[เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate. จบแล้วค่าาาา
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate. จบแล้วค่าาาา  (อ่าน 17207 ครั้ง)

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
เรื่องสั้นเรื่องที่สองในเล้าค่ะ
แปลงมาจากงานตัวเองเมื่อนานมาแล้วอีกแล้ว T^T

ฝากด้วยนะคะ


อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 






White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
[/color][/size]

.
.
.

"แฮ่กๆ... แฮ่กๆ... แฮ่ก... "
เสียงหอบหายใจดังสลับกับเสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทางเดินสีขาวที่ทอดยาว

เม็ดเหงื่อที่ไหลย้อยลงตามไรผมเมื่อปะทะกับอากาศเย็นที่เกิดจากเครื่องปรับอากาศก็ทำให้รู้สึกหนาวจนขนลุกขนผอง ในใจวูบหวิวแปลกๆ ทั้งๆที่คิดไว้ว่าไม่ว่าอย่างไร... ค่ำคืนนี้สิ่งที่เขาปรารถนาให้เกิดขึ้นมาตลอดจะกำลังกลายเป็นจริง แต่ในหัวใจของเขากลับไม่ได้รู้สึกยินดีด้วยเลย หนำซ้ำเขายังรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังจะตายไปอย่างช้าๆอย่างไม่อาจจะหยุดความตายที่ว่านั้นลงได้

เพียงแค่หมอถอนเครื่องช่วยหายใจนั่นออก ตนุชก็จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ตลอดกาล...
















Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2012 16:09:09 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #1 เมื่อ12-03-2012 17:32:13 »

White Rose
กุหลาบขาวหมายถึงรับที่บริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน นอกจากการที่ฉันได้รักเธอ

.
.
.

เพลิงพายุไม่เคยเข้าใจในความคิดของมารุตผู้เป็นเพื่อนรักแม้แต่น้อย เพื่อนนักกีฬาฟุตบอลของเขามักจะยิ้มแหะๆ ซุ่มซ่าม ป้ำๆเป๋อๆ แต่ก็สูง หล่อ และสุภาพกับทุกคน บุคลิกที่แตกต่างกันของมารุตเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนชอบเขา เป็นที่รักของครอบครัว เป็นที่รักของเพื่อนๆ และเป็นที่รักของทุกคนที่ได้เจอ แต่เพลิงพายุก็ไม่เคยเข้าใจความคิดของมารุตว่าเหตุใดเขาถึงได้ชอบเด็กผู้ชาย และทำไมต้องเป็นเด็กที่มีนิสัยร้ายกาจอย่าง ตนุช ผู้ที่ทำให้มารุตเป็นตัวตลกเสมอในสายตาคนอื่น

วันวาเลนไทน์ปีสุดท้ายของการเป็นนักเรียน ผมเห็นเพื่อนผมเอาเงินที่ลงทุนลงแรงไปทำงานพิเศษมาตลอดสามเดือนวิ่งไปซื้อดอกกุหลาบสีขาวจัดใส่ช่อสวยงามจากร้านจัดดอกไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดเพียงเพื่อจะนำดอกไม้นั่นไปให้กับตนุช

เขาเฝ้ามองความงดงามของมันแล้วก็พร่ำเพ้อเปรียบเทียบดอกกุหลาบสีขาวที่บานแย้มกลีบอวดดอกสวยๆของมันอย่างภูมิใจกับความงดงามของตนุช

"สวย... บริสุทธิ์... ไม่มีสิ่งใดจะงดงามและเทียบเท่าได้อีกแล้ว"

ผมเห็นกุหลาบสีขาวช่อโตนั่นถูกรับไป ตนุชก้มมองมันอยู่นานก่อนจะทิ้งมันลงพื้นแล้วใช้หัวรองเท้าหนังยี่ห้อแพงขยี้มันจนแหลกเหลวคาพื้นห้องเรียน

"คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าเอาของพรรค์นี้มาเสนอให้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้เป็นเกย์นะถึงจะได้รับของจากผู้ชาย ไอ้วิปริต ไอ้ผิดเพศ ไปตายซะไป๊ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ ขยะแขยง"

แล้วจากวันนั้นเป็นต้นมา... มารุตก็ไม่ได้หายใจบนโลกนี้อีกต่อไป

ผมยังจดจำรอยยิ้มซื่อๆของเขาได้ดีตอนที่เขาถูกตนุชปฏิเสธ เขาก้มลงเก็บดอกกุหลาบเหล่านั้นขึ้นมาทีละดอกๆ ทีละกลีบๆ เขาโอบอุ้มมันไว้ด้วยหัวใจทั้งหมดของเขาก่อนที่เช้าวันต่อมาเขาจะจากไปตลอดกาลด้วยเลือดไม่ไปเลี้ยงสมองชั่วขณะทำให้สมองตาย เขาเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เพียงช่วงเวลาสั้นๆไม่ถึงห้าชั่วโมงดีก็จากไป

ลูกชายคนโตของบ้านจากไป ทำเอาครอบครัวของเขาซึมเศร้า... ผมยังหมั่นแวะไปเยี่ยมเยียนอยู่เสมอแม้ว่าเพื่อนรักของผมจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม ทุกคนยังคงยิ้มแม้จะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ฝืนใจ ต่างกับคนๆนั้นที่แม้จะทราบข่าวก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ยังคงหัวเราะกับพี่ชายได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ยังคงมีนิสัยแย่ๆกลั่นแกล้งคนอื่นไปวันๆ ทั้งๆที่เขาเพิ่งจะพรากชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งไป จิตใจของเด็กคนนั้นทำด้วยอะไร เขาไม่คิดบ้างเลยหรือไงว่าเขาได้พรากเอาชีวิตของคนๆ หนึ่งไป เขาทำลายอนาคตและรอยยิ้มของครอบครัวหนึ่งลง บนบ่าเล็กๆนั่นไม่ได้มีความรู้สึกผิดไปก่อไว้ให้มันไม่ได้รู้สึกตัวเลยหรือยังไงกัน!!!

ผมถูกส่งตัวไปเรียนต่อที่ต่างประเทศทันทีที่เข้าพิธีจบการศึกษา วันนั้นผมเห็นเด็กเลวนั่นวิ่งเข้าไปกอดแสดงความยินดีกับพี่ชายของมัน ฉับพลันน้ำตาก็ผมก็ไหลริน ผมหวนนึกถึงมารุตขึ้นมา... สายลมพัดรอบตัวผมทำให้ผมอนุมานไปว่าบางทีเขาก็คงอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน...

งั้นผมก็ขอสาปแช่ง... แช่งให้ไอ้เลวตนุชตายตกตามกันไปเป็นวิญญาณวนเวียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้เคียงกับเพื่อนผมที่รักมันจนสุดหัวใจ...

เสียงของมารุตในอดีตดังแว่วมาในความคิด...
"แล้วนายรู้ไหมว่ากุหลาบยี่สิบเอ็ดดอกมีความหมายว่ายังไง มันก็หมายความว่าชีวิตนี้ฉันมอบให้น่ะสิ"

งั้นฉันก็จะมอบชีวิตตนุชไปให้นายก็แล้วกันเพื่อน...

















TBC

พรุ่งนี้ถ้ากลับมาจากที่มหาลัยทันจะมาลงต่อนะคะ
มีทั้งหมดสี่พาร์ทตามชื่อเรื่องเลยค่ะ ^^
ฝากตนุชไว้ให้โอ๋กันด้วยนะคะ

ป.ล. ตนุชแปลว่าลูกชายค่ะ ><

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #2 เมื่อ12-03-2012 17:55:36 »

เข้ามาจิ้ม อิอิ
เห็นแบบนี้แล้วมันน่าจะโอ๋มั้ยล่ะเนี่ยตนุชเนี่ย
อ่านตอนนี้แล้วเหมือนเป็นเด็กที่ร้านกาจชะมัด
รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #3 เมื่อ13-03-2012 22:47:57 »

Red Rose
กุหลาบแดงหมายถึงความรักที่ฉันขอมอบให้เธอ

.
.
.

เมื่อผมได้กลับมายังเหยียบแผ่นดินเกิดอีกครั้ง สถานที่แรกที่ผมกลับไปคือบ้านอันแสนอบอุ่น ผมเห็นน้องสาวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่กับอาโปน้องสาวของเพื่อนรัก ตอนนี้ทั้งคู่เข้าทำงานแล้ว เวลาเพียงไม่นานที่ผมจากไปทุกอย่างดูเปลี่ยนแปลงไปมากมาย

ผมเข้าไปรับใช้ชาติอยู่อีกสองปี พอออกมาผมก็เริ่มงานในทันทีและทันทีที่ได้ทำงาน ลมของมารุตก็พัดอวลอยู่รอบกายผมก่อนจะปรากฏใบหน้าที่ผมไม่เคยลืมเลือนตลอดเวลาแปดปีที่ผ่านมา

"ไม่ได้เจอกันตั้งนาน... สบายดีล่ะสิ" ไอ้เด็กนั่นทักทายผมด้วยท่าทางยโสโอหังไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ลักษณะการยืนกอดอกเชิดหน้าโดยการเอียงคอไปด้านหนึ่งนั้นทำให้ผมรู้สึกอยากจะถีบคนขึ้นมาตะหงิดๆ

"ก็ดี... แล้วนายล่ะฆ่าคนตายไปตั้งคนหนึ่งแล้วก็ยังมีความสุขดีอยู่ล่ะสิ"

"แน่น๊อน" ตนุชตอบกลับมาเสียงสูง "มีความสุขมากเชียวล่ะที่เห็นไอ้ปัญญาอ่อนนั่นตาย หึ ไม่รู้นะว่านายทนคบกับมันเข้าไปได้ยังไงกันไอ้พวกผิดเพศแบบนั้น เอ... หรือว่า? นายก็เป็นพวกเดียวกัน นี่คงเป็นคู่ขากันมาก่อนด้วยล่ะสิ ใช่ไหม? ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ อ่อ... ฉันก็เพิ่งจะเข้าใจนะเนี่ย ที่แท้ก็เสียใจที่คู่ขาตายเลยจะมาแก้แค้นฉันล่ะสิ ฮ่าๆ"

ผมกำหมัดในมือแน่นพยายามระงับอาการโกรธเกรี้ยวที่ก่อขึ้นในใจอย่างช้าๆ ราวกับกำลังรอให้ตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาจนขุ่นมัวได้ตกหายไป แต่แล้วคนที่มือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำอย่างมันก็เอาเท้ากวนน้ำขึ้นมาอีกจนได้

"ไอ้โง่นั่นมันก็เชื่อคนง่ายเนอะ บอกให้ไปตายก็วิ่งไปตายเฉยเลย ฉันล่ะสงสารเจ้าของรถคันนั้นชะมัดเลยที่ต้องเอารถมาเหยียบคนสติไม่ดีแบบนั้น สู้เอาไปเหยียบมดมันจะยังมีค่ากว่าเลย"

ผลั่ก!!! ผมต่อยตนุชอย่างแรงจนมันไถลไปกับพื้น แล้วก่อนที่ผมจะทันได้เอาเท้าซัดมันซ้ำที่ท้องผมก็ถูกต่อยสวนกลับมาก่อนจนผมทรุดลงไปนอนกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เจอตะวันพี่ชายของไอ้สารเลวนั่นยืนค้ำหัวอยู่

"มึงต่อยน้องกูทำไม ได้ข่าวว่าไปเรียนเมืองนอกมาการศึกษาไม่ได้ทำให้ความคิดสูงขึ้นเลยหรือยังไงเพลิง ถึงได้ใช้กำลังทำตัวเป็นคนไร้การศึกษาแบบนี้"

"งั้นมึงถามน้องมึงก่อนไหมว่าทำตัวสารเลวติดดินขนาดไหน ถ้าชาตินี้กูทำให้น้องมึงสำนึกไม่ได้ว่าเคยทำอะไรกับมารุตไว้กูก็ไม่หยุดแค่ต่อยน้องมึงแน่"

"งั้นมึงเตรียมไปหาลูกค้ารายใหม่ได้เลยเพราะกูตัดสินใจยกเลิกดีลงานกับบริษัทมึงแล้วตั้งแต่มึงต่อยน้องกู ไปตนุช กลับบ้าน" ท้ายประโยคตะวันหันไปเรียกน้องชายที่นอนอยู่บนพื้น แต่ก็ไร้การตอบสนอง ตะวันเรียกอีกสองสามทีแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ ผมชักเริ่มใจไม่ดีเมื่อสังเกตเห็นเลือดสีแดงๆไหลนองเต็มพื้น

ตะวันพุ่งตัวไปหาน้องชายอย่างรวดเร็วเมื่อเรียกเป็นครั้งที่สามแล้วยังไม่มีเสียงตอบ พอพลิกหน้าตนุชขึ้นมาเลือดก็เกาะอยู่เต็มใบหน้าขาวซีดนั่นจนเหมือนคนเพิ่งตายดูน่ากลัว ผมพยายามคลานไปหาทั้งคู่แต่หมัดของตะวันก็หนักพอที่จะทำให้ผมแข้งขาสั่นไปหมด

ไม่นานเสียงตะโกนเรียกคนมาช่วยก็ดังลั่น รอบตัวผมพลันวุ่นวายขึ้นในพริบตา หูของผมอื้ออึ้ง ตาของผมคล้ายจะมืดบอดเมื่อมองไม่เห็นอะไรนอกจากใบหน้าเปื้อนเลือดของตนุช ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ผมสาบานได้ว่าผมไม่เคยทำร้ายใครอย่างตั้งใจมาก่อน และนี่เป็นครั้งแรกและมันก็ทำให้ผมกลัวมากเลยทีเดียวถ้าหากตนุชจะเป็นอะไรไป

รู้สึกตัวอีกที ผมก็เห็นเพดานสีขาวพร้อมกลิ่นยาของโรงพยาบาล สมองประมวลผลในทันทีว่านอกจากตนุชแล้วก็คงมีผมอีกคนที่ถูกหามส่งโรงพยาบาล

ผมหยัดตัวขึ้นนั่งแล้วจัดการดึงสายน้ำเกลือออก ผมไม่ต้องการนอนอยู่แบบนี้ในขณะที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร ทันใดนั้นผมก็พลันเกิดความสงสัยว่าเหตุใดผมถึงได้รู้สึกว่าการทำร้ายคนอื่นช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นนักในขณะที่ตนุชผู้ซึ่งตัวเล็กและอ่อนแอกว่าผมมากนักกลับเห็นว่าการทำร้ายคนอื่นเป็นเรื่องง่ายดายราวกับว่ากำลังเล่นเกมอยู่

เมื่อเปิดประตูห้องออกผมก็เห็นตะวันกำลังเดินเข้าไปอีกห้องพอดี ผมจึงหลุดปากเรียกออกไป เขาหันมามองหน้าผมด้วยสายเคียดแค้น แน่นอนล่ะก็ตนุชเป็นน้องรักของเขานี่นา จึงน่าแปลกใจไม่น้อยที่ผมยังสามารถยืนอยู่ได้โดยที่ตะวันไม่พุ่งมาต่อยผมอีกรอบ

"มีอะไร?" น้ำเสียงห้วนจัดบ่งบอกได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะคุยกับผมสักนิด

"ตนุชเป็นยังไงบ้าง"

"ก็ดี แค่ฟกช้ำ... แล้วก็เลิกคิดเรื่องจะขอทำสัญญากับบริษัทฉันใหม่ล่ะเพราะฉันสั่งงานให้เลขาฯยื่นเรื่องขอยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือฉันจะไม่จ่ายค่ายกเลิกสัญญาแลกกับการยอมความเรื่องที่นายต่อยน้องฉัน นายคงไม่อยากให้มีข่าวของนายพาดหัวในวันพรุ่งนี้ใช่ไหมเพลิงพายุ"

"ฉันไม่ติดใจเรื่องสัญญาอะไรทั้งนั้นแหละ เพียงแต่... คือ... ฉันขอโทษ ฉันฝากคำขอโทษไปให้ตนุชด้วย คือ... ฉันทำไปด้วยความโมโหน่ะ"

ตะวันเลิกคิ้วขึ้นสูง เขามองผมคล้ายจะมองให้เต็มตาแล้วพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาก่อนจะหายเข้าไปในห้องพักที่คาดว่าน่าจะเป็นของตนุช "นายนี่แปลกคนดีนะเพลิงพายุ อีกอย่างฉันไม่ใช่เมสเซ็นเจอร์รับฝากข้อหรือข้อความจำไว้ด้วย"

หลายวันผ่านมาแล้วที่ผมไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยจากทางฝั่งนู้น ผมโดนทางบอร์ดบริหารตำหนิอย่างหนักในเรื่องที่ใช้กำลังจนทำให้ทางบริษัทเสียลูกค้ารายใหญ่อย่างทางบ้านของตนุชไปและที่สำคัญคือผมถูกพักงานยาวหนึ่งเดือนจากพ่อเพื่อให้ทบทวนพฤติกรรมที่ผ่านมา

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ผมว่าง ผมจึงตัดสินใจไปโบสถ์เพื่อสวดมนต์อย่างที่ทำมาตลอดตั้งแต่ถูกพักงาน ผมใช้จักรยานคันเก่าที่เคยใช้สมัยเรียนมาปั่นไปโบสถ์แทนการขับรถไปอย่างทุกวัน และนั่นเองที่ทำให้ผมได้ย้อนถึงวัยเรียนที่มีผมและมารุตเป็นคู่ซี้คนดังประจำโรงเรียน เราสองคนต่างเป็นเพื่อนเล่นฟุตบอลที่เล่นเข้าขากัน ผมจะเป็นกองกลางที่คอยโยนลูกส่งให้เขาได้ทำประตู ทุกๆ เย็นเราจะปั่นจักรยานกลับบ้านพร้อมกันและมักจะแวะซื้อไอติมรสกาแฟที่ร้านสะดวกซื้ออยู่เสมอ น้องสาวของเราสองคนต่างก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เราเคยคุยกันเล่นๆว่าในอนาคตถ้าเราได้เกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันก็คงดี

ผมจอดจักรยานไว้ใต้ต้นหูกวางต้นใหญ่ที่เริ่มจะผลัดใบ ระหว่างนั้นผมก็แวะไปที่หลุมศพของมารุตจัดการอย่างที่ทำทุกวันคือถอนวัชพืชแล้วก็สาดน้ำไล่ฝุ่นหลังจากนั้นผมก็ไปเด็ดเอาดอกหญ้ามาสองสามดอกวางไว้หน้าหลุมก่อนจะเดินเข้าโบสถ์เพื่อไปสวดมนต์

เมื่อออกมาจากโบสถ์สายลมเย็นก็ได้ห่อหุ้มผมเอาไว้ ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเดินกลับไปที่หลุมศพของมารุตอีกครั้งทั้งๆ ที่ทุกวันที่ผ่านมาผมเพียงแวะแค่ตอนขามาเท่านั้น แล้วผมก็ต้องแปลกใจเมื่อผมเห็นดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่วางอยู่เคียงข้างกับดอกหญ้าของผม พอผมนับดูมันก็เป็นจำนวนยี่สิบเอ็ดดอกพอดี

เสียงของมารุตในอดีตดังแว่วมาในความคิด...
"แล้วนายรู้ไหมว่ากุหลาบยี่สิบเอ็ดดอกมีความหมายว่ายังไง มันก็หมายความว่าชีวิตนี้ฉันมอบให้น่ะสิ"

ใครกันนะที่จะมามอบชีวิตให้กับคนที่ตายไปแล้วกัน... ผมได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจก่อนจะกลับบ้านไปเพื่อพบเจอกับเรื่องไม่คาดคิด

เมื่อผมเดินผ่านไปที่ห้องนั่งเล่นผมก็พบแม่กำลังคุยกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งแม้จะมองเห็นเพียงด้านหลังผมก็จดจำได้ทันทีว่าเป็นตนุช

ผมทำหน้าฝืดยิ้มส่งไปให้ทั้งๆที่ในใจมันยิ้มไม่ออก แม่บอกว่าตนุชมีธุระจะคุยกับผมท่านเลยขอตัวไปพักผ่อนก่อนจะไปท่านยังเข้ามาบอกให้ผมดูแลตนุชให้ดีเพราะนี่อาจจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เราได้เขากลับมาเป็นลูกค้าดังเดิม

ผมตัดสินใจเลือกที่นั่งริมสระน้ำเพื่อพูดคุยด้วยมั่นใจว่าที่ตรงนั้นจะไม่มีใครสามารถเข้ามาแอบฟังเราคุยได้ หลังจากที่สาวใช้เอาขนมและเครื่องมาเสิร์ฟแล้วผมก็นิ่งเงียบรอเวลาที่เขาจะเอ่ยขึ้นมาก่อน

"ไม่มีอะไรจะพูดกับฉันเลยหรือไง เงียบอยู่ได้" ตนุชเอ่ยปากเมื่อเค้กของเขาหมดไปครึ่งก้อน ผมทำหน้าสงสัย ผมเนี่ยนะมีเรื่องที่อยากจะพูดกับเขา เขาไม่รู้หรือไงว่าหน้าเขาเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากจะเห็น

"อะไรที่ทำให้ให้นายคิดว่าฉันมีเรื่องจะคุยด้วย คงเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง..."

"พี่ซันบอกว่านายมีเรื่องจะบอกฉัน ฉันเลยมา... ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเหยียบที่นี่นักหรอกรู้ไว้เสียด้วย"

"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละสำหรับคนอย่างนาย ฉันไม่เข้าใจนะว่าทำไมพี่นายถึงพูดอย่างนั้นแต่สำหรับฉันหน้านายคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากจะเห็น"

ตนุชมีสีหน้าสะอึกไปเล็กน้อยก่อนจะคว้าเอาแก้วน้ำองุ่นมาสาดใส่หน้าผมเต็มๆจนเสื้อสีขาวที่ผมใส่แดงฉาดไปหมด

"งั้นต่อไปนี้ก็อย่ามาให้ฉันเห็นก็แล้วกัน ไอ้งี่เง่า" แล้วเขาก็เดินหายไป ผมกลับเข้าตัวบ้านอีกทีแม่ก็ร้องตกตกใจเสียยกใหญ่แต่พอผมบอกว่าเป็นแค่น้ำองุ่นท่านก็ค่อยคลายใจแล้วก็หันมาดุผมที่ทำให้ลูกชายคนเล็กของลูกค้ารายใหญ่โกรธอีกจนได้

แปลกประหลาดอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ผมได้พบกับตะวันในวันถัดมาที่โบสถ์ เขากำลังนั่งสวดมนต์อยู่พอเมื่อเขาหันกลับมาเห็นหน้าผมเขาก็ยิ้มให้ "นายนี่นอกจากจะโง่แล้วยังขี้ลืมอีกนะ"

ผมหน้าม้านไปชั่วขณะที่ฟังคำพูดของตะวันจบและถามออกไป "ฉันไม่เข้าใจว่านายหมายถึงอะไร ฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอ"

"ผิดตั้งแต่โง่แล้ว" คราวนี้ตะวันหัวเราะเสียงดังลั่นโบสถ์ "ฉันจำได้ว่าเคยบอกไปแล้วนะว่าฉันไม่ใช่คนรับฝากข้อความ ถ้านายมีเรื่องจะพูดอะไรกับตนุชก็บอกเขาไปสิไม่ใช่มาฝากฉัน ตอนนี้ฉันชักเชื่อแล้วล่ะว่าความโง่มันติดต่อกันได้ อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะเดี๋ยวเชื้อโง่มันจะติด"

ผมมองตะวันเดินออกจากโบสถ์อย่างไม่เข้าใจในคำพูดของเขานัก พอผมเริ่มสวดมนต์ไปสักพักผมก็เริ่มระลึกขึ้นได้... ผมนี่มันโง่จริงๆ

หลังจากที่ผมได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ผมก็ได้รับข่าวจากพ่อว่าผมต้องรับเด็กคนหนึ่งมาฝึกงานด้วย และเด็กคนที่ว่าก็คือตนุช

ผมออกจะสับสนไม่น้อยแต่พ่อก็บอกให้ผมดูแลเขาให้ดีๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการแลกกับการทำสัญญาอีกครั้งของบริษัทผมกับของเด็กร้ายนั่น

ผมนึกหวั่นๆในใจ แต่จากนี้ต่อไปชีวิตของผมคงเปลี่ยนไป... ตลอดกาล...







TBC

เน็ทป่วงมากกว่าจะลงได้ T^T
ตอนต่อไปเจอกันพรุ่งนี้นะคะ

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #4 เมื่อ13-03-2012 23:00:12 »

ตนุชคงชอบเพลิงพายุ

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #5 เมื่อ14-03-2012 08:29:25 »

Milk Chocolate
ช็อกโกแลตนมหมายถึงความโรแมนติกที่หอมหวานอบอวลและสนุกสนานถูกใจ

.
.
.

"ถ้าพี่ซันไม่สั่งฉันก็ไม่มาหรอกนะ นอนอยู่บ้านเฉยๆสบายกว่าออกมาทำงานตั้งเยอะ" ตนุชพูดทันทีที่เราพบหน้ากันในการทำงานวันแรก

เขามีหน้าที่คอยศึกษางานจากผมที่ก็ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์เท่าไหร่ แม้พ่อผมจะไม่ค่อยพอใจแต่เพื่อเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากการทำสัญญาดีลงานกันนั้นก็ทำให้พ่อผมและบอร์ดบริหารทุกคนเห็นพ้องยินยอมให้ตนุชมาเดินเฉิดฉายได้ในบริษัทพร้อมกับอภิสิทธิ์มากมายต่างๆ

ทุกวันตนุชจะมาทำงานเมื่ออีกครึ่งชั่วโมงจะใกล้เที่ยง พอมาถึงเขาจะสั่งให้เลขาฯ ของผมชงโกโก้เย็นโรยคอนเฟลคด้านบนให้หนึ่งแก้ว เดินมาคว้าเอกสารเก่าๆ ในตู้ของผมดูสองสามเล่ม นั่งอ่านไปสักพักพอเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็จะเลิกสนใจเอกสารตรงหน้าแล้วก็เตรียมตัวออกไปทานข้าวกับพี่ชายคนโตสุดที่มารอรับถึงหน้าบริษัท พอใกล้บ่ายสามก็จะกลับเข้ามา หยิบเอาเอกสารที่อ่านค้างไว้เมื่อสายมาอ่านต่อ สักพักก็หลับไป พอใกล้จะหกโมงเย็นโทรศัพท์ส่วนตัวของตนุชก็ดังขึ้นเป็นอันว่าวันนี้ตนุชทำงานเสร็จแล้วและพี่ชายคนรองก็จะมารอรับอยู่ที่หน้าบริษัทเช่นเดิม

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบเดือนจนผมที่ระอาเริ่มชาชิน ก็เข้าใจนะว่าลูกชายคนเล็กจะไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ยิ่งสำหรับครอบครัวนั้นที่มีแต่ลูกชายที่โตๆแล้วและทำงานทำการจนจะขึ้นเป็นประธานบริษัทอยู่อีกไม่กี่ปีอย่างพี่ชายคนโตของตนุชแล้ว เด็กนั่นจึงไม่ต่างจากลูกชายวัยไม่กี่ขวบที่ทำอะไรไม่เป็นและต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลา

จนกระทั่งวันหนึ่งตะวันมาเยี่ยมตนุชที่บริษัทของผม พอเขาเห็นการทำงานของตนุชเขาก็เอ็ดเด็กนั่นเสียยกใหญ่จนตนุชเบะปากคล้ายจะร้องไห้ แล้ววันต่อมา... ตนุชก็มาทำงานแต่เช้าและตั้งใจกว่าเดิม

"นี่... ตรงนี้คืออะไรเหรอ" อยู่มาวันหนึ่งเขาก็เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับเอกสาร ผมปรายตามองหัวเอกสารที่รายงานงบประมาณการก่อสร้างของเมื่อยี่สิบปีที่แล้วก่อนจะดึงเอกสารจากมือตนุชมาดู

"ตรงนี้ที่ว่าคือตรงไหน"

"งบประมาณโดยรวมไง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเลขมันถึงไม่ตรงกัน"

"ไม่ตรงยังไง"

"ก็ตัวเลขค่าสินค้ากับยอดสุทธิมันไม่ตรงกันนี่ อย่าดูถูกคนที่จบบัญชีมานะ" พอตนุชเริ่มขึ้นเสียงผมถึงได้ทำทีสนใจจริงจัง ผมมองตัวเลขคร่าวๆก่อนที่จะเห็นถึงความผิดปกติของตัวเลข... ผมเรียกเลขาฯหน้าห้องให้ไปตามตัวคนตรวจบัญชีมาพบ เมื่อเขาเข้ามาผมก็โยนเอกสารชิ้นนั้นไปให้เขาตรวจพร้อมกับบอกให้ตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายของปีนั้นด้วย

เมื่อผมเจอความไม่ชอบมาพากลแบบนี้ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องโทรไปรายงานประธานบริษัทซึ่งก็คือคุณพ่อของผมให้ทราบในทันทีแม้มันจะเป็นเรื่องที่ผ่านมายี่สิบปีแล้วก็ตาม

หลังจากผ่านเรื่องที่ตนุชเจอความผิดปกติของบัญชีได้สองสัปดาห์ทางบริษัทก็สามารถหาหลักฐานจับกุมผู้กระทำความผิดได้นั่นก็คือพนักงานอาวุโสคนหนึ่งที่ทำงานมานานแล้ว เขาสารภาพเพียงว่าตอนนั้นทำเพราะติดการพนันแต่ก็ไม่ได้ทำมาอีกเพราะทำแค่สี่ห้าครั้งก็กลัวแทบแย่แล้ว

ที่สำคัญมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก มันอยู่ที่ตนุชคนนี้ต่างหากล่ะ เด็กนั่นได้รับคำชมจากครอบครัวผมและทางบอร์ดบริหารมากมาย จนถึงขนาดคิดจะให้ตนุชมาเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของทางบริษัทเลย คราวนี้ตนุชก็ยิ่งลอยหน้าลอยตากว่าเดิมมิหนำซ้ำยังมาบ้านผมอีกบ่อยๆเพราะแม่ผมติดใจในลีลาออดอ้อนของมันเข้าเต็มเปา

ผมยังไม่ลืมหรอกนะว่าภายใต้ใบหน้าไร้เดียงสาบริสุทธิ์นั่นเคยทำความชั่วอะไรไว้บ้าง... มันจะต้องมีสักทางที่ทำให้คนชั่วๆ อย่างตนุชต้องได้รับบทเรียนและสำนึกผิดไปจนตัวตาย มันต้องมีสักวันสิ

วันนี้ที่บ้านของผมจัดงานเลี้ยงเล็กๆขึ้น และแน่นอนว่าตนุชจะต้องมา...

ผมลงไปที่ริมสระน้ำเมื่อตอนทุ่มตรงพอดี แขกมากันพอสมควรแล้วและผมก็เห็นตนุชนั่งคุยอยู่กับแม่ น้องสาวผมและอาโปน้องสาวของมารุต

ผมไม่เข้าใจ ทำไมอาโปถึงไปคุยกันคนที่ไล่พี่ชายเขาให้ไปตายได้ แต่พอมานึกดูอีกทีที่บ้านของมารุตไม่มีใครรู้สักคนนี่นาว่ามารุตชอบตนุช คงจะเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับถ้ารู้ว่าลูกชายที่ตั้งความหวังไว้ชอบเพศเดียวกัน

งานเลี้ยงนี้เชิญเฉพาะคนสนิทของครอบครัวเท่านั้นและเป็นงานเลี้ยงที่จะจัดสองสามเดือนครั้งเพื่อสังสรรค์กันธรรมดา ผมเพิ่งรู้จากปากของน้องสาวว่าตนุชหอบเอาผ้าไหมอย่างดีจากเชียงใหม่มาประจบแม่ผม แม่ผมถึงได้หน้าบานแล้วก็ดูแลเด็กเลวนั่นเสียดิบดี

ผมไม่ค่อยจะพอใจนักเมื่อเห็นอาโปสนิทสนมกับตนุชเป็นพิเศษ เมื่อได้โอกาสผมจึงดึงแขนอาโปไปคุยกันที่หลังบ้าน

"พี่ไม่ชอบเลยที่เห็นเราไปคุยกับตนุช เด็กคนนั้นนิสัยไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่"

"พี่หึงเหรอ..."

ผมเฉไฉไม่ยอมมองตาอาโปก่อนจะบอกว่าเปล่า แต่ก็ไม่ลืมจะหยิบเอาของขวัญที่ไปเดินหาซื้อมาตั้งนานให้เธอไป

"สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะน้ำ"

อาโปไม่ตอบกลับ เธอเอาแต่ก้มหน้ามองกล่องใส่สร้อยคอเพื่อซ่อนแก้มแดงๆ ผมกำลังคิดว่าถ้าทุกอย่างลงตัวดีแล้วผมจะขออาโปแต่งงานและมันก็คงไม่เกินในสองปีแน่

พอเราสองคนเดินกลับมาที่โต๊ะก็พบกับภาพความวุ่นวายเมื่อมีคนตกลงไปในน้ำ และไม่ใช่ใครเป็นตนุชนั่นเองที่ถูกแขกสักคนชนจนตกน้ำ เด็กนั่นว่ายน้ำไม่เป็นและพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากสระอย่างพยายาม ผมจึงรีบพุ่งตัวลงไปช่วยเมื่อเห็นทุกคนยังทำทีเป็นละล้าละลังไม่กระโดดลงไปช่วยสักทีด้วยกลัวว่าชุดที่ใส่มาจะเปียกน้ำ

พอลากตนุชขึ้นมาจากสระได้ เขาก็เอาแต่ไอสำลักน้ำ ผมสีดำยาวประบ่าลู่ไปตามโครงหน้าและลำคอ เสื้อสีขาวที่สวมใส่มาเมื่อเปียกน้ำก็เผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในที่ผอมแห้งและขาวซีดเหมือนศพ แม่สั่งให้ผมพาตัวเองและตนุชไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจึงต้องจำใจให้เด็กนี่เข้ามาในห้องส่วนตัวของผมเพื่อจะได้เอาเสื้อผ้าผมไปใส่

ผมให้ตนุชเข้าไปอาบน้ำก่อนเพราะเห็นปากเขาซีดขาวจนน่ากลัว ส่วนผมก็ไปหาผ้าเช็ดตัวมาคลุมไหล่ตัวเองบ้างเพราะหนาวด้วยเหมือนกัน สงสัยคราวหลังถ้าคิดจะจัดปาร์ตี้ช่วงหน้าหนาวคงต้องย้ายมาจัดในบ้านแล้วกระมังจะได้ไม่ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

สักพักตนุชก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับชุดใหม่ที่ค่อนข้างจะหลวม ส่วนผมก็ชิ่งเข้าห้องน้ำทันทีเพราะรู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูก พอผมออกมาจากห้องน้ำอีกทีผมก็เจอตนุชหลับไปบนเตียงของผมเรียบร้อยแล้ว ผมตัดสินใจไม่ปลุกเขาปล่อยให้เขานอนต่อไป ส่วนผมก็กลับลงไปงานข้างล่าง จนใกล้จะสี่ทุ่มพี่ชายคนรองของตนุชก็มารับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นหน้าตาพี่ชายคนอื่นของเด็กนี่นอกจากตะวันที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น

พี่ชายคนรองคนนี้ตัวใหญ่โตเหมือนหมี เขาบอกว่าชื่อตรุ และพอเราบอกตนุชหลับอยู่เขาก็ขออนุญาตขึ้นไปรับซึ่งพอลงมาอีกทีผมก็เห็นว่าตรุอุ้มตนุชในสภาพหลับใหลไม่ได้สติลงมา

ดูแลแล้วก็โอ๋กันดีอย่างนี้นี่เองเจ้าเด็กนี่ถึงได้เอาแต่ใจนัก...

หลังจากวันนั้นตนุชก็ดูเหมือนจะเรียบร้อยขึ้น แล้วก็เอาแต่มองผมด้วยสายตาแปลกๆรวมไปถึงการทำตัวแปลกๆด้วยแค่การที่ผมเห็นกล่องคุ้กกี้ในถุงกระดาษที่เขาเอาเสื้อผ้ามาคืนผมก็แปลกพอควรแล้วล่ะแต่ที่แปลกไปกว่านั้นก็คือมันตามผมมาทานข้าวเที่ยงแทนที่จะออกไปพร้อมพี่ชายอย่างทุกวัน

"นายก็ชอบทานปลาเหรอ เหมือนฉันเลย ฉันก็ชอบทานปลา โดยเฉพาะปลาไหลย่างซีอิ๊วเนี่ยอร่อยสุดๆเลยเนอะ" ประโยคแปลกประหลาดที่ออกมาจากปากของตนุชทำให้ผมเลิกคิ้วอย่างสงสัย นี่มันกินอะไรผิดสำแดงเข้าไปหรือเปล่าเนี่ย ผมว่าตนุชดูแปลกไปจนไม่น่าไว้ใจแล้วนะ

"อืม... ทำไมวันนี้นายไม่ไปทานข้าวเที่ยงกับพี่นายล่ะ"

"อ่อ ฉันคิดได้ว่าการที่ให้พี่ชายขับรถมารับมาส่งทุกวันเนี่ยมันเปลืองน้ำมันไปหน่อย ช่วงนี้น้ำมันยิ่งแพงๆอยู่ ฉันเลยคิดว่าการมาทานข้าวกับนายที่โรงอาหารของบริษัทมันประหยัดกว่าน่ะ"

ถ้าผมไม่คิดมากไป ไอ้รอยยิ้มเหมือนผู้หญิงเขินอายเนี่ยหมายถึงว่าตนุชชอบผมแล้วล่ะก็ นี่ผมกำลังถูกจีบอยู่ใช่ไหม

หลังจากนั้นตนุชก็แทบทำตัวติดอยู่กับผมตลอดเวลาแถมยังชอบไปเป็นแขกทานอาหารค่ำที่บ้านอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้ไอ้อาการยิ้มบ่อยๆของตนุชก็กลายเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้ว

ถ้าเด็กนั่นชอบผมจริงๆ ผมควรจะทำอย่างไรดีนะเพราะผมก็มีอาโปอยู่แล้ว...









TBC

ตอนต่อไป มาเย็นๆ ค่ะ ^^

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #6 เมื่อ14-03-2012 11:08:14 »

เรื่องราวมันลึกลับซับซ้อนดีจริง
ตามต่อนะคะ

ออฟไลน์ andear

  • ยาราไนก๊ะ ??
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 839
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-1
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #7 เมื่อ14-03-2012 13:09:46 »

เริ่มแล้ว อิอิ

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #8 เมื่อ14-03-2012 14:04:47 »

มันจะยังไงต่อนิ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #9 เมื่อ14-03-2012 15:12:27 »

อ่ะนะ ความรู้สึกสวนทางกันไปมาแบบนี้ก็น่าลุ้นไปอีกแบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-03-2012 15:12:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #10 เมื่อ14-03-2012 16:04:18 »

Dark Chocolate
ช็อกโกแลตแท้หมายถึงรักร้อนแรงที่ติดไฟอย่างรวดเร็ว

.
.
.

ถ้าสิ่งที่ผมกำลังจะทำเป็นเรื่องที่เสี่ยงแล้วล่ะก็... ผมก็ยินดีที่จะเสี่ยงถ้ามันแลกได้กับการแก้แค้น

ผมย้ายออกมาจากบ้านเพื่อมาอยู่ที่คอนโดฯใกล้ที่ทำงาน ด้วยช่วงนี้งานของผมมีเยอะขึ้นผมเลยเลือกที่จะขับรถไม่นานก็ถึงที่นอนดีกว่าถ่างตาขับรถกลับไปนอนบ้านที่ตั้งอยู่เกือบนอกเมือง

ตนุชก็ยังทำตัวแปลกๆเหมือนเดิม เด็กนั่นศึกษางานจนเชี่ยวชาญแล้วแต่ก็ไม่ยอมออกไปเสียที พ่อของผมเองก็เห็นชอบที่จะหาตำแหน่งให้เด็กนั่นทำในบริษัท และตำแหน่งที่ว่าก็มาตกที่ว่าเด็กนั่นจะกลายมาเป็นผู้ช่วยผม

"จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะเรียกนายว่าพี่"

"หา?" ผมตกใจแทบจะปล่อยเส้นสปาเก็ตตี้ออกจากปากเมื่อจู่ๆ ตนุชก็พูดขึ้นมา ผมอยากจะตอบกลับไปว่าถึงแม้นายจะอ่อนกว่าฉันตั้งห้าปีแต่นายก็ไม่เคยคิดจะเรียกฉันว่าพี่มาก่อนก็อย่าได้ทำเลยเหอะเพราะมันคงจะจั๊กจี้น่าดู หากแต่พอมองตากลมโตที่มองมาอย่างมีความหวังนั่นแล้วผมก็ได้แต่กลืนคำปฏิเสธลงคอไปพร้อมกับเส้นสปาเก็ตตี้ "ก็... ตามใจนายสิ"

ตนุชฉีกยิ้มออกมาเสียกว้างจนแก้มดันตากลมให้ยิบหยีเป็นประกาย

"พี่เพลิง..."
เหมือนเสียงแมวเลยแหะ

ไม่นานเด็กนี่ก็ติดผมแจ เหมือนกำแพงระหว่างเราสองคนมันหายไป จะว่าไปความจริงตนุชก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ย ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมใครๆ ก็ชอบเด็กนี่ อ้อนเก่งประจบเก่งเป็นที่หนึ่งสมแล้วที่เป็นน้องเล็ก

"วันนี้ผมไปทานมื้อเย็นกับพี่เพลิงที่คอนโดฯ ด้วยคนนะ"

ให้ตายสิ นี่มันจะวันที่สี่ของสัปดาห์แล้วนะที่ตนุชขอไปทานข้าวที่ห้องผม แต่ผมก็พยักเพยิดไปแล้วเด็กนั่นก็ดีใจกระโดดเหยงๆกลับไปทำงาน

ตกเย็นผมก็แปลงร่างเป็นเชฟอาหารจีนทำบะหมี่เกี๊ยวไส้ปูให้ตนุชที่พอมาถึงห้องผมก็เอาแต่เปิดนั่นเปิดนู่นดู จนเมื่อได้เวลาทานอาหารเย็น ผมกับเขาก็มานั่งที่โซฟาหน้าทีวีเปิดดูการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลไปโซ้ยบะหมี่ไป แต่พอบะหมี่หมดเกมมันยังไม่จบผมกับเขาก็เลยนั่งดูต่อ ไม่นานผมก็รู้สึกหนักๆที่ไหล่ พอหันไปดูก็เห็นว่าตนุชหลับไปแล้ว ผมตัดสินใจปิดทีวีเอาชามกับแก้วน้ำไปเก็บที่ครัวแล้วกลับมาอุ้มตนุชเข้าไปนอนในห้อง คิดไว้ว่าถ้าเด็กนี่ตื่นขึ้นมาจะพาไปส่งบ้าน แต่ตนุชก็นอนหลับยาวจนผมตื่นมาอีกทีมันก็เช้าไปแล้ว

ผมได้กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นลอยออกมาจากครัว เมื่อเดินเข้าไปก็เจอตนุชกำลังชงกาแฟอย่างตั้งใจ บนบาร์ก็มีแก้วโกโก้เย็นของตัวเองวางไว้เรียบร้อย

"อ่ะ พี่เพลิงตื่นแล้วเหรอฮะ ผมชงกาแฟใกล้เสร็จพอดี นี่ผมปิ้งขนมปังไว้ด้วยนะ ว่าแต่พี่มีแยมส้มไหมอ่า ผมอยากทานขนมปังกับแยมส้มจังเลย"

"รู้สึกว่าอยู่บนชั้นนะ เดี๋ยวหยิบให้ก็แล้วกัน"

เด็กนั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวเมื่อผมเอาแยมส้มไปให้ ผมเลยปลีกตัวออกไปล้างหน้าแปรงฟัน กลับมาอีกทีก็เจอตนุชนั่งซดโกโก้เย็นอยู่บนโซฟาตาโตๆ นั่นก็จับจ้องดูรายการข่าวในทีวี

"เมื่อคืนพี่พาผมไปนอนในห้องเหรอฮะ ความจริงไม่น่าลำบากเลยนะฮะปลุกผมเลยก็ได้ เลยกลายเป็นว่าผมมาแย่งที่นอนพี่ไปเลย"

"ไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่ทานยังไงให้เลอะเทอะเนี่ย ตั้งยี่สิบเอ็ดแล้วยังทำตัวเหมือนเด็กอีก" ผมเอ็ดเบาๆก่อนจะคว้าทิชชู่จากกล่องมาเช็ดคราบแยมส้มที่ติดแก้มเด็กนั่นเบาๆ พอเช็ดเสร็จผมก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าตนุชหน้าแดง

เราออกไปทำงานพร้อมกันโดยที่ตนุชยืมชุดของผมใส่ไปก่อนแล้วโทรให้พี่ชายเอามาให้ที่ทำงาน ตะวันโผล่มาในตอนใกล้เที่ยง เที่ยงนี้ผมเลยไม่มีคนทานข้าวเป็นเพื่อนอย่างทุกวันเพราะตะวันเอาตัวตนุชไป

และหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาผมว่าความสัมพันธ์ของผมกับตนุชดีขึ้นนะ เรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ตนุชชอบมาค้างที่ห้องผมบ่อยๆ ไม่นานห้องของผมก็เริ่มมีข้าวของของตนุช ทั้งเสื้อผ้า แปรงสีฟัน น้ำหอม รองเท้าแตะหัวแมว หรือแม้กระทั่งผ้าปูที่นอนลายตัวการ์ตูนสีขาวๆ อ้วนกลมที่ผมได้ยินตนุชเรียกว่ามาชิโมโร่ นี่ยังไม่รวมถึงตุ๊กตุ่นตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยที่วางทิ้งไว้ทุกห้องของคอนโดฯอีกนะ ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปที่ไหนผมก็ต้องเห็นไอ้ตุ๊กตาอ้วนกลมนี่ทุกทีละ

"พี่เพลิง วันนี้ผมขอค้างนะ"

ไม่ต้องขอก็เห็นค้างทุกทีจนคนแถวนี้เริ่มคุยกันว่าผมซุกเด็กหนุ่มไว้แล้วล่ะ

และคืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่ผมกลายร่างเป็นหมอนข้างให้เด็กนี่มันกอด เส้นผมนุ่มนิ่มปัดป่ายอยู่บริเวณต้นคอผมให้ได้รู้สึกจั๊กจี้ มือบางเพิ่มแรงขยำเสื้อนอนผมก่อนจะเบียดตัวเข้าหา ไม่นานหัวทุยก็มาเกยอยู่บนหน้าอกผมพร้อมกับขาเล็กๆ ที่พาดแทรกอยู่หว่างขาผม ผมตัดสินใจเก็บหนังสือที่อ่านค้างไว้แล้วปิดไฟหัวเตียง เมื่อความมืดปกคลุมผมก็ขยับตัวให้นอนสบายๆ เด็กโข่งนี่ก็ขยับนิดหน่อยแล้วก็นิ่งหลับต่อ ตนุชตอนหลับนี่ก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย

ในฝันผมเห็นตัวเองนั่งอยู่ท่ามกลางดอกกุหลาบสีขาวนับพัน ไม่ไกลจากกันมีตนุชยืนอยู่ เลือดจากลำคอของเขาไหลหยดลงบนกลีบดอกสีขาวจนย้อมให้มันกลายเป็นกุหลาบแดง

'พี่รักผมหรือเปล่า?'

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นในทันทีก่อนจะเจอตาแป๋วๆ มองตรงมา

"พี่ฝันร้ายเหรอ"

"หา? เอ่อ... เปล่า... นี่ตื่นนานแล้วเหรอ"

"ก็สักพัก วันนี้วันหยุดด้วยไม่อยากกลับบ้านเลย พี่จะว่าอะไรไหมถ้าวันนี้ผมจะอยู่กับพี่ทั้งวัน"

"ไม่... ไม่ว่าหรอก ขอไปอาบน้ำก่อนนะ รู้สึกร้อนยังไงไม่รู้"

"อืม"

ผมผละออกจากตนุชมาทั้งๆที่หัวใจเต้นระรัว เมื่อน้ำเย็นราดรดบนหัวผมก็เหมือนว่าจะมองเห็นอะไรชัดขึ้น

เมื่อออกจากห้องน้ำผมก็ไม่เจอเขาอยู่ที่ห้องนอนแล้ว เด็กนั่นย้ายตัวเองไปนั่งอยู่หน้าทีวี ในมือถือโกโก้เย็นโรยคอนเฟลคสีเหลืองอ๋อยจนเต็ม ผมลงไปนั่งข้างๆเขาทั้งที่ยังใส่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยแถมยังไปแย่งโกโก้เย็นมาจากมือเด็กนั่นแล้วตักเข้าปากทานเองอีกต่างหาก

"หวาน" ผมว่าในขณะเดียวกันตนุชก็แย่งแก้วกลับไป

"ดีออก เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้"

แล้วผมกับเขาก็เงียบ มีเพียงเสียงจากทีวีเท่านั้นที่ได้ยิน และแล้วผมก็ได้ยินเสียงหัวใจอีกดวงที่กำลังเต้นรัว หัวใจของตนุชกำลังแนบอยู่กับแขนของผม เด็กนั่นกอดแขนผมไว้ ศีรษะทุยเอนซบลงมาปล่อยให้เส้นผมนิ่มละเอียดสีดำสนิทเคลียผิวให้ความรู้สึกวูบวาบ

"ถ้าผมจะคิดกับพี่มากกว่าที่เป็น มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า?"

ผมจดจำได้ดีว่าผมไม่ได้ตอบกลับไป หากแต่สัมผัสของกลีบเนื้ออ่อนนุ่มที่ผมได้ฉวยเอามาก็ทำให้ทุกอย่างถลำไปเกินกว่าจะแก้ไขได้

แสงแดดยามเย็มที่ส่องผ่านผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมตื่น เรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่าที่ซุกอยู่เคียงข้างยังคงนอนนิ่งแม้แดดยามเย็นจะส่องผิวขาวบางให้รู้สึกร้อนอยู่บ้างก็ตาม

ผมใช้สายตาจับจ้องไปที่ตนุช ทำไมนายถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ ทำไมนายถึงบริสุทธิ์ขนาดนี้ นายไม่รู้หรือยังไงว่านายกำลังทำให้ฉันทำผิด

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ตนุชก็แทบจะย้ายมาอยู่กับผมถาวร ผมกับเขาใช้ชีวิตด้วยกันเหมือนคู่รัก ทำทุกอย่างที่คนรักกันเขาทำ อย่างไปช้อปปิ้งซื้อของเข้าห้อง ช่วยกันทำมื้อเย็น ทำความสะอาดห้อง นอนดูหนังเรื่องโปรดในวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่งตัวให้กัน ซื้อสัตว์เล็กๆ อย่างลูกแมวมาเลี้ยง ร่วมไปถึงการร่วมรักกันยามค่ำคืนแทบทุกวันและเช้าวันหยุดที่ว่างๆ

บางครั้งผมกับเขาก็จะไปเที่ยวที่บ้านของอีกฝ่ายในวันหยุด อย่างล่าสุดผมก็ไปทานมื้อค่ำที่บ้านของตนุชมา และวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมเห็นครอบครัวตนุชพร้อมหน้าพร้อมตา

พ่อและแม่ของตนุชแก่กว่าพ่อแม่ผมสักยี่สิบปีได้ พี่ชายคนโตของตระกูลดูแล้วอายุก็ห่างจากตนุชไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีชื่อตรีภพ รูปร่างผอมบางแต่ก็สูงโปร่งมีภรรยาเป็นบุตรสาวนักการทูตและก็มีลูกชายวัยกำลังซนอยู่หนึ่งคน ส่วนพี่ชายคนรองที่ผมเคยเจอครั้งหนึ่งเมื่อตอนเขามารับตนุชกลับบ้านชื่อตรุ ตนุชเล่าให้ฟังว่าพี่ชายคนนี้อายุห่างจากเขาสิบเจ็ดปี เพิ่งแต่งงานเมื่อต้นปีที่แล้ว พี่ชายคนที่สามออกแนวเงียบๆดูเคร่งขรึมและแก่เรียนชื่อไตรเทพ คนนี้ก็มีอายุห่างจากตนุชสิบห้าปีพอดี ส่วนพี่ชายคนสุดท้ายอย่างตะวันนั้นผมรู้จักดีเพราะเราเป็นเพื่อนเรียนรุ่นเดียวกัน

ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตนุชถึงได้มีนิสัยเอาแต่ใจแบบนี้ในเมื่อเขาเป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลแถมยังอายุห่างจากพี่ๆ เยอะ ขนาดตะวันที่ใกล้เคียงที่สุดยังห่างตั้งห้าปี ดูเผินๆ แล้วไม่มีใครกล้าขัดใจเด็กนี่สักคนแถมยังเอาอกเอาใจราวกับเป็นเทพบนสวรรค์ก็ไม่ปาน แต่คงเพราะด้วยนิสัยขี้อ้อนช่างฉอเลาะด้วยนั่นแหละตนุชถึงได้เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน

หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มมองตนุชเปลี่ยนไป... สายตาที่ผมมองเขาดูแล้วเฉยเมยกว่าเคย... คงเพราะผมเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น บนโลกใบนี้... ทุกอย่างต่างก็มีวงเวียนวัฏจักรของมัน อีกไม่ช้าไม่นานตนุชก็จะต้องรับกรรมที่เขาก่อไว้ เชื่อผมสิ... อีกไม่นานหรอก

ผมยังคงอยู่กินกับตนุชในขณะเดียวกันกับที่ผมยังคบอยู่กับอาโป เรามักจะนัดเจอกันที่บ้านของผมในช่วงที่ตนุชกลับบ้านของตัวเอง อาโปไม่รู้หรอกว่าผมกับตนุชเป็นอะไรกันถึงขึ้นไหน เขารู้เพียงว่าผมต้องจำใจรับตนุชมาอยู่ด้วยเนื่องจากเหตุผลทางธุรกิจ ผมคิดว่าตอนนี้ผมพร้อมแล้วที่จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วแต่งงานกับอาโป เราคบกันมานานตั้งแต่ก่อนมารุตจะเสียชีวิตได้ไม่นาน นับถึงตอนนี้ก็จะเก้าปีเข้าไปแล้ว ผมคิดเสมอว่าอาโปคือผู้หญิงที่ดีและเพียบพร้อมสำหรับผม แม้ฐานะทางบ้านของเธอจะไม่สามารถเทียบเท่าและเกื้อกูลตระกูลของผมได้เลยก็ตาม แต่เธอคือคนที่ผมรักและตั้งใจจะอยู่ด้วยตลอดไป

วันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงจะเป็นวาเลนไทน์ปีที่เก้าที่มารุตจากไปพอดี ที่บ้านของผมจะจัดงานปาร์ตี้ขึ้นที่สวนหน้าบ้าน ผมบอกเรื่องนี้กับตนุชในคืนหนึ่งที่เราเพิ่งอาบน้ำกันเสร็จ เด็กนั่นยิ้มจนตาหยีแสดงอาการดีใจออกนอกหน้าจนผมสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป และตอนนั้นเองผมก็ถึงได้สังเกตเห็นสร้อยคอที่เขาใส่ จี้ทองคำขาวทำเป็นรูปกุญแจสลักลายดอกกุหลาบสวยงาม พอผมถามเขาก็ไม่ตอบเอาแต่บ่ายเบี่ยงไปเรื่องอื่นจนผมถอนใจไม่คิดจะถาม

และเมื่อวันวาเลนไทน์มาถึงผมก็ขับรถไปที่ร้านดอกไม้แต่เช้าไปเอาดอกกุหลาบแดงที่สั่งไว้มาเก็บเตรียมเซอร์ไพรส์คนบางคนในค่ำคืนนี้ กุหลาบแดงจำนวนหนึ่งร้อยแปดดอก...

เมื่อความมืดมิดเริ่มโรยตัวปกคลุมท้องฟ้า แสงไฟสีเหลืองนวลกับแสงเทียนก็ส่องสว่างขึ้นตามทางเดินที่มุ่งสู่งานปาร์ตี้ ผมให้ตนุชเดินเกาะแขนไปตามทาง ผมกับเขาต่างหยอกล้อกันเล่นอย่างน่าเอ็นดู ผมตัดสินใจแล้ว... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันก็จะเป็นเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง

พอผมกับเขาเดินมาถึงงานสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาที่ผม ผมยิ้มให้ตนุชด้วยความอาทรก่อนจะแกะแขนเขาออกไปเพื่อผละไปหาอาโปที่วันนี้เป็นนางฟ้าในชุดแสคสายเดี่ยวสีขาวยาวก่อมเท้า ผมจูงมือเธอเดินไปที่น้ำพุกลางงานแล้วดึงผ้าคลุมออกเพื่อเผยให้เห็นดอกกุหลาบสีแดงทั้งหนึ่งร้อยแปดดอก... ดอกกุหลาบจำนวนหนึ่งร้อยแปดดอกที่ผมตั้งใจจะบอกให้เธอรู้ว่า

"แต่งงานกับผมนะ"

เสียงปรบมือดังไปทั่วงาน อาโปมีสีหน้าเขินอายก่อนจะพยักหน้าตกลง เราสวมกอดซึ่งกันและกัน ผมก้มลงจูบเรือนผมสีดำอ่อนนุ่มของเธอด้วยความรัก และที่นั่นผมก็ได้เห็นสายตาตัดพ้อของตนุช เขาค่อยๆเดินออกไปจากงานอย่างเชื่องช้า แต่ผมไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดยที่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรกับเขาหรอกนะ ผมขอตัวออกมาจากงานเพื่อเดินมาตามหาตนุชที่แอบนั่งร้องไห้อยู่ข้างเสาประตู

"พี่ทำแบบนี้ทำไม ทำไมพี่ถึงกล้าขอเธอแต่งงานต่อหน้าผม" ตนุชต่อว่าผมเสียงดังลั่น ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา สองแขนเล็กๆของเขาระดมทุบตีผมจนผมเจ็บไปหมด

"มันก็ต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้วจะให้ฉันทำยังไง ฉันรักน้ำนะไม่ใช่นาย ฉันเป็นผู้ชายไม่ใช่เกย์จะให้ฉันอยู่กินกันนายเนี่ย... แค่นี้ก็ขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว ไม่รู้หรือไงว่าที่ฉันทำอยู่ทุกวันนี้เพราะฝืนทนน่ะ นุช... ฉันเหมือนจะจำได้นะว่านายเคยบอกกับมารุตว่านายไม่ใช่เกย์ แล้วนายจะมาร้องห่มร้องไห้ทำไม ที่ฉันกับนาย ทั้งหมดนั่นมันก็แค่การระบายความอยากลงกับใครสักคนก็เท่านั้นแหละ แล้วเป็นยังไงล่ะความรู้สึกของคนที่ถูกปฏิเสธน่ะ คงจะแปลกใหม่สินะเพราะไม่เคยมีใครกล้าขัดใจนายนี่นา ลิ้มรสความเจ็บปวดทรมานนี่ซะแล้วก็สำนึกด้วยว่านายทำอะไรกับเพื่อนฉันไว้บ้าง"

"ฮึก... ผม... ผมนึกว่าเรารักกันซะอีก... ที่ผ่านมา... มันก็แค่เรื่องแกล้งทำอย่างนั้นเหรอ"

"เราที่ไหนกันนุช ไม่มีเรามาตั้งแต่แรกแล้ว มันมีแค่ฉันกับนายตัวใครตัวมัน แล้วฉันเคยบอกรักนายสักครั้งอย่างนั้นเหรอ ฉันไม่เคยจำได้เลย..."

"ทั้งๆ ที่ผมรักพี่จนหมดหัวใจแท้ๆ ขอบคุณนะครับที่ทำให้รู้ว่าความเจ็บปวดมันไม่วันหายไป มีแต่แผลที่เน่าแล้วก็เน่าอีกลุกลามกัดกินหัวใจผมจนไม่เหลือชิ้นดี สุดท้ายที่ผมคิดไปว่าพี่เป็นยามาสมานแผลในใจมันก็ยาพิษดีๆนี่เอง"

ตนุชเอ่ยเสียงแผ่วเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกจากบ้านผมไป... ตอนนั้นผมไม่ทันได้ฉุกคิดว่าเขาจะกลับยังไงในเมื่อเขามากับผม บางทีเขาอาจจะโทรให้คนที่บ้านมารับ แต่ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขามีแผลอะไร...

.
.
.

แต่ ณ วินาทีนี้ผมเข้าใจแล้วว่าความรักมันเป็นอย่างไร มันเจ็บปวดเจียนตายเมื่อในวันที่ผมรู้ว่าเขากำลังจะจากไป





































.
.
.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2012 16:12:10 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ NiTRoGeN14

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-1
    • คอนโดแมว
Re: [เรื่องสั้น] White/Red Rose, Milk/Dark Chocolate.
«ตอบ #11 เมื่อ14-03-2012 16:06:32 »

หลังจากวันนั้น เช้าวันต่อมาผมก็ได้รับโทรศัพท์จากครอบครัวของตนุชที่โทรมาแจ้งบอกว่าตอนนี้ตนุชอยู่ในอาการโคม่าไม่ได้สติจากการตัดสินใจวิ่งลงไปในถนนเพื่อให้รถชน ผมทำเป็นกลบเกลื่อนบอกว่าระหว่างผมกับเขาไม่ได้ทะเลาะกัน ผมทำทีเป็นห่วงเป็นใยไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลทั้งที่ในใจนึกสมน้ำหน้าที่ในที่สุดตนุชก็ได้รับบทเรียนจากความรัก

เมื่อผมเปิดประตูห้องไอซียูเข้าไปผมก็เจอสายตาตวัดมองมาอย่างไม่พอใจจากพี่ชายคนโตสุดของตนุช แตกต่างจากสายตาของตะวันที่เศร้าสร้อยเหลือเกิน

"หมอบอกว่าตนุชจะเป็นเจ้าชายนิทรา อุบัติเหตุเมื่อคืนทำให้เลือดไม่เลี้ยงสมองอยู่เกือบนาทีทำให้สมองขาดอ็อกซิเจน เขาจะไม่รู้สึกตัวอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจะมีปาฏิหาริย์" ตะวันบอกผมด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยเมื่อเราออกมาคุยกันนอกห้องไอซียู

"แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง" ผมแกล้งถามไปทั้งๆที่รู้ดีแก่ใจ ตะวันก้มหน้าลงไปอีกก่อนจะต่อยผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวจนผมกระเด็นไปติดผนัง

"มึงก็รู้ดีอยู่แก่ใจยังมีหน้ามาถาม ถ้าไม่ใช่เพราะมึงน้องกูจะเป็นอย่างนี้เหรอ สมใจมึงหรือยังที่อยากให้น้องกูเจ็บน่ะ หรือว่าแค่นี้น้องกูยังเจ็บไม่พอ... กูคิดผิดจริงๆที่ยอมตามใจตนุชให้ไปอยู่กับมึง ถ้าสู้แอบรักอยู่เงียบๆแบบนี้ยังจะเจ็บน้อยกว่าที่ถูกมึงหักหลังอย่างไม่ไยดี"

"แล้วทีน้องมึงทำกับเพื่อนกูล่ะ เพื่อนกูไม่เจ็บเหรอ สมควรแล้วไง... กรรมใดใครก่อกรรมมันก็ต้องสนองคืนเข้าสักวัน แล้วเป็นไงรวดเร็วทันใจไหมล่ะ เก้าปี... เก้าปีที่ฉันเฝ้ารอหาโอกาสแก้แค้นน้องมึง บาดแผลในใจครอบครัวของน้ำมันยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ"

"มึงมันไม่ได้รู้อะไรเลย... มึงเคยถามครอบครัวนั้นบ้างไหมล่ะว่าเขาต้องการการแก้แค้นจากมึงบ้างไหม แล้วทำไมลมถึงตาย... จะบอกให้เอาบุญนะ น้องฉันบริสุทธิ์ส่วนแกมันฆาตกร ไอ้สารเลว!!!" ตะวันตวาดใส่หน้าผมเสียงดังก่อนจะต่อยผมจนทรุดไปกองกับพื้นอีกทีแล้วเขาก็เดินหายเข้าไปในห้องไอซียูอีกครั้ง

ผมยังพิงกำแพงอยู่ที่เดิม ไม่คิดจะเช็ดเลือดที่มันไหลออกมาจากปาก ผมเนี่ยนะฆาตกร... ตนุชฆ่าตัวตายเองต่างหากผมจะเป็นฆาตกรได้ยังไงกัน ในเมื่อมันยังนอนหายใจผ่านเครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องนั้นมันจะตายได้ยังไงกัน

หนึ่งเดือนผ่านไปแล้วนับแต่วันวาเลนไทน์ วันนี้เป็นวันที่ผมกับอาโปจะหมั้นกันอย่างเป็นทางการก่อนจะแต่งงานในฤกษ์ที่แม่ไปหามาให้ในปลายปี งานหมั้นมีขึ้นที่บ้านของผมเป็นพิธีเรียบง่ายเพราะทางอาโปก็ไม่ได้มีญาติมากมายและทางผมเองก็ยังต้องแสดงความเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ของตนุชอยู่ น่าแปลกที่คราวนี้ทางนั้นไม่ถอนหุ้นและสัญญาไปแบบครั้งก่อนผมก็เลยยังอยู่รอดโดยไม่โดนที่บ้านบ่น

เมื่อเสร็จสิ้นพิธีหมั้นผมก็ชวนอาโปมาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน บรรยายกาศร่มรื่นอากาศเย็นๆที่หลงเหลือก่อนเข้าฤดูร้อนทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ผมจูงมือเธอมานั่งเล่นที่ศาลาริมสระน้ำ ดอกบัวสีขาวชูดอกเบ่งบานอวดโฉมหมู่มวลแมลง

"บางทีถ้าลมยังอยู่เราอาจจะได้จัดงานแต่งพร้อมกันสองคู่เลยเนอะ"

"นั่นสิคะ ถ้าพี่ลมยังอยู่ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หรอกค่ะที่บ้านเราก็ทำใจเรื่องนี้มานานแล้วตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่ลมป่วย"

"เอ? หมอนั่นป่วยอะไรเหรอ"

"พี่ลมเป็นโรคหัวใจโตน่ะค่ะ แต่กีฬาก็ทำให้หัวใจพี่แกพอแข็งแรงขึ้นมาบ้าง แต่ช่วงหลังคงเพราะต้องเตรียมไปแข่งทำให้พี่เขาต้องออกกำลังหนัก พี่ก็รู้นี่ค่ะว่าคนเป็นโรคนี้ห้ามออกกำลังกายหนักๆ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมบอกใครที่เขาเป็นโรคหัวใจ วันนั้นพอจะข้ามถนนกลับบ้านจู่ๆแกก็วูบขึ้นมาเลยถูกรถชน นี่ฉันนึกว่าพี่รู้อยู่แล้วนะคะเนี่ย"

"ไม่ล่ะ พี่ไม่รู้ว่าหมอนั่นเป็นโรคหัวใจ"

"พี่ชายนี่ก็แปลกคนขนาดเพื่อนสนิทยังไม่ยอมบอกเลย สงสัยจะกลัวทำให้พี่เป็นห่วง"

"น้ำแน่ใจเหรอว่าลมตายเพราะโรคกำเริบไม่ใช่คิดฆ่าตัวตาย"

"หา? พี่คิดได้ไงค่ะเนี่ย อย่างพี่ลมน่ะเหรอจะคิดฆ่าตัวตาย ไม่มีทางหรอกค่ะพี่เขาออกจะเข้มแข็ง อีกอย่างหมอก็ชันสูตรออกมาแล้วด้วย นี่พี่คิดว่าพี่ลมฆ่าตัวตายมาตลอดเลยเหรอคะ"

"เปล่าหรอกก็แค่สงสัยน่ะ คือก่อนหน้านั้นมันมีเรื่องกันนิดหน่อย"

"เกี่ยวกับนุชหรือเปล่าค่ะ?" คำถามของเธอทำให้ผมต้องมองเธอด้วยความตกใจ จนผมเริ่มกลัวว่าเธอจะจับผิดอะไรได้

"ก็นิดหน่อยน่ะ มันไม่มีอะไรหรอก" ผมปฏิเสธออกไปแต่หากประโยคต่อมาที่ออกจากปากของอาโปทำให้ผมต้องตกใจ

"นุชน่าสงสารมากเลยนะคะ ฉันเพิ่งรู้มาเมื่อไม่นานมานี้ว่าเขาเคยแอบชอบพี่ลมมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เขาไม่กล้าสารภาพรักเพราะเขากลัวว่าพี่ลมจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นถ้ามาคบกับผู้ชายด้วยกัน ยิ่งพี่ลมเป็นลูกชายคนโตด้วยแล้วแกก็เลยต้องปฏิเสธไป"

"นี่พูดเล่นหรือเปล่า"

"เปล่าค่ะ พี่ลมก็เคยมาเล่าให้ฟังเหมือนกันว่านุชชอบเขา ฉันเองตอนแรกก็รับไม่ได้หรอกนะคะแต่พอเห็นความจริงใจที่ทั้งคู่มีให้กันก็เลยเชียร์ให้พี่ลมไปสารภาพรักในวันวาเลนไทน์ แต่สุดท้าย... พี่เขาก็จากไปอย่างรวดเร็ว วันนั้นก่อนที่พี่เพลิงจะมา นุชเขามาก่อนพอรู้อาการของพี่ลมเขาก็ร้องไห้ใหญ่เลยล่ะคะแล้วก็พูดว่าขอโทษใหญ่เลย ฉันสงสารเขามากเลยแต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะพ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องที่สองคนนี้ชอบกัน เขาเองก็กลัวว่าพ่อกับแม่ฉันจะรู้เรื่องนี้เลยรีบขอตัวกลับบ้านก่อนแล้วก็แก้ตัวไปว่าที่ขอโทษเพราะทะเลาะกับพี่ลมแล้วยังไม่ได้คืนดีกัน พอตอนงานศพแกก็ไม่กล้ามาได้แต่ส่งดอกไม้มาให้ ทุกวันนี้แกก็ยังส่งมาให้อยู่ พี่เพลิงจำดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ๆนั่นได้ไหมค่ะที่วางอยู่บนหลุมน่ะค่ะ เป็นของนุชแกเองแต่แกสั่งไว้ไม่ให้บอกใคร ตอนนั้นแกก็เด็กนิดเดียวแค่สิบสามสิบสี่เอง แกคงเจ็บปวดน่าดู"

หลังจากที่อาโปกับครอบครัวกลับบ้านไปแล้วผมก็ได้แต่ขังตัวเองอยู่ในห้องนอน นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาในช่วงปีเศษ ผมไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเป็นความจริง... ผมตัดสินใจไปโรงพยาบาลที่ตนุชรักษาตัวอยู่ ขณะที่ขับรถผ่านร้านดอกไม้ผมก็สั่งดอกกุหลาบสีขาวจัดใส่ช่อมาสิบห้าดอก พอไปถึงหน้าห้องพักของเขาผมก็ไม่กล้าที่จะเปิดประตูเข้าไป จนกระทั่งผมได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากข้างในผมถึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดู

ข้างในนั้นผมเห็นตะวันนอนอยู่กับพื้น ที่มุมปากมีเลือดออกไม่ไกลจากนั้นเป็นพี่ตรุพี่ชายคนรองของตนุช

ทันทีที่พี่ตรุเห็นหน้าผมเขาก็ต่อยผมจนผมล้มลงไปนอนกองข้างๆตะวัน หมัดของพี่คนนี้เจ็บจนชา ดอกไม้ในมือผมถูกกระชากไปก่อนจะถูกปาใส่หน้าผมอย่างแรงจนหนามของผมบางส่วนข่วนหน้าผมให้ได้เลือด

"มึงยังมีหน้ามาหาน้องกูอีกเรอะไอ้เลว"

"พี่ ใจเย็นๆก่อน" ตะวันลุกขึ้นยืนไปเกาะแขนพี่ชาย ตอนนั้นเองที่ผมเห็นว่านอกจากสองพี่น้องนี้แล้วยังมีพ่อและแม่ของตนุชอยู่ในห้องด้วย

"จะให้ฉันใจเย็นทนดูหน้าไอ้ฆาตกรที่มันขับไล่ไสส่งน้องเราเหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนั้นเหรอ ไอ้เลวนี่แค่ต่อยมันยังน้อยไป แกก็อีกคนบอกว่าทำทุกอย่างเพื่อนุชแล้วเป็นไง ได้อย่างที่พูดไหมล่ะ ทนเห็นน้องร้องไห้ทุกวันไม่ได้ต้องไปแสล้นหาเรื่องให้เจ็บหนักกว่าเดิมจนตอนนี้กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้วแกยังไม่รู้อีกเหรอว่าเพื่อนแกมันเลวขนาดไหน"

"ผม..." ผมเห็นตะวันพูดไม่ออก เขาได้แต่ก้มหน้า ยังมีหลายอย่างที่ผมไม่เข้าใจแต่ผมก็พอจะคาดเดาได้

"ไสหัวไปเพลิงพายุ ที่นี่ไม่ต้อนรับคนอย่างนายอีก รีบไปซะก่อนที่จะเรียกยามมาลากคอแกออกไป"

"ใจเย็นๆก่อนสิครับ ผมมาที่นี่เพื่อขอโทษนะไม่ได้มาเพื่อถูกไล่"

"แกยังมีหน้ามาขอโทษน้องฉันอีกเหรอ คิดไงถึงจะมาขอโทษล่ะ ถ้าแค่ตามมารยาทก็กลับไปซะ"

"ตรุใจเย็นๆก่อนที่นี่โรงพยาบาลนะ" คุณแม่ของตนุชขยับตัวขึ้นจับแขนลูกชายคนรองไว้คล้ายจะช่วยผมหากแต่สายตาที่มองมายังผมนั้นมันช่างเย็นชาเหลือเกิน พอมองเลยไปที่เตียงผู้ป่วยผมก็เห็นพ่อของตนุชนั่งกุมมือลูกชายคนเล็กไว้ไม่ปล่อย สายตาที่เริ่มฝ้าฟางก็จับจ้องมองลูกชายไม่วางตา ส่วนตัวตนุชนั้นยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงมีสายท่อระโยงระยางเต็มไปหมด

"ผมขอโทษ... พูดไปพี่ก็คงหาว่าผมมารยา แต่ผมขอโทษจากใจจริงๆครับ ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้เลย ผมไม่ต้องการ"

"แน่นอนสิผลลัพธ์แบบนี้นายไม่ต้องการอยู่แล้วนี่เพราะใจจริงนายอยากให้น้องชายฉันตายต่างหากไม่ใช่เป็นเจ้าชายนิทรานอนไม่รู้เรื่องพอถอดเครื่องช่วยหายใจออกก็ตายแบบนี้ เพลิงพายุฉันจะพูดให้ฟังอีกแค่ครั้งเดียวนะ ออกไปซะแล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าแกอีก ไปซะก่อนที่ฉันจะฆ่าแกตายคามือ"

ผมมองตรุด้วยสายตาเว้าวอนหากแต่ตะวันก็มาฉุดผมให้ออกจากห้องไป "กลับไปซะ ถือว่าฉันขอร้องอย่ามาที่นี่อีกเลย"

และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้พบกับตนุช

ผมกลับไปยังคอนโดฯที่ที่ผมเคยอยู่กับตนุช ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปลมจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ก็ลอยวนอยู่รอบตัวผม มันเป็นลมของมารุตใช่ไหม นายกำลังต่อว่าฉันอยู่ใช่ไหม? ผมได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ เมื่อผมมองไปทั่วห้องผมก็เจอร่องรอยชีวิตของตนุชอยู่เต็มไปหมด ทั้งตุ๊กตามาชิโมโร่ที่วางทั่วอยู่ทุกที่ รูปถ่ายของเขากับผม ในห้องนอนก็มีเตียงที่ผมเคยนอนกับเขา ผ้าปูที่นอนลายการ์ตูนนี่ก็เหมือนกัน พอเปิดตู้เสื้อผ้าก็เจอเสื้อผ้าของเขาเต็มไปหมด บนโต๊ะหน้ากระจกก็มีครีม มีน้ำหอมกลิ่นโปรด ในห้องน้ำก็ยังมีแปรงสีฟัน สบู่เหลว ยาสระผมกลิ่นลาเวนเดอร์ ผมทิ้งตัวนอนลงบนเตียง หลับตาเพื่อที่จะไม่ให้เห็นข้าวของและร่องรอยของตนุช

ทว่า... กลิ่นของตนุชกลับอบอวลอยู่รอบตัวผมเต็มไปหมด

เขากำลังโอบกอดผมไว้ด้วยความอ่อนโยน ไร้เดียงสา และความบริสุทธิ์

ผมร้องไห้ออกมามากมายแต่ก็คงไม่เท่ากับที่ผมทำให้เขาต้องร้องไห้... ได้แต่กอดเสื้อของเขาไว้เพราะรู้ดีว่าต่อจากนี้ไปผมคงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว

วินาทีนี้ความรักมากมายก็ล้นทะลักออกมาจากหัวใจของผม ผมรักเขามากขนาดไหนผมเพิ่งรู้ในวันนี้นี่เอง

.
.
.

หลายวันต่อมามีซองจดหมายสีฟ้าอ่อนส่งมาหาผมที่บ้าน พอเมื่อเปิดออกดูผมก็เจอกับสร้อยคอที่ผมจำได้ดีว่าเป็นสร้อยที่ตนุชใส่ติดตัวไว้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ในซองยังมีจดหมายฉบับเล็กๆแนบมาด้วย เป็นข้อความจากตะวันที่เขียนมา

'นี่คือสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้ ตามหามันให้เจอแล้วนายจะเข้าใจว่านุชรักนายมากแค่ไหน
ตะวัน'

ผมมองจี้รูปดอกกุญแจอย่างเลื่อนลอย ตะวันต้องการให้ผมตามหาอะไรกัน? ผมกลับไปที่คอนโดฯอีกครั้งทั้งๆที่ไม่อยากมา พอมาที่นี่ทีไรผมต้องเป็นร้องไห้เพราะคิดถึงตนุชทุกที  กลับเข้าไปในห้องนอนพยายามมองหาสิ่งของอะไรก็ตามที่กุญแจดอกนี้จะสามารถไขเปิดได้ แต่หาเท่าไหร่ผมก็ไม่สามารถหาเจอ ลองเปิดลิ้นชักหาผมก็เจอเพียงสมุดโน้ตเล่มเล็กๆเท่านั้น

ผมหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่านเผื่อจะได้รู้ว่าเขาจดอะไรไว้บ้างแต่ก็ไม่เจออะไรนอกจากรูปถ่ายใบหนึ่งที่เป็นเรือนกระจกอยู่ท่ามกลางหุบเขา ผมอ่านตัวอักษรที่เขียนอยู่มุมรูปอย่างยากลำบากเพราะสีเลือนรางแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเป็น 'โคราช' ผมจึงลองโทรสอบถามข้อมูลดูว่าที่โคราชมีเรือนกระจกที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาบ้างไหม คำตอบคือมีอยู่ที่หนึ่งซึ่งเป็นสวนส่วนตัวของครอบครัวตนุช ผมไม่รอช้ารีบบึ่งรถไปโคราชทันที

ทันทีที่ผมถึง คนสวนที่มีใบหน้าไม่เหมาะแก่การเป็นคนสวนอย่างยิ่งก็เดินมาหาผมที่รถ เขาถามว่าผมเป็นใครผมไม่รู้จะตอบอย่างไรจึงบอกชื่อให้แก่เขา พอเขาได้ยินชื่อผมเขาก็ฉีกยิ้มกว้างแล้วแนะนำตัวเองว่าชื่อพารินทร์ เขาพาผมไปที่เรือนกระจกที่ผมเห็นอยู่ในรูปพร้อมกับบอกว่าเขารอผมให้มาที่นี่นานแล้ว

พอถึงเรือนกระจกเขาก็ขอตัวปล่อยให้ผมเดินเข้าไปในนั้นตามลำพัง และเมื่อผมเปิดประตูเข้าไปผมก็พบดอกกุหลาบสีขาวจำนวนมากมายที่ถูกปลูกอยู่ภายใน แต่ละต้นจะมีหมายเลขติดไว้เรียงเป็นลำดับตั้งแต่หนึ่ง สอง สามไล่ยาวไปเรื่อยจนสุดกำแพงก่อนจะวกกลับมาอีกด้าน ผมเดินนับมันไปเรื่อยๆทีละดอก หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม... เก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก ทั้งหมดก็เก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกพอดี

และที่ดอกสุดท้ายก็มีกล่องเพลงรูปเด็กสองคนหันหน้าเข้าหากันแล้วก็จูบ ผมยกมันขึ้นมาดูก่อนจะเห็นรูเล็กๆที่ฐานสีทองด้านข้าง ผมคิดออกในทันทีว่าต้องเป็นรูของดอกกุญแจทองนั่นแน่ๆ ผมค่อยๆถอดสร้อยออกจากคอแล้วเสียบมันเข้าไป ผมไขมันเพียงนิดเดียวเสียงดนตรีทำนองเพลงเดินเข้าโบสถ์ของคู่แต่งงานก็ดังก้องเรือนกระจก จนเมื่อเพลงเงียบลงฝาของมันก็เปิดออกมาให้ผมเห็นแหวนสองวงวางอยู่ในนั้น ฉับพลันน้ำตาของผมมันก็ไหล

'กุหลาบเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอกมีความหมายอย่างไรรู้ไหมฮะ มันก็หมายความว่า... ผมจะรักพี่จนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต... ผมรักพี่เพลิงนะฮะ'

กระดาษข้อความเล็กๆที่ถูกแหวนวางทับไว้ทำให้ผมร้องไห้ไม่หยุด ทำไมเขาถึงได้รักผมมากมายขนาดนี้นะ ทั้งๆที่ผมไม่เคยใส่ใจเขาเลย

พอผมเดินออกมาจากเรือนกระจกพารินทร์ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าผมเป็นคนที่โชคดีมากที่ได้คนดีๆ อย่างตนุชมารัก เขายังบอกอีกว่าดอกกุหลาบทั้งหมดในเรือนกระจกนั้นตนุชเป็นคนลงมือปลูกเองกับมือ แต่ว่าพักหลังตนุชไม่ได้เข้ามานานแล้วเขาเลยต้องดูแลแทน ผมไม่ได้บอกถึงเหตุผลที่ตนุชไม่ได้มาที่นี่อีกให้พารินทร์ฟัง ผมเพียงแต่ขอตัวกลับออกมาพร้อมกับกล่องเพลงและแหวนสองวง

ความรู้สึกผิดที่มันทับหัวใจจนอึดอัดหายใจไม่ออก สู้ไม่ได้เลยกับความรู้สึกสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปด้วยน้ำมือของตนเอง

.
.
.

วันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของผม มันคือวันเข้าพิธีสมรสของผมกับอาโป ไม่มีใครรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับตนุชนอกจากครอบครัวของเขาเอง ผมยังคงทำใจเรื่องตนุชไม่ได้แต่ผมก็ไม่อาจจะเลื่อนงานวิวาห์ไปได้อีกแล้วหลังจากที่ผมเคยขอเลื่อนไปเมื่อสองเดือนก่อนจนมาถึงวันนี้ วันที่ครบรอบหนึ่งปีที่ตนุชกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

ผมนั่งอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ของโบสถ์ เฝ้ามองเงาตัวเองที่สะท้อนมาอย่างน่าสมเพช ตรงหน้าผมคือผู้ชายที่อ่อนแอและขี้ขลาด เขาไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับความผิดและรับผิดชอบชีวิตของคนที่ตัวเองรักได้ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ผมก็จะต้องมีอีกชีวิตหนึ่งในรับผิดชอบ คนที่ผมเคยคิดว่าคือความรักหากแต่เมื่อวันที่ได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปผมถึงได้รู้ว่าระหว่างผมกับอาโปมันเป็นเพียงแค่ความผูกพันของพี่น้องที่ถักทอมาอย่างยาวนาน

ห้องของผมที่คอนโดฯผมยังคงเก็บไว้เหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่ผมกับตนุชยังอยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากให้ร่องรอยของชีวิตตนุชหายไป ทุกคืนผมจะกลับไปที่นั่นเอาเสื้อเขามากอดแล้วก็ร้องไห้ นั่งมองแหวนสองวงที่วางอยู่เคียงข้างกล่องเพลง เสียงเพลงแต่งงานจะดังก้องกล่อมผมจนหลับก่อนที่จะตื่นมาเพื่อพบว่าวันนี้ผมก็ยังคงไม่มีตนุชอยู่เคียงข้างกาย

เสียงโทรศัพท์สั่นทำให้ผมสะดุ้ง ผมหยิบมันมาดูชื่อคนโทรเข้า 'ตะวัน' ชื่อนี้หายไปนานเหลือเกิน

ผมรับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก ทุกครั้งที่มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวนี้ผมมักจะรู้สึกหวาดระแหวงเหมือนวัวสันหลังหวะที่กลัวว่าความผิดมันจะประจานตัวผมออกมาสักวัน

"ว่าไงตะวัน"

'เพลิง... ตนุชกำลังจะตายแล้วนะ หมอจะถอดเครื่องช่วยหายใจออกแล้วนะ ได้โปรด... ช่วยทำให้เขาฟื้นสักทีเถอะ'

หัวใจผมเหมือนร่วงลงจากที่สูง วินาทีนั้นผมคิดว่าตัวเองหยุดหายใจไปแล้ว

ผมวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าผมคือห้องพักของตนุชที่ไม่ได้เปลี่ยนไปตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา

แม้จะลังเลอยู่บ้างแต่ในที่สุดผมก็ผลักประตูเข้าไป สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ผมแต่วินาทีนี้ผมไม่สนใจ สิ่งที่ผมสนใจมีเพียงร่างของตนุชที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างเลื่อนลอย เอื้อมมือเขามาจับอย่างที่ใจต้องการ กดจูบย้ำๆลงบนฝ่ามือเย็นชืดให้หายอยาก เขาจะรู้ไหมว่าเขาทำให้ผมรักเขาจนผมแทบบ้า

"ซันนี่แกโทรเรียกมันมาเหรอ"

"ถ้าพี่ไม่เลิกคิดฆ่าน้องชายตัวเองก็เงียบไปเถอะ"

"แต่แกจะปล่อยให้น้องต้องนอนทรมานอยู่อย่างนี้เหรอ ทำใจได้แล้วน่าซัน นุชน่ะไม่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้แล้วนะ ที่อยู่นี่มันก็แค่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ เข้าใจไหมว่าเขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว" เสียงแหลมบาดหูของพี่ชายคนโตสุดทำให้ผมต้องเหลียวหลังไปมอง ภาพของครอบครัวที่แตกสลายกันทุกคนอยู่ตรงหน้าผม ผมไม่ได้ทำลายแค่ชีวิตหนึ่งแต่ผมยังทำลายชีวิตและจิตใจของคนเป็นๆอีกนับสิบคน

"ไม่จริงหรอกตรี น้องก็แค่หลับไป แม่ขอร้องล่ะอย่าให้หมอถอดเครื่องเลย"

"แต่แม่ฮะ ถ้าทิ้งไว้แบบนี้น้องก็จะยิ่งทรมานนะแม่ แม่ไม่เห็นเหรอว่าเขาทรมานแค่ไหน ผมเป็นพี่เขาผมไม่อยากจะฆ่าเขาหรอกนะ แต่เราควรจะปล่อยให้เขาไปสบายได้แล้ว" พี่ชายคนที่สามที่เงียบมานานพูดขึ้นยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องหดหู่ยิ่งกว่าเดิม

ผมเห็นพ่อของตนุชเดินมากอดหลังภรรยาของตนไว้ด้วยความรักพร้อมพูดปลอบใจข้างใบหู แต่ที่น่าแปลกคือตรุเขาได้แต่นั่งเงียบไม่พูดกล่าวอะไร สายตาของดูหมองเศร้าจนผมคิดว่าถ้าหากเขาพูดอะไรออกมาน้ำตาของเขาจะต้องไหลแน่ๆ

"แต่มันต้องมีสักวันสิที่น้องจะต้องฟื้น"

"ถึงฟื้นขึ้นมาเขาก็ไม่เหมือนเดิม นายอยากเห็นนุชตื่นขึ้นมาเป็นแค่ซากชีวิตที่ไม่มีจิตใจอย่างั้นเหรอ นายควรทำใจได้แล้วนะว่าเขาตายไปแล้ว ตายไปตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เราไม่ควรจะยื้อชีวิตเขาไว้เลยรู้ไหม"

"เขายังไม่ตาย ถ้าตายหัวใจเขาต้องหยุดสิ แต่นี่เขายังหายใจอยู่นะพี่"

"หายใจผ่านเครื่องช่วยน่ะเหรอตะวันที่มันเรียกว่ามีชีวิต หมอก็บอกแล้วว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรดีขึ้นเลยมีแต่แย่ลงๆไม่ก็คงที แล้วนายจะให้พี่ทำยังไง มองดูน้องชายตัวเองนอนหายใจพะงาบๆมีชีวิตได้เพราะเครื่องช่วยหายใจนี่แล้วก็รอวันที่เขาจะตื่นขึ้นมาทั้งๆที่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยเนี่ยนะ ต้องมองดูน้องชายตัวเองเป็นเหมือนตุ๊กตาให้คนอื่นเอามาเล่นสนุกให้คนอื่นเขามาดูกันอย่างนั้นเหรอ" ผมเห็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของพี่ชายคนโตแล้วผมก็น้ำตาไหลตาม

ทุกคนกำลังทรมาน... ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย

ผมมองใบหน้าขาวซีดของตนุชแล้วก็ร้องไห้สะอื้นเหมือนเด็ก ผมลุกขึ้นกอดเขาแล้วก็ร้องไห้ แม้ตอนนี้เขาอาจจะไม่รับรู้แต่ผมก็หวังว่าเขาอาจจะเข้าใจบ้างว่าผมรู้สึกอย่างไร ขอเพียงแค่เขาฟื้นขึ้นมาจะให้ผมเอาอะไรแลกก็ยอม

ตอนนั้นเองที่ผมเห็นน้ำสีใสๆ ไหลออกมาจากหางตาของตนุช ผมร้องออกมาเสียงดังอย่างตกใจแล้วทุกคนก็กรูกันเข้ามา นี่ผมมีหวังแล้วใช่ไหมว่าเขาจะฟื้นขึ้นมา คำอธิษฐานของผมมันเป็นจริงแล้วใช่ไหม?

หมอบอกพวกเราว่าเป็นแค่อาการปกติที่ไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งนั้นของผู้ป่วยที่เป็นเจ้าชายนิทรา ทุกอย่างของตนุชยังคงเหมือนเดิมคือไร้การตอบสนองและตอนนั้นเองที่พ่อของตนุชกับตรีภพเสนอให้ถอดเครื่องช่วยหายใจออกอีกครั้ง

ผมแทบจะก้มลงกราบเท้าท่านให้ได้ว่าได้โปรดยื้อชีวิตตนุชไว้อีกสักนิดเผื่อว่าบางทีเขาอาจจะตื่นขึ้นมา หากแต่ผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกเหมือนกันตะวันและแม่ของเขา

ผมได้แต่ยืนมองดูคนที่ผมรักตายจากไปอย่างช้าๆเพียงแค่หมอถอดเครื่องช่วยหายใจออก...

หัวใจของผมถูกบีบรัดจนเจ็บหน่วงไปหมดทั้งหัวใจ มันเริ่มแตกละเอียดทีละน้อยเมื่อเห็นหมอดึงฝาครอบออก ผมทรุดตัวนั่งกับพื้นร้องไห้เหมือนคนจะเป็นจะตาย ทันทีที่เสียงปี๊ดดังขึ้นยาวก็เป็นอันว่าตอนนี้ตนุชไม่ได้อยู่บนโลกนี้อีกต่อไป

ทุกคนในครอบครัวของตนุชเองก็มีอาการไม่ต่างจากผม แม่ของเขาเป็นลมล้มพับไปขณะเดียวกันตรุก็ร้องไห้โดยที่ไม่มีเสียง ขนาดตรีภพที่เป็นตัวต้นตัวตีในการถอดเครื่องช่วยหายใจออกยังร้องไห้จนทรุดลงนั่งกับพื้น ภาพความเสียใจของครอบครัวนี้ที่ผมได้รับมันหนักหนาเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ผมค่อยๆเดินถอยห่างออกมาเงียบๆ ปล่อยให้ภาพความตายของตนุชเป็นสิ่งสุดท้ายที่อยู่ในหัวใจ

ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมหนีงานแต่งงานออกมา ทุกคนคงกำลังวุ่นวายอยู่เป็นแน่ แต่ผมก็ไม่อาจจะเสนอหน้ากลับไปเพราะตอนนี้ความรู้สึกผิดมันถ่วงเท้าผมไว้ให้ผมกลับไปที่คอนโดฯ

ผมหยิบเอาเสื้อของเขามากอดมาสูดดมกลิ่นของเขา อุปโลกน์เอาว่าเขายังอยู่กับผมตรงนี้ และจนสุดท้ายผมก็นึกขึ้นได้ว่าแม้แต่ในนาทีสุดท้ายของชีวิตตนุชผมก็ยังไม่ได้บอกเขาว่ารักเลยสักคำ

เขาจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะตามไปบอกเขาบนสวรรค์...

ผมนอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลง ไม่นานตนุชก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับฉุดให้ผมเดินไปพร้อมกันกับเขา เสียงกระซิบหวานที่ข้างหูทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้ฝันไป ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะเห็นเขานั่งอยู่ตรงหน้าในมือมีกล่องเพลงและแหวนสองวง ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วรั้งเขามากอดไว้แน่น และสุดท้ายผมก็ไม่ลืมที่จะบอกเขาว่าผมรักเขามากขนาดไหน หากเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องหลอกกันผมก็ให้อภัยขอเพียงเขากลับมาอยู่เคียงข้างผมดังเดิม...

แต่คุณรู้ไหม... ความฝันมอบความสุขให้เราเสมอ แต่เมื่อเราลืมตาตื่นขึ้นพบความจริง... หัวใจมันก็ไม่หายเจ็บไปได้เลย






















ผมถูกหนามแหลมของกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์ทำร้ายเสียจนเจ็บปางตาย มันบีบรัดหัวใจผมจนเลือดไหลย้อมมันให้กลายเป็นสีแดง ผมเข้าใจแล้ว... ความรักมักเกิดจากความเจ็บปวดเสมอ

สุขสันต์วันแห่งความรักครับทุกคน
Happy Valentine Day








จบแล้วค่า
ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นตอนเดียวจบ
ถ้าอ่านรวดเดียวคงได้อารมณ์มากกว่านี้
เราไม่น่าแบ่งเป็นพาร์ทๆ เลย
 :z3: #ผิดพลาดอย่างแรง
ว่าแต่...มีใครเดาตอนจบได้ถูกบ้างไหมน่อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2012 16:13:43 โดย บัวน้อย ไร่แตงโม »

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ไม่น่าเลย อ่านจบรู้สึกจุกขึ้นมากระทันหัน

ออฟไลน์ Maprang_W

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
นึกว่าเพลิงจะตายตาม
อยากเดาอ่ะ เพลิงนี่ป๋าฮันป่ะ
พี่ตรุต้องเป็นหมีคัง
น้องนุชขอเดาว่าฮยอกหรือมิน ซักคน
มารุตน่าจะวอนนะ
55+ อินี่เพ้อเจ้อ อย่าถือสา
 :z3:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
น้ำตาไหลพราก
เศร้าใจจริงๆนะเนี่ย                 
เรื่องหน้าของคุณคนเขียนอยากให้ออกแนวหวานๆบ้างค่ะ
เจอสองเรื่องเศร้าๆเข้าไปทั้งเจ็บทั้งจุกเลยอะ อิอิ
แต่ยังไงก็ขอขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีๆมาให้ได้อ่านกันนะคะ
จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
โหยยย นํ้าตาไหลนองเลย

ทำไมนะ ทำไมกัน... เฮ้อ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
โอยจุก...เจ็บ...
คนเรานี้ก็แปลก ยินดีเก็บกำความทุกข์ไว้กับตัว แล้วก็ปล่อยให้ความสุขโบยบินไป

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
เรามาอ่านตอนที่เรื่องจบแล้วพอดี เลยได้อ่านรวดเดียวจบ
จะบอกว่าเราร้องไห้ทั้งเรื่องเลย ตั้งแต่พาร์ทแรกแล้ว
รู้สึกพลาดที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ เพราะเราแพ้เรื่องดราม่าแบบนี้
แต่พออ่านจบก็รุ้สึกว่าดีแล้วที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้
เพราะเป็นเรื่องราวความรักดีๆที่ทำให้เห็นถึงความรักอย่างจริงใจ
และหมดหัวใจขนาดนี้ แล้วก็ได้ข้อคิดด้วย การแก้แค้นไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น
เราที่ไม่ได้รู้สึกว่าตนุชเป็นคนไม่ดีตั้งแต่แรกอยุ่แล้ว
ยิ่งรุ้สึกเฮิร์ทมากที่รุ้ว่าเพลิงคิดจะทำอะไร แล้วยิ่งตอนที่รุ้ว่าตนุชเป็นเจ้าชายนิทรา
และเพลิงเข้าใจเรื่องทั้งหมดผิด เรานี่ร้องไห้สอึกสอื้น น้ำตาไหลพลากๆเลย
แล้วยิ่งอ่านก็ยิ่งร้องจนหูอื้อ หายใจไม่ออก หายใจไม่ทันกันเลยทีเดียว
แล้วก็กะไว้แล้วตนุชต้องตายแน่ๆเลย เพราะคิดว่าเรื่องนี้เป็นดราม่าสตอรี่ตั้งแต่อ่านตอนแรกแล้ว
ถึงเราจะไม่ชอบอ่านเรื่องดราม่า แต่เมื่อหลงเข้ามาอ่านแล้วก็ทำใจอ่านจนจบ
รุ้สึกไม่ผิกหวังที่อ่านนะ เรื่องนี้เขียนดีมากเลย ซับซ้อนและให้แง่คิด ชอบเรื่องนี้นะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนได้เขียนเรื่องดีๆต่อไป

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
เรื่องนี้ คือ โศกนาฏกรรมที่เกิดจากความเข้าใจผิดของเพลิงพายุโดยแท้  :sad2:
แต่จะโทษว่าเป็นความผิดของคุณเพลิงพายุคนเดียวก็มิได้ เพราะ สิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเอง ทำให้เชื่อเช่นนั้นได้จริง ๆ
ถ้าหากพี่ท่านไม่เอาความแค้นมาบังตาและเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกจากหัวใจ เพลิงพายุจะไม่สูญเสียตนุชไปอย่างแน่นอน
เฮ้อ...เวรย่อมระงับได้ ด้วยการไม่จองเวร สินะ  :undecided:

dawnthesky

  • บุคคลทั่วไป
หนัก และ หน่วง ในอารมณ์ อย่างที่สุด ความเข้าใจผิด ทิฐิ เป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวหลาย ๆ เรื่อง


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yunjae123

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 948
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
โหหหหหหหหหหหห
อ่านแล้วแบบ...
อย่างเศร้าอ่ะ เพราะความเข้าใจผิดอย่างเดียวเลย
แล้วกินเวลามาหลายปีมาก
จะร้องไห้เลยอ่ะ T^T

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
เพิ่งได้อ่าน...เจ็บได้อีก ^^"

อย่างที่ตะวันบอกนั่นแหละ
คิดยังไงถึงจะแก้แค้นแทนเขา ถามเขาซักคำมั้ยว่าต้องการหรือเปล่า
และนั่น...คือจุดผิดพลาดใหญ่หลวง
นอกจากหลอกคนอื่นแล้ว ยังหลอกตัวเองอีกด้วย

และถ้าเพลิงถามตัวเองให้ดี...คงไม่เสียความรักไป
เพราะความรัก...ไม่ใช่ความผูกพัน...

ดราม่าได้น่าตามใช่เล่นค่ะ ^^

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
โอย เจ็บปวด บีบคั้นหัวใจมาก
เรายิ่งแพ้ดราม่าแบบนี้อยู่ด้วย :m15:
จริงๆ ไม่ว่าเรื่องใดในโลกนี้
การพูดคุยกันอย่างเปิดอก
จะช่วยแก้ปัญหาได้เสมอนะ
เราเชื่อว่าอย่างนั้น

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
ที่ทำให้เรื่องนี้จะติดอยู่ในความทรงจำของเราไปอีกนาน
เง้อออ เศร้า...

silent_loner

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอดดดดดดดด!!! ชอบมากกก
เป็นอะไรที่เศร้าสุดๆสุดจะบรรยายเลย  :m15: :m15:
อ่านไปอินมากๆน้ำตาคลอ
ไม่ค่อยได้อ่านนิยายที่จบแบบนี้สักเท่าไร
แต่แอบคิดไว้อยู่ว่ามีกลิ่นอายความเศร้าปกคลุม
เหมือนจุดเริ่มต้นทั้งหมดมันเกิดจากความเข้าใจผิดอย่างเดียวเลยนะเนี่ย
+1 ไปเลยจ้า

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ตามมาอ่านให้น้ำตาไหลนองก่อนนอน :m15:

เพลิงพายุนับว่าเลือดเย็นใช้ได้นะ ตลอดเวลาที่ใช้ร่วมกันมา ไม่เผลอหวั่นไหวหัวใจบ้างหรอ

รอแค่นาทีเดียวคือนาทีที่ขออาโปแต่งงานต่อหน้าตนุชเนี่ยนะ อำมหิตมากๆ ที่ผ่านมาไร้ความหมาย เสแสร้งแกล้งทำได้ยังไงอ้ะ :dont2:

จะสมน้ำหน้าก็ทำไม่ลง สุดท้ายคนที่ต้องทรมานกับความรู้สึกผิดอย่างสาสมก็เพลิงพายุนี่แหละ  :o12:

อ่านแล้วคิดถึงคินดะอิจิ (ภาคการ์ตูนตอนนึง) ที่ฆาตกรล้างแค้นให้แม่ตัวเองโดยการไปหลอกคบหมอที่ปฏิเสธไม่รักษาแม่ จนแม่ต้องตาย พอเธอฆ่าสำเร็จ และโดนคินดะอิจิจับได้ตอนท้าย เนื้อเรื่องก็บรรยายว่าน้ำตาเธอไหลเพราะคั่งแค้น หรือ เพราะอีกใจก็รักไปแล้วแต่ต้องฆ่าเพราะพันธะความแค้นกันแน่

เฮ้อ ชีวิตมนุษย์  :เฮ้อ: ซับซ้อนมากๆ

kwankanit

  • บุคคลทั่วไป
 :sad11:  เศร้ามาก ๆ เลย   เหอะ ไม่อยากให้นุชตายเลย   :m15: :m15: :m15:

janeyuya

  • บุคคลทั่วไป
▔□▔)/▔□▔)/▔□▔)/ โศกได้อีก

รู้สึกอยากตบไอ้เพลิงตั้งแต่สองตอนแรกละ
ทนอ่านจนจบทั้งที่ตะหงิดๆว่าจะดราม่านี่แหละ
โฮกกกกกกกกกกกก ▔□▔)/▔□▔)/▔□▔)/ ฆ่ามันอิเพลิง อิเลวววววววว

มึงชั่วจริงๆเพลิง สารเลว <(`^´)>

ออฟไลน์ silverphoenix

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1182
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +347/-3
แล้วนุตจะพูดจาแย่ๆในตอนแรกไปทำไมกันหว่า...

รวมทั้งตอนที่เหมือนจะยั่วให้พระเอกโมโหด้วย  งงแฮะ....

แต่ยังไงก็....เศร้ามากกกก  สงสารทั้งสามฝ่ายเลย

winamp

  • บุคคลทั่วไป
 :sad4: เศร้าแท้........................

ออฟไลน์ nco1236

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-3
เศร้า........เพราะความเข้าใจผิด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด