนั้นในใจไม่ได้จริงๆ

ป่วยการจะค้นคิดหาคำตอบที่ไม่รู้จะหาไปให้ได้อะไร
คะน้าเหยียดตัวลงบนโซฟาบุหนังนุ่มๆ หยิบโทรศัพท์กดออกหาจันทู
เปลี่ยนแผนให้เอาไอศกรีมไปส่งให้ตุลที่โรงพยาบาลตามที่ตุลสั่งเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
ส่วนตัวเขาจะไปเฝ้าที่แผงในตลาดเอง ...อย่าเพิ่งเจอเลยดีกว่า
แน่นอนว่าจันทูไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอบ่นจนคะน้าปวดหู
ไม่ใช่เพราะว่าขี้เกียจไป แต่สาวเจ้าบอกว่าวันนี้เธอแต่งตัวสวยไม่พอ!

จะกดวางโทรศัพท์ก็เห็นเบอร์ที่รับไม่ทันเมื่อคืนขึ้นโชว์บนหน้าจอ
เพราะไม่คุ้นกับการรับสายซ้อน คะน้าเลยเผลอไปกดวางหูใส่เอา
และเมื่อวางโทรศัพท์จากตุลเสร็จก็รีบโทรกลับไปหา แต่ดูเหมือนเจ้าของเบอร์ก็ปิดเครื่องเสียแล้ว



...ทิมอย่างนั้นเหรอ?


...แล้วนึกยังไง มาเรียกกันแบบนั้น? อารมณ์ไหน?

หากแต่คำถามต่างๆ ที่จนปัญญาจะหาคำตอบนั้น กลับหายไปหมดสิ้นเมื่อตลอดเวลาทั้งบ่าย
พ่อค้าหนุ่มสาละวนกับการขายของเพียงแต่ผู้เดียวในตลาด เดี๋ยวมะพร้าวอ่อน
เดี๋ยวมะพร้าวสำหรับคั้นกะทิ ไหนจะต้องคอยขายไข่ไก่
หรือแม้แต่ไอศกรีมที่เขากำลังตักอยู่นี่ก็ตาม ...ลูกค้าเยอะจนน่าดีใจ

โทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้คะน้าแปลกใจ ร้อยวันพันปีไม่มีใครโทรหา
...เป็นสายของตุล พ่อค้าหนุ่มนิ่งไปสักพัก หรือว่าจันทูไปก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว
คิดแล้วพ่อค้าหนุ่มก็รีบกดรับสายด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ

“คุณตุล”

“นึกว่าจะเป็นคุณคะน้ามาเองเสียอีก” ปลายสายตอบกลับมาแบบนั้น ทำเอาคะน้ารู้สึกไม่ดี
คิดแล้วก็ไม่น่าขี้เกียจหรือคิดอะไรบ๊องๆ แบบนั้นเลย ถ้าไปเองก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไรแบบนี้

“ขอโทษนะครับ จันทูไปก่อเรื่องอะไรเอาไว้หรือเปล่าครับ”

“หืม?... อ้อ เปล่าหรอกครับ ผมแค่นึกว่าคุณจะมาน่ะ” ปลายสายที่ได้รับฟังถึงกับถอนหายใจโล่งอก
“ไอติมอร่อยมากนะครับ ที่แผนกชอบกันใหญ่เลย เห็นทีต้องอุดหนุนบ่อยๆ เสียแล้ว”

“ขอบคุณมากครับ เดี๋ยวจะแถมให้เป็นพิเศษเลย ฮ่ะๆๆ” โชคดีที่ไม่มีเรื่องน่าปวดหัว จันทูเอ้ยยย...

พูดคุยอีกสักพักตุลก็วางสายไป ทุกอย่างปกติดี ...ไม่เห็นเหมือนกับที่ผักกาดพูดเลยแฮะ
หากจะมีใครสักคนที่พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ก็น่าจะเป็นเขาเสียมากกว่า ...รึเปล่า?

บ่ายสี่โมงครึ่ง หนุ่มโสดขวัญใจแม่ค้าทั้งตลาดก็ถอนหายใจเฮือก วุ่นจนลืมเวลาไปเลย
นับตั้งแต่วันนั้นที่ได้นั่งคุยกันใต้ต้นไม้ ทิมก็ดูวุ่นวายกับงานการตลอดหลายวันที่ผ่านมา
แรกๆ ก็คิดว่าแบบนั้นจริงๆ แต่ความเฉยชานี่สิ ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับงานยุ่ง
...หรือเป็นเพราะว่าเราทำอะไรผิดหรือทำอะไรให้ทิมไม่พอใจ
ถ้าอย่างนั้น แล้วข้อความในมือถือนี่ล่ะ มันยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
ยังไงความสงสัยที่แบกมาหลายวันก็ขอสะสางในวันนี้แล้วกัน

แบกกระปุกไอติมที่ใหญ่บึ้มเป็นพิเศษในมือเรียกว่ายอมขาดทุนกันเลยทีเดียว ...เขาเรียกว่าค่าปิดปาก
คะน้าเดินฉุยๆ เข้าไปในโครงการก่อสร้างคอนโดที่ค่อยๆ คืบหน้าไปทีละน้อยอย่างคุ้นเคย
เห็นเป้าหมายเด่นมาแต่ไกล แม่ง... วิศวกรบ้าอะไร ไปเป็นดาราดีกว่าไหมน่ะ
แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับยีนส์สีเข้มมันยังฉายออร่าได้ขนาดนี้
ไม่รู้แหละ วันนี้ต้องรู้ว่าหมู่หรือจ่า ไอ้เด็กบ้านี่ เดี๋ยวก่อน ได้เห็นดีกัน
ว่าแล้วคะน้าก็จ้ำๆ ไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด
เป้าหมายหันกลับมามอง สีหน้าเรียบเฉยฉายความหงุดหงิดออกมาทางแววตา

...คุ้นแล้วกับท่าทางแบบนี้ ก็อย่าคิดนะว่ากูจะกลัว ระดับลูกเจี๊ยบแบบมึงน่ะ อ่อนว่ะ ไอ้ทิม
แววตาของคะน้าในวันนี้เคลือบแฝงไปด้วยความชั่วร้ายกว่าทุกๆ วัน เขาสบตาทิมกลับด้วยดวงตาที่ลุกวาว
ทิมมองกลับด้วยสายตาที่กร้าวไม่แพ้กัน ...ถามว่ากลัวไหม? และแล้วคะน้าก็ตะโกนออกไปสุดเสียง...

“ไอติมมาส่งแล้วคร้าบบบบบบบบบ... อ๊ะ! รออยู่อ่ะดิ ติ๊กต่อกๆ สี่โมงแล้วนะเออ”
แม่งหน้ากลัวโคตร กูฝ่อไปหมดแล้วเนี่ย ไอ้เด็กเปรต ตาแบบนั้น มึงไปเป็นโจรเหอะ
จ้องหน้ากูเขม็งแล้วเงียบแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง มึงอย่านะ กูกลัววววว...

“ไอติมเย๊นนนน...เย็น ห๊อมมม...หอม ดูสิ มีเนื้อมะพร้าวอ่อนด้วย น่ากิ๊นนน...น่ากิน”
นี่กูทำอะไรอยู่เนี่ย กลับตัวกลับใจตอนนี้ยังทันไหมวะไอ้คุณคะน้า แล้วสะดุ้งอะไรล่ะนั่น
ทำอย่างกับกูเป็นผี ดูมันจ้องกูเข้า โหย... จ้องกูแบบนี้มึงไม่ไปหยิบเกรียงมาเฉาะหัวกูไปเลยล่ะ
หล่อเทพลดตัวมาพูดด้วยดีๆ ก็ไม่พูดด้วย มองหน้ากูนะ แล้วขีดเส้นใต้หนาๆ ยังไงกูก็มีศักดิ์ศรีของกู!

“สักคำไหม ร้อนๆ กินไอติมเย็นๆ นี่มันชื่นใจนะน้องทิม”
เค้าเรียกว่าศักดิ์ศรีของพ่อค้าที่ต้องมีหัวใจบริการไง อ้าปากนะๆ อ้ามมมม....

เหล่าคนงานที่ผสมปูนอยู่ใกล้ๆ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คะน้ากลืนน้ำลายเอื๊อก
นี่มันผิดแผนไปหมดเลยกู ไหงมันเป็นอย่างนี้ไปได้เนี่ย
หมดกันภาพลักษณ์หล่อเทพที่สร้างมา อีกคนจ้องกลับตาเขม็ง ไม่พูดไม่จา

...ตู๊ดๆๆๆ ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียกอยู่ในขณะนี้
คะน้าค่อยๆ เอามือปิดฝากระปุกไอศกรีมยักษ์ในมืออย่างเก้อๆ
นอกจากไม่เท่แบบที่ตั้งใจไว้ ยังไม่ขำเอาเสียอีก ซ้ำร้ายไปกว่านั้น
ดวงตากร้าวนั้น กลับดูโหดกว่าเดิมเมื่อคิ้วเข้มๆ เริ่มขมวดขึ้งอยู่บนใบหน้าแดงๆ
เหมือนโกรธจัดยังไงยังงั้น โกรธอะไรขนาดนั้นนะ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย
...เพิ่งคิดอะไรได้บางอย่าง จู่ๆ คะน้าก็สะดุ้งเฮือก


...ฉิบหายละ! อย่าบอกนะว่าไอ้หล่อเท่มันจับได้ว่ากู...




...ว่ากูแอบเอามันมาโอ้บะบ่ะที่ท้องสนามหลวงทีนึง!!!

เช็ดโด้โกโก้ครั้นช์แล้วไงล่ะ! กูไม่รู้ กูไม่ได้ตั้งใจ เอาไงดีวะเนี่ย จู่ๆ คะน้าก็รู้สึกว่าตัวเองค่อยๆ ลีบลงๆ
ถ้ามีหู หูก็คงตก ถ้ามีหาง หางก็คงหดนั่นแหละ มะ...มันรู้ได้ด้วยเหรอ ของแบบนี้!
เหลือบมองคนข้างๆ ด้วยแววตาหวาดๆ ไม่รู้จะพูดยังไงให้ดูไม่เหมือนคนโรคจิตหากเป็นอย่างที่คิดจริงๆ

“ไม่เห็นอยากกิน” ดวงตายังมองตัวเลขบนกระดาษที่อยู่ในแฟ้มบนมือ
หากแต่เสียงของทิมดังขึ้นมาในที่สุด ส่วนคนที่ได้ยินน่ะเหรอ วิ๊งๆๆๆ หูตั้ง หัวส่าย หางกระดิกหมุนติ้ว

คะน้าค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้ ส่งสายตาวิ๊งๆ ทิมขยับหนีไปหนึ่งก้าว ตายังจ้องมองตัวเลขในกระดาษ
เมื่อคนตัวสูงกว่าออกห่าง คะน้าก็เขยิบตาม หากแต่อีกฝ่ายก็ขยับตัวไปด้านข้างเรื่อยๆ อยู่แบบนี้ กระทั่ง...

“อะไร!” ทิมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหงุดหงิด

“กินติม”

“ไม่!” หันมาทำหน้าดุใส่คะน้า คนที่ได้ยินถึงกลับสลด วิศวกรหนุ่มยืนเก้อชั่วครู่
เหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี ก่อนจะเฉหันหน้าไปทางอื่น “...ไม่ใช่ตอนนี้”

ถึงจะเบา แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ฟังเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย
ทิมหันกลับแล้วเดินเบี่ยงออกไปอีกทาง ขายาวก้าวฉับๆ ชนิดกะจะไม่ให้เห็นฝุ่น
คะน้าพยายามทำใจดีสู้เสือเดินตามไปกระทั่งถึงร่มไม้ใหญ่
กระนั้นคนที่ถึงก่อนก็อุตส่าห์กระถดตัวหนีแม้จะชิดขอบรั้วกำแพงแล้ว ...อีกเซนฯ ก็ยังดี

ชูจักกะแร้ก็ไม่เห็นจะมีกลิ่น ดมเนื้อตัวถึงจะไม่หอมแบบอาบน้ำใหม่ๆ
หรือใส่น้ำหอมแต่ก็ไม่ได้เหม็นเหงื่ออะไร หากจะมีก็แค่ลืมสระผม
แต่ก็แค่วันสองวัน ไม่น่าจะส่งกลิ่นอะไรขนาดนั้น ...หรือว่าไม่พอใจอะไรจริงๆ



...หรือเพราะไม่ได้ตอบข้อความกลับไป?

คิดได้ดังนั้น คะน้าก็หยิบมือถือขึ้นมากดข้อความส่งออกไป
ทิมเหลือบตามองสักพักแต่ก็ยังคงยืนนิ่ง คิ้วหนาๆ ขมวดมุ่นอยู่เช่นเดิม

เป็นธรรมดาที่ความร้อนระอุในยามบ่ายมักจะทำให้เราหงุดหงิดเสมอ
หากแต่ความเงียบในตอนนี้กลับทำให้รู้สึกอึดอัดยิ่งกว่า
ทิมยังคงสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น ...อึดอัดจนคะน้าลอบถอนใจเบาๆ

“เอ่อ... งั้นพี่กลับก่อนแล้วกันนะครับ”

ค่อยๆ ย่อตัวลงแล้ววางกระติกไอศกรีมที่เอามาลงบนพื้นตรงหน้า
พอจะยกตัวขึ้นยืนก็รู้สึกถึงน้ำหนักเบาๆ ที่วางลงบนหัวตัวเอง
เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นไรผมเปียกชื้นของคนที่ยืนข้างๆ
แทนที่จะเป็นหมวกพลาสติกสีเหลืองที่เคยสวมใส่อยู่บนศีรษะตลอดเวลา

ซวยล่ะสิ อยากจะทุบหัวตัวเองสักที ...รีบจนลืมอีกแล้ว คะน้าหลับตาปี๋
รู้ดีว่าคนอย่างทิมไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบพูดอะไรซ้ำๆ
“เอ่อ... ขอบคุณนะครับ” เอามือยกขึ้นจับหมวกบนหัว

“อากาศร้อนเนอะ ว่าไหม”
คนที่ไม่สวมหมวกตีหน้าขรึม เอาแฟ้มกระดาษในมือพัดเรียกลมไปมา
แล้วเดินเลาะไปอีกด้านหนึ่งของร่มใม้ใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป



(ต่อข้างล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-05-2012 13:53:28
(แม่ยกทั้งหลาย โปรดเตรียมตัวเตรียมใจก่อนอ่าน o18)





แสงแดดใกล้จะระไปจากท้องฟ้ากว้าง ดวงอาทิตย์ดวงกลมแผดสีทองอร่าม ณ เส้นขอบฟ้า
ย้อมหลังคาของโลกให้สุกสกาวราวกับผลไม้ฤดูร้อนที่สุกงอมฉ่ำหวาน
ทุกอย่างดูช้า และเนิ่นนานกว่าที่ควรจะเป็น นิ่งและเงียบสงบ
ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะเคลื่อนเข้าสู่นิทราด้วยความอ่อนล้าจากวันอันแสนยาวนาน
ไม่มีเวทย์มนตร์วิเศษใดๆ อยู่เบื้องหลังไหล่กว้างที่ตัดกับท้องฟ้าสีแสดนั้นหรอก
หากแต่เป็นผืนหญ้าที่นุ่มนวลราวกับพรมชั้นเลิศนั้นต่างหาก
ที่ดูดซับสรรพเสียงของการขยับเขยื้อนของคนทั้งสองคนนั้น
ไว้ด้วยการยืนหยัดจากรากสู่ลำต้นน้อยๆ นับแสนล้านชีวิตของมัน

ทิมดูสงบนิ่ง ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวคู่นั้นทอแสงอุ่นจางๆ
ไม่ต่างอะไรกับเมฆนุ่มๆ บนท้องฟ้าในตอนนี้เลย ชายหนุ่มค่อยๆ ทิ้งตัวนั่งลงตรงที่เดิม
ภาพที่คุ้นตานั้น กลับดูไม่คุ้นสักนิดสำหรับคนที่เดินตามมา อ่อนโยนและอบอุ่นจนเหมือนภาพลวงตา

ไม่ใช่ความดุดันแบบที่เคยคุ้น ทิมในตอนนี้ดูไม่แตกต่างอะไรกับชายหนุ่มในวัยเบญจเพสทั่วๆ ไป
ไม่ใช่สิ ดูเหมือนจะลึกซึ้ง ละเอียดอ่อน และเดียงสากว่าคนในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ
แววตานั้นซื่อตรงต่อความรู้สึก ปราศจากเล่ห์กล หรือสิ่งปรุงแต่งใดๆ
คะน้าค่อยๆ ย่อตัวลงนั่งข้างๆ ทิ้งน้ำหนักลงบนแขนที่ค้ำดันอยู่ด้านหลัง
สูดกลิ่นอ่อนๆ ของต้นไม้ใหญ่ที่ทอดเงาอยู่เบื้องบน
พื้นที่บริเวณนั้นปราศจากผู้คน เหล่าคนงานต่างแยกย้ายไปพักกันหมดแล้ว
ทิมหันมามอง คะน้ามองกลับก่อนที่ต่างผ่ายจะหันกลับไปแบบเก้อๆ

“ไม่กลับเล่า”

“เรียกว่าพี่สิ อายุก็น้อยกว่า” คะน้าบ่นแทนคำตอบ กี่ทีๆ ทิมก็ไม่เคยจะเรียกว่าพี่สักครั้ง

“ก็รุ่นเดียวกัน”

“ยังเรียกพี่รัตนาได้” จนปัญญาจะเถียง ทิมถอนหายใจแบบเซ็งๆ

“...พี่ไม่ต้องรีบกลับเหรอ พี่ๆๆๆ พอใจยัง” ไม่ค่อยจะเต็มใจหรอก ฟังดูก็รู้
แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว คะน้ายิ้มให้ ดีใจที่ถูกนับอายุแบบคนทั่วไปเสียที

“ไม่ต้องแล้ว วันนี้ขายหมดไวน่ะครับ”

“ก็ดีสิ”


...ดี? ...ดียังไง? คะน้าตั้งคำถามในใจด้วยความสงสัย

ทิมพยักหน้าเบาๆ รอยยิ้มน้อยๆ คลี่ขึ้นที่มุมปาก
ทั้งหมดนั้นทำให้คนที่สวมหมวกต้องก้มหน้างุดลงด้วยความรู้สึกที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ที่มาที่ไป


...เขินเหรอ ...ไม่รู้สิ

ไม่นานนักคะน้าก็รู้สึกถึงน้ำหนักบนบ่าข้างซ้ายที่ค่อยๆ กดลงมา
ความเปียกชื้นจากเหงื่อที่อยู่บนไรผมอีกคนสัมผัสลงข้างแก้มก่อนจะลางลงมาที่ลำคออย่างช้าๆ
ใบหน้าของทิมค่อยๆ เอนลงแนบชิดที่ข้างแก้มแล้วไล้ลงต่ำ ...ใกล้ชิดจนได้ยินเสียงของลมหายใจ
มีกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ เจือมากับไอร้อนจางๆ จะรู้สึกได้ จนคนที่นั่งนิ่งอยู่รู้สึกงงและทำอะไรไม่ถูก

“เหนื่อย”

หัวไหล่ทิมเบียดชิดจนแนบซ้อน คนสวมหมวกหลบสายตาอีกคนด้วยการก้มมองต่ำ
แต่แล้วก็ต้องชะงักหยุดอยู่ที่ใบหน้าราวกับรูปวาดที่วางอยู่บนหัวไหล่นั้น
ขนคิ้วสีดำจัดที่เรียงเส้นเป็นแนวสวยรับกับสีดำเป็นแพหนาโค้งงอนบนเปลือกตาเขา
มันตัดกับสีฝาดเลือดที่ระเรื่อแดงบนริมฝีปากของทิมอย่างพอดี
โครงสร้างกระดูกบนใบหน้าโค้งมนและหักแหลมอย่างเหมาะเจาะ
ผิวหนังที่ขาวสะอาด แม้ดูกรำแดดไปบ้างแต่ก็ยังเนียนละเอียด
วูบหนึ่งคะน้ารู้สึกจุกที่กลางหน้าอกด้านซ้าย มันกระตุกและแปลกไปจนเขาเองก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
...ไม่รู้จะซุกซ่อนความรู้สึกตัวเองได้ไหม คะน้าเบนสายตาลงต่ำพร้อมกับหยิบกิ่งไม้แห้งๆ
ขึ้นเขียนอะไรบนพื้นดินไปตามเรื่อง หวังลึกๆ ว่าความร้อนที่วูบวาบบนใบหน้านั้นจะหายไปในไม่ช้า

“จะไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

“อ...อือ”

คะน้ารับคำด้วยเสียงสั่นๆ หัวใจเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ
ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นของทิมค่อยๆ เปิดขึ้นรับความอบอุ่นของแสงตะวันอีกครั้ง
ก่อนจะทอดมองไปที่ต้นไม้สูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลออกไป
สายลมพริ้วไหวพัดหยอกล้อกิ่งไม้จนไหวเอน และเมื่อสายลมพัดผ่านจนสงบ
ทุกอย่างก็ดูจะคืนสู่ความสงบนิ่งตาม ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
มีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังเป็นจังหวะให้ตัวเองพอได้ยิน

“นิ่มอย่างกับผู้หญิง”

“อ...อะไรเล่า”

ทิมไม่ได้ให้คำตอบใดๆ นอกจากเสียงหัวเราะน้อยๆ ในลำคอและกล้ามเนื้อเล็กๆ ตรงมุมปากที่ยกขึ้นสูง
...แต่แค่นั้นก็มากพอสำหรับคนที่จ้องมองอยู่ คะน้ารู้สึกหายใจติดขัดกับท่าทางสบายๆ ของทิม
ราวกับความรู้สึกมันจะกระเจิดกระเจิงไปกับต้นเสียงทุ้มๆ ที่ตอนนี้เงยหน้าขึ้นมาสบตาพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
...ราวกับต้องคำสาป คะน้ารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมลงในน้ำ ค่อยๆ ดำดิ่งลง ลึกลง… และลึกลง…


...เหมือนขาดอากาศจะหายใจ

ร่างที่เล็กกว่ากำลังฝืนตัวเองอย่างหนักกับความสั่นสะท้านที่เกิดขึ้นเงียบๆ ในความคิด
กระนั้น คะน้าก็เชื่อเหลือเกินว่าเป็นใครต่างก็คงยินดีที่จะหยุดลมหายใจตัวเองกับนาทีเหล่านี้ของทิม
เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เกิดขึ้นแม้เพียงเสี้ยววินาที หากแต่ความรู้สึกนั้น อาจตราตรึงยาวนานราวกัปป์กัลป์

“หนุนนะ”

“อ...อือ”

ร้อนวูบไปทั้งตัวเมื่อส่วนโค้งของศีรษะทิมถูกยกขึ้นก่อนจะค่อยๆ เอนลงช้าๆ
ช้า...จนค่อยๆ แนบลงไปบนตักของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น โลกราวกับจะหยุดหมุน
เวลาคล้ายว่าจะตรึงให้นิ่งอยู่กับปลายแสงสุดท้ายแห่งวัน ทุกอย่างเงียบสงบ
หากแต่มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของคนสองคนที่บอกให้รู้ว่าบางสิ่งบางอย่างยังคงดำเนินไป

“ก...กินติมไหม”

รู้ว่างี่เง่า แต่ก็ฝืนพูดออกไป แม้จะกระท่อนกระแท่นก็ยังดีกว่าจะขาดใจตายอยู่ตรงนี้
ไม่มีคำตอบใดๆ จากริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนั้น หากแต่มือกว้างค่อยๆ ยกขึ้น
...ค่อยๆ ถอดหมวกที่เจ้าตัวเคยเป็นผู้ยกสวมให้นั้นออกเองกับมือ
ดวงตาสีดำทอแสงอุ่นๆ ก่อนที่มือกว้างจะค่อยๆ ลูบเรือนผมนั้นอย่างแผ่วเบา
กระนั้นน้ำหนักของปลายนิ้วที่ลูบไล้ก็มากพอจะทำให้คนที่นั่งอยู่ รู้สึกทำอะไรไม่ถูก

“เวลาอยู่ใกล้ๆ ถึงจะเห็น ผมพี่เป็นสีน้ำตาลเข้มนี่นา”

“อ...อือ”

“นิ่มดีนะ”

ไล้มืออย่างอ้อยอิ่งราวกับสัมผัสจากสายลมที่ให้ทั้งความรู้สึกเย็นสบายและรู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด
คะน้าไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองคนที่หนุนอยู่บนตัก ความปั่นป่วนแทรกซึมไปทั่วร่างจนสั่นสะท้าน
แม้ปลายนิ้วยังคงโลมไล้ไรผมสีน้ำตาลเข้ม หากแต่ทิมก็ขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย นึกแปลกใจกับสิ่งที่ได้เห็น

“พี่ไม่สบายเหรอ”

“ป...เปล่า” เสียงแหบจนแทบจะไม่ได้ยิน

“เสียงพี่ดูสั่นๆ”

“ม... ไม่เป็นไรๆ” คะน้าพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
นึกแปลกที่ตัวเองรู้สึกเขินอายเอากับคนที่เป็นผู้ชายด้วยกัน “กินติมเปล่า”

“ขี้เกียจ” ยกแขนทั้งสองข้างขึ้น ทิมบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า

“ม...มันละลาย” ไม่ค่อยมั่นใจกับตัวเองว่ากำลังหมายถึงไอศกรีมในกระติก หรือคนพูดกันแน่
ทิมผ่อนลมหายใจเบาๆ ยิ้มน้อยๆ ขึ้นที่มุมปากแล้วสบตาคนที่หนุนนอนอย่างหยอกล้อ

“ช่างมัน”

“เสียดาย”

“ป้อนดิ”

เสียงทุ้มที่เพิ่งได้ยินทำเอาคนที่นั่งอยู่อึ้งไปชั่วขณะ ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดหรือโมโหกับสิ่งที่ได้ยิน
และก็ไม่ได้รังเกียจที่จะทำ ปกติเขาเองก็เคยเล่นกับเพื่อนบ่อยๆ
หยิบนั่นป้อนนี่กับเพื่อนๆ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยจนชิน
หากแต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับแตกต่าง จะเป็นอะไรไหม ...ถ้าเป็นทิม?

“นะ”

คนที่นอนอยู่จ้องตาให้รู้ ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านใดๆ กับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่
ริมฝีปากนุ่มกระตุกยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนที่จะค่อยๆ อ้าเผยอขึ้น

“ไวๆ”

“จะกินยังขี้เกียจ”

ก็พูดไปอย่างนั้น อันที่จริงน่าจะแก้ความรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ในขณะนี้เสียมากกว่า
คะน้าค่อยตักไอศกรีมขึ้นจากกระติกแล้วป้อนคนที่นอนอยู่บนตักตัวเอง ...ทำตัวเป็นเด็กๆ ไปได้

“ระวังสำลักนะ อ้าว เลอะแล้ว” ไม่ทันขาดคำทิมก็ไอศกรีมก็ไหลเลอะที่มุมปาก
ทิมยกมือขึ้น เอานิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดริมฝีปากแล้วปาดเข้าปากตัวเอง ดวงตาจ้องมองคนป้อนอย่างหยอกล้อ

“หวานนนน...”

คะน้าส่ายหัว สลัดแววตาและท่าทางเหล่านั้นให้พ้นจากความคิด
อาจลองคิดดูดีๆ แล้ว เผินๆ ทิมเหมือนคนดุ เจ้าเล่ห์และขวางโลกนิดๆ วางตัวเป็นผู้ใหญ่เกินวัย
แต่อายุ 25 ที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้ อีกมุมหนึ่งกลับเหมือนเด็กอายุสัก 5 ขวบได้


...ตามไม่ทันจริงๆ

บางทีก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่าความหวั่นไหวแปลกๆ ในความรู้สึกนั้น
จริงๆ แล้วเป็นเพราะอาการเพี้ยนของตัวเองที่มีมาแต่กำเนิดหรือเปล่า
คิดเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ วนๆ เวียนๆ กับความสงสัยอยู่ร่ำไป
แต่แล้วคะน้าก็ชะงักเมื่อจู่ๆ ก็เห็นร่างสูงคุ้นตาที่กำลังเดินเข้ามาในไซด์งานก่อสร้าง
เขาเหลือบซ้ายแลขวาเหมือนกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง

...แม้ในระยะไกล คะน้าก็จดจำคนๆ นั้นได้ดี

อาการนิ่งและสีหน้าที่ประหลาดใจของคะน้าทำให้ทิมค่อยๆ ลุกขึ้น
คิ้วเข้มยกสูงและขมวดเป็นเครื่องหมายคำถาม ก่อนจะเบนสายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ

คะน้ากำลังยิ้ม ...และยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อคนที่แปลกหน้าคนนั้นเดินเข้ามาใกล้
คนๆ นั้นส่งยิ้มให้กับคะน้า เป็นรอยยิ้มที่ดูดี หากแต่ทิมรู้สึกไม่ชอบใจอย่างบอกไม่ถูก

“ใคร?” เสียงห้วนๆ และแววตาที่กร้าวกลับมาอีกครั้งจนคนฟังรู้สึกแปลกใจ
คะน้าที่กำลังอึ้งๆ ก็งงจนทำอะไรไม่ค่อยถูก เหมือนความเงียบนั้นจะนานจนเกินไปสำหรับทิม

“ผมถามพี่ว่านั่นใคร!”

“ตุล... คนรู้จักน่ะ ไม่สิๆ เพื่อนน่ะ แต่ทำไมมาที่นี่ได้นะ”
คะน้าตอบไปด้วยอาการงวยงงที่อยู่ๆ ตุลก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่
หรือแม้กระทั่งการที่ทิมก็ดูแปลกไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ...หงุดหงิดเรื่องอะไรนะ

ฝ่ายคนที่เดินเข้ามาใกล้เองก็เริ่มชะงักกับคนแปลกหน้าอีกคนที่เขาไม่เคยคุ้นตา
ไม่ใช่ว่าไม่เห็นถึงความใกล้ชิดเมื่อสักครู่นั้น ตุลมองจ้องไปที่ทิมไม่วางตา
ความรู้สึกบอกไม่ได้ว่าควรจะเอ่ยทักในฐานะมิตร หรือในฐานะอะไรดี



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


กลิ่นหญ้าอ่อนๆ ตอนนี้หอมฉุยเชียว แต่งไปก็หมั่นไส้ไป จะหล่อเท่มีเสน่ห์อะไรขนาดนั้น
อยากให้ตาทิมเลิกซึน อยากให้จู่โจมทำคะแนนบ้าง ขอมาก็จัดไป ฮ่ะๆๆๆ
สารภาพว่าใจจริงไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย ดันเข้ามาอ่านคอมเมนต์ท่านผู้อ่านที่น่ารักก่อนน่ะสิ
พร้อมใจกันขนาดนี้ ผลก็คือบ้าจี้ตามเสียงเรียกร้องคนอ่านไปนั่น ไม่ได้ลำเอียงเล้ยยยย... สาบานก็ได้!
คราวหน้าเห็นทีต้องแต่งก่อนค่อยเข้ามาอ่าน ไม่งั้นเสียรูปขบวนหมด ตอนนี้ หมอตุลขอฝากไว้ก่อน
เดี๋ยวจะทวงคะแนนคืนให้จงได้ ลูกผู้ชายล้างแค้น สิบปีก็ไม่สาย เหอๆๆๆ

แบบทดสอบสำหรับคนแต่งในตอนที่อัพนี้ ก็คือการเขียนโดยใช้ภาษาละเมียดซะหน่อย
บางช่วงในตอนจึงดูละเมียดเป็นพิเศษ(รึเปล่า) ก็ถือว่าทดลองดูน่ะครับ แหะๆ
มันก็ได้แค่ตอนนี้ตอนเดียวแหละ เพราะขี้เกียจ กร๊ากกกกกกกกกกกก...

แอบทำ FB Page ขึ้นมา เผื่อไว้เอาไว้ให้คนอ่านพูดคุย ตามจิก หรือรีเควสอะไรคนแต่งนะครับ
กดที่ตามไปที่ลิงค์นี้เลยนะคร้าบบบ... Lucea’s Page (http://www.facebook.com/pages/Lucea/349796578417879)

พบกันใหม่ตอนหน้าครับ ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และกำลังใจนะครับ
รักคนอ่านจริงๆ ให้ดิ้นตาย จุ๊บๆ ขอกอดหนักๆ หนึ่งทีเนอะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 5 (หน้าที่ 5) - May 8, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 13-05-2012 13:54:15
 :z13: :z13: :z13:   จิ้มคนเขียนทะลุ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: จีเวลจ้า ที่ 13-05-2012 13:58:21
แอร๊ยยยยยยย

เมะสองคนเจอกันแล้ว...หนูคะน้าก็สู้ๆนะ ถ้าตกลงกันได้ก็3Pโลดดดด

 :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-05-2012 14:14:00
รถไฟสองขบวนเค้าชนกันแล้ววว
อะไรจะเกิดขึ้นนน ว๊ากกกก
ติดตามชมตอนต่อไป

ป.ล.ไลค์แฟนเพจใหเแล้วนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-05-2012 14:15:37
บวกกกกกกกกกกกให้
เสือสองตัวเจอกันแล้ว กระต่ายจะทำไงล่ะทีนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-05-2012 14:48:41
ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เป็นแบบเราสามคน  แต่แบ่งวัน  แบ่งเวลาเอาก็ได้นะ
นะวินาทีนี้หมอก็ดี  ทิมก็เลิศ  แอร๊ยยย  อยากเป็นคะน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Maprang_W ที่ 13-05-2012 14:56:34
โบกป้ายเชียร์ทิมอย่างจดจ่อ
หมอมาทำไม หมอมาได้ไง
จันทู เธอแอบเป็นสปายคาบข่าวไปบอกหมอชิมิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 13-05-2012 15:40:54
แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย มาทำไม พี่ตุลย์  :a6: :a6:

กำลังล่องลอย เหมือนมีใครมาฉุดลงมากระแทกพื้นซะงั้น


พี่ตุลย์ แล้วไง อย่างน้อย น้องทิม ก็คือคนที่ กระต่ายน้อย จินตนาการถึงตอน ไปสนามหลวง นะเฟ้ยยย (ข่ม  :oni2:)


(ไม่เกลียดพี่ตุลย์ แต่เค้ารักทิม)

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 13-05-2012 15:56:54
 o18 o18 o18  เชียร์น้องทิมหญ้าอ่อนน  o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 13-05-2012 16:44:13
รักทิม เชียร์ทิม ชอบสามพี o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Running ที่ 13-05-2012 17:56:31
ตามมาอ่านแล้ว
เรื่องนี้คัยจะเปนพระเอก เราล่ะไม่รุ้จะเชียร์ใครดี ฮ่าๆๆๆๆ
รอลุ้นต่อไปว่าคะน้าจะเลือกใคร
รอตอนต่อไปครับ บวกๆครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 13-05-2012 18:33:12
เอาหมอออกป๊ายยยยยยยยยยยย  :sad4:  เค้าไม่เอาหมอตุลย์
ต้อง ทิม ทิมและทิม เท่าน้านนนนนนนนะ  :o12:
 กขคมาแล้วทิม เอามีดกระซวกแล้วเอาไปขว้างทิ้งโลดด  o18
ส่วนกระต่ายอย่าปันใจให้หมอนะ  ต้องรักทิม ๆ ๆ  :oni3: โอมมมมมมม (สะกดจิตซะเลย 555555)

ปล ไลค์แล้วนะค่ะแฟนเพจ  o13
ปล1  :pig4: นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 13-05-2012 19:21:36
นักอ่านอยากให้พระเอกเป็นทิม
แต่! ทำไมดูแววแล้ว เรารู้สึกว่าคะน้าจะเลือกหมอตุลย์ง่ะ ม่ายยยยย
ต้องทิมเท่านั่น
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 13-05-2012 20:35:47
รถไฟชนกันสินะ :pigha2:

สองคนนี้ดูเหมือนจะรู้จักกัน.....รึเปล่าหว่า :confuse:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TONG ที่ 13-05-2012 21:20:12
อะไรอย่างไรตามลุ้นกันต่อไปค่า แล้วก็อยากบอกว่าไม่ชอบไม่สนับสนุนสามพีเลย

ถ้านักเขียนต้องจะสามพีมาแต่ต้น รับได้อ่านได้ไปเรื่อย แต่ถ้าแบบตามกระแสคอมเมนต์ มันจะแลดูไม่เข้าทีเข้าทางนะ

อย่างไรก็ดีแล้วแต่นักเขียนค่ะ คนอ่านก็ได้แต่ตามอ่านกันไป ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 13-05-2012 21:53:45
ตอนนี้โดนใจเจ๊อย่างแร๊งงง!!!  o13
นู๋ทิมของเจ๊ถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ คะน้าต้องรับผิดชอบด้วยเน้อ  :o8:

P.S. เออสับรางไม่ทันแล้วนะคะน้า 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 13-05-2012 21:59:44
หมอมาทำม๊ายยย ว่าแต่หมอตุลนี่โผล่มาแทบทุกตอนจริงๆ
ทิมสู้ๆ โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป
ก็เค้าชอบหญ้าอ่อนอ่ะ ห๊อม หอม ฮะฮ่าาา หวังว่าคะน้าจะชอบด้วยนะ
ตอนนี้ก็ใกล้ชิดมาก รุกเร็วจริงๆน้องทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: drasil ที่ 13-05-2012 22:00:38
โอ้ เจอกันแล้ววว
จะเป็นไงต่อนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 13-05-2012 22:53:02
แฮ่กๆๆๆๆ ฟิน!พี่ทิมขา~~~~~~~~~~~~~
ฟินมาก หล่อ ซึน มีหึงด้วยโว๊ยเฮ๊ย!!!โอย น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หมอตุลย์แม่งแย่ จะมาขัดจังหวะทำไม โกรธๆๆๆๆๆ เดี๋ยวกัดเลย!
น้องคะน้าคะ ทำไมถึงได้ซื้อบื้อโมเอ๊ขนาดนี้คะ???ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่า2หนุ่มหล่อเขาคิดจะงาบคะน้าผัดมะพร้าวน่ะ!
ปล.ยังกรี๊ดพี่ทิมต่อไป แอร๊ย หล่ออ่ะ พี่หล่อออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Smirnoff ที่ 13-05-2012 23:33:50
ตามไปจิ้มแฟนเพจลูเซียละ จะได้ตามจิก เอ้ย ตามให้กำลังใจได้บ่อยๆ 5555
แว้กกก ตอนนี้ทิมรุกฆาต  ทำไมปากแข็งจังเลยน้าาาา  o18กลิ่นหญ้าอ่อนแรงมากถึงมากที่สุดเลยอะตอนนี้ 5555
อิพี่ตุลโผล่มาได้จังหวะมาก  แหม้ ประกาศสงครามกันเลยว่างั้น 
บอกแล้วว่าสามพี  อย่าไปเกร็งๆ รักของเราสามคนเวิร์คสุด 5555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 14-05-2012 00:09:22
แอร๊ยทำไมตอนนี้ทิมดูหล่อขึ้นไปอีก10เท่า แถมยังหึงคะน้าด้วย
แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆ หมอตุลจะมาทำไมค่ะกำลังสวีทเลย  :angry2: :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 14-05-2012 00:17:32
อร๋าย ทิมน่ารักอะ คะน้าเขินอะดิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-05-2012 00:27:43
หมอกลับโรงพยาบาลไปเห๊อะะะะะจะมาหาทำไมค้าาาาาาาา  :pigha2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 14-05-2012 00:58:42
*นั่งกอดเข่าปลูกเห็ดอยู่มุมห้อง*
ทิมมันไม่เคยโผล่ไปขัดจังหวะหมอ หรือตามไปถึงโรงบาลเลยนะ
แล้วหมอจะมาขัดจังหวะทิมถึงไซด์งานทำมายยยย ฮือ~ T^T เสียใจ~
อารมณ์กำลังหวานชื่น กลิ่นหญ้ากำลังกรุ่นเลย
หมอตุลโผล่มา อากาศทำท่าเหมือนฝนจะตกล่ะ ฮา~

เราว่าหมอตุลมีภาษีกว่าทิมอยู่นะ เพราะได้เจอน้องต่ายตั้งหลายที่
ทั้งโรงบาล คอนโด ตลาด คุยโทรศัพท์ ไหนจะไปกินข้าวด้วยกันอีก
แต่ทิมนี่เจอกันแต่ในไซด์งาน ตลาดก็นานๆ ที ส่งข้อความไป
เขาก็ไม่ตอบกลับ โทรไปเขาก็กดตัดสาย พอจะได้หวานบ้าง
หมอก็ตามมาขัดจังหวะอีก ป๊าดดดด ทิมเอ๊ย ได้ใจแม่ยกแต่เหมือนแก
จะไม่ได้ใจพระพรหม(คนเขียน) นะ 55555

โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป
ขอบคุณนะคะ รอตอนต่อไปอยู่เน้อ~ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 14-05-2012 01:34:27
เล่นเอาไปไม่เป็น...ทิมรุกหนักได้ใจไปเลย
ที่สำคัญตุลดันเห็นนี่สิ งานนี้อาจมีเฮ เจอกันทั้งทีอยากอ่านฉากปะทะคารมแย่งคะน้าจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 14-05-2012 02:12:43
เชียร์ทิมเงียบๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 14-05-2012 13:21:29
ก็แบบว่า...

....หนูอยากเชียร์ทิมอ้าาาาา

555  คุณหมอตกกระป๋องไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-05-2012 15:51:16

กดบวกให้แล้วนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa ที่ 15-05-2012 17:11:06
เค้ากำลังสวีทหวาน  หมอตุลจะโผล่มาทำไม ห๊ะ  :m16:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: eastwind ที่ 15-05-2012 18:39:20
น้องคะน้าเนี่ยน่าไปออกช่วงพ่อค้าแซ่บของเทยเที่ยวไทยนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 15-05-2012 19:15:28
กว่าน้องทิมจะทำหวานได้ ก็มีมารซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 15-05-2012 22:47:40
เอาแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 16-05-2012 00:17:41
ทิมเท่มากกก หึงด้วย ฮิฮิ
ชอบตอนนี้มากค่ะ ทั้งน่ารักทั้งอบอุ่น #แม่ยกทิมมาเอง  o13 o13
เอาเยอะๆลูก ทิมสู้วๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 16-05-2012 01:41:50
สู้เค้าทิม!! แย่งน้องคะน้ามาให้ได้
แล้วส่งพี่หมอตุลย์มาให้เราซะดีดี
55555555555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 17-05-2012 08:25:57
แปะไว้นานจนเกือบลืม นิสัยเสียจริงเรา
สั้นๆก่อนว่าตอนที่ผ่านมาภาษาสวยดี เดี๋ยวไปตั้งคอมเม้นท์ใหม่ยาวๆดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 17-05-2012 18:01:47
คึคึ พี่คะน้าน่ารักอ่ะ o(*////▽////*)o
มีหนุ่มหล่อมาให้เลือกตั้ง2คน แต่คงไม่รู้ตัว=____=

ปล.แอบเขินน้องทิมเบา ฮี้ววววววววววววว       
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 19-05-2012 22:15:52
ดันด้วยช่วยกัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 20-05-2012 18:33:54
ยกป้ายไฟเชียร์ทิมสุดมือค่า ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 20-05-2012 21:26:44
เปิดศึกชิงนายคะน้ากันแล้ว :oni1: :oni1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 23-05-2012 17:23:52
เหมือนพี่ผักกาดจะเป็นกามเทพเลยนะเนี่ย
แปลงร่างต่ายน้อยซะ รถไฟใหญ่ๆ 2 ขบวนจะชนกันอยู่แล้ว
รอลุ้นต่อไปนะฮะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dariganae ที่ 23-05-2012 18:54:46
เชียร์ทิมสุดอ่ะค่ะ!!!!
แบบว่าไม่ไหวแล้ว
ชอบหนุ่มแนวนี้!!!~~~~~~~ //กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง
แบบว่าคุณหมอเค้าดูนิ่มๆ ดูแผนเยอะไปนิดส์
ต้องหนุ่มวิศวะสิคะ ขรึม หล่อ นิ่ง และซึนนนนนนน=//////////=

อ่านตอนนี้แล้วแบบว่า เหลือแค่สองเลยค่ะ หมอตุลล์หลุดออกจากสมองไปเลย555
ว่าแต่คุณหมอเล่นเข้ามาขัดจังหวะซะงั้น วัยรุ่นเซง=3= 55555 //โดนFCตุลล์ถีบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 23-05-2012 23:38:57
เพิ่งตามอ่าน อิๆ อยากจะบอกว่าเชียร์ ทิม สุดใจขาดดิ้น  :m19:
ชอบตอนล่าสุดที่สุดอ่ะ ทิมดูหลุดลุคเถื่อนๆไปเลย กลายเป็นเด็ก5ขวบ อิๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: แป๊ะยิ้มคุง ที่ 24-05-2012 08:06:56
เพิ่งตามอ่านทั้งที่ยังไม่ได้นอน พอเริ่มอ่านตอนแรกปุ๊ป!



 :a5:



แป๊ะตะบันยันตอนล่าสุดเลยทีเดียวววว!!!!

หายง่วงเลยอะ 5555555555555555

ชอบง่าาาาา า ส่วนตัวไม่ค่อยใคร่ 3P เท่าไหร่ แต่กับเรื่องนี้..



" กุเชียร์ทิมเว้ยเฮ้ย!!!!!!!!!!!!! "

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มาต่อเร็วๆนะค้าบ เป็นกำลังใจให้!  o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 24-05-2012 10:53:33
อยากอ่านต่อแล้วงะ
คิดถึงพี่ทิม :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 24-05-2012 10:54:29
สรุปใครเป็นพระเอกเนี่ย...เครียด :really2:
แต่ถ้าเราเป็นคะน้าก็คงเลือกไม่ถูกเหมือนกัน  :-[
ปล. เชียร์ทิมนะ เดี๋ยวหมอเราเอาเองละกัน โดน :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-05-2012 20:30:53
ฮือๆๆ หายไปนานเหมือนกัน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
พอดีทำงานที่โดนให้ทำไม่เสร็จ โดนแก้แล้วแก้อีก กลับบ้านเป็นอันสลบทุกที
รีบปั่นเมื่อวานคิดว่าจะเสร็จ แต่ก็ล่วงเลยมาเป็นวันนี้แทน วะฮะฮ่า
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน ทักทาย ให้กำลังใจกันนะครับ
อยากคุยกับเพื่อนๆ แฮะ แต่มันวุ่นๆ อ่ะ แปะไว้ก่อนนะ (ได้ข่าวแกแปะมากี่รอบแล้ว!)
ขอขอบคุณงามๆ กับพี่ oaw_eang กับพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่แวะมาช่วยดันกระทู้ให้นะครับ
ไม่รู้จะถูกใจไหมเนาะ แต่งไปเบลอไป มึนไป ฮ่าๆๆ ผิดพลาดยังไงขออภัยนะคร้าบบบ...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ตอนที่ 7




เปลวเทียนให้แสงสลัวจนบรรยากาศรอบตัวดูสวยงามกว่าที่ควรจะเป็น
ปลายส้อมสีมันวาวเขี่ยวนเส้นสีเหลืองกลมแล้ววางแลอยู่อย่างนั้น
กลิ่นเทียนอโรม่าจางๆ ที่เจือมาในอากาศ
ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของชายหนุ่มในเสื้อยืดสีมอๆ สงบลงอย่างที่มันควรจะเป็น

“ไม่ถูกปากหรือครับ” คำถามจากชายหนุ่มเจ้าของเสื้อเชิ้ตสีอ่อนพับแขนดูง่ายๆ
ดึงคะน้าให้กลับมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “หรือไม่ถูกปากกับอาหารฝรั่ง”

“โอ้ย อร่อยเหาะครับ ...มากๆ เลย” คำตอบดูจะสวนทางกับท่าทีการแสดงออก
เมื่อจานกว้างตรงหน้านั้น กลับพร่องลงไปนิดเดียว
ตุลวางส้อมลงบนจานแล้วเอนตัวไปพิงพนักด้านหลัง สีหน้าหม่นลง

“ผมไม่น่าไปรบกวนคุณคะน้าเลย”

“เอ้ย คุณตุลอย่าคิดแบบนั้นสิครับ ไอ้นี่มันสุดยอดมาก”
คะน้าบิดส้อมวนเส้นสปาเก็ตตี้จนรวมเป็นก้อนโตแล้วส่งเข้าปาก
รสชาติมันดีสมราคาที่แพงสุดโต่งเลยล่ะ แต่แปลก ...ทานไม่อร่อยเลย





 

ตุลที่เดินเข้ามาก็เริ่มชะงักกับคนแปลกหน้าอีกคนที่เขาไม่เคยคุ้นตา
ชายหนุ่มมองจ้องไปที่ทิมไม่วางตา บอกไม่ได้ว่าควรจะเอ่ยทักในฐานะมิตร หรือในฐานะอะไรดี

“คุณคะน้า”

“คุณตุลมาที่นี่ได้ยังไงน่ะครับ หรือว่ามีใครที่นี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
คะน้ารีบลุกขึ้น เหมือนนึกขึ้นได้ว่าตุลมีอาชีพอะไร ...มีคนบาดเจ็บหรือเปล่า?

ทิมเองก็ลุกขึ้นตาม สีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่กับการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ที่นี่เขตก่อสร้าง ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาได้”

“นั่นสินะครับ อันที่จริงผมก็ชั่งใจว่าเข้ามาจะดีไหม
แต่ถามพี่ยามตรงข้างหน้าก็บอกว่าคนที่ผมตามหาอยู่ในนี้ด้วยสิ”
ตุลยิ้มกลับด้วยแววตาที่ไม่ได้ยิ้มเหมือนกับการแสดงออกบนริมฝีปาก ก่อนจะหันมาพูดกับคะน้า
“จันทูบอกว่าคุณคะน้าน่าจะอยู่ที่นี่น่ะครับ ก็เลยตั้งใจจะมาหา
เย็นนี้... ทานข้าวกับผมนะครับ มีร้านอร่อยๆ อยากพาไปทานด้วยสิ”
ตุลหันมายิ้มเชิญชวน ไม่ได้สนใจอีกคนที่ยืนอยู่อย่างที่ควรจะเป็น

ทิมยืนนิ่ง ...นิ่งจนน่าอึดอัด ไม่มีคำพูด การเคลื่อนไหวใดๆ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่แสดงออกมาให้รับรู้
“ไปทานด้วยกันไหมครับ” คะน้าเอ่ยชวน หากแต่ไม่มีคำตอบใดๆ ออกจากปากของชายหนุ่ม
ทิมค่อยๆ ย่อตัวลงต่ำ หยิบหมวกพลาสติกสีเหลืองที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมศีรษะตัวเอง
มีคำพูดมากมายอยากเอ่ย แต่สุดท้าย คะน้าก็ได้แต่ยืนนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นใบหน้าของทิมภายใต้หมวกใบนั้น ความรู้สึกผิดเล็กๆ แล่นขึ้นมาในหัวสมองจนทำอะไรไม่ถูก

“ไงครับ น้องก็ไปทานด้วยกันสิครับ” ตุลหันไปยิ้มให้เขาก่อนจะถามย้ำกับคนที่ยืนนิ่งอยู่
คะน้าเองก็เงยหน้ามองไปทางทิมด้วยความอยากรู้ หากแต่คนที่ถูกมองกลับเมินหน้าไปด้านอื่น
บรรยากาศดูเงียบจนน่าอึดอัด สุดท้ายทิมก็ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วขอตัวจากไป








“เห็นทีวันหลังผมคงต้องเปลี่ยนร้านแล้วล่ะ อาหารฝรั่งอาจไม่ถูกปากคุณคะน้าจริงๆ”

“ไม่หรอกครับ” คะน้ารีบปฏิเสธ ยัดเข้าปากตุ้ยๆ

“เก็บเงินดีไหมครับ”

“เห้ย แต่มันยังไม่หมดเลยนะ”

“ไม่ต้องฝืนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ คุณอิ่มแล้วก็อย่าฝืนสิ”
ตุลหันมายิ้มกว้าง สบตาด้วยความจริงใจ รอยยิ้มนั้นยังคงอบอุ่นเช่นเดียวกับทุกๆ ครั้ง
ลงท้าย คะน้าก็ค่อยๆ ก้มหน้าแล้ววางส้อมลงข้างๆ จาน

“ขอโทษนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
...ผิดในความรู้สึกกับสิ่งที่ทำต่อตุล
...และผิดในความรู้สึกกับสิ่งที่ทำต่อทิม

“เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมขอเลี้ยงเองแล้วกันครับ ถือเป็นคำขอโทษ”
คะน้าเอ่ยขึ้นมา หากแต่ว่าตุลกลับส่งบัตรเครดิตให้กับบริกรไปแล้ว

“คราวหน้านะครับ” ตุลหันกลับมายิ้ม
คะน้าถอนบ่นอุบคราวก่อนตุลก็แย่งเขาจ่าย คราวนี้ก็อีกแล้ว

“แน่นอนครับ คราวหน้า”

รถยนต์สีบรอนด์เงินทะยานไปข้างหน้าตามเส้นทาง
มีเสียงดนตรีเพราะๆ จากเครื่องเสียงชั้นดีที่ทำลายความเงียบสงบในพื้นที่เล็กๆ ในห้องโดยสาร
นานๆ ทีจะได้ยินเสียงฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ จากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วเข้มขมวดขึ้งราวกับถูกตรึงมัดไว้
คะน้าจ้องมองไปที่พระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือฟากฟ้าสีดำ ไม่นานนักสายฝนก็เริ่มโปรยลงมา

“คิดอะไรอยู่หรือครับ หรือเครียดเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า มีอะไรที่ผมพอช่วยได้ไหม”
ตุลถามขึ้นด้วยความห่วงใย น้ำเสียงที่ทุ้มนั้นสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง

“ฮ่ะๆๆ ไม่มีอะไรครับ แค่คิดอะไรเพลินๆ”

“คิ้วขมวดซะขนาดนั้น” จำนนด้วยหลักฐาน
คะน้าจึงได้แต่นั่งเงียบเฉไฉมองไปข้างนอก ฝังตัวลงบนเบาะหนังสีอ่อนที่แสนนุ่มนั้น

ตุลเหลือบมอง รับรู้และเห็นมาโดยตลอดว่าคะน้าเป็นคนยังไง
นิสัยที่ตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกนั้นไม่เคยปิดบังบนใบหน้าสักครั้ง
ดวงตาที่ใสเหมือนกับเด็กชายตัวน้อยๆ คอยตั้งคำถามต่อเรื่องราวต่างๆ รอบๆ ตัวตลอดเวลา
แม้เจ้าตัวจะชอบแกล้งทำเป็นมีความสุข หรือกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะแปลกๆ
เพื่อให้คนรอบๆ ข้างมีความสุขอยู่บ่อยครั้ง แต่ดวงตาคู่นั้นไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้เลย



...เป็นคนอ่อนโยน แต่ก็แสนจะอ่อนไหวเสียเหลือเกิน


“ไม่มีอะไรจริงๆ น่ะ”

“ไม่มี ...ไม่มีจริงๆ” รีบปฏิเสธพัลวัน ท่าทางเหล่านั้นทำเอาตุลลอบถอนหายใจ

“งั้นผมขอถามอะไรหน่อยสิ” คะน้าหันมามองก่อนจะพยักหน้า
ตุลหน้านิ่ง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

“น้องคนที่ไซด์งานก่อสร้างนั่นเป็นใครหรือครับ ดูสนิทด้วยแฮะ รู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ”

แม้จะแปลกใจกับคำถามของตุลอยู่ไม่น้อย
แต่คะน้าก็ตอบไปตามความเป็นจริง ...ก็ไม่มีอะไรให้ต้องโกหกนี่นา
“ลูกค้าที่มาซื้อไอติมบ่อยๆ น่ะครับ เขาสั่งให้ไปส่งที่ไซด์งานทุกวันแหละ
วันละ 40 บาท ไม่ได้รู้จักมานานอะไรอย่างนั้นหรอกครับ”

“มองเผินๆ ผมกลับรู้สึกว่าสนิทกันนะครับ”

“โอ้ย ไม่เลย” คะน้าสวนตอบไปทันที ไม่เว้นแม้แต่จังหวะให้คิด ตุลขมวดคิ้วจ้องมองคะน้ากลับ
ท่าทางของคะน้านั้น ...เหมือนกับเด็กที่โดนจับได้ว่าทำแจกันแตกอะไรอย่างนั้น

“ไม่ได้สนิทอะไรเลยนะ เอาเข้าจริงๆ ผมคุยกับหมอมากกว่าอีก” หันมาทำหน้าจริงจัง

“คร้าบบบ... ไม่สนิทก็ไม่สนิทครับ” ตุลยิ้มขันให้กับท่าทีที่จริงจังเว่อร์ๆ ของคะน้า แล้วขับรถต่อไป



...แต่หากเพียงจะมีใครสังเกต นั่นเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย

ไม่นานนักรถยนต์ของตุลก็จอดเยื้องกับไอ้แก่พาหนะคู่ใจของคะน้าที่จอดไว้ในละแวกตลาด
คะน้าเปิดไปตูลงไปจากรถ ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณก่อนจะกล่าวขอตัว

“ขอบคุณนะครับหมอ”

“ขอบคุณด้วยเหมือนกันครับ” ตุลยิ้มตอบให้ คะน้ากำลังจะปิดประตู แต่ตุลก็รีบเรียกไว้

“เดี๋ยวครับๆ ผมยังไม่ได้จ่ายค่าไอติมที่ไปส่งให้ที่โรงบาลเลย
จะจ่ายให้ลูกจ้างคุณคนนั้น เค้าบอกว่าให้ที่คุณดีกว่า”
ตุลเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงส่งไปให้คะน้า

“จันทูน่ะหรือครับ อืม... ไม่เป็นไรก็ได้ครับหมอ ผมเลี้ยงหมอบ้าง เลี้ยงผมมาตั้งสองครั้งแล้ว”
คะน้าปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยลาแล้วตั้งท่าจะปิดประตู

“รับเถอะครับ ของซื้อของขาย อย่าเอามาปนกันเลยนะครับ ผมก็ลำบากใจ”
ตุลยัดธนบัตรใส่มือของคะน้า ยากจะปฏิเสธ ลงท้ายพ่อค้าหนุ่มเลยจำใจรับไว้

“แล้วก็นี่...” ตุลยื่นธนบัตรสีเขียวส่งให้สองใบ

“สี่สิบบาท ทำไมเหรอครับ ค่าไอติมห้าร้อยพอดีนี่ครับ”

“สั่งใหม่ครับของคราวหน้า ไม่ใช่ห้าร้อย แต่สี่สิบ ...แค่สี่สิบบาท”
คะน้ามองเงินสี่สิบบาทในมืองงๆ

“งั้นผมเลี้ยงดีกว่า สี่สิบ” ตั้งท่าจะคืนแต่ตุลเอื้อมมือมาบีบห้ามมือของคะน้าไว้

“อย่าเลี้ยงผมเลย อย่าเกรงใจในความสนิทสนมที่มีกับผม นับผมเป็นแค่ลูกค้าคนนึงก็พอครับ”
ตุลสบตาพร้อมกับรอยยิ้ม ...เหมือนรอยยิ้มนั้นในคืนที่ไปทานอาหารข้างถนนด้วยกัน
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าที่คะน้าจดจำได้ดี เสียงทุ้มนั้นเจือไปด้วยความขื่นขมในที

“...แล้วคุณจะมาส่งให้ที่โรงบาลได้ไหม”

คะน้าอึ้งไป รู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ความคิดเริ่มปะติดปะต่อ ตลอดระยะเวลาทั้งช่วงเย็นที่ผ่านมา
แม้ว่าตัวเขาจะอยู่กับตุล แต่ความคิดกลับวนเวียนไปคิดถึงความรู้สึกผิดต่อทิม
ลืมที่จะนึกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นร้ายแรงกว่ามากมาย แม้ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่อร่อยมากมายแค่ไหน
หรือแม้ว่าตุลจะดูแลเค้าเป็นอย่างดีเพียงใด แม้แต่ยอดสั่งไอศกรีมนั้นจะมากกว่าไม่รู้ต่อกี่เท่า
หรือแม้แต่คำพูดที่บอกว่าสนิทสนมหรือพูดคุยกับตุลมากกว่าเป็นไหนๆ
แต่เขากลับไม่ได้มองเห็นคุณค่าอะไรของการมีตุลอยู่นั้นเลย

หน้าต่างกระจกค่อยๆ เลื่อนขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ เลือนรางของตุล
รถยนต์สีบรอนซ์เงินค่อยๆ ขับเคลื่อนไปบนถนน ค่อยๆ เล็กลง ก่อนจะหายไปจากสายตา
คะน้าจ้องมองเงินสี่สิบบาทที่อยู่ในมือ ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำมาซ้ำไป

...คุณค่าของเงินไม่กี่บาท หรือคุณค่าของเจ้าของ สิ่งไหนที่มีตัวตนในสายตาเขาน้อยกว่ากัน

ฝนหยุดตกไปสักพักแล้ว ท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆหนาๆ นั้นอีกแล้ว
พระจันทร์ดวงกลมโตกลับมาทอแสงนวลอีกครั้ง หากแต่ความมืดหม่นในใจของคะน้ายังอยู่เช่นเดิม
หรือบางที... อาจเป็นตุลที่เหมือนใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวบนดวงจันทร์มาตลอดเวลาก็ได้

ไอ้แก่ครางหึ่งๆ ตามอายุการใช้งาน มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ
พร้อมกับความรู้สึกสับสนวุ่นวายในใจของผู้ขับ คะน้าตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเส้นทางที่ผ่านมา
...ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกับตุลและทิม ความรู้สึกกลับสับสนอลหม่านตลอดเวลา
พะว้าพะวงกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ เล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บเอามาตั้งคำถาม
แม้จะเป็นช่วงระยะวลาไม่นานนักที่ได้รู้จัก
แต่ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของคะน้านั้นกลับเปลี่ยนแปลงไปเสียมากมาย

ไม่ได้เชื่อคำทำนาย ไม่ได้งมงายฟุ้งซ่าน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร
เคยมีกับเขาที่ไหน แฟนที่เดินควงไปไหนต่อไหนแบบใครๆ
ที่ผ่านมาก็ได้แต่แอบปลื้มแอบชอบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย
ไม่กล้าแม้แต่จะคิดหวัง ...รู้ตัวดีว่าหน้าตาไม่ได้ดูดีแบบใครๆ

ความรักในตอนนี้ก็ไม่เคยคิดอยากจะมีด้วยซ้ำ
เอาแค่เคลียร์ปัญหาเรื่องที่วุ่นวายใจอยู่ตอนนี้ไปได้ก็ดีใจมากแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ คะน้าก็ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ ไม่ว่าจะเป็นตุลหรือทิม
ก็เป็นคนที่เขาถูกชะตามากๆ ทั้งคู่ ไม่มีเวลามานั่งคิดหาสาวๆ มาเป็นแฟนหรอก

คิดทบทวนมากมาย จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้
คะน้าเปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะบิดพวงมาลัยแล้วเลี้ยวกลับไปอีกทาง
เป้าหมายคือคอนโดของผักกาดที่ซึ่งเขามีเพื่อนบ้านที่แสนดี

ไม่นานนักคะน้าก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของผักกาด ประตูห้องปิดสนิท
ห้าทุ่มแล้ว ป่านนี้ผักกาดคงเตรียมตัวเข้านอน
ถ้าเข้าไปในตอนนี้ ยังไงก็คงซ่อนความรู้สึกกังวลเหล่านี้กับผักกาดไม่ได้
แล้วก็พาลให้พี่สาวต้องเครียดตามไปอีก คะน้าครุ่นคิด ตัดสินใจเดินไปห้องที่อยู่ข้างๆ กัน
ประตูห้องปิดสนิท คะน้ายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ตั้งท่าจะเรียก
แต่เสียงกีต้าร์โปร่งที่แผ่วเบาทำให้คะน้าชะงัก ความสับสนลังเลก่อตัวขึ้นในใจ
เดินกลับไปที่ห้องตัวเองก็ไม่อยากรบกวนผักกาด ลงท้ายคะน้าเปลี่ยนใจกลับไปที่บ้านตัวเอง

ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ปลายนิ้วค่อยไล่ไปทีละชั้น สัมผัสกับตัวเลขทุกๆ ตัว
ลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ คะน้ายืนนิ่ง ทิ้งน้ำหนักลงไปที่ผนังกระจกเงาด้านหลัง
ประตูโลหะเปิดออกทีละชั้นแล้วค่อยๆ ปิดเอง ซ้ำมาซ้ำไปอยู่อย่างนี้
เช่นเดียวกับความคิดของคะน้าในตอนนี้ที่วนเวียนไปมาซ้ำๆ ซากๆ

กระทั่งถึงชั้นล่างสุดที่เป็นลานจอดรถใต้ดิน คะน้าสูดลมหายใจลึก
ตัดสินใจจะกลับ หากแต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
คะน้าที่ยืนเซ็งๆ อยู่ถึงกับสะดุ้งเบิกตาโพลง มือทั้งสองยกขึ้นขยี้ตา
แปลกใจ และตกใจกับการปรากฏตัวขึ้นของคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้

ทิมกระตุกคิ้วเข้ม หน้ามุ่ยนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธอย่างเต็มที่



(ต่อๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-05-2012 20:41:34
เข้ามาคั่นหรือเปล่า หุหุ
ตามมาอย่างเร็วเลยย 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-05-2012 20:42:41
(ต่อเลยๆๆ :o8: )




ทิมกระตุกคิ้วเข้ม หน้ามุ่ยนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธอย่างเต็มที่

“เป็นพี่เองเหรอ ไอ้บ้าที่มันกดลิฟต์เล่นทุกชั้น รู้ไหมว่าผมยืนรอกี่นาที งี่เง่าอะไรขึ้นมาล่ะ”
กระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงเดินหลุนๆ เข้ามาในลิฟต์พร้อมกับลังกระดาษในมือ
ดูจากรอยกดน้ำหนักบนแขนก็พอเดาได้ว่าน้ำคงหนักไม่น้อย

“ขอโทษครับ เห็นว่าดึกแล้ว ก็...” พูดไม่ทันจบประโยคเสียงเข้มก็ดุแทรกขึ้นมาทันที

“ขอโทษแล้วมันแก้อะไรได้ไหม ก่อนทำ ทำไม่ไม่คิด”

“ผมลืมคิดไป คิดแค่ว่ามันดึกแล้ว ขอโทษนะครับ ให้ผมช่วยนะ”
ไม่ทันจบประโยคดี ลังทั้งใบก็ถูกยัดใส่มือของคะน้า ชายหนุ่มยืนงง แต่ก็รับมาถือโดยดี

ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง น้ำหนักของกล่องไม่ได้มากอย่างที่คิด
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาชินกับการแบกมะพร้าวทะลายโตๆ ทุกวันที่ตลาดจนชินก็เป็นได้
หันไปเหลือบมองดูทิมก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “น้องทิมอยู่นี่ด้วยหรือครับ ไม่เคยเห็นเลย”

“แล้วมันเป็นปัญหา?” สีหน้าหงุดหงิดยังไม่เปลี่ยน ท่าทางจะรอนานจริงๆ

“ขอโทษครับ ผมแย่จริงๆ”

“ช่างเหอะ” ยืนเตะจุ้ยเป็นคุณชาย ว่ากันตามความรู้สึกจริงๆ ชนิดไม่ปิดบัง
...ดูกวนตีนชะมัด แต่ทำยังไงได้ จะว่าไปตัวเองก็ทำผิดจริงๆ

ทิมเสียบการ์ดลงไปในช่องลิฟต์ก่อนจะกดปุ่มสูงสุดบนแถวด้านขวา ตั้งแต่อยู่ที่คอนโดนี้มาหลายปี
คะน้าเคยตั้งคำถามว่าคนประเภทไหนที่จะอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ที่เป็นเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่
มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นสวนหย่อมของตัวเองที่ดาดฟ้า
หรือแม้กระทั่งสระว่ายน้ำส่วนตัวโดยไม่ต้องพึ่งของส่วนกลาง
เพนท์เฮ้าส์ที่ออกแบบเป็นสองชั้นหรือที่เรียกว่า Duplex อันเป็นที่ฮือฮาในตอนที่เปิดตัวโครงการ
ว่ามีมูลค่าสูงจนน่าตกใจ ลำพังแค่ห้องปกติก็มีราคาสูงลิบลิ่วกว่าโครงการอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงแล้ว
แต่นี่... คะน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตา

ทิมยังคงมีสีหน้าหงุดหงิด เม็ดเหงื่อซึมชื้นที่ไรผม 55 ชั้น
คิดๆ ดูแล้วจากชั้นที่คะน้าอยู่จนถึงชั้นจอดรถก็คงหลายสิบนาที
แต่อะไรบางอย่าง คะน้ายอมรับว่ารู้สึกสะใจอยู่เล็กๆ เหมือนกัน

“มองไรพี่ หนักล่ะสิ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง คุณคงไม่ชิน ให้ผมช่วยเถอะ”

“ว่าไงนะ” ทิมบ่น น้ำเสียงเจืออารมณ์เอาแต่ใจแบบเคยๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มหายโกรธแล้ว
คะน้ายิ้มกลับให้ ทิมหันหน้าไปทางอื่น มีเสียงบ่นงึมงำเบาๆ “ยิ้มบ้าอะไร กวนประสาท”



เนื่องจากเป็นเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ที่มีเพียงห้องเดียวทั้งชั้น
บนชั้นสูงสุดจึงไม่มีระเบียงทางเดินแบบชั้นอื่นๆ ระบบลิฟต์จะถูกต่อตรงเข้าสู่ห้องพักทันที
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก คะน้าก็ก้าวตามทิมที่เดินดุ่มๆ แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาในห้อง

“วางตรงไหนก็วางๆ ไป” เสียงทุ้มดังออกมาจากส่วนในห้องที่กว้างมากๆ จนคะน้าจับทิศทางไม่ถูก
คะน้าค่อยๆ วางกล่องกระดาษนั้นลงบนโต๊ะสีขาวเรียบๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก

ครู่เดียวทิมก็เดินออกมาพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ เจ้าตัวยกกรอกปากเอาเหมือนเพิ่งหลุดมาจากทะเลทราย
ทิมโยนกระป๋องน้ำอัดลมในมืออีกกระป๋องให้กับคะน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจ จนคะน้าต้องรีบคว้าไว้เพราะกลัวตกพื้น

“หนักล่ะสิ เป็นไงล่ะ รู้แล้วใช่ไหมว่ามันรู้สึกยังไง”

“พอไหวน่ะครับ ไม่เท่าไหร่ ชินกับการแบกของหนักทุกวันน่ะครับ”
จิบเครื่องดื่มแล้วหันไปยิ้มให้เจ้าของห้อง เห็นทิมทำหน้าผงะ
ถ้าเดาไม่ผิด คะน้ารู้สึกเล็กๆ เหมือนกับทิมกำลังเสียความมั่นใจ

“เอ่อ... จริงๆ มันก็หนักมากๆ เลยอ่ะครับ เกือบตายเอาเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ก้มหน้าจิบน้ำ
...ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เห็นด้วยไหม? สีหน้าของทิมดูดีขึ้น ได้ยินเสียงพูดประมาณว่า
หนักอย่างกับแบกกระสอบหินกระสอบทราย แต่คะน้าไม่ได้สนใจนัก

ทิมก้มหน้าก้มตารื้อของออกจากกล่อง เดินไปเก็บในห้องนั้นห้องนี้ราวกับว่าลืมไปแล้วว่ามีอีกคนอยู่ที่นั่น
นานๆ จะเห็นทิมเหลือบมองมาที่เขาเป็นระยะๆ แล้วก็ทำหน้าหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ

“เอ่อ... งั้นผมกลับก่อนดีกว่า” คะน้าเอ่ยแทรกขึ้น ไม่มีเสียงตอบกลับ
มีเพียงสายตาที่แสดงออกถึงความขัดใจ นั่นก็มากพอจะทำให้คะน้ารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

“คือจริงๆ ก็ไม่ได้มีธุระอะไร แต่กลัวว่าจะรบกวนน้องทิมหรือเปล่าน่ะค...”

“เปล่า” แทรกขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้คะน้าพูดจบ จนคะน้าเก้อไป
ไม่รู้จะทำอะไรดี จึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

“ผมช่วยนะ”

“ไม่ต้อง” เบี่ยงตัวหลบคะน้าไปอีกทาง จนเขารู้สึกเก้ออีก





“...พี่พักเหอะ เหนื่อยแล้ว”

เสียงเบาราวกับว่าพูดจากที่ไกลหลายสิบเมตร ทำเอาคะน้ายิ้มขำ
คนแบบทิมนี่เป็นคนที่เผินๆ ดูปากร้าย ไม่น่าเข้าใกล้เอาเสียเลย
หากแต่ลองสังเกตดูดีๆ แล้วจะพบว่าคนละเรื่องกันเลย

คะน้าเอื้อมมือไปช่วยเก็บข้าวของ ทิมไม่ได้ดุว่าอะไรแบบที่เคยๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติ ราบเรียบ เว้นแต่รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากนั่น และใบหูที่ดูแดงๆ

ระหว่างที่เก็บข้าวของอยู่ คะน้าก็เริ่มกระสับกระส่ายกับความรู้สึกบางอย่าง
จะขอตัวกลับก็เกรงใจ กระทั่งร่างกายสำแดงหลักฐานชิ้นเอกด้วยเสียงท้องที่ร้องราวกับฟ้าผ่า
แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยิน เขาถึงกับเก็กหลุดจนปล่อยก๊ากออกมาทันที

“ไปกินข้าวประสาอะไร ท้องร้องอย่างกับไดโนเสาร์”

“ช่างเหอะ”

“ก็แล้วทำไมพี่ไม่กินให้มันอิ่มๆ”

“กินไม่ลง”

“เป็นอะไรกินไม่ลง”

“...ก็” อ้าปากจะพูด แต่ดีที่ยังยั้งไว้ทัน “...ช่างเหอะ”

“ก็อะไร”

“ไม่มีอะไร”

“ถามว่าก็อะไร!”

เสียงเข้มแสดงถึงความหงุดหงิดเต็มที่ จนปัญหาจะนึกหาเหตุผล
จะพูดออกไปว่าเพราะมัวแต่คิดกังวลเรื่องทิมอยู่ก็ดูจะยังไงๆ
ลงท้ายก็พยายามหาความจริงที่ใกล้เคียงที่สุด ...ไม่อยากโกหกใคร

“ก็ไม่ค่อยอยากไปกิน” คำตอบเรียบๆ ง่ายๆ ของคะน้าที่พูดส่งๆ ไป
กลับทำให้ทิมชะงัก ทุกอย่างเงียบลงไปชั่วขณะ




“ปัญญาอ่อน”

ทิมหยุดหยิบฉวยข้าวของแล้วเดินออกไป ถ้าสายตามองไม่พลาด
เหมือนกับคะน้าจะเห็นรอยยิ้มของทิมอีกแล้ว


...ประหลาดนะ พักนี้ยิ้มบ่อยแฮะ

ระหว่างที่ทิมหายไปคะน้าก็เก็บข้าวของในกล่องออกมาเรียงจนเป็นระเบียบ สมุดซ้อนชั้น
เอกสารเรียงรายดูง่ายต่อการอ่าน หากแต่ตัวของเจ้าของห้องกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่เดียวกลิ่นหอมฉุยก็ลอยมาเตะจมูก ตอนแรกคะน้านึกว่าตัวเองหิวจนหลอน
แต่กลับรู้สึกดีใจที่เป็นเรื่องจริง ไม่ได้คิดไปเอง เพราะมันหอมน่ากินขนาดนั้น!

ทิมโผล่มากับจานข้าวที่พูนไปด้วยไข่เจียวหมูสับโปะมาบนหน้า กลิ่นหอมฉุยจนแทบทนไม่ไหว

“ขี้เกียจเก็บศพ เดี๋ยวจะมีคนไส้ขาดตายเอา”

ไม่รีรอ คะน้าจ้วงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกอร่อย
ไม่รู้ว่าตัวเองรสนิยมต่ำหรือะไร แปลกที่ไข่เจียวหมูสับบ้านๆ ในตอนนี้
กลับทำให้รู้สึกอร่อยกว่าอาหารจานละเป็นพันจากมือเชฟเลื่องชื่อ

“มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
ทิมจ้องมองด้วยความแปลกใจ มองไปก็เริ่มกลืนน้ำลายตัวเองไป

“อร่อยที่สุดในโลกเลยนะ”

“ขนาดนั้น”

“ขนาดนั้น!”

“ก...กินมั่ง”
 
“ห๊ะ?!?”

คะน้าชะงัก มองค้าง เห็นทิมที่นั่งตรงข้ามกลืนน้ำลายเฮือกก็ไม่รู้จะทำยังไง
จริงๆ ก็พอเข้าใจ แต่มองอุปกรณ์ช้อนส้อมที่อยู่ในมือ มันก็มีแค่ชุดเดียว

“กินมั่ง!”

“เอ่อ...”

“ตักๆ มาดิ ชักช้าอะไรล่ะพี่ ทำเป็นงกไปได้ ก็แค่อยากรู้มันอร่อยอะไรนักหนา”

คะน้าจึงค่อยๆ เอาช้อนที่อยู่ในมือตักไข่เป็นชิ้นแล้วตักข้าวใส่ช้อน ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี

“ใส่ซอสด้วย ซอสพริกน่ะ นิดเดียวนะ อย่าเยอะ”

ค่อยๆ ราดซอสพริกสีแดงลงบนช้อน แล้วกระบวนการก็กลับสู่ขั้นตอนเดิม
ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี จนคะน้าตัดสินใจส่งช้อนให้ แต่...

“ป้อนที” มองเขม็งไปที่ไข่เจียวหอมกรุ่นราดซอสพริกเยิ้มๆ

“กินเองสิ” ยื่นช้อนออกไปข้างหน้าให้คนเอาแต่ใจ หากแต่ทิมกลับโน้มตัวมางับช้อนในมือ

ภาพที่ทับซ้อนกับคราวก่อนแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง
และก็อีกครั้งเช่นกันที่คะน้ารู้สึกกระดากแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
...ไม่แปลกอะไรใช่ไหม ก็แค่ข้าวไข่เจียว มองดูก็ไม่มีอะไรแปลก
...ถ้าจะมีอะไรแปลก เห็นทีจะเป็นความคิดบ้าบอของเจ้าตัวนี่แหละ

“อร่อยว่ะ” ทิมพูดขึ้นเบาๆ แล้วเอามือเช็ดปาก ยิ้มภูมิใจ
คะน้าจ้องมองช้อนที่ว่างเปล่าในมือ ความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าจะกินยังไงต่อไปดี

“เดี๋ยวก็เย็นหมด จ้องอยู่ได้”

เอาวะไอ้คะน้า กินก็กิน ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไร
ก็แค่ป้อนข้าว ก็แค่กินข้าวช้อนเดียวกัน มันแปลกอะไร!
ว่าแล้วก็จ้วงต่อ แล้วคะน้าก็พบว่าไม่ผิดหวังจริงๆ
เพราะมันก็ยังเป็นข้าวไข่เจียวที่อร่อยที่สุดในโลกเหมือนเคย

“เสร็จแล้วก็วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า แม่บ้านก็เข้ามาทำ”

“น้องทิมอยู่คนเดียวเหรอครับ” คิ้วเลิกสูงแสดงความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว

“แล้วเห็นใครไหม” ตอบคำถามด้วยคำถาม นี่ถือเป็นเรื่องปกติที่คะน้าเริ่มชินแล้ว
ว่าแล้วก็ทานข้าวต่อ ป่วยการจะเค้าหาคำตอบอะไรจากทิม

ระหว่างที่คะน้าทานข้าวอยู่ทิมก็หายตัวไป แม้ว่าเจ้าของห้องจะบอกว่าให้วางจานไว้ที่โต๊ะ
แต่คะน้ารู้สึกว่ามันคงดูแปลกๆ ที่วางเรี่ยราดแบบนี้ ชายหนุ่มหยิบจาน
แล้วเดินหาห้องครัวที่ดูว่าจะหาเจอไม่ได้ง่ายนักด้วยขนาดพื้นที่ที่กว้างเหลือเชื่อ

กระจกใสที่ผสมสารกรองแสงกรุเป็นผนังโดยรอบทั้งหมดของห้อง
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่แตกต่างเอามากๆ กับห้องของคะน้าและผักกาด
ด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำและมีระเบียงพักผ่อนและพื้นที่สีเขียวที่เป็นส่วนตัว
...ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เคยเห็นทิมในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดสักครั้ง
วัสดุที่ใช้ปูพื้นหรือแม้แต่พรมก็ดูต่าง แค่หนังเท้าด้านๆ เหยียบยังรู้เลยว่าของนอก!

จนสุดท้ายก็พบห้องครัวอยู่ส่วนในสุดของห้อง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ขนาดของมันใหญ่กว่าห้องนอนของเขาเสียอีก ล้างจานรวมทั้งกระทะ
ชามที่ใช้ผสมไข่ รวมทั้งเก็บเปลือกไข่ลงถังขยะจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมานั่งที่โซฟา
มองดูไปรอบๆ พื้นที่รับแขก ซี่งออกแบบเป็นชั้นหนังสือตีรอบแทนผนังบางส่วนทำให้ดูโปร่งสบายตา
ด้านข้างเป็นบันไดเหล็กสำหรับขึ้นไปด้านบน คะน้าเดาว่าห้องนอนคงอยู่บนนั้น
เป็นห้องที่ดูดีสมกับราคาค่างวดจริงๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานดูเหมือนจะถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
เหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัว สักสี่คนอยู่ยังอยู่ได้อย่างสบายๆ


...คนประเภทไหนกันนะ ที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ราคามหาศาลขนาดนี้เพียงคนเดียว?

ขณะที่พยายาค้นหาคำตอบในใจ กลิ่นอ่อนๆ ของสบู่
ทำให้คะน้าหันหลังกลับ มามองที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นหอม
ร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำทั่วตัว
ต้นแขนที่นูนชัดดูรับกับท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นถึงแผ่นอกกว้าง
ดูดีจนเย้าสายตาให้เลื่อนลงไปสู่ช่วงท้องที่เป็นเหลี่ยมนูนของกล้ามเนื้อ
เป็นระเบียบเรียงหลั่นกันกระทั่งถึงไรขนอ่อนๆ ที่แทรกตัวขึ้น
บนผิวหนังกลางลำตัวเหนือผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดตาที่ดูหนานุ่มนั้น

คะน้าเผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง
ลอบมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างหยุดสายตาตัวเองไม่ได้
ทิมยกฝ่ามือขึ้นลูบผ่านขากรรไกรก่อนฝังนิ้วโป้งลงบนโหนกแก้มที่ยกตัวสูงน่ามองนั้น
แล้วค่อยๆ ลากลงมาช้าๆ จนถึงเรียวปาก มองสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกเงาที่เรียงราย
เป็นทางยาวตัดผ่านจากทางเดินไปสู่ห้องน้ำในเพนท์เฮ้าส์

คะน้ายังคงมองตามร่างสูงของคนที่อ่อนวัยกว่าที่ดูจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนัก
เนิ่นนาน จนทิมค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาจนสังเกตเห็น รู้สึกแปลกใจที่เห็นสายตามองจ้องตัวเองอยู่
ชายหนุ่มจึงหันตัวกลับมาแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเจ้าของดวงตาที่จ้องมองไม่วางตาคู่นั้น

ฉับพลันนั้น หัวใจของคะน้าก็สั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รู้สึกไม่มั่นใจ
รู้สึกประหม่าจนอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นในเสี้ยววินาที

“พี่มองอะไรน่ะ” เหมือนเด็กที่โดนจับได้เมื่อทำความผิด
คะน้าเสมองไปด้านข้าง หลบสายตาคนที่อยู่เบื้องหน้า

“เปล่านี่ มองอะไร”

“ข้างฝามีอะไรน่ามอง” ทิมจ้องผนังห้องตัวเองแล้วถามด้วยความสงสัย

“ก็มองไปเรื่อย” กลืนน้ำลายฝืดๆ อย่างยากลำบาก
อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ระดับสายตาตรงหน้าในตอนนี้น่ะ

“ตามใจ” สะบัดหัวที่เปียกชื้นจนละอองน้ำกระเด็นไปทั่ว
ตามธรรมดาแล้วคะน้าคงจะต่อว่าอะไรสักหน่อย
หากแต่ในตอนนี้กลับนึกแม้แต่วิธีจะหายใจยังลำบากยากเย็น

ทิมเดินออกไปนั่งที่โซฟาอีกด้าน เอนหลังพิงบนเบาะนุ่มๆ กดรีโมตเครื่องเสียง
ไม่นานเพลงบรรเลงเสียงแซ็กโซโฟนก็ดังขึ้นมาจากเครื่องเสียงชั้นยอด
เจ้าของห้องที่ตอนนี้มีแค่ผ้าขนหนูพันท่อนล่างยกข้อเท้าวางบนหัวเข่าอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ทุกข์ร้อน


...ราวกับห้องนี้มีเพียงเขานั่งอยู่เท่านั้น

คะน้าเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ความรู้สึกในใจในตอนนี้ช่างยากเกินอธิบาย
รู้สึกสั่นๆ เหมือนกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง คิดจะลุกหนี
หากแต่ห้วงทำนองของเสียงแซ็กโซโฟนที่แว่วหวานนั้นขับกล่อมจนเกียจคร้านจะลุกไปไหน
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบกับสายตาที่จ้องมองอยู่
เป็นสายตาที่ท้าทายทุกประสาทการรับรู้ราวกับจะขยี้ให้ความรู้สึกกระเจิดกระเจิง

“โห พระจันทร์ดวงเบ่อเร่อเลย ท้องฟ้าไม่มีเมฆดีนะ”
เอ่ยไปทั้งที่เสียงสั่นๆ คนตรงหน้าที่นั่งอยู่กันคนละฝั่งไม่ได้เอื้อนเอ่ยใดๆ กลับ
ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

“เอ่อ... อากาศดีเนอะ เย็นสบาย” เป็นคะน้าอีกเช่นเดิมกับบทสนทนาที่ไม่เข้าท่านั้น
ทิมยกมือขึ้น กดรีโมตเร่งความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แล้วถือค้างไว้แทนคำตอบ

“นั่นสินะ แอร์นี่นา ถึงว่าเย็นๆ” ช่างเป็นคำพูดที่งี่เง่าและน่าขายหน้าที่สุด
แต่ทำไงได้ สมองมันคิดได้แค่นั้น หากแต่ดวงตาวาวคู่นั้นกลับยังจับจ้องอยู่ไม่วางตา
ราวกับจะสำรวจร่างกายของเขาทุกซอกมุม คะน้าก้มหน้าลงรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งตัว
มือขวายกขึ้นมากำเสื้อที่หน้าอกจนยับย่นอย่างลืมตัวเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแรง
หากแต่ความรู้สึกนั้น กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

...ไม่ไหว หัวใจมันหวิวๆ เหมือนจะหยุดเต้น



“พี่หนาวเหรอ...”

เสียงทุ้มแรกที่ดังขึ้นผสานกับเสียงแซ็กโซโฟนที่เน้นจังหวะหวามในท่อนโซโลของเพลงนั้น
ราวกับจะพัดพายุโหมกระหน่ำในใจให้ปั่นป่วน ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ รอยยิ้มน้อยๆ กระตุกขึ้นที่มุมปาก
ก่อนจะเดินตรงมาที่คนที่นั่งอยู่ ดวงตาคมคู่นั้นยังคงมองจ้องที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หมอนใบเล็กๆ ในมือของทิมถูกส่งให้กับคนที่นั่งอยู่
เป็นหมอนแบบเดียวกับที่วางดาษดื่นใกล้ๆ ตัวของคะน้า รู้ทั้งรู้ว่าไม่แตกต่าง
แต่จะปฏิเสธน้ำใจของทิมก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า สองมือค่อยๆ ยื่นออกไปรับมันทั้งๆ ที่ยังสั่นๆ
ก่อนจะคว้าหมอนที่ได้รับมาแล้วกอดแน่น ฝังใบหน้าตัวเองลงบนความหนานุ่มนั้น

เสียงติ๊ดๆ จากรีโมตบอกว่าอุณหภูมิถูกปรับลดต่ำลงอีกครั้ง
กระแสลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่วเบาลงจนรู้สึกได้
หากแต่อาการสั่นๆ นั้น ไม่ได้ทุเลาหรือลดลงไปเลย



...ไม่ไหว รู้สึกเหมือนจะขาดใจ

“ผมกลับก่อนนะ” สุดจะทานไว้ คะน้าปล่อยหมอนที่กอดอยู่แล้วลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถแล้วเตรียมกลับ หากแต่ปลายแขนกลับถูกตรึงไว้ด้วยแรงรั้ง


“ดึกแล้ว นอนนี่เหอะ”

รู้สึกถึงน้ำหนักของแขนสองข้างที่ค่อยๆ รัดเข้าจากช่วงเอวก่อนจะพาดรั้งดึงจนเข้าใกล้
เสื้อยืดสีมอๆ ของคะน้าดูดซับความชื้นจากหยดน้ำเล็กๆ บนร่างกายทิมจนชื้นชุ่ม
แผ่นหลังถูกบดจนแนบชิด ...ชิดจนเบียดแน่นกับกล้ามเนื้อหนาของคนด้านหลัง


“อยู่นี่ ...อยู่ด้วยกัน”

คะน้าเผยอริมฝีปากขึ้น พยายามเค้นเสียงที่เคยมีให้ออกมา
แต่กลับทำได้แค่เพียงเสียงแผ่วลมที่ฟังไม่เป็นแม้ภาษา


“...นะครับ”

คางแหลมสากของทิมลากไล้ไปบนลำคอก่อนจะวางแนบลงบนบ่า
ผมเส้นหนากระด้างที่เปียกชื้นแนบลงที่ข้างใบหู
มีไอร้อนของลมหายใจโลมไล้แผ่วเบาข้างๆ ซอกคอจนร้อนกรุ่น
วงแขนกว้างโอบกระชับร่างกายของคนข้างหน้าให้แนบชิด ...แน่นขึ้น ...เบียดขึ้น

แสงของพระจันทร์ทอดตัวผ่านกระจกเป็นเงาสะท้อน
ในภาพเงาที่เลือนรางของคะน้า มีชายหนุ่มอีกคนที่ซ้อนชิดอยู่ด้านหลัง
ดวงตาคมของใครคนนั้นยังคงจ้องลึกไปในดวงตาของคนตรงหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
รอยยิ้มของทิมแย้มพรายขึ้นช้าๆ ก่อนที่ปลายจมูกค่อยๆ กดฝังลงบนหัวไหล่


“...อุ่นยัง?”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อุ่นไหมครับ!  :jul3:
ตอนหน้าจะเอายังไงดีหนอ  :impress2:


ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมากๆ นะครับ
ทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ กำลังใจ แล้วก็คำแนะนำ อ่านหมดเลยนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย
ใครเล่นเฟซบุค แวะไปจิกทวง เสนอแนะได้ที่หน้าเพจตรงลิงค์ข้างล่างได้ตามอัธยาศัยนะครับ

รักเพื่อนๆ ทุกคนมากมายให้ตายเหอะ!

 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-05-2012 20:44:54
เข้ามาคั่นหรือเปล่า หุหุ
ตามมาอย่างเร็วเลยย 5555

ท่าน Rafael สุดยอด!!! 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 6 (หน้าที่ 7) - May 13, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-05-2012 20:51:18
กรี๊ดดดดด
แทคะแนนให้ทิมเต็มหน้าตัก
น่ารักไม่ไหวแล้ววววว ฮาาา
รุกให้เต็มที่นะคะ เชียร์เต็มที่เลย เอ้า 55555
ขอบคุณคุณลูเซียที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-05-2012 20:56:11
อุ่นแย้วววววว   กรี๊ด  ฟิน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 24-05-2012 21:21:58
อยากจะกดบวกรัวๆ ..... ทิมน่ารักเว่อๆ อ่านแล้วเขิล
อยากโดนตะคอกบ้าง โดนจ้องบ้าง ไรบ้าง ..... ปั่นป่วนแทนคะน้า  :o8:  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 24-05-2012 21:29:00
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม

เชียร์ทิมสุดหัวใจ
เราว่าหมอตุลย์เพอร์เฟคแล้วนะ
มาเจอทิมนี่ถึงกับช็อก
มีเพ้นท์เฮ้าส์ อยู่คนเดียว แถมโสดอีก
ไม่คว้าไม่ได้แล้วหนูคะน้า
 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 24-05-2012 21:33:23
ขอสมัครเป็นแม่ยกคุณทิมแบบด่วนๆเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 24-05-2012 21:35:51
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ชอบมาก เชียร์ทิมด้วยคน  :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-05-2012 21:37:14
อุ่นจนละลายแล้วจ้า /จิกหมอน :man1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 24-05-2012 21:41:23
เขียนมาซะขนาดนี้แล้ว จะโกรธมากถ้าทิมไม่ได้เป็นพระเอกนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 24-05-2012 21:52:39
 :m3: :m3:

ละลายตายคาเพ้นท์เฮ้า กรี๊ดดดดดดดดด ฟินาเล่ ที่ีสุดในสามโลก เจอน้องทิมโหมดนี้ ทรุดลงแทบเท้าน้องทิมเท่านั้น


กระต่ายยย เค้าอิจฉาเธอ


ปล. พี่หมอน่าสงสารนะ หาคู่ให้พี่หมอ เถอะ จะได้ เป็นสองคู่ชู้ชื่น   :m26: :m26: กร๊ากกกก (แอบเนียนเบาๆ เผื่อคนเขียนจะใจอ่อน อิอิ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-05-2012 21:55:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


 :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1: :man1:  รักคนแต่งมากค่ะ  ชอบมากตอนนี้
ทิมเอาใจไปเลยยยยยย ให้หมดเลยยยย
อ่านไปเขินไป อินจัด  อร๊ายยยย   :o8: :o8: :o8: :o8:   

เอาอีก เอาอีก เอาอีก เอาอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: แป๊ะยิ้มคุง ที่ 24-05-2012 22:05:01
อบอุ่น แต่หน้าแป๊ะอบอ้าวดั่งอยู่ซาวน่า  :-[ :-[ :-[

เอาเลยทิมจ๋า สู้เขาเว้ย!
แป๊ะเป็นแบ็คให้ด้วย อย่าไปกลัว!! 5555555555555  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-05-2012 22:07:42
 :-[ :-[ แฟนคลับทิม มารายงานตัวค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 24-05-2012 22:11:46
ม่ายยยยยยยยยย
หมอ์อย่ามาเศร้าแบบนี้นะ เราเป็นโรครักคนเศร้า รักคนเหมือนมีอะไรในใจ   :monkeysad:


ตอนนี้ทิมทำคะแนนพรุนมาก แอบสยิวตรงที่บอกว่าเล่นแซ็ก   :o8:  เสียงเครื่องสีเวลาเล่นเพลงสยิวกิ้วไรแบบนี้มันแบบ  :-[
เขินตอนคะน้ามองทิมมากเลยอ่ะ ไม่รู้ทำไม เขิน 5555555555555

ี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Pigstar ที่ 24-05-2012 22:13:41
โฮก ก ก ก
อุ่นจนร้อนเลยล่ะ  :z1:

ตอนหน้าจะเป็นยังไงต่อไปไม่รู้
แต่ก็แอบหวังเล็กๆๆ

Fcทิมเน้อ อ เชียร์มานาน ขอให้เป็น
ทิมทีเห๊อะ~  :man1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 24-05-2012 22:19:30
ว๊ายยยยยยย น้องทิม น่าร๊ากกกกกกก คุณหมออกหักก็รักษาตัวเองได้ ไม่น่าห่วงเลย

บวกกกกกกค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-05-2012 22:32:08
ว่าพี่หมอรุกหนักแล้วมาเจอน้องทิมรุกแบบถึงเนื้อถึงตัวดูบ้าง อ๊าก...อยากเป็นคะน้าซักคืน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 24-05-2012 22:38:50
“ดึกแล้ว นอนนี่เหอะ”
“อยู่นี่ ...อยู่ด้วยกัน”
“...นะครับ”
ถึงตรงนี้ ขอบอกเลยว่าอิชั้นแทบจะกรีดร้องอย่างเสียสติ อ๊ากกก เขินนนนนแทนคะน้า
คะน้านะคะน้า คนอะไรหน้าตาน่ารักไม่พอ ยังน่าอิชชี่ตรงที่มีหนุ่มสุดแสนจะเพอร์เฟ็คอย่างทิมมาจีบอีก
รูปหล่อ บ้านรวย(โคตร) อายุน้อยกว่า มีเสน่ห์ หน้าที่การงานดี ฯลฯ แอร๊ยยย ตายไปเลยฉัน ต้องทำบุญด้วยอะไร๊!
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ ตื่นเต้นๆ
 :oni1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 24-05-2012 22:58:03
อ่านไปก็เขิน บิด บิดๆๆๆๆๆ
คนแต่งกำลังทำให้เราเป็นโรคบ้าทิม คลั่งทิมไปแล้ว!!!!!!!!

อ๊ากกกกกกกกกกน่ารักไปแหละอ่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 24-05-2012 23:15:16
อุ่นวาบบบบ เลย :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 24-05-2012 23:15:50
กริ้สสสสสสสสสสสสสสส มันต้องอย่างนี้สิค่า เลิศมากกกกก  :-[

กดโหวตเชียร์ทิมต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 24-05-2012 23:23:11
ทิ๊มมมมมม  ไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่แค่คะน้านะที่ละลาย

คนอ่านตาดำๆ คนนี้ก็จะละลายเหมือนกันคะ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 24-05-2012 23:23:52
อุ่นแล้วจร้า.....เจ๊อุ่นไปถึง ลำไส้เล็กเลย จร้านู๋ทิม  :o8:

P.S. ทิมมันจงใจยั่ว แห่งเลย เป็นเค้าไม่ได้จะจับฟัดซะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyFG ที่ 24-05-2012 23:25:27
ทินเชียร์ทิน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: whipcream ที่ 24-05-2012 23:57:38
*[]* บทจะรุกก็เล่นซะพวกกองหนุน..ระเบิดหน้าคอมพลีชีพไปตามๆกัน
อืม เด็กมันแน่ว้อย หมอเหมอเทียบไม่ติดเหอะ แม่เจ้า ขนลุกวาบๆอย่างกะกรูชื่อคะน้าซะเองง่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 25-05-2012 00:10:11
อยากกรี๊ดให้ลั่นบ้าน ทิมยังรุกหนักไม่มีถอย
อดสงสารตุลไม่ได้เหมือนกัน ตอนหน้าขอเอาใจช่วยคะน้าให้รักษาความบริสุทธิ์ได้ตลอดรอดฝั่ง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 25-05-2012 02:19:10
แอร๊ยยยยยยยย ตายยยๆๆ แม่ยกทิมหัวใจจะวายตายแล้วค่าาา  อกอิแป้นจะแตก>\\\\\\<
น้องทิมมาแรงมาเต็มมาก!!! เขินทะลุจออออ งื้ดดด นั่งอ่านไปบิดไป อยากเป็นคะน้า  กร๊ากกกก
ทิมโหมดนี้ถ้ามาบ่อยๆคงต้องมาเก็บศพคนอ่านเป็นแน่แท้ กรีดร้องและฟินจนเสียสติตายยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 25-05-2012 02:22:44
อ้าย ยยยยย กรี๊ด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 25-05-2012 02:33:23
โอ๊ยยย ไม่ไหวแล้ว นั่งเขินคนเดียวอยู่หน้าจอ  :-[ :-[

+1 โล้ด :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: lovely2min ที่ 25-05-2012 04:08:09
อ้าก กรี๊ด วี๊ดว้าย
มีความสุข นอนฝันดีเลยทีนี้ ฮี่ฮี่
ชอบทิมนะนะ แต่แอบสงสารหมอตุลย์อ่ะ
3p ไม่ได้หรือ ฮืออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 25-05-2012 04:21:04
เชียร์ทิมสุดใจ ชอบมากกว่าหมออีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 25-05-2012 07:46:15
ตายในหน้าที่ แอ๊ก

ทิม ทิม ทิม ทิม ทิม!!!

เพ้อออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 25-05-2012 09:51:20
ร้อนแล้วทิมมมมมมมมมม อิอิ
อ่านตอนนี้แล้วมุความสุขปนเขิน >/////<
แอบสงสารตุลเบาๆ นะ แต่มันเบาจริงๆ~
ทำไงได้ล่ะ เราเป็นแฟนคลับทิมนี่นา อิอิ

เขินแทนคะน้าจริงๆ แกเป็นคนที่ซึนมาก
และโรแมนติกมากในคนๆ เดียวเลยนะทิม
โอ๊ย~ เขิน อยากอ่านตอนหน้าไวๆ แล้ว~

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 25-05-2012 12:45:22
โอ๊ย ได้โปรด!ได้โปรดเถอะคะ!!!มาต่อที จะขาดใจ!!!
พี่ทิมมมมมมม โอ๊ย ไม่ไหวนะ เซ็กซี่ไปนะ เข้าใจคะน้าเลยนะ โฮกนะ อะฮึกนะ
ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ ขอโทษพี่ตุลย์มากๆเลย แต่เราสะใจมาก! "แต่เขากลับไม่ได้มองเห็นคุณค่าอะไรของการมีตุลอยู่นั้นเลย" อะฮึก!
//โบกธงเชียร์พี่ทิมอย่างบ้าคลั่ง!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 25-05-2012 14:44:12
กรี๊ดกร๊าดมากๆ   ทิมสู้ๆ
ชิงตัวคะน้าไว้ให้ได้
คนอ่านเชียร์เต็มกำลัง อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 25-05-2012 17:32:21
อุ่นจนร้อนแล้วววว :impress2:

*ชูป้ายไฟ*ทิมสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-05-2012 19:25:10
อ่าาาา อ่านไปหวิวไปเขินแทนวุ๊ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 25-05-2012 19:34:05
เข้ามาชูป้ายไฟน้องทิม...//
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 25-05-2012 23:03:44
อ่านรวดตั้งแต่ตอนแรก....

ป่ะ จัดเต็มค่ะ ยังไงวิศวะหนุ่มอายุน้อย(กว่า)มันก็ต้องดีกว่าหมอแก่(เท่ากัน)ที่เจ้าชู้อยู่แล้วใช่มั้ยล่าาาา โอกาสมาถึงขนาดนี้แล้ว มันต้องจัดเต็มค่ะพี่คนเขียน!

ผู้ชายทำอาหารเป็นเชียวนะ! ถึงจะแค่ไข่เจียวก็เถอะ55555

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 26-05-2012 11:49:18
อุ่นจนร้อนเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 26-05-2012 19:08:41
อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค
ทิมน่ารักมากมาย //ดิ้นปั๊ดด้วยความอิจฉากระต่าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-05-2012 21:15:29
เชียร์ทิม ฟ้อยยย
 
นี่สิพระเอกตัวจริง  ให้ดิ้นตาย  :laugh: :laugh: :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: eyerabbit ที่ 27-05-2012 22:52:20
อุ่นจนร้อน จนหน้าจะไหม้แล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 27-05-2012 23:46:39
อุ่นแล้ว อุ่นแล้ว
แต่ถ้าตอนหน้ามาไวๆ อาจจะอุ่นกว่านี้ คริๆ  :o8:

เชียร์ทิมโว้ยยยยย  :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: roitra ที่ 28-05-2012 01:29:08
เหมือนรอยยิ้มนั้นในคืนที่ไปทานอาหารข้างถนนด้วยกัน
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าที่คะน้าจดจำได้ดี เสียงทุ้มนั้นเจือไปด้วยความขื่นขมในที

“...แล้วคุณจะมาส่งให้ที่โรงบาลได้ไหม”

 แม้ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่อร่อยมากมายแค่ไหน
หรือแม้ว่าตุลจะดูแลเค้าเป็นอย่างดีเพียงใด แม้แต่ยอดสั่งไอศกรีมนั้นจะมากกว่าไม่รู้ต่อกี่เท่า
หรือแม้แต่คำพูดที่บอกว่าสนิทสนมหรือพูดคุยกับตุลมากกว่าเป็นไหนๆ
แต่เขากลับไม่ได้มองเห็นคุณค่าอะไรของการมีตุลอยู่นั้นเลย :o12:

ไม่ได้ชอบ ตุล เป็นพิเศษ แต่ทำไมรู้สึกเศร้าแทนตุล เอามากๆ  :sad11:
หรือว่าผู้ชายลักษณะอย่างตุล จะมีสิทธ์เป็นได้แค่พระรอง (ทุกเรื่อง :เฮ้อ:)
ปล โทษทีอินจัดไปหน่อย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-05-2012 15:36:44
done
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หัดดิน เอ้ยหัดกิน ที่ 28-05-2012 17:07:08
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด อะไรกันนี่
แต่ก็ดีแล้ว คะน้าจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ 555
แต่อย่าเพิ่งอะไรกันตอนนี้เลยนะครับ ผมว่ามันยัง.. ไม่ถึงเวลา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 28-05-2012 19:55:17
ตามทันเเล้วๆ ทิมๆ เชียร์ทิมค่ะ หมอเจ้าชู้เกิน ยังไม่เทคะเเนใก้นะ อิอิ

จรงิๆอยาก สามคนอิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zeazaiz ที่ 28-05-2012 22:09:44
ว้าย เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ไม่ว่ากันน้า
เรื่องนี้แหละที่ฉันตามหา
ปล  ตาทิมเข้าฉากครั้งแรก ก็ใช่เลยอ้า จะเอาคนนี้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-05-2012 20:24:44
เหมือนมติมันเอกฉันท์ยังไงพิกลแฮะ นิดๆ หน่อยๆ พาเอาเหล่าแม่ยกแทบระเบิดชีพหน้าคอมแล้วนั่น ฮ่ะๆๆ
แบบนี้แล้วช่วงไหนที่พี่แกจัดเต็มมันจะไหวกันไหมล่ะนี่ ฮิฮิ
แล้วถ้าไม่ใช่พระเอกนี่ คนเขียนคงจะโดน :z6: เป็นแน่แท้
เอานะ หนทางยังอีกไกล ค่อยๆ อ่านกันไป ผูกปิ่นโตกันระยะยาวหน่อยนะ แหะๆ
ไม่รู้เป็นอะไร แต่ละตอน ทำไมรู้สึกว่าตัวเองยิ่งเขียนยิ่งยาว :o8:

ขอบคุณทุกๆ ความคิดเห็น คอมเมนต์ คำแนะนำ และกำลังใจนะครับ
คิดว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไงกันนะครับ ลองอ่านๆ ดูแล้วกันนะครับ ^ ^



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 8



ผมมีความฝัน เป็นความฝันที่แปลกประหลาด ฝันถึงตัวเองที่เป็นเด็กตัวเล็กๆ
แหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์สีเหลืองอ่อนที่อยู่กลางฟ้า
วงกลมวงใหญ่นั้นมันดูเหมือนกับว่าอยู่ใกล้แค่ปลายนิ้วมือ แค่ลุกขึ้นยืนแล้วเขย่งเท้าเอื้อมมือคว้า
...พริบตานั้น พระจันทร์ทั้งดวงก็มาทอแสงนวลอยู่ในมือทั้งสองข้าง
สีเหลืองอ่อนนี่มันดูสบายตาจัง ผมได้ยินเสียงฝีเท้าขยับมาใกล้ๆ
พอเหลือบกลับมามองในมือ สีนวลที่น่าหลงใหลก็ค่อยๆ กลายเป็นสีชมพู สวยแฮะ
มันค่อยๆ สว่างขึ้น ...สว่างขึ้นก่อนจะสว่างจ้าจนผมมองไม่เห็น ไม่แสบตาหรอกนะ ...แค่อยากหลับตา
พอทุกอย่างนั้นอยู่ในความมืดมิด ตัวผมก็ถูกโอบรัดอย่างแผ่วเบา สบายจัง รู้สึกแบบนั้น
มันอุ่นๆ นะ อบอุ่นอย่างประหลาด รู้สึกถึงความอ่อนนุ่ม
นุ่มเหมือนกับปุยเมฆมาแตะอยู่ที่ปลายริมฝีปากเลยแฮะ

...คลอเคลียแผ่วเบาแล้วค่อยๆ จากไป

...จำอะไรไม่ได้เลย

...แต่รู้สึกดีจัง






ผมในความเป็นจริง เงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยความสั่นไหว พระจันทร์ยังคงทอแสงนวลอยู่อย่างนั้น
วงแขนที่แนบชิดในตอนนี้มันไม่ต่างกับในความฝันเท่าไหร่ ความรู้สึกก็ด้วย

มีคนบอกว่าแสงของพระจันทร์นั้นมีเวทมนตร์ประหลาด
มันมีบทพิสูจน์ใดๆ ที่พอยืนยันเรื่องที่อวดอ้างนั้นไหม
อย่างน้อยก็เพื่อที่จะช่วยอธิบายสภาวะในใจของผมในตอนนี้ที เพราะมันยากเย็นเกินกว่าผมจะเข้าใจ

ผมในตอนนี้ ไม่รู้ว่ากลายเป็นคนที่เกลียดเสียงเพลงทั้งแต่เมื่อไหร่ เกลียดมาก
รวมทั้งเกลียดเสียงทุ้มที่มันฮัมเพลงเบาๆ อยู่ข้างๆ หูในตอนนี้
จู่ๆ ก็ไม่ชอบกลิ่นหอมด้วย โดยเฉพาะไอ้กลิ่นที่อวบอวลอยู่รอบๆ ตัวนี่ ยิ่งเกลียด ...เกลียดมาก
ผมอึดอัดกับความแนบชิดที่ไม่คุ้นเคยนี่ ...ไม่ชอบ ...ไม่ชอบใจเลย

แม้ความสูงจะทิ้งกันไม่มาก หากแต่โครงสร้างที่แตกต่าง
ทำให้คะน้าไม่ต่างอะไรกับกระต่ายตัวเล็กๆ ที่ถูกจับให้นิ่งอยู่กับที่
สองมือพยายามจะแกะสิ่งที่โอบรัดอยู่ หากแต่เรี่ยวแรงมันกลับไม่ได้ดั่งที่ใจคิดเอาเสียเลย
ลงท้ายกลับกลายเป็นวางมือทั้งสองข้างที่สั่นๆ ซ้อนทับไปบนอ้อมกอดนั้นอย่างจำนน

“หนาวเหรอ”

“...เปล่า”

“ตัวสั่นๆ” แขนทั้งสองข้างขยับรัดแน่นขึ้นอีก “เหมือนลูกหมาตกน้ำ”
เสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอของเจ้าของวงแขนยิ่งทำให้อึดอัด ไอ้นี่ มันบ้าไปแล้วแน่ๆ

“เล่นอะไร ปล่อยเหอะ มันอึดอัด”

บทจะง่ายก็แสนจะง่ายดาย ทิมคลายวงแขนออกพร้อมรอยยิ้ม
แล้วเดินผิวปากอย่างอ้อยอิ่งหายเข้าไปด้านใน
มีเสียงกุกกักเล็กน้อย ไม่นานนักก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับยัดบางสิ่งเข้ามือของคะน้า
เป็นผ้าขนหนูนุ่มๆ สีขาว ...ไม่ใช่พระจันทร์กลมๆ สีชมพู

“ไปอาบน้ำสิ ตัวจะได้หอมๆ” หากแต่คะน้ากลับยืนนิ่ง
ความรู้สึกสับสนตีรวนจนปั่นป่วนไปทั่วทั้งท้อง

เมื่อไม่มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ จากคนตัวเล็กกว่าที่ยืนอยู่
ทิมก็เขม่นสายตามคมๆ คู่นั้น สันกรามถูกขบจนเกร็งตัวนูนขึ้น

“ไม่ล่ะครับ ห้องก็อยู่ข้างล่างนี่เอง นอนห้องตัวเองจะได้ไม่รบกวน” น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วล่ะ

เพียงครู่เดียวเท่านั้น... แววตาที่อ่อนโยนก็ดูกร้าวขึ้น
ผ้าเช็ดตัวที่หยิบยื่นให้เมื่อครู่ถูกดึงด้วยน้ำหนักกึ่งๆ กระชาก
ความไม่สบอารมณ์ฉายชัดบนใบหน้าของทิมอย่างไม่คิดจะปิดบัง

...ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรหรอก เริ่มชินแล้วกับความเป็นทิม

“งั้นผมกลับก่อนนะ ดึกแล้ว”

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาส่งไอติมแล้วนะ ...ไม่สิ ไม่ใช่” ดวงตาขุ่นขึ้ง




“ไม่ต้องเลยนับจากนี้”

“อ้าว...” คะน้าหันกลับมามองเหวอ

“มีอะไรที่ได้ยินไม่ชัด”

“เอ่อ... ไม่หรอกครับ แต่เงินยังเหลือ” ทิมจ้องด้วยสายตาดุ
แสดงออกว่าไม่ชอบใจในคำพูดที่ดูเหมือนเป็นความคิดสงสัยที่ไม่ยอมจบ

หวิวๆ มันรู้สึกวูบๆ อย่างบอกไม่ถูก จากนี้ไปก็ไม่ต้องไปส่งแล้วอย่างนั้นเหรอ
จะว่าไปมันก็ดีไปอย่างนะ ไม่ต้องเสียเวลาเดิน มีเวลาไปทำอะไรต่ออะไรเยอะแยะ

ก็ควรจะดีใจสินะ ...กูควรดีใจสิไอ้คะน้า!




“เบื่อแล้วเหรอครับ”

อยากจะเอามือคว้าถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากด้วยความพลั้งเผลอ
แต่ห้ามความคิดไม่ไหว มันคืออะไรกับไอ้ความฉุนเฉียวนี้
ไม่พอใจที่ไม่ค้าง หรือเบื่อแล้วกับรสชาติไอศกรีมที่กินซ้ำๆ ทุกวัน หรือ...

...หรือว่าเบื่อคนที่เดินไปส่งให้ จะได้รู้ไว้ และจะได้เข้าใจ

หากแต่ความว่างเปล่าในดวงตานั้น เหมือนทดแทนคำพูดนับล้านคำ
ไม่มีถ้อยคำใดๆ ออกมาจากปากของชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่า
ร่างสูงเดินลิ่วไปหน้าลิฟต์ สอดการ์ดแล้วกระแทกปุ่มกดจนแสงเรืองรอง
วงหน้าเข้มพยักเพยิดเหมือนออกคำสั่งในทีว่าเวลาที่นี่ของเขาได้หมดลงแล้ว
เพียงครู่เดียวประตูลิฟต์ก็เปิดออก คะน้าค่อยๆ เดินมาที่หน้าประตู รู้สึกโหวงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก

“ชั้นไหน?”

“เดี๋ยวผมกดเองก็ได้ครับ” ...ไม่อยากรบกวน

“ชั้นไหน!”

“สามสอง” ทิมตวัดสายตาดุๆ กลับแล้วเอื้อมมือไปกดปุ่มในลิฟต์ให้
เสร็จแล้วก็หันมาจ้องเหมือนออกคำสั่งให้เข้าไปอยู่ข้างในนั้นไวๆ
คะน้าก็ก้าวเข้าไปข้างในแต่โดยดี ประตูลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนปิด
หากแต่จู่ๆ ทิมก็กลับเอื้อมมือไปกดปุ่มหยุด ลิฟต์จึงค้างหยุดอยู่ที่เดิมบนชั้นบนสุดของคอนโด




“...ห้อง?”

“ครับ?” คะน้าทวนคำพูดด้วยความงง งงทั้งคำถาม
และงงทั้งการที่หยุดลิฟต์นี่ ผิดกับอีกคนที่ส่งเสียงคำรามพร้อมกับทำหน้าอึดอัดขัดใจ

“มีอะไรที่ได้ยินไม่ชัด?” อันที่จริงมันชัดเจนในถ้อยคำ
แต่มันไม่เข้าใจ ...ไม่เห็นเข้าใจเลย พอเงยหน้ามองก็เห็นอาการโมโหจัดๆ ของทิม
เกิดมาคะน้าก็เพิ่งเคยเห็น คนอะไร ...โมโหจนแก้มแดง

แต่ทิมถามถึงห้องอะไรล่ะ ห้อง? หรือว่า...

“เอ่อ... สี่ครับ สามสองศูนย์สี่”

สิ้นคำ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างนอกก็เอื้อมมือไปกดปุ่มให้ลิฟต์ทำงานอีกครั้ง
แม้จะแปลกใจ ไม่เข้าใจ จนคะน้าอยากจะเอ่ยถาม แต่สุดท้ายที่ทำได้ก็เป็นเพียงเอ่ยคำลา
และเช่นทุกครั้ง ทิมไม่ได้สนใจอะไรคำพูดเขานัก ทุกอย่างนิ่งเงียบกระทั่งประตูลิฟต์ค่อยๆ ขยับปิดลง

“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ไอติมให้มาส่งที่นี่”

ทิมหันหลังกลับพร้อมกับประตูลิฟต์ที่ปิดลงอย่างรวดเร็ว กว่าจะปะติดปะต่อเรื่องได้
ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่ชั้น 32 เสียแล้ว ...อยากจะขึ้นไปบอกว่าไม่ได้นอนที่นี่ทุกวัน
แต่ไม่มีคีย์การ์ดก็กลับขึ้นชั้นนั้นไม่ได้ ...และก็อีกนั่นแหละ ขึ้นไม่ได้
แล้วจะให้มาส่งไอศกรีมที่นี่ มันจะเป็นไปได้ยังไง?

เปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง เห็นแสงไฟสลัวๆ สาดผ่านออกมาจากห้องนอนของผักกาด
บ่งบอกว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้หลับอย่างที่ควรจะเป็นแม้วาจะดึกแล้วก็ตาม
เสียงกุกกักของคะน้าทำให้คนที่นั่งทำงานอยู่กระโจนแผลวออกมาใส่

“ลมอะไรหอบกระต่ายจากป่ามาโผล่ที่คอนโดได้เนี่ย”
ผักกาดโผเข้ากอดน้องชายแล้วหอมลงที่แก้มฟอดใหญ่

“โอ้ย เจ้เล่นอะไรเนี่ย” คะน้าหันไปโวยวาย แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่า
พี่สาวกลับเอานิ้วชี้จิ้มลงบนแก้มป่องๆ ของตัวเองเหมือนเป็นสัญญาณ

ถอนหายใจหนึ่งเฮือก ก่อนน้องชายจะหอมลงบนแก้มพี่สาวเบาๆ




...แปลก

เป็นความรู้สึกที่แปลกมากๆ ทั้งกอด ทั้งฟัด ทั้งหอม
แต่ไม่รู้สึกแปลกๆ แบบที่ทิมทำเลย หรือเพราะว่าชินกับผักกาดแล้ว?

“เป็นอะไร คิ้วขมวดเป็นโบว์” พี่สาวเอานิ้วชี้ดีดลงที่กลางหน้าผากน้องชาย

“เปล่าๆ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอ่ะ” ผักกาดปล่อยคะน้าแล้ว
ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วรินน้ำดื่มในครัว
คนเป็นพี่สาวเดินมาจ้องเขม็ง สำรวจตรวจตราละเอียดยิบ

“เครียดอะไรหรือเปล่าน่ะเรา”

“เอ้ย ไม่มีอะไรจริงๆ นะ ว่าแต่เจ้ยังไม่นอนเหรอ”

“ใกล้ล่ะ ...จริงสิ ง่วงยัง มานั่งคุยกันหน่อยสิ” เหมือนจะถามไปอย่างนั้นเอง
เพราะผักกาดเดินนำไปที่โซฟาแล้ว คะน้าหัวเราะขำนิดๆ กับความเผด็จการของหญิงสาวผู้เป็นพี่
ว่าแล้วก็เดินตามพี่สาวไป ล้มตัวลงเอาหัวหนุนตักพี่สาวแทนที่จะเป็นโซฟานุ่มๆ อย่างว่องไว

ไวเท่าเทียมกัน ผักกาดฟาดป๊าบลงบนหัวน้องชาย คะน้าร้องโอด เอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ
ผักกาดหัวเราะร่วน มือนิ่มๆ ลูบหัวน้องชายด้วยความเอ็นดู
“ไม่มีอะไรเครียดๆ แน่นะ รู้ไหมว่าพักนี้เราดูแปลกๆ ทำตัวเหมือนกับคนที่ไม่มีความสุขเลย รู้ตัวเปล่า”

“ไม่รู้หรอก” มะเหงกลงกลางกระหม่อม คะน้าร้องโอย

“ก็มันไม่มีอะไรนี่นา มันก็มีความสุขดีนะเจ้”
น้องตัวแสบหัวเราะร่าโชว์ฟันกระต่ายเหมือนจงใจแย้งผู้เป็นพี่สาวด้วยรอยยิ้ม
ผลลัพธ์คือมือของพี่สาวดีดมะกอกลงไปเน้นๆ ที่กลางหน้าผาก

“ไรเล่าเจ๊อ่ะ” ทำหน้าตาน่าสงสาร มีหรือจะไม่ได้ผล ผลก็คือถูกซ้ำอีกทีลงที่เดิม
คราวนี้น้องชายหุบทั้งปาก หุบทั้งหน้า พี่สาวยักคิ้วหนึ่งข้างเย้ยหยันอย่างสบายใจ

“ยังหัวเราะเหมือนเดิมน่ะก็ใช่ แต่เหมือนความแก่นทะโมนเราจะน้อยลงไปหรือเปล่า
ดูเรียบร้อย สงบเสงี่ยม ซึมๆ ผิดปกติ มันแปลกๆ นะ บอกไม่ถูก เหมือนผีเข้าแล้วไม่ออก”

“ผีอะไรเล่า ก็เหมือนเดิมนะ”

“แค่คล้ายต่างหาก มันไม่เหมือนเลย รู้ไหมว่าบางทีต่ายก็ดูเครียดๆ แบบไม่มีเหตุผล ไม่คิดว่ามันแปลกๆ เหรอ”

“ไม่นะ ก็เหมือนเดิม เจ้ผักกาดคิดมากไปหรือเปล่าน่ะ” ไม่เห็นรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย

“อืม... ไม่รู้สิ ก็แค่อยากจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
เจ้ก็ไม่อยากให้ต่ายเครียดนะ มีอะไรช่วยได้ก็อยากช่วยน่ะ”

“ขอบคุณครับ” ยิ้มน้อยๆ กับความรู้สึกผิดเล็กๆ ที่ทำให้พี่สาวเป็นห่วงอีกแล้ว

“นี่... จำได้ไหม ที่มีคนเคยมาขอซื้อที่ตลาดเราน่ะ สองสามวันก่อน เค้าก็ติดต่อมาอีกแล้วล่ะ
ให้ราคาที่เราสูงมากกว่าเดิมอีก เจ้ไม่ได้คิดจะขายนะ แต่อยากจะถามว่า
ต่ายโอเคไหมกับการมาเป็นพ่อค้าแบบนี้ ถ้าไม่ชอบอะไรยังไงก็ไม่อยากให้ฝืน
ที่ต่ายเลือกไปเรียนโทด้านการตลาดต่อที่อเมริกาก็ไม่ใช่เพราะต่ายชอบเหรอ”
ผักกาดยิ้มน้อยๆ ให้น้องชาย กับคำถามที่สะกิดให้ลองคิดทบทวนทุกอย่างให้ดีๆ

“เจ้รู้นะ ว่าลึกๆ ต่ายน่ะก็อยากกลับไปทำงานออฟฟิศเหมือนเดิม ถ้าไม่ติดที่ว่าป๊า...”

“ป๊ารักตลาดมาก ผมอยากดูแลตลาดที่นี่ให้ดีที่สุด
ให้สมกับที่ป๊าไว้ใจ แล้วไอติมของแม่ก็อร่อยที่สุด
อยากให้ทุกคนได้ชิมไอติมในแบบที่แม่ทำให้เราสองคนกินตอนเด็กๆ”

ผักกาดยิ้มให้คนที่เป็นน้อง ...คิดถึงป๋ากับแม่ล่ะสินะ กี่ปีๆ ผ่านไป คะน้าก็เป็นแบบนี้
เรียกว่าติดครอบครัวไม่หาย อะไรที่ป๋ากับแม่อยากให้ทำ ไม่มีสักครั้งที่น้องชายคนนี้จะเกี่ยงงอน
แถมยังพ่วงนิสัยรักและห่วงใยคนอื่นประเภทชอบดูแลทุกๆ คนตลอดเวลา
คล้ายกับว่าความสุขของคะน้าคือการที่เห็นคนรอบๆ ตัวมีความสุขยังไงยังงั้น

หน้าตาก็น่ารักแบบนี้ แถมนิสัยยังแบบนี้อีก ใครไม่รักเจ้ากระต่ายบ๊องนี่ ก็บ้าแล้ว

พี่สาวสวมกอดคนเป็นน้องชายเบาๆ มือเล็กๆ ลูบบนผมของคะน้าอย่างทนุถนอมด้วยความรักห่วงใย

“เจ้แค่อยากให้ต่ายคิดดูให้ดีๆ น่ะ อนาคตของต่าย เจ้อยากให้ต่ายได้ทำในสิ่งที่ต่ายมีความสุขจริงๆ
ไม่ต้องกังวลเรื่องตลาดหรือเรื่องอะไรก็ตาม ไม่ต้องตามใจคำสั่งป๋าหรือของคนอื่นไปทุกอย่างหรอก
ก็ใช่ว่าป๋าจะไม่เข้าใจต่าย ต่ายน่ะทำเพื่อคนอื่นมามากแล้ว ทำเพื่อตัวเองบ้างเถอะนะ
ถ้าไม่เหมาะกับเราก็บอกเจ้ได้ เดี๋ยวเจ้คุยกับที่บ้านให้ อย่าเก็บไว้คนเดียว”

“เจ้ก็พูดไป ที่ตลาดมันก็สนุกดี”

“แรกๆ แกจะเป็นจะตาย ทำเป็นลืมนะ ที่หลังๆ ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเนี่ย...”
ผักกาดจ้องหน้าน้องชายแบบซีเรียส “อย่าให้เจ้ต้องย้ำนะ จันทูเนี่ย! เจ้ขอ เจ้ไม่ไหวจะเคลียร์!”

“เฮ่ย!!! ขนลุก พูดไรเนี่ย” คะน้าลูบแขนตัวเองอย่างสยดสยอง ผักกาดหัวเราะชอบใจ

พอคิดๆ ดูแล้ว เอาเข้าจริง คะน้าก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าเริ่มผูกพันกับตลาดแห่งนี้เมื่อไหร่
มันเหมือนค่อยๆ ฝังความรู้สึกผูกพันลงไปในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ค่อยๆ สะสมขึ้นทุกๆ วัน
จนทุกวันนี้ยังนึกถึงตัวเองไม่ออกว่า ถ้าวันพรุ่งนี้ไม่ได้ขายของที่ตลาดแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นยังไง จะไม่ได้พบเจอเจ๊เป็ด จันทู สายใจ เฮียหมู หรือใครต่อใครมากมาย
...ไม่ได้เจอกับตุล และอาจจะไม่ได้เจอกับทิม



...คิดแล้วก็รู้สึกใจแป้วๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ผมจะทำงานที่ตลาดต่อนะ ยังไงก็ของที่บ้าน อยากดูแลให้มันดีๆ ด้วย”
ผักกาดรับฟัง เธอพยักหน้าเบาๆ หากแต่สีหน้ายังเต็มไปด้วยคำถาม

“ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหม” คำถามของพี่สาวทำเอาคะน้าหันกลับมามองด้วยความไม่เข้าใจ

“พักหลังๆ ช่วงไม่นานมานี้เนี่ย เราดูแปลกๆ นะ นอกจากบางทีก็ทำหน้าเหมือนมีเรื่องให้คิดมากมาย
รู้ไหม ว่าบางทีเราก็ยิ้มแล้วทำหน้ากรุ่มกริ่มแปลกๆ มันแปลกนะ ไม่เคยเห็นต่ายเป็นแบบนี้ มันเหมือนกับ...”

“เหมือนอะไรเหรอเจ้”



“เหมือนกับคนที่มีความรักน่ะ”




(มีต่ออีกนะครับ ^ ^)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-05-2012 20:26:40
(ต่อๆๆๆๆ)





“เหมือนกับคนที่มีความรักน่ะ”

คำพูดที่ตรงไปตรงมาของพี่สาวทำให้คะน้าได้แต่อ้าปากหวอ ร้อนวูบไปทั้งหน้าขึ้นมาอย่างปุบปับ

“ไม่ใช่ว่าไปปิ๊งใครที่ตลาดนะ”

“เฮ้ย! มันจะไปมีได้ยังไงกัน ไม่มีหรอก จะเอาเวลาที่ไหนไปรักไปชอบกับใคร
ขายของก็หมดเวลาแล้ว ไหนจะต้องสู้รบปรบมือกับจันทูอีก ตื่นก็ไว นอนก็น้อย
บางวันก็วุ่นจนหัวปั่น โอ้ย... ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องอะไรแบบนี้หรอก ไม่มีเลยนะ
เจ้ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกันนะ ไม่มีหรอก” ผักกาดขมวดคิ้วสงสัย

“ทำไมต้องรีบพูดซะเร็ว แถมพูดซะยาวขนาดนั้น”

“ก็แค่ชี้แจง” ไม่รู้ทำไม อยู่ๆ ก็ไม่กล้าสบตาพี่สาว

“แปลกขึ้นทุกวันนะ เหมือนคนร้อนตัว”

“ไปกันใหญ่แล้วที่ไหนล่ะ ไม่ได้รู้จักอะไรใครใหม่ๆ เลย
มีก็แค่หมอตุลที่อยู่ข้างๆ ห้องนี่ แล้วก็แค่วิศวกรบ้าๆ อีกคน
ผู้ชายทั้งนั้น ไม่ได้เจอใครอีกเลย ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่...”
เอ่อ... กูพูดอะไรออกไปวะเนี่ย ไอ้คะน้า เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบสายตาวิบวับของพี่สาว

“ตุลเนี่ยเจ้พอรู้จัก แล้ววิศวะนี่ มันวิศวะไหน”

“พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ไม่มีอะไรหรอก จู่ๆ ก็ง่วงนอนเนอะ ไปนอนกันดีกว่าเจ้ ดึกละ”
กระโดดแผลวเป็นกระต่ายแล้วหายวับเข้าไปห้องนอน
ผักกาดเดินตามมาที่ห้องน้องชาย จ้องเขม็งไปที่คนที่นอนอยู่บนเตียง

“สรุปคือไม่รู้จัก พูดไปงั้นๆ”

“พูดไปงั้นๆ”

“แล้วที่เคยเล่าให้เจ้ฟังคนนั้นล่ะ ที่บอกว่าชื่ออะไรนะ ป้องอะไรเนี่ย ไม่ใช่คนนี้เหรอ”

“ป้องไหน ไม่รู้จัก ไปเอามาจากไหนเนี่ย” ยกผ้าห่มขึ้นคลุม

“ก็ที่ต่ายบอกวันนั้นไง ป้องแหละ เจ้จำได้
ลุกขึ้นมาคุยเลย ชื่อป้อง ไม่ผิดแน่” ยืนยันเสียงแข็ง

“โอ้ย ป้องไหนล่ะเจ้ ไม่เคยรู้จักเลย”

“ที่เป็นวิศวกรที่เพิ่งรู้จักกันไง ที่บอกว่าอายุเท่ากันเลยน่ะ”

“ที่ไหนล่ะ จำผิดแล้ว มันชื่อทิม แถมอายุก็น้อยกว่า ไม่ได้เท่ากันเลยเหอะ”

“เหรอๆ หน้าตาดีไหม”

“โคตรหล่อเลยว่ะเจ้”

“สูสีกับตุล เพื่อนบ้านเราได้ไหมวะต่าย”

“สุดๆ กินกันไม่ลง ไอ้สองคนนี้มันหล่อจริงๆ เจ้”

“เหรอออออ...”

“ใช่ๆ เจ้ต้องเห็น ตุลเนี่ย มันจะหล่อแบบสุภาพๆ หล่อแบบหมอๆ น่ะ
เจ้นึกออกใช่ไหม เวลายิ้มเนี่ย ดูโลกสดใสมาก ที่เด็ดสุดเลยนะ หมอร้องเพลงเพราะมาก”

“เคยฟังด้วย?”

“เคยๆ ตุลร้องให้ฟัง เพราะโคตรเลย ส่วนไอทิมเนี่ย มันจะแบบกวนๆ เก็กๆ หน่อย
แต่มันก็มีเสน่ห์แบบของมันนะ มันทำพูดน้อย เก็กๆ ดุๆ ไปงั้นแหละ ตัวจริงใจดี”

“ก็ไปรู้อีก?”

“รู้สิๆ ตอนไปหามันที่ไซด์ก่อสร้างนะ มันชอบเอาหมวกมันมาใส่ให้ กลัวของหล่นใส่หัวไรงี้”

“เหรออออออออออออ...”

“จริงๆ นะ ไม่ได้โม้เลย”

“สรุปก็คือตอนนี้ สนิทกับตุลแล้วก็ทิม”

“ใช่ๆ สองคนนี้แหละ ไอ้ป้องของเจ้เนี่ย มั่วละ ตุลกับทิมแค่นี้จริ... เอ่อ...”




ฉ...ฉิบหาย

...ซวยละกู กูพูดอะไรออกไปเนี่ย กูทำอะไรลงไปเนี่ยยยยยยย!!!

“ง่วงจัง มึนๆ เบลอๆ นอนดีกว่า ฟี้....”

“พามาให้เจ้รู้จักหน่อยสิ เพื่อนต่ายน่ะ” ผักกาดเสียงเย็น

“หลับแล้ว ไม่ได้ยินอะไรเลย”

“มะรืนนี้วันเสาร์ เจ้หยุดพอดีเลย เนื่องในโอกาสฤกษ์ดีที่เป็นวันหยุด ต้องฉลองกันนะ”
ดีกับผีอะไรของเจ้วะ ก็มันหยุดทุกสัปดาห์อยู่แล้วไม่ใช่เรอะ!!!
“ชวนมาทานข้าวด้วยกันที่ห้องสิ เดี๋ยวทำอาหารเลี้ยงเอง” ผักกาดหัวเราะชอบใจ

“หลับแล้ว หลับจริงๆ ไม่ได้ยินอะไรเล๊ยยย...” แกล้งตายเจอหมีล่ะเว้ยเฮ้ยไอ้คะน้า

“บ่ายๆ ดีไหม เผื่อเวลานั่งคุยกันด้วย” ...พี่กู ไม่ฟังกูเลย “บ่ายสองแล้วกัน ฤกษ์ดี”

“ต้องขายของที่ตลาด ไม่ได้หรอก เย็นๆ ก็ว่าไปอย่าง”

ฉ...ฉิบหาย ก...กู กูพลาดอีกแล้วรึนี่! ผักกาด! เจ้มันปีศาจชัดๆ!!!

“โอเค หกโมงเย็น บอกเพื่อนๆ แกว่าห้ามช้า เจ้ไม่ชอบการคอย”
เสียงรองเท้าลากตัวบนพรมค่อยๆ ห่างออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะราวกับปีศาจร้ายของผู้เป็นพี่สาว

...ตาย ไอ้คะน้าตายแน่ๆ จะให้ชวนตุลกับทิมมาร่วมโต๊ะอาหารกันเนี่ยนะ
คราวก่อนยังสยองไม่ลืมเลือน แล้วมันจะแดกหัวกันไหมเนี่ย



ผลจากประกาศิตที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของผู้เป็นพี่สาว
ทำเอากระทาชายนายคะน้าถึงกับนอนสะดุ้งตลอดคืน
และส่งผลอีกทั้งวันระหว่างที่ขายของอยู่ในตลาด
แค่คิดถึงก็หลอนเหนือนรกว่างั้นเถอะ แล้วจะไปบอกกับตุลกับทิมยังไง
ตุลๆ พี่สาวอยากเจอ ทิมๆ ไปกินข้าวกันอะไรแบบนี้เหรอ อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นน่ะสิ

ยืนสั่นๆ อยู่ที่หน้าไซด์งานก่อสร้าง แม้เมื่อคืนคนที่กำลังยืนคุมงานอยู่จะกำชับว่า
ไม่ต้องโผล่มาที่ไซด์งานอีกก็เถอะ ...แต่ไม่ได้มาส่งไอติมนี่นา มาชวนไปกินข้าวตามคำสั่งผักกาดต่างหาก

“มาทำไม เมื่อวานก็น่าจะ...”

“ไม่ได้มาส่งไอติม ฟังก่อนๆ อย่าเพิ่งด่ากัน” รีบแทรกก่อนจะโดนบ่นไปฟรีๆ

“ว่ามา”

“เสาร์นี้ คือว่า...” ตื่นเต้นว่ะ

“ทำไม”

“ไปกินข้าวกัน... เอ่อ... นะ” ไม่ได้ป๊อดนะ แค่เกรงใจ ว่าแล้วก็หลับตาปี๋

“.......”

เอ๋... ผิดคาดแฮะ ไม่โดนด่าด้วยเว้ยเฮ้ย ค่อยๆ ปรือตาขึ้นก็เห็นทิมทำหน้าแปลกใจ
ไม่มีวี่แววของความโมโหหรือตั้งท่าจะต่อว่าอย่างที่คิดไว้แต่อย่างใด

“ไปกันไหม”

“ยังไง”

“ก็ไปนั่งกินข้าวกัน เอ่อ... ที่ห้องพี่ไง เดี๋ยวเลี้ยงไข่เจียวคืนวันก่อน” ตลกบริโภคละกู

“อือ”

ขยี้ตาตัวเองแรงๆ ไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า เหมือนเห็นไอ้เท่มันยิ้มๆ แฮะ
แปลว่าวันนี้มันคงอารมณ์ดี น่าจะไปได้สวย(หรือเปล่า)

“แต่... คือหมอที่วันก่อนมาที่นี่ เอ่อ... ไปด้วยนะ”

“ไม่ไป”

“อ้าว... ก็เมื่อกี้” คะน้าถึงกับเหวอ ทิมหันมาทำตาดุใส่ก็จนใจ
“ไม่ว่างสินะ แหะๆ ไม่เป็นไรครับ ไว้วันหลัง”

“ว่าง แต่ไม่ไป”

“อ้าว... ทำไมล่ะครับ”

“ปัญญาอ่อน”




และคำตอบของทิมนี่เองที่ทำให้คะน้ารู้สึกจิตตกมาตลอดถึงช่วงค่ำ
ถึงตอนนี้ก็ได้แต่จ้องโทรศัพท์มือถือตัวเองในมืออย่างหวาดๆ
กดไล่ชื่อทีละชื่อกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ชื่อของเพื่อนบ้านสุดหล่อ “ตุล”

สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่เพื่อเรียกพลัง
แล้วต่อสายออกไปหาคนที่ปลายสาย ไม่นานนักก็มีเสียงทักกลับมา

“สวัสดีครับคุณคะน้า”

“โหย บังเอิญจัง เป็นตุลได้ไงเนี่ย สงสัยกดเบอร์ผิดแน่ๆ”
ตลกบริโภคอีกละกู แต่มันก็น่าจะเข้าท่านะ เนียนอยู่ กูคิดแบบนั้นจริงๆ

“ฮ่ะๆๆ โชคดีจังเลยครับ เลยได้คุยกันด้วย”
เอ่อ... เชื่อด้วยวุ้ย เอาวะ ทิมไม่มา ไอ้หมออาจจะโอเคก็ได้

“เอ่อ... เรื่องวันก่อน ผมขอโทษด้วยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจ” ตุลตอบกลับด้วยเสียงทุ้มๆ ที่คุ้นเคย

“ไหนๆ ก็ไหนๆ”

“ครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ”

“ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปกินข้าวกันไหมครับ นัดล้างตา” คะน้าเอ่ยชวน

“มีฝุ่นเข้าตาเหรอครับ จะให้ดีต้องล้างด้วยยาหยอดตานะครับ”

“เอ่อ... หมอครับ มันเป็นมุก!”

“อ้าวเหรอครับ ดีจัง ไม่งั้นเคืองตาแย่เลย” ตุลหัวเราะขำ
เล่นเอาคะน้าอึ้งๆ มันขำไหมนั่น แป๊กสิ้นดี ไอ้หมอเอ้ย
“ว่าไงครับ เมื่อไหร่ดี” ขอบคุณมากครับที่วกเข้าเรื่อง!

“เสาร์นี้น่ะครับ ช่วงเย็นๆ”

“น่าจะว่างนะครับ ไม่น่ามีปัญหาครับ”

“ทานที่ห้องน่ะครับ พี่ผักกาดจะทำอาหารเลี้ยง”

“อ้อ พี่สาวคุณนั่นเอง ดีจังเลยนะครับ ทำอาหารทานเอง”

“ไม่ค่อยบ่อยหรอกครับ นานๆ ที เอ่อ... หมอครับ”

“ครับ”

“คนที่ไซด์งานก่อสร้างนั่นไปด้วยนะครับ พอดีพี่ผักกาดให้ชวน”
สิ้นเสียงคะน้า ปลายสายก็เงียบไปทันที





“ผมขอปฏิเสธครับ”



(ยังไม่จบนะ มีต่ออีก T_T)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-05-2012 20:35:02
(สุดท้ายละครับ ^ ^)



และนั่นก็คือคำตอบของเพื่อนบ้านผู้แสนดีที่ทำให้คะน้าถึงกลับนอนไม่ค่อยจะหลับสนิท
ไม่รู้ว่าผู้เป็นพี่สาวจะว่ายังไงบ้างที่ทุกอย่างเป็นอันจบเห่แบบนี้
ไม่มีใครมา และนั่นเท่ากับว่ากับข้าวฝีมือของผักกาดเป็นแม่สายบัวรออันเก้อ
...ก็ไว้ขอโทษแล้วกัน ส่วนอาหารเนี่ย คะน้าผู้นี้จะเสียสละกินให้พุงแตกเอง!

ถือว่าทำทุกอย่างเท่าที่พอทำได้แล้ว รู้ว่ามันดูงี่เง่าเกินกว่าทั้งทิมและตุลจะมานั่งรับฟังคำร้องขอ
ในเมื่อไม่ถูกชะตากันจะให้มานั่งร่วมโต๊ะกันแบบสนิทใจเลยทันที มันก็คงดูแปลกๆ
...เอาเถอะ อย่างมากก็โดนผักกาดดึงหู ไม่ก็บ่นๆ ไปอีกสัปดาห์สองสัปดาห์ ทนๆ ฟังไปเดี๋ยวคนบ่นก็เบื่อไปเอง

เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องจนเริ่มเวียนหัว เพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลาที่นัดแล้ว ผักกาดก็ออกไปซื้อข้าวของ จะโทรไปยกเลิก
ก็คงอาจจะไม่ทันการ ยังไงก็เอาไว้สารภาพหน้างานแล้วกันเว้ย
เดินเข้าไปในห้องนอน แล้วทิ้งตัวลงบนฟูกหนาบนเตียง ...กลิ้งไปกลิ้งมา

เพิ่งจะรู้ว่าในห้องนี่เงียบจัง ถ้าเป็นที่บ้านคงจะมีเสียงลมพัด
มีแสงแดดในตอนบ่ายที่ร้อนอบอ้าว เสียงคนเดิน เสียงรถผ่านไปผ่านมา
แต่ที่นี่เงียบจัง ยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ผักกาดไม่อยู่
เหมือนกับโลกทั้งใบในห้องแคบๆ นี่มันค่อยๆ หมุนช้าลงหรือเปล่า

นอนพักสักเดี๋ยวจะดีไหมนะ เมื่อคืนนอนคิดไปเรื่อยจนไม่หลับเลย
อีกสักพักผักกาดก็คงกลับมาพร้อมกับข้าวของสำหรับทำอาหารมากมาย
ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ

เครื่องปรับอากาศในห้องนอนปล่อยไอเย็นๆ มากระทบผิวกาย
หมอนนุ่มๆ แล้วก็ผ้าห่มอุ่นๆ นั่น น่านอนชะมัด เปลือกตาค่อยๆ หนักขึ้น ทีละนิดๆ

...ง่วงจังเลย

...อยากนอน

...ผ้าห่มนี่อุ่นดี หมอนก็นุ่มจัง

เพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของชายหนุ่ม
...เจ้าชายกระต่ายหลับใหลในห้วงนิทราเสียแล้ว



ฝัน...

ฝันแปลกๆ อีกแล้ว พระจันทร์เหรอ ยังเป็นสีเหลืองอ่อนเหมือนเดิมเลย
สวยจัง มองกี่ทีก็อยากได้ ค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเขย่งเท้าเอื้อมมือคว้า
...พริบตานั้น พระจันทร์ทั้งดวงก็มาทอแสงนวลอยู่ในอุ้งมือทั้งสองที่โอบประคองอยู่
มันดูสบายตาจัง ผมได้ยินเสียงฝีเท้าขยับมาใกล้ๆ แบบทุกครั้ง
แล้วแสงสีนวลในมือก็ค่อยๆ กลายเป็นสีชมพู สวยแปลกตาจัง มองไม่เบื่อเลย
วงกลมในมือค่อยๆ สว่างขึ้น ...สว่างจนจ้า ...จ้าจนอยากหลับตา
แต่แล้วจู่ๆ รู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่คลอเคลีย

...หืม อะไรน่ะ ไม่เหมือนทุกครั้งแฮะ

...สบายจัง

...ความรู้สึกนี้ มันคืออะไรกันนะ

...เส้นผม ...รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ บนผม ปลายนิ้วค่อยๆ ปัดปอยที่ปรกยกขึ้น

...อือ ...ผักกาดเหรอ กลับไวจัง ยังง่วงอยู่เลย

...อีกหน่อย ของีบอีกแป๊บนะผักกาด เดี๋ยวเดียวๆ

...สัญญา




“รู้อะไรมั๊ย...”

เสียงทุ้มแผ่วขึ้นในสัมผัสที่เลือนราง

...ไม่ใช่ผักกาดนี่ เสียงผู้ชาย




“หึ... ยิ้มซะน่ารักเชียว”

...คุ้นหูจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหน

...เสียงใคร ...ใครกันนะ

...ฝัน ...นี่คือความฝัน แต่ความรู้สึกนี่.... อ่อนนุ่มจังเลย
นุ่มเหมือนมีปุยเมฆมาแตะอยู่ที่ปลายริมฝีปาก

...คลอเคลียแผ่วเบาแล้วค่อยๆ จากไป

...ง่วง อยากลืมตา แต่ลืมไม่ขึ้นเลย




“...ไม่เคยรู้อะไรเลยสินะ”

...เสียงทุ้มนั้นอีกแล้ว

...ไม่รู้เหรอ? ...หมายถึงอะไร?

...อีกแล้ว สัมผัสนุ่มๆ ที่ริมฝีปาก ...ค่อยๆ กดเน้น

...อืมมม ยังวนเวียนอยู่ที่เดิมเลย

...รู้สึกดีจัง




“ผมรักคุณ”

...หืมมมม รัก? รักเหรอ?

...อีกครั้ง สัมผัสนุ่มๆ บนริมฝีปาก ...นุ่มนวลกว่าทุกครั้ง

...ทั้งนุ่ม ทั้งหวานเหมือนสายไหมเลย



...ฝัน ...ฝันแน่ๆ

...มันเบาจนเหมือนกับว่ากำลังลอยอยู่ในอากาศ

...คืออะไรนะ

...ชอบ

...อืมมมม

...ชอบจัง

...อย่า ...อย่าเพิ่ง

...ขออีก

...อีกนะ

...ขอ

...อย่าเพิ่ง ...อย่าเพิ่งสิ



...อืมมม

...ผละไปแล้ว

...ไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าเบาๆ บนผืนพรม



คะน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตายังคงปรอยจากความง่วง เป็นฝันที่ประหลาดดี
ประหลาดตรงที่มันรู้สึกเหมือนกับว่าเกิดขึ้นจริงๆ สัมผัสที่ลูบไล้บนปอยผม
ความรู้สึกของลมหายใจอุ่นๆ ที่ยังทิ้งร่องรอยอบอวลอยู่บนใบหน้า
รวมทั้งเสียงทุ้ม และคำๆ นั้น ที่กระซิบข้างๆ หู ...ทุกคำยังก้องอยู่ในความจำ




“ผมรักคุณ”

เพราะไม่เคยได้ยิน และเพราะไม่คุ้นกับสัมผัสนี้มาก่อน
ยังจดจำสัมผัสนุ่มและหวานหอมที่แสนแปลกประหลาดนั้นได้
ปลายนิ้วค่อยๆ ลูบบนริมฝีปากตัวเองอย่างอ้อยอิ่ง
ก่อนที่ประสาทสัมผัสส่วนต่างๆ จะค่อยๆ ตื่นขึ้นจากการหลับใหล



ไม่ใช่หรอก ...ไม่ใช่




...มันไม่ใช่ความฝันนี่หว่า!!

คะน้าเบิกตาโพลง เมื่อกี้! เสียงพูดและรสจูบเมื่อกี้! ไม่ใช่ความฝัน!
แล้ว... แล้วถ้ามันไม่ใช่ฝัน ...ใคร? ใครกัน!?!

ชายหนุ่มรีบเหยียดตัวขึ้นยืนแล้ววิ่งออกมาด้านนอกห้อง คะน้าเหลียวมองซ้ายขวา
ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นตุลกำลังยืนเปิดหนังสืออ่านอยู่ที่ชั้นวางหนังสือ

...ตุล ...ตุลอย่างนั้นหรือ?

“ม...เมื่อกี้” หัวใจเต้นรัว รู้สักปั่นป่วนจนทำอะไรไม่ถูก

“หึ้มมม...” คนใส่แว่นเงยหน้าจากหนังสือแล้วหันกลับมามอง ริมฝีปากค่อยๆ แย้มขึ้น

“เอ่อ...” คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็รู้สึกกระดาก
เห็นสายตาของตุลที่มองผ่านแว่นตาใสๆ นั้นยิ่งพาลปั่นป่วนเข้าไปใหญ่

“ตื่นแล้วหรือครับคุณคะน้า” ตุลยิ้มให้กับคะน้า
รอยยิ้มนั้น... ยิ่งทำให้เจ้าของห้องไม่รู้จะพูดไม่รู้จะถามยังไง
...ตุลทำแบบนั้นไปทำไม ...เป็นตุลจริงๆ น่ะหรือ





“...หนวกหูซะจริง”

ร่างสูงอีกคนค่อยๆ โผล่ตัวขึ้นมาจากด้านหลังโซฟาอย่างเหนื่อยหน่าย
“คนจะหลับจะนอน” คะน้าสะดุ้ง แปลกใจและชะงักไปกับเสียงของชายหนุ่มอีกคน

เสียงของ...

...ไม่นะ

รีบเหลียวกลับไปมองต้นเสียงที่แอบตัวอยู่ด้านหลังโซฟา ...มีอีกคนที่อยู่ในห้องนี้!

ทิมจ้องมองแล้วทำหน้าเซ็งๆ คะน้ายืนงง พยายามตั้งสติแล้วคิดทบทวนเหตุการณ์ทุกอย่าง
มันเกิดขึ้นแน่ๆ ยังไงก็เรื่องจริง หากแต่พยายามคิดทบทวนถึงน้ำเสียง ก็เบลอจนจำอะไรไม่ได้

“มะ...มาถึงกันนานแล้วหรือยังครับ” หวังว่าจะพอช่วยให้ตัดผู้ต้องสงสัยไปได้บ้าง

“ก็นานพอจะเห็นคนนอนน้ำลายยืด”
ทิมพูดแบบไม่ใส่ใจ แต่ดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นวับวาวผิดปกติ

“เวลาคุณนอนหลับนี่ ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งน่ารักนะครับ”
ตุลยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่ดูเหมือนมีอะไรบางอย่างในนั้น



สองคนนี้...

ใคร?

...เป็นใครที่พูดคำนั้น?




แล้วใครที่...


คะน้ายกมือขึ้น สายตาจับจ้องคนสองคนที่อยู่ตรงหน้า
ปลายนิ้วค่อยๆ ยกแตะบนริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว
ภาวนาให้ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน




...เพราะหัวใจมันกำลังเต้นรัวจนแทบระเบิดอยู่แล้ว



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คิดว่าใครกันน๊อออออ.... ลองเดากันดูเล่นๆ ไหมครับ ฮิฮิ

ขอบคุณล่วงหน้านะครับสำหรับทุกๆ คำทักทาย กำลังใจ ความคิดเห็น และคำแนะนำครับ
อ่านคอมเมนต์ทีไร ก็อยากจะรีบๆ ปั่นมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันต่อทุกที (บ้ายอว่างั้น 55555)
เอาเป็นว่าขอบคุณมากๆ ครับ พบกันใหม่ตอนหน้านะครับ ขอกอดเพื่อนๆ หน่อยนะ หลายๆ ทีด้วย แหะๆ

 :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 29-05-2012 20:39:18
 :z3: :z3: :z3: ทิม FC ตามมาเชียร์ค่ะ   
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Tiamo_jamsai ที่ 29-05-2012 20:39:38
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-05-2012 20:43:04
โอ้โห พร้อมใจกันมาขนาดนี้
ใครก๊าน
ใครกันที่บังอาจมาลักหลับน้องคะน้าของเจ๊ 555555
เชียร์ทิม อย่างหนักแน่น สุดๆ เอิ๊กกกกก

ขอบคุณคุณลูเซียที่มาต่อให้นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gumrai3 ที่ 29-05-2012 21:00:41
ใครอ่ะ ใครจุ๊บกระต่ายน้อยเค้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-05-2012 21:03:38
ถ้าคนแต่งจะบ้ายอ เม้นบทละหลายๆคอมเม้นเลยได้ไหม อยากอ่านต่อ ยอมรับว่าติดมากๆเลย
กรี๊ดดด  ทิมเท่มากไม่ไหวแล้ว เอาแต่ใจแล้วอารมณ์ขึ้นๆลงๆสุดๆ
คะน้าอีกคน อ่านตอนหลุดให้พี่สาวฟังแล้วอิน ขำไปด้วย พลาดแล้วไอ้ต่ายเอ๊ยยยย
รออ่านทุกวันเลยค่ะ ^^ รีบๆมานะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-05-2012 21:15:09
เอาเป็นคนนึงพูดคนนึงจูบได้ไหม

/ :beat: อินี่โลภ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 29-05-2012 21:15:58
อ่าวเห้ยยยยยยย ไม่ถนัดเดาาาาาา
ทั้งสองคนเลยละกัน ..... /เล่นงี้เลยเหรอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-05-2012 21:25:33
น้องทิมเท่านั้น สู้ ๆ   :mc4:

ส่วนหมอมานี่มะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 29-05-2012 21:27:52
 :z3: :z3:

ใครฟร่ะ


 :amen: :amen: ขอให้เป็น ทิม  สาธุ ไม่งั้น คนเขียน  :z4: :z4:


ปล. ตอนแรกนึกว่าน้องทิมจะถอดใจแล้ว เพราะกระต่ายเราซึนซะ ชิชะ ล่อให้เค้ามาที่ห้อง ร้ายนะเรา เจร๊ปลื้ม  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 29-05-2012 21:36:11
ทิมออกตัวแรงอ่ะ จะแผ่วปลายรึเปล่า 55+ ยังชอบเชียร์มวยรองเหมือนเดิม ^^

คะน้าต้องฟันธงสักคนแล้วล่ะนะ ไม่งั้นคะน้าจะงงเป็นต่ายตาแตกแบบนี้เรื่อยไปแน่ๆ

บวกๆ ค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 7 (หน้าที่ 8) - May 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 29-05-2012 21:47:16
อิตาน้องทิม บางที ก็น่าหมั่นไส้ในความขี้เก็กของมัน
แต่เวลาบทจะรุกเล่นซะคนอ่านเขินไม่หยุด ยังกะตัวเองเป็นคะน้าซะเอง ฮ่าๆๆๆ
ไม่รู้จะเชียร์ใคร หมอก็น่ารักไปอีกแบบ บางทีก็สงสารหมอ มีแต่คนเชียร์ทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 29-05-2012 21:53:44
ไม่ให้กอด แต่ให้จูบบบบบบบบบบบบบบบ
โฮกฮาก แอร๊ย อรั๊ง อุ๊อ๊า~~~~
รักจัง!บ้าอ่ะ พี่ทิมแม่งน่ารัก!(พี่ตุลย์ก็น่ารักแต่โดนพี่ทิมกลบหมด)โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คะน้าอ่ะ!ยิ่งอ่านยิ่งอยากกิน!บ้าบอ น่ารักไปไหน โมเอ๊ไปไหน เลิศนะ!เริ่มอยากเป็นพี่ทิมละ อะฮึ๋ย!
ปล.ยังคงโบกธงเชียร์พี่ทิมต่อไป อะร๊ายยยยยยย
ปล.2เอ๊ะ ขึ้นไปอ่านแล้วหาเนื้อหาไม่เจอนอกจากเสียงกรี๊ด :z10:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 29-05-2012 21:58:35
อั๊ยย่ะ ใครกัน แอบลักหลับน้องต่าย  :oo1:

เชียร์สอง แต่ชักเอนเอียงไปทางทิมซะแล้ว เราแพ้หนุ่มซึน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 29-05-2012 22:07:32
เอางี้ เพื่อความเท่าเทียม  o13
เจ๊ว่า แบ่งคนหนึ่งให้สาวสวยจันทู ซะ นั่นก็คือ หมอตุล  :m20: :m20:
ไม่ได้ลำเอียง เลยนะยะ

P.S. ไม่รุว่าเป็นใคร แต่ถ้าเป็นทิมเจ๊ยอมทั้งตัวและหัวใจ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 29-05-2012 22:11:42
เขาคือใคร  :serius2:  ขอให้เป็นทิมนะ  :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 29-05-2012 22:27:56
น่าจะทั้งสองคนเลยรึเปล่า...เป็นตอนที่ยาวจุใจมาก แต่ก็ยังไม่พอใจอ่ะ(อยากอ่านต่ออีกเร็ว ๆ)
ตอนทิมทำเย็นชาก็อดใจหายไม่ได้เนาะ แต่มาคิด ๆ น่าจะเป็นเพราะไม่พอใจที่คะน้าไม่ได้ดั่งใจล่ะมั้งแล้วต้องเก๊กเท่ห์ ฮ่า ๆ
พี่สาวนัดหนุ่ม ๆ ที่เข้าข่ายว่าจะมาเป็นน้องเขยมาดูตัวอย่างนี้ ไม่รู้จะมีหยอดมุกกระทบในวงสนทนาตอนกินข้าวรึเปล่า...น่าสงสารคะน้าที่คงนั่งเหวอ ไม่เข้าใจแบบอึดอัดพูดอะไรไ่ม่ออก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 29-05-2012 22:31:16
แหง่ะ ทำซึน ทำปฏิเสธ พอคิดว่าน้องกระต่ายจะนั่งกินข้าวกับอีกคนก็ทนไม่ได้มากันทั้งคู่อ่ะเด้555555

รอร๊อรอ ทิม ตุล? ทิม ตุล?ทำไมรู้สึกเหมือนเป็นตุล= =;: โอ้ ม่ายยยยยย เราจะไปสแปมวอลคนแต่งเรียกร้องให้ทิมเป็นพระเอกค่ะ เอิ้กๆๆๆ

รอตอนต่อไปค่า พี่คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rywzaki ที่ 29-05-2012 22:40:02
เฮ้ยยยย  :o8: เชียร์ทิมนะ  *ชูป้ายไฟ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Aksel ที่ 29-05-2012 23:02:43
ทิม FC ><  หมอก็ดีน่ะ  แต่เชียร์ทิม<<<จะพูดเพื่อออ   รอผักกาดทำกับข้าวต่อ!! :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 29-05-2012 23:11:55
คะน้าน่ารักอีกแล้ว โดนเจ้ผักกาดต้อนเข้าหน่อย เล่าฉอด ๆ
หนุ่มมาพร้อมกันสองคนงี้ก็เลือกยากล่ะนะ เอาเป็นว่าใครทำให้ใจสั่นก็คนนั้นแหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: TinyB ที่ 29-05-2012 23:13:05
ผมรักคุณ นี่คือ หมอตุลบอกรักทิมใช่มะคนเขียน  :z2: แล้วเผอิญคะน้าได้ยินเลยเก็บเอาไปฝัน (ณ จุดนี้ลืมเรื่องสัมผัสที่คะน่้ารู้สึกได้ไปก่อน)
และพอคะน้าตื่น หมอตุลเลยแสร้งทำเป็นนั่ง...ทำอะไรสักอย่าง(ลืม555) ส่วนทิมก็กระโดดหลบไปอยู่หลังโซฟา พอคะน้าตื่นถามว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่
ทิมเลยหงุดหงิดใส่คะน้า ที่บังอาจตื่นมาขัดขว้างความสุขเวลาสวีทกับหมอตุลใช่มะ กร๊ากกกกกก

(ไอ้นี้เพ้อเจ้อมาก  :beat: ) ปล.แต่ผมเป็นแฟนคลับทิมนะเออ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-05-2012 00:58:49
ป้ายไฟโบกสะบัด เชียร์ทิมสุดใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 30-05-2012 06:05:11
เอาเป็นคนนึงพูดคนนึงจูบได้ไหม

/ :beat: อินี่โลภ

เห็นด้วยยยย o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 30-05-2012 07:36:54
คะน้าทำไมน่ารักอย่างนี้ ~ อ่านตอนนี้แล้วยิ่งหลงรักคะน้า แอร๊ยยย
ชอบคะน้าที่ใสซื่อแล้วแบบเผลอแสดงความคิดความรู้สึกแบบไม่รู้ตัวที่สุดด
ขำคะน้าที่โดนเจ๊ผักกาดหลอกถาม แล้วเล่าจนหมดเปลือก โอยยย น่ารว๊อกอ่ะ!
ปล.เดาว่าคนบอกรักคือหมอ เพาะตอนอยู่กันสองคนทิมได้เกิดแล้ว แบ่งหมอเกิดบ้าง กร๊ากก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-05-2012 09:55:29
ทิมเอาแต่ใจไปหน่อยนะ  สะบัดสะบิ้งน่าดู  ไม่รู้ว่าคะน้าจะชอบแบบไหน
ทิมที่อารมณ์อย่างกับพายุหมุน  ส่วนหมอตุลย์มาแบบนุ่ม ๆ
สองหนุ่มก็นะ  ปากก็บอกว่าไม่มาหรอก  แต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะทำคะแนนล้ำหน้าล่ะสิ ชิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: sukie_moo ที่ 30-05-2012 11:21:51
เดาว่าเป็นทิมนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 30-05-2012 11:35:50
 :pig4: :pig4: :pig4:

เราว่าโดนไปสองรอบเลย คนแรกแค่มาลูบๆเกลี่ยๆ แต่จูจู๊บป่าวไม่แน่ใจ
เราเดาว่าเป็นหมอ

อีกคนบอกไม่เคยรู้อะไรเลยสินะ แล้วลักหลับไป 1 จุบุ อันนี้น่าจะเป็นทิว (อ่ะป่าว )

หรือจะมีเวียนกลับกลับมาอีกรอบ 555 ไม่ช่ายแระ

รอต่อนะคะ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-05-2012 14:18:45
ละลายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 30-05-2012 15:32:04
เชียร์ทิมมมมมมมม
แต่เดาว่าคนจุ๊บต้องเป็นหมอตุลแน่เลย T_T
ก็น้องต่ายบอกว่าไม่คุ้นนี่น่า ถ้าเป็นทิม
น้องต่ายน่าจะคุ้น เพราะเขาเคยฟัดกันมาก่อน (เหรอ?? ฮา~)
อ่านตอนของคะน้ากับผักกาดแล้วตลกดี
เป็นพี่น้องที่น่ารักอ่ะ คะน้าก็ไม่เคยทันพี่เล้ย~

ขอบคุณนะคะ
*โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป \=O=/*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: แมวอัดกระป๋อง ที่ 30-05-2012 15:37:11
แอร๊ยยยยยยยยย

เสน่ห์ของเรื่องนี้มันอยู่ที่การกั๊กไม่บอก อิอิ ของคนเขียน นี่แหละ

แต่คนอ่านจะขาดใจตายแล้วววววววว

ใครอ่ะเค้าอยากรู้ :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 30-05-2012 16:09:59


นั่งอ่านแบบจดจ่อ

จนถึงตอนนี้ ... :-[ :-[

ชอบทิมที่สุด ดุๆดี

ส่วนใครเป็นคนนั้น

รอลุ้นอย่างเดียว .. :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 30-05-2012 20:20:56
 หว่า สนุกจัง
รอตอนต่อไปจ้า

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zero3 ที่ 30-05-2012 20:40:42
คะน้า ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
พี่ต่าย เนื้อหอมแล้วยังน่ารักชนะเลิศ
อยากผูกปิ่นโต แต่ใจมันเอนไปหาทิมแล้ว
ทิมมันเท่ห์มาก ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 30-05-2012 22:12:44
เป็นทิมเถอะ
แต่ก็เสียดายหมอตุล
โอ้ยเลือกยากจัง :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 30-05-2012 22:49:19
ขอให้เป็นทิมทีเถอะ ชอบหนุ่มซึน 555+
แต่ถ้าไม่ใช่ละก็ คนแต่ง ฮึ่ม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 31-05-2012 00:54:42
Who????? :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 31-05-2012 10:56:08
บ้ายอก็ขอยอหน่อยนะฮะ 555+
สนุกม้ากกกก ขอบอก รออ่านต่อนะฮะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 31-05-2012 14:18:14
ยังเชียร์ทิมอยู่นะคะ แต่ไม่ชอบค่อยนิสัยอารมณ์เปลี่ยนแปลงขึ้นๆลงๆนั่นไปหน่อย
ก็รู้อยู่หรอกตั้งแต่อ่านตอนก่อนหน้านี้ ว่าทิมมีนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว
แต่ตอนนี้มันค่อนข้างชัด อารมณ์อย่างกับพายุ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
อาจจะมองกันว่าน่าตื่นเต้น เท่ ฯลฯ แต่คิดดูดีๆ อยู่กันสำบากนะคนแบบนี้น่ะ

อ่านจากคำพูดที่คะน้าได้ยินตอนหลับ แว่บแรกนึกถึงหมอตุลขึ้นมาเลย เพราะด้วยลักษณะการพูด
แต่จำได้ว่าเรื่องเอสเอ็มเอส ทิมก็เคยทำให้เราประหลาดใจมาแล้วกับคำพูดที่ขัดกับบุคลิก
ดังนั้น ณ ตอนนี้จึงยังลังเลไม่แน่ใจต่อไปว่าใครกันแน่ที่ทำ
แต่ตลกที่ครั้งแรกสองหนุ่มปฏิเสธคำชวน แต่สุดท้ายเอาเข้าจริงก็โผล่หัวมาทั้งคู่ เพราะห่วงกลัวศัตรูหัวใจจะคาบไปกิน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 01-06-2012 11:18:06
แอบตามมาได้ซักพักนึงแล้ว
แอบแปะไว้ตอนนึง แล้วก็เกือบลืมมาคอมเมนท์

ความรู้สึกว่าช่วงแรกๆ การบรรยายดูไม่ลื่นเท่าไหร่นะ
แต่ปรับเร็วมากๆ ช่วงหลังๆนี่ลื่นขึ้นเยอะครับ
เนื้อหาออกแนวน่ารักไม่เห็นแววเครียดเลย
(อารมณ์น้องทิมนี่ถึงจะแกว่งๆแต่ก็ไม่สร้างความเครียดนะ)
บรรยายได้ละเมียดละไมอย่างแปลกๆดี

ส่วนเจ้าสองหนุ่มนั่น ตามใจคนเขียนละกันครับ ไม่ได้เชียร์ใครเป็นพิเศษ
น่ารักทั้งคู่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 01-06-2012 13:54:44
อะ คึ คึ คึ อะ คึ คึ คึ
ใครหว่าที่ขโมยจูบคะน้า
ไอยะ ลุ้นๆๆๆ><
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 02-06-2012 23:20:01
ทิมมมมมม เชียร์ทิมคนเดียว
ไม่ยอมให้เป็นหมอตุลหรอก

ตามอ่านจนทันแล้ว น่ารักอ่ะ หลงรักกระต่ายน้อยของเจ้ผักกาด
อยากกินคะน้าขึ้นมาทันใด

แต่เราเชียร์ทิมนะ ชอบมากๆ เวลาทิมโกรธจนแก้มแดงอ่ะ
โอ๊ยยยยย น่ารักที่สุดแล้วล่ะคนนี้

เจ๊เจ้าเล่ห์และน่ารักมาก ชอบเจ๊มากเช่นกัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-06-2012 18:18:14
done
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 05-06-2012 20:34:07
ต่อด่วน


คนอ่านจะขาดใจตายแล้วถ้าไม่ได้เสพ  อร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-06-2012 16:13:53
ยังไม่มา  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-06-2012 13:28:37
ประกาศหาคนแต่งค๊า !!!  :z13:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 07-06-2012 16:16:49
เชียร์ทิมขอให้เป็นทิมมมมม ถ้าเป็นคนอื่่นละก็ หึๆๆๆๆ
เอ๊าสอคนนัน้นไหนว่าจะไม่มาไง 55
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 8 (หน้าที่ 10) - May 29, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 07-06-2012 16:28:07
ดันนนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 07-06-2012 21:40:38
มาแล้วครับๆๆๆๆ ฮ่ะๆๆ ขอโทษจริงๆ ครับ พอดีเปื่อยนิดหน่อย
เลยไม่ได้แต่งเลยครับ แว๊บเข้ามาเห็นเพื่อนๆ แวะมาบ่อยๆ
เลยรีบๆ เข็นออกมาเท่าที่จะพอเอื้ออำนวยครับ 5555
ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะครับ มึนๆ อยู่น่ะครับ แหะๆ
ขอให้อ่านอยางมีความสุขนะครับ ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 9



ไม่รู้จะทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ถูก คำพูดและสัมผัสที่แผ่วเบานั้น มั่นใจว่ายังไงก็ไม่ใช่ความฝันแน่ๆ
ความรู้สึกยังคงอยู่ ยังจดจำได้ดี ...อ่อนโยนแล้วก็หอมหวานแบบนั้น

“ตื่นแล้วเหรอเจ้าตัวดี ปล่อยให้พี่จ้อกับเพื่อนเราตั้งนาน” ผักกาดชะโงกหน้าออกจากครัวมาบ่น
ในมือสาละวนไปกับการคลุกเคล้าน้ำสลัดกับผักในชาม ก่อนที่มือเล็กๆ จะวางทัพพีไม้ลง

“นี่เราไม่สบายหรือเปล่าทำไมหน้าแดงๆ”
เดินเข้ามาหาแล้วเอามืออังบนหน้าผากน้องชาย “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”

“ไม่ๆๆ ไม่เป็นอะไรนะเจ้” คะน้าปฏิเสธพัลวัน

“พักนี้แปลกๆ นะน้องชายชั้น เอาเถอะไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารเลย จะเสร็จละ”
ดันหลังน้องชายกลับเข้าห้องแล้วหันไปหาแขกผู้มาเยือนทั้งสองคน
“หนุ่มๆ คะ ขอแรงให้สุภาพสตรีจะได้ไหมคะ” กระพริบตาวิ๊งๆ ใส่จนทั้งสองยิ้มขำ

“ตุลช่วยเจ้ยกไอ้ที่เสร็จๆ แล้วมาที่โต๊ะที” ว่าแล้วก็เพยิดหน้าไปทางครัว

“ได้เลยคร้าบบบ...” หมอหนุ่มขานรับเสียงยาว ผักกาดหันไปที่ทิมต่อ

“ส่วนน้องทิมเนี่ย ช่วยคลุกสลัดในโบล์ต่อแล้วยกตามมา เข้าใจนะ เจ้กลัวจานแตกหมดบ้าน”

“โห่ยยยยพี่ผักกาด... ก็มันลื่น” เสียงใสจนคะน้าสะดุ้งตัว
ต้องชะโงกออกมามองว่าใช่คนเดียวกับที่รู้จักหรือเปล่า

“ไม่ต้องมาเถียง! เจ้ไม่ชอบ!” หันไปทำตาดุใส่

“ครับ” ทิมถึงกลับก้มหน้างุด จะว่าไปคะน้ากลับไม่แปลกใจอะไรนักที่ทิมจะหงอ
ก็ผักกาดนี่เผ็ด สวย ดุ ของจริง ขนาดเจอบ่อยๆ
เขาเองยังรู้สึกหงอเลยกับสายตาพิฆาตกระต่ายคู่นั้น
มองแล้วก็ถอนหายใจ อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่รู้จักนรกซะแล้ว ทิมเอ้ย

“พอกับเจ้าต่ายเลย ซุ่มซ่ามแล้วยังมีหน้ามาเถียง ไม่ได้เรื่อง”
ได้ยินชื่อ คนที่สลดอยู่ก็หัวเราะขำ

“ก็ไม่งั้นจะคบกับต่ายได้ไงเล่าพี่”
ทิมเย้าเสียงหวานจนคะน้าแทบพ่นยาสีฟันออกจากปาก
ตาโตๆ ทั้งสองข้างแทบจะถลนออกจากเบ้า
มันคือไอ้เห้ เอ้ย! ไอ้เท่จริงๆ เหรอนั่น! แล้วมาต่งมาต่ายบ้าอะไรไอ้นี่

แต่ที่แปลกก็คือผักกาดกลับหัวเราะชอบใจ ไม่รู้ว่าทิมไปทำอีท่าไหน
ถึงสนิทสนมกับพี่สาวเขาได้ไวขนาดนี้ แถมดูเหมือนว่าพี่จะรู้สึกเอ็นดูอีกต่างหาก

ผลัวะ!!!

“โอ้ยยย... เจ็บนะครับ” เอามือลูบแขนป้อยๆ

“ฟาดให้เจ็บ” ผักกาดกระหน่ำไม่คิดชีวิต แม้ไม่ได้เห็นจะๆ กับตา คะน้าก็รู้สึกได้
ถึงสีหน้าที่มีความสุขของพี่สาวตอนที่ได้ทำร้ายร่างกายคนอื่น ...เป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

กระทั่งจัดแจงทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อย คะน้าก็เดินออกมาแบบงงๆ
ไม่เข้าใจว่าช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่เขาผล็อยหลับไปด้วยความเพลียนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ทำไมผักกาดถึงได้ดูสนิทสนมกับสองหน่วยนั้นจนน่าตกใจ ยังไม่ถึงที่โต๊ะดี
ก็ได้ยินบทเพลงสรรเสริญพระบารมีเวอร์ชั่นหมอตุลจากริมฝีปากผู้เป็นพี่สาวเข้าให้อีก

“จุดนี้ เจ้ปลื้มตุลมาก น่ารัก เพอร์เฟ็กต์ ทำอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อย แลดู family man สุดๆ”

“โห... พี่ผักกาดก็ว่าไปครับนั่น ผมจะตัวลอยเอาแล้วครับ”
กลั้วเสียงหัวเราะพร้อมรอยยิ้มพิฆาตมารอีกแล้ว นี่ล่ะนะ พี่สาวเขาถึงได้ใจอ่อนเอา

“ตายจริง ชอบคนอายุมากกว่าไหมจ๊ะเนี่ย” มันขาดคำไหมล่ะนั่น

“แหะๆ พูดแบบนี้ผมก็เขินพอดีสิครับ โอ๊ะ... ต่ายมาพอดี”
ตุลหันมายิ้มให้คะน้า เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ใครต่อใครต้องเผลอไผลยิ้มตาม

“เจ้เผยแพร่ลัทธิอะไรเนี่ย ทำไมไม่เรียกว่าคะน้า” หันไปถลนตาใส่ตุลจนเจ้าตัวยิ้มขำ

“ตัวแสบมาเลยๆ ไปนั่งตรงโน้น ให้ไกลๆ จากเจ้เลย เบื่อแสนเบื่อแล้ว
ตุลมานั่งนี่ เจริญหูเจริญตา ส่วนเจ้าลิงนั่งตรงนี้ แล้วอย่าทำลายข้าวของอีกล่ะ”

“อ้าว ทำไมผมกลายเป็นลิงเล่า” ทิมประท้วง

“บอกว่าอย่าเถียง!” วิศวกรมาดเข้มถึงกับหงอก้มหน้างุดทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายต่อไป

จัดแจงเสร็จสรรพ ลงท้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าเต็มไปด้วยอาหารหอมฉุยฝีมือผักกาด
หญิงสาวนั่งข้างๆ กับทิมโดยมีตุลฝั่งนั่งตรงข้าม
ส่วนข้างๆ ตุลเป็นคะน้าที่ฝั่งตรงข้ามเป็นทิมซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ กับผักกาดนั่นเอง

มื้ออาหารดำเนินไปด้วยความราบเรียบเป็นปกติสุข
ไม่มีคำถามซักไซ้ใดๆ ที่แปลกประหลาดออกจากปากผู้เป็นพี่สาว
เป็นไปได้มากว่าคงซักไปหมดแล้วในระหว่างที่เขาหลับอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คะน้าหวั่นหวาด
หากแต่เป็นอาการไม่ถูกชะตาระหว่างตุลและทิมต่างหากที่ทำเอาเขารู้สึกหนักใจ
แต่คำแล้วคำเล่าของอาหารที่แสนอร่อยนั้น
กลับไม่มีอาการเขม่นของแขกผู้มาเยือนทั้งสองอย่างที่คะน้าวิตก

“ตุลทานนี่นะคะ เจ้ทำเต็มฝีมือ” ผักกาดตักอาหารใส่จานให้กับตุล

“แค่มันเวฟไม่ใช่เหรอเจ้”

“ยังมีเมนูกระต่ายเผาหนังกรอบ หนุ่มๆ สนใจไหมจ๊ะ”
หันไปยิ้มให้ตุลและทิมก่อนจะเขม่นสายตาพิฆาตไปยังผู้เป็นน้องชายจนสลดจนทิมแอบขำ

“ขำอะไรเล่าไอ้จ๋อ” ยืมนิยามความเป็นทิมมาจากผู้เป็นพี่สาวเล่นเอาผู้ถูกขนานนามถึงกับหน้าหุบ

ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเบาๆ ที่หน้าแข้งจากปลายเท้าของคนนั่งตรงข้าม
คะน้าสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นทิมทำหน้าไม่ทุกข์ร้อน ซ้ำยังทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

โบราณว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ว่าแล้วกระต่ายสุดโหดก็จงใจกระแทกเท้ากลับไปยังเป้าหมาย
เห็นทิมสะดุ้งตัวเล็กน้อยก็รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่มื้ออาหารจู่ๆ ก็อร่อยขึ้นทันตา

ดูเหมือนว่าคะน้าจะลืมคำลักษณะเฉพาะตัวของคู่ต่อสู้ไปเสียสนิท ‘แรงมาก็แรงไป’
เช่นนั้น แรงกระแทกครั้งล่าสุดจากทิมถึงกับทำให้โต๊ะสะเทือนจนผักกาดและตุลลอบมองด้วยความสงสัย

รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นอมยิ้มแป้นๆ ของคนที่นั่งตรงข้ามยิ่งแสลงใจ
โบราณว่าไว้ชัยชนะก็ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังตัดสินเสียทุกครั้ง
ว่าแล้วคะน้าก็ตักกับข้าวโปะลงไปบนจานของตุล

“ทานเยอะๆ นะครับหมอ จะได้อ้วนๆ” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำไปแบบนั้น

...ปฏิกิริยาอัตโนมัติอย่างนั้นเหรอ?

และแล้วมื้ออาหารที่เงียบสงบก็กลับคืนมาอีกครั้ง กระทั่งทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี
เนื่องจากที่เป็นคนเดียวที่ไม่ได้ทำอะไร หน้าที่ล้างจานจึงตกเป็นของคะน้าอย่างไม่ต้องอาสา
ข้าวของต่างๆ ที่มากมายทำให้ตุลเสนอตัวเป็นลูกมือช่วยล้างจานชามกองโตที่หน้าอ่างล้างมือ
ในขณะที่ทิมนั่งคุยกับผักกาดที่โซฟาตัวโตหน้าทีวี

“แย่จังเลยนะครับ ลำบากหมอด้วย”

“เรียกชื่อเถอะครับ นอกเวลางาน ผมก็ไม่อยากเป็นหมอนะ”
ตุลตอบกลับขำๆ พร้อมรอยยิ้มทำเอาคะน้าหัวเราะเห็นด้วย

“นั่นสินะ เหมือนทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลย”

“อาหารอร่ยมากนะครับ นานแล้วที่ผมไม่ได้ทานอาหารที่บ้านแบบนี้”

“อยู่คนเดียวทำทานเองไม่คุ้มหรือเปล่าครับ เป็นผมก็คงไม่ทำหรอก” ก้มหน้าล้างจานต่อไป

“ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติหรอกครับ มันมีความรู้สึกในนั้น
บรรยากาศของความเป็นบ้านน่ะ ผมไม่ใช่คนทานอะไรยากหรอกครับ”
รับจานจากคะน้าก่อนจะล้างด้วยน้ำเปล่าและเช็ดอีกที

“แวะมาทานบ่อยๆ สิครับ พี่ผักกาดคงดีใจแย่” กดฟองน้ำที่ชุ่มไปด้วยฟองแล้วถู

“ครับ” ตุลยิ้มกลับพร้อมตอบรับในไมตรี
ครู่หนึ่งก็เริ่มฮัมทำนองเพลงขึ้นเบาๆ บทเพลงที่คุ้นหูคะน้าอย่างบอกไม่ถูก



ขอ... แค่ใครสักคนที่รักจริง
ขอ... แค่เพียงที่พิงพักใจ
ไม่รู้ต้องทนต้องรอสักเท่าไหร่
จะได้พบใครที่หัวใจนั้นตามหา



“เฮ่... เพลงนี้ ผมจำได้ๆ วันนั้นที่สวนด้านล่าง” ดีใจที่รู้จักเพลงอะไรแบบชาวบ้านเขาด้วย

ตุลไม่ได้ตอบสนองต่อความกระตือรือร้นดีใจแบบเด็กๆ ของคนข้างๆ ตัว
ดวงตาคู่นั้นยังทอแสงอุ่นไปยังคะน้าไม่เปลี่ยนแปลง
เสียงทุ้มๆ เว้นห้วงด้วยร่องรอยแห่งความรู้สึกที่ซ่อนลึกในใจ
ตุลทอดเสียงช้าลงพร้อมกับแววตาที่คงมั่นไปที่จุดหมายเดิม
สบลึกเหมือนบ่งบอกความหมายที่มากมายในแววตา



ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงาไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืมความเหงาเสียที



ใบหน้าที่อบอุ่นที่จับจ้องมองคะน้าอย่างไม่ละสายตานั้น
ทำเอาคนที่ตัวเล็กกว่ารู้สึกหวั่นไหว กี่ครั้งกี่หน เสียงของตุลก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจเสียทุกครั้ง
...เพลงเพราะอย่างบอกไม่ถูก เนื้อเพลงที่เหมือนเป็นเสียงสะท้อนของความเหงาที่เกาะกุมในใจ
แม้ว่าจะทำให้หัวใจของคนที่ไม่มีใครหลายๆ คนรู้สึกหลงใหล
หากแต่แววตาคู่นั้นและรอยยิ้มที่อยู่ตรงหน้านี้ต่างหาก
ที่เป็นตัวเร้าความรู้สึกลึกๆ จนหวั่นไหวจนเกินควบคุม


...ทำเอาจานใบใหญ่ในมือเกือบจะลื่นหล่น

เมื่อสติถูกเรียกกลับมาในเวลาที่จวนตัว ทุกอย่างรวดเร็วจนคะน้าทำอะไรไม่ถูก
ลงท้ายก็ได้แต่ปลงเสียแล้วหากจานใบใหญ่ในมือจะหล่นแตกเสียหาย

“โอ้ย!” คะน้าหลับตาปี๋ ไม่อยากจะจินตนาการถึงเสียงจานเวลาตกกระทบพื้นแล้วแตกกระจาย
หากแต่ทุกอย่างยังนิ่งเงียบ เจ้าตัวถึงค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองอย่างหวาดๆ

ตุลเอี้ยวตัวคว้าจานที่ลื่นจากมือของคะน้าไปได้อย่างหวุดหวิด
อารามตกใจทำให้ลืมไปถึงความชิดใกล้ของหัวไหล่ตนเองที่บดเบียดกับแผ่นอกกว้างของคนที่ยืนข้างๆ

“ระวังหน่อยนะครับ” ตุลกระพริบตาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนเป็นลายเซ็นเฉพาะตัว
แล้วค่อยๆ กระถดตัวออกไปสาละวนกับจานชามกองที่อยู่ตรงหน้า

เสียงทุ้มในระยะประชิดใกล้ของหมอหนุ่มกลับสะกิดในใจของคะน้าให้นึกถึงคำพูดที่ได้ยินในยามหลับใหล





“ผมรักคุณ”




คำพูดที่พาลให้คิดต่อไปถึงสัมผัสนุ่มนวลแผ่วเบาที่อ้อยอิ่งนั้น

...จูบที่ถูกประทับในยามหลับตา

หยุดนิ่งทุกอย่าง ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ อีกต่อไป ไม่หยิบจานชามมาเช็ดล้าง
ไม่แม้แต่ความรู้สึกที่อยากจะหายใจ มีเพียงความรู้สึกสงสัยที่อัดแน่นอยู่ในหัวสมอง

...ใครสักคนในที่นี้ ที่พูดคำนั้นกับเขา

...ใครคนนั้น ที่ฝากความหวานฉ่ำไว้บนริมฝีปาก



“หรือว่า...” เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบา

“ครับ?” ตุลหันกลับมาถามด้วยแววตาสงสัย

“เมื่อกี้ตอนที่ผมนอน...” มีคำพูด คำถามนับร้อยๆ คำ
อยากเอ่ยออกไป แต่มันก็จุกแน่นอยู่แค่นั้น

“ครับ?” หันกลับมามองทั้งตัว

“เอ่อ...”

ก็ไม่รู้จะพูดยังไง จะถามออกไปตรงๆ มันก็ช่างแปลกประหลาด
...โกรธไหม ...โมโหหรือเปล่า บอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก มีความรู้สึกร้อนในอก
แต่ไม่ใช่เพราะโทสะหรือความไม่พอใจ ความรู้สึกในตอนนี้ที่มี
ต่างกับความรู้สึกเหล่านั้นมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าแทบจะตรงกันข้าม

ไม่ใช่ว่าไม่พอใจ ...แปลว่าลึกๆ แล้วพอใจ?

เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า



...แล้วถ้าเป็นตุลจริงๆ




(ยังมีต่ออีกเพียบครับ!)  :o8:
เครดิต: เพลง ใครคนนั้น ของ Jetseter ครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 07-06-2012 21:43:46
(ต่อนะครับๆ)





...แล้วถ้าเป็นตุลจริงๆ

แว๊บหนุ่งก็หวนไปคิดถึงชายหนุ่มอีกคนที่อ่อนวัยกว่า
คะน้าค่อยๆ เหลือบมองไปในกระจกที่สะท้อนเงาด้านข้างๆ
เห็นสายตาที่จ้องเขม็งที่เขาอย่างไม่วางตา ท่าทีที่หัวเสียแสดงออกมาด้วย
อากัปกิริยาที่ลุกลี้ลุกลนจนเหมือนอยู่ไม่เป็นสุขจนผักกาดหันไปถามด้วยความสงสัย

“มีอะไรเหรอทิม ดูกระสับกระส่ายแปลกๆ แฮะเรา”
คำถามของผักกาดทำเอาตุลเห็นกลับไปมองด้วยเช่นกัน

“เพิ่งนึกได้ว่ามีธุระ” จู่ๆ ก็ลุกขึ้นพรวดพราดจนผักกาดก็สะดุ้งเล็กน้อย

“ขอบคุณมากสำหรับอาหารครับ ผมขอตัวก่อนครับ” แล้วร่างสูงก็ออกจากห้องไป
ไม่แม้แต่จะหันมาเอ่ยคำลากับคะน้าจนผักกาดถึงกับรำพึงกับดัวเองด้วยความมึนงง

“บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไปเลยแฮะ พิลึกมากเจ้าลิงนี่”

หากแต่ผู้เป็นน้องกลับรู้สึกเคยชินจนไม่คิดตั้งคำถามสงสัย
...จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นทิมจะพูดอะไรสักคำ อยากมาก็โผล่มา
อยากไปเมื่อไหร่ก็หายไปเหมือนกับสายลม ไม่เห็นจะพูดจะจาอะไรแบบคนปกติสักครั้ง

ไม่นานนักจากชามกองใหญ่ก็ถูกเช็ดทำความสะอาดและวางคว่ำจนเรียบร้อย
ตุลนั่งคุยอยู่กับผักกาดและคะน้าอีกสักพัก
ก็ขอแยกตัวกลับไปห้องของตนเอง คะน้าจึงเดินออกไปส่งที่หน้าประตู
นับว่าเป็นโอกาสเหมาะสำหรับผักกาดที่จะยัดเยียดหน้าที่สุดพิเศษให้กับน้องชายอีกครา

ถุงขยะแยกประเภทถูกยัดใส่มือของคะน้า
“ไหนๆ ก็ไหนๆ ฝากเดินออกไปหย่อนตรงช่องทิ้งขยะด้วยสิต่ายน้อย”

“เอ่อ... อย่าเรียกแบบนี้สิเจ้” รู้สึกกระดากเขินเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกครอบครัว

“ก็น่ารักดีออก ว่าไหมตุล ออกจะเหมาะ”

“ฮ่ะๆๆ จริงครับ” เพื่อนบ้านผู้แสนดีกลับเห็นดีเห็นงามไปด้วยซะงั้น

คะน้าและตุลจะเดินออกไปทิ้งขยะด้วยกันที่ช่องทิ้งขยะที่ถัดจากลิฟต์ไปไม่ไกล
คะน้าหันมาขอบคุณตุลอีกครั้ง “ตอนแรกคิดว่าหมอจะไม่มาแล้ว”

“ถ้าเป็นหมอคงไม่มาล่ะครับ เพราะหมอต้องอยู่โรงพยาบาล
นอกเวลางาน ผมก็แค่คนธรรมดาแหละครับ”

“ฮ่าๆๆ นั่นสินะครับ ผมก็ติดปากเรียกว่าหมอเอาตามเจ้ทุกที”
ยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองด้วยความเก้อเขิน

“ไปเดินเล่นๆ ย่อยอาหารด้านล่างกันไหมครับ”
ตุลหันมาเชื้อเชิญ “หรือง่วงนอนอีกแล้ว”

“ไม่แล้วล่ะครับ หลับซะเพลินเลย
เดินเล่นก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ลดพุงซะหน่อย”

กดลิฟต์ลงไปยังชั้นกลางที่เป็นพื้นที่ส่วนรวม จุดหมายคือสวนหย่อมเล็กๆ
ที่ไว้นั่งพักผ่อนตามอัธยาศัย ประตูลิฟต์เปิดออก
คะน้าก็เดินตัวฉิวออกไปโดยมีตุลเดินตามหลังด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยกว่าทุกที

“ไปตรงนั้นไหมครับ” ชี้มือไปเก้าอี้นั่งที่อยู่ไกลออกไป
เมื่อตุลพยักหน้า คะน้าก็กระโจนไปเหมือนกระต่ายตัวน้อยๆ ที่กระโดดเล่นอยู่ในสวน

“ทำไมถึงต้องเดินมาไกลขนาดนี้ด้วยนะ”
ตุลถามขึ้น แต่ก็ก้าวตามคะน้าไปยังที่หมาย

“ก็ที่นี่เราพบกันครั้งแรกไง” คะน้าหันมายิ้มตาใส

“จำได้ด้วยหรือครับ”
ร่างสูงผ่อนลมหายใจคลายความตึงเครียดที่มี รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นบนใบหน้า

“ก็ไม่ได้ลืมอะไรง่ายขนาดนั้นเสียหน่อย”

“ดูเหมือนกับต่ายมีอะไรจะถามผมหรือเปล่านะครับ ท่าทางดูแปลกๆ”

“เอ่อ...” ไม่คิดว่าจะถูกอ่านได้ง่ายๆ อย่างนี้
แม้จะรู้สึกง่ายขึ้นที่ตุลเกริ่นนำให้ถามได้แล้ว หากแต่อะไรๆ กลับดูไม่ง่ายอย่างที่คิดเอาเสียเลย
คะน้าถอนหายใจหนักๆ อย่างจนปัญญา ลงท้ายก็ไม่รู้ว่าจะพูดจาหรือสอบถามอะไรออกไปดี
ตุลลากเท้าเดินตามมาทีหลัง สบตาคะน้าอย่างเข้าใจในทุกๆ อย่าง




“รู้สึกตัวสินะครับ ตอนนั้นที่คุณหลับอยู่”

ตุลก้มหน้าลงต่ำ หลบสายตาด้วยความรู้สึกผิดในใจ

คะน้าสัมผัสได้ถึงความฝืดสากในคอเมื่อพยายามที่จะน้ำเหนียวลงไป
ตุลกำลังจะพยายามพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น เหมือนกับว่า
กำลังจะคลี่คลายบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คะน้ารู้สึกสับสนอยู่ในเวลานี้




“ขอโทษ ...สำหรับทุกสิ่ง”

เงยหน้าขึ้นสบตาของคะน้าด้วยแววตาที่มั่นคง ร่างสูงยืนนิ่ง
ผิดกับท่วงทาปกติที่คะน้ามองเห็นจนคุ้นเคย ตุลในเวลานี้ดูจริงจังจนดูแปลกตา
ไม่มีเค้าของความขี้เล่นบนริมฝีปากที่เจ้าตัวมักขยับขึ้นไปมาตลอดเวลา




“ผมเป็นคนที่จูบคุณเองครับ”

คะน้ายืนนิ่ง ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบตรงไปตรงมาอย่างนี้
กับความสงสัยมากมายที่อัดแน่นภายในใจมาโดยตลอด
...เป็นตุลอย่างนั้นหรือ คนที่จูบเขา แล้วคำพูดนั้นที่ได้ยิน
มันคือความรู้สึกของตุลอย่างนั้นหรือ ทำไมที่ผ่านมาถึงไม่เคยรู้สึกเอะใจเลย

ไม่ได้รังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกัน ไม่ได้นึกรังเกียจตุล ...สักนิดก็ไม่เคย
แต่มันรู้สึกแปลกๆ ที่จู่ๆ ก็มีคนมาจูบ มีคนมาบอกรัก
คนแบบเขาน่ะหรือที่คนอย่างตุลมองหา ...มันเป็นไปได้จริงๆ น่ะเหรอ

ใบหน้าของคะน้าเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
ความสงสัยต่างๆ ที่อัดแน่นจนซุกซ่อนจากสายตาของตุลไม่อยู่




“และถ้าเครื่องยืนยันนั้นคือจูบนั่น ผมจะพิสูจน์เอง”

ตุลขยับตัวเข้ามาแนบชิด สบตาคนตรงหน้าด้วยแววตาที่แปลกออกไปจากทุกที
ริมฝีปากที่ดูนุ่มนวลนั้นยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม
รู้สึกแปลกกับตัวเองทุกครั้งที่ความใกล้ชิดของคนที่เป็นผู้ชายด้วยกันอย่างทิม
หรือแม้กระทั่งตุล ที่กลับทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะปกติสักครั้ง

มือกว้างๆ ยกขึ้นลูบเบาๆ บนศีรษะก่อนลากลงมาบนแก้มแล้วช้อนยกใบหน้าของคะน้าให้เงยขึ้นสบตา
ยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งรู้สึกว่าตุลเป็นผู้ชายที่ดูดีอย่างเหลือเชื่อ ผิวขาวละเอียดถูกดูแลจนสะอาดสะอ้าน
ผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากเล็กน้อยกลับทำให้คิ้วเข้มๆ นั้นดูโดดเด่นขึ้น
ดวงตาที่ดูเหมือนมีรอยยิ้มอยู่ในนั้นตลอดเวลาเป็นประกายวาวใสจนน่าหลงใหล
จมูกที่เป็นสันสูงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหาจนสัมผัสได้ถึงไออุ่นแผ่วๆ ที่ลามไล้บนใบหน้า




“หลับตานะครับ...ต่าย”

ราวกับต้องมนตร์ คะน้าค่อยๆ หลับตาลงอย่างไม่รู้สาเหตุ
ได้ยินเสียงทุ้มๆ หัวเราะอย่างอารมณ์ดีในลำคอเจือมากับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมบนร่างกาย
เสียงลมหายใจค่อยๆ ได้ยินชัดขึ้น ...ชัดขึ้น และไออุ่นนั้นก็ใกล้ชิดจนร้อน




“น็อคๆ”

เสียงทุ้มกังวานขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแทนที่จะเป็นเสียงเคาะประตูแบบที่ควรจะเป็น

“จะทำอะไรกับพี่ชายของผมน่ะ”

น้ำเสียงที่เจือด้วยความไม่สบอารมณ์แทรกมาทางด้านหลัง
ทำให้สองคนหันกลับไปมองที่ต้นเสียง ร่างของชายหนุ่มรุ่นน้องยืนอยู่ด้านหลังไม่ห่างออกไป
แม้ในระยะไกลก็สัมผัสได้ถึงแววตาที่แข็งกร้าวที่จ้องมอง
ทิมค่อยๆ เดินเข้ามาแล้วแทรกตัวขวางตรงกลางระหว่างตุลกับคะน้า
วิศวกรหนุ่มมองหน้าคนที่สูงพอกันแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เกือบเหมือนจะเกิดขึ้น

“แบบนี้ก็แย่นะ” แสยะยิ้มพร้อมกับดวงตาที่ลุกวาว

“หึหึ ก็ความรู้สึกดีๆ ไม่มีเหตุผลอะไรให้เก็บงำนี่นะ”
ตุลยิ้มกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเคย
สบตาอีกฝ่ายกลับแบบไม่ได้รู้สึกใดๆ กับการปรากฏตัวของอีกคน

“ว่าไหมครับ...น้อง”

จังหวะที่เว้นช่วงเหมือนจะเน้นเพื่อความนัยยะบางอย่างแก่ผู้ฟัง
ลงท้ายกลายเป็นทิมเองที่เจื่อนรอยยิ้มลงด้วยใบหน้าที่ดูเกรี้ยวกราด

คะน้ากลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เห็นทีว่าจะเป็นอย่างที่คนเขาบอกจริงๆ ว่า
คนที่เป็นหมอมักรับกับแรงกดดันได้สูงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งศัลยแพทย์แล้วนั้น
การลงมีดแต่ละครั้งต้องมั่นใจเพราะนั่นหมายถึงชีวิตหนึ่งชีวิตที่ฝากอยู่ในมือ
หากแต่เมื่อมองไปอีกด้าน ก็เห็นสันกรามที่ถูกขบแน่นจนกล้ามเนื้อเด่นนูนขึ้นชัดบนใบหน้าคม
คล้ายกับระเบิดที่รอเพียงแค่ประกายไฟน้อยนิดเพื่อจุดชนวน
คนอย่างทิมดูเหมือนจะไม่รับกับแรงกดดันใดๆ ทั้งสิ้น
แม้ว่าเรื่องนั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

...ไม่ใช่ว่าทนไม่ได้หรอก หากแต่เลือกที่จะไม่ทนมากกว่า

ไม่มีคำพูดที่พยายามปรุงแต่งใดๆ ให้ดูเหมือนคำทักทายอีกแล้ว
ไม่มีรอยยิ้มใดที่เคลือบแฝงให้คาดเดา ดวงตาที่แข็งกร้าวไม่ได้ดูขี้เล่นหยอกเย้าใดๆ
มีเพียงความไม่พอใจที่ฉายชัดอย่างไม่ปิดบัง
แววตาที่แหลมคมและดุดันคู่นั้นเต็มไปด้วยความผยอง
...สายตาที่คมคายของนกอินทรีที่พร้อมจะห้ำหั่นสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างที่หมายไว้

หากแต่ที่ทุกอย่างยังดูเงียบสงบและราบเรียบราวกับผิวน้ำในท้องทะเล
เป็นเพราะคนอย่างตุลฉลาดพอที่จะไม่เล่นไปตามเกมที่เต็มไปด้วยโทสะนั้น

หมอหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ชิดคะน้าอีกครั้ง
ร่างสูงค่อยๆ โน้มตัวลงมาแล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
หากแต่มันก็ยังดังพอที่คนที่อยู่ใกล้ๆ อีกคนจะได้ยิน

“คิดว่าผมโกหกหรือพูดความจริงล่ะครับ”
รอยยิ้มที่น่ามองนั้นทำเอาคะน้าทำอะไรไม่ค่อยถูก
รู้สึกร้อนวูบไปทั่วหน้าจนต้องเลี่ยงสายตาที่จ้องมองคู่นั้น
จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าจะหายใจไม่สะดวก
พยายามจะหาคำตอบให้กับอาการแปลกๆ ของตัวเองเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้สักที

“หึ... ช่างเถอะ” จู่ๆ ตุลก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้ม

“เอ๊ะ? ทำไมเหรอครับ”
เงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ ดวงตาใสเบิกกว้างด้วยความสงสัย
ตุลค่อยๆ เอื้อมสองมือขึ้นมาขยี้หัวคะน้าเบาๆ และยิ้มสดใส

“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัวหรอกครับ”

ดวงตาทั้งคู่จับจ้องอย่างไม่วางตาพร้อมรอยยิ้มที่พร่างพรายนั้น
สายตาที่ดูอบอุ่นของตุลค่อยๆ มองสำรวจไปบนตัวของคะน้าทีละส่วนๆ
ไล่จากดวงตา ค่อยๆ ลามลงมาที่ริมฝีปาก ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลำตัวสมส่วนนั้น
เพียงครู่เดียวแววตาที่เคยนุ่มนวลก็ตวัดขึ้นมองจ้องที่ริมฝีปากคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา
...จ้องมองจนรู้สึกเขิน ยิ่งใกล้ชิด ก็ยิ่งทำให้หัวใจมันสั่นๆ อย่างบอกไม่ถูก
สบตาก็เห็นแต่แววตานั้นที่มองจ้องพร้อมรอยยิ้มที่ตรึงสายตาจนไม่อยากจะขยับ

ตุลขยับริมฝีปากตัวเองเล็กน้อย ปลายลิ้นสีระเรื่อจงใจยั่วเย้าด้วยการลามเลียบนริมฝีปากตัวเองเบาๆ
ดวงตาที่วับวาวกลิ้งกรอกราวกับหยดน้ำใสหยุดลงบนใบหน้าของคนข้างหน้าที่กำลังร้อนผ่าว
ก่อนที่ริมฝีปากของตุลนั้นจะถูกขบด้วยฟันของผู้เป็นเจ้าของจนมันฉ่ำฉาน




“คิดว่าผมได้รับคำตอบที่ดีมากๆ แล้วล่ะครับ”



(เหลืออีกอันครับ มีต่อๆๆ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 07-06-2012 21:47:04
ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 07-06-2012 21:51:57
(สุดท้ายละ ยิ่งแต่งยิ่งยาว ไม่รู้ทำไม)  :o8:






“คิดว่าผมได้รับคำตอบที่ดีมากๆ แล้วล่ะครับ”

เล่นเอาทำอะไรต่อไม่ถูก ถึงกับไม่รู้จะทำยังไงดี
มือไม้จู่ๆ มันก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งเกะกะไปเสียหมด
คำพูด ท่าทาง หรือแม้แต่การแสดงออกของตุลเล่นเอาคะน้าไปไม่เป็น

“ได้เวลาที่ผมต้องไปเข้าเวรแล้วล่ะครับ ยังไงคงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ”
แม้ว่าปิดตาจนมองไม่เห็น แต่น้ำเสียงทุ้มๆ ของตุลนั้น
ยังคงแจ่มชัดไปด้วยรอยยิ้มที่น่าหลงไหลนั้น
ปลายนิ้วค่อยๆ ลูบไปบนผมของคะน้า ...ลากไล้เบาๆ

“รู้ไหมครับคุณกระต่าย ผมยังไม่อยากไปทำงานเลย”
ดึงเศษใบไม้เล็กๆ ที่ติดผมคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาชูตรงหน้าแล้วบิดเล่นไปมาในนิ้วมือ
...ไม่รู้ว่าไอ้ใบไม้ที่กำลังกวัดแกว่งตรงหน้านั้นหรือหัวใจที่มันแกว่งไกวไปมากกว่ากัน

ครู่นั้นก็มีแรงลมเป่าจากอีกด้านจนเศษใบไม้เล็กๆ บนมือตุลปลิวร่วงไป
ทิมนิ่งเฉย ไม่ได้พูดจาใดๆ ดวงตาคมจ้องมองตุลแบบท้าทายอยู่ในที
หมอหนุ่มมองกลับอย่างไม่หลบสายตา สีหน้าและดวงตาเรียบเฉยแบบทุกที
ตุลค่อยๆ คลี่ยิ้มขึ้นที่มุมปากก่อนจะขอตัวเดินจากไปพร้อมกับท่าทางฟึดฟัดของคนที่ยืนอยู่ที่เดิม

คะน้ามองทิมด้วยความรู้สึกหวั่นๆ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
แล้วก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นดีไหม
แต่ก็หาคำตอบให้กับตัวเองว่าจะอธิบายไปทำไมในเมื่อทิมก็คงไม่ได้อยากจะฟัง

“เอ่อ... ไปกินติมกันไหม คิดว่าที่ห้องน่าจะมี”
...งี่เง่า ...โคตรงี่เง่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้
คนที่ตัวสูงกว่าแค่หันกลับมามอง แววตาคู่นั้นแทนทุกคำตอบได้ดี
...แม่งเอ้ย เจ็บปวดกว่าที่กูด่าตัวเองอีก

“เอ่อ... เรื่องของเรื่อง... คือเมื่อกี้นี้น่ะ”
ลงท้ายก็รู้สึกอึดอัดกับตัวเองจนต้องพูดออกมา
คิดว่าน่าจะดีกว่าถ้าจะพูดถึงอะไรบ้าง

...ในฐานะเพื่อนไง เพื่อนก็ปรึกษาเพื่อน มันก็เรื่องปกติแหละ

“จริงๆ มันก็ไม่มีอะไรหรอก เข้าใจผิดกันไปเองน่ะ ฮ่าๆๆ”
หัวเราะทั้งๆ ที่ไม่รู้จะหัวเราะไปทำไม
ยิ่งเจอสายตาของทิมที่เหลียวกลับมามองยิ่งรู้สึกอึดอัด
ไม่ชอบความรู้สึกตัวเองในตอนนี้แล้ว แต่กลับไม่ชอบสายตาแบบนั้นของทิมมากกว่า

“...เข้าใจว่า?”

“เข้าใจว่าตอนที่หลับอยู่ในห้องน่ะ ตุล...”
ชะงักเพราะไม่รู้จะพูดยังไงต่อไปดี ไม่อยากพูดถึง แต่ก็อยากอธิบาย

“ทำไม?”

“ไม่ทำไมนี่นา ฮ่าๆๆๆ” เหลียวไปมองเจอตาดุๆ คู่นั้น
ไม่รู้ทำไมรู้สึกสลดๆ กับมุกควายของตัวเองพิกล

“มันทำไม”

“เอ้ย! ทำไมไปเรียกตุลแบบนั้นล่ะ เค้าเป็นรุ่นพี่ทิมนะ”
คะน้าตกใจและแปลกใจ ไม่คิดว่าจะไม่ชอบหน้าขนาดนั้น

“ไม่ชอบขี้หน้า”

“เฮ้อ... ไปคิดอะไรแบบนั้น” คะน้าถอนหายใจ
ไม่รู้จะทำยังไงกับอาการไม่ชอบหน้ากันของคนทั้งคู่ดี
เดินเคียงไปด้วยกันเรื่อยๆ ในพื้นที่คอนโด
บ่อยครั้งที่คะน้าเห็นว่ามีคนเหลียวมองเป็นระยะๆ ตลอดทาง

หันไปมองหน้ารุ่นน้องที่เดินข้างๆ ดูเหมือนว่า
เจ้าตัวจะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ กับสายตาที่จ้องมองแบบไม่วางตาเหล่านั้น
อันที่จริงดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ในสายตาของทิมเลยด้วยซ้ำ

“ลงมาเดินเล่นเหรอ” คะน้าถามขึ้น
ทิมหันกลับมามองแล้วเบือนหน้ากลับไปตามเดิม

“ไหนว่าจะไม่มา” คะน้าพูดครั้งมาอีกครั้งด้วยเสียงที่แผ่วเบา
และก็อีกคราวที่ทิมไม่ได้ตอบในสิ่งที่ถาม หากแต่กลับกลายเป็น...

“คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
จู่ๆ ก็ถามขึ้นจคะน้าปรับความรู้สึกไม่ถูก

“หืม?”

“ถามว่าคิดว่าไอ้หมอนั่นมันโกหกหรือพูดความจริง”
สิ้นเสียงกระชากจนกร้าว คนตั้งคำถามหันกลับมาจ้องเขม็ง



“....................”

“เงียบทำไม?”

“ไม่รู้”

“ไม่รู้? ไอ้บ้าเอ้ย!”
ปลายเสียงเหมือนสบถกับตัวเองเสียมากกว่าจะพูดกับคนข้างๆ

“ผมไม่รู้จริงๆ เหมือนมันเกิดขึ้นจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ เหรอ คือ...”
คนอายุมากกว่ามีสีหน้ากระดากเล็กน้อยที่จะพูดถึง “...คือไงล่ะ เราเป็นผู้ชายไม่ใช่เหรอ”

“หึ...”

ทิมแค่นหัวเราะในลำคอแล้วเดินต่อไปเงียบๆ
คะน้าจึงก้าวเดินไปข้างหน้าตามทิมไป
จู่ๆ ก็เหมือนกับว่าทิมจะชะลอฝีเท้าจนระยะห่างค่อยๆ แคบลง

“ถ้าบอกว่าไอ้หมอนั่นมันโกหกล่ะ”

“หืม? โกหกเหรอ” คะน้าหยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้าขึ้น
มองคนที่ยืนตรงหน้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

“ถ้าบอกว่าหมอนั่นมันโกหก
ไม่ใช่เรื่องจริงอะไรทั้งนั้นล่ะ จะเชื่อกันไหม?”

ทิมสบตาด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายความหมายได้
ในดวงตาสีดำคู่นั้นเหมือนซุกซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ในสีดำที่ดูลึกล้ำ
อะไรบางอย่างที่ไม่ว่าคะน้าพยายามค้นหาแค่ไหนก็หาสิ่งนั้นไม่เจอ

“เอ่อ... ทิม”



...ความรู้สึกบางอย่าง เหมือนความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอก

...สงสัย รู้สึกสงสัยจนไม่อยากเก็บเอาไว้ในใจอยู่อย่างนี้

...จะเป็นไปได้ไหม ที่บางทีนั้น อาจจะ... อาจจะเป็น...




“....คงไม่ใช่ว่า” คะน้าพูดออกไปทั้งที่เสียงสั่นๆ
ไม่รู้ว่าจะดีไหมกับความสงสัยที่มีในหัวสมอง

“อะไรเหรอ”

“เอ่อ...” รู้สึกอึดอัดจนไม่รู้จะพูดยังไง กระอักกระอ่วน
กระดากและไม่คิดว่าสมควรหรือเปล่าถามออกไปแบบนั้น
แค่เพียงคิดยังไม่รู้ดลยว่าเหมาะสมไหม เพราะเท่ากับว่า...

...แค่เพียงคิดก็รู้สึกแน่นในใจอย่างบอกไม่ถูก

เพราะความที่ง่ายต่อการอ่านความรู้สึก
อาการแปลกๆ ของคะน้าทำเอาคนที่มองอยู่ถึงกับกลั้วเสียงหัวเราะ

“ทำไมจะต้องทำอะไรงี่เง่าแบบนั้น” ทิมถามกลับพร้อมรอยยิ้มขบขัน

“เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ ไม่บ้าไปหน่อยเหรอ”
คนที่ฟังได้แต่ก้มหน้างุด รู้สึกกระดากจนไม่รู้จะวางตัวยังไง

“เอ่อ... นั่นสินะครับ” หากแต่ท่าทางของคะน้า
กลับเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายยิ่งรุกคืบ



“คิดว่าผมชอบพี่แบบนั้นเหรอ”

“เปล่าๆ ไม่..” ยังไม่ทันสิ้นประโยค
เสียงหัวเราะยวนของอีกฝ่ายก็สวนขึ้นมาทันที




“หึ... หรือเพราะว่า...”

ทิมสาวเท้าเข้ามาใกล้ ความสูงที่หลั่นกันทำให้เขาก้มลงมองใบหน้าของคะน้าที่ตัวเล็กกว่าเล็กน้อย
ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวกลับมาดูแวววาวอย่างประหลาด
...แววตาที่เหมือนกับค่ำคืนนั้น ราวกับหมุดแกร่งที่พันธนาการทุกสิ่งไว้อย่างแน่นหนา
แม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วหากแต่ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในขณะนั้น
คะน้ายังจดจำมันได้ดี ริมฝีปากของทิมค่อยๆ แย้มกว้างก่อนกล้ามเนื้อที่มุมปากจะถูกยกขึ้นสูง
แปลกที่รอยยิ้มนั้นไม่ได้ให้ความรู้สึกเดียวกับรอยยิ้มของตุล

สำหรับตุลแล้ว คะน้าคิดเสมอว่ารอยยิ้มของเขามันเหมือนกับ
ช่วงเวลาที่เราได้รับกล่องของขวัญวันเกิดชิ้นใหญ่ที่เฝ้ารอคอยมานานเป็นปีๆ
และแล้วช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่เนิ่นนานนั้นก็ได้สิ้นสุดลง
ทั้งดีใจ ทั้งปลาบปลื้ม จนอยากจะกอดกล่องของขวัญนั้นไว้แน่นๆ แนบกับตัวตลอดเวลา

หากแต่รอยยิ้มของทิมกลับเป็นเหมือนช่วงวินาที
ที่เราค่อยๆ คลายริบบิ้นที่หุ้มห่อกล่องของขวัญชื้นนั้นออก
วินาทีสั้นๆ ที่เราไม่รู้ว่าข้างในนั้นมันมีอะไรรอเราอยู่
เป็นเพียงช่วงวินาทีสั้นๆ ที่ทำให้เราตื่นเต้นและหวาดหวั่นในเวลาเดียวกัน




“หรือเพราะว่าอยากให้คนนั้นเป็นผม”

เมื่ออีกฝ่ายก้มหน้างุด ทิมก็โน้มตัวเองให้ต่ำลง ใบหน้าคมเอนลงต่ำช้าๆ
ก่อนที่สายตาที่ยียวนนั้นจะช้อนขึ้นอย่างเจตนามองลึกลงไปในดวงตาของคะน้า




“ว่าไง?”


...เหมือนกับความรู้สึกที่หลากหลายมากมายในใจนั้นค่อยๆ ถูกปลดปล่อย

เบือนหน้าหลบไปอีกทาง หากแต่รอยยิ้มและดวงตาวาวคู่นั้นก็ยังตามมาประชิดอยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มที่เกินจะคาดเดาความหมายของใครคนนั้นเหมือนกำลังรอคอยคำตอบจากคนที่ยืนสั่นๆ อยู่

...ค่อยๆ คลายออก

...ช้าๆ

...ในวินาทีที่ริบบิ้นสีแดงค่อยๆ ถูกคลายออก






“หึ้มมมม...”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



:เฮ้อ: จบตอนซะที มันจะบ้าแต่งอะไรของมัน 5555
ตอนนี้แต่งด้วยความสะลึมสะลือจริงๆ ถ้ามันมีช่วงไหนดูแปลกๆ ขอโทษด้วยนะครับ
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ คำแนะนำ และที่แวะมาทักทายกันนะครับ
อ่านทุกๆ คอมเมนต์แล้วรู้สึกตื่นเต้นมาก เชื่อแล้วว่านักอ่านในบอร์ดนี้เทพมากจริงๆ
เก็บได้ทุกๆ รายละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ!!! ชื่นชมมากๆ ครับ เก่งมากกกก  o13

อยากแวะมาคุยกับเพื่อนๆ จังเลยแฮะ แต่เพลียๆ อยู่ ขอตัวไปสลบก่อนล่ะครับ
เอาเป็นว่า +1 ให้เพื่อนๆ ทุกๆ คนนะครับ แหะๆ ก่อนจากกันนี้ มาม๊ะๆๆ ขอกอดสักที

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-06-2012 21:56:14
กรี๊ดดดด ร้อยแปดสิบเดซิเบล
ยกนี้ให้ทั้งสองคนเสมอกัน
แต่ยังคงเชียร์ทิม
หมอมันเป็นได้แค่พระรองนะเออ 5555
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Aksel ที่ 07-06-2012 22:02:32
เชียร์ทิมต่อไป(ถือป้ายไฟ)  อยากอ่านต่อ แอบค้าง :o12: 

ขอให้เป็นทิมเหอะ~ :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 07-06-2012 22:09:00
ยาววววว สะจาย ชอบ  :laugh:

สรุปคนจูบคือหมอเรอะ เจนเทิ้ลล :o8:
ทิมนี่ก็มาแรงตลอด พูดนิดๆหน่อย 'หืมมมม?' แต่ฮอทเว่อออออออ 555555555555

มิใช่ตอนจบ ทิมกะหมอได้กันเอง เย้ย

 o22
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-06-2012 22:15:52
โอ๊ยยยยๆๆๆคนอ่านใจสั่นไปหมดแล้ว :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-06-2012 22:18:22
ยังไงก็เชียร์ทิม อ่านแล้วมึนตามคนเขียนอ่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-06-2012 22:22:10
อย่างนี้น้องต่ายน้อยของเราจะไปทันเล่ห์สองหนุ่มได้ไง
ถึงจะยังไม่เลือกใคร แต่เอนเอียงมาทางทิมใช่ไหมล่ะต่ายน้อย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 07-06-2012 22:57:40
ริบบิ้นหลายออก = รู้ใจตัวเองแล้วสินะคะน้า 5555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 07-06-2012 22:58:58
"หึ้มมมม..." เดียวเท่านั้น ทำเอาเราตายสนิทอ่ะ
เท่ไปแล้ววววววว
คะน้าจะคิดเป็นอื่นไปได้อย่างไร
ก็ต้องอยากให้เป็นทิมทิมอยู่แล้วล่ะนะ
เชียร์ทิมทิมนะ ไอ้ลิงน้อย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 07-06-2012 23:00:12
เป็นหญิง เป็นนางไปปล่อยให้เค้าจูบได้งัย นู๋คะน้า
แต่ ขอยกเว้นนู๋ทิม คนนึงละกัน  :laugh:

P.S. เค้าว่านะไม่ใช่หมอตุลหรอก มันดีเกินไปไม่กล้าจูบหรอก  :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 07-06-2012 23:00:54
ค้างงงงงงงงงงงงงง
แต่นาทีนี้ อยากรู้ว่าเจ้าหมอกับเจ้าจ๋อเนี่ยจะรุมปั่นหัวต่ายน้อยทำไม๋ สงสารเห้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 07-06-2012 23:11:37
ชอบเวลาคะน้าอยู่กับทิมนะ มันเหมือนจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษอ่ะ พิเศษมากกว่าใครๆ

แต่ตอนนี้แบบไม่ไหวแล้ววววววทั้งตุลทั้งทิม คนอ่านจะเขินตาย  :z3:
ตกลงใครเป็นคนบอกรักคะน้า? ใครกัน?

ยังไงเราก็เชียร์ทิมจ๊ะ *ชูป้ายไฟทิม*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-06-2012 23:20:34
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ปกติเวลาอ่านเราจะอยากเป็นพระเอก แต่เรื่องนี้เรื่องเดียว เค้าอยากเป็นต่ายมากกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วยิ้มตลอดเลย ชอบมาก ยกนี้ให้เสมอค่ะ แต่ใจยังชอบทิมอยู่นะ ผู้ชายอะไร๊ น่าจับทำซะมี

รออ่านตอนต่อไป มายาวๆแบบนี้อีกนะ ที่จริงอยากอ่านทุกวันเลย 5555
ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกๆค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 07-06-2012 23:29:46
เอาตรงๆก็คืออ่านแล้วมึนๆตั้งแต่บทที่ไปห้องทิมแล้วค่ะ แต่จะทำตีเบลอมันไปเพราะยังไงคะน้าก็ดูเป็นคนมึนๆกับชีวิตอยู่แล้ว

เหมือนจริงๆยังมีปริศนาเรื่องกระต่ายน้อยอีกตั้งเยอะ รอดูต่อไปละกันค่ะ

คนเขียนเมามาอัพเราเข้าใจ เพราะเราก็เมามาอ่านเหมือนกัน55555

ไม่รุ้เคยบอกรึยังแต่ถ้าเคยบอกแล้วก็ย้ำอีกรอบค่ะ ชอบชื่อเรื่องอ่ะ!

ปล. เรายังเป็นแม่ยกทิมเสมอ ฮ่าๆๆๆๆๆ หมอตุลย์พลาดแล้วล่ะที่ทำตัวเจ้าชู้ไปตอนนึง เราเป็นคนจำฝังใจนะเออว์ ยังไงก็เชียร์น้องทิมอ่ะงานนี้ หมอที่ไม่ค่อยมีเวลารึจะสู้หนุ่มวิศวะ55555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 07-06-2012 23:30:52
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมมม!
มาแบบเท่ๆ เลยนะ จะบ้าตายอยู่แล้ว~
ตอนแรกก็แอบใจแป้ว หรือว่าคะน้าจะชอบหมอไปแล้วว้า~
เวลาอยู่กับหมอทำไมดูหวั่นไหวจังเลย แต่พออ่านมาเรื่อยๆ
คะน้าเปรียบรอยยิ้มของหมอเหมือนของขวัญที่รอมานาน
แต่ในขณะเดียวกันก็เปรียบรอยยิ้มของทิมเหมือนของที่อยู่ในกล่องของขวัญ
สำหรับเราแล้ว แม้ว่าจะตื่นเต้นกับกล่องของขวัญเพียงใด
แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะให้ความสำคัญก็คือของที่อยู่ในกล่องอยู่ดี...
ขอให้คะน้าคิดเหมือนเราด้วยเถอะ ไมใช่ว่าพอเห็นความรู้สึกตัวเองจริงๆ
กลับกลายเป็นชอบหมอนะ ถ้าเป็นแบบนั้น เราจะ...
ร้องไห้เป็นเพื่อนทิมจริงๆ ด้วย T^T

ขอบคุณนะคะ *โบกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อไป*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 07-06-2012 23:31:14
ยาวสะใจมาก เสียงหึ้มมมมสุดท้ายอย่าบอกนะว่า...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 07-06-2012 23:57:51
ความรู้สึกคะน้าระหว่างได้ของขวัญกับตอนเปิดของขวัญ ต่างกันยังไงนี่

ทิมสู้ๆ  :ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-06-2012 00:07:04
พึ่งมาอ่านเรื่องนี้
แต่ว่าติดมากๆเลยค่ะ ><
จะติดตามต่อไปน้า

สุดท้ายแล้วใครจะเป็นพระเอกน้อ ?? :confuse:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 08-06-2012 01:16:29
อารายเนี้ยยยแอบงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 08-06-2012 01:40:31
ถ้าคนจูบเป็นหมอจริง ๆ ละก็ *ล้มโต๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-06-2012 01:58:29
แอบย่องมาดึกๆ แวะมาคุยกับเพื่อนๆ นะครับ พอดีเพิ่งฟื้นขึ้นมาใหม่ เหอๆๆ
คือเนื่องจากว่าไม่ได้คุยกันมานานมากๆ แล้ว ขออนุญาตตอบแบบรวมๆ แล้วกันนะครับ

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเป็นพวกโรคตามใจคนเขียน คือชอบรีเควสทิม หลังๆ ก็เลยมีทิมโผล่มาให้บ่อยๆ
แถมออกมาก็มักจะขโมยซีนตามที่เห็นน่ะนะ ทำไงได้ล่ะ ของแกแรงจริง แม่ยกเพียบเนอะ 555
คือเรื่องนี้ แต่งตอนต่อตอนน่ะครับ ไม่ได้วางโครงเรื่องอะไรทั้งสิ้น มีบ้างที่คิดๆ ไว้
พอถึงเวลาอ่านคอมเมนต์ทีไร คนแต่งสยบตามคอมเมนต์เอาซะทุกทีสิน่า แพ้ทางอย่างแรง
แถมเป็นพวกบ้ายออีกต่างหาก คราวก่อนพิมพ์ไป ปรากฏว่าดันมีเพื่อนๆ ยุให้อีก
เดี๋ยวหายวุ่น หายป่วนก่อนนะ จะปั่นมาบรรณาการให้อ่านกันตาลายไปข้างทีเดียว เหอๆๆ

เรื่องการเขียน มันก็ยังมีบางส่วนที่ไม่เสถียรจริงๆ ครับ น้อมรับโดยดุษณี มึนๆ เอาซะมาก
ขอบคุณที่แนะนำนะครับ จะพยายามให้เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ก่อนอื่น ขอหายเปื่อยก่อนนะ คริคริ
แล้วก็จริงครับ ที่คนแต่งกั๊กแหลก ไม่บอกอะไรคนอ่านทั้งนั้น คือจะรู้แค่ความคิดของคะน้าเท่านั้น
แต่ความรู้สึกนึกคิดของสองหนุ่ม หรือแม้แต่ของผักกาดเนี่ย จะไม่มีบอกครับ
ก็คือเป็นเรื่องที่เล่าจากมุมมองของคะน้าคนเดียวนั่นเอง แล้วก็ไม่คิดมีตอนพิเศษมาแทรกเพื่อเฉลยด้วยสิ ฮิฮิ

ส่วนเรื่องอารมณ์ที่แปรปรวนของทิมนั้น แม่ยกไม่ต้องตกใจไปนะครับ เป็นความตั้งใจครับ
ซึ่งเดี๋ยวพอไปถึงช่วงหนึ่งก็จะมีที่มาที่ไปโผล่มาเองล่ะครับ อีกเรื่องก็คือด้วยวัยด้วยน่ะครับ
ถึงเป็นคนนิสัยประมาณนี้ แต่ความสนุกสนาน ความบ๊องๆ ตามวัยก็ยังมีอยู่แหละเนอะ

แอบสารภาพแหละครับ ว่าจริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจแต่งเรื่องนี้มาลง แต่เป็นอีกเรื่องครับ
ซึ่งตัวเดินเรื่องเป็นพระเอกซึ่งโหดเถื่อนของจริงครับ รู้งี้ตอนนั้นลงเรื่องนั้นก็ดีหรอกเนอะ
ป่านนี้ ได้ตกใจสะดุ้งๆ เป็นระยะกับความเถื่อนของพี่แกเป็นแน่แท้ ฮ่าๆๆ

มีคำถามอะไรฝากไว้ได้นะครับ ไว้อัพตอนหน้าจะตอบกระหน่ำครับ
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์มากนะครับ คิดว่าจำได้ทุกคนนะ เพราะคนแต่งตั้งใจอ่านคอมเมนต์มาก
อารมณ์เดียวกับคนอ่านที่ตั้งใจอ่าน fiction ยังไงยังงั้น 55555555
แล้วก็ยินดีที่รู้จักเพื่อนๆ ที่เพิ่งได้เข้ามาอ่านทุกคนนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

ไว้พบกันใหม่ตอนหน้าครับ กอดแหลกเพื่อนๆ ทุกคน แล้วแพร่เชื้อหวัดใส่ ฮ่าๆๆๆ

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 08-06-2012 06:59:19
เสือปะทะสิงห์ของจริง

ยอดเยี่ยม


แต่คำตอบสุดท้าย ทิมเท่านั้น


หึหึ ใครจูบไม่สำคัญมันสำคัญที่ต่ายน้อยอยากให้เป็นใครใช่ไหม ทิม ร้ายมากลูกชายชั้น  o7 ไม่ทำให้เจร๊ผิดหวัง


ปล.แอร๊ยยยยเห็นบอกอีกเรื่องพระเอกเถื่อน อยากอ่านนนจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-06-2012 08:59:19
เอางัยดีตอนนี้รักพี่ (หมอ) เสียดายน้อง (ทิม) มาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 08-06-2012 09:39:47
งงๆ กับนายทิมเค้าจริงๆ
จะจีบจริง หรือจีบเล่นๆ กันเนี่ย
อารมณ์ก็ขึ้นๆ ลงๆ สงสารหนูต่ายที่จะต้องมาคอยปรับอารมณ์ o2
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zero3 ที่ 08-06-2012 11:22:34
รักทิม
เชียร์ทิม
ทิมบอก หมอโกหก
เราเชื่อ เดี๋ยวจะเข้าฝัน บอกน้องต่ายให้เชื่อด้วย หึหึ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-06-2012 12:09:00
แอร๊ก!!!!!!!!!!!!!!
คนอ่านจะหัวใจวายตาย
ลุ้นอ่ะ ระทึกด้วย โอ๊ย อยากจะกรี๊ด!!!อันแรกสุดที่ลง พอถึงฉากตุลย์แล้วแอบชิเสียงดัง แต่พอมาอันที่สอง เขาแอบเอนเอียงอ่ะ!!!แย่แล้ว เผลอใจเชียร์ให้จูบ เผลอเสียดายตอนที่ถูกทิมขัดจังหวะ อ๊าค ทิมทิมเขาขอโทษษษษษษษษษษษษ
พออันที่3 โอ๊ย โดนทิมทิมเบ่นเข้าให้แล้ว ไม่ไหวนะ กิริยาอะไรกันเนี่ย จะเป็นลม โอ๊ย
พูดจริงๆว่าตอนนี้ปวดแก้มมาก!!!
อ๊าค!!!
คะน้าเอ๊ย รวบ3ไปเลย!!!(กรั่กๆๆๆ)
แต่ยังไงก็ยังถือธงแม่ยกทิมนะเออ!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 08-06-2012 22:39:47
“ถ้าบอกว่าหมอนั่นมันโกหก ไม่ใช่เรื่องจริงอะไรทั้งนั้นล่ะ จะเชื่อกันไหม?”
โอยยย เชื่อจ้ะ เชื่อแบบไม่คิดต่อเลย ขอแค่เป็นน้องทิมพูด ป้าเชื่อหม๊ดดดด >/////<
คะน้าคงสับสนจริงๆ  งั้นน้องต่ายลองพิสูจน์จูบทีละคนใหม่เอาให้แน่ใจเลย 5555555
คุณหมอนี่ดูรุกทีละนิดมาแบบช้าๆแต่ชัว แม้จะเคลิ้มไปบ้าง แต่ขอยังเป็นแม่ยกน้องทิมต่อไป ฮิๆๆ
 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 08-06-2012 22:51:41
ถึงจะยังมึนๆอยู่กับความแปรปรวนทางอารมณ์ของทิมอยู่ แต่ยังอยู่ในระดับรับได้จ้า
ชอบที่คะน้าเปรียบเทียบสองหนุ่มกับของขวัญ แต่รู้สึก(ซึ่งไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า)ว่าทิมจะเครดิตดีกว่าคุณหมอหน่อยนะ หุหุ
เอาจริงๆตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ว่าตกลงแล้วคะน้าชอบใคร หรือยังสับสนอยู่น้อ
เจ้าสองหนุ่มนี่ก็มาพูดให้มึนจริงจังอ่ะ ตกลงคนนึงจูบ คนนึงบอกรักแล้วกัน ฮ่าๆๆ

ปล.บุคลิกทิมตอนอยู่กับผักกาดเป็นอะไรที่คิดไม่ถึง คิดว่าฮีจะเงียบๆขรึมๆเหวี่ยงๆได้อย่างเดียวเสียอีก
แบบนี้ก็น่าค้นหาไปอีกแบบ ว่าต่อไปจะแสดงด้านไหนออกมาให้แปลกใจอีกไหมเนอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 09-06-2012 01:04:55
 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 09-06-2012 01:35:20
ทิม...ทีเล่นทีจริงนะเออ
เดี๋ยวไม่เชียร์ซะนี่  5555

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 09-06-2012 18:26:12
ก็ได้ยิน "บทเพลงสรรเสริญพระบารมี" เวอร์ชั่นหมอตุลจากริมฝีปากผู้เป็นพี่สาวเข้าให้อีก = มิบังควร

อนึ่ง  ทำไมเจ้อ่านตอนนี้แล้วคิดว่า ตุลเหมือนจะชนะ  แต่ไม่ได้ชนะ  ทิมเหมือนแพ้ แต่ยังพอมีหวัง

ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น  เดาจากความรู้สึกของคะน้าล้วนๆ   ไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ ใครจูบใคร จ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 09-06-2012 23:50:17
กินกันไม่ลงจริงๆค่า

อ่านแล้วเขินทั้งตอนเลย ><

แล้วตอนนี้ก็ยาวสะใจมาก

ความจริงเชียร์ทิมนะ แต่ส่วนตัวชอบนิสัยแบบตุลมากกว่า  :-[


หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 10-06-2012 00:03:28
=[]=;;;....ค้างงงงงงงงงงง...."หืมมมมมมมมมม..." :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 10-06-2012 02:29:47
เข้ามาลงชื่อเป็นพ่อยกให้น้องทิมมี่ พร้อมชูป้ายไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 10-06-2012 11:06:15
ตอนนี้ต่ายน้อยคงหัวปั่น ใจป่วน
จะเลือกใครดีเนี้ย  เหมือนโดนสองคนนี้ปั่นหัวเล่นเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-06-2012 17:07:20
done
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 12-06-2012 21:01:45
เชียร์ทิม สุดใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Namtarn ที่ 12-06-2012 22:23:12
ทิมเหมือนมีอะไรในใจตลอดเลย แต่ยังไงก็เชียร์ทิมๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ja-aae ที่ 12-06-2012 22:25:10
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 12-06-2012 22:54:47
อ่านตอนนี้แล้วไม่รู้จะเชียร์ใคร
เอิ่ม แม่งกวนตีนทั้งคู่เลย เหอะๆ
ปวดหัวแทนต่ายจริงๆ=_____=
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 15-06-2012 14:32:49
รอ  ร้อ  รอ

นะตัวเอง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 9 (หน้าที่ 12) - Jun 07, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-06-2012 01:27:18
ผ่านไปสิบวันแระส์
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 18-06-2012 01:55:55
ขอโทษจริงๆ ที่มาช้านะครับ พอดีหลังเดี้ยง นั่งพิมพ์คอมนานๆ ไม่ได้เลย
แค่ 10-15 นาทีก็ปวดแล้ว เลยพิมพ์แบบขยักขย่อนได้ทีละนิดๆ
ขอบคุณพี่ oaw_eang มากๆ ด้วยครับสำหรับคำแนะนำและที่ช่วยแวะมาดันกระทู้ให้ตั้งหลายที
ไว้ผมจะปรับแก้ตามที่แนะนำนะครับ เห็นด้วยทุกประการ ขอหายเดี้ยงแล้วจะตามปรับนะครับ

สำหรับตอนนี้ อย่างที่บอกคือพิมพ์ทีละน้อย แถมไม่ได้อ่านตรวจทาน
ถ้าไม่ลื่นไหล ขออภัยด้วยนะครับ รีบเข็ญมาส่งเพราะไม่อยากให้นานเกินไปอ่ะครับ
ขอให้มีความสุขกับตอนที่ 10 นี้นะครับ อ่านเลยๆๆๆๆ ^ ^




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 10




“พระจันทร์คือจิตใต้สำนึก คือความคิด ความวิตกกังวลที่หาคำตอบไม่ได้
มันเหมือนกับความรู้สึกโดดเดี่ยวคนเดียว สังเกตไหมในตอนกลางคืนมันไม่เหมือนกลางวัน
พระจันทร์ส่องแสงไม่เคยทั่วถึง เราจึงเห็นเพียงแค่ภาพลางๆ”
นิ้วชี้ที่มีรอยยับย่นกวาดไล่ไปบนกระดาษที่เรียงหลั่นตรงหน้า
กระทั่งสายตาสำรวจครบถ้วนก็เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่นั่งหวาดๆ ด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
“กำลังกังวลอยู่เหรอ เรื่องความรักสินะ”

“กังวล? The Moon เนี่ยเหรอครับพี่อ้อย”

“อืม ไพ่เรามันมีแต่ไพ่ที่พูดถึงเรื่องความรักทั้งนั้น มีแต่ความกังวล”

“ความรักงั้นเหรอ” เหมือนคะน้าจะรำพึงกับตัวเองมากกว่าจะตั้งคำถามกับพี่อ้อยที่กำลังจ้องมองอยู่
หมอดูวัยกลางคนถอนหายใจเบาๆ แล้วอ่านตามคำพยากรณ์

“9 ถ้วยประกบกับ The Devil ความรักของเราน่ะ ไม่เหมือนกับคนทั่วไป”

“ยังไงครับ” คะน้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย พี่อ้อยถอนหายใจเบาๆ

“มันไม่เหมือนกับกฎเกณฑ์ในสังคม เอาเถอะ ลึกๆ เราก็เลือกแล้วไม่ใช่เหรอ
ก็แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามที่คิดไว้นั่นแหละ ฝืนไม่ไหวหรอก
ใจเรามันไปแล้ว หยิบไพ่ขึ้นมาซิ 3 ใบ เอามือซ้ายหยิบนะ”
คะน้าค่อยๆ เอื้อมมือซ้ายออกไปดึงไพ่ขึ้นมาตามที่หมอดูร้องขอ

“Hanged Man - Temparance - The World
ต้นร้ายปลายดีนะ อดทนหน่อย เราจะพบกับความสุขที่รอคอย เชื่อพี่”

“เอ่อ... แล้วที่คราวก่อนพี่อ้อยบอกว่า... เอ่อ... จะมีคนเข้ามา
เอ่อ... ผู้ชายสองคนน่ะครับ ใช่เรื่องนี้หรือเปล่า”
คะน้าพูดไปด้วยความแปลกแปร่งอย่างบอกไม่ถูก

“ดวงมันก็คือดวงน่ะ ไพ่มันบอกอย่างนั้น พี่ก็อ่านตามไพ่ล่ะจ๊ะพ่อหนุ่ม
คำพยากรณ์น่ะ มันก็ไม่ต่างอะไรกับสถิติ มีตรง มีไม่ตรง หรือถ้ามันเป็นดวง มันก็อาจจะฝืนได้
แต่ความรู้สึกเราน่ะ พ่อหนุ่มจะฝืนมันไหวเหรอ เราเลือกไปแล้วนี่”

“เลือกแล้ว?”

แม่หมอยิ้มเล็กน้อย เอื้อมมือไปหยิบไพ่ใบหนึ่งเอามาวางลงตรงหน้าของคะน้า
ชายหนุ่มก้มลงมองรูปภาพบนกระดาษสี่เหลี่ยมนั้น ไม่เข้าใจถึงความหมายของไพ่ทาโร่ต์แม้แต่น้อย

“ไพ่ 6 ถ้วย มันหมายถึงอะไรเหรอครับ”

“ไม่เลวร้ายอะไรหรอก วางใจได้ อย่าไปกังวลเลย จิตใจเราตอนนี้มันพะว้าพะวง
คิดอะไรไปเรื่อย ไพ่ใบนี้มันไม่ได้บอกสิ่งที่จะเกิดขึ้น แต่มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
แค่เรายังไม่ยอมรับมันเอง ยิ่งรู้ความหมาย เราก็ยิ่งกังวล ปล่อยมันไปเถอะ ทำใจให้สบายๆ อย่าคิดมาก”

“เอ่อ.. ครับ”

“มันจะปวดหัวหน่อยนะ มีเรื่องมารบกวนใจเราบ้าง แต่จำคำพี่ไว้นะพ่อหนุ่ม
ต้นร้ายปลายดี อดทน แล้วทุกอย่างจะค่อยๆ คลี่คลาย
ว่างๆ ก็สวดมนต์ ทำบุญอะไรบ้าง ใจจะได้สงบนะ”

คะน้าลาจากพี่อ้อย หมอดูไพ่ยิปซีที่การันตีสรรพคุณทั้งตลาด
อันที่จริงเขาเป็นคนไม่ได้เชื่อถือเรื่องคำพยากรณ์อะไรนัก
แต่จะแย้งยังไงกับคำทำนายครั้งก่อนนับตั้งแต่ตุลและทิมที่ก้าวเข้ามาในชีวิต
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน

จะเรียกว่ากำลังวิ่งหนีอยู่ก็ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ว่าคำพูดไหนคือความจริง
ที่ตุลบอกว่าเขาเป็นคนทำ หรือแม้แต่ที่ทิมบอกว่าตุลโกหก
และถ้าไม่ใช่ตุลที่เป็นคนทำ มันก็เป็นทางอื่นไปไม่ได้ นอกจากว่าคนที่ทำเรื่องนั้นคือ...

ยิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นไหวและทำตัวไม่ถูก กลับกลายเป็นว่าไม่รู้จะมองหน้าคนทั้งคู่ได้อย่างสนิทใจได้ยังไง
กระทั่งตัวเองก็ไม่เข้าใจ ลงท้ายแล้วตัวเองรู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เอาเถอะ ยังไงก็ตามจะให้ผักกาดรู้สึกสงสัยอะไรไม่ได้
สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะสอดการ์ดแล้วปลอดล็อกประตูห้องเข้าไป

“กลับมาแล้วเหรอต่าย” รู้สึกถึงแรงโถมมาทั้งตัวจนแทบจะล้ม

“โหย เจ้ทำอะไรเนี่ย” คะน้ารีบโวยกลบเกลื่อนพลางรีบแกะมือแล้วเลี่ยงสายตาผู้เป็นพี่สาว

“ไปทำอะไรที่ตลาดมา ของก็ไม่ได้ขายนี่”

“วันหยุดก็ไปสำรวจหน่อย ตลาดของเราเอง ก็เผื่อจะพัฒนาปรับปรุงอะไรได้มั่งไง”
ผักกาดพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วยกับความคิดเอาการเอางานของน้องชาย
คะน้าเลี่ยงไปอีกทางก่อนจะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แต่พักนี้ต่ายซังดูแปลกๆ นะ กลายเป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่
ปกติออกจะเอ๋อๆ พักนี้ตื่นตัวน่าดูนะ เมื่อคืนไปทิ้งขยะ ก็หายไปตั้งนานสองนาน
กลับมาก็หน้าตื่นอย่างกับไปเจอผีมาแน่ะ” คำทักของผักกาดเล่นเอาคะน้าสะดุ้ง
คิดย้อนไปถึงเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทั้งเรื่องที่ตุลมาสารภาพทุกอย่าง
หรือแม้แต่ที่ทิมบอกว่าตุลโกหก ซ้ำยังเย้าเขาเล่นจนวิ่งเตลิดกลับมาแบบนั้น

“โหย เจ๊คิดมากไปน่า ไม่มีอะไรหรอก กินข้าวละ หิว”
เดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วเริ่มลงมือจ้วงแต่ละจานเข้าปาก

“ต่ายซัง เจ้จะต้องตามนายไปทำงานที่ญี่ปุ่นนะ ยังไงช่วงที่ไม่อยู่
มานอนที่นี่ทีได้ไหม มันจะมีเอกสารด่วนส่งมา อยากให้ช่วยแกะดูให้หน่อย”

“ได้ๆ” เคี้ยวตุ้ยๆ ด้วยความอร่อย

“จะว่าไปเพื่อนเราทั้งคู่ก็ดูเข้าท่าดีนะ ตอนแรกก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เที่ยวไปได้รู้จักใครเขาไปเรื่อย แต่พอคุยๆ ดูแล้วก็เหมือนไม่มีพิษมีภัยอะไร
อย่างน้อยช่วงที่เจ้ไม่อยู่ เราก็ยังมีเพื่อน”

“เพื่อนเนี่ยนะ แถมพวกนี้ก็ไว้ใจไม่ได้หรอก ไม่อย่างนั้นมันจะ...”
คะน้าถึงกับอ้าปากค้าง ...เกือบแล้ว เกือบพูดไปแล้ว

“จะอะไร?” ผู้เป็นพี่สาวขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ทำไมวันนี้มีแต่อาหารแบบนี้น๊า ตำปูปลาร้า ซุปหน่อไม้ ลาบปลาดุก”
แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปแล้วกัน

“แหม แกจะให้ชั้นจกตำปูปลาร้าซิ๊ดซ๊าดๆ ต่อหน้าเพื่อนแกเหรอ
ชั้นยังสาว ยังสวย แถมยังโสดนะยะอีต่ายบ้า”
คะน้าถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกถึงน้ำหนักฝ่ามือที่บีบคอ ...ก็ดีกว่าความลับรั่วไหลล่ะมั๊ง

หลายวันต่อมา ความคิดต่างๆ ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความรู้สึกไม่หาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้องในวันนั้น สัมผัสที่อ่อนนุ่มและแผ่วเบาราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะหอบเอาความคิดฟุ้งซ่านมาที่ตลาดด้วยทุกวันจนผิดสังเกต

“คะน้า เอ็งไม่สบายหรือเปล่าลูก พักนี้ดูไม่กระฉับกระเฉงนะ”
เจ๊เป็ดตะโกนถามในบ่ายวันหนึ่งที่ตลาดค่อนข้างเงียบเหงาจากสายฝนที่กระหน่ำลงมา
หากแต่คะน้ากลับเหม่อลอยจนจันทูต้องสะกิด

“แปลกๆ นะเอ็ง ทำอย่างกับคนมีความรัก” สิ้นเสียงเจ๊เป็ด จันทูถึงกับหันขวับมาสอดส่ายสายตาเต็มที่
คะน้าจึงแกล้งดุไปสองสามคำแล้วก็เฉไฉก้มหน้าก้มตาจัดข้าวของไปเรื่อย จันทูถึงเลิกสนใจ

สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย
แต่ตลาดของคะน้าเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีหลังคาตีครอบตลอดทั้งโครงการ
มีกรรมการตลาดที่เป็นเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่ได้รับคัดเลือกจากเหล่าผู้ค้าขายในตลาดทั้งหมดให้ช่วยดูแล
ฝนจะตกแรงแค่ไหนจึงไม่เคยมีปัญหาน้ำท่วมขังหรือแม้แต่หลังคารั่วแต่อย่างใด

สายฝนตกกระทบหลังคาเป็นเสียงดังจนฟังไม่ได้ศัพท์
จะว่าไปนี่เป็นวันแรกในหลายๆ วันที่คะน้าขายไอศกรีมไม่หมด
อาจเพราะอากาศที่เปลี่ยนไป ไม่อบอ้าวแบบเดิมๆ
หรือเพราะสายฝนที่ตกมาบ่อยครั้งจนทำให้คนมาจับจ่ายดูบางตา

นับตั้งแต่วันนั้นก็ไม่เคยไปส่งไอศกรีมที่ไซด์งานก่อสร้างของทิมอีกเลย
ไม่เคยจะไปส่งที่ห้องตามที่เจ้าตัวร้องขอด้วยสักครั้ง ก็เขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ถึงอยู่ก็ไม่มีคีย์การ์ดอยู่ดี
หรือแม้แต่ตุลก็ไม่ได้พบอีกเลย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก
เพราะเหมือนว่าจะเปลี่ยนกะมาประจำตอนบ่ายซึ่งกว่าจะเลิกก็มืดค่ำ

ตกเย็นก็แบกไอติมที่เหลือกลับไปนอนกินเล่นที่คอนโด
เห็นทีว่าต้องสั่งให้จันทูบอกคนงานว่าช่วงนี้ให้ทำน้อยลงสักหน่อย
ฝนตกจะค้าขายอะไรก็ลำบาก กดลิฟต์ขึ้นไปที่ห้องพร้อมกับกระติกไอศกรีมที่อัดแน่น
คืนนี้มีหวังได้นอนพุงกางแน่ๆ เปิดไฟและเก็บทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
เปิดทีวีที่มีแต่ชองรายการญี่ปุ่น ไม่รู้ใจคอผู้เป็นพี่สาวจะไม่ดูรายการทีวีไทยเลยหรือไงนั่น
ล้มตัวนั่งกับโซฟาแล้วเปิดฝาไอศกรีม ถึงจะชอบแค่ไหน แต่เห็นปริมาณก็อยากจะอาเจียน คิดอยู่นาน





“เจ้าต่ายลูกพ่อ สายไหมไม้เบ่อเร่อจะกินหมดจริงๆ เหรอเรา”

“หมดๆ” เด็กชายตัวน้อยถลกเสื้อเปิดพุงโชว์

“โอเคๆ แล้วผักกาดล่ะคะ หนูจะกินหมดเร้อ หนูกินไม่หมดประจำเลย”
เด็กหญิงพยักหน้าหงึกๆ ส่งสายตาวิบวาวจนผู้เป็นพ่อใจอ่อน

เพียงครู่เดียวสายไหมที่นุ่มเหมือนปุยเมฆสีลูกกวาดเสียบไม้ก็ถูกส่งให้กับเด็กทั้งสอง
ผู้เป็นน้องชายเมื่อได้รับมาก็ลงมือเคี้ยวตุ้ยๆ อยู่เอร็ดอร่อย
ส่วนเด็กหญิงผักกาดฉีกปุยนุ่มนั้นเป็นสามส่วน ส่งให้พ่อเป็นคนแรก แล้ววิ่งเอาไปให้แม่สำหรับส่วนที่สอง
สุดท้ายเหลือแรงลมที่พัดทำให้เด็กหญิงเหลือขนมหวานนิดเดียวติดกับไม้
เหมือนผักกาดจะน้ำตาซึมๆ เล็กน้อยจนน้องชายหันมาเห็น
ผู้เป็นพ่อและแม่จ้องมองทุกอย่างอยู่ในสายตา

ไม่นานนัก ผักกาดก็ได้ครอบครองเมฆสีลูกกวาดไม้โตจากมือของน้องชาย







เวลาผ่านไปหลายสิบปี แต่เหมือนบางสิ่งบางอย่างจะไม่เปลี่ยนแปลงไป
คะน้าเดินไปตักแบ่งไอศกรีมเย็นๆ ใส่กล่องพลาสติกสองกล่อง แม้จะไม่ค่อยอยากเจอหน้าเท่าไหร่ก็ตาม

ของกิน กินคนเดียวไม่อร่อยหรอก ผักกาดมักจะกรอกหูอยู่บ่อยๆ
และถ้าเจ้าตัวอยู่ก็คงเคี่ยวเข็ญให้ไปส่งให้สองคนนั่นอยู่ดี
คะน้ายืนอยู่หน้าห้องข้างๆ เหมือนพยายามทำใจ เหตุการณ์วันก่อนยังฝังแน่นในความคิดชวนปวดหัว
เสียงดนตรีจากเครื่องเสียงแทนที่จะเป็นเสียงกีต้าร์ที่คุ้นเคยทำให้คะน้าแปลกใจเล็กน้อย

...แค่มาส่งให้แล้วกลับ อย่าคิดมาก

กดกริ่งที่หน้าประตูห้อง ไม่นานนักเจ้าของห้องก็เดินมาเปิดประตู
ใบหน้าของตุลดูเคร่งเครียดจนสังเกตได้ ดวงตาทั้งสองข้างบวมเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
แม้ทันทีที่เห็นคะน้า รอยยิ้มที่อบอุ่นแบบทุกครั้งจะอยู่บนใบหน้าของเขา
เป็นรอยยิ้มที่แม้คนที่ไม่เคยรู้จักตุลมาก่อนก็พอจะดูรู้ว่านั่นคือการฝืน

“ผมเอามาฝากน่ะครับ” ส่งกล่องพลาสติกในมือให้ ตุลยื่นมือมารับพร้อมกับขอบคุณ

“เอ่อ... ขอเข้าไปหน่อยจะได้ไหมครับ”
ความตั้งใจที่แค่ส่งให้แล้วกลับนั้น หายไปสิ้นตั้งแต่ที่เห็นหน้าของตุลแล้ว
แม้ตุลจะมีท่าทีที่ลังเลแต่ก็เบี่ยงตัวให้คะน้าเดินเข้ามาในห้องในที่สุด

ห้องของตุลใกล้เคียงกับห้องของผักกาด แตกต่างที่พื้นที่ใช้สอยและการตกแต่งนิดหน่อยที่ไม่เหมือนกัน
ดูขรึมและเรียบกว่าเพราะไม่มีลูกเล่นทางการตกแต่งมากนัก
ส่วนมากจะเป็นหนังสือภาษาอังกฤษและเยอรมันเล่มหนาๆ ที่เรียงรายไปทั่วทุกมุมของห้อง

“หมอสบายดีไหมครับ” ตุลยิ้มให้แทนคำตอบ
แล้วขอบคุณเบาๆ ไม่ได้ช่สงพูดช่างคุยเหมือนทุกๆ ที

“กินไอติมก่อนสิครับ เดี๋ยวละลาย”

“นั่นสินะ ทานด้วยกันนะครับ” ตุลเดินไปในส่วนครัวแล้วตักแบ่งไอศกรีมเป็นสองส่วน
ก่อนจะส่งส่วนหนึ่งให้กับคะน้า แล้วลงไปนั่งนิ่งๆ เขี่ยของเย็นในชามแก้วของตัวเองไปมา

“เอ่อ... มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ ดูไม่สบายเลย”

“เฮ่ๆๆ เปล่านี่ครับ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ” รอยยิ้มนั้นอีกแล้ว
ยิ่งตุลดูพยายามฝืนเท่าไหร่ คะน้ายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น

“เฮ้อ... ผมควรเชื่อดีไหมเนี่ย”

ตุลยิ้มให้เล็กน้อย เป็นรอยยิ้มแฝงไปด้วยความขมขื่นในใจ ทุกอย่างดำดิ่งสู่ความเงียบงันจนน่าอึดอัด

“ขอโทษด้วยนะครับ ผมคุยไม่สนุกเลย”

“เข้าใจครับ ผมก็ดูเป็นคนไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวอะไรกับใครเขาด้วยสิ
ยังไงก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไวๆ แล้วกันนะครับ ผมไม่รบกวนต่อก็แล้วกันนะครับ”
คะน้าลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับออกไป ตุลจึงลุกขึ้นแล้วเดินตามมาส่ง

“ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ” ตุลยืนนิ่ง

“แต่ที่หมอทำอยู่ ทำให้ผมไม่สบายใจจริงๆ”

“ขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ แต่มันยาก ผมไม่รู้จะพูดยังไง”
สบตาคะน้าด้วยความจริงใจ ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆ จุดขึ้นบนใบหน้า




“รู้ไหม... คุณเป็นคนสำคัญสำหรับผมนะครับ”





“แล้วคิดว่าคุณสำคัญกับผมหรือเปล่าล่ะครับ”


พูดออกไปก็ยังนึกแปลกใจตัวเอง แต่ความรู้สึกมันบอกอย่างนั้น
และเขาก็ไม่อยากจะโกหกความรู้สึกของตัวเอง
แม้จะรู้จักได้ไม่นาน แต่คะน้าก็อดเป็นห่วงตุลไม่ได้จริงๆ






“ผมกอดคุณได้ไหมครับ”

ไม่รู้จะยังไง แม้จะรู้สึกกระดากๆ รวมทั้งยังคิดเรื่องในวันก่อนอยู่
แต่ก็พยักหน้าในที่สุด ตุลค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ สองแขนกางขึ้นก่อนจะโอบรอบทั้งตัว
ค่อยๆ รัดแน่นขึ้น ...และแน่นขึ้น คะน้ายกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วโอบกอดร่างของคนที่สูงกว่า
ตัวของตุลอุ่นและให้ความรู้สึกถึงความโหยหาบางสิ่งบางอย่าง
ร่างสูงสั่นจนไหวสะท้าน คะน้าลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังกว้างนั้น
สักพักก็เริ่มรู้สึกถึงความชื้นบนบ่า ตุลสั่นแรงขึ้น มีเสียงสะอื้นเล็กๆ ที่จับความไม่ได้ให้พอได้ยิน

“ผมไม่รู้ว่าตุลกำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่
แต่ผมรู้สึกไม่สบายใจ รู้ไหมครับ ว่าผมเป็นห่วงตุลนะ”

“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับด้วยความสั่นเครือจนแทบไม่เป็นภาษา

“ถ้าผมสามารถช่วยอะไรได้ ผมยินดีนะ
อย่าคิดว่าเป็นคนอื่นไกล ตุลก็รู้ ผมอยู่ข้างๆ ตุลนี่เอง”

“ขอบคุณครับ” ร่างนั้นสั่นสะท้านหนักยิ่งขึ้น

คะน้าค่อยๆ ดันร่างคนในอ้อมกอดออกห่าง เห็นตุลที่อ่อนแออย่างไม่น่าเชื่อ
ดวงตาที่เคยเหมือนกับยิ้มได้ตลอดเวลานั้นเอ่อชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา
ร่างสูงที่เคยดูสง่า สุขุม ในเวลานี้กลับดูคล้ายเด็กชายตัวน้อยๆ
ที่ไม่รู้จะทำยังไงกับโลกที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง ทั้งอ่อนไหว ...และอ่อนแอ


“มันจะผ่านพ้นไปครับ”

คะน้าค่อยๆ ประคองใบหน้าของตุลขึ้น สองมือค่อยๆ ปาดเกลี่ยหยดน้ำตาที่เอ่อล้นบนใบหน้า
ฝ่ามือลูบบนใบหน้าของตุลอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวเองเข้าไปใกล้




“ตุลครับ ผมจะให้พรวิเศษหนึ่งอย่าง”

หัวสมองในตอนนี้ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
มีแต่ความห่วงใยคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพียงความรู้สึกเดียวที่แจ่มชัดในความคิด
ไม่รู้ว่าเหมาะสม หรือควรไหมกับสิ่งที่ทำลงไป

คะน้าค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าหาตุล
ก่อนที่ปลายจมูกจะกดตัวลงบนแก้มของคนที่ยืนสั่นอยู่
ดูเหมือนว่าตุลจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ และช่วงเวลานั้น
ริมฝีปากสีระเรื่อของคะน้าก็แตะลงเบาๆ บนแก้มที่ชื้นนั้น

ผละออกพร้อมกับรอยยิ้มและความร้อนวาบไปทั่วใบหน้า เห็นท่าทางของตุลที่ยืนอึ้งก็ได้แต่ยิ้มให้
คะน้าเอ่ยคำลาด้วยเสียงที่แผ่วเบา ก่อนเตรียมจะเปิดประตูกลับห้องไป
หากแต่ข้อมือนั้นถูกกระตุก และร่างกายนั้นก็ถูกรั้งเข้าสู่วงแขนของคนที่สูงกว่าอีกครั้ง
ตุลกอดคะน้าแน่น ก่อนที่จะฝังร่องรอยของจมูกลงบนแก้มของคะน้าเบาๆ

“ขอเวลาผมอีกหน่อยนะ ผมสัญญาว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง”




...ในที่สุด รอยยิ้มของตุลที่เคยสดใสก็กลับคืนมา



(มีต่ออีกนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 18-06-2012 02:01:58
(ต่อนะครับ)





เมื่อกลับมาที่ห้อง ก็ได้แต่ยืนอึ้งๆ ความคิดในหัวสมองตีรวนจนปั่นป่วน
ทั้งๆ ที่เป็นคนที่อยากจะหนีขนาดนั้น แต่กลับเอาตัวเองเข้าไปใกล้ขึ้นทุกที ซ้ำยังทำเรื่องบ้าๆ นั่นลงไปอีก

...แต่จะให้ทำยังไง ยอมรับว่าทนเห็นตุลเป็นแบบนั้นไม่ไหวจริงๆ

ถอนหายใจเฮือกใหญ่ กับกล่องพลาสติกในมืออีกกล่อง ยังมีอีกคนที่อยากจะออกห่างให้ไกล
หยิบมือถือขึ้นมากดไล่โทรหาชื่อ เบอร์นั้นยังคงอยู่ในบันทึก
แต่เพิ่งจะรู้ว่ายังไม่ได้เมมเก็บเอาไว้ กดโทรออก ปลายสายก็ปิดเครื่องอยู่

คิดจะถอดใจในความยุ่งยาก เพราะเป็นเพนท์เฮาส์
ระบบความปลอดภัยจึงมากมายเป็นพิเศษ ไม่มีการ์ดก็ขึ้นไปไม่ได้
ยัดกล่องพลาสติกที่บรรจุไอศกรีมจนแน่นเข้าตู้เย็นใหม่
แล้วไปนั่งดูรายการทีวีภาษาต่างดาวของผักกาดต่อ

กดไล่ไปทีละช่องที่ความรู้สึกหงุดหงิดในใจยังไม่จางหาย
เหมือนบางสิ่งบางอย่างคั่งค้างในใจ ลงท้ายคะน้าก็ลุกขึ้น
แล้วต่อสายไปหาฝ่าย concierge ส่วนกลาง

ไม่นานนักมูลเหตุของความขัดใจก็ปรากฏกายที่หน้าประตูห้อง
พร้อมกับเสียงกริ่งที่กดย้ำซ้ำๆ จนคะน้าต้องรีบวิ่งไปเปิดประตูแทบไม่ทัน

“กี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว งี่เง่าอะไรขึ้นมา” นี่คือคำทักทายในแบบของทิม

“มีไอติมจะแบ่งให้ เข้ามาก่อนสิ เดี๋ยวขอหยิบก่อน”
ไม่รอให้พูดจบดี แขกผู้มาเยือนก็แทรกตัวเดินเข้ามาในห้องอย่างวิสาสะ

“พี่สาวไม่อยู่เหรอ”

“ไปทำงานต่างประเทศ ไม่อยู่หลายวัน” คะน้าปิดประตูแล้วเดินไปในห้องครัว

“ไม่มีใครอยู่แล้วเที่ยวได้เปิดรับใครๆ เข้ามาห้องเนี่ยนะ”

“จะเป็นอะไรเล่า ทำอย่างกับไม่เคยมา ห้องนายมีของแพงๆ กว่าเยอะ
ที่นี่ไม่มีอะไรที่อยากได้หรอก” เดินมาพร้อมกับกล่องไอศกรีมในมือ
แต่ทิมกลับหายวับไปจากส่วนห้องรับแขก คะน้าจึงเดินไล่หา
จนกระทั่งพบทิมยืนอยู่ในห้องนอนของเขา “มาเล่นอะไรในนี้ล่ะเนี่ย”

“แน่ใจเหรอ”

“แน่ใจอะไร” คะน้าทวนคำด้วยความมึนงง

“ว่าไม่มีอะไรที่อยากได้”

“ก็แล้วอยากได้อะไรล่ะ” คะน้ากวาดตามองไปทั่วห้องก็ไม่เห็นว่าจะมีข้าวของที่มีมูลค่าอะไร
หันกลับไปมองก็เจอสายตาของทิมที่จ้องมองอยู่ไม่วางตา ทิมเดินไปนั่งลงบนเตียงนอนของคะน้า
รอยยิ้มแปลกๆ และแววตาที่บอกไม่ถูกนั้นยังแจ่มชัดอยู่บนใบหน้า ...เจ้าเล่ห์อย่างบอกไม่ถูก

จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ไม่ชอบเลยกับรอยยิ้มและสายตาแบบนั้นที่มองเย้าด้วยแววตาแปลกๆ
แม้จะเริ่มคุ้นกับนิสัยของทิมแล้ว แต่แววตาแบบนั้นกี่ครั้งกี่หนก็ไม่คุ้นเอาเสียเลย

...อ่านไม่ออกว่ามันหมายถึงอะไร

คะน้าค่อยๆ มองคนที่นั่งอยู่ ทิมในเสื้อยืดสีขาวแขนสั้นพอดีตัว
ผ้าบางๆ ที่แนบชิดไปกับลำตัวจนเห็นเป็นรูปร่างที่ชัดเจนนั้นชวนให้รู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
ซ้ำเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยระมัดระวังกับกางเกงขาสั้นที่ใส่มาเสียเท่าไหร่
ยังนึกถึงตอนที่เจ้าตัวนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหน้าตาเฉย บทจะง่ายก็ง่ายซะขนาดนั้น

“ไอติม”

“ห๊ะ?”

“ก็อยากได้ไอติมนี่ไง งี่เง่า”
เหมือนจะเป็นคำที่ไม่มีความหมายสำหรับทิมมากกว่าจะเป็นถ้อยคำตำหนิ

ก็จริงของทิม เรียกมาเองแท้ๆ ไม่อยากหน้าแตก
คะน้าเลยแก้เขินด้วยการชักชวนแทน
“จะกินเลยไหม จะไปตักใส่ชามให้”

“ดึกขนาดนี้ จะให้กินไอติมเนี่ยนะ”

“อ้าว ไม่อยากกินแล้วลงมาทำไมเนี่ย”

“ก็ขึ้นไปที่ห้องไม่ได้ไม่ใช่เหรอ”
ทิมพยักเพยิดหน้าไปบนโต๊ะอ่านหนังสือในห้องนอน
คะน้ามองตามก็เห็นคีย์การ์ดวางอยู่บนนั้น

“เอ้ย นั่นมันคีย์การ์ด”

“เก็บไว้”

“ไม่กลัวของในห้องหายกันบ้างหรือไง”
ทิมไม่ได้ตอบอะไร แต่กลับล้มตัวลงนอนบนเตียงคะน้าหน้าตาเฉย

“แทนที่จะชวนมากินเหล้า ดันมาชวนกินไอติม อายุเท่าไหร่กัน”

“ที่นี่ไม่มีหรอก”

ท่าทางจะไม่จบเรื่องเอาง่ายๆ เป็นแน่ คะน้าจึงเดินกลับไปที่ครัว
แล้วเก็บกล่องพลาสติกในตู้เย็นแล้วเดินกลับมาที่ห้อง
เห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงดูอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก
ทิมยิ้มน้อยๆ พลางมองสำรวจห้องเล็กๆ ของคะน้าไปเรื่อยเปื่อย
ก่อนจะทำหน้าขรึมเมื่อพบว่าเจ้าของห้องยืนมองอยู่

“พักนี้ ดูอารมณ์ดีนะ ช่างพูดผิดปกติหรือเปล่า ปกติไม่เห็นพูดจาอะไร”
เจ้าตัวเหมือนจะหัวเราะในลำคอด้วยความขบขัน

“อย่างนั้นเหรอ”

“จริงสิ พี่ผักกาดยังบอกว่าทิมพูดเก่ง
แถมตลกด้วยอีกต่างหาก ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ทิมที่รู้จักเลยแฮะ”

“ก็มันไม่ใช่น่ะสิ”

“หืม?”

“เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คนคาดหวังจะเห็น แค่ให้สิ่งที่คนคาดหวัง มันก็แค่นั้น”

“แปลว่านายฝืนตัวเองเหรอ บ้าน่า ทำแบบนั้นไปทำไม”
ทิมหลับตาลงราวกับไม่รับรู้อะไร
คะน้าถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ ทิมที่นอนอยู่บนเตียงนอน

“ยังไงก็อยากให้ผักกาดรู้จักตัวตนจริงๆ ของนายมากกว่า”

“เลิกเซ้าซี้ซะทีเถอะ น่าเบื่อ”
ทิมตอบด้วยเสียงหน่ายๆ เห็นท่าทางแล้ว คะน้าก็เหนื่อยใจ

“งั้นบอกเหตุผลให้ฟังได้ไหม ทำไมถึงต้องทำอะไรแบบนั้น”
ได้ยินเสียงทิมถอนหายใจเบาๆ ก่อนทุกอย่างจะเข้าสู่ความเงียบ





“เค้าเป็นคนสำคัญของพี่ไม่ใช่เหรอ”

เป็นคำตอบที่ดูจะเกินความคาดหมายเหลือเกินสำหรับคะน้า
...คนสำคัญอย่างนั้นหรือ คำๆ นี้มีความสำคัญมากมายแค่ไหนกันนะ

“แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกันด้วย” คะน้าถามออกไป
ไม่แน่ใจว่าตีความนัยของคำพูดนั้นถูกหรือเปล่า

“หึ” มีเพียงเสียงหัวเราะทุ้มๆ ในลำคอที่ทดแทนคำตอบของทิม

เกิดความเงียบในอากาศอีกครั้ง ปกติ ทิมก็ไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรมากมายอยู่แล้ว
และเมื่อคะน้าครุ่นคิดเรื่องราวมากมายอยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกอย่างจะดำดิ่งสู่ความเงียบงัน

“ทำไมถึงไม่ชอบพูดอะไรตรงๆ แบบคนอื่นเขา”
คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ ในความเงียบนั้น

“ใครๆ ก็พูดได้ คำพูดมันไร้สาระ”

“แต่คำพูดทำให้คนเข้าใจกันมากขึ้น” ทิมแค่ยิ้มตอบบางๆ เท่านั้น
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นนึ่ง แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก

“มีเบียร์ไหม”

“ไม่มีอ่ะ”

“แค่เบียร์ก็ยังไม่มีเหรอ”

“กินไม่เป็น”

“กินไม่เป็น?” นับว่าเป็นเรื่องที่ดูจะเกินคาดหมายสำหรับผู้ถาม
ทิมเบิกตาแล้วยิ้มขำก่อนเปรยขึ้นอย่างเสียดสีในที

“หึ เรียบร้อยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก”
ทิมหัวเราะในลำคอก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองคะน้าที่นั่งปั้นหน้าไม่ถูก
“ใจดี เป็นห่วงความรู้สึกคนอื่น มีน้ำใจกับใครเขาไปทั่ว แถมยังจะขี้อ้อน”
กวาดตามองคะน้าอย่างสำรวจ

“หน้าก็แบบนี้ ตัวก็แบบนี้ นิสัยยังแบบนี้ รู้ไหมว่าแบบพี่น่ะ
ถ้ามาเรียนที่คณะ หรือทำงานแบบผม ป่านนี้เสร็จไปไหนต่อไหนแล้ว”

ทิมกลั้วเสียงหัวเราะ ไม่รู้ว่าเป็นคำชมหรือคำด่า แต่น้ำเสียงกึ่งจะล้อถึงรูปร่างหรืออุปนิสัยใจคอ
ยิ่งได้ยินคะน้าก็ยิ่งไม่ชอบใจ นึกอยากจะเถียงแต่ก็จนปัญญาจะหาถ้อยคำมาสู้รบให้ทันท่วงที

“เป็นอะไร พูดหน่อยก็ทำหน้าเอ๋อ ตาแป๋วเหลือเกินนะ อ้าว... หน้าแดงแล้ว ฮ่ะๆ”
ทิมระเบิดเสียงหัวเราะครื้นเครงพร้อมกับจ้องมองคะน้าที่ได้แต่ก้มหน้างุดๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไร




“...แต่ก็ดีแล้ว”

มองคนที่หลบสายตาอยู่ข้างหน้า รอยยิ้มกว้างค่อยๆ จางลงทีละน้อยๆ จนเป็นอมยิ้มก่อนยิ่งสนิท
จู่ๆ ทิมก็นิ่งไป แววตาที่เคยหยอกเย้าเปลี่ยนเป็นนิ่งคม เขาค่อยๆ มองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา
แม้ผมสีน้ำตาลเข้มจะตกลงมาปรกหน้าแต่ก็ไม่อาจซุกซ่อนผิวขาวเนียนที่ค่อยๆ ระเรื่อเป็นสีฝาดเลือด
ดวงตาที่เหมือนกับยิ้มอยู่ตลอดเวลานั้นใสราวกับเด็กน้อยที่อ่อนเดียงสา
ริมฝีปากที่ถูกฟันที่เรียงตัวสวยกัดเม้มจนเป็นสีเข้ม
ไหนจะท่าทีที่ดูประหม่าและเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูกของเจ้าตัว ...ดูน่ามองไปหมด

ครู่เดียว ทิมก็เลี่ยงสายตาลงมองพื้น ปลายเท้าเขี่ยขยับไปมา แล้วถอนหายใจ



“ตอนที่เห็นไอ้หมอมันแอบจูบพี่ยังคิดว่างี่เง่า”

“ห๊า! หะ...เห็นด้วยเหรอ”

คะน้าที่ก้มหน้าอยู่ถึงกับสะดุ้ง รู้สึกร้อนไปทั้งหน้าขึ้นมาทันที
แต่เมื่อเจอแววตาที่มองจ้องอยู่ตรงหน้านั้น หัวใจกับสั่นอย่างบอกไม่ถูก
ราวกับความรู้สึกที่มีอยู่จะยิ่งทวีตัวขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีที่อยู่ในสายตาคู่นั้น

ใช่ว่าคะน้าจะไม่รับรู้ถึงความผิดปกติไปในแววตาที่จับจ้องอยู่
รับรู้ถึงบรรยากาศสนุกสนานเมื่อสักครู่ที่จู่ๆ ก็ค่อยๆ หายไป
มีความรู้สึกแปลกๆ บางอย่างเข้ามาแทนที่อย่างไม่รู้ตัว
ทิมยังคงจ้องมองคะน้าอย่างไม่วางตา ดวงตาสีดำที่คมกริบคู่นั้นไม่เคยปิดบังความรู้สึกสักนิด
มันค่อยๆ ไล่ไปทีละส่วนบนร่างกายอย่างวิสาสะราวกับว่ามีกรรมสิทธิ์บนทุกสิ่งที่ได้จับจ้องอย่างเสรี
หากเป็นทุกครั้ง อย่างน้อย คะน้าคงจะพอเห็นรอยยิ้มยวนๆ ของทิมให้พออุ่นใจว่าเป็นการหยอกล้อ
หากแต่ในเวลานี้บรรยากาศแบบที่เคยคุ้นกลับถูกทดแทนด้วยอะไรบางอย่างที่ยากจะอธิบาย




“พี่”

“หืม?”


ทิมยังคงจับจ้องอยู่อย่างนั้น แววตาคมเลื่อนขึ้นมาหยุดนิ่งในดวงตาของคะน้า
ท่วงท่าของร่างกายมีความรู้สึกประดักประเดิกบางอย่าง
หากแต่ความมุ่งมั่นนั้นฉายชัดในดวงตา
ทิมขยับเข้ามาใกล้ เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเต็มเสียงทุกถ้อยคำ









“ขอหอมแก้มทีได้ไหม”

ไม่รู้จะตอบว่าอะไร คิดไม่ถึง ไม่เคยคาดการณ์ใดๆ เอาไว้กับความตรงไปตรงมาจนน่าตกใจนี้
กว่าจะรวบรวมสติที่มีเพียงเล็กน้อยพอจะสบตาได้ แต่ความพยายามทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสูญเปล่า
เมื่อปลายจมูกโด่งของคนที่อ่อนวัยกว่าฝังลงบนแก้มแล้วบดตัวช้าๆ
คะน้าได้ยินเสียงสูดลมหายใจอย่างโหยหาผ่านผิวเนื้อของตนเองอย่างวิสาสะ
เวียนวนซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นก่อนที่น้ำหนักที่ปลายจมูกที่กดลงนั้นจะค่อยๆ เลือนลางลง

รู้สึกสั่นๆ หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น ความรู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าจนต้องกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บชา
แขนขาที่มีดูเกะกะจนไม่รู้จะเอาไปวางไหน ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปมองคนข้างๆ
แปลกที่คะน้ากลับแลเห็นแต่ปฏิกิริยาที่ผิดปกติ
สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหงุดหงิดขัดใจในตัวเองที่ทิมแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง



“แม่งงงง...”

เสียงสบถเบาๆ ดังขึ้นพอให้ได้ยินด้วยความไม่สบอารมณ์ในตัวเองทำให้คะน้าสะดุ้ง
ไม่รู้จะไต่ถามหรือนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าจะขอโทษหรือตำหนิกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ดี
มันรวดเร็ว ...เร็วจนทำอะไรไม่ถูก ทุกอย่างเลยจมอยู่กับความสงบเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ได้แต่นั่งเฉยๆ กันอยู่อย่างนั้นราวกับจะปล่อยให้ความเงียบทำให้ทุกความรู้สึกที่พลุ่งพล่านนั้นตกตะกอนลง
เป็นความเงียบที่ต่างฝ่ายล้วนมีถ้อยคำมากมายอัดแน่นอยู่ข้างใน






“..พี่”


“...ครับ”





“ขะ...ขอลองอีกทีนะ”


เสียงของทิมตะกุกตะกักอย่างบอกไม่ถูก
ท่าทางนั้น ยิ่งดูไม่เหมือนกับเป็นตัวของเขาเองเท่าไหร่




“ที่...”

เหมือนแกล้งให้ทรมานกับการรอคอย เมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มรุ่นน้องก็หยุดคำพูดตัวเองอยู่แค่นั้น
...ทิมหลบสายตา เขาดูร้อนรน เหมือนกับพยายามค้นหาถ้อยคำ
ที่พอจะถ่ายทอดสิ่งที่อยากจะพูดอย่างยากลำบาก
เป็นห้วงเวลาสั้นๆ ที่เนิ่นนานจนคะน้าแทบจะลืมหายใจ
...อึดอัด เหมือนกำลังถูกทรมานด้วยความเงียบที่ไม่อาจคาดเดาอะไรได้
...เงียบจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ













“...ปาก”

ไม่รีรอคำตอบใดๆ จากผู้เป็นเจ้าของ สิ้นเสียง ก็รับรู้ถึงแรงกดตัวลงบนริมฝีปากของตัวเอง
อ่อนนุ่ม แผ่วเบา และหวานหอมอย่างบอกไม่ถูก
บางสิ่งที่นุ่มชื้นค่อยๆ บดเบาๆ อย่างอ้อยอิ่งทว่าพริ้วไหวราวกับสายลม
สองมือของทิมค่อยๆ สอดผ่านเข้ามาทางสีข้าง
...โอบ ...แล้วค่อยๆ เลื่อนไปทั่วแผ่นหลัง
ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะเคลื่อนลงต่ำสู่ช่วงเอวอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้วออกแรงกดตัวของคนในวงแขนให้แนบชิดยิ่งขึ้นราวกับจะไม่ให้ขยับไปไหน
ฝ่ามืออีกข้างจะแทรกตัวผ่านไรผมที่ท้ายทอย
ลูบไล้และขยี้เบาๆ จนยุ่งเหยิงแล้วโอบอุ้มจนรอบศีรษะ

นาทีนั้น คะน้าได้ยินเสียงแผ่วเบาของทิมที่ฟังไม่เป็นภาษา
ลมหายใจของทิมร้อนผ่าวราวกับเปลวไฟ
ก่อนที่สัมผัสที่นุ่มนวลจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็วจนร้อนวาบ
...บด ...และขยี้ทุกสิ่งตรงหน้าเหมือนจะให้มอดไหม้เป็นธุลี
สองแขนที่โอบรัดออกแรงกดแน่นขึ้นอีก
ราวกับจะให้ร่างกายของอีกคนฝังจมอยู่ในพันธนาการของอ้อมแขนทั้งสองข้างนั้นนิจนิรันดร์

ช่วงเวลาที่สั้นเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ราวกับพายุที่แปรปรวนจนคะน้าทำอะไรไม่ถูก
ร้อนแรงเหมือนพระอาทิตย์ที่พร้อมจะหลอมทุกอย่างให้ละลายก่อนจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างเอาเสียดื้อๆ 

สัมผัสที่บดขยี้อยู่บนปากนั้น จู่ๆ ก็ผละจาก แม้แต่วงแขนที่เคยรัดแน่นก็รีบคลายตัวเองออกอย่างรีบร้อน
ทิมทะลึ่งตัวขึ้นเหมือนตกใจกับบางสิ่งบางอย่าง เสียงลมหายใจนั้นถูกพ่นออกแรงด้วยความสับสน
เขาจ้องมองคะน้าที่นั่งด้วยอาการสั่นๆ ดวงตากลมไหวระริกอย่างหวั่นหวาด
ซึ่งไม่ต่างอะไรนักกับทิมในตอนนี้ เขาค่อยๆ ยกนิ้วโป้งปาดริมฝีปากตัวเอง
เหมือนไม่เข้าใจในรสสัมผัสเมื่อครู่ที่ได้ลิ้มลองก่อนเสียงคำรามจะดังขึ้นในลำคอ



“เหี้ย! แม่งเอ้ย!”

ถ้อยคำสบถผ่านทางไรฟันของชายหนุ่มที่ผละตัวไปยืนห่างทำเอาหัวใจคะน้าเหมือนดิ่งลงสู่เหวลึก
ท่าทางที่เหมือนบันดาลไปด้วยโทสะนั้นทำให้คะน้าได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะทำอะไรไม่ถูก
ได้ยินเสียงกำปั้นของทิมทุบกำแพงเป็นเสียงก้องก็ได้แต่สะดุ้งตกใจ ก่อนทุกอย่างเงียบสงบจนน่ากลัว
และเพียงครู่เดียวก็มีเสียงทุ้มของคนอายุน้อยกว่าที่คำรามผ่านมากับสายลม




“...แม่งน่ารักว่ะ!”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



กำลังคิดว่าแต่ละตอนมันยาวจนไม่รู้จะคอมเมนต์เรื่องไหนดีหรือเปล่านะครับ แหะๆ
ที่แน่ๆ ก็คือถ้าคอมเมนต์มันบันทึกเสียงได้ แอบคิดว่าคงสนุกดีนะครับ
ป่านนี้เหล่าแม่ยกทิม ไปไหนต่อไหนแล้วล่ะนั่น ปรับอารมณ์กันถูกไหมนะ
จริงๆ ควรจะดีกว่านี้ แต่ผมไม่ได้อ่านทวนอะไรเลย ไม่รู้ว่าระหว่างตอนมันเหวอะไหมนะ
ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ ไว้หายเดี้ยงแล้วจะตั้งใจเขียนมากขึ้นครับ
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ทั้งเสนอแนะ ให้กำลังใจ และร่วมเวิ่นเว้อไปด้วยกัน
มาให้กอดซะดีๆ เร็วๆ นักอ่านทั้งหลาย ขอสามที  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 18-06-2012 02:19:10
  ชอบตอนนี้ :o8: :-[ :impress2:

แม่ยกทิมขอบอกว่า แม่ง น่ารักว่ะ คึคึ :3123: :L2:



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 18-06-2012 02:33:02
ทิม สู้ๆ. จัดเต็มให้กระต่ายน้อย ขโมยหัวใจมาให้ได้  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 18-06-2012 02:49:40
อยากเป็นต่ายน้อยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-06-2012 02:59:22
ทิมตอนนี้ ได้ใจจริงๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-06-2012 03:03:50
ปรับอารมณ์ตามน้องทิมแทบไม่ทัน
คนหนุ่มเลือดร้อนเขาสบถเพราะพอใจอย่างแรงนี่เอง
หมอตุลเป็นไรหนอ คงไม่ใช่อกหักแล้วมานั่งร้องไห้หรอกนะ

คนเขียนหายเร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 20-06-2012 22:09:44

คะน้านี่ขี้ใจอ่อนมากๆอ่ะ

แต่ดูยังไฃก็เหมือนทิมจะนำโด่ง

เอ  หรือเรื่องนี้จะสามพีน้าาา  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 20-06-2012 22:28:13
อุ๊ยยย ดีใจเล้ากลับมาแล้ว แต่เม้นท์หาย ไม่เป็นไร เม้นท์ใหม่ๆ

ตอนนี้เลิกเชียร์ทุกฝ่าย ขอเชียร์คะน้าก่อน อาการหนักสุดแร้ววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 20-06-2012 22:31:29
แม่งงงงงงง.   โครตน่ารักอ่ะ นู๋ทิม   :o8
คะน้า ทำงี้กะหมอตุล ได้งัยเด๋วเจ๊ฟ้องทิมเลย o22

P.S.   ให้เจ๊เป๊นคะน้าหน่อยไม่ได้จะฟาด. เรียบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 20-06-2012 22:44:52
ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม!ทิม! ชูป้ายไฟ แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวใจจะวายแล้วค่ะ เขินแทนคะน้า เขินมากอ่ะ :o8:
ตอนนี้ทิมโครตได้กำไรอ่ะทั้งกอดจูบลูบหอม -..-

แอบอยากรู้ว่าทำไมตุลถึงเป็นแบบนั่น?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 20-06-2012 23:05:30
จะเม้นตั้งแต่เล้าล่ม พิมพ์ไปแล้ว  :m15:

หาย

จุดนี้เลยมา

*โบกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ป้ายไฟ ให้ลูกชายสุดฤทธิ์ ทิม*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 20-06-2012 23:14:33
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-06-2012 23:58:41
เลิศค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 21-06-2012 00:15:39
พูดประโยคเดียวกันกับทิมตอนท้ายเลย 5555 5

แม่หมอบอกว่าคะน้าเลือกแล้ววววว!!?!
เราก็อยากรู้นะคะน้าเลือกใคร บังคับเลือกทิมนะ
เลือกหมอเราไม่ยอม ถ้าเลือกหมอเราจะไปเล่าให้หมอฟังเลยเอ้า
ว่าหมอได้แค่หอมแก้ม แต่ทิมมันได้ดีพคิสแล้วโว้ย~~ 555 55
(แฟนคลับหมอเชิญเก็บรองเท้าที่โยนมากลับไปด้วยค่ะ T_T)

เป็นการบรรยายฉากขอหอมแก้มและฉากจูบที่เรารู้สึกตื่นเต้นมากกก
รู้สึกตื่นเต้นกว่าตอนอ่านเอ็นซีครั้งแรกเลยอ่ะ แบบประหนึ่งว่า
โดนทิมมันจูบเอาซะเอง 5555 55 *เอามือปิดแก้มเขิน*
แต่ถึงเราจะเชียร์ทิมยังไง เราก็ยังอยากรู้เรื่องของหมออยู่นะ
หมอร้องไห้ทำไมอ่า มีปัญหาอะไรน้อ หรือรู้แล้วว่า
คะน้าเลือกทิม? (ไอ้นี่ก็มั่ว~)

ขอบคุณนะคะ
*โบกป้ายไฟทิมรอบห้องคะน้า(??)*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 21-06-2012 00:25:16
แม่งเอ้ย น่ารักจริงๆด้วยว่ะ  เชียร์น้องทิมเหมือนเดิม
แล้วคุณหมอร้องไห้ตาบวมปูด เป็นอะไรหนอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 21-06-2012 01:24:25
แม่ง น่ารักว่ะ !!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 22-06-2012 00:10:22
อ.......โอยยยย สามพีเถอะ! แต่แอบเซ็งตุลย์อะ ขอคำแก้ตัวดีๆสำหรับพฤติกรรมก่อนหน้านี้ด้วยนะ ชิชะ

รอตอนต่อไปค่า ชอบทิมอ่ะ มันตรงสุดยอดในบางเรื่อง แต่ก็ซึนสุดยอดในหลายๆเรื่อง โอยยยยยยยยย กร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 22-06-2012 00:48:14
"...แม่งน่ารักว่ะ"...ทิมเอ๋ย...ทิ่มซะเลยดิ :z13: :z13:

ปล.ชอบตอนนี้จัง

ปล.ปล.หมอตุลเป็นไรหว่า :confuse:

ปล.ปล.ปล.มาต่อเร็วๆนะครับ o11 o11
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 22-06-2012 10:57:50
ทิมมมมมมมมมมมม  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 22-06-2012 22:20:37
ดันๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 22-06-2012 22:58:39
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 22-06-2012 23:08:28
555+
แม่ง น่ารักว่ะ
ประโยคมันเริ่ดตรงนี้แหล่ะนายทิม กร๊าก~~~~~~!!!
(แต่ทำเอาคะน้าสะดุ้งไปไหนต่อไหนแล้วเนี่ย)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 25-06-2012 00:39:42
วันนี้ขอเสนอกริยา 3 ช่อง  คำว่า

ดุน- ดัน- ดัน  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 26-06-2012 15:05:40
เพิ่งเข้ามาอ่าน....อยากบอกว่าชอบมากเลยค่ะ

น่ารักที่สุดเลย คะน้า :กอด1:

เลือกไม่ถูกเลยเนอะ คุณหมอก็ดี ทิมก็ชอบ

 แต่เชียร์ทิม อิอิ เค้าชอบวิศวะอ่ะ :-[

ขอให้คนแต่งหายเร็วๆนะ อยากอ่านต่อแล้ว :sad4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 28-06-2012 20:28:54
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-06-2012 20:30:33

หายไปไหนแล้วน้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 29-06-2012 00:25:31
เชียร์ทิมสุดใจขาดดิ้นค่ะ o13

อย่าหายไปไหนนานนะคะ คิดถึงคนเขียน :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 29-06-2012 09:58:49
เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว 
อร๊ายยยยยย  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: IamA ที่ 29-06-2012 13:41:02
เหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของคนเหงาๆ ... 3 ตัวละครหลักของเรื่องดูยังเฝ้ารอคนมาเติมเต็มอยู่

พี่หมอตุลดูจะตัดสินใจได้แล้วเรื่องรสนิยมคู่ครอง แต่ทิมดูเหมือนจะสับสนอยู่ รู้สึกดีเวลาเมื่อคะน้าอยู่ใกล้ๆ เป็นห่วงคะน้าเสมอ รู้สึกหวงคะน้าเวลาอยู่กับพี่หมอตุล ... ความรู้สึกอาจชัดเจนขึ้นเมื่อเห็นพี่หมอตุลจูบคะน้าในห้องนอน ... ตอนล่าสุดนู๋ทิมเลยอยากทดลองความรู้สึก ทีแรกว่าจะแค่หอม แต่ก็เลยเถิดไปถึงจูบ จนค้นพบตัวเองจนได้แล้วสินะ

รู้ตัวแล้วก็พูดดีๆกับพี่คะน้าหน่อยสิยะ!!!!!!!!!

โดยส่วนตัวเชียร์ทิมนะคะ แต่ก็ชอบคุณหมอตุลมากและรู้สึกว่าฉากสวีทของหมอตุลกับคะน้าไม่กิ๊วก๊าวเลยอ้าาาา อยากได้มากกว่าเน้!! (ตกลงเอ็งเชียร์ใคร?)

ปล.ตั้งแต่อ่านฟิคมา ตำแหน่งตัวประกอบดีเด่นของเราขอยกให้ ... จันทู ... นางโผล่ทีไรทำเราขำพรืดทุกที ... ลุคสก๊อยสาวพม่านี่มันได้ใจมากๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 29-06-2012 17:04:34
เช้ามารอ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patloom ที่ 29-06-2012 22:42:02
ชอบทิมนะ คือไม่ชอบอ่านอะไรเครียดๆด้วย
ลุกหมอตุลนี่ถ้าเป็นชีวิตปรกติกระโดดเข้าหาเลย ชอบบบบบบบบ :-[
แต่ในเรื่องนี่บอกตามตรงว่าคะน้าเหมาะกับทิมมากกว่าจ้า เชียร์!!!!
แต่เอาจริงๆนะ..... :z2:
อยากได้ 3p :oo1: มากกกกก 5555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-06-2012 23:04:25
แวะมาตอบคอมเมนต์ก่อนนะครับ ยังไม่มีเวลาแต่งเลย ฮ่าๆๆ ไม่อยากให้คิดว่าหายอ่ะครับ นะๆๆ

จะบอกว่าแอบดีใจนะครับ คือไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ร้อยวันพันปี ผมไม่ได้แวะเข้ามาบอร์ดเท่าไหร่นะครับ
แต่เนื่องจากตอนนั้นสังขารเดี้ยงๆ อยู่ เลยใช้มือถือแวะเข้ามาอ่านบ่อยๆ
แล้วก็ค่อยๆ ตอบคอมเมนต์ไปวันละนิดๆ ก่อนบอร์ดจะล่ม ใครจะรู้ว่าผมจะโชคดีได้อ่านคอมเมนต์
ซึ่งคิดว่าเกือบทั้งหมดนะ แถมตอบเก็บไว้ในไฟล์ Words ด้วย โชคดีจริงๆ เลยครับ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาคอมเมนต์ให้ใหม่ด้วยนะครับ ผมรู้นะ ว่าใครมั่ง ฮ่าๆๆ ขอบคุณมากๆ นะครับ
โหย รักเพื่อนๆ ทุกคนจริงๆ ให้ดิ้นตาย ขอบคุณมากๆ นะครับ สำหรับน้ำใจที่มีให้กันตลอดมาเลย ^ ^



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



@papa_paolo แม่ยกทิมอีกแล้ว มีแต่คนเชียร์ ชักจะหมั่นไส้ 555
ตามเชียร์ต่อไปแล้วกันนะครับ หลังๆ คงมีใหโฮกฮากกว่านี้นะ ^ ^

@Jesale ชักสงสารกระต่ายแล้วแฮะ แม่ยกทิมแกทุ่มสุดตัวจริงๆ

@bebe เอาไหมครับ เดี๋ยวตอนหน้าเปลี่ยนชื่อเป็น bebe ให้ ฮ่าๆๆ

@gupalz ตอบคอมเมนต์ไป 4 คน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!
3 จาก 4 เป็นแม่ยกทิม อีกคนยังระบุไม่ได้ ของพี่แกแรงจริง!

@malula ขอบคุณนะครับ กลับมาปกติเมื่อไหร่ จะปั่นมาให้อ่านแบบสู้ตายเลย
ส่วนหมอเป็นอะไรนี่ ตอนนี้เฉลยละ ไม่เก็บไว้นานครับ 555 ส่วนทิมนี่ ปล่อยแกไป แกติสต์แตก 555

@SuSaya ไปซื้อหวยนะครับ จากนี้ไปทิมจะเริ่มแปลกขึ้นอีก
แต่คิดว่าในทางที่เหล่าแม่ยกจะชอบ(มั๊ง) ส่วนหมอ ตามอ่านจากตอนนี้เลยครับ

@RGB._ ขอบคุณที่แวะมาดันกระทู้ให้นะครับ น่ารักใช่ไหมล่ะ! 555
ส่วนหมอก็ตามจากตอนนี้นะครับ ชีวิตลำเค็ญยิ่งนัก ...ไม่ใช่ละ :D

@Panny คะน้าฝากถามมาว่าแล้วแม่ยกตาทิมเนี่ย ไหวไหม 555
ขอบคุณมากๆ นะครับ สำหรับคำอวยพร หายๆๆๆ ^ ^

@phoenixa ตามนั้นเลยครับ จริงๆ แล้ว อายุ 25 ก็ใช่ว่าจะโตอะไรนักหนา
ความเป็นเด็กยังมีแน่นอนล่ะนะ แต่คงแสดงออกมาให้เห็นเฉพาะคนที่อยู่ใกล้ๆ มากกว่าแหละครับ
จะบอกว่าตัวต้นแบบของทิม อายุเยอะกว่าทิมในเรื่องอีก แต่ดีกรีความเกรียนนี่
มากมายอย่างเหลือเชื่อ -*- เอ๊ะ! จะว่าไปเรื่องนี้มีหมอด้วยใช่ไหมนะ! 555

@nunamicky เท่าที่ฟังจากปากของต้นแบบเนี่ย ถ้าคุยกันในหมู่เพื่อนฝูงที่เป็นผู้ชายด้วยกัน
จะยิ่งกว่านี้เยอะๆ นะครับ เท่าที่เขียนลงไป ยังไม่ได้เสี้ยวเลย สาบานเลยนะ นี่เรื่องจริง +_+
ส่วนพี่ต่ายเรา ชิลๆ แหละ ไม่มีปัญหา ของมันเคยๆ กร๊ากกก...

@Noo_Patchy หน้าตามีเลศนัยมาก จะเชื่อว่าแค่น่ารักจริงๆ นะครับ 5555

@JJHJJH ขอบคุณมากเลยนะครับ แวะมาคอมเมนต์ให้ตั้งสองรอบแน่ะ แถมดันให้อีก
ขอบคุณครับๆๆ ที่แอบแปลกใจก็คือ คอมเมนต์ใกล้เคียงกับเดิมมาก ไม่น่าเชื่อ เหอๆๆ
เอาล่ะๆๆ ตอบๆๆๆ จะว่าไปนายเอกเรารับศึกหนักนะเนี่ย เกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
มีหวังมึนแน่ ไม่รู้จะเลือกใคร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน ฮ่าๆๆ
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะครับ หายไวๆๆ เพี้ยง!

@fuku เอ... อันที่จริงก็ปกตินะครับ มันเป็นไปตามธรรมชาติของวัย
เอาจริงๆ ก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ด้วย แล้วก็ผสมกับความสับสนกับความรู้สึกที่มีกับต่ายน้อยของเรา
มันก็เลยออกมาเป็นประการฉะนี้ อ่านแล้วจะงงนิดๆ เพราะว่าเดินเรื่องด้วยตัวคะน้าตัวเดียวไงครับ
ตัวอื่นคิดหรือไปทำอะไรบ้าง กั๊กแหลก ไม่บอกสักอย่าง 5555 สรุปคือคนแต่งชั่วร้ายนี่เอง :P

@rubymoona จะบอกว่าอ่านคอมเมนต์น้องทับทิม (ruby) ทีไร ต้องยิ้มตามทุกที
ลงไปแต่ละตอน รอว่าเมื่อไหร่จะมาตอบหนอ ดีกรีความรั่วระดับตัวแม่จริงๆ ครับ 555
ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ ชอบมาก ขอแซวหน่อย 555
เดี๋ยวว่างๆ จะแวะไปทักที่กระทู้นะครับ ขอหายเดี้ยงและหายวุ่นๆ ก่อนนะ T_T

@Tiamo_jamsai กอดครับ กอดๆๆๆๆ ^ ^

@-west- ฮ่าๆๆ ท่าทางจะปลื้มความเถื่อนผสมติสต์แตกของทิมเอาเสียจริงๆ แฮะ
แต่เกิดเป็นแม่ยกทิมต้องทำใจนะครับ อาจเสียเลือดเสียเนื้อมิใช่น้อยๆ
ถ้าอ่านต่อไปเรื่อยๆ เนี่ย เราเตือนแล้วนะ อุ๊ปส์!!!

@iamnan คนนี้ก็แวะมาคอมเมนต์ให้ตั้งสองรอบ ขอบคุณมากๆ นะครับ
เอาล่ะนะ ตอบคอมเมนต์ๆ เลิศก็เลิศครับ ฮ่าๆๆ ส่วนตามทิมปล่อยแกไปสักคนเถอะนะคนนี้
พูดจาเหมือนไม่ใช่ชาวโลก จับถีบส่งไปดวงจันทร์ซะดีไหมนะ :)

@a_thapa นั่นไง! แม่ยกทิมโผล่มาอีกคนละ ของแกแรงจริง 555

@Rafael มาดึกมาก ทำให้เสียแชมป์เลย ฮ่าๆๆ เดี๋ยวคราวหน้ามาเวลาปกตินะ
ช่วงนี้เดี้ยงเลยผิดปกติแบบนี้ล่ะ จะบอกว่าตอนที่พิมพ์ก็คิดเหมือนกันว่าทิมมันน่ารักแฮะ
ไม่ใช่ตุลไม่ดีนะ ก็ชอบ แต่เหมือนเสน่ห์ตัวทิมมันมากกว่า
บอกไม่ถูก ส่วนหมอแกเศร้าอะไร ขอเฉลยตอนต่อไปนะครับ รอแป๊บๆๆ

@iforgive ฟินเลยเหรอครับ 55555555 แบบนี้อ่านต่อไปเรื่อย
จะใช้คำไหนแทนขั้นกว่าดีนะนั่น กร๊ากๆๆๆ

@dukdikdukdik ฮ่าๆๆๆ ป้ายไฟน้องทิมตระหง่านแล้วป่านนี้ ถูกใจแม่ยกมากมาย

@donutnoi แน่ะ มีแอบบิ๊วต์คนแต่งด้วย ผสมข่มขวัญคู่ต่อสู้ เกทับกันเต็มที่ 5555

@MiU ฟื้นมาก่อนๆๆๆ หนทางยังอีกยาวไกลนะครับ ฮิฮิ

@zero3 เฮ่ๆๆๆ ดีใจที่มีคนชอบตัวนายเอกเหมือนเราด้วย หึหึ
หมั่นไส้พวกแฟนคลับเด็กวิศวะเล็กๆ เนื่องจากมีปริมาณมากอย่างเหลือเชื่อ
จริงๆ แล้วถ้าไปค้นความหมายไพ่ดีๆ ก็รู้แล้วล่ะครับว่าเลือกใคร สปอยล์เบาๆ นั่นเอง แหะๆ

@Lemon_Tea ไหงเขินแล้วทำร้ายตัวเองแบบนั้นล่ะครับ ฮ่าๆๆ

@oaw_eang เหมือนจะกลายเป็นประโยคฮิตสำหรับคอมเมนต์ในตอนนี้ไปแล้วแฮะ ^ ^

@bulldog17 ฮ่าๆๆ เหมือนจะหงุดหงิดกับทิมอยู่ใช่ไหมละครับ
แนะนำว่าเปลี่ยนมาเชียร์ตุลเลยครับ รับรองว่าไม่มีขึ้นๆ ลงๆ แน่นอน ^ ^

@irksome ไหงไปโขกกำแพงแบบนั้นล่ะครับ เดี๋ยวส่งไปปลอบนะ เอาไหมๆ :)

@silverphoenix ต่ายเป็นคนใจอ่อนจริงๆ ครับ
ส่วนตาทิมเนี่ย เท่าที่เห็นเนี่ย จะว่าไปก็นำโด่งกว่าจริงๆ
(ก็ลองไม่นำสิ คนแต่งโดนรุมตื๊บแน่ๆ แม่ยกแกเยอะ ฮ่าๆๆ)

@faratelll มันมาแรงตรง P.S. เนี่ยแหละ เป็น facebook จะกด Like ให้เลยครับ 555

@fullmoonny แอบคิดเอาไว้แล้วเชียวว่าแม่ยกของทิมมันต้องมีอาการแบบนี้บ้างล่ะน่า
ฮ่าๆๆ แซวเล่นนะครับ ชอบก็ดีใจล่ะครับ ส่วนเรื่องของตุล รอแป๊บนะครับ เดี๋ยวแต่งมาลงตอนหน้าครับ ^ ^

@NOoTune อ้าว แจ็คพ็อตพอดีตอนล่มเลยเหรอครับ โหววว... แอบเสียดายแย่เลย
ขอบคุณมากๆ นะครับ อุตส่าห์แวะมาคอมเมนต์ให้อีกรอบด้วย ขอบคุณนะครับๆ
ทิมมันคงดีใจแย่แล้ว คุณแม่(ยก)รักลูกชายขนาดนี้ ฮ่าๆๆๆ

@Paracetamol เอ๊า... เขินใหญ่แล้ว ฮ่าๆๆ ใจเย็นๆ นะครับ

@BONE ไปโบกป้ายไฟอะไรในห้องนอนเขาล่ะนั่น ตามติดชิดขอบรั้วซะงั้น
แล้วมีข่มตัวละครด้วยนะ ร้ายๆๆ 555 ว่าแต่จริงหรือเปล่าครับที่เขินๆ เวลาอ่าน
โหย ผมดีใจ 5555 คราวหน้ามีฉากพวกนี้ จะตั้งใจเขียนเพื่อคุณ BONE มากขึ้นนะครับ หุหุ
ส่วนเรื่องของหมอ สปอยล์เลยแล้วกันว่าดราม่าเล็กน้อยครับ ไม่มีอะไรหนักหนาเนอะ
สำหรับว่าเลือกคนไหนเนี่ย จริงๆ ถ้ารู้ความหมายไพ่ มันก็สปอยล์แบบเบาๆ ไปแล้วนะ ฮิฮิ
ปล. แล้วถ้าเรื่องนี้เกิดมีพวกฉาก NC นี่ เวลาคุณ BONE อ่านจะเป็นไงน๊อ กิ๊วๆๆๆๆ
(อันที่จริง ถ้าสังขารไม่เดี้ยง ฉากทิมนี่ แอบคิดว่าน่าจะดีกว่านี้สักหน่อยนะ เสียดาย ฮือๆๆ
เพราะภาพที่เห็นในความคิดนี่ ขนาดคนแต่งยังรู้สึกระทึกเลยนะครับนั่น >_<)

@2pmui เห็นทีวันหลังต้องไปจ้างหน้าม้ามาช่วยกริ๊ดหมอซะหน่อยละ แอบสงสารเล็กๆ ฮิฮิ
ร้องไห้ก็ไม่มีแม่ยกปลอบใจเลย มีแต่แค่สงสัยว่าแกจะร้องไปทำไม กร๊ากกกก... :D

@vascular แม่งน่ารักว่ะ นี่อะไรนะครับ เนื้อเรื่อง ทิม หรือคนอ่านน๊อ ฮิฮิ ขอบคุณนะครับ ^ ^

@cotone อ้าวไหง ไปเซ็งหมอซะงั้น เห็นเชียร์ 3P กันหยกๆ สงสารหมอนะๆๆๆ ฮิฮิ
แต่ดูเหมือนว่าทิมเนี่ย จะกระชากใจนักอ่านที่นี่ไปได้มากโขจริงๆ แฮะ

@satansat แม่ยกทิมมาอีกแล้ว ฮ่าๆๆๆ ไปสมัครสส.ท่าจะรุ่งนะ คนนี้
ขอบคุณที่ชอบนะครับ ช่วงนี้วุ่น รออีกหน่อยนะครับ ตอนหน้าคงเฉลยเรื่องตุลครับ ^ ^

@jubujubu อ้าว... เรียกแล้วก็ไม่พูดต่อซะงั้น บิดไปบิดมาๆ 555
ขอบคุณที่แวะมาทักทายตั้งหลายรอบนะครับ ขอเวลาอีกสองสามวันนะครับ สัญญาๆๆๆ

@poppycake กลายเป็นประโยคฮิตสำหรับคอมเมนต์ตอนนี้ไปแล้วจริงๆ น๊อ 55
ทิมพูดอะไร แม่ยกเชียร์ขาดใจไปโม๊ดดดด... คะน้าแกจะทานกระแสไหวไหมเนี่ย เหอๆๆ

@oaw_eang ขอบคุณพี่ oaw_eang มากๆ เลยครับ ไม่รู้จะขอบคุณยังไง
พี่แวะมาช่วยดันกระทู้ให้เรื่อยๆ เลย ไอ้คนแต่งมันก็มาช้าทุกทีเลย เหอๆๆ
ขอเวลาอีกแป๊บนะครับ ตอนนี้ วุ่นๆ อยู่น่ะครับ ขอสองสามวันนะครับ สัญญาครับๆๆๆ ^^

@Usukushii ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ดีใจที่ชอบนะครับ
หลังเริ่มจะโอเคละครับ แต่สัปดาห์นี้พอดีวุ่นๆ นิดนึง เดี๋ยวจะรีบเข็ญเจ้าทิมออกมาให้อีกนะครับ

@wdaisuw หายไปนานนิดนึง ขอโทษนะครับ เดี๋ยวจะรีบมาครับ ขออีกแป๊บนะครับ แหะๆ
แม่ยกทิมพอมาอีกแล้วสิ คะแนนเสียงท่วมท้นจริงๆ (ถ้าไม่ใช่พระเอกจะโดนแพ่นหัวแตกไหมนะ เหอๆ)

@indy❣zaka ค่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆ เผื่อจะเลือกถูกใจขึ้นมาสักคนก็ได้นะครับ ...จันทูอะไรแบบนี้ 555

@IamA โห... วิเคราะห์ได้ละเอียดและแม่นยำจำเลยครับ อยากจะกดบวกคะแนนให้รัวๆ
ตัวละครทั้ง 3 ตัว เป็นคนเหงาๆ และเหมือนกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจริงๆ ครับ
แอบฮาที่บ่นทิม ฮ่าๆๆๆ จะให้พูดหวานๆ เนี่ย คงท่าจะยากหน่อยนะครับ
ส่วนหมอตุลเนี่ย เดี๋ยวมาแน่นอนครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามอะไรแบบนี้ ฮิฮิ
ปล. อย่าประมาทจันทูนะครับ รอชิงดำกับสามหนุ่มเป็นตัวละครหลักเอาเสียเองอยู่นะ 555

@patloom 5555 3P นี่เกรงว่าผมจะแต่งไม่เป็นเอานะครับ เอาเป็นธรรมดาๆ ก็แย่แล้วนะนั่น
กลัวจะไปไม่รอดเอาน่ะสิครับ อย่ายุสิๆๆๆ เดี๋ยวบ้าจี้แต่งขึ้นมาจะพากันฮาแตกเอานะครับ
สรุปคือเชียร์ทิมเป็นพระเอกในนิยาย ส่วนตุลเป็นพระเอกในชีวิตจริงสินะ ร้ายกาจจริงๆ ครับ 555


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คือช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งมากเลยครับ งานมันหมักหมมมาตั้งแต่เป็นหวัด แล้วก็ปวดหลังต่อซะ
พอหายที งานมันเลยกระหน่ำเอาใหญ่เลยล่ะครับ ไม่มีเวลามาแต่งนิยายต่อเลยอ่ะ
ยังไงเดี๋ยวจะรีบพยายามแต่งมาลงนะครับ อาจจะต้องซอยเป็นส่วนหนึ่งอ่ะ
ไม่อยากให้รอนานเกินไป ขอเวลาอีกสองสามวันนะครับ เดี๋ยวเอาส่วนแรกมาลงก่อนนะ
ฝนตกบ่อยๆ รักษาสุขภาพนะครับ คิดถึงทุกๆ คนเลยนะ ไว้จะรีบมาครับ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-06-2012 07:32:55
รอจ้ารอ :t3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Tumz ที่ 02-07-2012 17:47:48
“...แม่งน่ารักว่ะ!”

ก็รักซิ  :m12:

รอตอนต่อไป ของต่ายน้อย :mc2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 10 (หน้าที่ 13) - Jun 18, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-07-2012 22:04:16
ดัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 04-07-2012 17:15:13
ตอนที่ 11





ภายในเวลา 5 นาที เราสามารถแปรงฟันหรือหวีผมให้พอจัดแต่งเป็นทรงได้
นั่งสบายๆ ชมโฆษณาจากละครทีวีหลังข่าวที่แสนน่าเบื่อหน่าย

ภายในเวลา 5 นาที เราอาจทำอาหารเมนูไข่จานโปรดง่ายๆ เสร็จ แม้แต่ฟังบทเพลงเพราะๆ ที่ชื่นชอบจนจบ

5 นาที เป็นเวลาที่เราต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในไมโครเวฟจนพร้อมทาน
เป็นระยะเวลาที่เดินจากบ้านไปซื้อของเล็กๆ น้อยๆ ที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอย
หรือรอรถไฟฟ้าในชั่วโมงเร่งด่วนสักขบวน

ภายใน 5 นาที เราก็ได้เบอร์เกอร์หอมๆ ที่สั่งไว้จากร้านแมคโดนัลด์
หรืออาจจะแค่นั่งอยู่เฉยๆ แล้วหลับตาอยู่อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร

ภายใน 5 นาที เข็มยาวของนาฬิกาหมุนไป 5 รอบ และไม่รู้ว่าโลกหมุนรอบตัวเองไปได้อีกกี่ไมล์กิโล

5 นาที เกิดอะไรขึ้นได้ตั้งมากมาย และมากมายพอจะทำให้คนๆ หนึ่งแทบคลั่ง
5 นาทีที่โลกก็ยังคงหมุนไปตามจังหวะของมัน
แต่โลกของใครบางคนนั้น เหมือนกับจะถูกหยุดนิ่งไว้ใน 5 นาทีที่ผ่านมา



...ไม่เข้าใจ ทำอะไรก็ไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง เหมือนทั่วร่างมันถูกอัดแน่จนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เดี๋ยวก็ร้อนวาบจนแทบลุกไหม้ แต่ประเดี๋ยวก็หนาวสั่นจนแทบขาดใจ ทั้งอยากจะต่อว่าด่าทอ
และทั้งอยากจะยิ้มกับความรู้สึกที่ยากจะอธิบายนี้ไปในเวลาเดียวกัน จะเรียกไอ้ความรู้สึกบ้าๆ นี่ว่าอะไร



“...ทิม”

แววตาคมคู่นั้นสะบัดขึ้นอย่างอวดดีแทบจะทันทีที่ได้สิ้นสุดปลายเสียง
ช่วงวินาที ...เพียงเสี้ยววินาทีแววตาที่ดูเหมือนระคนไปด้วยความหงุดหงิดระคนสับสน
ก็เปลี่ยนเป็นแววตากลอกกลิ้งแวววาว รอยยิ้มน้อยๆ กระตุกขึ้นที่มุมปาก
เจ้าของชื่อลากรองเท้าสากๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาเข้ามาใกล้
แล้วตวัดมือขึ้นสอดเข้าไรผมข้างๆ หูของคนที่นั่งอยู่ ขยุ้มเบาๆ อย่างเพลินมือ

“ว่าไง”

“เล่นอะไร ไม่เอาแล้วนะ ไอ้บ้าเอ้ย”
คะน้ารีบพูดจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า ‘ลนลาน’

“ทำไม ไม่เคยเล่นเหรอไง”

“ไอ้...”

“ผู้ชายด้วยกันคิดอะไรมากมาย” ปลายนิ้วยังคงเขี่ยไล้ไรผมเล่นอย่างเพลินมือ

“ก..กูโกรธจริงๆ นะเว้ย” คะน้าพยายามปัดป้องและตะคอกกลับ แต่เสียงกลับดูจะแผ่วลงกว่าเดิม

“ขึ้นมึงขึ้นกู” ทิมปล่อยมือแล้วทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงอย่างเกียจคร้าน
เจตนาในความใกล้ชิดให้มากกว่าปกติจนหัวไหล่แทบจะเบียดชนกัน
ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักศีรษะตนเองลงบนบ่าของคะน้าที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

“...น่ารักตรงไหน”

“ทิม!”

คนที่หนุนหัวอยู่ตวัดตาขึ้น ไรผมหนาที่เคยพันคอคะน้าจนน่ารำคาญ
ถูกแทนที่ด้วยปลายจมูกที่ฝังลงเบาๆ อย่างเจตนา

“ไม่เล่นนะ!” คนอายุมากกว่ารีบเบือนหน้าหนีแล้วหันมาส่งเสียงดุ

“ทีไอ้หมอมันจูบไม่เห็นจะว่าอะไรมัน”

“มันไม่มีผู้ชายคนไหนหรอกนะที่ชอบเวลาถูกผู้ชายด้วยกันมาทำอะไรแบบนี้ บ้าหรือเปล่า”
หันไปมองหน้าคนที่หนุนหัวอยู่ แต่ก็ชะงักเมื่อยังจดจำความใกล้ชิดที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่นั้นได้
ยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเองด้วยความหวาดกลัวการเล่นแผลงๆ นั้นอีก แล้วหลบสายตาลงต่ำ

“มันเรื่องน่าภูมิใจที่ไหนกัน”

ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่อายุน้อยกว่าหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
ทั้งยังค่อยๆ โถมตัวแล้วโน้มเทน้ำหนักตัวลงมา ศีรษะขยับซุกไซ้วนไปวนมาอย่างอ้อยอิ่ง

“แปลกดีนะ” ทิมเอ่ยขึ้นเบาๆ

“อะไรแปลก”

“พี่”

เจอคำตอบแบบนี้เข้าไป คะน้าไม่รู้จะถามอะไรต่อไปดี นึกอยากจะด่าอะไรออกมาสักอย่าง
แต่ก็เหมือนเคย ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี คนที่หนุนหัวอยู่ดูจะไม่เอะใจในความใกล้ชิด
คล้ายกับว่าสัมผัสเมื่อครู่เมื่อกี่นาทีที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพในจินตนาการ
ไม่เคยเอะใจในท่าทางการแสดงออกอันประหลาดพิลึก ไม่เคยเอะใจในเสียงทุ้มๆ ของตัวเอง
หรือแม้แต่คำตอบบ้าบอที่เกินจะคาดเดาความรู้สึกที่แท้จริงนั้นได้สักครั้งนั้น



...ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีผลต่อใครอีกคนมากมายแค่ไหน

“ตอนเด็กๆ เคยไหมที่ทำของเล่นชิ้นโปรดหาย”
คำถามที่ไร้ที่มาที่ไปทำเอาคะน้าปรับความรู้สึกไม่ถูก

“อื้อ...”

