You’re My BaBy!!
คือว่ากูไม่ได้ทิ้งมันหรือไม่ได้ดูแลมันนะเว้ยเฮ้ย ไม่อยากจะเชื่อแค่ช่วงเวลาที่กูวิ่งไปคุยกับพ่อกูเรื่องทีมตระกร้อไม่กี่นาทีจะเกิดเรื่องขึ้นกับมัน แต่ว่า จิ๊ เสียดายว่ะไมได้ดู ฮ่าๆ เขาบอกว่าแม่งไอ้เบบี๋สุดยอดเลยนะ กระโดดถีบอีสุชาติจนหงายหลังมิหนำซ้ำเข้าไปเหยียบหน้ามันอีก เจ๋งว่ะ ขนาดกูตีกันมานักต่อนักนะยังไม่เคยเหยียบหน้าใครเลยนะเว้ย มันนี่เด็ดจริงๆ
“บ่น่าซวนไปหาจารย์เดชเลยมึง กูเลยบ่ได้เบิ่งซ่ำ” สัดเคนครับ แหมๆ กูเองก็อยากดูเถอะเว้ย
“บักห่ามึง คั่นพวกเฮาบ่ไปอีสุชาติมันสิกล้าเข้ามาวอแวบ่” สัดไม้ครับ เออมีเหตุผล แต่ว่าไปแล้วกูก็นึกโมโห แม่งทำกับแฟนกูแบบนี้ได้ไงวะ ไมได้ล่ะเดี๋ยวกูต้องไปจัดการหน่อยล่ะ ปล่อยไว้แม่งเดี๋ยวเหลิงจะหาว่ากูไม่ปกป้องแฟนกูอีก มึงคอยดูๆ
“เห็นมันโตน้อยๆแนวนั่นบ่คิดว่ามันสิใจเด็ดปานนี้ ฮ่วย แนวนี้บ่แม่นสิลักเตะกูอยู่บ่วะ” ผมพูดติดตลกแล้วรอไอ้เบบี๋มันลงมาจากห้องผอล่ะครับ
“ทำไมหน้ามุ่ยๆวะ ผอทำโทษเหรอ” ผมเดินเข้าไปลากแขนมันมาล่ะครับ
“อือดิ จิ๊เซ็ง ทำไมไม่พักการเรียนนะ” “อ้าว มึงอยากโดนพักการเรียนเหรอวะ ไอ้นี่แล้วผอลงโทษยังไง” ผมถามครับเพราะสีหน้ามันดูลำบากใจมากๆ
“จะให้ทำไรล่ะ ก็ให้แสดงต้อนรับจารย์ใหม่ที่จะมาเดือนหน้าไง เห็นบอกมีงานคืนสู้เย้าอะไรไม่รู้อ่ะ โว้ย เซ็ง”
“ฮ่าๆ มึงเนี่ยนะจะแสดง สม” ผมหัวเราะครับ มันทำหน้าค้อนใส่ผมทันที
“ไรอ่ะ ไม่รู้ล่ะ เน่าต้องช่วยเราด้วยนะ” “อ้าวๆ เกี่ยวไรวะ กูไม่ได้ทำผิดด้วยซะหน่อยนี่หว่า” ผมแซวมันครับ มันหน้างอตามระเบียบ
“แสดงหยังล่ะอุ่น งานใหญ่เด้นี่ ซู่ปีเพิ่นสิให้ชมรมการแสดงเด้ล่ะจัดงานน่ะ” สาวจอยพูดขึ้นล่ะครับ
“นั่นน่ะดิ เฮ้อเราจะแสดงอะไรอ่ะ” มันทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกล่ะครับ
“ฟ้อนติ๊ล่ะ” สาวจอยเสนอ
“ฟ้อนไรอ่ะคนเดียว” “ก็ซวนหมู่เด้เนาะอุ่น” “แม่นๆ เฮาสิซวนหมู่ห้องเฮามาซ่อย” สัดเคนครับ ไอ้เบบี๋มันทำตาวิ้งๆทันทีครับ
“จริงนะเคน” “แหะๆ บ่ฮู้เขาสิซ่อยบ่บู้” “อ้าว”
“เดี๋ยวลองซวนหมู่ในห้องลองเบิ่งติ๊อุ่น ซุมบ่แม่นพวกอีสุชาติกับอีเพ็ญน่ะมีอยู่เด้” คุยกันไปกันมาก็ไม่ได้ความหรอกครับ คงต้องคุยกันยาวล่ะเรื่องนี้ เฮ้ยๆ อย่ามองที่กูนะเว้ยไม่ฟ้อนไม่รำถ้าให้เต้นเหมือนเต้นหน้าเวทีหมอลำซิ่งน่ะว่ามาเลย ฮ่าๆ เออเรื่องที่ไปคุยกับพ่อกูมาก็เรื่องตระกร้อล่ะครับ พอดีผมไปเสนอแกมาเพราะแกสนิทกับจารย์จรูญซึ่งผมไม่สนิท คือประมาณว่าไม่กินเส้นกันนั่นเองครับ ฟังดูเข้าใจยากเนอะ เอาเป็นว่าผมอยากจะเตะตระกร้อทีมโรงเรียน ซึ่งเขามีทีมดีอยู่แล้ว ลำบากไปไหมเนี่ยกู แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็รอปลัดล่ะครับเผื่อแกจะตั้งทีมประจำอำเภอขึ้นมาเท่กว่าเป็นไหนๆ
“ป่ะเบบี๋รีบกลับ” พอเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนผมก็มาดักรอมันหน้าอคารล่ะครับ คนก็มองเป็นเรื่องปกติแต่ไม่ได้มองกูนะเว้ยเฮ้ย มองไอ้เบบี๋ว่ะ ดังใหญ่ล่ะมึง
“ว่าจะไป” “ไม่เอา ไม่ไปกลับบ้านจะรีบไปเตะตระกร้อ” ผมพูดสวนครับ
“บู้ยซาดฟ้าวเนาะ” สาวจอยพูดขึ้นล่ะครับ
“บ่ได้ดอก บัดลังเทื่อปลัดเพิ่นสิตั้งทีมอำเภอ บักเล็กพ้อกันอยู่บ้านปลัดเด้อ” ผมบอกไอ้เล็กครับแต่ เอ๊ะ ทีมมันยังไม่ครบนี่หว่า ผมมองไปถึงอนาคตล่ะครับเผื่อคุณปลัดแกตั้งทีมขึ้นมาจริงๆมันก็ต้องมีทีมเอทีมบี
“จอยๆ บักโจ้มันว่างอยู่บ่เม่นบ่ มันบ่อยากเตะตระกร้อติ๊” ผมคิดถึงไอ้โจ้ขึ้นมาครับ
“ถามกันเองโลดเฮาบ่ฮู้ดอก มันกะบ่ได้เฮ็ดหยังเด้ล่ะ” เออวะ ถามเองก็ได้
“เอาเบอร์มันมาเบิ่งดู้สิถาม” ผมขอเบอร์ไอ้โจ้จากสาวจอยล่ะครับ
“อ้าวเน่า แล้วไม้กับเคนล่ะ” ไอ้เบบี๋มันถามขึ้นล่ะครับ จิ๊ มาเสือกฉลาดเอาตอนนี้เนี่ยนะ
“มันกลับบ้านไปเอาชุดก่อน นี่กูก็จะไปส่งมึงที่บ้านก่อนแล้วไปเอาชุด”
“ชุดไรอ่ะ ชุดที่บ้านก็มี” “เออน่า กูก็ต้องกลับบ้านกูบ้างดิวะ” “อ่า งั้นไปด้วย จะไปหาโบ้” นั่น จิ๊
“ไม่ได้ กูไปส่งที่บ้านนั่นล่ะ อย่าเรื่องเยอะนะมึง ขึ้นมาเร็วๆ” ผมขู่มันครับ มันก็บ่นอะไรไม่รู้ไม่สนใจฟัง รู้ไหมว่ากูจะไปไหน น่าจะเดาออกนะ
“บักเล็กมึงกางเน็ทไว้ถ่าโลดเด้อ เดี๋ยวกูมา เออ เบบี๋มึงจะกินส้มตำป่ะกูจะแวะที่ร้าน” ผมหันไปถามมันล่ะครับ หน้ามันยังงออยู่เลยนะ
“ไม่เอาอ่ะ” “ฮ่วย กินแน่น้าอยากกินของฟรีนี่แหม่ะ” อ้าวๆ สัดเล็กเห็นแก่กินนะมึง
“อ้าวเล็กอยากกินเหรอ งั้นเอาตำส้มตำ ตำซั่ว ไก่ย่าง” “สัด เยอะไปไหมมึง ได้คืบเอาศอกนะเว้ย” ผมว่ามันแล้วก็ขับคุณปู่ออกมาเลยครับ ไม่ได้จงใจจะว่ามันหรอกนะเพราะจุดหมายปลายทางมันเร่งด่วนครับ ผมจะไปคนเดียวนั่นล่ะแต่เพื่อนสองตัวมันไม่ยอมเพราะมันกลัวผมจะไปทำอะไรเกินเลย ไปที่ไหนก็ไปหาไอ้สุชาตินั่นล่ะครับ สัดเคนกับสัดไม้มันรออยู่แล้วที่ทางไปบ้านไอ้สุชาติ
“มันหน้าบวมอยู่เด้มึง มึงสิไปเฮ็ดหยังมันอีก” สัดไม้ครับ กูรู้แล้วว่ามันโดนเหยียบหน้าจนหน้าบวม กูไม่ได้จะไปทำอะไรมันสักหน่อยนะ แค่จะไปเตือนมัน
“เออๆ กูฮู้แล้ว” ผมเซ็งๆล่ะครับ เราสามคนตรงไปยังบ้านมันทันที พอจอดหน้าบ้านมันผมก็เห็นมีแก๊งค์กะเทยเพื่อนมันและสาวเพ็ญนั่งอยู่หน้าบ้านรวมทั้งมันด้วย
“ว้ายเดี๋ยว มาเยี่ยมญ่าเหรอ เนี่ยเห็นไหมว่าอีตุ๊ดนั่นมันร้ายกาจแค่ไหน เดี๋ยวต้องจัดการให้ญ่านะ” แหม ดัดจริตใส่ ไปเรียกแฟนกูว่าตุ๊ดแล้วมึงล่ะสัด หน้าเริ่มมีสีแล้วกู
“เดี๋ยวเปลี่ยนใจใช่ไหม เพ็ญว่าแล้วว่าเดี๋ยวคิดแค่อยากลองของแปลก ยังไงเดี๋ยวก็ต้องกลับมาหาเพ็ญอยู่ดี” เธอพูดขึ้นเดินมาหาผมล่ะครับ ผมจอคุณปู่ไว้แล้วเดินผ่านเธอไป
“อยากแดกตีนกูแม่นบ่อีสุชาติ กูมานี่กะมาเตือนมึงกับซุมสู อย่าไปยุ่งกับเมียกูอีก” ผมพูดเสียงดังๆชี้หน้ามัน พวกมันอ้าปากกันทุกคนครับ
“คันมึงบ่ฟังอย่าหาว่ากูบ่เตือน มึงถืกตีนซ่ำนี้มันยังหน่อยไปแม่นบ่ หรือสิกินตีนผัวมันมึงจั่งสิฟัง อย่าให้กูได้ยินว่าสูไปวอแวมันอีก บ่ซั่นตาย” ผมครากเสลดแล้วถุยลงต่อหน้าต่อตาพวกมันครับ บอกแล้วทำตัวกุ้ยน่ะเรื่องปกติของกู ผมเดินกลับมาที่คุณปู่ สาวเพ็ญมองผมตาค้าง
“นี่เดี๋ยว” “เซาเว้า เฮาบ่มีแนวเว้ากันอีก” ผมบอกเธอแล้วขับรถมาเลยครับ แค่นี้ล่ะที่จะมาบอกมันที่จริงอยากจะเตะก้านคอมันสักทีแต่เห็นสภาพแล้วแม่งกูขนลุก ปากอีสุชาติเจ่อคิ้วแตกด้วยมั้งเห็นมีผ้าแปะไว้ หน้าเชี่ยอยู่แล้วเหมือนผีเลยว่ะ ไอ้เบบี๋กูนี่ไม่เบานะเนี่ย
“ป้าด กูคองตาเห็น ตีนหนักเติบอยู่เด้นี่” สัดเคนครับ
“นั่นล่ะ สูอย่าสิไปปากบ่ดีกับมันเด้อล่ะ เดี๋ยวสิถืกตีนมัน” ผมเสริมครับ อิอิ เหมือนจะภูมิใจ
“คนบ่ปากบ่เว้านี่บัดยามเฮ็ดนี่เฮ็ดคั่กเนาะ ซุมเด็กน้อยมาเว้าให้ฟังว่าเป็นตาย้านคั่กหน้าตาบ่เอาไผเลยว่าซั่นเถาะ มึงนั่นล่ะระวังดีๆ อย่าสิไปเจ้าซู้ให้เพิ่นเห็น ตายมากูบ่ซ่อยเด้อบักเดี๋ยว” สัดไม้ครับ
“บ่แม่นเพิ่นลักเตะมึงอยู่บ่บักเดี๋ยว ฮ่าๆ นี่ล่ะมีเมียตีนหนักอย่าสิไปเจ้าซู้เด้อล่ะเฮ้ย”
“ฮ่วย บ่ดอกสู บัดยามอยู่กับกูมันเป็นตาฮักกะด้อ จ้างมันกะบ่เตะกู”
“หวืย ซาดมั่นใจเนาะ เออ ดีบ่ล่ะมึง” สัดเคนถามแล้วหัวเราะครับ
“อีหยังดี” ผมพอจะรู้ล่ะครับว่ามันหมายถึงอะไรแต่แกล้งโง่ถามไปงั้นล่ะ
“นั่นๆ ทำทรงคือหลาย บัดยามกลางคืนแหม่ะ ดีบ่”
“ฮ่วย เรื่องผัวเมีย สิมาอยากฮู้เฮ็ดหยังบักห่านี่” ผมตอบเฉไฉไปครับ ไม่อยากบอกพวกมันว่ายังไมได้ทำอะไรกันเกินเลย
“อีหยัง แต่ก่อนบ่เคยปิด บอกมาโลดน่า กูอยากฮู้” มันยังไม่ยอมครับ สัดไม้ก็ทำหน้าอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน
“ดี ดีคั่ก” “ป้าด จั่งได๋” “ฮ่วย ดีกะดีโลดน้า อย่าสิมาถามหลายค้านเว้าว่ะ” ผมรีบไปล่ะครับขี้เกียจจะตอบ แวะที่ร้านเอาส้มตำให้ภรรยาก่อนล่ะครับแม่ผมก็เหมือนเดิมแจกแถมให้ถุงเบ้อเร่อคงกลัวลูกสะใภ้จะผอมมั้งนั่นน่ะ พอมาถึงที่บ้านปลัด ผมเห็นรถปลัดจอดอยู่แล้วหน้าบ้าน อ้าว ทำไมวันนี้กลับเร็ววะเนี่ย ผมเห็นไอ้โจ้ ไอ้เต้ ไอ้เล็กมันรออยู่ข้างๆบ้านล่ะครับ ทำหน้าตาแบบว่าไม่กล้าเข้าบ้าน
“คือบ่ไปนั่งในเฮือนเฮ้ย ไปยืนเฮ็ดหยังอยู่นั่นเดี๋ยวเขากะหาว่าเป็นขี้กะโมยดอก” ผมร้องไปใส่พวกมันครับ
“หวืย ปลัดมาตั้ว ข่อยว่าอ้ายอุ่นเพิ่นคือสิถืกพ่อเพิ่นด่าล่ะ เห็นหน้าเครียดๆ” ไอ้โจ้ครับ อ้าว ตายล่ะเมียกู เห็นพ่อมันไม่ค่อยดุแบบนี้แต่ว่าเอาเรื่องเหมือนกันนะ ไม่รู้สิผมว่าผมมองปลัดไม่น่าจะผิด เพราะจากคำพูดคำจาที่ดูนิ่งๆไพเราะๆ แต่มันแฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดและมีอำนาจ ท่าทางแกก็ด้วยล่ะผมว่า บางทีผมยังคิดว่าไอ้เบบี๋มันติดท่าทางบางอย่างมาจากพ่อมันนะ อืม เขาเรียกว่าอะไรดี ผู้ดีหรือเปล่านะ ไม่รู้ดิ เพรากูไม่มี ฮ่าๆ จบป่ะ
“เจ้ เพิ่นคุยหยังกันคือเป็นตาโดนแท้” ผมเดินเข้าไปในในบ้านล่ะครับ เห็นเจ้แกยืนทำท่าลุ้นอยู่มองขึ้นไปบนบ้านบ่อยๆ พอเห็นผมเจ้แกก็ทำท่าดีใจ
“คือสิถืกหลายเติบอยู่ล่ะค่าเดี๋ยว โอ้ยนี่ล่ะน้อเอื้อยว่าอยู่ ว่ามันสิมีจักมื้อที่คุณอุ่นเอื้อยทนบ่ไหว”
“ฮู้เรื่องอยู่ติ๊เจ้” ผมเปิดประเด็นครับ อยากรู้
“ฮู้สู่เรื่องนั่นล่ะ คุณอุ่นเพิ่นมีหยังเพิ่นเว้าให้เอื้อยฟังเหมิดนั่นล่ะ”
“อ้าว แล้วเรื่องผมกับมัน” ผมทำท่าอึ้งครับ แต่รู้อยู่แล้วล่ะ ผมว่าเจ้แกไม่ได้เป็นแค่คนงานที่บ้านหรือแม่บ้านหรอกนะเพราะท่าทางเวลาพูดดูสนิทกันมาก ไม่รู้ล่ะผมเดาเอาและเอาทุกอย่างมาประมวลผลจากความฉลาดของผม ฮ่าๆ
“ฮู้เหมิดนั่นล่ะ คุณพ่อซายกะฮู้” เอ่อ อันนี้อึ้งจริงๆครับ
“แต่เพิ่นบ่ว่าหยังดอก ตั้งแต่คุณผู้ยิงเพิ่นเสีย คุณพ่อซายกะตามใจคุณอุ่นสู่อย่าง เว้นเรื่องตีกันนี่ล่ะ เพราะว่าตอนอยู่หม่องเก่าตีเขาเกือบตายแหมะ เห็นผู้น้อยๆแนวนี้อย่าให้ได้เคียดแฮง เว้ามาเอื้อยล่ะย้าน หมอนั่นแม่นเสียโฉมไปเลยบ่บู้” เจ้แกทำท่าขนลุกครับ เออนะ กูรู้แต่ว่าพ่อมันขอไว้เรื่องไม่ให้มีเรื่องกัน แต่ไม่ยักรู้ว่ามันทำเขาปางตายขนาดนั้น กูเริ่มจะกลัวแล้วสิ มีเมียใจนักเลงเนี่ย เวลากูจะจิ๊จ๊ะกับใครกลับบ้านมากูไม่คางเหลืองตายไปข้างเหรอวะเนี่ย
“เพิ่นขอหยังกันล่ะเจ้” ผมต้องเร้าให้ประเด็นมันคุล่ะครับ อยากรู้มากว่าทำไมไอ้เบบี๋มันถึงยอมพ่อมันจนกลายเป็นคนพูดน้อยเหมือนเนือยๆ
“กะคุณพ่อซายเพิ่นขอว่าอย่าให้มีเรื่องกับไผอีกแลกกับเพิ่นสิบ่มีแม่ใหม่เด้ล่ะเดี๋ยว” อ้อ ผมพยักหน้าทันทีครับ
“เพิ่นบ่เตะตระกร้อบ่น้อมื้อนี่แหมะเอื้อย” ผมพูดขึ้นเสียงดังๆล่ะครับ หน้าไม่ได้มองเจ้แกนะผมจงใจ ถือว่าเป็นตัวช่วยแฟนผมก็แล้วกัน คุยอะไรกันนาน ทำไปแล้วนี่หว่าจะมาด่าอะไรเยอะแยะวะ ได้ผลครับ ไม่นานคุณปลัดก็เดินลงมาจากบนบ้าน สีหน้าแกเครียดๆนะแต่พอเห็นหน้าผมแกก็ยิ้ม เออนะ
“มากันแล้วเหรอลูก เดี๋ยวพ่อขอเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บเดียวนะ” แกบอกครับแล้วเดินขึ้นไปใหม่อีกรอบ ผมเดินตามครับไมได้จะไปกับปลัดนะเว้ย ไปหาแฟนผมดิ
“ไงมึง หน้ายังกะตูด โดนพ่อด่าเอาเหรอ” ผมเดินเข้าไปหามันในห้องล่ะครับ มันหน้าหงิกอยู่
“อืม เซ็งเลยอ่ะ พ่อไม่ให้ไปข้างนอกด้วยล่ะ”
“เฮ้ย เกี่ยวไรวะ กับกูก็ไมได้เหรอ” “ป่าว ไปได้แต่ห้ามเกินสองทุ่ม เดี๋ยวพ่อก็เรียกนายคุยล่ะ” อ้าวๆ เกี่ยวไรกับกูวะเนี่ย ไม่อยากเข้าห้องเย็นนะเว้ยเฮ้ย
“อ้าว จะคุยไรวะ น่ากลัวป่าวเนี่ย” ผมไม่ได้ทำเสียงกลัวนะครับ ผมทำเสียงล้อเลียนมัน คนอย่างไอ้เดี๋ยวนั่นเหรอจะกลัวใคร ผอเอย ผู้ว่าเอยเคยป๊ะหน้ามาหมดแล้วเว้ย บ่ย้านๆ
“น่ากลัวดิ พ่อดุนะจะบอก” “อ๊ะๆ ดุทำไมมึงไม่เห็นทำหน้าตากลัวเลยวะ แค่หน้างอๆ”
“ไรอ่ะ เน่าไปเตะตระกร้อกับเพื่อนดิ เราอยากจะนอน”
“ไล่นะมึง มานอนไรตอนนี้ กูอยากกินชาเย็นว่ะเบบี๋” ผมเดินเข้าไปกอดมันล่ะครับ หอมแก้มด้วยเป็นการให้กำลังใจมันไปในตัว
“อือ เดี๋ยวไปทำให้ ขอนอนก่อน” “แล้วจะตื่นเหรอวะ มึงคิดมากหรือเปล่าวะเบบี๋” ผมยังคงกอดมันอยู่ครับ
“ไม่หรอก เราโอเค” “ไหนมองหน้ากูดิถ้าโอเค” คือมันหันหลังให้กอดอ่ะนะครับ
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากมองตอนนี้” “นั่น ไหนบอกโอเค” ผมจับหน้ามันมาให้มองหน้าผมล่ะครับ มันหลุบตาลงแต่กูก็ไม่ยอมจับหน้ามันเงยขึ้น ตายห่านล่ะ แววตามันดูเศร้ามากๆครับ
“งั้นคืนนี้กูนอนกอดนะ มึงจะได้หาย” “ไม่ได้เป็น” มันพูดยังไม่ทันจบกูก็ประกบปากมันทันทีครับ แค่ประกบเฉยๆนะเว้ยเฮ้ยไมได้แลกลิ้น ผมทำปากดุนๆปากมันแล้วถอนออก
“กูจะดูแลมึงเองนะเบบี๋ เชื่อใจกูนะ” ผมพูดกับมันเสียงเบาครับ มันเม้มปากไม่พูดแต่มันกอดผมแน่นเลยครับ
“ไปเล่นตระกร้อได้แล้ว เพื่อนๆรอนะเน่า” มันพูดครับแต่มันยังคงซบอกผมอยู่เลยนะ
“อือ เดี๋ยวคืนนี้มาต่อนะที่รัก” ผมหอมแก้มมันครับแล้ววิ่งออกจากห้อง มันอายล่ะผมรู้ ผมเองก็รู้สึกดีนะเหมือนตอนนี้มันต้องการกำลังใจและผมก็อยากให้กำลังใจมัน ไม่รู้ว่าได้หรือเปล่าแต่ผมว่าคนมันมีใจให้กันอ่ะนะแค่มองตากันจับมือกันก็ดีถมไปล่ะแต่นี่กูจูบเว้ยเฮ้ย ฮ่าๆ
“เฮ้ยบักเคน อย่าสิเตะแฮงหลาย คุณปลัดเจ็บไหมครับ” พอเล่นไปได้หน่อยก็ลืมทุกสิ่งครับเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว คือข้างผมมีผม ปลัดไอ้โจ้ ส่วนข้างนั้นมีสี่คนสลับกันลงเอา ปลัดเป็นคนโยนลูกให้ผมล่ะครับ ผมเป็นคนส่งลูกกับชงให้ไอ้โจ้มันหวดตอนแรกนึกว่ามันจะหวดไม่เป็นซะอีกแต่มันตีลังกาได้แบบไม่กลัวเจ็บ ได้ใจจริงๆ ปลัดเองก็ไมได้ทำอะไรมากครับเพราะแกก้าวขาไม่ค่อยทันแก่แล้วนี่นะ
“ไม่เป็นไรลูก เด็กๆนี่แรงดีกันจริงๆ อ้าวพ่อหนุ่มมาเล่นแทนพ่อหน่อย พ่อเหนื่อยล่ะเดี๋ยวไปเอาน้ำมาให้กิน” พ่อตาผมบอกล่ะครับ ไอ้เล็กมันก็เลยมาเล่นข้างผมครับ จะว่าไปตระกร้อนี่มันสนุกดีนะครับ ได้กระโดดได้หวด เกมเร็วไม่เหนื่อยมาก อีกอย่างวัดกันที่กึ๋นด้วยนะผมว่าไม่ใช่แต่จะเตะให้แรง ดีว่ะผมชอบเหงื่อนี่ไหลยังกะน้ำ
“แซ่บเนาะชาเย็นแหมะ” พอช่วงพักเราก็มากินชาเย็นที่ไอ้เบบี๋มันทำมาให้ล่ะครับ มีขนมทอดด้วยนะเหมือนจะเป็นกล้วยฉาบแต่มันชุบด้วยแป้งไม่รู้เขาเรียกอะไรอร่อยดี
“กีฬาสีคือสิเป็นตาม่วนเนาะ กูล่ะอยากเตะกับพวกบักโต้ง” สัดเคนพูดครับ แหมๆฝีมือมึงยังห่างชั้นอยู่เยอะเว้ย ไอ้นั่นมันนักกีฬาโรงเรียนซึ่งกูก็ดันอยากจะเตะกับพวกมันทั้งที่ไม่กินเส้นกับอาจารย์สอนเท่าไหร่ เอ๊ะยังไง เอาเป็นว่าตอนนี้กูไม่สนใจแล้วล่ะคิดว่าปลัดแกคงมีทางออกให้
“อยู่กินข้าวด้วยกันไหมลูก จะได้ให้ต้อยเขาทำกับข้าวเผื่อ” พ่อตาผมเอ่ยชวนตอนจะเริ่มเล่นอีกเกมล่ะครับ
“บ่ดอกครับปลัด พวกผมเกรงใจ” สัดไม้ครับหน้าตานี่แบบว่าหงอยๆ
“เกรงใจอะไรกันลูก หรือจะกินแจ่วฮ้อนดี พ่อนึกอยากกินพอดี ต้อยๆ” อ้าว นั่นไงล่ะ หวานปากกูล่ะผมกับเพื่อนๆหันไปมองหน้ากันทันทีแล้วอมยิ้ม
“แต่หมูคือสิบ่พอดอกค่าคุณพ่อซาย เนื้อกะบ่มี ซั่นต้องไปตลาดเด้ค่า” เจ้แกบอกครับ
“งั้นต้อยชวนอุ่นไปตลาดสิ ตังค์อยู่ในกระเป๋านะ” พ่อตาผมบอกครับ
“คุณปลัดครับ งั้นผมพาไปเองครับ เอื้อยอยู่เตรียมของโลด เดี๋ยวผมพาไปเอง เอาหยังแน่เกาะ” ผมเดินออกมาเลยครับ ไม่ได้หรอกพอดีเลยล่ะผมจะพาแฟนไปจู๋จี๋ อิอิ เพราะมันหน้าตาหงอยๆอยู่
“เอางั้นเหรอลูก” คุณปลัดแกถามครับ ผมไม่ตอบแต่เดินเข้าบ้านไปล่ะครับ เจ้แกไปหยิบเงินในกระเป๋าของปลัดให้ครับ เออว่ะ ผมเพิ่งจะเคยเห็นแกไว้ใจจริงๆนะ
“ไปตลาดกันเบบี๋” ผมเดินขึ้นไปเรียกมันล่ะครับ มันก็นั่งหน้าบื้อๆอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ
“เหรอ อืมไปดิ” “เดี๋ยวพาไปกินติม” ผมยักคิ้วให้มันครับ
“ฝนจะตกไหมอ่ะเน่า เหมือนมันอึมครึมๆยังไงไม่รู้”
“เอารถเก๋งไปดิจะได้ไม่เปียก” ผมบอกมันล่ะครับแล้วเดินไปเอากุญแจรถของปลัด ขับเก๋งเว้ยๆ ไม่เอาคุณปู่ไปหรอกน่า ผมขับรถออกมาแล้วครับเปิดเพลงฟัง แต่ เฮ้ย วันนั้นยังพอมีเพลงฟังนี่หว่าทำไมวันนี้มัน ดอน สอนระเบียบ กุ้ง อะไรเนี่ย พ่อตากูไม่ไหวๆ
“ฟังวิทยุดีกว่า” ผมพูดครับ ในความหมายคือให้ไอ้เบบี๋มันเป็นคนหาคลื่นเพราะถ้าให้ผมทำคงอันตรายเกินไป
“จะฟังหมอลำเหรอเน่า” “มึงฟังเป็นไง กูฟังได้หมดล่ะ” มันหัวเราะครับแล้วหาคลื่นไปเจอช่องหมอลำพอดี
“แล้วเขารำกันยังไงอ่ะเน่า เปิดเพลงแล้วรำได้ป่ะ” มันถามครับ เออนะ มันต้องแสดงต้อนรับอาจารย์ใหม่นี่หว่า
“ได้ดิ กูสอนเอาป่ะ” “รำเป็นเหรอ” “ดูถูกๆ กูเป็นทุกอย่างล่ะ” มันเบะปากครับ
“ไม่เชื่อก็ตามใจ งั้นหัดเองก็แล้วกัน” “บ้าเหรอ ไม่ได้ไม่เชื่อ ไหนอ่ะ”
“บ้าไง รำตอนนี้รถก็ชนตายห่าดิ เดี๋ยวคืนนี้กูฝึกให้ อิอิ”
“อ่านะ จะฝึกไรอ่ะ รำหรืออะไร ทำไมทำหน้าน่ากลัวจัง”
“ตรงไหนวะ อย่าถามมาก” ผมทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่มันล่ะครับแล้วมองถนน พอไปถึงตลาด็กเอารายการที่เจ้แกเขียนมาให้ไปซื้อพอได้ของครบก็เอาไปใส่ท้ายรถล่ะครับ
“ป่ะกินติม” ผมจูงแขนมันทันทีครับ
“ติมไรอ่ะ” นั่นดันรู้ทันกูอีกนะมึง
“ติมเซเว่นไง มึงคิดไรเนี่ย คิดไรกะกูป่าว”
“บ้าเหรอ ก็ดูทำหน้าดิ หื่นจะตาย รีบไปนะจะได้รีบกลับ”
“ทำไมอยากรีบกลับวะ” “ก็จะได้รีบกินไง” “สัด กูรู้แล้ว มีจุดประสงค์ไรแอบแฝงป่ะเนี่ย”
“ก็กินเสร็จจะได้นอนไง อยากนอนไวไว” อ่านะ แม่งกูหัวเราะเลยนะครับ มันอายด้วยล่ะ ก็จะทำไมล่ะก็คืนนี้กูบอกมันว่ากูจะนอนกอดมันไง เอาเป็นว่าไอติมไม่ต้องกินมันแล้วล่ะ กลับเลยก็แล้วกัน รีบไปกินรีบไปนอน อิอิ
เขียนโดย อิ๊กกี้
ปล. อิอิ แอบขี้เกียจม๊ากกกก เอาไปอ่านขำๆก่อนนิ ขอให้มีความสุขในการอ่านนะคร้าบ