“ไอ้ขวัญออกจากห้องรึยังแม่” จักรกฤษณ์ถามมารดาแล้วเหลือบตามองไปยังประตูห้องนอนของน้องชาย เขาไม่เห็นหน้าจอมขวัญมาตั้งแต่รายนั้นกลับมาตอนเก้าโมงครึ่ง จนนี่จะสองทุ่มครึ่งอยู่แล้ว
“ยัง…ไม่กินข้าวมาสองมื้อแล้ว แม่ก็กะว่าจะไปเคาะเรียกเหมือนกัน” คุณพัชรีหันมาตอบ ใจนึกห่วงหลานชายที่เลี้ยงมา แม้จะรู้จักนิสัยจอมขวัญดีว่าเวลามีปัญหาแล้วชอบเงียบ แต่เธอก็ปล่อยให้เงียบและอยู่กับตัวเองได้แค่นี้เท่านั้น หากปล่อยไว้นานกว่านี้ คุณพัชรีกลัวใจจอมขวัญจะสร้างเรื่องให้ตัวเองยิ่งเจ็บปวด
“กับแค่ผู้หญิงคนเดียว” ชายหนุ่มคนลูกพึมพำอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย แค่ผู้หญิงซื่อๆหัวอ่อนนั่น จอมขวัญถึงกับต้องอดข้าวสองมื้อเชียวรึไง
“แต่ก็เป็นคนที่ของขวัญรัก มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียว หรือกี่คน หรือจะเป็นใคร…ถ้าเป็นคนที่รัก เป็นคนที่แคร์ ไม่ว่ายังไง เขาก็สำคัญ” คุณพัชรีหันมาสอนลูกชาย
“สอนไอ้จักรจะได้เรื่องอะไร มันไม่รู้จักหรอก คนรักน่ะ!” พอภรรยาสอนลูกชายหัวดื้อ คุณชัยก็หันมาร่วมผสมโรงด้วย เพราะไม่เห็นจักรกฤษณ์คบหาผู้หญิงคนไหนจริงจังจนอายุจะสามสิบอยู่แล้ว
ตอนแรกก็คิดว่าจักรกฤษณ์อาจจะชอบผู้ชาย คุณชัยก็พยายามสอดส่องว่ามีคนไหนที่จักรกฤษณ์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษหรือไม่…แต่ก็ไม่มี…
…จักรกฤษณ์ไม่คบหาใครจริงจัง ไม่มีความรัก ไม่ศรัทธาในความรัก...น่าห่วงหนักกว่าเดิมเสียอีก!...
“โธ่พ่อ ไม่รู้จักแหละดีแล้ว ดูคนรู้จักดีอย่างไอ้ขวัญสิ เป็นไง! แค่ยัยคนนั้นไปกับผู้ชายอื่นก็อดข้าวตั้งสองมื้อ คุ้มกันมั้ยเนี่ย! ยัยคนนั้นมารับรู้อะไรด้วยซะที่ไหน มีแต่มันคนเดียวเจ็บทั้งใจ เจ็บทั้งกาย ป่านนี้กระเพาะทะลุไปถึงตับอ่อนแล้ว” คนเป็นลูกให้เหตุผลอย่างไม่แยแสสนใจจะมีคนรักเป็นตัวเป็นตน ถ้าเอาไว้แก้เหงามันก็หาไม่ยากหรอก แต่ถ้าจะมีใครสักคนมาอยู่ข้างกายเขาทั้งวันทั้งคืน จักรกฤษณ์ยอมรับว่าใครคนนั้นต้องทนสภาวะใจร้อนของเขาให้ได้ แต่เขาจะทนความใจเย็นของอีกฝ่ายไหวมั้ย นั่นก็อีกเรื่อง…
“ตาจักร…แกรู้ได้ยังไงว่าหนูน้ำไปกับผู้ชาย?” คุณพัชรีรู้สึกประหลาดกับคำพูดลูกชาย
จอมขวัญไม่ได้เล่าว่าทำไมถึงกลับมาเร็ว และไม่ได้เล่าว่าเพราะอะไรถึงขังตัวอยู่ในห้อง แต่ก็พอเดาได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องของน้ำทิพย์ แต่เรื่องที่เกี่ยวกับน้ำทิพย์ก็มีตั้งหลายเรื่อง ไล่มาตั้งแต่เรื่องที่แม่น้ำทิพย์ไม่ชอบหน้าจอมขวัญ…แต่…ทำไมจักรกฤษณ์ถึงชี้เป้าว่าเป็นเพราะน้ำทิพย์ไปกับผู้ชายคนอื่น
จักรกฤษณ์เงียบ ไม่ยอมตอบ เอาแต่จ้องโทรทัศน์ที่กำลังขึ้นเพลงของละครหลังข่าว
“ตาจักร!!!” คุณพัชรีขึ้นเสียงเมื่อเจ้าลูกชายตัวดีทำนิ่งเงียบ จักรกฤษณ์เลยยอมหันมามอง
“ก็…เดาเอา…ช่วงนี้กำลังถูกสั่งให้คั่วผู้ชายคนใหม่ไม่ใช่เหรอ” คนเป็นแม่มองลูกชายอย่างคาดคั้น แต่เมื่อจักรกฤษณ์ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม เธอก็เลยได้แต่ถอนหายใจแรง
“พูดให้มันเบาๆหน่อย ผู้ชายคนใหม่นั่นก็คุณอธิป” คนเป็นบิดาที่พอจะรู้เรื่องเอ่ยปากปรามลูกชาย
“แล้วคุณอธิปเขาบอกอะไรบ้างมั้ยล่ะจักร เขาสนใจหนูน้ำจริงๆรึเปล่า” คุณพัชรีถามด้วยความเป็นห่วง เธอรู้ว่าอธิปเป็นลูกค้าของโรงแรม และก็สนิทสนมกับจักรกฤษณ์อยู่เหมือนกัน
“ก็ไม่เห็นพูดอะไรนี่ แม่คงไม่ให้ผมไปถามเขาหรอกนะ” จักรกฤษณ์แย็บทันที ถ้าเขาจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของอธิป จอมขวัญและน้ำทิพย์ล่ะก็ เขาจะยุ่งเรื่องเดียว คือเรื่องสนับสนุนน้ำทิพย์ให้ไปกับอธิปเสีย
…ไม่ใช่ว่าเขาเห็นด้วยกับคุณรุ่งทิพ แต่เป็นเพราะปฏิกิริยาของคุณรุ่งทิพที่ไม่พอใจจอมขวัญทุกอย่างนั่นต่างหาก…แต่ถ้าเรื่องนี้ไม่มีคุณรุ่งทิพ จักรกฤษณ์ก็อาจจะยอมรับคนรักของน้องชายได้อยู่หรอก…
“ก็ลองถามๆดูหน่อยสิ ถ้าเขาไม่จริงจังกับหนูน้ำ อย่างน้อยของขวัญมันจะได้สบายใจ” คุณพัชรีเอ่ยปาก จนคนเป็นลูกต้องหันมามองหน้า
“แม่ คราวนี้น่ะคนที่จริงจังที่สุดคือคุณรุ่งทิพ เพราะงั้นไม่ต้องไปถามจากใครหรอก ถามคุณรุ่งทิพดีกว่าว่าจะเอาใครเป็นลูกเขยอย่างจริงจัง งานนี้คนตัดสินใจไม่ใช่ทั้งไอ้ขวัญ ไม่ใช่ทั้งคุณอธิป แล้วก็ไม่ใช่ทั้งยัยหัวอ่อนนั่น…แต่ผมไม่โทษคุณอธิปนะ เป็นเพราะไอ้ขวัญดันไปรักยัยนั่น แล้วยัยนั่นก็ดันเป็นคนตามใจพ่อแม่มากเกินเหตุ ส่วนรายแม่นั่นก็เจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่องในชีวิตลูกตัวเอง ถามจริงเหอะ แม่ยังอยากให้ไอ้ขวัญแต่งกับผู้หญิงแบบนั้นอีกเหรอ แต่งกันไปมีหวังจะทำอะไรต้องโร่ไปถามคุณรุ่งทิพก่อน”
จักรกฤษณ์ไม่อยากคิดว่าถ้าแต่งงานกันไปจริงๆ จอมขวัญจะทนได้ไหม ถ้าหากจะมีลูกก็ต้องวิ่งไปถามคุณรุ่งทิพ ลูกจะเกิดเดือนไหนก็ต้องถามคุณรุ่งทิพ ลูกจะชื่ออะไรก็ต้องถามคุณรุ่งทิพ…
…แค่คิดล่วงหน้า จักรกฤษณ์ก็เหนื่อยใจแทน…
“อย่าโทษคนอื่นจักร…ถ้าจะมีคนผิด ก็คือแม่ที่เลี้ยงของขวัญมาไม่ดีพอ” คุณพัชรีตัดบทลูกชายเสียงเศร้า
ต้นเหตุที่ทำให้มารดาของน้ำทิพย์ไม่ชอบจอมขวัญ เป็นเพราะอดีตอันเลวร้ายของจอมขวัญ เธอที่เป็นคนรับช่วงต่อเลี้ยงดูส่งเสียจอมขวัญกลับไม่อาจทำให้จอมขวัญมีอดีตที่ดีได้ ตอนนั้นจอมขวัญเสียคน เสียเด็ก และมีประวัติแย่ๆติดตัวก็เป็นเพราะเธอที่ดูแลไม่ถ้วนทั่ว…
“ไม่เอาหน่ารี…” คุณชัยขยับเข้าไปปลอบภรรยา ภาพเซื่องซึมของมารดาผู้อารมณ์ดีเป็นนิจทำให้จักรกฤษณ์พูดต่อไม่ออก
…ถ้าจะบอกว่าเป็นความผิดของแม่คนเดียวก็ใช่ที่ เขาเองก็ผิด ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าวัยรุ่นเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แล้วจอมขวัญก็ขาดแคลนครอบครัวแท้ๆไว้เป็นที่พึ่งทางใจ แต่เขากลับไม่อยู่ข้างๆน้อง ไม่อยู่ให้น้องปรึกษาปัญหา ไม่อยู่ให้น้องระบายความคับข้องใจใดๆ เขาที่น่าจะเป็นที่พึ่งให้น้องได้ กลับไม่อยู่ข้างๆมันในเวลานั้น…จนในที่สุดมันก็ไปพบเพื่อนชั่ว ดีแค่ไหนว่าไม่ติดยาทำลายตัวเองมากไปกว่าเดิม…
…จักรกฤษณ์สัญญากับตัวเองนับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องราวคราวนั้นว่าเขาจะไม่ให้ความสำคัญกับใครมากไปกว่าจอมขวัญ จนกว่าจอมขวัญจะมีคนมาเคียงข้างอย่างที่ทำให้เขาสบายใจและยอมปล่อยวางได้…
“มันก็ความผิดเราทุกคนแหละแม่…” ชายหนุ่มได้แต่พึมพำ
………………..
จอมขวัญยังคงไปทำงานตามปกติ ยิ้มแย้มกับคนรอบข้างเท่าที่ปกติเคยเป็น ทว่าส่วนลึกในจิตใจของเขานั้นดำมืดจนไม่มีแสงสว่างใด
…เขาจะจัดการเรื่องของน้ำทิพย์อย่างไรดี…เขาควรจะทำยังไง…
“คุณจอมครับ ลูกค้ามาแหน่ะครับ” พนักงานในแผนกเดินเข้ามาบอกจอมขวัญที่กำลังตรวจดูการตกแต่งห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมเพื่องานเปิดตัวโครงการของศุภฤกษ์
ชายหนุ่มหันมองตามคำพูดลูกน้องก็ได้แต่นิ่ง มือที่ถือแฟ้มกำจิกแน่นเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินตรวจสถานที่ในฐานะลูกค้า
…ใช่! มาในฐานะลูกค้า!!!...ไอ้อธิป!!!...
“คุณจอมครับ?” เสียงเรียกของลูกน้องดังเตือนสติ ร่างโปร่งก็เลยยกยิ้มที่มุมปากบางๆเพื่อซ่อนร่องรอยของความโกรธเคือง
“เดี๋ยวผมไปดูแลเอง” เขาเก็บกดความโมโหก่อนจะเดินตรงดิ่งไปหา ‘ลูกค้า’
“สวัสดีครับคุณอธิป” จอมขวัญเอ่ยปากเสียงเรียบ ดวงตาที่มองใบหน้าคมเข้มเบื้องหน้านั้นรายเรียบทว่าเบื้องหลังคือกองไฟที่โหมกระพือจนแทบจะมอดไหม้หัวใจเขาอยู่แล้ว
“ผมมาดูว่าสถานที่ไปถึงไหนแล้ว” อธิปหันมากล่าวเรียบๆเหมือนเป็นแค่ลูกค้าธรรมดาหนึ่งคน ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องส่วนตัวใดๆกับจอมขวัญ
“ทันวันงานแน่นอนครับ” จอมขวัญตอบได้แค่นั้น สายตาก็เหลือบไปเห็นพี่ชายตนเองเดินเข้ามาในห้องจัดเลี้ยง
จักรกฤษณ์ตรงรี่มาที่อธิปและจอมขวัญทันที เพราะมีคนไปรายงานว่าอธิปมาที่โรงแรมเพื่อตรวจดูสถานที่ เขาเลยต้องรีบถลาออกจากห้องทำงานลงมาดูแลอีกทอดหนึ่งเพราะกลัวว่าจอมขวัญที่กำลังแค้นอธิป จะทำอะไรเกินเหตุ
“สวัสดีครับคุณอธิป” ชายหนุ่มผิวคล้ำผู้เป็นทายาทสายตรงของคุณชัยร้องทักพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“อ้อ สวัสดีครับ พอดีผมมาแถวนี้ก็เลยแวะมาดูสถานที่เสียหน่อย”
“งานคืบหน้าไปเยอะมากแล้วครับ รับรองว่าวันงานทุกอย่างเรียบร้อยแน่นอน” จักรกฤษณ์ให้ความมั่นใจอย่างเต็มที่
“ดีครับ” อธิปรับคำแล้วเหลือบตามองไปรอบๆห้องพยายามไม่สนใจร่างโปร่งของจอมขวัญที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาเรียวที่จ้องมองมาที่เขานั้นเรียบเฉยดูไม่มีอะไร แต่แววแข็งกร้าวแค้นเคืองก็ยังปรากฏในดวงตาคู่นั้น
…จอมขวัญโกรธเขา…มันก็แน่อยู่แล้ว เขาทำท่าเหมือนจะมาแย่งน้ำทิพย์ไป เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้น…
“แล้วคุณอธิปจะไปไหนต่อรึเปล่าครับ วันนี้มีเมนูใหม่ของทางโรงแรมเพิ่งออกหมาดๆ ถ้ายังไงอยู่ทานด้วยกันกับผมและจอมขวัญมั้ยครับ” จักรกฤษณ์เอ่ยปากชวนชายหนุ่มทันที
ในเมื่อยังไงเสีย เขาก็คิดจะผลักดันน้ำทิพย์ให้ไปกับอธิปอยู่แล้ว ทางที่ดีเขาควรให้จอมขวัญได้รู้จักตัวตนของอธิปให้มากขึ้น เผื่อจอมขวัญจะเข้าใจและทำใจได้ง่ายขึ้นว่าน้ำทิพย์จะ ‘ไป’ กับคนที่ดีพอ
“พอดีวันนี้ผมมีนัดตอนเย็น เอาเป็นวันมะรืนนี้ได้มั้ย ผมจะแวะมาดูอีกรอบนึง เผื่อมีอะไรอยากเพิ่มเติมอีก”
“ได้ครับ” จักรกฤษณ์ยิ้มรับ
เขาเป็นคนพาลูกค้าเดินชมรอบห้องจัดงาน มีจอมขวัญเดินตามหลังและอธิบายรายละเอียดของงานเป็นพักๆเมื่อถูกถาม ก่อนที่อธิปจะยอมกลับไป และทันทีที่เหลือแค่สองพี่น้อง ร่างโปร่งก็ตวัดสายตาขุ่นคลักมาที่พี่ชายทันที
“ไปชวนมันกินข้าวทำไมอีก?!!”
“เขาเป็นลูกค้า” จักรกฤษณ์ให้เหตุผล แต่จอมขวัญยังจ้องไม่เลิก ร่างสูงเลยได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะดึงน้องชายออกไปที่สวนหย่อมของโรงแรม เพื่อหาที่เงียบๆคุยกันตามลำพัง
“ขวัญ…ฉันพูดตามตรงนะ ฉันว่าแกควรจะทำความเข้าใจกับความจริงให้มากกว่านี้…แกไม่มีทางผ่านด่านคุณรุ่งทิพไปได้ ไม่ว่าแกจะรักน้ำทิพย์มากแค่ไหนก็เถอะ”
คนเป็นน้องได้แต่เงียบ จ้องมองพี่ชายด้วยไม่รู้จะเถียงอย่างไร ความจริงข้อนี้เขารู้ดี แต่เขาไม่อยากยอมรับและไม่ต้องการให้ใครมาพูดซ้ำๆว่าเขาไม่มีทางได้รักกับน้ำทิพย์ไปชั่วชีวิต
“แล้วอีกอย่าง…ฉันอยากให้แกเปิดใจมองผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตของน้ำทิพย์ ถ้าวันนึงข้างหน้า น้ำทิพย์ต้องอยู่กินกับใครที่ไม่ใช่แก แกจะได้สบายใจ…ว่าอย่างน้อย ผู้ชายคนนั้นก็ดีพอ”
…ผู้ชายที่ดีพออย่างนั้นหรือ…ไม่ต้องเว้นช่องว่างให้เขาเติมชื่อหรอกว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นคือใคร…
จอมขวัญข่มกรามอย่างอัดอั้น ดวงตาที่มองพี่ชายเปลี่ยนเป็นแววแข็งกระด้างอย่างที่จักรกฤษณ์ยังนึกกลัวใจน้องชาย
“มันจะต้องไม่มีวันนั้น!!”
ติดตามตอนต่อไป…ขอเป็นวันศุกร์นะคะ
แฮ่มๆ มันใกล้จะถึงจุดพีคของดราม่าแล้ว แล้วดราม่าก็จะหมดไป วะฮ่าฮ่า
เพราะงั้นไม่ต้องห่วงนะจ้ะ ดราม่ามา แต่ดราม่าก็จะไปตามทางก็มันเอง อิอิ
เพิ่งกลับมาจากไปเที่ยว มีขอต้องจัดการมากมาย ผ้าประมาณแปดล้านกองยังไม่ได้ซัก ต้องไปซักล่ะเดี๋ยวไม่มีใส่
ขอบคุณเช่นเคย ทั้งคนอ่าน คนเม้นท์ และกำลังใจ รวมทั้งพื้นที่บอร์ดด้วยนะคะ
ป.ล. มีแต่คนเชียร์ให้น้องขวัญเลิก…ฮ้า น้องขวัญช่างน่าสงสารจริงจริ๊งงงง
ป.ล. 2 ขอเม้านิดนึง ชื่อ ‘ของขวัญ’ เนี่ย เกิดขึ้นเนื่องมาจากว่าอยากได้ชื่อที่ดูเป็นของสำคัญ ใครๆก็อยากได้ ชื่อแรกที่คิดได้คือ ‘ของกิน’ แหล่มสุดๆ ฮ่าฮ่า แต่มันจะเกรียนเกินไปหน่อย เลยต้องคิดชื่อใหม่ ก็เลยได้เป็น ‘ของขวัญ’ แทน