“แล้วทำไง”

“ก็เสียใจน่ะสิ จะทำไง เสียใจแล้วก็เสียดายชะมัดเลย ว่าแต่ถามทำไมเหรอ”

“ถามว่าทำไง” นี่ควรจะชินได้แล้วใช่ไหม
นิสัยถามย้ำๆ จนกว่าจะได้คำตอบที่ต้องการแบบนี้

“ก็จะทำอะไรได้ล่ะ มันหายไปแล้วนี่”

“เสียดายเนอะ ว่าไม๊” เพิ่งบอกไปหยกๆ ว่าเสียดาย ไม่ฟังกันเลยหรือไง
คะน้าถอนใจเบาๆ แล้วตอบย้ำอีกรอบ

“เสียดายสิ จนเราคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้นะ เราจะทำทุกอย่างไม่ให้มันหายไปเลยล่ะ”
คำตอบของคะน้าจุดรอยยิ้มน้อยๆ ขึ้นบนริมฝีปากทิมอย่างไร้สาเหตุ
เสียงที่แสดงความพึงใจเบาๆ ในลำคอของเจ้าตัวนั้น ทำเอาคะน้าแปลกใจ

ทิมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น เขาบิดตัวอย่างเกียจคร้านแล้วเอื้อมมือมา
ขยุ้มกลางศีรษะของคะน้าเบาๆ สะบัดนิ้วเล่นบนผมนั้นจนยุ่งเหยิง



“ดึกแล้วรีบนอนล่ะเรา”

“นั่นมันใช่สิ่งที่คนอายุน้อยกว่าทำกับคนอายุมากกว่าเหรอ”
คะน้าเหล่ตาขึ้นมองอย่างหงุดหงิด แต่เห็นรอยยิ้มของทิมที่ส่งมาก็ได้แต่ถอนใจ
คนแบบทิมใช่คนที่เขาจะรับมือได้ง่ายๆ เลย

“จะกลับละ ไปส่งหน่อย”

ว่าแล้วก็เดินนำไปที่ประตูราวกับเป็นเจ้าของห้องเสียเอง ทิมยืนนิ่งหน้าประตูไปเปิดออก
ทั้งๆ ที่ระบบกลอนนั้นล็อคจากภายนอกเท่านั้น ส่วนคนจากด้านในเปิดได้ตามอิสระ
ไม่ต้องเสียบการ์ดหรือไขประตูอะไรให้วุ่นวาย ยืนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้จนคะน้าต้องเอื้อมมือไปเปิดประตูให้

จังหวะที่โน้มตัวไปข้างหน้านั้น ก็ถูกวงแขนของคนที่ยืนอยู่ดึงรั้งเข้าไปหา
ราวกับการทำงานประสานที่ดีเยี่ยมเมื่อมืออีกข้างที่ว่างอยู่
ทำหน้าที่กดร่างในอ้อมแขนนั้นเข้าไปแนบชิดและล็อคแน่นอยู่ในนั้น

“เฮ้ยยยย!”

คะน้าอุทานด้วยความตกใจ และโดยที่ยังไม่ได้สตินั้น ก็รู้สึกถึงแรงกดเบาๆ ของปลายจมูกบนแก้มของตัวเอง
ก่อนจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ และเสียงทุ้มแผ่วๆ ที่ดังขึ้นข้างๆ หูในเสี้ยววินาทีต่อมา





“ฝันดี”

5 นาทีที่คะน้าหยัดยืนกายอยู่ได้ด้วยบานประตูที่ปิดสนิท ความรู้สึกปั่นป่วนตีรวนกันไปหมด
มึนงงจนเห็นทุกอย่างพร่าเลือนจนจับสายตาอะไรไม่ได้

ทิมแปลกไป เปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ที่เอาแต่ใจแบบทุกครั้งที่เคยเห็น
และยิ่งนานวันคะน้าก็เหมือนได้เห็นตัวตนในแง่มุมใหม่ๆ แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ความรู้สึกบางอย่างที่จู่ๆ ก็ฉายชัดขึ้นมาในความคิดของคะน้าในตอนนี้ก็คือ
เขาเริ่มรู้จักตัวตนของทิมขึ้นมาวันละน้อย เป็นทิมที่เป็นทิมจริงๆ
ไม่ใช่ทิมที่สวมหน้ากากเงียบขรึม พูดน้อย และขวางโลกแบบที่ใครๆ เข้าใจ



แต่ยังมีเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่าง...

คะน้ายกมือขึ้นขยุ้มเสื้อตัวเองตรงหน้าอก ภาพต่างๆ ที่เคยพร่าเลือนเริ่มแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย
...และทีละน้อย ก่อนที่ภาพที่เลือนรางนั้นจะเป็นสายตายวนๆ และรอยยิ้มน้อยๆ ของทิมที่ยังติดตา

ห้องกว้างๆ กลับมาเงียบสงบเหมือนทุกวัน ที่นอกหน้าต่าง
พระจันทร์ก็ยังส่องแสงนวลตาเช่นทุกครั้ง
ไอศกรีมยังอยู่ในกระป๋องพลาสติกในตู้เย็นเหมือนเดิม

...คงจะมีเพียงความรู้สึกของตัวเขาที่แปลกไป


...ช่างแปลกเหลือเกิน



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผิดคำสัญญาเพราะติดฝน สองสามวันนี้เปียกเป็นลูกหมาทุกวันเลย 555
แต่งไปได้มากกว่านี้ แต่ตัดมาลงให้ก่อนแค่นี้เพราะไม่อยากให้รอนานอ่ะครับ
จริงๆ พยายามให้จบตอนแต่ไม่สำเร็จแฮะ ขอเวลาวันสองวันจะมาต่อให้จบตอนนะครับ

ฝนตกเพื่อนๆ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ ใครที่อ่านก่อนนอนก็ขอให้ฝันดีนะครับ

ก่อนไป ขอกอดนักอ่านหนึ่งที ฮิฮิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-07-2012 17:30:30
เฮ่ยย ปาดดดดดดด
แปะก่อนอ่าน

.....................

แอร๊ยยยยย เค้าเขินอะ เขินแทนคะน้าาาา
ทิมน่ารักอะ กรี๊ดดดดดดด
รอที่เหลือด้วยใจจดจ่อ เปิดเทอมแล้วงานยุ่งเหลือเกิน
กลับมาถึงหอก็อยากจะสลบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 04-07-2012 17:39:21
 :z1: :z1: :z1: :z1:  รักทิม  ทำตัวเป็นคนมีความลับนะเนี่ยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 04-07-2012 18:01:18
อย่าว่าแต่คะน้าที่เห็นมุมใหม่ของทิมเลย คนอ่านก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน แต่ไม่ว่ามุมไหนก็เชียร์ทิม  :mc4:

รอตอนต่อไปค่ะ คนเขียนรักษาสุขภาพด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 04-07-2012 18:06:34
*กรีดร้องโหยหวนนนนนนน*
ทิมมันทำตัวน่ารักอีกแล้วนะ อ๊ายยยยย
อยากจะบ้า เกิดเป็นแม่ยกทิมนี่ลำบากจริง (เกี่ยว?)
แม้จะมายังไม่เต็มตอน แต่เราก็ยังรู้สึกว่าหวานอยู่เลย
อารมณ์เหมือนคะน้า มึนๆ เบลอๆ อิอิ
คะน้าเหมือนจะเริ่มมองความรู้สึกตัวเองชัดขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะ..
ส่วนทิม ขอให้เลิกซึนตลอดไปเลยน้าาา >///<

ขอบคุณนะคะ~
ปล. ตอนอ่านฉากจูบทิม-คะน้า รู้สึกเขินมากจริงๆ ค่ะ
แบบอธิบายได้ชัดมากกกกก ถ้าเป็นตอน NC เราคาดว่า
จะไปสำรองเลือดมาไว้ล่วงหน้าแล้วกัน ฮา~
*โบกป้ายไฟเชียร์ทิม พร้อมกับเปิดตำราคำทำนายไพ่ไปพร้อมกัน อิอิ*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 04-07-2012 18:11:52
 :-[ :-[ :-[

ตายยยยยย
เขินนนนน ดูทำตัวๆๆๆ   :sad4:
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ วันก่อนก็วิ่งตากฝนกลับบ้าน เปียกทั้งตัว ทำไมไม่เห็นจะเย็นสดชื่นเหมือนที่คิดไว้   :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 04-07-2012 18:15:06
ทิมรุกหนักเลยนะ
เดี๋ยวกอด เดี๋ยวหอม
คะน้าเค้าแก้มช้ำไปหมดแล้ว :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Panny ที่ 04-07-2012 18:22:13
คะน้า เริ่มเก๊ทแล้วนี่นา เลือกเลยเลือกๆๆๆๆๆ
บวกให้ค่า รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 04-07-2012 18:31:19
ทิมรุกหนักอ่ะ   :o8: :o8:

อ่านไปก็เขินแทนกระต่ายซะงั้น  ฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-07-2012 18:48:55
มะ มะ ไม่รัก ไม่รัก ไม่รักได้ไง
ไม่ไหวแล้ว ทิมมันน่าหมั่นเขี้ยวมาก มึนจริงๆ ชอบทำตัวให้เอฟซีใจเต้นแรง (สมมติตัวเองเป็นต่ายน้อยเรียบร้อย)
รอ 70%ที่เหลือจ้า
ตอนหลังจะมีทีเด็ดยังไงจัดมาเลย เอาใจไปเต็มๆแบบนี้เชียร์ทิมสุดโต่งงงงง  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-07-2012 19:06:06
ทิมมาทีไร เขย่าหัวใจแม่ยก ระทวยกันทั้งเล้าเลยทีเดียว  :-[

ชาร์มมิ่งได้อีกอ่ะทิมมี่  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 04-07-2012 19:20:24
เอ๊ะๆ 30% แรกไม่มีหมอเลย เราจะเชียร์มวยรองซะหน่อย เดี๋ยวเอนเอียงไปหาทิมซะนี่ ชิชะๆ

คะน้า หล่อนเลือกได้นะเนี่ย เลือกสักคนเถอะ อีก 1 เขาจะได้ทำใจ ปล่อยคืนแก่สังคมไปถือเป็นกุศลนะจ๊ะ

คนอ่านตากฝนโดยไม่ตั้งใจ เริ่มเป็นหวัดนิดๆ แล้วเหมือนกันค่ะ หายๆๆๆๆๆ กันทั่วหน้า เพี้ยงๆ

บวกและปูเสื่อรอ 70% ที่เหลือค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 04-07-2012 19:31:45
อุบ๊ะ  :a2: :a2: :a1: :a1:


มันต้องแบบนี้ซิฟร่ะไอ้ลูกชายยย โอยยย ถ้ากระต่ายน้อยไม่หวั่นไหวให้มันรู้ไป


เรารู้ซึ้งมันดีแล้ว ว่าถ้าเราทำมันหายเราจะเสียดายแค่ไหน ฉะนั้น จับล่ามโซ่ใส่กรงไว้ซะ ลูกทิม  :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-07-2012 19:36:28
  :o8: เขินจังเลยอ่ะ  อยากเป็นคะน้าจังเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 04-07-2012 20:15:13
ทิมเวอร์ชั่นนี้น่ารักอ่ะ >ㅅ<
เหวอไป5นาทีแบบของคะน้าเราอยากได้บ้างอ่ะ เอิ๊กๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 04-07-2012 21:18:12
อ้างถึง
@vascular แม่งน่ารักว่ะ นี่อะไรนะครับ เนื้อเรื่อง ทิม หรือคนอ่านน๊อ ฮิฮิ ขอบคุณนะครับ ^ ^

ทั้งหมดครับ รวมถึงคนเขียนด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 04-07-2012 21:42:15
 :กอด1: :z2:

ฝันดีแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-07-2012 22:10:03
เขินนนนนนนนน ทิมน่ารักอ่ะ สมแล้วที่เชียร์

ฝนตกทุกวันเลย พกร่ม กลับบ้านรีบอาบน้ำสระผมและทานยาดักไว้ก่อนนะคะ รักษาสุขภาพด้วย
(แอบเซ็งตรงวที่ตกเป็นเวลาก่อนเลิกงานทุกวัน -"-)


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: wongwikkarn ที่ 05-07-2012 06:13:02
555 ทิมคือคำตอบสุดท้าย เชียสุดใจ  lol
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 05-07-2012 07:12:11
หมอจะดีสักแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องน้องทิมเท่านั้น
ยังๆ ต่ายน้อยต้องเลือกทิมนะ (เต็มที่ให้ได้แค่ 3p อิอิ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 05-07-2012 09:24:59
อ๊ะ ซี๊ส!น่ารักอ่ะ!!!ซี๊ส!!!
บ้าวะ ทิมทิมแม่ง แง่ง!!!อีผช.บ้า แค่แกทำตัวออดอ้อน แค่หอมแก้ม แค่ยืนหล่อทิ้งอยู่หน้าประตูแม่ยกก็หัวใจจะวายแล้ว ซี๊ส!!!
อั่ก คะน้า ขอโทษเถอะ แต่ยอมแม่งไปเถอะ แม่ยกไม่ไหวแล้ว!ละลาย!
มาสั่นๆแต่เขย่าใจแม่ยกตลอดอ่ะทิมทิมมมมมมมมมม
ปล.1 ว่าแต่ทิมเก่งนะเนี่ย หลัง"แม่งน่ารักว่ะ!"มาแล้วยังอดทนไม่กดต่อได้ ทั้งที่บรรยากาศมันได้ แล้วนั้นเตียงนะเตียง!!!
ปล.2 คอมเมนต์ตอนที่แล้วของเราหายเหรอคะ ไม่รู้เลยอ่ะ!
ปล.3 ห้ามแวะไปทักทายนะ กรุณาแต่งทิมทิมต่อเถอะ คนอ่านขอร้อง!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 05-07-2012 11:14:27
โอย...ไม่ใช่แค่คะน้าหรอกค่ะ ทิมทำให้คนอ่านแทบกระอักเลือดตาย :-[
ทำไมน่ารักแบบนี้ล่ะค้าาา โฮกกกกกก :impress2:

นี่ถ้าทิมไม่ใช่พระเอกนะ........ o18 ขู่ไว้ก่อน ฮ่าๆๆๆ

ยังไงก็รักษาสุขภาพนะคะ รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: IamA ที่ 05-07-2012 13:07:46
เป็นน้องเป็นนุ่งจะจับทิมตีก้นลายเลย ดูมันพูดกับรุ่นพี่ดิ ... แต่ได้ใจพี่ว่ะทิม 555

รีแอคของคะน้ามันช่าง            ลำเอียง!!!!!!

ทำไมตื่นเต้นกับทิมมากกว่าล่ะ!! (ได้ข่าวแกก็เชียร์ทิม) หมอตุลจัดหนักบ้างสิค๊า อยากเห็นเด็กมันคลั่ง ฮ่าๆๆๆ

“เสียดายสิ จนเราคิดว่าถ้าย้อนเวลาได้นะ เราจะทำทุกอย่างไม่ให้มันหายไปเลยล่ะ” << คำถามกับท่าทีของทิมหลังคำตอบนี้ของคะน้าทำให้เราไม่แน่ใจว่าทิมรู้จักกับคะน้ามาก่อนรึเปล่า หรือเป็นแค่สัญญาณบอกว่าต่อไปนี้จะทำรุกหนัก(?)เท่านั้น

รอต่ออีก 70%ที่เหลือจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 05-07-2012 20:17:53
อะชะอะอู้ยยยยยย

พี่หมอหายฝ้ายเก๊าะร่าเริงอ่ะ5555555

รู้สึกเลวไงไม่รู้=w= ตอนนี้งงๆคะน้านะ แต่คะน้าก็หน้ามึนมาตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเข้าใจได้ค่ะ รอ70เปอที่เหลือค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zero3 ที่ 05-07-2012 20:57:41
ต่ายน้อย...ใจเย็นๆนะ
ตื่นเต้นจนขึ้นมึงกูกับทิมเลยวุ้ย
ชอบที่ทิมเรียกต่ายน้อยว่าพี่ น่ารักดี ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patloom ที่ 06-07-2012 05:54:21
สยิว จริงๆ คะน้าไม่กดทิม พัดลมจะกดแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: silverphoenix ที่ 06-07-2012 09:29:06
ทิม  แรงเรื่อยๆนะเธอ  อิอิ  ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 06-07-2012 10:51:38
เอาทิมทิมอีก70%มา~~~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 06-07-2012 12:03:57
คะน้าาาา เลือกน้องทิมเถ๊อะ  มันออกจะน่าร๊ากกก
แต่สงสารหมอเหมือนกันอ่า ยกเจ๊พี่สาวคะน้าไปปลอบใจแล้วกัน เจ๊แกคงชอบ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 07-07-2012 18:27:40
ดูแลตัวเองด้วยนะครับ...เป็นห่วง :a12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 08-07-2012 16:24:09
555 ชอบบบอ่ะ. แม่งชอบอ่ะ  :laugh:
คะน้า ! เป็นผู้ชายพายเรือ มาให้เค้าหอมแก้มฝ่ายเดียวได้งัยค่ะ

มันไม่แฟร์เลยนะเจ๊จะบอกให้ o18
P.S. จูบตอบเลยสิค่ะ เจ๊ว่ากำไรเหนาะ เหนาะ :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 08-07-2012 20:18:15

โอ้ยยยย ยังไงๆเราก็เชียร์ทิมอ้ะ !
ไม่รู้สิ แบบ ชอบคนอย่างนี้อะ
ดูตรงๆดี  ถึงจะเก๊กมาก ไม่ชอบพูดตามใจตัวเองก็เหอะ
แต่ก็ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนี่
ถึงจะชอบแนวคุณหมอในชีวิตจริงก็เถอะ
แต่ตอนนี้เชียร์ทิมสุดใจ

รออ่านต่อน้าคนแต่งจ๋า
เพิ่งเข้ามาอ่านติดเลยเรื่องนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: LittlePrince ที่ 09-07-2012 02:00:59
ฉากจูบของตอนก่อนหน้านี้เป็นอะไรที่บรรยายได้ถึงอารมณ์ที่สุดเลย
มันให้ความรู้สึกวาบหวาม เร่าร้อน แต่ก็สวยงามไม่ดูส่อไปในแง่นั้นมากไป
บอกไม่ถูกจริงๆ อ่านไปแล้วรู้สึกตามได้เลยเหอะๆ

ตอนนี้ยังงงๆ อยู่รอดูต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: yaoionlyyes ที่ 11-07-2012 16:42:12
*เขินตาย* :m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-07-2012 16:55:53

โอมมมมมมมมมมมมมมมม

จงมาๆๆๆๆๆๆๆ

อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 12-07-2012 19:19:30
 :กอด1: ยังรอเสมอค่ะ

แต่มาต่อเหอะนะ คิดถึงแล้ว
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 12-07-2012 19:28:59
ดันนนนน


 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ฮาเดส ที่ 12-07-2012 20:02:52
แปะไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่านต่อ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 13-07-2012 12:15:33
ไม่ได้เข้ามาหลายวัน  แต่คนเขียนก็ยังไม่มาต่อ :sad4:
ตอนต่อไปขอยาวๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 13-07-2012 21:31:48
ฮึบบบบบบบ ดันนนนนนนนนรออีก 70 จ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 13-07-2012 22:40:58
นี่เราแสดงความคิดเห็นถึงแต่ทิมจนคนแต่งรู้เลยสินะว่าเราเชียร์ใคร
ลืมหมอไปได้เลย โบกธง เชียร์ทิม!!!

ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน รักษาสุขภาพ พักผ่อนเยอะๆ ด้วยนะคะ

คะน้าน่ารักอ่ะ ทิมต้องอดทนขนาดไหนเนี่ย
แต่นี่ทิมก็แสดงความรู้สึกมากขึ้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 19-07-2012 16:33:06
 :call: มันเลยวันสองวันมาหลายวันแล้วววว
แต่ก็จะรอค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 20-07-2012 21:53:31
 :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 21-07-2012 04:35:06
แวะมาดัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MimicClub ที่ 22-07-2012 16:15:08
 :jul1: เขินเเทนคะน้าจริงๆเล้ย  นั่งอ่านไปยิ่มไปเอ๋อไปเหมือนตัวเองเป็นตัวเอกของเรื่องจริงๆ :laugh:
จะทนรอคนโพสได้ไหมเนี๊ยะ ลงแดงดีไหมน๊อ :serius2: กรี๊ดๆๆๆๆรีบมาต่อไวๆๆๆๆนะจ๊ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 22-07-2012 20:07:41
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Marinmin ที่ 26-07-2012 01:34:26
ในที่สุดก็ตามอ่านจนทันน ขอบอกอีกคนว่าเชียร์ทิมมมมมมมมมม
อ๊ากกกก ตอนล่าสุดนี่เขินแทนคะน้าเลย   :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 26-07-2012 08:28:56

คิดถึงนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 02-08-2012 08:24:12
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-08-2012 21:07:54
 :m15:

สวัสดีครับ ขอโทษทุกๆ คนจริงๆ นะครับ คือว่าหายไปนานเลยครับ
สาเหตุเกิดมาจากเจอซุเปอร์คอมโบ้ ไม่สบาย + คอมเปียกฝนเจ๊ง
+ ไปอยู่ที่ไม่สะดวกใช้เน็ต + พยายามซ่อมคอมแล้วไม่รุ่ง + เลือกรุ่นคอมแล้วซื้อใหม่
เพิ่งจะได้คอมสดๆ ร้อนๆ อยู่เนี่ยล่ะครับ ไม่ได้ใช้คอมเป็นเดือนๆ เหมือนจะขาดใจ ฮือๆๆ

สารภาพว่าไม่มีอะไรในมือเลยครับ มีแต่อยู่ในหัวบ้าง แต่คืนนี้ขอจัดการคอมให้เรียบร้อย
พรุ่งนี้จะรีบปั่นมาส่งนะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้กลางคืน เจอกันใหม่นะครับ

ตอนนี้ขอแค่ส่งข่าวก่อนนะ ขอโทษทุกๆ คนจริงๆ ครับ และขอบคุณที่รอกันนะครับ
ยังไม่ได้อ่านอะไรหรอกนะ แต่รู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันใจที่ไม่ลืมกัน ฮือๆๆๆ

คนแต่งเสียใจนะครับ ไม่อาจสู้หน้าต่อไปได้ ขอไปจัดการธุระก่อนนะ แล้วจะปั่นแหลกครับ

 :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-08-2012 21:31:29
สู้ๆค่า
เป็นกำลังใจให้เสมอน้าา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: CoMa ที่ 06-08-2012 21:53:55
ง่ะ คิดถึงคะน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา>0<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 06-08-2012 21:57:44
สู้ๆค่า
รักษาสุขภาพด้วยเน่อ ไอเราหวัดไปเรียบร้อย   o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 12-08-2012 18:30:14
คนเขียนสู้ๆจ้า
หวังว่าตอนใหม่คงจะมาในเร็ววัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 12-08-2012 19:54:04
คิดถึงอย่างแรง นึกว่าจะหายไปเสียแล้ว ดีใจที่ยังแวะมาส่งข่าวกัน
ยังรออ่านอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Vesi ที่ 12-08-2012 19:55:59
ปกติอ่านนิยายแล้ว มักจะชอบ พระเอก ไม่ก็เพื่อนพระเอก >,<
แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว ผมชอบต่ายน้อยว่ะ อยากเป็นต่ายน้อยในเรื่อง 5555
คงสนุกดีพิลึก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: smilymoon ที่ 22-08-2012 20:14:05
หายไปไหนค่ะนานมากรออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-08-2012 21:03:20
เรื่องน่ารักมากอ่ะคับ  รีบมาต่อนะ o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 24-08-2012 14:45:18
สู้ๆ นะคะ

ปล...คิดถึงกระต่ายยยยยมากเลย ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 26-08-2012 11:13:33
อ่านรวดเดียวจบเลย
ตอนนี้ยังไม่รู้จะเชียร์ใครเลย แต่ดูเหมือนว่าทิมจะมีคะแนนนำโด่งเลยนะนั่น
ส่วนหมอให้ความรู้สึกว่ายังมีปริศนาอยู่
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 26-08-2012 13:10:51
ฮัลโหลคนแต่ง
เรายังรอคุณอยู่น้าาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 28-08-2012 10:34:28
รอจ้า :a11:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zazakapp ที่ 28-08-2012 17:14:36
รอด้วยคนนน....!!!~~ :really2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 07-09-2012 23:00:47
หายหน้าหายตาไปเลยนะครับ...ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jonathan2624 ที่ 09-09-2012 15:53:42
สนุกอะครับ อย่าหายไปนาน รออ่านแบบจุใจนะคร้าบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mellowshroom ที่ 09-09-2012 20:58:44


ยังไงก็เชียร์ทิม รู้จักทิมวันละนิด รักทิมวันละหน่อย ..เขิน  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 09-09-2012 22:06:52
รอฉันรอเธออยู่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Gaem ที่ 10-09-2012 01:10:38
เค้าเชียร์ทิม  เค้าชอบหนุ่มวิศวะ (อันนี้ออกแนวส่วนตัว :o8:)    :impress2:

แต่เค้าก็ชอบหมอตุลนะ  เอามาปั่นรวมกันได้มั้ย?  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 17-09-2012 01:25:51
คิดถึงทิม  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 20-09-2012 00:01:12
ดันด้วยความคิดถึง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 22-09-2012 23:38:29
ตามมาดัน :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 22-09-2012 23:57:52
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-09-2012 00:06:06
หายไปเลยน้าา งานยุ่งเหรอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 23-09-2012 02:14:39
เห็นชื่อเรื่องแอบงงๆ แต่พอมาอ่านนี่รู้สึกฟินสุดๆ :-[ :-[
เชียร์ทิมที่รัก~ ห้ามหักมุมนะคะ!!!
อนึ่งที่เชียร์เพราะว่าทิม หล่อ รวย นิสัยดี(หรือจะแค่กับต่าย?) น่ารัก(ความเห็นส่วนบุคคล)
ส่วนตุลย์นี่ก็น่ารัก(แต่สู้ทิมไม่ได้)
แอบฮาสาวพม่า ฮาดี
เลิฟนิยายเรื่องนี้มากๆๆๆๆ รีบๆมาต่อนะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 30-09-2012 20:55:02
กลับมาย้อนอ่านเรื่องนี้อีกรอบ :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 30-09-2012 21:02:03

(http://webboard.yenta4.com/uploads/2011/08/02/135733-attachment.jpg)

แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยส์

ยังไม่มา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 - 30% มั๊ง (หน้าที่ 14) - Jul 4, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 06-10-2012 14:12:01
ไม่ได้เข้ามาซะนาน


ยังรออยู่นะ :monkeysad:


และจะตามต่อไปจ้า

สู้ๆนะคนแต่ง

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-10-2012 17:24:52
ขอโทษทีนะครับ หายไปนานจริงๆ พอดีงานแทรกเยอะมาก ไม่ไหวแล้ว
คนแต่งอยากหนีไปบวชตัดขาดจากทางโลกเสียจริงๆ ฮือๆๆ
งานยังไม่พอแถมยังไม่สบายงอมแงมอย่างต่อเนื่อง เอาแต่นอนทั้งวัน แหะๆ
ทานยาแล้วง่วงจริงๆ นะ พยายามแต่งแล้วไม่ไหวจริงๆ

เอาล่ะ ไม่โม้ให้มากความ อ่านต่อเลยครับ!   :z3:


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 11 (ต่อ)



กระทั่งพระอาทิตย์สีส้มขึ้นแตะขอบฟ้าแทนที่ดวงจันทร์ที่คุ้นตา
สีดำเข้มที่เคยแต่งแต้มอยู่ทั่วผืนฟ้าถูกย้อมด้วยแสงสีทองที่เฉิดฉายงดงาม
เสียงโทรศัพท์ที่ใช้แทนนาฬิกาปลุกทำให้ชายหนุ่มกระพริบตาตื่นขึ้น
มือไม้แกว่งไกวจนปัดป่ายให้สมุดไดอารี่เล่มหนาหล่นมาทับหัวแทนระบบการปลุกซ้ำอัตโนมัติ

“โอ้ยยย”

คะน้าเอามือคลำหัวตัวเองป้อยๆ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนผล็อยหลับลงไปตอนไหน ลุกขึ้นแล้วรีบไปอาบน้ำ
เผื่อว่าน้ำเย็นๆ จะช่วยเรียกสติกลับคืนมาได้บ้าง แต่ผลลัพธ์กลับดูจะไม่เป็นไปตามคาด
เมื่อเจ้าสติดันกลับมาพร้อมกับภาพความทรงจำของทิมและตุลที่ไม่น่าจดจำในช่วงหลายวันนี้
ลงท้ายก็แบกเอาเรื่องมึนๆ มากมายที่อยู่ในใจไปที่ตลาดด้วยความจำใจ

ที่ตลาดวันนี้เกิดสงครามย่อมๆ เมื่อผู้ท้าชิง สายใจ หอยใหญ่ หอยโต
จะขอเทียบรัศมีกับสาวพม่านัยน์ตา Korea อย่างจันทูที่ปัจจุบันควบตำแหน่ง
ราชินีไซด์งานก่อสร้างพ่วงอีกหลังจากที่ได้ไปเสิร์ฟไอศกรีมแทนคะน้าเป็นครั้งคราว

แล้ววันอันแสนอลหม่านก็จบลงไปอีกวันพร้อมกับอาการปวดหัวของคะน้า
จนซมซานกลับมาที่คอนโดพร้อมร่างที่แทบจะหมดเรี่ยวแรง
กระทั่งสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัวที่โรยตัวลงมากระทบผิวเรียกความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง
ความรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าจึงเริ่มเข้ามาบำบัดความเครียดที่มีให้จางหายไปทีละน้อยๆ
สายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านตัวช้าๆ ราวกับชะล้างทุกสิ่งทุกอย่างออกไปเบื้องหลัง

แม้ว่าจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวที่บ้านอีกหลัง แต่ที่นี่แตกต่าง
ห้องที่เคยเห็นผักกาดนั่งดูทีวีบนโซฟาอย่างเกียจคร้าน เดินไปมา
หรือส่งเสียงประหลาดกลับดูเงียบเหงา แห้งแล้งและไม่มีชีวิตชีวา
เงียบสงบราวกับเหลือเขาเพียงคนเดียวบนโลกนี้ลำพัง ออกไปนั่งเงียบๆ คนเดียวที่ระเบียง
มองฟ้าที่ไม่มีทั้งดวงดาวหรือพระจันทร์ กระทั่งได้ยินเสียงกีต้าร์เบาๆ ล่องลอยมาตามสายลม

มีคนเคยบอกว่าคงจะมีเพียงคนเหงาที่เข้าใจคนเหงาด้วยกัน แม้จะไม่ได้เห็นด้วยตา
หากแต่เสียงดนตรีที่กระซิบผ่านมาในอากาศนั้นกลับดูหงอยเหงาจนสัมผัสได้
เพียงได้ยินแค่เสียงดนตรีที่ไร้คำร้อง คะน้าก็พอจะคาดเดาออกว่า
เพื่อนบ้านที่เคยมีรอยยิ้มสดใสราวกับจะหยุดโลกทั้งใบได้นั้นเป็นเช่นไร

ครู่เดียวเสียงกริ่งก็ดังขึ้น พร้อมกับร่างของคะน้าที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตุล
ไม่ใช่แค่เพียงความเหงา แต่ในใจของหนุ่มน้อยเจือไปด้วยความห่วงใยจางๆ
โดยที่เจ้าตัวอาจไม่ทันเอะใจ และเพียงชั่วอึดใจประตูบานทึบก็ค่อยๆ แง้มออก

“หวัดดีค...ครับ” ชะงักค้างเมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ตุลผู้เป็นเจ้าของห้อง
แต่กลายเป็นผู้หญิงสวมกางเกงขาสั้นสบายๆ

...รู้สึกคุ้นหน้าอย่างบอกไม่ถูก

“สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรคะ” เธอตอบกลับมาด้วยสีหน้าเฉยเมย
อันที่จริงอาจจะเจือความไม่พอใจไว้นิดๆ เสียด้วยซ้ำ

“เอ่อ... ผมคือ เอ่อ... มาพบตุลน่ะครับ”

“ให้บอกว่าใครคะ” สีหน้าของเธอปรับเป็นรอยยิ้มขึ้นตามมารยาท

“ผม...”

“ต่ายเหรอ...” เสียงเจ้าของห้องดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับโผล่ตัวขึ้นที่ด้านหลัง
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” รอยยิ้มจางๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
...ใบหน้าที่ดูจะไม่มีความสุขเท่าไหร่

“ว่าจะแวะมาคุยเล่นน่ะครับ ไม่รู้ว่าหมอ... เอ่อ... ติดธุระอยู่”
คะน้าเหลือบมองแววตาที่จ้องเขม็งของเธอคนนั้นก็รู้สึกเหมือนถูกตำหนิที่มารบกวน
“งั้นผมกลับก่อนนะ ไว้ว่างๆ ค่อยมาคุยใหม่เนอะ แหะๆ” โบกมือลาแล้วพลิกตัวกลับ แต่ข้อมือก็ถูกรั้งไว้

“เข้ามาข้างในสิ” ไม่ฟังคำทัดทาน ตุลคว้ามือของคะน้าแล้วเดินเข้าห้องไป
จนใจจนกลายเป็นจำยอมเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี

เมื่อเดินนำเข้าไปด้านในแล้วตุลก็ดึงมือของคะน้าให้นั่งลงบนโซฟาข้างๆ กับเขา
หญิงสาวที่เดินตามมาทีหลังยิ้มน้อยๆ แบบพอรักษามารยาทหากแต่คะน้ารับรู้ถึงความไม่ชอบใจในที

“นี่ก้อย เพื่อนผม ต่ายพอจำได้ไหมครับ”

“สวัสดีครับ ตอนแรกว่าหน้าคุ้นๆ แค่ผมจำไม่ได้จริงๆ ที่แท้ก็คุณหมอก้อยนี่เอง”
คะน้าทักทายแล้วยิ้มให้ด้วยไมตรี

“สวัสดีค่ะ” เธอยิ้มกลับแต่โดยดีแล้วหันไปทางตุล “ใครเหรอคะ”

“เพื่อนบ้านน่ะครับ ก้อยเคยเห็นแล้วไง ตอนนั้นที่โรงบาล”
ตุลตอบพร้อมส่งรอยยิ้มน้อยๆ มาให้คะน้า
หญิงสาวเพียงเหลือบมองชั่วครู่ แววตาไม่รู้สึกถึงความคุ้นเคยแม้แต่น้อย
เธอเงียบไปก่อนจะเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สะบัดสูงไม่ใยดีใดๆ

“ก้อยนึกว่าเป็นแฟนกันเสียอีก”

เสียงเรียบๆ นั้นทำให้คนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งสุดตัว คะน้าหันไปมองคนพูดด้วยความเหรอหรา
สลับกับใบหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ด้วยความมึนงง ตุลยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบอะไร
เขายกมือขึ้นแล้วโอบลงบนบ่าของคะน้า ชายหนุ่มสะดุ้งกายเล็กน้อย หันไปมอง
อ้าปากพะงาบพร้อมโวยเต็มที่ แต่เมื่อเจอรอยยิ้มหวานฉ่ำของคนที่นั่งข้างๆ เข้าไป
...ท่าจะบ้าไปแล้ว จากที่ตั้งใจจะต่อว่ากลับกลายเป็นเผลอยิ้มเขินตอบไปโดยไม่รู้ตัว
ตุลหัวเราะนิดๆ แล้วโน้มศีรษะตัวเองเข้ามาโขกด้านข้างของหัวคะน้าเบาๆ แล้วอมยิ้ม

...แผ่นดินไหวใช่ไหม ทำไมใจมันสั่นๆ หว่า

หากแต่ไม่มีคำพูดใดๆ แทนคำตอบออกจากปากของตุล
และนั่นดูเหมือนจะทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจนัก

“จะไม่พูดชี้แจงอะไรหน่อยหรือคะ” ก้อยมองจ้องไปที่ตุลเหมือนเค้นเอาคำตอบ
แต่แววตาของตุลยังคงเรียบเฉยราวกับผิวน้ำเรียบๆ ที่ยากจะคะเนความลึก
...จนปัญญา หญิงสาวจึงปรายแววตาคุกรุ่นนั้นมาที่คะน้าที่นั่งเคียงข้างชายหนุ่มอีกคนแทน
จนแขกผู้มาเยือนอย่างเขารู้สึกตัวฟีบลงไปในทันที ไม่ชอบสิ่งที่เป็นอยู่เอาเสียเลย
พยายามจะอ้าปากอธิบาย แต่สายลมเบาๆ ที่เป่าอยู่ข้างๆ หูมันทำให้ขนลุกอย่างประหลาด

คะน้าหันไปมองด้วยสายตาที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ระคนไปด้วยความโมโหที่ไม่ดูกาลเทศะ
แต่ก็เจือไปด้วยความเขินกระดากพอๆ กัน ตุลยกปลายคิ้วน้อยๆ สองสามครั้ง
พร้อมกระพริบตาทะเล้นใส่ เล่นเอาคะน้าเหวอ ก่อนจะมีสายลมเบาๆ
เป่ามากระทบใบหูอีกครั้งจนรู้สึกร้อนฉ่า ...ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ

เสียงสูดลมหายใจกระฟัดกระเฟียดของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำ
“ดูตุลสบายใจขึ้นนะคะ ไม่เครียดอะไรอีกแล้ว” ลงท้ายดูเหมือนว่า
จะเป็นก้อยเองที่จะหมดความอดทนกับความเงียบที่เป็นอยู่

“แบบที่ผมบอกก้อยแหละครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”

แล้วตุลก็หันมาชวนคะน้าคุยไปเรื่อยเปื่อยโดยมีก้อยนั่งอยู่ใกล้ๆ
“กินข้าวยังน่ะเรา เย็นนี้ไปทานอะไรกับผมนะ”
หญิงสาวก้มหน้านิ่งไม่ได้แสดงท่าทางหรือความรู้สึกใดๆ ออกมา
กระนั้น คะน้าก็ได้แต่ยิ้มๆ ด้วยความอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
...ได้แต่นั่งเงียบๆ มีตุลหันมาส่งยิ้มให้กับคะน้าเป็นระยะๆ แล้วก็นั่งจับเจ่าอยู่แบบนั้น

เผินๆ ดูมีความสุขดีหรอก แต่ในดวงตาที่เคยสุกใสนั้นมันหม่นจนคะน้ารู้สึกใจไม่ดี
หมอก้อยเองก็คงสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของตุล
เธอลอบมองชายหนุ่มบ่อยๆ ความห่วงใยนั้นฉายออกมาแจ่มชัด
แต่ตุลกลับไม่ได้มองเห็นท่าทางของหมอก้อยนั้นเลย ...อันที่จริงดูเหมือนแกล้งไม่เห็นเสียมากกว่า

ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ สุดท้าย เสียงผ่อนลมหายใจของหญิงสาวดังขึ้น
หมอก้อยคว้ากระเป๋าถือใบเล็กๆ ของเธอขึ้นมาสะพายไหล่ แล้วก็ลุกออกจากห้องไป
คะน้าหันไปมอง อยากจะถามว่าเธอไปไหน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถามดีหรือเปล่า
ได้แต่หันมามองหน้าตุล หัวไหล่ของคนตัวเล็กกว่ากระแทกลงไปบนบ่ากว้างของคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
เหมือนส่งสัญญาณให้เจ้าของห้องทำอะไรสักอย่าง จนตุลเงยหน้ามามองด้วยความแปลกใจ
คะน้าถมึงตาใส่แกมบังคับว่าตุลควรจะลุกขึ้นไปส่งหมอก้อยที่เป็นเพื่อนของเขา
หากแต่หมอหนุ่มกลับมีท่วงท่าเฉยเมยเช่นเดิม

“เค้าจะไปไหนน่ะ” คะน้าถามด้วยความหงุดหงิด

“ไม่รู้”

“ก็แล้วไม่ถามซะหน่อยเหรอ” ชักจะเซ็งๆ กับท่าทีของตุล ทำไมไม่ดูแลเพื่อนเอาเสียเลย

“ก็ไม่อยากรู้”

“อ้าววว...” คะน้าถึงกับอ้าปากหวอในคำตอบ มึนงงจนต้องนิ่งไปสักพัก “ทะเลาะกันเหรอ”

“เปล่านี่”

“แล้วทำไมดูตึงๆ กัน เหมือนไม่ค่อยอยากจะพูดอะไรกัน มันเหมือนทะเลาะอะไรกันอยู่เลย
หมอก้อยเป็นเพื่อนที่ทำงานไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เค้าก็มาเยี่ยมหมอเลยนะ
ขนาดเด็กประถมสี่ยังดูรู้เลยนะหมอว่าเขาห่วงหมอขนาดไหน”

“เด็กประถมสี่เลยเรอะ” ตุลถึงกับหัวเราะขึ้นมาเมื่อคะน้ารัวคำถามใส่เป็นชุด

“อ้าว ก็พูดจริง นี่มันสาวมาหาถึงบ้านเลยนะเว้ยเฮ้ย แถมยังเป็นสาวสวยซะด้วย”

“แล้วยังไง เกี่ยวอะไรกับเด็กป.สี่” ตุลยังคงล้อเลียนไม่เลิก

“อ้าว ไอ้นี่ ก็แปลว่าเค้าห่วงมากแคร์มากนะเว้ย
มีสาวสวยขนาดนี้ เป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ มันน่าดีใจจะตายไป
ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้กับคนทุกคนนะเว้ย ทำเป็นเล่นไป”
คะน้าพล่ามเป็นชุด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบกับสบตาหวานฉ่ำของตุล
ที่จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของตนเองอยู่ไม่วางตา ราวกับไม่ได้สนใจในสิ่งที่คะน้าพูดไปเลย
หมอหนุ่มจ้องมองอยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดจนต้องชะงัก

...มองอะไรนักหนาวะเนี่ย

“พูดต่อสิครับ ผมกำลังฟัง” ค่อยๆ เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้
ปลายนิ้วเลื่อนไล้ที่ไรผมเล่นอย่างเบามือ

“เออ ช่างเหอะ” เบือนสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ครั้นเหลือบมองดูคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกสั่นไหว
คะน้าก็เห็นแต่รอยยิ้มจางๆ ที่คลี่แฝงอยู่ที่มุมปาก
ปลายนิ้วที่เขี่ยผมเล่นถูกดึงกลับไปวางนิ่งอยู่ข้างกาย
เสียงถอนหายใจเบาๆ ดังขึ้น ก่อนทุกสิ่งจะกลับมานิ่งสนิทตามเดิม

คะน้าหันไปมองเหมือนจะตำหนิที่ตุลเล่นอะไรไม่เข้าท่า
พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นกับรอยปื้นแดงเล็กๆ ที่กระจายอยู่บริเวณซอกคอของตุล
...ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าเป็นรอยอะไร และเมื่อสังเกตดูดีๆ จะพบว่า
เสื้อเชิ้ตของเขามีรอยยับย่น กระดุมเสื้อถูกปลดลงลึกแทนที่จะติดครบทุกเม็ดแบบที่คะน้าคุ้นตา
...บางทีอาจจะเกิดสงครามย่อมๆ ก่อนที่เขาจะเข้ามาก็เป็นได้
คิดดูแล้วก็ไม่แปลกใจเลยที่หมอก้อยแดงสีหน้าแบบนั้น

ตุลหันมามองก็พบว่าถูกคะน้าจ้องอยู่อย่างไม่วางตา เขาไม่ได้คิดที่จะ
เก็บซ่อนมันไว้อย่างเขินอาย ตรงกันข้ามกลับยิ้มแปลกๆ ที่มุมปากราวกับ
อยากให้คะน้าเห็นเช่นนั้นเสียมากกว่า ...ดูเป็นยิ้มที่ดูจงใจให้เห็นว่าเป็นยิ้มชอบกล
อันที่จริงเรียกว่ากระตุกริมฝีปากขึ้นแบบขอไปทีแค่นั้นยังจะดีกว่า

“อยากจะพูดอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่” คะน้าตอบกลับเบาๆ

“อือ”

ทุกอย่างเงียบสงบด้วยความเก้อเขินของคะน้าและอารมณ์หม่นๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง
กระทั่งน้ำหนักศีรษะของคนนั่งใกล้ๆ ค่อยๆ ถ่ายเทลงบนบ่า
พร้อมกับเสียงผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยล้าของคนที่นั่งใกล้
คะน้าเหลือบไปมอง ไม่ได้เห็นใบหน้าอย่างที่ตั้งใจ
มีเพียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของยาสระผมบนผมของคนที่นั่งใกล้ที่เจือมาให้รู้สึก
...ปล่อยให้ทุกอย่างดำดิ่งสู่ความเงียบอีกครั้ง

เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่รู้ กระทั่งคะน้ารู้สึกปวดล้าที่บนบ่า
เสียงถอนหายใจเบาๆ ของตุลยังดังขึ้นเป็นระยะๆ จนเขาอดไม่ไหวที่จะเอ่ยถาม
“ตุลเป็นอะไร ผมเป็นห่วงนะ รู้ไหม?” คะน้าพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาเหมือนกับสายลมพัด
มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ ของตุลดังขึ้นใกล้ๆ
...เพียงเท่านั้นจริงๆ ที่พอจะบ่งบอกว่าคนที่ชิดใกล้ยังมีชีวิตอยู่

“ตุล...”

“ครับ”

“เป็นไร” รู้สึกถึงแรงขยับที่สั่นไหวบนบ่าและเสียงลมหายใจหนักอึ้งที่ติดขัด
“รู้ไหม? หลายวันมานี้ นายดูไม่เหมือนกับคนที่ผมเคยรู้จักเลย
คนที่เคยหัวเราะ ยิ้มมันทั้งวัน คนที่ร้องเพลงเพราะๆ นั่งดีดกีต้าร์อารมณ์ดี
มันหายไปไหนว๊า บอกมา!” เสียงทุ้มๆ คำรามเบาๆ ในลำคอแทนคำตอบ

“บอกมาเด๊! บอกมา เงียบแบบนี้ กู... กู...” คะน้ากลืนน้ำลายอย่างติดขัด
ยิ่งตุลเงียบเฉยเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก คะน้าหอบลมหายใจแรงก่อนจะค่อยๆ
ปรับความรู้สึกที่คุกรุ่นของตัวเองลง เมื่อเห็นท่าทีที่นิ่งเงียบของตุล
ชายหนุ่มค่อยๆ ยกศีรษะของตัวเองขึ้น ขยับตัวเว้นระยะห่างจากคะน้าไปเล็กน้อยแล้วนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น
คนตัวเล็กกว่าทอดสายตามองตามด้วยความรู้สึกหน่วงอึ้งอย่างบอกไม่ถูก

“ก...กูเหมือนคนที่ไม่มีประโยชน์สำหรับมึงเลย”

“ขอโทษ”

“เป็นไร”

“ไม่เป็นไร” ตุลหันมามองแล้วฝืนยิ้มเล็กน้อย “ขอบใจนะ”

“ขอบใจเหรอ” คะน้าหันกลับไปมองคนข้างๆ
ที่ตอนนี้ได้แต่ทอดสายตามองอย่างไร้จุดหมาย “อือ... แค่นั้นสินะ”

“อย่าคิดมากเลย ผมไม่เป็นไรจริงๆ” แรงขยุ้มเบาๆ บนหัว
ทำให้คะน้าหันกลับไปมองดวงตาที่ดูเศร้าๆ คู่นั้น
รอยยิ้มน้อยๆ จางอยู่บนใบหน้าพอเป็นพิธีเท่านั้น

“ผมดีใจมากนะครับที่คุณเป็นห่วงผม
ทั้งๆ ที่ผมมันก็แค่คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย”

“หมายความว่ายังไงเหรอ” คะน้าหันมาถามด้วยความมึนงง

“ผมทั้งชั่ว ทั้งเลว ทำความผิดที่ไม่น่าจะให้อภัย
หึ... คนแบบผมไม่มีค่าอะไรที่คนดีๆ แบบคุณควรมาเห็นใจอะไรเลย”

“ผมไม่เข้าใจ” ตุลเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งก็ถือเป็นช่วงเวลานานหลายนาที
ก่อนที่เขาจะเริ่มพูดอะไรบางอย่างออกมา

“...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”

“นิทานเหรอ” คะน้าถามด้วยความไม่เข้าใจ

“อือ... นิทาน” ตุลพูดกลับเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่เจือด้วยความรู้สึกประหลาด



(มีต่ออีกจึ๊กนะ)


หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-10-2012 17:28:57
ตอนที่ 11 (จบตอนละ)




“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กตัวน้อยๆ เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยรุ่น
และภายในร่างกายที่ค่อยๆ เติบโตของเธอนั้น อัดแน่นไปด้วยความฝันมากมายที่เธออยากจะทำ
ถ้าถามเธอว่า ถ้าหนูโตขึ้นหนูอยากจะเป็นอะไร เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบด้วยเสียงดัง
แบบไม่ต้องคิดเลยว่าเธออยากจะเป็นกระเป๋ารถเมล์”

“ฮ่ะๆๆ น่ารักจังเลยนะครับ” คะน้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ ออกมา

“อือ... รอยยิ้มบนหน้าเธอตอนนั้น เชื่อไหม ว่ามันทำให้ใครๆ ที่อยู่ใกล้
ก็อดยิ้มตามไม่ได้ ดวงตาสดใสเป็นประกาย ทุกๆ วันเธอจะคุยเล่นกับเด็กคนอื่นๆ
ถามคำถามว่าพอโตขึ้นอยากเป็นอะไร แล้วเธอก็จะคอยบอกกับ
เด็กทุกคนว่า ...เป็นเด็กดีนะ ...โตขึ้นต้องเป็นคนดีนะ แล้วจะมีแต่คนรักใคร่
จะมีเพื่อนเยอะแยะเลย จะไม่เหงาด้วย เพราะคุณตาของเธอบอกอย่างนั้น”

“เธออยู่กับคุณตาเหรอครับ”

“คุณพ่อและคุณแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ครับ และเธอคือ
ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ...ทั้งๆ ที่อยู่ในครรภ์ของคุณแม่เธอ”

“เป็นเด็กที่เข้มแข็งมากนะครับ” คะน้าพูดด้วยความรู้สึกสลดกับเรื่องรวที่ได้ยิน

“มากๆ ครับ เธอเป็นคนโชคร้ายมากนะ ถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้
แต่ก็มีสุขภาพที่แย่มาตั้งแต่เกิด พระเจ้าทำให้ร่างกายของเธอผิดปกติจากคนทั่วไป”

“แต่พระเจ้าก็ให้พรวิเศษที่ทำให้เธอมีจิตใจที่เข้มแข็งกว่าใครหรือเปล่าครับ”
คะน้าติงขึ้นในทันทีและคำท้วงติงนั้น สร้างรอยยิ้มให้กับคนที่นั่งใกล้อย่างเหลือเชื่อ
...เป็นรอยยิ้มของตุลที่เขาไม่ได้เห็นมาเนิ่นนาน

“ครับ ...รู้ไหม ว่าเด็กคนนี้เหมือนกับผมมากเลยนะ คล้ายมาก ผมใช้ชีวิตอยู่คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ
อยู่กับคุณยาย ทุกครั้งที่เห็นเธอ ผมกลับรู้สึกอดที่จะอิจฉาไม่ได้ ทั้งๆ ที่เธอโชคร้ายกว่าผมมากมาย
แต่ทำไมเธอถึงได้มีความสุขเหลือเกิน ทำไมถึงได้เป็นคนที่น่าอิจฉาขนาดนั้น”

คะน้าเหลือบมองไปที่ตุล ไปๆ มาๆ ชักเริ่มไม่แน่ใจว่า
เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่นิทานอย่างที่ตุลพูดหรือเปล่า

“เชื้อโรคที่ชั่วร้ายกำลังลามจากกระดูกไปส่วนต่างๆ ของร่างกาย
เธออยากเข้าผ่าตัดทั้งๆ ที่มีความเสี่ยง แต่เธอก็ยังเลือกที่จะเสี่ยง
ด้วยเหตุผลง่ายๆ ...เพื่อไปทำความฝันของหนู เธอพูดแค่นั้น
รู้ไหม ผมไม่สนับสนุนเลย มันมีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ถึง 3%
แต่มันก็คือความเสี่ยงมาก แต่เธอสิ ยิ้มสู้อย่างไม่หวั่นเลย ฮ่ะๆๆ
รู้ไหม ผมไปซื้อกระบอกเก็บตังค์แบบกระเป๋ารถเมล์มาให้เธอด้วยนะ
กะว่าถ้าเธอหายดีจะให้กับเธอ ให้เธอได้ทำตามความฝันนั้น”

“ฮ่าๆๆๆ อย่างนั้นหรือครับ” คะน้าหัวเราะออกไปแบบขอไปที
ความรู้สึกบางอย่างบ่งบอกว่าเรื่องไม่ดีคงอาจจะเกิดตามมา

“ผมเป็นแพทย์ผ่าตัดให้เธอเอง ผลการผ่าตัดออกมาเรียบร้อยดีไม่มีปัญหา
เมื่อเธอฟื้นจากการผ่าตัด ผมก็มอบกระบอกเก็บตังค์ที่ผมซื้อไว้ให้กับเธอ
ฮ่ะๆๆ รู้ไหม ว่าเธอดีใจแค่ไหน ตาเป็นกระกาย ขอบคุณผมตั้งมากมาย
เธอบอกว่าถ้าขึ้นรถเมล์เธอ เธอจะให้ผมนั่งฟรีด้วยนะ”

“ดีจังเลยนะครับ เธอชื่อว่าอะไรเหรอ”

“อธิษฐานครับ คุณตาเธอตั้งชื่อให้ว่าเด็กหญิง อธิษฐาน”

“เป็นชื่อที่เหมาะกับน้องเค้าดีนะครับ ตอนนี้ เธอคงได้ทำตามความฝันของเธอแล้ว”
เมื่อฟังมาถึงตอนนี้ คะน้ารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก หากแต่เสียงของตุลกลับเริ่มสั่นไหว

“ไม่หรอกครับ วันนั้น กลางดึกที่ผมออกเวรแล้ว ระหว่างพักฟื้นมีการผ่าตัดด่วนอีกครั้ง
โดยอาจารย์ท่านอื่นเพราะมีอาการแทรกซ้อน ผมรีบตามมาดู พอฟิ้นมา
อธิษฐานบอกผมว่าหนูเจ็บอย่างบอกไม่ถูก เธอบอกว่าหนูเจ็บจนทนไม่ไหว
เธอมีการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดน่ะครับ ผลจากการผ่าตัดไม่สู้ดี
อธิษฐานถามผมว่าเธอจะหายไหม เธอถามผมเพราะรู้ว่าผมจะไม่โกหกเธอ
แบบคุณตา หรือคุณหมอท่านอื่นๆ ผมบอกว่าเธอจะหาย เธอขอบคุณผม
พร้อมกับรอยยิ้มที่น่าใจหายนั่น เธอบอกว่าผมไม่โกหก แต่ผม... ผม...”

“ตุล...”

“...ผมโกหกเธอ”

“ตุล...” ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ สั่นสะเทิ้นเล็กน้อยก่อนจะหอบสั่นอย่างแรงพร้อมกับเสียงสะอื้น
“ตุลล...” คะน้าเอื้อมมือออกไปจะปลอบ แต่ก็ชะงักกับคำพูดเบาๆ ของตุลที่เอ่ยออกมา

“ผมฆ่าคนตาย” ตุลตะโกนออกมา

“ผมฆ่าคนตายครับ ได้ยินไหม ผม... ผมฆ่าคนตาย” เขาเงยหน้าขึ้นมามอง
ด้วยดวงตาบอบช้ำที่แดงกล่ำ “ด้วยมือทั้งสองข้างของผมเอง ผมทำให้อธิษฐานตาย”

“โรคนั่นต่างหากที่ทำให้เธอตาย ตุลเป็นคนพยายามรักษาโรคนั่นต่างหาก”

“ผมก็ควรรักษาได้สิ ไม่งั้นจะเป็นหมอเพื่ออะไร แค่เด็กคนเดียว
ชีวิตชีวิตเดียว ผมยังช่วยไว้ไม่ได้ แค่เด็กตัวเล็กๆ คนนั้น”

“แต่นายทำดีที่สุดแล้วนะ”

“ทั้งๆ ที่เธอแค่อยากเป็นกระเป๋ารถเมล์เองนะ
ผมซื้อกระบอกเก็บตังค์ให้แล้ว ...แค่นี้เอง ...ไอ้โง่เอ้ย
มึงก็ทำได้ทำได้แค่นี้เองแหละ แค่เด็กคนเดียว
...คนๆ เดียวมึงยังช่วยเขาไว้ไม่ได้เลย”

คะน้ากอดร่างที่สั่นสะท้านของตุลไว้จนแน่น บีดรัดด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เข้าใจและรับรู้ถึงความเจ็บปวดต่างๆ นานาที่ตุลหรือแม้แต่หมอคนไหนๆ ก็คงต้องแบกรับเอาไว้
“เป็นผมเอง ผมก็คงช่วยอธิษฐานไม่ได้เหมือนกัน ผมไม่มีความรู้อะไรเลย
ถ้าตุลที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดทำไม่ได้ แล้วคนไหนบนโลกนี้จะทำได้”

“มีคนที่เก่งกว่าผม ถ้าผมไม่อวดดีคิดว่าทำได้
ถ้าผมเลือกที่จะไม่ผ่า หรือถ้าพยายามมากกว่านี้อีกนิด ถ้า...”

“ตุล! ฟังนะ!” คะน้ากอดร่างที่สั่นไหวของตุลจนแน่นขึ้น

“ตัวเธอยังอุ่นจนถึงเมื่อเช้าวันนั้นอยู่เลย แล้วก็...”

“ตุล! ฟัง! ฟังผม... ฟังนะ ตอบผม ผมรู้ ตุลไม่โกหกผม
...ผ่าตัดนั้น นายทำทุกอย่างอย่างเต็มที่หรือเปล่า”

“เต็มที่ ผมอยากให้เธอหายเป็นปกติ ผมคอนซัลต์แพทย์หลายๆ ท่านเรื่องการผ่าตัด
ทั้งทางวิสัญญี กุมารเวช และด้านอื่นๆ ทุกคนให้ความเป็นไปในทางเดียวกัน
แต่แค่นั้นมันอาจจะไม่พอ ต้องมากกว่านี้ พยายามให้มากกว่านี้”

“งั้นฟังนะ! นายทำดีที่สุดแล้ว และดีที่สุด ก็หมายความว่านายได้ทำเต็มที่เท่าที่นายพอทำได้แล้ว
ไม่มีดีมากไปกว่านี้ นายควรจะเสียใจถ้านายไม่ได้ทำมันอย่างเต็มที่ต่างหาก”

คะน้าพยายามอธิบายต่อเพื่อเรียกสติของตุลกลับคืนมา
“การเข้าใจความรู้สึกของคนไข้เป็นเรื่องดีมากๆ แต่นายควรรักษาสมดุลย์ของมันไว้ด้วย
ไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลวก็อย่าฝังใจกับการรักษาในอดีตที่ผ่านมา
เพราะนั่นแปลว่าเรายอมหยุดนิ่งแล้วกับความสำเร็จหรือล้มเหลวนั้น
ในความเป็นจริง การแพทย์หรือการรักษา มันต้องพัฒนาต่อไปทุกวันไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ ...ผมโกหก ผมกำลังโกหกคะน้าอยู่” ตุลพยายามฝืนรั้งตัวเอง
แต่เหมือนอะไรๆ กลับไม่เป็นไปอย่างที่ใจเขาต้องการ

“ใช่ นายโกหก ...และมันไม่เนียนเอาซะเลย”

ร่างที่ไหวสะท้านของตุลค่อยๆ สงบลง มีเพียงเสียงหอบเบาๆ และความชื้นบนบ่า
ของคะน้าที่เป็นร่องรอยแห่งความเสียใจที่เขาแบกรับมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

“ไม่ได้บอกให้ลืม แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเราเองให้ดียิ่งขึ้น
ตุลทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง รักษาโรคอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ซึ่งผมทำไม่เป็น
ดังนั้นอย่าให้อดีตทำร้ายตัวเราจนเกินไป เข้าใจไหม”

“มันก็แค่อาชีพน่ะครับ เหมือนกับอาชีพหนึ่งในสังคม ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร”

“ไม่ได้ถามว่าเหาะได้หรือเปล่า ถามว่าเข้าใจไหม”

“อ่า... เข้าใจครับ” ตุลอึ้งๆ แบบไปต่อไม่ถูก
สุดท้ายก็ก้มหน้างุดๆ แล้วเอ่ยขอบคุณด้วยไมตรี “ขอบคุณนะ”

แม้ว่าจะไม่เห็นหน้า แต่ก็รับรู้ได้ในน้ำเสียง ไม่ผิดแน่ ตุลกำลังยิ้มอยู่
“คิดมากน่า เยี่ยวเหลืองพอดี” คะน้าพูดติดตลก

เท่าที่พอรู้จักมา ตุลมักเป็นคนที่เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองอยู่เสมอ
ประมาณว่าออกจะเกรงใจคน กล้าๆ กลัวๆ ถ้าจะเปรียบเทียบให้พอเห็นภาพ
คงต้องเปรียบกับทิม ขานั้นนอกจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความกลัวแล้ว
ยังเรียกได้ว่าอยากจะพูดจะทำอะไรก็ทำ มาเต็มไม่มีกั๊ก จนเข้าขั้นหน้าด้านก็มี

นี่เหมือนว่าจะเป็นครั้งแรกที่ตุลได้ทะลายกำแพงของตัวเองลง
และก็น่าจะเป็นครั้งแรกที่คะน้าได้รู้จักตัวตนของเพื่อนบ้านผู้นี้อย่างแท้จริง

...เขาเป็นคนที่ช่างอ่อนไหวเหลือเกิน

“ความฝันของตุลคืออะไรครับ”

“หือ?” ตุลเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงง คะน้าจึงอธิบาย

“ความฝันน่ะ ที่เคยคิดไว้ตอนเด็กๆ”

“ไม่รู้ จำไม่ได้” ใบหน้าที่คมสันกดลงที่เดิม พำนักความอ่อนล้าที่บนบ่าของคะน้า

“คิดสิ นึก ...นึกให้ออก”

“เป็นหมอ ...อยากรักษาคนที่ไม่สบาย”

“ไม่เอาสิ ...เอาตอนที่เราเด็กกว่านั้น
ความฝันครั้งแรกเลย ตอนที่เด็กๆ ไร้เดียงสาน่ะ”

“อยากเป็นคนขับรถตุ๊กตุ๊ก”

“ขับรถตุ๊กตุ๊กเหรอ ทำไมล่ะ”

“ซิ่งดี”

“อยากแว๊นซ์เหรอ”

“ก็บางทีนะ ...อยากมาก ฮ่ะๆๆ”
ตุลหัวเราะเบาๆ ใบหน้ายังเปื้อนด้วยคราบน้ำตา

“งั้นไปแว๊นซ์กับพี่ไหมน้องตุล” คะน้าดัดเสียงให้ดูกวน

“จะดีเหรอน้องต่าย” ตุลถามอย่างหวั่นๆ คะน้ายักคิ้วให้อย่างกวนๆ

“พี่เว้ย พี่ๆๆๆ เชื่อพี่ต่ายไม่มีผิดหวัง”

“พี่ตุลเป็นพี่ได้ไหม แล้วน้องต่ายเป็นน้อง”

“ไม่ได้เฟ้ย!”

“ครับ พี่ต่าย”

“เออ ดี พูดง่ายๆ เป็นเด็กดีจะได้โตไวๆ” คะน้าเท้าเอวตัวเองยืดอก แต่ไม่ทันไร
มือกว้างของตุลก็วางลงบนหัวของคนตัวเล็กกว่าเหมือนคะเนความสูงกับตัวเอง

“ท่าทางตอนเป็นเด็กจะเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหม เด็กชายต่าย”

“เดี๋ยวโดน” คะน้าหน้ามุ่ยขึ้นมาทันที
ตุลหัวเราะได้เต็มที่ขึ้นแล้ว รอยยิ้มนั้นเป็นตัวบ่งบอกได้ดี

“หลับตาดิ”

“หืมม?”

“หลับตา ...มาอธิษฐานให้เด็กหญิงอธิษฐานกัน” ตุลยิ้มน้อยๆ

“อือ” คะน้ายิ้มรับแล้วพยักหน้า

ชายหนุ่มตัวสูงค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ใบหน้าที่เคยโรยไปด้วยความเจ็บช้ำ
บัดนี้ความเจ็บปวดนั้นได้ค่อยๆ ทุเลาลงไปบ้างแล้ว ตุลในตอนนี้
ดูเหมือนว่าจะกลับเป็นชายหนุ่มทรงเสน่ห์คนเดิมที่เขาได้รู้จัก รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากนั้น
ยังคงอยู่ไม่หายไปจากใบหน้า ดีใจที่อะไรๆ กลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียที

“อธิษฐานนะ” คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“อืมมม” ตุลส่งเสียงเบาๆ ในลำคอ ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น

บรรยากาศอะไรบางอย่างรอบๆ ตัวทำให้คะน้ารู้สึกดี
ทั้งการได้รับรู้ตัวตนอีกด้านของชายหนุ่มที่เขาไม่เคยรู้จัก ทั้งความใกล้ชิดที่ผ่านมา

อะไรบางอย่างทำให้คะน้าขยับเท้าเข้าไปใกล้ ปลายเท้าค่อยๆ เขย่งขึ้นเล็กน้อย
ก่อนที่ริมฝีปากของคะน้าจะสัมผัสกับริมฝีปากอ่อนนุ่มของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าเบาๆ

ร่างสูงชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบสนองความอบอุ่น
ในรสสัมผัสที่ได้รับจากคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างนุ่มนวล



...ขอให้ทุกคำอธิษฐานบนโลกนี้กลายเป็นจริงนะ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รอมานานแถมเจอแบบนี้ จะโดนด่าไหมเนี่ย 55555555
อย่างไรก็ตามไม่ต้องกลัวนะครับ ขอโม้ว่าเรามีสต็อคนะเออ
คิดว่าหายไปนานอาจลืมๆ กันแล้วแน่ๆ เลยขอสักวันอังคารแล้วกันจะมาอีกรอบนะครับ
ตอนนี้ขอลงไปสลบก่อนนะครับ อยากหายหวัดไวๆ จัง นอนเอาๆๆๆ
ฝนตก อากาศเปลี่ยนบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนมากนะครับ อายนะเนี่ย ฮ่าๆๆ รีบออกจะกระทู้ด้วยความอับอาย  :o12:

ปล. คนแต่งอนาถาเข้าเฟซบุคตัวเองไม่ได้ ใครใจดีฝากแปะลิงค์ในเฟซบุคเพจหน่อยนะครับ
ตอนนี้ใช้มือถือซิงค์เน็ตอยู่ เข้าลำบากแท้ โหลดเฟซบุคไม่ขึ้นเลย ฮือๆๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 06-10-2012 17:44:46
แง้!!! ไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม เราไม่ยอม แง้ๆๆ
 o9 o9 o9
อยากจะเอามือไปคั่นระหว่างปากของสองคนนั้น
แล้วน้องทิมของเราล่ะคะน้าจ๋าาา น้องทิมมมมมล่ะ! โอ๊ยตาย หวั่นใจคะน้าจะเลือกหมอจัง
หรือถ้าจะปลอบใจกัน แค่กอดไม่ได้เหรอหนู จุ๊บๆแบบนี้คุณหมอแกยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ดิ!
โอ๊ย แล้วหมอก้อยนี่อะไรอ่ะ ก็รู้นะว่าวัวเคยค้าม้าเคยขี่คนเค้าคุ้นเคยอะไรๆกันอยู่แล้ว
แต่แบบเศร้าเรื่องทำงาน ต้องมีมาปลอบใจแบบนั้นกันถึงที่เลยฤา? ก็ไม่ชอบหมอตรงนี้แหละ!!!
คุณหมออย่าได้คิดมากไป ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่าโทษตัวเอง มันไม่มีใครผิดหรอก ทำเต็มที่แล้วนิ

ยังคงโบกธงเชียร์ทิมอย่างบ้าคลั่ง!
 :a9:

ปล.ขอให้คนเขียนหายจากไข้หวัดไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 06-10-2012 18:39:19
  :serius2::z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-10-2012 18:41:11
มาแว้ววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-10-2012 18:55:05
เฮ่ยยย หมอทำคะแนนอะ
หมอเรียกร้องความสนใจ (ไม่ใช่และ ฮ่าๆ)
แม่ยกทิมนะ ยืนยันๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 06-10-2012 19:24:21
รอทิมกลับมาจัดแบบหนักๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 06-10-2012 19:26:51
หมออออออออออออ หมออย่าเศร้าเค้าไม่ชอบเห็นคนเศร้า  :sad4:
แม่ยกทิมนะ แง้ พูดเพราะอ่ะเค้าหวั่นหวายยย /คิดว่าตัวเองเป็นคะน้า   :z6:


 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 06-10-2012 19:59:51
ยักน่ารักได้อีกอะ น้องต่ายน่ารักมากเก่งมากเลย ชอบอะ เชียร์ทั้งตุลและก็ทิม
ใครก็ได้ทั้งนั้น ก็น่ารักอะ ตุลก็แสนดี ทิมก็ได้ใจ อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน อิอิ
หายไปนานนึกว่าจะลืมน้องต่ายเสียแล้ว กลับมาก็ดีใจมากมาย ยังไงก็ดูแลสุขภาพ
อย่าให้เจ็บป่วย จะได้มาต่อน้องต่ายไวไว อิอิ

ขอบคุณมากๆๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1:+ :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-10-2012 20:23:54
น้องต่ายอ่อนไหวอีกแล้ว
ต้องปลอบกันแบบถึงเนื้อถึงตัวด้วยอะ ลืมน้องทิมแล้วหรือไง
เห็นใจหมอตุล ไม่มีใครอยากพลาด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NOoTuNE ที่ 06-10-2012 22:15:55
 :o211: :o211:



มันอะไรกัน ขัดใจปร้ามากเลยคะน้าาาาาาาาาาาาาาาาา  :o7: :o7:

ปวดใจแทนลูกชาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 06-10-2012 22:58:57
อ่าวๆๆๆ พ่อยกทิมเข้ามาตีอกชกหัวอีกคน ไม่ยอมนะเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 07-10-2012 00:17:22
T_______________________________________T
ร้องไห้ให้น้องทิม คะน้าเขาจูบผช.คนอื่นไปแล้ว
พี่เสียใจ ฮือ~ สรุปที่จูบกับทิมตอนนั้นเพราะบรรยากาศมันพาไปรึเปล่าเนี่ย
อันนี้จูบหมอตุลย์ก่อนด้วย ฮืออออออ น้องทิมของพี่~
พี่เสียใจแทนแล้วนะ ถ้ารู้เรื่องก็ไม่ต้องเสียใจนะ~

อ่านตอนนี้แล้วก็สงสารหมอตุลย์เบาๆ ก็อย่างว่าล่ะนะ
มันเป็นธรรมดาของโลก มีเกิด มีเจ็บ มีแก่ มีตาย
หมอก็สู้ๆ นะ เป็นหมอต้องเข้มแข็งดิ โด่ๆๆๆ
มาแอ๊บเสียใจให้คะน้าปลอบป่ะเนี่ยยย ย
(ไอ้นี่ก็พาลแทนทิมไปเรื่อย ฮา~)

เห็นคนเขียนหายไปนาน เรานึกว่ากลับมาจะเจอน้องทิม
ที่ไหนได้.... T________________T
*นั่งปลูกเห็ดที่มุมห้อง*

ขอบคุณนะคะ
รอตอนต่อไปอยู่เน้อ~
(แอบเอาป้ายไฟน้องทิมเขวี้ยงประตูห้องนอนคะน้า??)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-10-2012 01:14:30

อ่านแล้ว

(http://www.mh.sinica.edu.tw/MHUserFile/PhotoOfTheDay/images/20120803200334297.jpg)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-10-2012 01:44:09


น้องทิมไปหนายยยยยยยยย  :serius2: :serius2: :serius2:


หมอตุลเจ้าชู้  ถึงตอนนี้จะน่าสงสาร แต่เค้าก็ไม่ชอบอยู่ดี  แง๊ๆๆๆๆๆๆ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: alterlyx ที่ 07-10-2012 02:47:22
คะน้าอย่าหวั่นไหวนะค่ะ
ท่องไว้ๆๆ Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only Tim Only   :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 07-10-2012 15:10:00
เชียร์น้องทิม แม้จะไม่มีทิมในตอนนี้
นังน้องต่ายชอบหมอเสียแล้วหรอ ไม่นะๆ   :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: wdaisuw ที่ 07-10-2012 16:08:34
โอย....เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว :serius2:
ทำให้คะน้าหวั่นไหวได้แบบนี้อ่ะ

แต่...ยังไงก็ยังเชียร์ทิมอยู่นะคะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-10-2012 19:00:17
ทิมมมมมม  ทิมมาทวงตำแหน่งด่วน!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 07-10-2012 21:36:08
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมม  :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
ตอนนี้หมอตุลเรียกคะแนนสงสารจากคนอ่านได้เยอะ
แต่ไม่ใช่เราคนนึง ยังคงเชียร์ทิมอยู่เสมอต้นเสมอปลาย
ส่วนน้องต่าย  :z2: เลือกสักคนได้มั๊ยตัวววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 07-10-2012 21:59:02
ไม่ได้อ่านซะนาน
พออ่านตอนใหม่แล้ว เอ๊ะ  บุคลิกต่ายน้อยเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย
ต้องขอตัวไปรื้อฟื้นก่อนซักรอบ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 07-10-2012 22:01:51
ต่ายทำไรอ่ะ 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: JJHJJH ที่ 07-10-2012 22:55:01
OMO
น้องต่าย เดี๋ยวหยิกปากเลย นอนใจทิมได้ยังไง งอนๆๆๆ

//กอดและบวกคนแต่งแก้คิดถึงค่ะ

ปล...โหวตเซ็งเป็ดกันด้วยนะคะ สู้ๆๆๆๆๆๆ เข้ารอบสุดท้ายให้ได้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เรียกข้าว่าอิแรด ที่ 07-10-2012 23:36:42
มาออกตัวเป็น Tim' FC
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 08-10-2012 10:33:17
อืม แบบ กำลังจะพิมพ์ประมาณ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เอาพี่ทิมมาๆๆๆๆๆๆๆเอาหมอไปๆๆๆๆๆๆๆ เอาทิมเท่าน๊านนนนนนนนนนนนนนนน พี่ทิมของเค้า ไม่ยอมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม พี่ทิ๊มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
แต่
เลื่อนลงมาแล้วเจอเมนต์ที่เชียร์แต่พี่ทิมแล้ว งึม สงสารหมอตงิดๆ โถ ทั้งที่ตอนนี้ควรจะเป็นอะไรที่เรียกคะแนนให้หมอแบบสุดๆแท้ๆ เหมือนเขาจะแสดงตัวตน+ความน่ารักอันแท้จริงแท้ๆ แต่แม่ยกทิมกลับทำให้ประเด็นนั้นกระเด็นไปเลย!(อนึ่ง เราก็แม่ยกทิม)
พูดถึงการรักษาซะหน่อย มันน่าเศร้าจริงๆเวลาที่เกิดกรณีแบบนี้ขึ้นมาเนี่ย แต่อย่างที่คะน้าว่า ถ้าเราทำได้ดี ตั้งใจกับมันแล้ว ก็อย่าได้เสียใจกับสิ่งที่จะตามมา เพราะมันไม่ได้เป็นประโยชน์อะไร ทั้งกับตัวเราและตัวคนไข้เลย
ปล.วันนี้วันจันทร์ โฮ!!!อีก24ชม.เลยเหรอกับการรอพี่ทิมปรากฏตัว
ปล.2เราเป็นแม่ยกทิม
ปล.3คิดถึงคนแต่งมากมายเลยนะคะ!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 08-10-2012 23:55:11
3p 3p 3p  ต่าย ตุลล ทิมมม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-10-2012 00:08:53
ยังไม่ชัดกับความรู้สึกตัวเอง ถ้าวันนึงรู้ว่าหมอไม่ใช่ แต่ทำแบบนี้หมอจะเจ็บมากนะน้องต่าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 09-10-2012 02:44:30
หงะ ...พี่น้องต่ายเฟร๊ยยยยยยย>< ไม่น๊า ..
นี่คือหวั่นไหว หรือบรรยากาศพาไป หรือเลือกแล้ว งึดงาดๆๆๆๆ

โบกธงเชียร์น้องทิมด้วยคน ฮือออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 09-10-2012 09:20:12
เอาพี่ทิมมา~~~~~~~~~~~~~~~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-10-2012 09:45:16
ทิมล่ะ O.o
แล้วทิมของเราหายไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 09-10-2012 13:45:13
เกือบร้องไห้ตามตุลแน่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 09-10-2012 20:18:36
ยังอ่านไม่จบ อ่านถึงแค่ตอน 7 แต่ขอแสดงตัวก่อน

หนูเชียร์น้องทิม!!!!!!!!!!

เชียร์มาตั้งแต่แรก ชอบบุคลิกแบบนี้ เราว่าบุคลิกแบบหมอตุลมันไม่น่าค้นหาเท่าน้องทิม
เงียบ ๆ นิ่ง ๆ แต่เวลาอยู่กับเรา จะกลายเป็นอีกคน เหมือนว่ามีเพียงแต่เราเท่านั้นที่จะได้เห็นมุมนี้ของเค้า
โคตะระพิเศษอ่ะ ^^

เขินแทนน้องต่าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 09-10-2012 21:24:24
แม่ยกทิมเสียใจ T^T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 11 (หน้าที่ 17) - Oct 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 09-10-2012 21:30:41
เฮ้! ทิมรีบๆทำคะแนนเลย ตอนนี้บักตุลทำคะแนนนำไปไกลแล้วนา
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 09-10-2012 22:20:23
สวัสดีครับ ขอบคุณทุกๆ คำอวยพร ทุกคำคอมเมนต์ที่แวะมาทักทายกันนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนมากเลย ดีใจมากๆ ที่เรียกได้ว่ายังไม่ลืมกัน ประทับใจมากจริงๆ ครับ
ก็อย่างที่บอกครับ วันนี้มาตามคำสัญญานะ ช่วงนี้ทนๆ อ่านไปก่อนแล้วกันนะครับ นะๆๆๆ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 12




ความรักคืออะไร

ชายหรือหญิง ยาก ดี มี หรือจน ครั้งหนึ่ง ก็น่าจะเคยตั้งคำถามโง่ๆ นี้กับตัวเอง
ทั้งๆ ที่มีคนมากมายเคยให้นิยามมันไว้นับไม่ถ้วน แต่เมื่อถึงจังหวะเวลาหนึ่ง
สมองเหมือนกับว่ามันจะลืมเลือนสิ่งที่เคยได้ยินมาไปหมดสิ้น อยากจะรู้ อยากจะค้นหาคำตอบนั้นด้วยตัวเอง




แสงแดดในยามเย็นอาบผิวขาวของคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ จนเจือด้วยสีส้มอ่อน
กระดุมบนเชิ้ตสีขาวที่มีรอยยับย่นถูกปลดออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อบริเวณแผ่นอกที่ขึ้นเป็นสันชัด
เจ้าของร่างสูงโปร่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาสีเข้มที่ดูเหมือนจะดูดซับความเมื่อยล้า
ทั้งหมดของผู้เอนกายด้วยความอ่อนนุ่มของมัน ทิมนั่งหลับตาอยู่เบื้องหน้าเขา
สองแขนกางออกแล้ววางลงบนพนักดั่งที่พักพิง ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศที่เงียบสนิท
ค่อยๆ ซับความชื้นของเม็ดเหงื่อบนร่างกายให้ค่อยๆ แห้งลง

...ไม่ได้สนใจไอศกรีมบนถ้วยที่อยู่ข้างหน้า หลังจากหลายนาทีผ่านไป
มันก็ค่อยๆ ละลายลงจนแทบจะกลายเป็นน้ำ

ไม่รู้เพราะความรู้สึกน้อยใจที่ระคนอยู่กับถ้วยไอศกรีมตรงหน้าที่เดียวดาย
เพราะความนิ่งเงียบในบรรยากาศ หรือเพราะว่าความเป็นทิมที่สลัดเท่าไหร่
ก็ไม่พ้นไปจากหัวสมองกันแน่ ที่ทำให้คะน้ารู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก

ทันทีที่อีกฝ่ายซึ่งหลับตาอยู่นั้นได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแม้เพียงแผ่วเบา
ดวงตาคมสีดำก็ตวัดขึ้นจากนิทรา แม้ถูกแสงอัสดงแห่งอาทิตย์ยามเย็น
ย้อมจนสีดำเข้มนั้นกลายเป็นสีน้ำตาลไหม้ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่อาจกลบ
สิ่งที่ฉายชัดในแววตาคู่นั้นได้แม้เพียงเสี้ยววินาที ...ไม่เลย

“เอ่อ... จะกลับห้องน่ะ” แปลกที่คำพูดง่ายๆ
กลายเป็นเรื่องยากเสมอต่อหน้าเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้

เงียบ ...เงียบและนิ่งแบบทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยนไป
ดวงตาวาวแค่ปรือลงก่อนจะปิดสนิทอีกครั้ง มือกว้างขยุ้มคอเสื้อไปมา
ก่อนจะคลายกระดุมเสื้อลงอีกเม็ดด้วยความเกียจคร้าน

คะน้าลอบผ่อนลมหายใจตัวเองออกเบาๆ สะบัดหัวไปมา
กับความคิดฟุ้งซ่านในสมอง ฝ่ามือข้างซ้ายค่อยๆ ยกขึ้นขยำเสื้อ
บนหน้าอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว ...ต้องทนอยู่กับความรู้สึกนี้อีกนานแค่ไหน?

เพียงครู่เดียว เมื่อตัดสินใจลุกขึ้นยืน โดยไม่ทันจะได้ขยับเคลื่อนไหวใดๆ
ร่างคนที่เคยหลับใหลอยู่ก็ปรากฏขึ้นในระยะประชิดตัว
วงแขนกว้างของเด็กหนุ่มรุ่นน้องวาดขึ้นบนไหล่แล้ววางน้ำหนักลงอย่างวิสาสะ
ดวงตากลมโตที่ซุกซ่อนอยู่ใต้แพขนตาโค้งหนาอาบด้วยแสงสีส้ม
จนดูเหมือนสีของช็อคโกแลต ...ขม แต่ให้รสสัมผัสที่หวานชุ่มคอ

“เหม็นว่ะ! อะไรเนี่ย” คะน้าบ่นกระปอดกระแปด ทั้งๆ ที่รู้สึกร้อนวูบๆ บนใบหน้า

“เหรอ” ร่างสูงกว่าพลิกตัวอย่างคล่องตัว แขนที่เคยวางบนบ่าลดต่ำลง
แล้วโอบช้อนร่างตรงน้าแล้วกอดรัดทั้งสองแขนจนแน่น “เหม็นก็ต้องทน”

“ไรวะเนี่ย! ไอ้บ๊อง ปล่อย!” คะน้าโวยเต็มที่แต่ผลกลับกลายเป็นว่า
คางที่เป็นสันแหลมของคนข้างหลังกลับกดล็อคบนหัวไหล่อย่างไม่สนใจ

“หึ”

“เล่นอะไรเป็นเด็กๆ จะเกาะไปจนเมื่อไหร่ เหม็น!”

“จนกว่าจะชิน”

“เออ ชินแล้ว!” ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงนั้น จะเมื่อไหร่ หรือนานแค่ไหนก็ไม่ชินสักที

“ก็แค่นั้น” ทิมตอบกลับอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับคลายวงแขนที่รัดอยู่ออก
คะน้าเอามือลูบไปตามเนื้อตัวของตนเองแล้วบ่นอุบ
ราวกับโดนหมามุ่ยที่แสลง มีทิมยืนยิ้มกริ่มอยู่เบื้องหน้า

“ป้อน” เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเจ้าตัวยักคิ้วสบายอารมณ์

“อะไร” ...อึดอัดกับอะไรพวกนี้จัง

“ติม”

“ตีนได้ไหม?” คะน้าเหวี่ยงกลับอย่างหัวเสีย เกิดมาสาบานได้ว่า
เป็นคนใจเย็น อารมณ์เย็น แต่ขอเว้นคนๆ นี้ไว้สักคนเถอะ

“มีเถียง” ทิมไม่ได้สนใจหาความ
เขาล้มตัวลงไปเอกเขนกบนโซฟาอีกครั้งแล้วหลับตา





ความรักคืออะไร

ยากเหลือเกินที่จะหาคำตอบที่ถ่องแท้ แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นสำหรับตัวเราในเวลานี้ก็คือ
ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ...จะรู้ได้อย่างไรว่ามันคือความรักที่แท้จริง





ช้อนถูกหมุนวนช้าๆ ในถ้วยไอศกรีม เหมือนกับความคิดที่วนเวียน
อยู่ในหัวสมองของคะน้าในห้วงเวลานี้ รู้สึกตัวเองเป็นเหมือนเด็กโง่ที่ไม่รู้ความ
เด็กที่อ่อนไหวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ง่ายดายเหลือเกิน

ยังรู้สึกโทษตัวเองที่เมื่อคืนวันก่อน เพราะความที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจจึงทำอะไรแบบนั้นลงไป
แต่กระนั้นความรู้สึกอีกด้านมันกลับรู้สึกดี ...อันที่จริง มันดีมากเลยล่ะ

มันเหงามากเลยนะ กับความรู้สึกที่ต้องอยู่คนเดียว ยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา
ไม่เคยรู้จักเลยว่าความรักมันคืออะไร ได้แต่แอบมอง แอบชอบคนนั้นคนนี้ไปทั่ว
แต่ไม่เคยสักครั้ง ...ไม่เคยเลยที่จะมีตัวตน ไม่เคยที่จะใครสักคนมองกลับมาที่เรา
นี่ไม่ใช่แค่การมีตัวตน ไม่ใช่แค่นั้น ...ตุลให้ความรู้สึกถึงการได้เป็นคนสำคัญ
อยู่คนเดียวมันก็อยู่ได้นะ ชีวิตทุกวันนี้มันก็โอเคนะ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร




...แต่ไม่อยากจะอยู่คนเดียวอีกแล้ว

มันแปลก มันไม่น่าจะเข้าท่า และถ้าใครรู้ว่าเรามีความคิดทุเรศแบบนี้
คงเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ถ้าป๊ากับแม่อยู่ที่นี่ อาจต้องเสียใจ
และแม้แต่ผักกาดก็คงผิดหวังในตัวเราสุดๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม...



ทำไมเราถึงมีความรู้สึกแบบนี้กับ...

คะน้าสะบัดหัวเบาๆ มองทุกอย่างรอบตัวไปเรื่อยๆ ด้วยความสับสน
และโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ชายหนุ่มก็ค่อยๆ เงยหน้าจากถ้วยไอศกรีมแล้วนิ่งงัน
เขาไล่สายตาลามขึ้นไปตามร่างกายของคนที่นอนเอกเขนกอยู่เบื้องหน้า
ทิมเอนกายนอนหลับตาพริ้ม ผมที่เคยเซ็ตเป็นทรง บัดนี้ดูยุ่งเหยิงสบายๆ
แขนเสื้อเชิ้ตถูกพับขึ้นง่ายๆ กระดุมที่เคยติดมิดชิดคลายออก
พร้อมกับชายเสื้อที่อยู่นอกยีนส์สีฟ้าเข้ม ผิวขาวเนียนละเอียดไม่แพ้ผู้หญิง
แต่กลับมีกล้ามเนื้อนูนชัดเป็นเส้นสวยแบบผู้ชายที่ออกกำลังกายมาเป็นอย่างดี



...มีความรู้สึกแบบนี้กับคนเพศเดียวกัน

“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของทิมทำให้คะน้าสะดุ้งขึ้นจากภวังค์
เหมือนคนทำผิดที่ถูกจับได้ ไม่รู้จะกลบเกลื่อนยังไง
คะน้ารีบตักไอศกรีมกะทิที่เริ่มละลายในถ้วยขึ้นทานอย่างรีบร้อน

“อะไร?”

“ผมควรถามพี่ไม่ใช่เหรอ” คนอายุน้อยกว่าค่อยๆ เปิดตาขึ้นมอง
พร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก “...อะไร?”

“อะไรเล่า?”

“หึ” เจ้าตัวค่อยๆ ลุกขึ้น เอามือขยี้ผมตัวเองอย่างเกียจคร้าน
แล้วเดินมานั่งเบียดข้างๆ อย่างจงใจ
ทิมเสตามองไปทางถ้วยไอศกรีมที่คะน้าจ้วงเอาๆ แล้วยักคิ้ว

“ชอบเหรอ?”

“ก็... ก็เสียดาย” รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก “อ...อร่อยดีด้วย!”

ว่าแล้วคะน้าก็ตักไอศกรีมฝีมือตนเองตักเข้าปากต่อ คำต่อคำจนน่าอร่อย
ปกติเขาเคยทานตอนเวลาที่มันเย็นจัด แต่เนื้อละเอียดของไอศกรีมสีขาว
ที่ค่อยๆ ละลายผสมกับเนื้อมะพร้าวอ่อนที่ฝานบางๆ ให้รสชาติที่ดูนุ่มนวลไปอีกแบบ
กระทั่งคำสุดท้าย คะน้าตักทั้งหมดขึ้นเต็มช้อนเตรียมส่งเข้าปาก แต่...


...แต่ช้าไปเสียแล้ว

เมื่อทิมโน้มตัวลงมาอย่างรวดเร็วแล้วขโมยงับคำสุดท้ายลงไปอย่างหน้าตาเฉย
นับเป็นครั้งที่สองแล้วที่ทิมทำอะไรพิเรนทร์ๆ แบบนี้ น้ำส้ม ...และไอศกรีม
ทิมเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาอย่างไม่ลดละ ดูเหมือนเป็นเด็กๆ ที่เอาแต่ใจ
อยากได้อะไรก็ต้องได้เดี๋ยวนั้น อยากทำอะไรก็จะทำทันที แต่มันแค่นั้นจริงๆ ใช่ไหม

...เพราะบางที มันก็ทำให้ความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำเตลิดไปไกลเหลือเกิน

“อะไร” ไม่อยากจะมองสายตาคู่นั้นเอาเสียเลย
บางทีมันก็ให้ความรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก

“หวานดีนะ” คำพูดสั้นๆ แบบนี้ บางครั้งก็ทำให้ตีความไม่ถูก
คะน้าได้แต่เมินตาไปทางอื่นเพื่อซ่อนความรู้สึกที่ร้อนวูบขึ้นที่ใบหน้า
หากแต่สายตาของทิมดูเหมือนยังจะตามจับจ้องอย่างไม่ลดละ

“อะไรอีกเล่า!”

“หึ” เจ้าตัวหัวเราะสั้นๆ ในลำคอแล้ววิสาสะยกมือขึ้นมา
วางพาดบนบ่าของคะน้าอย่างถือกรรมสิทธิ์ “...ต่าย”

“อะไร”

“เมื่อกี้น่ะอะไร”

“เมื่อกี้อะไร ไม่เข้าใจ”

“หมายถึงก่อนหน้านี้” ทิมหันกลับมาสบตาอีกครั้ง
แววตาสุกใสวับวาวด้วยความเจ้าเล่ห์ “คิดว่าไม่เห็นเหรอ”

เล่นเอาคะน้าถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกผิดกับความรู้สึกตัวเอง “มองอะไร”

นึกอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้ไกลๆ ถามแบบนี้ จะให้ตอบว่าอะไร
ต่อให้พูดแต่ความจริง มันยากเกินไปที่จะอธิบายความรู้สึกอะไรพวกนี้ได้
ผิดกับอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังสนุกกับการไล่ต้อนให้จนมุมอย่างพ่ายแพ้

“หืมมม? ถามก็ตอบสิ” ทิมออกแรงกดกระชับวงแขนบนบ่า “ตอบเร็ว”

“มองบ้ามองบออะไร มั่วแล้ว” พยายามเฉไฉลุกขึ้นยืน
อย่างรวดเร็วแล้วรีบรวบรัดตัดความ “กลับก่อนนะ”

“โอ้ววว... ฮ่าๆๆๆๆ” อีกฝ่ายหัวเราะชอบใจ
ก่อนจะตอบกลับอย่างอารมณ์ดี “โอเค ไม่ส่งนะ”

“ไม่ต้อง” คะน้าหยิบภาชนะที่ส่งไอศกรีมขึ้นมาแล้วเก็บก่อนจะเดินจ้ำๆ ไปกดลิฟต์
ระหว่างที่ยืนรอไฟกระพริบที่ค่อยๆ ไล่จากชั้นล่างขึ้นมาทีละชั้นทิมก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เป็นอะไรหรือเปล่า ดูมีเรื่องคิดๆ นะ”

เดิมทีที่คะน้าตั้งใจจะหันกลับไปต่อปากกวนประสาทกลับ
แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดูอ่อนโยนกว่าทุกครั้งของทิม เขาก็ได้แต่รับคำเบาๆ
แล้วก้มหน้าไม่ได้พูดอะไรอย่างที่ตั้งใจออกมา กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก
คะน้าค่อยๆ ก้าวเข้าไปในลิฟต์ กดชั้นที่ตัวเองจะลงไป ไม่ช้าประตูลิฟต์ก็ค่อยๆ ปิดลง

“เดี๋ยว!” เสียงทิมตะโกนมาจากที่เดิม คะน้ากดประตูลิฟต์ให้เปิดออกขึ้นอีกครั้ง
แต่แล้วคนที่ตะโกนเรียกก็ไม่ได้พูดอะไร จะคะน้าตะโกนถามด้วยความสงสัย

“อะไรเหรอ”

“เปล่า ไม่มีไร”

ทิมก้มหน้าก้มตาไม่รู้ไม่ชี้อะไรเหมือนจะกวนโทสะเล่น
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่คะน้าชินเสียแล้ว ชายหนุ่มกดปิดลิฟต์อีกครั้ง
โลหะสี่เหลี่ยมค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าหากันช้าๆ ภาพสุดท้ายก่อนที่ประตุลิฟท์จะปิดลง
คือท่าท่างประดักประเดิกของทิมก่อนที่เขาจะหันหน้าไปด้านข้าง
แล้วขยี้หัวตัวเองไปมาเหมือนไม่รู้จะทำอะไร ใบหน้าก้มต่ำผิดกับทุกที
และใบหูที่ดูเป็นสีแดงระเรื่อเหมือนคนโดนบิดหูแรงๆ มา





ความรักคืออะไร

ต่อให้ถามคนเป็นร้อยคน ก็คงจะมีร้อยคำตอบที่แตกต่างกันออกไป
จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากอย่างนั้นหรือเปล่า
จะเป็นเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจแบบนี้ไหม คิดว่าคงไม่ใช่
เพราะหากมันเป็นสิ่งที่ยุ่งยากจริง ทำไมใครๆ ต่างก็อยากครอบครองมัน
ความรักคืออะไร แล้วจริงๆ แล้วเรารู้สึกยังไงกับหัวใจของตัวเองกันแน่





เวลาที่อยู่ใกล้กับทิม ไม่มีสักครั้งที่ไม่รู้สึกอึดอัด มันเหมือนกับหายใจไม่ออก
ทั้งๆ ที่เราก็ยังหายใจตามปกติ ทุกครั้ง เวลาที่อยู่ใกล้ เดี๋ยวก็รู้สึกสั่นเหมือนกับ
คนที่เจออากาศเหน็บหนาว บางครั้งก็ร้อนวาบเหมือนกับเจอไฟลน
ไม่เคยมีสักครั้งเลยที่ได้รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ทุกอย่างเป็นเรื่องยาก ...ยากเหลือเกิน


...บางคนบอกว่านี่คือความรัก

เวลาที่อยู่ใกล้กับตุล มันมีแต่ความรู้สึกสบายใจ
ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำให้เรารู้สึกได้ว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่
อยากทำอะไร มันทำได้ทุกอย่าง เวลาที่เห็นตุลมีความสุข
มันรู้สึกเหมือนกับเราก็สุขไปด้วย แต่เวลาที่เห็นเขาทุกข์ มันทรมาน
มันหงุดหงิดไม่สบายใจ อยากให้ตุลมีความสุข ...อยากเห็นรอยยิ้มของตุลอีกครั้ง



...บางคนก็บอกว่านี่คือความรัก

ถ้ามันคือความรักทั้งคู่ รักทั้งคู่เหมือนๆ กัน
ความรู้สึกมันก็ควรจะเหมือนกันไม่ใช่หรือ
แต่นี่มันต่างกัน ...ต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย

เปิดดูโทรทัศน์รายการอะไร หรือจะเปิดเพลงเพราะๆ ให้ดังแค่ไหน
แต่มันก็เท่านั้น ไม่สามารถสลัดคำถามมากมายที่มีอยู่ในใจเหล่านี้ไปได้เลย
ลงท้ายคะน้าก็ได้แต่นั่งจับเจ่าอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาเนิ่นนาน กระทั่งเสียงกริ่งประตูดังขึ้น

“คิดแล้วเชียวว่าต้องอยู่ ได้ยินเสียงเพลงไปถึงที่ห้องเลย”

“อ้าว ตุล” คะน้ายิ้มรับและเปิดประตูต้องรับอย่างยินดี ร่างสูงยิ้มร่า
พร้อมชูสปาเก็ตตี้จานโตขึ้นสูง กลิ่นหอมของอาหารคละคลุ้งขึ้นมาทันที

“มีเยอะ มาแบ่งกันกินนะ” เพื่อนบ้านที่เริ่มกลายเป็นเพื่อนสนิทจึงเดินเข้ามา
ก่อนที่คะน้าจะปิดประตูแล้วเดินนำเข้าไปในครัว

“เยอะแยะเลย แบ่งกันกิน”

“อะไรน่ะ หน้าตาเข้าท่าดีนะ” คะน้าเดินมาสูดจมูกใกล้ๆ
ความที่เป็นคนทานง่าย อาหารไม่เคยมีปัญหากับคะน้าเลยสักอย่าง

“นาโปลิตาน่า ใช้เส้นเฟตตูชินีทำ ไม่รู้จะไหวไหม”
คะน้ายืนเกาหัวแกรกๆ กับชื่ออาหารภาษาอิตาเลียนที่ไม่คุ้นหู

“อะไรนั่น ทำไมชื่อมันพิสดารแบบนั้น มีที่เรียกง่ายๆ ไหมน่ะหมอ”

“สปาเก็ตตี้ซอสทะเล” ตุลตักแบ่งออกเป็นสองจาน แล้วยื่นจานหนึ่งให้กับเจ้าของห้อง
คะน้าที่จ้องตาเขม็งคว้าส้อมมาหมุนเส้นเป็นวงกลมๆ

“เออ ก็แค่นั้นแหละ” หมุนเป็นคำโตๆ แล้วก็จ้วงเข้าปาก “กำลังร้อนๆ เลย”

“ไหวป่าว”

ตุลทำหน้าหวั่นๆ คะน้าเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ตอบอะไร แต่ยกนิ้วโป้งขึ้นมาชู
ไม่นานนักทั้งคู่ก็อิ่มพุงกาง ตุลนั่งลงบนโซฟาแล้วเอนตัวพิง
โดยมีคะน้าเดินตามมาสมทบแล้วนั่งลงข้างๆ แล้วลูบพุงตัวเองป้อยๆ

“ไหนว่าทำอาหารไม่เป็นไง หมอ”

“ก็ไม่เป็นจริงๆ” ตุลหัวเราะแหะๆ

“แล้วเมื่อกี้นี่มันอะไร จานเบ่อเร้อ” ตุลยิ้มแล้วก้มหน้าก้มตา
คะน้าเลยเอาข้อศอกกระทุ้งไปสองสามที

“มันอาหารไมโครเวฟต่างหาก” ตุลพูดเสียงเบาๆ ทำหน้าแหย “สี่กล่องเลยนะนั่น”

“อ้าวว... นึกว่าทำเอง ใส่จานมาซะหรู”

“ผมว่ายี่ห้อนี้อร่อยนะ ...ก็อยากให้ลองกินไง” ตุลรับเสียงอ่อยๆ
แม้ว่าจะเป็นเหตุผลที่แปลกประหลาด แต่คะน้าก็รู้สึกว่าอาหารนั้น
ก็สมกับราคาคุยของเพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าแห่งอาหารกล่องจริงๆ

“เอามาทั้งกล่องก็ได้ ไม่ต้องเสียเวลาล้าง แผนสูงนี่นา ร้ายว่ะหมอ ฮ่าๆๆ”
คะน้าหัวเราะในความเจ้าเล่ห์ของตุล เจ้าตัวก็เลยตีเนียนหัวเราะกลบเกลื่อนไปตามประสา

“ฮ่าๆๆ ก็แผนสูงจริงๆ นั่นแหละ อร่อยไหมล่ะ”

“อร่อย...มมมมมมมมมมมมาก”

“ถ้าต้องทานอาหารแบบนี้บ่อยๆ ต้องทานเรื่อยๆ จะไหวไหม?”

“ไหวนะ อร่อยออก” คะน้าตอบแบบไม่ต้อวคิดให้เปลืองหัวสมอง
แน่ล่ะ ก็มันดีกว่าไข่เจียวไหม้ๆ ที่เขาทำเองเป็นไหนๆ

“ต่าย...”

“ว่าไง...” คะน้าหันมายิ้ม ตุลยิ้มตอบ
...เฮ้อ มันเป็นรอยยิ้มที่ดูน่ามองอะไรขนาดนั้นนะ

ตุลค่อยๆ โน้มตัวลงมาข้างหน้า แล้วค่อยๆ ยื่นหน้ามาใกล้




(ยังไม่จบนะ มีต่ออีกหนึ่งจึ๊กครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 09-10-2012 22:25:10
(ต่อครึ่งหลังครับ)




ตุลค่อยๆ โน้มตัวลงมาข้างหน้า แล้วค่อยๆ ยื่นหน้ามาใกล้

...ใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของลมหายใจ ดวงตาที่อ่อนโยนนั้น
วับแววเต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้งที่ไม่ปิดบัง ริมฝีปากอิ่ม
ค่อยๆ แย้มขึ้นจนเห็นไรฟันสะอาดขาว ตุลเอื้อมมือโอบลงบนบ่าของคะน้าเบาๆ
แล้วดึงมาแนบชิด ก่อนจะกระวิบคำถามเบาๆ ที่ข้างใบหู



“งั้นเรามาทานอาหารแบบนี้กันไปเรื่อยๆ จนแก่กันดูไหมครับ?”

ไม่รู้ว่าโง่จนตีความหมายเตลิดเข้าข้างอกุศลหรือว่าอะไร
แต่สิ่งที่ตุลไต่ถามนั้น มีความนัยเป็นคำเชิญชวนบางอย่างในทีอย่างเปล่า



“ต่ายครับ ...เรามาลองคบกันดูไหม”

เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตไปชั่วขณะ หูอื้อจนฟังอะไรไม่ได้ยิน
ตาลายจนมองอะไรพร่าเลือนไปหมด อยู่ๆ คะน้าก็รู้สึกแปลบขึ้นกลางอก
ไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่มันอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ถูก
ในอกมันแน่นเหมือนมันจะระเบิด แต่มันไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆ
แทบจะเป็นความรู้สึกตรงกันข้ามเลยก็ว่าได้
มันเบา ...เบาเหมือนตัวเองมันพร้อมจะล่องลอยไปไหนๆ





ความรักคืออะไร

ผู้คนมากมายคว้าไขว่เสาะแสวงหา บ้างก็ต่างรอคอยการมาเยือนของคนๆ หนึ่ง
ที่จะหอบเจ้าความรักมาฝาก ผมไม่รู้จักความรัก ...ไม่เคยรู้จักเลย หน้าตามันเป็นยังไง
รูปร่างแบบไหน แล้วมันจะมีจริงแบบที่เขาพูดๆ กันหรือเปล่า ผมไม่รู้ ไม่มั่นใจ มันจะใช่...





คะน้าเหลือบตาขึ้นมาคนที่อยู่ตรงหน้า ผิวขาวบนใบหน้าตัดกับคิ้วเข้มและเรือนผมดกดำ
ไรผมไหวไปตามแรงขยับตัวบอกถึงความอ่อนนุ่มของตัวผมที่ดูหนาแน่นนั้นได้เป็นอย่างดี
กรอบแว่นตาพลาสติกเหลี่ยมตัดกับดวงตาที่โค้งมนสุกใส จมูกเป็นสันสูงเรียว
รับกับริมฝีปากสีชมพูเข้มแบบคนสุขภาพดี กลิ่นครีมโกนหนวดจางๆ
ชวนให้คะน้าต้องหยุดสายตาลอบมอง ไรหนวดอ่อนๆ ถูกโกน
จนเกลี้ยงเกลาเหลือร่องรอยสีสีเขียวจางๆ ดูมีเสน่ห์เหลือเกิน




...มันจะใช่ตุลไหม?



“ว่าไงครับ”

คะน้าได้แต่อึกๆ อักๆ ปรับตัวไม่ถูก ไม่รู้จะตอบยังไงกับคำถาม
ที่ดูจะเกินความคาดหมายแบบนี้ แล้วควรจะทำตัวยังไงเพราะตั้งแต่เกิดมา
เขาไม่เคยคาดคิดจริงๆ ว่าจู่ๆ วันนึง ความรักจะเข้ามาทักทายแบบนี้

“ไม่รู้ ...อ่า ไม่รู้ครับ”

ตุลขมวดคิ้วเข้มขึ้นสูง แสดงออกถึงความไม่เข้าใจในคำตอบที่ไม่มีทั้งคำปฏิเสธ
หรือคำตอบรับใดๆ จากปากของคะน้า แต่แล้วเมื่อลองประมวลจากท่าที
และอุปนิสัยใจคอของคนที่ตัวเล็กกว่าก็พอจะจับแนวทางได้ว่า
อีกฝ่ายนั้นคงไม่รู้จะรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังไงเป็นแน่




“หรือว่าคะน้ามีคนที่ชอบๆ อยู่แล้วหรือเปล่าครับ”

ฉับพลันทันใดนั้น ภาพท่าทางกวนประสาทของคนที่เจอ
เมื่อตอนเย็นก็ผุดขึ้นมาในหัวสมอง คะน้ากระพริบตาถี่ๆ
สลัดไล่ความคิดแปลกๆ นั้นออกไป กระทั่งภาพตรงหน้าแจ่งชัดขึ้นทุกที



...รอยยิ้มของตุลที่ทำให้เขามีความสุข

ใบหน้าคนที่ถูกตั้งคำถามสะบัดไหวไปมา
...น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่พอจะคิดได้ในตอนนี้ล่ะมั๊ง



“ถ้าอย่างนั้น ลองดูไหมครับต่าย”

“แต่ผมเป็นผู้ชาย”

“ครับ ผมทราบดี” ตุลสบตากลับอย่างไม่หวั่นไหว

“ความรักบางครั้งมันก็ไม่มีเหตุมีผลเอาเสียเลย ถามคนร้อยคน
ก็มีคำตอบให้กับความรักร้อยอย่าง ผมไม่รู้ว่าความรักของต่าย
มีรูปแบบหน้าตาเป็นแบบไหน แต่ความรักที่ผมมี...
อย่าขำในความไร้สาระของผมเลยนะครับ นับตั้งแต่ได้เห็นคุณที่สวนในวันนั้น...
เห้อ ช่างเถอะครับ เอาเข้าจริงๆ ตอนนี้ ผมเองก็ตื่นเต้นจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”

ตุลก้มหน้าลง ได้ยินเสียงบ่นงุบงิบพอได้ยินแผ่วๆ ในบรรยากาศ
“บ้าฉิบ! ทั้งๆ ที่เตรียมตัวมาอย่างดีแล้วแท้ๆ ไอ้ตุลเอ้ย!”

“ผมอาจมีคำพูดที่ไม่ได้ดีมากมาย รวมทั้งตัวผมเองก็คงไม่ได้ดีอะไรมากมายกว่าใครๆ
เพียงแต่ผม ...ผมอยากเป็นคนที่ดีที่สุดของคุณ ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อในความรักแบบนี้
และผมเองก็ไม่รู้ว่าความรักมันคืออะไร แต่ให้ตายเหอะ ...วันนี้ผมอยากลอง
ทำความเข้าใจกับมันดูสักตั้ง ผมอยากให้โอกาสตัวเอง ...ผมไม่รู้ ไม่รู้เลย”



“ความรักเหรอ มันคืออะไรน่ะตุล”

“ไม่รู้สิ ที่รู้ ที่คิดมาตลอด และมั่นใจมาตลอดก็คือมันต้องมีต่ายเป็นส่วนผสมอยู่ในนั้น”



“ไม่กลัวกับความไม่แน่นอนในอนาคตเหรอ
ไม่กลัวว่าผมจะทำให้หมอผิดหวัง เสียใจเหรอ”

“ไม่”



“ไม่กลัวเหรอ กับการที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ทั่วไป”

“ไม่”



“แล้วไม่กลัวเหรอกับ...”

“ไม่นะ ไม่กลัวสักอย่าง ..แค่มีนายอยู่ข้างๆ ...มีกันและกัน ไม่กลัว

“ถ้าผมทำหมอเสียใจล่ะ”

ตุลยิ้มขึ้นมาช้าๆ สองแขนโอบกอดร่างคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเข้ามาจนชิดใกล้
ใบหน้าที่ดูคมสันโน้มลงแล้วค่อยๆ เอี้ยวออกข้าง ก่อนที่ปลามจมูกจะกดลงเบาๆ
บนแก้มของคนในอ้อมกอด ไออุ่นเล็กๆ ค่อยๆ ซึมผ่าน
ไปจนเจ้าของแก้มรับรู้ เสียงทุ้มที่อ่อนโยนดังแผ่วขึ้นที่ข้างหู

“อย่าทำให้ผมเสียใจเลยนะครับ”

คะน้าหลับตานิ่ง ก่อนจะค่อยๆ พยักหน้ารับเบาๆ



เป็นแฟนผมนะครับ คะน้า



นะครับ






นะครับ

























ครับ




คะน้าล้มตัวนอนลงบนเตียงนอนที่หนานุ่ม ห้องที่ดูว่างเปล่านั้น
ผิดกับคำถามมากมายที่อัดแน่นอยู่ในสมองของผู้เป็นเจ้าของ
หน้ากระดาษไดอารี่ที่เปิดอยู่บนเตียงมีแต่ความว่างเปล่า
ถ้าจะขีดเขียนทุกอย่างที่คิดอยู่ลงไปในกระดาษ ไม่รู้ว่าต้องใช้พื้นที่มากแค่ไหนถึงจะพอ
ถ้าเจ้อยู่ตอนนี้ก็คงจะพอปรึกษาหาความได้บ้าง
เนียนๆ ว่าเป็นเรื่องของเพื่อนแบบทุกๆ ทีนั่นแหละ

...จริงสิ! โทรไปก็ได้นี่หว่า

คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาพี่สาว แต่ก็ไม่รู้จะถามว่ายังไงให้คนเป็นพี่
ที่เหมือนจะมองทะลุปรุโปร่งไปหมดจะไม่รู้ถึงความลับในใจเขา
ลงท้ายก็ได้แต่กดมือถือเล่นไปมา คะน้าใช้โทรศัพท์มือถือถูกๆ ราคาแค่ไม่กี่ร้อยบาท
ไม่ได้ต่อต้านกระแสอะไร แต่โทรศัพท์รุ่นดีแค่ไหนก็เท่านั้น
...ไม่มีใครโทรหา ...และไม่มีใครให้โทรหา กดดูมือถือเล่นๆ ไปมา
ถึงได้เห็นว่ามี sms ในกล่องข้อความมากมาย



ข้อความที่ไม่ได้อ่าน: 45 ข้อความ

ไม่เห็นรู้เรื่องเลยว่าจะมีคนส่งอะไรมา ผักกาดก็ไม่ได้ส่ง sms อยู่แล้ว
มีอะไรกดโทรหาตลอด ไม่รับก็กดโทรเรื่อยๆ จนกว่าจะรับตามนิสัย
จนเขาไม่เคยสนใจอะไรมือถือเลย 45 ข้อความ? จากใคร?
คงเป็นข้อความขายสินค้าหรือโปรโมชั่นพวกฟิตเนสล่ะมั๊ง

แต่เมื่อกดดูก็เป็นข้อความจากเบอร์เดิมๆ
ที่กดส่งมาหาทุกคืน เบอร์เดิม และข้อความก็ซ้ำเดิมทุกวัน




ฝันดีนะ ไอ้น่ารัก

เป็นเบอร์ที่เขาไม่เคยเมมไว้ในเครื่อง เคยคิดว่าจะเมมเก็บ
แต่ก็ลืมไปเสียสนิท เบอร์ของคนที่เขาไม่เคยคุยด้วย




...เบอร์ของทิม

คะน้าค่อยๆ กดไล่ไปทีละข้อความ อ่านมันจนครบทุกๆ อัน
ข้อความเดิมๆ ที่อวยพรให้เขานอนหลับฝันดีในทุกๆ คืน
คะน้ายิ้มขึ้นน้อยๆ แต่ความรู้สึกในใจกลับเบาหวิวอย่างประหลาด
นิ้วโป้งค่อยๆ กดเลือกที่หน้าข้อความทีละข้อความ ไล่ลงไปเรื่อยๆ
นับตั้งแต่ข้อความแรกจนกระทั่งถึงข้อความสุดท้าย ก่อนจะไล่กลับขึ้นสู่ปุ่มเมนูบนสุด

...46 ข้อความ

ชายหนุ่มหลับตาลง ความรู้สึกเดิมๆ กลับมาอีกครั้ง
...แปลก ที่เหมือนกับทิมลงลงอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้
อึดอัด ทรมาน ไม่รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง แต่ผิดกับทุกๆ ครั้งตรงที่มันอึดอัดกว่า
ทุกข์ทรมานมากกว่า ใจหายนะ ...มันเหมือนกับคนที่ไม่อยากจะหายใจอีกแล้ว






“อย่าทำให้ผมเสียใจเลยนะครับ”


นิ้วโป้งบนฝ่ามือสั่นๆ แต่คะน้าก็ฝืนกลั้นใจ

...เลือกที่จะลบทุกๆ ข้อความ
...เพราะเขาเลือกแล้ว

คะน้าลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ยังรู้สึกใจหาย นิ้วมือที่กดยังสั่นไหวอย่างประหลาด

ข้อความในกล่อง: 0 ข้อความ

...ก็เลือกแล้ว
...ก็เลือก ...จะลบมันไปแล้ว

คะน้าหลับตาลงอีกครั้ง ในหัวสมองที่เคยวุ่นวายและเต็มไปด้วยคำถาม
ตอนนี้ มันช่างว่างเปล่า ห้องว่างเปล่า ความรู้สึกในใจก็ว่างเปล่า

มีเพียงคำถามเดียวที่ยังดังก้องในใจ




ความรัก ...มันคืออะไร?



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เขียนแบบนี้ คนแต่งจะโดนดักทุบหัวแตกไหมเนี่ย เหอๆๆ
รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ชอบกลบอกไม่ถูกแฮะ
เอาเป็นว่ารีบมารีบไป รีบชิ่งดีกว่าเนอะ
พบกันอีกทีไม่วันพฤหัสก็วันศุกร์นะครับ

ปล. เห็นเหตุผลแล้วหรือยังครับว่าทำไมต้องแต่งแบบมีสต็อค! 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 09-10-2012 22:38:52
หวานแบบหน่วงๆ แล้วทิมอะ ทิมอะจะเอาไปไว้ไหน เป็นน้องพลับได้เปล่า
ขอ 2 อะ  รักพี่เสียดายน้องเว้ยเห้ย

ขอบคุณมากค่ะ น้องต่ายมาไวอิอิ จัดเต็มมาเลยรอน้องทิมขอเป็นแฟนอีกคน

 :L1: :pig4: :L1:+ :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 09-10-2012 22:44:57
ค้าง งงง ค้างมาก ค้างที่สุด
คือมันรู้สึกหน่วงๆ อ่านๆไปก็เหมือนหมอจะเป็นพระรอง ส่วนทิมเป็นพระเอกยังไงก็ไม่รู้ แล้วตอนนี้เหมือนคะน้าจะเลือกผิดอะไรประมาณนี้ =_=
เอาเป็นว่า รอติดตามเนื้อเรื่องต่อนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 09-10-2012 22:52:20
แง ..ไม่นะ...T_T เอาจริงหรอคะน้าาาาา
แต่ก็นั่นแหละ ความรู้สึกทั้งสองอย่าง ก็น่าจะคิดได้ว่าเป็นรักทั้งคู่
แต่ไม่รู้ว่ารักแบบไหนนี่ละนะ..เฮ้ออ


แอบอาศัยช่วงชุลมุน พาน้องทิมหนี กร๊ากกส์ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 09-10-2012 22:53:26
เม้นท์ไม่ออก แต่อ่านจบแล้ว อารมณ์ประมาณอีโมนี้เลย  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-10-2012 23:00:31
ไม่เข้าใจคะน้าอย่างที่สุด จะรอจนกว่าหายอึมครึมแบบนี้ค่อยมาว่ากันใหม่ ทำตัวเองอีกแล้วเฮ้อไม่ชัดเจนอะไรแล้วยังทำให้มันยุ่งยากไปอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-10-2012 23:09:56
กรี๊ดดดด ฮืออออ
มันหวานนะ แต่ก็เศร้าอย่างบอกไม่ถูก
แอร๊ยย ขัดใจ ขัดใจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 09-10-2012 23:34:39
มันจะใช่ตุลไหม มันจะใช่ทิมไหม? ...แล้วคำตอบจะเป็นอย่างไรหากทิมบอกรักคะน้าก่อน?
ไม่รู้มันก็ต้องลอง ก็จริงอยู่ค่ะ ถึงจะขัดใจไปพอสมควร เพราะเราชอบทิม เราเลยอยากให้คะน้าเลือกทิม
เราดันเอาความชอบตัวเองไปใส่เต็มที่ แต่อันที่จริงชีวิตเป็นของคะน้านี่เนอะ เหอๆ
จริงๆเราก็ไม่ได้เกลียดหมอนะ แค่พอเทียบกับทิมแล้วเราชอบทิมมากกว่าแค่นั้นเอง
หลังจากทำใจและลดอคติกับหมอไปแล้ว หมอตุลก็ไม่ได้แย่อะไรเลย (เคลียร์บรรดากิ๊กๆเก่าให้หมดด้วยนะยะหมอ!)
เพราะฉะนั้นถ้าคะน้าเลือกแล้ว ก็อย่าทำให้หมอเสียใจล่ะ!!
เราไม่ชอบคนโลเลไม่มั่นคง ดังนั้นถึงแม้เราจะเป็นแม่ยกน้องทิม แต่การที่คะน้าเลือกที่จะลบข้อความทิ้งเราโอเค
คุณ Lucea ถ้าคะน้าคู่หมอจริง อย่าลืมหาคู่มาดามใจให้น้องทิม(ของเรา?)ด้วยน้าาาา
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 09-10-2012 23:51:14
แม่ยกทิมยกสากเตรียมพร้อมแล้ว!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 10-10-2012 00:17:11
อ้ากกกกกก น้ำตาจะไหล  :sad5:
 สงสารทิม...แต่ก็เห็นใจหมอ แต่ถ้าเป็นต่ายก็คงหนักใจน่าดู...จะเป็นไงต่อล่ะเนี่ย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 10-10-2012 00:23:14
 :a5: :a5: :a5: :a5:
คนเขียนเอาทิมไปไว้ไหนอ่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ทำไมหมออยู่ดีๆก็มาขอคะน้าคบซะงั้น
 :o12: :o12: :o12: ยังหวังลึกๆว่าคะน้าจะคู่กับทิม  :sad4: :sad4:
ตอนอ่านไปช่วงแรกๆเราก็ เอ๊ะ! รึว่าคะน้ากับทิม แล้วพออ่านช่วงหลัง อ๊าววว! รึว่ากับหมอนะ?
สุดท้ายหมอก็งาบไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 10-10-2012 00:37:33
อยู่กับตุลแล้วสบายใจ
อยู่กับทิมแล้วอึดอัด
แต่พอเลือกตุลแล้วทำไมทั้งอึดอัดและใจหายหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 10-10-2012 00:43:45
.....รู้สึกคะน้ากับตุลมันอันตรายว่ะ.....

คือมีความรู้สึกดีๆให้กันทั้งคู่ แต่ก็ดูหวั่นไหวมากพอที่จะเดินไปหาคนอื่นเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งคู่เลย จริงๆเป็นคู่ที่ดูลงตัวมากนะ แต่มันให้ความรู้สึกคลื่นใต้น้ำมากเลย

ถ้าตามที่บรรยายนะ รู้สึกว่าความรู้สึกของคะน้ากับทิมมันดูเหมือน ชอบ อ่ะ แต่คะน้ากับตุลย์มันดูลึกซึ้งมากกว่านั้น มันดูเป็น รัก
แต่ก็ไม่รู้นะว่าเป็นรักแบบไหน

ถ้าคู่นี้จะคู่กันจริงๆ ก็ขอให้ทั้งสองคนหนักแน่นมั่นคงต่อกันมากกว่านี้เถอะ~

รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 10-10-2012 00:54:37
เพราะหมอรุกหนักใช่ป่าว เลยยอม ถ้าทิมรุกบ้างจะยอมมั้ย
แล้วถ้าถามว่าวันข้างหน้าจะเสียใจมั้ยถ้าวันนี้ไม่เลือกทิม คะน้าลังเลที่จะตอบหรือเปล่า
ขออย่างเดียว หากเลือกหมอแล้วใจก็อยู่กับหมอด้วย แม้ว่าสงสารทิมที่โดนทิ้งอยู่อีกด้านนึงของโลกใบเดียวกัน
แต่หมอจะน่าสงสารกว่าหากเอาเข้าจริงใจครึ่งนึงของคะน้าไม่ได้อยู่กับหมอ
ก็เข้าใจอารมณ์คะน้านะ - อยากรู้จักรักและไม่อยากอยู่คนเดียว และก็โกรธตัวเองด้วยที่ไม่พอใจ ขอโทษครับ



เฮ้ออออ อินไปมั้ยฟร่ะเนี่ย กร๊ากกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 10-10-2012 01:02:05
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 10-10-2012 02:06:00
*เอามือตบบ่าทิมที่คอตกเบาๆ*
มันเป็นแบบนี้แหละน้อง... คะน้าเลือกไปแล้ว
ต่อให้มาก่อนหมอตุลย์นานแค่ไหน แต่ถ้าคะน้าไม่เลือกมันก็จบอยู่ดี
ใกล้แค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่สนใจมันก็ไกลอยู่ดี เคยได้ยินมั้ยทิม...

อ่านตอนนี้แล้วจุกมาก พร้อมกับคำว่าคะน้าเลือกแล้ว
ลอยว่อนเต็มหัวเลย~ สงสารทิม ส่งข้อความมาตั้งเยอะ
แต่เขาก็ไม่เคยเปิดดู แถมยังไม่เมมเบอร์ไว้อีก... เศร้าเลย

ตอนท้ายคะน้าอึดอัดเพราะอะไรน้อ... อึดอัดเพราะรู้สึกผิดกับทิม
หรืออึดอัดเพราะสงสารทิมกัน? แต่ก็ช่างเถอะ รู้ว่าอึดอัดเพราะอะไร
ตอนนี้มันก็ไม่ช่วยอะไรแล้ว คะน้าเลือกแล้วนี่...

T________________T
ขอบคุณนะคะ

*เซ็นชื่อซื้อคอนโดใหม่ให้ทิม พร้อมกับสั่งย้ายทิมไปคุมไซต์งานที่อื่น*
*เอามือตบบ่าคนที่ยังคงซึมคอตกอีกรอบ*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 10-10-2012 08:18:26
ตรงดีค่ะคะน้า เวนี่กู้ดบ๋อย~
แต่เราแอบเชียร์ทิม พออ่านตอนนี้เลยเสียใจนิดหน่อย 5555555
เราลุ้นอยู่นะคะคนแต่งว่าทิมจะพอมีหวังบ้างมั้ย
ถ้าไม่ ก็ขอคนดีดีน่ารักๆ ให้ทิมสักคนนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 10-10-2012 10:01:52
อ๊าคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคคค :a6:  :sad3:
เอาตั้งแต่ต้นก่อน
เปิดมา ทิมหล่อมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เชรดเข้ คนบ้าอะไรนอนพิงโซฟาได้เซ็กซี่ขนาดนี้วะ!!!อ๊าค!!!!!!!!!
คะน้าเขินน่ารัก แต่เล่นซัดไอ้ติมไปซะหมดเลย ได้ข่าวว่าเอามาส่งทิมเขานะ ภาพสุดท้ายของทิมน่ารักเว่อ อ๊าค หูแดง!!!โมเอ๊~~~~~~
มาที่พี่ตุลย์ อะฮึก หมอหล่ออ่ะ หมอหล่อมาก หล่อไร้เทียมทานมากตอนนี้ ถึงขั้นต้องจับหน้าอกกันใจกระเด้ง!แม่ม!แต่ละคำพูดมาซะคนอ่านหน้าม้านด้วยความเขินเลย โฮก!!!
เชียร์ทิมนะจริงๆ แต่ก็ไม่อยากให้หมอเสียใจเลยให้ตาย แง ก็หมอหล่ออ่ะ แง
คะน้าลบข้อความจนหมด อยากจะร้องไห้ ใจ้ร้ายจังคะน้าต้นนี้ โอ๊ย พี่ทิมของเขาอ่ะ ฮือออออออออออออออออ คะน้าโหด!!!
อ๊าค ทึ้งหัวตัวเอง เขาเลือกไม่ได้ ไม่อยากให้ใครเสียใจจจจจจจจจจ แต่อยากให้ทิมดีใจ แง้ววววววววววววว
ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ ใจขื่นขมระทมทรวง~~~
ปล.เมนต์ได้เวิ่นเว้อมาก...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 10-10-2012 10:06:56
คะน้าเลือกแล้ววววววววววววววววว 
เลือกหม่ายยยยยยยยยยยยย !!!!!   #อะไรนั่น
หมอหล่อมากตอนนี้ เขินมาก  :-[ แต่ละคำ เขินแทน
ทิมล่ะะะะะ ทิมของข้า โฮวววววววว ลบข้อความทำไมทำงี้ ฮือออออออออออออ
ทิมไม่ต้องเสียใจมาหาป้ามา /ฉุดเข้าป่า/
คบเด็กกวนซึนมันเร้าใจนะน้องต่าย เซ็กซี่ฟีโรโมนแผ่ซะขนาดนั้น  :o8:

/ดิทเม้น มาอ่านรอบสอง รอบแรกอ่านตอนมึนๆเม้นแค่สามบรรทัด เห็นแล้วมันไม่ใช่ (ฮา) :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 10-10-2012 11:50:45
 :sad4: นู๋ทิมของเจ๊ ใจจะขาดดดดด
ไรอ่ะคะน้า เค้าว่ากินเด็กเนี่ยดีต่อสุขภาพทั้งกาย&จิตนะ :laugh:

P.S. เมื่อเลือกแล้วก็.......เลือกใหม่ดีกว่าป่ะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 10-10-2012 12:43:09
อิหมอมันเจ้าชู้ไม่ใช่เหรออออ  แว๊กกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 10-10-2012 19:06:45
จากตอนนี้..ถึงจนกว่าจะรู้ใจตัวอย่างถ่องแท้ จะมีคนเจียนจะขาดใจกี่คนกันนะ


 :กอด1:


หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 10-10-2012 21:43:03
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: phoenixa ที่ 10-10-2012 21:56:26
ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยยย
รอให้ถึง 100% ค่อยเข้ามาอ่าน
ย้ากกกกกกกกกก
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
กระโดดเข้าไปปลอบใจทิมๆ ดีกว่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-10-2012 23:41:44
 ข้อความที่ 46 ซึ่งยังไม่เปิดอ่าน คืออะไร

ทิมเขียนอะไรมาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 12 (หน้าที่ 18) - Oct 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Teatime ที่ 11-10-2012 01:52:24
แอบเสียใจอ่า น้องต่ายยยย

ถ้าไม่เอาทิม เอามาให้ช้านนน

คุณหมอหยิบชิ้นปลามันไปแล้วจ้า

เอาล่ะสิ ทิมจะเดินเกมส์ยังไงต่อไป

โสน้าน่า มัวแต่ เก็กเป็นคุณชายอยู่นั่นแหละ นายช่างหย่าย 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 11-10-2012 15:30:27
สวัสดีครับ ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์มากเลยนะครับ  :-[
นั่งอ่านทุกๆ อันเลยนะ ยิ่งอันไหนเขียนยาวๆ ยิ่งอ่านหลายๆ รอบ 555
อยากจะบอกจริงๆ นะว่าทุกๆ คอมเมนต์มันเป็นเหมือนกำลังใจสำหรับคนแต่งมากๆ เลย
ถ้าใครสะดวกพอจะคอมเมนต์ได้ ก็คอมเมนต์เถอะนะครับ อ่านแล้วมีแรงแต่งจริงๆ นะ
พักนี้ไม่สะดวกตอบคอมเมนต์เลย เน็ตมีปัญหาพอสมควร เอาเป็นว่าไว้ว่างๆ จะตอบทุกคนนะครับ

ตอนที่ 13 เป็นตอนที่สนุกเหมือนกันนะ แล้วก็ค่อนข้างยาวพอสมควร
เลยขอแบ่งลงเป็นสองครั้งแล้วกันนะครับ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะคอมเมนต์ไม่ถูกเอา ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 13



เวลาที่ฝนตกมักจะเป็นช่วงเวลาที่เราหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย
ฝนอาจเป็นเหมือนกับกรงขนาดใหญ่ที่ขังเราเอาไว้ให้อยู่กับที่ไม่ให้ออกไปไหน
หรือทำอะไรได้ตามปกติ ข้างนอกมีเสียงลมพัดแรง พอๆ กับเสียงสายฝน
ที่กระหน่ำลงบนหลังคาของตลาด เมฆก้อนใหญ่ยังคงสีทะมึนครึ้ม
คงอีกนานกว่าที่ท้องฟ้าจะสว่างใสเหมือนเดิม

คะน้านั่งจับเจ่ามองทุกอย่างรอบๆ ตัว พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างนั่งเซ็งทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เหมือนรอเวลาให้มันผ่านไป เวลาฝนตกคนจะมาเดินตลาดน้อย
และเหล่าพ่อค้าแม่ขายที่มีแผงสดต่างก็ซ่อนความกลุ้มใจกับข้าวของบนแผงที่อาจจะต้องเสียไปฟรีๆ
ลำพังแค่ห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อที่ผุดขึ้นเรื่อย ก็ทำให้ทุกวันนี้
คนก็มาเดินตลาดสดน้อยลงอยู่แล้ว ไหนจะฟ้าฝนที่ไม่ค่อยเป็นใจอีก

...ตลาดของป๊าและแม่จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนนะ

กระทั่งหัวค่ำ ฝนถึงเริ่มซาลงไป เจ๊เป็ดแผงผักสดข้างๆ ถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
หญิงสาววัยกลางคนค่อยๆ เก็บผักสดลงในเข่งสำหรับบางอย่างที่พอเก็บได้

“คะน้า แบ่งผักเอาไปกินที่บ้านกับผักกาดสิลูก”
เจ๊เป็ดยื่นถุงพลาสติกที่อัดแน่นไปด้วยผักให้กับคะน้า

“เอ้ย ไม่ได้หรอกครับเจ๊ ของซื้อของขาย” คะน้ารีบปฏิเสธหัวสั่น

“โธ่ พ่อหนุ่ม ลดราคาก็ไม่มีคนซื้อ ให้ฟรียังไม่มีคนเอาเล๊ย ฝนมันตกแบบนี้ เก็บไว้ก็ต้องทิ้งอยู่ดี”
เจ๊เป็ดถอนหายใจเบาๆ กระนั้นใบหน้าก็ยังเจือไปด้วยรอยยิ้ม

“กำไรไหมครับเจ๊ วันนี้”

“ทุนหายว่ะ เอาเหอะ ค้าขายมันก็แบบนี้แหละ มีกำไรขาดทุน”

“ฉันซื้อแล้วกันนะ เย็นนี้ว่าจะเอาผักไปผัดน้ำมันหอยซะหน่อย”
คะน้าคว้าเงินในกระป๋องพลาสติกขึ้นมาแล้วส่งให้เจ๊เป็ด แต่แม่ค้าวัยกลางคนปฏิเสธ

“เอาไปเห้อออ แบ่งๆ กันไป เดี๋ยวสิ้นเดือนเจ๊ต้องถูกหวย! อีพริ้งมันได้เลขเด็ดมานะเว้ย”
เจ๊เป็ดหัวเราะร่าชอบใจแล้ววางถุงผักลงบนแผงคะน้า ก่อนจะส่งอีกถุงให้จันทู แล้วหันไปเก็บข้าวของต่อ

คะน้ามองไปรอบๆ ตัว ไม่ใช่แค่เจ๊เป็ด แต่แผงของสดอื่นๆ ก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกัน
ตลาดสดในกรุงเทพ ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่
ทุกวันนี้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดมีจำนวนมากกว่าคนซื้อเสียอีก

ฝนเริ่มซาลงแล้ว คะน้าเดินออกมาที่หน้าตลาดพร้อมกับถุงผักสดในมือ
ตั้งใจจะเดินไปที่อีแก่ที่จอดอยู่ที่ท้ายตลาด ฝนยังตกปรอยๆ คะน้าสูดลมหายใจลึก
เตรียมฝ่าฝน หากแต่เบื้องหน้าที่ปากทางเข้า รถของตุลกระพริบไฟจอดอยู่

“ดีใจที่มาทัน” คนขับลดกระจกลงแล้วกวักมือเรียกคะน้าขึ้นมา “ไปทานข้าวเย็นกันนะครับ”

อารมณ์เซ็งๆ ผสมกับกลัวรถคันหลังจะก่นด่าบุพการีเอา
คะน้าจึงวิ่งขึ้นรถตุลไปอย่างไม่คิดอะไรมากมาย

“โอ้โห ผักถุงเบ่อเร่อเลย จะเอาไปทำอะไรครับ แต่ต่ายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ
ไหนวันก่อนบอกว่าไม่ได้เรื่องไง” ตุลหันมามองผักสดในมือคะน้าพร้อมรอยยิ้ม

“โธ่ มันเป็นที่ไหนเล่า เจ๊เป็ดแผงข้างๆ แกให้มาน่ะ
ยังไม่รู้เลยว่าจะเอาไปทำอะไรเลย” ตอบกลับตามความเป็นจริง

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ หน้าตาดูเครียดๆ นะ” ตุลถามขึ้น
แม้ว่าสายตาจะจ้องมองไปยังถนนเบื้องหน้า ...คงรู้สึกได้ตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่านะ

“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะครับ” คะน้าตอบเสียงแผ่วแล้วเงียบลง
คงจะดีกว่าถ้าทิ้งให้บทเพลงในวิทยุส่งเสียงที่น่าฟังกว่าเสียงห่อเหี่ยวของตัวเอง สักพักตุลก็ถามขึ้น

“เราจะกินอะไรดี”

“อะไรก็ได้นะ ไม่คิดมาก”

“โอเค”

สักพักชายหนุ่มก็แวะจอดรถที่ข้างถนน
แล้วพาลัดเลาะเดินเข้าบริเวณวัดริมน้ำที่อยู่ไม่ไกลออกไป
คะน้าแปลกใจนิดๆ แต่ก็เดินตามไปอย่างไม่คิดอะไร
ก่อนจะเห็นตลาดนัดกลางคืนขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า

“ตลาดนัดเหรอ”

“อื้อ กินได้ไหม”

“ได้ดิ” ตุลเอื้อมมือมาจับแขนคะน้าแล้วจูงเดินฝ่าเข้าไปในฝูงชนที่คลาคล่ำในตลาดนั้น

รู้สึกร้อนวูบแปลกๆ บนใบหน้าขึ้นมาในทันที คนที่เขาเป็นแฟนกัน มันเป็นอย่างนี้หรอกเหรอ
ไม่เคยรู้จักกับความรู้สึกแบบนี้เลย การที่มีใครสักคนที่ห่วงใย ดูแลเรา
...ความรู้สึกของการเป็นคนสำคัญของใครคนหนึ่งบนโลกนี้ ตุลยันมายิ้มให้
...เป็นรอยยิ้มที่ดูน่ารักกว่าทุกครั้งที่เขาเคยมองเห็น ...แปลก ...แปลกมาก
แค่รอยยิ้มของคนๆ หนึ่ง มันทำให้เราลืมความกังวลใจทั้งหมดได้ด้วยเหรอ

“เดี๋ยวหลงกัน”

...ใช่ความรักเหรอ? มันเป็นเวทย์มนตร์ต่างหาก

“อือ”

“เดินข้างๆ ตุลนะ” ฟังดูแปลกหูกับการแทนชื่อตัวเองแบบนั้นของคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
แรงบีบเบาๆ ที่เกาะกุมมือกระชับขึ้นบ่งบอกถึงความห่วงใยใส่ใจที่ฉายชัด

“ลูกชิ้นปิ้งร้านนั้นดูน่ากินดีแฮะ สนมั๊ย?” เขาหันมายิ้มแล้วพูด
แต่จำนวนคนที่เยอะทำให้คะน้าได้ยินไม่ถนัด
ตุลขยับตัวเข้ามาใกล้ ยื่นใบหน้ามาแนบตรงข้างๆ หู

“ผมเลี้ยง สนไหม?”

ริมฝีปากที่เปื้อนรอยยิ้มกระซิบแผ่วๆ ข้างใบหน้า คะน้าได้แต่ก้มหน้างุด
เขินอายและไม่เข้าใจตัวเองที่จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมากับประโยคสุดแสนธรรมดาราวกับคนบ้าบอ
ได้แต่พยักหน้างุดๆ คนที่ยืนข้างๆ ก็จูงแขนตรงเข้าไปที่แผงลูกชิ้นสารพัดข้างหน้าทันที

“ขายยังไงครับ”

“ไม้ล่ะสิบบาทจ๊ะพ่อหนุ่ม” แม่ค้าตอบเสียงใสพร้อมรอยยิ้ม “เลือกเลย เนื้อล้วนๆ ไม่มีผสมแป้ง”

ตุลหันมามองหน้าแล้วเพยิดคางไปทางคะน้าเหมือนบอกให้อีกฝ่ายเป็นคนเลือก
หากแต่สมองของคะน้าที่กำลังสนใจกับมือคนข้างๆ ที่ยังกุมเกาะไม่คลายและความใกล้ชิด
จึงได้งงจนถึงขั้นเอ๋อกับทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้ ชายหนุ่มได้แต่กระพริบตาถี่ๆ
รวบรวมสมาธิกับคนข้างหน้า แต่รอยยิ้มของตุลในเวลานี้นั้น ช่างปรปักษ์กับสติของเขาเหลือเกิน

“ว่าไง ไอ้อ้วน” คนใส่แว่นเอ่ยแซว แววตาหยอกล้อเป็นประกาย

“ไม่อ้วนเว้ย!” คะน้าหันไปถลึงตาใส่ “ไม่เห็นอยากกินเลย”

“อ้าว... ทำไงดีล่ะครับแม่ค้า เขาไม่อยากกินแล้วอ่ะ”

แทนที่จะสลด ตุลกลับหันไปหาพวกเป็นแม่ค้าแทน
เล่นเอาคะน้ารีบหันกลับไปมองทางหญิงสาวรุ่นคุณแม่ที่ยืนปิ้งลูกชิ้นด้วยความเกรงใจ
...พยายามจิกเล็บที่ไม่มีลงบนหลังมือที่เกาะกุมเป็นการแก้แค้น

“เปล่านะครับ คือ....” เหลือบตาไปมองคนที่ยืนข้างๆ เห็นแววตายั่วเย้า
แล้วอยากจะตะบันให้หน้าหัน “คือผมเลือกไม่ถูก น่ากินหมดเลย”

“...อ้วน” เสียงทุ้มเบาๆ ลอยมาเข้าหู อยากจะขอไม้เสียบลูกชิ้นมากระซวกคนข้างๆ สักทีสองที

“อ้วนสิดี เด็กเดี๋ยวนี้ไม่รู้จะผอมไปไหน อย่างกับจิ้งจก
หนูเชื่อป้านะ กินเยอะๆ คนอ้วนๆ ดูโหงวเฮ้งดีมีอันจะกินทั้งนั้น”

“...อ้วนนนนนน” อ้วนป๊ะมึงเซะไอ้หมอบ้า กวนทีนอีกละ

“เอาอย่างละห้าไม้เลยครับ!” คะน้าตอบกลังเสียงดัง “จ่ายด้วย!”

“คร้าบบบบบ...” เมื่อตะกี้สงสัยจะเบลอไปหน่อย นี่คงของจริง
คะน้าหันไปมองคนใส่แว่นที่ยืนกระดกคิ้วหยอยๆ มึงอย่ามาขอกูกินนะ ไอ้ตี๋!!!

ตุลจ่ายเงิน รับถุงลูกชิ้นยี่สิบไม้มาถือแล้วเดินออกจากร้านมา
ชายหนุ่มเดินดุ่มๆ ตรงไปข้างหน้า จากที่กุมฝ่ามือ
นิ้วมือตุลค่อยๆ สอดผสานกับฝ่ามือคนข้างๆ จนแนบแน่น

“ผัดไทยตรงนั้นไหม หอมดีนะ” หันมายิ้มระรื่น

“พอแล้ว” คะน้าตอบเสียงขุ่น แต่ตุลกลับหัวเราะชอบใจ

“โอเค๊!” ลากแขนตรงไปที่ร้านผัดไทยทันที “พิเศษสองห่อครับ”
คะน้าเหลือบมองคนข้างๆ อย่างไม่สู้ดี ...เอาจริงเหรอเนี่ย?

“กระเพาะปลาน่ากินไหม”

“ไม่!”

“อย่างนั้นเหรอ” ตุลตอบเสียงอ่อยๆ จูงมือเดินผ่านไป
ก่อนจะชะโงกหน้าไปทางพ่อค้า “เอาห่อนึงครับ ใส่น่องไก่ด้วย ไข่นกด้วยนะๆ”
ในมือของตุลตอนนี้เต็มไปด้วยถุงลูกชิ้นปิ้ง ถุงผัดไทย ถุงกระเพาะปลา

“แบ่งมาถือบ้างดิ ถือคนเดียวหนักแย่”

“แค่นี้เอง แฟนตุลทั้งคน” เจ้าตัวหันมายิ้ม เล่นเอาคะน้าเก้อเขินไป
กับคำสรรพนามแทนใหม่ที่ตุลใช้เรียกเขา “รู้ไหม ว่าตุลรอต่ายมาตั้งนาน”




“ตุลดีใจนะครับ ...ที่ในวันนี้ได้เจอกันเสียที”

“อือ” คะน้าก้มหน้างุดเดินไปข้างหน้า ในมือผสานกับคนข้างๆ ด้วยความอบอุ่นใจ

“นี่ๆ ตรงนั้นมีหนมผักกาดแน่ะ”

“พ๊อ!!!!!!!”



เกิดมาไม่เคยหนักใจเท่านี้มาก่อน คะน้าปาดเหงื่อที่ผุดเป็นเม็ดเล็กๆ ตามไรผมตนเอง
ช่างเป็นมื้ออาหารที่หนักหนาเกินกว่าจะคาดคิดเลยจริงๆ เผลอเรอออกมาเบาๆ
เป็นกลิ้นลูกชิ้นหมูที่สั่งเองกับมือ คนสวมแว่นที่นั่งอยู่ข้างๆ หัวเราะชอบใจ
ตุลเอามือมาวางบนช่วงท้องของคะน้า ลูบเบาๆ แล้วซบหน้าลงไป

“กี่เดือนแล้วนะครับ ลูกพ่อตุล”



โป๊กกกกก!!!!!

“โอ้ยยย... ใจร้ายว่ะ” ตุลยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ มองคะน้าที่เขม่นจนคิ้วกระตุก
นับว่ายังน้อยนักกับสิ่งที่เอ็งสมควรจะโดนไอ้หมอตี๋ ชะตาเอ็งขาดแน่ๆ

หากแต่เจ้าตัวดูจะไม่ทุกข์ร้อน หยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปเล่นอย่างมีความสุข
ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่ เหมือนกับคนไม่เคยถ่ายรูป หนำใจแล้วก็ล้มตัวลงนอนบนตักของคะน้า
จ้องมองวิวริมน้ำเบื้องหน้า แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนที่นั่งอยู่แล้วยิ้ม

“สบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมครับ” คะน้าเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความคาดไม่ถึงระคนกับความแปลกใจ

“ตุลคิดว่าคงเครียดๆ อะไรอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร
บอกตามตรงว่าเห็นหน้าของ อ้วน เป็นแบบนั้นแล้วก็ไม่สบายใจ”

โป๊กกกกก!!!!!

“โอ้ยยย... เอะอะก็ใช้กำลัง ใจร้ายว่ะ”
ทำสำออยไปอย่างนั้น แต่แววตายังทะเล้นอยู่เช่นเดิม

“ไม่อ้วนเว้ยยยยย!”

“คิดมาก”

“ไม่อยากอ้วน พุงมันป่อง ดูไม่ดี” คะน้าเบ่งพุงเข้าหน้าตุลที่นอนหนุนตักแล้วถอนหายใจ
คนที่นอนอยู่พลิกตัวหลบแล้วทำหน้ารังเกียจพอเป็นพิธี ก่อนจะนอนสบตาคะน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน

“อ้วนครับ ตุลไม่ได้ชอบอ้วนที่อ้วนตัวอ้วนหรือผอม ผิวขาวหรือคล้ำ รวยหรือจน สูงหรือไม่สูง”
เอื้อมมือขึ้นมาลูบไล้ผมของคนที่นั่งอยู่เล่นอย่างเบามือก่อนจะไล้ลงมาบนใบหน้า

“แต่ตุลชอบอ้วนที่จิตใจ ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน ความเป็นอ้วนทำให้ตุลชอบทุกอย่างที่อ้วนเป็น”
เขายิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอ่อนหวานในที
“แค่ขออย่างเดียว อยากให้อ้วนยิ้มแบบวันนี้ ...แบบในตอนนี้ไปเรื่อยๆ”




“...และรอยยิ้มนี้ เก็บไว้ให้กับตุลคนเดียวได้ไหมครับ”

คะน้าก้มหน้าลงอย่างลืมตัว ไม่ได้คิดเลยว่าสายตาของอีกคนจับจ้องตัวเองอยู่จากเบื้องล่าง



“...นะครับ”

รีบเงยหน้าขึ้นแล้วหันหน้าไปด้านข้างก่อนจะกลั้นรอยยิ้มที่แทบจะฉีกออกนั้นไม่ไหว
ตุลยิ้มพรายก่อนจะลุกขึ้นนั่งข้างๆ แล้วโน้มหน้าไปใกล้
...ฝังปลายจมูกลงไปบนแก้มของคนที่ร้อนไปทั้งใบหน้า




“...นะ ...ให้ตุลคนเดียว”

ท้องฟ้าในยามค่ำคืนมืดมิด สายฝนแม้จะพัดพาความมืดครึ้มอึมครึมมาเยือน
แต่ไม่เคยมีฝนไหนที่ไม่หยุดตก ไม่ช้านานทุกอย่างก็จะกลับคืนสู่วิถีทางของมัน
และท้องฟ้าก็จะกลับมากระจ่างอีกครั้ง ฟ้าในคืนนี้ระยิบระยับไปด้วยแสงดาว
ดวงจันทร์สีเหลืองอ่อนทอแสงนวลกระจ่างอยู่กลางผืนฟ้า



พระจันทร์ครับ ...ผมไม่ได้อยู่คนเดียวอีกแล้ว

แบ่งผักถุงโตที่ได้รับมาจากเจ๊เป็ดที่ตลาดแก่พี่ยามหน้าโครงการ
แล้วแยกกันที่หน้าประตูห้อง คะน้ายิ้มให้น้อยๆ ตุลโบกมือลาที่หน้าห้องของเขา
คะน้าค่อยๆ ยกมือขึ้นแล้วโบกมือแบบเดียวกันด้วยความเขินอาย
ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน ตุลเปิดประตูเข้าห้องไป ก่อนที่คะน้าจะแยกเข้าห้องตัวเองตาม

และเมื่อเปิดประตูเข้าห้องไปก็พบกับพี่สาวที่นอนแบะแฉะหมดสภาพอยู่บนโซฟา
พร้อมกับข้าวของมากมายที่วางระเกะระกะอยู่ในห้อง กระเป๋าลากยังวางขวางอยู่กลางทาง
ถัดไปเป็นร่างของผักกาดที่นอนอ้าปากหวออยู่ทั้งรองเท้าที่สวมอยู่

“เจ้ๆ ...มาถึงนานยัง” คะน้าสะกิดตัวพี่สาวเบาๆ ปลุกให้ตื่นจากท่านอนพิสดารนั้น
ผักกาดแหงนหน้ามองนาฬิกา ทำหน้าหน่ายๆ แล้วหลับตาต่อ

“สามทุ่มมั๊ง”

“โห... นี่มันชั่วโมงกว่าแล้วนะ” เรียกว่ามาถึงยังไง ตอนนี้ก็อย่างนั้น
“ไปอาบน้ำนอนเถอะเจ้ พรุ่งนี้ต้องทำงานไม่ใช่เหรอ”

“ขี้เกียจ อาบพรุ่งนี้เลย”

“น่าเกลียดน่ะ” คะน้าส่ายหัวกับความขี้เกียจของพี่สาว
แต่ดูจากสารรูปแล้ว น่าจะเหนื่อยจริงๆ

“ไม่น่าเกลียด เพราะคนสวยทำอะไรก็ดูดีย่ะ”
ไม่รู้ว่าตำราไหน แต่ก็ไม่อยากจะไปต่อล้อต่อเถียง
คะน้านั่งยองๆ ลงแล้วถอดรองเท้า ถุงเท้าให้กับผักกาด
ดึงเสื้อนอก ผ้าพันคอ และกระเป๋าที่คล้องอยู่ในมือออกแล้วไปเก็บในห้อง
ก่อนจะพยุงตัวพี่สาวเข้าไปที่ห้องนอน แล้วปลุกอีกครั้ง

“ผักกาด ตื่นเถอะ ไปอาบน้ำ จะได้สดชื่น” จู่ๆ มือของผักกาด
ฟาดลงบนหน้าของคะน้าจนชา “โอ้ยยย... ไรเนี่ย”

“ชั้นตาฝาดหรือเปล่า หน้าตาแกดูแปลกๆ นะ”

“แปลกไงเล่าเจ๊ เจ็บนะ” คะน้าบ่นอุบ
ผักกาดปรือตามองแล้วล้มสลบลงไปกับเตียงนุ่มๆ แล้วงึมงำๆ

“ดูแกมีความสุข ...สุขมากๆ เลย”

คำพูดของผักกาดทำให้คะน้าชะงักไป ชายหนุ่มเดินไปมองหน้าตัวเองในกระจก
อย่างสำรวจไปมา พบว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย

ตุลยังคงไปรับและมาส่งระหว่างตลาดและคอนโดเท่าที่เขาจะพอมีโอกาส
โชคดีที่ผักกาดก็ไม่ได้สงสัยหรือเอะใจที่ช่วงนี้
อีแก่คันเก่งจอดนิ่งอยู่ที่เดิมเอาซะมากกว่าออกไปปุเรงๆ
บนท้องถนนให้ขายขี้หน้าชาวบ้านชาวช่องเขา

เย็นวันนั้น หลังจากที่แยกย้ายกับตุลที่หน้าห้อง เมื่อเปิดประตูเข้ามา
ผักกาดก็บ่นเป็นหมีกินผึ้งว่ากลับบ้านชักช้าและอีกสารพัด เล่นเอาคะน้าหูชา
และอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดหงุดหงิดอะไรขึ้นมา ...ปกติไม่เห็นจะสนใจแท้ๆ
และเมื่อเปิดประตูเข้าห้องนอนไป จิ๊กซอว์ที่ขาดหายก็ปะติดปะต่อจนสมบูรณ์




...ในห้องนอนของคะน้า มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


แบ่งตอนลงก็แล้วกันนะครับ อีกครึ่งหนึ่งมาอ่านต่อให้จบตอนกันวันเสาร์นะ
แต่งเสร็จแล้วล่ะ จริงๆ ที่หายไปว่างๆ ก็แต่งบ้าง เลยพอมีสต็อคนะ (ซึ่งใกล้หมดละ)
ว่าแต่ว่าไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าใครคือแขกที่ไม่ได้รับเชิญแล้วมานั่งอยู่ในห้อง ^ ^



เฉลย...



.....จันทู 55555555555555  :m20:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 11-10-2012 16:00:20
ตอนนี้คะน้าไม่เหงา เราก็ดีใจด้วย ...แบบหน่วงๆต่อไป
ยังไงฝากตุลดูแลน้องอ้วนดีๆนะ (ฮ่าา)

เอ่อ จันทูจริงป้ะ? 555 ,, คิดถึงจันทูนะเนี่ย เอาจริงๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 11-10-2012 16:08:17
โห่ไม่ให้จิ้นเลย เฉลยซะงั้น แต่เราว่าต้องเป็นน้องทิม ฟันธง อิอิ ช่วงนี้มาบ่อย น่ารักซะไม่มี รอน้องต่าย & หมอตุล & ช่างทิม นะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้เสมอ  :o8: :-[ :o8: :-[

ขอบคุณมากๆๆค่ะ  :L1: :pig4: :L1: +  :3123:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 11-10-2012 16:15:57
อุ อา อุ อา แบบ ไงดี อ้าปากแล้วหุบ อ้าปากแล้วหุบ มุมปากมันก็ชักกระตุกเป็นพักๆ ประมาณว่ากระอักกระอ่วนใจอะคะคุณคนแต่ง ให้ตายเถอะ!อย่ามาน่ารัก อย่ามาหวาน อย่ามาหล่อได้ไหมเล่าหมอ!!!!โอ๊ย แม่ยกทิมทิมทำใจม่ายด้ายยยยยยยยยยยยยย
แม่มเอ๊ยคะ จะหวานกันไปถึงไหน ไอ้หมอจะอ้อนกันไปถึงไหน เดี๋ยวปั๋ดจ้างเมะหล่อล่ำไปดักฉุดหมอทำเมียแม่ม!!!
งือ
แขก ทิมทิมเขาสินะ ทิมทิมของเขาน่ะ ทิมทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
คะน้าเอ๊ย เลือกแล้ว...ก็เลือกใหม่ได้วะเว๊ยเฮ๊ย!!!ดูสิ คนสนับสนุนเป็นล้านนะเว๊ยเฮ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 11-10-2012 16:35:49
เสียใจ อุตส่าต์ชูป้ายไฟเชียร์ทิมตลอด
ทิมสู้ๆ แทรกแซงเป็นมือที่สามก็ได้ 55555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 11-10-2012 16:38:18
ขอให้ต่ายอย่าสับสน รักเดียวเน้อ
ไม่งั้นโป้งง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 11-10-2012 17:02:56
ไม่เอาตุลอ่ะ ไม่อ๊าววววววววววววว 

:z3: :z3: :z3: :z3:

 :serius2: :serius2: :serius2:

 :angry2: :angry2: :angry2:

 :m16: :m16: :m16:

 :sad4: :sad4: :sad4:

 :o12: :o12: :o12:

 :seng2ped: :seng2ped: :seng2ped:

 :a5: :a5: :a5:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Jesale ที่ 11-10-2012 17:16:36
เห้อ

เชียร์ทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-10-2012 17:34:45

รักแท้ คือ อะไร ตับ ไต ไส้ พุง  หรือกางเกงที่นุ่งว่าดูสวยดี  หรือ ความอบอุ่น  หรือ การที่ได้รู้สึกว่าเราเป็นคนสำคัญของใครสักคน

อ้า

เจง หยออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ

เจ้ว่า มันแปลกๆ นา

เพราะปกติเขามักสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าคนที่เรารักนะ

อิอิ

ว่ามิ?

ปล. วันนี้เจอคำว่า  "ว่ามั๊ย"  โผล่มาด้วยล่ะ   แต่เข้าใจว่าตั้งใจให้โผล่  เพราะอยากให้รูปประโยคออกมาแบบหางเสียงท้ายประโยคดูสูงๆ  จะได้ดูเป็นประโยคคำถาม

แต่ที่จริง  ถ้าเขียนปกติ  แล้วบรรยายต่อท้าย จะดีกว่าไหม?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 11-10-2012 17:35:37
หมอตุลดีนะ ดีมาก..
แต่เค้าจะเอาทิมง้ะ!!!!!  :sad4:
คนชอบทิมอะ เค้าเชียร์ทิมอะ
ฮืออออ ไม่อยากให้หมอเสียใจ
แต่ว่าเค้าก็ไม่อยากให้ทิมเสียใจเหมือนกันอะ
ขอโทษนะหมอ  แต่เค้าเลือกแล้วอะ
(เลียนแบบคะน้า กั๊กๆ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: donutnoi ที่ 11-10-2012 17:50:07
เชียร์ทิมต่อไป แต่ถ้าคะน้าเลือกตุลย์ ก็คงเข้าใจและคงเสียใจและคงต้องไป 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 11-10-2012 18:09:10
รู้สึกว่าคะน้าก็ไม่ได้แน่ใจเลยนะ เหมือนตัดใจเลือกให้จบๆไป และไม่อยากเห็นตุลเจ็บมากกว่า
ทิมรุกช้ากว่าตุลด้วยนั่นล่ะ แต่ถ้าวันนึงทิมลุกขึ้นมาขอโอกาส ถึงจะหวั่นไหวก็ยังไม่อยากจะคิดว่าคะน้าจะตัดสินใจยังไง
ไม่แน่ใจว่าคะน้าจะเป็นประเภทถ้าตัดสินใจแล้ว ต่อให้รู้ว่าผิดและต้องเสียใจก็ยังจะมั่นคงกับสิ่งที่เลือกแล้วรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-10-2012 18:46:29
ยังไงก็เชียร์ทิม
เชื่อเหอะ คะน้าไม่เหมาะกับหมอหรอก
ไม่เหมาะจริงๆนะ จริงจริ๊ง
ฮืออออออ แม่ยกทิม ทิม ทิม ทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 11-10-2012 18:56:45
ความจริงเจ๊เป็นคนดีนะ o13....ไม่เค้ยไม่เคยคิดจะให้นู๋ทิมเป็นมือที่สามหรอกนะ :laugh:
///แต่แบบ มันหว๊านหวาน แม่ยกนู๋ทิมทำใจไม่ได้ :o8:

นู๋ทิมใช่ไหม คนนั้นนะ ไม่นร้า สงสารสุดหล่อจริงจริง
P.S. ❤คิดถึงจันทู โซมัช เวรี่มัช นางพม่าน้อย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 11-10-2012 18:57:27
แขกที่ไม่ได้รับเชิญต้องมาทำอะไรบางอย่างให้ใจต่ายน้อยสั่นไหวแน่ๆ :-[
หึย~ ยังไงก็เชียร์ทิม ชอบหนุ่มวิศวะ(ที่อยู่นิ่งๆแต่ก็ยังดูดี)มากกว่าหมอ(ที่อดีตเคยเจ้าชู้มาก่อน)
แต่ถ้าคะน้าเลือกหมอ.....หมอก็แค่ดูแลคะน้าให้ดีๆ อยู่กับคะน้าให้นานๆนะ :o12: :o12:

แต่ว่า.....ยังไงก็ยังเป็นแม่ยกทิมที่รักอยู่ดีอ่ะ!!!
ถ้าน้องต่ายที่รักไม่ได้คู่กับทิมจริงๆจะ...จะ....จะกรีดร้อง!!! :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 11-10-2012 18:59:26
คะน้ามีความสุขก็ดีแล้วล่ะ มีความสุขออร่ากระจายฟิ้วๆจนคนอื่นมองรู้เลย
เอาเถอะ จะว่าไปอ่านตอนนี้ที่คะน้ากับหมอเป็นแฟนกันแล้ว ก็น่ารักดีนะ

จากตอนที่แล้ว ที่คะน้าเปรียบเทียบความรู้สึกระหว่างทิมกับหมอตุล
คีย์เวิร์ดสำคัญอันนึงที่เราเห็นคือที่บอกประมาณว่า 'เห็นเขาทุกข์ก็ทุกข์ตาม และอยากให้เขามีความสุข' (น่าจะประมาณนี้)
เราว่าอันนี้อ่ะสำคัญมากๆนะสำหรับคนที่เรารัก กับทิมคะน้าไม่คิดแบบนี้เหรอ หรือเพราะยังไม่มีอีเวนท์ที่ทำให้คิดหว่า?
ส่วนอาการไม่เป็นตัวของตัวเอง มองว่าใช่รักเหมือนกัน คนเรามักจะเป็นกันช่วงแรกๆ แบบว่าเปิ๊บป๊าบหัวใจเต้นแรงไรงี้อ่ะ
ถ้าถามเราเราก็เป็นนะ ช่วงแรกๆน่ะ แต่ระยะยาวคิดว่าส่วนใหญ่คนเรามักจะอยากอยู่กับคนที่สบายใจ
เอ๊ะ พูดไปพูดมาเหมือนเป็นแม่ยกหมอตุลเนอะ ฮ่าาาาาา เปล่าๆ ยังขอตามติดเป็นขี้ปลาทองตามตูดน้องทิมต่อไปนั่นแหละ

ทิมมาก็ดี จะได้เคลียร์ๆให้ชัดเจนไปเลย คะน้าเหมือนคนมีพันธะกลายๆแล้ว ในเมื่อเลือกแล้วก็อย่าทำให้คนๆนั้นเสียใจนะ
ถ้าให้ดีก็บอกทิมไป ขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดว่าได้แค่นี้ๆนะ เผื่อน้องมันจะได้ก้าวต่อไปเปิดใจเจอคนใหม่ๆ
หรือถ้าทิมยังฝังใจคะน้า ก็รอไปได้ แต่ไม่อยากให้เข้าไปเป็นมือที่สามของใคร มันบาปกรรม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 11-10-2012 19:15:21
เราก็นึกว่าทิม ที่แท้จันทูหรอกหรอคะ  :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 11-10-2012 19:33:44
จะทนปวดใจไปก่อน....ไว้คะน้าตาสว่างว่ารักแท้จริงๆแล้วคืออะไร
เดี๋ยวมาจุดพลุ อิอิ ต้องเป็นน้องทิมอยู่แล้ว  :กอด1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-10-2012 19:54:44
คะน้าเอาหมอตุลไป ส่วนทิมเค้าขอ...คิคิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 11-10-2012 20:01:57
คะน้ากับหมอดูลงตัวกันดี
อยากรู้ว่าตกลงทิมคิดยังไงกับคะน้ากันแน่?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 11-10-2012 21:03:24
มีแฟนแล้วใจมันพองฟูอย่างนี้ไง ดีจัง

เลือกแล้วก็อย่าโลเลอีกเลยนะต่าย
ไม่อยากให้ทั้งทิมและหมอตุลต้องเจ็บปวดเล้ยยยย

รักทั้งคู่ *รวบกอด*  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 11-10-2012 22:15:19
หมอสร้างกระแสอ้ะ เคลิ้มเลยเราาาาาาาาาาาาาา
ไอ้ประโยค 'นะครับ...' นี่ทำเราบ้า
แถมยังมีชื่อเรียกงุงิงุงิ อ้วน อย่างนั้นอ้วนอย่างนี้ โอนนนนน อิฉันจะเป็นลม
สัมปชัญญะล่องลอยลืมเลยว่าตัวเองเชียร์น้องทิมอยู่ 555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 12-10-2012 01:20:29
แวะมาตอบรีพลายของเพื่อนๆ สักหน่อยนะครับ กระท่อนกระแท่นสักนิดแต่ก็ซะหน่อยนะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



@ beautifuldead อันนี้ต้องรออ่านนะครับ ว่าที่นางเอกของเรื่องเลยนะนั่น 555

@ arisa_sa ขอบคุณมากๆ เหมือนกันนะ ตอนต่อไปลงละครับ เป็นใครไปอ่านเลยเนอะ

@ rubymoona ฮ่าๆๆๆๆ ชอบคอมเมนต์ของรูบี้จัง อ่านแล้วมันสะใจดีแท้ 5555
รอคอมเมนต์ของครึ่งหลังนะ อยากเห็นเอฟเฟ็กต์หลังจากการอ่านจังเลย จัดมาเต็มที่เลยนะครับ 555

@ gupalz ไปหยิบป้ายไฟขึ้นมาชูก่อนดีไหมเนี่ย ^ ^

@ bebe โป้งต่ายก็โป้งไปนะครับ อย่าโป้งคนแต่งเลยนะ 5555

@ vascular คอมเมนต์หลังจากจบตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงนะ เหอๆๆ

@ Jesale อย่าเพิ่งถอนหายใจครับ กลับมาก่อนๆๆ ^ ^

@ oaw_eang นั่นสินะครับ แหม พี่อ้อเองเล่นดักคอกันแบบนี้เลย 5555
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำเรื่องการใช้ภาษานะครับ ผมเห็นด้วยนะครับ
คราวหน้าเอาตามนั้นดีกว่าเนอะ จริงๆ ก็แค่อยากให้เห็นว่ามันเสียงสูงๆ นั่นล่ะครับ ^ ^

@ namngern ประโยคแรกอ่านแล้วหมอตุลคงดี แต่ก็คงผงะกับอีกเป็นชุกที่ตามมา 5555
ตอนต่อไป ไม่รู้ว่าจะเหนือการคาดเดาเอาไว้หรือเปล่านะ พี่แกมาแรงดีจริงๆ ^ ^

@ donutnoi ดักทางคนแต่งขนาดนี้ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีน๊อ เอาเป็นว่าอ่านต่อไปนะครับ ฮ่าๆๆ

@ SuSaya คะน้าจะเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ครับ คือถ้าตัดสินใจไป ถ้าผิดคำจะรู้สึกไม่ดีอย่างแรง
ส่วนเรื่องทิมมี่เนี่ย อันนี้ต้องลองอ่านดูเองนะครับ 555555555

@ Rafael แม๊.... แม่ยกพี่ทิมมี่มาเอง ตอนนี้ออกมาเต็มๆ เลยนะ สมใจไหมเนี่ย 555

@ faratellll จันทูรออีกแป๊บนะครับ เดี๋ยวมาแน่ 5555 ส่วนทิมเนี่ย โผล่มาเรื่อยๆ ล่ะครับ
สลับๆ กับหมอตุล วนๆ เวียนๆ กันอยู่แบบนี้ล่ะเนอะ เรื่องนี้มันต้องรักพี่เสียดายน้องแหละ หึหึ

@ warnana001 ตามนั้น ตามนั้น ตามนั้น แล้วก็ตามนั้น รู้เรื่องไหมเนี่ย 55555

@ RoseBullet เห็นด้วยนะครับ ในระยะยาว ยังไงความสบายใจก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
แต่พื้นฐานยังไงก็ขอให้สบายใจอยู่บนความเข้าใจกันและกันด้วยล่ะเนอะ
ทิมมาแล้ว อันที่จริงก็ได้เคลียร์นะ แต่อ่านแล้วระวังจะรู้สึกไม่ไหวจะเคลียร์กับตาทิมเอานะ 555

@ พิรุณสีเงิน 555555 อย่านะครับ ทำเป็นเล่นไป ฐานแฟนคลับเขาก็มีนะนั่น

@ Usukushii ฮั่นแน่ แม่ยกมาสะกดจิตอีกละ มั่นใจขนาดนี้ ต้องติดตามต่อไปนะ เอิ๊กๆๆ

@ malula ช้าก่อนครับ สงครามยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งนับศพทหารนะ ฮิฮิ

@ fullmoonny อยากรู้จริงๆ ต้องอ่านไปเรื่อยๆ ล่ะนะ จะว่าไปอ่านตอนนี้ก็น่าจะพอรู้ละม๊างงง... 55

@ mur@s@ki อะไรๆ ก็โอเคนะครับ แต่ไอ้ตรงรวบกวดนี่มันยังไงนะ สงกะสัยจริงจริ๊งงงง 5555

@ •PIKACHU• ปิกาจุ๊ฝีมือคอมเมนต์ตกไปนะครับ 5555 ลีลาคอมเมนต์แบบเดิมหายไปไหนเนี่ย เอาคืนมาเร็วๆ อยากอ่านแบบนั้น หนุกดีครับ 55555



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



 o22

จะหาว่าโง่เซ่อบ้านนอกคอกนาก็ได้นะครับ เพิ่งรู้ว่ามีโหวตสารพัดต่างๆ นานานะนั่น 5555
แวะเข้าไปดูมาเมื่อตะกี้ ขอบคุณทุกคนที่โหวตให้กับนิยายเรื่องนี้ด้วยนะครับ
รวมถึงโหวตให้กับคะน้าแล้วก็ทิม รวมถึงตัวคนแต่งในฐานะนักเขียนหน้าใหม่ด้วย
ไม่รู้ว่าจะขอบคุณยังไง ก็ขอขอบคุณทุกคนแล้วกันนะครับ รู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันอย่างถึงที่สุด   :กอด1:

หลังเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ พบกับครึ่งตอนที่เหลือนะครับ จบไปอีกตอน ฮิฮิ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MZter ที่ 12-10-2012 02:21:06
อีกครึ่งนึงอยู่หนายยยยยยยยยยย  :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 19) - Oct 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 12-10-2012 15:57:20
 :z2: เรายังเชียรืทิมอยู่นะ คะน้าทำอย่างงี้กับทิมได้ไง  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 12-10-2012 21:15:19
สวัสดีครับ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ คอมเมนต์นะครับ ขอกอดหน่อยๆๆ  :กอด1:
เฮ้อ ดีใจจัง ที่ยังมีคนตามอ่านมากขนาดนี้ (ทั้งๆ ที่หายจ๋อมไปนานเหมือนกัน)
จะว่าไปตอนนี้เพิ่งเห็นก็ไม่ยาวมากนะครับ แต่ลงรวดเดียวสงสารหมอ 555
เอาล่ะ ตอนที่ 13 ครึ่งหลังครับ แม่ยกทั้งหลาย สิ้นสุดการรอคอยกันเสียที ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 13 (ครึ่งหลัง)





...ทิมนั่งอยู่บนเตียงนอนของเขา!


“กลับซะดึกเลยนะ ไปไหนมา” เสียงดุดันกว่าทุกๆ ครั้ง
และแววตาคู่นั้นก็จับจ้องอย่างคาดโทษ

อันที่จริงควรจะเป็นเขาไม่ใช่หรือที่ควรจะโมโห
ที่จู่ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญโผล่เข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวอย่างห้องนอนของเขา
คะน้าไม่ได้ตอบอะไร มองกวาดสายตาไปที่เตียงนอนที่ยับย่น
ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองสภาพของชายหนุ่มที่นั่งจ่อมอยู่
ผมกระเซิงและดวงตาปรอยๆ แบบคนที่เพิ่งตื่นนอน
ทิมคงนอนบนเตียงเขามานานพอสมควรแล้วแน่ๆ

...เรื่องที่น่าประหลาดกว่าคือแทนที่เขาจะโมโห
กลับกลายเป็นขำกับสภาพเสือพยายามจะดุของทิมในตอนนี้

“มีอะไรล่ะ” คะน้าตอบกลับอย่างอารมณ์ดี

“หายหัวไปไหนมา” แสดงออกถึงความหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง
แต่พอนึกขึ้นได้ ก็ลงท้ายด้วยเสียงอ่อนแบบเด็กๆ ซะงั้น “...ยุ่งเหรอ”

“ก็... นิดหน่อย” เจ้าของห้องเบี่ยงตัวไปอีกด้านเพื่อซุกซ่อนรอยยิ้ม

“ก็แล้วทำไมไม่ไปส่งไอติม การ์ดก็ให้ไว้แล้ว”

“ไม่ได้สั่งนี่”

จริงอยู่ที่ส่วนหนึ่งมันก็เพราะว่าทิมไม่ได้บอกให้ไปส่ง
แต่แท้จริงแล้วคะน้ารู้ตัวดีว่า มันคือข้ออ้างที่ดูดีและฟังขึ้นของตัวเอง
หลายวันมานี้เขาใช้เวลาอยู่กับตุล และลึกๆ ก็รู้ตัวเองดีว่าเมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้กับทิม
อะไรบางอย่างของทิมทำให้เขาหวั่นไหวจนควบคุมตัวเองไม่ได้เสียทุกครั้ง
ไม่อยากให้เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้นอีก บอกตามตรงว่าเขาอ่านความคิดของทิมไม่ออกเลย

...เอาเถอะ มันไม่ควรจะเกิดขึ้น เราเลือกไปแล้ว แล้วทุกวันนี้ อะไรๆ มันก็ดีอยู่แล้ว

คำตอบของคะน้า ถูกตอบรับด้วยท่าทางที่แสดงออกมาอย่างแจ่มชัดถึงความไม่พอใจของทิม
กระนั้น เจ้าตัวก็พยายามอย่างหนักที่จะสงบนิ่งอยู่ที่เดิม
และมันคงเป็นสิ่งที่ดูจะยากลำบากมากสำหรับเขา
เสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆ นั้นเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี

“มานี่” ทิมเอามือตบลงบนพื้นที่ว่างข้างๆ ตัว คะน้าแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เคยระอาใจกับความอวดดีถือดีของทิม แต่บัดนี้กลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว



...บทจะดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็ร้ายจนน่ากลัว

“...หึ” ทิมกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินไปคะน้าที่ยืนอยู่
“ไม่ไปส่งไอติม แล้วยังขัดคำสั่ง รู้ไหมว่ามีโทษหนัก”

จู่ๆ สองมือของทิมก็รวบตัวคะน้าเข้ากอดจากทางด้านหลัง
ทันทีที่สองมือโอบรัดคนที่อยู่อยู่จนแนบแน่น
ไม่สามารถขยับไปไหนได้ เจ้าตัวก็หัวเราะร่าชอบใจ

“อย่าหือๆ”



...อีกแล้ว



...ความรู้สึกนี้อีกแล้ว




กลิ่นเหงื่อผสมกับกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่ทิมคงฉีดไว้บนร่างกาย
สร้างกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นสิ่งที่คะน้าไม่เคยเข้าใจว่า
ทำไมแค่สัมผัสถึงกลิ่นบ้าๆ นี่ ก็รู้สึกกระวนกระวายจนสุดจะทนแบบนี้
และทุกอย่างยังดูเหมือนจะเลวร้ายขึ้นได้อีก เมื่อยามที่กลิ่นกายของทิม
ผสมเข้ากับไออุ่นของเจ้าตัว เสียงกระด้างและถ้อยคำที่ฟังไม่เคยจะหวานหู
ที่ดูเหมือนมันจะยิ่งทวีความรุนแรงทบทวี ยามที่อยู่แนบชิดจนไม่มีระยะห่างแบบนี้




...ไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย

คะน้าพยายามออกแรงแกะวงแขนที่กอดรัดแน่นนั้นออก
แต่ดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่ยากเย็นกว่าที่คิด
เอาเข้าจริงๆ ดูเหมือนเขาจะไม่มีแรงจะแกะมันเอา
...สมองสั่งให้แกะออก แต่ทำไมร่างกายไม่ค่อยจะยอมทำตาม

“ปล่อยเถอะครับ”

“หึหึ” เสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ของทิมดังขึ้นที่ข้างๆ หู
จากทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ แผ่วรดที่ข้างลำคอ

“ป...ปล่อย” นิ้วมือตัวเองนิ่งอยู่กับที่

จู่ๆ แรงกอดแน่นนั้นก็แผ่วลง ความรู้สึกของความคึกคะนอง
ราวกับมันจะแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกของความทะนุถนอมในชั่วพริบตา
หากแม้คะน้าจะเห็นแววตาที่ทอแสงลง และหาก
พอจะสัมผัสรับรู้สิ่งที่เจอือยู่ในน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนนั้น




“...พี่ไปไหนมา”

คำถามของทิม เล่นเอาคะน้าจนปัญญาจะหาถ้อยคำ
เสียงที่มีจู่ๆ ก็แหบหายไป คะน้าได้แต่เผยอปากขึ้น แล้วค้างอยู่อย่างนั้น
ก่อนริมฝีปากที่บรรจุถ้อยคำมากมายที่อยู่ข้างในจะค่อยๆ ปิดสนิทลง



...ความรู้สึกนี้ มันคืออะไรกัน




“...ไปไหนมา?”

คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมความคิดทั้งหมดที่มี
ชั่งน้ำหนัก และชั่งใจถึงสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่ควรจะเป็น




“ไปกับแฟนมา”

รู้สึกได้ถึงความชะงักที่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ด้านหลัง ความแนบชิด
ที่ค่อยๆ เว้นระยะห่างออก รวมทั้งวงแขนที่ค่อยๆ คลายตัวลง

“ไปกับแฟนมา” คะน้าย้ำคำหนักแน่น
รู้สึกโล่งใจกับน้ำหนักที่แบกอยู่ในความคิดมาเนิ่นนาน

“แฟน?”



“...คนรักน่ะเหรอ?”
เสียงทิมดูผิดปกติไป ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน


“อือ”

“ใครน่ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เขาถอยห่างออกไป
ได้ยินเสียงทิ้งตัวแรงๆ ลงบนเตียงนอนที่หนานุ่ม

“ช่างเหอะ” คะน้าแกล้งทำไม่รับไม่รู้

“น่ารักป่ะ” ทิมเอ่ยถามเสียงทะเล้น แต่คะน้าก็นิ่งเงียบ

“สวยไหม”

“คงเป็นคนเรียบร้อยแน่ๆ ล่ะ พี่คงชอบแบบนั้นกว่า”

คะน้าแค่ยิ้มตอบน้อยๆ แล้วก้มหน้าก้มตา ไม่ได้พูดอะไร ทุกอย่างนิ่งเงียบ
นานๆ จะมีเสียงหัวเราะแปลกแปร่งของทิมดังขึ้นมา เหมือนจะพยายาม
ทำลายบรรยากาศแปลกๆ นั้น แม้จะก้มหน้าอยู่ แต่คะน้ารับรู้ได้โดยความรู้สึก

...ดวงตาสีดำคู่นั้น คงจับจ้องเขาอยู่อย่างไม่วางตา







“หึ”

จู่ๆ ทิมก็หัวเราะแปลกๆ ขึ้นมาเบาๆ
“แฟนของพี่ ...ผมเคยเห็นหน้าไหม”
คะน้าอึ้งไป ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ แล้วก้มอยู่อย่างนั้น





“ไม่ใช่ผู้หญิงใช่ไหม”

เสียงลมหายใจแรงๆ ของทิม ดังขึ้นอีกครั้ง คะน้าก้มหน้าที่ก้มไว้อยู่ลงไปอีกระดับ

เสียงทุบฟูกแรงๆ ดังขึ้น คะน้าสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคิด
เมื่อเหลือบมองดูก็เห็นทิมออกอาการหัวเสียขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
สันกรามนูนขึ้นจนเด่นชัดจากการบดของฟันที่อยู่ด้านใน
เสียงลมหายใจหนักๆ บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีทมิฬที่เคยกลอกกลิ้งซุกซน บัดนี้ แข็งกร้าวลุกวาวดุจเปลวไฟ
ที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้วอดวายในชั่วพริบตา



“งั้นเหรอ”

สีดำเข้มคู่นั้นยังคงจับจ้องคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่วางตา คะน้าได้แต่นิ่งเงียบ
ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรที่ดีไปกว่าการนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น



...เนิ่นนานราวกับผ่านพ้นไปหลายชั่วโมง







“หึ”

จู่ๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เค้นหัวเราะขึ้นในลำคอ
รอยยิ้มยวนๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ทิมเอนกายไปด้านหลังพิงตัวไว้กับหัวเตียง
หากแต่ในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไป
แววตากร้าวแข็งของทิม ยังจับจ้องเขาอยู่อย่างไม่คลาดสายตา

“...หนึ่ง ...สอง ...สาม ...สี่ ...ห้า” มือกว้างยกขึ้นแล้ววาดนับตามจำนวนนิ้วบนมือ
“เท่าไหร่ถึงจะพอ เฮ้อ... ไม่เอาละ เอางี้ หนึ่งถึงสามสิบ พี่ชอบเลขไหน”

ไม่เข้าใจในความถามที่ดูเหมือนไม่มีที่มาที่ไป คะน้าได้แต่นั่งมึนงงอยู่อย่างนั้น
รอยยิ้มของทิมนั้นดูแปลก และคะน้ารู้สึกไม่ชอบรอยยิ้มแบบนั้นเลย

“ว่าไง เลือกมาสักอันสิ”

“ส...สิบ ...สิบห้า” เดาสุ่มๆ แบบขอไปที

“สิบหรือสิบห้า” ทิมเลิกคิ้วสูง
ริมฝีปากอิ่มแย้มขึ้นน้อยๆ อย่างอารมณ์ดี

“สิบห้า”

“สิบห้า... ถ้าเริ่มนับตั้งแต่วันนี้... ก็เท่ากับอีกสองสัปดาห์สินะ ...นานจัง”

ทิมลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านแล้วค่อยๆ เดินตรงมาหาคะน้าอย่างอ้อยอิ่ง
ดวงตาสีดำจงใจจ้องลึกลงไปในดวงตาคนที่นั่งอยู่ราวกับจะแผดเผาให้มอดไหม้ด้วยเปลวไฟ
ก่อนที่ร่างสูงจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ ลงตรงหน้าคะน้า
ใบหน้าคมสันเอียงลงเล็กน้อย ทิมค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมองแล้วยิ้มกริ่ม

“พี่รู้ไหม แต่ไหนแต่ไร... ตั้งแต่เกิดมาอะไรที่ผมอยากได้”

ฝ่ามือกว้างตระกองมือทั้งสองของคนที่นั่งบนโซฟา
ขึ้นมาจับเล่นอย่างเบามือแล้วเงยหน้าขึ้นจ้อง




“...ผมต้องได้”

ทิมสบตาลึกด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เป็นความรู้สึกที่น่าแปลกประหลาดและยากเกินกว่าจะคาดเดา
กระนั้น ดวงตาสีดำที่ดูลึกลับนั้นกลับดูมีบางสิ่งบางอย่างที่น่าค้นหาอย่างประหลาด
อีกทั้งรอยยิ้มบนริมฝีปากอิ่มสีสดนั้นก็ดูเย้ายวนกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยจ้องมอง
ร่างสูงกำยำค่อยๆ โน้มเข้ามาใกล้ ...ใกล้เข้ามา กระทั่งไออุ่นของลมหายใจ
ชายหนุ่มรุ่นน้องลามไล้ไปบนใบหน้า ริมฝีปากอิ่มที่คะน้าเคยจ้องมองเมื่อชั่ววินาทีที่แล้ว
บัดนี้มันเคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปากของเขา ...ใกล้จนยากจะคาดคะเน

“สิบห้าวันนะ” มีไออุ่นๆ ปะปนมากับเสียงทุ้มที่กระทบผิวปากจนรู้สึกได้

...ใกล้เข้ามา

...ดวงตาคู่นั้นยังคงสบมองอย่างท้าทาย



...และใกล้เข้ามาอีก

...กลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้จนอบอวลกว่าทุกที



...ใกล้ ...จนแทบจะแนบชิด




...กระทั่ง

...สีชมพูอิ่มขยับเผยอขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ แนบสัมผัส
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่พร่างพรายนั้นยังคงชัดเจนอยู่ในแววตา และเพียงเสี้ยวนาทีของความชิดใกล้
ริมฝีปากของทิมก็บดตัวลงบนเนื้อสีเดียวกันของคนที่นั่งอยู่สูงกว่า

...แขนขามันไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง

เสียงคำรามเบาๆ ในลำคอบ่งบอกถึงความพึงพอใจของผู้จู่โจม
บดเบียดทุกสัมผัสอย่างเย้ายวนจนไม่อาจต้านทาน และเพียงเสี้ยววินาที
ความดื่มด่ำอ่อนหวานกลับทวีความรุนแรงขึ้น
ราวกับจะแผดเผาให้อีกฝ่ายศิโรราบในรสสัมผัสที่เร่าร้อน

พริบตาเดียวนั้น ฟันของทิมก็ขบกัดลงบนริมฝีปากล่างของคะน้าอย่างกำเริบ
เหมือนจงใจฝากร่องรอยแห่งรสสัมผัสเมื่อครู่ให้ตราตรึงนานเท่านาน

กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆ กระจายในปากของคะน้า ชายหนุ่มสะดุ้งและถดตัวไปด้านหลัง
จ้องมองทิมที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าด้วยตกใจระคนกับความไม่เข้าใจ
หากแต่รอยยิ้มน้อยๆ ยังแจ่มชัดอยู่ตรงหน้า ทิมค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นมาตระกองใบหน้าคะน้าเบาๆ
นิ้วโป้งเกลี่ยปาดริมฝีปากด้านล่างของคะน้าอย่างทะนุถนอม

“โทษนะ แต่ฝากเอาไว้ก่อน”

...รอยยิ้มนั้นยังคงพร่างพราย และดวงตาคู่นั้น
ก็ยังคงจับจ้องลึกในแววตาของคะน้าอย่างไม่ลดละ

คะน้าหายใจติดขัดขึ้นมาทันที ร่างกายสั่นไหวเสียการควบคุม ไม่ใช่ความหวาดกลัว
...บางที อาจเพราะความหวาดหวั่นในความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นมาในใจอย่างรวดเร็ว
และไม่อาจต้านทาน ทิมวางมือทั้งสองข้างลงบนเข่าของตัวเอง
จ้องมองคะน้าด้วยรอยยิ้มและดวงตาสีดำขลับที่วับแวว



“นับจากนี้ไปอีกสองสัปดาห์...”

ยกฝ่ามือที่เคยไล้ใบหน้าของคะน้ากลับมาลูบคางตัวเอง
นิ้วโป้งที่เคยเกลี่ยริมฝีปากคนตรงข้ามนั้น
...ทิมจงใจปาดเย้าเล่นบนเรียวปากอิ่มของตนเองอย่างอวดดี




“...ผมจะเอาของที่ควรเป็นของผมคืนมา”





ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในนี้...

...ในนี้

คะน้ากุมมือยกขึ้นอย่างยากลำบาก
ฝ่ามือขยำลงเสื้อบนหน้าอกตัวเองด้วยอาการสั่นเทา



...ให้ตายเถอะ ...มันแทบจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ แล้ว



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบตอนแล้วครับ สาสมใจเหล่าแม่ยกทั้งหลายล่ะสิ 555555555
ไม่รู้ว่าชอบอะไร นี่มันตัวโกงชัดๆ (แต่แฟนคลับมาเพียบ!)
คิดเอาเองว่าคอมเมนต์ของตอนนี้ท่าทางจะสนุกพิลึก 5555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-10-2012 21:19:07
ถึงแม้จะรู้สึกเหมือนเป็นตัวโกง
แต่เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนตัวโกงอย่างทิม กร๊ากกกกก
สู้ๆเค้านะทิม สิบห้าวัน
แย่งชิงมาจากหมอให้ได้
ไม่งั้นไม่ย๊อมไม่ยอม

 o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 12-10-2012 21:20:56
ต่ายอย่าเลิกกับตุลย์นะ ไม่งั้นเชียร์ให้ตุลย์ฆ่าหั่นศพ...เข้าใจนะอ้วน?//

รอตอนต่อไปค่า555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-10-2012 21:22:32
โอ๊ววว กริ๊ดดด ขอชูป้ายไฟทิม
มันยอดมากเลยลูก เดี๋ยวคะน้าก็เปลี่ยนใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: kratoey ที่ 12-10-2012 21:24:34
/เข้ามาชูป้ายไฟทิม อวยทิม 5555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 12-10-2012 21:30:09
งอนคนเขียน (ที่จริงควรงอลคะน้านะ ฮึฮี) มาหลายวัน ฮ่า ฮ่า  :m31:  :serius2: เอาแต่ใจเหมือนใครไม่รู้
วันนี้หายงอนก็ได้นะ อิอิ  :z2: :z2:
อารมณ์ดี  :o8:

 :mc4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 12-10-2012 21:33:38
ไม่รู้เป็นอะไร อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน  :z3: :z3: :z3: แต่ตอนเนี้ยเริ่มสงสารตุลแล้ว อย่าทำร้ายคุณหมอของหนูน้า ได้โปรดเถิด

ขอบคุณค่ะมาไว เคลมเร็วเลยตอนนี้  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 12-10-2012 22:00:55
สุดยอดอ่ะทิม :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 12-10-2012 22:07:17
ชูป้ายไฟทิมรัวๆ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม เอาคะน้าคืนมาให้ได้นะ

เอาจริงๆยังไงก็ยังสงสารหมออยู่นะเราไม่ได้ใจร้ายขนาดนั่น 5555555555555555
/คืออินไปนะอินี้/
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 12-10-2012 22:07:51
แหม...หมั่นไส้เล็กน้อย
ก็มัวแต่ติสอยู่หนะสิถึงได้ช้า ปล่อยให้หมอตุลแซงหน้าไปได้
แต่ยังไงเค้าก็ยังชอบตัวอยู่นะทิม
สงสารหมอตุล ทำไงดี
ขอสองไม่ได้เหรอ โลภอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 12-10-2012 22:55:01
อ้างถึง
@ vascular คอมเมนต์หลังจากจบตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะว่ายังไงนะ เหอๆๆ


...ยังแอบเข้ามาให้กำลังใจทิมนะ ยังตั้งตัวเป็นพ่อยกทิมอยู่ และยังแอบมีความหวังครับ

...และยังยืนยันคำเดิมว่า "ไม่เอาไอ่ตุ๊ลลลลลลลลลลลลลลล"
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 12-10-2012 23:11:10
โอ๊ะ บักทิมไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหนฟร่ะ
ส่วนน้องต่ายทำไมหวั่นไหวง่ายอย่างนั้นล่ะเจ้าค่ะ 
แล้วที่กัดไปซะขนาดนั้นหมอเห็นเข้าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะนี่
รออ่านต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 12-10-2012 23:14:41
,,แอร้ยยย มันต้องให้ได้อย่างงี้ น้องทิมมมมม
ว่าแต่ทำไมต้องสองอาทิตย์ ทำไมใจเย็นจัง

แล้วทำไมต้องให้คะน้าเลือกตัวเลขน้อ

โบกป้ายไฟน้องทิม กรั่กๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 12-10-2012 23:29:38
คะน้าาาาา ไม่มีปัดป้องเลยนะ
หมอตุลมาเห็นคงช้ำใจตายละ  ..อาเมน


ทิมคับ นายนี่มันเร้าใจจริงจัง  ..อาเมน(ให้ใจระทวยๆของตัวเอง)


 :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 12-10-2012 23:32:44
ผู้ชายดีๆมีไว้เป็นเพื่อนค่ะต่าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RoseBullet ที่ 12-10-2012 23:45:25
อิน้องทิม โมเมเอาเองนะยะ ตัวเองช้าเองเหอะ โดนหมอเค้าสอยตัดหน้า
โอ๊ย คะน้าเอ๊ย นี่หนูเป็นแฟนหมอตุลแล้วนะคะ ตอบตกลงเองกับปาก หนูหัดยับยั้งชั่งใจหน่อยได้ม้ายยย
ทีนี้ถ้าเกิดคะน้าเป็นแฟนกับทิม คะน้าจะไม่หวั่นไหวไปกับคนอื่นอีกเหรอ วนลูปอ่ะ เฮ้ย มันคิดได้อย่างนี้จริงๆนะ
อย่างนี้เหมาหมดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไม่ต้องเลือกด้วย ได้ทั้งคู่ กร๊ากกก (แต่คิดว่าคงยากนะ แต่ละคนคงไม่ยอมหรอก)
อันที่จริงก็แอบกรี๊ดกร๊าดตั้งแต่ทิมถามว่าพี่ไปไหนมาแล้วล่ะ ฮี่ๆ แต่หลายๆอย่างมันตีกันข้างในมั่วไปหมดเลย
ถ้าคะน้าตอบเลขหนึ่งทิมจะทำยังไงฟร้าาา
จะว่าไปก็สงสารหมอ หมอคงยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ เวลานี้กับแฟนตัวเอง เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 12-10-2012 23:47:04
มันต้องอย่าง นี้!!!!!!!!!!!!!! /ตบเข่าฉาด/

อุ้ย แฮ่ ~ 555555555555 มันน่ากรี๊ดจริงๆนะตอนนี้
คะน้าาาา เค้าไม่อยากให้หมอเสียใจเลย ตอนนี้น่ารักมากอ่ะ มีอ้งมีอ้วนนนน~~~ :-[
แต่พอมาเจอครึ่งหลัง แฮ่ๆ /ควักป้ายไฟชูขึ้นโบกสะบัดในอากาศ/
มันต้องอย่างเนนนน้ หล่อเถื่อนซึนเร้าจายยยยยย แอร๊ยยยยยยยยยย :laugh:     โฮ่ๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่เค้าสงสารหมอง่ะ หมอววววววว T______T  ทิมเล่นมาบทตัวโกงเลย แต่ตัวเองช้าเองนะ 5555555+ เอาแต่หล่อๆใส่เค้าแต่ไม่ยอมทำอะไร โดนตัดหน้าแล้วจะมาแย่ง โด่ ชริๆๆๆ /สรุปแม่ยกใครเนี่ย

เหมือนตอนคะน้าอยู่กับตุลจะให้ความรู้สึกสบายใจ เวลาอยู่กะทิมรู้สึกจะหื่นๆ 555555555+








 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 13-10-2012 00:36:07
จัดไปนู๋ทิม "ให้เลวกว่านี้ ชั้นก็ยังยินดีจะทำทุกทาง........~......ถ้าเลวแล้วได้ครอบครอง ชั้นยอมถูกมองว่าร้ายยย~"   :laugh:
วะฮ่ะ...ฮ่า ! นู๋ทิมไม่ได้เจ๊ก็จะให้ ตุลนะดีเกินกว่าจะเป็นพระเอก  :a1: กร๊ากกกก (รีบหลบ แม่ยกตุล ไปอย่างรวดเร็ว...)


คะน้ามั่นคงหน่อยสิลูก เจ๊ก็สงสารตุลบ้างอะไรบ้าง ตามประสาคนดี
P.S. ตุล-  ❤❤❤ -
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 13-10-2012 01:36:13
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนสุดท้าย... คะน้าก็จะเลือกหมอตุลย์อยู่ดีเลย...
มันเหมือนกับว่าจะสอนทิม ว่าไม่มีอะไรที่เราอยากได้...แล้วจะได้ไปทุกอย่างหรอก...
ตอนนี้อยากรู้ความรู้สึกทิมมากเลย
ว่าตอนที่พูดประโยคนั้นออกไป ในใจคิดอะไรอยู่
พอกลับไป จะแอบไปเสียใจคนเดียวหรือเปล่า

ทิมอ่าาาาาาา T________________T
คอนโดใหม่ที่ซื้อให้กับไซต์งานใหม่ที่ให้ย้ายไปนี่ไม่ไปเลยใช่มั้ย??
โฮ~ แต่ก็ช่างเถอะ ถึงจะเป็นตัวโกงยังไงก็สนับสนุน
คนมันเชียร์ไปแล้วนี่~ ตอนนี้ก็หมั่นไส้แต่คะน้า ลังเลอ่า~~
สุดท้ายที่ต้องเลือกจริงๆ จะมีคนที่เจ็บมากนะ T______T

เม้นไม่ออก รอตอนต่อไปจริงจัง
อยากรู้ความรู้สึกของทิม

ขอบคุณนะคะ
*โบกป้ายฟเชียร์ทิมต่อไป*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ikin ที่ 13-10-2012 02:08:22
อ่านแล้วอยากจะบ้าอร๊ายยยยยย
ความรู้ที่อ่านตั้งแต่ต้นเรื่องมาถึงตอนนี้
บอกได้คำเดียวว่าชอบ ตอนคะน้ายู่กับทิม
และชอบวิธีคุยกันของสองคน
รู้สึกเหมือนกันว่า
เวลาเราอยู่ใกล้คนที่ชอบความรู้สึกมันจะมาก รู้สึกเสียศูนย์สบสนจนคิดไปว่าตัวเองอึดอัด
อ่านเรื่องนี่แล้วอยากบอกว่า
ติดหนึ่งในสามนิยายที่ชอบมากที่สุดที่เคยอ่านมาเลย
อินมากเหมือนเรื่องเล่า
ชัดเจนในใจคือ

ทิมต้องได้ต่าย

ห้าห้าห้า

ขอบคุณที่นำเรื่องดีดีมาให้อ่าน
เขียนได้อินในความรู้สึกดี

ชอบคำพูดประโยคนี้

“ไม่ได้บอกให้ลืม แต่ให้จำไว้เป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตัวเราเองให้ดียิ่งขึ้น
ตุลทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง รักษาโรคอะไรได้ตั้งเยอะแยะ ซึ่งผมทำไม่เป็น
ดังนั้นอย่าให้อดีตทำร้ายตัวเราจนเกินไป เข้าใจไหม”

“มันก็แค่อาชีพน่ะครับ เหมือนกับอาชีพหนึ่งในสังคม ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร”

“ไม่ได้ถามว่าเหาะได้หรือเปล่า ถามว่าเข้าใจไหม”

“อ่า... เข้าใจครับ” ตุลอึ้งๆ แบบไปต่อไม่ถูก

ไม่รู้ตุลเข้าใจประโยคนี้ที่ต่ายอยากสื่อไหมแต่เราว่าเราเข้าใจ และปลื้มต่ายที่ประโยดนี้มากเลย

มุมนี้รู้สึกว่าต่ายมีความคิดที่เป็นผู้นำมากกว่าหมออ่ะอิอิอิ คนเราทุกคนก็พอเข้าใจว่ามีเรื่องติดอยู่ในใจ หมอตุลดูหวั่นไหวเกินไป

ทิมถึงอายุน้อยแต่ความรู้สึกว่าทิมชัดเจนดูเป็นผู้นำดี จะพูดและทำในสิ่งที่คิด ไม่เพ้อดูเหมือนลิเกแบบคนที่ชอบพูดให้ตัวเองดูดี

. แม้ทิมจะอ่านยากแต่เราว่าเราเข้าใจทิมและทิมได้ใจเราไปเลย
อิอิอิ ยกใจให้ทิม. ห้าห้า
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดี. ชอบๆเป็นกำลังใจให้นะจ้า อ่านแล้วโดนในหัวใจอย่างรุนแรงอิอิอิ :m9: :m9:
ราตรีสวัสดิ์จ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 13-10-2012 02:26:50
น้องใหม่ที่เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้รู้สึกว่าตัวเงพลาดเรื่องที่ดีมากๆไป
มองข้ามตลอด แต่พอได้มาอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้กำลังให้ใจนอ่านเสียศูนย์
ขอเข้าร่วมเป็นนแม่ยกทิมด้วย  มันไม่มีอีกแล้วพระเอกแสนดี
ตอนนี้พระเอกต้องเลว  ต้องแย่ง ฮ่าๆๆๆๆๆๆ(หัวเราะโรคจิต)
ติดใจเสน่ห์ความดิบเถื่อน เจ้าเล่ห์ และตรงไปตรงมาสไตร์หนุ่มวิดวะจริงๆ  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เรียกข้าว่าอิแรด ที่ 13-10-2012 03:43:54
ว๊ายยยยยย ครึ่งหลังได้ใจแม่เจงๆ
กรั่กๆๆๆ //me โบกพัดขนนกอย่างสบายใจเฉิบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 13-10-2012 05:11:55
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
เป็นิยายที่สนุกจนต้องเม้นเดี๋ยวนั้น บัดนั้น ตอนนี้ตามทันแล้วด้วย ยิ่งต้องเม้น ^^

เราว่ามันยังไม่จบ คะน้ายังไม่เลือก

เข้าใจนะว่าทำไมคะน้าเลือกตุลตอนนี้ เพราะตุลทำให้รู้สึกว่าคะน้ามีตัวตน
ตุลทำให้คะน้ารู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า แล้วนั่นยิ่งทำให้คะน้ามีใจให้ได้ง่าย ๆ
เพราะนิสัยเดิมเค้าชอบทำให้คนรอบกายเค้ามีความสุข ความสุขของเค้าผูกกับคนอื่น
ดังนั้น พอเค้ามีโอกาสได้ทำให้ตุลสบายใจ เข้าไปมีบทบาทในชีวิตตุล
รวมทั้งตุลก็พร้อมเสมอเวลาที่คะน้าต้องการใครซักคน ตุลอยู่ข้างห้อง คะน้ารู้ว่าข้าง ๆ คะน้ามีตุลเสมอ
ไม่แปลกเลยถ้าคะน้าจะเลือกตุล ในขณะที่ทิมอยู่ในที่ปิด เหมือนเค้าปิดกั้นตัวเอง
แต่อย่าลืมนะว่าเค้ายินยอมให้คะน้าได้เข้าไปในห้อง เข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวแล้ว
แต่คำถามคือ คะน้าอยากเข้าไปรึเปล่า ในเมื่อเค้ามีที่ที่พร้อมเสมอใกล้ ๆ ตัวเค้าอยู่แล้ว :p

ในส่วนของทิม เรามองว่าเหมือนรักวัยรุ่น รักที่ทำให้หัวใจสูบฉีด
ทิมเป็นเด็ก ทิมแสดงอารมณ์ออกมาตรง ๆ ไม่มีประดิดประดอย คิดไงก็พูด คิดอะไรก็แสดงความรู้สึก
มาแรง ให้คะน้าวูบวาบทุกครั้ง  แต่ในความเป็นทิมเอง มันเหมือนมีสองอย่างตลอดเวลา
มาเร็ว แต่วูบนึง มันจะมีความอบอุ่น ความอ่อนโยนแฝงมาด้วยตลอด
ไม่รู้สิ ทิมออกมาทีมันน้อยอ่ะ ยังคิดอะไรไม่ค่อยออก อิอิอิ

ไม่รู้อ่ะ ความเป็นพระรองในตัวสองคนนี้มันยังมีอยู่อ่ะ
เห็นคนแต่งบอกว่ามันจะยาว ก็ลุ้นให้ยาวจนให้ทิมได้มีโอกาสบ้างล่ะนะ
ออกตัวเลยล่ะว่าเชียร์ทิมสุดหล่อของพี่ อิอิอิ

ไปละจ้า เพ้อมามากละ แอบอายคนแต่ง 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Aksel ที่ 13-10-2012 14:31:09
ยังเชียร์ทิมเหมือนเดิม ถึงแม้คะน้าจะเป็นแฟนของตุลไปแล้วก็เหอะ _ _:
ผิดศีลป่าวหว่าาเชียร์ให้คนเลิกกัน Y^Y แต่...ยกป้ายเชียร์ทิมเหมือนเดิมอะแหละ  :call:

แอบรู้สึกว่าหมอตุลยังไม่แน่ใจเลยว่ารักคะน้าจริงรึป่าว- -;
คิดถึงจันทู 5555 ไม่โผล่มาสักพักแล้วอ่ะ

รอคนแต่งมาอัพต่ออออออ:)))
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: moonlightjoe ที่ 13-10-2012 14:45:37
เชียร์ทิมครับ  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Teatime ที่ 14-10-2012 01:39:02
สงสารทิมอ่า ตอนรู้เรื่องคะน้ากับหมอตุล

ทิมแบบออกแนวแบดบอย มั่กๆ

ถ้าเป็นในชีวิตจริงการกระทำของทิมนี่มันผิดถนัดเลยนะเนี่ย

แต่ไมรู้สิ ใจมันเชียร์ทิมให้คะน้าไปแล้ว

สู้ๆน้าทิม!!!

เพราะดูแล้วคะน้าก็รู้สึกดีกับทิมอยู่หรอก คิคิคิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-10-2012 01:58:23

ทิมจะทำอะไรได้ 

หากคะน้ามั่นคง

อยากเห็นน้ำตาคนอวดดีว่ะ  คงสาแก่ใจพิลึก

ปล.  หากแม้คะน้าจะเห็นแววตาที่ "ทอแสงลง" และหากพอจะสัมผัสรับรู้สิ่งที่เจอือยู่ในน้ำเสียงที่แปรเปลี่ยนนั้น

พิมพ์ผิดเปล่า  มันน่าจะ "ยอแสงลง" มากกว่านา  เพราะ คนไทยใช้ ยอ ยอ  เวลาบอกให้วัวเดินช้าๆ ลง 

ส่วนทอนี้มันน่าจะเข้าข่ายทำให้เพิ่มขึ้นมากว่านะ  เช่น ถักทอ  ตะวันทอแสง  อะไรเทือกนั้น

ลองดูๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ikin ที่ 14-10-2012 18:14:05
 :m9:  มายัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 15-10-2012 07:50:47
ยอมรับว่าเป็นแฟนกับอีกคนซะงั้น เสียใจแทนน้องทิม
หมอสมัยนี้เชื่อใจไม่ได้ อาจจะได้แล้วสังหารเมียตัวเองทิ้งหมกส้วม
เพราะฉะนั้น เราขอร้ายแบบเปิดเผยเหมือนน้องทิมดีฝ่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 15-10-2012 10:10:35
 o13 ยกป้ายไฟเชียร์น้องทิมมมมมมม :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 15-10-2012 11:01:36
อ๊าค!!!ย๊าค!!!ซี๊ส!!!โฮก!!!!!!!!!!!!!!
 :z3:
แม่ม คนบ้าอะไร!!!ทำไมหล่อ!!!หล่อเชี่ยๆ!!!//มือสั่น

เสียงทุบฟูกแรงๆ ดังขึ้น คะน้าสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคิด
เมื่อเหลือบมองดูก็เห็นทิมออกอาการหัวเสียขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล
สันกรามนูนขึ้นจนเด่นชัดจากการบดของฟันที่อยู่ด้านใน
เสียงลมหายใจหนักๆ บ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี
ดวงตาสีทมิฬที่เคยกลอกกลิ้งซุกซน บัดนี้ แข็งกร้าวลุกวาวดุจเปลวไฟ
ที่พร้อมจะเผาไหม้ทุกสรรพสิ่งให้วอดวายในชั่วพริบตา

โอ๊ย ขบกรามได้หล่อเร้าใจ ฮ๊อตมากอ่ะ  แบบอ่านแล้ว เผากูเลย ยอม!!!!
อ๊าค คนอ่านบ้าไปแล้ว

ตอนคะน้าตอบว่าไปกับแฟนนะ
ทิ้งมือลงบนโต๊ะดังปึกแล้วอ้าปากพะงาบๆเลย ไอ้คะน้าบ้า คะน้าดื้อ คะน้างี่เง่า~~~~
ทิมแม่งโคตรหล่อ แบบพูดมาแต่ละคำ อ๊าค มึงเอาใจกูไปเลย!ทำนองนี้อ่ะคะ!ซี๊ส!!!
15วันนะ15วัน เขาจะอดทนกับ15วัน ทิมทิม เรารู้ว่านายทำได้ตามพูด ขนาด15วิแรกคะน้ายังใจอ่อนยวบตัวอ่อนยาบ แทบจะพลีกายถวายตัวให้(คนอ่านด้วย)แล้วเลย!
ปล.รู้สึกว่าอ่านแล้วจับอะไรไม่ได้นอกจากความหล่อเผาพลาญของทิมทิม...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-10-2012 19:43:14
สวัสดีครับ ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ นะครับ ที่แวะมาทักทายกัน
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และคำแนะนำดีๆ นะครับ ตอบคอมเมนต์ก่อนนะ ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



@ Rafael มือหนึ่งมาทวงบัลลังค์แชมป์คนแรกอีกแล้ว
โอ้วว่าความรักนั้นทำให้เหล่าแม่ยกตาบอดจริงๆ ฮ่าๆๆ

@ cotone เวรกรรม หมอต้องโดนยัดเข้าคุกแน่ๆ
ข้อหาฆ่าหั่นศพกระต่ายตัวอ้วนๆ ผู้แสนน่ารัก

@ gupalz ฮ่าๆๆ แม่ยกมาแล้ว ใครแฟนคลับเยอะได้เปรียบนะนั่น 555

@ kratoey ยังจะมีคนตามเชียร์อีกเหรอครับนั่น! มันร้ายมากจริงๆ นะฮะ ท่านหัวหน้า!

@ papa_paolo เรามาคืนดีกันนะครับ อย่างอนกันเลยนะ โอ๋ๆๆๆๆ
เดี๋ยวปั่นเรื่องทิมมาให้เยอะๆ เลย ...เยอะพอๆ กับตุลเลย สัญญา 55555

@ arisa_sa เหมือนแม่ยกของทิมบางคนจะเริ่มใจอ่อนกับความน่ารักของตุลล่ะสิ
เรามาเชียร์ตุลกันเถอะครับ น่ารัก นิสัยดี มีเวลาให้ กร๊ากกกกกกก

@ boobooboo หมายถึงโกงสุดยอดใช่หรือเปล่านะครับ 55555

@ fullymoonny นี่ขนาดว่าสงสารกันนะครับเนี่ย!!!!
ถ้าไม่สงสารไม่เอ็นดู ให้คิดดูเลยว่าจะโดนขนาดไหน 5555

@ malula แฟนคลับเริ่มตัดพ้อต่อว่า ขืนชักช้าร่ำไรมีหวังเสียฐาน FC นะเออ

@ vascular งั้นต้องลองอ่านต่ออีกสักตอนนะครับ หวั่นใจแทนทิมจะเสียคะแนนจากแฟนคลับจริงๆ T_T

@ fastation พี่แกคงคิดว่าทั้งหล่อ ทั้งเท่ ทั้งรวยไรงี้ น้องต่ายเรามึนๆ อึ้งๆ เพราะนึกไม่ถึง
อาการนี้ ยังคงต่อเนื่องมาในตอนที่อัพนี้ ส่วนจะออกมารูปแบบไหน ลองอ่านดูนะครับ ^ ^

@ beautifuldead ที่ให้คะน้าเป็นคนเลือกเลขเพราะมีความมั่นใจในตัวเองมากไงครับ
ประมาณว่าเลือกมาสิ เดี๋ยวพี่หล่อจะทำให้ดู 55555 ชั่วเนอะ แต่ไหงแฟนคลับเพียบเลยไม่รู้

@ mur@s@ki เอ๊ะ อ่านดูตอนแรกขึ้นมาเหมือนจะแอบเห็นใจหมอตุลนิดๆ นะ
แต่พอสรุปปิดปุ๊บ โอเค ชัดเจน เปลี่ยน! 555555

@ -west- โอ้ย ให้ตายสิ ชอบคอมเมนต์อันนี้จัง 5555555

@ RoseBullet เกิดมาเป็นคนหล่อ พ่อรวย แถมชอบเอาแต่ใจ มันก็เป็นอย่างนี้ล่ะนะ
แต่เป็นคอมเมนต์ที่อ่านแล้วสับสนดีจังเลยครับ ฮ่าๆๆๆ ก็เหมือนจะเชียร์ทิมนะ
แต่ก็สงสารคุณหมอด้วยในเวลาเดียวกัน เอาเป็นว่ากระสุนกุหลาบต้องอ่านตอนต่อไปนะครับ
อ่านไปอ่านมา จะยิ่งมึนตึ๊บแถมยิ่งสับสนกว่าเดิมเอา 5555555

@ RBG.___ ฮั่นแน่! มีแอบอินตาม ตุลมันน่ารักแต่มันยังไม่ถึงใจเหล่าแฟนๆ เห็นๆ
เจอตาทิมโผล่มาโผล๊ะเดียว ขโมยซีนไปหมดเลย หมอต้องทำใจแล้วล่ะมั๊งเนี่ย ฮ่าๆๆ

@ faratellll 555555 เรามาปั้นทิมให้เป็นซุป’ตาร์กันนะครับ

@ BONE การศึกยังไม่เสร็จ อย่าเพิ่งนับศพทหารเลยนะครับ
ช่วงนี้มันจะมีความแปรปรวนนิดนึง ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แล้วจะเป็นไปทางไหน
ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะคนแต่งมันชอบกั๊กนั่นเอง มีอะไร ไม่บอก
คนอ่านรู้เท่าที่คะน้ารู้ และจะเข้าใจทุกอย่างตามที่คะน้าเข้าใจ
จะว่าไปแต่งไปก็อึดอัดตัวเองเหมือนกัน อยากจะใส่ฉากตั้งหลายฉาก
แต่ไม่ได้ๆๆๆ ตั้งใจไว้แล้ว ต้องอดทน อย่างตอนต่อไปนี่ อ่านแล้วระวังมึนกว่าเดิมนะครับ T_T

@ ikin ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ พร้อมกับร่วมอินไปพร้อมๆ กัน 555
เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นแค่ความรักเพียงอย่างเดียว ถ้าพอแทรกอะไรได้ก็จะแทรกๆ ไปน่ะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วผมก็ก้อปต้นเรื่องมาจากคนที่เป็นต้นแบบของตุลล่ะครับ
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขาจะต้องผ่านพ้นไปให้ได้จริงๆ ส่วนทิม ตัวจริงก็วอนแบบนี้ล่ะครับ

@ janamanza สวัสดีครับ ดีใจจังที่มีคนแวะมาอ่านเพิ่มอีกคน แถมออกมาคอมเมนต์ให้ด้วย
ไหนๆ ก็ไหนๆ มาลงเรือกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตลอดรอดฝั่งนะครับ
ไหนๆ ก็เป็นน้องใหม่ ขอสปอยล์ล่วงหน้าเล็กๆ ว่าถ้าชอบทิม อ่านไปสักพักจะมีทีเด็ดครับ 5555

@ ด.ช.อาร์มานี่ นี่คือเหตุผลที่ต้องแยกตอนครับ ตะหงิดๆ ว่าคุณหมอจะโดนขโมยซีนเอา 555

@ bobby_bear ก่อนอื่นต้องขอกล่าวต้อนรับเพื่อนใหม่นะครับ
แล้วก็ขอขอบคุณอย่างแรงๆ สำหรับคอมเมนต์เลยล่ะครับ
อ่านแล้วตกใจ ทำไมมันเหมือนกับมานั่งอยู่ในใจคนแต่งซะงั้น
เรื่องทำไมคะน้าเลือกตุล ตามนั้นเป๊ะๆ แต่ตกไปอีกเรื่องนึง แต่เดี๋ยวก็มีบอกออกมาครับ
เรื่องนิสัยของทิม ก็ตามนั้นเป๊ะๆ เปิดตัวมากขึ้น พูดเก่งขึ้น มีแอบอบอุ่นในทีจริงๆ
เรื่องนี้ยังอีกยาวพอสมควรเลยล่ะครับ แล้วมันก็จะช่วงชิงตำแหน่งพระเอกกันอยู่อย่างนี้ 555
ไม่รู้ว่าที่เก็บรายละเอียดได้เยอะขนาดนี้ เพราะว่าอ่านรวดเดียวหรือเปล่านะ (ตกตะลึงจริงๆ)
อ่านแล้วอยากจะกดบวกเพิ่มแต้มให้ยี่สิบแต้มซะจริงๆ เลยครับ เป๊ะมาก 5555

@ Aksel ตามเชียร์ต่อไปก็ไม่ผิดกติกาครับ หรือวันไหนเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ไม่ผิดกติกาเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ สาวพม่าที่ถามถึง จัดมาให้แฟนๆ ให้หายคิดถึงกันแล้วนะครับ เขียนไป หัวเราะไป เหนื่อยจริง

@ moonlightjoe แฟนคลับวิศวกรเจ้าเล่ห์ปรากฏโฉมอีกหนึ่งคนแล้วครับ 5555

@ Teatime อันที่จริง ดูเหมือนมันก็เป็นไปตามวัยผสมกับนิสัยอยู่เหมือนกันน่ะครับ
มันก็ต้องมีอาการเหวี่ยงๆ แบบนี้ล่ะนะ ใครบ้างล่ะอยากจะเสียของรักของตัวเองไป
แต่ก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง ยังไม่จบง่ายๆ ล่ะครับ คดีนี้ 5555

@ oaw-eang โอย มีคำแนะนำดีๆ มาอีกแล้ว ขอบคุณพี่มากๆ เลยนะครับ จะจำไว้เลย
บางครั้งก็พิมพ์อะไรไปตามความเคยชิน คุ้นหูคำไหนก็พิมพ์ไปน่ะครับ ขอบคุณนะครับๆ ^ ^

@ ikin ขอบคุณที่แวะมาทักอีกรอบนะครับ มาแล้ววววววววววววว 5555

@ 2pmui เอาล่ะสิ แม่ยกทิมเริ่มผนึกกำลังแล้วสิ ตุลเอ้ย ทำดีไปก็เท่านั้นแหละแก 5555
แถมยังโดนตั้งข้อสังสัยว่าจะแอบหั่นศพอะไรพวกนี้เปล่าอีกต่างหาก อยู่ๆ ก็ซวยแบบนี้ ปีชงแน่ๆ

@ boong086 ไม่พูดไม่ใช่ว่าไม่คิด แล้วคิดดูเถอะครับ นี่พูดออกมาเต็มๆ คะแนนทิมพุ่งพรวดๆ แล้ว

@ rubymoona 555555555555555 เป็นคอมเมนต์ที่สุโค่ยจริงๆ นะครับ ชอบมาก 5555
ในสต็อคที่เขียนไว้มีบรรยายทิมแบบเด็ดขาดกระชากใจกว่านี้เยอะมากเลย
อ่านแล้วจะเป็นไงนะ อยากจะลัดคิวมาลงให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเนี่ย คอมเมนต์ตอนนั้นต้องเจ๋งมากแน่ๆ 55


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


คนที่นี่ ส่วนใหญ่ชอบเชียร์มวยรองเหรอเนี่ย คะแนนทิมพุ่งพรวดๆ เลยแฮะ
ตอนต่อไปมาแล้วล่ะครับ สาธุ! ขอให้คะแนนวิศวกรโรคจิตตกลงซะทีเถ๊อออออออ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-10-2012 19:49:22
ขอกอดพร้อมกับสวัสดีทุกๆ คนนะครับ อ่านคอมเมนต์แล้วรู้สึกปลาบปลื้มตื้นตันใจ
ตอนที่ 14 นี่ยาวหน่อยนะครับ ตัดสินใจลงรวดเดียว เอาให้อ่านกันให้ตาลายกันไปข้าง
เพราะว่าอย่างเร่งเนื้อหาช่วงประมาณนี้ให้มันผ่านไปเร็วๆ สักหน่อยนั่นเอง

เอาล่ะครับ ใครที่คิดถึงจันทูสุดสวย ตอนนี้คิดว่าพอจะหายคิดถึงกันบ้างล่ะเนอะ ^ ^


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 14




นับจากวันนั้นก็เป็นเวลาห้าวันแล้ว หากแต่ทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
รอยแผลที่ปากหายสนิทแล้ว โชคดีที่มันเป็นเพียงแผลเล็กๆ ไม่ได้สะดุดตาใครๆ
แต่คะน้าไม่รู้เลยจริงๆ ว่าทิมต้องการอะไรกับการทำตัวเป็นอันธพาลแบบนั้น

...หรือทุกอย่างมันเป็นเพียงแค่คำขู่ที่ไว้แกล้งกัน หรือมันเป็นก็เป็นเพียงแค่
เกมสนุกๆ ที่มีไว้ใช้การแกล้งหยอกแบบการกระทำแปลกๆ ที่ผ่านมา
...หรือมันก็แค่นิสัยห่ามๆ ของผู้ชายเวลาเอามาเล่นกัน ไม่ถือสาหาความ

จนปัญญาจะคิดอะไรในเวลานี้ให้มากมาย เมื่อทุกอย่างมันยังไม่เกิด
บางที อาจจะเป็นเราเพราะคิดมากไปเองก็ได้ มันคงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก
ในเมื่อไม่เคยทำอะไรให้โกรธหรือแค้นใจกัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาทำร้ายกันไม่ใช่เหรอ
ที่สำคัญ กับผู้ชายเหมือนกัน ทิมก็คงไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว




...มันคงไม่เหมือนกับเรา

ตลาดยังคงเงียบแบบหลายๆ วันที่ผ่านมา คนเดินตลาดน้อยจนพ่อค้าแม่ขายนั่งสัปหงกกันแล้วกันเล่า
คุณลูกค้าหายไปไหนกันหมดนะครับ ช่วยมาเดินตลาดกันทีเถอะ ผมเบื่อจะแย่อยู่แล้ว
ยิ่งเวลาว่างยิ่งเยอะก็ยิ่งคิดมาก ยิ่งคิดมากก็ยิ่งเครียด และยิ่งเครียด ...เครียดแบบจัดๆ เลยเมื่อ...

คะน้าเหล่ไปมองหญิงสาววัยขบเผาะในชุดสายเดี่ยวสีบานเย็น ซึ่งตัดกันฉูดฉาด
กับกางเกงสีเขียวมะนาวสะท้อนแสงสั้นเต่อ ผิวสีน้ำผึ้งที่เข้มคล้ำ ...ไม่สิ อันที่จริง
น่าจะเรียกว่าสีน้ำปลาจะดีกว่า วอกจนน่าตกใจด้วยแป้งพม่าที่พอกจนเหลืองอ๋อยทั้งตัว
จันทูหันไปโปรยยิ้มให้กับพ่อค้าแม่ค้าแผงใกล้เคียงราวกับซุป’ตาร์ประจำตลาด

เสียงเฮดังลั่นพร้อมกับเสียงหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล
เมื่อจันทูยืนเด่นเป็นสง่าแล้วเด้งหน้าเด้งหลังในท่าพิลึกกึกกือ
ได้โปรดอย่าคิดภาพตามเลยครับ เพราะมันเป็นภาพที่ไม่ส่งเสริมจินตนาการใดๆ ทั้งสิ้น
อ้อ... เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรจะมองนะ ไม่สิ! ขอร้องเถอะ อย่ามองเลย

“พอเถอะจันทู อายเค้า” คะน้าเบือนหน้าหนีเมื่อสาวเกาหลี
ที่ไปพลัดเกิดในครรภ์คนพม่าเดินเข้ามาใกล้ แล้วเด้งๆๆๆๆ
โปรดอย่าคิดว่าเป็นหน้าอกหน้าใจเลยนะครับ
ผมหมายถึงหน้าท้องหลามๆ ของจันทูต่างหาก


“โอ๊ปป้า! กำนันสไตล์!!!” จันทูเด้งจนกระเพื่อม

“เอ่อ... เค้าร้องกังนัมสไตล์ไม่ใช่เหรอ” คะน้าเกาหัวแกรกๆ ด้วยความเครียด
ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อจันทูยื่นหน้ามาใกล้ แล้วถลนตาใส่

“กำนันสไตล์!!!!!!” จันทูอ้าปากกว้างราวกับปีศาจพ่นพลัง
แผดเสียงหมื่นเดซิเบลจนขี้หูแทบจะหลุดออกมาเต้น
...โอ้ย ขอกูสามคำเหอะ จันทู



มัน-เหม็น-มาก!!!

ระหว่างที่คะน้าเอามืออุดจมูกยอมขาดใจตายคาที่อยู่นั้น เสียงกริ๊ดก็ดังขึ้นจากมุมตลาด
ไม่บอกก็รู้ว่าหายนะกำลังจะมาเยือนที่แผงของคะน้าแน่ๆ
เมื่อ สายใจ ...หอยใหญ่หอยสด เดินส่ายอาดๆ ส่งเสียงกริ๊ดกร๊าดเข้ามา

“กำนันผู้ใหญ่บ้าน บ้านแกสิอีจันทู หน้าอย่างแกเนี่ย ไปร้องเพลงคันหูไป๊ ทุเรศลูกตา”
ก็ยอมรับว่ามีหลายครั้งที่คะน้าแอบเห็นด้วยกับสายใจเบาๆ
“ทำอะไรที่มีดูอุบาศว์ๆ น้อยกว่านี้หน่อย คนเดินตลาดหายหมดก็เพราะแกนั่นแหละ”

จันทูหยุดเต้นทันที แล้วเดินมามองหน้าสายใจด้วยเซ็ง สาวพม่านัยน์ตา Korea ยื่นหน้ามา
กระทั่งแนบชิดเหมือนกับจะมีเรื่องกัน คะน้ารีบลุกขึ้นมาตั้งท่าจะห้ามทัพ แต่คนอย่างสายใจไม่เคยกลัว!

“มองอะไรยะ ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ” สายใจเขม่นมองหัวจรดเท้าแล้วทำหน้าแหยงๆ
ยืดอกไซส์บึ้มเป็นไข่ฟูเข้าหาแล้วมองไข่ดาวตะหลิวตบรีดน้ำมันแบบจันทู
ก่อนจะส่ายหน้าแล้วยกนิ้วก็มาดีดเลียนแบบท่าเซเลปคนดังที่เพิ่งเป็นข่าว

“ไหวป่ะ!!!”

ไม่มีอก แต่จันทูก็แอ่นพุงสู้ไม่ถอย! ฆ่าไม่ได้หยามก็ไม่ได้
มีหรือจันทูจะยอมรามือ และทันใดนั้นเอง...





“โอ๊ปป้า! กำนันสไตล์!!!!!!”

คราวนี้จันทูเด้งเหมือนคนโดนไฟช็อต ผมเผ้าที่มัดรวบอยู่สยายออกราวกับคนบ้า
สายใจสะดุ้งเฮือกคล้ายคนโดยอาคมเขมรต้องห้าม! ตั้งท่าจะถอยหนี แต่...


“กำนันสไตล์!!!!!!”


ไส้เดือนโดนขี้เถ้ายังต้องตีไฟเลี้ยว ท่วงท่าปริศนาที่เหมือนระบำบูชาภูติผีพม่าอะไรสักอย่างของจันทู
ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อสภาพจิตแค่เฉพาะสายใจ เพราะแม้แต่คะน้าที่เห็นบ่อยๆ ยังมีอึ้ง ทึ่ง (ไม่)เสียว
...ช่างไม่เหลือเค้าของต้นฉบับเลย เมื่อหันไปมองสายใจก็อดสงสารไม่ได้

สายใจกริ๊ดสะดุ้งตกใจสุดพลังราวกับเห็นผีมาทั้งป่าช้า คะน้าถึงกับเอามือกุมขมับ
ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แม่ค้าหอยทอดสุดสวยกรีดร้องเหมือนคนสติไม่ดี
ถอยกราดด้วยความตกใจ สายใจสุดสวยปากสั่นอุทานด้วยความงันงก


“อีจันทู! ก...กูมีพระนะ!!!!” สายใจหอบสั่น



น่ากลัวยิ่งกว่าพายุแกมี เมื่อเจอกับแกไม่มี(อะไรจะเสีย)กันอีกแล้วแบบสองสาวนี้
และกว่าเหตุการณ์จะสงบลง ก็พาเอาเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่นั่งสัปหงก
ลุกขึ้นมาขำจนปวดท้อง ตีนกาขึ้นมาทักทายราวกับเพื่อนสนิทกันเป็นแถว

...จันทู ...สายใจ อย่าเป็นแม่ค้าเลย เธอสองคนน่าไปจับคู่เล่นตลกคาเฟ่ซะจริงๆ

“ดูสิคะ” ตั้งสติได้ สายใจทำหน้าออเซาะ กวาดสายตามองไปรอบๆ ตลาด
มือไม้เลื้อยเกาะตัวคะน้าเป็นหนวดปลาหมึก “เหงาหงอยมากเลยนะคะพี่คะน้า”
...ฟองน้ำ เอ้ย! หน้าอกหน้าใจเบียดบี้เข้ากับต้นแขนของคะน้าเต็มที่

อีกฝ่ายมีหรือที่จะยอมแพ้ จันทูเบ้ปากแล้วเดินมาเกาะแขนอีกข้างของคะน้า
มีอะไรที่เธอสู้สายใจไม่ได้! ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มองหน้าอกของสายใจ
แล้วสูดลมเข้าปอดให้ลึกที่สุด ...เอามันบดบี้กลับช็อตต่อช็อต



...พุงนะ

“เปนราย หล่อนเถิงเหงาหอย” จันทูทำหน้าสะอิดสะเอียน

“เหงาหงอย!!!!!” สายใจกริ๊ดจนเจ๊เป็ดถึงกับยกมือมาอุดหู
“อีบ้า! อีผีลูกกรอก หอยชั้นไม่เคยเหงาย่ะ อีนี่”
พูดจบก็หันมาสะดุ้งเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายืนอยู่ข้างๆ คะน้า

“ว๊า แย่จัง เค้าพูดไรออกไปม๊ะรู้วววว์” คะน้ามองตาปริบๆ
ชักสงสัยว่า หรือจริงๆ สายใจก็มาจากพม่าเหมือนกัน?

“พอๆๆ อย่าทะเลาะกัน” คะน้าห้ามศึกก่อนจะบานปลายไปไกล
และหลังจากคึกครื้นกันพอเป็นพิธี คะน้าก็หันมาพูดสิ่งที่อยู่ในความคิดมาหลายวัน
“เจ๊เป็ด จริงๆ แล้วฉันก็คิดมานานแล้วนะ อยากทำอะไรให้ตลาดนี่มันดีขึ้นน่ะ
ฉันว่าพวกเราลองมาจัดตั้งกรรมการตลาดกันดีไหม”
คะน้าหันไปถามเจ๊เป็ดที่อยู่คู่กับตลาดแห่งนี้มานาน

“มันคืออะไรวะ ไอ้คะน้า” เจ๊เป็ดถามกลับ
สายใจและจันทูก็หันกลับมาฟังด้วยความสนใจ

“กรรมการตลาดก็คือพ่อแม่พี่น้องชาวตลาดเรานี่แหละ ไม่ได้มีเงินเดือนหรอกนะ
เหมือนอาสาสมัครน่ะแหละ เป็นตัวแทนที่เราเลือกขึ้นมาเพื่อเป็นหูเป็นตา
คอยรับเรื่องต่างๆ จากชาวตลาดของเราแล้วมาปรับปรุงตลาดเราไงจ๊ะ”

“ฟังดูมันก็เข้าท่าดี แต่มันยังไงวะ” เจ๊เป็ดงง

“นั่นสิพี่คะน้า อะไรเหรอจ๊ะ” สายใจก็สงสัยเช่นกัน

คะน้ายิ้มแล้วอธิบายเรื่องเกี่ยวกับระบบต่างๆ ที่เขาซุ่มคิดมาสักพัก
เพื่อพัฒนาตลาดแห่งนี้ให้ดียิ่งขึ้น เหล่าพ่อค้าแม่ขายเริ่มให้ความสนใจ
แล้วเดินมารวมกลุ่มกันฟัง ต่างก็เห็นด้วยและคิดว่าน่าจะทำให้ตลาดกลับมาดูคึกคักได้อีก

นึกถึงภาพวันวานที่เขาและผักกาดวิ่งตามป๋าและแม่เดินตลาดแห่งนี้
ตลาดที่เหมือนกับบ้านหลังที่สอง เหมือนกับสนามเด็กเล่น
และเป็นเหมือนกับโรงเรียนตอนปิดเทอมฤดูร้อน
ป๊ามักจะพามาเขาและผักกาดเดินทักทายเหล่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาด
ก่อนจะมาหยุดที่แผงเล็กๆ ที่ขายไข่ไก่จากฟาร์ม
มะพร้าวอ่อนจากสวน และไอศกรีมเย็นๆ ฝีมือของแม่

เจ๊เป็ด แม่ค้าขายผักแผงข้างๆ ที่เป็นสาวรุ่นหน้าตาสะสวย
มักจะเดินมาเล่นกับเราสองคนประจำ บางครั้งก็นั่งป้อนไอศกรีมอร่อยๆ ให้เราสองคนกิน
...คนละถ้วยโตๆ เลยล่ะ รู้ไหมว่าไอติมเย็นๆ ของแม่อร่อยกว่าขนมอะไรบนโลกนี้
และตลาดของป๊าก็ดูคึกคักครื้นเครง ไม่มีสักครั้งที่พื้นที่แห่งนี้จะเงียบเหงา


...มีความทรงจำมากมายอยู่ที่นี่

...ป๋าครับ ...แม่ครับ ในเมื่อป๋ากับแม่มอบมันให้กับเจ้ผักกาดและต่ายดูแล
ต่ายจะทำให้ตลาดของป๊ากับแม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
จะต้องมีตลาดแห่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ ให้ได้ จะไม่ทำให้ป๋ากับแม่ผิดหวังครับ

คะน้านิ่งรอฟังความคิดเห็นของเหล่าพ่อค้าแม่ขาย และเป็นไปตาคาด
ทุกอย่างเป็นที่ยอมรับของพี่น้องชาวตลาด ทุกคนเห็นดีเห็นงาม
กับแนวคิดการปรับระบบให้เป็นระเบียบขึ้น แทนที่จะเป็นตลาดสดแบบเดิมๆ
คะน้าภูมิใจกับก้าวเล็กๆ ของการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
จันทูเดินมาใกล้ๆ แล้วส่งยิ้มให้ คะน้าจึงยิ้มตอบอย่างมีความสุข
จันทูแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ดวงตาเป็นประกายวิ๊งๆ

“หล่ออ่ะ โกดไลค์ ละมาขึ้นอิน รีเลชั่นฉิบกานป่ะ”
ฉิบเหรอ ฉิบหายล่ะสิกู คะน้ารู้สึกขนลุกเกรียว

เย็นวันนั้น ตุลแวะมารับคะน้าที่ตลาดแล้วพาแวะไปทานข้าวเย็น
คะน้าเล่าเรื่องที่ตลาดให้ตุลฟัง แล้วก็เป็นไปตามคาด
จันทูสุดสวยเป็นเรื่องที่เรียกรอยยิ้มได้เสมอ หากแต่คะน้าก็ลอบเห็นใบหน้าที่ครุ่นคิดของตุล
ชายหนุ่มเหมือนมีความคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ...อาจจะเป็นเรื่องงาน
พักหลังๆ ตุลมารับคะน้าช้าลง บางครั้งหนึ่งชั่วโมง บางครั้งก็สองชั่วโมง
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะคะน้ามักมีอะไรให้ทำที่ตลาดเสมอ

“ช่วงนี้งานเครียดๆ เหรอครับ” ตุลยังคงสงบนิ่ง
คิ้วเข้มขมวดจนยุ่งเหยิง จนคะน้าต้องถามย้ำ

“เอ้อ... โทษทีนะอ้วน ตุลคิดอะไรเพลินๆ น่ะ”

“ยังคิดเรื่องบทความที่จะเขียนลง journal เหรอครับ”
คะน้าเอ่ยถามเมื่อเห็นดวงตาที่มองเหม่อของตุล

“อะไรๆ มันมีปัญหานิดหน่อยน่ะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องอื่นๆ”

“ถ้ามีอะไรที่ผมพอช่วยได้ ตุลไม่ต้องเกรงใจนะ”
ตุลหันกลับมายิ้มกว้าง ฝ่ามือกว้างขยี้ลงบนผมของคะน้าเบาๆ

“รู้ไหม ว่าอ้วนมักทำให้ตุลลืมเรื่องปัญหาได้อย่างง่ายดาย
เหมือนกับอ้วนทำให้ตุลรู้สึกว่าปัญหามันแค่นี้เอง”
รอยยิ้มที่สดใสของคนที่ใส่แว่นกลับมาอีกแล้ว ตุลสบตาของคะน้าด้วยความสุขที่เต็มเปี่ยม


“แล้วตุลก็จะผ่านพ้นมันไปได้ ...กับอ้วน”

คะน้าก้มหน้างุด ไม่รู้จะพูดอะไรดี การที่มีใครสักคนให้เราได้ดูแล
ช่วยกันแบ่งปันทั้งความทุกข์หรือความสุข มันดีแบบนี้เอง ...นี่ล่ะมั๊งที่เรียกว่าความรัก



“อ้วน... ตุลรักอ้วนนะ”

คะน้าเบือนหน้าไปมองวิวที่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเป็นสีดำมืด
บนกลางผืนผ้าสีดำที่กางคลุมโลกทั้งใบไว้นั้น
มีสีเหลืองนวลเป็นวงกลมวงโต ...พระจันทร์มันสวยจังเลยเนอะ

และเมื่อแยกกันที่หน้าห้อง คะน้าก็รู้สึกแปลกใจ
เมื่อทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องไปก็ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยมากมาย
จนพาลให้คะน้าที่อิ่มจนพุงจะแตกกลับมารู้สึกหิวได้อีกอย่างน่าประหลาด

“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย พี่สาวลุกขึ้นมาทำกับข้าวกินเองเพียบ”
ลองหยิบขึ้นชิม รสชาติช่างอร่อยถูกปากจนน่าตกใจ

“เจ้ทำเองเป็นที่ไหนเล่าต่าย ทำได้แบบนี้ หนุ่มๆ มารุมจีบหัวบันไดไม่แห้งแล้ว”
ผักกาดตอบผู้เป็นน้องชาย “ว่าแต่กินอะไรมาแล้วหรือยังล่ะเรา”

“อื้อ กินแล้ว รู้งี้หอบท้องกลับมากินที่บ้านดีกว่า”
คะน้าวิ่งเข้าไปกอดผักกาดจากทางด้านหลัง

“ไปไกลๆ เลยแก ชั้นเป็นพี่สาว ไม่ใช่แม่ ไม่ต้องเลยๆๆ”

“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่แหละ” คะน้าหอมแก้มผู้เป็นพี่สาวฟอดใหญ่
ผักกาดหัวเราะแล้วพูดถึงอาหารน่าตาน่าทานมากมายที่อยู่ตรงหน้า

“แต่เพื่อนเรานี่ฝีมือดีมากเลยนะ เจ้ล่ะตกใจหมดเลย”

“เพื่อน?”

“อ้าว ก็เพื่อนต่ายน่ะสิ ไม่ได้คุยกันหรอกเหรอ”

“ใครอ่ะ ไม่เห็นรู้อะไรเลย”

“ที่วันก่อนมากินข้าวไง ไม่ใช่หมอข้างห้องเรานะ คนที่ซนแบบลิงล่ะ”

“ห๊ะ?!?!”

“ชื่อทิมใช่ไหม แปลกนะ ท่าทางดูเป็นคุณชายสำอางขนาดนั้น
แต่พออยู่หน้าเตาคล่องแคล่วจนเจ้อายเลยล่ะ”

“ทิมน่ะเหรอ” คะน้าทวนชื่อซ้ำแบบไม่ค่อยอยากจะเชื่อหูตัวเอง

“เห็นบอกว่าตอนเรียนอยู่เมืองนอกทำกินเองประจำ
แล้วนี่ก็อยู่บ้านคนเดียวก็เลยทำบ่อยๆ ต่ายนี่เป็นเพื่อนประสาอะไร
ก็เห็นบอกว่าจะแวะมาทำให้ต่ายกิน
เนี่ย... เจ้เลยเหลือไว้ให้ ไม่งั้นฟาดเรียบไปหมดแล้ว”

“แล้วอยู่ในห้องเหรอ” คะน้ามองสำรวจทุกอย่างตรงหน้าอีกที
แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของทิม
ลองตักชิมแต่ละจานดูก็ยิ่งแปลกใจ ทั้งหมดไม่ต่างกับ
อาหารจากร้านอาหารชั้นดีเลย ทั้งรสชาติและหน้าตา



“กลับไปแล้ว”

เป็นคำตอบที่หน้าแปลกใจยิ่งกว่า ...ทิมกำลังทำอะไร

ทุกอย่างเหมือนฉากที่เล่นซ้ำเดิมทุกวัน ทิมแวะมาทำอาหารให้กับผักกาดทาน
แล้วขอตัวกลับก่อนที่จะได้เจอะเจอกับคะน้าทุกครั้ง
แม้ว่าผักกาดจะเชื้อเชิญให้อยู่ต่อเพื่อรอเจอยังไงก็ตาม
แต่คำเชิญนั้นก็ดูจะไม่เป็นผลกับผู้ชายที่ชื่อ ...ทิม
...คงไม่ได้คิดจะเอาของกินมาล่อหรอกนะ


เด็กชะมัด! ไม่มีใครหลงกลหรอก

สิบนาทีต่อมา จานอาหารทุกใบบนจานว่างเปล่าด้วยฝีมือของคะน้า
ชายหนุ่มลูบท้องป่องๆ ของตัวเอง ไม่มีอะไรจริงๆนะ แค่รู้สึกเสียดาย ...จริงๆ นะ
แต่ก็รู้สึกนิดๆ ว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มีหวังได้อ้วนขึ้นแน่ๆ ว่าแล้วก็เรอออกมาเบาๆ

อ๊า... สวรรค์ชัดๆ เลยคะน้า

เข้าวันที่เก้า ตุลโทรมาบอกว่าวันนี้คงมารับไม่ได้ เพราะมีธุระที่ต้องทำ
คะน้ารู้ดีว่าเป็นช่วงเวลาที่เคร่งเครียดสำหรับตุล หลายวันที่ผ่านมา
ตุลมีสีหน้าครุ่นคิดตลอดเวลา ดวงตาเหม่อลอยบ่อยครั้ง ซึ่งคะน้าอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
แต่ความกังวลทั้งหลายก็มลายสิ้นไปอย่างง่ายดาย ในเวลาที่คะน้าชวนคุย
เรื่องตลกๆ ของจันทู หรือเพียงแค่ให้กำลังใจด้วยถ้อยคำสั้นๆ

อาชีพหมอไม่ได้ว่างแบบอาชีพไหนๆ ไหนจะคนไข้ที่ต้องรักษา
สัปดาห์นี้นอกจากมีลงตรวจผู้ป่วยนอกแล้ว ยังมีเคสผ่าตัดใหญ่ๆ
อยู่สองสามเคสตามที่ตุลเล่าให้ฟัง ไหนจะต้องมาเขียนบทความวิชาการอีก
ก็ไม่แปลกเลยที่จะเครียดแบบนั้น วันนี้ทั้งวัน คะน้าจึงง่วนอยู่กับการจัดระบบใหม่
ของตลาดที่ได้พูดคุยกับเหล่าพ่อค้าแม่ขายเมื่อวันก่อน

ผลการจัดตั้งกรรมการแล้วเสร็จลงด้วยดี คณะกรรมการตลาดมีทั้งหมดสิบคน
กระจายไปยังแผงต่างๆ ทั่วทั้งตลาด และเพราะความที่อยู่กับตลาดแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มต้น
และอัธยาศัยดี เจ๊เป็ดจึงได้รับเลือกเป็นหัวหน้าคณะกรมการตลาด
แผนการแรกหลังจากที่ได้พูดคุยกับทุกแผงในตลาดก็คือ
จะมีการจัดตั้งกิโลสำหรับชั่งอาหารที่กลางตลาด เพื่อให้คนที่มาจับจ่ายซื้อของในตลาด
มั่นใจในความยุติธรรม สามารถมาชั่งน้ำหนักของที่ตัวเองซื้อมาได้
นอกจากนี้ก็จะมีการติดตั้งลำโพงเพื่อเป็นเสียงตามสายในตลาด
คอยเปิดเพลงเพราะๆ ทั่วทั้งตลาดทั้งสัน ช่วยให้ตลาดคึกครื้นขึ้น

ช่วงบ่าย จู่ๆ คะน้าก็มีแขกทีเกินความคาดหมายมาปรากฏตัวที่แผง
หมอก้อยในชุดเรียบง่ายมาหาเขาถึงที่ตลาด
สีหน้าที่เฉยเมยกับดวงตาที่ไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ของเธอ
ยังเหมือนกับครั้งก่อนที่คะน้าได้พบเจอไม่ผิดเพี้ยน

“คงไม่ต้องถามว่าหาคุณเจอได้ยังไง พอจะมีเวลาว่างไหมคะ
ดิฉันมีเรื่องอยากจะขอคุยด้วย” ใจจริงคะน้าไม่อยากจะทิ้งแผงไปไหน
แต่เมื่อเห็นสายตาเขม่นของจันทู คะน้าจึงตัดสินใจตามหมอก้อยออกไปอย่างจำใจ

หมอก้อยพาคะน้าเดินไปที่รถของเธอ คะน้ามีสีหน้าไม่ดีเท่าไหร่
ไม่ใช่เพราะห่วงว่าหมอก้อจะทำอะไรไม่ดี แต่เป็นห่วงแผงที่ทิ้งให้จันทูดูแลคนเดียว
“ไม่ไปไกลหรอกค่ะ ดิฉันไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น” คะน้าจึงจำยอมขึ้นรถแต่โดยดี
หญิงสาวพาคะน้าไปที่ร้านกาแฟหรูในย่านห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป

“คงทานได้นะคะ” เธอพูดเบาๆ เหมือนคุยกับตัวเอง และโดยไม่รอคำตอบใดๆ
ก้อยก็เดินนำเข้าไปในร้านกาแฟแล้ว เธอสั่งกาแฟปั่นโดยไม่ต้องดูเมนูเครื่องดื่ม
แล้วหันมามองคะน้าที่ยืนข้างๆ สีหน้าปราศจากรอยยิ้มและท่าทีของความเป็นมิตร

“ทานอะไรคะ” เหมือนเป็นคำชวนตามมารยาทมากกว่า คะน้าไม่อยากคิดมาก
พยายามไล่อ่านดูเมนูเครื่องดื่มชื่อแปลกๆ แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะทานอะไร

“โห กาแฟอันนี้แพงจัง แก้วละตั้งเกือบสองร้อย” คะน้ารำพึงขึ้นเบาๆ
ตกใจกับราคาเครื่องดื่ม ได้ยินเสียงถอนหายใจของหญิงสาวข้างๆ เบาๆ
ก่อนที่เสียงหวานจะสั่งเครื่องดื่มที่คะน้าเพิ่งบ่นว่าราคาแพงให้กับคะน้า

“ให้ดิฉันเลี้ยงเถอะนะคะ” เธอหันมาสบตาแล้วยิ้มน้อยๆ
แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดเสียจริง เมื่อรับกาแฟนมาแล้ว
หญิงสาวก็เดินนำเข้าไปยังโซฟาที่อยู่ด้านในของร้าน
คะน้าหยิบแก้วของตัวเองแล้วเดินตามไปโดยดี หมอก้อยหยิบกาแฟปั่นขึ้นดื่ม
แล้วนั่งเงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร คะน้าก็เลยได้แต่เงียบตาม
พยายามนึกหาเรื่องคุยไม่ให้บรรยากาศอึดอัดเกินไป

“ปกติทานที่ตลาดจนชิน เห็นแบบนี้เลยตกใจน่ะครับ น่าอร่อยดีจัง”
คะน้าหยิบกาแฟขึ้นดื่ม ...ไม่ใช่คอกาแฟ
ลิ้นจระเข้แบบเขาแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอะไร

“ดิฉันขอถามตรงๆ แล้วกันนะคะ” ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คะน้าพูดนัก
เธอเปิดบทในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะรู้ในวินาทีต่อมา “คุณเป็นแฟนกับตุลเหรอคะ”

เล่นเอาคะน้าถึงกับอึ้งในความตรงไปตรงมา ชายหนุ่มได้แต่นิ่งเงียบ
ไม่รู้จะหาคำตอบอย่างไรให้ฟังแล้วดูเหมาะสม
หากแต่ดูเหมือนว่าหมอก้อยจะรู้เรื่องดังกล่าวมาก่อนหน้าอยู่แล้ว

“ตุลเป็นคนเก่งมากนะคะ ในรุ่นเดียวกันเขามีผลงานมากกว่าใคร
ลำพังการต่อสายศัลยศาสตร์ก็ถือว่าเป็นเรื่องยุ่งยากกว่าอายุรศาสตร์พอสมควรอยู่แล้ว
แต่ตุลถือเป็นมือหนึ่งในรุ่นที่ต่อเฉพาะทางด้านระบบประสาทได้อย่างเก่งกาจ
ไหนจะผลงานด้านวิชาการต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับจาก journal ระดับโลก”
หมอก้อยพูดถึงตุลไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดชะงักไป “เรื่องพวกนี้ คุณคงไม่เข้าใจเท่าไหร่ล่ะมั๊งคะ”

คะน้ากลืนน้ำลายลงอย่างฝืดเคือง รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แฝงไว้ในคำพูด
น้ำเสียง หรือแม้แต่ท่าทางของหญิงสาว ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่นิ่งเงียบและรับฟังโดยดี

“ความรักของพวกคุณไม่ใช่สิ่งผิดหรอกค่ะ แต่อยากให้คุณรับรู้ไว้ว่า
การที่มันไม่ผิด ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูกต้อง” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก
“ตุลเป็นเหมือนกับคนที่รุ่นใหม่ที่แบกรับหน้าตาของโรงพยาบาล
เค้าแบกความคาดหวังเอาไว้มากค่ะ เป็นเหมือนกับหน้าตาที่ต้องดูดี และสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง”

“ถึงแม้ว่าโลกปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก็ยอมรับเถอะค่ะ
มันก็แค่คำพูดที่สวยหรู ...ที่นี่ประเทศไทยนะคะ ในความเป็นจริงแล้ว
คุณคงไม่อยากให้ตุลที่มีความสามารถ และเพียบพร้อมไปทุกอย่าง”



“...เป็นได้เพียงประชากรชั้นสองในวงการแพทย์”

คะน้าถึงขั้นอึ้งกับสิ่งที่ได้รับฟัง ยอมรับว่าเขาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
ในสายวิชาชีพของตุลแม้แต่น้อย หากแต่เห็นความมุ่งมั่น
ความสามารถที่เต็มเปี่ยมของตุล และเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ...ตุลรักงานที่เขาทำ

“ผมไม่ทราบเรื่องพวกนี้เลยครับ”

“ดิฉันคิดว่าคุณเป็นคนที่น่ารักมากๆ เลยนะค่ะ
และคุณก็น่าจะเป็นคนที่มีความคิดดีๆ มากๆ คนหนึ่งด้วย”
หมอก้อยเอื้อมมือมาแตะที่แขนของคะน้าเบาๆ

“หากคุณมองว่าดิฉันเป็นมารความสุขของคุณ
อะไรๆ ที่มันกำลังเป็นอยู่ เลวร้ายกว่าสิ่งที่ดิฉันทำลงไปมาก”

คะน้านิ่งเงียบไปพักใหญ่ๆครุ่นคิดเรื่องต่างๆ ที่ได้รับฟังแล้วชั่งใจ
ก่อนจะตั้งคำถามกลับถึงสิ่งที่เขาไม่อาจหาคำตอบใดๆ ได้
“ผมควรจะทำยังไงครับ” คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก
ก่อนจะระบายความอัดแน่นนั้นออกมาอย่างยากลำบาก



“...เพราะไม่ว่าผมจะทำสิ่งไหน ล้วนเป็นการทำร้ายและทำลายตุลทั้งนั้น”


“คุณนิยามความรักว่ามันเป็นยังไงคะ”

คะน้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ของผู้คนมากมายรอบๆ ตัว
แล้วทบทวนหาคำจำกัดความในความรู้สึกของตนเอง
ป๋า แม่ ผักกาด เจ๊เป็ด จันทู สายใจ ตุล หรือแม้แต่ใครๆ

...อะไรคือนิยามความรักที่ตัวเขามอง?

“ความรัก...” คะน้าทวนความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา




(ยังเหลืออีกครึ่งนึงนะ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-10-2012 19:55:57
(ต่อเลยๆๆๆ)


“ความรัก...” คะน้าทวนความคิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา



“ความรัก ...คือการให้ครับ”

ก้อยยิ้มน้อยๆ แล้วคนแก้วกาแฟ วิปปิ้งครีมสีขาวขุ่นค่อยๆ ละลายตัว
ผสมในน้ำกาแฟที่ปั่นจนเนื้อละเอียดเนียน “โดยหวังผลตอบแทนหรือเปล่าล่ะคะ”

“ไม่ครับ ผมไม่เคยต้องการสิ่งที่ตอบแทน” หญิงสาวหัวเราะร่วนเสียงใส
ดวงตาจ้องมองราวกับฟังเรื่องตลกขบขันมาสดๆ ร้อนๆ

“คงไม่ว่าอะไรนะคะ ถ้าดิฉันจะบอกว่าดิฉันไม่เชื่อในสิ่งที่คุณพูดเลย”

“คงยากที่จะพิสูจน์ให้คุณเชื่อในสิ่งที่ผมคิดจริงๆ”

“มันไม่ยากเลยค่ะ น่าจะทราบว่าดิฉันหมายถึงอะไร”
หมอก้อยเก็บข้าวของของเธอแล้วลุกขึ้นยืน
“ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกผลประโยชน์ของตัวคุณเอง
หรือว่าผลประโยชน์ของคนที่คุณรักอย่างที่คุณพูด”

คะน้าอึ้งไป ชะงักไปกับสิ่งที่หญิงสาวพูด ควรจะเชื่อสิ่งที่เธอคนนั้นพูดไหม
มันเป็นเรื่องจริง หรือมันเป็นเพียงคำหลอกลวง แม้ว่าเหตุผลต่างๆ นานา
ที่ได้ยินจากปากเธอผู้นั้น ไม่มีข้อใดๆ ที่ฟังดูเป็นเรื่องลวงหลอกเลย


“ถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็หวังว่าจะไม่ได้พบกับคุณอีกต่อไป”

...บางที นี่อาจจะเป็นคำเอ่ยลาในรูปแบบของเธอ



เย็นวันนั้น หลังจากชั่งใจอยู่นาน คะน้าก็ตัดสินใจกดสายโทรหาตุลว่ากำลังจะกลับบ้าน
และถ้าเป็นไปได้ ก็คงจะแอบถามไถ่เรื่องงานของเขาสักหน่อย แล้วลองกลับมาคิดดูอีกครั้ง
หากแต่หมอหนุ่มไม่ได้รับสาย และเมื่อลองกดโทรไปอีกครั้ง เหมือนว่าตุลจะกดปิดเครื่องโทรศัพท์ไปแล้ว
ความรู้สึกบางอย่างบอกคะน้าว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องงานเสียทีเดียว
...บางที มันอาจจะเป็นเรื่องของหญิงสาวที่เขาได้พูดคุยเมื่อตอนกลางวันก็เป็นได้
...อาจจะ ...หรืออาจจะไม่ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร คะน้าก็รู้สึกไม่ค่อยจะดีกับมันเลย

ตอนค่ำ คะน้าเดินออกมาที่หน้าตลาด ครุ่นคิดเรื่องเกี่ยวกับตุลไปตลอดทาง
เพราะเราหรือเปล่าที่ทำให้ตุลมีปัญหา และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ตุลไม่มีทางที่จะยอมบอกเรื่องพวกนี้จากปากแน่ๆ

...อนาคตการงานของตุล ...สิ่งที่เขารักและภูมิใจ เธอคนนั้นบอกว่าตุลเป็นคนเก่ง
เป็นคนที่มีความสามารถมาก ถ้าเทียบกับคนในวัยเดียวกัน

“สายตาของตุลดีและมือก็นิ่งมาก เขาผ่ากล้องได้เนี๊ยบราวกับเป็น
ศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เป็นสิบปี ตุลเติบโตในสายอาชีพไวมาก”



แต่ทุกอย่าง ...มันต้องมาหยุดเพราะเราหรือเปล่า?

การจราจรยามเย็นนั้นคลาคล่ำไปด้วยรถรามากมาย ระหว่างที่ยืนรออยู่ที่ริมถนนนั้น
รถยนต์ของทิมที่เพิ่งเลี้ยวออกมาจากตลาดชะลอจอดตามรถคันข้างหน้า
เขามองซ้ายมองขวารอบตัวก็จะหันมาพบกับคะน้าที่ยืนอยู่ตรงนั้น
ทิมนิ่งและมองจ้องที่คะน้าซึ่งยืนอยู่ในระยะห่างแค่ไม่กี่คืบ ...ก่อนจะหันหน้ากลับไป

ไม่มีคำเชื้อเชิญ รอยยิ้ม หรือคำทักทายใดๆ จากคนที่คุ้นเคย



...อันที่จริง เหมือนกับคะน้าไม่มีตัวตนเสียด้วยซ้ำ

น้ำหนักของที่แบกอยู่ในมือเหมือนจะหนักอึ้ง ความรู้สึกแปลกๆ เสียดแทงในใจอย่างบอกไม่ถูก
คล้ายกับอยู่ๆ ร่างกายก็เกิดความเหนื่อยล้าจนไม่อย่างจะทำอะไร
หวิวๆ เหมือนกับตัวเราพร้อมจะโอนเอนหรือล้มลงได้อย่างง่ายดาย

ก็สมควรแล้วที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ มันดีแล้วล่ะกับทุกๆ อย่าง
ทั้งกับตุล ทั้งกับตัวเรา และทั้งกับทิม ก็ในเมื่ออะไรที่มันเป็นไปไม่ได้
ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ไม่ใช่หรือ คะน้าก้มหน้านิ่ง ...แสบตา ...แสบใจ

ที่คอนโด อาหารของทิมยังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผักกา
ดผู้เป็นพี่สาวแบบเช่นทุกๆ วัน กลิ่นหอมๆ ดูยังไงก็เหมาะสมแล้ว
กับหน้าตาของแต่ละจาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารสชาติของมันจะอร่อยขนาดไหน

“ต่าย วันนี้กลับบ้านเร็วเหรอ” เสียงของผักกาดดังขึ้นมาจากในครัว
“กินไรมายังน่ะ วันนี้ จ๋อมันจัดเต็มมากๆ”

“อ่อ... อิ่มแล้วล่ะ” คะน้ายิ้มตอบอย่างคนไม่มีแรง ถ้าเป็นเวลาปกติ
ผักกาดคงเอะใจกับความเปลรี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ นี้
แต่อาหารระดับร้านอาหารหรูๆ เบื้องหน้าดึงความสนใจของหญิงสาวไปเสียหมด
เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ผักกาดเงยหน้าขึ้นมา ผู้เป็นน้องชายก็หายตัวไปเสียแล้ว

คะน้าบิดประตูห้องนอนของตัวเอง เปิดออก แล้วเดินเข้าไป
ห้องทั้งห้องมืดมิดและปราศจากแสงไฟ คะน้ายืนสงบนิ่งอยู่อย่างนั้นสักพัก
ความคิดในสมอง ปั่นป่วนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
...รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่ถอนหายใจกับตัวเอง มือขวายกขึ้นแล้วกดเปิดสวิตซ์ไฟ
ก่อนจะพลิกตัวหันกลับมา ...ราวกับสองเท้าถูกยึดตรึงให้อยู่กับที่
ด้วยพันธนาการที่แน่นหนา ...ดวงตาสีดำขลับคู่นั้น



ทิมนั่งอยู่บนเตียงของเขา

บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ควรจะเรียกว่าอะไร
โมโห ตกใจ เหนื่อยใจ ...หรือดีใจ เสื้อเชิ้ตสีขาวยับย่นถูกเก็บปลายแขนให้พับขึ้น
สีขาวกระจ่างตัดกับสีน้ำเงินเข้มของกางเกงยีนส์เข้ารูป
กระดุมเม็ดบนถูกคลายออกสบายๆ เผยให้เห็นแผ่นอกกว้าง
สองมือเหยียดวางไปด้านหลังแล้วถ่ายเทน้ำหนักตัวโน้มอย่างเอกเขนก
รอยยิ้มง่ายๆ แบบที่คุ้นเคยติดอยู่บนใบหน้า ...แต่ทุกอย่างมันไม่ง่ายเลย

“ทิม... เอ่อ... สบายดีไหม” ไม่รู้ว่าทำไมถึงถามออกไปแบบนั้น

“หายหัวไปไหนซะล่ะ”

“อะไรเหรอ” คะน้าถามกลับด้วยความไม่เข้าใจ

“เห็นติดกันแจ” อึ้งไปนิดๆ กับคำพูดของทิม
...เห็น ...เห็นอย่างนั้นเหรอ เห็นได้ยังไง?

“ช่วงนี้ เค้ามีธุระยุ่งๆ น่ะ” คะน้าตอบไปตามที่คิด
ทิมเลิกคิ้วสูง ริมฝีปากเหยียดออกอย่างขบขัน

“ธุระที่ว่าคงอยู่ที่ซอกคอขวามั๊ง ถึงไม่กล้าโผล่มาเจอหน้า”

คะน้าหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ เหมือนทิมจงใจจะเสียดสี
เรื่องที่ตุลมักมีสาวๆ ในโรงพยาบาลตามติด แต่ทิมรู้ได้ยังไง
อีกอย่างนึง นับตั้งแต่ตอนนั้น ตุลก็ไม่เคยมีร่องรอยใดๆ พวกนี้อีกเลย
เหมือนเขาค่อนข้างจะชัดเจนกับสถานะที่เป็นอยู่ในตอนนี้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว

...หรือว่าเธอคนนั้น




...โกหกอย่างนั้นหรือ?

แต่มัน... เธอคนนั้นจะทำเรื่องแบบนั้นได้จริงๆ เหรอ

เหมือนยืนอยู่บนทางแยกที่ไม่รู้ว่าทางไหนเป็นทางที่ควรเดินหน้าไปต่อ
เป็นทางที่เหี้ยมโหดที่ไม่ว่าจะเลือกทางใด สุดท้ายปลายทางเหมือนจะมีความเจ็บปวดรอคอยอยู่ทั้งคู่
คะน้าถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว คิดไม่ตกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อย่างน้อย ถ้ามีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับตุลสักครั้ง อาจจะพอช่วยให้เขา
ได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ง่ายขึ้น หากแต่คะน้ายังไม่มีโอกาสเหล่านั้นเลย

“อีกหกวัน” จู่ๆ ทิมก็พูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี

คะน้าถอนใจ วกกลับเข้ามาเรื่องของทิม คะน้าไม่เข้าใจเลย
กับสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่ ทั้งการมาทำอาหารให้พี่สาวเขาทานทุกเย็น
หรือแม้แต่ที่อยู่ก็เฉยชา แล้วอยู่ๆ ก็โผล่ตัวมาพูดจาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้

“ทิม ผมไม่เข้าใจว่าทิมต้องการอะไร กับการเข้ามาทำดีกับเจ้ผักกาด
หรือทำอาหารอะไรพวกนี้” คะน้าพูดด้วยความสับสนและเหนื่อยล้าในใจ
หากแต่คนที่นั่งฟังกลับตอบกลับง่ายๆ ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

“เข้าหาทางพี่ ไม่มีอะไรผิดกติกา”

จนปัญญาจะหาความอะไรกับคนที่กวนโทสะ บอกกับตัวเองว่า
จะไม่ต่อล้อต่อเถียงใดๆ กับทิมอีก คะน้าได้แต่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
...นิ่งนานหลายนาที แต่แววตาเจ้าเล่ห์และรอยยิ้มยียวนของคนข้างหน้าช่างรบกวนจิตใจ
ยอมรับกับความรู้สึกตนเองว่ายิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจอย่างที่ตัวเอง
ก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน สุดท้ายก็เป็นตัวเองที่ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากอีกครั้ง

“ต้องการอะไร ผมไม่เข้าใจจริงๆ”

“แค่เตือนความจำ”

ทิมหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้าน
ร่างสูงเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้าของผู้เป็นเจ้าของห้อง
ดวงตาสีดำลุกวาวเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะเดินจากไปโดยไม่มีแม้แต่คำลา

เรื่องราวต่างๆ ประดังประเดเข้ามาในหัวสมอง มากมายจนนอนไม่หลับ
ทั้งเรื่องของตุลที่เธอคนนั้นพูดถึง หรือแม้แต่เรื่องที่ทิมพูดขึ้นมาเกี่ยวกับตุล
หรือแม้แต่คำขู่แปลกๆ ของทิม ...ตุล



...อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมพอจะทำได้สำหรับตุลนะครับ

ป๋าเคยบอกว่าจะคบหา จะเป็นเพื่อน หรือจะทำธุรกิจกับใคร
สิ่งหนึ่งที่เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ก็คือความไว้ใจ
...ป๋าครับ คนเราจะสามารถเชื่อใจหรือไว้ใจใครสักคนได้มากมายขนาดไหนกันนะ
ยิ่งโดยเฉพาะคนที่เขามีความสำคัญกับความรู้สึกของเรามากมายแบบนี้

พื้นที่สวนในตอนกลางคืนเย็นสบายด้วยสายลมที่พัดเอื่อยตลอดทั้งคืน
ท้องฟ้าสีมืดมิดสว่างไสวไปด้วยแสงดาวที่กระพริบระยิบระยับมากมาย
น่าเสียดายที่พระจันทร์กลับซ่อนกายในเงามืด กระนั้น เสี้ยวเล็กๆ ที่โค้งเป็นวง
ก็ยังสวยงามในความรู้สึกของชายหนุ่มอยู่ดี


ใครคนนั้นที่ฉันเฝ้าฝันจะเจอ
เธอคนนั้นจะได้พบกันวันไหน
ช่วยปลดปล่อยความเหงา ไปจากหัวใจ
หวังเพียงจะพบใคร ให้ใจได้ลืม ความเหงาเสียที...


คะน้าหยุดฮัมเพลงลง ที่ตรงนี้ เป็นที่ที่พบกับตุลเป็นครั้งแรก
เป็นเวลาหลายเดือน นับจากวันนั้นจนกระทั่งมาถึงวันนี้
ไม่ค่อยอยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เลย
...ผู้ชายคนนั้น ได้กลายมาเป็นคนสำคัญของเขาไปเสียแล้ว

คะน้าเดินกลับขึ้นห้องด้วยคำถามมากมายที่ยังคงดังก้องในใจ
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คำถามเหล่านี้จะได้รับคำตอบที่แท้จริงของมันเสียที
ประตูลิฟท์เปิดออก คะน้าเดินออกมาจากพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ นั้นด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง
เมื่อเลี้ยวตัวออกจากพื้นที่ลิฟต์ ก็ได้ยินเสียงตุลเอ่ยทักขึ้นที่บริเวณหน้าห้องของเขา

“อ้วน ลงไปเดินเล่นมาเหรอ” เขารีบเดินเข้ามาหาและทักทาย
เขาสวมเสื้อยืดคอกลมง่ายๆ กับกางเกงขาสั้นในชุดที่พร้อมนอน
และรอยยิ้มของตุลเหมือนจะทำให้คะน้าคลยความหนักอึ้งในใจลงไปได้อยู่ไม่น้อย

“อื้อ ยังไม่นอนเหรอ”

“ออกมาทิ้งขยะน่ะ วันนี้ตอนที่โทรมาขอโทษทีนะ ตุลกำลังยุ่งๆ อยู่
ว่าจะโทรกลับก็วุ่นจนลืมไปเลย อ้วนกลับบ้านยังไงน่ะ
รู้สึกไม่ดีเลยที่ให้อ้วนต้องกลับบ้านคนเดียว รู้สึกไม่ค่อยดีเลย
ว่าแต่วันนี้ทานอะไรน่ะครับ ทานไปเยอะไหม ระวังอ้วนนะ ฮ่าๆๆ”

ตุลก็ยังเป็นตุลที่เขารู้จัก เป็นชายหนุ่มที่อารมณ์ดีและช่างพูด
หมอหนุ่มรัวคำถามด้วยความเป็นห่วง
หากแต่ในหูคะน้าในเวลานี้ กลับอื้ออึงด้วยสิ่งที่มองเห็นตรงหน้า



...ด้านขวาของคอตุลเป็นรอยแดง

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันเป็นร่องรอยของอะไร เหมือนความผิดปกติจะทำให้อีกฝ่ายรับรู้
หมอหนุ่มค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นลูบคอตัวเอง ...คล้ายกับจงใจปิดบังมันอย่างเป็นธรรมชาต
 ตุลยังคอชวนคะน้าคุยมากมาย แต่สิ่งที่อีกฝ่ายพอจะทำได้ก็คือยิ้มรับ
แล้วก็เออออไปตามประสา ...ทั้งๆ ที่เหมือนจะฟังถ้อยคำพวกนั้นไม่เข้าใจสักคำ

“สีหน้าดูไม่ดีเลย อ้วนเหนื่อยเหรอ” คะน้าได้แต่ยิ้มตอบ ใจสั่นๆ ยังอึ้งๆ กับสิ่งที่เห็น
และอาการที่ตุลจงใจปกปิดแทนที่จะพูดกันตามความเป็นจริง

...เราเชื่อใจและไว้ใจใครสักคนได้มากมายแค่ไหนกันนะครับป๋า

คะน้าแยกกับตุลด้วยความคิดและคำถามมากมาย สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในสมองก็คือ
ทิมรู้ได้ยังไงว่าที่ร่องรอยพวกนั้นที่ซอกคอด้านขวาของตุล ...บังเอิญ ...หรือว่ารู้จริงๆ?
แล้วใครกันที่สร้างร่องรอยนั้นไว้ที่ลำคอของตุล? ...หมอก้อยอย่างนั้นหรือ?

...อะไรคือความจริง แล้วอะไรคือเรื่องโกหก

คะน้าหยิบการ์ดที่ใช้เข้าห้องของทิมขึ้นมา แล้วตัดสินใจตรงไปที่ลิฟต์อีกครั้ง
กดลิฟต์เปิดออกแล้วเลือกชั้นสูงสุด ลิฟต์ทะยานตัวขึ้นเบื้องสูงอย่างรวดเร็ว
หากแต่เหมือนความเร็วนั้นเหมือนจะยังช้าเกินไป
กว่าคำถามที่ผุดขึ้นมามากมายในใจของคะน้าในตอนนี้

...ดึกแล้ว และไม่สมควรเลยที่วิสาสะขึ้นมารบกวนกับคำถามแปลกๆ ที่ไร้สาระแบบนี้
หากแต่คะน้าก็ไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกในตอนนี้ของตัวเองเช่นกัน



...ทิม นายรู้อะไรมา?

ประตูลิฟต์เปิดออก เพนท์เฮาส์ของทิมดูว่างเปล่า มีแสงสลัวๆ เปิดทิ้งไว้
หากแต่ไร้ร่องรอยของผู้เป็นเจ้าของ คะน้ามองสำรวจไปทั่วบริเวณ ไม่พบว่าทิมอยู่ที่ไหน
จิตใจที่ว้าวุ่นค่อยๆ สงบลงเมื่อความงามที่กางฉายอยู่เบื้องหน้านั้น ...งดงามราวกับหยุดลมหายใจ

คะน้าเดินตรงเข้าไปด้านใน ผนังด้านในสุดของห้องตีเป็นกระจกใสตลอดทั้งแนว
แทนที่จะเป็นปูนซีเมนต์ทึบแบบชั้นอื่นๆ ในคอนโด ผ้าม่านสีครีมเนื้อละเอียดถูกมัดไว้หลวมๆ ที่มุมห้อง
เผยให้เห็นทัศนีภาพที่งดงามราวกับภาพวาดที่อยู่เบื้องหน้า ...สวยงามจนเกินบรรยาย

...ตอบความรู้สึกของตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมถึงต้องร้อนใจแบบนี้
หึ... นี่หรือที่เขาเรียกกันว่าความรัก ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี

เพียงครู่เดียว ร่างกายของคะน้าก็ถูกรวบรัดด้วยวงแขนจากด้านหลังโดยไม่ทันตั้งตัว
กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคยอบอวลในบรรยากาศ สัมผัสอุ่นๆ ของร่างกายที่อยู่ด้านหลังนั้นแนบแน่น นุ่มนวล

“จะให้คิดยังไงกับคนที่มาเยือนในเวลาดึกแบบนี้”
เงาสะท้อนในกระจกใสสะท้อนภาพเลือนลางของใบหน้าทิม
ที่ประกบจนแนบชิด ริมฝีปากกระซิบถ้อยคำที่ข้างหู

“ผมขอโทษ” คะน้าเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิด “ดึกจริงๆ แต่นายก็ยังไม่นอน”

“...ถ้าบอกว่ารออยู่?” ลมหายใจอุ่นๆ พริ้วพรมอย่างอ้อยอิ่ง ...ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลย
ฝืนใจพูดให้ดูเหมือนเข้มแข็งทั้งๆ ที่ในใจปั่นป่วนขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุอีกแล้ว

“พูดเหมือนรู้ว่าจะขึ้นมา” พยายามแกะมือที่รัดนั้นออก หากแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล
คนที่ยืนด้านหลังหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เข้าใจถึงเหตุผลของคงมาเยือนอย่างแจ่มชัด

“คงเห็นแล้วสินะ จะถามอะไรดีล่ะ”

คะน้าก้มหน้านิ่ง เอ่ยปากถามด้วยเสียงที่สั่นไหว “ใคร ...ใครเหรอทิม หมอก้อยเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก”

คะน้าเงยหน้าขึ้น ใจวูบไปกับคำตอบที่ได้รับ หมายความว่าคนอื่น
...หมายความว่าถ้อยคำที่เธอพูดในตอนบ่ายนั้น ทุกๆ คำคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ

“ไม่ใช่? แล้วใคร นายรู้ได้ยังไง”

“รู้สิ”

ทิมปล่อยวงแขนที่กอดอยู่ลง คะน้ารีบหันตัวกลับมามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างรีบร้อน

หากเพียงคะน้าจะพอมองเห็นเสี้ยววินาทีแห่งความเปลี่ยนแปลงในแววตาคู่นั้น
ดวงตาสีดำที่ดูเหมือนจะซุกซ่อนความเจ็บปวดไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดภายใน
และเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนเป็นความกระด้างไร้ความรู้สึกใดๆ
เสียงทุ้มกระแทกเสียงจนกร้าว “รู้ด้วยว่าถูกกดวางสาย รู้ว่ากดปิดโทรศัพท์ ทำไมจะไม่รู้ล่ะ”



“รู้ได้ไง”

ทิมยิ้มเยาะ มองจ้องคะน้าด้วยสายตาที่เฉยชา


“รู้ ...เพราะผมทำมันเอง”

นับว่าเป็นคำตอบที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกชาไปทั้งร่าง เหมือนกับประสาทการรับรู้ผิดปกติไปชั่วขณะ
แม้ถ้อยคำทุกอย่างจะชัดเจน แต่คะน้าไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองได้ยินคำตอบแบบนั้น
...นี่มันต้องเรื่องโกหกแน่ๆ ทิมโกหก ...โกหกอย่างหน้าตาเฉย ร่างของคะน้าสั่นไหว
รู้สึกปั่นป่วนรุนแรงภายใน ...ไม่จริงหรอก ...ไม่ใช่ ...ไม่มีทาง!

“แล...แล้วคนที่สร้างรอยจูบที่ซอกคอนั่น” คะน้าถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ
ไม่รู้ว่าทำไมถึงถามออกไปเช่นนั้น หากแต่ทิมยังคงนิ่งเฉย
ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองมาที่เขาราวกับคนแปลกหน้าที่คะน้าไม่รู้จัก

“ใคร”

เสียงของคะน้าแหบโหย หากแต่ร่างสูงตรงหน้าก็ยังคงนิ่งเฉย
รอยยิ้มน้อยๆ ยิ้มเยอะขึ้นที่มุมปากราวกับสะใจกับความรู้สึกของอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า



“...ใครเหรอทิม”


ได้โปรดเถอะ ...บอกผม ...บอกผมที
ได้โปรด บอกผมที ...ว่ามันไม่ใช่

...ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด



“................”

ภาพนั้นยังคงติดตา ทิมผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย
แววตาคู่นั้นที่จ้องมองเขาด้วยความว่างเปล่า รอยยิ้มที่ดูเหมือนเหยียดเยาะนั้น
ทำให้คะน้ารู้สึกเย็นยะเยือกอย่างบอกไม่ถูก ...และถ้อยคำ
...ถ้อยคำที่ทิมเอ่ยขึ้นมานั้น สร้างความเจ็บปวดในใจของคะน้าจนไม่อาจอธิบาย

“...ใคร”



“ผมเอง”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ช่วงนี้ หากอะไรๆ ดูไม่ค่อยเป็นอย่างที่คาดไว้ ก็อย่าเพิ่งรุมสหบาทาคนแต่งเลยนะครับ
จะว่าไปเรื่องนี้ใครเดาแนวทางถูกหมดเนี่ย ขอปรบมือให้เลยจริงๆ นะ 5555555

เป็นตอนที่ยาวและเครียดนิดนึงนะครับ ฮ่าๆๆ มันต้องมีครบทุกรสสิ จริงไหม  o18

:กอด1: เนียนกอดคุณผู้อ่านที่น่ารักสักที ก่อนจะชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว 5555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-10-2012 19:57:20
 o22

อ๊ากกก เอ้าไหงงั้น
อย่าบอกนะว่าขอเปลี่ยนตัวพระเอกนรายเอกกันน่ะ ฮ่าๆ
เป็นงั้นไป
ทิมทำอะไรแล้วตุลย์ทำอะไร
รอมาต่อ แอร๊ยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-10-2012 20:27:25
 o22 o22 o22 o22 o22
ช็อค พ่อเจ้าประคุณรุนช่องเกิดมาไม่เคยเจอนิยายที่พระเอกอยากแย่งนายเอกโดยการไปจีบแฟนนายเอกเลย
เซอร์ไพร์ใหญ่มาก  และค้างมาก คือถ้าคนเขียนไม่มาต่อเร็วๆขู่บึ้มบ้าน 555
ปล.สรุปแล้วนายเอกที่แท้จริงของเรื่องนี้คือพี่หมอ ส่วนน้องต่ายคือนายเอกปลอม?? 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 16-10-2012 20:28:41
อะไรฟระเนี่ย น้องทิมชั้น
อุตส่าห์กะจะเม้นบอกว่า
อิตุลย์ทำเช่นนี้แล้วทิมจะได้
เข้าเสียบง่ายๆ แต่พอมางี้และ
ขอรอตอนหน้า เพื่อความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 16-10-2012 20:31:48
 :o :o :o หะ หะห หักมุม เอาจริงดิ อะไรยังไง ทำไมเราอ่านจบแล้ว งง ๆ  ทิมแอบไปมีอะไรกับตุล เพื่อที่จะได้คะน้าคืน สรุปตอนจบเค้าจะอยู่กัน 3 คนบนดวงจันทร์หรอ :a9:  จริงดิ ตุลนี่ ตอนแรกเกลียดทิมนะไปยอมเค้าอีท่าหน๊ายยยยยยยยยยยยยย :m2:

ขอกรีดร้องดังๆ กับตอนนี้ :serius2: :serius2: :serius2:

ขอร้องรีบมาต่อเถ๊อะะะะะะ  ระงมเกรียวกราวพ่อคุณ  อย่างช้าพรุ่งนี้นะ :sad11:  แค่วันนี้จะนอนหลับ ยังรู้สึกว่าช้าไป
 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 16-10-2012 20:49:40
อ้าวเฮ้ย นี่มันคืออารายยยยย ฮวากกก งง ไม่นะ
งงสเตตัสของทุกคนเลย หมอ ทิม ต่าย อาร๊ายยยย


เดียวนะ น้องทิมเป็นพระเอกแน่ๆ น่าจะใช่นะ
แต่นายเอกนี่เริ่มงงละO_o!!! อึ้งแด่วววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 16-10-2012 21:00:26
ช๊อคอะสรุปทิมชอบหมอหรอ

ไม่ได้ชอบค่ะน้าใช้มะ

 :serius2:หรือยังงัย นี้งงไปหมด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 16-10-2012 21:15:08
อึ้งจนเม้นท์ไม่ถูกเลย อืม ก็นะ  o22 o22 o22 ช๊อคไปเลย :z3: :z3:  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-10-2012 21:41:33
มาต่อแล้วววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: cotone ที่ 16-10-2012 21:59:31
รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 16-10-2012 22:03:14
ว๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆๆ   :a5:
ฮาน้ำตาเล็ด ทิมชอบหมอหรอลูก มันจริงใช่มั้ยยย  :laugh:  :mc4:
ถ้าจริงเราจะได้เชียร์ให้ถูกคู่เสียที ทิม&หมอ  หมอ&ทิม  ได้ทั้งน้านนนน
เอาอิน้องต่ายโยนทิ้งไป โทษฐานใจโลเลดีนัก
แม่ยกไม่ต้องทะเลาะกันและ

หรือจะ 3p มันดี ไม่ต้องเลือก  :z1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 16-10-2012 22:25:37
 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22

ตอนที่ทิมบอกว่าธุระที่ซอกคอขวาก็สังหรณ์ใจแล้ว แต่คิดว่าคงไม่ดริฟท์แหกโค้งแบบนี้หรอก แต่พออ่านจบ...



คุณพระ !!!!!!!!!! #เอามือกุมหัวใจ



อะไรกันนี่ สรุปทิมตุลรึ 5555555555555 ไม่อยากคาดเดาจริงๆ เดี๋ยวมีมาอีกโค้งจะช็อค  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: DINNDANN ที่ 16-10-2012 23:09:34
ชอบเรื่องนี้มากเลยครับ ชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้วล่ะ

แอบชอบและเชียร์ทิม มาโดยตลอด

ก็รู้สึกนะว่าคะน้า ลังเล ไม่แน่ใจ  ไม่รู้ใจตัวเอง ทิมเองก็ด้วย

แต่พออ่านไปถึงตอนที่ 12 ตอนคะน้ารับว่า "ครับ" ยอมเป็นแฟนกับตุล

รู้สึกหนึบๆ อึนๆ อยู่ในอกเพราะสงสารทิม จนไม่อยากจะอ่านต่อ

แต่ก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ อ่านจนมาถึงวันนี้ตอนที่ 14

มีความรู้สึกว่า.......









ไม่เข้าใจ!!!!!!!!!!!






ทำไมทิม ถึงทำแบบนี้????????




ผิดหวังอ่า




สงสารคะน้า




ไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลยยยยยยยยยย อธิบายไม่ถูก
แต่เอาเป็นว่า......จะกลับมาอ่านอีกครั้ง เมื่ออะไรมันชัดเจนขึ้นแล้วกันครับ
ไม่อยากอึนๆ นอยด์ๆ ทุกครั้งที่ได้อ่าน
ไม่ใช่ไม่ชอบเรื่องนี้นะครับ แต่ไม่อยากรู้สึกค้างคา


หรือว่าเราอารมณ์อ่อนไหวเกินไป T T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 16-10-2012 23:17:29
 :a5: o22 :a5: o22 :a5: o22 :a5: o22 :a5: o22 :a5:
ตอนนี้ช็อคมาก ตอนแรกน้ำตาปริ่มๆสงสารคะน้าจัง
พอตอนทิมบอกผมเอง น้ำตาไหลเลย ทิมมมมมมมมมมมมม
ทิมมมมมมมมมมม บอกฉันว่ามันไม่จริง  :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-10-2012 23:23:41
-ถ้าอิสองคนนั้นมันจะซั่มกันเองแล้วมายุ่งกับน้องต่ายทำไม งือ...
-แล้วอิหมอตุลถ้ามีทิมอยู่แล้วมาขอคะน้าเป็นแฟนทำไม งือ...
-ทิม จริง ๆ แล้วเธอเป็นนางอิจฉาใช่ไหม งือ...
-หรือว่า เธอจะรวบทั้งสองคนเหรอทิม งือ...
-โคตรช็อกเลย ใครจะรับผิดชอบ งือ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-10-2012 23:31:16
โอ๊ย ว่าจะไม่แล้วนะ
แต่ก็เป็นอันต้องแวบเข้ามาอ่านคอมเม้นชาวบ้านเยี่ยงกระทู้ของตัวเองได้ตลอด
อ่านแล้วก็ฮากันไปตามๆกัน

ป่านนี้เจ้าของเรื่องนั่งยิ้มจนแก้มปริอยู่คนเดียวแล้วมั้ง
ทำคนอ่านช็อกได้ขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-10-2012 23:35:48
“เอ่อ... เค้าร้องกังนัมสไตล์ไม่ใช่เหรอ” คะน้าเกาหัวแกรกๆ ด้วยความเครียด

เขา = น. เนินสูง; สิ่งที่งอกจากศีรษะสัตว์เช่นวัวหรือ กวาง เป็นกระดูกแข็ง; ชื่อนกพวกหนึ่ง เรียก นกเขา; เถาวัลย์ เช่น เครือเขา.
      = ส. แทนชื่อคนที่เราพูดถึง (เป็นบุรุษที่ ๓)

เค้า = น. สิ่งที่เป็นเครื่องกําหนดหมายบอกให้รู้ เช่น ฝนตั้งเค้า; สิ่งที่ส่อแสดงให้รู้ได้ว่ามีลักษณะเหมือนสิ่งอื่น เช่น นาย ก มีเค้าหน้าเหมือนนาย ข
      = น. ชื่อนกหลายชนิดในวงศ์ Strigidae ขนนุ่ม หัวใหญ่ ตาโต ตัวลาย ออกหากินเวลากลางคืน กลางวันหลบพักผ่อนตามต้นไม้ มีหลายชนิด เช่น เค้าเหยี่ยว  เค้าแมว

“ทำอะไรที่มีดูอุบาศว์ๆ น้อยกว่านี้หน่อย คนเดินตลาดหายหมดก็เพราะแกนั่นแหละ”

อุบาทว์ = สิ่งที่เกิดโดยปัจจุบันทันด่วน, ภัย, อันตราย, ความทุกข์ร้อน, ภัยซึ่งลุกลามไปทั่ว. ว. ร้าย, ชั่ว, เป็นอัปมงคล

อุกกาบาต = ดาวตก, แสงสว่างที่เห็นเป็นก้อนตกลงมาจากฟ้า.

บ่วงบาศ = บ่วงสําหรับโยนไปคล้อง.


คะน้าบิดประตูห้องนอนของตัวเอง เปิดออก แล้วเดินเข้าไป

พิมพ์อะไรตกไปหรือเปล่าเอ่ย?



อย่างไรก็แล้วแต่  เนื้อหายังสนุกเหมือนเคย

นึกไปไม่ถึงว่าทิมจะทำรอยนั่น  เพียงแต่เดาว่าทิมคงมีส่วนรุ้เห็นให้เกิดรอย

จะกระแทกใจกว่านี้  หากรู้ว่าก่อนหน้านั้น  ทิม เคยคบกับหมอตุลมาก่อน


กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

คนอ่านตายแน่  พ่อเอ้ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 16-10-2012 23:38:56
 :fire: :fire: ทิม  หมอตุล  :a5: :a5:

ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด  ควรไปตายซะทั้งคู่เลย  :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 16-10-2012 23:49:37
โอ้ ช็อคจนเกินจะบรรยาย เหมือนดูเอ็มวี K.Will - Please don't เลย

ฮือ ไม่น๊า อย่าทำกับแม่ยกทิมแบบนี้ T^T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Aksel ที่ 17-10-2012 00:09:29
ไม่เชียร์ทั้งทิมแล้วก็ตุลย์ ได้ม่ะ คะน้าน่าสงสารมากอ่ะ หมอก้อยมาแบบน่ากลัวมาก.
ถ้าตุลกะทิมเคยมีอะไรกันมาก่อนเจอคะน้าจะช้อคแหงๆแค่นี้ก็สงสารคะน้าแล้ว
ชอบชาวตลาดมาก555 ออกมาเยอะๆน้า

ให้ทิมกะหมอตุล :L2:  สงสัยเรื่องนี้จะดราม่ายาว ปมแต่ละคนแลดูเยอะ

รักต่าย<3~ :L1: และคนแต่ง:)))
มาต่อเร็วๆน่ะ..
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: annna ที่ 17-10-2012 00:20:24
หรือจะเป็นตุลย์ ทิม คะน้า  สามพีเลยอิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 17-10-2012 01:02:17
...พูดไรไม่อ่อก

 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: putiinez ที่ 17-10-2012 01:05:24
อุ้ย โอละพ่อ หนูทิม หนูทำอะไรลงไป
อยากบอกว่าฟินตุลย์ทิม ทิมตุลย์ อะไรก็แล้วแต่
พอมีคนมาแย่งนายเอกกันแล้วชอบเชียร์ให้คนแย่งกินกันเองทุกที <<<โรคจิต

แต่คู่นั้นคงไม่มีสินะ ;____;) หนูทิมแค่หาทางจับคะน้าล่ะสิ
เสียดาย ยังโหวตเซ็งเป็ดไม่ได้ ไม่งั้นจะไปโหวตหมอเป็นตัวร้ายเพื่อข่มขวัญ 55+  :laugh:

--
แวะมาอ่านอีกรอบเพื่อความแน่ใจ
หรือจริงๆแล้วเป็นแผนของทิม แบบว่าวางแผนยั่วหมอตุลย์ หมอตุลย์จะได้เลิกสนใจคะน้า แล้วค่อยสลัดหมอทิ้งแล้วไปหาคะน้าป่ะ .. โอ้ย เดายากจุงเรรร ;__;)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 17-10-2012 01:12:15
หนูช็อคฮ่ะคุณพี่

ตอนนี้คือแบบว่างงอ่ะ เหมือนโดนคะน้าเข้าสิง หนึบ ๆ หน่วง ๆ งง ๆ
หนูไม่มีไรจะเม้นแล้วฮ่ะ รอตอนหน้าอย่างเดียว  :really2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ikin ที่ 17-10-2012 01:30:20
อ้างถึง
@ ikin ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ พร้อมกับร่วมอินไปพร้อมๆ กัน 555
เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นแค่ความรักเพียงอย่างเดียว ถ้าพอแทรกอะไรได้ก็จะแทรกๆ ไปน่ะครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ แล้วผมก็ก้อปต้นเรื่องมาจากคนที่เป็นต้นแบบของตุลล่ะครับ
เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขาจะต้องผ่านพ้นไปให้ได้จริงๆ ส่วนทิม ตัวจริงก็วอนแบบนี้ล่ะครับ

@ ikin ขอบคุณที่แวะมาทักอีกรอบนะครับ มาแล้ววววววววววววว 5555

ขอบคุณมากจ้าที่แจ้งกระจ่าง

หลังจากอ่านตอนล่าสุดนี้.    อึ้ง คือ.   รู้สึกเหมือนตอนตัวเองกำลังพิมพ์งานที่สำคัญหรือเหมือนกำลังทำอะไรที่เมามันส์อยู่. อยู่หน้าจอ. แบตหมดแล้ว กระตุกกดปิดตัวเอง เหลือเพียงความว่างป่าวของจ่อดำๆ. อึ้งกับตัวเอง อยากร้องและทึงหัวตัวเองว่าตรุพลาด. ตั้งแต่ต้นคือความรอบรอบไม่ดูให้ดี และลืมกดเซฟ เหมือนถูกดีดออกจากความสุขที่กำลัง....อร๊าย  อารมณ์เกินบรรยา เฮอะๆๆๆๆ

!!!!!! มีแต่เครื่องหมายเอ๊ะเต็มหัวไปหมด

รู้สึกว่าอย่านะเว้ย

ทิมอย่าแตกสาวเป็นนายเอกหรืออะไรก็ตามที่ผิดจากบุคลิกมาดแมน เฮ้ยยยยยๆทิมได้ใจเราไปขนาดนั้น เหมือนบุคลิกตัวพระเอกที่มีความฉะเพาะตัวที่มองแล้วว่าตรุชอบสุดอ่ะถ้าเป็นพระเอกคนนี้จะติดตามสุดๆอ่ะ

ตุลจากไม่แมนอย่าเพิ่งมาแมนเอาตอนนี้ตรุทำใจบ่ได้

คะน้า. จริงๆทะแม่งนะ คงไม่ชอบทิมนั่นแหล่ะ อ่านมาถึงตอนนี้ได้กลิ่นคะน้ามักบ่นตลอดแสดงความรู้สึกออกมาบ่อยว่าไม่ชอบคนแมนแบบทิม แต่หัวใจของเราที่ให้ทิมไปก็ยังจะแอบหวัง ได้ยินเสียงแก้วแตกข้างๆหู แง่ๆ

ตอนนี้รู้แล้วพระเอกคงเป็นคนอ่อนไหวเกิ๊นตุลจ้ะตุลจ๋านั่นเอง


เสียดายทิมอ่ะ
อย่านะๆๆๆอย่า
จิตตกเล็กน้อย

ส่วนคนแต่งขอบคุณมากจ้ารักษาสุขภาพด้วยสังเกตเวลายามท่านมาช่างดึกดื่น

บ๊ายบาย :m9:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 17-10-2012 02:06:58
จะมาขอรายงานตัวเป็นแม่ยกทิมด้วยอีกคนคร้า แต่พออ่านมาจนถึงตอนล่าสุดทำเอาหงายเงิบ :a5:

ถึงกับอึ้งไปพักนึงเลย งงตึ๊บบอกไม่ถูกเลยค่ะ แต่ยังหวังลึกๆ ว่าทิมจะเป็นพระเอกตัวจริง

เพราะใจเรานี่เอนเอียงไปให้หนุ่มวิศวะแล้วอ่า เพราะชอบเวลาที่ต่ายอยู่กับทิมมากกว่าหมอ

มันเหมือนมีแรงดึงดูดยังไงบอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาต้องทำใจไม่ได้แน่เลย...เป็นเอามาก อิอิ

ยังไงก็จะรออ่านตอนต่อไปน่ะค่ะ สนุกชอบมากกกกก...ตอนหน้าต้องแอบเตรียมใจไว้ก่อนรึป่าวค่ะ

แอบกลัวว่ามันจะช๊อคกว่าตอนนี้อีกอ่ะ 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 17-10-2012 09:22:50
นี่มันอะไรกันละนี่ สองคนนี้แอบกินกันเองรึ !
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 17-10-2012 09:56:55
...
...
...
...
อุ๊
...
จริงๆ เคยแอบคิดว่าสองคนนี้น่าจะได้กันเอง แต่นานมากแล้ว แถมคะน้าน่ารักเกินจนเลิกคิดไป
อุ๊
...
ทิมแม่มมาเหนือเมฆ!
เงิบเลย ไปต่อไม่ถูกเลย งือ!เขาเมนต์ไม่ถูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z3:
ปล.ถ้าไม่มีใคร เขาจะขอรับคะน้าต้นนี้ไปดูแลเอง :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 17-10-2012 10:26:20
เหยยยยยยยยยยยยยยยย
อะไร ตกใจ เห้ย อะไร ทิม ตุล เห้ยยยยยย
คือยังไงอ่ะ ทิมไปบังคับขืนใจหมอมาหรอ?
หมอถึงได้ดูเครียดๆ

หรือนี่คือจุดกำเนิดสามพี?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 17-10-2012 10:28:34
 :a5: โอ๊ะโอ  o22
ไร้คำบรรยาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 17-10-2012 11:21:23
ถ้าเป็นแบบนี้ก็อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์นั่นแหละดีแล้วล่ะ  เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: smilymoon ที่ 17-10-2012 12:04:50
นี่คงเป็นอีกด้านของชีวิต เป็นโลกอีกโลกของคนอีกคนที่ไม่ใช่ในโลกของเรา มุมมองความเข้าใจของเรา อ่านเรื่องนี้ถึงตอนนี้รู้สึกอึนๆ ชอบกลแต่เอาใจช่วยกับทุกคนในเรื่องนี้ ขอให้จุดจบลงตัวน่ะค่ะทั้งในชีวิตจริง แล้วเรื่องนี้ด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เรียกข้าว่าอิแรด ที่ 17-10-2012 12:41:19
555+
ทำไมเดี๊ยนอ่านแล้วขำตอนจบของตอนนี้อ่ะ
ฮิฮิ หุหุ 555+ กรั่กๆๆๆ
โอ้ย ขำ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: LimousinX9 ที่ 17-10-2012 13:13:30
-*- เอ้อ  อ่านจบตอนนี้  ปุ๊บ "เวรกรรม"  ทันที.... ถอนหายใจแล้วก็รอตอนต่อไป-*- เฮ้ออออ.... อีกรอบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 17-10-2012 14:01:02
อ่านตอนนี้จบแล้วบอกได้คำเดียวว่าอึ้งง่ะไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
หรือจริงๆแล้วทิมชอบตุลแต่มาใช้คะน้าเป็นเครื่องกัน
อ๊ายยยยยค้างอ้าา :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: puu142 ที่ 17-10-2012 15:31:23
โลกนี้สับสนเกินที่จะตามทัน

                                            ..........อยู่คนเดียวดีกว่า.........
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-10-2012 15:34:42
สรุปทิมกะหมอเรียบร้อยกันไปนานแล้วที่ทิมมาวุ่นวายกะคะน้าเพราะจะกำจัดคะน้า

สุดท้ายคะน้าได้กับจันทู โอเคจบ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 17-10-2012 16:12:50
ช็อค!!!
พูดเล่นๆก่อนที่จะเลื่อนลงไปอ่านท่อนตอบว่าใครเป็นคนทำว่า'รู้สิ....ผมทำเอง'
พอเลื่อนๆๆลงไปปุ๊บ.....

“รู้ ...เพราะผมทำมันเอง”

 :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 17-10-2012 19:08:49
อ่านจบตอน ถึงกับ " งึด"

ปล.อย่างสงสัยคำว่างึด ไม่รู้จะอธิบายว่าอะไรจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 17-10-2012 19:31:36
อ้า  ทิม  ร้ายกาจจจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 17-10-2012 20:31:34
 o22 <<อยากใช้ไอ้ตัวนี้มานานและ ได้โอกาศซะที ขอขอบพระคุณน้องทิมมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ #ไม่ใช่ละ


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 18-10-2012 03:12:17
 :sad4: :sad4:

รับไม่ได้อย่างแรงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

เอ่อ....อันที่เราก็เชียร์ทั้งทิมและหมดตุลนะ

แต่มาเจอแบบนี้แล้ว.... :a5:  ช็อคอ่ะ

คืนนี้จะนอนหลับป่ะวะกรุ   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 18-10-2012 06:33:23
นิยายรักใสๆ ซึ้งๆ กลายเป็นดราม่าตีแผ่ด้านมืดของมนุษย์ไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jelatin99 ที่ 18-10-2012 12:32:30
อ่านมาจนถึงประโยคเด็ด “รู้สิ เพราะผมทำมันเอง” โอ้วว ความรู้สึกตอนนั้นคือ“ถึงกับเงิบเลยตู”
ขอแหวกกระแสนิดนึง พออ่านจบนอกจากเงิบแล้วคือ...ขำ5555 แบบว่าก็เข้าconceptอยู่นะ สุดท้ายแล้วตุลย์กะทิมคู่กัน แล้วคะน้าก็คู่กับจันทู//แหะๆ รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 18-10-2012 17:43:20
รู้สึกช็อคและผิดหวังมาก.........
ไม่มีคำบรรยาย สงสารคน้าเหลือเกิน
ไม่คิดว่าทั้งทิมและตุลจะทำกับคะน้าแบบนี้

ตกลงตุลกับทิมเป็นแฟนกัน แล้วมาทำเหมือนจีบคะน้าเพื่ออะไร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 19-10-2012 23:25:22
ถ้าเป้าหมายของทิมคือคะน้า หมอจะกลายเป็นคนที่น่าสงสารมากเลยรู้มั้ย
ทิมไม่น่าเลย ทำแบบนี้ยิ่งเจ็บด้วยกันทุกฝ่าย คะน้าคงปิดใจและขยาดกับความรัก
ต่อให้เลิกกับหมอ ก็ไม่มีทางที่ใครคนนั้นจะกลายเป็นทิมอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หนอนเทพ ที่ 20-10-2012 18:16:41
ที่ทิมว่าจะเอาของๆ เขาคืนนี่ ตุลหรอกเหรอ สุดยอด แหกโค้งซะคนอ่านหน้าแหกไปตามๆ กัน ถ้าเป็นจริงไม่รู้ว่าจะสมเพช หรือเวทนาคะน้าดี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 20-10-2012 23:31:29
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ทำไมเป็นแบบนี้!!!!!!
ครึ่งแรกครึ่งหลังอารมณ์คนละฟีลกันเลย

อ่านจบตอนลืมไปเลยว่าขำจันทูแค่ไหน

T T

มาต่อด่วนนะคะ ทั้งค้าง ทั้งช็อค

ปล. ตอนนี้สงสารคะน้าที่สุด
แล้วก็เกลียดทั้งทิม ทั้งตุลเลยด้วย ชิ!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 21-10-2012 00:34:12
ก่อนอื่น ขอบคุณที่อัพค่ะ ตอนนี้หลงรักต่ายน้อยซะแล้ว  อืม... เชียร์นายทิม แต่หมั่นไส้หมอก้อยอ่ะ เนื้อเรื่องก็ขอเดาในใจล่ะกัน หุๆๆ หรือว่า...จริงๆแล้วคนที่นายทิมชอบน่ะ...ม่ายๆๆๆ รอลุ้นว่านายทิมจะเอาไงค่ะ คนแต่งสู้ๆนะ   o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 22-10-2012 21:29:21
ฮู้ววว  อ่านทันแล้วววว :m11: ขอเป็นแฟนคลับนู๋คะน้าอีกคนนะคะ
คนเขียนเก่งอ่ะ หักมุมได้เจ็บปวดมากขอบอก
ไม่ใช่ของที่ทิมต้องการเอาคืนคือหมอตุลนะ โอ๊ย! :serius2: ไม่อยากจะคิด
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ก็สงสารน้องต่ายน้อยอยู่ดี :monkeysad:
จะได้กลับไปอยู่บนดวงจันทร์คนเดียวรึป่าว ลุ้นสุดใจ :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 23-10-2012 02:11:24
โอ๊ววว  :z3:
หนูจะบ้าาาาาาาาาา  :z3:  :z3:

นี่มันอะร๊ายยยยยยยยยยย!?

คือ.. แม่ยกทิมนะคะ = =/
ชอบทิมมาก เชียร์มาตลอด พอคะน้าเป็นแฟนกับหมอนี่แบบ.. หน่วง หน่วงขั้นสุด!
บทหวานตุลอ้วนนี่ไม่อ่าน ข้ามอย่างเดียว  :เฮ้อ:

พอมาเจอตอนล่าสุดเข้าไป..  :a5:
เอิ่ม.. เล่นงี้.. เลยเรอะ.. ?

เอาจริงๆ ปะ.. เราเคยมีประสบการณ์ตรงประมาณอย่างงี้อะ ._.
คือเคยมีแฟน ละมีคนมาจีบเรา แล้วแฟน(ของ)เรา ก็ไปจีบคนที่มาจีบเรา(อารมณ์ว่ากันๆ) = =
ปรากฏ..เราเลิกกับแฟน เพราะแฟนดันไปชอบคนที่มาจีบเรา (หนูจะบ้า..)  :z3:
พอมาอ่านตอนนี้ เราเลยแอบเงิบเล็กน้อย นึกถึงความหลัง(อันขมขื่น =3=)

อะไรมันก็..เกิดขึ้นได้จริงๆ นะ  :เฮ้อ:

ตอนนี้ยังปักหลักเป็นเอฟซีทิมค่ะ (รักเดียวใจเดียว ฮ่าา..)
คิดว่าระดับคนเขียนที่หักมุมกระจายขนาดนี้แล้ว..มันต้องมีเบื้องลึกเบื้อหลังอย่างแน่นอน!

สรุปความ..
ทิมคะน้า เราเฮ..  :mc4:
ทิมตุล ก็พอไหว  o22
แต่ถ้า ตุลคะน้า  :beat:

ฮ่าาาา.. เป็นกำลังใจให้นะคะ  :pig4:

เอ่อ..ขอแอบติงนิดหน่อยตรงที่บางทีบรรยายเราไม่ค่อยเข้าใจอะ
ฉากมันดูจินตนาการไม่ค่อยชัดเจน ดูคลุมเครือๆ ไงบอกไม่ถูก อ่านไปก็งงๆ ว่าเอ๊ะ..ตัวละครเขาทำอะไรกันหว่า
บางทีต้องอ่านซ้ำอยู่สองสามรอบถึงจะเข้าใจ ._.

มาต่อเร็วๆ น้าาา..
หวังว่าจะได้อยู่ด้วยกันจนจบเรื่องนะคะ !  :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 24-10-2012 03:12:27
มารอ คิคิ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 25-10-2012 17:38:11
แวะมาส่งข่าวนะครับ รออีกแป๊บนึงนะ จริงๆ แต่งเสร็จไปแล้ว ว่าจะอัพตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว
แต่ตัวไฟล์ติดไปกับ thumb drive ซึ่งผมรอเขาเอากลับมาคืนอยู่น่ะครับ
แหม... จะว่าไปอยากจะสปอยล์จัง แต่ไม่กล้า 5555 น่าจะวันสองวันนี้ อัพขึ้นอีกตอนนะครับ

รอหน่อยนะครับ ขอโทษจริงๆ มันติดไป ไม่รู้ตัวเลย หาตั้งนานนึกว่าหายไปซะแล้ว โล่งอกเลย  :o8:

ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ คำเสนอแนะต่างๆ นะครับ จะพยายมปรับปรุงแก้ไขครับ
ขอบคุณมาก บวกคะแนนแหลกให้ทุกๆ คนเลย ขอจับกอดคนละทีสองทีนะครับ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 25-10-2012 17:43:05
มารอจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 25-10-2012 21:14:42
รอค่ัะๆ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: akike ที่ 26-10-2012 00:53:11
ต่อแถวกันเลย

เหอะ ๆ ตกลงเอาไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: knightprince ที่ 26-10-2012 13:51:13
โอววว อ่านทันละ ความรู้สึกแรกเลยคือ มันเหนือคำบรรยายจริงๆ ยอมรับว่าไม่ได้คิดเลยว่าเรื่องจะออกมาเป็นแนวนี้ สนุกดีคะ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วว่าจริงๆทิมทำอะไรกันแน่ ทิมคิดอะไรอยู่ อยากให้ทิมเป็นคนบรรยายเรื่องบ้างอะ
ยอมรับเลยว่าจริงๆรู้สึกชอบทิมมากกว่า แต่ก็อยากให้คะน้าแน่ใจความรู้สึกของตัวเอง ดูทุกอย่างมันคุมเครือไปหมดเลยคะ ชอบๆ
รออ่านนะคะ ตามติดเปนแฟนคลับอีกคน ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 26-10-2012 20:15:37
มารึยังน้อออออ  :really2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 14 (หน้าที่ 21) - Oct 16, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 26-10-2012 21:33:57
 :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 27-10-2012 03:36:30
ระหว่างที่รอสต็อกที่ติดไปกับ Thumb Drive เดินทางกลับคื่นสู่เจ้าของ
ขอแวะมาถามคุณผุ้อ่านที่น่ารักของ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ กันซะหน่อย
คืออยากถามทุกๆ คนว่าอยากให้นิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์เป็นเล่มไหมครับ
เรื่องของเรื่องคือโดนถามมา ก็เลยเอามาถามต่อในกระทู้น่ะครับ ขอดูความคิดเห็นทุกๆ คนกันนะ
คือไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะว่าจะได้วางแผนชีวิตถูกกับสิ่งที่ต้องทำนั่นเอง 5555

แผนการคือถ้าพิมพ์รวมเล่ม จะแต่งเรื่องพิเศษขึ้นมาอีกเรื่อง เป็นเรื่องเดียวกันนี่ล่ะครับ
เพียงแต่ทั้งหมดถูกเล่าเรื่องผ่านมุมมองของพระเอก ทุกสิ่งที่คิด ทุกความรู้สึกที่มีนับตั้งแต่ต้นเรื่องเลย
ส่วนพระเอกจะเป็นใครนั้นยังไม่ขอเฉลยก็แล้วกัน แต่อ่านไปอีกสักพักก็น่าจะรู้แล้วล่ะมั๊ง(หรือรู้ไปแล้ว?)
คิดว่าสองเล่มรวมกันคงหนาเอาการ ไม่รู้ว่าอยากให้จัดทำขึ้นไหมครับ ยังไงบอกกันทีนะ
เดี๋ยวจะให้สำนักพิมพ์มาลองพิจารณาอีกที ว่าเขาจะพิมพ์ไหมถ้ายอดสั่งมันน้อยเยี่ยงนี้ กร๊ากกกกกกกๆๆๆ

จะสะดวกตอบในนี้ หรือว่าสะดวกไปตอบในเพจของ Lucea ใน Facebook ก็ได้นะครับ
ไม่รู้จะราคากี่บาท จะว่าไปก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเมื่อไหร่ แต่นี่น่าจะประมาณครึ่งเรื่องได้แล้วล่ะครับ
ถ้าคนสนใจมีประมาณหนึ่ง เราคงได้เห็น ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ จากมุมมองของคะน้า
วางคู่กับนิยายชื่อว่า Fly Me To The Moon ที่เล่าเรื่องจากมุมมองของพระเอก (ใครนะ?) กันล่ะเนอะ ^ ^

จะหมู่หรือจ่า หรือว่าจะเป็นหมันก็ไม่รู้ รอฟังความคิดเห็นของทุกๆ คนก่อน
ไม่แน่อาจเจ๊งกะบ๊ง เพราะใครๆ ก็ขี้เกียจจะอ่านนิยายแกแล้ว Lucea เอ๋ยยยย 55555555
ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เอาความรู้สึกจริงๆ เลยครับ ถ้าผลตอบรับไม่ดี คนแต่งก็ไม่สะเทือนครับ
เพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะทำเลย แค่ทุกวันนี้มีคนตามอ่านก็ดีใจมากแล้วน่ะนะ ดีใจๆๆๆๆ

 :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 27-10-2012 09:53:40
ทำเลยครับ ผมรออยู่
มันเป็นเรื่องดี ๆ ในชีวิตนะผมว่า เวลาที่งานที่เราทำมันเป็นชิ้นเป็นอัน
เหมือนเราเรียนจบทำ thesis เราเห็นมันออกมาเป้นเล่ม นั่งมองมันก้หายเหนื่อยนะ
แล้วมันยังมีความทรงจำตอนทำอีก หลาย ๆ เรื่องกว่าจะผ่านมาได้
เราว่านิยายมันก้คือผลงานของคนแต่ง แค่เห็นเห้นคนพูดถึงนิยายก็ว่าดีแล้ว
ถ้าเห็นคนยอมเสียตังค์ซื้อนิยายที่เราแต่ง ผมว่ามันน่าจะเป็นความรู้สึกดี ๆ อีกรูปแบบนึงนะครับ ^^

ผมเชียร์ให้รวม ผมจะซื้อ และมากกว่านั้น ผมเชียร์น้องทิมครับ 5555555555555555555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 27-10-2012 10:01:46
จัดไปเลยครับ อยากได้รวมเล่มมาเก็บไว้เหมือนกัน

 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 27-10-2012 10:33:21
ยกมือค่ะ ชอบเรื่องนี้มากจริงๆ จะดอง จะเค็ม ก็ยังรออ่านทุกวัน ถ้าเป็นรวมเล่มจะดีมาก ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 27-10-2012 10:34:38
สนับสนุน 1 ชุดค่ะ จัดมาเลย อยากได้น้องต่าย อิอิ
 :impress2: :impress2:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-10-2012 10:37:57
จัดไปเลยค่าา อิอิ
มองด้วยสายตาวิบวับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: jelatin99 ที่ 27-10-2012 11:20:55
จัดมาเลยฮะ แบบว่าชอบplotเรื่องนี้มาก อยากเก็บไว้อ่ะ :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 27-10-2012 11:56:35
 :L2:  เอาจริงๆเลยนะ. ตอนแรกที่เห็นชื่อเรื่องไม่กล้าเข้ามาอ่านอ่ะ. ภูมิคุ้มกันมาม่าไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ :m15:  ได้แต่บอกตัวเองว่า. อดใจไว้หนอ. ไม่อ่านหนอ.   มองผ่านไปหนอ. กลัวร้องไห้ :monkeysad:   สุดท้ายแล้วมีคนแนะนำมากๆเข้า ว่าสนุก ในที่สุด เมื่อถึงตอนที่. 10. เราก็ตะบะแตก.   อ่านจนได้ :z3:  แล้วก็เฮ้ยยย.  อยากจะฆ่าตัวตาย :serius2:  เราเป็นคนอ่านนิยาย. เยอะมว๊ากกกกกก วันนึงไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง

     ขอบอกว่าเรื่องนี้ทำให้เราประทับใจมากอ้ะ. อะไรที่คาดเดาไม่ได้มันเป็นเสน่ห์นะ ทำให้คนอ่านลุ้น และจินตนาการได้ เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเรื่องเดียวกัน สังเกตุจากอินเนอร์. ของแต่ละคน :laugh: 
      ไม่เคยเม้นท์ยาวขนาดนี้มาก่อน. อยากบอกคุณ ลูเซีย ?  สุดท้าย. เยี่ยมมากค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 27-10-2012 12:06:23
โอเค ตัดสินใจซื้อค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: See_Me ที่ 27-10-2012 12:25:26
ไม่ค่อยเก่งในการคอมเม้นท์เท่าไหร่ แต่นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในรอบหลายๆเดือนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าต้องเม้นท์ให้ได้
ชอบการบรรยายเรื่องของคนแต่งมากค่ะ มีการเกริ่นนำเรื่องตอนเด็กๆของคะน้า ให้รู้พื้นฐานนิสัยและจิตใจของตัวเอกในเรื่อง
ยิ่งเป็นการปูเรื่องให้คนอ่านถูกดึงดูดเข้าไปกับตัวละคร แต่มีหลายๆตอนที่เราอ่านแล้วมึนต้องกลับไปอ่านอีกสองสามรอบถึงจะเข้าใจว่า
อ่อ...อย่างนี้นี่เอง
และคาแรกเตอร์ของตัวละครหลักที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่แปลกใจที่คะน้าจะเลือกตุลล์เป็นแฟน
แต่บอกตรงๆว่าอ่านตอนสุดท้ายนี่ทำเราเงิบเลยค่ะ 555+ ที่ตุลล์เครียดๆน่าจะเพราะมีทิมเข้ามาป่วนให้ตัวเองสับสน
เรื่องนี้ทั้งตุลล์ทั้งคะน้าเป็นคนอ่อนไหวทั้งคู่ เห็นจะมีอยู่คนเดียวที่ชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง(ก็พ่อวิศวกรนี่ล่ะ)
ยิ่งอ่านจากตอนล่าสุดทำให้เรายิ่งเชื่อว่าทิมเป็นพระเอกแน่ๆ(ถ้าไม่ถูกนี่เงิบรอบสอง55+) เพราะนิสัยตรงไปตรงมาไม่มีลังเลหรือหวั่นไหว
อ่านไปก็กรี๊ดไป...น้องทิมเท่ห์มากกกกก(ยกป้ายเชียร์ทิมอีกคน)
เรื่องนิยายทำออกมาเถอะค่ะ..จะซื้อแน่นอน
รออ่านตอนต่อไปนะคะ ^ ^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 27-10-2012 14:02:21
อยากจะบอกว่าชอบเรื่องนี้มาก ตอนแรกๆ ที่อ่านดูเนื้อเรื่องเหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อน
แต่มันไม่ใช่เลยคนเขียนสุดยอดมากจริงๆ หลงรักน้องต่ายไปแล้ว  :-[

ส่วนเรื่องรวมเล่มตอนนี้ต้องบอกตรงๆ เลยว่ายังไม่แน่ใจอ่ะค่ะ
ยังแอบหวั่นใจกลัวจะเงิบอีกรอบ แต่ถ้าพระเอกเป็นคนนั้นที่เราเชียร์อยู่ ซื้อแน่นอนทุ่มหมดตัว อิอิ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: fanglest ที่ 27-10-2012 14:10:52
ว้าว  ว้าว ว้าว 

.........................


สู้ต่อไปจ้า ยังตามอยู่ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 27-10-2012 21:01:38
ซื้อ
สิ
!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 27-10-2012 22:50:09
จัดไปค่ะ อยากมีหนังสือเก็บไว้ค่ะ
ชอบเรื่องนี้มาก ชอบที่มันพล็อต twisted แบบนี้
ไม่ว่าเรื่องจะดำเนินไปยังไง เราหลงเสน่ห์เรื่องนี้ไปแล้วอ่ะ

ปล. มาต่อเร็วๆนะ จะลงแดงแล้ว  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 29-10-2012 08:22:26
อยากได้นะ นิยายอะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็ยังยึดติดกับพระเอกที่ตัวเองเชียร์อยู่
 :monkeysad: อารมณ์ว่าเด็กน้อยสุดๆ (ถ้านายคนนั้นเป็นพระเอกละซื้อแน่นอนน ฮ่าา..)

รออ่านนะค้าบ..  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - มีคำถามมาถามนักอ่านครับ แวะมาแนะนำกันหน่อยนะ ^ ^
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 30-10-2012 16:36:52
ถ้าคุณทำเราซื้อค่ะ จะรออย่างใจจดจ่อน๊าาา สู้ๆค๊าบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-10-2012 22:11:41
ขอบคุณสำหรับข้อเสนอแนะเรื่องการพิมพ์รวมเล่มนะครับ
เท่าที่ได้คุยกับทางสำนักพิมพ์และดูจากฟีดแบ็กของเพื่อนๆ นักอ่าน
คิดว่าคงมีการรวมเล่มแน่ๆ แล้วล่ะครับ ซึ่งคงเป็นงานที่หินสำหรับผู้แต่งพอสมควร
ไว้ใกล้ๆ จบเรื่อง คงมีการแจ้งข่าวเรื่องการจองอีกครั้ง ยังไงก็ขอบคุณมากๆ ครับ

สำหรับตอนที่แล้ว อ่านคอมเมนต์แล้วไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
ไม่ได้โหดขนาดนั้นหรอกครับ วางใจได้ อ่านต่อกันนะ ฮ่าๆๆ
แต่ยังไงก็ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ กำลังใจ และคำเสนอแนะนะครับ
ส่วนตอนใหม่นี่... ยังไงดีนะ 555555555 ลองอ่านดูแล้วกันครับ
ไม่รู้ว่าโล่งใจหรือหนักใจกว่าเดิมเนอะ แหะๆ สักพักก็จะชัดเจนขึ้นครับ ^ ^




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ตอนที่ 15





สายตาที่จ้องมองทุกอย่างราวกับเป็นเกมการแข่งขันที่แสนสนุกสนานนั้นช่างดูโหดร้ายเลือดเย็น
คะน้าไม่ได้รู้สึกสนุกเลยสักนิดกับเกมที่ทิมดึงคะน้าเข้ามาเล่น
รอยยิ้มที่เย้ยหยันราวกับผู้กำชัยชนะของชายหนุ่มตรงหน้านั้น
ดูราวกับคนที่คะน้าไม่เคยรู้จัก ...ไม่เหลือเค้าของทิม คนที่เขาคุ้นเคยแม้แต่น้อย

ทิมไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าสิ่งที่คะน้าเอ่ยถาม ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย
สิ่งที่ชายหนุ่มทำลงไปนั้นไม่ต่างอะไรกับสิงโตที่ขย้ำเหยื่อแล้วทิ้งให้ทุกข์ทรมานกับบาดแผลลึกด้วยลมหายใจที่รวยริน
เจ้าของห้องเดินจากไปแล้วล้มตัวลงนั่งบนโซฟาหนานุ่ม รินน้ำสีอำพันลงบนแก้วใสแล้วยกขึ้นจิบอย่างไม่ทุกข์ร้อน

คะน้าชาไปทั้งตัว หัวใจที่เต้นแรงอย่างพลุ่งพล่านกับคำถามมากมายในใจนั้น
บัดนี้แหบโหยราวกับมันพร้อมจะหยุดทำงานในทุกเสี้ยวนาที ทุกประสาทสัมผัสช่างอ่อนล้า
หากแต่ร่างกายกลับสะท้านไหว คะน้าชักเท้าข้างหนึ่งกลับไปด้านหลัง
ราวกับจะพยุงร่างทั้งตัวที่ยืนอยู่ไม่ให้ทรุดลง มือข้างขวายกขึ้นมาเกาะกุมหัวใจ
เหมือนกับพยายามพยุงให้มันพอจะทำงานได้ต่อไป ...ต่อลมหายใจของเหยื่อที่ใกล้ตาย

...นี่คืออะไร ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับจะหมดแรง เจ็บทรมานเหลือเกิน

กูเกลียด ...เกลียดที่สุด กูไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ ทำไมกูต้องเป็นแบบนี้ด้วย
ไอ้คะน้ามึงเป็นบ้าอะไร เรื่องแค่นี้ ...แค่เรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้ มึงก็จะไม่ไหวแล้วเหรอ
คะน้ากำหมัดแน่น พยายามอย่างหนักในการเรียกสติกลับคืนมา

“ไม่มีเทวดาอยู่บนดินหรอก” ทิมกลั้วเสียงหัวเราะอย่างสบายใจ “จะทำยังไงต่อไปดีล่ะ”

คะน้ายืนนิ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก ค่อยๆ ทบทวนทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ
กระทั่งเริ่มปรับความรู้สึกของตนเองได้ ...พยายามอย่างหนักที่จะข่มความเจ็บปวดในใจจนเริ่มรู้สึกสงบ
กระทั่งสติดึงตัวตนของคะน้ากลับมาสู่ความเป็นจริงอีกครั้ง

ไม่มีสักนิดแม้แต่ความรู้สึกที่อยากจะโต้ตอบ แต่ไหนแต่ไร คะน้ามักจะถูกเพื่อนๆ รุมด่าว่าโง่และอ่อนแอ
ด้วยความที่เป็นคนเป็นคนที่ไม่เคยตอบโต้กับใคร เผินๆ แล้ว ไม่ต่างอะไรกับสุนัขขี้แพ้
เป็นคนอ่อนแอที่ใครๆ ก็ล้อเลียน หากแต่ความเป็นจริง คงมีแค่เพียงเจ้าตัวและคนในครอบครัวเท่านั้นที่รับรู้




“พ่วงงงง! หายไวๆ”

ชายหนุ่มวัยกลางคนเป่าลงที่บาดแผลถลอกบนใบหน้า เด็กชายตัวน้อยร่างสั่นเทาสะอื้นไห้

“ถ้าแม่มาเห็นต่ายตอนนี้ ป๊าต้องโดนแม่เราดุเอาแน่ๆ ลูกป๊าอย่าไปทะเลาะกับใครแบบนี้อีกรู้ไหม”
ผู้เป็นพ่อพูดอย่างอารมณ์ดี โดยมีผู้เป็นพี่สาวที่ตั้งท่าจะร้องไห้กับบาดแผลบนตัวน้องชาย

“แต่ป๊า พวกนั้นมาแกล้งต่ายนะ” พ่อยิ้มแล้วลูบหัวลูกน้อยเบาๆ

“ป๊ารู้ ทำไมจะไม่รู้” ชายหนุ่มหน้าตาใจดีนิ่งไปสักพักเหมือนครุ่นคิด ไม่ช้านานก็ลุกขึ้นไปปิดไฟ
ผักกาดร้องหวีดขึ้นมาทันทีเพราะกลัวความมืด ผู้เป็นพ่อหันไปหาลูกชายแล้วพูดลอยๆ
“จะทำไงดีนะ” ว่องไวเท่าความคิด เด็กชายตัวน้อยกระโดดแผล็วตามพ่อไปที่สวิตซ์ไฟแล้วกดเปิดอย่างคล่องแคล่ว

“เปิดไฟ” คะน้ายืนตอบผู้เป็นพ่อทั้งน้ำตาที่ยังรื้น ผักกาดหยุดร้องแล้วเมื่อแสงสว่างนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง

“ทำไมรีบขนาดนั้นล่ะ เดี๋ยวหกล้มลงไป เจ็บนะ”

“พี่ผักกาดกลัวผี ที่มืดๆ มีผี”

“ไม่กลัวเจ็บเหรอ”

คะน้าส่ายหน้าไหวๆ จนคนที่ยืนอยู่ยิ้มก่อนจะตั้งคำถามต่อ “แล้วทำไมลูกไม่ปิดไฟล่ะ”

“ปิดไม่ได้ ต้องเปิดสิ” คะน้าตอบแบบงงๆ กับคำถามแปลกๆ ของผู้เป็นพ่อ

“แปลว่ามันต้องใช้สิ่งที่ตรงกันข้ามถึงจะชนะสินะ” ลูกทั้งสองรีบพยักหน้าราวกับติดสปริง
“แล้วถ้าลูกๆ อยากเอาชนะกำลัง ลูกต้องทำยังไงล่ะ” เล่นเอาเด็กสองคนถึงกับหน้าเครียด

“ไม่ใช้กำลัง” ผักกาดตอบ ผู้เป็นพ่อส่ายหน้า

“สิ่งที่ตรงข้ามกับกำลัง ไม่ใช่ไม่ใช้กำลัง แต่เป็นนี่” ชายวัยกลางคนเอานิ้วชี้เคาะเบาๆ ที่ขมับตัวเอง

“สติต่างหาก” ผู้เป็นพ่อยิ้มแล้วลูบหัวลูกน้อยทั้งสอง

“คะน้าจำไว้นะลูก ที่ลูกรีบวิ่งมาเปิดไฟ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ลูกผู้ชายกำลังมีไว้ใช้ปกป้องคนอื่นยามจำเป็น
ไม่ใช่ไว้ทำลายคนอื่น ถ้าจะใช้กำลังเพื่ออะไรสักอย่าง ...ใช้เพื่อปกป้องคนที่เรารัก” เด็กชายยืนมองตาแป๋ว

“ห้ามคนอื่นน่ะมันยาก แต่เราห้ามตัวเองได้ เกลียดหรือไม่ชอบแบบเขา ก็อย่าเป็น อย่าทำแบบเขา
คนอื่นว่ายังไงก็ช่างเขา เรารู้ตัวเราเอง เราไม่ได้อ่อนแอแต่เราเข้มแข็งต่างหาก เราเข้มแข็งจนเอาชนะใจตัวเองได้”
ผักกาดหน้ามุ่ย ไม่ค่อยชอบใจ ส่วนคะน้านั่งมองผู้เป็นพ่อตาแป๋วด้วยความเดียงสา

“ว่าไง สัญญากับป๊าได้ไหมเจ้าต่าย” คะน้ายังคงยืนงงๆ กระทั่ง...

“แลกกับอมยิ้ม!”

เด็กชายรีบพยักหน้าแต่โดยไวจนผู้เป็นพ่อหัวเราะชอบใจ
ฝ่ามือกว้างลูบลงบนศีรษะลูกชายแล้วขยี้เบาๆ


“...สักวันลูกจะเข้าใจ”





คะน้าค่อยๆ พลิกตัวกลับ เจ็บปวดเพียงไหนแต่ก็ไม่มีอะไรจะโต้ตอบคำพูดที่จงใจยั่วเย้าของทิมแม้แต่น้อย
จนดูเหมือนว่าจะเป็นทิมที่พ่ายแพ้ต่อโทสะของตัวเอง ร่างสูงรีบรุดขึ้นมาอย่างว่องไวราวกับพายุ
แล้วกระชากรั้งคะน้าด้วยแรงบีบที่ข้อมือ กลิ่นแอลกอฮอล์เจือมาในลมหายใจที่แผดเผา ทิมยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วคำราม


“ถามว่าจะทำยังไง”

ไม่มีถ้อยคำโต้ตอบ หากแต่เป็นเพียงรอยยิ้มน้อยๆ และดวงตาสีอ่อนที่ทอแสงหม่นเท่านั้น
ที่ทดแทนทุกคำตอบจากคะน้า ...มีเพียงเท่านั้นจริงๆ แต่ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างนั้น
จะยิ่งบันดาลโทสะให้ฝ่ายตรงข้าม ทิมสูดลมหายใจแรงด้วยความขัดใจ ดวงตาแดงกล่ำด้วยความพิโรธ

“พี่เป็นบ้าอะไร โกรธก็บอกมา ไม่ชอบก็พูด ไม่ใช่ยืนยิ้มบ้าๆ แบบนี้ อยากจะด่าอะไรก็ด่ามาเลย”
ทิมระเบิดอารมณ์ด้วยความหงุดหงิด หากแต่คะน้าแค่ส่ายหน้าน้อยๆ
ดวงตาที่เคยสุกใสแวววาวเหมือนหยดน้ำที่กลิ้งกลอกกลับแห้งโหยดูไร้เรี่ยวแรง

“พูด! พูดอะไรก็ได้! บอกให้พูด!!” ทิมตัวสั่น เสียงเข้มจนเหมือนเสียงตะคอก
คะน้ามองกลับด้วยแววตาที่แหบแห้ง และนั่น ดูเหมือนนั่นจะทำให้อีกฝ่ายชะงักไปไม่น้อย

“ก็รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว ...และนั่นก็พอแล้ว”

“หึ! แล้วยังไงล่ะ อยากได้มันคืนไหมล่ะ ไอ้เทวดานั่น” ทิมข่นเสียงกร้าวอย่างไม่เกรงกลัว
หากแต่คะน้ายังคงสงบนิ่ง และนั่นดูจะยิ่งโหมเปลวเพลิงให้กับทิมทบทวี



“แม่งเอ้ย!!!!!”

กำปั้นถูกกระแทกลงที่กำแพง เสียงสนั่นหวั่นไหวที่ได้ยินเพียงพอจะบอกได้ถึงแรงปะทะของผิวเนื้อบนปูนหนาๆ
คะน้าเหลือบมองดูที่มือนั้น เห็นรอยแดงนูนช้ำตามรอยกระดูกขึ้นมาชัดทันตา แต่ทิมดูจะไม่สนใจกับบาดแผลนั้นเท่าไหร่
ฝ่ามือกว้างจึงยกมาบีบบนกรามของคนที่ตัวเล็กกว่าในเสี้ยววินาทีแล้วออกแรงกดบีบจนเป็นรอยแดง

“ไม่เจ็บเหรอไง!!!”

คะน้าสบตาคนข้างหน้าที่เต็มไปด้วยโทสะ สองมือค่อยๆ ยกขึ้น
แล้วตระกองฝ่ามือที่ออกแรงบีบนั้นอย่างแผ่วเบา นุ่มนวล
ปลายนิ้วลูบไปบนรอยแดงบนมือของทิม ดวงตาสีอ่อนบ่งบอกถึงความรู้สึกในใจมากมาย
ก่อนที่เสียงแผ่วเบาจะแทรกผ่านไออากาศออกมาอย่างเหนื่อยล้าทั้งความรู้สึก



“ไม่เจ็บเหรอไง”

คำถามง่ายๆ หากแต่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ ทิมถึงกับชะงักอึ้งไปกับดวงตาคู่นั้น
มันเต็มไปด้วยความอ่อนแอและความเข้มแข็งอยู่ในที ไม่น่าเชื่อที่ปลายนิ้วซึ่งออกแรงเพียงแผ่วเบาของคะน้า
สามารถปลดเปลื้องนิ้วที่บีบแน่นของทิมลงได้อย่างง่ายดาย


“เจ็บไหม ...ผมเจ็บมาก
เสียใจไหม ...ผมก็เสียใจมาก”
คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ


“ไม่รู้ว่าสิ่งนี้ คือสิ่งที่จริงๆ แล้วทิมอยากให้ผมหรือเปล่า ความเจ็บปวด ความเสียใจ”
คะน้าจ้องลึกไปในดวงตาสีดำเข้มที่กำลังดูสับสน




“ไม่เคยมีสักครั้ง ที่ผมอยากให้ทิมเจ็บปวดหรือเสียใจ”

เพียงถ้อยคำง่ายๆ กลับทำให้ทิมถึงกับเซไปด้านหลังอย่างเสียการทรงตัว
คะน้ามองใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มปะติดปะต่อ
คะน้ามองดูคนตัวสูงข้างหน้า แม้จะไม่รู้ว่าทิมทำอะไรลงไป และก็ไม่อยากรับรู้ด้วย
หากแต่สิ่งหนึ่งที่เขารับรู้ในเวลานี้ก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ...ไม่ต่างอะไรกับเด็กตัวน้อยๆ
แสนเอาแต่ใจในร่างกายของผู้ใหญ่เลย สิ่งที่ทำไปก็คือตลกร้ายๆ



...เพียงแต่มันไม่ตลกเลยสักนิด



“ผมผิดหวังในตัวทิมมาก”

คำนั้นถึงกับทำให้ทิมแทบล้มทั้งยืน หากแต่คนตัวสูงพยายามตั้งสติสัมปชัญญะทั้งหมดที่มีเอาไว้
ซุกซ่อนความรู้สึกสับสนต่างๆ ที่ประดังประเดเข้ามาราวกับคลื่นที่โหมกระหน่ำ
หากทิมเป็นเหมือนกับเปลวไฟที่ร้อนแรงจนพร้อมจะแผดเผาทุกอย่างรอบๆ ตัวให้เป็นจุณในพริบตา
ในเวลานี้ คะน้ากลับเหมือนกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ที่หยุดเปลวไฟลงได้อย่างง่ายดาย

เพียงเสี้ยววินาทีของความวูบไหว เปลวเพลิงอย่างทิมยังไม่หยุดแผดเผา ชายหนุ่มแสยะยิ้มที่มุมปากแล้วหัวเราะขัน
“เสียใจเหรอ ผิดหวังเหรอ กับใครล่ะ กับไอ้เทวดานั่นหรือกับผม”

ดวงตาสีดำลุกวาวดั่งเปลงเพลิงที่พร้อมเผาทำลายทุกสิ่งตรงหน้าให้มอดไหม้
“แล้วผิดหวังเรื่องอะไร ที่ผมทำสิ่งเหล่านั้นกับตุล” ทิมผลักคะน้าติดกับพื้นผนัง
แล้วเอาตัวเองดันจนแนบชิดแล้วยื่นใบหน้ามาใกล้ “หรือที่ผมทำสิ่งเหล่านั้นกับพี่”

ปลายจมูกที่เป็นสันสูงค่อยๆ ลากไล้อ้อยอิ่งอยู่บริเวณกระพุ้งแก้ม
ลมหายใจที่เจือด้วยกลิ่นเหล้าฉุนจนแผดร้อนลามเลียไปทั่วใบหู
เสียงหัวเราะทุ้มเบาในลำคอของทิมดังแว่วก่อนที่คำถามที่ดังพอๆ กับเสียงกระซิบนั้นจะย่ำกรายอย่างฮึกเหิม




“หรือจริงๆ แล้ว เสียใจ ผิดหวัง ที่ผมไม่ทำกับพี่”

เหมือนจี้ใจดำ น้ำที่เคยสงบนิ่งกลับถูกเร่งจนถึงจุดเดือดอย่างง่ายดาย
คะน้ารู้สึกแปลบปร่าขึ้นมาในหัวใจทันที คำถามที่ตรงไปตรงมาของทิม
เหมือนกับของปลายแหลมของเข็มนับพันที่แทงลงพร้อมกันในกล้ามเนื้อหัวใ
ร่างกายของคะน้าสั่นไหว ชายหนุ่มกดใบหน้าลงพร้อมกับความสับสนที่พุ่งขึ้นมาในเสี้ยววินาที



(มีต่อนะ  o18)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 30-10-2012 22:13:30
(ครึ่งหลังครับ)




...ปฏิเสธไปสิ จะไปยากอะไร มันไม่ใช่อย่างที่ทิมพูดเลย ...ไม่ใช่เลย!

หากแต่ผู้ไล่ล่าไม่เคยรามือ ทิมโน้มใบหน้าของตัวเองลงต่ำตาม
เอาริมฝีปากที่หนานุ่มกดลงบนผิวเนื้อสีเดียวกันเหนือคางของคะน้าแล้วออกแรงช้อนดันขึ้น
คะน้าปัดป้อง แต่ริมฝีปากที่ระอุร้อนยังคงลามไล้คลอเคลียก่อนจะฝังลงบนลำคอของคะน้าอย่างโหยหา
ราวกับถูกไฟฟ้าช็อต ทุกอย่างอื้ออึงจนทำอะไรไม่ถูก
สัมผัสที่ดูแปรปรวนของทิมเป็นสิ่งที่ยากลำบากสำหรับคะน้าที่จะตั้งรับ

“เคยมีสักครั้งไหม ที่ไอ้หมอนั่นมันทำให้พี่รู้สึกคลั่งจนจะเป็นบ้า”
ทิมกระซิบถาม กอนจะบดริมฝีปากลงข้างใบหูครั้งแล้วครั้งเล่า



“สักครั้งไหม ที่มันทำให้พี่อึดอัดจนเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เท่าผม”
ปลายจมูกกดฝังลงบนแก้มแล้วสูดกลิ่นหอมบนผิวหนังอย่างถือดี



“สักครั้งหรือเปล่า ที่มันทำให้พี่รู้สึกเหมือนดิ่งลงนรก และบินอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันแบบนี้”
คะน้าเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน หากแค่ไรหนวดสากๆ ยังคงตามเสียดสีคลอเคลีย



“หลับตาก็เห็นหน้า ลืมตาก็นึกถึง และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดความคิดบ้าๆ นี่ไปได้สักที”



ริมฝีปากของทิมบดตัวลงที่ริมฝีปากของคะน้าอีกครั้ง ก่อนจะลากไล้มาหยุดที่มุมปาก
เสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงที่ยากเกินกว่าจะคาดเดาความรู้สึกที่เจือแฝงอยู่ในนั้น



“คนที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกมีความสุขสุดๆ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนที่ทำให้เราทุกข์จนแทบคลั่ง
เพียงคนเดียวที่ทำให้เรารู้สึกปั่นป่วน ทั้งรู้สึกโชคดีที่ได้พบกัน และรู้สึกหวาดกลัวที่จะสูญเสียไป”




ใบหน้าของทิมผละตัวออกช้าๆ น้ำเสียงที่ร้อนรนดูจะสงบนิ่งลงบ้างแล้ว
เขาสบตาคะน้านิ่งด้วยสีหน้าแบบนั้นกับความรู้สึกที่ไม่เคยปิดบัง



“เคยถามตัวเองไหม ใครทำให้พี่กลายเป็นคนบ้าได้”


คะน้าอึ้งไปกับถ้อยคำแบบตรงไปตรงมาของคนข้างหน้า
ทิมสบตาด้วยแววตาแบบที่คะน้าไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้จะแข็งกร้าว หากแต่ลึกๆ มันเต็มไปด้วยความสั่นไหว ไม่มั่นใจ
ในแววตาที่เคยมุ่งมั่นนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวผิดกับทุกๆ ครั้งที่เป็นมา
ถ้าคะน้าเข้าใจไม่ผิด ความรู้สึกของทิมที่มีในตอนนี้... ทิม...



“ตอบสิ”

จู่ๆ หัวใจที่แห้งโหยก็ลุกไหม้จนรู้สึกร้อนวาบ เสียงสั่นๆ และแววตาแบบนั้นของทิม
มันก็แค่เรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอ ...ไม่หรอก มันก็แค่เรื่องล้อเล่น
แค่ตลกร้ายแบบทุกครั้งที่หยอกล้อกันในหมู่เพื่อน ทิมแค่ต้องการเอาชนะ
แค่ต้องการจะเป็นที่หนึ่งตามนิสัยเอาแต่ใจนั่น ...อย่าหวั่นไหว มันไม่มีอะไร ...มันก็แค่นั้น ...ไม่มีอะไร



“อย่าคิดว่าผมไม่รู้จักพี่ บางเรื่อง อาจจะรู้จักดีกว่าพี่รู้จักตัวเองด้วยซ้ำ”


ทั้งๆ ที่พยายามอย่างหนักในการให้สมองและความคิดทำงานแทนความรู้สึก
แต่แล้วทุกอย่างมันก็ดูเหมือนจะพังไม่เป็นท่าเพราะคำพูดง่ายๆ พวกนี้




“ไม่รู้จริงๆ น่ะเหรอ ...พี่รักใคร”


“พอ... พอเถอะทิม หยุดเถอะ ไม่ว่าสิ่งที่ทิมทำอยู่มันคืออะไร
หยุดล้อเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นได้แล้ว มันไม่สนุกเลย”
คะน้าหายใจหอบ ตั้งสติอย่างหนักกับทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยออกมา

“ล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ” ทิมหัวเราะขื่น

“จริงสิ ใครจะไปเหมือนไอ้เทวดานั่น เจ้าชู้ยังไงก็ยังดูดี อะไรก็ดูดีไปหมด”
คะน้ารู้สึกแปลบขึ้นมาทันที จริงอย่างที่ทิมพูด ตุลดูเป็นคนเจ้าชู้
มีเรื่องมีราวพวกนี้โดยตลอด แต่นั่น... เป็นเพราะตุลหรือใคร?

“เพราะนายเล่นไม่ซื่อ”

“แล้วเรื่องที่ทำให้แจ้นขึ้นมานี่ล่ะ เพราะซื่อใช่ไหม”

“พอเถอะทิม” คะน้าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน “นายต้องการอะไร”

“เลิกกัน”

“...เพื่ออะไร”

คะน้าเงยหน้าขึ้นมองทิมด้วยความไม่เข้าใจ หากแต่อีกฝ่ายกลับหลบตา
และไม่มีคำตอบใดๆ ในถ้อยคำที่เอ่ยถามนั่น ทุกอย่างนิ่งเงียบจนน่าอึดอัด
กระทั่งทิมผ่อนลมหายใจแรงๆ ด้วยความไม่ชอบใจ
คะน้ามองดูท่าทางทุกอย่างของคนที่ยืนอยู่อย่างกระสับกระส่าย




“นาย... นายชอบผู้ชายเหรอทิม”


คะน้าพยายามสบตาของทิม หากแต่ครั้งนี้แปลกกว่าทุกครั้ง ชายหนุ่มเลือกที่จะเบือนสายตาไปทางอื่น
และใช้ความเงียบแทนคำถามกลับที่เรียกว่าคำตอบแบบทุกๆ ครั้ง คะน้าข่นเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดี ...คำตอบในนั้นชัดเจนมากพอแล้ว


“พี่ไม่เคยคิดว่านายชอบอะไรแบบนี้เลย คนแบบนายเพียบพร้อมไปทุกอย่าง
รูปร่างหน้าตา การศึกษา หรือฐานะ คนแบบนายไม่มีวันเข้าใจคนธรรมดาแบบพี่หรอก
คนแบบพี่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งที่นายคุ้นเคย ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง
ไม่เคยมีคนมาสนใจ ชอบใครสักคนก็ได้แต่แอบชอบ เรียกว่าฝันก็ยังไม่มีสิทธิ์จะฝัน
พี่ไม่เคยเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือก และไม่เคยมีค่าพอจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
ถ้านายคิดว่านี่คือการแข่งขันเพื่อแย่งชิงอะไรสักอย่าง”

คะน้ายิ้มน้อยๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดในใจลึกๆ ยอมรับความเป็นจริงที่ไม่อาจหลีกหนีมาได้แต่ไหนแต่ไรแล้ว



“...ที่นี่ ต่อให้นายชนะ รางวัลมันก็ไม่มีคุณค่าอะไรสำหรับนายเลย”

ใบหน้าที่แห้งโหยยิ้มเศร้าๆ ด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ

“ก็จริง” จู่ๆ ทิมก็พูดขึ้นมา “ผมไม่ได้ชอบผู้ชายแบบนั้น เกลียดเลยก็ว่าได้”
ทิมพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ คะน้ายิ้มเศร้าๆ กับคำตอบนั้น

“นายเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือกจริงๆ ถ้าไม่ใช่ดวงดาวบนท้องฟ้า อะไรที่นายอยากได้
ไม่มีหรอกที่นายจะไม่ได้มันมา นานมีทั้งเงิน มีทั้งหน้าตา ฐานะ
บางทียังคิดเลยว่าต่อให้เป็นดาวบนฟ้าจริง คนแบบนายก็อาจคว้ามันมาในมือก็ได้”



“อย่างนั้นเลยเหรอ”

ทิมหัวเราะเยาะ เป็นเสียงหัวเราะที่ไม่ได้แสดงออกถึงความตลกขบขันใดๆ สักนิด
คะน้าเหลือบไปมองดู วูบหนึ่งในใบหน้าที่ดูเหมือนมีความสุขนั้น กลับดูเศร้าหมองจนน่าใจหาย

“พี่เชื่อแบบนั้นจริงๆ”

“ถ้าผมได้ในทุกอย่างที่ผมต้องการจริง ...และถ้าผมเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือกจริง”
ทิมผ่อนลมหายใจแผ่วเบา เขาเงยหน้าขึ้นแล้วสบตาคนๆ เดียวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความจริงใจ
ชูมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นช้าๆ ในมือมีแต่ความว่างเปล่า




“รู้ไหม? ...ผมเลือกแล้ว เลือกไปนานแล้ว”

ความแน่วแน่ในดวงตานั้นเหมือนกับพระอาทิตย์ที่เจิดจ้าร้อนแรง
คะน้าเบือนสายตาหลบไปอีกทางด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
มันค่อยๆ ก่อตัวสะสมจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นทีละน้อย บางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับค้นหามานาน
เพียงแต่น้ำหนักของความหมายนั้นมันช่างมากมาย มากจนคะน้าไม่แน่ใจว่าจะแบกรับกับสิ่งเหล่านี้ไหว



“ดึกแล้ว ผมขอตัวก่อนแล้วกัน”

คะน้ากดปุ่มเรียกลิฟต์ และเพียงเสี้ยววินาที มันก็เปิดออก อาจเพราะว่ามันค้างอยู่ที่นั่นมานานแล้วก็ได้
ชายหนุ่มรีบเดินเข้าลิฟต์ไป พร้อมกับคำตอบของคำถามมากมายที่เริ่มผุดขึ้นมาในใจ
ราวกับจิ๊กซอว์ผืนใหญ่ที่ค่อยๆ ประกอบร่างจนภาพทุกอย่างดูชัดเจน ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง
หากแต่ดวงตาของทิมยังคงจ้องมองอย่างแน่วแน่มาที่คะน้า ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีที่มันจะหลุดความสนใจไปที่อื่น
ทันใดนั้นทิมก็รุดก้าวเข้ามา สองมือยกขึ้นแล้วง้างประตูลิฟต์ให้ดีดตัวออกอีกครั้ง



“ตอบคำถามผม”

คะน้าสะดุ้ง ขาข้างหนึ่งถอยกรูดไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว เมื่อไหร่ที่วินาทีที่ยากลำบากเหล่านี้จะสิ้นสุดลง

“ไอ้หมอนั่น เคยมีสักครั้งไหมที่แค่อยู่ใกล้ๆ ก็ทำพี่รู้สึกหลงจนหมดหัวใจ
สักครั้ง ที่ทำให้พี่รู้สึกไม่มั่นใจ แม้ในสิ่งที่ตัวพี่มั่นใจกว่าสิ่งไหนๆ
เคยไหม ที่มันทำให้พี่รู้สึกไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจแม้ตัวของพี่เอง”

คะน้าเบี่ยงสายตาไปอีกด้าน พยายามนิ่งเฉยกับคำถามที่ถูกเร่งเร้าทั้งๆ ที่ในใจสั่นไหวจนทำอะไรไม่ถูก
...อดทนไว้ก่อน อีกนิดเดียว แค่เพียงอีกนิดเดียว แค่ไม่นาน แล้วทุกๆ อย่างก็จะผ่านพ้นไป



“ลืมเรื่องเหตุผลได้ไหม หัวใจของพี่รู้สึกยังไง”


“ทิม...”


“ตอบ”


ทิมเร่งเร้า คะน้าพยายามตั้งสติ สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อความจริงมันแน่ชัด
ไม่ว่าจะอย่างไร คงไม่มีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน




“ตุลทำให้พี่รู้สึกแบบนั้น”




“นี่มันล้อเล่นแน่ๆ”

เสียงของทิมสั่นไหวจนฟังแทบไม่เป็นภาษา

ทุกสิ่งทุกอย่างดูเงียบสงบลง ราวกับพิ้นที่กว้างใหญ่นั้นว่างเปล่าปราศจากผู้คน
เป็นเวลาเนิ่นนานจนมีเสียงถอนหายใจเบาๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้องขึ้นมา คะน้าเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง
รอยยิ้มน้อยๆ พยายามซุกซ่อนทุกความรู้สึกที่วุ่นวายจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ข้างใน
ทิมข่มรอยยิ้มขึ้นมาอย่างยากลำบาก ดูเหมือนคำตอบนั้น จะเหนือความคาดหมายในสิ่งที่ชายหนุ่มเชื่อมั่นมาตลอด
ลงท้าย มันก็เพียงเท่านี้ ...สุดท้าย ทุกๆ อย่างก็กำลังจะสิ้นสุดลงไป

ไม่มีเอ่ยคำร่ำลาแบบทุกๆ ครั้ง ทิมไม่ได้เดินหนีไปไหน ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่เปลี่ยนแปลง
และก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดตัวลง ชายหนุ่มก็เพียงแค่พูดประโยคสั้นๆ ออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ




“จะวิ่งหนีไปก็เท่านั้น ความรักมันไม่ได้จบลงเพียงเพราะไม่ได้พบกันหรอก”


ทันที่ที่ประตูปิดสนิท คะน้าถึงกับทิ้งตัวเองกับพื้นผนังของลิฟต์ทันที
ร่างกายเหมือนจะหมดแรงสู้ต่อ หัวใจสั่นไหวกับคำตอบมากมายที่บัดนี้ แน่ชัดในใจเหลือเกิน


ตุลเป็นคนที่ดีเหลือเกิน ดีจนไม่คิดว่าคนอย่างตุลจะมารู้สึกดีๆ กับผมได้
รอยยิ้มของตุลสดใสและบ่งบอกถึงความสุขเสมอ ทุกๆ ครั้งที่ได้อยู่ใกล้
เพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มนั้น ตัวผมก็รู้สึกเป็นสุขมากมายแล้ว
มันเหมือนกับความฝันที่ไม่อยากจะเชื่อว่าเกิดขึ้นกับตัวผมคนนี้ได้จริงๆ
และผมสัญญากับตัวเองแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ผมจะรักษารอยยิ้มแบบนั้น
ให้อยู่กับตุลตลอดกาล และผมจะไม่มีวันผิดคำสัญญา


ทิม... ผมอยากขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกผิดหวัง เสียใจ
แต่คนโง่แบบผม มันคงทำได้เพียงเท่านี้


ดวงตากลมใสเอ่อชื้นขึ้นเพียงเสียววินาที คะน้ายกมือของตัวเองขึ้นปาดน้ำตา
แต่ก็เหมือนความอดทนที่แบกมามันถึงที่สิ้นสุด ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น
ปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ระบายทุกสิ่งทุกอย่างที่อัดแน่นในใจ



แม้ว่า... คุณคือคนที่ผมรักก็ตาม


คะน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พยายามกดเลื่อนดูกล่องข้อความที่ว่างเปล่า
หากแต่ไม่มีข้อความใดๆ ข้างในนั้น หน้าจอจึงได้แต่ตีกลับซ้ำๆ
กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงกดย้ำอยู่ที่เมนูเดิมอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




คงเป็นอีกตอนที่คอมเมนต์ยากแน่ๆ แต่ช้าหรือเร็วก็คงต้องมีฉากอารมณ์ประเภทนี้ล่ะนะ
ดังนั้น รีบๆ มา รีบๆ ไปน่าจะดีกว่านะครับ เดี๋ยวช่วงนี้จะอัพไวๆ นิดนึงนะครับ
จะได้พ้นช่วงอ่านแล้วอึดอัดกันไปซะที สัปดาห์นี้จะลงอีกตอนครับ ^ ^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-10-2012 22:19:53
โอ้วว
ดราม่ากระซวกตับจริงๆ
แต่แอบรู้สึกดี ที่อย่างน้อยคะน้าก็รู้ตัวว่าตัวเองรักใคร อิอิ
ทิมแอบโหดนะตอนนี้ แต่ชอบค่ะ กร๊ากกก

Tim FC  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 30-10-2012 22:30:12
โอววว แม่ยกทิมไม่รู้จะเม้นอะไรดีเลย หน่วงเกินไปม๊ายยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 30-10-2012 22:34:37
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย ทำไมถึงเลือกคนที่รักเรามากกว่าคนที่เรารักและเขาก็รักเราล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 30-10-2012 22:36:29
อึดอัด อึดอัด อืมครึมเหมือนฟ้าไม่โปร่งใสยังไงไม่รู้วุ้ย  :serius2:  :serius2: :serius2: :z3: :z3:


ไม่รู้จะเป็นยังไงก็เอาใจช่ายต่ายแล้วกัน สู้ๆ

ขอบคุณมากค่า :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 30-10-2012 22:47:32
ทิมมมมมมมมมมมมมมม  นี่พระเอกหรือคนคลุ้มคลั่ง?

..

เงียบ  หรือว่าจะช็อต







 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 30-10-2012 22:55:44
อ่านไปแทบลืมหายใจแน่ะคุณคนเขียน :a5:
อึดอัดมากค๊าาา :serius2: ใจจะขาดสงสารนู๋ต่ายน้อยของพี่ :เฮ้อ:
ส่วนทิมไม่เข้าใจทำไมทำแบบน้านนน..... :m16:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 30-10-2012 23:53:27
มาอ่านช้าไปตอนเดียว พลาดอะไรไปเยอะเลยเรา...
ตอนแรกสงสัย ทิมทำแบบนั้นกับตุลย์ทำไม
แต่ก็เข้าใจได้ในตอนถัดมา... ทิมอ่า
ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ ต้องมีบ้าง ที่เราจะไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้
อดทนนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...

ส่วนคะน้า... ทำร้ายหัวใจตัวเองทำไมกัน
บางครั้ง แมัว่าเราจะไม่เคยได้เลือก
หรือไม่เคยคิดว่าตัวเองเหมาะจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
แต่ถ้ามันมีโอกาส เราก็ควรเลือกสิ่งที่คิดว่ามันทำให้ตัวเองมีความสุขสิ...

"คะน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา พยายามกดเลื่อนดูกล่องข้อความที่ว่างเปล่า หากแต่ไม่มีข้อความใดๆ ข้างในนั้น หน้าจอจึงได้แต่ตีกลับซ้ำๆ กระนั้นชายหนุ่มก็ยังคงกดย้ำอยู่ที่เมนูเดิมอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา"
อ่านประโยคนี้จบ นัำตาคลอโดยไม่รู้ตัวเลย
จุก... หาคำมาอธิบายไม่ได้ อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ...
ว่าข้อความของคนที่คะน้าไม่แม้แต่จะเมมเบอร์นะส่งอะไรมา...

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
(โบกปัายไฟทิมเงียบๆ พร้อมกับพยายามชวนทิมไปอยู่คอนโดใหม่)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 30-10-2012 23:55:41
เอาเลย  อยู่ด้วยกันไปเลยสามคน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: armmyrine ที่ 31-10-2012 00:02:23
tim FC รายงานตัวด้วยคน  :sad4: :sad4: :sad4:

ปวดตับ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 31-10-2012 00:14:08
อ่านตอนนี้แล้วหัวใจทำงานหนักมากกกกก...จะบีบคั้นอารมณ์ไปไหนคร้าคนเขียน  :sad4:
สงสารทุกคนเลย  :เฮ้อ: หวังว่าความอึมครึมนี้จะผ่านพ้นไปเร็วๆ เพราะตอนนี้มันพีคสุดๆ แบบหน่วงไม่ไหวแล้วววววว  :o12:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 31-10-2012 00:39:02
นี่ๆคนเขียน  เขียนมาเพราะหมั่นไส้ทิมรึเปล่า
พยายามโจมตีฐานคะแนนทิมมากเลยอ่ะ
แต่ขอบอกนะว่า ต่อให้เลวกว่านี้เราก็เชียร์ ฮ่าๆๆๆๆ
คนอ่านบอร์ดนี่ทนน้ำทนไฟนะเออถ้าลองได้ชอบแล้วละก็นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 31-10-2012 00:46:24
ผมขอโทษคับ
ตกลงแล้วตุลย์นั้น จะรุกต่าย แต่จะรับทิมสินะ กร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 31-10-2012 00:53:49
Tim FC รายงานตัวตอนดึกๆ
มาอ่านตอนใหม่นิแบบ ไม่รู้จะเม้นอะไรจริงๆเลย
มันบีบมากอ่ะ มาอัพตอนต่อไปเร็วๆนะอยากอ่านต่อแล้วว่าจะเป็นยังไงต่อ T3T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: tumtok ที่ 31-10-2012 01:34:57
 o22 :sad4: o22
ไม่มีคำบรรยาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 31-10-2012 02:21:45
เพราะคิดว่าตุลเป็นคนดีมาก เลยไม่อยากให้ตุลเสียใจ
ตกปากรับคำเป้นแฟนกับตุลแล้ว ยังไงก้ต้องรักตุล อย่างนั้นน่ะหรือ???
แต่กับทิม เพราะคิดว่าเค้าเป็นคนที่เพียบพร้อม ไม่มีเค้าทิมก้มีสิทธิืไปเลือกคนอื่นได้
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก้รักทิม

แต่ยังสงสัยว่าคำว่ารักของคะน้าเอาอะไรมานิยาม คะน้าคิดว่าตัวเองรักทิมเพราะคำถามที่ทิมป้อนให้รึเปล่า
เพราะทิมรู้ว่าคะน้ารู้สึกยังไงกับตัวเอง เลยป้อนคำถามที่คำตอบมีแต่คำว่าใช่ ให้คะน้า

ทำตามหัวใจตัวเองบ้างก้ได้ เหตุผลบางครั้งมันก็ไม่ได้พาความสุขมาให้ชีวิตหรอกนะคะน้า

สนุกจัง ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 31-10-2012 07:53:29
สงสารทุกคนเลย ทิมคงหวังให้คะน้าเป็นคนจบไม่ได้แล้วล่ะ
แต่ถ้าเลือกเล่นงานตุลแทน ก็กลัวว่าตุลจะรับไม่ไหวนี่สิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 31-10-2012 08:11:38
 :o8: :sad4:  :m25:   






หลายอารมณ์ 
สรุปนี่ตุลมันเจ้าชู้จริงๆใช่ไหม !!?  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Eternal luv ที่ 31-10-2012 09:03:30
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 31-10-2012 10:27:58
ไม่เข้าใจทิมว่าทำแบบนั้นกับตุลทำไม  และไม่เข้าใจตุลว่าทำไมยอมให้ทิมทำแบบนั้น
ส่วนตัวคิดว่าเมิงสองคนไปเอากันเองเลยแล้วกัน  ถ้าจะทำกันแบบนี้น่ะ  เซ็งทิม เซ็งตุล
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: LimousinX9 ที่ 31-10-2012 10:55:29
เรื่องนี้จบไม่สวยแหงมๆ แต่ก็ติดงอมแงมแล้วสิไม่รู้จะทำไง -*-
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 31-10-2012 11:38:33
ตอนที่แล้วโกรธทิมมาก ไม่เข้าใจการกระทำของเธอเลยจริง ๆ
มาตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าเธอทำเพราะอะไร
แต่มันช่างเป็นวิธีการที่ยุ่งยากจริง คะน้าเป็นคนที่ธรรมดามาก ๆ กรุณาใช้วิธีตรงไปตรงมาด้วย
ถ้าหมอตุลไม่ดีจริง อีกไม่นานคะน้าก็เห็นเอง ตาสว่างเองแหละ
ไม่เข้าใจพวกหนุ่ม ๆ เอาซะเลย เฮ้อ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 31-10-2012 13:29:34
ยกป้ายไฟเชียร์ทิมต่อค่า แล้วลากไปหานายเอกคนใหม่เหอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: smilymoon ที่ 31-10-2012 22:35:49
มันเป็นเพราะอะไร ความรักหรือการต้องการเอาชนะ (ทิม)   ความอ่อนแอ ความไม่มั่นคง (ตุล)   ความสับสน ความไม่มั่นใจ (คะน้า) คนอ่านลุ้น อย่าใจร้ายจริงๆน่ะค่ะ (คนเขียน) เชียร์ทิมอยู่ ชัดเจนหน่อย แล้วก็หนักแน่นกับอารมณ์ของตัวเองกับคะน้าหน่อย  ขอบคุณสำหรับเรื่องสนุกลุ้นๆค่ะ   
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jelatin99 ที่ 31-10-2012 23:36:34
โอ๊ยย~หน่วงมาก ให้ตายเหอะ ทำไมคะน้าไม่สู้นะ สงสารทั้งสามคนเลย เฮ้อ~รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 01-11-2012 00:28:18
ยังไงทิมก็ดีกว่านะคะน้า~
แม้ว่าตุลจะยิ้มแล้วทำให้รู้สึกดี แต่คนที่ทำให้คลั่งได้ไม่ว่าจะทำอะไรก็คือ'ทิม' :-[


ถึงจะพยายามเท่าไหร่แต่ถ้าใจมันรักไปแล้ว ทำแบบนี้คนเจ็บก็คือ'ตุล'
เชื่อว่าตุลแอบนอกใจคะน้าเล็กน้อย ยอมให้ทิมทำแบบนั้นก็น่าจะมีโลเลแหละ :เฮ้อ:

และสาเหตุที่ทิมทำแบบนั้นก็เพื่อ'วัดใจ'กับคะน้า
ถ้าต่ายน้อยไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ แนะนำให้พาสองหนุ่มไปอยู่ด้วย~ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 01-11-2012 01:18:48
“...คนแบบนายไม่มีวันเข้าใจคนธรรมดาแบบพี่หรอก
คนแบบพี่เกิดมาไม่เคยได้สัมผัสกับสิ่งที่นายคุ้นเคย ไม่เคยเป็นที่หนึ่ง
ไม่เคยมีคนมาสนใจ ชอบใครสักคนก็ได้แต่แอบชอบ เรียกว่าฝันก็ยังไม่มีสิทธิ์จะฝัน
พี่ไม่เคยเกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือก และไม่เคยมีค่าพอจะเป็นตัวเลือกให้ใคร
...”

ฉึก!!! โดนมาก T T

อย่างน้อยคะ้น้าก็รู้ใจตัวเองซะที
แต่มันจะทำให้อะไรๆยากขึ้นไปอีก
*ต้มน้ำรอมาม่า*

จุดๆนี้ อยากรู้แค่ว่าทำไมตุลถึงยอมให้ทิมเข้าใกล้
มันต้องมีเหตุผลสิ ตอนแรกเขม่นกันจะตาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 01-11-2012 14:11:43
อ่านแล้วแบบรู้สึกอึดอัดอะ มันบอกไม่ถูก คะน้าสู้ๆนะผ่านมันไปให้ได้ละ
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-11-2012 14:54:57
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 02-11-2012 11:30:19
อ่านทันล่ะ เชียร์ทิมนะ แต่ตอนนี้หน่วงสุดๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 03-11-2012 23:48:44

คนแก่ทายไรผิดเสียที่ไหน

เพราะเรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกบนโลก

อิอิ

ปล. ถ้ารวมเล่มหรอ?  เนื้อหา = ผ่าน  /  รูปหน้าปก = ?  เพราะมันก็มีส่วนช่วยทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเหมือนกัน  เพราะต่อให้เนื้อหาสนุกแต่ถ้าปกไม่เข้า gap ก็รอเรื่องต่อไป อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-11-2012 10:14:26
สนุกมากค่ะ...มันเต็มไปด้วยอารมณ์จริง ๆ พาร์ทนี้ ต้องเขียนยากมาก ๆ ด้วย ขอบคุณคนแต่งนะคะ
อ่านช้า ๆ เก็บอารมณ์ของทิมกับคะน้าไป ชอบที่พ่อสอนคะน้านะให้มีสติ ยิ่งเย็นเท่าไรทิมยิ่งโมโหเท่านั้น
ทิมช้าเองนะที่ไม่ทำอะไรจริงจัง แล้วพอเสียไปก็กลับไปแย่งมาเหมือนเด็กโดนแย่งของเล่น
ที่ทำกับตุลนี่คนอ่านโมโหมากนะ ประเด็นคือตุลดูรักคะ้น้าแล้วทำแบบนั้นด้วยทำไม หรือทิมบังคับ
อยากไล่ผู้ชายสองคนนี้ให้ไปพ้น ๆ คะน้่าที่น่ารักของเราจัง ชิ้วๆๆๆ ไป๊ (แล้วใครจะเป็นพระเอกล่ะ)
สะใจตอนคะน้าบอกว่าคนที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นได้คือตุล คือไม่อยากให้คะน้ายอมแพ้กับทิมอ่ะ
เพราะทิมเอาแต่ใจมากและรุกสุด ๆ แต่วิธีที่ใช้มันไม่ถูกต้องและมันทำให้ทุกคนเจ็บปวด
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ อยากอ่านมากค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 15 (หน้าที่ 23) - Oct 30, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 05-11-2012 23:02:51
แม่ยกวิศวกร..  :z3:  :z3:  :z3:
ความรู้สึกตอนนี้นะ..
มันหน่วง..มากกกกกกกกกกก

แอบเซ็งคะน้าเบาๆ ที่เลือกคนที่ดีแทนที่จะเลือกคนที่รัก
เชื่อว่าคนที่ไม่ได้ถูกเลือกจากหัวใจ..ก็คงไม่ดีใจสักเท่าไหร่ :เฮ้อ:

ยังยืนยันว่า..จบยังไงก็ได้ที่ไม่ใช่ 3p  :z6:
555555555555555

เอาใจช่วยทิม ตุลย์
และแผ่รังสีกดดันไปหาคะน้าเบาๆ  :m16:

รอตอนหน้าค่ะ  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-11-2012 19:37:57
มาแล้วๆๆๆ ช้ากว่าแผนการเดิมนิดหน่อยครับ อย่าเพิ่งเคืองกันนะ
พอดีปรับปรุงนิดหน่อย ให้อ่านง่ายขึ้นนิดนึง ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเมนต์
ทุกข้อเสนอแนะ ทุกกำลังใจ และก็ทุกการกด Like ในเฟซบุคด้วย ขอบคุณจริงๆ ครับ
ว่าแล้วก็ขอเลี่ยงการตอบคอมเมนต์ด้วยการอัพตอนต่อไปเลยนะครับ แหะๆ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 16


สองวันแล้วนับจากวันนั้นที่ไม่ได้เห็นหน้าของทิมอีกเลย ไม่ได้พูดคุยติดต่ออะไร
แม้ว่าทุกวันอาหารของทิมยังคงส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบ้านดั่งหลายวันที่ผ่านๆ มาก็ตาม
คงจะพอมีเพียงรสชาติและกลิ่นหอมๆ เหล่านั้นที่ทิ้งร่องรอยของทิมเอาไว้ใกล้ตัว
เจ้ถามว่าพอจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าทิมเป็นอะไร ‘ดูไม่ร่าเริงแบบเคยๆ’
คือคำพูดที่เจ้อธิบายถึงท่าทีที่แปลกไปของทิม

“ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”

ทะเลาะหรือเปล่าเหรอ? จะตอบไปว่าอะไรดี ความรู้สึกในตอนนี้มันก้ำกึ่งจนอธิบายไม่ถูก
เป็นสีเทาหม่นๆ ที่ไม่ชัดเจน ในความเป็นกลางระหว่างขาวและดำนั้น
บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันสว่างหรือมืดมากกว่ากัน

 “ต่ายเอ้ย... ทะเลาะหรือเปล่ายังไม่รู้อีก”
เสียงถอนหายใจของผักกาดดังขึ้นเมื่อไม่มีคำตอบในสิ่งที่เอ่ยถาม
หากแต่ทุกอย่างก็สิ้นสุดพร้อมสีหน้าที่ตั้งคำถามของหญิงสาวผู้เป็นพี่ที่นั่งทานมื้อเย็นเงียบๆ

“รู้ไหม เราไม่เคยเป็นอย่างนี้เลยนะ”








“มีเรื่องเครียดๆ อะไรเปล่าอ้วน”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความห่วงใยของตุลดึงคะน้าออกจากภวังค์ คะน้าหันมายิ้มน้อยๆ
เสียงทุ้มนี้ แม้หลับตาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของรอยยิ้มบางๆ ของผู้เอ่ยถาม
นอกเวลางาน ชายหนุ่มมักจะสวมแว่นสายตาเพื่อพักความอ่อนล้าจากการสวมใส่คอนแท็กเลนส์มาทั้งวัน
รอยยิ้มตอบไปแบบแกนๆ ของคะน้าเหมือนหน้ากากที่ถูกดึงมาสวมใส่เพื่ออำพรางความรู้สึกว้าวุ่นในใจ
เมื่อในเวลานี้ มีเรื่องราวมากมายในหัวสมองเกินกว่าจะสรรหาถ้อยคำ
ที่ทำให้คนที่ได้รับฟังรู้สึกดีกับความรู้สึกตอนนี้ที่เกิดขึ้นจริงๆ

ร่องรอยบนต้นคอที่ตุลจงใจปิดบังเมื่อวันก่อนเป็นเหมือนกับบาดแผลที่ยากจะรักษาให้หาย
เจตนาที่จะปิดบังนั้นไม่ต่างกับการเอามีดกรีดย้ำลงบนแผลให้เจ็บปวดยิ่งขึ้น
และยิ่งทรมานอย่างถึงที่สุดเมื่อคนที่สร้างบาดแผลนั้น ...เป็นคนสองคนที่ไว้ใจ



ความรู้สึกของคนโง่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

...ทิม

คะน้ามองเหม่อออกไปที่ด้านนอกของหน้าต่าง ความคิดหยุดลงเมื่อคิดไปถึงชายหนุ่มอีกหนึ่งคน
ภาพของผู้คนที่เดินไปมาที่ริมถนน รวมทั้งตึกรามบ้านช่องต่างๆ
เคลื่อนตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็วด้วยแรงทะยานของรถยนต์ที่แล่นด้วยความเร็วสูง
คนแบบทิมคือคนแบบไหน และสิ่งใดที่ทิมต้องการ เป็นคำถามสั้นๆ
ที่วนเวียนอยู่ในความคิดคะน้าเรื่อยมานับตั้งแต่วันนั้น
ทิมในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับไฟที่ร้อนแรงและพร้อมจะแผดเผาทุกสิ่งรอบๆ ตัวให้วายวอด
และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ...คะน้ากลืนน้ำหลายเหนียวๆ ลงคอ
แม้ว่าใจหนึ่งจะรู้สึกไม่ไว้วางใจคนที่นั่งอยู่ใกล้ในเวลานี้สักเท่าไหร่
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงตุลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“อ้วนเป็นอะไรเปล่า วันนี้ดูเหม่อๆ นะ”

คะน้าสะดุ้งตัวเล็กน้อย หากแต่ไม่ทันที่จะได้พูดอะไรออกไป โทรศัพท์มือถือของตุลก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มเอามือคว้ามากดดู แต่แล้วก็รีบวางลงไปเมื่อพบว่าไม่ใช่เสียงเรียกเข้าจากเครื่องที่วางอยู่
ตุลปล่อยมือข้างหนึ่งจากพวกมาลัยแล้วควานหาโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องในกระเป๋ากางเกง
ก่อนจะรีบกดรับแล้วคุยเรื่องอาการและการรักษาคนไข้กับสายจากทางโรงพยาบาล
คะน้าจึงหันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง ปล่อยความคิดตัวเองไปกับท้องฟ้าสีดำที่แสนมืดมัว
สีดำหม่นๆ ที่ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกของคะน้าในเวลานี้เลย



...ผมรักทั้งสองคน

ใช่ครับ ...รักทั้งสองคน รักด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน
บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเลวที่แค่พยายามสร้างภาพว่าเป็นคนดี
แท้จริงแล้วผมเองก็เป็นแค่คนโลเลที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
ผมรู้สึกดีมากๆ ทั้งกับตุลและก็กับทิม กับตุล ผมรู้สึกถึงความมั่นคง
อะไรๆ มันเข้ากันได้ ผมมีความสุขทุกๆ ทีที่อยู่ใกล้ ส่วนกับทิมนั้นต่างโดยสิ้นเชิง
มันไม่มีความมั่นคงอะไรทั้งนั้น มีแต่ความตื่นเต้นทุกเวลา
ทิมให้ความรู้สึกของการผจญภัยที่แสนสนุกสนาน ผมเหนื่อยกับความรู้สึกนี้
ล้าทั้งกายและใจ บางทีความรักมันก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าจะเข้าใจ


...แต่ผมเลือกแล้ว และไม่ว่าอย่างไร ผมจะไม่ผิดคำพูดนั้นกับตุล

“โทษทีนะ แพทย์เวรโทรมาคอนซัลต์อาการเคสที่ตุลดูน่ะ อาจต้องลองปรับยาไปใช้โดสที่แรงขึ้นดู”
ตุลวางโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องลงที่บริเวณหน้าปัดรถยนต์ คะน้าหันมายิ้มให้น้อยๆ

“ใช้มือถือสองเครื่องเหรอ ไม่รู้มาก่อนเลย ว่าแต่ทำไมไม่ใช้เครื่องเดียวล่ะ”

“แยกกันน่ะ เครื่องหนึ่งใช้เรื่องส่วนตัว ส่วนอีกเครื่องเป็นของโรงพยาบาลให้หมอทุกคนไว้
ก็จะใช้กับเรื่องงานเป็นหลัก การใช้งานมันต่างกันก็เลยมีไว้สองเครื่อง”
คะน้ามองโทรศัพท์มือถือสองเครื่องที่วางอยู่เคียงกัน


...ถ้าอะไรๆ ในชีวิตจริง คนเราเลือกที่จะเก็บไว้ทั้งสองอย่างได้ทุกครั้งก็คงจะดีสินะ

รถของตุลชะลอตัวก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่ง
ทั้งคู่เดินลงจากรถแล้วเดินเข้าร้านอาหาร ตุลแจ้งชื่อที่จองไว้กับโฮสเตสที่ยืนต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเช็คดูรายชื่อจากการลงทะเบียนแล้ว หญิงสาวก็พาเราทั้งคู่เข้าสู่บริเวณร้าน

นับเป็นร้านอาหารที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดี ผนังที่กรุขึ้นด้วยอิฐสีส้มและให้ความรู้สึกแบบวินเทจ
ฉาบทาด้วยสีเหลืองอ่อนบนปูน ด้านข้างมีไวน์ชั้นดีเรียงหลั่นตามปีที่ผลิตเป็นระเบียบสวยงาม
เพลงบรรเลงเบาๆ ที่เปิดคลอนั้นให้ความรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น
เหมือนอยู่กับบ้านของคนที่รู้จักมากกว่าจะเป็นร้านอาหารหรูๆ ย่านใจกลางเมือง

“อยากลองมาตั้งนานแล้ว ได้ข่าวว่าอร่อยนักหนา”
ตุลหันมายักคิ้วให้ เขาเป็นนักชิมตัวฉกาจ อะไรที่ขึ้นชื่อว่าอร่อย
ไม่ว่าจะอยู่ไกลหรืออยู่ใกล้ ตั้งแต่อาหารข้างถนนจนไล่ไปถึงร้านอาหารหรูๆ ตามโรงแรม
ราคาถูกหรือแพง ตุลมักจะสรรหามาลิ้มลองหมดทุกอย่าง

แชมเปญสีสวยถูกรินลงแก้วสูงโปร่งทรง ก่อนที่ชีสและค็อกเทลสลัดที่แต่งเดรสซิ่งสวยงาม
ถูกยกวางลงด้านหน้า ใต้แสงเทียนที่ดูเหลืองนวล รอยยิ้มของตุลยังชวนหลงใหลอยู่เช่นทุกครั้ง
แปลกที่เวลามีเรื่องหนักใจแค่ไหน แค่เพียงรอยยิ้มนี้จุดขึ้นที่ตรงหน้า
ดูเหมือนว่าทุกความร้อนใจหนักใจนั้นจะค่อยๆ ละลายหายไปเสียทุกที
คะน้าตักอาหารขึ้นทานแบบแกนๆ ไม่ใช่ว่ารสชาติของอาหารนั้นไม่ถูกปาก
ทุกอย่างอร่อยสมราคาคุยของผู้พามารับประกันเอาไว้
...หากแต่เวลานี้ รสชาติอาหารดีแค่ไหน ก็คงทานได้แค่นี้จริงๆ

ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าของโฮสเตสก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเสียงพูดคุยของลูกค้าสาว
ก่อนที่อีกฝีเท้าหนึ่งจะตามมาอย่างเงียบๆ เสียงทุ้มๆ
และสัมผัสของกลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยชำแรกมาในประสาทสัมผัส
และในทันทีที่คะน้าเงยหน้าขึ้นก็รู้สึกชะงักค้าง

...บนโลกใบนี้มีเรื่องตลกมากมายที่เจ็บปวดเกินกว่าจะรู้สึกขำ

เชิ้ตสีขาวที่ยับย่นยังคงดูดีอยู่ในร่างสูงโปร่งนั้น
ผมสั้นที่ถูกแต่งทรงเป็นอย่างดีไหวตามจังหวะเดินที่รีบเร่งแบบที่เคยคุ้นตา
แม้มือข้างหนึ่งที่กุมเกาะโทรศัพท์มือถือจะอำพรางใบหน้าที่คมคายนั้นไว้กว่าครึ่ง
แต่ก็มากเกินพอที่คะน้าจะจดจำได้ดีว่าชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามานั้น
เจ้าของดวงตาสีดำเข้มที่ชวนมอง ...คือคนๆ เดียวกับที่อยู่ในห้วงความคิดมาหลายวัน

และเพียงชั่วครู่ที่ร่างสูงเคลื่อนตัวผ่านคะน้าที่นั่งอยู่ ฝีเท้าที่รีบเร่งนั้นก็ชะงักลงในทันที
ทิมค่อยๆ ยกโทรศัพท์ลง และเมื่อเห็นว่าคนที่เพิ่งเดินผ่านคือใคร
เขาก็กดวางสายที่คุยอยู่อย่างไม่คิดจะสนทนาใดๆ ต่อ
ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องเขม็งแล้วรุดเดินไปนั่งโต๊ะที่ใกล้ที่สุดอย่างวิสาสะ
ในตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับคะน้า ใบหน้าคมนั้นแสดงออกถึงความไม่สบอารมณ์อย่างไม่ปิดบัง

“คุณทิมคะ โต๊ะที่ทางเราจองไว้ให้อยู่ด้านในค่ะ
เป็นที่นั่งที่ดีที่สุดของทางร้าน และเป็นส่วนตัวสูงเล...”

“ผมจะนั่งที่นี่”

ยังไม่ทันที่โฮสเตสสาวพูดจบประโยค ทิมก็พูดแทรกขึ้นมาแทบจะทันที
ตุลที่ได้ยินชื่อของคนที่เพิ่งมาใหม่ถึงกับเงยหน้าขึ้นจากจานอาหาร
วูบหนึ่งในแววตาที่ลอดผ่านกรอบกระจกใสแสดงออกมาถึงความไม่ชอบใจเช่นกัน
หมอหนุ่มวางมีดและส้อมจากอกเป็ดอบซอสส้มที่อยู่ตรงหน้าลงแทบจะทันที กรามถูกขบแน่นจนนูนสูง

“แต่ที่นั่งด้านในเมอร์ซิเออร์ปาทรีซเลือกให้กับคุณทิมเองเลยนะคะ”
โฮสเตสสาวแจงด้วยรอยยิ้ม

“ขอเมนู”

ทิมวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วคลี่ผ้าเช็ดปากวางลงบนหน้าตัก
ไม่ได้สนใจคำเชื้อเชิญของโฮสเตสสาวแม้แต่น้อย

“นั่งสิแนน”

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวที่มาด้วยทำหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูกก็ออกปาก
ร่างบางค่อยๆ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงช้าๆ โดยมีโฮสเตสสาวผู้นั้นคอยดูแลใกล้ชิด

“ที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ ให้บรรยากาศอบอุ่นๆ ดี ลูกค้าบางคนก็ชอบบริเวณนี้ค่ะคุณทิม”
เธอยิ้มให้ด้วยไมตรี ตอนแรกคะน้ารู้สึกใจคอไม่ดีกับท่าทีของทิม
หากแต่โฮสเตสผู้นั้นก็มีความเป็นมืออาชีพมากพอจะรับมือกับความหลากหลายของลูกค้าของร้าน
เธอแนะนำเมนูเด่นประจำวันอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับส่งเมนูอาหารให้กับทิมและเด็กสาวคนนั้น
หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ผิดกับหญิงสาวน่ารักคนนั้นที่เปิดดูเมนูอาหารอย่างพิจารณา

“พี่ทิมทานอะไรคะ น่าทานทั้งนั้นเลย แนนเลือกไม่ถูกแล้ว”
เสียงหวานดังขึ้นเบาๆ แม้จะเห็นแต่เพียงด้านหลัง
แต่คะน้าเดาว่าเธอผู้นี้ต้องเป็นคนที่หน้าตาน่ารักมากๆ แน่ๆ

“งั้นพี่เลือกให้” ทิมยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็น ชายหนุ่มหันไปมองที่โฮสเตส
แล้วพยักหน้ามาทางโต๊ะที่คะน้าและตุลนั่งอยู่

“ขอแบบโต๊ะนั้น ของผมเอาแบบคนที่ใส่แว่น ส่วนของคุณผู้หญิงนี่...”
ทิมเงยหน้าขึ้นมองคะน้า “...เอาแบบอีกคน” โฮสเตสมีท่าทีงวยงงอยู่ไม่น้อย
เธอหันมามองที่คะน้าด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ซึ่งคะน้ารีบส่งยิ้มให้แต่โดยดี
พร้อมกับบอกเธอเบาๆ ว่ารู้จักกัน หญิงสาวผ่อนหายใจเล็กน้อยเหมือนโล่งอก
แล้วจึงทวนรายการอาหารคอร์สดินเนอร์อีกครั้งแล้วขอตัวจากไป

“พี่ทิม ...รู้จักกันหรือคะ” หญิงสาวที่มาด้วยกระซิบถามเสียงแผ่ว
ชายหนุ่มยิ้มแสยะพร้อมนัยน์ตาที่ลุกวาว แล้วยักคิ้วให้กับคะน้าอย่างยียวน

“รู้จักสิ สวัสดีครับพี่ โลกกลมจัง” ให้รู้สึกในน้ำเสียงว่ามีเพียงคะน้าคนเดียวที่นั่งอยู่ในโต๊ะนั้น

หญิงสาวรีบหันกลับมาไหว้ทั้งคะน้าและก็เลยมากล่าวสวัสดีกับตุลด้วย
ผู้หญิงที่ชื่อแนนมีใบหน้าเรียว ดวงตาใสดุจน้ำค้างวับวาว
และยิ่งน่ามองยิ่งขึ้นเมื่อรวมกับท่าทีที่อ่อนหวานของเจ้าตัว
ถ้าจำไม่ผิด เธอคือคนที่คะน้าเคยเจอที่ไซด์งานก่อสร้าง
ผ่านมาไม่นานนัก ดูเหมือนว่าใบหน้าของเธอน่ารักขึ้นจริงๆ

“แนนคุ้นๆ หน้าของพี่จังเลยค่ะ เหมือนเราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่าคะ”

“ครับ ดูเหมือนว่าน่าจะที่ไซด์งานก่อสร้างหรือเปล่าครับ”
คะน้าตอบพร้อมยิ้มน้อยๆ แนนทำหน้าทบทวน หากแต่หญิงสาวกลับจำไม่ได้

“ก็คนที่ยกไอติมไปส่งที่ไซด์ไง” ทิมลอยหน้าตอบด้วยเสียงยียวน
ดวงตาจ้องกลับที่คะน้าอย่างท้าทาย หญิงสาวมีท่าทีที่อึ้งไปเล็กน้อย
แนนดูครุ่นคิดทบทวนในความทรงจำที่ผ่านตา วูบหนึ่ง ...แค่เพียงวูบเดียว
คะน้าเห็นแววตาบางอย่างที่เปลี่ยนไปในดวงตาใสๆ นั้น
แต่ก็ช่วงเวลาสั้นๆ บัดนี้ มีรอยยิ้มใสๆ ของหญิงสาวอยู่บนใบหน้าหวานๆ นั้นอีกครั้ง
ก่อนที่เธอจะหันกลับไปชวนคุยกับชายหนุ่มที่ร่วมโต๊ะอาหารต่อด้วยความประหลาดใจ

“พี่ทิมสนิทด้วยเหรอคะ” น้ำเสียงนั้นฟังดูแปลกไปอย่างรู้สึกได้

“สนิทเหรอ?” ชายหนุ่มกลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ
ดวงตาคู่นั้นจ้องมองคะน้าอย่างไม่วางตา “จะพูดยังไงดีนะ?”

หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ จนร่างเล็กสั่นไหวคล้ายฟังเรื่องตลกขบขัน
ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะทำให้ตุลรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความพยายามที่จะอดกลั้น
กระนั้น ร่างสูงก็สบตาของคะน้าพร้อมความห่วงใยที่เจืออยู่ในแววตาคู่นั้น
ตุลค่อยๆ เอื้อมมือมาบีบที่คะน้าเบาๆ แล้วเอ่ยถาม

“อาหารไม่ค่อยถูกปากหรือเปล่า ไปที่อื่นไหมอ้วน”
คะน้ายิ้มให้น้อยๆ แทนคำขอบคุณในความห่วงใย เข้าใจดีว่าตุลหมายถึงสิ่งใด
หากแต่อดจะแปลกใจนิดๆ ไม่ได้กับความสัมพันธ์ของตุลและทิม
อะไรคือความเป็นจริงที่คะน้าไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม ในความลังเลที่หนักใจ
คะน้าได้แต่พยักหน้าเบาๆ แล้วก้มลงทานอาหารต่อ แต่ความสงบสุขที่เฝ้ารอ
ดูเหมือนจะยังห่างไกล เมื่อจู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะจากทิมลอยมา

“แนนนี่หุ่นดีนะ ตัวเล็ก ดูน่ารักน่าทะนุถนอมดี”
แม้จะพูดกับคนตรงหน้า หากแต่แววตาที่ลุกวาวนั้นจงใจจ้องมองที่คะน้าอย่างไม่หลบหนี
...เหมือนจงใจจะสื่อสารกับคนที่เขาจ้องมองกว่าคนตรงหน้า
“...ไม่อ้วน” แทบจะทันที ตุลหันกลับไปมองจ้องอย่างเหลืออด
หากแต่เป็นคะน้าที่รีบฉวยคว้าข้อมือนั้นไว้ก่อนอะไรจะเลวร้ายลงไปกว่านี้

“อ้วน! ตุลว่ามันมากไปนะ” คะน้าส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงห้ามทัพ

“อ้าววว... พี่ตุลเองเหรอ โทษที”
ทิมยกแชมเปญขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี “...มองไม่เห็น”

“นายต้องการอะไรกันแน่” ตุลสูดลมหายใจเข้าปอดลึกก่อนจะหันไปถามอย่างเหลืออด
เสียงทุ้มที่เคยราบเรียบ บัดนี้ขุ่นขึ้งอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ทิม
สบตากลับอย่างไม่เกรงกลัว ริมฝีปากอิ่มถูกยกขึ้นที่มุมปากอย่างยียวน




“ถ้าตอบไป จะยกให้หรือเปล่าล่ะ”


(มีต่อด้านล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-11-2012 19:42:02
(ต่อเลยครับพี่น้อง!)




“ถ้าตอบไป จะยกให้หรือเปล่าล่ะ”

ตุลลุกขึ้นแทบจะทันที หากแต่คะน้าดึงข้อมือนั้นไว้
หมอหนุ่มหันมามองหน้าคนที่นั่งอยู่อย่างไม่พอใจในความเหนี่ยวรั้ง
หากแต่ดวงตาแสดงออกเต็มที่ถึงถ้อยคำร้องขอของคะน้าทำให้ตุลปราชัย ร่างสูงค่อยๆ นั่งลงแต่โดยดี

“ทำเป็นหมางเมินกันไปได้ ออกจะคุ้นเคยกัน”
ทิมพูดลอยๆ แบบให้ตุลพอได้ยิน คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการห้ามทัพ
ส่วนที่อีกโต๊ะ แนนหันมองไปมาด้วยความสับสน หญิงสาวเอ่ยถามทิมด้วยความไม่เข้าใจ

“เอ่อ... มีอะไรกันหรือเปล่าคะ แนนรู้สึกไม่ดีเลย” ทิมหัวเราะขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

“สงสัยลมมันเย็น ...มั๊ง” จังหวะที่เว้นไว้จงใจยียวนอีกสองคนที่นั่งอยู่อย่างเต็มที่
คะน้ารีบหันไปชวนตุลคุย หากแต่คนที่มาด้วยกลับดูเหมือนจะยั้งโทสะไว้ไม่อยู่เสียแล้ว

“ช่วยหุบปากเสียทีจะได้ไหม!”

“กลายเป็นเป็นคนอ่อนไหวไปแล้วเหรอ”
ทิมยักคิ้วให้อย่างอารมณ์ดี ผิดกับแนนที่แทบจะนั่งไม่ติด

“พี่ทิมคะ พี่ทิมไปหาเรื่องเขาทำไม”

“แค่แซวกันขำๆ”

“นี่ไม่ขำแล้วมั๊งคะ พี่ทิมเป็นอะไรคะ พี่ทิมรู้ไหมวันนี้พี่ทิมดูแปลกมาก
ไม่ใช่พี่ทิมที่แนนรู้จักเลย พี่ทิมแปลก ...แปลกจนแนนกลัว”
ทิมดูจะไม่สนใจกับคำพูดของหญิงสาวนัก
หากแต่เป็นคะน้าที่ดูจะสนใจฟังคำพูดที่ร่างเล็กกล่าวออกมา

“เปล่านี่” ทิมปฏิเสธ

“พี่ทิมที่แนนรู้จักเป็นคนพูดน้อยและดูเงียบๆ พูดจาแต่ละครั้งมีความเด็ดขาดและมีความหมายเสมอ
ถึงพี่ทิมจะเป็นคนดุ ไม่ชอบพูดอะไรเล่นๆ แต่ทำไม... ทำไมวันนี้พี่ทิมดูไม่ใช่พี่ทิมที่แนนเคยรู้จักเลย”
หญิงสาวกระซิบถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา หากแต่ก็ดังพอที่คะน้าและตุลจะได้ยิน
ทิมเงยหน้าขึ้นสบตาคะน้าเพียงเล็กน้อย เขาไม่ได้ตอบอะไรออกมา
มือกว้างหยิบแก้วสูงขึ้นแล้วดื่มน้ำสีเหลืองที่มีพรายฟองฟูสวยไปหมดแก้ว
ก่อนที่ลัฟเปริตีฟและลองเทร่จะถูกยกเสิร์ฟบนโต๊ะของคนทั้งคู่

ที่โต๊ะของคะน้าและตุล อาหารถูกยกเปลี่ยนจาก เลอเปรต์แปรงซิปาล
หรืออาหารจานหลักเป็น เลอโฟรมาช ซึ่งเป็นจานชีสที่นับเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส
ที่จะรับประทานในมื้ออาหารหลังจานหลัก ก่อนสิ้นสุดด้วยขนมหวาน
กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรงปิดท้าย

แม้ว่ารสชาติของจานอาหารจะเอร็ดอร่อยเพียงไหน
หากแต่บรรยากาศของมื้ออาหารกลับเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อ
ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มของตุลขรึมเข้มจนน่ากลัว
สันกรามถูกกัดแน่นจนนูนสูง เขาไม่ได้ทานอาหารอะไรอย่างที่อยากทาน
และไม่ได้พูดจ้อแบบทุกครั้งที่พบเจอ ตุลในเวลานี้เพียงแต่นั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น
บ่อยครั้งที่แก้วไวน์ที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงเข้มจะถูกยกขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
ครั้งแล้วครั้งเล่าจนไวน์ขวดใหม่ถูกยกเข้ามาเสิร์ฟ
แม้จะพยายาปรามไว้หากแต่หมอหนุ่มก็ดูจะไม่รับฟัง
เมื่อไม่รู้จะทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้นได้อย่างไร
คะน้าจึงเอาส้อมของตัวเองจิ้มชีสจากจานแล้วส่งให้ตุลเพื่อถ่วงเวลา

“ทานหน่อยนะ ผมทานชีสไม่เก่ง เหลือก็เสียดาย”

คะน้าพูดเหมือนบ่น และนั่นกลับดูเหมือนจะได้ผล ตุลหันหลับมามองจ้องแล้วหัวเราะน้อยๆ
ดวงตาชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ร่างสูงค่อยๆ ยื่นหน้ามา
แล้วกัดชิ้นชีสจากปลายส้อมของคะน้าด้วยสายตาวับวาว
และในวินาทีนั้น กลับกลายเป็นเสียงของแนนที่ร้องขึ้นจนคะน้าและตุลตกใจ

“พี่ทิมเป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่ถูกปากเหรอ”
คะน้าเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง เห็นแววตาดุที่จ้องเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ร่างสูงที่เคยดูสง่ากลับดูลนไปมาด้วยความหัวเสีย
ทิมยกมือขึ้นแล้วก็วางลง ริมฝีปากเผยอขึ้นเหมือนตั้งท่าจะขย้ำให้ได้

“ไม่ชอบ!”

“งั้นก็อย่าฝืนทานเลยค่ะ สั่งอย่างอื่นทานดีกว่า”
หญิงสาวเรียกบริกรมารับจานไปจากโต๊ะ
แล้วบอกให้ยกจานหลักซึ่งเป็นจานต่อไปในคอร์สลงเสิร์ฟต่อทันที

ฝั่งตุลเองก็กลับมาหัวเสียดังเดิมเมื่อได้ยินเสียงของทิม
แม้คะน้าจะไม่ค่อยเข้าใจทุกอย่างระหว่างตุลและทิมนัก
และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคน ความรู้สึกฉุนเฉียวของทิม
หรือแม้กระทั่งท่าทีที่ไม่พอใจของตุล เหมือนต่างฝ่ายต่างเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาของกันและกัน
หากแต่ร่องรอยที่ต้นคอเมื่อวันก่อนนั้น ดูเหมือนว่าจะสวนทางกับทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้เหลือเกิน


...ความจริงคืออะไร?

“ทานอีกไหมครับ” คะน้าจิ้มชีสอีกชิ้นแล้วส่งป้อนให้ตุลด้วยไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้
กับสถานการณ์ตรงหน้า แม้จะยังมีท่าทางหัวเสียแต่ตุลก็ยิ้มรับแล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้
หมอหนุ่มเอาส้อมสีเงินจิ้มชีสอีกแบบจากจานของตัวเองขึ้นมาบ้างแล้วส่งป้อนให้กับคะน้า

“อ้วนลองนี่ไหม อร่อยอยู่นะ”

คะน้ายื่นหน้าไปทานด้วยความเกรงใจ ไม่ได้รู้สึกนึกชอบชีสเท่าไหร่
แต่ก็จำใจทานแต่โดยดี แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สะดุ้งเฮือก
คราวนี้ ทิมยกมือขึ้นชีหน้าของคะน้าอย่างไม่เก็บอาการ
ใบหน้าแดงกล่ำเหมือนสิงโตที่ดุร้าย ดวงตาลุกวาวด้วยความโกรธ

ทิมนั่งแทบไม่ติด ลุกลี้ลุกลนจนแนนปรับตัวตามไม่ถูก
หญิงสาวเอาแต่พร่ำถามว่าอาหารไม่ถูกปากหรือเปล่า
หากคนเอาแต่ใจยังหันถลึงตาดุใส่พร้อมกับหันไปตอบหญิงสาวที่นั่งด้วยแบบขอไปที
คะน้ารีบหลบสายตา รู้สึกแปลกใจกับท่าทางสุดแสนประหลาด และอารมณ์ที่ไม่คงที่ของทิม
รู้ว่าไม่พอใจ แต่เพราะสาเหตุอะไร ที่ยุ่งกับตุลหรือ ถึงทำหมางเมินใส่กัน
คิดแล้วคะน้าก็รู้สึกแปลบขึ้นมาในใจอย่างไร้สาเหตุ
ถึงกับยกแชมเปญขึ้นดื่มเพื่อสลัดความรู้สึกแย่ๆ นี้ออกไป
แล้วก็นั่งทานชีสจากปลายส้อมของตุลด้วยความมึนงง

“อร่อยล่ะสิ กินใหญ่เลยนะ อ้วนเอ้ย!” คะน้าแทบสำลักแต่ก็จำใจทานต่อ
เมื่อเห็นตุลกลับมาสดใสอีกครั้ง รอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้น ทำงานของมันอีกครั้ง

“แนนชิมนี่สิครับ แลมป์นี่นุ่มมาก ไม่มีกลิ่นด้วย”
ทิมเอามีดค่อยๆ หั่นโครงแกะเล็กๆ ที่เรียงสวยอยู่บนจานอย่างกระฟัดกระเฟียด
แล้วส่งป้อนให้กับหญิงสาวที่นั่งร่วมโต๊ะในนาทีถัดมาด้วยใบหน้าแทบจะกินเลือดกินเนื้อ
เป็นท่าทางที่น่าตลกขบขัน แต่แปลกเหลือเกิน ...แปลกที่จู่ๆ
คะน้าก็รู้สึกวูบในใจขึ้นมาอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่มันควรเป็นแค่เรื่องธรรมดา
หากแต่ความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นฉับพลันทันใดนั้น กลับแปลกจนอธิบายไม่ถูก



...ขำไม่ออก

ข้างในมันเหมือนกับผ้าที่ถูกขึงตรึงจนแน่นราวกับจะถูกฉีกกระชากจนขาดในพริบตา
และช่วงวินาทีที่ทรมานที่สุดนั้น กลับเจ็บทบเท่าทวีคูณ
คล้ายกับเอาปลายมีดแหลมค่อยๆ กรีดลงช้าๆ ที่กึ่งกลางใจ
คะน้าอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด และความเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ในสายตาของทิมโดยตลอด

ณ อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ คนที่นั่งตรงกันข้ามชะงักไปเช่นกัน
เพียงเสี้ยววินาทีนั้น ทิมก็พยักหน้าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
ชายหนุ่มบรรจงป้อนหญิงสาวที่มาด้วยด้วยท่าทีที่อ่อนโยนผิดกับภาพเดิมเมื่อครู่
ยกมือขึ้นป้อนจนคล้ายภาพของคู่รักในช่วงเวลาดูดดื่ม
ผิดเพี้ยนไปก็เพียงที่แววตากลับจับจ้องลึกไปในดวงตาของคะน้าหาใช่หญิงสาวตรงหน้าไม่
ทิมยิ้มมุมปากราวกับรู้สึกพึงพอใจในบางสิ่งบางอย่าง
ร่างบางของแนนบิดตัวไปมาด้วยความสะเทิ้นอาย
หญิงสาวกล่าวขอบคุณคนตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แทบจะทันทีทันใด คะน้ารู้สึกฉุนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ชอบใจกับสิ่งที่ทิมทำอยู่เป็นอย่างมากอย่างหาเหตุผลให้กับตัวเองไม่ได้
ใครๆ ก็รู้ว่าทิมกำลังแกล้ง แต่ทำไมต้องไปแกล้งแนนแบบนั้น
ทั้งๆ ที่เธอก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย หากแต่ยิ่งแสดงออกถึงความไม่พอใจออกไปเท่าไหร่
กลับกลายเป็นเหมือนอีกฝ่ายกลับยิ่งทำทุกอย่างให้มากยิ่งขึ้น

“อีกชิ้นนะครับแนน”

คะน้ารู้สึกเซ็งกับสิ่งที่ทิมทำเป็นอย่างมาก ชีสนมแพะชื่อประหลาด
ที่รสชาติไม่ถูกปากตรงหน้ายังให้ความรู้สึกที่ดีกว่าสำหรับคะน้าในเวลานี้
คะน้าได้แต่ตั้งหน้าตั้งตากินให้มันหมดๆ ไป ผิดกับตุลที่รู้สึกแปลกใจ
และคิดว่าคะน้าชอบรสชาติของมัน หมอหนุ่มจึงสั่งเพิ่มมาอีกจาน

“Roquefort บลูชีสตัวนี้ดีมากเลยนะ ลองดูๆ” ว่าแล้วก็เอาส้อมจิ้มขึ้นมาแล้วตั้งท่าป้อนคะน้า
แม้จะรู้สึกผงะกับหน้าตาชีสที่ดูเหมือนขึ้นราและสีฟ้าเข้มแปลกๆ ที่แทรกอยู่เนื้อใน
หากแต่ใบหน้าที่ดูมีความสุขของตุลทำให้คะน้าไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ...เหม็นและฉุนจนแทบขาดใจ

ที่โต๊ะถัดไปก็ดูจะตกอยู่ในสถานการณ์แปลกพอกัน
ทิมหั่นขาแกะชิ้นโตแล้วส่งให้แนนเหมือนจะยัด
คำต่อคำส่งต่อราวกับเครื่องจักรที่ลำเลียงผ่านสายพาน

“พี่ทิมคะ แนนไม่ไหวแล้วค่ะ อิ่มจะแย่แล้ว”

“ทานนะ”

“แนนอิ่มค่ะ”

“ทานสิครับ”

ว่าแล้วก็ยัด เอ้ย! ป้อนขาแกะที่ราดเกรวี่ซอสชุ่มฉ่ำให้หญิงสาวเป็นระวิง
ส่วนคะน้าก็แทบจะเรอออกมาเป็นกลิ่นชีสเอาเสียให้ได้
หัวสมองในตอนนี้ ไม่ได้มีคำถามอะไรวุ่นวายจนปวดหัว
คะน้าคิดว่าถ้าเปิดออกดูคงจะมีแต่บลูชีสและสีฟ้าๆ แซมเป็นจุดๆ
แบบที่ทานไปมากมายนั่นแหละ คะน้าตั้งหน้าตั้งตาทานตามที่มี
แต่เห็นท่าทางของตุลกับผู้หญิงคนนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัดตาอย่างบอกไม่ถูก
ชายหนุ่มจึงแย่งส้อมจากตุลมาหยิบจ้วงเองให้มันหมดๆ ไป
เพื่อที่จะได้พาตัวเองออกจากสถานที่ตรงนั้น

ไม่ต่างอะไรกับทิม ยิ่งเห็นท่าทางที่เป็นห่วงเป็นใยของตุลที่ดูแลคะน้าอย่างไม่วางตา
ทั้งการปลอบเพราะกลัวสำลัก หรือคำพูดด้วยความห่วงใยว่าระวังติดคอก็ยิ่งไม่พอใจ
ทิมป้อนอาหารทั้งจานให้กับแนนจนตัวเองไม่ได้ทานแม้แต่คำเดียว
และนั่นยิ่งทำให้คะน้ารู้สึกน้อยใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

หากแต่ความผิดปกติของคนทั้งคู่ล้วนอยู่ในสายตาของตุล
หมอหนุ่มขยับแว่นสายตาที่สวมใส่อยู่เล็กน้อย
เขามองคะน้าที่นั่งทานมือเป็นประวิงตรงหน้าด้วยแววตาที่ยากจะอธิบาย
ร่างสูงผ่อนลมหายใจออกบางเบาแล้วนั่งนิ่ง แล้วหยิบไวน์แดงขึ้นดื่มเงียบๆ ต่อไป

มื้ออาหารจบลงด้วยความยากลำบาก ตุลพาคะน้าออกมาจากที่ร้านด้วยอาการเซเล็กน้อย
จึงเป็นคะน้าที่พยุงตุลมาที่รถและขับพาส่งกลับบ้าน
ชายหนุ่มหันมามองคนใส่แว่นที่นั่งเงียบๆ ด้วยความเป็นห่วง

“วันนี้ตุลดื่มเยอะนะ” ตุลหันกลับมายิ้มให้ รอยยิ้มนั้นยังคงดูอบอุ่นเหมือนทุกๆ ครั้ง

“นานๆ ที”

จริงอย่างที่ตุลว่า โดยปกติแล้วตุลไม่ใช่คนที่ดื่มอะไรมากมาย เรียกได้ว่าน้อยมากเลยทีเดียว
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คะน้าเห็นตุลดื่มค่อนข้างเยอะแบบนี้
แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรนัก ในเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมา


...ความจริงคืออะไร?

ยิ่งคิดก็ยิ่งจนปัญญาจะคาดเดา สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างตุลกับทิมที่เขาไม่รู้
...ไม่คิดอยากจะรู้ คะน้าไม่แน่ใจว่าจะเอ่ยถามดีไหม
และถ้าถามออกไป จะถามอย่างไรให้เหมาะหรือควร
การไปจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ดูเหมือนจะไม่ใช่นิสัยของคะน้าเลย



...คนรักกัน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะไว้ใจกันไม่ใช่หรือ?

คะน้าเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่มองเหม่อออกไปที่ริมหน้าต่าง
ไม่ช้าไม่นาน หวังว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม บางที
...บางที ตุลอาจจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขารับฟังก็ได้

คะน้าไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรทำสิ่งใด
ทุกอย่างดูสับสนวุ่นวาย การที่มีตัวตนอยู่ของตัวเขาได้ทำร้ายหรือทำลายตุลหรือเปล่า
ถ้าหากตัวคะน้าคือสิ่งที่ทำให้อนาคตของตุลต้องชะงัก ...มันคุ้มกันหรือ?
แต่หากเลือกจะจากไปก็ไม่รู้จะทนกับความรู้สึกตัวเองได้นานแค่ไหน

แล้วทิม... เกี่ยวข้องกับตุลยังไง?

คะน้าชะลอความเร็วของคันเร่งก่อนจะหักพวกมาลัยรถยนต์เพื่อเลี้ยวเข้าไปในบริเวณคอนโด
หากแต่จะตั้งคำถามกับตัวเอง อีกด้านก็จนปัญหาจะหาคำตอบ
ทิมต้องการอะไร การแสดงออกที่ชัดเจนทุกครั้งที่เห็นต่อหน้า
กับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งกับตุล รวมถึงการปรากฏตัวของเด็กผู้หญิงที่ชื่อแนนในวันนี้




...ความรู้สึกที่มี และคำสัญญาที่ตั้งใจไว้ สิ่งไหนมีน้ำหนักกว่ากัน


ถามว่ารักทิมไหม ...ก็รัก ...คิดว่ารัก
ถามว่ารักตุลหรือเปล่า ...ก็ปฏิเสธไม่ได้

แต่ถามว่าตัวเองเหมาะสมกับใครสักคนไหม
คะน้าพบว่ามีเพียงความหวาดหวั่นที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ

เทียบกับหมอก้อยที่ดูจะเติมเต็มในทุกสิ่งที่ตุลมองหา ทั้งเธอก็ยังรักและห่วงใยตุลไม่แพ้ใคร
ดูก็รู้ว่าหมอก้อยเหมือนกับปีกที่พาให้ตุลโบยบินไปสู่ความสำเร็จในงานที่เขารัก
หรือแม้เทียบกับผู้หญิงที่ชื่อแนนที่พบวันนี้ เธอดูเหมือนฝันของผู้ชายทุกคน
ถ้าเลือกได้ ตัวเขาเองคงรู้สึกดีใจแค่ไหนที่ได้ดินเนอร์กับผู้หญิงแบบแนน

ท้องฟ้าในคืนนี้ดูมืดหม่นกว่าทุกครั้ง พระจันทร์เสี้ยวเร้นกายอยู่ในเมฆก้อนหนา
มีเพียงแสงรำไรจากประกายของดวงดาวที่ทาบทอขอบฟ้าสีดำให้ชวนมอง
อีกไม่นานพระจันทร์ก็คงกลับมาเต็มดวงอีกครั้ง อีกไม่นานทุกๆ อย่างก็จะผ่านไป
และอีกไม่นาน ...อีกไม่นานก็จะถึงวันนั้น


...วันที่ครบสิบห้าวัน




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ช่วงนี้เป็นช่วงที่เขียนไปก็เบื่อไป อยากจะให้มันผ่านไปเร็วๆ เหมือนกัน
ดังนั้นก็อีกไม่นานแหละ ทนกันอีกสักแป๊บ สองแป๊บ สามแป๊บ สี่แป๊บ
ห้าแป๊บนะคับ ชักจะหลายแป๊บแล้วแฮะ 5555
จริงๆ แล้วเรื่องนี้ไม่มีอะไรโหดหรอกครับ ไม่ต้องกลัวดราม่าจัดๆ ไม่มีแน่ๆ
อย่างที่บอกว่าอดทนกันนิดนะครับ ก่อนจะเจอไม้เด็ดของคนเขียน
ไม่บอกหรอกว่าเป็นอะไร แต่ในไม่ช้านี้ ไม่กี่ตอนแล้วล่ะ coming soon!!!!

บวกคะแนนให้กับทุกคอมเมนต์แทนคำขอบคุณในน้ำใจและกำลังใจนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนจัง (ขอออดอ้อนคนอ่านนิดนึง แหะๆ  :o8:)

สุดท้ายนี้  :กอด1: ขอเนียนกอดทุกคนแน่นๆ ก่อนจะชิ่งหนีไปโดยไว  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-11-2012 19:53:24
แอบสงสารแนนนะตอนนี้
โดนยัด เอ๊ย ป้อนซะขนาดนั้น
ทิมนี่ดุใช่เล่นนะ
งงๆกับสองคนนี้เค้าต่อไป กร๊ากกกก

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-11-2012 20:01:19
คะน้าเอ๊ย คิดจะเสียสละให้คนอื่นเค้ามีความสุขกัน ที่ไหนได้เค้าแย่งตัวเองกันอยู่รู้มั้ย
หมอตุลกับทิมนี่ยังไง ตอนเจอกันถ้าหมอตุลพิศวาสทิมก็ต้องมีท่าทีบ้างแต่นี่ไม่ใช่เลยออกแนวไม่ถูกกันมากกว่า
ส่วนตาทิมก็ยังกับเด็กแน่ะ แกล้งประชดไปมา ตาก็มองแต่คะน้า ยัยแนนนั่นไม่รู้เลยเหรอว่าตาของทิมมองใคร โง่นี่ บู่ว
มีหึงกันไปมานะคู่นี้ แต่ทิมออกอาการเยอะกว่ามาก ขำตรงมีชี้หน้าอารมณ์แบบกูไม่ไหวแล้ว  :m20:
หมอตุลย์คงสังเกตุเห็นอะไรบ้างแล้วล่ะเนอะ รักสามเศร้าเราสามคนมาก ๆ ค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: chae ที่ 06-11-2012 20:29:58
ตอบไม่ถูก คือ ไม่รู้อธิบายความรู้สึกยัง ความเห็นแก่ตัวของคะน้ายังไงดี หรือจะความชั่งประชดของทิม
หรือความไม่จริงใจของตุล
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 06-11-2012 20:31:00
ยุบหนอ พองหนอ ทนอีกนิดหนอ เดียวก็ผ่านไปหนอ อีกตั้งสี่ห้าตอนหนอ จะทนได้ไหมหนอ สงสารน้องต่ายหนอ อยากเก็บไว้ทั้งสองคนหนอ จะเป็นไปได้ไหมหนอ สงสารตุลหนอ อย่าทำร้ายตุลของเค้าหนอ แต่ก็ต้องรอตอนต่อไปหนอ เพ้ออีกแล้วหนอ รักคนแต่งหนอ มาไว้ๆเลยหนอ  :z3: :z3: :z3: :z3:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณมากค่ะ  :L1: :pig4: :L1:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: smilymoon ที่ 06-11-2012 20:38:56
อยากรู้ อยากเข้าใจในความคิดของตัวละคร ยังงงอยู่ค่ะ แล้วก็อยากรู้ อยากเข้าใจว่าคนเขียนจะให้ตัวละครในเรื่องนี้เป็นยังไงต่อไป รอค่ะรอ  กอดคืนค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 06-11-2012 20:42:32
รอ...
แบบว่าขอร่วมสับสนไปกับคะน้าอีกคน
คือมันคิดได้หลายแบบ
สรุปแล้วก็คือรอว่าผลที่ออกมาจะตรงกับทฤษฎีไหน...ว่าไปนั่น
ขอบคุณและสู้ๆ นะคะ><
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 06-11-2012 21:18:29
เกิดไรขึ้นว๊า :serius2: รู้สึกสงสารทุกคนในที่เกิดเหตุเลย :sad4:
เก่งจริงน้อคนเขียน ไม่อยากเดาแระ :a5: รอดูต่อไปดีกว่า
 o13    o13    o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 06-11-2012 21:26:54
สับสนเหลือเกิน นี่ขนาดไม่ใช่คะน้านะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 06-11-2012 22:17:43
ตอนนี้อ่านแล้วอึดอัดแทนททั้งสามคนจริงๆ =_=
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 06-11-2012 22:22:12
เหมือนตุลย์จะกลายเป็นแค่ตัวประกอบในฉากนี้เลย (คิสมาร์กนั้นคงไม่ใช่ของทิมแล้วล่ะ แต่ทิมอาจจะเป็นเพียงคนเห็นเหตุการณ์โดยบังเอิญหรือเปล่า 555 เดา)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 06-11-2012 22:28:28
มันเกิดอะไรขึ้นฟระเนี่ยยยยยยยยยยยย   :z3:
ช่างประชดกันจริ๊งงงงงงง ทิมมีชี้หน้า ไม่ลุกขึ้นไปกระชากชีสมากินเองก็บุญแล้ว 5555555555555
แหมมมมม คะน้าจ๋าาาาา อยู่กะตุลสบายใจ มีความสุข อยู่กะทิมหื่น (?) ตื่นเต้น ชีวิตคนเรามันก็ต้องการความตื่นเต้นนะ ให้อะดรีนาลีนมันสูบฉีด   :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 06-11-2012 22:29:43
ทิมหึงได้น่าพอใจแม่ยกมากกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-11-2012 23:19:09
ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าทิม-ตุลมีซัมติงกันหรือเปล่า
บรรยากาศดูอึมครึมชวนให้อึดอัด แต่กระนั้น...
อ่านไปก็หัวเราะไปกับอาการยัด โอ๊ะ รับทานอาหารของคะน้าและน้องแนน
และท่าทีผีเข้าของทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 06-11-2012 23:21:09
...ความจริงคืออะไร?

อ่านแล้วอยากรู้มากกกก...ยิ่งอ่านตอนนี้ก็ยิ่งสับสนว่าระหว่างทิมตุลนั้น
จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงกันแน่ ให้ความรู้สึกคลุมเครืออึดอัดเหมือนเดิม
แต่สนุกมากกกก...รอตอนต่อไปนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: SuSaya ที่ 06-11-2012 23:34:38
ทุกอย่างคลุมเคลือไปหมด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 07-11-2012 00:28:10
ตอนนี้เล่นสงครามบนโต๊ะอาหาร แซ่บดีค่ะ (อินี่โรคจิต =_=)

"ความรู้สึกของคนโง่มันเป็นอย่างนี้นี่เอง"
ฉึก! โดน!
เข้าใจความรู้สึกนี้มากๆ

เอาตามตรงยังเคืองตุลอยู่นะ 
ไปทำอีกถ้าไหนให้ทิมทิ้งรอยคิสมาร์คไว้ห๊า????
อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังจริงๆ เท่าที่เห็นการปะทะฝีปากกับของตุลกะทิมมันไม่เหมือนคนเคยๆกันเล้ยยย
(รู้แล้วไม่แน่อาจเปลี่ยนคู่ไป ship ตุล-ทิม 555)

"ทำเป็นหมางเมินกันไปได้ ออกจะคุ้นเคยกัน" ทิมพูดลอยๆ พอให้ตุลได้ยิน

สรุปมันยังไงกันแน่เนี่ย??? *สับสน*


หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 07-11-2012 02:20:37
มันหน่วงเจงๆ ชริ น้องทิม..ปลดนายออกจากพระเอกชั่วคราว หมันไส้เฉยๆ 555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: jelatin99 ที่ 07-11-2012 08:31:24
มันยังคงหน่วงง~งื้ออ..แถมหน่วงยิ่งขึ้นอีก กลายเป็นสงครามไปแล้วว..คะน้า!ถามตรงๆไปเลย เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว การที่ไม่ถาม อีกทั้งยัง“เก็บ”เอาไว้แบบคะน้า มันยิ่งจะทำให้เจ็บมากขึ้นนะ คนนึงก็เสียใจ อีกคนก็ใกล้บ้าเต็มทน สงสารก็แต่คนที่ไม่รู้เรื่อง แต่ต้องมารับอารมณ์ เช่น แนน ...ว่าแต่มันครบกำหนด15วันของทิมแล้วนี่ จะเกิดไรขึ้นนะ สู้ต่อไปนะทิม-คะน้า 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-11-2012 11:43:56
ครบสิบห้าวันแล้วยังงัยนะ ลืมไปแล้ว  ทิม-ตุลเคยมีข้อตกลงอะไรระหว่างกันเรื่องคะน้าหรือเปล่า
แต่ที่แน่ ๆ คือ เรื่องระหว่างทิม-ตุล  และรอยที่คอนั่นมันคืออะไรกันแน่  คือเราไม่ปลื้มถ้าทิมเป็นคนทำรอยนั่น
และตุลไม่ได้อิดเอื้อนแต่อย่างใด  อยากบอกว่า  เอากันเองเลยเต๊อะ  ถ้างั้น
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-11-2012 13:53:47
ดันรอ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 07-11-2012 18:02:37
รอๆๆ  ค้างคาความรู้สึกแล้วยิ่งลงแดงกับไม้เด็ดของคนเขียนด้วย
รอออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 07-11-2012 18:20:49
คะน้ากะทิม
ถ้าจะประชันกันด้วยการจ้วงและการยัดขนาดนี้อ่ะนะ...

หน่วงมากมาย ยังไม่หายอึมครึมซะที
หวังว่าครบ15วันแล้วจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 08-11-2012 15:42:44
เพลีย... จริงๆ เมื่อไหร่จะผ่านไปเร็วๆน้าาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fastation ที่ 08-11-2012 20:36:57
สรุปตุลกับทิมมันมีอะไรกันฟร่ะ !
น้องต่ายถ้าสงสัยมากๆก็ถามไปเลยดีกว่า อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย
รออ่านต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 08-11-2012 20:50:40
มารอให้ครบ15วันของทิม  :angry2: :angry2:

ตงลงทั้งสองคนทำอะไรกันอยู่เนี้ยย อย่าาทำให้คะน้าเจ็บได้มั้ยยย  :serius2: รักษาไม่ดีก็เอาคะน้าคืนเรามาเลย

55555555 โดนแม่ยกทั้งหลายรุมกระทืบ :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 11-11-2012 23:02:51
แวะมาเยี่ยม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 13-11-2012 00:01:35
แปลกไหมที่รู้สึกฮากับตอนนี้? เพราะว่าทำตัวเป็นเด็กๆกันมากเลย :laugh:
โดยเฉพาะทิม ตอนแรกก็รู้สึกว่าดูเป็นผู้ใหญ่ ลึกลับ น่าค้นหาดี
แล้วตุลก็ดูขี้เล่น อยู่แล้วรู้สึกร่าเริงอะไรแบบนี้
แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ทิมดูเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเอง พอคะน้าไม่ยอมรับเลยหวงของเต้นเป็นเจ้าเข้า
และทิมที่ดูขี้เล่นกลับดูปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้
ที่สำคัญที่สุด.....คะน้า ยอมรับว่าขัดใจ หึงออกนอกหน้าไม่รู้ตัว(คนที่รู้ก็ตุลล่ะนะ) แถมยอมรับหน้าตาเฉยด้วยว่ารักทั้งคู่
ถ้ารักทั้งคู่ทำไมไม่บอก เล่น3pก็ได้ไม่ว่ากัน ดีออกเสียด้วย!!!! :m3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 18-11-2012 15:52:44
มารอค่าา  :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-11-2012 22:11:39

(http://image.mcot.net/media/images/2012-10-30/20121030151330.jpg)

กระจายกำลังออกตามหา คนเขียน ให้จงได้นะพวกเรา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 19-11-2012 22:49:58
นี่มันหลายแป๊บแล้วนะคะ :เฮ้อ:

หายป่วยแล้วรีบมานะรอๆ :กอด1:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: knightprince ที่ 24-11-2012 01:58:08
โธ่ๆ จะหึงแล้วทำอะไรจะไม่ว่าเลย แต่ดันดึงแนนมาเกี่ยว อ่านแล้วสงสารจริงๆ ทิมก็นะแรงจริงๆ
อยากรู้แล้วอะ ว่าเรื่องมันเป็นไงกันแน่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 28-11-2012 00:45:05
ผ่านไปแล้ว ยี่สิบวัน

T.T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 08-12-2012 21:49:56
คิดถึงคนแต่งมากมายค่ะ จากทิม FC
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 16 (หน้าที่ 25) - Nov 6, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 09-12-2012 00:24:53
ยังรอติดตามอยู่นะจ๊ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 09-12-2012 09:59:11
เห็นรูปพี่ oaw_eang แล้วหัวเราะก๊ากเลยครับ ขอบคุณมากๆ นะครับ :jul3:

สวัสดีครับ ขอโทษจริงๆ ที่หายไปนาน พอดีงานโหมมาก แถมเปื่อย(อีกแล้ว)
หายเปื่อยมาก็นั่งทำงานต่อ ปลายปีงานจะยุ่งๆ นิดนึงน่ะครับ
พอว่างๆ ก็เลยรีบแต่งมาเนี่ยล่ะ 5555 คือหายไปนานไม่รู้ว่าจะลืมๆ ไปหรือยังหนอ
ลองอ่านเล่นๆ ดูแล้วกันครับ ขอแบ่งลงสองรอบแล้วกันนะ เอาครึ่งแรกไปก่อน
ลงหมดตอน เดี๋ยวไม่รู้จะคอมเมนต์อะไรกันดีเอานะ ฮ่าๆๆๆ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 17



เวลาที่มนุษย์เรามีความรักมันทำให้เราอยากจะเป็นผู้ให้ เป็นการให้โดยไม่เคยคิดหวังผลอะไรตอบแทน
ไม่คิดสักนิดถึงผลที่จะได้รับ และเพียงแค่ได้ทำ มันก็มีความสุขจนทำให้เรายิ้มบ้าบอไปได้เป็นวันๆ
เพราะแบบนี้มั๊งถึงมีคนบอกว่าความรักเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนเราเห็นแก่ตัวน้อยลง
ความรักทำให้เราเรียนรู้ที่จะมองเห็นคนอื่นก่อนจะเห็นตัวตนของเราเอง ความรักทำให้เรารู้จักการให้

...แต่ทำไมความรัก กลับทำให้ผมรู้สึกเห็นแก่ตัว

ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ร่างของตุลอยู่ห่างเพียงไม่กี่เมตร แปลกที่ความรู้สึกในใจนั้น
ราวกับระยะห่างที่ใกล้เพียงเอื้อมมือคว้ามันค่อยๆ ไกลออกไปทีละนิด
นับตั้งแต่วันนั้น อะไรบางอย่างค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย เหมือนมีกระจกใสบางๆ
ตีกรอบกั้นระหว่างกันเอาไว้ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะงานวิจัยที่เขากำลังทำอยู่
อาจเพราะงานเขียนลงเจอร์นัลที่ต่างประเทศที่เร่งเข้ามา อาจเพราะเคสหนักๆ
ที่เขารับผิดชอบแทนอาจารย์หมอที่ติดงานวิจัยของทางคณะฯ ที่ต่างประเทศ
หรือแท้จริง ...แท้จริงแล้ว อาจเป็นเพราะตัวผมเอง

ใบหน้าของตุลแดงเป็นสีฝาดเลือด ดวงตาเอ่อชุ่มจนดูฉ่ำหวานด้วยฤทธิ์จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กลิ่นบุหรี่ฉุนที่ติดมากับเสื้อผ้าทำให้คะน้ารู้สึกไม่สบายใจ เข็มนาฬิกาบนฝาผนังบ่งว่า
อีกไม่กี่นาทีก็สามนาฬิกา หากแต่เจ้าของห้องยังคงง่วนอยู่กับตำราการแพทย์เล่มโต
และจอสี่เหลี่ยมคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือภาษาเยอรมัน

“ไม่พักหน่อยเหรอ”

คะน้าวางถ้วยเครื่องดื่มอุ่นๆ ลงข้างๆ ตุล เจ้าของห้องพยักหน้าเบาๆ พร้อมรอยยิ้มน้อยๆ
ที่มอบให้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ยืนนิ่งอยู่สักพักเมื่อทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม
คะน้าจึงเลี่ยงออกมานั่งเงีบยที่โซฟา จ้องมองเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ

กระทั่งเข็มยาวเลื่อนลงไปด้านล่างจนถึงกึ่งกลาง หลายวันมานี้ท้องฟ้าดูมืดไร้ซึ่งแสงจันทร์ที่สว่างสุกใส
แม้กระทั่งแสงดาวที่เคยทอประกายก็ดูจะเร้นกายในเมฆฝนที่หนาแน่นตามฤดูกาล
สองสามวันมานี้ คะน้าไม่ได้ไปทานอาหารอะไรกับตุลแบบที่ผ่านมา
นั่นเป็นเพราะว่าตุลติดรับรองคณะทีมแพทย์ที่มาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของเยอรมัน
ความรู้สึกบางอย่างทำให้คะน้าเลือกที่จะมานั่งเป็นเพื่อนตุลที่ห้องหลังจากเขากลับมาในตอนมืดค่ำ
ท่าทีที่แปลกออกไปนับตั้งแต่วันนั้น แววตาแปลกๆ หรือแม้กระทั่งรอยยิ้มที่ดูไร้ชีวิตชีวา
บางทีคะน้าอาจจะคิดมากไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตามนิสัย
แต่ความรู้สึกนี้มันชัดเจนเกินกว่าจะปล่อยให้ผ่านไป ...ความรู้สึกที่เรียกว่าสัญชาตญาณ

คะน้ามองทุกอย่างรอบๆ ตัว กีต้าร์โปร่งที่เคยส่งเสียงกังวานใสวางนิ่งอยู่ที่มุมห้อง
เหมือนกับของที่ไม่เคยมีใครจับต้องมานาน รีโมตทีวีหรือแม้แต่หมอนอิงก็วางอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
นมอุ่นๆ ผสมน้ำผึ้งแก้วนั้นก็เช่นกัน มันวางนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับมีหน้าที่เป็นเพียง
ของประดับบนโต๊ะทำงานของตุลให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์มากขึ้น

“อ้วนง่วงไหม กลับห้องก็ได้นะ ตุลเกรงใจ”
ตุลหันมามองคะน้าที่เหยียดตัวอยู่บนโซฟา เป็นครั้งแรกในหลายชั่วโมงที่แววตาคู่นั้น
จ้องมองคะน้าพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ ด้วยความเกรงใจ

“เอ้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวนั่งเป็นเพื่อน ชิลๆ” คะน้าพูดด้วยเสียงสะลึมสะลือ
พยายามอย่างหนักที่จะซุกซ่อนความอ่อนเพลียของร่างกาย
อาจเพราะพื้นฐานของความเป็นหมอที่ติดตัวมานาน
เห็นดังนั้น เจ้าของห้องจึงรีบรุดขึ้นมาใกล้ด้วยความเป็นห่วง

“ไปนอนเหอะ เดี๋ยวตุลก็จะนอนละ”

แม้ลึกๆ จะรู้สึกหวาดหวั่นกับร่องรอยบนซอกคอที่สร้างบาดแผลในใจให้กับคะน้าอยู่ไม่น้อย
หากด้วยความรั้นตามอุดมการณ์ความคิดนั้นแรงกล้า แม้ใครอาจคิดว่าเขาเป็นคนโง่
ถ้าเป็นไปได้ คะน้าก็อยากดูแลตุลไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ตุลต้องใช้ความอดทน
ฟันฝ่าเรื่องราวต่างๆ นานามากมายทั้งเรื่องของงาน ...แม้กระทั่งเรื่องของเขา ...หรือทิม

“รอ”

“เดี๋ยวโดนพี่ผักกาดว่า”

“เจ้รู้แล้ว”

“ยังไงก็จะยังไม่กลับใช่ไหม”

“ไม่!”

เสียงถอนหายใจเบาๆ ของตุลเป็นสัญญาณแห่งชัยชนะที่เรียกรอยยิ้มน้อยๆ ให้กระจ่าง
บนหน้าของคนง่วงนอน เมื่อไม่เป็นไปตามหวัง ตุลก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอย่างจำนน
คว้าถ้วยนมที่เคยเต็มไปด้วยไออุ่นขึ้นมาจิบ แม้จะเย็นชืดไปตามกาลเวลา
แต่กลิ่นหอมของน้ำผึ้งกับรสหวานอ่อนๆ นั้นยังคงให้ความรู้สึกผ่อนคลาย
ราวกับเวทย์มนต์ที่ร่ายสะกด พริบตา รอยยิ้มที่สดใสของตุลกลับมาอีกครั้งโดยที่ตุลก็ไม่รู้ตัว

“พอไหว” เจ้าตัวพยักหน้าแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาที่คนที่นอนอยู่
ตุลเดินมาหาพร้อมกับถ้วยเครื่องดื่มที่คะน้าชงให้ในมือ ก่อนจะย่อตัวนั่งลงบนพื้นเบื้องหน้า
คะน้ามองด้วยสายตาหวาดหวั่นกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น

“ไม่กิน”

“ดื่มสักหน่อยเถอะ”

“ไม่!”

“แก้วเดียวกัน แบ่งกันไง”

และในไม่ช้าก็กลายเป็นคะน้าเองที่ต้องดื่มนมผสมน้ำผึ้งถ้วยโต
ที่เริ่มเย็นชืดหมดแก้วจนพุงป่อง และนั่นดูเหมือนจะสมใจตุลเสียที

“อ้วนไปนอนในห้องนะ สบายหน่อย ตุลเป็นห่วง”

ใครจะคิดว่าคนที่แข็งทื่อเป็นสากกระเบือเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
จู่ๆ จะมาส่งเสียงเง้างอดพร้อมดวงตาเว้าวอนแบบนั้น
จะเรียกว่าแพ้ทางก็ได้ แต่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง คะน้าจึงต้องจำใจระเห็จตัวเอง
ไปอยู่ในห้องนอนของตุลตามคำร้องขอ โดยมีเจ้าของห้องเดินคุมอยู่ไม่ห่าง

“ดื้อจริงๆ” ตุลดึงผ้าห่มขึ้นทับร่างของคะน้าพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้ง
ก่อนจะหันไปปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เย็นพอเหมาะ
“ถ้าง่วงก็หลับเลยนะ เสร็จแล้วเดี๋ยวมาเรียก”

“ทำเป็นเก่งเหอะ ขี้เมาเอ้ย” คะน้าหัวเราะทะเล้นใส่คนหัวยุ่งที่ยืนโงนเงนนิดๆ

“ไม่เมาโว้ย” ตุลโวยใส่แม้ว่าจะโยกเยกไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มไปจริงๆ เล่นเอาคะน้าหัวเราะขำ

“เหรอออ... เชื่อก็ออกลูกเป็นปิกาจู้แล้ว”

“พูดมาก เดี๋ยวเอาปิกาจู้ฟาดหน้าเลย”
เสียงตอบกลับของคนเมาเหล้าเล่นเอาคนง่วงนอนหุบปากแทบจะทันที

“ทะลึ่งว่ะไอ้หมอ” คะน้าเถียงกลับด้วยอาการหวาดๆ เล็กๆ ในใจ เล่นเอาหมอหนุ่มหัวเราะจนตัวสั่น

“เออ นอนๆ ไปซะ เดี๋ยวเช้าไปทำงานอีกนี่ อ้วนแล้วยังไม่เจียม”
ตุลเดินออกไปพร้อมเสียงหัวเราะขำ ไม่ลืมที่จะปรับแสงสว่างในห้องให้เป็นแสงสลัวสบายตา
มีเสียงคะน้าตะโกนโหวกเหวกกลับว่าตัวเองผอมขนาดไหน

ร่างสูงส่ายหัวดิกแล้วออกไปพร้อมกับรอยยิ้มแบบตุลคนเดิมที่คะน้าไม่ได้เห็นมาหลายวัน
บางทีคะน้าอาจจะคิดมากไปเองกับเรื่องราวทุกอย่าง ในความเป็นจริง
มันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้ เรื่องราวเหล่านั้น อาจจะเป็นเพียงคำโกหกมาแกล้งกันของทิม
หรือเพราะความห่างเหินต่างๆ ที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะงานที่วุ่นวาย
หรือแม้กระทั่งอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนกำแพงที่มองไม่เห็น
อาจจะเป็นเพียงความคิดของคะน้าที่กังวลเกินกว่าเหตุก็ได้

นับเป็นครั้งแรกที่คะน้าได้เห็นห้องนอนของตุล เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ต่างกับ
ห้องนอนของคะน้ามากนัก ผิดกันที่ห้องของตุลทาทับด้วยสีน้ำตาลอ่อนและตัดขอบด้วยสีขาว
ไม่ใช่แค่สีขาวจืดชืดแบบห้องของเขา ด้านข้างของห้องนอนมีชั้นวางหนังสือที่เรียงหลั่นเป็นระเบียบ
ดูจากความหนาของแต่ละเล่มแล้วน่าจะเป็นตำราการแพทย์เอาซะมาก
การจัดวางทุกอย่างดูเป็นระเบียบนอกจากจะทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะแล้ว
ยังทำให้ห้องดูกว้างกว่าที่ควรเป็น ไม่รู้ว่าคะน้าคิดไปเองหรือเปล่าว่าเตียงนอนของตุล
แอบนุ่มกว่าเตียงของเขานิดนึง แถมผ้าห่มก็ดูจะอุ่นกว่านิดนึงด้วย ...แค่นิดนึงเท่านั้นแหละ

จะว่าไปแล้วก็เป็นครั้งแรกที่คะน้านอนบนเตียงของตุล ...ครั้งแรก ที่หนุนหมอนที่ตุลนอนทุกคืน
จริงอยู่ที่คะน้าเป็นคนเพ้อฝันแต่ก็ไม่ถึงขั้นบ้าบออะไรมากมาย แต่พอคิดว่าได้หนุนบนหมอน
นอนบนเตียงของคนที่เราเรียกว่าแฟนแล้ว มันก็รู้สึกจักจี้แปลกๆ
คิดๆ ดูแล้วก็ตลกดีที่คนแปลกหน้าเมื่อวันก่อนที่นั่งร้องเพลงปาวๆ อยู่ด้านล่างคนนั้น
เพื่อนบ้านที่ไม่เคยพบปะพูดคุยอะไรมาก่อนเลย ในวันนี้ จะกลายมาเป็นคนที่สนิทสนมแบบนี้
เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่คะน้าสามารถเรียกใครคนหนึ่งได้เต็มปากว่าแฟน
และมันยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่ ใครจะคาดคิดว่าเขาจะมีแฟนเป็นคนเพศเดียวกัน ...บ้าไปแล้ว

เนิ่นนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ที่คะน้าผลอยหลับไปบนเตียงนุ่มๆ และผ้าห่มอุ่นๆ นั้น
กระทั่งรู้สึกถึงน้ำหนักที่ยวบตัวลงบนเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม กลิ่นบุหรี่จางๆ ที่ติดอยู่
ผสมกับกลิ่นอ่อนๆ ของน้ำหอมบนผิวกายชำแรกในจมูกด้วยความรู้สึกที่ประหลาด
สัมผัสที่ลามไล้ไปบนร่างกายจู่โจมพร้อมกับความหยาบกร้านของไรหนวดที่ลากเลื่อนไปทั่วใบหน้า
ลมหายใจที่เจือไปด้วยกลิ่นอายของแอลกอฮอล์พร่างพรมไปทั่วลำคอจนรู้สึกร้อนวาบ

คะน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้น เป็นจังหวะเดียวกับที่สัมผัสที่อ่อนนุ่มกดตัวลงบนริมฝีปากอย่างแผ่วเบา
นุ่มนวลราวกับขนนกที่ลามไล้ไปบนเรียวปาก จนต้องปรือตาลงอีกครั้งอย่างจำนนในสัมผัสที่ชวนหลงใหลนั้น

“...อ้วนครับ”

เสียงกระซิบเบาๆ แผ่วขึ้นข้างๆ ใบหู พร้อมกับปลายนิ้วที่ค่อยๆ
สอดเข้าในเสื้อยืดที่ปกปิดร่างกาย ในใจพยายามเหนี่ยวรั้งมือกว้างที่ถือวิสาสะนั้นอย่างเต็มที่
หากแต่สัมผัสที่โน้มนำอยู่ทั่วกลับทำให้ทุกอย่างตีรวน

แสงสลัวที่สาดส่องผ่านโคมไฟเผยให้เห็นร่างกายของคนตรงหน้าทุกสัดส่วน
แผ่นหลังของตุลกว้างและแน่นกว่าที่เคยคาดคิดจนคะน้ารู้สึกแปลกใจ
ตุลค่อยๆ เหยียดตัวขึ้นแล้วมองจ้องคะน้าที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาลุ่มลึก
ผมสีเข้มที่ยุ่งเหยิงและดวงตาคู่นั้นดูแตกต่างจากทุกครั้ง


“ค้างได้ไหม”

ผิวขาวสะอาดต้องแสงไฟจนเกิดมิติแห่งแสงเงาที่ตกกระทบบนกล้ามเนื้อให้ชวนมอง
แผ่นอกกว้างของตุลนูนสูงเหมือนคนที่ออกกำลังกายเป็นอย่างดี
ไม่ต่างอะไรกับกล้ามเนื้อบริเวณท้องที่เรียงหลั่นเป็นระเบียบชัดเจน
ดวงตาที่หวานฉ่ำคู่นั้นจับจ้องไปทั่วอย่างไม่วางตา


“...ได้ไหม”

รู้สึกหายใจติดขัดจนทำอะไรไม่ถูก หากแต่คนที่นั่งอยู่ยังรุกล้ำเพื่อค้นคำตอบ
มือข้างซ้ายของตุลค่อยๆ เลิกเสื้อของคะน้าให้สูงขึ้น
ในขณะที่ปลายนิ้วมืออีกข้างก็ลูบไล้ไปทั่วร่างนั้นอย่างแผ่วเบา
ก่อนจะโน้มร่างกายที่เปลือยเปล่าลงทาบทับแล้วกดฝังปลายจมูกลงบนลำคอ
คะน้ารีบขืนตัวหนี ทว่า... ดูเหมือนจะช้าไป

“กะ...กลับบ้าน”

“...อยู่นะ” เสียงทุ้มๆ ร่ำร้องที่ข้างใบหู

“ก..กลับ โอ้ยยยยย...”

ร่างของคะน้าเหยียดเกร็งแทบจะทันทีเมื่อปลายลิ้นที่ฉ่ำชุ่มลากไล้ไปบนลำคอ
วงแขนวาดขึ้นกระชับแน่นลงบนแผ่นหลังคนที่ทาบทับแทบจะทันที
เหมือนจะเก็บซ่อนความไหวสะท้านไม่ให้ใครเห็น
หากแต่สัมผัสที่แนบแน่นกลับทำให้อีกฝ่ายยิ้มย่องในใจ
ตุลคำรามอย่างพึงใจก่อนจะขบฟันเบาๆ ลงบนลำคอของคนที่จำนนอยู่ด้านล่าง
ร่างกายของคะน้ากระถดหนีด้วยความรู้สึกที่สั่นสะท้าน
หัวใจเต้นแรงราวกับจะระเบิดเป็นจุลในชั่วพริบตา

“อ๊ะ...”

ปลายลิ้นลากเบาๆ อย่างทะนุถนอมลงบนร่องรอยที่ฝากไว้เมื่อครู่
ขณะที่มือก็ค่อยๆ ดึงขอบกางเกงของคนที่อยู่ด้านล่างลง
กระทั่งร่างกายของคนทั้งสองแนบชิดกันโดยปราศจากสิ่งใดกั้นขวาง

“ตุลล...”

“ครับผม”

ดวงตาคู่นั้นทอดมองอย่างมีความหมาย กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ในลมหายใจอุ่น
ที่พร่างพรมไปทั่วนั้นเคล้ากับกลิ่นกายที่เคยคุ้นของตุลพาลให้ความรู้สึกกระเจิดกระเจิง
ใบหน้าของตุลแนบชิดเบียดใบหน้าของคะน้าไม่ห่าง แผ่นอกบดเบียดแผ่นอก
ท้องน้อยเสียดสีท้องน้อย ทุกการเคลื่อนไหวแนบแน่นจนระอุร้อน
หากแต่เหมือนทุกสัมผัสที่ร้อนแรงนั้นยังคงไม่สาสม ในจังหวะที่สอดรับนั้น
สองมือของตุลจึงกดเน้นไปทั่วร่างจนคะน้าสั่นหอบแทบขาดใจ

“ต..ตุล” กระซิบด้วยเสียงหอบสั่น “...ตุลครับ”

“ว่าไง”

เสียงทุ้มกระซิบแผ่วที่ข้างริมฝีปากพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ ที่แสนอ่อนโยนนั้น
เร่งเร้าความรู้สึกจนคะน้าบิดตัวหนี ร่างสูงที่ทาบทับบดเบียดตัวเองตามเหมือนผู้ไล่ล่า
ไรหนวดไซ้เพียงเสียดสีอย่างแผ่วผ่าน มีเพียงแต่สัมผัสที่หอมหวานของริมฝีปาก
ที่พร่างพรมบนผิวกายนับครั้งไม่ถ้วนจนคะน้าหมดเรี่ยวแรงจะต้านทาน

ไม่รอฟังคำตอบ ตุลดันตัวขึ้นอีกครั้งแล้วจูบเน้นริมฝีปากไล่ลงบนทั่วร่างกายของคะน้า
จากลำคอค่อยๆ เคลื่อนผ่านแผ่นอกกว้าง เลื่อนลงสู่กล้ามท้องที่เกร็งแน่นแล้วค่อยๆ ลดต่ำลง
คะน้าที่มองดูทุกอย่างเบื้องหน้าดันร่างของตัวเองเหยียดขึ้นด้วยความสั่นสะท้าน
ดวงตาคู่นั้นของตุลเป็นประกายวาวพร้อมรอยยิ้มที่ดูแปลกตา
หากแต่ตุลกลับหยุดทุกอย่างไว้ที่ตรงนั้นเหมือนจะทรมานให้คนที่จ้องมองอยู่ขาดใจ


“...ว่าไง”

คะน้าหอบสั่นราวกับคนที่ไร้เรี่ยวแรงมองดูตุลที่ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน
แสงสลัวเผยให้เห็นร่างกายที่ดูดีได้สัดส่วน ใบหน้าที่ดูสะอาดสะอ้านชวนมอง
ดูเด่นด้วยคิ้วเข้มรับกับจมูกที่คมสัน ลำคอยาวได้รูปรับกับเรือนร่างที่สมส่วน
แผ่นอกนูนกว้างและผายออกนั้นได้รูปเช่นเดียวกับแผ่นท้องที่กระชับด้วยกล้ามเนื้อเป็นสัน
ผมของตุลดูยุ่งเหยิงแต่น่าสัมผัส ดวงตาคู่นั้นดูขี้เล่นและเหมือนจะท้าทายในที
ไม่ต่างอะไรกับริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอขึ้นราวกับจะยั่วเย้าให้กระเจิดกระเจิง

คะน้าลุกขึ้นมานั่งด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับทุกสิ่งตรงหน้า
มองดูเรือนร่างที่เปล่าเปลือยของคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรง
จนแทบระเบิดจนต้องหลีกหลบสายตาไปด้านข้างด้วยความรู้สึกร้อนวูบจนผ่าวชา
เสียงหัวเราะเบาๆ เหมือนเสียงคำรามของคนที่ยืนอยู่ดูจะแสดงออกถึงความพึงใจ
ร่างสูงโปร่งเดินย่างเข้ามาหาช้าๆ ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากของคนที่นั่งอยู่บนเตียง



“รักนะ”

ริมฝีปากกดเน้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรู้สึกที่โหยหา
ร่างสูงแทรกตัวเข้าด้านหลังแล้วกอดกระหวัดโอบแน่น
ฝ่ามือโลมไล้ไปทั่วทั้งเรือนร่างอย่างผ่าวร้อน
คะน้าบิดตัวราวกับสัตว์น้อยที่ดิ้นรนจากกับดักของพราน
ร่างกายหอบสั่นสะท้านไหวกับสิ่งที่อยู่ภายในที่กำลังเต้นระรัว

หยุด!
หยุดก่อน! ได้โปรด...

พอ... พอเถอะ...

ใจ...



...ใจมันเหมือนจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จบ 17.1 ไปแบบไม่รู้ไม่ชี้ แต่อย่าเพิ่งตระหนกตกใจ เพราะอันนี้แค่เรียกน้ำย่อย 555
17.2 จะเป็นยังไงดีนะ 555 อันที่จริงแต่งเสร็จแล้วล่ะ แต่ขอเว้นช่วงหน่อย ยังไม่ลงพร้อมกัน
คือเดี๋ยวจะลงในวันสองวันนี้ล่ะครับ ประเด็นคือเรื่องของเรื่องคือ ตอนนี้ มันยาวมากนั่นเองล่ะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ กำลังใจ และคำแนะนำติชมนะครับ
คิดถึงทุกๆ คนมากๆ เลยนะ อยากจะขอกอดสักคนละทีสองที

:กอด1:  :กอด1:  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 09-12-2012 10:20:30
รู้สึกค้างแปลกๆ ขอร้องอย่าหักมุมก็พอ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 09-12-2012 10:24:09
ไม่นะ ไม่ ไม่
อะไร ๆ ก็ยังไม่เคลียร์
จะปล่อยให้เลยเถิดได้ไง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-12-2012 10:36:44
อ้าวๆหมอตุลย์
อย่ามาขโมยซีนนะ
ไม่ยอมมมมม
คะน้า คะน้า อ๊ากกกกกกก
อย่าไปยอมซี่

ป.ล.รอบนี้มาไม่ทัน เสียใจ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 09-12-2012 10:50:24
ตายยยยตายก่อนแน่ๆ มัน......มันค้างมากกกก
ขาดใจตายแน่ๆ ลนลานนน  ฮือๆ ลงวันนี้เถอะคนเขียน  o22 o22
โดนตัดฉับขนาดนี้ ใจจะขาดด    :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 09-12-2012 10:51:53
โอ๊ย..ถ้าบอกว่าเสียใจล่ะ อยากให้ฉากนี้เป็นทิม แต่ความจริงคือ ตุลย์ เฮ้ย..ลุ้นกับต่ายจริงๆ หักมุมจนใจหวั่นหมดแล้ว แต่เรารู้สึกเหมือนมีอะไรเปลี่ยนไป ตุลย์กำลังเป็นอะไร แล้วต่ายล่ะ แน่ใจหรอ ว่าไม่โกรธตัวเองอยู่ (ป๊าด..เดามั่วแท้..ซอรี่นะคนเขียน)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 09-12-2012 11:06:15
 เฮ้ยยย  แล้วทิมเค้าล่าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 09-12-2012 11:28:49
อยากได้แบบ 3P อ่ะ ทิม คะน้า ตุลย์   :z1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 09-12-2012 12:44:47
กลัวจะมาแบบหักมุมอีกละสิ กลัวเกินไป อ๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 09-12-2012 13:06:32
เดี๋ยวนะ คือเค้ายังไม่ซัมติงกันใช่มั้ย อ่านแ้ล้วยังไม่กระจ่าง (สงสัยคนอ่านจะมึน)
แต่เป็นตุลจริง ๆ เหรอ ยังลุ้นตลอดให้เป็นทิม เฮ้อ ก็ทิมมัวช้านี่เอาจริงเอาจังดิรักเค้าอ่ะ
ใช้วิธีการอะไรไม่รู้ลับ ๆ ล่อ ๆ เชียร์ต่อไปค่ะ เป็นใครก็ได้ที่คะน้ารักละกัน จบ!!
เพราะหมอตุลก็แสนดีอยู่นะ (แต่เรื่องรอยที่คอยังไม่เคลียร์)

อยากอ่านต่อมากจ้า ขอบคุณจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 09-12-2012 14:21:54
กลัวหักมุม แต่ก็อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้ว
พลีสลงวันนี้เถอะ :z3: :z3:
 :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 09-12-2012 14:44:39
ง่ะ...มันค้างมากเลยอ่า  :a5:

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ อะไรก็ยังไม่เคลียร์เลย
รีบกลับมาต่อเร็วๆ น่ะคร้าไม่ไหวแล้ววว  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 09-12-2012 20:29:28
ฮว๊าากกก!! :angry2: คะน้าอย่าเพิ่ง ตุลย์มันยังไม่เคลียร์ :z3:

    :serius2:    :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 09-12-2012 20:44:26
เบื่อคนโลเลอย่างคะน้า เบื่อตุลย์และทิมที่แลดูมีอะไรปิดบัง อกหักมันให้หมดเจ็บปวดดีเหอ ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 09-12-2012 21:41:31
ตัดจบ ค้าง  :a5: :a5: :a5:
สรุปคะน้าจะโดนหมอกินจริงๆหรอ :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 09-12-2012 22:40:26
คะน้า โอยจะโดนหมอจับกินจริงเรอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 09-12-2012 23:19:58
หมอตุลย์ดีจริงหรอ????? 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 09-12-2012 23:23:33
เอาจริง ๆ เลยนะ

เค้าไม่ชอบตุลย์เลยอ่ะ ไม่ใช่ว่าเชียร์ทิมเลยไม่ชอบตุลย์
แต่ตั้งแต่อ่านมา รู้สึกว่าตุลย์แปลก ๆ อ่ะ เราว่าตุลย์มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ ๆ
อย่าเพิ่งเสียเอกราชให้ตุลย์เลยนะ เรายอมให้เป็นตุลย์ได้ก็ต่อเมื่อตุลย์มันพิสูจน์ตัวเองให้เราหายตะหงิดใจก่อน
อิอิอิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-12-2012 00:16:08

ถึงจะเกลียด  แ่ต่ก็จะยังอ่านต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 10-12-2012 00:45:04
แม่ยกทิมเสียใจ TT^TT

ปล. ยังไม่กล้าอ่าน อ่านคอมเม้นต์ก่อน 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: doudoh ที่ 10-12-2012 00:50:17
อึดอัดแล้วก็หดหู่  :เฮ้อ: ปกติถ้ามีเอ็นซี โด้จะชอบมากนะคะ
แต่ตอนนี้แล้ว ไม่มีรมเลยค่ะ  คะน้า อย่าพึ่งมีอะไรกับตุลเลย 
เอาให้มันเคลียไปเลย  เรายอมอกหักในเรื่องนี้นะ เราอยากให้คะน้า
ถอยออกมา อย่างน้อยให้คะน้าจบแบบมีความสุขหรือหาคนเข้ามาแทนที่สองคนนี้เถอะ
สงสารคะน้า  เราเกลียดมันทั้งสองคนแล้ววว  เฮ้อ  (อินมากถึงขั้นปวดหัวเลย)
พี่นักเขียนเก่งจังเลย  ทำให้ทุกคนอินได้หมด  อารมและความรู้สึก 
พี่เขียนเก่งทำให้คอยติดตามตลอด ปกติอ่านินยาย ไม่เคยคอมเม้นเลย 
โด้จะรอนะคะ  ให้กำลังคนเขียนค่ะ สู้ๆนะ :m15: :m15: :m15: :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 10-12-2012 01:08:18
ใจเต้นตู้มต้ามแทนคะน้า ทั้งๆืี่ทำใจไม่ได้ ฮืออออออออ
มันจะเป็นอย่างงี้จริงๆรึ ม่ายยยยยย

อิทิมเอ๊ยยยย ช้าตลอดนะแก อิป้าเคือง



 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 10-12-2012 01:53:11
คะน้า อย่าไปยอมมมม ใจแข็งไว้

ไอ้ทิมอยู่ไหนรีบมาด่วนนนนนน :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 10-12-2012 02:56:43
ทิมละะ
จะเอาทิมมมมมมมมมมมม  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 10-12-2012 14:29:31
กอดรับ :กอด1: :กอด1:

แค่วันเดียวเองนะ เราพลาดไปแล้ว ไม่ได้มาอ่านเป็นคนแรกๆ ของตอน :o12:
ตุลลลลล รักหมอแต่ชอบวิศวะ คะน้าสู้ตาย :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 11-12-2012 04:11:45
สวัสดีครับ ทักทายก่อน ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับทุกๆ คอมเมนต์เลยนะครับ
อ่านแล้วรู้สึกว่ายังไงก็ต้องฮึดแต่งมาให้ได้ ถึงช่วงนี้วุ่นๆ ยังไงก็จะสู้ครับ
จะบอกว่าครึ่งหลังของตอนนี้ ต้องขอแอบย่องมาลงดึกๆ ดื่นๆ เพราะกลัวโดนด่า
อานิสงส์จากครึ่งแรกที่ได้ลงไปดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจ(ไอ้)คนเขียน
ครึ่งหลังเลยขอสนุกสนานต่อ ออกมายาวหน่อย อ่านแล้วไม่รู้จะเป็นไง แหะๆ

อ่านคอมเมนต์จากตอนที่แล้วจะบอกว่า ลึกๆ แอบรู้สึกดีใจมากเลยครับ
เพราะคิดว่าเพื่อนๆ เริ่มอินกับนิยายเราใช้ได้ (คงแต่งได้ไม่ขี้เหร่อะไร โล่งอก) 5555
แต่กลายเป็นตอนนี้เพื่อนๆ กลัวคนเขียนหักมุมมาก ซึ่ง.....ไม่ต้องกลัวครับ
เพราะว่าหักมุมแน่ๆ ฮ่าๆๆ สำหรับครึ่งหลังที่จะลงนี้ ถ้าขี้เกียจอ่านเดี๋ยวสรุปให้เลยครับ


ลากผ่านเลยนะครับ ถ้าไม่อยากเห็นสปอยล์  :o8:







แต่นแต๊นนนนนน....














o18  o18  o18  o18  o18  o18  o18

และแล้วคะน้าก็ตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวเองฝันไป 555555555

เจี้ยกกกกกกก! ไม่ใช่ละ! โดนสหบาทาแน่ ถ้าขืนเขียนไปแบบนั้น 5555
อย่างที่เคยบอกไว้น่ะครับ ช่วงนี้จะหน่วงๆ นิดนึง กลั้นใจอ่านนิดนะครับ
เอาล่ะ โม้มานานแล้ว ครึ่งหลังของตอนที่ 17 พร้อมเสิร์ฟครับ คนเขียนหรรษามากมาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 11-12-2012 04:23:16

ตอนที่ 17.2



สัมผัสที่รุมเร้านั้นยังคงต่อเนื่อง คะน้าหอบสั่นไปทั้งร่าง
ความคิดต่างๆ นานาในหัวสมองตีรวนจนจับต้นชนปลายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ถูก
ร่างสูงที่เบียดชิดกระตุ้นให้ร่างกายร้อนรุ่มดั่งเปลวไฟที่ลุกไหม้
ค่อยๆ ขืนดันมือที่สั่นไหวออกไปแล้วฝืนแรงดัน คะน้าพร่ำเรียกชื่อของอีกคนด้วยเสียงที่พร่าสั่น
หากแต่การเหนี่ยวรั้งนั้นกลับเป็นเสมือนลมที่โหมให้เพลิงร้อนยิ่งลุกโชน

“ย..หยุด ...โปรด ...ได้โปรด”

“ไม่!”

ริมฝีปากยังคงโลมไล้ไปทั่วร่างกาย เบียดซุกไอสัมผัสแนบชิดในวงแขนจนกระชับแน่นกว่าครั้งไหนๆ
ทว่าร่างกายของคะน้ากลับนิ่งสงบราวกับรูปปั้นที่ไร้ชีวิตจิตใจ แม้ตุลจะโหมรสสัมผัสที่ร้อนแรงแค่ไหน
หากไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ สุดท้ายก็จำต้องพ่ายจำนน วงแขนที่กระชับแน่นๆ ค่อยๆ คลายตัวออก
พร้อมกับร่างสูงที่ค่อยขยับห่างออกไปด้วยอาการสงบนิ่ง คะน้าเหลือบมองตุลด้วยความรู้สึกมากมายที่ระคนกัน
ทั้งสับสน ทั้งเสียใจ ทั้งความรู้สึกแปลกๆ ต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ

“โทษนะ ผม...” เสียงพูดเบาๆ ของคะน้าทำลายความเงียบที่ราวกับดำดิ่งเนิ่นนานนั้นลง
ไม่มีคำพูดใดๆ ตอบกลับมีเพียงเสียงลมหายใจหนักๆ ของตุลซึ่งบ่งบอกถึงอาการหัวเสีย

“มันเร็วเกินไป”

“...เข้าใจ”

เสียงตุลแผ่วเบาจนแทบจะเป็นเพียงเสียงลมที่พัดผ่าน รอยยิ้มน้อยๆ กระตุกขึ้นบนมุมปาก
อย่างยากเย็นกว่าทุกครั้ง ตุลยังคงนิ่งเฉย ใบหน้าที่ได้รูปแดงกล่ำไปถึงนัยน์ตา

“ผมไม่รู้ มันไม่ควรเป็นอย่างนี้หรือเปล่า มัน... ไม่รู้สิ
มันไม่ทันตั้งตัว เราสองคนก็เป็นผู้ชาย ...ผม”
คะน้าผ่อนลมหายใจฟืดฟาดด้วยความรู้สึกมากมายที่ประดังประเดเข้ามา
เสื้อยืดที่เคยสวมใส่ถูกโยนใส่หน้าขาจากคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ คะน้ารับมันขึ้นมา
แล้วค่อยๆ หยิบขึ้นสวม ความผิดในใจที่มีต่อตุลยังไม่จางหายไปจากความรู้สึก


“ต่ายรักผมไหม”

“หือ?” คะน้าเงยหน้าขึ้นมามองดูด้วยความแปลกใจ ดวงตาแดงกล่ำคู่นั้นของตุล
มองจ้องด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้น ...อ่อนแอ ...อ่อนไหว ...น้อยใจ และเปี่ยมด้วยคำถามมากมาย


“เรารักกันไหม?”

คำถามง่ายๆ ที่ตุลเอ่ยถาม แปลกที่ในเวลาแบบนี้ กลับรู้สึกยากเย็นเกินกว่าจะค้นหาคำตอบที่แท้จริงในใจ
ที่ผ่านมา เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นสั่นคลอนต่อความรู้สึกจนคะน้าก็ไม่แน่ใจ
...ไม่แม้แต่จะเข้าใจตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่ สับสนและลังเลกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย
อยากเชื่อ แต่ก็กลัวจะเสียใจ อยากถาม แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะรับกับคำตอบได้ไหม
ลงท้ายก็ซื้อเวลาไปวันๆ กับโลกแห่งความฝันที่บอกว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง

ความชะงักสับสนและลังเลนั้น เหมือนจะทำให้ตุลรับรู้ในคำตอบที่เอ่ยถามโดยดุษณี
ร่างสูงพยุงตัวขึ้นแล้วค่อยๆ สวมเสื้อผ้าด้วยอาการสั่นไหว ดวงตาสีแดงกล่ำคู่นั้นที่จ้องมองยังติดตา
แววตาที่ตัดพ้อราวกับของคมแหลมที่บาดไปถึงขั้วหัวใจของคะน้าสร้างความปวดร้าวไม่ต่างกัน


“ไม่ใช่ตุลใช่ไหม”

“ตุล...”

“เป็นตุลไม่ได้ใช่ไหม”

แม้ปากจะอยากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธต่างๆ นานา หากแต่น้ำหนักในใจกลับหนักอึ้ง
เบื้องหลังของดวงตาที่ตัดพ้อคู่นั้น ภายใต้ท่าทีที่ดูอ่อนโยนเอาใจใส่
แม้แต่รอยยิ้มที่ทำให้แต่ละวันนั้นดูสดใส กลับทำร้ายและสั่นคลอนความเชื่อมั่นทุกๆ วัน
ลงด้วยความลับเหล่านั้นที่คะน้าไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถาม
เสียงถอนหายใจหนักอึ้งของตุลดังขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงเบือนหน้าไปอีกด้าน
ดวงตาคู่นั้นหงอยเหงาลงและปวดร้าวเหลือเกิน กระนั้น ตุลก็พยายาม
ฝืนยิ้มแบบแกนๆ ให้กับคะน้าที่นั่งอยู่ด้วยอาการสั่นเทา

“สองสามวันมานี้ผมไม่ค่อยมีเวลาให้กันเท่าที่ควรเลย ขอโทษนะ
อยากเร่งสะสางงานต่างๆ เหล่านี้ให้หมด จะได้สบายใจ เพราะผมคงไม่ได้อยู่ที่นี่นาน”
ตุลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ เสียงทุ้มที่เคยอบอุ่นกับเยียบเย็นจนน่าใจหาย

“ต่าย... ผมได้ทุนวิจัยที่เยอรมัน”

แม้ดูเหมือนว่าจะเป็นข่าวดีที่ควรเฉลิมฉลอง หากแต่คะน้า
กลับรู้สึกตกใจกับเรื่องราวที่ได้ยิน ถ้อยคำแปลกๆ แม้แต่ท่าทางและน้ำเสียง
ที่ดูเฉยชานั้นดูแปลกตาราวกับคนที่ไม่รู้จัก ...ใจหายอย่างบอกไม่ถูก

“ยินดีด้วยนะตุล” คงมีเท่านี้ที่พอจะทำได้ ...พูดได้เพียงเท่านี้จริงๆ

ตุลหันกลับมายิ้มแทนคำขอบคุณแบบที่เขามักติดเป็นนิสัย แต่เพียงวูบเดียว
รอยยิ้มที่เคยสดใสนั้นก็ทอประกายหม่นลงดังเดิม ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก
แล้วเบือนหน้าไปอีกทางปล่อยให้ความเงียบที่น่าอึดอัดกัดกร่อนความรู้สึก
ของคนทั้งสองอยู่อย่างนั้น ...เนิ่นนาน ก่อนที่เจ้าของห้องจะเริ่มขยับตัวอีกครั้ง

“ระหว่างนั้น...” ตุลชะงักหยุดไปเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เพียงครู่เดียวก็กดใบหน้าลง







“ลองห่างกันสักพักไหม”


เหมือนใบไม้แห้งๆ ที่ร่วงหล่นลงจากที่สูงในพริบตา ความรู้สึกเจ็บแปลบปวดปร่า
ขึ้นมาที่กลางหน้าอกอย่างไม่รู้ตัว ไม่ต่างอะไรกับเศษไบไม้ที่ถูกสายลมพาพัด
หากไม่นั่งอยู่ คะน้าคงเซเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรงกำลัง ร่างกายมันสั่นเทาราวกับคนป่วยไข้
หัวใจเบาหวิวเหมือนกระดาษบางเบาที่ใกล้ขาด นี่หรือคือความเจ็บปวด
ที่ให้ใครต่อใครต่างพากันเข็ดขยาด ...เป็นแบบนี้สินะ เหมือนกับถูกขยี้ใจจนแหลกเละเลย

คะน้าลุกขึ้นยืนด้วยอาการหอบสั่น มือสองข้างดึงเสื้อผ้าของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว
ทั้งๆ ที่ยังสั่นไหว แม้ลึกๆ ในใจจะยอมรับว่าไม่เชื่อมั่นในตัวของตุลอย่างที่ผ่านมา
แต่ก็สิ่งหนึ่งที่คะน้ามั่นใจ เชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัยมาตลอดคือ
ตุลเป็นห่วงและหวังดีกับคะน้ากว่าใครๆ และหากจะต้องทำให้คนที่ดีกับคะน้า
ต้องเจ็บปวด แลกกับเรื่องแค่นี้ มันไม่ได้หนักหนาอะไร



...ยังไง ก็ผู้ชาย แค่นี้มันไม่ตาย

ร่างที่เปล่าเปลือยของคะน้าสวมกอดตุลจากด้านหลัง คนที่ยืนอยู่ผงะไปเล็กน้อย
แล้วยืนมองแน่นิ่ง คะน้าค่อยๆ จูบไล้ตามซอกคอแล้วไล่เรื่อยคลอเคลียไปทั้งใบหน้า
ก่อนที่ดวงตาจะผสานกับแววตาคู่นั้น ...ดวงตาที่เอ่อช้ำและกล่ำแดงกำลังสั่นไหว
ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความอบอุ่นกลับดูว่างเปล่าและเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ดวงตาคู่นั้นราวกับหมุดที่ยึดตรึงทุกการเคลื่อนไหวของคะน้าให้สงบนิ่งในเสี้ยววินาที

“หยุด! หยุด!!! พอได้แล้ว!!!”

นับเป็นครั้งแรกที่ตุลใช้น้ำเสียงที่กร้าวแบบนั้นกับคะน้า ท่าทางที่ระคนไปด้วยความโกรธ
แม้จะดูชัดเจน หากแต่เทียบไม่ได้เลยกับแววตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

“พอเสียที หยุดฝืน หยุดพยายาม ไม่ต้องฝืนทำอะไรเพื่อผม...เพื่อให้ผมมีความสุข
ถ้าความสุขของผมมันเกิดขึ้นเพราะต่ายต้องฝืนตัวเอง ผมไม่ต้องการ
อย่าผลักให้ผมกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากไปกว่านี้เลย Please...”

“Stop it... I can’t accept a mercy fuck...


I can’t... I just....





can’t...”

ไม่รู้ตัวเองว่าพาร่างกายที่เบาโหวงนั้นกลับมาที่ห้องได้อย่างไร ระยะห่างที่คะน้าเคยหวาดหวั่น
สัญชาตญาณที่บอกว่ามีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยนั้นกลับกลายเป็นความจริง
ความพยายามแบบโง่ๆ นั้นยิ่งทำให้ทุกอย่างดูเลวร้ายลงอย่างไม่น่าให้อภัย
สีหน้าที่เฉยชากับดวงตาที่แดงกล่ำคู่นั้นยังติดค้างอยู่แม้ในนาทีนี้
เสียงที่เย็นเฉียบและคงความสุภาพอย่างสงวนท่าทีราวกับคนที่ห่างไกลกันนั้น
สร้างความเจ็บปวดอย่างเหลือเชื่อ คำพูดซ้ำๆ เหล่านั้นแม้แต่ในเวลานี้ยังดังก้องอยู่ในหู


“อาจจะกระทันหันไปหน่อย อีกไม่กี่วันผมคงเดินทางกับก้อย
มือถือหรืออะไรต่างๆ นานาก็จะคืนให้กับโรงพยาบาลก่อนจะไป
...ห้องนี้ ...ที่นี่ ...อะไรๆ คงปิดตายไปนาน




ตีห้าครึ่ง ใกล้เวลาจะเริ่มต้นวันใหม่ วันพรุ่งนี้อะไรๆ จะเปลี่ยนแปลงไปยังไง


...ไม่มีตุล

สัมผัสเบาๆ บนหัวไหล่ก่อนจะกลายเป็นอ้อมกอดที่โอบอุ้มทั่วทั้งร่าง
สองมือที่เล็กกว่าบีบรัดทั่วทั้งร่างกายของคะน้าจนแน่นราวกับจะยืนยันว่าที่เล็กๆ แห่งนี้
ยังมีใครสักคนที่รอคอยคะน้าอยู่เสมอ คะน้ายกมือขึ้นแตะเบาๆ บนอ้อมแขนเล็กๆ ที่ทรงพลังนั้น

“เจ๊...”

“กลับมาแล้วเหรอ”

“ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไร”

บางครั้งคำพูดอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ใช้สื่อสารได้ดีที่สุด
บทสนทนาจึงสั้นกระชับจนดูแทบจับใจความไม่ได้
หากแต่ความเข้าใจระหว่างกันและกันกลับเปี่ยมล้น
ผู้เป็นพี่สาวหอมแก้มน้องชายฟอดใหญ่

เหมือนว่าความรักและความห่วงใยทำให้เวลาหยุดนิ่งได้จริงๆ
นานแค่ไหนในสายตาของผักกาด คะน้าก็ยังเป็นเพียงน้องชายตัวเล็กๆ ที่เคยเห็น
เคยวิ่งเล่นซนด้วยกันเมื่อยี่สิบปีก่อนอยู่อย่างนั้น หญิงสาวจึงรักและห่วงใย
น้องชายคนนี้กว่าใครๆ ชิดใกล้และเข้าใจเหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน

ถ้วยโกโก้อุ่นๆ ส่งกลิ่นหอมอยู่ตรงหน้าของคะน้า แค่เพียงได้กลิ่นหอมๆ
คะน้าส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับผู้เป็นพี่สาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“เจ้ตื่นเร็วจัง ผมทำเสียงดังหรือเปล่า ขอโทษนะ”

“เอาเถอะ เจ้ตื่นแล้วก็แล้วกันแหละ กินๆ เข้าไป จะได้มีแรง”
น้องชายหยิบเอาถ้วยโกโก้ขึ้นดื่มพรวด
ก่อนจะสะดุ้งไปกับความร้อนที่ทำเอาลิ้นเกือบพองจนผักกาดดุ

“ระวังหน่อยสิ เฮ้อ... เราน่ะ รู้ไหมพักนี้แปลกๆ ไปมากนะ ดูหลุดๆ
เหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา” ความเงียบคือคำตอบ
คะน้าก้มหน้านิ่งจิบเครื่องดื่มอุ่นๆ แน่นอนว่าผู้เป็นพี่สาวย่อมเข้าใจทุกอย่างได้ดี

“ต่าย... เจ้ขอคุยอะไรหน่อยได้ไหม ...ห่วงแกนะ สองสามวันมานี้แกดูไม่ดีเลย”
คะน้าพยักหน้าเบาๆ แล้วนั่งนิ่ง ผักกาดจึงเริ่มพูดต่อ
“ไม่ใช่แค่แกหรอกนะ ไอ้คนที่มานั่งทำอาหารให้กินทุกวันก็ด้วย”




“ถามจริงๆ เถอะ แกกับทิมทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”



(ต่อด้านล่างอีกครึ่งนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 11-12-2012 04:34:09
(ต่อเลยๆๆๆๆ)



“ถามจริงๆ เถอะ แกกับทิมทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”


คะน้าชะงักไปกับสิ่งที่ผักกาดถามไม่น้อย นิสัยที่ตรงไปตรงมาของผักกาด
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คะน้าจะรับมือ เพราะรู้ว่าไม่เคยโกหกผู้เป็นพี่สาวได้สำเร็จ
จึงเป็นเรื่องยากที่จะบิดเบือนอะไร ที่ดีที่สุดก็คือพยายามเรียบเรียงทุกสิ่ง
ในความคิดออกมาให้พี่สาวคนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงมากที่สุดนั่นเอง

“นิดหน่อยน่ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอก”

“คงจะไม่ใช่เรื่องเล็กล่ะมั๊ง เพราะท่าทางของทิมมันไม่ได้เป็นอย่างที่แกพูดเลย
รู้ไหมว่าหลายวันมานี่ สารรูปมันดูแย่มาก ...ดูเหมือนจะแคร์แกมากเลยนะ”

“ไม่น่าจะมีอะไรหรอก เจ้คิดมากไปเองแหละ”
ถึงปากจะพูดปฏิเสธ ไม่ใยดี แต่ข้างในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด
...ไม่ได้เห็นหน้ากันเลยนับตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าทิมจะเป็นยังไงบ้าง


“เจ้คิดมาก...หรือแกคิดน้อยไป”

คำพูดง่ายๆ ของผักกาดทำให้คะน้าชะงักไปแทบทันที
ชายหนุ่มก้มหน้านิ่ง ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาของพี่สาว
“ต่าย... รู้ไหมบางทีแกก็จมอยู่กับความคิดอะไรๆ ของแกมากไป
แกเชื่อมั่นในความคิดของแก แล้วแกก็เชื่อว่าอะไรๆ มันเป็นไปอย่างที่แกคิด
แต่มันไม่ใช่ว่าแกจะคิดถูกเสมอ ความเกรงใจ ความกลัวที่จะทำร้ายจิตใจคนอื่นน่ะ
มันทำร้ายแกอยู่รู้ไหม คิดอะไรอยู่ทำไมไม่พูดออกมา แกรู้ไหมว่ามีใครกี่คนที่ห่วงแก”



“เจ้... ขอโทษนะ”

“คนที่แกควรจะขอโทษน่ะ ไม่ใช่แค่ฉันหรอก รู้อะไรไหม จันทูมันห่วงมากนะ
มันโทรมาบอกว่าพักหลังๆ แกดูเหม่อๆ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เจ๊เป็ดก็ด้วย
แม่สายใจอะไรนั่นอีก เขาห่วงแก แกทำตัวเป็นคนอมทุกข์ ไม่ร่าเริงเหมือนเคย
รู้ตัวหรือเปล่า” คะน้ารู้สึกชะงักไปทันทีที่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านจากปากของพี่สาว

“แกรู้ไหม ที่ทิมมันมานั่งทำอาหารอย่างกับภัตตาคารให้ทุกวันเนี่ย
เพราะมันบอกว่าแกผอมลงไปมาก เพื่อนแกกลัวแกจะป่วยตาย มันอยากให้แกกินอะไรบ้าง”
คะน้ารู้สึกมึนเหมือนโดนค้อนทุบลงที่กลางหัว ไม่เคยรับรู้สิ่งต่างๆ
พวกนี้มาก่อนเลย ...ไม่เคยสะกิดใจ ไม่เคยคิดถึงจริงๆ

“แต่แกก็แบบนี้ ตาของแกมันมองแต่อะไรๆ ที่อยากมอง ไม่เคยเห็นคนอื่นหรอก
แกทำงานแล้วแกก็เพลินลืมกินทุกที อาหารมากมายที่เจ้กินแทนแก
ฟังสรรพคุณอาหารแต่ละจานแล้วปวดหัว วิตามินนั่นบำรุงสมอง
วิตามินนี่ช่วยเรื่องสายตาอะไรของมันไม่รู้ ตั้งแต่วันแรกๆ จนมาถึงวันนี้
มีมาทุกวันไม่เคยขาด ต้องมาฟังมันกำชับว่าอย่าลืมให้แกกินให้ได้ทุกวันๆ ยังไม่พอ
ยังต้องมาโกหกทุกวันอีกว่าแกนั่งกินอาหารจนหมดทุกจาน” ผักกาดหยุดนิ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ


“...ทั้งๆ ที่แกไม่เคยจะกินสักคำ”

คำพูดที่ได้ยินแทบจะพลิกทุกอย่างจนเหมือนโลกหมุนย้อนกลับด้าน
ทุกสิ่งประดังประเดเข้ามาหักลบกลบย้อนความคิดที่ผ่านมาของคะน้าจนหมด
เคยนึกเอะใจกับลักษณะนิสัยของทิม แต่กลับไม่เคยเอะใจในความคิด
ทุกๆ วันคะน้าดำดิ่งอยู่กับอคติบ้าๆ ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาจนทำให้ทุกอย่างมันเป็นไปแบบนี้

หัวใจที่เบาหวิวจนเหมือนกระดาษที่ปลิดปลิวกลับแห้งโหยโรยแรงยิ่งกว่าเดิม
แม้ว่าจะรู้สึกดีกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ทิมทำไป หากแต่เมื่อมองย้อนไปถึง
ความคิดบ้าๆ ของตัวเองแล้ว คะน้าพบแต่เพียงความละอายใจ

“สองสามวันที่ผ่านมานี่ เจ้าเพื่อนเราดูแย่มากนะ เหม่อลอย ดูเหมือนคนไม่มีสติ
ถามอะไรก็ตอบแบบฝืนยิ้มไปเรื่อย บอกว่าทำสิ่งที่ผิดมากๆ กับเราเอาไว้
เป็นความผิดที่ร้ายแรงจนไม่น่าอภัย และทำให้เราเสียใจและผิดหวังมาก
เจ้จะไม่ถามหรอกนะว่าผิดใจกันเรื่องอะไร แต่อยากให้ต่ายดูตัวเองหน่อย
มองดูตัวเองบ้างว่าเราในตอนนี้ทำให้ใครเขาเป็นกังวลแค่ไหน”



“เจ้... ผม...”

“เอาเถอะ ไม่มีใครถือโทษอะไรหรอก ทุกคนแค่เป็นห่วงเราน่ะ ว่าแต่วันนี้
จะไปตลาดไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนไป ให้จันทูมันทำไป” คะน้าพยักหน้ารับคำ
ความคิดและความรู้สึกในใจสับสนรวนเร จนทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อสบตาของพี่สาวคะน้าก็ชะงักงัน

เป็นอีกครั้งที่คะน้าเป็นได้แค่ไอ้บ้าที่จมอยู่กับตัวเอง เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลย
กับดวงตาที่อิดโรยคู่นั้น มันแห้งผากและกล่ำแดง ผักกาดไม่ได้นอนหลับอย่างที่เขาเข้าใจ
หากแต่ดวงตาคู่นั้นบ่งชัดเจนว่าไม่ได้หลับพักผ่อนมาทั้งคืน ...และอาจจะหลายคืนแล้ว
คืนนี้ ผักกาดคงนั่งรอเขาอยู่ตลอด และเขาเอง ที่ทำให้พี่สาวคนเดียว
ที่เขารักยิ่งกว่าตัวเองต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

“เจ้ไม่ได้นอนเลยใช่ไหม เจ้รอผมใช่ไหม” คะน้าถามเสียงสั่น
ผักกาดนั่งนิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ระบายบนใบหน้า



“ผม... ขอโทษ”

“น้องรัก พี่คนนี้ไม่เคยคิดโทษอะไรเราเลย ถึงเจ้จะไม่รู้เรื่องราวอะไรมากมายก็เถอะ”
ผักกาดพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ที่ผ่อนคลาย

“คนเราเดี๋ยวนี้บางทีก็ใจร้ายเกินไป มองอะไรแต่แค่มุมมองของตัวเราเอง
จะโทษใครก็ไม่ได้ สังคมมันกระด้าง มันบีบให้หลายคนต้องใช้ชีวิตแบบนั้น
ลองคิดดูสิ เราจะด่าใครสักคนว่าแต่งตัวเชยไหม ถ้ารู้ว่านั่นคือเสื้อผ้าชุดแค่ชุดเดียวที่เขามี
จะมองพวกชนใช้แรงงานที่มาเดินห้างในเมืองที่เราเดินทุกวันด้วยท่าทางงกๆ เงินๆ ไหม
ถ้ารู้ว่านั่นคือวันเกิด คือวันพิเศษของเขา จะด่าลุงหรือป้าแก่ๆ
ที่ลุกขึ้นมาทำตัวเป็นหนุ่มเป็นสาวว่าไม่เจียมสังขารหรือเปล่า
ถ้าเกิดว่าเขากำลังใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อสู้กับมะเร็งระยะสุดท้าย
หรือเราด่าคนที่เดินอ้อยอิ่งขวางทางเดินที่คับแคบของเราไหม
ถ้าได้รู้ว่าเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เธอคนนั้นเพิ่งโดนไล่ออกจากงาน”

“เราทุกคนรับรู้แค่ตัวตนของเราเองอย่างดีเยี่ยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว
เราไม่เคยรับรู้เลยว่าคนรอบๆ ตัวเราพบเจอกับอะไรมาบ้าง”



“เจ้...”

“เราทุกคน หรือแม้แต่พี่ก็แค่พยายามเรียนรู้โลกในมุมมองอื่นๆ ดู
พยายามเข้าใจโลกที่น้องของพี่พบเห็น และพี่เอง
ก็อยากให้ต่ายน้อยของพี่ลองเรียนรู้โลกของคนอื่นๆ ดูด้วย
โลกใบนี้กว้างใหญ่มากเลยนะ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมายเลย”

“พี่ครับ” คะน้ายิ้มขึ้นน้อยๆ หากแต่ความรู้สึกนั้นอัดแน่นเต็มเปี่ยม “...ผมรักพี่นะ”
คะน้าลุกขึ้นแล้วเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพี่สาวด้วยความรู้สึกทุกอย่างที่มี
ผักกาดเองก็โอบน้องกลับเต็มวงแขนจนแน่นถ่ายทอดทุกความรู้สึกตอบกลับไปเช่นเดียวกัน

“มีกันแค่สองคน ไม่รักแกจะไปรักใคร” ผักกาดหอมแก้มคะน้าฟอดใหญ่
น้องชายที่ปกติจะเก้อเขินกับอะไรแบบนี้กลับหอมแก้มพี่สาวตัวเองกลับตาม
คะน้าหัวเราะด้วยความเก้อเขิน ผิดกับผักกาดที่เหมือนจะมีความรู้สึกบางอย่างที่เคลือบแฝงตกตะกอนในใจ



“ต่าย....”

“ครับ”

“เฮ้อ... ช่างเถอะ เจ้คงเพลียๆ คิดอะไรไปเรื่อย”

“อ้าว”

“ไม่มีอะไรหรอก เราน่ะเพลียไหม ไปพักก่อนเถอะ” ผักกาดวาดฝ่ามือ
แล้วตบลงบนแผ่นหลังของน้องชายเบาๆ ด้วยความห่วงใย
คะน้าผ่อนหายใจหนักๆ วันที่หนักหนาผ่านไปอีกวัน เขารักผักกาด รักป๊า รักแม่
รักกว่าใครๆ เหนื่อยจะล้าแค่ไหนแต่พอถึงบ้านทีไร คะน้าก็รู้สึกหายเหนื่อยทันที

“ขอบคุณนะ” คะน้าฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเอ่อชื้นด้วยความรักและยินดี

“ขอบคุณแกเหมือนกัน หลายครั้ง แกเองก็ดูแลเจ้”

“ปรับความเข้าใจกันซะอะไรที่พอยอมๆ กันได้ แล้วมาก็ให้มันแล้วไป
ตุลก็ด้วย เห็นสองสามวันนี้ดูแปลกๆ ไป ไม่ได้สดใสร่าเริงแบบเดิมๆ
เราสามคนทะเลาะหรือมีเรื่องผิดใจอะไรกันก็พูดกันดีๆ เถอะนะ ยังไงก็... เพื่อนกัน”

“ครับ” คะน้ารับคำของผู้เป็นพี่สาว แต่ในใจก็สะกิดกับปลายเสียงที่ดูสั่นไหวแปลกๆ
ชายหนุ่มขบคิดเรื่องราวมากมายตามข้อคิดของผักกาด
รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรที่จะต้องทบทวนอีกเยอะแยะ
จึงขอตัวแยกไปที่ห้องเพื่อเตรียมตัวและครุ่นคิดทบทวนเรื่องราวบางอย่าง
หากแต่เสียงเรียกขานของพี่สาวทำให้ชะงักและหันกลับไปฟัง

“ต่าย... จริงๆ พี่ก็ไม่อยากจะรับรู้อะไรมากมายกับเรื่องส่วนตัวของต่าย
แต่มีบางอย่าง ...อะไรบางอย่างที่มันติดอยู่ในใจ อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่มีแต่ความหวังดี”
คะน้าหยุดนิ่งและตั้งใจฟัง คาดเดาไม่ถูกว่าผักกาดจะพูดเรื่องเกี่ยวกับอะไร
“เราสามคน ...พี่หมายถึงต่าย ตุล แล้วก็ทิมมีอะไรกันหรือเปล่า”
ใบหน้าของผักกาดดูเครียดและจริงจังกว่าที่เคยเห็นทุกครั้งจนคะน้ารู้สึกใจไม่ดี

“หมายถึง... ปะ..เป็นแค่เพื่อนกันใช่ไหม ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นใช่ไหมต่าย
เพราะถ้ามีอะไรมากกว่านั้น พี่คง...” ผักกาดค่อยๆ เดินมาที่หน้าประตูห้องของคะน้า
หญิงสาวยกมือเกาะที่ขอบประตูเหมือนยึดจับเอาไว้ไม่ไห้ไหวเอน
หากแต่ใบหน้ายังคงฝืนยิ้มอยู่ด้วยความเข้มแข็ง




“..พี่รับไม่ไหว”

คะน้ายืนอึ้ง พอจะปะติดปะต่อและความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้ผักกาดรู้สึกกังวลได้ในที่สุด
นานแค่ไหนแล้วที่ผักกาดรับรู้เรื่องราวและเก็บงำความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้เพราะความไว้ใจ
และเชื่อมั่นในตัวเขา นานแค่ไหนที่ผักกาดต้องทรมานกับคำถามในใจ
มันหนักอึ้งจนสุดท้ายต้องเอ่ยถามออกมา สีหน้าของหญิงสาวที่เคยเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
บัดนี้ไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวบอบบางตัวเล็กๆ แสนธรรมดาคนหนึ่ง
ดวงตาที่เคยฉายกล้าด้วยความมุ่งมั่นกลับระริกไหวด้วยความอ่อนแอ
คะน้ารีบเบือนสายตาออกไปด้านข้าง ไม่อาจทนเห็นภาพที่บีบความรู้สึกตรงหน้าได้
น้ำลายในลำคอตอนนี้เหนียวจนน่ารำคาญ
ระหว่างคำโกหกที่น่าฟังกับความจริงที่น่ารังเกียจ ไม่มีทางไหนที่ดูดีเอาเสียเลย

“ขอได้ไหม อย่าให้มันเกินเลยไปมากกว่าความเป็นเพื่อน”
ผักกาดพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าและดวงตาที่เริ่มเอ่อชื้น
หากแต่รอยยิ้มนั้นยังคงสว่างไสวไปด้วยความหวัง
“เจ้รู้ ไม่มีอะไรหรอก เจ้รู้ว่าต่ายไม่มีทางทำให้ป๊ากับแม่ผิดหวัง ขอโทษนะ เจ้แค่คิดมากไปเอง”

“เจ้ผักกาด...” คะน้าพูดด้วยเสียงที่สั่นไม่แพ้กัน

“ฮ่ะๆๆๆ เจ้คงบ้าไปแล้วแน่ๆ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ผู้ชายเหมือนกันหมด”
ผักกาดขยับเข้ามาใกล้ “ต่ายบอกเจ้สิ ว่าไม่มีอะไร เจ้เชื่อต่าย ต่ายก็รู้”

คะน้าจ้องมองพี่สาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผิดมากมายที่ถาโถมเข้ามาในใจ
เขาทำผิดต่อตุล ทำผิดต่อทิม และเขาในตอนนี้กำลังจะทำผิดต่อป๊าและแม่
ทำผิดต่อครอบครัว และต่อเจ้ผักกาด คะน้ายืนนิ่ง ในใจแห้งโหยเหมือนกำลังกองทรายที่กำลังป่นปี้




พระเจ้า ...ผมควรทำยังไงดี

สีหน้าที่ระคนไปด้วยความกังวลของผักกาดสร้างความรู้สึกเจ็บปวด
ให้กับคะน้าจนเกินกว่าจะมองได้อย่างเต็มตา ไม่เคยมีสักครั้งที่คะน้ารู้สึกว่า
ตัวเองเป็นคนชั่วที่แสนเลวร้ายไปกว่าที่เป็นในตอนนี้เลย

“ฮ่าๆๆ เจ้นี่แย่จริง พูดเรื่องอะไรออกมา ฮ่ะๆๆ” ผักกาดค่อยๆ ยกมือขึ้นซับน้ำตา
จนปัญญาจะฝืนกลั้นทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ต่อไป กระนั้นหญิงสาวก็ยังพยายาม
อย่างหนักที่จะฝืนยิ้มและหัวเราะให้กับน้องชายเพียงคนเดียว
...คนที่เธอรักกว่าใคร “ฮ่ะๆๆ เจ้เป็นพี่ที่แย่เนอะ ...แย่จริงๆ”

“ผักกาดน่ารักที่สุด” คะน้าโผเข้ากอดผู้เป็นพี่ เพิ่งตระหนักรับรู้ว่าแท้จริงนั้น
ผักกาดเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ร่างบางนั้นสั่นไหวในอ้อมกอด “ผักกาดเป็นพี่ที่ดีที่สุดในโลก”

คะน้าพยายามเก็บความรู้สึกทุกอย่างที่มี ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสูง
ให้ของเหลวในดวงตาไหลย้อนกลับลงไปในหัวใจ น้องชายคนนี้จะไม่มีวัน
ทำให้ป๊าและแม่ผิดหวัง จะไม่มีวันทำให้ผักกาดเสียใจ คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก



“คะน้ารักผักกาดที่สุด ..รักที่สุด! ...ที่สุด!!”

หยดน้ำร้อนผ่าวทิ้งตัวลงบนใบหน้า แปลกที่หยดน้ำเล็กๆ เพียงเท่านั้น
กลับละลายความสับสนในใจของชายหนุ่มไปจนหมดสิ้น
ดวงตาของคะน้าในตอนนี้ กลับเข้มแข็งอย่างประหลาด



บางที นี่อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกๆ คน
...ถ้าผมจะหยุดทุกอย่างไว้เพียงเท่านี้


คะน้ากระชับวงแขนในมือ บอกกับตัวเองว่านับจากนี้
จะดูแลและปกป้องรอยยิ้มของคนในอ้อมกอดนี้ไว้ไม่ให้ไปไหน



...จะทำให้ผักกาดได้มีฝันที่ดีๆ ทุกคืน




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ไม่รู้ว่าจะเกินคำว่าหน่วงไปแล้วไหมนะ แต่มันจะอารมณ์ประมาณนี้อีกแป๊บเดียวล่ะครับ แหะๆ
ถึงจะหม่นๆ แต่มันก็เข้มข้นนะ (แอบโฆษณาชวนเชื่อ) จะรีบมานะครับ จะได้พ้นๆ ช่วงนี้ไปซะที
ไม่รู้ว่าตอนที่อัพไปเป็นยังไงบ้างครับ รวมๆ คนแต่งแอบชอบนะ โหดนิดๆ กำลังดี 5555
ขอบคุณทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ ความคิดเห็น ทุกๆ คนที่ล่มหัวจมท้ายไปด้วยกันนะครับ
ช่วงนี้โหดๆ หน่วงๆ ก็อย่าเพิ่งทิ้งกันนะครับ คนแต่งขาดแคลนกำลังใจ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 11-12-2012 07:24:10
เข้าใจผักกาด แต่ก็สงสารต่าย ต่ายต้องทำไรเพื่อคนอื่นตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 11-12-2012 07:34:20
เค้ามาล่ะ

เจ้ผักกาดดดด :sad4:
ตุลก็จะไปกับก้อยอีก :z6:

ไม่รู้จะอธิบายยังไง :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 11-12-2012 08:02:11
แรกๆ ฮือออออ สงสารตุล :sad4:

หลังๆมา ฮือออออ สงสารต่าย :o12:

ซักพักก็ พี่ผักกาดดดดดดดด เห้อออออ ทิมไปไหน. รีบๆมาเคลียให้คะน้าด่วนๆเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 11-12-2012 10:48:20
เอ่อ  ตกลงมันคืออะไรกันแน่น๊อ  เรื่องระหว่างทิมกับตุลก็เป็นอะไรที่งง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 11-12-2012 11:21:28
สงสารต่าย ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 11-12-2012 12:49:00
เจ๊ผักต้องสนับสนุนน้องสิ โอ๊ย หน่วงอะ เศร้าแต่เช้าเลย ทำงานไม่ได้แล้ว แงแง :sad4: :o12: :sad4:

ขอบคุณจ้า   :L1:  :pig4:  :L1: อย่าหักมุกไปกว่านี้เลย  :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 11-12-2012 12:49:51
จริงๆเรายังแค้นทิมนะ ถ้าทำเรื่องแบบนั้นเพื่อเอาต่ายคืนจากตุลย์ มันทำลายคนตั้ง 2 คน เผลอๆตอนนี้เป็น 3 แล้ว
แต่ก็นะ . . . . พอมีทางให้ออกก็ไม่อยากจะออกทางนั้น หนักกว่าไม่มีทางออกอีก โฮ่ยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 11-12-2012 13:37:37
เกลียดดราม่า แต่ก็ตามอ่านอยู่นั่นแหละ :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Benesmee ที่ 11-12-2012 14:14:14
จุดนี้พูดไม่ออกเลย เข้าใจความรู้สึกพี่ผักกาดน่ะ
แต่สงสารคะน้าอ่ะ เมื่อไหร่จะมีความสุขจริงๆ สักที :เฮ้อ:

หน่วงอึนกันต่อไปแต่ชอบเรื่องนี้มาก รอตอนหน้าน่ะคร้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 11-12-2012 16:11:19
หน่วงงง ต่อไป
แต่ช่างเถอะ สักวันผักกาดจะเข้าใจ
คนมันใช่ ยังมันก็ใช่ แต่จะเป็นใคร  เวลาจะเป็นคนตอบ :L2:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 11-12-2012 16:15:13
หน่วง  :z3:
ยังสงสัยเรื่องทิมกับตุลอยู่  รักกันผู้ชายมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอกนะผักกาด สักวันคงเข้าใจ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-12-2012 17:16:03
พี่ผักกาดน่ารักจังนะ ห่วงใยน้องสุด ๆ แต่คำขอของพี่ผักกาดนี่น่าหนักใจมาก
แล้วเป็นคนที่มีอิทธิพลกับคะน้าที่สุด คะน้าจะตัดสินใจยังไงกันนะ
หรือจะไม่เอาทั้งตุลและทิม ไม่น๊าาาาาา  :z3:

ตุลยอมแพ้แล้วสินะ คงดูออกว่าคะน้าไม่ได้รักตัวเองเลยไปไกล ๆ ดีกว่า
ส่วนทิม โถ พ่อคุณ มาทำกับข้าวให้เจ๊ผักกาดทุกวันนี่ต้องการให้คะน้ากินหรอกเหรอ
อาหารเสริมโน่นนี่ น่ารักจังเลย (ขัดกับบุคลิกโหด ๆ ของฮีมาก ๆ )
คะน้ามีใจให้ทิมมากกว่าตุลนะ

อยากให้คะน้ากับทิมเจอกันอ๊า

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-12-2012 17:28:14
พี่ผักกาดขา รักน้องก็เข้าใจแต่ทำแบบนี้น้องมันก็ยิ่งตัดสินใจผิดๆสิ
ฮืออ จากที่เห็นทั้งสามคนแย่อยู่แล้ว
มันจะยิ่งแย่เข้าไปอีกสิ
ทำให้พ่อแม่ และพี่เสียใจหรอ
แล้วพี่ไม่ห่วงบ้างหรอว่าน้องจะเสียใจ??
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 11-12-2012 17:52:46
ชอบตอนนี้เหมือนกันครับ

มันเหมือนว่าคะน้าได้เริ่มต้นคิดอะไรมากขึ้นจากคำพูดของผักกาด
จริง ๆ จากตอนที่แล้วก็รู้แล้วล่ะว่าคะน้าไม่มีทางให้ตุล เพราะคะน้ารักทิม
แต่ที่ต้องเลือกตุลก็อย่างที่รู้ว่าตุลดีกับเค้า แต่ตอนนี้ก็รู้อีกอย่างว่าเค้าเอาแต่ใจตัวเองด้วย

ชอบประโยคที่ผักกาดพูด เรื่องคิดมากกับคิดน้อยเกินไป
เจอมากับตัว โดนด่าตลอดว่าเราคิดมาก สวนไปเหมือนกันว่า เราคิดมากหรือเธอคิดน้อย
ชีวิตเปลี่ยนนะหลังจากประโยคนี้ เราเองก็ปล่อยวาง เค้าเองก็ใส่ใจมากขึ้น แฮปปี้ ^^

ชอบเรื่องนี้มากมาย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 11-12-2012 18:50:58
อึดอัดจะตายอยู่แล้ว
อยากให้เรื่องราวคลี่คลายโดยเร็ว
เราชอบคำพูดผักกาดนะ... คะน้ามองแต่สิ่งที่อยากมอง
สิ่งที่ไม่อยากมองแบบทิม... เลยโดนเมินไง
เป็นไงล่ะ คนดีอย่างหมอตุลย์จะหนีไปเมืองนอกแล้วนั่น...

“...ทั้งๆ ที่แกไม่เคยจะกินสักคำ”

กลับมาซบอกพี่เถอะน้องทิม คะน้ามันไม่แยแสเราจริงๆ.. T^T

สงสารคะน้านะที่โดนผักกาดพูดดักทางแบบนี้
เราก็อยากให้ผักกาดเปิดใจเหมือนกัน เพราะผักกาดเป็นคนพูดเอง
"คนเราเดี๋ยวนี้บางทีก็ใจร้ายเกินไป มองอะไรแต่แค่มุมมองของตัวเราเอง"
ผักกาดก็ลองมองในมุมของคะน้าดูบ้างนะ...

ขอบคุณน้า~~
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
ปล. โบกป้ายไฟทิม(ผู้ที่เหมือนจะเป็นตัวประกอบไปแล้ว)ต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 11-12-2012 19:56:45
เรื่องกำลังดำเนินต่อไป ตุลกำลังเดินหน้าต่อไป
แต่ว่า ไม่เข้าใจอะไรมากขึ้นเลย นอกจาก ต่ายที่ทำตามคาดหวังของคนอื่น ทำตามใจทุกคนนอกจากตัวเอง...เหมือนเดิม T-T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-12-2012 20:06:48
เง้อ...ทำไมมันเศร้ายังงี้หนอ
คะน้าคงเครียดน่าดู เหมือนทุกเรื่องรอบตัวบีบรัด
ตุลรู้อยู่แล้วว่าได้ทุนไปตปท.และไปกับหมอก้อยด้วย
แล้วจะมาผูกมัดคะน้าไว้ทำไม เห็นแก่ตัวจริง ๆ แหละ
อุตส่าห์เลือกแล้วยังมาทิ้งกัน
ทีนี้ทำไง จะกลับไปหาทิม ก็ติดเงื่อนไงของผักกาดอีก
มันจะยังมีทางออกไหนอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 11-12-2012 21:30:11
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
ร้องไห้น้ำตาไหลแหมะๆ แบบว่าตอนนี้ทั้งหน่วงทั้งบีบใจมากๆ
สงสารเจ๊ผักกาด สงสารคะน้า สงสารทิม สงสารหมอ
 จะมีทางออกดีๆให้คะน้าหน่อยมั๊ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 11-12-2012 21:34:46
หน่วงหลายตลบเลยพี่น้อง!

แต่ชอบตอนนี้ตรงที่เจ๊ผักกาดสอนน้อง
เราเองก็ตาสว่างขึ้นด้วย
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 12-12-2012 17:44:05

ไม่นึกว่าหวยจะออกที่ "ผักกาด"
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 13-12-2012 08:46:34
สงสารตุลลลล
มันใช่เลยอะ.. ใครจะมีความสุขที่ถูกเลือก แต่ไม่ได้ถูกรัก

พี่ผักกาดก็นะ.. จะบอกว่าสงสารก็บอกไม่ถูก
ชีวิตก็ชีวิตคะน้า คนเป็นพี่เป็นน้องมีหน้าที่คอยรับเวลาล้ม คอยให้คำปรึกษาเวลาอีกคนไร้หนทาง
แต่ไม่ได้มีหน้าที่ไปกะเกณฑ์ชีวิตใครนะ

คนที่มักจะทำเพื่อคนรอบข้างอย่างคะน้าจะเอาไงละทีนี้  :เฮ้อ:

กินมาม่าจนท้องอืดหมดละน้าาา
หวังว่ามาม่าจะหายไปในเร็ววัน  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 13-12-2012 09:39:45
มาม่ารสต้มยำกุ้งห่อนี้  แซ่บถึงใจมากกกก   :sad4:
 น้ำตาหมดแหมะๆเลย  :impress3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-12-2012 15:24:53
Merry Christmas ทุกๆ คนนะครับ มาช้าอีกแล้ว แหะๆๆ
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ ทุกกำลังใจที่แวะมาทักทายกันนะครับ
ช่วงนี้ออกแนวหดหู่จริงๆ ...ก็นะ เป็นไปตามเนื้อเรื่องครับ 5555555
ไม่พูดพล่ามทำเพลง รีบลงตอนต่อไปเลยดีกว่า เรามามี Black Christmas กันเถอะพี่น้อง  :sad4:



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 18




กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ลอยแตะจมูกปลุกชายหนุ่มให้ตื่นจากการหลับใหล
หัวยังหนักอึ้งไปกับฤทธิ์ยาลดไข้ที่ทานไปหลังจากกลับมาจากที่ตลาดแต่ช่วงบ่าย
แขนขาไร้เรี่ยวแรงจากอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น เพดานห้องสีขาวในห้องนอนดูหม่นจากม่านที่กรองแสงอาทิตย์
คะน้าขยับปลายแขนตัวเองเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมานั่ง

ผักกาดไม่ใช่คนที่ทำอาหารใช้เตาอะไรนัก เกือบทั้งหมดของพื้นที่ในตู้เย็น
จึงเต็มไปด้วยอาหารแช่แข็งแทบทุกรสชาติทุกยี่ห้อในท้องตลาด
จึงไม่ต้องสงสัยว่าใครอีกคนคงยืนง่วนอยู่ที่หน้าเตาอาหารที่ร้อนระอุนั่น
คะน้าค่อยๆ ตั้งสติพยุงร่างกายที่เมื่อยล้าออกมายืนอยู่หน้าประตู อีกฝั่งของประตูห้อง
เบื้องหลังของแผ่นไม้หนาไม่กี่นิ้ว ในตอนนี้ทิมคงทำอาหารอร่อยๆ
มากมายแบบเช่นหลายวันที่ผ่านมา ...อาหารที่คะน้าไม่เคยใส่ใจ

ความจริงที่เพิ่งได้รับรู้เมื่อวันก่อนจากปากของผักกาดนั้นหนักอึ้ง อยากจะออกไปพูดจาอะไรมากมาย
แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ทั้งคำขอโทษ และทั้งคำขอบคุณ และความรู้สึกในใจอีกมากมาย
ลูกบิดประตูเย็นเฉียบกว่าที่เคย เป็นเวลาหลายนาทีที่คะน้าทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งๆ
แต่การหนี ดูจะไม่ช่วยให้อะไรๆ ดีขึ้น ลูกบิดประตูค่อยๆ เคลื่อนตัวทีละนิดอย่างฝืดเคือง

“ขอบคุณนะ มาบ่อยๆ เกรงใจเราจริงๆ” เสียงของผักกาดที่ดังขึ้น
ทำให้คะน้าชะงักนิ่งไปอีกครั้ง โต๊ะอาหารอยู่ห่างจากหน้าห้องของคะน้าเพียงไม่กี่คืบ




...เขาอยู่แค่ตรงนี้

“ไม่เป็นไรครับ ผมเต็มใจ” แปลกที่คำพูดสั้นๆ ของทิมเรียกรอยยิ้มน้อยๆ
ให้ผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับความสั่นไหวประหลาดในใจคะน้าอย่างไม่รู้ตัว

“รีบหรือเปล่า ทานด้วยกันก่อนสิ เจ้าต่ายกับเจ้กินไม่หมดหรอก เยอะแยะขนาดนี้”
เสียงเงียบที่สักพักตามมาด้วยเสียงลากเก้าอี้บ่งบอกได้ว่าทิม
นั่งลงบนโต๊ะอาหารตามบัญชาการของพี่สาวของเขาเสียแล้ว

เสียงช้อนที่กระทบแผ่วๆ กับจานอาหารเป็นสัญญาณว่ามื้ออาหารได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผักกาดที่ไม่รู้ว่าคะน้ากลับมาจากตลาดตั้งแต่ตอนบ่ายเพราะอาการปวดหัว
ยังคงเอ่ยชมรสชาติอาหารของทิมอยู่ไม่ขาดปาก นานๆ ที่
จะมีเสียงของแขกผู้มาเยือนเอ่ยคำสั้นๆ ว่า “ครับ” แทนคำตอบรับ กระทั่ง...

“เราสองคนนี่คงสนิทกันมากสินะ” เสียงผักกาดดังขึ้นแบบติดตลกนิดๆ ตามประสา
แต่คะน้าพอจะรับรู้ได้ว่าผู้เป็นพี่สาวไม่ได้รู้สึกสนุกสนานอะไรด้วยเลย
“จริงๆ แล้วพี่ก็เกรงใจนะ แวะมาทำให้ทานแบบนี้ทุกๆ วัน
ระวังเอาเถอะ คนอื่นเขาจะคิดว่าเราน่ะไม่ใช่แค่เพื่อนกับเจ้าต่ายมัน”

“ดูทำหน้าเข้า เรานี่นะ ชอบทำหน้านิ่งๆ ดุๆ แบบนี้แหละ
พูดอะไรบ้างก็ได้นะ ตัวจริงเราน่ะมันเป็นอย่างที่เราแสดงออกสักที่ไหน”
เสียงของพี่สาวยังคงพูดต่อไปอย่างเจื้อยแจ้ว เพราะความเป็นพี่น้อง
คะน้าจึงพอจะคาดเดาได้ว่าพักกาดต้องการทำอะไร

“เฮ้ออออ... บอกตรงๆ นะ เจ้เองก็ไม่ค่อยสบายใจ เจ้าต่ายน้องเจ้มันก็เอ๋อๆ แบบนี้
จะไปจีบสาวๆ ที่ไหนก็คงไม่ทันใครเขา เจ้ก็ได้แต่รอให้สาวๆ ที่โอเคๆ มาจีบน้องพี่แทนนั่นล่ะ
เป็นไปได้ก็ไม่ให้ใครของเจ้าต่ายแปลกๆ ไปไหนๆ สนิทอะไรกับเพื่อนแบบเด็กๆ มัธยมแบบนั้น
คนเราเดี๋ยวนี้ก็แปลกนะ ผู้ชายสนิทกับผู้ชาย พออายุมากขึ้น คนจะมองว่าเป็นเกย์เอา”

“ก็บอกตรงๆ ว่าห่วงล่ะ ทิม... เจ้ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย”

ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมาจากปากของทิม คะน้านึกไม่ออก
ว่าทิมกำลังรู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่จู่โจมของผักกาด
แม้กระทั่งจะวางตัวอย่างไรกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่เบื้องหน้า

“อันที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าเจ้ต่อต้านความรักอะไรแบบนั้นหรอกนะ เจ้พอเข้าใจ
แต่มันดูไม่มีความมั่นคงอะไรใดๆ เลย ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรที่ยอมรับ
กฎหมายก็ไม่รับรอง และที่สำคัญ สังคมเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้เปิดรับจริงเท่าที่พูดๆ กัน
ในความเป็นจริง ความรักของคนพวกเดียวกัน มันไม่ต่างอะไรกับพลเมืองชั้นสองดีๆ ในสังคมนั่นแหละ”

“ครับ ผมทราบ” เสียงของทิมตอบออกมาเรียบๆ
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของผักกาดดังขึ้นอีกครั้ง ดังพอที่คะน้าจะได้ยิน

“เฮ้ออออ... เจ้ดีใจที่เราเข้าใจเจ้นะ จริงๆ ก็แค่ห่วงเจ้าต่ายมันนั่นแหละ
ว่าแต่เรามีสาวๆ ดีๆ คนไหนน่าสนใจก็แนะนำให้เจ้าต่ายมันบ้างก็แล้วกัน
ถือว่าสงสารมันเถอะนะ” ไม่มีคำตอบจากทิม บทสนทนาดูจะหยุดอยู่แค่นั้น
มีเพียงเสียงช้อนที่กระทบกับจานหรือเสียงวางแก้วน้ำที่นานๆ จะดังมาสักครั้ง




“อันที่จริง...”

“หือ?” เสียงผักกาดดังขึ้นตามมาด้วยความแปลกใจ

“อันที่จริง... มีคนนึงที่ผมคิดว่าเหมาะกว่าใคร
แต่ก็มีอะไรบางอย่างที่ดูไม่ค่อยโอเค” ทิมตอบเรียบๆ ดังเช่นทุกครั้ง

“ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนะ ถ้าเป็นคนดี เจ้ว่ามันก็โอเคนะ”
เสียงของผักกาดดูจะให้ความสนใจขึ้นมาทันที “เอ... ว่าแต่ใครเหรอ บอกหน่อยสิ”

“ไว้อะไรๆ ดูลงตัว ผมคงแนะนำให้พี่ผักกาดได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”

“ดีมาก แบบนี้สิ! รู้ใจเจ้จริงๆ” เสียงผักกาดหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ

“ขอบใจนะสำหรับอาหารอร่อยๆ พวกนี้ จากนี้ไป เจ้คงไม่กล้ารบกวนแล้วล่ะ”
เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้น “เดี๋ยวเจ้จัดการพวกจานชามนี่เอง
เอาล่ะ ไม่ส่งล่ะนะ ปิดประตูดีๆ ล่ะ โจรเข้ามาได้ แกตาย...ทิม”

“ครับ” เสียงของทิมแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน



คะน้าถอยกรูดกลับไปนั่งนิ่งบนเตียงของตัวเอง  เอาเข้าจริง สิ่งที่ผักกาดพยายามทำ
กลับสร้างความอึดอัดให้กับคะน้าอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คะน้าตั้งใจจะทำ
เพื่อพี่สาวที่เค้ารักมากกว่าใครคนนี้แล้วก็ตาม หากแต่ท่าทีของคนอีกคนที่นั่งอยู่หน้าห้อง
กลับสร้างความรู้สึกหน่วงๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก

คะน้าคาดเดาไม่ถูกว่าทิมหมายถึงใคร และทิมกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่
ทิมจะดึงใครลงมาเป็นหมากในเกมบ้าๆ นี่อีก อาจจะเป็นเด็กผู้หญิงที่แสนน่ารักที่เจอในร้านอาหารวันก่อน
หรืออาจจะเป็นใครสักคนที่คะน้าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แต่ทิมจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร
เหตุผลที่คนที่ดูจะไม่แคร์อะไรกับใครมากมายแบบทิมทำแบบนี้เพื่ออะไร




เกลียด ...เกลียดอย่างนั้นใช่ไหม

เพราะตุลหรือเปล่า หรือจริงๆ แล้วร่องรอยที่เกิดนั่น... ไม่อยากคิด
และคิดว่าจะลืมๆ มันไป แต่มันก็วนเวียนกลับมาให้คิดทุกครั้ง
...ทุนไปเยอรมัน คะน้าไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์เท่าที่ควร
แต่ถ้าถามถึงเยอรมัน ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองนั้นกลับเป็นเรื่องวิศวกรรม
ส่วนที่ทิมมาทำดีอะไรมากมายนั้น...

ไม่! ...คงไม่หรอก! นี่มันบ้าเกินไปแล้ว อะไรๆ มันคงไม่น้ำเน่าแบบนั้น
แต่ความจริงมันคืออะไร หัวสมองเริ่มหนักอึ้งอีกครั้งพร้อมกับความเจ็บปวดที่กดแน่นลงในใจ
คะน้าทิ้งตัวลงบนเตียงที่อ่อนนุ่ม ครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ทบทวนซ้ำไปซ้ำมา
หากแต่คำถามมากมายยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดไม่ว่าจะหลับหรือจะลืมตา

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงที่คะน้านอนนิ่งๆ อยู่แบบนั้น ทบทวนเรื่องราวต่างๆ ไปมา
กระนั้น ก็ไม่สามารถค้นหาคำตอบใดๆ ได้ บางทีอาจจะถึงเวลาที่ควรจะทำอะไรสักอย่างเสียที
ถามทิมคงเค้นคำตอบยาก ถามตุลดูจะพอมีความเป็นไปได้มากกว่า
คิดได้แล้ว คะน้าจึงฉวยคว้ากุญแจรถที่อยู่บนโต๊ะแล้วค่อยๆ ย่องออกมา
ไม่ให้ผักกาดได้ยิน และไม่นานนักคะน้าก็มาถึงโรงพยาบาล

ตึกที่สูงตระหง่านของโรงพยาบาลคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างก็เป็นบุคลากรของโรงพยาบาล
บ้างก็เป็นผู้ป่วย ญาติพี่น้องที่แวะเวียนมาเยี่ยมไข้ นามบัตรที่ตุลเคยให้ไว้
ในตอนที่สั่งไอศกรีมไปส่งช่วงงานเลี้ยงทำให้ไม่ยากนักสำหรับคะน้าที่จะตามค้นหา
ศูนย์ออร์โธปิดิกส์ตั้งอยู่บนชั้น 15 บนตึกสูงที่เป็นอาคารหลักของโรงพยาบาล
หากแต่ความที่ไม่คุ้นเคยทำให้คนแปลกที่ยืนเก้ๆ กังๆ กับป้ายบอกทางต่างๆ
ซึ่งดูจะค่อยไม่เข้าใจ ช่วงจังหวะที่มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลผ่านมา คะน้าจึงได้เอ่ยถาม

“ตุล ...ตุลธรน่ะครับ คือผมเป็นเพื่อน”

จงใจเลี่ยงคำว่าหมอเพื่อให้แตกต่างจากคนไข้หรือญาติที่มาถามเรื่องอาการ
อีกทั้งพยายามแสดงถึงความคุ้นเคยอย่างเต็มที่ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทำหน้ายุ่ง
แล้วแจ้งว่าหมอตุลไม่ได้อยู่ในวอร์ด ก่อนจะขอเลี่ยงตัวไป
คะน้าจึงได้แต่ยืนรอและเดินแกร่วไปเรื่อยตามประสา

อยากจะถามเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน อย่างน้อยก็ก่อนที่ตุลจะจากไป
และอย่างน้อย ขอสักครั้งให้เขาได้เอ่คำขอโทษกับเรื่องที่ผ่านๆ มา
แม้ว่าการห่างกันนั้น ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะได้กลับมาพบปะเจอะเจออีกครั้ง
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ควรทำ
และต้องทำ ก่อนที่คะน้าจะต้องอยู่กับความคิดบ้าๆ นี้ไปไม่จบสิ้น

ลัดเลาะไปตามทางเดินเรื่อยๆ กระทั่งเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยไวๆ
คะน้าจึงรุดฝีเท้าตามให้ทัน ท่าทางของตุลดูไม่กระชับกระเฉงอย่างที่คุ้นตา
คะน้าลอบมองตามเงียบๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ หากแต่คำขอโทษมากมายที่อยู่ในใจนั้น
เป็นเสมือนความหวังที่จะทำให้ชายหนุ่มที่เคยร่าเริงสดใสคนนั้นกลับมาเป็นเช่นวันวาน
กระทั่งตุลกดวางโทรศัพท์มือถือเมื่อมาถึงที่หน้าห้องๆ หนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องพัก

อาจเพราะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ใช่ช่วงเร่งด่วน บุคลากรต่างๆ ของโรงพยาบาลจึงดูบางตา
ยิ่งในเขตเฉพาะสำหรับเจ้าหน้าที่แล้วเรียกว่าแทบจะไม่มีผู้คนผ่านไปมา
คะน้าชั่งใจอยู่สักพักแล้วรุดปลายเท้าตามไป หน้าห้องพักมีป้ายชื่อของตุลกับแพทย์หญิงอีกคน
โดยที่ไม่ต้องคาดเดาว่าชื่อนั้นเป็นของใคร เมื่อเสียงหวานที่แว่วเต็มสองหูนั้น คะน้ายังจดจำได้อย่างไม่เคยลืม

“กาแฟหน่อยไหมคะตุล” มีเสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นเบาๆ พร้อมกับความเงียบที่น่าอึดอัดเป็นเวลาหลายนาที
จนคะน้าตัดสินใจว่าจะเข้าไปดีไหมหรือรอให้อะไรๆ เรียบร้อยก่อน
กระทั่งมีเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้นแล้วเงียบลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเสียงแหบพร่าของตุลดังขึ้นเบาๆ

“ผมกำลังทำอะไรอยู่นะก้อย ผมเป็นแค่ไอ้งั่งใช่ไหม” ไม่มีเสียงตอบใดๆ ของหมอก้อยกลับมา
คะน้าพยายามเงี่ยหูฟังมากขึ้น รู้สึกใจไม่ดีกับลางสังหรณ์แปลกๆ ของตัวเอง

“ก้อยไม่ได้เห็นด้วยกับสิ่งที่ตุลทำเท่าไหร่ แต่ก็พอเข้าใจนะ”

“ผมจะทำอะไรได้ล่ะ มันก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”
เสียงของตุลแฝงไปด้วยความรู้สึกตัดพ้อในที

“กับการโกหกว่าได้รับทุนวิจัยน่ะเหรอ?” เสียงของหมอก้อยสวนกลับขึ้นแทบจะทันที
“ตุล... ทำไมตุลไม่พูดไปตรงๆ พูดตามความเป็นจริงกับสิ่งที่ตุลคิดไว้ในใจ
ทำไมถึงต้องเลือกที่จะโกหกอะไรแบบนั้น ตุลไม่มีทางหนีความจริงได้หรอกนะ”

...โกหก? คืออะไร? หมายความว่าตุลโกหกอะไรกับเขาอย่างนั้นหรือ


...หรือจะหมายถึงเรื่องของทิม?



(มีครึ่งหลังต่อนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-12-2012 15:32:34
(ครึ่งหลังครับ)




คะน้าค่อยๆ เลื่อนขยับร่างกายไปตรงกับระนาบของประตู
กระจกใสบานเล็กที่อยู่กึ่งกลางด้านบนเผยให้เห็นแผ่นหลังของคนทั้งคู่ที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไป
หากแต่ระยะที่ห่าง ทำให้คะน้าตัดสินใจแง้มประตูบานนั้นเบาๆ เพื่อให้ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

“จะให้พูดอะไรล่ะ พูดว่ารักไอ้เด็กนั่นใช่ไหม ให้ไล่เขาไปจากชีวิตผม
เพราะผมไม่อยากรับความสงสารหรือเวทนาจากใครอย่างนั้นเหรอ
จะให้อวยพรให้เขารักกับมันอย่างมีความสุขเลยไหม” ตุลระบายความรู้สึกปวดร้าว
ด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น หากแต่หญิงสาวที่นั่งข้างๆ ยังคงนิ่งสงบไม่สั่นไหว

“แต่ก็ไม่ใช่โกหกกันแบบนี้หรือเปล่า ตุลสละทุนนี้ทั้งๆ ที่ได้จนผู้ใหญ่
พิจารณาให้ก้อยได้รับทุนแทนตุล รู้ไหมว่าอาจารย์เค้าโกรธตุลแค่ไหน
ที่สละทุนโดยให้เหตุผลว่าไม่พร้อม และถ้าเขารู้ความจริงว่าที่ตุลสละทุนวิจัย
ที่มีหมอจากทั่วโลกแย่งกันแบบนี้เพียงเพราะ... ” ก้อยชะงักหยุดเสียงตัวเองไว้แค่นั้น
เจตนาเพื่อปรับโทสะในใจให้สงบลงกว่าสักครู่ “มันก็เรื่องของตุลล่ะนะ
ก้อยก็ไม่สมควรจะไปยุ่งย่าม ยังไงยูฯ ที่โน่นเค้าก็โอเคแล้ว”


“ที่ผมสละทุนเพราะอยากใช้เวลากับคะน้าใช่ไหม”
ตุลเหลียวไปมองร่างเล็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ

“นิยามความสุขของคนเรามันแตกต่างกัน ความสุขของบางคน
อาจจะเป็นการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ได้ตำแหน่งทางวิชาการสูงๆ
มีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่สำหรับผม
ผมต้องการแค่ใครสักคนที่อยู่ข้างกัน ร่วมแบ่งปันความทุกข์ความสุขกันและกันไปเรื่อยๆ”
ตุลเว้นจังหวะด้วยการระบายลมหายใจเบาๆ อย่างเหนื่อยล้า
“ต่อให้มีเงินทองมากมายล้นฟ้า ต่อให้มีหน้ามีตาในสังคมแค่ไหน
ต่อให้มีความสุขอัดแน่นในใจมากเท่าไหร่”



“อะไรๆ ที่มีมากมาย รู้ไหม?
มันไม่มีความหมายเลย หากไม่มีใครสักคนร่วมแบ่งปัน”


เป็นครั้งแรกในหลายนาทีที่รอยยิ้มบางๆ ของตุลผุดขึ้นบนใบหน้าที่เศร้ามอง
แต่แค่เพียงระยะเวลาๆ สั้นๆ นั้นก็ทำให้หญิงสาวที่นั่งใกล้พลอยยิ้มขึ้นมาด้วย
“แค่อยากให้ตุลรักษาสมดุลย์ในทุกๆ เรื่องในชีวิตให้พอดี”

บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป หากแต่ใครคนหนึ่งที่ด้านนอกของบานประตูนั้น
กลับเหมือนทุกอย่างหยุดลง ตุลโกหก ...โกหกอย่างร้ายกาจ

เพื่อผม ...ตุลทิ้งความฝัน เพื่อผม ...ยอมทิ้งสิ่งที่ตัวเองรัก
คนแบบผมมีค่าพอกับใครสักคนขนาดนั้นเลยหรือ?

เจ็บที่ไม่เคยรับรู้อะไรเลย และยิ่งเจ็บเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
กับคนที่ดีกับตัวเองได้มากมากขนาดนั้น ทั้งเรื่องการได้ทุนแล้วสละทุนเพื่อเขา
หรือแม้กระทั่งการกุเรื่องใหญ่โตเพื่อที่จะตีจากเขาไปเพื่ออนาคต
และเหนือสิ่งอื่นใด ...หมอก้อย ผู้หญิงคนนั้น ที่ผ่านมากลับมองเธอด้วยความรู้สึกที่เลวร้ายอย่างนั้น

...และความจริงจากความรู้สึกของคนที่นั่งอยู่ในห้องยังคงพร่างพรู

“หึ... นี่ผมเป็นคนโง่ คนเพ้อเจ้อใช่ไหม ผมมันควายมากที่เลือกทำอะไรแบบนี้
สุดท้ายอะไรๆ มันก็พังไม่เป็นท่า จนผมต้องซมซานกลับไปขอทำวิจัยแล้วก็ใช้ทุนครึ่งหนึ่งของตัวเอง”

“มันผ่านไปแล้วน่ะตุล มันเกิดขึ้นไปแล้ว เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
สิ่งเดียวที่เราพอจะทำได้คือลงมือทำทุกวันต่อจากนี้ให้ดีที่สุด
เราย้อนกลับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอดีตไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะรับมือกับวันพรุ่งนี้ด้วยทัศนคติที่ดีได้”
หมอก้อยยิ้มบางๆ หญิงสาวหยิบกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบ
ผิดกับคนข้างๆ ที่ได้แต่นั่งบิดถ้วยกาแฟของตัวเองหมุนวนอยู่อย่างนั้น

“ขอบคุณนะก้อย ดูผมสิ ผมในวันนี้ คนที่ใครๆ ชื่นชมนักหนาแล้วไงล่ะ
เห็นไหมว่าไอ้ตุลมันพ่ายแพ้หมดรูปแล้ว” ตุลข่นหัวเราะเสียงขื่นแล้วนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น
ความรู้สึกต่างๆ ที่อัดแน่นถูกตอบรับด้วยบทสนทนาที่ปราศจากคำพูด

“ก้อย... ใครๆ ก็บอกว่าเราควรจะมีความสุขเมื่อคนที่เรารักมีความสุขไม่ใช่เหรอ
ผมปล่อยเค้าไปแล้ว ให้เค้าไปมีความสุขกับคนที่เขารัก
คนที่เหมาะกับเขา แล้วทำไมผมถึงเจ็บเจียนตายแบบนี้”

“ก้อยเข้าใจตุลนะ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ
จิบกาแฟร้อนที่กรุ่นไปด้วยความเข้าใจ ใบหน้าระเรื่อไปด้วยรอยยิ้ม

“ไม่หรอก ไม่มีใครเข้าใจ ก้อยรู้ไหม ผมไม่ได้อยากเป็นคนเสียสละเลย
ไม่เคยอยากสวมบทพระเอกที่มองคนรักของตัวเองไปมีความสุขกับคนอื่น
ผมอยากเห็นแก่ตัว อยากมีเค้า แต่ผม... ก้อย...”

“ผมขังคนที่เค้าไม่ได้รักผมไว้ไม่ได้”

“ตุล...”

“ความรักคือการให้เหรอ ...ไม่หรอก โกหกทั้งเพ ความรักน่ะคือการเห็นแก่ตัวอย่างถึงที่สุ¬ดต่างหาก
เพราะว่าเรารักไง ...เพราะเรารัก เราจึงอยากให้เขามีความสุข เพราะเวลาที่เขามีความสุขเเล้วเราจะสุขตาม
หมอตุลผู้เสียสละเหรอ... เปล่าเลย เรียกว่าไอ้ตุลจอมทุเรศดีกว่า ก้อยรู้ไหม...
บางทีผมก็คิดว่าความรักมันก็คือการเสียสละที่จอมปลอมที่สุด ผมหลอกลวงทุกคน
หลอกแม้กระทั้งคนที่ผมรัก หลอกได้แม้กระทั่งลึกๆ ในใจของตัวเอง”
แม้ว่าท่าทีของหญิงสาวจะพยายามปลอบประโลมแค่ไหน
หากแต่ความรู้สึกอัดแน่นภายในใจที่ค่อยๆ ระบายออกมานั้นทำให้เธอเลือกที่จะนั่งอยู่เฉยๆ
และลอบมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“ผมมันขี้ขลาดไง ผมมันไม่กล้าแม้จะเอ่ยคำลา ไม่กล้าที่จะผลักเขาให้ไปจากชีวิต
ไม่กล้าที่จะอวยพรให้เขามีความสุข ผมเลยโกหก ...โกหกชนิดที่เลวร้ายที่สุด มันเจ็บปวดนะ ...มากๆ เลย”
ตุลหันมามองที่ก้อยราวกับจะบอกเล่าทุกเรื่องราวในใจออกมาให้ฟัง ร่างสูงของเราสั่นไหวด้วยความอ่อนแอ

“ลึกๆ แล้วผมรับไม่ได้เลย ลึกๆ แล้วผมอยากอยู่กับเขา อยากใช้เวลาไปด้วยกันกับเขาจนแก่เฒ่า
ลึกๆ แล้วผมอยากให้เขาไม่มีความสุข อยากให้เค้าทรมานกับการไม่มีผม
ให้เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด ให้เขาทรมานจนเจียนตาย” เสียงของตุลแหบพร่าจนร้าวราน

“จนในที่สุด ...ในที่สุดเขาจะกลับมาหาผม คะน้าจะกลับมาหาผม ไอ้ตุลจอมสร้างภาพ
ว่าไหม? ผมมันก็แค่จอมสร้างภาพ เป็นผู้ร้าย เป็นได้แค่แค่คนดีจอมปลอม”
หมอก้อยเพียงแค่นิ่งสงบแล้วรอให้ทุกๆ ความรู้สึกที่อัดแน่นค่อยๆ คลี่คลาย สักพักเมื่อตุลดูสงบขึ้น
หญิงสาวจึงค่อยๆ ถ่ายเทความรู้สึกห่วงใยออกมาทางคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

“เชื่อก้อยเถอะตุล การเดินออกไปจากชีวิตเขา บางทีมันก็ง่ายกว่าที่จะฝืนกลับมาเป็นเพื่อนกันแบบเดิม
ต่างคนต่างอยู่ ไม่ต้องเจ็บปวดทรมานกับภาพที่เราไม่อยากเห็น”
ก้อยเอื้อมมือไปลูบหลังที่สั่นไหวของตุลเบาๆ ดวงตาคู่สวยที่นิ่งสงบนั้น
ระริกไหวไปด้วยความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นภายใน

“ไม่ต้องเสียใจกับความหวังโง่ๆ ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อบอกตัวเองว่าสักวัน
...สักวันหนึ่งน่ะ อีกไม่นานหรอก ทนอีกนิด ...อีกนิดเดียว
...แล้วสักวัน เขาอาจจะเปลี่ยนใจกลับมารักเรา” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ
ใบหน้าสวยส่ายไหวเบาๆ เหมือนไม่อยากจะยอมรับกับความรู้สึกของตัวเอง



“รู้ไหม? ...มันไม่มีทางเป็นจริง”

ตุลนิ่งเงียบไปพักใหญ่ คำพูดของก้อยฟังดูมีเหตุมีผลมากมาย ...มากมายเกินไปที่เขาจะต้านทาน
“ผมทำไม่ได้ ...ทำไม่ได้” เสียบแหบพร่าเหมือนจะขาดใจ
ตุลสายหน้าของตัวเองไปมา ไม่เห็นด้วย และไม่พร้อมกับสิ่งที่เพิ่งได้รับฟัง

“ทำได้สิ ขึ้นอยู่กับว่าตุลจะทำหรือเปล่า”

หมอก้อยทอดสายตานิ่งมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ทุกวันนี้ เราไม่ได้เจ็บปวดกับรักที่ไม่สมหวังหรอก เราเจ็บปวดกับความหวังต่างหาก
หวังว่าอะไรๆ มันจะกลับมาเหมือนเดิม หวังว่ามันจะไม่เป็นความจริง”

“หยุดมันเถอะตุล อย่าให้ตัวเราเองเจ็บ อย่าให้ตัวเราทรมานไปมากกว่านี้
ก้อยเป็นห่วงตุลนะ เชื่อเถอะ มันไม่สนุกเลย ตัดใจให้ลืมใครสักคนน่ะ
จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก มันก็แค่ใช้ชีวิตแบบที่เราเคยเป็นมาไง
ลองคิดดูสิ ทำไมเมื่อก่อนทำไมเราอยู่ได้ แล้วทำไมวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไป เราจะอยู่ไม่ได้”
หมอก้อยเอื้อมมือไปวางลงบนบ่าของคนที่นั่งข้างๆ แล้วลูบเบาๆ ด้วยความห่วงใย

“อะไรๆ มันเปลี่ยนไป¬แล้ว ยอมรับเถอะ ตัดใจจากเขา มันง่ายกว่าตัดเขาออกจากใจเยอะ
ที่ผ่านมาก็เก็บเป็นความทรงจำดีๆ ก็แล้วกัน”

“อย่าเสียดายอดีต มันไม่ได้อะไร ...มันเจ็บปวดนะ ทุกๆ เช้าต้องสำรวจว่าเราดีพอหรือยัง
ทุกๆ คืนก่อนนอนต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราจะดีขึ้นจากเมื่อวานแล้วหรือเปล่า
ยอมเขาไปหมดทุกอย่างทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเขาจะหันมามองไหม ยอมแม้แต่ปรับตัวเองทุกสิ่งทุกอย่าง
เพียงเพื่อที่สักวัน ...สิ่งที่เราเป็น หรืออะไรๆ เรามันจะพอดีกับสายตาของเขา
ตุลรู้ไหม ความจริงในตอนจบ ...มันไม่ได้สวยหรูทุกครั้ง”

“เพราะบางครั้ง มันไม่ใช่เรื่องของมากไปหรือน้อยไป ไม่ใช่เรื่องของดีพอหรือพอดี
เพราะบางครั้ง กับคนบางคน” หญิงสาวเบือนหน้าไปอีกทาง น้ำเสียงเรียบๆ นั้นแหบเบากว่าทุกครั้ง




“ต่อให้เราดีแค่ไหน ...เขาก็ไม่มีวันเอา”

“ก้อยไม่มีวันเข้าใจผมหรอกว่าผมรู้สึกยังไง มันยากแค่ไหน มันเจ็บเท่าไหร่
อะไรๆ มันไม่ได้ง่ายไปอย่างที่พูดสวยหรูกันแบบนั้นหรอก”
ตุลระบายความรู้สึกที่อัดแน่นในใจออกมาอย่างเต็มที่ หญิงสาวเพียงเงยหน้าขึ้นสบตาช้าๆ
ดวงตาคู่นั้นเหมือนพยายามซุกซ่อนความอ่อนแอที่แสนเจ็บปวดที่แสนสาหัสไว้ภายใน
ก้อยยิ้มน้อยๆ ให้กับตุล เป็นรอยยิ้มที่ดูเจ็บปวดจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอึกชา

“เข้าใจสิ” หญิงสาวยิ้มให้น้อยๆ ด้วยความรู้สึกห่วงใยทั้งหมดที่มี แม้ดวงตาที่เอ่อชื้นจะระริกไหว



“เชื่อเถอะตุล ...ก้อยเข้าใจมันดีกว่าใคร”

ตุลดูนิ่งงัน เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงช้าแล้วนั่งนิ่งด้วยความสงบอยู่อย่างนั้น
กระทั่งเสียงทุ้มที่สั่นไหวดังขึ้นเบาๆ




“ผม ...ขอโทษ”

นั่งคือภาพสุดท้ายที่เห็นผ่านจากทางกระจกใสที่บานประตู
คะน้าเอนตัวพิงกำแพงรู้สึกช็อคกับความเป็นจริงเกี่ยวกับทุนวิจัยและความรู้สึกของตุล
แม้กระทั่งความรู้สึกของหมอก้อยที่ไม่เคยมีใครมองเห็น สมองของคะน้าตีรวน
แขนขาสั่นไหวไร้เรี่ยวแรง แทบไม่เชื่อกับหูที่ได้ยิน และสองตาที่ได้เห็นเมื่อสักครู่

หากแต่เสียงฝีเท้าที่ดังแว่วมาจากระยะไกลทำให้คะน้ารีบตั้งสติของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด
ไม่ถูกและไม่ควรที่คนนอกอย่างเขาจะเข้ามาในพื้นที่บริเวณนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่นานนัก
เสียงฝีเท้านั้นก็ค่อยๆ ชะลอลงก่อนจะหยุดนิ่งลงไม่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ คะน้าเงยหน้าขึ้นมอง

...ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างที่เขาหวั่นใจ
หากแต่เป็นคนที่คะน้าวนเวียนอยู่ในความรู้สึกของคะน้าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา

ใบหน้าที่คมคายเป็นสัดส่วนนั้นดูดีไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทรงผมจัดแต่งง่ายๆ
หากแต่กลับดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด เสื้อเชื้อสีขาวพับแขนแบบลวกๆ
และกางเกงยีนส์พอดีตัวที่ดูกี่ครั้งก็ไม่อยากละสายตา เขาเหมือนเดิม
...เหมือนเดิมทุกอย่าง หากแต่จะมีเพียงสิ่งเดียวที่ดูจะผิดไปกับภาพทุกครั้งที่คะน้าคุ้นเคย

...กุหลาบสีแดงช่อโตที่ส่งกลิ่นหอมในมือคู่นั้น

แววตาสีดำขลับลุกวาวจนดูน่ากลัว และแค่เพียงชั่วพริบตา
มันก็ดูอ่อนลงพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากแบบกวนๆ นั้น
ทำไมคะน้าถึงต้องพบต้องเจอกันในที่แบบนี้ ...กับช่อดอกไม้แบบนั้น

...ทิม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ช้าก่อน อ่านจบ อย่าเพิ่งรุมสหบาทาคนแต่งนะ  :sad4:
ผิดไปแล้วๆๆ ช่วงนี้ ตอนที่เพิ่งลงไปนี้โหดสุดละครับ วางใจได้ แหะๆ
ภาพลักษณ์ของหมอก้อยคงดีขึ้นมาบ้างนะครับ เป็นความตั้งใจของคนแต่งล่ะครับ
เพราะเชื่อว่าคนเราทุกคนคงมีเหตุมีผลของตัวเอง ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดีหรอกเนอะ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเมนต์ ข้อเสนอแนะ กำลังใจ และการร่วมเวิ่นเว้อไปด้วยกันนะครับ

Merry Christmas นะครับ รักคนอ่านทุกคนนะ จุ๊บๆ 555555

 :กอด1: :L1: :กอด1: :L1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-12-2012 15:39:32
อ้าววววววเฮ่ยยยยยย
อะไรไหงงั้นน
มาจากไหนอีกล่ะเนี่ย ว๊ากกกก
ทิมมาทำอะไร แล้วตุลนี่ตกลงยอมถอยแล้วช่ายม้ายยย
โอ๊ย พันกันยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังงงง

กระโดดเกาะแข้งเกาะขาคนแต่ง
ฮือออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-12-2012 15:58:11
งงกันต่อไป
ที่งงคือเรื่องระหว่างทิมกับตุลนี่แหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 24-12-2012 16:39:27
สะอึก  น้ำตาท่วมจอเลย สมเป็น black  x'-mas
รออ่านตอนต่อไป  แต่ตอนนี้ขอตัวไปร้องไห้ ไม่ไหวเจ็บจิ๊ดดด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 24-12-2012 17:02:41
ตัวละครในเรื่องนี้เห็นแก่ตัวทุกคนทั้งคะน้า ผักกาด ตุล ทิม หมอก้อย
แต่ก็นะเพราะความรักที่แต่ละคนมีมันไม่เหมือนกัน
เห็นแก่ตัวก็เพราะรักอ่ะนะ ไม่รักคงไม่เป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: NaNaAS ที่ 24-12-2012 18:06:07
เอากุหลาบมาให้ใครอะ :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 24-12-2012 20:24:53
คนที่ตุลรัก  คือทิม  ไม่ใช่คะน้าหรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 24-12-2012 20:40:38
ค้างอีกแล้ว :o12: :o12:
หมอก้อยเหมือนจะดูดีขึ้นมานิดแต่พออ่านจะจบ ลบคะแนนออกอีกนิด
รอลุ้นไปด้วยฮัฟ

ปีใหม่เที่ยวให้หนุกน๊าาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 24-12-2012 21:04:46
ก็พอเข้าใจนะ แต่พอเจอทิมตอนท้าย ตึบเลยตู -*-
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 24-12-2012 22:50:21
ไม่รู้จะคอมเมนต์อะไรดี
เอาเป็นว่างงทิม งงว่าทิมกำลังใช้แผนไหนเพื่อให้ได้ใคร
เอาจริงตอนนี้ไม่ไว้วางใจอะไรทั้งนี้ คือไม่เข้าใจว่าเข้าหาตุลแล้วทิมจะได้คะน้ามาได้ยังไง
แล้วถึงแม้ว่าตุลจะดูโอเค ดูรักคะน้า แต่เราก็ยังตะหงิดใจแปลก ๆ

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย อึดอัดดดดดดดดดดดดดดด

ทำได้อย่างเดียวคือรอสินะ 

เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-12-2012 23:25:28
เฮ้ย ไอ้ทิม...
เอ็งมาทำอะไรที่นี่ เอ็งจีบตุล?? ว่างั้น
ไม่นะ...มะ... ไม่.....
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-12-2012 23:30:26
พี่ผักกาดเริ่มแล้วจ๊ะตามประสาพี่สาวที่เป็นห่วงน้อง เต็ม ๆ จึ้ก ๆ ทั้งใจทิมและคะน้า
หมอตุลคิดไปขนาดนี้เลยเหรอ น่าสงสารนะ แต่ก็เห็นด้วยที่จะตัดใจ เรื่องความรักมันบังคับไม่ได้จริง ๆ
หมอตุลเป็นคนดีมาก รักคะน้ามากด้วย แอบเสียดายเบา ๆ เอ...แล้วอีตาทิมถือช่้อดอกไม้มาให้ใครฟระ
อยากรู้มากกกกกกกก

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 25-12-2012 02:22:26
,,เอาใจช่วยคะน้าเหมือนเดิม แบบงงๆ ไม่เข้าใจอะไรเลยT_T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 25-12-2012 12:51:25
ตกลงทิมรักใครกันแน่เนี่ย :serius2:
อ่านแล้วงง หมอตุลรักคะน้าแน่ๆใช่ไหมเนี่ย ฟังบางคำแล้วฟันธงไม่ได้เลยว่ารักคะน้าน่ะ :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 25-12-2012 18:21:58
ฮ่าฮ่า อ่านแล้วเอ๋อต่อไป
สรุปตามความเข้าใจ หมอตุลรักคะน้าจริง หมอก้อยรักหมอตุลแต่ก็เป็นเพื่อนที่ดี
คะน้ายังไม่รู้จะเอาแน่เอานอนกับทางไหน
และทิมผู้ที่ยังเป็นปริศนาว่าจะเป็นพระเอกหรือนางอิจฉา

MERRY CHRISTMAS :mc3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 25-12-2012 21:28:16
ทิมเอาดอกไม้มาให้ใคร ??  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 26-12-2012 22:50:27
ถ้าเทียบกับนิยายที่เคยอ่านมา อ่อย ดราม่าโหดที่สุดในตอนเดียว
เส้นมาม่าลอยอืดอยู่ในท้องเลย

แล้วทิมมามำอะไรมี่รพ.???
วางแผนอะไรไว้ หรือเราต้องทำใจเตรียมรอพลิกล็อก???

กรี๊ดดดดดด   :z3:

ปล. ถ้าสุดท้ายทิมกะตุลได้กันเอง มีเฮ! 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: patloom ที่ 27-12-2012 00:11:26
ทิมร้ายโคตรๆๆ มึงจะเอาอะไรอีกห๊ะ ดูสิคะน้ากูก็มีความล้ำลึกทางจิตใจอยู่แค่นี้ มึงมันปัญญาอ่อนบอกว่ารักก็จบไปสามสีชาติแปดแล้ว=[]=   :m31:

นี่ยังมาเจอศึกผักกาดอีก เจ๊เขาห่วงน้องเขามึงรู้ไหมมมมมมมม มึงไม่รีบทำตัวโตๆให้เจ๊เขาวางใจมึงอดแด๊กแน่ โอ๊ยฟินๆๆๆๆ
จะสอบก็จะสอบ ฟินก็ฟิน พัดลมหายไปนานมากกลับมาไม่คิดว่ามันจะฟินขนาดนี้  :serius2:
เข้าใจอารมณ์ตุลเลยสุดๆอ่ะ แล้วไอ้คำว่าผลเมืองชั้นสองนี่แบบมันเจ็บจี๊ดมากอ่ะ เอามาจากไหนค่ะ มันเจ็บมาก :m15:
หมอก้อยก็ใส่ไฟตลอด ทิมเป็นตัวดำเนินเรื่องไปแล้วนะเนี่ย ทุกคนจะรอว่าแกจะทำอะไรต่อไป

ถามเรื่องความดราม่านะ
เท่าทีพัดลมอ่านมาเรื่องนี้ดราม่าหนักและเดาทางยากมาก เซอร์ไพร์ตลอด รักษาฝีมือไว้นะคะ ปลื้มมม :z2:
อ่านแล้วปลื้มรู้สึกแบบมือทองเลือกถูกเรื่อง อุฮิอุฮิ ฟินอีกแล้ว :laugh:

ประกาศตัวเลือกแล้วกัน หนูอยู่ทีมคะน้า ใครราวีคะน้า พัดลมสู้ตายยยยยย ด้วยมนต์ดำ :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 28-12-2012 02:21:06
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยย -คว่ำโต๊ะคอมแรงๆ-

ไม่ไหวอ้ะ มันกิ๊วก๊าวกรุบกริบ(?)ไม่ไหวไม่ทนแล้วววว


เพิ่งสอบเสร็จเลยแวะเข้าเล้า กะจะนอนอ่านให้ฉ่ำปอดไปเลยย แต่นี่ไมม่ไหวแล้ว ง่วงก่อน ๕๕
อ่านถึงตอนสิบค่ะ มาเม้นไว้ก่อนแล้วพรุ่งนี้ตะลุยต่อจะมาเม้นเป็นแม่ยกดันวิศวะซึนๆ ล่ะค่ะ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-01-2013 02:10:19
คราวนี้แหละจะได้รู้ว่า รอยดูด ที่คอหมอตุล มันมีที่มายังไง อุอุ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-01-2013 09:40:27
หวังว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เพื่อนๆจะมีช่วงเวลาที่ดีๆ กันทุกคนนะครับ
อยากจะมาเร็วมากมายกว่านี้แต่งานมันสุมเกิ้น :sad4:
ยังไงก็ขอบคุณทุกๆ กำลังใจ คำเสนอแนะ ติชม นะครับ บวกคะแนนให้กับทุกคอมเมนต์นะ  o13
เห็นยอดรีพลายน้อยลงอย่างต่อเนื่องแล้วก็พอเข้าใจ นิยายมันมาม่าเกิ้น  :-[
ตอนนี้ น่าจะโอเคกับหลายๆ คนนะครับ ถ้ามีผิดพลาดต้องขอโทษด้วย
เพราะรีบพิมพ์แบบเอาเป็นเอาตาย ไม่ได้อ่านทวนเอาเสียเลย
ในตอนนี้ มีคำไม่สุภาพโผล่ออกมาเยอะ ยังไงต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยนะครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 19



รอยยิ้มนั้นยังดูคุ้นตาแม้ว่าดวงตาสีหม่นจะดูหมองไปกว่าทุกครั้ง คะน้าพยายามตั้งสติ
ปรับความรู้สึกต่างๆ ให้เป็นปกติที่สุดจากความจริงอันหนักอึ้งที่เพิ่งได้รับรู้มา
ความเคลือบแคลงในตัวของตุลในตอนนี้นั้นแทบจะไม่มีหลงเหลือในความคิดของคะน้าเลย
เมื่อถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอัดแน่นมากมายนั้นถูกระบายออกมาทั้งหมดโดยมีหมอก้อยเป็นผู้รับรู้
...ผิดกับเจ้าของรอยยิ้มที่ยืนอยู่ตรงหน้าในเวลานี้

“มาหาตุลเหรอครับ” ทั้งที่เสียงยังสั่นๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไมคะน้าถึงเอ่ยถามออกไปแบบนั้น
ดวงตายังคงมองที่ช่อดอกไม้สีแดงสดในมือราวกับตั้งคำถาม
กระทั่งทิมมองไปที่สิ่งที่คะน้าจับจ้องอย่างไม่วางตา

ไม่มีคำตอบใดๆ เว้นแต่เสียงแค่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่พลิกตัวกลับแล้วเดินจากไปอย่างไม่คิดจะให้คำตอบ
แม้ว่าใจจะนึกห่วงคนที่อยู่ในห้องแค่ไหน หากแต่ความค้างคาใจมากมายรุดให้คะน้าเดินตามทิมไป

“มาหาตุลแล้วทำไมไม่เข้าไป” ยิ่งห่าง คะน้าก็ยิ่งเร่งตัวเองให้เข้าใกล้
ปลายเสียงที่สั่นไหวกลืนความขมลงในลำคอ
พร้อมกับความรู้สึกหน่วงกลางหน้าอกอย่างบอกไม่ถูก
“...เอาดอกไม้มาแสดงความยินดีไม่ใช่เหรอ”
คนที่เดินนำอยู่ข้างหน้าหยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเดินต่อไปเร็วขึ้น

“ยินดีที่อะไรๆ มันเป็นแบบนี้ เป็นอย่างที่นายคิดเอาไว้ไง”
เมื่อได้รับการเพิกเฉย คะน้าก็ส่งเสียงดังยิ่งขึ้น
นึกแปลกใจตัวเองที่รู้สึกอยากประท้วงอะไรแบบเด็กๆ ขึ้นมาอย่างนี้
ทิมหันกลับมามองจ้องด้วยแววตาที่ไม่ชอบใจ

“เลิกตามเสียที”

หากแต่คะน้าไม่ถดถอย คนตัวเล็กกว่ารุดเดินไปข้างหน้า ดวงตาจ้องมองทิมอย่างไม่เกรงกลัว

“เลิกตาม!”

หนามยอกก็เอาหนามบ่ง เคยคิดว่าความเงียบของทิมนั้นได้ผล
จึงเลือกที่จะเงียบกลับไปให้ทิมบ้าง คะน้ายังคงรั้นเดินตามคนข้างหน้าอย่างเพิกเฉย
และก็ได้ผลจริงๆ เมื่อเป็นฝ่ายทิมที่ทนไม่ไหว ชายหนุ่มออกแรงดึงแขนคะน้าแล้วดันเข้ากับฝาผนัง

“คิดว่าทำอะไรอยู่ เข้าท่าแล้วใช่ไหม” ทิมจ้องเขม็งด้วยแววตาลุกโชน
เอาตัวเองดันคะน้าจนแนบชิดติดฝาผนัง

“แล้วคิดว่าทำอะไรอยู่” ตาต่อตาฟันต่อฟัน คะน้าตอบกลับไม่ลดละ
ด้วยคำถามยอกย้อนแบบที่ทิมชอบใช้ เจอกับตัวเองทิมถึงกับพ่นลมหายใจฟึดฟัด
พยายามระงับความไม่สบอารมณ์เต็มที่ แต่คะน้าไม่คิดจะถอย “...แล้วมันเข้าท่าหรือเปล่า”

“แล้วไง?” ทิมข่นเสียงเข้มลอดผ่านทางไรฟัน
ยื่นหน้าเบียดเข้ามาใกล้ คะน้าจ้องตากลับอย่างไม่เกรงกลัว

“แล้วยังไงเหรอ นั่นสินะ คนแบบนายมันได้ทุกอย่างตามที่นายต้องการอยู่แล้วนี่
นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เห็นต้องสนใจความรู้สึกของใคร
คนแบบนายมันเอาแต่ความรู้สึกตัวเอง ไม่แคร์ใครสักคนอยู่แล้ว”

เกินกว่าจะคาดคิด จังหวะที่รวดเร็วนั้น ทิมบดริมฝีปากของตัวเองเข้ากับปากของคะน้าอย่างรุนแรง
แขนทั้งสองข้างของทิมออกแรงตรึงข้อมือที่พยายามผละจากอย่างแนบแน่น
ร่างกายเบียดดันคะน้าอย่างถือครอง ทุกสัมผัสที่แนบชิดนั้นเต็มไปด้วยความรุนแรงกักขฬะ
ริมฝีปากนั้นยังคงบดเบียดอย่างลึกล้ำ คะน้าพยายามบ่ายเบี่ยงหากแต่ความรุนแรงนั้น
เกินกว่าจะต้านทาน ...กระทั่งทิมเป็นฝ่ายที่ผละจาก

“นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่เคยสนใจความรู้สึกใคร เอาแต่ตัวเอง และไม่แคร์ใครสักคน”
รอยยิ้มยียวนจุดขึ้นที่มุมปาก “...ตรงแฮะ” ทิมกระซิบเบาๆ ใกล้กับริมฝีปากของคะน้า
ใบหน้าคมค่อยๆ ถอยห่างช้าๆ พร้อมกับรอยยิ้มราวกับผู้กำชัยชนะ

คะน้าพ่นลมหายใจหนักๆ ด้วยความไม่ชอบใจ แม้แต่จะยกฝ่ามือขึ้นมาเช็ดปาก
แสดงความไม่พึงใจหากแต่ทิมกลับดันข้อมือนั้นไว้กับผนังด้วยมือ ...มือที่ถือช่อกุหลาบสีแดง

“งี่เง่า” คะน้าบ่นอุบด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
เพราะแพ้แรงที่มากกว่า ผิดกับทิมที่หัวเราะขันอย่างสมใจ

“ติดใจมากใช่ไหม ไอ้ดอกไม้พวกนี้น่ะ”

“อย่าไร้สาระ” แม้จะไม่ชอบใจกับสัมผัสล่วงล้ำบนริมฝีปาก
แต่ก็ไม่คิดอะไรไปมากมายด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน
และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทิมทำอะไรแบบนี้ หากแต่สิ่งที่คะน้ากระฟัดกระเฟียดอยู่นั้น
กลับเป็นการที่ถูกต้อนให้จนมุมขยับไปไหนไม่ได้
ความคิดที่อยากจะชกหน้าทิมสักครั้งก็คงเกินหวัง เมื่อเริ่มรู้สึกตัว
ทิมจึงค่อยๆ ถอยตัวออกห่างพร้อมคลายวงแขนที่กดไว้
คะน้าขัดขืนตั้งหลัก ฝ่ามือกำแน่นจนเกร็งพร้อมจะจู่โจมในชั่วพริบตา

...หากแต่ดอกกุหลาบสีแดงสดช่อใหญ่ถูกยัดใส่มือของคะน้าจนเจ้าตัวรู้สึกประหลาดใจ
ลืมความคิดจะเอาคืนในนาทีก่อนหน้าไปเสียหมด

“ถ้ามันเป็นเรื่องนักก็เอาไป” ทิมถอยห่างพร้อมกับทำท่าประดักประเดิก
เขายืนนิ่งอยู่เฉยๆ แบบนั้น แล้วหมุนตัวไปมาแบบไม่รู้จะอยู่หรือไป
สักพักก็ยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองเบาๆ จนยุ่ง ผิวที่ขาวจัดทำให้เห็นลำคอ
และใบหูที่เป็นสีแดง ก่อนพูดเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน






“...ให้”

คะน้าได้แต่ยืนมองช่อดอกกุหลาบสีสวยในมือด้วยความมึนงง
และปรับตัวไม่ถูกกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย ร่างของทิมก็หายวับไปราวกับเล่นกลเสียแล้ว
ทั้งๆ ที่คิดจะเอ่ยถามถึงเรื่องราวมากมายที่เป็นคำถามในใจ
หรือแม้แต่จะซัดกลับสักหมัดให้กับความเอาแต่ใจของคนที่เด็กกว่าคนนี้
หากแต่ทุกอย่างเหมือนกับกลับตาลปัตร นอกจากคะน้าจะไม่ได้รับคำตอบที่สงสัย
กลับยิ่งรู้สึกประหลาดใจกับความแปลกประหลาดของทิม

นึกถึงจูบที่หยาบคายเมื่อครู่แล้วมองช่อดอกกุหลาบสีแดงในมือ
ถ้อยคำที่ผักกาดเคยพูดถึงทิมในอีกด้านย้อนกลับมาในความคิด
...คะน้าได้แต่ถอนหายใจอยู่กับคำถามและความไม่เข้าใจมากกว่าเดิม

ดอกกุหลาบสีแดงสดช่อนั้นถูกปักวางอยู่ในแจกันบนโต๊ะอาหาร
สร้างความประหลาดใจให้กับผักกาดที่กำลังรีบเร่งเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวได้แต่ทำหน้าสงสัยใส่คะน้าที่กำลังงัวเงียในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นจากการนอนหลับ
แต่ก็ไม่ได้คิดจะหาความอะไร เมื่อสภาพการจราจรของกรุงเทพในตอนเช้า
น่ากลัวขึ้นทุกวันด้วยปริมาณรถที่แห่มาเหมือนถมถนน ผักกาดสวมรองเท้าส้นสูง
แล้วเปิดประตูออกจากบ้านไม่ลืมที่จะหอมแก้มน้องชายสุดที่รักเช่นทุกวัน
คะน้าที่มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวห่อหุ้มท่อนล่างได้แต่โบกมือหยอยๆ
ให้กับผักกาดแบบสะลึมสะลือ ส่งพี่สาวไปทำงานในตอนเช้า

ตลาดยังคงคึกคักดั่งเช่นทุกวัน และนับตั้งแต่ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการของตลาด
ทำให้ระบบระเบียบของตลาดดูเรียบร้อยมากขึ้น มีลำโพงขยายเสียงเปิดเพลงเพราะๆ ทุกวัน
มีกิโลที่เป็นเครื่องชั่งส่วนกลางเพื่อให้ผู้ที่มาจับจ่ายใช้สอยตรวจสอบน้ำหนักของสินค้าที่ซื้อไป
รวมทั้งหลอดไฟและพัดลมที่ทำให้ตลาดดูสว่างและมีอาการระบายอย่างทั่วถึง

แม้ว่าบรรยากาศใกล้ตัวในเวลานี้จะเต็มไปด้วยมลพิษทางเสียง
จากการเถียงที่ดูจะเป็นกิจวัตรประจำวันของจันทูและสายใจ
ที่เหมือนเป็นกิจกรรมสันทนาการให้เหล่าพ่อค้าแม่ขายในท้องตลาดแล้ว
ในความคิดของคะน้ายังวนเวียนกับเรื่องราวๆ ต่างๆ ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

ทุกวันคะน้าได้แต่บอกตัวเองว่าจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาตุลเจ็บปวดกับความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหน
หากแต่รอยแดงที่ตุลพยายามปิดบังนั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้กับคะน้าไม่ต่างกัน
แต่ตุลพูดแบบนั้น มันเหมือนกับว่า ...ทิมรักคะน้าอย่างนั้นหรือ?!?!

คู่แข่งทางความรักอะไรแบบนี้หรือเปล่านะ เป็นไปได้ไหม
ตุลแอบชอบทิมหรือเปล่า เคยรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่าแล้วมีเรื่องผิดใจกัน
ถ้าใช่... อะไรๆ ก็พอเป็นรูปร่างขึ้น เพราะแบบนั้นใช่ไหม
ตุลเลยเข้ามาเพื่อกำจัดคะน้าออกจากทิม ...มันจะบ้าไปได้ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?!?!

แล้วทิมล่ะ ถ้าแบบที่ตุลคิด หรือแบบที่ผักกาดสงสัย แม้แต่การกระทำแปลกๆ ที่ผ่านมาของทิม
...จู่ๆ หัวใจของคะน้าก็สั่นอย่างประหลาด ความรู้สึกบางอย่างปะติดปะต่อรูปร่างขึ้นมาจนแจ่มชัด




หมายความว่าทิม...

บ้าน่า!!!! ถ้าแบบนั้น ทิมจะสร้างรอยแดงบนคอของตุลไปทำไม คะน้าทึ้งผมตัวเองด้วยความมึน
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทำไมทุกอย่างถึงได้กลายเป็นแบบนี้

...ความสัมพันธ์ที่มีแต่ผู้ชายสามคน

“บ้าที่สุด! พอซะที นี่มันไร้แก่นสารชะมัด!” แค่คิดก็อยากจะอาเจียน
จนคะน้าเผลอพูดออกมาเสียงดัง จันทูและสายใจถึงกับสะดุ้งด้วยความเข้าใจไปอีกทาง

“เก๊าะเอสายจายมานมาด่าจันทูก่อนเน่ มานขี้อิดฉา”
หลังจากทำงานมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง จันทูก็เริ่มพูดภาษาไทยได้ชัดขึ้น

“เอ๊ะ อีนี่ ชั้นมาพี่คะน้า แกล่ะมาสแหล๋นแต๋นอะไร”
สายใจเท้าเอวเถียงกลับอย่างไม่หวั่นกลัว
หากแต่ทุกคำพูดกลับไม่อยู่ในความสนใจของคะน้าแม้แต่นิด
ชายหนุ่มยังคงวนเวียนกับสมมติฐานและความรู้สึกมากมายในใจ

ถ้าเราเป็นแฟนกับตุล แต่ตุลอยากเป็นแฟนกับทิม
แล้วทิมก็อยากเป็นแฟนกับเราเหรอ? บ้าไปแล้วแน่ๆ มันสับสนไปหมด
ถ้าอย่างนั้น ทั้งๆ ที่คบกับเรา ...แต่ตุลคงชอบทิมมากเลยสินะ ...แล้วเราล่ะ




..เราชอบใคร?

“เห้ออออออ!!!” คะน้าถอนหายใจเสียงดังจนสองสาวทำหน้างง
แล้วทะลึ่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหันกลับมาทางสาวพม่าหน้าตาแบบ Korea
“จันทู วันนี้ฝากดูแลแผงด้วยนะ มีธุระอะไรต้องทำนิดหน่อย ผมคงไม่เข้ามาแล้ว”
ว่าแล้วก็รีบเดินออกไปทำเอาสองสาวหันมามองหันกันแบบอึ้งๆ

เพียงไม่นาน รถกระบะคันเก่าซึ่งเจ้าของขนานนามว่า ‘ไอ้แก่’
ที่ครางหึ่งๆ อยู่บนท้องถนนก็เลี้ยวเข้าสู่โรงพยาบาลที่อยู่ไม่ห่างจากตลาด
...อย่างน้อย สิ่งที่ควรทำก็คือขอโทษตุล

คะน้าหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดโทรหาตุล หากแต่ปลายสายกลับเป็น
เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลพร้อมแจ้งว่าหมอตุลได้คืนโทรศัพท์ให้กับทางโรงพยาบาลไปแล้ว
พร้อมแจ้งว่าตุลน่าจะอยู่ที่ห้องพักเพราะเพิ่งออกเวรไปเมื่อสักครู่

จำทางทุกอย่างได้เป็นอย่างดีจากเมื่อวาน คะน้าใช้เวลาเพียงเล็กน้อย
ก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของตุล ใช้เวลาทำใจเพียงชั่วครู่ก่อนจะเคาะประตูห้องเข้าไป
ด้วยความรีบร้อนที่ลืมดูว่าคนที่จะมาหานั้นอยู่ในห้องหรือไม่
กลับกลายเป็นมีเพียงหมอก้อยที่นั่งทำงานอยู่ในห้องพักเพียงผู้เดียว
หญิงสาวทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยเสียงเรียบๆ

“ที่นี่เป็นพื้นที่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ คนนอกไม่ควรจะเข้ามานะคะ”

“เอ่อ... ผมขอโทษครับ คือผม... นึกว่าหมอตุลจะอยู่”
คะน้าขอโทษด้วยความสำนึกผิด

“อยู่หรือไม่อยู่ ก็ไม่สมควรค่ะ” หมอก้อยถอนหายใจเบาๆ
“เอาเถอะค่ะ ว่าแต่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ตุลไม่อยู่หรอก
มี Conference Call กับมหาวิทยาลัยที่นั่นน่ะค่ะ
คงอีกนาน ฝากเรื่องไว้ก่อนไหม หรือให้ตุลโทรกลับหาไหมคะ”

“เอ่อ... งั้นไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมไม่อยากรบกวนหมอก้อยด้วยครับ
ยังไง ...ผมขอตัวก่อนแล้วกันครับ” คะน้าตั้งท่าจะออกจากห้องไป หากแต่หญิงสาวกลับร้องเรียกไว้

“ถ้าคุณพอจะว่าง คุยกันหน่อยดีไหมคะ” คะน้าหันมามองด้วยความงง
หมอก้อยดึงเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกลตัวออก คะน้าจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้นั้น
หญิงสาวจึงเดินไปเปิดตู้เย็นเล็กๆ แล้วหยิบน้ำให้กับคะน้าแล้วเดินมานั่งตาม

“คุณคงพอรู้เรื่องเกี่ยวกับที่ตุลได้ทุนใช่ไหมคะ”
คะน้าพยักหน้ารับ ในใจยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์เมื่อวันวาน

“มันเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่ตุลจะได้โอกาสทำสิ่งที่เขารัก
และมีโอกาสเติบโตในวงวิชาการ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้คุณเป็นกำลังใจให้กับตุลด้วยนะ”

“ครับ ผมทราบดี”

บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆ พร้อมกับความรู้สึกที่ค่อยๆ ชาขึ้นแบบทบทวี
ข้อสันนิษฐานสวนทางกับสิ่งที่ออกจากปากของแพทย์หญิงอย่างต่อเนื่องจนคะน้าจับต้นชนปลายไม่ถูก

“ช่วงนี้ ตุลคงยุ่งมาก ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ลองโทรนัดกับตุลเค้าก่อนเข้ามาก็ดีนะคะ”

“ผมมีแต่เบอร์เครื่องของโรงพยาบาลน่ะครับ” คะน้าลอบถอนหายใจเบาๆ

“งั้นเดี๋ยวหาให้แล้วกันนะ” หมอก้อยยิ้มให้น้อยๆ แล้วหยิบมือถือมากดไล่รายชื่อหาเบอร์โทรศัพท์
หากแต่คะน้ากลับรู้สึกกังวลใจ เพราะความที่ไม่รู้ว่าจะทำให้ตุลลำบากใจหรือเปล่าจึงปฏิเสธไป
คะน้าเดินทางกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะอธิบาย
ดูเหมือนปมต่างๆ ยังคงขมวดจนเป็นกองโตจนยากจะสะสางออกมาได้ง่ายดั่งใจคิด
และไม่รู้ว่าจะคลายปมต่างๆ นั้นได้อย่างไร

คะน้ากลับมาสู่คอนโดด้วยความรู้สึกที่แน่นไปทั้งหัว พักหลังๆ
ชายหนุ่มมักจะพักที่คอนโดของผักกาดมากกว่า
บ้านหลังเก่าๆ อีกหลังที่เคยอยู่ตอนสมัยเด็กๆ กับครอบครัว
เดิมทีเดียว คะน้าตั้งใจจะพักที่บ้านไปเรื่อยๆ เพราะชอบบรรยากาศต่างๆ
และความไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรให้มากความ หากแต่การพักคอนโดนั้นทำให้พบเจอ
ได้เรียนรู้อะไรต่างๆ นานาเกี่ยวกับทิมและตุลมากขึ้น

...ทิม? ทำไมถึงมาเกี่ยวด้วย ไม่สิ หมายถึงตุลต่างหาก
เพราะว่าวันนั้น เราตัดสินใจจะคบกับตุลเป็นแฟนต่างหาก
คะน้าขยี้หัวตัวเองจนยุ่งเหยิง จนผักกาดที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่หันมามองด้วยความห่วง

“ต่าย เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย หน้าตาเราดูเครียดๆ ยังไงไม่รู้”

“ไม่มีอะไรหรอกเจ้ รถติดก็คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย”
คะน้าเดินไปหาผักกาดที่นั่งอยู่ที่โซฟา การยื่นแก้มให้ผู้เป็นพี่สาวหอมนั้น
ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมสำหรับบ้านนี้ไปเสียแล้ว
ผู้เป็นน้องชายทิ้งตัวลงข้างๆ ที่สาวบนโซฟานุ่มหนา
ผักกาดเดินไปเปิดตู้เย็นและรินน้ำใส่แก้วสูงเดินมาส่งให้ คะน้ากล่าวขอบคุณ

“ต่าย เจ้ถามตรงๆ นะ ชอบงานที่ตลาดไหม ยังอยากจะทำหรือเปล่า
เจ้เป็นห่วงเรานะ เราออกจากงานออฟฟิศแล้วมาทำงานค้าขายแบบนี้
งานพวกนี้จะว่าไปมันก็ใช้พลังงานเยอะอยู่ ถ้าไม่ชอบก็บอกกัน
อย่าฝืนตัวเองรู้ไหม คนที่เค้าสนใจจะซื้อที่ตรงตลาดเรามันมีเรื่อยๆ แหละ”

“ป๋ากับแม่จะได้ว่าเราเอาไง ให้แล้วก็ดูแลไม่ได้”
คะน้าจิบน้ำแล้วหันมายิ้มให้พี่สาว “อ๊า... ชื่นจายยยยย...”

“เจ้ก็เป็นห่วงเรานั่นแหละ ดูสภาพสิ อะไรก็ไม่รู้
บางทีเจ้ก็คิดว่าเจ้ทำให้เราไม่มีความสุขหรือเปล่า”
ผักกาดมองคะน้าด้วยความเป็นห่วง ผู้เป็นน้องชายยิ้มกว้างแล้วโผเข้ากอดพี่สาว
...หอมแก้มฟอดใหญ่ ผักกาดหัวเราะขำแล้วตีมือน้องชาย

“นี่ๆๆ ไม่ต้องเลย เราน่ะ ไปเอากุหลาบมาจากไหน สาวที่ไหนให้มา บอกมาเลย”
คำถามของผักกาดทำให้คะน้าสะอึก สาวเหรอ? ...ไม่ใช่เลย



(ยังมีต่อด้านล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-01-2013 09:49:43
(ครึ่งหลังนะครับ)




“เอ่อ... เจ้หิวไหม ไหนๆๆๆ วันนี้มีอะไรกินมั่ง”
คะน้าตีมึนลุกขึ้นเดินไปทางครัวแล้วชะโงกหน้าไปมา
หากแต่พื้นที่ของห้องครัวและโต๊อาหารล้วนว่างเปล่า
...ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาในใจในเสี้ยววินาที




...ใจหาย

“จากนี้ไปเพื่อนเราก็คงไม่มาทำอาหารอะไรแบบที่ผ่านมาแล้ว
เจ้เกรงใจเพื่อนเรา ก็เลยบอกเขาไปว่าขอบคุณ”
ผักกาดเดินตามมาตบบ่าน้องชายเบาๆ เห็นกันมาตั้งแต่เด็ก รู้ดีว่ากระต่ายรู้สึกยังไง

แม้จะรู้ว่าน้องชายจงใจเลี่ยงไม่ตอบเรื่องดอกไม้ แต่ก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรในเวลาแบบนี้
“ข้างล่าง ร้านอร่อยๆ ก็มีนะ หรือจะสั่งอะไรมาทานกัน เอาไหม?”

คะน้าหันมาฝืนยิ้มให้ผักกาดอย่างร่าเริง ในใจรู้สึงหวิวๆ ไปอย่างบอกไม่ถูก
ไม่มีกลิ่นอาหารหอมฉุยแบบที่ผ่านๆ มา อาหารที่เขาแทบไม่สนใจจะทาน
และจากนี้ ...คงไม่มีโอกาสจะได้ทานอีกแล้ว

ผักกาดยื่นสารพัดเมนูอาหารจากร้านรวงต่างๆ ที่มีบริการส่งให้กับคะน้าเพื่อเลือกดู
น้องชายรับมาเปิดพลิกไปเรื่อยๆ แม้ตาจะจ้องมองตัวหนังสือบนกระดาษมากมาย
หากแต่ใจกลับคิดไปถึงคนที่หายไป

ดอกกุหลาบในห้องส่งกลิ่นหอม และความรู้สึกของรสสัมผัสเมื่อคืนก็ยังคงอยู่
ท่าทีของทิมดูแปลกประหลาดและเกินคาดเดาเสมอสำหรับคะน้า
...ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายที่ทำแบบนั้น แต่แล้วก็รู้สึกเก้อๆ แบบนั้นเอง
...เวลาที่ทิมไม่กล้าสบตา ...เวลาที่ยืนทำอะไรไม่ถูก
...เวลาที่ผิวขาวๆ เปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ ...ใบหูแดงๆ นั่น




...ตลกดี

คะน้ายิ้มออกมาน้อยๆ โดนที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว
กระทั่งพบกับสายตาของผู้เป็นพี่สาวที่จ้องมองเขม็งก็สะดุ้ง
พลันนึกแปลกใจที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่มีสาระ

“เป็นอะไรน่ะเรา เดี๋ยวทำหน้าหงอย เดี๋ยวก็ยิ้มกริ่ม ประหลาดขึ้นทุกวันนะ” ผักกาดทำหน้าสงสัย

“ไม่ได้ยิ้ม ไม่มีอะไรสักหน่อย เจ้คิดไปเรื่อย”
หากแต่ผู้เป็นพี่สาวยังคงมองจ้องจนคะน้าเขิน “อะไรเล่า!”

ก่อนที่จะคาดคั้นอะไรน้องชายที่ทำตัวประหลาดขึ้นทุกวัน
เสียงกริ่งก็ดังขึ้น ทั้งผักกาดและคะน้าทำหน้าแปลกใจ หญิงสาวบ่นเบาๆ ว่าใครมา
แล้วก็เดินไปเปิดประตู แขกผู้มาเยือนทำให้ผักกาดมีสีหน้าประหลาดใจ

ทิมยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับอาหารสดในมือในถุงพลาสติกใสจำนวนหนึ่ง
และโดยไม่พูดพล่ามทำเพลง ชายหนุ่มก็แทรกตัวผ่านผักกาดที่ยืนเหวอ
ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าวของพะรุงพะรังในมือบ่งบอกได้ดีว่า
เจ้าตัวคงแวะที่ตลาดและเตรียมพร้อมที่จะทำอาหารแบบหลายวันที่ผ่านมา

ร่างสูงโปร่งเดินตรงไปที่ครัว จังหวะที่เดินผ่านคะน้า เขาหันมาส่งยิ้มยวนๆ
ให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน แล้วก็จัดแจงทำอาหารราวกับเป็นสถานที่ที่ตนคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เพียงครู่เดียวเสียงมีดกระทบเขียงก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ มีเสียงส้อมกระทบชามรัวๆ
เป็นจังหวะตีไข่ และเสียงอะไรอีกมากมาย เพียงไม่กี่นาทีต่อมา
กลิ่นหอมชวนเรียกน้ำย่อยก็โชยออกมาจากทางครัว ไม่ใช่แต่เพียงผักกาดที่ยืนอึ้ง
แม้แต่คะน้าก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน


...ก็เมื่อวานคุยกันไปแล้ว

ไม่นานนัก ทิมก็ยกจานอาหารมากมายที่ดูน่ารับประทานมาวางบนโต๊ะเรื่อยๆ
ผิดจากทุกวันที่เป็นอาหารราวกับส่งตรงจากภัตตาคาร มื้อเย็นวันนี้
ส่วนมากเป็นอาหารง่ายๆ สี่ห้าอย่างที่ทำเสร็จโดยใช้เวลาไม่นาน
จานเปล่าสามจานถูกยกขึ้นจัดวางตามตำแหน่ง ไม่ช้าข้าวสวยร้อนๆ
ในหม้อหุงที่ส่งกลิ่นหอมก็ถูกทัพพีคดจนร่วนซุยดูน่าทานอยู่บนจาน

“วันนี้หิวมาก ขอฝากท้องด้วยแล้วกัน” ทิมพูดเบาๆ
แล้วยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนจะหันมาเชื้อเชิญทุกคน “เชิญครับ”

แม้จะรู้สึกแปลกๆ แต่คะน้าเป็นฝ่ายที่ลุกขึ้นยืนก่อนในฐานะเจ้าบ้าน
เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นพี่สาวกำลังอึ้งกับการกระทำแบบไม่แคร์อะไรของทิม
น้องชายสะกิดเรียกคนที่นั่งมองอย่างไม่เชื่อสายตาให้รู้สึกตัว
หญิงสาวจึงค่อยๆ ลุกขึ้นเดินตามมานั่งที่โต๊ะอาหาร ผักกาดนั่งลง
โดยมีคะน้านั่งอยู่ข้างๆ ฝั่งตรงข้ามคือแขกผู้มาเยือนที่ทำหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นั่งเขี่ยข้าวในจานไปสองสามครั้งสุดท้ายผักกาดก็วางช้อนส้อมลงแล้วเอ่ยถาม

“เมื่อวานก็พูดคุยกันแล้ว เจ้นึกว่า...”

“จะไม่มา?” ทิมเอ่ยถามราวกับเป็นเรื่องทั่วไป ผมเข้าใจนะ และก็รับทราบแล้ว”
ทิมตักไข่เจียวหมูสับที่ฟูกรอบดูน่าทานวางลงในจานข้าวของผักกาด “พี่ลองทานนี่ดูครับ”

“แล้ว...” ผักกาดมองชายหนุ่มตรงหน้าสลับกับ
ไข่เจียวหอมฉุยไปมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ก็รับทราบไงครับ” ทิมยิ้มให้ผักกาดแล้วก้มหน้าทานอาหารต่อไป

เพราะความที่พอจะรู้จักคนทั้งคู่เป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าไม่ดี
คะน้าจึงเอาปลายเท้าเตะทิมเบาๆ ที่ใต้โต๊ะ แล้วส่งสัญญาณเรียกไปคุยกันต่างหาก
ผักกาดมีสีหน้าไม่สบายใจ คะน้าเดินน้ำทิมเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง
คนที่ตัวสูงกว่าเดินตามอาดๆ อย่างไม่ทุกข์ใจ

“อย่ากวนเจ้ได้ไหม นายต้องการอะไร เมื่อวานเจ้ก็พูดไปแล้ว”
คนที่เป็นแขกยืนเฉยเหมือนไม่ได้สนใจ
ซ้ำยังเดินลงไปนั่งบนเตียงนอนของคะน้าอย่างสบายอกสบายใจ

“ว่ายังไง อย่ายั่วโมโหกันได้ไหม”

“ก็คุยแล้ว รับรู้ทุกอย่าง”

“งั้นก็น่าจะเข้าใจ ผมไม่อยากให้เจ้ไม่สบายใจ”
คะน้าผ่อนลมหายใจหนักด้วยความกลุ้มใจ

“เข้าใจ ...แต่ไม่ได้บอกว่าจะทำตาม”

“นายนี่มัน...” คะน้าถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ เป็นไปอย่างที่คิดทุกอย่าง
ชายหนุ่มได้แต่ตีหน้ากลุ้มเพราะทำอะไรไม่ถูก
และไม่รู้จะแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังไง “มึงนี่มัน...”

ไม่บ่อยที่คะน้าจะขึ้นคำพวกนี้ จนชายหนุ่มที่นั่งอยู่ขมวดคิ้วเข้มขึ้นสูง
เหมือนไม่เชื่อหูตัวเองเท่าไหร่ “เมื่อวานก็ทีนึงแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน
อยากจะทำอะไรก็ทำตามใจตัวเองไปทุกอย่างเลยตลอด”

“ไหนมึงบอกมาซิ ช่วยบอกหน่อยว่ามึงต้องการอะไรจากคนอย่างกูนักหนา
ไอ้เรื่องวุ่นๆ ที่เกิดขึ้นมาเนี่ย มันคืออะไร” คะน้าพูดขึ้นมาอย่างเหลืออด
ทุกอย่างที่ผ่านมาดูเหมือนว่าปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้น
นับจากทิมลุกขึ้นมาทำอะไรแปลกๆ ใน 15 วันนับจากวันนั้น

“ที่ไปทำอะไรแบบนั้นกับตุล หรือแม้แต่มาทำอาหารแบบนี้ทุกวัน มึงต้องการอะไร”
คะน้ารุดเดินเข้าไปหาทิมที่นั่งอยู่ นอกจากจะไม่สะทกสะท้านแล้ว
ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าติดจะดูยิ้มขันน้อยๆ อย่างอารมณ์ดีด้วยซ้ำ
และนั่นทำให้คะน้ารู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่

“ไหนบอกมา เรื่องระหว่างมึงกับตุลคืออะไร มึงรู้จักกันมาก่อน
มึงสองคนเคยรักกันใช่ไหม ถ้าใช่ แล้วมึงดึงเอากูไปเป็นของเล่นปั่นหัวแบบนี้ทำไม”
คะน้าระเบิดความในใจมากมายออกมาด้วยความหัวเสีย
ความเสียใจระคนไปด้วยความน้อยใจที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

“แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ” ทิมสบตานิ่ง ร่องรอยแห่งความสนุกไม่มีเหลืออีกต่อไปแล้ว
ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่และจริงจัง
แรงกล้าจนกลายเป็นคะน้าเองที่กลัวใจในแววตาที่ฉายคมคู่นั้น

“ถามว่าถ้าไม่ใช่ล่ะ มึงจะฟังกูไหม”

คะน้าชะงักไปกับท่าทางของทิม เวลาที่เล่นสนุก ทิมก็ดูคล้ายกับ
เด็กซนๆ ที่คึกคะนอง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ชายหนุ่มผู้นี้เอาจริงขึ้นมา
คะน้ารู้ดีว่าเขาจริงจังจนกลายเป็นคนที่ดูน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย

“แล้วยังไงล่ะ ใช่หรือไม่ใช่” คะน้าพยายามข่มเสียงกลับ แต่ก็ยังรู้สึกหวาดๆ

“ไม่ใช่”

“ไม่ใช่อะไร”

“ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ อย่าเซ้าซี้” ทิมตอบด้วยเสียงเรียบๆ ดวงตาสีดำเข้ม
จ้องเขม็งกลับอย่างไม่ไหวติงจนคะน้าต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา
เมื่ออารมณ์ที่คุกรุ่นเริ่มเย็นลง คะน้าเป็นฝ่ายที่ยืนสงบอยู่นิ่งๆ อย่างนั้น “เชื่อกู”

“อือ” คะน้ารับคำอย่างแผ่วเบา แม้จะดูเป็นคนที่แปลกอยู่ไม่น้อย
แต่สำหรับคะน้า ทิมเป็นคนที่มีคำสัตย์แบบลูกผู้ชายมากพอที่จะเชื่อถือได้เสมอ

“กูไม่ชอบให้มึงพูดขึ้นมึงขึ้นกู”

“ทีมึงยังพูดกับกู” มันทันขาดคำ คะน้าก็เถียงกลับอย่างไม่สบอารมณ์

“มันไม่ใช่มึง มึงไม่ต้องพยายามทำอะไรที่มันต้องฝืนตัวเองมากมาย กับกู
มึงแค่เป็นอย่างที่มึงเป็นก็พอ ไม่ต้องดี ไม่ต้องเลว แค่เป็นมึงที่เป็นมึง”
แม้คำพูดของทิมนั้นจะห้วนไม่น่าฟัง แต่มันทรงพลังมากพอจะสั่นคลอนบางอย่างในใจของคะน้า
หากแต่ทิฐิที่มีทำให้คะน้าเถียงกลับแบบไม่ชอบใจที่ทิมพูดจาวางตัวแบบนี้

“อย่างน้อยกูก็อายุมากกว่ามึง มึงควรจะให้ความเคารพกูมากกว่านี้หรือเปล่า”

“มึงแคร์นักใช่ไหม กฎเกณฑ์สังคมบ้าบอน่ะ ถ้ามึงอยากให้กูเรียกมึงมากๆ
กูเรียกมึงว่าพี่ก็ได้นะ หรือจะให้กูเรียกว่าพ่อเลยก็ได้ เอาไหม”
คะน้าอึ้งไปกับสิ่งที่ทิมพูดและแนวคิดในแบบของเขา

“กูนับถือตัวมึงที่ความดีที่มึงมี ไม่ได้เกี่ยวกับอายุของมึง”
ทิมลุกขึ้นยืนแล้วเป็นฝ่ายเดินย่างเข้ามาหาคะน้าด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น จริงจัง

“กูไม่เคยมองว่ามึงเป็นพี่หรือน้อง สำหรับกูแล้ว
ระหว่างมึงกับกูจะเสมอภาคและเท่าเทียมกันทุกเรื่อง”

“อย่างน้อยกูก็เกิดก่อนมึง” คะน้าเถียงกลับ ไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ทิมพูดแม้แต่น้อย

“เงียบแล้วฟัง” ทิมส่งเสียงกลับดัง สองมือยกขึ้นจับบ่าของคะน้าแล้วออกแรงกด

“มึงไม่จำเป็นหยาบเพื่อให้มึงดูโตกว่าหรือเหนือกว่ากู มึงเป็นมึงก็ดีอยู่แล้ว
กูฟังคำพูดมึงทุกคำ ดังนั้นช่วยเลิกพูดคำหยาบเสียที กูไม่ชอบ เข้าใจไหม”
ทิมจ้องลึกไปในดวงตาของคะน้าที่ค่อยๆ สลดลง



“เข้าใจไหม?” ทิมถามย้ำอีกครั้ง

“...ครับ” ลงท้าย คะน้าก็รับคำอย่างนึกแปลกใจตัวเอง
ทิมรู้จักคะน้ามากกว่าที่คะน้ารู้จักตัวเอง เปลือกนอกที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ดูแข็งแกร่ง
แต่แท้จริงแล้ว คะน้าก็อึดอัดตัวเองที่ต้องฝืนพูดอะไรแบบนี้ แต่ก็เพราะไม่รู้ว่า
จะแสดงออกทางความรู้สึกที่มีอย่างไร ทุกอย่างจึงดำเนินไปในแนวทางแบบนี้

“ทีกับมันนะ อี๋อ๋อตามใจมันอย่างนั้นอย่างนี้ ทีกับกูล่ะ เถียงเอาๆ” ทิมบ่นอย่างหัวเสีย

“ก็...” คะน้าเอ่ยปากจะพูด แต่พอเจอสายตาดุๆ ของทิม
ก็ค่อยๆ หุบปากลงพร้อมกับเสียงที่หายไป
ทิมส่ายหัวไปมาอย่างระอาใจ ก่อนจะเริ่มพูดต่ออีกครั้ง

“มึงเป็นเหมือนเพื่อนที่กูสนิทไว้ใจ เป็นเหมือนคนในครอบครัวของกู
แต่ละวันที่น่าเบื่อ มีมึงเป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่กูอยากเห็นทุกวัน
มึงมันไม่เหมือนใคร มึงน่ารักมาก และมึงก็ใจดีกับทุกคน
มึงทำให้กูมีความสุข แล้วกูเองก็ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่กูก็อธิบายไม่ถูก”
ทิมผ่อนลมหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง

“คะน้า ต่าย ชื่ออะไรก็เรื่องของมึง กูแค่อยากบอกว่า”





“...มึงไม่ใช่แค่พี่กูหรอกนะ แต่มึงจะเป็นทุกๆ อย่างในชีวิตกู”

คะน้าถึงกับยืนอึ้ง คำพูดที่ไม่ได้มีความไพเราะแม้แต่น้อยของทิม
กลับกอปรไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้ถูกฉาบไปด้วยความไม่สุภาพบนพื้นผิว
แต่ความนัยกลับอัดแน่นไปด้วยความละเอียดอ่อนและความอ่อนโยนที่น้อยคนจะมองเห็น
ปกติทิมไม่ใช่คนพูดจาแบบนี้ หากแต่คงเพราะเหตุผลบางอย่าง
บางทีอาจไม่ต่างกับตัวคะน้าเท่าไหร่ เมื่อความรู้สึกมันอัดแน่นมากมาย
จนอยากจะระเบิดระบายออกให้อะไรๆ ที่ค้างคามันจบเรื่องไปเสียที

“มึงจะด่าอะไรกูก็ได้ แต่ไหนแต่ไรกูก็เป็นของกูแบบนี้ กับมึงในตอนนี้
กูอยากจะพูดอะไรตรงๆ ที่สุดแล้ว กูไม่อยากอ้อมค้อมอะไรอีกต่อไปแล้ว
กูขอให้มึงฟังกูได้ไหม” คะน้าพยักหน้ารับเบาๆ
มองคนคุ้นเคยที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ทิมวันนี้ดูแปลกตากว่าทุกครั้ง
หากแต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่คะน้าได้รู้จักตัวตนของทิมจริงๆ

“ไม่ใช่ว่ากูเข้มแข็งมาจากไหน กูก็เหนื่อยกับอะไรพวกนี้ไม่ต่างกับมึง
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กูเองก็ไม่รู้ แล้วกูก็ไม่อยากจะรับรู้ด้วย
กูไม่อยากให้มึงเป็นแค่พี่หรือเป็นเพื่อนกู”

คะน้ายืนอึ้ง หัวใจเต้นแรงอย่างไร้สาเหตุและรุนแรงกว่าทุกครั้งที่เคยรู้สึกมา
ลมหายใจขาดช่วงและสั้นเป็นห้วงราวกับเพียงเพื่อพยุงให้ร่างกายยังดำรงชีวิตได้ต่อไป
ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังและหวาดกลัวกับช่วงนาทีต่อไป ไม่รู้ว่าจะทิมจะพูดอะไร
ไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าตัวคะน้าเอง
ก็คงจะยอมโดยไร้ข้อแม้ต้านทาน อึดอัดตัวเองที่เป็นอย่างนี้
แต่เหมือนกับคะน้าปล่อยให้คนตรงหน้ามีอิทธิพลเหนือทุกอย่างไปแล้ว

“สัญญากับกู มึงเชื่อกูได้ไหม ทุกการกระทำ ทุกๆ คำพูดของกู”
คะน้าพยักหน้ารับแต่โดยดี

ไล่ไปตั้งแต่ลำคอกระทั่งถึงใบหน้า ผิวที่ขาวจัดของทิมค่อยๆ ระเรื่อเป็นสีฝาดเลือด
“งั้นเชื่อกู แล้วฟังคำพูดของกูให้ดีๆ”

ทิมจ้องลึกลงไปในแววตาของคะน้า ดวงตาคู่นั้นนิ่งสงบ มุ่งมั่น และเข้มแข็ง
ทว่าแปลกที่สีดำเข้มแวววาวนั้นกลับดูอ่อนโยนกว่าทุกๆ ครั้งที่คะน้าเคยเห็นมา





“กูรักมึง”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



จะพอไหวไหมนะ ภาพลักษณ์ตัวละครพลิกผันแบบนี้ 55555
ตอนแรกทรามกว่านี้เล็กน้อย แต่เดี๋ยวจะพากันอึ้ง ทึ่ง เสียวกันเกินไป ฮ่าๆ

แอบหวังลึกๆ ว่าคนที่เริ่มห่างหายไปเพราะขยาดกับมาม่าถ้วยโต
จะกลับมาอ่านนิยายอีกครั้งนะครับ ใจจริงอยากเข็นตอนนี้ให้ออกมาทันก่อนปีใหม่
แต่ก็นะ ไม่ไหวจริงๆ เอาเป็นว่านับจากนี้ก็อ่านแบบหายใจสะดวกขึ้นบ้าล่ะเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมอ่าน คอมเมนต์ และร่วมเวิ่นเว้อโดยพร้อมเพรียงกันล่วงหน้านะครับ
ไหนๆ ก็หายไปนาน ขอกอดทุกๆ คนให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 08-01-2013 10:28:58
มาม่าก็ไม่หายค่ะ

ทิมกลับมาแล้ววว เย่ๆ   ชอบอะผช.แบบนี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 08-01-2013 10:39:43
อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมม

ก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีว่าทิมกับตุลมีอะไรยังไงต่อกัน
เรื่องทิมรักคะน้า เราเชื่อ เราเชื่อว่าคะน้ารักทิม เพราะคะน้าบอกเอง
แต่ตุลรักคะน้าจริงมั้ย ไม่รู้

เอาจริงตอนนี้ปวดหัวแทนคะน้าละ 5555

เค้าไม่ได้หายไปไหนนะตัวเอง เค้าตามอ่านตามเม้นท์ตลอดนะ
นิยายตัวน่าอ่าน น่าปวดหัวดีออก เค้าชอบ 555555555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 08-01-2013 10:41:35
คิดถึงคะน้ามากค่ะ :m7: เข้ามาดูทุกวันไม่หายไปไหนแน่ๆ

รอลุ้นปฏิกิริยาของคะน้าที่มีกับคำบอกรักของทิม :m3:

น้องต่ายจะทำไงน้อ :m17: พี่ผักกาดจะได้ยินหรือปล่าว

รอลุ้นค่ะ :m5: ทิมสู้ สู้ :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 08-01-2013 13:07:51
ก็ยังงงกับความสัมพันธ์สามคนนี้อยู่ดี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-01-2013 14:53:25
รักสามเศร้า เราสามคน
สับสนตุลกับทิม
มันมีอะไรกันแน่ๆ อบยากได้ความกระจ่างงงงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 08-01-2013 17:10:27
โอ๊ย..วิ่งรอบซอย เขาจะเป็นแฟนกันแล้วใช่ม่ะ เชียร์ทิมมาตลอดเลยนะ แต่ก็ยังอยากรู้ความจริงของตุลย์อยู่ดี (เราไม่หาแน่ตามอ่านตลอดเลย)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 08-01-2013 17:21:29
 :-[ แอร๊ยยยยยยยยยยยย
ตกลงทิมเป็นพระเอกชิมิ
มาม่าก็รับได้ ทรามก็รับได้ ยังไงก็รับได้ขอแค่มาต่อก็พอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-01-2013 20:02:48
เฮ้ยๆๆๆ กูรักมึง คำนี้แหละ คำนี้~~~~ ที่คนอ่านรอฟังมานานมาก รวมถึงคะน้าด้วย
เจอทิมเวอร์ชั่นจริงจังเข้าไปคะน้าถึงกับเชื่องเลยอ่า น่าเกรงขามเหมาะเป็นผู้นำครอบครัวมาก ๆจ้า
แม้จะบอกรักกันแล้วแต่สิ่งที่คะน้า (และคนอ่าน) สงสัยก็ยังมีมากมาย คายมาให้หมดนะตาทิม
แต่ชอบทิมจัง เป็นผู้ชายที่เถื่อนและจริงใจดี ทำกับข้าวเก่งด้วยนะเออ ปลื้มอ่ะปลื้ม  :-[
จะปลื้มกว่านี้ถ้าไม่มีความลับกับคะน้าแล้ว ดอกไม้ที่ถือไปตั้งใจเอาไปให้ใครอ่ะ
พี่ผักกาดแอบฟังอยู่หน้าห้องป่าว ถ้ารู้ว่าทิมบอกรักน้องขนาดนี้แล้วพี่จะยอมมั้ย
ยอมเหอะนะ พลีสสสส คนอ่านขอร้อง (เอาใจช่วยพระนายสุดติ่งค่ะ)

ขอบคุณค่ะ มาต่อเร็ว ๆ นะค้าาาาา  :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 08-01-2013 20:19:24
เอาเป็นยังงงและมึน
และไม่อยากคิดอะไร  :เฮ้อ:

รักทิมเหมือนเดิม  :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 08-01-2013 21:02:31
เปลี่ยนอารมณ์ตามแทบไม่ทัน 555
สู้ๆค๊าบ ยังไงเราก็จะตามไปจนจบนั่นแหละนะ>< :mc2:
:ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 08-01-2013 21:22:35
แอร๊ยยยยยยยยยย  มันพลิกสุดๆเมื่อกี้กินมาๆผัดพริกตอนท้ายๆนี้
ฉันคงทำน้ำตาลหรืออย่างไรมาม่าในปากมันถึงหวานจนอยากคายออกเพราะความเลี่ยน
รักคนเขียน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 08-01-2013 21:59:49
ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 08-01-2013 22:00:15
โล่งใจไปเปลาะนึง แต่ยังเหลือปมใหญ่อยู่อีก
อยากรู้เฉลยแล้วว่าตุลทิมมีอะไรในก่อไผ่รึป่าว
อดใจรอไม่ไหวแล้ว อึนมึนมาหลายตอนเกิ๊นนนน 

ปล. คิดถึงจันทู อยากให้มีบทแซมเยอะขึ้นในตอนต่อๆไปนะคะ
ตอนนี้เข้าใจว่าพยายามคุมโทนคุมเรื่องให้อยู่ในอารมณ์สับสน โกรธ น้อยใจของคะน้า
เลยไม่จัดบทฮามาขโมยซีนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 08-01-2013 23:56:29
ชูป้ายไฟทิม กรี๊ดดดดดดดดด
ถึงตอนนี้ยังจะกำกวมสงสัยงงงวยกับความสัมพันธุ์ของสามคนนี้อยู่
แต่ตอนนี้ทิมทำให้เรากรี๊ดดดดดดดดดดดดดด /มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้อ่า/
แต่ยังสงสัยกับหมอตุลอยู่ว่าความสัมพันธุ์ของหมอในวงจรนี้มันคืออะไร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 09-01-2013 19:25:56
 :impress2: ต้องอย่างนี้สิทิมมมมมมมม!!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 10-01-2013 18:17:03
ป๊าดดด ยังไงๆทิมก็ดีที่สุดแล้ว!!!!
ไม่ต้องหวานเลี่ยน ไม่ต้องบอกรักมากจนล้น ไม่ต้องมีสรรพนามพิเศษ
แค่ตัวนายที่เป็นตัวนายก็พอแล้ว~ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 11-01-2013 14:56:54
รู้สึกว่ามึงกูนี่ไม่ค่อยเหมาะกับบุคลิกของต่ายกับทิมเลย
สวัสดีปีใหม่ ไม่ได้หายไปไหน ยังรออยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 13-01-2013 12:07:36
พี่คนแต่งอยู่ไหนนะ

(http://greatinspire.com/wp-content/uploads/2012/06/Waiting-by-Ramon-Mariano.jpg)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 13-01-2013 14:02:07
ค่อนข้างปลื้มเพราะเป็นทิมเอฟซี กรั่กๆ
แต่ยังไงก็เคลียเร่ีองทิมกับตุลมาก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pandaticket ที่ 17-01-2013 00:58:27
ตามอ่านจนทันแล้ว > <

ขอบอกตั้งแต่เริ่มอ่านเรื่องนี้

เรารู้สึกมันละมุนละไมมากๆ

ตอนที่ต่ายพรรณนาเกี่ยวกับกระต่าย

เหมือนอ่านนิทานเลย

อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลย

แล้วยิ่งตอนเจ๊ผักกาดพูด

ตอนที่ 17.2 ช่วงที่ตุลกับต่ายเลิกกัน

อ่านแล้วโดนใจอย่างแรง

แต่ก็เครียดกดดันแทนต่าย

เข้าใจสังคมเปิดกว้างก็จริง

แต่มันก็ไม่กว้างพอสำหรับใครอีกหลายๆคน

อ่านแล้ว :a5: :เฮ้อ: o18

กดดันแทนผู้เขียนเลย

ยังไงก็สุ้ๆ นะค่ะ o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 17-01-2013 22:46:45
มาแล้วครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ
ตอนนี้ ขออนุญาตไม่จัดหน้าแบบสั้นๆ นะ พอดีรีบนิดนึง
อ่านแล้วอาจตาลายหน่อยนะครับ ตัวหนังสือเป็นพรืดเลย
ไม่พล่ามให้เสียเวลา มาอ่านตอนที่ 20 กันเลยครับ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ตอนที่ 20





“แต่ผมรักป๋า รักแม่ และรักพี่ผักกาดที่สุด”

สัมผัสที่แผ่วเบาบนศีรษะของเด็กชายตัวน้อยซึ่งเริ่มโตจนพอรู้ภาษาพร้อมกับเสียงหัวเราะที่ตามมา พาลให้เจ้าตัวทำหน้างงด้วยความไม่เข้าใจ เด็กชายคะน้านั่งมองชายวัยกลางคนที่ตัวเองเรียกว่าป๋าซึ่งกำลังหัวเราะครื้นเครงจนตัวเองรู้สึกเก้อไป ด้านข้างเป็นผักกาดที่สาละวนกับการทานช็อคโกแลตที่เริ่มละลายจนเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้า เด็กชายตัวน้อยจึงหันไปหาที่พึ่งสุดท้าย ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นแม่ที่เข้าใจและคอยตามใจคะน้ากว่าใครๆ

“มันไม่เหมือนกันครับต่าย สักวัน ต่ายโตขึ้น ต่ายลูกแม่จะเข้าใจครับ แน่ะ อย่าทำหน้ามุ่ยแบบนั้นสิ” หญิงสาวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ไม่เหมือนกันยังไงอ่า”

“ป๋าเขาหมายถึงรักแบบแฟนไงครับ” ว่าพลางหันไปส่งตาดุใส่คนที่นั่งระรื่นข้างๆ “คุณนะคุณ มาช่วยกันเลย เอาแต่นั่งหัวเราะลูก” เธอหันไปบิดเอวชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ พร้อมใบหน้าที่เริ่มมุ่ย ดวงตาใสๆ คู่นั้นเหมือนจะถ่ายทอดไปที่ลูกชายกำลังนั่งปั้นหน้าแบบเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน ชายหนุ่มจึงช้อนตัวลูกชายคนเล็กขึ้นนั่งบนตักแล้วเอามะเหงกเขกบนหัวทุยๆ นั้นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู เด็กชายคะน้ายกสองมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ

“ไม่เหมือนแบบนั้น ป๋าหมายถึงรักอีกแบบ ...แบบนี้ไง” ว่าแล้วก็หอมแก้มหญิงสาวที่นั่งข้างฟอดใหญ่ หญิงสาวค้อนขวับแล้วเขม่นสายตาใส่ด้วยความระอา

“แบบนั้นก็ต่ายรักผักกาดก็ได้” กระต่ายตัวน้อยตั้งท่าจะกระโดดแผล็วไปหาพี่สาวเพื่อจับหอมแก้มเลียนแบบผู้เป็นพ่อ เล่นเอาคุณแม่ต้องรีบอุ้มผักกาดหนีไปที่อื่นเพราะกลัวลูกทั้งสองคนจะเลอะช็อคโกแลตไปตามกัน ชายหนุ่มหัวเราะร่วนอีกครั้งแล้วกอดลูกชายคนเล็กบนตักแน่น

“เรานี่ร้ายนะ ฮ่าๆ ฟังป๋านะลูก สักวัน ลูกจะได้พบกับคนที่ลูกรู้สึกว่าเขาแตกต่างกว่าใครๆ คนที่ลูกรู้สึกว่าอยากใส่ใจเขาเป็นพิเศษทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนในครอบครัวเรา คนที่ทำให้ลูกทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ แต่ลูกก็ยังอยากอยู่ใกล้ๆ เขา” ป๊ะป๋าพยายามอธิบายเต็มที่ แม้เด็กชายตัวเล็กจะตั้งใจฟังแค่ไหนหากแต่วัยที่เยาว์ ทำให้คนเป็นลูกนั่งกลับมองตาแป๋วด้วยความไม่เข้าใจ

“ไอ้ซนเอ้ย เราน่ะมันยังเด็ก อธิบายไปก็ไม่เข้าใจหรอก เอาแบบนี้แล้วกัน สักวัน หากลูกป๋าได้พบกับใครสักคนที่ต่ายรู้สึกอยากนั่งอยู่ข้างๆ กับเขาตลอดเวลาไปทั้งชีวิต คนที่ไม่ว่าดีหรือร้าย ไม่ว่ารวยหรือจน ตัวผอมเป็นกุ้งแห้งหรืออ้วนเป็นหมูอู๊ดๆ แบบเรา” ป๋าเอามือจี้เอวเด็กชายคะน้าจนเจ้าตัวเล็กดิ้นไปมาพร้อมหัวเราะร่วน

“ไม่ว่าอย่าไงไร ลูกก็ยังรู้สึกดีกับเขา คนๆ นั้นที่เขารู้สึกดีๆ กับลูกแบบเดียวกับที่ลูกรู้สึกดีๆ กับเขา คนที่รู้จักและรู้ใจลูกไม่น้อยไปกว่าที่ลูกรู้จักตัวเอง ถึงวันนั้น แล้วลูกป๋าจะเข้าใจ” เด็กชายตัวน้อยทำหน้าขัดใจด้วยความงง แต่ก็ไม่วายที่จะรีบกระโดดลงจากตักไปคว้าดินสอไม้แล้วจดคำพูดทุกคำของป๊ะป๋าลงใส่สมุดบันทึกเอาไว้

“ต่ายเอ้ย สักวันที่ลูกป๋าพบกับใครคนนั้น อย่าลืมพามาให้ป๋ากับแม่ อย่าลืมพามาให้ผักกาดรู้จักนะ”

คะน้ากอดผักกาดที่เพิ่งเดินกลับมาพร้อมกับคุณแม่แนบแน่น แม้จะไม่เข้าใจในคำพูดยาวเหยียด แต่เด็กชายคะน้าก็จดจำคำพูดสุดท้ายของพ่อได้ขึ้นใจดั่งคำสัญญา









“กูรักมึง”

ทิมยืนสงบนิ่ง ผิวเผินเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากจะมีใครสังเกตสักนิดจะพบว่าชายหนุ่มอ่อนวัยกว่า ผู้ที่เคยขึ้นชื่อว่ามั่นใจนักหนาและไม่แคร์อะไรบนโลกนี้ ตอนนี้กลับดูแตกต่างไปกว่าทุกครั้ง ผิวขาวละเอียดระเรื่อไปด้วยสีแดงระบายแต่งแต้ม

“ค..คิดว่าไง”

...ไม่เหมือนเลย เรียกได้ว่าแตกต่างกับความรู้สึกที่ได้ยินจากปากของตุลอย่างชัดเจน คราวนั้น มันให้ความรู้สึกดีใจ สบายใจที่เห็นตุลมีความสุข แต่กับทิม ใครก็ได้ช่วยผมทีเถอะ ผมแทบจะบ้า ...นี่สินะความรัก ...เข้าใจแล้ว ผมเข้าใจแล้วครับป๋า

ความหมายของคำพูดของผู้เป็นพ่อที่เคยค้างคาเมื่อเยาว์วัยที่ไร้เดียงสาค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ยิ่งเห็นท่าทีของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า หัวใจคะน้าก็ยิ่งสั่นไหว คำพูดเรียบๆ ธรรมดาไม่มีพิธีรีตรองสวยหรูใดๆ หากแต่มันกลับสร้างช่วงเวลาที่ทำให้คะน้าทั้งอยากจะกระโดดโลดเต้นอย่างลิงโลด และรู้สึกอยากจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ดีใจกับสิ่งที่เกินกว่าจะคาดคิด แต่ก็เสียใจเมื่อต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงเวลาที่ทุกอย่างดูเหมือนจะสายเกินไป



...รักทิม



...แต่พอแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะหยุดทำร้ายใครๆ ได้แล้ว


คะน้าก้มหน้าลงช้าๆ แล้วยืนนิ่ง รอยยิ้มน้อยๆ ระบายขึ้นพร้อมความรู้สึกในใจที่เจ็บปวด กว่าจะรู้ตัวอีกครั้ง ก็เมื่อร่างของตัวเองก็ถูกรวบเข้าวงแขนของอีกคนที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว อารามตกใจจึงรีบเงยหน้าขึ้น เพียงครู่เดียว แววตาคู่นั้นของทิมก็กลับมาวับวาวอีกครั้ง รอยยิ้มกวนๆ แบบไม่แคร์โลกที่ชวนมอง กลับทำให้คะน้ารู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

“ขอบใจ คิดว่าได้คำตอบละ” ชายหนุ่มรุ่นน้องยักคิ้วใส่ด้วยความทะเล้น ปล่อยให้คะน้ายืนเหวอไปกับคำพูดของตน

เดี๋ยว!! ตอบอะไร! ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยนะ!?!?

คะน้ายืนตะลึงทำหน้างง หากแต่อีกฝ่ายกลับจู่โจมด้วยคำพูดที่รวดเร็วจนคะน้าตั้งรับไม่ทัน “เลิกทำตัวงี่เง่าได้แล้ว ออกไปกินข้าวกัน แล้วกินให้มันเยอะๆ ด้วย แบบนี้ทุกทีสิ ต้องให้ด่า ต้องให้พูดแรงๆ ใช่ไหม ถึงจะเริ่มรู้ตัว” วงแขนคลายตัวออกพร้อมกับทิมที่ก้าวเดินออกไปอย่างกระฉับกระเฉง

“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งพูด เดี๋ยวก่อน! ผมพูดอะไรออกไป ไม่ได้พูดไม่ใช่เหรอ” คะน้ายกมือจับปากตัวเอง ลึกๆ ก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเผลอพูดคำนั้นออกไปหรือเปล่า “คุยกันก่อน ยังไม่ชัด” ทิมหันกลับมาถอนหายใจ

“อย่ามาเยอะตอนนี้ได้ไหม?” เล่นเอาคะน้าสะดุ้งเฮือก ไม่คิดว่าจะมีคนพูดแบบนี้กับตัวเอง “ที่ทำๆ อยู่น่ะ คิดบ้างไหม ป่านนี้พี่ผักกาดคงเครียดกับที่น้องชายตัวเองหายตัวมายืนทำเก่งตรงนี้ไปไหนต่อไหนแล้ว” ทิมถอนหายใจเหนื่อยแล้วบ่นงึมงำกับตัวเอง



“ไอ้ดื้อเอ้ย ทำไมกูต้องมารักคนทั้งเซ่อทั้งดื้อแบบนี้วะ”

เล่นเอาทำอะไรไม่ถูก เสียงนั้นแม้แผ่วเบาแต่ก็แว่วดังพอที่คะน้าจะได้ยินทุกถ้อยคำทุกพยางค์ ในเงาที่ทุกสิ่งอาจดูขมุกขมัวใบหน้าที่คมคายนั้นยังดูชัดเจน แม้ในวูบแรกสายตานั้นจะดูดุดัน หากแต่เพียงชั่วครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่อ่อนโยนบนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแบบเอ็นดู

...แค่เห็นก็รู้สึกแปลบขึ้นมาในใจจนสั่นสะท้านไปหมด จะกี่ทีกี่หน ไม่มีสักครั้งที่คะน้าจะรับมือกับทิมได้เลย แขกผู้มาเยือนหมุนตัวกลับแล้วเดินฉับๆ ไปที่ประตูตั้งท่าจะเปิดออก คะน้ารีบยกมือห้ามทัพอย่างว่องไว

“เดี๋ยวก่อน คุยกันก่อน คำตอบอะไร ไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วจะทำยังไงต่อ..” คะน้าพยายามเน้นคำแต่ให้เสียงเบาที่สุดเพราะไม่อยากให้ผักกาดได้ยิน ในใจเริ่มหวั่นกับสิ่งที่ทิมทัก หากแต่วิศวกรหนุ่มจอมมุทะลุไม่คิดแม้แต่จะสนใจฟังเป็นครั้งที่สอง ร่างสูงเดินตัวปลิวออกจากห้องไปเหมือนไม่ได้ยินอะไร เป็นอีกครั้งที่แผนการทุกอย่างพังครืน นอกจากจะไม่ได้เคลียร์อะไรกันตามที่ใจคิดไว้ ยังกลับกลายเป็นเหมือนตัวเองถูกบีบให้เล่นตามเกมของอีกฝ่ายอย่างมัดมือชก

แม้จะไม่ชอบใจ แต่คะน้าก็รีบเดินตามออกไปสมทบ เป็นอย่างที่ทิมพูดไม่มีผิดเพี้ยน ผักกาดมีสีหน้าที่ไม่สู้ดี อาหารมากมายตรงหน้าไม่ได้พร่องลงแม้แต่น้อย ผิดกับทิมที่นั่งปุ๊บก็ทานข้าวต่ออย่างเอร็ดอร่อย เห็นแบบนั้น คะน้าก็รีบปั้นหน้าตามไปสมทบ

“โห... เจ้รอเหรอ กินเยอะๆ สิ น่ากินออก” คะน้าพยายามปรับเสียงให้ดูคึกครื้น จัดแจงรีบตักกับข้าวใส่จานของผักกาดแล้วคะยั้นคะยอพี่สาวให้ชิม หากแต่ผ่านไปคำสองคำอย่างเนือยๆ ผักกาดก็วางช้อนส้อมลงที่เดิม

“เจ้กินไม่ค่อยลง”

“อาหารไม่ถูกปากหรือครับ หรือให้ผมทำอะไรให้เพิ่มไหม” ทิมถามขึ้นพร้อมรอยยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผักกาดส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองจ้องทิมอย่างไม่วางตา ด้วยความที่เป็นพี่สาว คะน้าจึงรู้ดีว่าผักกาดกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“เจ้ก็นึกว่าเมื่อวานเราคุยกันแล้ว คิดว่าทิมจะเข้าใจแล้ว” ผักกาดพูดด้วยเสียงเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ลำบากใจ “เจ้เป็นคนพูดตรงๆ จะโกรธเจ้ก็ได้นะ แต่เจ้ขอพูดตรงๆ แล้วกัน เชื่อเจ้เถอะ เจ้เป็นห่วงและหวังดีกับพวกเราทุกคนจริงๆ อะไรที่มันยังไม่เกิดก็อย่าให้มันเกิด ทุกสิ่งมันไม่ได้ง่ายไม่ได้สวยหรูแบบที่พวกเราคิดหรอกนะ เราน่ะยังเด็ก ยังไม่เห็นหรอกว่าสังคมนี้ มันไม่ได้มีพื้นที่อะไรมากมายแบบที่พูดๆ กันขนาดนั้น”

คะน้ากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทุกคำพูดนั้น คะน้ารับรู้ดีว่าพี่สาวหมายถึงอะไร สุดท้าย เขาก็ทำให้ผักกาดเสียใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ...สุดท้าย เขาก็ผิดสัญญาที่ตั้งมั่นไว้ว่าจะไม่ทำให้ผักกาดเสียใจ

“ขอโทษครับ” คะน้าเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาด้วยความสำนึกผิด หากแต่ชายหนุ่มอีกคน...

“ขอบคุณครับ”

คะน้าแทบจะสำลักขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรีบหันไปมองต้นเสียง ทิมกำลังยิ้มน้อยๆ แล้วรินน้ำส่งให้หญิงสาวที่อาวุโสกว่าราวกับไม่ใช่เรื่องหนักหนา ผักกาดไม่ได้สนใจกับแก้วน้ำเย็นที่ส่งมาตรงหน้าเท่าไหร่นัก หากแต่กลับพิจารณามองถึงความแตกต่างของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่นั่งร่วมโต๊ะอาหารอย่างสนใจ ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่ทิมแล้วจ้องมองอยู่เนิ่นนาน ความนิ่งของผักกาดดูน่ากลัว

เพราะรู้ดีในความเป็นคนใจนักเลงของพี่สาว แม้จะใจดี ขี้เล่น และเผินๆ อาจดูไม่ต่างกับพี่สาวทั่วไปที่เป็นห่วงเป็นใยคนในครอบครัวราวกับแม่คนที่สอง แต่ผักกาดนั้นเข้มแข็งและเป็นเหมือนผู้หญิงสมัยใหม่ที่เก่งและทันคน บทจะพูดอะไรขึ้นมา บางครั้งก็ตรงเป็นขวานผ่าซากได้อย่างเหลือเชื่อ คะน้าจึงรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้าที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

“ไม่ต้องเกรงใจกัน พูดมาเถอะ แต่ขอให้พูดความจริงทุกอย่าง” เสียงของผักกาดนิ่งเรียบจนคะน้ารู้สึกกลัว เห็นดังนั้นผู้เป็นน้องชายจึงรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อนทุกอย่างจะเลวร้ายลงไป

“เจ้ ขอโทษครับ แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ และจะไม่มีอะไรทั้งนั้น” เขาจะไม่ยอมทำร้ายให้ใครเจ็บปวดอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผักกาด ...แต่ทิมไม่ใช่คนแบบแบบที่คะน้าจะคาดคิดไว้



“ผมเอาจริง”

ดวงตาของทิมมุ่งมั่น ปราศจากความขี้เล่นและยียวนแบบทุกครั้ง ผักกาดมองนิ่งแล้วปล่อยให้ความเงียบปกคลุมบรรยากาศทุกอย่างรอบตัว คะน้าถอนหายใจแล้วก้มหน้าลง ไม่รู้จะรับมือกับสถานการณ์ตรงหน้านี้ได้อย่างไร




(มีต่อด้านล่างต่อครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 17-01-2013 22:50:08
(ต่อเลยนะ)




“ในที่สุดมันก็เป็นเรื่องจริงสินะ” ผักกาดเงียบไป ทิมพยักหน้ารับราวกับเรื่องปกติซึ่งเป็นเรื่องที่คะน้าไม่สู้จะชอบใจเลย

“เรากำลังจะบอกให้พี่ยอมรับกับเรื่องพวกนี้เหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดา ให้ยอมรับกับการที่ผู้ชายสองคนจะรักกันแบบนั้นว่ามันเป็นเรื่องที่ถูกต้องน่ะหรือ”




“มันผิดหรือครับ?”

ทิมถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทว่าหนักแน่นและจริงจัง เป็นคำถามง่ายๆ ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผักกาดจะถึงกับอึ้งไป แม้แต่ตัวคะน้าก็ชะงักไปทันทีที่ได้ยินจนอดตั้งคำถามขึ้นมากับตัวเองไม่ได้



...ผิดอย่างนั้นหรือ?

“ผ...ผิด ...ผิดสิทิม ผิดเพราะมันไม่ถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็น ผิดเพราะมันทำให้คนที่รักเราผิดหวังและเสียใจกับเรา ผิดเพราะมันไม่ใช่...”

“ต่ายพอเถอะ” ผักกาดเอื้อมมือไปลูบมือน้องชายเบาๆ แล้วหันไปมองทิมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “มันไม่ง่ายหรอกนะทิม เจ้รู้ว่าเราเป็นคนดีใช้ได้ หน้าที่การงานก็ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยพูด แต่ดูก็รู้ว่าเราก็เป็นคนเก่งไม่น้อย แต่แค่นั้นมันไม่พอหรอกนะ ความคาดหวังของคนมันหนักหนา ไม่ผิด ...ไม่ได้แปลว่าถูกจนได้รับการยอมรับเชิดชู สังคมมีคนร้อยพ่อพันแม่ ไม่มีใครอยากเข้าใจเรื่องพวกนี้อย่างแท้จริงหรอก”

“ความรักที่ไม่มีแม้แต่กฎหมายรับรอง ไม่มีแม้แต่ธรรมเนียมการหมั้นหมายแต่งงานใดในสังคม ก็ไม่ต่างอะไรกับการไม่มีตัวตน เราจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้หรือ เมื่อมันไม่มีอะไรที่ยึดถือได้เลยนอกจากความรักที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นแค่ความพลั้งเผลอชั่วประเดี๋ยวประด๋าวหรือเปล่า ...เจ้รับไม่ไหวหรอก” ทิมไม่ได้พูดถ้อยคำใดๆ ออกมาอีก ชายหนุ่มได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่อย่างนั้น ผักกาดขอตัวและลุกออกไปจากโต๊ะอาหารแล้วเดินเข้าไปในห้องนอน

“ไม่ใช่รับไม่ไหว แต่พี่ผักกาดกลัวว่าคะน้าจะรับไม่ไหวต่างหาก” ผักกาดชะงักแล้วยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู “ผมไม่ได้พูดอะไรผิดใช่ไหมครับ”

คะน้าเงยหน้าขึ้นมองทิม คนอายุน้อยกว่าในตอนนี้กลับดูเป็นเด็กหนุ่มที่เติบโตกว่าวัยที่ควรเป็น ทิมหันกลับมายิ้มให้น้อยๆ แปลกที่มันกลับทำให้คะน้ารู้สึกใจชื้นขึ้นอย่างประหลาด ผักกาดยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น สักพักก็เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูห้องลง เพียงชั่วครู่ๆ คะน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ นับจากนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ดี

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป บ้าชะมัด นายทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปอีก”

“อย่างนั้นเหรอ” ทิมยิ้มน้อยๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “กินข้าวต่อเถอะ แล้วเดี๋ยวตอนหัวค่ำก็ยกเข้าไปให้พี่เขาทานซะหน่อย” คะน้าจ้องมองทิมอย่างไม่เชื่อหู อยากจะถามออกไปว่าในเวลาแบบนี้ใครจะไปกินลง หากแต่คนตรงหน้าให้สิ่งที่ชัดเจนได้มากกว่าคำตอบ เมื่อทิมกลับนั่งทานอาหารต่ออย่างหน้าตาเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนคะน้าไม่รู้จะพูดอะไร ซ้ำยังนั่งทานไปขำไปจนคะน้ารู้สึกโมโห

“ขำอะไร”

“...น่าอิจฉานะ การที่มีใครสักคนห่วงใยเราขนาดนี้ พี่ผักกาดห่วงต่ายมากเลยนะ” ทิมวางช้อนส้อมลงแล้วยิ้มน้อยๆ “ต่ายเองก็ห่วงพี่เค้ามากไม่ใช่หรือ”

คำพูดของทิมทำให้คะน้านิ่งไป บ่อยครั้งที่ถ้อยคำประหลาดๆ ของทิมมักให้มุมมองที่แปลกใหม่สำหรับคะน้าอย่างคาดไม่ถึง แม้บางครั้งจะดูเหมือนพูดโดยความคะนอง ไม่คิดอะไร แต่บางครั้งกลับให้ความรู้สึกเหมือนคนที่คิดตรึกตรองมาอย่างถ้อนถี่ หากแต่เลือกที่จะไม่พูดออกมาตามนิสัย ทิมไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่คำพูดแบบไม่มีที่มาที่ไปของเขามักจุดความคิดบางอย่างของคะน้าขึ้นมาเสมอ

ค่ำวันนั้น คะน้าอุ่นอาหารให้ร้อน แล้วยกเข้าไปในห้องนอนของผักกาด ดูเหมือนว่าผู้เป็นพี่สาวกำลังนั่งใช้ความคิดอย่างหนักอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอนที่มีเพียงแสงไฟสลัวบนโต๊ะที่พอให้แสงสว่างเท่านั้น

“เจ้กินอะไรรองท้องสักหน่อยสิ” คะน้าวางถาดอาหารลงบนโต๊ะแล้วเปิดไฟในห้องให้สว่าง ในเวลาแบบนี้ รอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าของผักกาดนั้นบ่งบอกถึงคำขอบคุณที่ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยใดๆ ให้มากความได้เป็นอย่างดี ผักกาดตักอาหารขึ้นทานสองสามคำก็เอ่ยชมในรสชาติของอาหารที่ทิมทำเพิ่มไว้ให้ว่ารสชาติดี อาหารมากมายในจานพร่องลงไปเล็กน้อยเท่านั้น หญิงสาวก็จิบน้ำเปล่าแล้วรวบช้อนส้อมในจานลง

“เอ้ย เจ้กินน้อยไปแล้วนะ อีกสักหน่อยสิ” คะน้าโวยวายด้วยความเป็นห่วง

“ต่าย ...เราน่ะรักเจ้าลิงแสมเผือกนั่นใช่ไหม?” จู่ๆ ผักกาดก็ถามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเล่นเอาคะน้าถึงกับรีบปฏิเสธพัลวัน

“เจ้พูดอะไรเนี่ย ไปสนใจอะไรมันเล่า อย่าคิดมากสิ ผมไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นให้เจ้ผิดหวังหรอก” คะน้าโวยวายเต็มที่ ผิดกับผักกาดที่ถอนหายใจแล้วระบายรอยยิ้มน้อยๆ ออกมาเพราะรู้จักนิสัยของน้องชายตัวเองดี

“ถามเราไปก็เท่านั้นสินะ” พี่สาวยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วหันมายิ้มให้น้องชาย “รู้อะไรไหม เจ้ไม่ชอบหน้าไม่ถูกชะตากับเจ้าทิมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วล่ะ ไม่อยากให้เราเข้าใกล้เลย”

“รู้สิ เทียบกับอีกคนแล้ว เจ้ชอบคนแบบเรียบๆ พูดจาสุภาพ ชอบคนที่บุคลิกดูเป็นคนอบอุ่น อ่อนโยน เป็นผู้ใหญ่แบบตุลมากกว่าพวกกวนๆ แบบนี้แน่ๆ แต่ทิมมันก็นิสัยดีนะ ไม่มีอะไรหรอก” คะน้าพยายามอธิบายให้ผักกาดฟังว่าทิมไม่ได้เป็นคนดูเลวร้ายอะไรแบบท่าทางที่ดูไว้ตัวนั่น ผักกาดส่ายหน้าช้าๆ แล้วมองน้องชายด้วยรอยยิ้มที่ห่วงใย




“...เพราะรู้สึกตั้งแต่ครั้งแรกว่าเจ้านั่นจะทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ในสักวัน”

คะน้าเผยอปากขึ้นมาด้วยความประหลาดใจอย่าลืมตัว ...ทุกอย่างจะต้องเป็นแบบนี้ในสักวัน ผักกาดหมายความว่าอย่างไร

“แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าหมอนั่นเป็นคนที่ใช้การได้จริงๆ แน่วแน่ ไม่มีความหวั่นไหวเลยสักนิด จิตใจเข้มแข็ง และเป็นคนที่ประเภทที่พุ่งชนกับปัญหาได้อย่างไม่ต้องสงสัย สุดท้าย มันก็เป็นอย่างที่เจ้คิดเอาไว้จริงๆ” ผักกาดถอนหายใจเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปลูบมือน้องชายเบาๆ “...แล้วเรากับตุลล่ะว่ายังไง”

“เฮ่ย! เจ้!!!!”

“เจ้เห็นว่าเขาจูบเราตอนที่เรานอน”

“เฮ่ยยย!!!” คราวหน้าคะน้าถึงกับอ้าปากหวอ

“ไม่ใช่ว่าเจ้รับอะไรพวกนี้ไม่ได้ แต่เจ้ไม่อยากให้ต่ายเสียใจทีหลัง เท่าที่รู้จัก ตุลเองก็เป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง เรื่องแบบนี้มันไม่มีผิดหรือถูกที่ตายตัว มันมีแต่ใช่หรือไม่ใช่กับคนที่เรามองหา บอกไม่ได้ว่าใครดีกว่าใคร แต่มันคงเป็นเรื่องใครเข้ากับใครได้ดีกว่า”

“เฮ่ย!!! เจ้กำลังจะบอกว่าน้องชายตัวเองเป็น... เอ่อ... เป็นเกย์นะ! เจ้... ผมไม่ได้ชอบผู้ชายนะ เจ้...” คะน้าพยายามปฏิเสธเต็มที่ แม้ว่าจะรู้ตัวว่าการโกหกของตัวเองนั้นไม่แนบเนียน แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องและสมควร หากว่ามันจะทำให้คนในครอบครัวต้องรู้สึกผิดหวังและเสียใจ หากแต่แววตาคู่นั้นของผักกาดบอกอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คะน้าพร่ำพูดไปแม้แต่น้อย ...ลงท้ายก็เป็นคะน้าเองที่ยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

“เรากับตุลว่ายังไง”

“ตุลไปทำวิจัยที่ต่างประเทศ คงอีกนานกว่าจะได้เจอกัน” เมื่อโกหกไม่ได้ ความจริงคือทางออกที่ดีที่สุด คะน้าพยายามเลือกใช้คำกลางๆ ที่ไม่ตอบรับ และไม่ปฏิเสธใดๆ

“อืมม... แล้วต่ายจะทำยังไงต่อไป”

“ผมไม่อยากให้เจ้เสียใจ ขอโทษที่ทำให้เจ้ผิดหวัง แต่ทุกอย่างมันจะจบเท่านี้ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้เจ้ต้องเครียดแบบนี้อีก” คะน้าพูดออกมาด้วยความรู้สึกอย่างแท้จริง เมื่อผิดก็ควรรู้ที่จะแก้ไขไม่ใช่หรือ

“เจ้รู้ว่าต่ายทำได้จริง แต่ทำเพื่อเจ้ แล้วเราจะมีความสุขจริงๆ เหรอ”

“เจ้มีความสุข ผมก็มีความสุข”

“แล้วถ้าเราไม่มีความสุข เจ้จะมีความสุขได้หรือเปล่าต่าย”






คะน้ายืนนิ่งไป ใบหน้าดูครุ่นคิดอย่างหนักจนผักกาดลอบถอนหายใจ พี่สาวยกมือขึ้นโอบบ่าน้องชายแล้วลูบอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอนหัววางลงบนบ่าของคะน้าที่ตัวสูงกว่า “จริงอย่างที่เจ้าทิมพูด อันที่จริง ถึงไม่เหมือนคนอื่น แต่มันก็ไม่ได้ทำผิดอะไร กฎเกณฑ์ต่างๆ ที่สังคมตั้งขึ้นมันก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ ...ไม่มี ก็ไม่ได้แปลว่าความรักของใครสักคนมันไม่มีความหมาย”

“เจ้อยากให้ต่ายคิดดูดีๆ มันไม่ใช่ทุกคนที่จะรับเรื่องพวกนี้ได้แบบที่ปากพูดกันหรอกนะ และเจ้คงรับไม่ไหวถ้าน้องของเจ้ต้องเจอกับเรื่องแย่ๆ พวกนั้น ถ้าเป็นไปได้เจ้ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น” ผักกาดถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วเอื้อมมือไปลูบผมน้องชายเบาๆ แล้วยิ้มน้อยๆ

“ทำไงได้ เรามันรู้สึกกับเขาไปแล้ว”

“...เจ้”

“ไม่ได้แปลว่าเจ้รับอะไรพวกนี้ได้ไปเสียทุกอย่างหรอกนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้จะไม่มีเหตุผลจนไม่ฟังอะไร จากนี้ไป คิดจะทำอะไร เจ้อยากให้ต่ายคิดถึงผลที่จะตามมา” มือเล็กของผักกาดลูบไล้ไปมาบนผมสั้นๆ ของคะน้าอย่างแผ่วเบาด้วยความรักและห่วงใย



“และไม่ว่าต่ายจะเลือกสิ่งไหน เจ้จะอยู่ตรงนี้และคอยดูแลน้องของเจ้ให้มีความสุขที่สุด”

คะน้าโอบร่างของผักกาดแน่นด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นในใจ ผู้เป็นพี่สาวยิ้มละไมแล้วกอดน้องชายเพียงคนเดียวแนบแน่นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่และอีกนานแค่ไหน ความรักและความเข้าใจของครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคะน้าเสมอ






ภาพในอดีตยังคงทับซ้อนกันราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นในเมื่อวันวาน ผิดที่ว่าเด็กหญิงและเด็กชายในวัยเยาว์นั้น บัดนี้เติบโตกลายเป็นหญิงสาวและชายหนุ่มที่สูงใหญ่ หากแต่ความรู้สึกในความทรงจำทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

“ต่ายเอ้ย สักวันที่ลูกป๋าพบกับใครคนนั้น อย่าลืมพามาให้ป๋ากับแม่ อย่าลืมพามาให้ผักกาดรู้จักนะ”

แม้จะไม่เข้าใจในคำพูดยาวเหยียดของผู้เป็นพ่อ แต่เด็กชายคะน้าก็จดจำคำพูดทุกคำได้ขึ้นใจดั่งคำสัญญา




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ไม่ได้ลืมเรื่องที่ยังค้างคาใจหลายๆ คนนะครับ แต่ว่ามันจะค่อยๆ เฉลยออกมาทีละนิดนะ
ตอนนี้น่าจะหายอึดอัดลงไปอีกเรื่องสำหรับพี่สาวที่ห่วงใยน้องชาย
คนที่คิดถึงจันทูรออีกแป๊บนึงนะครับ เดี๋ยวจะเชิญมาวาดลวยลายให้หายคิดถึงนะ 5555
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กันตลอดมานะครับ บวกคะแนนคืนให้กับทุกคนนะครับ
พบกันใหม่ตอนหน้า อีกไม่ช้าไม่นานครับ ก่อนลาไปขอแอบเนียนกอดทุกคนหน่อยนะครับ 555

:กอด1: :กอด1: :กอด1:


แอบหาเรื่องให้ตัวเองด้วยการเขียนเรื่องสั้นแบบไม่กี่ตอนจบอีกเรื่อง
ฝากลิงค์เอาไว้ในอ้อมใจเพื่อนๆ ทุกคนด้วยนะครับ (เน่าซะไม่มี 55555)

♣ เกลียด ♣ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36541.0)

ข้าน้อยขอขอบคุณมากครับ  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-01-2013 22:57:20
เฮ้อ โล่งใจ
อย่างน้อยก็เหมือนว่าผักกาดจะเป็นคนที่มีเหตุผลมากกว่าที่คิด
ตอนนี้ก็เป็นแค่เรื่องของคนสามคนแล้วล่ะนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-01-2013 23:43:24
รักพี่ผักกาดจังพาร์ทนี้ คือพี่ผักกาดมองออกแต่แรกแล้วสินะว่าทิมมาจีบน้องชั้นแน่
มีแต่คะน้าแหละที่มึนอึนไม่ค่อยจะรู้อะไร ที่หวงไปก็เพราะห่วงน้องทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นความสุขของน้องพี่ก็ยอม พี่น้องคู่นี้รักและห่วงใยกันมาก น่ารักมากกกก
ทิมก็เท่ห์มากนะ คือมั่นคงในสิ่งที่คิดและเป็นและเดินหน้าอย่างเดียว
ถ้ารอคะน้าตัดสินใจคงไม่ได้กันน่ะ คะน้าใจดี คิดมาก ห่วงคนอื่นเยอะไปหมด
โอ๊ย พระนางเค้าเข้าใจกันแล้วว่ารักกันจ้า ถึงคะน้าไม่พูดแต่ทิมก็เข้าใจนะ อร๊างงง  :-[
รอตาทิมรุกต่อ

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 17-01-2013 23:51:22
ทิมคะน้าชัดเจน แต่ยังไม่เคลียร์เรื่องทิมตุล คืออะไรน้อ รอติดตามมม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-01-2013 00:02:29
พี่น้องเข้าใจกันล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 18-01-2013 00:21:23
ทิม นายแน่มาก ชัดเจนสุดๆ o13 o13

น้องต่ายมีเพื่อนอยู่บนดวงจันทร์แล้วววว :m18:......!!???

พี่ผักกาดทำใจเถอะน้าาา :m8:......สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-01-2013 00:35:45
คนแต่งอย่ามาเนียนกอด คว้าหมับมากอดเลยเหอะ!!
ทิมถูกใจเรามาก ต้องแบบนี้สิไอ้เสือ เขี่ยหมอจืดให้กระเด็นไปเลย
พี่่สาวนี่ห่วงน้องชายเหมือนพ่อตาเลยเนอะ โชคดีที่ลูกเขยแม่งเจ๋ง เอาชนะใจลูกสาวไปแล้ว พ่อตาเลยต้องปล่อยเลยตามเลย
รอติดตามตอนต่อไปจ้ะ >3<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 18-01-2013 00:56:25
ค่อยๆกระจ่างไปทีละปมแล้ว แต่กับหมอตุลนิซิ ยังติดใจอยู่น้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pandaticket ที่ 18-01-2013 01:01:10
โล่งใจ

พี่น้องคู่นี้น่ารัก :กอด1:

เจ๊ผักกาดเยี่ยมมากเลย o13

ตาทิมสู้ๆๆ

ตาตุลแอบไม่เคลียร์

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 18-01-2013 02:02:54


รักผักกาด
รักคนเขียน


สุดท้ายรักคะน้ารักทิม  :L2: :L1: :กอด1:


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 18-01-2013 07:02:02
เจ๊ผักกาดน่ารักซะไม่มี

อย่าปล่อยให้รอนาน เราอยากเคลียร์เรื่อง ทิมตุล มากเลยจ้าาา #คาใจนอนไม่หลับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 18-01-2013 07:07:43
กราบขอโทษพี่ผักกาดที่เผลอตัวแอบหมั่นไส้ไปติดหน่อยค่ะ -/\-
มาถึงตรงนี้.. ทิม.. นายนี่มัน.. เท่ซะ  :o8:
*ล่องลอย*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 18-01-2013 10:17:55
 o8  อืมๆๆ
รอฮัฟ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 18-01-2013 10:44:05
ชอบทิมตอนนี้  เหมือนจะชัดเจนเรื่องคะน้าดี
แต่เรื่องของตุลก็ยังอุบไว้อีก  มีอะไรก็พูดออกมาดิ
คะน้าถามแล้วจะเลี่ยงบาลีทำไมอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zayreenza ที่ 18-01-2013 18:08:40
ชอบความคิดของพี่ผักกาดตอนนี้มากๆ คนแต่งใช้คำพูดได้กินใจเราสุดๆเลยค่ะ เป็นคนที่พูดได้จริงมากๆเลย ทำเอาเราเคลิ้มตามไปเลย ฮ่าๆ ตอนนี้พี่ผักกาดเอาใจไปโลด
ปล.พึ่งคอมเมนท์ครั้งแรกค่ะ ขอโทษค่ะที่ก่อนหน้านี้แอบเงาอยู่นาน อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 18-01-2013 21:11:20
คะน้าอย่าเอาแต่ปฏิเสธอยู่เลย
ยอมรับใจตัวเองแล้วก็กล้าๆหน่อย
พี่ผักกาดยังแมนกว่าอี๊กกกกกกกกกกกกก

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-01-2013 22:35:14

ก็ยังไม่เคลียร์อยู่ดี  อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 19-01-2013 00:23:54
ไม่ได้เห็นนาน นึกว่ายังไม่มา
ทิมมมมม แอร๊ เขิน รุกอีกสิ รุกอีก ชอบๆ  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 19-01-2013 09:22:16
สวัสดีครับ อย่าเพิ่งแปลกใจที่ทำไมมาไวขนาดนี้ 555555555
พอดีมีสต็อคเหลืออยู่จากช่วงก่อนที่แต่งไว้แต่ไม่มีโอกาสได้เข้าเน็ตเลยน่ะครับ
ก่อนอื่นคงต้องขอขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ความคิดเห็น และกำลังใจนะครับ
ขอบคุณสำหรับเพื่อนใหม่ที่แวะมาทักทายกันด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
สำหรับตอนที่ 21 นี้ ถือว่าเป็นตอนที่ค่อนข้างยาว แต่เนื้อหาสาระไม่ค่อยจะมี 555
อยากจะเรียกว่าตอนพิเศษด้วยซ้ำ แต่คิดๆ ดูแล้วก็ไม่เห็นว่าแตกต่างจากตอนปกติตรงไหน
ว่าแล้วก็เลยขอนับรวมเป็นตอนปกติแล้วกันครับ ฟ้าหลังฝน อ่านกันเพลินๆ แล้วกันนะ
และคงจะอยู่ในอารมณ์นี้นานพอสมควรทีเดียว ขอให้อ่านให้สนุกๆ นะครับ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 21





รกอก รกอก รกอก รกอก รกอก โอ๊ยผู้ชายแบบนี้สอบตก ไม่อยากคบให้มันรกอก แหวะ

เสียงเพลงจากเครื่องเสียงที่ติดกระจายทั่วทั้งตลาดกระหึ่มดังขึ้นยามใกล้ตลาดวาย พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ลุกขึ้นโยกย้ายส่ายสะโพกไปตามจังหวะเพลง ซึ่งเอาเข้าจริงก็เป็นภาพที่ไม่น่ามองเอาสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะคะน้ามีจิตพิสวาสในเพศเดียวกัน หากแต่สิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นชวนให้นึกปลงสังขารขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก บางครั้ง ชายหนุ่มถึงกับตั้งคำถามตัวเองว่าเป็นเพราะเธอคนนี้หรือเปล่าหนอ ที่ทำให้คะน้านึกชอบคนเพศเดียวกันขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว



รกอก รกอก รกอก รกอก รกอก โอ๊ยผู้ชายแบบนี้สอบตก ไม่อยากคบให้มันรกอก

นับตั้งแต่เริ่มพูดภาษาไทยได้คล่องขึ้น จันทูก็เริ่มฟังเพลงไทยที่คนในตลาดเปิดฟังกันบ่อยๆ และด้วยความที่ลีลาในการเต้นไม่เป็นรองใคร โปรดอย่าเข้าใจว่าเป็นเรื่องของทักษะสเต็ปขั้นเทพ แต่มันคือความกล้าได้ที่ไม่มีอะไรจะเสียของจันทูที่ทำให้สาวพม่านัยน์ตา Korea ผู้นี้เป็นคนนำเต้นกายบริหารที่ลานด้านข้างตลาดเกือบทุกเย็น



เช็ดเช็ดแล้วทิ้ง เช็ดเช็ดเช็ดแล้วต้องทิ้ง เก็บไว้ชิงโชคหรือไง ใช้แล้วต้องทิ้งน่ะซิ
เช็ดเช็ดแล้วทิ้ง เช็ดเสร็จก็ต้องโยนทิ้ง ไม่เก็บเอามาใช้ใหม่ รู้เอาไว้ค่าเธอแค่นี้


จันทูเด้งหน้าเด้งหลังจนพุงกระเพื่อม เสื้อสายเดี่ยวลายงูหลามเลิกขึ้นจนเห็นสะดือจุ่นบนพุงพลุ้ย คะน้านั่งเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่รู้จะห้ามปรามยังไง ได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาเรียงไข่ไก่ใส่แผงราวกับคนไม่รู้จักกัน ผิดกับเจ๊เป็ดแผงข้างๆ ที่นั่งตบมือชอบใจแล้วโยกตัวตามจังหวะเพลงอย่างมันในอารมณ์

“จะว่าไป นังจันทูนี่มันเหมือนดาราอยู่นะ นังนี่มันราศีจับขึ้นทุกวันนะโว้ย”



โพล๊ะ!!!!

เสียงไข่ไก่ในมือคะน้าหล่นแตกทันทีที่สิ้นเสียงเจ๊เป็ด จู่ๆ นิ้วมันก็หมดแรงเอาดื้อ แถมขนแขนก็ลุกซู่อย่างไร้สาเหตุ เห็นทีคงจะเพราะจู่ๆ ก็ได้ยินเรื่องตื่นตระหนกจนเสียขวัญเป็นแน่แท้ ตั้งสติปรับลมหายใจจนกลับมาเป็นปกติ คะน้าก็รีบกวาดเปลือกไข่ไปทิ้งแล้วเช็ดทำความสะอาด เจ้าของแผงค่อยๆ เหลือบสายตาไปมองคนที่หน้าเหมือนดาราตามที่เจ๊เป็ดบอก เห็นจันทูที่หน้าเหลืองไปด้วยแป้งผสมขมิ้นแบบสาวพม่าแถมส่งสายตาเซ็กซี่กลับมาให้ก็ยิ่งรู้สึกขวัญเสียเป็นอย่างยิ่ง

“พี่ญาญ่าหรา” จันทูหมุนตัวแล้วเอามือทำท่าปั๊มอก ก่อนจะเด้งป๊าบๆ ตามจังหวะเพลงเหมือนว่าถูกใจนักหนา



โพล๊ะ!!!!

เสียงไข่ไก่ในมือคะน้าหล่นแตกอีกรอบ ไม่ได้เจตนาแต่เห็นแล้วมือมันสั่นขึ้นมาเอง นึกตำหนิตัวเองที่พักนี้เป็นคนขวัญอ่อนอะไรขนาดนั้น คะน้าถอนหายใจเบาๆ แล้วก้มหน้าเช็ดพื้นที่เดิมให้สะอาดอีกรอบ ...นี่ก็สองฟองเข้าไปแล้ว

“ไม่ใช่ๆ ชื่ออะไรนะ” เจ๊เป็ดโบกมือปฏิเสธหรา

“อ่อออ... เพ่อั้ม พัชราภาชิมิ๊ยยยยย”



โพล๊ะ!!!!

ยังไม่ทันแห้งก็ซ้ำตรงตำแหน่งเดิมที่เพิ่งเช็ดสะอาดไปแค่เพียงไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา เมื่อฟองที่สามตามมาติดๆ คะน้าจึงตัดสินใจหยุดทุกอย่างก่อนที่จะทุบไข่ไปหมดทั้งแผง

“ใครว๊า มันติดอยู่ที่ปากเนี่ย”

“ชมพู! ชมพู่ อารยา!!!” จะไม่มีฟองที่สี่ และสัญญาว่าไม่แม้แต่จะคิดหันไปมอง คะน้าเลือกที่จะหลับตาแล้วภาวนาจิต พุท-โธ พุท-โธ สักพักก็ได้ยินเสียงเจ๊เป็ดตบเข่าดังฉาดแล้วตะโกนจนลั่นตลาด





“ตุ๊กกี้!!! ใช่ๆ ตุ๊กกี้ ชิงร้อย!!!”

เสียงคนเฮลั่นตลาดราวกับเห็นด้วยโดยมติเอกฉันท์ พ่อค้าแม่ขายที่เริ่มเก็บแผงพร้อมใจกันหยุดมือชั่วคราวแล้วต่างเดินเข้ามาใกล้ๆ ทุกคนชื่นชมว่าจันทูเหมือนดาราคนดัง คะน้าถึงกับมองตาปริบๆ เมื่อเห็นจันทูยิ้มร่าด้วยความภูมิใจ สาวน้อยยิ้มกริ่มแล้วโยกตามจังหวะเพลงพร้อมกับแจกลายเซ็นให้กับลุงๆ ป้าๆ แผงข้างเคียง

“สวยช่าม๊ะเช๊”

“สวยยยยยย... ข้าชอบมาก” เจ๊เป็ดตะโกนเสียงลั่น “ไม่ใช่แค่สวยนะโว้ย สั้นๆ ป้อมๆ ดูแข็งแรง บึกบึน ทะมัดทะแมง เห็นแล้วมันคึกครื้นคึกคักเหมือนเอ็งไม่มีผิดเพี้ยน ถูกใจข้าจริงๆ อีจันทู” แม้จะงงๆ และไม่เข้าใจ แต่ใจความสำคัญอยู่ที่คำว่า ‘สวย’ ที่พ่วงด้วย ‘เห็นแล้วคึก’ จันทูจึงรีบยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน

คะน้ายกมือขึ้นกุมขมับแต่ก็เผลอระบายรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ชายหนุ่มไม่ได้เป็นคนที่ค้าขายเก่ง ไม่ถนัดกับงานประเภทนี้มากมาย แต่เขารักที่นี่ไปเสียแล้ว รักตลาด รักคนที่นี่ รักในน้ำใจและมิตรไมตรีที่เอื้ออาทรต่อกันและกันในทุกๆ วัน คะน้ามองสำรวจไปรอบๆ ตัว คิดแล้วก็นึกตลกตัวเอง ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ในกรุงเทพจะยังมีคนคิดอะไรบ้าๆ แบบเขาบ้างหรือเปล่า เพราะสำหรับคะน้าแล้ว ทุกคนที่นี่ เจ๊เป็ด จันทู สายใจ หรือแม้แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนในครอบครัวที่ผูกพันมากกว่าคนที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน หัวเราะเฮฮา ด่าทอกันบ่อยๆ แต่ถึงเวลาก็พึ่งพากันได้เสมอ ...ยิ้มกริ่มอยู่ได้ไม่นาน สายตาก็พาลสะดุดตากับร่างสูงโปร่งที่เด่นมาแต่ไกล แค่เพียงเสี้ยววินาที คะน้าก็จดจำได้แม่นยำ รอยยิ้มของชายหนุ่มก็ค่อยๆ เจื่อนลงอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

ทางค่อยๆ แหวกออกเองโดยอัตโนมัติพร้อมกับรอยยิ้มของแม่ค้าสาวๆ ที่ส่งสายตาหวานฉ่ำให้กับผู้ที่มาเยือน แค่เพียงเสื้อยืดสีขาวง่ายๆ กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบธรรมดา ทิมก็ดูโดดเด่นสะดุดตาอย่างบอกไม่ถูก เสียงซุบซิบจากเหล่าสมาคมแม่บ้านและสาวใช้ที่มักมาเหมาของลดราคาช่วงตลาดใกล้ปิดในรอบบ่าย รวมถึงพ่อค้าแม่ขายว่าดารามาเดินตลาดแว่วดังตลอดเวลา ...กระทั่งทิมมาหยุดยืนอยู่ที่แผงของคะน้าเสียงซุบซิบก็ดูจะโหมขึ้นกว่าทุกที



...เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรือที่เจ้าของถิ่นจะต้อนรับให้เต็มที่

จันทูเดินส่ายอาดๆ เข้ามาหาทิมแล้วกระพริบตารัวๆ จนคราบแป้งเหลืองๆ ร่อนร่วงลงบนแผง หญิงสาวที่คนในตลาดขนานนามว่ามีหน้าเหมือนดาราเอาแขนเท้าบนแผงแล้วโน้มตัวเข้าใกล้ จันทูยักคิ้วให้หนึ่งทีแล้วกัดริมฝีปากล่างตัวเองเล็กน้อยด้วยท่าท่าเผ็ดร้อนราวกับกินตำปูปลาร้าพริกหนึ่งกำมือมาสดๆ ร้อนๆ ไม่เพียงแต่ทิมที่ยืนงง คะน้าเองก็งง ...คือว่ามันเต็มที่ไปไหมจันทู?

“ม่ายเจอกันนาน คิดเถิง ...ใช่ม๊ะ!?!”

ทิมกระพริบตาถี่แล้วหันไปมองหน้าคะน้าก่อนจะหันกลับมามองหน้าจันทูสลับไปมาราวกับตั้งคำถาม หากแต่คะน้าแกล้งทำเป็นไม่เห็น ทิมเลยหันกลับไปมองที่จันทูแล้วรีบส่ายหน้าน้อยๆ เชิงปฏิเสธ แต่จันทูเป็นผู้เป็น(สเลด)เซเลปของชาวตลาดมีหรือจะไม่เข้าใจในอวัจนภาษานั้น หญิงสาวกระพริบตาให้อีกครั้ง แล้วยกนิ้วชิ้ขึ้นแตะที่ปากของทิม ก่อนจะส่ายหน้าไปมาช้าๆ อย่างเย้ายวน

“ไม่ต้อพูดละ ข๊ะใจๆ” ...แต่อีกฝ่ายไม่ขอเข้าใจด้วย ทิมส่ายหน้ารัวๆ ด้วยอาการตื่นๆ

“ใครวะจันทู แฟนเอ็งเหรอ หล่ออย่างกับเทพบุตรดารา” ลุงพ่อค้าแผงข้างๆ รีบยื่นหน้ามาถาม ทิมหันขวับไปมองหน้าลุงแล้วเบิกตาโพลง ...ชายหนุ่มสะบัดหน้าเป็นระวิง

“บร้า... ลุงก้อ... จันทูเปนผู้ยิ๋ง เรื่องแบบเน้ ผู้ยิ๋งพูดม๊ะดี” จันทูยกมือฟาดหน้าอกทิมดังผลั่ก!!! แล้วบิดตัวเขิน หญิงสาวสวมวิญญาณนางเอกละครหลังข่าวที่ตัวเองดูเป็นประจำ “แบบแว่เจอกันแค่ม๊ะกี่คร้างเอง แต่มานก้อเปนเรื่องราวดีๆ อ่าลุง” ว่าแล้วก็เอานิ้วชี้ดึงสายเดี่ยวเสียวจะปริของตัวเองแล้วดีดดังผลั๊วะ! ด้วยความขวยเขิน ...แค่เห็นไกลๆ ไม่ประชิด ขนแขนของคะน้าก็พร้อมใจกันลุกเกรียว

ทิมหน้าตึงแล้วส่งสายตาดุมาที่คะน้า นึกขำก็ขำ นึกสงสารก็สงสาร แต่ดูจะเป็นอย่างหลังมากกว่า คะน้าจึงลุกขึ้นแล้วเดินมาส่งสายตาดุจันทูให้กลับไปทำงาน ทันใดนั้น จันทูก็สะบัดหน้าพรืดกลับมาจ้องตาคะน้า แล้วยกมือขึ้นทาบกล้ามอกตัวเอง ...อันที่จริง ต้องเรียกว่าหน้าอกสินะ ...ทาบหน้าอกตัวเอง แล้วอ้าปากหวอด้วยความตกใจ

“ขุ่นแพะช่วย!!!! รึแว่... เพ่คะน้าหึง!!!!” จันทูหลับตาแล้วสะบัดหน้าไปด้านข้าง น้ำตาปริ่มรื้นในดวงตา

“จะเมคายเข้าใจม๊ะ แว่เกิดเปนจันทูมานลำบากแค่หนาย” สาวพม่าวัยขบเผาะกวาดตาไปมองทุกคนรอบข้าง “จะให้เลือกยางงาย จะให้ทำยางงาย อยากเกบเธ่อไว้ท้างสองโคน” เจ๊เป็ด ลุงแผงข้างๆ พยักหน้าตามหงึกๆ ลำพังคนที่ตามมาดูทิมก็ไม่ใช่น้อยอยู่แล้ว แต่คราวนี้คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยเริ่มเข้ามามุงมากขึ้นเพราะอยากรู้ว่ามีอะไรกันตามประสาไทยมุง ด้วยความที่เกรงใจทิม และเห็นว่าคงจะไม่ได้ความ คะน้าจึงเดินออกมาจากหลังแผงแล้วคว้าหมับที่แขนของทิม เจ้าถิ่นพาเดินเลี่ยงออกไปข้างนอกอย่างว่องไว ในขณะที่จันทูยังอินอย่างต่อเนื่อง

“ม่ายต้องแย่งกัน ด้ายทุกโคน” หญิงสาวหลับตาพริ้ม แล้วสะบัดหน้ากลับมา จันทูกางแขนออกกว้างแล้วโผเข้ากอด ก่อนจะปิดท้ายด้วยการหอมแก้มซ้ายขวาคนละฟอดใหญ่ๆ จันทูลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าแขนขวากอดกับคุณตาแก่ๆ ที่ยืนตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนด้านซ้ายเป็นสายใจ คู่ปรับตลอดกาลที่ถลนตามองจันทูแล้วอ้าปากค้าง

ทิมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามคะน้าที่ลากมือมาด้วยนั้น หยุดตัวตามคนข้างหน้า เจ้าถิ่นมองซ้ายแลขวาเห็นว่าปลอดโปร่งก็ถอนหายใจ ...นี่เขาถึงกับต้องวิ่งหนีจันทูแล้วหรือเนี่ย? ขณะที่ทิมซึ่งดูจะไม่เข้าใจอะไรเลยกำลังนิ่วหน้าเหมือนตั้งคำถาม คะน้าซึ่งพอจะเข้าใจ หลังจากถอนหายใจเฮือกใหญ่ก็เงยหน้าขึ้นตอบ

“จำไม่ได้เหรอ” หากแต่ความนิ่งเฉยของทิมดูจะเป็นคำตอบได้ดีว่าเจ้าตัวจำจันทูที่เคยไปส่งไอศกรีมไม่ได้เลย คะน้าจึงได้แต่พูดปัดไปให้จบความ “เฮ้อออ... ผู้ช่วยน่ะ เป็นคนขี้เล่นไปหน่อย อย่าถือสาหาความเลย”

โล่งใจกับการที่ทิมยังคงยืนเฉยไม่ได้พูดอะไร ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ติดค้างคาใจอะไรกับความห่ามของจันทู

“เค้าเป็นสาวประเภทสองเหรอ” ทิมถามด้วยความสงสัย

“ห๊ะ!?!?!” คะน้าอุทานด้วยความตกใจ

“คนพม่านั่นเป็นสาวประเภทสองเหรอ” เมื่อฟังย้ำอีกรอบจนมั่นใจว่าหูตัวเองไม่ฝาด คะน้าก็หัวเราะก๊ากออกมา แล้วรีบบอกว่าจันทูเป็นผู้หญิงแท้ๆ คราวนี้เป็นทิมที่อุทานด้วยความตกใจเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่คะน้าเพิ่งพูดไป ได้ยินทิมบ่นงึงงำเบาๆ ว่าหน้าโหดฉิบป๋งแล้วเอามือลูบหน้าอกตัวเองไปมา คะน้าก็ได้แต่กลั้นหัวเราะไม่ให้มันมากเกินไป กระทั่งตั้งสติได้ คะน้าจึงเอ่ยถามคนที่ยืนนิ่งไม่ทุกข์ร้อนด้วยความสงสัย

“ว่าแต่ลมอะไรหอบมาเดินตลาดได้ล่ะเนี่ย มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ทิมมองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะหันหน้ากลับมาหาคะน้าที่เป็นคนตั้งคำถาม

“พามาที่นี่ทำไม” นอกจากจะไม่สนใจจะตอบคำถามแล้วยังเป็นฝ่ายถามกลับจนคะน้าระอา แต่ก็นั่นแหละ เขาชินซะแล้ว คะน้าส่ายหน้าไหวๆ ไม่รู้จะตอบอะไร ทิมจึงทำหน้าหงุดหงิด ชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ถอนหายใจแล้วเดินไปหลบแดดที่ใต้ร่มไม้เล่นเอาคะน้ายืนเซ็งกับความเป็นคุณชายของทิม เป็นวิศวกรประสาอะไรไม่สู้แดดเอาเสียเลย คะน้าจึงเดินตามทิมไปที่ใต้ร่มไม้ที่ด้านข้างตลาด

“แล้วมีธุระอะไรหรือเปล่าถึงมาที่แผงน่ะ” ทิมหันมามองแล้วส่ายหน้าหนึ่งครั้ง เล่นเอาคะน้างง “อ้าว แล้วเดินมาหาทำไม”

“ชั่วโมงสองชั่วโมง เดินเล่นไปเรื่อยๆ บังเอิญ ...เจอ” คะน้าเหล่มอง เดินเล่นชั่วโมงสองชั่วโมงเนี่ยนะ เป็นคำตอบที่หาสาระไม่ได้เลย แต่กระนั้นก็สะกิดใจคนฟังอย่างประหลาด ...ถ้าไม่นับเหตุการณ์เมื่อวันก่อน แทบจะไม่มีสักครั้งที่ทิมตอบคำถามที่ชวนคุย เกือบทั้งหมดจะเป็นคำถามกลับแบบไม่สนใจคำถามที่ได้ยินสักเท่าไหร่

“ไม่ต้องขายของแล้วหรือ” ลงท้ายก็ป้อนคำถามกวนประสาทกลับทุกที ...บางทีอาจจะเป็นคะน้าที่คิดมากไปเอง

““ของขายจะหมดอยู่แล้ว ตลาดก็ใกล้จะวายแล้ว ป่านนี้จันทูคงเก็บแผงหมดแล้วล่ะ” พ่อค้าหนุ่มตอบไปตามประสา ส่วนทิมก็พยักหน้าส่งเสียงอืมเบาๆ ในลำคอแสดงอาการรับรู้

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำ ฤดูหนาวที่ยังคงร้อนอบอ้าวไม่ต่างอะไรกับฤดูอื่นๆ นั้นดูจะมีสิ่งเดียวที่บอกว่าเป็นหน้าหนาวคือท้องฟ้าจะมืดเร็วกว่าวันธรรมดาทั่วไปเล็กน้อย โชคดีที่วันนี้ลมไม่แรง ไม่อย่างนั้นฝุ่นคงปลิวว่อนเลอะไปทั้งตัว กลิ่นอายอ่อนๆ ของต้นไม้ที่อาบแสงแดดมาทั้งวันโชยเอื่อย คะน้าหันไปมองทิมที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วลอบมองอย่างพิจารณา ความรู้สึกของทิมนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันจนกระทั่งถึงวันนี้นั้น ดูไม่เปลี่ยนไปเลย อะไรบางอย่างในตัวทิมยังให้ความประทับใจทุกครั้งที่เห็น และมันไม่ได้ลดน้อยลงไปจากการพบเจอ ตรงกันข้ามที่คะน้ากลับได้เห็นแง่มุมใหม่ๆ ที่น่าสนใจในตัวทิมอยู่เสมอ ทิมเป็นคนฉลาดและเติบโตกว่าวัย วิธีรับมือกับปัญหาของทิมในวันก่อน ไม่ใช่แค่เพียงแต่ผักกาดที่ชื่นชม แต่ทิมทำให้คะน้าอดที่จะทึ่งไม่ได้ ทิมเป็นคนใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนมองข้าม สุขุม และเป็นคนลึกซึ้ง หากแต่บางครั้งก็ดูไม่ต่างอะไรกับเด็กชายที่ตัวโตขี้หงุดหงิด เอาแต่ใจ ชอบกวนประสาท และก้าวร้าวในบางที ทิมเป็นคนไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่บางทีกลับดูเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างบอกไม่ถูก แววตาที่มุ่งมั่น ไม่เคยหวั่นไหวคู่นั้น บางครั้ง ...แค่บางครั้ง ...เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที คะน้ากลับมองเห็นความอ่อนแอ เปราะบาง เห็นความเหงาที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ ภายใน

กลิ่นใบไม้และเปลือกไม้ที่อาบแสงแดดอุ่นๆ ภายใต้เงาที่ร่มรื่นนั้น พาลให้คิดถึงใต้ร่มไม้ที่คะน้าเคยนั่งกับทิมในวันแรกๆ ที่รู้จักกัน ...น้ำส้มคั้นเย็นๆ ...นึกถึงทีไรก็ให้ความรู้สึกที่ดี ผ่านมาเนิ่นนานแม้ว่าเขาจะเข้าใจอุปนิสัยใจคอของทิมมากขึ้น แต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเอง กลับไม่เคยมีสักครั้งที่คะน้าจะคาดเดาความรู้สึกของทิมถูก

ถ้าหากแม้ว่าเขาจะเอะใจในแววตาคู่นี้ที่เอาแต่จ้องมองไปข้างหน้าตลอดเวลานั้น ถ้าเพียงแต่เปิดใจมองอะไรๆ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เขาคงจะมองเห็นเช่นเดียวกับสิ่งที่ผักกาดมองเห็นตลอดมา ทิมก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ร่างสูงโปร่งนั้นยืนนิ่งและทอดสายตามองไปข้างหน้าดั่งเช่นทุกๆ คราที่คะน้ามองเห็น ไม่ค่อยจะมีคำพูดหวานเพราะชวนฟังสักเท่าไหร่ และแม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะไม่เคยหันมามอง หรือแม้แต่จะใส่ใจอะไรรอบตัวอย่างที่เห็น

แต่ไม่ว่าอย่างไร ...สิ่งหนึ่งที่ทิมทำเสมอก็คือการอยู่ตำแหน่งตรงนี้ ...ตรงนี้ ...ข้างๆ กับคะน้า

“เลิกงานแล้วหรือ” คะน้าถามขึ้น หากแต่คนที่ยืนข้างๆ มอง แต่ไม่ได้ตอบอะไร “ตลาดกำลังจะวาย ถ้าจะเดินเล่น คงต้องรีบแล้วล่ะ” ว่าแล้วคะน้าก็ทำท่าจะชวนทิมเดินกลับเข้าไปในตลาด วิศวกรหนุ่มกลับส่ายหน้าเล็กๆ แล้วยังคงนิ่งเฉยอยู่ใต้ร่มของเงาไม้ต่อจนคะน้าเริ่มแปลกใจ

“แล้วมาตลาดทำไมล่ะเนี่ย” คะน้าพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง หลายครั้งที่คะน้าก็ยังไม่เข้าใจทิม

อันที่จริง เขาก็ไม่ได้เป็นคนเชื่อในเรื่องโหราศาสตร์อะไร แต่มันก็ตลกดี หลายเดือนก่อนพี่อ้อยบอกว่าไพ่ The Chariot อาจหมายถึงคนที่ทำอาชีพวิศวกร ไพ่ราชาถ้วย อาจหมายถึงคนที่ทำอาชีพหมอ ทั้งสองคนอาจเข้ามาในชีวิตเขาและทำให้อะไรๆ มันปั่นป่วน หรือแม้แต่ครั้งที่สอง ที่เขาถามว่ามันจะสิ้นสุดอย่างไร พี่อ้อยกลับบอกว่าลึกๆ แล้วนั้น เขาเลือกไปตั้งแต่แรกแล้ว ...เพียงแต่ไม่รู้ตัว



...ไพ่ 6 ถ้วยหมายถึงการมีความรักกับคนที่อายุน้อยกว่า

คะน้าอมยิ้มให้กับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วขำให้กับความไม่ประสาของตัวเอง ถ้าแม้ว่าเขาพอจะเอะใจ ถ้าแม้ว่าเขาฉลาดพอจะเข้าใจ อะไรๆ มันคงไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้ และถึงแม้ว่าวันนี้จะเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง รวมถึงเริ่มจะพอเข้าใจอะไรทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่อะไรๆ มันก็ดูวุ่นวายเกินไป

โชคดีเหลือเกินที่เติบโตมาในครอบครัวของป๋ากับแม่ โชคดีที่มีพี่อย่างเจ้ ทุกๆ คนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโชคดีขนาดไหนที่เติบโตขึ้นมาด้วยความรักและเอาใจใส่แบบนี้ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะอยู่กับเจ้ที่กรุงเทพแค่สองคนพี่น้องและต้องห่างกับป๋าและแม่ ...แต่มันดีแค่ไหนที่ในใจพวกเราทุกคนมีกันและกันแบบนี้ แม้ว่าเจ้จะสมัยใหม่พอยอมรับในสิ่งที่หลายๆ คนในสังคมนี้อาจรับไม่ได้ ...แต่ป๋ากับแม่ คะน้าไม่อยากให้ป๋ากับแม่ผิดหวังในตัวของเขาเลย ไม่อยากให้เจ้ต้องรู้สึกผิดกับตัวเองที่ดูแลน้องชายบ้าๆ คนนี้ไม่ดีพอที่ป๋ากับแม่ไว้วางใจ

คนที่เกิดมาคู่กับเราน่ะเหรอ... คะน้าหันไปมองทิมอย่างเต็มตา บางที คนๆ นั้นอาจยืนอยู่ข้างๆ เขานี่ก็ได้ อยู่ใกล้จนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เจือกับเหงื่อที่ซึมอยู่กลางแผ่นหลัง มือกว้างนั้นห่างกันไม่ถึงเซนติเมตรด้วยซ้ำ นึกอยากจะเอื้อมมือไปกุมกับคนที่ยืนข้างๆ อยากบอกว่าตอนนี้เขาดีใจแค่ไหนที่ในที่สุดก็ได้เรียนรู้คำว่ารักได้อย่างเข้าใจ และดีใจแค่ไหนที่ทิมเองก็ให้ความรู้สึกนั้นกับเขาเช่นกัน

ขอบคุณ ...ขอบคุณจริงๆ





(ยังมีต่อด้านล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 19-01-2013 09:27:17
(ครึ่งหลังครับ)



“ถามก็ไม่ตอบ พิลึก” คะน้ายิ้มน้อยๆ แต่ก็บ่นอุบถึงการปรากฏตัวของทิม แต่ชายหนุ่มเอาแต่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรสักอย่าง แถมยังหันมาส่งสายตาหงุดหงิดใส่อีกคำรบ “ว่างมากไปเปล่า อินดี้ใช่ไหม มาติสต์ๆ เท่ๆ ที่ตลาดสดให้สาวๆ กริ๊ดเล่นๆ หรือไงกัน”

“ไม่ถามสักเรื่องจะขาดใจไหม?” ทิมหันมาส่งเสียงดุ คิ้วเข้มขมวดมุ่นเป็นปมหนาบนใบหน้าที่ฉาบไปด้วยระเรื่อสีของแดดยามเย็น

“ก็นะ” คะน้าถอนหายใจพรืด จะว่าไปมันก็เรื่องส่วนตัวของทิม ไม่รู้ว่าตัวเองจะพลั้งเผลอไปก้าวก่ายทำไม เสียงถอนหายใจของคะน้าทำให้ทิมหันกลับมามองเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ก่อนจะเริ่มทำท่าลุกลนประหลาด

“ก็ ...รอ” เสียงพูดราวกับรำพึงกับตัวเองดังแว่วในอากาศที่บางเบา แม้ว่าจะฟังดูชอบกลและค้างคาไม่รู้เรื่อง หากแต่คะน้าตัดใจไม่คิดจะไปก้าวก่ายใดๆ กับเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายให้หงุดหงิดใจอีก ว่าแล้วจึงขอตัวลาจากทิมเพื่อกลับบ้าน

“งั้นขอตัวกลับก่อนนะ” คะน้าหันไปลาแล้วก็เดินดุ่มๆ จากไปโดยไม่คิดจะฟังว่าคนตัวสูงเป็นเสาไฟฟ้าจะโต้ตอบอะไร

ทว่าเสียงฝีเท้าที่ดังกรอบแกรบอยู่เบื้องหลังทำให้คะน้าหันกลับมามอง ดูเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ที่อยู่ๆ ทิมก็เดินตามเขามาหน้าตาเฉย นึกโมโหอยากจะด่าว่าจะมาเพื่อกวนประสาทกันไปถึงไหน แต่นึกแล้วก็ไม่อยากจะสู้รบปรบมืออะไร หลายวันมานี้ เขาเองก็เหนื่อยและหนักมาพอแล้วกับอะไรมากมาย คะน้าอยากจะพักและพยายามไม่สนใจ หากแต่ทิมกลับเร่งฝีเท่าขึ้นมาเดินข้างๆ แล้วเดินคียงกันไปเรื่อยๆ จนจวนจะถึงที่จอดรถ

“อะไรอีกล่ะครับ” คะน้าลอบถอนใจเบาๆ แล้วหันกลับมาด้วยความจำนน ยอมแล้วทุกอย่าง ไม่อยากจะผิดใจอะไรกับใคร ยิ่งลึกๆ นั้นรู้ดีว่าทิมคือคนที่ตัวเองรู้สึกมากมายขนาดนี้ด้วย ยิ่งแล้วใหญ่

“ก็จะกลับบ้านแล้วไม่ใช่หรือไง” ทิมถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มออกอาการหงุดหงิดโดยไม่ปิดบัง

“เออ ก็จะกลับเนี่ย” คะน้าถอนหายใจเซ็งๆ นึกหงุดหงิดกับตัวเองเหมือนกัน ไม่รู้ว่าไปรู้สึกพิสวาสกับคนแบบนี้ได้ยังไง ว่าแล้วก็เดินดุ่ยๆ ไปที่รถตัวเอง แต่แรงรั้งที่ข้อมือเหนี่ยวให้ไม่ไปไหน

“ก็มาสิ” ทิมส่งเสียงด้วยความขัดใจ

“อะไร” คะน้าหันมาตั้งคำถามด้วยความงง นอกจากจะไม่ปล่อยมือแล้ว ทิมยังจูงมือคะน้าเดินไปอีกทางจนเจ้าตัวบ่นด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ “อะไรเล่า”

“ก็... มารับ” ทิมเงยหน้าแล้วเสมองไปด้านอื่น เสียงทุ้มนั้นเบาจนแทบไม่มีน้ำหนัก ผิดกับมือที่กุมเกาะจนแน่นกระชับราวกับกลัวจะหนีหายไปไหน คะน้ามองมือของอีกคนที่เกาะกุมฝ่ามือของตัวเองแน่น รู้สึกว่าระบบหัวใจของตัวเองจู่ๆ ก็ทำงานหนักขึ้นมาอย่างประหลาด



“...กลับบ้านกัน”




“...แต่”

คะน้าแย้งขึ้นมาด้วยเสียงที่ดูจะแผ่วกว่าทุกครั้ง ไอ้แก่ของเขาจอดอยู่ที่นี่ จะให้ทำยังไง แต่เมื่อเผชิญกับสายตาคู่นั้น ดูเหมือนถ้อยคำมากมายที่อยากแจกแจงก็กลืนหายกลับเข้าไปในลำคอ เพิ่งรู้ว่าดวงตาคู่นั้นมันเล่นกลได้ สายตาที่มองเห็นนั้นไม่ได้ออกคำสั่งอย่างก้าวร้าวแบบที่เคยคุ้นตา มันดูเป็นแววตาที่ทอแสงอ่อนโยนราวกับจะร้องขอจนคะน้าไม่รู้จะปฏิเสธยังไง




“...กลับกันนะ”


นึกอยากจะตบหัวตัวเองให้คะมำ สัญญาไม่เป็นสัญญาสักครั้ง ตั้งใจอะไรไว้ ไม่รู้ทำไม ถึงเวลาไม่เคยทำได้อย่างที่วาดหวังไว้สักที เครื่องปรับอากาศในรถเมอร์เซเดสเย็นฉ่ำ เบาะหนังสีครีมที่นุ่มราวกับจะดูดซับความเมื่อยล้าจากชีวิตประจำวันไปหมดสิ้น  ทว่าหากปราศจากเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆ พาหนะคันใหญ่คงเหมือนกับรถที่ไม่มีคนนั่งอยู่ เมื่อต่างฝ่ายต่างนั่งนิ่งๆ และผลัดกันลอบมองอีกฝ่ายไปมา หลายครั้งที่สายตาทั้งคู่มาประสานกันโดยบังเอิญ หากแต่ต่างฝ่ายต่างก็รีบเบือนหน้าไปอีกด้านแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ...ทั้งๆ ที่เมื่อวันก่อน ยังเถียงขึ้นมึงขึ้นกูไม่ยอมกันอยู่เลย

“เดี๋ยวจะให้คนมาเอารถให้ เข้าใจไหม” เป็นทิมที่เลือกจะเป็นฝ่ายทำลายกำแพงแห่งความเงียบก่อน คิดแล้วก็หน่ายใจ ทั้งๆ ที่อายุน้อยกว่าแต่กลับออกคำสั่ง หรือไม่ก็สอนเขาประหนึ่งคะน้าเป็นเด็กน้อยทุกครั้งไป

“ครับ ขอบคุณนะ” แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองก็บ้าจี้รับคำแบบนี้ไปเสียบ่อยครั้ง

“เราน่ะเลิกขับรถได้แล้วรู้ไหม เห็นหรือเปล่าว่ารถมันติดเต็มถนน” ทิมหันไปมองคะน้าราวกับเป็นความผิดที่ทำให้รถติดขัดเต็มท้องถนนได้อย่างหน้าตาเฉย คะน้าถึงกับต้องหันขวับกลับมาจ้องหน้าอุทธรณ์คนที่ขับรถอยู่

“แต่บางที ผมก็ต้องไปทำธุระที่ไหนๆ บ้าง” มันใช่เรื่องไหมที่จู่ๆ ทิมจะมาพิพากษาว่าเป็นความผิดเขาแบบนี้ และที่สำคัญตอนนี้ เขาก็นั่งอยู่บนรถของทิมด้วยซ้ำ

“ก็เอาไว้บอกล่วงหน้าสักวันสองวันแล้วกัน มันน่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ แล้ววันไหน ถ้างานผมยังไม่เสร็จก็รอหน่อย” ทิมหันมาแย้งก่อนจะชะงักตัวไปเล็กน้อยเมื่ออีกคนจ้องเขม็ง “ม..มองอะไร กระจกอยู่ข้างหน้า มองทางไปนู้น”

คะน้าอ้าปากค้าง ทิมตีเนียนแล้วยังเกรียนแตกได้อย่างเหลือเชื่อ “แต่ผมไม่ได้ขับรถอยู่นะ”

“ก็ช่วยกันมอง คิดจะเอาเปรียบกันใช่ไหม” ทิมหันมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าทิมคิดจะทำอะไรอยู่ แต่หูแดงๆ กับท่าทางแบบนั้น มันก็ยากที่จะอดนึกสนุกไม่ให้ต่อปากกลับไหว

“ก็...”

“เงียบ! ไม่ต้องพูดแล้ว เสียสมาธิ ตกลงตามนี้”

หากแต่คนอายุน้อยกว่านั้นเกรียนกว่าจะคาดคิด ยังไม่ทันจะได้อ้าปากถึงไหน ทิมก็รีบรวบรัดตัดความจนคะน้าที่ถึงกับค้างเติ่งเพราะไปต่อไม่ถูก ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่รถจะหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าในเขตคอนโด

และทันทีที่รถจอดนิ่งสนิท คะน้าก็จ้ำอ้าวลงจากรถ ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณทิมให้พอเป็นพิธี พอออกห่างจากทิม กำลังใจก็กลับมาอีกครั้ง ความมุ่งมั่นตั้งใจนั้นยังคงอยู่ ไม่กี่นาทีในรถเล่นเอาคะน้านึกอยากจะล้มเลิกความตั้งใจเป็นร้อยครั้ง ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งยากกับตัวเองทุกวันที่จะห้ามใจไม่ให้รู้สึกอะไรกับทิม ใจมันสั่นทั้งๆ ที่ทิมไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ แต่บทเรียนจากความผิดพลาดกับตุลนั้นมันหนักหนา ยังไงคะน้าก็ยังมีความรู้สึกว่าคงผิดกับตุลมากมาย ถ้าหากไม่กี่วันที่ลดสถานะเหลือแค่ความเป็นเพื่อนแล้วเขาจะกลับมาสดชื่นรื่นเริงกับทิมแบบนี้ ไหนจะสิ่งที่ผักกาดเป็นห่วงอีก คะน้าตั้งมั่น ...นับจากนี้ จะไม่เผลอหวั่นไหวอะไรกับคนเพศเดียวกันอีก ถ้าจะมีแฟนกับเขาสักคน ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็นผู้หญิงน่ารักๆ สักคนให้ป๋าและแม่ ให้เจ้ผักกาดได้เบาใจ แต่การจะบรรลุธรรมนั้น ย่อมต้องมีมารผจญ ยิ่งเป็นจอมมารในคราบของคนที่ยืนล็อคกุญแจรถอยู่นั้นยิ่งนักหนา

“รอขึ้นไปด้วยกันเลยสิ วันนี้พี่ผักกาดไปงาน คงกินกันสองคนที่ห้อง”

กินกันสองคนที่ห้อง ...ไม่ได้คิดไปไกลนะ แต่คำพูดบ้าบออะไรจะกำกวมได้ขนาดนั้น แต่เอาไว้ก่อน ประเด็นคือไปสนิทสนมกับเจ้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงขนาดรู้ว่าจะไปไหนๆ ทั้งที่น้องชายแท้ๆ อย่างคะน้ากลับไม่รู้แม้แต่น้อย ...หรือว่าจะอำ? คะน้าหลิ่วตาด้วยความเคลือบแคลง

“ลองโทรไหม” อาการที่หน้าคงจะออกไม่น้อย คนที่เห็นจึงหยิบโทรศัพท์ตัวเองยื่นมาตรงหน้าจนแทบจะทิ่มลูกตาแบบนั้น ลองถ้าทิมลงทุนทำขนาดนี้แปลว่าคงได้คุยกับผักกาดแล้วจริงๆ คิดแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง อะไรทำให้คนแบบทิมเปิดเผยความรู้สึกตัวเองกับเจ้ได้ขนาดนั้น แล้วอะไรที่ทำให้ผักกาดก็ไปเสวนาพาทีตอบเสียราวกับสนิทสนมมานาน






คะน้ายังนึกแปลกใจที่สุดท้ายก็เดินตามทิมขึ้นมาง่ายๆ ทั้งที่การจะแยกตัวไปซื้ออาหารทานเองแบบที่ผ่านๆ มาก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลย เมื่อมาถึงห้อง ทิมก็หายตัวเข้าไปในครัวพร้อมบอกว่าขอเวลาสำหรับทำอาหารจานเดียวง่ายๆ มากินประทังความหิวไปอีกมื้อ คะน้าไม่ได้เดินสำรวจความยิ่งใหญ่ของเพนท์เฮาส์ที่กว้างขวางของทิม หากแต่เลือกจะนั่งลงที่โซฟายาวสีอ่อนในห้องรับแขกซึ่งกรุรอบด้วยชั้นหนังสือขนาดใหญ่แทนผนังกั้น ห้องของทิมก็เช่นกัน ไม่ได้ให้ความรู้สึกแตกต่างกับผู้เป็นเจ้าของเท่าไหร่ แม้ว่าคะน้าจะเคยมาบนนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ขึ้นมา ก็ให้ให้ความรู้สึกประทับใจในความหรูหราตระการ ติดจะทึ่งที่ลำพังแค่ห้องกินข้าวก็ใหญ่กว่าพื้นที่ของมาสเตอร์รูมบวกกับห้องนอนของคะน้าและผักกาดรวมกันเสียแล้ว

เจ้าของห้องโผล่ออกมาอีกครั้งกับอาหารฝรั่งจานโตขนาดทานคนเดียวคงยากจะหมด เพิ่งจะรู้ว่าสำหรับทิมแล้ว สปาเก็ตตี้คาร์โบนาราซอสจัดอยู่ในหมวดของอาหารทำทานง่ายๆ เพื่อประทังชีวิต เพราะเท่าที่คุ้นเลาๆ ดูเหมือนว่าจะต้องแยกเอาเฉพาะไข่แดงล้วนๆ ตีเข้ากับวิปปิงครีม และชีสเพื่อมาทำตัวซอส ซึ่งยังไม่นับรวมกับการผัดเบคอนที่หั่นเป็นชิ้นจิ๋วให้กรอบหอม แต่ก็เอาเถอะ จะบ่นอะไรในเมื่อตัวเองก็ทำไม่เป็น ที่ห้องรับแขก ทิมวางสปาเก็ตตี้จานโตลงตรงหน้าของคะน้า ดูเหมือนว่าเจ้าของห้องเลือกที่จะทานแบบง่ายๆ ไม่มีพิธีรีตรองจริงๆ จึงเลือกที่จะสำเร็จโทษความหิวบนโต๊ะรับแขกที่นี่ ไม่ใช่บนโต๊ะอาหารแบบที่ควรจะเป็น ทิมทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นแล้ววางอุปกรณ์ต่างๆ ช้อนก็มี ส้อมก็มี แม้แต่เกลือหรือพริกไทยดำ ทิมก็ยังอุตส่าห์ยกลงมาวางให้จนครบ แต่มันยังขาด ...มันขาดอะไรไปบางอย่าง



...ทำไมถึงมีแค่จานเดียว?

“เป็นผู้ชาย หัดกินให้ง่ายอยู่ให้ง่าย มีช้อนมีส้อมก็กินไป เครื่องปรุงก็มีให้แล้ว เห็นไหม?” ทิมโวยวายโหวกเหวกเมื่อเห็นคะน้าจ้องมองอาหารจานโตตรงหน้าแล้วหันมาทำตาเขม่น

กินง่ายอยู่ง่ายเหรอ ข้าวเปล่าร้อนๆ กับไข่ดาวหนึ่งฟองก็กินได้ แม้แต่ข้าวคลุกน้ำปลา คะน้าก็ไม่เกี่ยง แต่ไอ้สปาเก็ตตี้คาร์โบนาร่าอุดมไปด้วยแฮมและเบคอนสุดหรูนี่มันไปด้วยกันกับการกินง่ายอยู่ง่ายของคุณทิมไหม?

...ไม่ให้กูกินช้อนส้อมเดียวกันไปเลยล่ะ หืมม?

คะน้าหันไปส่งสายตาเขม่นเข่นเขี้ยวใส่ แน่นอนว่าเจ้าตัวทำไม่รู้ไม่ชี้ใส่แบบทุกครั้ง เห็นส้อมแหลมๆ ในมือแล้วนึกอยากจะหันไปจัดการความเจ้าเล่ห์แทนที่เป็นอาหารหอมกรุ่นตรงหน้า หากแต่กลิ่นหอมๆ ของอาหารฝีมือทิมไม่เคยปรานีใคร แม้แต่เจ้ผักกาดที่อยู่ในอารมณ์หดหู่สุดๆ ยังต้องปราชัย แล้วกระต่ายผู้หิวโหยอย่างคะน้าจะมีอะไรเหลือ ทันทีที่คำแรกเข้าปาก คะน้าก็แทบลืมทุกอย่าง ความรู้สึกที่ว่าอาหารไทยของทิมอร่อยแล้วนั้น เทียบกับฝีมือของทิมในอาหารฝรั่งแล้ว รสชาติไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย อาจจูดได้ว่าเทียบชั้นกับร้านอาหารชื่อดังในย่านสุขุมวิทได้ด้วยซ้ำ


...คำแรก ลืมความหิว
...คำที่สอง ลืมรสชาติอาหารกล่องไมโครเวฟที่ฝากท้องประจำ
...คำที่สาม ลืมไปได้เลยร้านอาหารหรูหราไหนๆ ก็ตามที่เคยทานมา
...คำที่สี่ ชักจะลืมในความชิดใกล้ แขนชิดแขน หัวไหล่เบียดหัวไหล่

...และคำต่อๆ ไป ก็ลืมไปหมดแล้วซึ่งปณิธานที่หมายมั่นไว้ในใจ




“คำสุดท้าย แฟนหน้าตาดีเว้ยยย!”

ถึงแม้ว่าจะไม่เคยชนะทิมใสๆ ในสักเรื่อง แต่เรื่องกินคะน้าไม่เคยแพ้ใคร นัดล้างตาจากร้านอาหารฝรั่งเศสนั้นต้องมีเคลียร์ แน่นอนว่าผลเป็นยังไง มันก็เห็นๆ กันอยู่ ...คำสุดท้าย อร่อยกว่าคำไหนๆ คะน้าเอานิ้วโป้งปาดริมฝีปากตัวเองอย่างเอร็ดอร่อยในชัยชนะ แล้วหันไปยักคิ้วให้กับทิมเป็นการโชว์เหนือ

...อีกฝ่าย ยักคิ้วกลับเช่นกัน แถมยิ้มตาพราวซะปากจะฉีกไปถึงหู





“คำสุดท้ายนั่น...” ทิมยกมือขึ้นตบบ่าคะน้าเบาๆ “ขอบใจมากนะ”


...อึ้ง

...เรียกว่าอึ้ง

...คะน้าอึ้งไปสักห้าวินาทีกว่าจะพอเริ่มจับทางในความนัยนั้นถูก คนอายุมากกว่าเริ่มตีโพยตีพาย นึกย้อนเวลาได้จะไม่เปิดช่องให้ทิมย้อนคืนได้ คิดแล้วก็อยากจะเอานิ้วล้วงคอให้สำรอกคำสุดท้ายนั้นออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

“เดี๋ยว! ไม่เคยบอกเลยนะ อย่ามาตู่เว่ย!!!” คะน้าโวยวายออกมาอย่างเสียรู้ ร้อนวาบไปทั้งหน้า รู้สึกทั้งโมโหตัวเอง โมโหทั้งเพทุบายของอีกฝ่าย น่าจะเอะใจตั้งแต่ตอนที่พูด ทิมที่ทำท่าจะขโมยตัก ทำไมจู่ๆ กลับกลายเป็นแกว่งส้อมวนเล่นในอากาศแล้วผิวปากเล่นเอาเสียดื้อๆ

“บอกอะไร” คนอายุน้อยกว่าทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“บอกว่าเป็นแฟ...” คะน้าชะงักกึก! อีกแล้ว! เกือบไปแล้ว!!! “โว้ยยย! แล้วมึงขอบใจเรื่องอะไรเล่า” ทิมหันมาทำตาดุใส่ “ก็... ก็แล้วพูดจู่ๆ ขอบใจเรื่องอะไรล่ะ หมายถึงอะไร...ครับ” ปลายประโยคเติมขึ้นมาหลังจากเห็นตาดุๆ คู่นั้น คนที่อยู่ตรงหน้าพยักหน้าหงึก

“ขอบใจที่กินจนหมด จะได้เอาจานไปล้างเสียที” ทิมยักคิ้วแล้วยกจานขึ้น รอยยิ้มเล็กๆ แอบกระตุกขึ้นที่มุมปาก ยิ่งมองก็ยิ่งขัดใจ “ว่าแต่คิดว่าอะไรล่ะ ไหนจะพูดว่าอะไร พูดมาให้จบสิ รอฟัง”

เคยมีคนพูดกับคุณมึงไหม ว่าคุณมึงเป็นคนที่กวนประสาทมาก เจ้าเล่ห์สุดๆ  ห่านเอ้ย! มึงไม่ต้องมายิ้มหวานใส่กูเลยนะไอ้ทิม เดี๋ยวมึงจะโดนเหนี่ยว! คะน้ากระฟัดกระเฟียด ทั้งหมดก็ได้แต่คิดในใจ



“ว่าไง?”

“อะไรอีก ไปล้างจานก็ไปล้างไป” โดนคนหงุดงหิดไล่ ทิมก็ส่งยิ้มหวานให้อีกครั้งแล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในห้องครัว คะน้าลุกขึ้นยืนอย่างไม่สบอารมณ์ กระนั้นก็ไม่วายเอามือลูบพุงที่แน่นของตัวเองป้อยๆ อย่างไรก็ตาม มันเป็นอาหารมื้อที่อร่อยมากๆ ในหลายวันที่ผ่านมานี้จริงๆ ...แต่ขอโทษที ไม่มีมิตรแท้ในสนามรบ เสร็จมื้ออาหาร ปณิธานที่หมายมั่นก็กลับคืนมาใหม่

“กลับก่อนนะ ขอบใจมาก” คะน้าส่งเสียงไปทางห้องครัวแล้วเดินไปกดลิฟต์ เพียงไม่ถึงเสี้ยวนาทีเสียงปิ๊งก็ดังขึ้น พร้อมกับประตูลิฟต์ที่ขยับเปิดออก คะน้ายิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี รู้ดีว่าทิมคงจะไม่พอใจอยู่ไม่น้อยแน่ๆ ที่จู่ๆ คะน้าก็ชิ่งหนีมาแบบนี้ ม่านเหล็กอลูมิเนียมขัดเงาซึ่งกรุไปด้วยไม้ค่อยๆ เคลื่อนตัวปิดจนแนบแน่นก่อนจะเริ่มเคลื่อนตัวลงสู่เบื้องล่าง คะน้าผิวปากอย่างอารมณ์ดี



...อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าห้องของตัวเองที่ชั้นสามสิบสองด้วยความสุขใจอย่างเป็นที่สุด เปิดประตูเข้าห้องไปก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผักกาดนั่งอยู่กับกองเอกสารพะเนินที่โต๊ะกินข้าว ด้านข้างมีกล่องอาหารไมโครเวฟจากร้านสะดวกซื้อที่พร่องลงไปครึ่งหนึ่ง ผักกาดเงยหน้าขึ้นมามองน้องชายแล้วเอ่ยทักทาย

“เจ้! กลับมาถึงเมื่อไหร่เนี่ย” ผักกาดเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มกว้างให้กับน้องชาย

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ กินอะไรมาหรือยังน่ะต่าย วันนี้ที่ตลาดวุ่นเหรอ กลับซะดึกเชียว”

“แล้วเจ้ไม่ได้ไปงานกลับบ้านดึกเหรอ”

“เปล่านี่ ถึงแต่เย็นแล้ว เจ้แค่เอางานกลับมาทำที่บ้านเอง”

หญิงสาวก้มหน้าทำงานต่อ หากแต่เสียงฝีเท้าหนักๆ ตามมาด้วยเสียงปิดประตูที่ดังกว่าทุกครั้งทำให้ผักกาดเงยหน้าขึ้นมามองน้องชายที่เดินหน้าบอกบุญไม่รับซึ่งเพิ่งเดินผ่านไป ไม่บ่อยที่คะน้าจะมีอาการแบบนี้ ...นับครั้งได้ นับได้จริงๆ เพราะน้อยมากๆ ผักกาดลองครุ่นคิดถึงสาเหตุ สักพักก็พอจะเริ่มคาดเดาปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ชนิดที่ว่าไม่ใช่ก็คงจะใกล้เคียง หญิงสาวหัวเราะพรืดออกมาลั่นจนต้องยกมือขึ้นปิดปากแล้วพยายามอดกลั้นจนเป็นยิ้มน้อยๆ ออกมา ผักกาดเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ พักความเหนื่อยล้าจากงาน แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าผ่านกระจกหน้าต่างบานใส พระจันทร์บนท้องฟ้าสว่างนวลตา ตั้งแต่เด็กจนถึงเมื่อไม่กี่วันมานี้ คะน้ามักพูดอยู่เสมอว่ามีกระต่ายอยู่บนดวงจันทร์  ...ถ้าเป็นเรื่องจริงก็น่าสงสารนะ เพราะมันคงต้องอยู่ตัวเดียว




หญิงสาวจ้องมองพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่กลางฟ้าแล้วยิ้มน้อยๆ ...เห็นทีว่า นับจากนี้ กระต่ายตัวน้อยจะไม่ได้เหงาอยู่ตัวเดียวบนดวงจันทร์เอาเสียแล้ว

“ป๋าจ๋า แม่จ๋า ไม่รู้ว่าถ้ารู้ ป๋ากับแม่จะว่ายังไงเหมือนกัน”

ผักกาดวางปากกาในมือ แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินช้าๆ มาเกาะที่ขอบหน้าต่าง แสงสีเหลืองอ่อนซึ่งเกือบจะเป็นวงกลมเต็มวงฉายเด่นไปพร้อมกับแสงดาวที่ดูระยิบระยับงามตา


“หนูว่ามันแปลก ...แต่ก็ดูเข้าท่าดี”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ฮ่าๆๆ เห็นไหมว่าคนแต่งก็ไม่ได้โหดเหี้ยมตลอดเวลานะครับ :-[
สำหรับตอนที่ลงไปคงตาลายเหมือนกัน เห็นแล้วก็ตกใจ เพราะมันค่อนข้างยาว
แต่คิดว่าคงจะอ่านได้แบบไม่อึดอัดอะไร อาจมีอมยิ้มน้อยๆ พอเป็นพิธี
ถือว่าเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยในการเริ่มต้นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่แสนธรรมด๊า...ธรรมดาแล้วกันเนอะ
+1 ให้กับทุกๆ คอมเมนต์นะครับ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ที่อยู่เป็นเพื่อนกันมาตลอด :-[
และตามธรรมเนียม คนแต่งขอกอดเพื่อนๆ ที่น่ารักทุกคนเลยเนอะ 555 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-01-2013 09:43:18
ฮ่าๆ ตลดจันทูช่วงแรกๆ
แต่ตอนนี้แอบหวานหน่อยๆนะเนี่ย
ดีจังเลยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 19-01-2013 10:21:09
มาไวแบบนี้น่ารักจริงๆ
ทิมเขินน่าจับจูบมากกกกกกกกกก  ชอบอะ  :z3: :z3:
ต่ายไม่เคยอยุ่คนเดียวบนดวงจันทร์หรอกนะ ทั้งพี่สาว ทั้งหนุ่มๆ ทั้งจันทู อยู่กับต่างทั้งนั้น
ต่ายเป็นคนน่าอิจฉา แอร๊ววว 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 19-01-2013 10:47:33
ตอนนี้นู๋ต่ายกับน้องทิมน่ารักมากๆเลยค่ะ :give2:

เอ่ออ คุณนักเขียนคะพี่ขอยืมตัวจันทูไปเต้นแก้บนแถวบ้านได้ป่าว o3!!???

รับรองว่าไข่ไม่ตกถึงพื้นแน่.....แต่! มันจะไปอยู่บนตัวจันทูเต็มไปหมด!!!!! :laugh:

 :laugh3:  :laugh3:  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 19-01-2013 12:37:58
สรุปแน่แล้วใช่มั้ย
ทิมใช่มั้ย อิอิอิ แต่เค้าไม่อยากไว้ใจอะไรคนแต่งเลยอ่ะ
คือที่ผ่านมจนถึงตอนนี้ ก็เหมือนว่าหวยจะออกที่ทิม แต่ประเด็นระหว่างทิมกับตุล
ก็ยังไม่ได้เคลียร์ให้กระจ่าง เอาจริง ๆ ก็อีคนอ่านนี่แหละอยากรู้มาก 555

สนุกอ่ะ ตอนนี้ทิมน่ารัก เคยแต่สั่งเคยแต่เป็นฝ่ายคุม พอต้องมาเอาใจ มารับส่งก็เขินล่ะสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 19-01-2013 12:50:45
จันทูมาแล้ว คิดถึง5555
ตอนนี้แอบหวานนะ
ผักกาดทำใจเรื่องคะน้ากับทิมได้แล้วเหรอ
แล้วกับตุลจะเอาไงต่ออ่ะ
คนแต่งรีบมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 19-01-2013 12:59:42
เจ้าเล่ห์จริงๆ ทิม...ต่ายกว่าจะคิดทันก็..ไม่ทันละ ><555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 19-01-2013 14:05:24
โอเคแล้วนะเจ้ผักกาด

ส่วนทิมกับคะน้านี่ก็น่ารักน๊า ไม่รู้ใครอายุมากกว่าใคร หุหุ
คิดถึงหมอตุลจัง // แฟนคลับทิมรุม  :beat:  :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ืnnick ที่ 19-01-2013 15:51:32
 :-[ :-[ :-[
ตามอ่านทันจนได้กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด~
ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ +1 ให้เป็นกำลังใจนะคะ!
ตามอ่านตั้งแต่เช้าเลย เฮ้อออออ~ ทันจนได้ เชียร์ทิมตั้งแต่ต้นค่ะ!  :o8:
แต่ก็แอบคิดถึงตุลน้าาา 55555 สู้ๆ นะคะ
เชียร์ทิม เชียร์คะน้าา เชียร์คนเขียน สู้ๆ!   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 19-01-2013 16:14:33
ต่ายนี่แพ้ทางตลอดด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 19-01-2013 17:28:52
ตอนแรกๆ ฮาดีค่ะ ชอบคะน้า น้องต่ายน่ารัก มีผู้ชายเข้ามาในชีวิตพร้อมกันสองคน
แข่งกันจีบ แต่ดูยังไงทิมก็มาวินและเราก็เชียร์ทิมด้วย ดูจริงใจกว่าหมอเยอะ

จนมาถึงตอนที่คะน้าคบหมอใหม่ๆ รู้สึกอึ้งมาก บ้าไปแล้ว!
คะน้ามันมึนหรือเปล่าเนี่ย อ่านยังไงก็รักทิมแท้ๆแต่ดันไปเลือกหมอ

เจ๊ผักกาด ขอบคุณดราม่าของเจ๊มากค่ะ ที่ทำให้ในที่สุดคะน้าก็รู้ใจตัวเองเสียที

เรื่องทิมกับหมอคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เชื่อใจทิมค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 19-01-2013 18:18:59
สำหรับเราไม่ได้แค่อมยิ้มนะ แต่มันมีความสุขเหมือนเป็นคะน้าเองเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 19-01-2013 19:02:21
ทิมเขินแล้วน่ารักดี ตีเนียนเก่งซะด้วยสิ
ส่วนต่ายก็ไม่ทันอะไรทิมเล๊ยยยยย  โดนหยอดก็กว่าจะรู้ตัว แต่ก็น่ารักดี ทั้งคู่เลย  :o8: :o8:

ส่วนจันทู ไม่มีใครจะฮาเท่าเธอคนนี้แล้ว จริงๆ นะ  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-01-2013 23:06:50

(http://musicthai.patakorn.com/wp-content/uploads/2010/09/rabbit_moon.jpg)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-01-2013 00:14:41
ตอนนี้น่ารักมากกกกกก อิอ๊างสุดเท่าที่เคยอ่านมาค่ะ  :-[ 
พี่ผักกาดเป็นใจแล้วสินะ 555 คะน้าเอ๋ยคราวนี้ไม่รอดแน่แค่ทิมคนเดียวก็รับมือแทบแย่แล้ว
เจอเจ้เ็ป็นใจอีกคนคราวนี้ได้มีแฟนแ่น่จ้า
อีตาทิมก็น่ารักไปไหนน้อ มารับก็ไม่บอกว่ามารับ มากะงึกกะงืออยู่ได้ สุดท้ายก็อ้อมแอ้มบอกมาเนอะ
แล้วจัดการเสร็จสรรพว่าต่อไปนี้คงจะขอเป็นสารถีด้วยตัวเอง คะน้าโดนหลอกไปกินข้าวกับเค้าแล้วจ้า
อร่อยจนลืมความตั้งใจไปเลยเนอะ คะน้าน่ารักมาก คำสุดท้ายนั่นอีกเข้าทางพระเอกสุด ๆ
คือพาร์ทนี้เรตติ้งพระเอกพุ่งแรงมากจริง ๆ ค่ะ

จันทู~~ เธอจะเอาฮาไปไหน ฮาแถมมั่นใจมันทุกตรงเนอะ คะน้าถึงกับทำงานไม่รู้เรื่องกันเลย
ไข่แตกไปสามใบ 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 20-01-2013 15:37:41
เขินมาก

ทิมเนียนแบบต่ายไปต่อไม่ถูกเลยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-01-2013 09:14:46
สวัสดีครับ ก่อนอื่นต้องขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตามกันมาถึงตอนนี้นะครับ
อ่านคอมเมนต์ทีไรรู้สึกชื่นใจจริงๆ ผม +1 ให้กับทุกคอมเมนต์แทนคำขอบคุณนะครับ
สำหรับตอนต่อไปที่จะลงนี้ ถือว่าเป็นตอนที่แต่งยากที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา
อืม... บอกไม่ถูกเหมือนกัน ลองอ่านดูแล้วกันนะครับ แล้วยังไงก็เสนอแนะกันด้วยนะ

สปอยล์ล่วงหน้านิดนึง ว่าทำใจให้ร่มๆ ก่อนอ่านนะครับ สวดมนต์ไหว้พระด้วยยิ่งดี
ไม่รู้ว่าจะโดนด่าหรือเปล่าแฮะ ตอนอ่านเช็คตัวสะกดก็อึ้งๆ เหมือนกัน
ยังไงก็อยากให้อ่านนะครับ ไม่สิๆ เอาใหม่ๆ ต้องอ่าน นะครับ!!!
อ่านช้าๆ ค่อยๆ อ่านแล้วจะรู้สึกอยากลุกขึ้นมาถีบหน้าคนแต่งแน่นอนครับ 5555
คนแต่งน้อมรับคำด่ามากมายที่จะกระหน่ำมาหลังอ่านจบตอนแล้วครับ  :o12:

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 22




ใต้ร่มไม้ที่เพิ่งลงในเขตก่อสร้างเมื่อหลายเดือนก่อนระบัดใบแผ่ทั่วกิ่งก้านจนดูร่มรื่นขึ้นมาก กว่าครึ่งชั่วโมงที่คะน้านั่งจ่อมอยู่บนพื้นดินด้วยความรู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงขีดสุด ต้นเหตุมาจากชายหนุ่มสูงโปร่งในหมวกสีเหลืองที่ยืนสั่งงานกับทีมช่างอยู่บริเวณเครื่องตอกเสาเข็ม ทิมกำลังทำงาน และอันที่จริงเขาก็ควรจะต้องทำงานเช่นกัน แล้วโผล่มาที่นี่ทำไมน่ะหรือ? คำตอบก็คือเพราะยอดชายนายคะน้าผู้นี้ โดนไอ้เท่ห์ที่ยืนเก็กสั่งงานนั่นทั้งมัดมือชก ทั้งตุ๋นจนเปื่อยกว่าหมูตุ๋นในก๋วยเตี๋ยวเจ๊พรที่ขายอยู่ท้ายตลาดเสียอีก แต่ขอบอกเอาไว้เลย ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้เว้ย! งานนี้มันเลยต้องมีเคลียร์กับเคลียร์ให้หายข้องใจ!

ทิมยืนตรวจงานของช่างต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ใกล้ๆ ตัวมีหญิงสาวที่มีดวงตากลมโตแบบตุ๊กตาช่วยกางกระดาษแปลนม้วนโต ในมือมีสมุดเล่มเล็กที่จดอะไรยุกยิกเป็นครั้งคราว คะน้าจำแนนได้จากครั้งตอนที่เจอที่ร้านอาหารคราวก่อน ดูเหมือนว่าเธอน่าจะเป็นผู้ช่วยของทิมที่คอยจดบันทึกช่วยจำต่างๆ แต่ดูจากท่าทีของหญิงสาวแล้ว บางทีแนนอาจจะสนิทสนมกว่าแค่ฐานะผู้ช่วยก็เป็นไปได้ ห่างไปอีกไม่ไกลนัก เป็นผู้หญิงใส่แว่นที่คะน้าก็เดาไม่ถูกว่าทำงานในหน้าที่อะไร บางที อาจจะเป็นผู้ช่วยของผู้ชายร่างสูงโปร่งอีกคนที่ยืนคุยกับทิมอยู่ในตอนนี้

ลึกๆ แล้วก็รู้สึกเกรงใจทิมที่จู่ๆ ก็โผล่มาโวยวายกับเรื่องไร้สาระ แต่ไม่ทำแบบนี้มันก็ติดค้างในใจอย่างบอกไม่ถูก ก็ใครจะไปรู้ว่าจะยุ่งล่ะ! วันก่อนยังเห็นโผล่ไปนวยนาดที่ตลาดขนาดนั้น

“พี่คะ” เสียงเรียกของหญิงสาวทำให้คะน้าสะดุ้งตัวหันไปมอง เป็นแนนที่เดินมานั่งใกล้ๆ แล้วยื่นน้ำเย็นๆ ให้กับคะน้า “พี่ทิมกำลังยุ่งๆ อยู่ พี่รอแป๊บนึงนะคะ”

“อ่า... ครับ ขอบคุณครับ” คะน้าเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำเปล่าแช่เย็นจากมือเธอพร้อมขอบคุณ

“ที่ร้านอาหาร... ใช่พี่ใช่ไหมคะ แนนคุ้นๆ” คะน้าพยักหน้ารับ อยู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ “สนิทกับพี่ทิมหรือคะ เห็นพี่ทิมเคยบอกว่าพี่... เป็นคนขายไอติมที่ตลาด”

ปลายเสียงของแนนฟังดูแปลกๆ หากแต่ความสดใสในดวงตาและรอยยิ้มน่ารักนั่นทำให้คะน้านึกตำหนิตัวเองว่าคิดมากไป คงไม่มีอะไรที่ทำให้แนนต้องนึกไม่พอใจอะไรเขาแบบนั้น บางทีอาจเป็นเพราะจังหวะการพูดที่เว้นช่วงเหมือนเน้นคำเหล่านั้นมากกว่าที่ทำให้ดูแปลกแปร่ง กระทั่งทิมเดินมาสมทบพร้อมกับผู้ชายร่างสูงอีกคน

“พี่เจ นี่คะน้า นี่พี่เจ”

“สวัสดีครับ” คะน้ารีบลุกขึ้นยืนแล้วทักทาย หากแต่เห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มของคนที่ตนเองไม่คุ้นตาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก

“อ้ออออ... คนนี้” พี่เจลากเสียงยาวก่อนที่ทิมจะเอาศอกกระทุ้งแล้วเขม่นสายตาใส่ ชายหนุ่มอีกคนจึงหันมายิ้มร่าเริงให้กับคะน้า แล้วทักทายตอบ “สวัสดีครับ”

...ไม่บอกก็รู้ว่าแม้จะไม่เคยเห็นหน้าตากันมาก่อน แต่ชายหนุ่มอีกคนรู้จักเขาเป็นอย่างดีแน่นอน

“พี่เจคะ พี่ทิม มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” แต่เป็นแนนที่เก็บความสงสัยจากท่าทางยุกยิกของสองหนุ่มไม่ไหว ทิมกลับมายืนนิ่งเงียบเหมือนไม่ได้ยินคำถาม หากแต่ชายหนุ่มอีกคนกลับหันมาหัวเราะให้หญิงสาวอย่างขี้เล่น

“คิดมากไปน่ะเรา” แนนทำหน้าไม่ค่อยเชื่อนัก แต่ทิมไม่สนใจ วิศวกรหนุ่มหันกลับมาถามคะน้าที่ยืนเก้ออยู่

“มีอะไร” คะน้าอ้าปากจะตอบแต่พอเห็นสายตาของแนนกับพี่เจที่มองอยู่ก็ชะงัก ...จะบอกว่ามาคิดบัญชีเรื่องเมื่อวันก่อนต่อหน้าคนอื่นมันก็ใช่ที่เปล่าวะ? ฝากไว้ก่อนเถอะทิม!

“ก็... ไม่มีอะไร” แนนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ในขณะที่พี่เจทำหน้างงๆ สักพักหัวเราะร่วนขึ้น คะน้าไม่ได้แปลกใจกับท่าทีของแนนเท่าไหร่ แต่กับชายหนุ่มแปลกหน้าอีกคน อะไรบางอย่างบอกถึงลับลมคมใน

“จะกลับบ้านเหรอ รออีกหน่อยได้ไหม” ดูเหมือนว่าทิมจะตีความหมายไปอีกอย่าง อันที่จริงก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคะน้าอยู่ไม่น้อย ชายหนุ่มจึงหันมายิ้มเออออห่อหมกไปเสียให้จบเรื่อง


...เออ ช่วยพาออกไปจากตรงนี้ทีเหอะ!

ทิมยิ้มน้อยๆ อืม... คิดว่าตาของตัวเองไม่ฝาดไปหรอกนะ ทิมยิ้มให้กับเขาจริงๆ ก่อนที่จะหันหน้าแล้วรีบรุดกลับไปที่บริเวณก่อสร้างอีกครั้ง ทิ้งให้คะน้าอยู่กับแนนและพี่เจด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ลับหลังทิม แนนก็ยิงคำถามด้วยความสงสัยจนคะน้าไม่รู้จะตอบยังไง

“ทำไมต้องกลับบ้านพร้อมกันด้วยคะ ทำไมพี่ทิมต้องขับรถให้พี่ด้วย หรือมีธุระอะไรกันต่อคะ”

“แนน... พี่กวนให้ไปเอาน้ำเย็นๆ ให้พี่ขวดสิ” พี่เจพูดแทรกขึ้นมาเหมือนจงใจ หญิงสาวหน้ามุ่ยแต่ก็หันกลับไปยิ้มหวานให้พี่เจแล้วพยักหน้า ไม่วายจะทิ้งทวนด้วยการส่งสายตาตั้งคำถามให้คะน้าก่อนจะเดินจากไป

“นั่งไหม” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนั่งใต้ร่มไม้ คะน้าที่ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้ก็เลยรีบนั่งลงตามผู้เชื้อเชิญ นึกอยากจะขอบคุณสักล้านครั้งที่ช่วยทำลายบรรยากาศที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ให้กับคะน้า

“ขอบคุณพี่เจมากนะครับ” รู้ดีว่าชายหนุ่มแปลกหน้าช่วยเหลือเอาไว้

“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียกพี่หรอก เราอายุเท่ากัน ...แค่เจ้าทิมมันเรียกไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง” ...อ้าว!!!! ทำไมเป็นอย่างนั้น! “จะว่าไปนายนี่... อืม... เป็นเหมือนอย่างที่เจ้าทิมมันพูดเลยนะ” พี่เจพูดพร้อมหัวเราะขำ ...เป็นเหมือนอย่างที่ทิมพูด?!? พูดว่าอะไร?!?

“เอ่อ... ทิมพูดถึงผมว่าอะไรหรือครับ?”

“ก็ไม่มีอะไรหรอก วางใจได้”

ไม่รู้ว่าคะน้าจะคิดไปเองหรือเปล่าเพราะดูเหมือนกับว่าพี่เจ ซึ่งอันที่จริงต้องเรียกว่าเจพูดแบบนั้น มันดูกำกวมในความหมายอย่างบอกไม่ถูก ดูเหมือนเจจะรู้เรื่องราวของคะน้าอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็เรื่องอายุนั่นล่ะ ไหนจะท่าทีที่ดูคุ้นเคยเป็นกันเองมากกว่าคนที่เคยพบครั้งแรกแบบนี้อีก ยิ่งคิดยิ่งน่าสงสัยจนคะน้านึกอยากจะเอ่ยถาม จังหวะนั้นเองที่แนนเดินกลับมาพร้อมกับทิม คะน้าจึงเก็บความสงสัยไว้ในใจต่อไป แนนยื่นน้ำเย็นให้กับเจ

“หัวเราะอะไรกันคะ นินทาแนนหรือเปล่านะ” หญิงสาวหน้ามุ่ยแล้วหันไปกระเซ้าเจ

“กำลังนินทาอยู่พอดีว่าเมื่อไหร่สาวน่ารักๆ ยิ้มหวานๆ แบบน้องแนนของพี่จะมีแฟนกับเค้าเสียที หรือว่าเดี๋ยวนี้หนุ่มๆ มันไม่ได้เรื่องจนผู้หญิงต้องลุกขึ้นมาจีบผู้ชายแทนนะ” เจหันไปหยอกเย้าตอบ

“พี่เจพูดอะไรคะเนี่ย น่าเกลียดจัง” แนนเง้างอดพร้อมกับเหลือบไปมองหน้าทิมเหมือนจะจงใจให้รู้ แต่ชายหนุ่มกลับมองไปทางทีมช่างที่กำลังทำงานอยู่ หญิงสาวจึงหันกลับมาสบตาคะน้าแล้วยิ้มให้แทน

“แนนเป็นผู้หญิงนะคะ จะให้ลุกขึ้นมาตามตื้อตามตอแย มาหาคนที่ชอบถึงที่อะไรแบบนั้น คนเขาจะได้มองไม่ดีเอา”

ลึกๆ แล้วคะน้ารู้สึกอึดอัดกับคำพูด หรือแม้แต่กับรอยยิ้มหวานๆ ของแนนอย่างบอกไม่ถูก จะเรียกว่าจงใจพูดกระทบตัวเขา แนนก็ไม่น่าจะรู้เรื่องอะไรพวกนี้ไม่ใช่หรือ หรือเพราะว่าบางที เขาอาจจะร้อนตัวกับคำพูดที่มันดูละม้ายกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่แบบนั้น ...ใครจะคิดอะไรก็ช่าง กูไม่ได้มาสวีทเฟ้ย กูมาคิดบัญชีกับไอ้ขี้เก็กนี่ต่างหาก!

“สวยๆ น่ารักๆ แบบเรา แถมครอบครัวก็ดี เราน่ะ มีแต่คนแย่งกันจีบล่ะไม่ว่า” เจหยอกล้อกับแนน หญิงสาวหัวเราะแล้วหันไปเกาะแขนทิมที่ยืนอยู่เคียงกัน ทิมจึงหันหน้ากลับมาฟังบทสนทนาอีกครั้ง “พี่ทิมดูพี่เจสิคะ แซวแนนอยู่ได้”

“แนนอยากให้เป็นคนที่แนนรักน่ะค่ะ ไม่ใช่แค่ใครก็ไม่รู้ที่มาจีบเล่นๆ แนนอยากมีคนที่เราเรียกว่าแฟนได้อย่างเต็มปากมากกว่าควงเรื่อยเปื่อยแบบนั้น จะเรียกว่าหัวโบราณก็ได้ แต่บอกตามตรงว่าแนนไม่ชอบค่ะ” หญิงสาวถอนหายใจแล้วหันไปมองที่ทิม หากแต่ทิมยังคงนิ่งเฉยแบบทุกที แนนจึงหันไปยิ้มให้กับเจแบบเก้อๆ แทน

“บางทีก็อยากมีคนที่เรากลับบ้านด้วยกัน คนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน ไปเดินเล่นไหนๆ หรือไปนั่งเล่นกันที่บ้าน ...บ้านแนนหรือบ้านแฟนก็ได้น่ะค่ะ เป็นคนที่เข้ากับที่บ้านเราได้ แนนถือเรื่องแบบนี้นะคะ อืม... แล้วก็อาจจะทำอาหารทานกันเอง แนนนั่งทานกันบนพื้นก็ได้ ทานจานเดียวกันก็ได้ ง่ายๆ น่ะค่ะ แนนไม่ชอบอาหารตามร้านน่ะค่ะ ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ คงให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยนะคะ”

แนนยิ้มให้กับความคิดฝันของตัวเอง ผิดกับคะน้าที่นั่งนิ่งแข็งเป็นตอไม้ เมื่อแต่ละอย่างที่แนนพูดออกมา มันช่างเหมือนกับ...

“ก็ใช่ แต่สมัยนี้จะมีใครไปทำแบบนั้นล่ะ ใช้เวลาด้วยกันเหรอ ไปนั่งเล่นที่บ้านเนี่ยนะ ยิ่งทำอาหารกินเองนี่ยิ่งยากไปใหญ่เลย สมัยนี้ใครจะไปมีโมเมนต์แบบนี้ จริงไหมทิม ว่าไหมคะน้า” เจหันไปพยักหน้าให้ทิมแล้วหันกลับมามองหน้าคะน้าที่กำลังนั่งอึ้งๆ คะน้านั่งตัวแข็งทื่อ เผลอกลืนน้ำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัวด้วยความที่พูดไม่ออก


...ไม่มีใครทำ ...ไม่มีใครมีช่วงเวลาแบบนี้เหรอ?

โดยอัตโนมัติ คะน้าค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่เหมือนร้อนตัว เป็นแบบทุกครั้ง ทิมไม่ได้พูดอะไร ผิดเพียงแค่ว่าในครั้งนี้ ดวงตาสีดำขลับของชายหนุ่มไม่ได้มองไปเบื้องหน้าเช่นทุกที หากแต่กลับทอดมองลงมาที่เขาพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ ที่ดูน่ามองนั่น



...เพียงแค่นี้ ก็รู้สึกร้อนวูบที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก

“เฮ่ย!” แรงสะกิดเบาๆ ของเจทำให้คะน้าสะดุ้งตัว “เป็นอะไร อยู่ๆ ก็ทำหน้าเหรอหรา”

“เอ่อ... ป..เปล่า ไม่มีอะไรนะ” คะน้ารีบปฏิเสธ เจหลิ่วตาแบบไม่ค่อยจะเชื่อนัก แต่ชายหนุ่มก็ดูจะไม่ได้สนใจจริงจังอะไรกับท่าทางประหลาดของคะน้ามากมายไปกว่าหันไปแซวแนนว่าเพ้อฝันแบบเด็กๆ ผิดกับอีกคนที่ยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดี

“กลับกันไหม”

ทิมที่ยืนอยู่หยิบกุญแจรถขึ้นมาแกว่งเล่น คะน้าจึงลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับ โดยมีแนนที่มองทิมด้วยสายตาตัดพ้อ หญิงสาวบ่นอุบว่าทิมน่าจะอยู่ต่อให้ครบเวลางาน ส่วนเจก็เอ่ยลาแบบทั่วไป ก่อนจะลุกขึ้นแล้วพูดกับคะน้าเบาๆ ให้พอได้ยินแค่สองคนแล้วเดินจากไป คำๆ นั้นยังก้องอยู่ในหูของคะน้าจนถึงตอนนี้




“...รู้ตัวหรือเปล่าว่านายหน้าแดงอยู่”


คิดแล้วก็เซ็ง ไม่รู้ว่าป่านนี้เจจะคิดไปถึงไหน แล้วไหนจะเรื่องที่ทิมไปเล่าไว้ให้ฟังอีก ตัวการของปัญหาทั้งหมดดูจะนั่งสบายใจเฉิบอยู่หลังพวงมาลัยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“อะไร” ทิมพูดขึ้น ทั้งๆ ที่สายตามองไปที่ไฟแดงข้างหน้าที่ไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียวเสียที

“ไปพูดอะไรให้เจฟัง”

“พูดอะไร”

“ก็ไปเล่าอะไรให้เขาฟังบ้างล่ะ ถึงได้พูดอะไรแปลกๆ ทำท่าอะไรแปลกๆ” ทิมชักสีหน้าแล้วหันมาโวยใส่

“สนใจนักนะ แคร์มากหรือไง ไหน? มันคุยกันถูกคอเลยใช่ไหม หมดจากไอ้แว่นก็เอาอีกล่ะสิ ชอบนักล่ะ หัวเราะคิกคัก คุยกับคนนั้นคนนี้”

“บ้าอะไรเนี่ย” หันกลับไปมองทิมอย่างอึ้งๆ

“อย่าคิดว่าไม่เห็น”

“ไม่ต้องมาทำโวยกลบเกลื่อน ไม่อย่างนั้นเจจะรู้จักได้ยังไง ไปพูดอะไรไว้บ้าง อย่าบอกนะว่าเรื่องบ้าๆ ที่ทำเอาไว้” ทิมหันมาแล้วทำหน้าดุใส่

“นั่งเงียบๆ ไปเลย”

“ก็เงียบตั้งแต่แรกแล้วเปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักคำ” คะน้าหันไปบ่นใส่ ดูทิมชะงันงันไปเล็กน้อยแล้วขับรถต่อไปแบบเงียบๆ พร้อมกับทำกระสับกระส่ายพิลึกกึกกือก็เริ่มรู้สึกเอะใจ



...อย่าบอกนะว่า ...ว่า ห..หึง

คิดขึ้นมาคะน้าก็ใจสั่นแปลกๆ แต่เมื่อเหลือบดูคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ใบหูเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้วก็อดใจเต้นรัวยิ่งขึ้นไปอีกไม่ไหว ลงท้ายถ้อยคำมากมายจึงกลืนหายกลับไปในลำคออย่างช่วยไม่ได้ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ความเงียบนำพามาซึ่งความรู้สึกมากมายที่ซุกซ่อนไว้ในใจ คิดแล้วก็อยากจะนึกหัวเราะตัวเองที่อยู่ๆ คะน้าก็รู้สึกว่าผู้ชายตัวโตจอมกวนประสาทที่นั่งข้างๆ ในตอนนี้ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก อยู่ๆ ก็นึกอยากจะเข้าไปกอดแล้วฟัดสักหลายๆ ที ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ความสนุกคิดต่อยอดให้กับความคิดประหลาดที่ผุดขึ้นมาในหัว




...ถ้าหอมแก้มทิมตอนนี้จะเป็นยังไง?

ในใจเต้นรัวอย่างประหลาด ...อยากรู้ ...อยากเห็น ...อยากลอง

บ้าชะมัด อยู่ๆ ก็คิดว่าทิมดูน่ารัก!!! บ้าไปแล้วที่คิดว่าถ้าทำอย่างที่คิด คนขี้เก็กที่นั่งข้างๆ มันจะเป็นยังไง จะอึ้ง จะทำอะไรไม่ถูก หรือจะทำยังไง คะน้าหายใจติดขัด พยายามอดกลั้นความคิดพิเรนทร์ที่กำลังโลดแล่นอยู่ในหัว ในใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกอยากรู้อยากลองอย่างบอกไม่ถูก

“อะไร” ทิมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด ริมฝีปากเม้มแน่นจนตึง

“ข..ขอ” คะน้าพูดตะกุกตะกัก ไม่รู้ว่าความคิดห่ามๆ กับความบ้าบิ่นนี่ผุดขึ้นมาได้อย่างไร

“อะไร!” ทิมถามเสียงเข้ม ใบหูยังแดงระเรื่ออยู่ไม่หาย

เห็นแค่นั้นความรู้สึกฮึกเหิมก็ทะยานถึงขีดสุด ความกระหายใคร่รู้อัดแน่นเกินกว่าอคติและถ้อยคำมากมายที่ครุ่นคิดขึ้นมาทั้งวัน ...ไม่พูด ...ไม่ขอให้มากความ คะน้าดันตัวเองขึ้นจนเข็มขัดนิรภัยรั้งตึง หากแต่ความอยากรู้นั้นมากมายเกินกว่าตัวเองจะรู้สึกตัว มือขวาของคะน้าจึงปลดสายเข็มขัดนิรภัยที่ดูเกะกะ เมื่อหมดพันธนาการที่เกี่ยวรั้ง ริมฝีปากของคะน้าก็สัมผัสกับแก้มของคนที่นั่งข้างๆ อย่างแผ่วเบา



...นิ่ม

...นิ่มและให้ความรู้สึกที่ดี

ไม่ได้หอมหวานจนเลี่ยน ไม่ได้นิ่มจนนุ่ม มันมีความกระด้างน้อยๆ บนผิวสัมผัส อีกทั้งกลิ่นหอมแบบไม่ฉุนบนร่างกายของทิมก็ให้ความรู้สึกที่ดีอย่างบอกไม่ถูก ให้ความรู้สึกว่าไม่พอ ...ยังไม่พอ คะน้าค่อยๆ ถอยตัวเองออก หากแต่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกลับเรียกร้องมากขึ้น ...ต้องการมากขึ้น ...มากกว่านี้

ชายหนุ่มผู้จู่โจมเผยอริมฝีปากของตัวเองขึ้นแล้วโน้มใบหน้าเข้าหาอีกครั้ง ค่อยๆ ลากไล้ไปที่ใบหูที่แดงระเรื่อ ร่างของคนที่นั่งนิ่งอยู่ชะงักงันก่อนจะเลื่อนไถลลงตามพนักพิงของเบาะ เป็นคะน้าเองที่โจนทะยานไปกับความรู้สึกที่โหยหา ริมฝีปากของคะน้าลากผ่านผิวแก้มเบาๆ แล้วงับบดที่ใบหูที่แดงระเรื่อ ขบเม้มด้วยความรู้สึกฮึกเหิม

กระทั่งรถยนต์เบรคตัวจนแรงเหวี่ยงทำให้คะน้าเซตัวออกจากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ทิมเหมือนถูกกลืนหายเข้าไปในเบาะหนังที่หนานุ่ม ดวงตาที่เคยดึงดันเบิกกว้างพร้อมกับริมฝีปากที่เผยอขึ้นด้วยความแปลกใจ ...ไม่สิ อาจจะตกใจ ร่างสูงโปร่งหอบสะท้านก่อนที่เสียงแตรรถที่ดังด้านหลังจะดึงให้สติของคนทั้งคู่กลับมาเหมือนเดิม ทิมเอื้อมมือไปฉุดรั้งคะน้าที่เซเสียจังหวะไปขึ้นมา


บ้า... บ้าไปแล้วแน่ๆ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่



“ข..ขอโทษ ...ขอโทษ ม..มะ” เสียงของทิมดูสั่นๆ แต่ใบหน้าที่คะน้าเห็นในตอนนี้แดงจัดจนเข้ม

“ม..มะ คือ... ตกใจ ม..ไม่เป็นไรใช่ไหม” ทิมจับมือคะน้าแน่น หากแต่คะน้ากลับรู้สึกได้ถึงแรงสั่นไหวบนความแน่นที่บีบรัดนั้น ทิมจ้องตาของคะน้า ร่างสูงยังหอบสะท้านจนเห็นความสั่นไหว ใบหน้าที่คมคายได้รูปรีบเบือนหน้าหนี สักพักก็สะบัดน้อยๆ ไปมา คะน้าเห็นไรฟันขาวๆ ขบบนริมฝีปากล่างจนปลั่งแดง

จู่ๆ ทิมก็ดึงรั้งร่างของคะน้าเข้ามากอดจนแน่น พื้นที่ที่แคบกลับกว้างใหญ่จนน่ารำคาญ ริมฝีปากของคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยบดตัวไปบนปากของอีกคนอย่างเหิมเกริม แปลกไปกว่าทุกทีที่คะน้าไม่ได้ถอยหนีแบบครั้งที่ผ่านมา เขาตอบรับทุกสัมผัสที่ถาโถมของทิมอย่างไม่หวั่นเกรง



พระเจ้า... ผมจะอธิบายถึงความรู้สึกในตอนนี้ยังไง

อึดอัดไปทั้งตัวเหมือนร่างกายจะระเบิด หายใจไม่ทัน หัวใจมันรู้สึกหวิวๆ ทั้งๆ ที่มันเต้นรัวเหมือนใจจะขาด ร้อนเหมือนเป็นไข้ ทำอะไรก็ไม่ถูก ไม่รู้จะอธิบายอะไรพวกนี้ได้ยังไง แต่คือให้ตายเถอะ ...มันรู้สึกดีชะมัด!

กระทั่งเสียงแตรของรถด้านหลังดังกึกก้องไปบนท้องถนนจนน่ารำคาญ ทิมจึงผละตัวออกอย่างหัวเสีย ชายหนุ่มทุบฝ่ามือลงบนพวงมาลัยรถพร้อมกับลมหายใจที่หอบแรง ทิมหันมาสบตาของคะน้า หัวเราะน้อยๆ ให้กับตัวเองแล้วส่ายหน้าเบาๆ ให้กับสิ่งที่เพิ่งทำลงไป ...เขาเองก็ไม่ต่างกัน คะน้าร้อนวาบไปทั้งหน้า รีบเอื้อมมือจับเข็มขัดนิรภัยขึ้นมาคาดแล้วนั่งนิ่ง นึกโทษตัวเองที่ทำอะไรบ้าๆ ลงไปด้วยความรู้สึกชั่ววูบ แต่กระนั้นก็กลับรู้สึกดีในรสสัมผัสที่ผ่านพ้นอย่างประหลาด

ทุกอย่างนิ่งเงียบจนกระทั่งรถของทิมหักเลี้ยวเข้าสู่คอนโดแล้วจอดสนิทในลานจอดรถ คะน้ารีบพาตัวเองออกจากรถของทิมด้วยความรู้สึกกระดาก แต่เพียงครู่เดียวก็ถูกรั้งไว้ด้วยอ้อมกอดที่แนบแน่นจากด้านหลัง สัมผัสแผ่วของลมหายใจอุ่นบนต้นคอร้อนจนเหมือนไฟ ความอ่อนนุ่มที่พรมไปทั่วลำคอทำให้แทบหมดแรงต้านทาน

“ไปที่ห้องนะครับ” ทิมกระซิบเบาๆ ข้างใบหูแล้วคลอเคลียริมฝีปากตัวเองไปมาอย่างอ้อยอิ่ง

ในใจของคะน้าคึกโครมอย่างประหลาด ความรู้สึกเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมายังค้างคาในความรู้สึก เขายอมรับว่าติดใจกับรสสัมผัสที่ให้ความรู้สึกร้อนวาบในใจนั้น ยอมรับว่ายิ่งได้เห็นท่าทางของทิมที่จำนนยิ่งกระตุ้นเร้าให้อยากรู้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ยอมรับว่าถ้อยคำต่อว่าหรือแม้แต่เจตนารมย์เดิมที่จะถอยหนีให้ห่าง มันพังไม่เป็นท่าทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าของคนๆ นี้ และยอมรับ ...ยอมรับทุกอย่างว่าเป็นคนที่ไม่เข้มแข็ง แต่ความรู้สึกพวกนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรก็ไม่รู้ บ้าชะมัดที่ตัวเองเป็นคนเหลวไหลแบบนี้

...แล้วถ้าทำมากกว่านี้ล่ะ ทิมจะเป็นยังไงนะ

คะน้าหลับตานิ่ง พยายามสลัดคำถามบ้าๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวอย่างไร้ที่มาที่ไป ไม่ชอบให้อะไรๆ มันเป็นแบบนี้ เกลียดตัวเองที่เสียการควบคุมเอาง่ายๆ เพราะทิม...กับสิ่งที่ทิมเป็น แต่ความรู้สึกเหล่านั้นที่ค้างคามันทวีความรุนแรงในใจ

อยากลอง ...ลองให้รู้
อยากรู้ ...อยากรู้ให้มากกว่าที่เคยเห็น
อยากเห็น ...เห็นให้มากกว่านี้

“ได้โปรด ผม...”

เสียงทุ้มๆ ของทิมกระซิบแผ่วข้างใบหู ฝ่ามือกว้างลูบไล้เบาๆ ในวงแขนที่กอดกระชับ คะน้าพยายามอย่างหนักที่จะหักห้ามความคิดบ้าๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง หากแต่กำแพงแห่งเหตุผลที่หนาหนักกลับพังทลายลงอย่างง่ายดายด้วยคำพูดสั้นๆ ของคนที่ยืนแนบชิดที่ด้านหลัง



“...ผมรักพี่นะครับ”




(ยังไม่อยากให้จบใช่ไหมล่ะ 5555 มีต่อด้านล่างนะ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-01-2013 09:18:49
(พวกแม่ยกทั้งหลายอยากอ่านต่อล่ะสิ!!!)




ร่างเปลือยเปล่าของคะน้านิ่งอยู่ที่ปลายเตียงนอนของทิม มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวผืนพอดีตัวที่พอจะปกปิดร่างกายเอาไว้ ดวงตาสีเข้มสั่นสะท้าน เหลือบมองไปรอบๆ ตัวราวกับเป็นสถานที่แปลกตา ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่ากับความคิดบ้าๆ ที่โลดแล่นขึ้นมาในหัว ในใจตอนนี้กลับรู้สึกหวาดๆ กับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนับจากนี้ แม้รู้ว่าเมื่อทำลงไปแล้ว ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจากเดิม และรู้ว่าคงยากที่จะเดินถอยหลังกลับ

...แต่ทิมให้รู้สึกที่มั่นคงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่มั่นคงเพราะคำพูด คำสัญญา แต่มั่นคงจากความรู้สึกที่ค่อยๆ ก่อตัว และยิ่งนานวันที่เจ้าความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นมากมายเท่าไหร่ ในใจของคะน้าก็ยากที่จะปฏิเสธทิมมากขึ้นไปทุกที

เพดานห้องที่สูงโปร่งหลายเมตรทำให้พื้นที่สี่เหลี่ยมนี้ดูโอ่งโถงและสบายตากว่าห้องชั้นอื่นๆ ในคอนโด ผ้าม่านสีอ่อนที่กรุยอยู่ถูกรวบมัดอยู่มุมห้องเป็นระเบียบ เผยให้เห็นผนังตีกระจกใสสูงยาวจรดเพดานไปตลอดแนว แสงสีระยิบระยับของกรุงเทพจากในมุมสูงด้านนอก ตัดกับแสงดาวที่ทอประกายอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืนราวกับเงาสะท้อนนั้น ไม่อาจทำให้จิตใจในตอนนี้ของคะน้าสงบลงได้เลย

ผิวกายยังชื้นชุ่มจากการอาบน้ำใหม่ๆ กลิ่นสบู่และแชมพูที่เคยคุ้นจากกายของเจ้าของห้องที่คงอยู่บนตัวเองในตอนนี้ พาลให้ใจเตลิดไปไกลแสนไกล เพียงไม่นาน คะน้าก็รู้สึกถึงน้ำหนักที่กดยวบลงบนเตียงนอนและกลิ่นหอมที่เจือมาในอากาศ ...ด้านหลัง ...ที่ด้านหลังและอยู่ห่างเพียงแค่นิดเดียว




“...แชมพูกลิ่นเดียวกันเลย”

ปลายนิ้วของอีกคนแทรกเข้ามาในผมที่เปียกชื้นจากท้ายทอย คะน้าก้มหน้าลงช้าๆ แล้วนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น พยายามกดอาการสั่นไหวของใจที่เต้นรัวจนไม่เป็นจังหวะอย่างเต็มที่ ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่บางสิ่งบางอย่างนั้นจุดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ ในลำคอของทิมให้ทุ้มดังขึ้นในความมืด มือกว้างค่อยๆ สอดเอื้อมผ่านลำตัวมาทางด้านหลังช้าๆ แล้วปลดเปลื้องผ้าขนหนูจนลงไปกองที่พื้นราวกับเป็นสิ่งแปลกปลอม ก่อนจะลากไล้ร่างของคะน้าเข้ามาสวมกอดอย่างแผ่วเบา




“กอดหน่อยนะครับ ...เด็กดี”

ริมฝีปากของคนที่อยู่ข้างหลังขบลงเบาๆ ที่ใบหูอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะกดฝังปลายจมูกลงบนผิวช้าๆ สัมผัสที่ลามไล้พรมลงไปที่ต้นคอ เคราที่สากกร้านเสียดสีที่หัวไหล่ไปมาอย่างยั่วเย้า ร่างกายของคะน้าสั่นสะท้าน ความรู้สึกแปลกประหลาดแทรกซึมเข้ามาอย่างเหนือการควบคุม ความเหยียดเกร็งไปทั่วร่างนั้นยิ่งทำให้คนที่ซ้อนกายอยู่ข้างหลังส่งเสียงอย่างพึงใจ ทิมบดริมฝีปากแนบเน้นบนใบหู แล้วกระซิบถ้อยคำแผ่วเบา





“...เรียกว่าพี่ทิมสิครับ”




...นิ่งไปเนิ่นนาน หากแต่สัมผัสจากคนด้านหลังยังไม่เลิกรบเร้าให้จำนน คะน้าพยายามขืนตัวแต่ก็ดูจะป่วยการ ร่างกายที่มีน้ำหนักกลับรู้สึกเบาหวิวราวกับคนไร้เรี่ยวแรง สุดท้าย คะน้าก็ส่งเสียงออกมาเบาๆ กับสัมผัสที่ไม่อาจต้านทาน



“พ...พี่ทิม”

“อืมมมม...”
สิ้นคำ ริมฝีปากคู่นั้นก็ผลิออกจนเห็นไรฟันสีขาวที่เรียงตัว ทิมกัดลงบนหัวไหล่เบาๆ ร่างกายของคะน้าสะดุ้งไหวสะท้านในทันที รอยยิ้มที่มุมปากจุดขึ้นเมื่อได้รับการตอบสนองของคนเบื้องหน้า ทิมค่อยๆ เหยียดตัวลุกขึ้น ฝ่ามือยังคงคลอเคลียลูบไล้ไปบนลำคอและบ่าของคนที่นั่งอยู่ราวกับจะไม่ปล่อยให้ห่างไกล ก่อนที่ร่างสูงกำยำค่อยๆ ขยับย่างกรายมาด้านหน้าอย่างเชื่องช้า แสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านกระจกใส เผยให้เห็นร่างสูงที่เปล่าเปลือยอย่างชัดเจนเต็มตา กล้ามเนื้อทั่วกายของทิมหลั่นเรียงจนน่ามอง ผิวเนื้อที่สะท้อนแสงนวลนั้นยิ่งทำให้เกิดมิติของแสงเงาผ่านรูปร่างที่ยวนเย้าจนตรึงสายตาให้หยุดนิ่งอยู่บนร่างสูงสง่านั้นราวต้องมนตร์

คะน้าร้อนวาบขึ้นทั้งใบหน้า หัวใจสั่นรัวจนไม่เป็นจังหวะกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน เมื่อเรือนร่างที่ไม่ต่างอะไรกับตนเองนั้น ในเวลานี้กลับพาให้หัวใจมันกระเจิดกระเจิงไม่มีชิ้นดี

...ไม่ไหว ...ไม่ไหวแล้วจริงๆ หัวใจเต้นรัวจนหายใจติดขัด ทรมานเหมือนแทบจะระเบิดออกในเสี้ยวนาที คะน้ารีบเบือนหน้าตัวเองไปอีกทาง หากแต่คนที่ยืนอยู่กลับอุทธรณ์แทรกขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มนุ่มนวล




“มองสิครับ ...เด็กน้อย”

หยุดนิ่งเหมือนต้องมนต์สะกด ...ราวกับกระแสแม่เหล็กที่ดึงดูดจนไม่อาจต้านทาน คะน้าก็ค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาช้าๆ แล้วมองเรือนร่างตรงหน้าอย่างเต็มตา ทิมยิ้มเย้าอย่างท้าทาย ดวงตาสีดำลึกลับนั้น แวววาวกว่าทุกครั้งจนน่าค้นหา และดูเหมือนว่าเสน่ห์ที่แทบจะหยุดทุกลมหายใจในดวงตาคู่นั้นจะยังไม่สาสม มือข้างขวาของทิมที่ลูบสัมผัสบนร่างของคะน้าเมื่อครู่ บัดนี้กำลังลากไล้บนเรือนร่างตัวเองเหมือนชี้นำสายตาคนข้างหน้าให้มองตามทุกการเคลื่อนไหว

...ค่อยๆ ลากผ่านแผ่นอกที่แผ่กว้าง ...เลื่อนลงสู่หน้าท้องที่ดูแข็งแกร่งแน่นหนา
...ค่อยๆ เคลื่อนลง ...เลื่อน ...และเลื่อนลง ก่อนจะหยุดอยู่แค่นั้น

ลมหายใจของคะน้าแทบจะหยุดนิ่ง ดวงตากลมใสมองตามทุกสัมผัสอย่างสั่นสะท้าน ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ยิ้มน้อยๆ เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามบ่วงแห่งสเน่หาที่วางไว้ ทิมยกมือขึ้นเสยผมที่ตกลงมาปรกหน้าอย่างลวกๆ ริมฝีปากที่ชวนสัมผัสนั้นยกกระตุกขึ้นที่มุมปาก คนอายุน้อยกว่าสาวเท้าเดินเข้ามาใกล้ ...เชื่องช้า



“ไม่หลบนะ”

เอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมคนที่นั่งอยู่ ปลายนิ้วขยุ้มเบาๆ จนยุ่งเหยิง ดวงตาสีเข้มสบลึกไปในแววตาคะน้า ทั้งออกคำสั่งอย่างถือครอง ทั้งเย้ายวนและท้าทายอยู่ในที



“...มองให้เต็มตา”

รอยยิ้มเพียงแค่มุมปากและเสียงทุ้มเบาๆ ในลำคอของทิมดูเจ้าเล่ห์กว่าทุกครั้ง ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองที่ใบหน้าของคนอายุมากกว่าอย่างวิสาสะถือดี มือข้างขวาลูบไล้ไปทั่วใบหน้าก่อนที่นิ้วหัวแม่มือจะเกลี่ยปาดริมฝีปากของคนที่นั่งอยู่อย่างอ่อนเบา





“ชอบไหม?”

กระดากอายจนไม่รู้จะทำอย่างไร วูบหนึ่ง คะน้ารู้สึกอิจฉาทิมที่แสดงความรู้สึกของตนเองออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้สึกเขินอาย หากแต่ภาพที่เห็นตรงหน้านั้น ช่างเย้ายวนจนทานทนไม่ไหว คะน้าลากสายตามองสำรวจทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มตามคำเชื้อเชิญด้วยลมหายใจที่ติดขัด มีเสียงระรัวในใจก้องสะท้านจนแทบระเบิดออกมา




“...หื้มมมมมม?”

คำถามที่เหมือนคำกระซิบแผ่วเบาในอากาศนั้นราวกับจะหยุดลมหายใจของคะน้า คนที่นั่งอยู่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยใดๆ ออกไป ในความคิดจับจ้องอยู่แค่เพียงร่างที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า ใต้แสงจันทร์นวลกระจ่าง เรือนร่างของทิมนั้นนิ่งสงบ เผยให้เห็นทุกสัดส่วนที่งดงามราวกับรูปปั้น ไหล่กว้างรับกับต้นแขนที่นูนด้วยกล้ามเนื้อ และผิวที่ขาวกระจ่างนั้น ยิ่งดูขาวจัดเมื่อตัดกับสีเข้มๆ ของท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่อยู่เบื้องหลัง เหนือลำคอที่เหยียดตรงและหน้าผากกว้างนั้น เป็นผมเปียกชื้นสีดำขลับที่เสยขึ้นลวกๆ ผิดกับทุกที แปลกที่มันกลับดูน่ามองอย่างเหลือเชื่อ ผิวหนังที่ละเอียดราวกับภาพวาดของเขายังคงเปียกชื้นไอจากละอองน้ำ หยดน้ำกลมใสที่พร่างพรมอยู่ทั่วแผ่นอกหยอกล้อกับแสงเงาที่เกิดจากสีนวลที่ทาบทอจากฟ้าอย่างแยบยล

คะน้าจ้องมองหยาดน้ำที่เล่นเย้ากับแสงจันทร์แพรวพราวบนบนกายของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกในตอนนี้ช่างปรปักษ์ต่อความกระดากอายในใจที่มีเหลือเกิน ...ราวกับคนที่รอนแรมอยู่กลางทะเลทรายกว้างใหญ่ แววตาของชายหนุ่มจับจ้องหยดน้ำใสๆ ตรงหน้าอย่างไม่วางตา คะน้าค่อยๆ กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างโหยหา ก่อนที่ละอองน้ำบนผิวกายนั้นจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงช้าๆ ไหลผ่านแผ่นท้องที่หนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้ามแล้วทิ้งตัวเป็นเส้นสายที่วาวแวว

ทุกความรู้สึกยิ่งทบทวี เมื่อทิมค่อยๆ ย่างเท้าเข้ามาข้างหน้าอีกครั้งอย่างช้าเชื่อง สายตาเจ้าเล่ห์จับจ้องทุกส่วนของร่างกายคนที่นั่งอยู่อย่างท้าทาย สัญชาตญานบางอย่างบ่งบอก คะน้ารีบกระถดตัวหนีอย่างระวังตัว หากแต่เสี้ยววินาทีก็ยังช้าไป เมื่อมือกว้างของคนที่ยืนอยู่เหนี่ยวยึดลำคอเขาให้อยู่กับที่อย่างแนบเนียน ...ไม่มีทางใดๆ ให้ถอยหนี คะน้าจึงได้แต่ฝืนเกร็งอยู่อย่างนั้น หากแต่คนข้างหน้าก็ยังขยับย่างเข้ามาหา


...ใกล้




...ใกล้เข้ามา

คะน้าหายใจหอบสั่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า หากแต่ผู้จู่โจมกลับยิ่งคึกคะนอง ดวงตาสีเข้มสาดแสงวาวราวกับราชสีห์หนุ่มงามสง่าที่หมายจ้องกระต่ายตัวน้อยเบื้องหน้าที่ถูกพันธนาการไว้ ทิมขยับตัวอย่างเชื่องช้าทว่าแน่นหนักมาจนใกล้คนที่นั่งอยู่


...และใกล้เข้ามา




...กระทั่ง

...กล้ามเนื้อหนั่นแน่นตรงช่วงท้องนั้นค่อยๆ แนบลงกับใบหน้าของคะน้า กลิ่นสบู่อ่อนๆ ของทิมซึ่งเป็นกลิ่นเดียวกันกับบนร่างกายในเวลานี้ ผสานจนหอมฟุ้งในปลายจมูกที่กดฝังลงบนกล้ามเนื้อแน่นเบื้องหน้า ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ออกคำสั่งของผู้คุมเกมอีกครั้ง ดวงตาสีดำคู่นั้นวับวาว และมือคู่นั้นยังคงลูบไล้เบาๆ ไปทั่วทั้งศีรษะของคะน้าจนยุ่งเหยิง




“...จับดูสิ”

ไม่เคยมีครั้งไหนที่เป็นเช่นครั้งนี้ เพียงแค่ผิวกายที่หุ้มห่อกล้ามเนื้อแน่นของทิมสัมผัสกับใบหน้าของคะน้า ราวกับโลกทั้งใบนั้นถูกแผดเผาไปด้วยเปลวเพลิง คนๆ นี้เป็นเหมือนกับเชื้อไฟที่ทรงพลังอย่างร้ายกาจ แม้ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่แสนหนาวที่แผ่กระจายไปทั่วห้องจนแทบยะเยือก ก็ไม่อาจทาบสัมผัสที่ร้อนแรงจนพาลให้ทุกความรู้สึกกระเจิดกระเจิงได้ถึงเพียงนี้ มือของคะน้าขยับยกขึ้นช้าๆ แล้วค่อยๆ ลากไล้ไปบนร่างกายเปล่าเปลือยที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของทิมโดยดุษณี



“อยากทำอะไรกับมันก็ได้นะ”

“ทำได้เหรอ”
คะน้าพูดด้วยเสียงแผ่วเบาที่ฟังแทบไม่เป็นภาษา

“อึ้มมมม... ทุกอย่างที่ต้องการ”


“พี่ทิม”

“อืมมมมม...”




“...พี่ทิมมม”

“ค...ครับบบ”


ความร้อนระอุแผดเผาไปทั้งร่างจนสั่นไหว สองมือกว้างของทิมค่อยๆ กดใบหน้าของคะน้าลง วินาทีนั้น ร่างของคนที่ยืนอยู่เหยียดเกร็งจนกล้ามเนื้อนูนชัดไปทั้งร่าง ทิมแหงนหน้าขึ้นสูงแล้วดันร่างกายไปข้างหน้าให้แนบแน่นขึ้นอีก ท้องน้อยเกร็งจนแอ่นตัวก่อนจะงุ้มไหล่ทั้งสองไปเบื้องหลังเพื่อรักษาสมดุลย์ของร่างสูงไว้ให้คงที่ ใบหน้าของทิมรีบเร่งก้มลงมองคนที่อยู่ด้านล่างอย่างโหยหา ริมฝีปากบนและล่างบดตัวกันด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมก่อนจะค่อยๆ แย้มขึ้นน้อยๆ เสียงทุ้มเบาๆ ในลำคออย่างพึงใจคล้ายกับเสียงครางที่ฟังดูไม่เป็นภาษา


“โอยยยย...”

ไม่ใช่ทุกครั้งที่ผู้ล่าจะเป็นฝ่ายกำชัย แค่เพียงครู่เดียว ทิมก็เชยหน้าของคะน้าขึ้นอย่างเร่งร้อน เขาโน้มตัวลงแล้วบดเบียดริมฝีปากตัวเองกับคนที่นั่งอยู่ด้วยความรู้สึกที่ร้อนดั่งไฟ ขยี้ทุกอย่างตรงหน้าให้ระอุร้อนจนแทบมอดไหม้ ก่อนจะยื้อวินาทีแห่งความสุขนั้นด้วยความชุ่มชื้นจากปลายลิ้นที่แทรกเข้าไปในริมฝีปากคนที่นั่งอยู่อย่างโหยหา ดั่งพายุที่โหมกระหน่ำ ร่างสูงทรุดตัวลงต่ำในระดับพื้นในวินาทีต่อมา ทิมคุกเข่าลงตรงหน้าคะน้าแล้วสัมผัสเรือนร่างนั้นด้วยริมฝีปากทั่วทุกตารางอย่างถือครอง

คะน้าบิดตัวด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน พยายามพยุงตัวขึ้นเพื่อมองทุกสิ่งที่เป็นไปเบื้องหน้า หากแต่ในพริบตาที่คนหอบสั่นเผลอจ้องลึกลงไปในดวงตาสีทะมึนนั้น หัวใจก็รู้สึกเบาหวิวจนสะท้านไหวไร้เรี่ยวแรง ...คนๆ นี้ ...ทำไมถึงให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดได้ถึงขนาดนี้

..ทิม

...ทิมมมม

ร่างของคะน้าหอบโยนไปพร้อมๆ กับรอยยิ้มฮึกเหิมของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า วงแขนกว้างช้อนลงบนแผ่นหลังแล้วดึงตัวคนที่นอนอยู่ขึ้นยืนในพริบตา ทิมพลิกตัวเข้าด้านหลังแล้วสวมกอดอย่างแนบแน่น พรมจูบไปทั่วทั้งร่างกายพร้อมค่อยๆ ดันร่างคะน้าไปด้านหน้า ...ทีละน้อย ...ทีละน้อย กระทั่งร่างกายของคนตัวเล็กกว่าแนบชิดกับผนังกระจกบานใสที่ตีสูงจรดเพดาน คะน้าหอบสะท้าน ใบหน้าร้อนวาบด้วยความรู้สึกกระดากอาย หากแต่ว่าความปรารถนานั้นกลับทบทวีเมื่อถูกเร่งเร้าโดยอีกคน



“ไม่นะ ...ไม่ใช่ตรงนี้”

คะน้าเอาฝ่ามือทั้งสองดันร่างตัวเองที่เบียดแนบกับกระจกใสทั้งลำตัว ร้อนวาบไปทั้งหน้าด้วยความละอาย หากแต่หัวใจกลับระรัวด้วยความรู้สึกที่กระเจิดกระเจิง ทิมคำรามเสียงหัวเราะผ่านไรฟัน เขาไม่ได้สนใจถ้อยคำอุทธรณ์ของคนที่อยู่ด้านหน้าแม้แต่น้อย กลับบดร่างตัวเองจากด้านหลังจนแนบแน่นกว่าทุกสัมผัส ...เกินกว่าจะต้านทาน คะน้าตอบรับทุกสัมผัสที่ปรนเปรอ และปล่อยให้ทุกการเคลื่อนไหวให้เป็นไปโดยธรรมชาติของมัน ทิมยิ้มแล้วกัดลงที่ซอกคอของคะน้าเบาๆ ก่อนจะบดเบียดทุกสิ่งทุกอย่างจนแนบแน่นราวกับจะขยี้ร่างกายคนทั้งสองให้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว


“ต่ายรักพี่ทิมไหมครับ” เสียงของทิมหอบสั่น

“ค...ครับ”

“หื้มมมมม... ว่าไงนะ”
กลั้วเสียงหัวเราะในลำคอ


“...รักครับ”

“มากไหม”
เสียงสั่นดังขึ้นที่ข้างใบหู

“ไอ่...ไอ้เด็กบ้า!”

“...มากไหม”
...จนกว่าจะได้มาซึ่งสิ่งที่อยากรู้
เสียงหอบพร่ายังเวียนวนกับคำถามเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ทิมมม...”


“...ถามว่ามากไหม”




“ม...มาก ...มากครับ”


ทิมกัดลงบนใบหูของคะน้าเบาๆ แววตาเรืองรองสุกใส ดวงตาดวงโตเป็นสีดำจัด สีดำดุจสีนิลของอัญมณีน้ำงาม สีดำของดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงแผดเผา สีดำของน้ำตาลที่ถูกเคี่ยวจนมอดไหม้ สีดำราวกับท้องฟ้าแห่งราตรีกาล บัดนี้เจ้าของดวงตาคู่นั้นได้ถือครองทุกสิ่งทุกอย่างของคนที่อยู่ในอ้อมแขนโดยสมบูรณ์


“อะไรที่เป็นของผม ...ใครก็ไม่มีสิทธิ์เอาไป”

วินาทีนั้น เสียงลมหายใจของทั้งสองคนแทบจะผสานเป็นเสียงเดียวกัน


“พี่เป็นของผม”



“...ของผม ...ของผมคนเดียว”




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อันที่จริง ตั้งใจจะลงตอนดึกๆ แต่อาจกลับบ้านมืด ลงมันแต่เช้าเลยแล้วกัน กร๊ากกกกกก
คนแต่งก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี พิมพ์ไปก็รู้สึกตื่นเต้นไป ซึ่งก็ออกมาเป็นตามที่เห็นล่ะนะ :m25:
แต่ตอนนี้ บอกตามตรงว่าอยากเห็นหน้าแม่ยกทั้งหลายที่ตามเชียร์แต่แรกจัง 555555
อืม... ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งๆ ที่มันไม่ได้โป๊เอาเสียเลยเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
แต่ไม่รู้ทำไมมันให้ความรู้สึกเหมือนกับมันโป๊จังก็ไม่รู้ (หรือเพราะไม่เคยแต่งก็ไม่รู้) :-[
ถือว่าเป็นเซอร์วิสให้กับเหล่าแม่ยกของทิมที่ให้กำลังใจและร่วมเวิ่นเว้อกันมาตลอดแล้วกันเนอะ

สำหรับ “เจ” เป็นตัวละครในเรื่องสั้นอีกเรื่องที่เขียนนะครับ (สนใจโปรดติดตาม 55)
อืม... ยังไงต่อดี ลาแค่นี้ไปรออ่านคอมเมนต์จากทุกคนแล้วกันครับ :monkeysad:
พวกซุ่มทั้งหลายและแฟนคลับลับๆ ของทิมโปรดแสดงตัวด้วย 555555
เอ๊ะ! นี่ตรูพิมพ์อะไรลงไปหว่า เอาเป็นว่ากอดคนอ่านแก้เขินหน่อยนะ 555555555555  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 24-01-2013 09:32:06
 :jul1:

อ่านแล้วคอแห้งอย่างไรพิกล อ๊ากกกกกกกกกก

ในที่สุด ต่ายไม่ได้อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์อีกต่อไปแล้วนะ  :-[

//เป็นลมคลานไปดมยาดมพม่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 24-01-2013 10:05:31
อร้างงงงงส ตอนนี้ ในที่สุดด กระต่ายน้อยโดนจับกินด้วยความเต็มใจเรียบร้อยย
หุๆ><~~~ชอบตอนในรถที่ทิมเขิลลลลล รู้สึกว่าน่ารักแบบที่คะน้าคิดเลยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 24-01-2013 10:23:57
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 24-01-2013 10:35:05
มันช่างอีโรติกมากมาย   :m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 24-01-2013 11:11:37
อร๊ายยยย ทิมมันเซ็กซ์เป็นบ้าเลย ต่ายก็เหมือนสาวน้อยในการ์ตูนตาหวาน บอกตรงๆว่าอิ่มเอิ่มเปรมปรีมาก 555 เป็นบทเซ็กซ์ทีร้อนแรงทีเดียว ไม่โป๊ ไม่เรทเท่าไร แต่มันก็ได้เลือดนะเออ//ต่ายจ๊ะ เธอไม่มีทางชนะทิมได้หรอก เพราะทิมมันบ้ามันหน้ามึนมันน่าฟัดเป็นบ้าเลย 555 ไม่โกรธนะกระต่ายน้อยเค้าแซวเล่น รักเธอนะจ๊ะเบบี้ (แอบเครียดนะตอนอ่านสปอยคนเขียน เราก็นึกว่าตอนนี้มาม่าแน่เลย ที่ไหนได้เผ็ดจัดจ้านซะ><)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 24-01-2013 12:26:17
อ๊ากกกก กรี๊ดดดดดดด
โอเคๆ บอกตัวเองให้ใจเย็นๆ

ปล. รู้สึกแปลกๆ ตรงเรียกพี่ทิมเนี่ยแหละงับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 24-01-2013 13:49:05
พี่ทิมเวลานี้ช่างเร่าร้อนจริง ๆ เอื๊อก...(เสียงกลืนน้ำลาย)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-01-2013 16:51:28
อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงง  อร๊ายยยยยยยยยยยยย  แอร๊ววววววววววววววววว  มันใช่!  มันใช่อะ!!!!! 
แบบนี้สิหนูทิมของเจ้  กรี๊ดดดดดด
เอาจริง หนีงานมานั่งอ่านเนี่ย ไม่ไหวแล้วค่ะ  ฟินโคตรรรรรรรร 
งานมาเท่าไหร่ไม่หวั่น  นั่งยิ้มแก้มบานไปอีกสิบวัน กร๊าซซซ   ที่บ้านเธอมีอีกไหม มีอีกไหม มีอีกคนไหมเทออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 24-01-2013 17:49:12
อ๊ากกกกกก กว่าจะจบบทแทบขาดใจตาย
เพิ่งรู้ว่าตัวเองกลั้นหายใจ ลุ้นไปกับต่ายด้วย
สงสารต่ายบ้างนะ พี่ทิม
ในที่สุดก็มีฟิลล์นี้ซะที รอมานานนนนนนน ขอบคุณฮะ 5555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-01-2013 18:18:22
เออะ !!
ตอนแรกไม่คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้
มันแบบว่า อ๊ากกกกกกก ทิมมันเซ็กซี่จังวะคับ ฮ่าๆ
เป็นฉากเรทที่แบบว่าดูดีมากเลยอะ ชอบบบบ ><
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 24-01-2013 19:12:26
เขิ๊นนนนน!! พี่ทิมมมมมม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 24-01-2013 19:22:06
ทิมโคตรเซ็กซี่เลยเว้ยเฮ้ยยยยยยยยยยยยยยย
เอากล้ามมาให้เค้าลูบมั่งดิเค้าอยากลูบ   :-[
เขินแทนน้องต่ายมากเลย มาให้เขาเรียกพี่อีก เป็นน้องเขานะนั่น หรือทิมมันแอบจิตฟระ !!!!?  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 24-01-2013 19:52:32
คำโปรยมันออกจะไปทางดราม่า แต่พออ่านไปทางอีโรติก 555 ล้อเล่นค่ะ บรรยายได้เซ็กซี่และไม่โป๊ดีค่ะ
รู้แต่ว่าตาทิมหล่อเอ็กซ์แตกมาก หุ่นดีมาก หุ่นดีเว่อร์ ๆ บางทีก็อยากอ่านคะน้าในมุมมองของทิมบ้างนะคะ
ว่าเป็นยังไง แบบอารมณ์จะหลงคะน้าเหมือนคะน้าที่หลงทิมในตอนนี้บ้างหรือป่า (คนอ่านก็หลงพระเอกจ้า)

เริ่มต้นด้วยนังน้องแนนผู้น่าหมั่นไส้ หล่อนมาแบบใส ๆ แต่อยากรู้อยากเห็นทุกสิ่ง และที่สำคัญคือเหน็บแนม
น้องคะน้าของเจ้ ซึ่งเจ้ทนไม่ได้จ้า รักในฝันของหล่อนรอไปก่อนนะจ๊ะ เพราะคนที่หวังไว้เค้ามีคนที่เค้ารักซะแล้ว
บนรถคันนั้นขอบอกว่าต่ายยั่วมากกกกกกกกกกกกก (ก. ล้านตัว) ตอนน้องทิมหึงนี่น่ารักมากนะ หลังจากนี้
อาจจะยิ่งเพิ่มเลเวลเพราะได้เป็นเจ้าของแล้ว เอ็นซีตอนนี้ล้วนมาจากต่ายน้อยล้วน ๆ เลยจ้า
ทิมจัดให้ เค้าดูหลงกันและกันและรักกันมากนะ อารมณ์แบบทนไม่ไหวแล้วล่ะ ตลกตอนพระเอกให้ต่าย
เรียกว่าพี่... 555 มีปมป่ะเนี่ยที่เกิดช้า น่ารักดีอ่ะ บอกรักกันด้วยนะ เป็นฉากรักที่หวานมาก
แต่มีความรู้สึกว่าหลังจากนี้มันจะดราม่าไงไม่รู้นะ สังหรณ์สังเห่าไปเรื่อยค่ะ รู้แต่ว่าอยากอ่านตอนหน้ามากกกกกกกจุดนี้

ขอบคุณค่าาา  :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 24-01-2013 22:24:50
 :mc4: :mc4:

ในที่สุด :กอด1:

สมกับที่รอคอย ทิมๆๆๆๆๆๆๆ  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 24-01-2013 22:42:18
คิดว่าจะมาม่า...ที่ไหนได้
เซ็กซี่สุดๆอ่ะ ไม่โป๊แต่ก็อีโรติกมากมาย
แม่ยกทิมขอตายค่ะ :m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 25-01-2013 00:28:58
อยากอ่านตอนนี้เวอร์ชั่นทิมบรรยายอ่ะค่ะ ขอรีเควส ><
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 25-01-2013 06:01:29
ไม่โป๊ไม่เรทมาก   แต่อิโรติกอย่างมากกกกกกกก   :pighaun:
โฮกกกกกก  :m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 25-01-2013 12:49:52
เฮื้อกก!! :pighaun:...ฮู้วววว....กว่าจะอ่านจบฉากเรท ขาดอากาศไปหลายวิเลยคร้าาา.....:m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 25-01-2013 14:47:30
แวะมาพูดคุยกันเสียหน่อยครับ ตอนที่ลงไปเนี่ย จะเรียกว่าอะไรดีนะ 555  :-[
ถามว่าโป๊ไหมก็ไม่ได้โป๊อะไรเท่าไหร่นะ ไม่ได้ไปถึงไหนต่อไหนแบบใครเขาเลย
แต่ถึงไม่โป๊ก็ให้ความรู้สึก erotic มากแบบที่บอกกันจริงๆ ให้ความรู้สึกในเชิงอารมณ์อย่างบอกไม่ถูกเนอะ
หวังว่าจะไม่ถึงขึ้นโดนพี่โมฯ ทั้งหลายดุเอานะครับ Lucea จะเป็นเด็กดีครับ ขอโทษงามๆ ครับ :call:

ทีนี้ เรื่องของเรื่องคือเคยมีหลายคนบ่นว่าอยากอ่านมุมมองของตัวละครอื่นในเรื่องดูบ้าง
เพราะโดยปกติแล้ว เรื่องนี้จะเล่าผ่านตัวละครแค่ตัวเดียว (One Person One Point of View)
พูดง่ายๆ ก็คือคนแต่งมันกั๊กนั่นเอง แต่ความกั๊กมันก็เป็นเสน่ห์ของเรื่องนี้แบบหนึ่งนะ
ความที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกว่าจะไม่ลงมุมของตัวละครอื่นให้อ่านแม้แต่น้อย
เพราะคิดว่าถ้ารวมเล่มจะบ้าตั้งหน้าเขียนอีกเล่มเป็นมุมมองของพระเอกแบบแก้กัน

แต่จะว่าไป นิยายเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีคนอ่านมากเท่าไหร่ เราก็อยู่กันแบบเป็นกลุ่มเล็กๆ
ถึงคนอ่านคนคอมเมนต์จะไม่เยอะ แต่มันก็อบอุ่นมากๆ นะ คนเขียนปลื้มมากมาย
เวลาที่เอ่ยปากขออะไรมา คนเขียนบ้าๆ แบบนี้ ตามใจได้ก็ตามใจตลอดนะ 555555
พอไปถามเพื่อนๆ ในเฟซบุค เหมือนว่าก็อยากอ่านกัน งั้นก็สรุปตามนี้ว่า
เอาเป็นว่า จะผิดคำพูดสักหน่อย คือเดี๋ยวจะมีตอนที่เพิ่งลงไปในเวอร์ชั่นทิมให้อ่านดูนะครับ

แต่บอกว่าก่อนว่าภาพลักษณ์ของทิมอาจจะเสียเพราะเรื่องนี้เดินเรื่องด้วยความคิดซะมาก
บุคลิกประเภทที่เรียกกันว่า “ซึน” ถือว่าแพ้ทางอย่างแรง ความขรึมอาจหายไปหมด
แต่ถ้าชอบก็สนุกอีกแบบนะ โชคดีที่ตอนที่เพิ่งอัพเป็นตอนที่ไม่ค่อยมีเนื้อเรื่อง
ตัวละครไม่มีฉากแนวเป็นความลับอะไรจนเนื้อเรื่องอาจเสีย ดังนั้นถือว่าผ่านเกณฑ์
แม้จะสุ่มเสี่ยงต่อการโดนประนามว่านิยายแบ๊วๆ ตอนต้น แล้วกลายเป็นอภิมหามาม่า
ก่อนจะผันตัวมาเป็นแนวอีโรติกแบบจันดาราที่มีปฐมบท ต่อด้วยปัจฉิมบทก็ตาม กร๊ากกกกกกกกกกกก
(แต่ฉากพวกนั้น ขอบ่นหน่อยว่าแต่งยากจริงๆ นะ พิมพ์ไปก็อืมมมมม... 5555555)

เอาล่ะครับ แวะมาพูดคุย+ส่งข่าวเท่านี้ล่ะนะ วันนี้วันพรุ่งนี้ รออ่านตอนพิเศษน่าจะได้ครับ
สำหรับคนที่ไม่ชอบฉากแนวนี้ ไม่ต้องอ่านตอนพิเศษทั้งตอนก็ไม่เสียเนื้อเรื่องครับ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่แวะมาทักทาย เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อไปด้วยกันนะ ปลื้มทุกคนมากมาย จุ๊บๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 25-01-2013 17:27:17
จุดพลุเลย เชียร์ทิมมาตั้งแต่ต้นชอบทิมเพราะทิมดูมั่นคง
ไม่ชอบตุล เพราะไม่ชอบคนเจ้าชู้
ตอนนี้คะน้ารู้สึกตื่นเต้น รู้สึกวูบวาบ แปลกใหม่เวลาอยู่กับทิม
กลัวว่าต่อไปถ้าคะน้าหมดความรู้สึกนี้ไปจะยังรักทิมไหม
ถ้าตุลกลับมาคะน้าจะไขว้เขวไหม ทิมจะทำให้คะน้าปักหลักกับตัวเองได้ไหม
แต่คงไม่หรอกเนาะ ตามแม่หมอบอกก็เข้าทางทิมหมดนิ่

ขอบคุณคนแต่งที่ให้ทิมได้คะน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 26-01-2013 04:52:34
ตื่นมารอ #เร็วไปมั้ย 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 26-01-2013 08:57:20
กริ้สสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส

แม่ยกทิมมาแล้วค่า อ่านตอนนี้แล้วเขินมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

แล้วก็ดีใจด้วยที่ทิมได้สมหวังซะที อิอิ >///<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 26-01-2013 13:31:33
ตอนพิเศษ
Reversal of Chapter 22 : Voice of Tim




การลงเสาเข็มเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมันหมายถึงการวางรากฐานของงานโครงสร้างทั้งหมดไม่ให้เกิดปัญหาบานปลายที่อาจจะตามมา จะโครงการเล็กๆ หรือโครงการใหญ่แบบหลายร้อยล้าน หรืออาจะแตะไปถึงพันล้าน สิ่งสำคัญก็คือพื้นฐานของโครงสร้างที่ต้องมั่นคง


...แต่อยู่ๆ ผมก็นึกอยากจะทิ้งงานที่มีความสำคัญมากขนาดนี้เอาเสียดื้อๆ

อยากจะปล่อยให้พี่เจคอยคุม ไม่ก็ทำอะไรลวกๆ ให้มันเสร็จแบบขอไปที ‘เวลา’ อาจเป็นจุดอ่อนของผมที่แก้ไม่หายสักครั้ง ตอนที่นึกอยากจะทำอะไร ใจมันก็รู้สึกว่าจะต้องทำเดี๋ยวนั้นตอนนั้น ...ทำไงได้ สมาธิผมมันลอยไปใต้ต้นไม้นั่นไปหมดแล้ว แม้จะคอยห้ามตัวเอง แต่ผมก็มักจะเผลอมองไปยังคนที่นั่งทำหน้าเหรอหราแล้วคอยส่งยิ้มให้คนงานที่เดินผ่านไปผ่านมาแทนที่จะมองแปลนในมือผู้ช่วย

...บ้าเอ้ย! แล้วนั่น จะไปยิ้มให้พวกคนงานทำไมวะ จะยิ้มให้คนทุกคนให้ได้เลยใช่ไหม แม่งเอ้ย! พูดไปก็ไม่เคยจะฟัง รู้จักพวกคนงานน้อยไปสิ ไม่ได้ดูเลยว่าพวกนั้นมันคิดไปถึงไหนๆ ตาถึงเยิ้มขนาดนั้น ให้ตายเถอะ! ถึงได้ไม่อยากจะให้มาที่นี่ไง!

“พี่ทิมคะ” เสียงของแนนในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับสายลมที่พัดผ่านไปเท่านั้น แต่แรงสะกิดที่ข้อศอกทำให้ทิมหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงหันกลับมาฟังอย่างให้มันจบๆ ไป

“พี่ทิมจะดูแปลนนี่อีกไหมคะ ไม่อย่างนั้นแนนจะได้เอาไปเก็บก่อน ต้องหวังพึ่งอีกนานนี่นะ” ...เสียงหัวเราะเบาๆ นี่ก็เหมือนกัน น่ารำคาญ

“ไม่แล้วล่ะครับ”

“งั้นแนนเอาไปเก็บก่อนนะคะ”

“เข้าไปในออฟฟิศใช่ไหม พี่ฝากเอาน้ำเย็นๆ มาให้เพื่อนพี่หน่อยสิ” หญิงสาวชะงักกึกแล้วหันมาทำหน้าสงสัย ทิมชักสีหน้าแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

“แนนขอพูดอะไรได้ไหมคะ ปกติแนนไม่เห็นพี่ทิมจะสนใจใคร ขนาดวันก่อน คุณวิสุทธิ์ ผู้รับเหมารายใหญ่มา พี่ทิมไม่เห็นจะต้อนรับอะไรให้มากความเลย ...พี่ทิมดูแปลกๆ นะคะ” ทิมหันไปมองคนงานที่ทำงานอยู่ ไม่อยากจะสนใจกับข้อทักท้วงของผู้ช่วยสาว แนนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาหา หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความห่วงใย “ดูพี่ทิมไม่มีสมาธิทำงานเลย หรือพี่มีไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ ยังไงแนนก็เป็นผู้ช่วย ถ้าอะไรที่พอช่วยได้แนนก็ยินดีนะคะ”

“ได้สิ พี่ขอน้ำเย็นๆ ให้เพื่อนหน่อย ...พอช่วยพี่ได้ไหมครับ” แนนมีสีหน้าสลดลงไป หญิงสาวรับคำแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในส่วนออฟฟิศ

จริงตามที่แนนพูดนั่นแหละ จะเอาอะไรกับไซด์งานก่อสร้างที่อะไรๆ มันไม่เสร็จดี น้ำเย็นๆ สักขวดที่ดูเป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับออฟฟิศปกติ มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากเอาเรื่องสำหรับที่นี่ ที่อะไรๆ ก็ไม่พร้อมสักอย่าง เขาถึงไม่เคยดูแลเหล่าผู้รับเหมาไม่ว่าจะรายใหญ่แค่ไหน รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องปกติที่คนทำงานสายนี้ต่างก็เข้าใจกันอยู่แล้ว

“ห่วงเหรอ?” เสียงทุ้มของพี่เจดังขึ้นแล้วตามมาด้วยลมหายใจที่ผ่อนออกเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม ทิมไม่ได้โต้ตอบอะไร เขาเพียงแต่มองไปที่ใต้ร่มไม้นั้น เจ้าตัวปัญหายังคงส่งยิ้มทักทาย ยกมือไหว้สวัสดีใครต่อใครไปทั่วทั้งๆ ที่ไม่รู้จักมักจี่อะไรด้วยซ้ำ

“เฮ้ย! ไม่ต้องถึงขนาดไปเฝ้ามั๊ง” คำทักท้วงของพี่ที่เคารพทำให้ทิมต้องชะงักเท้าตัวเองไว้แบบนั้น “เชื่อพี่เถอะ ลองได้เห็นหน้าเอ็งตอนนี้ได้วิ่งป่าราบกันหมดล่ะ” ทิมถอนหายใจหนัก ไม่สนุกด้วยกับคำเปรียบเปรยเกินจริง อีกครั้งที่แรงตบบนบ่าเบาๆ เป็นจังหวะของรุ่นพี่ดูจะตักเตือนว่าไม่ให้เขาคิดมากเกินไปกว่าเหตุ

ครู่หนึ่ง แนนเดินออกมาจากส่วนของออฟฟิศพร้อมกับน้ำเย็นขวดหนึ่งในมือ ต้องขอบคุณพี่เจที่กำชับให้เธอไปนั่งคุยเป็นเพื่อนกับคนที่นั่งเขี่ยดินถอนหญ้าเล่น เหตุผลหลักก็เพื่อจะให้กระต่ายตัวน้อยปลอดภัยขึ้นอีกนิดในฝูงหมาป่าที่กำลังหิวโซ คะน้าไม่เหมือนแนน หญิงสาวแม้ว่าจะมีรูปร่างเล็กและหน้าตาสะสวยจนใครๆ ก็ต้องเหลียวเมื่อเธอเดินผ่าน แต่แนนเว้นระยะห่างจากเหล่าช่าง และเป็นระยะที่ห่างมาก ทั้งยังวางตัวไม่ให้สนิทสนมกับลูกจ้างรายวันที่เอาเข้าจริงก็ไม่รู้จักว่าเป็นใครมาจากไหนสักเท่าไหร่



...แล้วดูเจ้ากระต่ายของเขาสิ

ถึงจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่ลักษณะภายนอกของคะน้า บอกตามตรงว่าดูจะดึงดูดไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงสวยๆ แบบแนนเลย ถึงไม้จะตัวค่อนข้างสูงแบบผู้ชายทั่วไป แต่ใบหน้าที่ให้ความรู้สึกที่เรียกว่า ‘น่ารัก’ มากกว่าหล่อแบบคำชมเพศชายทั่วไป ทั้งรอยยิ้มและท่าทีที่ติดจะออดอ้อนนิดๆ นี่สิปัญหา

ก็เรียกว่าหมดห่วงไปอีกนิด ให้พอที่จะทำงานตรงหน้าต่อได้อย่างโล่งใจไปอีกหน่อย ทิมเร่งทำงานจนเหล่าช่างตามไม่ทัน บ่อยครั้งที่พี่เจต้องตามมากำชับและเก็บรายละเอียดให้กับการจ่ายงานของวิศวกรรุ่นน้องกระทั่งงานราบรื่นไม่มีปัญหา ไม่นานนักทิมก็พอจะปลีกตัวได้ ชายหนุ่มรีบพุ่งทยานไปใต้เงาไม้ทันที ทิ้งให้เพื่อนร่วมงานที่เป็นรุ่นพี่เท้าเอวมองแบบหน่ายๆ แล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาให้ทันกัน

“พี่เจ นี่คะน้า นี่พี่เจ” ทิมหันลวกๆ ไปหาพี่เจแล้วหันไปส่งตาดุให้กับคนที่นั่งอยู่แบบคาดโทษ

“สวัสดีครับ” สาเหตุของความวุ่นวายใจรีบลุกขึ้นยืนแบบไม่รู้สึกรู้สาแล้วทักทายพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่แทบจะฉีกไปถึงรูหู ...นี่จะยิ้มแบบนี้ให้คนทั้งโลกเลยใช่ไหม? บ้าชะมัด! ไอ้พี่เจก็เหมือนกัน ยิ้มแป้นเลยนะมึง

“อ้ออออ... คนนี้” เจลากเสียงยาวหวานหูแต่ไม่ทันสุดเสียง ทิมก็เอาศอกกระทุ้งแล้วเขม่นสายตาใส่ ชายหนุ่มจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วทักทายตอบ “สวัสดีครับ”

“พี่เจคะ พี่ทิม มีอะไรกันหรือเปล่าคะ” แนนเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ทิมชักสีหน้าด้วยความหงุดหงิด โชคดีที่ได้พี่เจคอยรองรับความสงสัยของเธอด้วยคำพูดหวานหูชวนฟัง ...น่าเบื่อจริง

“มีอะไร” ทิมเอ่ยถามคะน้าเสียงแข็งแต่เจ้าตัวกลับเขม่นสายตาใส่แล้วทำปากมุบมิบ ...ทีกับคนอื่นล่ะยิ้มแป้น มันน่าไหมล่ะ?!?

“ก็... ไม่มีอะไร” ...เออ สะบัดสะบิ้งใหญ่เข้าไป คิดหรือไงว่าคนอย่างเขาจะสนใจ

ทิมถอนหายใจพรืดใหญ่ แต่เมื่อพิศมอง ภาพของคนตรงหน้ากลับเรียกรอยยิ้มของทิมขึ้นมาได้อย่างประหลาด ทั้งๆ ที่อายุเท่ากับพี่เจ แต่กระต่ายน้อยกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่าง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวไหม ว่าชอบทำงอนแบบเด็กๆ แต่พอจะเอาเรื่องเอาราวจริงๆ กลับขวัญดีหนีดีฝ่อ แล้วเป็นฝ่ายทำสายตาออดอ้อนใส่ทุกทีไป ...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แววตาแบบนั้น ริมฝีปากที่บิดไปมาจนแดงเรื่อ ...มันน่าไหมล่ะ!!!

นึกย้อนไปถึงอุบายของตัวเองเมื่อวันก่อนแล้วก็พอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ คะน้าไม่ใช่คนที่คาดเดาอะไรได้ยาก ตรงไปตรงมาในความรู้สึกเสมอ เจ้าตัวไม่แม้แต่จะคิดปิดบังด้วยซ้ำ ...หรือว่านั่นคือปิดบังแล้ว? อะไรก็ช่าง เอาเถอะ เขาไม่ได้โกหกอะไรเสียหน่อย แค่บิดเบือนความเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถือว่าผิดกติกาไม่ใช่หรือ? ที่สำคัญ เขาก็ขออนุญาตพี่ผักกาดแล้วด้วยซ้ำ

โชคดีที่การไปทำกับข้าวที่บ้านของต่ายทุกวันทำให้ทิมค่อยๆ สนิทกับผักกาดขึ้นมาทีละน้อย เขาชอบผักกาด ถูกใจในอัธยาศัย ชอบความเฉียบคมในความคิด และที่สำคัญคือความที่ใจนักเลงผิดกับผู้หญิงทั่วไป เรียกว่าถูกคอจนถึงขั้นขอเฟซบุค ขอไลน์ แล้วแชทกันบ่อยๆ เลยทีเดียวล่ะ แต่อะไรๆ มันคงจะดีกว่านี้ล่ะนะ ถ้าไม่มีมารผจญแบบไอ้หมอขี้เต๊ะนั่น

“จะกลับบ้านเหรอ รออีกหน่อยได้ไหม”  คะน้านิ่งเงียบ



อืม... ไม่มีคำปฏิเสธให้ถือว่าเข้าใจตรงกันใช่ไหม
...เห็นไหมว่าเขาไม่เคยมัดมือชกใคร ถามก่อนทุกครั้ง


ว่าแล้วทิมก็พลิกตัวหันหลังกลับแล้วยิ้มกว้างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว วิศวกรหนุ่มเดินดุ่มๆ เข้าบริเวณส่วนงานช่างต่อทันที รีบจัดแจงอะไรทุกอย่างมันเสร็จไวๆ โชคดีที่ดูเหมือนงานผสมจะไม่มีปัญหา ทุกอย่างน่าจะราบรื่นและเสร็จไวกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ถ้าเหลือแค่งานเทที่หัวหน้าช่างน่าจะดูแลได้ ทิมยิ้มอย่างโล่งใจแล้วหันหลังเดินกลับไปใต้เงาไม้ที่ดูเหมือนบทสนทนาจะออกรสชาติ



...ไม่อยู่แป๊บเดียว มีความสุขอะไรนักหนาวะ?

ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จนไม่ค่อยจะสนใจฟังอะไรในบทสนทนาแบบที่ควรเป็น สายตาคมกริบจับจ้องไปที่คนที่เหลือบซ้ายแลขวาแล้วส่งยิ้มน่ารักแบบที่ตัวเองถนัดถนี่ ดวงตาเต็มไปด้วยการตื่นตัวรับรู้และสนใจผู้คนรอบข้างและเรื่องราวต่างๆ ตลอดเวลา



...ประเด็นคือทำไมเขาไม่อยู่ในดวงตาที่วับวาวคู่นั้นเหมือนใครๆ?

เสียงหัวเราะของหญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มกังวานใส แนนยื่นมือมาเกาะแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆ แบบเด็กๆ ที่ร้องขอขนมหวานจากผู้ใหญ่ ทิมยิ้มเล็กน้อยให้กับหญิงสาวตามมารยาท

“พี่ทิมดูพี่เจสิคะ แซวแนนอยู่ได้” แนนประจบออดอ้อน อาจจะเป็นเรื่องเดียวมั๊ง ที่เขามองว่าเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักน่าทนุถนอมดี ดูบอบบาง มาจากครอบครัวที่ดี ถูกอบรมมาดี ไม่ค่อยทันกับคำแซวของพวกวิศวกรหรือช่างที่ติดจะดิบห่าม เห็นแล้วให้ความรู้สึกอยากปกป้องดูแลเลยล่ะ

หากแต่ในเวลานี้ ทิมไม่ได้สนใจฟังในถ้อยคำอย่างที่ควรจะเป็นสักเท่าไหร่ ในสายตา... อันที่จริงควรเรียกว่าในทุกประสาทสัมผัสที่ตัวเขามีต่างจดจ้องอยู่ที่คะน้าเพียงคนเดียว กระทั่งเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขาแล้วทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับเรื่องที่ได้ฟังใส่ทิมพร้อมใบหน้าที่ระเรื่อแดง ...เอาแล้วไง ช..ชิบหายละ



...น่ารักว่ะ!!!

แต่เดี๋ยวก่อน มันเรื่องอะไรหว่า?!?! และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ทิมเริ่มหันกลับมาสนใจว่าหญิงสาวตัวน้อยข้างๆ ตัวว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร

“บางทีก็อยากมีคนที่เรากลับบ้านด้วยกัน คนที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวัน ไปเดินเล่นไหนๆ หรือไปนั่งเล่นกันที่บ้าน ...บ้านแนนหรือบ้านแฟนก็ได้น่ะค่ะ เป็นคนที่เข้ากับที่บ้านเราได้ แนนถือเรื่องแบบนี้นะคะ อืม... แล้วก็อาจจะทำอาหารทานกันเอง แนนนั่งทานกันบนพื้นก็ได้ ทานจานเดียวกันก็ได้ ง่ายๆ น่ะค่ะ แนนไม่ชอบอาหารตามร้านน่ะค่ะ ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ คงให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ เลยนะคะ”

ไม่บ่อยที่คำพูดของแนนจะจุดรอยยิ้มให้กับทิมขึ้นมา เข้าใจแล้วว่าทำไมกระต่ายตัวน้อยของเขาถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น นึกแล้วก็อยากได้ยินนะ ว่าคะน้าคิดยังไงกับเรื่องพวกนี้



...ความลับที่มีเพียงแต่เขาและต่ายเท่านั้นที่รับรู้

ทิมยกมือขึ้นมาลูบคางตัวเองที่มีไรสากช้าๆ จะเรียกว่ารู้สึกจักจี้นิดๆ กับคำพูดพวกนั้นก็คงไม่ปฏิเสธ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไป เพียงแค่ย้อนกลับไปคิด เขายังอดนึกแปลกใจทุกครั้งไม่ได้ว่าทำลงไปได้ยังไง ไม่รู้ว่าหน้าตัวเองตอนนี้มีสารรูปแบบไหน ที่รู้ๆ ก็คือไม่อยากให้คะน้าเห็น แต่ความอยากรู้อยากเห็นมันมีมากกว่า เปรียบเป็นมวยก็คงต้องแลกกันคนละหมัด ทำยังไงได้ แต่มันอดไม่ได้จริงๆ คะน้าจะว่ายังไงนะ ...กับความลับของเรา

คนที่อยู่ในความคิดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองทิม ดวงตาสุกใสดูหลุกหลิกบนใบหน้าระเรื่อแดงจนเปล่งปลั่ง มือไม้ที่ดูเหมือนจะวางไม่ถูกที่ถูกทางกับความเคอะเขินแบบนั้น



...เฮ้ออออ หลายครั้งแล้วที่เขาต้องถอนหายใจแบบนี้

...นี่เขาหลงเสน่ห์ผู้ชายจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย หลงแบบถอนตัวไม่ขึ้น หลงแบบคนที่งมงายจนเก็บไปเพ้อได้เป็นวันๆ มันแปลกไหมนะ? รู้ทั้งรู้ว่าเป็นผู้ชายเหมือนกัน แล้วก็พอจะรู้ว่าลึกๆ แล้วคะน้าก็คงพึงใจในตัวเขาอยู่ไม่น้อย ...ไม่รู้สิ ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่ชอบให้ใครๆ ได้รู้ว่ากระต่ายน้อยของเขาน่ารักขนาดไหน ยิ่งในเวลานี้ ...รอยยิ้มแบบนั้น ดวงตาคู่นั้น แม้แต่เสียงเจื้อยแจ้วเรื่องไร้สาระตลอดทั้งวัน ...ทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่าง ...ทั้งหมด

...อยากให้เป็นของเขาเพียงคนเดียว



“กลับกันไหม”

ถึงแม้ว่าพี่เจจะมีแฟนแล้วก็เถอะ และถึงแม้ว่าแนนก็ไม่น่าจะสนใจคนแบบคะน้าก็ตาม แต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ ...ของแบบนี้ จ้องมากๆ มันสึกมันหรอได้นะ ...อืม คงเป็นแบบนั้นแหละ ก็เขาคิดแบบนั้นจริงๆ นี่



...หวงเหรอ? เปล่าซะหน่อย

คะน้าลุกขึ้นแผล็วแล้วเอ่ยคำลาซะมากมาย ...ก็ไม่รู้ว่าจะลาอะไรนักหนาเพิ่งเคยเจอกันวันแรกแท้ๆ

“แต่งานยังไม่เสร็จเลยนะคะ ทำไมพี่ทิมต้องไป... เอ่อ... ส่งพี่เค้าด้วย คือแนนเป็นห่วงน่ะค่ะ เกิดโปรเจ็กต์มีปัญหาอะไรขึ้นมา มันจะแย่เอานะคะ” แนนรีบเดินตามมารั้งไว้ พี่เจก็เดินยิ้มมาสมทบ

“ห่วงเจ้าทิมล่ะสิเรา เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่ก็จะกลับเหมือนกัน” พี่เจเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา ทิมผ่อนหายใจ ล้ากับความเอาใจใส่ของผู้ช่วย เขาไม่ชอบใจนักกับความจุ้นจ้านแต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะความหวังดี ชายหนุ่มจึงขอบคุณในน้ำใจของแนน แล้วเดินลิ่วจนตัวปลิวนำหน้าคะน้าไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ทันที

ตั้งแต่ขึ้นมาบนรถกระต่ายของเขาก็เอาแต่นั่งเงียบแล้วจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง บางทีก็หายใจฟึดฟัดราวกับไม่ชอบใจอะไรบางอย่าง แต่บางทีก็แอบเหลือบมองที่เขาเป็นระยะแล้วทำอ้ำๆ อึ้งๆ จนเขารอเงี่ยหูฟังจนเหนื่อย แต่จนแล้วจนรอดสิ่งที่คนนั่งข้างๆ มอบให้ก็คือความเงียบ ...เข้าใจไหมว่ามันหงุดหงิด!

“อะไร” ลงท้ายก็เป็นเขาอีกแล้วที่ต้องเอ่ยปากถามความ

“ไปพูดอะไรให้เจฟัง” หันมาแล้วทำหน้ามุ่ย คิดว่าน่ารัก?



...เออ ก็น่ารักจริงๆ





เฮ้ออออ... ไม่ไหวแฮะ ท่าทางจะเป็นเอามาก



“พูดอะไร” ทิมหันหน้ากลับไปมองท้องถนนที่คราคร่ำไปด้วยรถยนต์แล้วทำเสียงเข้ม แต่ตัวปัญหายังยื่นหน้าตามมาหลอกหลอน

“ก็ไปเล่าอะไรให้เขาฟังบ้างล่ะ ถึงได้พูดอะไรแปลกๆ ทำท่าอะไรแปลกๆ”

“สนใจนักนะ แคร์มากหรือไง ไหน? มันคุยกันถูกคอเลยใช่ไหม หมดจากไอ้แว่นก็เอาอีกล่ะสิ ชอบนักล่ะ หัวเราะคิกคัก คุยกับคนนั้นคนนี้” ไม่อยากจะยอมรับกับความรู้สึกของตัวเองว่าไม่พอใจ ...มากด้วย มันน่าโมโหแค่ไหน เพราะดูเหมือนคะน้าจะแคร์ความรู้สึกของคนที่เพิ่งเคยพบเคยคุยกันแค่เพียงไม่กี่นาที มากกว่าเขาที่นั่งเป็นไอ้งั่งอยู่ตรงนี้อย่างนั้นเหรอ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมาทำหน้าคว่ำแล้วบ่นงึมงำเหมือนจะพูดกับตัวเอง

“บ้าอะไรเนี่ย” ...เออ ก็กูบ้าจริงๆ บ้าเพราะใครล่ะ สนุกนักล่ะ ปั่นหัวคนอื่นเนี่ย

“อย่าคิดว่าไม่เห็น”

“ไม่ต้องมาทำโวยกลบเกลื่อน ไม่อย่างนั้นเจจะรู้จักได้ยังไง ไปพูดอะไรไว้บ้าง อย่าบอกนะว่าเรื่องบ้าๆ ที่ทำเอาไว้” นั่นไง เห็นไหม คนบ้าก็ทำแต่เรื่องบ้าๆ ไอ้ทิมเอ้ยยย... อยู่ดีก็ไม่ว่าดี เอาตัวไปเสนอให้เขาด่าเล่น

“นั่งเงียบๆ ไปเลย”

“ก็เงียบตั้งแต่แรกแล้วเปล่า ไม่ได้พูดอะไรสักคำ” ถ้อยคำเหมือนจะเถียง แต่เจ้าตัวกลับพูดเสียงอ่อนเหมือนจะตัดพ้อแล้วนั่งคอตก

ทิมชะงักงัน ดูเหมือนว่ากระต่ายน้อยของเขาจะผวากับความดิบห่ามซึ่งเป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย แต่สาบานเถอะ เขาไม่ใช่คนคิดมากอะไรด้วยซ้ำ แต่ไหนแต่ไร เขาไม่เคยแคร์อะไรใครมากมาย ผู้หญิงกี่คนที่เวียนวนเข้ามาในชีวิต สวยระดับนางแบบ เป็นลูกคุณหนู โปรไฟล์ดีแค่ไหน เขาไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้ ชีวิตที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้เลือกแบบทิม ต่อให้เป็นเดือนหรือดาวบนฟ้า ถ้าเขาต้องการก็จะสอยลงมาให้จงได้



...แม่งเอ้ย! ทำไมกูถึงรักมึงได้มากขนาดนี้วะ เชรี่ยยยย!

ทิมค่อยๆ เบือนสายตาไปมองคนที่นั่งข้างๆ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองเขาด้วยท่าทีที่แปลกไปกว่าทุกครั้ง ทั้งๆ ที่อายุมากกว่า แต่คะน้ากลับมีดวงตาที่ซื่อตรงแบบเด็กชายตัวน้อยๆ ที่อ่อนเดียงสา ความสงสัยในแววตาทำให้ใจของทิมสั่นอย่างประหลาด และแปลกที่เขาเองกลับรู้สึกประหม่าในท่าทางที่ดูไม่ประสาแบบนั้นในทุกครั้งที่ได้เห็น

คะน้าโน้มตัวมาข้างหน้าแล้วมองด้วยแววตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก แย่ไปกว่านั้นที่เสื้อยืดเก่าๆ ซึ่งเจ้าตัวใส่ไปขายของที่ตลาดบ่อยๆ จนคอย้วยกว้าง บัดนี้ มันผิดที่ผิดเวลาเอามากๆ ความโน้มเอียงของน้ำหนักเผยให้เห็นผิวกายที่มันปกปิดไว้ วูบหนึ่งที่ทิมกดสายตามองไปในเสื้อ ความคิดแปลกๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมอง




ถ้าได้กอด ได้สัมผัสมากกว่านี้ ...พี่จะว่ายังไงนะครับ

บ้าเอ้ย! ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่! ทิมสะบัดหน้าไหวๆ แล้วผ่อนลมหายใจหนัก เขารีบหันกลับไปมองท้องถนนเบื้องหน้า รถราที่มีมากมายไม่ขยับเขยื้อนจนคล้ายที่จอดรถขนาดใหญ่ ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดสวิตซ์แอร์แล้วปรับลดอุณหภูมิให้ต่ำลงอีก สายลมเย็นฉ่ำพัดใส่ใบหน้าจนเย็นฉ่ำ หากแต่มันคงไม่อาจพัดความสงสัยที่มีให้หลุดไปจากสมอง ไม่วายที่ชายหนุ่มจะเหลือบมองไปที่คะน้าอีกครั้ง คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังนั่งอยู่ท่าเดิม ใบหน้าระเรื่อแดงด้วยสีฝาดเลือด คะน้าสบสายตาของทิมกลับด้วยแววตาที่ทอดมองมาด้วยความระริกไหว

...อย..อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้น ทิมขบเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นจนเจ็บ



หยุด ...หยุดเลย ...หยุดเดี๋ยวนี้!



ไม่อย่างนั้น...





ถ้าไม่อย่างนั้น ผมคงคิดว่า...









...พี่รักผมนะ



ทิมหันหน้ากลับไปมองที่การจราจรตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เขาภาวนาให้ช่วงเวลาที่ทำให้ใจของเขาเต้นคึกโครมนี้จบลงไวๆ บ้าชะมัด อยู่ๆ ก็คิดเลยเถิดไปไกลถึงเรื่องพรรณ์นั้น อยากรู้ว่าผิวที่เรียบเนียนแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั่นจะให้ความรู้สึกแบบไหน แล้วสีหน้าแบบที่เขารักนั้นจะทำให้เขารักได้มากขึ้นอีกได้ไหมในเวลาแบบนั้น ทิมส่ายหัวหนักๆ อีกครั้ง พยายามอย่างหนักที่จะสลัดความคิดแย่ๆ นี้ออกไป แต่อีกฝ่ายดูจะไม่หยุดที่จะกระตุ้นความคิดให้กระเจิดกระเจิง คะน้าค่อยๆ เอียงใบหน้าตัวเองลงต่ำแล้วช้อนสายตาขึ้นมองมาที่เขา ...บ้า! บ้าไปแล้ว!!!

“อะไร” ทิมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่าทีที่กระฟัดกระเฟียด ริมฝีปากเม้มแน่นจนตึง ตัวปัญหานั่งมองแบบสั่นๆ เหมือนกล้าๆ กลัวๆ

“ข..ขอ” ...ขออะไรวะ! มาขออะไรตอนนี้!!

“อะไร!” ทิมถามเสียงเข้ม แต่ในใจกลับรู้สึกร้อนวาบไม่หาย

จู่ๆ คะน้าก็ดันตัวเองขึ้นแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยตึงรั้ง กว่าจะรู้ตัวอีกที แก้มของทิมก็สัมผัสกับความนุ่มหยุ่น เพียงครู่เดียว เป็นเวลาสั้นๆ ของการสัมผัสแล้วผละจาก ...ไวเกินกว่าจะไหวตัวทัน หากแต่ลมหายใจอุ่นๆ ที่ลามไล้อยู่ทั่วกระพุ้งแก้มด้านซ้ายยังคลอเคลียอยู่อย่างนั้น ไรผมนิ่มๆ นั้นแตะบนผิวหน้าเขาเบาๆ ใบหน้าของคะน้าไม่ได้ผละออกไปไหน ปลายจมูกยังอยู่ใกล้จนเกือบจะแนบชิด

...เหมือนกับคนที่หมดแรง หัวใจของทิมเต้นแผ่วเบาจนเหมือนสภาวะไร้น้ำหนัก มันเบาหวิว ...หวินจนเหมือนกับตัวเองค่อยๆ ลอยขึ้นสู่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ หากแต่ความเป็นจริงตามกายภาพ ร่างสูงกลับทิ้งน้ำหนักทั้งหมดของตัวเองลงบนเบาะหนังสีอ่อน แล้วปล่อยตัวเองให้เลื่อนไหลราวกับเป็นของเหลวที่เคลื่อนตัวตามแรงโน้มถ่วงโลก เป็นเรื่องน่าตลกที่ชายหนุ่มที่ร่างกายกำยำกลับมาสิ้นสภาพด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลราวกับขนนกแบบนี้

ริมฝีปากของคะน้าลากผ่านผิวแก้มเบาๆ แล้วงับบดที่ใบหูที่แดงระเรื่อ ทิมเกร็งลำคอด้วยความรู้สึกสะท้านไปทั่วทั้งร่าง ความอ่อนนุ่มนั้นขบแล้วบดตัวเบาๆ กระทั่งชายหนุ่มเผลอตัวกระชากเท้าแล้วเหยียบเบรคในจังหวะที่รถเคลื่อนช้าๆ จนคะน้าหรือแม้แต่ตัวเขาเองก็เสียการทรงตัว

“ข..ขอโทษ ...ขอโทษ ม..มะ” ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนยังไม่อาจประมวลผล หากแต่ผิวกายยังจดจำความนุ่มนวลนั้นได้ เป็นเครื่องหมายยืนยันว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ...มันเป็นเรื่องจริง

“ม..มะ คือ... ตกใจ ม..ไม่เป็นไรใช่ไหม” ให้ตายสิ! นี่เขาพูดอะไรไป น่าอายชะมัด!

ทิมจับมือคะน้าแน่น รู้สึกได้แรงสั่นไหวของข้อมือตัวเองอย่างประหลาด นี่เขากำลังประหม่าให้กับคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกันนั่นเหรอ คนที่นั่งหลังพวงมาลัยหันมามองหน้าคะน้าที่นั่งก้มหน้านิ่งด้วยความสงบ มีเพียงหัวไหล่ที่สั่นไหวน้อยๆ พอให้รู้ว่ายังเคลื่อนไหว ทิมออกน้ำหนักที่ฝ่ามือของตัวเองบนพวงมาลัยบีบแน่นจนขึ้นเกร็ง


คำถามคือหากคะน้ามีใจให้กับเขา แล้วทำไมเขาต้องฝืนใจตัวเองเอาไว้ด้วย?

ทันใดนั้น ร่างสูงก็หันไปฉวยคว้าคนที่นั่งก้มหน้าเข้ามากอดจนแน่น เสี้ยววินาทีเดียวกัน ริมฝีปากของเขาก็บดตัวไปบนปากของคะน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก หากแต่สัมผัสที่ตอบกลับนั้นต่างไปจากทุกที ...หลังจากสัมผัสระลอกแรก รอยยิ้มน้อยๆ จุดขึ้นที่มุมปากของทิม ก่อนจะบดตัวซ้ำไปมาอย่างโหยหา

คนมักพูดว่าเวลาแห่งความสุขมักสั้น เห็นท่าจะจริง ...ครู่เดียว เสียงของแตรรถอย่างบ้าคลั่งด้านหลังก็ดึงร่างของทึมให้กลับมามองที่เบื้องหน้า รถมากมายที่ติดอยู่เริ่มขยับตัวเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ชายหนุ่มทุบฝ่ามือลงบนพวงมาลัยรถอย่างขัดใจพร้อมกับลมหายใจที่หอบแรง แต่เมื่อนึกถึงช่วงวินาทีที่เพิ่งผ่านพ้นมา ชายหนุ่มก็หันไปสบตากับคะน้าแล้วยิ้มให้ ...ในหัวใจของทิมนั้นกำลังลิงโลดจนอยากกู่ร้อง

ทุกอย่างนิ่งเงียบจนกระทั่งรถหักเลี้ยวเข้าสู่คอนโดแล้วจอดสนิทในลานจอดรถ คะน้ารีบพาตัวเองออกจากรถของทิม แต่เขาจะไม่ยอมถูกปั่นหัวอีกต่อไปแล้ว กระต่ายน้อยตัวนี้จะต้องเป็นของเขา วงแขนทั้งสองข้างของทิมวาดขึ้นรั้งแน่นเหมือนไม่ให้ไปไหน ปลายจมูกกดลงบนลำคอของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วจูบพรมด้วยความแผ่วเบา



“ไปที่ห้องนะครับ”

ทิมกระซิบเบาๆ ข้างใบหูแล้วคลอเคลียริมฝีปากตัวเองไปมาอย่างอ้อยอิ่ง คะน้ายืนนิ่งไม่ไหวติง ไม่รู้ว่าสัมผัสที่แนบแน่นนั้นจะเพียงพอที่จะเหนี่ยวรั้งช่วงเวลาแห่งความสุขกลับคืนมาสู่เขาได้ไหม ไม่รู้ว่ามันถึงเวลาที่เหมาะสมหรือยังที่เขาจะร้องขอโอกาสได้ทำในสิ่งที่รอคอยมานานแสนนาน



“ได้โปรด ผม...”

ทิมโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วกระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ในวงแขนที่กอดกระชับ ฝ่ามือกว้างลูบไล้ไปทั่งร่างกายของคะน้าอย่างทะนุถนอม ชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าให้เข้าใกล้กว่าเดิม ก่อนที่ริมฝีปากที่แดงจัดจากการกัดเม้มจะเอื้อนเอ่นถ้อยคำสั้นๆ ที่หยุดโลกได้ทั้งใบ





“...ผมรักพี่นะครับ”



(มีต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 26-01-2013 13:41:47
(ต่อครับๆ)



“รักครับ”

ริมฝีปากของชายหนุ่มยกตัวขึ้นสูงทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วที่แหบพร่านั้น ทิมออกแรงดันร่างกายตัวเองไปด้านหน้าเพิ่มขึ้น กลิ่นหอมของสบู่ผสานกับกลิ่นร่างกายของคนในวงแขนที่เบียดแนบจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เบื้องหน้าเป็นผืนฟ้าสีดำที่แต้มแต่งด้วยแสงไฟระยิบระยับนับร้อยพันของเมืองที่ขวักไขว่เหมือนไม่เคยหลับไหล ราวกับร่างที่เปล่าเปลือยของคนทั้งคู่กำลังล่องลอยอยู่เหนือกลางท้องฟ้า ปลายเท้าคล้ายกับกำลังเหยียบย่างลงบนพรมสีดำที่มีแสงดาวพราวพร่างและดวงจันทร์ที่สว่างไสวเป็นพยาน

...น่าอาย ...น่าทุเรศ หากแต่ในใจของทิมกลับอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกพองฟูฮึกเหิม ...อยากให้ท้องฟ้าที่เขาเคยมองจ้องทุกค่ำคืนด้วยความเดียวดายได้มองเห็น ให้แสงจันทร์ที่สาดแสงเป็นเพื่อนในยามที่เหงาได้รับรู้ ให้โลกทั้งใบมาเป็นพยานให้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้



...ใช่ครับ ผมกำลังมีความรัก





...กับคนในอ้อมกอดนี้


เป็นความรักที่อัดแน่นจนเกิดกว่าภาษาใดบนโลกจะอธิบายความรู้สึกได้ มากล้นจนต้องบอกมันผ่านทางการกระทำให้อีกคนได้รับรู้ ในเมื่อเพียงแค่คำพูดมันไม่พออีกต่อไปแล้ว ...ผมหน้าด้าน ไม่รู้จักอายและไม่รู้จักพอ ผมโหยหาและยังต้องการที่จะได้ยินคำนั้นจากปากของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ...บางที อาจเป็นเพราะผมกลัวว่าความฝันตรงหน้านั้น มันจะกลายเป็นเพียงมายาที่จับต้องไม่ได้จริง


“มากไหม?”

คำตอบคือเสียงก่นด่าจากคนในอ้อมกอดซึ่งเรียกรอยยิ้มของผมขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ...ก็จริง บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ที่ทำอะไรแบบนี้



แต่พี่ครับ ...บอกผมที






“...มากไหม?”

“ม...มาก ...มากครับ”


หัวใจของชายหนุ่มกระเจิดกระเจิงไปกับคำสั้นๆ ที่รอฟังมาเนิ่นนาน ทิมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เบียดแผ่นอกที่ชุ่มเหงื่อเข้ากับแผ่นหลังของคะน้าแล้วฝังปลายจมูกลงไปที่ลำคอ ริมฝีปากบดตัวเป็นจังหวะก่อนจะเคลื่อนขึ้นมากระซิบถ้อยคำแผ่วเบาที่ใบหูของคนในอ้อมแขน



“พี่เป็นของผม ...ของผม ...ของผมคนเดียว”

ทิมกดหัวไหล่ลงและโอบวงแขนรอบคนเบื้องหน้า ...ตักตวงสัมผัสที่หวานหอมนับครั้งไม่ถ้วน คะน้าพยายามถอยหนี คนที่ยืนด้านหน้าขืนตัวเองออกจากกระจกบานใส เม็ดเหงื่อบนร่างกายทิ้งร่องรอยบนผนังที่โปร่งตัวจนมองเห็นทุกอย่าง หากแต่แรงเบียดบดเบื้องหลังนั้นขัดขืนดั่งพันธนาการที่แน่นหนา


“เดี๋ยวใครมาเห็น”

“ให้มันเห็นไป”

ความรู้สึกในจริงของทิมเตลิดไปพร้อมกับถ้อยคำคำนั้นจนเกินกว่าจะสนใจสิ่งใดรอบๆ ตัวเสียแล้ว เมื่อยิ่งเห็นภาพสะท้อนในกระจกบานใสที่ฉายสีแดงฝาดซึ่งกระจายไปทั่วใบหน้าพร้อมกับร่างกายที่กำลังสะเทิ้นไหว ร่างกายของเขายิ่งร้อนวาบ เม็ดเหงื่อของคะน้าค่อยๆ ซึมออกมาที่ไรผม ทิมจ้องมองหยดน้ำเล็กๆ ที่ค่อยๆ ซึมขึ้นมาบนผิวหน้าจนเกิดเงาสะท้อนที่มันวาว ร่างสูงด้านหลังเอื้อมมือไปปัดไรผมที่ปรกใบหน้าให้เปิดขึ้น ก่อนที่ร่างกายและริมฝีปากนั้นเคลื่อนไหวไปมาเพื่อซับความชื้นชุ่มอย่างนุ่มนวล มีเพียงสิ่งเดียวที่คงหยุดนิ่งกับที่ ...ดวงตาของเขา


“ดูเงาในกระจกสิครับ”

“ไม่เอา”

“...ว่าผมรักพี่ขนาดไหน”


แม้ถ้อยคำจะปฏิเสธหัวชนฝา หากแต่ในเงาสะท้อนที่ฉายบนแผ่นแก้วใสนั้น ทิมกลับเห็นแววตาไหวระริกของคะน้าค่อยๆ เงยขึ้นมามองที่ใบหน้าของเขาอย่างไม่วางตา ยิ่งเห็นก็ยิ่งยากจะอดใจตัวเองไหว ทิมรีบพลิกตัวของคะน้าให้หันกลับมาเผชิญหน้ากับตนเอง จ้องมองทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่ต้องผ่านภาพสะท้อน

พระจันทร์ทอดแสงนวลจนสว่างชัด เป็นครั้งแรกที่ทิมเห็นร่างกายที่เปล่าเปลือยของคะน้าเบื้องหน้าได้อย่างเต็มตา ร่างสูงที่ไล่เลี่ยกับตัวเขาไหวสั่นเล็กน้อยคล้ายสัมผัสกับไอหนาว หากแต่ใบหน้านั้นแดงกล่ำเหมือนผิวยามต้องแดดเผา คะน้ามองจ้องมาที่เขา ลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะ และริมฝีปากที่ราวกับมีใครเอาพู่กันจู่สีแดงสดระบายแต้มทำให้ใจของทิมสั่นไหว


“ทิมมม...”


“ครับ”


คนเบื้องหน้าให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากทุกครั้งที่ทิมเคยมองจ้อง ผมหมาดชื้นที่ตกลงจนปกใบหน้าดูสีเข้มกว่าทุกครั้ง เช่นเดียวกับดวงตาคู่นั้นที่แปรเป็นสีเข้มลึกล้ำราวกับซุกซ่อนความลับบางอย่างเอาไว้ คะน้าจ้องมองมาที่เขาเหมือนจะทายท้า ริมฝีปากสีแดงจนอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยให้ชวนมอง คะน้าค่อยๆ เบียดดันตัวเองขึ้นมาด้านหน้า ฝ่ามือทั้งสองข้างยกแล้วเสยปัดปอยผมของทิมรวบไปด้านหลังแล้วนิ่งค้างอยู่แบบนั้น

ราวกับโลกหมุนย้อนกลับด้านจนเขาทำอะไรไม่ถูก หยาดเหงื่อบนร่างกายของคนทั้งสองผสานผสมจนเป็นแยกแยะไม่ได้ ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างของคะน้าหมุนวนอยู่บนผมที่เปียกชื้นอย่างอ้อยอิ่ง ดวงตาที่ดูลึกลับจนน่าค้นหานั้นมีพลังดึงดูดบางอย่างให้หัวใจของทิมกระตุกสั่น คะน้ามองจ้องทิมด้วยแววตาระริกไหวแล้วเอ่ยถาม


“...จูบได้ไหม?”


“ที่ไหน...”


“...ที่ไหนดี?”


สุดจะทานทน ทิมโหมตัวเข้าหาคะน้าอย่างโหยหา ริมฝีปากบดเบียดไปทั่วร่างกายคนตรงหน้าราวกับจะให้ลุกไหม้ แต่ร่างคนที่สูงไล่เลี่ยกันนั้นกลับผละจาก คะน้าค่อยๆ เอนกายไปด้านหลัง ถ่ายเทน้ำหนักของลำตัวช่วงบนไว้บนผืนกระจกบานใหญ่ น้ำหนักที่ถ่ายเทก่อให้เกิดแสงเงาของกล้ามเนื้อบนแผ่นอกและกล้ามท้องที่นูนตัวขึ้นสูง ลมหายใจของทิมติดขัดจนน่ารำคาญเมื่อดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขาราวกับจะเชื้อเชิญ



“แล้ว... ที่ไหนอีก”

...บ้าเอ้ย! นี่จะฆ่ากันให้ขาดใจตายใช่ไหม! วินาทีนั้น หัวใจของทิมราวกับจะลุกเป็นไฟด้วยเชื้อเพลิงในแววตาที่ลึกลับคู่นั้นให้ได้ เขาเบียดร่างของตัวเองเข้าสู่คนตรงหน้าอย่างคนหิวโซ หัวใจกระโจนไปเบื้องหน้าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ริมฝีปากของทิมพรมลงไปบนเรียวปากสีแดงซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่ไรฟันสีขาวจะขบที่ริมฝีปากด้านล่าง ...แล้วบดซ้ำลงเบาๆ บนตำแหน่งเดิม


“อื้อออออ...”

หัวใจของทิมหอบสั่นเมื่อได้ยินเสียงอู้อี้เบาๆ ข้างๆ ใบหู แทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าเขารู้สึกกับคนตรงหน้าได้มากมายขนาดนี้ มือของคะน้ายกขึ้นมาแล้วค่อยๆ ลูบไปบนร่างกายของเขาอย่างอ้อยอิ่ง ทุกครั้งที่สัมผัสลากผ่าน ทิมรู้สึกเหยียดเกร็งไปทั้งร่าง หัวใจเหมือนจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ


“ทิมมม...”


“ครับ”


ดวงตาของคะน้าจ้องนิ่งลึกไปในแววตาของเขา ความสลัวทำให้ดวงตาคู่นั้นดูเป็นสีเข้มจนดูลึกล้ำผิดกับทุกครั้งที่ทิมเคยจ้องมอง ...สีกาฬที่ดูราวกับจะซุกซ่อนความลับเอาไว้ข้างใน คะน้าจ้องมองมาที่เขาเหมือนจะทายท้า ริมฝีปากสีแดงจนอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อยให้ชวนมอง ทิมหอบสั่นกับภาพที่เห็นตรงหน้า แววตาลามไล้ไปทั่วทั้งร่างกายของอีกคนอย่างอดใจไม่ไหว

แผ่นอกนั้นแผ่กว้างและนูนสูงแทบไม่ต่างอะไรกับเขา หัวไหล่ผายออกรับกับกล้ามเนื้อที่โค้งได้รูปบนต้นแขน ทิมลูบไล้ไปบนแผ่นท้องที่แบนราบ สัมผัสที่เป็นระลอกคลื่นบอกถึงมัดกล้ามที่เกร็งขึ้นจนเรียงตัว ...เร้าความรู้สึกของเขาอย่างประหลาด และเพียงชั่วพริบตา ลมหายใจของทิมก็แทบหยุดนิ่ง เมื่อคะน้าเบียดท่อนล่างของร่างกายเข้าหา แผ่นอกของทิมหอบสั่น ...นี่เขาจะคลั่งตายอยู่แล้ว!


“ทิมมมมมม...”


“ค...ครับบบ”


ทิมยืนนิ่งเกร็งตัวนิ่งราวกับต้องมนตร์ ฝ่ามือที่ลูบไล้นั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นแล้วเหนี่ยวรั้งบนลำคอของเขา คะน้าถ่ายน้ำหนักร่างกายท่อนบนไว้บนตัวของชายหนุ่มที่สูงกว่าแล้วสบตาด้วยใบหน้าที่ระเรื่อแดง ทิมกลืนน้ำลายตัวเองอย่างยากลำบาก ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกกระเจิดกระเจิงได้ถึงขนาดนี้ เนื้อตัวเกร็งไปด้วยน้ำหนักที่ถ่ายเทและความรู้สึกที่อัดแน่นพร้อมจะระเบิดอยู่ภายใน


...อีกฝ่ายก็คงไม่ต่างกัน

คะน้าเบือนหน้าหลบหนี ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงกล่ำลามไล่ไปกระทั่งถึงลำคอ ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากริมฝีปากที่สะกดสายตานั้น มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ดูเคอะเขิน ทดแทนถ้อยคำที่ปราศจากเสียง ในใจของทิมตอนนี้ โลดแล่นด้วยความฮึกเหิม วงแขนช้อนลงที่ช่วงตัวด้านล่างของคะน้า รัดจนแน่นแล้วยกขึ้น ทิมค่อยๆ เดินช้าๆ กลับเข้าไปด้านใน ร่างกายรับน้ำหนักทั้งตัวของคนที่สูงไล่เลี่ยกันไว้บนบ่าและแขนทั้งสองข้าง ทุกย่างก้าวที่คลานคืบ ริมฝีปากของเขาบดบี้แล้วส่งถ่ายความชุ่มชื้นให้กับสิ่งที่เหมือนกันตรงหน้าจนร้อนดั่งไฟ

เตียงนอนที่หนานุ่มยวบตัวลงด้วยน้ำหนักของคนทั้งสอง ใบหน้าของทิมยังคลอเคลียอยู่ที่เดิมเหมือนไม่อยากผละจาก คะน้ายกมือขึ้นขยุ้มผมตัวเองแผ่วเบาแล้วลากไล้ลงสู่ลำคอ ท่อนขาทั้งสองข้างที่แข็งแรงชันขึ้นแล้วขยับตัวออกจากกันอย่างเชื่องช้า

ความร้อนระอุแผดเผาไปทั้งร่างของจนไหวสะท้าน ภาพที่เห็นทำให้ใจของเขาสั่นอย่างไม่เป็นท่า ทิมโถมตัวเข้าหาอย่างรีบเร่ง กดริมฝีปากตัวเองซับหยาดเหงื่อของคนที่นอนอยู่ไปทั่วทั้งร่าง คะน้าเกร็งคอขึ้นมองจ้อง ฝ่ามือขยุ้มบนผมของเขาด้วยความเหยียดเกร็ง


“ต..ตรงนั้น อย่า....”

ทิมซ้ำลงไปทันทีด้วยสัมผัสที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น แปลกที่เขากลับระเริงไปกับความรู้สึกนี้ ร่างกายคะน้าบิดเบี้ยวและเกร็งจนกล้ามเนื้อนูนชัดไปทั้งร่าง ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาที่เขาแบบไม่กระพริบตา ...เขาเองก็หยุดมองแววตาคู่นั้นไม่ได้เช่นกัน


“ทิมมมมม...”



“หื้มมมม...”



“อ..อื้ออออออออออออ...”


แต่แล้วใจของทิมเต้นระส่ำจนแทบบ้า เมื่อใบหน้าของเขาถูกดึงดันขึ้นมาแล้วถูกปรนเปรอด้วยริมฝีปากอย่างเคอะเขิน คะน้าชันตัวขึ้น เสยผมที่เปียกชื้นไปด้านหลังแล้วจ้องมองทิมด้วยแววตาที่เย้ายวนอย่างประหลาด แค่เพียงสัมผัสที่แผ่วเบา ทิมก็ไถลตัวเองลงสู่ฟูกหนาตามความนุ่มนวลที่ถาโถม สัมผัสบางเบาที่พรมพร่าง พริบตากลับกลายเป็นความร้อนแรงดุจเปลวไฟที่พร้อมแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้


“โอ๊ะ.......” ทิมร้องเบาๆ ขึ้นพร้อมกับร่างที่ดิ้นพล่าน ...สัมผัสนั้น ทำให้เขาลืมหายใจ



“ต่ายครับ”





“พ..พี่ครับบบ”







“โอ๊ะ..โอะ..โอยยยยยยยย...”


ลมหายใจของทิมหอบสั่น เขารีบดึงร่างของคะน้าขึ้นจูบแล้วพลิกตัวขึ้นด้านบน ชายหนุ่มมองจ้องใบหน้าของคะน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน ปลายนิ้วทั้งห้าสางผมที่เหยิงยุ่งของคะน้าไปที่ท้ายทอยแล้วคลอเคลียบนศีรษะอยู่อย่างนั้น เขาจูบที่ปาก แล้วจูบซ้ำอีกครั้ง ...และอีกครั้งอย่างโหยหา ดวงตาของคะน้าแวววาวราวกับแสงของดวงดาวที่เขาเคยมองจ้องทุกค่ำคืน



“พี่ครับ...”

ทิมค่อยๆ โน้มตัวลงจูบอีกครั้งอย่างแผ่วเบาที่หน้าผากแล้วลากริมฝีปากผ่านสันจมูกของคนที่อยู่ด้านล่าง ก่อนที่จะถ่ายทอดทุกความรู้สึกที่มีลงบนริมฝีปากนั้นอีกครั้ง ขืนยกตัวขึ้นเล็กน้อยแล้วปล่อยให้ไออุ่นของลมหายใจพรมพร่างไปทั่วใบหน้าของคะน้า ทิมยิ้ม... และอีกครั้งที่เขาจูบลงไปที่ริมฝีปากนั้นเหมือนไม่อยากไกลห่าง



“พี่... พี่ครับ...”

คะน้ายิ้ม... วงแขนของคนที่อยู่ด้านล่างยกตัวขึ้นแล้วเหนี่ยวรั้งคนที่อยู่สูงกว่าลงไปหา
ในครั้งนี้ เป็นริมฝีปากอิ่มด้วยสีแดงจัดของคะน้าที่ประกบแนบจนแน่นสนิท



...ดูดกลืนทุกถ้อยคำของเขาที่มีจนหายไปหมดสิ้นด้วยรสชาติที่หวานหอม






พระจันทร์ดวงกลมโตค่อยๆ ขยับตัวขึ้นสู่กลางผืนฟ้า
ค่ำคืนเพิ่งเริ่มต้นขึ้น และคงอีกยาวนานกว่าที่มันจะผ่านไป



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


:o12:  :o12:  :o12:
แก้แล้วแก้อีกเพื่อให้ดู erotic น้อยลง เวอร์ชั่นแรกที่ยังไม่แก้ไขนี่ :sad4:
โอ้ววว... จอร์จ มันยิ่งกว่าเวอร์ชั่นคะน้าหลายเท่านัก 555555555
อ่านแล้วรู้สึกว่าขอปรับให้ลดลงสักหน่อยดีกว่า (ซึ่งก็เป็นแบบที่เห็นล่ะนะ)
แล้วก็ตัดพวกเรียกว่าพี่ทิมออก เพราะคนแต่งก็บ้าๆ บอๆ ไปตามเรื่อง งานนี้ตามใจคนอ่านครับ  :o8:

หลังจากอ่านเวอร์ชั่นนี้จบ ภาพลักษณ์ซึนของทิมคงป่นปี้ไปแน่ๆ
แต่ก็นะ ทำไงได้ อยากอ่านกันดีนัก เป็นไงล่ะ มาดนิ่งๆ ซึนๆ หมดกัน
ตอนหน้าคงเป็นเนื้อเรื่องต่อปกตินะครับ อันนี้นับว่าเป็นตอนพิเศษแล้วกัน
ตอนนี้ เวลาเอามาอ่านประกบคู่กัน คงให้ความรู้สึกที่ดี(มั๊ง)  :impress2:

ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะครับ + 1 พร้อมแถมกอดแน่นๆ อีกที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-01-2013 13:56:47
เอิ่มมมมมม ฮ่าๆ
ทิมมมมมมมมม โอ๊ยยยย ฮ่าๆ
น่ารักดีออก ไม่เห็นจะป่นปี้อะไรเล๊ยย กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 26-01-2013 14:17:24
ตายแล้วววววววววว  คะน้าของพี่เป็นแมวยั่วสวาทดี ๆ นี่เอง
แบบนี้ทิมจะไปทนไหวได้ยังงัย  เอ หรือว่าจริง ๆ แล้วทิมมันคิดไปเองเพราะหื่นหว่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 26-01-2013 14:19:51
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม 

อยากร้องเรียก ทิมทิมทิมทิม แบบต่ายบ้าง
โอยยย ไม่ไหวแบ้ววว ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 26-01-2013 14:44:41
ที่แท้ทิมก็ ............. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

คือว่าเขินมากกกก ต่ายในมุมมองของทิมนี่น่ารักขึ้นเป็นสิบเท่า มุมิเหลือเกิน

(หายใจก่อน ตะกี้กลั้นไว้)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-01-2013 14:58:10
อยากบอกคนเขียนว่าคนอ่านหื่นกว่าทิมเยอะ...คิคิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 26-01-2013 15:07:26
คะน้าในมุมมองของทิมนี่ช่าง....อีโรติคมากมาย :pighaun:
อ่านแล้วกรี๊ด สำลักไปหลายรอบ
โอย~ มันช่างน่ารักอะไรอย่างนี้!!! :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 26-01-2013 16:06:11
คะน้าแบบว่า  :m25: สุดๆ  :jul1: ไม่รู้จะใช้คำไหน คนอื่นเค้าพูดกันไปหมดล่ะ--*

คนอ่าน(คนนี้) คิดว่าก็คงไม่หมดมาดหนุ่มซึนหรอก
อย่างเนี๊ยะแหละ  :impress2:

ขอบคุณจ้ะ :impress3: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-01-2013 16:21:21
โอ๊ย สมใจที่ได้อ่านความคิดของทิม  :mc4: :mc4: :mc4: ขอบคุณมากนะคะ นี่แหละที่อยากรู้
คนซึนคนขรึมไม่ได้จะขรึมไปถึงความคิดนี่เนอะ อ่านเวอร์ทิมแล้วแบบอีโรติกกว่าเวอร์คะน้าไปอีกหลายเท่า
คืออันนี้ไม่โป๊เลยนะ แต่มันเซ็กซี่แอดวานซ์มากกกกกกกกก คะน้าจ๋า ถ้าไม่อยากถูกขังอยู่ห้องก็อย่ายั่ว
อย่ารุกแบบนี้อีก เพราะแค่นี้พระเอกมันก็จะบ้าตายกับความรักความหลงในตัวคะน้าของมันจะแย่แล้วนะ
คือคะน้าอยู่เฉย ๆ ทิมมันก็ว่ายั่วได้นะเออ  พี่ครับ ๆ ๆ แบบพระเอกชั้นทำอะไรไม่ถูก โคตรถูกใจอ่ะ
ชอบพระเอกที่หลงนายเอกมาก ๆ แบบนี้แหละ~~  :-[ :impress2:

คือพระเอกเราควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้เมื่อมีคะน้าอยู่ใกล้ ๆ แนะนำว่าไม่ควรจะให้ไปที่ไซต์งานอีก
เพราะมีผลกระทบให้งานเกิดความเสียหายได้ คือวิศวกรใจไม่อยู่กับงานเลยจ้า ทำไปงั้น ๆ
มองไปแต่ใต้ต้นไม้ หาว่าคะน้าไปยิ้มเยอะให้คนโน้นคนนี้อีก ฮุว ก็คนเค้ามนุษย์สัมพันธ์ดีไม่เหมือนเธอนี่เนอะ
หาว่าตาอ้อนด้วย อิอิ มองไปคิดไปคนเดียวเปล่านี่ พระเอกเยอะตล๊อด ชอบตรงที่ำรำคาญเสียงนังน้องแนนนี่แหละ
555 สมใจคนอ่านแท้ นาทีนี้ชะนีหลบไปไกล ๆ จ้า ไม่อยู่ในความสนใจของคุณทิมซักนิดเหมือนลมที่พัดผ่าน
ขนาดพี่เจยังหึงเลยทุกสิ่งอ่ะ สรุปไม่่ให้คะน้ามองใครทั้งสิ้น หวงแท้ ๆ น่ารักอ่ะ ชอบตอนย้วยในรถด้วย
โดยหอมทีหมดแฮงจ้า

อยากอ่านต่ออีกแล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dewdew ที่ 26-01-2013 16:45:11
กร๊ากกกก หมดกัน ความซึนของน้องทิม คะน้าาา ถ้านางจะร้อนแรงขนาดนี้ๆๆๆ กรี๊ดดด ฟินม๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 26-01-2013 19:04:38
โอ้ววว......ปลื้มค่ะปลื้มมากมาย :m3: :m3: ได้รู้มุมมองคะน้าจากทิมเสียที

น่ารักมากก :o8: เซ็กซี่มากกก :impress2: รักคนเขียนมากกกกกก :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 26-01-2013 23:10:21
ทิมก็เป็นมากนะเนี่ย หลงคะน้าซะหล่ะ

หึงไปหมดเลย มีให้คะน้าเรียกพี่ทิมด้วยนะ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 26-01-2013 23:12:59
 :impress2: ขออย่างทิมคนดิ

กรี๊ดดดดดดด ไม่ไหวแล้ว ทิมน่ารักอ่ะ

อ่านไปใจเต้นรัว  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 26-01-2013 23:40:13
ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคะน้ายั่ว(แบบไม่รู้ตัว?) รึทิมมโน(แบบหื่นๆ)ไปเอง?
แต่ที่รู้ คือ เลือดหมดตัวแล้วว อร๊ายย
นี่ขนาดคนเขียนลดทอนความอีโรติก(?)แล้วนะ

ปล. อยากอ่านเวอร์ช่ันแรกที่ยังไม่ได้ลดทอนความหื่น เอ้ย ความอีโรติกอ่ะค่า
*อิเจ๊นี่ ได้คืบจะเอาศอก 555*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 26-01-2013 23:45:13
ทิมหื่น หรือว่า คะน้า ยั่วโดยไม่รู้ตัว

ตอนนี้น่ารักมาก ไม่รู้ทำไมอ่านไปยิ้มไป

รอตอนต่อไปครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 27-01-2013 00:45:16
โอยยยยยยยยยย

 :o8:

ทำไมผัดคะน้าจานนี้มันแซ่บขนาดนี้  :o8:
ภาพมุมมองของทิม หมดกัน ภาพลักษณ์  :laugh:
ถ้าจะห่วงน้องต่ายขนาดนี้ แนะนำให้ล่ามโซ่ แล้วจัด โซ่ แส้ กุญแจมือ  :laugh: /ผิดประเด็นตลอด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 27-01-2013 01:51:20
เราชอบแบบแรกที่เล่าผ่านมุมมองของคะน้ามากกว่านะคะ
การที่ทิมให้ต่ายเรียกว่าพี่ทิมมันสะท้อนให้เห็นความรู้สึกในใจที่อยากจะเป็นเจ้าของ คอยดูแลปกป้องน่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: MonaLis ที่ 27-01-2013 08:34:38
 :o8:
กร๊ากกกก นี่แหละที่ฉันเฝ้าคอย!!!!
 :กอด1: คนเขียน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 27-01-2013 09:00:21
ทำไมเราว่าเวอร์ชั่นนี้ อิโรติกมากกว่าเก่าอีกอ่ะ 555+ :laugh:

แต่คะน้านี่ ร้อนแรง เซ็กซี่ โฮกกกกมากอ่ะ  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 27-01-2013 11:12:15
โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่ไหวแล้วอ่านไปก็ทำร้ายตัวเองไป เขินอ่ะ
แบบอีโรติกสุด แต่เราชอบนะบรรยายแบบนี้เร้าอารมณ์สุดๆ -..-
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-01-2013 04:29:55
ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด(ได้ไงไม่รู้) ไหนๆ ว่างๆ อัพนิยายเลยแล้วกัน กร๊ากกกก

สวัสดีครับ อ่านเวอร์ชั่นทิมไปคงให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ไปอีกมุมเนอะ
เวอร์ชั่นทิมโป๊กว่าจริงๆ เรื่องของเรื่องก็คือ ตัวทิมมันติดจะหื่นๆ นั่นล่ะ
ต่ายทำอะไรนิดหน่อย พี่ทิมแกจัดมาเต็ม เรื่องมันก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
ถ้าไม่ทอนความคิดของทิมออก โดนท่านโมฯ ดุเอาแน่นอน กร๊ากกกกกก...
ถามว่าชอบเวอร์ชั่นไหนมากกว่า คนเขียนชอบฝั่งต่ายมากกว่า มันละเมียดดี

ตอนต่อไป กลับสู่โหมดเวอร์ชั่นปกติเสียที อ่านแล้วอย่าเพิ่งเซ็งกับเนื้อหาแนวนี้นะครับ
จะพูดยังไงดีล่ะนะ ข้าวใหม่ปลามัน มันก็คงอะไรแบบนี้หรือเปล่าครับ 55555
+ 1 ให้กับกำลังใจจากเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ ขอบคุณมากมาย อ่านตอนที่ 23 เลยครับ


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 23



...รู้สึกมึนหัว

ตีห้าครึ่ง... อากาศหนาหนักและเย็นจนร่างที่เปล่าเปลือยรู้สึกหนาว หมอนที่หนุนนอนไม่ได้นุ่มเหมือนทุกวันที่ผ่านมา กระนั้นก็ให้ความรู้สึกอุ่นอย่างประหลาด ไม่รู้ว่าแขนทั้งสองข้างหนักกว่าที่เคย หรือเป็นเพราะร่างกายตัวเองที่อ่อนล้าเรี่ยวแรง คะน้ายกมือฝ่ามือขึ้นจับที่หน้าผาก ก่อนจะพบว่าท่อนแขนของคนข้างๆ นั้นต่างหมอนที่ใช้นอนหนุนอยู่


เรื่องเมื่อคืน...

จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนวาบ ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะสายตาอุ่นๆ ที่จ้องมองอย่างชิดใกล้ กระนั้น สัมผัสแผ่วเบาบนไรผมให้ความรู้สึกดีอย่างประหลาด

“กี่โมงแล้ว”

“นอนต่อเถอะ บอกพี่ผักกาดแล้ว”

คะน้าพยายามฝืนตัวลุกขึ้นแต่เหมือนกับเรี่ยวแรงจะไม่เอื้ออำนวย จังหวะที่พยุงตัวขึ้นทำให้ร่างกายได้รับรู้ถึงความจุกที่ช่วงท้องเพิ่มขึ้นอีกอย่าง ชายหนุ่มมุ่ยหน้าก่อนทิ้งตัวลงที่เดิมอีกครั้ง ยอมแพ้กับพิษไข้และความหน่วงที่ถาโถม

“แต่ที่ตลาด...”

“อยู่เฉยๆ เถอะ”

แค่แรงกดเบาๆ ที่หัวไหล่ก็ยอมแพ้อย่างง่ายดาย ไม่มีแรงจะสู้ ...ไม่อยากจะอะไรทั้งนั้นในเวลานี้ ห้านาทีต่อมา ใครบางคนกำลังประคองให้ลุกขึ้นนั่ง เป็นการประคองที่อ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยได้รับ คะน้าพิงหัวบนหมอนหรืออาจจะบนแขนของใครบางคน อย่างไรก็ตาม ...รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ยาสองเม็ดถูกป้อนเข้าปากด้วยปลายนิ้ว ไม่นานนักแก้วน้ำก็จ่ออยู่ที่ริมฝีปาก เขาจิบน้ำ ปล่อยให้ยาขมๆ ลงสู่ลำคอแล้วผล็อยหลับไป



แปดโมงเช้า... ลมเย็นของเดือนกุมภาพันธ์พัดพาเมฆหม่นมัวปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า เหลือเพียงแค่แสงแดดรำไรลอดผ่านก้อนเมฆเพียงเล็กน้อย ไออุ่นสาดแสงทะลุผ่านกระจกโปร่งใสมาไล้เปลือกตาที่หนาหนักของคะน้าให้ตื่นขึ้นจากนิทราอีกครั้ง


...คนข้างๆ ยังอยู่ที่เดิม หลับไหลด้วยความอ่อนล้า

ใบหน้าด้านข้างของทิมเหมือนทุกครั้งที่เคยเห็น หากแต่ความรู้สึกในใจของเขาเองต่างหากที่เปลี่ยนไป แค่เห็น ...เพียงแค่ได้มอง หัวใจก็ไหวสั่นและพองโต คำรักนับครั้งไม่ถ้วนที่กระซิบข้างหูเมื่อคืนยังกึกก้องในหัวสมอง ไม่อยากเชื่อเลย ว่ามันเป็นเรื่องจริง เนิ่นนานก่อนที่ริมฝีปากอิ่มงุ้มตัวขึ้นสูงแล้วเผยอขึ้น

“ไม่เบื่อบ้างหรือไง” ทิมค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วหันมามอง “หื้มมมม...?”

คะน้าพลิกตัวไปอีกทาง หลบสายตาที่ทำให้วางตัวไม่ถูก “ไม่ไปทำงานหรือไง เดี๋ยวสาย”

หลงลืมไปแล้วว่าตัวเองหนุนอยู่บนแขนของคนข้างๆ เพียงแค่ทิมยกกระหวัดขึ้น ตัวของคะน้าก็เหมือนถูกยกหมุนกลับมาสู่อ้อมกอดคนที่นอนใกล้ๆ พริบตา ริมฝีปากจูบลงตรงขมับแทนคำทักทายยามเช้า

“ลาแล้ว”

“แรงควาย”

ไม่ได้อยากพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้ คะน้าไม่ชอบรอยยิ้มกับสายตาแบบนั้นเลย มันทำให้ตัวเองรู้สึกเคลิ้มอย่างประหลาด คนข้างๆ หัวเราะร่าแล้วกระชับวงแขนแน่น หน้าผากที่ลดตัวลงมาสัมผัสบนหน้าผากเขาทำหน้าคะน้าอึดอัด

“ไข้ลดแล้วนี่”

“มันเพราะใครล่ะวะ” คะน้าบ่นงึมงำ ทิมหัวเราะร่วน

“เจ็บท้องด้วยเหรอ”

“เออสิ!” ไม่ได้โกรธอะไรแม้แต่น้อย จะว่ายังไงดี ...เขินที่พูดถึงมากกว่า

ทิมยิ้มและลดมือลดมาลูบที่ท้องน้อยของคะน้าเบาๆ แล้วเอ่ยเสียงทุ้ม “ดีขึ้นยัง”

บุคลิกติดจะทนงและกวนโทสะ เผินๆ ทำให้ทิมเหมือนคนกระด้าง ยิ่งนิสัยพูดน้อยต่อยหนัก ดูจะทำให้อะไรๆ ดูสวนทางไปจากความเป็นจริงกับตัวตนของทิมที่ทำให้คะน้าหัวใจสั่นไหวอยู่ในขณะนี้ คะน้าพยักหน้าหงึกๆ ไม่อยากจะตอบเพราะรู้ว่าเสียงของตัวเองคงสั่นไม่น้อย ...พักหลังๆ อยู่ใกล้ทิมทีไร เหมือนจะขาดอากาศหายใจเอาทุกที ทิมกอดแน่น ซุกไซ้ใบหน้าตัวเองอยู่ไม่ห่าง ริมฝีปากจูบพรมไปทั่วเหมือนกับไม่รู้สึกเบื่อหน่าย



ถ้าจูบเปลี่ยนเป็นแสตมป์เซเว่นได้ เมื่อคืน เขาคงแลกเก้าอี้ตัวใหญ่สุดนั่นได้แล้ว!

ทิมยังวนเวียนคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง อาจเพราะเพิ่งสร้างจากพิษไข้ คะน้าถึงพึ่งจะรู้สึกถึกสัมผัสแปลกๆ ใต้ผ้าห่ม พอจะเริ่มเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร หน้าก็ชา คะน้านอนตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง

...ดูเหมือนว่าทิมจะพอรู้ตัวแล้วว่าเขารู้สึกอะไร เจ้าตัวถึงเบียดเน้นเข้าหา เสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอของทิมตอนนี้ ฟังแล้วให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย นายพรานเคยบอกว่าถ้าเวลาเข้าป่า เจอหมีให้แกล้งตาย ...อย่าเข้ามานะไอ้หมีบ้า!

คะน้ากลั้นหายใจจนหน้าดำหน้าแดง แต่สัมผัสสากที่ลามไล้ลำคอจนเปียกชุ่มทำให้คะน้าสะดุ้งเฮือก



แปดนาฬิกาสิบเจ็ดนาที... ขีดคำว่าหน้าดำทิ้ง เหลือแค่คำว่าหน้าแดง

“ทะลึ่งว่ะแม่งงงง” คะน้าหันไปแง่งใส่ด้วยใบหน้าที่ร้อนชา ‘อือฮึ’ คือคำตอบรับสั้นๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาของไอ้หื่นที่นอนอยู่ข้างๆ ...แม่ง ไม่ยอมใส่เสื้อผ้า ในพริบตานั้น ทิมขยุ้มผ้าห่มแล้วโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี

“เห้ยยย! ทำอะไร หนาวนะ”

“นึกว่าร้อน เห็นหน้าแดงๆ ดูสิ เหงื่อออกด้วย”

“หนาว!!!! เล่นอะไรเนี่ย! ทะลึ่งว่ะคนเรา” คะน้าลุกขึ้นแล้วตะกายไปที่ปลายเตียง กวาดมือควานหาผ้าห่มผืนหนาที่หล่นอยู่ที่ไหนสักที่ แต่ไปไม่ถึงไหนข้อมือก็โดนคว้าไว้แล้วดึงกลับเข้าสู่วงแขน ทิมกระชากอีกมือที่เกาะกุมท่อนล่างออก แววตาเจ้าเล่ห์ดูน่ากลัว เหมือนเป็นกองพิสูจน์หลักฐาน ชายหนุ่มก้มมองท่อนล่างของตัวเองแล้วเหลือบตาไปมองของคะน้า ทิมฉีกยิ้มกว้าง



...สำเนาถูกต้อง

คะน้านั่งนิ่งร้อนวาบไปทั้งหน้า เนื้อตัวชาด้วยความเขินอาย ทิมปล่อยมือจากแขนทั้งสองข้างของคะน้า หลักฐานโทนโท่จนไม่รู้จะโต้แย้งไปทำไม นาทีนี้ คะน้าได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่เหลืออะไรจะให้ปกให้ปิดอีกต่อไปแล้ว ...อยากดูนักก็ดูไปเลย แม่งงง

“หนาวน่ะ เลิกเล่นเถอะ เอาผ้าห่มมา”

“หนาวเหรอ” ทิมเลิกคิ้วขึ้นสูง ว่าแล้วก็หยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศขึ้นมากดปิดแล้วหันมายิ้มหวาน วงแขนกระหวัดร่างของคะน้าเข้ามาสวมกอด

“หายหนาวยัง ...หื้มมม?”

กอดรัดคะน้าจนแนบแน่น ปลายคางงุ้มกดลงบนหัวไหล่อย่างคลอเคลีย สันจมูกปาดไล้ไปตามลำคอจนคะน้าส่งเสียงอู้อี้เบาๆ อย่างขัดขืน ทิมยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะอย่างพึงใจ ฝ่ามือของเจ้าหน้าที่พิเศษกองพิสูจน์หลักฐานค่อยๆ ลดต่ำลงแล้วสัมผัสร่างกายของคะน้า



...ตรวจสอบสำเนาอีกครั้ง -"-

ไม่รู้อะไรเป็นอะไร คะน้าทิ้งน้ำหนักตัวบนร่างคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลัง หรือไม่ก็บนหัวเข่าทั้งสองข้างของตัวเอง ใบหน้าที่ร้อนวาบแดงฉานเหมือนถูกแต้มสีเชิดขึ้นด้วยความรู้สึกไหวสะท้าน สองมือพยายามอย่างหนักที่จะดันดึงมือที่ซุกซนของทิมให้ออกห่าง ...แต่หนวดปลาหมึกนี่มันเหนียวชะมัด ...จนปัญญา คนอายุมากกว่าจึงได้แต่ร้องอุทธรณ์

“เมื่อคืนยังไม่หายดีเลยนะเว่ยยย!”

“แปลกแฮะ ร่างกายดันบอกอีกอย่าง” ปลายนิ้วของทิมยกขึ้นแล้วปาดบนลิ้นตัวเอง คนตัวโตลอยหน้าบีบเสียงเป็นเด็กที่ไม่รู้ความ มือไม้ถูกลดตัวลงอีกครั้งเพื่อตามรังควาญคนตรงหน้าในอ้อมกอด

“...นี่ไง มันบอกแบบนี้” คะน้าสะดุ้งเฮือก!

“ก็... พ..เพิ่งกินยาไป เขาบอกว่าให้พักผ่อน ...อื้อออออ” คะน้าบิดหน้าเข้าหาทิม บางทีก็ไม่รู้ว่าเกลียดหรือชอบกับสิ่งที่อีกคนทำ

“แล้วเคยได้ยินไหม? ที่เขาบอกว่า...” ทิมโน้มตัวลงมาจูบเน้นที่ริมฝีปากแล้วส่งยิ้มหวาน




“...หนามยอกให้เอาหนามบ่ง”

ข้อโต้แย้งถูกหยุดไม่ให้ยืดเยื้อเมื่อทิมประกบริมฝีปากเข้าหา ปิดการทำงานของปากอีกคนด้วยปลายลิ้นที่ฉ่ำหวาน คะน้าดันตัวออกอย่างยากลำบาก

...คงเพราะไข้ที่ทำให้ไม่ค่อยมีแรง

...คงใช่

“จะไม่ทำให้เจ็บอีกแล้ว” ทิมกระซิบข้างๆ หู คะน้าก้มหน้าลงช้าๆ แล้วหลับตา





สิบนาฬิกาสี่สิบห้านาที... ทิมนอนหอบเนื้อตัวพรายไปด้วยเม็ดเหงื่อจนเปียกปอน คะน้าเสยผมที่หมาดชื้นของตัวเองที่ตกลงมาปกใบหน้าของไปด้านหลัง เหลือบมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ อย่างเซ็งจิต กระนั้นเจ้าตัวก็ยังมีหน้าหันมาส่งยิ้มหวานแล้วยักคิ้วให้อีกหนึ่งที

“จะทำอะไรอีกล่ะ” คะน้าขมวดคิ้ว ในใจยังนึกหวาดๆ คนที่ยิ้มให้ส่งตาหวานเยิ้มกลับมา

“นั่นสิ ทำอะไรอีกดีน๊า...”

ทิมกวาดแขนขึ้นแล้วพลิกตัวกลับมากอดคะน้าแล้วหอมลงที่แก้มหนึ่งฟอด ก่อนจะพริ้มตาหลับลง แม้จะเห็นจนบ่อยแค่ไหนก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ ใบหน้าของทิมในระยะใกล้ดูดีจนเขาไม่อยากหยุดสายตา ทิมดูจะพร้อมไปทุกอย่าง หน้าตา รูปร่าง ฐานะ คุณสมบัติอื่นๆ แถมเรื่องอย่างว่าก็... ใบหน้าคะน้าร้อนวาบจนแดงฉาน

เอาเถอะๆๆ คือยังไงล่ะ เอาเป็นว่าคนอะไรมันจะเพอร์เฟ็กต์ไปทุกอย่างแบบนี้วะ หาข้อติยังแทบจะหาไม่เจอ คนบ้าอะไรว๊า... ขนาดเหงื่อซ่กแบบนี้ยังหล่อไม่บันยะบันยัง คะน้าถอนหายใจเฮือก ได้แต่รำพันพร่ำเพ้อกับตัวเอง

คิดดูสิครับ ขนาดไอ้นั่น... คะน้าเหลือบมองลงไปด้านล่าง แล้วค่อยๆ หันมามองที่สำเนาของตัวเอง



แม่งงงงงงง!!! โลกนี้ไม่เห็นยุติธรรม!

ไม่น่าเชื่อว่าคนที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยที่จะสมหวังในความรักกับใครแบบเขา จนเจ้พาไปทำสายตา เริ่มเปลี่ยนแปลงทรงผม ดูแลตัวเองขึ้น ได้พบกับทิม นับตั้งแต่วันแรกกระทั่งถึงนาทีตรงหน้านี้ ทิมดูเหมือนสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้สำหรับตัวเขาด้วยซ้ำ แถมเมื่อคืนก็ยัง...

ใบหน้าร้อนวาบ ลมหายใจติดขัดจนแน่นหน้าอก คะน้ารีบสลัดหัวตัวเองไล่ความคิดทั้งหมด หันไปเหลือบมองที่ใบหน้าของทิมอีกครั้ง มองนิ่ง ...และนิ่งอยู่อย่างนั้น


...อยู่ๆ ในใจรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก

“ท..ทิม” คนที่ถูกเรียกชื่อปรือตาขึ้นด้วยความสงสัย รอยยิ้มน้อยผุดขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า พักหลังๆ ดูทิมจะยิ้มง่ายขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

“หืมมม?”

“ค..เคยอย่างว่ามาแล้วใช่เปล่า” จู่ๆ คะน้าก็โพล่งถามขึ้นมา ดวงตาของทิมเบิกโพลงกับคำถามที่จู่ๆ ก็ได้ยิน ชายหนุ่มกระพริบตาสองสามครั้งแล้วเบือนหน้าไปอีกด้าน ฮึ... จงใจหลบสายตาอย่างนั้นสินะ

“อ่า... ก็นะ...” ทิมสูดลมหายใจเข้าลึกจนแผ่นอกขยายตัวกว้างแล้วผ่อนลมหายใจ ชายหนุ่มหันมาหาคะน้าแบบเลี่ยงๆ สายตา “ก็ไม่ได้คบจริงจังอะไรหรอก แค่สนุกๆ กิ๊กๆ กันมั๊ง”

“หวังฟันอย่างเดียวเลยสินะ นายนี่มัน! เฮ้อออ...” คะน้าหันไปส่งตาเขม่น รู้สึกหงุดหงิดไม่ชอบใจกับคนข้างๆ ขึ้นมาดื้อๆ ทิมเหลือบมองหวาดๆ เม็ดเหงื่อซึมขึ้นมาบนใบหน้า

“แล้วทำไมต้องหงุดหงิดกับอะไรพวกนี้ด้วยนะ”

“ก็แค่อยากรู้ ไม่ได้หงุดหงิดเว่ย!” ปฏิเสธเสียงเข้ม ไม่ชอบใจที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีมูล ย้ำอีกครั้ง ...ไม่มีมูล!

“แต่หน้าดูหงุดหงิดมากนะ” ทิมยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ

“ไม่หงุดหงิดเฟ้ย!” ถามอะไรนักหนา บอกว่าไม่หงุดหงิดก็ไม่หงุดหงิดสิ! แต่คนข้างๆ ยังคงมองจ้องไม่วางตา

“โอ้ย โมโหแล้วนะโว้ย” คะน้าทะลึ่งตัวขึ้น แต่ไม่ทันไร ความจุกหน่วงที่ท้องที่ดูว่าจะมากขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เสียเจตนารมย์ คะน้าเซกลับลงมานอนที่เดิมด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมอย่างที่เจ้าตัวคิด ทิมยิ้มแล้วเอามือขยุ้มหัวเบาๆ

“นอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวไปทำอะไรให้กิน” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินอาดๆ ออกไป คะน้าถอนหายใจพรืดแล้วมองตาม ...กวนประสาท แถมเดินโทงๆ ได้ไม่หายฟ้า คนอะไรวะเนี่ย


กระนั้น คะน้าก็มองตามจนร่างสูงหายไปจากสายตา

แขนขวายกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ดูเหมือนว่าไอร้อนของไข้จะถูกทดแทนด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผลที่แทรกเข้ามาในหัว จะอธิบายความรู้สึกนี้ว่ายังไงดีล่ะ ไม่เชิงว่าไม่ชอบใจ อืม... แต่ก็ไม่ชอบใจเท่าไหร่กับ... กับอะไรนะ ท่าทางหรือ ก็ไม่ใช่ คำพูดก็ไม่เชิงนะ ไม่หรอก ถ้าอย่างนั้น ไม่ชอบใจอะไรล่ะ



...อดีตอย่างนั้นหรือ?




(มีต่ออีกครึ่งหนึ่งครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-01-2013 04:36:12
(ต่อครับๆๆ)



คะน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับคำตอบที่ค้นหาไม่เจอ วุ่นวายอยู่สักพักกระทั่งทิมเดินกลับเข้ามาในห้องนอน เสื้อผ้าลำลองสวมใส่อยู่บนเนื้อตัวที่หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ พร้อมกับโจ๊กหมูใส่ไข่ที่มีควันลอยฉุย เรียกว่ามีครบพร้อมทุกอย่าง



...แต่ใจคอจะให้แก้ผ้าอยู่แบบนี้ทั้งวันให้ได้ใช่ไหม?

“แบบนี้น่ามองกว่า” ...พูดได้หน้าตาเฉย!



เที่ยงตรง... อาหารมื้อแรกของของวันตกถึงท้อง ปรุงโดยทิม เป่าโดยทิม และป้อนโดยทิม ...ทำไมไม่กินเองไปเลยล่ะ บอกว่าจะกินเองก็ไม่ยอม แล้วมันก็เป็นอย่างนี้

คะน้าหันไปมองหน้าคนที่ยื่นช้อนมาพร้อมยิ้มหวานๆ ...จะว่าไปรสชาติก็ดีจริงๆ นึกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือหรูสุดก็น่าจะเป็นข้าวต้ม ในไม่กี่นาที ใครจะไปคิดว่าทิมทำโจ๊กใส่ไข่ที่เนื้อเนียนละเอียด หมูสับนุ่มแบบหมักมาเป็นอย่างดีขนาดนี้ คิดแล้วก็อึ้งๆ ว่าตุ๋นไปได้ยังไง


ทิม... แกเป็นวิศวกรหรือเป็นเชฟวะ?

“อ้ามมมม...” ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ! คะน้าอ้าปากแล้วทานด้วยด้วยความรู้สึกเขินๆ อืม... แต่อร่อยจริงๆ แฮะ ไม่แพ้กับโจ๊กร้านดังๆ ที่คะน้าเคยชิมเลย ที่สำคัญเครื่องเพียบ!

“อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” ทิมถามด้วยความสงสัย อยากจะบอกไปว่า เออสิ ...แต่เรื่องอะไรจะตอบล่ะ คะน้าหลับหูหลับตาทานโจ๊กในช้อนต่อ ไม่สนใจกับคำถามที่คนทำรอฟัง ทิมยกหัวไหล่ขึ้นเล็กน้อย ตักโจ๊กในชามแล้วยกขึ้นเป่าต่อ ทิมยกช้อนขึ้น ความเคยชินทำให้คะน้ามองตามแล้วอ้าปากรอ


...แต่ทิมมันกลับกินเอง!

“อื้ม... ใช้ได้จริงด้วย” ทิมหันมายิ้มหวาน ไม่รู้ว่าทำหน้ายังไงตอบกลับไป แต่ท่าทีของทิมดูเหมือนจะกระวีกระวาดบริการกว่าเดิม ซึ่งไม่รู้ไปจำมาจากละครหลังข่าวหรืออะไร แต่มันเป็นมื้ออาหารที่ทุลักทุเลและช้าจนน่ารำคาญมากสำหรับคะน้า



เที่ยงครึ่ง... เสียง ‘อ้ามมมมมมมม...’ สุดท้ายก็สิ้นสุดลงพร้อมกับความว่างเปล่าในชาม คะน้าจิบน้ำจากแก้ว แน่นอนว่าเขารีบฉวยคว้าแก้วขึ้นมาดื่มเองก่อนที่ทิมจะจัดแจงประเคนอีก ...ไม่ได้ป่วยจนไม่มีแรงขนาดนั้น

“จะว่าไปแล้ว ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับใครเลยนะ” ร่างสูงยกแขนขึ้นเท้าบนหัวเข่าแล้วชันขึ้นก่อนจะวางใบหน้าตนเองลงบนฝ่ามือแล้วนั่งเอกเขนก ทิมยิ้มแป้นเจ้าเล่ห์

“เซ็กซ์ก็ไม่เคยมีกับคนที่ตัวเองรักเลยนะ หรือกับผู้ชายด้วยกันก็ไม่เคย”

พรวด!!!

คะน้าเผลอพ่นน้ำออกมาด้วยความสำลัก ทิมดูจะไม่สนใจ ตาพริ้มยิ้มละไมเหมือนไม่ได้พูดอะไรที่แปลกพิศดาร





“แบบนี้ก็เท่ากับว่าหนูต่ายเป็นคนเปิดซิงพี่ทิมเลยน๊าาา...”

พรวด!!! (อีกหน) พร้อมความรู้สึกวาบไปทั้งหน้า



บ่ายโมงครึ่ง... ได้สวมเสื้อผ้ากับเขาเสียที แน่นอนว่าเป็นของคนที่ยืนส่งยิ้มอยู่ข้างๆ ...เคยคิดว่าขรึมนักหนา ทำไมไปๆ มาๆ ดูเหมือนคนติงต๊องไปซะได้ ชุดลำลองของทิมดูเหมือนจะพอดิบพอดีกับตัวคะน้า อาจเพราะรูปร่างที่ไล่เลี่ยกันมั๊ง เสื้อผ้าถึงใส่แทนกันได้เหมือนเป็นเจ้าของเอง ส่วนเจ้าตัว แต่งเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวเกือบเต็มยศ ได้เวลาแยกย้ายไปอะไรๆ เสียที

“มีธุระต้องทำนิดหน่อยน่ะ” ทิมโพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย คะน้าหันไปมองแล้วพยักหน้า ...ต้องบอกกันด้วยเหรอ?

“อยากให้รู้” ...เฮ่ย!!! ได้ยินหรือไงเนี่ย!

คะน้าหันไปมองทิมอึ้งๆ ชายหนุ่มยิ้มกลับ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้กวนประสาทแบบที่ผ่านมาตลอดวัน แววตาคู่นั้นทอดมองด้วยความรู้สึกที่ห่วงใย

“ยังจุกท้องอยู่ไหม?” คำถามนั้นทำเอาคะน้างุดหน้าลง

“นิดหน่อย แต่พอไหว ดีขึ้นแล้วน่ะ”

“ขอโทษนะ”

“อื้อ... ไม่เป็นไร”

ความรู้สึกของคะน้ารู้สึกแปลกในใจอย่างบอกไม่ถูก วิธีปฏิบัติตัวของทิมที่มีต่อเขาให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาด เหมือนผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก เหมือนผู้ชายที่ดูแลผู้หญิงที่รัก เหมือนคู่รักที่คอยดูแลกันและกัน และไม่ว่ารูปแบบมันจะพ้องหรือคล้ายกับรูปแบบใด ...คะน้ายอมรับว่ามันให้ความรู้สึกที่ดี



“แบบนี้เราต้องฝึกฝีมือกันให้บ่อยขึ้น ว่าไหม” ทิมหันมายักคิ้วให้หนึ่งครั้งแล้วยิ้มหวาน

บ่ายโมงห้าสิบห้านาที... ข้าพเจ้าให้ความคิดทุกอย่างเมื่อกี้เป็นโมฆะ


“ว่าแต่ไปดูทำงานต่อเหรอ” อดห่วงไม่ได้ที่ทิมต้องมาเสียเวลากับเขาไปครึ่งค่อนวัน

“ไม่เชิงหรอก แต่ก็ต้องไป” ทิมหันมายิ้ม

“เหอะ ทางนั้นมีเรื่องสำคัญก็ไม่บอก จริงๆ ไม่เห็นต้องอะไรแบบนี้เลย เกรงใจ” คะน้าถอนหายใจ แต่ทิมยิ้มกว้างแล้วโอบมือขึ้นบนบ่าคะน้าเบาๆ


“เพราะทางนี้ก็สำคัญไง”

ก่อนที่ประตูลิฟต์จะเปิดออกที่ชั้นห้องพักของคะน้า ทิมก็โอบหัวไหล่เข้ามากระชับ ริมฝีปากจูบลงที่กระพุ้งแก้มฟอดใหญ่ คะน้าเดินเป๋ออกจากลิฟต์ด้วยความรู้สึกที่ตีรวนไปหมดในหัวสมอง



บ่ายสอง... หัวถึงหมอนอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่พองฟูจนอัดแน่น อิ่มเอมไปทั้งหัวใจจนคะน้ารู้สึกว่าตัวเองเมื่อยแก้มจนทรมาน เตียงนอนหนานุ่มไม่อาจดูดซึมความสุขที่เรี่ยราดจนเกลื่อนกลาดในตอนนี้ ฉากบิดตัวไปมาด้วยความสุขที่เปี่ยมล้นที่เคยเห็นในหนัง ครั้งหนึ่งคะน้าเคยมองว่าเป็นการกระทำที่ไร้สาระ น่าขบขัน และไม่น่าจะเป็นกิริยาอาการใดที่จะเกิดขึ้นจริงกับมนุษย์โลกได้ ...วันนี้ขอถอนคำพูดเหล่านั้นทั้งหมด และไม่นานนัก คะน้าผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัวด้วยความมึนจากพิษไข้ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม



หกนาฬิกาสามสิบแปดนาที... ชายหนุ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีไข้หลงเหลือแล้ว แต่อาการหน่วงจุกตรงช่วงท้องยังเสียดทุกครั้งที่ย่างก้าวเดิน สิ่งที่คะน้าพอจะทำได้คือการเดินให้น้อยที่สุดและช้าที่สุด เป็นภาพที่ผิดปกติเล็กน้อยที่คะน้าซึ่งปกติเดินว่อนไปทั้งวันกลับนั่งรากงอกอยู่กับที่เนิ่นนานหลายนาที


...แน่ล่ะ ลุกขึ้นยืนทีมันปล๊าบบบบ...ไปถึงทรวง

กระนั้นก็ต้องเดินไปทำธุระในห้องน้ำบ้าง ทุกข์เบาก็เป็นเรื่องหนักในเวลานี้ คะน้าเดินเอามือจับท้องเกือบตลอดเวลา ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย โชคดีที่โลกนี้มียาแก้ปวด ฤทธิ์ยาจึงบรรเท่าความหน่วงให้เบาบางลงให้เคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้น ครู่หนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างหญิงสาวในชุดทำงาน ส้นสูงแหลมปริ๊ด

“ต่ายยยยยย... เป็นยังไงบ้างน่ะ” จากหน้าประตู ผักกาดวิ่งแล้วโถมมาทั้งตัว บางครั้งคะน้าก็คิดว่าพี่สาวของเขาน่าจะไปได้ดีกับการนักกระโดดไกล จังหวะเทคตัวกระโดดของผักกาด มันดูสมบูรณ์จนไม่มีที่ติ แต่คิดแล้วก็สยองว่าเขาจะแก้ตัวกับเจ้ว่าอะไรดี จะบอกความจริงก็ไม่กล้า เกิดเป็นคะน้านี่มันกลุ้มๆๆๆๆ

“เจ้... คือว่า... คือเมื่อคืน...”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ทิมบอกว่าต่ายท้องเสียหนักมาก ถ่ายหนักทั้งคืนจนลุกไม่ไหว เลยขอให้พักที่ข้างบน เจ้เป็นห่วงเราแทบแย่ จะขึ้นไปหา ก็บอกว่าเราหลับไปแล้ว นี่นะ ไปกินอะไรมาอีท่าไหนเนี่ย” ผักกาดเอามือแต่เผี๊ยะๆ ปากก็รัวคำพูดใส่เป็นชุดจนคะน้าตั้งหลักตอบไม่ถูก แต่...




...หืมมมมม? ท้องเสีย?!?!?!

“ดูเดินเข้าสิ นี่ยังปวดท้องอยู่ใช่ไหม ทานยาแล้วใช่ไหม ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” สารพัดใช่ไหม จนตอบไม่ถูกเลยใช่ไหม เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ ก่อนสิคร้าบบบบบ...

“โอ้ย... ต่ายเอ้ยยย... คราวหลังให้เพื่อนเราทำให้กินรู้ไหม แล้วรู้หรือเปล่า ธาตุไม่แข็ง คราวหลังไม่ต้องไปซื้ออาหารที่เค้าหาบขายอีก ทิมมันก็ทำอร่อยขนาดนี้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ฝากท้องกับพวกซุเปอร์เอา รองท้องไปก่อน กลับมาให้ทิมทำให้ ไม่งั้นก็ทานร้านที่เราเคยทานน่ะ เลือกที่ไว้ใจได้ ไม่ได้ละ เดี๋ยวเจ้ต้องกำชับทิมซะแล้วล่ะ ไม่ได้เลย ปล่อยไม่ได้แล้วเราน่ะ ทำให้เจ้เป็นห่วง” ผักกาดรัวเป็นชุดแล้วเปิดกระเป๋า คว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ใช้เวลาหาชื่อไม่กี่วินาที หญิงสาวก็กดโทรออก

“ทิม!!!! เจ้นะ!” ว่าแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตู สาบานได้ว่าคะน้าได้ยินเสียงแหลมปริ๊ดของผักกาดที่สั่งรัวเป็นสลุด ...ปล่อยให้คะน้ายืนอ้าปากหวออยู่กับที่



สองทุ่มสี่สิบห้า... ในที่สุดคะน้าก็ได้คุยเป็นครั้งแรกกับผักกาดในรอบวัน หลังจากกำชับเรื่องการทานอาหารเป็นการใหญ่โต ผู้เป็นพี่ก็สรรเสริญเยินยอทิมราวกับเป็นเทวดาก็ไม่ปาน

“เป็นคนใช้ได้เลยนะ บอกตรงๆ นะ พักหลังเราน่ะเหลวไหลขึ้นทุกที ทานข้าวก็ไม่เป็นเวลา ตัวจะผอมจนเหลือแต่กระดูกเอา โชคดีที่ทิมพอไว้ใจได้ เจ้กำชับแล้วว่าให้ดูแลต่ายน้องเจ้เป็นอย่างดีเลยล่ะ”



ฝากปลาทูไว้กับแมว ฝากกระต่ายไว้กับหมาป่ายังวางใจได้กว่า ...เชื่อสิ

คะน้าได้แต่มองแล้วทำตาปริบๆ ไม่รู้จะพูดยังไงกับพี่สาว เมื่อที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคนที่เจ้ฝากให้ดูแลนั่นล่ะ หลังจากบ่นจนเหนื่อย สักพัก ผักกาดก็หันมาทำท่าจริงจังกับคะน้า

“เอ้อต่าย เจ้ว่าจะพูดกับเราตั้งนานละ บ้านที่ต่ายซังพักน่ะ เจ้ว่าเราขายดีกว่าไหม แล้วมาพักกับเจ้ที่นี่ ต่ายเองอยู่คนเดียว เจ้ไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่เลย แถมแต่ละวันก็อยู่ที่ตลาดซะนาน อยู่ติดบ้านก็ไม่เท่าไหร่ ไหนจะมาอยู่ที่นี่อีก ขโมยขโจรมันจะขึ้นเอาสักวัน”

“แต่บ้านนั้น เป็นบ้านเก่าของเรา จะว่าไปมันก็น่าเสียดายนะเจ้”

“มันก็ใช่ แต่บ้านน่ะ เก็บไว้ไม่มีคนอยู่มีแต่จะโทรม ยิ่งนานยิ่งดูแห้ง ยิ่งดูไม่ใช่บ้าน สุดท้ายวันนึงก็ต้องขายอยู่ดี เจ้ก็เป็นผู้หญิง มาอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้ที่นี่ก็จะได้ช่วยดูกัน ไหนจะเพื่อนเราก็อยู่ที่นี่กันนี่ ไปไหนก็สะดวกกว่าด้วย”

เหตุผลของผักกาดฟังขึ้นทุกอย่าง แต่มันก็ยากที่คะน้าจะตัดใจ เมื่อบ้านหลังนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำในวัยเด็กมากมาย คิดถึงป๋าคิดถึงแม่ คิดถึงวันเก่าๆ ก็กลับไปอยู่ได้ อีกอย่าง ครั้งหนึ่งก็ป๋า แม่ เจ้ผักกาด หรือแม้แต่ตัวเขาก็อยู่ด้วยกันที่นี่ ผิดกับทุกวันนี้ที่ต่างคนต่างอยู่กันไกลแสนไกล

“เราน่ะ ห่วงใช่ไหม เดี๋ยวเจ้คุยกับที่บ้านให้ ฝากเอเยนต์ขายเอา ต่ายเอาแรงไปพักเถอะ แล้วหลังจากนี้จะกินจะทานอะไรก็ระวังให้ดี เข้าใจไหม”

“อืม... เอาแบบนั้นก็ได้ครับ” บางครั้งมันก็ดีกว่าจริงๆ อดห่วงบ้านที่นั่นก็ไม่ได้ แต่ที่นี่ก็อดห่วงผักกาดไม่ได้เหมือนกัน ยังไง ผักกาดก็สำคัญกว่าบ้านหลังนั้นแบบเทียบกันไม่ได้เลย

“รถเราก็เหมือนกัน เก่าขนาดนั้น ขายทิ้งไปดีกว่านะ เอาไปปลูกสะระแหน่เจ้ว่ายังไม่คุ้มเลย”

“เจ้... เสียดาย ขับมาตั้งนาน”

“เกิดไปตายขึ้นมากลางทาง มันจะลำบากเอา เจ้จะขายทิ้งล่ะ อันนี้บังคับ ไปออกคันใหม่เอา ถ้าไม่อยากออกก็โน่น ติดรถเจ้าทิมเอา เดินกันถึงขนาดนี้”

ผักกาดมัดมือชกแล้วเดินฉับๆ เข้าห้องไป ลึกๆ คะน้าก็อดเสียดายไม่ได้ที่จะต้องทิ้งอะไรที่ผูกพันกันเหมือนเป็นเพื่อนมานาน จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็ยังใช้การได้ทั้งสองอย่าง ตัดใจขายทิ้งนี่มันยากนะ แต่จะว่าไปเหตุผลที่ผักกาดพูดมันก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง ไหนจะคดีที่ก่อเมื่อคืน สุดท้ายก็เป็นคะน้าเองที่เป็นฝ่ายตัดใจ



สี่ทุ่มสิบห้านาที... คะน้ากลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงนอน ความคิดมากมาย และคำพูดที่มากมายไม่แพ้กันอยู่ในหัวสมอง เกือบครึ่งเป็นความสงสัยในเรื่องต่างๆ นานา อาทิเช่น เรื่องที่เจ้ผักกาดโทรไปจัดเต็มจัดหนักกับทิม ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรไปบ้าง อยากรู้ว่าธุระสำคัญที่ไปทำราบรื่นหรือเปล่า ผักกาดบอกว่าวันนี้ทิมติดธุระ คงมาทำอะไรๆ ให้ทานไม่ทัน ไม่เชิงว่าติดรสมืออาหารของทิมไปแล้ว แต่ก็นึกห่วงว่าทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีหรือเปล่า ส่วนที่เหลือก็คงเป็นการพูดคุยถามไถ่ทั่วไป อืม... อยากจะบอกว่าอาการดีขึ้นมากแล้วด้วยนั่นล่ะ

โทรศัพท์มือถือกดไล่ชื่อไปมาจนอยู่ที่ชื่อที่คะน้าเคยบันทึกไว้ ‘ทิม’ มองจ้องอยู่เนิ่นนานจนหน้าจอมือถือเข้าสู่ระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติด้วยการปิดหน้าจอ คะน้ากดเปิดใหม่ซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น แต่ไม่มีสักครั้งที่จะกล้ากดโทรออก ที่ผ่านมามีแต่ข้อความเท่านั้นที่ได้รับจากทิม ถ้าไม่นับครั้งแรก ข้อความที่เหลือ ...เป็นข้อความที่เขาไม่เคยเปิดอ่านเลย

ถึงอย่างไรก็ผ่านมาจนถึงวันนี้ คะน้ายิ้มให้กับตัวเอง เสียงของทิมจะเป็นยังไงนะ สายตาจับจ้องอยู่ที่ชื่อซึ่งกดเลือกไว้เนิ่นนาน นิ้วโป้งสัมผัสเบาๆ เพื่อโทรออก สัญญาณดังขึ้นเป็นห้วงจังหวะ คะน้าแนบหูกับโทรศัพท์รอกระทั่งสัญญาณขาด ทิมไม่ได้รับสาย



...หรือว่าบางทีอาจจะไม่ได้ยิน?

คิดแล้วก็ลองเสี่ยงกดโทรออกอีกครั้ง เนิ่นนานก็ยังไม่มีการตอบรับจากปลายทางที่กดโทรหา คะน้าเกือบจะกดวางสายกระทั่งมีเสียงตอบรับกลับมา

“ฮัลโหล”

คำทักทายสั้นๆ ที่ทำให้คะน้ารู้สึกเย็นวาบ ไม่รู้ว่าตัวเองหูแว่วหรือได้ยินอะไรไม่นัด ปลายสายส่งเสียแปลกๆ คล้ายกับเสียงหัวเราะก็ไม่เชิง หากแต่ตอนนี้หัวใจคะน้ากลับรู้สึกเบาหวิว เมื่อเสียงนั้นคุ้นเคยจนรู้สึกแปลกหู ไม่เหมือนเสียงของทิม...

“นานแล้วสินะ ...ที่เราไม่ได้คุยกัน”

เสียงทุ้มแบบนั้น คล้ายมาก คล้ายกับ...




...เสียงของตุล



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



o18 อ่านจบตอนแล้วเผลออุทานอะไรขึ้นมากันหรือเปล่าเนี่ย 555555555

ผ่านไปอีกตอนแล้ว ตอนนี้ ไม่ใช่แค่ทิมที่ยิ้มหวาน คนแต่งก็ยิ้มหวานเหมือนกันนะเออ
คิดว่าเป็นตอนที่ทะลึ่งตึงตังมาก แต่ก็ฮาไปกับภาพที่คิดขึ้นมาในหัว น่าเอ็นดูดี
แต่ไม่นับว่าเป็นฉากเรท NC นะครับ คนแต่งตู่เอาเองว่าเป็นฉากอมยิ้มเขินๆ แนวตลกอารมณ์ดี
ปิดท้ายแบบฉีกแนวจากหลายตอนที่ผ่านมาสักนิด กลัวจะเลี่ยนกับรสหวานแบบติดๆ
เลยจัดมาตัดรสสักนิดสักหน่อยพอเป็นกระษัย (เป็นเหตุผลที่น่ากระโดดถีบมาก 555)
อะไรก็ไม่รู้ ขอตีมึนเนียนกอดเพื่อนๆ ทุกคนส่งท้ายแล้วกัน กร๊ากกกก... :กอด1:

ปล. ทิ้งท้ายด้วยบทสัมภาษณ์พิเศษกับทิมให้อ่านกันเล่นๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-01-2013 04:51:57
:L2: ช่วงพูดคุยกับทิม :L2:


สวัสดีครับ เนื่องจากตัวละครเรื่องนี้ชอบทำตัวลึกลับกันเหลือเกิน
ว่างๆ เลยจับมานั่งพูดคุยกันให้กับเหล่ากองเชียร์ของตัวละครทั้งหลายให้รู้จักกับตัวละครที่ชอบมากขึ้น
เริ่มจากวิศวกรหน้ามนที่คว้าใจคนอ่านไปมากกว่าครึ่ง น่าจะรู้แล้วว่าเป็นใคร เริ่มเลยก็แล้วกันเน้อ


แนะนำตัวกับแฟนคลับหน่อย
แฟนคลับคืออะไร? (ทำหน้างง) ทิมครับ
ละเอียดหน่อยสิ!
ทิวัตถ์ ภัทรปรีชานนท์ ชื่อเล่น ทิม ปีนี้อายุ 26 ลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง เป็นวิศกรโยธา พอไหม?
น่าจะพอนะ คำถามต่อไปเขาบอกว่ารวยมากเหรอ
คอนโด รถยนต์ที่บ้านซื้อให้ ตัวเองก็แค่พนักงานออฟฟิศเงินเดือนธรรมดา ไม่ได้รวยอะไร
เวลาว่างทำอะไร
ทำตัวให้ไม่ว่าง
เอ่อ... นึกว่าทำอาหาร ใครๆ ก็บอกว่าฝีมือระดับเชฟ
เฉยๆ พอกินได้ ติดมาจากตอนเรียนที่เมืองนอก เรียนอย่างเดียว ไม่ต้องทำงาน
ถึงมีรถแต่ไปไหนก็ลำบาก บางทีอากาศมันก็ไม่เอื้อ อยู่เฉยๆ เวลาว่างเยอะ ว่างทีไรก็เลยทำอาหารปาร์ตี้เลี้ยงเพื่อน
จบนอก โปรไฟล์เยี่ยม แถมหน้าตาก็ดี แบบนี้สาวๆ ไม่ติดตรึมเหรอ
ไม่สนใจ ถ้าไม่ชอบก็จะไม่คุยด้วย เห็นแล้วรำคาญ
แฟนคลับบอกมาว่าหุ่นดีมาก เอ็กซ์สุดๆ
เอ็กซ์เหรอ? (ทำหน้างง) แต่ชอบที่มันเฟิร์ม ที่ห้องมีเครื่องออกกำลังกายเกือบทุกอย่าง ว่างก็ออกกำลังกายไป
ความรักครั้งแรกเป็นยังไง
ไม่เคยมี คุยเล่นๆ ได้ แต่ไม่เคยคิดอยากผูกพันกับใคร ยังไม่เจอคนที่ถูกใจมั๊ง
แล้วตอนนี้เจอหรือยัง
ตอนนี้... (หูแดง) ไม่ตอบแล้วกัน คำถามต่อไปเลยดีกว่า
แบบนี้ พอจะบอกแฟนคลับได้ไหม สเป็คเป็นยังไง
ไม่มีสเป็ค แค่รู้สึกว่าใช่
แต่เขากระซิบมาว่าชอบคนอายุมากกว่า
ยังไงก็ได้นะ ถ้าชอบก็คือชอบ ยังไงก็ได้
ยังไงก็ได้นี่ ผู้ชายก็ได้ใช่ไหม ฮ่าๆๆ
ไม่มีอะไรจะถามแล้ว?
มีๆๆ เขาซุบซิบกันด้วยว่าเป็นพวกหื่นจัดๆ จริงหรือเปล่า
ว่างกันนะ ก็ปกตินะ ผู้ชายก็แบบนี้เกือบทุกคนแหละ แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน ไม่อยากแก้ตัว
พูดกันด้วยว่าเป็นคนกวนตีนมาก
ใครพูด? กวนตีนละ
แล้วข่าวลือที่ว่าทิมรักและหลงคะน้ามาก จริงหรือเปล่า
อะไร! ข้าม! เปลี่ยนคำถาม (หูแดง)
ครับๆ แล้วทำไมต้องพี่ทิม
ก็เขาน่ารักเหมือนเด็กๆ ไม่ค่อยทันคนด้วยไง เห็นแล้วมันก็อยากปกป้องดูแล อารมณ์แบบเป็นพี่ปกป้องน้อง
สรุปคือเป็นแค่พี่น้อง
ให้เรียกพี่แต่ไม่ใช่เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ใช่นะ
คือเป็นมากกว่านั้น
มากกว่านั้น
แล้วเป็นอะไร?
...................................... หมดเวลาแล้ว ไปทำงานก่อนนะ
เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ฝากอะไรถึงคนที่ตามเชียร์หน่อย
เชียร์? (ทำหน้างง)
(กระซิบ) เรื่องต่ายไง
อ่าาา... (เงียบไป 10 วินาที) ขอบคุณครับ (หูแดง)
ขอบคุณมากที่ตามอ่านเรื่อง ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ด้วยครับ



ไม่รู้ว่าพอจะได้เรื่องได้ราวอะไรขึ้นไหม อยู่ๆ นายทิมก็หูแดงแล้วลุกเดินหนีออกไปเลย
คราวหน้า เอาใจอีกฝั่งที่ชอบหนุ่มตี๋แว่นอบอุ่นนะครับ แล้วพบกันใหม่คราวหน้าครับ จุ๊บๆ o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 28-01-2013 05:32:16
 เออ...ตุลกะทิม มีลับลมคมในอะไรอ่า
อยากรู้จริงๆ...ถ้าทิมตอบไม่เคลียจะยึดน้องต่ายเป็นของแฟนคลับซะเลย อิอิ o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 28-01-2013 05:44:23
ดีแล้ว จะได้เคลียร์ๆเรื่องของตุลให้กระจ่างกันไปสักที
ทั้งคะน้า ทั้งทิมเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 28-01-2013 07:58:03
เคลียร์ไปเลย!   อะไรๆที่มันคาใจอะ รีบๆเคลียร์ไปเลย!!!     
ปล.  ทิมของเราน่ารักอ่ะ!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 28-01-2013 08:53:27
จิ้มมมมม เลิกเรียนแล้วจะตามฮัฟฟ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 28-01-2013 09:19:13
คิดไว้แล้วเชียวว่าทิมต้องไปทำธุระกับตุล
ตกลงเรื่องระหว่างเธอสองคนนี่มันอะไรฟระ
มีอะไรในกอไผ่หรือเปล่า  หรือว่าแค่ข้อตกลงแบบลูกผู้ชาย
แต่ตุลทำให้คะน้า (คนอ่านด้วย) คิดว่ามันมี something ที่มากกว่านั้นนะเว้ยยย
ค้างอ่ะ  ตอนต่อไปจะให้รอนานหรือเปล่าน๊อออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 28-01-2013 09:23:11
เรื่องตุลกับทิมยังไม่เคลียร์เลยอ่า

แถมปิดท้ายด้วยเสียงตุลแบบนี้

แต่โทรไปหาทิมใช่มั้ย ยังไงเนี่ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 28-01-2013 09:57:02
“แบบนี้ก็เท่ากับว่าหนูต่ายเป็นคนเปิดซิงพี่ทิมเลยน๊าาา...” น๊านนน....ไอ้เด็กอยากเป็นพี่

แล้วพี่ทิมไม่คิดหรอว่าตัวเองก็"เปิดซิง"น้องต่ายเหมือนกัลลล........ :-[

กำลังอินเลยอ๊าาา........เสียงพี่ตุลทำเอาใจกระตุก o22  โอ๊ย! อะไรอีกน้อ... :serius2:

    :z3:     :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 28-01-2013 10:08:15
เป็นฉากสุดท้าย อ้าปากค้างเลย จิตหลุดไปเรียบร้อย

เคลียร์ๆกันไปเลยนะ ทิมกับตุลย์นี้ยังไง ต่ายต้องคู่กับทิมซิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 28-01-2013 10:33:08
ค้างคาเรื่องหมอตุล อยากรู้มือสั่น

ทิมแบบจะน่ารักไปไหนฟระ เขินนะเว้ยยยย  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-01-2013 11:41:52
ตอนนี้ทิมดูหื่นมากอะ 555 ตอนท้ายแอบมีปมนิดนึง แต่แอบคิดไปว่าเบอร์นั้นอาจจะเป็นของตุลอยู่แล้ว เพราะคะน้าเองก็ไม่เคยโทร แล้วตุลก็มีเบอร์ส่วนตัวที่ยังไม่ได้บอก ส่วนที่คะน้าเมมไว้ก็แค่คิดไปเองว่าเป็นเบอร์ทิม เอ คิดซับซ้อนไปมั้ยเนี่ย 5555 รอความจริง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 28-01-2013 11:56:05
อะไรอีกล่ะเนี่ยะ!!!!

เห็นมั้ยทุกคน เราเคยบอกแล้วว่าคนแต่งเรื่องนี้ไว้ใจไม่ได้
เอาอะไรมาปาใส่คนอ่านตลอดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Usukushii ที่ 28-01-2013 12:10:00
 :-[ หวานกันจัง อิอิ อิจฉาาาา

น้องต่ายน่ารักน่าฟัดมากกกกกก

กำลังเคลิ้มๆ มาสะดุด เพราะหมอ  :เฮ้อ:

อย่าปล่อยให้ค้างคา

 :pig4: ผู้แต่ง จัดมาเร็ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 28-01-2013 12:53:40
ไม่คิดเลยว่าทิมจะทั้งหื่นทั้งต๊อง ทำเป็นเก๊กขรึมตบตา
แล้วตุลรับโทรศัพท์แทนทิมนี่ยังไง หือ...
บทสัมภาษณ์ทิมทำมึนกลบเกลื่อนความอายนิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-01-2013 14:54:45
 o22 ตอนแรกก็ปริ่มกับฉากตื่นนอนและทั้งวันนี้ แต่พอได้ยินเสียงหมอตุลจากเครื่องทิม ย๊ากกกก
นี่มันอะไรกัน นี่สินะที่ทิมไปจัดการ มันยังไม่จบนี่เรื่องนี้ แต่มันจะจบด้วยดีมั้ย เพราะถึงทิมกับต่าย
จะรักกันแล้วแต่ก็ยังอยู่ในจุดที่เปราะบางมากนะ มันเพิ่งเริ่มต้นที่จะจริง ๆ จัง ๆ กันเองนะ
ขอให้จบด้วยดีละกัน อีตาทิมจัดการดี ๆ เน้อ เอาใจช่วยและเชียร์  :call:

ขอบอกว่ามันละมุนมากตั้งแต่เช้าเลยจ้า ทิมดูแลต่ายดีจัง ต่ายก็เขินไปเขินมาเน้อข้าวใหม่ปลามันจริง ๆ
มีจัดการรอบเช้าอีกรอบพระเอกหื่นมากจ๊ะ โจ๊กถ้วยนั้นมันต้องอร่อยมากแน่ ๆ หวานด้วยไรด้วยต้องป้อนกันเนอะ
ฝีมือระดับเชฟจริงๆ พระเอกเรา เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของทิม วันนี้ต่ายเลยเดินไ่ม่เป็นเลยจ้า ดีนะทิมโกหก
พี่ผักกาดไว้ค่อยข้างเนียน ไม่งั้นเจ๊เป็นลมแน่ น้องชายช้านนนน~~ ถึงเปิดโอกาสให้แต่เจ๊ก็คงไม่อยากให้
ชิงสุกก่อนห่าม 555

สัมภาษณ์ทิมหน้ารักดี กลัวทิมจะต่อยคนสัมภาษณ์นะ 555 ชอบตอนเขิน ๆ

 :pig4:  ตอนหน้ามาด่วน ๆ ได้ป่ะค่ะ พลีสสส
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 28-01-2013 16:11:31
เฮ้ย ตุลมาได้ไงน่ะ รับโทรศัพท์แทนทิมด้วย
รู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า
หวังว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่ใช่แผนให้ต่ายรักทิมนะ ไม่งั้นต่ายน่าสงสารแย่เลย
โดนคนรักหลอก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 28-01-2013 17:26:43
หว๊าน หวาน จนมาถึงตอนเกือบจะจบนี้แหละคะ

ยังไงก็ขอให้คุยกันให้ดีนะค่ะ

ปล.ทิมดูแลต่ายดีมากกกกกกกกก  หุหุ :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 28-01-2013 18:10:06
ตุลจะมาทำม่ายยยยยยยยยยย#โดนเเม่ยกตุลถีบ#
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 28-01-2013 18:18:28
ไม่ได้เข้ามาอ่านเสียหลายตอน กระต่ายโดนจับกินเสียแล้ว แบบว่าฉากนั้้นมันอีโรติกเลือดพุ่งมากก
อร๊ายยยย เขินอะ  :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 28-01-2013 19:08:15
น่ารักมากกกกก
ต่ายน่ารักมาก ทิมน่ารักมาก
คนแต่งน่ารักมาก ขอกอดหนึ่งที :z6: (ฮ่าๆๆๆ)
มันค้างนะทำแบบนี้มันค้างงงงงงงงงงงงงง

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 28-01-2013 20:28:34
ตุลมากจากไหนละเนี้ย โอ้ยเพลีย =.="
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 28-01-2013 21:22:01
ทิมกับตุลนี่อะไรยังไงแน่ ตลกกันใหญ่แล้ว คะน้าเขางงและสงสัยมานานแล้วนะ!! <<โบ้ยย


 :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 28-01-2013 23:28:11
คาใจที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เอาให้เคลียร์เลยนะเรื่องทิมกะตุลเนี่ย มันยังไง ทำมีลับลมคมใน
อย่าได้ยอมน้าาาาน้องต่าย   /// ปึก!!! /// (โดนคะน้าเตะกระเด็น โทษฐานที่เรียกน้องต่าย)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pandaticket ที่ 29-01-2013 00:31:00
ตุลโผล่มาแล้ว!!!!

จะดราม่ามั๊ย

แอบสงสารตุลนะจริงๆแล้ว

 :monkeysad:

= [ ] =;;;

แต่ชอบทิมขึ้นทุกวัน

 :o8: :z1:

แอร๊ยยยยยยย

หลงขึ้นทุกวันๆ

55555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 29-01-2013 01:00:33
รักคะน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-01-2013 15:25:34

:L2: ช่วงพูดคุยกับตุล :L2:

สวัสดีครับ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้พบกัน เป็นคิวของหนุ่มตุล คุณหมอขาวตี๋ อบอุ่น ใจดี
งานนี้เพื่อคนที่ชอบหนุ่มแว่นมาดสุขุมนุ่มลึกโดยเฉพาะเลยนะครับ เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย

สวัสดีครับ อยากให้แนะนำตัวกับนักอ่านหน่อย
ครับ ได้ครับ ตุลครับ ตุลธร วิสุทธิธาดา อายุ ปีนี้ก็ 29 ครับ
เป็นศัลย์ฯ ออร์โธปิดิกส์ ก็ประมาณหมอผ่าตัดด้านกระดูกและข้อต่างๆ น่ะครับ
คุณหมอใส่แว่นนี่ สายตาสั้นเท่าไหร่
650 ครับ ก็ไม่สั้นเท่าไหร่นะ
เขาบอกว่าเล่นกีต้าร์ก็เก่ง แถมร้องเพลงก็เพราะมาก
ฮ่าๆ ไม่หรอกครับ พอเล่นได้เฉยๆ หัดมาตั้งแต่ตอนเรียนที่มหา’ลัย
อ่านหนังสือเครียดๆ ก็เอามาหัดเล่นกับเพื่อนๆ ที่หอน่ะครับ
เวลาว่างชอบทำอะไร
ถ้าไม่เล่นกีต้าร์ ก็คงอ่านพวก textbook เกี่ยวกับด้านศัลยศาสตร์
แต่เอาจริงๆ อาชีพหมอไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนักหรอกครับ
มีคนกล่าวหาว่าเป็นคนเจ้าชู้
ของแบบนี้มันพูดยากนะ อัธยาศัยดีคุยกับทุกคนก็มองว่าเจ้าชู้ แต่พอไม่คุยกับใครก็ว่าหยิ่ง
บางทีก็ไม่รู้ทำตัวยังไง แต่ถ้ารักใครผมก็รักคนนั้นจริงๆ นะครับ รักแค่คนเดียวไม่ได้มองคนอื่นเลย
แต่ที่เห็นนี่คือมีถึงเนื้อถึงตัวบ่อยมาก
จะว่ายังไงดีนะ ผมไม่เคยเริ่มก่อน ไม่เคยแม้แต่จะคิดเลย
ไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้นด้วย แต่ถ้าเป็นผู้หญิง ไม่รู้สิครับ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง
ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย ห่วงก็แต่ผู้หญิงน่ะครับ เขามีแต่เสียหาย
แปลว่าไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้หญิงที่เข้ามาหาเลย
ครับ ผมยอมรับกับตัวตนของผมแล้ว ยอมรับกับสิ่งที่ผมเป็นจริงๆ
เพราะผมไม่ชอบทำร้ายจิตใจใคร ก็ไม่อยากให้ความหวังน่ะครับ
มีข่าวลือแย่ๆ เกี่ยวกับตุลหลายๆ อย่าง
พอจะทราบเหมือนกันครับ แต่ก็ไม่รู้จะห้ามความคิดคนอื่นเขายังไง
เปลี่ยนคนอื่นให้เข้าใจเราทุกคนมันยาก ทำอะไรไป เรารู้อยู่แก่ใจ
สิ่งที่เขาเห็น บางทีก็อาจทำให้เขาคิดแบบนั้น แต่ความจริงก็คือความจริง
สุดท้าย เวลาจะทำให้อะไรๆ มันชัดเจนขึ้นเองครับ
ความรักครั้งแรกเป็นยังไง
กับผู้หญิงครับ แต่เราไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันนะ เป็น Poppy Love มากกว่า
พอเข้ามหา’ลัย รู้ตัวอีกทีมันก็เป็นแบบนี้ แต่ก็ดีครับ ทุกวันนี้ก็เป็นความทรงจำที่ดี
แล้วเรื่องของคะน้า คิดว่ายังไงบ้างครับ
ก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปล่ะครับ ความรักไม่ใช่เรื่องของการแข่งขัน
ผมไม่ชอบแย่งชิงกับใคร สุดท้ายแล้วถ้าโชคชะตากำหนดเอาไว้จริงๆ
ยังไงก็คงกลับมาคู่กัน ปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสินดีกว่าครับ
เสียใจไหมกับเรื่องที่เกิดขึ้น
(อึ้งไปพักใหญ่) ก็พอไหวครับ ขอบคุณครับ
แต่หล่อ สุภาพ อบอุ่น หุ่นดีแบบนี้ หัวใจคุณหมอจะว่างได้นานแค่ไหนนะ
เกินจริงไปเยอะเลยครับ ใครจะมาชอบคนธรรมดาๆ อย่างผมล่ะครับ
งั้นบอกสเป็คที
ถ้าตามอ่านเรื่อง ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ตั้งแต่แรกๆ
น่าจะพอรู้นะครับ คนนั้นทำให้ผมตกหลุมรักเข้าอย่างจังเลยล่ะ
แล้วจะไปทำวิจัยนานไหมครับ
ครับ คงแล้วแต่ว่ามันก้าวหน้าไวแค่ไหน แต่ผมใช้ทุนตัวเองด้วยบางส่วน
ยังไงก็จะพยายามให้เสร็จไวที่สุดครับ จะได้ไม่ต้องใช้เงินมาก
ไปกับหมอก้อยด้วย งานนี้ จะมีสปาร์คไหมนะ
ฮ่าๆ คงไม่ล่ะครับ ยังไงก็เพื่อนร่วมงานกัน ...ความรักคราวก่อน ผมยังลืมไม่ได้เลย
จะมีรีเทิร์นไหม เอาจริงๆ คนตามเชียร์คุณหมอก็มีนะครับ
(ยิ้ม) ขอบคุณครับ เรื่องบางเรื่อง มันก็คงแล้วแต่โชคชะตามั๊ง
แบบนี้คนที่คิดถึงตุลจะทำยังไง
โห มีด้วยเหรอครับ ถ้ามีจริงๆ ต้องขอขอบคุณมากๆ เลยนะครับ
อยากจะแจกเฟซบุคไว้ติดต่อกันนะ แต่ผมคงไม่มีเวลาเล่นแน่ๆ คงวุ่นมากๆ
สุดท้ายแล้ว ฝากอะไรถึงนักอ่านที่น่ารักหน่อย
ขอบคุณมากๆ ครับที่ตามอ่านเรื่องนี้กันมาจนถึงตอนนี้ อัพบ้างไม่อัพบ้างแท้ๆ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ตัวผม แต่เผื่อไปถึงตัวละครทุกตัว
อยากให้ติดตามต่อไปนะครับ ตอนนี้เพิ่งเลยครึ่งเรื่องมานิดหน่อย
โบราณบอกว่าสงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหารครับ



หมอตุลยังน่ารักเหมือนเดิมนะครับ ตอบซะเยอะ คราวนี้ คงได้เนื้อหาสาระกันจุใจทีเดียว
หวังว่ากองเชียร์จะยังตามให้กำลังใจให้คุณหมอทำงานวิจัยกลับมาให้หายคิดถึงเร็วๆ นะครับ
คราวหน้า เป็นคราวของคะน้าเสียที ติดตามอ่านกันนะครับ

ป.ล. คืนนี้ดึกๆ ลงตอนที่ 24 ครับ อ่านกันให้ตาลายไปเลย 5555 :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-01-2013 16:49:47
อู้งานมาลงอีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 29-01-2013 17:31:04
อ่านมา 20 กว่าบทดีใจที่สุดตรงบทของทิมนี่แหละ 5555+
แบบประเภทพูดน้อย ต่อยหนัก ขวัญใจแม่ยกกันไปเลย
มาต่อ 23 แล้วต้องเผลออุทาน อะไรอีกว่ะ เมื่ออ่านจบ เฮ้อ กำลังมาสวยๆ
กรุณาอย่าหายไปนานนะฮะ อาจมีคนอ่านขาดใจตายกันไปก่อนได้ T_T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 23 (หน้าที่ 32) - Jan 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 29-01-2013 18:01:25
ยังไม่ลืมเรื่องนี้เหมือนกัน
แต่ทิมพูดให้คิดแปลกๆนะ ไอ้-ทางนี้ก็สำคัญไง- หมายความว่าไอ้ทางโน้นก็สำคัญเหมือนกันใช่มั้ยละ
รอ. . . จะใจเย็นรอ . .
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-01-2013 23:44:23
สวัสดีครับ โผล่มาอีกแล้วแบบชนิดไม่ต้องรอกันนานให้ค้างคา ช่วงนี้พอมีเวลาว่าง
ขอเร่งอัพให้ถึงตามเป้าเสียหน่อย แต่งได้แต่งแหลก แถมอัพแหลกแบบไม่มีกั๊ก :impress2:
ใครที่ตามอ่านเรื่องสั้นอยู่ ขออัพช้าหน่อยนะครับ ขอปั่นเรื่องนี้ให้ได้ตามเป้าก่อน
ตอนนี้ ไม่รู้ว่าจะเดากันไปว่าเป็นยังไงกันบ้าง ยังไงลองติดตามอ่านดูแล้วกันนะครับ
+ 1 ให้กับกำลังใจจากเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ ขอบคุณมากมาย อ่านตอนที่ 24 เลย o13

ป.ล. อ่านคอมเมนต์คุณ bobby_bear แล้วแทบตกเก้าอี้ อย่าดักคอกันสิครับ 555555



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 24





“ต..ตุล ...ตุลใช่ไหม” คะน้าเอ่ยถามด้วยเสียงที่สั่นไหว

ทำไม.. ทำไมตุลถึงรับโทรศัพท์ของทิม? หมายความว่าธุระสำคัญที่ทำบอกว่าต้องไปให้ได้คือการมาพบกับตุลอย่างนั้นหรือ? ...ทำอะไรกันอยู่ แล้วมีธุระอะไรกันถึงบอกเขาไม่ได้ เสียงถอนหายใจเบาๆ ของตุลดังขึ้นที่ปลายสายพร้อมกับความเงียบเนิ่นนาน

“สบายดีนะอ้วน เอ้อ... คะน้า”

“ตุลสบายดีนะ” คะน้าตอบกลับอย่างเก้ๆ กังๆ ลึกๆ รู้ดีว่าในใจบัดนี้ ระหว่างเขากับตุล มีกำแพงบางๆ ที่กั้นทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ ช่องว่างที่ดูเหมือนแค่เพียงผนังไม่กี่เมตรกั้น แต่กลับดูเหมือนจะไม่มีทางไปถึงกันได้อย่างที่ผ่านๆ มา “...นึกว่าตุลออกเดินทางไปแล้ว”

“ยังหรอกครับ” ตุลเงียบไปพักใหญ่ๆ ในใจของคะน้าว้าวุ่น นอกเหนือจากการที่เป็นตุลรับสายอย่างไม่คาดฝันแล้ว

...ทิมอยู่ไหน?

“คือเรื่องเมื่อวันก่อนที่มาหาตุล ...หมายถึงมาหาผมที่โรงพยาบาลน่ะ ขอโทษนะที่ไม่ได้เจอ ผมยุ่งมากแล้วก็ไม่ได้ติดต่อกลับไปเลย”

“เอ้อ ไม่เป็นไร เรื่องนั้น” ในใจของคะน้านึกอยากจะตำหนิหมอก้อยอยู่เหมือนกันที่เล่าให้ตุลฟังว่าเขาไปหา แต่พอนึกย้อนกลับมาคิดดูแล้วถ้าเป็นตัวเขาเองก็คงอยากจะเล่าให้ตุลฟังเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงแค่โทรศัพท์แต่ก็ยังดีกว่าจะไม่ได้ระบายความรู้สึกของตัวเองที่มีอยู่ออกไปเลย

“ผมเองก็มีเรื่องที่จะขอโทษตุลอยู่เหมือนกัน”

“ขอโทษ? ...ขอโทษอะไรครับ?” ปลายสายตอบกลับด้วยความสงสัย

“ทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้ ผมเข้าใจแล้วว่าตุลหมายถึงอะไร เหตุผลในวันนั้นที่... ที่เรา... เอ่อ... คือมันให้ความรู้สึกที่แย่มากๆ ผมขอโทษจริงๆ”

“ช่างมันเถอะ ผมเข้าใจ”

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมต้องขอโทษตุล และก็ไม่รู้จะชดเชยความผิดเหล่านั้นได้ยังไง”

“ไม่เป็นไรหรอก อืม... ผมเข้าใจคะน้าดี” ตุลตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแบบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้ากันและถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาแบบนี้ แต่คะน้าเชื่อว่ารอยยิ้มน้อยๆ ที่เขาชอบมองคงแย้มพรายอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มแน่ๆ

“ขอโทษนะ”

“ขอโทษด้วยเช่นกันครับ”

น้ำหนักในใจของคะน้าค่อยๆ เบาลงเหมือนถูกยกออก แต่ความว้าวุ่นใจในอีกเรื่องที่คาค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน รวมถึงเรื่องราวบางอย่างระหว่างตุลกับทิมที่เหมือนกับถูกปิดบังเอาไว้นั้น เป็นเหมือนกับเข็มหมุดเล็กๆ ที่คอยสะกิดในใจทุกครั้งที่หวนคิดถึง จริงอยู่ที่ว่าพื้นฐานของทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะรูปแบบไหน ...เพื่อน หรือแม้แต่คนรักนั้น ล้วนเริ่มต้นด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจกันทั้งสิ้น

หากแต่ความโง่เขลานั้นอีกเรื่อง ความโง่...ไม่ใช่สัมพันธภาพ แต่เป็นเรื่องของไม่ทันคน และความอ้อนด้อยในปัญญาที่จะแยกแยะว่าใครเป็นคนที่เราพอจะเชื่อได้หรือไม่ได้ และเรื่องไหนที่ควรจะไว้เนื้อเชื่อใจกัน

...ความรู้สึกที่ได้รู้ว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกมันสาหัส หากแม้ผลตอบแทนที่ได้รับจากการไว้เนื้อเชื่อใจนั้น คือการได้ขึ้นเชื่อว่าเป็นคนเขลาปัญญาที่สุด และต้องเจ็บปวดที่สุดกับเกมของคนสองคนที่เขาเป็นได้แค่ตัวหมากที่จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด


...ถ้าเป็นเช่นนั้น คะน้าก็ไม่รู้จะทนอย่างไรไหว

รู้ดีว่าเสี่ยงกับการเดินหน้าของหัวใจอย่างไม่เกรงกลัว รู้ตัวตลอดเวลาว่าอาจถูกหลอก หรืออาจถูกตีค่าแค่เบี้ยมันแสนง่ายดาย หากแต่คนที่ไม่เคยได้รู้จักกับความรักนั้นมันหนักหนา คะน้าไม่ใช่คนที่หื่นกระหายจนกระโจนไปข้างหน้าอย่างไม่ยับยั้งชั่งใจ แต่ไม่ว่าจะเป็นตุลหรือทิม มันก็ยากที่จะหยุดตัวเองไว้ เมื่อทุกอย่างช่างเหมือนกับความฝันที่ไม่มีวันจะเป็นจริงไปได้เลย


...เจ็บก็ยอม ...งมงายก็ช่าง ถ้าครั้งหนึ่งความฝันจะเป็นจริง

น้ำตารื้นขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง บางทีนี่อาจจะเป็นสุดท้ายปลายทางของช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คิดแล้วก็น่าใจหาย แต่คะน้าก็มีช่วงเวลาที่มีความสุขที่ล้ำค้าแล้ว ถ้าความไว้ใจที่ผ่านมานั้นมีค่าแค่ความสนุกของคนสองคนจริง ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมากมาย คะน้าไม่เคยรู้สึกเสียดาย อย่างน้อยทั้งสองคนก็เป็นคนที่เขายอมรับกับตัวเองว่าเป็นคนที่ตัวเองรู้สึกดีด้วยกว่าใครๆ


แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ...ก็อย่าเจ็บไปมากกว่านี้เลย

“คะน้าครับ เป็นอะไรหรือเปล่า เงียบๆ ไป” เสียงของตุลดังขึ้นที่ปลายสาย ...ซึ่งเป็นโทรศัพท์ของทิม คะน้าถอนหายใจเบาๆ คำถามที่ตั้งใจจะพูดคุยกับทิมก่อนโทรหากลืนหายไปหมด ในตอนนี้มีแต่เรื่องที่เกินจะคาดคิดเกิดขึ้น มีแต่ความสงสัยกับเรื่องราวต่างๆ ที่ดูจะไม่เฉลยสักที แม้จะรู้แค่ไหน แต่ลึกๆ ก็ยังกลัวกับคำตอบที่ตัวเองจะได้ยิน

“คิดอะไรนิดหน่อยน่ะครับ” เสียงของเขาแผ่วเบากว่าที่ตัวเองจะคาดคิด ...ใจหายอย่างบอกไม่ถูก

“เสียงดูไม่ดีเลย”

หากแม้คะน้าโชคร้ายกับการเลือกเดินบนเส้นด้ายบางๆ นี้...ระหว่างตุลกับทิม เขาจะเลือกถามหรือฟังคำพูดของใครมากกว่ากัน ความรู้สึกในใจกำลังชั่งวัด ...ใครที่จะพูดความจริงกับเขา และใครที่จะมีน้ำใจเวทนาคนโง่และพร้อมจะหยุดเกมสนุกบ้าๆ นี้เสีย

ตุลที่พูดจาน่าฟังถนอมน้ำใจ ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา กลับสั่นคลอนความเชื่อมั่นของคะน้าด้วยสถานการณ์และร่องรอยต่างๆ ที่พาลให้ไม่อาจหยุดความคิด ...หรือทิมที่ดูร้ายกาจ และมักทำอะไรด้วยเล่ห์ มีเงื่อนงำ ทิมดูเป็นคนที่คิดอะไรลึกซึ้งตลอดเวลา แต่บางครั้ง คำพูดกลับตรงเป็นขวานผ่าซาก


...ทิมอาจจะดีกว่า

แม้เป็นช่วงเวลาไม่นานที่คะน้าได้ใกล้ชิดกับทิม หากแต่การดูแลเอาใจใส่ของชายหนุ่มนั้นดูจริงใจจนรู้สึกได้ ถ้าหากทุกอย่างเป็นไปในทางที่เลวร้าย คำตอบที่ได้รับ แม้อาจจะเจ็บปวดกว่าที่เอ่ยถามตุลก็ตาม ...เขาในตอนนี้ มันปักใจ เชื่อใจ และยอมกับทิมไปเสียหมดแล้ว แม้ว่าสุดท้ายคะน้าอาจจะเป็นได้แค่ที่ระบายความต้องการทางเพศที่อาจผ่านมาแล้วผ่านไป ...แต่ทิมน่าจะใจดีกับคะน้ากว่า ...ทิมไม่น่าจะยื้อให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้

“ตุล... ขอสายทิมได้ไหม” คะน้าเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งแรงขึ้น ปลายเสียงดูชะงักงันไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะหัวเราะขึ้นมา ...จู่ๆ ใจคะน้าก็เหมือนหล่นร่วงลงที่พื้น

“หึ... ผมไม่ได้อยู่กับเขา” ...ลำพังแค่เสียงหัวเราะเยาะ ความรู้สึกของคะน้าก็เหมือนจะทนไม่ไหว

“ถ้าอย่างนั้น ให้ทิมโทรกลับได้ไหมครับ”

“ตลกดีนะ ทำไมไม่ไปบอกกันเองละ”

“ไม่อยากเชื่อเลย ว่าพวกคุณจะทำแบบนี้ สนุกมากไหม” คะน้าระเบิดความรู้สึกตอบด้วยเสียงที่สั่นไหว หัวใจเบาหวิวเหมือนจะถูกฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย “และถ้าตุลลืมไป นี่คือมือถือของทิม ...ผมก็พยายามแล้ว”

“นี่จะทำอะไรกันแน่คะน้า” เสียงของตุลดังกร้าวกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยินมา




“นี่เป็นมือถือของผม! เบอร์ของผม!”

“ไม่ตลกเลยนะ ถ้าอยากจะโทรหาไอ้หมอนั่น ทำไมไม่โทรไปหาเอง อย่าดึงผมเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรด้วยได้ไหม” เสียงของตุลเหมือนจะตะคอกกลับมาด้วยความฉุนเฉียว

“เบอร์ของตุล? หมายความว่ายังไง ตุลใช้อีกเบอร์นี่” คะน้ารู้สึกอื้ออึงในหูอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกสับสนมึนงงจนเรียบเรียงความคิดของตัวเองไม่ได้ ...หมายความว่าอะไรกัน มือถือของตุล? ...แล้วทิมล่ะ?

เสียงของตุลหัวเราะขื่น “ผมมีโทรศัพท์สองเครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นเบอร์ของโรงพยาบาล และอีกเครื่องเป็นเบอร์ส่วนตัว ผมพอเข้าใจแล้ว ที่ผ่านมาคุณไม่เคยมองเห็นผมเลย ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณจริงๆ”

“หมายถึงอะไร ผมไม่เข้าใจ ผมเคยคุยโทรศัพท์กับตุล แล้วเป็นเบอร์นี้ที่โทรแทรกมา ไม่ตลกนะตุล มันเป็นไปได้ยังไง” คะน้าแย้งกลับ เขายังสับสนกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้จากปากตุล ไม่ใช่ว่าเชื่อ แต่จะว่าไม่เชื่อก็ไม่เชิง เสียงของตุลเงียบหายไปสักพักก่อนน้ำเสียงหงุดหงิดนั้นจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

“โอเค... ผมโทรซ้อนเข้าไปเอง ไม่รู้สิ คิดแล้วมันน่าอายชะมัด ตั้งแต่ที่พบ ...แค่วันสองวันด้วยซ้ำ ผมก็บ้ามีใจให้กับคุณแล้ว อยากจีบ อยากเป็นแฟน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณจะรู้สึกกับผมยังไง ผมไม่อยากให้คุณเกลียดผม หรือรังเกียจที่ผมคิดไม่ซื่อแบบนี้ ถ้ามันไม่เวิร์กล่ะ ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ...อย่างน้อย ก็อยากเห็นแก่ตัวเป็นเพื่อนต่อไป”

ตุลผ่อนลมหายใจแล้วพูดอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมา คะน้ารู้สึกอึ้งกับคำพูดที่เพิ่งได้ยิน มันหมายความว่าอะไร ที่ผ่านมาเขาเข้าใจผิดมาตลอดอย่างนั้นหรือ ...แม้แต่ข้อความที่ส่งมาหาทุกคืนในเวลาเดียวกัน ก็ไม่ใช่ทิมแต่เป็นตุลหรืออย่างไร?

“งี่เง่าเนอะ ผมส่งข้อความไปหาทุกคืน เวลาเดิมทุกๆ วัน...” ตุลหยุดเสียงไปชั่วครู่แล้วผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า “ช่วงเวลานี้มีความหมายกับผม เราพบกันบ่อยๆ ใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆ”

“ถ้าคุณพอจะจำได้ เวลานั่นคือครั้งแรกที่เรารู้ว่าห้องเราอยู่ข้างๆ กันมาโดยตลอด มันอาจจะไม่สำคัญอะไรมากมาย แต่เวลานี้ คือครั้งแรกที่ผมไม่ต้องทานข้าวคนเดียวอีกต่อไป และเป็นครั้งแรกที่มีคนบอกกับผมว่าเขาจะอยู่ใกล้ๆ กับผมตรงนี้เสมอ ...ผมจะมีเขาเสมอ” คะน้าชะงักงันไป เขาจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ จำภาพทุกภาพ ถ้อยคำทุกคำที่เขาเคยพูดเอาไว้

“แต่ตุลบอกว่าไม่ได้เป็นคนที่ส่งข้อความมาหาผม” คะน้าแย้งด้วยเหตุผล จริงอยู่ที่แม้จะจดจำเวลาไม่ได้ หากแต่สมองยังจำถ้อยคำต่างๆ ที่ตุลบอกกับเขาได้ดี

“ผมบอกว่าทำไมถึงคิดว่าเป็นผม อาจจะไม่ใช่ผมก็ได้ ผมพูดแบบนั้นจริงๆ ...ช่างเถอะ ความจริงก็คือผมเป็นคนขี้ขลาด ผมไม่กล้าที่จะยอมรับ ผมไม่ได้เป็นคนที่กล้าหาญเหมือนกับคุณ คุณพูดหรือแสดงออกความรู้สึกดีๆ ออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ คุณเป็นคนน่ารักมาก ...มากจนผมเรียกคุณว่า...”



“...ไอ้น่ารัก”

คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ไม่เคยคิด ไม่เคยเอะใจกับข้อความที่ได้รับเลยแม้แต่น้อย เสียงของตุลขาดห้วงไป ความรู้สึกของคะน้าเองก็คงแทบไม่ต่างกัน มันจุกแน่นในอกจนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้ ...เขาไม่เคยรู้เลย ...ไม่เคยรู้ว่าตุลจะรู้สึกดีๆ กับเขาได้มากถึงเพียงนี้


“คุณคงไม่เคยเปิดอ่านข้อความของผมที่ส่งไป ที่ผมบอกว่ามันคือผมเอง”

“ขอโทษครับ”

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก มันผิดตั้งแต่ต้นเองที่ผมที่มันขี้ขลาด ผมเองที่กล้าหาญไม่พอ ผมก็ควรจะยอมรับกับสิ่งที่ผมทำลงไป ไม่แปลกเลยที่คุณจะคิดว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผม”

“ขอโทษครับ ผมไม่ได้เปิดอ่านเลย เพราะนึกว่าเป็น... คือผมคิดว่าเป็นคนอื่นมาตลอด” คะน้าพยายามที่จะไม่เอ่ยชื่อถึงทิม และขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง

“คิดว่าเป็นไอ้หมอนั่นสินะ”

“...ครับ”

“ก็เลยไม่คิดจะเปิดอ่านอย่างนั้นหรือ”

“ครับ ...ผมคิดว่ามันไม่ดี และไม่ควรทำผิดกับตุลแบบนั้น ผมไม่ได้เปิดอ่านเลย ไม่เคยเลยนับตั้งแต่เรา... ผมขอโทษจริงๆ” กลับกลายเป็นคะน้าที่รู้สึกผิดกับความจริงที่เพิ่งได้ยินมาจนไม่รู้จะพูดอะไร ถ้อยคำมากมายในใจถูกกดทับด้วยความรู้สึกแย่ๆ ที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน จนไม่อาจสรรหาคำพูดใดๆ ออกมาได้ในเวลาเหล่านี้

“ผมดีใจที่ได้ยินแบบนั้น ขอบคุณมากครับ” ต่างฝ่ายต่างเงียบอึ้งไปเนิ่นนาน กระทั่งคะน้าได้ยินเสียงทุ้มๆ อีกครั้งที่ปลายสาย

“ผมอยู่ที่สนามบิน กำลังจะเดินทางคืนนี้ แต่คงอีกประมาณเกือบชั่วโมงถึงจะขึ้นเครื่อง”




“...อ้วนพอจะมาหาตุลได้ไหมครับ”

ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ คะน้าคว้ากุญแจรถแล้วรีบดิ่งไปที่สนามบินอย่างเร็วที่สุด ไอ้แก่เคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามสังขารของมันที่พอจะเอื้อ ระยะทางแม้จะไม่ได้ไกลมากแต่ก็ไม่ได้ใกล้จนมีเวลาเหลือเฟือ คะน้ามองเวลาที่กำลังขยับคืบคลานเข้ามาด้วยความร้อนใจ การจราจรดูเหมือนเป็นใจไม่ติดขัดจนทำให้ถึงสนามบินในเวลาที่ไม่นานนัก หากแต่ที่จอดรถในเวลานี้กลับยากแสนเข็ญที่จะหาเจอ สุดท้ายคะน้าก็ยอมจอดรถขวางเอาไว้และทำใจว่าขากลับมาที่รถอีกครั้งคงจะเจอแม็กซ์สีเหลืองเป็นอ็อฟชั่นเสริม ชายหนุ่มลากสังขารที่ยังไม่เต็มร้อยไปพร้อมกับชุดนอนย้วยๆ และรองเท้าแตะที่ดูไม่น่ามองเท่าไหร่ ...ไม่มีเวลามากพอที่จะจัดแจงอะไรได้ดีไปกว่านี้จริงๆ

ดูเหมือนจะเลยเวลาที่ตุลจะต้องขึ้นเครื่องไปสิบนาทีแล้ว ...รีบร้อนจนลืมหยิบโทรศัพท์มา คะน้าพยายามวิ่งหาตามส่วนเช็คอินที่หมอหนุ่มได้บอกเอาไว้ แต่แล้วก็พบแต่ความว่างเปล่า ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า มองดูทุกอย่างรอบๆ ตัวอย่างหัวเสีย อยากให้อะไรๆ มันดีกว่านี้ อย่างน้อยก็ในเวลาที่จะต้องห่างกันเนิ่นนานกว่าจะได้พบกันอีก ...ถ้าเขาโชคดีพอ

แต่ถ้าโชคร้าย ...ถ้าโชคร้ายถ้าตุลตัดสินใจทำงานที่นั่น และจะไม่กลับมาอีกแล้ว



...ถ้าจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว





(มีต่อด้านล่างอีกนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 29-01-2013 23:48:43
(ต่อครึ่งหลังครับ)




คะน้ามองไปรอบๆ ตัวพยายามมองหาความเป็นไปได้ แม้ว่าจะเป็นความเป็นไปได้ที่ต่ำกว่าเลขเพียงเปอร์เซ็นต์เดียวก็ตาม เขาวิ่งไปรอบๆ มองหาประตูใหญ่ก่อนที่จะขึ้นไปที่ส่วนด้านใน วิ่งไปพบเจ้าหน้าที่ต่างๆ พยายามวอนขอเข้าไปข้างในให้ได้ อ้อนวอนและโกหกสารพัดเท่าที่พอจะนึกออก เขาสอบถามเคาน์เตอร์ด้านในว่าเที่ยวบินไปเยอรมันนั้นต้องขึ้นไปประตูไหนอย่างไร โชคดีที่มีเพียงสายการบินเดียวที่มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่แฟรงก์เฟิร์ต

คะน้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่พอจะทำได้ ผ่านตรวจคนและเครื่องแสกนมากมาย ผ่านบันไดเลื่อนต่างๆ และผู้คนมากมายที่จับจ่ายซื้อของในส่วนปลอดภาษี ผ่านทางทอดยาวหรือทางคดเคี้ยวไปที่น่าปวดหัว เนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปวดหน่วงที่ท้องจนเสียด เลยเวลาที่ตุลบอกมานานแล้ว แต่เขาอยากจะเสี่ยงดู

...กระทั่งเห็นร่างสูงที่คุ้นตานั่งนิ่งอยู่คนเดียวที่ชานชลา รอยยิ้มที่มองเห็นแต่ไกลนั้นคะน้าจำได้เป็นอย่างดี ...มันไม่เคยผิดเพี้ยนไปเลย คะน้ารีบวิ่งกระโผลกกระเผลกไปอย่างไม่รู้สึกอายในสารรูป น้ำตาไหลรื้นออกมาโดยไม่รู้ตัว หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดที่จะเสียเวลาเช็ดมันแม้แต่นิด


“เหมือนตุลกำลังนั่งรอความฝันลมๆ แล้งๆ ที่อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง”

คนที่นั่งรออยู่ยืนขึ้นแล้วพูดเบาๆ ตุลโผเข้ากอดแนบแน่นราวกับจะจดจำทุกสัมผัสไว้ในความทรงจำ สองมือตระกองกอดสลับกับปาดน้ำตาของคนในอ้อมแขนด้วยสัมผัสที่ทะนุถนอม ดวงตาที่ทอดมองผ่านกรอบกระจกใสสี่เหลี่ยมนั้นชื้นเอ่อคลอไม่ต่างกัน



“...โชคดีจังที่เราได้พบกัน”

“ข..ขอโทษนะตุล ...ขอโทษครับ ผมไม่รู้เลย ...ไม่เคยรู้อะไรเลย” คะน้าพูดด้วยเสียงสะอื้นไห้จนตัวโยน

“ไม่เป็นไรนะอ้วน ...ไม่เป็นไรจริงๆ ตุลไม่เคยคิดโกรธหรือโทษอะไรอ้วนเลย”

“แต่...” ร่างในอ้อมกอดพยายามเอ่ยด้วยเสียงสั่นไหวจนฟังแทบไม่รู้เรื่องแต่ก็พูดอะไรต่อไม่ออก ได้แต่สะอึกอยู่แบบนั้น ...เกลียดความรู้สึกของการจากลาเป็นที่สุด

“ช่างมันเถอะ ก็อ้วนคิดว่ามันเป็นข้อความของคนอื่นนี่นา ...จริงไหม?” ตุลลูบผมของคะน้าเบาๆ ด้วยความรักใคร่ สัมผัสนั้นละเอียดอ่อนแบบที่คะน้าคุ้นเคย เจ้าหน้าที่ประจำชานชลามองมาทางชายหนุ่มทั้งสอง เหมือนจะพยายามเร่งเร้าให้ตุลขึ้นเครื่องตามเวลา หากแต่เธอก็ยืนมองอยู่แบบนั้นอยู่กับที่เหมือนกับเข้าใจ บางทีอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดสถานการณ์ประมาณนี้ก็อาจเป็นได้


“รอได้ไหมครับ ...รอตุลกลับมาได้ไหม?”

ตุลเอ่ยกระซิบถามย้ำๆ มือก็ยังช่วยปาดซับน้ำตาของอีกคนอย่างกลัวช้ำ ...คะน้าสะอื้นสะอึกกับคำถามที่ได้ยิน เขาจะตอบกลับความรู้สึกของตุลอย่างไรดี ไม่อยากทำให้ตุลเสียใจ แต่ก็ไม่อยากจะโกหก ยื้อไว้ หรือแม้แต่เพื่อให้รู้สึกดี สุดท้ายก็ทำได้แต่ยืนนิ่งๆ แล้วสะอื้นอยู่แบบนั้น


“ได้ไหมครับ ...รอตุลกลับมาได้ไหม?”

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ประจำชานชลาคนนั้นก็เดินมาที่ชายหนุ่มทั้งสองด้วยท่าทีที่นอบน้อม เธอยิ้มอย่างสุภาพแล้วแจ้งว่าได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว

“ขอเวลาผมอีกนิดนะครับ แค่อีกนิดเดียว” ตุลหันกลับไปตอบเจ้าหน้าที่ท่านั้น เธอยิ้มอย่างลำบากใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเข้าใจในสิ่งที่ชายหนุ่มร้องขอ ตุลเอ่ยขอบคุณแล้วหันกลับมาที่คะน้าอีกครั้ง



“อ้วนรอตุลได้ไหม ตุลจะรีบกลับมา ...กลับมาให้เร็วที่สุด”

คะน้าเงยหน้าขึ้นมองดวงตาภายใต้กรอบแว่นใสที่เต็มไปด้วยความระริกไหว แววตาของตุลคู่นั้นเว้าวอน ร้องขอ อ่อนแอ เปราะบาง ทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง รอยยิ้มของตุลที่เคยดูน่ามองจ้อง แต่ครั้งนี้ มันเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา คะน้าไม่อยากทำลายดวงตาคู่นี้ และไม่อยากทำลายรอยยิ้มนี้เลย

...คำสัญญาที่เคยตั้งไว้กับตัวเอง คำสาบานที่ตั้งมั่นนี้จะต้องคงอยู่ ไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่ทำลายรอยยิ้มนี้ และจะไม่มีวันทำลายดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังดีคู่นี้เป็นอันขาด




“ตุล ...ขอโทษนะ”

วงแขนที่กอดรัดอยู่ค่อยๆ คลายตัวออกเหมือนจู่ๆ ก็หมดเรี่ยวแรงขึ้นมา ตุลมองคะน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ มันระคนไปด้วยความผิดหวัง เสียใจ คะน้าค่อยๆ ถอยตัวเองออกจากตุลช้าๆ เขารู้สึกผิดที่ทำแบบนี้ แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ห่างกับตุล แต่เขากับเปิดใจให้กับทิมโดยไม่รู้ตัว ...เขาผิดมาก และทำผิดกับตุลซ้ำแล้วซ้ำเล่า




“ผมคบกับทิมแล้ว ...คบในฐานะคนรัก”

ใบหน้าของตุลดูซีดเผือด แต่เพียงไม่นาน ร่างสูงก็หัวเราะขึ้นแบบฝาดเฝื่อน หยดน้ำเล็กๆ ดูเหมือนจะทิ้งตัวลงมาบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างง่ายดาย กระนั้นตุลก็ยังยิ้ม ...ยิ้มให้กับคะน้าแบบทุกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่ดูแตกต่างจากครั้งแรกที่พบกัน คะน้ารู้ดีว่านั่นคือความพยายาม ...ตุลกำลังพยายามทำเหมือนกับมันไม่มีอะไร ทั้งๆ ที่หัวใจดูจะแหลกสลายป่นปี้ด้วยคนเลวๆ แบบเขาไปแล้ว

“ไม่ทันแล้วสินะ ไม่ทันจริงๆ ช้าไปแล้ว ...ผมช้าไปทุกที” ตุลพูดด้วยรอยยิ้มที่เจื่อนจนดูแห้งโหย หัวเราะด้วยความรู้สึกที่ขมจนอยากสำรอก

“ขอโทษนะครับ ...ผมขอโทษจริงๆ” ดูเหมือนว่าคะน้าจะพูดได้เพียงเท่านี้ แม้ว่าในใจจะอัดแน่นไปด้วยถ้อยคำมากมายก็ตาม

“ผมนั่งรอความฝันลมๆ แล้งๆ ที่อาจจะไม่เกิดขึ้นจริง” ประโยคเดิมเมื่อได้พบกันถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยเสียงที่ล่องลอยจนดูเหมือนไม่มีน้ำหนัก



“แล้วมันก็เป็นเพียงแค่ความฝัน ...ฝันเฟื่อง ...และไม่มีวันเป็นจริง”

มีเพียงความนิ่งเงียบที่ทิ้งระยะห่างให้สองคนที่ยืนใกล้จนเกือบแนบชิดค่อยๆ ห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่หนาหนักกลายเป็นกำแพงสูงที่ไม่อาจมองเห็น และดูเหมือนว่าคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีวันซึ่งมันทลายลงมา เจ้าหน้าที่สนามบินท่านนั้นเดินมาใกล้ๆ อีกครั้งแล้วส่งสัญญาณให้กับตุล ร่างสูงหันกลับไปพยักหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ บ่งบอกถึงความเข้าใจ

“เอาล่ะ ผมคงต้องไปแล้ว ไปทำงานวิจัย ไปทำในสิ่งที่ผมได้เลือกเอง ...ผมเลือกมันเอง” ตุลหันกลับมายิ้มให้กับคะน้า ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะฝืนความรู้สึกของตัวเองอย่างหนักกับแต่ละถ้อยคำที่เอ่ยพูดออกมา

“ทานอาหารที่เผ็ดมากๆ ไตจะมีปัญหานะครับ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ลดลงมา เวลาที่ทานอิ่มใหม่ๆ อย่าเพิ่งนอน รออีกสักพักนะ สักชั่วโมงก็ยังดี จะได้ไม่มีปัญหากรดไหลย้อน ถ้าเป็นไปได้ เลี่ยงอาหารทอดหรืออาหารมันๆ ด้วยล่ะ มันไม่ดีเลยต่อสุขภาพ” คะน้ายืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ตุลยิ้มน้อยๆ แล้วเอื้อมมือมาลูบที่หัวของเขาเบาๆ

“อ้วนชอบทานน้ำอัดลม ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้เลิกนะครับ น้ำตาลมันค่อนข้างสูง ยิ่งดื่มก็ยิ่งกระหาย พยายามหันมาดื่มน้ำเปล่า หรือถ้ากระหายมากๆ อยากดื่มน้ำหวานจริงๆ ก็เลี่ยงเป็นน้ำผลไม้แทน” ร่างสูงค่อยๆ พูดอย่างช้าๆ ราวกับจะให้จดจำบันทึกเอาไว้ให้มั่น ...หากแต่ทุกถ้อยคำกลับนำภาพเก่าๆ ที่เคยจางหายให้ย้อนกลับขึ้นมาในความคิดเหมือนกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันวาน คะน้าจดจำคำเหล่านั้นได้แม่นยำ แม้ว่าที่ผ่านมาเขามักจะแชเชือนผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ คล้ายกับไม่เคยใส่ใจหรือมองเห็นในความหมาย

มือกว้างยังลูบบนศีรษะแผ่วเบาราวกับไม่อยากละจาก สัมผัสนั้น อบอุ่นจนคะน้าไม่อาจฝืนตัวเองให้กลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อีก หากแต่ครั้งนี้ ตุลไมได้เอื้อมมือมาเช็ดซับให้ดั่งทุกครั้ง

“อย่าร้องไห้นะครับ ตุลไม่อยู่แล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ รู้ไหม?” คะน้าสะอื้นหนักกว่าเดิมเหมือนกับยั้งตัวเองไม่อยู่อีกต่อไป

“ที่ผ่านมาตุลไม่เคยจะร้องขอสิ่งใดๆ กับอ้วนสักครั้ง แต่ครั้งนี้สัญญากับตุลได้ไหม ว่าอ้วนจะดูแลตัวเองให้ดี ...ดีให้เหมือนกับที่ตุลดูแล ตุลขอโทษนะที่อยู่ไม่ได้อยู่ใกล้ๆ คอยเตือนอ้วนไม่ได้ ขอโทษ... ที่ตุลอาจไม่มีสามารถดูแลอ้วนแบบที่ผ่านมา”

“ตุลล...” คะน้าครางเสียงอู้อี้จนฟังไม่เป็นภาษา น้ำตาไหล

“สัญญากับตุลได้ไหมครับ อย่างน้อยก็ให้ตุลได้สบายใจ”

“สัญญาครับ ...ผมสัญญา!”

“แล้วจะไม่ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยแบบนี้อีก จะมีความสุขที่สุด จะร่าเริง หัวเราะ และจะยิ้มให้เต็มที่ ...ให้มากกว่าเวลาที่อยู่กับตุล ...ทำให้ได้ไหมครับ”

“ครับ ผ..ผม ...ผมสัญญาครับ”

“เท่านี้ล่ะ ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆ” ตุลยิ้มแล้วออกน้ำหนักบนฝ่ามือกว้างขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ

“ขอบคุณมากนะครับ ...ไอ้น่ารักของตุล”

ตุลปาดความเอ่อชื้นออกจากดวงตา แล้วกระชับแว่นสายตาของตัวเองอีกครั้ง ร่างสูงมองคนตรงหน้าที่พยายามรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้ด้วยแววตาอ่อนโยน  ตุลฉีกยิ้มกว้าง ...เป็นรอยยิ้มแบบที่คะน้าชอบมอง มือที่นุ่มนวลลูบไปบนศีรษะคะน้าอีกครั้ง ...ครั้งสุดท้าย ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป

คะน้ายืนมองแผ่นหลังกว้างที่คุ้นตาค่อยๆ เล็กลง นับตั้งแต่ขายาวๆ นั้นก้าวเดินออก ไม่มีสักครั้งที่ตุลจะหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง ย่างเท้าที่ก้าวเป็นจังหวะเข้มแข็งนั้นสม่ำเสมอและดูปราศจากความลังเล และเมื่อร่างสูงโปร่งนั้นเลี้ยวเข้าไปยังจุดเชื่อมขึ้นสู่ตัวเครื่องบิน คะน้าก็ทรุดตัวลงนั่งที่ชานชลาเหมือนคนที่ไร้เรี่ยวแรง เจ้าหน้าที่สนามบินคนนั้นเดินเข้ามาปลอบโยนเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป

คะน้าเดินมาชำระค่าปรับที่จอดรถผิดที่ผิดทาง ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ซึ่งดูจะพร้อมเอ็ดตะโรทุกเมื่อนั้น กลับเลือกที่จะรับค่าปรับตามหน้าที่เท่านั้นเมื่อเห็นสภาพของเขา คะน้าขับรถกลับคอนโดด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าอธิบาย ชายหนุ่มพยุงร่างที่เหม่อลอยของตัวเองกลับเข้ามาในห้อง ...เหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี คะน้านั่งนิ่งอยู่กับที่บนโซฟาที่ว่างเปล่า กดเปิดและปิดโทรทัศน์ตรงหน้าซ้ำๆ ให้ได้ยินเสียงคล้ายกับมีคนอยู่ด้วย เขาแค่อยากมีเพื่อน ...ใครสักคนก็ได้ที่จะพาเขาข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ สักคนที่ทำให้คะน้ารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว


...ใครสักคนที่ไม่ใช่ทิม

แม้รู้ว่าไม่เหมาะด้วยวัยที่เติบใหญ่ และไม่สมควรด้วยความเป็นชายและหญิงที่แตกต่าง แต่ในใจของชายหนุ่มกลับรู้สึกอ่อนแออย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าคงมีเพียงผู้ที่เป็นพี่สาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเพื่อนได้ในเวลานี้ คะน้าเปิดประตูห้องนอนของผักกาดแล้วมองดูพี่สาวของตนเองที่นอนหลับพักผ่อนจากวันยาวนานที่เหนื่อยล้า

นาฬิกาบอกเวลาหนึ่งนาฬิกา และคะน้าก็ไม่กล้าที่จะรบกวนใดๆ ชายหนุ่มจึงได้แต่ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าประตู ปล่อยให้เครื่องปรับอากาศที่ครางหึ่งๆ ปล่อยไอเย็นผ่านร่างกายไป ไม่นานนักก็สะอึ้นไห้ขึ้นมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปบ้าง และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องหรือเหมาะสมหรือเปล่า


...ไม่อยากจะผิดซ้ำๆ อีกแล้ว

ดูเหมือนไม่นานนัก หญิงสาวก็รู้ตัว ผักกาดปรือตามองคะน้าด้วยความงัวเงีย เมื่อสายตาปรับภาพของน้องชายตรงหน้าได้ เธอก็ไม่เกียจคร้านลังเลที่จะลุกขึ้นมาหา ผักกาดย่อกายลงตรงหน้าคะน้าแล้วสวมกอด ไม่แม้แต่จะคิดเอ่ยถามถ้อยคำใดๆ มือน้อยๆ ของผักกาดที่ลูบบนบ่าเบาๆ นั้นเข้มแข็งอย่างประหลาด คะน้ากอดผู้เป็นพี่สาวกลับ หอบสะท้านจนตัวโยน

“เจ้เคยทำอะไรที่รู้สึกว่าดีแล้ว ถูกต้องแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปแล้วเรากลับรู้สึกลังเลในสิ่งที่เราทำนั่นหรือเปล่า”

“หึ... เคยสิ บ่อยไป”

“เจ้ทำยังไง” คะน้าวางศีรษะลงบนบ่าเล็กๆ ของพี่สาวราวกับเด็กตัวน้อยๆ ที่ไม่รู้จักโต ผักกาดยิ้มน้อยๆ เอื้อมมือลูบบนผมของน้องชายไปมา

“ตั้งแต่เล็กๆ ป๋าเคยบอกเจ้ว่าอย่าตั้งคำถามกับอดีตที่ผ่านไปแล้ว มันเท่ากับเรากำลังดูถูกตัวเราเอง ...ตัวเราซึ่ง ณ ตอนนั้น ได้พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราพอจะทำได้อย่างเต็มที่ทุกอย่างไปหมดแล้ว” คะน้าค่อยๆ สงบลง คิดทบทวนถ้อยคำที่พี่สาวเอื้อนเอ่ย

“นอนเถอะน้องพี่ เดี๋ยวก็พรุ่งนี้เช้า” ฝ่ามือน้อยๆ ลูบไปมาบนแผ่นหลังที่กว้างใหญ่เหมือนจะปลอบขวัญและให้กำลังใจ


“...พอรู้ตัวอีกทีทุกอย่างในวันนี้ ก็จะเป็นเพียงอดีตวันวาน”

หญิงสาวโคลงหัวของตัวเองไปพิงแอบกับน้องชาย ผ่อนลมหายใจบางๆ พร้อมรอยยิ้ม


“หลับตา คิดถึงสิ่งดีๆ ของวันพรุ่งนี้ที่รอเราอยู่”




“...แล้วลูกของป๋าจะมีฝันดีทุกคืน”



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


:กอด1: ก่อนอื่น ขอกอดเพื่อนๆ ทุกคนที่ติดตามอ่านตอนนี้เลย (ต้องรีบประจบสอพลอไว้ก่อน 5555555)
ไม่รู้ว่ามาม่าชามนี้จะโดนก่นด่าไปอีกกี่กระบุงโกย (อย่างน้อยก็จบมาม่าไปอีกหนึ่งเรื่องล่ะเนอะ ...รึเปล่า?)
แต่คนแต่งชอบช่วงเวลาของพี่น้องคู่นี้จัง เป็นอีกแบบกับอีกสองหน่วยนั่น แต่มันให้ความรู้สึกที่ดีแฮะ

ตอนนี้ เดาว่าไม่น่าจะใช่แบบที่คิดกันไว้เท่าไหร่หรือเปล่าครับ จะมีแอบร้องไห้กันไปบ้างไหมหนอ
(ขอปรบมือให้กับ Rafael ที่จับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ แถมเดาถูกแบบโป๊ะเชะ!) o13
จริงๆ ตอนนี้ต้องยาวกว่านี้ แต่จำใจตัดออกไปตอนหน้าเพราะอารมณ์มันตัดกันเกิ้นนน 555555555

ผ่านไปสำหรับตุลและความจริงบางอย่างที่อาจเปลี่ยนมุมมองของเพื่อนๆ ไปเล็กน้อย (รึเปล่า?)
คนเชียร์มวยรองอยู่คงแอบถูกใจตอนนี้นิดๆ แต่คุณหมอแกโผล่มาแล้วทำท่าว่าจะหายจ้อยซะงั้น
ประเด็นคือหายไปพร้อมกับปัญหาที่ไม่เคลียร์เหมือนเดิม (ต้องโทษไอ่คนเขียนที่จะกั๊กไปหาพระแสง?)
ตอนต่อไปทิมกลับมาวาดลวดลายอีกครั้ง อย่าลืมติดตามกันนะครับ ช่วงนี้อาจอัพไวหน่อย ฮิฮิ

ป.ล. สัมภาษณ์พิเศษตุลอยู่ปลายหน้า 32 นะครับ แนวจืดๆ ชืดๆ แต่บอกอีกที เผื่อมีคนอยากอ่าน 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-01-2013 00:08:39
โอยย
ถึงจะไม่ใช่แม่ยกตุล แต่ตอนนี้ก็ยอมรับว่า แอบเศร้าใจเล็กๆอยู่้เหมือนกัน
รักมาก แต่ก็ต้องเป้นฝ่ายถอย รักสามเศร้ามันก็เป็นแบบนี้
แต่คะน้าทำถูกแล้วที่เลือกจะบอกความจริง ตัดใจกันตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่าปล่อยให้ยืดเยื้อ

เพราะความจริง...เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 30-01-2013 00:23:52
เจ็บจี๊ดแทนตุล หาคนดีๆมาปลอบใจตุลสักคนเถอะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 30-01-2013 00:40:26
ยกทิมให้คะน้า แล้วตุลมาทางนี้ มาทางนี้
ฮือออ
จะร้องไห้ไปกับตุลจริงๆนะ โถ่ พอยอดขวัญของเจ้ มานี่มา กะกอดจูบลูบคลำให้หายเศร้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 30-01-2013 00:41:44
เสียน้ำตาให้ความรักของตุล T T

ปล. เจ๊ผักกาดเท่อีกแล้ว ยอดคุณพี่!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 30-01-2013 00:47:55
สงสารตุล ไม่เป็นไรนะ #ลูบหลังให้กำลังใจ

  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 30-01-2013 01:13:33
เหมือนทุกอย่างสายไปสำหรับตุล ทั้งที่ได้โอกาสนั้นก่อนแท้ ๆ
ตุลเป็นคนอบอุ่นอ่อนโยน หาคนปลอบใจได้ไม่ยากหรอก
คะน้ากับทิมจะเป็นยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BONE ที่ 30-01-2013 01:47:01
เราหายไปนาน... กลับมาอีกที...
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด~~
ทิมกินกระต่ายไปแล้วววว วว โอ๊ยยยยย~
มันสุดยอดมาก เราจำได้ว่าฉากจูบครั้งแรกของทิมกับคะน้า
ทำเอาเราหัวใจเต้นแรงเกือบตาย แต่พอมาอ่านฉากทิมกินกระต่าย
มุมแรกไม่เท่าไหร่ พอมามุมของทิมเท่านั้นแหละ...
เลือกรุ๊ปเอทั้งประเทศก็ไม่พอ ส่งทิมมาเก็บศพเราด่วนเลยค่ะ T/////T
เขินเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้หมด...

อ่านตอนล่าสุดแล้ว... แม้ว่าเราจะเป็นแม่ยกทิม แต่เราก็น้ำตาคลอกับตุลย์นะ
สงสาร... ไม่รู้จอธิบายยังไง ตุลย์ได้สิทธิ์ดูแลคะน้าไปก่อน
แต่ตุลย์กลับไม่สามารถดูแลได้ตลอดไป
ตุลย์เป็นคนที่อยู่ข้างๆ คะน้าเสมอเลย เราไม่เคยรู้เลยจริงๆ...
เศร้าให้พอแล้วหยุดนะตุลย์ ชีวิตมันต้องดำเนินต่อไป...

ขอบคุณนะคะ
*ยิ้มหวานให้ทิมอีกที ไม่เสียแรงที่เชียร์มานาน อิอิ*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pandaticket ที่ 30-01-2013 02:32:46
ฮือออออออออ :monkeysad:

สงสารตุลอ่าาาาาา  :sad4:

ตอนที่ตุลถามว่า “อ้วนรอตุลได้ไหม ตุลจะรีบกลับมา ...กลับมาให้เร็วที่สุด”

แบบมันพีคสุดๆอ่ะ ดราม่ามาก :o12:

แต่คะน้าก็เหมือนนึกขึ้นได้ว่าตนได้เป็นแฟนของทิมแล้วก็ปฏิเสธ

แบบเจ็บปวดทั้งสองฝ่าย  แต่ตุลจะสาหัสกว่านะ (ลำเอียง รักหมอตุล > <)

แล้วต่อไปคะน้าจะทำยังไงต่อไป

จะคบทิมหรือถอยห่าง?

หรือถามสาเหตุที่แท้จริงระหว่างตุลกับทิม?

 :z3: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 30-01-2013 03:52:57
 :sad4: :sad4: :sad4:
เป็นอะไรที่หน่วงจิตมากๆ  มันช่างเศร้าแท้ตอนนี้  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 30-01-2013 07:07:49
โอ๊ยถึงจะเป็นแม่ยกทิมแต่ก็สงสารตุลอ่ะ
ตอนที่ตุลขอให้คะน้ารอนี่เจ็บจึ้กๆเลย
เพราะยังไงก็คิดว่าคะน้าคงจะตัดให้ขาด
ถึงจะดีที่ไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อก็เถอะ แต่ก็เศร้าอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 30-01-2013 08:16:56
โฮ สงสารหมอตุลอ่ะ ไหนๆ ก็เลือกทิมแล้วต้องรักกันไปตลอดนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 30-01-2013 08:17:46
น้ำตาไหลเลย แงแงสงสารตุล หน่วงดีแท้  :m15: :m15: :m15: :m15:

ขอบคุณจ้่า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 30-01-2013 09:10:54
ผิดคาดไปอย่างมากเลย

อ่านแล้วสงสารตุลสุดๆ เลยอ่ะ

ยังดีนะที่คะน้าไม่ตอบรับตุลไป

ไม่งั้นคงเจ็บกว่านี้

แต่สามคนไปเลยมั้ย 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 30-01-2013 09:23:59
ถ้าตัดสินใจที่จะทำอะไรลงไป ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา
คุณหมอ ไม่ก้าวยาวๆ แล้วจะทันคนอื่นได้อย่างไร
เมืีอตัดสินใจจะไม่เผยตัวแต่แรก มันก็ช้าเกินไปตั้งแต่วินาทีที่ควรได้เปรียบนั้นแล้ว

คอมเม้นได้ใจร้ายกับหมอตุลมากเลยเนอะ55
แต่บางทีถ้าตุลใช้ความกล้าตั้งแต่ตอนแรก คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ละนะ
หมอคงไม่ต้องอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ :p
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 30-01-2013 10:01:12
สงสารหมอตุล :monkeysad: รักคะน้ามากจริงๆ

นู๋ต่ายคงเสียใจไม่นาน เพราะมีพี่สาวอย่างผักกาดคอยปลอบ

และให้กำลังใจ ครอบครัวนี้เขาปลูกฝังกันมาดีนะน่ารักจัง :man1: :m1:

      :L1:      :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 30-01-2013 10:20:58
รักหมอตุล  :impress3:
รักทิมไม่เท่าหมอตุลมาตั้งแต่ตอนที่พี่แกยืนดีดกีตาร์ต้องเพลงล่ะ  :impress2:
คุณ Lucea คราวที่แล้วเค้า  :z6: คุณ
คราวนี้เค้า  :กอด1: :กอด1: สองครั้งก็แล้วกัน
หน่วงแต่เช้า(สาย) เลยวันนี้

สู้ๆ สู้ตายน๊า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dewdew ที่ 30-01-2013 10:29:09
ตุลได้โอกาสมากกว่าทิมมาตลอดแต่เป็นตุลเองที่ไม่ชัดเจนไม่มั่นคงมาตลอด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 30-01-2013 14:31:22
สงสารหมอเลย  จะว่าไปทั้งหมอทั้งทิมก็ต่างคนต่าทำคะแนนทั้งคู่นั่นแหละ
แต่คนละแบบกัน  หมอออกแนวรักนะแต่ไม่กล้าแสดงออก
แล้วคะน้าก็เลยไม่รู้เรื่องด้วย  ส่วนทิมก็สู้อุตส่าห์มาทำกับข้าวทุกวัน
เฮ้อ  สงสารหมอจังเลย  มามะมาซบอกพี่ก่อนก็ได้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 30-01-2013 14:31:42
คะน้าโทรไปได้ถูกจังหวะมาก ได้คุยกันหลายเรื่อง ได้เจอกันด้วย ลุ้นจะแย่
แม้จะเจ็บแต่ก็ดีแล้วที่คะน้าพูดแบบนั้น อย่าให้ความหวังกับใครเลย
เพราะคะน้ารักทิมแล้ว หมอตุลน่าสงสารเบา ๆ เรื่องข้อความที่ไม่เคยเปิดอ่าน
แต่ตอนนั้นก็ทำลึกลับนี่นา ที่จริงหมอตุลเป็นคนละเอียดอ่อนและน่ารักมากนะ
กินกันเกือบไม่ลงแน่ะสองคน ชอบความรักของสองพี่น้องมากค่ะ อบอุ่น
เอ๊ะ นี่ตาทิมไปไหน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 30-01-2013 22:41:19
เคลียเรื่องโทรศัพท์ เฮ่ออออออออออออออ
แล้วรอยที่คอ ?? เอ๊ะะะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 24 (หน้าที่ 33) - Jan 30, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 31-01-2013 01:35:58
เชื่อขนมกินได้เลยว่า  อ่านตอนนี้ไปแล้วฟังเพลงนี้ไป

บ่อน้ำตาไม่แตก  ไม่น่าจะมี  อิอิ

http://www.youtube.com/v/tQH27-c4nnw

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 02-02-2013 13:02:23
สวัสดีครับ ว่าจะลงตั้งแต่เมื่อคืนแต่ดันเผลอหลับไปได้ซะนี่ ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะครับ
บวกคืนๆ ดีใจที่เห็นเพื่อนๆ ที่คุ้นๆ แต่แรกหลายคนกลับมาทักทายกันอีกครั้งนะครับ
ดันมาโผล่เอาช่วงมาม่าเล็กๆ ซะได้ หวังว่าจะไม่ด่ากันนะครับ 555555555

ตอนที่แล้วถ้าใครจำได้แม่นว่าตุลเคยพูดอะไรไว้บ้าง คงมีคนแต่งจนสลดเหมือดเอาแน่นอน
ตอนที่กำลังจะลงนี้เป็นตอนที่ให้ความรู้สึกอีกแบบ และเป็นตอนที่ยาวมาก
ส่วนหนึ่งเพราะพ่วงเอามาจากตอนที่แล้ว ตอนนี้เลยค่อนข้างยาวหน่อยนะครับ
แต่ถ้าอ่านจบน่าจะให้ความรู้สึกที่ดีในตอนจบนะ งั้นต่อเลยครับกับตอนที่ 25



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 25



ว่ากันว่าโดยเฉลี่ยทั่วไปแล้ว คนเราโกหก 4 ครั้งต่อวันหรือราว 1,460 ครั้งต่อปี นั่นเท่ากับมากถึง 87,600 ครั้งในตอนที่เราอายุ 60 ...ไม่น่าเชื่อที่เกือบทั้งหมดของการโกหกมากมายนั้น คือการพูด หรือแสดงออกว่าตัวเราเอง “สบายดี”


...อาจจะจริง

คะน้านั่งเจ่าจุกอยู่ที่แผงในตลาด ผักกาดปลุกเขาให้ตื่นในตอนเช้ามืดแล้วถามเพียงสั้นๆ ว่าไหวหรือเปล่า คำโกหกคำโตคือการยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและลุกขึ้นแล้วไปอาบน้ำทั้งๆ ที่อ่อนล้าไปทั้งกายและใจ เขาตัดสินใจมาทำงานตามปกติ คิดเพียงแค่ว่าบางที งานอาจจะช่วยให้ยุ่งจนลืมอะไรๆ ไปได้เอง

แต่วันนี้ตลาดกลับดูหงอยและเงียบกว่าหลายวันที่ผ่านมา ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม หรือจริงๆ แล้วเป็นที่ตัวคะน้าเองที่มองอะไรเปลี่ยนไป ชายหนุ่มถอนหายใจเหนื่อย นับไม่ถ้วนว่าลำพังแค่วันนี้ตัวเองทำกิริยาซ้ำๆ ที่ว่าไปแล้วกี่ครา ไม่ใช่กำแพงเย็นๆ ที่กั้นระหว่างห้องแบบทุกครั้ง ตอนนี้ตุลคงอยู่เหนือก้อนเมฆพวกนั้น ...ห่างไกลจนเขาเอื้อมไม่ถึง


บางที ชีวิตก็มีเรื่องราวที่ไม่อยากสานต่อ ...แต่ก็หวาดกลัวที่มันจะจบลง

ได้แต่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เหมือนคะน้าจะไม่รู้ว่าเวลาเดินผ่านไปนานแค่ไหน เขาเอาแค่นั่งทำอะไรไปเรื่อยเปื่อยให้มันผ่านไปอีกวัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เห็นทิมยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า

“มีเรื่องอยากให้ช่วยที” คะน้าเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ ทิมแค่ตอบกลับสั้นๆ ว่าช่วยไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อย แม้อยากจะถามว่าจะไปซื้ออะไรและไปที่ไหน หรือแม้แต่ในเรื่องอื่นที่ยังคงสงสัย แต่ชายหนุ่มนั่งนิ่งจนคะน้าหมดความคิดจะไต่ถามอะไรให้มากความ คะน้าโทรบอกจันทูว่าอาจจะไม่กลับไปตลาดแล้ว ให้ช่วยเก็บแผงให้อีกวัน ปลายสายมีอิดเอื้อนไม่ใช่น้อย แต่ก็ยอมทำแต่โดนดีเมื่อแลกกับนิตยสารซุบซิบดาราที่จะลงแผงวันศุกร์ที่จะถึง

รถเลี้ยวเข้าห้างสรรพสินค้าสุดหรูใจกลางเมือง คะน้าอดไม่ได้ที่จะดูสารรูปตัวเองในตอนนี้ เสื้อยืดมอซอ กางเกงขาสั้นพอดีเข่า และรองเท้าแตะชนิดจะพังไม่พังแหล่ ยิ่งต้องมาเดินตามคนตรงหน้า ก็ยิ่งเศร้า สภาพของคะน้าแทบไม่ต่างอะไรกับคนรับใช้ที่เดินตามเจ้านายไม่มีผิดเพี้ยน

ทิมพาเข้าร้านเสื้อแบรนด์เนมจากต่างประเทศ พนักงานในร้านเดินมาต้อนรับแล้วมองอยู่ห่างๆ ร่างสูงมองดูเสื้อผ้ามากมายที่แขวนอยู่ตามราว กวาดตามองแล้วหันมามองคะน้าด้วยใบหน้าที่ยังบูดบึ้ง ก่อนจะหันกลับไปเลือกดูเสื้อผ้าเหล่านั้นต่อ คะน้าได้แต่มองอย่างเซ็งๆ ไม่รู้ว่าจะพาตัวเองมาอยู่ในสภาพการณ์ต้อยต่ำให้ช้ำใจเล่นไปทำไม สักพักทิมก็เรียกพนักงานขายไปสอบถามอะไรเล็กน้อย หญิงสาวพยักหน้าแล้วหายเข้าไปหลังร้าน ก่อนจะกลับมาหาคะน้าอีกครั้งแล้วเชื้อเชิญ

“ลองให้ดูหน่อย” ทิมหันมาพูดสั้นๆ แล้วหันกลับไปเลือกข้าวของอื่นๆ ในร้านต่อ

แม้อยากจะถามอะไรให้หายสงสัยมากกว่านี้ แต่อะไรก็ดูจะไม่เอื้อนัก คะน้าจึงได้แต่ตามพนักงานคนนั้นไปห้องลองเสื้อที่ดูเหมือนว่าจะมีเสื้อผ้าแขวนเอาไว้แล้ว ชุดที่คะน้าลองเป็นชุดสูทสีเทาควันบุหรี่ เนื้อผ้าขึ้นวาวดูหรูหรา ตะเข็บเสื้อตัดเย็บอย่างปรานีตเข้าชุดกับกางเกงและเชิ๊ตสีขาวที่ซ้อนอยู่ด้านใน ...ดูดีจนไม่กล้าพลิกดูราคา

ไม่กี่นาทีต่อมาคะน้ายืนมองตัวเองในกระจกด้วยความไม่คุ้นชิน ชุดสูทเหมาะเจาะพอดีกับกับร่างกายจนแอบทึ่ง หากแต่ภาพในกระจกกลับเป็นใครอีกคนที่คะน้าไม่รู้จัก ...ไม่ค่อยเหมือนกับตัวเอง ทิมยืนมองนิ่ง สีหน้าปราศจากคำทักท้วงหรือเอ่ยชม กระนั้นเขาก็เห็นรอยยิ้มน้อยๆ ที่บ่งบอกถึงความพึงใจของเจ้าตัวก่อนจะหันหลังกลับ ไม่นานก็ออกจากร้านอย่างรีบเร่งพร้อมกับถุงในมือมากมาย เพิ่งจะดูไม่เหมือนกับคนใช้เป็นครั้งแรกก็ตอนที่ร่างสูงข้างๆ เป็นคนหิ้วถุงเสื้อผ้าทั้งหมดในมือแทนที่จะเป็นเขาหิ้วแบบในละคร

“ซื้อไปทำอะไรเหรอ? แล้วทำไมต้องให้มาลองด้วย น่าจะพอลองเองได้นี่” คะน้าถามด้วยความสงสัย

“ดูเองไม่รู้ อย่าถามมากเลย ยังมีอะไรต้องซื้ออีก”

ทิมพาตัวเองเข้าไปในร้านรองเท้าที่อยู่ไม่ไกลออกไป เหตุการณ์ทุกอย่างดูจะเหมือนเดิมที่คะน้าทำหน้าที่เป็นหุ่นทดลองตามใจคนตัวสูงที่เจ้ากี้เจ้าการไปเสียทุกอย่าง ...ได้ถุงเพิ่มมาอีกมากมายจนคะน้าแบ่งเอามาช่วยถือ

“ตัดผมเป็นเพื่อนหน่อย”

เหมือนจะเป็นคำร้องขอแต่ทิมเดินดุ่มๆ ขึ้นบันไดเลื่อนแล้วลัดเลาะตามทางทอดยาวแล้วร้านอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง วางถุงมากมายเสร็จก็ดันคะน้าเข้าไปสระผม ทิมหันไปพูดอะไรบางอย่างกับช่างที่มีกระเป๋าใส่กรรไกรแขวนอยู่ที่เอว แล้วตัวเองก็ทิ้งตัวลงนั่งอยู่เฉยๆ พร้อมกับถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยของแบรนด์เนมมากมาย หนึ่งชั่วโมงถัดมาคะน้ามองตัวเองในกระจกด้วยสายตาแปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ตัวเองจะเคยทำมา

“ขอโทษที่ให้รอนานครับคุณทิม เสร็จแล้วล่ะครับ” ช่างตัดผมพาคะน้ามายืนตรงหน้าชายหนุ่มที่รออยู่ด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจในผลงานของตัวเอง “เยี่ยมมากเลยใช่ไหมครับ ขนาดผมเองยังอดตะลึงไม่ได้เลย” ทิมเงยหน้าขึ้นมองผลงานที่เพิ่งสร้างสรรค์เสร็จ ดวงตาสีเข้มนั้นดูนิ่งค้างไปเนิ่นนาน ...นานจนคนที่ยืนอยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก คะน้ายกฝ่ามือขึ้นจับปอยผมที่ลงมาปกหน้าแล้วปัดป่ายด้วยความรู้สึกไม่มั่นใจ

“เอาผมลงหมดเลย แล้วก็ไม่ได้แสกด้วย รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้” หากแต่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ยังมองนิ่งไม่ตอบอะไร จนแม้แต่ช่างตัดผมก็ทำอะไรไม่ถูกกับสีหน้านั้นของทิมจนต้องชวนคุยแก้เก้อ

“คุณทิมอยากให้แก้ตรงไหนอีกหรือเปล่าครับ”

“ไม่ครับ ขอบคุณมาก” ทิมรวบคว้าถุงทั้งหมดขึ้นมาในมือจนพะรุงพะรังแล้วเดินนำหน้าออกไปจากร้านตัดผมทันที คะน้าตกใจรีบควักกระเป๋าสตางค์ที่อยู่ในกางเกงขึ้นมาแต่ทางร้านแจ้งว่าคนที่เพิ่งออกจากร้านไปจัดการจนครบทุกอย่างแล้ว ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นคำขอบคุณแล้วรีบวิ่งตามทิมออกไป

“ไหนว่าให้เป็นเพื่อนตัดผมไง แล้วไม่ตัดเหรอ”

“ไม่” ทิมพูดเสียงเข้ม

“เดี๋ยวๆ แล้วจะรีบไปไหน” คะน้าหอบเมื่อตามมาทันที่รถ

“กลับบ้าน” ทิมตอบสั้นๆ แล้วออกรถทันที ลึกๆ แล้วคะน้ามีคำถามที่สงสัยอยู่มากมาย ในใจตั้งคำถามหลายอย่างกับเสื้อผ้าและข้าวของราคาแพงจำนวนที่ชายหนุ่มควักเงินซื้อไปในวันนี้ ...เสื้อผ้า และข้าวของของผู้ชายขนาดตัวของเขา แต่พอนึกไปถึงอุบายที่เพิ่งจะรู้เมื่อถึงร้านตัดผมก็ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าทิมกำลังคิดจะทำอะไร ไม่ต้องตั้งคำถามอีกต่อไป ไม่ช้าเจ้าตัวก็เฉลย

“คืนนี้ไปงานเป็นเพื่อนหน่อย” ทิมเอ่ยขึ้นเบาๆ

“เฮ่ย งานอะไร ไม่ไปหร..” ยังไม่ทันจบประโยคแววตาคู่นั้นที่จ้องมองที่คะน้า ก่อนจะตวัดไปที่ข้าวของมากมายที่ด้านหลังก็ทำให้เสียงถูกดูดหายสนิท อีกครั้งที่คะน้าถูกมัดมือชกอย่างแนบเนียน

“เสื้อผ้านั่น คงไม่ได้หมายความว่า...”

“อือฮึ” เป็นอันว่าปริศนาได้ถูกไขความกระจ่างลงเสียที คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ พยายามคำนวนคัวเลขของข้าวของมากมายที่ซื้อไปเท่าที่พอจะคะเนได้แล้วเหงื่อตกอย่างบอกไม่ถูก





ถึงห้องของทิมเวลายังไม่ถึงสี่โมงดีพร้อมกับข้าวของมากมายในมือ เมื่อจัดวางให้เป็นที่เป็นทางแล้วชายหนุ่มก็รีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นเตรียมจ่าย แม้รู้ดีว่ายังไงก็ไม่พอกับเงินเรือนแสนที่ทิมควักจ่ายไปวันนี้ อยากจะตะโกนด่าคนเอาแต่ใจที่ใช้เงินแบบไม่คิด แต่ก็ไม่อยากเสี่ยงเท่าไหร่ ...เอาวะ วันนี้ก็ผ่อนไปก่อนเท่าที่มี

“อะไรที่คิดอยู่ ขอให้หยุดความคิดนั้นซะ”

“ไม่ได้หรอก ยังไงก็ต้องจ่าย ยังไงมันก็เป็นของผม” คะน้าพูดด้วยท่าทางที่จริงจัง แม้จะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ยึดถือกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมาก คนที่ยืนฟังแย้งกลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ทิมเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าสตางค์ในมือของคะน้าขึ้นมาแล้วโยนทิ้งไปที่โซฟาอย่างไม่ไยดี

“เฮ่ย! ทำอะไรเนี่ย!” คะน้าโวยแล้วรีบเดินไปหยิบกระเป๋าหนังในฟีบที่แผ่หราอยู่กลางโซฟา ไม่รู้เลยว่าทิมเดินตามหลังมาในระยะประชิด กระทั่งจังหวะที่เอื้อมเก็บของที่ตกอยู่ก็โดนกดตัวด้วยน้ำหนักทั้งตัวของจอมวางแผนจากด้านหลัง

“เหวออออออออ... อย่าทับได้ไหม มันหนักนะ” ร่างของคะน้าแนบที่กับโซฟาพยายามดันตัวลุกขึ้น แต่คนที่ทับอยู่กลับออกแรงกดทับหัวไหล่เอาไว้แล้วฝังปลายจมูกลงบนลำคอ

“เดี๋ยวต้องไปงานไม่ใช่เหรอไง” เบี่ยงหน้าไปด้านข้าง หวังว่าเหตุผลจะทำให้ตนพ้นจากริมฝีปากที่เริ่มรุกล้ำ แต่ก็ดูเหมือนจะป่วยการเมื่อรอยยิ้มนั้นดูจะแย้มพรายกว่าเดิม

“หนึ่งทุ่ม”

“เฮ่ย แล้วทำไมต้องรีบกลับมาด้วย” คะน้าร้องเสียงหลง มองไม่เห็นความจำเป็นที่ทิมจะต้องไปดึงตัวเขาจากตลาดตั้งแต่บ่ายต้นๆ แล้วรีบเร่งไปทำธุระมากมายขนาดนั้น

“แล้วคิดว่าทำไมล่ะ”

ฟันสีขาวขบลงเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของคะน้าพร้อมกับฝ่ามือที่ดึงชายเสื้อจนเลิกสูง หัวเข่าและท่อนขาเคลื่อนตัวอย่างซุกซน นอกจากริมฝีปากของทิมแล้ว ปลายนิ้วบนทั้งสองมือฝ่าของคนที่เด็กกว่าก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน ชายหนุ่มค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าของตัวเองลงก่อนจะสำรวจร่างกายของคนตรงหน้าจนเปียกชื้น

“มันน่านัก” ทิมก่นเสียงผ่านไรฟัน ผิดกับอีกคนที่เกร็งตัวขึ้นทันทีกับสัมผัสที่รุมเร้า รู้สึกถึงริมฝีปากที่เน้นเฉพาะจุดบนแผ่นอก อยากจะบิดตัวหนี ความรู้สึกใหม่ก็กลับจู่โจมทันทีจากฝ่ามือด้านล่างจนสะท้าน

“ไม่เอา ตัวเหม็น”

“ให้มันเหม็นไป”

สวนคำตอบขึ้นมาราวกับไม่ต้องเสียเวลามากมายให้ต้องคิด ทิมสบตาของคะน้าแล้วเลียปลายนิ้วที่ยกขึ้นมาจากด้านล่างช้าๆ รอยยิ้มน้อยๆ ยกขึ้นอย่างน่ามอง ก่อนใบหน้านั้นจะเคลื่อนขยับเข้าใกล้แล้วสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในปากของอีกคนที่อยู่ด้านล่าง คะน้าพยายามขัดขืนในตอนแรก แต่เพียงครู่เดียวเขาก็ตอบรับกับสัมผัสที่ทั้งนุ่มนวลและร้อนแรงในเวลาเดียวกันนั้นแต่โดยดี เมื่อรสจูบนั้นให้ความรู้สึกกำซาบกว่าสัมผัสใดๆ ที่แผ้วผ่านมา






แม้สายน้ำอุ่นจากเครื่องทำน้ำร้อนให้ความรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าในชั่วโมงที่ผ่านมา หากแต่ความรู้สึกร้อนวาบบนใบหน้านั้นกลับยังคงอยู่ไม่จางไปไหน หัวใจของเขายังคงทำงานหนักในพื้นที่สี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ถูกออกแบบไว้ให้พอดีกับร่างกายของคนหนึ่งคน

“มา! สระผมให้”

เสียงทุ้มของอีกคนดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสแผ่วเบาบนศีรษะจนกลายเป็นพรายฟองนุ่มฟู ในพื้นที่แคบๆ ทิมยืนอยู่ในระยะประชิดตัว ผิวกายแทบจะแนบกับผิวกายจนอึดอัด คะน้าได้แต่ยืนนิ่งเป็นหินสลัก ไม่ชินและไม่คุ้นเคยกับสัมผัสอ่อนโยนที่ไม่เคยจะคาดคิดว่าจะได้รับ ความใกล้ชิด ความดูแลเอาใจใส่ นานวันยิ่งจะทำให้คะน้าซึมซับจนกลายไปเป็นนิสัย ห้ามกี่ครั้งก็ห้ามไม่ไหว จนต้องปล่อยหัวใจของตัวเองทั้งหมดไว้กับคนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่ข้างหลัง

“คราวหน้า อาบในอ่างกันนะ”

“บ้าใหญ่แล้ว หันไปเร็วๆ”

“ทำไมล่ะ”

“ก..ก็จะสระให้มั่งไง” คะน้าก้มหน้าแล้วยืนนิ่ง ร่างสูงเพียงแค่ยิ้มตอบน้อยๆ แต่ดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายมากมาย ทิมโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ หอมฟอดลงบนแก้มแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี

“ขอบคุณครับ”






มันเป็นความรู้สึกที่แปลกและน่าจะเป็นภาพที่คะน้าคิดว่าไม่น่ามองเอาเสียเลย กับการที่ผู้ชายสองคนผลัดกันเช็ดผมให้กันและกัน ถ้าใครมาเห็นคงได้อยากสำรอกจนคว้ากระโถนขึ้นมาแทบไม่ทัน ...กระนั้นคะน้ากลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ไม่ได้รู้สึกถึงความกระด้างไม่น่ามอง แต่มันเป็นความรู้สึกที่อุ่นในใจ อ่อนโยน และทะนุถนอม

ผมที่สั้นของทิมดูกระด้างแข็ง หากแต่เมื่อสัมผัสดูกลับพบว่ามันนิ่มและละเอียดไม่ต่างกับเส้นไหมชั้นดี และความที่ผมนั้นสั้นกว่า ส่วนมากจึงเป็นคะน้าที่เป็นฝ่ายนั่งอยู่เฉยๆ โดยมีทิมที่ยืนเช็ดและเป่าผมจนแห้งเป็นทรง คะน้าสวมถุงเท้า กางเกง และเสื้อต่างๆ ที่ทิมหยิบส่งให้ ชายหนุ่มอีกคนช่วยจัดแจงต่างๆ ให้มันดูเป็นระเบียบเรียบร้อย คงไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ หากเขาจะเพิกเฉยและไม่ดูแลอีกฝ่ายอย่างที่อีกฝ่ายปฏิบัติต่อตัวเอง คะน้าจึงหยิบเสื้อผ้าส่งให้กับทิมและช่วยดูความเรียบร้อย เมื่อเสร็จสิ้นก็ยืนมองดูชายหนุ่มที่ยืนยักคิ้วให้ตรงหน้า คะน้าตะลึงงันไปเนิ่นานหลายวินาที เมื่อเขาเองก็ไม่เคยเห็นทิมในมาดนี้

ทิมดูดีจนคะน้าไม่เชื่อว่าจะมีใครสักคนที่จะไม่หยุดเหลียวมอง ผมของทิมหวีเรียบเป็นระเบียบผิดกับทุกทีที่จัดแต่งแบบง่ายๆ ด้วยแว็กซ์ หน้าผากเปิดกว้างเผยให้เห็นคิ้วคมๆ ที่ทำให้หน้าของทิมน่ามองทุกครั้ง มีเพียงแววตาคู่นั้นเพียงอย่างเดียวที่ยังดูรั้น ไม่ยอมคนที่ยังคงอยู่และไม่เปลี่ยนไป

ทิมยื่นโบเล็กๆ ที่เป็นลายตารางสีฟ้าอ่อนสลับขาวสำหรับติดคอให้คะน้าเชิงร้องขอ คะน้าจึงช่วยจัดแต่งโบเล็กๆ นั้นให้อยู่เป็นระเบียบแล้วพลิกปกเสื้อลง ...รู้สึกร้อนวาบๆ อยู่บนหน้าแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก


...สุดเขตเกย์แบบกู่ไม่กลับเลยเว้ย ซีนนี้


“หน้าแดงๆ เป็นอะไร”

คะน้าส่ายหัวแล้วเบือนหน้าหลบสายตา รีบจัดแจงผูกกับคอคนที่ยืนยิ้มอยู่เร็วไว ทิมหอมฟอดใหญ่ก่อนจะขอบคุณคะน้าที่ช่วยผูกให้ เขาหยิบโบอีกชิ้นที่หน้าตาเหมือนกัน จะผิดก็เพียงแต่สีที่เป็นสีชมพูอ่อนสลับขาวขึ้นมาแล้วเดินไปด้านหลัง คะน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามในใจ  ...ทำไมต้องเป็นสีชมพูวะ?

ไม่ใช่ไม่ชอบหรือไม่ถูกโฉลก แต่โอกาสจะแต่งตัวแบบนี้แทบจะไม่มี ถ้าเลือกได้ ก็อยากจะดูเท่ห์ด้วยสีเข้มๆ หรือเนคไทสีดำอะไรๆแบบนั้นมากกว่า ...มากกว่าโบน่ารักสีชมพูหวานๆ ซึ่งก็คงได้แต่คิดเมื่อโบน้อยถูกอ้อมมาด้านหน้าแล้วผูกลงบนคอให้กับคะน้าเรียบร้อยแล้ว

ดวงตาของคะน้ากระพริบถี่อย่างไม่แน่ใจ ทั้งเสื้อผ้า ทรงผม และบรรยากาศโดยรวม ดูเหมือนภาพที่เห็นในกระจกนั้นไม่ใช่ภาพสะท้อนของตัวเขา เหมือนกับใครสักคนที่แม้แต่หน้าก็ดูไม่ค่อยจะเหมือน ไม่น่าเชื่อว่าแค่เปลี่ยนทรงผมเป็นอีกแบบ และจัดแจงแต่งตัวให้พิถีพิถันกว่าเดิมนั้น กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจนไม่เหลือซากแบบนี้

แต่นั่นดูจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้าจนปั้นหน้าไม่ถูกเมื่อเทียบกับคนที่ยืนอยู่ข้างๆ หากเมื่อพิจารณาดูดีๆ แล้วนั้น นอกจากสีของสูทที่เป็นสีเทาโทนเข้มกว่าเพียงไม่กี่เฉดสี แต่โดยรวมๆ แล้วเสื้อผ้าของทิมดูแทบจะไม่ต่างอะไรกับที่คะน้าสวมใส่เลย แน่ล่ะ เพราะมาจากร้านเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เนื้อผ้าจึงเหมือนกัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือโบเล็กๆ ที่ติดอยู่ใต้ปกเสื้อที่หน้าตาเหมือนกัน แตกต่างกํนก็แค่เพียงเป็นคนละสี



...ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนเป็นเพื่อนกัน!

คะน้าหันไปส่งสายตาทักท้วงกับทิม แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่คิดใส่ใจแถมยังเร่งให้ออกไปงาน ทิมบอกว่างานวันนี้เป็นงานเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทคู่ค้าที่ทำสัญญาเป็นตัวแทนขาย แน่นอนว่าเป็นอีกบริษัทที่อยู่ในเครือบริหารของกลุ่มบริษัทเดียวกัน ผู้คนมากมายในงานมีทั้งชาวต่างชาติและชาวไทย รวมถึงเหล่าบุคคลในสังคม แม้คะน้าจะไม่รู้จักใคร แต่ก็คุ้นหน้าคุ้นตาหลายคนจากหน้าข่าวสังคมในหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ไม่น้อย

ทันทีที่เดินเข้างาน ดูเหมือนสายตาของผู้คนที่อยู่ก่อนหน้าจะมองมาแปลกๆ ...แน่ล่ะ ผู้ชายสองคนมาพร้อมกันไม่พอ ยังแต่งตัวคล้ายๆ กันอีก ทิมพาไปกลุ่มเพื่อนที่ยืนปะปนกับผู้คนด้านใน ในนั้นคะน้าจำเจได้ เขาอยู่ในสูทสีดำและเนคไทสีเข้มดูมีเสน่ห์ชวนมอง ...เท่ห์ชะมัดยาด จากหัวข้อสนทนาและคำที่ใช้ทักทายกันที่ค่อนข้างสนิท เขาเดาว่าน่าจะเป็นพวกคนทำงานเป็นวิศวกรกันหมด

แปลกที่ทิมดูไม่คิดจะแนะนำเพื่อนเหล่านั้นให้กับคะน้ารู้จักสักคน แม้แต่เจเอง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะจงใจเบี่ยงเอาตัวกั้นไว้ไม่ให้อยู่ใกล้ เพื่อนแต่ละคนที่พยายามจะเอ่ยทัก พร้อมกับสายตาที่ดูกรุ่มกริ่มประหลาดดูไม่ได้สร้างความสนใจให้ทิมอย่างที่ควร ไม่รู้ว่าคิดมากไปเองหรือเปล่า ทิมดูจะจ้อกว่าทุกครั้ง เรียกว่าเป็นฝ่ายชวนคุยไม่หยุดก็คงจะว่าได้ ไม่นานนัก ทิมก็พาคะน้าก็ผละจากกลุ่มเพื่อนนั้นออกมา ร่างสูงพาเขาเดินมาหากลุ่มสาวๆ ที่อยู่ด้านในกว่า คะน้ารู้สึกแปลกๆ กับสายตาของพวกเธอที่มองมา หนึ่งในนั้น คะน้าจดำจำได้เป็นอย่างดี แนนกล่าวทักทายทิมแล้วมองที่คะน้าแล้วยิ้มน้อยๆ บอกไม่ถูกว่าเป็นรอยยิ้มแบบไหนเมื่อในแววตาคู่นั้นเหมือนอัดแน่นด้วยคำถาม

“เพื่อนพี่ทิมเหรอคะ ทำไม... ชุดคล้ายกันเลย” ดูเหมือนว่าเธอจะลืมเขาไปแล้วล่ะมั๊ง

“บังเอิญน่ะ” ทิมหันมายักคิ้วให้คะน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นเหตุผลสั้นๆ แบบที่ชายหนุ่มบอกกับเพื่อนๆ กลุ่มเมื่อครู่เหมือนกัน แนนดูยิ้มแย้มขึ้นมากว่าเมื่อครู่ เธอหันมาสบตาน่ารักกับคะน้าแล้วหันไปมองทิม

“จะไม่แนะนำให้แนนรู้จักกับเพื่อนพี่ทิมหน่อยเหรอคะ แนนเดาว่าต้องเป็นเพื่อนที่เรียนกับพี่ทิมตอนอยู่ต่างประเทศแน่ๆ เลย” หญิงสาวในชุดราตรีสีโอลโรสสบตาคะน้าอย่างน่ารัก แล้วหันมาแนะนำตัวอย่างคล่องแคล่วตามแบบฉบับคนที่คุ้นกับการเข้าสังคม

“แนนค่ะ” ทิมหันมายิ้มให้กับคะน้า แววตาที่ดูเจ้าเล่ห์คู่นั้นราวกับว่าภาคภูมิใจอะไรสักอย่างเสียมากมาย ทิมหันไปฉีกยิ้มให้กับหญิงสาวเสียกว้างขวาง

“แนนเคยเจอแล้วนี่ คะน้าไง” ดูเหมือนจะเป็นคำตอบที่เกินกว่าจะคาดคิดของหญิงสาวไปไกล เมื่อดวงตาคู่นั้นดูจะเบิกกว้างจนซุกซ่อนความตระหนกไม่มิด

“พี่..คะน้า...” หญิงสาวรำพึงขั้นมาอย่างไม่เชื่อตัวเอง สักพักเธอก็ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะไหวหน้าไปมาราวกับตำหนิในความสะเพร่าเผอเรอด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ

“ตายจริง พี่คะน้าอย่าโกรธแนนเลยนะคะ ช่วงนี้อาจจะวุ่นๆ หน่อยกับการเตรียมงาน บางครั้งจนแนนก็เบลอๆ ไปเหมือนกัน แย่จังที่จำพี่ไม่ได้ แนนหน้าแตกไปหมดแล้ว” เธอสบตาอย่างอ่อนหวาน คะน้าอมยิ้มน้อยๆ มองกี่ครั้งหญิงสาวก็ดูเป็นเหมือนกับเจ้าหญิงตัวเล็กๆ ในเทพนิยาย ร่างบางคอดเอวจนสวยน่ามอง ดวงตาหวานใสเหมือนหยดน้ำที่กลิ้งกลอก แต่ก็ดูดีกับทรงผมที่ทันสมัย

“ว่าแต่ดื่มน้ำอะไรหน่อยไหมคะ” แนนหันไปส่งยิ้มน้อยๆ ให้บริกร ก่อนที่เครื่องดื่มมากมายจะมาโผล่โฉมมาให้เลือกสรรตรงหน้า ร่างเล็กกวาดสายตาไปมา ริมฝีปากรั้นแบบคิดไม่ตก “แชมเปญไหมคะ”

“อย่าดีกว่าครับ ผมดื่มไม่เก่งด้วย” คะน้าหันไปยิ้มเขิน เขาไม่ใช่คนที่ดื่มเก่งอะไรมากมาย ออกจะเรียกได้ว่าติดจะแพ้แอลกอฮอล์นิดๆ ด้วยซ้ำ เพราะถ้าดื่มมากๆ ถึงไม่อาเจียน แต่ร่างกายก็จะเป็นผื่นแดงไปทั้งตัว ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในกลุ่มจึงเลือกที่จะหยิบเพียงน้ำอัดลมขึ้นมาจิบแล้วส่งยิ้มให้กับทุกคน

“วันนี้พี่ทิมดูหล่อเป็นพิเศษเลยนะคะ” หญิงสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้ว ผิดกับคนอื่นๆ ในกลุ่มที่ได้แต่ลอบมองทิมสลับกับเขาแล้วยืนขวยเขิน ...ก็น่าอยู่หรอก แต่งตัวอะไรมาแบบนี้ แต่อีกคนนี่สิ ดูจะไม่สนใจอะไรแม้แต่น้อย

“แนน พี่ฝากคะน้าไว้กับเราหน่อยได้ไหม ขอไปคุยธุระอะไรกับพวกไอ้พี่เจหน่อย” หญิงสาวตบปากรับคำพร้อมกับรอยยิ้มน่ารัก ทิมจึงหันมาพูดกับคะน้า ...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหน้าจะโหดไปไหน

“อยู่กับพวกแนนที่นี่ก่อนได้ไหม เดี๋ยวมา” ทันทีที่คะน้าพยักหน้าหงึกๆ ชายหนุ่มก็สาวเท้าไวๆ ตรงกลับเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่จากมาทันที ...ก็แล้วทำไมไม่คุยให้จบก่อนจะเดินมานี่นะ แปลกคน

“พี่คะน้าก็ด้วยนะคะ วันนี้พี่ดูดีมากเลยค่ะ” เสียงหวานๆ ของแนนทำเอาคะน้าสะดุ้งกับคำพูดที่เกิดมาไม่เคยเชื่อว่าจะได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันจากปากของผู้หญิงที่สวยน่ารักและดึงดูดสายตาของหนุ่มๆ แบบแนน ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย



“...หล่อจนแนนจำไม่ได้เลย”



(มีต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 02-02-2013 13:04:09
(ต่อครึ่งหลังของตอนครับ)





“แนนรู้จักพี่เค้าด้วยเหรอ แนะนำให้เรารู้จักหน่อยสิ” สาวๆ หลายคนดูจะกล้าพูดอะไรมากขึ้นเมื่อไอ้หน้าโหดไม่อยู่ในวงสนทนาแล้ว

“ชื่อพี่คะน้าจ๊ะ เป็นเพื่อนของพี่ทิม” แนนหันมายิ้มให้คะน้าน้อยๆ ขยับตัวเข้ามาใกล้เหมือนแนะนำให้เพื่อนๆ รู้จัก คะน้ายิ้มเขิน ไม่เคยได้อยู่ใกล้กับสาวๆ หน้าตาดีมากมายแบบนี้

“สวัสดีครับ”

“ชื่อพี่คะน้าเหรอคะ ชื่อน่าทานจัง” คะน้าก้มหน้างุด รับไม่ถูกกับคำแซวจากคนที่ไม่คุ้นหน้า ชายหนุ่มจึงได้แต่แจกยิ้มเกลื่อนไปให้กับทุกคน

“ครับ” แนนเอามือมาแตะแขนเขาเบาๆ แล้วเขย่าเหมือนส่งกำลังใจแล้วหันไปดุใส่สาวๆ คะน้าหันกลับไปยิ้มขอบคุณ ถ้าไม่ได้เธอ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน

“แล้วพี่คะน้าเรียนวิศวะแบบพี่ทิมหรือเปล่าคะ เดาว่าต้องรู้จักกันที่เยอรมันแน่ๆ”

“เปล่าหรอกครับ ผมเรียนด้านการตลาดมา จบจากที่อเมริกาน่ะครับ คนละฝั่งกันเลย” ดูเหมือนว่าคำตอบของคะน้าจะสร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวไม่น้อย

“แนนไม่เห็นเคยทราบมาก่อนเลย เดี๋ยวแนนก็ได้ปล่อยไก่กันอีกพอดี พี่คะน้าไม่บอกแนนบ้างเลยนะคะ” เธอส่งเสียงเง้างอดน่าเอ็นดู

“ขอโทษครับ ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกันแฮะ” แม้เครื่องแต่งกายจะเปลี่ยนแต่บุคลิกคะน้าไม่เคยเปลี่ยน ชายหนุ่มยังคงวางตัวง่ายๆ และยกมือขยี้ท้ายทอยตัวเองเบาๆ อย่างเป็นธรรมชาติทุกครั้งเวลาที่เก้อเขิน

“พี่คะน้าดูน่ารักจังเลยค่ะ ไม่ถือตัวเลย ไม่น่าเชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทของพี่ทิมได้เลยจริงๆ นะ บางทีพี่ทิมก็ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้” สาวพูดจ้อแล้วส่งสายตาระยับมาให้ ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นคำตัดพ้อเล็กๆ สำหรับทิมและเหมือนจะชื่นชมเขาอยู่ในทีหรือเปล่านะ

“ทิมไม่ได้เป็นคนที่ดูน่ากลัวหรอกครับ ตัวจริงเป็นคนที่... เอ่อ... ใจดีมากๆ ด้วยซ้ำ” คะน้าจงใจเลี่ยงคำว่าติงต๊อง และนิสัยเหมือนกับเด็กๆ ออกไปเพื่อที่จะได้ไม่ทำลายภาพลักษณ์ที่ดีของทิมในสายตาสาวๆ

“พี่ทิมเป็นคนที่จริงจังกับงานน่ะ งานต้องเป็นงาน ห้ามเล่นเลยล่ะ” โชคดีที่แนนช่วยแก้ต่างให้กับหัวหน้าของเธอ ไม่อย่างนั้นสาวๆ คงไม่หยุดโต้เถียงเป็นแน่ คะน้ายืนเก้ตอบคำถามที่ซักไซ้ประวัติของตัวเองอย่งอึกอัก ดูเหมือนหญิงสาวข้างๆ จะสังเกตุเห็นได้ไม่น้อย สักพักเมื่อได้จังหวะ แนนจึงหันมากระซิบกับคะน้า

“พี่คะน้าอึดอัดไหมคะ เดี๋ยวแนนพาไปนั่งที่เงียบๆ ทานอะไรอร่อยๆ แล้วเดียวแนนจะบอกพี่ทิมให้ตามมาถ้าธุระเสร็จแล้วดีไหมคะ”

“ก็ดีเหมือนกันนะครับ” คะน้าตอบตามความรู้สึกจริงๆ ไม่รู้ว่าทิมจะพามาเป็นเพื่อนทำไม เมื่อในงานก็มีคนที่รู้จักมากมายขนาดนี้ คะน้าต่างหากที่ไม่รู้จักใครสักคน

“เอาล่ะสาวๆ เดี๋ยวขอพาตัวพี่คะน้าไปตักของกินแป๊บนะคะ เสร็จแล้วเดี๋ยวมาจ๊ะ” แนนหันมากระพริบตาเหมือนส่งสัญญาณ คะน้าหันไปขอตัวกับสาวๆ แล้วเดินตามแนนไปที่ไลน์อาหารที่เรียงรายมากมายอยู่ด้านริมห้อง

“ขอบคุณนะครับคุณแนน”

“เพื่อนพี่ทิมก็เหมือนกับพี่ของแนน เรียกแนนเฉยๆ ดีกว่าค่ะ” เธอหันมาส่งยิ้ม ...เป็นยิ้มที่ทำให้คะน้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “สาวๆ พวกนี้เป็นพวกสาวๆ ในวงสังคมน่ะค่ะ ลูกคนนั้นหลานคนนี้ พี่คะน้าคงพอเดาได้ใช่ไหมคะ ว่าพี่ทิมไม่ได้เป็นคนหน้าตาธรรมดา แถมยังเก่งและรวยแบบนี้ คนชอบก็คงมีเยอะเป็นธรรมดาล่ะค่ะ”

“อ้าว นั่นคือชอบเหรอครับ เห็นบ่นว่าดุๆ บ่นถือตัวกัน” คะน้าฉงนและแปลกใจกับคำพูดของแนน เขาชายหนุ่มกวาดตามองอาหารมากมายตรงหน้า เลือกตักอาหารที่ธรรมดาที่สุดใส่จานเล็กน้อยเหมือนไม่รู้ว่าจะตักอะไร

“ชอบสิคะ พี่คะน้าเป็นเพื่อนสนิทขนาดนี้ก็น่าจะรู้ พี่ทิมเป็นคนเข้าถึงยาก ถ้าไม่มีธุระปะปังอะไรก็ไม่คุยอะไรด้วยหรอกคะ ถามคำตอบคำ หรือไม่ตอบก็มี”

“...ไม่ได้น่ารักแบบพี่คะน้าหรอกค่ะ”

แนนหันมายิ้มให้กับเขา บางทีคะน้าอาจจะคิดมากไป ดูเหมือนว่าวันนี้แนนดูแลเขาดีเป็นพิเศษ บางที อาจจะเพราะว่าทิมฝากไว้ล่ะมั๊ง แนนเดินไปพูดคุยกับริกรที่ยืนอยู่ สักพักก็เดินกลับมาที่คะน้าแล้วส่งยิ้ม เธอแตะที่แผ่นหลังเขาเบาๆ คล้ายกับบอกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี “แนนไปบอกให้พี่เค้าเอาน้ำตามมาให้น่ะคะ แล้วก็บอกให้ไปแจ่งพี่ทิมด้วยว่าเราจะไปไหน”

“นั่นสิครับ แล้วเราจะหลบไปอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

“เป็นห้องที่ทางโรงแรมเปิดกับให้สต๊าฟไว้ใช้เตรียมงานน่ะค่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้คงไม่มีใครอยู่แล้วล่ะค่ะ ลงมาหล่อมาสวยอยู่ข้างล่างกันหมดแล้ว”

แนนพาเดินไปที่ห้องว่างที่ไม่ห่างจากพื้นที่บริเวณจัดงานมากนัก เป็นห้องโล่งๆ ที่มีข้าวของมากมายสำหรับเตรียมงานวางไว้กับพื้นตามมุมห้อง ตรงกลางมีเพียงโซฟาขนาดเล็กเอาไว้นั่งเพียงตัวเดียว ไม่ทันได้มองสำรวจมากมาย บริการก็เดินเอาน้ำอัดลมใส่เหยือกขนาดใหญ่มาให้พร้อมกับแก้วสองใบ แนนบอกให้เอาวางไว้ในถาดที่พื้นก่อน

“พี่คะน้าไม่ถือใช่ไหมคะ มันไม่ค่อยจะมีที่วางด้วยสิ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง” คะน้ายิ้มให้แนน รู้สึกดีกับความน่ารักและมีน้ำใจของหญิงสาว เธอหันมายิ้มให้แล้วเหลียวซ้ายแลขวาแบบเก้ๆ กังๆ

“เอ่อ... แนนนั่งดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ยืนเอง”

“พี่คะน้านั่งทานเถอะค่ะ เดี๋ยวแนนอยู่เป็นเพื่อน” ไม่บ่อยที่คะน้าจะทำหน้าดุใส่ผู้หญิง กี่ครั้งกี่คราดูเหมือนจะชายหนุ่มจะดูแลและตามใจผู้หญิงตลอด เรียกว่าไม่เคยขัดใจแล้วยังเทคแคร์เป็นอย่างดีด้วยซ้ำ

“จะดีเหรอคะ” หญิงสาวทำหน้าไม่สู้ดีที่ตัวเองดูจะเป็นตัวปัญหาให้อีกฝ่าย หากแต่ชายหนุ่มผายมือให้กับหญิงสาว เธอจึงเดินมานั่งแต่โดยดี คะน้ามองไปรอบๆ ตัว ไม่ได้รู้สึกหิวอะไร แต่เลือกทานอาหารไปเหมือนฆ่าเวลาเอาเสียมาก แนนค่อยๆ ถอดรองเท้าส้นสูงออกเหลือแค่เท้าเปล่าเปลือยบนพื้นพรม “คงไม่ว่าอะไรใชไหมคะ แนนใส่มาทั้งวันเลยตอนเตรียมงาน ล้าไปหมดทั้งขาแล้ว”

คะน้าพอจะเข้าใจว่าความสูงของส้นรองเท้าที่แหลมปี๊ดนั้นดูจะเป็นปัญหาให้กับสาวๆ แต่ผู้หญิงส่วนมากก็เลือกที่จะสวมใส่มันเพื่อความสวยงาม ยิ่งถ้าต้องยืนเตรียมงาน คอยวิ่งทำอะไรตลอดเวลา ยิ่งเมื่อย แต่จะว่าไปแล้ว... “เอ่อ... ว่าแต่คุณแนนได้ทานอะไรบ้างแล้วหรือยังครับ”

“ก็... ยังเลยล่ะค่ะ” หญิงสาวยิ้มแหยให้กับคะน้า “พี่คะน้าทานเถอะค่ะ แนนโอเค”

“พี่ไม่ค่อยหิวหรอก ตักมาอย่างนั้นซะมากสิครับ”

คะน้าถอนหายใจแล้วส่ายหน้าหนักๆ ลึกๆ แล้วก็รู้สึกผิดที่แนนคอยเป็นธุระดูแลเทคแคร์เขาจนหญิงสาวต้องอดทานอาหารอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี “น้องแนนทานอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวพี่ออกไปตักมาให้”

“อุ้ย อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวจะเป็นการรบกวนเปล่าๆ พี่คะน้าทานเถอะค่ะ แนนโอเคค่ะ ไม่ค่อยหิวอะไรมาก อุ้ย...” แนนเอามือจับท้อง สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มแหยให้กับคะน้า “เอ่อ... พี่คะน้าคงไม่ได้ยินนะคะ”

“ได้ยินอะไรเหรอครับ”

“ท้องร้องน่ะสิคะ ดูสิ แนนขายหน้าแย่เลย” หน้าหวานๆ กลับกลายเป็นหน้ามุ่ยจนคะน้าเผลอหัวเราะขำ หญิงสาวคนนี้ดูเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่น่ารักน่าเอ็นดูเอาเสียจริงๆ

“ไม่ครับ แต่ทานอะไรหน่อยเถอะ เดี๋ยวพี่ออกไปตักอะไรมาให้ แนนอยากทานอะไรครับ”

“อะไรก็ได้ค่ะ แต่แนนไม่อยากรบกวนพี่คะน้าหรอก อีกอย่าง แนนก็บอกพี่ทิมไปแล้ว ถ้าพี่ทิมมา แล้วปรากฏว่ามีแต่แนนอยู่ นอกจากมันจะดูไม่ดีแล้ว พี่คะน้าพอจะนึกออกไหมคะว่าแนนจะโดนอะไรบ้าง” ร่างบางขมวดคิ้ว ริมฝีปากรั้นขึ้นเหมือนกังวลจนคิดไม่ตก

“ไม่น่าเป็นอะไรหรอกนะครับ เดี๋ยวรีบไปรีบมาเลย”

“งั้น... แบบนี้ดีไหมคะ เอ่อ... พี่ทิมไม่ค่อยหิวใช่ไหมคะแล้วก็... คงไม่ทานอะไรมากใช่ไหมคะ” คะน้าพยักหน้าไหวๆ “พ..พี่จะถือไหมคะ ถ้าแนนจะแบ่งทานจากจานนั้นเลย” หญิงสาวก้มหน้างุด รวงแง้มระเรื่อเป็นสีแดง

“เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ แต่คือ... พี่ก็ทานไปบ้างแล้วน่ะสิ มันจะดูน่าเกลียดไหมครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกคะ แนนทานได้” หญิงสาวค่อยๆ เดินมาหยิบจานจากในมือของคะน้าอย่างกลัวๆ กล้าๆ แล้วกลับไปนั่งที่โซฟา คะน้ามองด้วยความรู้สึกเกรงใจ อันที่จริงการที่เขาจะไปตักมาให้ใหม่ดูจะไมใช่เรื่องที่ยากเลย “คนที่ทำงานอย่างนี้ต้องทำตัวให้กินง่ายอยู่ง่ายค่ะ บางครั้งไซด์งานอยู่บนเกาะ ไม่ได้มีอะไรหาทานสะดวกสบาย ก็ต้องแบ่งกันทานเอา”

คะน้าค่อยโล่งใจ ดูเหมือนว่าการทำงานจะฝึกให้แนนกินง่ายอยู่ง่ายสมอย่างราคาคุยจริงๆ ร่างบางตักทานจนดูน่าอร่อยแต่สักพักเธอก็ทำหน้ามุ่ย เมื่อหญิงสาวพยายามจัดแจงปีกไก่ทอดในจานอย่างทุกลักทุเลจนคะน้ามองอย่างเอาใจช่วย จนสุดท้าย แนนก็เงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาละห้อย

“พี่คะน้าคะ แนนอยากกินไก่ทอดนี่จัง”

“ครับ” คะน้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำ

“แต่เมื่อกี้แนนเอามือล้วงรองเท้าไปหมดแล้ว คือ... พี่คะน้าป้อนแนนทีนะคะ” คะน้าทำหน้าหวาด จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรพวกนี้ไม่ได้ คะน้ายินดีและเต็มใจเสมอ หากแต่เกรงในเรื่องความเหมาะสมระหว่างชายกับหญิงที่อาจจะไม่เหมาะ “นะคะๆๆๆๆๆ แนนอยากทานจริงๆ”



...เอาเถอะ ยังไงตัวเขาเองก็ชอบทิมไปแล้ว

คะน้าเดินเข้าไปหยิบปีกไก่ทอดขึ้นมาถือแล้วส่งยิ้มให้กับแนน ร่างเล็กในขณะนี้ดูลิงโลดคล้ายกับเด็กตัวโตๆ เสียมากกว่าจะเป็นหญิงสาวในเวลาทั่วไป ...ความรู้สึกในใจ จู่ๆ เขาก็นึกสนุกอยากแกล้งคนที่ส่งสายตาเว้าวอนมา คะน้าจงใจแกล้งถือไก่แล้วเบี่ยงซ้ายย้ายขวาไม่ให้แนนแทะได้ กระทั่งความอดทนสิ้นสุดจนเธอหน้ามุ่ย คะน้าถึงหยุดนิ่งแล้วส่งให้เธอทานแต่โดยดี

แนนค่อนยื่นหน้ามาหาช้าๆ ดวงตาคู่นั้นที่กลมโตดูวับวาวเหมือนเอาดวงดวงทั้งฟ้ามาอัดแน่นอยู่ด้านใน คะน้ามองจ้องสายตาคู่นั้น มันน่ามองจนเขาไม่อยากละสายตา แต่อะไรบางอย่างบอกว่ามันไม่เหมือนแววตาของเด็กสาวซุกซนที่น่าแกล้งอีกแล้ว และก็ไม่เหมือนกับผู้หญิงทะโมนที่กินง่ายอยู่ง่ายไม่เรื่องมากคนนั้น

ทั้งคู่อยู่ในความเงียบ กระทั่งหญิงสาวอาสาลุกขึ้นมาเทน้ำอัดลมจากเหยือกสูงลงในแก้ว แนนเดินออกไปที่ถาดที่วางอยู่ที่พื้น ย่อตัว แล้วค่อยๆ ก้มลง จังหวะที่ก้มเผยให้เห็นช่วงอกที่โค้งได้รูปราวกับดอกบัวที่เติบโตเต็มที่จนกลีบใบรอเวลาผลิแย้ม คะน้าเบือนหน้าไปอีกด้านแสร้งทำเป็นไม่เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ไม่ใช่ว่าคะน้าไม่รู้สึกใดๆ กับเรือนร่างของผู้หญิง แต่เขารู้สึกไม่ชอบการฉวยโอกาสจากความผลั้งเผลอ นอกจากจะไม่เป็นการให้เกียรติผู้หญิงแล้ว คะน้านับว่ายังไม่เป็นการให้เกียรติกับตัวเองด้วย ครู่หนึ่งแนนก็เดินมาส่งน้ำอัดลมสีดำที่รินใส่พอดีแก้วให้ คะน้าขอบคุณแล้วยกขึ้นดื่ม รู้สึกว่าน้ำอัดลมหวานกว่าปกติทุกครั้ง

“มันหวานๆ มีกลิ่นแปลกๆ”

“ไม่มีอะไรนี่คะ” แนนยกขึ้นดื่มไปครึ่งแก้วเหมือนกับไม่มีอะไรผิดปกติ คะน้ามองด้วยความแปลกใจ หากแนนไม่รู้สึกในความผิดปกตินั้น บางที อาจเป็นเขาที่คิดมากไปเอง คะน้าจึงนั่งจิบเครื่องดื่มไปเรื่อยๆ โดยมีแนนคอยเติมให้ไม่ขาด ครู่เดียวก็เหมือนเริ่มรู้สึกมึนหัว แต่ความที่เกรงใจแนนที่รบเร้าให้เขาดื่ม ชายหนุ่มก็ยกแก้วตามใจของแนนไม่ขาด กว่ารู้ตัวอีกทีคะน้าก็รู้สึกมึนเต็มที่ เขาพยายามประคับประคองสติของให้ดีจนพอจะเอ่ยประโยคที่ฟังดูเป็นเรื่องเป็นราวได้

“พอดีกว่าครับ มึนๆ ยังไงไม่รู้ มันใส่เหล้าหรือเปล่านะ”

“ไม่นี่คะ แนนให้น้ำอัดลมปกติมานะคะ” แนนหยิบเครื่องดื่มสีดำขึ้นทานรวดเดียวหมดแก้วเหมือนไม่มีอะไร คะน้ามองแล้วจึงคิดว่าบางทีอาจเป็นเขาเองที่เวียนหัวหรือง่วงนอนขึ้นมาประหลาด สติที่ค่อยๆ พร่าเลือนทำให้คะน้าดื่มต่อตามคำรบเร้าของหญิงสาวตัวน้อยที่นั่งข้างๆ

เนิ่นนานจนสัมผัสที่นุ่มนวลกดลงบนต้นแขนจนทำให้คะน้าหันกลับไปมองจ้อง เห็นแนนค่อยๆ เบียดเนินอกของตัวเองเข้าหาอย่างเชื้อเชิญ วงแขนยกขึ้นเกี่ยวก่ายที่ลำคอแล้วโน้มหา ใบหน้าคลอเคลียอยู่ที่แก้มของเขาไม่ห่างไกล

“พี่คะน้าใจร้ายกับแนน ไม่เห็นเคยบอกแนนเลยว่าจบโทจากอเมริกา แถมรสนิยมก็ดีขนาดนี้” นิ้วชี้ของหญิงสาวค่อยๆ ลูบไปบนสาบเสื้อแล้วเลื่อนไปที่โบไทซึ่งรั้งอยู่ใต้ปกเสื้อแล้วค่อยๆ คลายออก

“อึดอัดใช่ไหมคะ แนนคลายออกให้นะคะ” ปลายนิ้วปลดกระดุมออกช้าๆ ทีละเม็ด ...เม็ดแรก ...เม็ดที่สอง ลมหายใจผ่าวร้อนพร่างพรมอยู่บนแผ่นอกของคะน้าพร้อมกับฝ่ามือที่ลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบา

...เม็ดที่สาม

ในความพร่าเลือนของความรู้สึกที่เหมือนริมฝีปากที่เชิญชวนจะเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ที่คะน้าทีละน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ ลดลงต่ำ แต่มันเลือนลางจนไม่รู้ว่าเป็นเพียงความคิดคำนึงหรือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เข็มขัดและขอบกางเกงค่อยๆ คลายตัวออก พร้อมกับซิบที่ค่อยๆ ร่นลงช้าๆ จนคะน้ามั่นใจ ...คิดว่ามั่นใจกับสัมผัสที่คลายตัวออกนั้น มือที่ลูบไล้เบาๆ ที่ต้นขาให้ความรู้สึกที่ซาบซ่าน หากแต่ว่ามันแปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ...เหมือนไม่ใช่


...ไม่ใช่ทิม

ชาบหนุ่มพยายามอย่างหนักที่จะรวบรวมสติอีกครั้งแล้วเพ่งมองภาพตรงหน้า ภาพที่เห็นดูจะแจ่มชัดขึ้นเล็กน้อย แนนกำลังส่งยิ้มให้กับเขา แววตาที่เคยน่ารักแบบเด็กๆ เปลี่ยนไปจนเขาจำแทบไม่ได้ คะน้าขืนตัวเองขึ้น แม้ในเวลาที่สติสัมปชัญญะเริ่มลดต่ำจนน่าใจหาย หากแต่แรงของผู้ชาย โดยเฉพาะคนที่ต้องขนข้าวของในตลาดบ่อยๆ แบบคะน้านั้นไม่ต่างอะไรกับคนที่ออกกำลังกายในยิมทุกวันแต่น้อย แค่เพียงแรงเหวี่ยงเบาๆ ร่างของหญิงสาวดูเหมือนจะเซไปไกลกว่าที่คะน้าจะคาดคิด

อยากจะขอโทษ แต่ฟังดูคงไม่เป็นภาษา ...อย่างไรก็ตาม เขาต้องพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ให้ไวที่สุด คะน้าลุกขึ้นแบบซัดไปเซมา มือซ้านดึงกางเกงที่ร่นลงขึ้นแล้วพยายามยัดๆ ใส่ๆ ให้พอไม่หลุดออกมาอุจาด สองเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างโยกไหว คะน้าพยายามเปิดประตูออก จนแล้วจนรอดก็หาที่เปิดไม่เจอ เนิ่นนานกว่าที่จะพบว่าต้องบิดประตูออกด้านไหน คะน้าถึงได้ออกแรงกดประตูแง้มออกช้าๆ


...ซึ่งนั่นคือช้าเกินไป

เมื่อแนนที่เสียหลักรุดขึ้นมาถึงตัวเขาแล้ว หญิงสาวเอาตัวเข้าขวางที่หน้าประตูแล้วใช้แผ่นหลังของตัวเองปิดประตูที่เปิดแง้มออก ดันจนมันปิดลงสนิทอีกครั้ง

“พี่คะน้าจะไปไหนเหรอคะ”

มือเล็กๆ ของแนนหลุบลงต่ำแล้วลูบไล้ไปทั่วช่วงล่าง ปลายนิ้วจับที่ซิบแล้วค่อยๆ รูดลงอีกครั้ง คะน้ารีบปัดมือออก ไม่อยากให้ทุกอย่างจบลงด้วยความเลวร้าย เขาฝืนแรงทั้งหมดกับบานประตูที่ลงน้ำหนักตัวของแนนไว้ให้เปิดออกอีกครั้ง ถึงจะทุลักทุเลแต่มันก็สำเร็จ คะน้าก้าวตัวออกจากประตู หากแต่จังหวะนั้นก็ยังคงไม่ทันการ แนนกลับรั้งไว้จนได้

จังหวะเดียวกันนั้น มีพนักงานของโรงแรมเดินผ่าน คะน้าพยายามจะเรียกหรือรั้งไว้ให้ใครสักคนพาเขาให้พ้นจากสถานการณ์นี้เสียที ชายหนุ่มพยายามส่งเสียงเรียกออกไปแบบมึนๆ เมาๆ แต่คนที่พูดอะไรแทบไม่รู้เรื่องแบบคะน้าหรือจะสู้คนที่พูดอะไรทุกอย่างได้ปกติแบบแนน

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ”

“มีเรื่องรบกวนค่ะ คือเห็นว่าไวน์ขาวในงานหมดแล้ว ช่วยรีบดูให้หน่อยได้ไหมคะ เพราะนายชอบไวน์ขาวที่แช่เย็นๆ มากเลย ค่อนข้างซีเรียสน่ะค่ะ” แนนทำหน้าตาจริงจังใส่ พนักงานคนนั้นพยักหน้ารับคำแล้วรีบวิ่งออกไป หญิงสาวยิ้มหวานให้แทนคำขอบคุณ แล้วจึงปิดประตูอีกครั้งก่อนจะหันมาสบตาคนข้างหน้า

“เลิกพยายามแล้วมาสนุกกันเถอะนะคะ มาถึงขนาดนี้แล้ว แนนไม่ถอยหรอกค่ะ”

“มันไม่ดีหรอกแนน อย่าเลย”

“แนนไม่ถือหรอกค่ะ แล้วอะไรที่ว่าไม่ดีล่ะคะ” ร่างบางพูดตอบแบบง่ายๆ แล้วรั้งสายเดี่ยวบนไหล่ให้ลดต่ำลง คะน้าได้แต่ยืนนิ่งๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดตรงหน้า ชายหนุ่มเบือนหน้าไปอีกด้าน

“แนนไม่สวยหรือไงคะ ...หรือแนนไม่ดีตรงไหน มีแต่คนอยากได้แนน” เธอถามพร้อมเบียดตัวมาแนบชิด หากแต่คะน้ากลับเบี่ยงตัวหลบด้วยการขยับหนีไปด้านข้าง หญิงสาวจ้องมองเนิ่นนาน แววตาระอุไปด้วยความไม่พอใจ

“...หรือว่าจริงๆ แล้วพี่ไม่ได้ชอบผู้หญิง”

คำถามของแนนทำให้คะน้าไม่รู้จะตอบอะไร ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วขณะจนหญิงสาวจับความรู้สึกได้




“เพราะจริงๆ แล้ว พี่เป็นเกย์”

คะน้ารู้สึกเหมือนริมฝีปากของตัวเองแห้งผาก อยากจะบอกปฏิเสธ แต่ความรู้สึกกลับตีย้อนกลับ ในเมื่อความจริงแล้วเขาก็ชอบผู้ชายอย่างที่แนนพูดจริงๆ ชอบทิม ...ไม่สิ เรียกว่ารักเลยจะดีกว่า ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่มีใครในสังคมยอมรับ แต่อย่างน้อย คะน้าอยากจะยอมรับตัวตนของตนเอง ยอมรับกับความเป็นจริง กับสิ่งที่เขาเป็น

“พี่คงชอบพี่ทิม คิดไม่ซื่อกับพี่ทิมใช่ไหม ...นั่นสินะ ถึงต้องแต่งตัวเลียนแบบ โลกวิปริตไปหมดแล้วสินะ ผู้ชายถึงอยากจะเป็นแฟนผู้ชายด้วยกัน”

ไม่มีคำตอบใดๆ ออกจากปากของคะน้า เขาเพียงแต่จะเปิดประตูให้ออกแล้วพยายามพาตัวเองที่สติมีเพียงพอจะประคับประคองไม่ให้ล้มลงออกไปจากตรงนั้น แต่แนนพยายามจะตามรั้งให้เขากลับ คะน้าจึงเลี่ยงหนีเท่าที่จะพอเป็นไปได้ สายตาของผู้คนล้วนจับจ้องร่างสูงที่ไหวเซ เบื้องหลังมีหญิงสาวใบหน้าสะสวยที่ตามอยู่ห่างๆ

ในสมองที่พร่าเลือนกลับมีแต่ความสับสนเต็มแน่น คะน้ารู้สึกเหมือนขาตัวเองอ่อนแรง ทางที่ใกล้ดูเหมือนไกล อย่างน้อยเขาก็อยู่ในสายตาของผู้คนแล้ว แนนคงไม่กล้าทำอะไรอีก แต่เขาอยากจะไปข้างหน้าอีกสักนิด หรืออีกสักหน่อยเพื่อที่อย่างน้อยคงง่ายกว่าที่ทิมจะมาเจอ คะน้าคะเนไม่ถูกว่ามีแรงพอขยับตัวไปอีกกี่ก้าว แอลกอฮอล์ที่ผสมในเครื่องดื่มทำเขาอ่อนแรงและง่วงนอนได้อย่างเหลือเชื่อ ท่ามกลางของสายตาผู้คนมากมายที่จับจ้อง ...เขาเซและทรุดลงในที่สุด

ร่างกายคงปะทะกับพื้นในไม่ช้า เสื้อผ้าราคาแพงที่ทิมซื้อมาคงมีค่าพอจะทำให้เขากลายเป็นตัวตลกชั้นดีให้กับทุกคนในวงสังคมได้บันเทิง ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ หากแต่ใครเลยจะเคยคาดคิด ...คะน้าในตอนนี้ค่อยๆ หมดแรง ...เลือนลางจนจำอะไรแทบไม่ได้เลย





ในความพร่าพรายนั้นเอง คะน้ารู้สึกเหมือนตัวเองกลับหล่นลงบนแผ่นหลังกว้างที่เหมือนรอเขาอยู่ สัมผัสที่คุ้นเคยของวงแขนที่เอื้อมมารั้งน้ำหนักทั้งหมดของเขา กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ทำให้คะน้ารู้สึกโล่งใจ แขนของคะน้าทั้งสองข้างวางพาดลงบนบ่าคนที่แบกตัวเขาอยู่ราวกับคนที่ใกล้หมดสติ คางเกยลงบนหัวไหล่ที่เขาจดจำมันได้

“ทิมมม...”

“รู้ว่าไม่ถูกกับเหล้าก็ยังไปกิน” เสียงของทิมเข้มแต่คะน้ารู้ดีถึงความเป็นห่วงของเจ้าของแผ่นหลังนั้น เหงื่อที่ชื้นซึมขึ้นผ่านเสื้อเชิ๊ตสีขาว แขนเสื้อที่พับขึ้นจนพอดีข้อศอก และไอเหงื่อบนไหล่ที่ไหวสั่นนั้น แม้หลับตาเขาก็จำมันไม่ดี

“นอนเถอะ ง่วงแล้วใช่ไหม”

“อืมมม...” คะน้ารับคำเบาๆ พริ้มตาหลับลงพร้อมกับรอยยิ้มละไม

ร่างของชายหนุ่มในวัยที่กำลังก้าวสู่ชีวิตผู้ใหญ่เต็มตัวกลับดูคล้ายกับเด็กน้อยที่อยู่บนหลังของพี่ชาย แม้ภาพที่ปรากฏขึ้นจะเรียกทุกสายตาให้หันมองด้วยความแปลกใจในตอนแรก หากแต่ในท้ายที่สุด ความอบอุ่นประหลาดนั้นกลับเรียกรอยยิ้มน้อยๆ ให้กับทุกคนที่จ้องมองเช่นกัน

“ทำไมรถของทิมมีสองคัน” คะน้าส่งเสียงึมงำบนหัวไหล่ที่หนุนต่างหมอน

“เพราะเจ้าของรถมันหล่อไง” ทิมตอบสั้นๆ แบบนั้น

“แล้วทำไมทิมมีสองคน” คะน้ายังไม่เลิกพล่าม ดัดเสียงแหลมเป็นเด็กอ้อแอ้ที่ฟังไม่ค่อยเป็นภาษา “นายกำลังคิดอยู่หรือเปล่าบีหนึ่ง ฉันก็กำลังคิดอยู่นะบีสอง” คะน้าสะกิดบ่าของทิมเบาๆ


“...ได้เวลาแปรงฟันแล้ววว คิก... คิก...”

คะน้าหัวเราะร่วนเป็นเด็กๆ แม้ลึกๆ ทิมจะหัวเสีย โกรธ และเป็นห่วงแค่ไหน แต่ลงท้าย ชายหนุ่มที่แบกคนที่หนักไม่แพ้กับตนไว้บนแผ่นหลังก็ได้แต่หัวเราะขำไปตลอดทาง

“เมาแล้วยังซ่า ไอ้บ้าเอ้ย ฮ่ะๆๆ”




ว่ากันว่าโดยเฉลี่ยทั่วไปแล้ว คนเราโกหก 4 ครั้งต่อวันหรือราว 1,460 ครั้งต่อปี นั่นเท่ากับมากถึง 87,600 ครั้งในตอนที่เราอายุ 60 ...ไม่น่าเชื่อที่เกือบทั้งหมดของการโกหกมากมายนั้นคือการพูดหรือแสดงออกว่าตัวเราเองสบายดี

“น้องทิมจ๋าาาา... เอิ๊กกก... พี่คะน้าไม่เมานะ”




อีกมากกว่าครึ่งของที่เหลือ คือการพูดกับผู้คนมากมายหลังจากดื่มอย่างหนักว่า ‘ไม่เมา’

“เก๊าะบอกแว่ไม่มาววววววววววว...”




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จะงงกับมุกการ์ตูนก่อนนอนเรื่อง Bananas in Pyjamas ไหมนะ (มันโบราณมาก 55)
เอาเป็นว่าจบไปอีกหนึ่งตอนที่อ่านแล้วอาจมีอาการคันยุบยิบกับสาวน้อยผู้ขึ้นแท่นตัวร้ายใหม่ล่าสุด
จริงๆ มันต้องเด็ดดวงกว่านี้ แต่ตัดออกเพราะแค่นี้ก็ถือว่ายาวจนขี้เกียจอ่านกันไปข้างนึงแล้ว
ทำให้ตัดฉากอะไรออกไปเยอะเหมือนกันเพราะคนแต่งอยากดื้อแพ่งรวบให้เป็นตอนเดียว
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเมนต์ และกำลังใจ ขอ +1 ให้กับทุกคนนะครับ
และสุดท้ายนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกอดดดดดดดดดด...แน่นๆสักที :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 02-02-2013 14:10:48
ทิมน่ารักนะตอนนี้อ่ะ ฮ่าฮ่า

ส่วนน้องแนนคะ ตอนก่าหน้าแค่รำคาญนะคะ แต่ตอนนี้เริ่มไม่ชอบแล้วสิ  :angry2: :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 02-02-2013 14:25:10
ไม่เอานังแนน -,-

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 02-02-2013 16:13:52
อย่างนี้ทิมต้องเหน็บติดสะเอวไว้ตลอดเวลาแล้วน้อ
ไม่อยากให้ไปวิสาสะกับกลุ่มเพื่อนชายแล้วเป็นไง ปล่อยไว้กับหญิงใช่ว่าจะปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: 2pmui ที่ 02-02-2013 17:24:51
น่ากลัวจริงๆผู้หญิงสมัยนี้ คิดจะมอมเหล้าแล้วข่มขืนกระต่ายน้อยได้ลง
อยู่กับใครก็อันตรายไปหมด เสน่ห์แรงจนน่าปวดหัวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 02-02-2013 18:31:26
ชะนีแนน ตั้งแต่รู้ว่าต่ายจบเมกาหล่อนก็ระริกระรี้
คันหูทันทีเลยนะ ไม่ไหวๆ ผู้หญิงไทยสมัยนี้
เจ้ยุให้ทิมมี่ทำคิสมาร์กรอบตัว ไม่ก็พกไปด้วยตลอดเวลา
เดี๋ยวโดน...คาบไป
(อินจัด  ขออภัย)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 02-02-2013 19:10:26
ทิมน่ารักจังเลยน้ออ...... :m1: ทั้งหวง ทั้งห่วงพี่!น้องต่าย

นู๋ต่ายซื่อเกิ้นน...... :m19: เกือบโดนหญิงหลอกฟัน

ทิมจะรู้มั๊ยว่านังแนนมันเจ้าเล่ห์ :m16: ขอหน่อยเถอะนังชะนีแนน :beat:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 02-02-2013 20:26:03
ยัยแนนคิดจะจับคะน้า มันเร็วไป1000ปีย่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 02-02-2013 20:32:25
เอิ่ม...หนูแนน  :sad3:

ทิมต้องเป็นของคะน้า
คะน้าต้องเป็นของทิม...
แอบปันใจให้ตุลได้เป็นบางครั้งนะ  :really2:

 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 02-02-2013 20:51:00
น้องแนนร้ายไม่เบานะคะเนี่ย

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 02-02-2013 21:17:31
อร๊าย คะน้าเวลาเมาก็น่ารักดีนะ
แต่ทำไมแนนต้องทำแบบนี้ด้วย โว๊ะ!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Maple ที่ 02-02-2013 23:33:28
เป็นความรู้สึกดีๆเป็นโมเม้นดีๆที่อ่านเรื่องนี้
เป็นอารมณ์เสพติด เหมือนเป็นเรื่องจริง
ฝังลึกแล้วก็ซึมซับกับมัน
หลงรักและประทับใจ เหมือนเป็นเรื่องที่ฝันหา
น้ำตาไหล สะเทือนใจ ยิ้มกว้างเหมือนคนบ้า

ถ้าหากจะเป็นอะไรที่ถ่ายทอดได้คงเป็นคำว่า"รัก"เรื่องนี้
ไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ดวงจันทร์ในความคิดเราเปี่ยมล้นไปด้วยความรัก
ท้วมท้นไปด้วยความห่วงใยและรอยยิ้ม
ที่นี่คงเป็นดวงจันทร์ อบอุ่นมากเลย^^

พิมเองอ่านเองไม่รู้ว่าคนเขียนจะเข้าใจมั้ย
แต่รักเรื่องนี้จริงจัง รักคะน้า รักทิม และรักตุล(ถ้าไม่ว่าอะไรตัดใจจากคะน้าคบกันเหอะน๊าาา 555)
 รักคนเขียนด้วยย o13

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 02-02-2013 23:34:41
ทิมคงต้องจับคะน้าใส่กระเป๋าพกไปทุกที่แล้วแทนล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-02-2013 00:13:03
ตัดออกทำไมค้า เอามายาว ๆ เต็ม ๆ จะได้เห็นมารยานังน้องแนนเยอะ ๆ
ยังไ่ม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์คุณทิม ต้องการพาคะน้ามาเปิดตัวเหรอ คือถ้าพามาแล้วจะหวงกับเืพื่อนชายขนาดนี้อ่ะนะ
เอาตัวบังสุดฤทธิ์ แต่กับสาว ๆ ไม่หวงแฮะ พระเอกเราสุดยอด
แหมมมมม นังน้องแนนพอรู้ว่าคะน้าจบจากนอกหล่อนก็ทำมาปลื้ม (แบบลวง ๆ ) ที่ยั่วไปทั้งหมดนั่นเพราะ
อยากรู้ว่าคะน้าเป็นเกย์มั้ยใช่มะเพราะแกเล็งทิมอยู่ ทำซะขนาดนี้นิสัยหล่อนก็คงไม่ธรรมดา
ประเด็นคือคะน้าโดนผู้หญิงมอมเหล้าจ๊ะ ฉันล่ะกลุ้มกับความใสซื่อของนายเอก ตาทิมอย่าปล่อยให้่ห่างตา
ตอนทิมมารับไว้นี่โล่งใจมากเพราะคิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว น่าเอ็นดูดีเนอะขี่หลังกันไป ทิมเองก็ตามหา
คะน้าอยู่เหมือนกันใช่มั้ย แล้วรู้สันดานนังน้องแนนยังล่ะฮึ  :angry2:

ขอบคุณค่าาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 03-02-2013 00:26:08
เม้นตอนที่แล้วก่อน
รู้สึกไม่ค่อยชอบคะน้าตอนนี้เท่าไหร่ ไม่รู้สิ ไม่ชอบคนแบบนี้ ทำไมถึงให้ความสำคัญกับตุลซะขนาดนั้น
ไม่พอใจแทนทิมเลย อินเนาะ 555

ตอนนี้ชะนีแนนน่าตบมาก อยากจับใส่ห่อไปปาให้จันทูลองเป็นแบบแต่งหน้าน่าจะดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-02-2013 00:39:33
ยัยยยแนนน
ยัยชะนี
มาเจ๊าะแจ๊ะอะไรเนี่ย
ไม่ชอบนะค้าา ฮ่าๆ
รีบไสหัวไปไกลๆก่อนที่จะโดนเหล่าแม่ยกรุม หึหึ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 03-02-2013 01:25:39
เป็นชะนีที่โผล่มาได้แบบเหนือความคาดหมายขริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 03-02-2013 10:10:28
ป๊าดดดด นังแนน  เธอช่างกล้ามาก  คิดจะข่มขืนผู้ชายเชียวรึ  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 25 (หน้าที่ 33) - Feb 2, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 03-02-2013 14:19:28
เพิ่งอ่านจบตอนแรกค่ะ มาเม้นให้ก่อน

เนื้อเรื่องน่าสนใจ สนุกค่ะ สำนวนก็โอเค อ่านไม่สะดุดเลย :m4:

เห็นผ่านตาอยู่นานแล้ว แต่ไม่ได้เข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่องแปลกๆ เดาแนวไม่ถูกอ่ะ  :m28:

แต่พอเข้ามาอ่านแล้ว ไม่ผิดหวังเลยค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 03-02-2013 23:44:59
สวัสดีครับ จากตอนที่แล้ว เรามาตั้ง Anti-Fans ให้แนนกันเถอะ 555555555 o18
เรื่องของเรื่องคืออยากให้ในเรื่องมีตัวแรงๆ ให้หมั่นไส้กันเล่นๆ นั่นเอง (เหตุผลเสื่อมมาก)
ตอนที่ 26 นี้เป็นอีกตอนที่แต่งแล้วมีบางจุดที่ชอบมาก ลองอ่านกันเล่นๆ ดูนะครับ
+ 1 ให้กับทุกคอมเมนต์ คำแนะนำ ติชม และมาทักทายกันนะครับ ขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 26



“สรุปว่าจะพูดดีๆ ไหม”

ทิมขมวดคิ้วมุ่น หัวเสียกับการแค่นถามถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ทำให้คะน้ามีสภาพแบบนั้นในตอนที่เจ้าตัวมาพบ ตลอดทางที่ออกจากกรุงเทพมาตามถนนสายมอเตอร์เวย์ คนนั่งอยู่หลังพวงมาลัยแทบจะหันมาหักคอเขาเป็นสิบรอบ อันที่จริงคงต้องบอกว่าอาการแบบนี้เสถียรมานับตั้งแต่หลังจากที่กลับมาจากงานและไม่มีทีท่าว่าจะหายไปง่ายๆ แน่ๆ

“คิดไหมว่าถ้ามาเจอช้ากว่านี้จะเป็นยังไง”

“สงสัยมีได้ลงไปจับกบอยู่ที่พื้นนั่นแหละ ฮ่ะๆๆ”

คะน้าพยายามตีมึนตลกบริโภคไปเรื่อยๆ รู้ดีว่านอกจากจะไม่ได้ผลแล้วรังแต่จะทำให้อีกฝ่ายหัวเสียไปยิ่งกว่าเดิม แต่จะให้เขาทำอย่างไร เมื่อในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะแย่เกินกว่าที่คะน้าจะเอามาเล่าให้รู้สึกมองหน้ากันไม่ติดเปล่าๆ

“นับจากนี้ ห้ามไปที่ไซด์งานอีกเข้าใจไหม”

“คร้าบบ ทราบแล้วคร้าบบบบบบบ” คะน้าลากเสียงยาว เอาแค่วันนี้ก็นับเป็นรอบที่ยี่สิบแล้วนับตั้งแต่นั่งรถมา

ก็ใครจะไปคาดคิดว่าผู้หญิงที่มาจากชาติตระกูลที่ดี ได้รับการศึกษาที่ดี หน้าที่การงานก็จัดได้ว่าไม่น้อยหน้าไปกว่าใครๆ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น แนนเป็นผู้หญิงซึ่งจัดได้ว่าอยู่ในประเภทผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายคน ดวงตากลมโตแบบกวางตัวน้อยๆ ผิวขาวละเอียด รูปร่างเล็กกะทัดรัด ดูบอบบางน่าทะนุถนอม และมีใบหน้าที่จัดได้ว่าสวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว รวมๆ แล้วเอาเป็นว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้นนั้นเรียกได้ว่าต่อให้อมพระประธานในโบสถ์มาพูดก็ไม่มีใครเชื่อ คะน้าเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มที่นั่งกระฟัดกระเฟียดอยู่ข้างๆ แล้วอมยิ้ม



...โอเค เว้นอยู่หนึ่งคน

‘พูดแล้วได้อะไร ไม่พูดแล้วเสียอะไร’ เป็นเรื่องที่คะน้าหยิบขึ้นมาถามตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเขาเลือกที่จะพูดเรื่องราวต่างๆ ออกไป สำหรับตัวคะน้าแล้วสิ่งที่เสียคงไม่มี คนที่เสียดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่า หรือแม้แต่ทิมเอง แม้จะดูไม่ชอบใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะพอไหว อย่างมากคะน้าก็คงโดนบ่นไปอีกวันสองวัน ซึ่งนับว่าทนไหวไม่หนักหนา

ส่วนสิ่งที่เขาจะได้รับกลับมาคงไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเลย แม้แต่ความสะใจ สักนิดเขาก็ไม่เคยรู้สึก แนวความคิดประเภทแรงมาก็ต้องแรงกลับดูจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลตัวมากโข ซ้ำร้ายการทำงานของทิมคงจะลำบากไม่น้อย ไม่ใครก็ใครคงต้องพังไปข้าง ซึ่งดูรูปการแล้วไม่น่าจะใช่ทิมแน่ๆ

เป็นเพราะรู้ถึงนิสัยคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นเป็นอย่างไร คะน้าจึงเลือกที่จะเงียบไว้ดีกว่า จากนี้ไปก็ระวังตัวเองให้มากขึ้นเอา

“สรุปคือมันเป็นยังไง! ไอ้แนนใช่ไหม!”

“เหออออ ดูทางสิ เดี๋ยวได้หลงทางเอา”

“ช่างมัน!” ทิมพ่นควันออกหูอย่างหัวเสีย “เลิกพูดว่าอยากกินด้วย ไม่เชื่อโว้ย!”

บทจะแรงก็จัดมาซะเต็มจนคะน้าได้แต่นั่งหนาวๆ ร้อนๆ กระนั้นเมื่อนึกย้อนไปถึงก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่คนพูดกันว่าสถานการณ์แย่ๆ ทำให้เกิดวีรบุรุษ คะน้าไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น เขาเพียงแต่คิดว่าเลือกมองสิ่งที่ดีในสิ่งร้ายๆ ที่เกิดขึ้นมากกว่า เรื่องราวที่ทำให้เราไม่สบายใจล้วนเกิดขึ้นได้ทุกวัน แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับใจเราเองว่าจะเลือกจดจำอะไร เรื่องที่ทำให้เสียเจ็บใจ ...หรือเรื่องดีๆ ที่ทำให้หัวใจเราอิ่มเอม






“เจ้... คือเจ้คิดว่ายังไง ถ้าผมอยากพาทิมไปเจอป๋ากับแม่”

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งทำให้คะน้ารู้สึกมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองจนเกิดความคิดอย่างที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนนี้ขึ้นมา คำพูดของคะน้าถึงกับทำให้ผักกาดนิ่งไปเนิ่นนาน ราวกับกำลังชั่งใจอย่างหนักและคิดทบทวน

“รออีกสักหน่อยดีกว่าไหม ให้อะไรๆ ในใจเรามันชัดเจนก่อนดีกว่านะต่าย” ผักกาดแย้งขึ้นด้วยความเป็นห่วง หากแต่ผู้เป็นน้องชายดูจะแน่วแน่กับความคิดที่เหมือนจะทบทวนมาหลายครั้งเป็นอย่างดีแล้ว

“อยากให้ป๋ากับแม่รู้ ตอนนี้มันเหมือนปิดบัง แอบซ่อนอะไรอยู่ก็ไม่รู้ ไม่ดีเลย” ผู้เป็นพี่สาวถอนหายใจเบาๆ ผักกาดเดินเข้ามาใกล้แล้วเอามือวางบนหัวไหล่น้องชาย

“เจ้เข้าใจนะ เฮ้อ... จะว่าไป อันที่จริงแล้ว ส่วนหนึ่ง ตัวเจ้เองก็มีส่วน”

“ไม่หรอก ทั้งหมดมันเป็นที่ผมเอง ผมเลือกเอง ถ้าเจ้... คือหมายถึงถ้าเจ้ยังรับกับทิมได้ คิดว่าป๋ากับแม่ก็น่าจะเข้าใจและยอมรับได้ไม่ใช่เหรอ” คะน้าหันไปตอบกลับผักกาดด้วยแววตาที่เชื่อมั่น แม้จะตรงกับความคิดของผู้เป็นพี่สาว หากแต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจ

“แล้วจะไปกันเมื่อไหร่ ให้เจ้ไปด้วยนะ”

“คงวันหยุดนี้แหละ ทิมก็ว่างด้วย”

“ช่วงนี้ เจ้ติดงานตลอดเลย เลื่อนอีกนิดได้ไหม เจ้ห่วงเราจริงๆ” ผักกาดแย้งสีหน้าดูลำบากใจ

“ขอบคุณนะผักกาด แต่ไหวแหละ ไหวจริงๆ” คะน้าหันกลับมาสบตาพี่สาวด้วยความรู้สึกขอบคุณในน้ำใจ หากแต่เขาในเวลานี้รู้สึกเชื่อมั่นในว่าตัวเองจะรับมือกับความรู้สึกต่างๆ นานาที่จะถาโถมมาได้

“คงเพราะอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้นทำให้เชื่อมั่นแบบนั้นมั๊ง” แต่พี่สาว ยังไงก็ยังเป็นพี่สาว ผักกาดระบายลมหายใจด้วยความเป็นห่วงน้องชายขึ้นมาจับใจ

“สัญญาได้ไหมว่าถ้ามีอะไร โทรหาเจ้นะ”

“ครับ”

หญิงสาวรู้สึกใจชื้นขึ้นหลังจากคะน้ารับคำมั่นเหมาะ เธอมองดูน้องชายเพียงคนเดียวที่ค่อยเติบใหญ่ขึ้นทีละน้อยๆ จนเข้มแข็งขึ้นมากกว่าเด็กตัวเล็กที่เอาแต่วิ่งซนไปวันๆ แบบภาพในความทรงจำที่ยังติดตา บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ผักกาดจะต้องปรับเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ที่มีต่อตัวน้องชายของเธอเองเสียที



“เผลอแป๊บเดียว โตขึ้นเยอะเลยนะเรา พอรู้สึกตัวอีกทีก็กลายเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว”

คะน้ายิ้มร่าแล้วกอดผักกาดแน่น ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ผ่านมา ทุกเศษเสี้ยวในความทรงจำ หญิงสาวในอ้อมกอดคนนี้มีแต่ความห่วงใยดูแลไม่เคยขาด นอกจากจะไม่เคยพร่องต่อฐานะความเป็นพี่แล้ว ผักกาดยังช่วยเติมเต็มทุกความสุขของคะน้าจนล้นปรี่ตลอดเวลา คนเป็นน้องชายกระชับวงแขนตัวเองแน่นๆ อีกครั้ง รอยยิ้มที่โค้งตัวเพียงเล็กน้อยเหยียดตัวออกกว้างกว่าที่เคย


“มีอะไรมากมายที่อยากบอกให้ผักกาดฟัง แต่ก็รู้ว่าเจ้คงรู้ไปหมดแล้ว”

ผักกาดยิ้มตอบรอยยิ้มนั้นด้วยความสุขที่อัดแน่นไปหมดทั้งใจ


“ก็เราเป็นพี่น้องกันนี่นา”






คะน้ายิ้มให้กับภาพความคิดอีกครั้งแล้วก้มมองไดอารี่ที่กระชับแน่นในมือ หลายปีที่ผ่านมาเขาเก็บทุกความทรงจำบันทึกลงบนสมุดจด บางวันก็เป็นเรื่องราวที่เล่ากันไม่จบเป็นหลายหน้ากระดาษ แต่บางวันความทรงจำกลับเป็นเพียงแค่เส้นยึกๆ ยือๆ ไม่มีแม้แต่อักษรสักตัว อาจเป็นเรื่องที่ดูประหลาดที่เขามักจะพกไดอารี่พวกนี้ติดตัวไปด้วยทุกครั้งเวลาที่ไปเยี่ยมป๋ากับแม่ ความที่อยู่ห่าง และไม่มีโอกาสได้คุยกันแบบครอบครัวอื่นๆ ทำให้ชายหนุ่มเลือกที่จะบันทึกเรื่องราวผ่านตัวอักษรให้นึกถึงทุกครั้งเมื่อเวลาผ่านไปเป็นการทดแทน

นับว่าเนเวลาหลายนาทีที่แววตาอันเต็มไปด้วยความสงสัยของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำให้คะน้ายิ้มขึ้นมา

“ไดอารี่น่ะ” หากแต่ความสงสัยในแววตาคู่นั้นยังไม่จางหาย เจ้าของสมุดเล่มเล็กจึงเลือกที่จะบอกปัดไปเรื่องอื่นด้วยความที่ขี้เกียจแจกแจง “เดี๋ยวถึงไฟแดงข้างหน้าแล้วเลี้ยวขวานะ”

ถ้าไม่นับรวมกับวันที่ไปงานแล้ว ถือว่าวันนี้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหล่อเป็นพิเศษ เชิ้ตลายสก็อตช์สีอ่อนพอดีตัวปล่อยชาย และกางเกงยีนส์สีน้ำเงินครามดูดีกับรองเท้าผ้าใบสีขาวที่หุ้มถึงข้อ ใบหน้าของทิมดูสะดุดตาอยู่แล้วไม่ว่ากับผมทรงไหนๆ แม้วันนี้จะดูเซ็ตแบบง่ายๆ แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ นั้นก็บอกได้ว่าชายหนุ่มดูจะพิถีพิถันกว่าทุกวัน

บ่อยครั้งที่ทิมระบายลมหายใจแรง ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อระบายความเครียดจากเรื่องที่คะน้าเมามายเมื่อวันก่อนออก หากแต่หลายคราที่คะน้าต้องเผลอขำเมื่อชายหนุ่มกระสับกระส่ายถามถึงระยะทางว่าอีกไกลแค่ไหนซ้ำๆ พร้อมกับปรับเครื่องปรับอากาศให้แรงยิ่งขึ้น

“อีกไกลไหมครับ” ...เรียกว่าบ่อยไม่แพ้กับคำสั่งห้ามไปไซด์งานเลยทีเดียว

“ถ้าไปได้เรื่อยๆ แบบนี้ก็ไม่น่าจะถึงชั่วโมงนะ” คะน้าตอบกลับแบบอารมณ์ดี ไม่ใช่เพียงแต่ทิมหรอกที่รู้สึกประหม่า ลึกๆ แล้วเขาเองก็แทบไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่คนข้างๆ กลับเรียกรอยยิ้มขึ้นมาเรื่อยๆ จนเขาคลายความประหม่าไปได้อย่างไรก็ยากอธิบาย

“ป๋ากับแม่พี่ใจดีจริงน่ะ” ทิมถามอีกครั้ง ท่าทีงุ่นง่านดูพิกลจนคะน้าอดที่จะแซวไม่ได้

“จริงสิ ถามบ่อยนี่ฝ่อเหรอ”

“เปล๊า แค่ถามเผื่อไว้ ยังไงล่ะ จะว่าไปพี่ผักกาดก็ดูดุๆ นะ” คะน้าขำกับเหตุผลประหลาด ผักกาดน่ะหรือดุ ถ้าเปิดสีข้างของทิมขึ้นดูตอนนี้ ได้มีรอยแผลซิบๆ บ้างล่ะน่า คะน้ายิ้มอารมณ์ดี

“ไม่บอกล่วงหน้าเลย จะได้หาซื้ออะไรไปฝากหน่อย” ทิมยังไม่เลิกบ่น สีหน้าดูแปลกกว่าที่ผ่านมา

“ไม่ต้องหรอก” คะน้าไหวไหล่นิดๆ ได้ยินชัดเต็มสองหู ทิมก็พยักหน้าเข้าใจ แต่ขับไปได้อีกสักพัก จู่ๆ ร่างสูงก็หันมาทำหน้าซีเรียสจริงจัง

“แวะซื้ออะไรสักหน่อยเถอะ ติดไม้ติดมือนะ”

“ไม่ต้องหรอก”

“เอางั้นเหรอ”

“อืม” คะน้าทั้งพยักหน้า ทั้งพูด และถ้ามีอะไรที่จะยืนยันได้มากกว่านี้เขาก็จะทำ กระนั้นคนอายุน้อยกว่าที่ปกติดูมาดเข็ม ก็ดูจะกลายเป็นเหมือนคนอายุน้อยกว่าจริงๆ ซึ่งนับว่าผิดกับภาพลักษณ์ที่ดูมั่นใจนักหนาทุกครั้ง ถึงบัดนี้ ทิมยังไม่เลิกบ่นปอดแปดไปตลอดทาง

“ดีเหรอ รู้สึกไม่ดีเลย”

รถเลี้ยวเข้าโค้งสุดท้ายก่อนจะถึงจุดหมายปลายทาง ในใจของคะน้ากลับรู้สึกค่อยๆ นิ่งขึ้นผิดกับที่คิดกังวลมาโดยตลอด หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมากับทุกสิ่งทุกอย่างที่คนข้างๆ ได้ทำลงไป จริงอยู่ที่แม้อาจจะมีบางอย่างยังติดค้างอยู่ในใจ แต่คะน้าก็ไม่เคยไต่ถาม เมื่อคนเราทุกคนต่างก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัว อาจเพราะลึกๆ แล้ว คะน้าเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นเรื่องที่สำคัญจริงๆ ทิมคงเลือกที่จะบอกเล่าให้เขาฟังทุกอย่างเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเอง

คนที่ขับรถอยู่เริ่มทำสีหน้าประหลาดเมื่อมองดูทุกอย่างรอบๆ ตัว ถนนทั้งฝั่งถูกล้อมไปด้วยเนินเขาสูงราวกับกำแพงสีเขียวร่มรื่นตา และกินอาณาเขตกว้างมากกว่าพื้นที่แบบย่านที่อยู่อาศัย

“เราไม่ได้หลงทางใช่ไหม”

“ไม่หรอก ถูกทางแล้ว เลี้ยวซ้ายข้างหน้าอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”

“โทรบอกสักหน่อยไหมว่าใกล้ถึงแล้ว”

“ไม่ต้องหรอก โทรจิตบอกแล้ว”

ทิมหันมาเขม่นคิ้วใส่ คะน้าหัวเราะขำ จากนั้นร่างสูงก็ทำตามที่คะน้าบอกทุกอย่าง เมื่อถึงทางแยกก็เลี้ยวซ้ายเข้าไป สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ทำให้ชายหนุ่มหันมาทำหน้าแปลกๆ ใบหน้าของทิมเต็มไปด้วยคำถามและดูจะไม่สู้ดี หากแต่คะน้ายืนยันว่าให้ขับต่อไปตามทาง ทิมก็ดูนิ่งสงบลงและค่อยๆ เคลื่อนรถไปข้างหน้าช้าๆ แต่โดยดี


กระทั่งแน่ใจกับสิ่งที่ตนเองได้เห็น...


(มีต่อด้านล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 03-02-2013 23:54:41
(ต่อครับ)



เบื้องหน้าเป็นสุสานแบบคนจีนที่ทอดยาวไปตลอดทั้งสองฝั่งจนเกือบครบแนวเขา ป้ายหินขัดสลักเรียงรายเป็นรูปทรงโค้งเล็กใหญ่หลั่นกันไปตามขนาด ดูเหมือนว่าร่างสูงจะเริ่มเข้าใจเหตุผลแล้วว่าของฝากต่างๆ นานา หรือแม้แต่การโทรศัพท์บอกล่วงหน้าดูจะไม่จำเป็นอีกแล้วในเวลานี้ รถยนต์ตรงไปตามทางเล็กๆ ข้างหน้า และเพียงอีกไม่กี่เมตรก็ดับเครื่องลง

คะน้าเดินตรงไปแผ่นหินสลักแผ่นหนึ่งซึ่งอยู่เยื้องไปด้านหน้าช้าๆ ในมือถือไดอารี่ที่กำแน่นมาตลอดทาง ทิมมองตามด้วยแววตาที่หม่นลงแล้วค่อยๆ เดินตามแบบรักษาระยะห่างไว้ไม่ให้ประชิดนัก

“ป๋ากับแม่อยู่ไกลกับเรา ไกลจนเราคงโทรไปหาหรือติดต่อไม่ได้” คะน้าหยุดยืนที่สุสานหนึ่งแล้วค่อยๆ ย่อตัวนั่งลง

“ยี่สิบสองปีก่อน ป๋าจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุ วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนัก แต่มันก็เหมือนกับทุกๆ วันที่แม่นั่งรอป๋าอยู่ที่ตลาด ผมกับเจ้ที่ยังเป็นเด็กได้แต่วิ่งซนจนเจ๊เป็ดที่ตอนนั้นเป็นผู้ช่วยแผงผักของแม่บ่นแล้วบ่นอีก ...ไม่มีใครรู้ว่าวันนั้นป๋าจะไม่กลับมา” คะน้าก้มหน้าลง รอยยิ้มน้อยๆ ยังเปื้อนเปรอะอยู่บนใบหน้า หากแต่แววตาคู่นั้นหมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

“แม่เสียใจอย่างมาก ทุกๆ วันแม่จะนั่งอยู่ที่แผงนี้แล้วมองไปที่ปากตลาด แม่บอกว่าเผื่อว่าวันไหนป๋าจะกลับมา รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่แม่ก็ยังรอ แม่รอจนตลาดปิด จนตลาดไม่มีคนทุกวัน แม่ทานข้าวน้อยลง แต่ละคืนแทบจะไม่นอน จนร่างกายอ่อนแอ ล้มป่วย และไม่กี่เดือนนับจากที่ป๋าจากไป แม่ก็จากเราสองคนไปเช่นกัน”

ร่างสูงมีสีหน้านิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวเดินมาใกล้ๆ แล้วทรุดตัวนั่งลง ทิมยกมือขึ้นไหว้แผ่นหินตรงหน้าด้วยความเคารพจากใจจริง เขาพนมมือนิ่งแล้วจ้องมองไปที่แผ่นหินสลักตัวที่โค้งเนิ่นนาน สักพักก็ค่อยๆ ลดมือลง



“ผมไม่รู้เลย”

คะน้ายิ้มให้น้อยๆ เขาค่อยๆ เปิดไดอารี่ออก หยิบกระดาษแผ่นเก่าๆ สีเหลืองที่สอดแทรกอยู่ในหน้าแรกขึ้นมาแล้วส่งให้ทิม

ทิมค่อยๆ ยื่นมือมารับกระดาษสีหม่นไปตามกาลเวลาแผ่นนั้นจากมือคะน้ามา แม้กระดาษจะกรอบจนอาจจะฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย แต่ร่องรอยที่ยับจนย่นนั้นก็บ่งบอกได้ดีว่าถูกเปิดอ่านมานับครั้งไม่ถ้วน ชายหนุ่มค่อยๆ คลี่ออกช้าๆ ลายมือที่เขียนหวัดด้วยปากกาหมึกแห้งดูไม่เป็นระเบียบและขาดห้วงราวกับเจ้าของลายมือพยายามอย่างหนักที่จะฝืนเขียนตัวอักษรเหล่านั้นจนจบข้อความ

ทิมเหลือบตาขึ้นมองคะน้าอีกครั้ง เจ้าของจดหมายยิ้มกว้างแล้วพยักหน้า ร่างสูงจึงก้มหน้าลงแล้วอ่านออกเสียงเนื้อความในกระดาษแผ่นเก่าๆ ด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง


กระต่ายลูกแม่

ตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แม่คงอยู่ห่างจากลูกไกลแสนไกลจนไม่อาจพบกัน
ถึงเวลานี้ แม่รู้ว่าแม่ หรือแม้กระทั่งป๋า คงเป็นเหมือนความทรงจำอันเลือนลางของลูก
มันคงเป็นเวลาที่แสนยาวนานจนลูกอาจจำอะไรไม่ได้ ซึ่งมันก็ไม่แปลกเลย
เมื่อเราทั้งสองคนไม่มีโอกาสจะได้มองดูลูกเติบโต วิ่งเล่น พาลูกไปเรียนหนังสือ
แม้แต่ทำอาหารให้ลูกๆ ทานแบบครอบครัวใครๆ

ทิมหยุดนิ่งราวกับพยายามปรับความรู้สึกของตนเองอย่างหนัก เพื่อไม่ให้เสียงที่เปล่งออกนั้นสั่นไหวกับข้อความที่ได้อ่านในมือ ร่างสูงกลืนน้ำเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง กระนั้นก็ฝืนก้มลงอ่านตัวหนังสือที่สั่นและขาดห้วงนั้นต่อ


ไม่มีโอกาสปลอบลูกเวลาที่ร้องไห้ ยิ้ม หรือแม้แต่หัวเราะอย่างมีความสุขไปกับลูก
ลูกคงโตขึ้นมาก ลูกคงมีรอยยิ้มและจิตใจที่อ่อนโยนเหมือนป๋า
แม่เดาว่าตอนนี้ ลูกของแม่คงว่ายน้ำหรือถีบจักรยานแข็งแล้วใช่ไหม

ทิมปิดประดาษนั้นลงช้าๆ อย่างไม่อาจทนอ่านต่อไปไหว ชายหนุ่มค่อยๆ พับเก็บอย่างเดิม ดวงตาไหวจนสั่นสะท้าน เขาก้มหน้านิ่งแล้วจ้องมองแผ่นหินที่นิ่งสงบตรงหน้า กระทั่งเสียงของคะน้าค่อยๆ ดังขึ้นมาในสายลมราวกับจดจำทุกตัวอักษรซึ่งเรียงร้อยต่อในกระดาษแผ่นนั้นได้เป็นอย่างดี



แม่กับป๋าคงไม่มีโอกาสได้ดูแลลูก แต่โปรดรับรู้ไว้ว่า เราจะอยู่ตรงนี้เสมอ
เพื่อช่วยลูกฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ และเราสองคนจะอยู่ตรงนี้ตลอดไป

แม่ภูมิใจที่ได้ให้กำเนิดลูก ได้เป็นแม่ของลูก และภูมิใจ ที่มีลูกเป็นลูกแม่
ฝากลูกดูแลผักกาดด้วยนะ ดูแลพี่ให้เท่ากับที่ต่ายดูแลป๋าและแม่นะ


ทิมหันกลับมามองที่ต้นเสียง คะน้าค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงตรงหน้าหลุมศพ เอ่ยข้อความที่อยู่ในจดหมายฉบับนั้นต่อพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ


ขอให้ลูกจงเติบใหญ่ เป็นคนดีของสังคม เป็นสุภาพบุรุษ และผู้ชายที่เข้มแข็ง
ลูกจงเป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่ลูกฝันและตั้งใจ
ไม่ว่าสิ่งที่ลูกเลือกทำนั้นจะเป็นสิ่งไหน โปรดจำเอาไว้ว่าลูกทั้งคู่เกิดจากสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของป๋าและแม่
และจำเอาไว้ว่าพ่อและแม่จะอยู่ที่ตรงนี้ ...เคียงข้างลูกตลอดไป

ดีใจที่เราได้เป็นครอบครัวเดียวกัน

ป๋าและแม่

คะน้าเงยหน้าขึ้นมองทิมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภูมิใจ ดวงตาแม้เอ่อชื้นไปด้วยหยดน้ำของความรู้สึกแต่ก็อิ่มเอิบไปด้วยความสุข ...ความสุขที่แม้จะไม่ได้สวยหรูดั่งภาพฝัน แต่เป็นความสุขที่ได้เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงในโลกของความเป็นจริง

ทิมค่อยๆ สวมกอดคะน้าจากด้านหลัง ร่างทั้งร่างกอดรัดด้วยวงแขนที่แนบแน่นราวกับจะปกป้องคนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นจากโลกทั้งใบที่หมุนตัวไปข้างหน้าทุกวัน คะน้ายกแขนขึ้นโอบซ้อนวงแขนของทิมอีกครั้งอย่างอ่อนโยน หยดน้ำตาของคนที่ตัวสูงกว่าทิ้งตัวลงมาอย่างง่ายดาย



...เป็นครั้งแรกที่คะน้าได้เห็นน้ำตาของทิม

“ผมแค่อยากให้ทิมได้รู้จักครอบครัวของผม อยากให้รู้จักกับคนที่ผมรักทุกคน” คะน้ายกมือขึ้นช้าๆ นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำใสๆ ที่เปรอะเปื้อนดวงตาที่เคยเข้มแข็งนั้นออกอย่างแผ่วเบา “ผักกาดก็ได้จดหมายจากแม่เหมือนกัน อาจเพราะแบบนี้มั๊ง เราสองคนเลยเชื่อว่าป๋ากับแม่อยู่กับเราเสมอ คอยมองเรา และให้กำลังใจเราอยู่ใกล้ๆ เหมือนเมื่อก่อน”



“...ต่างกันก็เพียงแค่วันนี้ ป๋ากับแม่อาจพูดคุยกับเราไม่ได้แบบที่ผ่านมา มันก็เท่านั้นเอง”

เป็นเวลานานหลายนาทีที่ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งเงียบๆ แล้วจ้องมองไปที่แผ่นหินที่เขียนตัวอักษรภาษาจีนซึ่งแม้แต่ตัวของคะน้าเองก็อ่านไม่ออก รู้เพียงแต่ว่าเป็นชื่อของป๋าและแม่ แค่นั้นก็มากพอที่จะเรียกความทรงจำดีๆ ให้กลับมาทุกครั้งที่ได้เห็น

“ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ก็มักจะร้องไห้แบบเดิมๆ ไม่จบสิ้น อ่อนแอแบบนี้ซ้ำๆ ทุกครั้งจนผักกาดรู้สึกห่วงและไม่ค่อยอยากจะให้มา และถึงแม้ว่าจะรั้นมาให้ได้จริงๆ ผักกาดก็จะตามมาด้วยทุกครั้ง” คะน้าเปรยขึ้นมาเบาๆ รอยยิ้มน้อยๆ นั้นยังคงอยู่บนใบหน้า

“ผมเขียนไดอารี่ทุกวัน เพื่อที่จะมาเปิดอ่านไปทีละหน้าๆ ที่ตรงนี้ บอกเล่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมและผักกาดให้กับแผ่นหินซีดๆ ที่เป็นตัวแทนของป๋าและแม่ บอกว่าลูกชายคนนี้ของป๋ากับแม่เติบโตขึ้น พบเจออะไรมาบ้างในแต่ละวัน”


“แปลก...ที่ครั้งนี้ ผมไม่ได้รู้สึกอยากจะร้องไห้แบบที่ผ่านๆ มา แต่กลายเป็นนายที่นั่งร้องไห้ไม่หยุดแทน”

คะน้าซับน้ำตาที่เปื้อนรอยยิ้มของคนที่ตัวสูงกว่าอีกครั้ง อิ่มเอิบในความรู้สึกเมื่อทอดมองคนที่ตัวเขาเองเลือกที่จะอีกมุมหนึ่งอีกมุมหนึ่ง ...เป็นมุมที่เขาเองไม่ค่อยจะได้พูดถึงสักเท่าไหร่

“ผมไม่ชอบขายของเลย ทักษะเรื่องค้าขายผมแย่มาก แต่ผมรักตลาดนี้ รักเพราะเป็นที่ที่ป๋าและแม่รัก ที่นี่มีความทรงจำมากมายสำหรับเราทุกคน เป็นที่ๆ เราวิ่งเล่นหลังเลิกเรียนตั้งแต่เด็กๆ ทำการบ้านก็ที่ตลาด มื้อเย็นของที่บ้านไม่ใช่ที่โต๊ะกินข้าว แต่เป็นที่แผงผักที่แม่ขายของ แม่เริ่มทำไอติมเพราะป๋าบอกว่าแม่ทำอร่อยที่สุดในโลก และแม่ก็ทำได้อร่อยที่สุดในโลกแบบป๋าบอกจริงๆ” คะน้ารู้สึกถึงอ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้นอีก เขาหันกลับยิ้มน้อยๆ ให้กับทิมที่ดวงตาก็ยังคงความชื้นเอ่ออยู่แม้เพียงบางเบา

“ถึงเจ้จะอยากให้ทำงานออฟฟิศแบบที่ถนัดและเรียนมา แต่ผมก็อยากอยู่ที่ตลาดนั่นต่อไปเรื่อยๆ อยากดูแลความทรงจำที่มีของครอบครัวเราต่อไป แม้ว่ามันอาจไม่ได้ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ขาดทุนซ้ำๆ จนท้อ ...แต่ที่นี่คือความฝันของป๋า ...ที่นี่คือความทรงจำของแม่ ...และที่นี่คือบ้านอีกหลังที่อบอุ่นสำหรับผมและผักกาด”

“ตลาดแห่งนี้จะต้องอยู่ต่อไปให้ได้ และผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้มันมีชีวิตอยู่ต่อ” แม้ว่าน้ำเสียงของคะน้าจะราบเรียบ หากแต่ความมุ่งมั่นนั้นฉายชัดเจน คะน้าหันกลับมาส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่อยู่แนบชิด เขาเรียกชื่อคนๆ นั้นเบาๆ ด้วยความรู้สึกร้องขอ

“ทิม...”

“ครับ”

“นายอยู่ข้างๆ กับผมได้ไหม ขอกำลังใจให้ผมได้หรือเปล่า”

“จะให้ทุกอย่างที่มี”

หัวเข่าที่ชันซ้อนร่างของคะน้านั้นดูมั่นคง ทิมตอบสั้นๆ แล้วกอดคนในอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ร่างสูงโคลงหัวตัวเองไปแอบอิงที่ศีรษะของคะน้า

“ขอบคุณนะ” คะน้ายิ้มรับกับสัมผัสด้านข้างศีรษะที่อ่อนโยน

“ไม่ต้องกลัว ทำทุกอย่าง อย่างที่ตั้งใจ” ทิมหันกลับมาสบตาของคะน้า แววตาคู่นั้นดูมั่นคงไม่สั่นไหว

แต่รู้ใช่ไหม ว่าอยู่ตรงนี้... ก็... พยายามให้เต็มที่นะ”

“อืมมม”

คะน้ารับคำพร้อมรอยยิ้ม เห็นดังนั้น ชายหนุ่มที่อายุน้อยกว่าก็ระบายรอยยิ้มออกมาบ้าง “ชีวิตก็แบบนี้ล่ะ บางครั้งก็อาจจะต้องยอมเสียอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ได้อีกอย่างที่มีความหมายมากกว่า”

คะน้ายิ้มตาม บางทีทิมก็ดูเหมือนกับเด็กที่เอาแต่ใจ แต่บางมุมกลับมีความคิดหรือมุมมองราวกับผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปี อย่างไรก็ตาม คะน้ารู้สึกดีที่ทิมยังเป็นทิมแบบนี้เป็นแบบที่เขารู้จัก ไม่ใช่คนพูดอะไรมาก แต่กลับเหมือนเข้าใจอะไรมากมาย บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกว่าทิมเข้าใจตัวเขา มากกว่าที่เขาจะเข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกเลยที่หลายครั้งเขาจะเห็นด้วยกับความคิดของทิมโดยไม่มีข้อโต้แย้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“อืม... ทำงานที่นี่ถึงจะไม่ถนัด ไม่ร่ำไม่รวย แต่มันก็สนุกดี ผมชอบที่ตลาดนะ มันอบอุ่น แล้วก็มีชีวิตชีวาไปอีกแบบ”

สายลมเย็นที่พัดหวือหยอกล้อยอดหญ้าดูจะอุ่นขึ้นเมื่อพระอาทิตย์พ้นจากเงาบดบังของไรเมฆ ไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกในตอนนี้ว่าอย่างไร แต่ในใจคะน้ารู้สึกอิ่มและเบาสบายเหมือนสายลม สถานที่แห่งนี้ก็เหมือนเดิมแบบทุกครั้งที่เขาแวะมา ท้องฟ้าก็เหมือนเดิม ต้นหญ้าแห้งๆ พวกนั้นก็ไม่ต่างกัน หรือแม้แต่บนท้องถนน คะน้าก็รู้ดีว่ารถก็ยังติดเหมือนเดิมทุกวัน แต่ลึกๆ ในใจตอนนี้ เขากลับรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างนั้นเปลี่ยนไป

“ทิม... ผมคิดว่าคงจะหยุดเขียนหรืออ่านไดอารี่พวกนี้แล้ว” คะน้าเอ่ยขึ้นเบาๆ คนที่กอดอยู่เพียงแค่เหลือบตามองแล้วอยู่นิ่ง รับฟังเงียบๆ อยู่ใกล้ๆ

“ผมไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่บอกได้ว่าลูกชายคนนี้ที่ป๋าและแม่เคยห่วงได้โตขึ้นแล้ว และเขาจะกลายเป็นอีกคนที่มีความสุขมากๆ คนหนึ่งบนโลกที่เหงาๆ ใบนี้ ตัวอักษรต่างๆ เพื่อยืนยันความสุขของผม มันคงไม่จำเป็นอีกต่อไป” ริมฝีปากของทิมยกตัวขึ้นสูงเมื่อรอยยิ้มของคนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขแบบที่เขาไม่เคยเห็น คะน้าเงยหน้าขึ้นมองฟ้ากว้างแล้วทิ้งน้ำหนักตัวเองลงบนแผ่นอกของคนที่ซ้อนตัวอยู่ สูดอากาศในยามเย็นจนอัดแน่นเต็มปอด

ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้ามันจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำความฝันบ้าๆ นี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ไม่เคยรู้ และไม่เคยแน่ใจอะไรสักอย่าง รู้เพียงแค่ว่าในตอนนี้...



ป๋าครับ แม่ครับ วันนี้ผมมีความสุขจัง

คะน้าขยับตัวเล็กน้อย แต่เหมือนคนที่ซ้อนตัวอยู่ข้างหลังจะไวพอๆ กับความคิดของตัวเขาเอง ทิมลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือลงมาให้คะน้าเอื้อมจับสำหรับพยุงตัวขึ้น ชายหนุ่มสบตาคนที่ยืนสูงกว่า ดวงตาคู่นั้นยังเป็นสีดำที่ลึกล้ำเช่นเดิม จะผิดเพี้ยนไปก็เพียงแค่ว่าแววตาที่ดูจะทื่อแข็งนั้น อ่อนโยนลงทุกครั้งที่คะน้าจ้องมอง


“กลับบ้านกันไหม ป่านนี้เจ้ผักกาดเป็นห่วงแย่แล้ว”

คะน้าหันไปถามคนที่ยืนนิ่งอยู่ใกล้จนเกือบจะแนบชิด ทิมยังคงนิ่งเงียบอยู่แบบนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าตัวไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆ คะน้าจึงค่อยๆ ก้าวเท้าออกเดินไปข้างหน้า ครู่หนึ่งก็รู้สึกถึงน้ำหนักของวงแขนที่โอบลงบนบ่าตัวเอง แล้ววาดเข้ากอดคอแบบหลวมๆ หัวไหล่ของคะน้าเบียดกับแผ่นอกด้านซ้ายที่ของคนที่อยู่ข้างๆ มีเสียงทุ้มที่ดังขึ้นเบาๆ ที่ข้างหูของคะน้า



“วันนี้... ขอบคุณมากนะ”

คะน้าค่อยๆ หันกลับไปยิ้มกว้างให้กับเจ้าของเสียงทุ้มๆ นั้น ดูเหมือนว่าทิมจะเข้าใจความนัยของการเดินทางในวันนี้ได้เป็นอย่างดี จุดหมายปลายทางไม่ใช่การบอกให้รับรู้ถึงเรื่องราวของความทรงจำในอดีต แต่เป็นการบอกให้รับรู้ถึงการยอมรับของตัวคะน้าเองต่ออนาคตนับจากนี้ ...และทุกสิ่งที่เขาเลือก

คะน้าทอดสายตามองไปเบื้องหน้าแล้วอมยิ้ม ที่ปลายขอบฟ้าพระอาทิตย์ส่องแสงสีแดงอมส้ม



...สีเดียวกับแก้มของทิม



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



หลังจากที่เนียนมานาน ขอปล่อยก๊อกสำหรับเรื่องที่หมกไว้ของป๋ากับแม่ต่ายน้อยเสียที
เป็นอันรู้เสียทีว่าทำไมสองพี่น้องตระกูลผัก เขาถึงรักและห่วงกันมากมายแบบนี้ล่ะเนอะ

ตอนนี้เป็นอีกตอนที่แต่งแล้วชอบมาก เพราะให้ทั้งความรู้สึกที่เศร้า และความรู้สึกที่อบอุ่น
อีกเรื่องที่ชอบก็คือการแสดงออกทางความรักของแต่ละคน ไม่ว่าจะระหว่าง ป๋าและแม่กับคะน้า
ระหว่างคู่พี่น้อง หรือระหว่างต่ายและทิม ทั้งหมดไม่มีการบอกว่ารักกันเลยสักคำ
(มากสุดก็คือการกอดที่แสนจะธรรมดา) แต่คนแต่งรู้สึกว่าทั้งหมดดูรักกันมากๆ
เพราะแบบนี้ก็เลยรู้สึกชอบตอนนี้นั่นเอง แต่หวังว่าจดหมายจากคุณแม่ถึงกระต่าย
คงไม่ทำให้เศร้ากันเกินไปนะครับ (จริงๆ แล้ว มันออกจะอบอุ่นนะ) :-[

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจ ที่ร่วมเวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อไปพร้อมๆ กันจนถึงบัดนาว
รัก และขอบคุณทุกคนมากๆ จากใจจริงนะขอรับ มาม๊ะๆ มาให้ข้าน้อยขอกอดหนึ่งที :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 04-02-2013 00:24:47
อ่านตอนนี้เราแอบน้ำตาซึมๆเลยอ่ะ อ่านตอนนี้แล้วชอบมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 04-02-2013 00:33:49
แล้วทำไมแม่ไม่พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก แม่ตรอมใจตามป๊าไปทำไมอะ ไม่คิดจะเข้มแข็งเพื่อลูกเลยหรือ ฮือ TvT

ทำไมอ่านแล้วรู้สึกน้อยใจ (จริงๆนะ) แปลกอีกละเรา 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-02-2013 00:36:54
 o13 o13 o13 ตอนนี้อ่านแล้วเหมือนมีลมแห่งความรักหมุนวนอยู่รอบตัว
อบอุ่นมากกกก จนน้ำตาไหลพรากๆๆ คนแต่งเยี่ยมไปเลยค่ะ  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 04-02-2013 00:56:18
ดีจัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-02-2013 01:11:32
จดหมายฉบับนั้นมันเศร้าค่ะ น้ำตาซึม  :monkeysad: ดีใจที่คะน้ามีความสุขเพิ่มมากขึ้น
ดีใจที่ทิมได้รับการยอมรับจากคะน้าแบบเต็มหัวใจ พามาพบพ่อและแม่ด้วย
“นายอยู่ข้างๆ กับผมได้ไหม ขอกำลังใจให้ผมได้หรือเปล่า” “จะให้ทุกอย่างที่มี”
ประโยคนี้ของคุณพระเอก กีสสสสสส เอาใจคนอ่านไปจ๊ะ เชื่อว่าทิมก็จะทำได้อย่างนั้นจริง ๆ
ตอนทิมประหม่าน่ารักมากเลย เรื่องวันนั้นพระเอกก็ยังไม่หายแคลงใจ แต่คะน้ามองโลกในแง่ดีมากนะ
ไม่พูดไปก็อาจจะดีกว่า (รึป่าวนะ) เรื่องนังน้องแนน ถ้ามันจะจบแค่นี้อ่ะนะ เป็นเราหน่อยไม่ได้
จะแฉให้เพลิน 555

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-02-2013 01:33:36
คะน้าเงียบไม่เป็นไร  ไม่ว่ากัน
แต่หวังว่า ยัยแนนนั่น คงไม่มาทำ หรือสร้างปัญหาอะไรอีกก็แล้วกัน  o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 04-02-2013 04:54:42
อ่านไปน้ำตาไหลพราก T^T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 04-02-2013 08:55:20
แล้วทำไมแม่ไม่พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อลูก แม่ตรอมใจตามป๊าไปทำไมอะ ไม่คิดจะเข้มแข็งเพื่อลูกเลยหรือ
นั่นสิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 04-02-2013 10:24:47
น้ำตาซืมเลย ซึ้งอะ สู้ๆๆจ้า  o13

ขอบคุณมากมาย  :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 04-02-2013 10:33:31
เป็นตอนที่อบอุ่นมาก ตะหงิด ๆ แล้วล่ะว่าพ่อแม่ของสองคนนี้น่าจะเสียไปแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

ชอบตอนนี้ที่สุด เหมือนคะน้าเลือกแล้วว่าคนนี้แหละใช่
เปิดรับเข้ามาในครอบครัว มีคนนี้แล้วก็เหมือนมีคนอยู่ข้าง ๆ มีคนดูแลแล้ว
ยอมให้พ่อและแม่ยืนดูอย่างสงบอยู่บนสวรรค์ได้อย่างสบายใจ

เหลืออีกไหมครับคุณคนแต่ง ตุลจะกลับาเมื่อไหร่ครับ อิอิ
ถามแบบนี้เพราะแอบคิดว่าคนแต่งต้องเอาตุลกลับมาแน่ ๆ เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 04-02-2013 10:51:11
อบอุ่น ซึ้งใจ น้ำตาไหลพรากกกกก......... :monkeysad:

มามะขอกอดคนเขียนที :กอด1:

คุณเยี่ยมมาก     o13    o13    o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: poompoo ที่ 04-02-2013 11:11:50
ชอบความรู้สึกของตอนนี้จังคะ  o13

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-02-2013 12:43:29
ชอบมากกกก
รุ้สึกอินกับบรรยากาศตลาดชะมัด เป็นเรื่องที่หาอ่านได้ยากนะ ในนิยายทำนองที่ว่าครอบครัวพอเพียง ส่วนใหญ่จะร่ำรวยอู้ฟู่ ทำกิจการสืบต่อที่บ้านทั้งๆที่ไม่อยาก
เห็นได้ถึงความรักของครอบครัว

ไปเดินตลาดกันเถอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 04-02-2013 12:46:07
ตอนแรกก็โกรธยัยแนนนั่นนะ แต่พอเจอโมเม้นต์น่ารักๆของทิมกับคะน้าแล้ว น่ารักอ่ะ รู้สึกว่าน้องทิมหื่นนะจ๊ะ อยู่ไม่ห้องไม่ได้จับต่ายทำภารกิจตลอด 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 04-02-2013 13:59:02
อ่านรวดเดียวตั้งแต่เมื่อคืน ซึ้งจัง
ตอนก่อนหน้านี้แอบสงสารตุลพอสมควร รู้สึกว่าเป็นพระรองที่โชคร้ายสุดๆ :เฮ้อ: หวังว่าจะไปได้ดิบได้ดี ได้ลาภเป็นสัตว์สองเท้าที่เยอรมันนะ

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 04-02-2013 14:16:39
อ่านไปตอนแรกแอบอมยิ้มกับทิม ><
แต่พออ่านไปอีกนิดทำเอาน้ำตาซึม...
ก็ดูอบอุ่นจริงๆแหละ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 04-02-2013 14:19:22
อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นจริงๆด้วย  :กอด1:
รู้เสียทีว่าพ่อแม่กระต่ายไม่อยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 04-02-2013 15:28:00
ไม่เศร้ามากนะ แต่รู้สึกน้ำตาซึม ๆ เฮ้อ ชอบอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 04-02-2013 17:31:04
ตอนนี้ซึ้งง่ะ เศร้าด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-02-2013 17:54:54
แอบซึ้งนะตอนนี้ อิอิ
เพิ่งรู้ว่าต้องการมาเฉลยเรื่องพ่อกับแม่คะน้าตอนนี้
ฮ่าๆ เพราะโดยส่วนตัวไม่รู้ทำไมแต่คิดมาตลอดเลยว่าทั้งสองคนไม่อยู่แล้ว

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-02-2013 18:02:53
ว่าตอนหมอตุลเศร้าแล้ว มาเจอตอนนี้ไปกันใหญ่ เศร้าด้วย ซึ้งด้วย
ทิมดูแลคะน้าให้ดีนะ อย่าทิ้งกัน ไม่ว่ายามหนุ่มหรือยามเฒ่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 04-02-2013 20:25:20
มันเป็นความเศร้าที่สวยงามมากๆ
ในใจตอนนี้มันช่างเต็มตื้น  ซาบซึ้ง อิ่มเอม
ขอบคุณมากๆนะคะ คนเขียน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 04-02-2013 21:22:37
ตอนทิมฝ่อ น่ารักดี

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 05-02-2013 06:11:28
อ่านตอนนี้ซึ้งจัง ต่ายและเจ๊โตมาได้อย่างดีเลย

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 26 (หน้าที่ 34) - Feb 4, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 05-02-2013 12:10:42
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนถูกโอบอุ้มด้วยความรัก
น้ำตาซึมเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-02-2013 09:58:07
มาแล้วครับ ขอบคุณมากนะครับสำหรับทุกคอมเมนต์เลย o13
ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี +1 ให้หมดใจเลยนะ ฮิ้วววว...
ตอนต่อไปเลยแล้วกันครับ มาถึงตอนที่ 27 แล้ว ไปไวเหมือนกันแฮะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 27



แสงแห่งวันชุบชีวิตในตลาดสดแห่งนี้ให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ผู้คนเริ่มทยอยมาจับจ่ายใช้สอยข้าวของอาหารสดต่างๆ ที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบจนตลาดดูคึกคัก ที่แผงของคะน้าก็เช่นกัน ดูเหมือนว่าไข่ไก่สดๆ จากฟาร์มที่ได้มาใหม่จะค่อนข้างคุณภาพดี ไอศกรีมไข่แข็งที่คะน้าประยุกต์ขายจึงได้รับผลตอบรับดีจนหมดไวกว่าทุกวัน มะพร้าวอ่อนที่แผงก็เลยพลอยขายดีไปด้วย

เมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมการตลาดได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการใส่ใจในคุณภาพของข้าวของในตลาดมากขึ้น เจ๊เป็ดที่เริ่มหันมาขายผักปลอดสารพิษก็ดูจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพ่อค้าแม่ขายอื่นๆ หันมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าของตนยิ่งกว่าเดิม เรียกว่าสู้กับห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ได้อย่างไม่อาย หลายๆ อย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น (ไม่นับผมทรงใหม่ของสายใจที่เจ้าตัวโฆษณาว่าสวยใสไม่แพ้ตั๊กแตน ชลลดา แต่ทุกคนกลับลงความเห็นว่าออกแนวซีเนียร์แบบตั๊ก มยุรามากกว่า)

“ถ้าทุกวันมันคึกคักแบบนี้ก็ดีนะจ๊ะเจ้เป็ด จะหมดแผงแล้วเนี่ย” คะน้าที่มาช่วยเจ๊เป็ดขายผักที่แผงข้างๆ หันไปคุยกับเจ้าของแผง

“วันเงินเดือนออกก็แบบนี้ล่ะ แต่ถ้ามันได้แบบนี้ทุกวัน แม่จะถอยทองสักสลึงเลยคอยดู” หญิงสาววัยแตะห้าสิบยิ้มอย่างมีความสุขจนคะน้าเพลินจนยิ้มตามไปด้วย “ขอบใจเอ็งที่มาช่วยนะคะน้า เอ็งนี่มันทั้งมีน้ำใจ ทั้งขยันขันแข็งเหมือนพ่อเอ็งไม่มีผิด”

“จริงเหรอจ๊ะเจ๊”

“ข้าไม่ได้แก่จนจำอะไรไม่ได้หรอกนะ เอ็งสองคนน่ะ โตขึ้นมาแล้วนิสัยเหมือนพ่อเอ็งไม่มีผิด แต่เอ็งกับผักกาดมันได้ตาใสๆ กับยิ้มหวานๆ แบบแม่ของเอ็ง เผลอไปแผล็บเดียว ดูสิ ไอ้เด็กที่วิ่งซนไปทั้งตลาด โตเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีไปซะแล้ว”

“เพราะได้เจ๊ช่วยป้อนข้าวฉันหรอกจ๊ะ ไม่งั้นก็ไม่โตหรอก” ชายหนุ่มยิ้มแป้นให้กับหญิงสาวที่เค้าคุ้นตามาตั้งแต่เด็กๆ

“เอ็งนี่มันปากหวานนะ” เจ๊เป็ดหัวเราะด้วยความชอบใจระคนไปกับความเอ็นดู “เอ๊า เอาไปแบ่งกันกิน ผักปลอดสารพิษ กินแล้วแข็งแรง”

“โห เจ๊เป็ดเก็บไว้ขายเถอะจ๊ะ” คะน้าส่ายหน้าไหวๆ ด้วยความรู้สึกเกรงใจ

“เอ็งเอาไปกิน อย่าขัดใจคนแก่สิวะ”

“งั้นฉันซื้อเจ๊นะ” เกรงใจกับของซื้อของขาย

“ข้าโกรธจริงๆ นะ ดูถูกน้ำใจกัน” เจ๊เป็ดส่งเสียงฉุน “น้ำใจคนมันตีค่าด้วยเงินไม่ได้ ข้าเองก็เป็นหนี้บุญคุณพ่อกับแม่เอ็งที่ช่วยเหลือจนตีค่าเป็นเงินทองไม่ไหว และพ่อแม่เอ็งก็ไม่เคยคิดจะรับไว้อีกต่างหาก แค่น้ำใจแค่นี้ เอ็งรับไปนะ ให้คนแก่อย่างข้าได้ชื่นใจ”

“งั้นเจ๊เป็ดแบ่งไข่ไก่ฉันไปนะ วันนี้ฟองโต สดๆ เลย”

คะน้ารีบคว้าไข่ไก่จากแผงตัวเองใส่ถุงแล้วส่งให้ ไม่เพียงแต่ผักสดๆ ที่คะน้าได้รับจากเจ๊เป็ดเท่านั้น น้ำใจของคนในตลาดแห่งนี้เผื่อแผ่ถึงกันและกันราวกับคนในครอบครัวใหญ่ๆ ที่รักใคร่กันมานาน คะน้าได้รับหมูสับเกือบกิโลจากเฮียตี๋ ปลาทูนึ่งตัวโตๆ จากบังอร แม้แต่แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายจากเจ๊เมาท์ที่ขายแกงถุง ไข่ไก่และมะพร้าวน้ำหอมจำนวนไม่น้อยแลกเปลี่ยนอัธยาศัยให้กันและกัน เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นทุกๆ วันจนคะน้ารู้สึกผูกพันกับทุกๆ คนเหมือนเพื่อนฝูง เหมือนคนในครอบครัว

“ขอโทษนะคะ พี่คะน้ายุ่งอยู่หรือเปล่าคะ” เสียงเรียกใสๆ จากด้านหลังทำให้พ่อค้าหนุ่มหันกลับไปมอง เมื่อเจอต้นเสียงก็ชะงักไปจนปั้นหน้าไม่ถูก ถึงอย่างนั้นคะน้าก็ยิ้มให้ด้วยไมตรี

“สวัสดีครับน้องแนน วันนี้มาเดินเล่นที่ตลาดเหรอครับ” ใบหน้าของหญิงสาวดูมีเลือดฝาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ้มให้กับคะน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก

“พี่คะน้าขายอะไรบ้างคะ แนนอยากอุดหนุนจังเลย” ร่างบางกวาดสายตามองไปรอบๆ แผงด้วยความตื่นตาตื่นใจ หากแต่เสียงของผู้หญิงอีกคนที่คิดว่าสวยไม่ด้อยไปกว่าใครนั้น ตอบคำถามแทนคะน้าเสร็จสรรพ

“โหมะแล้!” จันทูเดินอาดๆ มาหาคะน้าแล้วควงแขน “วานี้ขาโหมะแล้ ม่ามีขา จาซื้ออาราเก๊าะมาวาหลางงง...”

ดูเหมือนว่าแนนจะผงะจนไปต่อไม่ถูกเมื่อเจอจันทูเข้าไป จนคะน้าต้องส่งเสียงดุผู้ช่วยชาวพม่า แต่เจ้าตัวดูจะไม่สะทกสะท้านอะไร ซ้ำยังส่งสายตาเขม่นไปที่หญิงสาวอีกคนอย่างกับจะให้เป็นผุยผงในพริบตา

“แนนมารบกวนพี่คะน้าหรือเปล่าคะ”

“โร๊ะกัว! โคนเค้าจาขายขอ ทำมาค้าขา” เป็นจันทูอีกครั้งที่ตอบแทนคนที่ถูกถาม

“เออ ไม่หรอกครับ น้องแนนมีอะไรหรือเปล่าครับ” หลังจากปรามจันทูแล้ว คะน้าก็หันไปตอบหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าแผงด้วยอาการหวาดๆ ดูเหมือนแนนจะรู้สึกเกรงใจและทำตัวไม่ถูก หญิงสาวจึงเอ่ยขอร้องบางอย่างกับคะน้า

“คือแนนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ เอ่อ... หมายถึงส่วนตัวน่ะค่ะ” คะน้าพยักหน้ารับ พอเข้าใจว่าแนนต้องการพูดเรื่องอะไร และก็คงไม่เหมาะที่จะยืนอยู่ตรงนี้ เขาไม่อยากหนีปัญหา อะไรที่พอปรับความเข้าใจกันได้ คะน้าก็ไม่ลังเลที่จะทำ

“คนนั้นน่ากลัวจังเลยนะคะ เค้าเป็นใครเหรอ” แนนเอ่ยขึ้นอีกครั้งหลังจากที่คะน้าปลีกตัวออกมาเดินด้วย

“อ้อ จันทูน่ะ เป็นผู้ช่วย เค้าก็เป็นคนดีนะ ไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก” เขาตอบตามความเป็นจริง ภายนอกจันทูอาจจะดูเป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ได้ถูกกับประชานิยมทั่วไป แต่เนื้อแท้แล้ว คะน้ารู้ดีว่าผู้ช่วยพม่าคนนี้ของเขาเป็นคนรักดี เอาการเอางาน และไว้ใจได้

“แนนไม่ค่อยมีโอกาสมาเดินตลาดสดเลยค่ะ รู้สึกตื่นตาจัง พี่คะน้าพาแนนเดินหน่อยได้ไหมคะ” ดูเหมือนว่าแนนจะไม่ได้สนใจฟังคำตอบอะไรกับคำถามที่ตนตั้งขึ้นมาเท่าไหร่ หญิงสาวเดินมองไปรอบๆ ตัวราวกับเดินในสถานที่แปลกใหม่ ไม่คุ้นเคย

คะน้าพาแนนเดินไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน เขาเองก็ไม่รู้จะพาเดินไปไหน การเดินในตลาดดูจะเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะกับที่คุยเท่าไหร่ แต่คะน้ายังจำเหตุการณ์ครั้งก่อนไม่หาย ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ แบบนี้

“เอ่อ... เรื่องเมื่อวันนั้น แนนขอโทษนะคะ แนนไม่น่าดื่มเลย เวลาแนนเมา แนนไม่รู้สึกตัวเลย แนนทำอะไรแย่ๆ ไปหรือเปล่าคะ จำไม่ได้จริงๆ” จู่ๆ หญิงสาวก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่สลด คะน้าหันไปมองหน้าของแนน แววตาคู่นั้นดูหมองเศร้าจริงๆ หม่นจนเขาก็ไม่รู้จะตำหนิอะไรเธอ ลำพังแค่นี้ คะน้าก็รู้สึกว่าแนนเองก็คงรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของตัวเองไปแล้ว

“ถ้าแนนทำอะไรที่พี่คะน้าไม่ชอบลงไป แนนขอโทษพี่ด้วยนะคะ พี่คะน้าไม่โกรธอะไรแนนใช่ไหมคะ”

ไม่มีใครบนโลกนี้สมบูรณ์แบบ และไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด คะน้ารับรู้ในความจริงข้อนี้ดี แม้ว่าถ้อยคำหรือการกระทำในคืนนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาร้สึกไม่ดีเป็นอย่างมากก็ตาม หากแต่เมื่ออีกฝ่ายสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปจากใจจริง ตัวเขาเองจึงยินดีให้อภัย

“เอ่อ... ครับ ไม่เป็นไรครับ”

“พี่คะน้าใจดีจังเลยค่ะ” แนนมีสีหน้าที่สดชื่นขึ้น แต่ก็เพียงครู่เดียว ดวงตาที่เคยสุกใสราวกับตาของกวางตัวน้อยๆ ก็หมองลงอีกครั้ง “เอ่อ... จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าแนนจะขอรบกวนพี่อีกอย่าง” คะน้าหันมามองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความสงสัย

“พี่อย่าบอกเรื่องที่แนนเมา หรือแม้แต่ที่แนนทำอะไรไปวันนั้นกับพี่ทิมได้ไหมคะ แนนจำไม่ได้ว่ามีแนนทำอะไรลงไปบ้าง แต่แนนเดาว่ามันก็คงไม่ดีเท่าไหร่” ร่างเล็กมีสีหน้าลำบากใจ ดวงตาคู่นั้นเริ่มรื้นไปด้วยน้ำตา

“พี่คะน้าคะ ถึงแม้ว่าแนนจะรู้ว่าแนนไม่สมควรมาขออะไรพี่แบบนี้ แต่พี่คะน้าก็รู้ใช่ไหมคะ ว่าถ้าพี่ทิมรู้เรื่อง แนนจะเป็นยังไง แนน... แนนกลัวค่ะ” ไหล่ที่ไหวเบาๆ ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูก คะน้าพยายามควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงตัวเองส่งให้ ก็เพิ่งรู้ตัวว่าลืมไว้ที่แผงผักตอนที่ไปช่วยเจ๊เป็ดขายของ ลงท้ายชายหนุ่มได้แต่ยืนเก้ๆ กังๆ เพราะไม่รู้จะปลอบประโลมหญิงสาวอย่างไร

“อ่อ... ครับ คือพี่ก็เข้าใจครับ พี่สัญญาว่าจะไม่พูดอะไร น้องแนนวางใจนะ” เธอปาดน้ำตาที่ซึมออกมาจนปริ่มนั้นออกพร้อมใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้น คะน้าก็รู้สึกใจชื้นขึ้น

“ขอบคุณพี่คะน้ามากนะคะ พี่ใจดีกับแนนมากเลย แนนไม่รบกวนเวลาพี่คะน้าดีกว่าค่ะ แล้ววันหลังแนนจะแวะมาอุดหนุนให้ได้เลยค่ะ แนนสัญญา”

“อ้อ... ครับๆ ขอบคุณมากครับ”

ว่าแล้วร่างเล็กๆ ของหญิงสาวก็กลืนหายไปกับผู้คน คะน้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปนั้นถือว่าเป็นเรื่องโง่งี่เง่าหรือเปล่ากับการยอมอะไรใครง่ายๆ หรือแม้แต่ยกโทษอะไรง่ายๆ ด้วยคำพูดเพราะๆ ไม่กี่คำ การผูกใจเจ็บ คิดร้ายนั้นไม่ยากเลย แต่ใจของตัวเราเองคงร้อนเหมือนไฟไม่มีที่สิ้นสุด และคะน้าไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบนั้น ไม่อยากให้ร้อนรนกับความโกรธแค้นไม่จบไม่สิ้น มันผ่านไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ถึงกับเสียหายอะไร ยกโทษให้ได้ คะน้าก็ยินดี ...อย่างน้อยก็ให้มันจบๆ กันไป





เย็นวันนั้น เป็นครั้งแรกที่ทิมได้มาบ้านของเขาอีกหลัง ชายหนุ่มขันอาสาที่จะเป็นธุระช่วยย้ายข้าวของของคะน้าไปที่คอนโด ความที่มีสมบัติไม่ได้มากมายอะไรแบบใครเขา การขนย้ายของจึงดูเป็นเรื่องที่ไม่สาหัสเกินไปสำหรับชายหนุ่มสองคนจนไม่ต้องพึ่งพาบริษัทช่วยขนย้าย

อารามที่ไม่ได้อยู่อาศัยมาสักพักและความคร้านจะทำความสะอาด บ้านที่ดูอบอุ่นจึงมีสภาพไม่ต่างกับโกดังเก็บของเก่าๆ ฝุ่นผงดูจะเป็นปัญหาที่เอาเรื่องกับการขนย้าย เชิ้ตสีขาวถูกกำจัดออกไปจากร่างกายของทิม และไม่นานเสื้อยืดของคะน้าก็เช่นกันเมื่อคราบสีดำๆ ทิ้งตัวเป็นปื้นขนาดใหญ่พาดกลางตัว

อีกปัญหาที่ดูไม่น่าจะเป็นเรื่องแต่กลับเอาเรื่องยิ่งกว่าฝุ่นที่เขรอะไปทั่วบ้านเป็นไหนๆ ก็คือร่างสูงที่ขนย้ายข้าวของอยู่ระยะประชิดในพื้นที่กะทัดรัดของห้องรับแขกนี้ บ่อยครั้งที่คะน้าเผลอมองทิมที่ส่วนบนของร่างกายขยับตัวไปมาอย่างอิสระ ...ยอมรับทั้งๆ ที่กระดากปาก น่ามองจนไม่อยากละสายตา

“เป็นอะไร ดูเหม่อๆ”

“เปล่านี่” ตอบไปแบบแกนๆ แล้วเฉไฉลงนั่งพักให้หายเหนื่อย ทิมเดินตามมานั่งใกล้ๆ คะน้ายอมรับว่าเสมองไปอีกทางเพื่อจงใจเลี่ยงภาพที่เห็นในระยะประชิด

“เหนื่อย?”

ทิมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ แล้วเอียงมอง ดวงตาคู่นั้นตั้งคำถามด้วยความสงสัย คะน้าเบนสายตาเลี่ยงไปด้านข้างทันที

“พักหน่อยน่ะ”

อันที่จริงเขาไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไรมากมาย ออกจะสบายด้วยซ้ำ เมื่อกล่องที่ใส่ของมีน้ำหนักมากๆ ทิมจะเป็นคนแย่งที่จะขนไปเรียงไว้หน้าบ้านเสียหมด ส่วนเขาเองได้แต่ขนข้าวของทั่วไปที่มีน้ำหนักเบา ทิมถูฝ่ามือกว้างของตัวเองกับขากางเกงไปมาหลายครั้งแล้วยกขึ้นมา ค่อยๆ ปาดเหงื่อที่ซึมอยู่ทั่วใบหน้าของคะน้าออก แม้จะสะดุ้งกับสัมผัสที่เอาใจใส่เกินกว่าจะคาดคิด แต่คะน้าก็นั่งนิ่งๆ ให้ทิมเช็ดออกแต่โดยดี ...แล้วต่างฝ่ายก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น

ในวินาทีที่เชื่องช้าและยาวนาน ใจของคะน้าวิ่งวนอยู่กับความคิดแปลกๆ จนสลัดไม่หลุด ณ ห้วงเวลานั้น คะน้าตอบไม่ได้ว่าความกระสับกระส่ายแปลกๆ นี้คือการเล่นกลสารพัดสารพันของจิตใจตัวเอง หรือแท้จริงนั้นคือการเพรียกหาความปรารถนาอันคุ้นเคยจากสัมผัสคนที่นั่งอยู่ข้างๆ สายลมกรีดกรายผ่านความเงียบเข้ามากระทบผิวที่ร้อนผ่าวไปด้วยการใช้กำลัง หยดน้ำเล็กๆ ยังคงซึมผ่านแผ่นอกออกมาเพื่อระบายความร้อนของร่างกาย เส้นสายของมันทิ้งตัวลงช้าๆ ไปทั่วแผ่นหลังจนสะท้อนแสงวาว ร่างของคะน้าหอบ ไม่รู้ว่าเหนื่อย หรือเพราะหัวใจที่เต้นจนร่างกายมันไหวตาม หัวไหล่คนนั่งข้างเบียดบดเข้ามาใกล้ ในใจของคะน้าเต้นระรัวราวกับต้องมนตร์



...แล้วทิมก็จูบลงบนริมฝีปาก

คลอเคลีย รุกเร้า ท่วมท้น ...แต่นั่นดูจะไม่เพียงพอ คะน้าค่อยๆ ขยับตัวเข้าไปใกล้ขึ้นอีก ใบหน้าถูกตระกองขึ้นด้วยฝ่ามือของคนที่อยู่ตรงหน้า สัมผัสที่ยั่วเย้าดึงดูดเขาจนคล้ายกับแมลงที่โผบินเข้าสู่เพลิงที่โชนแสง หยุดหายใจ และตอบรับสัมผัสนั้นราวกับโบยบินอยู่บนก้อนเมฆ เพียงไม่นานความหอมหวานนั้นก็ผละจาก ไม่มีท่าทีจนคะน้าปรับความรู้สึกไม่ทัน ทิมหายใจฟืดฟาด ร่างกายแดงก่ำและสะเทือนไหวราวกับสูบฉีดไปด้วยอะดรีนาลีน

“ใส่เสื้อได้ไหม”

“หืม?”

“ผมจะไม่ไหวเอาว่ะพี่”

ทิมบริภาษด้วยความรู้สึกต่างๆ คละเคล้ากันไป คำพูดตรงไปตรงมาและแววตาที่จ้องมองด้วยความไหวสะท้านนั้น แม้เพียงชั่วขณะ ก็เนิ่นนานพอจะทำให้หัวใจของคะน้ากระตุกเต้นรัวเหมือนถูกฉีดปั๊มด้วยเครื่องอัดอากาศขนาดใหญ่ ทิมคว้าเสื้อตัวเองขึ้นมาคลุมหัวคะน้า ออกคำสั่งกำชับ

“นั่งเฉยๆ เดี๋ยวทำเอง”

แล้วคะน้าก็ได้แต่ดูร่างสูงตรงหน้าขนของไปมาราวกับเครื่องจักรที่ไม่รู้ความเหน็ดเหนื่อย พอจะเอี้ยวตัวไปคว้าฉวยอะไรขึ้นมายก สายตาเขม่นคู่นั้นก็ตรึงฝ่ามือทั้งสองข้างและปลายขาให้คงที่ เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยาก แต่ดูเจ้าตัวที่ออกแรงจนหอบแฮ่กจะสบายใจกว่าที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทิมทิ้งตัวลงข้างๆ คะน้าบนโซฟาหวายสีอ่อนนั่น สะท้านโยนไปทั้งตัว คะน้ามองด้วยความรู้สึกอาทรและอิ่มเอิบไปทั้งใจ ค่อยๆ ขยับตัวเข้าใกล้ นิ้วมือเกลี่ยปาดผมที่ลงมาปรกหน้าผากของทิมออก

“หิวไหม”

“มาก” ทิมตอบทันควันโดยไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ

“จะกินอะไรล่ะ”

คนถูกถามไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงสายตาคู่นั้นที่จ้องมองอย่างไม่วางตา ...มองอยู่อย่างนั้น จนอีกฝ่ายต้องงุดหน้าลง ทิมสอดมือเข้าไปในเชิ้ตที่ไม่ได้ติดกระดุมบนร่างกายของคะน้าแล้วสวมกอด


...โซฟาหวายที่คะน้าเคยเอนตัวได้สบายดูจะแคบลงถนัดตา



(ต่อด้านล่างอีกครึ่งครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-02-2013 10:01:30
(ต่อครับ)



คะน้าและทิมกลับมาถึงที่คอนโดในเวลากลางดึกด้วยสภาพที่ดูเปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อไคลและฝุ่นผง ผู้หญิงเพียงคนเดียวในห้องนั่งจ้องสภาพของชายหนุ่มทั้งสองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ไม่ใช่แค่สารรูปที่ดูไม่ต่างกับวิ่งมาราธอนหรือผมที่กระเซอะกระเซิงมา แต่เป็นการที่น้องชายของตัวเองสวมเชิ้ตสีขาวราคาแพงของชายหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างๆ โดยที่เจ้าตัวกลับใส่เสื้อยืดย้วยๆ ของคะน้ากับยีนส์สีเข้มของตัวเองแทน

“คือ... ก็... แลกกันใส่ไง เนอะๆ” คะน้ากระทุ้งข้อศอกเข้าสีข้างของคนที่ยืนข้าง ทิมพยักหน้าหงึกแล้วยิ้มกริ่ม

“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีไหม” คงจะดีกว่าสำหรับผักกาดที่จะไม่ถามอะไรที่ไม่พร้อมจะรับฟังคำตอบ ...บางที สู้ไม่รู้ไม่เห็นจะดีกว่า สองหนุ่มผ่อนผันด้วยการขอพักสักครู่ คะน้าเดินไปที่ตู้เย็นแล้วรินน้ำมาสองแก้ว แก้วหนึ่งให้กับทิม อีกแก้วสำหรับตัวเขาเอง

“แล้วนี่ทานอะไรกันมาหรือยังน่ะเรา ต่ายเลี้ยงอะไรทิมหรือเปล่า”

“ครับ เรียบร้อย” ทิมตอบเสียงใสแล้วหันไปสบตาด้วย คะน้ายกน้ำขึ้นจิบ รู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบของทิมนั้นหมายถึงอะไร ผักกาดผ่อนคิ้วที่ตึงลงมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยก็ไม่แขวนท้องเปล่ากลับมา

“อร่อยไหม กินอิ่มหรือเปล่าทิม”

“อร่อยครับ” ทิมจ้องหน้าคะน้าแล้วยิ้มหวาน “...กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม”

พรวด!!!

น้ำในปากคะน้าถึงกับทะยานตัวไปข้างหน้ากับคำตอบที่เจื้อยแจ้วของอีกคน ทิมยังคงมองจ้องไม่ไหวติง ดวงตาคู่นั้นจงใจสบตาเขาแบบไม่สนใจอากัปกิริยาคนรอบข้าง ซ้ำยังยิ้มลอยหน้าลอยตามาให้เขาอีก ...กวนทีน!

จากที่เคลือบแคลงสงสัยในหลายๆ อย่างที่ดูพิลึกพิลั่น สุดท้าย ผักกาดก็ยกมือกุมขมับแล้วขอตัวกลับไปนอนสักงีบแก้เครียด พี่สาวกำชับน้องชาย ถ้าหิวให้หาอะไรทาน แล้วเก็บของเท่าที่พอจะเก็บได้ให้เป็นที่ทาง แต่สุดท้ายผักสดๆ และอาหารต่างๆ ที่ได้มาจากตลาดในวันนี้ก็ผ่านฝีมือปรุงของทิม คะน้าตักข้าวเข้าปาก จ้องมองคนที่นั่งเคี้ยวตุ้ยๆ ตรงหน้า ท่าทางคงอ่อนเพลียไม่น้อย

“ไม่เหนื่อยเหรอ”

“อีกยกก็ยังไหว”

คะน้ายิ้มเย็นยะเยือกให้กับคนที่ยิ้มร่า หากแต่ที่ใต้โต๊ะอาหาร กลับง้างเท้าขึ้นถีบทิมอย่างเต็มที่ เจ้าตัวรีบขยับหนีแล้วแกล้งร้องโอดโอย

“มันกระตุก”

“ระวังเจอ ‘มัน’ กระตุกมั่งนะ”

ทิมหัวเราะแบบมีเลศ คะน้ามองแล้วถอนหายใจหน่าย อะไรๆ ก็ดูจะไม่ได้ผล ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไปหลงพิศวาสคนแบบนี้ได้ลงคอ ยิ่งนานวันก็ยิ่งทะลึ่งทะเล้น

“ไม่เบื่อมั่งเหรอไง ทุกวันเลยนะ”

“ไม่เบื่อ วันละหลายๆ รอบก็ได้” ทิมยักคิ้ว ทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย คะน้ามองคนตรงหน้า ถึงแม้พักหลังเจ้าตัวจะชอบกวนประสาทด้วยความทะเล้นยั่วโมโหบ่อยครั้ง หากแต่เขารู้ดีว่ามันก็แค่การกลบเกลื่อนไม่ให้คะน้ากังวลเกินไป วันนี้คงเป็นอีกวันที่เหนื่อยมากๆ สำหรับทิม สักพักคนที่ทานข้าวอยู่ก็ชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาถาม คิ้วเข้มขมวดขึ้งจริงจัง

“แล้ว...เบื่อเหรอ”

“รีบๆ กินข้าวไปเถอะ” คะน้าตอบกลับแล้วก้มลงกินข้าวบ้าง

“แปลว่าชอบ”

“บอกให้กินข้าวไป!!” ทิมหัวเราะร่วน บางทีคะน้าก็คิดว่าตัวเขาเองก็ติดนิสัยบางอย่างมาจากทิมโดยไม่รู้ตัว หวังว่ามันจะเป็นนิสัยที่ดีๆ มากกว่าที่ไม่ดีก็แล้วกัน

หลังมื้ออาหาร ทิมก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนอยู่บนโซฟาที่ห้องรับแขก มีเสียงจากทีวีเป็นเพื่อนในเวลาหลับไหล คะน้าจ้องมองคนที่นอนหลับอยู่ แปลกที่บ่อยครั้งในความคิดของคะน้ากลับรู้สึกคุ้นเคยกับทิมเหมือนกับเค้าเห็นที่ไหนมาก่อน หรือคล้ายกับเคยรู้จักมาก่อนอย่างที่ตัวเขาเองก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งนานวัน ยิ่งได้รู้จัก ความรู้สึกนี้ก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นจนเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง

สะบัดหัวไล่ความคิดต่างๆ ให้ออกไป ยังมีอะไรอีกมากมายที่ต้องทำ ชั่งใจดูแล้ว การปล่อยให้ทิมพักผ่อนอีกสักพักน่าจะดีกว่าที่ปลุกให้ตื่นขึ้นมา ...รอยยิ้มแบบนั้น ฝันถึงอะไรดีๆ อยู่นะ คะน้าหอมลงที่แก้มของทิมเบาๆ ปัดผมที่ตกลงมาปกหน้าให้เปิดออกแล้วหยิบผ้าห่มจากห้องนอนมาคลุมให้ ตัวเองก็ค่อยๆ รื้อเก็บข้าวของต่างๆ โดยเน้นไปที่ของชิ้นเล็กๆ น้อยๆ กระทั่งเกือบหมด

หลังจากจัดเก็บข้าวของต่างๆ ที่ย้ายมาพอจะเป็นระเบียบก็พาเอาเหนื่อย คะน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งกับภาระที่เสร็จสิ้นไปอีกอย่างในวันนี้ ปล่อยความคิดต่างๆ นานาให้ล่องลอยไปในอากาศ ทบทวนอะไรต่อมิอะไร แล้วคะน้าก็เผลอยิ้มออกมากับช่วงเวลาในนาทีนี้ เหมือนละอองแห่งความสุขโรยตัวลงรอบๆ มองไปทางไหน คะน้าก็รู้สึกอยากจะยิ้มให้กับเวลาที่ดีๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มีความทรงจำที่ดีๆ ให้คิดถึง และก็มีเป้าหมายในอนาคตใหม่ๆ ที่รอให้ลงมือทำ แวดล้อมด้วยคนดีๆ และความสุขมากมายที่เงินตราไม่อาจซื้อหา มีครอบครัวที่ดีอย่างผักกาด ...คะน้าชะเง้อออกไปมองคนที่นอนอยู่ด้านนอกแล้วยิ้มน้อยๆ แล้วก็มีงานที่ทำให้มีความสุขได้ทุกวัน รวมทั้งมีคนที่ปรารถนาดีมากๆ กับเขาตลอดเวลา


...แม้ว่าในเวลานี้ คนๆ นั้นจะอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้าก็ตาม

คะน้าเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมา กดหาไฟล์ที่เคยได้รับจากตุลแล้วเขาส่งเก็บเข้าไว้ในคอมพิวเตอร์ รูปถ่ายที่เคยถ่ายเล่นด้วยกันตอนไปหาอะไรทานมื้อเย็นที่งานวัด แม้มันจะผ่านไปแล้ว และเป็นเพียงความทรงจำ แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดี

ค่อยๆ กดเลื่อนดูไปทีละภาพ ...ทีละภาพ

ภาพตัวเองที่ทำหน้าเหวอตอนถูกแอบถ่ายช่างดูเสื่อมจับใจ ...ไม่ต้องคิดให้มากความ ลบทิ้ง!
มีภาพที่เขายิ้มโง่ๆ กับลูกชิ้นปิ้งกองพะเนิน อันนี้ ดูไปดูมาก็หล่อดี ...เก็บก็ไม่เสียหาย
ภาพวิว ภาพบรรยากาศต่างๆ เหรอ ...ก็ได้นะ ไว้ดูเล่นๆ ให้คิดถึง
แล้วก็ภาพยืนถ่ายตามท้องถนน อืม... จะว่ายังไงดี ภาพน่ะไหว(สั่น) แต่คนน่ะไม่ไหว ...ลบด่วน!!!
ภาพคู่ที่ตุลยกมือถือขึ้นถ่าย ...ภาพที่ตุลป้อนของกิน และมีภาพคู่อีกสองสามภาพที่ทำให้คะน้าอดคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้ ก่อนจะถึงภาพสุดท้าย...


...ภาพของตุลที่ใส่แว่นแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี

รอยยิ้มที่มุมปากของคะน้าจุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่มองคนในภาพนั้น รอยยิ้มของตุลดูสดใสไม่ต่างกับในความทรงจำของคะน้า ห้วงเวลาเก่าๆ ย้อนคืนกลับมาให้รู้สึกโหยหาจดจำ อดีตที่แม้จะผ่านไปแล้วนั้นยังโอบกอดคะน้าไว้จนอิ่มเอิบไปด้วยความสุข ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอยากเรียกร้องให้เข็มนาฬิกาหมุนย้อนหรือแม้ให้สายลมพัดหวน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในห้วงเวลาที่เดินผ่านไปทุกวัน ตุลคือหนึ่งในสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา ...ไม่รู้ว่านับจากตอนนั้น ตุลจะเป็นอย่างไรบ้าง

...คิดถึงนะ ดูแลสุขภาพด้วย
...ผมอยู่ทางนี้ ก็จะดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน


คะน้าจ้องมองภาพนั้นอยู่เนิ่นนาน กระทั่งชายหนุ่มร่างสูงเดินหน้ามึนเข้ามาในห้อง เขาจึงปิดภาพในคอมพิวเตอร์นั้นลง คะน้าเอี้ยวเก้าอี้หันกลับไปมอง เห็นทิมกวาดตามองไปรอบๆ ตัวเหมือนหาอะไรบางอย่าง คนที่เพิ่งเดินเข้ามาถอนหายใจเล็กๆ จนเจ้าของห้องทำหน้าสงสัย

“ตื่นแล้วเหรอ” ทิมพยักหน้าหงึกๆ ในตายังมองซ้ายแลขวาไม่เลิก “มีอะไรเหรอ”

“จะยืมอะไรหน่อย” ทิมยังตาปรือๆ ยักคิ้วให้พร้อมกับมุมปากที่ยกตัวสูงขึ้นแบบที่เจ้าตัวชอบทำบ่อยๆ คะน้าทำหน้าสงสัยจนชายหนุ่มประท้วงด้วยอาการตั้งแง่เล็กๆ

“เดี๋ยวคืนให้น่ะ สัญญา”

“ได้สิ อะไรล่ะ” คะน้าหมุนเก้าอี้กลับมาเต็มตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองทิมที่ยืนยิ้มอยู่ ดวงตายังปรอยๆ

“ได้แน่นะ” ทั้งที่สะลึมสะลือ ชายหนุ่มก็ยืนยิ้มกว้างขวาง และทันทีที่คะน้าพยักหน้า ทิมก็ค่อยๆ โน้มตัวลงมาใกล้

...ขโมยจูบไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่อีกฝ่ายจะทันตั้งตัว!

แม้จะโดนบ่อยจนควรเริ่มจะชิน กระนั้นก็คุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้สักครั้งกับรสชาติที่หวานหอมนั้น คะน้ารู้สึกร้อนวาบขึ้นที่หน้าเล็กน้อย เขาส่งสายตาดุไปให้ทิม เจ้าตัวกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้น ทำให้คะน้าฉุกในความคิด ...คิดว่าพอจะเข้าใจนะ ...คิดว่า

“แล้วน้องต่ายจะเอาคืนเมื่อไหร่ ก็บอกพี่ทิมแล้วกัน”

ทีซื้อหวยล่ะไม่เคยจะถูก! ทิมขยุ้มผมตัวเองจนยุ่งแล้วส่งยิ้มหวาน ผิวปากหวิวอย่างอารมณ์ดี เหมือนจะปลง คะน้าถอนหายใจแล้วมองคนที่ยืนอยู่ กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มน้อยๆ ให้กับมุกตลกบริโภคห่ามๆ นั้นของทิม

สัญญากับตุลได้ไหมครับ?

จะไม่ร้องไห้เป็นเด็กขี้แย จะมีความสุขที่สุด
จะร่าเริง หัวเราะ และยิ้มอย่างเต็มที

 ...ทำได้ไหมครับ?




ครับ ผมสัญญา


ถ้อยคำที่เคยรับปากไว้จารึกลงบนความทรงจำนั้นฝังแน่น ทุกภาพฉายชัดขึ้นจากตะกอนที่เริ่มโรยตัวลงในห้วงความคิด กลิ่นอายสุดท้ายแห่งการจากลายังพร่าพรายและอบอวลรอบตัว

“เดี๋ยวนี้ได้ไหม...”

คะน้าเงยหน้าขึ้นและสบตาคนที่ยืนอยู่สูงกว่า แล้วริมฝีปากของทิมก็แย้มขึ้น

“...ได้สิครับ”

ดวงตาคู่นั้นลึกล้ำจนไม่อยากละสายตา ดูเหมือนว่าร่างสูงนั้นจะจำนนต่อคำร้องขอนั้นอย่างง่ายดาย ทิมโน้มตัวลงมาอีกครั้ง และใกล้เข้ามา

สายฝนในฤดูหนาวร่วงพรูลงจากผืนฟ้า เศษเสี้ยวดนตรีที่ไร้ทำนองดังขึ้นและเวียนวนอยู่ในหัว เป็นบทเพลงที่เพราะจับใจและน่าหลงไหลเหลือเกิน


ขอบคุณมากนะครับ ...ไอ้น่ารักของตุล


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ผ่านไปอีกตอนกับเป้าหมายของตัวเองที่ปักหมุดเอาไว้ว่านี่คือครึ่งเรื่อง
เรียกแบบให้ดูดีมีชติมีตระกูลก็คงประมาณว่าจบภาคแรก (ไฮโซขึ้นมาเล็กน้อย)
เป็นจุดกึ่งกลางของเรื่องที่ดูกึ่งกลางแบบกลับตัวไม่ได้ ไปไม่ถึงดี
เดาไม่ออกเท่าไหร่ว่าลงท้ายเรื่อง จะเป็นระบบแบบ นายเอก - พระเอก - พระรอง
หรือ นายเอก - ตัวเอก - พระเอก กันแน่ (งงไหมนะ) อันนี้ต้องติดตามอ่านต่อๆ ไปนะครับ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ข้อเสนอแนะ กำลังใจ +1 ให้ทุกคนนะครับ
ผ่านมาเกินครึ่งเรื่องแล้ว ขอบคุณมากๆ จริงๆ อยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-02-2013 10:06:22

:L2: ช่วงพูดคุยกับคะน้า :L2:

สวัสดีครับ ครั้งที่สามที่พบกันแล้ว หลังจากผ่านพ้นสองหนุ่มไป
คราวนี้คงได้ถึงคิวของคะน้า หรือต่ายน้อย ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดเสียที
ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องได้ราวแค่ไหน ลองกันสักตั้งดูครับ!

ถึงแม้จะรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว อยากให้แนะนำตัวอีกครั้งกับแฟนๆ นักอ่านครับ
โอ่ยยย เหมือนเป็นคนสำคัญเลย ฮ่าๆ เอ่อ... ชื่อ มัยมนัส ครับ ชื่อเล่นว่า คะน้า
มีพี่สาวหนึ่งคนครับ ชื่อพี่ผักกาด บางทีก็โดนเรียกว่า กระต่าย ต่าย อุซากิ และอีกมากมาย
คือสารพัดที่แปลว่ากระต่ายน่ะครับ ที่ชอบเรียกชอบล้อแบบนั้นกัน เพราะผมชอบมองพระจันทร์น่ะครับ
มีคนถามว่าเป็นอะไรมากไหมกับพระจันทร์ เอะอะก็พระจันทร์ๆ พระอาทิตย์ไม่ได้เหรอ
ผมเป็นกระต่ายบนดวงจันทร์ครับ (แต่ก็อยากเป็นกระต่ายบนดวงอาทิตย์เหมือนกัน เท่ห์ดี)
แล้วชื่อคะน้านี่มาจากอะไร
เมื่อก่อนที่บ้านขายผัก แต่พอคุณแม่เสีย เจ๊เป็ดที่แต่ก่อนเป็นผู้ช่วยคุณแม่ก็เลยขายแทน
ชื่อของลูกๆ ก็เลยเป็นเชื่อของผักครับ ผักกาด คะน้า ถ้าผมมีน้องอีกคนอาจจะชื่อตำลึงมั๊ง 555+
ขายไอศกรีมนี่ ทำเป็นกับเขาไหมเนี่ย
เป็นครับ แต่ทุกวันเราทำขายเยอะ เดี๋ยวนี้ใช้เครื่องจักรแทนครับ
ผมทำอร่อยเหาะเลยนะ ไม่อยากจะโม้วววววววว...
ก่อนจะมาผันตัวเป็นพ่อค้านี่ทำงานอะไร
จบโทด้านการตลาดมาครับ ทำงานออฟฟิศเป็นผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทแห่งหนึ่ง
แต่ก็ออกมาดูกิจการที่บ้านน่ะ ทำยังไงได้ เจ้ผักกาดได้เงินเดือนเยอะกว่าผมนี่นา
ดูต่ายรักกับเจ้ผักกาดมาก แต่เราจะให้เผาเจ้ผักกาดให้ฟัง
จัดไป! เรื่องแบบนี้ ขอให้บอกครับ เจ้ผักกาดเห็นสวยๆ เปรี้ยวๆ แบบนี้นะ งกโคตร!!!
แถมตัวจริงซกมกมาก บางทีน้ำท่าก็ไม่ยอมอาบ ห้องไม่ยอมเก็บ (ผมเก็บให้ประจำ)
เรื่องงานบ้านงานเรือน ไม่เป็นสักอย่าง แถมซุ่มซ่ามที่สุด แต่นอกบ้านสวยมาก หญิงมาก
ขอบคุณครับ เดี๋ยวเราจะเอาไปให้เจ้ผักกาดดู
อิ๊บอ๋าย!! ผมล้อเล่นครับ อำเล่นๆ ขำๆ ไม่มีใครเชื่อจริงๆ ใช่ไหม
จากนี้ไปให้เลือกระหว่างสองสิ่งว่าชอบอันไหนมากกว่า หมากับแมว
ชอบหมามากกว่านะครับ อยากเลี้ยงพวกตัวโตๆ
โค้กหรือเป๊ปซี่
ต้องโค้กสิ!
จันทูหรือสายใจ
โหวววววววว... เหมือนพี่ให้เลือกระหว่าง ปอบหรือกระสือ อ่า
เลือกสิครับ!
อ่า... ครับๆ ยังไงดีล่ะ อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ
บางทีผมก็คิดว่าทีตัวเองเป็นแบบนี้เพราะสองคนนี้ล่ะ -"-
โอเค เดี๋ยวจะเอาไปให้จันทูกับสายใจอ่าน
โหยพี่! เจ็บแค้นเคียงโกรธโทษฉันใย เกลียดกันแต่ปางไหนค้าบบบบบบ
ต่อนะ ระหว่างบุคลิกอบอุ่น ขาวตี๋มีแว่น กับซึนเดเระ มาดกวน เร้าใจ เลือกแบบไหน
ไม่ระบุชื่อไปเลยล่ะคร้าบบบบบบบบบ
เดี๋ยวไม่ยอมตอบอีก งั้นระบุชื่อนะ ทิมกับตุล เลือก!
โฆษณาเลยครับ อันนี้ต้องติดตามอ่านเรื่อง ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ไปเรื่อยๆ นะครับ
โอเค งั้นบอกสเป็คที
ได้เลยครับ เพื่อนๆ นักอ่าน ส่องกระจกเลยครับ
ดูสีข้างคุณต่ายถลอกๆ นะครับ คำถามต่อไปเลยแล้วกัน กลายเป็นคนเชื่อหมอดูไปเลยไหม
ฮ่าๆๆๆๆ ผมไม่เชื่อหรอกครับ เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนนะ มันครบสามเดือนหรือยัง?
เห็นมีคนมาชอบเยอะ เคยคิดไหมว่าเสน่ห์ของตัวเองอยู่ที่ไหน
(ทำท่าคิด + หันมาถามคนสัมภาษณ์) ไม่รู้เหมือนกันครับ ไม่น่ามีนะ นึกไม่ออกจริงๆ
เห็นแฟนๆ บอกว่าเพราะต่ายเป็นคนน่ารัก (เหล่มอง)
เฮ่ยพี่! ผมไม่ได้จ่ายเงินใครจริงๆ นะ อย่ามองแบบนั้น ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ
เหรอครับ? เขาบอกกันด้วยว่าเป็นคนชอบยั่วโดยไม่รู้ตัว
ยั่วโมโหใช่ไหม? ผมเปล่านะ ไม่รู้จริงๆ ขอโทษจริงๆ ครับ (ปาดเหงื่อ)
ตอนนี้คนสัมภาษณ์เริ่มโมโหแล้วครับ ข้อต่อไปนะ นินทาตุลให้ฟังหน่อย
เฮ่ย! พอแล้วๆ เดี๋ยวคนอื่นเขาคิดว่าผมเป็นคนชอบนินทาคนอื่น
สักหน่อยน่า แฟนๆ อยากรู้
อืม... ก็ได้ครับ เป็นท่านราชามุกแป๊ก ปล่อยมุกออกมาทีฮากริบ แต่คนก็ขำกันนะ คือขำตรงที่มันไม่ตลก
เป็นคนปฏิเสธคนไม่ค่อยเป็น ดังนั้น มีอะไรไหว้วานได้เลยครับคนนี้ (กระซิบ) แอบหลอกให้เลี้ยงข้าวก็ได้นะ
นินทาทิมให้ฟังบ้าง
ขี้เก็ก หามุมหล่อตลอดเวลา ไปไหนต้องหล่อไว้ก่อน เป็นคนซื้อของไม่เป็น หน้าบาง
ไม่กล้าต่อราคากลัวแม่ค้าเสียใจ แต่กก็เจ้าเล่ห์ กวนประสาทคนเก่ง อ้อ! ทะลึ่งและหื่นมากๆ ครับ!
นินทาคนอ่านให้ฟังหน่อย
ได้เล๊ยยย... น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก ขอบคุณมากๆ นะครับที่เป็นเพื่อนกันมาถึงตรงนี้
ดีใจที่ได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับทุกคน ไม่รู้จะนินทาอะไรให้เจ็บแสบไปได้มากกว่านี้
อยากกอดทุกคนมากครับ ถ้าเจอก็อยากจะจับกอดแน่นๆ แล้วหอมสักฟอดให้ชื่นใจไปเลย ฮ่าๆ

คงเป็นบทสัมภาษณ์ที่น่าจะทำให้หลายๆ คนเห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของคะน้าขึ้นมาบ้าง
สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อน พบกันใหม่เมื่อมีโอกาสดีๆ จะจับมานั่งพูดคุยกันอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 06-02-2013 10:28:09
คะน้านึกถึงตุล  เราก็นึกถึงตุลเหมือนกัน  ยังเศร้าเล็ก ๆ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 06-02-2013 11:23:21
เก็บตุลไว้เป็นความทรงจำ อยู่กับปัจจุบันดีกว่า
ยัยน้องแนนโผล่มาทำไรอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 06-02-2013 12:07:30
อ่านตอนคะน้านึกถึงตุลแล้วมันเหมือนมีกลิ่นไรอบอวลลอยมา

แบบกลิ่นความทรงจำดีๆอะนะ

 ป.ล. ดิฉันสัมผัสได้ถึงความสตรอเบอรี่ของยัยแนนค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 06-02-2013 12:25:50
น้องแนนโกหกที่บอกว่าไม่รู้ตัว ถ้าจริงหล่อนจะทำได้ขนาดนั้นเรอะ ที่เรียบอยู่น่ะสร้างภาพทั้งนั้น
ทำเป็นมาขอโทษ ประเด็นสำคัญคือกลัวทิมจะรู้มากกว่า ให้จบนะหล่อน ๆ อย่ามาเรื้อรัง ที่จริงอยากให้ทิมรู้มาก ๆ เลยนะ
คันปากยิบ

ขนของกันได้เซ็กซี่มากจ้า ทั้งคุณคะน้าและคุณพระเอก ก็รู้กันอยู่ว่าหุ่นดีแซ่บเว่อร์ขนาดไหน
เกือบขนกันไม่เสร็จซะแล้ว ว่าแล้วพี่ต่ายก็เลี้ยงน้องทิมซะอิ่ม อิอิ อิ่มอะไรแว๊  :o8:
พี่ผักกาดยังไม่ไหวจะทนเขินหนีเข้าห้องไปเลย

ตอนคะน้าดูรูปตุลแบบเศร้าเล็ก ๆ เนอะ คิดถึงหมอตุลย์ผู้แสนดีเหมือนกัน มันก็เป็นความทรงจำดี ๆ ระหว่างสองคน
นี่ถ้าทิมเห็นว่าคะน้ามานั่งดูรูปอ้อยอิ่งนี่คงหึงเนอะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 06-02-2013 12:55:19
ชอบมากกกก ไม่ไหวแล้ว  จบทิ้งแบบมีประเด็นนะ อย่างนี้ลุ้นตายยยย
รออ่านภาคต่อค่ะ   ใครจะบินไปดวงจันทร์กะต่ายบ้าง  ลุ้นนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 06-02-2013 16:59:40
ใช่จ๊ะน้องต่าย เก็บตุลไว้เป็นความทรงจำเนอะ

ความจริงอยู่กับทิมนะดีที่สุดแล้ว ครึ่งแรกของเรื่องหวานยังไง

ครึ่งหลังต้องหวานกับทิมให้มากกว่านี้นะจ๊ะ จากแม่ยกทิม 55555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 06-02-2013 17:12:26
ยัยน้องแนนนี้มีแผนอะไรในใจรึเปล่าหว่าเพราะดูท่าเธอไม่ได้เมาเลยนะ วันนั้น

แต่ว่าทิมน่ารักเนอะ ดูแลต่ายดีจริงๆ เลย :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 06-02-2013 17:21:03
แนนดูไร้ซึ่งความจริงใจมาก
ส่วนคะน้ากับตุลนี่จริงๆแล้วก็มีความทรงจำดีๆร่วมกันนะ
ในเป็นความรงจำที่อบอุ่น แต่คะน้าอยู่กับทิมก็มีความสุขดีแล้วแหละ
ขอให้ตุลได้เจอคนใหม่ๆดีกว่
ปอลอ. อยากอ่านบทสัมภาษณ์เจ้ผักกาดจัง จะมีอ๊ะเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-02-2013 18:48:32
ทิ้งปมมมม
ทิ้งปมไว้อีกแล้ว
มันไม่จบง่ายๆใช่ม้ายย
มันต้องมีอะไรมากกว่านี้
ทิ้งไว้แบบนี้เหมือนทะเลสงบก่อนคลื่นจะซัดเข้าฝั่งง
อ๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 06-02-2013 21:48:39
อ่าน ตอนนี้แล้วมันบรรยายไม่ถูก แต่เรารู้ว่าเรากำลังยิ้มและมีความสุขตามคะน้าจริงๆ :) ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องต่อไปจะมาแนวไหน 2p 3pก็เอาเถอะ แค่คะน้ามีความสุขก็พอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 06-02-2013 21:52:19
จบภาคแรกแล้ววววว.......

น้องต่ายกับพี่ทิม(หรออ...)น่าร๊ากกมากกกกก....... :m1:

พี่ผักกาดผู้แสนดีจะมีคู่มั๊ยน้าา :undecided:.....รอลุ้นภาคต่อนะคะ

    :110011:    :z7:       :110011:     :z7:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 06-02-2013 22:30:42
คิดถึงหมอ

ปล. คะน้า น่ารักจัง  ที่รู้จักอยู่กับปัจจุบัน  และทำให้มันมีค่า  ส่วนอดีตที่หอมหวานก็เก็บมันไว้ให้ลึกสุดใจนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 06-02-2013 23:50:47
ไม่คิดว่าคนไม่เคยเกย์อย่างคะน้าจะหื่น 555 เก็บของกันได้เซ็กซี่สุดๆ
ว่าแต่ติดใจสองหนุ่มเคยรู้จักกันตอนเด็กม่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: norimakii ที่ 07-02-2013 00:00:22
เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
สนุกมากกกกกก ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองพลาดไปได้ยังไง

แต่ครึ่งเรื่องหรือนี่!! แล้วต่อไปจะเป็นยังไง
ติดตาม + เป็นกำลังใจให้นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-02-2013 02:42:38
ครึ่งหลังยัยแนนคงไม่มาบีบน้ำตาต้มมาม่าให้คู่นี้อีกนะคะ
เพลียกับยัยนี่เหลือเกิน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 07-02-2013 05:29:58
สงสัยใกล้จะจบ ไม่มีอุปสรรคอะไรแล้วนี่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 07-02-2013 08:13:31
กระชากหัวน้องแนนตบ (อุ๊ย เสียมาดหมด)

เดี๋ยวนี้ทิมกับต่ายน่ารักมากขึ้นน๊า
แล้วก็...ขอคิดถึงหมอด้วยคน ><
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 27 (หน้าที่ 35) - Feb 6, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 07-02-2013 09:56:45
ยัยน้องแนนนี่ต้องให้ทิมจัดการ

น้องต่ายก็ ใจดีเหลือดีเกิน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-02-2013 10:40:32
สวัสดีครับ ช่วงนี้เหมือนจะฟิตเนอะ อัพเข้าไปสิ เหมือนเก็บกดมาจากไหนสักอย่าง
ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายและให้กำลังใจกัน +1 นะครับ
ตอนที่ 28 มาแล้วล่ะ คำเตือนก่อนอ่าน อาจมีอาการคันไม้คันมือระหว่างอ่านก็เป็นได้ 5555



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 28



คืนที่นกกลืนดาวจนหมดฟ้า แสงสีเงินลอดกายผ่านเถาไม้จนเกิดเงาทอดยาวเป็นเส้นสาย ช่อบุหงาส่าหรีสีขาวที่เหมือนโรยตัวลงมาจากปุยเมฆส่งกลิ่นหอมบางเบาในอากาศยามค่ำคืน สายลมพัดพริ้วกรีดตัวเป็นลายบรรทัด นิ้วของผมจับดินสอที่ว่างเปล่า ขีดเขียนตัวหนังสือมากมายในอากาศ พลิกสู่กระดาษหน้าใหม่ของนิทานที่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ตอนจบ



“แนนชอบพี่คะน้าค่ะ”

คะน้าวางแขนลงบนขอบกระจกผืนบางของสระว่ายน้ำไร้ขอบ พระจันทร์สะท้อนเป็นวงกลมเหมือนเหรียญบาทขนาดใหญ่ที่หล่นอยู่ใต้สระน้ำชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียม มีเพียงแผ่นแก้วบางใสที่กั้นท้องฟ้าเหนือกรุงเทพกับผืนน้ำที่เย็นสบาย ดวงตาทั้งคู่จ้องมองแสงสีของมหานครที่ไม่เคยหลับไหลซึ่งตัดกับเส้นสีดำที่ปลายขอบฟ้า


“เรื่องวันก่อน แนนจำไม่ได้ว่าคืออะไร แต่เมื่อทบทวนดูแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้แนนแน่ใจ พี่ใจดีกับแนนมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่พี่คะน้ารักษาเกียรติของแนนไม่ให้ถูกทำลาย” ร่างบางสั่นไหวไปด้วยความประหม่า ใบหน้าของหญิงสาวระเรื่อแดงและดูปราศจากความมั่นใจผิดกับทุกครั้ง “มันน่าอายมากๆ แนนไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกของแนนมันค่อยๆ เปลี่ยนไป”

“แนนก็เป็นเพียงแค่มนุษย์ธรรมดา ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังยืนตรงหน้าผู้ชายที่แนนรู้สึกดีๆ ด้วยแล้วขอความรักจากเขา ถึงแม้แนนจะเตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ง่ายเลย แนนรู้ดีว่าถ้าถูกพี่ปฏิเสธ มันก็คงทุเรศมากและไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่แนน... แนนอยากลองเสี่ยงดูค่ะ”

“ถ้าพี่คะน้ายังไม่มีใคร ...จะรังเกียจไหมคะ ที่เราจะลองคบๆ กันดู”

ผมในเวลานั้นได้แต่ยืนแข็งทื่อ เหมือนกับไม่เข้าใจถ้อยคำมากมายที่ผู้หญิงตรงหน้ากำลังพูดอยู่แม้แต่น้อย หลายวันที่ผ่านมาแนนแวะมาที่ตลาดเกือบทุกวัน เธอมาเดินซื้อข้าวของและก็เลยแวะมาซื้อของที่ร้านตามโอกาส แต่มันก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ผมไม่รู้ว่านี่มันเรื่องตลกอะไร ความรู้สึกเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะมีใครเอามาล้อเล่นไม่ใช่หรือ แต่เธอก็ดูจริงจังกับเรื่องที่ผมไม่อยากแม้แต่จะจดจำ ...จริงจังจนผมกลัว

“ขอโทษครับ คือ... คือพี่มีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่คือแนนเป็นผู้หญิงที่สวย แล้วก็...”

คำพูดตะกุกตะกักดูเหมือนจะมีแค่อากาศที่รับฟังเมื่อเธอหันตัวกลับแล้วเดินจากไปช้าๆ นี่คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในเวลานั้น แต่สายตาคู่นั้นทำให้รู้สึกใจไม่ดี ไม่ใช่แค่ความผิดหวังที่เจืออยู่ในแววตาที่กลมโตชวนมองนั้น มีความรู้สึกบางอย่างในนั้น ...สิ่งที่ทำให้ผมกลัว




เสียงวักน้ำดังขึ้นพอๆ กับจังหวะที่น้ำกระจายลงบนหัว ทิมกอบน้ำจากทั้งแขนแล้วยกขึ้นปาใส่หน้าราวกับจะให้เจ็บ ...หัวเราะซะมากมาย คะน้าหันไปต่อยกระพุ้งน้ำกลับ ต้นเรื่องเอี้ยวตัวหลบแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ฝ่ามือกว้างขยี้ลงบนหัวแล้วเลื่อนลง วาดวงแขนกอดเหนี่ยวคอของเขาแล้วดึงเข้าหา

“หนาวเปล่า” ...หมอนี่ก็ทำให้ยิ้มได้ทุกครั้งสิน่า คะน้าหันกลับไปวาดสายตาเขม่น จงใจกวนโทสะ

“ถ้าตอบว่าหนาวจะเปลี่ยนเป็นสระน้ำอุ่นให้เหรอ”

“เถียง มีเถียง” ทิมล็อคคอแล้วดึงเข้าใกล้ หอมลงบนแก้มของคะน้าฟอดใหญ่จนปัดป่ายไม่ทัน

“ไอ้นี่...” คะน้าโวยวาย แต่คราวนี้เป็นที่ริมฝีปากที่โดนจู่โจมเหมือนจงใจให้อีกฝ่ายหุบปากลงเสียที คะน้าทั้งดันทั้งถีบ พอหลุดออกมาได้ทิมก็ยักคิ้ว หัวเราะชอบใจ

“เถียงอีกไหม เอาเลย มีปากก็เถียงเข้าไป เถียงอีกสิ”

...เขาจึงง้างขาแล้วถีบลงกลางยอดอกของคนที่ยืนท้าไปหนึ่งที

แปลกไหมที่ผมจะหวาดกลัวกับการสูญเสีย ไม่รู้จริงๆ ว่าความสุขในเวลานี้ มันจะอยู่กับผมไปได้อีกนานแค่ไหน ลางสังหรณ์ประหลาดบอกว่าไม่ช้าก็เร็ว แนนจะต้องพาเรื่องปวดหัวครั้งใหญ่มาให้กับเขาแน่ๆ และถ้าโชคร้าย คือหมายถึง... ถ้าลางสังหรณ์บ้าๆ นี้มันแม่นยำพอ ในเวลาเหล่านั้น เขาจะรับมือกับมันยังไง




แรงตึงของผ้าปูเตียงที่ดูจะนิ่งจนไม่คลายขยับและเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของอีกคน ทำให้คะน้าลืมตาขึ้นในความเงียบ พลิกตัวไปอีกด้านมองทิมที่นิ่งสงบราวกับรูปปั้นของปฏิมากรชั้นเอกเบื้องหน้า เอื้อมมือออกไปจับหน้าผากของคนที่นอนอยู่ ปลายนิ้วลูบเบาๆ บนผมเส้นเล็กนุ่มละเอียดมือ

“คนแบบนายจะเลือกใครก็ได้ มันไม่ยากเลย ทำไมนะ? กลับมาเป็นคนธรรมดาแบบนี้ หึ... แถมยังเป็นผู้ชายเหมือนกันอีก” คะน้าหัวเราะให้กับตัวเองเบาๆ ท่าทีนั้นเหมือนจะข่มความรู้สึกของความหวาดหวั่นในใจเสียมากว่าจะรู้สึกตามที่แสดงออกไป

“แล้วคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน มันจะมั่นคงไปได้แค่ไหนนะ”

คะน้าถอนหายใจเบาๆ หลายวันมานี้ เขาไม่อาจสลัดภาพของแนนที่ได้เห็นในวันนั้นได้ แววตาที่ดูแปลกตากว่าที่เคยเห็น มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่อยากจะพูดออกไปให้คนที่นอนอยู่ต้องพลอยมาเครียดกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ความรู้สึกในตอนนี้ก้ำกึ่งระหว่างปิดบังและหวังดีจนคะน้าไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่า ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคนแบบเขาคงทำได้เพียงสารภาพในเวลาที่อีกฝ่ายหลับไหลในความฝันที่สวยงาม

“เฮ้อออ... ทิม... กูไม่สบายใจกับผู้หญิงคนนั้นเลย บอกตามตรงว่าเขาทำให้รู้สึกแปลกๆ เขาสนิทกับครอบครัวนายใช่ไหม มันจะเป็นอะไรหรือเปล่า ถ้ากูจะไม่ดูแลใส่ใจเขา ถ้ากูจะไม่พูด จะไม่คุยอะไรกับเขาเลย”

“แล้วมันจะทำให้นายลำบากหรือเปล่า ถ้าเผื่อว่ากูเผลอแสดงออกอะไรที่อาจไม่ดีออกไป” คะน้าป่ายเส้นผมที่ไม่เป็นระเบียบบนใบหน้าที่นิ่งสงบไปด้านข้าง ดวงตาจ้องมองทิมด้วยความรู้สึกที่มีความหมายมากมาย




“ถ้ากูเผลอทำให้เขารู้... ว่ากูรักมึงแค่ไหน”

แสงนวลของพระจันทร์แทรกผ่านผ้าม่านสีอ่อนชั้นนอกลงมาสัมผัสกับผิวเนื้อของชายหนุ่มที่นอนหลับตาอยู่ ร่างสูงที่ในเวลากลางวันดูกราดเกรี้ยวกลับดูอ่อนเดียงสาบนหมอนนุ่มๆ ที่นอนหนุน รอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากดูน่ามองจนคะน้าอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“กูอยากให้เบาใจนะ ไม่อยากให้นายต้องเหนื่อยหรือดูแลอะไรมากไปกว่านี้ ทุกวันนี้ ที่กูได้มา มันก็มากพอแล้ว มันมากมายจนไม่รู้จะขอบคุณยังไงไหว” คะน้าจูบเบาๆ บนสันแก้มที่โหนกสูงแล้วเลื่อนริมฝีปากไปกระซิบข้างๆ ใบหู

“ขอแค่อยู่ข้างๆ กันแบบทุกวันนี้ สำหรับกู แค่นั้นก็พอแล้ว แล้วกูจะพยายามจัดการทุกอย่างนะ กูไหว จะไม่ให้ต้องเป็นห่วง”

คะน้าหอมเบาๆ ลงที่แก้มของทิมอีกครั้ง แล้วล้มตัวลงนอน มองแสงสีเงินที่ค่อยๆ เลือนลงจนกลายเป็นสีขาวโพลน แล้วทุกอย่างก็ดำดิ่งสู่สีดำที่มืดสนิทพร้อมกับอ้อมกอดของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ที่กระชับแน่นกว่าเดิม



อาหารมื้อเช้าส่งกลิ่นหอมเตะจมูก นับจากที่สถานะเปลี่ยนแปลงไป ดูเหมือนว่าทิมจะดูแลเอาใจใส่มากขึ้นไปอีก ไม่เพียงแต่ที่ตัวของเขา หากแต่เผื่อไปที่ครอบครัวของเขาด้วย อาหารมื้อเช้าสำหรับผักกาดหรือแม้แต่ตัวคะน้าที่ปกติเป็นแค่เพียงกาแฟสำเร็จรูปเทซอง ชงง่ายๆ กลายเป็นมื้ออาหารจริงจังอุดมไปด้วยโภชนาการ

ข้าวต้มหมูใส่หม้อหิ้วขนาดใหญ่ถูกลำเลียงลงไปที่ห้องของคะน้า สภาพของชายหนุ่มเจ้าของห้องงัวเงียจับใจ แต่ผู้เป็นพี่สาวกลับแล้วกว่า ผักกาดหาวหวอดๆ เอามือเกาหัวเหมือนโดนบังคับให้มาร่วมโต๊ะอาหารอย่างไม่เต็มใจ

“ไม่ง่วง ไม่เหนื่อยเหรอ ลุกขึ้นมาทำแต่เช้าแบบนี้” คะน้าถามด้วยความเกรงใจ แม้รู้ว่าทิมจะจัดเตรียมบางส่วนไว้ตั้งแต่กลางคืนก่อนนอนก็ตาม พ่อครัวแค่เพียงหันมามองแล้วไม่ได้พูดอะไร ดูเหมือนเจ้าตัวจะมีความสุขเสียด้วยซ้ำ ...รอยยิ้มแบบนั้นดูคุ้นๆ ตา

“พี่ผักกาดทานเยอะๆ นะครับ” บรรจงตักใส่ชามข้าวของหญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม เล่นเอาคนขี้เซาแบบผักกาดส่ายหัวยอมแพ้แล้วแย้มริมฝีปากตาม

“ขอบคุณค่ะ แหม... เอาใจเจ้เหลือเกินนะ กลัวเจ้เปลี่ยนใจหรือไง” ทิมยิ้มน้อยๆ เขาไม่ได้ตอบอะไรคำล้อเลียนของหญิงสาว ไม่รู้ว่านั่นคือการยอมรับโดยทีหรือเปล่า

มื้อเช้าเริ่มต้นขึ้น และเป็นการเริ่มต้นที่ดีของหลายๆ วันในช่วงเวลาที่ผ่านมา ข้าวต้มหมูใส่เห็ดหอมง่ายๆ ของทิมยังมีรสชาติมหัศจรรย์สำหรับคะน้าและผักกาดไม่เปลี่ยนแปลง ไม่กี่นาทีหลังจากช้อนแรก ชามก็ดูว่างเปล่า หลังอาหารเช้าผักกาดแยกตัวไปทำงาน ส่วนคะน้าติดรถของทิมไปที่ตลาด เขาออกช้าลงตามเวลาทำงานของทิมแทนที่จะเป็นเวลาเช้ามืดแบบปกติ แผงของคะน้าในเวลาเช้ามืดนั้นไม่ได้วุ่นวายเหมือนแผงอื่นๆ ไอศกรีมเย็นๆ ที่ขายตอนเที่ยงไปถึงบ่ายต้นๆ ดูจะทำให้ระหว่างวันเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงมากกว่า

ด้วยคำสั่งห้ามเหยียบไปที่ไซด์เด็ดขาด ทุกเย็น ทิมจึงเป็นฝ่ายที่มาหาถึงแผง การปรากฏตัวของเทพบุตรในตำนาน เรียกรอยยิ้มให้กับจันทูทุกครั้งด้วยที่คิดว่าของตนมีเสน่ห์ไม่ธรรมดา ก็เล่นเอาคะน้ามึนตึ๊บไปหลายครั้งและก็ยังไม่ชิน ...ไม่บ่อยที่จะเป็นแบบวันนี้

ดูเหมือนว่าทิมจะเลิกงานช้ากว่าปกติ คะน้าจึงไปรอทิมที่บริเวณที่จอดรถข้างๆ ตลาด แม้บริเวณใกล้ที่จอดรถก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกอึดอัด ของค้าของขายมีตลอดแนวให้ดูได้เพลินตา ส่วนมากจะเป็นของทานเล่นซื้อง่ายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ลูกชิ้นเอ็นหมูปิ้งเจ้าอร่อยถูกส่งเข้าปาก น้ำจิ้มรสหวานเผ็ดที่ราดจนชุ่มให้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี กลิ่นหอมๆ แบบที่เพิ่งออกจากเตาปิ้ง เรียกน้ำลายให้เตรียมทำหน้าที่จนเต็มปาก


อื้มมมมม... อร่อยจริงๆ

อะไรจะสุขใจไปมากกว่านี้! คะน้ายิ้มให้กับลูกชิ้นหมูปิ้งตรงหน้าอีกครั้ง โชคดีที่ความเป็นคนคุ้นกันทำให้พี่ศักดิ์แถมให้อีกไม้ฟรีๆ ที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ...ลูกแล้วลูกเล่าถูกส่งเข้าปากชายหนุ่มอย่างเพลิดเลิน



“อยู่ที่นี่เองหรือคะ”

เสียงหวานดังขึ้นที่ด้านหลัง แม้ไม่ต้องหันไปมองคะน้าก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงของใคร ...ลูกชิ้นปิ้งในมือหมดอร่อยโดยไม่รู้ตัว แนนเดินอ้อมร่มไม้มาทางด้านหลัง ปัดเศษฝุ่นของม้านั่งแล้วค่อยๆ ย่อตัวลง ในมือหญิงสาวคือไอศกรีมกะทิของที่แผงคะน้า ...คงเป็นจันทูที่ขายให้กับเธอในตอนที่เขาออกมาแล้ว

“ไอศกรีมของพี่คะน้าอร่อยดีนะคะ แนนชอบมากเลย”

เกร็ดน้ำแข็งสีขาวในถ้วยดูเหมือนจะพร่องไปเพราะไอร้อนมากกว่าจะถูกทานโดยผู้ที่ซื้อมา กระนั้นชายหนุ่มก็ยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดของหญิงสาวร่างเล็ก นึกขอบคุณที่ช่วยซื้อหาของจากที่แผงเขา

“ขอบคุณครับ”

“พี่คะน้ายังไม่กลับบ้านหรือคะ”

“อ่อ... ครับ อีกเดี๋ยวก็คงกลับแล้วครับ”

“รอพี่ทิมอยู่หรือคะ?”

เป็นคำถามที่คะน้ารู้สึกถึงความอึดอัดที่เริ่มก่อต่อขึ้น ลึกๆ แล้วเขารู้ดี ไม่ใช่ว่าถ้าตอบคำถามไปแล้วอะไรๆ มันจะจบลงง่ายๆ แนนมีเจตนาบางอย่างแฝงอยู่ในคำถามนั้น เพียงแต่เขาแค่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ทำไมคะ พี่คะน้าทำเหมือนอึดอัดที่จะตอบ” ร่างบางหัวเราะน่ารักราวกับบ่งว่ามันก็แค่คำถามทั่วไป

“ตอนนี้พี่ทิมทำงานอยู่น่ะค่ะ ค่อนข้างจะยุ่งหน่อย แล้วก็คงจะอีกนานเลยล่ะค่ะกว่าจะเสร็จ แต่แนนออกมาก่อนค่ะ อยากจะมาซื้ออะไรเย็นๆ หวานๆ ทานให้ชื่นใจหน่อย แนนเลยนึกถึงพี่คะน้าก่อนใครเลยนะคะ” แนนพูดพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือที่ถือถ้วยไอศกรีมที่เริ่มละลาย ...แล้วปล่อยลงในถังขยะใกล้ๆ



“...คือแนนกลัวอ้วนน่ะค่ะ”

“ผู้หญิงนี่นะ ก็ต้องกลัวเรื่องพวกนี้บ้างล่ะค่ะ พี่คะน้าคงไม่ว่ากันนะคะ” เธอหันมายิ้มน่ารักด้วยดวงตาสดใส เสียงหวานๆ ออดอ้อนจนน่าเอ็นดู คะน้ายิ้มน้อยๆ พอจะเข้าใจเรื่องที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักกังวล หญิงสาวส่งยิ้มกลับ

“พี่คะน้าใจดีจัง เข้าใจใช่ไหมคะ ว่าแนนก็แอบเครียดๆ เหมือนกัน” หญิงสาวกระพริบตาน่ารัก “จะว่าไปแนนนี่โชคดีจังเลยนะคะ ที่พี่คะน้าไม่ถือความกับแนนในวันก่อน วันที่แนนเมาๆ น่ะค่ะ เผลอทำอะไรลงไป เผลอพูดอะไรออกไปบ้างก็ไม่รู้ แนนจำไม่ค่อยได้เลย”

“อ่อ... ไม่เป็นไรครับ อย่าคิดมากเลย” คะน้าก้มหน้าพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ รู้สึกหนักใจกับท่าทีและรอยยิ้มใสๆ ของหญิงสาวอย่างบอกไม่ถูก แนนผ่อนลมหายใจพร้อมรอยยิ้มหวานแล้วหันมาสบตา

“แนนจำไม่ได้จริงๆ เลยค่ะ ที่ถามว่าพี่คะน้าชอบผู้หญิงหรือเปล่านี่ พี่คะน้าตอบว่าอะไรนะคะ”

คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ๆ กว่าจะตั้งสติได้ ก็เงยหน้าขึ้นมามองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ด้วยความตกใจราวกับถ้อยคำที่ได้ยินนั้นเป็นเขาที่หูแว่วไปเอง คะน้ากระพริบตาถี่ ตั้งรับกับคำถามที่จงใจจู่โจมนั้นไม่ทัน และที่ร้ายกาจไปกว่านั้นคือรอยยิ้มน่ารักและดวงตาใสราวกับน้ำค้างที่แวววา คล้ายกับสิ่งที่เพิ่งพูดออกมานั้นเป็นเรื่องทั่วไปที่เธอเพียงแค่อยากรู้แบบเด็กน้อยช่างสงสัย แนนหัวเราะคิก ดวงใสๆ พราวจนน่ากลัว

“ว่ายังไงนะคะ แนนลืมน่ะค่ะ จำไม่ค่อยได้ว่าตอนนั้นพี่คะน้าตอบอะไร” ร่างเล็กค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้

“หรือว่ากลัวความจริงเปิดเผยจนไม่กล้าตอบนะคะ”

คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น และไม่เข้าใจในท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกหน้ามือของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ภาพลักษณ์ต่างๆ ที่ใครๆ ต่างชื่นชมเอ็นดู ใบหน้าที่น่ารัก และรอยยิ้มแบบใสซื่อนั้น คือเปลือกนอกที่ฉาบเอาไว้เพียงพื้นผิวเท่านั้นจริงๆ หรือ

แนนสบตาพร้อมกับรอยยิ้ม หญิงสาวเอียงใบหน้าน้อยๆ แล้วทำหน้าไม่รู้เดียงสา

“ว่ายังไงคะ พี่ไม่ตอบอีกแล้ว หรือไม่เข้าใจคำถามนะ” ร่างเล็กยกนิ้วขึ้นแตะที่ขมับแล้วเคาะเบาๆ เหมือนครุ่นคิด ริมฝีปากรั้นเหมือนคนที่คิดไม่ตก “หรือแนนพูดอ้อมค้อมไปนะ งั้นก็ถามตรงๆ เลยแล้วกันนะคะ”

“พี่คะน้าเป็นเกย์หรือเปล่าคะ เกย์น่ะค่ะ ผู้ชายที่มีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน แล้วก็มีอะไรกันน่ะคะ” แนนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้ม “...แบบนี้ชัดพอไหมคะ จะยังไม่เข้าใจอีกหรือเปล่านะคะ”

“ว่ายังไงคะ แนนสงสัย อะไรแบบนี้ ผู้หญิงแบบแนนไม่เข้าใจน่ะค่ะ”

หญิงสาวรุกหนักจนคะน้าไม่รู้จะพูดตอบไปว่าอะไร ถ้าหนทางให้เลือกมีอยู่แค่เพียงสองอย่างคือการพูดความจริง ...ความจริงที่อาจจะทำร้ายทิม หรือคำโกหกเพื่อซื้อเวลา แต่มันคงอาจทำร้ายเขาต่อไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนัก พยายามมองหาตัวเลือกอื่นๆ ที่จะดีกับทุกฝ่ายมากกว่านี้

“แค่ใช่หรือไม่ใช่เองค่ะ มีอะไรให้พี่ลังเลหรือคะ”


“พี่...”

“พี่อะไรคะ แนนรอฟังอยู่ ตอบสิคะ” แนนส่งเสียงหวาน มือเล็กค่อยๆ เอื้อมมาบีบต้นแขนของคะน้าแล้วออกน้ำหนัก “เป็นเกย์หรือเปล่า ตอบสั้นๆ ก็จบ มีอะไรให้คิดหนักคะ”

ในเสี้ยววินาทีที่ความคิดเต็มไปด้วยความสับสนกระวนกระวาย คะน้าพยายามชั่งน้ำหนักในใจของตัวเองซ้ำมาซ้ำไป ลงท้ายแล้วเมื่อเขาหาตัวเลือกอื่นไม่เจอ บางทีการเลือกทางที่จะทำให้ตัวเองให้เจ็บปวดนั้น อาจจะดีกว่าที่เขาจะต้องทำร้ายทิม

“ช้าจังเลยค่ะ” เสียงที่เคยแว่วหวานสะบัดห้วนขึ้นด้วยความไม่พอใจจนเริ่มออกทางสีหน้า “เอาแบบนี้แล้วกันนะคะ จะว่าอะไรไหมคะ แนนถามไปรวดเดียวเลยดีกว่า ให้พี่คะน้าตอบให้จบทีเดียว”

“พี่คิดอะไรกับพี่ทิมหรือเปล่าคะ เข้ามาตีสนิท เข้ามาใกล้ชิดเพื่อที่จะทำอะไรหรือเปล่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ คิดว่าความสนิทจะเปลี่ยนให้พี่ทิมหันมาสนใจพี่แบบอื่นที่มากกว่าเพื่อนหรือเปล่า ว่ายังไงคะ เป็นคนเข้าใจ เห็นใจผู้หญิงไม่ใช่เหรอ แล้วเข้าใจไหมคะ แล้วว่าแนนหมายความว่าอะไร แล้วเห็นใจแนนไหมคะ ว่าแนนจะรู้สึกยังไง”

คะน้าถอนหายใจหนักกับคำถามที่ถาโถมเช่นมาราวกับพายุที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างตรงหน้าให้เป็นจุล ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าคำตอบในแต่ละคำถามนั้นคืออะไร ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการสิ่งใด คำตอบอาจจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำสำหรับแนนในเวลานี้ มันมีหน้าที่เพื่อระบายความชิงชังมากกว่าจะอธิบายให้เข้าใจอะไร และดูเหมือนว่าแนนจะจงใจเลือกเวลาที่ทิมไม่อยู่มาเพื่อตั้งคำถามจู่โจมเหล่านี้ นั่นหมายความว่าลึกๆ แล้วเธอน่าจะพร้อมที่จะไม่พูดถึงทิมในแง่ร้ายๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็เบาใจไปหนึ่งเปลาะ พร้อมแล้วกับคำโกหกที่ทำให้ตัวเองเจ็บปวด


“พี่...”

“พี่อะไรคะ อ้ำอึ้งอะไร”

“พี่... พี่ไม่ได้เป็น...”

“ไม่ได้เป็นอะไรคะ ไม่ได้เป็นเกย์ หรือว่าไม่ได้เป็นผู้ชายคะ? อย่ามาโกหกกันเลยดีกว่าค่ะ” ผู้ที่เอ่ยถามดูเหมือนจะไม่รับฟังถ้อยคำใดๆ อีกแล้ว ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาประจันตรงหน้าแล้ว คะน้าถอนหายใจหนัก ลำบากใจกับโทสะที่ถาโถมของคนที่ยืนประจันหน้า




“แนนเห็นพี่คะน้าจูบกับพี่ทิม”


(มีต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 08-02-2013 10:44:14
(ครึ่งหลังของตอนครับ)




“แนนเห็นพี่คะน้าจูบกับพี่ทิม”

“ได้ยินชัดไหมคะ แนนเห็นพี่จูบกับพี่ทิม ...ที่นี่ ...ที่ตรงนี้นี่แหละค่ะ”

“แนนอยากจะถามนะคะ ว่าพี่ทำเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง พี่ทิมเป็นผู้ชาย ทำไมพี่ถึงถือโอกาสเอาคำว่าเพื่อนมาทำแบบนี้ พี่เป็นเกย์แล้วทำไมต้องทำให้ผู้ชายดีๆ กลายไปเป็นพวกวิปริตแบบพี่ด้วยล่ะคะ”

“คนแบบพี่นี่มันตีหน้าซื่อได้อย่างเหลือเชื่อเลยนะคะ เห็นเขาหน้าตาดี มีฐานะดีใช่ไหม ก็เลยอยากจับขึ้นมาหรือไงคะ ปั้นเรื่องขึ้นมาว่าเรียนจบต่างประเทศ พยายามแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดี อยากรู้จัก อยากเข้าสังคมของพี่ทิมเหรอ” หญิงสาวเหยียดหัวเราะแล้วเหยียดสายตาลงมอง “...หน้าตาพี่ก็ดีนะคะ ดีมากด้วย แต่ทำไมพี่ไม่เลือกเอาใครสักคนที่เหมาะสมกับพี่ล่ะ ประเภทในตลาดสดที่ทำงานอยู่นั่นไง น่าจะมีสักคนที่พี่ถูกใจสิ คนระดับเดียวกันน่าจะเข้าใจกัน ...ไม่ใช่เหรอคะ”



“พอได้แล้วมั๊ง”

เสียงคุ้นหูของทิมดังขึ้นจากทางด้านหลัง ไม่ใช่แต่เพียงคะน้าที่รู้สึกตกใจ ดูเหมือนว่าคนที่รู้สึกไม่ต่างกับเขายังมีอีกคน ใบหน้าของแนนซีดเผือดเหมือนกับเลือดหยุดสูบฉีดหล่อเลี้ยงขึ้นมาในพริบตา



“พี่ทิม... มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

ทิมไม่ได้ตอบอะไร เขาค่อยๆ อ้อมจากด้านหลังต้นไม้แล้วเดินลงมานั่งข้างๆ กับคะน้า เอื้อมมือขึ้นมาตบลงบนบ่าเบาๆ ราวกับส่งกำลังใจแล้ววางแขนลงบนบ่านั้นเหมือนไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่แนนโจมตีคะน้ามาก่อน หญิงสาวที่ยืนอยู่จับจ้องภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างไม่วางตา ใบหน้าผ่าวร้อนเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้

“พี่ทิม... ทำไม... ทำไมคะ ทำไมต้องไปปกป้องมัน ...ปกป้องเพื่อนพี่แบบนี้ด้วย เพื่อนพี่น่ะเขาเป็นคนวิปริตนะคะ เขาชอบผู้ชายเหมือนกัน แล้วตอนนี้ก็คงจ้องพี่ตาเป็นมันแล้ว” เสียงเล็กๆ ของหญิงสาวดังขึ้นจนแทบจะกลายเป็นเสียงตะโกน ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์เบาบางค่อยๆ ก่ำจนแทบจะกลายเป็นสีชาด แนนจ้องมองไปที่ทิมด้วยแววตาที่กรุ่นไปด้วยคำตัดพ้อ ผิดกับทิมที่ได้แต่มองหญิงสาวเงียบๆ ข้างๆ คะน้า

“บอกให้พอไง”

“นี่พี่บ้าไปแล้วใช่ไหม ทำไมต้องออกหน้าแทนด้วย พี่ก็รู้ว่าผู้ใหญ่ของตระกูลเรามองเราทั้งคู่ในฐานะแบบไหน แนนทำอะไรเพื่อพี่ทิมมากมาย แต่พี่ทิมไม่เคยเห็นเลย ห่างเหิน และไม่คิดจะสนใจ พี่ทิมเอาเวลาไปสนใจเพื่อนคนนี้ของพี่อยู่คนเดียว ที่ไซด์ หรือแม้แต่ที่ร้านอาหารนั่น พี่ทิมคิดไหมว่าแนนจะรู้สึกยังไง?” ร่างบางปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นมานานด้วยความเรียกร้องในสิ่งที่เธอควรจะได้รับ

“กี่ปีแล้วที่แนนรอพี่ แล้วพี่จะให้คนแบบแนนต้องมาเจอกับอะไรแบบนี้เหรอคะ จนแนนต้องเอาตัวเข้าไปแทรกตรงกลาง คิดว่าถ้าทำให้พี่คะน้ากลับมาชอบผู้หญิงได้ จะได้ห่างกับพี่ทิม แล้วทุกอย่างระหว่างเราจะได้เป็นเหมือนเดิม ผู้หญิงคนนี้ทำเพื่อพี่ขนาดนี้ พี่ทิมไม่เคยมองเห็นเลยใช่ไหมคะ”

ถ้อยคำของแนนทำให้ทิมหันกลับมามองที่คะน้าด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความรู้สึก คะน้าได้แต่นั่งนิ่งๆ ภาวนาให้นาทีที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้จะทำอย่างไร หรือแม้แต่จะรับมือกับอารมณ์ที่กราดเกรี้ยวของผู้หญิงแบบไหน ตั้งแต่เกิดมา ลำพังแค่เรื่องชกต่อยกับเด็กผู้ชายด้วยกันยังแทบไม่มี แล้วไหนจะการปรากฏตัวของทิมขึ้นมาในเวลานี้อีก

หากแต่การที่ครอบครัวของทิมหมายหมั้นกับทางครอบครัวของแนนนั้นดูจะหนักหนากว่า โลกแห่งความจริงที่เล่นเอาคะน้าไปไม่ถูก แม้ว่าจะพอรับรู้ถึงความสนิทชิดใกล้จากการทำงาน แต่ก็ไม่เคยฉุกคิดในเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย ความจริงที่ได้รับรู้ทำเอารู้สึกนิ่งงัน ลางสังหรณ์ที่เคยหวาดหวั่นมาถึงอย่างรวดเร็วจนเขาใจหาย ความสุขที่หวงแหนและหวาดกลัวจะสูญเสียดูเหมือนจะอยู่บนเส้นด้านตึงที่รอเวลาจะขาดสะบั้นเหลือเกิน ความรู้สึกในตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับการดำดิ่งลงสู่ก้นเหวที่ลึกที่ดำมืด แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ทางออกไปสู่แสงสว่างหรืออากาศที่จะใช้หายใจ

“คนที่พี่ควรจะปกป้องคือแนนนะคะ พี่ทิมทำเหมือนกับว่าพี่ทิมเป็นแฟนมัน”



“ไม่ใช่!”

คะน้าโพล่งขึ้นมาด้วยความรู้สึกกดดัน ทิมหันกลับมามองด้วยแววตาที่นิ่งจนน่าใจหาย น้ำเหนียวๆ ในคอกลายเป็นเหมือนของแหลมที่กลืนแล้วบาดจนปวดปร่า คะน้าเบือนหน้าหลบแววตาคู่นั้น เขาก็จะไม่ถอยหลังอีกแล้ว

“มันไม่ใช่ ...ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกครับ”

สุดท้าย ทางเลือกที่คะน้าคิดว่าดีที่สุดก็เป็นอย่างนั้น เขาต้องพยายามฝืนความรู้สึกส่วนลึกของตัวเองแล้วหันไปพูดกับแนนด้วยเสียงที่แห้งแหบ รู้ดีว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งที่มองจ้องอย่างไม่วางตา แต่คะน้ารั้นฝืนต่อ หวังเพียงให้ผ่านเรื่องวุ่นๆ นี้ไป รู้สึกแย่กับตัวเองแค่ไหน ...ก็ดีกว่าทำให้ทิมลำบากใจกับเรื่องวุ่นวายที่อาจจะตามมา

“มันไม่ได้เป็นแบบนั้นจริงๆ ไม่ใช่ทุกอย่างแบบที่น้องแนนคิด”




“...ทิมไม่ได้เป็นแฟนกับพี่หรอกครับ”

พูดเองยังรู้สึกใจหาย หวิวจนเหมือนใจจะขาด คะน้าผ่อนลมหายใจของตัวเองที่หนักอึ้ง ไม่แม้แต่จะกล้าสบตาคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เสี่ยงดวงวัดใจกับตัวเองว่าทิมจะเล่นตามเกมโกหกของเขา หรือเลือกที่จะทำอีกอย่าง คะน้าไม่รู้เลยว่าบทลงท้ายจะเป็นอย่างไร ได้แต่ภาวนาในใจเงียบๆ ว่าทิมจะเข้าใจในความปรารถนาดีของเขา ชายหนุ่มอีกคนหายใจอึดอัดราวกับคนที่ขาดอากาศหายใจ ทิ้งทุกอย่างให้ดำดิ่งสู่ความเงียบ เนิ่นนานกว่าที่ทิมจะตัดสินใจเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา



“...ก็จริง เราไม่ได้เป็นแฟนกัน ไม่เคยเป็นด้วยมั๊ง ไม่ได้เป็นแฟน”

เสียงเรียบๆ คล้ายคำตัดพ้อของที่ได้ยินจากคนใกล้ตัวทำเอาใจร่วงหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า นั่นสินะ... บางทีมันก็อาจเป็นเพียงแค่ความฝัน แล้วมันก็คงจะถึงเวลาแล้วที่ต่างคนจะกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงเสียที

คิดแล้วก็ได้แต่เวทนาตัวเองที่ทำเป็นเก่ง รับไหวไม่มีปัญหา แต่พอถึงเวลาจริง ถ้อยคำที่เตรียมใจเอาไว้แล้วกลับทำให้เรื่องง่ายๆ อย่างหายใจ...คะน้าก็ยังทำไม่เป็น ในสายตาที่พร่าเลือน เขามองเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวตรงหน้า เธอหันไปยิ้ม ...ยิ้มอย่างอ่อนหวานให้กับทิม


“แต่เป็นเมีย”

ราวกลับลูกบอลยางที่ตกลงพื้นแล้วกระดอนขึ้นสู่ที่สูงยิ่งน้ำหนักที่ดิ่งตัวลง เหมือนโดนกระชากกลับจนหน้าหงาย จู่ๆ หัวใจของคะน้าก็เต้นโครมคราม แค่ฟังยังรู้สึกกระดากและเหวอจนทำอะไรไม่ถูก ...เมีย!!! ทำไมถึงพูดคำแบบนั้นออกมาได้แบบไม่รู้สึกอะไร! คะน้ายังคงนิ่งอึ้ง ...อึ้งไม่หาย สิ่งเดียวที่เขาพอจะแสดงออกได้คือการหันไปมองหน้าของต้นเสียง แม้มองไม่เห็นใบหน้าตัวเองในตอนนี้ก็รู้ว่าคงทุเรศสิ้นดี ทิมยกมือคว้าเข้าที่เอวของคะน้าแล้วโอบแน่น

“ได้ยินไหม? เป็นเมียน่ะ ...เป็นเมีย! ไม่ใช่แฟน!

“ทิมมม!!!”

“พี่ทิม!!!”

เสียงของคะน้าและแนนดังขึ้นแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน ทิมหันขวับมาส่งเสียงดุใส่คะน้า แววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ

“เงียบ! ฟังเฉยๆ อ้อยสร้อย ร่ำไร รำคาญ!” จากนั้นก็หันไปมองที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า

“ย้ำอีกทีแล้วกัน เผื่อยังไม่ชัด เป็นเมีย!!! แล้วผัวจูบเมียมันแปลกหรือไง? มีอะไรสงสัยอีกไหม?”

ทิมแหงนหน้าขึ้น ดวงตาลุกวาวเหมือนสัตว์ป่าที่พร้อมขย้ำเหยื่อตรงหน้าอย่างไม่ปรานี คะน้าก้มหน้างุด ปั้นหน้าที่ร้อนวาบของตัวเองไม่ถูกจนไม่กล้าสบตาใคร คะน้าเห็นเพียงท่อนขาเล็กๆ ตรงหน้า รู้ดีว่าหญิงสาวกำลังสั่นไปทั้งร่าง เสียงลมหายใจฟืดฟาดนั้นบอกได้ดีว่าแนนพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนักแค่ไหนกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งได้ยิน

“ก็ดีค่ะ ถ้าพี่ทิมทำแบบนี้ แนนก็จะบอกคุณพ่อพี่ทิม ถึงจะยังไม่ได้หมั้นหมายกันแต่ครอบครัวก็ปูทางให้เราสองคนเอาไว้แล้ว ยังไงเราก็จะแต่งงานกันค่ะ พี่ทิมก็รู้ใช่ไหมคะว่าคุณธาดา คุณพ่อพี่ทิมเอ็นดูแนนขนาดไหน” หญิงสาวยิ้มเยาะ ไม่ยอมแพ้

“อะไรที่แนนอยากได้ แนนก็ต้องได้ค่ะ เรื่องนี้ พี่ทิมอย่าคิดนะคะ ว่ามันจะจบง่ายๆ” ร่างเล็กที่ไหวไปทั้งตัวพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราว ผิดกับอีกคนที่รับฟัง ทิมสบตากลับอย่างไม่หวันเกรง ซ้ำยังยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“ไม่จบหรอก มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น”

“แบบนั้นเราคงจะได้เห็นอะไรดีๆ กัน” หญิงสาวสั่นไปทั้งตัว ...สั่นแม้กระทั่งเสียง

“รับรองว่าจะได้เห็นอะไรดีๆ กว่าจูบแน่นอน”

ทิมยิ้มแล้วกระชับวงแขนที่โอบให้แน่นขึ้นอีก คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า บอกไม่ถูกว่าควรดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นดี แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจอย่างไร้ข้อกังขาก็คือนับจากนี้ คงต้องเจอเรื่องที่ยุ่งยากตามมาเป็นทวีคูณแน่ๆ

แนนเดินจากไปแล้วพร้อมกับความรู้สึกที่พร้อมจะระเบิดทุกอย่างที่ขวางขัดในสิ่งที่เธอต้องการ คะน้ารู้แล้วว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่น่ากลัว ผิดกันลิบลับกับรอยยิ้มน่ารักบนใบหน้าที่ดูใสซื่ออ่อนเดียงสาตลอดเวลา ยิ่งขบคิดก็ยิ่งร้อนใจ เธอที่ร้ายกาจขนาดนั้นคงทำได้ทุกอย่างตามที่พูดไว้จริงๆ และถ้าเป็นเช่นนั้น ...ทิมจะเป็นอย่างไร

“ทำไมพูดแบบนั้นไปวะ ไม่คิดหน้าคิดหลังให้มันดีๆ ก่อน ทีนี้เราจะแก้ปัญหายังไง ทำยังไงกันดี ที่บ้านนายจะเป็นยังไงบ้าง ทำไมไม่ระวังเลยวะ บ้าชะมัด เรื่องยุ่งๆ มันเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะความที่พูดอะไรออกไปแบบนั้นน่ะ” ความกังวลที่ซ่อนไม่มิดทำให้คะน้าหันไปโวยกับทิมที่นั่งข้างๆ เป็นชุด หากแต่เจ้าตัวกลับหันมาโวยกลับเสียงดังสนั่นด้วยอีกเรื่อง ดูเหมือนทิมจะไม่ได้สนใจกับสิ่งที่คะน้าพล่ามไปแม้แต่น้อย

“ทำไมถึงไม่บอกเรื่องที่แนนมาป่วน! แดกเหล้าเองเหรอ โกหกเก่งนักนะ ไหนบอกมาสิ! หรือว่าจริงๆ ก็ชอบมัน!!”

ได้ฟังก็ฉุน จนป่านนี้ทิมยังมีกะใจมาพิพาธอะไรไม่เป็นเรื่องแบบนี้อีก “ฟังหน่อยสิ เรื่องตรงนี้มันเล็กน้อยมากเลยนะ ถ้าเทียบกับปัญหาจากนี้ที่มันจะตามมา บ้าหรือไงที่พูดออกไปแบบนั้น” คะน้าโมโหกลับที่ร่างสูงดูจะไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขากังวลใจอยู่เลย ได้แต่นั่งกระฟัดกระเฟียดจนโทสะตัวเองเย็นลงมาบ้าง “เฮ้อออ... เอาเถอะ ยังไงก็ขอบคุณนะที่ให้เกียรติกัน แต่พูดแบบนั้นออกไป แต่รู้ใช่ไหมว่าไม่ใช่ทุกคนจะรับอะไรแบบนี้ได้แบบพี่ผักกาดนะ แต่ความคิดจะให้ไปชอบกับผีอะไรเนี่ย พอที มึงบ้าเปล่าเนี่ย!!!”

“ก็เท่านั้นล่ะ” บทจะเลิกราวีก็ทำได้อย่างง่ายดาย ดูเหมือนใบหน้าที่ตึงเมื่อครู่ติดจะเปื้อนรอยยิ้มขึ้นมาด้วยซ้ำ ทิมยกมือขึ้นแล้วบิดขี้เกียจ “หิวววววว... ลูกชิ้นหมูใช่ไหม กินมั่ง”

ระอาจนเหลือจะกล่าว คะน้าส่งลูกชิ้นปิ้งที่เหลืออยู่สองไม้ให้กับทิม รับไปได้ก็หยิบไม้ขึ้นแล้วกัดลูกกลมๆ เคี้ยวตุ้ยจนคล้ายกับว่าไม่กี่นาทีที่ผ่านมานั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ...ไม่ถึงสองนาทีก็หมดเกลี้ยง ทิมเล็งที่มั่นแล้วโยนแล้วถุงที่เหลือแต่น้ำจิ้มกับไม้เสียบลูกชิ้นลงเป้าหมายที่เป็นถังขยะอย่างแม่นยำ

“กลับบ้านเถอะ” เจ้าตัวลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือมาให้จับ คะน้าถอนหายใจหนักๆ แล้วเอื้อมมือไปจับฝ่ามือที่รออยู่ตรงหน้า พยุงตัวแล้วลุกขึ้น ยังอดไม่ได้ที่จะบ่นกับเรื่องเดิมซ้ำๆ

“เฮ้อออ... ทำไมมันเป็นแบบนี้นะ พูดอะไรหน่อยสิ” ได้ยินก็ทำหน้าครุ่นคิด ทิมคิ้วขมวดเหมือนพยายามนึกคำพูดที่อยู่ในใจ

“โทษทีแล้วกัน แค่อยู่ข้างๆ แบบที่ขอ มันทนไม่ไหว”

“หมายความว่าไง” คะน้าขมวดคิ้วยุ่งแล้วทำหน้างง ไม่เข้าใจว่าคนที่เดินอยู่ข้างๆ หมายถึงอะไร

“พยายามแล้ว แต่บอกตรงๆ ว่าไม่ชอบวิธีการเลย ก็เห็นว่าอยากจะจัดการเอง เลยลองทนดูทนฟัง” ทิมพูดเนือยคล้ายคนเกียจคร้านขึ้นมาดื้อๆ เหมือนกำลังพูดอะไรที่ดูจะไม่ใช่เรื่องที่เจ้าตัวอยากพูดสักเท่าไหร่

“คือไม่รู้หรอกนะจะทำอะไร แต่อยากกลับบ้านแล้ว ขี้เกียจยืนคอย”

ร้อนวาบขึ้นมาทั้งหน้า เป็นอันเข้าใจแล้วกับสิ่งที่ทิมกำลังพูดอยู่ เมื่อคืนนี้ ทุกๆ อย่างที่เขาพูดไป ให้ตายเถอะ! ไม่น่าพลั้งกับความเจ้าเล่ห์ของทิมเลย! ...ขำกูเลยสิ แสบนักนะไอ้เด็กเวร!


“เมื่อคืนยังไม่ได้หลับใช่ไหม”

คิ้วเข้มยกตัวสูงขึ้นเล็กน้อย ทิมลอยหน้าหันมายิ้มกวนประสาท ...แต่ดวงตาคู่นั้นดูอ่อนหวานจนน่ามอง



“เมื่อคืนพี่ทำให้ผมนอนฝันดี”

คะน้าเบือนหน้าไปด้านข้าง หน่ายที่จะเห็นรอยยิ้มงี่เง่ากับแววตาคู่นั้นของคนสติไม่ดีแล้ว สาบานได้เลยว่าตั้งแต่เกิดมาจนถึงในเวลานี้ ทิมเป็นคนประเภทที่คะน้าไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน ไม่มีอะไรจะแปลกประหลาด ประสาท และบ้าบอเท่ากับคนที่เดินเอื่อยเฉื่อยแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนี้ ชายหนุ่มได้แต่ภาวนาให้ประชากรทั่วทั้งโลกกว่าเจ็ดพันล้านคนในตอนนี้ อย่าได้มีคนแบบทิมไปมากกว่านี้เลย

“อืมมม... ที่พูดเมื่อคืนน่ะ ...รู้เหมือนกันใช่ไหม ว่าในนี้...” ทิมกำมือหลวมๆ แล้วยกขึ้นทุบลงที่อกตัวเองเบาๆ “...มันรู้สึกมากแค่ไหน”

เพราะสำหรับคะน้าในตอนนี้แล้ว แค่ไอ้บ้าที่เห็นอยู่ในตอนนี้...

“ไม่รู้โว้ย”

โบ้ยตอบไปด้วยความรำคาญสุดขีด คนประสาทผิวปากอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะเอื้อมมือนั้นมาโอบฝ่ามือของคะน้าแล้วกุมไว้ ทิมหันมายิ้มกว้างอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นรอยยิ้มกวนๆ แบบที่คะน้าเห็นบ่อยจนคุ้นตา

“แล้วเย็นนี้อยากกินอะไรล่ะ”



เจ็ดพันล้านคนบนโลกนี้น่ะ ...มีแค่มันคนเดียวก็พอ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จะเรียกความรู้สึกตัวเองหลังจากอ่านตอนนี้จบว่าอะไรดีหนอ ฮ่าๆๆๆ
วันนี้วันศุกร์น่ะครับ แบบนั้นก็นับให้เป็นวันสุขแล้วกัน อ่านแล้วไม่ต้องเครียดกับมาม่าเกินไป
จริงๆ แล้วดูจะนับว่าเป็นมวยที่ถูกคู่ชกมากเลยนะ สำหรับมุมแดง น้องแนนสุดน่ารัก
และมุมน้ำเงินที่ดูจะขอแท็คทีมเปลี่ยนคู่ชกเป็น คนประสาทที่สติไม่ค่อยดี 5555555
ศึกนี้ ใครต่อยแตก แอนตาซิลแจกสร้อยคอทองคำ 1 สลึง (ไม่เต็มบาท)
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันล่วงหน้าครับ ติดตามกันต่อไปเนอะ ฮิฮิ

:L2: :กอด1: :L1: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 08-02-2013 11:07:17
แหมน้องทิม แกล้งทำเป็นหลับปล่อยต่ายน้อยรำพึงรำพัน

บอกตรงๆ คนอ่านเขินมากมาก :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-02-2013 11:15:19
สงสัยทิมแกล้งตาย เอ๊ย! แกล้งหลับเนียนน่าดู  คะน้าถึงพร่ำไปไม่ได้สังเกตขนาดนั้น 555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 08-02-2013 12:29:05
“แต่เป็นเมีย”

กรี๊ดดดดดดดดดดดด จบนะนังแนน


//ฟาดหน้านังแนนด้วยรองเท้าfitflop   :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 08-02-2013 12:50:30
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:  ถีบอีนั้งน้องแนน ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 08-02-2013 12:52:31
รอๆๆๆ ยัยแนนร้ายจริงๆๆๆ
ตอนหน้ามันส์แน่ๆๆ สู้ๆๆน้า คะน้าทิม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 08-02-2013 13:32:55
คิดไว้แล้วเชียวว่ายัยแนนนี่ต้องไม่ได้มาดีแน่ ๆ
น้องทิมตอบได้สะใจมั่ก ๆ เลย  หุ หุ หุ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 08-02-2013 14:06:18
หวานดีวุ้ย เป็นเมีย ฮิ้วววววเขินแทน อิอิ มาไวเคลมเร็วดีแท้อ่านตาแฉะอิอิชอบ  o13 o13 o13

ขอบคุณจ้า รักคะน้าที่สุด  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 08-02-2013 14:27:27
เป็นเมีย ทิมแร๊งงงได้ใจมาก o13
ยัยแนน เกลียดน่ะ ไม่ชอบคนแบบนี้เลยจริงๆ :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 08-02-2013 14:48:54
เฮ้อ ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ
ดีนะที่ทิมหนักแน่น
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 08-02-2013 15:03:48
อู้วววว์........เริ่มก็มันส์เลย :m4:

เขินแทนนู๋ต่าย แพล่มตอนน้องทิมแกล้งหลับ :-[

ทิมก็แรงได้ใจจริงๆ :angry2:  สมกับที่นังแนนมันกลัว

ต่อไปคงต้องรอแก้ปัณหากับครอบครัวของทิม

นู๋ต่ายสู้ สู้ :ped149:    :ped149:    :ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 08-02-2013 15:43:25
 ฟินค่ะ   พระเอกในอุดมคติเหลือเกิลลลล
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-02-2013 16:07:27
ทิมเอาใจไปเลยยย ฮิ้ววว
ส่วนยัยแนน ถ้าไม่จบ เจอกันหลังไมค์ได้นะ
เอ๊ะ หรือเปลี่ยนเป็นหลังไมค์กับคนเขียนดี ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 08-02-2013 16:19:44
 :L2:ขอไปนับดาว บนดวงจันทร์ด้วยนะ น้องต่าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 08-02-2013 16:21:14
นังคุณน้องแนน...ฮึม เสียสถาบันผู้หญิงหมด
ไม่สิๆ เราอยู่ในสปีชีส์สาววาย ส่วนน้องแนนเป็นชะนีหน้าดำ ชิ

ส่วนคะน้าน่ะคะน้า นางเอกไปถึงไหนฮ่ะ แรงมาก็แรงตอบเซ่ ไม่ได้ดั่งใจเล้ย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก :m31:
ทิม ได้ใจมาก ตอนที่บอกว่าเป็น "เมีย"

คุณ Lucea ไม่ให้มาม่าก็คงไม่ไหว โอ๊ยยยย
มาต่อเร็วๆนะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 08-02-2013 16:48:47
แทบละลายไปกับคำนี้  :impress2:

เจ็ดพันล้านคนบนโลกนี้น่ะ ...มีแค่มันคนเดียวก็พอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 08-02-2013 17:05:08
ชอบจังเลย เรื่องที่พระเอกตามตัวร้ายทันเนี้ย ชนะเลิศค่า   :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 08-02-2013 18:56:31
เจ้าเล่ห์เหลือเกินะทิม ปล่อยให้กระต่ายเพ้อได้ตั้งนาน   :laugh: :laugh:

ส่วนยัยน้องแนน เป็นไงหล่ะ เจอคำตอบของทิมเข้าไป


ส่วนนี้ทอบให้คนเขียนที่น่ารัก :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 08-02-2013 19:56:54
เป็นวันศุกร์ที่มีความสุขจริงนะทิม 555 สงสารคะน้าแอบโดนทิมแกล้งเนียมอีกล่ะ ยอมรักนะ ใจแป๋วอ่ะ ตอนทิมบอกไม่เคยเป็นแฟน แต่พอบอกเป็นเมีย เราก๊ากกกกเลยอ่ะ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: keniji01 ที่ 08-02-2013 19:58:58
ขอบคุณมากมาย สำหรับความสุขที่มอบให้ อ่านรวดเดียวไม่ลุกไปไหนเลย ชอบมากครับ เป็นกำลังใจให้นะ :mc4: :n1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 08-02-2013 20:37:20
นังแนน :angry2: :z6: :beat:
เอิ้ก หวานตรงผัวๆเมียๆนี่แหละ
หวังว่าคะน้ากับทิมจะจับมือก้าวผ่านเรื่องร้ายๆไปด้วยกันได้ด้วยดีนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 08-02-2013 21:09:08
อ่านตอนนี้จบแล้วรักทิมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า พระเอกเราเริ่ดอ่ะ  o13
คนใจอ่อนแบบคะน้าจะไปทำอะไรได้ ที่คิดว่าไม่เป็นไรน่ะมันเป็นทุกทีเลย นังน้องแนนแกเปิดตัวร้ายรอบสองได้ดีมาก
ร้ายหมดเปลือกกันเลยทีเดียว กำลังนั่งงงว่าทำไมคะน้าต้องมายอมให้อีนี่คาดคั้นด่ากดดันขนาดนั้น ทั้งทีตัวเอง
ก็ทำดีกับมันสารพัด พอพระเอกออกโรงแบบสะใจมากกกกกกกกกกกกก (ก. ล้านตัว) มันต้องเจอแบบนี้นังชะนีสองหน้า
(อินลื้มมม) เจอคนรู้ทัน เจอคนแรง เจอคนจริงแบบทิมนี่ จะมาแสนดีแบบคะน้ามันใช้ได้กับคนดีด้วยกันเท่านั้น
ไม่ใช่แฟนแต่เป็นเมีย เคป่ะ ชัดเจนป่ะ ตอกกลับให้หน้าหงายเสร็จ หันมาหึงต่อ 555 น่ารักจัง แล้วก็กินลูกชิ้นลั้นลากันไป
อารมณ์ดีข้ามวันที่ได้ฟังคะน้่าพูดเมื่อคืนอ่ะเซ่

ขอบคุณค่า มาต่อเร็วแบบนี้ ขอบอกว่ามีความสุขม้าก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 08-02-2013 21:11:42
  :z6: ตอนหน้าช่วยจัดหนักนังแนนให้ด้วยนะคะ
มันวอนโดนตบมากค่ะ...
คะน้าก็ไม่ได้ดังใจแม่ยกเล้ย สู้เค้าหน่อยสิลูก อะไรมันจะหม่นจะหมองขนาดน๊าน :เฮ้อ:
ส่วนน้องทิม.. ทำดีมากลูก o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 08-02-2013 21:26:18
ดีมากทิมประกาศไปเลย

นังแนน กำลังคิดอยู่ถ้าอยากให้ทิมมาได้ยินจริงๆ

แล้วทิมก็ได้ยินจริงๆ ด้วย แต่สงสัยยังคงไม่จบแน่เลย

นังแนนตัวป่วน วุ่ยวายมาก ทำให้คะน้าเสียใจ ชิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 08-02-2013 22:28:38
น้องต่ายน้อยของเราก็มัวแต่อึ้ง ปล่อยให้ยัยแนนชกอยู่ฝ่ายเดียว
ต้องเจอน้องทิมพระเอกมาดเหี้ยม เพื่อปกป้องเมียรัก ไม่ไว้หน้าแม้แต่ชะนี ยกนี้ทิมทำได้ถูกใจที่ซู้ด!!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 08-02-2013 23:04:42
นู๋ทิมของเจ๊ ><" เลิศที่สุด อะไรจะน่าจับไปรักอย่างงี้  :-[
ต่ายน้อยค่ะ ชีวิตจริงต้องไม่เป็นคนดีเกินไปนะค่ะ เพราะคนดีมักจะเป็นได้แค่เพื่อนนางเอก  :laugh:

P.S. เจ๊ล้อเล่นนร้า เป็นคนดีนั่นแหละดีละ ไม่งั้นก็ไม่ใช่คะน้าสิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 09-02-2013 00:05:20
อินังน้องแนน ไปตายซะ  :z6: :z6:

สู้ๆนะทิมคะน้า อย่าไปแคร์ชะนี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 09-02-2013 13:17:42
+1 พี่ต่ายกะ น้องทิม อ่ะ น่ารักที่สุดเลย ชอบมากอ่ะเรื่องนี้ :o8: :o8: :o8: อินมาก  ๆ ทุกตอนเลย เลย :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 09-02-2013 20:16:41
ตามอ่านรวดเดียวเลย สนุกมาก o13
เลิฟทิมสุดๆ
ตอนล่าสุดก็ฟิน เเต่เป็นเมีย กรี๊ดดด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 09-02-2013 20:21:56
"เป็นเมีย" ค่ะ จบนะคะ คุณน้องแนน 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: golfjis ที่ 09-02-2013 20:47:26
สนุกมากครับอ่านรวดเดียวจนทันละ ประทับใจครอบครัวผักมากโดยเฉพาะเจ้ผักกาด ที่ว่ามีแฟนให้พามาให้ พ่อแม่ เจ้ผัก รู้จักอ่ะ ตอนไปสุสานอีก น้ำตาซึมเลยครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 10-02-2013 02:44:31
อ่านตั้งแต่แรกจนถึงล่าสุด  มวยคู่ หมอตุล กับ นายทิม เป็นอะไรที่หน่วงมากก อ่านแล้วแบบเฮ้ย คะน้ามันโคตรจะเอ๋อ เบลอ และสับสนอย่างแรง
แต่พอมาเจอมวยคู่ น้องแนน กับ ทิม นี่มันแบบว่าอยากอ่านตอนต่อไปมากเพราะทิมพุ่งชนปัญหาทุกอย่างจริง ๆ ถ้าปล่อยให้คะน้าจัดการมีหวังโดนน้องแนนน็อคตั้งแต่ยกแรก เจอนางมาเป็นชุดคะน้านิ่งมาก เจอทิมบอกว่า เป็นเมีย จบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 11-02-2013 06:45:02
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ ชอบจันทูมากเป็นตัวของตัวเอง แต่ที่คาใจคือเรื่องระหว่าง ทิมและตุล รู้สึกมันมีอะไรมากกว่าคู่แข่ง ทั้งคำพูดและการกระทำอ่านทีไรข้องใจทุกที เมื่อไหร่คนแต่งจะเฉลยซักทีไม่รู้ แล้วก็สงสารหมอตุลมาก นิยามของหมอตุลคือ 'รักคือการเสียสละ' ส่วนของทิม 'รักคือการแย่งชิง' อยากทั้งคะน้า ทิมและตุล สมหวัง อ่านตอนที่หมอตุลไปเรียนเมืองนอกแล้วน้ำตาคลอจากไปทั้งที่รักเจ็บยิีงกว่าจากกันเพราะไม่ได้รักซะอีก รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 11-02-2013 08:00:00
เฮอะ ยัยแนน แกน่ะมันเป็นแค่ส่วนเกินเท่านั้นล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 11-02-2013 19:35:54
ผมคอมเม้นท์ไม่เก่ง ขอเอาใจช่วยนะครับ อย่าให้คะน้าซื่อนักนะครับ. แรงบ้างก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 12-02-2013 01:19:13
อ่านรวดเดียวเลยอะ

สนุกมากกกกกกก

 o13

สารภาพว่าตอนแรกไม่กล้าเข้ามาอ่านเพราะดูจากชื่อเรื่องแล้วกลัวจะดราม่าจัด  :z3:

แต่ตอนนี้ชอบบบบบบบบอะ

หลงรักกระต่ายกับนายทิมซะแล้ว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 12-02-2013 03:18:48
นิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่..
อ่านไปแล้วลุ้นระทึกยิ่งกว่าเล่นเกม death space สองภาครวดอีกล่ะ...
มันหักมุม!  o22 ในหลายๆความหมาย
ตั้งแต่ตอนที่ทิมไปฝากคิสมาร์คที่คอตุล นั่นก็ทำเอาเราอ้าปากค้างอย่างไม่คิดไม่ฝันแล้ว

..บอกตรงๆตอนแรกเชียร์หมอตุลมาก
แต่พอคะน้าไปรักกับทิมก็.. เอ่อ น่ารักดี -////-
ส่วนฉากลาที่หน้าเกตสนามบินนั่น..  :m15: พรากๆค่ะ น้ำตา

แล้วคือ.. เรากลัวว่าภาคต่อไป (เรียกให้ไฮโซตามคนเขียน)
มันจะมีอะไรมาทำให้เราหวาดหวั่นอีกรึเปล่า?
คือตอนนี้เลิกเชียร์ตุลแล้วนะ ให้พี่ต่ายน้องทิมเขาครองรักกันเถอะนะคะ
อย่าหักมุมนะ สาธุสาธุ 555555555555

รอตอนต่ออยู่นะคะ กอดคนเขียนสามสิบแปดที :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 28 (หน้าที่ 36) - Feb 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 13-02-2013 02:17:55
ตัดสินใจถูก ที่เข้ามาอ่าน สนุก มากกกก ชอบต่ายน้อย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-02-2013 18:46:47
สวัสดีครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ คอมเมนต์ ความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ นะครับ
ยินดีต้อนรับเพื่อนใหม่ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและมาทักทายกันนะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่แต่งพวกตอนพิเศษเพราะขี้เกียจมาก ลำพังแค่เนื้อเรื่องปกติก็มือหงิกแล้ว 555
แต่เห็นเหมือนใครๆ เขาก็มีกัน(หรือเปล่า) ก็อยากไฮโซกับเขามั่ง เลยเอามาสักตอนขำๆ ฮิฮิ
ตอนที่จะลงนี้เป็นตอนพิเศษรับวันวาเลนไทน์นะครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่
ถ้าเรื่องเรื่องปกติ เดี๋ยวกุมขมับเอา เลยแต่งเอามาให้อ่านกันเล่นๆ รับเทศกาลแห่งความรักครับ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนพิเศษ
:L2: สยองขวัญวันวาเลนไทน์ :L2:



พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์

ผมรู้สึกไม่ชอบ ออกแนวขยะแขยงกับคำหวานที่ฟังแล้วเลี่ยนหู  แล้วก็พาลไม่ชอบขนมหวานๆ ไปด้วย แน่นอนว่าไม่เว้นแม้แต่ดาร์คช็อคโกแลต และที่ไม่ชอบจนเข้าขั้นเกลียดเลยก็คือฉากนั่งคุกเข่า ยื่นดอกกุหลาบสีแดงแล้วสารภาพความรัก มันน้ำเน่า ฟุ้งเฟ้อ มันเพ้อฝันเกินไป

ผมเกลียดวันวาเลนไทน์

ถึงแบบนั้นก็รู้สึกเซ็งยิ่งกว่าที่ต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนในช่วงเทศกาลแห่งความรักแบบนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะเฉลิมฉลองอะไรตามแคมเปญกระตุ้นยอดขายการ์ดวาเลนไทน์ของ Hallmarks แต่ที่เซ็งก็เพราะว่าผมต้องห่างจากกระต่ายน้อยของผมสามวันเต็มๆ ฝนที่ตกลงมาผิดฤดูในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำให้งานที่ผมทำล่าช้า และถ้าส่งมอบไม่ทัน บริษัทต้องเสียค่าปรับกว่าห้าสิบล้านบาท แน่นอนว่าสำหรับวิศวกรที่ควบคุมการก่อสร้างแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ให้เกิดขึ้นไม่ได้

หลายวันก่อนที่ผมนั่งดูโทรทัศน์ เห็นนักข่าวในทีวีรายงานข่าวเรื่องราคาดอกไม้ที่ทะยานตัวขึ้นสูงในช่วงเทศกาลจากปากคลองตลาด

“มีแต่ข่าวไร้สาระ”

คนที่นั่งข้างๆ หน้ามุ่ยขึ้นนิดนึง ริมฝีปากที่คุ้นตาเชิดรั้น ...ผมดูออกว่าเจ้าตัวกำลังงอนผมอยู่เล็กๆ ไม่ใช่เรื่องที่ผมเพิ่งบ่นไป แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำงานตลอดช่วงเทศกาลที่ว่านี้

คะน้าไม่ใช่คนเรื่องมาก ขี้ใจน้อย...น้อยใจ เป็นคนประเภทไม่เรียกร้องอะไรจากใครด้วยซ้ำ กับคนที่หน่ายกับสังคมจนบ้าความสันโดษแบบผมแล้ว กลายเป็นว่าผมเองที่หมดสภาพจนติดเขาแจ อยากเห็นหน้ามันทุกวัน ไม่ต้องพูดหรือทำอะไรก็ได้ แค่อยู่ใกล้ๆ มันก็รู้สึกอุ่นใจแล้ว ผมยอมรับว่าคะน้าทำให้ผมเริ่มอยากหันมาให้ความสำคัญกับเทศกาลที่ไม่เคยใส่ใจ แต่มันก็เรื่องเล็กน้อยไม่ใช่เหรอ ถ้าเทียบกับการที่ทำให้ผมกลายเป็นเกย์ได้โดยไม่รู้ตัว อีท่าไหนก็ไม่รู้แต่ผมก็เป็นไปแล้ว และคนที่อยู่ในความคิดผมในเวลานี้กำลังทำให้ผมทำอีกอย่าง ...สิ่งที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำ

“พวกประสาท ยึดติดกับเทศกาล”

ฟังดูแล้วอาจจะแปลกๆ แต่ผมคิดว่ารอยยิ้มที่ระบายขึ้นมาบนมุมปากที่รั้นสูงนั้นเป็นเครื่องหมายของความเข้าใจ พักหลังๆ คะน้ารู้จักผมมากเกินไป ...ครับ ผมกำลังง้อคนที่งอนอยู่ และเจ้าตัวก็หันมายิ้มแป้นจนหน้ากลม สีแดงฝาดไปทั้งแก้ม ทำเอาเผลอมองค้างไปเลยล่ะ

“อืม... ทำทุกๆ วันให้เหมือนกับเป็นวันพิเศษของเราดีกว่านะ ไม่ใช่ดีต่อกันเฉพาะเทศกาล” คะน้ายิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่สดใสแบบที่ผมชอบ แล้วผมก็ชอบตาคู่นั้นด้วย มันดูเหมือนกับยิ้มอยู่ตลอดเวลา... แล้วก็...

บ้าเอ้ย แม่งเขินจนไปไม่เป็นเลยกู




เอาเถอะครับ แค่นึกถึงก็ทำเอาผมนั่งยิ้มอยู่คนเดียวได้ทั้งวัน อาจจะบ้าไปแล้วก็ได้มั๊ง แต่ผมไม่สนใจหรอก ผมมีความสุข อืม... แค่คิดถึงก็มีความสุข เออ... หรือผมบ้าไปแล้ว แต่มันก็น่ารักจริงๆ นะ นี่ผมไม่ได้คิดอะไรวนไปวนมาแบบคนประสาทใช่ไหม แต่ไม่รู้สิ มันอยากจะยิ้มน่ะ โอ้ย! ไอ้บ้าเอ้ย!

พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เฮ้อออ... แล้วทำไมต้องมานั่งทำงานอะไรแบบนี้ด้วยวะ งี่เง่าจริงๆ แทนที่จะได้อยู่ใกล้ๆ กัน นั่งข้างๆ กัน จิบเหล้าอร่อยๆ สักช็อต มองรอยยิ้มที่น่ารักนั่น แต่ผมในตอนนี้กลับซดกระทิงแดง แล้วมองพวกช่างลงพื้น ก่อเสาอยู่แบบนี้ นับว่าห่างไกลจากจินตนาการไปมากโขทีเดียว

“นายครับ มาดูตรงนี้หน่อย มันไม่ค่อยอยู่ยังไงไม่รู้”

เสียงช่างที่เดินมาเรียกผมไปดูทำให้ผมกลับมาสนใจสิ่งที่ต้องทำตรงหน้านี้อย่างจริงๆ จังๆ เสียที จะว่าไปมองไปรอบๆ ตัวแล้ว เราทุกคนในที่นี้ก็คงมีความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน มือทั้งสองข้างในถุงมือผ้าราคาถูกที่เปรอะไปด้วยฝุ่นก็ล้าเป็น เม็ดเหงื่อที่ชุ่มอยู่บนหลังผมก็ไม่ต่างกันกับแผ่นหลังที่เปียกของคนที่อยู่ที่นี่ทุกคน ผ้าขาวม้าที่พันปิดหน้าซ่อนสิ่งที่อยู่ในตาของแต่ละคนไม่ได้ เราทุกคนที่นี่ต่างก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่งานก็คืองาน และเราต้องรับผิดชอบให้เต็มที่ไม่เกี่ยงเทศกาล

ความขี้เกียจเป็นศัตรูที่ร้ายกาจสำหรับการทำงานกลางคืน ยิ่งในช่วงเวลาที่ต้องทำทุกอย่างแข่งกับเวลา กับคนงานที่ควงกะเช้าคงพออนุโลมได้บ้าง แต่กับกะกลางคืน นับที่เรื่องที่ทำใจผ่อนผันไม่ได้เลย

“พวกเราน่ะ บอกพรรคพวกบ้างล่ะ ทำงานดึกๆ ที่นี่ระวังกันหน่อย มันมีข่าวลือว่าที่นี่ ‘มี’ น่ะ”

“มีอะไรครับนาย” พวกช่างเริ่มแตกตื่นกันใหญ่

“ก็ ‘มี’ น่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ล่ะ พวกเราน่ะมาใหม่ใช่ไหม อาจไม่ค่อยรู้ข่าวพวกที่มาแรกๆ ล่ะสิ” ทิมกวาดสายตามองรอบๆ ตัวแล้วยิ้มที่มุมปากเจ้าเล่ห์

ชอบแอบไปหลับด้านหลังกันนักใช่ไหม?

“ตกกลางคืนที่ริมรั้วด้านหลังโครงการจะมีคนได้ยินเสียงร้องแปลกๆ เป็นเสียงเขย่าลูกกรงเหล็กแรงๆ บางทีก็เป็นเสียงเหมือนกรีดร้อง ที่หนักหน่อย ก็เห็นคนตัวขาวๆ ยืนอยู่คนเดียว”

เสียงซุบซิบดังขึ้นจนเซ็งแซ่ หลายคนเริ่มทำสีหน้าหวาด จากที่ง่วงซึมหมดแรงเริ่มหันมาก้มหน้าก้มตาฟังอย่างระมัดระวังตั้งใจ เรียกว่าไม่ต้องพึ่งเครื่องดื่มชูกำลังก็ตื่นโดยทั่วกันเลยทีเดียว ก็มีบ้างที่ไม่เชื่อเรื่องผีสาง แต่ทิมก็ไม่สนใจ หากส่วนใหญ่ขยันตั้งใจแล้ว เขาก็ค่อนข้างโอเคกับส่วนน้อย

วางใจเรื่องงานคืบหน้าแล้ว ชายหนุ่มก็ปลีกตัวไปดูความคืบหน้าของการก่อสร้างในส่วนอื่นๆ เมื่อเห็นว่าเป็นไปด้วยดีทิมก็เบาใจ แหงนหน้ามองท้องฟ้า ป่านนี้กระต่ายตัวน้อยของเขาก็คงนั่งเหม่อแล้วมองพระจันทร์อยู่แน่ๆ ยิ้มให้กับจินตนาการของตัวเองอยู่ได้ไม่นาน ก็สะดุ้งตัวตกใจจนอดตำหนิตัวเองไม่ได้

อีกแล้ว... เอาอีกแล้วไอ้ทิมเอ้ย

หลายวันที่ผ่านมา เขาใช้เวลาอยู่กับคะน้าจนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน พอเหลียวมองแล้วไม่เห็นคนที่เคยคุ้นตาอยู่ข้างๆ ตัวก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงแบบเดิมซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ได้เห็นหน้าขอแค่ได้ยินเสียงก็ยังดี ทิมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วกดไล่หาเชื่อที่บันทึกเอาไว้ ถอนหายใจซ้ำๆ แล้วจ้องชื่อที่อยู่ในความคิดตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น

นอนยังนะ ทำอะไรอยู่ว๊า แต่โคตรอยากได้ยินเสียงเลย คิดถึงว่ะแม่ง




ไม่รู้โว้ย ทำให้เป็นแบบนี้ ก็ต้องรับผิดชอบสิ


นิ้วโป้งออกแรงกดเบาๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็กระพริบแล้วขึ้นเครื่องหมายว่าโทรออกทันที เสียงสัญญาณโทรศัพท์ในหูที่ดังดูเหมือนจะดังไม่แพ้จังหวะที่เต้นรัวของผู้โทรออกในตอนนี้เลย

“สวัสดีครับ”

ทันทีที่ปลายสายรับ ทิมก็ได้แต่เงียบ ถึงเวลาจริงๆ แค่คำสั้นๆ ก็ทำให้เขายิ้มเหมือนคนบ้า เสียงที่คุ้นหูเหมือนกับทำให้ปอดของเขาทำงานได้สะดวกขึ้น ชายหนุ่มโล่งใจว่าอย่างน้อยคืนนี้เขาก็คงไม่ขาดอากาศหายใจตายแล้ว

“อ..อืม” ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทิมเลยเอ่ยเสียงรับให้พอรู้ว่ามีคนรอฟังเสียงนี้อยู่ปลายสาย ...แค่นี้ก็พอแล้ว คะน้าเงียบไปชั่วอึดใจ แต่นั่นก็นานจนทำให้ทิมใจหายจนแทบจะโวยใส่ลงไปในสาย โชคดีที่กระต่ายของเขาส่งเสียงกลับมาเสียก่อน

“ทิม... ทิมใช่ไหม?”

“อืม”

แล้วทุกอย่างก็เงียบอยู่แบบนั้น ก่อนหน้านี้ทิมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองจะตกอยู่ในสภาพของคนกึ่งเป็นใบ้ได้แบบนี้ วิศวกรหนุ่มคิดแค่เพียงว่าตัวเองแค่เป็นคนไม่ชอบคุยโทรศัพท์ก็แค่นั้น นึกแล้วอยากจะต่อยหน้าตัวเอง ทั้งๆ ที่ปกติแล้วทิมติดจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เพทุบายและหยิ่งผยองอยู่ไม่น้อย แต่ใครจะไปรู้ว่าสิงโตที่งามสง่าดูท่าจะมาสิ้นลายกับกระต่ายน้อยไม่มีพิษสงแบบนี้

“ทิมมีอะไรหรือเปล่า?” เป็นคะน้าที่ถามกลับ ทิมนึกขอบคุณที่ช่วยทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ลงไปได้เสียที

“ไม่มี”

“อ้าววว...” คะน้าลากเสียงยาวแล้วทำเสียงแบบโล่งใจ “โอ้ย... ตกใจหมดเลยก็นึกว่ามีอะไร” ไม่รู้เลยว่าเสียงหัวเราะที่ปลายสายทำเอาคนที่ยืนฟังยิ้มเขินได้อย่างเหลือเชื่อ

“เหนื่อยไหม?”

...หายเหนื่อยแล้วครับ

ทิมยิ้ม ได้แต่เก็บคำตอบนั้นไว้ในใจ คะน้ายังส่งเสียงเจื้อยแจ้วแบบที่เขาคุ้นหู

“แล้วนี่ง่วงนอนหรือเปล่า?”

...หายง่วงแล้วครับ

“จะนอนยัง?” ไม่รู้ทำไมถึงกลายเป็นคำเรียบๆ ที่เสียงเขาเอ่ยออกไป ปลายสายตอบกลับเสียงใส

“ยังๆๆ กำลังคิดถึงอยู่เลยเนี่ย ฮ่าๆๆ”

แค่นั้นหัวใจของทิมก็กระตุกแรงแล้วหยุดไปชั่วขณะ พอสติเริ่มประมวนผลได้สิ่งที่เพิ่งหยุดเต้นไปเมื่อครู่ก็พองฟูจนแน่นจนคับหน้าอกในชั่ววินาที ...มีความสุข เขาชอบความรู้สึกแบบนี้มากเลย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะเรียกหรืออธิบายมันว่าอะไรก็ตาม

พี่ครับ... ผม... โคตรคิดถึงพี่เลย

“ตั้งแต่รู้จักมาไม่เห็นจะเคยโทรหา เบอร์ก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ นึกว่ามีอะไรหรือเปล่า ใจหายหมดเลย”

“อืมม... เก็บให้”

“ห๊ะ?” คะน้ากลอกเสียงกลับมาทันทีด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจ นาทีนั้น ทิมเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ นี่เขากำลังบ้าแน่ๆ ถึงคิดจะเล่นมุกสะเหร่ออะไรแบบนี้ขึ้นมา

“เมื่อกี้ว่าอะไรนะ งงอ่ะ” คะน้ายังไม่เลิกถามด้วยความสงสัย ทิมยืนประหม่า ไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี

ไหนๆ ก็ไหนๆ! เอาวะ!! เสี่ยวสะท้านฟ้า ปลาร้าสะเทือนไหกันไปเลยไอ้ทิมเอ้ยยยย!!!

“พี่ทิมเก็บให้แล้วไงครับ ไม่หายหรอก”

ได้ยินเสียงปลายสายเงียบไปสักพักใหญ่ๆ ก็แอบวิตกไปไม่น้อย แต่พอคิดย้อนกลับไปแล้วยิ่งทำให้หัวใจของทิมคึกคะนองยิ่งกว่าเดิม ทิมส่งเสียงเรียกอีกครั้งให้แน่ใจ ปลายสายก็ขาน ‘ครับ’ ซะเพราะพริ้ง ลองเป็นแบบนี้ เขาขอรุกอีกสักหน่อยคงไม่ผิดกติกาใช่ไหม

“เขิน?”

“แล้วตอนนี้พักเหรอครับ?” ...แบบนี้ชัวร์!

“ถามว่าเขิน?”

แม้ไม่มีเสียงตอบกลับจากปลายสาย แต่รอยยิ้มของทิมก็เบิกกว้าง จะหาว่ากระแดะหรือเปล่า ถ้าเขาอยากบอกว่าพักหลังๆ เขาชักจะเมื่อยหน้ามากขึ้นทุกวัน มีคนบอกว่าช่วงหลังมานี้ผมยิ้มบ่อยขึ้น ผมไม่คิดแบบนั้นเลยกระทั่งถึงตอนนี้ ...ตอนที่จำนนกับหลักฐานอยู่คาหน้านี่แหละ

“ว่าแต่ไม่มีอะไรแน่นะครับ โทรมาดึกเลย” คะน้าถามกลับอีกครั้ง จะตอบไปว่าอะไรดีล่ะ คิดถึงเหรอ ไม่มีทางซะล่ะ ไม่มีทางพูดอะไรหวานเลี่ยนชวนอาเจียนแบบนั้นหรอก มันไม่ใช่เขาเลย

“ถ้าอยากคุยก็ไปหาเอา เห็นหน้าชัดๆ ฟังเสียงใกล้ๆ มันให้ความรู้สึกดีกว่าโทรศัพท์จืดชืดแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ทิมพยายามบ่ายเบี่ยงไปอีกเรื่อง มั่นใจว่ายังไงอีกฝ่ายก็ไม่มีทางจัดกลุ่มเขาว่าอยู่ในประเภทน้ำเน่าแน่นอน จะว่ายังไงดีล่ะ เขายังไม่อยากเป็นแบบที่เขาเคยด่าเอาไว้มั๊ง แล้วที่เขาต้องโทรมาน่ะเหรอ ก็...

“...แต่ตอนนี้ ไปหาไม่ได้ไงครับ”

ดูดีนะ คิดว่าเข้าท่าเลยล่ะ เทคโนโลยีพวกนั้นมันตอบสนองความต้องการของเขาไม่ได้ มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรือที่เขาจะไม่ใยดีกับมัน ในเมื่อเขาทำได้มากกว่าที่มันทำเป็นไหนๆ ทำไมต้องพึ่งมัน?

“ทิมมม...”

“ครับ” ...ชอบจังเวลาได้ยินเสียงเขาเรียกชื่อผมแบบนี้

“ผ..ผม...”

“หืมม?”

“ผมรักทิมนะครับ คิดถึง... คิดถึงทุกวัน อยากเจอ อยากกอด อยากอยู่ใกล้ๆ ทิมคิดถึงผมไหมครับ?”

“คิดถึงสิครับ”

ฉิบหาย! พูดอะไรออกไปเนี่ย!!

ทิมเบิกตาโพลง อยากจะเอามือคว้าเสียงที่พูดยัดกลับเข้าไปในคอตัวเองใหม่ พลั้งเผลอด้วยความเคลิ้มจากเมดเล่ย์ชุดใหญ่จากปากของคะน้าที่กรอกเสียงมาตามสายจนเขาตอบไปแบบปราศจากการไตร่ตรอง

“พี่ทิมคิดถึงไหมครับ”

เหี้ยละ! ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้วะแม่ง!!

“พี่ทิมมมม...”

เอาวะ! เอาไงเอากัน!

“คิดถึงสิครับ คิดถึงมาก อยากกอด อยากจูบ หนุนตัก วันนี้ไม่ได้เจอกันเลย คิดถึงจะตายแล้ว นี่ก็ต้องอีกสองวันที่จะต้องเป็นแบบนี้ มันแค่สองวันเองนะแต่ทำไมมันนานฉิบหายแบบนี้ วันนี้ผมคิดถึงพี่ตลอดเลย แม่งเหมือนคนบ้าอ่ะ”

เล็ดออกมาได้ก็เหมือนจะหลุดออกมาทุกอย่าง ซ้ำดูเหมือนว่าเขาจะลืมไปหมดแล้วซึ่งทิฐิที่ยกไว้สูงแบบทุกครั้ง ไม่มีความกระดากที่จะพูด ไม่มีซึ่งความเขินเก้อใดๆ ในความรู้สึกของทิม มันเหมือนกับว่าเขาเพียงแค่พูดความจริง ...ความจริงที่เก็บและกดไว้ในใจ

“...พี่ครับ มันเหมือนจะขาดใจเลย อยากให้อยู่ตรงนี้นะ ตอนนี้โคตรอยากกอดพี่อ่ะ”

ได้ยินเสียงที่เงียบไปที่ปลายสาย และตัวเอาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้เช่นกัน ทิมได้แต่ยืนเงียบๆ เซ็งกับการทำงานในช่วงเวลาแบบนี้


กูบอกแล้ว กูเกลียดวันวาเลนไทน์! เกลียดมันทุกอย่าง! ตอนนี้เกลียดแม้แต่งานที่ชอบด้วย!



(ครึ่งหลังต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 13-02-2013 18:50:41
(ครึ่งจบครับ)



“แต่ก็ต้องทำงานน่ะ ทนๆ กันหน่อยนะ” คะน้าพูดเสียงเรียบๆ เขารู้สึกโล่งขึ้น แปลกที่คำพูดง่ายๆ แบบนั้นทำให้ทิมหายเซ็งกับอะไรๆ ลงไปได้เยอะ “นี่ดึกแล้วเหมือนกัน รีบทำงานต่อเถอะครับ จะได้เสร็จไวๆ”

รอยยิ้มคลี่ขึ้นบนมุมปาก ทำงานก็ทำงาน ถ้าขยันขึ้น ตั้งใจขึ้น บางทีงานอาจจะเสร็จเร็วขึ้นกว่าที่คะเนเอาไว้สักครึ่งวันหรือหนึ่งวัน ซึ่งนั่นก็แปลว่าจะได้เจอกันเร็วขึ้นอีก คะน้าวางสายไปแล้ว ทิมไหวหัวไหล่ตัวเอง เริ่มเซ็งเล็กๆ ที่ลืมอวยพรให้นอนหลับฝันดี (แบบที่แอบทำทุกคืน)

หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมงผ่านไป อาจจะสั้นกว่าหรืออาจจะยาวกว่านั้น เขาไม่รู้เพราะไม่ได้สังเกตเวลาที่อยู่บนข้อมือตัวเองเลยแม้แต่น้อย ในสายตามีเพียงงานที่รออยู่ใต้ไฟสีเหลืองของเครื่องปั่นไฟ แต่เสียงร้องของหัวหน้ายามทำให้วิศวกรหนุ่มต้องพักงานทุกอย่างของตัวเองไว้ทันที

“นายครับ..นายช่างครับๆ นายช่างช่วยด้วย” หัวหน้าคนงานวิ่งหืบหอบมาแต่ไกล

“มีอะไรหรือครับ” ทิมหันกลับมามองด้วยความตกใจระคนไปกับความสงสัย

“ก็ไอ้คนงานที่มันไม่เชื่อที่นายช่างเตือนน่ะสิครับ มันไปแอบดูผีที่ด้านหลังโครงการมา ตรงรั้วที่นายบอกน่ะครับ แล้วมันก็วิ่งป่าราบกลับมาโวยไปทั่วว่าผีเฮี้ยนมาก มันกลัว มันไม่กล้าทำอะไรแล้ว ตอนนี้คนงานทุกคนกลัวผีกันหมดเลย ไม่มีใครยอมทำงานเลยครับ นายช่างไปช่วยดูหน่อยได้ไหมครับ”

ทิมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นี่พวกคนงานคงแอบกุเรื่องหาทางอู้งานกันแน่ๆ มันจะมีอย่างที่พูดได้ยังไง ในเมื่อเขาต่างหากที่เป็นคนปั้นเรื่องขึ้นมาขู่เหล่าคนงานไม่ให้ไปแอบหลับตรงท้ายโครงการที่เงียบ ซ้ำไปกว่านั้น ก่อนก่อสร้างโครงการ ทางบริษัทก็ทำพิธีทุกอย่างเรียบร้อยดิบดี

ทิมเดินหัวเสียตามหัวหน้าคนงานไปดูเหล่าช่างที่บอกว่าเจอผีทันที เมื่อเห็นใบหน้าของแต่ละคน ชายหนุ่มก็มีแต่ความสงสัย เมื่อใบหน้าคนงานสามสี่คนที่เข้มเพราะผิวที่กรำแดดกลับดูซีดจนเหมือนไม่มีสีเลือด ผมที่ตัดสั้นดูตั้งชี้ขึ้นมาจริงๆ ริมฝีปากของพวกคนงานดูแห้งผาก ทุกคนได้แต่ยกมือไหว้ประหลกๆ แล้วพร่ำพูดแต่คำขอโทษขอโพยเป็นภาษาถิ่นที่ไปลบหลู่ดูหมิ่น ทิมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาจะมาใส่ใจตอนนี้ แม้ทิมจะไม่เชื่อเรื่องผีสางเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป งานคืนนี้ไม่ไปถึงไหนแน่ๆ และถ้าเสร็จและส่งมอบไม่ทันตามกำหนด นั่นหมายความถึงความผิดใหญ่หลวง ทิมหันไปสั่งหัวหน้าคนงานให้ดูแลคนงานทุกคนให้อยู่เฉยๆ จนกว่าเขาจะกลับมา

เห็นหัวหน้าคนงานรับคำมั่นเหมาะ ชายหนุ่มก็รีบสาวเท้าเดินไปด้านหลังของโครงการทันที บรรยากาศที่นี่ในเวลากลางคืนเงียบและดูวังเวงกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก กระนั้นทิมก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นกลัวอะไรแบบที่คนงานพูดกัน กระทั่งสายตาของเขาไปปะทะกับร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้ร่มไม้ริมกำแพงสังกะสีที่ล้อมอีกชั้นด้วยลวด

...แม้ในที่มืด เขาก็จำได้ดี

“คะน้าใช่ไหม?”

คนที่ถูกเรียกชื่อหันขวับกลับมาทันที เมื่อเห็นเขาที่ยืนอยู่คะน้าก็โถมทั้งตัวเข้ากอด พร่างพรูถ้อยคำมากมายที่เหมือนอัดแน่นในใจ

“ขอโทษที่มาที่นี่ทั้งที่เคยห้ามว่าไม่ให้มา ขอโทษที่อยู่ๆ ก็มาหา แต่มันทนไม่ไหว ยังไงก็ต้องได้เจอ” ทิมยิ้มแล้วลูบหัวคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเบามือ บทจะคิดถึงก็โผล่มาให้หายคิดถึงเอาเสียง่ายๆ เหมือนเล่นกล

“ทิมมม...”

“ว่าไง”

“คิดถึงนะ อยากกอด ...กอดแน่นๆ แบบนี้” คะน้ากอดเขาแน่นอย่างที่พูดจริงๆ ทิมยิ้มแล้วก้มหน้าลงจูบคนตรงหน้าให้หายคิดถึง

“ได้จูบแล้ว” ทิมยิ้มด้วยหัวใจที่เบิกบาน ในความมืดเขาเห็นบนหน้าของคนที่เพิ่งจูบเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง

“รีบออกจนลืมเอามือถือมา จะเข้าด้านหน้าพี่ยามก็คงไม่ให้เข้า เลยแอบปีนเข้าด้านหลังเอา กว่าจะขึ้นมาได้ก็เอาเรื่องน่าดู” คะน้ายังไม่หยุดพูดถึงวีรกรรมที่แม้แต่ทิมที่ได้ยินยังนึกขำ

“จะทำให้ลำบากไหม เมื่อกี้ตอนที่อยู่บนกำแพงเห็นพวกคนงานด้วย แต่พอกวักมือเรียกเขาก็วิ่งหนีกันไปหมดเลย เรียกไม่ทันจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง ปีนออกก็ไม่ไหว เลยยืนคิดอยู่ตรงนี้ พอดีมีคนงานผ่านมาอีก เลยรีบเรียกใหม่ เขาก็วิ่งหนี” ฟังถึงตรงนี้ทิมถึงกับต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากไว้ไม่ให้ปล่อยขำออกมา และเมื่อมองดูคนตรงหน้าในชุดนอนสีขาวซีดและผมที่กระเซิงก็นับว่าเข้าเค้า เอาเป็นว่าปริศนาทั้งหมดคลี่คลายแล้ว

“ไหนดูสิ เป็นไงบ้าง ดึกๆ แบบนี้ มันอันตรายรู้ไหม” ทิมยกมือของคะน้าขึ้นดูอย่างอารมณ์ดี เห็นฝ่ามือและปลายนิ้วมือที่แดงช้ำ ก็จูบลงไปราวกับจะร่ายมนตร์รักษา

“อะไรน่ะ”

“ชู่ว์... เวทย์มนตร์รักษาไง หายไวๆ นะ” กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับคนที่คิดถึงเสียมากมายมาตลอดทั้งวัน “...นายนี่มันบ้าระห่ำจริงๆ แล้วบาดเจ็บอะไรอีกไหม”

“เมื่อกี้ผิดจังหวะก็เจ็บที่หลังนิดหน่อย แล้วก็ตกกระแทกพื้น ก้นเลยจ้ำเบ้าไปอีกที” คะน้าหัวเราะแหยอย่างเก้อเขิน ดวงตาระริกไหวน่ารักจนทิมไม่อาจหยุดสายตาได้ เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกติดใจกับคะน้าหนักหนา ไม่เคยรู้ในเหตุผลที่นึกคิดถึงอยู่ตลอดเวลาจนเหมือนกับคนบ้าได้ขนาดนี้

แต่ตอนนี้ ...ทิมคิดว่าเขาพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว

ทิมพลิกตัวของคะน้าให้กลับหลังแล้วถลกเสื้อขึ้น ฝ่ามือค่อยๆ ลูบไปบนรอยสีแดงอ่อนๆ ที่กลางแผ่นหลังแล้วก้มหน้าลง ริมฝีปากจูบไล้เบาๆ ที่กลางหลังในขณะที่สองมือก็เลื่อนไล้ไปทั่วทั้งตัวของคนที่อยู่ด้านหน้า คะน้าเอี้ยวตัวหนี เบี่ยงหน้าไปอีกฝั่งแล้วอุทธรณ์

“อย่าทำนะทิม เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า” คะน้ารีบบ่ายเบี่ยงแข็งขืน แต่ทิมเลิกเสื้อที่ดูเกะกะนั่นจนร่นขึ้นเกือบหมด จากนั้นก็กดน้ำหนักของตัวลงบนหลังของคะน้า ริมฝีปากพรมรอยจูบไปทั้งแผ่นหลังที่ค่อยๆ เผยให้เห็นมากขึ้น

“ที่ก้นก็เจ็บด้วยใช่ไหม ขอดูหน่อยนะ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ ออกแรงเหนี่ยวกางเกงยางยืดของคนที่อยู่ด้านล่างแล้วกระตุกลงต่ำ

“แต่นี่มันกลางแจ้งเลยนะ ที่ทำงาน... อ๊ะ! อย่า...”

เขาไม่หยุด ...ยังไงก็ไม่หยุด ทิมโถมความรู้สึกที่อัดแน่นทั้งหมดแล้วระบายออกด้วยความอ่อนโยน โหยหา และลึกล้ำ ทั้งร่างกายตักตวงสัมผัสจากคนที่อยู่ด้านล่างและส่งกลับความสุขทั้งหมดที่ได้รับด้วยความกำซาบดื่มด่ำ โรมรันจนทั้งร่างกายและทั้งถ้อยคำของคะน้าปราศจากการปฏิเสธหรือป้องปัดใดๆ อีกต่อไป ทิมจูบเน้นลงบนริมฝีปากของคะน้าอย่างพึงใจ เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ร่างกายพี่ดูมีความรู้สึกกว่าทุกทีเลยนะครับ ...ผมชอบจัง”





ภายใต้แสงสีเงินของพระจันทร์ที่ทาบทอลงมาที่พื้นจนเกิดเงาดำตัดกับสีส้มจากฟลูออเรสเซนต์ เงาของชายหนุ่มสองคนที่เดินเคียงข้างกันนั้นแนบชิดกว่าทุกครั้งที่เคยเห็นมา ทิมโอบเอวของคะน้าจนแนบชิดเหมือนกับว่าจะไม่ยอมให้มีช่องว่างแม้แต่อากาศให้แทรกตัว

“กลับประตูใหญ่ก็ได้ เดี๋ยวเดินไปส่ง” ทิมหันมาถามคะน้าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน คนที่ถูกถามยิ้มรับแล้วเกาท้ายทอยแกรกๆ เหมือนกับไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านั้น “ขับรถได้ไหม ให้ไปส่งไหม”

คะน้าส่ายหน้าแล้วชูกุญแจรถที่แอบจิ๊กมาจากผู้เป็นพี่สาว เป็นอันเข้าใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาแม้ผ่านการจัดหนัก?!?ให้หายคิดถึงมาหยกๆ สดๆ ร้อนๆ ก็ตาม

“กลับดีๆ นะ ถึงแล้วแมสเซจมาบอกด้วยแล้วกัน”

ที่หน้าประตูทางออก ลุงยามหันมามองคะน้าที่เดินออกมาพร้อมกับทิมแล้วทำหน้างง กระนั้นชายสูงวัยก็กุลีกุจอรีบเปิดประตูให้โดยดี คะน้าหันมายิ้มให้อีกครั้งแล้วโบกมือลา เป็นอีกครั้งที่ทิมทำอะไรแปลกๆ โดยที่เขาไม่รู้ตัว เขายกมือขึ้นโบกให้คะน้า ...โบกไกวทั้งที่รอยยิ้มยังเปื้อนเต็มหน้า ถือว่าเป็นภาพที่แปลกมากสำหรับคนที่เห็นหน้ากันมาหลายเดือนสำหรับลุงยาม ...แปลก ...แต่น่ามอง จนชายสูงวัยอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม

ทิมเดินขึ้นมาบนส่วนก่อสร้างที่เหล่าช่างไปรวมตัวกันอีกครั้ง ได้ยินเสียงหัวหน้าช่างตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล “นายช่างงงงงง... นายช่างมาแล้วววว... ดีจัง พวกเรานึกว่านายจะโดนผีจับหักคอกินไปแล้ว นายไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ”

“นายหายไปเป็นชั่วโมงเลย พวกเรากลัวมากเลยครับ ทุกคนไม่กล้าไปไหนเลย” เหล่าช่างทั้งหลายค่อยๆ ตามออกมาสบทบอย่างหวาดๆ

“ใช่ๆ พวกเราได้ยินเสียงแปลกๆ ด้วย เหมือนกับคนกรีดร้องอะไรสักอย่าง เดี๋ยวก็มีเสียงคนร้องโอ้ยๆ อะไรไม่รู้ อีกประเดี๋ยวมีเสียงกระแทกลูกกรงเป็นจังหวะด้วย น่ากลัวมากเลยครับ” ถึงตอนนี้ เล่นซะคนวางแผนแบบเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนอึ้งอึ้งถึงต้นเหตุหรือที่มีที่ไปของสิ่งที่เหล่าคนงานทั้งหลายพูดถึง

ตอบว่าอะไรดีล่ะกู?

“เอ่อ... คือ...”

“พวกผมเห็น มันใส่ชุดขาวๆ นั่งห้อยขาอยู่บนรั้วแล้วมองมาทางพวกผม จ้องผมตาเขม็งเลย โหดมาก มันกวักมือเรียกด้วย นายช่าง...ผมเผลอฉี่แตกรดกางเกงเลย”

“ผมเห็นมันยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เป็นผู้ชายใส่ชุดขาวๆ ตัวมันก็ขาวๆ มันยิ้มแล้วกวักมือให้ เรียกให้ผมเข้าไปหามันด้วย นี่คิดแล้วยังขนลุกไม่หายเลย”

ทิมกวาดสายตามองเหล่าคนงานหลายสิบคนที่จ้องเขาเหมือนจะค้นหาคำตอบในสิ่งที่ตนหวาดกลัว ทิมหลับตาลงแล้วทำสมาธิ ถอนหายใจแบบคิดหนักแล้วลืมตาขึ้น ร้อนวาบๆ ที่บนหน้า แต่ก็ช่างมัน

“มาถึงขนาดนี้ ผมคงปิดบังทุกคนไม่ได้แล้ว!” ในที่สุดทิมก็เลือกที่จะตอบในที่สุด เพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองจะทำลงไปนับจากนี้นั้นจะดีหรือไม่ดีมากไปกว่ากัน

“เมื่อกี้ผมได้เจอมันแล้ว แบบระยะประชิดเลย มันเป็นผู้ชายนี่แหละ ตัวประมาณผมได้ ผิวขาวมากกกก... เอ้ย! ซีดมากน่ะ แต่ก็เนียนนะ ตัวหอมแล้วก็นิ่มสุดๆ เอ่อ... ไม่ใช่สิ ช่างมันๆ คือมันโผเข้ามาหาเหมือนจะกระชากวิญญาณผมให้ไปอยู่กับมันเลย ผมออกแรงกับมันไปเยอะมาก มันร้ายมากเลย! เล่นเอาผมขาสั่นแทบยืนไม่ไหวแน่ะ!! ก็เลยต้องซ้ำไปอีกที คราวนี้เหมือนวิญญาณจะหลุดจากร่างจริงๆ แต่เพื่อทุกคน งานนี้ตายเป็นตาย มีเท่าไหร่ ผมจัดเต็มใส่ไปหมดตัวเลย!!!” ทิมก้มหน้างุด รู้สึกร้อนวาบแปลกๆ บนหน้า

ก็... มันเรื่องจริงนี่ ไม่ได้โกหกนี่หว่า

“เอ่อ... พอรู้ตัวอีกที ...มันก็จากผมไปแล้ว!” ทิมกระพริบตาปริบๆ หลบสายตาเหล่าคนงานแต่ละคนที่แทบจะถลนตาออกจากเบ้า หลบไปด้านซ้ายก็ต้องย้ายไปด้านขวา มองไปข้างหน้าก็เห็นหัวหน้าคนงานที่ยืนอ้าปากหวอ ลงท้ายทิมก็เลยเดินหันหลังกลับลงไปข้างล่างเอาเสียดื้อๆ ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านั้น ได้แต่เงียบๆ แล้วฟังเสียงเหล่าคนงานซุบซิบตามหลังมาไม่ขาดห้วง

“โห กูว่าแล้วไง นายช่างแกมีของ!!! แต่ไอ้ผีตนนี้นี่มันน่ากลัวจริงๆ นะมึง ไงล่ะ กูบอกพวกมึงแล้วววว... ไม่ได้นายนะ พวกมึงตาย มึงต้องขอบคุณไว้มากๆ นะโว้ย”




บ่ายแก่ๆ ของวันรุ่งขึ้น ช่วงเวลาที่แดดกำลังร้อนอบอ้าวเหมือนใครเอาน้ำมันมาราดพื้นแล้วจุดไฟเผา เสียงของคะน้าก็ดังมาแต่ไกลจนทำให้วิศวกรหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง

“นี่ทิม เรื่องใหญ่แล้ว รู้หรือเปล่าว่าคนทั้งตลาดซุบซิบกันใหญ่เลย” วิ่งหอบจนตัวโยนมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือจนทิมหยุดความสนใจกับข้าวของหน้าตาแปลกๆ พวกนั้นมากกว่ารอยยิ้มของคนที่หิ้วมา

“หืมมม?”

มาถึงก็เอาวางข้าวของบางส่วนลงกับพื้นแล้วยกมือขึ้นพนม สวดมนต์ท่องอาขยานอะไรสักอย่างงุบงิบ เบาและเร็วจนทิมฟังไม่รู้เรื่อง “นี่พระของหลวงพ่อที่วัดนะ เอาห้อยคอไว้ แล้วนี่ก็น้ำมนต์”

“เอามาทำอะไร” มองคนตรงหน้าแบบงงๆ ทิมไม่เข้าใจกับสองสิ่งที่คะน้ายื่นมาให้จนทำอะไรไม่ถูก

“ผมไม่อยากพูดถึงเลย เขาถือกัน” คะน้าตอบกลับด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด “ไว้กำจัดพวกภูติผีปีศาจน่ะ เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะ ติดตัวไว้”

“เอ่อ... แล้วคือยังไง ผมทำไม่เป็น” ลึกๆ แล้วทิมก็ยังแปลกใจกับท่าทางแปลกๆ ของคะน้า แต่จะว่าไปสีหน้าตื่นๆ นั่น ก็ดูน่ารักไปอีกแบบนะ

...เฮ้อออ อาการกำเริบอีกแล้วสินะ

คะน้ารีบเอาสร้อยพระแขวนลงบนคอทิมทันที ชายหนุ่มมองอย่างงงๆ แล้วก็ยกมือขื้นพนมไหว้ด้วยไม่รู้ว่าควรทำอะไรแล้วหันกลับมามองคนตรงหน้าต่อ คนหน้าตื่นยกขวดน้ำขึ้นในมือแล้วพนมมืออีกครั้ง ขมุบขมิบปากเท่าที่ทิมพอจะอ่านริมฝีปากได้ก็ประมาณ นะโม พุทโธ ธัมโม สังโฆอะไรแนวๆ นี้ ก่อนจะพร่าเลือนไปด้วยความรู้สึกว่าริมฝีปากนั้นอิ่มเรื่อจนอยากจะจูบขึ้นมาเอาดื้อๆ อีกครั้ง จนต้องสะบัดหัวไล่ความคิดอกุศลออกไป คะน้ายื่นขวดน้ำให้ทิมแล้วบอกว่าให้ดื่ม ร่างสูงเปิดฝาขวดออกแล้วจิบนิดๆ กลิ่นเทียนลอยขึ้นมาในจมูก ทิมย่นจมูกเล็กน้อยแล้วหันมายิ้มเฝื่อนๆ ให้คะน้า

คือว่า...มันอะไรของเขาหว่า?

“เขาบอกว่าที่ไซด์งานนี่น่ะ ตรงด้านหลังโครงการมันจะมีปีศาจหน้าตาน่ากลัวโผล่ตัวออกมาช่วงคืนวันวาเลนไทน์ เขาบอกด้วยนะว่ามันเฮี้ยนมาก มีสี่ปีก มีตาสีแดงแบบสีเลือด แล้วเขี้ยวแหลมมากเลยนะ แล้วที่นี่นะเป็นจุดรวมวิญญาณเลยล่ะ ส่งเสียงโหยหวนกันน่าดูเลย ดึกๆ อย่าไปแถวๆ นั้นรู้ไหม” ทิมพยักหน้าหงึกๆ ถึงจะไม่เข้าใจอะไรแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่น่าจะผิดไปจากที่เขาคิดนัก เหมือนว่าข่าวลือประหลาดที่เขากุขึ้นเมื่อคืนจะกระจายไปไกลและไวมาก ...ที่สำคัญเนื้อความก็ไปไกลจนกู่ไม่กลับทีเดียว

คะน้ายังคงหอบด้วยอาการเหนื่อยจากการวิ่งมาไกล ทิมพอจะนึกออกว่าคงจะไปวัดวาต่างๆ ที่คนในตลาดบอกว่าศักดิ์สิทธิ์เป็นแน่ เจ้าถิ่นจึงพาผู้มาเยือนไปหลบใตร่มเงาไม้สักหน่อย อย่างน้อยก็ใบไม้พวกนี้ก็กรองความร้อนให้ได้ระดับหนึ่ง สักพักจนคะน้าเริ่มหอบน้อยลง ริมฝีปากสีสดก็เจื้อยแจ้วต่ออย่างลืมเหน็ดเหนื่อย

“จริงสิ วันนี้วันวาเลนไทน์แต่ผมมัวแต่ไปที่วัด นี่ไม่ได้ไปหาซื้อช็อคโกแลตเลย มีแต่ไอ้นี่ล่ะ จะพอแทนกันจะได้ไหมนะ” แค่เห็นก็รู้ทันทีว่าคืออะไร ทิมยิ้มให้คะน้า รับกระติกมาแล้วเปิดออกดู ด้านในเป็นไอศกรีมกะทิ เอาเข้าจริงเขาควรจะไม่ชอบเท่าไหร่เพราะมันหวาน แล้วเขาก็ขยาดรสหวานๆ เสียด้วย หากแต่สิ่งที่อยู่ในกระติกนี้ถือเป็นข้อยกเว้นสำหรับทิม ...เขายินดีทานมันด้วยความเต็มใจ และมันก็อร่อยกว่าขนมประเภทไหนๆ ที่เขาเคยทานมา

“ได้สิ”

ทิมยิ้มอย่างอารมณืดี เขาหยิบช้อนจากมือของคะน้า ตักเกล็ดน้ำแข็งรสหวานขึ้นมาคำโต แทนที่จะส่งเข้าปากตัวเอง ทิมกลับป้อนให้คนที่แบกมาทานก่อน คะน้าชะงักไปพร้อมกับสีหน้างง สักพักก็ยิ้มเขิน อ้าปากแล้วยื่นหน้ามาทาน ทิมตักไอศกรีมขึ้นต่อ คราวนี้เป็นเขาที่ทานเอง รู้สึกว่ามันทั้งหวานทั้งชื่นใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อแกล้มกับรอยยิ้มแป้นที่ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ตัวเขา

“ดอกกุหลาบก็ไม่มี ตอนเช้ารีบไปวัดจนไม่ได้เข้าไปดูที่แผงดอกไม้เลย แต่... คือผมก็อยากให้ทิมนะ” ทำหน้าเขินๆ แล้วยื่นดอกบัวตูมสีขาวที่เริ่มงุ้มงอจากไอร้อนของแดดแล้วส่งให้ “ไม่มีตังค์ซื้อดอกกุหลาบสวยๆ ขอแบบนี้แทนกันสักปีนะ ติดไว้ก่อน”

“ได้สิ”

ทิมเอื้อมมือไปรับมาถือไว้ เขาอมยิ้มแล้วมองดอกไม้สีขาวอมเขียวที่ปกติมักจะเห็นที่บนหิ้งพระ ศาลพระภูมิต่างๆ หรือไม่ก็ที่วัด ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ...เหมาะกับคะน้าดี เหลือบไปมองคนที่ยื่นให้ก็เห็นยิ้มกริ่ม เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้า รอยยิ้มนั้นเหมือนคนที่ไม่รู้จักความร้อนเอาเสียเลย ซ้ำยังมีเรี่ยวแรงมากมายพูดได้จนเขาฟังไม่เบื่อจริงๆ

“แต่ว่าไปแล้วก็โชคดีจังที่เมื่อคืนเราไม่ได้เจออะไร และที่สำคัญ...”

เหนื่อยไหมครับ?

ทิมยกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อไรผมที่ขมับของคะน้า “พูดต่อสิครับ ...รอฟังอยู่” คะน้าชะงักแล้วพูดตะกุกตะกัก

“เอ่อ... ครับ คือที่สำคัญ... นายก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย มันน่ากลัวมาก” คะน้าหันมามองหน้าเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ผีวันวาเลนไทน์เหรอ” ทิมทอดสายตามองแววตาคู่นั้นด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน

“ใช่ๆ ผีวันวาเลนไทน์ น่ากลัวมาก” คะน้าพยักหน้ารัว แล้วทำท่าขนลุกขนพอง

พี่ไม่รู้หรือครับ เจ้าผีโหดร้ายที่เขาลือกันนี่น่ะ...

ทิมจับสร้อยพระที่แขวนอยู่บนคอตัวเอง มืออีกข้างก็หมุนดอกบัวตูมสีขาวเล่น ไอศกรีมในปากค่อยๆ ละลายความหวานช้าๆ ดับไอร้อนรอบๆ ตัวจนเย็นชื่นใจ คนไม่กลัวผีมองคนข้างๆ ด้วยรอยยิ้ม ...ยิ้มแบบที่ในชีวิตนี้ เขาไม่เคยคิดจะยิ้มให้กับใคร


วันแห่งความรักที่พี่มีของให้กับผมมากมาย แต่ผมในตอนนี้กลับไม่มีอะไรให้พี่เลย
ผมมีแค่ความรู้สึก ไม่มีอะไรที่จับต้องได้ ไม่มีอะไรที่ทำให้พี่ยิ้มมีความสุขแบบคนอื่นเขา
แต่ความรู้สึกที่ผมมีนี้ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรู้สึกได้กับใคร

...ผมมีแค่นี้ ...และพร้อมจะให้ทั้งหมดที่ผมมี


พี่ครับ สุขสันต์วันแห่งความรักครับ

You are and you’ll always be...



...My only Valentine




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อ่านคะน้ามาเยอะแล้ว คราวนี้เลยกลับมาให้เป็นทิมเป็นคนเล่าเรื่องบ้าง จะได้ดูต่างจากตอนปกติเนอะ
ผลสรุปก็เลยออกมาว่าเราได้เห็นผีที่น่ากลัวมากกก พิมพ์ไปมือไม้สั่นไปหมด 555555555555
เอาเป็นว่าอ่านกันสนุกๆ รับเทศกาลแห่งความสุขวันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะครับ
สุดท้ายนี้ ขอเลียนแบบคำพูดของทิมเป็นการส่งท้ายแล้วกันครับ

:L2: สุขสันต์วันแห่งความรักครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-02-2013 19:18:40
น่ารักกก
ฮ่าๆ หวานได้อีกนะตอนนี้
แต่ตอนหลัก
เอิ่มม มันช่าง...แตกต่าง กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 13-02-2013 19:27:00
คะน้ากลายเป็นผีวาเลนไทน์ไปซะแล้ววววว

ดีจังที่ตอนนี้นายช่างออกโรงบรรยายเองซะด้วย

แล้วถ้าลูกน้องรู้ว่านายช่างกับผีวาเลนไทน์ไปแอบทำอะไรจะตกใจกันขนาดไหนล่ะเนี่ย
><  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 13-02-2013 19:41:39
ผีน่ารักเนอะ  มาเพราะทนคิดถึงไม่ไหว
แต่หมอผีนี่สิ  หื่นจังเลยยยย
ปราบผีแบบเสียน้ำหมดตัว 55555555   :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 13-02-2013 19:43:07
โอ้ยยยย น่ารักมากกกกกก สุดคำบรรยายเลย เขินแทน อิอิ ชอบอะทิมจัดหนักซะไปไม่เป็นเลย กลั้นขำแทบไม่อยู่ฮามามายเลย  o13 o13 o13

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-02-2013 19:45:25
คะน้าไม่ต้องห่วงทิมหรอก
ทิมน่าปราบผีได้อยู่หมัดเลย

555555555555555+

พูดแล้วอยากโดนปราบบ้างจัง   :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 13-02-2013 19:45:59
น่ารักจัง หวานมากก :-[
อ่านไปยิ้มไป
ผีวาเลนไทน์น่ากลัวจังเนอะคะน้า ๕๕๕
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 13-02-2013 20:04:42
อ่านแล้วยิ้ม ทิมน่ารักกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 13-02-2013 20:21:59
น่ารักจังทิม ให้ดิ้นตาย!!!
หว๊านหวาน คนละโลกกะเรื่องหลักเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 13-02-2013 20:40:32
ฮาได้อีกคับท่าน คะน้ากลายเป็นผีก็เลยต้องโดนหมอผีทิมปราบซะ ฮ่า ฮ่า
 :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 13-02-2013 20:47:54
ขอบคุณค่ะ ตอนพิเศษน่ารักมากกกก อ่านไปอมยิ้มไป มีความสุขจริงๆ
ถ้าคะน้ารู้ความจริงเกี่ยวกับผีวาเลนไทด์ คะน้าจะทำหน้ายังไงน้า  :m20:

+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 13-02-2013 20:50:55
+1 อั้ยย่ะ  ผีวาเลนไทน์ น่ากลัวมาก เนาะทิมเนาะ :m25:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 13-02-2013 21:03:50
อยากจะขำก๊าก ทิมหนอทิมทำไปได้
ผีวาเลนไทน์ผู้น่ารัก กับเซียนปราบผีจอมหื่น
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 13-02-2013 21:28:13
โดนดาเมจถล่มทลาย
ตายอย่างสงบ
ทิมม นายน่ารักว่ะะะะะ  :o8: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-02-2013 21:53:04
พาร์ทนี้หวานมากกกกกกกกก แอบหมั่นไส้คนปากแข็งเบา ๆ คิดถึงก็ทำเก๊กเนอะ โทรไปก็ไม่พูด
แต่พอคะน้าบอกรักยาว ๆ มาที ตอบกลับเป็นคอมโบ้เซ็ทเลยทีนี้ 555 พระเอกน่ารักเว่อร์
แต่คะน้าน่ารักเว่อร์กว่า คนอะไรขี้อ้อนเนอะ รู้ิมั้ยปลายสายยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้วจ้า
หวานไม่พอมาหาที่ไซต์งานอีก ให้มันได้อย่างงี้สิคะน้าของทิม เอิ่ม แล้วพระเอกตรวจตรา
ร่างกายคะ้น้าในที่โล่งแจ้งแบบนั้นเหรอ คนอ่านจะบ้าตาย  :-[
ผีที่ไซต์งานเค้าดุจริง เฮี้ยนจริง พระเอกเจ๋งอ่ะไม่กลัวผีเลย กร๊ากกกกกกกกก  :m20:
ชอบตอนคะน้าเอาไอติมพร้อมพระพร้อมดอกบัวมาให้ด้วยนะ มันงุ้งงิงน่ารักมาก
ส่วนพระเอกไม่มีไรให้เพราะให้เค้าไปทั้งใจแล้ว ฮิ้ววววววววววววว

น่ารักมาก ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 13-02-2013 21:55:36
ผีหื่นน่อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 13-02-2013 22:05:58
กร๊ากกกกกกกก คนงานไซต์นี้น่าสงสารจริงๆ  :jul3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: keniji01 ที่ 13-02-2013 22:18:16
 :L1: สุขสันต์วันแห่งความรักเช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 13-02-2013 22:36:46
โอยยยยยยย น่าฮักมากกก
เราแพ้รุ่นน้องมากเลย พอทิมพูดพี่ครับนี่ ตายไปเลย
อยากเจอผีวาเลนไทน์บ้างจัง ไปแอบดูได้ไหม  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 13-02-2013 22:59:57
ถ้านู๋ต่ายรู้ว่าตัวเองกลายเป็นผีไปแล้วจะว่างัยน้ออ.....  o16

ทิมมันหื่นได้น่ารักมากกกก :m11:.......สงสัยจะเมากระทิงแดง!!!

เป็นตอนพิเศษที่น่าร๊ากกน่ารักค่ะ สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะคะคุณLucea

 :L1:     :L2:    :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 14-02-2013 00:28:36
555 สุดๆไปเลย ช่างคิดได้นะมุกนี้
คะน้ากลายเป็นผีวาเลนไทน์ไปแล้ว


my only valentine that made memorial valentine day
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 14-02-2013 15:21:45
ขอบคุณครับ แฮปปี้วาเลนไทน์ครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 14-02-2013 15:42:19
ผีวาเลนไทน์ วร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 14-02-2013 15:45:14
น่ารักกกกกม้ากกกกกกก
ทุกครั้งที่ทิมออกตัว มักพิเศษทุกครั้ง ชอบมากฮะ
เป็นวาเลนไทน์ที่แหวกแนวดีจริงๆ ขอบคุณฮะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 14-02-2013 23:49:44
ชอบผีวันวาเลนไท ทีุ่สุดเลย o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 15-02-2013 20:04:53
ผีโหดมาก 55555

คนงานช่างคิดไปได้เนอะ

กำลังนึกอยู่เชียวว่าตอนทิมขู่พวกคนงานไว้

ผีขาวๆ นี่เดี่ยวต้องมีคะน้ามาเกี่ยวข้องแน่ๆ เลย

แล้วก็เป็นจริงๆ สรุปเรื่องนี้มีทิมคนเดียวที่รู้ที่มาที่ไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ - (หน้า 37) Feb 13, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 15-02-2013 20:55:33
อุซางิจัง :ใจหายหมดเลย
ทิม :เก็บให้ ไม่หายไปไหนหรอก
ชอบมุกนี้อ่ะ อ่านแล้วเขินอ่ะ >///<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 15-02-2013 23:42:24
สวัสดีครับ มาแล้ว 5555 ตอนที่แล้วเป็นตอนพิเศษ เนื้อหาออกนอกลู่นอกทาง
ได้เวลากลับมาสู่โลกความเป็นจริงแล้วล่ะนะ มีอะไรรออยู่ในตอนนี้ เดี๋ยวลองอ่านกันดูนะครับ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ ทุกกำลังใจนะครับ อ่านกันเลยเนอะ ตอนที่ 29 ครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 29



เคยไหมที่เราเห็นอะไรบางอย่าง ใจกลับไปเผลอคิดถึงอีกสิ่งที่เราผูกพันโดยไม่รู้ตัว

ทุกครั้งเวลาที่เห็นนางพยาบาลมาซื้อไอศกรีม ผมมักจะตักให้เยอะเป็นพิเศษ จะว่าไม่รู้ตัวก็ไม่ใช่ เหมือนกับว่ามันเป็นความตั้งใจมากกว่า คล้ายๆ กับว่าเครื่องแบบขาวๆ พวกนั้นทำให้ผมรู้สึกอยากจะชดเชยบางสิ่งเท่าที่พอจะทำได้ให้กับคนๆ หนึ่ง แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันและคงไม่มีทางเป็นไปได้แต่ก็ยังทำ ...ยังฝันลมๆ แล้งๆ กับจินตนาการของตัวเองไปเรื่อยเปื่อย หัวสมองเจ้ากรรมมักทำงานได้ดีนักหนาในเวลาแบบนี้ พอพยายามจะลืมเรื่องหนึ่งก็กลับไปคิดถึงเรื่องเก่าๆ วนกลับไปมาอยู่ไม่กี่เรื่อง ถ้าไม่ใช่เรื่องของตุลที่ยังรู้สึกติดค้างอยู่ไม่เลิกรา ก็เป็นเรื่องของทิมที่นับจากนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แน่นอนว่าเรื่องหลังหนักหนากว่าจนไม่อยากจะคิดถึง หลายวันที่ผ่านมาแม้อะไรๆ จะเงียบสงบ แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกได้หายใจทั่วท้องเลย ยังจำสายตาคู่นั้นในตอนที่จากลาได้ เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการ เธอผู้นั้นคงทำอะไรได้ทุกอย่างแน่นอน ทิมดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย แทบจะเรียกได้ว่าออกแนวจะมีความสุขด้วยซ้ำ เพราะนับจากเหตุการณ์ในเย็นวันนั้น แนนก็ไม่มาทำงานอีก ถ้าเรื่องวุ่นๆ มันจบลงแบบที่คิดก็ดี

แนนเป็นผู้หญิงที่ดูร้ายกาจ แต่เทียบกับทิมแล้ว ...ความบ้าบิ่นทำให้คะน้ายังรู้สึกสยองแทน แต่กับครอบครัวมันก็อีกเรื่อง ถามเจ้าตัวกี่ครั้งก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ทุกข์ร้อนอะไร เอาเถอะ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้ คงไม่มีอะไรจะให้ปิดให้อายอีกแล้ว ในเมื่อเธอคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่มาดี จากนี้คงไม่ผิดอะไรถ้าเขาจะไม่ยอมแบบที่ผ่านๆ มา

“ทำไมตลาดมันเงียบได้ขนาดนี้นะ คนหายไปไหนกันหมด ไม่ใช่ตังค์กันแล้วหรือไง” เจ๊เป็ดหาวหวอดแล้วบ่นเป็นรอบที่สิบ ทุกครั้งเวลาที่นั่งนิ่งๆ หญิงวัยกลางคนมักจะง่วงแล้วพาลไปเรื่อย แต่หลายวันมานี้ตลาดก็ดูหงอยจริงๆ จะคึกคักหน่อยก็วันสิ้นเดือนกับวันที่ล็อตเตอรี่ออกนั่นล่ะที่คนเดินตลาดจะเยอะเป็นพิเศษ

แต่ไม่ทันขาดคำ เสียงเจี๊ยวจ๊าวตรงปากทางเข้าตลาดก็ดังขึ้น คะน้าพยายามชะเง้อดูได้แต่เห็นคนมุง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ พอหันหน้ากลับมาอีกทีก็เห็นจันทูตาลีตาเหลือกควักแป้งขมิ้นสีเหลืองๆ ขึ้นพอกหน้าพอกตาอย่างลุกลน ว่าแล้วสาวพม่าก็หยิบมีดโกนขึ้นมาแล้วเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนกลัวใครจะมาเห็น ทางไม่สะดวกก็หันหน้าเข้าแผงแล้วชูจักกะแร้ขึ้น โกนแกรกๆ คะน้ารีบเบือนหน้าหนีด้วยจิตใจที่หดหู่กว่าเดิม โชคดีที่ยังไม่เห็นอะไรชัดมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกเสียดายเส้นหมี่หมูตุ๋นที่ทานไปเมื่อกลางวันไม่น้อย

น้ำหนักที่วางลงบนบ่าเบาๆ ก็ทำให้คะน้าสะดุ้งหลุดจากความรู้สึกที่เหมือนโดนผีอำ พ่อค้าหนุ่มหันกลับไปมองก่อนจะพบต้นเหตุในท่าทางแปลกๆ ของคนที่ตลาดรวมถึงหญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆ นี้ ...ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย

แทนที่จะเดินเล่นแบบทุกที ในวันนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นทิมปีนขึ้นมาบนแผงแล้วหย่อนตัวลงคั่นตรงกลางระหว่างสองคนที่นั่งอยู่ ร่างสูงหันไปยิ้มให้จันทูที่กำลังบิดม้วนไปมาจนจะเป็นก้นหอยแล้วหันมายักคิ้วให้คะน้า

“ทำอะไรเนี่ย ไม่ทำงานเหรอ”

“ทำไม? จะจู๋จี๋กัน?” ทิมปรายตามองไปที่จันทูที่กำลังส่งเผยอปากส่งจูบ ...ทำไมรู้สึกหน้ามืดขึ้นมาวะ?

“ประสาท”

“บอกไว้ก่อน” ทิมหันกลับมาจากจันทูแล้วส่งสายตาพิฆาต “...คิดจะกลับใจ ได้ตายไม่สวยแน่”

คะน้ากลืนน้ำลายเอื้อกไม่ใช่เพราะคำขู่ของทิม แต่เป็นเพราะคนที่ถูกจับคู่ด้วยต่างหาก ว่าแล้วก็หันไปจัดของต่อด้วยความไม่อยากต่อความ ในวันที่เงียบเหงา แต่แผงของคะน้ากลายเป็นคึกคักตลอดเวลาเมื่อสาวๆ ในตลาดต่างแวะเวียนไปมาแล้วส่งสายตาให้กับวิศกรกรโดดงานจนคะน้ารู้สึกหน่าย บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบใจเท่าไหร่กับท่าทางชะม้อยชะม้ายของสาวๆ ในตลาดเหล่านี้ ยิ่งเห็นทิมที่ปกติแทบจะฆ่าแกงคนที่มาใกล้ กลับดูเหมือนอัธยาศัยดีกว่าทุกวันซะได้

“ว่าแต่ไม่อยู่ที่ไซด์แบบนี้จะไม่มีปัญหาเหรอ เกิดพวกคนงานมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องหรือเปล่า” ไม่ได้ไล่หรอกนะ แต่ก็ควรจะแยกย้ายกันไปทำงานไม่ใช่เหรอไง

ทิมหันมามองด้วยใบหน้าที่ตึงเต็มที่ ไม่ค่อยพอใจกับน้ำเสียงที่แข็งๆ ของเจ้าของแผง กระนั้นก็ไม่ขยับหรือลุกไปไหน เจ้าตัวหันไปทำหน้าเข้มให้กับคนเดินผ่านไปผ่านมาต่อ แทนที่จะขยาด กลับกลายเป็นสาวๆ ยิ่งพากันยิ้มเขินไปหมด แล้วค่อยตอบด้วยเสียงเรียบๆ

“ถ้าอยู่สิจะมีปัญหา” คะน้ามันไปมองนิ่ง คำตอบของทิมนั้นทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ค่อยดีนัก

“เช้านี้ มีคำสั่งให้ย้ายไปทำส่วนออฟฟิศ พรุ่งนี้ย้าย ให้หยุดงานที่นี่ทันที มีวิศวกรคนอื่นมารับช่วงต่อแล้ว” ทิมตอบเบาๆ ยังคงส่งสายตาดุๆ ไปยังสาวๆ ที่เดินผ่านไปมา คะน้านิ่งเงียบไปพักใหญ่ อยู่ๆ ก็เหมือนมีคนยกภูเขามาถมทับสมองจนหนักอึ้งคิดอะไรไม่ออก ทิมหันมายิ้มให้ เสียงทุ้มนั้นยังคงดูร่าเริงเหมือนเรื่องธรรมดาสามัญ

“ไม่มีอะไรหรอก เรื่องธรรมดาน่ะ ยังไงพองานเสร็จก็ต้องย้ายไปทำที่อื่นตามแต่ออฟฟิศจะมอบหมายอยู่ดี” แต่มันไม่ได้ทำให้คะน้ารู้สึกสบายใจขึ้นเลย

“ทิม... อย่าโกหกผมเลยนะ คือ... มันเกี่ยวกับแนนไหม”

“ไม่รู้สิ อาจจะมีส่วนมั๊ง” ทิมแค่นหัวเราะร่าเริง แต่ดวงตาคู่นั้นให้ความรู้สึกที่ตรงกันข้าม “พ่อของแนนสนิทสนมกับคุณธาดาเจ้าของกลุ่มบริษัทธาดาพิพัฒน์ มันอาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ แต่อย่างที่บอกน่ะ ยังไง สักวันก็ต้องย้ายอยู่ดี” ทิมหัวเราะคึกครื้นสบายๆ แล้วตักไอศกรีมที่เริ่มละลายในถ้วยเข้าปาก



“จากนี้ไปคงไม่ได้มาเดินตลาดบ่อยๆ แบบเดิมอีกแล้ว ขอนั่งสักวัน ไม่ว่าอะไรใช่ไหม”

“ทิมมม...” คะน้าส่งเสียงเรียงแผ่วเบา เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกหันมาแล้วยิ้มที่มุมปาก



“อย่าไล่กันเลยน่า ให้ผมได้อยู่ในที่ที่อยากอยู่ต่อหน่อยเถอะ”

คำพูดสั้นๆ นั้นตีความไปได้หลากหลายในความคิด ไม่รู้ว่าทิมหมายถึงที่ตลาด ที่ไซด์งาน หรือแม้แต่หมายรวมถึงที่อื่นๆ มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า?

ตั้งแต่รู้จักกันมาคะน้าไม่เคยเห็นครอบครัวของทิม และไม่เคยสักครั้งที่ทิมบอกว่าจะกลับไปที่บ้าน นอกจากเพื่อนร่วมงาน คะน้าไม่เคยเห็นเพื่อนของทิม อาจจะเพราะไม่สุงสิงกับสังคมหรืออาจจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม แต่ความรู้สึกของเขาคือทิมไม่ผูกพันกับใคร และไม่เคยพูดถึง ไม่ว่าจะเรื่องที่บ้านหรือแม้แต่เรื่องเพื่อนฝูง หากจะมองดูดีๆ แล้ว บ่อยครั้งที่ชายหนุ่มดูจะใช้เวลากับเขาและผักกาดเหมือนกับเป็นทั้งคนในครอบครัว และเป็นทั้งเพื่อนที่ดูแลกันและกัน ดูเหมือนว่าเจ้าของเพนท์เฮาส์ราคาแพงหลายสิบล้านจะใช้ชีวิตเพียงลำพังราวกับเศรษฐีอายุน้อยที่เติบโตบนทรัพย์สินที่ปูพรมราวกับเตียงนอนที่อ่อนนุ่ม

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะแม้จะยังไม่จางไปจากใบหน้าที่คมสันได้รูป แต่มันดูแข็งขืนเหมือนกับโดนตะปูตอกยึดไว้ กี่ครั้งกี่หนที่คะน้ามองเห็น ทิมดูเข้มแข็ง แข็งแกร่งตลอดเวลา แต่ยิ่งรู้จักก็ยิ่งรู้ว่าในความเข้มแข็งและความคิดที่ดูเติบโตไปกว่าวัยนั้น ทิมมีมุมที่อ่อนโยนมากกว่าความเข้มแข็งเหล่านั้นเสียอีก ทั้งยังมีมุมของความเป็นเด็กไม่ต่างกับคนในวัยเดียวกันเลย

คะน้าค่อนข้างมั่นใจว่าความเข้มแข็ง ดุดัน ไม่แคร์โลกนั้น เป็นเพียงแค่เปลือกที่เจ้าตัวหยิบขึ้นมาสวมใส่เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจพุ่งเข้าหาได้ทุกเวลาในทุกเวลา มีอะไรบางอย่าง ...บางอย่างที่เขายังไม่รู้ ในดวงตาสีดำที่ดูลึกลับนั้น ดูจะซุกซ่อนความลับอะไรเอาไว้มากมาย และซ่อนไว้ได้อย่างแนบเนียนเสียด้วย

แต่นั่นไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่เขาจะต้องรีบค้นหาในตอนนี้ คะน้ากำลังแข่งกับเวลาที่เดินผ่านไปทุกนาที ...จะจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวกับแนนได้อย่างไร

มื้ออาหารในตอนเย็นเป็นไปด้วยรสชาติที่กร่อยสนิท ไม่ใช่อาหารที่ทานอยู่นั้นให้รสชาติที่ไม่ดี แต่คงเป็นเพราะลิ้นของเขาไม่มีความสุนทรีย์มากพอจะรับรสอะไรมากกว่า คะน้านั่งเขี่ยเม็ดข้าวสุกในจานไปมาจนเบื่อ ลงท้ายจานอาหารมากมายก็มีค่าไม่ต่างอะไรกับดอกไม้ประดับบนโต๊ะอาหารให้ดูสวยงาม เสียงกริ่งที่ดังขึ้นที่หน้าประตูทำให้เจ้าของห้องที่อยู่คนเดียวลุกขึ้นไปเปิด ความที่หลงคิดไปว่าจะเป็นผักกาดทำให้คะน้าลืมที่จะดูทางช่องประตู ถ้าย้อนเวลากลับได้ บางที... เขาอาจจะไม่เปิดมัน

“สวัสดีค่ะ”

“ทำไมคะ ไม่ได้เจอไม่กี่วัน อย่าบอกนะคะ ว่าลืมชื่อกันไปแล้ว”

คะน้ายืนนิ่งอึ้งก่อนจะปรับสายตาให้เห็นสิ่งต่างๆ รอบตัว แนนไม่ได้มาคนเดียว หากแต่ข้างกายของหญิงสาวประกบไปด้วยผู้ชายร่างกำยำสองคน คะน้านึกโทษระบบรักษาความปลอดภัยของคอนโดที่ปล่อยให้หญิงสาวขึ้นมาถึงที่บนที่พักได้ หากแต่เมื่อคิดๆ ดูแล้ว ผู้หญิงที่ร้ายกาจแบบแนนคงทำมันได้ไม่ยากเย็น

“มีความสุขดีหรือเปล่าคะ กับการแย่งของของคนอื่นไป”

“แนน...”

คะน้าเรียกชื่อของหญิงสาวอีกครั้ง เจตนาคือปรามในความรุกล้ำที่ไม่ปิดบัง คะน้ากวาดตามองข้างๆ สายตาของผู้ชายทั้งสองคนดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ ไม่เชิงว่าเดาไม่ถูก แต่ไม่มั่นใจว่าการมีตัวตนของคนทั้งสองที่ไม่คุ้นหน้านี้มีบทบาทมากน้อยแค่ไหนกับเขา ซึ่งดูเหมือนคะน้าจะไม่ต้องคิดอะไรนานมาก เมื่อร่างเล็กหันไปมองชายหนุ่มข้างๆ แล้วพยักหน้าเบาๆ เพียงพริบตา ร่างกายของเขาก็ถูกตรึงไว้ด้วยวงแขนที่ล็อกแน่นจากด้านหลัง

“ตายจริง ยังจำกันได้ด้วย แนนดีใจจังเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องพูดเรื่องเดิมๆ แนนก็ไม่มีเวลามากหรอกนะคะ ว่าจะรีบทำธุระให้มันเสร็จๆ ไป” หญิงสาวหัวเราะคิกด้วยท่าทางน่ารัก “มาคุยธุระกันดีกว่านะคะ คุยกันดีๆ จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บตัว”

คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก พยายามตั้งสติและพูดจาด้วยท่าทีที่ราบเรียบที่สุด “ที่ทิมโดนย้ายกะทันหัน...” เขาเงยหน้าขึ้นสบตาร่างเล็กตรงหน้า เธอยิ้มแล้วหัวเราะขันขึ้นทันที

“แนนว่าแล้วล่ะค่ะว่าพี่ไม่ใช่คนโง่ ...เพราะถ้าโง่ ก็คงไม่เลือกตัวท้อปแบบพี่ทิมสินะ” แนนสบตากร้าวแล้วเดินมาข้างหน้า มือเล็กเอื้อมขึ้นแล้วลูบแก้มคะน้าไปมา

“แต่รู้อะไรไหมคะ ...พี่ก็ไม่ได้เป็นคนฉลาดเลย”

แรงตบเบาๆ เหมือนหยอกล้อบนแก้มทำให้คะน้ารู้สึกตึง ร่างบางตรงหน้ายังคงไม่หยุดกับถ้อยคำและท่าทีที่ก้าวร้าว จาบจ้วง “นี่แค่เริ่มต้น ถ้าพี่ไม่เลิกยุ่งกับพี่ทิม ชีวิตของพี่และพี่ทิมจะไม่มีความสุขอีกเลยนับจากนี้ แนนจะบอกอะไรเอาไว้ให้นะคะ ถ้าแนนไม่มีความสุข คนอื่นก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้มีความสุขกัน”

“ถ้าพี่ยืนยันที่จะไม่เลิกยุ่งล่ะ” คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึกจนเต็มปอดแล้วถามคนตรงหน้า

“ไม่เลิกเหรอคะ เอ... จะทำอะไรดีนะ ป่าวประกาศว่าพี่เป็นเกย์ดีไหม แต่คนแบบพี่ก็คงไม่มีอะไรจะเสียสินะ งั้นก็เอาเป็นป่าวประกาศให้ทั้งสังคมรู้ไปเลยว่าพี่ทิมเป็นเกย์ ...เริ่มจากที่บ้าน ที่ทำงานทั้งหมด แล้วก็ทั้งสาขาวิชาชีพ คิดว่ามันจะเป็นยังไงนะคะ อืม... แต่แนนคิดว่าพี่น่าจะไม่อยากให้พี่ทิมต้องมาเสื่อมเสียเพราะคนแบบพี่ใช่ไหม? พี่คงเลือกทางที่ดีกับพี่ทิมใช่ไหมคะ? เพราะถ้าไม่... เชื่อเถอะค่ะ ว่าแนนจะทำมากกว่าที่พี่จะคาดคิดได้ก็แล้วกัน” คะน้ามองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าหนักใจ

“แล้วแนนจะได้อะไรกลับไปครับ”

“ตายจริง สรุปว่านี่ฉลาดหรือโง่นะคะ?” แนนหัวเราะร่วน

“คิดว่าถ้าทิมรู้แล้วเขาจะรู้สึกดีกับแนนหรือเปล่าครับ” คะน้านิ่งสงบมองผู้หญิงหน้าตาสะสวยตรงหน้าแล้วสบตานิ่ง “คิดว่าเขาจะกลับมารัก ...มาใยดีกับคนที่มีนิสัยแบบนี้ได้จริงๆ หรือครับ พี่อยากให้แนนลองคิดดูดีๆ ถึงสิ่งที่แนนกำลังทำอยู่”

“พี่ไม่ได้เป็นคนฉลาดอะไรมากมาย แต่พี่ไม่คิดว่ามันเป็นการกระทำที่ฉลาดเลย”

เพี๊ยะ!! คะน้ารู้สึกชาไปที่แก้มข้างซ้าย เมื่อเบือนหน้ากลับมาก็เห็นร่างที่สั่นไปตั้งตัวของหญิงสาวตรงหน้า แปลกที่ใบหน้าที่เคยสะสวยและดูเป็นธรรมชาติของแนน ในตอนนี้กลับดูน่าเกลียดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากที่อิ่มเอิบได้รูปบิดเบี้ยวจนดูแปลกตา ดวงตาที่เคยใสแบบหยดน้ำค้างถมึงทึงจนไม่น่ามอง

“กล้ามากนะที่ยังปากเก่ง ถ้าฉลาดนักทำไมไม่รู้จักประมาณสถานะของตัวเองบ้าง” แนนสะบัดหน้าไปทางผู้ชายสองคนที่ล็อกคะน้าไว้ด้านหลังแล้วยิ้มเยาะ

“พี่ๆ คะ ช่วยทำให้ไอ้เกย์วิปริตนี่มันเลิกส่งเสียงทีสิคะ แนนหนวกหู” สิ้นคำคะน้าก็สัมผัสได้ถึงลมวูบที่เฉียดข้างหู

เขาไม่ชอบการวิวาทกับใคร ไม่เคยมีปัญหากับใคร ตั้งแต่เด็กๆ คะน้าถูกปลูกฝังให้เติบโตขึ้นมาด้วยความรู้จักเสียสละและให้อภัย ทุกครั้งที่เด็กชายคะน้าถูกรังแก เด็กตัวน้อยๆ ได้แต่ร้องไห้งอแงไปตามวัยจนโดนใครๆ ในชั้นเรียนล้อ แต่แล้วทุกอย่างก็จะคลี่คลายเมื่อความจริงเปิดเผย ทุกครั้งจะเป็นคะน้าที่ได้คำชมจากคุณครูประจำชั้น แม้กระทั่งคำขอบคุณเสียใหญ่โตจากผู้ปกครองของคู่กรณี และแปลกไปกว่านั้นคือเด็กขี้แยคนนี้กลับได้เพื่อนฝูงที่รู้ใจกลับมาจากความเกลียดชังในเริ่มต้น คะน้าเป็นที่รักของเพื่อนทุกคนและเติบใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับความรักและเพื่อนฝูงมากมาย แม้จะไม่หล่อเหลาเอาการแบบใครๆ แต่กลับเป็นที่รักเป็นเหมือนศูนย์รวมของเพื่อนทุกคน

การใช้กำลังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เขาเชื่อและยึดมั่นในแบบนั้นมาตลอด...แม้กระทั่งในเวลานี้ก็ตาม เขาเกลียดการทะเลาะและใช้กำปั้นเข้าพูดจาเป็นที่สุด




...แต่การวิวาทนั้นต่างกับการป้องกันตัวเอง

เพียงเสี้ยววินาทีร่างของชายแปลกหน้าก็ลอยไปตามหมัดที่ปะทะเข้าเต็มแรงที่กระพุ้งแก้ม ชายคนนั้นเซตัวลงไปนั่งมึนพร้อมกับหยดเลือดสีแดงสาดกระจายลงบนพื้น สร้างความตกใจให้กับหญิงสาวที่มองอย่างไม่เชื่อสายตา รวมไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่เหลือซึ่งพยายามล็อกแขนเอาไว้ในตอนแรก แต่คะน้าก็สะบัดหลุดได้อย่างง่ายดาย ระหว่างที่ยืนงงกับอีกคนที่นั่งหมดสภาพอยู่ พริบตานั้นตัวเองก็ถูกฝ่าเท้าอัดลงที่กลางแผ่นอกจนถลา เสียจังหวะ



และการที่เขาไม่ชกต่อยกับใคร ไม่ได้แปลว่าเขาอ่อนแอ

เมื่อเห็นว่าเพื่อนตนถูกถีบจนเซ ประดังกับความแค้นที่โดนลบเหลี่ยมต่อยปากแตกเมื่อครู่ คนที่นั่งอยู่จึงทะยานตัวเข้ามาเหมือนกระทิงที่บ้าคลั่ง



ช้า...

คะน้าซัดซ้ำไปอีกทีที่จุดเดิมเต็มแรงเหวี่ยง หากแต่ในครั้งนี้กระทิงป่านั้นตั้งมั่น พร้อมจะแลกไม่กลัวเสีย หมัดหลุนๆ เหวี่ยงเข้าที่หน้าของคะน้า



ช้าไป...

คะน้าหลบอย่างว่องไว ร่างสูงนั้นจึงเหวี่ยงอีกหมัดเข้าเต็มแรงที่ท้อง



ยังช้าไปอยู่ดี...

คะน้าพลิกตัวหลบอย่างง่ายดาย จังหวะที่เซเพราะพลาดเป้า คะน้ายกหัวเข่าขึ้นอัดลงกลางท้องอย่างเต็มแรง ได้ยินเสียงอุกด้วยความจุก ร่างนั้นชะงักเสียจังหวะ คะน้าสวนหัวเข่าขึ้นอีกครั้งตรงหว่างขาด้วยแรงทั้งหมด ชายคนนั้นจะทรุดเข่าลงกับพื้นง่ายดาย สิ้นสภาพและนอนหมดแรง เสียงแนนที่ร้องวีดว้ายก็เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกคนรีบโจนทะยานเข้ามาด้วยความโมโห ชายคนนั้นเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วหยิบมีดพกด้ามกระชับมือขึ้นมาแล้วตั้งมั่นรอจังหวะ คะน้าที่เริ่มหอบจากการออกแรงรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็จะไม่ประมาท

เสียงลมเฉียดท่อนแขนเขาไปในวินาทีเมื่อครู่ทำให้คะน้าผงะ ถ้าเขาช้าหรือเสียสมาธิกว่านี้แค่เพียงน้อยนิด มีหวังได้แผลใหญ่เป็นของฝากทั้งแขนเป็นแน่ ชายที่ถือมีดกระหยิ่มยิ้มย่องกับการจู่โจมเมื่อครู่ ในกรณีที่มีอาวุธ นับว่าเสี่ยงเกินไปที่จะปล่อยให้ทุกอย่างยืดยาว ต้องหาจังหวะจัดการกับอาวุธนั้นเสียก่อน



...และจังหวะนั้นก็มาถึง

คะน้าต่อยเข้าที่กลางหน้าด้วยแรงเต็มที่จนอีกฝ่ายเซปะทะผนัง เลือดกำเดาไหลลงมาช้าๆ จนชายคนนั้นเผลอยกมือขึ้นมาจับจมูกตัวเองด้วยความเจ็บ คะน้ากระแทกเข้าไปที่ข้อมือที่จับด้ามมีดนั้นทันที แล้วของแหลมนั้นก็ร่วงหล่นลงอย่างง่ายดาย ดูไปก็เหมือนฉากสู้ของพระเอกหนังบู๊ที่คุ้นตากันที่ปลดอาวุธได้ก็รีบเอาเท้าเขี่ยไปให้ไกล



...บังเอิญว่าเขาไม่หล่อไม่เท่แบบพระเอกในละครเสียด้วยสิ

ในโลกความจริงก็คงไม่มีอันธพาลคนไหนปล่อยอาวุธไปอย่างเปล่าประโยชน์ คะน้าจึงรีบวิ่งเข้าชาร์จชายคนนั้นเข้ากับข้างฝาเต็มแรงแล้วคว้ามีดที่ตกลงนั้นขึ้นมา เดินเข้าไปหาแล้วค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงตามร่างของชายคนนั้นที่ยังจุกอยู่ คมแหลมของมีดถูกยกขึ้นจ่อเข้าที่คอหอย



...ก็บอกแล้วว่าไม่ใช่พระเอก

“จะกลับไปดีๆ หรือจะเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่” กดคมมีดเข้ากับซอกคอเบาๆ จนเกิดเป็นแผลซิบๆ




“ไม่มีเวลาให้พี่คิดนานหรอกนะ”

ชายทั้งสองคนรีบพยุงตัวลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้คะน้าก่อนจะรีบวิ่งจากไป ทิ้งให้นายหญิงที่เคยยืนสง่าราวกับผู้ทรงอำนาจเมื่อครู่อยู่สั่นเป็นเจ้าเข้า หญิงสาวพยายามวิ่งหนี แต่อารามตกใจทำให้สะดุดรองเท้าส้นสูงตัวเองล้มลง

“แกมันป่าเถื่อน หยาบคาย แกจะทำอะไรฉัน!!!” แนนกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ท่าทางที่ดูไม่ยอมคนเมื่อครู่ถูกลบไปไม่มีเหลือ

“เอาสิ อยากทำอะไรก็ทำ แกมันป่าเถื่อนนี่ ทำได้แม้แต่กับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทางสู้อยู่แล้ว” ร่างเล็กสะท้านพร้อมกับหยดน้ำตาใสๆ ที่ไหลลงมาเต็มแก้ม “เอาสิ ทำเลย แต่อย่าให้ฉันรอดกลับไปได้นะ ฉันสัญญาว่าจะทำให้แกได้ตกนรกทั้งเป็นแน่ๆ”

คะน้ามองคนตรงหน้า ถอนหายใจแล้วเหวี่ยงมีดในมือเต็มแรงเข้าห้องของตัวเองไป หวังว่ามันจะลึกพอจนไม่สร้างปัญหาให้กับตัวเขาเองในภายหลัง เขาเดินไปใกล้ๆ แล้วย่อตัวลงนั่งตรงหน้าของหญิงสาว

“หยุดทำอะไรแบบนี้เสียทีเถอะแนน ความอดทนผมไม่ได้มีมากมายนะ”

“หยุดเหรอ ไม่มีทาง! แนนมาถึงขนาดนี้ แนนหยุดไม่ได้แล้ว!”

“อะไรที่ทำให้คุณหยุดไม่ได้” คะน้าถอนหายใจ เหน็ดเหนื่อยเหลือเกินกับผู้หญิงตรงหน้า ถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นเพศแม่ เขาก็ไม่รู้ว่าจะอดทนไม่ตะบันหน้าไปได้นานแค่ไหน หญิงสาวสะบัดหน้าไปด้านข้าง ร้องไห้จนตัวโยน

“ว่าไงครับ?”

“แกไม่อยากฟังหรอก มันน่าสนเพช”

“ว่ามา” คะน้าพูดเสียงเรียบๆ แล้วปล่อยให้หญิงสาวสะอื้นสักพักจนเริ่มนิ่ง ครู่หนึ่งแนนก็พูดด้วยเสียงสั่นๆ ใบหน้าก้มลงต่ำไม่ยอมสบตา




“ถ้าเป็นพี่ พี่จะรู้สึกยังไง ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรกของพี่”


(มีต่อด้านล่างอีกนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 15-02-2013 23:48:06
(ต่อครับๆ)




“ถ้าเป็นพี่ พี่จะรู้สึกยังไง ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นคนแรกของพี่”

คะน้าชะงักอึ้งไป ดวงตาเบิกกว้างมองผู้หญิงตรงหน้า ในใจรู้สึกหวิวขึ้นมากะทันหัน ไม่รู้เพราะความอ่อนล้าจากการต่อสู้หรืออะไร แต่จู่ๆ ก็เหมือนเรี่ยวแรงที่มีมันจะหมดเอาเสียดื้อๆ หายใจติดๆ ขัดๆ ...ไม่สิ เขาลืมหายใจไปด้วยซ้ำ ...นี่เขากำลังฟังเรื่องอะไรอยู่?

“ว่ายังไงล่ะ รับได้ไหม กับคนที่ภาพลักษณ์แสนดีหนักหนาในสายตาแกน่ะ หรือคนเป็นเกย์เขาไม่ถือกัน จริงสิ ผู้ชายชอบบอกว่าไม่มีอะไรสึกหรอนี่ ผู้ชายจะมาสนใจอะไรกับผู้หญิง แกไม่ใช่ผู้หญิง! แกเป็นเกย์! เป็นพวกจิตวิปริต! แกจะสนใจอะไร!” แนนจ้องหน้าด้วยดวงตาเขม็ง รอยยิ้มเหยียดหยันฉายชัดบนหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตา คะน้านิ่ง ...นิ่งไปเนิ่นนานเหมือนทบทวนเรื่องราวทุกอย่างในความคิด แต่เพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆ แบบปกติ



“คาดหวังอะไรกับการมาพูดแบบนี้”

แนนมีสีหน้าชะงักไปเล็กน้อย กระนั้นหญิงสาวก็สู้ฝืนใจพูดเรียกร้องในสิทธิที่ตนเองคิดว่าควรจะได้รับต่อ “นั่นสินะ มันไม่มีอะไรให้หวังได้อยู่แล้ว จบแล้วก็จบกันไป ผู้ชายทุกคนก็แบบนี้แหละ ฉวยโอกาส เอาแต่ได้”

“แล้วน้องคิดว่าพี่ควรจะทำยังไง ให้วิ่งฟูมฟายไปร้องไห้แล้วรับไม่ได้กับการไม่ได้เป็นคนแรกของคนที่รักแบบนั้นเหรอ หรือจะให้พี่ลุกขึ้นมาตีอกชกหัวแล้วก็ขอเลิกราเพราะไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องแบบนั้นใช่ไหม”

“แนน... พี่เป็นผู้ชายนะ แต่ถึงพี่เกิดเป็นผู้หญิง พี่ก็คิดว่าเหตุผลที่ว่ามานี่ มันไม่งี่เง่าไปหน่อยเหรอ?” คะน้าถอนหายใจหนักๆ แล้วไหวหน้าไปมา

“อีกอย่างนะ... ขอโทษที่พี่ขอถามตรงๆ”




“ครั้งแรกที่ว่า... ก็ไม่มีการเมาจริงๆ ใช่ไหม?”

สิ้นคำหญิงสาวก็เบิกตากว้างแล้วนิ่งเงียบ แนนนิ่งอยู่สักพักก็ระเบิดเสียงหัวเราะใส ดวงตาที่เอ่อไปด้วยหยดน้ำใสๆ กลับมาเต็มเปี่ยมไปด้วยจริตเล่ห์แพรวพราว


“ถึงได้บอกไง ...ว่าพี่ไม่ใช่คนโง่”

“แล้วไงคะ ในเมื่อของที่แนนอยากได้ แนนก็ต้องได้ แนนไม่ถือหรอกค่ะว่าจะด้วยวิธีการไหน แต่แนนต้องได้ และจะบอกไว้เลยนะคะว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ แนนจะไม่มีวันรามือ คนอย่างพี่น่ะ มันเป็นสุภาพบุรุษ ให้ตายพี่ก็ทำอะไรผู้หญิงไม่ลงหรอก” หญิงสาวหัวเราะขำ คะน้ารู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ จริงอย่างที่เธอพูด แม้ว่าจะเป็นคนที่ดูร้ายกาจแค่ไหน แต่สุดท้ายเขาก็ทำอะไรเธอไม่ลงจริงๆ

“...เสียดายนะ น่าจะเป็นผู้ชาย” ร่างบางเอื้อมมือมาลูบหน้าคะน้าสักพักก็ผลักออก

“เพราะผู้ชายดีๆ น่ะ มันหาได้ยากเหลือเกินไงล่ะ โทษกันไม่ได้หรอกนะ ของดีๆ มันก็หายาก ไอ้ที่ดีๆ น่ะก็กินกันเองซะหมด ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ถึงต้องเป็นแบบนี้ไง ต้องแรงๆ จะมาอ้อยสร้อยเนี่ย ไม่ทันกินหรอก แล้วรู้อะไรไหม เรื่องพวกนี้ แนนไม่ถือหรอกค่ะ”

เสียงกระแทกกำแพงดังสนั่นขึ้นที่ข้างหูของหญิงสาวทันที แนนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง และสักพักร่างเล็กๆ ของเธอก็ไหวสั่นด้วยความกลัว หยดน้ำเล็กๆ เอ่อชื้นขึ้นมาและเพียงเสี้ยววินาทีมันก็ทิ้งตัวลงมาอย่างพร่างพรู กำปั้นของคะน้าห่างจากใบหูของหญิงสาวนับเป็นเซนติเมตร

“เป็นผู้หญิงอะไรทำไมพูดจาแบบนี้” ชายหนุ่มสบตามองหญิงสาวด้วยใบหน้าที่โกรธจัดจนน่ากลัว




“รู้ไหม ว่ามันไม่น่ารัก!!!”

สีหน้าของแนนดูจะอึ้งและตกใจกว่าเดิม ...กว่าเดิมมากๆ ราวกับร่างกายทั้งร่างถูกจับสต๊าฟไว้จนแข็งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง แต่คะน้าไม่หยุดอยู่แค่นั้น ชายหนุ่มพล่ามยาวด้วยความรู้สึกอดกลั้นมาเนิ่นนาน

“ทำไมถึงทำตัวไม่มีคุณค่า เกิดมาเป็นผู้หญิงและก็เป็นคนสวยมากแท้ๆ น้องไม่รู้ตัวเหรอว่าคนแบบน้องตัวเองเป็นเหมือนกับคนในฝันของผู้ชายตั้งกี่คน ทำไมถึงหมิ่นตัวเองแบบนี้ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว แค่กินเหล้าเมามายก็ว่าแย่แล้ว แล้วยังจะมาพูดเรื่องที่ไปมีอะไรกับใครเขาได้หน้าตาเฉยอีก มีจริงหรือไม่มีจริงพี่ก็ไม่รู้หรอกนะ แต่เคยคิดไหมว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่น้องมาได้ยิน ท่านจะเอาหน้าไปไว้ไหน เราน่ะเป็นผู้หญิงนะ! บ้าเหรอไง!!”

“แล้วไหนจะที่ชอบคุยหนุงหนิงกับผู้ชายอีก ไม่รู้จักวางเนื้อวางตัวเลย นี่ยังไม่นับกับเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัว เนี่ย! ดูสิครับ ทำไมนุ่งสั้นแบบนี้ แล้วจะเดินจะทำอะไรก็ไม่รู้จักระวังเลย รู้ไหมว่าเวลาเดินแกว่งๆ แขนเนี่ย พี่เห็นไปโน่นเลย! สะดือน้องเลยนะ! สะดือน่ะ! ถามว่ามันควรเห็นไหม! มันโป๊เกินไปหรือเปล่า? ทำไมไม่คิดดูบ้าง”

“พี่สาวของพี่ชื่อผักกาด ทั้งสวย ทั้งฉลาด ไม่เคยแต่งตัวน่าเกลียดแบบนี้เลย มีผู้ชายดีๆ อยากคุยด้วยทั้งนั้น รู้ไหมว่าถ้าเป็นคนในครอบครัวพี่นะ แต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ออกจากบ้านหรอก ถ้าเป็นน้อง พี่จะจับตีให้ตายเลย แล้วเสื้อผ้าพวกนี้ก็จะเอาไปเผาให้หมดตู้ด้วย ทำตัวน่าเกลียดมาก เราเป็นโรคประสาทโรคจิตหรือไง? ชอบให้ผู้ชายมองตัวเองไม่ดี ชอบให้มองแบบของไม่มีค่าราคาถูก แล้วเคยมองดูตัวเองไหม? เกิดวันไหนกลับบ้านมืดๆ ขึ้นมา ถ้าเกิดโดยฉุดโดนลวนลามขึ้นมาจะว่ายังไง น้องเคยคิดบ้างไหมครับ!”

ใบหน้าของแนนที่อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง ในตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ หญิงสาวทำหน้าเหมือนอยากจะเถียงใจจะขาดแต่แล้วก็สะบัดหน้าหนีแล้วก้มหน้างุด คะน้าได้แต่ระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เขาไม่ชอบผู้หญิงแบบนี้เลย ไม่ชอบสักนิด เห็นแล้วมีแต่ขัดตา

“ไม่น่ารักเลย!”




“เฮ้อออออออออออออออออ...”

แล้วเสียงทุ้มที่คุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง คะน้าสะดุ้งสุดตัว แค่เสียงถอนหายใจก็จำได้ว่าเป็นเสียงของใคร หันไปมองดูเห็นเห็นสีหน้าที่ปั้นไม่ถูกของทิม จะว่าโกรธก็ไม่ใช่ ติดจะอึ้งๆ ผสมกับหน่ายๆ บอกไม่ถูก

“นี่คือโกรธจัดๆ โมโหสุดๆ แล้วใช่ไหม?”

“ก็ใช่น่ะสิ!” คะน้ารับคำถามยียวนของทิม คนตั้งคำถามถึงกับถอนหายใจพรืดแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

คะน้ามองหน้าทิมด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เขาไม่รู้เลย ไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าทิมโผล่มาตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่สำคัญเห็นอะไรไปบ้าง

“อยากถามใช่ไหมว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่” คะน้าพยักหน้า รู้สึกเขินๆ เล็กน้อย ใจจริงเขาไม่อยากให้ทิมเห็นอะไรแบบนี้เลย

“ก็เห็นแต่ช่วงแรกๆ ที่โดนล็อกตัวไว้น่ะ ยืนฟังอยู่อยากรู้ว่ามันจะยังไง พอเริ่มเห็นไม่ได้การว่าจะเข้าไปช่วย แต่เห็นท่าแล้วก็... อืม... จะว่ายังไงดีล่ะ มันไม่น่ามีซีนแบบนี้เกิดขึ้นหรือเปล่า?” ทิมพูดไปเรื่อยๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเอง ใบหน้ายังอยู่ในอาการงงอยู่ไม่น้อยจนคะน้ารู้สึกหมั่นไส้ ...เห็นเขาเป็นอะไรกัน!

“ก็บอกแล้วไง ดูแลตัวเองได้ จะจัดการเอง” ทิมพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มแล้วหันไปที่ตัวก่อปัญหา

“ไง? คนโกหก เราเคยมีอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ ทำไมพี่จำไม่ได้ หรือว่าในฝัน?” จำเลยที่ไม่มีความผิดส่งสายตาคาดโทษชนิดหนักให้กับหญิงสาว แปลกที่คะน้ากลับรู้สึกหัวใจลิงโลดขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดนั้น

“ที่ไม่ออกมาขัดเนี่ย เพราะอยากรู้หรอกนะว่าคนฟังแล้วจะว่ายังไง แต่พูดกันแมนๆ เลยนะ สะเทือนใจฉิบ มันง่ายไปไหม จะหึงจะหวงกันสักนิดไม่ได้เหรอไง” ทิมยกแขนขึ้นแล้ววางบนบ่าของคะน้า กอดคอหลวมๆ แล้วดึงมาใกล้ ทำเสียงเง้างอดจนพิลึกหู




“เปิดซิงเค้าแล้วก็จะทิ้งกันชิมิ?”

“ทิมมม!!!”

คะน้าเสียงแข็งใส่ ไม่เชิงตะคอก แต่รู้สึกกระดากอายกับคำพูดล้อเลียนแบบนั้น ซ้ำยังท่าทางที่ไม่คิดจะปิดบังอีก แต่เจ้าตัวกลับไม่ใส่ใจอะไรแม้แต่น้อย ทิมหันไปพูดเสียงแข็งกับแนน น้ำเสียงผิดไปเหมือนกันคนละคน

“จะไปฟ้องคุณธาดาอีกก็ตามใจนะ อยากจะทำอะไรก็ทำ วันนี้จะปล่อยให้ แต่นับจากนี้ ถ้าไม่หยุด บอกไว้ก่อนว่าพี่ไม่ได้ใจดีแบบ เมีย พี่หรอกนะ” สิ้นคำคะน้าก็จัดศอกถลุงลงเข้าสีข้างทิมหนึ่งดอกเน้นๆ ทันที เจ้าตัวรีบทำสำออยร้องโอดโอยรับอย่างรวดเร็ว

“ทำไมทำพี่ทิมแบบนี้ล่ะครับ เห็นแบบนี้ พี่ทิมก็บอบบางนะ”

...ทุกอย่างอยู่ในสายตาแนนทั้งหมด หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าทั้งสองคน ท่าทางการแสดงออก ถ้อยคำต่างๆ ที่หยอกล้อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ...ชายหนุ่มที่เธอหลงรักมาเนิ่นนานหลายปี

“เมื่อก่อนแนนเคยคิดว่าพี่ทิมเป็นคนที่น่ากลัวมาก สาวๆ ต่อให้สวยแค่ไหน โพรไฟล์ดีแค่ไหน แต่พี่ทิมก็แค่ควงเล่นๆ พี่ทิมไม่เอาใคร ไม่เคยสนใจใคร ตาของพี่ทิมมองไปแต่ข้างหน้า แต่พอพี่ทิมได้มาสนิทกับพี่คะน้าแนนก็ถามตัวเองว่ามันหมายความว่ายังไง ทำไมตาที่มองตรงไปคู่นั้นถึงหันมามองคนที่อยู่ข้างๆ ตลอดเวลา” แนนพูดด้วยเสียงเรียบๆ รอยยิ้มน้อยๆ ระบายบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มที่สร้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเธอเอง

“มันเจ็บใจมากที่คนที่เราเฝ้ามองมาหลายปี คนที่ไม่เคยยิ้ม ไม่เคยหัวเราะ ไม่เคยล้อเล่นกับใคร กลับเปิดใจเอาง่ายๆ กับคนอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเอง และที่สำคัญ ...คนๆ นั้นกลับไม่ใช่ผู้หญิง” คะน้ายืนดูผู้หญิงตรงหน้า เข้าใจตัวตนของเธอมากขึ้นทีละนิดๆ

“แนนไม่ยอม แนนรับไม่ได้ ถ้าคนที่พี่ทิมเลือกสวยกว่าแนน โพรไฟล์ดีกว่า ทำงานเก่งกว่า แนนอาจพอรับได้ แต่นี่คนที่พี่เลือก กลับกลายเป็นผู้ชาย ...และผู้ชายที่หน้าตาดีมากๆ ด้วยอีกคน มัน... ไม่รู้สิ แนนรับไม่ได้” ร่างบางสะบัดหน้าไปมาแล้วกดหน้าลงราวกับจะกดความรู้สึกทั้งหลายเอาไว้ “แนนไม่รู้หรอกว่าพี่คะน้ามีอะไรดี ทั้งหน้าที่การงาน ทั้งฐานะทางสังคม อะไรๆ มันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าแนนเลย”

ทิมจ้องหน้าของหญิงสาวด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ กระทั่งคะน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ต้องสะกิดมือรั้งเอาไว้ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดไปในทางที่เลวร้าย ดูเหมือนร่างสูงข้างๆ จะสงบลงเล็กน้อย กระนั้นความโมโหก็ยังกรุ่นอยู่บนใบหน้า แนนเงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่ดูหม่นมัว รอยยิ้มบางๆ แต่งแต้มใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาให้น่ามองขึ้น




“แต่วันนี้ ...วันนี้แนนได้เห็นแล้ว แนนรู้แล้วว่าแนนไม่มีอะไรเหนือไปกว่าพี่คะน้าเลย”

คำพูดของหญิงสาวทำเอาทิมยิ้มกริ่ม ผิดกับคะน้าที่รู้สึกปั้นหน้าตัวเองไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมา ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่ได้มีอะไรเหนือไปกว่าใครเขาได้จริงๆ

“เอ่อ... คือพี่ไม่ได้วิเศษวิโสอะไรเลยนะ ไม่มีอะไรไปเทียบกับคนแบบแนนได้ด้วยซ้ำ”

แนนระบายรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาหม่นราวกับพระอาทิตย์ที่อ่อนล้า เธอเหนื่อย ...เหนื่อยทั้งกาย และเหนื่อยทั้งใจ หลายวันมานี้ หญิงสาวกระวนกระวายจนแทบไม่หลับไม่นอน ครุ่นคิดถึงแผนการต่างๆ นานา กลัวว่าอีกคนจะมีความสุข จะสมหวัง แล้วก็เป็นเธอที่ทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวทุกวันทุกคืน บัดนี้เธอรู้แล้วว่าความเจ็บปวดต่างๆ นานาที่ทำให้จงเกลียดจงชังชายหนุ่มสองคนตรงหน้า ล้วนที่มาจากมือของตัวเธอเอง

“แย่จัง ที่ทำอะไรที่แย่ๆ ไปตั้งมากมาย ขอโทษพี่ทิมด้วยนะคะ ขอโทษพี่คะน้าด้วย และหนูก็ขอโทษพี่ผักกาดด้วย แนนทำเรื่องยุ่งๆ มากมาย เรื่องที่ไม่ดีเลย”

“พี่ผักกาด? พี่ผักกาดเกี่ยวอะไรด้วย” คะน้าอุทานด้วยความตกตะลึง

“แนนบุกไปที่สถานฑูตที่พี่เขาทำงานอยู่น่ะค่ะ ไม่ดีเลย ขอโทษจริงๆ”

“เอ่อ... เอ่อ... คือ... ก็... ก็ได้มั๊ง ไว้พี่บอกให้ครับ” เล่นเอาชายหนุ่มปรับตัวไม่ถูก และไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ยืนอึ้งๆ งงๆ แนนบุกไปถึงที่ทำงานของผักกาดเลยหรือ? แล้วแบบนี้เจ้จะเจออะไรบ้างเนี่ย!!! ตายแน่!!!

คะน้ายืนเกาหัวแกรกๆ จินตนาการถึงพี่สาวของตนเองเวลาเจอกับคนแบบแนน ร่างบางเบือนหน้าต่อไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ ...คนที่เธอรักหมดใจ

“ขอโทษพี่ทิมด้วยนะคะ”


“คงไม่ล่ะ มันมากเกินไป”

ชายหนุ่มที่ถูกเอ่ยชื่อตอบกลับโดยไม่ต้องคิดแล้วมองด้วยสายตาเย็นชา ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับคำพูดของคนตรงหน้า อันที่จริงคงต้องเรียกว่าเขาแทบจะไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ หญิงสาวหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่ก็พยายามฝืนยิ้มสู้

“แนนเข้าใจค่ะ ไม่แปลกเลยที่พี่จะคิดแบบนั้น”

“แต่แนนจะไม่ทำความลำบากให้อีกแล้วค่ะ แนนจะออกไปจากชีวิตพี่ และคงไม่ให้พี่ต้องเห็นหน้าให้สบายใจอีก แนนจะขอคุณพ่อไปเรียนต่อนอกน่ะค่ะ คิดว่าคงไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องที่ครอบครัวหมั้นหมายเรากันไว้ แนนจะพยายามจัดการให้ไม่เป็นเรื่องค่ะ”

ทิมลอยหน้าลอยตายืนเงียบๆ ไม่พูดอะไรตอบกลับ จนคะน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ อดรนทนไม่ไหวยกศอกขึ้นกระทุ้งอีกครั้ง คราวนี้ทิมสนใจทันที แน่นอนว่าไม่ใช่หญิงสาวอีกเช่นเคย

“อะไร! มันทำขนาดนี้ยังประสาทไปยกโทษให้มันอีกนะ ไม่ต่อยเลือดกลบปากก็ดีแค่ไหนแล้ว” ทิมหันไปเขม่นสายตาดุๆ ใส่แนน ท่าทางหงุดหงิดไม่มีปิดบัง หญิงสาวเอาแค่ก้มหน้างุด สักพักก็ขอตัวลาจาก

“อย่าลืมไปเก็บศพพักพวกอีกสองตัวที่หน้าลิฟต์ไปทิ้งด้วยล่ะ” ทิมตะโกนไล่หลัง หญิงสาวหันมาทำหน้าตกใจ คะน้าก็ไม่ต่างกัน แต่ทิมยังฟึดฟัดไม่เลิก


“ก็มันทำเมียกู! ...ทำพี่น่ะ”

“ทิม! พูดบ้าอะไรเนี่ย แล้วอีกอย่างก็ไม่เป็นไรด้วย เอาแค่นั้นก็มากพอแล้ว”

“แต่...”

“ไม่ต้องมาแต่ ไม่ชอบพวกอันธพาลใช่ไหม แล้วไปทำตัวเป็นอันธพาลแบบเค้าไปทำไม”

“เออๆๆ ถ้าทำได้อย่างที่พูดจริงๆ เวลาก็คงจะทำให้อะไรดีขึ้นเองล่ะ” ได้ยินคนตัวสูงกว่าบ่นพะงาบ คะน้าก็ยิ้มออกมาได้เสียที เขาไม่อยากให้ทิมผูกใจเจ็บกับใคร ความแค้นไม่ได้เผาผลาญแค่ตัวคนที่เราไม่ชอบ แต่ตัวเองก็จะโดนเพลิงแห่งทิฐิเผาจนรุ่มร้อนไม่ต่างกัน

“หมดปัญหาไปอีกอย่าง” คะน้าพูดอย่างโล่งใจ ถอนหายใจเพราะรู้สึกโล่งอกจริงๆ

“มันไม่ใช่ปัญหาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” คนที่กอดคออยู่เอื้อมมือขึ้นมาขยี้หัวเบาๆ

“แล้วเจ็บไหม?”

คะน้าส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม ทิมยิ้มกว้างตอบกลับเช่นกัน หากแต่ชายหนุ่มยังคงทำหน้าทำตาพิกลไม่เลิก ดูเหมือนว่าบางสิ่งบางอย่างจะยังติดค้างอยู่ในใจของชายหนุ่มร่างสูงมาตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้ว

“คือจะว่าไปก็ชอบเลยนะ ไม่หยุมหยิม ไม่เรื่องมาก ใจดี มีน้ำใจ ให้อภัยคน พูดอะไรง่ายๆ แบบผู้ชายคุยกัน” คะน้าหันไปมองหน้าทิมที่ดูเหมือนจะนับนิ้วคุณสมบัติอะไรสักอย่างอยู่ คนกำลังพูดยังมามองเหมือนตั้งคำถาม คะน้าพยักหน้า เจ้าตัวก็พยักหน้าตามแต่ก็ไม่วายไล่คุณสมบัติต่อ

“แล้วก็แข็งแรงมาก” ...คะน้าพยักหน้าหงึก

“ต่อยเก่งมาก มีซิคแพ็คด้วย” ...ถึงจะทะแม่ง แต่ก็พยักหน้าหงึกอีกครั้ง

“เป็นกระต่ายจอมพลัง” ...แล้วก็อีกครั้ง มันก็พอรับไหว

“พี่ทิมต้องชินกับเรื่องพวกนี้ให้ได้ใช่ไหมครับ? เพราะ เมียจ๋า เป็นผู้ชาย” ...แต่คราวนี้ไม่ไหว คะน้าจ้องหน้าเขม็ง

“พยักหน้าอีกสิครับ พยักเร็วๆๆ เร็วๆ สิ” ทิมส่งเสียงรบเร้าเต็มที่

“เราเป็นเมียพี่ทิมใช่ไหมครับ พยักหน้าๆ”



คำก็เมีย! ก็คำก็เมีย! สักวันกูจะจับมึงกดมั่ง ไอ้เด็กเปรต!


“เออ!!! แล้วไง???”

หันไปตะคอกชนิดเซอร์ราวด์เต็มสองหู ระบายความรู้สึกหมั่นไส้คนข้างๆ ที่ก่อตัวขึ้นมาตะหงิดๆ เจ้าตัวหัวเราะร่าแล้วทำท่าแคะหู ยียวนจนคะน้าหันไปแยกเขี้ยวใส่ทิมอีกรอบ สู้กับพวกจิ๊กโก๋ที่มากับแนนยังไม่เหนื่อยเท่ากับเถียงคำไม่ตกฟากกับคนข้างๆ ตัว พูดอะไรไปไม่เคยมีสักครั้งที่จะสลด

“มองหน้าทำไม”

ทิมยกคิ้วขึ้นน้อยๆ ขึ้นอย่างอารมณ์ดี ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร ใบหน้าที่แม้แต่ทุกคืนหลับตาก็ยังเห็นนั้นแค่ส่งรอยยิ้มบางๆ กลับมาให้ ดวงตาสีดำที่ดูลึกลับในเวลานี้ดูอบอุ่นเหมือนแสงของพระอาทิตย์ยามเย็น อ่อนโยนและน่ามอง และยิ่งมองรอยยิ้มบางๆ นั้นก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย เป็นยิ้มกวนๆ ที่มุมปากแบบที่คะน้าชอบ ทิมไม่ได้พูดอะไรสักคำ ร่างสูงเพียงแค่สบตานิ่งๆ กับยิ้มแบบเป็นเอกลักษณ์เหมือนที่ทำทุกวัน



ตึก...ตัก ตึก...ตัก

แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้คะน้าก้มหน้าลงพร้อมกับจังหวะที่เต้นแปลกๆ ในใจ


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปอีกตอน ตอนนี้เป็นตอนที่สนุกนะ รู้สึกมีแอ็คชั่นนิดๆ แล้วมันดี
คะน้าของเราไม่ใช่ผักสวนครัวเอาไว้ให้เคี้ยวได้เล่นๆ นะครับ 5555
ทิมก็ดูจะมีความเป็นธรรมชาติเวลาอยู่ต่อหน้าน้องต่ายเรามากขึ้นทุกวัน
มาม่าชามนี้จะหมดแล้วจริงๆ หรือเปล่าหนอ แล้วนับจากนี้ไปจะมีอะไรรออยู่
โปรดติดตามครับ ฮ่าๆ ถ้าไม่ขี้เกียจจะปั่นเรื่องนี้ให้จบไวๆ อยากทำถิติจบได้ใน 1 ปีนั่นเอง
+ 1 ให้กับทุกคอมเมนต์พร้อมกับแอบจิ๊กกอดคนละทีสองทีนะครับ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 15-02-2013 23:59:52
 :m20: :m20:
เงิบไปเลยหนูแนนเอ๊ยยยย
ชอบเรื่องนี้มากอะ ยิ่งตอนนี้ยิงชัด คือเป็นนิยายที่แหวกแนว ไม่หวานเลยซักกะติ๊ด
อ่านฉากที่ต่ายบู๊แล้วนึกถึงตอนเรทไม่ออก
ดูไปดูมาเรื่องนี้ตัวพระของเราจะหน่อมแน้มกว่าตัวนาย  :z3:
เอาเถอะ แบบนี้ก็ดี แมนๆ เข้าใจกันง่าย ไม่พิรี้พิไร แนนหงายเงิบ
ปล. แอบอยากรู้มาซักพักแล้วว่าคนแต่งนี่จบวิศวะ โยธา มาใช่มั้ย ภาพชัดมาก เรื่องการทำงานของทิมอะ เจ๋งๆ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 16-02-2013 00:06:30
 :L2: :L2: :L2: ชอบน้องต่ายจัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ryoushena ที่ 16-02-2013 00:09:01
อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกว่า...เวลาผู้ชายง้องแง้งก็น่ารักดีเหมือนกันนะ ^ ^

เมียจ๋าๆๆๆๆ ....>>>> ฟังแล้วสยิวใจดี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-02-2013 00:23:50
เข้าใจอารมณ์น้องนีแนนนะเป็นเจ้ เจ้ก็เจ็บ 5555
แต่ทิมกะหนูต่ายนี่เจ้ยอมมมม
ต่ายเท่ห์มากกกกกกก  คู่นี้น่ารักมากจริงๆ
อ่านไปแล้วยิ้มแก้มแตกเลย   :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 16-02-2013 00:25:28
ชิมิหรอ..
เมียจ๋าหรอ..
ทิมจ๋า ตอนนี้เราฮานายมาก 5555
คะน้าเจ๋งว่ะ กระต่ายซ่อนเล็บนี่นา (?) :-[

โอ้ยย อย่าเพิ่งพูดเรื่องจบเลย อยากอ่านต่อไปอีกนาน นานนนนน  :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 16-02-2013 00:26:23
คะน้าสุดยอด ยายแนนหงายเงิบไปเลย เป็นไงล่าาาาา

ชอบที่คะน้าไม่ทำตัวดราม่า แก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 16-02-2013 00:38:09
บทจะง่ายก็ง่ายเชียว แต่ดีแล้ว
เพราะแค่ปัญหาตุลที่ยังเฉลยไม่หมด
(หรือหมดแล้ว? เรื่องรอยที่คออะ เฉลยยังฟร่ะ ขอไปอ่านอีกรอบ)
ก็ยังหน่วงมาจนวันนี้ ถ้าปัญหาน้องแนนยังหนักอกอีก คนอ่านอาจตายได้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 16-02-2013 00:54:41
โอ๊ยยย คะน้าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่น่ารักมากกกกกก ชอบๆๆๆ ชอบมากกกกก สุดยอดจริงๆ
ตอนเด็กๆคะน้าต้องเคยไปฝึกวิทยายุทที่วัดเส้าหลินมาแน่ๆเลย
สนุกมากๆๆๆเลยค่ะ รักคนแต่ง +1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 16-02-2013 00:55:24
สุดยอดนายเอก ปลื้มมมมมมมมมมมม  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 16-02-2013 00:59:20
ทิมเสียวหลังวาบบเลย คะน้าจะจับกด หุหุ
พี่ทิมกับคะน้า นี่น่ารักสุด ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-02-2013 01:33:00
ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 16-02-2013 02:07:48
ตอนนี้มันมาก คะน้าบู๊ เล่นเอาอึ้งไปเลย
เเต่ฉากหยอกล้อกันเล่นเอาอ่านไปยิ้มไปไม่หุบเลย น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yumsonteen ที่ 16-02-2013 02:54:28
ผมชอบตอนนี้มากเลยครับคุณ.  o13 คะน้าเก่งมากๆ. ขอบคุณมากๆนะครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-02-2013 06:50:12
แหม่ะ  อิพี่ทิมนี่ก็เดี๋ยวหยอดเดี๋ยวจีบน้องคะน้า ได้ตลอดเวเลยนะ
ถึงตอนนี้จะมีซีนบู๊  แต่ก็หวานกันเว่อออออจริงๆวุ้ย คู่นี้  :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 16-02-2013 10:25:31
ยะฮู้ววว :วู้วว1:.........สะจายยยย~~
คะน้าเมียพี่ทิมเจ๋งไปเลยเว้ยย :a2:..........เป็นงัยล้าานังนู๋แนน :a14:
ทิมรู้สึกแกจะแอบฟังเค้ามีเรื่องกันจนจบแล้วค่อยออกมาทุกทีเลยนะ :m16:
 :angry2: ตกลงแกจะปกป้องดูแลนู๋ต่ายของเจ๊ได้ป่ะเนี่ยย........
เดี๋ยวปั๊ดยุให้เจ้าต่ายมันจับกดจริงๆซะเลยหนิ :haun5: :laugh3:

 :catrun:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 16-02-2013 10:26:59
เมียจ๋า เมียจ๋า เมียจ๋า เมียจ๋า 

แอร้ยยยยยพี่ทิมของน้องต่ายมันช่าง....น่ารัก

ท่าทางจะเป็นคนหลงเมียเนอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 16-02-2013 11:06:09
พาร์ทนี้ชอบคะน้ามากๆเลย


 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 16-02-2013 11:11:38
คะน้าไม่อ่อนนะครับ 5555555555555
ตอนที่พูดว่า ไม่น่ารักเลย!!! ต่ายน้อยน่ารักมากก คิดเหมือนทิมว่า นี่โกรธสุดๆแล้วใช่ไหม 5555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-02-2013 11:26:11
ฮ่าๆ
กระต่ายจอมพลัง
แบบว่าเห็นภาพกระต่ายยักษ์ กร๊ากกกก
ทิมน่ารักที่สุด น้องแนนอึ้งรับประทานเลยสินะคะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 16-02-2013 11:52:04
กระต่ายน้อยมหัศจรรย์ ทิมเหมือนจะหลงคะน้าหัวทิ่มหัวตำ เมื่อไรจะพาเข้าบ้าน อยากรู้จะมาม่าไหม  :a9: :a2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: poompoo ที่ 16-02-2013 11:59:32
โอ้ยยยยยยยยยย  สนุกมากๆคะ

คะน้าสุดยอดไปเลยอ่ะ   o13

นั่งลุ้นไปกับคะน้า ลุ้นไปว่าอยากให้ทิมโผล่มาเจอ

ทิมก็โผล่มาจริงๆด้วย   มีทุกอารมณ์จริงๆเลยตอนนี้

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 16-02-2013 11:59:51
โอ ต่ายน้อยบู้ด้วย^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 16-02-2013 12:05:41
คะน้าสุดยอดน้องต่ายจอมพลัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Ella Killer ที่ 16-02-2013 12:17:14
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ

ขอบอกว่าสนุกมากกกกกกก  o13

ต่ายน้อยน่าร้ากกกกกกก  :impress2:

ตอนดราม่านี่เล่นเอาน้ำตาแทบไหล
แต่ตอนหวานก็แทบจะเป็นน้ำตาล  :o8:

รอตอนต่อไป  :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 16-02-2013 12:23:52
คะน้า  o13
เป็นวิธีรับมือตัวร้ายผู้หญิง(ที่ร้ายแบบละครหลังข่าว)ได้ดีและเหมาะสมมาก
อืม ให้ยังไงก็ไม่ควรลงไม้ลงมือกับผู้หญิง ชอบตอนที่คะน้าพูดจาสั่งสอนมากๆ ถูกต้องที่สุด คะน้าชนะเลิศ  o13
เดี๋ยวเย็นนี้จะซื้อผัดคะน้ามากิน ฉลองให้คะน้า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 16-02-2013 12:59:56
กระต่ายน้อยจอมพลัง น่ารักมากเลย
ยิ่งอ่านยิ่งหลงรักคะน้า แมนมาก โกรธสุดๆแล้วสินะนั่น555
ทิมนี่นับวันยิ่งกระแดะ(?)ขึ้นนะ แต่ก็น่ารักดีเวลาอยู่กับคะน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 16-02-2013 13:11:15
เก่งนี่นา   o13   o13  ต่ายน้อยของเราสู้คนแล้วเว้ย 55+ ชอบอะเมียจ๋าอิอิ :impress2: :impress2: :impress2:

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 16-02-2013 13:57:46
อ๊ากกกกกกกกกกกกระต่ายเท่มาก

แมนมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-02-2013 14:55:26
ผิดคาดแต่ชอบจริง ๆ นะ นายเอกแมน ๆ มีซิกแพ็ค เตะผู้ร้ายกระเด็นแต่ไม่รังแกผู้หญิง
พ่อพระเอกก็ได้ใจมาก ๆ ไม่หูหนาตาถั่วเหมือนพระเอกละคร ที่ชวนดราม่าทั้งปี
ทิมสามารถมาก ด่าชะนีฉอด ๆ พร้อมกับหยอดเมียรักเย้ยไปด้วย ซู้ดหยอด... o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 16-02-2013 16:43:27
ได้รับการแนะนำให้อ่านเรื่องนี้จากคุณ Windyne ค่ะ ^^
อ่านแล้วจะมาเม้นท์นะคะ (เห็นที่คนอื่นเขียนยิ่งอยากรู้จัก
น้องคะน้าค่ะ!)

........................

อ่านแค่ตอน1.1 ก็ติดใจน้องคะน้าแล้วค่ะ ^^ น่ารัก ^^

ต้องไปชาร์ตแบตก่อนนะคะ ดึกๆจะตามมาอ่านต่อค่ะ

 :bye2:

.......................

โอย ... ไม่เป็นอันทำการทำงาน! อ่านจนถึงตอนที่23แล้วค่ะ
อยากจะกรี๊ดเป็นระยะๆ น้องคะน้าทำไมน่ารักอย่างนี้คะ!
พี่ผักกาดก็สมกับเป็นพี่คนโต ชอบมากค่ะ ^^

สำนวนการเขียนทำให้เห็นภาพตามเป็นฉากๆ บางฉากทำเอา
คนอ่านนั่งยิ้มเหมือนคนบ้า! จริงๆนะ!

ต้องหยุดอ่านก่อนค่ะ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปทำงาน ^_^
เฟฟไว้แล้วนะคะ 55 คืนนี้หลับไปพร้อมรอยยิ้มอย่างมีความสุข  :mc4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 16-02-2013 19:48:27
“ครั้งแรกที่ว่า... ก็ไม่มีการเมาจริงๆ ใช่ไหม?” ประโยคนี้ของคะน้าทำเอากรี๊ดลั่นห้อง
แต่พอประโยคต่อๆมา ขอถอนหายใจดังๆแข่งกับทิม
นี่ขนาดโกรธมากนะนั่น ขนาดโกรธมาก ยังน่ารักขนาดนี้เลย><
น้องแนนคะ หวังว่าจะสำนึกจริงๆ และไม่มาทำเรื่องยุ่งๆ อีกนะคะ
ทิมๆๆ น่ารัก คะน้าก็น่ารัก
กอดนี้ให้คนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 16-02-2013 20:16:50
 :fire: :fire: กระต่ายจอมพลังงงงงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 16-02-2013 21:30:58
พี่คะน้าสุดยอดเลย เยี่ยมที่สุด

นึกว่าจะสู้ไม่ได้แล้วซะอีก เท่กว่าพี่ทิมไปเลยน้า 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 16-02-2013 23:35:33
โกรธสุดๆแล้วใช่ไหมเนี๊ย "ไม่น่ารักเลย!!" :laugh:

กระต่ายน้อยจอมพลังน่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :man1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Syntyche ที่ 16-02-2013 23:48:19
กระต่ายน้อยน่ารัก  :-[
 :3123:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 17-02-2013 01:00:55
ชอบอ่ะ นายเอกสมัยใหม่ แข็งแรง!!!

ทิมง้องแง้งแบบนี้ก็น่ารักดี แต่ชอบเวอร์ชั่นหื่นมากกว่า 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 17-02-2013 12:06:32
พาร์ทนี้สนุกจริง ๆ ค่ะ รักคะน้าอ่ะ ชอบนายเอกแบบนี้ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอนะ
บอกตรง ๆ ไม่คิดว่าีคะน้าจะต่อสู้กับพวกนั้นได้ เพราะปกติเป็นคนใจดีและยอมคนตลอด
แต่เป็นแบบนี้ชอบมากเลยนะ ใจคิดเหมือนกันแหละว่าทิมอาจอยู่ในห้องด้วย
เพราะปกติก็ต้องกินข้าวด้วยกันทุกวัน สะใจชะมัด ชอบตอนคะน้าสอนแนน
คือชั้นไม่ทำผู้หญิงแต่ขอสอนหน่อยถ้าเป็นน้องนุ่ง มายาวเป็นหางว่าวเลย ซึ่งมันจริงทุกอย่าง
จนนางต้องยอมแพ้ให้กับความดีความน่ารักของคะน้านะ ชอบตอนทิมเปิดตัวออกมามาก
เคยมีอะไรกันตอนไหน ตู่สุด ๆ อ่ะ จบ ๆ กันไปนังน้องแนน

“พี่ทิมต้องชินกับเรื่องพวกนี้ให้ได้ใช่ไหมครับ? เพราะ เมียจ๋า เป็นผู้ชาย” ฮาเงิบกับพี่ทิมมาก
มีบังคับให้พนักหน้าด้วยนะ น่ารักจังเลย คนที่ทิมมองมีแต่คะน้าจริง ๆ อย่างที่แนนบอกแหละ
คนเดียวที่ทิมสนใจ เออ..ทิมมีเพื่อนบ้างมั้ยเนี่ยๆๆ

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 18-02-2013 00:09:55
สวัสดีค่ะ ตอนแรกกะว่าจะสอบเสร็จก่อนแล้วค่อยเริ่มอ่านเรื่องนี้จริงๆจังๆ
แต่ก็ทนไม่ไหวค่ะ จัดเต็มอ่านรวดเดียว 29 ตอน กับสเปเชี่ยลวาเลนไทมืเลย

มายกมือขอเป้นแม่ยกทิมอีกคนได้ไหมคะ
ชอบคาแรคเตอร์ของทิมมากๆ เรารู้สึกว่าทิมเป็นคนที่หนักแน่น จริงจังแล้วก็ตรงไปตรงมาดี เหมาะกับคะน้ามากกว่าหมอตุลเพราะในความรู้สึกเราแล้ว เรารู้สึกว่าคะน้าเป็นคนที่ต้องการที่ยึดเหนี่ยวนะคะ

คะน้าเป็นคนที่ค่อนข้าง จะว่ายังไงดี ในความรุ้สึกเราแล้วคะน้าเป็นคนอ่อนไหวและไม่ค่อยหนักแน่น
ซึ่งเพราะอย่างนี้เลยว่าไม่เหมาะกับหมอตุล เพราะหมอตุลก็ต้องการที่ยึดเหนี่ยวเหมือนกัน 555

อีกอย่างคือเราแอบคิดว่าคะน้ากับหมอตุลคล้ายๆกัน หมอตุลหน่ะในความรู้สึกเราคือคนเจ้าชู้แบบอบอุ่น ส่วนคะน้าเจ้าชู้แบบซื่อๆ กลับคิดว่าคะน้าที่คิดว่ารักตุล มันอาจจะไม่ใช่แบบคนรักอ่ะค่ะ


555 นี่เราเม้นต์อะไรบ้าบอเนอะ อย่าสนใจเลยค่ะ
เอาเป็นว่าสนุกมากๆ จะพยายามติดตามนะคะ รอสอบเสร็จจะได้อ่านเต็มที่ ^^

ปล. เราพิมพ์ไม่ค่อยเก่ง แต่พูดเก่งนะคะ อ่านแล้วอาจจะงงๆ +เพ้อๆ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 29 - (หน้า 38) Feb 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 18-02-2013 11:45:20
ลุ้นให้ทำสถิติจบใน 1 ปีได้ด้วยคน 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 18-02-2013 16:07:59
ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับทุกคนที่แวะมาทักทายกัน
ยินดีที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ทุกๆ คนด้วยครับ คนที่อ่านติดต่อกันหลายๆ ตอนนี่นับถือมาก
เพราะมันยาวมากนะนั่น ยังไงก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ 5555
และที่ต้องขอขอบคุณยิ่งกว่าก็คือเพื่อนๆ ที่เห็นกันตลอดจนคุ้นหน้าเป็นอย่างดี
ตอนที่ 30 มาแล้วครับ อัพตอนใหม่ต้นสัปดาห์เวลาแปลกๆ นี่แหละ
ใครที่ว่างอยู่ หรือแอบอู้แวะมาอ่านเล่นๆ กันนะครับ 5555

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 30



รอยแดงช้ำตรงมุมปากของทิมทำให้ผมไม่สบายใจ ผิดกับเจ้าของรอยฟกช้ำที่นั่งเหมือนคนไม่ทุกข์ร้อน ผมได้แต่กดความไม่พอใจที่ก่อตัวไว้เงียบๆ แล้วนั่งมองอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมากมายในมือ ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี เริ่มที่ตรงไหน แล้วต้องทำอะไรบ้างกับขวดสารพัดและสำลีเหล่านี้

“มันใช้ยังไง แล้วต้องใช้อันไหนบ้าง” คะน้าบ่นกวาดตามองข้าวของต่างๆ เหล่านั้นอีกครั้ง คนที่นั่งข้างๆ คอยชะโงกมองแล้วทำหน้ามึนไม่ต่างกัน

“ไม่รู้เหมือนกัน”

คำตอบของทิมทำให้คะน้าหน่ายใจ ดูเหมือนผู้หญิงจะมีพรสวรรค์ในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มากกว่าหรือเปล่า อย่างน้อยก็มากกว่าผู้ชายตัวโตๆ สองคนที่นั่งมองชุดปฐมพยาบาลเหมือนกับเป็นของแปลกประหลาดแบบทิมและเขา คะน้ามองขวดใสๆ ในมือ รอยช้ำมันต้องใช้อะไร เบตาดีนก็ไม่น่าใช่ หรือว่ายาแก้ปวดแบบเม็ด แต่มันใช้รักษาแค่อาการปวดหัวหรือเปล่า? แล้วน้ำมันมวยนี่ล่ะ?

“ไอ้นี่มั๊ง” สุดท้ายคะน้าก็คว้าแอลกอฮอลขวดใหญ่แล้วบรรจงเทลงสำลีอย่างทุลักทุเลก่อนจะหันมาทางทิม พยายามวางท่าราวกับผู้เชี่ยวชาญเต็มที่ ...อย่างน้อยก็ต้องเช็ดแผลล่ะน่า

“เช็ดแผลซะหน่อย”

“แต่ไม่มีแผลเลยนะ แค่ช้ำๆ เอง” ทิมท้วงขึ้น แต่พอมองสีหน้าที่เชิงบังคับขู่เข็ญของคะน้า ชายหนุ่มก็เอียงแก้มข้างขวาให้แต่โดยดี ปลายสำลีซับลงเบาๆ ที่มุมปาก “เย็นๆ ดีนะ”

“ถ้าแรงไปบอกนะ” คะน้าพยายามเกลี่ยสำลีบนกระพุ้งแก้มให้เบามืออย่างถึงที่สุด “ส่วนที่เหลือคงต้องรอเจ้กลับมาแล้วล่ะ ใช้ผิดใช้ถูกเดี๋ยวยิ่งกว่าเดิม” คะน้าว่าพลางหันไปเก็บข้าวของต่างๆ ยัดลวกๆ ใส่กล่องปฐมพยาบาล เพิ่งรู้ว่าถึงเวลาจริง ตัวเองกลับใช้อะไรไม่เป็นสักอย่างเลย

“ไกลหัวใจเยอะ สบายๆ น่า เดี๋ยวก็หาย” คนเจ็บยิ้มระรื่นเหมือนกับไม่ได้มีรอยชกบนแก้ม คะน้าหันกลับไปมองแล้วถอนใจ รอยบวมนั้นคืนนี้ก็คงจะเริ่มเขียว แล้วอีกไม่นานก็คงจะกลายเป็นสีม่วงช้ำอย่างแน่นอน

“แล้วจะบอกได้หรือยังว่าไปทำอะไรมา”

“ออกกำลังนิดหน่อย” ทิมส่ายหน้า บิดขี้เกียจแล้วทำท่าลุกขึ้น ก่อนจะสีหน้ากวนๆ นั้นจะเหยเก ในการเคลื่อนไหวที่แนบเนียน ร่างสูงดูเหมือนทรุดกลับมานั่งยิ้มส่งตาหวานเหมือนเดิม

“เมียจ๋า...” ...ไม่ใช่ว่าเขาจะดูไม่รู้

“...ถอดเสื้อ” คนอายุน้อยกว่าแสร้งเบิกตาโพลงแล้วทำสะดีดสะดิ้งจนน่าถีบ

“น้องต่ายจะทำอะไรพี่ทิมเนี่ย วันนี้บนโซฟาเลยเหรอ ...ขอมาพี่ทิมก็จัดให้นะ” เห็นท่าแล้วชักจะไม่ได้ความ คะน้าจึงจับชายหนุ่มตัวล่ำให้อยู่นิ่งๆ แล้วปลดกระดุมออก จังหวะที่อลหม่านทิมหอมฟอดเข้าที่ข้างแก้มเน้นๆ

“พักหลังชักเยอะนะ เดี๋ยวจะโดน” คะน้าหันมาเขม่นใส่ ไมใช่ว่าโมโหที่โดยหอม (ชินแล้ว) แต่ที่ไม่ชอบใจคือการเล่น กลบเกลื่อนอะไรบางอย่างของทิม

“ดุว่ะ” เจ้าตัวยังไม่วายบ่นอุบแต่เจอหน้าปั้นยากส่งกลับมา ก็เลยนั่งนิ่งอยู่กับที่แล้วให้คะน้าค่อยๆ ปลดท่อนบนออก แววตาขี้เล่นดูนิ่งขึ้นจนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

รอยแดงยาวเหมือนโดนฟาดด้วยของแข็งพาดผ่านแผ่นอกช้ำจนชัด ที่น่าตกใจก็คือมีร่องรอยแบบเดียวกันอีกสองสามรอยบนแผ่นหลัง ไม่นับรวมกับเนื้อตัวของทิมที่ถลอกเป็นรอยช้ำหลายจ้ำไปทั่ว และยิ่งดูเห็นชัดเมื่ออยู่บนผิวที่ขาวและไม่เคยมีร่องรอยของบาดแผลมาก่อน คะน้าขบฟันจนสันกรามขึ้นนูน ทั้งใจหายและทั้งกรุ่นโกรธไม่แพ้กัน เขาเงยหน้าขึ้นมองทิมด้วยสายตาที่คาดคั้น

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับคนเก่ง มันเห็นแล้วใจไม่ดีเลย” ทิมส่งรอยยิ้มบางๆ แทนยาแก้มึนให้กับคะน้า แต่มันไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ “แค่มีเรื่องกับพวกช่างนิดหน่อยน่ะ แต่ก็เคลียร์แล้ว”

คำตอบของทิมดูจะไม่ช่วยคลายความเครียดของคะน้าไม่ได้เลย ร่องรอยต่างๆ เหล่านี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน คล้ายกับมันถูกสะสมมานานจนน่าตกใจ แต่เหมือนเจ้าตัวจะปกปิดได้แนบเนียนจนเขาไม่เคยรู้เลย “ตั้งแต่เมื่อไหร่ทิม”

“วันนี้เอง”

...วันนี้?

คะน้าออกน้ำหนักลงบนกำปั้นแล้วต่อยลงที่ท้อง หน้าของทิมบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังหันกลับมาระรื่นได้ ชายหนุ่มเอื้อมมือมาขยี้หัวเขาเบาๆ

“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า”

“อย่าบอกว่าแนน?”

“ไม่หรอก ไม่ใช่เลย ก็ตามที่บอกไปน่ะ เรื่องปกติเวลาทำงานแบบนี้น่ะ”

ปกติอย่างนั้นเหรอ? ปกติตรงไหน?

“ที่ทำงานใหม่น่ะเหรอ ไหนว่าทำส่วนออฟฟิศ” คนเฉยๆ กลายเป็นคนช่างซักไปเสียแล้ว คะน้ามองไม่เห็นว่าทิมจะมีปัญหากับพวกคนงานอย่างที่บอกได้อย่างไร เมื่อพักหลังๆ ชายหนุ่มแต่งตัวแนวพนักงานออฟฟิศธรรมดามากกว่าจะออกแนวลุยๆ แบบที่ผ่านมา

ทิมระบายรอยยิ้มพร้อมกับผ่อนลมหายใจ ร่างสูงเอนหลังพิงทั้งตัวแล้วหอมลงบนแก้มคะน้าหนึ่งครั้ง กลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวของทิมผสมกลิ่นเหงื่อและแอลกอฮอลจนตีกันไปหมด “ก็มีไปตรวจไซด์ต่างๆ บ้าง พอเป็นส่วนกลาง ออกไปตรวจเจอที่หมกเม็ดไว้ ได้เป็นเรื่องทุกที”

คะน้าไม่เข้าใจระบบการทำงานต่างๆ หรือแม้แต่ขั้นตอนการทำงาน แม้แต่การพูดจาว่ากันด้วยกำลังเหล่านี้ แต่เขาไม่ชอบใจเอาเสียเลยกับสิ่งที่ได้ยิน เป็นเหตุผลการชกต่อยที่ฟังไม่ขึ้นในความคิดของเขาเลย



“ห่วงใช่ไหม?”

คะน้าพยักหน้าแล้วก้มหน้าลง คงไม่ต้องพูดแล้วว่าในใจของเขาเป็นห่วงมากขนาดไหน ทิมถอยหายใจหนักๆ แล้วเอาหัวโขกที่ขมับของคะน้าเบาๆ รอยยิ้มน้อยๆ ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง

“บางทีมันก็เผลอใช้ชีวิตแบบเดิมๆ คิดว่าก็เต็มที่มันไปเลย คุยกันไม่รู้เรื่องก็ว่ากันด้วยไอ้นี่” ทิมกำหมัดแล้วแย๊บบนแก้มของคะน้าเบาๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มกวนประสาทแบบที่ติดเป็นนิสัย ก่อนที่กำปั้นนั้นจะคลายตัวออกแล้วไล้แก้มของเขาด้วยความอ่อนโยน



“ใครจะคิดว่าคนถ่อยๆ แบบนี้ มันจะมีคนเป็นห่วงกับเขาด้วย”

ทิมสบตาคะน้าด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ดวงตาคู่นั้นหวานซึ้งจนคะน้าต้องเบือนสายตาหนีโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าไม่กล้ามอง แต่ทุกครั้งที่มองตาคู่เดิมๆ คู่นั้น ก็มีอันได้เขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


“พี่...”



“คะน้า...”





“ต่ายครับ...”


“หื้ม”

คะน้าตอบกลับด้วยเสียงในลำคอ กระนั้นก็สร้างความพึงใจให้กับผู้ถามเป็นอย่างดี ทิมเอนหน้าลงวางบนบ่า ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตาคะน้า


“...ขอนอนตักได้ไหม”

“อืม” คำอนุญาตนั้นแผ่วเบาแต่ก็ถือเป็นสิทธิที่ผู้ร้องขอพึงจะกระทำได้ ทิมค่อยๆ ล้มตัวลงแล้วซุกลงบนตักของคนที่นั่งนิ่ง หมายถึงนั่งนิ่งๆ จริงๆ คะน้าได้แต่นั่งเฉยๆ ในขณะที่ทิมเองพอหนุนหัวลงบนหน้าตักได้ก็นอนตะแคงนิ่งๆ อยู่แบบนั้น ต่างฝ่ายต่างนิ่ง ...ไม่ต่างกัน



มันเหมือน...

ฟังดูอาจจะประหลาด แม้ว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเนิ่นนานและมากมายขนาดนี้ แต่บ่อยครั้งที่ต่างฝ่ายก็ต่างยังเขินกันไม่ต่างกับวันแรกๆ ที่รู้จัก นานๆ ครั้งคะน้าจะแอบเหลือบมองศีรษะที่นอนหนุนอยู่ ใบหูแดงๆ กับท่าทางที่ทำไม่รู้ไม่ชี้แบบนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่าคนที่นอนอยู่ก็คงไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ดีกว่าสักเท่าไหร่



“นี่...”

เสียงของทิมดังขึ้นแบบไม่มีที่มาที่ไปจนทำให้คะน้าหลุดออกมาจากภวังค์

“...อะไร”

คะน้าตอบรับแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งสนิท ทิมเงียบไปสักพัก สุดท้ายก็ถอนหายใจเสียงดังลั่นออกมา

“เฮ้ออออ... ช่างมันเถอะ”








“นี่...”

“หืม?”

“ลูบผมให้ได้เปล่า”

คะน้ายกมือขึ้นแล้วลูบลงไปเบาๆ บนเส้นผมของคนที่ร้องขอ เส้นไหมสีดำของทิมนิ่มนวลและหยอกล้อไปกับปลายนิ้วของคะน้า แปลกที่มันให้ความรู้สึกเพลิดเพลินจนลืมอาการเก้อเขินลงไปได้ คะน้ารู้สึกว่าตัวเองผ่อนคลายขึ้น ทิมก็ดูจะเป็นอย่างนั้นเช่นกัน


“ยังเจ็บอยู่ไหม”

“นิดหน่อย”

ทิมตอบเบาๆ ใบหน้ายังตะแคงอยู่ ดวงตาทอดมองไปเบื้องหน้า คะน้าผละมือจากผมลงมาลูบที่บนแผลฟกช้ำตามลำตัวเบาๆ อย่างทะนุถนอม ห่วงแบบไม่รู้จะห่วงไปทำไม ทั้งที่ทิมจะจะดูล่ำสันและแข็งแรงกว่าเขาด้วยซ้ำ


“ว่าไหม?”

เสียงของทิมโพล่งขึ้นมา ใบหน้าที่ตะแคงนั้นยังจ้องมองไปข้างหน้าเหมือนเดิม



“...เราเหมือนคนที่เขาเป็นผัวเมียกันจริงๆ เลยว่ะ”

รู้สึกเหมือนกระแสไฟฟ้ากระตุกช็อตไปชั่วขณะ คะน้าชะงักมือทันที ไม่รู้จะตอบอะไรกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน สายตาหยุดอยู่ที่ใบหูที่เป็นสีแดงก่ำ สิ่งที่วนอยู่ในหัวของเขาเมื่อครู่ทำไมถึงแปลงออกมาเป็นเสียงของทิมแบบนั้น ในห้วงความคิดของคะน้าเมื่อครู่ มันไม่ใช่แค่เหมือนคนเป็นสามีภรรยากันธรรมดา แต่ความคิดนั้นบอกว่ามันเหมือนคนเป็นสามีภรรยาที่โคตรจะรักกันมากๆ จนอยากจะหยิบกระโถนขึ้นมาอ้วกแตกกันไปข้าง



“...ว่าไหมครับ”

เสียงทิมดังขึ้นอีกครั้ง สีแดงเริ่มระบายลามไปบนลำคอและใบหน้าด้านข้าง คะน้านิ่งสงบไม่รู้จะพูดอะไรออกไป อยากจะตำหนิคนถามก็ไม่เชิง มันมึนๆ งงๆ อธิบายความรู้สึกตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน ไม่รู้จะพูดว่าอะไรต่อ หรือจะตอบรับอะไรดี

“แล้ว... ไม่ใช่เหรอ?”




เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!! พูดอะไรออกไปวะ!


มึนยิ่งกว่าเดิม มึนจนคะน้าถึงกับยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก ทิมหันหน้ากลับมาแล้วยิ้มร่า ร่างสูงของคนอายุน้อยกว่ากระเด้งตัวขึ้นมาเหมือนดีดด้วยสปริง สายตาวิบวับแล้วจ้องมองลึกลงในดวงตาของคะน้า



“พูดอีกที”

“พูดอะไร”

คะน้าตีมึนใส่ทำไม่รู้ไม่ชี้ เห็นทีว่านอนน้อยไปหน่อย หรือไม่ก็เมากลิ่นแอลกอฮอลจนลำดับความคิดในหัวสมองไม่ถูก เขาเบือนหน้าหนีไปอีกด้าน หลบสายตากวนประสาทนั่นด้วย

“นี่...”

ทิมสะกิดยิกๆ จนน่ารำคาญ เสียงหัวเราะครื้นฟังดูจะสร้างความหงุดหงิดไม่สร่าง

“อะไรอีก”

มือของอีกคนจับใบหน้าของคะน้าพลิกกลับมาสบตา ใบหน้าของทิมดูนิ่งไม่ได้กวนประสาทและปราศจากแววตาของความยียวนใดๆ คงเหลือไว้แต่รอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากนั่นที่ดูจะคงอยู่แบบทุกครั้งที่เคยเห็น มือของคนตรงหน้าลูบไล้ไปมาบนท้ายทอย คะน้าเงยหน้าขึ้นสบตากับร่างสูง ดวงตาสีดำคู่นั้นลึกล้ำและเชิญชวนแบบมีชั้นเชิงจนเขาเหมือนถูกสะกดให้จ้องมองไม่ให้ละสายตาไปไหน ...แล้วมุมปากของทิมก็ยกขึ้นอีกเล็กน้อย


“จูบที”

ไม่รู้จะปฏิเสธไปให้ได้ความอะไร คะน้าจึงยืนนิ่งแล้วมองริมฝีปากนั้นที่แย้มขึ้น ...รอรสสัมผัสที่คงเลี่ยงบาลีไม่ไหว หากแต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเฉย ทิมไม่ได้เข้าหาแบบทุกที ร่างสูงกว่าส่ายหน้าช้าๆ ใบหน้าที่คมคายเพยิดขึ้นยั่วเย้า ผิดกับแววตาคู่นั้นซึ่งเว้าวอนเหมือนร้องขอ คะน้าขมวดคิ้วมุ่น ชักจะเข้าใจเจตนามากขึ้น

เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวันนะคุณมึง

ทิมยังยืนยิ้มเจ้าเล่ห์ ริมฝีปากเปื้อนยิ้มนั้นทำหน้าที่ของมันได้อย่างน่าหมั่นไส้จนรู้สึกหงุดหงิดลูกตา



“กล้าๆ หน่อย”




...ก็แค่ให้มันจบๆ ไปหรอก

กลั้นใจหรือกลั้นหายใจก็ไม่รู้ คะน้าค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วจูบลงที่ริมฝีปากตรงหน้า แผ่วเบา อ่อนหวาน หากแต่เมื่ออีกฝ่ายได้รับการสัมผัสก็กลับเหมือนเชื้อเพลิงที่ถูกจุดไฟทันที สองมือโอบเข้าที่เอวแล้วดึงเข้ามาจนชิด ก่อนจะดูดดื่มราวกับไม่รู้จักเบื่อ ค่อยๆ ลุกลามไปเรื่อยๆ เหมือนเอาน้ำมันราดลงบนกองไฟแบบทุกครั้ง



...แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้


“やだも~!”

เสียงวี๊ดของผักกาดดังขึ้นจากหน้าประตูจนคนทั้งสองสะดุ้ง!!!



(มีต่อด้านล่างนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 18-02-2013 16:15:16
(ต่อเลยนะครับ)



“やだも~!”

เสียงวี๊ดของผักกาดดังขึ้นจากหน้าประตูจนคนทั้งสองสะดุ้ง

“อกอีแป้นจะแตก!! Do I have supposed to see something like this ค๊า? ああ~” สารพัดภาษาเท่าที่พอจะนึกออกตอนไม่มีสติพร่างพรูออกมาจากปากของอดีตนักศึกษาปริญญาโทจากญี่ปุ่นจนตีกันมั่วไปหมด คะน้าสะดุ้งสุดขีด สัญชาตญาณจึงรีบผลักทิมไปให้ห่าง ลืมไปแล้วซึ่งร่องรอยที่ฟกช้ำตามร่างกายจนชายหนุ่มกลับลงไปนั่งร้องโอดโอยบนโซฟา

“น้องเจ้ จะทำอะไรช่วยให้มันมิดชิดกว่านี้นะคะ ไม่ต้องเผื่อแผ่เจ้ค่ะ ถึงเจ้จะเป็นสาวยุคใหม่ แต่ก็ยังไม่ก๋ากั่นพอ โอย... หัวใจจะวาย” ติดเสียว่าไม่เคยพกติดตัว ไม่อย่างนั้นผักกาดคงควักยาดมขึ้นมายัดสองรูจมูกเอาเสียให้ได้ ไม่เชิงว่ารับไม่ได้ แต่เห็นแล้วมันจักจี๋แปลกๆ “ต่ายซัง ...เจ้จะเป็นลม”

“คือมันไม่ใช่อย่างนั้นนะเจ้”

“ฟังไม่ขึ้นค่ะ มันฟังไม่ขึ้น mouth to mouth - skin to skin ขนาดนั้น ああ~” ผักกาดยังไม่วายส่งเสียงประหลาดด้วยความตกใจ ทิมเผลอหัวเราะขำจนตัวสั่น ขณะที่คะน้ารีบหันไปพะงาบปากห้ามเป็นระวิง

“ไม่ใช่นะเจ้ ทิมมันช้ำไปทั้งตัว ไม่รู้จะทำยังไง ยาพวกนี้ก็ใช้ไม่เป็น” โบ้ยมือไปทางกล่องยาที่วางอยู่ตรงหน้า จนผักกาดเริ่มคลายความตกใจลงไปบ้าง แต่ก็ไม่วายมองแบบจับผิดมาที่ชายหนุ่มทั้งสอง กวาดตามองสำรวจริมฝีปากน้องชายที่เจ่อแดง แล้วมองไปที่อีกคนที่เปลือยท่อนบน สภาพริมฝีปาก ไม่ค่อยต่างกัน แล้วกวาดมองต่อไปที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ

“ตายจริง!!! ทำไมเราสองคนคิสมาร์กรุนแรงแบบนี้ เจ้เพลีย เจ้จะเป็นลมมมม...” ผักกาดทำท่าหน้ามืดอีกครั้ง

นับเป็นเวลาหลายนาทีที่จะอธิบายความกันรู้เรื่อง สุดท้ายผู้เป็นพี่สาวก็สอนสองหนุ่มถึงวิธีการใช้ยาต่างๆ คะน้าทำตามที่ผักกาดบอก หยิบหยูกยาแก้ฟกช้ำแล้วนวดเบาๆ ไปตามจุดต่างๆ โดยมีผักกาดคอยกำกับการดูแลรักษาน้องเขย (?!?!) อย่างใกล้ชิด

“จะว่าไปแล้วก็คิดถึงเจ้าตุลมันนะ ถ้ายังอยู่จะได้ช่วยตามมาดูกัน ไม่ต้องรอเจ้”

ผักกาดบ่นไปอย่างเรื่อยเปื่อย หากแต่คำพูดเหล่านั้นกลับหวนทำให้คิดไปถึงคนที่อยู่ห่างไกล หลายเดือนแล้วนับตั้งแต่เอ่ยลาในวันนั้น คะน้าไม่ได้รับข่าวคราว ไม่ได้รู้เรื่องความเป็นไปของตุลเลยแม้แต่น้อย ยอมรับได้อย่างเต็มความรู้สึกว่าคิดถึง มันไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่ ผูกพัน มันปะปนไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ยิ่งย้อนกลับไปคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยกัน ก็ยิ่งรู้สึกใจหายกับการจากไป



...เคยคิดเล่นๆ ไหม ถ้าวันนั้นเลือกเส้นทางอีกทาง วันนี้มันจะเป็นอย่างไร?

แค่สงสัย แค่อยากรู้ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ามันก็เป็นแค่คำถามที่ไม่มีทางรู้คำตอบก็ตาม

“หลงคิดดีใจว่ามีคนเป็นหมออยู่ใกล้ๆ ตัวแท้ๆ ดันไปต่างประเทศซะได้ อ้อ! ต่าย... เราได้ข่าวตุลบ้างไหม?” ผักกาดหันมาถามเหมือนไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งไปกว่านั้น หากแต่คำถามนั้นกระทบกับใจของเขาเหลือเกิน




หลายวันก่อนคะน้าเพิ่งรู้ว่าพยาบาลที่แวะเวียนมาซื้อไอศกรีมทานทุกวันที่ตลาดนั้นคือ จิ๋ว ที่เคยมากับตุล ความคิดวูบแรก ผมแอบคิด ...แอบคิดว่าตุลจะมาด้วยไหม แต่เวลาผ่านไปนานแค่ไหน กี่วันต่อกี่วัน ก็มีแต่จิ๋วที่มาซื้อไอศกรีมใส่กระติกกลับไป

คิดแล้วก็น่าขำ ผมยังแอบตั้งคำถามเล่นๆ ในใจว่าซื้อไปทานกับตุลหรือเปล่า พอแอบทาน เธอก็บอกแค่ทานกับเพื่อนๆ ในวอร์ด ครั้งหนึ่ง ผมเคยถามไปว่าพอจะได้ข่าวของตุลบ้างไหม จิ๋วแค่ส่ายหน้า จ่ายเงิน แล้วเดินจากไป ห้องข้างๆ ที่เคยได้ยินเสียงกีต้าร์เบาๆ ทุกคืน เงียบสนิทมาเนิ่นนาน ...นานจนผมลืมว่ามีความทรงจำของผมอยู่หลังกำแพงนั้น


“ไม่ครับ ...ไม่รู้เลย”




ถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็คงดี ...ถ้าได้เจอกัน ผมจะบอกกับเขาว่าผมทานของเผ็ดน้อยลงแล้ว น้ำอัดลมก็ด้วย เดี๋ยวนี้ผมว่ายน้ำ ผมออกกำลังกายบ้าง ก็ดูแลรักษาสุขภาพน่ะ อีกอย่างก็คงเป็นเรื่องที่ทุกวันนี้ผมหัวเราะเสียงดัง มีความสุขมากๆ เลยมั๊ง แล้ว... แล้วผมก็เลิกร้องไห้แล้วนะ เจออะไรหนักๆ ก็จะยิ้มสู้ จะอดทน จะไม่ขี้แยเป็นเด็กๆ



แม้แต่ต่อหน้าป๋ากับแม่ ผมก็ไม่ร้องไห้แล้ว ...และจะไม่ร้องอีกแล้ว



...ผมไม่เคยลืมคำสัญญา


“น่าเสียดายนะ ไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ไหน เห็นแม่บ้านบอกว่าหลายวันก่อนมีบริษัทเข้ามาขนย้ายของออกไปหมดเลย ห้องก็ปล่อยขายแล้ว”

“ย้ายของออกหมด? ปล่อยขาย?”

คะน้าถึงกับอึ้งเหมือนโดนตี ตุลบอกว่าจะกลับมาอยู่ที่เดิม แต่แล้วจู่ๆ ก็ปล่อยห้องขาย หมายความว่าอะไร? ตุลจะไม่กลับมาไทยแล้ว? หรือว่าจะกลับมาแต่ย้ายที่อยู่? และไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน เหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้คืออะไร? ...เป็นเพราะเขาหรือเปล่า? เพราะทางที่เขาเลือกเดินในวันนั้น

“เห็นว่าฝ่ายรีเซลเริ่มพาลูกค้ามาดูบ้างแล้ว เราจะได้เพื่อนบ้านคนใหม่แบบไหนนะ ลุ้นจริงๆ” ผักกาดพูดไปพร้อมกับเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลลงกล่องแล้วจัดแจงให้เป็นระเบียบ

ความรู้สึกหน่วงก่อตัวขึ้นในใจอย่างรวดเร็วจนคะน้าตั้งตัวไม่ทัน จะเรียกได้ว่าเขาถูกจู่โจมด้วยความผิดหวังอย่างนั้นหรือเปล่า ภาพสุดท้ายของตุลที่จดจำได้ในความคิดเป็นชายหนุ่มผิวขาวสูงโปร่ง แววตาใต้กรอบแว่นดูหมองเศร้า ใบหน้าที่เคยแต้มด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนโลกให้สว่างได้ทั้งใบนั้นดูฝืดเฝือน มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ...บางเหมือนแสงแดดในไอหมอกที่มืดมัว

“เหม่ออยู่นั่นแหละ เป็นอะไร” เสียงเปรยของทิมลอยขึ้นมาในอากาศ ดึงคะน้าออกจากความคิดที่เวียนวน

“เปล่าๆ ไม่มีอะไร แค่แปลกใจนิดหน่อย”

“ตกลงว่ามี หรือไม่มีอะไร” เสียงทุ่มดูจะขุ่นขึ้นมากะทันหัน ใบหน้าของเจ้าของเสียงดูจะไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ไม่แปลกเลยที่ทิมจะพอคาดเดาทุกอย่างในความคิดของคะน้าออก ซึ่งเขาไม่ได้มีเจตนา แต่มันรวดเร็วจนคะน้าตกใจจริงๆ

“พอๆ สองคนไม่ต้องมาเล่นซีนหึงหวงพ่อแง่แม่งอนแถวนี้ แค่ซีนเดียวที่เจ้เห็น เจ็ก็ไม่ไหวแล้ว เจ้อยากจะเป็นลม” ผักกาดกุมขมับส่ายหน้าห้ามทัพ เล่นเอาสองหนุ่มนักแสดงทำหน้าไม่ถูก จะขำก็ไม่เชิง จะเขินก็ไม่ใช่

“ไหนๆ ก็ไหนๆ อยู่กันพร้อมหน้า เจ้ของถามเราหน่อยได้ไหม ซีเรียสนิดนึง ทิมก็ด้วย เจ้อยากฟังความคิดเห็นหน่อย” ผักกาดรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่จะได้เห็นซีนที่ว่าต่อ

“ที่ตลาดเป็นยังไงบ้างน่ะ มันดีขึ้นไหม พักหลังๆ คนเริ่มเลิกขายกันไปเยอะ เจ้ก็เข้าใจนะ เดี๋ยวนี้การแข่งขันมันสูง เราไม่ได้สู้แค่พวกห้าง พวกซุเปอร์ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ตลาดนัด หรือแม้แต่ตลาดสดด้วยกัน เรายังต้องสู้กับอาหารสำเร็จรูป อาหารพวกเดลิเวอรี่ตามบ้านต่างๆ อีก ตัวเลขมันติดลบต่อเนื่องเลยจนคนดูบัญชีเขาท้วงเจ้มา”

คะน้าถอนหายใจ ยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้นแต่เขาก็จะพยายามแก้ไขอย่างดีที่สุด ที่ผ่านมาก็พยายามปรับปรุงตลาดให้น่าเดินขึ้น และเสียงตอบรับก็ค่อนข้างเป็นไปด้วยดี แต่มันคงต้องใช้เวลาที่มากกว่านี้

“เจ้เองแหละที่ผิดที่ปล่อยให้เราดูคนเดียว ต่าย... อย่าทำหน้าหนักใจแบบนั้น เจ้เห็นแล้วเซ็ง คุยกันสบายๆ ดีกว่า ช่วยๆ กัน อะไรที่พอทำได้ก็จะได้ทำ” สีหน้าของคะน้าดูจะดีขึ้นมาสักหน่อยหลังจากได้ยินถ้อยคำของพี่สาว

“ตอนนี้ตัวแผงต่างๆ ในตลาดก็โอเคกับสิ่งที่ทางเราดูแลนะ แต่ปัญหาคือจำนวนคนมาเดินที่ลดลง ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง เสียงตอบรับจากคนที่เดินอยู่มันก็ดี แต่คิดว่าทุกอย่างก็คงต้องใช้เวลาถึงจะขยายสู่วงกว้าง” คะน้าตอบตามความเป็นจริงในสิ่งที่เขาคิด

“บริษัททำบัญชีบอกมาอีกว่ามีคนมาขอซื้อที่จากเรา เขาก็เชียร์ใช้เราขายนะ เพราะตัวเลขมันแดงมานาน อีกอย่างคือเขาก็ให้ราคาสูงมาก ถามไปทางญาติฝั่งป๋าด้วย ทางนั้นก็นะ เห็นอะไรเป็นเงินเป็นทองไปหมด เห็นว่าจะทำคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่แบบครบวงจร เจ้เคยปฏิเสธไป ก็ยังสู้ราคาไม่ถอย แถมบอกว่าจะยอมรับข้อเสนอทุกอย่าง”

“เจ้ผมขอได้ไหม... ผมคงไม่ขายนะ ผมรับไม่ได้ สำหรับเราทุกคน เจ้ก็รู้ว่าที่นี่มันไม่ใช่แค่ตลาด หรือแค่ที่ค้าขาย มันมีอะไรมากกว่านั้น อีกอย่างถ้าเราขายไป แล้วคนที่ตลาดจะทำอะไรกินกัน เขาอยู่กันมาเป็นสิบปี จู่ๆ หายไป มัน... ผมคิดไม่ออกจริงๆ มันคงยากสำหรับทุกคนนะเจ้”

“แล้วเราน่ะ โอเคใช่ไหมกับที่ต้องทำงานแบบนี้ ไม่ได้ดูโก้แบบเพื่อนๆ ของเราที่ตอนนี้เติบโตไปไหนๆ กันแล้ว” ผักกาดมองน้องชายของตนเองด้วยความเป็นห่วง

“ผมโอเคครับ ที่นี่อาจไม่โก้ ไม่มีชื่อเสียงหน้าตา แต่ที่นี่ มันทำให้ผมมีความสุขทุกวัน คิดไม่ออกจริงๆ นะเจ้ ว่าไม่มีมันแล้วชีวิตวันพรุ่งนี้ ตื่นมาแล้วจะทำอะไร” คะน้าตอบเสียงใสพร้อมกับรอยยิ้ม

อยากจะเก็บที่นี่ไว้สำหรับทุกคน เสียงหัวเราะของเจ๊เป็ด เสียงทะเลาะกันของจันทูและสายใจ เสียงต่อราคาของคนที่มาจับจ่ายซื้อของ แม้แต่รอยยิ้มของทุกๆ คนในตอนที่เดินกลับออกไปพร้อมกับข้าวของเต็มมือ ทุกคนช่วยกันทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่จากไปรู้สึกอยากกลับมาเดินที่ตลาดใหม่ สินค้าราคาประหยัด มีคุณภาพ อาหารปลอดสารพิษ แม้กระทั่งความอบอุ่น จริงใจเหมือนกับคนในครอบครัว

“ไอ้จ๋อ แกคิดว่ายังไง” ผักกาดหันมาตวาดเสียงแข็งใส่ทิมที่นั่งฟังจนเคลิ้ม เล่นเอาเจ้าตัวสะดุ้งขึ้นมา ดูทิมจะหงุดหงิดกับที่โนเรียกว่าเป็นลิงอยู่ไม่น้อย

“เงินก็เป็นเรื่องสำคัญ ธุรกิจก็คือเรื่องของกำไรขาดทุน มันขึ้นอยู่กับว่าพี่ผักกาดกับเมี...” ทิมชะงักกับสายตาคมกริบสองคู่ที่ทิ่มแทง “...กับต่ายจ๋ามองว่ามันคือธุรกิจหรือเปล่า ถ้าตอบตรงนี้ได้อย่างชัดเจน คำตอบมันก็มีอยู่ในตัวมันชัดแล้ว”

นับว่าคำตอบของทิมค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจสำหรับผักกาด หญิงสาวหันกลับไปยักคิ้วให้คะน้า

เดี๋ยว... ภาพนั้นมันคุ้นตาจนน่าตกใจ คะน้าหันกลับไปมองคนที่นั่งข้างๆ ท่วงท่า สีหน้าเรียกได้ว่าแทบจะไม่ต่างกัน หลังจากที่เคยครุ่นคิดอยู่นานว่าชายหนุ่มนั้นมีอะไรบางอย่างที่คุ้นตา เป็นอันว่าวันนี้คะน้าได้พบกับคำตอบชนิดเส้นผมบังภูเขานั้นแล้ว


มีคนเคยบอกว่าผู้ชายมักจะตกหลุมรักผู้หญิงที่มีลักษณะบางอย่างที่เหมือนกับแม่ของตนเอง

คะน้าหันกลับไปมองทิมที่เขม่นตาใส่พี่สาวเขาได้อย่างไม่ลดรา อีกฝ่ายก็ดูจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ความใจกล้า บ้าบิ่น และใจนักเลง เรียกว่าแทบจะไม่ทิ้งลายกัน ทิมหันมายกคิ้วใส่แบบที่เจ้าตัวเป็นนิสัย คะน้าถึงกับส่ายหน้าตัวเองในความคุ้นเคยที่มองผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว


...และก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

“งั้นเราจะยืนยันว่าหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ขาย” เสียงของผักกาดกึกก้องราวกับโฆษกประกาศประจำเวทีมวย “และเมื่อเราไม่ขาย ก็มาลองคิดกันดูว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อปัญหาของเราคือคนเดินที่น้อยลง อาจจะเพราะไม่รู้จัก หรืออาจจะเพราะไม่อยากเดิน หรือจะอะไรก็แล้วแต่ นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าตลาดเรามันพัฒนาไปแล้ว ทั้งๆ ที่เรามีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าสนใจ” คะน้าพยักหน้าตาม ปัญหานี้เขาเคยขบคิดกับคนในตลาดหลายรอบแล้ว แต่มันก็ไม่ตกผลึกเอาเสียที

“แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เคยนั่งคิดกันแล้ว แต่ก็ดูจะไม่ใช่”

“ต้องแก้ให้ตรงจุด ถ้าชาวบ้านไม่รู้ ก็ทำให้รู้ซะ” พี่สาวโอบมือลงบนบ่าของน้องชายเบาๆ คะน้าหันไปมองมือที่วางบนบ่า ...นับว่าเหมือนมาก ...มากจริงๆ

“เชิญรายการทีวีมาถ่ายเป็นไง” คำตอบของผักกาดทำให้คะน้าตื่นตะลึง แม้จะฟังดูเข้าท่า แต่เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าที่ตลาดเล็กๆ แบบนี้จะเอาอะไรไปโชว์ “เจ๊จะให้เพื่อนช่วยหาทางติดต่อรายการมาถ่ายที่ตลาดของน้องเจ้ คราวนี้ล่ะ ได้รู้จักกันไปทั่วแน่ๆ”

“แต่จะเอาอะไรไปโชว์เขา ของผมก็เล็กแค่นี้”

“เฮ่ยยย! ไม่เล็กนะ!” เสียงทิมแทรกขึ้นมาชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย



ทุกอย่างจะตกลงสู่ความเงียบจนเข้าขั้นสงัด คะน้าหันไปมองทิม เจ้าตัวคงพอรู้ว่าผิดจังหวะและสถานการณ์ไปมากๆ ดวงตาคู่นั้นจึงกลอกไปมาอย่าหลุกหลิก ผักกาดหันมายิ้มเย็นจนคนอายุน้อยสุดในห้องคว้าถุงสำลีใกล้ตัวขึ้นมาดูอ่านวิธีใช้ เสียงทุ้มยังคงงึมงำเหมือนพูดกับตัวเอง

“ถึงจะเล็กกว่าก็ไม่ได้แปลว่าเล็กนะ พี่ทิมชอบนะ กำลังดีเลย” คะน้าคิ้วกระตุก ชักจะไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเนื้อตัวถึงมีแต่แผล มันวอนขนาดนี้

“...เกิดใหญ่กว่าก็เสียความมั่นใจหมดสิ”



คือว่าคุณมึงจะไม่เลิกใช่ไหม?

คะน้าชักคันไม้คันมือขึ้นมตะหงิด ผักกาดรีบตบมือเป็นระฆังพักยกให้สองหนุ่ม “อย่าเพิ่งทะเลาะกัน โปรดให้เกียรติสุภาพสตรีที่สวยที่สุดในที่นี้ก่อนค่ะ”

“ฟังนะ เจ้มีไอเดียดีๆ และทุกคนต้องห้ามปฏิเสธ เราจะจัดการอะไรพิเศษๆ ที่ไม่เหมือนกับตลาดอื่นๆ ให้เห็นทั่วกัน ทำแบบนี้รับรองว่าจะต้องได้รับการกล่าวขานไปทั้งประเทศแน่นอน” ท่วงท่าและความมั่นใจของผักกาดทำให้คะน้ากับทิมงงว่าสิ่งที่ว่าคืออะไร

“อะไรเหรอเจ้ที่ไม่เหมือนคนอื่น” คะน้าถามด้วยอาการหวาดๆ ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้นขึ้นมา



“จันทูไง!”

สองหนุ่มตะลึงจนอ้าปากค้าง “เจ้จะให้จันทูนำเต้นประกอบเพลงเป็นกิจกรรมรื่นเริงพิเศษให้กับลูกค้าในตลาด”

“จะดีเหรออออออ!!!” เสียงคะน้ากับทิมดังขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้คาดหมาย

“ดีแน่! แต่นั่นยังไม่ใช่ไฮไลต์เด็ดของตลาดเรา” สองหนุ่มมองหน้าผักกาดที่ยืนส่งยิ้มหวาน ...หวานไปนะ ...หวานจนน่าใจหายเลยนะ

หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้ววางมือลงบนบ่าของชายหนุ่มทั้งสองคนเบาๆ จู่ๆ ขนแขนก็ลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด

“คะน้าน้องรัก... น้องทิมจ๊ะ... พี่ฝากทุกอย่างไว้ที่เราสองคนนะ”

แล้วเสียงหัวเราะหึหึของผักกาดก็เริ่มกลายเป็นเสียงกึกก้องจนน่ากลัว หญิงสาวหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาแล้วชู่ขึ้นระดับหน้า “มาค่ะน้องๆ เรามาฉลองน้ำเปล่าให้ความสวยและความอัจริยะที่มาพร้อมกันของเจ้นะ”

คะน้าและทิมหยิบแก้วน้ำเปล่าของตนเองที่วางชืดมาตั้งแต่ตอนก่อนทำแผลขึ้นมาด้วยความจำใจ


“คัมปายยยยย!!!”

เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะแบบแปลกแปร่ง คะน้าไม่รู้ว่าอนาคตจะต้องเจออะไร แต่ถ้ามันจะพอทำให้อะไรๆ ดีขึ้นมาได้ ตัวเขาเองก็ยินดีที่จะทำ ...และจะทำให้เต็มที่ เต็มความสามารถ เพื่อรักษาทุกสิ่งทุกอย่างตรงนี้ไว้ให้เหมือนกับภาพในวันวาน



ที่นี่...มีรอยยิ้ม มีความผูกพัน ที่นี่...มีความทรงจำที่สูญหายและรอให้ทุกคนที่จากไปคืนกลับ ...ให้ทุกๆ คำร่ำลา ทุกๆ ความคิดถึงกลับมาหากันอีกครั้ง ผมจะทำทุกอย่างให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด เพื่อวันพรุงนี้ที่จะมาถึง ...วันที่ทุกคนที่จากไปได้กลับคืนมา

...รอยยิ้มที่คุ้นตารอยยิ้มนั้น แจ่มชัดอีกครั้งในความทรงจำ


รออยู่นะครับ ...จะรออยู่ตรงนี้



...สัญญา

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่พิมพ์ไปก็รู้สึกหมั่นไส้ทิม-ต่ายขึ้นมาตะหงิด อะไรมันจะปานนั้น (ก็แกพิมพ์เอง 55555)
แถมช่วงหลังๆ ทิมหลุดมากขรึมกลายเป็นติงต๊องไปซะแล้ว ภาพลักษณ์เสียหายจริงๆ
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ +1 ให้กับทุกคอมเมนต์พร้อมแถมกอดแน่นๆ สักที :กอด1:
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่บอกต่อๆ กันจนมีคนมาอ่านนิยายเรื่องนี้มากขึ้นด้วยนะครับ
คนแต่งดีใจมากๆ เลย ขอบคุณมากๆ นะครับ ทีนี้ก็ มาลุ้นกันว่าตอนหน้าจะเป็นยังไงกันหนอ 5555

ปล. ตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นเป็นพวกคำอุทานเวลาตกใจนะครับ ไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 18-02-2013 16:24:55
นึกภาพจันทูนำเต้นออกเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 18-02-2013 16:35:24
อ้ากกก~ จะให้จันทูแดนซ้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 18-02-2013 16:43:44
้เห็นนิยายอัพตกใจมากรีบวิ่งเข้าอย่างด่วน 55
ทั้งๆที่พรุ่งนี้ก็มีสอบ แต่อดใจไม่ไหวทุกทีเลย ^^

ตอนนี้หวานจังเลย~ ชอบจังค่ะ
ตอนนี้ทำให้เริ่มรุ้สึกเข้าใจความรู้สึกคะน้าที่มีต่อตุลขึ้นมา
มันเป้นความรู้สึกของคนที่รู้สึกดีๆต่อกัน
แต่ไม่ถึงขั้นคนรัก เข้าใจถูกหรือเปล่าน๊า
ช่วงที่คณะนึกถึงตุลเราแอบหน่วงนิดๆด้วย*พอดีเป็นคนค่อนข้าง Sensitive อิอิ*
やだ~~~~~ だめろう~~~~
แต่ยังไงก็แม่ยกทิมนะคะยืนยันตัว 555
รออ่านยิ่งกว่าหนังสือเรียนอีก ฮ่าา

ปล. จันทู มายไอดอลโผล่มาแล้วววว คิดถึงจังเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 18-02-2013 17:14:26
ยาดะกะโม่นี่ถ้าเว้นดีๆแลดูเหมือนภาษาเอวีเลยนะตอนอ่านไปเจอแอบตกใจ555
พี่ผักกาดวางแผนอะไรล่ะนี่ อยากรู้ๆ
น้องต่ายน่าร้ากก :m1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 18-02-2013 17:41:34
มันน่าบ้องหูไอ้คุณทิมชะมัด เค้าคุยการคุยงานกันอยู่ดันพาออกนอกอ่าวไปได้
พ่อคุณเอ๊ย  ถ้าเปนคะน้าจะขอดึงขนคิ้วซักที   หมั่นเขี้ยว 5555 
ว่าแต่ไปมีเรื่องกะใครมา?  ต้องให้เมียสอนศิลปะการต่อสู้มะ กลับมาเยินขนาดนั้นเสียชื่อเด็กต่ายหมด

แอบใจกระตุกเรื่องตุลย์นิดๆ  ใจหายไปกับต่ายด้วย แล้วก็หึงแทนทิมไปพร้อมๆกันเลย
รออ่านตอนต่อไปของจันทู
เป็นตปก.ที่มีบทเด่นกว่าเจ้อีก ให้ตายยย  5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-02-2013 17:42:38
เง้อ เฮียทิมเรา เข้าโหมดหลุดกระจุยกระจายเลย ฮ่าๆ
น้องต่ายฟีเวอร์
ฮาพี่ผักกาดเข้ามาเห็นฉากเด็ด กร๊ากกก
ลุ้นกันต่อไป หึหึ  ....
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 18-02-2013 18:13:04
 :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2: :oni2:

อยากให้ตลาดของน้องต่าย ดำเนินกิจการไปด้วยดี ความรักกับพี่ทิมก็ไม่มีอุปสรรค

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: norimakii ที่ 18-02-2013 19:07:47
ตอนนี้น่ารักมากกก อ่านแล้วก็เขินแฮะ  :o8:

คิดถึงจันทูนะ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 18-02-2013 19:09:21
มาบ่อยดีจังเลย ชอบที่สุด แต่ยังคิดถึงตุลอยู่เสมอน้า เป็นไงบ้างก็ไม่รู้คุณหมดคนดีของเรา ช้ำใจแอบไปทำใจที่ไหนเนี่ยข่าวคาวไม่ส่งกันเลย รู้บ้างใหมคนเชียแอบคิดถึงแต่ก็รักพี่ทิมน้า อย่าน้อยใจไปหล่ะ  o13 o13 :bye2:

ขอบคุณมากจ้า รักน้องต่ายที่สุด  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Ella Killer ที่ 18-02-2013 19:25:53
ทิม แกนอกเรื่องไปนะ  :laugh:

อะไรใหญ่อ่ะ  :m20:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 18-02-2013 19:53:03
จันทูนำเต้น!!!!!!!!!


แค่คิดก็ฮาแล้วอ่ะ  :m20: :m20: :m20:

 :กอด1: สำหรับคนเขียนนะคะ หุหุ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 18-02-2013 20:34:20
ไอ้ลิงจ๋อเอ๊ย  :m20: หลุดมาดเข้าไปทุกวัน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 18-02-2013 20:34:40
เอ๊ะ???? อะไรเล็ก?????
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 18-02-2013 20:38:32
ภาพลักษณ์ทิมไม่เสียหายค่ะ ยังเท่ห์ยังดูดีเสมอในสายตาคนอ่าน เพราะเป็นแบบนี้กับคะน้าคนเดียวนี่เนอะ
(กับพี่ผักกาดอีกคน)
ทิมไปโดนใครตีมาน่าเป็นห่วงจังปิดบังความเจ็บปวดอีกยิ่งน่าสงสัย คะน้าห่วงจะแย่แล้ว ชอบตอนนอนหนุกตักกัน
เหมือนผัวเมีย 555 แล้วไม่ใช่เรอะ ก็ใช่น่ะสิ พี่ผักกาดมีเห็นคิสซีนจะได้ตกใจไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว
ถึงคราวปรับปรุงตลาดกันแล้ว อยากให้เป็นไปด้วยดีเพราะคะน้ารักตลาดนี้มาก ซึ่งมันต้องดีแน่ถ้าถึงมือพี่ผักกาดแล้ว
พี่ผักกาดเก่งที่สุด แต่คะน้าจะโดนทำอะไรน้า รอดูรอชม... ฮาพระเอกจ๊ะ เล่นทะลึ่งไม่เลิกเค้ากำลังคุยธุระกันอยู่
มีเขินมีอายบ้างมั้ยเนี่ย
เรื่องตุลก็ใจหายเหมือนกันเนอะ หายไปไหน สรุปรอยคิสหมอตุลย์มันก็เป็นความลึกลับของโลกใบนี้
ที่ยังไม่ได้เฉลย รอชมอีกเช่นกัน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 18-02-2013 21:01:09
เห็นตอนที่ 30 อัพเลยเข้ามาอ่านก่อน ตอนที่ 24 ถึง 29 เอาไว้ก่อน! 555

ต่ายน้อยหลุดปากอีกแล้ว "แล้วมันไม่ใช่เหรอ" ขำก๊ากเลยค่ะ คนเขียน
เก่งมากที่คะน้าไม่หลุดคาแรกเตอร์เลย!!

ผักกาดก็นะ ... น่ารักคงเส้นคงวา ชอบจังค่ะ มีพี่อย่างนี้คงได้ทะเลาะกัน
วันละหลายรอบ ^^

อยากรู้ว่าผักกาดวางแผนจะให้สองหนุ่มทำอะไร? นอกจากที่จะให้จันทูเต้น ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 18-02-2013 21:01:32
ทิมแอบไปมีเรื่องกับใครอีกแน่ ๆ แต่ทำต๊องอำพรางใช่ไหม
หรือตุลย์จะไปแล้วไปลับ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 18-02-2013 21:03:29
พี่ทิมกวนได้น่ารักเชียวอ่ะ

อ้อนด้วย อิจฉาพี่ต่าย

อยากได้แบบนี้มั่งอ่า 555555

อ่านแล้วก็คิดถึงตุลนะ หายไปนานเลย

จะได้กลับมามั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 18-02-2013 22:04:27
“เฮ่ยยย! ไม่เล็กนะ!”!!!???? ขำว่ะทิมเอ๊ยย :eiei1:

น่าให้ต่ายมันโบกหัวทิ่มจริงๆ  o16

แต่เค้าคุยกันสามคนน่ารักดีนะ เหมือนทิมเป็นน้องเจ๊คนนึงเลย

เจ๊ผักกาดจะให้น้องชายทั้งสองทำอะไรน๊าา ลุ้นๆ :m28: :m5:

 :angellaugh2:     :110011:     :z7:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 18-02-2013 22:20:47
ไม่ไหวๆ  รออยุ่ทำไม  ถ้าเขากลับมา  แล้วคนที่มีตอนนี้จะเอาไปไหวไหน

ไม่ไหวๆ  กระต่ายทำแบบนี้  ไม่ไหวๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 18-02-2013 22:29:42
 :o8: sweet  มาก น้องต่ายที่ทิมอิอิ  :o8: เจ๊กาด คิดได้ :laugh: จันทูจะออกโรงแย้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 18-02-2013 23:40:30
พี่ผักกาด คิดอารายนอกจากให้จันทูแดนซ์ เกี่ยวพันถึงน้องต่ายกะพี่ทิมเต็มๆใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 19-02-2013 01:19:52
ทิมต่ายน่ารักเว่อออ ช็อตนอนตักนั่นน่ารักไปม้ายย  :-[
ตาทิมนี่ก็ปากไวจริง วอนโดนตรีนต่ายน้อยเเล้วมั้ยล่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 19-02-2013 04:16:21
ทิมน่่ารัก

แต่ต่ายน่ารักกว่า  :m1:

ตลกทิมอะ มันไม่เวลาพูดเรื่องเล็กไม่เล็กมั้ยฮ้าาาาา???  :laugh:

(ผมไม่เล็กนะครับ : น้องต่ายในตำนาน )

สู้ๆนะ2หนุ่ม  :ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 19-02-2013 07:26:45
หมั่นไส้ด้วยคน  :laugh:
เขาหวานกันตลอดเวลา  หวานจนน่าอิจฉาเกิ๊นนนนน  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 19-02-2013 07:53:58
รอดูจันทูเต้น  :sad4:

ทิมติงต๊องแต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pinkfuku ที่ 19-02-2013 21:43:11
คะน้านี้ยังไงหนา เอาแต่คิดถึงตุลย์อยู่ได้ นี้ถ้าเราเป็นทิมเราคงโกระหน้าดู แฟนเราเอาแต่คิดถึงแฟนเก่าแบบนี้ แต่ทิมน่ารักนะ โกรธบ้าง งอนบ้างเถอะพ่อคุณ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 20-02-2013 00:23:19
สวัสดีครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ +1 ทุกคนเลยนะ
วันนี้คุยน้อยหน่อย ขอตัดเข้าตอนที่ 31 เลยแล้วกันครับ อ่านเลยครับ 5555555


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 31



“และนี่คือแผนการในการโปรโมตลาดของเรา”

เสียงของผักกาดดังก้องท่ามกลางพ่อค้าแม่ขายในตลาดที่ต่างตื่นตัวกันไม่น้อย คะน้ายืนอยู่ข้างขวาของผักกาด และด้านซ้ายของหญิงสาวก็คือทิมที่โดนลากเข้ามาเอี่ยวด้วยโดยที่เจ้าตัวก็ได้แต่อึ้งรับประทาน

“ดังนั้น ผักกาดต้องขอความร่วมมือจากพี่ๆ น้องๆ ทุกคนด้วยนะคะ” หญิงสาวยิ้มสดใส เผื่อแผ่ไปถึงคะน้า ทิม และยังเผื่อแผ่ไปทั่งถึงทั้งกรุงเทพแบบระบบ 3G ก็ยังได้ ดูเหมือนแผนการต่างๆ ก็เข้าท่าดีเว้นเสียแต่มีอะไรบางอย่างที่ยังเป็นปัญหาที่เคลียร์กันไม่ลง

“แล้วทำไมสายใจไม่ได้เต้นนำ มีอะไรที่แพ้นังสก๊อยพม่านั่น” แม่ค้าที่เคลมว่ามีหอยที่ใหญ่ที่สุดในตลาดยกมือประท้วงท่ามกลางเสียงอื้ออึงของคนทั้งตลาด ด้วยศักดิ์ศรีของจันทูที่สาบานต่อลูกมะพร้าวสองลูกที่แผง หญิงสาวหันมาเชิดใส่แล้วทำหน้าโชว์เหนือข่ม เล่นเอาแทบจะเกิดสงครามย่อมๆ ระหว่างสองสาวเพราะกินกันไม่ลง

ระหว่างที่คะน้าภาวนาให้ลมพายุสักลูกหอบเอาทั้งคู่ไปทิ้งในเล้าเป็ดที่ไหนสักที่ ผักกาดกลับจ้องมองหญิงสาวอย่างพิจารณา และแม้ว่าน้องชายที่ยืนข้างๆ พยายามส่งสายตาห้าม หากแต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สนใจสักนิด ติดจะคิดอะไรที่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ คะน้ามองหวาดๆ ผักกาดก็อมยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว

“งั้นก็ได้ เปลี่ยนจากจันทูเต้นนำคนเดียวเป็นจันทูเต้นคู่กับสายใจ”

สิ้นคำ คะน้าถึงกับยกมือกุมขมับ ไม่ใช่ว่าสองสาวเต้นไม่เก่งอะไร แต่สิ่งที่ชายหนุ่มสังหรณ์ใจว่าจะเกิดขึ้นก็คือการชิงดีชิงเด่นไม่ยอมกันอันจะพาให้เกิดปัญหาวุ่น แทนที่จะโชว์อะไรดีๆ กลายเป็นโชว์อะไรไม่รู้เอา ความที่ไม่รู้จะขัดพี่สาวอย่างไร คะน้าจึงได้แต่ปลงแล้วถามถึงหน้าที่ของตนเองแทนที่จะสนใจอะไรกับสองสาวที่เขม่นกันฮึ่มๆ

“แล้วจะให้ผมทำหน้าที่อะไรล่ะเจ้”

“ต่ายซังน้องรัก...” ผักกาดส่งยิ้มหวาน “น้องของพี่ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แค่อยู่เฉยๆ ข้างๆ ทิมก็พอ ชวนกันคุย กระจุ๊กกระจิ๊ก มองกันงุ๊งๆ งิ๊งๆ ยิ้มให้กันอะไรแบบนี้ก็พอแล้ว” คำพูดของผักกาดเล่นเอาทิมทำหน้างง ส่วนคะน้าก็สงสัยในแผนการประหลาดของพี่สาว มันไม่ใช่แค่นี้แน่ๆ มันต้องมากกว่าที่พูดเห็นๆ

“เพื่ออะไรเนี่ยเจ้?”

“เอาเถอะน่า เชื่อเจ้สิ เราต้องสร้างจุดขายที่ไม่เหมือนคนอื่น”

“ก็จันทูไง ไม่เหมือนใครสักคน ไม่เหมือนคนด้วยมั๊งนั่น” ประโยคหลังแสดงความในใจอย่างเต็มที่

“อันนั้น มันสับขาหลอก ของจริงมันอันนี้... อันนี้ๆๆๆๆๆ เชื่อเจ้สิ มันกำลังมา”

“อันนี้น่ะมันอันไหน แล้วอะไรที่ว่ากำลังมาเนี่ย” คะน้ากระซิบถามพี่สาว กลัวว่าทิมที่ยืนขมวดคิ้วจะรู้สึกขยาดกับแผนประหลาดแล้วมาลงกับเขาแทน ผักกาดยิ้มร่าแล้วหันมาส่งสายตาระยิบระยับเป็นประกาย

“ตอนที่เจ้เรียนที่ญี่ปุ่นนะ มันมีกระแสหนึ่งที่กำลังมาเลย คนชอบกันมาก เขาเรียกว่า ‘ยะโอะอิ’ เคยได้ยินไหม พลังวายน่ะ”

“อะไรวาย” เสียงทิมแทรกขึ้นมาด้วยความสงสัย

“เอาเถอะน่ะ ก็ทำๆ ตามเจ้บอกไปแหละ เดี๋ยวมันก็ดีเอง ไม่ต้องทำอะไรมาก ง่ายๆ เป็นตัวของตัวเอง เข้าใจไหม” สองหนุ่มหันมามองหน้ากันแล้วส่ายหน้าไม่เข้าใจ เล่นเอาผักกาดถอนหายใจ

“เอางี้ ง่ายๆ เลยนะ จะเดินไปไหนให้จับมือกันตลอด ไม่งั้นก็โอบบ่ากัน แล้วตัวน่ะ ห้ามห่างกัน ติดกันเข้าไว้ ยิ่งใกล้ยิ่งดี อ้อ... เวลาหิวน่ะ ป้อนกันได้ยิ่งดี”

“เฮ่ย! มันจะดีเหรอ” เล่นเอาคะน้าปั้นหน้าไม่ถูกกับคำร้องขอแปลกประหลาดนี้ ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่ลอยหน้าลอยตาไม่ทุกข์ร้อน

“แต่ผมไม่มีปัญหา ตกลง”

“เฮ้ย!!!!!” คะน้าหันไปมองหน้าทิมที่ดูจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรจริงๆ ซ้ำยังขอตัวหนีกลับด้วยข้ออ้างว่าจะไปทำงานเอาเสียดื้อๆ ทิ้งให้คะน้าได้แต่ยืนต่อรองกับพี่สาว ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นผล

ผักกาดหันไปกำชับกับคนในตลาดว่าให้แต่งตัวหล่อๆ สวยๆ มาเต้นกับจันทูและสายใจที่ลานด้านข้างตลาดในวันที่จะนัดหมายในอีกสัปดาห์ข้างหน้า แล้วหันไปกำชับสองสาวให้แต่งตัวเต็มที่ไม่ต้องมีกั๊ก

“งานนี้ได้ออกทีวีเลยนะคะ พี่บอกไว้ก่อนเลยนะคะ ว่าถ้างานนี้มีแมวมามองเห็น ...รู้ใช่ไหมคะว่าจะเป็นยังไง” แค่นี้จันทูกับสายใจก็วาดฝันในอากาศตามแผนทุกอย่าง เรียกว่าเล่นเอาคะน้างง เมื่อสองสาวจองขี้เกียจกลายเป็นคนขยันขึ้นมาในพริบตา ซ้ำยังกระวีกระวาดกลับไปเตรียมตัวและนัดซ้อมกันอย่างสามัคคีได้เหลือเชื่อ

“แล้วเราน่ะ อย่าลืมนะ ว่านั่นมันแค่เรียกน้ำจิ้ม ของจริงน่ะคือเรากับทิม อ้อ ใส่เสื้อเหมือนกันหรือเข้ากันด้วยก็จะดีมาก” ผักกาดออกคำสั่งแบบเบ็ดเสร็จมัดมือชก

“ให้ทำอะไรเนี่ย” คะน้ายังไม่วายต่อรอง รู้สึกกระดากอย่างบอกไม่ถูก

“พูดแล้วไม่พูดซ้ำ ส่วนอีกหนึ่งสัปดาห์นับจากนี้ เรามีหน้าที่ดูพวกคนในตลาดซ้อมกัน แล้วอย่าลืมมารายงานเจ้ทุกวัน เข้าใจไหม รายการทีวีเขาตอบรับมาแล้ว ห้ามปฏิเสธ! ส่วนเรื่องระบบต่างๆ ที่ตลาดเราพัฒนาขึ้น เจ้ดูแล้ว โอเค น่าสนใจ แค่นี้พอแล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร” ฟังพี่สาวพูดฉอดๆ ก็เหนื่อยแทน มีแต่ออกคำสั่งแปลกๆ แล้วตัวเองทำอะไร

“ให้แต่คนอื่นทำโน่นทำนี่ แล้วเจ้ทำอะไรเนี่ย” คะน้าติงเหมือนเกี่ยงหน้าที่ ฟังคำน้องชายว่าแล้วคนเป็นพี่สาวก็หยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมแล้ววางมาด

“ทำตัวสวยๆ” เป็นคำตอบที่ทำเอาคะน้าอ่อนใจ ผักกาดเดินก้าวฉับๆ อย่างคล่องแคล่วออกจากแผงที่ตลาด ก่อนจะพ้นเขตแดนยังไม่วายหันมากำชับอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจังจนก้องไปทั้งหูของคะน้าทั้งวัน

“ห้ามป่วย! ห้ามลา! และห้ามปฏิเสธ!”

ตลอดทั้งบ่าย ตลาดกลับมาคึกคักมีชีวิตชีวา แม้ว่าผู้คนที่มาเดินจับจ่ายข้าวของจะบางตา แต่ความวุ่นวายนั้นไม่ต่างกับมีคนนับร้อยอยู่ในตลาดสดแห่งนี้ จันทูเปิดนิตยสารดาราแล้วทำหน้าเครียด คะน้ามักจะได้ยืนเสียงสวดมนต์แปลกๆ มาเป็นระยะๆ ให้ขนลุกขนพอง เมื่อหันไปถามหญิงสาวข้างตัว ก็ได้รับคำตอบว่ากำลังฮัมเพลงอยู่ ...จ้างให้เขาก็ไม่เชื่อ ถ้าไม่สวดมนต์มันก็ต้องเป็นอาคมเล่นของอะไรสักอย่างแน่ๆ ล่ะ

คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนดูจะตื่นตัวและให้ความสำคัญกับการโปรโมตตลาดผ่านทางรายการโทรทัศน์ตอนปลายสัปดาห์ตามที่ผักกาดบอก

“ซื้อไอติมด้วยค่ะ”

กระติกใบเล็กถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับเสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นดึงคะน้าให้กลับมาสนใจลูกค้าตรงหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นลูกค้าประจำ พ่อค้าหนุ่มก็ยิ้มออกมา ร่างบางในชุดนางพยาบาลที่คุ้นตามักมาซื้อไอศกรีมทานเวลาเดิมๆ แบบนี้แทบทุกวัน ยิ่งเห็นก็ยิ่งห้ามความคิดแปลกๆ ของตัวเองไม่ได้ ยังไม่ชิน และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเขาถึงจะชาชินเวลาที่เห็นเครื่องแบบสีขาวๆ พวกนี้เสียที

“คุณจิ๋วมาซื้อทานทุกวันเลย เดี๋ยววันนี้พ่อค้าแถมให้เป็นพิเศษนะครับ” คะน้ายิ้มแล้วก้มหน้าลงตักไอศกรีมขึ้นมาใส่ภาชนะ



...แถมหรือชดเชย บางทีเขาก็ตอบคำถามนี้กับตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบรับอยางยินดีด้วยคำขอบคุณและแววตาที่เป็นประกายขึ้น

“เอ่อ... ว่าแต่ช่วงนี้ คุณพยาบาลได้ข่าวของหมอตุลบ้างไหมครับ”

สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ทั้งๆ ที่คิดเอาไว้แล้วว่าจะเลิกคิดมาก เลิกถามคำถามที่ดูจะไม่มีประโยชน์ แต่ความรู้สึกที่จู่โจมเมื่อวันก่อนเกี่ยวกับการย้ายออกจากคอนโดของเพื่อนบ้าน ทำให้ความคิดเหล่านี้กลับมาวนเวียนในหัวสมองอีกครั้ง สีหน้าของลูกค้าสาวมีแววเปลี่ยนไปขึ้นมาทันที พยาบาลคนนั้นสบตาแล้วถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย

...ไม่มีคำตอบใดๆ ออกจากปากของหญิงสาวซ้ำสอง ซึ่งคะน้าก็เข้าใจดี ชายหนุ่มส่งยิ้มให้พร้อมกับกระติกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเกล็ดสีขาวหวานเย็น เธอเอื้อมมือเล็กๆ ออกมารับ

“ถ้ารู้จักคุณหมอ ก็น่าจะทราบนี่คะว่าคุณหมอลาไปทำวิจัยที่ต่างประเทศ และไม่ทราบกำหนดกลับที่แน่นอน ข่าวว่าอาจจะทำเรื่องขอวิจัยระยาวที่นั่นต่อหลายปีด้วยน่ะค่ะ” พยาบาลร่างเล็กส่งเงินให้แล้วเดินจากไป คะน้ายิ้มรับแล้วมองหญิงสาวที่เดินจับจ่ายซื้อของต่อโดยไม่ลืมที่จะกล่าวขอบคุณ ความรู้สึกในใจว่างเปล่าจนยากจะหาถ้อยคำใดๆ มาอธิบาย

ตกเย็นของทุกวัน คะน้าต้องไปเฝ้าดูการซ้อมเต้นของคนในตลาด ผ่านไปห้าวันแล้ว ดูเหมือนว่าจันทูและสายใจจะเข้ากันได้ดีกว่าที่เขาเคยคาดคะเนเอาไว้ ท่าทางชิงดีชิงเด่นดูเหมือนจะไม่มี อาจเพราะแบ่งช่วงเต้นกันเป็นจังหวะที่ต่างฝ่ายต่างจัดเต็มไม่มีกั๊กกันก็ได้ เพราะลำพังแค่วันซ้อมธรรมดา สองสาวยังประโคมเสื้อผ้าหน้าผมแบบลิเกที่จะไปรำแก้บนขนาดนี้ วันจริง คะน้ายังไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ

เสียงดนตรีกระหึ่มขึ้นพร้อมกับหน้าท้องที่เด้งดึ๋งๆ เป็นลอนเหมือนหนอนชาเขียวกำลังไต่กิ่งไม้ จันทูสะบัดผมจนสยายเหมือนปอบผีฟ้าแล้วเด้งสะโพกป๊าบๆ ...จังหวะถัดมา หญิงสาวอีกคนที่ยีผมจนเหมือนรังนกกระจอกเทศก็เดินส่ายเป็นงูหลามออกมา สายใจเคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าที่ร้อนแรงเหมือนไฟ ...ไฟจากนรก แม่ค้าหอยทอดกระแทกสะโพกบั๊มเข้าหาจันทูด้วยจังหวะที่ทรงพลัง เหมือนสาส์นท้ารบ มีหรือที่อีกฝ่ายจะยอมแพ้ จันทูจัดเต็มกลับด้วยสเต็ปที่คะน้าอธิบายไม่ถูกว่าจะเรียกว่าอะไร พูดง่ายๆ ก็ประมาณว่าเป็นเหตุการณ์ฝนตกขี้หมูไหล คนสวยใสมาพบกัน อะไรสักอย่างประมาณนั้น

ชาวตลาดคนอื่นๆ แน่นอนว่ารวมไปถึงรุ่นใหญ่ๆ อย่างเจ๊เป็ด เฮียตี๋ หรือแม้แต่ใครๆ ก็พากันหน้าเครียดกับท่วงท่าพิลึกกึกกือ ดูยังไงก็ไม่เหมือนแอโรบิกกายหรือบริหารแบบที่ผักกาดบอกเลยสักนิด ออกแนวระบำเปลื้องผ้าผสมบูชาภูติผีพิลึก แต่ถึงกระนั้นทุกคนก็ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ ผิดบ้างถูกบ้าง เรียกเสียงหัวเราะขึ้นเป็นระยะแก้เครียด

แดดร่มลมตกทุกคนก็มานั่งรวมกันใต้เงาไม้ใหญ่ใกล้ลานกิจกรรม ต่างคนต่างหยิบอาหารต่างๆ จากแผงตนเองมาร่วมกินร่วมดื่มกันอย่างเต็มที่ ข้าวเหนียวส้มตำ หอยทอด ผัดไทย รวมไปถึงยำประเภทต่างๆ กินกันไปหัวเราะแซวกันไปอย่างครื้นเครง ไม่บ่อยที่ชาวตลาดจะมารวมกลุ่มกันแบบนี้แล้วทำอะไรสักอย่าง โดยปกติ ทุกวันเมื่อตลาดเสร็จต่างกันก็ต่างเก็บแผงแล้วแยกย้ายกลับบ้าน แต่พอมีกิจกรรมแบบนี้ แม้ว่าบางคนจะดูอิดออดในวันแรกๆ ด้วยเขินอาย แต่พอวันหลังๆ กลับดูคล่องตัวและกระตือรือร้นอย่างเต็มที่

“พี่คะน้าจ๊ะ ออกทีวีแล้วคนจะมาเดินตลาดมากขึ้นใช่ไหม ทุกวันนี้มันเงี๊ยบบบบบบเงียบ เงียบเป็นชีวิตสาวโสดของนังจันทูเลยเนี่ย” สายใจตักตำปูปลาร้าเข้าปากแล้วสูดปากด้วยความแซ่บ

“ม๊ะสัวแล้ยาขี้อิฉา” จันทูสะบัดหน้าแล้วตอบกลับ แต่ปากก็ตักผัดไทยของสายใจเคี้ยวตุ้ยๆ แล้วสองสาวก็ทะเลาะกันต่อแบบข่มกันไม่จบไม่สิ้น เรียกเสียงตบมือโห่ร้องได้อย่างสนุกสนาน

คะน้ามองภาพตรองหน้าอย่างโล่งใจ หลายวันที่ผ่านการฝึกซ้อมมาเป็นอย่างหนัก แม้ว่าอะไรหลายอย่างยังดูไม่เข้ารูปเข้ารอย แต่เวลาที่เหลืออีกสองวันทุกอย่างน่าจะเพียงพอและไม่ขายหน้าชาวตลาดแน่ๆ ทุกคนตั้งใจและทุ่มเทกว่าที่คะน้าจะคาดได้ หลายคนลงทุนตัดผมทำเล็บกันยกใหญ่ ส่วนฝ่ายชายทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ก็ฟิตกล้ามกันน่าดู ถ้าถามคะน้าแล้ว เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายผลจะออกมาเป็นแบบไหน แต่ภาพตรงหน้านี้มันชัดเจนในความรู้สึก ความผูกพัน ความอบอุ่น และบรรยากาศเป้นกันเองแบบคนในครอบครัวทำให้ชายหนุ่มมีความสุขจนอธิบายไม่ถูก

คะน้ารายงานเรื่องผลการซ้อมเต้นให้ผักกาดฟังทุกคืนหลังจากกลับบ้าน ผู้เป็นพี่สาวดูจะไม่สนใจอะไรมากมายสักเท่าไหร่ ...ก็อย่างที่บอกไป มันไม่ใช่ไฮไลต์สำคัญ

“ต่ายน้องพี่ แล้ววันถ่ายต้องแต่งตัวหล่อๆ หวีผมเท่ๆ เข้าใจไหม เอาผมปรกหน้าลงมาแบบวันก่อนก็ดูดีนะ เจ้ว่ามันรับกับหน้าเราเหมือนกัน”

“เอ่อ... เจ้ครับ มันไม่น่าจะซีเรียสอะไรขนาดนั้นมั๊ง”

“ซีเรียสสิ เจ้จะดันเราสองคนสัมภาษณ์ออกรายการเลยนะ พ่อค้าหล่อล่ำอะไรแบบนี้” ความคิดพิสดารที่หมกเม็ดไว้ค่อยๆ ผุดขึ้นมาทีละอย่างจากปากของผู้เป็นพี่สาวจนคะน้าชักหวาดขึ้นทุกที ความรู้สึกกังวลเรื่องจันทูกับสายใจนาทีนี้เรียกว่าหายไปหมดสิ้น กลายเป็นความกังวลเปลี่ยนเป็นเรื่องทิมกับตัวเองไปหน้าตาเฉย



...เจ้จะทำอะไร ต้องมีอะไรแน่ๆ แต่มันคืออะไรเนี่ย?

คะน้าขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หากแต่ผู้เป็นพี่สาวกลับทำไม่รู้ไม่สน ผักกาดเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองเอาดื้อ ซ้ำยังส่งเสียงร้องเพลงอย่างมีความสุขจนชายหนุ่มรู้สึกหวาดกลัว คืนนั้นคะน้านอนอย่างรู้สึกไม่เป็นสุขเอาเสียเลย





พระจันทร์เป็นเสี้ยวเหมือนกลีบส้มที่ถูกแกะ  มีเกล็ดน้ำแข็งสีเงินระเบิดตัวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า กลิ่นชื้นของหญ้าสีเขียวลอยมาตามลมที่พัดเย็น แล้วแกะสีขาวน่ากอดตัวนั้นก็กระโดดข้ามรั้วไป

ใครสักคนบอกว่าถ้านอนไม่หลับให้ลองนับแกะ ชายหนุ่มหลับตาแล้วนับเจ้าขนฟูที่กระโดดหมุนตัวตีลังกาลงมาส่งยิ้มแป้นไปกว่าครึ่งร้อย สรุปว่าตาสว่างกว่าเดิมเสียอีก คะน้าเอามือก่ายหน้าผากแล้วจ้องเพดานห้องสีขาวที่ดูมืดกว่าทุกวัน อีกครั้งแล้วที่เขาเผลอถอนหายใจออกมาเพราะไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านอนกลิ้งตัวอยู่บนเตียงแบบนี้

ตีหนึ่งกว่าแล้วที่คะน้ายังหลับไม่ลง ในความมืดและเงียบงัน เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะรัวๆ ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปเปิดประตูห้องนอนออก ร่างเล็กของพี่สาวในชุดเสื้อยืดกางเกงขายาวดูผิดตากว่าชุดนอนที่เห็นเมื่อค่ำ ใบหน้าของผักกาดดูซีดจนเหมือนไร้สีเลือด

“ต่ายหลับอยู่หรือเปล่า” เสียงเล็กๆ สั่นไหวจากทุกทีที่ได้ยินมา คะน้าส่ายหน้าปฏิเสธ

“รีบแต่งตัวแล้วตามเจ้มา ขอไม่เกินสองนาที”

แม้ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่คะน้าก็รีบจัดแจงทุกอย่างตามที่ผักกาดร้องขอ ระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของพี่สาวคุยโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ชายหนุ่มก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก วันนี้ ผักกาดขับรถเร็วกว่าทุกครั้ง ใบหน้าที่ดูรื่นเริงนั้นแข็งขืนจนดูแปลกตา กระทั่งผู้เป็นน้องชายอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“เราจะไปไหนกันน่ะเจ้”

คำถามนั้นดังชัด แต่ผักกาดกลับให้คำตอบด้วยการนั่งนิ่งๆ แล้วผ่อนลมหายใจหนักอึ้งออกมา นับตั้งแต่ออกจากห้อง หญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย คะน้าเก็บงำความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ในใจ หากแต่ไม่ถึงเสี้ยววินาที เสียงไซเรนและเสียงดังอึกทึกก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจไม่ดี เบื้องหน้าที่สุดปลายสายตานั้นมีกลุ่มควันสีดำขนาดใหญ่กำลังแผ่ขยายขึ้นสู้ท้องฟ้า สีดำสลับกับสีแดงร้อนจนดูน่ากลัว รถที่ทะยานไปข้างหน้าทำให้มันค่อยๆ ใหญ่ขึ้นและใกล้เข้ามาจนรู้สึกหวั่นหวาด ยิ่งใกล้ใจของคะน้ายิ่งสั่น เขากลัว ...กำลังกลัว เป็นความกลัวที่ถึงขีดสุด ภายในใจตอนนี้ได้แต่ภาวนาเป็นร้อยๆ ครั้ง คะน้าจ้องมองไปที่กลุ่มควันสีทมิฬนั้น ...เขาจำสถานที่แห่งนั้นได้ดี



...ที่ตลาด


(อ่ะนะ ต่อครึ่งหลังของตอนเลยแล้วกันครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 20-02-2013 00:24:53
(ครึ่งหลังครับ)




ในควันสีเทาและกลิ่นไหม้ที่เหม็นจนน่าขยะแขยงคือมัจจุราจสีส้มแดงที่ลุกโชนอย่างไม่ปรานีเหนือตลาด ใจของคะน้าต้นรัวเหมือนถูกอัดไปด้วยระเบิดที่พร้อมจะปลิดชีวิตเขาลงในพริบตา แอร์ปรับอากาศในรถยนต์เหมือนจะพ่นไอร้อนจนเหงื่อเขาซึมแตกออกมาโดยไม่รู้ตัว คะน้าเร่งเครื่องปรับอากาศขึ้นอีกจนสั่นไปกับความหนาว และเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้า ใจของชายหนุ่มแทบจะกองลงไปอยู่ที่ปลายเท้า นับเป็นครั้งแรกที่คะน้าไม่อยากจะรับรู้ความจริง ...ความจริงที่เขาภาวนาให้เป็นเพียงความฝันที่โหดร้ายในคืนนี้

ผักกาดจอดรถอยู่บริเวณที่ไม่ไกลออกไป ทันที่ที่รถนิ่งสนิท คะน้าก็ทะยานตัวไปที่กลุ่มคนมากมายที่ออล้อมอยู่ทั่วบริเวณด้านนอกของตลาด เจ๊เป็ด จันทู สายใจ พี่ศักดิ์ และใครต่อใครอีกมากมายต่างร่วมด้วยช่วยกันดับเปลวไฟที่กำลังลุกโหม บ้างก็ช่วยย้ายข้าวของที่จำเป็น บ้างก็หาน้ำมากมายมาดับไฟตรงหน้าร่วมกับรถดับเพลิงที่ตระหง่านอยู่กลางถนนแคบๆ

“ขอโทษครับ เราเป็นเจ้าของตลาดครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ” คะน้าวิ่งเข้าไปหาพนักงานดับเพลิงคนหนึ่งที่กำลังยิงน้ำเข้าไปในเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ผักกาดวิ่งตามมาสบทบ ใบหน้าของหญิงสาวซีดเผือดด้วยความตกใจ

“น้ำไม่พอ เราต้องการน้ำเพื่อดับไฟอีก คุณครับ มีจุดต่อน้ำได้บ้างไหมครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบกลับมาด้วยความร้อนรน แม้ในเวลาที่ตกใจจนแทบช็อค หากแต่หญิงสาวก็พร้อมจะรับมือได้เป็นอย่างดี ผักกาดตะโกนสู้กับความวุ่นวายและเสียงของกองเพลิงตรงหน้า

“หัวจ่ายมีกระจายทั่วไปค่ะ แต่มันต้องปลดวาล์วก่อน รู้สึกจะอยู่ด้านใน”

“อยู่ตรงไหนครับ”

“ด้านในค่ะ รู้สึกช่วงท้ายตลาด ค่อนข้างหายากสักหน่อย ดิฉันก็ไม่แน่ใจ” เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีสีหน้าวิตก ดูเหมือนเพลิงที่เผาไหม้นั้นจะร้ายแรงกว่าที่คาดคะเน อีกทั้งรถดับเพลิงจากเขตอื่นก็ดูเหมือนจะติดเหตุการณ์อัคคีภัยที่จุดอื่นเช่นกัน

“ด้านในครับ ผมคุ้นเคยดี เดี๋ยวผมเข้าไปเองครับ ไม่นาน”

“ไม่ได้นะ มันอันตรายเกินไป” ผักกาดแทรกเสียงแหลมขึ้นมาทันที คะน้าหันไปมองผู้เป็นพี่สาวแล้วพูดอย่างจริงจัง

“ตอนนี้ยังพอคุมไฟไว้ได้ แต่ถ้าช้ากว่านี้ มันจะยิ่งแย่ และถ้าเกิดลุกลามไปบ้านเรือนหรือเขตก่อสร้างใกล้ๆ มันจะยิ่งไปกว่านี้ ละแวกนี้ไม่มีคลองให้สูบน้ำมาช่วย เราไม่มีตัวเลือกอื่น” ชายหนุ่มตะโกนสู้กับเสียงระเบิดและข้าวของที่ตกลงมา

“เจ้... ตอนนี้ปัญหาคือน้ำไม่พอ เราต้องการน้ำ และคนก็ไม่พอ แค่นี้ ผมพอทำได้ ผมคุ้นเคยดี” ชายหนุ่มหันมาพูดกับเจ้าหน้าที่ที่พยายามควบคุมเปลวไฟอยู่ “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมทำเอง ไม่เกินสิบนาที รบกวนคุมเพลิงให้ได้นะครับ”

“แต่มันอันตรายเกินไปนะครับ”

“ถ้าผมไม่ทำ ผมมองไม่เห็นว่าใครจะทำได้ในตอนนี้ เรามีคนไม่พอ” เสียงของคะน้ากร้าวแกร่งและเข้มแข็ง พนักงานดับเพลิงหันไปมองเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ทำหน้าที่อยู่ ต่างคนก็ต่างอยู่ในสภาวะที่ไม่ต่างกัน

“น้ำพร่องลงไปเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้ว่ารถเสริมจะมาถึงตอนไหน ก่อนที่น้ำจะหมด และก่อนที่มันจะลุกลาม ต้องมีใครสักคนเปิดวาล์ว และในที่นี้ นอกจากผู้หญิงกับคนที่เป็นผู้ใหญ่มากๆ ผมคุ้นเคยกับที่นี่ดีที่สุด” เจ้าหน้าที่มีสีหน้าที่หนักใจ

“เราแข่งกับเวลาอยู่นะครับ!” คะน้าตะโกนย้ำอีกครั้ง เพลิงค่อยๆ ลุกลามมากขึ้นด้วยกำลังน้ำที่อ่อนกำลังลง เจ้าหน้าที่มีสีหน้าลำบากใจ ครุ่นคิดอย่างหนักถึงสถานการณ์ตรงหน้า เสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตาย สุดท้ายก็ตัดสินใจ

“รบกวนด้วยครับ!”

สิ้นเสียงร่างสูงของคะน้าก็ฝ่าเข้ากองเพลิงที่ลุกโชนตรงหน้าทันที เสียงผักกาดหวีดร้องจากด้านหลัง หากแต่เขาก็ยังวิ่งตรงไปข้างหน้าไม่หยุด ไม่ใช่ว่าไม่ห่วงใย แต่สิ่งนี้ ในเวลานี้ มีทางเลือกไม่มากสำหรับทุกคน ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เจ๊เป็ด สายใจ เฮียตี๋ พี่หมู คนในตลาดที่คุ้นตาจนไล่ชื่อไม่หมด ใครต่อใครต่างก็พยายามตักน้ำมาสาด หรือแม้แต่ช่วยย้ายข้าวของที่พอจะทำได้ แม้กระทั่งจันทู หญิงสาววิ่งไปตักน้ำจากบ้านข้างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มือที่วันๆ พลิกอ่านหนังสือดาราด้วยความเกียจคร้าน ในตอนนี้กลับทรงพลังจนน่าเกรงขาม คนอื่นๆ ก็เช่นกัน

ในภาพที่เห็น ดวงตาของทุกคนที่นี่ พวกเขาทุกคนล้วนมีน้ำตาไหลมาอย่างไม่ขาดสาย และภายใต้หยดน้ำใสๆ นั้น กลับมีสิ่งหนึ่งที่ลุกโชนยิ่งกว่าเปลวไฟตรงหน้า สิ่งนั้นคือความมุ่งมั่น สิ่งนั้นคือความรู้สึกที่จะไม่ยอมแพ้ ถ้าที่นี่พัง เราทุกคนก็พร้อมจะพังไปด้วยกัน!

...เพราะที่นี่คือบ้าน

...และที่นี่ ...ก็คือชีวิตของเรา!


คะน้าหันกลับไปมองภาพที่จากมา ผักกาดค่อยๆ ปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืนอย่างเข้มแข็ง หญิงสาววิ่งออกไปปะปนกับฝูงชนในท้องตลาดจนกลายเป็นหนึ่งหนึ่งเดียวกับทุกคน

...คนที่เราเรียกกันว่าเป็นครอบครัว

มือเล็กๆ ที่จับแต่ปากกาและพิมพ์คีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ บัดนี้ จับกระป๋องน้ำหนักๆ และสายยางเข้าสู้กับเปลวไฟตรงหน้า เสียงตะโกนส่งแรงของทุกคนดังลั่นราวกับจะประกาศกร้าวในสงครามที่เผชิญอยู่

ให้ไอ้ไฟบ้าๆ นี่มันมันรู้ว่า... ถ้าชาวตลาดเราลุกขึ้นสู้ เราจะไม่มีวันแพ้ใคร!

คะน้ากำหมัดแน่นแล้วส่งเสียงคำรามก้อง สองขาวิ่งไปด้านหน้าตามทางด้วยความแคล่วคล่อง กลิ่นไหม้ฉุนกึกในจมูก และเปลวไฟก็รุนแรงขึ้นทุกที หากแต่คนที่คุ้นเคยในสถานที่แบบเขานั้นถือว่าไม่หนักหนา กำลังใจที่เต็มเปี่ยมจากความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันปลุกอะดรีนาลีนและลูกบ้าให้หลั่งไหลไปทั่วร่างกาย ชายหนุ่มกระโจนไปข้างหน้าเหมือนกันเสือที่วิ่งอยู่ในป่าที่คุ้นเคย

ทางที่เดินตรงไปที่วาล์วนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและสิ่งกีดขวาง แม้จะพยายามฝ่าเข้าไปให้ถึงด้านใน แต่เปลวเพลิงที่ร้อนแรงนั้นขวางกั้นราวกับกำแพงสูง ความลึกจากด้านนอกทำให้สายน้ำจากที่ฉีดส่งมาไม่ถึง ยิ่งเข้าด้านใน เปลวไฟก็ยิ่งโหมแรง ทางออกที่ดีที่สุดในเวลาอันจำกัดคือการเลี่ยงไปใช้เส้นทางอีกด้าน ไกลกว่า อ้อมกว่า แต่สิ่งที่กีดขวางน้อยกว่า และน่าจะปลอดภัยกว่า

ไวเท่าความคิด คะน้าชักฝีเท้ากลับแล้วเบี่ยงไปอีกทางทันที ทางคดเคี้ยวนั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟที่ร่วงหล่นเช่นกัน หากแต่เทียบกันแล้วนับว่าง่ายกว่าทางเดิมอยู่มาก แต่แล้วจังหวะหนึ่งที่ไม่ทันระวังตัวก็เกิดเสียงแก้วระเบิดจนเศษกระจกปลิวไปในอากาศ และวินาทีต่อมาแก้วน้ำที่เก็บเรียงอยู่ในแผงใกล้ๆ ก็ล้มระเนระนาดและแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ท้อถอย แม้จะต้องใช้เวลาอีกไม่น้อยในการเลี่ยงเศษแก้วที่มากมายบนพื้นซีเมนต์ร้อน

และเมื่อพ้นไปได้ แผงไม้อื่นๆ ก็ประทุแตกกระเด็นปลิวมาในอากาศ คะน้าพยายามเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็มีบ้างที่ปะทะเข้ากับผิวหนังเขาโดยตรง ร่างสูงสะบัดมือลวกๆ เหมือนไม่กลัวเจ็บปวด กระทั่งถึงเป้าหมาย เปลวไฟที่ชั่วร้ายลุกโพลงขึ้นอีกระลอกที่หน้าวาล์วน้ำ ชายหนุ่มปาดเหงื่อที่ซึมขึ้นมาตามไรผมจนเปียกชื้น เสื้อผ้าเปียกไปด้วยวงเหงื่อที่ซึมผ่านเป็นวงกว้าง คะน้าพยายามตั้งสติ ครุ่นคิดหาทางฝ่าเข้าไปเพื่อเป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าเพียงไม่กี่เมตร

เหลือบมองไปรอบข้างเพื่อหาวิธี ไม่ช้าชายหนุ่มก็ย้อนกลับไปที่แผงไม้ที่เริ่มแตก ออกแรงกระทืบถีบท่อนไม้เก่าๆ เต็มแรง ไม่กี่ครั้งก็แตกเป็นชิ้นระแนง คะน้าควานหาท่อนที่กระชับมือขึ้นมาแล้ววิ่งตรงไปที่วาล์ว เปลวเพลิงสีส้มตรงหน้ายังคงสาดแสง ชายหนุ่มเหวี่ยงไม้ในมือไปที่ต้นเชื้อซึ่งเป็นไม้เก่าๆ ให้กระเด็นออกไปคนละทิศทางกระทั่งเปลวไฟใหญ่นั้นจึงลดขนาดลง และเมื่อจังหวะนั้นมาถึง ชายหนุ่มก็ไม่ลังเลที่จะวิ่งตรงเข้าไปที่วาล์วน้ำแล้วออกแรงบิดสุดกำลัง

ทันทีที่มือสัมผัสกับโลหะเป็นวงกลมนั้นก็ต้องสะดุ้งสุดขีดกับด้วยความร้อนที่สุมมานาน คะน้าสะบัดมือไปมาในอากาศด้วยความแสบร้อน และเมื่อฝืนพยายามจับอีกครั้งก็ไม่ไหวที่จะออกแรง ชายหนุ่มนิ่งหอบแล้วทุบกำปั้นลงกับพื้นด้วยความโมโห สู้บุกฝ่ามาถึงที่หมายแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับการบิดหัววาล์วง่ายๆ แบบนี้ ความปวดแสบกัดกินในดวงตาพร้อมกับหยดเหงื่อเอ่อขึ้นจนสองมือเปียกชื้น ชายหนุ่มจึงยกฝ่ามือขึ้นถูกกับเสื้อที่ตนสวมใส่อย่างลวกๆ ก่อนที่เขาจะชะงัก

...รอยยิ้มระบายขึ้นบนใบหน้า

คะน้าถอดเสื้อตัวเองออกแล้วคลุมทับวาล์ว ในครั้งนี้เขาออกแรงบิดเต็มกำลัง หากแต่ความฝืดเคืองด้วยไม่ได้ใช้บ่อยเท่าที่ควรทำให้หัววาล์วน้ำนั้นหนักอึ้งจนไม่เคลื่อนที่ คะน้านั่งหอบจนตัวโยน เหงื่อซึมออกจนหยดเป็นน้ำ มือทั้งสองข้างทั้งปวดร้อนและอ่อนล้า ...แต่เขาจะไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก ออกแรงบิดหัววาล์วอย่างเต็มแรงราวกับไม่รู้สึกปวดแสบ บิด... และบิดอย่างเต็มที่ ท่อนแขนทั้งสองข้างเกร็งตัวขึ้นจนเป็นมัดกล้าม ...ออกแรง และออกแรงขึ้น ...มากกว่านี้ ...มากขึ้นกว่านี้อีก


ครืดดดด...

หัววาล์วคลายตัวออกช้าๆ แต่ก็เล่นเอานั่งหอบอยู่กับที่ ตั้งสติได้ คะน้าก็อ้าปากตะโกนบอกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนที่อยู่ใกล้ที่สุดว่าวาล์วน้ำได้ถูกปลดเรียบร้อยแล้ว และให้ต่อสายแล้วใช้ได้ทันที หากลมหายใจแรกที่สูดเข้าไปนั้นมีแต่ความร้อนและไอควัน ชายหนุ่มจึงสำลักจนตัวโยน เสียงที่ออกไปแหบแห้งจนแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ได้ยิน แต่คะน้ายังไม่เลิกพยายาม

ชายหนุ่มจ้องมองอีกครั้งแล้วหาจังหวะที่พอเหมาะ หากแต่เสียงตะโกนข้างนอกนั้นดังสนั่นจนเขาสู้ไม่ไหว และจะฝืนรออยู่แบบนี้คงไม่ได้เช่นกัน ทางเดียวที่มีคือการย้อนกลับทางเดิมออกไปบอกทีมเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้เร็วที่สุด คะน้าจุ่มเสื้อที่ถอดออกลงที่น้ำก็อกใกล้ๆ ที่ระอุจนเกือบเดือด ความร้อนทำให้สะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเอาผืนผ้าเปียกๆ นั้นปิดจมูกตัวเองให้พ้นจากควันไฟ เขาไม่ลืมที่จะเอาน้ำร้อนๆ พวกนั้นราดลงบนตัว จะพุจะพองช่างมัน เมื่อผิวกายเขายังทนไหว

...ขอเพียงให้ตลาดแห่งนี้อยู่ต่อไปได้ แค่นี้ถือว่าเล็กน้อย

กึ่งคลานกึ่งวิ่งต่ำๆ อ้อมกองไฟ เอามือปัดไฟที่ร่วงหล่นลงมา มือเปล่าๆ ของเขานี่ล่ะที่ตบละอองไฟให้พ้นจากตัว ทว่าจังหวะที่พลาดนั้นทำให้เสื้อที่ถอดมาจุมน้ำปิดจมูกหลุดมือ ผ้าเปียกๆ ตกลงไปในเปลวเพลิงขนาดใหญ่ ไม่ช้ามันก็กลายเป็นธุลีเถ้าไปคาตาให้เจ็บใจ เปลวควันและความร้อนจู่โจมร่างกายทันที มันกัดกร่อนและทำให้ชายหนุ่มสำลักจนน้ำตาไหล เขาไอตัวโยนจนของเหลวเหนียวๆ ในปากบีบเกร็งออกมาด้วยความทรมาน

สิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นซ้ำสองเมื่อในจังหวะที่ไม่ได้เคลื่อนไหวนั้น ปิ๊บน้ำมันที่ซุกตัวอยู่ในแผงใกล้ๆ ก็ระเบิดตัวจนเกิดเสียงดังก้อง แต่นั่นคงเป็นเรื่องเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสะเก็ดน้ำมันที่ร้อนจัดกระจายทั่วทั้งบริเวณ คะน้าเอี้ยวตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่น้ำมันร้อนๆ ก็ราดเข้าที่กลางหลัง ซ้ำการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้ายังทำให้ชายหนุ่มไม่อาจหลบท่อนเหล็กร้อนๆ ซึ่งเป็นโครงสร้างหลังคาที่ร่วงหล่นลงมาในนาทีถัดไปพ้น เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุด คะน้าก็ทรุดลงท่ามกลางเปลวไฟที่โหมเข้ามาอย่างไร้ความปรานีด้วยน้ำมันที่ระเบิดเมื่อครู่

ร้อนจนเหมือนร่างกายจะเผาไหม้เป็นจุล แต่เขาไม่มีแรงพอจะขยับหนี คะน้าเอามือบีบหน้าแข้งและข้อเท้าที่ชาจนไร้ความรู้สึก เขาสำลักอีกครั้ง และไม่นานความชานั้นก็เริ่มแปรสภาพเป็นความเจ็บปวดทรมาน ท่อนขาข้างซ้ายปวดหนึบและหนักอึ้งจนขยับเคลื่อนไม่ไหว แม้แต่แรงแขนที่จะยกท่อนเหล็กออก ชายหนุ่มก็ยังทำไม่ได้ แม้จะออกแรงจนสุดกำลังก็ทำได้เพียงปลายนิ้วที่สั่นระริก ...โลหะนั้นร้อนจัด ...ร้อนระอุจนเหมือนจะเผาขาเขาให้ขาด

ตาของเขาเริ่มมองไม่เห็น จมูกเริ่มแสบ แขนขาเริ่มอ่อนกำลังจนชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าจะพาตัวเองให้กลับออกไปหาเจ้าหน้าที่ด้านนอกได้หรือไม่ คะน้าได้แต่นั่งอยู่นิ่งๆ ความหวังในใจที่มีนั้นพอๆ กันกับความหวาดกลัวจนไม่กล้าลืมตา

...เจ๊เป็ด จันทู สายใจ บังอร พี่ศักดิ์ เฮียตี๋ พี่หมู พี่น้องทุกคนของเรา

...ป๋า แม่ เจ้ผักกาด

...ทิม


ท่ามกลางความวุ่นวาย ความร้อนที่เหมือนกับเปลวไฟจากนรก เสียงตะโกนที่ดังกึกก้องและเสียงกรีดร้องที่โหยหวนที่ดังตลอดเวลา ในควันหนาทึบ ทุกอย่างนิ่งสนิท คะน้าหลับตา ต้านความร้อนด้วยความหวังและความเชื่อมั่นอันแรงกล้าที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจอีกครั้ง

ทุกๆ คน...

ผมจะไม่ยอม...



ผมจะไม่ยอมตายอยู่ที่นี่!


แขนขาจะหนักอึ้งก็ช่างปะไร เดินไม่ไหวก็ไม่ใช่จะจำนน ลำคอที่แห้งผากราวกับถูกเผาจนไหม้นั้นค่อยๆ รวบรวมพลังขึ้นทีละน้อย ...ทีละนิดจนมากขึ้น ...และมากขึ้น คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ตะโกน ...ตะโกนจนสุดเสียง สุดแรง และสุดพลังที่เขามี

[b’“ต่อน้ำ... ฉีดน้ำได้!!!”[/b]

เสียงร้องหวือดังกึกก้องในหูของตัวเอง ไม่รู้ว่าเสียงมนุษย์หรือปีศาจ เสียงพระเพลิงหรือเสียงอะไร ไม่รู้ว่าเป็นเสียงภายนอกหรือเสียงตัวเอง ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นเพียงแค่เสียงในหัวหรือเปล่า แต่ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งไหน ...เขาจะไม่ยอมแพ้

“ต่อน้ำ! ...ฉีด! ฉีดเลย! น้ำใช้ได้แล้ว!!!”

เสียงที่เคยคิดว่าสุดลมหายใจแล้วกลับยังคงดังต่อไป แหบโหยและยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ กังวานและท่วมท้น เป็นเสียงสุดท้ายที่ดังไร้ขอบเขต เสียงที่จะดังลั่นเหมือนจะสนั่นไปทั่วทั้งโลก



...แล้วเสียงนั้นก็จางหายไป เหลือเพียงเสียงคำรามแห่งเปลวเพลิง

คะน้านั่งหอบ ...หอบจนสั่น เขาหมดแรง หมดแล้วซึ่งกำลัง แม้แต่ความหวัง แม้แต่ความเชื่อมั่น กำลังใจ ...ทุกๆ อย่างที่เขามี มันค่อยๆ ถูกเปลวไฟแผดเผาจนเลือนหาย ตาที่พร่าเลือนมองความฝันต่างๆ ผุพังลงตรงหน้า แม้ทุกอย่างรอบตัวจะวุ่นวายอึกทึก หากแต่ในใจกับเงียบงัน โลกกำลังหยุดหมุนและค่อยๆ มืดลง

ภาพความทรงจำในวัยเด็กค่อยๆ ชัดขึ้น เด็กชายตัวน้อยที่เคยวิ่งเล่นไปตามทางที่เลี้ยวลดในตลาด เสียงหัวเราะ ดังพอๆ กับเสียงตะโกนด่าไล่ด้วยความเอ็นดู เสียงปรบมือ รอยยิ้ม และน้ำตา กระทั่งวันแรกที่กลับมาที่นี่อีกครั้งในฐานะพ่อค้า ความไม่ประสา ความเหนื่อยล้าและหยาดเหงื่อที่ตกตะกอนลงเป็นความสุขที่โรยตัวอยู่รอบข้างเขาตลอดเวลา ความทรงจำเหล่านี้หล่อหลอมให้เขาเติบใหญ่ขึ้นมา ...มันกำลังพังทลายลง ...ต่อหน้า ...ตรงนี้ ...ตอนนี้ ...และเขาทำอะไรไม่ได้เลย

ผิวหนังลวกพองกลับเริ่มไร้ความรู้สึก อากาศเบาบางจนเหมือนไม่มีเหลือ คะน้าไอจนไม่เหลือเสียง น้ำลายเหนียวๆ เกร็งและบีบตัวออกจากปากอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจ ทรมาน ...ทรมานเหมือนจะขาดใจ ตาที่เคยแสบจากไอควันเริ่มไร้ความเจ็บปวด และภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็เป็นเพียงแค่สีเทา ไม่สว่าง ไม่มืด ไม่ขาว และไม่ดำ



“น้ำ... น้ำ...”

เสียงสุดท้ายแผ่วลงก่อนที่เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายพร้อมเสียงตะโกนเรียกอะไรสักอย่างจะเข้ามาแทนที่ นาทีต่อมา ท่อนขาที่โดนเหล็กทับรู้สึกเบาโล่ง สักครู่ก็มีแรงกระชากทำให้ชายหนุ่มประคับประคองสติที่เหลือเพียงน้อยนิดจ้องมองภาพตรงหน้า



“น..น้ำ            ...ใช้ได้แล้ว”

ผมสำลักจนหายใจไม่ออกและไม่มีเสียงอีกแล้ว สีเทานั้นทำให้มองไม่เห็น มันแสบตา ร้อนเคืองจนต้องปิดตาลง แรงเขย่าเหมือนจะเรียกชื่อผมซ้ำๆ มันเป็นเหมือนเสียงก้องที่กลับกลายเป็นเพียงเสียงแว่วๆ ในหู ที่พอจะรับรู้ได้คงเหลือเพียงสัมผัส ...สัมผัสนั้น อบอุ่น และเป็นสัมผัสที่คุ้นเคย



“ต..ต่อน้ำ... บอกให้ฉีดได้เลย ..ผ..ผมไม่เป็นไร”

เสียงก้องดังขึ้นแต่มันอื้ออึง แรงเขย่านั้นกระชากจนตัวโยนแต่ผมไม่รู้สึกเจ็บ ในความร้อน ผมกลับสัมผัสถึงหยดน้ำบนหน้า มันเล็กน้อย ...น้อยมากๆ แต่ก็อุ่น หนึ่งหยด ...สองหยด ...แล้วก็อีกหยด และเพียงไม่นานก็ระเหยกลายเป็นไอ ผมเอื้อมมือขึ้น ใช้แรงเกือบทั้งหมดที่เหลือในการสัมผัสใบหน้าคนตรงหน้า และอีกน้อยนิดสำหรับรอยยิ้ม


“บอกทีว่าผมทำได้ มันยังทันใช่ไหม? ยังไม่พังทั้งหมดใช่หรือเปล่า?”

มีเสียงตอบกลับอะไรบางอย่างที่ผมฟังไม่รู้เรื่อง แล้วร่างของผมลอยหวือเหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้าก่อนจะตกลงมาบนแผ่นหลังที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย ปลายเท้าที่แกว่งเพราะไร้เรี่ยวแรงลอยอยู่บนเปลวเพลิงร้อน ผมค่อยๆ เคลื่อนตัวสู่ทางออกช้าๆ ด้วยจังหวะที่มั่นคง แล้วสติการรับรู้ก็ขาดห้วง

รู้สึกตัวอีกทีเมื่อกลิ้งตัวเองไปบนพื้นซีเมนต์เปียกๆ ฝนกำลังตก หรือบางทีมันอาจจะเป็นน้ำจากรถดับเพลิง เสื้อผ้าที่ร้อนคลายอุณหภูมิลง ผิวหนังที่ลวกพองก็เช่นกัน ผมอ้าปาก กว้างที่สุดเท่าที่จะกว้างได้ ตักตวงหยดน้ำที่พร่างพรมลงบนผิวหน้า จมูกเริ่มได้กลิ่นไหม้ที่น่ารังเกียจทั่วบริเวณ สายตาที่มองทุกอย่างเป็นสีเทากลับเห็นภาพได้อีกครั้ง แม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ไม่อยากจะเห็นก็ตาม ดูเหมือนสถานการณ์เพลิงจะถูกควบคุมไว้ได้ในที่สุด ประสาทสัมผัสต่างๆ ของผมเริ่มกลับมา ได้สติและรับรู้ถึงมือที่เกาะกุมแน่นอยู่ตลอดเวลาและไม่ปล่อยไปไหน

เสียงหอบสะท้านของคนที่นอนพังพาบอยู่ข้างๆ ตัวนั้นดังเป็นจังหวะแทบไม่ต่างอะไรกับตัวคะน้า เสื้อสกปรกและฉีกขาด เผยให้เห็นผิวหนังที่เป็นรอยถลอกพองเปรอะเปื้อนด้วยคราบเขม่าไหม้จนเป็นสีดำสลับกับริ้วแดงจากความร้อนที่กร่อนผิว คะน้าค่อยๆ ปรับภาพตรงหน้าที่พร่าเลือนให้แจ่มชัดขึ้นทีละน้อย

เปลวไฟสีแสดถูกดับลงไปพร้อมกับเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นซึ่งจบลงไป หากแต่ในใจของคะน้ากลับยังรู้สึกสั่นรัวราวกับเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝันซึ่งให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน

“หวัดดี”

ผมจำเสียงที่อ่อนโยนนั้นได้ ดวงตาคู่นั้นก็เช่นกัน แม้มันจะเปื้อนคราบเขม่าจนมัว แต่ผมก็ยังจำกรอบแว่นพลาสติกสีดำนั้นได้ และที่จำได้ดีที่สุดคือรอยยิ้มนั้น ...ยิ้มที่ดูเหมือนจะดับได้ทุกเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ


“...ผมกลับมาแล้ว”


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอาล่ะครับ คนแต่งพร้อมให้ด่าและรุมประนามแล้ว กร๊ากกกกกกกกกกกกกก...
แต่คนแต่งชอบนะ รู้สึกช่วงแอ็คชั่นมันสนุกดี ถึงแม้จะมีบางช่วงแอบสงสารต่ายน้อยก็ตาม
ตอนนี้เลยไม่ใช่ผักบุ้ง แต่เป็นคะน้าไฟแดงเสิร์ฟทุกคนกลางดึกให้อกสั่นขวัญแขวนเล่น
ส่วนท้ายตอนจะว่ายังไงดีล่ะ 555555 กลับมาให้หายคิดถึงกันแล้วสำหรับคุณหมอนะครับ
นับจากตอนนี้ไป เนื้อเรื่องเข้มข้นขึ้น เอาเป็นว่าจะเริ่มมันส์ในอารมณ์ขึ้นทีละน้อยพะยะค่ะ
ช่วงนี้จะพยายามอัพเร็วนะครับ เข้าใจว่ามันอาจค้างคา ถ้านานอารมณ์เสียได้ 555
พบกันใหม่ตอนหน้าครับ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ครับ +1 ให้ทุกคนนะ จุ๊บุๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 30 - (หน้า 39) Feb 18, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-02-2013 00:39:05
เฮ้ยยยฃหมอกลับมาแล้ว
แววดราม่ากำลังจะมา
คะน้าบาดเจ็บ
หมอเสียบคิวได้สบายๆ แหม่
ลงล็อคจริงๆ
แล้ว...ทิมล้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-02-2013 00:52:14
ชอบตอนนี้มากค่ะ ต่ายคะน้าผัดไฟแดงน่าสงสารมาก

อย่าเป็นอะไรเลยนะ เท่าที่บรรยายมาได้นอนรพ.เป็นอาทิตย์แน่ T___T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 20-02-2013 00:54:47
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด พี่หมอมาแล้วววว นังจิ๋ว ไหนหล่อนบอกหมอไม่อยู่แงะ
เด๋วจับจันทูจูบซักที
( เด๋วนะ แกเป็นแม่ยกทิมไม่ใช่เหรอ?)

แล้วทิมไปไหนนนน น น   เจ้ไม่บอกทิมเหรอ ไม่สิ ต่ายน่าจะนึกถึงทิมปะ เวลาเกิดเรื่องอะไรควรนึกถึงคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเราก่อนลุยเซ่ ซักนิดก็ยังดี งอนแทนทิมอะ

แต่ปลอดภัยก็ดีแล้ว ต่ายเข้มแข็งมาก จริงๆแล้วพระเอกของเรื่องนี้คือต่ายชะ?
ขอบคุณตัวประกอบทั้งสองอย่างเป็นทางการ 5555555555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 20-02-2013 01:02:49
 :o12: น้องต่ายเราจะเป็นอะไรมากมั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: DIIK ที่ 20-02-2013 01:07:55
 :fire:

อ่านตอนนี้จบถึงกับอุทานออกมาทันทีแบบไม่ต้องกลั่นกรองว่า "เหี้ยละ!!!" //ขอโทษที่ไม่สุภาพค่ะ  :call:

คือแบบก็เชียร์ทิมรักทิมนะคะ แต่ก็แอบเชียร์ตุล รักพี่เสียดายน้อง แงๆๆๆๆๆๆๆ
ขอให้กลับมาคราวนี้ไม่มีมาม่า *ชักดิ้นชักงอ

คะน้าแมนขึ้นทุกวี่ทุกวันอ่าาา *ชอบ

ตื่นเช้านี้จะวิ่งไปสั่งคะน้าไฟแดงมากินบูชาให้ตอนหน้าๆๆๆ ++ ไม่มีมาม่า 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 20-02-2013 01:09:20
อะไรกันนี่ แค่ชั่วข้ามคืน ฝันก็สลายกลายเป็นขี้เถ้า
แล้วทิมคนดีของเจ้หายไปไหน
หมอตุลมาทันคะน้าสุกกำลังดี งือ...อะไรจะเกิดต่อไป
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 20-02-2013 01:10:05
อ่านไปจะร้องไห้ไปด้วยความเป็นห่วงคะน้า  :monkeysad: คะน้าไม่ห่วงตัวเองเลยอ่า
แผลที่โดนมาเหมือนจะเยอะนะ หลายที่อ่ะ มือ หลัง สะเก็ดน้ำมัน ที่ขาอีก โอย... :เฮ้อ:
หมอตุลย์มาได้ไงไม่รู้ แต่ก็ดีใจที่มาช่วยทัน พระเอกล่ะ สงสัยยังไม่รู้แน่เลย
สงสารคะน้าอ่ะ ตลาดกำลังจะไปได้ดี อยู่ ๆ มาไหม้ได้ไง พวกที่จะอยากซื้อทำเหรอ เลวนะ  :m31:
เจ้มจ้นทั้งเรื่องตลาดและเรื่องความรักเลยความนี้

มาด่วนนะคะ พลีสสสสสสสสสสส~~~  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 20-02-2013 01:25:06
ตุลกลับมาแล้ว โอ๊ววววว มีแววว่าจะต้ิงได้ดราม่าแน่ๆ
จะไปซื้อผ้าเช็ดหน้ามาเตรียมไว้ให้ตัวเองกับทิม
ตอนนี้สงสารคะน้ามากเลยค่ะ
ท่าทางจะเจ็บมาก โอ๊ยยย น้ำตาจะไหล

ส่วนทิมเนี่ยวันนี้ติดคิวที่ไหนหรอจ๊ะ ออกน้อยเกินไปแล้ว
นี่นายเป็นพระเอกจริงๆหรือเปล่าเนี่ย ตอนนี้นายดูจืเจางมากๆ

เค้ารออ่านตอนต่อไปน๊า ถึงแม้จะดราม่าแต่เค้าก็ต้องทน เพื่อจันทู เอ๊ยยยยย ไม่ใช่ละะะะะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-02-2013 02:55:51
ผิวสวยๆของคะน้า มันต้องมาม่าแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 20-02-2013 06:07:45
ภาวนา ว่าอย่าให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงด้วยเถอะ เราก็ยังอยากให้ทิมกับคะน้ารักกันอยู่นะ แต่ดูเหมือนตุลจะมาแบ่งเศษเสี้ยวใจของคะน้าที่ละนิด แล้วครั้งนี้ก็มาพร้อมกับไฟที่ร้อนแรงด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 20-02-2013 06:23:38
เฮ้ย ตุลโผล่มาจากไหนนิ
แล้วคะน้าจะเป็นยังไงบ้างล่ะนี่ ทิมด้วยหายไปเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 20-02-2013 07:33:45
ตุลมาแล้วใช่ม่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 20-02-2013 08:12:56
ว๊ากกกก  ตุลกลับมาทำไมอี๊กกก 
กลับไปวิจัยอะไรโน่นต่อเถอะพ่อคุ๊ณณณ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 20-02-2013 08:36:15
ถ้าคะน้ายังลังเลอยู่นะ เราจะโกรธ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 20-02-2013 08:48:26
รักของหมอตุล รักที่คอยปกป้อง คอยดูแล

แต่คะน้ารักทิม ไม่เปลี่ยนใช่มั๊ย

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nooklepper ที่ 20-02-2013 09:53:02
ว๊ากกก ตามทันละ
><  คะน้า ว่าไง~~ 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 20-02-2013 10:15:05
หมอกลับมาแล้ว อิตาทิมจะโดนแย่งซีนคราวนี้แหละ 555
เนื้อเรื่องมันส์มาก เข้มข้นสุดๆ  แต่สงสัยว่าไฟมาได้ไง ต้องมีใครแอบวางเพลิงแน่ๆ
อืมมันต้องมีเบื้องหลังแน่ๆเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 20-02-2013 10:20:10
โอ๊ยยย ตายแล้ว คะน้าของเจ๊ ทั้งสงสารและภูมิใจในตัวต่ายน้อยที่สุด นายเอกของเจ๊ต้องแมนเยี่ยงนี้
ง่ะ คนแต่งสับขาหลอก คิดว่าจะได้ดูโชว์อลังการมีเซอร์ไพร์สเป็นคู่จิ้นแห่งปี
ดันเจอเซอรืไพร์สขั้นกว่าหรือขั้นสูงสุดก็เป็นได้ อย่าให้น้องต่ายของเค้าเป็นอะไรน้า
หมอตุลกลับมาเปิดตัวแบบโคตรพระเอกเลย พระเอกตัวจริงอย่างทิมอย่าลืมมาทวงเวทีคืนเน้อ

+1  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 20-02-2013 10:23:38
อัยยะ หมอตุลมาแล้วเย้ แต่จะเป็นต่อไปเนี่ย วุ้ยไม่อยากจะคิด  :z1: :z1: :z1:

ใครทำตลาดของคะน้าเนี่ย เดี๋ยวจะโดนน้า  :z6: :z6:   :z6: :beat: :beat: :beat: :beat:

ต่ายน้อยเป็นไรมากเปล่า ผิวสวยๆเสียหมด วุ้ยคุณหมอทำคะแนนหน่อย ทิมนำไปหลายขุมแล้ว อิอิ  :oo1: :oo1:

ขอบคุณมากค่ะ มาต่อเนื่องเลยดีใจจังเป็นกำลังใจให้สู้ๆ (เพราะเราจะได้อ่านต่ายน้อยบ่อยๆๆ อิอิ)
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 20-02-2013 13:35:35
ตอนอ่านเห็นคำว่าเปลวเพลิงก็ร้องจ๊ากแล้วนะ
หนูคะน้าอึดมาก ช่วยเปิดน้ำได้ทันเวลา

แต่พอเจอ "ผมกลับมาแล้ว" เข้านี่ ร้องยิ่งกว่าจ๊ากอีก!!
มันรู้สึกเหมือนหมอจะกลับมาทวงคะน้าคืนยังไงยังงั้นเลยค่ะ

กลัวมาม่า ... ไม่เอาได้ไหมคะ ช่วงนี้หัวใจอ่อนแอ  :กอด1:
ไม่อยากให้คะน้าคิดสองจิตสองใจอีก ... นะ ...
(เข้มข้นได้แต่ไม่เอามาม่านะคะ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 20-02-2013 16:11:22
เฮ๊ยย!!! ไม่เอาตุล ไม่อ๊าวว! :serius2: ไม่ใช่ตอนนี้ :z3:

ทิมอ๊าาทิมไปไหน :dont2: เอาทิมกลับมาก่อนนนน~

ถ้าเป็นงี้ ตลาดนี้ก็ต้องเปลี่ยนคู่จิ้นพลังวายในแผนเจ๊ผักกาดอ่ะดิ(...ยังจะ :m17:)

    o9    o9
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 20-02-2013 16:51:32
ไม่เข้าใจคะน้า
ต้องการตุลไปทำไม ตุลคือเพื่อน??? ไม่น่าใช่ป๊ะ
คะน้าบอกว่ามีตุลแล้วเหมือนทึกอย่างจะผ่านไปได้ งั้นก็ไปหาตุลเหอะ ไม่ชอบเลยอ่ะ
ถ้ามองมุมทิม เวลาเรารักใคร แม้ว่าเวลาสุขจะอยู่ด้วยกันตลอด
แต่เราจะดีใจกว่าป๊ะถ้าเวลาเค้ามีความทุกข์แล้วจะคิดถึงเราเป็นคนแรก
แล้วอะไรคือการที่ตุลโผล่มาตอนนี้

เค้าจะเอาตอนต่อไปเดี๋ยวนี้เลยยย!!
ปล. ขอโทษนะครับที่ตอนผ่าน ๆ มาไม่ได้มาเม้นท์เลย
พอดีเดินทางมาต่างประเทศแล้วหาคิมที่มีภาษาไทยไม่ได้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 20-02-2013 17:28:17
โอ่ยยยมาอ่านสามตอนรวด ตอน 29 30 ก็ดีอยู่หรอก

แต่ตอน 31 นี่แบบ อยากจะสลบคาอกหมอตุล เอ๊ยยย ไม่ใช่แระ

มันลุ้น มันเหนื่อย มันร้อนนนนน ช้านนนนนจะเป็นลม

ว่าแต่ หมอ หมอกลับมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 20-02-2013 19:16:32
แดกจุด..........

พิ.. พี่หมอ หนูหวั่นไหว
ไม่ได้เชียร์ตุลคะน้า แต่เชียร์ตัวเองกับหมอตุลได้มั้ย
พอเถอะตัวเรา..
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 20-02-2013 21:16:28
จะกลับมาทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม???  ไปวิจัยต่อสิหมอตุลลลลล!!!!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 20-02-2013 21:22:54
ดีใจนะที่หมอกลับมา

แต่ว่ามันต้องมีเรื่องแน่ๆ เลยอ่า

สงสารทั้งทิมและตุลย์น้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 20-02-2013 23:12:48
สงสารคะน้า สงสารทิม สงสารหมอ

อ๊ากกกกกก  :sad5: จะดราม่าไปไหน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 21-02-2013 00:49:31
เฮ้ย หมอกลับมาจริงๆอ่ะ!? หมอตัวจริงป่าว!?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 21-02-2013 21:53:33
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด หมอกลับมา
ต้มมาม่ารอรอเลย หมอจะกลับมาทำอะไรอ่ะอยากรู้
อิทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม ไปไหนมาดูคะน้าด่วนเลยแก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 21-02-2013 22:54:44
หมอมาได้ไง เซอร์ไพรส์จิงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 31 - (หน้า 40) Feb 20, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 21-02-2013 22:55:37
"ยิ้มที่ดูเหมือนจะดับได้ทุกเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจ" ไม่ชอบใจประโยคนี้เลย ไม่ใช่ทิมหรอกเหรอที่ทำให้น้องต่ายสบายใจ เสียใจอะ  :o12:

สงสารน้องต่ายตอนนี้จัง แต่ถ้าคนที่มาเป็นทิมไม่ใช่ตุลจะดีมาก ๆ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 22-02-2013 10:22:41
สวัสดีวันศุกร์ครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ +1 ทุกคนเลยนะ
ต่อจากตอนที่แล้วเลยนะครับ ตอนต่อไปที่จะได้อ่านนี่เป็นตอนที่สาระหนักหน่อย เอาจริงเอาจังกันมาก
ให้ความรู้สึกออกแนวสืบสวนสอบสวนเล็กๆ คือจะเอามันให้ครบทุกรสในนิยายเรื่องเดียวให้ได้ 5555
หลังจากที่ตลาดไฟไหม้ และตุลก็กลับมาแล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไป อ่านได้จากตอนที่ 32 โลดดดด


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนที่ 32



ผมตื่นขึ้นพร้อมกับความอ่อนล้าและปวดแสบ หน้าแข้งข้างซ้ายหนักชา กลิ่นยาฉุนๆ พวกนี้ทำให้รู้สึกมึนหัว พอๆ กับเครื่องปรับอากาศที่ครางหึ่ง เป็นเวลาหลายนาทีกว่าที่จะปรับสายตาตัวเองให้ชินกับเพดานสีขาวที่กดห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ให้ดูอุดอู้และทึบแคบ สิ่งต่อมาที่เห็นก็คือสายน้ำเกลือโยงระยางจนเกะกะ ผมพยายามกระพริบตา ปรับสติที่เลือนพร่าให้แจ่มชัดขึ้น และในพริบตานั้น ความรู้สึกที่จู่โจมทันทีก็คือความเจ็บปวดที่ปะทะเข้าข้างแก้มพร้อมกับกำปั้นของหญิงสาวที่อัดเข้าเต็มรักจนเจ็บชาไปทั้งหน้า

“ทำไมไม่รู้จักห่วงตัวเองบ้าง!!!”

เสียงของผักกาดดังก้องไปทั่วทั้งห้อง พอๆ กับเสียงร้องหลงของพยาบาลสาวด้วยความตกใจ คะน้าอยากจะยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองด้วยความเจ็บที่ถาโถม หากแต่แขนทั้งสองข้างก็ถูกตรึงด้วยสายสารพัดจนขยับไม่ไหว แล้วนาทีถัดมาร่างของคนที่เหวี่ยงหมัดลงเมื่อครู่ก็โผเข้ากอดจนแน่นพร้อมกับร่างที่ไหวสะเทิ้น เพียงคู่เดียว ชายหนุ่มก็รับรู้ถึงความเปียกชื้นบนบ่าของตัวเอง สองมือของคะน้าจึงค่อยๆ ขยับขึ้นแล้วโอบร่างเล็กๆ บนตัวเองหลวมๆ ไม่มีถ้อยคำสื่อสารใดๆ ไปมากกว่าดวงตาทั้งสองข้างที่รู้สึกถึงความชื้นที่เอ่อคลอ

“โทษทีนะเจ้ ผมมันดันโง่ เลยถนัดใช้แต่แรงมากกว่า” ว่าแล้วก็หัวเราะร่วนทั้งน้ำตาที่คลอหน่วย คะน้าพยายามพูดติดตลก ไม่อยากจะสร้างฉากดราม่าเพิ่มอีกแล้วกับอะไรๆ ที่เกิดขึ้น ผักกาดดันตัวเองขึ้นแล้วฟาดมะเหงกลงกลางกระหม่อมจนน้องชายร้องเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บ

“แกมันโง่” หญิงสาวมุ่ยหน้าที่ยังเปื้อนน้ำตา แล้วทอดมองน้องชายที่เต็มไปด้วยสารพันผ้าพันแผลและสายโยงไปทั่วทั้งตัว




“แต่เจ้ภูมิใจในความโง่ของแกนะ คะน้า”

ชายหนุ่มที่รับฟังยิ้มให้กับพี่สาวด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นขึ้น “เจ้เป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ได้อยู่ แต่เราสิหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ เลย”

หนึ่งวันเต็มๆ อย่างนั้นหรือ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างจะเป็นอย่างไรบ้าง ทุกๆ คนที่นั่น รวมถึงตลาดที่ไฟไหม้ คืนนั้นภาพที่จำได้ก่อนที่จะหลับไปก็คือกลุ่มควันตรงหน้าที่เริ่มเบาบางลงเหลือแค่เพียงความร้อนระอุจากการเผาไหม้ และซากปรักหักพังที่ประเมินด้วยสายตาไม่ได้ว่าสภาพหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร

“แล้วทุกคนปลอดภัยไหม ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหมเจ้” แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ ชายหนุ่มก็ยังจะมีกระใจเป็นห่วงคนรอบข้างมากกว่าตนเอง ผักกาดยิ้มแล้วพยักหน้า น้ำหนักที่กดในใจของชายหนุ่มจึงรู้สึกเบาลงอีกนิด “แล้วที่ตลาด ...เป็นอย่างไรบ้าง” คะน้าถามด้วยความรู้สึกที่หวั่นใจ ความกังวลที่ฉายชัดบนใบหน้าทำให้ผักกาดแจงความเป็นไปหลังจากที่น้องชายหลับไหลไปกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงเต็ม

“ค่อนข้างเสียหายเยอะ ต้องปิดตลาดเป็นเวลาอีกสักพัก อย่างน้อยก็เพื่อให้ทางตำรวจกับบริษัทประกันสรุปมูลเหตุต่างๆ ทำอะไรไม่ได้แม้แต่ซ่อมแซม”

“แล้วคนที่ตลาดล่ะเจ้ ทุกคนจะทำอะไรกินกัน มันจะต้องรออีกนานแค่ไหน” ความรู้สึกในใจของชายหนุ่มเริ่มพล่าน ในสายตาคนภายนอกอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่คนที่คลุกคลีอยู่กับตลาดจะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เล็กแบบที่จินตนาการไว้เลย เมื่อแต่ละวันที่ผ่านไปล้วนหมายถึงรายได้ที่แปรเป็นศูนย์ การไหวหน้านิดๆ ของหญิงสาวทดแทนคำตอบที่ไม่น่าฟังได้เป็นอย่างดี คะน้าได้แต่ถอนหายใจแล้วมองเพดานนิ่ง สักพักก็เปลี่ยนเรื่องพูด

“ผมมาที่นี่ได้ยังไง”

“ตุลพามาพร้อมกับรถพยาบาลน่ะ เป็นหมอเจ้าของไข้แกด้วยต่าย อีกเดี๋ยวก็คงมาตรวจล่ะ” คำตอบของผักกาดทำให้คะน้ารู้สึกชะงัก ...ในคืนนั้นอีกภาพที่ยังจดจำได้ติดตาก็คือตุลที่มีสภาพยับเยินไม่ต่างกัน ปากพะงาบเหมือนคนที่ขาดอากาศหายใจอยู่ข้างๆ กัน

“แล้ววันนั้นเขาโผล่ไปได้ยังไง”

“ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอเห็นแกกระโดดเข้าไปในไฟแบบนั้น อยู่ๆ ก็วิ่งตามเข้าไป ใครจะห้ามก็ไม่ฟัง คนดึงไว้ตั้งหลายคน แต่แรงเยอะมาก ยื้อไว้ได้ไม่นานก็สะบัดแล้วก็กระโจนตามกันไปนั่นล่ะ”

คำตอบของผักกาดทำให้ชายหนุ่มนิ่งเงียบ ทั้งๆ ที่ข่าวลือที่ได้รับมาตลอดเวลาคือตุลยังคงทำวิจัยอยู่ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือข่าวที่บอกว่าอาจจะเลือนระยะเวลาการวิจัยออกไป แม้แต่อาจจะไม่กลับมาที่ไทยอีกนานก็ได้ แน่นอนว่ายังไม่นับรวมกลับการย้ายข้าวของออกจากคอนโดกลับไปที่บ้านซึ่งเป็นการย้ำให้ข่าวนั้นน่าเชื่อถือขึ้นไปอีก ...แต่บทจะโผล่มา ชายหนุ่มก็โผล่มาแบบไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว แถมยังโผล่ในเวลาที่พอดิบพอดีเหมือนกับว่าเป็นคนที่อยู่ใกล้และรู้ความเคลื่อนไหวตลอดเวลา ยังมีคำถามมากมายอยู่ในใจของคะน้าในตอนนี้ หากแต่เมื่อเกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น อะไรๆ ก็ดูจะลดความสำคัญลงไปหมดเมื่อเทียบกับเรื่องที่ตลาด

“เจ้... ทิมล่ะ” คำถามต่อมาของน้องชายทำเอาผักกาดทำหน้าหมั่นไส้

“ห่างกันบ้างไม่ได้เลยใช่ไหม ฝ่าไฟไม่ตายแต่จะมาขาดใจตายตอนไม่เห็นกันหรือไง” ผักกาดส่งเสียงเสียดสีน้องชาย “เมื่อวานนี้มาเฝ้าแกทั้งวันทั้งคืน ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อน คงนึกว่าเป็นหมาที่น้องเจ้เลี้ยงไว้นะเนี่ย”

“บ้าสิ... ก็พูดไปนั่น” แม้จะพูดแบบนั้นแต่ในใจคะน้ากลับรู้สึกดีขึ้นมาอย่างประหลาด ยิ่งรู้ว่าใส่ใจดูแลกัน ยิ่งรู้สึกมีแรงขึ้นมาเสียเฉยๆ

“หน้าอย่างกับหมาหงอย เพิ่งจะเคยเห็นคนไม่เจ็บดูหมดสภาพกว่าคนเจ็บก็ตอนนี้ล่ะ” คำพูดประชดประชันของพี่สาวเรียกรอยยิ้มขึ้นมาได้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน และถ้าความรู้สึกของตัวเองไม่ผิดแผกจนเพี้ยน คะน้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังเขินเล็กๆ ด้วยซ้ำ

“เจ้ๆ แล้วตำรวจเขาว่าไงบ้าง”

“ดูเหมือนจะยุ่งยากกว่าที่คิดนะ เดี๋ยวบ่ายนี้ก็คงมาอีก ไม่รู้จะมีความคืบหน้าอะไรขึ้นมาบ้าง ...น้ำสักหน่อยไหม” ผักกาดรินน้ำใส่แล้วแล้วเตรียมปักหลอด หากแต่น้องชายกลับส่ายหน้า น้ำเกลือทำให้เขารู้สึกอยากจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ

“ผมขอดูหนังสือพิมพ์ได้ไหม” ผักกาดทำหน้าชั่งใจ สักพักก็เดินกลับไปที่โต๊ะเล็กๆ ในห้องที่อยู่ห่างจากเตียงออกไปเล็กน้อยแล้วหยิบสิ่งที่ชายหนุ่มเรียกหากลับมาส่งให้

พาดหัวข่าวตัวหนาทำให้ใจของคะน้าตกไปอยู่แทบเท้า ยิ่งภาพที่เต็มไปด้วยสีแดงที่ชั่วร้ายนั้นยิ่งทำให้เขาหวนนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันก่อน คะน้าก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงบ้าบิ่นได้มากมายขนาดนั้น คงเพราะแบบนี้หรือเปล่าที่หลายคนบอกว่าเวลาที่เราตกใจกับอะไรมากๆ สักอย่าง ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียในสิ่งที่เรารักจะผลักให้สัญชาตญาณบางอย่างดึงเอาพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวมนุษย์เราออกมา

เนื้อหาข่าวระบุถึงตัวเลขของความเสียหายที่ประเมินเป็นหลักหลายล้านบาท และบทสัมภาษณ์เล็กน้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงความน่าจะเป็นของมูลเหตุ แน่นอนว่าไม่มีอะไรชัดเจนในเนื้อหาข่าวนั้นนอกจากความสูญเสียและคราบน้ำตา คะน้าพับกระดาษที่เต็มไปด้วยหลักฐานแห่งความสิ้นหวังนั้นแล้ววางนิ่งๆ ข้างตัว เขาไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อ ในหัวสมองเต็มไปด้วยควันสีเทาที่ขมุกขมัวจนมองไม่เห็นทางออก




“ต่าย... บางทีเราอาจจะต้องขายมันก็ได้”

เสียงเรียบๆ ของผักกาดที่เลี่ยงจะพูดตรงๆ ให้บาดใจกันนั้นเขาเข้าใจดี ผักกาดหมายถึงตลาดแห่งนี้ และเขาก็เชื่อว่ากว่าที่ผู้เป็นพี่สาวจะเอ่ยประโยคนั้นออกมาคงผ่านกระบวนการคิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย สีหน้าที่เซียวเหมือนกับคนที่นอนไม่หลับ หรือแม้แต่ดวงตาหรือรอยยิ้มที่ดูแห้งผากนั้นเป็นตัวบ่งชี้ได้ดี

“อาจจะมีวิธีอื่นหรือเปล่าเจ้ ค่อยๆ คิดกันไป คนที่เขาอยู่กับเราเขาจะเอาอะไรกิน เราทิ้งเขาแบบนี้ไม่ได้หรอก เขาก็เหมือนคนในครอบครัวเรานะเจ้ ผมขายที่นี่ไม่ได้” ชายหนุ่มไม่ยอมรับ เขาจะลองพยายามดู คงต้องมีวิธีไหนสักวิธี ซึ่งเป็นทางออกที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย

“บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่ติดต่อเรามาให้ข้อเสนอที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน เขาจะสร้างคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ แล้วใช้พื้นที่ของด้านล่างทั้งหมดทำเป็นตลาดแนวใหม่ พ่อค้าแม่ค้าที่อยู่กับเรา สามารถเข้าทำการค้าขายได้ และถ้าเราตกลง ทันทีที่เรื่องราวจากทางบริษัทประกันและเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเสร็จ เขาจะสร้างพื้นที่ชั่วคราวให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าค้าขายได้ทันทีภายใน 15 วัน” นับว่าข้อเสนอที่ผักกาดพูดขึ้นมานั้นมีน้ำหนักและตรงใจจนเกินจะคาดคิด แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่อยากให้ตลาดซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของป๊ากับแม่ต้องเปลี่ยนไปเป็นอื่น ...ยังไงก็ยอมรับไม่ได้

“เจ้... ผมขออะไรได้ไหม เราพอจะใช้เงินที่เรามีซ่อมแซมมันได้ไหม” คะน้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดให้นิ่งสนิทอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ลึกๆ ในใจเขานั้น ทำใจกับเรื่องราวต่างๆ พวกนี้ไม่ได้เลย

“เราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น และต่อให้ได้รับเงินชดเชยจากบริษัทประกันแล้วก็ยังเทียบกับมูลค่าความเสียหายไม่ได้เลย ค่าใช้จ่ายต่างๆ มัน...” เสียงเล็กๆ ของผักกาดขาดห้วง หญิงสาวมีสีหน้าที่หนักใจ

“...เราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ใช่ว่าเจ้อยากจะยอมรับข้อเสนอ หรือว่าอยากจะขายปล่อยออก เราสองคนมีความรู้สึกไม่ต่างกัน เจ้ก็รักที่นี่ไม่ต่างกับต่าย เราสองคนโตมาที่นี่ ...ที่นี่เป็นที่ที่ป๋ากับแม่รักกัน ที่นี่เป็นความฝันของเราทุกคน”

“แต่เราอยู่ในโลกของความจริง ทางเลือกเรามีแค่ปล่อยให้มันเสื่อมโทรมอยู่แบบนั้น หรือขายมันเพื่อให้คนอื่นๆ ทำมาหากินต่อไปได้ เราไม่ได้ถูกบีบจากใคร แต่เหตุและผลบนพื้นฐานความเป็นจริงทำให้เราต้องยอมรับข้อเสนอแล้วพิจารณาดู” เหตุผลของผักกาดแรงและตรงจนเกิดกว่าจะรับได้ง่ายๆ แต่ถึงแบบนั้นคะน้าก็ไม่รู้ว่ามีมีจุดไหนที่เขาจะแย้งความคิดนั้นได้สักทาง

“...เราไม่มีอะไรสักอย่าง แต่เขามีพร้อมทุกอย่าง กำลังคน กำลังเงิน เจ้อยากต่ายลองคิดดู จริงๆ แล้วเราในตอนนี้ ไม่ได้มีทางเลือกเลย”

ความเป็นจริงที่ตีเป็นเส้นขนานกับความฝันทำให้เขาจำนน หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ ดูเหมือนว่าทางเลือกสำหรับเขาแล้วมีไม่มากเลย แต่ถึงอย่างนั้น คะน้าก็ไม่อยากถอดใจ ความผูกพัน ความรัก ทำให้เขาทำใจกับมันไม่ได้

“แล้วการแสดงที่ทุกๆ ตั้งใจทำเพื่อตลาดของเราล่ะ”

“จะไม่มีการแสดงพวกนั้นอีกแล้ว” ผักกาดตอบเสียงเรียบๆ หญิงสาวคว้าหนังสือพิมพ์ที่พับวางอยู่ข้างๆ มือเขาแล้วเดินกลับไปคืนบนโต๊ะ ความเงียบงันดำดิ่งไปถึงทุกอณูความรู้สึก คะน้าได้แต่ปล่อยให้ความสงบนั้นเป็นยาสมานความเจ็บปวดกับความเป็นจริงที่ยากจะรับไหว

“เจ้... เรามีเวลาถึงเมื่อไหร่” คะน้าถามด้วยเสียงแผ่ว

“อีกห้าวัน เขาอยากคุยกับเรา”

“ผมจะไปคุย”

เสียงตอบนั้นดูราวกับคนที่ไม่มีชีวิต แม้ร่างกายจะแน่นิ่ง แต่ภายในใจนั้นตรงกันข้าม ทุกอย่างดูรวดเร็ว วุ่นวาย สับสน ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เจอคำตอบ ไม่นานนัก ความเพลียจากพิษไข้และเรื่องหนักอึ้งต่างๆ หรือบางทีอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาสารพัดที่ให้ผ่านทางสายน้ำเกลือนั้นทำให้คะน้ารู้สึกอ่อนแรง และไม่ช้าชายหนุ่มก็เข้าสู่นิทรารมย์โดยไม่รู้ตัว

คะน้าตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบกับร่างสูงที่ขดตัวฟุบอยู่ข้างเตียง ท่อนแขนที่ต่างหมอนหนุนล้อมกรอบใบหน้าที่เหนื่อยจนดูเหมือนเด็กหลงทางนั้นให้ชวนมองยิ่งขึ้น กลิ่นกาแฟจางๆ ลอยอยู่ในอากาศ คะน้ามองใบหน้าที่นิ่งสงบของทิมแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป ไม่รู้ว่าเข็มนาฬิกาบอกเวลาเท่าไร ร่างสูงที่เหนื่อยอ่อนก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับหน้ากากแห่งความเงียบขรึม ดูเหมือนว่าทิมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผล็อยหลับไปคาเก้าอี้ที่ถูกลากมาวางข้างๆ เตียง

“ยังเจ็บมากไหม” ทิมที่ยังคงงัยเงียจากการนอนเมื่อครู่ เอ่ยถามเสียงเบา

“พอไหว ไม่ค่อยแล้ว”

“งั้นย้ายโรงพยาบาล” ทิมพูดเอาง่ายๆ แล้วก็คว้าโทรศัพท์ข้างหัวเตียงขึ้นมาแล้วตั้งท่ากดต่อสาย เล่นเอาคะน้าส่งเสียงปรามไม่ทัน

“จะย้ายทำไม นี่ก็ดีแล้ว”

“หมอมันห่วย ไม่ได้เรื่อง” น้ำเสียงที่ดูหงิดหงิดของทิมนั้นเทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าของเจ้าตัวในเวลานี้ ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปเปิดตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าก็กระแทกบานประตูปิดเสียงดัง “ไปทั้งแบบนี้ล่ะ แล้วค่อยเอาชุดโรงพยาบาลมาคืนทีหลัง”

“หมอไม่อนุญาตครับ” เสียงของตุลดังขึ้นมาจากทางด้านหน้าก่อนที่เจ้าของเสียงจะก้าวฝีเท้าเข้ามาในห้อง สีหน้าของหมอหนุ่มดูเรียบเฉย และปฏิบัติราวกับในห้องพักในเวลานี้มีเพียงคะน้าเท่านั้น

“แผลของคุณยังไม่แห้งสนิทนะครับ การย้ายผู้ป่วยอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ หมอจะไม่ส่งคนไข้ออกนอกจนกว่าจะอยู่ในสภาวะปลอดภัยนะครับ” ฝ่ามือกว้างอังที่หน้าผากแล้วยิ้มขึ้นน้อยๆ อย่างพึงพอใจ

“เหมือนไข้จะลดลงแล้ว แต่เดี๋ยวหมอขอวัดอุณหภูมิอีกครั้งนะครับ” ตุลหยิบปรอทวัดไข้ขึ้นมาแล้วโน้มตัวลงมาหาคะน้าที่นอนอยู่

“ใกล้ไปมั๊ง” ทิมส่งเสียงเข้ม ดวงตาจ้องเขม็งเหมือนพร้อมจะขย้ำคนตรงหน้าได้ทุกเมื่อ ตุลเพียงแค่ส่งรอยยิ้มบางๆ กลับแล้วหันมาสนใจคนตรงหน้าต่อ ...โน้มตัวลงมาอีกนิด

“คนไข้อ้าปากหน่อยนะครับ” ตุลก้มลงมองที่นาฬิกาข้อมือตนเองแล้วเดินไปหยิบแฟ้มผู้ป่วยที่ปลายเตียงขึ้นมา เปิดพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่บันทึกไว้ คะน้าเหลือบมองไปที่ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ สันกรามของทิมถูกกดแน่นจนขึ้นนูน ร่างสูงเกร็งตัวแข็งค้างราวกับกำลังขืนตัวเองต้านกระแสโทสะที่มีแต่เจ้าตัวที่รู้สึกได้ ผิดกับชายหนุ่มในชุดกาวน์ ตุลยังคงนิ่งสงบเหมือนกับผิวน้ำที่เรียบราบ ดวงตากวาดมองเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งรอยยิ้มกว้างให้

“หมออธิบายคนไข้หน่อยนะครับ สำหรับแผลที่เกิดจากสะเก็ดไฟและน้ำมัน ถือว่าโชคดีที่มาถึงไว หมอจึงดูแลได้ทันท่วงที ดังนั้นหมอรับรองว่าคนไข้จะไม่มีแผลเป็นใดๆ บนร่างกายครับ ในส่วนของช่วงหน้าแข้งที่โดนทับนั้น ผลเอ็กซเรย์กระดูกไม่พบรอยร้าวหรือแตก คงมีเพียงอาการบาดเจ็บจากข้อเท้าแพลงและอาการปวดร้อนเฉยๆ หมอให้ยาแก้ปวดและลดไข้ที่ดีที่สุดทางน้ำเกลือนะครับ ดังนั้นจะค่อนข้างมึนอยู่บ้างแต่จะหายไวขึ้นครับ” ตุลขยับเท้าเข้ามาหาแล้วเอามือลูบไปตามลำคอและใบหน้า พริบตาคะน้าก็รู้สึกถึงสายลมฉิวที่มากระทบผิวกายพร้อมกับร่างสูงของทิมที่มายืนนิ่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาที่ดุดันแบบสัตว์ป่าจ้องไปที่แพทย์เจ้าของไข้ ตุลแค่เพียงเงยหน้าขึ้นมองผ่าน ก่อนจะดึงเอาปรอทออกจากคนป่วยที่กำลังหน้าเครียด

“เก่งมากครับ ไม่มีไข้แล้ว” คะน้ายิ้มแห้ง กลัวว่าอีกไม่นานไข้จะตีกลับเอา

“ขอบคุณครับตุล” คะน้าเอ่ยขอบคุณ ความรู้สึกถึงน้ำใจและความห่วงใยพ่วงไปด้วยกับเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนนั้น หมอหนุ่มก้มลงสบตา สักพักรอยยิ้มก็คลี่ออก

“หมอก็แค่ทำไปตามหน้าที่น่ะครับ”

“หมดธุระแล้วใช่ไหม? คนไข้ต้องการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว” ทิมพูดลอยๆ หากแต่เนื้อเสียงนั้นแข็งจนดูกร้าว ตุลถอนหายใจเบาๆ ใบหน้าสงบนิ่ง รอยยิ้มที่โค้งตัวบนริมฝีปากนั้นค่อยๆ คลายตัวลง เป็นครั้งแรกที่แพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นและสบตาชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่

“ถ้าคนไข้ต้องการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัว หมอออกคำสั่งห้ามเยี่ยมให้ได้นะครับ”

“จะลองดูก็ได้นะ”

ทิมแสยะยิ้มกลับอย่างไม่เกรงกลัวจนคะน้ามีสีหน้าที่ลำบากใจ




(มีต่อข้างล่างอีกครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 22-02-2013 10:24:11
(ต่อครึ่งหลับครับ)





ก่อนที่สงครามจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้ ประตูห้องพักก็เปิดออกขึ้นอีกครั้ง ผักกาดก้าวเข้ามาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองนาย หญิงสาวมีสีหน้าที่ค่อนข้างเคร่งเครียดซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายในชุดสีน้ำตาลเข้มทั้งสองคน

“อาการเป็นยังไงบ้างตุล?” ผักกาดถามเสียงเนือย ใบหน้าดูเหนื่อยอ่อน

“ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ แผลไม่มีการติดเชื้อและสมานตัวไวมาก ในส่วนของข้อเท้าเป็นแค่อักเสบนิดหน่อย พรุ่งนี้น่าจะหายสนิท ในส่วนอาการไข้ไม่เหลือแล้ว ที่เหลือก็แค่พักฟื้นครับ” ตุลตอบไปตามอาการ

“ขอบใจนะตุล” ผักกาดยิ้มให้ชายหนุ่มในขุดกาวน์สีขาว “ถ้าอย่างนั้นพี่ขอรบกวนคุยเรื่องคดีกับเจ้าต่ายก่อนนะ ทิมด้วยนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอมา” หญิงสาวหันไปทางทิมที่ยืนอยู่ใกล้ๆ คะน้าก่อนจะหันไปสบตาตุลอีกครั้ง ชายหนุ่มทั้งสองคนจึงเดินออกจากห้องไป และทันทีที่แผ่นหลังทั้งสองนั้นพ้นไปจากสายตา เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งก็เริ่มประเด็นทันที

“จากการตรวจสอบอย่างละเอียด เราพบมูลเหตุที่น่าสงสัยอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือปัญหาเรื่องการลัดวงจรของเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งอาจมาเจอกับเชื้อเพลิงทำให้ปะทุลุกลาม”

“แต่เราเพิ่งปรับปรุงซ่อมแซมในส่วนต่างๆ ไป ระบบไฟฟ้าไม่น่าจะมีปัญหาได้เลยนะครับ” คะน้าแย้งด้วยความรู้สึกไม่เห็นด้วย

“แต่เราก็ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่ามันจะปลอดภัยไม่มีปัญหา ในเรื่องอุบัติเหตุ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้” เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายมีสีหน้าที่ดูยุ่งยากใจ “อย่างไรก็ตามเราพุ่งเป้าไปอีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือการลอบวางเพลิง กรณีแรกคือวางเพลิงจากผู้เอาประกันเอง ซึ่งหลังจากสอบปากคำทางฝั่งคุณทุกคนแล้ว ค่อนข้างชัดเจนว่าไม่น่าจะใช่จากการวางเพลิงเพื่อเอาเงินประกัน ดังนั้น เราจึงอยากจะพุ่งไปที่อีกประเด็น”

“อะไรหรือครับ”

“วางเพลิง ...จากผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์โดยตรง”

“ใครครับ?”

“บริษัทธาดาพิพัฒน์ที่ติดต่อเจรจาของซื้อที่ดินจากทางคุณมาโดยตลอด จากโครงการคอนโดมีเนียมที่สร้างขึ้นใหม่ ถ้าขยายเชื่อมต่อกับคอมเพล็กซ์ที่เป็นโครงการที่วางแผนต่อเนื่อง มูลค่าและผลประโยชน์ที่ทางบริษัทจะได้รับนั้นจะมากมายเป็นทวีคูณ”

“เราถูกลอบวางเพลิงจากคนที่ต้องการที่อย่างนั้นเหรอ” คะน้าเอ่ยด้วยเสียงสั่นๆ คาดไม่ถึงกับสมมติฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“แค่ข้อสันนิษฐานน่ะต่าย เพราะมันไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งไปในแนวทางนั้นได้เลย” เสียงของผักกาดแทรกขึ้นมาในความสับสน คะน้าหันไปมองหน้าผู้เป็นพี่สาวสลับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าไม่ต่างกัน

“สองวันนี้เราพยายามสืบหาหลักฐานทุกอย่างแม้แต่ภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งเมื่อเปิดดูย้อนหลังแล้วก็พบเพียงแค่การวิวาทชกต่อยกันเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีการนำเชื้อเพลิงหรืออุปกรณ์ใดๆ เข้ามาในบริเวณตลาดและใกล้เคียง ไม่มีผู้ต้องสงสัย แม้ว่าความจะเป็นไปได้จะสูง แต่หลักฐานทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถสรุปลงไปแบบนั้นได้” ชายหนุ่มในชุดสีน้ำตาลเข้มกล่าวนิ่งๆ สีหน้ายากจะอ่านความรู้สึก

“เราคงต้องกลับไปสู่ประเด็นเดิม จากผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายพิสูจน์หลักฐานระบุว่าเหตุการณ์ไฟไหม้นี้เกิดจากระบบไฟฟ้าลัดวงจร”

“หมายความว่าอย่างไรครับ” คะน้าส่งเสียงถามด้วยเสียงแผ่ว

“หมายความว่ามันเป็นเพียงอุบัติเหตุ เป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นเท่านั้นครับ และเจ้าหน้าที่จำต้องบันทึกผลการตรวจเพื่อปิดคดีตามนั้นครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นกล่าวพร้อมสีหน้าสี่นิ่งสงบก่อนจะขอตัวจากไป

แม้ว่าผลการตรวจสอบด้วยหลักฐานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่เป็นไปในแนวทางที่เป็นอุบัติเหตุ แต่เงื่อนงำต่างๆ กลับค่อยๆ ขมวดเข้าในความคิดของเขาจนยุ่งเหยิงกว่าเดิม คะน้าค่อยๆ ดึงด้ายแต่ละเส้นออกจากความคิด เรียบเรียงและรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างเข้าด้วยกัน ก่อนจะพบกับชิ้นส่วนของปริศนาบางอย่างที่ตกหล่นมองข้าม

ทิม...

ชายหนุ่มที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในฐานะวิศวกรคุมโครงการมหึมาที่กำลังก่อสร้าง คนเดียวที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกับครอบครัวของคะน้าเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าทิมจะไม่เคยเอ่ยถามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องตลาด แต่จะเป็นไปได้ไหมที่คำสั่งย้ายแบบฟ้าผ่านั่นไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลจากเด็กสาวที่ชื่อแนนเพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการกีดกันคนที่ค่อนข้างยากต่อการควบคุมอย่างทิมให้ไกลห่างเพื่อให้ธาดาพิพัฒน์ง่ายต่อการทำการใดๆ ให้บรรลุเป้าหมาย โดยใช้เปลือกนอกของข้อเรียกร้องจากสหายจากครอบครัวอย่างแนนเป็นข้ออ้าง เพื่อเป้าหมายหลักบางอย่างที่มีค่ากับธาดาพิพัฒน์กว่าสิ่งอื่นใด

...ผลประโยชน์ที่มีมูลค่าอย่างประเมินมิได้

ความสงสัยเหล่านี้ยังคงเวียนวนอยู่ในสมองของคะน้ามาเนิ่นนานหลายวัน อันที่จริงควรจะพูดว่านับตั้งแต่ได้พบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนั้น และแม้ว่าความสงสัยเคลือบแคลงนั้นจะรุนแรงเพียงใด คะน้าก็เลือกที่จะซุกซ่อนความขับข้องใจเหล่านี้ไว้จากทุกคน ขอเพียงเวลาอีกสักนิดเพื่อที่เขาจะแน่ใจทุกอย่างมากกว่านี้ และถ้ามันใช่ในสิ่งเหล่านั้น เขาก็จะไม่ลังเลที่จะใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อตอบกลับความเห็นแก่ได้ของธาดาพิพัฒน์

กระทั่งวันที่นัดพูดคุยกับบริษัทดังกล่าวซึ่งเป็นวันเดียวกับที่แผลต่างๆ บนแขนและลำตัวเริ่มตกสะเก็ด หากแต่เชิ้ตสีเข้มนั้นปกปิดทุกอย่างไว้ได้อย่างแนบเนียน เช่นเดียวกับกองไฟมากมายที่แอบปะทุอยู่ในใจของคะน้าราวกับจะไม่มีวันดับสนิท วันนี้เองที่เขาจะได้เจอกับหมากตัวสำคัญที่สุดของธาดาพิพัฒน์ ...คุณธาดา ชายวัยกลางคนที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจของประเทศไทย

อาหารมื้อเช้าตรงหน้ามากมายราวกับงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จหรือไม่ก็เลี้ยงอำลาอะไรสักอย่าง หากแต่สามคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารกลับทานเพียงแค่ประทังความหิว คะน้าทานน้อยกว่าทุกวัน ผักกาดเองก็ดูจะไม่ต่างสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าผู้เป็นพี่สาวก็คงกังวลกับอีกไม่กี่ชั่วโมงที่รออยู่ตรงหน้าไม่น้อย ทิมตักอาหารใส่จานข้าวของผักกาดและคะน้ามากมาย และเมื่อมันไม่พร่องลงไป พ่อครัวหนุ่มก็ดูจะเนือยกับมื้อเช้าแห่งวันนี้เช่นกัน

“ถ้าจะไปที่บริษัท ให้ผมไปส่งไหม ยังไงก็ทางเดียวกัน” ทิมเอ่ยด้วยเสียงเรียบๆ แววตาที่เคยยั่วเย้าดูจะราบเรียบและจริงจังกว่าทุกวัน

“ไม่เป็นไรหรอก แยกกันไปดีกว่า เดี๋ยวมันจะมีปัญหาเอา”

“แต่ผม...” ยังไม่ทันจะพูดจบดีทิมก็แย้งขึ้นมา หากแต่สายตาที่ร้องขอของผักกาดนั้นดูจะทำให้ชายหนุ่มหยุดข้อโต้แย้งไว้แค่นั้นแล้วนิ่งลง จากนั้นหญิงสาวก็หันมาที่คะน้า

“เจ้ขอให้ตุลไปกับเราด้วยนะ แผลเรา เท้าเราก็ยังหาไม่ดี อย่างน้อยมีหมอไปด้วยก็อุ่นใจ อีกอย่างถ้ามีเอกสารกฎหมายต่างๆ เจ้ก็อยากให้ทางเรามีพยานรับรู้ด้วย” เหตุผลของผู้เป็นพี่สาวนั้นฟังขึ้นและปราศจากข้อโต้แย้ง หากแต่ชายหนุ่มอีกคนบนโต๊ะอาหารกลับชักสีหน้าราวกับจะแย้งทุกถ้อยคำด้วยท่าทางที่ปราศจากคำพูด

นับเป็นการเริ่มต้นของวันที่ดูจะผิดไปจากทุกวันที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบนโต๊ะอาหาร ตั้งแต่เกิดเรื่อง ดูเหมือนผักกาดจะไม่ยิ้มอีกเลย หรือแม้แต่ตัวเขาเองก็หมดกำลังใจจะยิ้มแย้มในเวลาแบบนี้เช่นกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่พักหลังๆ มา ทิมเองก็ดูจะกลับกลายเป็นเป็นคนที่เงียบขรึมแบบเริ่มต้นที่รู้จักกันใหม่ๆ ได้แต่คึ่นคิดอยู่แบบนั้นโดยไม่มีอะไรดีขึ้น คะน้าจึงตักอาหารแล้วใส่จานของทิม

“ทานเยอะๆ สิทิม จะได้มีแรงทำงานทั้งวัน” ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มหม่น แล้วผ่อนลมหายใจจนแผ่นหลังนั้นยวบลง ทิมพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มลงเขี่ยอาหารในจาน

“วันนี้คงเป็นวันที่แสนยาวนาน”

คะน้าหันกลับมามองอาหารตัวเองที่แน่นจนเต็มจาน นึกทบทวนคำพูดสุดท้ายของทิมที่โต๊ะอาหาร บางที... วันนี้อาจจะเป็นวันที่แสนยาวนานสำหรับเขาด้วยเช่นกัน ไม่กี่นาทีต่อมา ทิมก็ลุกจากไปพร้อมกับท่าทางที่สงบนิ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะการที่ผักกาดเลือกที่จะขอร้องให้ตุลมาเป็นเพื่อนแทนที่จะเป็นทิม คนที่ดูเหมือนว่าน่าจะได้รับความไว้วางใจและใกล้ชิดมากกว่าคงรู้สึกแย่และเสียใจไม่น้อย หากแต่เหตุผลเรื่องสุขภาพที่ผู้เป็นพี่สาวกังวลก็นับว่าเป็นเหตุลผที่คะน้าโต้ไม่ได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งเงียบๆ หวังเพียงแค่ว่าหลังจากที่พบคุณธาดาและทีมบริหารของธาดาพิพัฒน์ในวันนี้จะพอทำให้เขาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่างมากขึ้น


...คะน้าเพียงแค่ยังไม่ปักใจเชื่อว่าทุกอย่างมันเป็นเพียงอุบัติเหตุนั่นเอง

ตุลมาถึงตามเวลาที่นัดหมาย อดีตเพื่อนบ้านถอดเสื้อกาวน์สีขาวที่สวมใส่ยามทำงานเป็นเสื้อเชิ้ตแขนสั้นง่ายๆ กับกางเกงสีควันบุหรี่ ตุลเช็คข้อเท้าของคะน้าอีกครั้งและตัดสินใจสวมเฝือกอ่อนเพื่อประคองข้อเท้าไม่ให้กลับมาพลิกอีก คะน้ามองร่างสูงที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้า ตุลเหมือนเดิม ...เหมือนเดิมทุกๆ อย่าง หากแต่ในประกายเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้กรอบพลาสติกสีเข้มทรงเหลี่ยมนั้น ...มีบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่รื่องของท่าทีปฏิบัติที่เหมือนหมอที่ดูแลคนไข้เสียมากกว่าแบบเพื่อนดูแลเพื่อน แต่มันคือะไรบางอย่างที่ยังดูคลุมเครือจนกว่าที่คะน้าจะเดาได้ เขาอ่านไม่ออกว่ามันคือความกังวลหรือความห่วงใยที่ดูมากมายกว่าปกตินั่นหรือเปล่า ที่ทำให้ในความอบอุ่นอ่อนโยนนั้นดูแปลก กระนั้นในความอ่อนโยนของแววตาคู่นั้นก็ดูเข้มแข็งขึ้นอยู่ในที

ห้องประชุมขนาดใหญ่ของธาดาพิพัฒน์นับว่าสมศักดิ์ศรีบริษัทอสังหาริมทัพย์อันดับต้นๆ ของประเทศ คะน้าเปิดประตูเข้าไป สองเท้าก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่าที่ดูน่ากลัว เขานั่งลงที่เก้าอี้บุหนังสีเข้มซึ่งเข้ากับสีดำสนิทของกระจกตัดพิเศษขนาดใหญ่กึ่งกลางห้องโดยมีตุลและผักกาดผู้เป็นพี่สาวนั่งขนาบทั้งสองข้าง เพียงไม่นาน เสียงสั่นสะเทือนในอากาศก็ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออก ร่างของคนกลุ่มหนึ่งในชุดสูทภูมิฐานเดินเข้ามาในห้องและเริ่มแนะนำตัว ส่วนมากจะเป็นเหล่ากรรมการบริหาร ส่วนที่เหลือก็จะมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย และเจ้าหน้าที่แผนกอื่นๆ อีกสองสามคน โดยทั้งหมดจะเว้นเก้าอี้ด้านหัวโต๊ะที่อยู่กึ่งกลางของห้องเอาไว้

...นั่นคงสำหรับผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าใครๆ ในห้อง และคงไม่ต้องบอกว่าเป็นคนที่คะน้ารอคอยที่จะเจอมาเป็นระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมานั่นเอง

การประชุมเริ่มต้นขึ้น เนื้อหาของการเจรจาเป็นเรื่องของตัวเงิน และรายละเอียดโครงการต่างๆ ที่ฝ่ายบริหารแจกแจงอธิบาย ข้อตกลงเกี่ยวกับการให้สิทธิ์ค้าขายของชาวตลาดที่เคยแจ้งไว้กับผักกาดนั้นยังคงอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่นและน่าฟัง ภาพของโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ฉายขึ้นที่จอสีขาว แม้จะยังไม่ใช่ตัวสำเร็จสุดท้าย แต่ก็ทำให้พอจินตนาการได้ว่าเมื่อโครงการแล้วเสร็จ ทำเลตรงนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นเม็ดเงินมหาศาลเลยทีเดียว

“ถ้าทางคุณไม่มีข้อติดใจสงสัย เราจะเชิญท่านรองประธานกรรมการเข้ามาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพรวมของโครงการอีกครั้ง” ผู้ชายในที่สวมชุดสูทคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากที่จบการอธิบายเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่โดยคร่าวๆ ไปแล้ว ซึ่งนับว่าเรื่องที่ผิดแผนสำหรับคะน้าอยู่ไม่น้อย

“โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่แบบนี้ ไม่ใช่คุณธาดาเป็นผู้ดูเองหรือครับ” คะน้าตั้งข้อสงสัย นี่เขายังเจาะเข้าไปไม่ถึงผู้ชายที่ชื่อธาดาคนนี้อีกหรือ?

“เกี่ยวกับโปรเจ็กต์นี้ทั้งหมด ท่านประธานมอบหมายให้ท่านรองฯ เป็นผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมดเพียงท่านเดียวครับ ท่านรองประธานเป็นคนเก่งและสามารถให้รายละเอียดได้ทุกอย่าง รวมถึงตัดสินใจได้ทุกอย่างทันที” ผู้ชายคนนั้นก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “อีกสักพัก ท่านคงจะเสร็จจากประชุมบอร์ดใหญ่และสะดวกเข้าร่วมประชุมครับ”

ห้าหรือสิบนาทีถัดมา ประตูบานใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้งโดยปราศจากเสียง ชายหนุ่มร่างสูงสง่าในชุดสูทเดินเข้ามาในห้องประชุมพร้อมกับเลขาที่เป็นหญิงสาววัยสามสิบกลางๆ ที่ดูคล่องแคล่วเอาการเอางาน ชายคนนั้นดึงเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่แล้วนั่งลง ดวงตาคมกริบจ้องมองมาที่คะน้าพร้อมกับคำกล่าวทักทายตามมารยาท

“ยินดีต้อนรับสู่ธาดาพิพัฒน์ สวัสดีครับ”

ไม่มีเสียงตอบกลับจากคะน้าหรือแม้แต่ผักกาด มีเพียงความเงียบงันและความประหลาดใจอย่างถึงที่สุดกับคนที่เพิ่งมาถึง เมื่อรองประธานกรรมการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์คือคนๆ เดียวกับชายหนุ่มที่คะน้านั่งตรงข้ามบนโต๊ะอาหารในบ้านทุกเช้าและเย็น ...คนเดียวกับที่อาสาจะมาส่งที่ธาดาพิพัฒน์ในวันนี้

“สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คิด” ตุลเป็นเสียงแรกที่เอ่ยขึ้นมาในความเงียบที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แปลกใจ ประหลาดใจ ...และเสียใจ

“หมายความว่า... ตุลรู้จักกับทิมมาก่อนหรือครับ” คะน้าหันกลับไปมองตุลด้วยสายตาหวาดๆ พยายามอย่างหนักที่จะสะกดเสียงที่สั่นไหวของตัวเองให้เป็นปกติที่สุด ทั้งๆ ที่ส่วนลึกในใจนั้นเหมือนกับแก้วที่ถูกโยนขึ้นที่สูงแล้วปล่อยให้ดิ่งตัวลงมาจบชีวิตด้วยความแหลกสลาย

“เรียกว่าลืมไม่ลงจะดีกว่าครับ” เสียงหัวเราะของตุลเสียดดังขึ้นมาอีกครั้ง

“คุณทิวัตถ์ ลูกชายเพียงคนเดียวของคุณธาดา ประธานกลุ่มบริษัทธาดาพิพัฒน์ที่พยายามจะซื้อที่ดินผืนนี้มาโดยตลอด” ชายหนุ่มใส่แว่นที่นั่งอยู่เคียงข้างคำรามในลำคอแล้วจ้องมองร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงกลางอย่างแข็งกร้าว

ทิมตอบกลับด้วยดวงตาคมกริบที่ท้าทายอย่างไม่หวั่นเกรง กล้าแกร่ง และแน่นิ่งกว่าทุกครั้ง ก่อนที่รอยยิ้มกวนๆ ที่มุมปากจะถูกยกขึ้นแบบที่เจ้าตัวมักทำบ่อยๆ

...เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเอาเสียเลย


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



คนแต่งพลีชีพโดนด่าแล้วครับ ดาบมา หอกมา กระสุนมาได้เลย พร้อมแล้ว กร๊ากกกกก
คือตามที่เกริ่นไปเมื่อตอนที่แล้วว่าจะเข้มข้นขึ้นหน่อย ก็ตามที่ได้อ่านไปนี่เลยครับ 5555
กำลังเข้าสู่ห้วงสุดท้ายแล้วล่ะครับ อีกประมาณ 10 ตอนบวกลบ จะตื่นเต้น กดดัน และมาม่า
แต่ก็จะเข้มข้นขึ้นนะ อ่านก็สนุกไปอีกแบบ ยังไงจะพยายามอัพถี่หน่อยนะครับ
จะได้ไม่ค้างคานาน ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์ครับ +1 ทุกคนเลยยยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pixie ที่ 22-02-2013 10:44:58
ช็อคคค!!!!!! ทิมมมม ไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นของปลอมม ทิมต้องเป็นพระเอกสิ!
เรื่องที่โดนตีมานี่เกี่ยวกับเรื่องนี้รึเปล่าหว่า แบบไม่อยากทำเลยโดนพ่อกระทืบ ไรงี้ หุหุ. มโนเก่งจริงเรา

อ้ากก
อิน ไม่ไหวแล้ววว. มาต่อด่วนนะคะ ;(

ช่วยนี้อัพบ่อยมาก ถูกใจแม่ยกเป็นที่สุด ( กอดคนแต่งแน่นๆหนึ่งที) :กอด1: :))
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 22-02-2013 11:01:01
ตอนที่แล้วว่าค้างมากแล้วเชียว
มาเจอตอนนี้ค้างมากกกก กว่า อีก  :z3:
เม้นต์ไม่ถูกเลย  :serius2:
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 22-02-2013 11:28:42
เราเชื่อว่าทิมรักคะน้าจริง
แต่คะน้าจะยังรกทิมมั้ย แม้ทิมจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง
แต่ความรู้สึกคงติดลบไปมั่งไม่มากก็มาก

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 22-02-2013 11:30:43
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 22-02-2013 11:35:52
อะไร คนเขียนทำอะไรกับน้องทิม
อยากเจรจาขอซื้อที่ ก็มาซึ่ง ๆ หน้าสิ ไม่ใช่มาล้อเล่นกับความรู้สึกคน
ไม่ใช่แค่เสียความรู้สึกนะ ถ้าคะน้าไม่รอดจากกองไฟทำไง ไม่แคร์งั้นเหรอ
ทำม๊าย...ทำไม เคยมีคำถามกับทิมว่าตกลงเธอจะเป็นพระเอกหรือนางอิจฉา
แล้ววันนี้ก็ต้องถามอีกว่าตกลงจะเป็นผู้ร้ายให้ได้ใช่ไหม อกแม่ยกหักสะพายแล่งซ้ำอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pinkfuku ที่ 22-02-2013 11:37:04
ทิมเรารักนายนะ พระเจ้า ขอร้องไห้ทิมเป็นพระเอกนะ ได้โปรด :call: :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 22-02-2013 11:52:42
ไอ้เชี่ยทิมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม


ชอคอะ ชอค

วืดมาก!!!!
โอย  หมดคำคอมเม้นต์  มาเฉลยยย  เดี๋ยวนี้เลย!!!!!
มาาาาาาา  ไม่ทำงานแล้ว ลางานนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 22-02-2013 12:38:07
เอ่อ ทิม =_= เหอๆๆ ที่ผ่านมาคือไร เซ็งเป็ดเซ็งห่านมากตอนนี้ ไม่น๊า ไม่ดราม่าเกินไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nuwi ที่ 22-02-2013 14:14:51
ทำไมทิมทำงานนี้กับคะน้าอะ หมอตุลเข้าเสียบเลย อยากให้หมอตุลเป็นพระเอกอะ
ไม่งั้นเอา 3pก็ได้ได้หมด แต่ไม่อนากให้หมอตุลคู่กันผู้หญิงอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 22-02-2013 14:15:29
อ๊าค ซื้อหวยไม่ถูกคิดไว้แล้วเชียว   :z3:  :z3:  :z3:  ทิมมมมมม   :m15: ต่ายน้อยจะเป็นไงบ้างเนี่ย  :เฮ้อ:
เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ วุ้ย  o13 o13 o13

ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 22-02-2013 14:45:22
อ่านแล้วยังมีความหวัง รอลุ้นว่าจะมีอะไรเบื้องหลังอีก
จากนิยายรัก เหงาๆธรรมดา ชักจะตื่นเต้น ซับซ้อนขึ้นทุกทีนะฮะเนี่ย
รอตอนต่อไปฮะ มาไวไวน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 22-02-2013 14:56:27
หึ้ย!!! นี่มันอะไร๊!!! :m31: :m31:

อ๊ากกกกกก  ทิมของเจ้ หวังว่าตอนนี้จะอธิบายได้นะ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 22-02-2013 15:15:31
โอยยย~ :o~ คนแต่งเนี่ยเป็นไรมากรึป่าว :serius2:
ไปแอบหัวเราะเยาะคนอ่านอยู่ใช่ม้ายยย......... :3125:
เห็นคนอ่านมีความสุขเลยแกล้งเล่นใช่ป่ะ หักมุมได้อีกนะคนเรา
ไม่อยากจะเชื่อ คิดว่าทิมยังไงก็รักคะน้าจริงๆ :m5:
หมอตุลนี่ยังไง แอบกลับมาคอยดูแลปกป้องคะน้าอยู่ห่างๆหรอ
ไม่เดาละ รอตอนต่อไปดีกว่า.......... :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 22-02-2013 15:29:48
อึ้งไปเลย ยังไงเนี่ยทิม

ตกลงคิดไงกับคะน้าเนี่ย

อ๊ากกกกกกก มาต่ออีกเลยได้มั้ยคะเนี่ย

ไอ้บ้าทิมมมมม อยากรู้จะเป็นไงต่อ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 22-02-2013 15:36:59
เฮ้ย! ทิม ไม่นะ นี่มันอะไรกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 22-02-2013 15:54:03
......
รอตอนต่อไปค่ะ ...............
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 22-02-2013 16:00:19
นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยย  :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-02-2013 16:28:03
นั่นไงว่าละ


 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 22-02-2013 16:32:33
 :a5: ช็อคข้อสอบเสร็จมาช็อคอันนี้ต่อ
ม่ายน้า ทิมมมมม ม่ายยยย :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: SaTan_G ที่ 22-02-2013 16:34:09
นี่มันอะไรเนี่ย วุ่นวายดีจริงๆ
แต่เชียร์3Pไปเลยค่า แบ่งกันลงตัวดี
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 22-02-2013 16:42:46
ไม่นะ คุณทิวัฒน์ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ช้านนนนนนนหน้ามืด หมอตุลช่วยชั้นด้วยค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 22-02-2013 19:32:03
สนุกค่ะ เจ้มจ้นมาก อืม...คนอ่านยังเชื่อใจทิมอยู่นะเพราะที่ผ่านมาทิมไม่ได้มีท่าทีว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์อะไรเลย
แต่หมอตุลย์ก็ดูสงสัยทิมหรืออาจเคยเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างกันมา แถมยังเข้ามาในจังหวะที่มีเรื่องพอดี
รู้เรื่องอะไรมารึป่าวหว่า 
ส่วนคะน้า เฮ้อ คิดยังไงยังไม่รู้เพราะคะน้าคิดเรื่องบริษัทนี้อยู่แล้วว่าอาจตั้งใจทำ ที่จริงทิมอาจอยู่ในสถานะที่ลำบาก
มากก็ได้นะคือทิมไม่น่าจะใช่คนที่ทำแบบนั้น แต่ทิมเป็นลูกเจ้าของบริษัทก็ต้องทำไปตามหน้าที่  :เฮ้อ:
หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ทิมรักคะน้าๆๆๆ ท่องไว้ๆ

หยุดคิดเรื่องดราม่าบ้างเนอะ ทิมน่ารักนะมานอนเฝ้าตลอดเลย หมอตุลย์เข้ามาแบบนี้ก็ยิ่งหวงล่ะสิ
แทบอยากเปลี่ยน รพ. ทันที หมอตุลย์ก็แกล้ง ๆ เนอะ จับโน่นจับนี่ เออ แล้วที่หมอตุลย์เข้ามาได้ถูกจังหวะ
แบบนี้ เค้ารู้อะไรมารึป่าวนะ  :เฮ้อ: อีกรอบ

อยากอ่านต่อมาก ๆ ค่ะ

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 22-02-2013 20:29:32
ไม่นะ งืออออออ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้หล่ะ :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 22-02-2013 20:35:06
ไม่ขอพูดอะไรก่อนทั้งนั่น

แต่ทำไมทิมถึง...โฮก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 22-02-2013 21:47:30
แล้วคะน้าก็จะกลับไปหวั่นไหวกับหมออีกครั้ง กลับไปกลับมาแล้วก็ลงเอยกับหมอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 22-02-2013 22:05:22
เข้มข้นจริง โอเค ยังรับได้อยู่ค่ะ  :กอด1:

รอว่าคุณทิวัตถ์จะว่าอย่างไร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 22-02-2013 22:07:00
เข้มข้นจริง โอเค รับได้อยู่ค่ะ  :กอด1:

รอดูว่าคุณทิวัตถ์จะว่าอย่างไร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 23-02-2013 00:02:49
โอ้ยย สรุปรู้จักกันมาก่อน แล้วประเด็นคิสมาร์กที่คอตุลล่ะ???
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 23-02-2013 00:15:31
อะไรกันเนี่ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 23-02-2013 00:48:41
โอ๊ยยยยย ทิม ทิม ทิม ทิมมมมม
อย่านะ อย่า เราเชื่อใจทิมนะ ทิมมี่
คะน้าอย่านะ ไม่ หมอก็อย่าเลยนะ ฮืออ

*เริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 23-02-2013 07:37:45
หมอต้องการอะไรคะ รู้สึกแย่กับหมอมากกว่าเดิมอีก
รู้อะไรมาเหรอคะ ไปจัดการชีวิตตัวเองให้ดีก่อนเถอะค่ะ
ส่วนเรื่องทิมคงไม่เหนือความคาดหมายมากหรอก
วิศวกรธรรมดามันไม่ได้รวยขนาดนี้อยู่แล้ว แต่เรื่องเผาตลาดคิดว่าไม่ได้ทำแน่
คะน้าก็อย่าคิดเยอะอยากรู้อะไรก็ถามทิม ไม่อยากอ่าน3P เซ็งหมอค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 23-02-2013 11:39:22
 :serius2: :serius2: :serius2:
รอตอนต่อไป ยังไม่อยากรีบกระโดดก้านคอทิม  :m16:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 32 - (หน้า 41) Feb 22, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 23-02-2013 11:54:41
อ๊ากกกกกก ทิม แต่เราเชื่อนายนะ นายรักน้องต่ายจริงๆนะ .............../โอ้ย หัวใจจะวาย กดดันจะไม่ไหววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 25-02-2013 00:03:17
สวัสดีครับ คิดว่าตอนที่แล้วสะเทือนขวัญพอสมควร แต่อยากให้ติดตามต่อไปเรื่อยๆ นะครับ
แล้วจะค่อยๆ พบกับคำตอบของทุกเรื่องที่ค้างคาใจนั่นล่ะ อีกไม่นานครับ ใกล้แล้ว
ช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้จะรีบมาต่อไวๆ นะ จะได้อ่านอย่างต่อเนื่องครับ
ออกมาร่วมสนุก เวิ่นเว้อ คาดเดา และลุ้นไปด้วยกันนะ เดาคนเดียวไม่มันส์นะครับ
+1 ให้กับทุกๆ ความคิดเห็น คอมเมนต์ ติชม เสนอแนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 33



“งั้น... ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวอีกครั้งแล้วสินะ”

ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มนั้นดูยวนอย่างเป็นธรรมชาติ ทิมหันไปมองทีกรรมการบริหารคนอื่นๆ ก่อนที่ผู้ช่วยสาวจะส่งแฟ้มเอกสารให้ในมือ ชายหนุ่มพลิกหน้ากระดาษในแฟ้มปกหนังสีดำเหล่านั้นไปมา กวาดสายตาดูรายละเอียดต่างๆ แล้วแหงนหน้าขึ้นมองที่คะน้าและผักกาดอีกครั้ง

“ก่อนอื่นคงต้องขอบอกว่าทางเรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทางคุณด้วยครับ” สีหน้าและน้ำเสียงที่เอ่ยถ้อยคำนั้นเรียบเฉย เป็นทางการ “ขอกลับเข้าสู่เรื่องเลยก็แล้วกัน คิดว่าทีมของผมคงแจ้งพวกคุณไปหมดแล้วถึงรายละเอียดต่างๆ ธาดาพิพัฒน์คิดว่าพื้นที่ของทางคุณเป็นทำเลที่ดี และเราอยากผุดโครงการดีๆ ขึ้นที่นั่น เชื่อว่ามันจะเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของกรุงเทพได้อย่างแน่นอน”

“เมื่อไหร่” เสียงแผ่วๆ ของคะน้าแทรกตัวขึ้นมาในอากาศ ทิมหันกลับมามองแล้วตอบคำถามที่ตัวเองได้ยิน

“โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่ คงจะแล้วเสร็จภายในสองถึงสามปี”



“ผมหมายถึงโกหกมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ร่างสูงในชุดสูทชะงักงันไปในทันที ทิมเงยหน้าขึ้นสบตาเขาเพียงเล็กน้อยแล้วจงใจเบือนสายตาไปทางอื่น คะน้าจึงเบี่ยงเป้าหมายเป็นทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมของธาดาพิพัฒน์แทน “พวกคุณหลอกลวงมานานแค่ไหน ทำเรื่องแย่ๆ พวกนี้กันไปได้ยังไง จิตใจพวกคุณมันทำด้วยอะไร เห็นทุกอย่างบนโลกนี้เป็นเรื่องของเงินทองเท่านั้นหรือ แล้วเรื่องเหตุไฟไหม้นั่นก็เหมือนกัน...”

ก่อนที่คะน้าจะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายที่อยู่มุมห้องก็ขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่กร้าวและเอาเรื่อง “คุณควรจะเลือกที่จะใช้คำพูดที่ดีกว่านี้นะครับ เพราะหากมีคำพูดใดๆ ที่สื่อไปในทางทำลายชื่อเสียงของธาดาพิพัฒน์ ทางเราคงหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการตามกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับจากนี้ไป”

ผู้เป็นรองประธานกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์ยกมือขึ้นเล็กน้อย เสียงของเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายก็เงียบลงทันที ทิมผ่อนลมหายใจอย่างเชื่องช้า ในที่สุด ชายหนุ่มก็หันกลับมาสบตากลับ ทว่าดวงตาคู่นั้นดูผิดแผกไปกว่าทุกครั้ง ไม่ใช่สายตาแบบที่ใช้มองคนรัก ไม่มีแม้แต่ความอนาทรในดวงตาสีดำที่ลึกลับคู่นั้น ไม่เหมือนแม้แต่สายตาที่ใช้มองของคนที่เคยรู้จักหรือว่าสายตาที่ห่างเหินแบบไม่เคยพบปปะพูดคุย หากแต่แววตาคู่นั้นช่างแข็งกร้าวราวกับคนที่มองจ้องอยู่ตรงหน้านี้นั้น ...เป็นศัตรู

ชายหนุ่มที่เพิ่งจะนั่งลงในไม่กี่นาทีถัดมาเพียงกวาดสายตาอีกครั้งไปที่ผู้ช่วยวัยกลางคนแล้วพยักหน้าเบาๆ หญิงสาวคนนั้นก็ผายมือให้กับคนของธาดาพิพัฒน์ทุกคนในห้องประชุม แจ้งเจตจำนงค์ที่ไม่แม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใดๆ แก่เหล่ากรรมการบริหารและเจ้าหน้าที่ต่างๆ ด้วยท่าทีที่นอบน้อมอย่างมืออาชีพ และเพียงครู่เดียวห้องประชุมที่เคยเต็มไปด้วยคนของธาดาพิพัฒน์ก็เหลือแค่เพียงผู้ที่เป็นเจ้าของโครงการพันล้านที่วางแผนจะก่อสร้างขึ้นใหม่

“เมื่อกี้เราว่ากันถึงไหน?” ทิมคลายเนคไทที่ปกเสื้อออกเล็กน้อย คะน้ามองไปที่ชายหนุ่มที่เอนกายพิงพนักเก้าอี้แล้วถามย้ำอีกครั้ง

“โกหกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” หากแต่ว่าทิมยังคงนิ่งเฉยไม่มีวี่แววที่จะคลายปริศนาที่ถูกถามจนคะน้าย้ำขึ้นอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บแปลบไปทั้งใจ “ผมเป็นไอ้โง่มานานแค่ไหนแล้ว” ปลายสายตาของทิมเหลือบกลับมามองจ้องคะน้าอย่างเต็มหน้า ไม่ไหวติง และปราศจากความลังเล




“ตั้งแต่แรก”

สิ้นคำก็รู้สึกชาไปทั้งตัว หัวใจรู้สึกถึงความหน่วงที่พ่วงมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสจนพร้อมจะแหลกสลาย มีความรู้สึกมากมายที่ถาโถมเข้ามาในเวลาพร้อมๆ กัน รวดเร็วและรุนแรงจนเขาไม่อาจปรับตัวได้ หากแต่ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้นดูเหมือนจะไม่สาแก่ใจในความเขลา ถ้อยคำอีกระลอกจึงกระหน่ำซ้ำเหมือนกับของมีคมขนาดใหญ่ที่ทุบแทงเข้ากลางใจจนแหลกเป็นผง

“ทุกอย่างที่เห็นมันเป็นแค่ภาพลวงมาตั้งแต่แรก ไม่มีอะไรมากมายไปกว่าแผนการทางธุรกิจ” คำตอบง่ายๆ เพียงไม่กี่คำนั้นเล่นเอาคะน้ายะเยือกไปถึงสันหลัง แขนขาไม่รู้จะขยับไปไหน คล้ายกับถูกน้ำแข็งที่เย็นจัดตรึงให้อยู่กับความปวดปร่าทรมาน ทิมยกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เคาะปลายนิ้วตัวเองลงบนแผ่นกระจกสีดำบนโต๊ะเป็นจังหวะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงกิริยาแก้เซ็งที่ทำเพื่อฆ่าเวลาให้หมดไป ในนาทีถัดมาชายหนุ่มยกสายตาขึ้นแล้วจ้องลึกไปในดวงตาของคะน้า น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาเหมือนคำกระซิบ ทว่าความรู้สึกนั้นแรงกล้าอย่างประหลาด




“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่เคยล่ะ จะเชื่อผมไหม?”

ใบหน้าของทิมในเวลานี้ยากเหลือเกินที่จะอ่านความรู้สึกใดๆ คะน้ารู้สึกเหมือนกับว่าหัวของตัวเองกำลังถูกหยิบลงเข้าเครื่องปั่นที่ทรงพลัง แรงเหวี่ยงแห่งคำปดปะทะเข้ากับสัมผัสที่นิ่มนวลจนสับสนทำอะไรไม่ถูก เช่นเดียวกับความโกรธและโทสะที่กำลังถูกผสมเข้ากับถ้อยคำง่ายๆ และภาพที่จดจำมาโดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของทิม หากแม้ในใจของเขาเป็นตราชั่งที่เที่ยงตรงและแม่นยำที่สุดในโลก ก็คงต้องบอกว่าน้ำหนักของทั้งสองความจริงและความลวงนั้นไม่อาจแยกออกจากกันได้เลย ทิมเหมือนกับสีเทา ผสมสีขาวเข้ากับสีดำจนแยกไม่ออก คล้ายกับมีความจริงในความลวง และก็มีความลวงซุกซ่อนอยู่ในความจริงเช่นกัน

ช่วงวินาทีเดียวกันนั้น ผักกาดเพียงแต่นั่งนิ่งๆ ในแววตาของหญิงสาวราวกับครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ความเงียบที่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่แผ่วเหมือนคนจะขาดใจนั้นดูเย็นเยียบอย่างร้ายกาจ ตุลเหลือบมองคะน้าที่มีสีหน้าหนักใจแล้วมองไปที่ผักกาดผู้เป็นพี่สาว หลายนาทีที่ผันผ่าน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่าเข็มนาฬิกาที่เดินหน้าไป สุดท้ายตุลก็เลือกที่จะเอาตัวเองเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างปัญหาที่ดูจะไม่จบง่ายๆ นั้น

“พอเถอะครับ ทำไมคุณไม่พูดกันแบบตรงไปตรงมาล่ะ พูดให้ชัดเจน คุณต้องการอะไร แฟร์ๆ กันไปเลย” ไม่บ่อยที่จะเห็นท่าทีที่ขึงขังและจริงจังจากคุณหมอหนุ่มที่ดูจะเป็นคนอ่อนโยนตลอดเวลาแบบตุล ทิมหัวเราะในลำคอแล้วตอบกลับด้วยเสียงที่ดังชัด

“ได้สิ พูดกันตรงๆ ก็คือธาดาพิพัฒน์ของเราต้องการพื้นที่ที่คุณเป็นเจ้าของ และทางเราก็พยายามติดต่อเจรจามาตลอด ผมไม่ได้จะซ้ำเติมอะไรพวกคุณในเวลาแบบนี้ แต่สิ่งนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเราทั้งสองฝ่าย คุณได้ในสิ่งที่ต้องการ ทางเราก็ได้ในสิ่งที่เราต้องการเช่นกัน” มีแต่ร่องรอยของนักธุรกิจที่ไร้หัวใจ คำพูดเพราะๆ ที่ดูเหมือนจะพูดไปตามมารยาทสังคม และหน้ากากแห่งการแสแสร้ง ใดๆ เหล่านั้นล้วนทำให้คนที่พยายามนิ่งมาหลายนาทีทนไม่ไหวอีกต่อไป

“นายทำได้ยังไง คนแบบนายมัน...” ตุลง้างหมัดขึ้นพร้อมโถมตัวเข้าใส่ทิมที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเขาได้ตลอดเวลา หากแต่แรงรั้งที่ข้อมือทำให้ชายหนุ่มได้แต่กระฟัดกระเฟียด หมอหนุ่มหันไปจ้องมองที่คะน้าราวกับจะตั้งคำถามในการยื้อรั้ง แต่คนที่สร้างความปั่นป่วนกลับไม่หยุดถ้อยคำที่ปั่นทอนความรู้สึกของทุกคน

“คนแบบผมทำไมหรือครับคุณหมอผู้แสนดี โอ้... ช่วยแฟร์ๆ กันหน่อยสิครับ ถ้าคุณกำลังคิดว่ากำลังแบกความฝันของครอบครัวคุณอยู่ มือของผมก็ต้องแบกความหวังของครอบครัวของผมเช่นกัน คุณมีคนมากมายที่ต้องดูแล ธาดาพิพัฒน์ก็มีพนักงานมากมายที่เราจะต้องดูแลเหมือนกัน ถ้าไม่มีปัญญาดูแลความฝันตัวเอง ก็อย่าเอาใครมาเป็นข้ออ้างในความล้มเหลวพ่ายแพ้ ธุรกิจก็คือธุรกิจ และเราทุกคนที่มานั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ก็เพื่อธุรกิจไม่ใช่หรือ?”

แม้ว่าสิ่งที่ทิมพูดไปนั้นล้วนเป็นความจริงทุกอย่าง และคะน้าก็ไม่ปฏิเสธในมุมมองอีกด้านของชายหนุ่มเจ้าของสายตาที่ดูเลือดเย็นนั้น ทุกคนมีหน้าที่ มีความหวัง ความฝัน และภาระที่ต้องแบบรับอยู่ เขาก็มี และทิมก็มีอยู่เช่นกัน หากแต่สิ่งเดียวที่คะน้าไม่ชอบใจในตัวของทิมในเวลานี้นั้นคือวิธีการ มีเป็นสิบวิธีร้อยถ้อยคำที่ดีกว่าการเชือดเฉือนกันด้วยถ้อยคำและท่าทีเหล่านั้น

“แปลว่านอกจากแผนการทางธุรกิจและผลประโยชน์ที่คุณจะได้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นใช่ไหม” คะน้าพยายามอย่างหนักที่จะจบทุกเรื่องราว และทุกสิ่งที่คั่งค้าง ขอเพียงแค่ความชัดเจน แค่ความชัดเจนในทุกๆ อย่างอีกครั้ง

“ถ้าทางคุณยังต้องการอะไรมากกว่าข้อเสนอที่ยื่นให้ก็ลองแจ้งทางฝ่ายซื้อขายของเรามา คุณน่าจะมีเบอร์ติดต่อแล้ว หรือจะสะดวกทางที่ลัดกว่านั้น...” ทิมยกนิ้วโป้งเกลี่ยปาดไปมามาริมฝีปาก พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนใบหน้า “...ผมก็ไม่มีปัญหา”

คำตอบของทิมดูจะเป็นสิ่งที่จงใจเล่นกับความรู้สึกของคน และตลกที่ร้ายกาจนั้น มีแต่เพียงเจ้าตัวที่ได้รับความบันเทิง ในพริบตา ร่างของทิมก็ลอยขึ้นแล้วกระแทกกับผนัง ปกเสื้อถูกยกแล้วดันจนชิดติดกับแผ่นวอลล์เปเปอร์สีอ่อนที่ประดับไว้ คะน้าจ้องมองคนตรงหน้านิ่ง เสียงนั้นเย็นและสงบกว่าทุกครั้ง



“แค่นี้ใช่ไหมที่นายต้องการ”

“ก็ไม่เชิง” ทิมยักคิ้วแล้วยิ้มกวน

“บอกตรงๆ แล้วกัน ผมอยากได้ของแถมนะ ถ้าใจดีมีหมอนข้างแถมให้ผมทุกคืนก่อนนอนก็จะดีมากเลย ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา เรียกว่าถูกใจผมมากทีเดียว” ทิมยิ้ม และเป็นรอยยิ้มที่รุนแรงกว่าอาวุธใดๆ เมื่อรอยยิ้มนั้นเล็งเป้าหมายไปที่ชายหนุ่มใส่แว่นที่ยืนไม่ห่างออกไป

“ไอ้...” เสียงของตุลตวาดก้อง ดูเหมือนว่าแพทย์หนุ่มดูจะหมดความอดทนกับทุกสิ่งแล้ว

“ระวังข้อหาทำร้ายร่างกายด้วยก็ดีนะครับ ทุกที่ของธาดาพิพัฒน์มีกล้องวงจรปิดที่ใช้การได้ดีมากๆ เลยล่ะ” ทิมหันไปจ้องมองที่ตุลกลับอย่างไม่หวั่นเกรง ...บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนแบบทิมเลือกที่จะไม่ใช้กำลังแบบทุกครั้งในเวลาแบบนี้

“ตุลครับ ...ผมขอ” คะน้ารีบหันไปปรามหมอหนุ่มที่ดูไม่จะสะเทือนกับคำท้าทาย เมื่อตุลที่พร้อมจะสงบลงกับท่าทีที่ฟึดฟัด เขาก็หันกลับมาที่ทิม

“ที่ผ่านมา ผมมันเป็นแค่ไอ้โง่ใช่ไหม” คะน้าลู่สายตาของตัวเองลง น้ำเสียงค่อยๆ นิ่งและสงบลงทุกที ผิดกับอีกคน เสียงของทิมในเวลานี้ช่างร่าเริงสดใสราวกับดวงตะวันที่เจิดจ้า

“อันที่จริง ผมไม่ได้ชอบคนที่ฉลาดเท่าไหร่ มันควบคุมยาก” ทิมตอบคำถามโดยไม่ต้องใช้เวลามากมายที่จะครุ่นคิด ราวกับตอบตามนิสัยส่วนตัวที่คุ้นเคยกับรู้สึกแบบนั้นมาเนิ่นนานแล้ว “แต่ต้องยอมรับนะว่าเรื่องพรรค์นั้นคุณเด็ดจริง ทำเอาผมติดใจรสชาติของผู้ชายไปเลย”

สิ้นคำ คะน้าก็ออกแรงกดบนฝ่ามือซ้ายของตัวเองมากขึ้น เขาดันตัวเองเข้าไปหาชายหนุ่มที่เคยคุ้นตาตรงหน้า รองประธานวัยเยาว์หัวเราะในลำคอ รอยยิ้มยียวนที่มุมปากยกขึ้นอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน ทิมสบตา มือทั้งสองยกขึ้นแล้ววางบนสะโพกของคะน้า ...ลูบมันอย่างคุ้นมือ



“รู้ไหมว่าแค่เห็นก้นคุณ ของผมมันก็แข็งแล้ว”

คะน้าหลับตาลงครู่ใหญ่ พยายามคุมแผ่นอกให้ไหวและขยายตัวด้วยจังหวะที่ช้าลง เนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่รู้กว่าที่จังหวะหัวใจจะเต้นเป็นปกติ เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง สูดลมหายใจลึกแล้วเอ่ยถามครั้งสุดท้ายเพียงเพื่ออยากจะฟังให้แน่ใจ



“ผมมีค่าแค่นี้ใช่ไหม?”

ทิมถอยหายใจแล้วไหวหัวไหล่ของตัวเองเบาๆ ดวงตาสีดำทอดมองมาที่เขาด้วยความเอ็นดู เป็นความเอ็นดูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเวทนา หากสิ่งนี้คือคำตอบ มันก็เพียงพอแล้วกับทุกสิ่งที่เขาต้องการจะรับรู้จากคนๆ นี้ คะน้าค่อยๆ สงบนิ่งแล้วถอยตัวเองให้ออกห่างจากผู้ชายที่เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเบื้องหน้า

จะไม่มีแม้แต่การต่อว่า จะไม่มีการกระหน่ำหมัดใส่ให้หายแค้น และจะไม่มีแม้กระทั่งความเสียใจ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่เท่าเทียบเพียงพอกับที่คนๆ นี้จะได้รับแม้แต่น้อย คะน้ามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความนิ่งสงบ เป็นความสงบที่ดูว่างเปล่าและไร้ความรู้สึกใดๆ หมัดที่กำแน่นค่อยๆ คลายออก น้ำหนักที่กดอยู่ที่ลำคอของอีกฝ่ายก็เช่นกัน ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือกระทั่งทิมรู้สึกชะงักงันจนไม่ว่าใครก็คงสังเกตเห็น

สิ่งที่แย่กว่าการต่อว่าแรงๆ หรือหมัดหนักๆ พวกนั้นคือความเกลียดชัง แต่มันคงยังไม่เพียงพอ และที่หนักหนาไปกว่าความเกลียดนั้นคือการถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวลำพังบนโลก โดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครให้แบ่งปันความทุกข์หรือแม้กระทั่งความสุข สิ่งนั้นก็ยังไม่สาสม แม้แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์เราหวาดกลัวไปกว่าความเดียวดาย ...ความตาย ก็ยังไม่อาจจะทดแทนความรู้สึกของผมในตอนนี้

มีสิ่งเดียว ...เพียงสิ่งเดียวที่เจ็บปวดกว่าทุกความเจ็บปวด มากกว่าคำด่าที่เจ็บแสบ กว่าการโหมโจมหมัดให้หายแค้น มากกว่าความเกลียดชัง กว่าการทรมานให้อยู่เดียวดาย และมากกว่า แม้กระทั่งตายจาก



...สิ่งนั้นคือ การถูกลืม


(มีต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 25-02-2013 00:12:09
(ต่อเลย)




...สิ่งนั้นคือ การถูกลืม

หากแม้นคะน้าเลือกที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ชกต่อย ต่อว่าด้วยคำแรงๆ จะจงเกลียดจงชัง หรือแม้กระทั่งฆ่าให้ตายด้วยมือของตัวเอง สิ่งที่ทิมได้ทำลงไปนั้นก็จะดูเหมือนได้รับบทลงโทษเป็นการชดเชยให้ไม่มีอะไรติดค้าง แต่ความเจ็บปวดของเขาในตอนนี้มันมากเกินไปกว่าที่จะยอมรับได้ เทียบกับทุกสิ่งที่ทิมทำไปนั้น มันไม่มีอะไรจะชดเชยได้เลยแม้กระทั่งความตาย ที่สาสมที่สุดก็คือการต้องจมอยู่กับความรู้สึกติดค้างไปตลอด จะยิ้มได้อย่างไม่เต็มสุข แม้แต่ทุกข์ก็จะทุกข์ได้อย่างไม่เต็มที่ ให้ในทุกวินาทีที่ข้ามผ่านนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานไปกระทั่งถึงลมหายใจสุดท้าย ...ด้วยความรู้สึกของการถูกลืม

จงมีชีวิตอยู่ต่อไป อยู่แบบไร้คุณค่าและไม่มีใครมองเห็น อยู่กับทุกสิ่งที่โหยหาช่วงชิงมาแล้วไม่รู้ว่าจะแบ่งปันให้กับใคร ส่วนผมก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นกัน แต่ชีวิตนับจากนี้นั้นจะไม่มีที่ยืนให้กับชายหนุ่มคนนี้อีก

ผมจะลืม ...จะลืมทุกอย่างเกี่ยวกับทิม ทุกอย่างที่ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกรอยยิ้มและน้ำตา ทุกอย่างแม้กระทั่งความทรงจำ จะไม่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และจะไม่มีอนาคตใดๆ อีก ไม่เคยพูดคุย ไม่เคยรู้จักเกี่ยวข้อง ไม่เคยมี ...แม้กระทั่งตัวตน

“แบบนี้ดีแล้วเหรอ” ผักกาดถามด้วยเสียงที่สงบนิ่ง หากแต่แววตาที่ทอดมองนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยที่มีต่อผู้เป็นน้องชาย

“ดีที่สุดแล้วครับ” คะน้าตอบเบาๆ ด้วยสายตาที่เหมือนตรงหน้ามีเพียงอณูอากาศ เขาพลิกตัวกลับแล้วเดินจากมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับเบื้องหน้านั้นไม่มีใคร และไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น น้ำเสียงปกติ แววตาและท่าทางปราศจากร่องรอยของความเจ็บปวด โศกเศร้า แม้แต่ชิงชัง ค้อยหลังผู้เป็นน้องชาย ผักกาดเดินเข้าไปหาทิมแล้วสบตาร่างสูงตรงหน้าอย่างแน่นิ่ง

“ทำแบบนี้เพื่ออะไร”

ไม่มีคำตอบใดๆ จากปาก ไหล่สูงทิมเพียงยกตัวขึ้นเล็กน้อย แล้วใบหน้าของผู้ถูกถามก็เบือนไปอีกทางคล้ายกับไม่สนใจไม่ได้ยิน ความเงียบและนิ่งสงบนั้นไร้ประโยชน์ เพียงครู่เดียว ผักกาดและตุลก็หันตัวกลับแล้วเดินตามคะน้าออกมา ทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนยืนอยู่ในห้องประชุมที่หรูหรา ...ทว่าเดียวดาย

อดีตเพื่อนบ้านที่บัดนี้กลายเป็นแขกผู้เยี่ยมเยือน ตุลถูกเชื้อเชิญมาที่คอนโดอีกครั้งด้วยผู้เป็นพี่สาวต้องการตอบแทนในน้ำใจ บ่ายอันเงียบสงบ ผักกาดสั่งอาหารง่ายๆ ขึ้นมาทานบนห้องแต่ไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวสาละวนหน้าแท็บเล็ตสี่เหลี่ยมเล็กๆ สะสางงานการต่างๆ ที่ค้างคา ขณะที่ตุลนั่งจ้องความว่างเปล่า กรอบกระจกใสสะท้อนแสงแดดสีส้มที่มุมขอบฟ้า ใบหน้าเรียบกริบดั่งผิวน้ำที่นิ่งสงบนั้นเหมือนกำลังจมอยู่กับความคิดบางอย่าง

ส่วนตัวคะน้าเองนั้น ในใจของเขาเวลานี้นั้นแทบไม่ต่างอะไรกับผู้รอดตายจากโลกที่แทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับภูมิทัศน์ทุกอย่างรอบๆ ตัวนั้นเปลี่ยนไป เส้นขอบฟ้าเปลี่ยนตำแหน่ง พระอาทิตย์เปลี่ยนสี เศษเสี้ยวที่หลงเหลือจากพิบัติภัยที่เลวร้ายคือร่องรอยของลมหายใจที่เพียงให้พอแช่มชื่นใจ

“ผมจะไม่ขายที่ดิน เราจะไม่ทำสัญญาใดๆ กับธาดาพิพัฒน์” เสียงของคะน้าดังเสียดขึ้นมา ผักกาดและตุลที่นั่งกระจายอยู่ในแต่ละมุมห้องเงยหน้าขึ้น สักพักผู้เป็นพี่สาวก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงที่เหมือนจะเตือนสติ

“สิ่งมีค่าที่สุดที่ป๊ากับแม่มอบเอาไว้ให้กับเราทั้งคู่ ไม่ใช่ที่ดินในทำเลเศรษฐกิจและไม่ใช่ตลาดที่เราเติบโตขึ้นมาแต่เล็กแต่น้อย มันเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากกว่านั้น มรดกที่ไม่ว่าจะถูกโจรปล้นกี่ครั้งหรือไฟจะโหมแค่ไหนก็ไม่อาจจะทำให้มันสูญสลาย และเพราะเหตุนี้มันจึงมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินใดๆ ที่เรามี” ผักกาดขยับตัวเองออกจากสิ่งที่จดจ่ออยู่ตรงหน้าแล้วมุ่งมาที่น้องชาย

“ความรู้และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักที่ท่านมอบไว้ให้กับต่ายและพี่นั้นคือสิ่งที่มีค่าที่สุด ...ไม่ใช่ของที่สูญสิ้นพังทลายได้แบบนั้น อย่าทิ้งมันไปในเวลาแบบนี้ เจ้อยากให้ต่ายใช้เวลากับมันนานๆ” มือเล็กๆ นั้นตบลงบนบ่าของคะน้าเบาๆ แล้วหันไปทางแขกที่นั่งง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วส่งเสียงทักทาย

“มัวแต่ทำงานจนลืมทักไปซะแล้ว ว่าแต่คุณหมอขา ทำไมปุปปับถึงย้ายออกล่ะ สาวๆ เสียใจแย่” คำถามนั้นดูจะดึงให้ชายหนุ่มสวมแว่นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสีหน้าแบ่งรับแบ่งสู้

“หลายๆ อย่างครับ” จัดว่าเป็นรอยยิ้มตามมารยาทที่เจ้าตัวมักพกติดบนใบหน้าเป็นประจำ ตุลละมือจากคีย์บอร์ดแล้วยกขึ้นมาขยับขาแว่นพลาสติก “หลักๆ ก็... อืม... ความสะดวกมั๊ง” เป็นคำตอบที่ทำให้ผักกาดนิ่วหน้าไปเล็กน้อย หญิงสาวย่นจมูกและรั้นปากขึ้นก่อนจะถามต่อแบบไม่อยากจะใส่ใจกับคำตอบที่ผ่านมา

“สะดวกกายหรือสะดวกใจล่ะคะคุณ” หญิงสาวตั้งคำถามอย่างไม่เกรงใจ “แล้วนี่จะขายเลยหรือเปล่า ถ้ายัง ย้ายกลับมาอยู่ที่นี่น่าจะสะดวกกว่านะ เจ้อยากมีเพื่อนบ้านหล่อๆ” ตุลไหวหน้าไปมาพร้อมกรอบรอยยิ้มที่ขยายกว้างขึ้น นั่นคือคำปฏิเสธในแบบฉบับของเจ้าตัวที่มักจะเลือกที่รักษาน้ำใจอีกฝ่ายเสมอ

“กำลังพยายามปรับตัวให้ชินกับอะไรใหม่ๆ อยู่น่ะครับ” หญิงสาวมุ่ยหน้าขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เลือกที่จะเปิดเผยความคิดในใจทุกอย่างตามนิสัยที่คุ้นเคย

“พูดอะไรแปลกๆ แล้วนี่กลับมานานหรือยัง”

“ก็สักพักน่ะครับ”

จากนั้นก็มีบทสนทนาสั้นๆ ประเภทถามมาตอบไปโต้ตอบอยู่กันอีกหลายนาที โดยมากเป็นคำถามคำตอบเชิงสารทุกข์สุกดิบ เรื่องราวงานวิจัยของตุล และการใช้ชีวิตหลายเดือนในดินแดนที่ห่างไกล คะน้าดูจะไม่ได้สนใจฟังอะไรมากมาย นานๆ ทีเขาจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มที่ไร้ความหมายแล้วก้มลงมองความว่างเปล่าในมือของตนเอง จุดสิ้นสุดของการพูดคุยคือการที่ผักกาดเดินกลับเข้าไปในห้องนอนแล้วซุกตัวอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยเอกสารมากมาย

ตุลหันกลับไปสนใจที่หน้าจอสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงหน้าต่อ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนและเวลาใด หมอหนุ่มนั้นรู้จักที่จะวางตัวเป็นอย่างดีและไม่สร้างความอึดอัดใดๆ ให้กับทั้งเจ้าของห้องทั้งสอง กับคะน้าแล้ว ความรู้สึกหลังจากการลาจากนั้น อัดแน่นไปด้วยความเป็นห่วงที่ตุลต้องใช้ชีวิตอยู่ผิดบ้านผิดเมืองในสภาวะของจิตใจแบบนั้น ความห่วงใยที่ตุลมีให้กับเขาเสมอมา ไม่ต่างอะไรเลยกับที่คะน้าห่วงใยตุล เขากังวลกับเรื่องสารพัด ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นไม่มีสิ่งใดที่อยากจะพูดคุยถามไถ่ไปมากกว่าการได้เห็นรอยยิ้มของตุลอีกครั้ง ดังนั้นการได้พบกันในครั้งนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับคะน้าไม่น้อย หากแต่สิ่งคั่งค้างที่ได้ทุเลาเบาบางนั้นช่วยให้เขาตัดเรื่องที่รบกวนจิตใจไปได้มากขึ้น คะน้าในตอนนี้มีเพียงแค่ความดีใจและหมดห่วงเมื่อเห็นคนที่ดีกับเขามากที่สุดคนหนึ่งในชีวิตมีความสุข และสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี

เสียงหน้ากระดาษที่พลิกตัวดังขึ้นเป็นระยะ ชายหนุ่มสวมแว่นยังคงจดจ่ออยู่กับเอกสารมากมายตรงหน้า นับตั้งแต่วันที่เกิดเหตุร้ายๆ นั้น ตุลดูจะปฏิบัติต่อเขาแบบเพื่อนที่ห่วงใยและให้เกียรติกันมากกว่าจะพยายามหาทางหวนคืนไปสู่ความรู้สึกแบบเดิมๆ ไม่เคยหยอดคำหวาน ไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกใดๆ ผ่านแววตา ทุกครั้งมีเพียงแค่การไถ่ถามอาการบาดแผล ปฏิบัติและดูแลเหมือนหมอที่ดูแลคนไข้ทั่วไป

หมดห่วงเรื่องของตุล คะน้าผนึกตัวเองอยู่กับความว่างเปล่า ตั้งคำถามซ้ำๆ ว่าจะมีของวิเศษใดในโลกที่ทำให้มนุษย์เราสามารถมองทะลุความเสแสร้งจอมปลอมของกันและกันได้ ถ้ามีก็คงจะดี เพราะความเจ็บปวดจากการถูกทรยศนั้นมีรสชาติขมจนอยากสำรอก และเขาก็ไม่รู้เลยว่าอีกนานแค่ไหนบาดแผลนี้จะเยียวยาจนหายดี

ใครๆ ก็บอกว่ารักครั้งแรกนั้นมักลงเอยด้วยความเจ็บปวด เขากระจ่างแล้วในวันนี้ว่ามันเจ็บและทรมานแค่ไหน เพราะรักครั้งแรก ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย และถ้ามันพ่วงมาด้วยความทรยศหักหลัง ความเจ็บนั้นรุนแรงเหลือเกินกับมือใหม่แบบเขา

ถ้าถามว่ายังรักไหม คำตอบในใจนั้นมีได้โดยไม่ลังเล เขาเป็นแค่คนธรรมดา มีหัวใจ มีความรู้สึกไม่ต่างกับใครๆ ถ้าถามว่าอยากสิ้นสุดทุกเรื่องราวเหล่านี้หรือเปล่า ในความลังเลที่ก่อตัวขึ้นในใจ คะน้าเลือกที่จะให้ทุกอย่างจบลง ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

ผมเหนื่อย ในหัวสมองว่างเปล่าเหมือนกับอวกาศที่เวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตา ตัวเบาหวิวเหมือนกับกำลังล่องลอยและเจือจางอยู่ในมวลอากาศบางเบา ผ้าปูเตียงยวบไปตามน้ำหนักตัวจนย่นยับ เครื่องปรับอากาศที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียสกลับหนาวเหมือนจุดเยือกแข็ง ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หลายวันที่ผ่านหมดไปกับการทอถักสายใยที่เต็มไปด้วยเงื่อนงำ บันทึกที่อยู่ในที่ไหนสักแห่งในความทรงจำนั้นกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ไม่รู้วัน ไม่รู้เวลา ผมลืมตาอยู่ในความมืดดำที่เงียบงัน ฟังเสียงเข็มนาฬิกาค่อยๆ ขยับตัวไป

เสียงฝีเท้าที่สัมผัสกับผืนพรมยวบยาบไปมาที่หน้าห้อง มีเสียงอื่นๆ เล็กน้อยที่คะน้าอุปทานว่าคงเป็นเสียงเก็บคอมพิวเตอร์แล้วข้าวของอื่นๆ ตุลปรากฏตัวอยู่ที่หน้าห้องที่มืดมิด หากแต่เจ้าของห้องไม่มีกระใจจะพูดจาสนทนาใดๆ ในยามที่ความฝันแตกกระจายและเจียนจะสิ้นสูญ

“ผมอยากขอตรวจข้อเท้ากับสะเก็ดแผลสักหน่อยน่ะครับ”

ได้ยิน แต่อยู่ๆ เขาก็ไม่อยากพูดอะไร ไม่อยากสนใจรับรู้ใดๆ ขึ้นมา เหมือนส่วนลึกเรียกร้องอยากให้พัก พักทั้งกาย พักทั้งใจ และก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ มากไปกว่านี้ เสียงเคาะประตูที่เปิดกว้างดังขึ้นอีกครั้ง และเงาสูงสีดำนั้นก็ยังนิ่งรออยู่สักพัก หากแต่มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ ชายหนุ่มผู้สวมแว่นจึงก้าวเข้าห้องมา เจ้าของห้องยังคงแน่นิ่ง ดิ่งดำไปกับความรู้สึกบางอย่างที่ปกคลุม มีเพียงดวงตาที่เปิดอยู่คอยมองร่างสูงที่เคลื่อนเข้ามาใกล้

“คะน้า... คะน้าครับ” เสียงทุ้มๆ นั้นขานชื่อซ้ำ แต่อยู่ๆ กล่องเสียงผมก็หมดถ้อยคำเอาดื้อๆ

“หลับแล้วหรือครับ” ตุลยังคงถามซ้ำ และที่ผมทำอยู่ในตอนนี้คือมองร่างสูงใหญ่สีดำที่มีแสงสลัวจากด้านนอกลอดเร้นจากเบื้องหลัง

“คุณคะน้า” ตุลเดินมายืนใกล้ๆ ที่เตียง ทอดสายตามองคนที่นอนอยู่

“หลับเสียแล้วสินะ”

มีเสียงผ่อนลมหายใจช้าๆ กับแสงจากภายนอกของห้องซึ่งทอดตัวเป็นเงาสีขาวที่ยาวเหยียด ช่วงเวลาที่แสงสว่างและเงากำลังเกี่ยวก้อยเป็นสหายที่ไม่คุ้นหน้ากัน ตุลนั่งลงที่ปลายเตียง เอื้อมมือขึ้นและจับที่ข้อเท้าซ้ายของคะน้า พลิกและดันเบาๆ สายตาจับจ้องไปในความมืดที่เลือนลาง หมอหนุ่มทิ้งประสาทการรับรู้ทั้งหมดไว้เพียงบนปลายนิ้วบนข้อเท้า เขารู้สึกถึงแรงตึงเล็กน้อยในจังหวะที่มือกว้างนั้นจับพลิกและนวดคลึงเบาๆ ภายใต้สีดำที่หม่นมัว คะน้าเห็นรอยยิ้มของตุลค่อยๆ คลี่ตัวออกคล้ายกับโล่งใจ ชายหนุ่มที่ย่อตัวคุกเข่าอยู่ที่พื้นรั้งผ้าห่มที่อยู่บนตัวเขาขึ้นอีกนิด แล้วก้มใบหน้าลงดูสะเก็ดแผลในความสลัว สองมือเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่องทว่ากลับแผ่วเบาราวกับขนนก สำสีเย็นๆ ปาดซับลงบนผิว ตามด้วยตัวยาบางอย่างที่มีกลิ่นฉุนเล็กๆ แค่เพียงไม่กี่นาทีในสายตา ตุลก็จัดแจงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

คนใส่แว่นเก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วหยิบยกขึ้นมาวางใกล้ตัว มือทั้งสองดึงผ้าห่มคลุมทั่วทั้งตัวเขาจนมิดชิด จากนั้นก็หันไปหยิบรีโมตสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขึ้นมา คะน้าได้ยินเสียงกดอะไรบางอย่างก่อนที่อุณหภูมิในห้องจะอุ่นขึ้นจนน่านอน ตุลเดินมาใกล้ๆ อีกครั้ง ย่อตัวแล้วนั่งลงบนเตียง มือกว้างสัมผัสศีรษะเขาในความมืดแล้วลูบเบาๆ คะน้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ได้ตระหนก แต่ก็ยอมรับว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดจินตนาการ



“เหนื่อยไหม... ไม่เป็นไรนะครับคนดี”

ไม่อาจคาดเดาสีหน้าท่าทางของตุลจากเงาสะท้อนของแสงในความมืดได้ และยากที่จะบอกได้ว่าความสั่นสะเทือนของคนที่ขยับมานั่งอยู่เคียงข้างในตอนนี้นั้นจะทำสิ่งใดต่อไป ทุกสิ่งนิ่งและเงียบจนมีเพียงเสียงลมหายใจที่หมุนวนเข้าออกราวกับจะดำเนินไปชั่วนิรันดร์ คะน้าขยับหน้าผากที่แนบกับหมอนขึ้น มองดวงตาสีเข้มที่ทอแสงอุ่นในท่วงท่าที่เรียบและเฉยชาของตุล สัมผัสแผ่วเบาของปลายนิ้วที่พร่างพรมบนหัวนั้นทำให้เขารู้สึกแปลกขึ้นมาในใจ ...ท่วงทำนองที่ปราศจากดนตรีดังขึ้นพร้อมกับเสียงอ่อนโยนที่ทุ้มกังวานในความมืด

http://www.youtube.com/watch?v=tm7dFy_iVn0

ฮืม... หลับเถอะนะ แก้วตาจงนอนหลับไหล
จะอยู่ตรงนี้ ไม่จากไปไหน หลับตาพักวางดวงใจไว้กับฉัน


คะน้าหม่นดวงตาลง นับตั้งแต่พบกันอีกครั้ง ทุกอย่างคงเป็นเพียงการกดความรู้สึกเอาไว้ คนๆ นี้เพียงแค่เฝ้าและมองดูห่างๆ โดยไม่ทำให้เขาลำบากใจ ตุลซ่อนทุกความรู้สึกเอาไว้ด้วยเปลือกนอกที่เฉยชา ไม่เคยเรียกร้อง ไม่เคยอ้อนวอน ไม่มีสักครั้งที่ดวงตาคู่นั้นจะเผยให้เห็นถึงสิ่งที่อัดแน่นจนล้นใจแบบในเวลานี้

เหนื่อยพอแล้ว เจ็บพอแล้ว สิ่งเลวร้ายให้แล้วล่วงไปเป็นเพียงแค่ฝัน
จะกอดเธอไว้ จวบจนสิ้นแสงจันทร์ จากนี้เธอไม่มีวันเดียวดาย


การเคลื่อนไหวของตุลนั้นเชื่องช้าราวกับจะไม่ให้สัมผัสที่นุ่นนวลนั้นเสียดสีใดๆ ให้ระคาย คะน้าลอบมองใบหน้านั้นในความมืด ฟังทุกสรรพสำเนียงที่สะท้อนไปมา ทุกถ้อยคำที่เรียงร้อยออกมาเป็นจังหวะสูงต่ำ ฝ่ามือกว้างค่อยๆ ตระกองบนบ่าและแผ่นหลังของเขาด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน ความอบอุ่นนั้นราวกับจะดูดซับน้ำหนักที่ไม่มีตัวตนซึ่งแบกไว้ตลอดระยะเวลาหลายวันในใจของเขาให้ผ่อนเบา

จะเคียงข้างเธอทุกคืน และจะคอยสบตาเมื่อตื่น อย่าคิดอย่านึกกังวลกับสิ่งใด
จะกล่อมให้เธอฝันดี จะไม่ยอมให้เธอฝันร้าย หลับตาพักให้สบายคนดี


สัมผัสที่อ่อนโยนนั้นราวกับกุญแจที่ปลดสลัก เกราะปราการที่ก่อสร้างขึ้นอย่างแน่นหนาค่อยๆ ผุพังลงช้าๆ ชิ้นส่วนความทรงจำที่แตกกระจัดกระจายในหลายวันที่ผ่านมาค่อยๆ ประกอบตัวเข้าทีละเล็กละน้อย ตัวตนแท้จริงที่เปราะบางของคะน้าค่อยๆ กลับมาอีกครั้ง

ฮืม... หลับเถอะนะแล้วฉันจะพาเธอข้ามคืนนี้
จะกอดเธอไว้ จะอยู่ที่ตรงนี้ กล่อมเธอให้นอนฝันดีตลอดคืน


หยดน้ำตานั้นเหมือนกับพระเจ้าที่ทำหน้าที่ชะล้างทุกสรรพสิ่งที่ขุ่นมัวจนบริสุทธิ์ ความชื้นที่ก่อตัวขึ้นในดวงตานั้นค่อยๆ เคลื่อนตัวตามกฎแรงโน้มถ่วงของโลก ทิ้งตัวลงช้าๆ พร้อมกับความรู้สึกมากมายที่ละลายออกมาพร้อมกับมัน

ในความมืดที่สงบเงียบ และบนร่างกายที่เหมือนคนไร้ความทรงจำ ผมร้องไห้ ...เป็นการร้องไห้โดยที่แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ตัว ไม่รู้จุดเริ่มต้น และไม่รู้จุดสิ้นสุด ทุกสัมผัสของร่างกายด้านชาไม่เคลื่อนไหว ผมกำลังเจ็บอยู่หรือเปล่า กำลังเสียใจอยู่หรือไม่ ผมกำลังผิดหวัง หรือว่ากำลังรู้สึกเบาใจ ผมไม่รู้ ...ไม่รู้อะไรเลย



“ฝันร้ายนะครับ ...ไอ้น่ารัก”

แรงกดยุบบนฟูกนุ่มค่อยๆ คลายตัวพร้อมกับเสียงปิดประตูเบาๆ ที่ดังขึ้นในนาทีถัดมา นับตั้งแต่เปลวไฟเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างจนเหลือเพียงความว่างเปล่า นี่คือน้ำตาหยดแรกที่ไหลออกมา ครั้งแรกในรอบระยะเวลาหลายๆเดือน และเป็นการร้องไห้ที่ทำให้ผมลืมทุกความเสียใจที่เคยผ่านมาจนหมดสิ้น

ท่ามกลางความว่างเปล่าที่มืดมิด เสียงสะอื้นของผมดังขึ้นมาอย่างไม่อายใคร


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปอีกหนึ่งตอน ถึงตอนนี้แล้วไม่รู้ว่าคนอ่านจะเลือกทางไหนนะ
เชื่อทิมต่อ หรือว่าหันกลับมามองที่ตุลที่ดูแลคะน้าอยู่ใกล้ๆ แบบไม่คิดแสดงออก
รักครั้งแรกของต่ายจะโชคดีกลายเป็นรักสุดท้ายไหม หรือว่าจะมีความรักที่ดีกว่าเข้ามา
ถ้าเป็นแบบนั้น คะน้าจะเลือกจะลืมอดีตแล้วก้าวต่อ หรือเลือกจะอยู่คนเดียวไปเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาทิมแค่เพียงเล่นละครหรือเปล่า แล้วการกลับมาของตุลครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างตุลและทิม รวมทั้งคิสมาร์กเจ้าปัญหา
แล้วเป็นการลอบวางเพลิงหรือไม่ ต่ายน้อยจอมพลังและผักกาดจะทำอย่างไรต่อไป
บทสรุปของทุกๆ เรื่องที่คาใจจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามนะคร้าบบบบบบบบบ... :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 25-02-2013 00:22:06
เชื่อทิมมมมม มั้ง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 25-02-2013 00:33:56
สุดท้ายก็ทนสอบเสร็จไม่ไหว  โดดอ่านหนังสือสอบมาอ่าน
สองตอนล่าสุดทำเอาช๊อคมาก ตอนนี้มันอึนๆหน่วงๆจังเลย
แต่เราเชื่อทิมนะ คิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่าง
แต่ขอเถอะนะะะ อย่าให้มีอะไรเกินเลยสำหรับคะน้ากับตุลเลย
เม้นต์แบบเห็นแก่ตัวไปหน่อยขอโทานะคะ
เข้มข้นมากๆ สอบเสร็จคาดว่าจะมาเวิ่นได้มากกว่านี้แน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 25-02-2013 00:36:42
ต่ายน่าสงสารรรรร น่าสงสารมากกกกกกกกก
ฮือออ อ่านแล้วจะร้องไห้
ไอ้ทิม ไอ้บ้า แกเล่นบ้าอะไรอยู่ ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นด้วย ไอ้คนไม่มีหัวใจ
ฮืออออออออออออออ 
ไม่รักคะน้ารึไง  ฮืออออออออออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 25-02-2013 00:48:44
สรุปแล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่

ทิมคิดอะไรอยู่

เฮ้อออออ อ่านแล้วสงสารต่าย  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 25-02-2013 00:49:39
ขอเลือกเชื่อพี่ผักกาดแล้วกัน  :impress3:
ไม่ไว้ใจใครแล้วตอนนี้  ไว้ใจพี่ผักกาดคนเดียวพอค่ะ  ระแวงทุกๆคนแทนคะน้าเลย  :serius2:

ตอนนี้ทิม  ปากหมามากๆ   พูดออกมาแต่ละอย่าง น่าโดนหลังแหวนมากอ่ะ  :beat:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-02-2013 01:06:17
 :sad4: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 25-02-2013 01:24:20
ฆ่ากันเถอะ
ค้างโอ้ยย ค้างงงง
ไม่รู้ล่ะว่าทิมหลอกไม่หลอก แต่ที่แน่ๆคือกูแบนทิมแล้วค่ะ
เกินไปจริงๆ คะน้าจะกลับไปรักกับคุณหมอคนดีก็ได้นะ

แต่ที่แน่ๆเลย ขอให้ทิมเจ็บ!
รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 25-02-2013 01:37:23
ถึงชั้นจะยังเชื่อมันในตัวทิม

แต่ทิมทำแบบนี้มันก็เกินไป ถ้าไม่มีเหตุผลดีๆละก็ ชั้นไปวางเพลิงคอนโดแกแน่

อิทิมบ้าาาาาาาาาา


ฝากหมอตุล (ของเจ๊) ดูแลต่ายน้อยด้วยนะคะ ฮือออออ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pinkfuku ที่ 25-02-2013 01:55:21
อ่านแล้วเครียดบอกบอกตามตรงว่าเหนื่ยอจริง เอาไว้ไหเรื่องราวมันจบค่อยกลับมาอ่านได้ไหมเนี้ย

 แต่ไม่ว่ายังไงเราหก็เชื่อทิมนะ คนที่ไม่รัก ทุกอย่างมันต้องแสดงออกทางสายตา แต่ทิมก็ดูแลคะน้าดี

หรือทิมโกรธที่คะน้าไม่ยอมลืมตุลย์รึเปล่า


คิดไปก็เหนื่อย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 25-02-2013 01:58:48
อยากให้มาต่อทุกวันจริง ๆ ค่ะ มันพลิกผันไปมาตลอดเวลา สนุกมากค่ะ
 :z3: ทิมอ่่า ทำไมทำแบบนี้ เจ้อ่านแล้วหมดแรงกับทิมมาก ที่ผ่านมามันยังไง ยังเชื่อใจทิมอยู่นะ
แต่เหลือไม่ค่อยมาก คือถ้าไม่ได้อ่านเรื่องราวในมุมมองทิมเลยคงไม่เหลือความเชื่อใจให้ทิมแล้ว
หรือทิมจะแยกระหว่างเรื่องหลงกับเรื่องงานออก เฮ้อ คือที่ทำไปว่าแย่ (ทิมอาจทำตามคำสั่งใครมั้ย
ครอบครัวไรเงี้ย ยังพยายามจะคิดหาหนทาง) แต่คำพูดแต่ละคำที่ออกมานี่สิมันแย่จริง
มันดูถูกมันทุกอย่างอ่ะ สงสารคะน้ามาก รักครั้งแรกก็เจ็บปางตาย ทำให้อยากอ่านมุมทิมอีกครั้ง
นายเป็นยังไงแล้วตอนนี้ปางตายไปแล้วเหมือนกันหรือสมใจที่ำทำลงไป

ที่คะน้าเลือกจะลืมอันนี้สุด ๆ เลยอ่านแล้วขนลุก มันเป็นการแก้แค้นที่ยิ่งกว่าการทำให้เจ็บตัวจริง ๆ
ถูกลืม ถูกทิ้งไว้ อยู่กับอะไรที่ใช้ความเห็นแก่ตัวหามา สุดยอดละ มันเหมือนไม่ได้ชดใช้
และต้องอยู่กับมันไปตลอด เป็นมุมมองที่แปลกและลึกมากค่ะ ชอบมาก ๆ ตรงนี้ ชื่นชมผู้เขียน

หมอตุลย์ตอนแรกคิดว่าจะตัดใจได้แล้ว แต่ก็ยังรักคะน้าอยู่เนอะ แต่อยากให้เป็นเพื่อนกันมากกว่านะ
แต่หมอตุลย์ก็เป็นคนดีมากอีกคนอ่านก็สองจิตสองใจ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 25-02-2013 02:26:32
สงสารแกว่ะ ไอ้บ้าทิม TT^TT มั่นใจว่ายังไงแกก็รักคะน้ามาก
แต่เดาว่าที่บ้านรู้เรื่องคบกับคะน้าแล้วและนี่คือบททดสอบใช่มั้ย เพราะยัยแนนบอกว่าจะไปยกเลิกเรื่องหมั้นให้
หมอก็อย่าเข้ามาเลยนะคะ จำคำทำนายของคะน้าได้ว่าเนื้อคู่จะเหมาะสมกันด้านฐานะด้วย(หรือจำผิด?)
เลยคิดว่าทิมมาวินแน่ๆ ยังไงตลาดของคะน้าก็ต้องฟื้นฟูใหม่หมดเลยเดี๋ยวคงได้ร่วมโครงการกันแหละ
เป็นหุ้นส่วน(ชีวิต)กับทิมไง

แล้วก็อยากบอกว่าคนแต่งใจร้ายมากช่วงสอบ(อาทิตย์ที่แล้ว)
อ่านหนังสือสอบก็มึน เลยเข้ามาหาความสุขจากนิยาย เจอนิยายคุณเข้าไปมึนหนักเลย
คิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ยิ่งตอนหมอกลับมานี่ OTL ชีวิตสิ้นหวังแล้วอะค่ะ ไอ้ทิมก็ดันหายไปพอดีอีก
สุดท้าย หมอจะดียังไงก็ไม่เชียร์ค่ะ ไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 25-02-2013 02:45:05
บีบหัวใจสุด ๆ

จะผิดไหมถ้าคิดจะเชื่อทิม แต่น้ำหนักมันช่างน้อยเหลือเกิน
แต่ก็ยังอยากหวังนะ ไม่อยากให้ต่ายผิดหวัง สงสารต่าย แค่เรื่องหัวใจก็รุมเร้าพอแล้ว
กว่าจะทำใจรักกับผู้ชายได้ กว่าจะรักทิมได้ แล้วตลาดต้องมาไฟไหม้อีก แล้วเรื่องทิมนี่อีก

จำได้ว่าคนเขียนไม่เคยคิดจะเขียนจากมุมมองของทิม แต่ทำไมยังเลือกจะเขียน
แล้วจำได้ว่าในมุมมองของทิมก็แสดงออกชัดว่าทิมก็รักคะน้า
แต่ถ้าไม่รัก แล้วทำไมคนแต่งเลือกจะเขียนออกมา แล้วยังเขียนแบบว่ารักต่ายมาก
ถ้าสมมติว่าทิมหลอกต่ายจริง แล้วที่คนแต่งบรรยายความรู้สึกของทิมออกมานั้นคืออะไร??

หนูยังมีลุ้นทิมอยู่ใช่ไหมจ๊ะ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 25-02-2013 03:06:28
ความรู้สึกหลังอ่านจบ

อยากกระชากคนแต่งมาซ้อมซักที 2 ที โทษฐานทำร้ายจิตใจแม่ยกทิม 555 (ล้อเล่นนะ)

สำหรับเรายังเลือกที่จะเชื่อทิมอยู่นะ เพราะชอบคาแรกเตอร์ทะเล้นๆของทิม

รออ่านต่อตอนหน้าหวังว่ามาม่าจะเข้มข้นเหมือนเดิม 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 25-02-2013 04:56:16
โว้ยยยยย.....ไอ้ทิม
แกต้องพูดแบบนี้ ต้องทำแบบนี้
เพราะมีกล้องวงจรปิดส่องอยู่ใช่ม้ายยย
ตีบทแตกเกินไปแล้วนะแก

ทำไมช้านยังเชื่อใจแกอยู่ได้ก็ไม่รู้  โอ๊ยยยปวดใจ

รีบๆปั่นตอนต่อไปออกมาเลยนะคะ
คนอ่านสงสารคะน้าจนใจจะขาดรอนๆ แล้ว
ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 25-02-2013 05:30:14
อยากปาหลังคาบ้านคนแต่งอ่ะค่ะ  :กอด1:
มายัดเยียดบทตัวโกงให้ทิม 
แล้วทำให้ต่ายน้อยของเจ๊ระทมและระบมทั้งกายและใจ
ต้องมาแก้ตัว ด้วยการลงตอนต่อไปเร็วๆนะคะ พลีสสสสสส  :o12:
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 25-02-2013 09:35:11
 :t3: หน่วงดีแท้ :sad4: รอต่อไปจะเป็นแบบไหนน้อ ขอให้ต่ายน้อยมีความสุขก็พอ เป็นใครก็ได้ หรือไม่ก็ไม่เอาทั้งคู่ หาใหม่เลย หล่อเลือกได้นะจะบอกให้
ต่ายน้อยสู้ๆนะอุปสรรคมีไว้ทดสอบไม่ต้องไปกลัวเอาใจช่วย

ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-02-2013 11:27:01
............
มันน่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น
บางที...มันอาจจะเป็นบททดสอบของใครสักคน
หรือ...อะไรบางอย่าง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 25-02-2013 11:53:02
ทิมมมมมมมมมมมมมม  :z3:
ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นด้วย /ตบ/
ตอนนี้ทิมรังสีพระเอกออกมาก #พระเอกมักจะเลว #ผิดแล้ว
ตุลลลล ตุลช่างดีแสนดี ตอนฝันร้ายนะไอ้น่ารัก น้ำตาแทบร่วง  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 25-02-2013 13:25:05
ยังไม่ถึงกับเชียร์ตุล เพราะรู้สึกว่าคุณหมอเจ็บมาเยอะ ให้กระโดดลงสนามแข่งอีกรอบทันทีมันก็เหนื่อยไป๊
ส่วนทิม... หวังว่าคะน้าจะไม่ยกโทษให้ตลอดไป ยิ่งถ้าไม่ใช่ตั้งใจจริงแต่โกหกเพราะเหตุผลอะไรบางอย่างนั่นยิ่งน่าถีบเข้าไปใหญ่
Tim, Go-To-Hell-ซะ  :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 25-02-2013 14:14:07
ไอ้บ้าทิม ชั้นเกลียดแกแล้ว เชียร์หมอตุลแทนแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 25-02-2013 20:14:02
รู้สึกเฉยมากๆกับตอนนี้ จริงๆนะ ...เพราะลักษณะเรื่องคล้ายกับนิยายฝรั่งที่เคยอ่าน
ที่ต้องแสดงละครเพื่อให้อีกฝ่ายเผยธาตุแท้ออกมา ส่วนจะบอกคนรักก็ไม่ได้เกรง
ว่าถ้ารู้เรื่องจะทำตัวไม่แนบเนียน ... 

รอความกระจ่างต่อๆไปแล้วกันค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 25-02-2013 21:49:42
เรื่องมันซับซ้อนอ่า

หลายๆ อย่างยังไม่เฉลย

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 25-02-2013 23:57:59
ถ้าเป็นเราคงทำแบบต่ายไม่ได้
คงเลือกที่จะวิ่งหนี้ออกจากห้องนั้นไป
เพราะคงทนมองหน้าไม่ได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nooklepper ที่ 26-02-2013 09:18:57
ฉันต้องการความจริง !!!!! \

ก๊ากกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 26-02-2013 11:24:54
ต่ายเอ้ย! :impress3: ตัดใจทำใจแล้วอยู่กับพี่ผักกาดสองคนไปเลย
ไม่ต้องไปรักใครแล้ว :a14: มีความสุขกันสองคนพี่น้องนะ :จุ๊บๆ:
อ่านตอนนี้แล้วรักคะน้าจัง :กอด1: ไม่ฟูมฟาย ไม่โกรธแค้นวู่วาม
มีสติประคองตัวได้เยี่ยมมาก o13 o13

ชอบภาษาเขียนคุณLuceaจังค่ะ ถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมาก
นักเขียนเก่งอีกแล้วววว o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 26-02-2013 12:01:01
ปลอบใจน้องต่าย(และตัวเอง)ด้วยการกลับไปอ่านตอนแรก
เจ๊อ้อยแกทำนายว่างี้

อ้างถึง
“คืองี้ งานเราน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อีกหน่อยมันจะดีขึ้น ดีมากๆ เลยล่ะ ไม่ต้องห่วง
ไพ่บอกว่าเราโชคดีมากนะ ทุกๆ เรื่องเลย The Sun ที่เป็นตำแหน่งตัวเราเนี่ย มันเป็นไพ่ที่ดีที่สุดในสำรับเลยนะ”....

....“นั่นแปลว่าเราจะพบรักแบบกะทันหันต่างหาก และคราวนี้ ดูเหมือนจะสละโสดด้วยซ้ำ
รักมากเลยล่ะ ประเด็นคือทำไมมันไม่มีไพ่ผู้หญิงขึ้นมาให้เลยสักใบ มีแต่ไพ่ผู้ชาย”
[/color]

เลยสะกดใจไม่ด่าอิทิมให้เต็มเหนี่ยว ให้โอกาสอีกสักพักก่อน แล้วค่อยจัดเต็ม :m16:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 26-02-2013 16:04:27
http://www.youtube.com/watch?v=blpxj3qwGak

อ่านสองตอนนี้จบแล้วนึกถึงเพลงนี้เลย  --  คนที่ไว้ใจร้ายที่สุด

สงสารคะน้ามาก ทิมโหดร้ายมาก แต่ละคำที่พูดออกมานี่ ทำร้ายหัวใจกันสุดๆ

แต่ก็นะ เราว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ


แต่ส่วนตัวนะ เราชอบมากแบบนี้ หน่วงๆ ดราม่าหนักๆ เราชอบที่สุด ฮ่าๆๆๆ
ไม่อยากให้คะน้าได้กับใคร อยากให้นิยายจบแบบทางใครทางมัน แบบแยกกันไปด้วยความไม่เข้าใจ เอาให้มันค้างคา ชอบนักแล ฮ่าๆๆๆ

ชอบจังเรื่องนี้ คนแต่งพลิกสถานการณ์ตลอด
นี่จะบอกว่า เย็นนี้มีสอบ 6 โมง
แต่ยังมาอ่านนิยาย จะไหวมั้ย ฮ่าๆๆๆ

ปล. เชียร์คะน้า ไม่ให้เลือกใคร
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 26-02-2013 17:12:40
คุณหมอตุล กลับมาคราวนี้ดูเหมือนทะเลสงบก่อนจะมีพายุยังไงไม่รู้
แต่ถ้าตีความหมายจากชื่อตัวละคร คุณหมอไม่น่าจะเป็นตัวร้ายนะครับ คงกลับมาเพื่อเฉลยความสงสัยอะไรบางอย่างมากกว่า

ทิม - ผมว่ามันงี่เง่าเกินไปที่จะมาจีบลูกชายเจ้าของตลาดเพื่อให้เขายอมขายตลาดนะครับ ดูมันลงทุนเกิน และไม่สมเหตุสมผล
แล้วถ้าอยากให้เขาขายก็น่าจะตะล่อมพูดให้เอนเอียงมากกว่า อันนี้พุ่งชนกันโครมๆเหมือนไม่ได้สนเป้าหมายเรื่องการซื้อขายเลย
เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำแน่ๆ แม่ยกอย่าเพิ่งท้อใจ แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไร คำพูดของทิมก็แรงมาก น่ากระโดดขาคู่  :z6: สุดๆ

ปล.จะดราม่า ฆาตรกรรม อำพลางอะไรก็ไม่เหนื่อยใจเท่าคนเขียนมาลงเรื่องช้านะ  :z13:
ที่ผ่านมาเป็นไงไม่รู้ แต่นับต่อจากนี้ อย่าให้เกิน 1-2 วันเลยเจ้าประคู๊ณณณ  ไม่ไหว จะขาดใจ อยากอ่านจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 26-02-2013 18:15:25
ไม่เชื่อใจใครเลย จะไม่เชื่อใครทั้งนั้น
คนหล่อเชื่อใจไม่ได้ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ
จะมีอีกร้อยเหตุผลก็ไม่อยากฟัง จบ.
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pichayakamon ที่ 26-02-2013 18:40:47
กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!!!
แวะเข้ามากรี๊ดค่ะ
ตามอ่านรวดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
อ่านนิยายมาเกือบทั้งเล้าแล้ว ไม่ใช่ทุกเรื่องนะคะที่อ่านแล้วรู้สึกอยากจะทุบหน้าจอขนาดนี้
ประมาณว่าไอ้ฉากดราม่าก็เล่นเอาน้ำตาคลอ
ไอ้ฉากหวานๆก็เล่นเอาเขินจนกรี๊ดๆบิดซ้ายบิดขวา
แล้วไอ้ฉากที่แบบหักมุมหรือแบบขัดใจเราก็แบบร้องเห้ย!! ขึ้นมาโวยวายจะชกหน้าจอจนตัวเองยังตกใจ
อะไรจะดึงอารมณ์คนอ่านขนาดนั้น เรื่องของคุณอ่ะมันไม่ใช่นิยายที่สามารถนอนอ่านนิ่งๆชิลๆเลยนะ
เราต้องบิดเร่าไปมาตลอด โอย เป็นเรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลาจริงๆ
แล้วก็ออกมาแสดงตัวด้วยว่าเป็นแฟนคลับน้องทิมมาตั้งแต่ต้นและตอนนี้ก็ยังเป็น!!!
ถึงอิทิมมันจะทำอะไรบ้าๆบอๆก็เหอะ แต่เชื่อแหละว่าเขามีเหตุผล
ขอชื่นชมคนเขียนด้วยนะคะ คุณสุดยอดอ่ะ
ปกติจะ comment นิยายแค่ครั้งเดียวตอนอ่านจบ หมายถึง ตอนจบเรื่องอ่ะ ทำตัวเป็นนักอ่านที่แย่จังเนอะ -_-"
น้อยครั้งนะที่อยากจะมา comment ระหว่างการดำเนินเรื่องอย่างนี้
แต่เรื่องของน้องต่ายมันทำให้จิตใจกระวนกระวายจนอยากจะมาระบายเป็นตัวหนังสือนี่แหละ
รีบมาทำให้คนอ่านหายใจโล่งๆ เร็วๆนะคะ อึดอัดง่ะ ไม่รู้อีหนูทิมคิดอะไรอยู่ >_<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 26-02-2013 20:36:35
ยุ่งกับการสอบแป๊บเดียว กลับมาอีกที... ตามไม่ทันไป 4 ตอน

เมื่อก่อนเชียร์หมอตุลมากๆ แต่พอมาถึงคราวนี้... ขอเชื่อใจทิมอีกสักนิด... นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 26-02-2013 20:41:17
โอ๊ย ตายๆ แม่ยกทิมเจ็บหัวใจแทนคะน้า
สงสารคะน้า และ สภาพจิตตัวเองมาก ณ จุดนี้
อ่านแล้วเครียดมากอ่า
ถึงจะยังเชื่อทิมอยู่แต่ไม่ค่อยพอใจแล้วนะ
ทำไมทำกับคะน้าแบบนี้แล้วที่ผ่านมาที่เราอ่านตอนหวานๆกันมา
แล้วไหนจะตอนพิเศษในใจทิมอีกอ่ะ จะบอกว่าที่คิดนั่นก็โกหกเหรอ
คนแต่งคงไม่โหดร้ายต่อคนอ่านจนแม้แต่เรื่องในใจทิมอันนั้นเป็นภาพลวงตาใช่มั้ย :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 26-02-2013 20:59:15
รออยู่นะค้าาาาาา  :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 33 - (หน้า 42) Feb 25, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: papa_paolo ที่ 26-02-2013 22:17:55
ถึงจะหนักจะหน่วงอย่างแรงงงงง ยังรออยู่น๊ะ
แล้วก็เชื่อว่าคนเขียนทำให้เรายังเชื่อทิมอยู่ว่ามันต้องมีที่มาที่ไปสิน่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 27-02-2013 00:01:27
มาแล้วๆๆ คนแต่งรีบมาแล้วครับ ปั่นกันยิบตา ขืนช้ากลัวว่าชีวิตจะไม่ปลอดภัย 555 o18
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกๆ ความคิดเห็นนะครับ จะบอกว่ายอมแพ้จริงๆ
ข้อสันนิษฐานบางคนมัดตัวจนคนแต่งจะไปไม่รอดเอา +1 ให้กับทุกคอมเมนต์นะครับ
ถ้าบวกให้ได้มากกว่านี้ก็จะบวกนะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านมาทักทายกันครับ อ่านต่อเลยเนอะ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 34



อาการบาดเจ็บและบาดแผลที่พอจะมองเห็นนั้นแทบไม่มีหลงเหลือ ผิดกับส่วนที่มองไม่เห็น มันไม่ได้ทุเลาลงไปเลย ความรู้สึกแบบเดิมยังวนเวียนอยู่อย่างนั้น และไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนที่จะเลือนไป บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงของเขานั้นยาวนานกว่าทุกคน คะน้าเหมือนกับคนที่นั่งอยู่นิ่งๆ บนเข็มนาฬิกาขนาดใหญ่ หายใจอย่างไร้ประโยชน์ไปพร้อมกับโลกที่หมุนไปข้างหน้าในจังหวะของมัน แน่นอนว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มชอบใจเอาเสียเลย

คนที่กลายเป็นคนตกงาน สิ้นหวัง หอบความฝันที่พังทลายและใจที่แหลกสลายออกมาสู่เงื่อนงำที่ดูจะบิดเบี้ยว เขาหิวโหยความจริงที่ถูกซุกซ่อนไว้ในเถ้าธุลี คะน้าเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่อุบัติเหตุนั้นถูกจุดขึ้นจากการลัดวงจรของอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือเม็ดเงินกันแน่? เขายังไม่ยอมหมดหวัง ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่ามีอะไรมากกว่าเปลวไฟที่ชั่วร้าย และหากว่าสิ่งที่สงสัยนั้นเป็นจริง ธาดาพิพัตน์จะต้องได้บทเรียนที่ล้ำค่ากว่าจะประเมินได้

ชายหนุ่มลอดตัวผ่านแถบเชือกกั้นและป้ายสีแดงที่ระบุข้อความว่าห้ามเข้า กวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวอย่างพิจารณา กล้องดิจิตอลในมือลั่นชัตเตอร์ไปตามจุดต่างๆ ที่น่าสงสัย คะน้ากระโดดข้ามพื้นปูนเปล่าที่เต็มไปด้วยไม้ผุพัง กระโจนข้ามเศษความสิ้นสูญสีดำที่กองอยู่กับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า สองตาสำรวจทุกสิ่งรอบๆ ตัวชนิดไม่คลาดสายตา สิ่งแรกที่โผล่มาให้เห็นไม่ใช่หลักฐานที่คลายความสงสัย แต่เป็นชายวัยยี่สิบต้นๆ ที่กำยำทะมัดทะแมงในชุดพนักงานรักษาความปลอดภัย บางทีอาจจะเป็นคนของบริษัทประกัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นคนที่ผักกาดหามาเฝ้าตามคำสั่งตำรวจเพื่อกันไม่ให้คนนอกเข้ามาในสถานที่ซึ่งยังอันตรายแบบนี้

“ที่นี่ไม่เปิดให้คนนอกเข้านะครับคุณ มันอันตราย” ชายคนนั้นตะโกนเสียงแข็งมาแต่ไกล

“ผมเป็นเจ้าของที่น่ะครับ อยากจะเข้ามาดูความสียหายนิดหน่อย” ในระยะใกล้ ยามหนุ่มในเครื่องแบบมีสีหน้าระวังภัยจนคะน้าต้องหันไปแจงเพิ่มว่าเขายินดีจะแจ้งสำนักงานให้ในภายหลังโดยไม่ต้องกังวลเรื่องโทษทัณฑ์ใด

ผู้ปฏิบัติหน้าที่ส่ายหน้าไม่รับรู้และยังคงไม่ยอมที่จะละเลยโดยไม่มีข้อยกเว้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขอถ่ายรูปของเขาและบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐานแก่สำนักงาน ซึ่งคะน้าก็ยินยอมแต่โดยดี หากแต่ตัวเขาเองจะยังไม่ยอมที่จะถอยกลับง่ายๆ กระดาษสีเทาจึงนับเป็นบัตรผ่านที่ทรงอานุภาพในเวลาเหล่านี้

“แล้วนี่เห็นใครผิดปกติเข้ามาบ้างไหม” เจ้าหน้าที่คนนั้นพับเงินใส่กระเป๋าพร้อมกับส่ายหัว “กะอื่นๆ ล่ะ มีคนเห็นบ้างไหม” เขายังคงเพียรถาม ผู้รักษาความปลอดภัยได้แต่ส่ายหน้าซ้ำๆ แล้วเดินจากไป ภาพที่เห็นต่อมาคือชายหนุ่มจ่อมตัวลงบนเก้าอี้นั่งแล้วไม่ช้าก็สัปหงกจนตัวเอน ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาแม้แต่น้อย ลำพังแค่การที่เขาเดินเข้ามาในนี้ได้ก็เป็นเครื่องหมายบอกถึงความปลอดภัยในการอารักขาที่แห่งนี้เป็นอย่างไรแล้ว

คะน้าลัดเลาะไปตามทางเดินที่เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ ทุกที่เขรอะไปด้วยฝุ่นและไหม้เป็นสีดำที่คล้ายกับหมึกสาดเป็นทาง ไม่มีทั้งแผงอาหารสดและแห้งแบบทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงความว่างเปล่าและซากแห่งความหวังที่เศร้าโศก คะน้ามองดูทุกสิ่งรอบๆ ตัวในเวลานี้ด้วยความรู้สึกที่เหมือนตายไปแล้ว ไม่ใช่แค่เพียงตลาดที่เสียหาย บ้านเรือนในละแวกใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบก็ดูจะย่ำแย่ไม่ต่างกัน ตึกแถวรอบๆ แทบจะเรียกได้ว่าร้างจนกลายเป็นที่อาศัยของเถ้าอากาศ

เสียงดังกึกทำให้ชายหนุ่มชะงักตกใจ แต่เมื่อเหลียวมองไปผ่านกรอบกระจกที่เป็นฝ้า ก็เห็นเงาเลือนลางคล้ายกลุ่มควันสีเทา และเมื่อขยับตัวเข้าไปใกล้ ระยะประชิดทำให้คะน้ารู้สึกโหยไห้ในใจ ตึกแถวที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านไม่เพียงแต่ชำรุดจนจำไม่ได้ แค่เพียงระยะเวลาไม่กี่วันภายหลังมัจจุราชที่มาพร้อมกับเปลวไฟเผาผลาญไปทุกอย่าง มันก็แปรสภาพเป็นที่พำนักของพวกวัยรุ่นติดยาที่พากันมามั่วสุม สภาพห้องนั้นดูสกปรกเลอะเทอะจนไม่น่ามอง มีกลิ่นอ้วกให้ชวนคลื่นไส้ปนมากับควันกัญชาบุหรี่ที่เจือมาในอากาศ คะน้าถอยห่างด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง เขาเดินสำรวจบริเวณต่อ เป้าหมายคือการถ่ายรูปบริเวณที่น่าสงสัยให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

แผนการเล็กๆ ในช่วงเช้าแล้วเสร็จ ชายหนุ่มใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายดูรูปต่างๆ ที่ถ่ายมาผ่านจอมอนิเตอร์ คะน้าแบ่งภาพนับร้อยๆ ภาพเป็นหมวดหมู่ให้ดูได้ชัดเจนยิ่งขึ้น หมวดแผงร้านค้า อุปกรณ์ไฟฟ้าในจุดต่างๆ หรือแม้แต่สภาพทั่วไป จากนั้นก็กดเลื่อนแสดงซ้ำๆ แล้วตรึกตรองอย่างใช้ความคิด ร่องรอยต่างๆ ดูจะปราศจากเงื่อนงำให้สงสัย คะน้าเพิ่งมองจนกระทั่งรู้สึกปวดกระบอกตา เขาจึงหยุดอ่อนล้านั้นด้วยการนั่งพักเฉยๆ แล้วหลับตา

เสียงกริ่งที่หน้าประตูห้องปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากความมึนเมาในความคิด เมื่อตั้งสติได้ คะน้าก็รีบเดินไปยังประตูห้อง บทเรียนจากแนนในคราวก่อนสอนให้จดจำ เขามองลอดผ่านแผ่นกระจกเล็กๆ ที่หน้าประตู เมื่อเห็นว่าเป็นตุล คะน้าก็เปิดประตูขึ้นต้อนรับ รอยยื้มที่เป็นคำทักทายบนใบหน้าทำให้เขารู้สึกแช่มชื่นขึ้น หมอหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าแจ้งเจตจำนงค์โดยไม่ต้องเอ่ยถาม

“พี่สาวคุณขอให้ผมมาอยู่เป็นเพื่อนน่ะ กลัวคุณต้องอยู่คนเดียว” คะน้าขมวดคิ้วนิดหน่อย และรู้สึกขัดใจเล็กน้อยกับคำร้องขอของพี่สาว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้นิสัย หากผักกาดต้องการสิ่งใดก็ยากที่ใครจะปฏิเสธ ยิ่งกับตุลที่ดูจะใจดีกับใครไปทั่วแล้วนับ นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

“ขอบคุณนะครับ” คะน้าเปิดประตูให้ สบตาเล็กแล้วแล้วเบือนสายตาหนี

มีคนบอกว่าเขาเป็นคนที่โกหกไม่เก่ง คิดหรือรู้สึกอย่างไร มักจะแสดงออกผ่านดวงตาเป็นอันดับแรก ถัดมาก็คือท่าทางที่ปรปักษ์ต่อธรรมชาติของตนเองจนไม่ว่าใครก็ผิดสังเกต คะน้าไม่รู้ว่าควรจะแสดงตัวหรือเพิกเฉยต่อความจริงที่ซุกซ่อนไว้ของตุล หากแต่ในเมื่อหมอหนุ่มผู้แสนดีกับเขาเสมอมาไม่คิดจะเผยความใน เขาก็ไม่ควรจะทำให้ตุลหรือแม้แต่ตัวเองต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะแย่ไปกว่าอะไรที่เป็นอยู่นี้

คะน้าหยิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วนำมาวางให้ที่โต๊ะกินข้าวซึ่งถูกปรับเป็นที่ทำงานเล็กๆ ของตุลด้วยคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาซึ่งเจ้าตัวพกมาพร้อมกับตำราการแพทย์อีกจำนวนหนึ่ง

“ผมขอนั่งทำงานตรงนี้แล้วกันนะครับ ขอบคุณมากสำหรับน้ำผลไม้เย็นๆ นี่ด้วยครับ” คนสวมแว่นหยิบแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำสีส้มขึ้นจิบแล้ววางไว้ข้างแขน จากนั้นก็เริ่มปรับความสนใจทั้งหมดไปที่หน้าจอสี่เหลี่ยมที่ส่งแสงวาบ เป็นภาพฉายซ้ำแบบเดิมๆ ในระยะหลังจากที่ตุลกลับมา


...ปกปิดความรู้สึกได้อย่างแนบเนียนจนคะน้าไม่เคยเอะใจ

คะน้าจ้องมองคนตรงหน้าในความเงียบ ตุลมีความสามารถในการแผ่พลังงานด้านบวกไปให้กับคนที่อยู่รอบๆ ตัวอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่รู้ว่านั่นคือคุณสมบัติพิเศษของผู้เป็นหมอส่วนมากหรือเปล่า ไม่ต้องถึงกับพูดจาสื่อสารหรือแสดงออกด้วยทางหนึ่งทางใดแบบคะน้าที่ต้องสรรหาสารพัดวิธี ลำพังแค่ได้ยินเสียงฝีเท้า เสียงเคาะประตู จิตใจของคนรอบข้างก็รู้สึกบรรเทาลงอย่างง่ายดาย คราวที่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล คนไข้ เหล่าญาติที่มาเยี่ยม หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ทุกคนชอบตุล และนี่คือสิ่งที่ใครๆ ต่างก็พูดกันแบบนั้นถึงคนตรงหน้าเขาในเวลานี้

คะน้ายังคงนั่งมองภาพที่ขยับเขยื้อนไปมาได้ นานแล้วที่เขาไม่มีเวลาพินิจพิจารณาผู้ชายใส่แว่นคนนี้อย่างถ้วนถี่ นับตั้งแต่ได้พบกับตุลอีกครั้งมีแต่เรื่องยุ่งๆ จนเขาละเลยสิ่งที่ควรกระทำไปหลายอย่าง ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยทักทายพูดคุยอย่างที่เขาพึงกระทำ และมีพฤติกรรมอีกมากมายที่ดูไม่ต่างกับคนแล้งน้ำใจ แต่กระนั้น หมอหนุ่มผู้นี้กลับปฏิบัติตนกับเขาเป็นอย่างดี ทุกอย่างเหมือนเดิม และไม่เคยเปลี่ยนไปจากภาพในความทรงจำ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ดวงตาคู่นั้นลอดพ้นกรอบกระจกใสสี่เหลี่ยมพร้อมกับใบหน้าที่คลี่ยิ้มสดใส คะน้ายิ้มตอบพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกรงใจ

“มีแต่เรื่องวุ่นวายจนเราไม่ได้คุยหรือทักทายกันแบบที่ควรจะเป็นเลย รู้สึกแย่ยังไงไม่รู้”

“อย่าคิดมากเลยครับ ผมเข้าใจ” ตุลแย้มริมฝีปากนั้นกว้างขึ้นแล้วก้มลงสนใจตำราแพทย์ข้างตัวต่อ ไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงไม่ถึงสิบวินาทีหมอหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ร่างสูงสบตาด้วยแววที่อ่อนโยน “ยังมีเรื่องที่ไม่สบายใจอยู่หรือเปล่า ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ อย่าเกรงใจกันเลยนะครับ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ ตุลทำงานต่อไปเถอะ” คะน้ายิ้มตอบแล้วหันกลับไปสนใจภาพจากฝีมือตัวเองเมื่อเช้าบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยไม่รู้จะทำอะไร โชคดีที่ความสงสัยในใจของเขานั้นยังไม่แห้งตายจนแข็งเป็นซาก และตุลก็ดูเหมือนจะเคาเดาทุกอยางได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากเสียงทุ้มที่ตั้งเป็นคำถามตามมาอีกครั้ง



“ใช่เรื่องของทิมหรือเปล่าครับ?”

“ก็นิดหน่อยครับ แปลกใจนิดหน่อยที่ดูเหมือนว่าจะรู้จักกันมาก่อน ...คือผมไม่ทราบมาก่อนเลย” ความรู้สึกเกรงใจผสานกับความอยากรู้ออกมาเป็นผลิตผลทางความคิดของเขาในตอนนี้

ตุลระบายลมหายใจด้วยจังหวะที่ราบเรียบ สองมือละจากหนังสือเล่มโตและคอมพิวเตอร์ก่อนจะยกขึ้นประสานตรงหน้าแล้วขยับเบาๆ ดวงตาที่เหมือนจะทอแสงอุ่นได้ตลอดเวลานั้นเต็มไปด้วยแววครุ่นคิด สักพักเขาก็เริ่มพูดขึ้น

“มันนานมาแล้ว นานจนผมอยากจะลืมมันไป เราเคยเป็นเหมือนพี่น้อง เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เป็นเหมือนเพื่อนสนิท ...สนิทแบบที่คิดว่าจะตายแทนกันได้เลยล่ะ”

“อะไรนะครับ” คะน้าอุทานขึ้นด้วยความตกใจ แม้จะเป็นสิ่งที่เขาพอจะคาดเดาได้ว่าทั้งคู่นั้นรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน แต่ความสนิทสนมในระดับนั้นดูจะเกินกว่าที่เขาเคยคาดคิดไปไกล ตุลผ่อนลมหายใจน้อยๆ แล้วพูดต่อ

“เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่ต่อผมเฉพาะทางที่เบอร์ลิน มันก็เหมือนกับนักศึกษาที่ไปเรียนต่อต่างประเทศทั่วไป สังคมคนไทยเกาะกันอยู่เป็นกระจุก ผมได้รู้จักกับทิมที่นั่น ในตอนนั้นน้องเขาเพิ่งจะมาเรียนต่อ มาแบบไม่รู้จักใคร และไม่คิดรู้จักใคร ซึ่งตรงกันข้ามกับคนอื่นๆ”

“ในวันที่ทิมมาถึงทุกคนพากันแห่แหนไปต้อนรับลูกชายคนเดียวของมหาเศรษฐีนักธุรกิจด้านอสังหาฯ ชื่อดัง ทำอะไรก็เป็นจุดสนใจ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่สนใจเขา ...แต่ทิมไม่เคยสนใจใคร กิตติศัพท์ความยะโสโอหังทำให้ไม่ค่อยมีคนอยากยุ่งด้วย เพราะทิมไม่เอารุ่นพี่และไม่คิดมีสังคม” ตุลค่อยๆ พาเดินทางไปสู่ตัวตนในอดีตของทิมทีละน้อย เป็นการเดินสู่เส้นทางที่คะน้าไม่อาจจินตนาการถึงสิ่งที่รออยู่ในตอนจบได้เลย

“เดิมทีเดียวผมสนิทกับน้องอีกคนที่ชื่อ นภ เป็นนักศึกษาด้านภาษาศาสตร์ สนิทเหมือนคนในครอบครัว คอยดูแลช่วยเหลือกันโดยตลอด นภมีอายุเท่ากับทิมนั่นล่ะ เป็นคนสอนภาษาเยอรมันให้กับทิม ผมได้รู้จักกับเขาในตอนนั้น ความที่พูดจากันถูกชะตา อายุที่ไม่ได้ต่างกันมาก แค่เพียงไม่นาน ทิมก็กลายเป็นก๊วนเพื่อนสนิทของผมกับนภ เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้อง พึ่งพาอาศัยดูแลกัน ปาร์ตี้กินเหล้าด้วยกัน แม้แต่ชกต่อยกับฝรั่งตัวโตๆ ก็ทำมาแล้ว” คะน้าตั้งใจฟังทุกอย่างที่ตุลเอ่ยเล่า ดูเหมือนว่าอดีตนั้นจะมีเรื่องราวมากมายที่ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ ตุลมีสีหน้าที่ตึงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเข้มหม่นลงอย่างไร้สาเหตุ

“น้องนภเป็นเหมือนกับผม นภไม่ได้ชอบผู้หญิง และเรื่องรสนิยมพวกนี้ทิมก็ไม่เคยรับรู้มาก่อน รวมไปถึงการที่ลึกๆ แล้วนภก็แอบชอบทิมด้วย”

ถึงตรงนี้ตุลก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ๆ คล้ายกับว่าชายหนุ่มกำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในการกดความรู้สึกบางอย่างไม่ให้มันพล่านออกมา ซึ่งแน่นอนว่าคะน้าพอจะคาดเดาอะไรทุกอย่างได้ แม้ว่าเรื่องราวจะพลิกผัน แต่นั่นนับว่าไม่ใช่ภาพที่จะเกินไปกว่าความคิดของเขาเท่าไรนัก

“ทิมควงสาวเป็นว่าเล่น เปลี่ยนไม่ซ้ำหน้า และไม่เคยคิดจริงจังกับใคร ไม่มีใครเคยอยู่ในความคิด บางคนถึงขนาดจำไม่ได้แม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ ผมไม่รู้ว่าอะไรเป็นยังไงแน่ชัด เพราะตารางการเรียนของหมอไม่เหมือนกับสาขาอื่น ผมใช้เวลาอยู่ในแล็ปพอๆ กับหอพัก ส่วนมากจะเป็นนภที่อยู่กับทิมโดยตลอด แล้วมันก็เกิดขึ้น... วันหนึ่งทิมก็รู้ว่านภรู้สึกยังไงกับตัวเอง สิ่งที่ทิมเลือกที่จะทำก็คือการแสดงออกด้วยท่าทีที่รังเกียจ ไม่พูดคุย หัวเราะเยาะเย้ยใส่ รวมไปถึงเล่นกับความรู้สึกของนภสารพัด”



“เล่นกับความรู้สึก?”

คำๆ นี้ช่างเลือดเย็นและเชือดเฉือนอย่างร้ายกาจ เป็นเหมือนกับตะกอนที่ไม่ว่าจะเนิ่นนานแค่ไหนก็ไม่มีวันที่จะผสมและกลืนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำ ทุกครั้งที่มีแรงเขย่า ถึงแม้ว่าจะเป็นแรงเขย่านั้นจะเพียงเล็กน้อย แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็พร้อมจะฟุ้งขึ้นมาในใจให้ขุ่นมัวเจ็บปวด

“นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมจะยอมรับได้เลย อย่าให้ผมต้องรื้อฟื้นเลยครับ” ตุลหันมาสบตาด้วยความรู้สึกห่วงใย

“ครั้งแรกที่เห็นเขากับคุณ ผมรู้สึกไม่ชอบใจ ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่คนอย่างเขาต้องการคืออะไร ในเมื่อเขาแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจ ไม่รู้จัก แต่แล้วทำไมถึงมาทำท่าทางแบบนั้นกับคุณ ผมได้แต่สงสัย ...แต่แล้วก็เข้าใจทุกอย่างพร้อมกันในวันนั้นนั่นแหละ เลวจริงๆ” คะน้ากลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก จะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน แม้ว่าจะฝืนว่าแข็งแกร่งและทนได้เพียงใด ความเป็นจริงก็คือความเป็นจริง และความจริงในวันนั้น เป็นเศษเสี้ยวความทรงจำที่รับไม่ไหวและอยากลืมไปให้หมดสิ้น

“เวลาไม่เคยเปลี่ยนนิสัยคนเลย เลวยังไงก็อย่างนั้น คนๆ นี้ไม่เคยสนใจใคร สนใจแต่ตัวเอง” ตุลบีบกำมือทั้งสองจนเกร็งขึ้นเป็นรอยกระดูกสีขาว สันกรามขบตัวนูนสูงจนทำให้ใบหน้าที่อ่อนโยนนั้นดูกร้าวขึ้นแปลกตา

“แล้วคุณนภล่ะครับ”

หมอหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตาอีกครั้ง ตุลระบายลมหายใจดังฮึดเหมือนจะคลายความตึงเครียดไว้ในร่องรอยแห่งอดีตที่ผ่านมาช้านาน “ตอนนั้นนภตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองฮัมบูร์ก และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น นภคงไม่กลับมาที่ไทยอีกแล้ว ทุกอย่างเป็นเพราะทิม”

“มันรุนแรงมากเลยหรือครับ”

“เทียบกันแล้วก็ไม่ต่างกับที่คุณเจอเท่าไหร่ แต่คราวนี้ ผมคงไม่ยอมให้อะไรมันจบแบบนั้นอีกแล้ว” สายตาของตุลส่งแสงเรืองรอง ภายใต้กระจกสี่เหลี่ยมที่บางใส ดวงตาคู่นั้นคมกริบอย่างคาดโทษ


“นับจากนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง”


(ต่อด้านล่างอีกครึ่งหนึ่งครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 27-02-2013 00:03:21
(ต่อเลยครับ)


“นับจากนี้ ผมจะปกป้องคุณเอง”

นับว่าเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตรงหน้าไม่อาจซุกซ่อนความรู้สึกห่วงหาอาทรไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความเฉยชา ตุลในตอนนี้เรียกได้ว่าแทบจะกลับไปเป็นตุลคนเดิมที่เขาเคยรู้จัก ภาพที่ซ้อนทับในตอนนี้เป็นด้านหนึ่งที่คะน้าเคยเห็นไม่มีผิดเพี้ยน เรื่องที่ตามมาก็คือความความรู้สึกของตัวเอง ยิ่งตุลดีกับเขาเท่าไหร่ คะน้าก็ยิ่งรู้สึกทุเรศกับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

“ขอบคุณครับ ทั้งๆ ที่ผม... ทำแบบนั้นกับตุลแท้ๆ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นในใจ

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมเองก็ใช่จะเป็นคนดีอะไรนักหนา” แค่พริบตารอยยิ้มที่สดใสนั้นก็ทำหน้าที่ในแบบของมัน ตุลยังคงเป็นตุลที่แสนจะอ่อนโยนและอบอุ่น เป็นเจ้าของรอยยิ้มที่ปล่อยพลังงานให้กับทุกคนรอบตัว

“พักสักหน่อยเถอะ อย่าเครียด อย่ากังวลกับอะไร มีอะไรบอกผมได้นะครับ ผมนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แหละ”

สมุดบันทึกในความทรงจำที่เคยซีดจางค่อยๆ กลับมาแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง กลับมาพร้อมกับความรู้สึกที่ปวดปร่าในใจ เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหลายวันที่ผ่านมาถูกผสมกับความเป็นจริงในอดีตบางอย่างที่เพิ่งได้รับฟังจากปากของตุล บางสิ่งบางอย่างตีตัวขึ้นเป็นเสาแข็ง ขึงและล้อมกรอบตัวของคะน้าไว้ในความกดดันแคบๆ จนกลายเป็นห้องที่ปิดตาย แม้จะชังความรู้สึกในตอนนี้แค่ไหน ก็ไม่มีทางให้ออกไปจากความรู้สึกนี้ได้เลย

“ช่วงเวลาแบบนี้ มันยากจังเลยนะครับ เหมือนกับว่าโลกมันจะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปแล้ว ทุกคืนก็ไม่อยากนอน กลางวันก็ไม่อยากเห็นอะไร ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาพบกับความจริงอะไรทั้งนั้น ความจริงที่ว่าทุกๆ อย่างของผมมันพังทลายไปหมดแล้ว ...ตลาด สิ่งที่ป๊ากับแม่สร้างเอาไว้ ทุกๆ อย่าง ทุกๆ สิ่ง ไม่มีอะไรหลงเหลือเลย” คะน้าพูดเสียงเนือย เขาหมดแรงเหมือนกับนกที่ปีกหัก เจ็บปวด สูญสิ้นพลัง หลงเหลือเพียงแค่ลมหายใจที่บอบช้ำ

“และที่มันทำให้เจ็บจนทนไม่ไหวก็คือที่จริงแล้วโลกมันก็ยังเหมือนเดิม ยังมีวันใหม่ๆ เสมอไม่จบสิ้น พระอาทิตย์ยังขึ้นที่เดิมทุกๆ เช้า น้ำทะเลยังพัดเข้าฝั่ง นกยังร้องเพลงแบบเดิมทุกวัน พระจันทร์ก็ยังส่องแสงคู่กับดาว ใครต่อใครก็ยังใช้ชีวิตไปตามปกติ หัวเราะเฮฮา ทุกสิ่งรอบๆ ตัวถึงยังดำเนินไปเหมือนเดิมของมันทุกวัน ทำไมจึงมีแค่ตัวเราเองที่เป็นแบบนี้”

ไม่ได้ฟูมฟาย คะน้าในตอนนี้ดูเหมือนคนที่หมดเรี่ยวแรง ชายหนุ่มได้แต่พูดด้วยเสียงแผ่วคล้ายลมหายใจ ตุลละมือขึ้นจากทุกสิ่งตรงหน้า ร่างสูงเดินเข้ามาหาแล้วทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ...ใกล้จนหัวไหล่และเข่าแนบชิด ใบหน้าที่อ่อนโยนเอียงเข้าหาและสบตาด้วยความเข้าใจ ตุลถ่ายเทพลังงานของตัวเองมาให้ด้วยถ้อยคำที่ปราศจากเสียง ไม่มีอะไรที่มากมายและท่วมท้นไปกว่าความเรียบง่ายนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างคือความพอดีที่เหมาะสมและลงตัว

“บอกผมทีได้ไหมครับ เวลาที่ตุลต้องเจอกับอะไรหนักๆ สิ่งที่ไม่รู้ว่าตัวเราเองจะผ่านพ้นมันไปได้ยังไง เราจะรับมือกับมันได้ยังไง เพราะทุกอย่างมันรวดเร็ว ...เร็วจนเราปรับตัวกับมันไม่ทัน” คะน้าหันกลับไปตั้งคำถามกับร่างสูงที่อยู่ใกล้ด้วยเสียงที่อ่อนแรง

“ตอนนั้นก็ได้ ที่ตุลเจอกับปัญหาหนักๆ ข้อผิดพลาดที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น คนไข้ที่เสียชีวิตจากการผ่าตัด คราวนั้นที่มันหนักจนแทบทนไม่ไหว บอกผมได้ไหม ตุลผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ยังไง”

ความนิ่งสงบนั้นเหมือนกับสายลมเย็นที่พัดผ่านผิวกายให้แช่มชื้น ตุลจ้องมองลึกไปถึงดวงตา ลึกจนเหมือนจะทะลุเข้าไปถึงสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจ รอยยิ้มน้อยๆ ที่แสนอบอุ่นนั้นราวกับจะแต่งแต้มสีหม่นมัวให้กลับมาสดใสอีกครั้ง



“ผมมีคุณ”

คำตอบนั้นสั้นและเรียบง่าย ทว่ากลับทรงพลกำลังอย่างเหลือเชื่อ แค่คำพูดสั้นๆ ผ่านทางน้ำเสียงเรียบๆ ที่มั่นคงนั้นก็เหมือนกับจะกระชากวิญาณแห่งความโศกศัลย์ให้สิ้นสูญ ตุลเอื้อมมือออกมาสัมผัสบนฝ่ามือของคะน้าเบาๆ เป็นเพียงแค่การสัมผัสนิ่งๆ ที่ปราศจากการออกแรงกด แปลกที่คะน้ากลับรู้สึกว่าฝ่ามือที่วางนิ่งอยู่นั้นแข็งแรงราวกับจะไม่มีวันทอดทิ้งไป

...เรียบง่าย เป็นเพียงการวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ ปราศจากเงื่อนไขของการผูกมัดที่เกาะกุม



“อยากให้รู้ไว้ คุณมีผม”

ตุลเอียงใบหน้าลงเล็กน้อย ปรับองศาให้รับกับดวงตาของคะน้าในเวลานี้ คนสวมแว่นช้อนสายตาขึ้นมอง ส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างในใจทางแววตา ราวกับพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงยามเช้า ไล่ความมืดหม่น ความเหน็บหนาวเดียวดายของค่ำคืนให้จางหายด้วยแสงอุ่นๆ นั้น


“ไม่ว่าเมื่อไหร่ หรืออะไรจะเกิดขึ้น เราจะผ่านมันไปด้วยกันครับ”

หัวใจไม่ได้เต้นแรงหรือลิงโลดอย่างบ้าคลั่ง คะน้ากำลังนิ่ง ...นิ่งเหมือนจะหยุดหายใจ เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ มันหลายหลาย ฉูดฉาด พร่างพรู และท่วมท้นจนยากจะสรรหาคำใดมาอธิบายความรู้สึก สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดและเขาก็รู้สึกมั่นใจนั่นคือความปิติดีใจที่ก่อตัวขึ้นมาจนล้นเอ่อ

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่าง” คะน้าค่อยๆ เอ่ยขึ้น


“...รวมทั้งคืนก่อนด้วย”

ความรู้สึกที่เพิ่งได้รับมาใหม่ทำลายกำแพงที่ซุกซ่อนความจริงที่คะน้าพยายามปกปิดเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว เขาไม่ได้เผลอที่จะพูดมันออกมา เขาตั้งใจ ...ตั้งใจที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกขอบคุณ

“คืนก่อน?” ตุลทวนคำพูดแล้วชะงักไป ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลาซีดเผือดเหมือนไร้สีเลือด คะน้ามองทุกอย่างตรงหน้าแล้วระบายรอยยิ้ม เขาเป็นคนเรียนรู้ไวพอสมควร ชายหนุ่มจึงยกมืออีกข้างของตัวเองขึ้นมาวางทับไปบนมือของตุล ...การวางที่ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอิสระ

“ผมไม่รู้จะขอบคุณยังไง ผม...รู้สึกดีขึ้นมากครับ”

แม้ว่าใบหน้าจะดูสดชื่นขึ้น หากแต่ร่องรอยแห่งความรู้สึกผิดนั้นยังฉายชัดเต็มวงหน้า “ผมขอโทษ ผมไม่ได้อยากให้คุณต้องลำบากใจ ผม...”

“ผมไม่ได้ลำบากใจอะไรครับ ขอบคุณมาก” คะน้าย้ำอีกครั้งถึงความรู้สึกในใจ ความรู้สึกที่ดีต่อกันนั้นไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย เมื่อมันอยู่ในกรอบที่เหมาะสม มันจึงมีเพียงความรู้สึกดีๆ ที่มอบให้กลับไป

“ตุลบอกว่ากลับมาสักพักแล้ว ที่น้องจิ๋วมาซื้อไอติมที่ร้านทุกวัน เวลาเดิมซ้ำๆ นั่น...” ตุลชะงักงัน ชายหนุ่มหันมามองหน้าของคะน้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจจนพูดอะไรไม่ถูก

“ผมจำได้ว่าเธอไม่ได้ชอบการทานไอติมกะทิเลย ทุกครั้งที่ผมเห็น ก็อดจะคิดไม่ได้”

สิ่งที่ตามมาคือการเบือนสายตาหนีและเสียงหัวเราะเก้อๆ ของหมอหนุ่ม ร่างสูงหันมาสบตาด้วยอาการมือไม้ผิดที่ผิดทาง ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเฉไฉไปอีกอย่าง

“เอ่อ... ว่าแต่ข้อเท้าไม่มีอาการแปลบแล้วใช่ไหมครับ ขยับได้ตามปกตินะ”

“ครับ ไม่แล้วครับ”

“เอ่อ... ครับ” ชายหนุ่มสวมแว่นพยักหน้าหงึกแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ “ไม่มีอะไรครับ พักผ่อนนะครับ ถ้ามีอะไรก็เรียกได้นะครับ” ตุลเปิดตาราหนาแล้วกดแป้นคอมพิวเตอร์อีกครั้ง สักพักเสียงรัวนิ้วก็ดังขึ้นแบบขาดห้วงไม่เป็นจังหวะ

“คะน้าครับ” เสียงของตุลดังขึ้นอีกครั้งในเวลาไม่ห่าง คนที่ถูกเรียกชื่อเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ต้นเสียง ท่าทางของร่างสูงที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นดูกระวนกระวายจนเก็บซ่อนไม่อยู่


“มันยังทันไหม?”

“ผมหมายถึงถ้ามันสิ้นสุดแล้ว จะพอให้โอกาสผมได้ไหมครับ” ตุลสบตานิ่ง ใบหน้าดูจริงจัง คะน้าก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมาย ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกเดียดฉันท์หรือรู้สึกไม่ดีกับชายหนุ่มตรงหน้า ตุลเป็นคนดีมากๆ คนหนึ่ง และคะน้าก็เชื่อว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ถ้าจะให้กลับไปเหมือนเดิม ความรู้สึกในตอนนี้ของเขามันยากจะอธิบาย

ในสายตาของคนที่ตั้งคำถาม ทุกสิ่งนั้นง่ายที่จะอ่านความรู้สึกได้ชัดเจน ตุลประดับรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า เข้าใจและรู้ซึ้งถึงความลำบากใจของคะน้าได้เป็นอย่างดี แววตาที่สดใสหม่นลงอย่างห้ามความรู้สึกลำบาก

“ผมเข้าใจครับ มันคงต้องใช้เวลา” เสียงนั้นแผ่วและเบาบางจนแม้ตัวผู้พูดยังแทบไม่ได้ยิน

คะน้าเอนศีรษะ ไม่ได้ยินถ้อยคำที่พัดผ่านริมฝีปากที่เพิ่งปิดตัวสนิท หากแต่ภายในหูที่ถูกปรับให้รับน้ำเสียงของตุลอยู่มาเป็นระยะเวลาหนึ่งนั้นทำให้พอจะคาดเดาได้ว่าผู้พูดนั้นสื่อถึงสิ่งใด ในใจในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับทะเลที่แปรปรวน ไม่มีอะไรให้วางใจได้สักอย่าง ไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงต่างๆ นั้นเป็นอย่างไร ทุกอย่างหม่นเหมือนอยู่ในคืนที่ฝนตกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด รอยสีแดงบนคอของตุลนั้นยังทิ่มแทงอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา

“ผมมีเรื่องอยากจะถามครับ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่อยากเข้าไปวุ่นวายเลย” คำถามของเขาทำให้ตุลเงยหน้าขึ้นมอง คะน้าสบตาคู่นั้นกลับด้วยแววตาที่ดูจะไม่แสดงความรู้สึก “เป็นเรื่องที่มันกัดกร่อนความรู้สึกผมมาโดยตลอด”

“อะไรหรือครับ”

“มีครั้งหนึ่ง ผมเห็นรอยแดงที่คอของตุล”

คะน้าหยุด พยายามที่จะเอาชนะอุปสรรคบางอย่างในตัวเอง ก่อนจะเอ่ยทุกถ้อยคำออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ไม่มีการเน้นพยางค์ในเนื้อเสียง ปราศจากความรู้สึก คล้ายกับเป็นถ้อยคำภาษาแปลกถิ่นที่เขาไม่เข้าใจความหมาย



“...มันเป็นรอยที่ฝากไว้จากทิมหรือเปล่าครับ”

ราวกับจะทำลายคลื่นความรู้สึกใดๆ ที่ก่อตัวขึ้นในอากาศจากการเอ่ยประโยคคำถามนั้น คะน้าแจงเหตุผลในการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวที่สั้นและกระชับในความหมายในนาทีถัดมา

“ผมไม่รู้ว่าผมควรจะไว้ใจใครได้บ้าง ผมในตอนนี้เข็ดกับความเชื่อมั่นในตัวใครสักคนไปแล้ว”

ตุลนิ่งสงบ ปล่อยให้มวลอากาศที่ลอยตัวอยู่ทั่วบริเวณดูดซับความไหวสะท้านที่ก่อตัวขึ้นในใจ ในชั่ววินาทีที่ตามมา หมอหนุ่มที่แสนสุภาพเหมือนจะดึงเปลือกนอกออกทั้งหมด แล้วกลับสู่ความลับที่ซุกซ่อนไว้ภายในส่วนที่ไม่น่าจดจำที่สุดของใจ

“ผมขอโทษครับ ...ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง”

“สุดท้าย... มันคือเรื่องจริงสินะ”

แม้จะยังสั่นไหวอยู่บ้าง กระนั้นน้ำเสียงนั้นก็ดูจะปรับความรู้สึกได้ดีจนเจ้าตัวยังนึกประหลาดใจ ภายหลังเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผลักให้คะน้าก้าวเข้าไปในตำแหน่งของผู้สูญเสียที่ไม่เหลือสิ่งใดจะเจ็บช้ำไปมากกว่านี้ สิ่งหนึ่งที่จะธำรงค์มั่นไม่สั่นคลอนคือตัวตนของเขาเอง และความเป็นจริงที่ดูจะหายากยิ่งในช่วงเวลาเหล่านี้


...น่าเกลียดและไม่น่าฟังแค่ไหน เขาก็ต้องยอมรับมันให้ได้

“มันไม่ควรเกิดขึ้นเลย มันเป็นเรื่องแย่ๆ ที่ผมอยากจะลบไปให้หมดจากความทรงจำ ...ให้ตายเถอะ ถ้าเลือกได้ผมก็ไม่อยากให้คุณต้องมารับรู้อะไรพวกนี้จริงๆ” ตุลถอนหายใจและขยับมือไปมา

“การปิดบัง บางทีก็ชั่วช้าไม่ต่างกับการโกหก และมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดเช่นกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมอยากพูดนะ แต่ผมมันก็แค่คนขี้ขลาด ใจผมมันสั่นจนไม่กล้า ผมกลัวการสูญเสีย ไม่อยากยอมรับว่าตัวผมเองทำให้คนที่รักที่สุดต้องเสียใจ”

“บอกความจริงมาเถอะครับ” คะน้านั่งนิ่ง สูดลมหายใจเข้าเหมือนคนเล่นหมากรุกที่กำลังตัดสินใจวางหมากตัวสุดท้ายบนกระดาน

“วันนั้น ที่ห้องพักผมในโรงพยาบาล เราพูดคุยกันเรื่องความหลังที่ไม่น่าจดจำ ดื่มกันนิดหน่อย แล้วอะไรๆ มันก็เป็นไปในทางที่ไม่ควรจะเป็น ผมไม่รู้ เราอยู่ใกล้กันเกินไป และนั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย” เสียงของตุลสั่นเมื่อเอ่ยถึงสถานที่แห่งนั้นอีกครั้ง ร่างสูงบีบฝ่ามือตัวเองด้วยท่าทีที่กระวนกระวาย ทั้งหมดดูจะเป็นการกระทำที่ไม่รู้ตัว


“แล้วมันก็เกิดขึ้น ...ทิมทำคิสมาร์กบนคอของผม”

“ไม่ได้เมามาย ไม่ได้พลั้งเผลอ ใจที่ต่ำทรามของผมในตอนนั้นมันเต้นด้วยความฮึกเหิม เมื่อทิมไม่คิดจะหยุด ผมก็เลวพอจะปล่อยให้เกมมันดำเนินต่อไปโดยไม่ได้ขัดขืน” เสียงนั้นติดขัด ความลื่นไหลจางหายไป ทุกอย่างอยู่ในความเงียบที่น่าหวาดหวั่น

“ผมมันเหี้ย เหี้ยเองจะไปโทษใคร” คำพูดแรกถูกเค้นออกจากลำคอที่แหบแห้งและแข็งราวกับก้อนหินนั้น ไม่อาจทัดเทียมกับถ้อยคำต่อมาที่ทำเอาทุกความรู้สึกของคะน้าไหวจนสะท้าน


“เรา... เราจูบกัน”

ตุลเม้มปากแน่น ความสั่นเทาแผ่ซ่านไปทั่วกล้ามเนื้อใต้ผิวกายของตัวเอง ในช่วงสองถึงสามวินาทีนั้น คะน้าเหมือนถูกตรึงด้วยเชือดที่รัดบนลำคอ บิดและรัดแน่นขึ้นจนความรู้สึกที่เคยอยากค้นหาความจริงนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวที่จะได้รับรู้ขึ้นมาทันที



“ทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน”

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เอ่อ... อย่าเพิ่งดักซ้อม ฟาดหัว หรือเอาระเบิดมาปาหลังคาบ้านคนแต่งนะครับ :กอด1:
ต่ายน้อยซวยได้อีก น่าตกใจ และมีเรื่องให้เสียขวัญได้อีกไม่จบสิ้น เอาใจช่วยต่ายหน่อยนะ
ตอนนี้ ขึ้นรถไฟเหาะตีลังกาสามตลบจนจนไปอีกตอน ใกล้แล้วขอเพิ่มเข้มข้นขึ้นอีกนิด
อยากให้แข็งใจอ่านกันต่ออีกหน่อยนะครับ ตอนต่อไป ทิมโผล่อีกรอบ จะเป็นยังไงลองมาลุ้นกันดู
ยังไงจะพยายามมาให้ได้เร็วๆ ในช่วงนี้นะครับ จะได้ไม่รู้สึกค้างคากับผมที่ขมวดจนเวียนหัว

สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงสอบ ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดี ได้คะแนนเยอะๆ กันถ้วนหน้านะค้าบบบ o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-02-2013 00:16:22
เปลี่ยนพระ เปลี่ยนนาย
ย้ายคะน้าไปเป็นตัวประกอบน่าจะดีนะ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 27-02-2013 00:16:54
สงสารกระต่ายน้อยที่สุดละเรื่องนี้

ทั้งทิม ทั้งตุล หมดแรงจะเชียร์ละ  :sad4:

ไม่รู้จะเชียร์ใครแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 27-02-2013 00:18:49
เดี๋ยวๆ กลับมาพูดให้จบก่อนหมอ คืนนั้นใครเสร็จใครปะวะ ??? หรือแค่จูบ แค่ทำรอย? (โลกสวยไปมั้ย)
หมอเสร็จทิม ทิมเสร็จตุล  ตุลเสร็จหมอ เจ้ยยย อันหลังนี่มันคนๆเดียวกัน
Luceaคะ กลับมาไขปริศนาโคนันด่วนๆ
อ๊ากกกกกกกกกก อยากตายใข่มั้ยยยยยยยยยยยยยย ทำไมทิ้งค้างไว้แบบเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
สงสารคะน้ามากก
โถ่ เจอคนแบบนี้เป็นเจ้ เจ้กลับไปอยู่บนดวงจันทร์คนเดียวแล้ววววววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 27-02-2013 00:23:33
ช๊อคมาก!!!!!!!
คือ คุณ Lucea บอกมาเถอะค่ะว่า เรื่องนี้มัน 3P ไม่ใช่ สามเศร้า

ช่วยด้วย หน่วงมาก และ ร้องไห้ต่ออีกตอน
พรุ่งนี้ตาบวมไปสอบแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 27-02-2013 00:26:03
สุดจะเดาหัวใจคนเขียนแล้วนาทีนี้
ก็ถ้าตุลกับทิมจะกินกันเอง แล้วมาแย่งกันจีบคะน้าทำแป๊ะอะไร
อ้อ ตุลอาจรู้ถึงแผนการณ์ของทิมเลยมากันท่า
แต่ให้ตายเถอะ ความรู้สึกของคนทั้งคนมาทำเล่น ๆ กันอย่างนี้เหรอ
มันเป็นความจริงที่เกินจะรับไหวแล้ว คะน้าพอเถอะ เลิกคบหากับคนพวกนี้ดีกว่า
อยากพูดอะไรอีกมาก แต่พูดไม่ออก มึน...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: A GE ที่ 27-02-2013 00:30:51
 o18 o18 หวังว่าตอนคะน้าเอาคืนจะทำให้แรงกว่าอีกหลายเท่าตัวนะครับ  :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ตามมาดู ที่ 27-02-2013 00:32:19
เดาว่า ตาทิมบักทู เป็นพระเอก .. ฟามสัมพันธ์ ตาทิมกะตาหมอ คลุมเครือเกิ๊น
ปล ส่วนใหญ่มาแบบตาคุณหมอนี่โคตรเชี่ยว โกหกเป็นไฟ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 27-02-2013 00:32:29
เฮ่ยยยยยยยยยยยยยยยยยมันไมได้หยุดอยู่แค่จูบใช่หรือไม่ ทำไมสมองชั้นถึง blank ไปหมด

 ขอยาหอมและยาดมพม่ามาให้ชั้นด่วนค่ะ

ชั้นหายใจไม่ออก ก กก ก ก 

คะน้า เข้มแข็งไว้นะ ทำไมเกิดมาเจออะไรแบบนี้้ด้วยยย
 
 :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 27-02-2013 00:41:25
มาต่อเร็วมาก อ่านแล้วก็อยากอ่านต่ออีก เฮ้อ ป่าวกดดันนะคะ แต่รอค๊อยรอคอยค่ะ 

“ทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน” ประโยคนี้คืออะไร แค่จูบกันหรือได้กันไปแล้ว
อ๊ากกกกกกกก คนอ่านจะเป็นลม ความจริงจากปากหมอตุลย์ โอย คะน้าจ๋าคะน้าของพี่จะเจ็บช้ำใจไปถึงไหน
ส่วนหนึ่งที่หมอตุลย์เลิกกับคะน้าคงเพราะรู้สึกผิดกับเรื่องนี้ด้วย แล้วที่เกิดขึ้นมันก็เป็นแผนของทิมใช่มั้ย
ทิมจะทำให้ผิดหวังไปถึงไหน เรื่องในอดีตก็นะ ทำจนคนนั้นเสียผู้เสียคนกันไป นี่มาคะน้าอีก ถ้าไม่รีบออกมาแก้ตัว
จะเชื่อตามหมอตุลย์ไปแล้วนะ ว่าแต่หมอตุลย์เปิดหมดใจแล้วใช่้มั้ย ทุกอย่างคือเรื่องจริงใช่มั้ย
ตอนนี้โคตรหลอนระแวงโลกไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นนอกจากคะน้ากับพี่ผักกาด

หมอตุลย์ตอนนี้อบอุ่นดูดีดูรักคะน้ามาก แต่อดีตอันน่าสะพรึงทั้งหลาย เราก็คิดว่าก็ไม่ไหวกับใจคะ้น้าเหมือนกันนะ
ดีใจที่คะน้าถามจะได้หายคาใจซักที (คาใจคนอ่านด้วย) ยังไม่อยากให้คะน้ามีใครตอนนี้เลย กลัวใจทุกคน

อยากเจอตาทิมมากกกกกกกก เจอกันตอนหน้าชิมิ ท่าทีแกจะเป็นยังไงนะคนใจร้าย :m16:  :angry2: :m31:

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 27-02-2013 00:43:49
โอยจะเป็นลม กับคำว่าเต็มใจทั้งคู่นี่แหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 27-02-2013 00:48:10
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ๊ยยยยยจะเป็นลม ขอไปละลายยาหอมก่อน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 27-02-2013 00:48:27
 :a5:เพลียทั้งคู่
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่ไม่มีพระเอก
555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 27-02-2013 00:50:53
อ่านตอนนี้แล้วแบบแทบคว้ายาดมมาแทบไม่ทัน

มันอารมณ์ อืมมมมมม ประมาณเราแก้ข้อสอบแล้วมารู้ว่าที่ไม่แก้นะถูกแล้ว ประมาณนั้นมั๊ง

ไม่รู้สึก อ่านตอนนี้แล้วแบบ ..... บอกไม่ถูกเลยอ่ะ สงสารต่าย ไม่น่ามาเจอเรื่องแบบนี้เลยอ่ะ  :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 27-02-2013 00:54:51
คิดว่าแค่โดนแกล้ง    :serius2: ไม่นึกว่าเต็มใจทั้งสองฝ่ายโอสวรรค์ช่วยเอาสองหนุ่มนี่ไปเก็บทีไม่ไหวจะเคลียร์ ต่ายน้อยเศร้าไม่พอใช่ไหม ช่างทำร้ายกันได้ลงคอนะ ช่างกล้า จริงๆ ปวดตับ  :z3: :z3:

ขอบคุณจ้า มาต่อเนื่องเลย แต่ทำไมรังแกต่ายน้อยของเราจัง :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 27-02-2013 01:09:09
กรี๊ดด อ่านแล้วอึนมึนกว่าเดิมอีก

สรุปแค่จูบ หรือ เสร็จกันไปแล้วค่ะ T T

เอาจริงๆ เชื่อใครไม่ได้ทั้งทิมทั้งตุลอ่ะ
ให้ทิมกะตุลคู่กันไปเลยเถอะ คะน้าจะได้ไม่ต้องมาเจ็บอีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 27-02-2013 01:12:14
ความจริงที่รับรู้ มันทำให้แทบสำรอกออกมาจริงๆ
แต่ละคนเนี่ย เฮ้อออ


หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 27-02-2013 01:15:21
 o22 เป็นน้องต่ายก็แย่ มันเจ็บเกินจะทนรับไหว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 27-02-2013 01:15:40
หมอนะหมอมาดีแล้วแท้ๆ ไม่น่าไปหลงกลทิมเลย
ส่วนผู้ชายแบบทิมก็นะ อยากได้อะไรก็ต้องได้ทุกอย่างเลยใช่ไหม
พยายามคิดว่าเพราะทิมเป็นเด็กน้อยเลยอาจหลุดๆบ้างในบางเรื่อง
แต่เรื่องนี้มันแบบว่า เกินไปแล้วจริงๆ

ก็รู้ว่าปมมันยังคลายไม่หมด แต่ ณ ตอนนี้ โมเม้นต์นี้ ขอเกลียดทิมไปก่อนนะ
แล้วถ้าอะไรๆมันคลี่คลายลงแล้ว ก็ช่วยจัดทิมหนักๆด้วยเถอะ อย่าคืนดีกันง่ายๆนะ
ไม่ไหวแล้วพ่อคนนี้ ตอนทำดีก็น่าหมั่นไส้ ตอนทำชั่วก็น่าหมั่นไส้ ไม่ไหวจะเคลียร์
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 27-02-2013 01:19:11
ขี้เกียจเดา บอกเลย 5555555

เริ่มนึกไปถึงคำพูดทิมที่เคยบอกว่า ถ้าต้องการอะไรก็ต้องเอามาให้ได้
ตอนนั้นทิมหมายถึงอะไร ตลาด คะน้า หรือตุล

อิอิอิ ขอร้องอย่าเปนอย่างหลังเลยเหอะ
ยังเชียร์ให้ทิมกับต่ายให้ลงเอยกันนะ
บอกไม่ถูกอ่ะ ไม่ค่อยชอบตุลเท่าไหร่


แก้คำผิด เยอะมากจนทนไม่ไหว  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: wongwikkarn ที่ 27-02-2013 01:35:55
เชียทิม ตุลเปนคนร้าย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 27-02-2013 02:08:45
ให้ตายเถอะ ฉันอยากกระโดดทับคนเขียนจริงๆเลย :z6:
น้องต่ายของฉัน :m15:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 27-02-2013 02:46:01
ใครโกหก ใครหลอกลวง ใครแย่งชิงใคร ใครต้องการอะไร ใคร ใคร ใคร :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 27-02-2013 02:50:01
กลัวจะพลิกล็อค  ตุลกลายเป็นมือเพลิงซะจริงเลยวุ้ย
เพราะแลดูความลับเยอะมากกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yunchun ที่ 27-02-2013 03:29:44
เรื่องนี้ต้องรอให้จบ ไม่งั้นอิชั้นบ้าแน่  :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 27-02-2013 03:37:00
ที่แท้ทิมกะตุลก็ซัดกันไปเรียบร้อยอย่างที่คิดไว้
แต่ที่ตะลึงตึงตึงคือ ทำไมคะน้ากล้าถาม แล้วทำไมตุลก็กล้าตอบ

ชอบ ๆ ๆ รอติดตามค้าบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 27-02-2013 05:32:16
หมอตุลกับทิม ตุลต้องเป็นรับแน่เลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: jaymaza ที่ 27-02-2013 06:00:33
ยังเชียร์ทิมอยู่นะ

และคิดว่าตุลต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

ทำไมรู้สึกว่าตุลไม่ใช่คนดี ดูสวมหน้ากาก   :เฮ้อ:

รอตอนต่อไป

 :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 27-02-2013 07:02:39
ยังไงดี ทิมทำทำไม ตุลทำทำไม ถ้าเกิดคะน้าทำแบบนี้บ้างก็คงไม่ได้ คงถูกรังเกียจ
แล้วทำไมกลุ่มที่เราเรียกว่าพระเอกหรือเพศชายทำไมทำได้
ทำไมนายเอกโดนทำร้ายความรู้สึกทุกครั้งไป เฮ่ออออออออ

ปล.ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: namtarn11 ที่ 27-02-2013 08:54:09
ไม่ชอบก็เพราะประโยคสุดท้ายนี้ล่ะ อ๊ากกกกกก....ฆ่าฉันแทนเถอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 27-02-2013 09:02:47
แอบเดาว่า ตุลรึเปล่าที่ชอบทิม? รู้สึกไม่ค่อยเชื่อที่หมอตุลเล่ายังไงก็ไม่รู้ ยังเชื่อมั่นในทิมและเป็นแม่ยกทิมต่อไป >_____<
รู้สึกตุลมาถูกจังหวะในหลายๆครั้งเกินไป เหมือนมีแผนหรือมีอะไรในใจ .. โอยยยยย มันค้างคาใจจริงๆ รอคนเขียนมาเฉลยดีกว่าาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 27-02-2013 09:41:37
อ๊ากกกกกก นี่มันอะไร
ตุลไม่ได้โกหกใช่มั๊ย

มาต่อวันนี้เลยค่ะ อ่าน 2 รอบแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 27-02-2013 10:27:44
..... :z6:

อืม...ถึงตอนนี้จะแอบปันใจให้ทิมมากกว่าตุลแล้ว
แต่หวังว่ามันจะไม่พลิกล็อคเป็นหมอที่ "เลว" กว่า
ยังไม่อยากเห็นใครซักคนที่กลายเป็นคนไม่ดีไป T^T

ตอนต่อไป...ไม่ขอเดาออกสื่อ เอาไว้กรี๊ดคนเดียวถ้าเดาถูก เอาไว้เซ็งคนเดียวถ้าเดาผิด
แวะมาหากำลังใจก่อนสอบ แล้วจะกลับมานั่งเฝ้าคะน้าใหม่ค๊าบ :กอด1:
(กระโดนถีบคนแต่ง แล้วกอดปลอบใจคะน้า)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 27-02-2013 10:28:15
ดีนะว่าเรียนจบมานานแล้วเลยไม่มีช่วงสอบอะไรกับเค้า
แอบอู้งาน มานั่งอ่านหาความตื่นเต้นเสี่ยงโดนไล่ออกบ้าง
เจอตอนแบบนี้เข้าไป ดิชั้นอยากจะกรี๊ดดดดดดดดดดดดด :a5:
ชีวิตน้องต่าง มันเฮงซวยได้อีก เจอผู้ชายแต่ละคนโฮกกกกกกกกกก :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 27-02-2013 10:52:23
โอยยยยยยยยยยย
ฉันไม่เชื่อใครทั้งนั้นแล้วตอนนี้
กลัวจะมีหักมุมอะไรอีก ไม่เดาละ (อันที่จริงเดาไปก็ไม่เคยถูก)  เจอแบบโครมมมมทีเดียวเลยละกัน  o22
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 27-02-2013 10:59:54
หมออย่าเยอะค่ะ อย่าเสี้ยมคะน้าเลยนะ อย่ามาโกหกด้วย
ชักงงว่าเธอเป็นพระรองหรือตัวอิจฉากันแน่ ไม่อยากคิดแต่ก็กลับมาคิดอีกจนได้ว่าหมอชอบทิม

คืนนั้นไม่มีอะไรแน่ๆ เพราะไอ้ทิมบอกว่าต่ายเปิดซิง อิอิ
ที่เล่าให้คะน้าฟังแบบนั้นต้องการอะไรคะ
ตอนนั้นตัวเองคบกับคะน้าอยู่แท้ๆ แต่ดันเผลอใจไปกับคนอื่น ตลกค่ะ
แล้วก็พูดอะไรที่มันขัดแย้งกันว่า 'ทิมแสดงออกมาตลอดว่ารังเกียจเกย์แต่ทำไมมาสนใจคะน้า'
กับที่บอกว่า 'เรื่องทุกอย่างในคืนนั้น มันเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจของเราทั้งสองคน'
ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงคือทิมมาจีบคะน้าเพราะอยากได้ตลาด
งั้นทิมก็ไม่มีวันเต็มใจมีอะไรกับเธอหรอกค่ะหมอตุล
ตอนแรกก็คิดว่าไอ้ทิมทำรอย แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าหมอโดนใครทำมา

อีกประโยคที่ทำเอาแม่ยกทิมขึ้นค่ะ 'เวลาไม่เคยเปลี่ยนนิสัยคนเลย เลวยังไงก็อย่างนั้น'
ว่าตัวเองทำไมคะหมอ สิ่งที่ทิมแสดงออกกับสิ่งที่หมอแสดงออกมันต่างกันมากนะคะ
ถ้าการที่เราไม่ชอบแล้วได้ปฏิเสธไปชัดเจนเรียกว่าเลว
งั้นคนที่ชอบให้ความหวังคนอื่นไปทั่วนี่คงเรียกว่าดีมากสินะคะ

วนไปอ่านตอนเก่าๆมารู้สึกช็อคเบาๆกับประโยคนี้ค่ะ
'พี่ทิมก็รู้ใช่ไหมคะว่าคุณธาดา คุณพ่อพี่ทิมเอ็นดูแนนขนาดไหน' ไม่เคยเอะใจเลย
แสดงว่าทิมก็ไม่ได้ปิดบังอะไร แค่ไม่ได้บอก (อวยเข้าไป)

ขอบคุณคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-02-2013 11:29:44
คนเขียนเก่งนะค้างปมตลอดเรื่องเก่าไม่หายเรื่องใหม่มาอีกแถมผูกจากเรื่องเก่าได้อีก รอให้ผ่านไปหลาย ๆ ตอนแล้วค่อยกลับมาอ่านดีกว่า เหอ ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 27-02-2013 11:55:07
...ระหว่างตุลกับทิม เดาว่าตุลเป็นฝ่ายรุก กร๊ากกกกก

ดีแล้วที่คะน้าสงบแล้วก็ใจเย็นขึ้นเยอะ อยากให้คะน้าเข้มแข็งขึ้นด้วยตัวเองมากกว่าเพราะมีคนใหม่(ที่ความจริงเป็นคนเก่า---ซับซ้อนวุ้ย)

ป.ล. แอบฮา "ความสามารถในการแผ่พลังงานด้านบวก"  :jul3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 27-02-2013 12:36:16
ยืนยันอีกครั้ง คนเขียนโคตรเก่งค่ะ o13 o13
อ่านเม้นท์แต่ละคนแล้ว :a5:
เอาทุกเม้นท์ไปใส่เครื่อง ปั่นรวมกันแล้วว แล้ววววว
เอาไปให้นักเขียนกิน!!! ไม่ช่ายย! :laugh3: นั่นแหละความคิดพี่(ง่ายไปมั๊ยแก)
ต่ายน้อย สู้ สู้ :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lacie ที่ 27-02-2013 13:27:09
จุก หน่วง จะตายอยู่แล้ว คร่อก :m15:

ทิมร้ายไม่กลัว กลัวแต่หมอตุลมาเหนือเมฆสวมรอยซ้อนสถานการณ์ให้คะน้าหวั่นไหว

โอย มันดราม่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 27-02-2013 14:53:34
โอ้ยยยยยยย มาต่อด่วนๆๆๆ อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว หลังอ่านตอนนี้จบ

มาคลายปมอย่างเร็วค่าาา คนเขียนนน

อ้ากกกกก บ้าคลั่งในทันใด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 27-02-2013 15:06:43
 :serius2: :serius2: :serius2:

อะไรกันเนี่ย กระต่ายใช่ของเล่นมั้ย ใช่สิ่งของมั้ย ที่พวกนายมาทำร้ายความรู้สึกกันขนาดนี้
เหวี่ยงไปทางนั้นที ทางนี้ที ไม่ไหวจะรับรู้เรื่องราวอะไรอีกแล้ว

กระต่ายเชื่อเราเถอะ อย่าเลือกใคร ยังไงก็ยังยืนยันให้อยู่คนเดียวนะ ไม่ต้องเจ็บ ไม่ต้องปวด

อ่านไปอ่านมา ทำไม เริ่มรู้สึกไม่เชื่อใจหมอตุลยังไงไม่รู้ ทิมเองก็ใช่ว่าจะเคลียร์นะ การกระทำหลายๆอย่างมันก็ยังคลุมเครือเหมือนกัน ยกตัวอย่างเรื่องรอยจูบที่คออ่ะ ที่หมอบอกว่า เลยเถิดจนเรื่องมันเกิดขึ้น เราก็เหมือนจะเชื่อนะ เพราะจำได้ ทิมรู้เรื่องรอบจูบที่ต้นคอของหมอ วันนั้นที่เกิดเรื่อง หมอก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วทิมก็รู้ด้วย

โอ๊ยยยยย นี่เครียดนะ เครียดมาก อ่านจนหัวยุ่ง คิ้มขมวดจนเกิดริ้วรอย ไม่ไหวนะคนแต่ง แบบนี้ ฮ่าๆๆๆ

แต่ก็ชอบนะ ชอบมาก เพราะส่วนตัว ชอบเรื่องที่หน่วงๆ ดราม่าหนักๆเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ

ปล. ใจคอ ผมจะไม่เครียดกะการอ่านหนังสือสอบแล้วสินะ จะเครียดเป็นเพื่อนคะน้าอย่างเดียวแล้วใช่มั้ย ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 27-02-2013 15:36:47
ทำงานเสร็จอดใจไม่ได้ต้องเข้ามาอ่าน!!

อ่านแล้วสงสารคะน้าสุดๆ ... แต่ยังไงก็ไม่ชอบหมอตุลนะ
ไม่เคยชอบตั้งแต่แรกเลยค่ะ ไม่รู้เป็นไง

รอทิมมาปรากฎกาย  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: minmin96 ที่ 27-02-2013 16:00:36
เออ...อารมณ์คนอ่านตอนนี้ อยากจะกระทืบทั้งทิม ทั้งตุล
เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะทำร้ายใครก้อได้งั้นเหรอ :m31:
เลวววว....ทั้งคู่!! สรุปแล้วต่ายน้อยไม่ต้องเอาใครเลย...ช่างมัน!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 27-02-2013 17:15:20
เอิ่ม.... o22 เลวทั้งทิมและตุลย์เลย   :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 27-02-2013 17:24:41
สงสัยเหมือนกันว่าจริงๆ ตุลอาจจะชอบทิม เลยสร้างเรื่องใส่ร้าย เพื่อให้ตัวเองได้ทิมไปครอง
แต่พอกลับไปอ่านวันที่ตุลสารภาพเรื่องโกหกว่าจะไปนอกกับหมอก้อย
ตุลก็บอกชัดเจนว่าตุลชอบคะน้ามากๆ มันเลยไม่ค่อยสนับสนุนความคิดนี้เท่าไหร่นะ
ยกเว้นว่าสถานการวันนั้นเป็นเรื่องจัดฉาก ขอภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบนั้นเลย เกินจะรับได้แล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 27-02-2013 18:08:38
จูบกันแล้วยังงัยต่ออะ อยากรู้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 27-02-2013 18:26:43
เราจูบกัน  อันนั้นไม่เท่าไหร่

แต่...

“คืนก่อน?” ตุลทวนคำพูดแล้วชะงักไป ใบหน้าที่ดูมีชีวิตชีวาตลอดเวลาซีดเผือดเหมือนไร้สีเลือด

อันนี้สิ  ติดใจ

รอดูต่อไปว่าจะใช่สิ่งที่เดาอยุ่ในใจไหม อิอิ

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 27-02-2013 19:21:55
ก็ยังแปลกๆ แบบว่าทิมจะเลวได้ขนาดนั้น?

ตอนนี้เหมือนฟังความข้างเดียวจากตุลเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 27-02-2013 19:56:22
ไม่เชื้อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อหมอตุลเด็ดขาด
คนอะไรดีเกินมนุษย์
แล้วช่างไปอยู่ในที่เกิดเหตุ ช่วยชีวิตคะน้าไว้อย่างทันเวลา
แกไปวางเพลิงตลาดเขาหรือเปล่ายะ
ลำเอียงสุดชีวิต
ดีแล้วที่คะน้าหวาดระแวงไม่ไว้ใจใครไว้ก่อน
อยากจะถีบส่งทั้งหมอตุลทั้งทิมให้กระเด็นไปดูดคอกันบนดวงจันทร์เลย
คะน้ากับผักกาดก็อยู่กันสองคนพี่น้องต่อไป

ไม่ได้สอบกับเขาด้วยแต่ก็เครียดลุ้นเรื่องนี้มากกว่าลุ้นผลสอบของลูกเสียอีก
ขอบคุณนะคะ ทีนี้ก็ตั้งตารอตอนต่อไป

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 27-02-2013 19:56:39
ให้คะน้าไปดูไพ่ยิปซีมาใหม่ค่ะ กรี๊ดกร๊าดดดดดดดดดด

แล้วโชคชะตาของคะน้าก็จะเปลี่ยนไป เมื่อมีกระต่ายอีกหนึ่งตัวบนดวงจันทร์  คึ คึ คึ

หาพระเอกใหม่ หาพระเอกใหม่!!!!   เย้ เย้ เย้  :m11:


ได้โปรดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เปลี่ยนพระเอกๆ ๆ ๆ เย้เย้ เย่ เย้ เย้   :a2:


อยากให้ตุลคู่กับทิมไปเลยยยยยย  แล้วคะน้าก็พบพานผู้ชายที่ดีพร้อม รึไม่ก็ไม่มีพระเอก คึ คึ คึ  :oni1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautjang ที่ 27-02-2013 19:57:04
เข้ามาเม้นอีกรอบ

เราว่านะฟังจากที่ตุลเล่ามา

ก็ชักสงสัยว่าคนที่ร้ายนี่จะเป็นตุลรึเปล่าที่อยากจะแก้แค้นทิมแทนเพื่อนเก่าที่โดนทิมปั่นหัวให้เสียใจ

โอ้ยยย สับสน แต่ทิมก็ไม่ได้แก้ตัวอะไรเล้ยยยย แบบนี้หมายความว่ายังงัย :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 27-02-2013 20:38:31
ไม่นึกว่าทิมกับตุลจะเกินเลยไปได้ขนาดนั้น

คะน้าทำไมกลายเป็นคนที่โดนปิดบังตลอดเลย

ทิม แกนี่ยังไงเนี่ย มาเคลียร์ด่วนๆ เลย

ยังเชียร์แกอยู่บ้างนะ หมอก็เชียร์อยู่

แต่มารู้ว่าคำตอบที่คะน้าถามนี่แล้วอึ้งสุดๆ เลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 27-02-2013 21:01:15
ติดใจคำพูดที่เจ๊ผักกาดพูดกับทิมก่อนออกจากห้อง
เจ๊ดูเงียบเกินไปนะ หรือเจ๊จะรู้อะไร ?
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: shenta ที่ 27-02-2013 21:04:24
เพิ่งเข้ามาอ่าน สนุกมาก ชอบ o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 27-02-2013 21:39:23
 :sad4: จริง ๆ แล้ว ยังทำใจอ่านไม่ได้ มา สาม ตอนแล้ว  :เฮ้อ: เพราะ ชีวิตเรา ก็ ดราม่า มาพอสมควรแล้ว รอให้ชีวิต คะน้าและทิม เมฆ หมอก พัดออกไปก่อน  o13 สู้ ๆ น่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 34 - (หน้า 44) Feb 27, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: melody_pmfc ที่ 28-02-2013 13:04:51
โอ๊ยยย! ทนไม่ไหวละ ยังไงก็ต้อมเม้นท์

พี่คะน้า อย่าเลือกใครเลยนะ

ทุกอย่างดูมีเงื่อนงำ TT ไม่รู้จะเชื่อใจใครได้

แต่ก็ยังแอบเชื่ออยู่ลึกๆ ว่าทิมรักพี่คะน้า

เฮ้ออออ แต่ละคน สงสารต่ายจริงๆๆๆ

ช่วยเปลี่ยนพระเอกใหม่เถอะคะ

คราวนี้ขอแบบ ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องรวย แต่รักคะน้าคนเดียว

แล้วไม่เล่นกับความรู้สึกคะน้าด้วย!!!

#อินจัด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-02-2013 17:28:09
สวัสดีครับ ตอนที่ 35 มาแล้ว คอมเมนต์เยอะ เลยรีบปั่นยิบตา 555 แต่เดี๋ยวขอทักทายทุกคนก่อนนะ
ขอบคุณมากๆ นะครับสำหรับทุกๆ คอมเมนต์เลย แอบตกใจในหลายคอมเมนต์มาสองสามตอนแล้ว
เพื่อนๆ เข้าใจหาหลักฐานมามัดตัวคนแต่งมากๆ เอาให้ดิ้นกันไม่หลุดเลยทีเดียว 55555555
คือจริงๆ คันปากอยากนั่งตอบนะครับ แต่สปอยล์รั่วแน่ๆ ดังนั้นจะขอแกล้งทำเป็นไม่เห็นไว้ก่อนนะ
แอบปรบมือให้จริงๆ คนอ่านน่ารักทุกคนเลย ดีใจจังได้อ่านคอมเมนต์ทุกคน ต่อตอน 35 เลยนะครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 35



แค่เพียงเสี้ยววินาทีที่ระลอกแห่งความผิดหวังนั้นโหมซัดเข้าที่เดิมซ้ำๆ ...ครั้งที่หนึ่ง ...ครั้งที่สอง ...ครั้งที่สาม และครั้งต่อๆ ไปจนเริ่มกลายเป็นความด้านชา ก่อนที่ความเจ็บช้ำนั้นจะโรยราจนกลายเป็นตะกอนปะปนกับความสิ้นสูญอื่นๆ ตุลก็ทำให้ทุกความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ในห้วงความคิด สลายเป็นมวลอากาศที่ไม่มีน้ำหนักในพริบตา

“เต็มใจ ตั้งใจ แต่มันไม่ได้เกิดเพราะความรัก ไม่ใช่แม้แต่ความใคร่ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความเกลียด”

“หมายถึงอะไรครับ” คะน้ากระชากห้วงความคิดกลับด้วยสติที่เต็มไปด้วยการรับรู้ ตุลยิ้มเฝื่อนแล้วกลืนน้ำลาย ใบหน้าบิดเบี้ยวคล้ายกับพยายามสรรหาถ้อยคำที่ทดแทนทุกความรู้สึกที่ตรงใจที่สุดออกมา

“เราจูบกันด้วยความขยะแขยง สะอิดสะเอียน มีแต่ความอยากแก้แค้นเอาชนะ มันก็แค่นั้น” นับเป็นเรื่องที่ไม่เคยอยู่ในความคิดของคะน้ามาก่อน ถ้อยคำที่บ่งแน่ชัดถึงความไม่ชอบและท่าทางที่ดูเหมือนกับคนกินของแสลงของตุลดูอย่างไรก็ไม่รู้สึกถึงความลวง เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนตรงหน้านั้นเลือกที่จะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร

“ทำแบบนั้นไปทำไมครับ”

ตุลนิ่งจนวิเวก เป็นการนิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นการสำนึกในห้วงเวลาที่ไม่อาจย้อนคืน ความผิดชอบชั่วดีระเนระนาดจนกระเพื่อมไหวในอากาศ “บางครั้ง อันที่จริงควรจะเรียกว่าหลายครั้งด้วยซ้ำ ผมอยากจะเอาคืนให้กับนภ แต่อีกใจก็อยากถอยห่างกรวดน้ำคว่ำขันไม่ข้องแวะกันอีก วันนั้นผมเลือกอย่างหลัง เลิกแล้วต่อกันไป จนได้มาเจอกันอีกครั้ง”

“ตุลเลยอยากแก้แค้นให้คุณนภหรือ” คะน้าแปลเจตนารมย์มาได้เช่นนั้น ตุลไม่มีท่าทีจะปฏิเสธ กระนั้นก็เรียกไม่ได้เต็มปากว่ายอมรับ

“ก็ไม่เชิงครับ เหตุผลมันปะปนกับความรู้สึกของผม ในตอนนั้น...หมายถึงตอนที่เราคบกันในฐานะ ...คนรักน่ะครับ ยิ่งมาข้องเกี่ยวกับคุณไม่จบไม่สิ้น ผมยิ่งรู้สึก...” ตุลหันมามองด้วยแววตาที่แจ่มชัดในห้วงความที่จดจำในอดีต สบลึกไปในดวงตา “เอาเป็นว่าช่างมันเถอะครับ ...คือกับคุณ ผมไม่รู้จริงๆ เขาต้องการอะไรกันแน่ แต่ผมจะไม่ยอมอะไรง่ายๆ แบบคราวของนภอีกแล้ว และแน่นอนว่าผมจะทบคืนทั้งต้นทั้งดอกในส่วนของน้องชายผมด้วย”

“ถ้าวันนี้ ทิมรู้สึกแบบนั้นผู้ชายได้จริงๆ ผมจะทำให้เขารับรู้ความรู้สึกของนภในตอนนั้น” ตุลยักไหล่ด้วยความสับสน ดวงตาที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกเคลื่อนตัวออกจากคะน้ากลับไปสู่ความว่างเปล่า

“หมายถึงจะเล่นกับความรู้สึกของเขากลับน่ะหรือครับ ถ้าไม่ชอบแบบนั้นทำไมถึงทำแบบเขาล่ะครับ นั่นไม่ดีเลยนะ” คะน้าหน่วงลมหายใจจนขาดห้วง อาจจะดูเหมือนกับว่าเขาดูเป็นคนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจดจำ แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ความรู้จักที่หยั่งลึกทำให้คะน้าเข้าใจในเหตุผลของการกระทำที่ดูไร้สาระของตุลในตอนนั้น ความรู้สึกที่ตามมาคือความเห็นใจและห่วงใยผู้ชายตรงหน้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ครับ ผมยอมรับ มันเป็นความโมโหที่เกิดขึ้นชั่ววูบ และผมก็เจ็บปวด สะอิดสะเอียนกับจูบนั้นมาถึงตอนนี้ ไม่น่าหลงไปกับคำพูดยั่วโมโหพวกนั้นเลยจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าทิมเป็นคนแบบนั้น แต่ก็ยังเป็นไอ้งั่งหลงกลง่ายๆ” นับว่าสมมติฐานของคะน้าไม่ได้บิดเบือนเสียทีเดียวเมื่อไพ่ใบต่อมาถูกพลิกเปิดออก ความที่เป็นคนที่ทันคนจึงไม่แปลกเลยที่ทิมจะเป็นคนดึงตุลเข้าสู่เกมของตนเองอย่างที่คะน้าคาดเดาเอาไว้ แต่สิ่งนั้นคืออะไร?

“ยังไงหรือครับ”

ผู้ฟังไม่ได้ให้คำตอบในสิ่งที่คะน้าเอ่ยถาม ข้อเท็จจริงนั้นถูกปิดตายไว้ในความคิดของชายหนุ่มใส่แว่นตรงหน้า ตุลเงยหน้าสบตาเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่นั้นแรงกล้าและเป็นการจ้องมองแบบตรงไปตรงมาไร้เปลือกหุ้มห่อ

“มีสิ่งหนึ่งที่ค้างอยู่ในใจผมมาตลอดเช่นกัน ช่วยตอบผมตามความเป็นจริงได้ไหมครับ อย่างน้อยก็เพื่อให้ตัวผมเองไม่ต้องติดค้างในใจอยู่ต่อไป” แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจของตุลนั้นคืออะไร คะน้าก็รับคำด้วยเสียงหนักแน่น

“ครับ”

“ระหว่างที่เราคบกันในฐานะแฟน ตลอดเวลาที่เดินข้างผม ตอนที่เราจับมือกัน กินข้าวกัน เล่าเรื่องตลกหรือฟังเรื่องเศร้าด้วยกัน ตอนที่คุณกอดผม ที่เราบอกคำรักกัน” มีความวุ่นวายอยู่ในท่าทีที่สงบของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ตุลกำลังประหม่าลังเล ในท่วงท่าที่ดูนิ่งเฉยคล้ายกับกำลังฝังลึกสู่ความปวดร้าว




“...คนที่คุณรักคือทิมใช่ไหม?”

คะน้านิ่งเหมือนกับคนหูอื้อเพราะได้ยินเสียงปึงปังดังสนั่น ใบหน้าซีดขาวเหมือนกับสีของก้อนเมฆบนฟ้าครื้ม ความตกใจเข้าจู่โจมจนชาไปทั้งตัว เวลาที่ผันผ่านทำให้เขาตระหนักในคำตอบได้เป็นอย่างดี หากแต่ความสับสนลังเลนั้นเข้าโรมรัน ระหว่างคำโกหกที่น่าฟังและความเป็นจริงที่น่ารังเกียจ คะน้าไม่รู้ว่าสิ่งใดที่จะดีกว่าสำหรับทั้งสองฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่พบเจอกับอะไรยากๆ แบบนี้ ความคิดและถ้อยคำมากมายที่เหมือนรอเพียงปลดสลักให้ออกมาถูกกลืนลงในลำคอ คะน้าในตอนนี้เหมือนกับคนที่เป็นใบ้ที่ไม่รู้วิธีสื่อสาร




“วันนั้นทิมบอกว่าเขาจูบคุณ”

ตุลหรี่ตามองมาที่คะน้าอีกครั้งในระยะห่างที่สม่ำเสมอ ดวงตาที่เวิ้งวางดุจมหาสมุทรที่กว้างใหญ่นั้นเต็มไปด้วยคำถามที่เจ็บปวด



“...ทิมบอกว่าคุณรักเขา”

ความตระหนักรับรู้ถึงความปวดร้าวในดวงตาคู่นั้นทำให้คะน้ารู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง ตุลสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกเหมือนพยายามจะเรียกเรี่ยวแรงกำลังให้กลับคืนมา หมอหนุ่มจ้องมองมาที่คะน้าด้วยแววที่ดูจะหลงเหลือซากพลังงานแห่งชีวิตแค่รวยริน ตุลระบายรอยยิ้มน้อยๆ ...เป็นรอยยิ้มที่หม่นจนน่าใจหาย

“แปลกไหมครับ? ...ที่ลึกๆ ในใจผมก็คิดอย่างนั้นมาโดยตลอด”

สองสามวินาทีที่มีแต่ความเงียบในอณูอากาศนั้นเนิ่นนานกว่าเข็มวินาทีเคลื่อนตัวไปข้างหน้าสองถึงสามจังหวะ ความหม่นเศร้าค่อยๆ ขยับแทรกไปยังช่องว่างระหว่างคนทั้งสองให้ดูกว้างกว่าระยะในความเป็นจริง คะน้ากลืนน้ำลาย รับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองที่แผ่วจนยากจะฟื้นกำลัง




“คุณเลือกเขาแต่แรกแล้ว แต่คุณอยู่กับผมเพราะกลัวว่าจะทำให้ผมเสียใจ”

คะน้านิ่งงัง เขาหันกลับไปมองใบหน้านั้นตรงๆ และไม่อาจละสายตาจากได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตุลเพิ่งเอ่ยประโยคนั้นออกมา รอยยิ้มที่คุ้นเคยยังเปรอะเปื้อนอยู่บนใบหน้า คำว่า เปรอะ หมายถึงอยู่ในสภาวะที่ไม่ควรจะพึงมี นั่นเป็นเพราะผู้พูดจงใช้สร้างมันขึ้นมาเพื่อเหตุผลบางอย่าง คะน้าคิดว่ามันคือหน้ากากที่ใช้ซ่อนเร้นความปวดร้าว

“ลึกๆ คุณเชื่อมั่นในตัวทิมมาโดยตลอด รู้ว่าเขาเข้มแข็งพอจะอยู่คนเดียวได้ คุณเลยเลือกที่จะอยู่ข้างๆ ผม ให้ความรักผมด้วยความห่วงใย ดีกับผมทุกอย่าง คุณไม่เคยทะเลาะกับผม หึ... คุณมีเซ็กซ์กับผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”

ตุลหัวเราะขื่น ร่องรอยแห่งความปวดร้าวดูหนักหนาเกินกว่าจะปิดบังได้อีกต่อไป คะน้านั่งนิ่งซ่อนตัวอยู่ในเปลือกของตัวเอง มีตัวตนให้มองเห็น แต่เป็นตัวตนที่ดูว่างเปล่าและไร้น้ำหนัก

“ผมเองก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจในตัวเอง ผม... ทำไมผมดูอ่อนแอและน่าสมเพชเหลือเกิน”

ไม่เคยคิดหรือคาดฝันว่าทุกอย่างที่ผ่านมาจะทำให้คนที่เขารักและห่วงมากที่สุดคนหนึ่งตกอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ แม้จะไม่อาจชดเชยอะไรได้ แต่สิ่งเล็กๆ สิ่งหนึ่งที่เขาพอจะทำได้ในเวลานี้นั้น คงเป็นถ้อยคำที่แสดงความรู้สึกออกมาจากส่วนลึกในใจ

“ตุล... ผม...”

“อย่าพูดคำขอโทษ ถ้ามีใครสักคนจะพูดคำนั้น คนนั้นควรจะเป็นผมเอง”

เสียงของตุลแทรกขึ้นมาในอากาศแล้วซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้ภายใต้กระจกสี่เหลี่ยมใส คะน้าอ่านสัญญาณนั้นไม่ออก ไม่รู้ว่าจะปรับตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร และจะมีทางไหนที่จะชดเชยในสิ่งที่เขาทำลงไปได้บ้าง

“ขอโทษนะครับกับทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา รู้ทั้งรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่มันก็ตัดใจไม่ได้สักที ผมพยายามเก็บคุณไว้ ยื้อให้นานที่สุด ที่สนามบินนั่น มันเจ็บจนแทบบ้า แต่ในใจที่เจ็บเหมือนจะตายกลับรู้สึกโล่งใจ ในที่สุดแล้ว ผมก็ปลดตัวเองออกจากความเห็นแก่ตัวได้เสียที จากนี้ไปคุณคงมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผม”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ”

“คะน้าครับ ...ที่ผ่านมา คุณคงคิดว่าผมเป็นคนที่เฝ้าดูแลคุณมาโดยตลอดใช่ไหม? แต่มันไม่ใช่เลย ความจริงก็คือ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ...ผมเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายถูกดูแล”

“อย่าเพิ่งแย้งผมเลย มันเป็นเพราะคุณไม่เคยคิดถึงอะไรพวกนี้ต่างหาก จะว่าไปมันคงเป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำไปโดยไม่รู้ตัวตามธรรมชาติของคุณล่ะมั๊ง แต่มันมีความหมายกับผมมากเลยนะ” ตุลระบายรอยยิ้มออกมาจนเต็มหน้า “ที่ผ่านมา คุณเลือกที่จะให้คนอื่นมีความสุขก่อนตัวเองมาโดยตลอด ดีกับทุกๆ คนรอบตัว คุณไม่เคยคิดร้ายกับใคร อาวุธของคุณคือความดี และไม่ใช่ดีแต่พูด คุณเป็นอย่างนี้โดยธรรมชาติของคุณจริงๆ” ถ้อยคำที่เป็นดั่งบรรณาการนั้นทำให้คะน้าได้แต่นั่งนิ่งๆ เปิดใจและลองรับฟังในอีกมุมหนึ่งที่ตัวเองไม่เคยได้ยิน

“แต่รู้ไหม? ยิ่งคุณดีกับผม ผมก็ยิ่งไม่อยากจะเสียคุณไป ทั้งๆ ที่ทำใจได้ไปแล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะเป็นฝ่ายที่ดูแลคุณบ้างถึงแม้ว่าจะต้องอยู่ห่างๆ โดยคุณไม่เห็นก็ตาม แต่พอทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ผมก็ตัดใจไม่ได้ สุดท้ายผมก็ยังหน้าด้านขอโอกาสกับคุณอยู่ซ้ำๆ” สิ่งที่รออยู่ที่จุดหมายปลายทางนั้น ใช่ว่าตุลจะไม่รู้มาก่อน หากแต่สิ่งนั้นมันดูเป็นสิ่งที่ยากเย็นสำหรับเขาที่จะยอมรับได้เท่านั้น




“การตัดใจจากคุณมันไม่ง่ายเลย”

“ผมขอโทษนะตุล” ในห้วงเวลานี้นั้น ไม่มีสิ่งใดที่เขาพอจะทำไปได้มากกว่าคำพูดสั้นและเชยแบบนี้ ตุลเอียงใบหน้าขึ้นแล้วจ้องมองมาที่คะน้า สบลึกไปในแววตา



“คุณยังรักเขาอยู่ใช่ไหม?”

อีกครั้งที่คะชะงักงันเข้าจู่โจมเขา สิ่งที่เป็นจริงมากกว่าคำพูดและความสั่นสะเทือนของกล่องเสียงนั้นคือความรู้สึกของคะน้าในตอนนี้ แม้ว่าทิมดูร้ายกาจและเปี่ยมไปด้วยเล่ห์กลสารพัด แม้จะเต็มไปด้วยถ้อยคำที่จำแนกไม่ได้ระหว่างความจริงและกลลวง และแม้ว่าเขาเลิกเชื่อไม่คิดจะฟังไม่ขอรับรู้ใดๆ อีก หากแต่ความลังเลลึกๆ ในใจของคะน้านั้นยังอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก ...และเขาโกหกความรู้สึกนั้นของตัวเองไม่ได้เลย



“ความรักมันเป็นอย่างนี้สินะ”

เสียงของตุลที่ดังขึ้นเหมือนกับตัวอักษรที่พิมพ์ด้วยหมึกสีจางๆ ขาดห้วง และบางเบา ใบหน้าดูว่างเหมือนแผ่นกระดาษที่มีหมึกสีดำแต้มเป็นรอยคิ้วเหนือดวงตาที่จ่อมลงในความมืดอันลึกล้ำ กระนั้น แค่เพียงเข็มวินาทีเดินหน้าไปไม่กี่ครั้งตุลก็ปรับสีหน้าขึ้นจนดูแทบจะเป็นปกติ รอยยิ้มนั้นแม้จะดูไม่เบิกกว้างเต็มที่ แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงที่ปราศจากการเสแสร้ง คะน้าเดาว่ามันคือจุดปะทะกันระหว่างความรู้สึกสูญเสียและความโล่งใจ โดยที่ชัยชนะนั้นตกไปอยู่กับฝ่ายหลัง

“ตุล... ผมในตอนนี้กลายเป็นคนที่เลิกเชื่อมั่นในความรักไปแล้ว หัวใจมันก็แค่อวัยวะหนึ่งที่ทำหน้าที่แค่เพียงสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายให้อยู่รอด จริงอยู่ที่ในส่วนลึกผมยังรู้สึก แต่ผมไม่กล้า ไม่ศรัทธาหรือคาดหวังอะไรอีกแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงนี้ หรือบางทีอาจจะไม่มีวันสิ้นสุดด้วยซ้ำ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ผมมาโดยตลอดนะครับ แต่ผมไม่คู่ควรกับสิ่งดีๆ เหล่านั้นเลย”

“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ” ตุลแย้งขึ้น สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความไม่เห็นด้วย คะน้าเพียงแค่ยิ้มกลับด้วยแววตาที่สงบนิ่ง

“คราวนี้ผมขอคำสัญญาบ้างจะได้ไหมครับ ตุลสัญญากับผมได้ไหมครับ ว่านับจากนี้จะมีความสุขที่สุด ร่าเริง หัวเราะกับทุกช่วงเวลาอย่างเต็มที่ และจะใช้ชีวิตให้ดีที่สุด ...จนกว่าจะพบกับคนที่ดีกว่าผม”

“...คะน้า”

“สัญญากับผมได้ไหมครับ”

คะน้ามองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่เติบโตขึ้นกว่าวันวาน เขาในตอนนี้เข้มแข็งขึ้นทีละน้อยจากอุปสรรคและปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในช่วงเวลาหลายวันที่ผ่านมา คะน้าพูดทุกคำออกจากความรู้สึก ไม่มีแม้การปั้นแต่งถ้อยคำให้สวยหรู และสิ่งนั้นก็ชัดเจนและแน่วแน่จนทำให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ ตุลคลี่ยิ้มขึ้นมาทีละน้อยกระทั่งเป็นรอยยิ้มกว้างแบบที่เขาคุ้นตา

“ครับ ผมสัญญา”

อากาศในตอนเย็นเต็มไปด้วยความซึมเซาและสีเทาหม่น กระนั้นก็อบอวลไปด้วยความเข้าใจ ตุลลากลับไปพร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นของผักกาดที่เพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน ผู้เป็นพี่สาวไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่าถ้อยคำทักทายเมื่อกลับถึงบ้าน จิบน้ำเย็นๆ แล้วนั่งนิ่งๆ อยู่กับตะกอนความคิด หลังจากมื้ออาหารที่ปรุงด้วยไมโครเวฟเช่นเดียวกับตลอดหลายวันมานี้ หญิงสาวก็ถอนหายใจจนนับไม่ถ้วน ใบหน้าที่เหมือนกับยังไม่ฟื้นจากฝันร้ายนั้นทำให้คะน้ารู้สึกเป็นห่วง แม้ว่าเขาอยากจะไต่ถามแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จนสุดท้าย ผักกาดก็พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง

“นับจากคุยกันคราวนั้นมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย วันนี้พี่เพิ่งรู้ว่าเราถูกบีบจากธาดาพิพัฒน์ ที่ของเราตอนนี้กลายเป็นที่ตาบอด ทำอะไรไม่ได้เลย”

“คืออะไรครับ” ความไม่เข้าใจพุ่งขึ้นในใจของคะน้า

“ธาดาพิพัฒน์เพิ่งกว้านซื้อที่รอบๆ ตลาดจากชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายตอนไฟไหม้ด้วยราคาที่สูงลิ่ว แน่นอนว่าข้อเสนอที่น่าสนใจทำให้ใครๆ ก็ไม่อยากปฏิเสธ เมื่อบริเวณที่ดินรายรอบทั้งหมดเป็นของเขา ที่เราก็เหมือนถูกตีกรอบไม่มีทางออกสู่ถนนได้ เรากำลังถูกบีบให้ขายทิ้งเท่านั้น” ผักกาดถอนหายใจยาวแล้วฝังใบหน้าลงบนฝ่ามือทั้งสองของตัวเอง

ทิมอย่างนั้นหรือ?

ในใจของคะน้าอดที่จะคิดอย่างนั้นขึ้นมาไม่ได้ แม้จะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด แต่ลางสังหรณ์บอกเขาว่าทิมต้องมีส่วนรู้เห็นกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จนกว่าที่ปริศนาทุกอย่างจะคลี่คลาย คำถามนั้นจะยังดังก้องอยูในใจของเขาด้วยความเจ็บปวดและฟังดูราวกับจะดังเช่นนั้นไปตลอดกาล

“ผมไม่ค่อยอยากเชื่อว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ความรู้สึกมันเทไปที่ธาดาพิพัฒน์เป็นคนเล่นงานเรา และเราจะไม่อยู่เฉย” เขายืนยันในความคิด ผักกาดมีท่วงท่าที่ลังเลกลับ เธอพูดช้าๆ และไตร่ตรองคำพูดอย่างระมัดระวัง

“มีหลักฐานบางอย่างระบุว่าทิมอยู่บริเวณตลาดในเวลาที่ไฟไหม้”

ความสั่นสะเทือนของเสียดเสียงในอากาศดูเหมือนจะส่งตรงเข้าสู่หัวใจแล้วลามไปแข้งขา ก่อนที่แรงไหวนั้นจะกลายเป็นความหน่วงชาไปทั่วร่าง น้ำเสียงของคะน้าในเวลานี้แห้งโหยและเบาบางเหลือเกิน


(มีต่อด้านล่างอีกนะครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-02-2013 17:30:19
(ต่อครับ)




“อย่างนั้นหรือครับ”

ผักกาดถอนหายใจแล้วกดใบหน้าตัวเองลงด้วยความเรียบเฉย เป็นความนิ่งที่อัดแน่นไปด้วยความคิดต่างๆ นานาซึ่งคะน้าพอจะอ่านออกผ่านดวงตาที่กลอกกลิ้งเหมือนใคร่ครวญบางสิ่งบางอย่างอยู่ “แต่ตอนนั้น พวกเรากลับไม่เห็นเขาอยู่ที่นั่น ทุกอย่างดูขัดแย้ง พี่กำลังรอทางตำรวจสรุปหลักฐานที่แน่ชัดอีกที”

หลังจากนั้นผักกาดไม่ได้พูดถึงสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆ อีก บทสนทนาจึงหยุดอยู่ที่กลุ่มควันสีเทาที่รอให้ลม แสงแดด หรืออะไรสักอย่างที่จะพัดพาหรือขับไล่มันออกไปจนอะไรๆ ชัดเจนขึ้น คืนนั้นคะน้าหงายฝ่ามือขึ้นแล้ววางบนหน้าผาก เคาะนิ้วตัวเองเป็นจังหวะในอากาศที่ว่างเปล่า สมมติฐานและมูลเหตุบางอย่างที่ปะติดปะต่อเป็นเรื่องราว จัดเรียงจนเป็นระเบียบเป็นที่เป็นทาง และเมื่อเชื่อมโยงและผนวกความคิดที่เคยมองข้ามหรือหลงลืมไปแล้วจนเป็นกลุ่มก้อนได้สำเร็จ ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นมาไล่ภาพต่างๆ ที่ถ่ายดู เปรียบเทียบกับร่องรอยต่างๆ จากเสี้ยวความจำแล้วมองหาจุดแตกต่าง

คะน้าหยุดนิ่งและมองดูภาพแนวสายไฟที่เดินเชื่อมต่อกับแสงสว่างและเครื่องขยายเสียงทั่วตลาด สายไฟเหนือแผงหอยทอดของสายใจนั้นเล็กและเปรอะไปด้วยคราบน้ำมันจนดำลื่น ไม่มีอะไรน่ามองและน่าสนใจ จุดยึดสายไฟนั้นแหว่งเว้าคล้ายกับโดนใครกระชากให้ขาดสะบั้นลงมาทั้งที่อยู่สูงและไม่โดนเปลวเพลิงเผาไหม้ นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ดูมีเงื่อนงำ จากจุดเริ่มต้นคะน้าค่อยๆ เปรียบเทียบไปสู่จุดต่างๆ ในตลาด ลอดอุโมงค์ต่างๆ ในความคิด ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน กระทั่งเจอกับทางออกที่เห็นแสงสว่างกองอยู่ที่ปลายเท้า

เขามั่นใจ มันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา ใครสักคนจงใจทำให้มันดูคล้ายกับอุบัติเหตุต่างหาก และความมั่นใจนั้นก็มากกว่าทุกความนึกคิดที่ผ่านมา ที่ต้องการก็คือหลักฐานอีกนิดหน่อยเพื่อเปรียบเทียบและยืนยันว่าความสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ไร้สาระจนหาความไม่ได้

คะน้าหลับตาลงพร้อมกับหัวใจที่ไหวจนอยากกระโจนไปจัดการกับไอ้บ้าสักตัวที่ทำเรื่องที่ชั่วช้าแบบนี้ แต่เขาต้องนิ่ง ...นิ่งและสงบกว่านี้อีกสักนิด จนกว่าที่เขาจะมีหลักฐานทุกอย่างมากพอ และเมื่อเวลานั้นมาถึง เขาจะมัดเงื่อนทุกอย่างเข้าด้วยกันจนแน่น ต่อให้เป็นธาดาพิพัฒน์ก็สลัดไม่หลุด และคะน้าก็สามารถทำได้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลอย่างคุณธาดา

...หรือแม้แต่จะเป็นทิมก็ตาม

วันรุ่งขึ้น แผนการที่ได้ครุ่นคิดมาเป็นอย่างหนักและรอบคอบเป็นเวลาหลายชั่วโมงเริ่มดำเนินการตามวิถีของมัน คะน้ารอให้เวลาพลบค่ำก่อนจะออกเดินทางไปตลาดอีกครั้ง เหตุที่ต้องไปเวลาโพล้เพล้เพราะชายหนุ่มต้องการเปรียบเทียบระบบการติดตั้งสายที่ต่อเชื่อมจากระบบไฟฟ้าตามท้องถนนของทางการ และจุดเชื่อมและข้อต่อต่างๆ ภายในตลาด ระบบของดวงไฟเหล่านั้นจะทำให้เห็นความบกพร่องชัดเจน

ยามคนเดิมยังนั่งคออ่อนอยู่อย่างที่เขาเห็นในวันก่อน คนอื่นๆ ในบริเวณใกล้ๆ ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ป่วยการจะปลุกหรือเรียกให้ได้ความ คะน้าลอดตัวเองผ่านเชือกที่ขึงอยู่ด้านนอกเข้าไปในซากตลาดอีกครั้ง ความคุ้นเคยทำให้เขายังคงเคลื่อนที่ได้แม้ในสถานที่ซึ่งมีแสงเบาบางลงทุกที คะน้ามีไฟฉายในมือหนึ่งกระบอก กล้องดิจิตอลอีกตัวที่สามารถซูมได้ในระยะไกลหลายสิบเท่า รวมทั้งโทรศัพท์มือถือที่พกติดตัวด้วยคุ้นเคย เจ้าของพื้นที่มองดูทุกอย่างรอบๆ ตัว พินิจพิจารณาจากภาพต่างๆ ที่ถ่ายไว้ยิ่งน่าสงสัย แม้สายไฟจากจุดเกิดเหตุจะถูกเผาไหม้ไปหลายส่วน หากแต่ร่องรอยบางอย่างยังคงอยู่ คะน้ากดถ่ายภาพอีกหลายครั้ง แสงวาบจากแฟลชสะท้อนขึ้นไปมา ...ก่อนที่แขนของเขาจะถูกกระชากจนร่างกายเสียการทรงตัว

“กล้องนี้ท่าทางจะหลายตังค์ กูขอแล้วกันนะ” คะน้าแหงนหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ ก่อนที่หัวจะหมุนด้วยแรงกระแทกจากด้านหลัง เขาร้องโอยและยกมือขึ้นกุมศีรษะด้วยปฏิกิริยาจากความเจ็บปวด

สิ่งให้แสงสว่างที่เพิ่งร่วงลงพื้นกลายเป็นอาวุธที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเขาเอง คะน้าถูกฟาดซ้ำด้วยกระบอกไฟฉายเข้าที่เดิม เจ็บเอาการ แต่ก็ไม่ถึงกับเลือกตกยางออกและสติก็ยังทำงานได้ดี ประสาทการรับรู้แยกการทำงาน ในความเจ็บแปลบบนหัว สายตาของเขาก็กวาดไปรอบๆ ตัว มีผู้ชายสามคนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามอซอ คะน้าจำหน้าพวกนี้ได้ พวกนี้คือแก๊งค์วัยรุ่นเมากัญชาที่เขาเห็นในตอนสำรวจครั้งก่อน

ไม่น่าไหว

พิจารณาจากหน่วยก้านและสภาพการณ์แล้ว เขารู้สึกลังเลอยู่มาก ตัวต่อตัวไม่เป็นปัญหาสำหรับคะน้า แต่หมาหมู่สามต่อหนึ่งนั้นไม่ใช่ง่ายที่จะรับมือ ช่วงเวลาที่กำลังครุ่นคิด กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหวี่ยงกระบอกไฟฉายตั้งใจจะฟาดซ้ำอีกรอบ คะน้ารีบพลิกตัวหลบ และก็พ้นไปอย่างหวุดหวิด เสียงหัวเราะขบขันที่น่ารังเกียจดังขึ้นในหมู่พวกมัน นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่คะน้าเห็นว่าสิ่งมีชีวิตในร่างมนุษย์พวกนั้นดูเหมือนจะมีการมึนอยู่ด้วยฤทธิ์สารเสพติดบางอย่างอยู่ ทั้งยังเลินเล่อประมาท และไม่ได้ระวังตัวอย่างที่ควร ...ความหวัง แม้จะเพียงน้อยนิดก็ถือว่าเป็นความหวัง คะน้าสูดลมหายใจเข้าลึก นับลมหายใจรอจังหวะที่พลั้งเผลอของอีกฝ่าย

ตอนนี้ล่ะ!

จังหวะที่มาถึง คะน้าก็กระโจนขึ้นพร้อมกับสองแขนที่กางออก กวาดรวบวัยรุ่นเมายาสองคนในเสี้ยววินาทีที่รวดเร็วแล้วชาร์จเข้าชนกับคนที่เหลืออย่างเต็มแรงจนทั้งหมดรวมทั้งตัวเขาด้วยกระเด็นกระดอนล้มลง คะน้าตั้งสติแล้วรีบดันตัวขึ้น ไม่ลืมจะซัดหมัดข้างขวาแบบไม่เล็งเป้าหมายไปข้างหน้าเพื่อถ่วงเวลา สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเอาตัวออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดพร้อมกับกล้องถ่ายรูปที่มีทุกอย่างที่เขาต้องการ มือซ้ายกวาดไปที่พื้นแล้วคว้าสายกล้องก่อนจะกระชากกลับจากมือของใครสักคนในสามคนตรงหน้า คะน้าลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งสุดกำลัง

เขาไม่ชอบทะเลาะวิวาทและการเอาตัวเองไปข้องเกี่ยวกับพวกติดยานับว่าไม่คุ้มเอาเสียเลย คะน้าทะยานตัวไปข้างหน้า ร้องเรียกความช่วยเหลือจากเหล่ายามที่กำลังนั่งสัปหงกหรือทำกิริยาเอื่อยเฉื่อยอยู่ ผู้รักษาความปลอดภัยย่อมมีหน้าที่รักษาความปลอดภัย แค่เพียงได้ยินเสียงเรียก สัญชาติญาณที่ตื่นตัวก็ปลุกให้พวกเขากลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง ยามนับสิบคนกรูกันเข้ามาหาคะน้าในเวลาสองนาที

“มีอะไรหรือครับคุณเจ้าของที่” ยามที่เจอในวันก่อนทักคะน้าแบบนั้น ไม่รู้ว่าด้วยความคุ้นตาหรือเพราะคุ้นในธนบัตรสีเทาที่ได้รับไปในวันก่อน

“มีวัยรุ่นเมายาสามคนข้างในจะแย่งกล้องของผมไป ยังไงพวกพี่ช่วยไล่ออกไปจากที่นี่และกันอย่าให้เข้ามาได้อีกนะครับ เป็นพวกคนประเภทที่อันตรายมากด้วย” คะน้าแจงให้กับทุกคนได้ฟัง ยังหอบอยู่จากการวิ่งเมื่อครู่

“พวกขี้ยาเหรอ ไอ้พวกนี้น่ะนะ แม่งงงง” เสียงสบถของยามดังสนั่น “พี่นำผมเข้าไปหน่อยได้ไหม เกิดเหตุตรงไหน ผมต้องบันทึกรายงานหัวหน้า ไอ้พวกนี้แม่งหาเรื่องให้พวกกูซวยจริงๆ”

ว่าแล้วก็เดินนำเข้าไปข้างในพร้อมกับยามที่เหลืออีกหลายคน คะน้าพิจารณาชายร่างกำยำนับสิบคนตรงหน้า ติดอาวุธแบบหนักและเบาสลับกันไป อาวุธเบาในที่นี้คือพวกกระบองไม้ขนาดกระชับมือ ส่วนชนิดที่ว่าก็คือปืนสั้นที่พกไว้ในกระเป๋าเล็กๆ ตรงบั้นเอว แม้ไม่อยากจะเข้าไปมีเรื่องมีราวกับพวกนั้นอีก แต่คะน้าก็อยากให้เรื่องจบๆ ไปดีกว่าจะมีใครต้องได้รับอันตรายเพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้อีก

ลัดเลาะเข้าไปข้างในจนขึ้นจุดเกิดเหตุ วัยรุ่นทั้งสามยังยืนนิ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้นมาก่อน ยังไม่ทันจะได้แจกแจงอะไร ภาพแรกที่เห็นก็คือหนึ่งในกลุ่มยามนั้นเดินตรงไปที่กลุ่มวัยรุ่นมึนเมาพวกนั้นแล้วง้างมือฟาดไปบนหน้า!

เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปก้องบริเวณราวกับสายฟ้าฟาดสามครั้งติดๆ แล้วทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง คะน้ายืนอึ้ง นึกแปลกใจในความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นลงมือกับคนพวกนั้น เสียงตวาดของผู้ลงมือดังลั่นจนก้อง

“ไอ้เหี้ย! พวกมึงจะทำให้พวกกูซวยไม่รู้ตัว แค่นี้ก็ให้พลาด”

“แค่นี้ก็ให้พลาด?”

คะน้าทวนคำด้วยนึกประหลาดใจ ทันใดนั้นกล้องดิจิตอลที่สะพายอยู่บนใหญ่ก็ถูกกระชากออกด้วยฝีมือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างๆ ตัว คะน้ายืนงง มึนจนทำอะไรไม่ถูก ยามคนนั้นแกะเอาเมมโมรีการ์ดที่ใช้บันทึกออกมาแล้วหักทิ้งลงคามือ

“แค่กระต่ายตัวเล็กๆ พวกมึงก็ไม่มีปัญญา นับประสาจะทำมาหาแดกอะไร สุดท้าย ก็พวกกูออกแรงทุกที”

“นี่มันอะไร”

คะน้ารำพันอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเริ่มเข้าใจอะไรทุกอย่างมากขึ้น คิดว่าเข้าใจแบบไม่มีพลาดแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าอยากจะให้มันเป็นการเข้าใจผิดมากแค่ไหนก็เถอะ ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจริง ไม่มียาม ทุกอย่างเป็นเพียงแค่การจัดฉากเพื่อป้องกันหลักฐานที่อาจหลงเหลือบางอย่างในที่นี้ให้เป็นความลับที่มืดดำจนไม่มีใครรู้ต่อไป แต่ใครที่เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ ...ธาดาพิพัฒน์อย่างนั้นเหรอ?

หรือว่า...

“ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ คุณเจ้าของที่ไม่ต้องรู้อะไรมากหรอก” ยามคนนั้นยิ้มหน่ายๆ แล้วปลดอาวุธออกจากกระเป๋าหนังข้างสะโพก เป่าลมเหมือนไล่ฝุ่นเล็กน้อยและเช็คลูกกระสุน คะน้ากวาดสายตาไล่ไปที่ทุกคนที่เหลือ มียามทั้งหมดเก้าคน ทุกคนยืนหัวเราะชอบใจ นั่นรวมไปถึงวัยรุ่นขี้ยาสามคนนั้นด้วย เสียงหัวเราะที่ทำให้คะน้าเย็นวาบไปถึงสันหลังนั้นดังสนั่น เดรัจฉานในคราบผู้รักษาความปลอดภัยติดอุปกรณ์บางอย่างที่ปลายกระบอกปืน คะน้าเดาว่ามันคือสิ่งที่ช่วยเก็บเสียงที่ดังลั่นเวลาลูกตะกั่วดีดตัวออกจากปลายกระบอกเล็กๆ นั้น

“วิ่งสิ หนีให้ได้นะเจ้ากระต่ายน้อย วิ่งให้สุดแรงเกิดเลย เพราะเดี๋ยวเกมล่าสัตว์มันก็จะเริ่มต้นแล้ว”

คะน้าเริ่มวิ่ง วิ่งแบบที่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปที่ไหน เขาไม่รู้จุดหมายของการเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เพียงแต่สมองในตอนนี้ออกคำสั่งให้รีบพาตัวเองออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด สองขาก้าวสลับราวกับไม่เหน็ดเหนื่อย เขาหวาดกลัว เสียขวัญ ตกใจ และตกอยู่ในสภาวะที่เกือบจะเรียกได้ว่าสิ้นไร้สติ แม้ว่าจะพยายามแล้วที่จะควบคุมสัมปชัญญะทั้งหมดที่มี หากแต่มันก็ล้มครืนอย่างไม่เป็นท่า มองไม่เห็นทางชีวิตของตัวเองจะรอดจากกระบอกปืนในพื้นที่ที่รกร้างปราศจากผู้คนนี้ได้อย่างไร เขาเริ่มหอบ ...หอบจนสะเทือนไปทั้งตัว คะน้าไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเหนื่อยหรือความหวาดกลัว เสียงหัวเราะครื้นเครงไล่ตามมาด้านหลังเหมือนเงาที่เกาะเขาไปทุกหนแห่ง



“ตายไปพร้อมกับเรื่องที่เสือกเข้ามาจุ้นนั่นล่ะ”

ฟิ้ววว!!!

เสียงนั้นราวกับสายลมพัดด้วยความเร็วสูง หลังคาด้านบนเหมือนถูกปะทะด้วยอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น แผ่นกระเบื้องเหล่านั้นจึงแตกยับและร่วงกรูลงมามากมาย

“แบบนี้ค่อยน่าสนุกหน่อย”

มีเสียงหัวเราะเฮลั่นพร้อมกับเสียงโห่ร้องราวกับได้พบเห็นหรือได้ฟังเรื่องที่น่ายินดี คะน้าวิ่งหนีซมซาน หัวใจไหวสะท้านด้วยความรู้สึกช็อคสุดขีด เขาสะเปะสะปะเหมือนคนที่สูญเสียการทรงตัว ไม่รู้จะไปต่อที่ไหนหรือจะหนีอย่างไร เสียงตะโกนตามหลังและฝีเท้าดังตามมาในระยะที่ไม่ไกลนักก่อให้เกิดความพะวงจนทำให้เขาไม่รู้ตัวถึงคนที่กระโจนเข้ามาใกล้

ช่วงวินาทีที่ไวจนตาแทบมองไม่เห็นนั้น น้ำหนักที่ถาโถมและแรงก็ฉุดกระชากก็ดึงเขาให้จมหายลงไปในกองเศษไม้ที่ทับถมอยู่ระหว่างทางเดินในพริบตา ความตกใจและหวาดหวั่นทำให้ออกแรงขืนตัวเต็มกำลัง หากแต่อุ้งมือที่แข็งดั่งกรงเหล็กถูกยกขึ้นแล้วกดลงบนปากจนไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ในความเงียบงันที่คะน้าได้ยินถึงจังหวะหัวใจตัวเองที่รัวราวกับจะระเบิดนั้น เสียงที่คุ้นหูก็เสียดดังขึ้นในระยะประชิด

“อยู่นิ่งๆ”

ร่างกายไหวสั่น คะน้าเผลอทำตามคำสั่งที่เป็นเพียงเสียงกระซิบนั้นโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดสงบ ข่มตัวเองจนนิ่งไม่ไหวติงแล้วรอให้เวลาดำเนินผ่านไปช้าๆ เพียงครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงสบถดังขึ้นด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับฝีเท้ามากมายที่ตามมา

“เฮ่ยยย! มันหายหัวไปไหนของมันวะ! เร็วฉิบ!”

หัวใจของคะน้าเต้นรัวจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขากลั้นหายใจ ไม่สิ! หยุดหายใจไปชั่วขณะ แต่เขารู้ดีว่ามันไม่ใช่สมมติฐานที่เขาตั้งเอาไว้เลย อันที่จริงคะน้าลืมวิธีหายใจไปแล้วต่างหาก

เจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่เงี่ยหูฟังเสียงต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวกระทั่งมันค่อยๆ ไกลห่างออกไป เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ในสภาวะที่พ้นขีดอันตราย คนที่อยู่ด้านหลังก็เริ่มคลายสัมผัสที่รัดจนเจ็บนั้นออก เหลือเพียงการกอดแน่นๆ ในท่าทีที่สงบลงเล็กน้อยเป็นปราการปกป้อง ฝูงปีศาจร้ายพวกนั้นผ่านพ้นไปสักพักแล้ว หากแต่จิตใจของคะน้าในตอนนี้กลับรู้สึกกระเจิดกระเจิงยิ่งกว่าเดิม ...โสตประสาทของเขานั้นจดจำสำเนียงเสียงทุ้มได้เป็นอย่างดี

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เนื้อเสียงที่แข็งกร้าวเจือไปด้วยความอ่อนโยน เป็นนาทีเดียวกับที่ฝ่ามือซึ่งกดแน่นอยู่บนปากค่อยๆ คลายตัวออกช้าๆ ความรู้สึกในใจขณะนี้เต็มไปด้วยความสับสน ประหลาดใจ คะน้าได้แต่นิ่งเงียบและเลือกที่จะส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ

มีเสียงผ่อนลมหายใจเหมือนโล่งอกดังขึ้นที่ในระยะที่เกือบจะแนบชิดกับใบหน้าของคะน้า คนๆ นั้นโอบเขาให้นั่งบนตักแล้วลูบไล้เส้นผมไปทั่วทั้งหัวด้วยสัมผัสแผ่วเบาที่คุ้นมือ

“เอาล่ะ ฟัง... และอย่าส่งเสียงดัง”

เสียงแผ่วราวกับคำกระซิบข้างๆ หูนั้นมีเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ข้อตกลงนั้นถูกยอมรับด้วยการพยักหน้าของคะน้า เขานั่งนิ่งจนไม่ขยับ ทำใจให้สงบ และพอทุกอย่างเริ่มเข้าที่ สติที่เต็มเปี่ยมนั้นก็สัมผัสได้ถึงไอร้อนออกตามร่างกายจนชุ่มเหงื่อของคนที่อยู่ด้านหลัง เบาะหนุนนั่งที่มีชีวิตกำลังหอบเหนื่อยตามจังหวะหายใจ

“มีเรื่องต้องพูดกันมากมาย แต่คงต้องหลังจากเรารอดไปจากที่นี่ ตอนนี้...ขอแค่สั้นๆ ก่อน”

ในแสงที่ไม่แจ่มชัด สายตาของคะน้าปรับตัวเข้าหากับเงาดำที่นิ่งสงบตรงหน้าจนเห็นชัดเจนเต็มตา คนๆ นั้นจ้องมองมายังคะน้าแน่นิ่งไม่หวั่นไหว เขายังเหมือนเดิมที่รู้จัก มีใบหน้าที่คมคายได้รูป และมีดวงตาสีกาฬที่มุ่งมั่นราวกับไม่เคยกลัวต่อสิ่งใด


“พี่ครับ ยังเชื่อผมอยู่ไหม?”


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ถ้าเพื่อนๆ เป็นคะน้าจะตอบว่าอะไรนะ แล้วคิดว่าต่ายซังจะตอบไปว่ายังไงหนอ :กอด1:
พักหลังๆ รู้สึกว่าใช้ภาษายากขึ้น พิมพ์ติดๆ กันมากขึ้น อาจอ่านแล้วลายตาหน่อยนะครับ
แต่ก็อยากขอให้ฝืนทนกันหน่อยนะ คือไม่รู้ยังไงถึงติดพิมพ์แบบนี้ไปได้ 5555555

+1 ให้กับทุกๆ ความคิดเห็นครับ ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาร่วมสนุกและพูดคุยกัน
ฝากตอนนี้อีกตอนนะครับ หนทางไปถึงตอนจบอยู่อีกไม่ห่างไกลเท่าไหร่แล้ว
อยู่เป็นเพื่อนมาช่วยลุ้นต่ายน้อยกันต่อนะครับ จะเป็นยังไงต่อ โปรดติดตามตอนต่อไป

น้องๆ ที่อยู่ในช่วงสอบ อย่าลืมอ่านหนังสือด้วยนะครับ ขอให้ได้คะแนนเยอะๆ เลย o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-02-2013 17:52:10
เชื่อออออ
ทิมคัมแบ็คคคคคค
พระเอกยังไงมันก้ต้องเป็นพระเอกสิวะคับ แหม่
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: salemon ที่ 28-02-2013 17:55:28
ตกลงมันคืออย่างไงงง
อยากจะชักปืนยิงพวกเลวจัง แม่งง
สงสารต่ายน้อย :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: rewshin1 ที่ 28-02-2013 17:56:48
คนที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นมากกว่าใครคงจะเป็นคุณคนเขียน สินะสินะ
อุซางิจัง กอดแน่นๆ ∏^∏
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 28-02-2013 18:00:56
โอยยยยยยยย
ใจหายใจคว่ำ ตอนที่รู้ว่ายามมันพวกเดียวกันนี่โคตรช็อค คะน้าตรูจะทำยังไงงงง
ในที่สุดก็โผล่มา ทิมเอร๊ยยยยยยยยยยยยย
สรุปที่จูบกันก็ไม่ได้เพราะรักสินะ โล่งไปอีกเรื่อง  :call:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 28-02-2013 18:19:37
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

เรื่องนี้มันต้องมีมือที่ 3 4 5 แน่ ๆ

 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nubuggy ที่ 28-02-2013 18:23:07
แล้วถ้าบอกว่า ทิมจัดฉากให้ รปภ หรือ เด็กขี้ยา มาทำร้ายต่ายน้อย แล้ว ตัวเองแสร้งเป็นพระเอกขี่มาขาวมาช่วยละ  เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาดหลอกแสร้งว่า รัก ว่าชอบป่านจะกลืนยังทำมาแล้วเลย จัดฉาดแค่นี้ ทำไมจะทำไม่ได้   กระต่ายน้อยจะ ยังยอมโดนหลอกรอบ สองไหมน้า   ต้องรอดู ตอนจบ 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 28-02-2013 18:35:21
ในที่สุดทิมก็มาแล้วววววววววววววววว
มาแล้วทำตัวดีๆนะ บอกความจริงมาให้หมดนะ
อย่าทำเค้าดราม่าอีกเลย หน่วงมาหลายวัน เหมือนโดนยาพิษติดๆกัน
จนต้องไปหา เรื่องอื่นมาแก้พิษ แต่ก็ยังไม่หาย โฮ๊วววว
มาต่อเร็วๆนะคะ เค้ารออ่านเสมอๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 28-02-2013 18:40:22
หาเหตุผลของการกระทำมาให้ได้นะทิม o18

ไม่งั้นตายยย :angry2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 28-02-2013 18:51:50
 :undecided:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 28-02-2013 18:56:42
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ๊ยยย ต่ายของเจ๊สะบักสะบอมอีกแล้ว
รอเฉลยเบื้องหลังเบื้องลึกนะคะ คนแต่ง
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 28-02-2013 18:58:00
โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ

ทิม ชั้นเชื่อ อย่าทำให้ผิดหวังอีกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดด

 o22

//ชั้นเชื่อคนง่ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥KïssKïss_KÚRÚ♥ ที่ 28-02-2013 18:58:17
ไม่เชื่อละได้มั้ย

เค้ากลัวคนแต่งแกล้งอีก กลัวจะอดใจกระโดดถีบขาคู่ไม่ไหว555 :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 28-02-2013 18:59:34
ใครไม่เชื่อ ป้ายังเชื่อพี่ทิมนะจ๊ะ
เล่นถึงชีวิตขนาดนี้ต้องไม่ใช่ทิมแน่ๆ
ใครนะอยากให้คะน้าตาย......จะเป็นแนนรึเปล่า

ไม่เข้าใจข้อแถลงของหมอตุล จูบเพราะขยะแขยง ยังไงฟระ
ตกลงคุณหมอได้ทั้งรุกทั้งรับเลยใช่ไหม เอนกประสงค์จริงๆ

ขอบคุณที่มาต่ออย่างไว น่ารักจริงๆเลยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 28-02-2013 18:59:44
ต่ายจ๋า ต่ายเชื่อทิมนะ นะๆๆๆๆ
ต่ายคนดีของทิม เชื่อทิมอยู่แล้วเนอะ :give2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RUMAK123 ที่ 28-02-2013 19:01:07
 :a5: :a5: :a5:
+ เป็ดรัวๆๆ (ถ้าบวกได้หลายครั้งคงจะดี)

ไม่ไหวแล้ววววว อยากอ่านต่อออ  :z3: :z3: :z3:

พี่เชื่อทิมจ่ะ ต่ายเชื่อไหมนั้นไม่เป็นไร พี่เชื่อทิมนะจ๊ะ  :impress3: :impress3:
 
สงสารน้องต่ายอ่ะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: saruwatari_guy ที่ 28-02-2013 19:03:18
โอ้ยยยยย มึน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 28-02-2013 19:24:39
โอ๋ว..... อะไร ยังไง..... !!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 28-02-2013 19:34:46
ตอบแทนกระต่ายน้อยได้ไหมคะ  :L1:
ยังเชื่ออยู่เต็มหัวใจเลยค่ะ!

ตอนวิ่งหนียาม อ่านแล้วมันดีค่ะ ยิ่งทำให้คิดถึง
นิยายฝรั่งที่เคยอ่าน ... ไปหาอ่านอีกรอบดีกว่า ^ ^

รอตอนต่อไปเลย!!   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 28-02-2013 19:43:01
เชื่อค่ะ !!! พี่ยังเชื่อทิมเสมออออออ แอร๊ยยยยย >\\\\\\< (ได้ข่าวว่าเค้าถามคะน้าา กร๊ากกกกกกกก)
จะดูลำเอียงไปมั้ยย ถ้าไม่เชื่อที่ตุลพูดเลยย ยังรุ้สึกว่าตุลมีอะไรขัดแย้งในตัวเยอะ เบื้องหลังหลายๆเหตุการณ์แล้วอาจเป็นตุลรึเปลา?
ที่ทิมต้องทำไม่ดี พูดไม่ดีกับคะน้าเหมือนตามแผน ให้ตุลตายใจอะไรแบบนี้  (หาเหตุผลมาเข้าข้างทิมสุดๆ >___>)
แล้วตอนจูบกับทิมนี่ทิมจูบพิสูจว่าตุลยังชอบตัวเองไรงี้  สรุปถ้าสุดท้ายตุลเป็นคนดีมาก นี่จะหน้าแตกเพล้งเลยทีเดียว 555555
เลิกเดาดีกว่าาา เดี๋ยวจะจิ้นมั่วมากไปกว่านี้ 55555555 รอคนเขียนค่าาาาา เรื่องนี้สงสารน้องต่ายที่สุด!! บอบช้ำทั้งกายและใจตลอด TwT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 28-02-2013 20:16:42
จะเชื่อใจ และไว้ใจทิม อีกครั้ง จะไหมมั้ยนะ เฮ้อ!!! แต่อยากเชื่อใจอีกครั้งจัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 28-02-2013 20:22:10
โล่งอกที่ตอนนี้ตุลยังไม่กลายเป็นตัวร้ายอย่างที่ใครต่อใครสันนิษฐาน....

โปรดอย่าทำให้ผิดหวังเลย ไม่ใช่คะน้าที่เสียใจ แต่คนอ่านที่เชียร์ตุลนี่แหละจะใจสลาย

ส่วนพ่อพระเอกน่าหมั่นไส้คนนั้น อย่าลืมเอาคืนให้ด้วย ทำให้แม่ยกปวดใจมาหลายรอบแล้ว ทักรักทั้งเกลียด เข้าใจปะ! :serius2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 28-02-2013 20:24:44
คะน้าตอบยังไงก็ได้ เอ... หรือบอกเชื่อไปก่อนก็ดีนะ จะได้รอดปลอดภัยจากตรงนี้ก่อน&เผื่อได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม
ประเด็นคือในใจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นปัญหาอยู่แล้ว แต่อย่ายกโทษให้ละกัน  :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 28-02-2013 21:02:02
คิดว่าที่ทิมทำเพราะปกป้องต่าย  ทำเป็นเย็นชาและห่างเหินเพื่อกันต่ายออกไปให้มากที่สุด
 ประโยคที่ทิมพูด "พี่ครับยังเชื่อผมอยู่ไหม" น้ำตาตก โอ้ย บีบหัวใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-02-2013 21:20:25
เชื่อแฮะ แต่ไม่ได้เชื่อเพราะทิมเป็นพระเอก
แต่ด้วยนิสัยที่คนแต่งปูมาตลอดเรื่องว่า คนแบบทิมไม่โกหกซับซ้อนขนาดนี้เพราะขี้รำคาญเกินกว่าจะทำ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 28-02-2013 21:36:13
อาไรยังงัย  นี้งงไปหมด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 28-02-2013 21:38:38
พรุ่งนี้อีกตอนเลยนะคะ

ไม่รออยากรอแล้ว อยากอ่านยาวๆๆๆๆ เลยค่า

ทิมโผล่มาติ๊ดนึงเองอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 28-02-2013 22:21:35
เชื่อค่ะ พระเอกมากพ่อคุณ
เป็น'ติ่ง'ทิมไปแล้วค่ะ คิดว่าที่ตรงนั้นญาติของคะน้าเองก็อยากได้
แต่ถึงทิมจะอยากได้เหมือนกันก็ไม่ใช้วิธีการเผาตลาดหรอก
ที่ว่ามีหลักฐานว่าทิมอยู่ที่ตลาดอาจเป็นการใส่ร้าย
หรือไม่ทิมอาจจะรู้อะไรมาเลยไปดู บางทีอาจมีหลักฐานอะไรดีๆก็ได้

ส่วนหมอนี่ เฮ้อ...

เลิกเดาแล้วค่ะ มาต่อไวๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 28-02-2013 22:22:14
สอบเสร็จแล้วรีบพุ่งมาอ่านทันที
เพราะถ้าอ่านตอนสอบคงทนความหน่วงไม่ไหว555(แต่ก็อ่านไปซะเยอะละ)
อยากจะตะโกนดังๆว่าเชื่อ กลับมาโบกธงเชียร์ทิมอีกครั้ง
จะหลอกไม่หลอกค่อยว่ากันอีกที เพราะเราลำเอียง :laugh:
อีกอย่างกระต่ายเป็นสัตว์โลกน่ารักนะคนแต่งคงไม่ทำร้ายต่ายน้อยมากเกินไปใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 28-02-2013 22:33:15
ทิมโผล่มาอย่างเท่ห์เลย โอ๊ย จะมาอ่อนยงอ่อนโยนอะไร หรือที่เคยทำปากร้ายไว้เป็นแค่เปลือกนอก
ต้องการแสดงให้ใครเห็นรึป่าว หรือหลอกตาธาดาพิพัฒน์ คนอ่านก็คิดได้เนอะนั่นบริษัทของที่บ้าน
ทิมอาจไม่เต็มใจกับการทำของธาดาพิพัฒน์ก็ได้นะ หรือมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่านั้น อยากรู้จริงจัง
คะน้าตอนนี้เสี่ยงจนน่ากลัวกับขี้ยาพอรอดได้ที่ไหนได้ตบตาทั้งนั้น แล้วแบบจะฆ่าเลยนะเฮ้ย
ไม่ไหว ๆ น่ากลัวเกิน ทิมมาช่วยทันไถ่บาปไปส่วนหนึ่ง (จิ๊ดเดียว) คะน้าจะตอบว่าอะไรนะ...

หมดเปลือกกันเลยหมอตุลย์กับคะน้า ทำไปเพราะเกลียดเหรอ ถ้าทิมจะทำอะไรซักอย่างก็คงยั่วโมโห
เต็มที่ตามสไตล์เค้าแหละ และหมอตุลย์คงหลุด แต่เรื่องที่คะน้าไม่เคยรักนี่เจ็บปวดนะ
แต่คะน้าเป็นคนจิตใจดี ช่วงนั้นมันสับสนไปหมดนี่นา (สรุปว่ารักนายเอกสุด ๆ ค่ะ)

ขอบคุณค่า รอมาต่อ พรุ่งนี้ได้มั้ยคะ please~~ (ไม่ให้คนเขียนพักผ่อนกันเลยทีเดียว)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 28-02-2013 23:01:49
ถ้าตอบแบบคนยังรักทิมอยู่เต็มหัวใจก็คือเชื่อ
แต่คนที่เอาเหตุผลเหนือหัวใจอย่างคะน้าล่ะ จ่ะเชื่อมั้ย

แล้วทำไมพวกยามกับขี้ยาถึงเรียกคะน้าว่ากระต่าย
บังเอิญหรือมีคนบอก???
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 28-02-2013 23:11:19
ลุ้นอย่าเป็นไรน้าต่ายน้อย :z3: :z3:
ขอบคุณจ้า  :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 28-02-2013 23:56:37
+1 คริ คริ คริ  :z2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 01-03-2013 00:06:19
อีทิมมมมม   เกมส์บ้าอะไรของแกอีกกกกกกกกกกก
ทำขนาดนั้นแล้วมาถามว่ายังเชื่อมั้ย  หล่งท่งจี!!!!
กั๊กอะไรไว้ คายออกมาให้หมด!!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 01-03-2013 04:29:10
พ่อทิม  หรือ  ยัยแนน ??
อาจจะเป็นพ่อทิม  เพราะมันน่าแปลก  ที่ทิมไม่เคยพูดเรื่องเกี่ยวกับที่บ้านให้คะน้าฟังแม้แต่นิดเลยอ่ะ
ซึ่งคนเป็นแฟนกัน  เราว่ามันเป็นอะไรที่ผิดปกติมากๆๆๆๆๆๆๆๆ  ที่จะไม่บอกไม่คุยเรื่องครอบครัวตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้เลยแบบนี้
เพราะงั้นแสดงว่า  บ้านทิม  คงจะ...  อะไรยังไงน่าดูเลยแหละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 01-03-2013 10:05:36
ต่ายน้อยไม่เชื่อไม่เป็นไร

เจ้เชื่อ  ทิมของเจ้ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: mutoo ที่ 01-03-2013 11:52:39
ตุลกะนังแนน สองคนเนี่ยน่าสงสัย  :serius2:
............
ลุ้นแบบหงุดหงิดมาก อยากอ่านต่อเร็วๆจังเล้ย

เป็นนิยายเรื่องแรกที่เราอ่านคอมเม้นท์คนอื่นนะเนี่ย
อ่านไปขำไป :jul3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 01-03-2013 12:22:32
ไม่เชื่อ

อีเลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 01-03-2013 14:38:12
อ่านกระทู้อื่นๆแล้วคิดตามแล้วก็ฮาตัวเอง
คิดสมองแทบระเบิดถึงความเป็นไปได้ที่ทิมทำแบบนี้ :serius2:
แต่ยังไงก็ชอบทิมมากกว่าอยู่ดี เวลาตุลอยู่กับคะน้ามันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับเพื่อน
แต่เวลาอยู่กับทิม....มันให้ความรู้สึกหวาน เกร็ง ตื่นเต้น กลัว แล้วก็บลาๆๆๆๆ ใช่ไหม? :o8:
ยังไงก็เชียร์ทิม เชียร์ตั้งแต่เริ่มดำเนินเรื่องจนมาถึงจุดนี้แต่ถ้าทิมเป็นตัวร้ายจริงด่าทีหลังคงไม่เป็นไร o18
สุดท้ายแล้วตุล....เพราะว่าสมัยก่อนทิมยังเป็นเด็กทำอะไรไม่ได้คิดถึงทำไปแบบนั้น แต่ถ้ามันเลวร้ายจริงๆถ้าจะแค้นคงไม่ผิด
แต่การกระทำแบบนั้นแล้วยิ่งเป็นช่วงเวลาที่คบกับคะน้าอยู่มันช่างเป็นการกระทำที่ผิดอย่างแรงจริงๆ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: tune ที่ 01-03-2013 16:35:04
ไม่เชื่อได้ไหมทิม ณ จุดนี้ไม่ยอมเชื่อใครซักคนแล้ว ลึกลับซับซ้อนกันจริงแต่ละคน พี่หมอตุลงี้ ตกลงรักแบบไหนมีมาตัดพ้อต่อว่า อะไรรรร
ลุ้นไม่ไหวแล้ว สู้เพื่อตลาดนะพี่ผักกาดน้องคะน้า!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 01-03-2013 18:35:23
ไม่มีวันที่จะเชื่อแกอีกแล้ว ทิม เสียใจครั้งเดียวพอ จบนะ

แต่คิดว่าต่ายน้อยคงเชื่ออ่ะ รักซะขนาดนั้น หึหึ


ปล. ยังสอบไม่เสร็จครับ แต่ทนไม่ไหวนะ ไม่ได้อ่านนี่ จะพาลให้ไม่มีแรงอ่านหนังสือสอบ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 02-03-2013 00:49:45
ทิม จำใจต้องทำแบบนั้นสินะ โกหกคะน้า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 02-03-2013 02:44:41
คิดถึงต่าย นอนไม่หลับ  :z3:
ค้างคาใจมากกกก มาต่อไวไวนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 02-03-2013 02:55:43
 :angry2: เลววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 02-03-2013 14:36:11
ทำแบบนี้ทำไมทิม น่าสงสารคะน้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pimBNY ที่ 02-03-2013 16:28:23
[











                                                                                                                                                                       ]
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 02-03-2013 22:15:46
รอนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 03-03-2013 20:25:15
ยังไม่มาหรอคะ คิดถึงจังค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 03-03-2013 20:33:38
มาต่อเถอะนะคะ   :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 03-03-2013 21:59:47
โกรธอ่ะ   ลากหมอตุลมาเจ็บซ้ำอีกรอบทำไม
ทิมน่าจะมีเหตุผล ปะป๊าอาจเป็นผู้ร้ายตัวจริง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 35 - (หน้า 46) Feb 28, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 03-03-2013 23:06:14
refresh และ refresh รออยู่นะค้าาาา  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 04-03-2013 00:04:28
สวัสดีครับ ตอนที่ 36 มาแล้ว บอกไว้ก่อนว่าตอนนี้มีการใช้ภาษาที่รุนแรงเหมือนกัน
แล้วก็มีฉากที่ค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากเป็นตอนบู๊เลยมีอะไรประมาณนี้นิดนึงครับ
คนใจไม่แข็งทำใจก่อนอ่านนิดนึงนะครับ มีขึ้นภาษาพ่อขุนรามและฉากแรงพอควร
ตัวหนังสือติดกันยาวๆ อ่านยากนิดหน่อย ยังไงขอฝากอีกตอนด้วยครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 36



ผมได้ยินเสียงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วพื้นที่รกร้าง มีเสียงฝีเท้าคนวิ่งไปมาอย่างขวั่กไขว่ ในความวุ่นวายผมได้ยินเสียงลมหายใจที่ยังไม่สม่ำเสมอ เสียงเหงื่อของตัวเองที่กำลังหยดซึมจากร่าง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่กำลังเต้นผิดจังหวะของตัวเองจากเหตุที่สั่นประสาทเมื่อครู่ ผมได้ยินคำถามนั้น ได้ยินเสียงทุ้มที่ผมคุ้นหูและถ้อยคำสั้นๆ ที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ บางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะบางสิ่งบางอย่างในตัวผู้พูด คำถามง่ายๆ นั้นจึงกัมปนาทกว่าทุกสรรพเสียงรอบๆ ตัว

ผมได้ยิน ...แต่ผมไม่ขอรับรู้

ไม่ใช่ทั้งเชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่มีทั้งคำตอบรับและจะไม่มีให้แม้คำปฏิเสธ ขอบคุณสติของตัวเองที่กลับคืนมาพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างในระเบียงแห่งความจำที่เกือบผุพังเพราะใจที่อ่อนแอของตัวเอง ผมมองคนที่นั่งเผชิญหน้าในขณะนี้ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า ผมมอง ...แต่ไม่เห็น แล้วอุ้งมือนั้นก็ออกแรงบีบข้อมือของผมจนแน่น ...ผมไม่รู้สึก ท่าทางของเขาดูจะหงุดหงิดและขัดใจ และหากผมอ่านความรู้สึกนั้นไม่ผิด เขากำลังปวดร้าว ซึ่งนั่นไม่ใช่ทั้งเรื่องดีหรือเรื่องแย่สำหรับผม

...มันไม่ได้มีความสำคัญใดๆ อีกแล้ว

สหายร่วมโลกเอย... จงอิ่มกับทุกสิ่งที่เงินซื้อหาได้ แต่จงกระหายอย่างไม่จบสิ้นในสิ่งที่เคยมองว่าด้อยค่า ขอให้คุณมีแต่ความสุขนะครับ ...เพียงความสุขที่ได้มาจากสิ่งที่เงินซื้อได้เท่านั้น

“สายตาพี่มันฆ่าคนได้ โดยเฉพาะกับคนที่...” เสียงนั้นไม่ต่อเนื่องและสั่นกระทั่งหยุดอยู่แค่นั้น ชายคนนั้นเหมือนกับคนที่กำลังขาดอากาศหายใจ

“ขอบคุณครับที่ช่วยผมไว้” คะน้าเปรยขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไป ไม่ไต่ถามหรือรอฟังอะไรที่เปล่าประโยชน์ในเวลาแบบนี้ เขายกแขนปัดป่ายฝุ่นผงบนตัวแล้วมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ตั้งสติและสอดส่อง แต่ยังไม่ทันไร ร่างของคะน้าก็เซถลาด้วยแรงกระชาก วินาทีถัดมาเขาก็รู้สึกถึงวงแขนที่โอบรัดจนแน่น ร่างกายนั้นถูกบดเบียดและโน้มนำเข้าหา ทิมจูบลงที่ปากของคะน้า เน้นสัมผัสที่ผ่าวร้อนไปทั่วทั่งใบหน้าและลำคอ

คะน้าไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ เขาเพียงแต่ปล่อยให้คนตรงหน้าระบายทุกอย่างให้สาสมแก่ใจ แต่เพียงครู่เดียว ทุกสิ่งก็หยุดตัวลง ทิมผละจาก ดวงตาสีดำคู่นั้นไหวไปชั่วครู่ก่อนจะถูกฉาบด้วยโทสะที่ร้อนแรง ทิมแสยะยิ้มแบบยียวนที่เจ้าตัวมักติดเป็นนิสัย

“ด่าสิ หรือจะต่อยหน้าให้หายแค้นดีนะ”

คะน้าไม่ได้โต้ตอบสิ่งใด เขาแค่ใช้สายตาผละจากแล้วหันกลับมองทุกสิ่งรอบตัว เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ไล่ล่า ...ไม่มีแม้คำพูดใดๆ ไม่มีแม้คำบอกลากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ คะน้าก็ดีดตัวขึ้นแล้ววิ่งออกไปตามทางที่คุ้นเคยด้วยฝีเท้าที่ว่องไวและเงียบเชียบที่สุด สายตาระวังภัยทำงานสอดคล้องกับขาที่ขยับพาร่างกายให้เคลื่อนไปข้างหน้า ชั่วพริบตาเขาก็ถึงทางแยก แผนการมีอยู่ในความคิดอยู่แล้ว คะน้าเบี่ยงตัวแล้วเลี้ยวไปทางด้านขวาซึ่งเป็นทางออกอีกด้านของตลาด การย้อนกลับไปทางเดิมซึ่งเป็นทางเข้าออกทางหลักของตลาดดูจะเอิกเริกไป การเลี่ยงไปออกด้านข้างน่าจะเป็นตัวเลือกที่เสี่ยงน้อยกว่า ขาขยับและออกแรงอีกครั้ง แต่ฉับพลัน แรงกระชากที่แทบจะทำให้ตัวหมุนนั้นก็ทำให้เขาตัวหยุดตัวขืน

...พวกมัน?

สัญชาตญาณการระวังภัยทำให้คะน้ากำหมัดแล้วสวนกลับไปเต็มแรงในจังหวะที่หมุนตัวกลับ แต่มันไม่ใช่กลุ่มคนที่ถือปืนไล่ยิงเขา หากแต่หมัดนั้นก็สุดจะยั้งได้ทัน

...นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับทิม คนที่วิ่งตามมาเบี่ยงใบหน้าเล็กน้อยและหลบพ้นอย่างเฉียดฉิว ทิมโจมตีเขากลับด้วยดวงตาที่จ้องเขม็งและใบหน้ามีสีแดงจัดด้วยความโมโห คนที่วิ่งตามมาคำรามด้วยเสียงต่ำในลำคอ “ทางออกด้านนั้นมันเสี่ยง ไปทางซ้ายแทน”

ประโยชน์อะไรจะเชื่อมั่นในคนๆ นี้อีก คะน้าขืนแรงที่ข้อมือเต็มที่ ฝืนตัวเองจากแรงฉุดกระฉากของทิมไว้จนร่างสูงหันกลับมาแยกเขี้ยวด้วยโทสะที่มากกว่าเดิม เขาไม่ทุกข์ร้อนกับท่าทางนั้น หวั่นแค่ว่าตัวเองจะเป็นเป้านิ่งให้กระสุนเอา คะน้ารีบย่อตัวแล้วหลบด้านข้างไม่ให้เป็นเป้าสายตา เมื่อเขาขยับ ทิมก็ขยับตามเช่นกัน

“นายต้องการอะไร เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่”

“ก็แล้วแต่จะคิด”

ทิมพูดเหมือนกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต เขากวาดสายตามองรอบๆ ตัวแล้วคว้าท่อนไม้ขนาดพอดีมือ กะน้ำหนักด้วยการเหวี่ยงเบาๆ ในอากาศ จากนั้นก็ออกกำลังเขวี้ยงเต็มแรงไปในทิศทางที่ใกล้กับทางออกด้านข้าง และทันทีที่ท่อนไม้นั้นตกลงพื้น ก็มีเสียงกระสุนปืนรัวใส่บริเวณท่อนไม้นั้นสองสามนัดพร้อมกับเสียงสบถที่ตามมา คะน้ามองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจและคาดไม่ถึง ผิดกับดวงตาของอีกคนที่ดูเยือกเย็นจนนิ่ง ทิมหันกลับมามองที่เขาอีกครั้ง

“จำนวนคนสิบสองคน พวกมันมีทั้งปืนและอาวุธมือ อาจจะมีพวกมีดพกหรืออะไรอื่นๆ อีก ฟังนะ หลีกเลี่ยงการปะทะให้มากที่สุด แล้วหาทางออกผ่านทางพวกบ้านที่อยู่รอบตลาด โอกาสรอดมีสูงกว่า” คะน้ามองคนตรงหน้านิ่งและเนิ่นนาน ชั่งใจดูแล้วนับว่าเป็นความคิดที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อย แต่เขาจะเชื่อทิมได้มากแค่ไหน ในเมื่อที่ผ่านมานั้น สิ่งที่ชายหนุ่มแสดงออกกับเขามันร้ายแรงจนเกินทน

“ไปสิ” ทิมผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วเอี้ยวตัวกลับหลัง “ไม่มีอะไรน่าห่วงสำหรับรองประธานของธาดาพิพัฒน์หรอก”

คำพูดของทิมนั้นไม่ต่างอะไรกับยัดเยียดความผิดทุกอย่างไปที่ธาดาพิพัฒน์ในที นัยว่าพวกผู้ร้ายเหล่านี้เป็นคนของบริษัทที่ตนเองบริหารงานอยู่จัดมา ซึ่งเขาไม่คิดว่ามันฟังขึ้นเลยที่ผู้ร้ายจะประกาศปาวๆ ว่าตัวเองสามานย์ขนาดไหนหรือมีความผิดอะไร แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับความขัดแย้งในคำพูดก่อนหน้าที่เจ้าตัวทำนองว่า ‘เราจะรอดจากที่นี่ไปด้วยกัน’ นั่นควรจะแปลว่าตัวของทิมก็น่าจะอยู่ในสถานะที่ต้องหลบหนีเหมือนกันไม่ใช่หรือ? ในท่วงท่าที่เฉยเมยยะโสโอหังนั้นมีอะไรบางอยางที่แอบแฝงอยู่แน่นอน คะน้าไม่รู้ว่าแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณห้านาที คนๆ นี้กำลังเล่นละครบางอย่างและลวงเขาด้วยคำโกหกไปแล้วกี่ครั้ง

ผมรู้ว่าคุณกำลังจะทำอะไร ...แต่มันเพื่ออะไร เมื่อไม่มีทางไหนที่มันจะมีประโยชน์กับคุณเลย

คะน้าหันหลังกลับแล้ววิ่งลัดเลาะผ่านระแนงไม้ที่กร่อนผุ ก่อนจะมุ่งเข้าสู่บ้านเรือนที่ถูกเผาไหม้ด้วยสีหน้าที่หนักใจ เขากระโดดข้ามกรอบหน้าต่างแล้ววิ่งไปอีกเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจซ่อนตัวอยู่เฉยๆ ในบ้านที่ผุพังจากไฟไหม้นั้น คะน้าซุกตัวอยู่ข้างตู้รองเท้าที่ทำจากโลหะ เขาดึงฝาตู้ให้กางออกมาบังตัวให้มิดชิดเพื่อกำบังตัว บนหัวมีตู้ยาสามัญประจำบ้านแขวนอยู่ จากตรงนี้ไม่ว่ามองจากด้านหน้าหรือชะโงกจากมุมสูงจากทางหน้าต่างก็ไม่มีทางเห็นตัวเขา แล้วนั่งรอเวลาให้ผ่านไปอีกสักพักจนกว่าอะไรๆ จะชัดเจน

ไม่ถึงหนึ่งนาทีดี เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นอย่างที่คิดเอาไว้ คะน้าได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาทางที่หน้าต่าง เขาจึงมองลอดผ่านช่องเล็กๆ ระหว่างตัวตู้เหล็กขึ้นสนิมกับบานประตูที่ซอมซ่อ ทิมยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ สำรวจทุกอย่างด้วยสายตาเมื่อเห็นว่าไม่มีสิ่งใดอยูตรงหน้าอีกแล้วจึงหันหลังกลับแล้วรีบวิ่งออกไป ทิ้งระยะเวลาชั่วครู่ คะน้าก็ตัดสินใจวิ่งตามทิมในระยะห่างๆ ด้วยฝีเท้าที่เงียบเชียบอย่างถึงที่สุด ดวงตาของคะน้าเห็นทิมก้มตัวแล้วออกแรงวิ่งย้อนไปอีกทางที่ตรงกันข้ามก่อนจะหยุดที่พื้นที่ซึ่งรกร้างไปด้วยซากไม้ที่เผาไหม้จนเป็นรอยดำ เขาก้มตัวแล้วนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น มองจ้องทุกสิ่งรอบตัวอย่างระแวดระวัง ใบหน้าของทิมในตอนนี้ฉายแววแห่งความประหม่าและวิตกจนปิดไม่มิด ชั่วอึดใจที่คะน้าเห็นแผ่นอกนั้นขายตัวออกแล้วกลับมานั่งสงบ ชายหนุ่มปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ ทิมค่อยๆ หยิบเศษไม้ขึ้นมาสองสามชิ้นแล้วโยนให้เกิดเสียงรอบๆ ตัว

โง่ชะมัด ...นั่นมันตัวล่อถ่วงเวลาชัดๆ

คะน้ากำหมัดแล้วทุบลงที่หน้าขาตัวเองพร้อมความรู้สึกสับสน เขาไม่เข้าใจว่าคนที่หักหลังทรยศได้อย่างร้ายกาจกับตัวเองสารพัดจะทำสิ่งนี้ไปเพื่ออะไร สร้างภาพเพื่อให้ดูดีจนผักกาดและเขาใจอ่อนขายที่ดินให้อย่างนั้นหรือ ...ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำมากมายขนาดนี้เลย แล้วทำทำแบบนั้นไปทำไม จะบอกว่าเพื่อช่วยเขาอย่างนั้นเหรอ

...บ้าน่า ทำแบบนั้นเพื่ออะไร

ในช่วงเวลาที่สมองกำลังเรียงร้อยเงื่อนงำต่างๆ เข้าด้วยกันแล้วคลายปมออก คะน้าได้ยินเสียงฝีเท้าของคนจำนวนหนึ่งตรงมาจากทางออกด้านข้างและทางเข้าหลักของตลาดทั้งสองทาง พวกมันมีจำนวนแปดคน สามคนแรกเป็นพวกขี้ยาที่เขามีเรื่องด้วย และอีกห้าคนเป็นคนที่สวมชุดยาม คะน้าเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีเพียงคนเดียวที่ถือปืนอยู่ในมือ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เบาใจไปไม่น้อยทีเดียว

“เข้ามาที่นี่ได้ยังไง ไม่เปิดให้คนนอกเข้า” พวกมันตะคอกด้วยน้ำเสียงที่ขึงขัง ในมือยังถือปืนสั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจสงสัย

“เข้ามาเดินเล่นแล้วหลงทาง” ทิมตอบสั้นๆ แบบนั้นแล้วบิดขี้เกียจ ฟังดูเป็นคำตอบที่สร้างขึ้นเพื่อจงใจกวนโทสะมากกว่าจะตอบจริงจัง “อะไรกัน แค่นี้ถึงกับจะใช้ปืนยิงกันเลยเรอะ”

มันคนนั้นที่มีดวงตาหวาดระแวงทำหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะจำใจเก็บปืนใส่กระเป๋าสะพายเล็กๆ ข้าง สะโพกแล้วหันมาเสียงเข้มจนเกือบจะเป็นเสียงตะคอกใส่ทิม “คุณออกไปได้ละ ถ้าไม่อยากมีเรื่องให้เจ็บตัว”

“แหม รีบไล่กันจัง ชักอยากรู้แล้วสิว่าจะรีบไปทำอะไรกันนะ” ทิมเดาะลิ้นเล่นในโพรงปากแล้วย่างเข้าไปพวกมันทั้งแปดอย่างไม่เกรงกลัว ร่างสูงที่มีใบหน้ายียวนล้วงมือเข้าไปในกางเกงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ ทิมหยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งขึ้นมา พับและยัดใส่กระเป๋าเสื้อของยามคนหนึ่งเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา “แบ่งๆ กันนะ อย่าไปบอกตำรวจเลยนะพี่ชาย ผมกลัวมีเรื่องว่ะพี่ ...นะ ขอร้อง”

กระดาษสีเทานั้นทำให้คะน้าเห็นรอยยิ้มของพวกมัน คนที่รับเงินไปดันตัวทิมให้เคลื่อนไปข้างหน้าตรงไปสู่ทางออกหลักของตลาดทำนองว่าให้พ้นๆ ไป ทิมเป็นคนเอาตัวรอดได้ดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คะน้าสนใจอะไรนัก ประเด็นก็คือยามพวกนั้นรวมทั้งพวกขี้ยา พวกมันทั้งหมดไม่รู้จักทิม และน่าจะไม่รู้ด้วยว่าทิมเป็นลูกชายคนเดียวของธาดาพิพัฒน์

เท่ากับสรุปว่าคนพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับธาดาพิพัฒน์ได้หรือเปล่า? ธาดาพิพัฒน์ก็ไม่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องการวางเพลิงอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อลางสังหรณ์ของเขาบอกว่าทุกอย่างเป็นฝีมือของบริษัทเจ้าพ่อนักธุรกิจคนนั้น

ระหว่างที่เงื่อนปมต่างๆ ในความคิดมัดตัวแน่นกว่าเดิม ทันใดนั้นเอง คะน้าก็เห็นพวกขี้ยาที่เดินตามหลังยกมีดสั้นขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง พวกมันค่อยๆ เอาซ่อนเข้าไว้ข้างตัวเหมือนรอจังหวะอะไรบางอย่าง เขาเห็นมันซุบซิบกันเบาๆ ที่ด้านหลังก่อนจะเร่งฝีเท้าตามไปประกบทิมในระยะกระชั้นขึ้น เขาเห็นพวกที่ใส่ชุดยามหันมามองแล้วส่งสัญลักษณ์บางอย่าง จากนั้นพวกมันที่อยู่ด้านหลังก็พยักหน้า แล้วมือนั้นก็ง้างมีดขึ้น กะจังหวะและตั้งท่าจะเสียบเข้ากลางหลังทิม

โผล๊ะ!!! สัญชาตญาณบางอย่างทำให้คะน้าคว้าก้อนอิฐขนาดกระชับมือข้างๆ ตัวแล้วเขวี้ยงไปหาคนที่ง้างมีดทันที แม่นเหมือนจับวาง! ก้อนอิฐกระทบหัวอย่างจังพร้อมกับร่างที่ร่างลงของขี้ยาคนนั้น!! หัวใจของกำลังเต้นรัว เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงทำแบบนั้นออกไปโดยไม่คิด คะน้ากำลังตกใจตัวเอง พอๆ กับที่ทิมตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

พวกมันอีกเจ็ดคนก็เช่นกัน วัยรุ่นขี้ยาสองคนที่เหลือกรูเข้าไปหาร่างของเพื่อนที่นอนนิ่งบนพื้นทันที แรงวิตกกดดันมหาศาลแผ่ออกปกคลุมทั่วบริเวณนั้น ทิมดูจะตั้งสติได้ไวกว่าคนอื่นเมื่อสายตาปะทะเข้ากับอาวุธที่ยังคาอยู่ในมือของร่างที่ล้มไปนอนแน่นิ่ง เขาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวทุกอย่างได้ทันที ทิมรีบกระโดดเข้าหายามที่มีปืน เหวี่ยงหมัดด้วยความเร็วสูงเข้ากระแทกหน้าแล้วรีบย่อตัวลงต่ำก่อนจะกระแทกหมัดที่แรงกว่าเข้าที่เป้ากางเกงตรงหน้า อีกหกชีวิตที่ยืนอยู่โถมเข้าโรมรันชายหนุ่มที่แปลกปลอมในหมู่ทันที พวกมันส่งเสียงคำราม กระบองขนาดกระชับมือถูกเหวี่ยงจนเสียงเสียงในอากาศ

...นั่นยังช้ากว่าทิม!

ทิมก้มลงต่ำเหมือนเสือที่หมอบรอจังหวะตระครุบเหยื่อ รอจนกระบองไม้ผ่านตัวเองไปกระแทกความว่างเปล่าจนผู้เหวี่ยงจึงเสียหลักไปชั่วขณะ ทิมใช้จังหวะนี้โหม่งหัวขึ้นกระแทกเข้าที่คางแล้วฟาดศอกซ้ำเข้ากลางท้องของมันจนร่างนั้นทรุดลงตัวโค้ง ทิมออกแรงผลักมันคนนั้นจนเซไปชนอีกคนตรงข้ามก่อนจะพากันหัวทิ่มคะมำตามกันไป ทิมวิ่งเข้าไปหา ง้างขา แล้วกระทืบซ้ำบนอกก่อนจะฉวยกระบองที่ร่วงอยู่ที่ปลายเท้าเมื่อครู่ขึ้นมาฟาดใส่อย่างว่องไว!

ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที! รวดเร็วและชุลมุนจนคะน้ามองตามแทบไม่ทัน แต่แรงคนเดียวหรือจะสู้แปดชีวิตได้ ระหว่างที่กำลังโรมรันสองคนที่นอนอยู่ มันคนอื่นก็รีบทะยานเข้ามาหา ทิมพลาดในที่สุด ร่างสูงนั้นโดนล็อคแขนไว้จากผู้ชายในชุดยามสองคน ก่อนที่คนที่ถือปืนคนแรกจะพยุงตัวลุกขึ้นมาได้สำเร็จ มันเอาหลังมือปาดเลือดตัวเองที่ซึมออกทางมุมปาก แล้วย่างเข้ามาหาทิม อัดหมัดหนักๆ เข้าที่กลางท้องจนคนที่ถูกขึงตัวไว้ทรุดจนตัวงอ

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!!!” เสียงตะคอกนั้นสนั่นดัง

แค่นั้นก็สุดทนกว่าที่คะน้าจะดูไหว แม้จะไม่รู้อะไรที่แน่ชัดมากมาย แต่สิ่งที่ทิมเลือกที่จะทำให้เขานั้นทำให้คะน้าทนที่จะดูดายอยู่เไม่ได้ คะน้าทะยานไปหาทิมด้วยความเร็วเทียบเท่ากับความคิด ท่อนไม้ขนาดกระชับมือถูกยกขึ้นฟาดลงบนหัวของคนที่ยืนอัดหมัดอยู่ แล้วฟาดลงกลางหลังของอีกคนที่อยู่ไม่ไกลอีกสองที

แม้จะทรุดหนัก แต่ความไวของทิมยังไม่ตก ทิมสะบัดหลุดจากสองคนที่ล็อคอยู่อย่างไม่ยากเย็น จังหวะที่ทุกคนยังสับสนกับการปรากฏตัวของคะน้า ทิมรีบวิ่งไปฉวยปืนขึ้นมาจากคนที่เสียหลักไป

“แบ่งกัน ผมห้า พี่เอาไอ้ขี้ยาไปสาม ไม่สิ สองแล้วสินะ” ทิมตะโกนใส่คะน้าพร้อมกับลั่นกระสุนใส่หัวเข่าของสองคนที่เคยล็อคแขนตัวเองไว้ และอีกนัดที่ตำแหน่งเดียวกันสำหรับเจ้าของปืนที่ต่อยเขาเมื่อครู่

“สี่-สี่ คนละครึ่ง” คะน้าเหวี่ยงท่อนไม้ใส่ขี้ยาคนหนึ่งที่โถมเข้ามา หากแต่ความล้าจากการที่วิ่งมาและการออกแรงติดๆ กันทำให้ความเร็วของคะน้าช้าลง การออกแรงในครั้งนี้จึงพลาดเป้าไปถูกอากาศ คะน้าเสียหลัก มันอีกคนจึงถือโอกาสวิ่งเข้าชาร์จเขาจนล้มลง แล้วรีบพลิกตัวล็อคคะน้าไว้ให้เพื่อนอีกคนมารุมซ้ำตะลุมบอน คะน้าปัดป้อง ถึงแบบนั้นเขาก็จุกไปหลายหมัด

“ก้ม!!”

เสียงตะโกนของทิมทำให้คะน้าย่อตัวลงทันที เขารู้สึกถึงกระสุนที่แหวกอากาศเฉียดใบหน้าของตัวเองไปในระยะเพียงหนึ่งนิ้วพร้อมกับแรงประทุระเบิดของลูกตะกั่วกับบริเวณหัวไหล่ขี้ยาที่ยืนอยู่ด้านหลัง คะน้าสั่น หัวใจเหมือนร่วงหล่นไปอยู่ที่ปลายเท้า หากแต่สถานการณ์ที่บีบคั้นทำให้เขารีบสลัดความฝ่อในใจตัวเองออกไป คะน้ารีบเงยหน้าขึ้น ภาพที่เห็นแทบทำให้โลกหยุดหมุน เมื่อพวกมันอีกสองคนฉวยโอกาสช่วงที่ทิมยิงกระสุนช่วยเขา จังหวะที่พลั้งเผลอนั้น พวกมันก็เอาไม้ฟาดลงที่ข้อมือของทิม!

ปืนหลุดจากมือแล้วกระดอนหล่นไปทันที! ทิมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมข้อแขนตัวเองที่กำลังสั่นไหว มันคนหนึ่งจับข้อมือของทิมล็อคไว้ ขณะที่อีกคนก็กระหน่ำฟาดลงที่ข้อมือและฝ่ามือซ้ำๆ

“ยิงปืนเก่งนักเหรอ คราวนี้มึงจะจับอะไรไม่ได้อีกเลย”

เสียงตะโกนที่อยู่ด้านหลังทำให้เขารู้สึกใจไม่ดี หากแต่ตัวคะน้าเองในขณะนี้ก็ย่ำแย่ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นติดยาเห็นเพื่อนสองคนได้เลือด หนึ่งคนที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรกับคนคลุ้มคลั่ง คะน้าเสียหลักล้มลงพร้อมกับหมัดที่ปะทะเข้าที่กระพุ้งแก้มจนเขาได้กลิ่นคาวเลือดของตัวเองในปากตัวเอง คะน้าสะบัดหน้าขึ้นพร้อมกับภาพที่ราวกับจะหยุดลมหายใจตัวเองในพริบตา เขาเห็นทิมคุกเข่าตัวงออยู่กับพื้น ใบหน้าข้างหนึ่งนั้นแนบราบไปกับพื้น ส่วนอีกด้านนาบไปด้วยพื้นรองเท้าของคนที่ยืนอยู่ ใบหน้าของทิมแดงก่ำจากแผลและแรงกดจากปลายรองเท้า ดวงตาของทิมนั้นไม่ยอมแพ้และเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวขัดขืน ครู่หนึ่ง คนที่ถูกยิงหัวเข่าสามคนขยับตัวตามมาสมทบด้วยแววตาที่อาฆาตมุ่งร้าย

“ตัดนิ้วของมันออกทีละนิ้ว!!”



(มีต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 04-03-2013 00:08:57
(ต่อครับ)




หนึ่งในสามตัวนั้นตะโกนขึ้นจนดังก้องและคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ก็หยิบมีดสั้นขึ้นมาทันที มันตัวนั้นเป่าลมหายใจลงบนคมมีดแล้วเช็ดกับขอบกางเกงมอๆ ของตัวเอง นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คะน้าไม่อาจทนอีกต่อไป เขาออกแรงเต็มที่กับหมัดของตัวเองที่ซัดลงไปกลางหน้าของขี้ยาคนที่เหลือ ก่อนจะถีบซ้ำให้ไปชนกับสามตัวที่ยืนด้วยความเจ็บปวดที่หัวเข่าจนล้มพังพาบไป คนในชุดยามนั่นจึงละจากทิมแล้วหันมาสนใจที่เขาทันที!!

คะน้าหลบคมมีดที่ฟันเข้าหาตัวเขาด้วยความระมัดระวัง อีกทั้งก็พยายามหาจังหวะสอยกลับอีกสองคนที่เหลือ เขาหลบมีดแต่ก็พลาดโดนหมัดเข้าจังๆ ที่ท้อง คะน้าจุกจนตัวงอ มันคนที่ถือมีดง้างของแหลมขึ้นแล้วจะปักลงที่กลางหลัง แต่ทันใดนั้นร่างของมันก็หยุดนิ่งเหมือนถูกตรึง!

แม้ทิมจะถูกตีที่มือขวาจนเจ็บหนักแต่แขนทั้งสองข้างและมือซ้ายของชายหนุ่มนั้นยังใช้การได้ดี ทิมล็อคลำคอของคนที่ถือมืดด้วยท่อนแขนทั้งสองข้าง ใบหน้าของมันคนนั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงจัดด้วยเลือดที่คั่ง ดวงตาที่เคยฮึกเหิมของมันบัดนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของทิมดูนิ่งกว่าทุกครั้งที่คะน้าเคยเห็น วงแขนทั้งสองข้างของทิมนั้นค่อยๆ เบียดรัดแน่นขึ้นพร้อมกับค่อยๆ เริ่มขยับตัวสวนทางกัน ทันใดนั้น มือซ้ายของทิมก็กระชากหัวของมันบิดอีกทาง!

...มีเสียงดังกร๊อก! ร่างในมือของทิมร่วงลงทันทีพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง ทุกอย่างรวดเร็วจนแม้แต่อีกคนที่เหลือหรือแม้แต่ตัวคะน้าเองก็มองตามแทบไม่ทัน

ไม่ปล่อยเวลาผ่านไปแม้แต่นาที ทิมย่อตัวลงอย่างเป็นปราดเปรียว หยิบมีดด้วยมือซ้ายแล้วยกขึ้นฟันใส่คนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่ อารามตกใจ มันคนนั้นยกแขนตัวเองขึ้นกำบัง คมมีดจึงเสียดถากเป็นทางยาวสีแดงพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บร้าว ทิมยิงหมัดซ้ายที่ถือมีดเข้ากระแทกหน้ามันด้วยความแรงที่ไม่ต่างกับมือขวาที่ตัวเองถนัด ร่างนั้นล้มลงทันที ทิมยกเท้าขึ้นทั้งเตะไปบนร่างและกระทืบนับครั้งไม่ถ้วนจนร่างนั้นสลบไป ชายหนุ่มรอบคอบพอจะตามจัดการกับคนที่เหลือทั้งหมดจนสลบ ก่อนจะทรุดเข่าด้วยอาการหอบ

“ห้า-สาม ตามที่ตกลง”

คะน้าก็ตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน สะบักสะบอมและบอบช้ำไปทั่วทั้งตัวด้วยความรู้สึกเหมือนกับเพิ่งรอดมาจากสนามรบ เขาทั้งเหนื่อยและหอบจนเจียนหมดแรง คิดไม่ถึงว่าคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จะมีลูกบ้าดีเดือดลุกขึ้นมาสู้กับคนแปดคนทั้งที่มีแค่ตัวคนเดียว

“กลับมาทำไม”

ทิมหันมาถามด้วยเสียงที่แหบและแห้ง คะน้าส่ายหน้าไม่คิดจะโต้ตอบอะไรให้ได้ความในเวลานี้ เมื่อเห็นว่าไม่มีท่าทีใดๆ เฉกเช่นที่ผ่านมา ผู้ถามก็ก้มหน้าสำรวจข้อมือขวาของตัวเองต่อ หากแต่ในความนิ่งเฉยนั้นมีอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความรู้สึกของคะน้าแน่นอน ผิดเพียงแต่ในตอนนี้หัวใจของคะน้ายังเต้นไม่ปกติกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครถึงขั้นเสียชีวิตหรือเปล่า แต่คิดว่าเพียงแต่เจ็บปางตาย แต่ถ้าไม่เป็นเช่นความคิดนั้น เขาและทิมจะกลายเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนหรือเปล่า ต้องติดคุกไหม แล้วเขาควรทำอะไรต่อไปดี

“รีบเถอะ ก่อนที่พวกมันที่เหลือจะมาเจอ”

เสียงของทิมดึงเขาให้ออกจากภวังค์อีกครั้ง ทิมลุกขึ้นแล้วหันมาสบตาของคะน้า เขาหลบสายตาคู่นั้นทันทีแล้วจงใจลุกขึ้นยืนราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน คะน้ายืนนิ่ง ทิมเองก็เช่นกัน คล้ายกับมีคำพูดและความรู้สึกมากมายที่ต่างฝ่ายต่างต้องการจะบอกอีกคนให้ได้รับรู้ หากแต่แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่ยืนนิ่งๆ อยู่แบบนั้น วินาทีถัดมา ทิมก็เดินเข้ามาหาเขา จ้องมาองลึกลงไปในดวงตา ...คะน้าไม่อยากเห็นสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้นเลย

แต่ทันใดนั้นเอง! ทิมก็กระแทกเข้ามาที่ลำตัวของคะน้าจนร่างเขาเซไปด้านข้าง!

คนที่ตัวสูงกว่าเบี่ยงตัวแล้วกลับมายืนเผชิญหน้ากับเขาเต็มตา ในส่วนลึกอันสับสนและเวิ้งว้างนั้นห่างไกลจากสำนึกตื่นตัว คะน้าได้ยินเสียงลูกปืนที่แหวกมาในอากาศ เสียงนั้นดังขึ้นแทบจะพร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนจากคนตรงหน้า เขาจ้องมองหน้าอกของทิม มีจุดเล็กๆ สีแดงค่อยๆ ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว วินาทีถัดมาแผ่นอกนั้นก็ทรุดลงพร้อมกับร่างที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ทิมพยายามสะกดเสียงตะโกนร้องด้วยการกัดฟันของตัวเองแน่น ร่างสูงนั้นยกอุ้งมือจิกขยุ้มลงที่บริเวณใกล้หัวไหล่ข้างซ้ายซึ่งไม่ห่างจากหัวใจ

ทุกอย่างอื้ออึ้ง คะน้าได้ยินเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่รู้ว่าเป็นเสียงใคร บางทีมันอาจจะเป็นเสียงของเขาเอง ร่างกายของคะน้ากระโจนไปข้างหน้าราวกับสัตว์ป่า สองมือของเขากระหน่ำลงบนใบหน้าของคนที่ถือปืนอย่างควบคุมไม่ได้ ...สิบ ...ยี่สิบ ...หรือบางทีอาจจะห้าสิบหมัด ร่างนั้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

เจ็บรึ? เทียบได้กับสิ่งที่มันเพิ่งทำลงไปไหม?

คะน้ากระชากกระบอกสีดำออกจากมือของผู้ร้าย เขาพลิกปืนกลับแล้วกระหน่ำฟาดลงบนหน้าของสัตว์ชั่วตัวนั้น หนักขึ้นและแรงขึ้นราวกับจะให้สิ้นพลังทั้งหมดที่ตัวเองมี กระทั่งรับรู้ถึงสัมผัสของแรงเขย่าเบาๆ บนบ่าพร้อมกับเสียงทุ้มที่ร้องเรียกชื่อเขา คะน้าหยุดกำปั้นของตัวเองในอากาศ เป็นครั้งแรกที่เขามองภาพคนที่คร่อมอยู่ ร่างสิ้นสตินั้นบอบช้ำไปด้วยรอยหมัดจนจำโครงหน้าเดิมแทบจะไม่ได้

“พอแล้วมั๊ง” ทิมส่งเสียงปรามเบาๆ คะน้าหันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ย่อตัวอยู่ข้างๆ พร้อมกับใบหน้าที่ยังเหยเกเพราะความเจ็บปวด ทิมค่อยๆ แค่นริมฝีปากของตัวเองยกขึ้น รอยยิ้มนั้นเหมือนแสงแดดอ่อนๆ ที่อบอุ่น หากแต่อะไรบางอย่างในใจของคะน้าในตอนนี้นั้นหวั่นไหวจนน่ารำคาญ เขาจึงส่งเสียงแข็งกลับไป

“ไม่รักชีวิตตัวเองบ้างเลยหรือไง”

คนฟังไม่ได้ตอบคำถามอะไรแต่กลับมีเสียงกลั้วหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นในลำคอ กระทั่งในเวลาแบบนี้ ทิมก็ยังมีกระจิตกระใจฉีกยิ้มร่าโชว์ฟันที่เรียงขาวครบทุกซี่ ใบหน้าที่บอบช้ำจนดูยุ่งเหยิงยังคงเปื้อนไปด้วยความทะเล้นยียวนอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และแปลกที่รอยยิ้มกวนๆ นั้นกลับทำให้ดวงตาของคะน้ารู้สึกรื้นขึ้นมา

“เจ็บไหม?” คะน้าเอื้อมมือไปสัมผัสบนไหล่ซ้ายของคนที่นอนอยู่แล้วแตะเบาๆ ทิมทำหน้าเหยเก สะดุ้งตัวเล็กน้อยด้วยความเจ็บตามสัญชาตญาณ แต่เพียงเสี้ยววินาทีก็ฝืนกลับมาทำหน้าตายเหมือนไม่รู้จักความเจ็บปวด

“ถามอย่างกับว่าโดนยุงกัดมา นี่มันกระสุนปืนนะ”

“อย่าพูดเล่นได้ไหม” คะน้ารู้สึกวิตกผสมปนเปไปกับความประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดหรือเตรียมใจกับสถานการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งสิ้นสุดลงไปเมื่อไม่กี่นาทีนี้มาก่อนเลย ทั้งเรื่องที่ทิมโดนยิง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เอาตัวเองเข้ามาบังลูกกระสุนไม่ให้โดนเขา ...นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ ในริมฝีปากนั้นแย้มขึ้น คนที่เลือดซึมสบตานิ่ง ดวงตาคู่นั้นฉายชัดด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แรงกล้า
 
“คงไม่ได้หรอก เพราะผมยังอยากเห็นพี่ยิ้มได้ตลอดเวลาแม้ในเวลาที่เจออะไรหนักๆ น่ะสิ”

คำตอบนั้นทำให้คะน้าอึ้งไปชั่วขณะ แค่อีกนิดเดียว ...อีกนิดเดียวเท่านั้นกำแพงแห่งความหมางเมินที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากก็จะกร่อนลงด้วยคำพูดและการกระทำที่ตรงกันข้ามจากวันก่อนราวกับคนละคน คะน้าไม่รู้ว่าคนๆ นี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเกมที่สนุกสนานซึ่งเจ้าตัวสร้างขึ้นมาอยู่ ไม่รู้แม้แต่เหตุผลอะไรสักอย่างกับสิ่งที่ทิมทำลงไปตลอดมา สิ่งไหนจริงและสิ่งไหนเท็จคะน้าแยกไม่ออก มีหลายคนบอกว่าเขาเป็นคนไว้ใจคนมากเกินไป ซื่อเกินไป ซื่อจนเหมือนคนโง่ ...บางที เขาก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น

“ทิม...”

“ครับผม”

คำตอบสั้นๆ รอยยิ้มกวนและดวงตาที่ฉายแววแห่งความรู้สึกอ่อนโยนแบบไม่ปิดบังคู่นั้น มันทำให้หัวใจของคะน้ารู้สึกคึกโครมขึ้นมาอย่างประหลาด เขารู้ตัวทุกขณะ แต่เขาพยายามจะฝืนมันไว้ ไม่อยากกลับไปเป็นตัวตลกซ้ำซากให้ใครต่อใครหัวเราะเยาะด้วยความเวทนาอีกแล้ว แต่ความรู้สึกบางอย่าง อะไรบางอย่างที่เขาก็ไม่เข้าใจและอธิบายไม่ถูกมันเรียกร้องเขาให้เดินกลับไปหาวังวนเดิมๆ ลางสังหรณ์หรือเปล่า? บางทีอาจจะเป็นสัญชาตญาณที่บอกแบบนั้น หรือจริงๆ แล้ว ...มันอาจจะเป็นแค่ความโง่ที่ไม่จดจำบทเรียนในอดีตที่แสนเจ็บปวด

“ไอ้บ้าเอ้ย!”

คะน้าสบถออกมาโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าจะบริภาษใคร ด่าตัวเขาเองที่โง่ซ้ำซาก หรือด่าทิมที่ไม่รู้จักห่วงตัวเอง บางที อาจจะพาลด่าพระเจ้าที่ทำให้เขาต้องมาเจอะเจอกับอะไรแบบนี้มั๊ง ...ทิมยิ้ม เป็นรอยยิ้มกวนประสาทแบบที่เจ้าตัวถนัดถนี่ คนๆ นี้ทำอะไรเอาแต่ความพึงพอใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เคยกลัวใคร ไม่แคร์อะไร ไม่คิดหน้าคิดหลัง และไม่เคยคาดเดาได้เลย

ท่ามกลางเศษซากแห่งความสิ้นสูญและคนร้ายแปดคนที่นอนพังพาบหมดสภาพอยู่บนพื้น ทิมจูบเขา!!! จูบด้วยความรู้สึกที่อ่อนโยน ทะนุถนอม และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่มีความหมายมากมาย วงแขนนั้นโอบคะน้าไว้แนบแน่นจนไม่มีช่องว่างที่จะให้แม้แต่อากาศแทรกตัว หยดเลือดของทิมถ่ายเทและซึมผ่านผืนผ้าจนสัมผัสกับผิวกาย เมื่อฝืนออกแรง ทิมก็ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บจากบาดแผลตรงหัวไหล่ กระนั้นก็ยังยิ้มแล้วส่งสายตาพราว แววตาคู่นั้นทำให้คะน้าสั่น ...สั่นเพราะความหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่าง เขากำลังกลัวหัวใจตัวเอง

“โคตรคิดถึงเลย”

“ไอ้เหี้ยเอ้ย!!!”

นั่นคือการตอบรับของคะน้า เขาด่า ...ด่าเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอย่างไรกับภาพที่ซ้อนทับระหว่างเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าในตอนนี้ เขาด่า ...จะด่าให้แรงและเจ็บแสบกว่านี้อีกร้อยพันเท่าด้วยซ้ำกับสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเป็นตายพอกัน และให้รุนแรงเป็นล้านเท่าให้กับตัวเองที่ปล่อยให้ความรู้สึกแบบเดิมๆ กลับมา ในตอนนี้คะน้าทั้งเชื่อและไม่เชื่อเจ้าของรอยยิ้มนั้น และสิ่งหนึ่งที่เขาเพิ่งรับรู้ก็คือไม่ว่าจะผ่านมาเนิ่นนานแค่ไหน วิ่งหนีเท่าไหร่ หรือพยายามจะลืมอย่างไร สุดท้าย เขาก็วิงวนกลับมาสู่จุดเริ่มต้นที่ความรู้สึกเดิม

ผมไม่รู้ว่ามันเป็นคนดีหรือเป็นคนเลวกันแน่ แต่พระเจ้า... ให้ตายเถอะ! ผมโคตรรักมันเลย

ชั่วเวลาที่ความสับสนโรมรันในความคิดของคะน้า อยู่ๆ ทิมก็ดึงกระชากเขาให้ล้มลง คะน้าร้องโอยด้วยความตกใจ แต่ก็ชะงักค้างกับเสียงปะทุระเบิดตัวของอะไรบางอย่างที่ปะทุระเบิดที่ด้านหลัง

...คะน้ารู้สึกยะเยือกกับเสี้ยววินาทีที่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด เขาเหลียวไปมองมองเศษไม้เล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัว มันแตกสลายย่อยยับ สิ่งที่ตามมาคือกลิ่นไหม้ของดินปืนในอากาศ ทั้งหมดที่เขาทำนั้นเกิดในช่วงเวลาไม่ถึงวินาที คะน้าย้อนสายตากลับไปที่ตรงหน้าแล้วชะงักค้าง มันผู้นั้นฟื้นขึ้น!!! เขี้ยวขาวๆ ที่กลบไปด้วยเลือดกำลังส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น มันถ่มน้ำลายลงพื้นแล้วค่อยๆ พยุงยกแขนที่ถือปืนขึ้นทั้งที่ยังสั่นๆ

“มึงอย่าคิดว่าจะรอด กูไม่ปล่อยมึงไว้ให้บนหิ้งหรอก” มันจ้องมองมาที่คะน้าแล้วเค้นหัวเราะอย่างเลือดเย็น ก่อนจะสะบัดสายตาไปที่ทิมแล้วเยาะขัน รอยยิ้มและน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความสนุก “แม่งเป็นผัวเมียกันสินะ กูเห็นใจมึงสองตัวจริงๆ ไม่อยากพรากให้จากกันเลย”

“แต่เอาตรงๆ เลย กูขยะแขยงพวกเกย์ว่ะ กูเลยจะเป่ามึงสองตัวให้ไปอยู่ในนรกด้วยกัน มึงได้อยู่ด้วยกันต่อ ส่วนกูก็ได้อย่างที่ต้องการ วิน - วิน” เสียงระเบิดหัวเราะดังขึ้น พร้อมกับที่คะน้าได้ยินเสียงแหวกมาในอากาศ!

จังหวะนั้น ทิมหมุนตัวอย่างรวดเร็วเหมือนจรวด เพียงพริบตาคะน้าก็คะมำไปกองอยู่แนบพื้นด้วยความงง ก่อนจะรู้สึกถึงแรงบีบบบนหัวไหล่ตัวเองที่แน่นเหมือนจะป่นให้เป็นผง เลือดสีแดงข้นที่ทะลักออกจากช่องท้องคนที่นอนทับอยู่จนเปรอะไปทั้งตัวเขาพร้อมกับเสียงแผดของทิมนั้นถูกเค้นออกมาจากลำคอจนดังสนั่น มันแหบและแห้งจนไม่ใช่เสียงของมนุษย์

อีกครั้งแล้วที่ทิมเอาตัวเองมาบังลูกกระสุนให้กับเขา! ทั้งๆ ที่ตัวเองก็บาดเจ็บขนาดนี้ นี่หรือคือสิ่งที่ไม่เคยเห็นค่าในสายตาแบบที่เจ้าตัวบอก? นี่หรือคือสิ่งที่คนหลอกใช้กันมาตลอดเขาทำต่อกัน?

ไอ้บ้าเอ้ย! ไอ้ทิม! ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้! มึงนี่มัน...

...มึงมันคนขี้โกหก ...มึงโกหกหน้าตาย!!!

จากนี้ กูจะไม่เชื่อไม่ฟังคำพูดมึงอีกต่อไปแล้ว กูไม่สนอีกแล้วว่ามึงทำบ้าอะไรมาแล้วจะทำอะไรอีก กูจะเชื่อตัวกูเองเท่านั้น กูจะฟังเสียงของหัวใจกูเอง!


ร่างกายของทิมสั่นสะเทือนหวั่นไหว ก่อนแรงบีบบนหัวไหล่ของคะน้าจะคลายตัวออก ทิมทิ้งตัวลงนอนหงายอยู่บนพื้นที่สกปรก บิดเร่าเหมือนกำลังถูกสุมอยู่บนกองไฟที่ร้อนดั่งนรกก่อนจะเหยียดเกร็งจนตัวค้าง ทิมหอบจนสะท้านก่อนจะฝืนขยับใบหน้าหันกลับมามองที่คะน้าด้วยจังหวะที่กระตุก เสียงที่เบาจนแทบไม่ต่างกับอากาศเสียดแทรกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกมึนคล้ายกับคนที่ถูกตีหัวของคะน้า

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม”

เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หากแต่สายตาคู่นั้นก็สำรวจทั่วร่างกายของคะน้าอย่างรอบคอบแล้วยิ้มยวนขึ้นมา ในความใกล้ชิด ทิมเอื้อมมือขึ้นมาลูบแก้มคะน้าเบาๆ แล้วทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“...เจ็บเหมือนถูกยุงกัดเลยว่ะพี่”

ดวงตาของทิมกำลังยิ้ม และรอยยิ้มนั้นกำลังลามลงมาถึงริมฝีปากที่แห้งผากนั้น ดวงตาของคะน้ามองเห็นรอยยิ้มที่ค่อยๆ จุดขึ้นเพื่อทดแทนร่องรอยของความเจ็บปวดบนใบหน้านั้น เป็นรอยยิ้มที่เงียบสงบ

...แล้วทิมก็หลับตา

คะน้าตะโกนเรียกชื่อของทิมอย่างคลุ้มคลั่ง เขาพลาดเองที่ยั้งมือกับคนชั่วๆ แบบนั้นจนมันย้อนกลับมาทำสิ่งที่เขาไม่มีวันอภัยให้ได้เช่นนี้ ...แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว! แรงมาแค่ไหน เขาจะคืนกลับให้สองเท่า!!!

“มันคงรักมึงมากนะ ถึงเอาตัวเองมาบังกระสุนให้สองทีติดๆ แม่งคงอยากเป็นพระเอกสินะ” มันเย้ยเยาะแล้วหัวเราะร่า “แต่มึงไม่ต้องเสียใจไป เดี๋ยวมึงจะได้ตามมันไปติดๆ นั่นล่ะ”

กำแพงแห่งความสำรวมและอดกลั้นอดทนของคะน้าปริร้าวแล้วถล่มลงมาในที่สุด เขาในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาบ้าที่พร้อมจะขย้ำทุกอย่างโดยไม่สนว่าหน้าไหนและไม่เกรงกลัวอะไรแม้แต่ชีวิต คะน้าโถมตัวเข้าหามันอย่างรวดเร็ว เอื้อมมือไปกระชากคอแล้วอัดหมัดใส่ไอ้สารเลวตัวนั้นเต็มกำลัง ครั้งแรกที่บนดั้งจมูก เขารู้สึกเหมือนมีเสียงแตกของกระดูกอีกฝ่ายติดอยู่ที่ปลายกำปั้น

...มันยังน้อยไป!

คะน้าอัดซ้ำลงไปทีเดิมด้วยน้ำหนักที่ไม่ลดลงจนร่างที่อยู่ในมือนั้นเซและร้องด้วยเสียงที่โหยหวน

...ยังไม่พอ!

คะน้ากระชากกระบอกปืนสีดำมาจากมืออีกฝ่าย เหนี่ยวไกอย่างรวดเร็วแล้วปล่อยลูกกระสุนออกมาด้วยเสียงที่ดังเท่ากับเสียงหวีดของสายลม ร่างนั้นเหยเกและบิดเร่าด้วยความเจ็บปวดแล้วทรุดลงไปนอนนิ่งไปในทันที จังหวะนั้น เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง คะน้าสะดุ้งชะงักงัน ผิวกายของเขาสัมผัสกับของเหลวบางอย่างที่กระเด็นขึ้นมาบนใบหน้า จมูกเริ่มได้กลิ่นคาวของเลือดฉุน เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คะน้าเพิ่งจะรับรู้ถึงหยดน้ำตามากมายของตัวเองที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

นาทีนั้นเองที่ทุกอย่างนิ่งสนิท เขาปล่อยมือทั้งสองลงข้างลำตัวพร้อมๆ กับสติที่เริ่มกลับมา ผละจากร่างสะบักสะบอมที่หมดสภาพอยู่ที่พื้นแล้วสะเปะสะปะย้อนกลับไปหาทิมที่นอนขดตัวด้วยลมหายใจที่รวยริน คะน้าย่อตัวนั่งลงข้างๆ เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าที่คุ้นเคย ใจหายเหมือนโลกทั้งใบถล่มทลายลงตรงหน้า ดวงตาสีดำที่เคยเป็นประกายวาวหยอกล้อกลับดูมืดสนิท ไม่มีรอยยิ้มหรือคำพูดยียวนแบบที่เจ้าตัวชอบพูดจนเป็นนิสัย ทุกอย่างมันพร่าเลือน ที่เห็นชัดเจนเพียงสิ่งเดียวคือสีแดงขนาดใหญ่ที่เพิ่มมาอีกจุดที่บริเวณท้อง เลือดของทิมค่อยๆ ย้อมไปบนพื้นจนกลายเป็นสีชาด

มนุษย์เรามักไม่เห็นค่าของเวลา คิดว่ามันเดินช้าและมีมากมายเหลือเฟือจนใช้ไม่หมด เราหลงลืมพันธะสัญญาแห่งโชคชะตาที่ผูกไว้อยู่บนเส้นด้ายบางๆ นั้นและใช้เวลาอย่างสูญเปล่าให้กับเรื่องที่ไม่ควรทำไปมากมาย เราลืมว่าทุกคนต่างมีเวลาที่จำกัด เราใช้ชีวิตอย่างประมาท ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าในวินาทีข้างหน้าบนเส้นด้ายบางๆ นั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ...เราไม่เคยรู้เลย

มือที่เปื้อนเลือดของคะน้าโอบร่างที่รวยรินนั้นขึ้นกอดแนบอก เนื้อตัวของเขาสั่นเทาด้วยความไม่เชื่อไม่ยอมรับ ความหวังและศรัทธาในใจปรปักษ์กับความจริงตรงหน้าอย่างแข็งขืน ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เข็มนาฬิกาของบางคนกำลังหยุดนิ่ง ...เป็นความนิ่งที่ดูเหมือนกัลปวสาน


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ฝากเพลงไว้ให้ฟังกันครับ หลายวันก่อนนี้เพิ่งจะเคยได้ยิน(เชยได้อีก)
ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่ามันตรงกับสามตัวละครหลัก คะน้า ทิม ตุล ในช่วงที่ผ่านมา
เลยแปะลิงค์ไว้เผื่อจะมีคนอยากฟังกันเล่นๆ ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=nfMtC4kRpXw

ขอบคุณสำหรับทุกๆ คนที่ติดตามกัน ทุกๆ คอมเมนต์ที่อยู่เป็นเพื่อนและให้กำลังใจกันครับ
ถ้าลงสปีดประมาณนี้ คิดว่าเรื่องนี้น่าจะจบภายในกลางเดือนมีนาคมนี้แน่นอนครับ

ปล. ถ้ามีคำผิดเยอะ หรืออ่านตอนไหนแล้วงงๆ ต้องขอโทษด้วยนะครับ สดๆ ร้อนๆ ไม่ได้อ่านทวนเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 04-03-2013 00:11:53
 :m31: :m31: :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-03-2013 00:19:34
 :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kojibara ที่ 04-03-2013 00:38:06
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
น้ำตาไหลพราก
จุกไปหมดแล้ววว
ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ
หลังจากนี้ทุกอย่างจะดีขึ้นไหม
TTTTTTTTT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-03-2013 00:43:31
เปลี่ยนเป็นนิยายแนวแอ๊คชั่นเถอะ
เลือดสาดขนาดนี้
ทิมพรุนแล้วนะ พรุนไปเลย
โดนยิงจนพรุนเลย เอิ่มม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-03-2013 00:49:56
จะร้องไห้  :m15: ทิมจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย จะพากันไปหาหมอทันมั้ยเป็นห่วงมาก ๆ
ไอ้คนที่ยิงทิมนี่แม่งต้องฆ่าให้ตายจริง ๆ น่ะแหละ สรุปธาดาพิพัฒน์ทำมั้ยเนี่ย
บางทีอาจไม่ใช่ หรือถ้าธาดาพิพัฒน์ทำ แต่ิทิมไม่ได้ทำแน่ ๆ ที่พูดอาจเพื่อหลอกให้คนอื่นเชื่อ
บู๊ล้างผลาญกันมากตอนนี้ อารมณ์ตอนทิมจูบคะน้าแล้วคะน้าแบบไม่สนใจนี่แบบเจ็บนะ
แต่ทิมก็ยังพยายามช่วยคะน้าต่อไป ถ้าไม่แอบดูคงไม่รู้ใจกัน เอาตัวมาบังกระสุนอีกหลายรอบ
เฮ้อ พระเอกชั้นกวนแม้กระทั่งตอนกำลังจะตาย แต่นี่แหละคือทิม แพ้ใจกับผู้ชายคนนี้วุ้ย
เรื่องราวเข้มข้นจริง ๆ ค่ะ เต็มไปด้วยอารมณ์มาก ๆ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 04-03-2013 00:50:10
ถ้านายให้ทิมตาย เราจะงอน

เสียน้ำตาให้ตั้งแต่ตอนที่ทิมบอกว่าเจ็บเหมือนยุงกัด
ดีใจที่ตัวเองยืนข้างทิม ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่จริงหรืออะไรอีกก็พร้อมแล้วล่ะ
เรารักทิมไม่น้อยกว่าที่ต่ายรักนะ อิอิอิ

----

คนแต่งแต่งเก่งมากครับ
คือปกติจะไม่ค่อยชอบอ่านแนวบู๊ ยิ่งตัวหนังสือติด ๆ กันด้วย
แต่นี่คือเห็นภาพ นึกภาพตามได้ไม่งงแม้ตัวละครจะเยอะ
แต่แบบไม่น่าเบื่อเลย เก่งมาก ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 04-03-2013 01:05:16
กรี๊ดดดดดดด มันยังงัย กันแน่ ทิมอย่าตายนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 04-03-2013 01:07:46
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:
จะเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ยลุ้นจนตัวโก่งแล้ว

ขอบคุณจ้า :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-03-2013 01:16:52
ปวดร้าวววววววว  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 04-03-2013 01:21:55
ยังไม่สะใจเลย :m31: แค่กระสุนไม่กี่นัด ยังลงโทษไม่พอ ต้องให้มันได้เจ็บปวดกว่านี้สิคะน้า ต้องเฆี่ยน เฆี่ยนเข้าไปเยอะๆ :beat: (ซาดิสม์)
สงสารหมอตุล กินน้ำใต้ศอกต่อไป ต้องทำใจ คนดีมักเป็นพระรอง (เริ่มเมาละ 555+)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 04-03-2013 01:22:17
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

นี่มันคือหอยทากอะร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไม่นะไม่นะไม่นะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:

ฮรืออออออออ ฮรืออออออออออออออออว์ แง้งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 04-03-2013 01:22:33
ทิมตาย
คะน้าติดคุก
ตุลเลยไปขอกิ๊กกับนภ

เย้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 04-03-2013 01:36:39
 :sad4: :o12: :m16: :m31: :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 04-03-2013 02:33:54
ไอ้เหี้ยเอ๊ยยยยยยยยยยย

แงงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 04-03-2013 03:02:30
บรรยายไม่ถูกแฮะ
เอาเป็นว่าเอาใจช่วย รีบๆ ไปโรงพยาบาลล่ะ
ส่วนข้าน้อยสลบ...คา คอม แล้...ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 04-03-2013 03:18:30
จบแล้ววววววววววววว
แม่เจ้า นั่งอ่านมาตลอดสองวันติด
ตามทันสักที*ปาดเหงื่อ* แต่รู้สึกคุ้มมากที่ได้อ่าน>__<

สวัสดีค่ะ ทักทายอย่างเป็นทางการนะคะ จากนี้จะเป็นแฟนนิยายคนใหม่ ฝากตัวด้วยนะคะ:)

อ่านมาถึงตอนนี้ อยากจะคอมเม้นท์ทุกตอนแต่ก็คงจะฝลัดกระทู้เกินไป 555555555 เฉพาะตอนล่าสุดละกันเนอะ
นับวันนิยายเรื่องนี้ชักจะบู้ขึ้นนะคะ แต่ละคนเขาโหดจริงๆ5555555555 ทิมจะเป็นยังไงบ้างเนี่ยย อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ;_____; ขอเดาว่าต้องมีการแก่งแย่งหักหลังกันในบริษัทแน่ๆ แล้วทิมก็เข้าไปสืบข่าวเรื่องราวและตัวการ ยังเชียร์ทิมอยู่นะ ถึงแม้จะไม่ชอบวิธีการที่ทำร้ายจิตใจต่ายน้อยมากๆก็ตาม-3- ถ้ายังทำน้องต่ายเสียใจมากๆจะจับไปอยู่กับจันทูซะเลย 5555555555

ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆมาให้อ่านนะคะ สนุกมากจริงๆ ชอบมุมมองความรักความคิดและการใช้ชีวิตของตัวละครมากค่ะ พยายามต่อไปนะคะ สู้ๆ! เป็นกำลังใจให้ค่ะ รออ่านอยู่น้าาาา♥
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 04-03-2013 03:35:39
ไม่เอาน่า ไม่ต้องพิสูจน์รักแท้ขนาดต้องมีใครตายเลย
ทุกสิ่งอันที่เลวร้าย เราจะลืมมัน และเริ่มนับหนึ่งใหม่
ขอโอกาสให้คะน้าและทิมอีกครั้งนึงเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 04-03-2013 03:38:23
ทิม.... อย่าตายนะ ฮือออออออออิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 04-03-2013 06:08:48
บทบู้มันสะใจ เหมือนกำลังดูหนังแอคชั่นเรื่องหนึ่ง
บรรยายได้ดีค่ะ ชอบ

สะดุดตั้งแต่ทิมบอกว่า "ไม่มีอะไรน่าห่วงสำหรับรองประธานธาดาพิพัฒน์" แล้ว
ว่ามันต้องมีเงื่อนงำ (ที่ร่ำๆจะง่ำๆคนเขียนเป็นพักๆ 55)

ส่งทิมให้ถึงมือหมอนะ! คะน้าด้วย ไม่งั้นคนอ่านไม่ยอมค่ะ!!   :กอด1:

........

เพิ่มเติม: ถ้ามีเรื่องหน้า คนเขียนสนใจแต่งเรื่องบู้ล้างผลาญปนหวานๆไหมคะ
เขียนบรรยายบทต่อสู้ได้มันถึงใจเลยลองเสนอดูค่ะ  o13

........
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 04-03-2013 07:40:15
เค้าว่าคุณ Lucea ต้องเป็นมาโซฯเล็กๆแน่ๆ
ชอบทรมานคนอ่านมากๆเลยอ่ะะะ ร้องไห้ติดๆกันมาหลายตอนแล้วนะคะ
เนี่ยยิ่งตอนนี้ แม่ยกทิมปวดใจนะ พ่อพระเอกกกกกก อย่าเป็นอะไรนะ
ในที่สุดคะน้าเค้าไม่โกรธแล้ว ทิมก็อย่าเป็นอะไรนะ ฮื่อๆ
ให้รอดปลอดภัยทั้งสองึนเลย
ถ้าทิมเป็นอะไรไป เค้าจะงอน! เค้าจะไม่อ่าน *ทำได้เรอะ? 5555*
เค้าขู่ไว้ก่อนเลย งื้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 04-03-2013 07:47:11
ทิมตอนนี้พระเอกสุดๆ เลย

โกรธไม่ลงแล้ว 5555

อย่าเป็นอะไรไปน้า

ถ้าเป็นจะโกรธคนแต่งมากๆ ด้วย  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 04-03-2013 08:19:31
รักทิม รักทิม

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 04-03-2013 08:44:23
ทิมของเจ้  :sad4: เมื่อทิมตัวร้ายในตอนที่แล้ว กลับมาเป็นพระเอกในตอนนี้

เลยคิดป่วงๆ ว่าหมอตุลอาจมีส่วนรู้เห็น กับเรื่องตลาดไฟไหม้ เพราะมาได้เวลาเหมาะเจาะเกินไป <<< เป็นตัวร้ายไปซ๊ะแก

แถมคล้ายๆจงใจเป่าหูต่ายน้อยเรื่องทิมให้ดูเลวเข้าไปอีก <<< คิดเอง เออเอง ปลอบใจตัวเอง เพราะเป็น fc น้องทิม :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 04-03-2013 08:52:24
คิดไม่ผิดจริงๆที่เชียร์ทิม ขอให้ปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 04-03-2013 09:15:29
เอิ่ม  แค่ตอนนี้ตอนเดียว  พี่ทิมคงเละจนหมดสภาพแล้วมั๊งนั่น  o22
บู๊ล้างผลาญมากกกก ยิ่งกว่าเฉินหลงมาเองซะอีก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 04-03-2013 10:17:20
  :m15: :o12:  เค้าไม่อยากให้ทิมตายอ่ะ ไม่ยอม ๆๆๆๆๆๆ o9 o9 o9 o9 o9
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 04-03-2013 11:00:28
นี่มันกลายเป็นบู๊ล้างผลาญไปแล้วแน่ๆ!!!

แต่ทิมเท่ห์มากกกกก  กรี๊ดดดดดดด  ไม่ได้เท่ห์ที่ช่วยต่ายนะ เท่ห์ที่ถึงเวลานั้นยังอยากให้ต่ายยิ้ม
ลูกชายแม่  มากอดทีหอมทีเซะะะะะะ
ปล. เด๋วหลังไมค์อีกทีนะ เม้นในไอโฟนในห้องประชุมลำบ๊ากลำบาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 04-03-2013 11:31:50
เค้ายังเชื่อมั่นในตัวไอ้น้องทิมอยู่นะ
  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: faratellll ที่ 04-03-2013 12:38:56
__ :sad4: ไม่มีอะไรจะอธิบาย__ ไม่นร้าาาานู๋ทิมของเจ๊
คะน้า แบบว่า นายแมนสุด สุดไปเลยเว้ย ตอนนี้

P.S.  สรุปว่าอะไรกันเยี่ยงไร ทิม โจร ตุล ปวดใจ ❤❤❤❤❤
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 04-03-2013 12:48:28
ถ้าทิมตายเราจะวิ่งหนีไปแบบนี้ :o12: :o12:
ใครมันกล้าทำแบบนี้ ทิมเป็นพระเอกจริงๆแต่พระเอกไม่จำเป็นต้องตายนะจริงมั้ย :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: maruko ที่ 04-03-2013 13:04:03
กรี๊ดดดดดดดด ทิมมมมมมมมม ม่ายนะม่ายยยย อย่าเป็นอะไรนะ คะน้ากำลังจะเปิดใจแล้วว
บู๊ลั่นสนั่นจอมากค่ะ คนเขียนนน หัวใจจะวายตายยย โอยยย รอทุกอย่างเฉลย เชื่อในทิมต่อไป อิๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 04-03-2013 13:56:48
พูดไม่ออกสำหรับพาร์ทนี้มันหนักและหน่วงมากจริงๆ
อ่านแล้วค้างเติ่งมากเลย
ต่ายช็อคมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 04-03-2013 14:51:39
อ่านทันแล้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
สมาชิกใหม่ขอฝากตัวด้วยนะคะ
นี่ถึงกับสมัครสมาชิกเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ
เป็นเรื่องที่แบบอ่านไป5ตอนแรกแล้วต้องแนะนำให้เพื่อนอ่านทั้งกลุ่ม คือมันสนุกมากกกกกกกกกกกก 5555
แบบลุ้นมากแต่ละตอน อ่านไปแล้วก็หยุดหายใจไป
เราเชียร์ "ทิม" ตั้งแต่แรกเลย ตั้งแต่ที่ทิมมาซื้อไอติมกับคะน้าครั้งแรก
และไม่ว่าจะเจอตุล เราก็ยังเชื่อว่าทิมต้องเป็นพระเอกแน่ๆ  o13

ชอบมากๆเลยค่ะ ขอชื่นชมคนแต่งเลย แต่งได้ดีมาก ยิ่งช่วงที่คะน้าต้องตัดสินใจเป็นอะไรที่แบบ บีบบคั้นหัวใจมาก
ส่วนตอนที่หวานแหววกับทิมเรากลับไปอ่านตอนนั้นๆถึง3รอบ  :o8:

พอตอนหลังที่เหมือนทิมจะหลอก เราก็ยังเชื่อมั่นในทิมนะ คือประมาณว่ายังไงก็รักทิมเสมอนะ 55555

ส่วนตอนล่าสุด อ่านแล้วตื่นเต้นมากกตอนที่ต่อสู้กัน แบบร่างทิมจะพรุนหมดแล้วมั้ยยคนแต่งงง
ทะนุถนอมทิมหน่อย (แม่ยกทิมเต็มตัว)
 แต่ก็มั่นใจอีกนั่นแหละ ว่าทิมจะต้องไม่เป็นไร ความรักที่ทิมมีให้คะน้ามันต้องไม่จบแค่นี้แแน่ๆ!

ได้ข่าวว่าอีกไม่กี่ตอนจะจบแล้ว ฮือออแอบรู้สึกใจหาย  :m15: ไงก็ขอให้มีฉากน่ารักๆมาฝากกันด้วยนะคะ  :กอด1:

ปล. เราชอบประโยคในตอนที่ 15มาก ที่ทิมพูดกับคะน้า

อ้างถึง
เคยมีสักครั้งไหม ที่ไอ้หมอนั่นมันทำให้พี่รู้สึกคลั่งจนจะเป็นบ้า
สักครั้งไหม ที่มันทำให้พี่อึดอัดจนเสียความเป็นตัวของตัวเองได้เท่าผม
สักครั้งหรือเปล่า ที่มันทำให้พี่รู้สึกเหมือนดิ่งลงนรก และบินอยู่บนท้องฟ้าในเวลาเดียวกันแบบนี้
หลับตาก็เห็นหน้า ลืมตาก็นึกถึง และไม่ว่าพยายามแค่ไหนก็ไม่สามารถสลัดความคิดบ้าๆ นี่ไปได้สักที
คนที่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกมีความสุขสุดๆ เพียงอย่างเดียว แต่เป็นคนที่ทำให้เราทุกข์จนแทบคลั่ง
เพียงคนเดียวที่ทำให้เรารู้สึกปั่นป่วน ทั้งรู้สึกโชคดีที่ได้พบกัน และรู้สึกหวาดกลัวที่จะสูญเสียไป
เคยถามตัวเองไหม ใครทำให้พี่กลายเป็นคนบ้าได้

 :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 04-03-2013 14:55:23
เรื่องนี้มีทุกรสชาติเลยอ่ะ o13

คะน้าอย่าพึ่งคิดไรมากมาย :angry2: พาทิมไปโรงฯบาลด่วน

อย่าตายนะทิม :sad4: แกต้องกลับมาเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 04-03-2013 17:08:39
Oh my.......
นี้มันนิยายบู้ชัดๆ 55555
ทิมขอร้องอย่าตายนะ TT คะน้าเข้มแข็งไว้นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 04-03-2013 19:20:18
ไม่อยากจะอินมากเกินไป เดี๋ยวกินไม่ได้นอนไม่หลับเหมือนตอนก่อนๆอีก
ให้นึกถึงที่คำทำนายของแม่หมอไว้นะ "ต้นร้าย ปลายดี" ก็ได้แต่หวังว่าจะเป็นตามนี้ ไม่มาม่า.
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 04-03-2013 20:06:39
อ่านจบปั๊บ ทำไมเราตะหงิดๆ กับหมอ?
ที่หมอเล่ามาทั้งหมดนั่นมันไม่น่าเป็นความจริงได้เลยนะ

เงื่อนงำทั้งหมดต้องรอตอนต่อไปสินะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 04-03-2013 20:26:50
ไม่จริงน้า! ทำไมเรื่องมันเป็นแบบนี้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 04-03-2013 21:03:13
+1 ม่ายยยยยยยยยยยย :sad4: ทิม นายเป็นพระเอกน่ะ ตายไม่ได้ :o12: อินจัด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 04-03-2013 22:59:43
จะตายมั้ย?!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 04-03-2013 23:00:05
เครียด  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 04-03-2013 23:16:02
no comment

ขอหลบไปเช็ดน้ำตาก่อน
:o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 36 - (หน้า 47) Mar 04, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 05-03-2013 01:30:14
.......เม้นไม่ออกกำลังอึ้งอยู่ o_O
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 06-03-2013 23:50:49
หัวข้อเปลี่ยนเป็น37แล้ว แต่นิยายไม่มา T_T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 06-03-2013 23:58:24
สวัสดีครับ มารายงานตัวพร้อมกับตอนที่ 37 นะ ใกล้เช้าเส้นชัยขึ้นอีกนิดแล้ว
ก่อนอื่นต้องขอทักทายสวัสดีเพื่อนใหม่นะครับ ดีใจที่ได้รู้จักกันนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย
แล้วก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ที่คุ้นเคยกันด้วย เจอคอมเมนต์กันทีไร อดปลื้มใจไม่ได้ทุกที
+ 1 ให้กับทุกๆ คนนะครับ เอาล่ะ ตอนนี้มาลุ้นเอาใจช่วยทิมกันต่อนะครับ
แต่ขอแจงล่วงหน้านิดนึง คือมีฉากโหดและคำหยาบปะปนอยู่ด้วย ต่อเนื่องจากตอนที่แล้วน่ะครับ
น่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วที่อยู่ในโหมดนี้ ตอนต่อไปจะเริ่มให้ความรู้สึกใหม่แล้วล่ะ(มั๊ง)ครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 37



ผมกำลังแบกพระจันทร์ที่กลมเหมือนลากวงเวียนวาด แบกท้องฟ้าสีฟ้าที่เคยมองทุกเช้า ไออุ่นของแสงแดดและสายฝนที่เย็นฉ่ำ ผมกำลังแบกความหวัง ความฝัน และทุกๆ อย่างบนโลกใบนี้ ผูกรวมทุกสิ่งที่ผมรักไว้ด้วยด้ายเส้นเล็กที่เปราะบางและมัดเข้ากับคนที่อยู่บนหลัง ผมในตอนนี้ช่างไร้เรี่ยวแรง แต่หากยอมแพ้กับน้ำหนักและความอ่อนล้าที่อยู่บนบ่านี้แม้แต่วินาทีเดียว หากผมเลือกจะปล่อยมือที่ยื้อไว้ โลกทั้งใบคงไม่เหลืออะไรที่ผมอยากเห็นอีก

นับตั้งแต่ที่คนๆ นี้ถูกประเมินค่าเป็นแค่อากาศที่ผมมองไม่เห็นและไม่เคยคิดจับต้อง ผมไม่เคยรู้เลยว่าสุดท้ายแล้ว ทิมก็กำลังจะเป็นแค่อากาศที่วนอยู่รอบๆ ตัวจริงๆ



สิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับชีวิตสำหรับผม ...อากาศที่ใช้หายใจ

ภาพถ่ายที่ถูกทำลายทิ้ง ตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ไฟฉายก็คงจะพังไปแล้วตั้งแต่ตอนที่ถูกใช้แทนอาวุธในตอนนั้น ส่วนโทรศัพท์มือถือก็หล่นหายในที่ไหนสักแห่งระหว่างทาง หรือบางทีอาจจะระหว่างที่ต่อสู้หลบหนี ไม่อย่างนั้นเขาคงพอจะทำอะไรได้ดีกว่านี้

แปดคน ...แปลว่ายังเหลืออีกสี่ เป็นสี่คนที่มีปืนอีกหนึ่งกระบอกและอาวุธมือ เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายครั้ง เสียงต่อสู้หลายนาที รวมถึงเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ว่าใครก็ต้องได้ยิน

คำถามคืออีกสี่คนนั้นหายไปไหน ทำไมถึงไม่เข้ามา คะน้ามั่นใจว่าคนที่เหลือนั้นไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินแต่อย่างใด ลางสังหรณ์บอกเขาว่าพวกมันที่เหลือนั้นมีจิตใจที่โหดเหี้ยม เลือดเย็นพอที่จะรอดักเก็บในกรณีที่เกิดความผิดพลาดอยู่ภายนอกต่างหาก บทเรียนโหดร้ายของความรอบคอบไม่ประมาทซึ่งคะน้าเพิ่งได้เรียนรู้มาด้วยความเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนั้นบอกให้เขาคิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมาเพื่อให้เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด

แสงจันทร์หรือบางทีอาจจะแสงไฟจากเสาไฟฟ้าริมถนนลอดตัวผ่านเศษกระเบื้องที่ตกแตกพอให้เห็นทุกอย่างเพียงเลือนลาง คะน้ารีบสำรวจทางออก หากแต่บานประตูที่เป็นเหล็กนั้นกลับถูกล็อคแน่นด้วยแม่กุญแจ เขาคงต้องย้อนเข้าออกบ้านพวกนั้นหลายหลัง แล้วสวดภาวนาให้มีซักหลังที่ไม่ได้ถูกล็อคจากด้านนอก

คะน้าคลายแขนที่โอบทิมไว้ ถอดปืนแล้ววางลงกับพื้น แต่สีหน้าที่ซีดจนแทบไม่มีสีเลือดและท่าทางที่อ่อนแรงนั้นทำให้เขาใจไม่ดี คะน้ารีบถอดเสื้อของคนบาดเจ็บเจียนตายออกแล้วสำรวจบาดแผลในแสงที่ลางเลือน เลือดของทิมยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง และถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปทิมอาจจะช็อคเพราะขาดเลือด หรือถ้าโชคร้าย... คะน้ากลืนน้ำลายเหนียวกลับลงคอที่แห้งผากแล้วหยุดความคิดไว้แค่นั้น

ต้องทำอะไรบางอย่าง ก่อนที่อะไรจะสายไป

สมองของคะน้ากำลังอื้ออึง เขาลนและทำอะไรไม่ถูก ในใจมีแต่ความรู้สึกหวาดหวั่น คะน้ากำลังแข่งอยู่กับความกล้าและความขลาดกลัว รวมทั้งแข่งขันกับกลเกมในการเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่ ...แม้กระทั่งแข่งกับเวลาในการยื้อนาทีชีวิตของทิม แต่เวลานั้นเดินไปข้างหน้าอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง มันกำลังค่อยๆ ดูดกลืนแสงสว่างแห่งความหวังในใจและแสงสว่างจริงๆ ที่ใช้มองเห็น บัดนี้ ทุกอย่างรอบตัวเริ่มถูกกลืนหายไปในความมืดที่น่าหวาดกลัว ทว่าสายตาของคะน้ากลับสะดุดกับแสงสว่างบางอย่างที่สะท้อนเข้าม่านตา ...เงาจากแสงที่สะท้อนอยู่บนกระจกของตู้ยาสามัญประจำบ้านตรึงสายตาเขาไว้อย่างนั้น คะน้านิ่งไปชั่วอึดใจ ตรึกตรองอย่างใช้ความคิดแล้วเขาก็รีบกระโจนไปตามสิ่งที่ผุดขึ้นในหัวสมองทันที

ผมจะลองเสี่ยงดู!

ว่ากันว่าพระจันทร์นั้นไม่เคยกลัวความมืด และเมื่อไม่เกรงกลัว ความืดก็มีแต่ยิ่งทำให้แสงของดวงจันทร์ยิ่งสว่างเฉิดฉาย คะน้ากวาดสายตาดูอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ตัวเองพอจะหาได้จากบ้านที่ไร้เงาของผู้คน ที่เขาได้มาจากตู้ยาซึ่งแขวนไว้ที่ผนังก็เป็นข้าวของจำพวกสำลี ผ้ากลอส แอลกอฮอลและเบตาดีนที่ใช้กับแผลสด จากในบ้านที่ส่วนอื่นๆ นั้นมีเข็มและด้ายสำหรับเย็บผ้า สุดท้ายคือมีดสั้นที่ชิงมาได้จากพวกขี้ยาเมื่อครู่และไฟแช็คพอให้แสงสว่างและความร้อน คะน้าหันไปมองทิมแล้วนิ่งไปชั่วอึดใจ พยายามปรับน้ำเสียงของตนให้ดูเป็นปกติที่สุดทั้งๆ ที่ในใจนั้นรู้สึกสั่นสะท้านจนแทบทำอะไรไม่ถูก เขาเรียกชื่อทิมแล้วส่งสัญญาณ

“รอหมอคงไม่ไหว ผมจะปิดแผลที่ท้องและที่หัวไหล่ก่อนนะ พอเรียบร้อยแล้วค่อยหนีพวกมัน เราโชคดีมากทีเดียว ผมเจออุปกรณ์ที่คิดว่าจะใช้การได้ในเวลาแบบนี้”

คะน้าสะกิดทิมหลายครั้ง กระทั่งชายหนุ่มปรือตาขึ้นเล็กน้อยแล้วรับฟังก่อนจะพยักหน้าเหมือนรับรู้ เป็นการรับรู้ที่เรียกได้ว่าแทบจะดูไม่เหมือนกับคนที่หลงเหลือสติสัมปชัญญะใดๆ อีกแล้ว ทิมปิดตาลงอีกครั้งด้วยท่าทีที่นิ่งสงบจนใจหาย คะน้าไม่รอให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาเปิดขวดแอลกอฮอลแล้วราดบนแผลก่อนจะซ้ำด้วยเบตาดีน ร่างของทิมสะดุ้งแล้วบิดเบี้ยวด้วยความแสบทันที ใบหน้านั้นฉายชัดไปด้วยความเจ็บทรมาน คะน้าเอื้อมมือไปแตะที่ตัวทิม พยายามลืมภาพที่เพิ่งเห็นเมื่อครู่แล้วกัดฟันข่มชะตากรรมที่กำลังรอเขาอยู่

“โชคร้ายที่เราไม่มีไฟฟ้า ผมมองอะไรได้ไม่ชัดมาก แต่จะรีบทำให้เร็วที่สุด ทนหน่อยนะ”

แม้จะพูดไปอย่างนั้น หากแต่มือของคะน้ากลับสั่นจนโยก ทุกอย่างรอบตัวหยั่งลึกเข้าสู่ความเงียบงัน เขาในตอนนี้รู้สึกกลัวตัวเองเหลือเกิน มีดสั้นในมือไหวไปมาจนสะท้อนเป็นแสงปลาบ เขาไม่รู้ว่าว่าจะทำมันได้ไหม คะน้าไม่เคยมีความรู้อะไรเลยในด้านนี้ หากในเวลาปกติเขาคงจะเตลิดไปไหนต่อไหน แต่ในเวลานี้ ไม่มีทางเลือกอื่นให้ทำแบบนั้นได้ กระนั้นก็พยายามปลอบใจตัวเอง ...ทุกสิ่งต้องมีครั้งแรกแบบนี้เสมอ

“เรื่องที่แย่ก็คือผมคงต้องเปิดแผลให้กว้างขึ้นแล้วเอากระสุนออก”

ในความมืดมิดที่มีเพียงแสงไฟพียงรำไรจากไฟแช็คและแสงจากด้านนอก ทิมไหวหน้าตัวเองเล็กน้อยเหมือนรับรู้ ใบหน้าซีดเซียวนั้นเพียงแค่หลับตาแล้วอยู่นิ่งๆ จนคะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักแสร้งทำไม่รู้ไม่เห็น หรือคิดอะไรไปกว่าเป้าหมายที่เขาต้องการจะทำ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นบนใบหน้า เขาตั้งสติแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สงบและมั่นคง

“และที่แย่ไปกว่านั้นอีกนิดหน่อยก็คือ ...เราไม่มียาชา”

ทิมปรือตาขึ้นอีกครั้งเพื่อบอกว่าเขาได้ยินและรับรู้ในทุกถ้อยคำที่อีกฝ่ายพูด แม้จวนเจียนจะขาดสติแค่ไหน ชายหนุ่มก็ยังส่งรอยยิ้มอันแห้งผากมาที่เขาราวกับไม่ได้เผชิญกับเรื่องอะไรหนักหนา คะน้าตั้งสติ เขาถอดเสื้อของตัวเองออก ขมวดเป็นเกลียว แล้วยื่นส่งให้ที่ปากทิม

“กัดเอาไว้นะทิม คงเจ็บหน่อย”

ทิมเผยอปากเล็กน้อยทั้งที่ยังหลับตา สิ่งที่พอทำได้ในตอนนี้ไม่ใช่การกัด ชายหนุ่มที่นอนอยู่ทำได้เพียงแค่ออกแรงคาบเสื้อของเขาเอาไว้ไม่ให้ร่วงเท่านั้น ใบหน้าของทิมซีดเผือดราวกับสีขาวของแสงจันทร์ ลมหายใจเบาบางกว่าอากาศที่หมุนวน ช่วงขณะหนึ่งในความคิด คะน้าเกิดความลังเล อัตราส่วนในความปลอดภัยลุล่วงนั้น เขาไม่รู้ว่าน้อยแค่ไหนบางทีอาจจะเพียงแค่เปอร์เซ็นต์เดียว ซึ่งมันน้อยมากๆ



...แต่หากถ้าเขาไม่ทำอะไรเลย โอกาสรอดมีค่าเท่ากับศูนย์ทันที!

คะน้ายกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรงๆ เพื่อเรียกสติก่อนที่เขาจะคลั่ง นับหนึ่งถึงสิบในใจไปสองสามครั้งแล้วกดปลายมืดแหลมเหนือบาดแผลของทิม สูดลมหายใจลึกจนปอดขยาย คะน้านิ่ง ...นิ่งอยู่แบบนั้นพร้อมกับอาการสั่นไหว

...สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่กล้า

ชายหนุ่มวางมีดลงด้วยอาการหวาดๆ ลองขบคิดเปลี่ยนแผนใหม่ซึ่งอาจจะเสี่ยงมากกว่า เขาจะลองแบกทิมแล้วหนีไปด้วยกัน ถ้าฟ้าเป็นใจเขากับทิมก็อาจมีสิทธิ์รอด แต่ถ้าโชคร้ายเจอะเจอกับพวกมัน อย่างมากก็ตายพร้อมกัน ...แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาจะไม่มีวันทิ้งทิม



“อย่าลังเล ผมไว้ใจพี่ ...เอาเลย”

เสียงรวยรินของทิมดังขึ้นคล้ายกับเสียงกระซิบในอากาศ คะน้าชะงักงันทันที เขาหันกลับไปมองคนที่นอนอยู่ด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ใบหน้าที่ซีดจนแทบจะกลายเป็นซากที่ไม่มีชีวิตกำลังมองมาที่เขา แววตาที่หลงเหลือเพียงพลังอันน้อยนิดนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

“บอกแล้วไง ...ชอบหน้ายิ้มๆ มากกว่า”

คะน้าขยับมุมปากยิ้มขึ้นทันที เป็นรอยยิ้มที่รื้นไปด้วยน้ำตา จนในเวลาแบบนี้คนๆ นี้ก็ยังสนใจความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของเขามากกว่าความเป็นความตายของตัวเอง คะน้าเกลียดคนแบบนี้ที่สุด เพราะคนแบบนี้ทำให้หัวใจเขาสั่นไหวได้ทุกครั้ง ทำให้เขาอ่อนแอหรือให้เขากลายเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดในโลกในพริบตา ทิมทำให้เขาชอบและเกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้

คะน้ายกมือขึ้นเช็ดไล่ความชื้นบนดวงตาให้หมดไปพร้อมกับความลังเล เปลวไฟเล็กๆ จากไฟแช็คในมือเปลี่ยนโลหะของคมมีดสีขาวให้กลายเป็นสีเข้มแล้วราดด้วยแอลกอฮอลซ้ำอีกรอบ คะน้านับหนึ่งถึงสิบในใจอีกหน ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

...ค่อยๆ กดมีดลงไปที่ช่องแผลจากลูกกระสุนบริเวณท้องของทิม

กลิ่นไหม้ของผิวหนังเหมือนถูกไฟเผาฉุนขึ้นมาทันที ร่างของทิมดีดกระตุกขึ้นพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ผุดซึมขึ้นทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่ไร้สีเลือดนั้นเกร็งจนเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นในพริบตา คะน้าสูดลมหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่จนแทบจะได้ยินเสียงลมที่แทรกผ่านเข้าไปในลำคอแล้วค่อยๆ กรีดเนื้อให้เปิดกว้าง ทิมดิ้นสะบัดเหมือนงูที่ถูกทุบหัว ชายหนุ่มที่นอนอยู่กัดเสื้อของเขาในปากจนเกร็งไปทั้งใบหน้า คะน้ารีบยกตัวขึ้นคร่อมเพื่อไม่ให้แผลเปิดกว้างไปกว่าเดิม เขารีบลงมือต่ออย่างไม่ลังเล ไม่มีทั้งยาชา ไม่มีทั้งแสงไฟ ไม่มีคีมสำหรับคีบ และเหนือสิ่งอื่นใด ...เขาไม่มีประสบการณ์ความรู้เลย!

คะน้าเปิดปากแผลด้วยมีดและใช้ปลายแหลมของมันเขี่ยยกลูกกระสุนออก เลือดของทิมไหลไม่หยุด เขารีบคว้าเอาเข็มร้อยด้ายที่ราดแอลกอฮอลเอาไว้ขึ้นมา กลั้นใจแล้วแทงเข้าไปในเนื้อของทิม จังหวะนั้นทิมแอ่นกระชากตัวแรงเหมือนจะหมดลมหายใจเฮือกสุดท้าย เส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนออกมาจนเห็นได้ชัด ทิมกำลังชักดิ้นชักงอ และเกร็งกล้ามเนื้อต่อต้านในทุกครั้งที่สิ่งแปลกปลอมแทงทะลุผิวหนังร่างกาย

ดวงตาของทิมแดงก่ำเป็นสีเลือด เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และมีน้ำตาไหลออกมาที่ใบหน้า ใต้เสื้อของเขาที่ถูกกัดแน่นจนเส้นเอ็นเกร็งขึ้นที่สันกราม ทิมส่งเสียงร้องที่แหบและโหยหวน มีของเหลวไหลย้อยออกมาจนเลอะคาง ในที่สุดคะน้าก็ปิดแผลที่บริเวณท้องได้สำเร็จ เขาราดแอลกอฮอลซ้ำลงไปอีกครั้ง ทิมบิดตัวเล็กน้อย ก่อนจะสงบลงพร้อมกับหายใจด้วยเสียงที่เหนื่อยหอบ เม็ดเหงื่อผุดซึมขึ้นทั่วทั้งใบหน้า กระนั้นเจ้าตัวก็ยังส่งยิ้มกวนราวกับความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านไปนั้นคือสิ่งสามัญธรรมดาของผู้กำชัยชนะในสุดท้าย



“ก็ไม่เท่าไหร่นี่ แค่มดกัด”

ทิมหัวเราะหึๆ ทั้งที่หมดสภาพ เนื้อตัวยังสั่นไหวไปทั่วร่าง ร่างนั้นหอบจนสะเทิ้น นิ้วข้อมือที่ซีดเผือดค่อยๆ คลายเขม็งเกรียวที่ปูดโปนออก เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่ค่อยๆ เลือนไปคล้ายกับสายลมที่พัดผ่าน คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะกดความรู้สึกกับทุกอย่างที่เห็น ท่าทางเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวนั้นเทียบไม่ได้กับความรู้สึกสะเทือนใจที่ได้เห็นการเสแสร้งแสดงว่าไม่เจ็บ ไม่รู้สึกรู้สา ทิมฉีกยิ้มกว้างมาที่เขาทั้งที่ลมหายใจรวยรินเหลือกำลัง

“ต่อเลย ผมไหว เรื่องจิ๊บๆ น่า”

คะน้าสูดลมหายใจลึกพร้อมกับตั้งสติ เขาเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งกับแผลที่บริเวณหัวไหล่ ในครั้งนี้ คะน้ารู้สึกนิ่งและมีสมาธิมากขึ้น เช่นเดียวกับทิมที่ดูจะทานทนกับความเจ็บปวดได้มากขึ้นกว่าครั้งก่อน ตลอดเวลาที่เขาจัดการกับแผลที่หัวไหล่ ทิมลืมตาขึ้นและมองมาที่เขา แม้ใบหน้านั้นจะแดงจัดจนแทบกลายเป็นสีม่วง แม้ว่าสีหน้าและร่างกายทั้งตัวจะแสดงออกว่าเจ็บปวดแค่ไหน แต่ทิมกลับเกร็งตัวจนนิ่งเหมือนท่อนไม้แข็ง แววตาทั้งสองบ่งบอกว่าเจ้าตัวจะไม่ขอยอมแพ้ สีดำที่แข็งแกร่งคู่นั้นไม่หลงเหลือความหวาดกลัวหรือเจ็บปวดอีกต่อไป

ถึงใจจะสู้แค่ไหน แต่ร่างกายมนุษย์นั้นมีขีดจำกัด นาทีต่อมา ทิมกระตุกจนเกร็งเส้นเลือดปูดโปนแล้วสงบนิ่ง บางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายหมดเรี่ยวแรงและด้านชากับความเจ็บปวดไปแล้ว หรือบางที...

ทิมหายใจช้าและสงบราวกับยอมจำนน เจ้าของบาดแผลค่อยๆ หลับตาลงอย่างผู้แพ้พ่ายในสงคราม พร้อมกับความเจ็บปวดของเข็มสุดท้ายที่แทงบนหัวไหล่ และพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเกินจะกลั้นของคนที่นั่งคร่อมอยู่

คะน้าร้องไห้... เขาสะอื้นและส่งเสียงดังออกมาอย่างไม่รู้สึกอาย ร่างทั้งร่างสั่นระรัวไปกับกำแพงความอดกลั้นที่พังทลายลง พอแล้ว... พอเสียทีกับความเข้มแข็งที่เขาแบกเอาไว้ คะน้าโผลงกอดร่างคนที่นอนอยู่ ปลดเปลื้องความรู้สึกและตัวตนที่ซ่อนเร้นเอาไว้ทั้งหมด เขาได้ยินเสียงตัวเองพร่ำเรียกชื่อของทิมเป็นสิบๆ ครั้ง ตะโกนให้ฟื้นขึ้นอีกเป็นสิบเป็นร้อยหน เสียงคร่ำครวญของคะน้าสะท้อนก้องไปในความว่างเปล่าที่โศกศัลย์






“อย่าเพิ่งแช่งกันดิ๊”

เสียงแหบแห้งและแผ่วเกือบจะเท่าลมหายใจของทิมดังขึ้น คะน้าหยุดชะงักทุกสิ่งพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง เขาดันตัวสูงขึ้นแล้วมองดูคนที่อยู่ด้านล่าง ทิมยังคบหลับตา ใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนนั้นเริ่มเห็นสีฝาดเลือดขึ้นเล็กน้อย

“ถ้าคิดชิ่งไปเสวยสุขกับไอ้เหี้ยแว่น บอกไว้เลย อย่าได้ฝัน”

ถ้อยคำที่ถือดีนั้นสั่นและขาดห้วง กระนั้นก็บ่งได้ดีว่าผู้พูดนั้นยังสู้ไหว แม้ทุกครั้งที่ได้ฟัง คะน้าจะรู้สึกไม่ชอบหูกับความยียวนกวนประสาทสักเท่าไหร่ หากแต่พอนานไปเข้า คำพูดเหล่านั้นกลับทำให้เขายิ้มออกมาได้ทุกครั้งโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รับรู้ ...แม้กระทั่งในเวลานี้ก็ตาม คะน้ากำลังยิ้มหรืออาจจะเรียกได้ว่าหัวเราะทั้งน้ำตา



“ไม่แพ้ไม่กระสุน แต่บอกตรงๆ ...แพ้น้ำตาพี่ว่ะ”

คะน้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วจ้องมองไปที่ใบหน้าของคนที่นอนอยู่ ทิมกำลังยิ้มให้ มือซ้ายที่พอจะขยับได้เอื้อมมาบีบมือของเขาเบาๆ



“อย่าร้องไห้อีกได้หรือเปล่า ไม่รู้เหรอว่าเห็นแล้วมันเจ็บ”

คะน้าพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เขารีบขยับตัวออกมาแล้วหยิบผ้ากลอสและผ้าพันแผลขึ้นพันรอบๆ เพื่อกันฝุ่นละออง ด้ายพวกนี้แม้จะก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว แต่เพื่อประทังอาการไม่ให้ทรุดชั่วครู่ก่อนถึงมือหมอนั้นถือว่ายอดเยี่ยม ดวงตาคู่นั้นของทิมจับจ้องที่ใบหน้าเขาตลอดเวลาจนคะน้ารู้สึกประหม่าเขิน เมื่อทำแผลเสร็จ ยาแก้ปวดหลายเม็ดพร้อมกับน้ำประปาที่รองใส่ขันก็ถูกส่งเข้าปากคนที่เจ็บอยู่เพื่อบรรเทาความปวดปร่า ไม่ช้าทิมก็นอนพัก เขาจะรอให้ทิมพักฟื้นตัวสักพัก และถ้าเป็นไปได้ เขาจะหนีออกไปจากที่นี่ก่อนรุ่งเช้า

ระหว่างที่ทิมหลับอยู่เพราะความเพลีย คะน้าออกเดินสำรวจบ้านในละแวกนั้นแต่ละหลังอย่างระมัดระวัง เรื่องประหลาดก็คือประตูเหล็กพวกนั้นถูกล็อคตายจากด้านนอกทุกบ้าน คะน้ามั่นใจว่าพวกมันที่เหลือเป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้ ต่างฝ่ายต่างระวังกัน เมื่อฝั่งนั้นก็รู้ดีว่าเขามีปืนและมีด แม้จะไม่รู้จำนวนลูกกระสุนที่เหลือ แต่ช่วงเวลาในตอนนี้ ใครที่เพลี่ยงพล้ำก่อนจะเป็นผู้จบชีวิตในทันที คะน้าเดาว่าพวกมันคงดักรอที่ปากทางเข้าแต่ละจุดแล้วรอเวลาที่จะฝังเขาและทิมอย่างไม่ต้องออกแรงอะไรให้มากมาย

เขาย้อนกลับไปหาทิม พยายามค้นคิดหาทางเป็นไปได้อื่นๆ ก่อนความคิดหนึ่งจะผุดขึ้นในความคิด มีทางออกหนึ่งที่นับว่าเสี่ยงเอามากๆ แต่คะน้าค่อนข้างมั่นใจว่าคุ้มพอที่จะเสี่ยง เขาเชื่อว่าอีกฝ่ายคงคาดไม่ถึงกับความคิดหลุดโลกแบบนี้ ยังมีอีกทางหนึ่งออกจากตลาดนี้ไปได้ และเขาเองก็เคยใช้ไปหาทิมที่ไซด์งานก่อสร้างตอนกลางคืน


...ใช่ เราจะปีนรั้วออกไปทางไซด์งานก่อสร้าง



(มีต่อด้านล้างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 07-03-2013 00:00:38
(ต่อเลยนะ)



คะน้ารีบรุดกลับไปหาทิมที่รออยู่ สีหน้าของชายหนุ่มดีขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยฤทธิ์ยาที่ออกฤทธิ์และการพักผ่อน เขาเหน็บปืนและมีดเข้าที่ขอบกางเกง หยิบเสื้อขึ้นสะบัดแล้วสวมทับให้กับตัวเองและทิม จากนั้นก็พยุงร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นแล้วค่อยๆ ประคองไปทางด้านหลังของตลาดช้าๆ

พื้นที่ของตลาดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางเข้าจากด้านหน้าสองทาง และทางเข้าด้านข้างจากลานจอดรถ ตลาดถูกล้อมรอบด้วยอาคารพานิชย์ขนาบข้างซ้ายและขวา ด้านหลังถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนั้นเดิมเป็นพื้นที่กว้างที่ใช้สำหรับจอดรถ ปัจจุบันถูกขยายต่อเชื่อมกับส่วนที่สองซึ่งก็คือคอนโดที่กำลังก่อสร้างอยู่

พระจันทร์เสี้ยวเปล่งแสงสีเงินลอดผ่านรอยแตกบนหลังคา รอบๆ ตลอดในตอนนี้มืดจนแทบมองอะไรไม่เห็น ความคุ้นเคยในพื้นที่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อยทำให้คะน้าพอจะประคับประคองทิมให้เดินไปสู่ด้านหลังตลาดได้ มีสายลมเอื่อยๆ วิ่งผ่านร่างของเขาเป็นระยะ คะน้าได้ยินเสียงกรีดร้องของดวงดาวสะท้อนก้องไปในความเวิ้งว้างที่มืดดำ เข็มนาฬิกาแห่งรัตติกาลเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างไม่เคยรีรอ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงรุ่งเช้า แสงอาทิตย์ให้ทั้งคุณและโทษ สะดวกผู้หลบหนี แต่ในทีก็สะดวกกับผู้ไล่ล่าเช่นกัน

คะน้าใช้เวลานี้อย่างรอบคอบ เขาค่อยๆ ดันทิมให้ปีนป่ายขึ้นบนรั้วกำแพง มือที่เจ็บจนขยับไม่ไหวทำให้คะน้าใช้แผ่นหลังของตัวเองส่งให้อีกฝ่ายขึ้นสู่ที่สูง ทิมขยับตัวได้เชื่องช้าและเกือบพลัดตกมาหลายรอบด้วยความโรยแรงและแผลที่บอบช้ำ กระนั้นชายหนุ่มก็ขึ้นสู่จุดสูงสุดของกำแพงได้สำเร็จ ทิมนั่งพักอยู่บนนั้น เพื่อพรางไม่ให้สังเกตเห็นได้ง่าย ชายหนุ่มค่อยๆ หมอบตัวลงอย่างยากลำบาก จุดสีแดงบนหัวไหล่และช่องท้องซึมขยายอาณาเขตช้าๆ แต่แล้วทิมก็ทำได้สำเร็จ

สถานการณ์ปลอดภัย ทุกอย่างปลอดโปร่งและเงียบปราศจากทุกสรรพเสียง คะน้าค่อยๆ ส่งตัวเองขึ้นสู่กำแพงทีละน้อย ตัวเขาเองก็อ่อนล้าจนแทบกระโดดปีนไม่ไหว คะน้าส่งสัญญาณให้ทิมลงจากกำแพงไปก่อนได้เลย แต่ชายหนุ่มที่รออยู่นั้นกลับยื่นมือซ้ายของตัวเองแล้วส่งมาที่เขา คะน้าส่ายหน้าปฏิเสธ หากแต่ทิมก็ดื้อแพ่งในความคิดไม่ต่างกัน

“ผมจะไม่ไปคนเดียว”

คะน้ายืนนิ่ง แหงนหน้าขึ้นสบตาคู่นั้นแล้วแย้มริมฝีปากเล็กน้อย ทิมกระตุกคิ้วแล้วกวักมือมาข้างหน้า ชายหนุ่มทั้งสองตกอยู่ในลักษณาการนี้อยู่เนิ่นนาน กระทั่งคะน้าเป็นฝ่ายปัดมือนั้นแล้วเดินมาที่กำแพงเอง เขาจะลองพยายามดูอีกครั้ง การใช้แรงของทิมช่วยพยุงจะทำให้บาดแผลของทิมเปิดตัวออก ซึ่งนั่นไม่ดีเลย คะน้าตั้งสติและกะระยะด้วยสายตา เมื่อปรับจุดหมายที่จะยืดจับได้เสถียรแล้ว เขาก็ย่อตัวลงแล้วกระโจนขึ้นสูงอีกครั้ง ในที่สุดคะน้าก็ยึดมั่นกำแพงได้สำเร็จ ที่เหลือก็เพียงแค่พยุงตัวไต่ขึ้นสู่ยอดกำแพง ทิมจ้องมองมาที่เขาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้




ปั่งงง!!!

จู่ๆ ก็เกิดเสียงดังสนั่นที่ขอบกำแพง คะน้ารู้สึกถึงแรงลมที่เฉียดฝ่ามือของตัวเองไปในระยะประชิด สายตาของเขาเห็นเศษอิฐปูนระเบิดขึ้นตรงหน้าพร้อมกับลูกกระสุนที่ค่อยๆ ร่วงลงมา คะน้ารีบปล่อยมือจากกำแพงแล้วทรุดตัวลงหมอบ มือทั้งสองกุมหัวตามสัญชาตญาณ

“พลาดไปซะได้!” เสียงสบถด้วยความหงุดหงิดดังขึ้นพร้อมกับเงาตะคุ่มของคนจำนวนสามคน คะน้าจำหนึ่งในนั้นได้เป็นอย่างดี ยามคนที่เขาเคยส่งคนเงินในวันก่อน “กะแล้วว่าพวกมึงไม่ธรรมดา ถึงขนาดล้มคนแปดคนได้ กูไม่แปลกใจเลย”

“มึงที่อยู่บนกำแพงน่ะ ไม่ต้องกระโจนไปหรอกนะ อีกฝั่งก็มีพวกกูรอรับมึงด้วยลูกปืนเหมือนกัน มึงสองตัวไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ” พวกมันส่งเสียงแล้วหัวเราะออกมาราวกับผู้กำชัยชนะ ทิมกัดฟันแน่นส่งเสียงคำรามในลำคอแล้วตวาดออกไปด้วยท่าทางที่พร้อมสู้ทุกเมื่อ

“คิดดูให้ดี ถ้าพวกมึงจะลองดีกับกู”

คะน้าเห็นพวกมันสามคนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนที่คนหนึ่งในกลุ่มพวกมันจะตะโกนออกมาด้วยท่าทางที่ตกใจ “เหี้ยแล้วมึง นั่นมันลูกชายคุณธาดา แม่งจะพากันบรรลัยแล้วไหมล่ะ”

ช่วงเวลาที่พลั้งเผลอ คะน้าค่อยๆ อ้อมมือเข้าด้านหลังตัวเองแล้วหยิบปืนที่เหน็บไว้ที่เอว เขารีบยกขึ้นเหนี่ยวไกแล้วยิงทันที! ความที่ใช้แรงนิ้วในการเกาะกำแพงทำให้มือของเขาสั่น กระสุนนั้นจึงพลาดเป้าไปอย่างหวุดหวิด! คะน้ารีบเหนี่ยวไกปืนขึ้นอีกครั้ง แล้วออกแรงกดที่นิ้วชี้! ทว่าทุกสิ่งนั้นนิ่งเงียบ



...ลูกกระสุนในปืนนั้นถูกใช้ไปหมดเสียแล้ว!

นาทีถัดมาคะน้าถูกล็อคจากด้านหลัง มีดสั้นถูกปลดออกจากเอว รวมถึงปืนสั้นที่ถูกกระชากออกจากมือก่อนที่กระบอกของมันจะย้อนกลับมาฟาดลงบนหน้าของเขา คะน้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า ก่อนที่ร่างกายจะรับรู้ถึงความเจ็บและกลิ่นคาวเลือดที่พุ่งขึ้นในโพรงปากในวินาทีถัดมา เขาถ่มกลิ่นแห่งความพ่ายแพ้ที่น่าสะอิดสะเอียนนั้นทิ้งและเงยหน้าขึ้นสบตามันผู้นั้นอย่างไม่หวาดเกรง

“แสบนักนะมึง” มันง้างหมัดแล้วอัดเข้าที่ท้องของคะน้าอีกครั้ง คะน้าทรุดตัวงอด้วยความจุกพร้อมกับเสียงตลาดด้วยความกราดเกรี้ยวของอีกคน

“ถ้ามึงทำคนของกู กูสัญญาว่ามึงจะได้เห็นนรกที่แท้จริงแน่!!”

ทิมกระโจนลงมาจากด้านบนแล้วโถมเข้ามาทั้งตัว มันคนนั้นอัดหมัดเข้าที่ใบหน้าของทิมทันทีจนร่างสูงกลิ้งหลุนไปกับพื้น “มึงสองตัวไปจับแม่งไว้! กูจะจัดการไอ้เหี้ยนี่ก่อน”

“เฮ้ย! จะดีเหรอเฮีย ไอ้เหี้ยนี่มันสุดๆ เลยนะ ใครๆ ก็กลัวแม่ง” อีกสองคนที่เหลือส่งเสียงหวาดๆ

“แล้วมึงคิดว่าถ้าแม่งรอดไปได้ มันจะปล่อยมึงไว้หรือเปล่า! งานนี้พวกแม่งจะไม่ได้รอดสักตัว!!!” มันตวาดกลับ สองคนที่เหลือหันมามองหน้ากันเลิกลั่กเหมือนตัดสินใจทำอะไรไม่ถูก

ทิมค่อยๆ พยุงตัวขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะถูกตรึงไว้ตามคำสั่งของคนที่เหลือ ชายหนุ่มพยายามดิ้นสะบัดให้หลุด แต่เหมือนร่างกายตัวเองไม่ได้หลงเหลือเรี่ยวแรงมากมายพอจะทำได้ขนาดนั้น ภาพที่เห็นในสายตาของทิมคือร่างที่ขดแบบพื้นจนตัวงอโค้งของคะน้า พร้อมกับเท้าที่เตะอัดนับครั้งไม่ถ้วน ร่างกายของคะน้ากระดอนไปมาตามแต่แรงเหวี่ยงน้ำหนักจากหน้าแข้งของอีกฝ่าย

“สัตว์!!! มึงหยุดเดี๋ยวนี้นะ!!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!! กูบอกให้หยุด!!!!!!!” ทิมกระชากตัวเองโดยไม่สนอะไรอีกต่อไป ปากก็ตะโกนส่งเสียงแผดร้องเหมือนโลกจะสิ้น ชายหนุ่มออกแรงกระทืบ ทั้งศอกทั้งเตะพัลวัน พล่ามด่าคำสบถสาบแช่งต่างๆ นานา “มึงตาย! มึงเตรียมตัวตาย!!! รอกูได้เลย!!”

“มึงอยู่ตรงนั้น! รอกู!! มึงต้องเจอกับกู!!!! เหี้ยแม่งงงง!!!!”

ทิมทั้งโหม่ง ทั้งโขกหัวตัวเอง ทั้งออกอาวุธอีกสารพัดที่ร่างกายกึ่งซากชีวิตของตัวเองจะพอทำได้ ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คำท้าทายของทิมจุดเชื้อเพลิงให้อีกฝ่ายยิ่งฮึกเหิม ทิมออกแรงทั้งหมดที่หมีหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการ แต่เมื่อใดๆ ที่ทำลงไปกลับไม่บังเกิดผล ปฏิกิริยาที่เหลือพอจะแสดงออกได้ถึงการไม่ยอมให้ภาพตรงหน้าเดินต่อคือน้ำตาของลูกผู้ชาย ก่อนจะตามมาด้วยหนทางสุดท้ายที่ชายหนุ่มพอจะทำได้ในเวลานี้ ทิมส่งเสียง แหบพร่า ขาดห้วง และหมดสภาพราวกับไม่ใช่ทิมที่ใครๆ เคยรู้จัก

“มึงหยุดเถอะ ได้โปรด... มึงจะทำอะไรมาทำกับกูนี่ กูไม่สู้มึงก็ได้ มึงมาลงกับกู แต่อย่าทำกับคนของกู กูขอร้องงงง หยุดเถอะ... กูขอร้อง ...กูขอร้องงง”

เสียงสั่นจะสะท้านพร้อมกับน้ำตาแห่งคนที่ได้ชื่อว่าจอมยะโสไหลออกมาอย่างไม่เหลือศักดิ์ศรีให้ทนง วงแขนที่รัดร่างของทิมมาโดยตลอดคลายตัวออกช้าๆ ไม่ใช่เพราะแรงที่ขัดขืนของทิม หากแต่เพราะท่าทางแบบนั้นที่ใครเห็นก็คงยากจะไม่รู้สึกใดๆ ทิมวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาคะน้า สองมือคว้ามาโอบกอดอย่างลืมความเจ็บปวด ชายหนุ่มเอาแผ่นหลังของตัวเองเป็นเกราะกำบังให้กับคนในวงแขนของตัวเอง ทิมโดนเตะและกระทืบซ้ำๆ เข้าที่กลางหลังและลำตัว หยดเลือดซึมออกมาจนย้อมผ้าสีขาวให้กลายเป็นสีแดง

“อย่าโทษกูล่ะ กูแค่ทำตามที่มึงขอ”

ทิมอยู่นิ่ง เขารักษาคำพูดของตัวเอง ชายหนุ่มปล่อยให้ร่างของตัวเองกระดอนไปตามแรงเหวี่ยงจากปลายเท้า ทิมไม่ได้รู้สึกเจ็บ ...ไม่ได้รู้สึกอะไรกับบาดแผลมากมาย ความรู้สึกพวกนั้นมันเล็กน้อย กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรในเวลานี้ ทิมแค่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาพึงจะทำได้แล้ว ร่างของทิมไหวไปตามแรงกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า หัวของชายหนุ่มผู้ทนงตนเองหนักนาในเวลานี้กลับสยบแทบเท้าของเดรัจฉานที่ไม่มีหัวใจ มันตัวนั้นกระทืบลงบนหัวแล้วขยี้ปลายเท้าลงบนหัวของทิมช้าๆ พร้อมเสียงหัวเราะร่าอย่างปีศาจ

หากแต่อีกมุมหนึ่งของภาพที่ไม่น่ามองเหล่านั้น กลับแสดงภาพที่แตกต่าง หากแม้นใครสักคนในที่นั้นพอที่จะมีหัวใจแบบปุถุชนคนธรรมดา มนุษย์ผู้นั้นจะได้สัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นกว่าทุกความรู้สึกในใจ




...ทิมลูบหัวของคะน้าอย่างแผ่วเบา มือที่แข็งแกร่งค่อยๆ ปัดฝุ่นที่เปรอะเปื้อนบนผมที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นด้วยความรู้สึกทนุถนอม ชายหนุ่มที่เปลือกนอกแข็งกร้าวและด้านชาโน้มใบหน้าลงมาช้าๆ แล้วจูบลงกลางกระหม่อมของคนในอ้อมแขนพร้อมกับรอยยิ้มอุ่นๆ

“ไม่เป็นอะไรนะ ผมอยู่นี่”


มีคนบอกว่าจุดอ่อนของผู้ที่เข้มแข็งที่สุดนั้นคือความอ่อนโยน หากได้สัมผัสแล้วนั้น แม้แต่กำแพงที่แข็งกว่าเหล็กกล้าก็กร่อนทลายได้ในพริบตา สุดท้ายแล้ว มันผู้นั้นก็หยุดการกระทำที่ต่ำช้าแล้วจ้องมองภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกราวกับผู้พ่ายแพ้ปราชัย

สัตว์อสูรในร่างคนถอยกราดอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง จิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์กลับคืนมาโดยไม่ตั้งใจจนแม้แต่เจ้าตัวก็ไม่คาดคิด หากแต่คนในสถานะแบบนั้นเมื่อกระโจนขึ้นหลังเสือแล้วก็คงยากที่จะถอยกลับ มันผู้นั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับพวกพ้องที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน

“กูเปลี่ยนใจแล้ว กูจะไม่ลงมือให้เหนื่อยอีกแล้ว กูมีวิธีที่ดีกว่านี้” มันหันมองมองทิมที่นั่งอยู่นิ่งๆ ที่เดิมแล้วเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างไม่อยากจะมอง “จับพวกแม่งไปขังไว้ในบ้านร้างแล้วปิดทางเข้าออกทั้งหมด กูจะให้พวกมันค่อยๆ ตายไปเอง”

ที่ดินโดยรอบตลาดนั้นถูกกว้านซื้อโดยฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ภายใต้การควบคุมโดยตรงจากประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธาดาพิพัฒน์ ...คุณธาดา ไม่มีผู้ใดเข้ามาในสถานที่เหล่านั้นอีก ถ้าไม่ได้รับคำสั่งโดยตรงจากผู้ถือครองกรรมสิทธิ์

“แต่แบบนั้นมันก็ตายนะ แล้วไอ้เหี้ยนั่นมันจะปล่อยเราไว้เหรอ” มีคำท้วงติงออกจากปากของพรรคพวก หากแต่มันตัวนั้นไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจอะไรมากมาย

“พวกมึงยิงกล้องวงจรปิดที่ถนนหมดแล้วใช่ไหม” ใบหน้าที่ไหวลงของสองตัวที่เหลือเรียกรอยยิ้มของผู้ออกคำสั่งขึ้นมา “งั้นพวกมึงเอามันสองตัวไปเก็บตามที่กูบอก”

“เฮีย...”

“มึงอย่าลืมสิ กูแค่ออกแรงนิดหน่อยและมันก็ไม่ถึงตาย มันสองตัวอดตายกันเองต่างหาก กูไม่ได้ฆ่าพวกแม่งสักนิด” มันผู้นั้นละสายตาจากชายสองคนที่หมดสภาพอยู่ที่พื้น แล้วหันไปพูดกับลูกน้องสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล



“...ไอ้เหี้ยนั่นต่างหากที่เป็นคนฆ่าลูกชายตัวเอง”

หลายนาทีถัดมา ร่างที่เหลือเพียงเศษเสี้ยวของวิญญาณทั้งสองถูกลากเข้ามาอยู่ในห้องที่ปิดตาย ว่างเปล่าและมืดสนิท มีเพียงหน้าต่างบานเล็กๆ ล้อมลูกกรงเหล็กให้พอได้อากาศจากภายนอก พวกมันล็อคประตูทางเข้าด้วยแม่กุญแจและโซ่ขนาดใหญ่ แล้วเดินลงไปสำรวจบริเวณต่างๆ ด้านล่าง เก็บเศษซากร่องรอยต่างๆ แล้วฝังไว้ในกองไม้ไหม้ๆ ที่ผุพัง พวกมันพยุงร่างของพรรคพวกคนอื่นๆ ไปทีละคน ทิมไม่ได้สนใจอะไรคนเหล่านั้นมากมาย เขามองจ้องเพียงแต่ร่างของคนในอ้อมกอดที่หายใจแผ่วจนเหมือนไม่รับรู้สิ่งใด

คะน้ารับรู้ได้ถึงแรงเขย่าตัว แต่เขาในตอนนี้รู้สึกเหนื่อยจนแทบไม่อยากจะทำอะไร ลมหายใจอ่อนล้าดูเหมือนจะผุพังไม่ต่างอะไรกับสภาพของตลาดที่ตัวเขาเองเติบโตขึ้นมา ในภวังค์เขาได้ยินเสียงของทิมเรียกชื่อเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน รู้สึกถึงหยาดน้ำผ่าวร้อนที่หยดลงใบหน้า คะน้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการกลั้นใจลืมตาขึ้น และเผื่อความพยายามอีกนิดในการฝืนรอยยิ้มของตัวเองให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด


“โทษทีนะ ผมพลาดจนได้ ไม่โกรธใช่ไหม”

ทิมส่ายหน้าตัวเองไปมา คะน้าใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดในการเอื้อมมือไปสัมผัสความอบอุ่นตรงหน้า นิ้วโป้งค่อยๆ คลี่แล้วปาดซับหยดน้ำใสๆ รอบดวงตาของคนที่ทำให้หัวใจเขากระเจิดกระเจิงได้ถึงเพียงนี้ ทิมร้องไห้แต่ไม่ได้สะอึกสะอื้นแม้แต่น้อย ผู้ชายคนนี้ยังเป็นชายหนุ่มที่ทรนงและโอหังอยู่อย่างนั้น ใบหน้าของเขานิ่งสนิทราวกับรูปปั้น คงมีเพียงแค่ดวงตาเท่านั้นที่เผยให้เห็นความเปราะบางในใจ

“พี่จะไม่เป็นไร ผมสัญญา ...ผมสัญญา”

เสียงทุ้มนั้นพร่ำถ้อยคำซ้ำๆ หลายครั้ง คะน้ายอมรับว่ามันเรียกกำลังใจขึ้นมาได้อย่างประหลาด หากแต่เขารับรู้ดีว่าร่างกายนั้นมันอีกเรื่อง คะน้าในตอนนี้รู้สึกอ่อนล้าเหลือเกิน เขาเหนื่อย บอบช้ำสะบักสะบอม และเหมือนจะทนอะไรต่อไปไม่ไหว

คะน้าเงยหน้าขึ้นจดจำแสงสีนวลของเสี้ยวพระจันทร์ที่ทาบทอขอบฟ้า หลับตาแล้วสัมผัสถึงสายลมที่วนอยู่รอบๆ กาย ลมเย็นที่พัดผ่านมาทางหน้าต่าง และลมอุ่มๆ ของลมหายใจคนที่อยู่ใกล้ๆ ความมืดไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เขาเคยคาดคิด ความรักก็เช่นกัน มันทิ้งร่องรอยดีๆ จนกลายเป็นภาพความทรงจำที่เขาคงไม่อาจลืมเลือน สุขหรือทุกข์ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนเราที่จะเลือกปรุงแต่ง

เขาค่อยๆ เติบโตขึ้น เรียนรู้ทุกสิ่งมากขึ้นด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป ความฝัน ความหวัง แม้จะสูญสลายไปดั่งคลื่นที่วิ่งเข้ากระทบฝั่ง แต่ก็มีคลื่นใหม่ๆ มาเสมอ ท้องฟ้าที่ดำหม่นอีกไม่นานก็จะกลายเป็นสีฟ้า ความมืดที่มองไม่เห็น สักพักก็จะถูกแทนที่ด้วยแสงสว่าง โลกใบนี้ก็เป็นอย่างนี้ การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นของอีกสิ่งเสมอ

“ผมทนได้ พี่ก็ต้องทนได้!” ทิมตวาดเสียงก้อง ร่างไหวสะเทิ้นประท้วงขึ้นไปด้วยความรู้สึกที่ถาโถม คะน้าสบตาแล้วตอบเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม


“แค่เหนื่อยน่ะ”

คำตอบนั้น ดูจะทำให้ทิมจะคลายความวิตกลงไปไม่น้อย ถึงแม้ว่าร่างกายตัวเองจะอ่อนล้าจนตกอยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่าง บางทีอาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ หลายคราที่คะน้าอดแปลกใจไม่ได้ ทิมลืมความเจ็บปวดของบาดแผลที่เฉียดเงื้อมมือของมัจจุราชพวกนั้นไปได้อย่างไร ซ้ำยังฝืนร่างกายมาใส่ใจห่วงใยกับเขาจนลืมตัวเองเสมอไม่เว้นแม้กระทั่งในเวลาแบบนี้

“งั้นพักก่อน แต่สัญญาว่าจะตื่นขึ้นมาหาผม พี่ต้องสัญญา”

ทุกสิ่งเงียบ ...เงียบจนวิเวก ทั้งสายลมรอบๆ ตัว ทั้งจิตใจของตัวเอง คะน้าไม่ได้เอ่ยคำตอบใดๆ ออกไป มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่ระบายขึ้นให้กับเจ้าของวงแขนที่ปกปักษ์เขาอยู่ไม่ห่าง เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด

“สัญญาสิ ได้โปรด... รับปากกับผมก่อนว่าพี่จะไม่เป็นอะไร จะไม่ไปไหน” เสียงทุ้มของทิมยังพร่ำกังวานอยู่ในหู

อย่างกับเด็กๆ ที่ชอบงอแงเวลาที่อยากได้อะไรเลย ...แต่ก็ดีแล้วที่หมอนั่นไม่เป็นไร

“สัญญา... สัญญากับผม พี่ต้องสัญญา” ทิมเขย่าตัวของเขาไปมา คะน้ายิ้ม ...ยิ้มเป็นครั้งสุดท้ายให้กับทิมแล้วค่อยๆ หลับตาลงด้วยความรู้สึกที่ปลดเปลื้องทุกสิ่งในใจ


...สัญญาสิ ผมอยากตอบแบบนั้นจริงๆ


 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปอีกตอน ขยับเข้าใกล้ตอนจบขึ้นอีกนิด เหลืออีกประมาณ 2 ตอนก็จะจบแล้วล่ะครับ
เรียกว่าชัดเจนแล้วกันล่ะนะครับว่าใครเป็นพระเอก ถึงจะยังมีเงื่อนงำอยู่ก็เถอะ แต่ก็จัดมาซะขนาดนี้แล้วนี่นา
จากนี้ไปมาเอาใจช่วยสองคนนี้กัน อยากให้อะไรๆ ผ่านไปได้ด้วยดีไวๆ แต่งไปก็เอาใจช่วยไป
(ที่เป็นแบบนี้ได้ข่าวว่าก็ฝีมือแกเองล้วนๆ) ยิ่งใกล้จบยิ่งเข้มข้น ฝากติดตามกันต่อด้วยนะครับ
จริงๆ แล้วคนแต่งก็อยากสปอยล์ตอนจบมาก เพราะรู้ว่าคงครียดกับหลายตอนที่ผ่านมาน่าดู
แต่อ่านตอนต่อไปก็จะเห็นทรงแล้วล่ะครับว่าจะเป็นยังไงต่อ อยู่กันมาถึงขนาดนี้ อดทนอีกนิดนะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์ครับ ดีใจทุกครั้งที่เห็นคนที่คุ้นเคยกันมาทักทายกันนะ
อีกนิดเดียวแล้ว เราจะลงเรือลำเดียวกันไปถึงฝั่งเนอะ มาถึงตอนนี้ได้ก็เพราะกำลังใจจากทุกคนล่ะครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 07-03-2013 00:05:04
 :fire: :fire: :fire:
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 07-03-2013 00:05:53
หัวข้อเปลี่ยนเป็น37แล้ว แต่นิยายไม่มา T_T

:z13:
จิ้มคุณสมาคมโคแก่ครับ พอดีนั่งตรวจคำผิดอยู่น่ะครับ ไม่คิดว่าจะมีคนเห็นด้วย เขินเลย 5555 :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-03-2013 00:13:10
โหดมาก
นี่มันแอ๊คชั่นดราม่าชัดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-03-2013 00:14:56
เอาอีกแล้วนะ วนิดาาาาาา  จบค้างอะ ค้างงงง
แล้วใครจะมาช่วยล่ะทีนี้ ตุลย์ ตามหาต่ายที ฮือออออออออออออออออออออออออออ
แต่ทิมแมนมาก ไม่ไหวแล้ว อ่านแล้วพาลจะร้องไห้
ต่ายสัญญาแล้วทิม เดี๋ยวจะตื่นมาอยุ่ด้วยกันบนดวงจันทร์ บ่แมนทางช้างเผือก
รอตอนต่อไป กิ๊ดๆๆ ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 07-03-2013 00:18:26
เค้าคิดไว้แล้วววววว่าคุณ Lucea ต้องมาบีบหัวใจคนอ่านอีกแน่ๆ
 อ่านแล้วมันแบบ ทั้งหวาน ทั้งหน่วง เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก
ทั้งคะน้าและทิมต้องรอดนะ อย่ามาเอาน้ำตาเราไปเลยยยยย

หึ่ย ถ้าตอนหน้ามาช้าเค้างอนนะ บู่ววววว

อ๊ากกกกก หน่วงขนาดนี้คงนอนไม่หลับ คงต้องไปงอแงที่เพจต่อ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 07-03-2013 00:19:19
ทิมมมมมมมมมมมมมมม
คะน้าาาาาาาาาาาาาาาาา
อยากเอาM79ไปถล่ทจริงๆ สะบัดสะบอมกันทั้งคู่
ฉากเย็บแผลที่เสียวดีจริงๆ แค่เข็มตำก็โคตรเจ็บแล้วอ่ะ นี่กรีดแล้วเอากระสุนออก
หมายความว่าไงที่พ่อทิมฆ่าลูกชายตัวเอง? อีก2ตอนจบแล้วเหรอออ ม่ายยย
 :o12: จงรอด จงรอด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 07-03-2013 00:31:11
อ้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะทำร้ายกันไปถึงไหน;[];!!!
คะน้าาาอย่าเป็นอะไรไปนะ;_____;
อ่านไปจะร้องไห้ไป โฮรววววว

รออ่านอยู่นะคะ! อัพต่อเลยเถอะพลีสสส ค้างมากลุ้นมาก;^;
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 07-03-2013 00:37:08
เห้ยยยยยังอึ้งจากตอนที่แล้วไม่หาย
ตอนนี้ยิ่งอึ้งกว่า

สงสาร เรื่องนี้ เรียกว่าหาบทที่หว๊าน หวานได้น้อยมากเมื่อเทียบกับดราม่า
ชีวิตคะน้าชั่งอาพับยิ่งนัก ;(
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: สมาคมโคแก่ ที่ 07-03-2013 00:38:17
อ่านตอนนี้ไปหัวใจกระเด้งกระตอนไป แบบว่าทั้งโดนยิง ทั้งเย็บแผลผ่ากระสุน แล้วยังโดนรุมกระทืบอีก ถึกมาก
แต่อะไรก็ไม่ช็อคเท่าช่วงท้ายที่บอกว่าเหลืออีก 2 ตอนจบ    :a5:

แบบนี้ต้องทวงตอนพิเศษล่วงหน้าสัก 10 ตอน ถึงจะสมกับที่ให้คนอ่านกินมาม่าไปหลายชามโต  :m16:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 07-03-2013 00:39:08
.........ทิมน่าสงสาร คะน้าน่าสงสาร

คนแต่งก็น่าสงสารแต่...ไม่สงสารแล้ว!!!!!!!! :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 07-03-2013 00:40:46
 :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: ลุ้นจนตัวโก่งแล้วต้องมีคนมาช่วยน่า ต้องมีเน๊อะ  :o12: :o12: จะโหดกันไปไหนเนี่ย ต่ายน้อยช้ำแย่แล้ว :sad4:
ขอบคุณจ้า o13 o13 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 07-03-2013 00:42:15
ตอนนี้เล่นเอาน้ำตกซึมไปเลย ฮือๆ T_T
คนแต่งใจร้ายอ่ะ โฮๆๆๆๆๆๆๆ ทำร้ายพทิมได้ลงคอ T3T
คะน้าอน่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ ทั้งสองคนต้องรอดไปให้ได้นะ

มาต่อเร็วๆนะคนแต่ง เค้าค้าง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 07-03-2013 00:45:38
อย่าใจร้ายกับกระต่ายนักเลย สงสารจะแย่แล้ว T T
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 07-03-2013 00:48:56
ตอนที่แล้วไม่ได้เม้นท์เพราะอึ้งและอึดอัด มึน
เป็นสองตอนที่อ่านแบบข้ามๆ เพราะสุดที่จะทนไหว แถมลุ้นจนแทบไม่ได้หายใจกันเลยเชียว

ตอนนี้ความรู้สึกเมื่ออ่านจบ ดีขึ้นคงเพราะtalkของคนแต่งทำให้มีแรงใจขึ้นมา

อยากจะเปลี่ยนชื่อน้องทิมเป็นน้องทน เจอเข้าไปขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้
คะน้าออกจะเก่งเกิน สามารถกระทั่งผ่าหัวกระสุน และเย็บแผลหยุดเลือด
จำได้ว่าจบโทการตลาดนี่นา หรือจำมาจากหนังhollywoodจ๊ะพ่อ
อ่านแล้วขัดใจ ไม่ทำให้เชื่อได้เต็มที่

รอตอนต่อไปอย่างมีความหวัง
ขอบคุณที่มาสมำ่เสมอไม่ทำให้ต้องรอนานนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 07-03-2013 00:52:05
คืออออออออออออออออออออออออออออ.....
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
จะมีใครมาช่วยสองคนนี้ไหม?
พ่อทิมเป็นคนสั่งใช่มั้ย?

อีกสองตอนจะจบแล้วหรอ ปัญหายังไม่เคลียร์เลยยยย
แต่ที่สำคัญคือ ดีใจอะ ดีใจที่เชื่อทิม ทิมรักคะน้ามากรักมากจริงๆ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 07-03-2013 01:24:10
ถึงตอนนี้มันจะโหดร้าย แต่มันก็ยังมีบรรยากาศหวานๆ อบอุ่นของต่ายน้อยกับทิมให้เห็นอยู่

แต่ !!!!!  ใครก็ได้เถอะมาช่วยสองคนนี้ที  ไม่ไหวแล้วนะ  :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beautifuldead ที่ 07-03-2013 01:37:50
ต่ายเอ้ยยย ไม่ไหวแล้ว งั่กๆๆ
สงสารทิม สงสารต่ายน้อย T___T ใครก็ได้มาช่วยที แง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 07-03-2013 01:47:43
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวนะคุณธาดา
หึ จะรอดูวันที่รู้ว่าลูกตัวเองจะตายเพราะน้ำมือตัวเอง
ใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเพราะความโลภเล่นซึ่งๆหน้าไม่ได้ต้องเล่นลับหลัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-03-2013 02:10:02
อ่านไปก็น้ำตาซึมไป สงสารทั้งคู่เลย ทำไมต้องมาเจออะไรหนักหนาแบบนี้ฟระ ไอ้พวกนั้นมันก็โคตรโหดจริง ๆ นะ
ซึ้งกับทิมด้วย ไ่ม่แพ้ลูกปืนแต่แพ้น้ำตาพี่ตาย โอย สั่นคลอนหัวใจคนอ่านมาก อึดได้อีกทั้งสองคนเลย
ทิมนี่แบบอึดมากตอนเย็บแผลนี่โคตรทรมานมากนะ สงสารคะน้าด้วยที่้ต้องทำ สุดท้ายปล่อยโฮเลยคะน้าเรา
เหมือนจะไปรอดแต่ก็ไม่รอดอีก ตอนทิมร้องไห้แล้วเข้าไปกอดคะน้านี่แบบ โอย สะเทือนใจมากซึ้งมากด้วย
ตอนท้ายน้องต่ายเหมือนจะไม่ไหว ไม่นะ...แค่พักเหนื่อยแล้วตื่นมาอยู่กับทิมต่อนะ
ชื่อหมอตุลย์โผล่มานิด ๆ ทิมดูเกลียดชัง แกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มั้ยนะ
เีืรื่องพ่อของทิมด้วย ยังไง สรุปไม่ใช่พ่อแท้ หรือพ่อแท้แต่ิิทิมไม่ยอมทำตามคำสั่ง อยากรู้เกิ้นตอนนี้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 07-03-2013 02:48:52
จากโรแมนติค คอมเมดี้ กลายมาเป็น ดราม่า จนมาเป็นโศกนาฏกรรมรัก :m15: :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 07-03-2013 03:16:18
ทิม!!!

ในที่สุดนายก็เป็นพระเอกจริง ๆ ดีใจที่เลือกทิม
ทิมแม่มดีอ่ะ โคตรดี ดีมาก
ดีใจที่ต่ายยอมทำตามใจตัวเอง แต่ถึงไม่ยอม ด้วยนิสัยก็ต้องช่วยทิมอยู่ดี
แต่อย่างที่อ่านมา ต่ายยังรักทิไม่เปลี่ยนแปลง

ลางสังหรณ์มันบอกว่าทิมนี่แหละพระเอก
เอาจริง ๆ ก็ตั้งแต่ีำทำนายแม่หมอแล้วมั้ง
อีกอย่างคนนิสัยอยางตุล เรื่องไหนเรื่องนั้นถ้ามีคนนิสัยอย่างทิม ตุลจะไม่มีวันเป็นพระเอกเด็ดขาด 555
อ้างเองจากที่เคยนิยายในเล้าหลาย ๆ เรื่อง

แอบภมิใจตัวเองอ่ะที่วางใจทิมตั้งแต่แรก อิอิ

ว่าแต่เค้าสังหรณ์ว่าตุลจะอยู่เบื้องหลังมั้ยน้าาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 07-03-2013 04:16:19
หนทางรอดนั้นริบหรี่

พระคุ้มครองทั้งสองคน

ช้านนนนนนร้องไห้ไม่ออก

 o22

คนที่ไว้ใจ สุดท้ายร้ายที่สุด ... อยู่ๆก็นึกถึงคำนี้ และตุลก็โผล่มาในหัว

ชั้นคิดมากไปรึเปล่าา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 07-03-2013 04:54:54
แง่สงสารทิมมม จะร้องเรยอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 07-03-2013 08:17:32
คู่รักทรหด
ขอให้รอดนะคะ
ทิมนี่อึดสุดยอด o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 07-03-2013 09:00:35
ช่างทรหดกันแท้ตอนนี้

นึกว่าคนอื่นจ้างมาที่แท้ก็พ่อตัวเองจ้างมานี่เอง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 07-03-2013 09:10:02
โอ๊ยยยยยย ลุ้นจนม้ามบิดเป็นเลข8 แล้วนะคะ


จะรอดไปในสภาพไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 07-03-2013 10:00:02
อึดดีจริงๆ พระเอกนายเอกของเรา :m5: อย่าตายน้าาทิม

พวกเราเชียร์กันหน่อย.....((( สู้โว๊ยยย...))) :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 07-03-2013 10:03:45
อาจไม่ค่อยสมจริงในบางส่วน

ปรพมาณว่า ระดับของคำที่ใช้ ไม่ค่อยเข้ากะสถานการณ์ของท้องเรื่อง

แต่ก็ไม่เป็นไร  เพราะของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับประสบการณืปูมหลังของแต่ละบุคคล  จึงอาจมีระดับความตึงเครียดของเหตุการณืไม่เท่ากัน

แต่บรรยายได้สนุกนะ  ลุ้นดี


สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 07-03-2013 10:39:33
เหลือสอบอีกสองวิชา เช่นเดียวกับนิยายที่เหลืออีกสองตอน บังเอิญจริงๆ ฮ่าๆๆๆ

นี่ๆ ตอนอ่านน่ะ ลุ้นสุดๆเลย ลุ้นกว่าตอนเข้าห้องสอบอีก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง หรือ อ่าน ???

สถานการณ์ โต๊ะม้าหิน หลังซุ้มคณะ

ผม : อร๊าาาาา ฮืออออออ โอ้ววววว ม๊ายยยยยย ฮือออออออออ โฮๆๆๆๆๆ (ตอนที่คะน้าทำแผลให้ทิม)
เพื่อน : สลัด เป็นเชี่ยไรมึง ไอ้บ้า แหกปากทำไม
ผม : กูลุ้น กูเครียด
เพื่อน : ไม่ต้องเครียด อย่างมึงน่ะ ทำได้สบาย ผ่านฉลุย
ผม : กูไม่ได้เครียดเรื่องสอบ
เพื่อน : แล้วเป็นเชี่ยไร
ผม : ลุ้นนิยาย
เพื่อน : ไอ่สลัด
ผม : ฮ่าๆๆๆ

ปล. ลุ้นจริง ลุ้นจัง ลุ้นกว่าทำข้อสอบอีกนะเออ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 07-03-2013 11:09:15
นะ สุดท้าย ทิมก็คือพระเอกสำหรับต่ายน้อยจริงๆ :กอด1:
พ่อทิมร้ายมาก
แต่เราก็หวังว่าความโลภที่ต้องทำให้ลูกชายคนเดียวของตัวเองเกือบตายนั้นจะทำให้พ่อของทิมคิดได้ :เฮ้อ:

หรือว่าเพราะรู้ว่าทิมจะขัดขวางแผนการนี้แน่ๆเลยย้ายทิมออกจากต่าย
แล้วแผลที่ทิมได้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพราะขัดใจพ่อหรือเปล่าหว่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 07-03-2013 11:19:46
ขอให้ปลอดภัย

อยากอ่านตอนคุณธาดารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดคงสนุกดี จะฆ่าลูกสะใภ้กลายเป็นฆ่าลูกชายไปด้วย ช่วยไม่ได้นะคะ

ที่จริงคิดว่าเริ่มตอนนี้ทิมจะไปอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่ไปไหน ไอ้ทิมเอ๊ย ถึกแท้!

ความจริงค่อยๆเปิดเผยแล้ว รอตอนต่อไป มาต่อไวๆนะคะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-03-2013 11:28:21
ทำไมทิมโดนยิงโดนกระทืบ  ถึงถึกกว่าคะน้าได้ขนาดนั้นล่ะนั่น  :a5:

คะน้า  ทนไว้นะจ๊ะ  นายเอกสมัยนี้ต้องถึกเกินพัน  เพราะคนเขียนชอบรังแกกกกกก  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 07-03-2013 11:34:31
อ๊ากกกก ซึ้งเลย กับประโยคนี้

“...ไอ้เหี้ยนั่นต่างหากที่เป็นคนฆ่าลูกชายตัวเอง”

 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 07-03-2013 13:29:17
รอดไปได้คงต้องหยอดน้ำข้าวต้มกันเป็นเดือนทั้งสองคน

ตอนนี้ขาข้างหนึ่งของคนอ่านก็ลงไปอยู่ในเรือแล้วนะคะ ^_^
เพราะฉะนั้นตอนต่อไปรีบมาไวๆ 55
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 07-03-2013 19:03:21
คนเขียนใจร้ายมาก เล่นแปดต่อสอง อัดพระเอก-นายเอกเราซะเละ ไม่ใช่คนเหล็กไม่ใช่แรมโบ้เน้อ (บ่งบอกอายุ)
ไอ้ผู้ร้ายก็ไม่รู้แค้นเคืองแต่ชาติปางไหน ทำงานเกินค่าจ้างหรือเปล่าเนี่ย
ตอนหน้าไม่บู๊แล้วนะ เครียด...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 07-03-2013 21:57:13
drama สุด ๆ   :o12: พี่ต่าย น้องทิม :m15:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ThePtk_ ที่ 07-03-2013 22:23:55
มาต่อเร็วๆนะ >< ชอบมากๆๆ ร้องไห้เลยยย TT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 07-03-2013 22:33:01
อ่านแล้วเครียดดด เครียดกว่าสอบไฟนอลอีก อ๊ากกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 07-03-2013 22:34:25
ทิม ทิม ทิม ทิมมมม
โอ๊ยยย มาให้กอดเเน่นๆที :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 08-03-2013 10:58:16
คะน้าจ๋า อย่าพักนานนักนะ...สงสารทิม
แล้วก็ เอาใจช่วยทั้งสามคน...ทิม คะน้า คนแต่ง

ปล.แอบกลัวต่ายตอนเย็บแผล
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~ณิมมานรฎี~ ที่ 08-03-2013 21:22:22
 :a5:    คะน้าาาาาาาาาาาา  ชีวิตลูกน่าสงสารจริงๆ   :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 08-03-2013 22:20:30
ได้โปรดส่งคนมาช่วยทิมกับคะน้าที
ไม่ไหวแล้ว สงสารมากๆ  :sad4:
คุณธาดาอยู่เบื่องหลังเรื่องนี้สินะ :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 09-03-2013 20:06:46
เฮ้ย มันจะดราม่าเกินไปแล้วนะ จะให้คนอ่านน้ำตาไหลหมดตัวเลยเหรอไง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 37 - (หน้า 49) Mar 07, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 09-03-2013 21:55:38
คนเขียนขาาาาาา มาต่อได้แล้วคะ

เราคิดถึง  :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 10-03-2013 07:31:06
อรุณสวัสดิ์เช้าวันอาทิตย์ครับ พอดีต่อไว เลยลุกขึ้นมาอัพนิยายให้อ่านกันแต่เช้าเลย
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะมาทักทายกันนะครับ ขอบคุณด้วยสำหรับคำแนะนำต่างๆ นะครับ
จะเก็บเอาไปพยายามปรับปรุงทักษะการเขียนในภายภาคหน้าให้ดีขึ้นนะครับ
หลังจากอึดอัดกันมาหลายตอน ได้เวลาที่จะคลี่คลายเรื่องปวดหัวออกซะทีล่ะนะ
ตอนที่ 38 นี้น่าจะทำให้รู้จักกับทิมมากขึ้นอีกนิดครับ ว่าแล้วก็ไปอ่านกันเลย


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 38



ความเย็นสดชื่นของน้ำบนผิวและสัมผัสอ่อนโยนทำให้คะน้าสะดุ้งตื่นขึ้น อีกครั้งที่ความรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ซึ่งคุ้นเคยวูบขึ้นที่ข้างลำตัว ร่างกายยังจดจำความเจ็บปวดที่ได้รับราวกับว่าจะไม่มีวันลืมเลือน เขาทบทวนภาพในความฝันเพื่อหาว่าอะไรที่ทำให้ตัวเองรู้สึกยะเยือกได้ขนาดนั้น อณูความทรงจำค่อยๆ ประกอบตัวกลายเป็นรูปร่าง คะน้าโดนซ้อม ...จากด้ามปืน หมัด เข่า หรือแม้แต่เท้าจากพวกมัน ในสติที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ คะน้ายังรู้สึกจุกแน่นที่ท้องจนขยับตัวเพียงนิดก็รู้สึกแปลบปลาบ และเมื่อเหลือบมองไปรอบๆ ตัว เขาก็พบกับแววตาที่เต็มไปด้วยความโล่งใจของคนที่อยู่เคียงข้าง ทิมใช้เสื้อของตัวเองแทนผ้าเช็ดตัวซับความร้อนออกจากร่างกาย

“พี่มีไข้ อย่าเพิ่งขยับมาก เดี๋ยวระบม”

คะน้าพยักหน้ารับรู้ ไม่มีอะไรน่ากลัวในตัวของทิมอีกต่อไปแล้ว ไม่มีสักอย่างที่สร้างความหวาดหวั่นในแววตาที่นุ่มนวลของทิมซึ่งมองมาที่ใบหน้าของคะน้า ท่ามกลางความสกปรกซึ่งดูเวิ้งว้างนี้ ทุกสิ่งดูสุกสกาวด้วยรอยยิ้มกวนประสาทที่ถูกแย้มขึ้นบนใบหน้าของคนข้างๆ ฝ่ามือกว้างลูบไปบนหัวเบาๆ ราวกับคำทักทายที่อ่อนโยน มันอบอุ่นจนคะน้าค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้โดยไม่รู้ตัว ราวกับกำลังถูกดึงดูดเข้าหาคนข้างๆ กายเหมือนกับแมลงเม่าที่โบยบินเข้ากองไฟ

“ถ้าอีกห้านาทียังไม่ฟิ้น จะกลั้นหายใจตายแล้วรู้ไหม?”

คะน้าหัวเราะ ทิมก็เป็นแบบนี้ ทำเหมือนกับเรื่องทุกอย่างไม่ใช่อะไรที่หนักหนา ซึ่งเขาก็ยอมรับว่ามันได้ผล บางทีคะน้าก็รู้สึกว่าตัวเองตกเล่ห์พรางของคำพูดพวกนั้นเข้าให้แล้ว เขารู้สึกว่าความตึงเครียดมากมายถูกคลายออกเอาเสียง่ายดาย คล้ายกับว่าตัวเองจะปลอดภัยทุกครั้งถ้ามีรอยยิ้มนี้อยู่ข้างๆ

“แล้วนี่มันที่ไหน”

“ฮาเร็มของพี่ทิมเอง จนไปหน่อยเลยไม่หรูหราแบบใครๆ โว๊ะ! ...อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” ทิมส่งเสียงประท้วงเมื่อเจอสายตาดุๆ ของคะน้าจ้องกลับเหมือนคาดโทษ กระนั้นก็ยอมสลดแล้ววกเข้าสู่คำตอบจริงๆ เสียที “ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะ เราถูกพวกมันจับขังไว้ในนี้ ชั้นบนของบ้านสักหลังในละแวกตลาด มันปิดตายทางออกทั้งหมด แล้วที่ดินรอบๆ ก็ถูกกว้านซื้อไปหมดแล้ว ไม่ต่างอะไรกับติดอยู่บนเกาะร้างที่ไม่มีอาหาร” ทิมพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมยไม่ได้รู้สึกยินดีกับสถานการณ์ที่เผชิญอยู่แม้แต่น้อย คะน้ามองไปรอบๆ ตัวอีกครั้ง เข้าใจความรู้สึกของคนข้างๆ ดี

“มีเรื่องดีๆ ให้ฟังบ้างไหม” เขาแค่อยากสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น

“เรามีห้องน้ำใช้ขับถ่าย แน่นอนว่าใช้น้ำได้ฟรี ...อย่างน้อยก็จนกว่าน้ำประปาจะถูกตัด” ทิมพยุงตัวของเขาให้ลุกนั่ง คะน้าค่อยๆ เอนหลังพิงผนังที่เย็นเฉียบ

“แค่นี้น่ะนะ” คะน้าถอนหายใจพร้อมส่งรอยยิ้มบางๆ ให้กับคนที่ยกมือขึ้นโอบบ่าเขาในตอนนี้ รู้สึกอุ่นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อวงแขนนั้นดึงเข้าหา ทิมส่ายหน้าแล้วยิ้มแฉ่ง

“ได้อยู่กันสองต่อสองไง โรแมนติกดีนะ”

คะน้าส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม เขารู้สึกว่าวันเวลาที่ผนวกเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ทำให้ตัวเองเข้าใจทิมมากขึ้นทีละน้อย บ่อยครั้งที่ทิมมักจะพูดจาทะเล้นกวนประสาท นั่นไม่ใช่เพราะนิสัยยียวนที่ติดมาแต่กำเนิด หากแต่มันคือรูปแบบหนึ่งของเกราะกำบังที่เจ้าตัวสร้างขึ้นมาเพื่อปกปิดสิ่งที่ตรงกันข้ามในใจ ลึกๆ แล้วแววตาสีเข้มคู่นั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกกดดันไม่ต่างกับเขาในตอนนี้ หน้ากากแห่งรอยยิ้มทำหน้าที่สองอย่าง อย่างแรกคือการซ่อนความอ่อนแอของตัวเอง สิ่งอีกอย่างคือการสร้างความเข้มแข็งให้กับคนรอบข้าง คะน้ายิ้มให้กับทิม ไม่ใช่เพราะมุกตลกที่ขบขัน รอยยิ้มนั้นแทนคำขอบคุณให้กับสิ่งที่คนๆ นี้ทำให้เขามาโดยตลอดและไม่เคยเปลี่ยนแปลง



“เราจะยังมีโอกาสรอดใช่ไหม”

“เดาเอาว่าตอนนี้พี่ผักกาดน่าจะรู้แล้วว่าพี่หายไปแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกวันกว่าจะแจ้งความได้ และอย่างน้อยอีกวันในการขอหลักฐานกล้องวงจรปิดจากราชการ ถึงแม้พวกนั้นจะยิงจนพังไปหมดแล้วก็เถอะ แต่ก่อนหน้านั้นมันคงบันทึกไว้ในเซิร์ฟเวอร์ส่วนกลางไว้แล้ว เท่ากับอย่างเร็วก็สามวัน หรืออย่างช้าไม่น่าจะเกินห้าวันหรือหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีคนมาพบเราที่นี่”

“แล้วแผลนั่น...” คะน้าเอ่ยขึ้นมาทันทีด้วยความเป็นห่วง ในระยะยาวเขาหวั่นว่าบาดแผลนั้นอาจเกิดเป็นปัญหา ทิมส่ายหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจเบาๆ แล้วระบายรอยยิ้ม

“ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้ไปยมโลกแล้ว ...แต่แอบมือหนักไปนิดนึงนะ” ทิมส่งเสียงหัวเราะขันล้อเลียนก่อนจะหันกลับมาพูดจริงจังอีกครั้ง “เรามีน้ำให้ดื่ม มีห้องน้ำสำหรับขับถ่าย ที่เหลือก็คือต้องทนจนกว่าจะมีคนมาพบให้ได้”

พูดจบ ทิมก็นิ่งไปพร้อมกับเสียงนั้นของตัวเอง ชายหนุ่มค่อยๆ หยิบเสื้อที่มอซอที่หมาดเพราะซับไข้ขึ้นมาสวมทับแบบลวกๆ แล้วนั่งอยู่นิ่งๆ คะน้าหันไปสำรวจรอบๆ ตัวอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืน เขาเดินไปตรวจโดยรอบ ลองขยับเหล็กดัดที่หน้าต่างหรือแม้แต่ที่บานประตู ทุกอย่างล้วนแต่ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมง เห็นแต่เพียงแสงแดดรำไรที่ส่องลอดมาทางบานหน้าต่างให้พอเดาได้ว่าเป็นเวลากลางวัน

“กินน้ำสักหน่อยไหม” ทิมถามขึ้นพร้อมกับมือซ้ายที่ถือขันน้ำ คะน้ารับขึ้นมาดื่มแล้วเช็ดปาก พลันสายตาก็เหลือบเห็นที่มือขวาที่ปล่อยลงข้างๆ ตัว ข้อมือนั้นบวมเปล่งและเริ่มเห็นรอยช้ำเลือดเป็นจ้ำ ทิมบอบช้ำกว่าเขามากเหลือเกิน หากแต่ถามไปก็คงได้คำตอบแบบเดิมๆ จากเจ้าตัวว่าสบายมาก คะน้าจึงเลี่ยงที่จะอยู่เฉยๆ แล้วคอยระวังให้อยู่ห่างๆ เขาเดินกลับไปนั่งข้างกำแพงที่เดิม ทิมเดินตามลงมานั่งใกล้ชิดไม่ห่างไกล

“เรามีเวลาที่นี่อีกเหลือเฟือเลยสินะ”

“ก็คงอย่างนั้น” ทิมระบายลมหายใจแล้วหันมาส่งยิ้ม

“ถ้าแบบนั้นผมคงมีเวลาฟังเรื่องทุกอย่างแล้ว ถึงเวลาที่จะพูดความจริงทุกอย่างกันเสียทีดีไหม” สีหน้าของทิมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อประโยคนั้นสิ้นสุด ร่างสูงนั้นมีแววตาที่ดูครุ่นคิด สักพักทิมก็เบือนหน้ามาที่เขาพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวไปแล้ว



“ได้สิ แต่พี่ต้องจูบผมก่อน”

ทิมนั่งนิ่งอยู่กับที่ มีเพียงรอยยิ้มยั่วเย้าและสายตาที่ส่งคำท้าทายมาให้เขา ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรให้เนิ่นนาน ถึงแม้ไม่มีข้อต่อรองนั่น ไม่ช้าก็เร็วคะน้าก็คงต้องทำแบบนั้นกับทิมอยู่ดี เขาโน้มตัวเข้าไปหา เอื้อมมือประคองใบหน้านั้นขึ้นแล้วบดริมฝีปากตัวเองเข้ากับความเนื้อสีระเรื่อด้วยความรู้สึกทั้งหมด ทิมตอบรับรสจูบนั้นด้วยสัมผัสที่เร่าร้อน พริบตาเดียวชายหนุ่มก็จู่โจมกลับด้วยความรู้สึกมากมายที่ทะลักออกมาจากหัวใจ เป็นเวลานานกว่าที่คะน้าจะได้ผละตัวออกห่าง เขาก้มหน้าของตัวเองลง ซ่อนร่องรอยแห่งความสุขให้มีแต่ตัวเองที่รับรู้

...ให้ตายสิ เขารักคนๆ นี้เหลือเกิน




“พี่... อีกทีได้ไหม”

คนอายุน้อยกว่าประท้วงแบบเด็กๆ ใบหน้าเปลี่ยนสีเหมือนถูกแต้มวาดจนปลั่ง ลำคอเป็นสีสดเกือบเท่าสีของริมฝีปาก ปฏิกิริยาแบบนั้น คะน้ารู้ดีว่าสิ่งที่ทิมร้องขอนั่นไม่ใช่แค่เพียงจูบแน่ๆ

“ได้แน่นอน ถ้าเหตุผลของอะไรบ้าๆ ที่ผ่านมาพวกนั้นมันจะน่าฟังพอ”

“ก็ได้” ทิมถอนหายใจหนักเหมือนขัดใจ ถึงกระนั้น ก็ไม่วายตอดเล็กตอดน้อยตามนิสัย ทิมฉีกขาที่ชันขึ้นของตัวเองออกกว้างจนพอให้คนๆ หนึ่งเข้าไปนั่งได้ คนเจ้าเล่ห์ไหวหัวเบาๆ เหมือนส่งสัญญาณกึ่งบังคับและเว้าวอน

“นั่งนี่สิ มาให้กอดหน่อย”

คะน้าถอนหายใจให้กับความเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับตัวเข้าไปแทรกระหว่างเข่าที่ชันขึ้นทั้งสอง ทิมโอบร่างของเขาไว้แล้วดึงเข้าหาทันที หากแต่คะน้าก็ยั้งตัวไว้เพราะกลัวจะกระเทือนแผลเสียง ทิมประท้วงอย่างไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ

“พิงมาเลย”

“อืมม...” เมื่อเห็นว่าไม่น่าเป็นปัญหา คะน้าก็ค่อยๆ ถ่ายน้ำหนักของร่างกายตัวเองไว้บนแผ่นอกคนที่อยู่ข้างหลัง ทิมกดปลายจมูกเข้าที่หลังหู จูบเบาๆ ที่ซอกคอแล้วกระซิบถ้อยคำเบาๆ ข้างแก้ม

“ผมไม่เคยทรยศอะไรเลย ทุกความรู้สึกที่ผ่านมาเป็นความจริง”

แค่ประโยคแรกก็ทำเอาเขาฉีกยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจรู้สึกพองตัวขึ้นช้าๆ ด้วยความสุขที่ค่อยๆ แทรกตัวผ่านผิวกายที่สัมผัสกัน คะน้าคิดว่าบางทีนี่อาจจะดีกว่าสำหรับเขา เพราะไม่ว่าอย่างไร ทิมก็จะไม่มีทางเห็นใบหน้าของเขาที่คงซ่อนความรู้สึกพวกนี้ไว้ไม่ไหว

“ที่ห้องประชุมนั่น ผมอึดอัดแทบบ้าที่จำต้องพูดแบบนั้นเพราะในห้องนั้นมีกรรมการครบทุกคน ไหนจะเครื่องดักฟังและกล้องวงจรปิดอีก คนๆ นั้นไม่เคยไว้ใจใครนอกจากตัวเอง เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เขาต้องการ” ทิมค่อยๆ ระบายความจริงออกมา คำพูดเหล่านั้นทำให้คะน้าฉุกคิด

“หมายความว่าเรื่องไฟไหม้ตลาดมีคุณธาดาอยู่เบื้องหลังอย่างนั้นหรือ?” เขาถามย้ำอีกครั้งให้แน่ใจว่าตีความหมายไม่ผิด จู่ๆ ในใจของคะน้าก็รุ่มร้อนขึ้นอย่างประหลาด ลางสังหรณ์ของเขาแม่นยำ และแม้ว่าจะเคยคิดจินตนาการไว้แบบนั้นมาโดยตลอด แต่พอได้ฟังความจริง เขากลับทนไม่ไหว ทิมเองก็แสดงออกถึงความอึดอัดไม่ต่างกัน

“ผมลำบากใจที่จะบอกว่าเป็นแบบนั้น แต่... คะน้า ผมขอโทษที่ต้องบอกว่ามันเป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ” ทิมระบายลมหายใจที่ติดขัด คะน้าคิดหนัก ถ้าแม้ว่าทุกอย่างที่เขาคิดมาโดยตลอดนั้นเป็นความจริง แล้วเรื่องทุกอย่างคืออะไร

“หมายถึงพ่อของนาย... คนๆ นั้น...” คะน้าเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหวาดๆ นึกไม่ถูกว่าทิมจะรู้สึกอย่างไร

“ครับ”

“เป็นคนร้าย”

ทิมผ่อนลมหายใจหนักอึ้ง เขานิ่งไปชั่วขณะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนมากมายเหมือนพยายามอย่างหนักในการจับต้นชนปลายทุกอย่างเพื่อหาบทสรุปของเรื่องที่ยุ่งเหยิงทั้งหมด

“โปรดฟังผมให้จบ อย่าหนีผมไปไหน และเมื่อผมเล่าทุกอย่างจบ จะเกลียดจะแค้น ผมก็ยินยอม” ทิมเอ่ยขึ้นพร้อมกับอาการสั่นที่เจืออยู่ในน้ำเสียง

“ผมจะเล่าให้ฟังตั้งแต่แรก ตั้งแต่เริ่มต้น ชีวิตของผมก่อนที่จะได้รู้จักกับพี่” ความสั่นสะเทือนบางๆ ในอากาศนั้นหยุดนิ่ง ดวงตาสีดำคู่นั้นจ้องมองตรงไปข้างหน้าสู่ความเวิ้งว้างที่มืดดำ ราวกับว่าในเวลานั้น ทิมเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ยืนสะอื้นอยู่ในความมืดมัวเบื้องหน้า

“ผมเติบโตมาลำพังเพียงคนเดียว มีพี่เลี้ยงเป็นทั้งพ่อและแม่ บ้านเล็กของครอบครัวผู้มั่งคั่ง มันก็ต้องแบบนี้อยู่แล้วใช่ไหม” คะน้าชะงักจนนิ่งกับน้ำเสียงที่แห้งจนน่าใจหาย แปลว่าทิมไม่ใช่ลูกที่เกิดจากภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณธาดาอย่างนั้นหรือ?

“แม่กับผมเป็นเหมือนคนที่ไม่มีตัวตน ไม่มีการสมรสหรือแม้แต่จดทะเบียนที่กฎหมายรองรับ คนๆ นั้นมีแม่เพียงเพราะความเชื่อในคำทำนายบ้าๆ ว่าดวงของแม่จะเสริมดวงของเขาให้ก้าวหน้า กิจการจะเติบใหญ่และทำกำไรมหาศาล โดยที่แม่นั้นไม่เคยรู้อะไรพวกนั้นมาก่อนเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีครอบครัวอยู่แล้ว แม่รักเขาด้วยความจริงใจ ความรักของแม่ถูกตอบแทนกลับด้วยความหลอกลวงและชดเชยด้วยเงินทองทรัพย์สิน” ตาของทิมเบือนจากเด็กชายที่ไร้ตัวตนแล้วหันกลับมามองที่คะน้า รอยยิ้มบางๆ ฝืนระบายขึ้นเพื่อกดความอ่อนแอที่ซ่อนไว้ในใจ

“เราทุกคนรับผลจากชะตากรรมและความต้องการที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั่น เขาไม่เคยยอมรับหรือแม้แต่เรียกผมสักครั้งว่าลูก คำพูดว่าดวงผมชงกับดวงของเขาทำให้ผมห้ามเข้าบ้านใหญ่ ตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วที่ผมต้องอยู่คนเดียวในโรงเรียนประจำจนชิน คำว่าครอบครัวของผมมีแต่...แม่ ส่วนสำหรับเขา ครอบครัวคือคนอื่นที่ไม่ใช่เรา” ในห้องที่แคบๆ นั้น ดูเหมือนว่าตัวตนของทิมจะค่อยๆ ลดขนาดลงอีกจนแทบจะกลายเป็นอากาศธาตุ คะน้ายกมือขึ้นบีบวงแขนที่กอดเขาไว้ ทิมตอบรับความรู้สึกของเขาด้วยการยิ้มขึ้นมาในที่สุด ราวกับทิมจะบอกว่าตัวตนที่อ่อนแอของเด็กคนนั้นได้ตายจากไปนานแล้ว

“ผมใช้ชีวิตอยู่โรงเรียนประจำที่ต่างประเทศมาโดยตลอด แล้ววันหนึ่งลูกตัวจริงที่ถูกกฎหมายก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ผมไม่ได้ไปงานศพหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาของคนที่ผมเรียกว่าพี่นั้นเป็นอย่างไร แต่ในที่สุดแม่ก็มีตัวตนในสายตาของคนๆ นั้น เขาเรียกให้แม่กลับไปอยู่ในบ้านอีกหลังในรั้วเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าในตอนนั้นแม่ตกลงลับๆ กับเขาว่าเมื่อผมจบให้รับผมเข้าทำงานในธาดาพิพัฒน์และยอมรับผมในฐานะลูกคนหนึ่ง ที่นั่นแม่ไม่เคยมีความสุข แต่แม่ก็ยังทำเพื่อลูกที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวแบบผม จนเด็กคนนั้นกลับมาพร้อมกับตำแหน่งใหญ่โต เป็นรองประธานฯ ที่กลับมีหน้าที่เพียงแค่คุมงานก่อนสร้างตามไซด์งานโปรเจ็กต์ต่างๆ” สีหน้าในตอนนี้ยากที่จะคาดเดาความรู้สึกได้ ทิมแค่นั่งนิ่งๆ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบที่สม่ำเสมอ

“ผมได้พบกับพี่ แล้วมันก็เป็นอย่างที่พี่เห็น ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงไปในทุกสิ่งที่ผมทำ จนวันที่ผมพาพี่ไปงานเลี้ยง จริงๆ แล้วผมเพียงแค่อยากให้พี่ได้รู้จักกับแม่ แต่มันก็เกิดเรื่องยุ่งๆ จนเรื่องไปเข้าหูเขา ไม่นานผมก็ได้รับคำสั่งให้ทำยังไงก็ได้ให้พี่ขายที่ดินให้บริษัทของเขา คนๆ นั้นบอกว่าถ้าผมทำสำเร็จ เขาให้ทำให้แม่ของผมได้อยู่ในฐานะที่ไม่ต้องแอบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไป” ทิมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ แววตากลับมาเต็มไปด้วยความสับสนอีกครั้ง

“ผมไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจกับสิ่งที่เฝ้าฝันมาตั้งแต่เด็กๆ กับหน้าที่ที่แบกความหวังของธุรกิจของคนที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ซึ่งมันสวนทางกับหัวใจของตัวเอง” เสียงนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนล้าและอ่อนเพลียจนคะน้ารู้สึกได้

“วันนั้นที่พี่ผักกาดถามว่าถ้าเป็นผม จะตัดสินใจขายหรือเก็บตลาดไว้ต่อ มันยากกับผมที่จะพูดออกไป ผมอยากช่วยพี่ทุกอย่าง อยากเป็นกำลังใจให้พี่ต่อสู้ในสิ่งที่ใฝ่ฝัน แต่อีกด้าน ผมก็อยากให้แม่ได้รับในสิ่งที่สมควรจะได้รับเหมือนกัน ผมสารภาพว่าผมอยากให้พี่ขายที่ดินให้กับเรา ...แต่นั่นต้องด้วยความสมัครใจ โปร่งใสทุกอย่าง” ทิมขบริมฝีปากจนแน่น ร่างสูงนิ่งเงียบไปชั่วอึดใจ

“แล้วผมก็ทำทุกอย่างเพื่อให้พี่กลับมาพิจารณาธาดาพิพัฒน์อีกครั้ง อะไรก็ได้ให้พี่ไม่ปฏิเสธเรา ผมรู้ว่าพี่ห่วงคนที่ตลาด ผมจึงสั่งปรับแบบคอมเพล็กซ์ใหม่ให้มีศูนย์การค้าด้านล่าง ยอมให้คนที่ตลาดเข้าค้าขายได้ต่อ ผมจะสร้างพื้นที่ชั่วคราวให้ค้าขายจนกว่าจะเริ่มก่อสร้าง แต่พี่กับพี่ผักกาดก็ยังไม่คิดขาย ผมก็จะสั่งปรับโครงการอีกครั้ง ...แต่คราวนี้เขาก็ไม่ยอม” คะน้าพยักหน้า เริ่มเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ มากขึ้นทีละน้อย

“เลยเล่นวิธีสกปรกสินะ”

ทิมขยับหน้ากากแห่งความเฉยชาให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มพูดต่อ “ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจัดการทุกอย่างให้เสร็จด้วยตัวเอง แต่ผมนึกวิธีในการสื่อสารอื่นไม่ออกในเวลาที่กระชั้นแบบนั้น สิ่งเดียวที่ผมคิดออกคือ...เวลา”

“สิบห้าวันสำหรับทำทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ใช่แค่ปรับแบบและปลูกสร้างที่ค้าขายชั่วคราว ...แต่หมายถึงขอเวลาสิบห้าวันสำหรับทำทุกอย่างจริงๆ” คะน้าเอ่ยออกมาเองด้วยเสียงแผ่ว เขาสะดุดใจแต่ไม่เคยเอะใจเลยแม้แต่น้อย ทิมพยักหน้าแล้วระบายลมหายใจหนักอึ้งออกมา

“พี่ก็ทำเอาผมแทบคว่ำ ทุกสิ่งที่ผมฝืนไว้มันแทบพังไม่เป็นท่าเพราะท่าทางของพี่ในตอนนั้น ทำเอาผมอยากสารภาพออกไปเหลือเกิน ถ้าด่าผมสักหน่อยหรือต่อยผม จะทำอะไรก็ได้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจว่ามันพอปรับความเข้าใจได้ แต่การที่พี่หมางเมินใส่นี่...” ทิมเว้นห้วงในอากาศแล้วหัวเราะแห้ง “เหอะๆๆ พี่เกือบฆ่าผมให้ตาย ...แล้วไหนจะไอ้เหี้ยแว่นที่อยู่ๆ ก็โผล่มาอีก มันจะกลับมาทำไมของมัน เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด”

“เรียกตุลดีๆ สิ เขาเป็นคนดีนะ” คะน้าส่งเสียงดุ แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะทึ่งในสิ่งที่ทิมพยายามจะทำเพื่อเขามาโดยตลอด กระนั้นอีกใจก็นึกขำ ท่าดีแต่ดันมาทีเหลวเพราะตัวเร่งปฏิกิริยาแบบตุลตลอด แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้

“ออกหน้าแทนตลอด ไม่รู้มันจะกลับมาหาสวรรค์วิมานอะไรของมัน” ทิมยังคงแสดงอาการไม่สบอารมณ์จนคะน้าต้องดึงให้คนขี้หงุดหงิดให้กลับมาในเรื่องราวต่อ

“เล่าต่อสิครับ” ทิมทำฟึดฟัดอีกนิดหน่อยก่อนจะกลับมาเริ่มนิ่งอีกครั้ง

“ที่กลัวที่สุดคือพี่ผักกาด ผมรู้ว่าตัวเองปิดพี่ผักกาดได้ไม่สนิท เหตุผลมันดูไม่สมเหตุสมผลพอ ตอนนั้นก็ได้แต่ภาวนาว่าพี่ผักกาดจะไม่ทำให้แผนเสีย ...แต่ผมพลาดสนิท เพราะสุดท้ายแล้วผมกลับทำทุกอย่างเจ๊งเอง พี่รู้ไหมว่าผมแทบคลั่งที่รู้ว่าพี่เอาตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้”

“ผมขอโทษ ผมไม่รู้เลย แต่นายน่าจะบอกกันตรงๆ” คะน้าส่ายศีรษะตัวเองไปมา นึกทบทวนดูแล้ว เขาก็หุนหันพลันแล่นจริงๆ ทิมเม้มปากแล้วระบายลมหายใจด้วยความท้อ

“ผมไม่มีพยาน ไม่มีหลักฐานอะไรเลย ผมมีแค่คำพูด คนที่ไหนจะบ้าพอจะเชื่อคำพูดลอยๆ ของคนแบบผม”

คำพูดนั้นทำเอาคะน้าแทบจะแย้งออกมาทันที หากทิมพูดสักหน่อย คนแบบเขาก็พร้อมจะเชื่อโดยไม่มีข้อสงสัยแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าหูเบา แต่เขาเชื่อว่าทิมจะไม่ปั้นเรื่องขึ้นมาแบบนั้น มันไม่มีประโยชน์เลย

หากแต่เมื่อทบทวนดูแล้ว ความเชื่อมั่นหรือไว้ใจในอะไรง่ายๆ นับเป็นปัญหาของตัวเขาเองที่ทำให้ใครต่อใครเป็นห่วงมาโดยตลอด ก่อนที่จะได้ละอายใจกับตัวเองมากไปกว่านี้ คะน้าจึงหยุดข้อโต้แย้งทั้งหมดแล้วซ่อนไว้ในแววตาที่ไม่เห็นด้วย ...หากแต่มันแย่ตรงที่ว่าตาคู่นั้นก็ยังชัดเจนแจ่มแจ้งพอจะทำให้คนที่สบตาอยู่อ่านความนัยได้ ทิมชะงักจนค้าง สีหน้าบ่องบอกถึงความรู้สึกดีใจจนปิดไม่มิด




“เหี้ยเอ้ย!”

ทิมสบถออกมาเสียงดังพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขวาง

“ขอโทษที่พูดไม่เพราะ ...ผมโคตรรักพี่เลยว่ะ”

คะน้ารู้สึกร้อนวาบขึ้นบนหน้า คนอายุน้อยกว่ารัดเขาจนแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ทิมหัวเราะร่วนไม่หยุด ซ้ำยังเอนหัวมาโขกขมับเขาเบาๆ อีกหลายหน คะน้าย่นหน้าผากด้วยความหงุดหงิดที่ก่อตัวขึ้นเพราะเสียงกวนประสาทนั่นไม่น้อย หลายนาทีกว่าที่ทิมจะค่อยๆ สงบลงแล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนข้างๆ ใบหู

“ผมขอโทษจริงๆ แต่ว่าพี่ครับ ไม่มีใครอยากให้คนที่ตัวเองรักต้องถูกฆ่าหรอกนะ”

คะน้าชะงักจนสะดุ้ง เขาเหลียวหน้ากลับไปหาทิม “คืออะไร หมายถึงรู้มาก่อนหรือว่ามีพวกนี้คอยทำงานให้”


(เหลืออีกครึ่งครับ ต่อด้านล่างนะ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 10-03-2013 07:32:33
(ครึ่งที่เหลือครับ ต่อเลยนะ)




ทิมกลืนน้ำลาย สีหน้าดูลำบากใจ ข้อมือและวงแขนขยับไปมา “พี่ครับ มีอีกเรื่องที่ผมต้องขอโทษ ตอนนั้น... แผลต่างๆ บนตัวนั่น ผมหมายความว่า... คือมันไม่ได้เกิดจากปัญหากับพวกคนงานตามไซด์ ผมรู้ว่าจะทำให้เป็นห่วงแต่ผมอยากให้พี่เบาใจ ความจริงก็คือผมได้ข่าวมาว่าพวกมันวางแผนชั่วเอาไว้ เลยมาดูที่ตลาดตอนกลางคืนอยู่หลายวัน แล้วก็เจอพวกมันเข้า คิดว่าจัดการกับมันไปแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่ามันจะไม่ยอมรามือ”

“บ้าจริง คิดไหมว่าถ้าเป็นอะไรไป... ทำไมถึงทำเพื่อคนอื่นมากมายขนาดนั้น” คะน้าน้ำตาซึมออกมา ไม่เคยรู้เลยว่าจะมีใครที่เพื่อเขามากมายถึงเพียงนี้

“เคยบอกแล้วไงว่าอย่าร้องไห้” ทิมระบายรอยยิ้มแล้วลูบหัวคะน้าอย่างอ่อนโยน คะน้ารีบหลบสายตาคู่นั้นก่อนจะกลั้นความเอ่อชื้นเอาไว้ไม่อยู่


“พี่ครับ... สำหรับผม พี่ไม่ใช่คนอื่น พี่เป็นคนสำคัญ”

ทิมพูดให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ยิ่งเนิ่นนานคำสารภาพเหล่านั้นกลับมีแต่ทำให้หัวใจของคะน้าสั่นไหวอย่างแรงจนเหมือนจะหยุดเต้นเอาง่ายๆ เขาพยายามอย่างหนักในการวางตัวให้อยู่นิ่งๆ ทั้งที่ในใจกระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหนแล้ว

“ผมไม่ไว้ใจใคร ผมไม่รู้ว่าผมไว้ใจใครได้บ้าง ก็อย่างที่พี่เห็น ขนาดเขาวางแผนเผาตลาด ใครก็ยังหาเรื่องมาเอาผิดแทบไม่ได้ นับประสาอะไรกับชีวิตคน พี่ไม่ใช่คนโกหกที่เก่งเลย มันออกมาหมด พี่เป็นคนดีเกินกว่าจะทำเรื่องแย่ๆ แบบนั้นได้” ทิมกอดคะน้าแน่นแล้วผ่อนลมหายใจพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ

“แต่ผมทำได้ ...ทำได้ดีด้วย ละครตบตาเรื่องนี้ ถ้าจะมีใครสักคนเหมาะกับเป็นตัวโกงเป็นคนเลว ผมคิดว่าผมเหมาะสมที่สุดแล้ว”

“นั่นไม่ใช่ความจริงเลย”

คะน้าแย้งขึ้นอย่างไม่รีรอ เขาคิดว่าบางทีน้ำตาพวกนั้นที่เริ่มเอ่อบนดวงตาทั้งคู่ ได้ละลายก้อนแข็งๆ ที่กัดกร่อนในใจมาเป็นเวลานานจนเกือบหมดไม่มีเหลือ ทิมส่งยิ้มให้เขา นั่นเหมือนกับรอยยิ้มในวันแรกที่คะน้าเห็นไม่มีผิด

“ขอบคุณนะครับ แต่รู้ไหม ผมอยากให้พี่เป็นพี่มากกว่าต้องฝืนตัวเองนะ ...และผมก็รักพี่ที่เป็นแบบนั้นด้วย” ทิมหยุดพักเพื่อสูดลมหายใจชั่วครู่ “แต่ผมก็พลาด สุดท้ายมันก็เกิดความสูญเสียขึ้น”

“มีคนบอกว่านายอยู่ที่นั่นตอนเกิดไฟไหม้”

“ผมพยายามดับไฟ แต่มันไม่สำเร็จ พวกมันวางแผนมาดี จุดเชื้อจากไฟฟ้าที่ทำให้ลัดวงจรด้วยฝีมือพวกมัน มีการวางเชื้อไฟในตลาดไว้มาก กว่าจะฟื้นตัวมาได้ ผมก็รีบโทรเรียกรถดับเพลิง แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ตัดไฟฟ้า และปลุกชาวบ้านละแวกนั้นให้ลุกขึ้นมาช่วยกัน ผมช่วยดับไฟอยู่ตรงต้นเพลิง พยายามติดต่อเรียกรถดับเพลิงจากเขตอื่นๆ แต่พอกลับมาทางเข้า ผมก็เห็นพี่อยู่กับ...หมอ”

เสียงของทิมหยุดอยู่แค่นั้น สั่นและดูคล้ายกับคนที่ไม่หลงเหลือความเชื่อมั่น ร่างสูงนั้นดูเหมือนจะย้อนวัยกลับไปสู่ภาพของเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่เดียวดายในความมืดอีกครั้ง ทิมมองจ้องตรงไปกำแพงด้านหน้าที่ว่างเปล่า “ผมพยายามเชื่อมั่นในตัวพี่ รู้ทั้งรู้ว่าคนแบบพี่ไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้ แต่ไม่รู้สิ ผมห้ามความคิดตัวเองไม่ได้ ตอนที่ผมเห็นพี่ดูรูปเก่าๆ ที่ถ่ายกับมันในคอมฯ ผม... กลัว”

คะน้ายกมือลูบไปบนวงแขนของทิมเบาๆ ก่อนจะโอบทับเอาไว้ด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี “ขอโทษที่ทำให้รู้สึกแบบนั้นนะ ผมควรทำให้นายรู้สึกมั่นใจกว่านี้”

ทิมยิ้มหยันให้กับตัวเองแล้วเงยหน้าขึ้น เอนหัวพิงไปบนกำแพงเย็นๆ นั่นอย่างยอมรับ “อย่าโทษตัวเองเลย ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้าไอ้แว่นนั่นเอามากๆ แต่ผมก็ยอมรับนะ ...เขาเป็นคนที่ดีมากๆ เลย เทียบกับตัวผมแล้ว ไม่มีอะไรไปสู้ได้เลย”

“ทิมมม...”

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ตอนนี้ผมโล่งใจนะ อย่างน้อยผมก็พอจะช่วยพี่หรือทำอะไรเพื่อพี่ได้บ้าง ที่ผ่านมาผมได้แต่รู้สึกอิจฉาหมอนั่นมาโดยตลอด ตอนนี้ ผมก็พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าผมก็พอเป็นคนดีกับเขาได้เหมือนกัน พอได้ระบายอะไรๆ ออกมาตอนนี้มันก็โล่งดีนะ” ทิมยกมุมปากขึ้นน้อยๆ ด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลาย คะน้ามองรอยยิ้มนั้นแล้วคิดทบทวน เขาเองก็มีสิ่งที่อยากระบายออกมาเช่นกัน สิ่งที่คั่งค้างอยู่ในใจมาเนิ่นนาน สิ่งที่เขาอยากรู้แต่กลับไม่กล้าที่จะถามสักครั้ง

“มีเรื่องที่ผมคาใจอยู่มานานมากแล้ว พอจะบอกผมได้ไหม”

ทิมหันมาสบตาคะน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน “ได้สิครับ ไม่มีอะไรให้ต้องเล่นละครกันอีกแล้ว”

“มันเป็นเรื่องยากมากที่ผมจะเข้าใจ แล้วมันก็ทำให้อึดอัดใจมาโดยตลอด ถ้าเป็นไปได้ ก็จากฟังจากปากของนายเอง ตอนนั้น... นายจูบกับตุลไปทำไม”

ชายหนุ่มเงียบไปสักพักราวกับพยายามกลั่นกรองถ้อยคำต่างๆ ที่มีในใจเพื่อที่จะให้คำตอบตรงกับความรู้สึกจริงๆ ทั้งหมดที่มี “ผมไม่รู้ แต่มันไม่ใช่ความรักหรือความต้องการทางเพศ มีเหตุผลหลายๆ อย่างที่แม้แต่ตัวเองก็อธิบายไม่ถูก”

“มีเวลาฟังอีกเหลือเฟือ ผมอยากรู้จริงๆ พูดมาตรงๆ เถอะทิม” ทิมนิ่งคิดอย่างตรึกตรอง ร่างสูงนั้นเงียบไปครู่ใหญ่ราวกับจะเลี่ยงพูดคำตอบที่ถูกถามนั้น

“...อิจฉา” ทิมตอบออกมาในที่สุด “ผมอิจฉาที่เขาคบกับพี่ในฐานะแฟน ผมไม่ยอมรับ รับไม่ได้ และผมจะไม่ยอมเลิกรา ผมจะทำทุกอย่างให้พี่กับเขาเลิกกัน”

“มันไม่เด็กไปหน่อยเหรอ”

คะน้าหันกลับมามองดูที่อยู่ด้านหลัง ทิมในตอนนี้เหมือนกับเด็กวัยรุ่นอายุยี่สิบต้นๆ ธรรมดา ไม่ได้ดูทันเกมธุรกิจ หรือคิดรอบคอบแตกฉานแบบทุกครั้ง สุดท้ายแล้ว ทิมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีแต่ข้อดีที่ดูเพียบพร้อมไปทุกอย่าง เป็นเพียงคนธรรมดาที่มีด้านดีและด้านไม่ดีคละๆ กันไป และคะน้าเองก็ชอบกว่าที่ทิมจะเป็นอย่างนั้นมากกว่าจะเป็นหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์ไปทุกด้าน

“ผมขอโทษ ผมคิดว่าพี่รักผม ผมแอบมองพี่ทุกวันและไม่คิดว่าตัวเองมองพลาด ผมคิดว่าลึกๆ เราน่าจะชอบกัน แต่ทำไมพี่ถึงเลือกเขา ทำไมผมต้องช้าไปทุกที ให้ตายซะดีกว่า ผมเสียพี่ไปไม่ได้จริงๆ” ทิมระบายความรู้สึกที่อัดแน่นออกมาราวกับระเบิด

“เท่านั้นน่ะเหรอ” คะน้าถามพร้อมรอยยิ้ม จริงอยู่ที่เขาให้ความสำคัญกับคำตอบของทิมมาก แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องจริงจังขนาดคอขาดบาดตาย เรื่องนิสัยเอาแต่ใจแบบเด็กๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแบบที่เขายอมรับไม่ไหว

“...ผมสับสน” ทิมระบายลมหายใจอุ่นๆ ออกมาอีกครั้ง “ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะ... คือยังไงดีล่ะ มันไม่เคยอยู่ในความคิดเลย การที่จะมารักผู้ชายด้วยกันแบบนี้ ผมหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ถ้าผมจูบกับพี่แล้วรู้สึก แล้วผมจะรู้สึกกับคนอื่นอีกไหม จะว่ายังไงดีล่ะ ใครๆ ก็บอกว่าหมอตุลเป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ คนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ดูเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมจนน่าอิจฉาเลยล่ะ ถ้าผมชอบเพราะอยากลอง มันก็น่าจะทำให้ผมได้พบกับคำตอบที่ค้นหาหรือเปล่า”

“แล้วรู้สึกยังไงบ้างล่ะ”

คะน้าถามเสียงนิ่ง หากแต่ในใจรู้สึกขบขันอยู่พอสมควร เขาเองก็ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาเช่นกัน ทั้งสับสน ลังเล คิดไม่ตก ผิดกันตรงที่ว่าตัวคะน้าดันเป็นฝ่ายถูกจู่โจมจากผู้ชายสองคนจนไม่ได้มีโอกาสไปคิดทำอะไรวุ่นวายแบบนั้น ถ้าเขามีแค่คนเดียวที่เข้ามา บางทีคะน้าอาจจะทำอะไรพิสดารกว่าทิมก็ได้ คนที่ต้องตอบคำถามทำหน้าแปลกประหลาด ทิมกลืนน้ำลายแล้วทำหน้าคล้ายอยากสำรอก

“เอาเป็นว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยได้ไหม มันไม่ได้มีอะไรแบบนั้นเลย”

“ไม่ใช่ว่าจริงๆ อยากเปลี่ยนเรื่องเพราะรักตุลหรอกเหรอ ซื้อดอกกุหลาบสีแดงไปให้ที่ห้องพักด้วยนี่นา” คะน้ายังไม่เลิกเย้า อันที่จริงแล้วเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่เขายังสงสัย

“ช่วงนั้นผมต้องไปโรงพยาบาลทุกวัน ผมไปเยี่ยมแม่ที่อยู่โรงพยาบาล ผมก็แค่ซื้อดอกไม้ไปขอบคุณ ผมไม่ได้เล่าเพราะแค่ไม่อยากให้พี่เป็นกังวลแทน แต่มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยจริงๆ ผมสาบานได้ หมอก้อยเป็นหมอที่ดูแลคุณแม่ผมเอง” ทิมชูนิ้วสามนิ้วขึ้นมาเหมือนตั้งคำปฏิญาณ

“ตุลบอกว่ารู้จักกับนายมาก่อน”

คะน้าถามขึ้นอีกครั้ง ทิมเงียบสงบไปในทันที วินาทีนั้นคะน้ารับรู้ถึงความสั่นไหวที่อาจทำลายแม้คำสัญญาที่ทิมลั่นไว้ว่าจะพูดความจริงทุกอย่าง ...ไม่สิ ทิมพูดความจริงทุกอย่าง คะน้ารู้สึกได้ว่ามันเป็นความจริงนับตั้งแต่ต้น เพียงแต่ดูเหมือนว่าร่างที่กำลังสั่นไหวเล็กๆ ในตอนนี้ ยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในตัวเองต่างหากว่าจะยอมพูดทุกอย่างที่เป็นความจริงออกมาได้แบบที่ทำอยู่นี้

“นั่นสินะ หมอนั่นยังจำคนเลวๆ แบบผมได้จริงๆ ด้วย” ดวงตาสีดำคู่นั้นหม่นลงคล้ายกับย้อนตัวเองกลับไปในความทรงจำที่ถูกฝังไว้เนิ่นนาน คะน้านั่งนิ่งๆ เขาไม่ได้ตั้งใจรื้ออดีตขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือทำร้ายใคร

“จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องอดีตเลย แต่มันสั่นคลอนความรู้สึกในใจ ทิม... ผมพอทราบว่าเคยมีผู้ชายมา... เอ่อ... ชอบนาย ตอนนั้น นายก็ประกาศตัวว่าเกลียดอะไรพวกนี้ รับไม่ได้ ซ้ำยังทำอะไรต่างๆ นานา” คะน้ามองลึกไปในม่านตาคู่นั้น และเห็นเพียงแค่สีดำที่ว่างเปล่า “สำหรับผมแล้ว อดีตไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ใครๆ ก็เคยมีเรื่องผิดพลาดที่ตัวเองก็ไม่อยากจดจำ แต่การแสดงออกว่าเกลียดแบบนั้น ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่า...นายเปลี่ยนไปแล้ว”

“นั่นสินะ ผมมันเลวจริงๆ” ทิมหยุดคำพูดเหมือนกับจะหยุดลมหายใจตัวเอง “...ในตอนนั้น ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่านภจะคิดแบบนั้น เราสนิทกัน ...หมายถึงเราเป็นเพื่อน เป็นเหมือนกับพี่น้อง รวมทั้งพี่ตุลด้วย พวกเขาดีกับผมมาก กับคนที่ไม่เคยมีใครแบบผมแล้ว... ตลกไหมนะ ผมคิดว่าพวกเขาเป็นพี่น้องจริงๆ” ทิมยักไหล่แล้วยิ้มเศร้า

“วันนั้นเรากินเบียร์กัน มันก็เหมือนปกติทั่วไป แล้วจู่ๆ นภก็บอกเรื่องนั้นกับผม ผมตกใจและไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่เคยคิดอย่างอื่นกับนภไปมากกว่าเพื่อนหรือพี่น้อง ผมปฏิเสธ แต่นภบอกว่าจะรอ ผมไม่รู้ ผมไม่ชอบให้ความหวังใคร ยิ่งเขาไม่เลิก ยิ่งดีกับผมเท่าไหร่ ผมยิ่งทำให้เขาไปไกลๆ มากขึ้นเท่านั้น” เสียงทุ้มนั้นเนิบช้าลง

“ความมีน้ำใจ บางทีมันก็โหดร้ายไม่ใช่เหรอ เพราะมันจะทำให้เราเคยชินกับความสุขจนไม่อยากขาด และพอยิ่งนานก็ยิ่งถลำตัว ยิ่งผูกพัน”

คะน้าตรึกตรอง สิ่งที่ทิมคิดนั้นไม่ใช่เรื่องผิด หากปัญหาต่างๆ นั้นเปรียบกับโรคภัยที่ต้องกำจัดรักษา วิธีที่จะใช้รับมือกับปัญหาของคนเรานั้นก็คล้ายกับยาสารพัด มียามากมายให้เลือกใช้ให้เหมาะกับการวินัจฉัยของแพทย์เจ้าของไข้ที่มีความถนัดต่างกันออกไป วิธีการของทิมอาจดูเหมือนคนเลือดเย็น แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับการจ่ายยาแรงที่ไม่เลี้ยงไข้ ทว่าเห็นผลชัดเจน กระนั้นคะน้าก็อดที่จะตั้งคำถามกับบางเรื่องไม่ได้



“แล้วทำไมถึงเป็นผม”

“ถ้าถามว่าทำไมพี่ถึงดึงดูดผม ผมตอบได้อย่างไม่ลังเล พี่เป็นคนดี มีน้ำใจ พี่ไม่เคยคิดร้ายกับใคร และอะไรอีกเยอะแยะ ...พี่ครับ มันมีเหตุผลมากมายที่ผมจะตอบและมันคงไม่จบไม่สิ้น แต่ถ้าพี่ถามว่าทำไมผมถึงรักพี่ ผมเองก็ตอบไม่ได้” ทิมไหวหน้าตัวเองไปมา นึกในสิ่งที่ค้นหาอยู่ไม่เจอจริงๆ “เชื่อไหมว่าเคยถามตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผมหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย ความรู้สึกมันบอกแค่ว่ามันใช่ล่ะมั๊ง จนถึงทุกวันนี้ก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เลย”

“มันก็น่าจะมีเหตุผลอะไรบ้างไม่ใช่เหรอ สิ่งที่แตกต่าง นิสัยใจคอ รูปร่างหน้าตาหรือเหตุผลอะไรสักอย่าง”



“การที่ผมจะรักพี่มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?”

ทิมตอบด้วยเสียงนิ่ง เสียงทุ้มนั้นยังดังอย่างต่อเนื่อง “ถ้าวันหนึ่งรูปร่างหน้าตาแบบที่ชอบมันเปลี่ยนไป ถ้าวันหนึ่งพี่สูงขึ้น อ้วนขึ้นผอมลง ขาวหรือคล้ำกว่าเดิม ขี้บ่นหรือเงียบมากขึ้น ถ้าวันหนึ่งพี่เลิกชอบทำอะไรแบบที่ผมชอบ แล้วแบบนั้น ผมก็ต้องเลิกรักพี่สินะ” คะน้าอยากจะอ้าปากค้าน แต่เขาก็จนถ้อยคำ ทิมพูดเหตุผลได้น่าสนใจทีเดียว



“ความรักของผมไม่เคยมีเหตุผลเลย ผมแค่ชอบพี่ในแบบที่พี่เป็น”

ชั่วขณะหนึ่งที่ทิมทำให้คะน้ากลับมารู้สึกประหลาดใจได้อีกครั้ง เขาพยายามเสาะหาหลักฐานบางอย่างว่านั่นคือการปั้นคำที่สวยหรูชวนฟังหรือคำสัตย์ หากแต่ผู้พูดนั้นกลับรักษาท่าทีที่เป็นธรรมชาติของตัวเองเอาไว้ได้อย่างจริงใจ จนคะน้าต้องยอมจำนนพร้อมกับหัวใจของตัวเองที่กำลังพองโตเหมือนรอเวลาระเบิด

“เกลียดผมหรือเปล่า บางทีก็ทำแต่เรื่องแย่ๆ ให้หนักใจ” คะน้าส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม ดูเหมือนนั่นจะทำให้สีหน้าของทิมดูโล่งใจขึ้น



“...นึกว่าจะถูกเกลียดเสียแล้ว

ทิมขยับตัวเล็กน้อยแล้วกระชับอ้อมแขน ริมฝีปากนั้นเบียดแนบเข้าด้านข้างของใบหน้าคะน้า กระซิบคำถามที่สงสัยด้วยน้ำเสียงที่เว้าวอน



“บอกผมทีได้ไหม พี่ยังรักคนๆ นี้อยู่หรือเปล่า”

คะน้ากดใบหน้าของตัวเองลงกับซอกคอของเจ้าของไออุ่นจากด้านหลัง รู้ตัวดีว่าร่างกายตัวเองกำลังร้อนผ่าวไปด้วยคำหวานที่ตรงเป็นขวานผ่าซาก และถึงแม้จะพยายามสะกดความรู้สึกของตัวเองแค่ไหน ในใจก็ยังสั่นวาบ ...เขากำลังรู้สึกเขิน และมากด้วย

พูดมาได้ยังไงวะ? ไอ้หน้าด้าน ไม่รู้จักอาย

“นั่นอยู่เหนือข้อตกลง ผมจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”

บางทีคะน้าก็รู้สึกว่าพักหลังๆ ตัวเขาเองกลับกลายเป็นคนมีจริตขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ และแปลกที่ความรู้สึกนี้จะเด่นชัดขึ้นทุกครั้งเวลาที่อยู่ต่อหน้าทิม หากแต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ใคร่สนใจอะไรมากมาย ทิมยังส่งยิ้มหวานด้วยท่าทางที่กวนๆ แบบเดิมมาเช่นทุกครั้ง

“ผมเล่าให้ฟังทุกๆ เรื่องแล้ว ขอทวงสัญญาแล้วกัน”

“สัญญาอะไร”

คะน้าถามด้วยความรู้สึกสงสัยระคนกับความหวั่นใจเล็กๆ ทิมกระชับวงแขนตัวเองขึ้นอีกนิดแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจที่ผ่าวร้อน มือข้างนั้นลูบเบาๆ บนเส้นผมของเขา ทิมยิ้มอย่างอ่อนโยน




“จูบอีกทีได้ไหม”

“ในหัวไม่มีเรื่องอื่นเลยหรือไงกัน?”

คำบ่นนั้นทำให้ทิมหัวเราะเสียงใส คะน้าถอนหายใจแล้วโน้มใบหน้าเข้าหาคนที่ร้องขอ ทิมทวงคำสัญญาด้วยริมฝีปากที่บดเข้าหาความนุ่มนวลนั้นเหมือนกับจะไม่ยอมให้สิ้นสุด ครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มต้น และเริ่มต้นอีกครั้งไม่จบสิ้น

เขาไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร หากนี่เป็นครั้งสุดท้าย วันสุดท้ายที่จะมีชีวิตอยู่ได้ คะน้าก็อยากตามใจตัวเองให้เต็มที่ เหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านไปทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ...รวมไปถึงคุณค่าของเวลา คะน้าตอบรับทุกสัมผัสที่ผ่าวร้อนนั้นอย่างเต็มความรู้สึก ร่างกายจดจำทุกครั้งที่ริมฝีปากนั้นแนบชิดแล้วบดเน้นบนเนินปากของตัวเองราวกับจะไม่มีวันเลือนลืม เป็นเวลาหลายนาทีกว่าทั้งคู่จะได้พักหายใจหายคอ

“จะทำยังไงต่อไป” คะน้าเอนหัวพิงเข้ากับใบหน้าของคนที่อยู่ด้านหลัง ยังรู้สึกเหนื่อยเหมือนกับตัวเองหายใจไม่ทัน มือซ้ายของทิมคลายตัวออกจากอ้อมกอดแล้วมาบีบมือเขาไว้เบาๆ

“ไม่รู้เลย”

“แล้วเรื่องคุณธาดา กับบริษัทล่ะ” ทิมชะงักสีหน้าไปเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมา

“เขาผิดจริง แต่ผมก็หวังว่าจะยังตกลงพูดจากันดีๆ ได้ มันไม่ควรเลยเถิดมาไกลขนาดนี้ด้วยซ้ำ แต่มันก็แล้วแต่พี่กับพี่ผักกาด ผมจะไม่ขัดขวางอะไรเลย แล้วแต่พี่ตัดสินใจเถอะครับ” นับเป็นสิ่งที่ทำให้คะน้าตั้งคำถามย้อนกลับสู่ตัวเอง หากแม้นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเขา คะน้าก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าเขาจะทำตัวอย่างไร เขาเลียริมฝีปากตัวเอง พยายามนึกหาถ้อยคำที่เหมาะสมและไม่ทำร้ายความรู้สึกกันเกินไป จนแล้วจนรอด เขาก็หาทางเลี่ยงไม่ได้

“แม้ว่าพ่อของนายจะต้องติดคุก หรือบริษัทจะล่มอย่างนั้นหรือ”

ทิมพยักหน้ายอมรับ ดวงตาคู่นั้นเวิ้งว้างเหมือนท้องฟ้าในคืนเดือนมืด “มันเป็นผลจากการกระทำของเขาเอง ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมควรทำคือดูแลคุณแม่กับพี่ แล้วก็พี่ผักกาดให้มีความสุข ...ส่วนพ่อ ผมไม่ได้ผูกพันกับความรู้สึกนั้นแต่ต้นแล้ว จะมีหรือไม่มี ความรู้สึกของผมไม่เคยบอกว่าตัวเองขาดอะไรไป”

คะน้าโบกมือหยุดคำพูดของทิมไว้แค่นั้น เพียงเท่านี้ทิมและเขาก็บอบช้ำจนเกินพอกับเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้แล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีชีวิตรอดไปจากที่นี่หรือเปล่า คำถามมากมายก็เพื่อเส้นทางหลังการอยู่รอดเท่านั้น และสิ่งที่คะน้าอยากรู้จากปากของทิม ก็ได้รับคำตอบที่ชัดเจนไปหมดแล้ว

“คิดว่ามันจะมีทางลับหรืออุโมงค์ใต้พื้นดินแบบในนิยายไหม ถึงเวลาคับขัน เราก็พบกับทางออกปริศนาให้รอดไปได้” สมมติฐานแปลกประหลาดของคะน้าที่เหมือนจะรำพันออกมาให้ตัวเองฟังมากกว่าจะแบ่งปันกับใครนั้นเรียกรอยยิ้มของคนที่ได้ยินจุดขึ้นอีกครั้ง ทิมส่งยิ้มกว้างมาให้เขา สบตาแล้วพูดความมั่นใจ



“เราจะรอด”

คะน้าเบือนสายตากับมามองแล้วตั้งคำถาม “ทำไมมั่นใจแบบนั้น”

“ผมพูดแต่เรื่องจริง พี่ก็รู้แล้วนี่ว่าถึงจะถ่อย พูดเพราะๆ ไม่ค่อยเก่ง แต่ผมก็ไม่เคยโกหกสักครั้ง” ทิมยกมือซ้ายขึ้นลูบคางของตัวเองไปมา ดวงตาคู่นั้นกลับมาวับวาวอีกครั้ง

“ก็ใช่” คะน้ารับคำไปตามความเป็นจริง คิดทบทวนดูแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องที่เอาตัวเองไปข้องเกี่ยวกับปัญหาแทนเขาจนได้แผลกลับมา เหมือนกับว่าทิมจะไม่เคยโกหกเขาเลยสักครั้ง



“นั่นรวมไปถึงที่บอกว่าแค่เห็นก้นพี่ ผมก็แข็งได้แล้วด้วย”

“อ้อ นั่นก็นับว่าเป็นเรื่องจริงด้วยเหรอ”

คะน้าขืนหัวเราะในลำคอ แม้จนปัญญาจะต่อความแต่ก็อดไม่ได้ที่จะแขวะขึ้นมาให้พอหายอาการประเภทขอสักนิด ทิมหันมาส่งยิ้มหวานแล้วทำหน้ากวนประสาท คะน้าจำดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นได้ แววตาที่ให้ความรู้สึกอันตราย แต่ก็อดไม่ได้สักครั้งที่จะจ้องมอง


“ผมไม่โกหกพี่ ...จะพิสูจน์ก็ได้”

รอยยิ้มนั้น เจ้าเล่ห์ชะมัด!

 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



คิดแล้วก็แอบเซ็งตัวเองอยู่ไม่หาย ไม่น่าพลาดเขียนตอนพิเศษขึ้นมาเลย
ไม่อย่างนั้นมาถึงช่วงท้ายๆ นี่คงจะลุ้นกันมากกว่านี้ (แค่นี้ยังไม่พออีกเรอะ!!!)
อย่าพลาดตอนหน้านะครับ มาถึงบทสรุปแล้ว ลุ้นกันว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหน
+ 1 สำหรับทุกๆ คอมเมนต์นะครับ ขอบคุณมากๆ จริงๆ พบกันใหม่คราวหน้าครับ
อาจจะช้าหน่อยนะ เหมือนว่าจะเริ่มยุ่งๆ นิดนึง แต่ก็ไม่เกิน 1 สัปดาห์แน่นอนครับ

:กอด1: ขอกอดทิ้งทวนสักหนึ่งที แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 10-03-2013 08:14:48
ตอนสุดท้ายอย่า ให้รอนานนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 10-03-2013 08:21:45
ทิมของช้านนนนน คือผู้บริสุทธิ์

แหมหมั่นใส้นะ จะเอาชีวิตไม่รอดกันอยู่แล้ว จูบกันอยู่นั่นล่ะ 555 อิจฉาว้อยยยย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 10-03-2013 08:36:07
 :z13: จองที่นั่ง  :z2: ไปอ่านก่อนค่ะ .............
อ่านจบตอนแล้ว กริ๊ด น้องทิม กะพี่คะน้า เขาหวาน กันจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :o8: :o8: :o8: ชอบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 10-03-2013 08:48:09
ทิมเป็นคนดีจิงๆด้วย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 10-03-2013 09:20:57
ทิมแม่งพระเอกมาก!!!
แต่กะล่อนไม่ไหว  เวลาแบบนี้ยังทำพูดเล่น จริงจังหน่อยสิ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายอะ  พิสูจน์เลยๆๆ
แต่ชีวิตฮีรันทดอยู่นะ  แบบถูกตราหน้าว่าแย่ตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วคือแบบไม่แก้ตัว ไม่พยายามเป็นคนดีอะไรซักอย่างด้วย  แบบใครมองยังไงก็ช่างมึง เห็นชัดๆในเรื่องนภ ซึ่งแบบ เข้าใจในวิธีปฏิบัตินะ จริงๆก็เข้าใจทุกฝ่ายอะ ถึงได้บอก ทิมแม่งน่าสงสาร
มานี่มา กอดที~~~~
คอมเม้นนี้เม้นตอนจะข้ามไปลาว ฮือๆ  ดูเวลาที่เทออัพเส่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 10-03-2013 09:21:18
สู้ๆนะทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 10-03-2013 09:27:41
หลังจากลุ้นไส้บิดมาแล้วหลายตอน... ตอนนี้ก็เริ่มหายใจทั่วพุงแล้ว
ความจริงทุกอย่างก็รู้แล้ว แอบสงสารทิมมากๆ พระเอกสุดๆ
ไอ้ตอนที่สารภาพว่าอิจฉนั่นมันโคตรน่ารักเลย~
ทิมนายมันพระเอกจริงๆนะนายก็คนธรรมดา ไม่ใช่เลวหรอก 555
... แต่พระเอกทิมเนี่ย เป็นพระเอกแบบหื่นๆนะ
ขนาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังจะหื่นอีก 5555
อย่างหนีตอนอดออกไปต้องคิดทบต้นทบดอกกับคะน้าแน่ๆ

สารภาพความจริงว่าถึงแม้จะอ่านตอนพิเศษมาแล้ว
แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี อิอิ ว่าใครเป็นพระเอก
มาต่อเร็วนะคะ

ปล. คิถึจะทูจุเบยยยย  :z10:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 10-03-2013 10:00:41
เข้าใจกันแล้วดีจัง แล้วจะเป็นไงต่อไปเนี่ย ปูเสื่อรอเลยอิอิ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณจ้่า :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 10-03-2013 10:10:56
 :m4:    :m3:    :m1:

น่าร๊ากกกจริงๆ :give2: ทั้งพี่ทิมและนู๋คะน้า

จะจบแล้วจริงๆน่ะหรอ ใจหายนะเนี่ยขอตอนพิเศษด้วยนะคะคุณLucea :pig4:

      :กอด1:      :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 10-03-2013 10:21:28
ไม่รู้สิ  ก็คิดนะว่ามันคงออกมาแบบนี้  และมันก็ไม่ต่างไปจากเรื่องอื่น

ใจแอบหวังให้ทิมเลว  แต่คะน้าก็ไม่ได้เลือกตุล

อยากให้จบแบบ ไม่สมหวัง  คงจะดีมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 10-03-2013 10:25:41
หวานไม่แคร์โลเคชั่นจริงๆ เชอะ!!!!
กลับมาเข้าใจกันก็ดีละ ทิมโคตรพระเอกเลย ทำไมๆๆ  :o8:
ตอนหน้าจะจบแล้วเหรอ จริงดิ  :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-03-2013 10:53:09
Every cloud has a silver lining
ตอนนี้เห็นแค่ประโยคนี้เลยแหละ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 10-03-2013 11:17:50
 โอเค เคลียร์ไปเป็นอย่างๆ แต่อ่านแล้วเหมือนกับพล๊อต
นิยายฝรั่งที่เคยอ่านเลย ให้ตาย!

ตอนที่นั่งคุยกันตอนแรกและเห็นแววตากัน นั่งหลังพิงอกอยู่
ไม่ใช่หรือคะ หรือดิฉันอ่านไม่ละเอียด ไปหมุนตัวเห็นหน้า
กันตอนไหน

มีตอนพิเศษด้วยหรือคะ ไม่เห็นอ่ะ เดี๋ยวตามไปมองหา

รอดูว่าจะรอดแบบไหน ...  :กอด1:

............

ไม่เห็นมีตอนพิเศษตรงไหนเลย มีแค่ตอนที่38นี่คะ ...
เอ้อ งง

...........

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยลำเค็ญ ที่ 10-03-2013 12:00:36
สำหรับตอนนี้ ขอบอกแค่ว่า "เฮ้อ!  โล่งอก"
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 10-03-2013 12:12:24
บอกว่าคะน้าเป็นคนแรกของตัวเอง แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าได้กับตุลมาแล้ว
เอ๊ะ ทั้งที่สิ่งสำคัญในตอนนี้คือความไว้ใจแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 10-03-2013 13:50:18
อู๊ยย ขนาดคับขันยังหวานกันได้ :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 10-03-2013 13:55:29
ตอนนี้หวานมาก แบบไม่มีอะไรจะกล่าวววว

ชอบมากกกกกกก  :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 10-03-2013 13:56:11
แหมะ จะตายกันอยู่แล้วยังมาจูบกันกุ๊กกิ๊กอีก
ทิมนี่มีอดีตน่าสงสารจัง อีคุณธาดามันจะงมงายไปมั้ย บ้าไปแล้ว
เสียดายจังที่เรื่องนี้จะจบแล้ว แต่ก็คุ้มที่ได้นั่งลุ้นมาตลดเกือบทุกตอน
แล้วก็ดีใจที่เชียร์ทิมแต่แรกด้วย ไม่ผิดหวังจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 10-03-2013 13:59:33
ไม่ตื่นเต้นแต่ว่าเอาใจไปเลยเต็มๆนะตอนนี้

คนมีความรักนี่ดีจริงๆเลยน๊า

รอลุ้นตอนสุดท้ายฮับ o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 10-03-2013 14:25:51
คนแต่งใจร้ายมากค่ะ ตอนนี้ทิมก็ยังไม่ได้ไปโรงพยาบาล ฮ่าๆ
เชื่อที่ทิมเล่าทุกอย่างค่ะ น่ารักน่าสงสารมาก
แต่ยังไงก็ไม่ชอบหมออยู่ดี ชอบมาใส่ร้ายทิม

ตอนหน้าก็จะจบซะแล้ว ทำไมรู้สึกว่ามันยังต่อได้อีกหรือจะมีภาคต่อ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 10-03-2013 14:48:14
ช่างคิดนะนายช่าง
ได้อยู่กันสองต่อสอง โรแมนติ๊ก โรแมนติกเนอะ :m29:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 10-03-2013 16:06:27
โล่งอกแระ
หายใจคล่องขึ้นมาหน่อย เดี๋ยวจะกลับไปอ่านสองตอนที่แล้วโดยละเอียด
รู้สึกว่าคะน้ารักษาแผลถูกยิงได้เก่งมาก คนไข้ฟื้นตัวมาห่ามหื่นได้แล้ว

ดีใจที่เดาถูกว่าทิมต้องเล่นไปตามบทเพราะมีกล้องจับอยู่
คะน้าช่างเป็นคนน่ารักเสียจริง ทิมโชคดีจัง

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ เริ่มนับถอยหลังถึงตอนต่อไปละ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 10-03-2013 18:03:37
อ๋อยยย
นั่งอ่านรวด...แล้วนั่งลุ้นตัวโก่ง...
ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นยังไง..
ลุ้นกว่าคำตัดสินประหาร(ผลสอบ) พรุ่งนี้อีก
(ปกติถ้าผลสอบออก ก่อนหน้านั้นหนึ่งวันจะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรเลย)
อยากให้เรื่องนี้ผ่านไปได้ด้วยดี...โดยเฉพาะทิม คะน้า และหมอตุล
ตั้งแต่อ่านมาไม่เชียร์ใครเป็นพิเศษ
แต่ไหนๆทิมก็คู่กับคะน้าแล้ว...หาคู่ให้หมอตุลกับเจ้กาดเถอะ..สงสารเค้า..=_+!!
 ฮ่าๆ ดูซิว่าจะห้าวันรอคนมาช่วย หรือว่าจะมีใครมาช่วยก่อนหน้านั้น
แล้วพ่อของทิม..ยังไงก็ได้ ขอให้สาสมกับสิ่งที่ทำกับทุกๆคนและวางเพลิงขนาดนั้น
(ก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอะนะ...ทำไปขนาดนั้น)
ส่วนสิบกว่าคนที่ทำร้ายขนาดนั้นน่ะ...ขอจองเวรจองกรรมไปชั่วชีวีเล้ยย!!
จริงสิ ตอนที่คะน้าเย็บแผลให้ทิมน่ะ
ใจเด็ดมาก ตัดสินใจดีมาก ยอดเยี่ยมและสมเป็นนายเอกน่าปลื้มที่สู๊ดดดด >!<
(ชอบนายเอกแบบนี้จัง ฮ่า)

สุดท้าย รออัพนะค้า อย่าให้คนอ่านลงแดงไปมากกว่านี้เล้ยยย
(ขอปลอบใจพรุ่งนี้หลังผลสอบออกเถอะค่ะ ฮ่าๆ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 10-03-2013 20:34:30
หึหึหึ

จะบอกว่าเพราะตอนพิเศษนี่แหละทำให้เราเลือกจะเชื่อทิม
เพราะมันบรรยายว่าทิมโคตรจะรักคะน้าเลย คือยังคิดไม่ออกว่าถ้าทิมมันเลว
คนแต่งจะบอกว่าที่บรรยายในตอนพิเศษไปคืออะไร 5555

เอาจริง ๆ คือมันก็เดาได้แหละว่าทิมคือพระเอก
เริ่มมั่นใจมาตั้งแต่ตอนที่เลิกกับตุลแล้ว
คนอย่างคะน้าถึงแม้จะคิดถึงคนอื่นอยู่ตลอดแต่ก็เอาแต่ใจตัวเองประมาณหนึ่ง
เมื่อคบตุลแล้ว แต่สุดท้ายก็เลิกกัน เพราะว่ามันไม่ไหวจริง ๆ เรื่องความรักมันต้องสองคนไปด้วยกัน
แต่ด้วยใจคะน้ามันไม่ไป แล้วไฉนมันจะรอดใช่มิฃ
สุดท้ายก็ต้องเลือกตามใจตัวเองอยู่ดี

รักทิมมาก บอกได้แค่นี้ ทิมคือคนดี
คือพระเอกในใจเรา อิอิ

จะจบแล้วเหรอตัวเอง จะรวมเล่มเมื่อไหร่
อย่าเพิ่งรวมแล้วได้มะ ตอนนี้เค้าอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
อยากกลับไปสั่งอ่ะ รอเค้านะ จุ๊บุ๊
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-03-2013 21:00:11
แค่นี้ก็ลุ้นกันจะเป็นจะตายอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้เคลียร์แล้วว่าทิมทำไปทำไม

ฮาเร็มของพี่ทิมโรแมนติคมากเลย พระเอกเราสามารถทำให้ทุกที่เป็นที่ที่มีความสุขได้
แค่มีพี่คะน้าอยู่ใกล้ ๆ ก็พอแล้วชิมิ ไอ้ตอนคิดจะทำอะไรเพื่อคะน้าเยอะแยะเนี่ยก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีนะ
แต่เวลาเป็นเรื่องคะน้ากับหมอตุลนี่กลายเป็นเด็กน้อยโีคตรไม่มั่นใจตัวเองขึ้นมาทันที
ชีวิตทิมน่าสงสารเนอะ พ่อทิมใจร้ายจัง คราวนี้อยู่ที่คะน้าแล้วว่าจะตัดสินใจยังไง
เอาเรื่องกับบ้านทิมมั้ย มันจะจบได้ง่าย ๆ เหรอ เรื่องพวกนี้ อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว
รู้ว่ารักกันก็พอ เอิ่ม แล้วคนจะมาเจอสองคนเมื่อไร กลัวจะอดตายกันเสียก่อน

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 10-03-2013 21:09:49
จริงมาก ถ้าพี่ไม่ได้เขียนตอนพิเศษขึ้นมาก่อนนะ
..อื้อหือ ลุ้นกันอะไรๆเหนียวไปหมดแน่นอน
แต่โดยส่วนตัวแล้ว ขอบคุณมากที่มีตอนพิเศษของทิมออกมา
เพราะมันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยว(?)เดียวของจิตใจ และช่วยปลอบประโลมขณะอ่านเลยก็ว่าได้(??)

และแล้วก็เข้าใจกันซักที..
ฮึก .. สงสารหมอ พี่หมอ :m15: มาซบอกหนูมะๆ กร๊ากกก

รอตอนต่อไปค่า :really2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 10-03-2013 22:49:10
โหวตคู่นี้เป็นคู่รักทรหดแห่งปี
พอคู๊ณณณณณณณณณณณ  อะไรจะหวานขนาดน้านนน
ไม่เกรงใจคนอ่านเล้ยยย
อ่านแล้วอยากมีคนรักที่รักเราแบบนี้บ้างจัง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: runma ที่ 10-03-2013 23:05:29
ผมได้เข้ามาติดตามเรื่องนี้ช่วงท้ายๆ แล้ว
แต่อ่านตั้งแต่แรกก็เชียร์ทิมมาตลอดนะครับ
คงเพราะไม่ชอบบุคคลิกหมอตุลย์เท่าไหร่

ตอนก่อนหน้านี้ก็ลุ้นอยู่ว่า คุณจะจบแบบทำร้ายคนอ่านหรือเปล่า
ทิมกับคะน้าโดนปางตายขนาดนั้น พอมาตอนนี้ก็โล่งออกเรื่องราวต่างๆ
ก็เริ่มคลายปม คงต้องรอบทสรุปล่ะครับจะลงเอยยังไง
แอบสงสารตุลย์นะเนี่ย

 :m17:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 10-03-2013 23:28:33
ทิมมมมมมมมมมมมมมมมพระเอกสุดๆอ่ะคนนี้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 11-03-2013 01:05:26
แอร๊ยยย ขนาดเจ็บขนาดนี้ ทิมก็มิวายหวานปนหื่นนะนี่ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 11-03-2013 04:18:01
ม่ายยยยยอาวววว  ไม่ให้จบบบบ    :sad4:
แงๆๆๆ  ร้องไห้ฟูมฟาย วิ่งไปซบอกน้องทิม  :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 11-03-2013 10:59:35
เข้าใจกันสะที ~

(ลุ้นมาหลายตอนเหลือนเกิน)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 11-03-2013 12:17:46
โฮ่...ถ้าไม่มีเหตุปางตาย จะมีโอกาสนั่งคุยปรับความเข้าใจกันแบบนี้ไหม
เคลียร์ทุกปัญหาคาใจ รับได้ ผ่าน เป็นพระเอกต่อได้นะน้องทิม
แต่ความหื่นไม่เลือกเวลาและสถานที่ ได้ข่าวว่าพึ่งถูกยิงมา คะน้าพึ่งจะฟื้นอีกต่างหาก
สภาพไม่น่าจะหวานกันลงเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 38 - (หน้า 50) Mar 10, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 12-03-2013 12:32:03
สอบเสร็จแล้ว แต่เรื่องก็หายหน่วงแล้ว

เฮ้ออออ

สารภาพตามตรงว่า ผิดหวังนิ้ดดดด นึง แบบว่าส่วนตัวไม่ชอบแบบแฮปปี้แอนดิ้ง ชอบแบบจบผิดหวัง ฮ่าๆๆๆ

แอบโรคจิต ฮ่าๆๆๆ


แต่ทั้งหมดทั้งมวล ขอบอกว่านิยายเรื่องนี้ ประทับใจในฝีมือคนแต่งมาก ชอบครับ ยกขึ้นหิ้งเรียบร้อย ชอบครับ
หลังจากเรื่องนี้จบ ขอแบบ ผิดหวัง ชีวิตพังพินาศมั่งนะครับ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 14-03-2013 00:00:36
สวัสดีครับ คนแต่งขอพลิกลิ้นเพราะจบไม่ลงจริงๆ เลยต้องขอเพิ่มอีกตอน :o8:
นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ลงมือเขียนจริงก็ไม่รู้ว่าจะยืดยาวได้ขนาดนี้ งอกมาอีกตอนคงไม่เป็นไรเนอะ
สำหรับตอนที่ 39 ข่าวดีก็คือแต่นแต๊นนน... ถูกหามส่งโรงพยาบาลซะที 555555
ตอนนี้มีเนื้อหาอะไรเกิดขึ้นมากมาย และเป็นตอนที่ตัวหนังสือแน่นมาก ลองอ่านดูนะครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ตอนที่ 39




เราทั้งสองคนจะรอด

ร่างกายเหลวช้ำเหมือนกับผลไม้สุกที่ร่วงจากต้นกระทบพื้น หลังจากการร่วมรักอย่างเผ็ดร้อนนับครั้งไม่ถ้วนราวกับจะไม่มีพรุ่งนี้ ทั้งทิมและผมก็เหมือนกับคนที่เจียนจะขาดใจตาย ทิมบอกรักเป็นสิบหนจนร้อนวาบไปหมดทั้งตัว ความเจ็บปวดถูกกลืนหายไปกับร่างกายที่แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน หลังจากนั้น ก็เหมือนกับคนหมดแรงที่ใกล้สิ้นลมหายใจ ใครจะรู้บ้างว่านาทีข้างหน้าจะเป็นแบบไหน จะมีวันพรุ่งนี้อีกหรือเปล่า ผมกับทิม...เรามีแค่วันนี้ แค่ตอนนี้เรายิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน มีความสุขเล็กๆ น้อยๆ ไปกับเรื่องงี่เง่าชวนหัว สำหรับผมมันก็เพียงพอแล้ว

แต่วันเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน

สองวัน สามวัน อาจจะสองสัปดาห์ หรืออาจจะแค่สองชั่วโมงหลังจากนั้น เราพูดกันน้อยลงและใช้เพียงสายตาสื่อความรู้สึกและถ้อยคำมากมายถึงกัน ทิมโน้มตัวมาหอมที่ขมับของผมหลายครั้ง ยิ้มให้แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าอดทนอีกนิด ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ผมไม่ได้เป็นคนช่างฝันอีกต่อไปแล้วแต่ผมเชื่อมั่นในคำพูดนั้น มีอะไรบางอย่างที่มากกว่าตาคมที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด บางทีอาจจะเป็นหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ของทิมที่ทำให้เขาเชื่อแบบนั้น

ความหิวมันช่างน่ากลัว น้ำประปาที่ดื่มเข้าไปหลายลิตรดูจะไม่ช่วยให้ฤทธิ์ของน้ำย่อยในกระเพาะเจือจางไปสักเท่าไร คะน้าปวดแสบไปทั้งลำไส้ ทรมานกับความรู้สึกโหยหาอาหารอย่างไม่มีที่สิ้นสุด หากแต่เมื่อมองดูชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้างกายแล้ว ความเจ็บปวดของเขาที่มีดูจะเพียงน้อยนิดจนไม่อาจเทียบได้

มือซ้ายของทิมยังคงบีบแน่นที่ฝ่ามือของคะน้า และเขาเองก็จะไม่ปล่อยมือที่อบอุ่นนี้เช่นกัน คะน้าออกแรงที่ฝ่ามือขวาของตัวเอง ส่งต่อความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ต่อให้กับคนข้างๆ กาย ทิมเจ็บปวดจากพิษไข้และบาดแผลที่ระบม ผิวกายรอบๆ เป็นดวงสีม่วงและเปล่งปูด ใต้ผ้าพันแผลสีขาวที่มีหยดเลือดแห้งกรังเริ่มเป็นหนองช้ำ ข้อมือขวาของทิมบวมจนน่ากลัว เนื้อนิ่มพวกนั้นขยายตัวจนกดแล้วไม่มีความรู้สึกใดๆ อีก

อดทนอีกนิดนะทิม ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี นายก็เชื่อแบบนั้นไม่ใช่หรือ

ทิมนิ่งขึ้น หลับนานขึ้น และขยับเขยื้อนน้อยลง ร่างกายที่หอบนั้นร้อนเป็นไฟ แต่กระนั้นก็ไม่มีสักครั้งที่คนๆ นี้จะแสดงความอ่อนแอออกมา ในเวลาที่มีสติ ทิมไม่เคยบ่นไม่เคยร้อง หากแต่บ่อยครั้งที่หลับใหล อาการเพ้อด้วยพิษไข้และบาดแผลนั้นไม่สามารถแอบซ่อนได้เช่นเวลาปกติ หลายครั้งที่ทิมบิดร้าวไปมาแล้วครางเหมือนฝันร้าย หากแต่พอตื่นขึ้น เจ้าตัวก็เพียงแต่ส่งยิ้มมาให้เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คะน้าพบว่าดวงตาสีเข้มนั้นจะเปล่งแสงแห่งชีวิตเฉพาะยามที่หันมาสบตากับเขาเท่านั้น นอกจากนั้นจุดกลมๆ สีดำในตาทั้งคู่จะมีเพียงแต่ความมืดมัวที่เคว้งคว้าง ผมโน้มตัวไปจูบที่ริมฝีปากที่แห้งผากนั้น และทิมก็ตอบรับด้วยความรู้สึกที่นุ่มนวล

“ถ้านายตาย รู้ใช่ไหมว่าพี่จะฆ่าตัวตายตาม”

ทิมแค่ยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มแทนคำตอบ ...แค่นั้นจริงๆ ชายหนุ่มไม่ได้พูดจาใดๆ ออกมา คะน้ามองเห็นเม็ดเหงื่อเล็กๆ ที่ผุดขึ้นตามไรผม ผิวกายที่ร้อนดั่งไฟเผาแต่เจ้าของร่างกลับกำลังสั่นด้วยความหนาว คะน้าเช็ดตัวให้กับทิมจนสีหน้าที่ไร้สีนั้นดูแช่มชื่นขึ้น ไม่ช้าทิมก็หลับไปอีกครั้ง ความพยายามที่จะเข้มแข็งของทิมนั้นสร้างความเจ็บปวดขึ้นในใจของเขาเหลือเกิน คะน้าไม่ได้ทักท้วงอะไร เก็บและกดความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ในใจที่อ่อนแรง เขาในเวลานี้นั้นชาชินกับทุกความรู้สึกเจ็บปวดไปหมดแล้ว มีเพียงความหวังและแรงใจที่เหมือนแสงไฟลางๆ ที่ใกล้ริบหรี่

คะน้าผ่อนลมหายใจที่หนักอึ้ง ความเจ็บจนชาไหลไปในกระแสเลือดจนซึมไปทั่วทั้งร่างคล้ายกับเมล็ดความมืดที่กลืนกินแสงสว่างไปช้าๆ เขาอยากจะหลับ หลับให้ลืมความหิวและความเจ็บปวดเหล่านี้ไปให้หมด แต่อะไรๆ มันไม่ง่ายแบบนั้น นานแค่ไหนแล้วที่ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ จากกลางวันเป็นกลางคืน จากกลางคืนเป็นกลางวัน เวลาที่แสนสั้นนั้นช่างยาวนานจนเขาบอกไม่ถูก

หลายโมงยามแห่งความปวดร้าวที่ยาวนานเหมือนนิรันดร์ ในความง่วงงุนที่ครอบงำ คะน้าได้ยินเสียงตะโกนโวยวายไปทั่ว เสียงฝีเท้าคนมากมายจากที่ไหนสักแห่ง เสียงทุบประตูปึงปัง และเสียงตีโลหะด้วยของแข็งอะไรสักอย่าง เขาอยากลืมตาขึ้นมอง อยากตะโกนร้องเรียก แต่เปลือกตากลับหนักอึ้งจนไม่อาจฝืน ทั้งลำคอก็ดูจะไม่มีเสียง คะน้าออกแรงบีบมือของทิมแน่น

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ...มือของเราจะไม่ปล่อยกันและกัน

สติดูเหมือนจะลางเลือนและห่างไกลออกไป โสตประสาทที่พอแยกแยะเสียงนั้นได้เริ่มได้ยินเพียงเสียงอู้อี้และมึนงง ทุกอย่างในตอนนี้ดูเหมือนจะไร้ความหมาย ราวกับดาวมากมายร่วงหล่นจากฟ้าจนกลายเป็นเพียงผ้าใบสีกาฬ สิ่งที่เห็นในตอนนี้มีเพียงอวกาศที่ว่างเปล่า คะน้ารู้สึกไม่ชอบใจสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่ พวกมันเข้ามารบกวนความสงบเงียบของเขา เขาแค่อยากพักผ่อน อยากล้มตัวนอนบนหมอนนุ่มๆ ...ข้างๆ กับคนที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนี้จนนิจนรันดร์




เสียงลมหายใจของตัวเองปลุกคะน้าให้ตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความมึนงง ในสัมผัสรับรู้ที่เลือนลาง มีเสียงเครื่องช่วยหายใจ เสียงอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ และเสียงพูดคุยของคนมากมายแว่วขึ้นในหู คะน้าค่อยๆ ลืมตาขึ้นจากอาการสลบไสล รู้สึกมึนและหนักที่หัวเหมือนถูกของแข็งฟาด หลังจากสลัดหัวไล่ความมึนออกไปได้ในที่สุด เขาก็เริ่มกวาดตามองรอบๆ ตัว ...ทุกสิ่งเปลี่ยนไป คะน้ารีบมองที่มือของตัวเองก่อนจะพบแต่ความว่างเปล่า เขาแทบจะดีดตัวขึ้นนั่ง หากแต่ความระบมและอุปกรณ์ทางการแพทย์มากมายที่เชื่อมต่อเกือบทั้งตัวนั้นทำเอาเขาขยับไปไหนไม่พ้น

ความมืดหม่น กลิ่นซากไม้ที่ไหม้และกลิ่นอับชื้นถูกทดแทนด้วยกลิ่นยา เขาจำบรรยากาศที่เงียบเชียบของที่นี่ได้ มันคือโรงพยาบาล และทันทีที่ความรับรู้กลับคืนมาจนครบ ชีพจรของคะน้าก็เต้นรัวด้วยความลิงโลด ...เขารอดตาย รอดอย่างปาฏิหารย์

...ทิมล่ะ? ทิมจะเป็นอย่างไรบ้าง?

คะน้ารีบเอื้อมมือไปกดปุ่มเล็กๆ ที่หัวเตียงด้วยหัวใจที่ระรัว มือของเขายังสั่นๆ เหมือนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นความจริง สักพักก็ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบกับพื้นแข็งด้วยจังหวะกระชั้นที่ใกล้เข้ามา และไม่ถึงเสี้ยวนาทีประตูบานนั้นก็เปิดออก ตุลในชุดสีขาววิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาลอีกสองสามคน หมอหนุ่มรีบเดินมาหาเขาที่เตียงแล้วเอ่ยทัก

“คะน้า! ดีใจที่คุณฟื้นนะครับ คุณได้ยินไหมครับ” เปลือกตาของเขาถูกดันเปิดขึ้นแล้วส่องด้วยไฟฉาย คะน้ากระพริบตาสองสามครั้งเพื่อหลบแสงจ้าแล้วส่งยิ้มบอกว่าไม่เป็นไรให้กับตุลที่ดูพะว้าพะวง

“ตุลเห็นทิมไหม? เขาเป็นยังไงบ้างครับ”

ชายหนุ่มสวมแว่นที่ยืนอยู่ชะงักงันไปจนไม่ว่าใครก็ต้องสังเกตเห็น ท่าทางนั้นทำเอาคะน้าสะกิดใจจนสะอึกไปไม่น้อย ความกังวลทำให้เขาลืมไปถึงความรู้สึกของคนฟัง แต่หากไม่ไถ่ถาม ในใจตอนนี้ก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะทำอะไรได้

“อาการหนักครับ แต่ก็พ้นระยะอันตรายแล้ว” ตุลผ่อนสีหน้าสีถอดสีนั้นให้กลายเป็นปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น หมอหนุ่มระบายรอยยิ้มน้อยๆ ออกมาให้กับเขา “เขาอยู่ห้องข้างๆ นี่เอง ผมเดาว่าคุณเย็บแผลให้เขาหรือเปล่าครับ”

“ครับ มันจะเป็นอะไรไหมครับ” คะน้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแหย ตุลไหวหน้าเล็กน้อย

“หมายถึงแผลใช่ไหมครับ อันที่จริงก็เอาเรื่องเหมือนกันครับ มีการติดเชื้อแล้วก็ระบมมาก ตัวด้ายเริ่มกลืนกับเนื้อไปเหมือนกัน เราต้องผ่าแผลแล้วเย็บใหม่อีกครั้งพร้อมกับให้ยาควบคู่ไป” คะน้ามีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด “...อย่าทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดแบบนั้นสิครับ เพราะถ้าคุณไม่ช่วยไว้ เขาอาจเสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือหมอก็ได้ ว่าไปแล้วเขาสู้มากนะครับ แผลสองแห่งเย็บสดโดยไม่มียาชาเนี่ย ถือว่าหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว”

“ผมจะเยี่ยมเขาได้ไหมครับ ตุล?”

“พักผ่อนก่อนเถอะครับ ร่างกายคุณอ่อนเพลียมาก คุณสลบไปสองวันเต็มๆ เลยนะ เขาเองก็ยังไม่ฟื้นเลยครับ แต่จากอาการคิดว่าวันพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะครับ”

“เอ่อ... พี่ผักกาดล่ะครับ”

“เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ครับ จริงๆ ผักกาดเพิ่งกลับไปเมื่อหัวค่ำเอง เดี๋ยวผมขอให้ยาเพิ่มอีกนิดหน่อยนะครับ คุณเองก็พักผ่อนมากๆ นะครับ ไม่ต้องกังวลอะไร ทุกอย่างเรียบร้อยดี” ตุลยิ้มให้แล้วเดินจากไปพร้อมกับพยาบาลคนหนึ่ง

สาวๆ ในชุดสีขาวที่ยังอยู่ในห้องส่งรอยยิ้มทักทายให้กับคะน้าแล้วไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยตามมารยาทแล้วปลอบขวัญเขาเสียยกใหญ่ สักพักก็มีพยาบาลอีกคนเดินมาปักขวดยาเข้ากับขวดน้ำเกลือ ไม่นานเปลือกตาของคะน้าก็หนังอึ้งอีกครั้งก่อนที่เขาจะดิ่งสูห้วงแห่งการพักผ่อน

วันรุ่งขึ้น คะน้าถูกส่งไปตรวจคลื่นแม่เหล็กและแสกนสมองตลอดจนตรวจวัดปฏิกิริยาทางการรับรู้ของประสาทส่วนต่างๆ ในร่างกาย ผลตรวจเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่คะน้ายังขยับตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม แขนและขาก็ยังขยับไม่ไหวตามใจคิด ศีรษะของเขาก็เช่นกัน ร่างกายเหมือนถูกตึงอยู่ในรังไหมจนคล้ายคนที่เป็นอัมพาต เขาจึงต้องทานอาหารอ่อนจากการป้อนของเหล่าพยาบาล ซึ่งบางครั้งก็เป็นผักกาด และในบางคราวก็เป็นตุล

ครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าพี่สาว ความหวาดกลัวก็สั่นสะท้านไปถึงสันหลัง คะน้ายังจำกำปั้นนั้นของผักกาดได้ รวมทั้งน้ำตาที่เขาไม่อยากเห็นนั้นด้วย แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นเหลือเชื่อกว่าที่เขาคาดคิดเสมอ หญิงสาวเพียงยกมือเล็กๆ ของเธอแล้วลูบลงบนหัวของเขาเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

“อะไรร้ายๆ ก็ให้มันผ่านไปเถอะนะ น้องพี่”

คะน้าร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวในอ้อมกอดเล็กๆ ที่แข็งแรงของพี่สาว หลังจากนั้น หญิงสาวก็นั่งลงและแกะผลไม้นิ่มๆ แล้วป้อนให้กับเขาโดยไม่ต่อว่าหรือไถ่ถามอะไรให้เขาลำบากใจสักคำ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสองสามนายเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ อันที่จริง ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่หลักฐานที่กล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนว่าการสอบถามจะเป็นเพียงแค่การยืนยันหลักฐานต่างๆ ให้กับทีมสืบสวนสอบสวนเท่านั้น

สามวันต่อมา คะน้าเริ่มมีแรงพอจะทานข้าวได้เอง เขาทานได้เยอะมากจนตัวเองยังตกใจ แต่ถึงเรี่ยวแรงจะกลับคืนมาแล้ว ก็ยังไม่มากพอที่จะออกไปเยี่ยมทิมได้ ห่างกันแค่เพียงกำแพงกั้นไม่กี่เมตร แต่เขาไม่รู้ว่าทิมจะเป็นอย่างไรบ้าง จะฟื้นตัวขึ้นมาได้แล้วหรือยัง หรือร่างกายยังอ่อนแออยู่

ถึงแม้ว่าจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบลงง่ายๆ แม้ตอนนั้นที่ถูกขังอยู่ในห้องแคบๆ เขาจะสวดภาวนานับครั้งไม่ถ้วนให้หลุดพ้นไปจากที่นี่ หากแต่อีกใจก็ยังนึกหวั่นหวาดถึงสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น



ความเป็นจริง ความถูกต้อง และการตัดสินใจ

ความเป็นจริงที่ว่าทิมเป็นลูกของคนที่วางแผนทำลายตลาดแห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ลูกที่ดูเหมือนจะอยู่นอกสายตาก็ถาม แต่คะน้าก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้ทิมรู้สึกลำบากใจไม่น้อย แล้วความถูกต้องล่ะ เขาจะทำอย่างไรต่อไปดี เอาเรื่องให้ถึงที่สุดตามตัวบทกฎหมาย นี่คือสิ่งที่ยากต่อคะน้าจะตัดสินใจ เจ็บปวด โกรธแค้น ชิงชังก็ใช่ แต่อีกใจก็นึกเป็นห่วงทิมอยู่มากเช่นกัน

คะน้าคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ ในใจ เขาให้น้ำหนักกับความถูกต้องเป็นอันดับแรก หากแต่เขากลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปให้รู้สึกบอบช้ำน้อยที่สุด ช้าหรือเร็วก็ต้องถึงเวลาที่เขาจำต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ว่าคุณธาดา นักธุรกิจที่เป็นที่น่าจับตาในวงการอสังหาริมทรัพย์ระดับเอเชีย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือพ่อทางสายเลือดของทิมนั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด



...แล้วทิมกับคุณแม่จะเป็นอย่างไร

“คิดอะไรอยู่น่ะเรา” เสียงผักกาดถามขึ้นพร้อมใบหน้าที่ตีเครื่องหมายคำถาม

“เจ้รู้เรื่องทุกอย่างมาโดยตลอดเลยใช่ไหม” คะน้าหันไปถามผู้เป็นพี่สาว ผักกาดวางมีดที่ปอกผลไม้ลงบนจาน ผ่อนลมหายใจแล้วนั่งนิ่ง

“ก็ไม่เชิง ขึ้นอยู่กับที่ว่าหมายถึงเรื่องไหน”

“เรื่อง... ทิมน่ะครับ”

“ถ้าหมายถึงที่ทำตัวแบบนั้น ก็สงสัยมาตั้งแต่ในห้องประชุมแล้ว เพียงแค่ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปทำไม มันไม่สมเหตุสมผลเลย แต่ถึงตอนนี้ น้องของเจ้คงรู้ทุกอย่างดีกว่าใครไม่ใช่หรือว่าเจ้าตัวทำแบบนั้นไปทำไม” คะน้ากดใบหน้าของตัวเองลงหลบสายตาของผู้เป็นพี่สาว ไม่รู้ว่านั่นหมายถึงเครื่องหมายที่บ่งชี้ถึงความรักที่ทิมมอบให้ในทีหรือเปล่า

“บอกตามตรงว่าแรกๆ เจ้รับไม่ได้หรอกนะที่เราจะเป็นแบบนี้ แต่พอยิ่งนานวัน ไม่รู้สิ ถึงจะไม่ได้เหมือนกับคนทั่วไปแต่มันก็ไม่ได้แย่แบบที่คิดไว้ในตอนแรกนะ” ผักกาดยิ้มน้อยๆ ให้กับน้องชายก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปจนดูจริงจัง

“แต่ถ้าหมายถึงการที่เจ้าตัวให้การกับตำรวจซึ่งเป็นประโยชน์ในการสืบคดี คงต้องบอกว่าเป็นสิ่งที่ตัวพี่เองก็คาดไม่ถึง คำพูดของทิม ถึงแม้จะไม่ได้ฟันธงว่าใครอยู่เบื้องหลัง แต่พี่มั่นใจว่ามันทำให้คุณธาดาและธาดาพิพัฒน์ตกที่นั่งลำบากแน่นอน”

คะน้านั่งฟังทุกอย่างและทบทวนอยู่ในใจ เป็นอย่างที่ทิมเคยบอกไว้ว่าผักกาดเป็นคนช่างสังเกต และนั่นก็ไม่ได้ผิดไปจากความคิดของเจ้าตัวเลย ส่วนการที่เลือกจะให้การที่ยึดมั่นอยู่บนความเป็นจริงที่ไม่บิดเบือนด้วยเห็นแก่ความเป็นพ่อนั้น คะน้ายอมรับในน้ำใจของทิมเป็นอย่างมาก





“เจ้จะว่าอะไรไหม ถ้าผมอยากขายที่ดินให้กับธาดาพิพัฒน์”

คำพูดของคะน้าทำให้ผักกาดถึงกับหันมามองด้วยความแปลกใจ คะน้าหันไปยิ้มบางๆ ให้กับพี่สาว สบตาแล้วหัวเราะเหมือนสมเพชตัวเอง “ใครๆ ก็บอกว่าผมเป็นคนโง่ ไม่ทันคน บางทีผมก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แต่เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้คิดทบทวนอะไรต่างๆ มากมาย มันอาจจะดูไม่เข้าท่า ไม่ได้เรื่องได้ราว แต่ผมคิดว่าผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่เจ้บอกผมวันก่อน”

“สิ่งมีค่าที่สุดที่ป๊ากับแม่มอบเอาไว้ให้กับเราทั้งคู่ ไม่ใช่ที่ดินแพงๆ หรือตลาด ท่านทั้งสองมอบความรู้และหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักให้กับเราทั้งคู่ไว้ต่างหาก มันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด มากกว่าตลาดที่ไฟเผาแล้วก็พัง ก็จริงอยู่ที่เงินมันมีค่า แต่ทุกวันนี้เราก็พอมีกินและมีความสุขดี ผมพอแล้ว ผมอยากจะรักษาสิ่งที่ป๋ากับแม่ทิ้งไว้ให้กับเรา อยากให้ท่านภูมิใจกับเราสองคน ...ผมคิดแบบนั้นจริงๆ” ผักกาดโอบร่างของน้องชายไว้ด้วยวงแขน มือเล็กๆ ลูบบนผมเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงความภูมิใจ

“คิดทบทวนดีแล้วหรือ”

“ผมไม่ได้อยากขายเพราะถูกหรือแพง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสิ่งที่ทิมทำให้กับเรา ไม่เกี่ยวเลย แต่ผมอยากขายให้กับธาดาพิพัฒน์เพราะเชื่อว่าเขาจะทำให้พี่น้องชาวตลาดที่เรารักเหมือนครอบครัวได้มีอาชีพ ได้ทำมาค้าขายในสิ่งที่เขารักต่อไป คงไม่มีบริษัทไหนที่จะยอมให้ข้อเสนอแบบนี้กับเราอีกแล้ว”

“แม้ว่าพวกเขาอาจจะเป็นคนที่ทำลายเราน่ะเหรอ”

“เขาไม่ได้ทำลายอะไรเราได้มากมายแบบนั้น แต่ถ้าเรายังปล่อยให้ความโมโหเกลียดชังคงอยู่นั่นละ เขาทำลายทุกอย่างของเราได้จริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่ามีอะไรบนโลกนี้อีกมากมายที่มีค่าเกินกว่าที่เงินทองจะซื้อหาได้ และผมโชคดีแค่ไหนที่ได้เป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ พวกนั้น”

“แกอย่าบอกนะ ว่าแกตั้งใจจะบวช” ผักกาดเหล่ตาแล้วทำสีหน้าหวาดๆ คะน้าหัวเราะชอบใจ แต่ไม่ทันไรชายหนุ่มก็สะดุ้งเพราะยังช้ำในไม่หายจนผู้เป็นพี่สาวหัวเราะขัน คะน้าโหม่งหัวใส่ผักกาดหนึ่งทีเพื่อชำระแค้นจนพี่สาวยัดแอปเปิลที่ปอกไว้จนเต็มปากเขา

“...เจ้ ทุกวันนี้ เรามีความสุขกันไหม” คะน้าพูดพลางเคี้ยวแอปเปิลตุ้ย

“มีแก เจ้ก็พอใจแล้ว ความสุขของสาวแก่ขึ้นคานแบบฉันมันก็แค่นี้ล่ะ จะเอาอะไรหนักหนากับชีวิต” ผักกาดยิ้มให้กับคะน้าแล้วยัดผลไม้สีขาวใส่ปากน้องชายอีกชิ้น ชายหนุ่มอิงหัวซบบนไหล่เล็กๆ นั้นเบาๆ แล้วเคี้ยวด้วยความอร่อย

“ที่ไหนล่ะ เห็นมีแต่หนุ่มๆ มาจีบแต่เจ้ก็ไม่เห็นจะสนใครสักคน”

“ไม่สนล่ะค่ะ ถ้าขายให้ธาดาพิพัฒน์เจ้ก็เศรษฐีนีนะจ๊ะ ไหนจะค่าประกันหลายล้าน แล้วไหนจะค่าที่ นอนนับเงินเจ้ก็ฟินแล้วต่ายเอ้ย” ผักกาดหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

“ดูพูดเข้า แต่ก็ดีแล้ว อยู่ปอกผลไม้ให้น้องกินแบบนี้ก่อน ฮ่าๆๆๆ”

“เจ้าค่ะ บรรดาศักดิ์นะคะ ต้องมีคนปอกให้ โน่นๆๆๆ ไปใช้อีทิมโน่นไป” ผู้เป็นพี่สาวดูจะไม่แคร์กับถ้อยคำที่ตัวเองเอื้อนเอ่ยแม้แต่น้อย แต่คะน้ากลับปั้นหน้าตัวเองไม่ถูก อันที่จริงแอปเปิลก็ไม่ได้หวานสักเท่าไหร่ แต่คะน้าคิดว่ามันดีกว่าจะตัวเขาจะหุบปากเงียบๆ แบบนั้น

“รู้ไหม สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดในชีวิตคนเราคือการให้อภัยกับคนที่คิดร้ายกับเรานี่ละ ตัวเจ้เองบางทีก็ทำไม่ได้ ...เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ว่าไม่โกรธไม่แค้น เราก็มนุษย์ธรรมดา แต่สิ่งที่เจ้ต้องการที่สุดไม่ใช่การให้อีกฝ่ายเจ็บช้ำ แต่เป็นการที่น้องของเจ้ปลอดภัยกลับมาน่ะ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว” ผักกาดเดินกลับไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา “เราเกลียดเขาที่เป็นแบบนั้น เราจะไม่เป็นแบบเขา สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ก็ให้กฎหมายเป็นคนตัดสินแล้วกัน”


(ยังมีต่ออีกครึ่งครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 14-03-2013 00:06:36
(ครึ่งหลังของตอน ต่อเลยครับ)



หลายวันต่อมา เขาและผักกาดก็เซ็นสัญญาซื้อขายกับธาดาพิพัฒน์ บนกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวหนังสือที่ร่างด้วยภาษาทนายความหลายหน้านั้น สิ้นสุดด้วยลายเซ็นของคุณธาดาและกรรมการคนอื่นๆ พร้อมกับตราประทับของบริษัท ไม่มีชื่อของทิมปรากฏอยู่บนหน้ากระดาษอย่างที่คะน้าเข้าใจ ในเวลาที่ลูกชายของตัวเองกำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยฝีมือของตัวเอง ผู้เป็นพ่อกลับทำสัญญาซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพรัดกุม ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือแผนการต่างๆ ของทิมที่ปรับโครงสร้างของคอมเพล็กซ์นั้น ดูจะไม่มีความหมายในสายตาพอจะให้ผู้มีอำนาจสูงสุดมองเห็นความสำคัญขนาดจะให้เป็นหนึ่งในผู้ลงนาม คนๆ นี้ใจร้ายได้อย่างเหลือเชื่อ และดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะตีค่าความเป็นมนุษย์จากมูลค่าของตัวเงินเท่านั้น

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้พอชื่นใจขึ้นมาได้บ้างในเวลาแบบนี้คือข่าวการฟื้นคืนสติของทิมพร้อมกับอาการที่ดีขึ้นตามลำดับ หากแต่ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากมายด้วยอาการช้ำระบมจากแผล และคงอีกนานกว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ หมอหนุ่มสวมแว่นที่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่าง ตุลทอดสายตามองออกไปยังเส้นขอบฟ้าด้านนอกคล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ เหมือนตุลมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ผมคงไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ” คนสวมชุดกาวน์หัวเราะเสียงใสแล้วยกนิ้วขึ้นขยับขาแว่น

“ผมปิดไม่ได้เลยสินะ อืม... อันที่จริงก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมกำลังคิดถึงเรื่องอนาคตนิดหน่อย ทางมหาวิทยาลัยที่ผมไปทำวิจัย แอดไวเซอร์ผมเขาส่งเรื่องต่อเฉพาะทางที่นั่นไว้ตั้งแต่คราวก่อนน่ะครับ ผมไม่ได้หวังอะไรเอาไว้เลย เพราะมันรับน้อยมาก ปีหนึ่งๆ รับแค่ห้าคนจากผู้สมัครทั่วโลก มันเป็นไปไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะครับ แต่อืม... จะว่ายังไงดีนะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกผม” หมอหนุ่มปล่อยม่านลงแล้วเดินมาหาคะน้าที่เตียง

“เป็นข่าวดีนี่นา ผมยินดีด้วยครับ สนับสนุนนะครับ เป็นโอกาสที่ดีมากๆ เลย”

“มันก็ลังเลนะ ผมไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ทำงานที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความสุข ถ้าไปก็หลายปีเลยนะครับที่ผมต้องอยู่ที่นั่น ไม่รู้ว่าตัวเองจะไหวไหม”

“บางทีตุลก็ประเมินตัวเองต่ำไป ความจริงแล้ว ตุลทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าที่ตุลเองจะคาดคิดนะครับ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นมั๊งครับ แต่ผมอยู่ที่นี่มันก็เหมาะสมกับตัวผมดีนะ ผมไม่ชอบการแข่งขัน ไม่ชอบสังคมแก่งแย่งชิงดี อยู่ที่นี่ผมก็เติบโตในสายงานได้ แม้จะไม่ถึงกับเป็นความฝัน และอาจไม่ใช่เต็มร้อยของเรา แต่ผมก็ทำได้ดี” แววตาของตุลเต็มไปด้วยความไตร่ตรองครุ่นคิด

“บางครั้งมันก็เลือกยากนะครับระหว่างสิ่งที่เราเลือก กับสิ่งที่เลือกเรา”

คะน้านิ่งแล้วนึกทบทวนถึงตนเอง ครั้งหนึ่งเขาเคยทิ้งงานที่เขารักเพื่อมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่กับการเป็นพ่อค้าตักไอศกรีมขายในตลาด นักศึกษาที่จบปริญญาโทจากต่างประเทศกับเงินเดือนแต่ละวันที่ได้กำไรหลักร้อยหรืออย่างดีก็พันต้นๆ ไม่มีเกียรติ ไม่มีชื่อเสียง ไม่ได้ดูโก้หรูแบบเพื่อนๆ ในรุ่น แต่ถึงวันนี้ คะน้ากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่างานที่ตลาดก็ทำให้เขาได้ประสบการณ์ที่ดีแก่ตัวเองมากมาย เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านไปเลย

“ผมอยากให้ตุลคว้าโอกาสเอาไว้ครับ อย่างน้อยก็ลองกับมันดูสักตั้ง ลองไปคุยดู แล้วถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือครับ” ดูเหมือนว่าคำตอบของคะน้าจะทำให้ตุลสงบใจที่ว้าวุ่นลงได้ ใบหน้าที่มีแววกังวลเหมือนตัดสินใจไม่ถูกถึงคลี่ออกด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย




อาการของคะน้าค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ เขาเริ่มเดินได้สะดวกขึ้น อาการปวดร้าวไปถึงกระดูกทุเลาลงจนแทบไม่เหลืออาการ รอยช้ำต่างๆ บนร่างกายกลับเป็นผิวปกติไม่มีอาการปวดใดๆ หลงเหลือ แต่ละวันคะน้าก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่ในห้องผู้ป่วยอ่านหนังสือพิมพ์ไปเรื่อยเปื่อย จากคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารความเป็นไป กลายเป็นคนติดหนังสือพิมพ์แบบตอนที่เขาทำงานออฟฟิศเมื่อหลายปีก่อน

หนังสือพิมพ์วันนี้พาดหัวเป็นข่าวใหญ่โตเรื่องการรื้อคดีเพลิงไหม้ตลาด มีการจับกุมผู้ร้ายที่หลบหนี คะน้าจำหน้าคนในภาพได้อย่างแม่นยำ น่าแปลกที่ทั้งหมดไม่มีการซัดทอดไปถึงคนบงการ ดูเหมือนว่าเงินของธาดาพิพัฒน์จะทรงพลานุภาพกว่าที่ใครจะคาดคิด คะน้าไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่เงินมีอำนาจพอจะปิดปากพวกนั้น แต่เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ที่ดูเหมือนว่ายุคสมัยนี้ เงินจะอยู่เหนือกฎหมายไปเสียด้วย

เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่ คอมเพล็กซ์ซึ่งมูลค่ากว่าหมื่นล้านบนสถานที่ที่เคยเป็นตลาดซึ่งมอดไหม้ด้วยน้ำมือตัวเอง แผนการช่วยเหลือชาวบ้านที่ค้าขายในตลาดซึ่งเป็นแนวคิดของทิมทำให้คุณธาดาได้รับคำเยินยอจากผู้คนทั้งสังคมไปอีกกระบุงโต คงมีเพียงกลุ่มคนเล็กๆ เพียงไม่กี่ชีวิตที่รับรู้ความจริงทั้งหมด เสียงเล็กๆที่คงไม่มีน้ำหนักใดๆ ในสังคม แล้วพอเนิ่นนานไป กระแสของวันเวลาก็คงทำให้ความจริงที่โหดร้ายกลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมายอีกต่อไป

โลกเราก็แบบนี้ อะไรๆ ไม่ได้ดูสวยงามไปหมดเหมือนกับนิทานที่เจ้าชายเจ้าหญิงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แล้วบทสรุปของตัวโกงไม่ว่าจะเป็นพ่อมด ราชินีที่โหดร้าย หรือหมาป่าผู้เหี้ยมโหดก็จบชีวิตลงพร้อมกับความเข้าใจของคนทั้งเมือง บรรยากาศชื่นมื่นพวกนั้นแทบจะไม่มีในโลกแห่งความเป็นจริง ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เราเหี้ยมโหดกว่าที่จะบรรจุลงไปในนิทานให้เด็กฟังก่อนนอนได้

ยิ่งโลกมันกลายเป็นสถานที่ที่ร้ายกาจขึ้นขนาดไหน มนุษย์เรายิ่งต้องไม่ยอมแพ้กับมัน ตอนจบแบบในนิทานอาจจะไม่มีจริง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าตัวเราจะยอมพ่ายแพ้ต่อความดีในใจของตัวเองไม่ใช่หรือ และด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าอย่างไร คะน้าก็จะเลือกที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองเชื่อมั่นและศรัทธา ...เขาจะไม่ยอมละทิ้งตัวตนของตัวเอง

วันต่อมาคะน้าก็ได้ยินข่าวที่ไม่คาดฝันจากปากของตุล ดูเหมือนว่าคุณธาดาจะย้ายทิมออกไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นที่ดูจะสะดวกสบายกว่านี้ แม้ว่าตามคำวินิจฉัยของแพทย์เจ้าของไข้จะยืนยันว่าต้องการให้ทิมพักต่ออีกสักระยะเพื่อให้แข็งแรงขึ้นอีกนิด และทางโรงพยาบาลเองมีศักยภาพเพียงพอจะดูแลรักษาได้ก็ตาม มองในแง่ดีก็คงเป็นไม่กี่ครั้งที่คนๆ นั้นพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผู้เป็นลูกในไส้ หากแต่หลายวันต่อมาคะน้าก็เพิ่งรับรู้ความจริงที่ว่าตัวเขาเองมองโลกในแง่ดีเกินไป



...เขาติดต่อกับทิมไม่ได้อีกเลย

ไม่ว่าจะโดยวิธีการไหนก็ตาม โทรศัพท์มือถือ ไลน์ หรือแม้แต่โทรไปที่ห้อง คำตอบกลับมาของเจ้าหน้าที่ทำให้คะน้ารู้สึกใจหายกว่าที่ตัวเองจะคาดคิดได้ ทิมย้ายของออกไปทั้งหมดแล้ว ห้องดูเพล็กซ์ชั้นบนสุดว่างเปล่า มีเพียงแต่ห้องโล่งๆ ที่เหลือเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่เท่านั้น

ผักกาดแจ้งว่าคำให้การกับตำรวจในรอบหลังจากที่ได้สติครบถ้วนของทิมนั้น ดูจะทำให้ธาดาพิพัฒน์พ้นผิดทุกข้อสงสัย ความผิดทั้งหมดจึงตกอยู่ที่เหล่าผู้ร้ายที่ได้รับเงินว่าจ้างราวๆ สิบคนด้วยข้ออ้างชนิดที่ฟังไม่ขึ้นว่าบันดาลโทสะ ไม่มีการสอบปากคำเพิ่มเติมใดๆ นับจากนั้นอีก ไม่มีอะไรที่เปิดเผยบนพื้นที่สื่อนับจากนั้น

ภาพในความคิดทั้งหมดของคะน้าแปรปรวนอีกครั้ง ทุกอย่างตีรวนจนยากจะบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ระหว่างทิม คนปากแข็งที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ห่างๆ อยู่ตลอดเวลา กับทิมผู้เป็นรองประธานฯ ของบริษัทใหญ่ยักษ์ ผู้ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงทางธุรกิจ เจ้าเล่ห์ และวางแผนได้อย่างแยบยล



อะไรคือความจริง อะไรคือการลวงหลอก และตัวตนที่แท้จริงของทิมคือคนไหน?

ดูเหมือนว่าผักกาดก็ดูจะอึ้งไปไม่น้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดทิมจึงทำแบบนั้น เป็นการตลบหลังความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างนั้นหรือ แค่เพียงเพราะหลังจากที่ธาดาพิพัฒน์ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ทิมจะต้องมาข้องเกี่ยวใดๆ กับเขาและผักกาดอีกหรือเปล่า เพราะหลังจากที่ทำการตกลงซื้อขายที่ดิน วันต่อมา ทิมก็ย้ายออกจากโรงพยาบาลโดยไม่ฟังแม้คำทัดทานใดๆ ของแพทย์ คะน้าได้แต่เก็บความสงสัยมากมายให้คั่งค้างอยู่ในใจ

...คำถามที่เขาก็ไม่รู้จะหาคำตอบจากใคร




หลายวันต่อมาคะน้าออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านจนร่างกายของเขากลับมาเป็นปกติทุกอย่าง เขาพยายามที่จะติดต่อหาทิมหลายครั้ง แต่นั่นดูจะไม่เป็นผล เมื่อทุกอย่างยังเหมือนเดิม โลกใบนี้ดูเหมือนจะไม่เคยมีคนชื่อทิมมาก่อน ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครเคยได้ข่าว

คะน้าลองไปที่ตลาดซึ่งตอนนี้ถูกปรับปรุงให้มีพื้นที่ชั่วคราวสำหรับซื้อขายตามสัญญา ซากปรักหักพังที่ถูกเผาไหม้ถูกกำจัดออกไปจนเหมือนพื้นที่ว่างเปล่า เขาเห็นเจซึ่งเป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้าง หากแต่เมื่อตั้งใจจะไต่ถามข่าวคราว กลับกลายเป็นฝ่ายของเจที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากถามถึงทิมกับคะน้า ทุกอย่างว่างเปล่าเหมือนกับพื้นที่ตรงหน้า ทิมหายไปโดยไม่มีใครรู้ แม้แต่คนของธาดาพิพัฒน์เอง ไต่ถามสารทุกข์สุกดิบกันได้สักครู่ เจก็ขอตัวกลับไปในไซด์งานเพื่อจัดแจงทุกอย่างต่อ





อากาศวันนี้อึมครึมจนรู้สึกไม่สบายตัว กระนั้นก็มีสายลมแผ่วๆ พัดมาบางครั้งให้ผิวกายได้พอสดชื่น เมฆก้อนหนาเคลื่อนตัวมาบดบังดวงอาทิตย์จนทำให้ท้องฟ้าเป็นสีเทาทึมๆ หลงเหลือเพียงแสงเส้นเล็กๆ ที่ทาบทอขอบฟ้าให้เห็นความสว่าง

วันพรุ่งนี้จะเป็นวันครบรอบสองเดือนแล้วนับจากวันที่เขาและทิมเสี่ยงชีวิตด้วยกันในที่แห่งนี้ คะน้าไม่รู้จะสลัดความทรงจำเหล่านั้นไปได้อย่างไร วันที่เขาและทิมสลัดทิ้งทุกความกลัวและทำในสิ่งที่ในชีวิตของตัวเองไม่คิดจะทำ วันที่การมีชีวิตอยู่ต่อและความตายมีค่าพอๆ กัน เป็นวันที่ปลดเปลื้องทุกความรู้สึกที่อยู่ในใจ ปลดขอบเขตและพันธนาการมากมายที่ต่างคนต่างแบกไว้ วันที่ทิมบอกคำรักเป็นสิบเป็นร้อยหน และเป็นวันที่คะน้ารู้ตัวเองว่าที่ผ่านมา เขารักคนๆ นี้มากแค่ไหน

เขาจะลืมเรื่องราวต่างๆ ในวันนั้นได้อย่างไร

คะน้าเคยวาดฝันในอากาศ เป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ในเวลาที่เขาอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ ในนั้นมีแต่ภาพแห่งความสุข รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความสมหวัง ถึงตอนนี้คะน้าเพิ่งรู้ตัวเองว่าเขาไม่ได้เป็นคนฉลาดเลย แม้กระทั่งในเวลาแบบนี้ คนโง่ที่ดื้อด้านแบบเขากลับพาตัวเองมาในสถานที่แห่งนี้ ในวันที่ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่อยู่ในความคิดตลอดเวลา

...คิดถึง

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทิมเป็นคนดีหรือคนร้าย หวังผลอะไรจากเขาหรือจริงใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน มีความสุขที่หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจบสิ้น หรือทุกข์เจียนตายที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน เขาไม่รู้ ...ไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่รู้ในตอนนี้มีเพียงใจตัวเองที่ยังคงคิดถึงทิมอยู่แบบนั้น คิดถึงทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเชื่อในตัวของทิมได้มากหรือน้อย แค่เพียงสายลมที่พัดมากระทบผมเพียงแผ่วผ่าน ...แค่นั้น ...เพียงเท่านั้น เขาก็กลับพาลให้นึกถึงฝ่ามือนั้นที่เคยลูบไปบนหัวเขาเบาๆ ด้วยความอบอุ่นรักใคร่เหมือนเป็นภาพที่คุ้นเคย

คะน้า? ผักคะน้าน่ะนะ

น้อยกว่าสามปี ถามทำไม ชอบเหรอ?

พี่... ขอหอมแก้มทีได้ไหม?


เขาเป็นคนจำแม่น...ขนาดนี้เลยหรือ? ใครๆ ก็บอกว่าเวลาจะช่วยทำให้ลืมทุกอย่าง เวลาจะช่วยรักษาจิตใจ ใครๆ ก็บอกว่ามันได้ผล แต่ทำไมเขายังจดจำเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่วันแรกนั้นได้อย่างแม่นยำ ชัดเจนเหมือนกับเพิ่งเกิดไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แล้วแปลกไหมที่เขาก็ยังเป็นเขาคนเดิม คนที่เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ บ่อยครั้งที่เห็นหรือทำอะไรอยู่แล้วอดคิดไม่ได้ว่า นี่คงทำให้ทิมหัวเราะและมีความสุขมากๆ เดี๋ยวนี้ แม้แต่ไอศกรีมกะทิที่เขาชอบนักหนา หึ... เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตนี้จะทานมันได้อร่อยอีกไหม

เคยถามตัวเองไหม ใครทำให้พี่กลายเป็นคนบ้าได้?

จะให้ทุกอย่างที่มี

พี่ทำให้ผมนอนฝันดี

สำหรับผมพี่ไม่ใช่คนอื่น พี่เป็นคนสำคัญ


จากตัวตนที่เติบโตขึ้นทีละนิดจนเข้มแข็ง เขารู้สึกเหมือนน้ำตาตัวเองรื้นขึ้นอีกครั้ง คะน้าในตอนนี้ดูเหมือนจะเปิดประตูแล้วกางแขนรับความเจ็บปวดจากความเชื่อใจที่พรั่งพรูเข้ามาปะทะทุกอวัยวะร่างกาย เมื่อเขาปล่อยให้ตัวเองหวั่นไหวไปตามอารมณ์ ผลที่ได้รับมาจึงปวดร้าวจนเหมือนจะทนไม่ไหว ตัวตนดั้งเดิมในวันวานกลับมาสู่จิตใจของเขาอีกครั้ง ...รู้สึกหน่วงจนเจ็บไปทั้งใจ

...เจ็บเหมือนถูกยุงกัดเลยว่ะพี่

มึงจะทำอะไรมาทำกับกูนี่ กูไม่สู้มึงก็ได้ มึงมาลงกับกู แต่อย่าทำกับคนของกู กูขอร้องงงง

ขอโทษที่พูดไม่เพราะ ...ผมโคตรรักพี่เลยว่ะ


คะน้าเงยหน้าขึ้นมองพื้นที่ที่เขาเคยเป็นเจ้าของ ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาอยู่ที่นี่ ความทรงจำ ความฝัน แม้แต่ความหวัง แต่ตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลายไปเป็นสมบัติของธาดาพิพัฒน์ไปเสียแล้ว ถึงแม้อยากจะเอื้อมมือไขว่คว้าแค่ไหนมันก็คงคว้าได้เพียงแต่ความว่างเปล่าที่กระทบมือ ...ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว หมดสิ้นทุกอย่างแล้วสินะ เสียงตอกเสาเข็มดังสนั่น มันสะเทือนเหมือนกับใครเอาเหล็กแหลมชิ้นใหญ่มาตอกลงซ้ำๆ ที่กลางใจ

หลายคนบอกว่าความทรงจำนั้นสร้างความปวดร้าวเสมอ โดยเฉพาะความทรงจำที่หอมหวาน นั่นเป็นคำพูดที่เป็นความจริงทีเดียว



บอกผมทีได้ไหม พี่ยังรักคนๆ นี้อยู่หรือเปล่า?


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


จบตอนได้เขย่าขวัญสั่นประสาทคนอ่านพอสมคสร สาเหตุเพราะต้องหั่นครึ่งตอนเพราะยาวจัด
ผลก็เลยออกมาเป็นอย่างที่เห็น ตอนต่อไป(คิดว่า)น่าจะเป็นตอนจบของแท้ได้แล้วล่ะครับ
อย่าลืมติดตามบทสรุปของเรื่องที่ยาวเหยียดได้ขนาดนี้นะครับ เอาใจช่วยต่ายน้อยด้วยนะครับ
+ 1 สำหรับเพื่อนๆ ทุกคน ทุกๆ ความคิดเห็น คำเสนอแนะต่างๆ นานาครับ รักทุกคนมากมายจุงเบยยย

:กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 14-03-2013 00:25:21
สงสารคะน้า มาต่อไวๆนะคราฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-03-2013 00:28:10
มันอะไรกันนักหนาว่ะทิมเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 14-03-2013 00:32:54
ฮือออออออออออออออ เกิดอะไรขึ้นกับทิม?
ทิมไปไหน? ทำไมพ่อทิมทำแบบนี้?
โอ๊ยยยยยยยยยยย คิดแล้วน้ำตาไหลอ่ะ
คนแต่งลงที่เหลือเลยได้มั๊ย 4555555555555555555 อยากอ่านอ่ะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 14-03-2013 00:47:38
มาต่อ ต่อเดี๋ยวนี้  ทิมหายไปไหน ละลายไปกับอากาศเหรอ  :z3: :z3: :z3: :z3:
ฝีมือพ่อแกใช่มั้ยทิม แกไม่มีวันทิ้งคะน้าหรอก อุตส่าห์ปลูกเองรดน้ำเองไปหลายยก จะปล่อยให้งอกงามแล้วคนอื่นเก็บไปหรือไง
ไม่ห่วงเหรอ เด๋วตุลก็คาบไปหรอก ทิ้งไว้แบบนี้ (ยุ) รีบๆกลับมาได้แล้ว ฮือออออออออออออออออออออ
แต่อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วรุ้สึกถึงความรักจริงๆของต่ายอะ แบบ จะดีจะร้ายก็รัก รักแบบไม่ต้องอ้างอิงเหตุผลอะไรเลย
ซาบซื้ง โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 14-03-2013 00:57:21
เขย่าประสาทมากเลยที่ที่ชวนซดมาม่ากลางดึก ระวังเถอะคนเขียน
ระวังโดนลอบวางเพลิงข้อหา ชวนซดมาม่ายามวิกาล
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hobazaki ที่ 14-03-2013 01:11:11
ฮือออออ เกิดอะไรจึ้นกับทิม ทิมไปไหนอย่าปล่อยให้คะน้าช้ำใจอยู่แบบนี้สิ TT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 14-03-2013 01:14:41
สงสารรรรรรรร
เมื่อไหร่จะมีความสุขกันสะทีเ ฮ้ออออออออ

จะจบแล้ว ?
ยังช็อคไม่หายกะฉากบู๊เลย
ตอนจบจะเป็นอย่างไร รอออ่านอยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 14-03-2013 01:45:08
ใจจะขาด แอร๊ยยยยย :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 14-03-2013 01:46:19
ต้องให้หายใจไม่ทั่วท้องทุกตอนสินาาาา

ทิมหายไปไหนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 14-03-2013 01:55:08
ตอนท้ายน้ำตาไหลตามคะน้าจริง ๆ นะ
ตอนนี้คะน้าเลือกจะเชื่อ เลือกจะรัก และเลือกที่จะเจ็บ
สงสารอ่ะ

เอามาต่อพรุ่งนี้เลยได้มั้ยตัวเองงงง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 14-03-2013 02:03:59
Lucea さんใจร้ายจังงงงงงงง
อ่านตอนนี้แล้วสงสารคะน้ามาก ทิมหายไปไหน ฮื่อ
แล้วที่โดนย้ายออกไป มันเกิดอะไรขึ้นนะ
อ่านเรื่องนี้แล้วมีปมมาให้คิดตลอดๆ
แต่ตัดจบแบบนี้ทรมานใจดีแท้~
รีบมาต่อนะคะๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 14-03-2013 02:27:00
บะเจ้า ยังคงเจ็บปวดกันต่อไป  :a5:
ส่งกำลังใจให้กระต่ายน้อยตามหาทิมให้เจอ
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 14-03-2013 03:38:36
ม่ายยยยย เค้าจะอ่านอีกกกกกกกกกกกกกกก   :z3: :z3:
มาต่อเร็วๆนะคะ  ค้างมากมาย :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 14-03-2013 05:11:47
เชื่อว่าทิัมซึ่งได้มีช่วงเวลาเปิดใจกับคะน้าขนาดนั้นแล้ว
คงต้องทำทุกอย่างให้ได้คะน้ามา ที่หายไปก็เพื่อการนี้

ยังไม่อยากให้จบนะ ขอฟังความยาวๆโดยละเอียดจากทิมอย่างตอนนี้แหละดี

สงสัยสรรพนามที่ใช้ตอนครึ่งแรก บางทีก็บรรยายแบบคนที่3
แต่มีใช้สรรพนาม"ผม" แทนคะน้าบ้าง อ่านแล้วสดุด

ขอบคุณนะคะ นิยายสนุก ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 14-03-2013 06:39:00
หวาย มาต่อแล้ว ^^ งอกมาอีกสองสามตอนก็ไม่เป็นไรค่ะ
เพราะอ่านดูแล้วมันไม่น่าจะจบง่ายๆ ว่าไหมคะ

แต่ขอไปอ่านที่ทำงานนะคะ มาจองที่ก่อน!  อิอิ

ไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานก่อนค่ะ  :bye2:

............

เพิ่งจะได้นั่งอ่านเงียบๆ ... ตอนท้ายๆคุณLuceaทำคนอ่านน้ำตาซึม
อยากถามกลับเหมือนกันค่ะว่า ทิมยังรักพี่คะน้าอยู่ไหม ฮือๆ (มันอินๆ)

รอตอนจบอย่างจดจ่อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 14-03-2013 07:26:38
นี่จะจบแล้วเหรอ ไม่นะ ขอพาทย์ทิมด้วยนะ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: makone ที่ 14-03-2013 08:46:41
ทิม --- นายจะกลับมาใช่ไหม
คะน้า (ต่ายน้อย) --- เข้มแข็ง สู้ๆ ไว้นะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 14-03-2013 09:02:20
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
 :o12: :o12: :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 14-03-2013 09:14:42
คะน้าคิดถึงจะขาดใจ คนอ่านก็อยากอ่านใจจะขาดเหมือนกันนะ
รีบมาต่อที :z3:

ปล.คิดถึงเจ๊เป็ด จันทู สายใจเนอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 14-03-2013 09:15:45
ทิมคงรอเวลาเอาทุกอย่างคืนจากพ่อตัวเอง...........มั๊งงง!!

 :m16:

  v

  v

กลัวใจคนเขียนจริงๆ..... o18.....จบไม่สวยล่ะน่าดู..... o12
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-03-2013 10:40:54
หน่วงก่อนจบ ถ้าตอนหน้ามันยาวไปไม่จบก็ต่อไปอีกตอนได้นะคะ แบบไม่ต้องอั้นคนอ่านอยากอ่านเยอะๆค่ะ

ดีใจที่สองคนรอดปลอดภัย แหม่ แ้ม้จะเจ็บหนักแต่ก็ร้อนแรงกันน่าดูนะ ในที่สุดคะน้าก็ตัดสินใจขาย
ดีแล้วล่ะถึงอยู่ก็ยากจะเอามาทำอะไรต่อได้ ถ้าธาดาพิัพัฒน์ทำตามสัญญาก็ถือว่าโอเคแล้ว
แต่ทิมนี่สิหายไปไหน สงสัยโดนที่บ้านกักตัวแน่เลย ก็ครั้งแรกที่ให้การมันชี้ความผิดไปที่ธาดาพิพัฒน์นี่
ถึงครั้งหลังจะให้การต่างกันก็เถอะทิมก็ต้องโดนเพ่งเล็งอยู่ดี โอย ไม่เจอกันสองเดือนแล้วใจจะขาด
เห็นคะน้านั่งนึำกถึงความหลังแล้วเศร้า ยิ่งตอนท้ายสองคนผูกพันกันมากถ้ามันไม่เป็นอย่างที่คิดนี่เจ็บปวดนะ
แต่คนอ่านเชื่อใจทิมนะว่าต้องกลับมาแน่ ทิมห้ามทำเจ้ผิดหวังนะ ส่วนหมอตุลย์เค้าก็มีทางไปที่ดีของเค้า

ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-03-2013 10:56:57
รอ ตอน จบ ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 14-03-2013 11:11:35
เราว่าคะน้านี่เป็นพระจันทร์จริงๆนะเนี่ย
หวั่นไหวง่ายสุดๆ

แล้วก็เก็บเรื่องมาคิดในแง่ลบ ช่วยมั่นคงกว่านี้อีกนิด เชื่อใจทิมอีกหน่อยได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 14-03-2013 11:53:19
ทิมไปไหน ปล่อยให้ต่ายร้องไห้อีกแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 14-03-2013 12:06:33
ทิมกลับมาเหอะ คนอ่านใจจะขาด ที่สำคัญต่ายน้อยก็กำลังเจ็บปวด รีบๆมาทำความเข้าใจกันเร็วๆนะ
คนอ่านเครียดอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 14-03-2013 12:21:04
ทิมไปไหนเนี่ย กลับมาาาาาาาาาาาาาาาา
อย่าบอกนะว่าหนีไปบวชแล้ว...  :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 14-03-2013 13:43:39
 :m31: :m31: :m31: :m31:พ่ออะไรโคตรใจร้ายเลยโว้ย :fire: :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 14-03-2013 14:17:01
รอรอรอรอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 14-03-2013 15:14:02
รอตอนจบด้วยใจเต้นระริก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 14-03-2013 16:49:49
ทิมทำข้อตกลงอะไรกับพ่ออีกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 14-03-2013 18:33:20
หืม.. ขออีกทีซิ
พี่หั่นครึ่งตอนเหรอคะ?

หั่นตอนรึหั่นหัวใจคนอ่านคะพี่

 :z3: :z3: :z3: :z3: :เฮ้อ: :m31:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Jaiko★ ที่ 14-03-2013 21:13:40
เห่ยยย ต่ายน้อย เชื่อใจทิมหน่อยเถอะลูก 5555555555
บางทีก็รู้สึกขัดแย้งนะ ว่ากันว่าคะน้าเป็นคนเชื่อคนง่าย แต่กลับไม่ค่อยเชื่อใจคนที่ตัวเองรักเลย โดนกระทบทีก็เขวที- -
ส่วนพ่อพระเอกคนเหล็กก็หายหัวไปอีกละ มาอยู่ปลอบกระต่ายน้อยให้หายฟุ้งซ่านเร็วๆเถอะพ่อคุณณณ 55555555 รอตอต่อไปอยู่จ้า สู้ๆ :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 15-03-2013 07:41:04
อะไรของทิมอีกเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 15-03-2013 14:46:03
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ....................รอทิมอยู่น้าาาาาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 15-03-2013 17:55:14
 :sad4:
คุณพ่อใจร้ายนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 39 - (หน้า 52) Mar 14, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 15-03-2013 18:00:19
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนจบ - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-03-2013 00:35:04
สวัสดีครับ และแล้วก็เดินทางด้วยกันมาถึงตอนสุดท้ายกันแล้วล่ะครับ :o8:
เป็นตอนที่ยาวมา อัดแน่นไปด้วยตัวหนังสือละลานตา อ่านแล้วมีอาการสลบเอาได้ง่ายๆ
ยาวมากและเยอะมากขนาดต้องแบ่งออกเป็นสามรีพลายเป็นตัวอักษรเกิน
แต่ก็หวังว่าจะชอบกันนะครับ ต่อกันเลยครับ ...ตอนอวสาน :o12:



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ตอนที่ 40



นานมาแล้ว... โลกมีพระจันทร์สองดวงที่รักกันมากอยู่คู่กันไม่เคยห่าง ทุกๆ คืนเมื่อแหงนมองไปบนฟ้าจึงจะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่แล้ววันหนึ่งดวงจันทร์ดวงหนึ่งก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย พระจันทร์อีกดวงจึงได้แต่ตามหาไปทุกหนทุกแห่ง คืนแล้วคืนเล่าจนวันเวลาล่วงผ่านไป แต่พระจันทร์ดวงนั้นก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์อีกดวงที่ตัวเองรักมากได้พบ ด้วยความคิดถึงและอยากพบดวงจันทร์ที่หายไปให้เร็วที่สุด ...จึงตัดสินใจระเบิดตัวเองเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่วทั้งจักรวาล ...กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงประกายรอดวงจันทร์อยู่ทุกค่ำคืน

เป็นเรื่องเล่าที่ผมอดถามตัวเองไม่ได้ว่าผมกำลังเป็นดั่งพระจันทร์ดวงนั้นหรือเปล่า สองปีแล้วนับตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น ความรู้สึกของผมยังเหมือนเดิม การรอคอยนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด โลกของผมยังหมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมทุกวัน ยังเป็นแบบเดิมแม้ทุกอย่างรอบๆ ตัวจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนก็ตาม

สองปี... เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายเหลือเกิน แน่ล่ะ ก็โลกมันไม่เคยหยุดหมุนเลยไม่ใช่หรือ แรงเหวี่ยงของลูกกลมๆ ขนาดยักษ์นี่ทำให้ผมกลายเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวไปเสียแล้ว ผมเริ่มนับหนึ่งใหม่กับงานที่ตัวเองถนัด จนเดี๋ยวนี้กลายเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่ง ในเรื่องการงานผมมีความสุขมากเลยล่ะ มีรถคันใหม่ มีสังคมใหม่ รู้จักคนใหม่ๆ แต่มันก็แค่เปลือกนอกที่ห่อหุ้ม หากเอามีดกรีดออกก็คงจะได้เห็นเนื้อในที่แอบซ่อนไว้ ผมยังเหมือนเดิม ยังทำตัวโง่ๆ แบบวันเก่าๆ ออกตามหาคนๆ นั้นไปทุกที่ และรอคอยอยู่ที่เดิมๆ

เคยมีคนบอกว่าผมเหมือนกับแม่ชนิดโคลนกันออกมา เชื่อไหมว่าผมกลับไม่รู้สึกแบบนั้นสักครั้ง เพราะลึกๆ แล้วผมไม่ค่อยเข้าใจในการกระทำของแม่หลายต่อหลายอย่าง แต่พอนานวันเข้า น่าตลกที่ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของแม่ขึ้นทีละน้อย เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงรักคนๆ หนึ่งได้มากมายขนาดนั้น ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงยังรอคอยให้พ่อกลับมาทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคงไม่มีทางเกิดขึ้นจริง

“เป็นอะไรหรือเปล่าพี่ ดูเงียบไปตั้งแต่เมื่อกี้นะ” เสียงคนข้างตัวดังขึ้น ดึงคะน้าให้กลับออกมาจากโลกแห่งความคิดอีกครั้ง มองอย่างผิวเผิน เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าคนนั้นให้ความรู้สึกบางอย่างที่ไม่ว่าใครที่ได้เห็นก็รู้สึกคุ้นตา

“ไม่มีอะไรหรอกนัท ว่าแต่เราจะไปไหนล่ะ” เขาปั้นยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ

หลายคนบอกว่านัทมีหลายอย่างที่คล้ายกับทิม ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาที่มีส่วนละม้าย ดวงตาคู่นั้นก็แข็งขืนไม่ยอมคนเหมือนกับถอดแบบกันมา ท่าทางที่ยียวนหรือแม้แต่รอยยิ้มกวนๆ นั่นก็เรียกได้ว่าพิมพ์เดียวกันไม่ผิดเพี้ยน แต่ไม่ใช่หรอก ...นัทไม่ใช่ทิม ...คล้ายแต่ไม่ใช่ นับแต่แรกที่รู้จักกันที่ทำงาน คะน้าไม่เคยรู้สึกเลยสักครั้งว่านัทเหมือนกับทิม

“เดินด้วยกัน แต่เหมือนมองหา เหมือนคอยใครอยู่ตลอดเวลา แบบนี้หรือเปล่าถึงปฏิเสธผม” นัทตั้งคำถามที่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้คำตอบ คะน้าหันมายิ้มให้คนข้างตัวแล้วเดินต่อ ร่างสูงที่ยืนใกล้ๆ ได้แต่ทำหน้าที่สื่อถึงความน้อยใจ กระนั้นก็เดินกระฟัดกระเฟียดตามไปไม่ห่าง ไม่ใช่ว่าคะน้าไม่มีคำตอบ หากแต่ถ้อยคำในใจเขานั้นดูจะเป็นเรื่องงมงายเกินกว่าจะพูดถึง

คะน้าไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นจากตรงไหน จู่ๆ เด็กหนุ่มรุ่นน้องต่างแผนกก็เข้ามาเวียนวนอยู่รอบๆ ตัว เดิมทีเดียวเขาแค่รู้สึกแปลกใจในท่าทางวางก้ามไม่มีสัมมาคารวะ การปฏิบัติต่อเขาผิดกับคนอื่นๆ ทั้งการพูดจาที่ขัดหูไม่น่าฟัง หรือท่าทางแปลกประหลาดเหมือนหาเรื่องได้ตลอดเวลา แต่พอนานไป การทำงานก็ทำให้กลายเป็นสนิทเข้าขากันได้โดยไม่รู้ตัว กระทั่งวันหนึ่ง ก็เหมือนกับฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมเขา เมื่อจู่ๆ นัทก็พูดว่าคิดกับเขามากกว่าเพื่อนร่วมงานหรือพี่น้อง นั่นเป็นสิ่งที่ทำเอาคะน้ามึนไปหลายวัน เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้นัทคิดไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองก็เป็นแค่คนที่แสนธรรมดา หนำซ้ำไปกว่านั้น เขาก็เป็นผู้ชายไม่ใช่หรือ?

ไมใช่ว่านัทไม่ดีอะไร เด็กหนุ่มคนนี้ดีพร้อมไปทุกอย่างด้วยซ้ำ รูปร่างหน้าตา บุคลิก นิสัยใจคอ คะน้าไม่เห็นว่ามีข้อเสียอะไรจะให้ตำหนิ แต่เขาเป็นคนลืมช้า ความรู้สึกมันฝังแน่นจนลืมไม่ลงไปแล้ว เวลาของเขาเหมือนจะหยุดเดินไปนานมากจนแม้แต่ตัวเขาเองก็จำไม่ได้ คะน้าจำแต่ภาพในอดีต ความทรงจำนั้นทิ้งร่องรอยต่างๆ เอาไว้ในใจเขามากมาย มากพอที่จะทำให้เขาเริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้อีก

นัทเดินนำหน้าคะน้าลงไปชั้นล่างที่เป็นศูนย์อาหารและส่วนพลาซ่าที่มีข้าวของต่างๆ ขาย เขาชักฝีเท้าตามไปช้าๆ  ระหว่างเขากับนัท ไม่มีอะไรมากเกินไปกว่าเพื่อนร่วมงานและพี่น้อง ความจริงในข้อนี้ ตัวนัทเองก็ยอมรับได้ แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับก็ตาม

สองปีแล้ว อะไรๆ ก็เปลี่ยนไป ที่แห่งนี่ก่อตัวเป็นรูปร่างและกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนมากมายให้แวะมาเยี่ยมเยือน ไม่เหลือเค้าของพื้นที่เดิมที่เป็นตลาดสดที่มีเสียงจอแจแบบแต่ก่อนอีกแล้ว มีเพียงอาคารทรงโดมครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ตระหง่านคู่กับคอนโดมิเนียมสุดหรูของธาดาพิพัฒน์ ไม่มีอากาศที่ร้อนอบอ้าว เสียงตามสายเปิดเพลงลูกทุ่งสลับกับเพลงเกาหลี หรือกลิ่นคาวตามแผงอาหารเก่าๆ ที่คุ้นในความทรงจำ ที่นี่เย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศแม้ในวันที่แสนร้อนอบอ้าว มีเพลงคลาสสิกที่บรรเลงด้วยเปียโนสบายหู และร้านรวงจากเหล่าสินค้าแบรนด์เนมทั้งของไทยและต่างประเทศมากมาย

ในวันที่เปิดตัว นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสได้เห็นตัวจริงของคุณธาดา ประธานกรรมการบริหารของธาดาพิพัฒน์ได้มาร่วมงานเปิดตัวโปรเจ็กต์หลายหมื่นล้านแห่งนี้ คนๆ นั้นประกาศกร้าวว่าจะกระตุ้นเม็ดเงินในตลาดบ้านเราให้กลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยคอมเพล็กซ์ที่มีเนื้อที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เขากลายเป็นวีรบุรุษที่ได้รับการยกย่องในวงสังคม สื่อมวลชนต่างขนานนามว่าเขาเป็นพ่อมดที่กุมบังเหียนเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันของบ้านเรา คุณธาดาเป็นคนที่ใครๆ ก็ต่างชื่นชม นับหน้าถือตา

เมื่องานบนเวทีเสร็จสิ้น เป็นช่วงเวลาที่คะน้าได้มีโอกาสได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคุณธาดา ตัวตนที่เป็นตัวตนจริงๆ ไม่ใช่คราบที่ฉาบไว้เป็นเปลือกห่อหุ้ม ชายสูงวัยคนนั้นไม่ได้มีท่าทีที่โหดเหี้ยมร้ายกาจเลือดเย็น ไม่ได้มีแม้แต่ท่าทางของคนที่มีความสุขกับการเปิดตัวโครงการใหญ่โตจนเป็นที่กล่าวขาน ตัวตนที่แท้จริงของคุณธาดาผิดแผกกว่าจินตนาการที่คะน้าเคยคาดคิดไว้ไปไกลแสนไกล และแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่เมื่อเสร็จสิ้นงานก็แยกย้ายกันไปกับครอบครัว กับเพื่อนฝูงคนรัก

หากแต่คนๆ นั้นกลับแค่ยืนนิ่งๆ อยู่กับที่ มองทุกอย่างรอบๆ ตัว สถานที่ที่คุ้นเคย...ดูไม่คุ้นเคย แวดล้อมด้วยลูกน้องคนรู้จัก...ที่ไม่รู้จัก ดวงตาคู่นั้นตรงกันข้ามกับความสุข ปราศจากความรู้สึกยินดี ดวงตาคู่นั้นกำลังโรยราด้วยความเดียวดาย คุณธาดาเป็นเพียงชายสูงวัยที่ยืนอยู่คนเดียวลำพัง ...ในนรกของการถูกลืม

“หอยทอดครับ ทานที่นี่” คะน้าเดินมาหยุดที่หน้าร้านอาหารแล้วเอ่ยปากสั่งเมนูกับแม่ค้าคนสวยที่ง่วนอยู่หน้าเตา นัทเดินตามมาข้างๆ มองดูรายการอาหารต่างๆ แล้วเลือกที่จะสั่งอีกอย่าง

“ผมขอผัดไทย” คนที่ยืนข้างแม่ค้าหน้าเตาจดใส่กระดาษก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกรอบแล้วตะโกนลั่น

“พี่คะน้าหรือเปล่าฮะ!!” เสียงห้าวจากหญิงสาวที่ซอยผมสั้นทำให้คะน้าหันกลับไปมอง แม้จะรู้สึกคุ้นตาแต่ก็แปลกใจไม่น้อย คะน้านึกไม่ออกว่าเคยเจอกับหญิงสาวท่าทางห้าวคนนี้ที่ไหน

“จันทูไงครับ! จำได้ไหม”

“จ..จันทู!!!!” คะน้าเอ่ยเสียงดังพร้อมด้วยอาการตกใจถึงขีดสุด

“กริ๊ดดดดดดดด! พี่คะน้าเหรอคะ จำสายใจได้ไหม” แม่ค้าหน้าตาสะสวยที่ยืนอยู่ที่หน้าเตาเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยทัก “ตายจริง มัวแต่ยุ่งๆ หนูก็ไม่ทันได้มอง เดี๋ยวมื้อนี้ฟรีเลยนะคะ ขอหนูเลี้ยงเอง”

“สายใจหรือนี่ โอ้โห จำไม่ได้เลย จันทูก็ด้วย โอ้ยยย... จำไม่ได้จริงๆ สบายดีกันนะ” สองสาวยิ้มร่าโดยมีนัทยืนทำหน้างงๆ อยู่ใกล้ๆ คะน้ายกกำปั้นขึ้นทุบหัว คุ้นตาแต่เขากลับนึกไม่ถึง สายใจแต่งตัวรัดกุมขึ้น ไม่ได้แต่งหน้าจัดจ้านหรือทำผมฟูฟ่องแบบที่เคยเห็น สายใจในตอนนี้ดูอิ่มเอิบเหมือนดอกไม้สะพรั่งที่งดงามตามธรรมชาติของมัน แต่ที่แย่ไปกว่านั้น ...เขาจำจันทูไม่ได้เลย จันทูดูห้าวขึ้น แต่งตัวแบบทอมบอย ซอยผมสั้น มองเผินๆ เหมือนเด็กหนุ่มทั่วไปมากกว่าจะเป็นเด็กสาวสุดซ่าอย่างที่คุ้นในความทรงจำ ที่สำคัญ จันทูในตอนนี้พูดภาษาไทยได้อย่าฉะฉานเหมือนกับคนไทยปกติตามท้องถนนทั่วไป “จำไม่ได้จริงๆ ...จันทู”

“เจมส์ฮะ ผมเปลี่ยนชื่อเป็นเจมส์แล้วนะฮะ” จันทูแย้งแล้วเสยผมเท่ เล่นเอาคะน้าทำหน้าไม่ถูก

“เอ่อ...เจมส์ ...เจมส์เลยเหรอ? เอ่อ... คือแล้วยังไง...เจมส์ถึงมาขายของกับสายใจได้ล่ะ” คะน้าเรียกชื่อใหม่ของจันทูอย่างตะกุกตะกัก ยังรู้สึกแปร่งปากตัวเองไม่หายเมื่อนึกถึงภาพในอดีตของผู้ช่วยชาวพม่าคนนี้

“พี่คะน้าคะ จะว่ายังไงดีล่ะ จริงๆ มันก็เริ่มตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแต่เราสองคนก็ยังไม่กล้าพูดออกไป อยากรอให้มันชัดเจนกว่านี้ คือว่า... หลังช่วงซ้อมเต้นนั่น เราสองคนก็เริ่มคบๆ กันแล้วน่ะค่ะพี่คะน้า” สายใจบิดตัวเป็นเกลียวด้วยอาการขวยเขิน

“ห๊ะ!!!!!!!!!!!” คะน้าอุทานด้วยความตกใจอีกครั้งจนนัททำหน้าตาประหลาด ถึงแบบนั้นเด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ไม่ได้คิดจะพูดท้วงอะไรตามนิสัยไว้ตัวของเจ้าตัว

“ตอนนั้นน่ะ ที่เผลอไปจูบโดนกัน มันก็สปาร์กๆๆๆ นะฮะ ผมรู้เลยว่าเนี่ย...มันใช่อ่ะ!!!” จันทูโอบเอวของสายใจแล้วหอมฟอดลงที่แก้ม ช่างหวานได้ไม่แคร์สื่อจริงๆ

“นานแล้วสินะ ผมไม่รู้เลย” แม้จะเป็นเรื่องสุดยอดเกินกว่าที่คะน้าจะเคยคาดคิดจินตนาการไว้ แต่เขาก็รู้สึกยินดีด้วยจากใจจริง ท่าทางของจันทู ...เจมส์กับสายใจดูมีความสุขเหมือนกับคู่รักที่ผูกพันกันมากมาย “แล้วก็เลยมาลงแรงเปิดร้านกัน ก็ดีนะ ช่วยๆ กัน”

“อะไรจะเหมาะสมกับเราไปกว่านี้อีกล่ะครับ เรื่อง หอยๆ น่ะ หอยสด หอยอร่อย หอยใหญ่ๆ ต้องนึกถึงหอยเราสองคน” จันทูส่งเสียงลั่น ทำเอาคนรอบข้างหันมามองแล้วอมยิ้ม บางคนก็อ้าปากค้าง ขณะที่บางคนถึงกับกลั้นไม่อยู่ต้องหัวเราะขำออกมา คะน้ารู้สึกชาแทน จันทูในวันนี้ อาจจะเปลี่ยนไปเป็นเจมส์แล้วก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก

“เอ่อ... เจ๊เป็ดเป็นยังไงบ้าง ขายของอยู่ในนี้หรือเปล่า คนอื่นๆ ด้วยล่ะ พอได้ข่าวไหม” เขาจงใจหันไปถามสายใจที่ดูจะได้เรื่องได้ราวกว่า

“เปล่าหรอกจ๊ะพี่คะน้า เจ๊แกเลิกขายแผงแล้วกลายเป็นเถ้าแก่เนี๊ยะไปแล้ว ตอนนี้ทำสวนผักปลอดสารพิษส่งขายให้กับร้านพวกเราน่ะพี่ ส่วนคนอื่นๆ ก็เหมือนกัน เฮียตี๋แกก็ส่งหมูให้กับพวกเรานี่แหละ พี่ป้าน้าอาทั้งหมดก็พึ่งพาอาศัยกันหมด ไปไหนเราไปกันไม่ทอดทิ้งกัน จะว่ายังไงล่ะ พวกหนูคงติดนิสัยมาจากพี่คะน้านี่แหละ เราอยู่กันเหมือนครอบครัวกันไปแล้ว ถึงวันนี้อะไรๆ มันจะเปลี่ยนไป แต่พวกเราก็ยังเหมือนเดิมนะ ดีใจที่ได้เจอพี่อีก พวกเราทุกคนคิดถึงพี่นะ” สายใจผัดอาหารในกระทะที่ร้อนฉ่าพร้อมรอยยิ้ม

“คิดถึงจริงๆ พี่คะน้าก็เป็นเหมือนกับพี่แท้ๆ ของผม วันนี้ได้เห็นพี่แต่งตัวโก้ มีงานการดีๆ ก็โคตรดีใจ เดี๋ยวเจมส์จะเอาไปโม้ให้ทุกคนฟังเลยว่าวันนี้ได้เจอพี่ เอาให้พวกมันอิจฉา” จันทูหัวเราะร่าอย่างมีความสุข

...เหมือนพี่น้อง เหมือนครอบครัวอย่างนั้นเหรอ

คะน้ารู้สึกเหมือนตัวเองพูดอะไรไม่ออก คำพูดง่ายๆ จากปากของคนที่อยู่ในความทรงจำทำให้ภาพวันเก่าๆ หวนคืนมา เขาเคยยิ้ม หัวเราะชวนหัว ร้องเล่นเต้นรำ กินข้าวกับพี่น้องทุกคนที่นี่จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว แม้จะจากกันไปนานแต่พอได้กับมาเห็นอีกครั้ง ได้รู้ข่าวว่าทุกคนสบายดี มีงานที่ดีมีความสุขกันทำ คล้ายกับคนที่แจวเรือพาผู้โดยสารส่งถึงอีกฝั่งอย่างปลอดภัย มันเป็นความรู้สึกที่ตัวของคะน้าเองก็บรรยายไม่ถูก

“ได้แล้วจ๊ะพี่ ผัดไทยก็ได้แล้วนะจ๊ะ แต่ต้องให้หนูเลี้ยงนะ” สายใจยิ้มหวานแล้วส่งจานให้

“รับไปเถอะ ของซื้อของขาย อย่าให้พี่ลำบากใจเลย” คะน้ายัดเงินใส่มือของจันทู หญิงสาวหรืออันที่จริงควรจะเรียกว่าชายหนุ่มทำสีหน้าลำบากใจ แต่เมื่อเขาแข็งขืน จันทูก็จำใจรับไปอย่างเสียไม่ได้

“เวลาเปลี่ยนไปตั้งนาน จนเดี๋ยวนี้อะไรๆ มันเปลี่ยนไปไหนต่อไหนแล้ว พี่คะน้าแต่งตัวโก้เป็นหนุ่มออฟฟิศ ทำงานในตึกหรูๆ ...แต่พี่กลับไม่เปลี่ยนไปเลย พี่ยังเป็นพี่คะน้าของพวกเราจริงๆ”

“เราก็เหมือนกันน่ะ จะเจมส์หรือจันทู สายใจ รวมทั้งคนอื่นๆ ก็ด้วย ...สำหรับพี่แล้ว เราสองคนยังเป็นคนเดิมที่พี่รู้จักนะ ฝากความระลึกถึงเจ๊เป็ด เฮียตี๋ พี่ศักดิ์ บังอร ลำไย และคนอื่นๆ ด้วยนะ ไว้พี่จะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆ” คะน้ารับจานแล้วเดินออกมาโดยมีนัทตามมาติดๆ

“คุยซะนาน สนิทเหรอ?”

“เหมือนคนในครอบครัวเลยล่ะ” คะน้าตอบพร้อมกับรอยยิ้ม

เวลาผ่านไป มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายจริงๆ ...สองปี จะว่าสั้นก็สั้น จะว่านานก็นาน แต่เป็นสองปีแห่งความเปลี่ยนแปลงจริงๆ เริ่มจากคนใกล้ตัวเขาที่สุด ในที่สุดผักกาดก็ยอมผิดคำพูดของตัวเองด้วยการกระโดดลงจากคานอย่างไม่คาดฝัน ชายหนุ่มผู้โชคดีนั้นคือมาจิมะ นักธุรกิจด้านนำเข้าส่งออกชาวญี่ปุ่น เดิมทีเดียวคะน้าก็รู้สึกสงสัยในชายหนุ่มสายเลือดซามูไรคนนี้ว่ามีอะไรดีนักหนาถึงทำให้พี่สาวของเขายอมแต่งงานด้วย แต่เมื่อดูความจริงใจและความสม่ำเสมอที่มาจิมะให้กับพี่สาวเขาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแล้วนั้น คะน้าไม่แปลกใจเลยที่ผักกาดจะใจอ่อนมอบความรักให้กับคนๆ นี้

สองปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่เขาต้องห่างกับตุลอีกครั้ง เมื่อหมอหนุ่มอนาคตไกลตัดสินใจไปต่อเฉพาะทางที่เยอรมันตามที่ตัวเองฝัน นานๆ ทีจะมีอีเมล์มาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบรวมถึงบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง การศึกษาและงานวิจัยกำลังคืบหน้า ตุลกำลังไล่ตามความฝันของตัวเองเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ระบบกระดูกและข้อ ผักกาดก็เช่นกัน พี่สาวของเขาฝันว่าจะได้สร้างตำนานรักหวานซึ้งจนเป็นตำนานไม่แพ้นวนิยายชื่อดังอย่าง คู่กรรม ผักกาดยังมีกระใจพูดติดตลกว่าจะเป็นนางเอกนิยายรันทดก็ไม่หวั่น ขอให้สามีหล่อ รวย และตายก่อนเป็นใช้ได้ แม้กระนั้นก็ตามที คะน้าเห็นแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อพี่เขยของเขาผ่านดวงตาของผักกาดนั้น สุกสว่างเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องแสงในยามเช้าตลอดเวลา


ใครๆ ก็มองวันพรุ่งนี้ ...คงมีแต่เขาคนเดียวที่ยังอยู่กับช่วงเวลาในอดีตที่ย้อนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว



(ต่อด้านล่างครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนจบ - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-03-2013 00:36:29
(ต่อครับ)



“เดี๋ยวผมกลับบ้านเลยดีกว่า” เสียงนัทดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับช้อนส้อมที่ถูกวางลงบนจานข้าวที่แทบไม่พร่องไป

“อาหารไม่อร่อยเหรอ ทำไมทานน้อยจัง” คำถามของคะน้าทำเอาเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามถอนหายใจหน่วงแล้วส่ายหน้า ดูเหมือนว่าอาการนั้นจะไม่เกี่ยวกับรสชาติของอาหารเลย นัทนิ่งเงียบ ดวงตาที่คมกริบนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความเศร้าสร้อย

“พี่เคยคิดจะมีใครบ้างไหม”

จู่ๆ นัทก็ถามขึ้นมา ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกมาที่เขาราวกับจะค้นหาคำตอบที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน

“บางทีพี่ก็เหมือนคนเหงาอย่างบอกไม่ถูก เป็นคนเหงาที่ดูเหมือนไม่มีหัวใจ”

คะน้าได้แต่นั่งนิ่งเงียบๆ ไมได้ตอบรับ ไม่ได้ปฏิเสธในคำพูดนั้น เขาเคี้ยวอาหารในปากไปเรื่อยๆ ...อาหารทำหน้าที่เพียงประทังความหิว คะน้าไม่ได้รับรู้รสชาติของมันอย่างที่ควรจะเป็นเลย

“เอาเถอะ ผมไปก่อน แล้วพบกันที่ออฟฟิศ” นัทลุกขึ้นแล้วเอ่ยคำลา คะน้าตั้งใจจะลุกเพื่อเดินไปส่งที่รถแต่เด็กหนุ่มรุ่นน้องก็ห้ามเขาเอาไว้จนคะน้าต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะต่อเพื่อจัดการอาหารที่เหลือในจานให้หมด นัทเดินจากไปพร้อมกับประโยคสั้นๆ ที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในใจเขา

“ผมอิจฉาคนๆ นั้นนะ ...คนที่พี่รอ”

เนิ่นนานแล้วที่คะน้าจ้องมองดูมือของตัวเองพร้อมกับตะกอนที่ลอยขึ้นในใจ เขาอยากจะรอจริงๆ หรือเปล่า หรือรอเพราะว่าเขาขลาดกลัวที่จะเดินหน้าต่อ และถ้าเขารอ ...การรอคอยนั้นจะยาวนานแค่ไหน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยากจะจำหรืออยากจะลืมมัน เขาแค่ใช้ชีวิตไปแต่ละวัน ปล่อยความคิดของตัวเองให้จมอยู่กับความอาดูรเหมือนอาการป่วยที่ไม่มีทางเยียวยา





รถยนต์ของคะน้ากลืนตัวไปกับพาหนะคันอื่นๆ บ้นท้องถนน หลายวันที่ผ่านมา ...อันที่จริงคงต้องบอกว่าตลอดเวลาที่มีโอกาส เขามักจะเวียนวนไปในที่เดิมๆ ร้านอาหารที่เคยไป ถนนที่เคยผ่าน ทางเดินในคอนโดที่พักอาศัย หรือแม้แต่ในลิฟต์ โดยส่วนมากเขาก็มักพาตัวเองกลับมาอยู่ที่เดิมๆ แบบนี้ทุกครั้ง อยู่กับบรรยากาศเดิมๆ แล้วปล่อยให้สมองเต็มไปด้วยความคิดถึง บางทีคะน้าก็เบื่อที่ตัวเองเป็นแบบนี้ วันเวลาผ่านไปแค่ไหน แต่ความเจ็บปวดจากการรอคอยนั้นไม่ได้ลดเลือนไปเลย แม้จะมีผู้คนมากมายแวะเวียนมาจับมือ ตบหลังตบไหล่ทักทาย หากแต่ความอบอุ่นที่เคยโอบอุ้มบนบ่านั้น ยังอยู่เคียงข้างกับเขาตลอดเวลา

อันที่จริงยังมีอีกที่ที่เขาไม่ได้กลับไป เพียงที่เดียวที่เขาไม่ได้มีความคิดจะกลับย้อนคืนไปหา เขาไม่ได้ลืม เพียงแต่ลึกๆ แล้วคะน้ากลับรู้สึกไม่กล้าที่จะเห็นมันอีกครั้ง ...บ้านเก่าของป๊าและแม่ ไม่รู้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนมันไปแค่ไหน คะน้าไม่มั่นใจว่าตัวเองจะรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า แม้จะเกิดการลังเลในความคิด แต่สุดท้ายคนไม่มีที่ไปก็มาหยุดอยู่หน้าหนึ่งในสถานที่แห่งความทรงจำนั้นในที่สุด

...กลับมายืนอยู่ที่เดิม

คะน้าอุ่นใจขึ้นเมื่อบ้านไม้สีขาวนั้นยังดูอบอุ่นเหมือนกับวันเก่าไม่ผิดเพี้ยน คล้ายกับเจ้าของบ้านใหม่จะพยายามเก็บบรรยากาศแบบเดิมๆ เอาไว้และเลือกจะปรับปรุงภูมิทัศน์บางอย่างให้ดูลงตัวมากขึ้น คะน้าจอดรถห่างจากตัวบ้านออกไปหลายเมตรแล้วค่อยๆ เดินไล่ไปตามรั้ว อดไม่ได้ที่จะชะโงกเข้าไปด้านในนั้นที่ครั้งหนึ่งมีคนๆ หนึ่งเคยช่วยเขาขนย้ายข้าวของอย่างไมรู้จักเหน็ดเหนื่อย

ทุกสิ่งเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ต้นไม้เก่าๆ ที่เขาไม่เคยรดน้ำจนแห้งทรุดโทรมถูกแทนที่ด้วยกาสะลองที่ปลูกเรียงรายอยู่ริมรั้ว ดอกสีขาวเรียงหลั่นเป็นม่านกำแพงที่ดูอ่อนหวานสวยงาม พวงดอกหอมนั้นสลับกับพุ่มไม้ดอกเล็กๆ ของบุหงาส่าหรีที่ปลูกแซมในกระถาง กลิ่นหอมเย็นๆ ของมันทำให้บ้านดูร่มรื่นและเหมาะแก่การเอนกายพักผ่อนจากวันอันเหนื่อยล้ายิ่งนัก

บ้านหลังนี้ดูเป็นบ้านมากขึ้น อบอุ่นและมีชีวิตชีวาเหมือนความทรงจำในอดีตของคะน้าในตอนเด็กๆ มีไม้สูงแผ่กิ่งก้านออกด้านกว้างแล้วทอดกายคลุมชิงช้าเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างบ่อปลาด้านซ้ายของตัวบ้าน ขณะที่อีกด้านก็มีต้นมะม่วงและกล้วยน้ำว้าปลูกสูงอยู่ริมรั้ว ทางเดินที่เคยรกไม่ค่อยเป็นระเบียบนั้นถูกปูด้วยหินและล้อมกรอบด้วยพุ่มกุหลาบสีแดง ดูก็รู้ว่าเจ้าของบ้านคนใหม่นั้นคงจะใส่ใจไม่น้อยกับการดูแลรักษา สภาพบ้านจึงน่าอยู่และให้บรรยากาศที่อบอุ่นได้ถึงเพียงนี้

คะน้าเดินจากมาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นมองขอบฟ้าที่เห็นเงาของพระจันทร์เพียงดวงเดียวที่สุดสายตา คะน้าปล่อยความรู้สึกไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้รู้สึกผิดหวังหรือสมหวังใดๆ ไม่มีอะไรไปมากกว่าการได้ตามใจตัวเองอีกครั้ง เขาเพียงต้องการเก็บเศษเสี้ยวความทรงจำเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ทุกที่ ต่อเรี่ยวแรงที่อ่อนล้าจากการรอคอยอย่างไร้จุดหมาย แม้ทุกอย่างจะเงียบเหงา แต่กลิ่นความทรงจำที่หอมหวานนั้นยังเจือจางอยู่ไม่หาย เขาเลาะขอบรั้วไปเรื่อยๆ ราวกับคนที่มีเวลาไม่จำกัด ดวงตายังคงมองเห็นภาพเก่าๆ ที่เคยคุ้นตา คะน้าดีใจที่ยังจำทุกอย่างได้ ...และดีใจที่กลับมาได้เห็นอีกครั้ง

เขาเดินไปเรื่อยๆ ผ่านบ้านหลังแล้วหลังเล่า ลัดเลาะจนมาถึงมุมถนนที่ตัดกับถนนเส้นใหญ่ เขาพบกับหญิงท้วมวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งทรุดอยู่ริมทาง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยนั้นแสดงออกถึงความเหนื่อยอ่อนและเจ็บปวด คะน้ารีบเข้าไปหาโดยไม่ลังเล ไต่ถามเรื่องราวต่างๆ จนได้รู้ว่าหญิงสาวเจ้าของผมสีดอกเลานี้ปวดขาจนเดินต่อไม่ไหว คะน้าจึงอาสาพยุงกลับมาส่งที่บ้านของเธอให้ หญิงท้วมวัยกลางคนได้แต่ส่งยิ้มให้แล้วกล่าวขอบคุณเขาอยู่อย่างนั้นจนคะน้ารู้สึกลำบากใจ

ก้าวต่อก้าวที่ค่อยขยับไปข้างหน้าช้าๆ มีความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้คะน้ารู้สึกคุ้นเคยกับหญิงวัยกลางคนคนนี้ ท่าทีและรอยยิ้มที่อ่อนโยน แววตาที่เป็นมิตร หรือแม้แต่น้ำเสียงที่อบอุ่นนั้นทำให้คะน้ารู้สึกดีอย่างประหลาด ผู้หญิงคนนี้ให้ความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับคนที่ใกล้ชิดคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ...ผู้หญิงที่เขารักมากกว่าใครๆ

...เหมือนกับแม่

เดินต่อไปอีกนิด ในที่สุดคะน้าก็กลับมายืนที่เดิม เขามาหยุดอยู่ที่จุดเริ่มต้น หน้าบ้านหลังเก่าของเขา คะน้าช่วยไขประตูรั้วไม้สีขาวนั้น พยุงไหล่เข้าไปถึงในบ้านจนถึงที่โซฟาที่อยู่มุมห้อง หญิงท้วมนั่งลงช้าๆ แล้วออกปากขอบคุณอีกครั้ง ใบหน้าที่หอบถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข อารามเป็นห่วง อยากดูแล และความคิดถึงที่มีต่อแม่ที่จากไปแสนไกล คะน้าจึงไม่ลังเลที่จะก้มลงดูข้อเท้าของหญิงวัยกลางคน นวดเฟ้นราวกับเป็นคนในครอบครัว

คิดแล้วก็น่าขำ เขากำลังรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังดูแลแม่ของตัวเองที่จากไปตั้งแต่วัยเด็ก หากแม่ยังมีชีวิต แม่ของเขาก็คงอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับผู้หญิงคนนี้ คะน้าไม่ได้รู้สึกรังเกียจแม้แต่น้อยที่จะนวดยาคลายเส้นต่างๆ ให้กับหญิงท้วม นิ้วมือของเขาค่อยๆ นวดลงบนข้อเท้าทั้งสองข้างอย่างเบามือ

“ลูกเต้าเหล่าใครกันนะพ่อหนุ่ม มีน้ำใจเหลือเกิน” คะน้าเงยหน้าขึ้นมองแล้วตอบคำถามด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

“คุณพ่อคุณแม่ผมเสียไปนานแล้วล่ะครับคุณป้า ตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับพี่สาวสองคน” หญิงคนนั้นตกใจจนอุทานขึ้นมาพร้อมกล่าวขอโทษเสียยกใหญ่ คะน้าไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรเอามาถือให้วุ่นวาย เขาจึงรีบชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะต้องฟังคำขอโทษอีกเป็นกระบุง  “ต้นไม้ในบ้านคุณป้างามมากนะครับ ออกดอกสวยเลยทีเดียว ผมปลูกอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ”

“ค่อยๆ ปลูกไปน่ะจ๊ะ คนแก่ก็หาอะไรทำไปเรื่อยๆ ไม้ดอกไม้ผลก็ปลูกไปดูแลไป จริงสิ แบ่งมะม่วงเอาไปกินไหมพ่อหนุ่ม ปีนี้เขียวเสวยติดเยอะทีเดียว” คะน้ายิ้มขอบคุณแล้วส่ายหน้า คุณป้าคนนั้นยิ้มให้แล้วผ่อนลมหายใจ “ป้าอยู่คนเดียว ทานยังไงก็ไม่หมดหรอก ทิ้งไปก็เสียดาย”

คะน้าขอบคุณเสียยกใหญ่แล้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย “คุณป้าพักที่นี่มานานแล้วหรือครับ”

“ก็ประมาณสองปีได้แล้วล่ะ ปรับปรุงจากเจ้าของเดิมนิดหน่อย ลูกป้าเขาจะเอาที่นี่ให้ได้ บอกให้เก็บอะไรๆ ให้ไว้ให้มากที่สุด เขาชอบที่นี่มาก”

“ลูกอย่างนั้นหรือครับ” คะน้าเอ่ยคล้ายกับจะตั้งคำถามกับตัวเองด้วยในที นอกจากระยะเวลาแล้วยังมีเรื่องบางเรื่องกำลังสั่นอยู่ในระบบความคิดจนเกิดความรู้สึกคลางแคลง

“เดิมทีเดียวเขาอยู่คอนโดน่ะ แต่คนแก่กับคอนโดสูงๆ มันก็ไม่สะดวกล่ะนะ เขาก็เลยซื้อที่นี่ มีสวนเล็กๆ ให้คนแก่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ที่ตัวเองชอบนั่นล่ะ”

“ลูกของคุณป้า... เป็นผู้หญิงหรือครับ”

หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าพร้อมกับระบายรอยยิ้มภูมิใจ “เปล่าเลย เป็นผู้ชายตัวโตๆ เลยล่ะ ห่างกันไปนาน เพิ่งจะได้กลับมาเจออีกครั้งเมื่อวานนี้เอง มีธุระอะไรต้องจัดการมากมาย เลยไม่อยู่ติดบ้านเท่าไหร่ อีกเดี๋ยวก็คงจะกลับมาล่ะจ๊ะ”

คะน้าข่มความสงสัยต่างๆ เหล่านั้นไว้ในใจ พยายามหาเรื่องอื่นดึงความสนใจของตัวเองไปเรื่อย เขากวาดสายตามองในบ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนกับถูกจัดวางไว้ที่เดิมราวกับภาพถ่ายในความทรงจำ ประตูและขอบหน้าต่างถูกทาสีใหม่โดยจงใจให้คงเอกลักษณ์ของเดิมเอาไว้ โซฟาหนังสีเข้มถูกขัดจนขึ้นเงา แม้แต่ผ้าม่านสีอ่อนที่กรุขอบด้วยลูกไม้ หรือโคมไฟเก่าๆ ที่เขาเคยใช้นั่งเขียนบันทึกประจำวัน ก็ยังถูกเปลี่ยนใหม่ให้คงลักษณะรูปแบบคล้ายกับเดิม ราวกับทุกอย่างในบ้านแห่งนี้ถูกย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อนที่เขาเคยอยู่ ครัวที่มีกลิ่นอาหารติด มีโมบายที่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งทักทายสายลมอยู่ริมหน้าต่าง

ที่นี่เป็นบ้าน ...บ้านที่ทำให้เขานอนฝันดีทุกคืน

คะน้านั่งชวนคุยกับคุณป้าคนนั้นไปเรื่อยๆ จนแม้แต่ตัวเองก็นึกแปลกใจที่สามารถพูดจากับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ามาก่อนได้เป็นเรื่องเป็นราวมากมายได้ขนาดนี้ ผ่านไปหลายนาทีจนแสงอาทิตย์สีส้มที่ระบายขอบฟ้าเริ่มถูกเกลี่ยด้วยสีม่วง กระทั่งมีเสียงรถยนต์จอดที่หน้าประตูรั้ว หญิงวัยกลางคนชะเง้อหน้าไปทางหน้าต่างแล้วยิ้มกว้าง

“ตาทิมเหมือนจะกลับมาแล้วล่ะ”

ประโยคสั้นๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนถูกฟาดด้วยอาวุธหนัก คะน้าไม่เคยเชื่อในเรื่องบังเอิญ เขาเชื่อในโชคชะตา แต่ถ้าหากจะกล่าวเช่นนั้น เขาคงได้แต่เยาะตัวเองที่โดนโชคชะตาล้อเล่นจนต้องตื่นตูมทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนั้น แค่เพียงได้ยินชื่อนี้ หัวใจเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

แผ่นดินรอบๆ ตัวกำลังสั่นสะเทือน และคะน้าก็รู้ดีว่าอีกสักครู่มันก็ผ่านไป แต่ความหวังในใจนั้นช่างร้ายกาจ สุดท้ายเขาก็ฝืนใจตัวเองไม่ไหว คะน้าค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ แม้อาทิตย์จะพลบและมีเพียงแสงไฟช่วยให้แสงสว่างลอดกิ่งไม้ที่ระริมรั้วนั่น แต่คะน้าจดจำร่างสูงนั้นได้ดี เขาได้แต่นั่งค้าง รู้สึกว่าน้ำตาของตัวเองเริ่มรื้นออกมา

“ลูกชายน่ะจ๊ะ ดูทะโมนไปหน่อยแต่ก็พอจะพึ่งพาได้”

หัวใจของคะน้าเหมือนจะระเบิดทันทีที่เห็นทิมยืนอยู่ที่นั่น ผู้หญิงร่างท้วมที่ท่าทางใจดี หญิงสาวที่มีผมสีดอกเลาและให้ความรู้สึกคล้ายกับคุณแม่ของเขา ...คนๆ นี้เป็นคุณแม่ของทิม คะน้าขยับเขยื้อนไม่ได้ พูดไม่ออก ได้แต่จ้องมองใบหน้าและดวงตาคู่นั้นของผู้ที่เพิ่งมาถึง ในใจของเขากำลังนึกไปถึงความฝันที่พร่ำเพ้อเกือบทุกคืนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ในจินตนาการเขาได้พบกับทิม ได้กอด เอามือลูบไปบนริมฝีปากที่ยิ้มกวนๆ นั่น คะน้าในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเดี๋ยวเขาก็คงจะตื่นขึ้น แล้วทุกอย่างที่เกิดตรงหน้าในตอนนี้ก็จะกลายเป็นเพียงแค่อาการเพ้อเจ้อฝันเฟื่อง และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ...คราวนี้ เขาได้ตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“พอดีแม่ออกไปข้างนอกแล้วเจ็บขาน่ะลูก ก็ได้พ่อหนุ่มคนนี้แหละที่ช่วยพากลับบ้านเรา เอ๊ะ... ว่าแต่พ่อหนุ่มชื่ออะไรนะ ป้าก็คุยเพลินจนลืมถามไปเลย”

ทิมกำลังมองมาที่เขา ร่างสูงนั้นนิ่งงันราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง และในวินาทีต่อมา ใบหน้าที่คมคายนั้นก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออก รอยยิ้มนั้นกำลังส่งมาที่เขา

“ถ้าเป็นคนนี้ ...ผมรู้จักดีเลยล่ะครับคุณแม่”

ดูเหมือนว่าทิมจะอ่านความรู้สึกของเขาในตอนนี้ออก ร่างสูงนั้นจึงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์นั้นราวกับบอกว่านี่เป็นของจริง ทิมกำลังเดินเข้ามาหาคะน้า และนั่นทำให้เขาหายใจไม่ออก ฝ่ามือที่คุ้นเคยนั้นจับมือของเขาไว้แล้วรีบดึงให้วิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนท่ามกลางความมึนงงของผู้เป็นแม่

“แม่ครับ ผมขอเวลาสักหน่อย แล้วผมจะเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง”

ทิมหันไปส่งยิ้มให้กับหญิงวัยกลางคนที่หน้าตาใจดีผู้นั้น แววแห่งความไม่เข้าใจจึงค่อยๆ คลายออกจากใบหน้าที่เปล่งปลั่งด้วยความงามแห่งวัย คุณป้าคนนั้นยิ้มออกมา แทบไม่น่าเชื่อว่าดวงตาที่อบอุ่นคู่นั้นจะสามารถอ่อนโยนกว่าที่ผ่านมาได้อย่างมากมายมหาศาล

“พ่อหนุ่มคนนี้ใช่ไหมลูก”

ทิมยักคิ้วแล้วพยักหน้า จากนั้นยกมือขึ้นเกาหัวเหมือนคนปั้นหน้าไม่ถูก สักพักก็ปรับหน้าเข้ม หากแต่สีหน้าที่แข็งกระด้างนั้นกลับระเรื่อไปทั้งบริเวณ ใครๆ ก็ดูออกว่านั่นคืออาการของคนเขินจัดที่พยายามฝืนไม่รับความจริง

“แล้วลงมาทานข้าวกันกับแม่นะ”

เสียงที่อ่อนโยนนั้นเปลี่ยนเป้าหมายมาที่คะน้าจนเขาปรับตัวไม่ทัน ดวงตาที่อบอุ่นคู่นั้นทอดมองมาที่เขา หากแต่ถ้อยคำนั้น... ควรจะส่งถึงทิม...ไม่ใช่หรือ?

“แม่ดีใจจริงๆ ในที่สุดก็ได้รู้จักกันเสียที”

ความสงสัยของคะน้าเป็นอันได้รับคำอธิบายที่ชัดเจน เขาทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรกับการต้อนรับเขาราวกับคนในครอบครัวแบบนี้ หันรีหันขวางไปมาคะน้าก็รั้งมือที่ถูกทิมดึงไว้ขึ้นมาแล้วประนมที่หน้าอก

“ส..สวัสดีครับ”

คะน้าไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงของเขาถึงสั่นแบบนั้น ต่อหน้าผู้หญิงที่แสนจะใจดีนี้ เขากำลังประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก อันที่จริงเขาเพิ่งสวัสดีไปเมื่อสองหรือสามชั่วโมงที่แล้ว แต่ในเวลานั้นเขากลับจนใจจะสรรหาคำพูดอื่นเพื่อตอบรับในความเมตตาของหญิงสาวด้านล่าง คุณแม่ของทิมไหวมือขึ้นแล้วยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของคนที่มองเห็นโลกมานาน

“แม่เข้าใจแล้วว่าทำไมตาทิมถึงเรียกเราว่า รอยยิ้มที่เดินได้ ลูกเป็นเหมือนรอยยิ้มของทิมจริงๆ”

คะน้าเหรอหรา ไม่เคยได้ยินถ้อยคำที่แปลกประหลาดแบบนั้นมาก่อน ความพะว้าพะวงของคะน้าทำให้ทิมวาดแขนขึ้นมาล็อคคอของเขา ออกแรงดึงขึ้นชั้นบนอย่างเร่งรีบจนคะน้าสะดุ้งร้องโอดโอย โทษทัณฑ์ที่ได้รับของผู้ลงมือคือสายตาที่คาดโทษของผู้เป็นแม่ ทิมทำหน้าไม่รู้ไม่เห็นแล้วดื้อดันทุรังดึงร่างคะน้าขึ้นมาต่อ เมื่อพ้นบันไดจนขึ้นสู่ชั้นบน คะน้าก็เหมือนถูกดึงเข้าสู่บรรยากาศที่คุ้นเคย ไม่เพียงแต่ชั้นล่าง ทุกอย่างที่บนบ้านนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน มีเพียงบางอย่างที่ถูกปรับที่ทางให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้นและซ่อมบำรุงจนดูเหมือนใหม่ เพราะเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้ทิมบอกให้เขาทิ้งข้าวของไว้มากมายในตอนที่ขนย้าย

น่าจะเป็นอย่างนั้น ทิมยังเป็นคนเจ้าเล่ห์และวางแผนการไว้ล่วงหน้าเสมอ เจ้าของบ้านใหม่ดึงดันคะน้าให้เข้าไปในห้องนอนที่เคยเป็นของตัวเอง ทิมยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นตระกองใบหน้าของคะน้า ก่อนจะโน้มตัวลงมา

...จูบแรกนั้นช่างแสนวิเศษ คล้ายกับเป็นจุดปะทะกันระหว่างความร้อนรนและความอ่อนหวาน ความรู้สึกคุ้นเคยที่ขาดหายไปนานกำลังถูกเติมเต็ม ฤดูแล้งกำลังจะเปลี่ยนเป็นฤดูฝนที่เย็นฉ่ำ ความเจ็บปวดจากการรอคอยมาเนิ่นนานนั้นจบสิ้นลงด้วยสัมผัสที่อบอุ่น ทิมยกศีรษะของตัวเองขึ้นและกดดวงตาคู่นั้นลงมา แววตาที่โหยหากำลังจ้องมาที่ใบหน้าของคะน้าจนเขาไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกายของตัวเองได้

“...ขอโทษนะครับ”

“ไอ้บ้าเอ้ย!”

โกรธเหรอ? ...เขาลืมความรู้สึกพวกนั้นไปหมดแล้ว คะน้ากอดทิมแน่น เขาจะไม่ปล่อยมือทั้งสองข้างของตัวเองให้คนๆ นี้หายไปอีก คะน้าออกแรงรัดแต่กลับช้ากว่า กลายเป็นทิมที่รัดร่างกายของเขาจนแทบจะฝังร่างทั้งร่างให้จมหายไปในแผ่นอกที่ขยับตัวแรงนั้น ฝ่ามือทั้งสองข้างของคะน้าสัมผัสบนกล้ามเนื้อของแผ่นหลังอย่างแนบแน่น

รู้สึกถึงลมหายใจผ่าวร้อนของทิมที่พรมรดแก้ม ...และได้ยินเสียงจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นแรงกว่าของตัวเองในตอนนี้ มีคำถามมากมาย ทั้งถ้อยคำต่อว่า และคำพร่ำจำนรรจาที่เต็มไปด้วยความคิดถึง แต่เขาในตอนนี้กลับไม่รู้จะเริ่มจากอะไร ความรู้สึกปิติยินดีมันเบ่งบานจนทำให้คะน้าแทบเป็นใบ้

“อย่าหนีไปอีก อย่าหายไปแบบนี้” คะน้าออกแรงกดเพิ่มขึ้นอีกนิด ใบหน้าฝังลงบนซอกคอของคนที่ตัวสูงกว่า เขาคลอเคลียอยู่อย่างนั้นราวกลับกลัวความอบอุ่นนั้นจะจางหาย

“ไม่มีวัน”

ทิมคำรามเสียงดังแล้วจูบลงบนริมฝีปากเขานับครั้งไม่ถ้วน ครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนกับคนจมน้ำที่ตะเกียกตะกายสุดความสามารถเพื่อตักตวงอากาศหายใจ จูบนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายและเต็มเปี่ยมไปด้วยรสชาติหวานหอม การรอคอยที่เนิ่นนานเหมือนบ่มความรู้สึกของเขาให้สุกงอม รสจูบนั้นจึงหวานจนเขาไม่อยากอิ่ม เป็นเวลาหลายนาทีกว่าที่คะน้าจะสามารถผละห่างพร้อมกับความรู้สึกหอบและอาการร้อนบนริมฝีปาก เขายังคงส่งเสียงงึมงำเหมือนกับไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นตรงหน้า


“บ้าชะมัด ...นี่เป็นฝันแน่ๆ”



(ต่ออีกอันครับ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนจบ - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-03-2013 00:38:25
(สุดท้ายแล้ว)



ทิมกอดคะน้าแน่นแล้วดันร่างของเขาลงบนเตียง ก่อนจะกดริมฝีปากที่เปียกชื้นนั้นลงบนคอของคะน้า คนตัวสูงกว่ายังคงโหยหากับรสสัมผัสที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับคนไม่รู้จักอิ่ม

“คิดถึงจะตายอยู่แล้ว”

ทิมปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกแล้วโยนไปเหมือนกับของที่เกะกะ ร่างกายในตอนนี้ของทิมเหมือนกับชายหนุ่มที่เติบโตเต็มไว สองปีที่จากกันเปลี่ยนแปลงอะไรไปมากมาย ใบหน้านั้นคมคายด้วยแนวกระดูกที่เป็นโครงชัด มีไรหนวดสากๆ ขึ้นเหนือริมฝีปากและใต้คางเหมือนลูกผู้ชายที่ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ แผ่นอกของทิมนั้นกว้างและผายออกจนดูสง่ากว่าที่เขาเคยเห็น เรือนร่างแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อที่ชัดเจนจนดูเหมือนปฏิมากรรมที่ไร้ซึ่งที่ติ ทิมในตอนนี้ต่างกับในวันวาน เป็นเหมือนกับไวน์ที่บ่มหมักจนหอมได้ที่ ให้ทั้งกลิ่นและรสชาติที่ชวนหลงใหล

หากแต่แผลเป็นนั่นเป็นดั่งตำหนิแห่งความปวดร้าว บาดแผลที่เยื้องไปที่หัวไหล่ด้านซ้ายและที่อยู่ข้างช่องท้องนั่นทำให้คะน้ารู้สึกไม่ดี เพราะความวุ่นวายของเขา ร่างกายนี้จึงมีรอยแผลที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดนี้ ทิมทอดสายตามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน ฝ่ามืออุ่นๆ นั้นกวาดมือของเขาขึ้นมาลูบไปบนร่องรอยบาดแผลของตนเอง ทิมส่งยิ้ม... ไม่ใช่ยิ้มยียวน แต่เป็นรอยยิ้มที่หวานกว่ารอยยิ้มไหนๆ

“ผมว่ามันโรแมนติกนะ”

คะน้าเบี่ยงสายตาจากคนที่คร่อมอยู่ด้านบน เขาไม่อาจทานทนกับความรู้สึกที่ล้นเอ่อขึ้นมาจากกลางอกของตัวเองในตอนนี้ได้ คนที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้กำลังทำให้เขาลืมวิธีหายใจ คะน้ารู้สึกทรมาน แต่เป็นการทรมานด้วยความสุข และเขาก็รู้สึกยินดีเหลือเกิน

“แต่มันเป็นแผลเป็น มันเป็นตำหนิ”

“ไม่เลย สองปีที่ผ่านมา มันเป็นสิ่งที่เตือนใจผมว่า...พี่รักผมมากแค่ไหน

ทิมกดร่างของตัวเองแนบลงบนตัวเขา ฝ่ามือของคะน้ายังเกาะกุมอยู่ที่แผลเหนือแผ่นอกด้านซ้าย ในความอึดอัดของการกดทับ ทิมค่อยๆ เลื่อนมือของคะน้าลงจนอยู่เหนือตำแหน่งของหัวใจ คะน้าสัมผัสได้ถึงการปะทะด้วยจังหวะที่รุนแรงของสิ่งที่เต้นอยู่ภายใน เจ้าของหัวใจดวงนั้นกดหน้าลงแล้วกระซิบคำแผ่วที่ข้างๆ หู

“ขอบคุณนะ”

คะน้าเบือนหน้าไปอีกทาง ดูเหมือนหัวใจของเขากำลังทำงานหนักเกินไป และมันก็ทำให้สติรับรู้ผิดชอบชั่วดีลางเลือนลงทุกที เขาไม่รู้เหตุผลของการหายตัวไปด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนใจมันจะเตลิดจนลืมสองปีแห่งความปวดร้าวไปเสียหมดแล้ว

“...นายหายไป”

เสียงครางเบาๆ ในลำคอของทิมขึ้นมาทันที ทิมฝังปลายจมูกลงบนแก้มของเขาแล้วเผาให้ร้อนวาบไปถึงหัวใจด้วยไออุ่นของลมหายใจ เสียงทุ้มที่น่ารำคาญยังคงตามมาคลอเคลียอยู่ที่ข้างใบหู ราวกับจะไม่ยอมปล่อยให้คะน้าเป็นอิสระ

“ผมพร้อมจะบอกพี่ในทุกๆ เรื่อง แต่ต้องตอบมาก่อน ...คิดถึงกันบ้างไหม?

“ไอ้...” คะน้าตวาด ผิดกับทิมที่คำรามเบาๆ ในลำคอเหมือนได้ยินคำตอบที่พึงพอใจ รอยยิ้มและดวงตาคู่นั้นทำให้ทิมดูเจ้าชู้จนน่ากลัว

“แล้วยังรักกันหรือเปล่า” แม้อยากจะพลิกตัวหลบแค่ไหน แต่น้ำหนักทั้งตัวของคนที่นอนทับอยู่ทำให้คะน้าได้แต่เบี่ยงหน้าและหลบสายตาไปอีกทาง

“ว่าไง ...หึ้มมมม?”

จากฝ่ายที่ควรจะเป็นผู้ไล่ล่ากลับกลายเป็นถูกต้อนเสียจนมุม คะน้าไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงแพ้พ่ายเอากับคนๆ นี้อยู่เรื่อย ไม่ว่าจะมาแนวไหน ไม่มีสักครั้งที่เขาจะรับมือได้ด้วยหัวใจที่เต้นด้วยจังหวะปกติได้เลย

“อนุญาตให้ใช้จูบแทนคำตอบ”

คะน้ายังคงแชเชือน ไม่ใช่ว่าตัวเองไม่อยากรู้ถึงเหตุผลต่างๆ นานา แต่เงื่อนไขของการรับฟังนั้นช่างไร้สาระ สุดท้ายเขาก็เป็นฝ่ายถูกเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ตลอดเวลา ท่าทางของคะน้านั้นเรียกรอยยิ้มของทิมขึ้นมาอีกครั้ง ทิมจ้องมองเขาสักพัก ในที่สุดคนที่นอนทับอยู่ก็เป็นฝ่ายปราชัยในคำพูดที่ตัวเองลั่นไว้ ทิมโน้มใบหน้าตัวเองเข้ามาจูบคะน้า

“กติกาเดียวกัน อยากพูดเองก็ต้องเป็นฝ่ายจูบเอง”

คะน้าส่ายหน้าแล้วถอนหายใจให้กับกติกาที่แปลกประหลาดนั้นจนคนที่อยู่ตรงหน้าส่งเสียงหัวเราะ ทิมกอดเขาแน่นแล้วจับพลิกตัวของคะน้าขึ้นมานอนอยู่บนตัวเอง มืออุ่นๆ เอื้อมขึ้นลูบใบหน้าของคะน้าแล้วยกคิ้วสูง

“ให้ตายเถอะ อะไรทำให้พี่ขายที่ดินให้ธาดาพิพัฒน์”

คะน้าสบตาคู่นั้นแล้วตอบตามความจริง “เพราะโอกาสในการให้อาชีพแก่คนที่ค้าขายอยู่เดิมในตลาด คงไม่มีนายทุนคนไหนที่จะผูกมัดตัวเองด้วยสัญญาแบบอีกแล้ว คนที่เป็นคนร่างสัญญามันคงเป็นคนที่บ้าเอามาก” สิ้นเสียง ทิมก็หัวเราะขึ้นทันที

“ไม่รู้เหรอว่าไอ้หมอนั่นน่ะ มันพร้อมจะบ้าเสมอเพื่อพี่” คราวนี้เป็นคะน้าที่ยิ้มขำ ทิมกดใบหน้าของเขาแนบลงบนแผ่นอก นิ้วที่แข็งแกร่งนั้นลูบไล้ไปบนผมของเขาอย่างแผ่วเบา “เดิมทีเดียว ตั้งใจให้ธาดาพิพัฒน์ดิ้นไม่หลุดแท้ๆ ใครจะคิดว่าพี่จะทำแบบนั้น”

“ทั้งๆ ที่นั่นเป็นบริษัทของคนที่เป็นพ่อนายน่ะเหรอ”

“พูดตรงๆ คนแบบผมมันลูกบ้าเยอะว่ะ แล้วก็บ้าพอจะทำตามที่ตัวเองคิดว่ามันถูกต้อง ผมกลัวว่าจะทำให้แม่เสียใจนะ แต่มันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ อย่างที่เคยบอกไปน่ะ ...ผมให้พี่ได้ทุกอย่าง

คำพูดของทิมทำเอาคะน้ารู้สึกรื้นขึ้นมาในดวงตาทันที เขาจำคำนั้นได้ คำสัญญาที่ทิมเคยพูดเอาไว้กับเขาต่อหน้าป๊ากับแม่ ความรู้สึกในวันนั้นยังคงอยู่ วันที่เขาตัดสินใจที่จะเข้มแข็งเสียที คะน้ายิ้มให้กับคนที่เขาเชื่อใจมาโดยตลอด ทิมเป็นคนแบบนั้นจริงๆ

“ถ้าวันหนึ่งพี่กลายเป็นคนเลวล่ะ”

“ผมก็จะเลวเพื่อพี่”

ทิมตอบได้อย่างไม่ลังเล เสียงนั้นเต็มไปด้วยน้ำหนักที่มหาศาล คะน้ารู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังกลายสภาพเป็นขนนกที่ปลิวอยู่บนท้องฟ้า ล่องลอยไปกับสายสมที่พัดพริ้วจนใจแช่มชื่น ที่ผ่านมาถึงแม้จะตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงใช้ชีวิตอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ แบบนั้น แต่ความรู้สึกบางอย่างบอกเขา มันคงเป็นลางสังหรณ์สักอย่างหรืออาจจะเป็นสัญชาตญาณ มันกระซิบบอกเขาว่าทิมจะกลับมา

“ผมถูกย้ายออกจากโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ยังไม่ค่อยได้สติ คนๆ นั้นส่งผมไปที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีห้องหับกว้างกว่า สะดวกสบายกว่า พวกเขาดำเนินการทุกอย่างโดยที่ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมลาออกจากบริษัท ทิ้งจากทุกอย่างที่เป็นของเขา ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีซื้อบ้านหลังนี้ของพี่”

“พี่ครับ... ตอนนี้ผมเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวย ขับรถแพงๆ ผมไม่ได้มีหน้ามีตาในสังคมอีกต่อไปแล้ว เป็นคนตกงานเดินเตะฝุ่น ผมในตอนนี้เป็นได้แค่นี้ ...ระหว่างเรามันจะยังเหมือนเดิมได้ไหม

“คิดอะไรโง่ๆ”

ทิมสะแหยะรอยยิ้มให้กับตัวเอง ความรู้สึกมั่นใจถดถอยในน้ำเสียงที่แผ่วลงนั้น “ผมไม่รู้ว่าความเสี่ยงที่ผมแบกรับมันจะคุ้มไหม อะไรมันไม่ได้ง่ายดายไปทุกเรื่องหรอก แต่ผมต้องทำตามข้อแลกเปลี่ยนกับเขาคนนั้น ผมต้องสงบปากสงบคำของตัวเอง จะว่าไปก็ตลกดี ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าตัวเองให้การไปสองครั้ง”

“เงินทำได้ทุกอย่างแหละ” เขาวางฝ่ามือตัวเองบนแผ่นอกที่ต่างหมอนหนุน ใช่ว่าคะน้าจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น หน้าอกของทิมพองขึ้น คะน้าได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของคนที่อยู่ด้านล่าง

“สิ่งแลกเปลี่ยนอีกข้อเพื่อไม่ให้พวกเขามาข้องเกี่ยวกับพี่อีก ก็คือผมไปต้องเรียนต่อโปรแกรมบริหารต่อยอดจากเดิมที่ต่างประเทศ และต้องออกเดินทางทันทีที่รักษาตัวหาย มันยากสำหรับผมมาก ...พี่น่าจะรู้ว่านับจากเหตุการณ์นั้น ไม่มีทางผมจะยอมห่างพี่ได้อีกแล้ว มันทรมานชะมัด” ทิมยังระบายลมหายใจหนักขึ้น มือที่อบอุ่นนั้นยกกลับมาคลอเคลียอยู่บนศีรษะเขาไม่ห่าง

“เรื่องที่ทุเรศที่สุดที่คนๆ นั้นทำก็คือการไม่ยอมรับว่าความรักแบบนี้ เขาคนนั้นบอกว่ามันแปลกปลอม ผิดเพี้ยน และฉาบฉวย เป็นความรักที่ขาดความมั่นคง และปราศจากสติรับรู้ชั่วดี เขาไม่ยอมรับ จะขัดขวางทุกอย่างและจะทำทุกทางเพื่อให้เลิกกัน เว้นแต่ว่าจะสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นได้ว่าความรู้สึกของเรา ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง”

“โดยการพิสูจน์ความไว้เนื้อเชื่อใจกันตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา” คะน้าสรุปขึ้นตามความคิดของตัวเอง ทิมพยักหน้าแล้วเริ่มพูดต่ออีกครั้ง

“ห้ามผมติดต่อกับพี่ไม่ว่าทางไหน อันที่จริงห้ามติดต่อพูดคุยกับใครๆ ที่เมืองไทยเลยล่ะ ผมต้องอยู่คนเดียว และอยู่ให้ได้โดยไม่มีใครจนกว่าผมจะจบโปรแกรมแล้วกลับมา ถ้าผมพิสูจน์ได้ เขาจะยอมรับและสัญญาว่าจะเลิกข้องเกี่ยว”

“สองปีที่ผ่านมา... ผมอยู่กับความหวาดหวั่น ผมไม่รู้พี่จะคิดกับผมยังไง จะโกรธ จะเกลียดผมหรือเปล่า วันนี้เราจะยังเหมือนเดิมไหม ผมถามตัวเองแบบนี้ทุกๆ วัน นับวันตั้งตารอคอยวันที่จะได้กลับมา ผมในตอนนั้นเป็นเหมือนคนบ้า ยิ่งตั้งใจอยากเรียนให้จบก็ยิ่งไม่มีสมาธิ ผมแทบทิ้งข้อแลกเปลี่ยนบ้าๆ แล้วกลับมา จะเกิดอะไรก็เกิด จะสู้กับมันให้เห็นดีกันไปข้าง”

ทิมทอดสายตามองมาที่คะน้าด้วยแววตาที่อ่อนโยน เทียบกันแล้วกับสิ่งที่คะน้าเจอะเจอยังนับว่าน้อยมาก เมื่อเขายังใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ยังมีผักกาด มีเพื่อนฝูงคนอื่นๆ มากมายเป็นกำลังใจให้เสมอ แต่ทิมนั้นถึงแม้จะรู้สาเหตุการลาจากทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีใครเลย

“นายอยู่ได้ยังไง”

ทิมยิ้มแล้วลากมือของคะน้าไปแตะบนแผลเป็นที่ฝากไว้จากเหตุการณ์คราวนั้น ทุกสัมผัสที่ถ่ายเทมาที่เขาดูเหมือนจะทดแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี

“ไม่โกรธใช่ไหมถ้าผมจะเก็บมันเอาไว้”

คะน้าส่ายหน้าพร้อมความรู้สึกร้อนวาบ ทิมรั้งร่างเขาเข้ากอดอย่าแนบแน่นขึ้นอีก แม้ปมความสงสัยในใจเรื่องต่างๆ นั้นจะคลี่คลายออกมาจนกลายเป็นเส้นไหมที่ดูสวยงาม หากแต่ความกังวลใจลำดับต่อมาของคะน้าก็คือสิ่งที่รออยู่นับจากนี้ เขาไม่รู้ว่าจะเข้าหน้ากับคุณแม่ของทิมอย่างไร ไม่รู้ว่าจะวางตัวแบบไหน เขาร้างรากับวิถีชีวิตแบบครอบครัวจริงๆ มาหลายปี คะน้าไม่สันทัดกับเรื่องพวกนี้เอาเสียเลย

“แล้ว...คุณแม่”

ทิมยิ้มแล้วยกมือขยี้หัวของคะน้าจนยุ่ง “ก็เล่าให้ฟังตรงๆ นะ บอกตรงๆ ว่ามันรู้สึกกับพี่แบบนี้ไปแล้ว แล้วก็รู้สึกมากด้วย จะให้เปลี่ยนใจคงไม่ไหว แม่รู้ทุกเรื่องนั่นล่ะ รู้มานานแล้วด้วย แม่อยากเจอพี่จะตาย”

คะน้าถึงกับเหวอ กระนั้นก็รู้สึกเบาใจไปมาก แต่คะน้าในตอนนี้กลับหวนคิดไปอีกด้าน การที่ทิมพาคุณแม่ออกมาอยู่ด้วยแบบนี้นั้นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดกับครอบครัวหรือเปล่า แม้ว่าดูเหมือนจะเป็นข้อตกลงที่จากกันด้วยดีก็ตาม สิ่งนั้นเป็นเรื่องที่คะน้ายังจนปัญญาจะคาดคิดได้ออก

“แล้วคุณธาดา...”

ทิมยิ้มเศร้า แต่กระนั้นก็เป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง “แม่บอกว่านั่นเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงออกว่าผมอยู่ในฐานะของลูก เขาห่วง กังวล อยากดูแล และทำหน้าที่ที่เขาควรทำ แต่ในใจก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันแย่แค่ไหน เขาคนนั้นบังคับให้ผมไปเรียนต่อโปรแกรมที่ดีที่สุด ให้ตักตวงทรัพย์สินในรูปแบบความรู้ที่ไม่มีขีดจำกัด แม่บอกว่าเขาเรียนจบที่นั่น และสิ่งที่เขาทำลงไปก็เพราะต้องการให้มีหลักประกันว่าผมจะดูแลแม่และตัวเองได้...ในวันที่ไม่มีเงินของเขา” ทิมหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่บอกไม่ถูกว่ามีความสุขหรือเย้ยหยันกับโชคชะตาที่เผชิญอยู่

“เขาบังคับไม่ให้ติดต่อกับพี่ เพราะอยากจะให้แน่ใจว่าคนที่ผมเลือกเป็นคนดีและมั่นคงมากพอจะไม่หวั่นไหว ความรักแบบนี้มันไม่มีอะไรยึดเหนี่ยวได้เลย ไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่มีประเพณีใดๆ ไม่มีแม้แต่พยานรักที่จะยื้อกันให้อยู่ด้วยความเกรงใจ เขาเติบโตขึ้นจากเป็นวิศวกรระดับสามัญที่สุด คนๆ นั้นจึงรู้ดีว่างานวิศวะโยธามันไม่ใช่งานที่อยู่กับที่ บางครั้งต้องไปต่างจังหวัดนานเป็นเดือน หลายๆ เดือนก็มี แม่บอกว่าเขาคนนั้นเพียงแต่อยากให้แน่ใจว่าคนที่ผมรักเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งและเหมาะสมกับผมจริงๆ”

“เขาเพียงแค่ทำหน้าที่ของคนพ่อเป็นครั้งสุดท้าย...ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง”

คะน้านึกถึงภาพตอนที่เขาพบกับคุณธาดาโดยบังเอิญในวันก่อน และเมื่อเทียบกับเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ยินจากปากของทิม คะน้าคิดว่าตัวเองเข้าใจตัวของผู้ชายคนนั้นมากขึ้น เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน ในบางแง่มุมของคุณธาดาก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคนที่เลวร้ายอะรไปเสียหมดอย่างที่เขาเคยคิดไว้แต่ก่อน

“ถึงวันนี้ ผมก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าความรู้สึกระหว่างเราไม่ใช่สิ่งที่ฉาบฉวย” ทิมส่งรอยยิ้มให้กับเขา

นี่คือตอนจบของเรื่องราวทั้งหมด นับตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จัก ก้าวแรกที่ได้เรียนรู้เข้าใจกันกัน จนรวมไปถึงการเดินทางของการรอคอยตลอดระยะเวลาสองปีนั้น สิ้นสุดลงด้วยความเข้าใจและการยอมรับ ไม่ใช่เพียงแต่คนที่ชิดใกล้อย่างผักกาด หรือครอบครัวของทิม ตุล แนน เจ และคนอื่นๆ แต่มันรวมไปถึงตัวของเขาหรือแม้แต่ตัวของทิมด้วย กาลเวลาที่ผันผ่านนั้นแม้สร้างความเหงาที่แสนเจ็บปวด ในความเงื่อนไขต่างๆ ที่ทั้งเขาและทิมต้องแบกรับเอาไว้นั้นทำให้ได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ความห่างไกล ความไม่เข้าใจ และอุปสรรคต่างๆ เป็นเพียงบททดสอบความรู้สึกของเขา...ที่คงจะมีให้ได้เพียงแค่คนๆ เดียว

“พี่ครับ... ผมไม่เคยแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงรักพี่ได้มากมายขนาดนี้” วงแขนของทิมกอดร่างเขาไว้แนบแน่น

ชีวิตของคะน้าเริ่มต้นจากคืนที่แสนเบื่อหน่ายในห้องนอนเล็กๆ แห่งนี้ เขาในตอนนั้นไม่ต่างอะไรกับกระต่ายที่มีแค่พระจันทร์ดวงกลมๆ เป็นเพื่อนแก้เหงา ผ่านไปเนิ่นนานกระทั่งการเดินทางที่แสนยาวไกลนั้นได้สิ้นสุดลง คะน้ากลับมาสู่จุดเดิมอีกครั้ง ห้องเล็กๆ เตียงนุ่มๆ กับใครบางคนที่มีความหมายต่อหัวใจ

ทิมจ้องมองที่ดวงตาของเขาด้วยแววตาที่เหมือนอัดแน่นไปด้วยประกายของดาวทั้งฟ้า คะน้าสบตาคู่นั้นกลับ เขายิ้มแล้วค่อยๆ กดใบหน้าลงบนแผลที่เหนือหน้าอกด้านซ้าย จูบลงเบาๆ แล้วเลื่อนลงสู่ตำแหน่งของหัวใจ

โลกใบนี้ของผม เมื่อก่อนมันเป็นไปด้วยสีเทาแห่งความเหงา ผมไม่รู้จักความสุข ไม่รู้จักความเศร้า ผมแค่เดินไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่าไปไหน ใช้ชีวิตให้ผ่านไปแต่ละนาทีอย่างไร้เป้าหมาย แต่โลกใบนี้มันค่อยๆ เปลี่ยนไป คนๆ นี้ทำให้ผมได้เรียนรู้โลกในมุมใหม่ ได้รู้จักความรู้สึกทั้งทุกข์และสุข ไม่ใช่แค่เพียงด้านที่อ่อนหวาน เขาบ้าบิ่นและกล้าพอที่จะทำให้ผมได้เห็นโลกที่เต็มไปด้วยสีสันที่สั่นสะเทือน

“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไร”

คะน้าเงยหน้าขึ้นมาตั้งคำถามกับทิมเมื่อฝ่ามืออุ่นๆ นั้นวางทาบลงบนเป้ากางเกงของเขา เจ้าของมือที่ซุกซนดูจะไม่ใส่ใจกับคำถามนั้นเท่าไรซ้ำยังลอยหน้าลอยตายิ้มอย่างมีความสุข

“ก็แค่คำพูด ...มันไม่พอกับความรู้สึกที่อยากบอกแล้วนี่นา”

นี่แหละเขา... คนที่เป็นได้ทั้งหมาป่าเจ้าเล่ห์และสุนัขเฝ้าบ้านที่ซื่อสัตย์ เป็นเหมือนพ่อมดที่ร่ายมนต์ผสมทุกๆ อย่าง เป็นเชฟที่ปรุงแต่งรสชาติของชีวิตผมให้มีทั้งหวานและเปรี้ยวจนกลายเป็นรสที่จัดจ้าน ทุกนาทีที่ผ่านไปเหมือนการผจญภัยบนรถไฟเหาะตีลังกา เขาไม่ใช่คนรักแบบอุดมคติที่มีแต่แสงสีขาวเจิดจ้า คนๆ นี้ให้ได้ครบทุกสีสันที่สายตามนุษย์จะจำแนกได้

“ใส่เสื้อแล้วลงไปกินข้าวได้แล้ว ไม่หิวหรือไงกัน”

คะน้าปรามอีกครั้งกับคนที่เผลอเป็นไม่ได้ แต่คำอุทธรณ์ของกระต่ายนั้นไม่เคยมีผลกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แม้แต่สุนัขเฝ้าบ้านผู้ซื่อสัตย์ก็ตาม มีสักครั้งไหมที่มันจะไม่โผเข้าหากระดูกแสนอร่อยที่วางอยู่ตรงหน้า ทิมปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของคะน้าทีละเม็ดๆ ปลายนิ้วทั้งสิบค่อยๆ คลายผ้าสีขาวออกจนเผยผิวกายที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน

“หิวโซเลยล่ะ”

เจ้าของดวงตาที่ร้ายกาจคู่นั้นยกมุมปากขึ้นแล้วยิ้มโชว์เขี้ยวขาว สีดำที่วับวาวคู่นั้นยังคงจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่ให้คลาดสายตา ใบหน้าของทิมโน้มลง... เลื่อนลง... ค่อยๆ ฝังคมเขี้ยวลงบนผิวกายที่นวลขาวราวกับแสงจันทร์

ยังมีหนังสืออีกหลายเล่มที่รอเราเปิดอ่าน อาหารมากมายที่รอให้เราลองลิ้มชิมรส มีเพลงเพราะๆ อีกเป็นหมื่นพันเพลงรอให้เราโยกหัวไปตาม มีเส้นทางอีกหลายเส้นที่รอให้เราเดินสำรวจ และยังมีความฝันต่างๆ อีกมากมายที่รอให้เราทำให้กลายเป็นจริง ...โลกสีเทาที่น่าเบื่อ แท้จริงนั้นเป็นสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยการผจญภัยแสนสนุก


...แล้วใครจะอยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


:L2: จบแล้วครับ :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 16-03-2013 00:39:49
ขอบคุณมากๆ นะครับที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ นิยายที่มีความยาวประมาณ 600 หน้ากระดาษ A4
ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองแต่งไปได้ยังไง ทั้งๆ ที่จุดเริ่มต้นเป็นเพียงแค่แต่งแบบนึกสนุก
ไม่มีพล็อต ไม่มีอะไรในใจทั้งสิ้น ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นว่ากลายเป็นนิยายที่มีมันทุกรสชาติ
โรแมนติก คอมมาดี้ เศร้าน้ำตาแตก บู้ล้างผลาญ ไปจนกระทั่งสืบสวนสอบสวนเล็กๆ
ขอบคุณที่ติดตามกัน ขอบคุณที่แวะมาทักทายกัน ทั้งแนะนำ เสนอแนะ ท้วงติง และทักทายเวิ่นเว้อ
อ่านทุกๆ คอมเมนต์เหมือนคนบ้า จนจำได้เกือบทุกคนจริงๆ ขอบคุณสหายที่ร่วมติดตามมาตั้งแต่ตอนแรกๆ
มาถึงตอนนี้ก็ยังเห็นอยู่หลายคน อยากจะบอกว่าขอบคุณจริงๆ ที่ติดตามกันมาจนถึงป่านนี้
แล้วก็ยินดีรู้จักกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่แวะเวียนกันเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้นะครับ ขอบคุณมากๆ เลย

หวังลึกๆ ว่าจากความเพ้อเจ้อเล็กๆ ที่ไม่คิดหน้าคิดหลังจะพอสร้างความสุขให้เพื่อนๆ ได้บ้าง
ดีใจที่ได้รู้จักกันนะครับ สำหรับคนที่อยากจะเก็บเป็นที่ระลึกนะครับ นิยายเรื่องนี้จะมีรวมเล่มให้ได้เก็บกันครับ
เดี๋ยวทราบข่าวยังไงจะมาแจ้งให้ทราบกันอีกทีนะครับ คงจะอีกสักพักกว่าจะเปิดจองกัน

ขอบคุณทุกๆ คนมากอีกครั้งนะครับ ไว้ว่างๆ จะแวะเข้ามาวิ่งเล่นพูดคุยกันเป็นระยะนะ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนจบ - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 16-03-2013 01:12:49
ชอบๆ จบดีมากเรย แต่น่าจะมีต่ออีกนิดนึง
อยากเห็นโมเม้น ของคุณแม่ทิมกับคะน้าบ้าง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 16-03-2013 01:17:58
 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13 o13
สุดยอดมากๆเลย
ก่อนอื่นขอชื่นชมคนแต่งมากๆเลยนะคะ แต่งได้ดีมาก ชอบสำนวนแล้วก็การเปรียบเปรย อ่านแล้วลื่นไหลดี ^^

ตอนที่คะน้าเจอกับทิมที่บ้าน นี่เราน้ำตาซึมไปด้วยเลย 2ปีมันตั้ง2ปี หรือ 730วันเลยนะ TT คนแต่งแอบใจร้าย 5555
แต่ก็แอบสงสัย ว่าทิมเองจะไม่ไปหาคะ้น้าเองบ้างหรอ หรือว่ายังไง? 555

เป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ทำให้ต้องเข้ามาดูในเล้าทุกวันว่าอัพรึยังน้า
เห็นความรักของทิมกับคะน้าเป็นแบบนี้แล้วก็แอบอิจฉาา ทิมจะน่ารักเกินไปแล้ว  :o8: :o8: :o8: :o8:

สุดท้าย ขอตอนพิเศษด่วนค่ะ 55555555555555  :bye2: :bye2: :bye2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 16-03-2013 01:22:03
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pichayakamon ที่ 16-03-2013 01:26:34
อ่านไปน้ำตาคลอไป  มันรู้สึกปลื้มอ่ะไม่รู้จะบรรยายยังไง 
น้ำตาจะไหลทั้งๆที่ปากยิ้มแฉ่ง  รู้สึกดีสุดๆค่ะ
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ นะคะ อ่านแล้วสัมผัสได้เลยว่าคนเขียนตั้งใจถ่ายทอดทุกตัวอักษรจริงๆ
ในแต่ละตอนให้ความรู้สึกหลากหลายมาก ตัวเองสิงอยู่ในเล้ามา เกือบ 6 ปีแล้ว
อ่านนิยายมาเยอะ และค่อนข้างจะเดาการเดินเรื่องออก
แต่เรื่องของคุณ ดิฉันเดาถูกอย่างเดียวค่ะ คือพระเอกต้องเป็นทิม นอกนั้นนี่ หักมุมจากความคิดสุดๆ
ความรู้สึกตอนอ่านนี่ไม่ได้อ่านชิลๆ เลยค่ะ บางตอนนี่อึดอัดมาก ได้แต่คิดในใจ ทำไมๆ ทำไมต้องเป็นอย่างงี้
ไม่เอาแบบนี้ จะเอาอย่างงี้ คือ อ่านไปโวยวายไปอ่ะค่ะ มันไม่ได้ดั่งใจ หมายถึง มันไม่ happy เหมือนที่เราหวังอ่ะค่ะ ปวดใจมาก คือ คิดไปว่ามันเป็นชีวิตตัวเอง
สรุปคือ อินไปกับตัวละครนั่นแหละ หนักๆเข้านี่น้ำตาไหลพรากๆ
พอเป็นฉากซึ้งๆ หรือกุ๊กกิ๊ก ก็ทำเอาเขินหลุดโลก มีความสุขจนยิ้มแก้มปริ เพ้อเจิบิดซ้ายบิดขวาไปคนเดียว
สรุป ขอชื่นชมคนเขียนมากๆๆๆๆๆๆเลยนะคะ คุณสุดยอดจริงๆ ดิฉันเป็นคนนึงค่ะที่เห็นในความตั้งใจจริงๆ ของคุณ โครงเรื่องซับซ้อนหักมุมไปมาขนาดนี้ ต้องรักจริงตั้งใจจริงนะถึงจะสร้างมันขึ้นมาได้ 
และตอนนี้ความตั้งใจของคุณได้ถูกถ่ายทอดออกมาในภาษาที่จับใจ
ตัวละครทุกตัวของคุณมีคุณค่า คำพูดและความคิดที่ถ่ายทอดจากตัวละครล้วนให้แง่คิด
ไม่แปลกที่จะมีคนมากมายรักและชื่นชมนิยายของคุณรวมทั้งความสามารถของคุณ
และดิฉันเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ ^_^

ปล.ดิฉันก็ไม่อยากอยู่คนเดียวบนดาวเคราะห์ค่ะ (เอ๊ะ! เกี่ยวไหม?)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนจบ - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: malula ที่ 16-03-2013 01:28:22
บทสรุปค่อยยังชั่วหน่อย ที่ให้ทั้งสองคนกลับมาเจอกัน ได้ครองรักกันต่อไป
ถ้าคะน้าไม่เตร่มาแถวนี้อยากรู้เหมือนกันว่าทิมจะไปหาหรือเปล่า
แต่เซอร์ไพร้ซ์สุด ๆ ก็คงจะเป็นจันทู เอ๊ยเจมส์นั่นเอง เหอ ๆๆ
โลกใบนี้อะไรก็เป็นไปได้
ขอบคุณคนเขียนที่สุดแสนจะแอ็กทีฟ ต่อนิยายได้รวดเร็วมาก อ่านจุใจ
แม้บางครั้งจะต้องลุ้นต้องเดาแบบคลำทางไม่เจอก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 16-03-2013 01:45:38
มาถึงตอนจบจนได้

พูดไม่ออกเลยอะ อ่านไปก็คิดนะว่าเดี๋ยวจะเมนท์อะไรดี

พอมาถึงตอนนี้ มันตื้อไปหมดเลยยยย มันดีมากกกกกกกก

ชอบตัวละครทุกตัว เรียกว่า รักเลยดีกว่า

ขอบคุณมากกกกกก ร้องไห้ก่อนนะ ฮือออออ




หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 16-03-2013 02:14:02
มีความสุขไปกับคะน้าและทิม
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: NONSENSE ที่ 16-03-2013 03:50:37
สนุกอ่า.. ยิ้มไม่หุบเลยเรา
ขอบคุณนะคะ
+1ค่ะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 16-03-2013 03:53:57
อืมมมมมม

ตอนจบก็ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่
แต่สิ่งที่แตกต่างคือสำนวนการแต่ง ทำได้ดีมาก
ตื้นตันจริง ๆ

จริง ๆ อยากเม้นยาว ๆ มั่งนะ แต่ทำไม่ได้ ทำไม่เป็นแต่
บอกได้แค่ว่านิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ประทับใจมาก
ครบรส ครบเครื่อง

ดีใจที่จบและก็เสียใจที่จบ ไม่ค่อยชอบบรรยากาศตอนนิยายจบเท่าไหร่
มันเหมือนเพื่อนที่เจอกันบ่อย ๆ หายไป
เข้าเล้ามาแล้วกวาดหาชื่อนิยายเรื่องนี้ก็จะม่มีในห้องนี้อีก
อยากบอกว่าเราคงคิดถึงนิยายเรื่องนี้จริง ๆ

รอเค้ากลับไทยเดือนมิถุนานะ ตอนนี้มีแต่แม่อยู่บ้าน
เดี๋ยวให้แม่สั่งให้จะไม่ได้อ่านกันพอดี 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 16-03-2013 06:27:56
อิ่มใจ
บอกได้แค่อิ่มใจ 
จบได้ลงตัว ถูกใจ

เคยเจอแต่ตัวละครที่แรงๆ
หรือไม่ก็อ่อนเป็นนางเอกปลาบู่ทอง
และเคยคิดว่าคนธรรมดาๆ คงไม่มีทางจะเป็นตัวเอกในนิยายเรื่องไหนๆ

คะน้าเป็นตัวละครบุคลิกเรียบๆ
แต่คนแต่งสามารถทำให้คนอ่านเข้าใจเหตุผลในการกระทำแบบคะน้า
ซึ่งเป็นด้านที่ไม่เคยคิดมาก่อน

ทิม นายยอดมาก เชียร์มาตั้งแต่แรก
คิดถูกที่เชื่อมั่นในตัวแกว่ะ


ขอบคุณเรื่องดีๆและสนุกมากๆ เรื่องนี้
ถูกจัดอยู่ใน TOP 5 ในใจเราเลยเชียว


 
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: MiU ที่ 16-03-2013 07:41:27
จบแล้วเหรอออ อยากให้มีตอนพิเศษหวาน ๆ บ้างจังเลย  :o8: :o8:

อ่านแล้วก็พยายามทำความเข้าใจกับคุณธาดานะ แต่อีกแง่นึงก็ยังรู้สึกโกรธไม่หาย พึ่งจะมาทำหน้าที่ของพ่อตอนสุดท้ายเนี่ยนะ มันน่าโมโหจริง ๆ สรุปแล้วรักแล้วไม่แสดงออกกับลูกหรือยังไง  :m31:


แต่ในที่สุดเรื่องก็คลี่คลายลงด้วยดีอ่ะเนอะ ดีใจกับพี่ทิมและต่ายน้อยด้วยจ้า  :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 16-03-2013 08:29:51
แล้วทิมเคอะ   อีทิมเคอะ ถ้าคะน้าไม่มาเจอ แกคิดว่าจะกลับไปหาคะน้าบ้างมะ
สุดท้ายก็หักมุมอีกจนได้ สุดๆเลยคนนี้ จันทูแม่ยอดหญิง  โถ่... หมดกัน 555555555555
ตอนจบ จบแบบบ  ห๊ะ?  ไม่หวานหน่อยเหรอคุณ  มีแต่หมาหิวให้คนอ่านจินตนาการไปเองถึงดวงจันทร์
แบบนี้ต้องทวงตอนพิเศษสินะ เอาแบบให้น้ำตาลจืดบ้างอะไรบ้าง สมกับที่ขมกันมาหลายตอน
สุดท้ายคนแต่งก็โดนอีก สงสารคะน้าบ้างสิ เหงาตั้งนาน ไม่หวานโชว์บ้างเลออออ
ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อทวงตอนพิเศษแบบโรม๊านครับ 5555555
ขอบคุณมากที่เข็นจนจบ คือช่วงนึงที่หายไปใจเสียมากกลัวคนแต่งจะทิ้ง ฮือๆๆๆ เป็นนิยายที่ประทับใจมากครับ   ดูเป็นคนที่รักกันและไว้ใจกันมากไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงก็ตาม   บั่บแว่รักแล้วอ่ะ ไม่สนติ่งอะไรใดใดในโลกอีกแล้วว
ซึ้ง~~~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 16-03-2013 09:23:09
ขอตอนพิเฉดดดดด  ใส่ไข่ ใส่หมู โดยเฉพาะน้ำตาล ใส่ไปเยอะๆเลยยยยย  :o8:  ( แต่ไม่ต้องใส่มาม่านะคะ แหะๆ )


แล้วก็  ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆสนุกๆ  เรื่องนี้นะคะ    :L2:
เลิฟคะน้าและคนเขียนมากกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: anchoviiz ที่ 16-03-2013 10:29:17
เขียนดีมั่กมากกกกกก
ซึ้งเลยตอนจบ

พิมอะไรยาวๆไม่ค่อยเป็นสะด้วยสิ
ชอบทุกๆฉากที่บรรรยายเลย ชอบสุดตอนฉากบู๊นี่แหละ
ยังอึ้งอยู่จริงๆนะ =______=

ก็ต้องขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกเรื่อง
ที่แต่งให้เราได้อ่านได้ลุ้นกัน(อ่านเรื่อนี้งจนกลัวการหักมุมไปแล้วจริงๆ)
สมุกมากกกกกกกกกกกก
รอตอนพิเศษ หรือไม่ก็เรื่องใหม่
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^v
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lunatan ที่ 16-03-2013 10:38:02
ความรักของทิมกับคะน้าเป็นความรักที่มั่นคงจริงๆ
ถึงช่วงเวลาที่ได้คบกันจะไม่นานเท่ากับเวลาที่รเพราะอิทิมหายตัวได้ตลอด
แต่ความรู้สึกมันมีค่ากว่านั้นมากกกกกกกก
ดีใจที่เชียร์ทิมมาตั้งแต่ต้นและดีใจที่ได้อ่านได้ติดตาม
นิยายเรื่องนี้ให้เราได้หลายอารมณ์จริงๆและต้องนั่งลุ้นจนตัวโก่งทุกตอน
ขอบคุณจริงๆค่ะที่เขียนดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านกัน :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-03-2013 10:42:44
ขำจันทูมาก ตอนที่บอกว่าชื่อเจมส์ 55 ขำพรืดดด
แต่ขอบอกเลยว่า อ่านตอนนี้แล้วชอบคุณธาดา 5555
ไม่รู้สิ
ดูเหมือนจะเป็นตัวร้าย
แต่ตอนนี้มันให้อารมณ์พระเอกสุดๆ
ทรัพย์สินที่ใช้ได้ไม่มีวันหมด
คำนี้มันซึ้งกินใจจัง อะไรมันจะจีรังไปมากกว่ากว่าความรู้ที่ไม่มีวันหมด
การทำหน้าที่ของพ่อ อาจจะเรียกว่าครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
บทพิสูจน์ที่ทำให้เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง สมแล้วที่เป็นนักธุรกิจ
มองการไกลสุดๆ 55555 ไม่มีบทแต่ชอบชะมัด กร๊ากก
จบแบบนี้ดีที่สุด ยังจำได้ตอนที่ตามอ่านเป็นคนแรกๆของเรื่องนี้ จนถึงวันนี้
ดูเป็นเวลาที่นานเหมือนกัน ลุ้นแล้วลุ้นอีก
ขอบคุณมากกกกกๆๆๆๆๆ นะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 16-03-2013 11:57:58
ขอบคุณจ๊ะ....จบได้ซึ้งมาก ๆ มีความสุขที่ได้อ่านจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 16-03-2013 13:08:51
ดีจัง ทุกคนมีความสุข
แต่อึ้งเรื่องจันทู อึ้งตั้งแต่ฉากเปิดตัวจนฉากสุดท้าย 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 16-03-2013 13:11:42
อ่านแล้วได้อะไรเยอะแยะมากมายจากเรื่องนี้ทุกๆตัวละครสอนแง่คิดและมุมมองผ่าน
บทบาทของพวกเขา  สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านตัวหนังสือที่เรียบเรียงเป็นเรื่องราวของคุณ
ขอบคุณและดีใจมากที่ได้อ่านเรื่องดีๆอย่างนี้ รอติดตามผลงานใหม่ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 16-03-2013 13:15:14
แวะมาแสดงตัว ตามอ่านแบบเงียบๆ มานาน
แต่งดีมากคะ ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งเป็นเรื่องแรก
ติดตามผลงานนะคะ
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: babynevercry ที่ 16-03-2013 13:51:18
เป็นนิยายที่ประทับใจจริงๆ คนแต่งเก่งมากนะครับ

จบสวย น้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้งเลยครับ


ปล. สนใจแต่งเรื่องใหม่ให้หมอตุลย์มั้ยครับ ให้หมอตุลย์คู่กับน้องนัทก็ได้นะครับ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 16-03-2013 14:32:50
คนที่มั่นคงในความรักนั้นหายาก แต่จริงๆคงมีอยู่บ้าง
เหมือนคะน้ากับทิมในเรื่องนี้ ... แต่บอกตามตรงนะคะ
(หวังว่าคนเขียนจะไม่น้อยใจไปก่อน) อ่านตอนจบนี้แล้ว
รู้สึกว่ามันยังไม่ถึงที่สุดอ่ะค่ะ คิดว่าน่าจะมีตอนพิเศษ
จะได้รู้สึกเต็มอิ่มกับนิยายเรื่องนี้จริงๆ

ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 16-03-2013 15:00:29
จบได้สวยและซึ้งงงมากค่ะ :impress3:
คนเขียนเก่งอีกแล้ววว o13 อยากจะบอกว่า
เห็นด้วยกับทู้กกกเม้นท์เลยย :give2:
และ และ และขอตอนพิเศษด้วยนะคร้าาาา o1

   :L2:     :L1:     :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 16-03-2013 15:22:46
ขอบคุณค่ะ ไม่อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์เเล้วนะต่ายน้อย ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 16-03-2013 16:09:33
ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ เช่นกันค่ะ ภาษาสวย การบรรยายดี อ่านเพลิน
แถมพลอตยังมีอะไรให้เราตื่นเต้นและลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา

ทิมเป็นพระเอกที่ป่วนใจคนอ่านมาก เสน่ห์เหลือร้ายจริง ๆ คือออกมาทีนี่ต้องมีให้หวั่นไหว
ช่วงต้นสงสารคะน้ามากที่แบบอยู่โดดเดี่ยวมาสองปี แล้วคะน้าก็เลือกที่จะไม่รักใครแล้ว
คือมั่นคงกับความรู้สึกมาก ยังรอ คอยมองหา ไปแต่ที่เดิม ๆ ปวดร้าวเนอะ
ตรงที่บรรยายว่าภายนอกก็เหมือนคนทำงานทั่วไป แต่ภายในคะน้าไม่เคยลืม ฮรื้อออ นายเอกของเราเท่ห์มาก
เศร้ามากด้วย คุณค่าที่ตาทิมคู่ควร สงสารเด็กคนนั้นเนอะ ไม่ได้ไปแม้แต่เสี้ยวหัวใจ
พอเห็นคะน้ากลับมาบ้านเริ่มแบบ เอ... พระเอกหนีมาอยู่นี่ป่าวฟระ แต่ถ้าอยู่แค่นี้จริง
ทำไมสองปีถึงไม่เจอกันเลย ที่ไหนได้โดนพรากจากด้วยข้อแม้มากมาย
ชอบความคิดพ่อทิมเหมือนกันเรื่องให้วิชากับทิมเนี่ย แต่แกทำแบบนี้ได้อะไร ดูเหงามากมาย
แม่ทิมน่ารักดีเนอะ เปิดใจต้อนรับลูกสะใภ้เต็มที่เพราะลูกชายโฆษณาไว้เยอะ
และคะน้าก็จิตใจดีด้วยไง ช่วยแม่แฟนตั้งแต่ยังไม่รู้จักเลยว่าเป็นใคร น่ารักตลอดคนนี้ ความประทับใจแรกพบเลย
ตอนสองคนเจอกันแบบดีใจมาก เต็มไปด้วยความรู้สึกเนอะ มันพรั่งพรู เหมือนจบแล้วการรอคอย
ทิมนัวเนียไม่ห่างเบย ฮรื้อ น่ารักมากค่ะ คะน้าก็นะ ความรู้สึกที่ผ่าน ๆ มาลืมหมดแล้วแค่ได้เจอ
ก็รักและรอคอยมาตลอดนี่นา คนอ่านมีความสุขค่ะ

พี่ผักกาดของเค้าสละโสดแล้วซะงั้น จะโสดได้ไงล่ะน่ารักซะขนาดนี้ ส่วนสายใจกับจันทูนี่อย่างมาก มาสปาร์คกันได้ไง
ตุลย์ก็ไปได้ดีแล้ว

เป็นตอนจบที่ประทับใจค่ะ แฮปปี้เอนดิ้งงงงงง ขอบคุณมากนะคะ และจะรอติดตามผลงานเรื่องใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 16-03-2013 16:36:32
จันทู สายใจ  o22
ที่ว่าห่างกันไป 2 ปีนี่มันนานมากเลยนะ โอยยยยย คะน้าก็ยังเสน่ห์แรง ท่าทางมีเสน่ห์กับคนสไตล์ประมาณนี้  :impress2:
ดีใจกับเจ๊ผักกาดด้วยนะคะที่กระโดดลงจากคาน 555555555
สุดท้ายทุกคนก็มีความสุข แต่คงไม่ใช่คุณธาดา
ขอบคุณนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 16-03-2013 17:23:29
+1 พี่คะน้า และ น้องทิม :o8: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:ขอบคุณน่ะสำหรับเรื่องดี ๆๆ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 16-03-2013 18:56:50
จบแล้ว ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย

เป็นเรื่องที่เข้าดูเกือบทุกวัน ว่าอัพหรือยัง

ชอบมากๆ เลยค่ะ เขียนได้สนุกมากๆ เลย

มีทุกรสชาติ มีตอนพิเศษมั้ยคะ คิดถึงคะน้า ไม่อยากให้จบเลย 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 16-03-2013 19:04:00
จบแล้วอ่า ซึ้งมากเลยเรื่องนี้ เราชอบมาก ติดตามตลอด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 16-03-2013 19:41:33
จบซะแล้ว.... (T-T)
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ 555+ คิดถึงทุกตัวละครเลย
ในที่สุดคะน้าก็เจอทิมสักที ปมก็คลายแล้ว ^^ แต่เค้ายังอยากอ่านตอนพิเศษอีกค่ะ
อยากรู้ด้วย จริงๆแล้วคุณธาดาก็รักทิมแหละมั้งนะ อยากให้เข้าใจกันหน่อยเนอะ
ยังไงก็พ่อลูกกัน ...และอีกอย่าง... อยากให้ทิมกินคะน้าเยอะๆ ฮ่าๆ จะได้สุขภาพแข็งแรง ^^
เค้าคิดถึงนิยายของคุณ Lucea แน่ๆเลย ...แต่งเพิ่มอีกนะคะ จะติดตามแน่ๆ ฮ่าๆ
ปล. จันทู เอ๊ยยย เจมส์ ... นายสุดยอดมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 16-03-2013 21:40:13
อ่านตั้งแต่บ่ายๆ ยันสามทุ่มครึ่ง บีบคั้นอารมณ์มาก คนเขียน เขียนดได้โหดมาก T-T แต่ยังดีที่จบแบบตลบอารมณ์คนอ่านให้เข้าสู่สภาวะปกติได้

ขอบคุณสำหรับอีกเรื่องราวสนุกๆครับ

แล้วกระต่าย ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวบนดวงจันทร์
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 16-03-2013 21:41:30
โอยย เรื่องนี้
มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก
ไม่ไหวจะเคลียร์ น้ำตาตก จิตตกไปหมด
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: NuengKung ที่ 16-03-2013 21:53:35
เป็นนิยายที่จบแบบ
ความรู้สึกดีๆทั้งหมดมันถาโถมเข้ามา
 รู้สึกดีไปกับนิยายเลยครับ บางครั้งก็อินมากๆ น้ำตาไหลตาม
แต่คนเขียนเขียนดีจริงๆ เห็นภาพมาก ผมติดตามมาตั้งแต่เริ่มแล้ว
 เรื่องนี้ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ สร้างสรรค์มาก แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านอีกนะครับ
 ขอบคุณที่มีอะไรให้ผมทำช่วงเวลาๆว่างๆครับ
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 16-03-2013 22:05:29
...เวลาสองปี กับการรอคอยที่ไร้จุดหมายของกระต่าย มันยาวนานมาก มันไม่รู้จะหาจุดสิ้นสุดได้ตรงไหน ไม่รู้ว่าทิมจะกลับมาหาหรือไม่ เหมือนเดินวนอยู่ในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ...โคตรสะเทือนอารมณ์

...เวลาสองปี กับการพิสูจน์ตัวเองของทิม ถึงแม้จะรู้จุดสิ้นสุด แต่ระหว่างรอ ก็ไม่น่าจะทรมานน้อยกว่ากระต่าย ถึงแม้จะรู้ว่าคนของตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ก็ไม่สามารถพูดคุย อธิบายใดๆได้เลย ...อันนี้ก็โคตรสะเทือนอารมณ์เหมือนกัน  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: raviiib❁ ที่ 17-03-2013 02:51:02
จบแล้วววววววววววววว :sad4:
เรื่องนี้สนุกมากๆคะ ตอนแรกๆเหมือนจะไม่มีอะไรนะ5555
ครบทุกเนื้อหาเลย ของเค้าดีจริงๆ!! o13
ทิมคะน้ารักกันนานๆนะลูกกกก o7
จันทูเอ่อ....55555555555555

ปล. ยังติดตามผลงานอยู่นะคะสู้ๆคะเย้ :oni2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: davina ที่ 17-03-2013 04:12:36
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
ตอนจบนี้เสียน้ำตาไปหลายถังเลย
เรื่องนี้จะกลายเป็นหนึ่งในนิยายแห่งความทรงจำเลย ประทับใจมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 17-03-2013 07:55:06
 ชอบสรุปตอนจบนะ โดยเฉพาะ เจมส์ 555
อยากกเห็นทิมกะคะน้าสวีทอีกนิด เพิ่มตอนพิเศษน๊า

แอบใจหายที่นิยายเรื่องนี้จบซะแล้ว คงคิดถึงมากเลย
แล้วก็ เค้าเก็บเงินรอแล้วนะฮับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 17-03-2013 12:05:21
ในที่สุดก็จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขซะทีเนอะต่ายซังกับทิม
ซึ้งตอนที่ต่ายเจอกับทิมอีกครั้งอะ เป็นอะไรที่น่ารักมากกกกก  :o8: :o8:

ส่วนที่อึ้งสุดคงไม่พ้นคู่มนต์รักผัดไทย หอยทอด  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 18-03-2013 00:18:45
นิยายเรื่องนี้ที่ทำให้เราร้องไห้เป็นเผาเต่า
ยิ้มเขินแบบทะลุ100%
จากวันนั่นจนถึงวันนี้เราก็ยังเชียร์ทิมและรักทิมมาก 555555555555555
อยากให้มีตอนพิเศษหลังจากนี้กับตอนพิเศษหมอตุล
อยากรู้หมอจะมีคู่กับเขามั้งรึป่าว???????????  /คนแต่งคงไม่ใจร้ายกับหมอนะ อิอิ/
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 18-03-2013 13:04:51
ขอบคุณนะฮะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 18-03-2013 14:44:33
+ 1 ให้คนเขียนค่ะ 

เขียนได้สนุกมากอ่านเพลินทุกตอนเลยค่ะ

จะรอตอนพิเศษนะคะ......เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ.........

     
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: B_O_M ที่ 19-03-2013 01:14:04
ขอบคุณมากครับ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: PlenG ที่ 19-03-2013 12:29:39
อ่านแล้วน้ำตาซึมค่ะ
ตอนเจอจันทู หลายอย่างมันเปลี่ยนไปจริงๆแต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคือความรักความห่วงใยกัน
คิดๆดูแล้วที่ตลาดไฟไหม้นี่ให้อะไรมากกว่าที่คิดจริงๆเป็นวิกฤตที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เปลี่ยนแปลง
แอบสงสารคุณธาดาสุดท้ายแล้วเงินทองชื่อเสียงที่หามาได้ไม่ว่าจะมากแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีความสุข
แต่ที่สงสารมากสุดคือทิม คนแต่งใจร้ายกับพ่อพระเอกมากค่ะ ชีวิตรันทดได้อีก
ยิ่งตอนไปเรียนต่อที่โดนห้ามติดต่อกับคนที่ไทยเลยใช้แผลเป็นเป็นสิ่งเตือนใจ โอ๊ย สงสารอะ
จากนี้คะน้าก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์อีกต่อไปแล้ว ดีใจด้วยนะ

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ รออุดหนุนรวมเล่มค่ะ
ถ้าเป็นไปได้ขอตอนพิเศษอีกซักนิดนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hewlett ที่ 19-03-2013 15:34:12
รู้สึกทรมานแทนกระต่ายจัง  :m15: การรอคอยแบบไม่รู้จุดจบนี้มันทรมานจริงๆนะ
ทิมก็ใจเด็ดจริง ยอมตามใจพ่อครั้งสุดท้ายก่อนเห็นหน้าต่ายได้อีก
แต่แล้วเนื้อคู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกันจริงๆ :กอด1:

ที่ตกใจสุดก็คงไม่พ้นจันทู กลายเป็นหนุ่มไปได้ไงเนี่ย  :a5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: capool ที่ 19-03-2013 16:18:16
ตกลงจบแล้วเหรอคะ ทำไมคนเลวอย่างพ่อของทิมถึงไม่ได้รับผลกรรมเลยกลับเจริญรุ่งเรืองมีคนนับหน้าถือตาล่ะ เพราะได้สิทธิในฐานะเป็นพ่อพระเอกเหรอ คือมันตั้งใจฆ่าคะน้าให้ตายเลยนะไม่ใช่แค่สั่งสอนหรือขู่ เลวมากๆๆยังไม่เห็นถึงสัญญาณของการเป็นคนดีเลยสักนิด น่าจะตายๆไปซะ แต่ซึ้งใจทิมที่ยอมตายแทนคะน้าได้ เท่ห์ที่สุด คะน้าก็น่ารักที่สุด อิอิ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: warnana001 ที่ 20-03-2013 01:24:07
จบซะแล้วนิยายเรื่องนี้ ครบทุกอารมณ์จริงๆ ทั้งหวาน เศร้า ตื่นเต้น และหื่น
เราเป็นคนหนึ่งที่เชียร์ทิมมาตั้งแต่ต้น ดีใจจัง~
ทุกอย่างที่ทิมทำมีเหตุผล ที่คุณธาดาทำก็มีเหตุผล
แต่ที่สุดยอดที่สุด คะน้า แม้ว่าช่วงแรกๆจะโลเลแต่สุดท้ายคะน้าก็มั่นคงที่สุด
ทุกๆตัวอักษรท้ายทอดความรู้สึกได้ดีมากๆ ทำให้รู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่อง
สิ่งที่ทำให้ตกใจมากที่สุดคือ...จันทู!!
ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนได้ขนาดนี้จากสาวพม่าที่ชอบเต้นเด้งไปมากลายเป็นเจมส์หนุ่ม(?)ผู้เป็นแฟนกับสาวขายหอย(ทอด)
ความรักที่เริ่มจากจุดเล็กๆ ความหวานที่เคยขมขื่น หลอมรวมเป็นตอนจบที่แม้จะเรียบๆแต่น่าประทับใจ
รอผลงานชิ้นต่อไปของผู้แต่ง และตอนพิเศษที่ไม่เรียกร้องอะไรมาก ขอแค่หวานๆหื่นๆ(?)ก็พอ~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-03-2013 03:19:07
สนุกมากค่ะ อ่านแล้วน้ำตาตกหลายตอนอยู่ ยอมรับว่าเห็นชื่อเรื่องตอนแรกไม่กล้ากดอ่าน กลัวดราม่า (แล้วก็ดราม่ากิงๆล่วย)

มีหลายตอน หลายปย.ที่เขียนได้ซึ้งมาก ฝีมือสุดๆ นับถือๆ อย่างเช่นที่บอกว่า เราด่าว่าเสื้อผ้าเขาเชย...นั่นอาจเป้นชุดเดียวที่เขามีก็ได้ โห อาจแล้วน้ำตาไหลปั๊บ

อยากอ่านตอนพิเศษจังค่ะ

รอเรื่องต่อไปนะคะ นิยายคุณภาพดีๆแบบนี้ จะติดตามต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 20-03-2013 13:16:35
ในที่สุดการรอคอยก็ไม่ได้ว่างเปล่า.... :กอด1:
ขอบคุณคนแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 21-03-2013 23:46:53
อ่านจนจบ มันยาวนานมากกก ตัวหนังสือมันเยอะ *0*
แต่ได้รับความรู้สึกดีๆ เนื้อเรื่องดีๆ เรื่องราว การสอนดีๆ
การผูกเรื่องที่ทำให้ประทับใจ

สุดยอดมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 22-03-2013 12:38:13
ตามอ่านรวดเดียวจนจบค่ะ สนุกมาก เรื่องนี้หักมุมแหลกลาญหลายครั้งมาก หักนั้นหักนี้ลุ้นมันฉิบหาย มีทั้งหักนิ่ม หักเนียน หักแรง epic โคตร ถูกใจพวกบ้าเรื่องหักมุมสิบตลบอย่างเรามาก เซอร์ไพรซ์ที่สุดของเรื่องนี้คือรองประธานทิมนี่แหละ เราเชื่อเลยอ่ะว่าเลวจริง แล้วอยากให้เลวจริงๆด้วย แต่ก็นะ... ตอนจบ ขัดใจ+รู้สึกแปลกๆ

แอบเสียดายที่ไม่ได้ตามอ่านเรื่องนี้แต่เริ่ม เพราะคงได้ไฟท์กับแม่ยกทิมมันส์น่าดู เห็นมีแต่คนเชียร์ทิมเน๊าะ เราแม่ยกพี่หมอตุลค่ะ ตุล FC ตกหลุมรักตัวละครตัวนี้ตั้งแต่ฉาก "ครับ ครับ ครับ?" คือเฮ้ยยย มันใช่อ่ะ ชอบอ่ะ ผู้ชายแนวนี้สเป็กมากกก โคตรชอบโคตรเชียร์ บทแรกๆก็มีส่งให้เป็นพระเอกอยู่นะ มีภาษีดูดีกว่าทิมอีก แล้วที่ชอบมากคือตอนที่เขาวิ่งตามไปช่วยคะน้าในกองเพลิงอ่ะ แบบเฮ้ย อยู่ๆก็โผล่มา คือเขาต้องรักคะน้ามากๆแบบไม่เสียดายชีวิตป่ะอ่ะถึงได้วิ่งตามไปแบบนั้น แต่พอหลังจากนั้นบทกลับไม่ส่งแล้วแฮะ จะลุ้นก็ลุ้นไม่ขึ้น ก็นะ...

พูดถึงทิมบ้าง จริงๆสายซึน เจ้าเล่ห์ แอบเลวนี่ก็สเป็กนะ แต่ไม่โดนอ่ะ อาจจะเพราะมีคนเชียร์เยอะแล้วเลยไม่อยากเชียร์ ชอบเชียร์สวนกระแส แล้วเป็นตัวละครที่มีมุมความคิดที่ยังไงเราก็ไม่เข้าใจนะ แถมเราสงสัยว่าเฮียแกเป็นคนหรือเปล่า โดนยิงสองนัดแล้วยังสามารถ... ถึกเหนือมนุษย์
บางโมเมนต์นี่โคตรกลัวทิมเลย "อิหมอนี่มันจะแรงอะไรของมันหนักหนาเนี่ย" บางโมเมนต์เราก็หลงรักความแรงเขานะ อย่างตอนด่าน้องแนนสะใจมากกก (แต่อิน้องนี่ลูกคนรวยงี่เง่า เอาตัวเองเป็นศก.จริงๆ)  ชอบตอนที่เรียกคะน้าว่าพี่ จะแอบเทใจให้กับรักต่างวัยก็ตรงนี้ เขิน แต่ทิมมันไม่อ้อนคะน้าเลย ..ก็นะ.....

ส่วนนายเอกคะน้า เป็นตัวละครที่มีมุมคาดไม่ถึง ใครจะรู้ว่าบู๊กับเขาได้ด้วย โคตรปลื้มมม

ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 40 - (หน้า 53) Mar 16, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 22-03-2013 12:53:09
 :o8:

จบได้ประทับใจ
ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 22-03-2013 23:58:54
แวะมาทักทายเพื่อนๆ ทุกคนอีกครั้งแถมด้วยพูดคุยกันเล็กน้อยหลังจากที่อัพตอนจบไปครับ
ดีใจที่หลายๆ คนชอบกัน แม้ว่าจริงๆ แล้วคนแต่งจะรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ไม่สุดก็ตาม
(อะไรบางอย่างที่ว่าคืออะไรก็ไม่รู้ นึกไม่ออก 55555) มาถึงตอนนี้แอบสารภาพจากใจจริงว่าลึกๆ แล้ว
ชอบคนบุคลิกแบบตุลมากกว่า แต่เป็นพวกชอบตามใจคนอ่าน ดันไม่ขึ้นหลังๆ ก็เลยขี้เกียจจะดันละ
หวยเลยไปลงที่ทิมแทน ง่ายๆ แบบนี้ล่ะ 555 เพิ่งมารู้ว่าจริงๆ แล้วก็มีคนชอบบุคลิกแนวตุลบ้างเหมือนกัน
ไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่จะวัดใจเพื่อนๆ ในเล้าด้วยตัวเอกบุคลิกแบบตุลแต่เพิ่มความขรึมขึ้นขึ้นอีกนิดดู

ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกคอมเมนต์ เพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาและทักทายกันนะครับ
ไหนๆ ก็ไหนๆ แวะมาทั้งที เลยขอฝากตอนพิเศษเอาไว้ให้อ่านเล่นๆ พอหายคิดถึงกันครับ
อ้อ! ตอนพิเศษนี่แทนคำขอบคุณครับ ไม่มีเครียด ไม่มีอะไรให้หักมุมกันนะครับ วางใจได้ 55555



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


:L2: ตอนพิเศษ :L2:

จุดเริ่มต้น



สวัสดีครับ

ขอตอบจดหมายในเรื่องที่เร่งด่วนก่อนนะครับ

ตามที่คุณคะน้าถามไว้ในเรื่องของการหลั่งติดๆ กันในหนึ่งคืนจะมีปัญหาต่อระบบร่างกายหรือเปล่า ผมขอตอบโดยหลักพื้นฐานทางการแพทย์นะครับ ธรรมชาติของร่างกายผู้ชายนั้นสามารถผลิตสเปิร์มได้เรื่อยๆ แต่จุดที่ผมอยากให้ความสำคัญมากก็คือถ้าหากคุณคะน้ารู้สึกหลั่งโดยที่ไม่มีซีเมนออกมาอีก แนะนำให้หยุดสักสองสามวันเป็นขั้นต่ำนะครับเพราะถ้ายังฝืนต่ออาจเกิดปัญหาต่อมลูกหมากอักเสบได้ ผมซีเรียสมากเพราะฝ่ายที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็คือคนที่เป็นฝ่ายถูกกระทำนะครับ หากคุณคะน้ามีเพศสัมพันธ์ครั้งหน้าแล้วยังรู้สึกถึงอาการผิดปกติ ผมแนะนำให้ไปพบแพทย์ระบบลำไส้ใหญ่และทวารหนักหรือ Colo-Proctologist โดยทันทีครับ ไม่ต้องอายนะครับ

ส่วนเรื่องที่กังวลว่าคุณจะเสพติดการมีเพศสัมพันธ์หรือเปล่านั้น ผมอยากให้มองในเรื่องความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ครับ จริงอยู่ที่ว่าสี่ถึงห้าครั้งในหนึ่งคืนนั้นถือว่าสูงมาก แต่ผมไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงที่กลับมาพบเจอกันหรือเปล่าครับ ลองดูไปอีกสักพักนะครับ ช่วงนี้พยายามบอกเขาว่าอย่ารุนแรงมากนัก ตามเท่าที่คุณเล่ามาผมว่ามันค่อนข้างรุนแรงไปสักหน่อยนะครับ คุณเองก็ไม่ควรทำอะไรขนาดนั้นเช่นกันครับ ผมว่ามันทำให้ร่างกายอ่อนล้าเกินไป ช่วงนี้แนะนำให้ทานอาหารจำพวกไข่และปลาเยอะขึ้นสักหน่อย และอาจทานวิตามินพวกเหล็กและซิงค์เพิ่มร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้นครับ

สำหรับที่คุณคะน้าสงสัยว่าหลั่งออกมาเองได้เองโดยไม่ได้สัมผัสกับส่วนนั้นของตัวเลยนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ครับ และไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ในร่างกายของผู้ชาติจะมีจุดจีสปอตอยู่บริเวณต่อมลูกหมากซึ่งสามารถกระตุ้นได้โดนการผ่านทางทวารหนักเข้าไปครับ ในต่างประเทศมีงานวิจัยทางการแพทย์ที่เชื่อถือได้บอกว่าการถึงโดยการกระตุ้นที่บริเวณต่อมลูกหมากนั้น ทำให้ผู้ชายมีความสุขกว่าการกระตุ้นโดยวิธีทั่วไปถึงสามเท่า ดังนั้น การที่ตอนนั้นคุณรู้สึกมากกว่าปกติ จึงไม่ถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติเช่นกันครับ

ถ้ามีอะไรก็ส่งทิ้งเรื่องไว้ในอีเมล์นะครับ ผมจะพยายามรีบเข้ามาตอบให้ไวที่สุด รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อย่าหักโหมเรื่องพวกนั้นมากเกินไป เมล์ฉบับล่าสุด บอกตามตรงว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายผมไปไกลมาก ผมถึงกับอึ้งไปไม่น้อยจริงๆ เพลาลงบ้างนะครับ คุณทำให้ผมเป็นกังวลจนอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย

ช่วงนี้ที่เบอร์ลินหิมะตกหนักมาก ผมต้องเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยอีกแห่งที่อยู่ไกลออกไปเพื่อใช้หนังสืออ้างอิงที่ทางห้องสมุดไม่มี หนาวมากครับ ผมยุ่งจนไม่มีเวลาสนใจใครที่นี่หรอกครับ

ขอบคุณที่สำหรับความห่วงใยครับ

ตุล





กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่คะน้านั่งอ่านอีเมล์ฉบับล่าสุดซ้ำไปซ้ำมามากกว่าสิบรอบเหมือนไม่เข้าใจตัวหนังสือภาษาไทยที่อยู่ในจดหมายอิเลกทรอนิกส์ฉบับนั้นสักตัวอักษร หลั่งติดๆ กัน? เสพติดการมีเพศสัมพันธ์? หรือแม้แต่หลั่งได้เอง?

มันคืออะไรวะครับ?

นับตั้งแต่คะน้ากลับมาทำงานออฟฟิศ เวลาว่างที่มีก็ลดลง เกือบทุกวันที่เขาต้องหอบงานหลายอย่างกลับมาทำต่อที่บ้าน ไหนจะทิมที่เกาะติดเขาเป็นหนวดปลาหมึกแบบนี้ คะน้าแทบไม่ได้เปิดอีเมล์หรือทำอะไรสักอย่างกับโซเชียลเน็ตเวิร์กของตัวเอง ใครบางคนส่งเมล์แปลกๆ ไปหาตุล และเมื่อไม่ใช่เขา มันจะเป็นใคร? ...ถึงไม่ใช่เชอร์ล็อคโฮม ไม่ได้เป็นโคนันก็รู้!

ผู้ต้องสงสัยมีเพียงคนเดียว!!!!

เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากหลายวันก่อน หลังจากทนกับเสียงกวนประสาทที่พูดไม่หยุดทุกๆ สามสิบวินาทีไปสองชั่วโมงเต็มๆ ในที่สุด เขาก็ยอมเปลี่ยนรหัสผ่านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ อีเมล์ เฟซบุค หรือสไกป์ที่ตัวเองแทบไม่เคยแตะเป็น “I Love Tim” ตามคำเรียกร้องของชื่อคนที่อยู่ในพาสเวิร์ด นั่นเท่ากับเขาก้าวขาหนึ่งข้างลงไปสู่ห้วงอเวจีแล้วใช่ไหม

คะน้าเหล่มองคนที่นอนเป็นชีเปลือยอยู่บนเตียงซึ่งกำลังจดจ่ออยู่กับหนังบู๊แอ็คชั่นล้างผลาญในหน้าจอทีวี พักหลังๆ ดูมีความสุขยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นี่เพราะแบบนี้สินะ “เอาเมล์นี้ส่งอะไรไปหาตุลหรือเปล่า”

ทิมสะดุ้งตัวเล็กๆ แล้วหันมามอง ดูเหมือนจะกลืนน้ำลายอีกหนึ่งเฮือกแล้วก็รีบเฉไฉเบือนหน้ากลับไปจ้องแผ่นบลูเรย์ที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานก่อนต่อ

“ไม่มี๊...”

มันจะไม่มีได้ยังไง ตัวอักษรยาวเป็นหน้ากระดาษที่มีเนื้อหาอย่างกับคอลัมน์เสพสมบ่มีสมซึ่งตุลตอบกลับมานี่ มันคงโผล่มาเองสินะ “ล็อคอินเข้ามาดูเมล์แล้วส่งจดหมายไปแกล้งตุลใช่ไหม”

“เฮ่ย!!! ไม่เค๊ยยยย...”

ทิมเบิกตากว้าง คะน้าเห็นนัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลอกไปมาอย่างหาโฟกัสลงไม่ได้ “ไม่งั้นมันจะมาจากไหน จุดจีสปอตบ้าบออะไรเนี่ย ในเมื่อพี่ไม่ได้เป็นคนพิมพ์แล้วมันจะเป็นใคร”

“โดนแฮก! ชัวร์!!! ...รึเปล่า?”

“แกแฮกชัวร์ๆ น่ะสิ” คะน้ายังไม่เลิกสอบสวนผู้ร้าย คอยดูเถอะ เขาจะต้อนหมาป่าเอาไปเชือด

“มองโลกในแง่ร้ายมาก เสียใจเลยว่ะ” ทิมดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดท่อนบนของตัวเองแล้วบ่นเสียงเซ็ง

คะน้ามองปราด เผินๆ มันก็ดูน่าเชื่อถือดี ถ้าไม่ติดที่ใบหน้าทะเล้นนั้นกำลังแสดงออกถึงความสุขอย่างปิดไม่มิด ตาเป็นประกาย ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันครบทุกซี่ ...แกไม่ได้ทำเลยทิม!

ปรสิต เห็บ หมัด วัชพืช ปลิง แฝดสยามหรืออะไรสักอย่าง ทิมเหมือนสารพัดสิ่งที่เกาะติดเขาอยู่ตลอดเวลา เรียกว่าคะน้าสถาปนาให้คนที่ทำหน้าเป็นอยู่ในตอนนี้เป็นได้ทุกอย่างที่มีพฤติกรรมเช่นที่เอ่ยมาข้างต้น ...อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่นกเอี้ยง

“อีกแล้วนะ ได้แล้วก็ไม่คิดจะแคร์ความรู้สึกกันเลย”

คะน้าสำลักอากาศทันที ผู้ชายตัวโตท่าทางแข็งกระด้างกำลังทำสะดีดสะดิ้งใส่เขา ...หมั่นไส้น่ะก็ใช่ แต่อีกใจก็นึกหมั่นเขี้ยว นับตั้งแต่ที่ทิมกลับมา ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือการใช้ชีวิตประหนึ่งเหาฉลามกับเขา เริ่มจากไปออดอ้อนผักกาดให้เขาย้ายกลับมานอนที่บ้านนี้ เป็นสารถีรับส่งที่ทำงานเช้าเย็นไม่มีขาด เข้านอนและตื่นนอนพร้อมกันทุกวัน ช่างเป็นพฤติกรรมของกาฝากไม่มีผิด แย่งอากาศเขาหายใจ แย่งน้ำเขาอาบ เรียกว่าเห็นคะน้าที่ไหนก็ต้องเห็นทิมที่นั่นเสมอ บางทีเขาก็สงสัยว่าโปรแกรมบริหารจากมหาวิทยาลัยเลื่องชื่อที่ไปร่ำเรียนกลับมามันสอนอะไร ...ทำไมทิมถึงได้เจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน

คะน้ากดเข้าเฟซบุคของตัวเองหลังจากที่ไม่ได้แตะมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือน สิ่งแรกที่กระแทกตาก็คือรูปโปรไฟล์ของตัวเองที่ถูกเปลี่ยนเป็นภาพคู่ ...ไม่ใช่ภาพคู่ปกติ แต่เป็นภาพคู่บนเตียงนอนที่คะน้าถูกบังคับถ่ายเมื่อหลายวันก่อน ที่อยู่ด้านล่างของภาพคือสถานภาพที่ขึ้นว่า In relationship with... เอาเถอะ ไม่บอกก็รู้ว่าใคร แต่สิ่งที่ทำให้ลูกตาของคะน้าแทบจะหลุดออกจากเบ้าก็คือสเตตัสที่เพิ่งอัพเมื่อไม่กี่นาทีก่อน

รักพี่ทิมนะครับ

สาบานได้ว่าในชีวิตของคะน้า เขาไม่เคยพิมพ์อะไรแบบนั้น สิ่งที่แย่ก็คือมีคนตามกด Like หลายสิบคน ด้านล่างมีคอมเมนต์ของเจ้าตัวขึ้นตามมาพร้อมกับรูปหัวใจอีกหลายดวงพร้อมกับจำนวนคนกด Like ที่ไม่ค่อยต่างกัน

พี่ทิมก็รักน้องต่ายครับ

“ไอ้บ้า! เข้ามาป่วนเฟซบุคด้วยเนี่ยนะ พิมพ์อะไรไปเนี่ย!!!”

คะน้าอุทานในขณะที่เลื่อนเมาส์ลงมาเรื่อยๆ เขาพบว่ามีในหน้าเพจของตัวเองมีการตั้งสเตตัสโต้ตอบในทำนองนี้บ่อยครั้ง ก็เรียกว่าแทบจะทุกวันนั่นล่ะ ...คิดถึงไหม กินข้าวยัง รอแป๊บนะเดี๋ยวไปรับ และอีกสารพัด ยิ่งอ่านเจอก็ยิ่งนั่งไม่ติด ในที่สุดความอดทนที่ถึงขีดจำกัดก็ดีดตัวคะน้าให้ลุกขึ้นแล้วมุ่งไปที่คนอายุน้อยกว่าที่นอนฉีกยิ้มร่าตาใสอยู่บนเตียงทันที

“อยู่ๆ ก็ง่วงนอนขึ้นมาเลย นอนก่อนนะ” พูดจบทิมก็หลับตาไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น

“อย่ามาหลบตากัน ไม่ต้องมาแกล้งหลับ!” คะน้าตะคอก

“ห้ามแกล้งซ่อนในผ้าห่ม!” กระตุกผ้าห่มออก แล้วโยนทิ้ง

“อย่าแกล้งทำหน้าตาน่าสงสารด้วย!” เขาตวาดอีกครั้ง

“ห้ามแกล้งดูดีวีดี!” คะน้ากดปิดทีวี

“แกล้งหอม!” เขาตะคอกใส่

“แกล้งมีเซ็กซ์!!!” คราวนี้ คะน้าถึงกับตวาดใส่ด้วยสีหน้าจริงจังกว่าครั้งไหนๆ




“อ๊าาาาาา... ตรงนั้นมัน... ทิมมมม...”


คะน้าปาดเหงื่อบนหน้าผาก หลังจากศึกหนักสองคำรบ ในที่สุดคำถามที่เคยตั้งไว้เมื่อราวๆ สองชั่วโมงก่อนก็ถูกขุดขึ้นมาสอบสวนอีกครั้ง “ว่ายังไง รับสารภาพมาดีๆ เลย อย่าต้องให้เค้น” ผู้สอบสวนกำลังนอนหอบอยู่ในวงแขนของผู้ต้องสงสัย ทิมจูบลงบนแก้มของคะน้าแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วเอื้อมมือไปจับมือขวาของเขา...ดึงลง

“เค้นเลย จะรดต้นคะน้าอีกรอบให้โตไวๆ” คะน้ารู้สึกตัวว่ามือของตัวเองกำลังจับอยู่บนอุปกรณ์รดน้ำของผู้พูด คะน้าเงยหน้าขึ้นมองด้วยความเซ็ง ผิดกับทิมที่หัวเราะเสียงใส

“พอเลย พักบ้างเถอะ” คะน้าส่ายหน้าอย่างรวดเร็วแล้วตั้งท่าจะลุกหนี หากแต่วงแขนนั้นยังคงรั้งตัวเขาไว้จนแน่นชิด ลงท้ายเขาก็ได้แต่นอนอยู่แบบนั้น ทิมยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

“มีแฟนน่ารักมันก็ต้องกันไว้ก่อน”

คะน้าไม่คิดว่านั่นจะเป็นคำชมที่เหมาะสำหรับผู้ชาย นับตั้งแต่ผักกาด ทิม ตุล หรือแม้กระทั่งนัท เขาไม่เข้าใจว่าทำไมใครต่อใครก็ต่างชมเขาแบบนั้นแทนที่จะเป็นหล่อ หน้าตาดี หรือนิสัยดี “น่ารักบ้าอะไรวะ”

ทิมกระตุกมุมปากขึ้นแล้วระบายยิ้ม แล้วตอบคำถามที่หน่วงเวลาไปหลายนาที “เผื่อว่ายังรออย่างมีความหวังก็จะได้เลิกรอไง รวมทั้งไอ้เด็กนั่นที่ออฟฟิศด้วย ฝากไปบอกมันเลยว่าเลิกหวังไปได้เลย” เสียงทุ้มนั้นแม้จะเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แต่คะน้ารู้ว่านั่นถือเป็นคำเตือนชนิดที่ห้ามฝ่าฝืนของทิม

“แล้วตั้งสเตตัสเอง ตอบเองนี่เป็นอะไรมากไหม?” คะน้าซักอีกรอบ เจ้าของดวงตาที่จับจ้องมองที่เขาอยู่นั้นหัวเราะครื้นเครง ทิมดูจะไม่ได้ใส่ใจกับคำบ่นของเขา ฝ่ามือนั้นถูกยกขึ้นมาคลอเคลียใบหน้า นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ของทิมบีบปลายจมูกคะน้าเล่นอย่างเบามือ

“ใกล้เที่ยงแล้ว รีบลงไปข้างล่างกันเถอะ เดี๋ยวแม่จะรอ”

แม้ว่าอยากจะแย้งใส่ว่าที่ช้าแบบนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เมื่อนึกตรึกตรองดูให้ดีแล้วก็เป็นเขาเองที่ให้ความร่วมมือ(ตั้งสองยก) ตอนนี้คะน้าจึงทั้งหมดแรงและทั้งหิวจนแทบจะกินช้างได้เป็นตัวๆ เสียแล้ว หลังจากการอาบน้ำด้วยกันซึ่งนับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ห้ามฝ่าฝืนโดยเด็ดขาด ทิมผู้สารพัดประโยชน์ก็กลายเป็นช่างผมประจำตัวที่ทำหน้าที่ทั้งเช็ดหัว ทั้งเป่าผมของเขาให้แห้ง คิดดูแล้วก็นับว่าคุ้มใช้ได้ เพราะแม้ว่าคะน้าจะต้องทำแบบเดียวกันคืนให้ แต่ผมของทิมนั้นสั้นและจัดเป็นทรงได้ง่ายกว่าเขาอยู่มากทีเดียว

ธรรมเนียมอีกอย่างที่กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทุกวันหยุดสุดสับดาห์คือการที่ผักกาดจะแวะมาทานอาหารด้วยกันกับที่บ้านของทิม วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนจัด ไม่มีแม้แต่ลมที่ปกติจะพัดบรรเทาไอร้อนจากแดดลงไปได้ สิ่งเดียวที่ทำให้บ้านหลังเล็กๆ นี้ยังร่มรื่นได้ก็คือไม้ใหญ่ที่แผ่กำแพงสีเขียวปกคลุมบ้านเกือบทั้งบริเวณให้ร่มรื่นแม้ในยามที่แสงแดดแผดเผาเช่นนี้ก็ตาม

เป็นเวลาหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่คะน้าได้รู้จักกับคุณแม่ของทิม จนแล้วจนรอดเขาก็ยังเขินและไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้ารอยยิ้มที่แสนใจดีนั้น ยิ่งตอนที่อยู่ร่วมกันบนโต๊ะอาหาร คะน้าก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกับว่าความเขินที่มีเป็นเจ้าเรือนนั้น จะพอกพูนตัวเองขึ้นจนเขาได้แต่ก้มหน้างุดแล้วเขี่ยเม็ดข้าวราวกับจะนับเมล็ดทุกครั้งบนโต๊ะอาหาร

“คุณแม่ทานเยอะๆ นะคะ ผักนี่บำรุงดีมากเลยนะคะ” ผักกาดเป็นคนที่เข้ากับคุณแม่ของทิมได้อย่างเหลือเชื่อ และเป็นคนที่เรียกคุณแม่ของทิมว่า ‘คุณแม่’ ได้ราวกับเป็นแม่ลูกกันแท้ๆ ตามสายเลือด ผิดกับตัวเขาที่แม้จะผ่านมาเนิ่นนานแต่ก็ยังรู้สึกเขินอยู่ดี

จนมีอาหารถูกตักแล้ววางลงบนจานข้าวของเขา คะน้าค่อยๆ ไล่สายตาตามช้อนสีเงินไปจนพบกับรอยยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติของทิม ไม่มีสักครั้งที่ทิมจะเขินอายที่จะปกปิดสถานภาพที่เป็นอยู่ น่าจะเรียกได้ว่าตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำเพราะเจ้าตัวมักจะสร้างซีนหวานจนน้ำตาลยังต้องพ่ายแบบนี้ต่อหน้าผู้เป็นแม่และผักกาดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่มีอะไรให้เคอะเขิน เจ้าตัวยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ปล่อยให้คะน้ารู้สึกวูบร้อนบนใบหน้าอยู่เพียงลำพัง

บางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองเพราะคุณแม่หรือแม้แต่ผักกาดก็ดูจะไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย แต่ลูกผู้ชายที่ถูกดูแลด้วยผู้ชายด้วยกัน แถมผู้ชายคนนั้นยังอายุน้อยกว่านี่มันช่างยากเหลือเกินที่คะน้าจะทำใจ

“อาหารไม่ถูกปากหรือลูก” คุณแม่ของทิมเอ่ยคะน้าถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ป..เปล่าครับ อร่อยมากๆ เลยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นต้องทานเยอะๆ นะพ่อคะน้า เดี๋ยวตาทิมจะมาว่าแม่เอาว่าดูแลเราไม่ดี” คะน้ารีบเอ่ยปากขอบคุณทันทีที่คุณแม่ของทิมตักกับข้าววางจนบนจานเพิ่มให้อีกอย่าง เขาตักแกงเผ็ดเป็ดย่างขึ้นมาแล้ววางลงบนจานของคุณแม่ทิมบ้างเป็นการตอบแทน หญิงท้วมส่งยิ้มให้ คะน้าชอบรอยยิ้มนั้นมากจนไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร

“จริงๆ แล้วต่ายชอบอาหารที่ผมทำมากกว่าที่แม่ทำยังไงล่ะ ...ใช่ไหมจ๊ะ” ใช่กับผีแกสิ! มีหน้ามายักคิ้วระรื่นได้อีก ต่อหน้าคุณแม่ก็ยังไม่เว้น! หน้าด้านที่สุด!

“แน่ะ มีทำเขิน” ...เขินบ้าอะไรวะ!!!

คะน้าหันขวับไปมองแล้วถมึงตาใส่ ทิมยกไหล่ขึ้นแล้ววางช้อนส้อมของตัวเองลงบนจาน ร่างสูงที่สุดแสนจะยียวนโน้มตัวลงต่ำแล้วช้อนตาขึ้น ...สบตาของคะน้าที่ก้มหน้างุดอยู่แล้วเอ่ยคำกระซิบที่พอได้ยินกันแค่สองคน

“วางตัวไม่ถูกใช่ไหม ...หื้มมม?”

คะน้าชะงักในเสียงทุ้มที่อ่อนโยนซึ่งดูเหมือนจะเข้าใจในความรู้สึกของเขาได้อย่างเหลือเชื่อ ทิมผ่อนลมหายใจบางๆ ทั้งที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้ม ร่างสูงค่อยๆ ทรงตัวขึ้นแล้วขยับเก้าอี้ของตัวเองมาจนชิด เขยิบตัวมาเบียดจนแนบไปกับเขา ทิมยกวงแขนขึ้นวางบนหัวไหล่ของคะน้าแล้วโอบรั้งเข้ามาใกล้


“คิดมากไปได้ ...เราทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วไง”


(ยังเหลืออีกครึ่งครับ ต่อด้านล่างนะ)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 23-03-2013 00:01:01
(ตอนจบของตอนครับ)



คะน้ารับรู้ถึงแรงบีบเบาๆ บนหัวไหล่ ฝ่ามืออุ่นนั้นกำลังถ่ายทอดกำลังใจให้กับเขาด้วยความรู้สึกเข้าใจ ทิมไหวศีรษะตัวเองไปมา ยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มแบบที่ติดเป็นนิสัยก่อนจะใช้อีกมือดันจานข้าวของคะน้าไปไกลห่าง ทิมดันจานของตัวเองเข้ามาแทนที่ คะน้าจ้องมองจานข้าวตรงหน้าทันทีเหมือนรู้ชะตานับจากนี้ของตัวเองว่าจะเจอกับอะไร

เป็นจริงดั่งที่เขาคาดไว้ ทิมตักข้าวด้วยช้อนตัวเอง บนจานข้าวของตัวเองแล้วส่งป้อนเขา คะน้าเพิ่งรู้ว่ามืออีกข้างที่โอบตัวเขาอยู่ไม่ได้เพียงแต่ทำหน้าที่ส่งกำลังใจให้เท่านั้น หากแต่มันยังทำหน้าที่ล็อคตัวเขาไม่ให้หนีไปไหนพ้น

“ทานเยอะๆ นะครับ”

หากดวงตานั้นสื่อสารคำด่าทอได้ดั่งใจฝัน ทิมคงต้องเจ็บปวดไม่น้อยกับสายตาที่คะน้าคาดโทษให้ในตอนนี้ หากแต่ความเป็นจริงนั้นไม่ใช่ เจ้าตัวจึงดูจะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ เอาเสียเลย ทิมพยักหน้าเชิงบังคับให้เขาทานราวกับกำลังป้อนข้าวเด็กตัวน้อยที่ดื้อดึงไม่ยอมทานผักสีเขียว คะน้าถอนหายใจตัวเองหนักๆ แล้วเหลือบมองคุณแม่และผักกาด หญิงสาวต่างวัยสองคนยังคงคุยกันออกรสตามประสาผู้หญิงและไม่ได้คิดจะสนใจผู้ชายสองคนที่กำลังทำกิริยาที่สุดแสนจะประหลาดนี้แม้แต่น้อย

...เอาวะ ก็ให้มันจบๆ ไป

คะน้าโน้มหน้าลงแล้วทานข้าวจากบนช้อนของทิม อาหารยังให้รสชาติเหมือนเดิม ไม่ได้หวานขึ้นหรืออร่อยขึ้นแบบในนิยายโรแมนติก สิ่งเดียวที่แปลกไปคือความรู้สึกร้อนวาบๆ เหมือนกับโดนแดดเผาบนใบหน้า คะน้าหันไปยังต้นตอของสาเหตุดังกล่าวเพื่อส่งความนัยว่าหยุดทำอะไรบ้าๆ ที่น่าอายนี้สักที หากแต่ใครจะคาดคิดว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั้นจะเกิดปฏิกิริยาฉับพลันกับหัวใจของเขาโดยตรงถึงเพียงนี้ คะน้ารู้ตัวว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงแบบไม่รู้กาลเทศะ เขาพยายามแล้ว แต่บ่อยครั้งมันก็ยากเกินกว่าที่ตัวเองจะควบคุม

...ทิมกำลังยิ้ม ยิ้มทั้งริมฝีปาก และยิ้มทั้งดวงตา



“พี่แม่งน่ารักว่ะ”

เสียงกระซิบแผ่วข้างหูนั้นเหมือนกับคลื่นใต้น้ำทะเลที่ซัดซ้ำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย รวดเร็วและเกินสิ่งที่คะน้าคาดหวังหรือจินตนาการว่าจะได้ยิน ผลที่ตามมาจึงเป็นอาการอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงแบบกะทันหันของร่างกายตัวเอง คะน้าหายใจติดขัดเพราะรู้สึกว่าภายในร่างกายของตัวเองกำลังพองขยายออกด้วยความสุข แม้จะละสายตาจากแล้ว แต่คะน้าก็รู้ดีว่าทิมยังคงจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้นโดยไม่คิดจะขยับไปไหน

เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ดูเหมือนจะยาวนาน และเป็นช่วงเวลาที่เขาทั้งอยากจะประวิงไว้และอยากให้มันจบลง ทิมค่อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คะน้ารู้สึกถึงไออุ่นของลมหายใจที่มากระทบแก้ม กลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างกายทิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และสีแดงเรื่อของริมฝีปากที่เขาไม่อยากละสายตาจาก สีแดงนั้นกำลังใกล้เข้ามา...

...ใกล้เข้ามา



ทิมจูบเขาด้วยสัมผัสที่อ่อนหวานนุ่มนวลจนเขาเผลอไผลตอบรับทุกสัมผัสนั้นด้วยการบดตัวอย่างอ้อยอิ่งจากริมฝีปากตัวเอง จูบที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผ่าวร้อน และรสชาติอาหารที่แสนอร่อย อีกคำ ...และอีกคำ คะน้าเผลอเลียริมฝีปากของตัวเองทันทีที่สีแดงอุ่นๆ นั้นผละจาก คล้ายกับตัวเองเพิ่งได้ลิ้มลองสุดยอดแห่งรสชาติที่หวานล้ำกว่ารสใดๆ บนโลกนี้

เขาเห็นลิ้นสากๆ ของทิมนั้นกำลังปาดซับรสชาติที่ลึกล้ำบนริมฝีปากตัวเอง ก่อนที่ไรฟันสีขาวนั้นจะขบบนริมฝีปากล่างของตัวเองคล้ายกับพยายามอย่างหนักที่จะไม่กลับไปลิ้มรสชาติที่เพิ่งจากลาไปเมื่อวินาทีที่ผ่านมา สุดท้ายทิมก็แพ้พ่ายให้กับทิพยรสนั้น ริมฝีปากของทิมแนบตัวลงช้าๆ แล้วตักตวงทุกสิ่งตรงหน้าเหมือนไม่รู้จักพอ

“เอ่อ... นี่แม่จะต้องชินกับพวกนี้ให้ได้ใช่ไหมลูก”

คุณแม่ของทิมผ่อนลมหายใจพร้อมกับน้ำเสียงที่ดูสั่นไหวไม่น้อย สิ่งนั้นเรียกสติของคะน้าให้กลับคืนจนเขารีบดันตัวเองผละออกจากอ้อมแขนของอีกคนที่กำลังเบียดราวกับจะกลืนกิน ทิมชักสีหน้าขัดใจทันที คล้ายกับว่าเจ้าตัวนั้นยังไม่อิ่มเอมจากอาหารเลิศรสที่อยู่ตรงหน้า ขณะที่คะน้าก้มหน้านิ่งด้วยความกระดากละอาย ความเขินที่มีในตอนต้นมลายหายไปหมดพร้อมกับสิ่งที่อับอายยิ่งกว่า แม้ว่าจูบที่ลึกซึ้งและเนิ่นนานของทิมนั้นจะแทบทำให้เขาหลอมละลายก็ตาม

หากแต่คนที่คุณแม่พูดด้วยนั้น ไม่ใช่ตัวเขาหรือแม้แต่ลูกชายแท้ๆ ของตนเอง กลับกลายเป็นผักกาดที่เหยียดปากทำหน้าเฉยเมยพร้อมกับกินอาหารต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ค่ะ หนูแนะนำว่าคุณแม่ควรชินให้ได้ค่ะเพราะพอมีครั้งแรกแล้ว นับจากนี้ มันจะเกิดขึ้นบ่อยมาก แรกๆ หนูก็เป็นแบบคุณแม่นี่ล่ะค่ะ รู้สึกแปลกๆ แล้วก็ถามแบบนี้เลยค่ะ แต่เชื่อเถอะค่ะ พอหลังๆ คุณแม่จะเป็นเหมือนกับหนูที่วันไหนไม่ได้เห็นจะรู้สึกแปลกๆ เอาแทน” ผักกาดเอาส้อมจิ้มทอดมันเข้าปากแล้วเคี้ยวต่อเหมือนกับสิ่งที่เพิ่งเกิดไปเมื่อครู่นั้นไม่ต่างอะไรกับอากาศอันอบอ้าวของกรุงเทพ ...วันไหนเย็น วันนั้นสิแปลก!

คุณแม่ของทิมพยักหน้าตามคำพูดของหญิงสาวต่างวัยพลางคิดพิจารณา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาของคะน้าและลูกชายของตัวเองแล้วพินิจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง วินาทีต่อมาคุณแม่ก็ยิ้มให้ผู้ชายตัวโตๆ สองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
 
“นั่นสินะ” ว่าแล้วก็ผ่อนลมหายใจก่อนจะนั่งทานข้าวต่อเหมือนกับปลงแล้วซึ่งทุกสิ่งทางโลก

เล่นเอาคะน้าทำตัวไม่ถูก เขาไม่เคยเข้าใจตัวเองสักครั้ง กี่ครั้งกี่หนแล้วที่เขาเสียการควบคุมตัวเองลงอย่างง่ายดายเพราะคนๆ นี้ ...รักน่ะก็ใช่ แต่นี่มันเกินคำว่ารักไปไกลสุดโต่งแล้ว ใช้ชีวิตร่วมกัน ข้าวก็จานเดียวกัน ช้อนก็ช้อนเดียวกัน นอนก็เตียงเดียวกัน มันยังเหลืออะไรอีกไหมที่ยังไม่ใช้ร่วมกันเนี่ย!

อาหารกลางวันของวันหยุดสุดสัปดาห์นั้นผ่านไปอย่างทุลักทุเลพอสมควร คะน้ายังรู้สึกผิดกับตัวเองไม่หายที่เผลอไผลทำอะไรแบบนั้นไปต่อหน้าผู้ใหญ่ที่น่าเคารพแบบคุณแม่ทิม เมื่อได้จังหวะที่เหมาะเหม็ง คะน้าจึงรีบปราดเข้าไปขอโทษหญิงท้วมวัยกลางคนที่แสนจะใจดีด้วยความรู้สึกจากใจ

“ไม่เป็นไรหรอกลูก เห็นเจ้าทิมมีความสุข แม่เองก็ดีใจ” หญิงสาวผู้ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่าค่อนชีวิตตอบเขากลับพร้อมด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ก่อนหน้านี้ เจ้าทิมไม่ได้เป็นอย่างนี้เลย เด็กคนนั้นเหมือนกับคนที่ไม่มีความรู้สึก ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไม่เคยแม้แต่จะเสียใจหรือร้องไห้ อารมณ์เดียวที่แม่เห็นก็คือความเกรี้ยวกราด แม่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วลูกคะน้าทำอย่างไรเจ้าลูกชายของแม่ถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”

“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ที่เจ้าตัวก็คงจะไม่รู้ตัว ภายนอกใครๆ ก็คงจะมองว่าเจ้าทิมเป็นเด็กที่เพียบพร้อมไปทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเด็กคนนี้เป็นคนที่ขาดอย่างเหลือเชื่อ ...ลูกเองก็คงจะไม่รู้ตัวสินะว่าตัวตนของลูกนั้นค่อยๆ เติมสิ่งที่เด็กคนนั้นขาดไปทีละนิด” หญิงสาวผมสีดอกเลามองย้อนไปที่ลูกชายของตนเองที่กำลังนั่งหลับอยู่ที่ชิงช้านอกบ้าน

“เขาเป็นได้ทั้งผู้ใหญ่ที่ดี เอาการเอางานและเติบโตกว่าเด็กหนุ่มในวัยเดียวกัน แต่ในเวลาเดียวกัน ตัวตนอีกด้านก็ยังเป็นเหมือนเด็กขี้อ้อน ขี้ประจบออเซาะอย่างที่ลูกเห็น” คุณแม่ของทิ้มยิ้มบางๆ ริมฝีปากนั้นเจือไปด้วยความขบขันในตัวลูกชาย

“ก่อนหน้าที่จะได้พบกัน แม่คิดมาตลอดว่าพ่อคะน้าเป็นคนแบบไหน ทั้งสงสัย ทั้งอยากรู้ว่าใครกันทำให้เจ้าทิมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ คนที่ทนเด็กเจ้าอารมณ์แบบนี้ได้น่ะต้องเป็นคนที่ใจเย็นมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ และเข้าใจจิตใจคนอื่นเป็นอย่างมาก แม่เดาว่าก่อนหน้านี้พ่อคะน้าเองก็คงเจอฤทธิ์เดชเด็กคนนี้ไปไม่น้อย จนวันที่พบตัวจริงของพ่อคะน้า แม่ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าทิมจะกลับเป็นเด็กเอาแต่ใจและขี้อ้อนแบบนั้น” คะน้าได้แต่ยืนเก้อกับคำพูดของคุณแม่ทิม เขารู้สึกอยากจะโต้แย้งด้วยถ้อยคำต่างๆ นานา สาบานได้ว่าคะน้าไม่เคยคิดว่าตัวเองดูดีอะไรขนาดนั้นเลย

“เรากับพี่เราน่ะ แทบจะไม่ต่างกันเลย พูดตรงๆ ว่าคนแก่อย่างฉันอยากจะมีโอกาสได้เห็นคุณพ่อคุณแม่ของพ่อคะน้ากับหนูผักกาดจริงๆ อยากรู้ว่าดูแลลูกๆ อย่างไรถึงได้เติบโตเป็นเด็กที่น่ารักได้มากมายขนาดนี้ เพราะตัวแม่เองที่ผ่านมา ทำอะไรพวกนั้นไม่ได้เลย”

“ไม่จริงเลยครับคุณแม่ ไม่จริงเลย ตลอดเวลาที่ผมได้รู้จักกับทิมมา สิ่งที่ผมเห็นมาตลอดคือความมีน้ำใจ ความเสียสละโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ทิมทำดีไม่เคยเอาหน้า ทิมเติบโตขึ้นมาด้วยความรักและหัวใจที่เข้มแข็ง และผมทราบดีว่านั่นคือสิ่งที่ถ่ายทอดโดยตรงมาจากคุณแม่ครับ” คะน้าโอบกอดหญิงร่างท้วมตรงหน้าแนบแน่น ในหัวใจของผู้หญิงคนนี้อัดแน่นไปด้วยความเป็นแม่ที่เป็นผู้ให้อย่างแท้จริง คุณแม่ของทิมยกมือขึ้นลูบศีรษะของคะน้าเบาๆ ด้วยสัมผัสที่อ่อนโยน

“แม่ดีใจที่ได้พ่อคะน้าเป็นลูกชายอีกคนนะ”

คุณแม่ของทิมหอมที่ขมับของคะน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะหอมแก้มของหญิงสาวที่มีผมสีดอกเลากลับ เป็นการแลกเปลี่ยนความรักใคร่ที่มอบให้แก่กันและกันด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมล้นด้วยความหมายจากใจ

“อันที่จริง แม่เองก็อยากให้แฟนลูกเป็นคนแข็งแรงสักหน่อย เรียบร้อย แต่ไม่เหยาะแหยะหรือหยิบโหย่งแบบสาวๆ สมัยนี้ ใครจะไปคิดว่าเจ้าลูกตัวดีจะไปหามาให้ได้สมใจแม่ได้แบบนี้ พ่อคะน้าน่ะ จะว่าไปหน้าตาก็น่ารักเอาเรื่อง จะมีข้อเสียก็แค่อย่างเดียวที่ไม่มีหลานให้แม่อุ้มนี่ล่ะ” คะน้าหน้าแดง เขาได้แต่ยืนเกาหัวแกรกๆ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สุดท้ายก็ทำได้แค่มองดูหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่หัวเราะชอบใจอยู่ด้วยอาการเก้อๆ กระทั่งเสียงแหลมเล็กของพี่สาวดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต

“คุณแม่ก็รออุ้มลูกหนูแทนไงคะ หรือว่าคุณแม่จะเอ็นดูแต่เจ้าคะน้าจนลืมผักกาดไปแล้วเนี่ย” ผักกาดยิ้มร่ามาแต่ไกล หญิงสาวแสร้งทำอาการน้อยใจได้อย่างน่ารักน่าชังจนหญิงวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่มออกมา

“ไม่หรอกจ๊ะ แม่แค่แซวพ่อคะน้าเล่นๆ แต่ถ้าผักกาดจะมีหลานให้แม่อุ้มจริงๆ ก็ชื่นใจคนแก่อย่างฉันแล้วล่ะ” คุณแม่ของทิมหัวเราะขันทั้งแววตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความปิติยินดี

“งั้นให้นับเป็นว่าไม่มีข้อเสียได้ไหมคะ” ผักกาดต่อรองตามประสานักเจรจา(แบบมัดมือชก)

“ได้สิจ๊ะ ลูกผักกาด แถมแม่จะรับขวัญหลานให้เต็มที่เลยเชียว” แล้วทั้งสามก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน เสียงนั้นดังพอจะไปปลุกผู้ชายตัวสูงๆ ที่งีบกลางวันอยู่ที่ชิงช้านั่นได้อย่างทรงประสิทธิผล

“หัวเราะอะไรกันเสียงดัง ใช่สิ... ไอ้ทิมมันหัวเน่าแล้วล่ะสิ ไม่มีใครสนใจหรอก”

ทิมมุ่ยหน้าคล้ายกับเด็กตัวโตๆ ที่เอาแต่ใจ และก่อนที่เด็กโข่งจะน้อยใจไปมากกว่านี้ คุณแม่ ผักกาด หรือแม้แต่ตัวคะน้าเองก็รีบเดินไปประคบประหงมเด็กชายเอาแต่ใจอย่างรักใคร่ เริ่มจากเสียงตีดังเผี๊ยะจากฝ่ามือของผู้เป็นแม่ คำด่าอีกหลายกระบุงโกยจากผักกาด และฝ่ามือทั้งสองที่รัดคอของทิมจนหน้าดำหน้าแดง แน่นอนว่าอย่างหลังสุดนั้น อภินันทนาการจากคะน้าเอง

สิ่งเล็กๆ ที่ต่างฝ่ายต่างขาดหาย กลับค่อยๆ ถูกอีกฝ่ายเติมเต็มจนสมบูรณ์ บ้านกลายเป็นบ้านที่อบอุ่น ไม่ใช่เพียงแค่ที่พักอาศัยแบบที่ผ่านๆ มา และครอบครัวก็กลายเป็นครอบครัวสมบูรณ์จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่มีสมาชิกที่เกี่ยวพันกันด้วยสายเลือด คะน้ากำลังสร้างครอบครัวใหม่ที่สมาชิกทุกคนของครอบครัวเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง...ด้วยใจ

อากาศยามบ่ายที่ร้อนอบอ้าว ทว่าสี่ชีวิตที่ยืนอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ นี้กลับรู้สึกอบอุ่น


...เป็นความอบอุ่นที่ส่งไปถึงหัวใจทุกๆ ดวง



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รู้สึกว่าทิมกวนส้นมากกกกกกกก... บอกตรงๆ ว่าแอบสงสารตุล ซวยมาก 555555555
ถือเป็นปกติที่หลังจากเรื่องร้ายแล้ว คนเราก็จะเริ่มนับหนึ่งกับวันพรุ่งนี้ใหม่ใช่ไหมนะ
ตอนนี้เลยว่ากันด้วย จุดเริ่มต้น ของคำว่า บ้าน ที่ลึกๆ แล้วเป็นสิ่งที่ตัวละครทั้งสี่ใฝ่ฝันนั่นล่ะ
เลยเป็นที่มาของตอนพิเศษที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันเล่นๆ ให้พอหายคิดถึงกันเนอะ

แอบส่งข่าวนิดหน่อยสำหรับคนที่จะซื้อเก็บเป็นที่ระลึกนะครับ
คาดว่าคงเริ่มเปิดให้จองช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคมเป็นต้นไป
ในเล่มก็จะมีตอนพิเศษอื่นๆ ที่ให้เป็นที่ระลึกไว้ให้ได้อ่านเล่นๆ กันอีก
เดี๋ยวใกล้ๆ จะส่งข่าวให้ทราบกันอีกทีนะครับ ขอบคุณมากครับ
+1 สำหรับทุกๆ คอมเมนต์เลย ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: devotionNightmare ที่ 23-03-2013 00:24:51
อ่านแล้วมีความสุขมากกกก
สงสารตุลอ่ะ ถึงกับอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว 55555
ตุลก็ยังอุตสาห์ตอบเนาะ เป็นคนดีจริงๆ
ว่าแต่ทิมนายจะหื่นไปไหนเนี่ย ทุกวันวันละ 5-6 รอบเลย
สงสารน้องต่ายบ้างเหอะ เดี๋ยวจะช้ำในตายซะก่อน

ปล.จะรอสั่งหนังสือนะคะ เตรียมตังๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: bebe ที่ 23-03-2013 00:27:03
น่ารักมากกอ่านไปยิ้มไป ทิมกวนมากก ทั่งเมล ทั้งเฟช 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 23-03-2013 00:29:06
เป็นตอนพิเศษที่พิเศษสุดยอดเลยค่ะ  o13
อ่านแล้วมีความสุขมากกกกกกก
ยิ้มไปกับครอบครัวของคะน้ากับทิม
รอวันเปิดจองนะคะ
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 23-03-2013 00:39:03
เย้~ ในที่สุดก็ได้อ่านตอนพิเศษสักที ><
ทิมในตอนนี้ นอกจากจะกวนมากแล้ว ยังหื่นมากอีกด้วย
นี่ทิมเปลี่ยนอาชีพมาทำฟารืมคะน้าแล้วสินะคะ
รดน้ำคะน้าทุกวันขนาดนี้ 555555

แต่ๆตอนนี้ทำให้ได้เห็นทิมในมุมเด็กเจ้า้ล่หืแล้วก็น่ารักดีเหมือนกันนะคะ
คะน้าเนี่ยเหมือนจะไม่พอใจแต่ทำอะไรทิมไม่ได้เลยนะ
แพ้รอยยิ้มทิมซะแล้ว 555
เค้ารอจองหนังสืออยู่นะคะ อย่าลืมนะคะ ตอนพิเศษ @10 ตอน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-03-2013 00:48:31
เย่
ตอนพิเศษแบบนี้ค่อยรู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้นมาหน่อย
ทิมกวนมาก แต่แอบรู้สึกว่านิสัยเหมือนคนเขียน
เอ๊ะ หรือคิดไปเอง ไม่หรอกมั้ง เหมือนจริงๆ 555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 23-03-2013 00:59:11
 :angry2: ทิมนะทิม ไปเขียนเมลแกล้งตุลอย่างนั้นได้ไงอ่ะ สงสารหมอตุล
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: NuengKung ที่ 23-03-2013 01:20:28
Special part สุดยอด !!!!  o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 23-03-2013 01:21:29
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

อิบ้าทิม 55555555555555  :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: beery25 ที่ 23-03-2013 01:39:35
 :กอด1: :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 23-03-2013 02:38:26
ดีใจที่คุณ Lucea กลับมาอัพตอนพิเศษให้อ่านค่ะ :)

ถ้าชอบบุคลิกแบบตุล เราว่าเรื่องหน้าเขียนเรื่องของตุลบ้างสิคะ เราว่าเพื่อน ๆ ก็อยากรู้นะว่าตุลจะเป็นไงต่อไปหลังจากนี้ จะสมหวังบ้างมั้ยหนอ? ^^

+เป็ดให้นะคะ  o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: inpurplethief ที่ 23-03-2013 05:22:24
อีทิมมมมมมมมมมมมมม
แกนี่มันร้ายจริงๆ ทำร้ายคู่แข่งได้แสบมาก

แต่คะน้านี่ยังไง จับhackerได้ แต่ตัวเองเสร็จโจรอีก

สงสารหมอตุล
ต้องตอบคำถามใจสลายแบบนี้
แต่หมอออกจะฉลาด รู้จักทั้งทิมและคะน้า
หวังว่าจะรู้ตัว เร็วๆนี้
ทิมนี่มัน ร้ายยยยยยเหลือ

ดีใจกับผักกาดได้แม่ใหม่
ดีใจกับแม่ทิมที่ได้ลูกน่ารักตั้ง 3 คน

ขอบคุณคนเขียน ที่แต่งเรื่องสนุกๆให้อ่าน
นิยายจบไปหงอยมาก
รอเรื่องใหม่นะ คราวนี้จะเชียร์charactorแบบตุลบ้าง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 23-03-2013 07:40:59
บรรยากาศอย่างนี้ล่ะค่ะที่อยากได้ อบอุ่นทุกหัวใจและได้เห็น
ตัวตนที่แท้จริงของทิม (เพราะเราไม่ชอบดราม่า...)

แต่ตอนแรกที่อ่าน เอ้ย! คะน้ากล้าเขียนไปถามหมอตุลเรื่องอย่างนี้ด้วยหรือ
แต่พออ่านๆไป 55 ไม่ใช่ละ พ่อตัวดีนี่เอง ^^
 
และยังคงชอบผักกาดมากๆเหมือนเดิมค่ะ พี่สาวที่แสนดีและเข้าใจน้องชาย
และ ... ยังคงไม่ชอบบุคลิกแบบหมอตุลเช่นเดิม (อาจจะไม่เหมือนคนอ่านอีก
หลายคนที่ชอบคุณหมอนะคะ) คุณแม่ของทิมใจดี น่ารักมีเหตุผลสมเป็นแม่ของทิม

เต็มอิ่มกับเรื่องนี้ของคุณLuceaแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆน่าอ่านแบบนี้
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ  :กอด1:



หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: libra82 ที่ 23-03-2013 07:57:13
สงสารตุลย์ เมลล์ที่ส่งไปนั่นเอาไปเย้ยซินะ ไอ้โรคจิตทิม!!  :m16:
แต่เพราะคะน้าน่ารักใครก็หวง อัพรูปลงเฟซด้วยฮาได้อีก อ่านไปยิ้มไป
น่ารักค่ะ ใจจริงอยากให้ตุลย์มีคู่สงสารคนดีไม่มีที่อยู่ หาเด็กปู้จายน่ารักๆ ไปสังเวยคุณหมอหนุ่มใจดีหน่อยนะคะ
รอตอนพิเศษ พิเศษมาก และพิเศษสุดๆ ไปเรื่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 23-03-2013 08:11:41
อ่านไปได้ไม่กี่ตอน แต่ก็สนุกมากค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 23-03-2013 08:23:19
เกือบไปเม้นท์คั่นแล้วเมื่อคืน  ดีที่ลบก่อน
เห็นแต่หลับ ลืมอ่าน  เพิ่งตื่นมาอ่านค่ะ  :laugh:

หวานได้ใจมวกๆ   o13  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: hongyia ที่ 23-03-2013 08:29:44
เฮ้ย! มดขึ้นกระทู้นี้เต็มไปหมดเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Zinub ที่ 23-03-2013 10:58:37
แหมเจ้าทิมนี่มันร้ายจริงๆ o12(แต่! :m4: ช๊อบชอบ!!!)

ตัวเองได้เปรียบอยู่ใกล้นู๋ต่ายแค่เอื้อม :haun5: ยังไม่วายไปแกล้งคนอยู่ไกล

ขอบคุณ คุณLucea มากนะคะที่มาต่อตอนพิเศษให้หายคิดถึง :กอด1:

คิดถึงจริงๆค่ะ :undecided:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 23-03-2013 11:20:13
ฮาพี่ทิมจริง ๆ โคตรกวนอ่ะ
ตุลก็ยังไปหาคำตอบมาให้อีก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 23-03-2013 11:50:06
ตอนพิเศษให้ความรู้สึกอิ่มเอมมาก ๆ ถึงแม้จะรู้สึกสงสารตุลมาก ๆ เช่นกันก็เถอะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: RGB.__ ที่ 23-03-2013 11:51:33
ตุลซวยเลย5555555555555555555
ตอนนี้น่ารักมาก อบอุ่น พ่อ แม่ ลูก ลูกสะใภ้ (?) พี่สะใภ้
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-03-2013 14:12:34
บังเอิญเปิดมาเจอ อยากกรี๊ดมาก ดีใจค่ะ เป็นตอนพิเศษที่น่ารักมากเลย เติมเต็มฝุดๆ
ช่วงแรกแบบจะบ้าตายว่าคะ้น้าไปเขียนถามคุณหมออะไรอย่างนี้ ตาทิมนี่ร้อนแรงสุด ๆ
พอเห็นลงท้ายหมอตุลย์ยิ่งตกใจ เฮ้ย คะน้าไปถามหมอตุลย์ได้ไงฟระ ที่ไหนได้เป็นฝืมือตาทิม โคตรกร๊ากอ่ะ  :m20:
แสบมากที่สุดตาคนนี้ เค้ารักเค้าหวงของเค้า ยิ่งในเฟซยิ่งหา ตั้งสเตตัสเองตอบเองนี่เป็นอะไรมากมั้ย ทิมสุด ๆ อ่ะ
แต่ก็โคตรน่ารักเลยนะ กันท่าทุกคนที่จะเข้ามา ดับฝันกันเลยทีเีดียว รู้เรื่องน้องนัทที่ออฟฟิศด้วยเว้ย
คะน้าพลาดแล้วที่เปลี่ยนพาสเวิร์ดตาม

ที่โต๊ะกินข้าวนั่นมันอาไร๊ หวานเกิ้น หวานไปไหน เกรงใจประชาชีบ้าง ตาทิมทำให้คะน้าไร้การควบคุมตัวเองแบบนี้ตัลหลอด
เห็นแก่หน้าพี่คะน้าบ้างไรบ้าง คุณแม่ต้องชินนะคะจุดนี้ เพราะลูกชายคุณแม่คงไม่หยุดทำค่ะ พี่ผักกาดกับคุณแม่ก็เข้่ากันได้ดี
กลายเป็นลูกคนใหม่ไปแล้ว ครอบครัวอบอุ่นสุด ๆ คนอ่านก็มีความสุขค่ะ

p.s สงสารหมอตุลย์จุงเลย อ่านหนังส่งหนังสือไม่รู้เรื่องแล้วนั่น (อยากเห็นจดหมายที่เขียนไปถามชะมัด
ทิมคงบรรยายซะหมดเปลือก เฮ้อ อายแทนคะน้าฟร่ะค่ะ)

ขอบคุณค่ะ อยากอ่านอีก แฮ่ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ปี้ปี้ปี้~PalmY ที่ 23-03-2013 14:25:51
หลั่งเอง จีสปอต

มันคืออะไรรร ไอ้ทิมมม โหดร้ายมาก ทำกับคะน้าแบบนี้

แล้วเหมือนคนบ้าอะ เล่นเฟสด้วยตัวเอง โต้ตอบเอง

หึงโหดดดด !!



คุณแม่ TT ซึ้ง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 23-03-2013 20:19:28
ทิมน่ารักไปนะ มีไปแกล้งตุลดด้วย

ฮาสุดคือโพสเองตอบเองบนเฟสบุ๊ค

ตุลคงอึ้งไปเลยอ่ะ น่าสงสาร

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 23-03-2013 22:32:40
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 24-03-2013 00:27:17
ทิมมันร้าย 
น่าสงสารหมอสุดๆ ดันมีคดีกับคนกวนตีนแบบนี้ กระอักเลือดไปเลย
ลองดูที่เซนท์ไอเท็มซิคะน้า ทิมมันว่าไงบ้าง เมลฉบับนั้น  ช่วยลงชื่อเซ็นกำกับไปด้วยว่าสำเนาถูกต้อง cc มาทางเราให้อ่านหน่อย 555555
แต่ชอบจริงๆนะ ดูเป็นบ้านดี แต่อะไร๊ ทำอะไรไม่แคร์สื่อเลยทิมมี่ขี้หมา -_- อิจฉา  บอกเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: พิรุณสีเงิน ที่ 24-03-2013 01:26:35
ตุลย์ที่น่าสงสาร ไม่อยากจะนึกหน้าตุลย์ตอนอ่านเมลล์ฉบับนั้นเลย   :a5: :a5: :a5:
เป็นเรา เราก็ช็อกอ่ะ แบบว่าต่ายซังเอาเรื่องอะไรมาปรึกษากัน
แต่ตุลย์ก็ดี๊ดีเนอะ ตอบซะละเอียดเชียว มามะมาให้เรากอดคลายหนาวเร็วคะคุณหมอ  :กอด1:

ส่วนอิพี่ทิม เอิ่มมมมม รู้สึกนับวันจะยิ่งกวน...ขึ้นเรื่อยๆนะคะ
มีการไปตั้งสถานะเอง ตอบเอง ฟินเอง(รึเปล่า) ฮ่าฮ่า

ส่วน :กอด1: :กอด1: ให้คุณแม่ให้พี่ผักกาด และที่สำคัญคนเขียนด้วยนะคะ >W<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: candynosugar+ ที่ 24-03-2013 01:47:41
ตุล..  :z3: :serius2: :angry2: :m31: :fire:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.1 (หน้าที่ 26) - Dec 9, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 14:03:25
เพิ่งจะตามมาอ่านเรื่องนี้ค่าาาา ขอบอกว่าสนุกมาก เป็นเรื่องที่คาดเดาตอนต่อๆไปไม่ค่อยได้เลย
ที่สำคัญ....ชื่อพี่สาวของคะน้าเหมือนชื่อหนูเลย >//////////< ผักกาดตัวจริงอยู่นี่ >.<)/ 555555
แล้วก็หนุโบกธงเชียร์พี่ทิมมาโดยตลอดค่ะ ;w; ไม่รู้สิ ตั้งแต่เริ่มเรื่องเลย รู้สึกว่าทิมคือคนที่ใช่
ส่วนพี่หมอคุล เขาดูคาแรคเตอร์เป็นพระรองมากค่ะ -..-
ขนาดตอนนี้ยังไม่เชื่อเลยว่าเป็นหมอตุล คิดว่าน่าจะเป็นทิมย่องเบาเข้ามาตอดคะน้าซะมากกว่า #ก็ยังคิดไปได้
ตามต่อค่ะๆๆๆ =w=
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 17.2 (หน้าที่ 27) - Dec 11, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 14:28:14
ตอนนี้เจ๊ผักกาดเป็นนางเอก  :laugh:
แต่เจ๊ทำหน่วงมากเลยค่ะ ;__________; คำสอนเจ๊ดีมากเลยนะแต่มาหน่วงตอนจบซะได้
บางทีก็สงสารคะน้าเหมือนกันที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เลือกทางไหนก็ดูผิดที่ผิดทางไปหมด
มันจะหน่วงอีกแป๊บ สองแป๊บ สามแป๊บ สี่แป็บ ห้าแป๊บอย่างที่คุณคนเขียนบอกจริงเหรอคะ
หนูว่ามันเกิดห้าแป๊บแล้วล่ะค่ะ ;w;
สงสารคะน้า สงสารทิมด้วย หมอตุลก็น่าสงสารที่มองอะไรๆออกแล้วเลือกจะพูดออกไป ซึ่งพูดโดนใจมาก อะฮรึกกก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 18 (หน้าที่ 27) - Dec 24, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 14:47:02
พี่ทิม(ของหนู) #มันช่างกล้า หอบดอกไม้มาฝากใครคะ? = =
คิดไปก็มีแต่จะปวดหัว ตอนนี้หน่วงสุดใจเลยค่ะคุณพี่คนเขียนที่รักยิ่งของน้อง #มันกล้าอีกแล้ว
ตอนหน้าอาจจะยุติทุกอย่างที่ยุ่งเหยิงลง...รึเปล่า?
อ่า ไปหาเพลงหน่วงฟังแก้หน่วงดีกว่าค่ะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 19 (หน้าที่ 28) - Jan 8, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 15:05:37
เถื่อนพอกันทั้งคู่ค่ะ  :a5:
บางทีก็คิดว่าคะน้าคิดเยอะไปมั้ย เรายังไม่เห็นคิดอะไรมากเลย ทิมคงทำไปงั้นๆแหละ ไอ้รอยที่คอน่ะ #หรือฉันคิดน้อยไปเอง = ="
ใกล้แล้วสินะคะ ใกล้จะเลิกหน่วงกันได้แล้ว หรือเปล่า?
ตามอ่านต่อไปจ้าาา
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 24-03-2013 15:07:38
ถ้าถึงช่วงนั้นแล้วก็ใกล้หมดแล้วครับ แล้วก็จะเป็นช่วงอ่านสบายๆ แล้วล่ะครับ
แนะนำว่าอ่านให้ถึงตอน 22 ให้ได้นะครับ ฟีดแบ็กค่อนข้างดีทีเดียว 5555
แต่หลังๆ จะเนื้อหาหนักๆ หน่วงๆ สักหน่อยนะครับ ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่ยังแวะมาอ่านมาทักทายกันนะครับ +1 ให้กับทุกคนนะครับ :o8:

ปล. สำหรับใครที่ร้องเรียกจดหมายที่ทิมส่งไปหาหมอตุล คงแต่งลงไม่ไหวนะครับ
อุจาดเกิ้น สงสารคะน้า สงสารคุณหมอกันบ้างสิ อารายก๊านนนนน 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 20 (หน้าที่ 29) - Jan 17, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 15:21:14
คิดไว้ไม่ผิดจริงๆว่าตอนที่หมอตุลแอบจุ๊บคะน้า ผักกาดต้องมาเห็นแน่ๆ
ผักกาดถือเป็นพี่ที่รักน้องมากจริงๆ เป็นห่วงทุกอย่าง ไอ้เรามันก็ลูกคนเดียว ฟีลแบบนี้ไม่ค่อยจะเกิดเลยค่ะ  :เฮ้อ:
พี่ทิมของน้องนี่...เอาใจไปเต็มๆเลยค่ะ ชอบคนแบบนี้มากเลยนะ เป็นคนตรงๆ พุ่งชนเข้าใส่ปัยหาแบบไม่กลัว เจ๋งนะคนแบบนี้
ตอนหน้าหมอตุลจะโผล่มาซึมต่อมั้ยคะเนี่ย =..= 55555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 21 (หน้าที่ 29) - Jan 19, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 15:48:34
คะน้าก็ยังคงเป็นคะน้าผู้คิดเยอะอยู่วันยังค่ำ  :z3:
ว่าแต่อยากทานคาโบนาร่าฝีมือพี่ทิมของน้องบ้างจัง  o18
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 24-03-2013 15:59:37
กว่าจะลงเอยด้วยดี ร้องไห้สงสารคะน้าไปหลายรอบ มึนกับการกระทำของทิมก็หลายครั้ง
ขอบคุณนะค้าที่เชื่อใจและรอคอยทิม ทั้งที่ไม่เห็นความหวังใดๆ แค่ความเชื่อลึกๆ จากใจตัวเอง แล้วกระต่ายตัวนี้ก็ไม่เดียวดายอีกต่อไป

ขอบคุณคนแต่ง แต่งเรื่องนี้ได้ดี ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งฮา ครบรสจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 22 (หน้าที่ 30) - Jan 24, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 16:19:38
........................... #กินจุดและตามด้วยเลือดหมดตัว  :jul1:
โอ๊ยตายยยยยยยยย พี่ทิมของน้องช่างเป็นคนที่ออดอ้อนไปพร้อมๆกับเอาแต่ใจอะไรเช่นนี้ กรี๊ดดดดดดดด
อะไรไม่รู้ แต่ฉากเอ็นซ๊ของคุณพี่คนเขียนนี้มันไม่มีคำไหนที่ดูโป๊เปลือยหรือดูจะๆ โบ้มๆ มากเกินไป #ศัพท์อะไรของมัน
แต่หนูขอบอกว่าเป็นเอ็นซีที่น่าอ่านมาก น่าติดตามมาก และทำให้เขินมากจนไม่กล้าอ่านต่อ >/////////////<
มันเขินมากจริงๆค่ะ ไม่โป๊เลยนะแต่มันวาบหวามมาก นี่แหละค่ะอาร์ตของจริง!
คะน้า..... :กอด1: อย่าเพิ่งละลายล่ะ แอร๊ยยยยยยยยย =w=
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 16:27:31
ถ้าถึงช่วงนั้นแล้วก็ใกล้หมดแล้วครับ แล้วก็จะเป็นช่วงอ่านสบายๆ แล้วล่ะครับ
แนะนำว่าอ่านให้ถึงตอน 22 ให้ได้นะครับ ฟีดแบ็กค่อนข้างดีทีเดียว 5555
แต่หลังๆ จะเนื้อหาหนักๆ หน่วงๆ สักหน่อยนะครับ ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ

ขอบคุณทุกคนที่ยังแวะมาอ่านมาทักทายกันนะครับ +1 ให้กับทุกคนนะครับ :o8:

ปล. สำหรับใครที่ร้องเรียกจดหมายที่ทิมส่งไปหาหมอตุล คงแต่งลงไม่ไหวนะครับ
อุจาดเกิ้น สงสารคะน้า สงสารคุณหมอกันบ้างสิ อารายก๊านนนนน 5555

พี่คนเขียนคะ...ก่อนหน้านี้ก็หน่วงแล้วนะคะ ถ้าหลังๆนี้จะหน่วงๆอีก น้องผักกาดขอไปนั่งกุมขมับกับพี่ผักกาดทำใจก่อนสักครู่นะคะ
;w;
ปล. ชอบตอนที่ 22 มากจริงๆค่ะ สไตล์การเขียนแบบนี้ชอบมากๆ ขอกอดหนึ่งทีนะคะนะ  :กอด1:  :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ทิมกับตอนพิเศษ (Reversal) - Jan 26, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: _P2daG ที่ 24-03-2013 16:58:20
พี่ชาย....ถ้าฉันเป็นทิมฉันก็จะไม่ทนนะ  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
คะน้าาาาาาาาาาาาาาาาาา นั่นตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ ดูท่าทางทั้งอ้วนทั้งยั่วในที กรี๊ดดดดดด
อย่าหวังว่าคืนนี้จะรอดฉันไปได้เลย #เดี๋ยวนะอินเกินไป -////////-
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทิมถึงคลั่งได้ขนาดนี้
อย่างที่เคยบอกไป....พอกันทั้งคู่ในแทบทุกเรื่องจริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ
พี่ทิมของน้องก็เลิกซึนทุกสถาบันได้แล้วนะคะ   :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AB^Ton^ ที่ 24-03-2013 17:53:59
คะน้า + ทิม + ผักกาด + คุณแม่
น่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ||toxic-love|| ที่ 25-03-2013 05:30:45
สนุกมากกกกกกกกกกกกก
อยากอ่านตอนพิเศษอีกคับผม
>///<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: loverken ที่ 25-03-2013 11:18:52
 :mc4:
อ่านแล้วอบอุ่นคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 25-03-2013 13:32:15
สนุกมากๆค่ะ ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องนึกว่าคงเป็นเรื่องของนายเอกผู้เป็นโรคซึมเศร้า เหงาหงอย อ่านแล้วคงน้ำตานอง
ที่ไหนได้ มีหนุ่มหล่อสองคนสองสไตล์มารุมจีบ(่เราเชียร์ทั้งคู่ อิอิ) มีเจ้ผักกาดผู้ห้าวหาญคอยช่วยเหลือ
มีจันทูมาเขย่าพุงให้ขำ (สุดท้ายกลายเป็นทอม รักกับสายใจอีก ตะลึงเลย ฮามากด้วย) :laugh:
มีความลับให้ลุ้น มีบทบู๊แอคชั่น มีมุกตลกฮาๆ มีฉากหวานซึ้งประทับใจ ครบรสจริงๆ o13
เสียดายแต่แผนการโปรโมทตลาดของเจ้ ที่จะเรียกสาววายยังไม่ได้ทำ เลยไม่รู้ผลจะเป็นไง
 
ตอนพิเศษ  เปิดตัวมาอย่างกับคอลัมน์หมอนพพร ที่แท้หมอตุลโดนหลอกนี่เอง เหอๆ
สงสารหมออ่ะ โถๆๆ ไม่ได้เป็นแฟน ยังต้องมารับรู้ว่าเขาจึ๋ยๆกะคนอื่นมากมายแค่ไหน
นี่ยังไม่รู้นะว่าทิมเมล์ไปเล่า(สะตอ)อะไรหมออีกบ้าง คาดว่าคงมีรายละเอียดอีกมากที่ทำหมอระกำช้ำใจ :monkeysad:
ไม่เพียงเท่านั้น อีตาทิมยังแผลงฤทธิ์กันท่าไปทั่วทุกช่องทาง หุๆ หมั่นไส้ค่ะ แต่ก็น่าปลื้มแทนคะน้าอยู่เนาะ ^^
แม่ก็รักและเอ็นดูคะน้าดี เจ้ผักกาดก็ยังแวะเวียนมาเยี่ยม อ่านแล้วแฮปปี้จริงๆ :กอด1:

บวกๆ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: EverGreen™ ที่ 25-03-2013 16:05:30
ทิมมันร้ายยยยยยยยยยยยย

 :ped144:

สงสารหมอตุล

 o6

ขำเฟซบุ๊คอะ แกเป็นอะไรมากป่ะทิม  :laugh:

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: shibuya ที่ 25-03-2013 19:18:15
 :กอด1: :กอด1:

บังเอิญเปิดมาเจอ  ดีใจมากกก ตอนพิเศษมาแล้ว...เย้ๆ

นั่งอ่านจบมาได้ประมาณอาทิตย์กว่าๆ เปิดเข้ามาอีกที เห็นตอนพิเศษ ครอบครัวสุขสัตน์

จบแบบนี้...แหม่ชื่นใจมากๆ ค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunamicky ที่ 26-03-2013 07:53:47
ขอบคุณนักเขียนสำหรับตอนพิเศษหวานๆ ค่ะ :pig4:
สงสารตุลย์เหมือนกันนะ คงคิดว่าทำไมคะน้าถึงเปิดเผยได้มากขนาดนี้
แต่ด้วยความห่วงใยก็อุตส่าห์ส่งคำแนะนำมาให้ อ่านแล้วอย่างฮา :m20:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 26-03-2013 11:41:03
ไม่ว่ายังไงก็ชอบทิมอยู่ดี ยิ่งอ่านตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่าทิมน่าสงสารสมควรแล้วที่ได้ต่ายน้อยมาปลอบใจ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ น่ารักๆของทิมนะฮะ
อ่านมาจนจบ หวานออกขมมาตลอด เพิ่งรู้สึกว่าหวานจริงๆเอาก็ตอนนี้แหละ 555+
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: fullmoonny ที่ 26-03-2013 17:00:55
เย้ๆ ตอนพิเศษ ><
รู้สึกทิมกวนทีนมากกว่าเดิมหลายเท่า
แถมชอบแกล้งคะน้าได้น่าปวดหัวมาก 5555555555

อยากอ่านตอนพิเศษหมอตุลอ่า แบบๆหมอจะมีคู่บ้างมั๊ย~
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: เมฆาสีน้ำเงิน ที่ 26-03-2013 19:37:35
ผมคงจะแหวกแนวสินะ ถ้าอยากอ่านฉาก nc ทิมตุลย์ อะ
กร๊ากกกกกกกกก
ปล.ชอบตอนที่แอบตั้งสเตตัส คือแบบมันน่ารักนะ กร๊ากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Sye.B ที่ 26-03-2013 22:24:05
ขอสารภาพบาปค่ะว่าตามเข้ามาอ่านเพราะชื่อเรื่อง .. แต่ไม่ผิดหวังเลยนะคะ!!
เรื่องนี้มีทุกอารมณ์เลย บางตอนก็อ่านไปเขินไป อยากเป็นคะน้าบ้างล่ะ อยากกระทืบทิมก็มีบ่อยนะคะ
แต่เราติดใจจันทู เอ่อ.. เจมส์ มากจริงๆนะ เราชอบมากเลยค่ะ
พูดถึงเจมส์ เราก็คิดถึงสติ๊กเกอร์ในไลน์ ... จันทูไม่ใช่แบบนั้นใช่มั้ยคะ!! ฮ่าๆๆ (แต่เราชอบเจมส์มากเลยนะ ขอบอกกก)

ตั้งแต่ตอนแรกที่อ่านเราก็รู้สึกอิจฉาและอยากเป็นคะน้ามาตลอด!! คุณ Lucea ทำให้เราเป็นคนขี้อิจฉานะคะ เราจะฟ้องหมอตุล อิอิ
ตามลุ้นตาทิมมาตลอด อยากฆ่ามากค่ะพูดตามตรง! แต่ชอบนะคะ เวลาที่ตาทิมอยู่กับน้องต่าย ตาทิมเป็นอีกคนที่เราเข้าไม่ถึงจริงๆ
คิดไม่ถึงด้วยว่าตาทิมจะทำอะไรน่ารักๆกับคนอื่นก็เป็น คือ หมั่นไส้มากเรื่องส่งเมลล์ ละก็เรื่องสเตตัสเฟสบุ๊ค ไม่ไหวมากกกกก บางทีทิมก็เกรียนไม่ใช่น้อย
แต่....เรื่องหื่นนี่สุดๆเลยนะตาคนนี้ ต้องยอมเค้าจริงๆ สงสารคะน้าจุงเบยยย

ชอบมากเลยเวลาตาทิมให้คะน้าเรียกตัวเองว่า "พี่" เค้าฟินมากกกกกก มันละมุ๊นนนนละมุน

รวมเล่มเถอะน้าา เค้าอยากมีพี่ตุลไว้ในอ้อมกอด (เกี่ยว?)

เราจะติดตามผลงานคุณ Lucea นะคะ
ขอบคุณมากจริงๆที่เขียนนิยายเด็ดดวงอย่างนี้มาให้เราเชยชมม~ (ดูใช้คำ...เสร่อเนาะ)

รักจุงเบยยย*
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 27-03-2013 00:17:30
อ่านตอนเริ่มตกใจ คะน้าอ่ะนะที่ถามตุลแบบนั้น แต่พอรู้ว่าเป็นทิมก็เข้าใจ...เข้าใจ
ขอให้เป็นนครอบครัวที่มีความสุขมากมายนะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: kareepup ที่ 27-03-2013 05:01:06
แวะมาเม้นให้กำลังใจคนเขียน นิยายสนุกมากคับ
ทั้งหัวเราะทั้งร้องไห้ เขินมากจนน้ำลายไหลตอนเข้าด้ายเข้าเข็มกันของคู่พระคู่นาย
พอให้กำลังใจเสร็จ ก็ต้องขอบคุณคนเขียนที่เขียนนิยายดีๆมาแบ่งปัน ทำให้คนๆนึงมีความสุขมากมาย
ขอบคุณมากๆนะคับ ขอกราบซบไปที่อกคนเขียนแบบซึ้งๆ

แล้วต่อไปจะรออ่านผลงานใหม่นะคร้าฟ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: AfternoonTea ที่ 28-03-2013 01:20:48
อ่านตอนพิเศษ จบแล้ว มีความสุขจัง
น่ารักอบอุ่นมากๆ

ทิมนี่กวนส้นจริงๆ แต่ก็แสดงว่าทั้งรักทั้งหลงคะน้าจนแทบจะกลืนกินไปทั้งตัวแล้วนะนั่น  :katai2-1:

อ่านตอนนี้แล้วก็ยิ่งทำให้คิดถึง เรื่องนี้มันจบแล้วจริงๆหรอ ยังคิดถึงทิมกับคะน้าอยู่เรื่อยๆเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 28-03-2013 10:18:27
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:ชอบตอนพิเศษมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกอะ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: -Blackcloud- ที่ 28-03-2013 21:13:13
ชอบตอนพิเศษมากอ่ะ แจ่มๆๆๆ :-[
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BF-e ที่ 28-03-2013 21:44:09
อบอุ่นจังเลย <3
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Number1_90 ที่ 29-03-2013 12:45:59
อ่านเเล้วชอบมาก

ภาษาสวย เนื้อเรื่องสนุกดี :katai2-1:

บีบคั้นอารมณ์ตลอด :mew4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: BuI ที่ 29-03-2013 14:06:17
อ่านไปยิ้มไป ขอบคุณมากค่ะ  :กอด1: :L2: :pig4:

จบได้แฮปปี้แอนดิ้งสุดๆ เอร๊ย o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Umiko ที่ 29-03-2013 17:31:10


จบแล้ว...สนุกมากเลย...

หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: www.maxdevil ที่ 01-04-2013 21:16:08
ชอบมาก ๆ ครับ   จะติดตามเรื่องต่อๆไป :)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: yakkaru ที่ 03-04-2013 22:54:56
ตุลตอบยังกะเขียนลงคอลัมน์แก้ปัญหาเรื่องเซ็กส์จริงๆนะแหละ ฮ่าฮ่า
ทิมก็ต๊องเกินนนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 09-04-2013 20:14:55
มาตามอ่านรวดเดียวตอนที่จบแล้ว ใช้พลังมากจริงๆค่ะเรื่องนี้
เป็นเรื่องที่มีครบรสมาก โรแมนติก คอมเมดี้ ดราม่า(ที่ช่วงหลังทั้งหนักทั้งหน่วงมากๆ)
คนเขียนให้เราอ่านอย่างมีความสุขจนถึงตอนกลางเรื่อง และทำร้ายคนอ่านด้วยดราม่าที่บีบหัวใจมาก
คือตอนที่ทิมบอกกับคะน้าว่าเรื่องทุกอย่างมันก็แค่เรื่องหลอกลวงนี่ความรู้สึกตอนนั้นไม่เชื่อทิมเลย คือคิดในใจว่าจริงๆแล้วทิมน่ะรักคะน้ามากๆนะมันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆที่ทำให้ทิมเป็นแบบนี้ แต่ก็อดสงสารคะน้าไม่ได้คือไม่ว่าเหตุผลของทิมจะเป็นอะไรแต่ตอนนั้นคะน้าไม่ได้รู้ด้วยเลย คะน้าช็อคเราก็ช็อคร้องไห้เลย  :hao5:
แล้วหลังจากดราม่านี้ก็ดันมีดราม่าตามฆ่าบู๊ล้างผลาญต่อ เล่นเอาไม่ได้หายใจหายคอเลยค่ะ ดราม่าเรื่องทิมตุลแย่งคะน้ากันตอนต้นเรื่องนี่กลายเป็นเรื่องเบๆไปเลย ๕๕๕
ตอนที่ถูกยิงถูกซ้อมนี่ใจหายมากๆ คิดตลอดเลยว่าจะรอดไหม หรือคนเขียนตั้งใจจะให้สองคนนี้ไปอยู่บนดวงจันทร์ทั้งคู่ จะได้ไม่กลายเป็นตัวคนเดียวบนดวงจันทร์ แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็รอดมาได้ แต่คนเขียนก็ยังทำร้ายคะน้าอีกสองปี ไม่รู้เสียน้ำตาไปกี่ปี๊บระหว่างรอทิม จนสองปีผ่านไปก็แฮปปี้เอนดิ้ง ดีใจกับคะน้ากับทิมมากที่ในที่สุดก็ผ่านเรื่องร้ายๆมาได้ ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแถมคุณแม่ด้วย ดีใจกับพี่ผักกาดด้วยนะคะในที่สุดก็ได้แต่งงานเย่ๆ  :katai2-1:
ส่วนคนที่ยังน่าสงสารอยู่ก็คงจะเป็นหมอตุลนอกจากจะไม่สมหวังในรักแล้วยังโดนก่อกวนแม้จะเป็นตอนพิเศษที่มีความสุขของชาวบ้านเขา ๕๕๕
ทิมร้ายมากอะ แกล้งไม่เลิก ตอนอ่านเมลล์หมอตุลยังคิดอยู่เลยคะน้ากล้าเขียนถามไปได้ไง หรือคงเพราะอาจจะเกิดลิมิตแล้วจริงๆเลยต้องถามหมอดู พอเฉลยว่าทิมเป็นคนทำนี่ไม่แปลกใจเลยค่ะ ๕๕๕
เป็นตอนพิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจมากค่ะหลังจากอ่านดราม่าหนีตายมาจบหมาดๆ ขอให้ทิมคะน้าและครอบครัวมีความสุขตลอดไป ขอให้หมอตุลพบรักดีๆในเร็ววันนะคะ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่เขียนนิยายครบรสขนาดนี้ให้ได้อ่านกัน ถ้ามีเรื่องหน้าไม่ขอดราม่าขนาดนี้ได้มั้ยคะ มันหน่วงและปวดใจเกิน ๕๕๕  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: keniji01 ที่ 12-04-2013 20:08:40
 :hao5: :hao5: สุดยอดมากอ่านรวดเดียวเลย อ่านจนเจ็บตา
5555
 ขอบคุณจากใจจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: DasHimmel ที่ 18-04-2013 23:49:50
อ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบค่ะ ยาวนานมากๆๆๆ เป็นวันเลยทีเดียวแต่ก็คุ้มสุดๆ  o13
เรื่องนี้ให้อะไรหลายอย่างมาก ทำให้หัวเราะ ยิ้มเขินกะความน่ารักของคะน้า ลุ้นระทึกกะฉากต่อสู้ไม่กลัวตายของทั้งคู่ และก็สามารถทำให้อารมณ์พลิกไปพลิกมา จากยิ้มแก้มปริมาเป็นร้องไห้เป็นเต่าเผาได้ มันไม่ใช่แค่ร้องเพราะเรื่องของความรักแบบคู่รัก แต่มันเป็นเรื่องของครอบครัว มิตรภาพเพื่อนฝูง ความผูกพันธ์ ความพยายาม ความสงสาร ความเข้าใจการจากลา เข้าใจคน

อยากบอกว่าได้อะไรมากๆจากการอ่านเรื่องนี้ค่ะ ข้อคิดเรื่องครอบครัว การใช้ชีวิต เยอะแยะมาก
รู้สึกรักในตัวละครอย่างคะน้ากะผักกาดมาก สองคนนี้เก่งและแกร่งมาก ตอนแรกๆไม่ชอบเลย ไม่ชอบมากๆที่ผักกาดขัดขวางความรักของน้อง แต่พออ่านมาแล้วเข้าใจเหตุผล มันแบบ หึ้ย!! คนเป็นพี่อย่างเราจะทำได้อย่างเค้ามั้ยที่รักน้อง เข้าใจน้อง ให้น้องได้มากขนาดนี้ ถ้าวันนึงเป็นได้อย่างผักกาดก็คงจะดีมาก  :กอด1: รักในตัวคะน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึง ผู้ชายคนนี้เป็นคนในอุดมคติของทุกเพศ ไม่ทุกอย่างที่คนรักต้องการ พี่ต้องการ เพื่อนฝูงและครอบครัวต้องการ  เป็นคนดีดีมากกก
ส่วนพระเอก นายทิม ประทับใจค่ะ ชอบคาแร็กเตอร์ ความที่มีสองบุคลิกเป็นอะไรที่ดึงดูดมาก
และคุณหมอ ร้องไห้เพราะนายคนนี้หลายรอบ สงสารมาก  รักที่มีแต่ให้ ผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรที่เทียบทิมไม่ได้จริงๆ

สุดท้าย ขอบคุณคุณLuceaมากๆนะคะ นิยายเรื่องนี้จะเป็นอีกเรื่องที่จะจดจำไปตลอด ถ้ามีเพื่อนๆมาถามว่าเรื่องไหนสนุก จะแนะนำเรื่องนี้แบบสุดๆเลย ขอบคุณที่แต่งนิยายเรื่องนี้มาให้ได้อ่านกันนะคะ คุณเก่งมาก คุณทำให้คนอ่านร้องไห้กะจุดที่ีบางทีก็ไม่ใช่แค่เรื่องรักๆอ่ะ รักเรื่องนี้มากมาย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนพิเศษ : จุดเริ่มต้น - Mar 23, 2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 20-04-2013 00:51:57
(http://image.ohozaa.com/i/66b/hDMkfD.gif)

รหัสประจำตัว (http://i1172.photobucket.com/albums/r573/hermitbooks/banner-1_zps01227adb.jpg)

ในเล่มจะมี ตอนพิเศษ 5 ตอน เพิ่มจากที่ลงในเว็บครับ

ดินแดนแห่งพระจันทร์สีเลือด
หลังจากทุกอย่างลงตัว ทิมวางแผนมัดมือชกคะน้าให้มาฮันนีมูนไกลถึงตุรกี ประเทศที่ถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งพระจันทร์สีเลือด ทั้งคู่ได้รับคำพยากรณ์อันแปลกประหลาดจากถ้วยกาแฟตามธรรมเนียมของชาวเติร์ก และยังได้พบกับเรื่องเล่าขานที่ชวนน่าหวาดหวั่น คะน้าจะทำอย่างไรเมื่อเรื่องเล่าลี้ลับนั้นกลายเป็นความจริงขึ้นมา

ในเศษซากแห่งความรักที่คงอยู่
คะน้าและทิมยังคงเที่ยวไปตามสถานที่แห่งประวัติศาสตร์มากมายของตุรกี รวมถึงที่อัฟโฟรดิซิอัส นครแห่งความรักที่เคยรุ่งเรื่องในอดีต และที่นี่เอง คำทำนายบนถ้วยกาแฟของคะน้าก็กลับเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่สั่นคลอน เมื่อทิมได้พบกับ นภ อีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมาย เทพีอโพรไดต์จะอำนวยอวยชัยให้แก่ความรักของใครเป็นเรื่องที่ยากเกินจะคาดเดา

หึง
ความรู้สึกหวาดหวั่นทำให้คะน้าตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไปโดยปราศจากสติยั้งคิด คำอธิษฐานแห่งวิหารเซนต์โซเฟียจะเป็นจริงขึ้นมาหรือไม่ และอะไรคือคำทำนายบนถ้วยกาแฟของทิม พบกับฉากรักที่เผ็ดร้อนที่มีฉากหลังเป็นท้องฟ้าสีมิดไนต์บลูและพรมแดนที่กั้นกลางระหว่างโลกตะวันตกและโลกตะวันออก (แต่งเองก็เขินเอง >_<)

Remain
หลังจากศึกษาต่อที่เยอรมันมาเนิ่นนาน ในที่สุดตุลก็กลับมาไทย เป็นครั้งแรกในเวลาห้าปีที่ตุล คะน้า และทิมได้เผชิญหน้ากันอีกครั้ง บาดแผลในใจระหว่างคนทั้งสามจะทิ้งความเจ็บปวดหรือความทรงจำที่งดงามเอาไว้ในกาลเวลา สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงหมุนวนรอบตัวคนทั้งสาม หากแต่บางสิ่งที่มีความหมายกลับยังคงอยู่เช่นเดิม

Ceremony of The Moon
ผ่านเส้นทางที่แสนยาวไกลและบททดสอบมากมาย ในที่สุดบางสิ่งบางอย่างที่รอคอยมาตลอดระยะเวลาสิบปีของคะน้าและทิมก็มาถึงอันสิ้นสุด พบกับบทสรุปสุดท้ายแห่งเรื่องราวทั้งหมดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทรงจำอันล้ำค้าของทุกๆ คน งานเฉลิมฉลองภายใต้แสงจันทร์ที่บอกเล่าผ่านนางฟ้าตัวน้อยๆ จะทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มไปกับความรักของคะน้าและทิมครับ


หนังสือพิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ขนาด A5 จำนวน 2 เล่ม แถมที่คั่นหนังสือ และสายคาดหนังสือ
ราคา 800 บาท (รวมค่าส่งแบบลงทะเบียนแล้ว) เปิดจอง ตั้งแต่วันนี้ – 10 มิถุนายน 2556
โดยหนังสือจะจัดส่งหลังจากปิดโอนเงินแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์ครับ และมีของแถมพิเศษสำหรับรอบจอง
ทางสำนักพิมพ์จะแถมแก้วเซรามิกพิมพ์ลายคะน้ากับทิมมี่ให้สะสมเพิ่มนะครับ

(http://image.ohozaa.com/i/fd7/oUKbIt.jpg)

ภาพที่เห็นเป็นอาร์ตเวิร์กสำหรับส่งโรงงานนะครับ ไม่ใช่ภาพถ่ายแก้วจริง
ของจริงอาจมีความแตกต่างของสีและตัวแก้วบ้างเล็กน้อยครับ

แต่ละชุดจองจะแถมแก้ว 1 ใบนะครับ แต่ในภาพมีสองใบเพื่อให้เห็นภาพทั้งสองด้านของแก้วครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการสั่งจองหนังสือ  คลิ๊กที่นี่ (http://www.hermitandmomiji.com/product/72/pre-order-%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B9%8C-by-lucea) ครับ

ฝากหนังสือเล่มแรกในชีวิตของคนแต่งไว้ด้วยแล้วกันนะครับ >//<
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Aleleni ที่ 20-04-2013 01:42:10
แค่อ่านสปอยด์ก็อยากได้แล้ว ไม่ซื้อไม่ได้นะคะ
เรื่องนี้~ ซื้อแน่นอนนนน
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Millet ที่ 20-04-2013 01:44:36
โหยหวนนนนนนนนนนนน

ฮือออออออออออออออ ชอบตุรกี TvT
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Windyne ที่ 20-04-2013 02:15:54
หยอดกระปุกอย่างรีบด่วน!!!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: junjou ที่ 20-04-2013 21:50:02
จากใจว่ายังอ่านในบอร์ดไม่จบเลยยย
แต่จะซื้อ 5555555555555555
(จะเอ็นสะท้านนเข้ามหาลัยมันยังจะใจเย็น 555)
ขอบคะน้าอ่ะ น่ารักแบบเอ๋อๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tongner ที่ 21-04-2013 06:48:51
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ ขอบคุณจริงๆ ที่ช่วยทำให้เวลาว่างๆของผม มีความสุขขึ้นมา จากการอ่านเรื่องนี้ คนเขียนสุดยอดดดไปเลย
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: evz ที่ 21-04-2013 12:08:37
สปอยล์ตอนพิเศษชวนเสียเงินมากเลยค่ะ ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bobby_bear ที่ 21-04-2013 16:43:16
ดีใจมาก

กลับถึงไทยวันที่ 2 ดีใจ กลับไปทัน อิอิ
จะให้แม่โอนให้สั่งให้ก็เกรงใจ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: envylover ที่ 22-04-2013 05:03:21
อ่านจบ ขอยอมรับเลยว่าแต่งเก่งมากค่ะ เดาเนื้อเรื่องไม่ถูก ร้องไห้ น้ำตาซึม ทั้งเศร้า ทั้งซึ้งหลายรอบมาก

แต่แอบหมั่นไส้ทิมเป็นระยะๆตลอด และชอบตุลมากๆเลยล่ะ แต่ก็เข้าใจว่าไม่มีใครแต่งคนดีๆแบบตุลเป็นพระเอกหรอก น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 22-04-2013 22:39:52
แว๊บมากรี๊ดดดดด จองแน่นอนฮับ ตอนพิเศษน่าหนุกโน๊ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: NaEZ ที่ 23-04-2013 20:15:15
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ตัวละครอบอุ่นมากเลยนะครับ..
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - เปิดจองรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 23-04-2013 21:15:59
จองแพ็คคู่ไปแล้วนะคะคุณLucea ^^
ชอบเรื่องของน้องวันใหม่ด้วยค่ะ (ขนาดอ่านแค่ตอนเดียว!)

ตอนนี้ก็ตีพุงรอให้ถึงเดือนมิถุนาไวๆ  :hao3:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - รายละเอียดรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: arisa_sa ที่ 24-04-2013 13:39:26
อยากได้ อยากได้  1 ชุด อิอิ น้องต่ายรวมเล่มแล้วดีใจเย้
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - รายละเอียดรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 25-04-2013 21:29:47
ชอบเรื่องนี้มาก สนุก ครบทุกอรรถรส มีให้ได้ลุ้นแทบทุกตอน สร้างความสุขในการอ่านอย่างมาก ชอบความเป็นธรรมชาติของบทพูด, การลงรายละเอียดของกิริยาอาการ และภาวะอารมณ์ตัวละคร ล้วงใจคนอ่านได้เลยว่า อยากรู้อะไรในตอนนั้น / บทหวานๆทำเอาเขินหน้าร้อนพรึ่บ ตัวเกร็งแทนเลยบางช่วง / โครงเรื่องสลับจับวาง ซ่อนเงื่อน บีบใจ จนอ่านๆอยู่มีหลุดปากเลยว่า "...ไม่ไหวแล้ววว" อินจัดมาก!

หลงใหลที่สุดคือ อารมณ์ขันที่มีสอดแทรก (โดยเฉพาะเสียงในใจของคะน้า) ไม่บ่อยแต่ชะงัด จังหวะปล่อยดีจัด เช่น ตอนคะน้าช่วยทิมแต่งตัว "...สุดเขตเกย์แบบกู่ไม่กลับเลยเ้ว้ย ซีนนี้" อีกอันของทิม "เค้นเลย...จะรดต้นคะน้าอีกรอบให้โตไวๆ" คิกคิก ชอบ / รวมถึงตัวประกอบยอดเยี่ยมทั้งหลายในตลาด ฮามาก เจมส์ (aka จันทู) สายใจ ฯลฯ

ตัวละครหลักน่าปลาบปลื้ม โตให้อ่านกันเห็นๆ ชอบความเหงาของคะน้าที่คุณ Lucea ค่อยๆปล่อยให้คนอ่านได้เรียนรู้แบบซึมเข้าเนื้อทีละน้อย แทรกอยู่ในการกระทำและคำพูดต่างๆ (บางครั้งรู้สึกเหมือนคะน้าลอยคอกลางทะเล มีอะไรลอยมาก็ขอคว้าไว้ก่อน ช่วยพยุงกันได้ไหม ค่อยว่ากันอีกที), ชอบทิมมากกก ผู้ชายหยุดลมหายใจ ขโมยอากาศจากคำพูดและการกระทำที่คาดเดาไม่ได้ ทุ่มถวายหัว เสน่ห์แบบไฟ รุกร้อน แต่ละประโยคที่พูด ตรงเป้าสุดโต่ง แถมจะๆต่อหน้า เขินแทนคะน้ามาก, นางร้ายแนน แนวแอ๊บแบ๊วแจ่มใส ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอแห่งเจเนเรชั่นนี้จริงๆ นางออกโรงมาเมื่อไหร่ เผลอด่าทุกที "อีสึดนี่" คำนี้หลุดใส่นางบ่อยมาก, หมอตุล ชอบแค่ตอนเดียว "Stop it...I can't accept a mercy fuck...I can't...I just...can't..." พีคมาก ชอบผู้ชายแรงๆชัดเจน และคุณหมอก็ดันแรงแค่ตอนนี้ตอนเดียวซะด้วย คริคริ

การถูกลืม กับ นรกของการถูกลืม ชอบสองวลีนี้ และบทบรรยายที่ว่าด้วยการถูกลืม ก่อนคะน้าออกมาจากห้องประชุมที่ธาดาพิพัฒน์ก็ถึงอารมณ์ ถูกใจที่สุด

บทบู๊ แม้จะมาแบบไม่ให้เตรียมใจ แต่ก็สนุก อ่านแล้วระทึกมันส์ดี แม้ทิมจะแลดูซุปเปอร์ฮีโร่ทนทายาดเบาๆ ส่วนช่วงแงะกระสุน ภาพในหัวกลายเป็นสองคาวบอยนักขุดทองยุคบุกเบิกอเมริกา โดนอินเดียนแดงส่งลูกปืนเข้าท้อง จนต้องเข้าไปหลบในถ้ำ...ถ้าใช้วิสกี้ราดแผลฆ่าเชื้อด้วยนะ ใช่เลย แนวประจำที่เราอ่าน อิอิ
ชอบผลงานของคุณ Lucea มากๆ จะติดตามต่อไป ยังมีเรื่องสั้นใช่ไหม (เรื่อง "เกลียด" (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=36541.0) ) จะตามไปอ่านโลด ...ขอกอดบ้าง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เปิดจอง] ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - รายละเอียดรวมเล่ม หน้า 57 ครับ
เริ่มหัวข้อโดย: watop ที่ 26-04-2013 12:34:55
กว่าจะถึงวันที่เป็น "จุดเริ่มต้น" มันช่างยาวนาน และทรมานเหมือนกันนะ

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 29-04-2013 13:32:57
ฟิน~! ทิมแกล้งหนักไปมั๊ย 55555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 29-04-2013 22:59:35
ขอลายเซ็นต์ให้กับนักอ่านนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ไหมคะ :mew2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: parrot pitter star ที่ 30-04-2013 19:05:59
     รู้ป่าวค่ะ หนูสมัครเว็บนี้เพื่อจะได้อ่านเรื่องนี้เลยน่ะ ไม่ได้พูดเกินจริงน่ะ หนูชอบเรื่องนี้มากเลยละ

  ในเรื่องนี้มันมีทุกอย่างทุกรสชาติ มันคุ้มกับการเสียเวลาอ่านไปโดยโดนพ่อด่าไปด้วย 555  o17

  ขอบคุณมากน่ะค่ะที่แต่งนิยายสนุกๆนี้ขึ้นมาทำให้เรื่องอิน ฟิล เขิน ร้องไห้ ยิ้ม โกรธ ว่าง่ายๆคือมีทุกรสละน่ะ

 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 01-05-2013 01:28:29
 :hao5:
อยากบอกว่าเห็นเรื่องนี้มานานเเล้วแต่ไม่ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านเลย พอได้มาอ่าน ก็ว่างไม่ลงเลยทีเดียว มีทุกอารมณ์จริงๆ  ใช้ภาษาได้สวยมาก ชอบมากๆเลย ลุ้นมากว่าจะลงเอยกันอย่างไร ร้องไห้มากๆด้วยบ่องตงโครตกินใจมาก
ขอบคุณนักเขียนมากๆนะที่เขียนเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่าน ชอบการบรรยายเรื่อง โดยเแพาะตัวละครที่ชื่อคะน้า มีนิสัยคล้ายกับเรา
บอกไม่ถูกเหมือนกัน อ่านแล้วก็รู้สึกได้กำลังใจมากขึ้น :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกหมู ที่ 02-05-2013 22:37:25
มารายงานตัว อ่านจบแล้วค่ะ แฮ่กๆๆๆ ยาวมว๊ากกก อยากคอมเม้นท์ในหลายๆ ตอน แต่ตอนนี้...ลืมแล้ว มันเยอะเกินไป แหะๆ

ชอบเรื่องนี้มากค่ะ ภาษาสวยงาม คำผิดน้อย มีทุกอารมณ์ให้เสพย์ ตั้งแต่ขำๆ ยันซื้งน้ำตาไหล
ชอบความคิดของคะน้า เป็นคนที่มี EQ สูงมาก ไม่แปลกที่เป็นที่รักของใครหลายๆ คน นายเอกเป็นประเภทที่อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ(จริงๆ แล้วนายถึกบึกบึนมาก)
ส่วนหมอตุล...แรกๆ ก็เฉยๆ นะ แต่ฉากช่วยต่ายออกจากกองไฟนี่เอาใจเราไปเลย อยากให้พ่อหนุ่มได้เจอคนดีๆ เป็นที่พักใจจัง (จะให้ดีควร reverse!! 55)
ทิมมี่...ไอ้หมอนี่คงไม่ต้องพูดถึง มีคนอวยเยอะแระ...
พี่ผักกาด...คุณพี่เป็นสาวแกร่งที่น่านับถือมากค่า!

ขอบคุณมากๆ ที่แต่งเรื่องที่มากกว่าคำว่าสนุกอย่างนี้ให้อ่านค่ะ เอาใจเชียร์ให้สรรสร้างผลงานดีๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จะคอยติดตามค่ะ  o13

ปล. อ่านๆ ไปมีอยู่คำหนึ่งที่สะดุดค่ะ คือคำว่ากระพุ้งแก้ม...ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกรึเปล่า แต่เข้าใจว่ากระพุ้งแก้มมันหมายถึงส่วนของแก้มด้านในปากอะค่ะ ถ้าผิดก็ขออภัยเน้อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 04-05-2013 16:06:19
อึ้งกับการกระทำและคำพูดของทิมนิดหน่อย  ทำคะน้าเสียใจหลายหนแต่ตอนหลังหวานมาก  ทิมน่ารัก  คะน้าก็แสนดี  :mew1:

ขอบคุณคนแต่งนะคะ  สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: PAAPAENG~ ที่ 24-05-2013 00:24:51
เอาล่ะ...ได้เวลาเมนท์แล้วนะพี่ต้อง!

หนูอ่านมาตั้งแต่เมื่อคืน...ยันตอนนี้
ยี่สิบชั่วโมงกว่าๆที่ได้อ่านเรื่องราวของคะน้าและทิม
ขอบอกว่าชอบมาก...ครบมาก
ชอบนิสัยของคะน้า เป็นคนมองโลกได้บวกดับเบิ้ลบวกจริงๆ
ชอบความบ้าบอที่แอบซ่อนความปัญญาอ่อนของทิม
และชอบความรักแบบถวายหัวที่ทิมมีให้คะน้าด้วย
ชอบความเป็นพระเอกของหมอตุล...แม้ว่าตอนแรกจะไม่ไว้ใจนิสัยคนคนนี้หน่อยๆก็เถอะ
แต่สุดท้ายแล้วหมอตุลคือคนที่น่าสงสารที่สุดเลย
ชอบพล็อตเรื่อง...มันมีมุมนั่นนี่ซ้อนไว้จนแบบ...
เฮ้ย! ปมนี้มาไง ปมนี้มาได้ไง ปมนี้มาทำไม
แล้วก็แบบเฮ้ยยยยยยย ทำไมเป็นแบบนี้วะ โอ้ยยยยยย หงุดหงิดไปซะหมด!
ที่สำคัญเลยชอบชื่อเรื่อง!!
ครั้งแรกที่เห็นคือ...เรื่องนี้ออกแนวแฟนตาซีป่ะวะ ๕๕๕

ขอบคุณพี่ต้องที่สร้างสรรค์ผลงานที่สุดยอดแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณจริงๆนะ คือมันครบจริงๆอ่ะ
สัญญาว่าหนูจบนิยายตัวเองได้เมื่อไหร่จะตามไปอ่าน LIE กร๊าก!
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Zarunghaja ที่ 26-05-2013 20:35:10
อ่านตั้งแต่เมื่อวานตอนนี้อ่านจบแล้วนะคะ คือบีบคั้นหัวใจเกือบทุกตอนอ่ะขอบอกก :z3:

ลุ้นมันไปทุกตอนอ่ะคือหยุดอ่านไม่ได้เลย มีช่วงตอนนึงที่กะว่าอ่านจบตอนนี้จะนอนละๆ แต่ก็ไม่ได้นอนสักทีเพราะบรรทัดสุดท้ายของแต่ละตอนมันมีอะไรให้ต้องอยากรู้อยากเห็นจนต้องกดเปิดหน้าต่อไปเพื่อที่จะอ่านต่อ  :z13:

พูดถึงคะน้านะคะ คะน้าเป็นคนที่น่ารักจิตใจดีมากๆ คิดถึงคนอื่นเสมอ มีเหตุมีผล เป็นตัวของตัวเองมากสุดๆ เป็นคนเข้มแข็งและพร้อมที่จะรับศึกหนักได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเรื่องของสองหนุ่ม เรื่องแนน จันทู สายใจ ไฟไหม้ตลาด ฉากบู้แอ็คชั่น และที่สำคัญฉากเลิฟซีนกับทิว ฮิ้วววววว คะน้าเปรียบเสมือนผ้าขาวสะอาดที่ได้รับการย้อมสีชมพูจากทิม วรั๊ยยยยยย 

ส่วนทิม หล่อ! เท่! มีแพค! วิศวะ! แถมยังเป็นคนดีอีกด้วย อ๋อยยยย สเป๊คค่าาาา อยากได้ค่าาาา หากมีวันใดที่ต่ายซังเบื่อเจ้าจ๋อ.....เราขอเสียบ!! กร๊ากกกกกกกกกก (หลบเท้าต่าย) ละส่งเมลไปแกล้งหมอนี่สะใจไหมคะ 55555555 แต่น่ารักอ่ะ ทิมหึงน่ารัก มีโพสเองตอบเองได้แหนะ อาการหนักนะเรา

ตุลเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ คนนึง เลือกที่จะถอยเพื่อให้คนที่รักได้อยู่กับคนที่เขารัก ยอมเจ็บยอมทุกอย่างเพื่อคะน้า โคตรพระเอกอ่ะ งื้อออ ปลื้มใจในความดีนี้ของตุล อ่อๆ แล้วไอ้ตอนที่อ่านเมลที่เจ้าจ๋อส่งไปแกล้งนี่หมอทำหน้ายังไงหนอ เจ้าจ๋อแสบจริงๆ บังอาจมาแกล้งหมอตุลของเค้า หมออย่าเสียใจไปเลยนะถึงจะไม่ได้เป็นคนที่คะน้าเลือก...แต่เราพร้อมที่จะเลือกหมอมาเป็นคู่ชีวิตนะเคอะ กร๊ากก

ชอบทั้งวิศวะชอบทั้งหมออ่ะ ><

อยากได้พี่สาวเหมือนพี่ผักกาด  o13 รักนะคะ
แต่! แต่! แต่! จันทูเป็นทอม!!!!!!!!!!!!  โอมายก็อดดดดดดดด พี่เจมส์....

โดยรวมแล้วชอบนิยายเรื่องนี้มากค่ะ ทุกอย่างลงตัวและพล็อตโคตรรรรรเยี่ยม เงื่อนงำทุกอย่างสามารถเฉลยออกมาได้อย่างตัวสุดๆ ยกนิ้วให้คนเขียนเลย (Y)
ปล.อยากเห็นคะน้าหึงทิมอ่ะฮ๊อยยยยยยยยย 
ปล2 นัทจ๋ามาอยู่ในฮาเร็มเจ๊มะ คิคิ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: pizza2011 ที่ 30-05-2013 10:54:18
ขอสารภาพต่อคนเขียนเราเป็นหนึ่งคนที่อ่านเรื่องที่มันหน่วงๆไม่ค่อยได้
ดังนั้นเราเลยพักเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ตอนที่10 จนเวลาผ่านไป เรื่องนี้ก็จบลง เราถึงกลับมาอ่านใหม่
เรื่องนี้ใช้คำบรรยายได้ดี อ่านแล้วคล้อยตามคนแต่ง ต้องยอมรับว่าเราเป็นคนอ่านหัวอ่อน 55+
ชอบคิดตามสิ่งที่คนเขียนชี้นำ และเรื่องนี้คนเขียนก็ชอบชี้นำให้คนอ่านตกลงไปในกับดักที่คนเขียนทำไว้
เรื่องนี้ทำให้เราอินกับตัวละครได้มาก มีหลายครั้งที่น้ำตาซึม และมีหลายครั้งที่แอบด่าทิม 55+
ตัวละครมีเอกลักษณ์ชัดเจน ตัวละครที่เราชอบที่สุดคงไม่พ้นทิม พ่อพระเอกผู้ลึกลับ ทุกการกระทำของพี่แก
เหมือนมีเงื่อนงำ กว่าจะเปิดปมว่าชีวิตพระเอกสุดหล่อของเราก็เกือบท้ายเรื่อง มีเหตุการณ์แทรกเข้ามาเยอะ
จนเราคิดว่าถ้าเราเป็นคะน้ายังจะเชื่อใจทิมได้อีกมั้ย  อีกคนที่ลืมไม่ได้คือพี่หมอตุล พระรองผู้แสนบริสุทธิ์
ทุกครั้งที่ตุลยิ้มไม่มีแค่คะน้าที่มีความสุข คนอ่านอย่างเราก็มีความสุขเช่นกัน ขอบคุณตุลจริง หลังจากที่คะน้าเลิกกับตุล
เราไม่เคยเชียร์ให้สองคนนั้นกลับมาคบกัน เพราะความรักบนความไม่เชื่อใจกับมันมีแต่ความทุกข์
ได้แต่หวังให้คนเขียน เขียนให้ทั้งสองคนจากกันด้วยดี (ถึงแม้ความจริงคนเขียนเขียนออกมาปวดใจคนอ่าน 55+)
นิยายเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยความรักใสๆที่ดูเพ้อฝันสำหรับคนธรรมดา แต่สุดท้ายเรื่องก็นำพามาสู่ความรักที่เป็นจริง
ความรักจริงที่มีทั้งความเจ็บปวด ความไม่เข้าใจ ความไม่เชื่อใจ แต่ความรักก็ทำให้เราอุนใจเมื่อได้รับมันจากใครสักคน
พูดมาซะยาวสุดท้ายก็ขอบคุณคนเขียนที่ทำให้เราอดนอนหนึ่งคืน 555+ ไม่ใช่ ขอบคุณที่แต่งเรื่องที่ดีขนาดนี้ออกมา^_^
ปล. เราเคยคิดไปถึงขนาดว่าทิมจะคู่กับหมอตุลด้วยละ 55+ คะน้าเป็นแค่ตัวประกอบ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: uzosou ที่ 10-06-2013 14:10:20
เข้ามาอ่านรวดเดียวจนจบ สนุกมากเลยค่ะ
ตอนแรกเรื่องนี้นั่งคุยกับเพื่อนที่อ่านนิยายด้วยกัน เพื่อนบอกเนี่ยมีคนบอกมันบีบ ดราม่าไรงี้
เราก็แบบอ่านดีไหมว้า เพราะโดยส่วนตัวไม่ชอบเรื่องแบบพระเอกสองคนเลือกใครไม่ได้
แต่พอได้เข้ามาอ่านก็เบาใจได้เลยค่ะ สำหรับเราคะน้าไม่ใช่เลือกไม่ได้ แต่เลือกอยู่แล้ว
ที่อยู่กับตุลก็เพราะเป็นห่วง รู้สึกดี หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันไม่เหมือนความรู้สึกที่มีให้ทิม
ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้เราอ่านต่อมาเรื่อยๆเลยนะ เพราะอย่างน้องก็รู้สึกว่าในใจคนเราถึงจะมีความลังเลสับสนไม่แน่ใจไปบ้าง

แต่สุดท้ายเค้าก็ปักธงไว้ในใจตัวเองอยู่แล้ว แล้วคะน้าก็เป็นแบบนั้น
อ่านไปเรื่อยๆ เราค่อนข้างเดาได้นะ ว่าใครอะไรยังไง แต่มีเรื่องเดียวไม่เดาไม่ได้และไม่กล้าเดา คือเรื่องที่ตุลจูบกับทิม
อันนั้นทำเอาช็อคในหลายๆประเด็น ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าจะรู้จักกันมาก่อนด้วย
ถึงตอนนี้ก็อยากรู้นะว่าทิมเล่นกับความรู้สึกนภ อย่างไร

โดยส่วนตัวชอบผู้ชายขรึมๆแบบหมอตุลนะ แต่เรื่องนี้เทใจให้ทิมเกินร้อยเลยนะ ฮ่าๆๆ
ชอบนิสัยของทิมตรงที่ไม่ชอบก็บอกนี่แหละ ไม่ให้ความหวังคนอื่น มันทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนมั่นคงนะ อะไรที่ไม่ชอบก็จะพูดเลย เราว่ามันเจ๋งมากสำหรับผู้ชายสมัยนี้

ส่วนคะน้า โถ พ่อคนดี พ่อเทพบุตร รักหนูที่สุด เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากเลยนะ คือไม่ใช่มองไม่เห็นความจริง ไม่ใช่อารมร์โลกสวย แต่เป็นคนคิดในแง่ดีอ่ะ อยู่ด้วยแล้วให้ความรู้สึกสบายใจ อยากพักลงตรงนั้นนานๆ ><
ชอบตอนคะน้าอัดบอดี้การ์ดแนน ปลื้มปริ่มมาก ฉากนี้ประทับใจมากจริงๆ มันไม่เหมือนนิยายเรื่องไหนเลย เจ๋ง !

ตอนท้ายๆที่ดราม่าเรารับได้นะ เพราะคนที่อยู่กับคะน้าคือทิม (เอ๊ะยังไง) ฮ่าๆ คือไงดีล่ะ มันอยู่ในช่วงความเป็นความตายที่บีบใจ แต่ว่าอย่างน้อยคนที่รักกันก็ยังได้อยู่ด้วยกัน
แต่ตอนทิมหายไปสองปีนี่ คะน้าเข้มแข็งมากนะ เป็นเราคนโอนอ่อนไปบ้างแล้ว หรือไม่ก็เลิกหวัง แต่คะน้ามีความหวังตลอด
ชอบพี่ผักกาด เป็นเจ้ตัวอย่างเลย เราก็เป็นพี่สาวเหมือนกัน มีน้องชายเรียกว่าเจ้เหมือนกัน
พออ่านแบบนี้เราเข้าใจหลายๆอย่างที่เจ้ทำเพื่อน้องเลยนะเพราะเราก้รักน้องแบบนี้
ชอบครอบครัวนี้มาก ถึงคุณป๋ากับคุณแม่จะอยู่บนฟ้าแล้ว แต่สองพี่น้องก็ดูแลกันได้ดีมาตลอด เห็นถึงความผูกพันธ์ของพี่น้องอย่างเด่นชัดเลย

สนุกมากเลยนะคะ ยกให้เป็นนิยายที่จะแนะนำบอกต่อให้คนอื่นต่ออีกหนึ่งเรื่องเลย : )
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: K3n0 ที่ 18-06-2013 00:33:19
เรียน คุณผู้เขียน

ก่อนอื่นต้องขอยอมรับก่อนว่า เพิ่งได้มีโอกาสมาอ่านนิยายเรื่องนี้ เมื่อวันเสาร์ แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ผมก็รู้สึกแปลกๆ แบบว่า หลงรักเรื่องนี้ไปเลย  ไปทำงานก็ใจไม่อยู่กะเนื้อกะตัว  อยากรีบกลับมาอ่าน  จนมาตามจนจบ แต่ที่เสียใจ คือ..... "จองหนังสือไม่ทัน"  ทำไงดี?? อยากอ่านตอนพิเศษ ใจจะขาด...  ช่วยกรุณาเด็กน้อยตาดำๆ คนนี้ด้วยเถอะ

ปล. จะคอยตามนิยาย ของคุณต่อไปนะ ^3^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 19-06-2013 23:56:37
สวัสดีครับ แวะเข้ามาส่งข่าวสำหรับคนที่สั่งจองหนังสือเอาไว้นะครับ
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน และคอมเมนต์แนะนำ พูดคุยต่างๆ เกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้
และขอบคุณมากๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่สะสมเป็นเล่มเอาไว้อ่านด้วยนะครับ

แวะเข้ามาส่งข่าวเรื่องการแพ็คและจัดส่งครับ ขออนุญาตลงรูปใหญ่หน่อยนะครับ
จะได้เห็นชัดๆ หนังสือทำการพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ รวมทั้งของแถมเช่นกัน
ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงแพ็คเพื่อส่งออกนะครับ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าน่าจะเริ่มส่งออกได้ครับ

(http://image.ohozaa.com/i/f38/CDdeAQ.jpg)

สำหรับลักษณะการแพ็คจะมีรูปร่างหน้าตาประมาณนี้นะครับ ตัวหนังสือที่ห่อสายคาดแล้ว
และที่คั่นหนังสือจะห่ออยู่ในซองพลาสติก และห่ออีกรอบด้วยกันกระแทก

(http://image.ohozaa.com/i/e06/HgIcs9.jpg)

ด้านบนจะเป็นกล่องที่ด้านในใส่แก้วที่เป็นของแถมเอาไว้และใส่โฟมตัวหนอนอัดเข้าไปครับ
พื้นที่กล่องที่เหลือจะอัดโฟมตัวหนอนอีกเช่นกัน และด้านนอกจะแปะสติ๊กเกอร์ระวังแตกไว้ครับ
แต่ละชุดจะได้แก้วหนึ่งใบนะครับ พิมพ์ลายเดียวกัน มีทั้งเจ้าต่ายและเจ้าทิมนั่นแล

(http://image.ohozaa.com/i/c34/NcOKhw.jpg)

สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการสั่งซื้อหนังสือ ยังสามารถซื้อได้นะครับโดยสั่งทางช่องทางเดิม
เพียงแต่ว่าในส่วนของแถมซึ่งทำมาจำนวนจำกัดอาจมีไม่พอแจกให้กับทุกคนเป็นที่ระลึกครับ

ช่วงสัปดาห์หน้า ใครที่ได้รับหนังสือและอ่านแล้ว อย่าลืมแวะเข้ามาพูดคุยกันนะครับ
ว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงกันบ้างกับตอนพิเศษที่มีอยู่เฉพาะในเล่ม ฮ่าๆๆๆ
แนะนำให้อ่านตั้งแต่แรกใหม่จะได้บรรยากาศเต็มอิ่ม ไว้จะแวะเข้ามาพูดคุยเรื่อยๆ นะครับ
ได้หนังสือและอ่านจบแล้ว อย่าลืมเข้ามาทักทายกันบ้างนะ คนแต่งรออยู่เน้ออออออ :o8:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: pulovely ที่ 21-06-2013 17:49:28
อ๊ายยยยยย จะได้รับหนังสือแล้ว
โห แพคดีมากเลยค่ะ ตื่นเต้นมากอ่ะ จะได้อ่านสักที
ข่มใจไม่อ่านในเล้า เพื่อรออ่านในหนังสือ ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 22-06-2013 20:34:57
สนุกมาก ลุ้นตลอด o13
ตอนพิเศษน่ารัก อบอุ่น มีความสุขไปกับตัวละครทุกตัวเลย

ขอบคุณมากค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 23-06-2013 09:00:20
คนอ่านก็รอรับ "อิทิมกับน้องคะน้า" อยู่ค่ะ ^^
ได้รับเมื่อไหร่จะมาแจ้งนะคะ พร้อมอ่านตั้งแต่ต้น
อย่างที่คุณLuceaแนะนำค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 23-06-2013 13:11:42
ตื่นเต้นมากๆเลย
นั่งนับวันรอ :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-06-2013 12:22:41
โอ๊ย น่ารักมาก หัวใจจะไม่ไหวค่ะ :-[

ได้อ่านแล้วชอบมาก

(ถึงจะอยากสารภาพว่าแรกๆแอบลุ้นให้คะน้าเป็นฝ่ายกดทิมก็ตาม..)


ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ ชอบตอนจบมากเลย แบบว่าเขินน

แต่แอบสงสารหมอตุลย์ เจอเมลล์แบบนั้นคงช็อคพิกลเลยค่ะ..
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rubymoona ที่ 28-06-2013 12:16:17
หลังจากได้รับหนังสือมาเรียบร้อยเมื่อวาน วันนี้เลยลงมืออ่านใหม่อีกครั้งคะ ยังกรี๊ดเสียงประกลาดเหมือนอ่านครั้งแรกเหมือนเดิมเลย เขินจัง ดีนะนั่งอยู่คนเดียวอะ ฮือ
ตอนนี้ยังได้แค่ครึ่งเล่มหนึ่งเอง พี่ทิมแม่มยังทำคนอ่านกรีดร้องโหยหวนเช่นเดิมอะ หมอก็ เชอะ!
อ่านจบจะมาเมนต์อีกครั้งคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - แจ้งข่าวการแพ็คส่งครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Lucea ที่ 28-06-2013 18:13:38
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์นะครับ ดีใจที่ชอบนิยายเรื่องนี้กันครับ

ขอแวะเข้ามาส่งข่าวหน่อยนึงนะครับ หนังสือส่งครบเรียบร้อยแล้ว
คิดว่าจะได้รับทั้งแบบ EMS และลงทะเบียนครบทุกคนภายในสุดสัปดาห์นี้
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ หรือมีอะไรตกหล่นบกพร่อง รบกวนแจ้งด้วยนะครับ
จะได้รีเช็คและดำเนินการแก้ไขให้ครับ ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับ

หลังจากได้รับหนังสือมาเรียบร้อยเมื่อวาน วันนี้เลยลงมืออ่านใหม่อีกครั้งคะ ยังกรี๊ดเสียงประกลาดเหมือนอ่านครั้งแรกเหมือนเดิมเลย เขินจัง ดีนะนั่งอยู่คนเดียวอะ ฮือ
ตอนนี้ยังได้แค่ครึ่งเล่มหนึ่งเอง พี่ทิมแม่มยังทำคนอ่านกรีดร้องโหยหวนเช่นเดิมอะ หมอก็ เชอะ!
อ่านจบจะมาเมนต์อีกครั้งคะ

rubymoona โปรดระวังตอนพิเศษไว้ให้ดีๆ นะครับ 55555555
เดี๋ยวได้สครีมกับทิมอีกแน่ๆ ฮ่าๆๆๆ ไว้อ่านจบแล้วแวะมาคอมเมนต์แนะนำติชมอีกทีนะ

อ่านให้หนุกๆ นะครับ :oo1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - จัดส่งครบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 28-06-2013 21:23:59
มาแจ้งในนี้อีกรอบว่าได้รับของทุกอย่างเหมือนรูปที่ลงไว้เลยค่ะ
แม้ว่ามุมกล่องจะบุบไปนิดแต่ของข้างในอยู่ในสภาพดีทุกประการ ^^

ยังไม่ได้อ่านอีกรอบเลยนะคะ แต่เห็นเมนท์ข้างบนแล้วคงต้อง
กระโดดไปอ่านตอนพิเศษก่อนแน่ๆ (เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น 555)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - จัดส่งครบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: zerea ที่ 30-06-2013 16:36:46
ไม่รู้ว่ามาถึงวันไหน...แต่ไปรับพัสดุจากสำนักงานหอเมื่อกี้...
ตอนนี้กำลังบ้าค่ะ ยิ้มไม่หยุดเลย แล้วจะอ่านตั้งแต่ต้นจนจบอีกที

ขอบคุณมากๆ เลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - จัดส่งครบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Magis ที่ 01-07-2013 11:06:53
จะมีเรื่องของตุลต่อมัยครับ อยากให้ตุลมีคู่กับเขาบ้าง
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - จัดส่งครบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: rainystreet22 ที่ 01-07-2013 12:40:33
รักต่าย  :hao5:
ครบรสมากๆเลย
บางตอนแบบ มันไม่ใช่อย่างที่คิดอ่าาาาา หักมุมเว่อออออ 5555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - จัดส่งครบแล้วนะครับ
เริ่มหัวข้อโดย: drunrew ที่ 20-10-2013 21:48:37
ได้มีโอกาสอ่านเรื่องนี้ตอนที่ทำเป็นหนังสือแล้ว รู้สึกเสียดายมากที่มาตามสครีมตั้งแต่ลงในเว็บไม่ทัน :z3:
เอาล่ะ ต่อไปจะไม่พลาดอีกแล้ว เดี๋ยวจะตามไปเกาะหนึบเรื่องใหม่ล่ะนะก๊ะ  :hao6:
แล้วก็ ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ด้วย ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก T^T
รัก รัก รัก รักคนเขียนที่สุดเลยยยยยย  :o8:
(อันที่จริงอยากระบายมากกว่านี้แต่เกรงว่าจะรกไป  :hao4:)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Kirimanjaro ที่ 26-10-2013 22:30:04
ตามอ่านทีหลัง  เพิ่งถึงหน้า 20 พอก่อน  เพราะแค่นี้ก็ยิ้มกว้างจนไม่รู้จะอะไรยังไงแล้ว    ทิมเซ็กซี่มากๆๆๆๆๆ  ความเอาแต่ใจตัวของมันทั้งน่าเตะทั้งน่ารัก

ทั้งสามคนมีเสน่ห์หมดเลยครับ  ตอนแรกรู้สึกต่ายน้อยเฉย ๆ แต่นาน ๆ ไปยิ่งน่ารักว่ะ  แต่ว่าถึงยังไงคะแนนทิมก็พุ่งพรวด ๆ สำหรับผม  อารมณ์มันได้จริง ๆ ชอบตอนที่ต่ายน้อยอยู่กะทิมมากกว่าด้วย  หมอตุลย์เหมือนน่าจะเหมาะเป้นเืพ่อนที่ดีไปชั่วชีวิตมากกว่า  (เราชอบคนเลว 55555+)
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: iamtsubame ที่ 06-11-2013 15:50:00
อ่านจบแล้ววววววว :impress2:
หนุกหนานมากๆ :katai2-1:
ชอบทิมตอนหื่นที่สุด ก็คะน้าน่ากินนี่เนอะ ฮ่า ฮ่า  :hao6:
คนเขียน เขียนฉากตลกกับฉากบู๊เก่งอ่ะ สุดยอดดดดดดด o13
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Saantos ที่ 10-11-2013 04:18:52
อ่านจบแล้ว

รู้สึกอิ่มมากๆ

ชอบจังเลยค่ะ

^^ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: cokebundit ที่ 23-11-2013 01:28:11
 :katai2-1: จบแล้ว...สนุกมากเลย...  :katai5:

 :katai1: มีเหลือ สัก 1 ชุดบ้างป่าวอยากได้อ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: TheWanFah ที่ 24-03-2014 06:04:39
 :pig4: ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Bear Company ที่ 05-04-2014 23:36:03
เพิ่งเคยอ่านเรื่องของคุณเป็นครั้งแรก เขียนได้สนุกน่าติดตามมาก ลุ้นให้ต่ายน้อยได้คนดี(?) มาดูแล แล้วก็ได้อย่างที่หวัง  :z1:
คนเขียนบรรยายเหตุการณ์และความรู้สึกของตัวละครได้ดี รู้สึกมีอารมณ์ร่วมตลอดทั้งร้องไห้ ทั้งหัวเราะ เขิน ว้าวุ่นใจ อึ่ง ทึ่ง เสียว เรียกได้ว่าเรื่องนี้มีครบ  o13
 :L2: ขอบคุณสำหรับเรื่องค่ะ แล้วจะติดตามเรื่องต่อๆ ไป  :L2:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 24-08-2014 12:22:26
ตามมาอ่านตามคำแนะนำของหลาย ๆ คน
เพิ่งรู้ตัวว่าชอบนิยายที่หน่วง ๆ จุ๊กจิ๊กหัวใจ
พอได้มาอ่านแค่นั้นแหละ น้ำตาไหลพรากกกกกก
จะหน่วงไปไหน สงสารหมอตุลลลลลลลล ที่สุด
เจ้ผักกาด ฉลาดเป็นกรด ทำไมน้องไม่แต่งงาน ฮึ
ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่นำพาคะน้ากับทิมมาเจอกัน :mew1:
 ถึงนิยายจะจบนานแล้ว
แต่ความสุขที่ได้อ่านมันยังคงอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: kautumn ที่ 31-10-2014 10:58:28
 o18เพิ่งมีโอกาสได้แวะเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้
สนุกมากเลยนะคะ ภาษาสวย
เราชูป้ายไฟน้องทิม ผู้ห่าม นะคะ
คะน้าผู้น่ารัก จะเลือกใครกันนะ แต่เท่าที่อ่านจากคอมเมนท์
ทิมเป็นพระเอกส่วนหมดตุลเป็นพระรองใช่มิอิอิ
ไปอ่านต่อก่อนนะคะ
ขอบคุณผู้แต่งที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: ไอศกรีมละลาย ที่ 07-12-2014 05:56:39
ชอบมากกกกก ^___^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣ - ตอนที่ 13 (หน้าที่ 20) จบตอนแล้ว - Oct 12, 2012
เริ่มหัวข้อโดย: ไอศกรีมละลาย ที่ 07-12-2014 16:55:38
ผู้ชายดีๆมีไว้เป็นเพื่อนค่ะต่าย


 :o8: :-[
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: ohuii ที่ 16-12-2014 23:19:58
เพิ่งได้มาอ่านล่ะ ขอยอมรับโดยดุษฎีเลยว่าเคยเห็นเรื่องนี้ผ่านตามาก่อน แต่ไม่ได้สนใจ เพราะชื่อเรื่องหน่วงเหลือเกิน
แต่พอได้มาอ่าน ขุ่นขา 2 วันก็ ending เลยค่า เรื่องนี้ดีมาก บรรยายดี ภาษาอ่านง่ายแต่สวยเหลือเชื่อ
เรื่องนี้เทใจให้น้องต่ายที่อ่านไปอ่านมาตกลงชื่อต่ายหรือคะน้าคะ 5555555 อีกคนที่ถูกใจคือพี่ผัดกาด ไอดอลเลยคนนี้
ขออีกคนนะคะ จันทู ... เจมส์ 555555555555555 คนนี้ออกทีไรขำจะบ้า

เริ่มต้นกุ๊กกิ๊กมาก กลางๆเรื่องชักแนวจิตๆ งงตัวเอง เดี๋ยวๆนี่อ่านอะไรอยู่ ซักพักบู๊แหลกเลือดอาบ เหย
อ่านไปอ่านมา อ่านจนจบซะงั้น 55555 เสียดายมากๆเพิ่งเข้ามาอ่าน ไม่งั้นเสียตังซื้อแน่นอน
และตอนนี้คาดว่าหนังสือคงหมดแล้ว แอบไปเช็คที่ hermits มา T^T

จะติดตามผลงานทุกเรื่องนะคะ เย่เย้ 55555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 17-12-2014 22:37:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 22-12-2014 19:31:19
มาอ่านรวดเดียวจบเลย สนุกมากกกกกกกๆๆค่ะ
มีอะไรให้ลุ้นทั้งเรื่อง หักมุมแล้วหักมุมอีก มีครบทุกอารมณ์จริงๆ
ต่ายน่ารักมากกกกก ทิมก็เป็นพวกปากแข็งแต่ใจดี
อ่านแล้วรู้สึกอินไปด้วยสุดๆ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆมาให้อ่านนะคะ :mew1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: reverofjs ที่ 20-01-2015 19:52:50
อ่านรวดเดียวจบเลย ตาค้างมากตอนนี้  o8
แต่งได้สนุกมากๆเลยค่ะ  o13
แต่ก็แอบหวังให้หมอตุลเค้ามีคู่กับเค้าบ้าง  :m15: จะได้มีความสุขจริงๆซักที :m17:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: curious ที่ 11-02-2015 05:12:17
อ่านสองวันจบเลยย :katai4:
สนุกมากๆค่ะ
 :-[ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: LuckyNumber99 ที่ 17-05-2015 17:41:48
เป็นนิยายอีกเรื่องนึงเลยที่อ่านแล้วรู้สึกชอบมากค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: ernnnxx ที่ 20-06-2015 23:37:31
ตื่นเต้นกับทุกบรรทัด

เป็นคำที่ดีที่สุดแล้วสำหรับความรู้สึกของเรา แบบนี่อ่านตอนจบแล้วยังระทึกขนาดนี้ถ้าอ่านตอนยังไม่จบเราอาจชักตายอยู่แถวป้ายรอรถ นักเขียนสุดยอดจริงๆ เราล่ะนับถือ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 21-08-2015 07:33:59
อ่าน 2 วันจบ เป็นนิยายที่ครบรสจริงๆ ชอบ ชอบ ชอบ ทิมน่ารักมากมายสเปคเราเลย อิอิ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 21-02-2016 22:03:41
ปักหมุดไว้ที่ตอน 8 ค่ะ กำลังค่อยๆอ่านอย่างใจไม่ดี เค้าเชียร์หมอตุลอ่ะ เสียใจ..ฮือๆ  :monkeysad:

เอาเถอะ..รู้ว่าถึงเพ่หมอจะพลาดรักจากเรื่องนี้ แต่หมอภัทรก็หล่อ ออร่าเด่นเด้ง เหมาะสมกับหมอตุล ทำให้พอทำใจได้ค่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 23-02-2016 17:38:33
อ่านจบตอนที่ 24 แบบมือนึงถือทิชชู่ซับน้ำตา ที่หยดติ๋งๆ ปวดร้าวหัวใจจริงๆ เสียใจที่ตุลต้องสูญเสียความรักไป โดยที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย ฮือๆ...
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Thanthic ที่ 27-02-2016 13:29:18
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: Umigameyyy ที่ 30-08-2016 23:05:33
สมัครเพื่อการนี้แล..
ก่อนอื่นขอซูฮกคุณนักเขียนที่แต่งนิยายออกมาได้สุดยอดมากขนาดนี้มีครบทุกรสชาติ !! พร้อมกับการพลิกแพลงตลบแตลงจนเดาไม่ได้เลยว่า .. ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น !! บางตอนหัวใจฟูฟ่องไปด้วยความสุข บางตอนหน่วงจนต้องแอบนั่งร้องไห้อยู่ในห้อง บางตอนแอบก่นด่าคะน้าในใจ 555555 เป็นนิยายที่ดีต่อใจมากๆเลยยยยยยย ขอบคุณคุณครูที่ให้หานิทานกระต่ายบนดวงจันทร์ จนต้องมาเจอนิยายดีๆแบบนี้ คิคิ
และขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆอย่างนี้ให้นะครับ ^^ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 14-11-2016 09:00:38
 o13
สนุกค่าาาาา

 :L1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 14-04-2017 20:15:48
เพิ่งได้อ่านเรื่องนี้ สนุก ครบรส ขอบคุณผู้เขียนมากค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าที่ถูกถีบจากสวรรค์ ที่ 26-10-2017 18:09:34
ใครจะทีมทิมก็ ทิมไป ชั้นทีมหมอเฟ้ยยย ผู้ชายอบอุ่นมักไม่มีที่ยืนในนิยายวาย 55555 ทนเห็นพี่หมอเจ็บปวดจั๊กได้ //แต่ทิมน่ารักแฮะ ทีมพี่หมอ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: nin@ ที่ 20-04-2018 20:16:22
ปี 2018 แล้ว ย้อนกลับมาอ่านอีกที เรื่องนี้ก็ยังประทับใจเหมือนเดิมค่ะ... คิดถึงคะน้าและทิม รวมถึงหมอตุลสุดหล่อ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 25-05-2018 15:49:54
โหด มัน ฮา ครบรส  :oo1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 24-09-2018 17:13:14
ติดตามค่ะ ฮี่ๆ ตอนแรกก็สนุกแล้วว
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 24-09-2018 19:00:25
กรี๊ด เจอกันแล้วววว ทีมน้องทิมนะคะ สู้ๆลูก
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-09-2018 19:13:52
ครบทุกรสจริงๆ  ❤❤❤
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 24-09-2018 19:15:31
อุแงง น้องทิมเอาอีกๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: yellowxxpeach ที่ 24-09-2018 19:43:54
เอ็นดูน้องทิม55555555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-11-2018 21:30:35
เราเพิ่งอ่านหนังสือจบไปบอกตรง ๆ ว่าเสียดายที่เพิ่งมาเจอเรื่องนี้เราชอบตัวละครทุก ๆ ตัวเลยนะ ทั้งคะน้า ทิม ตุล ผักกาด หึหึโดยเฉพาะจันทูชอบเป็นพิเศษเลย จำได้ว่าตอนอ่านช่วงแรกนึกไม่พอใจคะน้าอยู่หน่อย ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนคะน้าเป็นคนโลเลแต่พอมาทำความเข้าใจให้ดีก็เออถ้าเป็นเราอาจจะทำเหมือนคะน้าก็ได้ความรักที่ใช้เหตุผลและสมองมากไปผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ก็ไม่แปลก แต่ดีใจที่ทิมไม่ยอมแพ้โดยส่วนตัวแล้วชอบนิสัยของทิมนะ และที่สำคัญคือครอบครัวของคะน้าเราชอบมากโดยเฉพาะคำสอนของพ่อกับแม่อ่านแล้วมันรู้สึกอบอุ่นไปด้วยเลย  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-07-2020 18:21:07
จบแล้ววววววโคตรสนุกกเลยยยยยยยว้อยยยยยย กรี๊ดดดชอบมากกกกกกก โห้ยยยมันดีจริง มีครบทุกรสชาติช่วงแรกก็แนวโรแมนติก ดราม่านะ แต่ช่วงหลังนี่บู๊มันส์สนั่นจอ ตลอดทั้งเรื่องเดาทางอะไรไม่ค่อยถูกเลย วูบๆวาบๆตื่นเต้นอยู่เรื่อย 555 ตอนแรกอาจจะคิดว่าคะน้าโลเลนะ แต่เปล่าเลยเราเข้าใจความรู้สึกดีว่าก็คนมันไม่เคย มันเพิ่งจะเรียนรู้เรื่องรักระหว่างความดีและความรักมันต่างกัน ด้วยที่คะน้าเป็นคนมองแต่ผู้อื่นก่อนเสมอจึงเหมือนยึกๆยักๆ แต่แท้ที่จริงแล้วอย่างที่ตุลบอกเลยว่าคะน้าเลือกมาตั้งนานแล้วว่าใครเพียงแต่ไม่ยอมรับเพราะกลัวอีกคนเสียใจ บรรยายดีมาก เข้าถึงอารมณ์สุด ตอน make loveครั้งแรกของทั้งคู่ โคตรดีเลย อีโรติคสุด เพราะกว่าจะได้มาเรียกว่าเสียน้ำตากันไปประมาณนึงเลย 555 อ่านรวดเดียวแบบวางไม่ลงเลย ผ่านมาตั้งหลายปี ดีนะที่ยังมีให้อ่าน ไม่ได้อ่านนี่ถือว่าพลาดเลย ขอบคุณนะคะที่แต่งและมาอัพในนี้ให้ได้อ่านกัน  :pig4: :pig4: :pig4: ชอบจริง ถูกใจมากจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว กลับมาอ่านอีกรอบแน่ 555
หัวข้อ: Re: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 26-07-2020 08:26:22
 :pig4: :pig4: :pig4: