คือประมาณว่าเด๋วต้องไปปฏิบัติภารกิจป้องกันชายเเดนที่เขาชนไก่อ่า (-_-")@@//...คงไม่ได้เข้ามาหลายวันหน่อย เตรียมสอบด้วยอ่ะคับ เหอะๆ...
เด๋วขอตอบเม้นท์หน่อยน๊า~~

0000000000000000000000000000000000000000000000000000
บทที่ 26
ผมไม่ได้ตั้งใจจะจ้องมอง ‘เขา’ สองคนนั้นหรอกนะ แค่บังเอิญเท่านั้น...
แต่วินาทีนั้นที่ผมรู้ว่าทุกอย่างเป็นอะไร ทำไมนะ...หัวใจผมถึงได้เต้นแรงขึ้น แถมยังร้อนทรมาน...เหมือนอยากตรงเข้าหาปัญหานั้นให้มันรู้แล้วรู้รอด
นั่นไง...สองคนนั้นเดินเข้ามาใกล้แล้ว ผมหมั่นไส้ไอ้คนตัวสูงนั่นจัง! มันไม่ผิดหรอก แต่แค่...หมั่นไส้เท่านั้นเอง
“พี่ชิพขา แอนหิวข้าวแล้วล่ะคะ”
เสียงแหลมๆปวดแก้วหูนั้นดังมาแต่ไกล ผมอดไม่ได้ที่จะรีบมองปฏิกิริยาของคนที่พายัยนี่มาทันที...ฮึ ผมเห็นมันยิ้มระรื่น หัวเราะหน้าบาน แล้วยัง...กระซิบกระซาบกันอีกชุดใหญ่ ภาพหวานๆนี่ทำเอาผมอยากอ้วกแตกชะมัดยาด!
“เดี๋ยวซิคับแอน มารู้จักเพื่อนๆพี่ก่อน”
ยัยน้องแอนทำหน้าบูดนิดเดียว แล้วก็กลับมายิ้มร่าต่อ ไอ้ชิพพาร่างเตี้ยหมาตื่นของน้องแอนมานั่งกลางวงกินข้าวในโรงอาหาร โต๊ะซึ่งมีผมแล้วก็เพื่อนๆในกลุ่มนั่งกินอาหารอยู่
“เฮ้ย พวกมึง นี่แฟนกู ชื่อน้องแอน พามาแนะนำให้รู้จัก”
เพื่อนๆของผมทำตาโต ก็น้องแอนเขาสวยนี่ ชวนตะลึงไม่ใช่น้อยเชียวแหละ แต่ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวตุ่ยๆ จ้างให้ก็ไม่สนใจหรอก
...วันนี้ผมอยากพบหน้าชิพ มีเรื่องจะพูดกับมันมากมาย มีเรื่องต้องให้ปรับความเข้าใจกัน...ก็แค่หวังว่ามันจะเข้าใจ
เอาเข้าจริงๆ...หมดอารมณ์
เผอิญผมเป็นพวกไม่ชอบยุ่งเรื่องของใครอยู่แล้ว
พวกผู้ชายคนอื่นๆมันไล่ถามนู่นถามนี่ ดูยัยน้องแอนจะมีความสุขดีกับการถูกทุกคนห้อมล้อม เสียงผิวปากดังต่อเนื่อง สักพักไอ้ชิพก็แยกตัวออกมานั่งลงตรงข้ามผม หน้าตามันคล้ายจะสะใจ...รอยยิ้มเยาะเย้ยผุดขึ้นที่มุมปาก
“ไง ไม่ทักน้องเขาหน่อยรึว่ะ มึงก็รู้จักกันดี” ดูเหมือนมันจะมาบังคับให้ผมไปป้อยอแฟนมันน่ะเอง
“รู้จัก แต่กูไม่จำเป็นต้องทัก”
“ไร้มารยาท” ไอ้ชิพแกล้งทำหน้าขมวดคิ้วกวนส้นตรีน
“…” ...คิดจะมายั่ว(อารมณ์)ผมเหรอ? ประมาทไอ้แดนไปหรือเปล่า’น้อง???
พอมันรู้ว่ายั่วอารมณ์ผมไม่ขึ้นแล้ว มันก็เริ่มใช้กำลังกับผม
“เฮ้ย!” ผมขึงแขน ตายเป็นตายคับวันนี้ ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน คิดถึงคราวที่แล้ว เมื่อครั้งแรกที่เราเจอกัน มันก็ทำท่าจะฆ่าผมแบบนี้ รู้งี้ทะเลาะกับมันไปซะให้หมดเรื่องเลยก็ดี จะได้ไม่ต้องคาราคาซังกันอยู่แบบนี้…
“มึงเลิกแดกข้าว แล้วไปคุยกับน้องเขาเดี๋ยวนี้!”
“เรื่องอะไร กูแดกข้าวอยู่ กลับไปหาเมียมึงซะเถอะกูรำคาญ” ผมใส่อารมณ์
ระดับอารมณ์ของมันหล่นวูบอย่างรวดเร็ว น่าใจหายเชียวคับ...ไอ้ชิพหงุดหงิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนที่ผมมองมันเหมือนอากาศธาตุ ยิ่งตอนนี้ไอ้ชิพท่าจะหัวเสียเข้าไปอีก
“กูกับน้องเขาไม่ได้มีอะไรกัน...” น้ำเสียงมันเบาหวิว ดูโกรธ...ผิดกับผมที่แกล้งทำใจเย็น ลอยหน้าลอยตาใส่มัน
“อ้อ แน่ล่ะ มึงไม่ได้ชอบผู้หญิงนี่”
“ไอ้...!”
มันกำหมัดแน่น ท่าทางเหมือนหมาบ้าแล้วคราวนี้ ไม่รู้ไอ้ชิพเป็นอะไรของมัน อยากต่อยก็ต่อยมาเซ่ จะได้เลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย ดีจริงๆ!
“มึงเก็บกดมากนักเหรอ? ต่อยเลยเซ่ อยากทำอะไรก็เชิญ กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึงอยู่แล้วนี่ตอนนี้…”
ผมเห็นมันน้ำตาคลอ หน้าแดงก่ำ เหอะๆ แต่ผมไม่ยักกะมีสักหยดแฮะ
บรรยากาศร้อนระอุเข้าขั้น แต่ไม่ยักมีใครสนใจ เสียงน้องแอนยังคงกรี๊ดกราด...
“มึงก็แค่จะบอกกับกูว่า...มึงทำใจก้าวไปข้างหน้าได้แล้ว?”
“...มึงพูดเรื่องอะไร?”
ไอ้ชิพตอบผมด้วยคำถาม ดวงตาฉายแววสงสัยขุ่นมัวขึ้นมาทันที
...น้องแอนหาทางฝ่ากลุ่มเด็กผู้ชายหื่นกามออกมาได้ ตรงเข้ามาเกาะแขนไอ้ชิพ ผมมองภาพหวานซึ้งของคู่รักตรงหน้าก็เกิดสะท้อนใจขึ้นมาชั่วขณะ...ไอ้ชิพมันเคยบอกว่าตัวเองเป็นเกย์ แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมตกลงเป็นแฟนกับยัยหนู๋แอนดี๊ด๊าได้นะ? ทั้งๆที่มันก็อยากหนีเต็มแก่ แล้วทำไมจู่ๆถึงได้เป็นฝ่ายกระโจนเข้าใส่งั้นซะเอง???
ผมไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ
ยิ่งเห็นไอ้ชิพยิ้ม...ฝืน ยิ้ม ให้กับน้องแอนสุดที่รักของมัน วินาทีนั้นแหละที่ทำให้ผมเจ็บปวดใจมากที่สุด เคยรู้สึกกันบ้างมั้ยคับ? เวลาที่เรามองเห็นใครเขาแสดงความรักกัน ดูเหมือนตัวเองอยากเข้าไปขวาง...อยากเข้าไปดึงยัยเตี้ยนั่นออกห่างจากไอ้ชิพ...อยากให้มันหุบยิ้มหวานๆนั่นเสียที...แล้วก็อยากให้เธอหายตัวไป เป็น...ใครก็ได้เข้าไปแทนที่ตรงนั้น แต่ไม่ใช่แบบนี้ เวลานี้ ที่ผมอยากต่อยหน้ามันสักป๊างโทษฐานที่หลอกให้ผมเชื่อใจมาตลอด ทำให้ผมสับสนมาตลอด เพราะการกระทำอันกลับกลอกทั้งหลายของมัน...
ไอ้ชิพมองหน้าผมอีกครั้ง ปรากฏเป็นรอยเยาะหยันดั่งเดิม รู้ทั้งรู้ว่าผม...ไม่เคยชอบ แต่มันก็ทำ มันจงใจให้ผมทรมานหรืออะไรกันแน่?
“พี่ชิพขา…”
“...จ๊ะ” ไอ้ชิพตอบ หลังใจลอยไปแป๊บ...
“เย็นนี้เราไปดูหนังกันดีมั้ยคะ แล้วก็...”
ทั้งสองคนเดินเกาะแขนกันเดินหันหลังไป มองร่างทั้งสองหายลับตาโดยไม่มีท่าทีจะกล่าวคำร่ำลา...ตามันร้อนผะผ่าวขึ้นมาตะหงิดๆ...ผมรีบกินให้เสร็จ ขอตัวเพื่อนๆไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตู...เมื่ออยู่ท่ามกลางความเงียบ น้ำตาที่กลั้นไว้ตอนนั้น...ผมก็ยอมให้มันหลั่งไหลออกมา พยายามเก็บเสียง แต่ยิ่งทนมากเท่าไรเสียงมันก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น...เปิดก๊อกน้ำให้มันดังกลบ แล้วก็เริ่มทุบกำแพง...ด้วยความอัดอั้นในใจ ผมทำอะไรไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้เลย...ผมมันอ่อนแอ โง่ แล้วก็ยอมให้คนอื่นแกล้งอยู่นั่น...
ผมปาดน้ำตา...สัญญาว่าจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้กับคนไร้เหตุผลคนไหนอีก
และจะไม่มีวัน ต้องเต้นตามไปกับแผน ของใครหน้าไหนทั้งนั้นด้วย...
“เฮ้ย! ชิบหายแล้ว ลืมเอาชุดพละมา…”
ผมครวญครางเสียงไม่เบานักหลังจากตอนพัก ขึ้นมาเช็คว่าได้เอาชุดพละใส่กระเป๋ามาด้วยหรือเปล่า ปรากฏว่าลางสังหรณ์ของผมเป็นจริงซะด้วย เฮ้อ...ทำไมวันนี้ผมถึงได้ดวงซวยแบบนี้นะ
ถ้าคุณสงสัย ว่าทำไมผมถึงเอาจริงเอาจังกับอีแค่เรื่องลืมเอาชุดพละมา สำหรับโรงเรียนที่ผมอยู่นั้นเขาเข้มงวดเรื่องนี้มากคับ คือถ้าใครลืมเอามา ชั่วโมงนั้นที่เรียนก็จะถูกหักคะแนน แถมยังโดนทำโทษ ทั้งอาย ทั้งเหนื่อย มันก็สมควรให้เด็กทุกคนกลัวอยู่หรอก
แต่เพราะเมื่อคืนผมอดหลับอดนอน ทำรายงานสารพัด แล้วยังช่วงนี้...ที่มีเรื่องใครต่อใครต้องให้คิด ผมเลยลืมนู่นนี่เป็นประจำ ฟุ้งซ่านจนกลัวว่าสักวันการเรียนของผมอาจจะย่ำแย่ตามลงไปด้วย...
ผมทรุดตัวลงนั่งกุมหัว รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมาจากทางด้านหลังเสมอ...จะใครล่ะครับ ก็ไม่ใช่เพราะมันหรือไงที่ทำให้ผมต้องคิดมากอยู่คนเดียว เป็นกังวลอยู่แบบนี้
...ถ้ามันอยากหัวเราะเยาะผม ก็เชิญ...
แต่จะบ่นหรือโทษใครไปก็เปล่าประโยชน์ ผมรีบถามเพื่อนต่างห้อง ปรากฏว่าวันนี้ห้องที่ต้องเรียนพละมีคาบอยู่หลังห้องผมทั้งหมด จะให้ผมขอยืมไปใส่จนเปียกเหงื่อตัวเองก็กระไรอยู่ สรุปแล้วต้องยอมเลยตามเลย วันนี้ไอ้แดนต้องยอมรับกรรมโดนทำโทษสารพัดสารเพแน่ๆแล้ว…T_T///
ผมนั่งไม่เป็นสุขตลอดทั้งวัน จนในที่สุด คาบพละก็มาถึง
รู้สึกมือเท้ามันเย็นเจี๊ยบ ปวดมวลท้อง...แต่ทำใจแล้วอ่ะ โดนอะไรกูก็ยอมวะ แมร่ง~~~ @#%^ ///…
หมดคาบภาษาไทย ผมลุกออกไปเข้าห้องน้ำด้วยความหมดหวัง กะจะล้างหน้าเพื่อเรียกกำลังวังชามาบ้าง พอสดใสขึ้นมานิด กลับมาเห็นคนในห้องมันเปลี่ยนชุดกันเกือบทุกคนแล้วผมแอบภาวนาในใจ...พระเจ้าช่วยเสกชุดพละให้ผมที!
ล้วงมือไปใต๊โต๊ะ...อ๊ะ! นี่มันผ้าอะไร...
เฮ้ย! นี่...นี่มันชุดพละนี่!
ผมรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความลิงโลด ยะฮู้! จู่ๆมันก็มาอยู่ใต๊โต๊ะผม ไม่รู้ว่าของใคร แต่ตอนนี้ไม่สนใจแล้วง่ะ ใส่ไปแล้วด้วยคับ 555+ ไอ้ชิพมันไม่มีทางหัวเราะเยาะผมได้อีก ทีนี้ผมอาจจะขโมยของมันไปซ่อน(เอาแล้วไง วิญญาณมารร้ายเข้าสิง)แต่ คิดดูอีกทีแล้ว...ไม่เอาดีกว่า ทำบาปทำกรรมกับคนอื่น เดี๋ยวมันจะเข้าตัวทีหลัง บรื๋อ~~~(o_O*)
ผมวิ่งมาเข้าแถวคนสุดท้าย มองไปรอบๆตัวแล้วรู้สึกดีชะมัดยาด ผมมีชุดพละใส่เหมือนคนอื่นๆ ยกเว้น...
ไอ้ชิพ...ไอ้ชิพโดนเรียกออกไปนอกแถวเพื่อรอรับการทำโทษ
หน้าตามันไม่สลด แต่มองมาที่ผม...ด้วยแววตาที่ผมคิดว่าประชดนิดๆแกม ‘เป็นห่วง’?...
ผมขมวดคิ้ว จ้องตอบมันกลับไป แต่แล้วมันก็กลับไปตีสีหน้าเย็นชาอีกครั้ง พร้อมกับยืนกอดอกรอลงไม้เรียวจากครูพละสุดโหด(หัวเขาโล้นๆ ตัวอ้วนๆ หน้าตาเหมือนพวกโรคจิต) แล้วก็ถูกสั่งให้วิ่งรอบสนามสามรอบ รวมถึงหักคะแนนอีกด้วย
วินาทีนั้น เข้าใจทันทีว่านี่คือชุดพละของไอ้ชิพ...
ตอนเย็น ด้วยความรู้สึกผิดที่แอบคิดอกุศลกับ ‘เพื่อน’ คนหนึ่งเอาไว้ ผมดักรอมันจนเมื่อเก็บของเสร็จ เตรียมตัวกลับบ้าน
“ยังไม่กลับเหรอ”
บ้า! บ้าชะมัดไอ้แดน!...ผมหลุดปากถามมันออกไปแบบนั้น ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังหอบของกลับบ้านอย่างเห็นได้ชัด แต่ปากมันสั่งให้พูดอะไรสักอย่าง ในหัวมันคิดไม่ทันเพราะความตื่นเต้นง่ะ แต่มันก็คงรู้ล่ะมั้งคับว่าผมจงใจอยู่รอมันจนคนสุดท้าย วัดใจกันแค่ว่าใครจะลุกก่อนเท่านั้นเอง ซึ่งก็คือมัน ส่วนผมก็คว้ากระเป๋าเดินตาม
“...” มันทำฟอร์มเงียบ ไม่ตอบ แล้วก็ก้มหน้าเดินเลี่ยงผ่านผมไป หน๊อย...ไอ้เชี่ยนี่
“เอ่อ…เรื่องวันนี้ กูขอบคุณนะ”
ผมเดินไปดักหน้ามัน ไอ้ชิพทำสีหน้ากวนส้นทีนใส่ ท้าทาย ประมาณว่ามองด้วยหางตา ขมวดคิ้ว รำคาญผมยั่งกะเป็นแมลงวัน…แต่ผมไม่สนใจ(โว้ย!)
“มึงขอบคุณกูเรื่องอะไร?”
“กูรู้ชิพ...มึงเอาชุดพละมาให้กู”
“ไร้สาระ” มันส่ายหัวแล้วออกเดินต่อ อ้าว เดินหนีกูแบบนี้เลยเหรอ? เด๋วก่อนเซ่!!!
“เดี๋ยว...” ผมวิ่งไปดักอีกครั้ง(ตื้อเก่งอ่ะคับ งุงิ >O<) “ถูกตี เจ็บป่าวอ่ะ?”
ด้วยความเป็นห่วง ผมเลยถือวิสาสะเอื้อมมือไปจับด้านหลังของมัน ตรงที่คาดว่าใต้เสื้อจะเป็นรอยเฆี่ยน(โรงเรียนผมครูบางคนยังตีเด็กอยู่) มันสะดุ้ง
“ไอ้เชี่ยยยย กรูเจ็บนะโว้ย’สาดดดด” มันโวยลั่น
“เออๆ กูขอโทษ” ผมแอบยิ้ม เหลือบมองมันจู๋ปากซี๊ดซ๊าด น่ารัก(แปลกๆ)+ฮามากๆ!!!
“ยิ้ม’ไร” มันเองก็ยิ้ม แหม ทำฟอร์มอยู่ก็บอกมาเถอะไอ้หอกหัก \(- v -*)
“ทีหลัง…มึงไม่ต้องทำเพื่อกูขนาดนี้ก็ได้”
“มึงรู้สึกผิด หรือดีใจกันแน่ล่ะ” มันย้อน
“…กูนึกว่ามึงจะสมน้ำหน้ากู กูขอโทษก็แล้วกัน เอางี้มั้ย...มึงจะขออะไรกูก็ได้ มึงจะให้กูทำอะไรก็ได้ กูจะทำ…”
ผมก้มหน้า มองแต่เท้าตัวเองด้วยความรู้สึกผิด เห็นไอ้ชิพมันหัวเราะหึคำเดียว ก่อนจะบอกให้ผมเงยหน้าขึ้น
“เข้ามาใกล้ๆ”
“~หา?...”
“เออ! มึงหูไม่หนวกหรอก เข้ามาใกล้ๆนี่สิ”
ผมเกาหัว เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากของมันแล้วเสียวสันหลังวาบยังไงชอบกล ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงไอ้ชิพหรือเปล่า...
แต่ตอนนั้น...ผมค่อยๆก้าวเข้าไปทีละน้อย ทีละน้อย จนเกือบใกล้มันแล้ว ไม่รู้อะไรดึงดูดผมเข้าไป...จะเพราะดวงตาที่เรียวสวยของมัน...หรือว่าร่องรอยแห่งความดื้อรั้นหยิ่งทรนงตรงมุมปากของมันกันแน่นะ?
สายตาของมันเบนไปทางด้านหลังผมแวบเดียว ผมกะจะเหลียวตามมัน แต่ไม่ทันซะแล้ว...เพราะมันรีบคว้าต้นแขนของผมแน่น ดึงเข้ามาประชิด แล้วบดเบียดจูบเร็วๆแสนหนักหน่วงลงมาบนริมฝีปากของผมทันที!
ผมตะลึง ตัวแข็งทื่อ ทั้งตกใจทั้งงุนงง ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นให้มันกอดหน้าด้านๆ บดจุมพิตลงมา...จูบที่หอมแต่ไม่หวาน กลับเผ็ดร้อน และ...หิวกระหาย ต่างจากความรู้สึกของใครอีกคนที่ผมเคยประกบปากด้วย
ผมรู้สึกว่ามันก็เหมือนๆกัน...เพียงแต่จูบครั้งนี้...มันช่าง...มีชีวิตชีวา!
ยามที่ไอ้ชิพถอนริมฝีปากออกมา ลมหายใจอุ่นร้อนของมันหอบหน่อยๆ แถมยังปิดเปลือกตาแน่นคล้ายเจ็บปวดทุรนทุราย...ผมจ้องหน้ามันค้าง นึกไม่ถึงว่ามันจะทำกับผมได้ลงคอแบบนี้...
ขนตาของชิพปรือขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของมันบ่งบอกความรู้สึกลึกซึ้งที่ผมไม่สามารถอธิบายได้...ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ชั่วอึดใจเท่านั้นที่ผมรับรู้ ความอุ่นวาบในอก ความเสียวซ่านแล่นวูบๆอยู่ในช่องท้อง
จากนั้น ไอ้ชิพขยับปากพูดอะไรไม่รู้อีกสองสามคำ คือว่ามันไม่ได้ยินไงคับ หูของผมมันอื้ออึงไปชั่วขณะ แบบว่ามีแต่เสียงหัวใจเต้นดังก้องไปหมด
...ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ...
............
ร่างสูงของไอ้ชิพหายไปแล้ว ผมนับหนึ่งถึงสิบใหม่อีกครั้งเพื่อให้รู้สึกตัว ค่อยๆหันหลังกลับมาช้าๆ เพื่อจะได้สบตากับใครบางคน...ที่ยืนมองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างนับตั้งแต่เริ่มต้น นานพอ...จะได้รู้ว่าไอ้ชิพมันคิดยังไงกับผม
พี่มาร์ค!...
แววตาคู่หวานคู่นั้นฉายแววเจ็บปวด มากมาย...อย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน มันตัดพ้อ แสดงความเจ็บช้ำออกมาจนผมรู้สึกเหมือนโดนมีดเฉือน...นัยน์ตาสุดแสนเย็นชาที่สามารถเปล่งประกายออกมาแผดเผาเราได้ในเวลาเดียวกัน...สายตาที่มองผมแล้วรู้สึกเหมือนตัวเล็กนิดเดียว...พร้อมทั้งประณามว่า ‘คนทรยศ คนทรยศ คนทรยศ!...’
คำสั้นๆเหล่านั้นดังสะท้อนก้องไปมาอยู่ในหู
ผมพยายามเปล่งเสียงออกไป แต่พูดไม่ออก หาเสียงตัวเองไม่เจอ
‘อย่า! พี่มาร์คอย่าเพิ่งหนีไปไหน ฟังแดนก่อน ฟังแดนก่อน!’
แต่สิ่งที่เล็ดลอดออกมา เป็นแค่เพียงคำพูดอึกอัก แผ่วเบา...
พี่มาร์คใช้สายตาเคียดแค้นมองผมสักพัก ก่อนจะส่ายหัว...เดินจากไป
‘อย่าเพิ่งนะคับพี่มาร์ค! พี่มาร์คเข้าใจผิด มัน...ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่มาร์คเห็น!...’
ทว่า...ไม่มีใครยืนให้ผมเห็น อีกต่อไปแล้ว...
โปรดติดตามตอนต่อไป