♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♣ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวบนดวงจันทร์ ♣  (อ่าน 429370 ครั้ง)

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
ก็แบบว่า...

....หนูอยากเชียร์ทิมอ้าาาาา

555  คุณหมอตกกระป๋องไปแล้ววว

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

กดบวกให้แล้วนะ อิอิ

ออฟไลน์ papa

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 818
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-3
เค้ากำลังสวีทหวาน  หมอตุลจะโผล่มาทำไม ห๊ะ  :m16:

ออฟไลน์ eastwind

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 367
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
น้องคะน้าเนี่ยน่าไปออกช่วงพ่อค้าแซ่บของเทยเที่ยวไทยนะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
กว่าน้องทิมจะทำหวานได้ ก็มีมารซะแล้ว

หัดดิน เอ้ยหัดกิน

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ -west-

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1875/-12
    • FACEBOOK PAGE
ทิมเท่มากกก หึงด้วย ฮิฮิ
ชอบตอนนี้มากค่ะ ทั้งน่ารักทั้งอบอุ่น #แม่ยกทิมมาเอง  o13 o13
เอาเยอะๆลูก ทิมสู้วๆ

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
สู้เค้าทิม!! แย่งน้องคะน้ามาให้ได้
แล้วส่งพี่หมอตุลย์มาให้เราซะดีดี
55555555555555

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
แปะไว้นานจนเกือบลืม นิสัยเสียจริงเรา
สั้นๆก่อนว่าตอนที่ผ่านมาภาษาสวยดี เดี๋ยวไปตั้งคอมเม้นท์ใหม่ยาวๆดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-06-2012 10:29:19 โดย LittlePrince »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
คึคึ พี่คะน้าน่ารักอ่ะ o(*////▽////*)o
มีหนุ่มหล่อมาให้เลือกตั้ง2คน แต่คงไม่รู้ตัว=____=

ปล.แอบเขินน้องทิมเบา ฮี้ววววววววววววว       

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2

ออฟไลน์ dukdikdukdik

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-3
ยกป้ายไฟเชียร์ทิมสุดมือค่า ^^

ออฟไลน์ MZter

  • ~ใครหาว่าผมอินดี้...ผมเกรียนจะตาย(•`^`•)~
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เปิดศึกชิงนายคะน้ากันแล้ว :oni1: :oni1:

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เหมือนพี่ผักกาดจะเป็นกามเทพเลยนะเนี่ย
แปลงร่างต่ายน้อยซะ รถไฟใหญ่ๆ 2 ขบวนจะชนกันอยู่แล้ว
รอลุ้นต่อไปนะฮะ

ออฟไลน์ dariganae

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-1
เชียร์ทิมสุดอ่ะค่ะ!!!!
แบบว่าไม่ไหวแล้ว
ชอบหนุ่มแนวนี้!!!~~~~~~~ //กรีดร้องงงงงงงงงงงงงง
แบบว่าคุณหมอเค้าดูนิ่มๆ ดูแผนเยอะไปนิดส์
ต้องหนุ่มวิศวะสิคะ ขรึม หล่อ นิ่ง และซึนนนนนนน=//////////=

อ่านตอนนี้แล้วแบบว่า เหลือแค่สองเลยค่ะ หมอตุลล์หลุดออกจากสมองไปเลย555
ว่าแต่คุณหมอเล่นเข้ามาขัดจังหวะซะงั้น วัยรุ่นเซง=3= 55555 //โดนFCตุลล์ถีบ

ออฟไลน์ TinyB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 522
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-0
เพิ่งตามอ่าน อิๆ อยากจะบอกว่าเชียร์ ทิม สุดใจขาดดิ้น  :m19:
ชอบตอนล่าสุดที่สุดอ่ะ ทิมดูหลุดลุคเถื่อนๆไปเลย กลายเป็นเด็ก5ขวบ อิๆ

แป๊ะยิ้มคุง

  • บุคคลทั่วไป
เพิ่งตามอ่านทั้งที่ยังไม่ได้นอน พอเริ่มอ่านตอนแรกปุ๊ป!



 :a5:



แป๊ะตะบันยันตอนล่าสุดเลยทีเดียวววว!!!!

หายง่วงเลยอะ 5555555555555555

ชอบง่าาาาา า ส่วนตัวไม่ค่อยใคร่ 3P เท่าไหร่ แต่กับเรื่องนี้..



" กุเชียร์ทิมเว้ยเฮ้ย!!!!!!!!!!!!! "

กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มาต่อเร็วๆนะค้าบ เป็นกำลังใจให้!  o13 o13

ออฟไลน์ rubymoona

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-5
อยากอ่านต่อแล้วงะ
คิดถึงพี่ทิม :-[

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
สรุปใครเป็นพระเอกเนี่ย...เครียด :really2:
แต่ถ้าเราเป็นคะน้าก็คงเลือกไม่ถูกเหมือนกัน  :-[
ปล. เชียร์ทิมนะ เดี๋ยวหมอเราเอาเองละกัน โดน :z6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
ฮือๆๆ หายไปนานเหมือนกัน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
พอดีทำงานที่โดนให้ทำไม่เสร็จ โดนแก้แล้วแก้อีก กลับบ้านเป็นอันสลบทุกที
รีบปั่นเมื่อวานคิดว่าจะเสร็จ แต่ก็ล่วงเลยมาเป็นวันนี้แทน วะฮะฮ่า
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่าน ทักทาย ให้กำลังใจกันนะครับ
อยากคุยกับเพื่อนๆ แฮะ แต่มันวุ่นๆ อ่ะ แปะไว้ก่อนนะ (ได้ข่าวแกแปะมากี่รอบแล้ว!)
ขอขอบคุณงามๆ กับพี่ oaw_eang กับพี่ๆ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่แวะมาช่วยดันกระทู้ให้นะครับ
ไม่รู้จะถูกใจไหมเนาะ แต่งไปเบลอไป มึนไป ฮ่าๆๆ ผิดพลาดยังไงขออภัยนะคร้าบบบ...


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ตอนที่ 7




เปลวเทียนให้แสงสลัวจนบรรยากาศรอบตัวดูสวยงามกว่าที่ควรจะเป็น
ปลายส้อมสีมันวาวเขี่ยวนเส้นสีเหลืองกลมแล้ววางแลอยู่อย่างนั้น
กลิ่นเทียนอโรม่าจางๆ ที่เจือมาในอากาศ
ไม่ได้ช่วยให้จิตใจของชายหนุ่มในเสื้อยืดสีมอๆ สงบลงอย่างที่มันควรจะเป็น

“ไม่ถูกปากหรือครับ” คำถามจากชายหนุ่มเจ้าของเสื้อเชิ้ตสีอ่อนพับแขนดูง่ายๆ
ดึงคะน้าให้กลับมาสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “หรือไม่ถูกปากกับอาหารฝรั่ง”

“โอ้ย อร่อยเหาะครับ ...มากๆ เลย” คำตอบดูจะสวนทางกับท่าทีการแสดงออก
เมื่อจานกว้างตรงหน้านั้น กลับพร่องลงไปนิดเดียว
ตุลวางส้อมลงบนจานแล้วเอนตัวไปพิงพนักด้านหลัง สีหน้าหม่นลง

“ผมไม่น่าไปรบกวนคุณคะน้าเลย”

“เอ้ย คุณตุลอย่าคิดแบบนั้นสิครับ ไอ้นี่มันสุดยอดมาก”
คะน้าบิดส้อมวนเส้นสปาเก็ตตี้จนรวมเป็นก้อนโตแล้วส่งเข้าปาก
รสชาติมันดีสมราคาที่แพงสุดโต่งเลยล่ะ แต่แปลก ...ทานไม่อร่อยเลย





 

ตุลที่เดินเข้ามาก็เริ่มชะงักกับคนแปลกหน้าอีกคนที่เขาไม่เคยคุ้นตา
ชายหนุ่มมองจ้องไปที่ทิมไม่วางตา บอกไม่ได้ว่าควรจะเอ่ยทักในฐานะมิตร หรือในฐานะอะไรดี

“คุณคะน้า”

“คุณตุลมาที่นี่ได้ยังไงน่ะครับ หรือว่ามีใครที่นี่เป็นอะไรหรือเปล่า”
คะน้ารีบลุกขึ้น เหมือนนึกขึ้นได้ว่าตุลมีอาชีพอะไร ...มีคนบาดเจ็บหรือเปล่า?

ทิมเองก็ลุกขึ้นตาม สีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่กับการปรากฏตัวของคนแปลกหน้า
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ที่นี่เขตก่อสร้าง ไม่ได้เปิดให้คนนอกเข้ามาได้”

“นั่นสินะครับ อันที่จริงผมก็ชั่งใจว่าเข้ามาจะดีไหม
แต่ถามพี่ยามตรงข้างหน้าก็บอกว่าคนที่ผมตามหาอยู่ในนี้ด้วยสิ”
ตุลยิ้มกลับด้วยแววตาที่ไม่ได้ยิ้มเหมือนกับการแสดงออกบนริมฝีปาก ก่อนจะหันมาพูดกับคะน้า
“จันทูบอกว่าคุณคะน้าน่าจะอยู่ที่นี่น่ะครับ ก็เลยตั้งใจจะมาหา
เย็นนี้... ทานข้าวกับผมนะครับ มีร้านอร่อยๆ อยากพาไปทานด้วยสิ”
ตุลหันมายิ้มเชิญชวน ไม่ได้สนใจอีกคนที่ยืนอยู่อย่างที่ควรจะเป็น

ทิมยืนนิ่ง ...นิ่งจนน่าอึดอัด ไม่มีคำพูด การเคลื่อนไหวใดๆ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่แสดงออกมาให้รับรู้
“ไปทานด้วยกันไหมครับ” คะน้าเอ่ยชวน หากแต่ไม่มีคำตอบใดๆ ออกจากปากของชายหนุ่ม
ทิมค่อยๆ ย่อตัวลงต่ำ หยิบหมวกพลาสติกสีเหลืองที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมศีรษะตัวเอง
มีคำพูดมากมายอยากเอ่ย แต่สุดท้าย คะน้าก็ได้แต่ยืนนิ่งเฉยอยู่อย่างนั้น
เมื่อเห็นใบหน้าของทิมภายใต้หมวกใบนั้น ความรู้สึกผิดเล็กๆ แล่นขึ้นมาในหัวสมองจนทำอะไรไม่ถูก

“ไงครับ น้องก็ไปทานด้วยกันสิครับ” ตุลหันไปยิ้มให้เขาก่อนจะถามย้ำกับคนที่ยืนนิ่งอยู่
คะน้าเองก็เงยหน้ามองไปทางทิมด้วยความอยากรู้ หากแต่คนที่ถูกมองกลับเมินหน้าไปด้านอื่น
บรรยากาศดูเงียบจนน่าอึดอัด สุดท้ายทิมก็ส่ายหน้าน้อยๆ แล้วขอตัวจากไป








“เห็นทีวันหลังผมคงต้องเปลี่ยนร้านแล้วล่ะ อาหารฝรั่งอาจไม่ถูกปากคุณคะน้าจริงๆ”

“ไม่หรอกครับ” คะน้ารีบปฏิเสธ ยัดเข้าปากตุ้ยๆ

“เก็บเงินดีไหมครับ”

“เห้ย แต่มันยังไม่หมดเลยนะ”

“ไม่ต้องฝืนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ คุณอิ่มแล้วก็อย่าฝืนสิ”
ตุลหันมายิ้มกว้าง สบตาด้วยความจริงใจ รอยยิ้มนั้นยังคงอบอุ่นเช่นเดียวกับทุกๆ ครั้ง
ลงท้าย คะน้าก็ค่อยๆ ก้มหน้าแล้ววางส้อมลงข้างๆ จาน

“ขอโทษนะครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
...ผิดในความรู้สึกกับสิ่งที่ทำต่อตุล
...และผิดในความรู้สึกกับสิ่งที่ทำต่อทิม

“เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมขอเลี้ยงเองแล้วกันครับ ถือเป็นคำขอโทษ”
คะน้าเอ่ยขึ้นมา หากแต่ว่าตุลกลับส่งบัตรเครดิตให้กับบริกรไปแล้ว

“คราวหน้านะครับ” ตุลหันกลับมายิ้ม
คะน้าถอนบ่นอุบคราวก่อนตุลก็แย่งเขาจ่าย คราวนี้ก็อีกแล้ว

“แน่นอนครับ คราวหน้า”

รถยนต์สีบรอนด์เงินทะยานไปข้างหน้าตามเส้นทาง
มีเสียงดนตรีเพราะๆ จากเครื่องเสียงชั้นดีที่ทำลายความเงียบสงบในพื้นที่เล็กๆ ในห้องโดยสาร
นานๆ ทีจะได้ยินเสียงฮัมเพลงขึ้นมาเบาๆ จากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย
ผิดกับชายหนุ่มอีกคนที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คิ้วเข้มขมวดขึ้งราวกับถูกตรึงมัดไว้
คะน้าจ้องมองไปที่พระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือฟากฟ้าสีดำ ไม่นานนักสายฝนก็เริ่มโปรยลงมา

“คิดอะไรอยู่หรือครับ หรือเครียดเรื่องอะไรอยู่หรือเปล่า มีอะไรที่ผมพอช่วยได้ไหม”
ตุลถามขึ้นด้วยความห่วงใย น้ำเสียงที่ทุ้มนั้นสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงอย่างไม่ปิดบัง

“ฮ่ะๆๆ ไม่มีอะไรครับ แค่คิดอะไรเพลินๆ”

“คิ้วขมวดซะขนาดนั้น” จำนนด้วยหลักฐาน
คะน้าจึงได้แต่นั่งเงียบเฉไฉมองไปข้างนอก ฝังตัวลงบนเบาะหนังสีอ่อนที่แสนนุ่มนั้น

ตุลเหลือบมอง รับรู้และเห็นมาโดยตลอดว่าคะน้าเป็นคนยังไง
นิสัยที่ตรงไปตรงมาต่อความรู้สึกนั้นไม่เคยปิดบังบนใบหน้าสักครั้ง
ดวงตาที่ใสเหมือนกับเด็กชายตัวน้อยๆ คอยตั้งคำถามต่อเรื่องราวต่างๆ รอบๆ ตัวตลอดเวลา
แม้เจ้าตัวจะชอบแกล้งทำเป็นมีความสุข หรือกลบเกลื่อนด้วยเสียงหัวเราะแปลกๆ
เพื่อให้คนรอบๆ ข้างมีความสุขอยู่บ่อยครั้ง แต่ดวงตาคู่นั้นไม่เคยปิดบังความรู้สึกได้เลย



...เป็นคนอ่อนโยน แต่ก็แสนจะอ่อนไหวเสียเหลือเกิน


“ไม่มีอะไรจริงๆ น่ะ”

“ไม่มี ...ไม่มีจริงๆ” รีบปฏิเสธพัลวัน ท่าทางเหล่านั้นทำเอาตุลลอบถอนหายใจ

“งั้นผมขอถามอะไรหน่อยสิ” คะน้าหันมามองก่อนจะพยักหน้า
ตุลหน้านิ่ง บอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร

“น้องคนที่ไซด์งานก่อสร้างนั่นเป็นใครหรือครับ ดูสนิทด้วยแฮะ รู้จักกันมานานแล้วเหรอครับ”

แม้จะแปลกใจกับคำถามของตุลอยู่ไม่น้อย
แต่คะน้าก็ตอบไปตามความเป็นจริง ...ก็ไม่มีอะไรให้ต้องโกหกนี่นา
“ลูกค้าที่มาซื้อไอติมบ่อยๆ น่ะครับ เขาสั่งให้ไปส่งที่ไซด์งานทุกวันแหละ
วันละ 40 บาท ไม่ได้รู้จักมานานอะไรอย่างนั้นหรอกครับ”

“มองเผินๆ ผมกลับรู้สึกว่าสนิทกันนะครับ”

“โอ้ย ไม่เลย” คะน้าสวนตอบไปทันที ไม่เว้นแม้แต่จังหวะให้คิด ตุลขมวดคิ้วจ้องมองคะน้ากลับ
ท่าทางของคะน้านั้น ...เหมือนกับเด็กที่โดนจับได้ว่าทำแจกันแตกอะไรอย่างนั้น

“ไม่ได้สนิทอะไรเลยนะ เอาเข้าจริงๆ ผมคุยกับหมอมากกว่าอีก” หันมาทำหน้าจริงจัง

“คร้าบบบ... ไม่สนิทก็ไม่สนิทครับ” ตุลยิ้มขันให้กับท่าทีที่จริงจังเว่อร์ๆ ของคะน้า แล้วขับรถต่อไป



...แต่หากเพียงจะมีใครสังเกต นั่นเป็นรอยยิ้มที่ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลย

ไม่นานนักรถยนต์ของตุลก็จอดเยื้องกับไอ้แก่พาหนะคู่ใจของคะน้าที่จอดไว้ในละแวกตลาด
คะน้าเปิดไปตูลงไปจากรถ ไม่ลืมที่จะหันมาขอบคุณก่อนจะกล่าวขอตัว

“ขอบคุณนะครับหมอ”

“ขอบคุณด้วยเหมือนกันครับ” ตุลยิ้มตอบให้ คะน้ากำลังจะปิดประตู แต่ตุลก็รีบเรียกไว้

“เดี๋ยวครับๆ ผมยังไม่ได้จ่ายค่าไอติมที่ไปส่งให้ที่โรงบาลเลย
จะจ่ายให้ลูกจ้างคุณคนนั้น เค้าบอกว่าให้ที่คุณดีกว่า”
ตุลเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบธนบัตรสีม่วงส่งไปให้คะน้า

“จันทูน่ะหรือครับ อืม... ไม่เป็นไรก็ได้ครับหมอ ผมเลี้ยงหมอบ้าง เลี้ยงผมมาตั้งสองครั้งแล้ว”
คะน้าปฏิเสธพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยลาแล้วตั้งท่าจะปิดประตู

“รับเถอะครับ ของซื้อของขาย อย่าเอามาปนกันเลยนะครับ ผมก็ลำบากใจ”
ตุลยัดธนบัตรใส่มือของคะน้า ยากจะปฏิเสธ ลงท้ายพ่อค้าหนุ่มเลยจำใจรับไว้

“แล้วก็นี่...” ตุลยื่นธนบัตรสีเขียวส่งให้สองใบ

“สี่สิบบาท ทำไมเหรอครับ ค่าไอติมห้าร้อยพอดีนี่ครับ”

“สั่งใหม่ครับของคราวหน้า ไม่ใช่ห้าร้อย แต่สี่สิบ ...แค่สี่สิบบาท”
คะน้ามองเงินสี่สิบบาทในมืองงๆ

“งั้นผมเลี้ยงดีกว่า สี่สิบ” ตั้งท่าจะคืนแต่ตุลเอื้อมมือมาบีบห้ามมือของคะน้าไว้

“อย่าเลี้ยงผมเลย อย่าเกรงใจในความสนิทสนมที่มีกับผม นับผมเป็นแค่ลูกค้าคนนึงก็พอครับ”
ตุลสบตาพร้อมกับรอยยิ้ม ...เหมือนรอยยิ้มนั้นในคืนที่ไปทานอาหารข้างถนนด้วยกัน
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าที่คะน้าจดจำได้ดี เสียงทุ้มนั้นเจือไปด้วยความขื่นขมในที

“...แล้วคุณจะมาส่งให้ที่โรงบาลได้ไหม”

คะน้าอึ้งไป รู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ความคิดเริ่มปะติดปะต่อ ตลอดระยะเวลาทั้งช่วงเย็นที่ผ่านมา
แม้ว่าตัวเขาจะอยู่กับตุล แต่ความคิดกลับวนเวียนไปคิดถึงความรู้สึกผิดต่อทิม
ลืมที่จะนึกว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นร้ายแรงกว่ามากมาย แม้ว่าจะเป็นมื้ออาหารที่อร่อยมากมายแค่ไหน
หรือแม้ว่าตุลจะดูแลเค้าเป็นอย่างดีเพียงใด แม้แต่ยอดสั่งไอศกรีมนั้นจะมากกว่าไม่รู้ต่อกี่เท่า
หรือแม้แต่คำพูดที่บอกว่าสนิทสนมหรือพูดคุยกับตุลมากกว่าเป็นไหนๆ
แต่เขากลับไม่ได้มองเห็นคุณค่าอะไรของการมีตุลอยู่นั้นเลย

หน้าต่างกระจกค่อยๆ เลื่อนขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ เลือนรางของตุล
รถยนต์สีบรอนซ์เงินค่อยๆ ขับเคลื่อนไปบนถนน ค่อยๆ เล็กลง ก่อนจะหายไปจากสายตา
คะน้าจ้องมองเงินสี่สิบบาทที่อยู่ในมือ ตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำมาซ้ำไป

...คุณค่าของเงินไม่กี่บาท หรือคุณค่าของเจ้าของ สิ่งไหนที่มีตัวตนในสายตาเขาน้อยกว่ากัน

ฝนหยุดตกไปสักพักแล้ว ท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆหนาๆ นั้นอีกแล้ว
พระจันทร์ดวงกลมโตกลับมาทอแสงนวลอีกครั้ง หากแต่ความมืดหม่นในใจของคะน้ายังอยู่เช่นเดิม
หรือบางที... อาจเป็นตุลที่เหมือนใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวบนดวงจันทร์มาตลอดเวลาก็ได้

ไอ้แก่ครางหึ่งๆ ตามอายุการใช้งาน มันเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ
พร้อมกับความรู้สึกสับสนวุ่นวายในใจของผู้ขับ คะน้าตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเส้นทางที่ผ่านมา
...ตลอดเวลาที่ได้รู้จักกับตุลและทิม ความรู้สึกกลับสับสนอลหม่านตลอดเวลา
พะว้าพะวงกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ เล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บเอามาตั้งคำถาม
แม้จะเป็นช่วงระยะวลาไม่นานนักที่ได้รู้จัก
แต่ดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของคะน้านั้นกลับเปลี่ยนแปลงไปเสียมากมาย

ไม่ได้เชื่อคำทำนาย ไม่ได้งมงายฟุ้งซ่าน ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าความรักคืออะไร
เคยมีกับเขาที่ไหน แฟนที่เดินควงไปไหนต่อไหนแบบใครๆ
ที่ผ่านมาก็ได้แต่แอบปลื้มแอบชอบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย
ไม่กล้าแม้แต่จะคิดหวัง ...รู้ตัวดีว่าหน้าตาไม่ได้ดูดีแบบใครๆ

ความรักในตอนนี้ก็ไม่เคยคิดอยากจะมีด้วยซ้ำ
เอาแค่เคลียร์ปัญหาเรื่องที่วุ่นวายใจอยู่ตอนนี้ไปได้ก็ดีใจมากแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ คะน้าก็ไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ ไม่ว่าจะเป็นตุลหรือทิม
ก็เป็นคนที่เขาถูกชะตามากๆ ทั้งคู่ ไม่มีเวลามานั่งคิดหาสาวๆ มาเป็นแฟนหรอก

คิดทบทวนมากมาย จนในที่สุดก็ตัดสินใจได้
คะน้าเปิดไฟเลี้ยว ก่อนจะบิดพวงมาลัยแล้วเลี้ยวกลับไปอีกทาง
เป้าหมายคือคอนโดของผักกาดที่ซึ่งเขามีเพื่อนบ้านที่แสนดี

ไม่นานนักคะน้าก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องของผักกาด ประตูห้องปิดสนิท
ห้าทุ่มแล้ว ป่านนี้ผักกาดคงเตรียมตัวเข้านอน
ถ้าเข้าไปในตอนนี้ ยังไงก็คงซ่อนความรู้สึกกังวลเหล่านี้กับผักกาดไม่ได้
แล้วก็พาลให้พี่สาวต้องเครียดตามไปอีก คะน้าครุ่นคิด ตัดสินใจเดินไปห้องที่อยู่ข้างๆ กัน
ประตูห้องปิดสนิท คะน้ายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ตั้งท่าจะเรียก
แต่เสียงกีต้าร์โปร่งที่แผ่วเบาทำให้คะน้าชะงัก ความสับสนลังเลก่อตัวขึ้นในใจ
เดินกลับไปที่ห้องตัวเองก็ไม่อยากรบกวนผักกาด ลงท้ายคะน้าเปลี่ยนใจกลับไปที่บ้านตัวเอง

ในพื้นที่สี่เหลี่ยมเล็กๆ ปลายนิ้วค่อยไล่ไปทีละชั้น สัมผัสกับตัวเลขทุกๆ ตัว
ลิฟต์ค่อยๆ เลื่อนลงไปเรื่อยๆ คะน้ายืนนิ่ง ทิ้งน้ำหนักลงไปที่ผนังกระจกเงาด้านหลัง
ประตูโลหะเปิดออกทีละชั้นแล้วค่อยๆ ปิดเอง ซ้ำมาซ้ำไปอยู่อย่างนี้
เช่นเดียวกับความคิดของคะน้าในตอนนี้ที่วนเวียนไปมาซ้ำๆ ซากๆ

กระทั่งถึงชั้นล่างสุดที่เป็นลานจอดรถใต้ดิน คะน้าสูดลมหายใจลึก
ตัดสินใจจะกลับ หากแต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก
คะน้าที่ยืนเซ็งๆ อยู่ถึงกับสะดุ้งเบิกตาโพลง มือทั้งสองยกขึ้นขยี้ตา
แปลกใจ และตกใจกับการปรากฏตัวขึ้นของคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุดในตอนนี้

ทิมกระตุกคิ้วเข้ม หน้ามุ่ยนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธอย่างเต็มที่



(ต่อๆๆๆ)

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เข้ามาคั่นหรือเปล่า หุหุ
ตามมาอย่างเร็วเลยย 5555

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
(ต่อเลยๆๆ :o8: )




ทิมกระตุกคิ้วเข้ม หน้ามุ่ยนั้นบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธอย่างเต็มที่

“เป็นพี่เองเหรอ ไอ้บ้าที่มันกดลิฟต์เล่นทุกชั้น รู้ไหมว่าผมยืนรอกี่นาที งี่เง่าอะไรขึ้นมาล่ะ”
กระแทกเสียงด้วยความหงุดหงิด ร่างสูงเดินหลุนๆ เข้ามาในลิฟต์พร้อมกับลังกระดาษในมือ
ดูจากรอยกดน้ำหนักบนแขนก็พอเดาได้ว่าน้ำคงหนักไม่น้อย

“ขอโทษครับ เห็นว่าดึกแล้ว ก็...” พูดไม่ทันจบประโยคเสียงเข้มก็ดุแทรกขึ้นมาทันที

“ขอโทษแล้วมันแก้อะไรได้ไหม ก่อนทำ ทำไม่ไม่คิด”

“ผมลืมคิดไป คิดแค่ว่ามันดึกแล้ว ขอโทษนะครับ ให้ผมช่วยนะ”
ไม่ทันจบประโยคดี ลังทั้งใบก็ถูกยัดใส่มือของคะน้า ชายหนุ่มยืนงง แต่ก็รับมาถือโดยดี

ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเหลือบ่ากว่าแรง น้ำหนักของกล่องไม่ได้มากอย่างที่คิด
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาชินกับการแบกมะพร้าวทะลายโตๆ ทุกวันที่ตลาดจนชินก็เป็นได้
หันไปเหลือบมองดูทิมก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “น้องทิมอยู่นี่ด้วยหรือครับ ไม่เคยเห็นเลย”

“แล้วมันเป็นปัญหา?” สีหน้าหงุดหงิดยังไม่เปลี่ยน ท่าทางจะรอนานจริงๆ

“ขอโทษครับ ผมแย่จริงๆ”

“ช่างเหอะ” ยืนเตะจุ้ยเป็นคุณชาย ว่ากันตามความรู้สึกจริงๆ ชนิดไม่ปิดบัง
...ดูกวนตีนชะมัด แต่ทำยังไงได้ จะว่าไปตัวเองก็ทำผิดจริงๆ

ทิมเสียบการ์ดลงไปในช่องลิฟต์ก่อนจะกดปุ่มสูงสุดบนแถวด้านขวา ตั้งแต่อยู่ที่คอนโดนี้มาหลายปี
คะน้าเคยตั้งคำถามว่าคนประเภทไหนที่จะอยู่ชั้นบนสุดของคอนโดแห่งนี้ที่เป็นเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่
มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันไม่ว่าจะเป็นสวนหย่อมของตัวเองที่ดาดฟ้า
หรือแม้กระทั่งสระว่ายน้ำส่วนตัวโดยไม่ต้องพึ่งของส่วนกลาง
เพนท์เฮ้าส์ที่ออกแบบเป็นสองชั้นหรือที่เรียกว่า Duplex อันเป็นที่ฮือฮาในตอนที่เปิดตัวโครงการ
ว่ามีมูลค่าสูงจนน่าตกใจ ลำพังแค่ห้องปกติก็มีราคาสูงลิบลิ่วกว่าโครงการอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียงแล้ว
แต่นี่... คะน้ามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตา

ทิมยังคงมีสีหน้าหงุดหงิด เม็ดเหงื่อซึมชื้นที่ไรผม 55 ชั้น
คิดๆ ดูแล้วจากชั้นที่คะน้าอยู่จนถึงชั้นจอดรถก็คงหลายสิบนาที
แต่อะไรบางอย่าง คะน้ายอมรับว่ารู้สึกสะใจอยู่เล็กๆ เหมือนกัน

“มองไรพี่ หนักล่ะสิ”

“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้เอง คุณคงไม่ชิน ให้ผมช่วยเถอะ”

“ว่าไงนะ” ทิมบ่น น้ำเสียงเจืออารมณ์เอาแต่ใจแบบเคยๆ เป็นสัญญาณบอกว่าเริ่มหายโกรธแล้ว
คะน้ายิ้มกลับให้ ทิมหันหน้าไปทางอื่น มีเสียงบ่นงึมงำเบาๆ “ยิ้มบ้าอะไร กวนประสาท”



เนื่องจากเป็นเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ที่มีเพียงห้องเดียวทั้งชั้น
บนชั้นสูงสุดจึงไม่มีระเบียงทางเดินแบบชั้นอื่นๆ ระบบลิฟต์จะถูกต่อตรงเข้าสู่ห้องพักทันที
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก คะน้าก็ก้าวตามทิมที่เดินดุ่มๆ แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามาในห้อง

“วางตรงไหนก็วางๆ ไป” เสียงทุ้มดังออกมาจากส่วนในห้องที่กว้างมากๆ จนคะน้าจับทิศทางไม่ถูก
คะน้าค่อยๆ วางกล่องกระดาษนั้นลงบนโต๊ะสีขาวเรียบๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก

ครู่เดียวทิมก็เดินออกมาพร้อมกับเครื่องดื่มในมือ เจ้าตัวยกกรอกปากเอาเหมือนเพิ่งหลุดมาจากทะเลทราย
ทิมโยนกระป๋องน้ำอัดลมในมืออีกกระป๋องให้กับคะน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจ จนคะน้าต้องรีบคว้าไว้เพราะกลัวตกพื้น

“หนักล่ะสิ เป็นไงล่ะ รู้แล้วใช่ไหมว่ามันรู้สึกยังไง”

“พอไหวน่ะครับ ไม่เท่าไหร่ ชินกับการแบกของหนักทุกวันน่ะครับ”
จิบเครื่องดื่มแล้วหันไปยิ้มให้เจ้าของห้อง เห็นทิมทำหน้าผงะ
ถ้าเดาไม่ผิด คะน้ารู้สึกเล็กๆ เหมือนกับทิมกำลังเสียความมั่นใจ

“เอ่อ... จริงๆ มันก็หนักมากๆ เลยอ่ะครับ เกือบตายเอาเหมือนกัน” ว่าแล้วก็ก้มหน้าจิบน้ำ
...ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า เห็นด้วยไหม? สีหน้าของทิมดูดีขึ้น ได้ยินเสียงพูดประมาณว่า
หนักอย่างกับแบกกระสอบหินกระสอบทราย แต่คะน้าไม่ได้สนใจนัก

ทิมก้มหน้าก้มตารื้อของออกจากกล่อง เดินไปเก็บในห้องนั้นห้องนี้ราวกับว่าลืมไปแล้วว่ามีอีกคนอยู่ที่นั่น
นานๆ จะเห็นทิมเหลือบมองมาที่เขาเป็นระยะๆ แล้วก็ทำหน้าหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ

“เอ่อ... งั้นผมกลับก่อนดีกว่า” คะน้าเอ่ยแทรกขึ้น ไม่มีเสียงตอบกลับ
มีเพียงสายตาที่แสดงออกถึงความขัดใจ นั่นก็มากพอจะทำให้คะน้ารู้สึกอกสั่นขวัญแขวน

“คือจริงๆ ก็ไม่ได้มีธุระอะไร แต่กลัวว่าจะรบกวนน้องทิมหรือเปล่าน่ะค...”

“เปล่า” แทรกขึ้นมาโดยที่ไม่รอให้คะน้าพูดจบ จนคะน้าเก้อไป
ไม่รู้จะทำอะไรดี จึงค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

“ผมช่วยนะ”

“ไม่ต้อง” เบี่ยงตัวหลบคะน้าไปอีกทาง จนเขารู้สึกเก้ออีก





“...พี่พักเหอะ เหนื่อยแล้ว”

เสียงเบาราวกับว่าพูดจากที่ไกลหลายสิบเมตร ทำเอาคะน้ายิ้มขำ
คนแบบทิมนี่เป็นคนที่เผินๆ ดูปากร้าย ไม่น่าเข้าใกล้เอาเสียเลย
หากแต่ลองสังเกตดูดีๆ แล้วจะพบว่าคนละเรื่องกันเลย

คะน้าเอื้อมมือไปช่วยเก็บข้าวของ ทิมไม่ได้ดุว่าอะไรแบบที่เคยๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างดูปกติ ราบเรียบ เว้นแต่รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากนั่น และใบหูที่ดูแดงๆ

ระหว่างที่เก็บข้าวของอยู่ คะน้าก็เริ่มกระสับกระส่ายกับความรู้สึกบางอย่าง
จะขอตัวกลับก็เกรงใจ กระทั่งร่างกายสำแดงหลักฐานชิ้นเอกด้วยเสียงท้องที่ร้องราวกับฟ้าผ่า
แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยิน เขาถึงกับเก็กหลุดจนปล่อยก๊ากออกมาทันที

“ไปกินข้าวประสาอะไร ท้องร้องอย่างกับไดโนเสาร์”

“ช่างเหอะ”

“ก็แล้วทำไมพี่ไม่กินให้มันอิ่มๆ”

“กินไม่ลง”

“เป็นอะไรกินไม่ลง”

“...ก็” อ้าปากจะพูด แต่ดีที่ยังยั้งไว้ทัน “...ช่างเหอะ”

“ก็อะไร”

“ไม่มีอะไร”

“ถามว่าก็อะไร!”

เสียงเข้มแสดงถึงความหงุดหงิดเต็มที่ จนปัญหาจะนึกหาเหตุผล
จะพูดออกไปว่าเพราะมัวแต่คิดกังวลเรื่องทิมอยู่ก็ดูจะยังไงๆ
ลงท้ายก็พยายามหาความจริงที่ใกล้เคียงที่สุด ...ไม่อยากโกหกใคร

“ก็ไม่ค่อยอยากไปกิน” คำตอบเรียบๆ ง่ายๆ ของคะน้าที่พูดส่งๆ ไป
กลับทำให้ทิมชะงัก ทุกอย่างเงียบลงไปชั่วขณะ




“ปัญญาอ่อน”

ทิมหยุดหยิบฉวยข้าวของแล้วเดินออกไป ถ้าสายตามองไม่พลาด
เหมือนกับคะน้าจะเห็นรอยยิ้มของทิมอีกแล้ว


...ประหลาดนะ พักนี้ยิ้มบ่อยแฮะ

ระหว่างที่ทิมหายไปคะน้าก็เก็บข้าวของในกล่องออกมาเรียงจนเป็นระเบียบ สมุดซ้อนชั้น
เอกสารเรียงรายดูง่ายต่อการอ่าน หากแต่ตัวของเจ้าของห้องกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่เดียวกลิ่นหอมฉุยก็ลอยมาเตะจมูก ตอนแรกคะน้านึกว่าตัวเองหิวจนหลอน
แต่กลับรู้สึกดีใจที่เป็นเรื่องจริง ไม่ได้คิดไปเอง เพราะมันหอมน่ากินขนาดนั้น!

ทิมโผล่มากับจานข้าวที่พูนไปด้วยไข่เจียวหมูสับโปะมาบนหน้า กลิ่นหอมฉุยจนแทบทนไม่ไหว

“ขี้เกียจเก็บศพ เดี๋ยวจะมีคนไส้ขาดตายเอา”

ไม่รีรอ คะน้าจ้วงอย่างไม่ลืมหูลืมตา ยิ่งกินก็ยิ่งรู้สึกอร่อย
ไม่รู้ว่าตัวเองรสนิยมต่ำหรือะไร แปลกที่ไข่เจียวหมูสับบ้านๆ ในตอนนี้
กลับทำให้รู้สึกอร่อยกว่าอาหารจานละเป็นพันจากมือเชฟเลื่องชื่อ

“มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ”
ทิมจ้องมองด้วยความแปลกใจ มองไปก็เริ่มกลืนน้ำลายตัวเองไป

“อร่อยที่สุดในโลกเลยนะ”

“ขนาดนั้น”

“ขนาดนั้น!”

“ก...กินมั่ง”
 
“ห๊ะ?!?”

คะน้าชะงัก มองค้าง เห็นทิมที่นั่งตรงข้ามกลืนน้ำลายเฮือกก็ไม่รู้จะทำยังไง
จริงๆ ก็พอเข้าใจ แต่มองอุปกรณ์ช้อนส้อมที่อยู่ในมือ มันก็มีแค่ชุดเดียว

“กินมั่ง!”

“เอ่อ...”

“ตักๆ มาดิ ชักช้าอะไรล่ะพี่ ทำเป็นงกไปได้ ก็แค่อยากรู้มันอร่อยอะไรนักหนา”

คะน้าจึงค่อยๆ เอาช้อนที่อยู่ในมือตักไข่เป็นชิ้นแล้วตักข้าวใส่ช้อน ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี

“ใส่ซอสด้วย ซอสพริกน่ะ นิดเดียวนะ อย่าเยอะ”

ค่อยๆ ราดซอสพริกสีแดงลงบนช้อน แล้วกระบวนการก็กลับสู่ขั้นตอนเดิม
ลังเลว่าจะทำยังไงต่อไปดี จนคะน้าตัดสินใจส่งช้อนให้ แต่...

“ป้อนที” มองเขม็งไปที่ไข่เจียวหอมกรุ่นราดซอสพริกเยิ้มๆ

“กินเองสิ” ยื่นช้อนออกไปข้างหน้าให้คนเอาแต่ใจ หากแต่ทิมกลับโน้มตัวมางับช้อนในมือ

ภาพที่ทับซ้อนกับคราวก่อนแจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง
และก็อีกครั้งเช่นกันที่คะน้ารู้สึกกระดากแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก
...ไม่แปลกอะไรใช่ไหม ก็แค่ข้าวไข่เจียว มองดูก็ไม่มีอะไรแปลก
...ถ้าจะมีอะไรแปลก เห็นทีจะเป็นความคิดบ้าบอของเจ้าตัวนี่แหละ

“อร่อยว่ะ” ทิมพูดขึ้นเบาๆ แล้วเอามือเช็ดปาก ยิ้มภูมิใจ
คะน้าจ้องมองช้อนที่ว่างเปล่าในมือ ความรู้สึกบอกไม่ถูกว่าจะกินยังไงต่อไปดี

“เดี๋ยวก็เย็นหมด จ้องอยู่ได้”

เอาวะไอ้คะน้า กินก็กิน ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไร
ก็แค่ป้อนข้าว ก็แค่กินข้าวช้อนเดียวกัน มันแปลกอะไร!
ว่าแล้วก็จ้วงต่อ แล้วคะน้าก็พบว่าไม่ผิดหวังจริงๆ
เพราะมันก็ยังเป็นข้าวไข่เจียวที่อร่อยที่สุดในโลกเหมือนเคย

“เสร็จแล้วก็วางไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า แม่บ้านก็เข้ามาทำ”

“น้องทิมอยู่คนเดียวเหรอครับ” คิ้วเลิกสูงแสดงความหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัว

“แล้วเห็นใครไหม” ตอบคำถามด้วยคำถาม นี่ถือเป็นเรื่องปกติที่คะน้าเริ่มชินแล้ว
ว่าแล้วก็ทานข้าวต่อ ป่วยการจะเค้าหาคำตอบอะไรจากทิม

ระหว่างที่คะน้าทานข้าวอยู่ทิมก็หายตัวไป แม้ว่าเจ้าของห้องจะบอกว่าให้วางจานไว้ที่โต๊ะ
แต่คะน้ารู้สึกว่ามันคงดูแปลกๆ ที่วางเรี่ยราดแบบนี้ ชายหนุ่มหยิบจาน
แล้วเดินหาห้องครัวที่ดูว่าจะหาเจอไม่ได้ง่ายนักด้วยขนาดพื้นที่ที่กว้างเหลือเชื่อ

กระจกใสที่ผสมสารกรองแสงกรุเป็นผนังโดยรอบทั้งหมดของห้อง
นี่เป็นส่วนหนึ่งที่แตกต่างเอามากๆ กับห้องของคะน้าและผักกาด
ด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำและมีระเบียงพักผ่อนและพื้นที่สีเขียวที่เป็นส่วนตัว
...ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เคยเห็นทิมในพื้นที่ส่วนกลางของคอนโดสักครั้ง
วัสดุที่ใช้ปูพื้นหรือแม้แต่พรมก็ดูต่าง แค่หนังเท้าด้านๆ เหยียบยังรู้เลยว่าของนอก!

จนสุดท้ายก็พบห้องครัวอยู่ส่วนในสุดของห้อง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
ขนาดของมันใหญ่กว่าห้องนอนของเขาเสียอีก ล้างจานรวมทั้งกระทะ
ชามที่ใช้ผสมไข่ รวมทั้งเก็บเปลือกไข่ลงถังขยะจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมานั่งที่โซฟา
มองดูไปรอบๆ พื้นที่รับแขก ซี่งออกแบบเป็นชั้นหนังสือตีรอบแทนผนังบางส่วนทำให้ดูโปร่งสบายตา
ด้านข้างเป็นบันไดเหล็กสำหรับขึ้นไปด้านบน คะน้าเดาว่าห้องนอนคงอยู่บนนั้น
เป็นห้องที่ดูดีสมกับราคาค่างวดจริงๆ ฟังก์ชั่นการใช้งานดูเหมือนจะถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
เหมาะกับการอยู่อาศัยของครอบครัว สักสี่คนอยู่ยังอยู่ได้อย่างสบายๆ


...คนประเภทไหนกันนะ ที่อยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ราคามหาศาลขนาดนี้เพียงคนเดียว?

ขณะที่พยายาค้นหาคำตอบในใจ กลิ่นอ่อนๆ ของสบู่
ทำให้คะน้าหันหลังกลับ มามองที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นที่มาของกลิ่นหอม
ร่างสูงโปร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นเปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำทั่วตัว
ต้นแขนที่นูนชัดดูรับกับท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นถึงแผ่นอกกว้าง
ดูดีจนเย้าสายตาให้เลื่อนลงไปสู่ช่วงท้องที่เป็นเหลี่ยมนูนของกล้ามเนื้อ
เป็นระเบียบเรียงหลั่นกันกระทั่งถึงไรขนอ่อนๆ ที่แทรกตัวขึ้น
บนผิวหนังกลางลำตัวเหนือผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดตาที่ดูหนานุ่มนั้น

คะน้าเผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างฝืดเคือง
ลอบมองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างหยุดสายตาตัวเองไม่ได้
ทิมยกฝ่ามือขึ้นลูบผ่านขากรรไกรก่อนฝังนิ้วโป้งลงบนโหนกแก้มที่ยกตัวสูงน่ามองนั้น
แล้วค่อยๆ ลากลงมาช้าๆ จนถึงเรียวปาก มองสำรวจตัวเองที่หน้ากระจกเงาที่เรียงราย
เป็นทางยาวตัดผ่านจากทางเดินไปสู่ห้องน้ำในเพนท์เฮ้าส์

คะน้ายังคงมองตามร่างสูงของคนที่อ่อนวัยกว่าที่ดูจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนัก
เนิ่นนาน จนทิมค่อยๆ เบือนหน้ากลับมาจนสังเกตเห็น รู้สึกแปลกใจที่เห็นสายตามองจ้องตัวเองอยู่
ชายหนุ่มจึงหันตัวกลับมาแล้วค่อยๆ เดินเข้ามาหาเจ้าของดวงตาที่จ้องมองไม่วางตาคู่นั้น

ฉับพลันนั้น หัวใจของคะน้าก็สั่นไหวไม่เป็นจังหวะ รู้สึกไม่มั่นใจ
รู้สึกประหม่าจนอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นในเสี้ยววินาที

“พี่มองอะไรน่ะ” เหมือนเด็กที่โดนจับได้เมื่อทำความผิด
คะน้าเสมองไปด้านข้าง หลบสายตาคนที่อยู่เบื้องหน้า

“เปล่านี่ มองอะไร”

“ข้างฝามีอะไรน่ามอง” ทิมจ้องผนังห้องตัวเองแล้วถามด้วยความสงสัย

“ก็มองไปเรื่อย” กลืนน้ำลายฝืดๆ อย่างยากลำบาก
อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ระดับสายตาตรงหน้าในตอนนี้น่ะ

“ตามใจ” สะบัดหัวที่เปียกชื้นจนละอองน้ำกระเด็นไปทั่ว
ตามธรรมดาแล้วคะน้าคงจะต่อว่าอะไรสักหน่อย
หากแต่ในตอนนี้กลับนึกแม้แต่วิธีจะหายใจยังลำบากยากเย็น

ทิมเดินออกไปนั่งที่โซฟาอีกด้าน เอนหลังพิงบนเบาะนุ่มๆ กดรีโมตเครื่องเสียง
ไม่นานเพลงบรรเลงเสียงแซ็กโซโฟนก็ดังขึ้นมาจากเครื่องเสียงชั้นยอด
เจ้าของห้องที่ตอนนี้มีแค่ผ้าขนหนูพันท่อนล่างยกข้อเท้าวางบนหัวเข่าอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ทุกข์ร้อน


...ราวกับห้องนี้มีเพียงเขานั่งอยู่เท่านั้น

คะน้าเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ความรู้สึกในใจในตอนนี้ช่างยากเกินอธิบาย
รู้สึกสั่นๆ เหมือนกับหวาดกลัวอะไรบางอย่าง คิดจะลุกหนี
หากแต่ห้วงทำนองของเสียงแซ็กโซโฟนที่แว่วหวานนั้นขับกล่อมจนเกียจคร้านจะลุกไปไหน
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สบกับสายตาที่จ้องมองอยู่
เป็นสายตาที่ท้าทายทุกประสาทการรับรู้ราวกับจะขยี้ให้ความรู้สึกกระเจิดกระเจิง

“โห พระจันทร์ดวงเบ่อเร่อเลย ท้องฟ้าไม่มีเมฆดีนะ”
เอ่ยไปทั้งที่เสียงสั่นๆ คนตรงหน้าที่นั่งอยู่กันคนละฝั่งไม่ได้เอื้อนเอ่ยใดๆ กลับ
ดวงตาคู่นั้นยังจับจ้องอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

“เอ่อ... อากาศดีเนอะ เย็นสบาย” เป็นคะน้าอีกเช่นเดิมกับบทสนทนาที่ไม่เข้าท่านั้น
ทิมยกมือขึ้น กดรีโมตเร่งความเย็นของเครื่องปรับอากาศ แล้วถือค้างไว้แทนคำตอบ

“นั่นสินะ แอร์นี่นา ถึงว่าเย็นๆ” ช่างเป็นคำพูดที่งี่เง่าและน่าขายหน้าที่สุด
แต่ทำไงได้ สมองมันคิดได้แค่นั้น หากแต่ดวงตาวาวคู่นั้นกลับยังจับจ้องอยู่ไม่วางตา
ราวกับจะสำรวจร่างกายของเขาทุกซอกมุม คะน้าก้มหน้าลงรู้สึกร้อนวูบไปทั่วทั้งตัว
มือขวายกขึ้นมากำเสื้อที่หน้าอกจนยับย่นอย่างลืมตัวเพราะจังหวะหัวใจที่เต้นแรง
หากแต่ความรู้สึกนั้น กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

...ไม่ไหว หัวใจมันหวิวๆ เหมือนจะหยุดเต้น



“พี่หนาวเหรอ...”

เสียงทุ้มแรกที่ดังขึ้นผสานกับเสียงแซ็กโซโฟนที่เน้นจังหวะหวามในท่อนโซโลของเพลงนั้น
ราวกับจะพัดพายุโหมกระหน่ำในใจให้ปั่นป่วน ร่างสูงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ รอยยิ้มน้อยๆ กระตุกขึ้นที่มุมปาก
ก่อนจะเดินตรงมาที่คนที่นั่งอยู่ ดวงตาคมคู่นั้นยังคงมองจ้องที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง

หมอนใบเล็กๆ ในมือของทิมถูกส่งให้กับคนที่นั่งอยู่
เป็นหมอนแบบเดียวกับที่วางดาษดื่นใกล้ๆ ตัวของคะน้า รู้ทั้งรู้ว่าไม่แตกต่าง
แต่จะปฏิเสธน้ำใจของทิมก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่เข้าท่า สองมือค่อยๆ ยื่นออกไปรับมันทั้งๆ ที่ยังสั่นๆ
ก่อนจะคว้าหมอนที่ได้รับมาแล้วกอดแน่น ฝังใบหน้าตัวเองลงบนความหนานุ่มนั้น

เสียงติ๊ดๆ จากรีโมตบอกว่าอุณหภูมิถูกปรับลดต่ำลงอีกครั้ง
กระแสลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่วเบาลงจนรู้สึกได้
หากแต่อาการสั่นๆ นั้น ไม่ได้ทุเลาหรือลดลงไปเลย



...ไม่ไหว รู้สึกเหมือนจะขาดใจ

“ผมกลับก่อนนะ” สุดจะทานไว้ คะน้าปล่อยหมอนที่กอดอยู่แล้วลุกขึ้นยืน
ชายหนุ่มคว้ากุญแจรถแล้วเตรียมกลับ หากแต่ปลายแขนกลับถูกตรึงไว้ด้วยแรงรั้ง


“ดึกแล้ว นอนนี่เหอะ”

รู้สึกถึงน้ำหนักของแขนสองข้างที่ค่อยๆ รัดเข้าจากช่วงเอวก่อนจะพาดรั้งดึงจนเข้าใกล้
เสื้อยืดสีมอๆ ของคะน้าดูดซับความชื้นจากหยดน้ำเล็กๆ บนร่างกายทิมจนชื้นชุ่ม
แผ่นหลังถูกบดจนแนบชิด ...ชิดจนเบียดแน่นกับกล้ามเนื้อหนาของคนด้านหลัง


“อยู่นี่ ...อยู่ด้วยกัน”

คะน้าเผยอริมฝีปากขึ้น พยายามเค้นเสียงที่เคยมีให้ออกมา
แต่กลับทำได้แค่เพียงเสียงแผ่วลมที่ฟังไม่เป็นแม้ภาษา


“...นะครับ”

คางแหลมสากของทิมลากไล้ไปบนลำคอก่อนจะวางแนบลงบนบ่า
ผมเส้นหนากระด้างที่เปียกชื้นแนบลงที่ข้างใบหู
มีไอร้อนของลมหายใจโลมไล้แผ่วเบาข้างๆ ซอกคอจนร้อนกรุ่น
วงแขนกว้างโอบกระชับร่างกายของคนข้างหน้าให้แนบชิด ...แน่นขึ้น ...เบียดขึ้น

แสงของพระจันทร์ทอดตัวผ่านกระจกเป็นเงาสะท้อน
ในภาพเงาที่เลือนรางของคะน้า มีชายหนุ่มอีกคนที่ซ้อนชิดอยู่ด้านหลัง
ดวงตาคมของใครคนนั้นยังคงจ้องลึกไปในดวงตาของคนตรงหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
รอยยิ้มของทิมแย้มพรายขึ้นช้าๆ ก่อนที่ปลายจมูกค่อยๆ กดฝังลงบนหัวไหล่


“...อุ่นยัง?”


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



อุ่นไหมครับ!  :jul3:
ตอนหน้าจะเอายังไงดีหนอ  :impress2:


ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนมากๆ นะครับ
ทุกๆ คอมเมนต์ ทุกๆ กำลังใจ แล้วก็คำแนะนำ อ่านหมดเลยนะครับ ขอบคุณมากๆ เลย
ใครเล่นเฟซบุค แวะไปจิกทวง เสนอแนะได้ที่หน้าเพจตรงลิงค์ข้างล่างได้ตามอัธยาศัยนะครับ

รักเพื่อนๆ ทุกคนมากมายให้ตายเหอะ!

 :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-05-2012 20:50:26 โดย Lucea »

ออฟไลน์ Lucea

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 312
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +292/-0
เข้ามาคั่นหรือเปล่า หุหุ
ตามมาอย่างเร็วเลยย 5555

ท่าน Rafael สุดยอด!!! 5555

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
กรี๊ดดดดด
แทคะแนนให้ทิมเต็มหน้าตัก
น่ารักไม่ไหวแล้ววววว ฮาาา
รุกให้เต็มที่นะคะ เชียร์เต็มที่เลย เอ้า 55555
ขอบคุณคุณลูเซียที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
อุ่นแย้วววววว   กรี๊ด  ฟิน

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
อยากจะกดบวกรัวๆ ..... ทิมน่ารักเว่อๆ อ่านแล้วเขิล
อยากโดนตะคอกบ้าง โดนจ้องบ้าง ไรบ้าง ..... ปั่นป่วนแทนคะน้า  :o8:  :o8:

ออฟไลน์ milkshake✰

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 817
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-3
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม
ทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิมทิม

เชียร์ทิมสุดหัวใจ
เราว่าหมอตุลย์เพอร์เฟคแล้วนะ
มาเจอทิมนี่ถึงกับช็อก
มีเพ้นท์เฮ้าส์ อยู่คนเดียว แถมโสดอีก
ไม่คว้าไม่ได้แล้วหนูคะน้า
 :haun4: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ pizza2011

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 411
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ขอสมัครเป็นแม่ยกคุณทิมแบบด่วนๆเลยค่ะ  o13

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
เพิ่งได้มาอ่านค่ะ ชอบมาก เชียร์ทิมด้วยคน  :3123:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด