สายชล Another side of the story... (02/11/55)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สายชล Another side of the story... (02/11/55)  (อ่าน 62896 ครั้ง)

Made

  • บุคคลทั่วไป
สายชล Another side of the story... (02/11/55)
« เมื่อ21-03-2012 23:31:35 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-11-2012 22:52:14 โดย Made »

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #1 เมื่อ21-03-2012 23:40:09 »

เริ่มต้น

   ในเช้าวันที่อากาศเริ่มเข้าหน้าหนาวเป็นวันแรกหลังจากฝนตกลาฤดู ผ่านช่วงปลายฝนต้นหนาวไปแล้ว  วันนี้เป็นวันที่ผมต้องมาสัมภาษณ์เข้าโรงเรียนมัธยม  อากาศเย็นๆหลังฝนบวกกับลมหนาวที่พัดเข้ามาทำให้ผมที่นั่งรอขานชื่อเข้าสัมภาษณ์อยู่อดที่จะกอดอก และเป่ามือให้ลมหายใจอุ่นๆช่วยให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง เก้าอี้ถัดจากที่นั่งของผมคือเด็กผู้หญิงผมหยักศกผูกโบว์สีน้ำเงิน ผมมองไล่สายตายไปเรื่อยๆไปจนถึงประตูหลังห้องที่เปิดไว้ ข้างนอกมีผู้ปกครองของหลายๆคนมายืนรอให้กำลังใจลูกๆอยู่ จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งโผล่หน้ามายืนเกาะขอบประตูพร้อมกับพยายามพูดอะไรบางอย่างเบาๆกับเด็กผู้ชายที่นั่งแถวหลังสุด (ผมนั่งแถวเกือบจะหลังสุดแหละครับ มีเก้าอี้ให้เด็กๆรอสัมภาษณ์อยู่ห้าแถว และมีโต๊ะสัมภาษณ์หน้าห้องอยู่สองตัว) ผมรู้สึกคุ้นหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างบอกไม่ถูก พอมองดีๆแล้วก็รู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทในกลุ่มของพี่สาวของผมเองแหละครับ

“พี่อร พี่อรครับ” ผมเรียกพี่อรเบาๆ ขัดจังหวะการคุยกันของคนทั้งคู่ไปโดยปริยาย

“อ้าว น้องน้ำ มาสอบสัมภาษณ์เหรอ” พี่อรถามกลับพร้อมกับยิ้มให้ผม

“ครับ แล้วพี่อรมาทำอะไรเหรอครับ” ผมอดสงสัยไม่ได้ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ หรือว่าพี่ๆมีงานกลุ่ม

“ปล่าวหรอก น้องพี่ก็มาสัมภาษณ์เหมือนกัน”

“พี่อรมีน้องด้วยเหรอครับ น้องชายหรือน้องสาว” ผมนึกว่าพี่อรมีแต่พี่ชายซะอีก

“คนข้างหลังนั่นไง” ผมมองตามสายตาพี่อร แล้วก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ผิวคล้ำสีแทน ซึ่งผมก็คิดว่าคงเป็นน้องพี่อรจริงๆแหละครับ เพราะพี่อรเองก็ผิวสีนี้เลย ผมยิ้มให้พี่อรแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก พี่อรพูดอะไรซักอย่างกับเด็กผู้ชายคนนั้นและเดินจากไป พอดีกับที่เด็กผู้หญิงคนข้างๆผมถูกเรียกไปสัมภาษณ์ ทำให้ผมรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

   เป็นไปตามคาดแหละครับ ผมสอบติดโรงเรียนมัธยมในตัวจังหวัดแห่งนั้นและได้เรียนมัธยมต้นที่นั่น วันแรกของการเปิดเรียนผมรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยครับ แต่ผมกังวลได้ไม่นาน เพื่อนที่มาจากโรงเรียนประถมโรงเรียนเดียวกันก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

เราเคยเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอนป.สาม เราไม่ได้สนิทกันหรอกนะครับ แต่ผมคิดว่าต่อไปนี้เราคงต้องสนิทกันมากขึ้นแล้วแหละ

เพื่อนผมคนนี้ชื่อฟิวครับ ฟิววางกระเป๋าหนังสือไว้ตรงโต๊ะข้างๆผมและเราก็เริ่มคุยกัน ไม่นานก็มีคนมาร่วมวงคุย เพราะเด็กๆหลายๆคนจะจับกลุ่มคุยกับเพื่อนๆที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2012 22:10:00 โดย Made »

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #2 เมื่อ22-03-2012 10:14:27 »

อัคคี

วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เพราะตอนนี้ผ่านไปสามเดือนนับจากวันเปิดเทอมแล้วแหละครับ ผมกับฟิวกลายเป็นเพื่อนซี้กัน เรานั่งอยู่แถวกลางห้อง (คือที่นั่งจะให้นักเรียนนั่งโต๊ะติดกันเป็นคู่ๆไป มีอยู่สี่แถวครับ ห้องของผมมีนักเรียนสามสิบคน โรงเรียนของเราพึ่งเปิดรับนักเรียนหญิงได้ไม่นานเนื่องจากเป็นโรงเรียนชายล้วนมาก่อน ห้องผมมีนักเรียนหญิงแค่หกคนเองครับ อีกยี่สิบสี่คนเป็นผู้ชายหมด) คนที่นั่งข้างหน้าผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหน น้องชายของพี่อรที่เห็นกันวันสัมภาษณ์นั่นแหละครับ น้องพี่อรชื่อคี มาจากชื่อจริงของมันว่าอัคคี ด้วยความที่ผมนั่งใกล้กับคี เพื่อนๆที่นั่งใกล้ๆกันจึงจับกลุ่มอยู่ด้วยกัน มีผม มีฟิว มีคี แล้วก็จอม สี่คน แรกๆมีห้าคนคือมีปลิวอีกคนครับ แต่ว่าน้องพี่อร ไอ้คีหน่ะมันซ่าพอตัวแหละครับ ถึงเราจะไม่พูดกัน ผมก็รู้สึกได้ว่าเวลาเราอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มมันมักเป็นหัวหน้าของกลุ่มตัดสินใจเรื่องต่างๆอยู่เสมอ คีมันเคยพูดว่าถ้าใครในกลุ่มเล่นยามันจะเลิกคบ แล้วปลิวหน่ะมีเพื่อนเป็นรุ่นพี่เยอะครับ ผมได้ยินกุ้งเพื่อนที่อยู่โรงเรียนเดียวกับปลิวมันเล่าให้ฟังว่าตอนป.หก ปลิวมันมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นประจำ คงพอๆกับคีแหละครับ รายนั้นดูแล้วก็คงมีเรื่องกับชาวบ้านบ่อย เจ้าตัวเค้าชอบโม้ให้ฟังหน่ะครับว่าไปทำวีรกรรมอะไรมาบ้าง ตั้งแต่แกล้งเพื่อนผู้หญิงในห้อง ยันไปถึงเรื่องแกล้งครู

อืม... พูดถึงเรื่องปลิวต้องออกจากกลุ่มสินะครับ เรื่องมันก็มีอยู่ว่าวันนั้นผมเดินไปเข้าห้องน้ำตอนพักกลางวัน ขณะที่ผมกำลังล้างมือที่อ่างน้ำ ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกัน

“ปลิว กูว่ามึงเลิกเหอะว่ะ”

“นิดหน่อยน่ามึง แค่ลองเล่นๆไง”

“พวกพี่พวกนี้ใช่มั้ยที่ชวนให้มึงลอง”

“เฮ้ย มึงคิดว่ามึงเป็นใครวะ มายืนค้ำหัวกูคุยกันยังไม่พอ ยังมาพาดพิงถึงพวกกูอีก อยากมีปัญหามากนักรึไง”

สิ้นเสียงนี้ผมสะดุ้งสุดตัว รีบวิ่งออกไปหน้าห้องน้ำ เป็นคีกับปลิวจริงๆด้วย แต่ว่าตอนนี้พวกรุ่นพี่กับคีกำลังจ้องหน้ากันอยู่ คีก็เหลือเกิน มันเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม ล้วงมือเข้าในกระเป๋ากางเกง โคตรจะกวนตีน ขนาดผมเป็นเพื่อนมัน ยังอยากจะต่อยหน้ามันเลยครับ นับประสาอะไรกับพวกรุ่นพี่พวกนั้น พี่เค้ามีกันตั้งสี่คน มึงอยู่คนเดียวยังกล้านะคี ผมรีบเดินเข้าไปกั้นตรงกลาง

“คี ปลิว กลับเถอะ คาบบ่ายจะเริ่มแล้วนะ” ผมเหมือนเป็นธาตุอากาศครับ ยังจ้องหน้ากันไม่หยุดเหมือนเดิม ส่วนปลิวมันก็นั่งกับเก้าอี้ไม้หินอ่อนก้มหน้าอยู่

โอย ทำไงดีเนี่ย เหงื่อผมออกเต็มสองมือเลยครับ พี่ที่ยืนจ้องหน้าคีคือพี่เวย์  อ๊ะ อย่างงว่าทำไมผมรู้จักพี่เค้า พี่แกเล่นมีเรื่องกับชาวบ้านไม่เว้นแต่ละวัน คงมีใครไม่รู้จักอยู่หรอก
 
“คี ไปเหอะ” ผมแตะแขนคี พร้อมกับเงยหน้าเรียกมันไปด้วย ทำไมใครๆก็สูงกว่ากูกันหมดนะ ผมพึ่งม.หนึ่งก็แค่ร้อยห้าสิบเอง พวกนั้นมันโตไวเกินไปต่างหาก สูงกันร้อยหกสิบกว่าแล้ว พวกพี่ๆก็ไม่ต้องพูดถึงครับ สูงร้อยเจ็ดสิบกว่ากันทั้งนั้น

คีไม่พูด มันมองผมแล้วทำหน้าโกรธปนรำคาญใส่ผมครับ แต่ผมไม่สน ใครจะอยากมีเรื่องตอนนี้หล่ะ คนเราก็มีน้อยกว่า แถมเพื่อนกันยังเหมือนแตกคอกันเองอีก โอ้ย คิดแล้วปวดหัวครับ ทำไงดีเนี่ย

“มึงจะเอาไง ว่ามา” พี่เวย์พูดขึ้น
 
“กูไม่เอาไงหรอก พวกมึงถอยไป” มึงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าพ่อเซี้ยงไฮ้รึป่าววะไอ้คี๊ มึงเห็นหน้าพี่เค้ามั้ย เค้าจะกินหัวมึงอยู่แล้ว

“ถอยให้โง่สิวะ” พี่คนหนึ่งในกลุ่มตอบกลับมา ผมกำแขนคีแน่นขึ้น คงรู้สึกได้แล้วว่ามีผมอยู่ตรงนี้ คีก้มมามองผมแล้วหันไปตอบพวกพี่เค้า

“หลังเลิกเรียนเจอกันสวนหลังโรงเรียนตัวต่อตัวนะพี่ ไม่เอาหมาหมู่”

“หึ เอาให้แน่แล้วกัน ไม่ใช่ป๊อดแล้วไม่ไปนะมึง” คีไม่พูดอะไรต่อ มันเดินชนไหล่พี่เค้าผ่านไปเลย ปล่อยผมยืนค้างไว้ตรงนั้นแหละครับ
ผมมองไปที่ปลิว เป็นห่วงปลิวจัง ถ้าทะเลาะกัน คนในกลุ่มคงเข้าข้างคีกันหมด เพราะว่าปลิวมีโลกส่วนตัวสูงครับ ไม่ค่อยสนิทกับคนในกลุ่มเท่าไหร่ แต่สำหรับผม ผมคิดว่ามันไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายกับผม เพราะฉะนั้น มันเป็นเพื่อนผมอยู่เสมอ

“ปลิว...” ปลิวเงยหน้ามองผม ไม่พูดอะไร มันยิ้มให้น้อยๆแล้วเมินหน้าไป

“น้ำ เร็วๆดิ มึงรีบไปเรียนคาบต่อไปไม่ใช่รึไง” ผมยังไม่ทันพูดอะไรกับปลิวต่อ คีมันก็เรียกผมเสียงเข้มเชียวครับ ผมกัดริมฝีปากและรีบวิ่งกลับห้องไปกับคี เราไม่พูดอะไรกันเลยจนเรียนคาบสุดท้ายจบแหละครับ เรียนไปผมก็ลอยไป มองไปประตูหลังห้องก็เห็นปลิวนั่งเอาหน้าฟุบแขนอยู่ ไม่รู้ว่าหลับรึป่าว ส่วนคี ก็นั่งหมุนแหวนเงินที่นิ้วก้อยเล่นไป ผมคงจะไม่ได้เรียนโดยสมบูรณ์แบบถ้าฟิวไม่คอยสะกิดให้จดตามที่ครูพูด

“เลิกแล้วโว้ยยย” จอมตะโกนพร้อมกับบิดขี้เกียจไปด้วย  แต่มันก็ต้องชะงักครับ เพราะผมเอาแต่จ้องคีที่กำลังโกยของใส่กระเป๋า

“เอ่อ พวกมึงมีไรกันป่าววะ” ผมไม่ตอบจอมครับ และคีก็ดูท่าจะไม่สนใจผมด้วย

ผมถอนหายใจแล้วย่นจมูก “คี จะไปจริงๆเหรอ”

“อือ น้ำไม่ต้องไปหรอก กลับบ้านได้แล้ว”

“เฮ้ย คี มึงไปไหนวะ” จอมผู้สังเกตการณ์อดถามขึ้นไม่ได้

“เจอพวกพี่เวย์หลังโรงเรียนว่ะ” คีตอบไปพร้อมกับผูกเชือกรองเท้าไปด้วย

“งั้น ก็ไปด้วย” จอมพูดขึ้น เอ่อ ง่ายเนอะจอม รู้รึยังเนี่ยว่าเค้าไปทำไรกัน
 
“ไปมีเรื่องไรมาวะ” ฟิวถามขึ้นแบบงงๆ

“ไว้กูมาอธิบายวันหลังแล้วกัน” คีพูดจบก็เดินออกนอกห้องไปเลยครับ

“เฮ้ย เดี๋ยว กูไปด้วย” ฟิวท้วงอีกคน

“เออ รีบๆมาดิ พวกนั้นมันนัดสวนหลังโรงเรียน” อ้าว ทีผมล่ะห้าม ทำไมอีกสองคนไปได้อ่ะ ไม่เข้าใจ ผมก็จะไปด้วยนะ เผื่อพวกพี่เค้าเกิดเปลี่ยนใจอยากเล่นหมู่ขึ้นมาทำไงอ่ะ ผมรีบโกยของใส่กระเป๋าบ้าง ก่อนออกจากห้องผมอดหันไปมองปลิวไม่ได้ ปลิวยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะครับ ฟุบอยู่เหมือนเดิม

“ปลิว ไปด้วยกันมั้ย” ผมยกเป้ขึ้นสะพายพร้อมกับถามปลิว

“ไปสิ”

เราเดินไปพร้อมๆกันที่สวนหลังโรงเรียน ที่ตรงนี้เงียบมาก เด็กนักเรียนมักจะนัดมาต่อยกันบ่อยๆ เพราะนอกจากเงียบแล้วบริเวณหน้าสวนที่ติดกับถนนถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และหญ้าที่ขึ้นสูงจนเลยหัว แต่ถ้าหากแหวกๆพงหญ้าเข้ามา ซึ่งคงจะต้องโดนหญ้าบาดพอแสบๆคันๆกันบ้างแหละครับ ก็จะเห็นลานว่างที่หญ้าขึ้นเตี้ยๆใต้ร่มไม้ต้นมะขามต้นใหญ่ และตอนนี้ผมเห็นพี่เวย์กับคีอยู่กลางลานครับ ผมวิ่งไปยืนข้างๆฟิว ส่วนปลิวเดินแยกไปรวมกับพวกเพื่อนๆพี่เวย์

พอเข้ามาใกล้ๆแล้วผมก็รู้สึกว่าภาพที่เห็นเมื่อกี้ผิดความคาดหมาย เพราะผมนึกว่าคีกำลังแย่ แต่ความจริงคนที่กำลังแย่กลับเป็นพี่เวย์ พี่เวย์นั่งกองกับพื้นเอามือยันตัวเองถ่มเลือดออกจากปากและพยายามจะลุกขึ้นมา แต่พี่แกลุกไม่ไหว พวกเพื่อนพี่เค้าจะเข้ามารุมคี แต่ปลิวขวางไว้ก่อน ส่วนฟิวกับจอมก็หายไปยืนข้างๆคีอย่างไว ผมเองก็เดินตามไปบ้าง

“มึงกับกูจบกันแค่นี้ ไม่มีอะไรติดค้างกัน” คีพูดพร้อมกับมองพวกพี่เวย์และเพื่อนที่พากันมาพยุงพี่แกไปยืนข้างๆ

“แล้วอย่าให้รู้นะ ว่าพวกมึงจะแอบลอบกัดไปหาเรื่องกับเพื่อนกู” คีพูดต่อหลังจากเห็นสายตาและสีหน้าเคียดแค้นจากพวกรุ่นพี่

ก่อนกลับผมเห็นคีกับปลิวมองหน้ากัน ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันสักคำ และเมื่อคีเดินกลับหลังหันออกไป จอมกับฟิวก็ลากผมตามกลับไปด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2012 22:23:33 โดย Made »

popup2u

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #3 เมื่อ22-03-2012 10:38:03 »

 :mc4: :mc4: :mc4:

มาเป็นกำลังใจค่ะ

สู้ ๆ นะจ๊ะ  :bye2:

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #4 เมื่อ23-03-2012 11:21:25 »

ปวดท้อง

“...อดใจไม่ไหวเมื่อได้พบหน้า ยิ่งเธอส่งยิ้มคืนมายังหวั่นไหว...” ระหว่างที่เราเดินไปที่โรงจอดรถมอเตอไซค์ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของคีก็ดังขึ้น

“ครับ”

“...”

“ไม่มีไรว่ะพี่ ไอ้นั่นมันอ่อน ทำกร่างไปงั้นแหละ”

“...”

“อือ จะกลับแล้ว” แล้วคีก็วางสายไปครับ มันขึ้นคร่อมมอไซค์ ส่องกระจกหน้ารถแล้วลูบขอบปากด้านขวาที่เริ่มกลายเป็นสีม่วง ส่วนฟิวกับจอมก็จูงรถมาข้างๆคี

“งั้นน้ำกลับก่อนนะ” ผมเองก็คิดว่าควรกลับได้ซักที หลังจากผ่านสถานการณ์เครียดๆในวันนี้ ผมเริ่มรู้สึกปวดท้องแล้วสิ อ่า รู้สึกแย่จริงๆเลย เวลามีเรื่องเครียดทีไรปวดท้องทุกที

“น้ำ กลับยังไง” คีเลิกส่องกระจกแล้วหันมาถามผม

“นั่งรถกลับเอง” ผมไม่ชอบขับมอไซค์เลย เพราะขับทีไร ผมจะไม่ค่อยมีสติ คือผมเป็นคนชอบคิดอะไรไปเรื่อยๆหน่ะครับ เวลาขับเลยเกือบชนชาวบ้านเค้าทุกที

“เดี๋ยวคีไปส่ง พี่ธารก็อยู่บ้านคี เดี๋ยวตอนเย็นค่อยกลับพร้อมพี่ธาร” พี่ธารคือพี่สาวของผมเอง

“อื้อ” ผมรับปากพร้อมกับเดินไปซ้อนท้าย รถมอไซค์ของคีค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับช่วงขาการก้าวของผม คีขับ Honda CBR 250Rสีแดง แถมเบาะนั่งยังทำให้ปวดตูดอีกต่างหาก

“คี ทำไมไม่ซื้อไอ้ที่มันนั่งสบายกว่านี้เนี่ย”

“เอ๊า ถ้านั่งสบายก็ไม่ใช่รถคีดิ” คีตอบพร้อมหัวเราะ “ส่วนมาก ก็ไม่มีใครซ้อนท้ายหรอก”

“เป็นเกียรติมากเลยที่ได้ซ้อนรถคีเนี่ย” ผมประชดกลับไปหน้างอ โอย ปวดท้อง ปวดตูด

“คี เดี๋ยวพวกกูก็จะไปบ้านมึงเหมือนกัน เล่ามาให้หมดว่าตกลงเรื่องวันนี้มันเป็นไงมาไง” ฟิวบอกคีก่อนที่มันกับจอมจะบิดมอไซค์นำหน้าไปก่อน คีใส่หมวกกันน็อคแล้วขับตามไป

ระหว่างทาง ผมเริ่มปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เวียนหัวและรู้สึกอยากอ้วก ผมใช้มือซ้ายกุมท้องและเริ่มงอตัว มือขวาจับไหล่คีไว้ มือผมชื้นเหงื่อจนเปียกไปหมด พอติดไฟแดง คีคงรู้สึกว่าไหล่ข้างที่ผมจับอยู่ชื้นเหงื่อ และตอนเบรก ผมที่งอตัวอยู่เอาหัวไปโขกกับหลังคีเข้า เจ้าตัวเค้าเลยหันหน้ามามองผม เปิดกระจกหมวกันน็อคขึ้นแล้วถามผมด้วยท่าทางตกใจ

“เฮ้ย น้ำ เป็นอะไรอ่ะ”

“ปวดท้อง แต่เดี๋ยวกินยาก็หาย รีบขับกลับบ้านเหอะ”

“ฟิว จอม ขับเร็วๆหน่อย น้ำปวดท้อง” คีพูดจบก็ไฟเขียวพอดี

พอขับถึงบ้าน ผมลงก้าวลงรถแบบเซๆ ยืนตัวงอกุมท้องไปด้วย ฟิวจอดรถและรีบเดินเข้ามาหาผม

“น้ำ เดินไหวรึป่าว”

“ไหวสิ” ผมเดินเข้าบ้านของคีแล้วรีบเดินตรงไปห้องครัว ผมรินน้ำใส่แก้วและค้นยาในกระเป๋า ผมกินยา ดื่มน้ำตาม แล้วเอามือสองข้างกุมท้อง นั่งเก้าอีในห้องกินข้าว หัวทิ้งดิ่งเกยบนโต๊ะอย่างหมดแรง ผมรู้สึกปวดท้องมากจริงๆ แถมเวียนหัวอยากอ้วก รู้สึกได้เลยว่าริมฝีปากเริ่มแห้ง

ฟิวกับจอมเดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆ ผมหลับตาลงหวังให้อาการเจ็บบรรเทา

“น้ำ น้ำ ไหวรึป่าว” ฟิว แตะแขนผมถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“หน้าซีดมากเลย” จอมจ้องหน้าผมพร้อมกับพูดขึ้น

ซักพักผมก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องครัว

“น้ำ ขึ้นไปนอนพักบนห้องก่อนเถอะ” ผมเองก็คิดว่าถ้านอนบนเตียงคงสบายตัวกว่านี้ ได้หลับซักตื่นก็คงจะดีขึ้น

ผมค่อยๆเดินลากสังขารขึ้นบันไดไปบนห้องของคี  ปวดจนน้ำตาคลอเบ้า เริ่มปวดหัวและอยากอ้วกมากขึ้นเรื่อยๆ ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงของคี นอนตะแคงข้าง หลับตาและกัดริมฝีปากแน่น

“น้ำ ถ้าไม่ไหวบอกนะ ไปโรงบาลกัน” จอมเอ่ยขึ้น

ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับ พอลืมตาก็เห็นแต่ละคนนั่งจ้องผมอยู่ ฟิวนั่งเท้าแขน จอมนั่งไขว่ห้างตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะคอม และคีที่นั่งปรับสายกีตาร์อยู่ตรงปลายเตียง  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่และบิดตัวไปมา คีวางกีตาร์เดินมาที่หัวเตียงแล้วหยิบตุ๊กตาหน้าตาประหลาดยื่นให้ผม

“กอดตัวนี้ไว้ เดี๋ยวก็หาย” ใครเห็นก็คงไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างอัคคี จะมีตุ๊กตาอยู่เต็มหัวเตียง คีชอบตุ๊กตามากครับ ผมจำได้ว่า พราวสาวน้อยแฟนคนล่าสุดของคีเคยให้ตุ๊กตาหมีพู ตอนได้คีกอดตุ๊กตาท่าทางดีใจมาก แต่บอกตรงๆ ผมว่ายังไงก็ไม่เข้ากันซักนิด

ผมรับตุ๊กตามากอดและมองสำรวจ มองไม่ค่อยออกว่ามันเป็นตัวอะไร ตัวมันคล้ายๆหนู แต่ไม่มีหาง แถมตัวโตด้วย

“มันชื่ออะไร” ผมเป็นประเภทชอบตั้งชื่อให้กับของใช้หรืออะไรที่รู้สึกถูกใจเป็นพิเศษหน่ะครับ แล้วเจ้าตัวนี้ก็น่ารักมากๆ

“หืม ไม่มีชื่อหรอก”

“จอมๆ จอมว่านี่มันตัวอะไร”

“หมามั้ง” จอมที่หันไปเล่นคอม หันกลับมามองตุ๊กตาในอ้อมแขนของผมแล้วตอบ

“จะเป็นหมาได้ไงอ่ะ ขาเล็กนิดเดียว น้ำว่าเป็นหนูนะ” จอมไม่สนใจคำแย้งของผมเท่าไหร่ หันกลับไปเล่นคอมต่อ ผมจึงหันไปสบตากับฟิวที่มองผมยิ้มๆ

“ฟิวล่ะ คิดว่ามันเป็นตัวอะไร ช่วยน้ำตั้งชื่อให้มันหน่อยสิ”

“ไม่รู้สิ หมาผสมหนูมั้ง ให้มันชื่อว่าผสมดีมั้ยล่ะ”

“ดีจัง ชื่อน้องผสมก็แล้วกันนะ” ผมอดยิ้มให้เจ้าผสมไม่ได้ แกมันน่ารักจริงๆเลย ขอจุ๊บทีดิ๊ ผมจุ๊บปากเจ้าผสมแล้วยิ้มให้มัน

“ปัญญาอ่อนว่ะน้ำ” ฟิวว่าแล้วหัวเราะใส่ผม

คีเริ่มดีดกีตาร์ ผมนอนฟังได้สักครู่ก็รู้สึกว่ามีน้ำขมๆจุกขึ้นมาในลำคอ ผมดีดตัวขึ้นนั่ง มองหน้าฟิว

“ฟิว อยากอ้วก” พูดจบผมก็ปิดปากรีบลุกขึ้นวิ่งไปห้องน้ำ ผมทรุดนั่งหน้าชักโครกพร้อมกับอ้วกออกมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ฟิวรีบวิ่งตามมาลูบหลังให้ผม ซักพักผมจึงกดโถ ลุกขึ้นบ้วนปากและใช้กระดาษทิชชู่เช็ดปาก รู้สึกแสบคอแสบจมูกไปหมดเลยครับ แต่ก็ดีกว่าที่ปวดท้อง ปวดหัว พร้อมกับพะอืดพะอมแบบเมื่อกี้แหละ

“หมดสภาพเลยเพื่อนกู” จอมทักผมทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องน้ำ

“แต่หน้าตาดูดีขึ้นแล้วนะ ตะกี้หน้าซีดหยั่งกะกระดาษ” ฟิวทักขึ้นบ้าง

“อือ น้ำก็รู้สึกว่าหายแล้วล่ะ” ผมตอบพร้อมกับเดินมานั่งยิ้มให้ทั้งสามคนบนเตียง หยิบเจ้าผสมมาวางไว้บนตัก หันไปมองเจ้าของน้องผสมก็เห็นดีดกีตาร์หน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม

@ คุณ popup2u เห็นคอมเมนต์แล้วดีใจมากเลย พึ่งแต่งเป็นเรื่องแรก ฝากตัวด้วยนะคะ

ปล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ มีข้อเสนอแนะอะไรก็บอกกันได้นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2012 22:29:28 โดย Made »

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล
«ตอบ #5 เมื่อ23-03-2012 12:54:01 »

โอ๊ะ
มันยังไงกันเอ่ย
น้ำเป้นโรคกระเพาะหรอ
หรือว่าไง
ปล.อยากได้รายละเอียดตัวละครกว่านี้หน่อยง่า
เช่นหน้าตา อะไรพวกนี้ จะได้ จิ้นถูก 555+
ไงก็มาต่อเร็วๆนะ
ชอบๆ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: สายชล
«ตอบ #6 เมื่อ23-03-2012 14:41:51 »

ยังไม่เห็นวี่แววว่าใครจะชอบใครเลย รออ่านต่อครับ

+1เจิมเรื่องใหม่

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: สายชล
«ตอบ #7 เมื่อ23-03-2012 15:35:00 »


แต่ละตอนลงยาวๆ หน่อยนะ

เด๋วมีฟ้องจ้องจับผิด อย่างเจ้สอง  จะมองว่า เข้าข่ายปั่นกระทู้เน้อ

แล้วกระทู้จะหายวับไปกับตา

รักนะ  เลยมาบอก

อิอิ

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: สายชล
«ตอบ #8 เมื่อ23-03-2012 15:47:45 »

รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: สายชล
«ตอบ #9 เมื่อ23-03-2012 16:18:43 »

รอตอนต่อไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สายชล
« ตอบ #9 เมื่อ: 23-03-2012 16:18:43 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #10 เมื่อ24-03-2012 14:08:28 »

วันเกิด

หลังจากเหตุการณ์ตีกัน และเมื่ออาการปวดท้องหายไป ผมนั่งมองคีดีดกีตาร์ไปเรื่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้าง ทำให้ผมพึ่งเห็นว่านอกจากรอยช้ำมุมปากของคีแล้ว ตรงหัวเข่าและข้อศอกยังมีแผลเลือดออก

“คี น้ำว่าคีไปล้างแผลแล้วมาใส่ยาเถอะ กล่องยาบ้านคีอยู่ไหน เดี๋ยวน้ำวิ่งไปเอาให้”

“เออ จริงด้วย ลืมไปเลย” คีทำหน้าเหมือนพึ่งนึกออกว่าตัวเองมีแผล วางกีตาร์ลงและเดินหายไปในห้องน้ำ

“คี กล่องยาอยู่ไหนอ่ะ” ผมถามย้ำอีกครั้ง

“น้ำไม่ต้องไปเอาหรอก พึ่งหายปวดท้อง นั่งพักเถอะ” คีตะโกนตอบออกมาจากห้องน้ำ

“จอม กูวานลงไปเอากล่องยา ที่วางไว้ข้างโต๊ะโทรศัพท์ที” เสียงเปิดน้ำพร้อมกับตะโกนสั่งมาอีกที

จอมลุกจากโต๊ะคอมแล้วลงไปหยิบกล่องยาจากชั้นล่าง และเดินกลับเข้ามาในห้องพอดีกับที่คีเดินออกมาจากห้องน้ำ คีใช้ผ้าซับหน้า แขน หัวเข่าแล้วเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆผม คีเปิดกล่องยา แล้วเริ่มทำแผลให้กับตัวเอง แต่ผมคิดว่ามันดูทุลักทุเลพิกล ผมจึงอาสาช่วยทำแผลให้

“คี เดี๋ยวน้ำทาให้”

“ทำเป็นเหรอ” คีถามด้วยความสงสัย เพราะผมเป็นคนที่ทำได้แต่เรื่องง่ายๆที่ทำประจำในชีวิตประจำวัน แต่การทำแผลนี่อยู่นอกเหนือชีวิตประจำวันของผม ไม่แปลกหรอกครับที่คีจะถาม

“ไม่เป็นหรอก คีก็บอกสิว่าทาอันไหนก่อน”

“งั้น ก็อันนั้นก่อน น้ำยาฆ่าเชื้อขวดใสๆนั่นหล่ะ...” คีค่อยๆอธิบาย ผมทำตามไปทีละอย่างจนเสร็จ แล้วเริ่มทำแผลที่หัวเข่าต่อ

“ตกลงเรื่องวันนี้มันเป็นไงมาไงวะเนี่ย มึงจะเล่าได้รึยัง” ระหว่างที่ผมกำลังตั้งใจทำแผลให้คี ฟิวที่นั่งมองอยู่ก็ถามขึ้น

“เชี่ยปลิวเล่นยา” น้ำเสียงของคีนิ่งจนผมเดาอารมณ์ไม่ถูก

“เชี่ยปลิวเล่นยา แล้วมึงไปต่อยกับพวกพี่เวย์ได้ไง” จอมปิดคอมพิวเตอร์หันหน้ามาถามบ้าง

“พวกมันหาว่ากูกวนตีน โอ๊ย น้ำเบาๆหน่อย” ผมกดสำลีชุบแอลกอฮอล์ลงกลางแผลตรงหัวเข่าของคีทันทีที่ได้ยินคำตอบ

“หรา คีไม่ได้ทำหน้ากวนพระบาทชาวบ้านเลยซักนิด เพื่อนน้ำรับรองได้ว่าถ้าเป็นเพื่อนน้ำจะต่อยปากตั้งแต่อยู่หน้าห้องน้ำเลย ไม่ต้องรอให้เลิกเรียนหรอก”

“555 สมควรเจ็บตัวกลับมาว่ะ” ทั้งจอมและฟิวหัวเราะหลังได้ยินคำประชดของผม

“ลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้เว้ย” คีตอบพร้อมทำหน้ากวนตีนยักคิ้วใส่ผมที่เบ้ปาก ทำท่าหมั่นไส้ตอกกลับไป

“แต่แบบน้องน้ำนี่จะต้องให้พี่คีก้มหน้าก่อนแล้วค่อยชกใช่มั้ยจ้ะ เพราะถ้ายืนตรงๆแบบไม่ก้ม น้องน้ำคงชกไม่ถึง” คีจีบปากจีบคอล้อเลียนผมพร้อมกับทำท่ายืนแล้วก้มมองผมที่นั่งปิดกล่องยาอยู่

“55555 โอ้ย โดนว่ะ” เชรี่ยจอมกับเชรี่ยฟิวผสมโรงหัวเราะผมกันเกรียว ใช่ซี้ กูมันสูงมาตรฐาน พวกมึงแหละโตเร็วเกิน

ผมเห็นพวกมันหัวเราะแล้วแอบฉุนนิดๆไม่ได้ เลยกระโดดล็อกคอฟิว เหยื่อรายแรกที่ไม่ทันระวังตัวหงายหลังล้มกันทั้งคู่ แต่ผมไม่เจ็บเพราะทับฟิวอยู่

“เฮ้ยน้ำ หนัก หายใจไม่ออก ลุกเร็ว”

“ไม่เอา ฟิวต้องสัญญาก่อนว่าจะหยุดหัวเราะน้ำ”

“โอเคๆ ยอมแพ้แล้ว” ฟิวพูดพร้อมกับชูมือสองข้างทำท่ายกธงขาว ผมยิ้มดีใจที่จัดการเหยื่อได้หนึ่งราย ค่อยๆคลายแขนออกจากคอของฟิว

“อ๊ะ ฟิว ไหนบอกยอมแพ้แล้วไง” ผิดคาดครับ ฟิวพลิกตัวกลับนอนทับผมให้กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วเริ่มจี้เอว

“อื้อ ฟิ้ว 555 พอแล้วๆ” ผมที่บ้าจี้สุดๆได้แต่ดิ้นทุรนทุรายให้จอมกับคีนั่งขำต่อ

“แฮ่กๆ” หายใจไม่ทันเลยครับ นอนหอบ หัวยุ่งแบบหมดสภาพ

“วันหลังอย่าซ่ากับพี่นะน้อง” ฟิวลุกขึ้นยืนกอดอกแล้วยักคิ้วขวาข้างเดียวให้ผม จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

“หึๆ” เสียงคีหัวเราะพร้อมกับนั่งยองๆข้างผม แถมยังเอามือขยี้หัวผมอย่างเมามันส์ ผมได้แต่หอบหายใจถลึงตาใส่

สักพักผมก็ได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมา ฟิวนั่นเองครับ

“ลงไปกินข้าวได้แล้ว แม่มึงให้กูวิ่งขึ้นมาตาม ไปเร็ว” ผมได้ยินเสียงรถขับเข้าบ้านมาอยู่เหมือนกัน ป้านวล(แม่ของคี)กลับบ้านแล้วนี่เอง

“เออว่ะ  กูก็หิวแล้ว” จอมพูดแล้วลุกเดินตามไป ผมเองก็ลุกขึ้นมาจัดทรงผมแล้ววิ่งตามลงไปบ้าง ส่วนคีวิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ” พวกผมสวัสดีแม่ของคีอย่างพร้อมเพรียงกัน

“มาเล่นบ้านคีเหรอลูก คีเอาน้ำเอาขนมให้กินบ้างรึยัง” ป้านวลถามด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ แม่ของคีใจดีจัง

“ยังครับ ไอ้นี่มันไม่เคยจะบริการเพื่อน พวกผมเลยต้องหากินเอาเอง” ฟิวตอบยิ้มๆ อ้อ ที่เดินลงมาเมื่อกี้นี่กะมาหาไรกินล่ะสิ

“ตายจริง หิวกันแล้วสิเนี่ย ตาคีนี่ก็น่าตีนักเชียว ไปๆลูก ไปกินข้าวกัน แม่ให้พี่ส้มจัดโต๊ะไว้แล้ว” ป้านวลหันไปดุคีอย่างไม่จริงจังนัก

ระหว่างที่เดินไปกินข้าว ผมที่พึ่งนึกได้ว่าทำไมในบ้านถึงไม่มีใครเลย ทั้งๆที่พวกพี่ๆก็น่าจะมาทำงานกลุ่มกันที่นี่

“คี พี่ธาร พี่อรไปไหนอ่ะ”

“อ๋อ อรพึ่งโทรมาบอกว่าย้ายไปทำงานกันที่บ้านพี่เมย์แล้วกะจะค้างกันที่นั่นด้วยมั้ง” คีกับพี่อรสนิทกันมากจนเหมือนเพื่อนกันเลยแหละครับ บางทีผมเห็นพี่น้องคู่นี้ไล่ตีกันแรงๆบ้าง ผมเป็นผู้ชาย แต่เห็นทั้งสองคนแล้วผมยังเจ็บแทนพี่อรเลย

“อ้าว งั้นวันนี้น้ำก็อยู่บ้านคนเดียวอ่ะดิ” คือผมเป็นคนกลัวความมืดครับ(กลัวผี) พอรู้ว่าคืนนี้ต้องอยู่ในบ้านคนเดียวก็อดกลัวขึ้นมาไม่ได้

“น้าภาไปทำงานต่างจังหวัดเหรอ” คีถามผมด้วยท่าทางไม่แปลกใจนักเพราะแม่ของผมมักต้องไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ พี่อรกับพี่ธารก็สนิทกันมาก พี่อรคงเล่าเรื่องที่ผมกับพี่ต้องอยู่บ้านกันเองบ่อยๆให้ครอบครัวฟัง เอ คิดดีๆแล้วพี่ธารรู้จักคีก่อนผมจะรู้จักซะอีกครับ

“อือ ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละ” ผมตอบทำหน้าเซ็งๆ

“นอนบ้านคีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก” ผมเป็นคนติดบ้านมากๆครับ ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา

อาหารเย็นมื้อนี้ที่บ้านของคีคึกคักเป็นพิเศษ ต่างคนต่างผลัดกันชวนคุยไม่หยุด ป้านวลเองก็นั่งหัวเราะผสมโรงไปด้วยอีกคน

“วันนี้ไปทะเลาะกับใครมาอีกละ ตาคี” ป้านวลถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ

“รุ่นพี่ที่โรงเรียนมากวนคีก่อน” คนตอบก็ตอบเหมือนเป็นกิจวัตรซะงั้น

“หืม แล้วเพื่อนลูกเค้าไม่เดือดร้อนไปด้วยเหรอเนี่ย” ป้านวลถามอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นมีใครเจ็บตัวนอกจากคี นี่แสดงว่าเจ้าตัวเค้าคงทะเลาะกับชาวบ้านบ่อยจนพ่อแม่ปลงแล้วใช่รึป่าวเนี่ย

“ระดับนี้แล้ว ไม่มีพลาด” ไอ้นี่ก็ไม่ได้สำนึกอะไรเล้ย ว่าตัวเองไปก่อเรื่องมา

“มิน่าล่ะ วันนี้มารวมตัวกันบ้านแม่ครบทุกคนเชียว” ป้านวลพูดพร้อมกับสบตาพวกเรายิ้มๆไปด้วย

พวกผมได้แต่ยิ้มตอบครับ

“เออ จริงสิ น้ำ ว่าจะถามตั้งนานแล้ว น้ำเกิดวันที่เท่าไหร่อ่ะ” จู่ๆฟิวก็ถามขึ้น

“วันที่ 10 กันยาหน่ะ ทำไมเหรอ” ผมตอบไปทำหน้างงๆ ฟิวจะอยากรู้ไปทำไมอ่ะ

“อ้าว เกิดวันเดียวกันเลย” คีพูดแทรกขึ้นมา

“จริงดิ กวนกันป่าวเนี่ย” ผมงงครับ คือพวกนี้ชอบอำผมบ่อยๆ หลังๆเลยแยกไม่ค่อยออกว่าอันไหนจริง อันไหนเล่น

“จริ๊ง ไม่เชื่อถามแม่ดิ” คีทำหน้าจริงจังยืนยัน

“จริงเหรอครับป้านวล” ผมหันไปขอความมั่นใจจากป้านวล

“จริงจ้ะ สงสัยตอนคีเกิด ไม่รู้ว่าสวนกับแม่ภาบ้างรึป่าว” ป้านวลตอบยิ้มๆ

“บังเอิญแฮะ สังสัยตอนให้ของขวัญนี่ต้องเปลืองเงินเป็นพิเศษแล้วสิเนี่ย ดันมาเกิดพร้อมกันได้” จอมบ่นออกมาไม่จริงจังนัก

“ใครว่าเปลือง ซื้ออันเดียวแล้วให้สองคนแบ่งกันกินกันใช้ดิ ประหยัดออก” เอ่อ ฟิว ไม่ค่อยงกเท่าไหร่เลยนะ


สัญญา

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วแต่ละคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

“น้ำ พรุ่งนี้จองสมุดไทยคนแรกนะ” จอมใส่หมวกกันน็อคพร้อมกับสั่งไปด้วยครับ

“โห ไรวะ มึงอ่ะมาก็สาย ยังมีหน้ามาจองคนแรกอีก ใครไปก่อนได้ก่อนเว้ย” ฟิวค้านขึ้นบ้าง

“ไม่ด้ายยย กูจองก่อน มึงอ่ะเขียนช้า รอมึงเนี่ย กี่ชาติจะเขียนเสร็จวะ” จอมไม่ยอมแพ้ครับ

“งั้นให้น้ำตัดสิน จะให้ใครก่อน” ฟิวพูดพลางพยักพเยิดมาทางผม

อ้าว เอาแล้วสิ งานเข้าแล้ว ทำไงดีอ่ะ

“งั้น น้ำว่าเป่ายิ้งฉุบกัน ใครชนะได้ก่อน”

“เฮ้ย พอๆ วันนี้กูไปนอนบ้านน้ำ เดี๋ยวคืนนี้กูลอกไป แล้วพรุ่งนี้พวกมึงก็แบ่งกันคนละเล่มแล้วกัน” แล้วในที่สุดคีก็ตัดปัญหาด้วยประการฉะนี้ แต่...

“อ้าว คีไปนอนบ้านน้ำทำไมอ่ะ” ผมก็งง วันนี้วันศุกร์ก็ไม่ใช่ ไปทำไมหว่า

“ไม่มีใครอยู่บ้านไม่ใช่หรือไง” คีเลิกคิ้วถาม

“มันก็ใช่ แต่ว่าไม่ไปก็ได้นะ น้ำอยู่ได้ ลำบากป่าวๆ” ขนาดผมยังไม่ค่อยชอบไปนอนบ้านคนอื่นเลย เกรงใจครับ

“ไม่เป็นไร ไปทำการบ้านด้วยไง” อ๋อ จริงสิ ไปทำการบ้านด้วยนี่นา พรุ่งนี้ฟิวกับจอมจะได้ไม่แย่งสมุดกัน

“เออ งั้นกูไปละ” จอมตัดบทแล้วบิดจากไป

“ยังไง ฟิวก็จองสมุดน้ำนะ ลายมือไอ้คีนี่ต้องแปลอีกที ยังกะอักษรอียิปต์โบราณ” ฟิวพูดก่อนจะรีบขี่รถออกไปอีกคน แต่ความจริงผมว่าคงกลัวโดนคีโบกกลับมากกว่า

“งั้น น้ำรอเดี๋ยว คีไปเก็บกระเป๋าก่อน” คีบอกผมก่อนเดินขึ้นไปบนห้อง

อืม ผมว่า ผมโทรบอกพี่ธารดีกว่าครับ จะได้ไม่เป็นห่วง

“พี่ธาร พี่ธารอยู่ไหน”

“อยู่บ้านเมย์...เฮ้ย อร  เอาแบบสำรวจชุดนั้นมาคิดเป็นเปอร์เซ็นดิ๊” เสียงตะโกนถามงานกันไปมาดังลอดเข้ามาในสาย สงสัยปั่นงานกันโค้งสุดท้ายแน่ๆเลย

“ น้ำอยู่บ้านคนเดียวได้รึป่าว”

“ได้สิ วันนี้คีจะไปนอนเป็นเพื่อน พี่ธารไม่ต้องเป็นห่วง” 

“เออ ดีๆ พรุ่งนี้พี่จะได้ไม่ต้องขี่รถไปรับ มาโรงเรียนกับคีเลยแล้วกัน แล้วอย่านอนดึกล่ะ” แหะๆ บอกแล้วว่าผมไม่ชอบขี่มอไซต์ ซ้อนพี่ธารไปประจำครับ แต่ขากลับนี่เลิกคนละเวลา เลยนั่งรถกลับเอง

“อือ รู้แล้ว”

“งั้นแค่นี้นะ บอกคีขี่รถระวังๆด้วย”

“ได้ๆ” ผมกดวางสายแล้วเดินเข้าไปในบ้าน ไปไหว้ป้านวลก่อนกลับครับ

“อ้าว คีจะไปไหนลูก” ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขกก็เห็นป้านวลทักคีที่สะพายเป้เดินลงบันไดมา

“ไปนอนบ้านน้ำหน่ะแม่” คีตอบไปมือก็รูดซิบกระเป๋าเป้ไปด้วย ผมเองก็เดินไปนั่งโซฟาข้างๆป้านวล

“ดีแล้วลูก ไปอยู่เป็นเพื่อนกัน” ป้านวลกอดแล้วลูบหัวผม

“งั้น น้ำกลับก่อนนะครับ” ผมพูดแล้วไหว้ป้านวล

“ไว้มาเที่ยวบ้านป้าใหม่นะ วันหลังถ้าแม่ไม่อยู่ เตรียมเสื้อผ้ามานอนบ้านป้าก็ได้ ชวนพี่ธารมาด้วยนะลูก” ป้านวลพูดน้ำเสียงเอ็นดู

“ครับ ขอบคุณครับ”

“คี ไปนะแม่” คีพูดแล้วยกมือไหว้ป้านวล

“ขี่รถดีๆนะลูก” ป้านวลเตือนส่งท้ายแถมยังโบกมือบ๊าย บายด้วย ผมเองก็โบกมือบ๊าย บายลาทั้งสองมือ

คีสตาร์ทรถ ใส่หมวกกันน็อค ผมนั่งซ้อนท้ายแล้วคีก็ออกรถ

พอถึงบ้านผมรีบเอากระเป๋าไปเก็บบนห้อง วิ่งไปห้องเก็บของแล้วขนที่นอนปิคนิกพร้อมกับผ้านวมสองชุดสำหรับปูนอนในคืนนี้

“คีๆ ไปช่วยน้ำขนที่นอนหน่อย” ผมเรียกคีที่นั่งแผ่อยู่ตรงโซฟา เราขนที่นอนมาปูตรงข้างเตียงของผม ที่เรานอนบนเตียงไม่ได้เพราะเตียงผมเป็นเตียงเดี่ยวครับ ขืนนอนสองคนมีหวังตกเตียงกันพอดี

“อืม คีเอาผ้าปูสีอะไร” ผมคิดไม่ตกครับ ที่ผมถามเพราะคิดว่าการที่เราได้นอนบนผ้าคลุมเตียงสีที่ชอบจะทำให้นอนหลับสบายขึ้น

“สีอะไรก็ได้” คีตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก พลางใส่ปลอกหมอนและหมอนข้างไปด้วย

“งั้นน้ำเอาสีเหลือง คีเอาสีน้ำเงินไปแล้วกัน” เราช่วยกันจัดที่นอนจนเรียบร้อย

“คีจะอาบน้ำก่อนมั้ย น้ำเอาผ้าเช็ดตัวให้” ถ้าคีอาบก่อนผมก็จะทำการบ้านรอครับ

“น้ำอาบก่อนเถอะ เดี๋ยวคีขอโทรศัพท์ก่อน” คีพูดแล้วยกโทรศัพท์ต่อสายก่อนจะเดินออกไปตรงระเบียงห้อง

ผมเปิดตู้เสื้อผ้าและหยิบผ้าเช็ดตัววางไว้ปลายเตียงก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมอาบน้ำเสร็จ ก็นั่งทำการบ้านต่อตรงโต๊ะเขียนหนังสือ มองออกไปตรงระเบียง คียังคงคุยโทรศัพท์อยู่เลย สงสัยคุยกับพราว ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว ผ่านไปสองชั่วโมง ผมก็ทำการบ้านเสร็จ คีเองก็เดินกลับเข้ามาในห้อง

“คี น้ำวางผ้าเช็ดตัวไว้ตรงปลายเตียงนะ” คีพยักหน้ารับ เดินไปค้นกระเป๋าตัวเองแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

ผมเองก็จัดกระเป๋าตามตารางเรียน สวดมนต์ก่อนนอนแล้วล้มตัวลงนอน แต่ยังไม่หลับหรอกนะครับ เพราะไฟยังเปิดสว่างอยู่ ถึงผมจะกลัวความมืดแต่ถ้าไม่ปิดไฟก็นอนไม่หลับ ผ่านไปสักครู่คีก็เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ

“น้ำจะนอนแล้วเหรอ” คีถามผมพร้อมกับทำท่าจะเดินไปปิดไฟ

“ไม่หรอก คีทำการบ้านก่อนก็ได้” ผมตอบไปก็หาวไปครับ

“เดี๋ยวคีจะเปิดเฉพาะไฟตรงโต๊ะเขียนหนังสือ” คีพูดจบก็เอาสมุดการบ้านขึ้นมาลอกสมุดของผมที่วางอยู่บนโต๊ะ

ผมห่มผ้าห่มพร้อมกับพลิกตัวไปมา นั่งมองคีทำการบ้านจนเสร็จ คีเก็บสมุดการบ้านทั้งสองเล่มแล้วล้มตัวลงนอนข้างๆผม

ผมนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาคี แล้วจู่ๆเรื่องวันเกิดบนโต๊ะอาหารก็ผุดขึ้นมาในความคิด

“นี่ คี เราเกิดวันเดียวกันเลยเนอะ ไม่น่าเชื่อเลย บังเอิญจัง” ผมพูดขึ้นมาเบาๆ

“อืม นั่นสิ” คีนอนหงายมองเพดานตอบผมด้วยเสียงนิ่งๆ

“คีเกิดกี่โมงอ่ะ น้ำเกิดสิบโมง” ผมถามต่อ

“สิบเอ็ดโมง ทำไมเหรอ” คีพูดแล้วหันมามองผม

“งั้น น้ำก็เป็นพี่หน่ะสิ” ผมตอบแล้วทำท่าคิดไปด้วย

“ถึงเป็นพี่แต่ตัวนิดเดียว เป็นพี่คีแค่ชั่วโมงเดียวเอง ฮะๆ” คีหัวเราะน้อยๆไปด้วย

“อ่านะ พ่อสูงชะลูด” ผมพูดแล้วทำหน้างอ หนอย ย้ำจังนะไอ้ปมด้อยเนี่ย เรานอนมองเพดานเงียบๆไปซักครู่

“คี”

“หืม”

“เรามาสัญญากันมั้ย ต่อไปนี้ให้น้ำเป็นพี่แล้วคีเป็นน้อง” ผมพูดพร้อมกับชูนิ้วก้อยขึ้นมา

“เอาจริงเหรอเนี่ย” คีหันมามองผมแล้วทำหน้าแปลกๆ

“อื้อ เอาจริงสิ น้ำไม่มีน้อง อยากมีน้อง” ผมยืนยันหนักแน่น

“หึๆ ใครเป็นพี่เป็นน้องกันแน่นะ”

“ง่า ให้ไว เกี่ยวก้อยสัญญาด้วย เอานิ้วก้อยออกมาซะดีๆ” ผมเร่งคีที่ทำท่าชั่งใจ

“เอ้าก็ได้ น้ำอย่าลืมสัญญาซะก่อนล่ะ” คียกมือมาเกี่ยวก้อยกับผมพร้อมกับกำชับ ทำอย่างกะผมเป็นเด็กสามขวบ โตแล้วนะ ขอเองแล้วจะลืมได้ไง

“เย้ ไม่ลืมหรอก เป็นความลับนะ รู้กันสองคน เราเป็นพี่น้องกันแล้ว” ผมยิ้มดีใจ

“แล้วไม่นอนซะที เมื่อกี้คีเห็นใครหาว”

“อือออ นอนไม่ค่อยหลับหน่ะ” มีเพื่อนมานอนที่บ้านครั้งแรกก็อดตื่นเต้นไม่ได้นี่ครับ

“งั้นนับแกะ” คีเสนอ

“ไม่เอาอ่ะ น้ำเคยลองนับแล้ว ไม่เห็นจะช่วยอะไร”

“งั้นก็หลับตาไป เดี๋ยวก็หลับเอง” คีตัดบทพร้อมกับหลับตา

ในห้องมีแต่ความเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินดัง ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ผมพลิกตัวไปมา พร้อมกับท่องในใจ แกะหนึ่งตัวกระโดดข้ามรั้ว แกะสองตัวกระโดดข้ามรั้ว แกะสามตัวกระโดดข้ามรั้ว....แกะเก้าสิบเก้าตัวกระโดดข้ามรั้ว

“เฮ้ออออ” ผมพลิกตัวแล้วถอนหายใจ ไม่เห็นง่วงเลย

“นี่ คีๆ หลับรึยังอ่ะ” ผมเรียกคีพร้อมกับเขย่าแขนคีเบาๆ

“อื้มมม น้ำยังไม่นอนอีกเหรอ คีง่วงแล้วนะ” คีพูดงึมงำแล้วพลิกตัวหนี

“มันนอนไม่หลับนี่” นับแกะได้ตั้งเก้าสิบเก้าตัว

“งั้นเอาไง ไปนั่งดูบอลกันมั้ย” คีพลิกตัวกลับมาพร้อมกับหาวไปด้วย

“ไม่เอาหรอก”

“คี ช่วยลูบหัวน้ำหน่อยได้มั้ย” ผมชอบให้คนลูบหัวมากเลยครับ รู้สึกสบายสุดๆ

“หืม ถ้าลูบหัวแล้วจะหลับเหรอ”

“คิดว่านะ”

“โอเค ลูบก็ลูบ เขยิบมาใกล้ๆสิ” คีทำหน้าง่วงสุดๆ แต่สุดท้ายก็ยอมจนได้ครับ

“ต้องร้องเพลงกล่อมด้วยมั้ย” คีเลิกคิ้วถามล้อๆ

“น้ำโตแล้วนะ” ผมค้อน

“หึๆ” คีหัวเราะแล้วค่อยๆเอามือลูบหัวผมไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน รู้แต่ว่าความรู้สึกสุดท้ายก่อนจะจมสู้ห้วงนิทรา ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบา และเสียงกระซิบ “ฝันดี”

@ คุณ Ipatza ตอนเขียนตอนปวดท้องก็คิดอยู่เหมือนกันค่ะ ว่าจะให้น้ำเป็นโรคอะไรดี ระหว่างกรดไหลย้อนกับโรคกระเพาะ เอาเป็นว่าเป็นโรคกระเพาะแล้วกันเนอะ ส่วนรายละเอียดตัวละคร อืม ไว้พอตัวละครมีพัฒนาการมากกว่านี้แล้วค่อยว่ากันเนอะ

@ คุณ kasarus เรื่องใครชอบใครนี่เดี๋ยวก็รู้ค่ะ ลองเดาๆดูนะคะ

@ คุณ oaw_eang ขอบคุณที่มาเตือนค่ะ ไม่ได้ตั้งใจปั่นกระทู้ ขอโทษที่ลงน้อยไป พอดีเขียนวันต่อวัน ยังไงจะพยายามลงให้ยาวๆขึ้นนะคะ ถ้าตอนของวันนี้ลงไปแล้วยังถือว่าสั้นไปอยู่ก็เตือนได้เลยค่ะ ขอโทษจริงๆนะคะ พอดีเป็นน้องใหม่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเลย ขอโทษแล้วก็ขอบคุณอีกทีนะคะ

@ คุณ gupalz กับ คุณ iamnan ขอบคุณที่ติดตามค่ะ กำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ คนเขียนอยากให้จบในปิดเทอมนี้เหมือนกัน แต่ว่าเดี๋ยวพอเรียนซัมเมอร์แล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะได้มาลงให้ทุกวันแบบนี้รึป่าว

ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะคะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2012 22:45:33 โดย Made »

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #11 เมื่อ25-03-2012 11:13:32 »

เลิกกัน

...เวลาผ่านไป 3 ปี...

เวลาผ่านไปเร็วมากเลยครับ ไม่ทันไรก็สามปีซะแล้ว  ตอนนี้พวกผมทั้งสี่คนอยู่ม.4 ผมกับฟิวเรียนห้องศิลป์-ภาษาจีน ส่วนคีกับจอมเรียนศิลป์ – คำนวณ และถึงแม้ว่าเราจะเรียนอยู่คนละห้องกันแต่เวลาเลิกเรียนหรือเวลามาโรงเรียนเรายังนัดเจอกันเหมือนเดิม เพราะว่าคีจะบิดมอไซต์ไปรับผมเป็นประจำ ถ้าวันไหนไม่ว่างเพราะต้องไปรับส่งพราว หน้าที่สารถีประจำตัวผมจะเปลี่ยนเป็นหน้าที่ของจอมไปโดยปริยาย ส่วนฟิวไม่ต้องพูดถึง ยุคน้ำมันแพงแบบนี้ ถ้าไม่ฉุกเฉินจริงๆ ผมคงไม่ได้มีบุญซ้อนท้ายฟิวแล้วละครับ ว่าก็ว่าเหอะนะ นับวันฟิวยิ่งเค็มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเดินมาโรงเรียนได้มันคงทำไปแล้ว ขนาดเพื่อนจะยืมการ์ตูนอ่านต่อจากที่มันเช่ามามันยังคิดตังค์เค้าอ่ะครับ คิดดูเหอะ จะเค็มไปไหนเนี่ย

ส่วนปลิวออกไปเรียนต่อสายอาชีพแล้วล่ะครับ ได้ข่าวว่าปลิวไปเรียนต่อที่เทคนิค จากวันที่มีเรื่องวันนั้นเราไม่ได้คุยกันอีกเลย

พี่อรกับพี่ธารสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพไปแล้ว พี่อรเรียนวิศวะโยธา ซึ่งผมคิดว่าเหมาะกับสาวห้าวขาลุยแบบพี่แกสุดๆ ส่วนพี่ธารเรียนเศรษฐศาสตร์ เวลาแม่ผมไปต่างจังหวัด คีมักมานอนเป็นเพื่อนบ่อยๆ ผมเองก็เข้าออกบ้านคีจนเป็นเหมือนบ้านตัวเอง

นอกจากนี้ หลังจากที่พ่อของคีตายไปได้เจ็ดปีแล้ว ป้านวลก็พบรักกับลุงพล เจ้าของสวนส้มแถวๆ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ป้านวลต้องไปๆมาๆระหว่างบ้านกับสวนส้ม บ้านคีเลยเงียบพอๆกับบ้านผม

“เอาละวันนี้พอแค่นี้แล้วกัน อย่าลืมส่งการบ้านแล้วให้หัวหน้าห้องรวบรวมไปส่งที่โต๊ะครูวันจันทร์” เสียงครูสายทอง ครูสอนวิชาสังคมบอกเลิกคาบก่อนจะปล่อยให้นักเรียนไปกินข้าวเที่ยง

“นักเรียน เคารพ”

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณค่ะ”

“น้ำ ฟิว ไปกินข้าวกัน” เสียงจอมเรียกผมจากหน้าห้อง ผมสงสัยจังเลยครับว่าทำไมห้องศิลป์คำนวณเลิกเร็วกว่าห้องผมทุกทีเลย จอมกับคีมาเรียกผมอยู่หน้าประตูห้องตอนห้องผมพักกินข้าวได้ทุกวัน บางวันพราวก็มาด้วยนะครับ เห็นว่าเธอเรียนสายวิทย์ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมา สงสัยเด็กวิทย์เค้าจะเรียนหนักกัน

พวกเราพากันเดินไปโรงอาหาร ระหว่างทางผมก็คิดเมนูไปด้วยว่าจะกินอะไรดี วันนี้เวรจอมกับฟิวไปซื้อข้าวครับ พวกผมจะแบ่งเวรกันไปซื้อข้าวกับจองโต๊ะ เพราะว่าคนเยอะมาก บางทีได้โต๊ะ แต่กว่าจะได้กินข้าวเวลาก็ผ่านไปตั้งครึ่งชั่วโมง บางทีซื้อข้าวแล้วก็ไม่มีโต๊ะนั่งอีก เลยต้องแบ่งหน้าที่กันครับ

“วันนี้น้ำกินเส้นเล็กต้มยำใส่ผักเยอะๆ” ก๋วยเตี๋ยวต้มยำนี่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ แถมคนขายปรุงรสมาให้เรียบร้อย

“เส้นเล็กต้มยำอีกละ ไม่เบื่อรึไง” ฟิวท้วงผม

“ฮื่อ อร่อยดีนะ” ผมโคลงหัวแล้วตอบ

“คีล่ะจะกินอะไร” ผมหันไปถามคีบ้าง วันนี้รู้สึกว่าคีดูซึมๆพิกล

“เอาเหมือนน้ำแล้วกัน”

“เออ พวกมึงนี่ดีเนอะ กินเหมือนกัน จะได้ไม่เสียเวลาซื้อหลายร้าน กูก็คิดไม่ออกว่ะ กูกินเหมือนพวกมึงแล้วกัน” จอมพูดขึ้น

“จอมเลียนแบบ โทษฐานนี้ต้องเลี้ยงน้ำส้มน้ำเป็นการตอบแทน” หาทางแถกินฟรีเท่านั้นแหละ

“โหย น้ำ อยู่กับไอ้ฟิวมากไปรึป่าวเนี่ย นับวันจะยิ่งเค็มเหมือนกันเข้าไปทุกที” จอมแย้ง

“อ้าว พาดพิงถึงกู เค็ม เคิมอะไร เค้าเรียกรู้จักประหยัดเว่ย” เอิ่ม ให้ผมประหยัดแบบฟิวนี่ก็ไม่ไหวม้างง

“น้ำหาว่าจอมเลียนแบบ ไอ้คีก็เลียนแบบ ให้มันเลี้ยงน้ำบ้างดิ”

“วันก่อนคีเลี้ยงแล้ว วันนี้ตาจอมมั่ง วันก่อนยังซื้อหนมเลี้ยงสาวได้เลย เลี้ยงเพื่อนไม่ได้เหรอ นี่เพื่อนนะเพื่อน” ผมยังไม่ยอมแพ้ ต้องจี้จุดเข้าไปครับ เดี๋ยวก็เลี้ยงเราเอง คึๆ

“เออๆ ไปหาโต๊ะนั่งไป” ในที่สุดจอมก็ยอมเลี้ยงน้ำผมแต่โดยดี

“น้ำส้มนะจอม” ผมยังไม่วายตะโกนกำชับส่งท้าย ไม่กำชับไม่ได้ครับ วันก่อนสั่งน้ำฝรั่ง ได้น้ำลิ้นจี่มากินเฉยเลย

เอ๋ แปลกแฮะ วันนี้พาดพิงถึงคีแล้วไม่แก้ตัว

ระหว่างกินก๋วยเตี๋ยว ก็เกิดศึกชิงลูกชิ้นขึ้น(ลูกชิ้นของร้านนี้เป็นลูกชิ้นหมูจิ๋วครับ อันเล็กๆ แต่อร่อยมาก) นำทีมโดยจอมครับ จะเอาคืนที่ต้องซื้อน้ำส้มให้อ่ะดิ  ผมไม่มีทางยกให้หร้อก จับยัดลงท้องไปหมดแว้ว แต่จอมมันยังไม่ยอมแพ้ หยิบถ้วยผมไปคนหา

“อ๊ะๆ เหลือนี่อีกตั้งสองลูก เสร็จโจร” จอมคีบลูกชิ้นของผมเข้าปากแบบผู้ชนะ

“อ๊า เอาอูกอิ้นอ้ำอืนอาอ๊ะ อินไอไอ้ไออ่ะ (อ๊า เอาลูกชิ้นน้ำคืนมานะ กินไปได้ไงอ่ะ)” ฮือ ลูกชิ้นของชั้น ลูกชิ้นของชั้นท่าทางไม่ปลอดภัย (เพลงน้องพลับ)

หลังจากโวยวายและคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้ลูกชิ้นคืนแน่ๆแล้ว ผมกับจอมสบตากันแล้วเริ่มจัดการเป้าหมายต่อไปครับ

เราสองคนหันควับไปมองฟิว รายนี้ก็รีบยัดลูกชิ้นใหญ่เลยครับ จากนั้นยื่นถ้วยให้จอมคนหา และความเค็มของฟิวก็ไม่มีพลาดครับ คนหายังไงก็ไม่เจอซักลูก และเราสามคนก็มองหาเป้าหมายสุดท้ายครับ พอหันควับไปที่คีเท่านั้นแหละ ยื่นถ้วยให้เฉยเลย

“กูไม่ค่อยหิวว่ะ พวกมึงกินเหอะ” เอ๋ แปลกคูณสอง ปกติ บางมื้อเห็นเบิ้ลสองถ้วยเลยนะเนี่ย วันนี้บอกกินไม่หมด

“คี เป็นอะไรไป ไม่สบายรึป่าว” ผมเขย่าแขนคีพร้อมกับถามไปด้วย

“อู้ย มันจะเป็นอะไรไปได้ เป็นไข้ใจล่ะสิไม่ว่า” จอมตอบแทนคีซะงั้น

“มีเรื่องอะไรกันเหรอ” ผมถามอย่างอดห่วงไม่ได้ คบกันมาตั้งสามปี ทะเลาะอะไรกันเนี่ย

“ป่าวหรอก วันนี้คีปวดหัวนิดหน่อยหน่ะ เหมือนจะมีไข้” คีตอบผมด้วยท่าทางเพลียๆ

“งั้นรีบกินข้าวแล้วกินยา น้ำมีพาราในกระเป๋า เดี๋ยวกลับห้องแล้วไปเอาให้” ผมเป็นคนที่ค่อนข้างเตรียมพร้อมครับ เพราะว่าป่วยบ่อย เลยมียาพารา พลาสเตอร์ติดแผล ทิชชู่แล้วก็น้ำเปล่าติดกระเป๋านักเรียนอยู่เสมอ

แต่ความจริงนะ ผมว่าที่ป่วยนี่เพราะมีเรื่องไข้ใจเป็นเหตุรึป่าวเนี่ย เดี๋ยวต้องไปซักฟอกจอมซะหน่อยแล้ว

หลังกินข้าวเสร็จพวกผมก็แยกกันไปเรียนห้องใครห้องมันครับ พอเลิกเรียนผมกับฟิวต้องเดินไปที่โรงยิมเพราะวันนี้ห้องของจอมกับคีเรียนพละเป็นคาบสุดท้าย และวิชาที่เรียนเทอมนี้คือเทควันโด ตอนที่พวกผมไปถึงก็เลิกพอดี จอมส่งสัญญาณโบกไม้โบกมือบอกว่าขอไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ผมกับฟิวเลยต้องนั่งรอแถวๆแสตนเชียร์ พวกผมนั่งรอไปซักพัก ผมก็นึกได้ว่าเมื่อคืนคีโทรมาบอกว่าให้เอาโฟมล้างหน้าของคีที่มีจากบ้านผมมาให้วันนี้ด้วยเพราะมีเรียนพละ อันที่บ้านคีหมด ผมนึกขึ้นได้ว่าคีจะต้องใช้เลยวิ่งเอาไปให้ที่ห้องอาบน้ำ

“ฟิว เดี๋ยวน้ำมานะ จะเอาโฟมล้างหน้าไปให้คี”

“เออๆ บอกพวกนั้นให้อาบน้ำเร็วๆด้วย หิวข้าวว่ะ” ฟิวพูดพร้อมกับกดเกมส์ในมือถือไปด้วย

ผมวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก็เห็นหลายห้องปิดม่านอาบน้ำอยู่ ไม่รู้ว่าคีอาบอยู่ห้องไหน เลยตัดสินใจนั่งรอตรงเคาเตอร์อ่างล้างหน้าข้างล็อกเกอร์  ซักพักคีก็เดินมาที่ล็อกเกอร์

“คี น้ำลืมเอาให้” ผมพูดพร้อมกับยื่นโฟมล้างหน้าให้คี

“คีพึ่งนึกได้ตอนอาบน้ำเหมือนกัน เดี๋ยวล้างตรงอ่างนี่ก็ได้” คีเก็บของใส่กระเป๋าแล้วล้างหน้าตรงอ่างข้างๆที่ผมนั่ง ซักพักจอมก็เดินขยี้หัวตามออกมาพร้อมกับเก็บของ

“จริงสิ ฟิวบอกว่าหิวข้าว ให้เร็วๆหน่อย” ผมบอกทั้งสองคน พอทั้งคู่เก็บของเสร็จเราสามคนก็เดินออกจากห้องอาบน้ำ ผมเดินคู่กับจอมและคุยกันเรื่องรายงานวิชาภาษาอังกฤษ

“ห้องจอมได้ทำรายงานเกี่ยวกับหัวข้ออะไรอ่ะ ห้องของน้ำได้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวล่ะ”

“หืม ครูยังไม่ได้สั่งเลย มีคาบเรียนวันจันทร์ เดี๋ยวก็คงรู้” จอมตอบ

“งั้นหรอกเหรอ  วันจันทร์น้ำก็มีเรียน แต่ครู... อ๊ะ...” ผมพูดยังไม่ทันจบก็ต้องตกใจ เพราะเดินไปชนคีเข้า

“คี ทำไมจะหยุดก็ไม่บอกเล่า” ผมเงยหน้าถามคี คีไม่ตอบครับ สีหน้าดูช็อคกับอะไรบางอย่างและจากสายตาที่มองตรงไปข้างหน้าทำให้ผมหันไปมองตาม

สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าทำให้ผมอดรู้สึกใจหายไม่ได้ พราวยืนจูบอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งครับ ผมตั้งสติแล้วหันไปมองคนข้างตัว คีกำมือแน่น และกัดกรามจนเป็นสันนูนเห็นได้ชัด ผมรีบจับแขนคีไว้ก่อนที่คีจะพุ่งเข้าไปหาคนทั้งคู่

“คี” ผมเรียกคีเสียงดัง คีเหมือนพึ่งรู้ตัวค่อยๆลดแขนที่จะสะบัดแขนผมลง เสียงเรียกของผมยังทำให้คนทั้งคู่ที่อยู่ตรงหน้าผละออกจากกัน พราวทำหน้าเหมือนเจอผี คีค่อยๆแกะมือผมออก แล้วเดินตรงเข้าไป ผมรีบเดินตาม ใจนึกกลัวความใจร้อนของคี

“น่าจะบอกกันดีๆนะพราว” คีพูดพร้อมกับจ้องหน้าพราวนิ่ง

พราวไม่พูดอะไร และพยายามหลบตา ส่วนผู้ชายอีกคนที่ยืนจูบกับพราวถูกจอมกันให้ออกไปยืนอยู่ห่างๆ

“ถ้าอยากเลิกนัก ก็พูดออกมาสิ เห็นกูโง่นักรึไง” คีตะโกนออกมาจนผมที่ยืนข้างๆสะดุ้ง

“หึ งั้น เราก็เลิกกัน” คราวนี้พราวเงยหน้าขึ้นมา สบตาคีที่มองอยู่ คำพูดของเธอเย็นชาจนผมรู้สึกได้ เธอปรายตามองผมก่อนจะเดินจากไป ผู้ชายคนที่ยืนอยู่กับจอมก็วิ่งตามพราวไปด้วย

ผมเอามือแตะแขนคีที่กำจนสั่น

“คี ไม่เป็นไรใช่มั้ย” คีไม่พูดอะไร แต่เดินผละหนีไป บางทีผมอาจจะวุ่นวายกับมากเกิน

“จอม ฝากดูคีด้วยนะ” ผมหันไปพูดกับจอมที่มองดูนิ่งๆ จอมพยักหน้าพร้อมกับวิ่งตามคีไป

ผมเดินกลับไปที่โต๊ะที่ฟิวนั่งรออยู่ด้วยอารมณ์หดหู่

“น้ำ ทำไมไปนาน หิวไส้จะขาดแล้วเนี่ย อ้าว แล้วสองคนนั้นล่ะ” ฟิวบ่นและถามผมด้วยความแปลกใจ

“คีเลิกกับพราวแล้ว” ผมพูดด้วยความรู้สึกอึนๆ

“กูว่าแล้ว” ฟิวเอามือขยี้หัวท่าทางขัดใจ แล้วหยิบเป้ขึ้นสพาย

“ป่ะ น้ำ เดี๋ยวจะไปส่งที่บ้าน” ฟิวขับรถไปส่งผมที่บ้าน ระหว่างทางเราไม่พูดอะไรกัน ผมเองนึกเป็นห่วงคีสารพัด ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง พอถึงบ้านผมฟิวก็โทรศัพท์ไปถามจอมว่าคีอยู่ที่ไหน

“เออๆ กูส่งน้ำแล้ว”

“...”

“เดี๋ยวกูไป”

พอจอมวางสายผมรีบถามขึ้นทันที

“คีเป็นไงบ้าง แล้วจอมล่ะ อยู่ที่ไหนกัน”

“พวกมันอยู่ร้านสตางค์ คีมันกินเหล้าอยู่ เดี๋ยวฟิวจะไปดูมันให้ น้ำไม่ต้องเป็นห่วง อยู่บ้านคนเดียวล็อกบ้านให้ดีแล้วกัน” ฟิวพูดก่อนจะใส่หมวกกันน็อคแล้วสตาร์ทรถ

“น้ำไปด้วยได้มั้ย” ผมถามฟิวด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“น้ำรออยู่ที่บ้านดีกว่า ถ้าคีรู้ว่าน้ำไปด้วยมันคงไม่ชอบใจ”

“แต่...”

“น้ำรออยู่ทางนี้เถอะ คอยปูที่นอนไว้รอพวกเราแล้วกัน คืนนี้เราคงมานอนกันบ้านน้ำ ขืนพาไอ้คีกลับบ้านคงโดนบ่นจนหูชา” ฟิวพูดทิ้งท้ายก่อนจะขี่รถออกไป

ผมนั่งรอทั้งสามคนที่โซฟาก่อนจะผล็อยหลับไป สะดุ้งตื่นอีกทีเพราะได้ยินเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น

“...Hello Seattle, I am a mountaineer
In the hills and highlands...”

มองหน้าจอโทรศัพท์ โชว์เบอร์จอมโทรเข้า ผมกดรับด้วยความรู้สึกมึนๆ

“อือ”

“น้ำมาเปิดประตูบ้านหน่อย” “เออ กูยังไม่เมา พวกมึงไม่ต้องพยุง” เสียงจอมพูดหอบๆ ทั้งยังได้ยินเสียงคีแทรกเข้ามาตามสายด้วย ผมตัดสายแล้วรีบวิ่งไปเปิดประตูบ้าน

“งายน้ำ ดึกแล้วทามมาย อึก ยังไม่นอน” พอผมเปิดประตูบ้านไป คีก็ทักผม จอมกับฟิวช่วยกันหิ้วปีกกันคนละข้าง ผมนิ่วหน้าเพราะเหม็นกลิ่นเหล้า แล้วหลีกทางให้ฟิวกับจอมพาคีเดินเข้าบ้าน

“น้ำ จอมว่าจะให้มันนอนโซฟาไปก่อนนะ ถ้าให้นอนบนห้องน้ำ จอมกลัวมันอ้วก เดี๋ยวเหม็นไม่ได้นอนกันทั้งคืน” จอมบอกแล้วหิ้วปีกคีไปปล่อยตรงโซฟา

คีนอนดิ้นปัดป่ายไปมาบนโซฟา ทั้งฟิวและจอมยืนหอบทั้งคู่

“ตัวหนักชะมัด” ฟิวบ่นพร้อมกับบิดแขนดังลั่นแก๊ก

“ฟิวกับจอมไปอาบน้ำก่อนเถอะ น้ำเอาผ้าเช็ดตัววางไว้บนเตียงในห้อง ใช้ห้องน้ำข้างล่างกับห้องน้ำในห้องนอนของน้ำได้นะ” ผมหันไปบอกทั้งสองคน ฟิวพยักหน้าก่อนเดินขึ้นไป

“ถ้ามันแผลงฤทธิ์จนตกโซฟา น้ำก็ปล่อยมันไว้บนพื้นนั่นแหละ จอมจะรีบอาบน้ำแล้วมาช่วยดู” จอมทิ้งท้ายก่อนเดินไปอาบน้ำบ้าง

ผมนั่งคุกเข่าข้างๆโซฟาพร้อมกับถอนหายใจ

“ร้อน” คีพูดแล้วลุกขึ้นถอดเสื้อถอดกางเกง จนเหลือแต่บ๊อกเซอร์

“คี นอนก่อนนะ เดี๋ยวน้ำไปเร่งแอร์แล้วจะมาเช็ดตัวให้” คีพยักหน้ารับรู้อย่างว่าง่ายแล้วล้มตัวลงนอน

ผมเดินเข้าไปในห้องครัว เปิดน้ำใส่กะละมังเล็ก พร้อมกับหยิบผ้าขนหนู ผมกลับมานั่งคุกเข่า วางกะละมังไว้ข้างตัว ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วเช็ดหน้าให้คี คีที่นอนหลับตาอยู่ลืมตาขึ้นมาจ้องผม พร้อมกับใช้มือซ้ายตะปบซ้อนมือของผมที่ถือผ้าชุบน้ำให้หยุดอยู่ข้างแก้ม

“น้ำ”

“คีปล่อยก่อนนะ น้ำจะได้เช็ดตัวให้ต่อ คีจะได้หายร้อนไง” ผมพูดกล่อมคนเมาเบาๆ แววตาคีที่จ้องผมตอนนี้ ราวกับว่าคียังมีสติครบ ไม่ได้เมา

“คีอยากรู้ ทำไมไม่มีใครรักคีเลย” คีไม่ยอมปล่อย ทั้งยังตั้งคำถามกับผมอีกด้วย

“หืม คีเอาอะไรมาพูด อย่างน้อยก็มีป้านวลที่รักคีที่สุดไง”

“ไม่จริง แม่ไม่รักคีหรอก แม่แต่งงานกับลุงพล ไม่ค่อยกลับบ้าน” ผมฟังคำตอบจากคีแล้วได้แต่นึกฉงนอยู่ในใจ เพราะผมเห็นคีเฉยๆกับเรื่องการแต่งงานใหม่ของป้านวล ไม่คิดว่า ความจริงแล้วคิดเยอะขนาดนี้

“รักสิ ป้านวลคงยุ่งกับงานหน่ะ พี่อรก็รักคีนะ”

“อรก็ไม่รักคีหรอก ไม่ยอมโทรหาคีซักที วันก่อน คีโทรไปก็ไม่รับ” เฮ้อ เหนื่อยใจกับคนเมา

“โธ่ พี่อรเรียนมหาลัยแล้ว คงเรียนหนัก วันนี้พี่อรอาจโทรมาก็ได้ คีลองเอามือถือมาดูสิ”

“คี ทิ้งไปแล้ว”

“ห๊า คีทิ้งไปเมื่อไหร่” เวรกรรม มือถือไม่ได้เครื่องบาทสองบาทนะพ่อคู๊ณณณณ

“ก็คีกดดู มีรูปที่คีไม่อยากเห็น เลยโยนทิ้ง” คีเล่าพร้อมทำท่าโยนทิ้งประกอบ

“แล้วสุดท้าย ก็ไม่มีใครรักคีซักคน” เจ้าตัวบ่นงึมงำ แล้วกระชับมือผมไว้แนบแก้มมากขึ้น

“น้ำ  น้ำรักคีรึป่าว” คีถามพร้อมกับจ้องตาผม ไม่รู้ว่าทำไม หัวใจผมถึงได้เต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา หน้ากับหูก็ร้อนไปหมด ผมก้มหน้าตั้งสติ คีกำลังเมา แล้วผมเป็นอะไรไปเนี่ยย ไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไร คีก็เอามืออีกข้างที่ว่างอยู่แนบกับแก้มผม แล้วเชยคางผมให้สบตา

“น้ำ ทำไมไม่ตอบ น้ำไม่รักคีเหรอ” คีพูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอน แววตาสั่นระริก ผมมองเข้าไปในตาคี น้ำใสๆเอ่อคลออยู่เต็มสองตา
ผมใช้มืออีกข้างจับมือของคีที่แนบแก้มอยู่ ค่อยๆกุมเอาไว้บนตัก

“รักสิ น้ำจะไม่รักคีได้ยังไง คีเป็นน้องของน้ำ เป็นคนสำคัญของน้ำเสมอนะ” ผมยิ้มแล้วตอบคี คีกุมมือผมแน่นแล้วหลับตาลง ผมนั่งรอจนผมหายใจของคีสม่ำเสมอแล้วค่อยๆแกะมือออก ผมนั่งมองดูคีอยู่ครู่ใหญ่แล้วเอามือจับหน้าอกตรงหัวใจตัวเอง ไม่เข้าใจ ทำไมมันเต้นแรงขนาดนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-04-2012 22:57:49 โดย Made »

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #12 เมื่อ26-03-2012 22:16:39 »

กีฬาสี1

...ปั่งๆๆ...

“นี่ ทุกคน ฟังทางนี้” แป้งสาวน้อยประธานห้องของผมเคาะโต๊ะเสียงดังหลังหมดคาบเรียนแรกของวันเพราะพวกลิงทโมนทั้งวิ่งไล่กัน คุยกันเสียงดังบ้าง ก็อย่างที่บอกไปนั่นแหละครับว่าโรงเรียนผมหน่ะมีผู้หญิงน้อย ตอนม.ต้นมีผู้หญิงหกคน ตอนม.ปลายนี่ยิ่งไปกันใหญ่ มีแค่สามคนเองครับ  รู้นะ หลายคนคงสงสัย ทำไมผู้หญิงไม่เรียนสายภาษา เอิ่ม เหตุผลมันก็ไม่มีอะไรนอกจากว่าประชากรผู้หญิงที่มีอยู่น้อยนิดนั้นขยันเรียนกว่าผู้ชายครับ และหลายคนคงตระหนักแล้วว่าเรียนสายวิทย์มีทางเลือกมากกว่า พวกเด็กผู้ชายสันหลังยาวทั้งหลายเลยต้องตกมาอยู่ห้องสายศิลป์เพราะสอบไม่ได้ อ่ะ มีอีกคำถามใช่มั้ยละ ผู้ชายมีเยอะแยะแล้วทำไมหัวหน้าห้องเป็นผู้หญิงอีก อันนี้มันก็ต้องตามมติครับ ก็เพราะความรับผิดชอบมันมีน้อย ประชากรหญิงหนึ่งในสามที่พวกผมเห็นว่ามีความรับผิดชอบ เด็ดขาด(โหด)ที่สุด เลยได้รับเสียงโหวตอย่างท่วมท้นไป

หลังการเอาแปรงลบกระดานกระแทกโต๊ะไม้ ทั้งห้องก็เริ่มกลับเข้าสู่ความสงบ

“เงียบได้ซักทีนะพวกมึง” แป้งพูดพร้อมชักสีหน้าหงุดหงิด เอิ่ม สาบานได้ว่านี่เป็นคำพูดแรกที่หัวหน้าห้องใช้พูดกับคนในห้องทุกครั้งก่อนแจ้งเรื่องให้ทราบ

“วันนี้กูไปประชุมก่อนเข้าแถวมา เค้าบอกว่าจะมีกีฬาสีสิ้นเดือนนี้ ก็เหมือนเดิมคือให้ร่วมมือทำกิจกรรมครั้งนี้ด้วย ส่วนเรื่องเดินขบวน แข่งกีฬา วันนี้ตอนพักเที่ยง รุ่นพี่จะมาคุยด้วย เราต้องเดินไปประชุมที่ห้องห้า ปีนี้ม.4ห้องเราจับสลากได้อยู่สีชมพู สีเดียวกับห้องห้า ส่วนพี่ม.5 ที่จะมาคุมคือพี่ๆห้องสองกับห้องแปด(ม.6โรงเรียนผมเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียวครับ งดเข้ากิจกรรม) ทุกครั้งที่เข้ากิจกรรมจะมีการเช็คชื่อให้คะแนนวิชาพละด้วย แต่กูรู้พวกมึงไม่สนคะแนน แต่อย่าให้รู้นะว่าใครโดด ถ้าพี่เค้าจะให้พวกมึงช่วยอะไรกูจะต้องเหนื่อยตามหาอีก” แป้งพูดจบก็มีคนยกมือถามครับ

“ส่งใบลาป่วยได้รึป่าว” ป้องที่อยู่หลังห้องยกมือถาม

“กูว่ามุกนี้ใช้ไม่ได้แล้วว่ะ เดือนที่แล้วมีกิจกรรมวันสุนทรภู่ ห้องวิชาการเรียกกูไปซักว่าทำไมห้องเรามีคนลาเกินครึ่ง กูก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง อย่างน้อยพวกมึงไปนั่งหายใจมองหน้ากันก็ได้ อย่าให้กูไปนั่งให้เค้าซักจนตะคริวกินอีกเลย” แป้งบอกพวกผมแล้วทำหน้าเซ็งๆ พอดีกับที่ครูของวิชาถัดไปเดินมาพอดี เราเลยต้องจบประเด็นแค่ตรงนี้

พอพักเที่ยงพวกผมสี่คนก็ไปกินข้าวด้วยกันเหมือนเคย

“วันนี้เที่ยงครึ่งห้องกูต้องไปประชุมกีฬาสีที่ห้องพวกมึงว่ะ” ฟิวพูดขึ้นระหว่างกินข้าว

“เบื่อหน้ามึงโว้ย อยู่กันคนละห้องยังเสือกได้อยู่สีเดียวกันอีก” จอมบ่นออกมา

“เฮอะ คิดว่ากูไม่เบื่อหน้ามึงเหรอ แม่งอยู่ด้วยกันมาตั้งสามปี แต่ไม่เป็นไร กูทนได้ เพราะว่ากูได้อยู่สีเดียวกับแจง” ฟิวทำหน้าเคลิ้มเมื่อพูดถึงจุ๊บแจงที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับจอมและคี

“เออ ถ้ามึงได้เห็นสันดานมันแล้วจะชอบไม่ลง แม่ง ผู้หญิงอะไรไม่มีความเป็นกุลสตรี มือก็หนักชิบหาย” จอมพูดแล้วทำท่าขนลุก

“เอ๋ จุ๊บแจง ใช่คนที่ชอบเปียเก็บสองข้างมาทุกวันใช่ป่าว” ผมถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ เพราะจำได้ว่าห้องห้ามีคนชื่อแจงอยู่สองคน

“เออ คนนั้นแหละ นิสัยไม่ได้เข้ากับหน้าตาเล้ย” จอมโอดครวญต่อ

“ไม่เป็นไร เค้าน่ารัก กูไม่ถือ” ฟิวทำหน้าเคลิ้มต่อ

พวกเรากินข้าวกันเสร็จก็เดินไปห้องห้า ระหว่างทางมีสาวๆมาทักคีเป็นระยะ

“พี่คี กินข้าวรึยัง” รุ่นน้องม.ต้นที่นั่งอยู่ตรงไม้หินอ่อนใต้ต้นหูกวางโบกมือแล้ววิ่งเข้ามาทักคี

“กินแล้วครับ” อ่า พูดเพราะเชียวกับสาวๆเนี่ย

“ว้า โฟร์ตั้งใจทำข้าวกล่องมาให้ กะว่าจะรอกินกับพี่อยู่เชียว” สาวน้อยทำหน้าตาเสียดาย

“อ่า โทษทีครับ ไว้วันหลังแล้วกันนะครับ” แหม ไอ้คนนี้ก็น่าหมั่นไส้นักเชียว พึ่งเลิกกับแฟนก็หม้อไปทั่ว

“ก็ได้ค่ะ” น้องโฟร์พูดแล้ววิ่งกลับไปนั่งที่โต๊ะกับเพื่อน

เราเดินต่อไปถึงหน้าบันไดก็มีคนเข้ามาทักอีก

“อ้าว น้องคี ปีนี้ได้อยู่สีอะไรจ๊ะ” พี่สาวหน้าตาหมวยๆคนนึงที่เดินสวนลงมาทักคีขึ้น

“สีชมพูครับ แล้วพี่ละครับ”

“บังเอิญจัง สีเดียวกันกับพี่เลย นี่กำลังจะไปประชุมใช่รึป่าว เดี๋ยวเจอกันนะจ๊ะ พี่ๆรออยู่บนห้องแล้ว” พี่หน้าหมวยพูดแล้วก็เดินจากไปครับ

“แม่ง เพื่อนใครวะ เลิกกับแฟนได้ไม่ทันข้ามอาทิตย์ สาวติดเกรียว” จอมบ่นท่าทางระอา นี่ขนาดผมไม่ได้อยู่กับคีตลอดยังเจอไปตั้งสองคน จอมที่อยู่ด้วยกันแทบทั้งวันคงจะเห็นหลายคนแล้วล่ะสิ เฮ้อ ก็อย่างว่าแหละนะ คีมันทั้งสูง ผิวสีแทน หน้าตารึก็คมคาย แถมคารมณ์นี่ไม่ต้องพูดถึง เฮ่อ ช่างต่างกับผมราวฟ้ากับเหว ก็ไอ้หุ่นแห้งๆกล้ามเนื้อนี่ไม่ต้องถามหา แถมขาวๆ ซีดๆอย่างผม จะเอาะไรไปให้สาวๆสนใจเนี่ย

พอพวกผมเดินถึงห้องห้าก็ต้องพบกับมหกรรมผู้คนครับ คนเยอะซะแบบว่าล้นออกมายืนอยู่ตรงระเบียงหน้าห้อง แต่ก็นะ มีพี่ม.ห้า กับม.สี่รุ่นเรา รวมกันตั้งสี่ห้อง รุ่นพี่ที่ยืนอยู่หน้าห้องหันมามองเราสี่คนทันทีครับ

“น้องสี่คน มาประชุมรึป่าว รีบเข้าไปเร็ว” รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งกวักมือเรียกเราให้รีบเข้าห้อง

พอผมเดินเข้าประตูไปก็ได้ประจักกับคำว่าปลากระป๋อง อ่า คนเยอะได้อีก

“เฮ้ย คี จอม ทางนี้” เสียงเรียกของเพื่อนๆห้องคีเรียกพวกผมจากโต๊ะหน้าห้องที่อยู่ติดกับหน้าต่าง ด้วยความที่คนเยอะ หลายคนนั่งเก้าอี้ นั่งโต๊ะบ้างแหละครับ พอพวกผมเดินไปถึงโต๊ะก็มีคนลุกให้นั่งเก้าอี้คนนึงครับ ส่วนเก้าอี้ที่ติดกันอีกตัวว่างอยู่แล้ว

“เอ่อ ไม่ต้องลุกก็ได้ เรายืนดีกว่า” ผมบอกคนที่ลุกให้ครับ ไม่รู้ว่าชื่ออะไร

“นั่งไปเถอะน้ำ” คีดันตัวผมให้นั่งแล้วนั่งอีกตัวที่ว่าง ส่วนฟิวกับจอมก็นั่งบนโต๊ะที่อยู่ข้างหลังเก้าอี้ของพวกผม

“แต่ว่า เค้านั่งอยู่ก่อนนะ” ผมหันไปพูดกับคี

“ไม่เป็นไรหรอก นี่โต๊ะคีเอง” อ๋อ คีกับจอมนั่งติดหน้าต่างตรงนี้หรอกเหรอเนี่ย

“เอ่อ กูลืมแนะนำ นี่น้ำกับฟิวเพื่อนกู ส่วนนี่เพื่อนๆคีเอง คนที่ลุกไปหน่ะชื่อไอ้เต้  คนถัดไปก็เกมส์ ป็อบ แซ็ค โจ...” คีบอกชื่อเรียงจากซ้ายไปขวา อ่าเยอะจัง ผมยังจำไม่ได้หมดทุกคนเลย

“น้องครับ ฟังพี่หน่อย” พวกผมคุยกันไปได้ซักพักก็มีพี่ผู้ชายคนนึงตะโกนบอกให้เราเงียบอยู่หน้าห้อง

“พี่ชื่อพี่ภูนะครับ เป็นประธานสีเราปีนี้ ส่วนพี่ที่ยืนข้างๆพี่ชื่ออาร์ม เป็นเลขา ...เป็นเหรัญญิก ...ฝ่ายกีฬา ....”พี่ภูแนะนำตัวและแนะนำพี่ๆที่ทำงานอยู่ฝ่ายต่างๆให้เราได้รู้จักแล้วเริ่มประชุม

“น้องๆม.4 ครับ พี่ได้แบ่งงานครั้งนี้ไว้เป็น 6 ฝ่ายคือ ฝ่ายกองเชียร์ กีฬา พาเหรด สวัสดิการ พยาบาล และฝ่ายอุปกรณ์และฉากนะครับ ฝ่ายกองเชียร์จะอยู่กับพี่พลอย” พอพี่ภูพูดชื่อก็มีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมาแล้วส่งยิ้มให้ครับ

“ปีนี้น้องๆไม่ต้องขึ้นแสตนนะคะ แต่ว่าต้องคอยช่วยพี่คุมน้องม.ต้น” พี่พลอยพูดแล้วยิ้ม จากนั้นพี่ๆฝ่ายต่างๆก็ทยอยแจงรายละเอียดของแต่ละฝ่าย

“พี่ไทนะครับ อยู่ฝ่ายกีฬา ฝ่ายพี่ไม่ต้องให้น้องมาช่วยคุมเด็ก แต่ถ้าใครอยากลงกีฬาอะไรก็มาลงชื่อที่พี่ได้นะครับ” พี่ไทพูดแล้วโบกใบรายชื่อไปด้วย พอพี่ไทพูดจบก็มีพี่กระเทยคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง

“พี่ชื่อซินนี่นะฮ้า อยู่ฝ่ายพาเหรด อยู่ฝ่ายเจ้น้องไม่ต้องทำอะไร แค่นั่งทำหน้าตาหล่อสวยให้โดนใจเจ้ก็พอค่า” พี่ซินนี่พูดจบแล้วก็ส่งจูบครับ หลายคนถึงกับโห่แซวกันไปตามระเบียบ

“พี่อ๋องครับ อยู่ฝ่ายสวัสดิการ หน้าที่ฝ่ายเราก็ไม่มีอะไรมาก ใช้แรงอย่างเดียว ง่ายๆก็ได้เช็คชื่อให้คะแนนนะน้อง” อ่า พี่แกตบท้ายเรื่องเช็คชื่อ สงสัยกลัวไม่มีใครไปสมัครเป็นแรงงาน

“ พี่เฟรนครับ อยู่ฝ่ายพยาบาล พี่ขอห้องละสองคนก็พอนะครับ” พี่เฟรนมาสั้นๆแล้วจากไป

“สุดท้ายก็พี่เองนะครับ พี่ต๋อง ฝ่ายฉากและอุปกรณ์ น้องๆคนไหนวาดรูปสวยๆ หรือชอบประดิษฐ์ก็มาทำงานด้วยกันนะครับ” พี่ต๋องพูดแล้วเกาหัวอายๆ

“น้องๆสนใจฝ่ายไหนไปลงชื่อได้ที่ห้องม.6/2 ส่วนวันนี้พี่ซินนี่จะขอเลือกน้องๆไปเดินขบวน ยังไงก็ให้ความร่วมมือด้วยนะครับ” พี่ภูพูดจบก็เดินไปคุยกับแป้งแล้วก็หัวหน้าห้องม. 4/5 ผมคุ้นหน้าแต่ไม่รู้จักชื่อครับ

จากนั้นมีเสียงพูดคุยกันไม่หยุด ส่วนมากจะคุยกันเรื่องจะไปอยู่ฝ่ายไหน ลงกีฬาอะไรกันบ้าง

“ลงบาสกันป่าววะ” จอมชวนคีกับฟิว ไม่ต้องสงสัยครับว่าทำไมไม่ชวนผม กีฬาชนิดเดียวที่ผมถนัดคือเปตอง ส่วนกรีฑานี่ถนัดวิ่งระยะไกล อย่างอื่นนี้อย่าให้พูดถึง ด้อยเปลี้ยสุดๆ

“เออ ลงดิ” ฟิวตอบ ส่วนคีก็พยักหน้า

“น้ำจะลงเปตองรึป่าว” คีหันมาถามผมบ้าง

“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจ กะจะลงวิ่งอย่างเดียวพอ”  ผมลงเปตองทุกปีตอนม.ต้น ปีนี้เลยเกิดอาการขี้เกียจ

“อุ้ยตาย น้องๆขา น้องๆสนใจจะเดินพาเหรดให้เจ้มั้ยคะ” จู่ๆ พี่ซินนี่ก็แหวกวงสนทนาเข้ามาหาพวกเราครับ

“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ พวกผมเกรงใจ” จอมตอบแล้วยิ้มแห้งๆ ส่วนผมอีกสามคนได้แต่พยักหน้าตาม

“โอ้ย ไม่ได้เลยนะคะ แบบพวกคุณน้องเนี่ย ถ้าไม่เดินพาเหรด เจ้เสียดายหน้าตาค่ะ ช่วยเจ้หน่อยนะคะ” พี่ซินนี่พูดแล้วจับมือจอมแล้วกระพริบตาให้ดูน่าสงสารครับ

หน้าจอมตอนนี้ตลกมากเลยครับ ผมได้แต่ปิดปากกลั้นหัวเราะ

“อย่างน้องเนี่ย ช่วยไปปั่นจักรยานในขบวนลดโลกร้อนให้เจ้หน่อยนะจ๊ะ” พี่ซินชักชวนจอมต่อครับ

“อ่า ผมหน้าตาไม่ดีหรอกครับ พี่ไปชวนเพื่อนๆผมดีกว่า” จอมพูดแล้วชี้ไม้ชี้มือมาทางพวกผม

“ต๊ายยยย” พี่ซินนี่กรี๊ดแล้วปรี่เข้ามาหาผมทันที พี่เค้าเอามือจับหน้าผมให้หันซ้ายหันขวา แล้วลูบแขน ผมก็ตกใจสิครับ ได้แต่นั่งนิ่งให้พี่แกลูบๆคลำๆ

“น้องผิวสวยมากเลยนะคะ น้องนี่แหละคือคนที่เจ้ตามหามานาน ช่วยมาเป็นมะเขือเทศในขบวนกินผักเพื่อสุขภาพให้เจ้เถอะนะจ๊ะ” อ่า จิตผมหลุดไปแล้วครับ ผมได้เดินขบวนเป็นมะเขือเทศ

“แหม ไม่ตอบแสดงว่าตกลงสินะจ๊ะ” เจ้เค้ามัดมือชกเฉยเลย

“เอ่อ คือ...” ผมที่ยังช็อคอยู่ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีครับ

“ส่วนน้อง แหม หน้าตาหล่อเหลาเอาการ เจ้ว่าถ้าใส่ชุดเจ้าบ่าว เป็นพระเอก themeหลักของสีเรา “รักเราสีชมพู” เจ้ว่าเกิดแน่ๆ” รายต่อไปที่โดนพี่ซินนี่จู่โจมก็คือคนที่นั่งข้างๆผมนี่แหละครับ อิจฉาจัง ผมก็อยากใส่สูทบ้าง

“ผมขอปั่นจักรยานแหมือนเพื่อนดีกว่าครับ” คีตอบยิ้มๆ

“ผมก็ขอเหมือนมันสองคนนะครับ” ฟิวรีบชิงตอบก่อนจะได้ทำหน้าที่แปลกๆในขบวน

“ฮึ ก็ได้ย่ะ นังปอจดชื่อน้องๆด้วย” พี่ซินนี่บอกพี่ผู้หญิงที่ยืนข้างๆ ก่อนสะบัดหน้าเดินจากไป

หลังจากวันประชุม พวกเราก็ไปลงชื่อตามกีฬาที่อยากเล่นเป็นที่เรียบร้อย และเนื่องจากกีฬาสีที่ใกล้เข้ามาทุกที หลังเลิกเรียนเลยมีคนอยู่ซ้อมกีฬาและเตรียมอุปกรณ์กันเต็มไปหมด และแน่นอนว่าเย็นนี้ผมก็ต้องเตรียมน้ำเปล่ากับผ้าซับเหงื่อให้สามหนุ่มอีกตามเคย เพราะพวกมันซ้อมบาสกันทุกเย็น ผมเองก็ต้องนั่งรอตรงไม้หินอ่อนข้างสนาม คอยบริการคุณชายทั้งสามแหละครับ
และถึงแม้ว่าผมจะเตรียมของมา แต่เหมือนจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก เพราะทุกๆวันที่นั่งรอก็เห็นมีทั้งสาวแท้และสาวเทียมแวะเวียนเอาน้ำเอาขนมมาให้สามหนุ่มตลอด พวกมันก็กินกันไม่ไหว แบ่งให้เพื่อนๆในทีมทุกวันแหละครับ แต่จะว่าไปขนมก็ยังคงเหลือมาให้ผมนั่งกินเล่นระหว่างรอเพราะหนุ่มๆแต่ละคนที่เล่นบาสนี่หล่อลากกันชนิดที่น่าคิดไปว่าเป็นทีมรวมดารา แฟนๆเลยมานั่งให้กำลังใจกันประจำ

“น้องน้ำ เก็บบอลให้หน่อยครับ” พี่ภูเรียกให้ผมช่วยเก็บบอล ก็พี่ภูประธานสีนั่นแหละครับ พี่แกลงบาสแถมเป็นกัปตันทีมอีกต่างหาก คนนี้ก็ไม่น้อยหน้าคนอื่นหรอกครับ ขาวสูง ยิ้มเก่ง เป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว แฟนๆพี่แกมานั่งเชียร์ขอบสนามทู้กวัน

ผมวิ่งไปเก็บบอลแล้วยื่นให้พี่ภูที่ยืนรออยู่ข้างสนาม

“ขอบคุณครับ” พี่ภูยิ้มแล้วดึงแก้มผมจนยืด

“ไม่เป็นไรครับ” ผมพูดพร้อมกับลูบแก้มข้างที่โดนดึงป้อยๆ ง่า โดนพี่ภูดึงทุกวันเลย มันจะยานมั้ยเนี่ย

“น้องน้ำครับ ถ้ามีใครเอาน้ำหรือขนมมาให้พี่ พี่ฝากไว้ที่น้องน้ำก่อนแล้วกันนะครับ” จะเป็นยังงี้กันทั้งชมรมมั้ยเนี่ย คือผมมาทุกวันไงครับเลยรู้จักคนในทีมหมด แถมพักหลังๆฝากกระเป๋า ฝากของกันจนเต็มโต๊ะไปหมด ผมก็กลัวทำของชาวบ้านเค้าหายเหมือนกันนะเนี่ย

“ได้ครับ” รับปากไปอย่างไม่มีปากเสียง เพราะสุดท้ายผมก็ได้กินหนมจากคนที่เอามาให้พี่ภูทุกที คนอื่นเค้าออกกำลังกายเผาผลาญแคลอรี่กัน แต่ผมกลับเพิ่มแคลอรี่

“เฮ้ย ไอ้พี่ภู อย่าอู้ กลับเข้าสนามมาได้แล้ว” คีตะโกนเรียกพี่ภูมาจากอีกฝั่งของสนามครับ งงกับสรรพนามของมันจริงเชียว ตกลงจะเรียกพี่เค้าแบบสุภาพหรือแบบหยาบๆ

ผมนั่งมองเค้าซ้อมบาสได้สักครู่ก็รู้สึกปวดฉี่ แต่จะทำไงดีละเนี่ย มีแต่คนฝากของเต็มไปหมดเลย ผมมองกองกระเป๋าบนโต๊ะแล้วได้แต่ถอนหายใจ

“ไง น้ำ ขยันมานั่งเฝ้าจังเลยนะ” แป้งเดินถือถังสีผ่านมาทักผมเข้า

“อือ กินขนมมั้ยแป้ง” ผมยื่นขนมให้แป้งเลือก แบบว่ามีเต็มอ้อมแขน หลากหลายมากครับ สาวๆเค้าช่างสรรหากันจริงๆ

“โห ไปเอามาจากไหนเนี่ย” แป้งพูดแล้วทำตาโต

“นู่น ของฝากคนในสนาม กินกันไม่หมดเลยให้น้ำ น้ำก็กินไม่หมด แป้งเอาไปแบ่งฝ่ายฉากบ้างก็ได้นะ” ผมพูดพลางทำท่าพยักเพยิดพาดพิงถึงเจ้าของขนมกองโตพวกนี้

“ได้จริงดิ” แป้งถาม ท่าทางลังเลครับ

“ได้สิ กินกันไม่หมดหรอก” แป้งเลือกขนมถุงใหญ่ไปสามถุง

“ขอบคุณจ้า” แป้งก้มหัวน้อยๆขอบคุณผม

“เออ แป้ง คือน้ำอยากเข้าห้องน้ำหน่ะ ช่วยอยู่เฝ้าของบนโต๊ะนี้ให้เดี๋ยวนึงได้รึป่าว” ผมที่พึ่งนึกได้ว่าตัวเองปวดฉี่ เลยคิดว่าวานแป้งให้ช่วยดูของให้

“ได้สิ เร็วๆนะ” แป้งรับปาก นั่งลงแล้วแกะขนมกิน

ผมยิ้มให้แป้งแล้วรีบวิ่งไปห้องน้ำ พอผมเข้าห้องน้ำเสร็จก็รีบเดินกลับไปที่สนามบาส แต่จู่ๆกลับมีคนเรียกผมให้หยุด

“น้ำ” คนที่เรียกผมคือพราวครับ

“มีอะไรเหรอ” ผมถามอย่างแปลกใจเพราะตอนที่พราวคบกับคี เราไม่ค่อยได้คุยกันหน่ะครับ ผมเลยสงสัยว่าเธอมีอะไรจะคุยกับผม

“โอ้ย เหนื่อย” พราวบ่นแล้วก็หอบไปด้วย สงสัยรีบวิ่งมา

“เดี๋ยวค่อยพูดก็ได้ หายใจก่อน”

“น้ำ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว คีมีเรื่องกับรุ่นพี่ที่สวนหลังโรงเรียน” พราวพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“เฮ้ย เป็นไปได้ไง เมื่อกี้ยังเล่นบาสอยู่เลย” ผมตกใจมากเลยครับ

“ไม่รู้เหมือนกัน รีบไปเถอะ” ทั้งผมและพราวรีบวิ่งไปที่สวนหลังโรงเรียน พอไปถึงผมรีบเดินแหวกหญ้าเข้าไป แต่ภาพที่ผมเห็นกลับผิดคาดครับ ผมไม่เห็นคี

“เฮ๊อะ มาได้ซักทีนะ” เสียงน้องกระเทยคนหนึ่งพูดเมื่อเห็นผม

“แน่สิยะ กว่าจะผละออกจากกัน รอแทบแย่ นึกว่าวันนี้จะคว้าน้ำเหลวซะอีก” เสียงพราวดังมาจากด้านหลังของผม จากนั้นก็มีผู้ชายอีกสองคนเข้ามาล็อกตัวผมไว้

“นี่มันอะไรกันหน่ะพราว แล้วคีอยู่ไหน” ผมถามพราวอย่างสับสน นี่ตกลงพราวพาผมมาที่นี่ทำไม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2012 10:44:25 โดย Made »

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล
«ตอบ #13 เมื่อ27-03-2012 00:13:12 »

กะจะรุมตบไง๊?
แหม
น้ำสุ้ๆ แต่ท่าทางจะอ่อนแอสุ้ไมไ่ด้
ใครก็ได้ขี่แมงสาบมาช่วยน้ำที T^T
มาต่อเร็วๆน้า

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #14 เมื่อ28-03-2012 23:46:09 »

กีฬาสี 2

“นี่แกโง่จริงๆหรือแกล้งโง่กันแน่”  พราวเดินเข้ามาหาผม แล้วตวาดด้วยท่าทางโมโห

“น้ำไม่รู้จริงๆ เท่าที่จำได้ เราไม่เคยมีอะไรผิดใจกันนะ” ผมตอบไปพลางคิดไปพลางครับ เท่าที่จำได้ผมเองเคยคุยกับพราวแค่สองสามครั้ง ครั้งแรกคือวันวาเลนไทน์ตอนม.1 ที่พราวมาตามหาคีที่ห้องเพราะจะเอาตุ๊กตาให้ ส่วนครั้งที่สองนี่ก็ตอนม.2 ที่คีกำลังจะไปส่งผมกลับบ้าน แต่พราวมาขอให้คีไปส่งที่บ้านเพราะคุณพ่อไม่ว่างมารับ ผมเองเป็นคนบอกให้คีไปส่งพราวก่อน ส่วนผมจะนั่งรถกลับเอง แล้วครั้งสุดท้ายก็ก่อนที่พราวจะเลิกกับคีสองวัน วันนั้นคีไปนอนบ้านผม แล้วตื่นขึ้นมาดูหนังจีนกำลังภายในตอนเที่ยงคืน(เจ้าตัวบอกว่าที่ติดหนังเรื่องนี้เพราะนางเอกสวยมาก ตรงสเป็คสุดๆ) ซึ่งบ้านผมทีวีอยู่ชั้นล่าง แต่คีเอามือถือไว้บนโต๊ะเขียนหนังสือของผม เสียงเรียกเข้าดังต่อเนื่องจนผมสะดุ้งตื่นก็เลยรีบกดรับให้เพราะกลัวคนโทรมาจะวางสายไปก่อน ตอนรับตาก็ยังปิดอยู่เลย พอรู้ว่าพราวโทรมาผมก็รีบวิ่งเอาลงไปให้คี เวลาคุย เราก็คุยกันเหมือนคนรู้จักกันปกติ ไม่เคยทะเลาะกันซักครั้ง อืม คิดยังไงก็คิดไม่ออก

“ไม่ต้องมาทำหน้าตาไร้เดียงสาแถวนี้ พวกชั้นไม่ใช่ผู้ชายในสต็อกของแก ไม่หลงมารยาแกหรอกย่ะ” น้องกะเทยจีบปากจีบคอพูด แล้วจิกตาใส่ผมแบบมาดร้ายมาก

“เอ่อ น้อง พี่ว่าเราไม่เคยรู้จักกันนะ” ผมงงกับน้องแกจริงๆครับว่าไปทำอะไรให้น้องเค้า เท่าที่รู้ก็คือเราไม่รู้จักกันนะครับ แล้วแบบว่า แค่น้องไม่จิกตา กล้ามแขนน้องมันก็น่ากลัวอยู่แล้ว ได้แต่คิดครับ ไม่กล้าพูด แค่นี้บรรยากาศก็มาคุจนไม่รู้จะคุยังไงแล้ว

“สงสัยต้องกระตุ้นต่อมฉลาดให้ทำงานซะหน่อยแล้วมั้ง” “เพี๊ยะ” พราวพูดจบก็ตบแก้มขวาผมจนหน้าหันเลยครับ อ่า แบบว่าแก้มกระทบกับฟัน เลือดไหลเลย “เพี๊ยะ” ผมยังไม่ทันจะตั้งสติ แก้มซ้ายผมก็โดนตบจนหันไปอีกทาง แบบว่าเจ็บมากครับ แก้มขวาเริ่มชาแล้ว เค้ามือหนักซะจนผมไม่มีแรงพูดอ่ะ มึนไปหมด

“หึ ไง นึกออกรึยัง” พราวถามผมพร้อมกับแสยะยิ้ม ผมโกรธมากครับ เกิดมายังไม่เคยมีใครตบหน้าเลย ได้แต่ท่องพุทโธในใจ แล้วพยายามตั้งสติครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางทีนี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิด

“พราว น้ำไม่รู้จริงๆว่าเรื่องที่พราวพูดหมายความว่ายังไง ทำไมพราวไม่คุยกับน้ำดีๆ พราวเข้าใจอะไรผิดไปรึป่าว” ผมสูดหายใจลึกๆระงับอารมณ์แล้วพูด หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ

“เข้าใจผิด อย่างชั้นจะเข้าใจอะไรผิดไปได้” พราวพูดแล้วเอามือมาบีบคางผมให้สบตา วินาทีนั้นแหละครับ จิตธรรมะของผมขาดสะบั้น ผมถลึงตามองกลับเพื่อบอกให้เธอรู้ว่าผมโกรธมาก

“นี่แกกล้าดียังไงถึงมองชั้นแบบนี้ อยากจะลองดีใช่มั้ย” พราวบีบหน้าผมแรงขึ้น ตรงที่โดนตบไปเมื่อกี้แหละครับ เจ็บจนน้ำตาเล็ด ผมเลือกจะเงียบแล้วจ้องต่อครับ เอาซี้ มึงจะพูดอะไรก็พูดมา ถามอะไรกูไม่ตอบหรอก จู่ๆจับผมมาตบ ผมก็คนนะครับ ไม่ใช่นางเอกละคร จะได้ไม่โกรธ ไม่โมโห

เหงื่อผมออกเต็มตัว โกรธจนตัวสั่นเป็นยังไงก็พึ่งได้รู้วันนี้แหละครับ

“ทีกับผู้ชายทำเป็นออดอ้อนออเซาะ ทำเป็นลูกคุณหนูพูดเพราะ ที่แท้แกมันก็ขาดผู้ชายไม่ได้ เดี๋ยวนี้มีผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลัง คงชอบสินะ ชั้นต้องเลิกกับคีก็เพราะแก สะใจแกแล้วใช่มั้ย” พราวตะโกนเสียงแหลมใส่หน้าผม แรงบีบจากมือของเธอมากขึ้นเรื่อยๆตามแรงอารมณ์ พูดจบ เธอก็ผลักหน้าผมไปอีกทาง

“ถุย พลั่ก” ผมถ่มน้ำลายใส่พราวแล้วถีบเธอสุดแรง แม่ง สุดจะทนครับ แขนกูขยับไม่ได้ แต่ขากูยังขยับได้เว้ย

“กรี๊ดดดด แก ไอ้เลว  แกกล้าถีบชั้นเหรอ” พราวที่ล้มลงกับพื้นนั่งกรี๊ดแล้วกุมท้องตัวเอง

“แก นังแพศยา แกกล้าถีบพี่พราวเหรอ” น้องกระเทยที่รีบปรี่เข้าไปพยุงพราวตะโกนด่าผม เออ กูมันไม่มีดีเหลือแล้ว เมื่อกี้เป็นไอ้เลว ตอนนี้เป็นนังแพศยา

ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากคนที่จับผมทั้งสองคนครับ

“ปล่อย กูสิวะ บอกให้ปล่อย” ผมทั้งดิ้นทั้งตะโกน

“ว้ายยย อยู่นิ่งๆสิยะ นังป๊อกกี้จับตัวมันไว้ให้แน่น” ผู้ชาย ไม่ใช่สิ กะเทยคนที่จับผมตรงซ้ายมือตะโกนบอกให้เพื่อนอีกคนจับผมไว้

สองคนที่จับผมอยู่คงไม่นึกว่าผมจะบ้าได้ขนาดนี้ เลยเผลอคลายแขนตั้งแต่ตอนที่พราวบีบหน้าผม ผมที่ดิ้นจนเกือบหลุดออกมาได้ แต่ก็ต้องจุกจนทรุดลงกับพื้นเพราะน้องกะเทยคนที่ไปพยุงพราวเดินเข้ามาเตะตรงหว่างขาของผม “ปึก”

กะเทยกล้ามปูทั้งสองคนหิ้วปีกผมให้ยืน น้องกะเทยคนที่เตะผมก็ปรี่เข้ามาจิกหัวให้เงยมองหน้ามัน  น้ำตาผมคลออยู่ตรงสองเบ้าตา แบบว่าเจ็บไปทั้งตัวครับ ผมกัดฟันไม่ร้องออกมาซักแอะ กูไม่ยอมร้องไห้ให้พวกมึงได้สะใจหรอก

“จะร้องไห้อ้อนวอนกูเหรอ มึงไม่ต้องมาบีบน้ำตา มึงมันมารยาร้อยเล่มเกวียน แย่งพี่คีมาจากพี่พราวไม่พอ ยังจะอ่อยพี่ภูของกูอีก” น้องกะเทยพูดแล้วง้างมือจะต่อยหน้าผมครับ ผมจ้องหน้ามันไม่หลบ แต่จู่ๆมันก็ชะงักไป

“พี่จำไม่ได้ว่าเคยเป็นของน้องตั้งแต่เมื่อไหร่นะครับ” ผมได้ยินเสียงนิ่งๆของพี่ภูพูดจากข้างหลัง น้องกะเทยที่อยู่ตรงหน้าผมลดมือลงแล้วหน้าซีด

“น้ำ” ผมได้ยินคีตะโกนพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา แต่เสียงนั้นก็ชะงักลงเมื่อผมเห็นพราวมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับมีดคัตเตอร์ในมือ

“เข้ามาอีกสิคี” พราวพูดพร้อมกับยิ้มยั่วแล้วยกมีดจ่อไว้ที่คอของผม ตอนนี้ผมมองเห็นนักกีฬาบาสสีผมหลายคนยืนอยู่ตรงหน้า

“พราวคิดจะทำอะไรหน่ะ วางมีดลงซะ” จอมที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับผมตะโกนด้วยสีหน้าร้อนรน

“อึ่ก” ผมสะดุดลมหายใจเพราะพราวกดมีดลงกับคอผมมากขึ้น รู้ได้เลยว่าเลือดคงไหลออกมารวมกับเหงื่อ ทำให้รู้สึกแสบขึ้นมาทันที

“วางให้โง่หน่ะสิ”

“น้องพราวครับ พี่ว่าใจเย็นๆก่อนดีกว่านะครับ มีอะไรก็ค่อยๆพูดจากัน” พี่ภูที่เดินมาอยู่ข้างจอมค่อยๆพูดไกล่เกลี่ย ป่วยการว่ะพี่ ผู้หญิงคนนี้มันบ้าไปแล้ว ถ้ามันจะพูดดีๆ มันคงพูดดีๆกับผมตั้งแต่แรก มันคงไม่จับผมมาหร้อก

พอได้ยืนนิ่งๆให้เครียดเล่นๆโดยที่มีมีดมาจ่อคอ โรคเก่าของผมก็เริ่มกำเริบ ผมรู้สึกปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะงอตัวมากครับ แต่ถ้าทำอย่างนั้น มีดที่จ่ออยู่คงบาดลึกเข้าคอของผมแน่ๆ ผมกัดฟันข่มความเจ็บปวด แก้มที่โดนตบปวดแปลบขึ้นมาทันที

“พราวปล่อยน้ำเดี๋ยวนี้” เสียงคีคำรามด้วยความโมโห ผมที่หลับตาเพราะเจ็บค่อยๆลืมตาขึ้น แต่ภาพที่เห็นก็พร่ามัวเพราะน้ำตาที่คลออยู่

“รักมันมากใช่มั้ย งั้นแค่กรีดคอศพคงเละไม่พอ ต้องกรีดหน้ามันก่อนสินะ” พราวพูดแล้วยกใบมีดมาแนบแก้มผมไว้ ความเย็นของมีดที่สัมผัสผิวและกลิ่นคาวเลือดทำให้ผมรู้สึกคลื่นไส้

“พราว ใจเย็นๆนะ พราวอยากได้อะไรบอกพี่” พี่ภูพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแล้วเดินมาอยู่ข้างหน้าคี

“ดี แบบนี้ค่อยพูดกันง่ายหน่อย” พราวหันไปตอบพี่ภูแต่ยังคงถือมีดแนบหน้าผมอยู่ ผมรู้สึกว่าแขนที่ถูกล็อคไว้เริ่มชามากขึ้นทุกที

“พราวต้องการให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ทำเหมือนว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้น ห้ามใครแพร่งพรายเรื่องนี้เป็นอันขาด และต้องปล่อยพราวไป ห้ามแจ้งความ ห้ามกลับมาลอบกัดหรือยุ่งเกี่ยวกับพราวและเพื่อนๆของพราวที่อยู่ในที่นี้”

“มันชักจะมากไปแล้วนะ พราว” คีคำราม แล้วกำมือแน่น จอมกับฟิวรีบเข้ามาล็อกตัวคีให้กลับไปยืนข้างหลังพี่ภูตามเดิม

“ทำไม ทำไม่ได้เหรอ” พราวพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแล้วกดมีดลงกับแก้มผม กลิ่นคาวเลือดฉุนจนขึ้นจมูกมาพร้อมกับความรู้สึกแสบน้อยๆบนใบหน้า

“ได้ แต่พราวต้องปล่อยน้ำก่อน” พี่ภูพูดพร้อมกับจ้องพราวนิ่ง

“ดี งั้นรับปากสิ”

“ได้ พี่สัญญา” พี่ภูพูดขึ้นคนแรก

“กู จะพยายามทำให้ได้ สัญญา” คนถัดมาที่รับปากพราวคือจอม

“เฮ้อออ กูแม่ง...ฮึ้ยย กูรับปากก็ได้วะ” ฟิวถอนหายใจแล้วขยี้หัวตัวเองแรงๆก่อนจะตอบตกลง

“โห ผู้หญิงแบบนี้กูไม่อยากยุ่งนักหรอก กูรับปากไม่ยุ่งเด็ดขาด” เพื่อนห้องคีที่ชื่อโจรีบรับปากต่อ

“กูจะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่แล้วกัน” แป้ง ผู้หญิงคนเดียวที่ตามมาพูดแล้วมองจิกตามองพราว

“พี่รับปาก รีบปล่อยน้องน้ำเถอะครับ” พี่อาร์ม เลขาสีพูดเมื่อเห็นผมที่พยายามประคองสติ เนื่องจากอาการปวดท้องและอาการปวดตามตัวเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แขนผมตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มันไร้ความรู้สึกไปแล้ว

“เออ กูรับปาก ต่อไปนี้กูกับมึงอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย” คีพูดพร้อมกับจ้องหน้าพราวเขม็ง เดาว่าตอนนี้อารมณ์คงไม่ปกตินัก สังเกตได้จากหน้าตาถมึงทึงกับกรามที่กัดแน่น

สิ้นเสียงคี พราวก็สั่งให้น้องกล้ามหิ้วปีกผมไปยืนตรงพงหญ้าทางออก ทุกคนแหวกทางให้พวกของพราวอย่างเงียบๆ

“ปล่อย” พราวพูดจบ ตัวผมก็ร่วงไปกองกับพื้น ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือพราวที่หันมาแสยะยิ้มแล้วเก็บคัตเตอร์และเดินจากไป พร้อมกับเสียงเรียกชื่อของผมเสียงดังอย่างตกใจ

สัมผัสแผ่วเบาตรงหัวทำให้ผมรู้สึกตัว ผมรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัวจนไม่อยากขยับ ผมค่อยๆลืมตา ภาพแรกที่ผมเห็นตรงหน้าคือปลายคางของคี นี่ผมคงนอนอยู่บนตักของคีอยู่

“เลี้ยวซ้ายข้างหน้ารึป่าว” เสียงพี่ภูเอ่ยถาม

“ครับ” คีตอบพร้อมกับลูบหัวของผมเบาๆ ตาของคีมองไปข้างหน้า ผมหันหน้าไปมองตามสายตาของคีก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของพี่ภูที่กำลังขับรถ

“น้ำ ฟื้นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง” ผมหันหน้ากลับมามองคีที่ก้มลงมาสบตาผม

ผมได้แต่จ้องไปในแววตาคู่นั้น ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านไปยังคงแจ่มชัด จู่ๆน้ำใสๆก็เอ่อล้นออกมาจากตาของผม มันค่อยๆหยดลงเรื่อยๆ ผมหลับตาเพื่อสกัดกั้นอารมณ์ 

“น้ำ เป็นอะไร เจ็บตรงไหน บอกคีสิ” คีใช้นิ้วโป้งค่อยๆปาดน้ำตาให้ผม ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ผมลืมตามองหน้าคีก็เห็นคีจ้องอยู่ ผมเห็นความห่วงใยฉายอยู่ชัดเจน ผมไม่ตอบได้แต่เม้มปากแน่น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง เพราะผมทั้งเสียใจและเจ็บใจไปพร้อมๆกัน ผมเสียใจที่ตัวเองเป็นสาเหตุให้คีเลิกกับพราว แต่ผมก็เจ็บใจยิ่งกว่าที่แม้แต่ตัวเองผมก็ยังปกป้องไม่ได้ ใครๆก็ต้องมาเดือดร้อนเพราะผมกันหมด ทั้งจอม ฟิว พี่ภู พี่อาร์ม โจ หรือแม้กระทั่งแป้ง เพราะผม ผมทำให้พวกเค้าต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ผมกลัว กลัวว่าทุกคนที่มาช่วยผมจะถูกทำร้าย

“น้ำ อย่าเงียบสิ คีใจไม่ดีเลย พูดกับคีหน่อยได้มั้ย” คียังคงปาดน้ำตาให้ผม น้ำเสียงที่ถาม แม้จะอ่อนโยน แต่ผมก็สัมผัสได้ว่าคนถามร้อนใจแค่ไหน

ผมอยากจะตอบออกไป แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาของผมไหลออกมามากขึ้น ผมกลั้นสะอื้นจนสะอึก ผมซบหน้าลงกับหน้าท้องของคีเพื่อซ่อนน้ำตา ผมไม่อยากอ่อนแอ ไม่อยากให้ใครมาห่วง แต่ไม่รู้ทำไม ต่อหน้าคนคนนี้ น้ำตาที่กลั้นมานานกลับพรั่งพรูออกมาไม่หยุด

“อย่าร้องไห้เลยนะน้ำ ไม่เป็นไรแล้วนะ น้ำปลอดภัยแล้ว คีอยู่ตรงนี้แล้ว คีไม่ให้ใครมาทำอะไรน้ำหรอก” คีพูดพร้อมกับลูบหัวผม ผมค่อยๆคลายสะอื้น เอามือสองข้างป้ายน้ำตา สูดหายใจเฮือกใหญ่แล้วยิ้มให้คีที่มองอยู่ คียิ้มตอบ จากนั้นผมค่อยๆดันตัวนั่ง พอมองออกไปจากกระจกรถ ผมถึงได้รู้ว่าบ้านตัวเองอยู่ข้างหน้า

“หลังข้างหน้านี้แหละครับ ตรงรั้วสีขาว” ผมบอกพี่ภูด้วยเสียงเครือๆแล้วฝืนยิ้มให้

พี่ภูจอดรถตรงหน้าบ้าน ส่วนคีลงรถไปเปิดประตูรั้ว

“น้องน้ำไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ” พี่ภูถามผมพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าบ้าน

“ครับ” ผมตอบแล้วพยักหน้าเบาๆ

“นี่เบอร์พี่ ถ้าเจ็บตรงไหนก็โทรหาพี่ได้นะครับ” พี่ภูจอดรถแล้วยื่นแผ่นกระดาษเล็กๆที่เขียนเบอร์โทรเอาไว้ให้ผม

“ขอบคุณครับ ถ้าไม่ได้พี่ภูพาไปหาหมอน้ำคงแย่” ผมพูดแล้วไหว้ขอบคุณ

“เรื่องแค่นี้เอง เออ จริงสิ นี่ยาแก้ปวดกับยาทาแผล” พี่ภูยื่นถุงยาให้ผม พร้อมกับหยิบยาแต่ละอย่างมาให้ผมดู

และจากถุงยา ทำให้ผมรู้ว่าตอนผมสลบไปผมไปหาหมอที่คลินิก เอ๊ะ เดี๋ยว แล้วค่ายาล่ะ

“พี่ภูครับ แล้วค่ารักษากับค่ายาเท่าไหร่เหรอครับ” ผมถามพี่ภูพร้อมกับล้วงหากระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกง

“อ๋อ ไม่มีหรอกครับ” พี่ภูตอบแล้วยิ้มให้ผม

“เอ๋ คลีนิคนี้ไม่ต้องจ่ายตังค์เหรอครับ” ผมถามแล้วทำหน้างง เอ หรือว่าคลินิกนี้เค้าตรวจฟรี

“ไม่ต้องครับ คลินิกพ่อพี่เอง ไม่ต้องจ่ายหรอก” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผม

“ง่า จะดีเหรอครับ” ผมกระพริบตาปริบๆแล้วก้มมองถุงยา จะว่าไปชื่อคลินิก นายแพทย์ภูวเนตร ก็คล้ายชื่อจริงพี่ภูที่ชื่อภูวไนยอยู่เหมือนกันนะเนี่ย

“ดีสิครับ ไม่ต้องเกรงใจหรอก” พี่ภูตอบแล้วเอามือมาขยี้หัวผม ผมได้แต่ยิ้มตอบ อ่าพึ่งรู้สึกตึงๆแก้มเวลายิ้มนะเนี่ย

“น้ำ เข้าบ้านกันเถอะ” คีเปิดประตูรถแล้วเรียกผม

“อื้อ” ผมพยักหน้าพร้อมกับเขยิบตัวจะก้าวขาลงรถ แต่คีกลับช้อนตัวผมแล้วอุ้มแนบอก

“คี น้ำเดินเองได้” ผมพูดพร้อมกับเกร็งตัวจับเสื้อคีไว้

“ไม่เป็นไร น้ำตัวไม่หนัก คีอุ้มไปเร็วกว่า” คีบอกผมแล้วเริ่มก้าวเดิน

“เดี๋ยว คี เอ่อ น้ำอยากยืนส่งพี่ภูก่อน”

“ไม่เป็นไรหรอก ไอ้พี่ภูมันกลับเองได้ ไม่ต้องรอส่งมันหรอก” คีพูดพร้อมกับยักคิ้วให้กับพี่ภูที่เปิดประตูมายืนมองเราอยู่ข้างรถ

“ไปนอนพักเถอะครับน้องน้ำ  เดี๋ยวพี่ก็ขับกลับแล้ว” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผม

“เห็นมะ คีบอกแล้ว โอ้ย น้ำ หยิกคีทำไมเนี่ย” ก็ผมรำคาญอ่ะครับ คนอะไร ไม่มีมารยาทเอาซะเลย พี่ภูอุตส่าขับรถกลับมาส่งที่บ้าน แถมตอนไปหาหมอก็ไม่คิดตังซักบาท ยืนส่งแขกแค่นี้จะเป็นอะไรไป

“พี่ภูครับ วันนี้ น้ำขอบคุณมากๆเลย ขับรถกลับดีๆนะครับ” ผมพูดพร้อมกับยกมือไหว้พี่ภูอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรครับน้องน้ำ พี่เต็มใจ” พี่ภูพูดจบก็ยิ้มให้ผมแล้วเข้าไปนั่งในรถ ผมเองก็ยิ้มตอบพร้อมกับโบกมือให้

คีกลับหลังหันเดินอุ้มผมเข้าบ้านพร้อมกับเสียงสตาร์ทรถของพี่ภู

“เอ่อ น้องน้ำครับ” คีหยุดเดินตอนพี่ภูตะโกนเรียก

“คี หันกลับไปก่อน พี่ภูเรียก” ผมบอกคีที่ไม่ยอมขยับตัว คีทำหน้าบึ้งใส่ผม แต่ก็หันกลับไปครับ

“ฝันดีนะครับ” พี่ภูตะโกนบอกมาจากรถ

“เหมือน....” “แต่กูขอให้มึงฝันร้ายโว้ย” เสียงผมที่กำลังจะตอบถูกกลบเด้วยเสียงของคีที่ตะโกนบอกพี่ภูกลับไปแทน

พี่ภูหัวเราะใส่คี แล้วถอยรถออกจากบ้านไป

@ คุณ Ipatza น้องน้ำของเราอยากสู้ใจจะขาด แต่สรีระไม่อำนวย แล้วสุดท้ายก็มียอดชายขี่แมลงสาบมาช่วยไว้ได้ตามระเบียบค่ะ  :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2012 10:54:13 โดย Made »

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล
«ตอบ #15 เมื่อ29-03-2012 07:23:43 »

เยี่ยมมาก
แม้จะสุ้ไมไ่ด้
แต่ใจฮึดสึ็
ยังงี๊ละ
ดีมากๆ
ไม่เน่าเฟะเหมือนละคร
ชอบมากๆ
ยังน้อยก็รุ้จักสุ้บ้าง
ปล.+1 :bye2:
เป้นคนดีก็จริงแต่ก็ต้องสุ้คนด้วย
เป้นเราเราจะตามไปกระทืปเองนะ
พวกนั้นนะ
เพราะเราไมไ่ด้สัญญาด้วย 555+
จะเอาไห้คลานเลย(ทำไมดูเหมือน ตัวร้ายจัง) 55+
เกลียดมากทำอะไรไม่มีเหตุผลเลย
ไม่ใช่ความผิดของน้ำสะหน่อย
เด็กกระเทยพวกนั้นนะน่าจะโดนยิ่งกว่าพราวนะ
พูดและขึ้น
มาต่อเร็วะๆนะ
อยากเห็นผลการกระทำของพวกมันว่าจะเป้นไง?

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #16 เมื่อ31-03-2012 00:29:46 »

กีฬาสี 3

โชคดีนะครับที่บ้านผมไม่มีใครอยู่ แม่ไปทำงานต่างจังหวัดเหมือนเคย ผมเองก็ไม่ได้โทรบอกเรื่องวันนี้กับแม่หรือพี่ธาร กลัวว่าทั้งสองคนจะเป็นห่วง ถ้าผมบอกไปแม่กับพี่ธารก็จะรีบกลับบ้าน เสียงานป่าวๆเนอะ

วันต่อมาผมก็มาโรงเรียนตามปกติ แต่ความรู้สึกเจ็บใจกับแผลตามร่างกายนี่ไม่ปกติครับ หน้างี้บวมเป่ง แก้มแดงทั้งสองข้าง ส่วนแก้มข้างที่โดนกรีดนี่ปิดแผลไว้ด้วยครับ ตรงคอก็มีผ้าปิดแผลเหมือนกัน ก่อนออกจากบ้านผมได้แต่ส่องกระจกมองตัวเองแล้วถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมปางไหนของผมเหมือนกันนะ คือ ยังไงดีล่ะครับ เกิดมาสิบหกปีนี่ไม่เคยโดนใครดักตบมาก่อนเลย จะว่าดักพาไปทำร้ายยังไม่เคยเลยครับ เพราะผมก็เป็นพวกรักสงบ บทเรียนครั้งนี้นี่ถือว่าเป็นความทรงจำอันโหดร้ายของผมเลยล่ะ ตัวผมเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องมาโดนตบเพราะการหึงหวงของผู้หญิง เฮ่อ ยิ่งคิดยิ่งเศร้าครับ

พอถึงโรงเรียนก็มีคนมองบ้างนะครับ แต่ว่าหลายๆคนคงเห็นเป็นเรื่องปกติเพราะโรงเรียนผมนี่มีเรื่องกันประจำ ไม่โรงเรียนเดียวกันก็กับโรงเรียนอื่น แต่พอเดินเข้าห้องเท่านั้นแหละครับ เพื่อนกรูกันเข้ามาแบบไม่ไหวจะเคลียร์ ดีที่วันนี้ผมมีการ์ดมาด้วย 55 งง อะดิ จะใครซะอีกครับ ก็สามหนุ่มเหมือนเคย

“เฮ้ย น้ำ เป็นไรวะ”

“เอ่อ...”

“น้ำมันซุ่มซ่าม ตกบันได้ขั้นบนสุดกลิ้งลงมาถึงชั้นล่างแล้วเอาหน้าฟาดกับขอบบันไดอีก โหย มึงต้องได้เห็นเอง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ขำชิบหาย แต่พอมันกองกับพื้นกูก็เริ่มขำไม่ออกว่ะ” ฟิวตอบแทนผมที่กำลังจะเอ่ยปาก เอ่อ เพื่อนฟิว เพื่อนน้ำพึ่งจะรู้นะเนี่ย ว่าเพื่อนฟิวถนัดทางด้านนี้ แบบว่า สดๆ ไม่ต้องมีสคริป

“อ้าว แล้วเมื่อคืนมึงไปอยู่บ้านน้ำได้ไงวะ”

“ก็เมื่อคืนพวกกูไปนอนบ้านมันเพราะกะจะไปดูบอลด้วยกันไง” เอิ่ม เนียนได้อีกครับเพื่อนฟิว

“โห น้ำ โคตรซวยเลยว่ะ” มันก็จริง เมื่อวานนี่มันวันซวยจริงๆ

“ไมมึงไม่ระวังวะ”  เอ่อ ก็นะ มันวางแผนกันมาหลายวันแล้วไง(ไม่อยากยอมรับความซื่อ=โง่ของตัวเอง)

และแล้ว การแถลงข่าวของเช้านี้ก็จบไปด้วยฝีมือผู้จัดการส่วนตัวของผม นายลัญจกร(ฟิว) และการ์ดที่จ้างมาอีกสองคนคือนายจอมทัพและนายอัคคี เหมือนดาราจริงๆนะครับ ไม่ต้องตอบอะไร เดินไปนั่งแล้วยิ้มอย่างเดียว

ก่อนออกจากห้อง การ์ดเบอร์หนึ่งนามอัคคียังไม่วายกำชับครับ

“น้ำ เจ็บตรงไหนบอกคีนะ ถ้าไม่ไหวไปโรงบาลกัน” เอิ่ม ได้ข่าวว่าผมโดนตบสองฉาดกับโดนมีดกรีดนิดๆ ไม่รู้จะเว่อร์ไปไหน

เวลาเรียนก็เซ็งหน่อยๆครับเพราะมันจะปวดแผล แต่เรื่องเรียนนี่ผมสู้ไม่ถอย ถ้าไม่ได้ป่วยหนักชนิดลุกไม่ขึ้นหรือว่ามีธุระจำเป็นนี่ไม่มีวันที่ผมจะขาดเรียนครับ หลายคนอาจมองว่าผมบ้าเรียนเกินไป แต่ผมแค่คิดว่าหน้าที่ตอนนี้ของผมคือเรียน เรื่องอื่นๆถือเป็นเรื่องรอง เพราะฉะนั้นผมเลยเต็มที่กับเรื่องนี้มากๆ

พอพักเที่ยงคีกับจอมก็มารอผมไปกินข้าวด้วยกันตามเคย

“น้ำ วันนี้ไม่ต้องไปซื้อข้าวนะ รออยู่ที่โต๊ะ เดี๋ยวคีไปซื้อกับจอมเอง” มาถึงโรงอาหารก็โดนสั่งเลยครับ

“งั้นน้ำไปซื้อน้ำ จะกินน้ำอะไรกันบ้างอ่ะ”

“ไม่ต้องเลยน้ำ นั่งอยู่ตรงนี้เลย เดี๋ยวคีไปซื้อเอง” แลดูเราจะป่วยหนักเนอะ

“น้ำ ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำ หรือไปไหนก็ต้องบอกฟิวนะ ให้ฟิวไปเป็นเพื่อน” โห ก่อนไปยังสั่ง ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีนะครับ แบบว่าต้องมีคนติดตามทุกฝีก้าว สั่งจนจอมมันแอบขำหลายรอบ

“ไปๆมึง” จอมทำหน้าเอือมๆแล้วหันหลังเดินนำไปก่อน แต่จู่ๆจอมก็หันกลับมา

“เดี๋ยวก่อน มึงจะอุ้มน้ำมันไปซื้อข้าวด้วยรึป่าว เดี๋ยวเกิดไอ้ฟิวก้มเก็บเงินแล้วหันกลับมาอีกที น้ำหายวับไปจะทำไง” จอมพูดแล้วทำหน้าตาจริงจัง

“เออว่ะ จริงของมึง” คี ทำหน้าตาขึงขังแล้วเดินมาหาผม

ช็อค ครับ ช็อค นี่ตกลงจะทำตามที่จอมบอกเรอะ

“น้ำว่า มันเยอะไปนะ” ผมตอบไปก็ทำหน้าลำบากใจไปครับ มันชักจะไปกันใหญ่ละ

“ก๊าก 5555 น้ำ ฮาว่ะ” ไอ้บ้าจอมนี่ตกลงแกล้งกันใช่มั้ยเนี่ย ผมได้แต่กัดปาก แล้วฟุบลงกับโต๊ะ แบบว่าอายอ่ะ

“ดะ ดะ โดน โดน หลอก อีกแว้ว 5555” ฟิวที่นั่งข้างๆผมพูดไปก็ทำท่าเหมือนคุณปัญญาที่ทำตอนพูดว่าถูกต้องนะคร้าบไปด้วย
เออ หัวเราะกันเข้าไป พ่องเป็นตลกเหรอ ได้แต่เถียงในใจ ผมมันหัวเดียวกระเทียมลีบนี่

พอไปซื้อข้าวกันเสร็จ ผมก็มองข้าวของแต่ละคน ของจอมเป็นข้าวราดผัดพริกแกงไข่ดาว ของคีเป็นสุกี้น้ำพิเศษ ใส่ไข่ด้วย ของฟิวเป็นข้าวหมูกรอบ ส่วนของผม ข้าวต้มหมู

“กลางวัน อากาศมันก็ร้อนเนอะ แล้วทำไมน้ำต้องกินข้าวต้มอ่ะ” ผมอดโอดครวญไม่ได้ ตอนเช้าก็กินโจ๊ก กลางวันกินข้าวต้ม ตอนเย็นจะได้กินอะไรเนี่ย

“ซื้อมาแล้ว กินไปเถอะ ห้ามเรื่องมาก” จอมพูดตัดบทแล้วกินข้าวในจานของตัวเองไป

ฮึ ใช่สิ ตอนเช้าจอมก็ต้มโจ้กให้ผมกิน เดี๋ยวตอนเย็นก็จะต้มให้กินอีกอ่ะดิ คิดแล้วก็ ไม่เจริญอาหาร

พวกผมกินกันไปได้ซักพัก พี่ภูที่เดินผ่านมาก็เข้ามาทักผมครับ

“น้องน้ำเป็นไงบ้างครับ ปวดตรงไหนรึป่าว เดี๋ยวเย็นนี้รอพี่นะ พี่จะไปส่ง” เอ่อ ขอบคุณในความหวังดีนะครับพี่ภู แต่ผมคิดว่านั่งซ้อนมอไซค์นี่มันก็คงไม่กระเทือนแผลเท่าไหร่หรอกครับ คือเช้านี้ พี่แกก็ขับรถไปรับผมที่บ้าน ผมรู้สึกเกรงใจพี่เค้ามากๆ เพราะว่ารบกวนหลายเรื่องแล้ว

“ง่า ไม่เป็นไรครับ น้ำกลับกับเพื่อนได้”

“ไม่ต้องเกรงใจหรอก วันนี้เดี๋ยวตอนเลิกซ้อมบาสพี่แวะไปส่ง” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผมครับ

“โห พี่ ไม่ต้องลำบาก วันนี้จอมมันเอารถมาเหมือนกัน” คีพูดขึ้น หืม ได้ข่าวว่าจอมมันก็แว๊นมานะ

“อ้าวเหรอ งั้นถ้าน้ำมีอะไรก็โทรหาพี่แล้วกัน” พี่ภูพูดแล้วเกาหัว ท่าทางเก้ๆกังๆพิกล

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมตอบพี่เค้าแล้วยิ้มให้

“เฮ้ย ไปๆอีกสิบนาทีจะเข้าเรียนแล้ว” คีก้มดูนาฬิกาข้อมือแล้วพูดขึ้น

พวกผมพากันลุกขึ้นจะเดินไปห้อง เอ๊ะ แต่ทำไมคีต้องเอามือมาโอบไหล่ผมด้วย แปลกคน ปกติก็เดินเองนี่นา

“น้ำไปเรียนก่อนนะครับ” ผมบอกพี่ภูที่ลุกขึ้นยืนและมองมาทางผมอยู่

“ไง ไอ้ภู พลอยโวยวายใหญ่แล้ว อะไรของมึงฮะ จู่ๆก็วิ่งออกมา งานไม่เดินซักที รอให้มึงตัดสินใจอยู่เนี่ย” พี่อาร์มเข้ามาล็อคคอพี่ภูแล้วลากไปครับ

“เอ่อ น้องน้ำ ไว้เจอกันตอนเย็นนะครับ” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบไปครับ คนอาไร้ ยิ้มเก่งจัง

“ไปให้ไวพี่ หนีมาอู้งานนี่หว่า” คีพูดแล้วโอบไหล่ผมเดินผ่านพี่ภูไป

พอเดินไปได้ซักพักผมก็รู้สึกว่าแขนที่แค่โอบเมื่อกี้มันเริ่มหนักแล้วครับ

“คี น้ำหนัก เอาแขนออกดิ๊”

“พึ่งรู้เหรอ กำลังสบายเลยนะเนี่ย ความสูงพอดี เหมาะมือมาก” ฮึ่ย หลอกแกล้งกันอีกแล้ว

ผมหันไปแลบลิ้นใส่แล้วลากฟิวกลับห้องเลยครับ อยู่นาน เดี๋ยวโดนแกล้งอีก

พอตอนเลิกเรียน ผมเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมเดินไปสนามบาส ส่วนคีกับจอมมารออยู่หน้าห้องแล้ว

ในขณะที่ผมกำลังเก็บกระเป๋า ผมก็ได้ยินเสียงประกาศเรียกชื่อตัวเอง

“นายสายชล กิจเจริญ กรุณามาพบครูที่ห้องฝ่ายปกครอง” หืม เรียกผมไปทำไมกันอ่ะ งง

ผมงงได้ไม่นานแป้งก็วิ่งรี่เข้ามาหาผมที่โต๊ะครับ

“น้ำ แกรีบไปดิ คราวนี้นังพราวกับพวกเสร็จแน่”

“หา แป้งเอาเรื่องเมื่อวานไปบอกครูเหรอ” ผมก็งงครับ เพราะเมื่อวานแป้งรับปากกับพราวว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร

“โหย ชั้นไม่ได้บอกครูเองหรอก แต่แบบว่า คนเรามันก็ต้องมีเทคนิคกันบ้าง” แป้งพูดยิ้มๆ

“อ้าว แป้ง มึงทำไงวะ พวกกูก็ว่าจะทำใจลืมๆไปซะ” จอมทักขึ้นครับ เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เมื่อกี้ยังเห็นยืนอยู่หน้าห้องอยู่เลย

“พวกมึงหน่ะรู้จักนังนี่น้อยไป กูคิดไว้แล้วว่ามันต้องเล่นตุกติก กูเลยให้กุ้งมันยืนแอบๆแล้วถ่ายวิดีโอไว้ พวกนั้นมันไม่ทันสังเกตหรอกว่ากุ้งไปด้วย” แป้งพูดไปทำหน้าหน้าสะใจไป จำกุ้งได้มั้ยครับ เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับพวกผมตอนม.ต้น ม.ปลายก็ได้อยู่ห้องเดียวกันอีกครับ เป็นหนึ่งในนางฟ้าชาลีห้องผมเอง

“เจ๋งว่ะแป้ง แล้วนี่กุ้งมันเลยเอาวิดีโอไปให้ครูดูใช่ป่าว” ฟิวยกนิ้วให้เลยครับ

“แน่นอน ระดับนี้แล้ว ไม่มีพลาด ว่าแต่แกเหอะน้ำ ดูแลตัวเองดีๆหน่อยนะ ใครบอกอะไรก็อย่าไปเชื่อ เข้าใจมั้ย” แป้งเอ่ยเตือนผมด้วยความจริงใจ

“อื้อ น้ำเข้าใจแล้ว ขอบใจแป้งมากนะ” ดีใจอ่ะครับ นึกว่าจะทำอะไรไม่ได้แล้ว หึๆๆ แค้นนี้ต้องชำระ

“ถ้าขาดแกไปสอบคราวหน้าใครจะเป็นต้นฉบับให้พวกชั้นยะ ความหวังของห้องอยู่ที่แกเลยนะ” เอ่อ ความซาบซึ้งใจที่มีมลายหายไปกับสายลม

“มึงนะ ไอ้คี มีแฟนก็แม่ง ไม่รู้จักดูดีๆ อีนี่มันร้ายตั้งแต่อยู่ม.ต้นแล้วได้มั้ย มึงเอาตาไปไว้ไหนฮะ ไว้ที่ตาตุ่มมึงเรอะ” โห แป้ง แบบว่าเจ็บมาก คีถึงกับเงียบ ไปไม่เป็นกันเลยที่เดียว

“เออๆ กูขอโทษว่ะ” คีหน้าเจื่อนไปเลย

“แกไปก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะน้ำ อย่าให้มันได้มีโอกาสแก้ตัว เดี๋ยวกุ้งจะช่วยเป็นพยานให้แกเอง” แป้งพูดแล้วตบบ่าผม

“งั้นน้ำไปนะ เดี๋ยวครูรอนาน” ผมพูดแล้ววิ่งลงบันได เพื่อนๆก็วิ่งตามลงมาครับ แต่รออยู่หน้าห้อง ส่วนแป้งต้องรีบไปประชุมเรื่องกีฬาสีต่อ เลยไม่ได้ตามมาด้วย

ผมสูดหายใจแล้วเปิดประตูเดินเข้าไปในห้อง ผมเห็นกุ้งนั่งอยู่บนพื้นข้างๆกับอาจารย์ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโซฟาชุดติดผนัง คือห้องนี้แบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นโต๊ะทำงานของครูสามคนที่อยู่ประจำห้องนี้ ส่วนฝั่งขวาเป็นโซฟาชุด หลังห้องเป็นชั้นเก็บแฟ้ม ผมเลยเดินไปนั่งข้างกุ้ง ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นพราวกับพวก มองจิกตั้งแต่ผมเดินเข้าห้องมาแล้วครับ

หลังจากการสอบสวน ฝ่ายผมเป็นฝ่ายถูกกระทำ แถมมีหลักฐานทั้งวิดีโอและแผลบนตัวผม คู่กรณีเลยถูกสั่งให้พักการเรียนและถูกทำทัณฑ์บนโดยการไปทำความสะอาดวัดระหว่างนั้น แรกๆครูดูร้อนใจเพราะกลัวว่าทางบ้านของผมจะเอาเรื่อง เค้าก็พยายามพูดให้ผมประนีประนอม เพราะไม่อยากให้เด็กเสียอนาคต ผมเองก็เข้าใจตรงจุดนี้ครับ เลยยอมความกันไป แกก็แปลกใจครับว่าทำไมพ่อแม่ผมไม่มาเอาเรื่อง ผมก็บอกไปตามตรงว่าแม่ผมไปทำงานต่างจังหวัด ยังไม่กลับมา และผมไม่กล้าโทรไปบอกเพราะกลัวแม่เป็นห่วง ครูก็เตือนผมว่ามีอะไรให้บอกพ่อแม่ก่อนเสมอ ส่วนพ่อแม่ของพราวติดงานทั้งคู่ จะมาขอโทษและมอบค่าทำขวัญให้ผมวันพรุ่งนี้ และจากการคุยโทรศัพท์พ่อแม่พราวก็พูดขอโทษผมยกใหญ่ ยิ่งคุณแม่นี่ร้องไห้ไปด้วยครับ ฟังแล้วก็สงสาร ท่านบอกว่าเสียใจมาก ไม่คิดว่าลูกสาวจะไปทำร้ายคนอื่น ผมได้แต่ปลอบแกว่าผมไม่เป็นอะไรมาก จะไม่เอาความ ไม่ต้องเป็นห่วง แค่ลูกสาวแกขอโทษและสำนึกผิด ผมก็พอใจแล้ว

ดูๆไปแล้วเหมือนเรื่องมันจะออกมาไม่คุ้มกับที่ผมต้องเจ็บ แต่มันสะใจตรงนี้ครับ คือตอนขอโทษนี่พราวกับน้องๆกล้ามปูดูฝืนทนมาก แต่ต้องทำครับ อาจารย์หญิงแกแกว่งไม้เรียวรออยู่เชียว ผมเองต้องพยายามหุบยิ้มไม่ให้เกินงาม คึๆ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนองนะคร้าบ

@ คุณ Ipatza คนแต่งก็รอให้มากระทืบนังพราวอยู่เหมือนกัน แบบว่า น้องน้ำเขาเป็นคนดี มีเมตตาจิต เลยไม่ได้ไปดักกระทืบ ความจริงน่าจะฟอร์มทีมกับกุ้งแล้วก็แป้งไปเอาคืนมันเนอะ ขอโทษที่สปีดการลงเรื่องตกลงไปแล้ว คืองานราษฎร์งานหลวงรัดตัวมากค่ะ แล้วอีกอย่างคนแต่งป่วยค่ะ ตากแดดเยอะเกิน แต่คืนนี้แอบแม่มาลงนิยาย ขอบคุณที่คอยเป็นกำลังใจให้นะคะ  :man1: (กอดคนอ่าน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2012 11:03:39 โดย Made »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: สายชล
«ตอบ #17 เมื่อ31-03-2012 08:53:30 »

สนุกค่ะ ติดตามอยู่นะ

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: สายชล
«ตอบ #18 เมื่อ31-03-2012 21:08:46 »

จากตอนแรกไม่รู้ว่าใครกิ๊กใคร ตอนนี้กลายเป็นศึกชิงนายไปซะงั้น

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #19 เมื่อ31-03-2012 22:13:25 »

ฮื่มมมม อ่านรอบเดียวจบ

เเค้นพราวสุดคิดว่าจะรอดซะเเล้ว ๕๕๕

เเต่คีนี่ดูท่าจะหวงน้ำแปลกๆๆ

เเล้วยิ่งพี่ภูอีก จีบน้ำสินะ โห้ย เสน่ห์เเรงโคตรอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สายชล
« ตอบ #19 เมื่อ: 31-03-2012 22:13:25 »





ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล
«ตอบ #20 เมื่อ01-04-2012 16:58:03 »

โอเคพอหยวนๆ
แล้วต่อไปมันจะกล้ากลับมาเล่นงานน้ำอีกไหมนิ
ต้องเอาไห้เข็ดนะพวกนี้อะ
ขอบคุณคนแต่งมากๆ
ไม่ต้องไห้รออ่านนานเลย
ขนาดป่วย
ซึ้งใจจัง
ไงก็มาต่อเร็วๆอีกนะ (...อ่าว ไม่ไ่ด้มีความเกรงใจเบย 55+)
ดูท่าคีชักจะหวงน้ำแล้ว
พี่ภูแอบชอบน้ำเรานั้นเอง ตั้งแต่หยิกแก้มเล่นละ 55+
น๊อลีอคอะ

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
Re: สายชล
«ตอบ #21 เมื่อ01-04-2012 19:03:27 »

สมน้ำตานังแพรว ชิชะ มาทำน้ำได้ไง
คีเริ่มหึงแล้วอะดิ้  ดีจายยย
คึคึคึ
เริ่มแสดงอาการแล้วนะคี ขี้หวงสะด้วย  555

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #22 เมื่อ01-04-2012 22:06:15 »

กีฬาสี 4

หลังจากผ่านช่วงเวลาวุ่นวายไปกว่าสองสัปดาห์ วันนี้เป็นวันแรกที่งานกีฬาสีของโรงเรียนผมเริ่มขึ้น และแน่นอน วันแรกนี่สิ่งที่พลาดไปไม่ได้เลยก็คือการเดินพาเหรดของแต่ละสี คือเราจะเดินบริเวณถนนรอบๆโรงเรียน โดยขบวนจะออกจากประตูหน้า นำโดยสีแดง สีชมพู สีเขียว สีส้มและสีฟ้า เดินผ่านวัด ศาลาที่ทำการจังหวัด โรงเรียนประถมประจำจังหวัดและเลี้ยวผ่านถนนข้างตลาด วนอ้อมผ่านร้านตัดผ้า ที่ว่าการอำเภอ สวนหลังโรงเรียนแล้วเดินกลับเข้าทางประตูหลังโรงเรียน

บรรยากาศในโรงเรียนคึกคักมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นเพราะแต่ละสีมีรุ่นพี่มานอนค้างที่โรงเรียนเพื่อเตรียมงาน สแตนเชียร์ทั้งห้าถูกตกแต่งไปตามคอนเซ็ปที่วางไว้ และถือเป็นความภูมิใจของฝ่ายฉากและอุปกรณ์ที่ลงทุนลงแรงกันมา ส่วนฝ่ายกองเชียร์ก็ซุ่มเงียบพักยาวเตรียมรอขึ้นแสตนเชียร์ในวันสุดท้ายที่จะมีการแข่งกรีฑา ฝ่ายที่ต้องเหนื่อยและจบงานในวันแรกๆก็คือฝ่ายพาเหรดครับ พวกพี่ๆนัดให้คนที่เดินพาเหรดมาโรงเรียนเช้ามากๆคือตั้งแต่ตีหนึ่งไล่มาถึงเจ็ดโมงเช้าตามความยุ่งยากของชุดและการแต่งตัวของแต่ละคน กว่าจะมาถึงวันนี้ผมต้องมาลองชุดที่ห้องม.5/2 อยู่หลายรอบเพราะชุดของผมต้องตัด ไม่มีให้เช่า เลยได้ฟังเสียงพี่ซินนี่แว๊ดใส่ลูกทีมจนเอียน ส่วนของคนปั่นจักรยานอีกสามคนหน่ะเหรอครับ พี่เค้าให้หาชุดมาเองคือใส่เสื้อเชิ้ตไว้ข้างใน ใส่สูทสีอ่อนๆทับข้างนอก กับกางเกงขาเดป 

วันนี้พี่ซินนี่นัดพวกผมให้มาหกโมง ถึงมันจะไม่เช้ามาก ถ้าเทียบกับคนอื่นๆในขบวน แต่ผมก็ต้องผละจากเตียงในตอนตีห้าอย่างยากลำบาก เราตื่นเองนี่ยังไม่ยากเท่าไหร่นะครับ มันเหนื่อยตรงที่ต้องแงะอีกสามคนออกจากที่นอนนี่แหละ

“คี ตื่นๆ นาฬิกาปลุกแล้ว” ผมเริ่มจากคนข้างๆก่อนเลยครับ พอได้ยินเสียงนาฬิกาเท่านั้นแหละ เกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติเอาผ้าห่มคลุมโปงทันที ผมเลยเอานาฬิกาปลุกที่ยังไม่ได้ปิดเสียงไปวางไว้ข้างๆหูจนเจ้าตัวเค้ารำคาญลุกขึ้นมาปิดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปแบบหัวเสีย

“จอมๆ ตื่นได้แล้ว ไหนเมื่อคืนบอกว่าจะลุกมาทำข้าวต้มให้ไง” รายต่อไปคือจอมครับ เมื่อวานก่อนกลับบ้านแวะตลาดซื้อของเพราะจอมบอกว่าจะทำมื้อเช้าให้กิน จอมเป็นคนที่ชอบทำอาหารมากครับ ผิดกับผมเลย ขนาดต้มมาม่ายังลำบากใจ แบบว่าไม่ชอบอ่ะ เวลาทำแล้วมันร้อน แถมยังต้องคอยใส่นู่น เติมนี่ กว่าจะเสร็จเล่นเอาเหงื่อโชก

จอมไม่ยอมลุกครับ ผมเลยเขย่าตัวไปเรื่อยๆจนจอมยอมลืมตา และรายสุดท้ายครับ รายนี้ใช้เวลาในการปลุกมากเป็นพิเศษ

“ฟิว ต้องตื่นแล้วนะ” สเต็ปแรกเรียกแล้วเขย่าตัวเบาๆก่อน ฟิวยังไม่ขยับครับ สเต็ปที่สองกระชากผ้าห่ม

“เดี๋ยวน้ำ ขออีกสิบนาที” แน่ะ มีต่อรอง

“ไม่ได้ ลุกเร็ว เดี๋ยวสาย” ผมเริ่มเขย่าเรื่อยๆ ไม่รำคาญให้มันรู้ไป แต่ฟิวยังหลับตาอยู่

สเต็ปสุดท้ายผมบีบปากกับจมูกเลยครับ เดี๋ยวหายใจไม่ออกก็โมโหตื่นขึ้นมาเองนั่นแหละ เป็นไปตามคาดครับ ฟิวลืมตามองผมตาเขียวเชียว ปัดมือผมออกด้วย แสดงว่าตื่นเต็มตา ผมยิ้มให้ฟิวแล้วเดินไปอาบน้ำบ้าง

ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จคนแรกเพราะสามคนนั้นต้องใส่ชุดไปเลย แต่ผมใส่แค่ชุดพละแล้วค่อยไปเปลี่ยนที่โรงเรียน

พอลงมาชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมข้าวต้มหมูมาจากในครัว ผมจัดการตักข้าวต้มใส่ถ้วยแล้วมานั่งละเลียดรอที่โต๊ะกินข้าว เช้าๆแบบนี้ไม่ค่อยหิวเลยครับ แต่จอมทำข้าวต้มอร่อยมาก ผมเลยตักถ้วยที่สองต่อ พอดีกับที่จอมเดินลงมา ได้ข่าวว่าอาบน้ำหลังคนอื่น แต่ทำไมเสร็จก่อนเนี่ย

“จอม อร่อยอ่ะ” ผมบอกจอมที่ยิ้มรับครับ

“อือ อร่อยก็กินเยอะๆดิวะ”

“กินอยู่ นี่ถ้วยที่สองแล้ว ว่าแต่อีกสองคนทำไมไม่ลงมาอีกอ่ะ ตีห้าสี่สิบแล้วนะ” ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังแล้วถามจอม

“จอมตักข้าวต้มเผื่อถ้วยนึงดิ๊” พูดไม่ทันขาดคำคีก็เดินลงมาครับ

“ชายฟิวมันแต่งหล่ออยู่ ทำใจเย็นๆกินข้าวไปเหอะ” จอมตอบผมแล้วตักข้าวต้มใส่ถ้วยเผื่อฟิวอีกถ้วยหนึ่ง

“น้ำ ข้าวติดแก้ม” คีพูดแล้วทำท่าชี้ตรงแก้มตัวเอง

“ไหนอ่ะ” ผมเอามือลูบๆแล้วก็หาไม่เจอ

“มานี่” คีพูดแล้วโน้มตัวจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอาทิชชู่เช็ดข้าวออกให้ผม

“กินข้าวยังไงเนี่ย ยังกะเด็ก” คีบ่นพร้อมกับเอามือเชยคางผมให้หันข้างแล้วเอาทิชชู่เช็ดตรงไรผมข้างหูให้ผม

“แหะๆ ข้าวต้มอร่อยไง” ผมได้แต่แก้ตัวน้ำขุ่นๆไป

“อะ ข้าวต้ม” จอมพูดแล้วเลื่อนถ้วยข้าวต้มให้คี

“มึงมีเจลแต่งผมป่าววะ” ฟิวตะโกนมาจากชั้นบนของบ้าน

“มึงลงมาเลยฟิว พี่ๆเค้าบอกจะทำผมให้” คีตะโกนตอบกลับไป ฟิวเลยรีบวิ่งลงมาที่โต๊ะกินข้าว

“ฟิว รีบๆกินเร็ว เดี๋ยวไปสายพี่เค้าจะดุเอานะ” ผมบอกเมื่อฟิวนั่งลงที่โต๊ะ

“โห ระดับนี้แล้ว เดี๋ยวหมดก่อนน้ำอีก” เออ มันก็จริงนะ เพราะว่าผมเป็นคนที่กินข้าวช้าที่สุดในกลุ่ม แบบว่าตอนเด็กๆแม่บอกให้เคี้ยวข้าวให้ละเอียดไง เลยติดเป็นนิสัยมาจนโต เวลากินข้าวด้วยกันทีไร เพื่อนๆได้นั่งรอผมทุกที

พอไปถึงโรงเรียน ผมก็เห็นรถของผู้ปกครองมาส่งลูกและหลายคนขับรถมาเอง มีรถเข้าออกโรงเรียนอยู่ตลอด ดูชุลมุนพิลึกดีครับ ทั้งๆที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แต่ว่าโรงเรียนดูวุ่นวายยิ่งกว่าวันเปิดเรียนปกติซะอีก

พวกผมเดินไปที่ห้องม.5/2 ระหว่างทางก็เห็นคนแต่งตัวแปลกๆ ทั้งเจ้านางที่สวยสุดๆ แต่ต้องตกใจตรงลูกกระเดือก คุณยายผมขาวโพลนไปทั้งหัว หรือแม้กระทั่งคนแต่งชุดเป็นมาสคอตพี่หมีตัวโต ผมมองเพลินจนคีต้องจับแขนลากให้เดินตาม

พอพวกผมเดินไปถึงห้อง คี จอม ฟิวถูกลากไปอีกทางเพื่อแต่งหน้ากับเซ็ทผม ส่วนผมอยู่ตรงมุมห้องที่มีพี่พลอยฝ่ายกองเชียร์คอยค้นถุงหาชุดให้กับคนที่เดินขบวนผักแบบผมอยู่ ผมเองก็หันไปยิ้มให้กับคนข้างๆที่กำลังเปลี่ยนชุดเป็นผักกาด ถัดไปก็เป็นฟักทองที่ใส่รองเท้าอยู่และพริกหยวกที่ยืนรอพี่พลอยหาชุดอยู่กับผม พอได้ชุดแล้วผมก็ถอดเสื้อถอดกางเกงเพื่อที่จะเปลี่ยนชุด ไม่รู้รู้สึกไปเองรึป่าวว่ามีแต่คนมอง ผมเลยรีบใส่ชุด พอใส่แล้วก็รู้สึกว่าตัวพองๆคือชุดที่ใส่จะเป็นชุดเอี๊ยมกางเกงขายาว เดปสีแดงแบบผ้ามันๆหน่อย แล้วก็จะมีส่วนหัวเป็นมะเขือเทศลูกใหญ่ที่ตรงกลางเป็นหน้าผมโผล่ออกมา ผมเปลี่ยนชุดเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ พี่ๆเลยให้นั่งรอประมาณสิบนาที ถึงจะออกไปจัดขบวน ระหว่างนั่งรอผมก็คุยกับเพื่อนผักด้วยกัน รวมทั้งพี่พลอยที่บอกว่าวันนี้จะคอยคุมขบวนผัก

“ทำไมพี่ต้องคุมขบวนผักด้วยละครับ มีแค่สี่คนเอง” คนที่แต่งเป็นผักกาดถามขึ้น คิดเหมือนผมเลยแฮะ

“อ๋อ ก็เดี๋ยวมีคนมาถ่ายรูปไง แล้วบางที่ถ้าเด็กๆมาดูขบวนก็จะวิ่งเข้ามาจับมือ ขบวนอาจต้องชะงักที่เรา พี่เลยต้องดูแลหน่อย” โห มีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย งั้นสงสัยพี่หมีมาสคอตตัวเมื่อกี้ที่เห็นนี่ไม่รอดแน่

“น้องน้ำขาวจังเลย” พี่พลอยพูดแล้วเอาแขนมาทาบกับแขนผม

“แหะๆ พอดีแม่ผมขาวมากๆเลยอ่ะครับ สงสัยเป็นกรรมพันธุ์” ผมหัวเราะแห้งๆแล้วตอบพี่เค้าไป

“อิจฉาจัง” พี่พลอยพูดยิ้มๆครับ ความจริงพี่พลอยก็ไม่ได้ผิวคล้ำนะครับ แต่ว่าผิวผมมันขาวซีดมากกว่า

เราคุยกันได้ซักครู่ พี่ซินนี่ก็ตะโกนบอกให้พี่ๆพาน้องไปจัดขบวนบริเวณถนนหน้าโรงเรียนตามจุดที่ได้วางไว้

ผมไม่รู้เหมือนกันว่าปีนี้ขบวนเป็นแบบไหน รู้แต่ว่ากลุ่มที่เดินอยู่ข้างหน้าแต่งตัวเกี่ยวกับการต่อต้านยาเสพติด ผมเดินตามขบวนไปเรื่อยๆ พร้อมกับโบกมือและยิ้มให้คนที่มายืนรอดู หลายคนก็ขอเข้ามาถ่ายรูปตอนขบวนหยุด มีเด็กๆมาขอจับมือกับหอมแก้มด้วยครับ ผมเลยขอหอมน้องเค้ากลับบ้าง น้องน่ารักมากเลย พอขบวนเดินต่อน้องก็ไม่ยอมปล่อยมือ งอแงกับคุณแม่ใหญ่ ผมเลยบอกให้คุณแม่เดินตามขบวนไปจนถึงโรงเรียน

“น้องชื่ออะไรเหรอครับ” ผมถามเด็กน้อยที่เดินจับมือไปกับผมด้วย อายุน่าจะซักห้าขวบ

“ชื่อน้อง..ม” น้องเค้าตอบอายๆแต่ผมได้ยินไม่ชัดเลยถามอีกรอบ

“ชื่อน้องอะไรนะ”

“น้องตามคับ”

“อ๋อ น้องตามเรียนอยู่โรงเรียนอะไรครับ”

“โรงเรียนอนุบาล...” อ้าวโรงเรียนที่เดินผ่านมานี่นา

“ทำไมวันนี้น้องตามไม่ไปโรงเรียนล่ะ” ผมถามน้องด้วยความเอ็นดู

“เพราะว่าน้องตามไม่ฉบาย คุณแม่จะพามาหาคุณหมอ แต่ว่าน้องตามอยากดูนี่” น้องตามตอบด้วยเสียงเอาแต่ใจนิดๆ

“อ๋อ งั้นเดี๋ยวพอเราเดินกันไปถึงตรงนู้นแล้ว น้องตามต้องไปหาคุณหมอกับคุณแม่นะครับ” ผมพูดแล้วลูบหัวน้องเค้าครับ

“ฮะ” น้องตามตอบแล้วทำหน้าซึมๆ ผมเห็นแล้วนึกเอ็นดูเลยชวนคุยต่อเรื่อยๆ

“น้องตามชอบกินผักรึป่าว”

“ชอบฮะ น้องตามชอบกินมะเขือเทศ” มิน่าล่ะเลยจับมือเราไม่ยอมปล่อย

“โอ้โห น้องตามเก่งจังเลย” พอผมชมน้องตามก็ยิ้มให้ครับ

“คุณแม่บอกว่า ผักมีประโยชน์ กินแล้วจะแข็งแรง แต่ว่าน้องตามก็กินผัก ทำไมน้องตามไม่ฉบาย” อ่า เจอคำถามเด็กเข้าไปก็จนใจครับ มันยากเอาการอยู่นะครับกับการจะอธิบายอะไรง่ายๆ แต่เป็นเหตุเป็นผลที่ถูกต้องให้เด็กๆฟังเนี่ย

“น้องตามต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่นะครับ จะกินแต่ผักอย่างเดียวไม่ได้ น้องตามต้องกินนม กินข้าว กินผลไม้แล้วก็ต้องดื่มน้ำเยอะๆ ต้องนอนหลับกลางวันด้วยจะได้หายไวๆ” ตอบไปน้องเค้าจะเข้าใจมั้ยเนี่ย

“แต่ว่า.. น้องตามไม่ชอบกินนมนี่นา” น้องตามก้มหน้าแล้วบ่นเบาๆครับ

“ทำไมละครับ นมมีประโยชน์น้า ถ้าน้องตามไม่กินนมก็จะตัวเล็กนิดเดียว ไม่โตซักที”

“จริงเหรอฮะ” น้องตามเงยหน้าถามผม ตากลมๆจ้องมองผมอย่างรอคอยคำตอบ

“จริงสิ พี่น้ำว่าน้องตามเป็นคนเก่ง เดี๋ยวต่อไปน้องตามกินนมแล้วจะได้ตัวสูงกว่าเพื่อนๆเลยดีมั้ย”

“ดีคับ”

พอถึงโรงเรียนแล้วผมก็ขอพี่พลอยแยกตัวมายืนส่งน้องตามให้คุณแม่ที่ข้างประตูโรงเรียน

“ขอบใจมากนะจ๊ะ น้องตามรบกวนหนูแย่เลย” คุณแม่น้องตามเอ่ยขอบคุณผมแล้วย่อตัวคุยกับน้องตาม

“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบแล้วยิ้มให้คุณแม่

“ตามขอบคุณพี่เค้าสิลูก”

“ขอบคุณคับ” น้องตามพูดแล้วยกมือไหว้ผม ผมเองก็รับไหว้

“พี่น้ำไปแล้วนะ” ผมก้มลงไปกอดน้องตามครับ เด็กๆนี่น่ารักจัง

“สวัสดีครับคุณน้า”

“จ้ะ ขอบใจมากนะ” คุณน้าพูดแล้วอุ้มน้องตาม

“บ๊าย บาย” ผมโบกมือให้น้องตามที่เกาะไหล่แม่โบกมือตอบ

“น้ำ” เสียงคีนั่นเองครับ เรียกผมแล้ววิ่งกระหืดกระหอบมาเชียว

“หืม มีอะไรเหรอ ดูรีบจัง”

“คีตามหาตั้งนาน นึกว่าหายไปไหนซะอีก” คีพูดแล้วเอามือโยกหัวผม

“อ๋อ น้ำเจอน้องคนนึงตอนเดินขบวนด้วยละ น่ารักมากเลย...”แล้วผมก็เล่าเรื่องระหว่างเดินขบวนให้คีฟังพร้อมกับเดินเข้าโรงเรียนไปด้วยกัน

กว่าการแข่งขันกีฬาจะเริ่มขึ้นก็ปาไปสิบโมงแล้วครับ กองเชียร์แต่ละสีก็ไปเชียร์ตามสนามต่างๆที่มีการแข่งขันของสีตัวเอง ส่วนผมหน่ะเหรอครับ จะไปไหนได้ ต้องนั่งเฝ้าสนามบาสอยู่แล้วละครับ เพราะวันนี้รายการแรกของสนามคือบาสชายม.ปลายสีแดงกับสีชมพู ผมที่ได้รับหน้าที่ผู้จัดการทีมจำเป็นนั่งบริเวณล่างสุดของแสตนเชียร์พร้อมกับถังใส่น้ำแข็งขนาดพอหิ้วไหวที่มีทั้งน้ำเปล่า เอ็มสปอร์ต ผ้าเย็น แล้วก็น้ำแดง และเพราะวันนี้การ์ดทั้งสามของผมต้องใช้สมาธิในการเล่นเลยส่งตัวแทนมานั่งเฝ้า เอ้ย นั่งเป็นเพื่อนผมที่ข้างสนาม ตัวแทนที่ว่าก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลหรอกครับ ป๋อมแป๋มเพื่อนสาวที่เรียนอยู่ห้องเดียวกับคีและจอมนั่นเอง ป๋อมแป๋มเป็นคนคุยสนุกนะครับ แต่ว่าผมก็ต้องเอามืออุดหูบ่อยๆเพราะเสียงกรี๊ดอันทรงพลังของเจ้าตัว

“น้ำ แกดูพี่เบอร์เก้าสีแดงดิ หุ่นเร้าใจอ่ะ” ป๋อมแป๋มพูดแล้วทำหน้าหมั่นเขี้ยว

“ง่า งั้นเหรอ” กลัวแทนพี่เบอร์เก้าครับ

“ก็งั้นสิยะ อ๊าย แกดูกล้าม โอ๊ย ท่าชู้ตใจละลาย”

“เอ่อ แป๋ม เราอยู่สีชมพูนะ เราต้องเชียร์สีตัวเองดิ” ผมพูดดักคอเมื่อเห็นป๋อมแป๋มยังเพ้ออยู่กับพี่เบอร์เก้า

“ก็เชียร์อยู่นี่ไง ต๊ายพี่ภูเท่มาก อ๊ะ พี่เค้าชูสองนิ้วแล้วหันมายิ้มให้ชั้นด้วยอ่ะ” ป๋อมแป๋มกรี๊ดกร๊าดต่อเมื่อเห็นพี่ภูที่พึ่งชู้ตบาสเข้าห่วงแล้วหันมายิ้มเรียกเรตติ้งแฟนๆที่นั่งอยู่ตรงสแตนข้างสนามให้กรี๊ดกันใหญ่

ใช่ว่ามีแค่พี่ภูที่มีแต่สาวกรี๊ดซะเมื่อไหร่ แต่ละคนในทีมก็ใช่ย่อยครับ

“อ๊ายยยย พี่(น้อง)คีสู้ๆ”

“กรี๊ดดด น้องจอม” อันนี้เสียงแม่ยกของจอมทัพเค้าละครับ ผมเป็นเพื่อนมันมาสี่ปีก็พึ่งจะรู้นี่แหละครับว่าจอมมันมีเสน่ห์กับคนที่แก่กว่า

“พี่อาร์มมมม อย่าแพ้นะค้า” ตอนพี่อาร์มได้บอลถึงกับสะดุดเพราะได้ยินเสียงกองเชียร์ ผมที่ดูเค้าซ้อมกันทุกวันก็ได้แต่ขำครับ

“น้อง(พี่)ฟิว กรี๊ดดดดดด” อ่า กรี๊ดกันเข้าไป

“พี่น้ำคะ คืออัย ฝากนี่ให้พี่จอมหน่อยได้มั้ยคะ” ระหว่างที่ผมกำลังเอือมกับเสียงกรี๊ดก็มีสาวน้อยมาสะกิดฝากของให้กับคนในสนามครับ

“ได้ครับ แต่ว่าน้องอัยไม่รอเอาให้จอมมันเองล่ะครับ เดี๋ยวก็พักครึ่งแล้ว” คือน้องอัยเค้าเอาน้ำ เอาขนมมาให้ชายจอมทุกวันครับ ผมเลยคิดว่าแล้วจอมมันจะได้รู้เมื่อไหร่ว่าน้องเค้าปลื้มมันอยู่

“อัยไม่กล้าหรอกค่ะ ฝากพี่น้ำด้วยนะคะ” น้องอัยพูดแล้วทำหน้าตาน่าสงสาร

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่จะเอาให้จอม บอกว่าน้องอัยห้องม.3/3 ฝากมาให้พี่จอม ดีมั้ยครับ” ผมแซวแล้วยิ้มล้อเลียนน้องเค้า

“อย่านะคะพี่น้ำ อย่าพึ่งบอก” น้องอัยทำหน้าตกใจใหญ่เลย

“พี่ล้อเล่นครับ”

“เอ่อ นี่ขนมของพี่น้ำ ขอบคุณมากนะคะ” น้องอัยยื่นขนมให้ผมแล้วกล่าวขอบคุณ

“อ้าว ติดสินบนแต่น้ำ แล้วของพี่ละคะ” ป๋อมแป๋มที่นั่งข้างๆผมแกล้งทวงขนมจากน้องอัย

“คือ อัยไม่รู้ว่าวันนี้พี่น้ำอยู่กับเพื่อน ก็เลย ก็เลย ไม่ได้เตรียมมาเผื่อ ขอโทษด้วยนะคะ พี่อยากกินอะไรรึป่าวคะ เดี๋ยวอัยไปซื้อให้” น้องอัยทำหน้าไม่ถูกเลยครับ

“เดี๋ยวพี่แบ่งขนมให้แป๋มเองครับ แป๋มก็ไปแกล้งน้องเค้า” ผมบอกน้องอัยให้หายกังวล แล้วหันไปบอกป๋อมแป๋มที่แอ๊บทำหน้าดุ

“โหย พี่ล้อเล่นค่ะคุณน้อง อย่าซีเครียดไป” อ่า ซีเครียด = ซีเรียส+เครียด

พอดีกับเสียงกริ่งพักครึ่งแรกดังขึ้น น้องอัยเลยวิ่งหายไปเลยครับ

“ขอบคุณนะคะพี่น้ำ อัยไปก่อนนะคะ”

“เฮ้ย ร้อนว่ะ ขอน้ำหน่อยดิ๊” ผมรีบแจกจ่ายน้ำให้กับนักกีฬาที่เดินหอบๆกรูกันเข้ามา

“จอม น้องคนโน้นเค้าฝากมาให้” ผมยื่นของที่น้องอัยฝากไว้ให้จอมพร้อมกับชี้ตรงที่น้องเค้ายืนอยู่ด้วย

“คนไหนวะ” แบบว่าคนมันเยอะไง จอมมันก็หันไปตามทางที่ผมชี้นะครับ แต่ว่าไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร

“555 น้องเค้ายังไม่พร้อมเผยตัว เดาเอาเองแล้วกัน” ผมหัวเราะจอมที่มองหาไม่เจอ มันก็คงอยากรู้อ่ะครับ เพราะตั้งแต่ซ้อมบาส น้องเค้าก็เอาน้ำเอาขนมมาให้มันทุกวัน จอมมันหันหน้ากลับมาแล้วกระดกน้ำเข้าปาก แบบว่าคงร้อนมาก ผมที่นั่งอยู่พอกรูกันเข้ามายังรู้สึกถึงไอร้อนจากตัวของแต่ละคน ป๋อมแป๋มเองก็ช่วยแจกผ้าซับเหงื่อให้นักกีฬา

“น้ำๆ” ป๋อมแป๋มเรียกผมที่กำลังยื่นขวดน้ำให้กับฟิว

“หืม อะไรเหรอ” ผมหันไปแล้วก็พบว่าป๋อมแป๋มถือผ้าขนหนูยื่นให้ผมอยู่

“นู่น คุณชายเค้ารีเควสมา” ป๋อมแป๋มตอบผมพลางพยักเพยิดหน้าหันไปตรงหน้าผม ผมเองก็หันมองตาม เห็นคีเดินตรงเข้ามา

“น้ำ คีมือเปื้อน เช็ดหน้าให้หน่อย” คีพูดแล้วทำท่าชูมือให้ดูทั้งสองข้างบอกว่าเปื้อนจริงๆ

“ก้มหน้ามาสิ” ผมก็ยืนขึ้นเช็ดเหงื่อให้คีครับ แต่ไม่รู้ทำไมตอนที่เช็ดอยู่ ภาพในวันที่คีเมาถึงเข้ามาอยู่ในหัวได้ ใจผมเต้นดังจนกลัวคนข้างหน้าจะได้ยิน รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

“น้ำ ไม่สบายรึป่าว ทำไมหน้าแดง” คีทักผมที่ซับเหงื่อให้คีอย่างเก้ๆกัง

“อะ อ๋อ สงสัย คงตากแดดนานหน่ะ ร้อนเนอะ” ผมตอบพลางพยายามโฟกัสสายตาไปตรงส่วนต่างๆของใบหน้าของคี แต่ไม่กล้าสบตา

“เฮ้ย ป๋อมแป๋ม เดี๋ยวมึงพาน้ำไปนั่งรอพวกกูใต้ต้นหูกวางเลย ตรงนี้แดดมันร้อน” คีจับแขนผมให้ผละออกแล้วหันไปบอกป๋อมแป๋มที่รับขวดน้ำคืนจากนักกีฬาคนอื่นๆ

“อ้าว แล้วกระติกน้ำ กับของของพวกแกล่ะยะ”  ป๋อมแป๋มถามพลางรับผ้าคืนจากคนอื่น ผมเองก็กำลังรับผ้าขนหนูกับขวดน้ำคืนจากพี่ภูอยู่ครับ

“ฝากพี่พลอยหัวหน้าเชียร์ไว้ก็ได้”

“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง เดี๋ยวเกมส์ก็จบแล้ว” ผมบอกคี กลัวจะต้องไปรบกวนพี่พลอยเค้าจริงๆ

“ขอบคุณครับน้องน้ำ” พี่ภูพูดแล้วดึงแก้มผมจนยืดอีก

“ง่า พี่ภูอ่ะ แก้มน้ำยานหมดแล้ว” ภูพี่หัวเราะแล้วผละออกไป

ส่วนคีก็ปล่อยข้อมือผมที่ถือผ้าขนหนูอยู่ให้เป็นอิสระแล้วจับแขนอีกข้างของผมจากนั้นก็สั่งให้แบมือ

“น้ำ แบมือดิ๊” คีพูดแล้วใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบพวงกุญแจรถออกมา

“อ่ะ ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวแข่งเสร็จแล้วจะมาเอาคืน”

“อือ สู้ๆนะ” ผมพยักหน้าแล้วชูสองนิ้วให้ คีผละไปรวมกลุ่มกับคนในทีม ทุกคนกอดคอกันเป็นวงกลมแล้วตะโกน “ชมพู สู้” กองเชียร์ก็กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

สุดท้ายสีชมพูก็ชนะไปด้วยคะแนน 53 – 48 คนดูของทั้งสองฝ่ายนี่ลุ้นกันจนแทบลืมหายใจ  และลูกสุดท้ายที่ทำให้สีของเราได้รับชัยชนะอย่างชัดเจนในวินาทีระทึก ชู้ตโดยพี่ภูที่เล่นเป็นเซ็นเตอร์ เล่นเอาป๋อมแป๋มที่นั่งข้างๆผมกรี๊ดจนคอแทบแตก

“อ๊ายยยยย พี่ภูขา เท่ม๊าก มากอ่ะ”

พี่ภูเดินยิ้มมาจากในสนาม ผมเองก็ยกนิ้วโป้งให้พี่แกแล้วก็ยิ้มครับ จากนั้นผมกับป๋อมแป๋มก็วุ่นกับการทำหน้าที่สวัสดิการให้กับนักกีฬา

งานกีฬาสีผ่านไปได้สองวัน ผลปรากฏว่าบาสชายม.ปลายของสีผมได้ที่สองครับ เพราะไปแพ้สีฟ้าในตอนเย็นของวันเดียวกัน วันนี้เป็นวันที่สามที่จะมีแค่การแข่งขันกรีฑา แต่ละสีประจำอยู่บนอัฒจรรย์หรือแสตนเชียร์ของตัวเองที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามตามคอนเซ็ป เริ่มจากสีแดงที่มาในคอนเซ็ป RED DEVIL มีตัวมาสคอตเป็นเดวิลตัวแดงๆถือตรีศูล ส่วนสีชมพูของผมอยู่ใน theme รักเราสีชมพู โดยมีสัญลักษณ์เด่นเป็นรูปหัวใจ ส่วนแบ็กกราวด์สแตนเป็นรูปท้องฟ้ายามเย็นที่มีโทนสีชมพูอมส้มและมีรูปผู้หญิงกับผู้ชายที่นั่งพิงกันเป็นเงาสีดำ ถัดไปเป็นสีเขียวที่มาในคอนเซป Greenpeace การตกแต่งจะเป็นแนวปลูกป่า มีทั้งรูปและต้นไม้จริงตกแต่งสแตน ส่วนสีต่อไปคือสีแสด มาในคอนเซป Orange Sunset มีมาสคอตเป็นพระอาทิตย์ใส่แว่นดำ หน้าตากวนดีครับ และสีสุดท้ายคือสีฟ้า คอนเซปคือ Blue navy หน้าแสตนทำเป็นหัวเรือโผล่ออกมา ถ้าคิดด้วยความลำเอียง ผมชอบสแตนของสีฟ้ามากครับ ดูเรียบๆแต่สวยดี และไฮไลท์ของวันนี้ก็คือการประกวดเชียร์ลีดเดอร์กับกองเชียร์ บรรยากาศในตอนเช้าๆแบบนี้เลยคึกคักสุดๆเลยครับ แต่ละสีต่างโชว์สปิริตของตัวเอง แต่ว่าช่วงที่น่าดูที่สุดจะเป็นช่วงหลังพักเที่ยงที่จะมีการแปรอักษร

ตอนม.ต้นได้แต่ขึ้นสแตน ปีนี้ผมเลยได้โอกาสดูจากข้างล่างแบบชัดๆซะที ส่วนรายการวิ่งของผมเหรอครับเป็นรายการท้ายๆหน่อย เพราะพวกผมลงวิ่งผลัดชายม.4 สี่คูณสี่ร้อยเมตร

ช่วงที่ไม่มีอะไรทำผมเลยคอยช่วยพี่เฟรนอยู่ที่เต็นท์พยาบาล มีคนเป็นลมเยอะเลย บางทีเบื่อๆพวกผมก็พากันเดินไปเที่ยวตามสแตนสีต่างๆบ้าง สนุกดีครับ

“จอม คีกับฟิวไปไหนอ่ะ” ผมถามจอมเพราะเห็นทั้งสองคนหายไปพักใหญ่ๆแล้ว

“นู่น ไอ้คีมันไปยืนจีบหลีดสีแดงอยู่ ส่วนฟิวมันบอกจะไปหาอะไรกิน” ผมมองไปทางสแตนสีแดงก็เห็นคีกำลังถือขวดน้ำยื่นให้ผู้หญิงคนนึงอยู่ จู่ๆก็รู้สึกหายใจไม่ออก

“น้องน้ำยังไม่ไปเปลี่ยนชุดวิ่งอีกเหรอครับ” แล้วผมก็หันไปหาเจ้าของเสียงที่เอ่ยถาม

“อ๋อ เดี๋ยวจะไปแล้วครับ ว่าแต่พี่ภูแข่งแล้วเหรอครับ” ผมถามพี่ภูที่เหงื่อเกาะพราวตามตัว

“โห น้อยใจนะเนี่ย พี่นึกว่าน้ำจะคอยเชียร์ซะอีก” พี่ภูตัดพ้อแล้วยิ้มน้อยๆ

“อ่า โทษทีครับ แล้วชนะรึป่าวครับ” พี่ภูไม่ตอบแต่ชูเหรียญทองที่อยู่ในมือขวาให้ผมดู

“เฮ้ย ภู ไม่มีใครตีกลองว่ะ” พี่ไทเดินเข้ามาเรียกพี่ภูในเต็นท์

“เออๆ เดี๋ยวกูไป”

“น้ำ พี่คอยเชียร์อยู่นะครับ” พี่ภูพูดแล้วยิ้มให้ผม ก่อนจะเดินไปที่สแตนเชียร์

“หึ คนนี้ท่าจะเอาจริงว่ะ” จู่ๆจอมที่นั่งข้างๆผมก็พูดขึ้น

“หืม หมายถึงใครเหรอจอม”

“เดี๋ยวน้ำก็รู้เองแหละ”

ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆเลยครับ เพราะสัญญาณปล่อยตัวนักกีฬากำลังจะดังขึ้น ถึงผมจะเป็นไม้สามก็เหอะ

“ปั่ง” พอเสียงปืนดังขึ้น คีที่เป็นไม้แรกก็ออกวิ่งเลยครับ แรกๆวิ่งกันไม่ค่อยเร็วนะครับ แต่พอวิ่งสองร้อยเมตรหลังเท่านั้นแหละ ผมเองใจชื้นขึ้นมาหน่อยเพราะคีนำมาคนแรก ฟิวที่รออยู่เลยรับเป็นผลัดต่อไป ไม้สองของสีเขียววิ่งเร็วมากครับ ตีคู่กับฟิวมาเลย ผมที่ยืนรออยู่ใจเต้นตึกตักอย่างช่วยไม่ได้ พอไม้แตะมือผมก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียว พยายามจะตีคู่กับไม้สามสีเขียวไปเรื่อยๆ  ผ่านไปสามร้อยเมตรนี่เหนื่อยสุดๆอ่ะ เค้าวิ่งเร็วจัง พอร้อยเมตรสุดท้ายผมก็พยายามสปีดแซงสีเขียวได้แค่ช่วงตัวส่งไม้ให้จอมที่รออยู่เป็นไม้สุดท้าย พอทุกสีส่งไม้ให้กับคนสุดท้ายกันหมดผมก็เดินหอบๆเข้าข้างสนาม

“น้ำ ค่อยๆหายใจ” ฟิวที่เดินเข้ามาหาพูดแล้วจับแขนผมไว้

“น้ำ ไหวรึป่าว หน้าซีดมากเลย” คีที่ยืนรอผมเดินเข้ามาหาอีกคน

“แฮ่กๆ โอเค ไหวๆ รอดูจอมก่อน” ผมพูดหอบๆแล้วยืนมองจอม แล้วจอมก็ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังเพราะวิ่งนำเข้าเส้นชัยแบบลอยลำเข้ามา จอมเองพอเข้าเส้นชัยก็เดินเข้ามาหาพวกผม ผมโผเข้ากอดจอมทันที

“เย้ จอมเยี่ยมมาก” จอมยิ้มให้ผมทั้งหอบๆนั่นแหละครับ
 
เรารออยู่ข้างสนามซักพักก็เดินไปรับเหรียญ

การแข่งขันสิ้นสุดและมีพิธีปิดในตอนสี่โมงเย็น สีแสดได้รางวัลขบวนพาเหรดยอดเยี่ยมไป ผลรางวัลรวมคะแนนกีฬาสูงสุดตกเป็นของสีฟ้า ส่วนผลรวมคะแนนกรีฑาสูงสุดและกองเชียร์ยอดเยี่ยมเป็นของสีชมพู และสุดท้ายรางวัลเชียร์หลีดเดอร์ก็เป็นของสีแดงไป

และเนื่องจากสีเราได้สองรางวัล ถือว่าประสบความสำเร็จ พี่ๆม.5 เลยนัดกินเลี้ยงเย็นนี้ครับ ความจริงสีอื่นๆเค้าก็มีกินเลี้ยงกันนะครับ เพราะมันเป็นธรรมเนียมที่พี่ม.5 ที่ทำงานร่วมกับน้องๆม.4 จะจัดงานเลี้ยงเป็นการตอบแทน

“เย็นนี้เจอกันที่บ้านไอ้อาร์มนะน้อง” พี่ภูประกาศให้เด็กม.4 ห้องห้ากับห้องสิบทราบทั่วกันว่าเย็นนี้เจอกันบ้านพี่อาร์ม ว่าแต่ว่าบ้านพี่เค้าไปทางไหนเหรอ

วันพรุ่งนี้คนแต่งก็จะต้องเรียนซัมเมอร์แล้ว กลัวไม่มีเวลาแต่ง  :monkeysad: แต่ก็จะพยายามนะคะ

@ คุณ yeyong ขอบคุณที่เข้ามาติดตามค่ะ  :pig4:

@ คุณ kasarus คนเขียนหมั่นไส้อัคคีค่ะ ถ้าให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ แล้วไม่มีใครเข้ามาท้าชิง เค้าจะไม่รู้สึกตัวซักทีเนอะ

@ คุณต้นข้าว เห็นคอมเม้นต์แล้วเขิน แบบว่าเราเป็นแฟนนิยายคุณต้นข้าวแล้วคือคุณต้นข้าวก็เขียนสนุก พอมาเห็นคอมเม้นต์เลยเขินๆ  :-[ น้องน้ำเสน่ห์แรงสู้อัคคีไม่ได้ม้างง

@ คุณ Ipatza พวกมันคงไม่กลับมาเล่นงานแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้การ์ดทั้งสามเค้าก็เฝ้าแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ถ้าป่วยนี่แอบมาลงให้อ่านได้นะคะ แต่ถ้าช่วงงานเยอะ เรียนหนัก นี่ไม่แน่ใจ คนเขียนเองก็แอบเชียร์พี่ภูค่ะ

@ คุณ Smirnoff สมน้ำหน้านังพราวเนอะ ความจริงคนแต่งแค้นแทนน้องน้ำ แต่ด้วยคาแรกเตอร์ที่วางมาแล้ว เลยเอาคืนแบบแรงๆไม่ได้ ส่วนคีนี่มันหวงแบบหน้าหมั่นไส้อ่ะ หวงแต่ก็มีแฟนใหม่  :เฮ้อ:

วันนี้เห็นคอมเมนต์แล้วดีใจมากเลย  :กอด1: กอดคนอ่านอีกที
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2012 11:23:56 โดย Made »

ออฟไลน์ Ipatza

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 932
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-7
Re: สายชล
«ตอบ #23 เมื่อ02-04-2012 04:19:54 »

เยี่ยมมากๆเบย
เข้ามาอีกทีก็ได้อ่าน
ดีใจจริงๆ555+
อ่านตาเชะเบย
เชียร์พี่ภูสุดใจ ทำคะแนนดีมาก
ดูน่ารักดี
คีมันเจ้าชู้คบคนไม่เลือกดีดีเลย
ปล่อยมัน
มีน้ำทั้งคน ทำได้แค่หวง+หึง
ชิ ปล่อยมันนอนตัวแตกอยุ่บ้านไป
พี่ภูสุ้ๆ555+
ปล.คนแต่งบอกจะไม่มีเวลา ได้ยินคำนี้แล้วอยากจะยื่นเวลาไห้จริงๆเลย
เรามี...ทั้งวัน 555+ ชีวิตล่องลอยมากๆเบย

atblueann

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #24 เมื่อ02-04-2012 07:52:49 »

พึ่งเข้ามาอ่านอยากบอกว่าสนุกมาก ไม่ผิดหวังเลย น้องน้ำน่ารักมาก แอบเคืองคีไปทำอะไรที่สีแดงอ่ะ น้องน้ำอยู่นี่นะ
แล้วเมื่อไรคีจะรู้ตัวอ่ะ หรือพี่ภูจะเป็นพระเอกน้า อยากอ่านต่อ เป็นเรื่องที่น่ารักนะ ชอบ ชอบ มาต่อไวไวนะ เรื่องนี้เป็น
เรื่องแนวใสๆๆหรือเปล่า จะมีดราม่าไหมอ่ะ กลัวอ่ะ ไม่ค่อยอยากเห็นน้ำเสียใจอ่ะ

tonkhaw

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #25 เมื่อ02-04-2012 09:25:53 »

สีชมพูชนะเลิศกองเชียร์อ่านเเล้วคิดสมัยอยู่มต้น อยู่สีชมพูได้รางวัลกองเชียร์เหมือนันเด๊


คีไม่เเสดงออกว่ารู้สึกอะไรกับน้ำมากมายเทีาไรเนอะ

ส่วนตัวเเล้วชอบพี่ภูสุดๆ

เเนะนำคุณอิ๋งอิ๋งหน่อยนะครับ

เวลาลวตอนใหม่ เข้าไปแก้ไขหัวข้อที่รีพลายเเรกอ่ะครับ

เวลาอัพใหม่จะได้รู้ ครับ

ข้าวเองไม่ทราบว่าลงตอนใหม่เข้าอีดที อ้าวลงไปแล้วหรอ งงนิดๆ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
Re: สายชล
«ตอบ #26 เมื่อ02-04-2012 10:47:21 »

เชียร์พี่ภูว่ะ  ชอบคนชัดเจนไม่เผื่อเลือก

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
Re: สายชล
«ตอบ #27 เมื่อ02-04-2012 11:26:30 »

เม้งนายคี หล่อเผื่อเลือก ชิส์...
เอาใจช่วยพี่ภูดีกว่า ดูท่าทางแล้วพี่ภูคงเป็นพระรอง
ยังไงก็อย่าให้พี่ภูเจ็บมากนะครับ

Made

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล
«ตอบ #28 เมื่อ02-04-2012 23:33:01 »

เมา

หลังจากที่พี่ภูนัดสถานที่กินเลี้ยงแล้ว เพื่อนๆห้องผมหลายคนกลับบ้านเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สบายตัวเพราะวันนี้ร้อนสุดๆครับ คงนึกกันออกเนอะว่าถ้าเหงื่อไม่ออกนี่ไม่ใช่กีฬาสีแล้ว บางคนก็กะเก็บข้าวของ เก็บแสตนกันแล้วไปงานเลี้ยงต่อเลย พวกผมสี่คนกะว่าจะช่วยพี่เค้าเก็บของจนถึงซักประมาณห้าโมงครึ่งแล้วกลับไปอาบน้ำ ประมาณทุ่มกว่าๆค่อยไปบ้านพี่อาร์ม
ผมกับฟิวเก็บขยะพวกขวดและถุงพลาสติก กระดาษห่อข้าวรวมทั้งกล่องโฟมที่ทิ้งเกลื่อนกลาดรอบๆอัฒจรรย์ของสีเรา ส่วนจอมกับคีกำลังช่วยพี่ๆแกะพวกฉากหลังที่ทำเป็นไม้

เห็นแล้วก็อดเสียดายไม่ได้นะครับเพราะกว่าจะทำฉากกันเสร็จ ใช้เดี๋ยวเดียวก็ต้องทิ้งซะแล้ว สีอื่นๆก็ทำแบบเดียวกันครับเพราะถึงวันนี้ไม่ช่วยกันเก็บ วันต่อไปครูก็จะมาคุมให้เก็บเหมือนเดิม แถมอาจถูกดุด้วย สู้ช่วยกันเก็บกวาดวันนี้ดีกว่า ไหนๆก็เหนื่อยแล้ว ทำอีกซักหน่อยจะเป็นไรไป อีกอย่างจะได้เป็นธรรมเนียมและตัวอย่างกลายๆให้รุ่นน้องรุ่นต่อไปทำตามบ้าง

“จอม หิวข้าว” ผมที่เริ่มรู้สึกหิวเลยแกล้งเดินไปเก็บขยะบนแสตนชั้นเกือบสูงสุด แบบว่าเป็นพวกกองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ ถ้าหิวนี่แบบไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ในหัวมันคิดแต่ว่าหิวๆๆๆๆอยู่นั่นแหละ

“แป๊ปๆ จะเสร็จแล้ว เฮ้ย ซ้ายหน่อยๆ” จอมตอบผมแล้วตะโกนบอกคนที่ยกฉากอยู่อีกฝั่ง

“อยากกินข้าวไข่เจียวใส่มะเขือเทศลูกเล็กๆ” ถ้าหิวนี่ต้องบอกจอมครับ เดี๋ยวกลับบ้านไปจอมจะได้ทำให้กิน

“อือ ฮึ วันนี้เอาไข่กี่ฟอง” จอมพูดกับผมพลางงัดตะปูไปด้วย

“เอาสองฟอง” ที่จอมถามจำนวนไข่นี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ คือมันเป็นการบอกระดับความหิวและความอยากไปในตัว เพราะจอมเคยทำเยอะแล้วผมกินไม่หมด เสียดายแย่เลย

“เก็บขยะแล้วไปนั่งรอข้างล่างไป เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว อยู่แถวนี่เกะกะว่ะ” จอมสั่งแล้วทำหน้ารำคาญ

“เร็วๆนะ” ห้ามหือ ห้ามเคือง ต้องง้อไว้ก่อน เดี๋ยวจอมไม่ทำให้

“เออ รู้แล้ว เร่งอยู่เนี่ย ไอ้ฟิว เอาน้ำไปเก็บดิ๊” จอมตะโกนเรียกฟิวที่งัดรั้วไม้ไผ่ออกจากดิน
ผมเลยรีบวิ่งลงไปช่วยฟิวครับ

พอทำงานกันเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไป จอมกับฟิวเองต้องมาอาบน้ำบ้านผม แรกๆก็กะจะกลับบ้านใครบ้านมันอยู่หรอกครับ แต่เพราะผมหิวข้าว จอมเลยต้องระเห็จมาเป็นพ่อครัวจำเป็น

“คี ฟิว กินข้าวด้วยกันมั้ย วันนี้จอมจะทำไข่เจียว” พอถึงบ้านผมก็รีบชวนทั้งสองคนครับ ไม่รู้ว่าจะกินรึป่าว

“โหยน้ำ กินไปก่อนก็ขาดทุนอ่ะดิ พี่เค้าบอกจะเลี้ยงไง เก็บท้องไว้กินเย็นนี้ดีกว่า” ไม่ทายก็รู้ว่าคำตอบนี้เป็นของใครเนอะ ประหยั๊ด ประหยัด

“คีก็ไม่ค่อยหิว น้ำกินก่อนเลย” คีตอบผมพลางเดินไปรินน้ำใส่แก้วดื่ม

“แหม ไม่ค่อยหิว อิ่มอกอิ่มใจละสิมึ๊งงง” ฟิวพูดล้อๆ

“หึๆ” คีหัวเราะแล้วเดินขึ้นชั้นสองไปเลย

“น้ำไปอาบน้ำรอเลย เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” จอมไล่ผมที่นั่งท้าวคางมองอยู่ตรงโต๊ะอาหาร

“จอมจะกินเป็นเพื่อนน้ำรึป่าว” ผมถามจอมที่กำลังตวงข้าวใส่หม้อเตรียมหุง

“เอ๊า สงสารคนแถวนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าว จะกินเป็นเพื่อนแล้วกัน” จอมหันมาตอบผมแล้วยิ้มน้อยๆ

“จอมใจดีที่สู๊ดดดด มิน่าล่ะ เลยมีสาวน้อยมาแอบชอบ” ผมพูดเสียงดังพร้อมกับวิ่งขึ้นบันไดไปอาบน้ำ

 ผมอาบน้ำเสร็จก็ลงมานั่งกินข้าวรอจอมที่โต๊ะ ส่วนคีกับฟิวนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟา ซักพักจอมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ

“จอม น้ำตักข้าวให้แล้วนะ” ผมบอกจอมแล้วตักข้าวเข้าปาก อร่อยจัง ฝีมือไม่มีตก

“ฟิว รู้รึป่าวว่าบ้านพี่อาร์มอยู่แถวไหน” ผมถามฟิวที่เดินมาหยิบปีโป้จากตู้เย็น

“อือ ก็อยู่แถวๆบ้านจอมไม่ใช่เหรอ”

“อ้าวเหรอ ไปบ้านจอมตั้งหลายหน ไม่เห็นรู้เลย”

“น้ำอย่ามัวแต่คุย รีบๆกินข้าว” คีที่ปิดทีวีเมื่อไหร่ไม่รู้เดินเข้ามาในห้องครัวแล้วนั่งลงตรงฝั่งตรงข้าม บอกผมพร้อมกับเอาช้อนตัดไข่เจียวใส่จานให้ผมไปด้วย

“มึงไม่เอาข้าวใส่ช้อนป้อนน้ำเลยล่ะ” จอมพูดแล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆผม

“เออ กำลังทำอยู่” คีตอบพร้อมกับตักข้าวกับไข่ใส่ช้อนเตรียมไว้ให้ผมที่นั่งเคี้ยวข้าวอยู่


เราไปถึงบ้านพี่อาร์มประมาณทุ่มครึ่งครับ พึ่งสังเกตว่าบ้านที่อยู่ถัดจากบ้านจอมสามหลังเป็นบ้านพี่อาร์มนะเนี่ย

“มาช้านะมึง” แซ็กเดินเข้ามาทักพวกผมที่กำลังเดินหาโต๊ะนั่ง

“เออ รอคนกินข้าวอยู่ว่ะ” คีพูดแล้วหันมายักคิ้วให้ผมล้อๆ

“แหะๆ” ผมได้แต่หัวเราะเก้อๆให้แซ็กที่มองมายิ้มๆ

พวกเราเดินตรงเข้าไปนั่งตรงเสื่อที่ปูอยู่กับพื้น

“มาๆ นั่งๆ” เต้ที่มือขวาถือแก้วน้ำสีอำพันอยู่กวักมือเรียกให้พวกผมนั่งลง ดูจากหน้าตาแล้วคงกำลังกรึ่มๆได้ที่

ผมนั่งลงแล้วมองดูรอบๆ บ้านพี่อาร์มเป็นบ้านขนาดกลางสองชั้น แต่สนามหน้าบ้านนี่กว้างพอสมควร คือทางเข้าบ้านพี่เค้าไกลจากตัวบ้านซักสามร้อยเมตรได้ และตอนนี้บริเวณนั้นได้กลายเป็นลานจอดรถไปแล้ว รอบๆตัวบ้านมีพุ่มไม้หนาๆสูงประมาณสองเมตร ตัดแต่งอย่างดีปลูกไว้เป็นรั้วสีเขียวล้อมบ้านอีกชั้นหนึ่ง และตอนนี้ก็เต็มไปด้วยเหล่ารุ่นพี่รุ่นน้องร้อยกว่าชีวิต บ้างนั่งบนโต๊ะ บ้างนั่งบนเสื่อ ตรงกลางสนามคือโต๊ะอาหารบุฟเฟ่และเตาปิ้งบาบีคิว ส่วนด้านซ้ายมือสุดของสนาม พี่ๆหลายคนกำลังต่อสายเครื่องเสียง

ฟิวกับคีลุกไปตักอาหารแล้วครับ ส่วนจอมก็นั่งดื่มกับเพื่อนไป

“น้ำเอาป่าว” ป็อบยื่นแก้วเหล้าที่ผสมแล้วให้ผม

“มึงวางไว้ตรงนั้นเลย เดี๋ยวพ่อมันได้มาเพ่นกบาลมึง” จอมบอกป็อบแล้วจิบเหล้าที่อยู่ในมือ

“อ่ะๆ กูล้อเล้น นี่เลย ของน้ำต้องน้ำแดง” ป็อบทำหน้าทะเล้นใส่จอมแล้วรินน้ำแดงแฟนต้ายื่นให้ผมแทน

ความจริงผมก็อยากลองนะ เคยชิมเหมือนกัน รู้แต่ว่าขม คือมันอยากรู้อ่ะ ว่าถ้าดื่มเยอะๆแล้วมันอร่อยยังไง เห็นกินกันจัง

“จอม อยากกินมะม่วง” ผมบอกจอมที่กำลังหยิบข้าวเกรียบเข้าปาก

จอมหันมามองหน้าผมแล้วทำหน้าประมาณว่า ไมมึงเรื่องมากจริง

“ง่ะ น้ำไปเอาเองก็ได้” ผมทำหน้างอแล้วลุกไปเอามะม่วงตรงถาดผลไม้

“น้องน้ำ มาเมี่อไหร่ครับ พี่ไม่เห็นเลย” พี่ภูที่เดินถือสายไฟทักผมที่กำลังจะเดินกลับไปนั่ง

“ซักทุ่มกว่าๆครับ พี่ภูกินข้าวรึยัง”

“ยังเลยครับ ต่อไฟเสร็จพี่ว่าจะไปกินอยู่เหมือนกัน น้ำล่ะ กินรึยัง” พี่ภูพูดกับผมยิ้มๆ

“เรียบร้อยแล้วครับ พี่ภูกินมะม่วงมั้ย” ผมถามพร้อมกับยื่นจานมะม่วงไปตรงหน้าพี่ภู

“ตามสบายเลยครับ พี่ขอตัวก่อน” พี่ภูพูดแล้วผละไป

ผมกลับมานั่งก็เคี้ยวมะม่วงไป มองบรรยากาศในงานไป ฟิวกับคีที่กินข้าวแล้วก็มีแก้วเหล้าอยู่ในมือทั้งคู่

เพลงที่เปิดคลอเบาๆกับลมเย็นๆทำให้รู้สึกเพลินดีครับ สักพักก็มีพี่ผู้ชายปิดเพลงแล้วเอาสายเสียบกีตาร์พร้อมกับปรับไมค์ร้องเพลงสดกันเลยครับ

“ใครอยากฟังเพลงอะไร ขอมาได้เลยนะครับ”

พี่เค้าก็เล่นไปเรื่อยๆ ส่วนมากเป็นเพลงเบาๆฟังสบายๆ สลับกับเพลงเพื่อชีวิต ผมเองก็นั่งฟังไปคุยไปกับเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในวงเดียวกัน บางทีก็มีคนเดินผ่านมาชนแก้ว สนุกดีครับ

“เอ่อ ขอโทษนะครับ พอดีผมขอมาทำหน้าที่นักร้องจำเป็นซักหน่อย คงไม่ว่ากันนะครับ” ผมหันไปมองตามเสียงก็เห็นพี่ภูนั่งลงตรงเก้าอี้แทนนักร้องแล้วรับกีตาร์จากพี่คนที่ลุกไป

“กรี๊ดดดดดดดดดด ไม่ว่าค่า” ป๋อมแป๋มที่นั่งอยู่อีกฝั่งสนามกรี๊ดแล้วโบกไม้โบกมือให้กับพี่ภู

พี่ภูก็เล่นกีตาร์แล้วร้องไปเรื่อยๆ

“คือ เพลงต่อไปที่จะร้อง ผมขอมอบให้กับน้องคนหนึ่งครับ ผมก็จีบเค้ามาได้ซักเดือนกว่าๆแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าน้องเค้ารู้รึป่าวว่าผมสนใจเค้าอยู่” พี่ภูพูดแล้วยิ้มเขินๆ

“ฮิ้วววววววว” เสียงโห่ดังจากทางพี่ๆม.5/2

“เค้าคนที่ไม่รู้คือหนูใช่มั้ยคะ”และเสียงจากสาวๆหลายคนตะโกนตอบ

“ฮะๆๆ” พี่ภูหัวเราะน้อยๆแล้วเริ่มบรรเลงเพลงครับ

อ่า ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ยว่าพี่ภูมองมาทางนี้

One Direction - One Thing ฟังตรงลิงค์นี้ไปด้วยจะได้ฟีลมากขึ้นนะคะ http://www.youtube.com/watch?v=EDv7efxb4No

I tried playing it cool but when I'm looking at you   
ผมพยายามจะทำเฉย แต่เวลาที่ผมมองเห็นคุณ
I can't ever be brave cause you make my heart race   
ผมไม่เคยจะกล้าพอ เพราะคุณทำให้ใจผมเต้นแรง
Shot me out of the sky You're my kryptonite   
คุณเป็นแร่ Kryptonite ของผม ที่ทำให้ผมร่วงลงจากท้องฟ้า (kryptonite คือสิ่งเดียวที่ทำลายsupermanได้)
You keep making me weak Yeah, frozen and can't breathe
คุณทำให้ผมอ่อนแอ สะกดนิ่ง และไม่อาจหายใจ
Some things gotta give now
จะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะตอนนี้
Cause I'm dying just to make you see
เพราะผมอยากทำให้คุณเห็นเหลือเกิน
That I need you here with me now
ว่าผมต้องการคุณที่นี่เดี๋ยวนี้
Cause you've got that one thing
เพราะคุณมีอะไรบางอย่างนั่น
* So get out, get out, get out of my head
เพราะงั้น ออกมาจากหัวของผมได้แล้ว
And fall into my arms instead
และมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน
I don't, I don't, don't know what it is
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
But I need that one thing
แต่ผมต้องการสิ่งนั้น
And you've got that one thing
และสิ่งนั้นมันก็อยู่กับคุณนั่นแหละ
Now I'm climbing the walls But you don't notice at all
ผมก้าวข้ามอุปสรรคทั้งหลาย แต่คุณก็ไม่สังเกตเห็นเลย
That I'm going out of my mind All day and all night
ว่าผมใจลอยทั้งวันทั้งคืน
Some things gotta give now
จะต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะตอนนี้
Cause I'm dying just to know your name
เพราะผมอยากรู้ชื่อของคุณมากเหลือเกิน
And I need you here with me now
ว่าผมต้องการคุณที่นี่เดี๋ยวนี้
Cause  you've got that one thing
เพราะคุณมีสิ่งนั้นไงล่ะ
* So get out, get out, get out of my head
เพราะงั้น ออกมาจากหัวของผมได้แล้ว
And fall into my arms instead
และมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน
I don't, I don't, don't know what it is
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
But I need that one thing
แต่ผมต้องการสิ่งนั้น
And you've got that one thing
และสิ่งนั้นมันก็อยู่กับคุณนั่นแหละ
you've got that one thing
สิ่งนั้นมันก็อยู่กับคุณนั่นแหละ
Get out, get out, get out of my head
ออกมาจากหัวของผมได้แล้ว
And fall into my arms instead
และมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน
* So get out, get out, get out of my head
เพราะงั้น ออกมาจากหัวของผมได้แล้ว
And fall into my arms instead
และมาอยู่ในอ้อมแขนของผมแทน
I don't, I don't, don't know what it is
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
But I need that one thing
แต่ผมต้องการสิ่งนั้น
So get out, get out, get out of my mind
เพราะงั้น ออกมาจากใจของผมได้แล้ว
And come on, come into my life
และเข้ามาอยู่ในชีวิตของผม
I don't, I don't, don't know what it is
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร
But I need that one thing
แต่ผมต้องการสิ่งนั้น
And you've got that one thing
และสิ่งนั้นมันก็อยู่ที่คุณนั่นแหละ
ขอบคุณคำแปลจาก http://meyanee.exteen.com/20120220/one-direction-one-thing และ
        http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=784139&chapter=3

เอ๋ คีเอาแขนมาวางบนไหล่ผมอีกแล้ว เฮ่อ เหนื่อยใจจะบ่น ชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย

“น้องน้ำครับ คือพี่ชอบน้องน้ำ ขอจีบได้มั้ยครับ” เสียงพี่ภูพูดผ่านลำโพงดังก้องไปทั่วสนาม

“เอ่อ...” ผมถึงกับไปไม่เป็นเลยครับ คือมันก็พอรู้นะครับว่าพี่เค้าดูเหมือนจะจีบผมอยู่ แต่ว่าผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ พอมาถึงตอนนี้ก็ชัดแล้วละสิ ทั้งสนามเงียบกริบเหมือนรอฟังคำตอบจากผมอยู่

“กูไม่ให้จีบ” เสียงนิ่งๆจากคนข้างๆดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ฮิ้วววววววววววววววววว”

วันนี้เห็นคอมเมนต์แล้วคึก 5555 พอกลับจากเรียน เปิดคอมแล้วนั่งแต่งต่อเลย วันแรกๆของการเรียนก็งี้แหละค่า ยังสบายอยู่ คึๆ(ไมตัวเองไม่ยอมอ่านหนังสือหว่า ได้มาเล่มหย่ายยเชียว)  :laugh:

@ คุณ Ipatza เข้ามาดึกนะคะเนี่ย ช่วงนี้เชียร์กันได้เต็มที่ค่า แอบอยากยื่นมือรับเวลา คึๆ ขอบคุณที่มาเมนต์ให้นะคะ

@ คุณ atblueann เดี๋ยวก็รู้เนอะว่าคีไปทำอะไรที่สีแดง ก็รอดูต่อไปแล้วกันเนาะว่าใครจะเป็นพระเอก จะว่าใสมันก็ใสนะคะ แต่ว่าดราม่านี่น่าจะมีนะคะ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้แน่นอน คนแต่งก็ไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นดราม่าได้รึป่าว ฝากติดตามด้วยนะคะ

@ คุณต้นข้าว มีแต่คนเชียร์พี่ภูเนอะ อ่าเรื่องเข้าไปแก้เดี๋ยวจะลองทำดูนะคะ พอดี low tech มากๆอ่ะ ขอบคุณค่า :pig4:

@ คุณ iforgive เจอแฟนคลับพี่ภูอีกคนแล้ว ฝากติดตามด้วยนะคะ

@ คุณ kasarus โอ๊ะ เจอคนรู้ทัน ฮือ ทำใจลำบาก คนแต่งก็เริ่มหลงพี่ภูแล้วเนี่ย

ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-10-2012 22:12:52 โดย Made »

atblueann

  • บุคคลทั่วไป
Re: สายชล (ลงแว้ว เมา1 02/04/55)
«ตอบ #29 เมื่อ02-04-2012 23:51:59 »

อ๊ายๆๆ พี่ภูเท่ห์ม๊าก มาก เท่ห์เกิน เท่ห์จริง เท่ห์เกินหน้าเกินตาพระเอก เท่ห์กินใจคนอ่าน อยากกรี๊ดอ่ะ ฮ่าๆๆๆ
น่าร๊าก น่ารักอ่ะ ฮึ ฮึ ตกกระป๋องแน่คีเอ๊ย อยากเจ้าชู้ดีนัก ท่ามากดีนัก มัวแต่ป้อหญิงสม ขอให้เทพบุตรสุดเท่ห์
คาบไปรับประทาน นิสัยไม่ดีเอก มัวแต่ทำเป็นหวง เป็นห่วง แล้วไปจีบหญิง ชิชิ นิสัยไม่ดี

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด